Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Mistakes หลงร้าย [**อัพ**หลงร้าย...ครั้งที่35* บทส่งท้าย {07.05.19}  (อ่าน 88456 ครั้ง)

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
กล้าลงก็กล้าอ่าน ไม่โกงงงงงงงง :hao7:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เมลเอ้ยย นอยด์ซ้ำซากมากเลย เอ็นดู
คนมันเศร้าอะเนาะ ไปเฮฮามาจากไหน ยังไงก็ไม่รอด
แม่กับพี่ชายชัดเจนดี ดูแลน้องดีมากเลย
เมลก็คิดว่า มีแม่และพี่ชายนะ ไม่ใช่ไม่มีใคร

ทัพหน้าดิ่งมากจ๊ะ เป็นไงล่ะ ฝากปลาไว้กับแมว
แถมยังไม่ชัดเจน จะเหมาสอง มันทำไม่ได้

งานนี้ต้องขอบคุณปืนไหม ที่มาช่วยดับอารมณ์ทัพหน้า

ตลกนักรบ กับรุกฆาต ได้แกล้งพี่ คือฝันดี 5555
พี่ฝาคนคูล เค้าคิดถึงนะ เอ็นดูความพี่ฝา คนรั่ว
เลิฟน่ารักมาก และรุกฆาตก็เกรียนมาก

รอทัพหน้าพาไปลุย อยากรู้แล้วค่ะว่า เป็นเรื่องอะไร
ชาทำอะไรผิดคะ ก็จะได้รู้สักทีเนาะ

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ

บทที่30.2




             รถมัสแตงคันหรูที่ขับมาอย่างเร็วเหมือนว่าเจ้าของกำลังรีบร้อนที่จะไปไหนสักทีหนึ่ง ในที่สุดมัสแตงสีแดงก็ชะลอความเร็วลงพร้อมๆกับตบไฟเลี้ยวก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ประตูรั้วถูกเปิดรอคอยไว้อยู่ก่อนแล้ว ...



ขายาวที่ก้าวลงมาจากรถ พร้อมๆกับฝ่ามือหนาที่เอื้อมไปดึงกรอบแว่นตากันแดดสีชาออกจากใบหน้าหล่อ  ริมฝีปากหยักที่ยกยิ้มร้ายๆตอนที่ก้าวลงจากรถทักทายลูกน้องที่กรูกันออกมาต้อนรับแล้วรีบโค้งรับหลบสายตาของคนร่างสูงทันที



“หึ”  เสียงหัวเราะในลำคอสั้นๆ มาพร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้นิ่งสนิทไม่ต่างจากทุกทีที่ควรจะเป็น ...



“ป๊าอยู่ไหม”



“อยู่ครับ เชิญทางนี้ครับคุณทัพหน้า”   



พ่อบ้านที่กระวีกระวาดออกมาต้อนรับ เดินค้อมตัว พร้อมภายมือเชิญคนร่างสูงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกชายคนโตของเจ้าของบ้านให้เดินตามไปตามทางด้านข้างซึ่งเป็นสวนแบบจีน มีทางเชื่อมของสระบัวหลวงขนาดใหญ่ทอดยาวไปเป็นศาลาแบบจีนที่ตั้งอยู่กลางน้ำ การออกแบบบ้านที่ร่วมสมัยระหว่างกลิ่นไอของความเป็นโมเดิร์นทันสมัยของตัวบ้านและตัดกับความตกแต่งเป็นจีนได้อย่างลงตัว  สายตาคมมองตรงไปที่ซุ้มลมจีนกลางน้ำ มองเห็นคนเป็นพ่อกำลังนั่งจิบน้ำชาอย่างใจเย็นอยู่ตรงนั้น  ร่างสูงที่มองตรงไปที่ผู้เป็นพ่อด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะยกมือขึ้นสะบัดบอกให้พ่อบ้านรู้ตัวว่าให้ออกไปก่อน



“สวัสดีครับป๊า” 



ชายสูงวัยที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อและเป็นประมุขของบ้าน หันหน้ามาจากการดูปลาในสระช้าๆ ก่อนจะใช้สายตาคมจ้องมาที่ร่างสูงพร้อมรอยยิ้มกวนๆก่อนจะเอ่ยปากถาม



“เอ้า มาทำไมวะ?”   นิสัยที่คล้ายว่าน้องชายคนที่สองของเขาจะได้รับไปเต็มๆ



“ป๊าทำไร”



“เล่นปลา จิบชา” 



ผู้เป็นพ่อที่ว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกอึก สายตาคมของผู้เป็นพ่อที่จ้องตรงมาที่หน้าของทัพหน้านิ่งๆ  คนร่างสูงที่ทรุดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผู้เป็นพ่ออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาหนักๆ



“มีเรื่องอะไร หน้าตาแกไม่ดี”



“ผม....”



“ว่ายังไง แกไม่เคยอ้ำอึ้งนี่ อยากพูดอะไรก็ให้มันฉะฉานหน่อยไม่ได้รึไงวะ” 



ผู้เป็นพ่อที่ว่าออกมาแบบนั้น พร้อมกับใช้สายตาคมจ้องมานิ่งๆ แววตาขี้เล่นก่อนหน้านี้ถูกพับทิ้งไป เหลือเพียงดวงตาคมที่นิ่งสงบที่ผมอ่านไม่ออก และนิสัยนี้เอง ที่ใครต่อใครว่ากันว่าผมได้มาจากป๊า ... แต่ในตอนนี้มันไม่ดีเลย ทำไมต้องมาเจอคนที่นิสัยเหมือนกันด้วยวะ



“ผมแค่อยากรู้ว่า ถ้าผมลงมือทำอะไรบางอย่าง ป๊าจะเชื่อในการตัดสินใจของผมหรือเปล่า”  ทัพหน้าที่ถามอกไปแบบนั้น ผู้เป็นพ่อไม่ได้ตอบอะไรโดยทันที ชายสูงวัยทำเพียงแค่เปิดกระป๋องอาหารปลาแล้วค่อยๆโยนอาหารเม็ดของปลาลงในบ่ออย่างใจเย็น



“คิดว่าสิ่งที่ทำมันจะดีหรือเปล่าล่ะ”



“ผมคิดว่ามันจะดี”  ตอบออกไปแบบนั้นทันทีอย่างมั่นใจ



“ถ้าคิดว่าดีแล้วจะกลัวอะไร” 



ผู้เป็นพ่อที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วหันหน้ามามองอีกครั้งตรงๆ ริมฝีปากหยักแม้จะสูงวัย แต่ยามที่กระตุกยิ้มร้ายก็ทำให้ทัพหน้ารู้สึกเกร็งเครียดขึ้นมาได้ทันที  แต่ทัพหน้าแค่เพียงทำหน้านิ่งๆจ้องตอบผู้เป็นพ่อพ่อของตัวเองเท่านั้น ... กรอบหน้าหล่อที่แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาดและไม่แสดงความรู้สึกใดๆเหมือนทุกที



“ผมคิดว่ามันดีสำหรับผม แต่อาจจะไม่ดีสำหรับคนอื่น”



“หมายความว่าอะไร?” ผู้เป็นพ่อว่าออกมานั้นพรางขมวดคิ้วเข้าหากัน มองหน้าลูกชายแบบพยายามจะอ่านความคิด



“หมายความว่ามันจะดีสำหรับผม แต่ถ้าพูดตรงๆมันก็จะดีสำหรับพ่อและคนอื่นๆด้วย”



“งั้นมัวลังเลอะไร”



“กลัวพ่อกับม๊าช็อคตาย”



“ไอ้ทัพ...”



“ผมจะมาถามแค่นี้แหล่ะ”   ทัพหน้าที่ว่าตัดบทก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พรางยกมือขึ้นขยับเน็คไทน์ของตัวเองให้ตรงอีกนิด



“ผมไม่กวนป๊าแล้ว ผมถือว่ามาแจ้ง”



“เดี๋ยว นี่แกหมายถึงอะไรกันแน่”



“อ้อ ขอถามอีกอย่างนะป๊า”



“อะไรของมึงอีกวะ”  ผู้เป็นพ่อที่เริ่มขึ้นเสียงใส่ หัวคิ้วเริ่มขมวดมุ่นเข้าหากันแบบขัดใจ  ทัพหน้าเห็นแบบนั้นแล้วก็ได้แต่ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาน้อยๆ



“ถ้าเพื่อนหักหลังเรา ป๊าจะทำยังไง”



“ฉันเคยสอนแกไปแล้วไม่ใช่รึไง คำว่าเพื่อนไม่มีคำว่าหักหลัง ... ถ้ามันหักหลัง มันคือ ศัตรู”



“หึ เยี่ยมไปเลย ... งั้นผมลา สวัสดีครับป๊า” 



ร่างสูงที่ยกยิ้มถูกใจเหมือนกับได้คำตอบในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วก็ทำเพียงยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นพ่อของตัวเองที่ได้แต่ขมวดคิ้วมองลูกชายคนโตแบบไม่เข้าใจ  ชายสูงวัยที่มองตามแผ่นหลังกว้างๆของลูกชายที่เดินจากไปนิ่งๆ เห็นแบบนั้นแล้วก็ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองออกมาเบาๆ



“มันคิดอะไรของมันอยู่วะ ไม่ชอบจริงๆเลย แม่งเหมือนกูมากเกินไป”



...



4 : 00 PM



“ก้า เมลยังอยากกินอีกหลายอย่าง แบบว่าเงินก้าเยอะใช่ไหม วันนี้ต้องเลี้ยงเมลเยอะๆนะ เมลอ่ะจ๊นจน”  ผมที่เดินลูบท้องออกมาจากร้านปิ้งย่างเกาหลี ที่มีชื่อภาษาอังกฤษ ที่แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า ‘ยินดีที่ได้รู้จัก’



“จนอะไรของมึงวะเมล วันก่อนคุณแม่บอกว่าโอนเงินค่าเทอมเข้าบัญชีให้อยู่เลย โอนเยอะกว่าสมัยกูเรียนอีก”



“เอ้า ก้าต้องเข้าใจดิว่าสมัยก้าค่าครองชีพมันไม่สูงเท่านี้ ก็คือว่าก้าอ่ะแก่มากแล้ว ก้าเก็ทไหม”



“หนอยยยย ไอ้เด็กนี่ เดี๋ยวจะโดนนะมึงอ่ะ”



“โอ้ยๆๆฮ่าๆๆ เจ็บนะโว้ยก้า”   



ผมที่โวยวายออกมาแบบนั้นตอนที่ก้ามันยกมือขึ้นมาล็อคคอของผม และแน่นอนว่าตอนนี้เราสองคนกำลังเดินอยู่กลางห้าง แล้วถามว่าพี่น้องสองคนนี้อายไหม แน่นอนเลยว่า ทั้งผมและไอ้ก้าก็ไม่มีความอายในจุดๆนี้แน่นอนครับ มันที่กอดรัดผมจากด้านหลังแล้วล็อคคอจับฟัดไปมาเหมือนกับว่าตอนนี้ผมคือน้องคาราเมลตัวน้อยๆของมันตอนสามขวบ



“อ๊ากกก ก้า เจ็บ ปล่อยๆ”



“ไม่ พูดจาน่ารักๆกับกูก่อน”



“ไม่โว้ย อ๊ากกกฮ่าๆๆๆ อย่าแกล้งนะโว้ย”



“ไม่รู้ไม่สนเว้ย ถ้ามึงยังไม่พูดจาน่ารักๆกับกูเหมือนเมื่อก่อน กูจะฟัดให้มึงขำก๊ากอายกลางห้างแม่งเลย พูดเลยนะ กูไม่อายหรอก”



“ฮ๊ากกก ฮ่าๆๆ ก้า...”  ผมที่ร้องออกมาตอนที่พี่บ้ามันฝังจมูกเข้าที่แก้มผมแล้วฟัดไปมาอยู่แบบนั้น โอ้ยยย ช่วยด้วย!



“ยังไงๆ จะดื้อกับกูใช่ไหม ยังไม่พูดอีก”



“พี่ก้าครับ ฮ่าๆๆ ไม่แกล้งน้องเมลนะๆๆ ฮ่าๆๆๆ”



“โว้ยย ใจละลายเป็นน้ำป่า น้องกูน่ารักสัดหมามากเลยว่ะ”  มันที่ว่าออกมาพลางปล่อยแขนออกจากคอของผมพูดออกมาพร้อมยิ้มร่าเริง  เดี๋ยวนะ... คือเมื่อกี้มึงชมจริงๆใช่ไหมไอ้ก้า



“คิกๆ เธอดูพี่สองคนนั้นสิ น่ารักดีเนอะ”



“พี่ผู้ชายตัวสูงๆหล่อเนอะ แต่แฟนเค้าก็น่ารัก เสียดายจัง”



ผมและไอ้ก้าที่หันหลังกลับไปมองน้องสองคนที่พึ่งเดินผ่านเราไปพร้อมคำพูดที่ชวนให้ตกตะลึง ก่อนที่ผมกับพี่ชายจะยืนมองหน้ากันตาปริบๆ



“มึง เค้าชมกูว่าหล่อวะ”



“นี่มึงโฟกัสตรงจุดไหนวะไอ้บ้า!”



“ฮ่าๆๆ” 



ด่าออกไปแบบนั้นแล้วก็ไม่มีหรอกคำว่าสะทกสะท้าน พี่ชายของผมมีความหน้าด้านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มันที่ไม่สนใจอะไรแค่ยิ้มกว้างๆแล้วเอื้อมมือมากอดคอผมไว้ แล้วลากให้เดินตามมันต่อไป



“อยากได้อะไรอีกไหม”



“อยากแดกเค้ก แล้วก็มีหนักสือการ์ตูนเล่มใหม่ที่พึ่งออกอยากได้ ก้าซื้อให้หน่อยดิ ข่อมคับ”



“ศัพท์เชี่ยไรวะเนี่ย ว่าแต่อยากได้เรื่องไหน ไปดูก่อนไหมจะได้เดินย่อยแล้วค่อยไปแดกให้หายเครียด”



“อื้ม ดี! ว่าแต่...ก้ารู้ได้ไงวะว่าเมลเครียด” 



เอียงคอเงยหน้ามองคนที่เดินกอดคอผมอยู่ข้างๆ เพราะพี่มันสูงกว่า มองเห็นปลายคางของมัน พร้อมๆกับริมฝีปากที่เหยียดยิ้มออกมาหน่อยๆในตอนนั้น



“กูพี่มึงไง พี่แท้ๆ...”



“อ...อ่อ อื้ม”   



ตอบมันออกไป พร้อมๆกับเสหน้าหนี  ก้ามันไม่ต่างจากแม่ ที่แค่ผมโกหกก็คงจะจับได้ เพราะอยู่ด้วยกันมาเยอะ จนพอมันเริ่มเรียนจบไปมีครอบครัว และผมที่เข้ามหาลัย เลยไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน



“เมล”



“หื้ม”



“รู้ใช่ไหมว่าพี่รักมึง คุณแม่ด้วย หรือแม้กระทั่งพ่อ เค้าก็รักมึง...อย่าคิดว่าไม่เหลือใคร เมลยังเหลือครอบครัวของเรา”



“ก้า...”



“พี่ไม่รู้หรอกว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น และเมลกำลังต้องเจอและเสียใจกับอะไรอยู่ แต่พี่เชื่อนะ...ว่าน้องของพี่เป็นคนดี และจะไม่ยอมทำอะไรที่ไม่ดี ส่วนเรื่องของหัวใจ เราไปบังคับให้มันเป็นเหมือนที่ใจเราคิดไม่ได้หรอกใช่ไหมล่ะ ... แต่เราเลือกที่จะทำได้นะ”



“เมล...เมลเลือกได้หรอก้า”



“ได้สิ ... ทุกคนมีทางเลือกสำหรับตัวเองเสมอ แค่ทำ...ในสิ่งที่เป็นความสุขของใจเรา ถ้าการเดินเข้าไปมันยาก เดินออกมาก็ทำไม่ได้ เมลก็ไม่ต้องทำอะไรเลยสิ ยืนอยู่ในที่ๆเป็นของเรา และเลือกที่จะรู้สึกแบบที่เราต้องการอย่างเต็มที่ให้มากที่สุด ... แค่นั้นเราก็สุข โดยที่ไม่ต้องไปบังคับใครให้ใจต้องเจ็บแล้ว”



“ฮึก ก้า....”



“อย่าร้อง ถ้ามึงร้องกูจะหยิก”



“แต่เมลจะเจ็บนะ” 



ช้อนตามองหน้าพี่ชายตัวเอง มันที่ก้มลงมามองตาของผมและยังคงยิ้มอบอุ่นไม่ต่างจากทุกครั้ง ไม่ว่าผมจะเป็นเด็กสามขวบ หรือผู้ชายวัย21 ก้าก็ยังเป็นก้า และผมก็ยังเป็นน้องชายของมัน ที่มันพร้อมจะปกป้องเสมอ



“เมลรักก้า”



“อื้ม พี่ก็รักเมล”



ในวันที่หัวใจต้องเจ็บ ผมยังเหลืออีกครึ่งของใจที่ยังมีคนอยากดูแลรักษา นั่นคือความรักจากครอบครัว ถึงแม้ว่ามันจะทดแทนสิ่งที่ต้องการไม่ได้ แต่ผมก็จะพยายามรักษาหัวใจของผมให้ดีที่สุด ... ในเมื่อวันนี้ทัพหน้ามันเลือกแล้ว ถ้าพูดจริงๆมันก็เลือกเมียมันมาตลอดอยู่แล้ว  ผมก็จะถอยออกมาตามแบบที่ก้ามันว่า แล้วก็เลือกจะรักมัน หวังดีกับมันเท่าที่ใจของผมจะทำได้ ถ้าบอกว่าตัดใจไปเลย มันก็คงเป็นการตอแหลที่หน้าด้านที่สุดเท่าที่ผมจะโกหกออกมาได้ ในเมื่อผมรักมันมาสี่ปี ถ้าจะตัดใจได้ภายในสี่วัน ความรู้สึกที่ผ่านๆมาของผม มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องจริง



“เอาล่ะ ไม่ร้อง ไปดูหนังสือมึงดีกว่า กูก็ว่าจะไปหาหนังสือกฏหมายระหว่างประเทศเพิ่มเติมสักหน่อย” 



แค่ได้ยินชื่อที่ก้ามันจะหากูก็เบ้หน้าแล้วครับ  เพราะแบบนั้นพอเข้าไปในร้านหนังสือ เราทั้งคู่ก็เลยแยกย้ายต่างคนต่างไปตามแต่ใจอยากเลือกสรร และแน่นอนว่ากูมาหาหนังสือการ์ตูนจ้า



“เรื่องไหนดีวะตัวกู”  บ่นออกมากับตัวเองเบาๆ แล้วเริ่มต้นก้มๆเงยๆไล่หาหนังสือไปเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้หนังสือการ์ตูนก็ออกช้าเหลือเกิน เฮ้อ



“อ๊ะ  เล่มนี้ดีกว่า” 



ในจังหวะที่ผมเอื้อมมือไปจะคว้าหนังสือเล่มที่อยู่ด้านบนสุด แต่ก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้า อาจเพราะผมเป็นผู้ชายเลยตัวสูงมากพอที่ทำให้ผมมองเห็นล็อคของชั้นหนังสือข้างๆนี้ได้ และคนที่ผมกำลังมองเห็น ก็คือหญิงสาวที่เมื่อไม่กี่วันก่อนเธอพึ่งยิ้มแย้มใส่ผม และเชิดชูเรื่องสามีของเธอให้ผมฟังอยู่เลย



“ณราชา”   ว่าออกมาแบบนั้นเบาๆกับตัว ได้แต่จ้องเธอที่ยังสวยไม่ต่างจากวันก่อนๆ



“ฮึ่ย ช่างดิวะ ต่างคนต่างอยู่” 



พูดออกมาแบบนั้น แล้วตั้งท่าจะเดินหนีออกไปจากตรงนี้  ถ้าไม่เจอกันมันคงจะดีกว่าที่ต้องมาทักกันแล้วต้องปั้นหน้ายิ้มให้กัน ทั้งๆที่ผมไม่ได้รู้สึกอยากทำแบบนั้น ... แต่ในช่วงจังหวะที่ตั้งใจว่าจะก้าวขาเดินออกมากลับต้องชะงักก้าวของการเดินตัวเอง พร้อมๆกับสันหลังที่เย็นวาบขึ้นมา  ในตอนที่ได้ยินเสียงใสๆนั่นพูดออกมา



“ชารู้ เดี๋ยวนี้ทัพหน้าแปลกๆไปด้วย ทางทีดี...ชาคิดว่า...เราควรจัดการทัพหน้าซะ”



จัดการทัพหน้า



จัดการทัพหน้างั้นหรอ?



เมื่อได้ยินแบบนั้นก็รีบทรุดตัวลงนั่งแอบๆแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดอัดเสียงไว้ทันที  หัวใจของผมเต้นระรัวไปทุกทีที่ได้ฟังคำพูดต่อจากนั้น



“ถามแปลกๆ ก็ฆ่าทิ้งซะสิคะ หุ้นส่วนใหญ่ตอนนี้ก็โอนมาเป็นชื่อชาแล้ว ค่ะ...แต่เราต้องใจเย็นๆ รออีกสักอาทิตย์ก็น่าจะทัน ช่วงนี้ชาจะจัดการเรื่องโฉนดบ้านให้เรียบร้อย ค่ะ... โอเคค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”



ผมที่รู้สึกตัวชาวาบไปทั้งตัว ก่อนจะรีบกดปุ่นเซฟไฟล์เสียงนั่นแล้วกลับหลังหันแล้วออกวิ่งออกมาจากตรงนั้น  ... ทัพหน้ากำลังตกอยู่ในอันตราย



หัวใจของผมสั่นระรัว  ไม่อยากจะเชื่อจริงๆกับสิ่งที่พึ่งได้ฟังมา  จะทำยังไงดี  ผมจะช่วยทัพหน้าได้ยังไงดี



‘หมับ’



“เห้ย!”



“เห้ย!ตกใจอะไรวะเมล แล้วออกจากร้านมาทำไมไม่บอกวะ ตามหาซะทั่ว”



“ก้า กลับ เราต้องกลับเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้เลย” 



ผมที่เบิกตากว้างมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง หัวใจสั่น มือสั่นไปหมด นี่มันเรื่องจริงไม่ใช่ละคร เรากำลังรับรู้เรื่องของคนที่กำลังจะถูกวางแผนฆ่า และคนที่จะถูกฆ่า ... คือคนที่ผมรัก นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ



“เมล เป็นอะไรวะ” 



พี่ก้าที่เอื้อมมือมาจับมือผมที่สั่นไว้แน่น ผมที่ช้อนตามองมัน รู้สึกอยากร้องไห้ออกมาในตอนนี้ ถ้าเกิดว่าทัพหน้าโดนลอบฆ่าจริงๆจะทำยังไงล่ะ มันไม่รู้ตัวด้วยนะ ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่มันรัก จะทำยังไงดี



“ก้า เมล...เมลต้องกลับบ้าน กลับเดี๋ยวนี้”



“เออๆ ไปๆ กลับก็กลับ”   มันที่มองหน้าผมแบบไม่เข้าใจ แต่ก็เลือกที่จะกอดตัวผมเข้าหาแบบให้กำลังใจ



ต้องทำยังไงดี ควรทำยังไงดี...



แต่ผมเลือกแล้วนี่ว่าจะต่างคนต่างอยู่ … แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้ทัพหน้าตาย






09:00 PM


บรื๊นนนนน



           ในช่วงเวลาที่แสงไฟตามรั้วบ้านต่างๆเริ่มดับลง เป็นช่วงเวลาดึกสงัดที่ผู้คนต่างพากันเข้านอน มีรถคันหรูสีดำมันวาวที่วิ่งนำรถอีกสองคันวิ่งตามกันมาอย่างเป็นระเบียบ  รถคันหรูที่ขับนำลัดเลาะเข้าตามตรอกซอกซอยน้อยใหญ่ จนสุดท้ายก็มาจอดลงอยู่ที่หน้าบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังหนึ่ง



รถทั้งสามที่จอดสนิทเรียงต่อกันที่หน้าบ้านหลังนั้นอย่างเงี่ยบเชียบ เจ้าของรถฮอนด้าซีวิคสีดำคันแรกค่อยๆเลื่อนกระจกลงมองเข้าไปในตัวบ้านด้วยสายตาเรียบนิ่ง  ฝ่ามือหนาที่ยกขึ้นหยิบบุหรี่ในเกะหน้ารถขึ้นมาจุดสูบ แขนแกร่งที่เท้าลงเข้ากับกรอบหน้าต่างรถอย่างใจเย็น



‘ตื่อดึ้ง’



ณราชา: [[ทัพคะ วันนี้คุณก็จะม่กลับบ้านหรอคะ ชาคิดถึง]]



ข้อความที่ปรากฏทำให้ร่างสูงยกยิ้มร้ายออกมาในตอนนั้น ก่อนจะสะบัดขี้บุหรี่จากปลายมวนให้เด้งออกไปจากนอกรถ พร้อมๆกับพ่นควันสีเทาอ่อนออกจากริมฝีปากเอื่อยๆ ก่อนจะค่อยๆยกมือถือเครื่องหนาขึ้นกดส่งข้อความตอบกลับไปหาอีกฝ่าย



ทัพหน้า: [[ครับ ตอนนี้ผมมีธุระต้องจัดการ ชานอนก่อนเลยนะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ]]



ณราชา: [[ชาคิดถึงทัพนะคะ]]



ทัพหน้า: [[ผมก็คิดถึงคุณ อย่าออกไปเถรไถลที่ไหนล่ะ...]]



ณราชา: [[บ้าจริง ชาจะออกไปไหนได้ล่ะคะ ดึกแล้วด้วย]]



ทัพหน้า: [[ผมก็คิดแบบนั้น ผมแค่...]]



ทัพหน้า: [[หวง]]



ณราชา: [[ฮ่าๆ บ้าจริง รักนะคะทัพหน้า]]



ทัพหน้า: [[ครับ]]



ตอบกลับบทสนทนาผ่านเครื่องมือสื่อสารแค่เพียงเท่านั้น  ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะแค่นยิ้มฝืดเฝือนออกมา ฝ่ามือหนาที่กำโทรศัพท์เครื่องหรูนั่นไว้แน่น



‘ครืดๆ’



เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูอีกหนึ่งเครื่องที่ถูกวางไว้ที่เบาะข้างๆคนขับ สั่นขึ้นมาในตอนนั้น หน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างวาบขึ้นมา พร้อมข้อความที่แจ้งว่ามีSMSใหม่แจ้งเข้ามา  ฝ่ามือหนาเอื้อมมือไปหยิบมือถืออีกเครื่องที่เจ้าตัวพึ่งได้มาก่อนที่จะเข้าไปหาป๊าแค่หนึ่งชั่วโมง  ทัพหน้ากดเปิดมือถือเครื่องใหม่นั่นดูอีกครั้ง มองเห็นเมจเสจที่มีข้อความใหม่เด้งขึ้นมา หลังจากที่ก่อนหน้าที่จะเข้าไปหาพ่อของตัวเอง เจ้าตัวพึ่งกดส่งข้อความบางอย่างออกไป



‘ณราชา คุณออกมาหาผมที่บ้านที่เราเคยนัดกันประจำได้ไหม ผมคิดถึงคุณจะแย่แล้ว’



และข้อความใหม่ที่พึ่งถูกส่งเข้ามา เป็นข้อความตอบกลับจากSMSสั้นๆ ... แต่ได้ใจความดี



‘เดี๋ยวชาไป คืนนี้ทัพหน้าไม่อยู่บ้าน’


(มีต่อจ้า)



ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ

“หึ” 



ได้แต่หัวเราะออกมาจากลำคอเบาๆ ฝ่ามือหนาที่กำโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นเข้าหากันจนเส้นเลือดขึ้นปูดโปน  ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้นด้วยความคับแค้นชิงชัง  ใบหน้าหล่อที่ค่อยๆหันสายตาไปที่บ้านที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่เจ้าตัวจะเอี้ยวตัวไปหยิบดอกลิลลี่สีขาวก้านยาวหนึ่งดอกมาไว้ในมือ



ขายาวของทัพหน้าที่ก้าวเดินช้าๆอย่างไม่เร่งรีบเข้าไปในบ้านหลังนั้น หลังจากที่ลูกน้องของตนที่ติดตามมาด้วยเข้าไปสำรวจความเรียบร้อยและเปิดประตูต้อนรับเขาไว้อยู่ก่อนแล้ว



ร่างสูงที่ก้าวขายาวๆเดินไปตามทางเดินทอดยาวเข้าไปในตัวบ้านอย่างไม่เร่งรีบ เดินเลยไปยังชั้นสองของบ้าน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปที่ห้องนอนห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้นสอง สายตาคมมองไปรอบๆห้องนอนอย่างเช็คความเรียบร้อย ก่อนจะก้าวตรงไปหยิบกล่องทิชชู่ที่วางอยู่ข้างๆทีวีตรงปลายเตียง ริมฝีปากหยักยกยิ้มรายๆ ตอนที่ขยับองศาของกล่องทิชชู่ให้องศาในการวางกลหันเข้ากับเตียงนอนได้อย่างดี ก่อนที่จะเงยหน้าไปมองหลอดไฟกลมบนเพดานแล้วยกยิ้มร้ายๆออกมาอีกที



“นายครับ”



“ว่าไง” 



ตอบรับออกไปเสียงเรียบแต่กลับแฝงไว้ด้วยความเหี้ยม  ร่างสูงที่ถามออกไปแบบนั้นแต่ไม่ได้หันหน้าไปมองทางลูกน้อง ทำแค่วางช่อดอกลินลี่สีขาวลงบนเตียงนอนอย่างเบามือ  ก่อนจะหันไปมองลูกน้องที่ยื่นมือถืออีกเครื่องนึงมาให้



“เรียบร้อยทุกห้องครับนาย”



“ดี ... ดีมาก” 



ตอบรับพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ลูกน้องเสียวไปทั้งสันหลัง ขายาวๆที่ก้าวนำลูกน้องออกไปจากห้องและเดินออกไปนอกตัวบ้าน จนตัวเองไปหยุดอยู่ในรถหรู  ทัพหน้าที่ขับรถออกไปจอดไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวบ้านมากนัก รวมถึงรถของลูกน้องอีกสองคันที่ทยอยขับออกไปจอดให้ห่างจากบริเวณบ้านหลังนี้



ทัพหน้าที่นั่งนิ่งๆอยู่ในตัวรถที่ติดฟิล์มสีดำที่ด้านนอกไม่สามารถมองเห็นได้  นิ้วเรียวยาวที่เคาะไปที่พวงมาลัยรถเป็นจังหวะส่วนสายตาคมก็มองไปที่จุดเดียวคือประตูรั้วของบ้านที่เจ้าตัวพึ่งเดินออกมาอย่างไม่วางตา นิ้วเรียวที่เคาะไปเรื่อยๆจนเวลาไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน สุดท้ายนิ้วยาวก็หยุดลง พร้อมๆกับสายตาคมกริบที่วาววับขึ้นมาในตอนที่เห็นรถคันหรูสีดำคันนึงขับมาชะลอที่หน้าบ้าน ก่อนที่ประตูรั้วบ้านจะค่อยๆเลื่อนเปิดออก รถที่ถูกจอดเข้าที่ลานจอดดับสนิท พร้อมๆกับที่เจ้าของรถจะเดินลงมา ชายร่างสูงคุ้นหน้าที่มองไปรอบๆบ้าน และเดินย่ำเท้าไปมาอยู่ที่หน้าบ้านเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่  กินเวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง แสงไฟจากคันใหม่ก็สาดเข้าไปทั่วบริเวณนั้น  รถตราสัญลักษณ์รูปตัวL รุ่น สีแดงสดมันวาวจอดเทียบลงที่ข้างๆบ้าน ก่อนที่เจ้าของรถจะเปิดประตูลงมาอย่างเร่งรีบ



“หึ โง่ตั้งแต่เลือกสีรถขับมา” 



ทัพหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้น พรางเคาะพวงมาลัยฮอนด้าซิตี้ที่ตัวเองขับมาวันนี้ค่าเวลา  สายตาคมที่วาวโรจน์ขึ้นตอนที่หญิงสาววิ่งเข้าไปหาชายที่อยู่ในบ้านก่อนจะโผลกอดกันแน่น  ก่อนที่คนทั้งคู่จะโอบกันเข้าไปในบ้านให้พ้นสายตา ทัพหน้าที่ละสายตาออกจากภาพนั่น แล้วเอื้อมมือไปคว้ามือถือของตัวเองมาแล้วเปิดเข้าแอพพลิเคชั่นที่พึ่งติดตั้งมาวันนี้  โหลดโปรแกรมได้ไม่นาน หน้าจอก็ปรากฏหน้าต่างภาพหลายๆภาพภายในบ้านไม่เว้นแม้แต่ภาพภายในห้องนอน  ทัพหน้ากระตุกยิ้มมุมปากร้ายๆตอนที่กดภาพให้หน้าจอของห้องนอนขยายใหญ่ขึ้น  หญิงสาวที่เดินเข้าไปที่ห้องนอนชั้นบน ส่วนฝ่ายชายกำลังจัดหาน้ำอยู่ที่ห้องครัวในชั้นล่าง  หญิงสาวที่เดินเข้ามาภายในห้องนอนมองไปรอบๆห้อง ก่อนที่รอยยิ้มสวยๆจะปรากฏออกมาให้ตอนที่เดินไปหยุดอยู่ที่กลางเตียง ดอกลิลลี่สีขาวที่วางอยู่ตรงนั้นทำให้เธอยิ้มออกมาได้กว้างๆ



“ชา น้ำครับ”  เสียงของผู้มาใหม่ที่ทำให้เธอวางดอกไม้แล้วหันไปยิ้มกว้างๆให้คนที่พึ่งเข้ามาอีกครั้ง



“ขอบคุณค่ะหมิง”



“หื้ม ขอบคุณผมเรื่องอะไรครับ”



“ก็...ทุกเรื่อง ทุกเรื่องจริงๆที่รู้ใจชา”  เธอที่ว่าออกมาแบบนั้น แล้วเดินเข้าไปหา แขนเรียวที่กอดรอบเอวชายหนุ่มตรงหน้าอย่างออดอ้อน



“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณ ขอบคุณที่กลับมา คุณรู้ไหมว่าผมใจแทบขาดตอนที่รู้ว่าคุณประสบอุบัติเหตุ ผมกลัวว่าคุณจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก...เรื่องทั้งหมดแม่งก็เป็นเพราะไอ้ทัพ ไอ้สัดเอ้ย หล่อมากมั้งถึงต้องมีคนมาเกาะแกะแบบนั้น ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าแต่งงานกับมัน”



“ถ้าไม่แต่งกับทัพ แล้วครอบครัวชาล่ะคะ ธุรกิจคุณพ่อที่ครอบครัวทัพช่วยออกหน้ามันจะฟื้นขึ้นมาได้ยังไง”



“ผมบอกคุณแล้วว่าผมจะช่วยเอง”



“หมิง...คุณก็รู้นี่ ว่าระดับคุณในตอนนั้นกับครอบครัวทัพ มันต่างกันแค่ไหน เราพูดกันเรื่องนี้แล้วนี่ค่ะ” 



เธอที่พูดออกมาอย่างเอาใจ ใบหน้าสวยที่ซบลงที่ลาดไหล่ของชายตรงหน้าทำให้หมิงถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วเอียงหน้ามาจูบที่ริมฝีปากอิ่มของเธอเบาๆแล้วผละหน้าออก



“ครับ ผมรู้แล้ว แต่แค่พูดถึงมันก็น่าเจ็บใจ ... รวมถึงเรื่องลูกของเราที่ต้องจากไปเพราะการกระทำเฮงซวยของคนที่มาชอบไอ้ทัพอีก มันอภัยให้ไม่ได้!”



“ชาเองก็เสียใจที่ปกป้องลูกของเราไว้ไม่ได้ค่ะหมิง”



“มันถึงเวลาแล้ว ที่คุณจะเป็นอิสระจากมันซักที”



“ค่ะ...หลังจากที่ชาขอให้ทัพโอนบ้านหลังนั้นให้ชาได้ และหุ้นอื่นๆของเตชะณรงกรค์ก่อนได้เรียบร้อย...วันนั้นจะไม่มีทัพหน้าอยู่ในโลกของเราอีกต่อไปนะคะหมิง”



“ครับ”



ลูกของเรา



...เด็กนั่นไม่ใช่ลูกของเขา!...



ประโยคสั้นๆที่ทำให้คนที่นั่งอยู่ในรถกำลังฟังบทสนทนานั่นทั้งหมดอย่างใจเย็นรู้สึกราวกับโดนน้ำกรดราดรดลงมาตั้งแต่หัวจนถึงปลายเท้า ความรู้สึกเจ็บแสบยิ่งกว่าโดนต่อย รู้สึกหน้าชาตัวชาวาบ ทั้งเจ็บทั้งแสบเหมือนมีคนเอามีดกรีดไปตามเนื้อตัว ค่อยๆเลาะเอาเนื้อของเขาออกมาจากกระดูดทีละชิ้นๆแล้วโปะด้วยเกลือยังไงยังงั้น  ... นี่คือผู้หญิงที่ตัวเค้าดูแลเธอมาอย่างดีตั้งแต่สมัยเรียน  ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้ชอบณราชาเพราะความตั้งใจส่วนตัว มันอาจเป็นเพราะพ่อของเขาที่จัดแจงเรื่องราวให้เราต้องได้รู้จัก คบ และรักกันก็ตาม แต่ตัวเขาเองก็พยายามในทุกๆอย่างที่จะทำให้ณราชามีความสุขในฐานะผู้หญิงคนนึงที่พึงจะมีหน้าตา ฐานะ และความสุขที่ผู้ชายคนนึงจะหามาได้ และแน่นอนว่า คนอย่างทัพหน้าทำให้เธอได้ยิ่งกว่าได้ ณราชาที่ไม่ต่างจากเจ้าหญิงในนิยายที่สูงศักดิ์รวมถึงมีสามีที่ดีพร้อมทั้งหน้าตา ฐานะ และทุกๆอย่าง ... แต่ในวันนี้...ตอนนี้  ตัวเขากลับได้รู้ว่า ที่ผ่านมามันแค่ละครฉากใหญ่  ไม่มีความจริงใจ ไม่มีความรักเกิดขึ้นมาเลยในระหว่าง 5 ปีก่อนมันคือเรื่องโกหก ทั้งๆที่ตัวเขาต้องเสียสละในเรื่องที่ไม่อยากเสียไปที่สุด เพื่อแลกมากับความโกหกงั้นหรอวะ!



มือหนากำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน  ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้นด้วยความคับแค้นใจชิงชังที่ลุกโชนขึ้นในจิตใจ   



แว๊บนึงที่ภาพในหัวฉายแวบให้เห็นใครอีกคนที่ขึ้นมาให้ได้นึกถึง



‘ให้ครับ ขนมนี่ผมทำเองเลยน้า’



‘กูไม่ชอบกินของหวาน ... อ้อ...ที่สำคัญกูไม่ชอบกินของจากคนแปลกหน้า’



‘แต่ผม...’



‘อย่าเสียเวลา เพราะกูไม่คิดจะใส่ใจ หลีกไป!’



‘พี่ครับ’



‘วุ่นวายชิพหาย ไม่รู้ตัวรึไงว่ามึงกำลังทำตัวเกะกะขวางทางและขวางหูขวางตากู กูกำลังเสียเวลาเสวนากับคนที่ไม่มีผลประโยชน์ที่สุดในชีวิตของกู และนั่นมันคือมึง’



‘ผม...ผมชอบพี่นะเว้ย! หยิ่งจังอ่ะพี่ คุยกันดีๆหน่อยไม่ได้หรอครับ ผมน่ะ...’



‘หยิ่ง? เปล่า...กูไม่ได้หยิ่งเลย กูเนี่ยคนสบายๆนะจะบอกให้ แต่กูแค่ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาสนใจความชอบหรือไม่ชอบอะไรของมึง เพราะ...กูมีแฟนแล้ว ชัดนะ’



‘แต่ผมก็ชอบพี่นะ ผมแค่ชอบพี่เอง’



‘น่ารำคาญ’



‘พี่...’



‘ถึงมึงจะเป็นผู้ชายที่ดูหน้าตาน่ารักดีอ่ะนะแต่ก็ช่วยคิดหน่อยได้ไหมว่าอย่ามั่นหน้าจนเกินไปจะได้หรือเปล่า นู่น...น่ารักได้เท่าแฟนกูหรือยังถึงสะเอะมาวุ่นวาย นั่นน่ะณราชาดาวมหาลัย รู้แล้วก็ถอย! เสียเวลา น่ารำคาญ!’



‘ผมจะทำให้พี่ชอบผมให้ได้เลยคอยดู!’



ภาพของดวงตาใสที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสเพราะความเจ็บค่อยๆเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ พร้อมๆกับที่พยายามจะส่ายหน้าและดิ้นหนี  คำพูดของมันในวันที่โดนผมจับตัว



“อึก ไม่ กูไม่เกี่ยวนะ กู...กูไม่ได้ตั้งใจ”



“คนผิดมันต้องชดใช้...และคนๆนั้น มันก็คือมึง!”



“มึงฆ่าณราชา และมึงฆ่าลูกกู!”



“ผมไม่ได้ทำ ผมไม่รู้เรื่อง”



“พะ...พี่ ปล่อยผมเถอะ ขอโทษ ปล่อยผมไปเถอะนะ”



"บอกเหตุผลดีๆสักข้อที่กูจะปล่อยมึงไปหน่อยสิ"



"ผะ...ผม..."



"หึ ฆาตกรอย่างมึงต้องชดใช้! หมดเวลาสำหรับคนแบบมึงแล้ว”



“ปล่อยผมเถอะนะ ฮึก ผมไม่ได้ทำ ฮึก” 



น้ำตาใสที่ไหลลงมาอาบแก้มในวันนั้น ดวงตากลมสวยแดงช้ำไปหมด สายตาใสที่มองมาที่เค้าในตอนนั้นมันมีแต่ความกลัว ... หรือแม้แต่คำพูดของผมในวันที่พาไอ้เมลไปร้านไอ้ดาบในครั้งแรก



"พี่ก็คิดถึงแจจริงๆนั่นล่ะ”



“ปากหวานจังเลยฮะ”



“มาชิม”



“แอะแฮ่ม พอๆไอ้สัด คุยเหี้ยไรกัน มึงอยากแดกไรไอ้แจ”



“เอาข้าวผัดต้มยำไหม พี่จำได้ว่าแจชอบกิน”



“โหยรู้ใจ ไม่เจอกันตั้งนานพี่ทัพยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลย”



“ใช่ ไม่เจอกันตั้งนาน เราโตขึ้นมากเลยนะ แต่แจเองก็น่ารักไม่เปลี่ยนเหมือนกันนะ...แต่เหมือนจะน่ารักขึ้นกว่าเดิมนะ”



“พูดเหี้ยอะไรกันนัก เมลมันเงียบเลยเห็นไหม เลิกคุยเรื่องเก่าๆดีกว่าน่า”



“จะเงียบไม่เงียบก็เรื่องของมันดิ ... ยังไง กูก็ไม่เคยมีมันในความทรงจำอยู่แล้วไหมวะ” 



คำพูดของตัวเองในวันนั้นที่ตั้งใจพูดให้สะใจไปแบบนั้น แต่พอนึกพอถึงหน้าของมันในวันนั้น มันเองก็คงจะเจ็บเหมือนผมในวันนี้สินะ  หรือแม้แต่คำพูดสุดท้ายของมัน ก่อนที่มันจะไปจากผม น้ำเสียงของมัน เสียงสะอื้นของมันในวันนั้น



“ฮึก ฮื่อออ กูเคยคิด เคยคิดว่าเวลาจะทำให้มึงเชื่อกูอ่ะทัพ  ฮึก ฮื่ออ... กูไม่ได้ทำ ทัพ กูไม่เคยทำ กูแค่อยากช่วยมึง กูรักมึง กูตามเรื่องของมึง กูให้ลูกน้องพ่อตามมึง ฮึก ตาม ตามจริงๆ แต่เพราะกูรู้ ฮึก...กูได้ยินว่าจะมีคนตั้งใจทำร้ายมึง มีคนตั้งใจรอบฆ่ามึง ฮื่ออ กูเลยให้ลูกน้องตาม แต่ไม่ได้สั่งให้ลูกน้องไปตัดสายเมียมึง กูไม่ได้วาง อึก แผนแบบนั้น ฮื่ออ ทำไม ทำไมวะ...แค่เพราะกูเป็นห่วงมึง กลัวจะเป็นจะตายว่ามึงจะเป็นอะไรไป แต่ทุกครั้ง ทุกครั้งเลย สิ่งที่กูได้ตอบแทนมาจากมึงมันถึงเป็นแค่ความเจ็บปวดวะ ทำไมวะทัพ ทำไม....”



“ฮึก...กูคิดว่าสักวันมันจะเป็นไปได้ ... แต่เปล่า  เปล่าเลย ...”



“วันนี้กูยอมแล้ว กูพอแล้ว ...เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว”



เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว

เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว

เมลยอมแพ้พี่ทัพแล้ว



หลับตาลงแน่นๆจนปิดสนิท แต่หูกลับได้ยินแต่คำพูดนี้ของมันก้องวนไปอยู่ในหูไม่มีหยุด ผมที่ทำเลวซ้ำๆซากๆกับมันทั้งๆที่มันไม่เคยทำผิด มันที่พยายามทำให้ผมเชื่อด้วยการแลกทุกอย่างที่จะอยู่ข้างๆผมในวันนั้น  ... แต่ในวันนั้น ผมกลับปกป้องใครอีกคน...ที่ไม่เคยรักผมเลย



“อ๊ะ อ๊ะ ... หมิง อ๊ะ หมิงคะ อ๊ะ”   



ทัพหน้าที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สายตาคมที่จ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง  เสียงหวานที่ตัวเขาเองก็เคยได้ยินกำลังนอนครวญครางอยู่บนเตียงกว้าง โดยมีร่างแข็งแกร่งของชายอีกคนทาบทับอยู่บนร่าง ดอกลิลลี่ที่ก่อนหน้านี้วางอยู่กลางเตียงตอนนี้ถูกเตะทิ้งลงมาที่ด้านล่าง นอนแน่นิ่งไร้ค่าอยู่บนพื้น  ร่างสองร่างที่บดจูบแลกลิ้นกันอยู่บนนั้น ท่อนกายแข็งแกร่งที่โยกขยับผลุบเข้าผลุบออกไปในช่องทางยั่วเย้าที่ทำให้ตัวสาวเจ้าสั่นระริก ท่าทางร้อนแรงที่ต่างคนต่างบดเบียดแลกท่ากันอย่างเมามันไม่ต่างจากไฟที่กำลังโหมกระพือลงกลางเตียง



ดวงตาคมของทัพหน้าที่มองภาพนั้นอยู่แดงก่ำวาวโรจน์อย่างน่ากลัว  สายตาคมแดงก่ำสั่นระริกอย่างเจ็บใจ รวมถึงเมื่อนึกถึงใครอีกคนที่ต้องเจ็บเพราะตัวเขาที่โง่งมก็ยิ่งแค้นใจ ... และความแค้นนี้ มันจะไม่มีทางหมดไป จนกว่าคนแบบทัพหน้าจะจัดการมันจนไม่เหลือซาก



คิดจะมาเล่นกับคนแบบทัพหน้า ... มันคิดผิดมหันต์!



นิ้วยาวเรียวของทัพหน้าที่กดปุ่มเซฟคลิปภาพและเสียงเอาไว้เรียบร้อย คมชัดทั้งภาพและเสียง ก่อนที่เจ้าตัวจะเซฟลงเครื่อง รวมถึงแทรกเมล จัดส่งทั้งทางเมลและไลน์ รวมถึงจัดส่งไปยังเว็บไซต์ที่ต้องการซื้อคลิปแบบนี้อีกหลายเจ้า



“หึ”



กระตุกยิ้มที่มุมปากร้ายๆ ก่อนจะโยนมือถือไปที่เบาะหลังรถอย่างไม่ใส่ใจ ร่างสูงที่เข้าเกียร์ไปที่ตัวD ก่อนที่รถคันสีดำจะพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงล้อรถบดกับถนนที่ตามหาตัวรถไม่เจออีกแล้วในช่วงเวลายามค่ำคืนแบบนี้



...



11:00 PM



“ฮึบ อึบ”



‘ตุบ’



ขาเรียวยาวภายใต้กางเกงยีนส์สีดำกระโดดลงมาแตะกับที่พื้นหญ้าได้อย่างปลอดภัย ร่างบางๆภายใต้เสื้อฮูดสีดำแถมมีหมวกสีดำใส่ไว้ สภาพไม่ต่างจากโจรที่เตรียมตัวมาปล้นบ้านมหาเศรษฐี แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้มาปล้น แต่เพราะความอัดอั้นที่ทำให้นอนพลิกตัวไปพลิกตัวมาจนนอนไม่หลับ มันเลยทำให้ขับรถมาถึงที่นี่  ไม่ใช่บ้านมหาเศรษฐีที่ไหน แต่เป็นบ้านของ ‘ทัพหน้า’



“ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย กูจะไม่มาเลยไอ้สัด”   



บ่นพึมพำออกมาแบบนั้น พรางใช้สายตาสวยมองไปรอบๆบ้านด้วยสายตาล่อกแลก กลัวคนมาเจอ แต่แปลกจริงๆที่คืนนี้เวรยามในบ้านของไอ้ทัพหน้ากลับไม่แน่นหนาเหมือนอย่างเคย ถ้าพูดตรงๆก็คือแทบไม่มีลูกน้องเดินไปเดินมาเหมือนตอนที่เขาอยู่



“หรือเพราะกูไม่อยู่แล้วเลยไม่จำเป็นต้องเฝ้าเฉลยว่ะ หึ พวกเวน” 



บ่นออกไปแบบนั้นแล้วเดินย่องๆไปเรื่อยๆ ผ่านตามแนวสนามหญ้าที่เป็นต้นไม้ใหญ่ แถวนี้อยู่ทางด้านขวาของตัวบ้าน เป็นต้นไม้ใหญ่ๆเพราะกรงไอ้รี่อยู่แถวนี้ ... พูดมาถึงนี่ก็ดี วันนี้กูจะเอาไอ้หลงกลับไปด้วย!



ผมที่ค่อยๆแอบตัวเองไปกับความมืด จนในที่สุดก็ย่องมาถึงทางเข้าห้องครัวที่อยู่ทางด้านหลัง เฮ้ออ รอดแล้วกู  เดินเข้าไปในตัวบ้านที่เปิดไฟไว้ตามจุดต่างๆไม่มาก ตัวบ้านทั้งหลังตกอยู่ในความเงียบ ผมตั้งใจจะวางแฟรชไดร์ที่ผมอัปโหลดไฟล์เสียงของณราชาไว้เอาไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานของทัพหน้า และหลังจากนั้นจะรีบวิ่งไปหิ้วไอ้หลง แล้วหลังจากนั้นทั้งผมและมันจะกลายเป็นคู่ขนานที่ไม่ต้องเจอกันอีก นี่คือแผนของผม!



‘ถึงชื่อจะเป็นของเขาจะเป็นหวาน แต่สมองไม่เป็นผู้ใหญ่ ชื่อของเขาคือ ยอดนักสืบโคเมลลลลลล’



แสนเท่ กูพูดเลย!!



“เอาวะ เริ่มภารกิจได้” 



ว่าออกมาแบบนั้นแล้วย่องขึ้นไปที่ห้องทำงานชั้นสองของมันในทันที  ไอ้หลงมึงรอพี่ก่อน เดี๋ยวกูจะกลับลงมาเอามึงกลับบ้านเรานะไอ้หนู



‘แอ๊ด’



เปิดประตูเข้าไปที่ห้องทำงานของไอ้ทัพหน้า  ไอ้ชิพหาย ประตูมึงควรหยอดน้ำมันบ้างนะ เปิดทีได้ยินทั้งบ้านมั้งแม่ง ... ผมที่ค่อยๆปิดประตูลงไวๆเพราะกลัวว่าคนที่อยู่ในห้องกับเมียมันจะได้ยินเสียงเอา ก้าวเดินอาดๆ ปลดกระเป๋าเป้ที่สะพายมาแล้วหยิบแฟลชไดร์ฟออกมาในทันที  มองๆหากระดาษเหลือๆของมันผ่านความมืด หยิบปากกามันมาด้วย แล้วเขียนข้อความลงไปว่า



‘เปิดดู ถ้าไม่อยากตาย ไอ้หน้าโง่!’



“หึ่ย หวังว่ามึงจะรอดนะ ถึงกูจะโกรธมึงมากๆ แต่กูก็ไม่อยากเห็นมึงตายหรอกไอ้ทัพหน้าหน้าหมา”   



ว่าออกมาแบบนั้นแล้วรีบหยิบที่เสียบปากกาที่เป็นแท่นคริสตัลของมันมาวางทับกระดาษไว้และวางแฟลชไดร์ฟสีแดงไว้ข้างๆ



“เฮ้อ เสร็จ”  ยิ้มออกมาพร้อมๆกับที่ถอนหายใจ  ภารกิจช่วยชีวิตหมาน่าโง่เสร็จแล้ว เหลือแต่ช่วยชีวิตไอ้หลงกลับบ้าน เอาล่ะ ลุย!



‘พรึบ’



ในตอนที่กลับหลังหันจะฟูลเทิร์นออกไปจากห้องแบบเท่ๆ ไฟในห้องทำงานของไอ้ทัพหน้าก็สว่างวาบขึ้นมา และพอหันไปมองทางด้านหลังก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อคนที่ยืนกอดอกทำหน้านิ่งๆอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ไม่ใช่ใคร...นอกจากคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้



“ท...ทัพหน้า”



“ว่าไง”




มันที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมยกยิ้มมุมปาก แต่สายตานิ่งๆที่จ้องหน้าผมไม่แสดงอาการว่ารู้สึกอะไรนั่นทำเอาตัวผมสั่นและเผลอก้าวถอยหลังไปอย่างอัตโนมัติ ....



ซวยชิพหายแล้วยอดนักสืบโคเมล!         

 



​--------100%---------



มาแล้วจ้าาา มาก่อนวันเสาร์วันนึงนะคะ มาเพิ่ม15หน้ารวด หวังว่าคนอ่านจะสนุกในตอนนี้นะคะ  ในตอนนี้แคทตั้งใจเขียนมากๆ เป็นบทที่จะเฉลยทุกเรื่องราวของทั้งเรื่องเลยน้าา แคทหวังว่าคนอ่านจะสนุกและชอบเรื่องนี้ไปด้วยกันนะคะ

ส่วนที่มีคนอ่านถามแคทเข้ามาว่า เรื่องนี้จะมีหนังสือออกมาไหม ก็ขอตอบว่า มีหนังสือแน่นอนค่ะ

ส่วนเรื่องราคา คาดว่าจะอยู่ในเรทเดียวกับเรื่องที่แล้วเรื่องพี่นักรบนะคะ เพราะความยาวเรื่องเท่าๆกันเลยค่ะ

ส่วนจะเปิดพรีรอบแรกเมื่อไหร่ แคทคิดว่าจะเปิดภายในสิ้นเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้าจ้าา

ฝากเฮียทัพน้องเมลไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ (กราบแบบเบญจาคประดิษฐ์) #หลงร้าย

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
 :katai1: :katai1: :katai1:

อ้างถึง
ลูกของเรา



...เด็กนั่นไม่ใช่ลูกของเขา!..

โห่ไอ้เราก็นึกว่าจะคิดได้ตั้งแต่ปืนเอาเอกสารที่ไปสืบมาให้ดูแล้วซะอีก ทัพหน้าโง่จริงอะ  o18 โคเมลปล่อยให้คนหน้าโง่ง้อนานหน่อยนะอย่ายอมง่าย ๆ ล่ะ  ว่าแต่คงสายไปแล้วสินะก็เล่นเป็นห่วงเขาจนได้เรื่องเป็นฝ่ายมาเจอเองซะงั้นเฮ่อ  o22

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่หลงพี่รี่ช่วยน้องนักสืบโคเมลด้วยยยยยยยยย

อย่ามาใช้อำนาจในทางไม่ชอบนะเฮียทัพ

ตอนนี้ต้องง้อนะ ต้องง้อ อย่ามาทำนิสัยเดิมนะ เดี๋ยวตีตายเลย

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
อยู่ๆ น้องเมลก็มาเล่นคอมมาดี้ตอนท้าย
.
เอาที่สบายใจเลยจ้าาา พ่อยอดนักสืบโคเมล ............โว้ยยยยยยย เอาอารมณ์ที่บิ้วก่อนหน้านี้ของเราคืนมา

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
เมลโดนทัพหน้าจับได้อีกแล้ว พี่ทัพนี่ก้ดีเนอะไม่ต้องไปตามง้อ น้องเมลมาหาถึงที่เลย :mew5: :mew5:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
คลี่คลายหลายๆอย่างแล้ววว,,,

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
มาต่ออีกจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ



บทที่31.1





“ว่าไง”   



ทัพหน้าที่ยืนพิงผนังห้องทำหน้านิ่งๆและแขนข้างซ้ายก็ยังคงแตะอยู่ที่สวิทช์ไฟ สายตาคมที่มองตรงไปที่คาราเมลนิ่งๆและถามออกไปสั้นๆ ถึงแม้ว่าหัวใจของเขาตอนนี้จะเต้นโครมครามไม่หยุด มันเต้นแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่สัญญาณกันขโมยแจ้งเตือน มองเห็นเป็นก้อนอะไรบางอย่างลับๆล่อๆอยู่แถวกำแพงบ้านผ่านหน้าจอกล้องวงจรปิด พอมองชัดๆถึงรู้ว่าเป็นใคร  ในตอนนั้นหัวใจของผมก็ยิ่งทำงานหนัก สัญญาณกันขโมยในบ้านหลังนี้คงมีแค่ผีหรือพวกแวมไพร์เท่านั้นที่จะตรวจจับไม่ได้ แต่ไอ้เมลมันดันไม่รู้



และพอเห็นว่าเป็นคาราเมลจริงๆ ตัวเขาเองก็แทบอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆแบบที่ไอ้ดาบชอบทำ พึ่งเข้าใจก็วันนี้ว่าทำไมไอ้ดาบชอบแหกปากกรี๊ด อาจเป็นเพราะว่ามันไม่มีอะไรอธิบายความรู้สึกดีใจได้เท่าการกรี๊ดแล้วน่ะสิ .... แต่สิ่งที่ตัวผมเองทำได้ในตอนนี้ก็คือแค่ทำท่ากอดอกและจ้องหน้าอีกคนด้วยสายตานิ่งๆแบบที่ผมชอบทำ ผมที่มองเห็นไอ้เมลขยับถอยหลังไปพร้อมหน้าตาเลิ่กลักที่ไม่รู้จะทำยังไง สายตาใสๆของมันที่เริ่มมองไปที่ประตูเป็นระยะๆเหมือนอยากหาทางรอด



“หายไปเป็นอาทิตย์ กลับมามึงลืมปากมาหรอ”



“เสือก”  คำแรกหลังจากที่เราไม่ได้เจอหน้ากัน คือคำสั้นๆที่กระชับมิตรภาพ มันน่าตีน้อยไหมล่ะ



“มึงว่าเจ้าของบ้านที่มึงลักลอบเข้ามาแบบนี้งั้นหรอ” 



ผมที่เริ่มขยับตัว ไอ้เมลก็ถอยกรูดไปที่ด้านหลังเก้าอี้ทำงานของผมทันที  ไวยิ่งกว่าแมว แค่เห็นหน้ามันก็อยากกระชากเข้ามากอดแล้ว



ผมใช้สายตาไล่มองมันให้ทั่วใบหน้า เลื่อนลงไปที่ลำตัว ไล่ไปจนถึงเรียวขาที่ผมเคยสัมผัสมาบ่อยจนชินมือ จำได้แม้กระทั่งกลิ่นกายเฉพาะตัวของมันด้วยซ้ำ ในวันนี้ที่มันอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว มีโต๊ะไม้ตัวยาวที่กั้นเราเอาไว้ด้วยซ้ำ ผมคิดถึง ... คิดถึงมันไปหมดทุกอย่าง



“กูเข้ามาเพราะมีธุระหรอก”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้น เชิดหน้ามองตาขวาง ริมฝีปากรั้นๆของมันที่เชิดขึ้นแบบบอกให้รู้ถึงความเอาแต่ใจ



“ธุระอะไร?” เลิกคิ้วถามมันไปแบบนั้นด้วยสีหน้าแบบเดิม อีกคนที่พยายามจะไม่ทำตัวให้มีพิรุธกลับยิ่งมีพิรุธมากขึ้นไปอีก ผมรู้จักนิสัยของมันดี  ยิ่งจี้ถามมันยิ่งอยากปิด พอยิ่งอยากปิดก็จะยิ่งโกหกได้ไม่เนียน



“ก็...ก็...กูจะมาเอาไอ้หลงคืน”



“แล้วขึ้นมาบนนี้ทำไม ไอ้หลงอยู่ข้างล่าง”  พอว่าออกไปแบบนั้นก็มองเห็นมันที่ตาเบิกกว้าง ทำปากพงาบๆพูดอะไรไม่ออกสักคำ อ่านจากสีหน้าของมันได้ว่า ‘ชิพหายแล้วไอ้เหี้ย’ ท่าทางของมันที่เหมือนอยากจะตบหัวตัวเองแรงๆสักที  พอเห็นมันเป็นแบบนั้นแล้วผมก็อยากจะยิ้มออกมากว้างๆ  มันน่าเอ็นดูจนผมต้องเสหน้าหนีมองไปทางอื่น ขืนจ้องมันอยู่แบบนั้นต้องหลุดยิ้มออกมาแน่ๆ



“ว่าไง” 



เน้นเสียงหนักๆถามจี้มันเข้าไปอีก  ไอ้เมลที่อึกๆอักๆ ปลายเท้าเรียวของมันที่ย่ำไปย่ำมาอยู่บนพื้น พยายามจะคิดแก้ตัวว่ามันขึ้นมาบนนี้ทำไม ริมฝีปากสวยของมันที่เม้มเข้าหากันแบบใช่ความคิด ในที่สุดมันก็โพล่งออกมาเสียงดัง



“กูหลง!”
  อื้ม... คำตอบก็ดูเป็นไอ้เมลดี



“งั้นหรอ”  ว่าออกไปแบบนั้นพร้อมยกยิ้มมุมปากใส่อีกคนที่กำลังทำหน้าเหมือนอยากกัดลิ้นตัวเองให้ตายลงตรงนี้ เห็นแบบนั้นแล้วอดจะยิ้มออกมาไม่ได้เลยจริงๆ



“ยิ้มเหี้ยไร หน้าโง่”  ด่าผมออกมาแบบนั้นแล้วทำหน้าตาจริงจังใส่ อืม ... ด่ากูหน้าโง่ด้วย แต่ก็อาจจะจริงของมัน


“นั่นอะไร”  ผมที่เลื่อนสายตาไปที่โต๊ะทำงาน มองเห็นถึงสิ่งปกติบางอย่างที่มาอยู่บนโต๊ะทำงานของผม ไอ้เมลที่เลื่อนสายตามองตามแล้วชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบปั้นหน้าปกติ แต่ขอโทษกูเห็นทัน



“เห้ยๆ มึงเดินเข้ามาทำเหี้ยอะไร” 



มันที่ถอยหลังจนไปชนติดกับตู้หนังสือด้านหลัง ชี้มือชี้ไม้มาที่ผมแบบดุๆ แต่กูไม่กลัว เดินเข้าไปหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงาน หยิบกระดาษกับแฟรชไดร์ทอันนึงที่วางอยู่ตรงนั้น ข้อความสั้นๆในกระดาษที่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว



‘เปิดดู ถ้าไม่อยากตาย ไอ้หน้าโง่!’



“นี่หมายความว่าอะไร”  เงยหน้าขึ้นมาจากเศษกระดาษนั่น พรางโบกเศษกระดาษผ่านหน้ามันไปมา  ไอ้เมลที่เม้มปากเข้าหากันจนแน่นและเสตาหลบ  แค่มองดูจากตรงนี้ก็รู้แล้วว่ามันเป็นคนเขียนและเอามาวางไว้



“เมล”



“ไม่รู้ๆๆๆโว้ย ใช่ของกูซะที่ไหนล่ะ!” 



ตะคอกใส่ผมแบบนั้น แล้วรีบจ้ำพรวดๆออกมาจากด้านหลังโต๊ะทำงาน มันที่ตั้งใจจะเดินหนีผมไวๆไปที่ประตู แต่ขอโทษ ... มึงไม่มีทางไวกว่ากูหรอกคาราเมล



‘หมับ’



“เห้ย”  ผมที่เอื้อมมือไปคว้าข้อมือมันไว้ ก่อนจะดึงมันเข้ามาใกล้จนในที่สุดก็กอดมันเอาไว้จนจมอกได้จริงๆ เหมือนมันจะผอมลงไปเยอะเลย



“อย่าดิ้น”



“ปล่อยกูทัพหน้า” 



มันที่ว่าออกมาเสียงจริงจังแบบนั้น พร้อมๆกับฝ่ามือเรียวที่ดันอกผมไว้ ขืนแรงเท่าที่แรงของมันจะมีสู้กับแรงของผม  ไอ้เมลที่รู้ว่าสู้ไม่ได้แต่มันก็ไม่ยอมที่จะหยุดสู้ มันที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของผมแบบนั้น ก่อนที่มันจะนิ่งไปซะเฉยๆ



“เมล”



“ปล่อย”  มันที่ว่าออกมาเสียงแข็ง แต่ผมก็ทำแค่กอดมันไว้แน่นๆให้สมกับที่มันกล้าหนีผมไป



“ไม่ปล่อย ในแฟรชไดร์ทนี่มันมีอะไรอยู่ มึงถึงเขียนเอาไว้แบบนั้น”



“ถ้ามึงไม่เปิดแล้วตายห่าก็เรื่องของมึงสิ”  มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วช้อนตาเงยหน้ามองหน้าผมเขม็ง  หน้าตาไม่ต่างจากไอ้หลงในอาทิตย์ที่ผ่านมาตอนที่มันข่วนเบาะหนังที่ส่งมาจากอิตาลีจนพังไปหลายตัว



“เป็นห่วงกูสินะ” 



พูดออกไปพร้อมยกยิ้มมุมปากมองหน้าคนตรงหน้าที่เบิกตากว้างขึ้นตอนได้ยินคำพูดของผม  ดวงตากลมโตของมันที่กระพริบปริบๆ มองเห็นแก้มของมันที่แดงขึ้นมาหน่อยๆ ไม่รู้ว่าเขินหรืออายที่ถูกจับความรู้สึกได้กันแน่



“เฮงซวย ใครบอกมึงแบบนั้นวะ”



“ถ้ามึงไม่ห่วงกู มึงไม่มาหาถึงนี่ ทั้งๆที่ตั้งใจหนีกูไปหรอกเมล”



“สาระแนเดาสุ่ม!”



“มึงห่วงกู มึงกลัวกูตาย”



“ว้าวุ่นโมเมพูดไปเรื่อย แต่เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ ไอ้ทัพหน้า อย่าบอกว่ามึงรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะ”



“เรื่องอะไร?”



“ก็เรื่องที่มึงจะถูกเมียฆ่า เชี่ย” 



มันที่โพล่งออกมาแบบนั้น แบไต๋ให้รู้ว่ามันเป็นคนเอาแฟรชไดร์ทนี่มาแบบที่ผมไม่ต้องเสียบข้อมูลเปิดดู  ดวงตากลมๆของมันที่เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ มันที่ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเหมือนมันเผลอหลุดพูดอะไรที่ตั้งใจจะปิดออกมาจนได้  ไม่มีคำไหนแทนหน้าตาของมันได้ นอกจากคำว่าน่ารัก



“หึ”



และเพราะคิดแบบนั้น หรือลึกๆคืออดใจไม่ไหวเลยโน้มหน้าลงไปหอมแก้มมันเน้นๆฟอดใหญ่ ไอ้ดื้อที่อยู่ในอ้อมกอดของผมดิ้นแด่วๆไม่ต่างจากลูกแมวที่โดนน้ำร้อนสาด



มีแต่คำว่าน่ารัก



มีแต่คำว่าคิดถึง



“ไอ้สัดทัพหน้า ไอ้เหี้ยๆๆๆ มึงรู้หรอ! เฮงซวยที่สุด กูไม่น่าโง่มาเลย!”   



มันที่ตะคอกออกมาเสียงดัง หายใจฟึดฟัดอย่างคนที่กำลังโมโห มันที่ยิ่งดิ้นจะผละออกจากอ้อมกอดของผมแต่ผมกลับยิ่งกอดมันแน่นขึ้นอยู่แบบนั้น



“เพราะมึงเป็นห่วงกู เพราะมึงรักกูถึงกลับมาสินะ”



ผมที่ว่าพูดไปแบบนั้นกำลังมีความสุขกับการกอดคนที่คิดถึง แต่เป็นมันเองที่อยู่ๆก็เลิกดิ้นและยืนนิ่งๆปล่อยให้ผมทำตามใจ สุดท้ายก็ต้องเป็นผมที่รู้สึกเอะใจจนผละอ้อมแขนออกมา



“เพราะมึงรู้ว่ากูรัก มึงเลยคิดจะทำอะไรกับกูก็ได้งั้นสิ”   



มองเข้าไปในดวงตาใสที่ตอนนี้กำลังจ้องมองผมเขม็ง แววตาสั่นๆของมันที่เริ่มจะแดง มองเห็นเหมือนน้ำตาของมันที่เหมือนอยากจะไหลออกมา แต่เจ้าตัวกลับข่มมันเอาไว้ทั้งแบบนั้น



“เมล...กูขอโทษ”



เลือกจะจับมือมันไว้แน่นๆ อยากให้มันรับรู้ความรู้สึกของผมว่าผมขอโทษมันจริงๆ อยากให้มันรู้ว่าผมเองก็เสียใจกับความเอาแต่ใจของตัวเองและเรื่องที่ผ่านมา แม้ว่าตอนนี้...มันจะไม่ทันกับความรู้สึกของมันที่เสียไปก็ตาม



บางทีผมก็ลืมไป มัวแต่เร่งรัดเอาแต่ได้ จนลืมไปว่าความรู้สึกของมันเปราะบางมากแค่ไหน ถึงมันจะรักผมมากเท่าไหร่ แต่ความเจ็บในหัวใจของมันในตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาจากผมเลยสักที แล้วยังจะเอาแต่ใจอยากได้อะไรจากมันอีก



“..... กูไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากมึงนะทัพ”   



มันที่เงียบไปนานหลายอึดใจ สุดท้ายไอ้เมลก็แค่นยิ้มขำๆออกมาพร้อมจ้องหน้าผมนิ่งๆ  หัวใจผมบีบรัดเข้าหากันในตอนนี้ ตอนที่เห็นสายตาของมันที่มองมาที่ผม ... สายตาของมันที่กำลังทำให้ผมกลัว และเพราะว่ารู้สึกแบบนั้น ผมเลยยิ่งกุมมือมันแน่นเข้าไปอีก



“กูรู้เรื่องทั้งหมดแล้วเมล มึงไม่ได้ทำ กูรู้หมดทุกอย่าง ทุกเรื่องแล้วจริงๆ กูเป็นคนผิดเองกูขอโทษ”



“หรอ ..... อื้ม กูดีใจ ที่ในที่สุดมึงก็รู้สักทีว่ากูไม่ได้ทำ...กูจะไม่ถามหรอกว่ามึงรู้ได้ยังไง กูจะไม่ถามด้วยว่ามึงรู้ตั้งแต่ตอนไหนและสรุปใครเป็นคนทำ ... แค่มึงรู้ความจริงว่ากูไม่ได้ทำ กูก็ดีใจแล้ว” 



มันตอบผมออกมาแบบนั้นช้าๆอย่างไม่เร่งรีบพร้อมยิ้มอ่อนๆส่งมาให้  สายตาที่หลุบต่ำลงเหมือนคิดอะไร ก่อนจะช้อนตาขึ้นมามองผม สายตาของมันที่มองมาที่ผมยังแฝงไว้ด้วยความเสียใจอยู่ลึกๆ แต่ถึงแบบนั้นมันก็เลือกที่จะส่งยิ้มบางๆนั่นมาให้ และเพราะคำพูดของมันและท่าทางของมันที่เป็นแบบนั้น...ผมถึงยิ่งรู้สึกหายใจไม่ออก



“กูรู้ว่าคำขอโทษคำเดียวของกู มันไม่ทำให้มึงหายเจ็บ มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น”



“อืม มันไม่หายเจ็บเลย แต่กูก็สบายใจขึ้นนะที่มึงรู้ความจริงแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่จะรู้สึกดีหรอกที่ต้องโดนใครตราหน้าว่าเป็นฆาตกร โดยเฉพาะโดนคนที่ตัวเองรักด่าว่าแบบนั้น เป็นใครก็คงไม่ดีใจหรอก”



“เมล...กูแม่งเหี้ยเอง กูผิดเอง”



“ก็เห็นๆกันอยู่ มึงไม่ต้องด่าตัวเองหรอก ทุกวันนี้กูก็สาปแช่งมึงอยู่ไม่ต้องห่วง” 



มันว่าออกมาแบบนั้นยิ้มๆ แต่ใจผมกลับรับรู้ว่าเวลาของเรามันกำลังนับถอยหลัง  ผมรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งสันหลังตอนที่คิดว่าคนตรงหน้ากำลังจะไม่ยืนอยู่ตรงนี้อีกแล้ว รอยยิ้มของมันเหมือนระเบิดเวลาที่ทำให้คนแบบผม ... คนแบบทัพหน้ากลัว



“กูว่า ตอนนี้มึงปล่อยมือกูได้แล้ว อีกอย่างกูมายืนคุยกับมึงแบบนี้มันคงไม่ดี ที่นี่ไม่ใช่ที่ของกู”



“มันเป็นที่ของมึง”  ผมที่สวนคำพูดออกไปทันควัน กลัว กลัวที่จะไม่ได้พูด ... ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกกลัวแบบที่ไม่เคยกลัวมาก่อน



“มันไม่ใช่ที่ของกูทัพ ตอนนี้กูรู้ดีว่ามันไม่ใช่ที่ของกู มันไม่เคยมีที่ของกู”



“เมล...มันเป็นที่ของมึงจริงๆนะ กู...กูจะจัดการทุกเรื่องให้เรียบร้อย มึงเข้าใจไหม กู...กูรั...”



“อย่าพูดคำนั้นออกมาแค่เพราะมึงอยากรั้งให้กูอยู่”  ริมฝีปากของผมที่อ้าค้างตอนที่คนตรงหน้าว่าตัดบทออกมาแบบนั้น  มันที่วันนี้ไม่ได้อยากฟังคำพูดนั้นของผมอีกแล้ว



“เมล...”



อย่ารั้งกูไว้ เพียงเพราะวันนี้มึงไม่เหลือใครที่ต้องดูแล มึงรู้ไหมเมื่ออาทิตย์ก่อน กูเป็นคนที่อยากให้มึงมาดูแลกูที่สุด กูอยากให้มึงมาหา แต่มึงกลับเลือกไปดูแลคนอื่น คนที่เป็นหัวใจเป็นหน้าที่ของมึง มึงลืมกู...มึงทิ้งกู”



“เมล กูไม่ได้ตั้งใจ มันฉุกละหุกมากๆ...”



“และเพราะวันนั้นตอนนี้กูถึงได้รู้ว่า เรื่องราวระหว่างเราที่มันเหมือนจะดีขึ้น จริงๆมันไม่เคยดีเลย ... เพราะการเริ่มต้นแบบผิดพลาด สุดปลายทางก็จะไม่มีคำว่าถูกต้อง ต่อให้กูอยากวิ่งกลับไปหามึงมากแค่ไหน แต่ถนนที่จะวิ่งไปมันพังหมด กูก็ไม่มีทางไปถึงหรอกทัพ



หัวใจผมหนักอึ้งไปหมดในตอนที่ได้ยินคำพูดนี้ ... เมลคนตรงหน้าที่ต่างออกไปจากทุกที  มันที่ไม่ร้องไห้ออกมาสักหยด ทำแค่เพียงพูดออกมาชัดๆเหมือนคนที่คิดมาดีแล้ว



บางทีผมก็ลืมไป เพราะมันเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวกับเรื่องของหัวใจมากๆ ขนาดผมร้ายมากแค่ไหนมันก็ยังรักและเลือกจะอยู่ ... แล้ววันนี้ถ้ามันจะไป มันจะเหลืออะไรให้คนแบบผมได้ขอร้องมันได้ไหม



ถ้าวันนี้กูบอกมึงว่าไม่ให้ไป ถ้าวันนี้กูขอร้องให้เราเริ่มต้นกันใหม่ มึงจะยอมอยู่ต่อไปกับกูอีกครั้งได้ไหม เมล...”  แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังอยากจะขอ อยากจะลองดูสักครั้ง สำหรับคนที่ไม่เคยได้ลองยืนมือไปหามันก่อนเลยสักที



...

40%


สาดน้ำในขันทำไม สาดน้ำตาไปเลยลวดเพ้!! คิกค้าก

สั้นๆแล้วจะอ่านกันไหม อ่านกันหรือเปล่า ~~
 :call: :monkeysad:


ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สั้นเท่านังเหลืองก็อ่านค่าาา จริงๆเป็นคนแบบนี้สินะเฮียทัพ จากที่หมดศรัทธาอยู่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นตลก ถถถถถถถถถถถ วันนี้จะได้ไปรับน้องหลงมั้ยย คิดถึงน้องหลงแล้วววว  :katai2-1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :beat: หน้าตาตื่นจากความโง่เร็วกว่านี้นะพี่ทัพ :katai1:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
น้ำตาค้าง ไปไม่สุด,,, รอครับ,,,

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
สมน้ำหน้าทัพหน้า  :z6:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
สมน้ำหน้า !!!!!!!

ออฟไลน์ Piggyyoungy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สั้นแค่ไหนก็อ่าน แต่แอบหวังลึกว่าจะได้อ่านเรื่อยๆในช่วงหยุดสงกรานต์

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
คงไม่ ขอพักก่อน ห่างกันเถอะ เหนื่อยและเจ็บปวดมานานมากแล้ว ขอออกไปสูดอากาศเพิ่มพลังชีวิตต่อจากนี้ก่อน ให้โอกาสตัวเองได้เห็นอะไรข้างนอกมากกว่านี้ ที่จะให้ดีคือปรับความเข้าใจกับพ่อซะถ้ามันไม่มากเกินไป ทุกคนในครอบครัวยังรอและรัก ทำความเข้าใจกับพวกเขาดีกว่าคนทำเราเจ็บปวดใจมานาน หึหึ!! ^^ //ส่วนคุณเมื่อใดที่พร้อม เคลียร์ตัวเองให้รอดก่อนค่อยมาคุยกันยังไม่สาย แต่ขอเมลไว้ก่อนเลยว่า อย่าง่าย!!! เอาให้สาสม!! รอได้รอ หึหึ! สะใจว้อยย 5555555555 นั่นไง ว่าแล้วเชียว เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด กว่าจะรู้ความจริงนะพ่อคู๊ณณ ต้องขอบคุณพี่ปืนสุดหล่อ มาชี้ทางสว่างในสมองไอ้พี่ทัพหน้าสักที ตรูละเพลีย 5555555 //มาต่ออีกทียาวๆกันเลยค่ะ เพิ่งว่างมาอ่าน รออีกส่วนที่เหลือนะคะ จะเอาไงทำไรต่อจากนี้ รอดูเลย จะรอดูว่าทัพหน้าจะทำไรให้เมลได้บ้าง อยากได้คืนต้องจ่ายหนักหน่อยทั้งแรงกายแรงใจ ก็นะ ทำกับเขาไว้เยอะนี่ อิอิ ^^ ว้อยยยยังสนุกเหมือนเดิมมค่า มาต่อๆรอรรรรรนะคะ ขอบคุณที่แต่งและอัพเรื่อยมา สู้ๆปั่นตอนต่อไปค่ะ 555

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่31.2




(เมล)



               

บรรยากาศที่เงียบเสียงไป จนได้ยินเสียงลมหายใจของคนตรงหน้า ได้แต่มองหน้าของมัน คนที่ผมรัก ถ้าให้ตอบตามความจริง ไม่มีวันไหนที่ไม่รักทัพหน้า แต่คุณเคยรู้สึกทั้งรักทั้งกลัวไหม ถ้ายื่นมือก้าวขาเดินกลับไป มันจะต่างจากเดิมหรือเปล่า แล้วถ้าไม่...ผมจะทำยังไงที่จะรักษาใจผมเอาไว้ได้อีกล่ะ



ต่อให้วันนี้ทัพหน้าบอกว่ารัก ผมเองก็ยังเชื่อไม่ลง ... ผมจะเชื่อคนที่ตลอดเวลาเกลียดผม เอาแต่ไล่ผมมาตั้งแต่ผมปี1จนถึงตอนนี้ลงได้ยังไง



“กูคิดถึงมึง...พี่คิดถึงเมลมากจริงๆนะ”   



มันที่ว่าออกมาแบบนั้น สายตาของมันที่สั่นไหวมองมาที่ผมอย่างเว้าวอน ขอร้องในคำตอบของผม  สายตาร้องขอที่ผมไม่เคยเห็นจากมันสักครั้ง แต่ตอนนี้มันกำลังทำแบบนั้น ... ได้แต่มองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ ทั้งสับสน ทั้งรู้สึกเจ็บหน่วงในหัวใจแบบไม่เข้าใจสักนิดว่าผมเป็นอะไร และมันเองเป็นอะไร



“ทัพ”  ผมเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่พยายามจะทำให้มั่นคงที่สุดตอนที่มองหน้าของคนตรงหน้า ข่มใจตัวเองไว้จนต้องกำมือแน่นๆ



“เมล อยู่ได้ไหม อยู่กับกู ... ”  มือแข็งแกร่งที่ยังคงจับอยู่ที่ข้อมือของผมแน่นๆเหมือนมันกลัวว่าถ้ามันปล่อย มันจะไม่ได้จับมือของผมไว้อีก



“ทัพ  กูแค่มารับหลงกลับไปกับกู”



“ไม่ให้ กูไม่ให้หรอก มันอยู่บ้านกูนะ ถ้ามึงอยากได้มัน มึงก็มาอยู่ด้วยกันสิ นะ...นะเมล”  เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นทัพหน้า คนที่ใครๆก็บอกว่ามันเป็นผู้ใหญ่ สุขุม และมักไม่แสดงอารมณ์ให้คนอื่นจับความรู้สึกได้ แต่ตอนนี้...คนที่อยู่ตรงหน้าผมนี้ มันไม่ต่างจากเด็กที่กำลังร้องขออย่างเอาแต่ใจในสิ่งที่อยากได้ ทั้งๆที่ใจรู้ว่าจะไม่ได้ แต่ก็ยังตื๊ออย่างไม่ยอมจำนน



“ถ้ามึงไม่ให้ ... งั้นกูกลับล่ะ”  บอกมันออกไปแบบนั้น แล้วดึงมือของตัวเองออกมาจากการจับกุมของมัน  ผมที่พลิกตัวกลับหลังหันอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากยื้อเวลาอยู่ต่อหน้าของมันอีก ...



ผมไม่อยากใจอ่อน



ผมไม่อยากเสียใจเพราะการเชื่อใจทัพหน้าอีก



และที่สำคัญ...ผมไม่อยากเดินเข้าไป ในฐานะคนในความลับของมันอีกแล้ว



‘ตุบ’



ในตอนที่มันหมุนตัวหันหลังออกมา เสียงดังที่ทำให้ขาของผมชะงัก วงแขนแกร่งที่กอดรอบขาผมไว้ทำให้ต้องหันไปมอง ทัพหน้าที่ทรุดตัวลงแทบเท้าของผม แล้วกอดขาของผมไว้ทั้งแบบนั้น



“ทัพ...ทำอะไรของมึง”



“เมล...กูขอโทษ”  มันที่ว่าออกมาเสียงสั่น เงยหน้ามองหน้าผมอย่างขอร้อง คนร่างสูงตรงหน้าที่ตอนนี้กอดขาผมไว้แน่น น้ำตาของอีกฝ่ายที่ไหลลงมาในตอนนั้น



“ทัพ”  ได้แต่เอ่ยปากเรียกชื่อของมันแบบตกใจกับเหตุการณ์ที่เจออยู่ตอนนี้  ... คนแบบทัพหน้าร้องไห้



ร้องไห้ให้คนแบบผม



“อย่าไปได้ไหมเมล เรามาเริ่มต้นใหม่กันได้ไหม”



“อย่าร้อง ... คนแบบทัพหน้า ไม่ร้องไห้ง่ายๆหรอกนะ โดยเฉพาะกับเรื่องของกู น้ำตาของมึงมันไม่ควรจะไหลที่สุด”



บอกมันออกไปแบบนั้น คนตรงหน้ากลับยิ่งน้ำตาไหล ผมที่ก้มตัวลงไปเช็ดน้ำตาให้อีกคนเบาๆ จ้องตาคมที่ตอนนี้น้ำตาไหลลงมาอาบใบหน้า หน้าตาของมันที่กำลังบอกผมว่ามันใจสลาย



“อึก เมล.... มันไม่มีทางเลยหรอวะ ทางที่คนเลวๆอย่างกูจะดึงให้มึงอยู่กับกูได้”



“ทางมันอาจจะมี แต่ในวันนี้มันยังไม่มีทาง”



“อยู่กับกูไม่ได้หรอวะ กูจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยจริงๆนะเมล อย่าไปเลยนะ”



 “มึงรู้คำตอบดีทัพ มึงที่อ่านคนเก่งย่อมอ่านกูออกว่ากูจะตอบว่าอะไร”



ผมที่ยิ้มแล้วยังคงเช็ดน้ำตาให้มัน มันที่มองมาที่ผมด้วยสายตาเศร้าสร้อยที่สุด น้ำตาของมันที่ไหลอาบแก้มพร้อมๆกับน้ำตาของผม



“อึก กูไปนะ...”



“เมล ไม่เอา”



“ดูแลตัวเองดีๆ มึงต้องรอดและปลอดภัยนะทัพ”



ผมที่ว่าออกไปแบบนั้น แล้วดึงมือของตัวเองออกมา ทัพหน้าที่พยายามคว้ามันไว้แต่เป็นผมที่ไม่ยอมให้มันได้ทำแบบนั้น คนตรงหน้าที่ไม่มีขาของผมให้เกาะ ใช้มือทั้งสองข้างค้ำยันลงไปไว้กลับพื้น มองเห็นมันที่กำลังนั่งคุกเข่าก้มหน้าให้ผม น้ำตาของมันที่ไหลลงกระทบพื้นจนมองเห็นเป็นดวงๆ ได้แต่ข่มใจหายใจเข้าลึกๆแล้วหันหลังเดินออกมา



“เมล กูขอโทษ”  เสียงเข้มที่ทั้งแหบพล่าทั้งสั่นเคลือจนใจผมเจ็บ



“มึงจำเอาไว้นะเมล...ต่อให้วันนี้มึงหันหลังแล้วเดินออกไป แต่ต่อจากวันพรุ่งนี้ที่เริ่มใหม่ กูจะไม่ยอมให้มึงไปเหมือนวันนี้อีก”



...



ขาสองข้างที่ก้าวยาวๆวิ่งลงมาจากบันได หลังจากที่วิ่งออกมาจากห้องทำงานนั้นก็ไม่คิดจะหันกลับไปอีกเลย ไม่รู้ไม่สนว่าจะเจอใคร ต่อให้เจอณราชาหรือใครน่าไหนผมก็จะไม่สน หัวใจผมกำลังเจ็บตอนที่ผมเห็นทัพหน้าร้องไห้ ทั้งๆที่ผมไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่ามันจะมาร้องไห้ขอร้องไม่ให้ผมไปจากมันเพื่ออะไรกัน



‘ตึก’



“เมลลลลล เมี้ยวๆๆๆ” ขาที่กำลังจะวิ่งตรงออกจากบ้านหลังใหญ่กับรู้สึกว่าสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง พอก้มลงไปมองก็ดันเจอเข้ากับ



“ไอ้หลง”



“เมี้ยวๆๆๆๆๆ”



เสียงเล็กที่ร้องโวยวายออกมาในตอนนั้น ขาหน้าสองข้างของมันที่กำลังตะกุยขากางเกงของผมอย่างเอาเป็นเอาตาย หน้าตาของมันที่กำลังบอกว่ามันโมโห ทั้งโมโหทั้งเสียใจน้อยใจ



“โถ่หลง กูขอโทษนะที่ทิ้งมึงไว้”



“เมี้ยวๆๆ”



เสียงเล็กๆนั่นที่ยังคงร้องออกมาแบบนั้น แก้มกลมๆของมันที่ดูจะป่องออกมานิดหน่อย เห็นแบบนั้นแล้วต้องเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วก้มตัวลงไปอุ้มไอ้ตัวเล็กนี่ขึ้นมากอดไว้



“เมลขอโทษที่ทิ้งไว้คนเดียว ตอนนี้...ไปอยู่กับเมลนะ ไปอยู่ในที่ของเรากัน”



อุ้มไอ้ตัวเล็กขึ้นมาให้มันจ้องหน้า ดวงตากลมใสของมันที่มองมาที่ผมอย่างเศร้าสร้อย ก่อนที่หัวกลมๆนั่นจะพยักก้มเงยให้ผมเห็น เหมือนกับมันกำลังตอบรับคำพูดของผมอยู่ในตอนนี้  เป็นลูกแมวที่ทั้งเชื่อง ทั้งฉลาด ผมกอดมันเอาไว้แนบอกแล้วมองไปรอบๆบ้านอีกครั้ง ...บ้านหลังนี้ที่มีความทรงจำสำหรับผมเต็มไปหมด



“ไปกันเถอะหลง”



ผมที่พูดออกมาแบบนั้นแล้วเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาทิ้ง อุ้มเจ้าตัวเล็กแนบอก หัวเล็กๆของมันที่วางแหม่ะลงบนลาดไหลของผมก่อนที่เราจะก้าวขาออกจากบ้านหลังนี้มาด้วยกัน  ... ไอ้ตัวเล็กที่ตะกุยตัวโผล่หัวขึ้นไปมองรอบๆบ้านอีกครั้ง สายตาของไอ้หลงที่มองไปฝั่งด้านกรงของไอ้รี่ตาละห้อย ก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมมันถึงทำหน้าทำตาแบบนั้น ส่วนตัวผมเองที่ละสายตาจากไอ้หลง เผลอเงยหน้าขึ้นไปมองที่ชั้นสอง หน้าต่างห้องทำงานที่ก่อนหน้านั้นผมอยู่บนนั้น  ตอนนี้ไฟยังคงส่องสว่าง และมีร่างสูงของเจ้าของบ้าน ที่กำลังยืนนิ่งๆมองหน้าผมพร้อมทั้งน้ำตาของเจ้าตัวที่ยังไม่หยุดไหล ดวงตาคมที่ฉายฉัดว่ากำลังเศร้าสร้อย ทัพหน้าที่ทำเพียงแค่มองผมนิ่งๆแบบไม่ละสายตา แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลอาบหน้าของมันก็แค่นั้น  ผมที่ชะงักค้างตอนที่เห็นแบบนั้น ก่อนจะเผลอลมหายใจสะดุด แต่สุดท้าย ผมก็ทำเพียงแค่หันหลัง และก้าวยาวๆออกจากบ้านหลังนี้มา เหมือนที่ผมตั้งใจเอาไว้



ผมจะไม่มีวันลืมทัพหน้า...และหวังว่ามันจะปลอดภัย และมีชีวิตที่ดีเสมอ



มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าเราเจอกันในเวลาที่ถูก และสถานการณ์ที่ใช่ แต่เพราะชีวิตคนเรามันเลือกสถานการณ์ไม่ได้ ก็แค่ปล่อยให้มันเป็นไป ในแบบที่มันควรจะเป็นก็พอ



...



“กรี๊ดดดดดดด นี่มันอะไรกัน!”



เสียงกรี๊ดแหลมสูงที่ทำให้คนร่างสูงที่นั่งอยู่ที่ห้องนอนกระตุกยิ้มมุมปาก นิ้วเรียวยาวที่สะบัดปลายบุหรี่ให้ขี้บุหรี่หลงลงไปในที่เขี่ยบุหรี่ ขายาวที่ยกขึ้นนั่งไขว่ห้างส่วนแขนแกร่งข้างนึงก็วางพาดไปที่พนักโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ เสียงตึงตังที่ดังมาพร้อมแรงเปิดประตูอย่างรุนแรง



“ทัพ! ทัพหน้าคะ คือ คุณ คุณกลับมานานแล้วหรอคะ....” 



ณราชาที่เปิดประตูเข้ามาอย่างร้อนรน  ก่อนจะเบิกตากว้างที่เห็นทัพหน้านั่งอยู่ในห้องนอนอยู่ก่อนแล้ว  ก่อนหน้านี้เพราะรีบเข้าบ้านเลยไม่ทำให้เจ้าตัวทันสังเกตว่ารถของทัพหน้าจอดอยู่ในโรงรถ



“ครับผม”  ทัพหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้นด้วยเสียงเรียบๆ สายตาคมไม่ได้จับจ้องไปที่หน้าของหญิงสาว เจ้าตัวเพียงแค่ใช้มือข้างที่ว่างลูบมือถือของตัวเองเล่นช้าๆโดยไม่พูดอะไร



“ผมกลับมาตั้งแต่เมื่อคืน ... แต่ไม่คิดว่า คุณจะไม่อยู่”



ว่าออกมาช้าๆชัดๆพร้อมกดเสียงเข้มขึ้นที่ประโยคสุดท้าย ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองหน้าหญิงสาวนิ่งๆดวงตาคมที่วาวโรจน์มองหน้าหญิงสาวตรงหน้าจนเธอต้องเผลอเดินถอยหลัง ณราชาที่มองมาที่ทัพหน้าด้วยสายตาตื่นกลัวพร้อมเหงื่อที่ซึมออกมาไรผม  ทัพหน้าที่ค่อยๆละสายตาออกจากมือถือแล้วเงยหน้าไปมองณราชา



“คือชา...ชา...”



“ไปไหนมาหรอครับ?”



“คือชา  ... เอ่อ คือเพื่อนชาไม่สบายค่ะ ชาเลยไปนอนเป็นเพื่อนน่ะค่ะทัพ ว่าแต่ทัพทานอะไรคะ เดี๋ยวชาบอกเด็กหาอะไรมาให้นะคะ รอสักครู่นะคะทัพ” 



เธอที่ว่าออกมาแบบอ้ำๆอึ้งๆ ก่อนจะรีบพยายามจะหนีออกจากห้อง ร่างบางที่พลิกตัวกลับหลังเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว



“เดี๋ยวก่อนชา”



“คะทัพ”



“คุณไปนอนบ้านเพื่อนคนไหนมา”  ถามออกไปแบบนั้นพร้อมเลิกคิ้วขึ้นมองอีกคนที่กำลังตัวสั่น  ริมฝีปากบางที่ขมเม้มเข้าหากันจนแน่น



“เอ่อ เพื่อนสมัยม.ปลายน่ะค่ะ ไอ้...ไอ้ฝนไงคะ”



“หรอครับ ... ผมก็นึกว่าคุณไปนอนกับไอ้หมิงมาซะอีก” 



กดยิ้มมุมปากแล้วพูดออกมาแบบนั้น ท่อนขาแกร่งที่คลายออกจากกันก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงของตัวเอง ณราชาที่ถอยตัวหนีจนไปติดกับประตูยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้น



“คือ.... คือทัพมันไม่ใช่แบบที่ทัพเข้าใจนะคะ” 



เธอที่โพร่งออกมาแบบนั้นหน้าตาตื่น ดวงตาสวยสั่นไหวพร้อมๆกับร่างบางที่สั่นสะท้านขึ้นมาแบบห้ามไม่อยู่เมื่อสบเข้ากับสายตาของทัพหน้า



“เข้าใจ ผมกำลังเข้าใจอะไรงั้นหรอครับ?”  ทัพหน้าที่ถามออกมาแบบนั้นพร้อมยิ้มให้ รอยยิ้มเย็นๆเชือดเฉือนยิ่งทำให้หญิงสาวกลัวมากขึ้น เพราะรู้จักนิสัยของทัพหน้าดี



“ชา  ชาไม่ได้อยากไปนะคะ หมิง...คือหมิงหลอกชาไปนะคะทัพ ทัพต้องเชื่อชานะคะ” 



เธอที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้ววิ่งมาเกาะแขนขอร้องทัพหน้าทั้งน้ำตา คนร่างสูงที่ก้มหน้าลงมองหญิงสาวที่ครั้งนึงเขาเคยเชื่อใจเธอยิ่งกว่าใคร  ฝ่ามือหนาที่ยกขึ้นลูบผมของหญิงสาวตรงหน้าเบาๆทำเอาณราชายิ้มออกมาได้



“คุณ...คุณเชื่อชา อ๊ะ โอ๊ย! ทัพ ชาเจ็บ” 



หัวสวยที่ถูกจิกเส้นผมจนหน้าหงาย แววตาสวยสั่นระริกยามมองเห็นดวงตาวาวโรจน์ของคนตรงหน้า ทัพหน้าที่ไม่ได้ส่งยิ้มให้อีกต่อไปแล้ว มีเพียงหน้าตานิ่งๆที่แค้นเคือง มือเรียวสวยที่พยายามจับข้อมือแกร่งให้ปล่อยออกจากผมของเธอ



“หึ ตอแหล”



“ทัพ ทัพพูดอะไร โอ๊ย ชาเจ็บนะคะ”



“ตอแหลเก่งดี แต่ผมจะบอกอะไรคุณให้นะณราชา เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ที่คุณได้รับข้อความจากไอ้หมิง คลิปที่มันกระจายออกไป ทุกอย่าง...มันเป็นฝีมือผมเอง” 



“ท...ทัพ”



“แล้วแบบนี้ ยังจะกล้าตอแหลผมอีก!”



ฝ่ามือแกร่งที่จิกเข้ากับเส้นผมแรงขึ้นจนหญิงสาวกรีดร้องน้ำตาไหล  ครั้งนึงน้ำตาใสของเธอเคยเป็นเครื่องมือที่ทำให้เขายอมแพ้ แต่ตอนนี้ น้ำตาของเธอมันเทียบไม่ได้กับน้ำตาแค่หยดเดียวของไอ้เมลสักนิด



‘พลัก’



“ถ้าคิดว่าผมจะปล่อยคุณไปล่ะก็...คุณรู้จัก เตชะณรงกรค์ น้อยไปแล้วณราชา แค่คลิปที่ถูกปล่อยเนี่ย เค้าเรียกว่าสงครามพึ่งเริ่มต้น รอดูบริษัทพ่อคุณชิพหายได้เลย”



“กรี๊ดดดด ไอ้...แก!” หญิงสาวที่ถูกทัพหน้าเหวี่ยงลงพื้นด้วยสายตาเย็นชากรีดร้องออกมาทั้งๆน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างแค้นใจ



“ส่วนหุ้น ส่วนโฉนดบ้าน และเงินสด ถ้าคิดว่าได้ไปแล้วล่ะก็นะ....คุณรู้จักผมน้อยไป แค่ผมกระดิกนิ้วนิดหน่อยทุกอย่างกลับคืนมาหาผมเป็นปกติแล้ว แต่คุณ ตั้งแต่ที่คิดจะเล่นกับผม ขาข้างนึงก็ก้าวลงนรกแล้วที่รัก ... บาย”



“กรี๊ดดด ไอ้บ้า ฉันจะไม่ยอมหรอก!” 



เธอที่ลนลานลุกขึ้นยืนแล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว มือสวยที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกดโทรหาหมิงในทันที  ตอนนี้เธอต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ ...



“หมิงคะ ช่วยด้วย ทัพหน้ารู้แล้วๆ รู้เรื่องของเราแล้ว...ทุกอย่างเป็นฝีมือมัน”



ทัพหน้าที่ก้าวขาลากเท้าตามออกมาจากห้องช้าๆอย่างไม่เร่งรีบพรางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างคนที่เหนือกว่า มองดูหญิงสาวที่ตอนนี้สภาพกระเจิดกระเจิงวิ่งหนีออกจากบ้านอย่างขำๆ  ... ทัพหน้าที่ไม่ได้ตามลงไป เพียงแต่เดินออกไปที่โถงระเบียงที่อยู่ตรงชั้นสองของบ้านแทน



“จับเธอเอาไว้!”



เสียงเข้มที่ตะโกนดังลั่นมาจากระเบียงชั้นสอง ทำเอาลูกน้องที่รักษาความปลอดภัยอยู่ตามจุดต่างๆขยับตัวอย่างรวดเร็วตามคำสั่งทันที



“กรี๊ดดด ปล่อยฉันนะ พวกแกปล่อยฉันนะ!” 



เสียงหวีดร้องแหลมสูงของเธอดังแทรกโทรศัพท์เข้าไป  ทัพหน้าที่ยืนอยู่ชั้นสองมองลงไปที่สนามหน้าบ้าน เห็นหญิงสาวที่กำลังโดนลูกน้องของตัวเองจับกดอยู่ที่สนามก็ได้แค่นยิ้มสมเพช



“นี่คือจุดจบ ของคนที่คิดจะทรยศคนแบบกู”




...



“ให้ตายเหอะ ทำไมอาจารย์แกกลับมาสอนแล้ววะ ถ้าแบบนี้แสดงว่าอาจารย์ทัพก็ไม่ได้เป็นอาจารย์พิเศษแล้วดิ” 



ไอ้อู๋ที่ถามออกมาแบบนั้นตอนที่พวกเราเดินออกมาจากห้องเรียน  วิชาที่ทัพหน้าเคยมาเป็นอาจารย์พิเศษ ในวันนี้อาจารย์ประจำวิชาได้กลับมาสอนปกติแล้ว  แต่นั่นก็ดีแล้ว...เพราะการต้องมองเห็นหน้ากันตอนนี้มันคงยากเกินไป



“ว่าแต่ไอ้เมล มึงรู้อยู่แล้วเปล่าวะ”



“เปล่า...กู ...”



“สัดอู๋ มึงก็ยุ่งจังวะ” 



เป็นไอ้กุ๊กที่ว่าแทรกออกมาแบบนั้น ผมหันไปยิ้มให้มันแบบขอบคุณ  เพราะตั้งแต่วันนั้น ผมยังไม่ได้บอกกับเพื่อนว่าผมไม่ได้อยู่กับทัพหน้าแล้ว ทุกวันนี้กลับมาอยู่กับที่บ้าน คอนโดตัวเองก็ไม่ได้ไปนอนเช่นกัน ถึงแม้ว่ากลับไปบ้านแล้วจะต้องทะเลาะกับพ่อนิดหน่อย แต่ก็ยังดีที่ช่วงนี้ไอ้ก้ามาอยู่ที่บ้าน เห็นว่าเดือนหน้ามันกลับครอบครัวถึงจะบินไปดูโรงเรียนให้ลูกๆของมันที่อังกฤษ  ช่วงนี้มันเลยมาทำตัวเป็นพี่ที่ดีดูแลผมแทน



“เอ้า ก็กูอยากรู้เรื่องนี่หว่า”



“เสือกนัก แดกขี้ไหมจะได้ไม่ต้องพูดมาก”



“ไม่ต้องไปสนใจมันหรอกเมล อยากกินอะไรไหม ไหนๆตอนนี้ก็เลิกเรียนแล้ว” 



เป็นไอ้บินที่ถามผมออกมาแบบนี้ คิดว่ามันคงรู้ไม่มากก็น้อย เพราะว่าเดี๋ยวนี้ทุกเย็นผมจะกลับรถขับเอง ไม่ได้มีใครมารับเหมือนเมื่อก่อน



“ไอ้กุ๊กมึงหิวอะไรวะ”  ผมที่หันไปถามมัน มองเห็นไอ้กุ๊กที่เสหน้าไปมองไอ้บินที่ยืนอยู่ข้างๆผม มันที่ยิ้มออกมาหน่อยๆแล้วส่ายหน้า



“ไม่อ่ะมึง วันนี้กูต้องไปต่อ”



“ไปไหน วันนี้มึงไม่ได้เอารถมา เมื่อเช้ามึงมากับกู”  เป็นไอ้บินที่เอ่ยแทรกออกมาแบบนั้น กูนี่เลิกลักเลย ทำไมกูต้องมายืนคั่นกลางพวกมันสองตัวด้วยเนี่ย



“ใช่ แต่ตอนนี้กูไม่กลับกับมึง”



“ทำไม”  ไอ้บินที่กดเสียงเข้มขึ้นมาเหมือนไม่พอใจในตอนนั้น  ผมหันไปมองหน้าไอ้อู๋ที่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายส่งมาให้ผม



“กูจะ...”



“ฮ้ายยย สวีดัสสวัสดีจ้าหนุ่มๆ ดีจ๊ะน้องกุ๊กๆ คุยอะไรกันอยู่ น่าสนุก” 



เสียงสองที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลังของพวกผม พอหันไปมองก็เป็นร่างหนาของเจ๊ดานี่ที่เดี๋ยวนี้เริ่มคุ้นเคยเพราะเห็นพี่มันมารับไอ้กุ๊กบ่อย



“มึงมาทำไม”



“เอ๊า น้องบิน เปิดมาแบบนี้เป็นเหมือนการเสือก งั้นเจ๊ก็ต้องตอบให้น้องบินหายข้องใจว่า เจ๊มารับหนูกุ๊กๆกิ๊กไปแดกข้าวจ้า” พี่มันที่ว่าออกมาแบบนั้นหน้ายิ้มๆ แต่กูเห็นว่าพี่มึงแอบแสยะยิ้มแล้วยักคิ้วใส่ไอ้บินอยู่นะเออ ... เนี่ย พี่มึงมันรว้ายๆ



“นี่มึงจะเอากับกูใช่ไหมไอ้ตุ๊ด” ไอ้บินที่ทำท่าพุ่งเข้าใส่เต็มที่ อาจเพราะโดนคำว่าเสือกกระแทกหน้าเลยค่อนข้างเลือดร้อน



“กรี๊ดดด เอาค่ะ ให้เอาไหมยาวๆแบบนี้ก็ชอบนะ”  แต่กับคนนี้ดูจะไม่สะท้าน ดูเหมือนชอบใจจนกูงง พี่ดูคันอ่ะ



“พอๆ เลิกกัดกันซักที ส่วนมึง อยากกลับก็กลับไป วันนี้กูนัดกับเจ๊ดานี่แล้ว”



“ไอ้กุ๊ก”



“พอๆ พวกมึงพอเลิกเถียงกันเหอะ หรือถ้าจะเถียงก็ไปเถียงกันนะ วันนี้กูเหนื่อยพอแล้ว กูขอตัวกลับก่อนนะ บายจ้า”  ผมที่เอ่ยปากแทรกสงครามแย่งเฮเลนแห่งทรอย ระหว่างไอ้บิน กุ๊ก และเจ๊ดานี่



“มึงจะกลับแล้วหรอวะ”  ไอ้บินที่ดึงแขนผมแล้วถามออกมาแบบนั้นตอนที่ผมหันหลังจะเดินหนี



“อืม กูกลับล่ะ” 



ตอบมันออกไปแบบเหนื่อยๆ จริงๆมันก็ค่อนข้างจะเหนื่อย เพราะแค่เรื่องของตัวเอง ผมยังทำใจให้เป็นปกติไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แถมเมื่อคืนที่แอบไปบ้านมัน แล้วต้องเจอมันในสภาพนั้น  พูดตรงๆว่าเหมือนอาทิตย์ที่ผ่านๆมาที่ผมหนีไปทำใจแม่งศูนย์เปล่า



“อืม กูกลับล่ะ”  ตอบออกไปแบบนั้น แล้วดึงแขนตัวเองออกจากมือของไอ้บิน เดินออกมาจากดงสงครามตรงนั้น ได้ยินเสียงที่ดังไล่หลังตามมาจากปากของพี่ดานี่แว่วๆ



“คนที่ยังโลเล มันไม่มีสิทธิ์ก้าวเข้าไปอยู่ในชีวิตใครหรอกนะคะ”



ได้ยินเสียงแว่วๆตามมาเหมือนจะมีเรื่อง แต่ก็ช่างมันเถอะ แต่ผมเองก็แอบเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ดานี่มันนะ คนที่โลเลน่ะ จะไปดึงใครอีกคนเข้าไปในชีวิต เพื่ออะไรวะ? ...



นั่นสิ เพื่ออะไรวะทัพ อยากให้กูกลับเข้าไปในชีวิตมึงทำไมกันวะ



‘เอี๊ยดดดดดดดด’



เสียงล้อรถที่สีเข้ากับพื้นถนนดังลั่นลานจอดรถ ทำเอาผมหลุดออกจากภวังค์ที่กำลังคิด พอหันไปดูก็มองเห็นรถตู้ไม่ติดป้ายทะเบียนที่ขับมาจอดตรงหน้าของผมอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่จะวิ่งหนี ประตูรถที่กระชากเปิดออก มองเห็นด้านในที่มีคนใส่ไอ้โม่ง แต่มีอยู่คนเดียวที่ผมจำหน้าได้แม่น เพราะมันไม่ใส่ที่ปิดหน้า



“ไอ้....ไอ้หมิง!”



“มึงมานี่!!”



ยังไม่ทันที่จะได้ตะโกนหันไปหาเพื่อน ตัวของผมก็โดนกระชากตัวขึ้นไปบนรถตู้คันนั้นซะก่อน



“ไอ้หมิง! มึง”



‘ผลัว!’



“โอ้ย!”  หน้าผมที่โดนกระแทกเข้ากับหมัดหนักๆจนหน้าหัน  รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ไหลเข้าปาก รู้ได้เลยว่าปากแตก



“ผัวมึงทำลายชีวิตเมียกู”



“เมียมึง...ณราชา?”



“ใช่! ไอ้ทัพ ไอ้เหี้ยนั่นมันทำลายชีวิตณราชา กูจะทำให้มันรู้ว่า ถ้าเมียมันเจอแบบนั้นบ้างมันจะเป็นยังไง”



“มึงมันเหี้ย เมียมึงก็เหี้ย ไม่ว่าไอ้ทัพมันจะทำอะไร พวกมึงก็สมควรแล้ว!”



“ปากดีนักนะมึง ท่าทางจะลืมรสชาติมีดกูสินะ”



“มึง...มึงจะทำอะไร!”



“หึ!”



...


(มีต่อจ้า)

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ



‘ครืดๆ’



นิ้วเรียวที่กำลังเคาะไปตามโต๊ะทำงานต้องชะงักลงเมื่อเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์สั่นจนต้องละมือไปคว้าโทรศัพท์มากดรับ มองเห็นสายเรียกเข้าแล้วก็ต้องกรอกตา



“โทรมาทำเหี้ยอะไรไอ้ดาบ”



((กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด อิเหี้ยเฮียทัพ ไอ้น้องเมลหวานๆโดนจับตัวไป!))



“ห๊ะ มึงพูดอะไรไอ้ดาบ”



((ก็บอกว่าน้องเมลโดนไอ้หมิงจับตัวไปไงวะเฮีย ตอนนี้พวกกูกำลังขับรถตามมันไปอยู่ รถตู้สีดำไม่ติดป้ายทะเบียนมุ่งหน้าไปทางชลบุรี))



“สัด! มึงตามมันไป กูจะไปเดี๋ยวนี้!” 



ทัพหน้าที่กดวางหูโทรศัพท์ พร้อมๆกับดวงตาที่วาววับอย่างโกรธแค้น ขายาวๆที่ก้าวตรงออกจากห้องทำงานเดินลงไปทางด้านล่างที่เป็นห้องใต้ดิน ห้องที่ครั้งนึงเค้าเคยเอาเมลมาทรมารที่นี่ และตอนนี้ มันก็เป็นที่ๆสมควรแก่ผู้หญิงแพศยาที่สมควรอยู่



‘แอ๊ดดด’



“ทัพ อึก ทัพปล่อยชาไปเถอะนะคะ ชากลัว” 



เสียงแหกแห้งร้องบอกทันทีที่รู้ว่ามีผู้มาเยือนใหม่  ณราชาที่ยกมือขึ้นไหว้ทั้งๆที่ตัวสั่น ทัพหน้าที่ก้าวเท้าเข้าไปหาอย่างรวดเร็วแล้วกระชากแขนบางขึ้นมาจากพื้น



“ชารู้ใช่ไหมว่าผมไม่ทำผู้หญิง”



“ฮึก ฮื่ออ ทัพ...ชากลัว ชาขอโทษนะคะ”



“แต่วันนี้ผัวชามันกำลังทำร้ายเมียผม ชาต้องมานี่!” 



ฝ่ามือหนาที่กระชากเข้าที่เส้นผมยาวแล้วลากหญิงสาวให้ออกมาจากห้องมืดด้วยกัน  ทัพหน้าที่ก้าวขายาวๆไม่สนถึงความเจ็บปวดของหญิงสาวที่เดินตามมาอย่างยากลำบาก ตอนนี้ใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป  ถ้าคาราเมลเป็นอะไรไป เค้าจะไม่ปล่อยพวกมันไว้เป็นครั้งที่สอง  ครั้งก่อนแค่บ่อนมันถูกทำลายก็คงจะไม่เข็ด



“ตามมา!”



“ทัพ ฮึก ปล่อยชา ชากลัวแล้ว”



“พวกมึงเอารถออก! กูจะไปชลบุรี...ส่วนเธอมานี่ ไวๆ” 



ฝ่ามือหนาที่เปิดประตูรถมัสแตงสีแดงเพลิงของตัวเองออก ก่อนจะโยนณราชาเข้าไปในรถ ไม่ลืมหยิบกุญแจมือหน้าเก๊ะรถมาล็อคข้อมือของเธอเข้ากับที่จับบนประตู  ก่อนที่ตัวเองจะรีบวิ่งไปนั่งที่คนขับ ...



“อย่าเป็นอะไรไปนะเมล”



...





‘ซู่ ซ่า’



เสียงคลื่นกระทบฝั่งที่มาพร้อมลมทะเลเย็นๆที่พัดปลิวเข้าหน้าทำให้เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนปลิวไสว ผมที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆเมื่อรู้สึกถึงเสียงของน้ำทะเล และแสงแดดในช่วงบ่ายๆแบบนี้  พอหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆก็ต้องสะดุ้งเมื่อรู้ตัวว่า ตอนนี้กำลังโดนผูกติดอยู่ที่เสาตรงส่วนด้านนอกของเรือ และที่ขาก็โดนผูกมัดเอาไว้แน่นหนาแถมข้างๆยังมีหินก้อนใหญ่ๆผูกติดเอาไว้กับขาของผมด้วยอีก รอบๆตัวของผมมีแต่น้ำ



น้ำทะเลล้วนๆ!!  นี่มัน!!!



“...มึงจับกูมาทำเชี่ยอะไรไอ้สัดหมิง! ปล่อยกูนะ!!”   



ตั้งสติแล้วตะคอกใส่ไอ้คนที่นั่งสบายใจอยู่ในส่วนของท้องเรือ  มองไปรอบๆไม่เห็นใคร เลยรู้ว่าเรือยอร์ชทั้งลำนี้ มีแค่ผมกับมันอยู่กันแค่สองคน มันไม่ได้เอาลูกน้องมันมาด้วย



“อ๊ะอ้าว ตื่นแล้วหรอ ก็ว่า แค่โดนต่อยไปหมัดสองหมัดหลับยาวอะไรขนาดนั้น”  ไอ้หมิงที่ยกยิ้มมุมปากนั่งไขว่ห้างสบายใจอยู่ ในมือมันมีกล้องวิดีโอ  ... กล้อง เอามาทำเหี้ยอะไร!



“ปล่อยกูนะโว้ย! เป็นห่าอะไรชอบจับกูมา ตอนเด็กพ่อแม่มึงไม่กอดหรือไง!”   



“ปากดีนักนะมึง กูอยากรู้นัก ว่าตอนที่มึงดิ่งลงทะเล มึงยังจะปากดีแบบนี้อยู่หรือเปล่า” 



มันที่ยกยิ้มออกมาร้ายๆ แววตาที่ดูเหมือนจะเสียสติหน่อยๆของมันกำลังมองมาที่ผม มันที่ลุกขึ้นยืนแล้วกดเริ่มอัดวิดีโอ



“ผัวมึงเก่งนักใช่ไหม ชอบแอบถ่ายคนอื่นนัก กูก็จะให้มันได้ดูวิดีโอตอนมึงตายเหมือนกัน”



“ไอ้บ้า! พวกมึงมันชั่วสวมเขาให้ไอ้ทัพแล้วยังคิดฆ่ามันฮุบสมบัติอีก พอมันเอาคืนทำมาเดือดร้อน สารเลวว่ะ ตัวเองทำไม่เป็นไร แต่พอโดนทำคืนแล้วมาร้องโวยวาย กลับไปเอาผ้าถุงแม่มึงมาใส่เถอะ!”



ผมที่ตะโกนออกไปแบบนั้นอย่างโมโห  แค่นึกถึงคำพูดของผู้หญิงคนนั้นก็ทำเอาเดือดมากๆ ... คนส่วนใหญ่ชอบไม่รู้สึกอะไรเวลาที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่พอตัวเองโดนทำบ้างกลับทนไม่ได้  แล้วมันเรื่องอะไรที่ไอ้ทัพมันต้องยอมด้วยล่ะ พอมันไม่ยอมมันก็จะกลายเป็นคนเหี้ยงั้นหรอ มันเรื่องอะไร มันเรื่องอะไรกันล่ะ!



“มึงนี่รักมันจังนะ จะตายอยู่แล้วยังออกรับแทนมัน!”



“แล้วไง ทีมึงยังเอาตัวมาทำเรื่องเหี้ยๆแทนณราชาได้เลย มึงคิดว่าความรักของมึงยิ่งใหญ่เป็นแค่คนเดียวรึไง โลกทั้งใบมีมึงกับณราชาอยู่สองคนบนโลกหรอวะ! กูจะบอกอะไรให้มึงฟัง ถึงไอ้ทัพมันจะเหี้ยแค่ไหน แต่มันเป็นคนรักพวกพ้องพี่น้องและเพื่อนของมันมาก สิ่งเดียวที่มันจะไม่ทำ ก็คือการหักหลังเพื่อนแบบมึง! มันที่บอกกูว่าคำว่าเพื่อนจะไม่มีคำว่าหักหลัง แต่ถ้าหักหลัง แบบนั้นไม่เรียกว่าเพื่อน มันเรียกว่า ศัตรู  แล้วคนแบบมึงกับณราชาที่ทั้งหักหลังเพื่อนและหักหลังความรักของมันนอกจากคำว่าชั่วก็ไม่รู้จะด่าอะไรแล้ว ชีวิตนี้มึงก็อย่าหวังจะมีความสุขเลย! ต่อให้มึงฆ่ากู ไอ้ทัพมันก็ไม่สนใจหรอก แต่สิ่งนึงที่มันจะสนใจ ก็คือทำให้ศัตรูแบบพวกมึงชิพหายไปตลอดนั่นแหล่ะไอ้โง่!”



“มึง! ปากดีนักนะ!”



‘ผลัว’



ไอ้หมิงที่หน้าเบี้ยวด้วยความคับแค้นใจกับคำด่าของผมก้าวยาวๆตรงมาปล่อยหมัดเข้าที่หน้าของผมแรงๆ เจ็บจนน้ำตาไหล ผมที่ร้องไห้ออกมาเงียบๆเพราะเจ็บหน้า แต่ผมไม่เสียใจที่ได้ด่ามัน ... อย่างน้อยเรื่องนี้ไอ้ทัพก็ควรได้รับความยุติธรรมบ้าง และถึงแม้ว่าวันนี้ผมจะตาย ผมก็จะได้ชื่อว่าเป็นคนตาย ที่ไม่เคยทรยศความรักของตัวเอง



‘ปรื้นนนนนนนน’



เสียงเจ็ทสกีประมาณห้าลำที่ขับนำเรือยอร์ชสีขาวลำใหญ่แล่นเข้ามาใกล้เรือของผมกับไอ้หมิงจนน้ำสัดให้เรือโครงไปหมด ผมที่มีประกายความหวังผุดขึ้นมาในตอนนั้น



 “ปล่อยเมียกู! ถ้ามึงไม่ปล่อย กูจะยิงเมียมึงแล้วถีบลงก้นทะเล!”
เสียงเข้มๆที่ดังออกมาจากโทรโข่งสีแดงอันใหญ่ ผมที่พยายามหรี่ตามอง มองเห็นทัพหน้าที่ยืนถือโทรโข่งอยู่ที่หัวเรือยอร์ชลำนั้น ส่วนมืออีกข้างของมันกำลังจิกหัวณราชาที่ร้องไห้ตาปูดโปนและสภาพไม่สู้ดีนัก



“...ทะ...ทัพหน้า” 



ได้แต่พูดออกมาเบาๆอย่างไม่เชื่อสายตา ... ใบหน้าหล่อๆภายใต้แว่นเลแบรนด์สีชานั่น ผมรู้ว่ามีดวงตาคมๆที่ผมชอบมอง สายลมอ่อนๆที่พัดเส้นผมของมันให้ปลิว มองจากมุมนี้มันทั้งดูดีและมีอำนาจ เจ็ทสกีที่ล้อมรอบเรือของเราเป็นลูกน้องของไอ้ทัพแน่นอน เพราะตอนนี้ปืนไรเฟิลจู่โจมขนาดพอดีมือกำลังตรงมาที่ไอ้หมิง



“ปล่อยเมียกู!”



“ไอ้สัดทัพ!!”  ไอ้หมิงที่ตะโกนตอบกลับไป ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านตอนที่มันเห็นทัพหน้ากระชากณราชาออกมาตรงเสากระโดงเรือ



“มึงอย่านะเว้ย! นั่นณราชานะเว้ย มึง...มึงไม่กล้าทำหรอก มึงรักเธอ!”



“พูดอะไรออกมาปัญญาอ่อนเหมือนหน้าตาเลยนะมึงเลยนะ กูจะบอกให้ว่ากูทำแน่ กูไม่จำเป็นต้องรักผู้หญิงที่ไม่ซื้อสัตย์กับกู! และกูไม่ได้รักณราชา กูรักคาราเมล!” 



ทัพหน้าที่ตะโกนออกมาแบบนั้น มันที่ลากณราชาไปมัด แล้วเริ่มหย่อนตัวณราชาลงทะเล



“ไอ้ทัพ มึงอย่านะเว้ย! ถ้ามึงทำ กูฆ่าไอ้นี่แน่!”  ไอ้หมิงที่ยืนอยู่ข้างผม มันที่ชักปืนออกมาจากด้านหลังกางเกงแล้วเอามาจี้ที่เอวผม



“ถ้ามึงฆ่าเมียกู กูก็ไม่ปล่อยเมียมึงไว้เหมือนกัน! หย่อนเชือกลงไป!”



“เฮ้ย ไอ้ทัพ กูเอาจริงนะเว้ย”



“กรี๊ดดด ทัพ ทัพปล่อยชานะ” 



ณราชาที่ถูกเชือกมัดตรึงไว้กับเสาแล้วค่อยๆถูกเลื่อนตัวออกไปด้านนอกเรือ ก่อนที่จะค่อยๆถูกนำตัวหย่อนลงน้ำช้าๆ เธอที่ดิ้นไปมาร้องขอทั้งน้ำตา  ผมที่โดนไอ้หมิงกระชากตัวเข้าหา ปืนสั้นที่หันกระบอกเข้าที่ขมับของผม มันที่เหนี่ยวไกลออกมาในตอนนั้น



“ทัพ!”



“เมล!”



‘ปัง!’



เสียงลูกปืนที่ได้ยินแว่วเข้ามาในหู รับรู้ได้ถึงเสียงที่ดังวิ้งๆๆอยู่ในหู ผมที่มองเห็นหน้าของทัพหน้าอย่างพร่าเบลอ เสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนท้องฟ้ากลางทะเลจะมืดลง ยังคงเป็นเสียงเรียกชื่อของผม จากปากของผู้ชายที่ผมรักที่สุดแบบมันอยู่ดี ... ทัพหน้า





...

100%


ครบจ้าาา ครั้งนี้ขอมาก่อนวันเสาร์นะคะ เนื่องจากพรุ่งนี้แคทไม่ว่างค่ะ แคทมาต่อให้อีก17หน้านะคะ

เนื้อเรื่องใกล้จะจบก็ยิ่งมีแต่ฉากที่เขียนยากๆ แคทหวังว่าแคทจะถ่ายทอดออกมาให้คนอ่านสนุกและเข้าใจได้ง่ายนะคะ หวังว่าคนอ่านจะชอบนิยายเรื่องนี้ ตอนนี้ กันนะคะ

ปล.คำผิดมากมาย ใช่ค่ะยังไม่ได้แก้เลย หวังว่าคนอ่านจะไม่ด่าว่า แคททททเธอเขียนอะไรมาย๊ะ น้าา

จ๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ มาอ่านมาเม้นท์ขอกำลังใจหน่อยน้าาา    :katai4: :mew1: :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ทัพหน้าฆ่ามันเลย!!!!

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: :katai1: ใครโดนยิง

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เฮ้ยยยย!!ใครยิงใครละเนี้ยยย โอ้ยยเป็นเมลนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆผ่านมาทุกสถานการณ์ร้าย โดนจับเป็นตัวประกันตั้งแต่ต้นจนจบ ซวยกว่านี้ไม่มีอีกแล้วเด้อ 5555555 เห้อออผัวเมียคู่นี้ อย่ามายุ่งกับพวกเขาอีกเลยไม่งั้นไม่ตายดี ต่างคนต่างอยู่เถ๊อะไอ้หมิง มึงนี่หามันขยันเรื่องจริงๆ โว๊ะ!! //หวังว่าคงไม่มีใครตายหรอกนะ ให้รอดปลอดภัยรอไปเคลียร์กันทุกคดีดีกว่า หึหึ!! //แกล้งตายดีไหมวะเมล ทัพมันจะได้เสียใจจนจะเป็นบ้าค่อยฟื้น เอาให้เห็นค่าจริงๆก็ตอนนี้ละ เป็นไงแผนนี้ดีไหมกุ๊ก ในฐานะเพื่อนที่รู้เรื่องคนเดียว 5555 รีบๆละบิน ไม่เคลียร์มีคนคอยเสียบตำแหน่งแฟนแทนนะเว้ยๆ คึคึ! //รออีกหน่อยนะหลง จากมาอย่างนี้สงสารไอ้พี่รี่มากเหมือนกันว่ะ แง๊~~~รอนะรี่ เหงาแทนรี่เลย 5555 //สนุกกกกกกกกกกกกกก มาต่อเท่าไหร่ก็ไม่พอ อยากอ่านต่อ แต่รอค่า ขอบคุณนะคะ ชอบบบบบบบบบบบบ ตอนหน้าจะเกิดไรขึ้นบ้างนะ เอาไงกันดีแต่ละคน *กุมขมับ* 5555555 รรรรรค่า ^^

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ ursleepingxd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นิดนึงนะคะ

อ้างถึง
เสียงเจ็ทสกีประมาณห้าลำที่ขับนำเรือยอร์ชสีขาวลำใหญ่แล่นเข้ามาใกล้เรือของผมกับไอ้หมิงจนน้ำซัดให้เรือโครงไปหมด ผมที่มีประกายความหวังผุดขึ้นมาในตอนนั้น

ตอนแรกเจอน้ำสัด ผมนี่สะดุ้งเลย

สู้นะน้องเมล ชีวิตคืออยู่ยากแท้ มีน้องหลงมาให้หายคิดถึงนิดนึง แล้วบินนี่ยังไม่ฉลาดอีกหรอ หมดเวลาแล้ว บาย ถถถถถถ

น้องเมลต้องรอดนะ เอาใจช่วย ต้องรออีกอาทิตย์นึงเลยหรอคะ ; w ;  :ling3:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
คนที่โดนยิงขอให้เป็นไอ้หมิงคนชั่วววว!!!!!! :katai4:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
อย่านะ อย่าเป็นไรนะ คาราเมล,,,

ออฟไลน์ l3igpiccanvas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :mew6:เป็นกำลังใจให้ ยังไงก็รอติดตามผลงานตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ

บทที่32.1




‘ปัง’



ร่างสองร่างที่หงายหลังล้มลงไปพร้อมๆกัน  กระบอกปืนที่ถูกชักออกมาพร้อมขึ้นลำปืนและยิงตรงไปอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าคนทัพหน้าชักปืนออกมาตอนไหน  สายตาคมที่มองนิ่งกับภาพตรงหน้าพร้อมๆกับลดมือลงในตอนที่ร่างหนึ่งหงายลังตกทะเลไป



“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด หมิง ฮึก หมิงงงงง” 



เสียงกรีดร้องและดิ้นทุรนทุรายจากหญิงสาวคนเดียวที่ตอนนี้ถูกห้อยอยู่กลางน้ำ น้ำตาใสที่ไหลออกมาพร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของเธอที่บ่งบอกให้รู้ว่ากำลังทรมาร ทัพหน้าปลายตามองไปที่หญิงสาวเล็กน้อย



“เวลาที่ของรักของตัวเองต้องหายไปมันทรมารแบบนี้แหล่ะ จำเอาไว้ ไม่ใช่มีแต่เธอที่คิดจะจัดการใครต่อใครก็ได้ไปซะหมด ถ้ายังไม่คิดจะหยุด คนต่อไปที่ต้องตาย คือเธอ ณราชา”



“ฮึก หมิง ฮื่อออ” 



ละสายตาออกจากภาพตรงหน้าอย่างไม่สนใจ หันไปสั่งลูกน้องให้ขับเรือเข้าไปเทียบกับเรือลำข้างๆ ก่อนที่ขายาวจะก้าวข้ามไปที่เรืออีกลำ  วงแขนแข็งแกร่งที่ช้อนตัวประคองคนร่างบางที่สลบลงไป เลือดที่ไหลออกจากข้างขมับสวยทำเอาทัพหน้าต้องขมวดคิ้ว  ตอนล้มลงหัวคงไปกระแทก



“แม่ง”  สบถออกมาแบบนั้น ก่อนจะรีบแกะเชือกที่มัดแขนขาของเมลออก ก่อนจะรวบร่างบางที่สลบไปขึ้นมาอุ้มไว้เอง



“เคลียร์เรื่องให้เรียบร้อย กูจะพาเมลกลับ”  ว่าออกมาเสียงเข้ม ก่อนจะอุ้มร่างบางข้ามไปที่เรือตัวเองเพื่อพาไปรักษาตัวให้เร็วที่สุด



“กูทำมึงตกอยู่ในอันตรายอีกแล้ว ขอโทษนะเมล” 



ว่าออกมาแบบนั้นเบาๆตอนที่วางร่างบางลงนอนในห้องพักในเรือ ทัพหน้าที่นั่งอยู่บนพื้นจ้องหน้าใสที่ตอนนี้ค่อนข้างจะซีดเซียว ฝ่ามือเรียวที่ค่อยๆลูบไล้เบาๆที่ใบหน้าใสอย่างแผ่วเบา กลัว... กลัวว่าเมลมันจะเจ็บ แค่นี้มันก็เจ็บมามากพอแล้ว



“ต่อจากนี้กูจะไม่ยอมให้มึงต้องเจ็บอีกแล้ว ไม่ว่าจะจากกูหรือจากใครก็ตาม”



...



(กุ๊ก)


“ไอ้เหี้ยเอ๊ย ทำไมต้องให้รออยู่ตรงนี้ด้วยวะ รอแล้วแม่งได้อะไรวะ”



“ก็ถ้าไม่รอมึงก็คือตัวเกะกะเค้าไงคะ ไม่มีปัญญาช่วยแล้วยังจะสาระแนอีกนะคะ”



“นี่มึงจะเอาไงกับกูไอ้สัดตุ๊ดปลอม!”



“เอ๊ะ อิเด็กบินนี่เหยียดเพศหรอคะ ตุ๊ดแล้วไง ตุ๊ดก็ทำแม่มึงทองได้เหมือนกันนะคะ”



“ไอ้สัด”



เป็นไอ้บินที่ถลาเข้าหาพี่ดานี่ก่อน และอีกฝ่ายที่นั่งไขว่ห้างสวยๆอยู่ก็ยกเท้าขึ้นเต็มความสูงแล้วถีบเข้าที่หน้าท้องไอ้บินเต็มๆจนมันเซถอยหลัง  ผมกับไอ้อู๋ที่วิ่งตรงเข้าไปแยกคนทั้งคู่ที่ตอนนี้เริ่มซัดใส่กันแบบไม่ยั้งแล้ว



“เห้ยเจ๊ไม่เอา พอๆ!” 



ผมที่พยายามลากแขนพี่ดานี่เอาไว้ แต่แรงควายๆของผู้ชายตัวหนาที่แม้จริตจะเยอะแต่พอโมโหแม่งก็ไม่ใช่ตุ๊ดสวยๆแบบที่มันออกอีกต่อไป ดวงตาเรียวคมของพี่ดานี่ที่มองไอ้บินแบบไม่ยอม น่ากลัวจนผมเผลอตกใจ



“ปล่อยกูไอ้เหี้ยอู๋”



“มึงนั่นแหล่ะใจเย็นไอ้สัด หัวร้อนเหี้ยไรนัก”



“ก็ดูปากแม่งดิ”



“ปากกูมันทำไมวะ มึงมาเดะ”  พี่ดานี่ที่ว่าแบบนั้นแล้วยกเท้าเข้าใส่ พี่มันที่เผลอออกแรงกระชากแขนของมันออกจากการเกาะกุมของผม เหวี่ยงผมจนกระเด็นไปนั่งแหมะอยู่บนพื้นหาด ห่างออกไปจากพวกมันมากพอดู



“โอ๊ย” 



เป็นผมที่ล้มลงไปนั่งจุ้มปุ๊กแล้วร้องออกมาแบบนั้น  อาจเป็นเพราะเสียงร้องของผมที่ดังพอดูที่จะทำให้พวกมันหยุดทะเลาะกันได้  พี่ดานี่ที่หันมาหาผมแล้วรีบเดินเข้ามาหา พร้อมๆกับไอ้บินที่สลัดไอ้อู๋ออกไปแล้ววิ่งเข้ามาหา



“ไอ้กุ๊ก เป็นไรมากไหม”



“น้องกุ๊ก พี่ขอโทษ หนูเจ็บตรงไหนมากไหมคะ”



เป็นคนสองคนที่ถามออกมาพร้อมกันแบบนั้น  พี่ดานี่อยู่ฝั่งขวามือของผม ส่วนไอ้บินอยู่ที่ฝั่งซ้ายมือของผม ได้แต่ถอนหายใจหนักๆออกมาตอนที่มันสองคนเสือกถามออกมาพร้อมกันแบบนั้น ตัวผมที่ได้แต่หันซ้ายหันขวามองหน้าคนสองคนสลับกันไปมา



“มึงยังจะมีหน้ามาถาม แรงอย่างควายผลักมันมาได้”



“กูไม่ได้ตั้งใจ ถ้าเลือกได้กูไม่อยากให้กุ๊กมันเจ็บหรอก เลือกได้กูอยากให้มึงเจ็บมากกว่า”



“นี่มึงยังไม่หยุดใช่ไหม มึงจะเอาชะ”



“มึงจะเอาไหมล่ะไอ้เด็กอ่อน แรกกับกูสักหมัดไหม กูจะต่อยให้หน้ามึงยุบเลย”



“ไอ้สัดดาบ!”



“ไอ้สัดบิน!”



“โว้ยย พอออ มึงพอกันทั้งสองคนเลย กูรำคาญ!!”   



และสุดท้ายก็เป็นผมที่ผุดลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองแล้วผลักคนทั้งสองให้หงายท้องลงไปนั่งบนพื้นดินคนละฝั่ง 

น่ารำคาญชิพหาย เบื่อพวกมันเต็มทน



“ถ้าอยากจะทะเลาะกันก็ไปที่อื่น กูรำคาญ กูจะรอฝั่งข่าวไอ้เมล ถ้าพวกมึงว่างกันมากก็ไปหาสาหร่ายทะเลแดกเลยไปไอ้พวกสัด”



สุดจะทนกับคนแบบพวกมัน  ผมที่ว่าแบบนั้นแล้วเดินลุยทรายจ้ำพรวดๆหนีพวกมันไปนั่งอยู่ที่ริมหาด แทนที่จะมาตีอกชกหัวเป็นบ้ากันแบบนี้อยู่ที่หาดทรายให้ตัวเปียก


“เหอะ ควายสวยเป็นเหตุจริงๆไอ้กุ๊ก” 



เป็นไอ้อู๋ที่เดินมานั่งข้างๆผม มันที่ยิ้มขำๆแล้วว่าแบบนั้น เงยหน้าขึ้นไปมองมันพร้อมยกนิ้วกลางให้   กวนส้นตีน



“สวยห่าไรล่ะ”



“เอ้า ก็สวยจริงๆไหมวะ ผู้ชายสองคนจะรุมต่อยกันแย่งมึงเนี่ย”



“ปัญญาอ่อน ไอ้พี่ดานี่มันแค่รำคาญไอ้บิน ส่วนไอ้บิน มันก็ห่วงไอ้เมล มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับกูทั้งนั้นแหล่ะ”



“หรอวะ เรื่องจริงหรอวะ”  ไอ้อู๋ที่ถามออกมาแบบนั้น แต่หน้าตาแม่งโคตรสวนทางกับคำพูด มันที่ยกยิ้มออกมาแบบนั้นตอนที่ถามผม หน้าตาไม่ได้เชื่อเลยแม้แต่น้อย



“เป็นKอะไร กวนตีนกูอีกคนรึไง”



“มึงนี่หลอกตัวเองเก่งนะไอ้กุ๊ก”



“เหี้ยไรมึง”  ปลายตามองมันแบบไม่สบอารมณ์ อากาศก็ร้อนยังมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้อีก แถมตอนนี้ไอ้เมลจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้อีก



“หึ มึงไม่รู้จริงดิว่าไอ้เจ๊ดานี่จีบมึง มองแต่ละทีแทบจะแดกลงท้อง ไม่มีตุ๊ดที่ไหนมาดูแลผู้ชายแบบนี้หรอก ตุ๊ดเค้าควรจะได้รับการดูแลเว่ย ที่สำคัญ เห็นตอนยกตีนถีบท้องไอ้บินไหม ตุ๊ดมากมั้ง”



“ไอ้บินมันจะเจ็บไหมวะ”  เผลอถามออกไปแบบนั้น ก็แค่คิดว่ามันจะเจ็บมากไหม ตีนเจ๊ดานี่ก็ไม่ใช่จะเล็กๆเลยด้วยนะ



“สัด มึงโฟกัสตรงจุดไหนเนี่ย”



“เออช่างเหอะ ช่างพวกแม่งทั้งสองคนนั้นแหล่ะ”  ผมที่พูดตัดบทออกไปแบบนั้นแล้วยกมือโบกไปมาแบบให้ไอ้อู๋รู้ว่ามันควรจบบทสนทนานี้ได้แล้ว



“ทำไมมึงไม่ลองมองคนที่ดีๆดูบ้างวะไอ้กุ๊ก ในเมื่อมึงเองก็รู้ว่าอีกคนมันเหี้ย” 



ผมที่ชะงักไปกับคำถามของไอ้อู๋ มองตรงไปที่ชายหาด มองเห็นไอ้บินที่ยังนั่งอยู่ตรงนั้น มันที่มองตรงไปในทะเล ผมเดาว่ามันคงรอเมล ได้แต่แค่นยิ้มออกมานิดๆทั้งๆที่ยังไม่ได้ละสายตาออกมาจากแผ่นหลังของไอ้บินสักนิด ก่อนจะอ้าปากตอบคำถามของมันช้าๆ



“มึงว่าความรักมันมีเหตุผลไหมวะ เวลาที่เราจะรู้สึกกับใครสักคนมันมีเหตุผลหรือเปล่า ... บางทีมันอาจไม่มีเหตุผลดีๆเลยสักข้อ แต่ใจมึงมันอาจตัดสินไปแล้วก็ได้ ว่าต้องเป็นคนๆนี้”



 “อืม....”



“บางคนอาจมองว่า ทำไมโง่จังวะ ทั้งๆที่มีคนดีๆพร้อมจะรักอยู่แล้วทำไมไม่เลือก มึงเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันล่ะสิ”  ผมที่ละสายตาออกมาจากไอ้บิน แล้วหันกลับมามองหน้าไอ้อู๋ ส่งยิ้มให้มันนิดๆ



“เออกูคิด มองจากนอกโลกก็รู้ว่าพี่ดานี่อะไรนี่ดีกว่าไอ้เหี้ยบินชนิดไม่ติดฝุ่น”



“มันก็อาจจะจริง”



“ไม่อาจ มันจริง ... ทั้งมึงทั้งไอ้บินไอ้เมลเป็นเพื่อนกู กูอยากให้เพื่อนกูทุกคนมีความสุข ไม่ใช่แค่คนใดคนนึงมี แต่อีกคนทุกข์ มันก็ไม่ใช่ไหมวะ บางทีกูก็คิด ว่ามีคนดีๆอยู่ข้างมึงแล้วแท้ๆ ทำไมมึงไม่ตัดใจจากคนเหี้ยๆนี่ไปสักที”



เพราะคนเรา มันไม่ได้เลือกรักคนที่ดีที่สุดไงมึง ... มันไม่มีเหตุผลหรอกที่มึงจะรักใครสักคน ก็เพราะว่ามันเป็นความรักไม่ใช่หรือไงมันถึงไม่มีเหตุผลแบบนี้ สมองกูมันบอกว่าให้วิ่งหนีไป ไปหาคนที่ดีกับเราซะที แต่พออยู่กับคนที่ดี หัวใจกูมันกลับไม่สั่นเหมือนตอนอยู่กับคนเหี้ยนี่หว่า ก็เพราะมันเป็นแบบนั้น ต่อให้กูหนีไปจากมันแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นกูที่วิ่งกลับมาหามันอยู่ดี”



ว่าออกไปแบบนั้นแล้วก็มองกลับไปที่มันที่ยังคงนั่งนิ่งๆเหม่อมองออกไปในทะเลอยู่ดี



“บางทีกูก็อยากเป็นเทวดา เสกให้ทุกๆคนบนโลกเลิกโง่สักที”



“แต่น่าเสียดายที่มึงไม่ใช่ เพราะมันเป็นแบบนั้น เราก็แค่ปล่อยให้มันผ่านไป สักวันนึงกูอาจจะรู้สึกกับมันน้อยลงก็ได้นะ”



“ถ้าวันนั้นมาถึง อาจไม่ใช่มึงที่เสียใจคนเดียวก็ได้นะไอ้กุ๊ก”



“มึงว่าใครจะเสียใจกับกู ไอ้บินหรอ มึงตลก”



“เฮ้อ มึงเองก็ไม่ได้ฉลาดเท่าไหร่นะ...ว่าแต่เรื่องพี่ดานี่ ถ้ามึงไม่รู้สึก มึงก็อย่ากั๊ก...”



“กูรู้ กูจะทำเอง”



“อืม ดีแล้ว ... การเป็นตัวสำรองของใคร มันไม่ใช่เรื่องตลกหรอกมึง”



“ก็จริง การเป็นตัวสำรอง กูรู้ดีที่สุดเลย”



ผมที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มให้ไอ้อู๋  มันที่ส่ายหน้าออกมาหน่อยๆ แต่ก็เอื้อมมือมาโยกหัวผมเล่น เป็นการให้กำลังใจในแบบของมัน ... ก็เพราะคนเรา มันไม่ได้เลือกรักคนที่ดีกับชีวิต แต่เรามักเลือกคนที่ดีกับใจของเราที่สุด มันถึงมีคำว่าไม่สมหวังอยู่ในพจนานุกรมไทยยังไงล่ะ ... เพราะคนที่ดีกับใจ ก็ใช่ว่าเค้าจะรักเราตอบเสมอ ใช่ไหมล่ะ



...



(ดาบ)



เพราะคนเรา มันไม่ได้เลือกรักคนที่ดีที่สุดไงมึง ... มันไม่มีเหตุผลหรอกที่มึงจะรักใครสักคน ก็เพราะว่ามันเป็นความรักไม่ใช่หรือไงมันถึงไม่มีเหตุผลแบบนี้ สมองกูมันบอกว่าให้วิ่งหนีไป ไปหาคนที่ดีกับเราซะที แต่พออยู่กับคนที่ดี หัวใจกูมันกลับไม่สั่นเหมือนตอนอยู่กับคนเหี้ยนี่หว่า ก็เพราะมันเป็นแบบนั้น ต่อให้กูหนีไปจากมันแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นกูที่วิ่งกลับมาหามันอยู่ดี”



เสียงใสๆที่ทำให้ขาของผมต้องชะงักและหยุดเดิน มือที่อุ้มลูกมะพร้าวเอาไว้ในมือสั่นแบบบอกไม่ถูก ก่อนหน้านี้ตัวผมพึ่งตั้งท่าจะต่อยกับเพื่อนสนิทของกุ๊ก ... ใช่ กุ๊ก ... เด็กผู้ชายรูปร่างผอมบาง มันที่มีสเน่ห์ตรงที่เป็นคนตรงๆและไม่ยอมใคร แม้ว่ามันจะสู้ไม่ไหว แต่มันก็ไม่ยอมถอย เป็นคนรักเพื่อนและพวกพ้อง และเพราะแบบนั้น การที่มันเป็นแบบนั้น เลยทำให้คนอย่างผมรู้สึกสะดุดใจมากที่สุด



ผม...ดาบ ชื่อเฮงซวยที่พ่อแม่ตั้งมาไม่ได้เข้ากับความสวยงามของใบหน้า หงุดหงิดนัก! แต่เรื่องชื่ออาจไม่ทำให้หงุดหงิดได้เท่าเรื่องตรงหน้า รวมถึงคำพูดคำจาของคนที่ผมกำลังสนใจในตอนนี้



“เหอะ”  ผมที่ได้แต่แค่นเสียงหัวเราะฝืดๆออกมาได้แค่นั้น  พลิกตัวกลับหลังหันแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นแบบไม่ต้องคิด ไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่รู้สึกอยากชอบใคร ทำไมถึงเป็นแค่กูที่ไม่เคยสมหวังเลยวะ



‘พลัก!’



เขวี้ยงลูกมะพร้าวอ่อนเย็นๆลงไปที่ถังขยะแบบพอเหมาะพอเจาะ ก่อนหน้านี้เดินหนีกลับไปซื้อมาให้ไอ้กุ๊ก เพราะคิดว่าแดดมันร้อนและมันเองก็คงจะเหนื่อยและเป็นห่วงเพื่อน  ผมอยากเห็นรอยยิ้มของมัน  เป็นคนที่ทำหน้านิ่งๆแล้วไม่น่าสนใจ แต่พอมันยิ้มแล้วน่ารัก  ผมเลยชอบรอยยิ้มของมัน



คุณเคยเจอใครสักคน แล้วอยากทำให้เค้ายิ้มไปตลอดไหม



ผมเจอ ... คนๆนั้นคือไอ้กุ๊ก



เด็กที่ชอบทำหน้านิ่งๆแฝงด้วยแววตาเศร้าๆ ผมอยากให้มันมีความสุขและยิ้มเยอะๆ ... แต่น่าเสียดาย ที่คนที่มันอยากทำให้มันยิ้มได้ กลับไม่ใช่ผม แต่เสือกเป็นผู้ชายเหี้ยๆที่นั่งหน้าโง่ๆรอเพื่อนมันกลับมาอย่างปลอดภัย



กูไม่เข้าใจว่าผู้ชายโลเล มันควรได้รับความรักดีๆตอบแทนด้วยหรอวะ



อยากจะถามว่า ทำไมไม่เป็นกู!



.

.

.




“เพราะมึง! เพราะมึงทำให้ไอ้เมลต้องเป็นแบบนี้!!”



ไอ้บินที่วิ่งไปกระชากคอเสื้อของเฮียทัพในตอนนี้ที่พวกเราอยู่กันที่โรงพยาบาล  มันในสภาพหมาบ้าไม่ต่างจากตอนที่เรือของเฮียเทียบท่าสักนิด  ในตอนนั้นผมเห็นไอ้บินที่ลุกขึ้นวิ่งแล้วตรงเข้าไปหาก่อนใคร  เฮียทัพที่อุ้มไอ้เมลลงมาจากเรือ สายตาเป็นห่วงของเฮียที่ผมไม่เคยได้เห็น แม้แต่ก่อนหน้านี้หลายปีที่เฮียดูจะรักณราชาก็ไม่เคยเห็นสายตาแบบนั้น



ในตอนนั้น



“หลบไป”  เฮียทัพที่ว่าออกมาแบบนั้น ใช้สายตาบอกไอ้บินให้ถอยห่าง



“ไม่! เอาไอ้เมลมา กูจะพามันไปหาหมอเอง นี่เพื่อนกู กูดูแลเองได้”



“แต่นี่เมียกู กูดูแลเองได้ มึงไม่ต้องเสือก!!”



เฮียที่ตะคอกออกมาเสียงดังลั่นท่าเรือ สายตาของเฮียที่กำลังบอกว่าไอ้บินเสือกและเกะกะทำให้เรื่องมันช้าลงไปมากจนเฮียอยากถีบ ผมที่ยืนมองอยู่ที่หาดในตอนนั้นก็คิดไม่ต่างกัน รวมถึงตอนนี้ ตอนที่ไอ้บินกลายเป็นหมาบ้าอีกครั้ง



“ปล่อยเสื้อกู”



“กูไม่ปล่อย กูจะต่อยหน้ามึง” 



ไอ้บินที่ว่าออกมาแบบนั้น เฮียที่แค่ใช้สายตาคมนิ่งจ้องมันตอบ ยกฝ่ามือหนาขึ้นจับที่ข้อมือของมันแล้วสะบัดแขนของมันออกอย่างง่ายๆ  แต่ไอ้บินที่ไม่ยอม มันพุ่งเข้าไปสวนหมัดใส่หน้าเฮียทัพทันที ... แต่ตั้งแต่ที่ผมเป็นน้องเฮียมา เฮียไม่ยอมให้ใครทำเฮียเจ็บ และแน่นอนว่า ไอ้บินก็ถูกสัดหน้ากลับ และตามด้วยฝ่าตีนที่ถีบเข้าที่ยอดอกจนมันหงายท้องไปกองอยู่กับพื้นท่ามกลางสายตาของพวกเรา



‘ผลั้ว’



‘ผลัก ตุบ!’



“เห้ยไอ้บิน!”  ไอ้กุ๊กที่วิ่งเข้าไปประคองตัวของมันที่นอนอยู่ที่พื้นเอาไว้



“เด็กแบบมึงอย่าคิดมาเล่นกับกูจะดีกว่า”



“แล้วผู้ใหญ่แบบมึงดีนักหรือไง ตั้งแต่ไอ้เมลรู้จักกับมึง มันเจอแต่เรื่องเจ็บตัว”  ไอ้บินที่นอนกองอยู่กับพื้นโดยมีไอ้กุ๊กประคองไว้ยังไม่ยอมหยุด มันที่ยังคงเถียงออกมาแบบนั้นเหมือนที่เคยทำ  ขาดสติ ขาดความคิดดีๆ



“แล้วมึงเสือกอะไรด้วย คนของกูกูจะดูแลเอง”



“งั้นมึงก็ช่วยดูแลมันให้ดีหน่อย อย่าดีแต่พูด!”



“กูทำได้แน่ และทำได้ดีกว่าเพื่อนแบบมึงด้วย ในเมื่อมึงเป็นแค่เพื่อน กูขอเตือนมึง ... อย่าเสือกกับเรื่องของเมียกู หัดรู้ซะบ้างว่าคำว่าเพื่อนมันขีดอยู่ที่ตรงไหน ถ้ายังชัดเจนกับความรู้สึกของมึงไม่ได้ มึงจะไม่เหลือใครสักคน!”



เฮียทัพที่ยกมือขึ้นชี้หน้ามัน ดวงตาคมที่วาวโรจน์ออกมาในตอนที่มองหน้าไอ้บินแบบเอาเรื่อง  ผมเห็นไอ้กุ๊กกับไอ้อู๋ที่รีบเดินมาจับตัวของมันไว้



และเป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกเจ็บที่หัวใจ  ถ้าเป็นเรื่องของไอ้โย่งนี้ ไอ้กุ๊กจะรีบวิ่งเข้าไปเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่...มันจะวิ่งเข้าไปก่อนตลอดจริงๆ  ทำไมวะ ... ผมสงสัยว่าทำไมคนแบบนี้ถึงต้องได้ความรักด้วย ทำไมถึงไม่เป็นคนแบบไอ้กุ๊กวะ ที่สมควรจะได้ความรักดีๆกลับไป ... ผมเอง แค่ตัวผมเองที่อยากจะให้มันได้รับความรักดีๆตอบกลับไปบ้าง ผมอยากให้ไอ้กุ๊กได้มีความสุข


.

.

.


(มีต่อจ้า)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด