[2/2] ┊ ┊ ... ❝ เฮียของหนู ❞ ... ┊ ┊ [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [2/2] ┊ ┊ ... ❝ เฮียของหนู ❞ ... ┊ ┊ [จบแล้ว]  (อ่าน 5291 ครั้ง)

ออฟไลน์ NORMOR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2018 17:55:00 โดย NORMOR »

ออฟไลน์ NORMOR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: [1/2] ┊ ┊ ... ❝ เฮียของหนู ❞ ... ┊ ┊
«ตอบ #1 เมื่อ25-05-2018 15:16:45 »

เฮียของหนู




   ผมเจอน้องครั้งแรกที่ร้านเหล้าใกล้มหาลัย



   ผมในตอนนั้นยังฝังใจกับความรักที่ไม่สมหวังของตัวเองแม้เรื่องมันจะผ่านไปเกือบครึ่งปีแล้วก็ตาม ผมปฏิเสธทุกคนที่เข้าหา บอกลาทุกความสัมพันธ์ที่จะพัฒนาเกินกว่าคำว่าเพื่อน ผมบอกกับตัวเองว่ายังไม่พร้อมจะรับความเจ็บปวดถ้าต้องผิดหวังอีกครั้ง แต่อันที่จริงผมก็แค่ยังหวัง...ว่าเขาจะกลับมา



    "เมื่อไหร่พี่จะหยุดร้องไห้"



   ตอนนั้นผมแอบด่าน้องมันในใจว่า 'ไอ้เด็กเหี้ย' คนกำลังเสียใจจะสั่งน้ำตาให้มันหยุดไหลได้ยังไงวะ ไม่ใช่ก๊อกน้ำนะเว้ย แต่ถึงน้องมันจะพูดอะไรออกมา แขนทั้งสองข้างก็ยังคงโอบกอดผมไว้ตลอดเวลา ไหล่แข็งๆ ถูกใช้เป็นที่รองรับน้ำตาของผมจนมันหยุดไปเอง ฝ่ามืออุ่นร้อนลูบแผ่นหลังเพื่อปลอบประโลมพร้อมกับริมฝีปากที่แม้จะขยันบ่นพึมพำแต่มันก็ปนคำปลอบโยนที่มอบให้กับผมด้วย



   ผมในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้เด็กที่กอดผมอยู่นี่เป็นใคร



   ไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น



   และไม่รู้ว่าจิตใจของตัวเองอ่อนแอขนาดไหนถึงได้เออออไปกับเด็กมันได้



   ความทรงจำในช่วงเวลานั้นมันเลือนรางเหมือนกับภาพจากหน่วยตาที่คลอไปด้วยน้ำใสๆ ผมจำความคิดของตัวเองตอนนั้นไม่ได้ ผมจำบรรยากาศในตอนนั้นไม่ได้ ผมแทบจะจำอะไรไม่ได้เลย ยกเว้นเสียงทุ้มต่ำที่กระซิบดังข้างใบหู



   "เป็นแฟนผมไหมล่ะ...ผมไม่ให้พี่มานั่งร้องไห้แบบนี้หรอก"



***



   J + A I : หนูจ๋า

   J + A I : เลิกยัง

   ;p anpan : ยังเลย TT

    ;p anpan : เฮียเลิกแล้วเหรอ

   J + A I : คับ

   J + A I : อยู่ใต้คณะเนี่ย

   ;p anpan : งื้อออ เฮียรอหนูหน่อยนะ

   ;p anpan : อีกแปปเดียววว

   J + A I : คับผมม

   J + A I : เฮียรอได้อยู่แล้ว แค่ทนคิดถึงหน่อยเดียวเอง

   ;p anpan : บ้า

   ;p anpan : หิวก็บอกมา ไม่ต้องมาบอกว่าคิดถึง

   J + A I : เฮียคิดถึงหนูจริงๆ นะ

   ;p anpan : หนูคนไหน

   J + A I : มีคนเดียวยังจะถามว่าคนไหนอีก

   ;p anpan : ไม่รู้ เผื่อมีเฮียมีหลายคน

   J + A I : หนูน่ารักขนาดนี้จะให้เฮียไปหาที่ไหนได้อีกอะ

   ;p anpan : เยอะแยะ

   ;p anpan : เฮียหาได้อยู่แล้ว

   J + A I : หาได้

   ;p anpan : หงะ

   J + A I : แต่ไม่อยากหาแล้ว

   J + A I : แค่คนเดียวก็เหนื่อยจะแย่

   ;p anpan : ว่าหนูดื้อเหรอ >3<!

   J + A I : อะ รับเองนะ

   ;p anpan : ไม่รับ นี่รุก

   J + A I : ลุกแล้วเฮียนั่งต่อได้มะ

   ;p anpan : นั่งได้

   ;p anpan : นั่งในใจหนูอะนะ







   "ป้อง...เพื่อนมึงเป็นบ้าหรือเปล่า แม่งนั่งยิ้มกับโทรศัพท์ตั้งนานแล้วนะ"



   ผมเหล่มองต้นเสียงแว๊บหนึ่งก่อนจะกลับมาสนใจหน้าจอแล้วพิมพ์ยุกยิกต่อ



   "ปล่อยมันไปเหอะ มันกำลังรักษาแผลใจด้วยกระบวนการแดกเด็กเทอราพีอยู่"



   กระบวนการส้นตีนอะไรของมึงวะ...แต่พวกมันจะพูดอะไรตอนนี้ผมก็ยอมปล่อยให้มันพล่ามกันไปเพราะสมาธิกำลังจดจ่อกับหน้าแชทไลน์ที่มีสติ๊กเกอร์หน้าตาน่ารักสลับกับบทสนทนาอ้อนๆ แบบเฮียจ๋า หนูอย่างนั้น หนูอย่างนี้ ผมเลยปล่อยให้ไอ้พวกเพื่อนผู้ประเสริฐทั้งหลายเห่าข้ามหัวตัวเองไปก่อน



   "ยังไม่หมดโปรอีกเหรอ กูเห็นมันคุยกันมาตั้งนานแล้ว"



   "ไม่รู้ เด็กมันโปรแรงมั้ง"



   "ห่างกันแค่กี่ปีเอง ทำมาโปรแรง ห่า หมั่นไส้!"



   "อิจฉากูล่ะสิ ไอ้พวกคนโสด"



   แล้วก็ได้ฤกษ์พระเอกออกโรงเมื่อผมเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะนั่งยักคิ้วเท้าคางมองเพื่อนในกลุ่มที่นั่งหัวโด่นินทาผมระยะเผาขนกันทั้งสามคน ไอ้ชมพู่...ผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มเบ้ปากใส่ผมอย่างหมั่นไส้ ไอ้ทิมก็มองบนใส่ ปิดท้ายด้วยไอ้ป้องเพื่อนรักที่ถอนหายใจเสียงดังจนผมนึกว่ามันเรอ



   รีแอคชั่นน่าประทับใจจริงๆ เลย...ผองเพื่อนผู้ประเสริฐของกู



   "ถ้าร้องไห้กลับมาอีก กูจะฟาดด้วยช้างดาวให้มึงร้องหนักกว่าเดิม" ไอ้ป้องว่าพลางทำท่าจะถอดช้างดาวมาฟาดผมจริงๆ ทำให้ผมต้องรีบเทตัวไปทางขวา เอาหัวถูๆ เพื่ออ้อนมัน ผมกับไอ้ป้องรู้จักกันตั้งแต่ม.ต้น แต่มาสนิทกันตอนม.ปลายเพราะเรียนห้องเดียวกันจนตอนนี้ปีสี่แล้ว เสือกติดคณะเดียวกันมันก็เลยได้เรียนด้วยกันจนถึงตอนนี้ ส่วนทิมกับชมพู่เป็นเพื่อนที่มารู้จักกันตอนเรียนมหาลัยแต่ก็สนิทกันฉิบหายเหมือนเคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว



   "อย่าทำเลยนะคะ เฮียเจ็บ"



   "ไอ้เหี้ยไจ๋ กูหนัก!"



   "น้องป้องต้องหายโกรธเฮียไจ๋ก่อน"



   "ไอ้เหี้ยไจ๋ พ่อมึงเหรอออ!"



   "น้องป้องคะ---"



   "เฮียไจ๋"



   เสียงต่ำๆ ที่ดังขึ้นจากข้างหลังนั้นช่างคุ้นเคย และเมื่อผมเอี้ยวคอหันไปมอง...ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาว ผมสีดำสนิท และหน้าตาแบบตี๋น่ารักสไตล์เกาหลีที่ผมชื่นชอบ



   "ไอ้แพน มึงเก็บมันไปดิ๊! ไอ้เหี้ยไจ๋...ป-ปล่อย!" ไม่ต้องรอให้ไอ้ป้องพูดซ้ำ ผมก็เป็นคนที่กลับมานั่งตัวตรงและปล่อยเพื่อนรักออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่น(?)ของผมเอง แพนยืนยิ้มขำ ส่วนผมก็ตีขาน้องไปทีหนึ่งแล้วลุกขึ้น



   "กูไปแล้วนะ"



   แพนไม่ได้มาเพื่อนั่งตรงนี้กับผมอยู่แล้ว เราสองคนนัดจะไปทานข้าวด้วยกัน ผมจึงมารอน้องที่ใต้คณะของตัวเองแล้วก็เป็นคณะที่น้องเรียนอยู่ด้วยนี่แหละ เราทั้งคู่เรียนคณะเศรษฐศาสตร์ ผมอยู่ปีสี่อย่างที่บอกไปแล้วส่วนแพนก็ปีสอง เมื่อลุกขึ้นยืนได้เต็มความสูง ผมก็ต้องมุ่นคิ้วเล็กน้อยกับความสูงของอีกคนที่...มันเพิ่มขึ้นเปล่าวะ 



   "สวัสดีครับพี่ชมพู่ พี่ทิม พี่ป้อง" แพนยกมือไหว้เพื่อนผมเรียงตัว ส่วนผมก็ได้แต่ยกมือโบกสองที พึมพำว่าเจอกันก่อนจะเดินออกไป



   ระหว่างทางเดินไปลานจอดรถ แพนก็เล่าเรื่องสัพเพเหระทั่วไป แพนคุยเก่ง เทคแคร์เก่ง แถมยังอ้อนเก่ง ผมถึงได้หลงนักหลงหนาแบบนี้ น้องเล่าเรื่องอาจารย์ฝรั่งที่สอนเมื่อเช้า เล่าเรื่องคาบเรียนเมื่อกี้ เล่านู่นเล่านี่ตามประสาแต่ก็น่าฟังไม่มีเบื่อ



   "จริงๆ วันนี้พวกไอ้เจมส์นัดไปฟิตเนสด้วย แต่แพนบอกว่ามากับเฮีย"



   "เดี๋ยวนี้เล่นด้วยเหรอ...ว่าล่ะทำไมบึกขึ้น"



   "เฮียไม่ชอบเหรอ เวลากอดเฮียจะได้อุ่นๆ ไง" ไม่พูดเปล่า หน้าใสๆ นั่นยังยื่นเข้ามาใกล้อีก โว๊ะ! เกรงใจชีพจรเฮียบ้างสิโว้ย



   "กอดเฮียคนเดียวจริงเปล่าเหอะ" ผมแกล้งพูดไปแบบนั้นแหละ แต่แพนก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง เมื่อใบหน้าขาวใสโน้มเข้ามาใกล้ใบหูของผมก่อนจะบีบเสียงให้เล็กแล้วพูดแบบอ้อนๆ



   "แล้วเฮียจะให้หนูไปกอดใครหงะ"



   แล้วเด็กมันก็เล่นผมจริงๆ



***



   "ออเดอร์ตามนี้นะคะ กรุณารอสักครู่ค่ะ"



   พนักงานเสิร์ฟเก็บเมนูสองเล่มบนโต๊ะแล้วเดินจากไป และไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นคนที่นั่งตรงข้ามผมก็ทำท่าเหมือนเตรียมตัวจะลุกไปไหนทำให้ผมหลุดปากถามออกไป "ไปไหนอะ"



   "แพนไปห้องน้ำแป๊บนะเฮีย" ตอบปุ๊บ แพนก็เดินฉิวออกไปทันที สงสัยจะปวดหนัก



   ผมมองไล่หลังรุ่นน้องคนสนิทจนอีกฝ่ายเดินออกจากร้านจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาไถเล่นฆ่าเวลา กดเข้าแอปนู้น ออกแอปนี้ มีโซเชียลกี่แอปก็เข้ามันทั้งหมดตามประสาคนว่างจนสุดท้ายก็ไปจบที่อินสตาแกรม ผมไล่ดูสตอรี่ของเพื่อนนิดหน่อย บางคนแม่งก็มาเป็นจุดเสียต้องกดข้ามรัวๆ แล้วจู่ๆ ก็นึกครึ้มอะไรไม่รู้...



   แชะ!



   นิ้วมือกดถ่ายภาพที่นั่งฝั่งตรงข้ามที่บนโต๊ะยังมีกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถยนต์ของแพนวางไว้อยู่ ผมอมยิ้มก่อนจะรัวนิ้วพิมพ์แคปชั่นพร้อมแท็กเพื่อนร่วมโต๊ะที่หายไปเข้าห้องน้ำแล้วกดอัพสตอรี่อินสตาแกรมของตัวเอง



   'คิดถึงแล้วอะ @pann_ppanter'



   เพื่อนคนไหนมาเห็นสตอรี่ของผมอันนี้ต้องแอบด่าแม่ผมอยู่ในใจแน่ๆ...ผมแกล้งกดเข้าไปดูไอจีสตอรี่ของตัวเองแล้วก็พบว่าเจ้าของแอคเคาท์ที่ผมแท็กชื่อเข้ามาดูแล้ว นั่งยิ้มอยู่ในส้วมหรือเปล่านะน้องแพนจ๋าของเฮีย



   ผมพยายามกลั้นยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าน่ารักของรุ่นน้อง แพนน่ารัก เป็นผู้ชายที่หล่อแบบน่ารัก ตอนปีหนึ่งก็เกือบจะได้เป็นเดือนคณะแล้วแต่ก็แพ้ไปไม่กี่คะแนน แถมยังอัธยาศัยดี รู้จักคนเยอะทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือรุ่นเดียวกัน เทคแคร์คนเก่ง และที่สำคัญ...ขี้อ้อนสุดๆ ที่เรียกกันว่าหนูกับเฮียก็เริ่มมาจากฝ่ายนั้นแต่ก็ใช้เฉพาะในแชทหรือเวลาที่น้องมันจะอ้อนผมหนักๆ เท่านั้น จะให้ผู้ชายสูงเกือบร้อยแปดสิบแทนตัวเองว่าหนูทุกครั้งตอนคุยกัน ผมก็สงสาร ถึงน้องมันจะหน้าตาน่ารักมากก็เถอะ



   'โอ้ยย มีความอวด'
   'เหม็นความรัก'
   'น้องเขาหายมาอยู่กับกูไงงง'



   แหม...เรตติ้งไม่ตกเลยกู



   เมสเสจจากเพื่อนผู้หญิงเด้งเพิ่มมาอีกสองสามข้อความ ผมเปิดอ่านแล้วก็หลุดขำออกมาจนได้ ส่วนใหญ่ก็หน้าเดิมๆ ที่สนิทกันพอสมควรและมักจะทักมาเวลาที่ผมอัพสตอรี่แล้วแท็กแพนเท่านั้น ผมส่ายหัวเบาๆ พร้อมกับพยายามกลั้นยิ้มไปด้วย กลัวคนจะหาว่าบ้า



   หลายคนอาจจะคิดว่าผมกับแพนเป็นแฟนกัน...ไม่สิ แทบทุกคนคงจะคิดแบบนั้นยกเว้นพวกเพื่อนสนิทของผมล่ะมั้งที่ไม่ได้คิด เพราะการแสดงออกทุกอย่างที่ผมกับแพนทำมันไม่ต่างอะไรเลยกับคนที่เรียกกันว่า 'แฟน'



   แต่ถ้าผมบอกว่าไม่ใช่...



   นั่นแหละ...ไม่ใช่ ผมไม่ได้เป็นแฟนกับแพน



   สถานะของเราคงจะประมาณ...คนคุยล่ะมั้ง ผมเริ่มคุยกับแพนเมื่อ 7 เดือนก่อนและความสัมพันธ์ของเราก็พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนมันควรจะเปลี่ยนไปเป็นอีกสถานะหนึ่งได้แล้ว...แต่เป็นผมเองที่ขอหยุดมันไว้ แพนเคยขอผมเป็นแฟนสองสามครั้งแต่ผมก็ตีมึนไม่ตอบรับเสียที โชคดีของผมแค่ไหนแล้วที่เขายังอยู่ตรงนี้กับผม



   ผมรู้...ผมแม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย



   ถึงผมจะเคยบอกแพนว่าถ้าเจอคนที่ดีกว่าก็มาบอกผมได้นะ แต่เอาเข้าจริงผมกลับภาวนาอยู่ทุกวัน ขอให้เขาไม่เจอใครที่ถูกใจ ขอให้เขาไม่ไปชอบคนอื่น ทุกอย่างมันเป็นเพราะความกลัวของผม...ผมแค่กลัวว่าถ้าวันหนึ่งสถานะของเราเปลี่ยนไปแล้วทุกอย่างมันจะเปลี่ยนแปลง ความสุขที่ผมได้รับตอนนี้ มันอาจจะหายไป กลัวแม้กระทั่งว่าถ้าผมผูกมัดตัวเองไปกับเขามากกว่านี้ สุดท้ายผมก็จะเจ็บ...เหมือนกับที่เคยเป็น



   "มึงคิดไปเองไง...กูเคยบอกว่าชอบมึงเหรอ"

   "มึงไม่ใช่แฟนกูนะไจ๋"

   "เลิกยุ่งกับกูสักที!"




   อดีต...ที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้ผมเสียใจจนแทบจะเป็นบ้า ความเจ็บปวดในตอนนั้นมันอาจเลือนหายไปจากความรู้สึกบ้างแล้วแต่ความทรงจำของผมก็ยังบันทึกความทรมานของตัวเองในตอนนั้นไว้อยู่ อดีตที่เลวร้าย...อดีตที่อยากจะลืม แต่น่าขำที่เรื่องราวเหล่านั้นมักจะเป็นสิ่งที่คนเราจำฝังใจมากที่สุด



   ผมเคยแอบรักเพื่อนสนิทของตัวเอง



   มันชื่อนนท์ เรียนบัญชี ปีเดียวกันกับผม นนท์เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที เราเจอกันครั้งแรกตอนขึ้นปีหนึ่ง ตอนนั้นมันกำลังหารูมเมท ส่วนผมเองก็ถูกไอ้ป้องสะบัดรัก ไม่ยอมเป็นเมทผมเพราะว่ามันดันมาบอกผมนาทีสุดท้ายว่าอยากอยู่คนเดียว ผมเลยต้องหารูมเมทแชร์ค่าหอในขณะที่คนอื่นเขาได้เมทกันเกือบหมดแล้ว สุดท้ายผมก็มาเจอไอ้นนท์



   ระหว่างผมกับมันเริ่มต้นที่คำว่ารูมเมท แต่เพราะเราเข้ากันได้ดีมาก เราจึงสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงปีหนึ่งเองก็เป็นช่วงเก็บพวกวิชาบังคับของมหาลัย วิชาคณะที่ต้องเรียนจริงๆ มีไม่เยอะมากเท่าไหร่ ผมกับไอ้นนท์เลยได้เรียนด้วยกันหลายตัว ช่วงนั้นผมแทบจะเทไอ้ป้องเสียด้วยซ้ำเพราะตัวติดกับไอ้นนท์ตลอดจนกระทั่งความสนิทสนมของเรามันไปไกลเกินกว่าคำว่าเพื่อน...ไม่สิ เป็นผมคนเดียวที่คิดกับมันมากกว่าเพื่อน



   ผมเริ่มเรียกร้องมากขึ้นและในตอนแรกมันก็ทำให้



   แต่ผมคงจะขอมากไปและเมื่อมันทำให้ไม่ได้...สุดท้ายทุกอย่างก็พัง



    "ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารนะคะ" เสียงของพนักงานเสิร์ฟดึงสติให้ผมกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง หลังจากเสียงนั้นเพียงไม่กี่วินาที อาหารที่สั่งไว้ก็ตั้งอยู่บนโต๊ะเกือบทุกรายการแล้ว



   เห็นอาหารวางกองอยู่ตรงหน้าผมก็ชักจะเริ่มห้ามน้ำย่อยตัวเองไม่อยู่ มือขวาเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง แพนไม่ตอบอะไรกลับมาเลย ผมลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถ่ายรูปอาหารแล้วกดส่งเข้าไลน์ของน้อง



   ไล๊น์!



   เสียงแจ้งเตือนของไลน์ดังขึ้นไม่ไกลจากโต๊ะที่ผมนั่งมากนัก แม้เสียงแจ้งเตือนนี้มันจะเป็นเสียงที่หลายคนเขาใช้กันแต่มันก็ดังใกล้ตัวเสียจนผมต้องหันไปมอง



   "ตามจัง...คิดถึงมากเหรอ" น้ำเสียงกวนๆ มาพร้อมกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือเย็นๆ ที่แนบแก้มผม ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะยกมือปัดโทรศัพท์ของไอ้เด็กขี้แกล้งที่ยืนยิ้มข้างตัวนี่



   "นึกว่าตกส้วมตายไปแล้ว"



   "แพนไม่ตายง่ายๆ หรอกถ้ายังไม่ได้เป็นแฟนเฮีย"



   "งั้นก็อยู่เป็นอมตะไปเลยแล้วกัน"



   "เฮียใจย้าย" แพนนั่งจุ้มปุ๊กตรงที่นั่งตรงข้ามแล้วเบะปาก พองแก้มใส่ผม ท่าทางแบบนั้นมันก็น่ารักเข้ากับหน้าดีหรอกแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงหมั่นไส้นิดๆ เลยยื่นมือไปบีบแก้มป่องๆ นั้นเสียเลย



   "ใจย้ายอะไร...ใจอยู่นี่ ไม่ได้ย้ายไปไหนสักหน่อย" ผมละมือจากแก้มนุ่มมาจิ้มที่อกด้านซ้ายของตัวเอง แพนเห็นแบบนั้นแล้วก็ยื่นมือมาจับมือผมเอาไว้ก่อนจะย้ายมันไปแปะที่อกด้านซ้ายของตัวเอง



   "แล้วเมื่อไหร่ใจดวงนั้นจะย้ายมาอยู่ในนี้บ้างอะ"



   ตึกตัก ตึกตัก...เสียงท้องร้องผมเต้นเป็นจังหวะดีนะ



   "ก-กินข้าวได้แล้ว หิวจะตายแล้วเนี่ย"



   เป็นผมที่แพ้ไปในเกมนี้ ผมเบนหน้าหลบสายตาหวานซึ้งที่อีกคนส่งมาให้ก่อนจะชักมือกลับแล้วหันมาหยิบช้อนส้อมเตรียมเริ่มมื้ออาหารแทน ผมได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเบาๆ จากฝั่งตรงข้ามก่อนที่กลุ่มผมจะสัมผัสถึงปลายนิ้วอุ่นร้อนที่แทรกเข้ามาลูบเล่นไม่กี่ครั้งแล้วก็ผละจากไป



   ยอมรับก็ได้ว่าเขิน



   แต่มันเป็นความเขินที่ลึกๆ แล้วผมก็รู้สึกผิดอยู่ข้างในเพราะผมไม่สามารถพูดหรือทำอะไรไปได้มากกว่านี้นอกจากการเปลี่ยนเรื่อง แพนคงหวังว่าสักวันผมจะหลุดปากตอบอะไรกลับไป แต่ผมเองที่ไม่อยากให้มันเป็นแค่การหลุดปากพูดหรือแซวเล่น ถ้าผมจะพูด ผมก็อยากให้เขารู้สึกว่าผมมั่นใจแล้วถึงได้ยอมพูดออกมา



   มื้ออาหารของเราดำเนินไปอย่างเรียบง่ายเหมือนทุกครั้ง แกล้งหยอกแกล้งแซ็วกันบ้างตามประสา บรรยากาศแปลกๆ ที่เข้ามาปกคลุมเมื่อครู่ก็จางหายไปเหลือเพียงเสียงหัวเราะของผมที่ขำเรื่องเล่าของน้อง ทุกอย่างเป็นปกติจนกระทั่งหน้าจอโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ข้างมือผมสว่างวาบขึ้นมา



   ak_non started following you.



   ชื่อไอจีที่หายไปจากแจ้งเตือนโซเชียลของผมเป็นปี...กลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง




***

ออฟไลน์ NORMOR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: [1/2] ┊ ┊ ... ❝ เฮียของหนู ❞ ... ┊ ┊
«ตอบ #2 เมื่อ25-05-2018 15:21:29 »





   ถ้าคนที่เราแอบชอบมากดไลค์ไอจี...เราคงจะดีใจจนเก็บเอาไปฝัน



   แต่ถ้าคนที่เราเคยชอบมากดไลค์ไอจี และถ้าคนนั้นๆ เป็นคนเดียวกันกับคนที่เคยพยายามตัดเราออกไปจากชีวิตของเขา สัญญาณแจ้งเตือนพวกนี้...มันหมายความว่ายังไง



   ak_non liked your post.



   อินสตาแกรมแจ้งเตือนว่า ak_non หรือไอ้นนท์กดไลค์รูปของผมติดกัน 5-6 รูปแล้วแต่ผมก็ยังปล่อยให้หน้าจอโทรศัพท์มันสว่างวาบแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ผมทำเพียงแค่นั่งมอง



   แพนมาส่งผมที่คอนโดแล้วก็กลับไป ส่วนผมก็พยายามจะไม่สนใจสัญญาณแจ้งเตือนอะไรก็ตามแต่ที่มีชื่อของไอ้นนท์อยู่ ใช่...ที่อยู่ของผมตอนนี้คือคอนโด ตั้งแต่ทะเลาะกับไอ้นนท์ ผมก็ย้ายออกมาอยู่คอนโดที่พ่อแม่ซื้อไว้และมันก็พร้อมเข้าอยู่ในช่วงเวลาที่ผมต้องการย้ายออกจากหอพอดี



   ส่วนไอ้นนท์ดูเหมือนจะไม่หารูมเมทคนใหม่...และได้ยินว่าบางครั้งก็พาแฟนขึ้นไปนอนด้วย



   ไม่รู้ว่าแฟนไอ้นนท์จะเป็นคนเดียวกับคนที่ทำให้ผมทะเลาะกับมันหรือเปล่า ตอนนั้นพอผมรู้ว่ามันคุยกับผู้หญิง ผมก็ทำตัวงี่เง่าโวยวายจนกลายเป็นทะเลาะกัน ผมคิดว่าตัวเองพิเศษ มีสิทธิ์ที่จะหึงหวงมันได้ และคิดว่าสุดท้ายมันต้องเลือกผม...แต่ผมคิดผิด



   "ไจ๋ มึงก็แค่เหงา กูก็เหมือนกัน ถ้ามึงลองคุยกับคนอื่นบ้---"

   "กูไม่ได้เหงา!" ผมจำได้ว่าผมเถียงมันกลับไปเสียงดัง "ถ้ากูแค่เหงา...มันไม่จำเป็นต้องเป็นมึงหรอก"




   ทำไมตอนนั้นผมถึงคิดว่าตัวเองสำคัญได้นะ...เพราะเราเคยจูบกันอย่างนั้นเหรอ มันคงมีความหมายสำหรับผมแค่คนเดียว ไอ้นนท์คงไม่คิดอะไรด้วยเลย...ไม่เลยสักนิด



   ak_non liked your post.
   ak_non liked your post.



   จะขุดไปจนถึงรูปแรกเลยหรือไงไอ้ห่านี่



   ผมปล่อยให้หน้าจอโทรศัพท์ติดๆ ดับๆ อีกไม่กี่ครั้งก่อนจะคว้ามันมาสไลด์ปลดล็อค ผมพยายามเมินแจ้งเตือนจากอินสตาแกรมที่ยาวเป็นหางว่าวก่อนจะเข้าไปที่รายชื่อแล้วกดโทรออก



   "ฮัลโหล"



   /ฮัลโหลครับ/



   เสียงสดใสจากปลายสายทำให้ผมยิ้มออก ผมกำลังจะอ้าปากพูดอีกครั้งแต่แพนก็ชิงเปิดบทสนทนาตัดหน้าไปเสียก่อน



   /คืนนี้ต้องหลับฝันดีแน่เลย เฮียไจ๋โทรมาหาแพนก่อน/



   "เวอร์" พูดจบผมก็หัวเราะในลำคอเบาๆ ปลายสายเงียบเสียงไปจนผมสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ริมฝีปากคิดจะขยับเป็นคำพูดแต่สุดท้ายมันก็หยุดนิ่ง สายตาเหม่อมองไปนอกหน้าต่างห้องนอนที่แหวกม่านไว้เล็กน้อยพอให้เห็นทิวทัศน์ด้านนอก แสงไฟหลากสีสว่างเป็นจุดๆ ตัดกับความมืดยามค่ำคืน ภาพนี้มันเคยทำให้ผมสงบแต่ตอนนี้มันกลับช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด



   /เฮียไจ๋...เป็นอะไรหรือเปล่า/



   "...เปล่า" ผมโกหก และดูเหมือนอีกฝ่ายก็น่าจะรู้ด้วย



   /แน่ใจนะ/



   "อืม"



   /กินมาก ท้องอืดหรือเปล่า/



   "เปล่า"



   /อึไม่ออก?/



   "จะบ้าหรือไง"



   /ท้องเสีย?/



   "ไม่ใช่เว้ย จะทายให้ครบเลยหรือเปล่าเนี่ยหื้ม"



   /ก็จนกว่าเฮียจะบอกหนูว่าเฮียเป็นไร/



   คำตอบของเขาทำให้ผมชะงักนิดหน่อยก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วปฏิเสธเขาไปอีกครั้งว่าไม่มีอะไร เพราะตอนนี้มันยังไม่มีอะไรจริงๆ ก็แค่เพื่อนเก่าคนหนึ่งมากดไลค์ไอจี เพื่อนที่เป็นฝ่ายตัดขาดจากผมไปเองทั้งที่ผมเคยพยายามขอให้เขากลับมาตั้งหลายครั้ง ช่วงแรกที่ผมแยกออกมาอยู่คอนโด ไอ้นนท์ก็เลิกติดตามโซเชียลของผมทุกแอปแต่ผมยังติดตามมันอยู่แล้วก็ไปร้องไห้กับพวกไอ้ป้องทุกครั้งที่เห็นไอ้นนท์โพสต์รูปหรือสเตตัส ผมยังเห็นมันอยู่แต่กลับเข้าใกล้มันไม่ได้ ผมเพ้อเหมือนคนบ้า กว่าจะได้สติก็มาถึงจุดที่ชีวิตเละเทะเกือบจะไม่มีชิ้นดี



   แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เหมือนกำลังบอกว่ามันคิดจะกลับเข้ามาในชีวิตของผมอีกครั้ง ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้...อาจจะเข้าข้างตัวเองเหมือนกับที่เคยเป็นมา ถ้าเป็นไปได้ผมก็ภาวนาให้มันเป็นเพียงแค่การกดไลค์ธรรมดาของเพื่อนแล้วกัน



   "แพน" เสียงของผมแหบพร่า ก่อนจะหลุดปากพูดอะไรออกไปโดยไม่รู้ตัว "...คิดถึง"



   /ครับ...แพนก็คิดถึงเฮียเหมือนกัน/



   เสียงของแพนแผ่วเบาเหมือนไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง อีกฝ่ายเงียบไปแต่มีเสียงกุกกักเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่สุดท้ายก็ไม่พูดและผมก็จะไม่เปิดทางอะไรให้ทั้งนั้น แพนต้องสงสัยอะไรแน่ๆ เขามักจะจับสังเกตความผิดปกติของผมได้ตลอดแม้เราจะไม่ได้เห็นหน้ากันก็ตาม



   /เฮียง่วงแล้วยัง/



   "อืม"



   /งั้นนอนเถอะ...แพนไม่กวนแล้ว/



   "อือ ฝันดีนะ"



   /ฝันดีครับ/



   ผมตอบรับในลำคออีกครั้ง กำลังจะลดมือลงมาเพื่อวางสายแต่อีกฝ่ายกลับเรียกไว้ทำให้ผมต้องหยุดมือ



   /เฮีย.../ เสียงดังฟังชัดที่คุ้นเคยพร้อมกับคำพูดที่เขามักจะบอกผมทุกคืนก่อนนอน /...รักนะ/



   คำบอกรักแสนหวานชวนให้ใจสั่นแต่ผมกลับตอบเขาได้เพียงแค่... "ขอบคุณนะ"



***



   ดูเหมือนว่าคำภาวนาของผมจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่



   "ไจ๋"



   "หืม"



   "มึงดีกับไอ้นนท์แล้วเหรอ" คำพูดของไอ้ทิมทำให้ผมหันขวับไปมองทันทีและมันคงเห็นสีหน้างงงวยของผมถึงได้ยอมขยายความต่อ "กูเจอมันเมื่อกี้ มันถามหามึงด้วยเลยคิดว่าดีกันแล้ว"



   "เปล่า..." ผมค้างไว้นิดหนึ่งแล้วพูดต่อ "...ไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่ตอนนั้น"



   คำตอบของผมทำให้ไอ้ทิมตกใจไม่น้อย มันถามย้ำอีกครั้งแล้วผมก็ตอบกลับไปเหมือนเดิม ท่าทางประหลาดใจของมันทำเอาผมเล่นใหญ่ต่อจากมันไม่ถูก แต่อันที่จริงก็ไม่ได้รู้สึกตกใจมากขนาดนั้นเพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ไอ้นนท์ไล่กดไลค์ทุกรูปของผมในอินสตาแกรมที่มันไม่เคยกดไลค์ แถมยังแอดเฟสบุ้คของผมมาด้วย



   "งั้นมันจะถามหามึงทำไม" ผมเงียบ ไอ้ทิมจึงถามขึ้นมาว่า "...หรือมันอยากจะกลับมาดีกับมึง"



   มือที่กำลังจับปากกาชะงักไปนิดก่อนที่มันจะขยับต่ออย่างลื่นไหลเป็นปกติ ผมที่กำลังทำการบ้านของวิชาบ่ายอยู่ใต้คณะต้องแกล้งทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเพื่อนมากนัก ใบหน้ายังก้มมองชีท สองไหล่ยกขึ้นเป็นเชิงว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในใจกลับกำลังพิจารณาคำพูดของเพื่อน



   บอกตรงๆ ว่าผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน



   ทีแรกผมพยายามจะไม่เข้าข้างตัวเองแต่ไอ้การแจ้งเตือนตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ไหนจะเรื่องที่ไอ้ทิมเล่าเมื่อกี้อีก...หลักฐานมันมากพอที่จะทำให้ผมคิดแบบนั้นได้แล้วใช่ไหม



   "เฮ้อ" ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ถึงจะนั่งตรงข้ามกัน ไอ้ทิมคงไม่ได้ยินเพราะมันกำลังเล่นเกมโทรศัพท์อยู่อย่างเมามัน เรื่องของไอ้นนท์ไม่ได้รบกวนใจผมจนถึงขั้นไม่มีสมาธิทำอย่างอื่นแต่ทุกครั้งที่เห็นแจ้งเตือนมันก็ยอมรับว่าทำให้ผมสนใจอยู่เหมือนกัน...ผมแค่อยากรู้ว่ามันจะทำอะไรและทำแบบนี้ทำไม



   และถ้ารู้แล้ว...ผมจะทำยังไงต่อไปเหรอ



   ช่างแม่ง...เป็นคำที่ผมบอกตัวเองครั้งที่ร้อยเมื่อวกกลับไปคิดเรื่องไอ้นนท์ ไอ้ชมพู่เคยด่าผมว่าผมดีเกินไปหรือเปล่าที่ไม่เกลียดไอ้นนท์...นั่นสิ...มันมีช่วงเวลาหนึ่งที่ผมโกรธไอ้นนท์มากก็จริงแต่เมื่อทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว ถ้าถามผมตอนนี้ ผมไม่เกลียดมันนะ...แต่ผมก็ไม่ได้ลืมไงว่ามันเคยทำอะไรไว้



   "ไจ๋ มึงจะไปกินข้าวกับแพนป่ะ"



   "อืม ไป"



   ไอ้ทิมไม่ได้ละสายตาจากโทรศัพท์ด้วยซ้ำขณะที่ถาม ผมเองเมื่อตอบคำถามจบก็ก้มลงมาเขียนงานต่อ วันนี้แพนเรียนที่ตึกคณะและเลิกเรียนเที่ยงครึ่ง ผมก็รอน้องอยู่และก็รอไอ้ป้องกับไอ้ชมพู่เป็นเพื่อนไอ้ทิมด้วย สองคนนั้นก็เลิกเรียนเที่ยงครึ่งเหมือนกัน พวกมันเรียนโทตัวเดียวกันเลยตารางตรงกันเกือบทุกตัว ส่วนผมกับไอ้ทิมที่โทตัวเดียวก็เป็นแบบนั้น



   ผมทำการบ้านเสร็จแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถเล่นบ้าง ไถไปสักพักก็กดเข้า ROV แล้วเล่นกับไอ้ทิม เสียงสนทนาระหว่างผมกับเพื่อนกลายเป็นเรื่องเกมแต่เมื่อเกมแรกจบไป พวกผมกำลังจะกดเข้าเกมที่สองกลับมีเสียงทักดังแทรกขึ้นมา



   "เฮ้ยทิม มึงเรียน MK เซคอ.สุวดีตอนบ่ายป่ะ"



   ผมเห็นด้วยหางตาว่ามีคนมายืนอยู่ข้างโต๊ะยาวที่พวกผมนั่งอยู่ แม้คนๆ นั้นจะไม่ได้ทักผมแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง



   และคนที่ยืนอยู่คือรูมเมทเก่าของผมเอง



   "...เออ" ไอ้ทิมตอบแบบไม่เต็มเสียง มันคงจะตกใจไม่ต่างจากผม ตามันเหล่มาทางผมเล็กน้อยก่อนจะกลับไปมองคนที่ยืนอยู่ต่อ



   "วันนี้งดเซคนะ อาจารย์ฝากมาบอกคนที่เรียน"



   "อ่อเหรอ...ขอบใจๆ"



   "แล้วก็...."



   "หะ"



   "อาจารย์ทิ้งชีทใหม่ไว้ที่ร้านไก่ฟ้าอะ อย่าลืมไปซื้อนะ ใช้วันศุกร์"



   "อ่อ เคๆ แต๊งมาก"



   ผมก้มหน้ามองจอโทรศัพท์นิ่ง แม้นิ้วจะทำเป็นปัดขึ้นปัดลงแต่สายตาก็ไม่ได้โฟกัสสิ่งที่อยู่ในนั้นเลยสักนิด เสียงที่ได้ยินไม่ได้ต่างจากในความทรงจำแต่คงเพราะไม่ได้ยินกับหูนานเลยนึกไม่ออกตั้งแต่คำแรกที่เอ่ยว่าเป็นเสียงใคร ผมเลิกติดตามชีวิตของมันตั้งแต่ตอนที่ตั้งใจว่าจะตัดใจจากมันจริงจัง หลังจากนั้นผมก็แทบจะไม่เจอมันอีก มีเห็นหน้ากันบ้างแค่ผ่านๆ แต่ก็ไม่บ่อย ไม่รู้ว่าเพราะผมพยายามเลี่ยงไม่เจอมันและมันเองก็ไม่อยากเจอผมหรือเปล่า



   ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ตอนนั้นที่ผมใกล้มันมากขนาดนี้แถมมันยังเป็นฝ่ายเดินมาเอง



   "ไง ไจ๋" เสียงทุ้มหล่อสมกับเป็นหนึ่งในเอ็มซีของมหาลัยทักทายผมด้วยท่าทางสบายๆ "สบายดีไหม"



   นิ้วมือของผมชะงักค้าง ไม่รู้ว่าคนอื่นจะสังเกตหรือเปล่าแต่ผมก็ทำเนียนละสายตาจากโทรศัพท์แล้วเงยหน้าไปสบสายตาคนที่เข้ามาทักทาย "สบายดี...มึงอะ?"



   "กูสบายดี" ไอ้นนท์ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นแล้วผมก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกเลยได้แต่ยิ้มตอบกลับไป หวังว่าจะไม่ดูเป็นยิ้มแหยๆ นะ



   หลังจากนั้นก็เกิดความเงียบระหว่างเราสามคนขึ้น ผมไม่พูดอยู่แล้ว ไอ้ทิมก็ทำหน้าเหรอหราเหมือนไม่รู้จะเอาไงกับสถานการณ์นี้ดี เหลือแต่ไอ้นนท์ที่ยังคงยิ้มได้ ทำหน้าเป็นเหมือนตอนมันเป็นเอ็มซีไม่มีผิด แต่มันก็คงจะรู้สึกได้ถึงความอึดอัดของทั้งผมและไอ้ทิมถึงได้ยอมโบกมือลา



   "กูมาบอกแค่นี้แหละ ไว้เจอกันวันหลังนะ"



   ไอ้นนท์หันไปทางไอ้ทิมก่อนจะเบนหน้ามาทางผม มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาโบกช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มการค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน มันยิ้มสวย...ต่อให้ไม่ได้เจอหน้ากันนานขนาดไหน รอยยิ้มของมันก็ไม่เคยเปลี่ยน และนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมเคยชอบมาก



   ผมยิ้มตอบอีกครั้ง โบกมือลามันนิดหน่อยแบบเงอะงะ แต่ทว่าวินาทีต่อมาที่เบนสายตาจากไอ้นนท์แล้วมองตรงไปข้างหน้า ถ้าเป็นซีนตลกมันคงเรียกว่าเป็นจังหวะซิทคอม แต่วินาทีนี้สถานการณ์ของผมมันเหมือนจังหวะละครน้ำเน่ามากกว่า



   ภาพที่ผมเห็น...คือแพนยืนมองผมโบกมือให้ไอ้นนท์อยู่ตรงนั้น



***

ออฟไลน์ NORMOR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: [1/2] ┊ ┊ ... ❝ เฮียของหนู ❞ ... ┊ ┊
«ตอบ #3 เมื่อ25-05-2018 15:24:58 »





   "..พี่ไจ๋...พี่ไจ๋ครับ"



   "อ๋อ...อืม....ว่าไงบอส"



   "บอสทำเสร็จหมดทุกข้อแล้ว" บอสยื่นชีทแบบฝึกหัดที่ผมให้ทำเมื่อ 20 นาทีที่แล้วมาตรงหน้าผม ผมยิ้มแห้งๆ ให้น้อง บอกขอโทษที่เผลอเหม่อไปแล้วก็คืนชีทนั้นให้กับน้องก่อนจะเริ่มเฉลยพร้อมกัน



   หลังจากเฉลยชีทนั้นจบก็ยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อยผมจึงทวนความรู้ที่เคยสอนไป บอสเป็นน้องม.2 ที่ผมรับสอนพิเศษวิชาคณิตศาสตร์ให้ เราเจอกันที่ร้านกาแฟแถวสยามทุกเย็นวันอังคารกับวันพฤหัส ผมสั่งการบ้านก่อนจะจบการสอนสำหรับวันนี้



   "แม่มารับหรือยังบอส" ผมถามน้องที่กำลังเก็บเครื่องเขียนและชีทเรียนใส่กระเป๋า ปกติแม่ของบอสจะมารับที่สยาม น้อยครั้งที่จะให้บอสกลับเอง ผมเลยถามเผื่อๆ ถ้าแม่น้องยังไม่มา ผมจะได้นั่งรอเป็นเพื่อนน้องก่อน



   "มาแล้วครับพี่ไจ๋ แม่ไลน์บอกแล้ว" บอสพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปด้านนอกร้านซึ่งผมก็ทำเป็นพยักหน้าเออออไปแม้จะไม่รู้ว่าน้องชี้ไปตรงไหนก็เถอะ



   "อ๋อ งั้นไป...เดี๋ยวพี่ไปส่ง" ผมรวบสัมภาระของตัวเองใส่กระเป๋าบ้างแล้วก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไปพร้อมน้อง ผมเดินมาส่งบอสที่ร้านขายของถัดจากร้านกาแฟที่ผมกับน้องนั่งเมื่อครู่กี่ไม่ล็อค แม่น้องอยู่ใกล้จริงๆ นั่นแหละ หลังจากที่ส่งน้องถึงมือคุณแม่ ผมไหว้คุณแม่และขอตัวกลับ ระหว่างเดินผมหยิบโทรศัพท์ที่เปิดโหมดกลางคืนไว้เพื่อกันเสียงรบกวนขึ้นมาเช็คโนติต่างๆ



   การแจ้งเตือนทุกอย่างก็ปกติ กรุ้ปไลน์เอกเด้งเรื่องเช่าครุยและเตรียมปัจฉิม ส่วนกรุ้ปอื่นๆ ก็เด้งมาบ้างแต่ไม่มีอะไร ผมส่งสติ๊กเกอร์เข้าไลน์กรุ้ปแล้วกดเข้าไปในช่องแชทของแพนที่มีข้อความค้างไว้



    ;p anpan : สอนเสร็จแล้วไลน์บอกหนูด้วยนะ

   J + A I : สอนเสร็จแล้วคับ

   J + A I : กำลังจะกลับคอนโด



   แพนแทบจะไม่ถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนกลางวันเลย เขาถามแค่เพียงว่า "นั่นพี่นนท์เหรอ" เป็นผมเสียอีกที่เล่าให้น้องฟังว่าไอ้นนท์เข้ามาบอกเรื่องวิชาเรียนตอนบ่ายแต่ผมไม่ได้บอกเรื่องไอ้นนท์มากดไลค์ไอจีผมหรือแอดเฟสนะ ผมไม่อยากให้แพนคิดมาก ตราบใดที่ผมยังไม่รับแอดไอ้นนท์หรือไม่ได้ฟอลไอจีมันกลับ ทุกอย่างมันก็ยังเหมือนเดิมใช่ไหม มันก็แค่คนมากดไลค์เท่านั้นเอง



   "มองมือถืออย่างเดียวไม่มองทางเลยนะ"



   กึก!



   เท้าสองข้างหยุดชะงักก่อนที่เสียงทักจะทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนขวางทางอยู่ แล้วก็พบกับคนที่ไม่คิดว่าจะเจอและไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด



   "...นนท์" เสียงที่เปล่งออกมาเบากว่าที่ผมคิดไว้มาก มันแทบจะเหมือนเสียงกระซิบกับตัวเอง อีกฝ่ายถึงจะไม่ได้ยินแต่คงจะพออ่านปากได้เลยมอบยิ้มกว้างให้กับผม



   "เดินมองทางบ้างสิ เดี๋ยวก็ไปชนใครเขาหรอก"



   "กูมองอยู่เหอะ"



   "...เหรอ" ไอ้นนท์ยิ้มมุมปากใส่ผม ท่าทางเหมือนไม่เชื่อซึ่งก็ช่างมันเถอะ ผมยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เห็นมันพูดอะไรต่อจึงขอตัวกลับบ้าน และเพราะผมพูดแบบนั้นมันเลยมีเรื่องเกาะผมต่อได้



   "มึงกลับไง"



   "บีทีเอส"



   "ไปด้วยสิ" จะปฏิเสธก็คงไม่ได้ ผมเหลือบมองข้างตัวก็เห็นว่าไอ้นนท์เดินชิล ไม่ได้ดูอึดอัดอะไร กลับเป็นผมเสียอีกที่คิดว่ามันจะตามมาด้วยทำไม เป็นไปได้ผมก็ไม่อยากอยู่กับมันแบบนี้เลย รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้



   ผมกับไอ้นนท์เดินด้วยกันมาเรื่อยๆ จนใกล้ถึงบันไดรถไฟฟ้า บรรยากาศเงียบสงัดไร้บทสนทนาระหว่างเราสองคนก็ถูกทำลายโดยรูมเมทเก่าของผม



   "ตอนนี้มึงอยู่คอนโดใช่ป่ะ"



   "อืม" ผมไม่แปลกใจที่ไอ้นนท์จะรู้ว่าผมอยู่คอนโด ตอนยังเป็นเมทกันผมก็เคยบอกมันเรื่องนี้และมันเองถ้าเสือกหน่อยก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าผมย้ายไปไหนเหมือนผมที่ตอนนั้นก็รู้ว่ามันอยู่คนเดียว ไม่หาเมทคนใหม่



   "อยู่คนเดียวเหรอ"



   "อืม"



   "แล้ววันนี้มาทำไรสยามเนี่ย" จริงๆ แล้วไม่อยากตอบเลยแต่คงต้องตอบ "สอนพิเศษ"



   "วิชาไร"



   "เลข"



   "สอนทุกวันป่ะ"



   "เปล่า แค่วันนี้" ผมโกหกคำโตเพราะไม่อยากจะให้มันรู้ตารางชีวิตผมไปมากกว่านี้ ผมก้าวขาขึ้นบันไดด้วยจังหวะสม่ำเสมอ แอบภาวนาของให้ไอ้นนท์เลิกถามเรื่องผมสักที ผมขี้เกียจตอบมันแล้ว



   "เหรอ...อืมม งั้นวันหลังกูมาดักรอมึงที่นี่บ้างดีกว่า"



   ห้ะ!?



   ขาผมชะงักไปเสี้ยววิแต่ก็เดินต่อได้อย่างปกติ ผมหันไปขมวดคิ้วมองไอ้คนที่พูดประโยคเมื่อกี้ออกมา ดักรอ? มันคิดจะทำอะไรของมัน



   "ว่างนักเหรอ" ผมหลุดปากถามออกไปและไอ้นนท์ก็ดูหน้าตาดีใจยังไงไม่รู้ที่ผมเป็นฝ่ายถามมันก่อน



   "ก็ว่างนะ"



   ว่างมากก็ไปอยู่กับแฟนมึงสิ จะมาดักเจอกูทำไม...แว๊บหนึ่งผมอยากจะพูดออกไปแบบนี้แต่สติสัมปชัญญะบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องเลยที่จะย้อนกลับไปแบบนั้น ผมจึงเลือกที่จะเงียบแล้วเดินต่อไป เมื่อขาก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้าย ภาพสถานีรถไฟฟ้าที่วุ่นวายเป็นปกติก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ผมมองแถวแลกเหรียญยาวเหยียดแล้วก็แอบถอนหายใจ สู้ๆ นะครับคนไทย สักวันหนึ่งเราคงไม่ต้องต่อแถวแลกเหรียญเพื่อที่จะมาต่อแถวอีกครั้งแล้วกดบัตร



   "มึงไม่ซื้อบัตรเหรอ"



   "ไม่" ว่าพลางชักบัตรสีเขียวขึ้นมาจากกระเป๋า และขณะที่ผมกำลังจะเดินไปต่อแถวเพื่อแตะบัตรกลับมีมือข้างหนึ่งแตะไหล่ผมทำให้ผมต้องหยุดเดินแล้วหันไปมอง



    "มีไร" ผมถามไอ้นนท์เสียงนิ่งพร้อมกับเคลื่อนตัวเองออกมาข้างๆ เพื่อไม่ให้ขวางทางคนอื่น



   "รับแอดเฟสกูหน่อยได้ไหม"



   เป็นคำขอที่เกินคาดมากสำหรับผม ผมไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าอย่างไรออกไปแต่ยอมรับก็ได้ว่าในใจค่อนข้างตกใจพอสมควร ผมไม่สามารถให้คำตอบได้ในทันทีเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร...ได้ หรือ ไม่ได้ แม้เวลาจะหมดไปหลายวินาทีแล้วแต่ผมกลับยังยืนเงียบอยู่อย่างนั้น



   "กูรู้ว่ามึงคงโกรธกูมากเพราะตอนนั้นกูเหี้ยกับมึงจริงๆ..." น้ำเสียงที่เปล่งออกมาฟังดูจริงจังไม่ต่างจากสีหน้าของไอ้นนท์ตอนนี้ ได้ยินแบบนั้นแล้วผมก็ยิ่งพูดไม่ออกจึงได้แต่ยืนตัวแข็งฟังมันพูดต่อไป



   "...แต่เรากำลังจะเรียนจบแล้ว กูไม่อยากให้ระหว่างเรามันเป็นแบบนี้"



   "..."



   "อย่างน้อยกูก็อยากจะกลับมาคุยเป็นเพื่อนกับมึงได้"



   "..."



   "กูอยากจะขอโทษ"




***



มี2ตอนจบนะคะ
อีก 3-4 วันน่าจะมาลงตอนจบได้
ฝากด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [1/2] ┊ ┊ ... ❝ เฮียของหนู ❞ ... ┊ ┊
«ตอบ #4 เมื่อ25-05-2018 21:23:47 »

อยากขอโทษ ก็กองไว้ตรงนั้นค่าาา ขอรับไว้แต่คำพูด แต่ไม่ขอข้องเกี่ยวอีกแล้ววววอินมาก 5555

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: [1/2] ┊ ┊ ... ❝ เฮียของหนู ❞ ... ┊ ┊
«ตอบ #5 เมื่อ25-05-2018 23:22:05 »

โว๊ะ..เฮียไจ๋อย่าใจอ่อน  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: [1/2] ┊ ┊ ... ❝ เฮียของหนู ❞ ... ┊ ┊
«ตอบ #6 เมื่อ26-05-2018 14:59:30 »

อ่อ เป็นแค่เพื่อนใช่ไหมคะ???   :z6:

ออฟไลน์ NORMOR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
***




   ผม...ตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหมนะ



   Akkanont P. : กินข้าวยัง



   ข้อความจากเฟสบุ้คเด้งขึ้นบนหน้าจอ ผมเห็นแล้วแต่ก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปตอบทันที ทิ้งไว้สักห้านาทีสิบนาทีค่อยตอบก็ได้ ผมนั่งอยู่ใต้คณะเหมือนเดิมและรอแพนเหมือนเดิมเช่นกัน ดูจะเป็นปีสี่ที่ว่าง...ก็ไม่ได้ว่างมากหรอก ตารางเรียนของผมโล่งกว่าปีก่อนก็จริงแต่ปีนี้เจอแต่ตัวพีคทั้งนั้น เพราะฉะนั้นมันเลยเป็นตารางเรียนที่ไม่เน้นปริมาณแต่คุณภาพคับแน่นจนจะทะลักออกทางปากได้แล้ว



   Jai Rattapat : ยัง



   หลังจากเล่นเกมจบไปหนึ่งตาผมถึงเข้าไปตอบแชทของไอ้นนท์ ใช่...ผมรับแอดมันแล้ว ผมนอนคิดอยู่สองสามวันแล้วสุดท้ายห้วงคิดหนึ่งดันตัดสินใจไปว่ารับก็รับ ไม่อยากจะทะเลาะกับใครจนจบปีสี่อะไรประมาณนี้ และไม่กี่วินาทีหลังจากผมรับแอดไอ้นนท์ มันก็ทักมาเลยจนตอนนี้กลายเป็นว่าแอป Messenger ของผม มีชื่อมันเด้งอยู่คนแรกตลอดเวลาไปแล้ว



   แต่เวลาผมตอบแชทไอ้นนท์ก็ยังต้องแอบๆ ตอบไม่ให้คนอื่นเห็นอยู่ดี



   ตรงนี้แหละที่ทำให้ผมมานั่งคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกหรือเปล่าวะ ไอ้นนท์บอกว่าอยากจะขอโทษและผมให้โอกาสมันแต่ผมก็ไม่กล้าบอกพวกเพื่อนๆ ที่สำคัญผมไม่กล้าบอกแพนด้วย กลัวทุกคนจะเข้าใจเจตนาผมผิดเพราะคดีเก่าที่เคยทำมันยังเอามาพูดถึงได้จนทุกวันนี้อยู่เลย



   "เฮียไจ๋"



   "อะ..." ผมหันไปตาเสียงเรียกแล้วก็พบกับเจ้าของรอยยิ้มสดใสที่ทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้



   "กินข้าวกันเถอะ...หิวแล้ว" แน่นอนว่าผมพยักหน้ารัวๆ ให้แล้วรีบลุกจากที่นั่งทันที



   โรงอาหารคนเยอะเหมือนทุกวัน ยิ่งช่วงเที่ยงแบบนี้เกือบทุกร้านต้องมีแถวยาวเหยียดสองแถวต่อคิวอยู่หน้าร้าน ผมกับแพนหาโต๊ะนั่งก่อน วางของแล้วก็เดินไปซื้อข้าวกิน ระหว่างที่กำลังนั่งกินข้าว แพนก็ชวนคุยนู่นนี่เหมือนเดิม ผมเคยนึกสงสัยว่าเด็กนี่มันจะมีเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟังทุกวันวะ แต่ก็มีจริงๆ แถมยังเล่าได้สนุกด้วย



   "เอ้อ เฮีย...วันศุกร์นี้แพนไปค่ายนะ"



   "ค่าย? อ่อ...ค่ายคณะเราป่ะ" ค่ายที่ผมถามถึงคือค่ายอาสาของคณะผมที่จัดขึ้นทุกปี ตอนปี 1-3 ผมเองก็ไปแต่ปีนี้สมัครไม่ทันเพราะลืมเลยอดซะงั้น



   "อื้ม ไปวันศุกร์ กลับวันอาทิตย์"



   "อ๋อออ...แบบนี้เฮียก็คิดถึงหนูแย่เลยสิ ไม่เจอกันตั้งสองสามวัน" หยอดไปงั้นแหละ แอบเห็นแพนหัวเราะก่อนตอบกลับมาด้วย



   "เฮียอย่าพูดงี้ดิ หนูจะร้องไห้แล้วนะ"   



   แพนเบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้จริงๆ เห็นแล้วมันก็น่ารักแต่เท้าก็กระตุกหน่อยๆ ผมส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะก้มลงมองข้าวในจานที่พร่องไปไม่เท่าไหร่เพราะมัวแต่หัวเราะ หลังจากตักข้าวเข้าปากไปอีกสองสามคำก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของตัวเองซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะดังขึ้น



   Akkanont P



   ผมเหลือบตาไปเห็นพอดีกับตอนที่หน้าจอสว่างขึ้น ด้วยความตกใจทำให้มือเผลอปล่อยช้อนร่วงกระทบจานก่อนจะยื่นออกไปกดปิดหน้าจอทันที ไม่ต้องรอให้มันดับเอง ผมแอบมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามนิดหน่อย เห็นแพนยังนั่งกินข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็โล่งอก



   แม่ง...ทำไมผมต้องทำตัวเหมือนคนมีกิ๊กแบบนี้ด้วยวะ



***



   "มึงจะอยู่ใช่ไหม"



   "อืม"



   ผมตอบรับในลำคอก่อนจะบอกลาเพื่อนรักเพื่อนตายที่ไม่คิดจะนั่งเป็นเพื่อนผมเลยสักคน วันนี้วันอาทิตย์แต่พวกผมนัดกันออกมาทำงานกลุ่มที่มหาลัย หลังจากทำงานกันจนเสร็จพวกเพื่อนๆ ก็ขอกลับส่วนผมเลือกที่จะนั่งอยู่ในมหาลัยต่อเพราะนี่มันใกล้จะบ่ายสามแล้ว...ผมนั่งรอแล้วกัน



   แพนบอกว่าจะมาถึงประมาณสี่โมงเย็น



   เมื่อคืนแพนโทรหาผม เราเลยได้คุยกันนิดหน่อย น้องก็บอกตารางวันกลับคร่าวๆ ว่าน่าจะถึงมหาลัยประมาณสี่โมงเย็น เวลานี้ถือว่าเร็วนะสำหรับค่ายอาสา ปีที่ผมไปนี่กลับมาถึงฟ้ามืดตลอด ตอนปีสองมั้งที่มาถึงมหาลัยตอนเที่ยงคืนพอดี 



   ระหว่างที่กำลังนั่งเซ็งๆ นิ้วกำลังจะกดเข้าเกมแล้วเชียวกลับมีเสียงทักทำให้ต้องชะงักมือ "มานั่งทำไรคนเดียวครับเนี่ย"



   ให้ทายว่าใครเข้ามาทัก



   "เสือกไร"



   "รุนแรงจัง" ถึงปากพูดอย่างนั้นแต่ไอ้นนท์ก็หน้าด้านแทรกตัวเข้ามานั่งตรงข้ามผมอยู่ดีแถมมันยังคงทำหน้าเป็นเหมือนคิดว่าเมื่อกี้ผมหยอกเล่น...เออ โทนเสียงหยอกเล่นแต่กูด่าจริงไง



   ผมนั่งเล่นมือถือต่อ ไม่คิดจะเริ่มบทสนทนากับอีกฝ่ายก่อน ไม่ใช่ว่าผมหยิ่งหรือเล่นตัวอะไรหรอกแต่มันไม่รู้จะคุยอะไรจริงๆ ถึงเมื่อก่อนจะสนิทกันมากแต่เราก็แยกกันไม่สวยหรือเปล่าแถมหลังจากนั้นชีวิตผมก็ไม่มีไอ้นนท์ไปเป็นปีเลยนะ สำหรับมันอาจจะเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้ามาคุยกับเพื่อนที่เคยผิดใจกันแต่ไม่ใช่สำหรับผม...มันเหมือนต้องกลับไปเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าที่จบกันไม่สวยอะ เข้าใจใช่ไหม



   "มึงนั่งทำไรเนี่ย" ไอ้นนท์ถามซ้ำอีกครั้ง


   "เล่นเกม"



   "อย่ากวนตีน"



   "เฮ้อ..." เสือกจริงๆ เลย "รอน้อง"



   ไอ้นนท์เงียบไปพักหนึ่งไม่ยอมถามอะไรต่อ มันคงรู้ว่าผมหมายถึงน้องคนไหน มันไม่เคยถามผมแต่ดูจากพฤติกรรมก็คงรู้ อีกอย่างไอ้นนท์คงไปถามคนอื่นมาแล้ว มนุษย์เตรียมตัวดีอย่างมันคงจะข้อมูลเป๊ะใช้ได้



   "ไจ๋...มึงกับน้องเขายังไม่เป็นแฟนกันจริงเหรอ" ผมเหล่มองไอ้คนถามด้วยความไม่พอใจนิดๆ มึงชักจะยุ่งเรื่องของกูมากเกินไปแล้วนะ



   "..."



   "ไม่ชัดเจนแบบนี้ระวังจะเป็นเรื่องนา~"



   มันคงไม่มีอะไรกวนตีนมากไปกว่าการที่เห็นคนอื่นนั่งแช่งเราด้วยรอยยิ้มแบบนี้อีกแล้วมั้ง "เสือก!"
   คราวนี้ผมด่าจริง หน้าตาไม่ได้ดูหยอกเล่นเหมือนคราวก่อน สาบานว่าถ้าไอ้เหี้ยนี่ยังกวนตีนผมแบบนี้อีก มันจะไม่ได้นั่งหน้าสลอนอยู่บนเก้าอี้แน่นอน ฟากไอ้คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเมื่อเห็นว่าผมไม่เล่นกับมันแล้วจึงยกมือขึ้นเหมือนยอมแพ้ต่อหน้าผมที่จ้องมันเขม็ง ใบหน้ารับแขกยังคงมีรอยยิ้มเล็กๆ ประดับมุมปากเหมือนว่าไอ้ที่ยอมก็ยอมไปงั้น ไอ้นนท์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วก็นั่งกดเล่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะพูดกับผมด้วยน้ำเสียงปกติ



   "ฟังที่กูเตือนไว้บ้างแล้วกัน"



   "ไอ้----..." ผมยังไม่ทันจะด่า มันก็เปลี่ยนเรื่องคุยเสียแล้ว "ROV ไหม"



   ประสาทจะแดก



   ผมเถียงมันไม่เคยทันเลยจริงๆ ให้ตายสิ อยากจะลุกหนีแต่พอมาคิดอีกทีทำไมผมต้องเป็นฝ่ายหนีวะในเมื่อผมนั่งอยู่ตรงนี้ก่อน ผมกดเข้า ROV ตามคำชวนของรูมเมทเก่า ถามว่าทำไมผมต้องเล่นเกมกับมันอีก...อ๋อ ถ้าไม่เล่น มันก็จะนั่งกวนตีนผมไม่เลิกไงเพราะฉะนั้นก็เล่นๆ กับมันไปเถอะ



   "เฮ้ย...เร็วๆ ดิ...รอพ่อมึงถอยรถเข้าบ้านเหรอ!"



   "ถอยมาชนมึงนั่นแหละไอ้สัด! พูดมาก!"



   หากบอร์ดเกมทำให้คนไม่รู้จักสนิทกันขั้นด่าไอ้เหี้ยได้ฉันใด ROV ก็ทำให้คนที่ไม่คุยกันนานเป็นปีนั่งด่าพ่อกันได้ได้ฉันนั้น เราเล่นเกมกันไปสักพักจนผมเกือบลืมไปแล้วว่ามานั่งทำอะไรตรงนี้



   "มึงเล่นไปก่อน ตานี้กูไม่เล่น" ผมบอกกับไอ้นนท์พลางกดออกจากเกมเพื่อดูเวลาและเช็คว่าแพนกลับมาถึงมหาวิทยาลัยหรือยังแล้วก็เจอกับข้อความที่อีกฝ่ายทิ้งไว้



   ;p anpan : เฮีย แพนอาจจะถึงค่ำๆ นะแต่ไม่รู้กี่โมง
   ;p anpan : รถเสียอะ
   ;p anpan : เฮียกลับก่อนเลย ไม่ต้องรอแพนหรอก
   ;p anpan : กลับเลยนะ
   ;p anpan : ถึงคอนโดแล้วบอกแพนด้วย
   ;p anpan : เฮียไม่ต้องรอแพนนะ



   ข้อความพวกนี้ส่งมาเมื่อประมาณ 15 นาทีที่แล้วและตอนนี้ก็สี่โมงเย็นพอดี ถึงค่ำๆ ไม่รู้กี่โมงนี่...อืม กลับก็ได้ หลังจากตัดสินใจได้แล้วผมก็เตรียมตัวลุกออกจากโต๊ะ ไอ้คนที่นั่งร่วมโต๊ะอีกคนเลยทักขึ้น



   "มึงจะไปไหน"



   ผมสบตาคนถามก่อนจะตอบตามความจริง "กลับคอนโด"



   "เอ๊า! มึงไม่รอน้องมึงแล้วเหรอ"



   "น้องบอกรถเสียกลางทาง ไม่รู้จะมาถึงกี่โมงเลยบอกให้ไม่ต้องรอ"



   ไอ้นนท์พยักหน้าแล้วร้อง "อ๋อ" ยาวๆ ก่อนจะสะบัดตูดลุกจากเก้าอี้บ้าง "งั้นไปแดกข้าวกันไหม กูหิว"



   "โน" เพิ่งบอกไหมล่ะว่ากูจะกลับ ไอ้เห่งนี่



   "ไปเหอะ...นั่งเป็นเพื่อนกูหน่อย"



   "มึงแดกข้าวคนเดียวไม่เป็นเหรอ" ถามไปแบบนั้นก็ไม่คิดว่ามันจะพยักหน้าตอบกลับมาจริงๆ "งืม"



   งืมพ่อง "โทรหาคนอื่นไปไอ้สัด กูจะกลับแล้ว"



   ผมไม่พูดเปล่า เท้าสองข้าวพาตัวเองหมุนตัวจะเดินออกไปจริงๆ แต่จู่ๆ ก็มีมือจากด้านหลังมาจับแขนเอาไว้ข้างหนึ่งแถมออกแรงรั้งไม่ให้ผมเดินไปได้ด้วย



   "ไปเหอะๆ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าว"



   ผมหันกลับไปมองไอ้นนท์ เห็นสายตาอ้อนๆ พร้อมกับปากที่พึมพำขอร้องจนผมชักจะรำคาญ นี่ไม่ได้เห็นแก่ข้าวฟรีหรอกนะ "...เออ"



   และสุดท้ายก็ยอมไปกับมันจนได้


***




   ...ตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหม...



   ทำไมผมต้องถามตัวเองแบบนี้อีกแล้ววะ



    ;p anpan : เฮียอยู่ไหน
   ;p anpan : กลับยัง?



   แซลมอนสีส้มชิ้นหนาหรือข้าวหน้าปลาไหลชามใหญ่ก็ไม่สามารถดึงความสนใจของผมได้แล้วในตอนนี้ เสียงไอ้นนท์ที่ชวนคุยไม่หยุดตั้งแต่เข้ามานั่งในร้านอาหารญี่ปุ่นแถวมหาลัยเหมือนจะเบาลงไปทั้งที่นั่งตรงข้ามกันแค่นี้แล้วมันก็พูดด้วยระดับเสียงเท่าเดิม



   ก็ใจผมตอนนี้มันไม่ได้อยู่ที่อะไรพวกนั้นแล้ว



   ผมหยิบโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ข้างตัวขึ้นมา หน้าจอสีดำเปล่งแสงพร้อมข้อความที่ส่งมาเมื่อประมาณ 10 นาทีที่แล้วและผมยังไม่กดเข้าไปอ่าน ครั้งแรกที่เห็นข้อความเด้ง ผมนึกว่าแพนมาถึงแล้ว รีบหันซ้ายหันขวาอย่างกับว่าน้องมานั่งกินซูชิอยู่ในร้านนี้ด้วยแต่ก็เปล่า...รถเสียไม่ใช่เหรอ แพนจะมาถึงมหาลัยภายในครึ่งชั่วโมงได้ยังไง



   ถึงจะปลอบใจตัวเองแบบนั้นก็เถอะแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่กล้าเข้าไปตอบไลน์ของแพนเสียที ทั้งที่ปกติผมจะไม่ดองไลน์น้องถ้าไม่ใช่ว่าผมไม่เห็น ผมลอบถอนหายใจแล้วพยายามกลับมาสนใจอาหารที่ไอ้นนท์จกแย่งผมกินไปหลายคำแล้ว แต่กินไปได้ไม่กี่คำ จิตใจก็วกกลับมากังวลเรื่องเดิมต่อ



   จะตอบหรือไม่ตอบดี



   แล้วถ้าตอบ...จะตอบยังไงดี



   ผมจะเก็บไปตอบตอนกลับคอนโดจริงๆ เลยดีไหม หรือผมควรจะพูดความจริงไปว่ายังไม่ได้กลับ แต่ถ้าผมบอกความจริง คำถามต่อไปมันก็เดาได้ไม่ยาก 'แล้วอยู่กับใคร' ...ไม่ว่าจะโกหกหรือพูดความจริง ผมก็ไม่อยากทำทั้งคู่



   หรือผมควรจะเลิกคบไอ้นนท์อีกรอบดี...ปัญหาอยู่ที่มันหรือเปล่าวะ



   "เหม่อไรไอ้ไจ๋...ไม่รีบแดก กูแดกหมดนะ" นี่ก็เสือกจริง คนกำลังซีเรียสยังจะเสือก "สัด!"



   ถ้าไม่อยากโกหกและไม่อยากพูดความจริง คำตอบที่เพลย์เซฟที่สุดคือความเงียบ ผมกลับมาแย่งซาชิมิแซลมอนกับไอ้นนท์ จ้วงทุกอย่างที่จ้วงได้เพราะไหนๆ ไอ้นนท์ก็เฮี้ยนเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นแล้วผมก็ไม่อยากขัดศรัทธา



   Rrrrr



   เสียงริงโทนแสนคุ้นเคยที่ไม่ต้องหันซ้ายขวาว่าเป็นของใคร ผมเหลือบตามองโทรศัพท์ของตัวเองทันที แล้วก็เห็นสายโทรเข้าที่ทำเอาตะเกียบแทบร่วง



   N' PAN



   Rrrrr



   "ไม่รับเหรอ" ไอ้นนท์ถามเมื่อเห็นผมเอาแต่มอง ไม่ยอมรับโทรศัพท์เสียที



   Rrrrr



   "ไอ้ไจ๋?"



   Rrrrr



   "เดี๋ยวกูมานะ"



   สุดท้ายผมก็ตัดสินใจลุกขึ้นแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือเดินออกไปนอกร้าน



   "ฮัลโหล" ผมกดรับก่อนที่สายจะตัดไปได้ทันเวลาพอดีก่อนจะกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์เบาๆ



   /เฮียไจ๋/



   "ครับผม"



   /ถึงคอนโดแล้วยัง/



   "เอ่อ...ยังเลย แวะสยามอะ" ผมโกหกไปจนได้ แม้น้ำเสียงจะเป็นปกติแต่ไม่รู้ทำไมหัวใจกลับเต้นโครมครามแบบนี้ ปลายสายเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบรับกลับมาเบาๆ /อ๋อ...เหรอครับ/



   "อื้ม...แล้วหนูเป็นไง รถซ่อมเสร็จหรือยัง"



   /เขาบอกว่าใกล้เสร็จแล้ว/



   "อ๋อออ" ระหว่างเรากลายเป็นความเงียบที่น่าอึดอัดอย่างประหลาด สุดท้ายผมจึงเป็นฝ่ายขอลา "เอ่อ...เฮียวางสายก่อนนะแพน เฮียซื้อของอยู่อะ"



   /อ่อ...ก็ได้ครับ/



   "ถ้าถึงม.แล้ว บอกเฮียด้วยนะ"



   /ครับ/



   "งั้นแค่นี้นะ"



   /...เฮียไจ๋/



   "ครับ?"



   /รีบๆ กลับนะ/



   "อื้ม...ถ้าถึงคอนโดแล้วเฮียจะไลน์บอกทันที"



   แพนวางสายไปแล้ว



   วันนี้แพนบอกให้ผมรีบกลับคอนโดกี่ครั้งแล้วนะ ถึงแม้ปกติน้องจะแสดงความเป็นห่วงกับผมบ่อยๆ แต่ครั้งนี้ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกไม่ค่อยดี อาจจะเพราะตัวเองมีชนักติดหลังหรือเพราะเซ้นส์ของผมมันบอกว่าแพนรู้ว่าผมโกหก



   ขอให้มันเป็นแค่ความระแวงของผมเถอะ



*** 

ออฟไลน์ NORMOR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
***




   คำภาวนาของผม...ไม่ได้ผลอีกครั้ง
   


ตั้งแต่วันนั้น...วันที่ผมไม่ยอมกลับคอนโดแต่เลือกที่จะไปกินข้าวกับไอ้นนท์ แพนก็แปลกไป มันเป็นความแปลกที่คนนอกอาจจะดูไม่ออก เรายังไปไหนด้วยกันบ้าง กินข้าวด้วยกันบ้าง คุยไลน์ และโทรหากันทุกวัน



   แต่ปริมาณทุกอย่างมันลดลง



   ตอบไลน์ช้าลง ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง ตอบสั้นด้วย เวลาโทรมาก็คุยน้อย พูดกันไม่กี่คำก็วางสาย แถมมามหาลัยก็ไม่ค่อยได้เจอกันเพราะแพนบอกว่าช่วงนี้งานเยอะ



   เหอะๆ ...ผมเข้าใจชีวิตนักศึกษาปี 2 คณะเศรษฐศาสตร์ตอนใกล้จะสอบมิดเทอมนะเพราะผมก็เคยผ่านช่วงนั้นมาแล้ว แต่พูดกันตรงๆ นะ ถ้าไม่ได้จะเอาเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง หรือเทอมที่ผ่านมาแม่งพังฉิบหาย เทอมนี้เลยต้องปั่นเกรด...มันก็พอแบ่งเวลาได้นะเว้ย มันต้องไม่หายไปขนาดนี้สิวะ


   "หมดโปร"
   "เบื่อมึงแล้ว"
   "มีคนอื่น"



   สามความเห็นจากเพื่อนรักเพื่อนตายทำเอาผมอยากจะเลิกคบกับพวกมันเดี๋ยวนี้ แต่ถึงคำพูดพวกนั้นจะทำร้ายจิตใจผมแค่ไหน มันก็เป็นความจริงที่ว่าความเห็นพวกนั้นตรงกับความคิดของผมเหมือนกัน ไม่ว่าจะเสิร์ชกูเกิ้ล ถามเพื่อน หรือใช้ประสบการณ์ของตัวเองแต่แม่งมองจากกาแลกซี่คู่ขนานก็ยังรู้ว่าอะมันใช่



   ทำไมเป็นแบบนี้วะ



   เพี๊ยะ!



   "โอ๊ย!"



   "ไอ้เหี้ยไจ๋! พรีเซนต์พรุ่งนี้นะไอ้สัด!"



   มาทั้งมือทั้งเสียง ไอ้เหี้ย...เจ็บสัด ผมเอามือกุมหน้าผากที่เพิ่งถูกไอ้ป้องฟาดไป ปากร้องโอดครวญผสมกับคำด่าแล้วจึงยอมจัดท่านั่งของตัวเองให้ดี ไม่แผ่ไปกับโต๊ะเหมือนเมื่อครู่



   "เออๆ ไหน...เหลือไรอีก" ชีวิตจะมีปัญหายังไงแต่พรุ่งนี้ต้องมีงานส่ง ผมแทรกหัวเข้าไปกลางวงก่อนจะร่วมคุยงานกับพวกมันต่อ



   พวกเรามาทำงานกันที่ห้องสมุดของมหาลัยเพราะพรุ่งนี้ต้องส่งตัวเปเปอร์แล้วแถมยังต้องพรีเซนต์อีกต่างหาก ผมเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่หน้าจอโน้ตบุ้คบอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่มก็อยากจะถอนหายใจดังๆ แพนไม่ตอบไลน์ผมมาเกือบชั่วโมงแล้ว ล่าสุดที่ถามไปคือผมชวนกินข้าวเย็นแต่น้องก็บอกว่าไม่ว่าง



   แม่งไม่ว่างมาทั้งอาทิตย์แล้ว



   "มึงทำกราฟนี้กับสรุปตรงนี้ให้กูหน่อย" ไอ้ชมพู่ยื่นข้อมูลมาให้ผมแล้วก็กลับไปพิมพ์ส่วนของตัวเองต่อ ส่วนผมก็มาจับโน้ตบุ้คอีกตัวทำงานของตัวเอง งานเหลืออีกไม่เยอะ เสร็จแล้วผมกลับคอนโดไปนอนดีกว่า วันนี้เซ็งๆ ยังไงไม่รู้



   ระหว่างที่มือพิมพ์งานต๊อกแต๊กไป เสียงเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำให้ผมรีบหันไปมองหน้าจอที่สว่างวาบขึ้นมาแต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อคนที่ทักไม่ใช่คนที่ผมอยากคุยด้วย



   Akkanont P



   ไอ้นี่ก็ยังทักมาคุยด้วยเหมือนเดิม มันพยายามจะชวนผมออกไปกินข้าวอยู่เรื่อยๆ แต่ผมไม่เคยไปกับมันอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น อันที่จริงตั้งแต่ที่แพนเริ่มแปลกไป ผมเองก็สนใจไอ้นนท์น้อยลงเพราะจิตใจมันกังวลแต่เรื่องของแพน ไอ้นนท์ทักมา ผมก็ตอบมันบ้าง ไม่ตอบมันบ้าง ดองไว้เป็นชั่วโมงก็มี และครั้งนี้ผมก็เลือกที่จะดองไว้อีกเหมือนกัน



   และแล้วงานกลุ่มผมมันก็เสร็จ



   ไอ้ชมพู่กดเซฟงานรอบสุดท้ายก่อนจะส่งเข้าเมลของพวกเราทุกคนเป็นการสำรองไฟล์ ระหว่างที่กำลังเก็บของ พวกเพื่อนผมมันก็คุยกันแต่คำพูดนั้นมันก็เป็นเหมือนคำชวนทุกคน



   "แดกข้าวไหม"



   ตอนแรกคิดจะปฏิเสธแต่ตอนนี้ผมก็หิวมาก อีกอย่างถ้าปฏิเสธ พวกมันต้องแซะผมแน่ สุดท้ายเลยพยักหน้าแล้วตามพวกมันออกไปหาอะไรกินนอกมหาลัย



   รอบมหาวิทยาลัยของผมมีร้านอาหารมากมายตั้งแต่ถูกยันแพงเท่าห้าง พวกผมเดินออกมานอกมหาลัยแล้วแต่ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะกินอะไร ไอ้ชมพู่อยากกินชาบูแต่ไอ้ทิมไม่กินเพราะเดือนนี้งบมันไม่พอแล้ว สถานะแม่งตอนนี้คือชาเลนจ์ 300 บาทกับสองอาทิตย์ที่เหลือก่อนสิ้นเดือน



   "แดกชาบู" เสียงไอ้ชมพู่ฟังดูแล้วน่าจะโมโหหิว



   "ไม่แดกไอ้สัด กูไม่มีเงินแล้ว!"



   "กูเลี้ยงก็ได้เอ้า! ไปแดกกับพวกกู"



   หืม? ...เหมารวมเฉย



   ผมกับไอ้ป้องมองหน้ากันงงๆ แล้วก็เดินตามไอ้สองคนข้างหน้าไป พวกมันยังคงเถียงกันแต่พวกผมข้างหลังนี่ชักทนไม่ไหวแล้ว ผมก็หิว ไอ้ป้องก็คงหิวมากเหมือนกันดูจากหน้าและมันอาจจะเริ่มทนไม่ได้แล้วเลยเดินไปแทรกระหว่างไอ้ชมพู่กับไอ้ทิม ไม่รู้มันพูดอะไรกันเพราะผมมัวแต่หันไปมองร้านอาหารด้านข้าง แล้วขาก็ต้องชะงักเมื่อมองเห็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ผมกับไอ้นนท์มากินกันวันนั้น



   ผมกำลังจะทำเมินเดินผ่านไปแล้ว



   แต่สายตากลับไปสะดุดกับชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ในร้านและเป็นโต๊ะที่ติดกับกระจกใสจนคนด้านนอกมองเห็น มันจะไม่เป็นอะไรเลย...ไม่มีอะไรเลยถ้านั่นไม่ใช่คนที่ผมรู้จักจนอยากจะเข้าไปทัก...



   แพน



   รู้ตัวอีกทีมือผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนที่นั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นแล้ว แพนไม่ได้หันมองออกมาด้านนอกจึงมองไม่เห็นผม ผมคิดแบบนั้นนะ ใบหน้าหล่อน่ารักยังคงมองตรงไปที่หญิงสาวฝั่งตรงข้าม มุมปากประดับรอยยิ้มพร้อมกับริมฝีปากที่ขยับไปมาเหมือนกำลังเล่าเรื่องสนุกให้อีกฝ่ายฟัง



   ผมไม่รู้ว่าแพนเปิดระบบสั่นไว้หรือจงใจไม่รับโทรศัพท์ของผม



   ผมกดโทรอีกครั้ง จะโทรจนกว่าอีกฝ่ายจะรับ ตอนนี้ลืมไปแล้วว่าตัวเองหิวมากและกำลังเดินหาร้านข้าวกินกับเพื่อน ผมย้ายที่ไปยืนข้างร้านแต่มือยังยกหูโทรศัพท์แนบหน้าไว้ไม่ยอมวาง เสียงสัญญาณบอกว่าโทรติดไม่เคยน่ารำคาญเท่าเวลานี้...แต่แล้วการรอคอยของผมก็จบลง



   /ฮัลโหล/



   เมื่อเสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นแทนเสียงสัญญาณต่อสาย



   "อยู่ไหน" คำแรกของผมไม่ใช่คำทักทายแต่กลับเป็นคำถามที่ทำให้อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง



   /กินข้าวอยู่ครับ/



   "ที่ไหน"



   /แถวมหาลัย...เฮีย---/ แพนพูดไม่ทันจบประโยคผมก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน "กับใคร!?"



   ผมไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นเสียง ผมพยายามจะควบคุมแล้วแต่ตอนนี้มือมันสั่นไปหมดรวมไปถึงเสียงของผมด้วย ถ้าไม่พยายามตะเบ็งออกมา ผมก็ไม่แน่ใจว่าเสียงมันจะออกจากคอหรือเปล่า



   /เฮียไจ๋...ค่อยคุยกันได้ไหม/



   "ไม่..." ผมปฏิเสธทันที "มาคุยกันเดี๋ยวนี้!"



   /แต่แพน.../



   "อยู่ข้างร้าน...ออกมา!"



   ผมกดตัดสายทันที



   แต่ก็รอไม่นานคนที่ผมอยากคุยด้วยก็เดินออกมาหยุดยืนตรงหน้า สีหน้าของแพนดูก็รู้ว่าไม่สบอารมณ์ มุมปากที่มักจะยกขึ้นเสมอกลับเหยียดเป็นเส้นตรง รอยยิ้มที่เคยมีให้ผม...มันหายไปแล้ว หัวใจของผมสั่นไหวไม่ต่างจากน้ำใสในดวงตาที่ค่อยๆ ไหลออกมาจนคลอหน่วยแต่ผมต้องฝืนเอาไว้ไม่ให้มันไหลอาบแก้ม



   ทำไมมันเป็นแบบนี้



   ทำไม...?



   "เฮียมีอะไรหรือเปล่า"



   "ไหนบอกว่าทำงาน" ผมไม่รู้ว่าตัวเองต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนที่บังคับเสียงไม่ให้สั่นได้



   "แพนก็มาทำงานไง"



   "ทำงานอะไรในร้านอาหารญี่ปุ่น! แล้วทำกันสองคนเหรอ!" ผมขึ้นเสียงใส่ สีหน้าของอีกฝ่ายดูขรึมมากขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับแววตาที่ฉายความหงุดหงิดอย่างปิดไม่มิด



   "เฮีย...แพนว่าเราค่อยคุยกันดีกว่----"



   ไม่ทันจบประโยคผมก็แทรกขึ้นมาด้วยความโกรธ "ไม่! คุยกันตรงนี้แหละ...คุยกันให้รู้เรื่อง"



   "แล้วมันจะรู้เรื่องได้ไงถ้าเฮียยังใช้อารมณ์แบบนี้!"



   แพน...ขึ้นเสียงใส่ผมเหรอ



   ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราไม่เคยทะเลาะกันหรือเพราะแพนตามใจผมตลอดแต่น้องไม่เคยขึ้นเสียงใส่ผมแบบนี้เลย ผมยอมรับว่าผมโกรธแต่เขามองว่าผมใช้อารมณ์จนคุยไม่รู้เรื่องเหรอ...คิดแบบนั้นเหรอ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตั้งสติแล้วเปิดปากพูด



   "เราเคยสัญญากันไม่ใช่เหรอว่าถ้ามีอะไรก็ให้พูดตรงๆ จะไม่โกหก ถ้าใครรู้สึกไม่เหมือนเดิมก็บอกได้เลย...พูดมาเลย..." ผมสบสายตากับคนที่ยืนอยู่ตรงข้าม เสียงที่เปล่งออกมาจากตอนแรกที่บังคับให้เป็นปกติท้ายแต่ตอนท้ายกลับเริ่มสั่นเครือไปตามอารมณ์ที่อ่อนไหว สีหน้าของแพนยังคงเคร่งขรึม ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรและเพราะผมไม่รู้ ผมถึงต้องถามเขาไปแบบนี้ "...แพนมีอะไรจะบอกเฮียหรือเปล่า"



   คำตอบไม่ได้ออกมาในทันที ผมได้ยินเสียงถอนหายใจและเห็นแววตาไหววูบที่ไม่รู้มันหมายถึงคำว่า 'มี' หรือ 'ไม่มี' ระหว่างเราเกิดเป็นความเงียบเข้ามารายล้อมชวนให้อึดอัดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่อีกคนจะบอกคำตอบให้ผมฟัง



   "ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นเพื่อนแพน กำลังคุยเรื่องงานแต๊งพี่ แล้วคนอื่นก็กำลังตามมาด้วย..."



   เสียงพูดของแพนยังคงฟังดูขรึมผิดปกติ แทนที่คำตอบนี้จะทำให้ผมพอใจแต่มันกลับไม่ใช่เมื่อผมมองหน้าแพนแล้วรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แค่นี้ ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่เพื่อนจริงๆ แล้วอาทิตย์ที่ผ่านมาที่แพนทำตัวแปลกไปล่ะคืออะไร



   ผมกำลังจะอ้าปากถามแต่แพนกลับชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน "แพนพูดไปแล้วนะ"



   "...."



   "แล้วเฮียล่ะ...มีอะไรจะบอกแพนหรือเปล่า"



*** 


   
   คำถามนั้นทำให้ผมพูดไม่ออกไปเหมือนกัน แต่ไม่ทันได้ตอบไอ้ป้องก็เดินมาตามผมพอดี



   แพนขอกลับเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น ส่วนผมก็เดินตามไอ้ป้องไปร้านอาหารตามสั่ง มันไม่ถามอะไรผม ไม่รู้ว่าดูสีหน้าออกหรือหิวมากจนไม่สามารถเดินไปคุยไปได้อีกแล้ว หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จ ผมก็ชวนพวกมันไปนั่งร้านเหล้า แน่นอนว่าทั้งสามคนพูดขึ้นมาเป็นเสียงเดียวว่า "พรุ่งนี้พรีเซนต์" ถึงจะบ่ายก็เถอะแต่ถ้าคืนนี้เมามันก็เสี่ยงจะตื่นไม่ทันเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วพวกมันก็ยอมมานั่งเป็นเพื่อนผมจนได้



   "กูไม่แดก...พรุ่งนี้เดี๋ยวปลุกเอง" ไอ้ชมพู่พูดแบบนี้ตอนที่หย่อนตูดนั่งในร้านเหล้าใกล้มหาลัย



   จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้กะจะมาเมาหัวทิ่มอะไรหรอก รู้อยู่ว่าพรุ่งนี้ต้องพรีเซนต์แค่อยากกินเฉยๆ เลยสั่งเบียร์มานั่งกินกับไอ้ทิมไอ้ป้องแค่ไม่กี่ขวด ไม่ถึงเที่ยงคืนก็ออกจากร้านมานั่งอยู่ในห้องไอ้ป้องกันทั้งกลุ่ม



   พวกมันรู้แหละว่าผมมีปัญหา



   "เล่าได้ยัง ไม่เล่ากูจะกลับแล้ว...ง่วง" ไอ้ทิมหาวใส่ผมอีกรอบ แม่งเสียมู้ดหมดไอ้เวร



   "เฮ้อ...เออๆ" ถอนหายใจออกมาทีแล้วผมก็เปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรก



   ระหว่างที่เล่าไม่มีใครแทรกผมเลยสักคน นั่งตั้งใจฟังแบบตาปรือๆ จนผมไม่แน่ใจว่าพวกมันฟังอยู่จริงๆ หรือเปล่า ตอนนี้อารมณ์ผมเย็นลงแล้วแต่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดที่แม้ไม่มากจนทำให้เมาแต่มันก็ทำให้ผมอยากจะร้องไห้



   ยิ่งต้องมาเล่าเรื่องตัวเองทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นแบบนี้ ยิ่งทำให้เห็นว่ามันมีอะไรผิดพลาด...และอะไรที่ผิดพลาดนั้นอาจจะเป็นผมเอง ตั้งแต่ถูกถามแบบนั้น ในหัวของผมก็มีแต่ประโยคที่ว่า 'แพนรู้เหรอ...แพนรู้เรื่องวันนั้นเหรอ' และวินาทีที่ผมฟันธงกับตัวเองว่าแพนรู้แน่ๆ ในอกมันก็เจ็บไปหมด หัวสมองโล่งว่างคิดอะไรไม่ออก สิ่งที่ปรากฏในร่างกายกลวงเปล่านี้มีเพียงความกลัว ผมไม่ได้กลัวการผูกมัดแล้ว...



   ตอนนี้ผมกลัวมาก...กลัวมากๆ ว่าจะเสียแพนไป



   ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่ไปกับไอ้นนท์ ผมไม่น่าไปกินข้าวกับมันเลย...ไม่สิ ผมควรจะบอกเรื่องไอ้นนท์กับแพนตั้งแต่แรก ทุกอย่างมันพังตั้งแต่ผมเลือกที่จะปิดบังแล้ว ถ้าการที่แพนทำตัวแปลกไปคือสิ่งที่บอกว่าเขาตัดสินใจแล้ว และถ้าเขาเลือกที่จะหยุด...ถ้าเขาไม่อยากอดทนแล้ว...ผมจะทำยังไงดี



   "...กูผิดใช่ไหม" ผมไม่แน่ใจว่าเพื่อนอีกสามคนจะได้ยินประโยคนี้ที่ผมพูดหรือเปล่าเพราะเสียงมันทั้งสั่นและแผ่วเบา



   ทุกคนเงียบ...เงียบจนผมคิดว่าพวกมันหลับไปแล้วหรือเปล่า แต่จู่ๆ เสียงไอ้ชมพู่ก็ดังขึ้น "มึงเห็นแล้วใช่ไหม ข้อเสียของไอ้สถานะไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหนของมึงอะ"



   ผมเม้มปากแน่น พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วฟังมันพูดต่อ



   "ตอนที่มึงเห็นแพนนั่งอยู่กับผู้หญิงคนนั้น มึงรู้สึกยังไง"



   ผมเหลือบตามองคนถามนิดหนึ่งก่อนจะกลับมาก้มหน้าแล้วตอบคำถามเสียงแผ่ว "...กูไม่รู้ว่ะ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าคิดอะไร กูโกรธนะแล้วก็เสียใจมากด้วย"



   "แล้วถ้าแพนเห็นมึงนั่งกินข้าวกับไอ้นนท์วันนั้น มึงคิดว่าน้องเขาจะรู้สึกยังไง" คำถามนี้ทำให้ผมสะอึก ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับไอ้ชมพูก่อนที่มันจะพูดต่อ "น้องเขาอาจจะรู้สึกเหมือนมึงก็ได้ แต่น้องแม่งทำได้แค่ส่งข้อความเพราะทำได้แค่นั้นหรือเปล่า เขาไม่ใช่แฟนมึง จะเอาสิทธิ์อะไรไปห้ามมึง โดนด่าว่าเสือกตายห่า"



   "...ต-แต่กูจะไม่ด่าน้องเขาแบบนั้นนะ"



   "เถียงอีก! มึงเป็นฝ่ายถูกชอบ...มึงไม่รู้หรอกว่าคนที่ชอบเขาคิดมากขนาดไหน"



   ผมหมดคำจะเถียง ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่รู้จริงๆ นั่นแหละว่าแพนคิดมากขนาดไหน การที่เขาตามใจผมสารพัดมันเป็นเพราะเขาเป็นฝ่ายที่ชอบผมก่อน ในขณะที่ตอนแรกผมไม่ได้ชอบเขา ผมก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องเล็กน้อยอะไรเลยนอกจากเรื่องของตัวเอง ผมสนใจแค่ความรู้สึกของตัวเอง ถึงจะนึกขอโทษแพนอยู่ในใจทุกครั้งที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของน้องได้อย่างเต็มปากเต็มคำแต่ผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าถ้าผมเป็นแพน ตอนนี้ผมกำลังคิดอะไรอยู่ แพนต้องคิดมากกว่าผมเป็นสองเท่าหรือเปล่า แพนต้องคิดหรือเปล่าว่าตอนนี้ผมจะลืมไอ้นนท์ได้แล้วยังหรือผมชอบเขามากขนาดไหนแล้ว มากพอที่จะเป็นแฟนได้แล้วหรือเปล่า



   "คนเรามันก็เป็นคนคุยได้ถึงแค่จุดหนึ่งอะ มึงจะเป็นคนคุยตลอดไปไม่ได้...มันเป็นไปไม่ได้" ไอ้ชมพู่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ปล่อยออกมาเสียงดังก่อนที่เสียงมันจะดังขึ้นอีกครั้ง "มันไม่ใช่สถานะถาวรอะ มึงเข้าใจไหม สุดท้ายมึงก็ต้องเลือกว่าจะไปต่อคือเป็นแฟน หรือจะจบ แต่ถ้ามึงปล่อยให้มันค้างคาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันไม่มีทางที่มึงหรือน้องเขาจะสบายใจหรอก แล้วท้ายที่สุดมันก็จะจบลงแบบที่มึงอาจจะไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรเลยด้วยซ้ำ"



   ผมเงียบอีกครั้ง สิ่งที่ไอ้ชมพู่พูดคือความจริงที่ผมพยายามเลี่ยงไม่ยอมคิดถึงตรงนั้น พยายามจะโลกสวยว่าทุกอย่างมันจะเป็นแบบนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ จนกว่าผมจะมั่นใจ
   แต่ตอนนี้ผมว่าผมควรจะมั่นใจได้แล้ว...ก่อนที่อะไรๆ มันจะสายเกินแก้



   "ถ้ามึงถามว่าทำไมมันเป็นแบบนี้..." ทุกคนเงยหน้าขึ้นตั้งใจฟังไอ้ชมพู่ "สำหรับกูนะ...ถ้าพวกมึงเป็นแฟนกัน เรื่องนี้มันจะคุยง่ายขึ้น เชื่อกู"


   
   Club Tuesday ของผมจบลงเกือบตีสี่แต่รุ่งขึ้นก็ตื่นไปพรีเซนต์ทันทั้งกลุ่ม ผมสบายใจขึ้นหน่อย ต้องยกความดีให้พวกแม่งทั้งสามคน ถ้าไม่มีพวกมัน ผมคงไปบวชแล้ว แต่ความสบายใจของผมมันอยู่ได้แค่แป๊บเดียวเพราะเมื่อผมคิดว่าจะคุยกับแพนอีกครั้งและผมจะขอโทษน้อง



   แพนกลับไม่รับโทรศัพท์ของผม



   ไม่รับ ไม่โทรกลับ ไม่ตอบข้อความ เป็นแบบนี้มาสองวันแล้วจนความสบายใจกลายเป็นความกังวลและอาจจะพัฒนาเป็นความเสียใจในไม่ช้า...ทำไมแพนถึงหายไปแบบนี้



   ผมนั่งซดเบียร์กระป๋องอยู่ในคอนโดคนเดียวเพราะนอนไม่หลับ มันไม่หลับตั้งแต่ผมติดต่อแพนไม่ได้ ถามเพื่อนน้องก็ไม่มีใครรู้ ผมรู้แค่ว่าน้องไปเรียนแน่ๆ แต่อาจจะหลบหน้าผมอยู่



   กริ๊ก



   เสียงกระป๋องเบียร์กระทบพื้นเบาๆ เพราะผมขยับมันก่อนจะยกมันขึ้นกระดกทีเดียวจนหมด สายตาทอดมองทิวทัศน์ของกรุงเทพยามค่ำคืนจากระเบียงคอนโดของตัวเอง คืนที่สองแล้วที่ผมต้องมาซดเบียร์อยู่ตรงนี้เพื่อให้ตัวเองนอนหลับ ลมเย็นพัดผ่านมาทำให้ผมห่อไหล่เล็กน้อยเพราะใส่เสื้อกล้าม นั่งเหม่ออีกสักพักก็มองนาฬิกาเมื่อเห็นเวลาว่าต้องนอนแล้วจึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องนอนไป



   แต่รุ่งเช้าผมกลับลุกออกจากเตียงไม่ไหว



   "ฮัลโหล...ไอ้พู่ กูหยุดนะ เป็นไข้" เสียงที่เปล่งออกมาแหบแห้งจนผมตกใจ แถมอาการเจ็บคอ ปวดหัว ตัวร้อน ครั่นเนื้อครั่นตัวแบบครบสูตรการเป็นไข้ ไอ้ชมพู่ตอบรับกลับมาว่าอะไรสักอย่างผมจำไม่ได้ สติสุดท้ายคือกดวางสายแล้วผมก็หลับไป



***

ออฟไลน์ NORMOR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
***


   
   "เฮีย...เฮียไจ๋..."



   เสียงปลุกพร้อมแรงเขย่าทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นแต่เปลือกตาที่หนักอึ้งกลับทำให้ผมไม่สามารถลืมตามองคนที่มาปลุกได้ อาการไม่สบายตัวทุกอย่างยังอยู่ครบจนทำให้อยากจะนอนต่อแต่เมื่อได้ยินเสียงปลุกอีกครั้งผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้...ผมอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอวะ



   "อื้อ..." เสียงแหบแห้งดังลอดผ่านลำคอก่อนที่ผมจะพยายามยกเปลือกตาหนักๆ นี้ให้เปิดออก แสงจ้าที่สาดเข้ามาทำให้ต้องหรี่ตาลงก่อนจะเริ่มเปิดใหม่อีกครั้ง แล้วภาพที่ค่อยๆ ชัดขึ้นก็ทำให้ผมแทบจะตื่นเต็มตา "แพน...?"



   แพน...แพนเหรอ ใบหน้าหล่อน่ารักที่ผมชอบกับเสียงทุ้มที่ฟังดูอ่อนโยนเหมือนทุกที นี่ฝันเปล่าวะ ผมเพ้อขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ใช่มั้ง...



   "ตื่นมากินโจ๊กนะเฮีย จะได้กินยาด้วย"



   "แพน"



   "อื้อ...แพนเอง" บทจะมาก็มาง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอวะ



   ระหว่างที่ผมกำลังงงและเบลอ แพนก็พยุงตัวผมให้ลุกขึ้นนั่ง ถามผมว่าเดินได้ไหมซึ่งผมก็พยักหน้ามั่วๆ ไปเลยได้มานั่งกินโจ๊กอยู่ที่โต๊ะอาหารด้านนอก แพนไม่พูดอะไรนอกจากบอกให้ผมกินโจ๊กนี่ให้หมดซึ่งถ้วยใหญ่ขนาดนี้ คนไม่สบายที่ไหนมันจะกินหมดวะ สุดท้ายผมก็กินเหลืออย่างที่คิดไว้



   "ไม่กินต่อเหรอ" แพนถามพร้อมกับทำเสียงอ้อนหน่อยๆ



   "ไม่ไหวแล้ว"



   "งั้นกินยานะ" ถุงยาหลายถุงตั้งเรียงอยู่บนโต๊ะตรงหน้าผม แพนหยิบถุงยาตามอาการที่ผมบอกแล้วยื่นส่งให้ผมกินตามลำดับ ผมเองก็นั่งเบลอๆ แพนยื่นอะไรมาก็กินหมด กินเสร็จแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่ามีคำถาม



   "เข้ามาได้ยังไง"



   "พี่เบลไง" พี่เบลคือลูกพี่ลูกน้องของผมที่ทำงานอยู่กรุงเทพ พ่อแม่ของผมฝากกุญแจสำรองของคอนโดหลังนี้ไว้ที่พี่เบลเผื่อเกิดเหตุอะไรฉุกเฉิน พี่จะได้ไขเข้ามาได้ แต่เพราะพี่เบลอยู่คนละที่แถมพี่แกก็ทำงานด้วย ไม่ว่างมาดูผมอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว ผมเลยบอกพวกเพื่อนสนิทรวมไปถึงแพนว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ไปขอกุญแจสำรองจากพี่เบลแล้วกัน ผมบอกพี่เบลแล้วว่าขอแจกเบอร์พี่เป็นเบอร์ฉุกเฉิน



   พวกเพื่อนผมยังไม่เคยมีใครสักคนไปขอ



   ผมก็ไม่นึกว่าคนที่ใช้กุญแจสำรองไขห้องผมคนแรกจะเป็นแพน



   "แล้วรู้ได้ไงว่า...เฮียป่วย"



   "ก็ไม่เห็นมาเรียนเลยถามพวกเพื่อนเฮียนั่นแหละ"



   "ล-แล้วรู้ได้ไงว่าเฮียไม่ได้ไปเรียน" ยิ่งถาม ใจของผมก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นและผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่เพราะพิษไข้ ผมพยายามเงยหน้าขึ้นไปสบตากับแพนแต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้กลับมาก้มมองโต๊ะเหมือนเดิม



   และเพราะผมมัวแต่มองโต๊ะเลยไม่ได้เห็นรอยยิ้มของคนที่พูดประโยคนี้ "ดูอยู่ไง...ดูอยู่ตลอดนั่นแหละ"



   "...แต่ก็ไม่ยอมมาหา" ข้อดีของการไม่สบายคือเราจะกล้าพูดอะไรที่ปกติคงไม่กล้าพูดออกมาง่ายๆ แบบนี้



   "ถ้าบอกว่างานยุ่งจะเชื่อไหมเนี่ย"



   "ไม่เชื่อหรอก" เสียงหัวเราะของแพนดังขึ้นทันทีที่ผมตอบกลับไปแบบนั้น ผมเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายวันและเป็นจังหวะเดียวกับที่แพนหยุดหัวเราะแล้วมองหน้าผม



   แววตาคู่นั้นที่สะท้อนภาพของผมอยู่ภายใน



   มีคำพูดมากมายที่ผมอยากจะบอกแพน หลายเรื่องที่ผมอยากจะบอกเขาไปเดี๋ยวนี้แต่ตอนนี้เรียบเรียงมันไม่ถูก ผมเผยอริมฝีปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่มันก็ต้องปิดลงเมื่อมือของแพนยื่นมาแตะที่หัวผม ปลายนิ้วแทรกเข้าไปในกลุ่มผมพร้อมกับลูบเบาๆ เหมือนอย่างที่เขาชอบทำ รอยยิ้มของแพนทำให้ผมชะงักอีกครั้งก่อนจะตามมาด้วยประโยคสั้นๆ



   "ขอโทษครับ" ขอโทษ...ขอโทษผมเหรอ ต้องเป็นผมหรือเปล่าที่ขอโทษเขา "แพนไปก่อนนะเฮีย...มีสอบตอนบ่าย"



   ฝ่ามือละออกจากกลุ่มผม แพนเตรียมตัวจะลุกขึ้นยืนแต่ผมกลับรวบรวมแรงทั้งหมดยื่นมือไปรั้งเอาไว้ "เย็นนี้มาอีกได้ไหม" ผมขอร้อง มือสองข้ามจับมือข้างหนึ่งของแพนไว้แน่นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับเขา ผมไม่อยากปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปอีกแล้ว ไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วแม้แต่วินาทีเดียว



   "ครับผม" คำตอบรับของแพนมาพร้อมกับมือที่ลูบหัวผมอีกครั้ง



   


   แพนมาหาผมตามสัญญา



   มาถึงก็สเต็ปเดิมคือปลุกผมขึ้นมากินโจ๊กซึ่งก็เป็นส่วนที่เหลือจากเมื่อตอนกลางวัน น้องอุ่นให้เสร็จสรรพพร้อมตักใส่ถ้วยเสิร์ฟให้บนโต๊ะ รอบนี้ผมกินได้เยอะขึ้นจนเกือบหมดถ้วยจากนั้นก็ตามด้วยยา หลังจากจัดการมื้อเย็นเสร็จแล้วแพนก็ถามผมว่าอยากจะกลับไปนอนไหมแต่ผมรู้สึกว่าตัวเองอาการดีขึ้นกว่าเมื่อตอนกลางวันมากแล้วจึงขอนั่งอยู่ที่โซฟาดีกว่า



   "ตอนนี้ดีขึ้นหรือยัง" ไม่พูดเปล่า แพนยื่นมือมาแตะหน้าผากของผมด้วย "ถ้าพรุ่งนี้เช้ายังมีไข้ แพนจะพาเฮียไปหาหมอนะ"



   "พาไปได้ไง" ผมถาม พรุ่งนี้แพนจะมาดูอาการผมแต่เช้าเหรอ



   "แพนมีรถนะ"



   "ก็รู้...แต่จะมาหาตอนเช้าเหรอ"



   แพนส่ายหัวช้าๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มบางๆ แล้วตอบว่า "คืนนี้นอนนี่ต่างหาก"



   ผมเบิกตากว้างพลางเหลือบไปเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ข้างโซฟา ก่อนจะเบนสายตากลับมายังคนที่นั่งข้างตัวเหมือนเดิม "ใครอนุญาต"



   "พี่เบล"



   "แต่นี่ห้องเฮียนะ"



   "อืมมม..." แพนทำหน้าเหมือนคิดหนักก่อนที่ใบหน้าน่ารักจะเอนซบลงมาบนไหล่ของผมอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงอ้อนๆ ที่ดังขึ้นข้างหู "คืนนี้หนูขอนอนที่นี่ได้ไหม"



   ให้ตายสิ ผมแพ้อะไรแบบนี้จริงๆ



   ตึกตัก...ตึกตัก...เสียงหัวใจของผมดังก้องอยู่ในหัว มันดังเสียจนผมกลัวว่าแพนที่อยู่ใกล้แค่นี้จะได้ยินมันหรือเปล่า ผมเหลือบมองกลุ่มผมสีดำที่อยู่บนไหล่แล้วพึมพำเสียงเบาอย่างตะกุกตะกักว่า "เดี๋ยวติดหวัดนะ" แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่สนใจเลยสักนิด



   "ไม่เป็นไรหรอก"



   หลังจากประโยคนั้นของแพนก็ไม่มีคำพูดใดๆ ระหว่างเราอีก ผมปล่อยให้ตัวเองทบทวนความคิดของตัวเองในความเงียบ ผมไม่รู้ว่าแพนคิดอะไรอยู่ แพนจะยังโกรธผมอยู่ไหมนะ หรือเขาให้อภัยผมแล้วเขาถึงมาหาผมแบบนี้ สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวมีแต่ชื่อของคนที่นั่งซบไหล่ผม



   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แต่รู้สึกตัวอีกที มือเย็นๆ ข้างหนึ่งก็กำลังกุมมือของผมไว้อยู่ ผมก้มมองมือทั้งสองที่อยู่บนตัก เรียวนิ้วทั้งห้าของแพนแทรกเข้าระหว่างนิ้วของผมแล้วกุมไว้ ความเย็นจากฝ่ามือทำให้ผมรู้สึกดีจนเผลอเอนหัวซบลงบนกลุ่มผมสีเข้ม ผมเพิ่งเข้าใจความหมายของเนื้อเพลงรักทั้งหลายก็วันนี้



   ไอ้ความรู้สึกที่อยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ตลอดไปมันเป็นแบบนี้เอง



   "แพน"



   "หื้ม?"



   "ยังโกรธเฮียอยู่ไหม"



   "ถ้าบอกว่าโกรธ...เฮียจะทำยังไง" แพนไม่ได้มองผมเหมือนที่ผมมองเขาตอนนี้ทำให้ผมมองไม่เห็นสีหน้าตอนที่พูด ไม่รู้ว่าเขาถามจริงๆ หรือหยอกเล่น แต่ต่อให้เขาถามเล่นๆ ...ผมก็จะตอบความจริง



   "...จะขอโทษ"



   น้ำหนักที่กดลงบนลาดไหล่หายไปแล้วและเมื่อผมหันไปมองด้านข้างอีกทีก็เห็นแพนกำลังนั่งมองมาทางผมอยู่ มือของเขาที่กุมมือผมไว้ยังคงกระชับแน่นและไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยไม่ว่าผมจะพูดอะไรออกมาก็ตาม



   "แพน...ฟังเฮียหน่อยนะ" ทันทีที่เปิดปากพูด เรื่องราวทุกอย่างก็ไหลออกมาอย่างสุดจะกลั้น แม้ผมจะคิดว่าตัวเองเรียบเรียงทุกอย่างมาดีแล้วแต่เมื่อถึงเวลาต้องพูดจริงๆ ทุกอย่างกลับตะกุกตะกักไปหมด เสียงของผมหนักเบาไม่เท่ากันตามอารมณ์ที่ไม่มั่นคง ยิ่งพูด เสียงก็ยิ่งสั่น ยิ่งเล่า น้ำตาของผมมันก็ยิ่งพานจะไหล ผมก้มหน้างุดจนคางเกือบชิดอกเมื่อเล่ามาถึงช่วงสุดท้าย...น้ำตาก็ไหลหยดเลอะเบาะที่นั่งในที่สุด



   "ขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆ..ฮึก"



   "..."


   "แพน..แพน...ฮึก...เฮียขอโทษ...ขอโทษจริงๆ...ขอโทษ.."



   "..."



   "...อย่าทิ้งกันไปเลยนะ"



   ผมบีบมือเย็นๆ นั้นไว้แน่นก่อนจะถูกแรงจากมือข้างนั้นดึงทั้งตัวเข้าสู่อ้อมกอด "ฮือออ" ผมร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อาย ใบหน้าซบลงบนลาดไหล่แข็งที่ครั้งหนึ่งมันก็เคยซับน้ำตาของผมมาก่อน ตอนนั้นผมคร่ำครวญถึงคนอื่น อ้อนวอนให้เขากลับมา แต่ตอนนี้ผมเรียกแต่ชื่อของคนที่อยู่ตรงนี้ ขอร้องให้เขาอย่าจากผมไป



   อ้อมกอดรัดแน่นขึ้นแต่กลับไม่รู้สึกอึดอัด



   ฝ่ามือเย็นๆ อีกข้างยกขึ้นมาลูบหัวผม แพนกอดผมไว้อย่างนั้น ไม่มีคำปลอบโยนใดๆ จนผมเริ่มจะหยุดร้องได้ เสียงของแพนจึงดังขึ้น



   "ไม่โกรธแล้วครับ...ไม่ต้องขอโทษแล้ว"    แพนดันตัวผมเล็กน้อยพอให้กลับมานั่งมองหน้าเขาได้ ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนแก้มของผมก่อนจะปาดคราบน้ำตาที่เปรอะอยู่ออกเบาๆ เราสบตากันก่อนที่แพนจะยิ้มหวานแล้วพูดประโยคที่ผมไม่คิดที่จะปฏิเสธมันอีกแล้ว



   "แพนเคยบอกเฮียใช่ไหมว่าถ้าเป็นแฟนกับแพน...แพนจะไม่ทำให้เฮียร้องไห้"



   "..."



   "เราเป็นแฟนกันเถอะนะ...แพนไม่อยากเห็นเฮียร้องไห้อีกแล้ว"



   ตึกตัก...ตึกตัก...



   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แพนขอผมเป็นแฟน แต่ทำไมครั้งนี้มันถึงตื่นเต้นแบบนี้ก็ไม่รู้ หัวใจของผมเต้นเร็วเหมือนรัวกลอง ผมทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะจึงฟุบหน้าลงไปกับไหล่ของแพนอีกครั้ง



   "ทำไมเงียบไปเลยอะ" แพนถามพลางยกมือมาลูบหัวผม



   "อือ"



   "เฮีย"



   "หืม?"



   "ไม่ตอบเหรอ"



   "..."



   "เงียบอีกแล้ว"



   "...กลั้นน้ำตาอยู่" ผมผละออกจากไหล่ของแพน ยิ้มให้คนที่ทำหน้าตาตื่นหน่อยๆ ก่อนจะตอบกลับไปว่า "กลั้นน้ำตาอยู่ไง เดี๋ยวถ้าร้องไห้แล้วจะไม่ได้เป็นแฟนกับแพน"



   จบประโยคนั้น ผมก็ได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขที่สุดของผู้ชายคนนี้







   ถ้าเป็นแฟนกันแล้วจะคุยเรื่องนี้ง่ายขึ้น...ไอ้ชมพู่บอกมาแบบนั้น



   เพราะถ้าเป็นแฟนกัน จะหึง จะหวงอะไรก็ทำได้มากกว่าการเป็นคนคุย และเพราะเรื่องของผมเคลียร์จบแล้ว ผมให้แพนอ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือของผมจนหมด ผมเลยถามถึงเรื่องวันที่แพนกลับจากค่ายบ้างแล้วคำตอบที่ได้มันก็ไม่ถึงกับผิดคาด



   แพนโกหกเรื่องรถเสีย จริงๆ มาถึงตั้งแต่ก่อนสี่โมงแล้วแต่เพราะเห็นผมนั่งอยู่กับไอ้นนท์เลยไม่กล้าเข้ามาหา ผมแอบเคืองแพนอยู่หน่อยๆ ไหนจะเรื่องที่โกหกผมแล้วเรื่องที่บอกว่าไม่กล้าเข้ามาหาอีก แต่เหตุผลของแพนก็ทำให้ผมเถียงไม่ออก



   "ถ้าเป็นเรื่องของเฮียแพนคิดมากนะ...เฮียรู้ไหมว่าแพนก็กลัวเฮียทิ้งแพนเหมือนกัน ต่อให้จริงๆ มันไม่มีอะไรแต่ตอนนั้นแพนก็กลัวนะ ถ้าแพนไปหาเฮียแล้วเฮียโกรธ แพนจะทำยังไง แต่จะให้แพนยืนมองเฉยๆ แบบนั้น แพนก็ทำไม่ได้ นี่อุตส่าห์ตามไปถึงหน้าร้านอาหารเลยนะ อุตส่าห์โทรหาแล้วยังไม่ยอมกลับอีก...โคตรดื้อเลย"



   "ว่าใครดื้อห้ะ!"



   "แฟนแพนไงดื้อ"



   เอ่อ...ยอมรับก็ได้ว่าดื้อ...เพราะตอนนั้นผมไม่คิดอะไร ในขณะที่แพนคิดไปแล้วหลายตลบ ตลอดอาทิตย์ที่แพนเปลี่ยนไป แพนก็บอกว่าคิดเรื่องนี้อยู่นั่นแหละ จะถามเพื่อนผมก็ไม่มีใครรู้สักคน แพนเลยไม่รู้ว่าระหว่างผมกับไอ้นนท์เป็นยังไงกันแน่



   "แล้วทำไมไม่ถาม" ผมถามแพน



   "เอาตรงๆ ป่ะ...ก็กลัวคำตอบนะ"



   "อะไรอะ...นี่ยังคิดว่าเฮียชอบไอ้นนท์อยู่เหรอ"



   "ก็เฮียไม่เคยบอกว่าชอบแพนอะ" ไปไม่เป็นเลย เถียงไปเถียงมาก็เข้าตัวผมอีกแล้ว ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ แพนก็แทรกขึ้นมาอีก "แต่จริงๆ แพนก็คิดแผนจะแย่งเฮียคืนมาอยู่เหมือนกัน"



   ผมตีไหล่ของคนที่นอนอยู่บนตักไปเบาๆ นี่เอาเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผมกังวลแทบตายไปคิดอะไรบ้าบอแบบนั้นเหรอ ผมไล่ให้แพนไปอาบน้ำเพราะนี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว ส่วนผมที่เพิ่งกินยาแก้ไข้ไปอีกชุดเมื่อครู่ อาการของผมดีขึ้นมาก เอาจริงๆ พรุ่งนี้ก็คงจะตื่นไปเรียนได้แล้วแหละแต่เพื่อความปลอดภัย คืนนี้ผมไม่อาบน้ำแล้วกัน



   ผมเดินเข้ามาจัดที่นอนในห้องนอน มองเตียงคิงไซส์ของตัวเองแล้วก็ลังเลว่าคืนนี้จะให้แพนนอนในห้องหรือนอกห้องดี แต่แล้วก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก ผมหันไปมองแพนที่คาดผ้าขนหนูผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ ผิวขาวสะอาดมีหยดน้ำเกาะอยู่บ้าง แต่ซิกแพค...เฮ้ย! เดี๋ยวนี้เริ่มมีซิกแพคแล้วเหรอวะ!



   "เฮียมองไรครับ" แพนถามตายิ้ม



   "ก็มองเฉยๆ"



   "แล้วทำไมต้องหน้าแดง"



   "เป็นไข้ไง...เป็นไข้"



   "หายแล้วไม่ใช่เหรอ"



   "ยังโว้ยยยย" เนี่ย สุดท้ายก็มาลงที่หมอนจนได้ ผมไล่ให้แพนไปใส่ชุดนอนให้เรียบร้อย เออ...มองมากๆ เลือดลมมันจะเดินดีเกินไป จะนอนแล้วไม่ควรให้เลือดสูบฉีดเยอะ จำไว้นะครับ



   แต่งตัวเสร็จแล้วแพนก็ทิ้งตัวลงบนเตียงข้างตัวผม เอาหัวมาถูแขนผมที่กำลังไถโทรศัพท์เล่นคล้ายลูกหมาตัวโต ผมยื่นมือไปลูบผมนิ่มๆ นั้นก่อนจะนึกขึ้นได้อีกอย่างจึงถามออกไป "ก่อนเฮียไม่สบาย แพนหายไปไหนเหรอ"



   เมื่อกี้ที่คุยกันผมลืมถามเรื่องนี้ไป เรื่องเพื่อนผู้หญิงของแพนผมไม่สงสัยแล้วเพราะเป็นเพื่อนกันจริงๆ ไปเสือกมาแล้วเรียบร้อย แต่ไอ้ที่หายไปนี่สิ



   "ถ้าแพนบอกไป...เฮียอย่าโกรธแพนนะ" เกริ่นมาแบบนี้ขอโกรธล่วงหน้าก่อนเลยได้ไหม



   ผมหันไปสบตาคนพูดก่อนจะพยักหน้าทีหนึ่งให้อีกฝ่ายสารภาพ "พี่ป้องบอกว่าให้ผมหลบหน้าเฮียสักสองสามวัน ไม่ต้องรับโทรศัพท์หรือตอบไลน์ด้วย"



   ไอ้ป้อง...
   เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่ม.ต้น
   ไอ้เพื่อนเหี้ย!



   "เฮีย..."



   "..."



   "จริงๆ แพนอยากคุยกับเฮียมากนะแต่..."
   "ไปนอนข้างนอก"



   "เดี๋ยวสิเฮีย..."



   "เดี๋ยวติดหวัด" ผมว่าเหตุผลนี้ดูดีแล้วนะแต่ไอ้คนข้างๆ มันก็ยังหน้าด้านอยู่ต่อได้ "ไม่เป็นไร แพนแข็งแรง"



   "แต่กูไม่ให้นอนโว้ย!!"



   ผมเตะแพนออกจากห้องพร้อมหมอนและผ้าห่ม นอนนอกห้องไปเลย หมั่นไส้ ทำผมนอนไม่หลับตั้งหลายคืน แอบร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียวด้วย ไอ้ป้องก็ผิดแต่แพนผิดมากกว่าหรือเปล่า ไปเล่นกับมันทำไม่ล่ะวะ ไม่สงสารผมเลย...แม่ง งอน!



   พอแพนออกไปนอกห้องแล้วผมก็ฟึดฟัดอยู่บนเตียงนอนอีกหน่อย คว้าโทรศัพท์มาไถเล่นแล้วก็เบื่อ ความโกรธจากเรื่องเมื่อกี้เบาบางลงแล้วแต่อย่าให้พูดถึงนะ แม่งขึ้น ผมกลิ้งไปกลิ้งมาแต่พอเหลือบมองเวลาเห็นว่ามันเกือบเที่ยงคืนแล้วเลยตัดสินใจจะปิดไฟนอน แต่ก็...



   ก๊อกๆ



   บานประตูถูกเคาะจากด้านนอก และแน่นอนว่ามันไม่ใช่พลังงานบางอย่างอะไรหรอก ตอนแรกผมกะจะไม่เปิด แต่เสียงเคาะมันถี่จนน่าสงสัย สุดท้ายก็ลุกไปเปิดจนได้



   "มีไร" ผมยืนทำหน้าบึ้งใส่แพนที่อยู่เกาะขอบประตูอยู่ อีกฝ่ายอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วพูดว่า "มากู๊ดไนท์ครับ"



   "อืม"



   "ฝันดีนะครับ"



   "อืม"



   "หนูรักเฮียนะ"

   

"อืม"



   "..."



   "..."



   ผมยืนนิ่ง แพนก็นิ่ง เราสองคนยืนมองหน้ากันจนผมที่เก๊กจนเมื่อยหน้าต้องเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเพราะจะหาเรื่องเข้าห้องนอนแล้ว ให้ยืนต่ออีกนิด ตะคริวได้ขึ้นหน้าผมแน่ๆ "มีไรอีก"



   "ไม่บอกรักกันหน่อยเหรอ"



   ผมนิ่งค้าง อยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็พูดไม่ออก...บอกรักเหรอ...   คำว่ารักที่ผมเคยได้รับมาตลอดโดยที่ไม่สามารถตอบแทนอะไรให้เขาไปได้เลย คำว่ารักที่วันหนึ่งผมคิดว่าผมจะสามารถพูดมันออกมาได้ด้วยความรู้สึกจากใจจริง



    ผมเบนสายตาหลบแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ



   "เฮ้อ..."



   ใจที่อยากจะแกล้งก็เริ่มโอนอ่อน เขารอคำนี้จากผมมานานแค่ไหนแล้วนะ เขาทำอะไรกี่อย่างเพื่อผมเพราะคำๆ นี้บ้าง ถึงแม้ผมจะไม่ได้รู้จักกับคำๆ นี้ดีมากเท่าไหร่ อันที่จริงก็รู้จักด้านเจ็บปวดของมันมากกว่าด้านที่สุขสมเสียอีกล่ะมั้ง ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ยืนอยู่ มองลึกเข้าไปในดวงตาที่สะท้อนความรู้สึกออกมาเต็มเปี่ยม มันเหมือนกันไหมนะ แต่ผมก็คิดว่าความรู้สึกของผมตอนนี้...มันใช่



   "เฮียก็รักหนูเหมือนกัน"



   มันคือความรักไม่ผิดแน่




END

จบแล้วค่ะ
ฝากเรื่องสั้นด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ ><

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ดีใจกับน้องแพน กว่าจะมีวันนี้ อิพี่ก็รู้ตัวช้าเกิ้น 55555555555555555555

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
หนูกับเฮียน่ารักกก

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น่ารัก ^^

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เกือบแล้วนะเฮีย น้องแพนขี้อ้อนจริงๆ  :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มาต่ออีก  ยังไม่มีฉากมุ้งมิ้งกันเลย   :ling1: :ling1: :ling1:
ถือว่ายังไม่จบจริงๆนะ  :z3: :z3: :z3:

แล้วนนท์ กลับมาหาไจ๋ทำไมเนี่ย มีจุดมุ่งหมายใดกัน
ยังไม่รู้ความคิดของนนท์เลย
ตีความไปเองว่ามารู้สึกดีๆกับไจ๋เมื่อสายเสียแล้วจริงหรือ 
หรือว่ามาเป็นตัวเร่งให้เฮีย หนู กระชับความสัมพันธ์ รักกัน

หนู เฮีย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอยยยย ลุ้น อยากจะจับเฮียมาตีสักแปะสองแปะกับความคิดน้อยเกินไปของเฮีย
เนี่ย ทำน้องเสียใจ แล้วตัวเองก็เสียใจเองด้วย งานนี้ต้องขอบคุณเพื่อนป้องสินะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ในที่สุด ก็จบแล้วววว เย้เย้ แพนน่ารักจังเลยค่ะ อยากมีไว้ในครอบครองบ้าง 55555 ตอนแรกนึกว่าเฮียเป็นเมะ ที่ไหนได้ น้องแพนมีซิกแพค หุหุ :hao5:

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แพนน่ารักมากๆ แพ้ความดี อ้อนน่ารัก

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
เป็นเรื่องสั้นที่น่ารักมากค่ะ
แอบหลงน้องแพน ขี้อ้อนอะไรเบอร์นั้น น่าหยิกจริงๆ
ตอนน้องหนูขอเป็นแฟนก็ว่าน่ารักแล้วนะ
แต่ตอนเฮียฮึบน้ำตอบกลับนี่เล่นเอาเรากรีดร้องเลยค่ะ >///<

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
แพนน่ารัก เฮียน่าตบ

จบนะ!

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารัก ๆ แต่หนึบหน่วงนะคะ

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
คิดว่าจะมีงานน้ำตาเสียแล้ว เกือบโดนแล้วเฮีย555555

ออฟไลน์ nitty23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :pig4: ขอบคุณคนเขียนสำหรับเรื่องน่ารักๆ ของเฮียใจ๋และหนูแพนนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
น่ารักจัง

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารัก

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หนูน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ MoPPeT

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
น่ารักมากกกกหนูกับเฮีย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด