เรื่องสั้น : พระอาทิตย์สีขาว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้น : พระอาทิตย์สีขาว  (อ่าน 1366 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ppeachmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

---------+++------------


ตอนที่ 1

มีคนเคยบอกว่าถ้าผีเสื้อบินมาหาคุณแล้วไม่ไปไหนเป็นระยะเวลามากกว่าสิบวินาที นั่นหมายถึงคุณกำลังมีความรัก มันอาจจะหมายถึงคุณกำลังรักใคร หรือใครบางคนกำลังตกหลุมรักคุณ ซึ่งแน่นอนว่านัานอาจจะรวมถึงคนที่เขาแอบรักคุณด้วยเช่นกัน ผีเสื้อคือสัญลักษณ์ของความรัก



พูดไปอาจจะไม่มีใครเชื่อ แต่ผมไม่เคยเห็นผีเสื้อเลยสักตัวจนกระทั่งตอนนี้



มันเกาะอยู่บนมือผม



กระพือปีกไปมาเบาๆราวกับกลัวปีกจะขาดหายไปกับสายลมที่พัดมา พร้อมกับเมฆฝนที่ตั้งเค้า และเสียงฟ้าร้องครืนๆ บ่งบอกว่า ฝนจะตกในไม่ช้า ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มเรงฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อสู้กับลมฝนที่กำลังเคลื่อนเข้ามา



ถึงกระนั้นผมก็ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ หน้าร้านขายกาแฟเจ้าประจำที่ผมมักมานั่งมองท้องฟ้าเปลี่ยนสียามเย็นทุกวัน....คนเดียว ที่เดิม ไม่ขยับไปไหนแม้จะรู้ว่าอีกไม่กี่นาที เม็ดฝนก็จะหยดลงมาจากฟ้าสีอึมครึมในตอนนี้



วันนี้ทุกอย่างมันควรจะเหมือนเดิม เหมือนวันอื่นๆที่ผ่านมา แต่วันนี้มันมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป



ผีเสื้อตัวสีขาวที่เกาะอยู่บนมือ



กับ



แมวสีขาวที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวข้างๆกัน



และ



ใครบางคนที่ผมรักนั้นเดินทางไกลไปที่ไหนสักแห่งที่ผมยังตามไปไม่ได้



ผมไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่ รู้แต่ว่ากาแฟลาเต้ที่อยู่ในมือที่เคยร้อยจนมีควันลอยขึ้นมานั้นเย็นลงแล้ว พร้อมกับเจ้าแมวตัวสีขาวที่งัวเงียเพิ่งตื่น บิดขี้เกียจอยู่ข้างๆกัน



เมี๊ยว



เมี้ยว



เมี้ยวววววว



"พอตื่นแล้วโวยวายเลยนะ" เจ้าเหมียวหันมาสบตากับผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเดียวกันมาเกือบครึ่งชั่วโมงด้วยแววตาที่เดาไม่ออกว่าต้องการสื่ออะไร เหมือนจะตกใจที่เห็นผมนั่งอยู่ตรงนี้ แต่ความตกใจในแววตาก็เลือนหายไปในชั่วเสี้ยวนาทีก่อนตัวขนปุยตัวขาวๆจะเอาหัวมาถูไถกับขาผม จนผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวมันเบาๆ และในเวลาเดียวกันนั้ยฝนเม็ดใหญ่ก็เทลงมาราวกับตั้งเวลาเอาไว้



17:58



"ฝนตก"



เมี้ยว



ผมไม่เคยเห็นแมวตัวนี้มาก่อน ไม่สิต้องบอกว่าผมไม่คลุกคลีกับสัตว์ตัวไหนมาก่อนเลยถึงจะฟังดูเข้าใกล้คงามเป็นจริงมากกว่า แต่ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าผมกับเจ้าแมวตัวนี้คล้ายว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน



"อื้อ อย่าซน" ผมตบลงไปบนอุ้งมือปุกปุยที่ปกคลุมด้วยขนสีขาวเบาๆเมื่อเจ้าขนปุยนั้นจะเอาเท้าเล็กๆของมันมาตะปบปีเสื้อตัวสีขาวที่ตอนนี้ย้ายมาเกาะที่หัวไหล่ผมแล้ว



เมี้ยว



"ฝนหยุดตกแล้ว"



ผมลุกขึ้นเมื่อเห็นฝนเม็ดใหญ่ที่หล่นลงมาจากฟ้าหยุดการเคลื่อนไหว เหลือไว้เพียงกลิ่นดินชื้นๆหลังฝน กับความเงียบเหงาที่มาคู่กับท้องฟ้าที่มีความมืดมิดแห่งรัตติกาลเข้ามาแทนที่



ผีเสื้อตัวที่เกาะอยู่บนไหล่ผมบินหายไป แต่แมวตัวปุกปุยสีขาวเดินตามผมมาจนถึงรถ



เมี้ยว



เมี้ยว



"อยากไปด้วยเหรอ"



เมี้ยว



"ก็ดีเหมือนกัน คนที่ถูกทิ้งหนึ่งคน กับแมวที่หลงทางอีกหนึ่งตัว ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริง ๆ" ราวกับมันรู้ว่าผมพยายามจะสื่ออะไรออกไป คนที่จิตใจบอกช้ำจากการถูกทิ้ง นั่งเดียวดายอยู่หน้าร้านกาแฟในขณะที่ฝนตก คนปกติที่ไหนจะออกมานั่งดื่มกาแฟให้ไอฝนเปียกตัวเล่นถ้าไม่ใช่คนที่ไม่เหลืออะไรและไร้ความรู้สึกเหมือนผมในตอนนี้ ถ้าคุณเคยถูกทิ้งแล้วไม่รู้จะหันไปหาใครเพราะไม่มีใครเห็นความสำคัญของคุณ คุณคงรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไง ใช่ครับ ตอนนี้ผมแทบไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ทุกอย่างมันว่างเปล่า เหมือนผมยืนอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมที่ปิดตายไปไหนไม่ได้ และบางครั้งก็้้หมือนจะหายใจไม่ออก



"งั้นก็ขึ้นรถ"



เมี้ยว



เจ้าเหมียวกระโดดขึ้นไปในรถเดินไปขดตัวนอนบนเบาะข้างคนขับอย่างว่าง่าย เหมือนมันรู้ว่าที่ของมันควรจะเป็นตรงไหน ผมนึกขำในใจ ขนาดแมวยังรู้ว่ามันควรจะอยู่ตรงไหน แล้วมนุษย์อย่างผมละ ก็ควรจะรู้เหมือนกันใช่มั้ยว่าตรงไหนคือที่ๆเหมาะสมสำหรับผม

.

.

.

.



2 อาทิตย์ผ่านไป



"ไวท์ มากินข้าวมา" ผมเทอาหารเม็ดออกมาจากถุงกาอนเอ่ยเรียกสิิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งชีวิตในห้องนี้ ผมที่ตอนนี้เหลทอตัวคนเดียวนั่งมองแมวตัวขาวที่เดินตามผมมาตั้งแต่ที่ร้านกาแฟร้านโปรดของผมเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วกินอาหารของมันอยู่ ตอนนี้สิ่งมีชีวิตสีขาวตัวนี้เป็นเพื่อนคนเดียวของผมในเวลาที่ไม่เหลือใครแบบนี้



เมี้ยวววว



"ไง อิ่มแล้วก็มาอ้อนเลยหรอ" เจ้าไวท์กระโดดขึ้นมานั่งนอนบนตักผมที่นั่งดูทีวีอยู่ พร้อมกับเอาหัวมาไถหน้าท้องผมเบาๆ ไวท์ทำแบบนี้ประจำ ส่วนผมก็เอามือไปวางบนหลังไวท์แล้วเกาให้เบาๆ อีกไม่นานเจ้าแมวขี้เซาตัวนี้ก็จะหลับ



1 เดือนต่อมา



17:57



วันนี้ท้องฟ้าเป็นสีส้ม อากาศร้อนอบอ้าว



ครืน ครืน



ผมมองดูมือถือของตัวเองที่วางอยู่บนโซฟาสั่นครืนอยู่เกือบสิบนาทีแล้ว



เมี้ยววว



"ไม่อยากรับ"



เมี้ยววววว



"ไม่รับหรอก"





2 เดือนต่อมา



17.56



วันนี้ฝนตกทั้งวัน อากาศชื้น



ครืน ครืน



ผมหยิบมือถือออกมาจากกางเกงก่อนจะวางกระเป๋าคอมพิวเตอร์ลงบนโต๊ะ และในเวลาต่อมาโทรศัพท์มือถือที่สั่นครืนในคราแรกก็ถูกวางคว่ำหน้าลงบนโต๊ะด้วยเช่นกัน



เมี้ยวววว



"เดี๋ยวนี้ขี้บนจังเลยนะ"



เมี้ยววว เมี้ยวววว



เจ้าไวท์กระโดดขึ้นมาบนโต๊ะยืนจ้องหน้าผมอยู่แบบนั้น เป็นแมวที่รู้ความมากเกินไปแล้ว



"ถ้ารู้ว่าพูดมากแบบนี้ ตอนนั้นไม่พากลับบ้านมาด้วยหรอก"



เมี้ยว



เมี้ยว



เมี้ยว



"ดื้อ" ผมเขกหัวเจ้าไวท์ที่มองหน้าผมเหมือนกำลังดูผมอยู่ไปทีหนึ่ง ก่อนเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำนานกว่าครึ่งชั่วโมง



เจ้าไวท์ยังอยู่ที่เดิม เอาขาหน้าเล็กๆของมันวางไว้บนโทรศัพท์ของผม



ใครบอกกันว่าสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้ความ ผมคนหนึ่งละจะขอเถียงคนแรก แมวขนปุกปุยสีขาวตัวนี้รู้เรื่องซะยิ่งกว่ามนุษย์บางคนอีก



"วันนี้ไปร้านกาแฟมา ยังไม่มีใครมาตามหาแกเลยนะ ไม่มีเจ้าของจริงๆนะหรอ" ผมสวมเสื้อยืดตัวใหญ่คอย้วยๆกับกางเกงนอนขายาว



"มองอะไรทะลึ่งตลอดนะไวท์"



เมี้ยววว



"ยังจะมาเถียงอีก เลิกมองสิจะได้ไม่ว่า"



เมี้ยววว



เจ้าไวท์สะบัดตูดกลมๆของมันแล้วกระโดดลงจากโต๊ะทันที ไวท์เป็นแมวลามก....ชอบมองผมเหมือนสแกนตั้งแต่หัวจรดเท้าทุกครั้งที่ผมอาบน้ำเดินออกมาจากห้องน้ำ ถ้าเจ้านี่เป็นคน ก็คงจะเป็นพวกผู้ชายหื่นๆที่ชอบไปนั่งมองสาวตามผับแน่ๆ แถมยังขี้งอนแล้วก็ขี้บ่นอีก ไม่รู้ว่ามันรู้ตัวรึเปล่าว่าตัวเองเป็นแมวไม่ใช่มนุษย์



นั่นไง เอาอีกแล้ว



เมี้ยววววว



เมี้ยววว



"รู้แล่าน่า จะไปเก็บตอนนี้แหละ" มานอนหน้าห้องน้ำแล้วก็เอาอุ้งมือแมวมาแตะที่เสื้อผ้าของผมที่ถอดทิ้งไว้หน้าห้องน้ำ ตรงนั้นมันเคยมีตะกร้าอยู่แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้ว ผมที่เคยชินคิดว่าตะกร้าเคยอยู่ตรงนั้นพอถอดเสื้อผ้าเสร็จก็โยนไปตรงนั้นทันที



"พรุ่งนี้จริงๆ พรุ่งนี้จะซื้อตะกร้าเข้ามา เลิกบ่นได้แล้าน่า" นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไวท์บ่นที่ผมโยนเสื้อผ้าทิ้งเกะกะห้อง และก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมบอกว่าพรุ่งนี้จะซื้อตะกร้าผ้ามา



เมี้ยววว



"รู้แล้ว คราวนี้จะซื้อมาจริงๆ ไม่ลืม"



เมี้ยววว



"บ่นเป็นคนแก่ไปได้"



3 เดือนต่อมา



17.55



วันนี้ฟ้าเปิด อากาศเย็นสบาย



ครืน ครืน



เมี้ยว



เมี้ยวววว



"อื้อออ อย่าเสียงดังไวท์ นอนอยู่ อื้อออ" ผมที่นอนหลับฟุบหน้าลงกับหนังสือวิชาเศรษฐศาสตร์หลังจากอ่านไปได้ไม่ภึงบทด้วยซ้ำ หนังสือคือยานอนหลับขนาดแท้ ผมขอสนับสนุนนิยามข้อนี้ด้วยคน



เมี้ยววว



ครืน ครืน



"หือ มีคนโทรมาหรอ"



เมี้ยวววว



"หยิบให้หน่อยลุกไม่ขึ้น ง่วง"



เจ้าไวท์ใช้อุ้งเท้าเล็กๆของมันเขี่ยโทรศัพท์ที่หล่นอยู่ใต้โต๊ะกลางออกมาใกล้มือผมที่พาดลงมาจากโซฟา



"เก่ง เดี๋ยวให้รางวัล" ไวท์แสนรู้ บางครั้งผมก็คิดว่ามันแสนรู้เกินกว่าที่จะเป็นแมว บางครั้งผมก็เผลอคิดว่าเจ้าไวท์ตัวนี้เป็นมนุษย์ร่วมโลกของผมคนหนึ่ง



ครืน ครืน



ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองดูหน้าจอที่สว่างวาบก่อนที่จะดับไป พร้อมกับข้อความแจ้งเตือนว่ามีสายเรียกเข้ากว่าสิบสายจากคนคนเดียว คนที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดสามเดือน และก็เหมือนเดิมอีกเข่นกันที่วันนี้ผมจะปล่อยให้โทรศัพท์ดังอย่างอย่างนั้นจนอีกฝ่ายถอดใจไปเอง



"พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว ไปนั่งเล่นที่ระเบียงกัน"



ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากเจ้าขุนปุย เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ผมไม่รับโทรศัพท์ ไวท์มองหน้าผมก่อนจะงอนสะบัดตูดลงไปคุดตัวใต้โซฟา แต่เชื่อเถอะว่าอีกประเดี๋ยวก็จะตามผมออกไปนั่งเล่นที่ระเบียง



ผมเดินไปชงโกโก้ร้อนก่อนหยิบคุกกี้ข้าวโอ๊ตใส่จานแล้วเดินไปนั่งเล่นที่นอกระเบียง



18:38



ผมนั่งมองพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังจะลับขอบฟ้าไป ผมชอบมองพระอาทิตย์ตกชอบมองแสงสีส้มที่สุดเส้นขอบฟ้าที่กำลังจะเปลี่ยนสีเป็นสีดำสนิทพร้อมกับแสงระยิบระยับหลายล้านแสงบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่



เมี้ยววว



นั่นไง ผมบอกแล้ว ว่าอีกประเดี๋ยวเจ้าแมวจอมดื้อก็จะตามออกมา ไวท์กระโดดขึ้นมานอนขดตัวอยู่บนตักผม เรานั่งมองพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าและดาวระยิบระยับที่ส่องแสงริบหรี่อยู่บนท้องฟ้าด้วยกันทุกวัน



"เหงามั้ย"



เมี้ยว



"นายไม่เหงาหรอก เพราะมีเราเป็นเพื่อน"



เมี้ยวววว



"เราก็ไม่เหงา เพราะเราลืมไปแล้วว่าความเหงามันรู้สึกอย่างไงตั้งแต่มีนายเข้ามา"



เมี้ยวววว



ก่อนจะมีไวท์มานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินกับผม ผมเคยนั่งมองพระอาทิตย์ตรงนี้กับใครคนหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาหายไปแล้วโดยที่ไม่บอกผมด้วยซ้ำว่าเขาจะไป ผมเคยนั่งดูพระอาทิตย์คนเดียวอยู่ตรงนี้ทุกวัน แล้วเขาก็เข้ามา คุณคนข้างห้องที่จู่ๆก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เรานั่งมองพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน ทั้งในวันที่ร้อนอบอ้าว วันที่ฝนตกอากาศชื้น วันที่เย็นสบายในช่วงสิ้นปี แต่ผมไม่เคยเห็นหน้าเขา เราคุยกันผ่านระเบียงคอนโดที่มีกำแพงขนาดไม่ถึงสิบเซนติเมตรกั้นไว้ ผมไม่รู้จักเขา และผมก็มั่นใจว่าเขาไม่รู้จักผม แต่เราก็นั่งดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันเงียบๆอยู่เกือบปี ผมไม่รู้จักชื่อเขา เพราะไม่เคยคิดจะถาม ส่วนเขาเองก็ไม่เคยปริปากถามชื่อของผมเหมือนกัน ความสัมพันธ์ของเราแม้จะดูแปลก แต่มันใีความสบายใจซ่อนอยู่ ผมไม่เคยอึดอัดที่มีใครไม่รู้มานั่งมองพระอาทิตย์ตกกับผม และผมคิดว่าเขาเองก็คงคิดเหมือนกันเพราะเขาก็ออกมานั่งตรงนี้ทุกวันเวลาเดิม แต่แล้วเขาก็หายไป หายไปโดยไม่ร่ำลา เหมือนใครคนนั้นที่จากไปในที่ๆผมยังไปหาไม่ได้ ทำไมทุกคนที่ผมรู้สึกดีด้วยถึงหายไปในเวลาเดียวกัน



พรึบๆๆ



ผีเสื้อสีขาวตัวเดิมที่บินมาเกาะที่ขอบระเบียงทุกวัน มันมาในเวลานี้เกือบสามเดือนแล้ว เราหนึ่งคนกับอีกสามตัวนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันจนแสงสีส้มละขอบฟ้าไปอีกหนึ่งวัน





.

.

.



4 เดือนต่อมา



17.54



วันนี้อากาศปลอดโปร่งไม่มีเมฆ



"อาหารแมวหมดแล้ว" ผมหยิบขวดใสๆที่เอาไว้ใส่อาหารเม็ดแมวหลากสีไว้ขึ้นมาดู



"หิวหรอ เดี๋ยวลงไปซื้อให้ รอแป๊บนะ"



เมี้ยวว



ผมหยิบกระเป๋าตังค์และโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับกุญแจห้อง แล้วรีบลงไปที่ร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ตรงข้ามคอนโด



"อะไรกัน สัญญาณทางม้าลายเสียหรอ" ผมยืนอยู่ตรงทางม้าลายด้านหน้าคอนโด ตรงนี้มีไฟที่ไว้สำหรับให้คนที่ต้องการข้ามถนนกดเพื่อให้รถที่สัญจรผ่านไปมาหยุดให้ผู้คนได้ข้ามถนน แต่ไฟสัญญาณตรงนี้ชอบเสียบ่อยแล้วก๋ไม่ค่อยมีคนแจ้งให้ช่่างมาซ่อม วันนี้ก็เหมือนกัน ผมคงต้องพึ่งตัวเองแล้วละ



ผมมองซ้ายทีขวาที พอมั่นใจว่าไม่มีรถมาก็ขยับขาก้างลงไปบนถนนทันที



ปี๊ดๆๆๆ ปี๊ดดดๆๆ



โครม!



แต่ไม่ว่าเราจะระวังแค่ไหน อุบัติเหตุมันก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะคนอื่นอาจจะไม่ระวังเหมือนที่เราทำ ผมถูกรถมอเตอร์ไซค์ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ชนเข้าอย่างจัง ตัวผมกระเด็นไปไกลเท่าไหร่ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ตัวผมนอนอยู่บนพื้นถนนแล้ว ภาพรอบตัวพร่ามัวไปหมด ผมลืมตาไม่ขึ้น ทุกอย่างมันเบลอไปหมด ผมหนาว และผมกำลังคิดถึงแม่



เมี้ยวววว



เมี้ยวววว



เมี้ยววว



"ไวท์"



เมี้ยวววว

.

.

.

.

.

.

.

By ppeachmm

ยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวมาลงต่อคะ






















Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-05-2020 10:43:35 โดย Ppeachmm »

ออฟไลน์ mylittleY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รีบมาต่อนะคะ สนุกคะ :mew3: :mew1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Ppeachmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
(ต่อ)

ตอนที่ 2

ทุกคนล้วนมีความฝัน ตอนเด็กผมฝันอยู่บ่อยๆว่าได้ไปเที่ยวที่ต่างๆ ไปเจอกับตัวการ์ตูนหลายๆตัวที่ดูผ่านจอทีวี พอโตขึ้นมาอีกหน่อยก็มักจะฝันว่าต่อสู้กับก๊อตซิลล่าบ้าง สู้กับทีเร็กซ์บ้าง บางครั้งก็วิ่งหนีซอมบี้บ้าง แต่ตอนนี้ความฝันที่ผมเผชิญอยู่มันแปลกสิ้นดี ความจำสุดท้ายก่อนที่ผมจะหลับไปคือผมไปปีนหน้าผาแล้วพลาดตกลงมา แต่หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ผมจำไม่ได้ หรือเพราะมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือเพราะผมไม่เคยไปปีนผาแต่แรก ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตามแต่ ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมอยู่ในฝันที่ประหลาด ประหลาดสุดๆ

รู้สึกเหมือนตัวเองตัวเบาหวิว สิ่งของรอบข้างดู..ใหญ่ขึ้น อย่างประหลาด โลกดูใหญ่เกินไปมากมาย และเสียงรอบตัวที่ดูดังวุ่นวาย แล้วตาผมก็ดูโฟกัสสิ่งต่างๆแปลกไป ภาพตรงหน้าผมตรงกลางเบลอแต่ด้านข้างกลับชัดแจ๋ว แปลกชะมัด ผมงัวเงียลืมตาให้กว้างขึ้นพรางยกมือขึ้นมาขยี้ตา แต่สิ่งที่ประหลาดคือมือผมมีขน แขนผมมีขน ขนสีขาวปุกปุย และนิ้วที่กุดสั้นลงจนแทบมองไม่เห็น

หือ? นี่มันฝันประเภทไหนกันวะเนี่ย

ผมงงงันกับสภาพของตัวเองหันซ้ายหันขวามีกระจกบานใหญ่อยู่ แม้มันจะไม่ใช่กระจกเงา แต่กระจกบานนี้ก็ทำให้ผมสามารถเห็นสภาพร่างของตัวเองได้เต็มตา ภาพสะท้อนจากกระจกทำผมตกใจไปชั่วเสี้ยวนาที

นี่ผมฝันว่าตัวเองเป็นแมวหรอเนี่ย

ตลกสิ้นดี

อะไรที่ว่าตลกนะหรอ ก็เพราะผมไม่ใช่คนชอบสัตว์ แต่ก็ไม่ได้เกลียดสัตว์นะอย่าเข้าใจผิด ที่บอกว่าไม่ชอบคือหมายความว่าไม่ชอบจนขนาดเอามาเลี้ยงไว้ที่บ้านสักตัว และไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนต้องเลี้ยงสัตว์ด้วย ทั้งๆที่คุยกันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยสักนิด

และที่สำคัญคือ

ไม่เคยฝันว่าตัวเองเป็นสัตว์เลี้ยงมาก่อน และไม่คาดคิดว่าตัวเองจะกลายมาเป็นแมวในฝันด้วยซ้ำ แล้วทำไมต้องแมวด้วย เป็นสิงโตตัวโตๆไม่ได้รึไง

ผมตกใจกับสภาพตัวเองสักพัก ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัว ตอนนี้ผมน่าจะอยู่หน้าร้านกาแฟที่แถวระแวกคอนโด ผมจำได้ดี แต่ไม่ใช่เพราะเคยมาร้านนี้นะ แต่เพราะผมชอบมานั่งในร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามต่างหาก ร้านนั้นนะร้านประจำผมมาเกือบทุกวัน

ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวยาว ผมจำได้ดีมันเป็นเก้าอี้ไม้เก่าๆที่เจ้าของเขาเอามาตกแต่งใส่ขาเหล็กให้เป็นเก้าอี้สไตล์ลอฟต์ และตอนนี้ผมไม่ใช่คนเดียวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้ ผมขยี้ตาจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างกันจากด้านข้างอยู่สักพัก

"ซัน" ผมเผลอเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นออกไป แต่สิ่งที่แปลกคือมันออกมาไม่เป็นภาษา ไม่ว่าผมจะพูดอะไร สิ่งที่ถูกเปล่องออกมามันจะกลายเป็นเสียงเดียวตลอด

เมี้ยว

เสียงผมแหลม และผมพูดไม่รู้เรื่อง!


"พอตื่นแล้วโวยวายเลยนะ" ผู้ชายคนนั้นหันมาสบตากับผม เราสบตากันอยู่สักพัก ผมส่ายหน้าไปมาคล้ายไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นเป็นเรื่องจริง

เอ...หรือว่าผมจะคิดถึงเขาจนเก็บเอามาฝันแบบนี้ คนเรามักจะตักตวงความสุขจากความฝัน และถ้านี่เป็นฝันจริงๆ ผมก็ขอโอกาสตักตวงความสุขที่ไม่เคยจับจ้องได้ในความเป็นจริงเสียหน่อยก็คงไม่มีใครว่าหรอก จริงมั้ย

"เมี้ยว" ซัน....

ผมขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้นเอาหัวเล็กๆของเจ้าแมวเหมียวตัวนี้ขึ้นไปวางพาดไว้บนขาของเขาแล้วถูไปมา  แล้วนี่ผมไปเรียนวิธีการทำแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย พอทำไปก็อายตัวเองวะ แต่ช่างเหอะ ขอสัมผัสตัวซันซักหน่อยอยากจับมานานละ

ผมใช้หัวเล็กๆนี่ถูไถขาของซันเบาๆ จนเจ้าของขาเอื้อมมือมาลูบหัวผมเล่น นี่เป็นครั้งแรกมั้งที่ผมรู้สึกว่าฝ่ามือของซันใหญ่ ทั้งๆที่ซันนั้นไม่ใช่ผู้ชายร่างใหญ่โตอะไร เป็นเพียงผู้ชายรูปร่างมาตรฐาน ที่ผอมเกินมาตรฐานเท่านั้น ถ้าเอามือซันมาเทียบกับมือผมแล้วเปรียบเทียบผมเป็นขนาดละก็ มือซันคงจะเป็นได้แค่ไซส์ s ส่วนของผมก็คงจะเป็นไซส์ L แต่มันก็เป็นแค่การคาดเดาของผมเพียงเท่านั้น เพราะเราไม่เคยวัดขนาดมือกัน หรือจะพูดง่ายๆ คือผมไม่เคยจับมือซัน ทั้งที่ความสัมพันธ์ของเรามันควรจะทำให้เราสนิทกัน แต่เปล่าเลย....มันกลับตรงกันข้าม มันทำให้ซันเกลียดผม และเราไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่ตอนนั้น

แปะ แปะ

ฝนตก

ผมเพิ่งเคยเห็นฝนเม็ดใหญ่ขนาดนี้ การมองเห็นโลกจากมุมมองของเจ้าขนปุยนี่มันก็ไม่ได้แย่ไปซะทีเดียว ทุกอย่างล้วนดูมีขนาดใหญ่ขึ้นไปหมด แม้กระทั่งเม็ดฝน และเจ้าขนปุยนี่มองสิ่งที่อยู่ใกล้ๆได้ชัดมาก อย่างเช่นในตอนนี้ที่ผมเห็นหน้าของซันชัดมาก ชัดถึงรูขุมขนและรอยสิว เหมือนพกกล้องซูมที่มีคุณภาพเม็ดสีต่ำติดตัวไว้ตลอดเวลา

ปกติซันเป็นคนผิวขาวซีดๆ อยู่แล้ว แต่พอมองจากตาเจ้าเหมียวนี่แล้วผิวซีดๆของซันกลับซีดลงกว่าเดิมอีก

แย่ละ

ผมกำลังแย่

"ฝนตก"

ผมกำลังเสพติด

"เมี้ยว" ซัน

เสพติดการมองซันจากที่ใกล้ๆแบบนี้ และผมกำลังเสพติดสัมผัสของซันที่ลูบหัวผมเล่น

ต้องขอบคุณฝนที่ทำให้เราสองคน ไม่ใช่สิต้องบอกว่าหนึ่งคนกับอีกหนึ่ง...ตัว...อยู่ตรงนี้ด้วยกันแสนเนิ่นนาน

"อื้อ อย่าซน" มือหนาแตะลงมาบนหัวปุกปุยของผมเบาๆ เมื่อผมยื่นมือเล็กๆ ของตัวเองไปเขี่ยผีเสื้อตัวสีขาวที่เกาะอยู่บนหัวไหล่ของซัน


"เมี้ยว" จะปัดออกให้ไง

ผมพยาบามจะขยับอุ้งมือเล็กๆของตัวเองให้หลุดพ้นมือหนาที่ทาบทับลงมาบนมือของผมอยู่ แต่ไม่ว่าจะพยายามขยับแค่ไหน มือหนานิ่มๆนั้นก็ไม่สะทกสะท้านเลย แถมเจ้าของมือยังหันมาหัวเราะผมอีก

แก้มยุ้ยๆนั่นเหมาะกับรอยยิ้มจริงๆ

ฝากไว้ก่อนนะ ซัน รอพี่ตื่นก่อนเถอะ แรงนายแค่นี้ทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก

"ฝนหยุดตกแล้ว" เสียงทุ้มๆของซันเอ่ยขึ้นเมื่อเม็ดฝนที่ตกลงมาหยุดลงแล้ว ซันชอบสูดกลิ่นดินกลิ่นหญ้าหลังฝนตก ผมคิดว่าเขาคงชอบกลิ่นชื้นๆหอมสดชื้นของมันละมั้ง ต่างกับผมลิบลับ เพราะผมนะ ไม่ชอบฝนตกเอาซะเลย เหมือนกับตอนนี้ที่ละอองฝนมันสาดเข้ามาตรงที่เรานั่งอยู่จนขนปุยๆสีขาวบนตัวผมชื้นไปหมด

จะเป็นหวัดรึเปล่านะ

อ้าวเจ้าผีเสื้อตัวสีขาวหายไปไหนแล้วละ

ขณะที่ยืนมองผีเสื้อสีขาวที่บินหายไป สลับกับท้องฟ้าสีดำสนิท คนข้างๆผมก็ลุกขึ้นเดินออกจากบริเวณร้านกาแฟไป

ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมทำสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ แต่พอรู้ตัวอีกที ผมก็เดินมาหยุดอยู่ที่รถคันสีขาวของซันแล้ว


"เมี้ยว" เอ่อ คือว่า....


"เมี้ยว" ไม่รู้เหมือนกันว่าเดินตามมาทำไม


"อยากไปด้วยเหรอ"


"เมี้ยว" ไปได้หรอ?


"ก็ดีเหมือนกัน คนที่ถูกทิ้งหนึ่งคน กับแมวที่หลงทางอีกหนึ่งตัว ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริง ๆ" ผมรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีเรื่องมากมายให้คิดในตอนนี้ รู้ว่าเขากำลังเสียใจ รู้ว่าเขากำลังคิดถึงใครบางคน และในใจลึกๆก็ยังหวังว่าความคิดถึงนั้นจะแผ่มาถึงผมบ้างแม้เพียงเสี้ยวของเศษความคิดก็ยังดี ผู้ชายคนนี้ที่แววตาเต็มไปด้วยความเศร้าอยู่ตลอดเวลา คือ คนที่น่าสงสารที่สุด และก็เป็นคนเดียวที่ผมอยากปกป้องมากที่สุดเช่นเดียวกัน


"งั้นก็ขึ้นรถ" 


"เมี้ยว" ครับผม!

พอซันพูดออกมาแบบนั้นผมก็กระโดดขึ้นไปขดตัวนอนบนเบาะข้างคนขับอย่างเร็ว ฝันมานานแล้วว่าอยากนั่งข้างๆซันเวลาซันขับรถ เพราะอะไรนะหรอ เพราะผมจะได้นั่งมองหน้าจิ้มลิ้มจองซันได้ใกล้ๆไงละ เด็กผู้ชายผิวขาว ตาโต แก้มน้อยๆ ปากแดงๆ กับลักยิ้มที่ผมอยากจะเอามือไปจิ้มเล่นตลอดเวลา และแววตาที่ไม่เคยยิ้มออกมาเลยสักครั้ง

.
.
.

2 อาทิตย์ผ่านไป

"ไวท์ มากินข้าวมา" ชื่อผมครับ เจ้าของห้องตั้งให้คงเห็นว่าผมตัวสีขาวเลยตั้งให้ คงไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นแต่อย่างใด แม้ผมจะภาวนาอยู่ในใจว่าเหตุผลในการเลือกชื่อนี้เพราะซันกำลังคิดถึงใครบางคน ตั้งแต่ผมเดินตามซันมาที่รถวันนั้น ผมก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหนอีกเลย เพราะซันหาเจ้าของของผมไม่พบ ซันไปถามเจ้าของร้านเกืิอบทุกวันว่ามีใครมาถามหาแมวสีขาวตัวฟูๆที่มีตาสองสีบ้างรึเปล่า แต่ก็ปรากฏว่าจนป่านนี้ยังไม่มีใครมาตามหาแมวตัวนั้นเลย แม้กระทั่งคนแถวนั้นก็ยังไม่เคยเห็นแมวลักษณะแบบนั้นด้วยซ้ำ หวยเลยมาตกที่พ่อหนุ่มมีลักยิ้มคนนี้ ที่ตอนนี้ต้องมาเทอาหารให้ผมกินเช้าเย็น ผมบอกหลายทีแล้วว่าไม่อยากกินอาหารเม็ด อยากกินข้าว ข้าวคนนะเข้าใจมั้ย....แต่เพราะซันไม่เข้าใจไง ผมเลยต้องยอมจำใจกินมันทุกวัน


"เมี้ยวววว" อาหารเม็ดไม่อร่อยเลยซัน วันหลังขอเป็นคะน้าหมูกรอบเถอะนะ


"ไง อิ่มแล้วก็มาอ้อนเลยหรอ" ผมกระโดดขึ้นไปนอนบนตักชายหนุ่มเจ้าของห้อง แล้วก็ฟ้องทันทีเลยว่าผมไม่อยากกินอาหารเม็ดอีกแล้ว แต่ดูเหมือนซันจะไม่เข้าใจ แถมยังคิดว่าผมมาอ้อนเขาอีก ผมพูดจนปากเปียกปากเฉะ จนในที่สุดก็เผลอหลับไปบนตักนุ่มๆของผู้ชายคนนี้เข้าจนได้ ทำไงได้ก็ผมเสพติดกลิ่นหอมๆที่ออกมาจากตัวผู้ชายคนนี้นี่นา ได้กลิ่นทีไรอยากเข้าไปออดอ้อนตลอดเวลา ว่าแต่ตอนนี้ทำไมตามันเหมือนจะปิดกันนะ

1 เดือนต่อมา

17:57

วันนี้ท้องฟ้าเป็นสีส้ม อากาศร้อนอบอ้าว

ครืน ครืน

ผมนั่งมองโทรศัพท์สีดำสนิทที่สั่นครืนอยู่บนโซฟาข้างๆกับเจ้าของโทรศัพท์ โทรศัพท์เครื่องนั้นสั่นอยู่นาน นานพอๆกับเจ้าของโทรศัพท์ที่เอาแต่จ้องเบอร์ที่โทรเข้ามาอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่กดรับ



"เมี้ยววว" รับสิซัน


"ไม่อยากรับ"


"เมี้ยววววว" ทำไมไม่รับละ


"ไม่รับหรอก"


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซันเมินเฉยต่อสายเรียกเข้า เขาเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เบอร์นี้โทรเข้ามา ผมไม่รู้ว่าใคร เพราะเจ้าของเครื่องไม่ได้บันทึกไว้ในรายชื่อ รู้แต่ว่าเจ้าของโทรศัพท์จะเศร้าทุกครั้งที่เบอร์นี้โทรเข้ามา ผมไม่รู้จะช่วยยังไง ทำได้เพียวกระโดดขึ้นไปนั่งบนตักอีกฝ่ายแล้วเอาหัวถูไถไปกับหน้าท้องเล็กๆนั่น อย่างน้อยมันก็ทำให้ชายหนุ่มในตาเศร้ายิ้มออกมาได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่รอยยิ้มที่ส่งไปถึงดวงตาก็ตาม

2 เดือนต่อมา 

17.56

วันนี้ฝนตกทั้งวัน อากาศชื้น

ซันเพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัย เขาบอกว่าวันนี้มีเรียนทั้งวัน ออกไปเรียนทั้งๆที่ไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยด้วยซ้ำ แซนวิชที่เจ้าของห้องหยิบออกมาจากตู้เย็นยังวางอยู่ที่เดิมตั้งแต่เช้า ซันเป็นแบบนี้บ่อยๆ ชอบลืมหยิบแซนวิชที่ตัวเองเอาออกมาจากตู้เย็นไปกินด้วย และเจ้าตัวเองก็คงไม่ได้ไปนั่งทานอาหารเช้าที่มหาวิทยาลัยแน่ๆ เพราะแบบนี้ไงถึงได้เป็นโรคกระเพาะไม่หายสักที

ครืน ครืน

เสียงโทรศัพท์ของซันสั่น

แต่เจ้าของโทรศัพท์ก็วางมันลงบนโต๊ะทันทีที่เห็นเบอร์โชว์ที่หน้าจอ

อีกแล้วหรอ....

"เมี้ยวววว" ทำไมถึงไม่รับ มีเรื่องสำคัญรึเปล่า เห็นโทรมาทุกวันเลย ขอดูเบอร์หน่อยสิ

"เดี๋ยวนี้ขี้บนจังเลยนะ"

"เมี้ยววว เมี้ยวววว" ก็นายมันดื้อไงซัน พ่อใช่มั้ยที่โทรมา ต้องใช้แน่ๆ เบอร์ที่ลงท้ายด้วย 588 เนี่ย พ่อแน่ๆ

ผมเริ่มหงุดหงิดกับความดื้อดึงของเจ้าเด็กซันนี่แล้ว ต้องเป็นพ่อของซันแน่ๆที่โทรมา เพราะได้ยินพ่อบ่นหลายครั้งว่าซันไม่เคยรับสายเลย ด้วยความโกรธผมเลยถีบขาเล็กๆของตัวเองกับพื้นแล้วส่งตัวเบาๆของตัวเองกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะยืนอยู่บนโต๊ะทานอาหาร ตอนนี้ผมกระโดดเก่งแล้วครับ ตอนฝึกแรกๆมีกระโดดพลาดบ้าง แต่ตอนนี้บอกได้เลยว่ามือโปรมาก การเป็นแมวนี่ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร

ผมยืนจ้องหน้าเจ้าของห้องหน้าดื้อๆทันทีที่กระโดดขึ้นมาอยู่บนโต๊ะ คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงต้องขึ้นมาบนนี้ทำไมไม่จ้องตั้งแต่ตอนที่ยืนอยู่บนพื้น อย่าลืมสิครับว่าตอนนี้ผมเป็นแมว มองที่สูงนานๆเมื่อยคอนะครับบอกได้แค่นี้

"ถ้ารู้ว่าพูดมากแบบนี้ ตอนนั้นไม่พากลับบ้านมาด้วยหรอก"

"เมี้ยว" อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ


"เมี้ยว" ไอ้เด็กดื้อ


"เมี้ยว" ทำไมถึงดื้อแบบนี้ รับโทรศัพท์พ่อนายสิ ท่านเป็นห่วงมากนะ


"ดื้อ"

"เมี้ยว" นายนั่นแหละดื้อซัน

เหมือนเจ้าเด็กแก้มยุ้ยนี่จะฟังรู้เรื่องเลยเอามือมาเขกหัวผมไปทีนึง ผมยอมที่ไหนละ ทำอะไรไม่ได้ กัดไปก็กลัวซันจะเจ็บ ทำได้เพียงต้องหน้าอีกฝ่ายแบบเคืองๆ แต่เกมส์จ้องหน้าก็ดูเหมือนจะล่มไปเพราะอีกฝ่ายหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำเสียแล้ว เป็นแบบนี้ตลอด สู้ไม่ได้ก็หนีเข้าห้องน้ำ!

ครืน ครืน

นั่นไง โทรศัพท์สั่นอีกแล้ว ผมละอยากจะรับแทนจริงๆ แต่ติดตรงที่โทรศัพท์ราคาแพงเครื่องนั้นมันไม่รับสัมผัสจากอุ้งมือเล็กๆปุยๆของผม ทำได้เพียงวางอุ้งมือสีขาวไว้บนหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับไปแล้วเท่านั้น เซ็งเป็ด! แมวเซ็ง!

เจ้าเด็กแก้มยุ้ยเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อยืดตัวใหญ่คอย้วยๆกับกางเกงนอนขายาว ผมชอบชุดนอนชุดนี้ของซันมาก เพราะก้มทีไรเห็นไปซะ..หมด...ทุก..อย่าง...บอกได้คำเดียว...กระชุ่มกระชวยมาก!!!

"วันนี้ไปร้านกาแฟมา ยังไม่มีใครมาตามหาแกเลยนะ ไม่มีเจ้าของจริงๆนะหรอ" ซันพูดออกมาก่อนที่จะอุ้มผมขึ้นมาไว้บนอก จนเสื้อคอย้วยๆนั้นร่นลงมาลึกมาก

"มองอะไร ทะลึ่งตลอดนะไวท์"


"เมี้ยววว" มองอะไร ไม่ได้มองสักหน่อย แค่เสี้ยววินาทีเอง อย่ามาทำเป็นรู้ดี


"ยังจะมาเถียงอีก เลิกมองสิจะได้ไม่ว่า"


"เมี้ยววว" ก็บอกว่าไม่ได้มองไงละ! ทำไมไม่เชื่อกันเลย

แล้วผมก็สะบัดตูดกลมๆของตัวเองลงจะอ้อมกอดลงไปบนพื้นเดินหายเข้าไปในห้องนอน อะไรก็ไม่รู้ มองนิดมองหน่อยก็ไม่ได้ ตัวเองใส่เสื้อคอย้วยมาโชว์เค้าเองเถอะ!

"เมี้ยววววว" ทิ้งเสื้อผ้าเกะกะอีกแล้วนะซัน

"เมี้ยววว" รีบมาเก็บเดี๋ยวนี้เลย บอกหลายทีแล้วเนี่ย


"รู้แล่าน่า จะไปเก็บตอนนี้แหละ" เจ้าตัวเหมือนจะรู้ว่าผมบ่นอะไร ลองทำเป็นไม่รู้ดูสิ ผมบ่นทุกวันขนาดนี้แล้ว ไอ้เด็กดื้อ ชอบทำห้องรก! ทำไมไม่ซื้อตะกร้าใส่ผ้ามาสักที หะ?

"พรุ่งนี้จริงๆ พรุ่งนี้จะซื้อตะกร้าเข้ามา เลิกบ่นได้แล้วน่า" ซันรีบเดินมาเก็บเสื้อผ้าตัวเองที่กองเกะกะอยู่หน้าห้องน้ำขึ้นไปใส่ตะกร้าในห้องน้ำทันที

"เมี้ยววว" ต้องให้บ่น ถ้าพรุ่งนี้ไม่ซื้อตะกร้ามานะ เจอดีแน่!

"รู้แล้ว คราวนี้จะซื้อมาจริงๆ ไม่ลืม"

"เมี้ยววว" ให้มันจริงเถอะไอ้เด็กขี้ลืม

"บ่นเป็นคนแก่ไปได้"

ใช่ไง นี่แก่กว่าตั้งสองปีนะ! เคารพกันบ้างสิไอ้เด็กนี่!


3 เดือนต่อมา

17.55

วันนี้ฟ้าเปิด อากาศเย็นสบาย

ผมเริ่มรับรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ผมนอนหลับไปหลายร้อยตื่นแล้ว แต่ทุกครั้งที่ตื่นมาก็ยังพบว่าตัวเองอยู่ในร่างเจ้าขนปุยนี่เหมือนเดิม ถ้ามันไม่ใช่ฝันแล้วมันคืออะไร หรือผมตายแล้วมาเกิดใหม่เป็นแมว? แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี เพราะผมฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นแมวตัวโตเลย ไม่นักกะจำได้ว่ามีความทรงจำตอนตัวเองเป็นแมวเด็กสักนิด ยิ่งคิดก็ยิ่งงงกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่

ครืน ครืน

โทรศัพท์สั่นอีกแล้ว นี่เป็นสายที่ห้าของวันนี้แล้วนะ

"เมี้ยว" ซัน

"เมี้ยวววว" ซัน พ่อโทรมา รับหน่อยสิ

"อื้อออ อย่าเสียงดังไวท์ นอนอยู่ อื้อออ"

คนที่นอนหลับฟุบหน้าลงกับหนังสือส่งเสียงงัวเงียลอดหมอนออกมา

"เมี้ยววว" ซันตื่น โทรศัพท์ดังนานแล้ว

ครืน ครืน

"หือ มีคนโทรมาหรอ"

"เมี้ยวววว" ใช่ หลายสายแล้วด้วย

"หยิบให้หน่อยลุกไม่ขึ้น ง่วง" ผมใช้ใช้อุ้งเท้าเล็กๆมันเขี่ยโทรศัพท์ที่หล่นอยู่ใต้โต๊ะกลางออกมาไว้ใกล้มือเด็กแก้มยุ้ยที่ตอนนี้หย่อนแขนพาดลงมาจากโซฟา หึ! นอนจนน้ำลายยืดเลยนะ อ่านหนังสือทีไร หลับทุกที แบบนี้จะเอาอะไรไปสอบละ น่าตีจริงๆ ...ตีปากด้วยปากได้มั้ยนะ.....

"เก่ง เดี๋ยวให้รางวัล"

ครืน ครืน

เจ้าของห้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองดูหน้าจอที่สว่างวาบก่อนที่จะดับไป และมันก็จบลงหมือนเดิมอีกแล้ว เขาปล่อยให้โทรศัพท์ดังอย่างอย่างนั้นจนมันดับไปเอง

"พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว ไปนั่งเล่นที่ระเบียงกัน" ซันวางโทรศัพท์คว่ำหน้าลงกับเบาะโซฟาก่อนหันมาชวนผมออกไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินเหมือนทุกวัน แต่ในเมื่อนั้นดื้อไม่ยอมฟังที่ผมบอกเลยสักนิด ผมก็ไม่อยากคุยด้วยแล้ว แค่รับสายพ่อแล้วพูดคุยให้ท่านหายเป็นห่วงหน่อยมันจะเป็นอะไรไป หนีไปนอนใต้โซฟาดีกว่า เบื่อเด็กพูดไม่รู้เรื่อง

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปเจ้าเด็กแก้มยุ้ยที่นั่งจิบโกโก้อีกมือถือคุกกี้อยู่ เห็นชอบกินเหลือเกินคุกกี้จากร้านนี้ กินวันละสองสามชิ้น ข้่วปลาไม่เห็นกิน ผอมกะหร่อง แต่ทำไมแก้มมันย้วยอย่างนั้นก็ไม่รู้


18:38

"เมี้ยว" ไอ้เด็กแก้มย้วย

เห็นซันนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินคนเดียวก็เลยสงสารออกมานั่งเป็นเพื่อนหน่อยละกัน ผมรู้ว่าเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินมันคือช่วงเวลาที่คนเราเหงาที่สุด

ตัวเองก็นั่งเหงาอยู่คนเดียว ละทำไมไม่กลับบานไปหาพ่อ ไม่เข้าใจว่าจะโกรธอะไรท่านนักหนา แบบนี้ไงละถึงบอกว่าเจ้าเด็กซันนะดื้อที่สุด

"เหงามั้ย"

"เมี้ยว" ไม่เหงาหรอก

"นายไม่เหงาหรอก เพราะมีเราเป็นเพื่อน"

"เมี้ยวววว" รู้ดี แล้วตัวนายละเหงามั้ย

"เราก็ไม่เหงา เพราะเราลืมไปแล้วว่าความเหงามันรู้สึกอย่างไงตั้งแต่มีนายเข้ามา"

"เมี้ยวววว" ซัน....

แล้วเมื่อก่อนนะนายนั่งดูพระอาทิตย์คนเดียวไม่เหงารึไงนะซัน ท้องฟ้าสีส้มกับพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินมันเหงาจะตาย

ซันชอบเหม่อไปมองระเบียงห้องข้างๆอยู่บ่อยเวลาที่ออกมานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินแบบนี้ คิดถึงคนข้างห้องละสิ

ทำไมถึงรู้นะหรอ ก็เจ้าเด็กนี่ชอบมองระเบียงข้างห้องแล้วก็ทำตาเศร้า แต่ทุกครั้งที่ซันทำแบบนั้นผมกับเผลอยิ้มออกมา

ทำไมนะหรอ

เพราะผู้ชายข้างห้องคนนั้นคือผมเอง ผมเองที่เคยนั่งมองดวงอาทิตย์ตกดินกับเจ้าเด็กแก้มยุ้ยนี้ ผมรู้จักเด็กคนนี้ดี รู้ว่าชื่ออะไร เรียนที่ไหน เกิดวันที่เท่าไหร่ ชอบดื่มกาแฟร้านไหน แล้วก็ชอบซื้อคุกกี้ร้านไหน ซันไม่รู้เลยสักนิดว่าผมนะรู้เรื่องของเขามากขนาดไหน แต่ซันกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผมเลย แม้แต่หน้าผมเขายังไม่เคยเห็น ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้เขาเห็นนะ แต่เป็นซันเองที่พอใจกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นแค่ที่ระเบียงยามพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้น เขาไม่เคยถามชื่อผม หรือถามคำถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องส้วนตัวของผมเลยสักอย่าง เราคุยกันแค่เรื่องสรรพเพเหระ ท้องฟ้าอากาศ หนงเรื่องที่ชอบ เพลงที่แชร์ให้กนและกัน เท่านั้นที่เราคุยกัน แต่ผมก็ไม่เคยเบื่อเลยสักนิด และตอนนี้ผมก็มั่นใจว่าซันเองก็ไม่เคยเบื่อที่มีคนแปลกหน้ามานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันเลยสักนิด ดูจากที่อีกคนชอบเผลอมองไปทางระเบียงห้องที่ปิดไฟสนิทหลายต่อหลายครั้ง แค่นี้ก็มำให้ผมยิ้มออกมาได้อยากไม่ปิดบัง มันคือความดีใจ ดีใจที่อย่างน้อยน้องชายแก้มยุ้ยคนนี้ก็ยังคิดถึงพี่ชายต่างสายเลือดคนนี้บ้างในเสี้ยวความคิด

ใช่ครับ

ผมเป็นพี่ชายซัน

แต่เราไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดกันเลยสักนิด เพราะผมเป็นลูกติดของภรรยาอีกคนของพ่อซัน ความสัมพันธ์ฟังดูซับซ้อนใช่มั้ยครับ และก็ใช่ครับ มันซับซ้อนจริงๆ และไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนะครับ ความรู้สึกมันยิ่งซับซ้อนกว่านั้นหลายเท่า

ซับซ้อนจนผมอยากซื้อคำว่า 'พี่ชาย' ทิ้งจากพจนานุกรมเลยทีเดียว

เพราะผมรักน้องชายต่างสายเลือดคนนี้แบบที่พี่ชายรักน้องชายไม่ได้ ความรู้สึกที่ผมมีต่อซันมันมากกว่านั้นหลายเท่า มากจนผมไม่อยากจะแบกความรู้สึกนั้นไว้อีกต่อไปแล้ว

.
.




ออฟไลน์ mylittleY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบไอเดีย กับมุมมองที่เกิดจากแมวมากคะ สนุกดี

ออฟไลน์ mylittleY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไรท์ มาต่อเถอะ นะๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด