End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P) #31 [24/6/2561] จบแล้วจ้า  (อ่าน 20609 ครั้ง)

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

...

นิยายเรื่องอื่นๆของนักเขียน

(เรื่องสั้น) 4P ไอ้แว่นเนี่ย!แฟนพวกผม YAOI   (มิค, ไมค์, โม x มิลค์) https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1237829   สถานะ จบแล้ว

(เรื่องสั้น)(3P Yaoi) Love Away! รักมาหลายปี...เจอทั้งทีขอก(อ)ดหน่อยนะ   (ไวน์, วิน x บูม) https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43083.0;topicseen   สถานะ จบแล้ว

(เรื่องสั้น)Control Love รักครั้งนี้ผมควบคุม (Yaoi)   (ฮยอนชิก x อิลฮุน) https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1054991   สถานะ จบแล้ว

(เรื่องสั้น)Hate เกลียดอะไรได้อย่างนั้น ผมเกลียดเด็กช่างก็เลย... (Yaoi)   (เฟียส x ณโม) https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1240000   สถานะ จบแล้ว

(เรื่องสั้น)รักวุ่นวายของคุณชายต่างขั้ว (Yaoi 4P)    (พี, เอ็น, เค x ต้นรัก) https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43081.0;topicseen   สถานะ จบแล้ว

End  ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)   (เอล x เพื่อน) https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67075.0#top   สถานะ จบแล้ว

End (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)    (บาร์เทน, โดนัล, เลนโว, ไลฟ์ลี่, ดีเลย์ x โซฟา)   https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50474.0;topicseen   สถานะ จบแล้ว

End click love ยัยยากูซ่ากับนายตัวแสบ   (ไค x มิ)   https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1009757   สถานะ จบแล้ว

End My Love เพราะเป็นมึงกูถึงยอม (Yaoi)    (คอกเทล x เบค่อน) https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1016261   สถานะ จบแล้ว

End NEWS! ข่าวลับ ข่าวรัก YAOI 3P   (ฟาเรนไฮน์, เซลเซียส x มิกกี้) https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1171585   สถานะ จบแล้ว

(...) จงเติมคำในช่องว่าง (Yaoi)   (วีอาร์ x ของขวัญ)   https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67587.0  สถานะ On Air
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2018 11:38:28 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#บทนำ


   ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ดินแดนแห่งเวทย์มนต์ ฮอตโตริ ดินแดนแห่งนี้แบ่งออกเป็นสามอาณาจักรใหญ่ได้แก่ อาณาจักรรัสเทียร์ของเหล่าปีศาจมีผู้นำคือจอมมารในแต่ละรุ่นปกครอง ต่อมา อาณาจักรฟาซอลเทียร์มีพระราชาแต่ละรุ่นเป็นผู้ปกครอง และสุดท้าย อาณาจักรอิลเทียร์ของเหล่าพ่อมดแม่มดมีผู้นำคือจอมเวทย์เป็นผู้ปกครอง อดีตกาลทั้งสามดินแดนอาศัยอยู่ร่วมกันเดินทางไปมาหาสู่กันได้ตามปกติแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อนกลับเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้อาณาจักรรัสเทียร์ของปีศาจและฟาซอลเทียร์ของมนุษย์เกิดผิดใจกันจนแตกหักโดยที่อาณาจักรอิลเทียร์พยายามหาหนทางที่จะช่วยทั้งสองอาณาจักรคือดีกัน แต่กลับไร้วี่แวว จนวันหนึ่งที่เหล่าสภาเวทย์รวมตัวกันเพื่อถามคำทำนายที่ทางผู้คนในอาณาจักรนับถือจากศิลาเวทย์ที่ต้องใช้พลังเวทย์เยอะพอสมควรเลยใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น โดยในครั้งนี้รวบรวมเหล่าพ่อมดแม่มดที่ผ่านขั้นนักเวทย์มาแล้วด้วยกันเกือบพันคน หลังจากเริ่มร่ายเวทย์ทำพิธี ตัวศิลาปรากฏลำแสงพุ่งออกไปที่แผ่นหินตัวทำรอบศิลาก่อนจะเกิดแผ่นศิลาหนึ่งแผ่นขนาดใหญ่พอสมควรลอยเด่นใจกลางแสงสว่างนั้นก่อนจะลอยมาวางบนพื้นหน้าเหล่านักเวทย์ก่อนที่แสงเหล่านั้นจะหายกลับไปที่ศิลาศักดิ์สิทธ์ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ จอมเวทย์เดินไปยกแผ่นศิลาขึ้นตั้งก่อนจะอ่านข้อความบนศิลาแผ่นนั้นทันที


เมื่อเวลาเวียนว่ายมาบรรจบ
เราจักพบความสงบทุกสถาน
ไร้ความเกลียดความชังนิรันด์กาล
ปีศาจมาร มนุษา ชาวเวทย์เอย
   เมื่อใดก็ตามที่มีพ่อมดน้อยที่มีครบธาตุถือกำเนิดขึ้น คำทำนายจักขึ้นอยู่กับตัวของเขา หากสำเร็จจักพบความสุขสงบหากผิดพลาดจักวอดวาย จงตามหาเขาให้พบก่อนที่กาลเวลาจักพรากความหวังของ 3 ดินแดนไปตลอดพันปีกาลอีกครั้ง


ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆทุกอย่างตกอยู่ภายใต้ความเงียบงัน นักเวทย์ทุกคนที่เข้าร่วมพิธีต่างครุ่นคิดถึงเด็กในคำทำนาย บุคคลที่จะสามารถใช้เวทย์ได้ครบทุกธาตุจะมีอยู่จริงหรือ เพราะขนาดท่านจอมเวทย์ที่เป็นผู้นำยังมีเจ็ดธาตุเท่านั้น แถมถ้าจะมีครบธาตุต้องมีร่างกายที่เป็นเช่นไรกันถึงรองรับพลังเวทย์มหาสารนั้นได้


“เราจะต้องตามหาเด็กในคำทำนายนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนตาที่ตำรารวบรวมนักเวทย์ของหอตำราได้บอกแก่เราไว้ ลำดับขั้นสูงสุดของเราคือจอมเวทย์ตามตำราทั่วไปที่พวกเจ้าเรียนรู้บ่งบอกถึงเพียงขั้นนั้นเพราะนานนับหมื่นปีตามที่ข้ากล่าวไม่มีผู้ได้เกินกว่าขั้นนี้ไปได้ แต่ตามบันทึกของตำรานั้นบ่งบอกว่าเมื่อหมื่นปีก่อนมีจอมเวทย์ที่อยู่ในขั้นที่สูงกว่านั้นขึ้นไปและเป็นจุดสูงสุดของพวกเราชาวเวทย์แห่งอิลเทียร์” จอมเวทย์เอยด้วยความยินดีที่ตนสามารถเพิ่มวิธีที่จะตามหาเด็กในคำทำนาย


“ตำรานั้นอยู่ภายใต้การดูแลของสภาเวทย์ของเหล่าผู้อาวุโส พวกเราเหล่านักเวทย์เป็นเพียงขั้นกลางไม่มีสิทธิ์เข้าไปในห้องนั้นได้ ท่านจอมเวทย์ช่วยกล่าวต่อได้หรือไม่เจ้าคะ ว่าเนื้อหาภายในเล่มนั้นบอกกล่าวอะไรแก่ท่านบ้าง” นักเวทย์สาวที่เป็นอาจารย์หลังจากที่ผ่านการทดสอบเป็นนักเวทย์เมื่อหลายปีก่อนกล่าวถามแทนเหล่านักเวทย์อื่น


“ในบันทึกระบุไว้ว่าคนผู้นั้นสามารถใช้เวทย์ได้ทุกธาตุ ไม่จำเป็นต้องใช้สื่อกลางหรือการร่ายเวทย์ด้วยการร่ายแบบพวกเรา สามารถใช้เวทย์ได้ตามใจนึก เป็นชาวเวทย์เพียงคนเดียวที่สามารถหยิบยืมพลังจากธรรมชาติรอบกายได้ทุกชนิด คนผู้นั้นอยู่ในขั้น มหาปราชญ์จอมเวทย์  แต่ไม่มีบันทึกว่าเขาคือใคร ลักษณะเป็นเช่นไร แม้กระทั่งชื่อที่ทิ้งไว้ก็เป็นเพราะความเลือนรางจากเวทย์มนต์ลบตัวตนของเขาเช่นกัน” จอมเวทย์ทำหน้าเศร้าหลังจากเล่า เหล่าสภาอาวุโสที่เคยได้อ่านบันทึกต่างทำสีหน้าเจ็บปวดจนนักเวทย์ยิ่งอยากจะรู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น


“เมื่ออดีตกาลชาวเวทย์เช่นเรายังคงหวาดกลัวต่อพลังที่ไร้รูปแบบเช่นนั้นจนเกิดเป็นการแบ่งแยกที่ชัดเจน และจอมเวทย์ในครานั้นยังมิสามารถจัดการในเรื่องนี้ได้จนมหาปราชญ์ตอนย้ายตัวเองหลีกหนีเข้าไปอาศัยอยู่ในป่าลึกแต่เมื่อมีเหตุการณ์ที่เกินกำลังตนกลับเชิญเขามาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อเสร็จสิ้นก็ไม่เคยประกาศถึงตัวตนของเขา พวกเราชาวเวทย์ในตอนนั้นทอดทิ้งเขาไว้ด้านหลังเมื่อเกิดสงครามกับสัตว์อสูรร้ายที่โจมตีพวกเราทั้งสามดินแดน ผู้ที่หยุดยั้งในครั้งนั้นมิใช่ผู้ปกครองทั้งสามหากแต่เป็นเขาผู้นั้น ผู้ที่ยืนหยัดในสนามรบมีเพียงแค่ทหารบางนายเหล่าผู้ปกครองและเขา หลายคนหนีตายเอาชีวิตรอดกัน จนเหตุการณ์จบไม่มีใครรู้ถึงตัวตนของเขาอีกนับจากนั้น เมื่อจอมเวทย์ใกล้จะสิ้นท่านกลับบันทึกเรื่องราวเหล่านี้ไว้ ท่านใช้เวทย์จดจำเพื่อจดจำเขาแต่เวทย์ที่ต่างกันทำได้แค่จดจำเรื่องราวและชื่อไร้ซึ่งสิ่งบ่งบอกตัวตนและคำมั่นสัญญาของพวกเขาครั้งนั้นที่จะไม่กล่าวถึงตัวตนอีกฝ่ายตลอดกาล ท่านจอมเวทย์ยอมที่จะผิดสัญญาบันทึกบอกเล่าไว้แล้วท่านก็สิ้นใจตามสัญญาที่กล่าว"


“ท่านจอมเวทย์ ท่านสามารถบอกชื่อของเขาแก่พวกเราได้หรือไม่ครับ เพราะนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เชื่อโยงกับเด็กในคำทำนายก็ได้นะครับ” นักเวทย์หนุ่มอีกคนกล่าว


“ฉันก็คิดเหมือนกับพวกเธอเหล่านักเวทย์ทั้งหลายเรื่องการเชื่อโยงกับเด็กในคำทำนาย แต่มันก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของเราเท่านั้น ความจริงเด็กคนนั้นอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาที่พวกเราคิดว่าเป็นสายเลือดเลยก็ได้ ถูกไหม เราควรเผื่อวิธีอื่นในการตามหาต่อไป เอาละท่านมหาปราชญ์จอมเวทย์ มีชื่อว่า รัสเทล อินเทียส”


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2018 12:44:48 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#1


“จงตื่นขึ้นมาเถิดบุตรแห่งข้า รัสเทล” เสียงทุ้มที่กังวานไปทั่วทุ่งกว้างที่มีเพียงร่างของชายหนุ่มต่างวัยสองคนอาศัยอยู่ตามลำพัง ชายหนุ่มที่นอนหลับตาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆก่อนจะลุกขึ้นนั่งหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านข้างตน ชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาจนไม่สามารถบรรยายได้ส่งรอยยิ้มเอ็นดูกลับมาที่เขา


“ท่านผู้สร้าง” เสียงที่นุ่มละมุนดังออกมาจากริมฝีปากบนใบหน้าที่ระบุเพศจากสายตาไม่ได้เพียงนิด หากแต่ความราบเรียบบริเวณหน้าอกที่ยืนยันว่าเป็นบุรุษเพศเพียงเท่านั้น


“หากเจ้ายังมิเลิกจมอยู่กับความเศร้าโศกจากพวกเขาเมื่อนานมาเช่นนี้ แล้วเจ้าจักมีความสุขในวันต่อไปได้เช่นไรบุตรข้า” ฝ่ามือที่ลูบอยู่บนศีรษะด้วยความเอ็นดูเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าสวยที่แฝงความเศร้าของเด็กหนุ่มตรงหน้า


“ข้ามิอาจลืมเลือนช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดที่พวกเขาทอดทิ้งข้ามิได้ พวกเขารับปากว่าจะช่วยเหลือข้าช่วยรักษาผืนป่าและสัตว์น้อยใหญ่ที่ข้าดูแลในนั้น พวกเขากลับทอดทิ้งมันจนเกิดเรื่องครั้งนั้นขึ้น พวกเขาบีบบังคับข้าให้ต้องทำร้ายลูกๆที่รักของตัวเอง พวกเขามิรักษาสัญญาที่จะดูแลสัตว์พวกนั้น พวกเขาทอดทิ้งพวกมัน และสุดท้ายก็หันหลังทิ้งข้าไว้กับปัญหาที่ข้ามิเกี่ยวข้องใดๆ  ข้าผิดอะไร ลูกๆข้าผิดอะไร ข้าแตกต่างกับพวกเขาเช่นไร ถึงทอดทิ้งข้ากัน เหตุใดจึงหวาดกลัวข้ากัน ข้าใช้เวลานานนับพันปีเพื่อหาเหตุผลมาตอบตัวเอง แต่ไม่มีอะไรที่บอกกล่าวแก่ข้าได้ว่าเหตุใดพวกเข้าถึงหวาดกลัวตัวข้าที่ปกป้องพวกเขาเช่นนี้”


“เจ้าบอกว่าเจ้าคือผู้ปกป้องพวกเขาเหล่าลูกแกะผู้หลงทางเช่นนี้ แล้วการที่เจ้าหนีพวกเขามานับหมื่นปีเช่นนี้ ใครเล่าที่ปกป้องเขาต่อกันบุตรแห่งข้า”


“ท่านผู้สร้าง ข้ารักและพร้อมปกป้องพวกเขาด้วยใจจริง แต่การที่พวกเขาทอดทิ้งข้ามันก็ทำให้ข้ามิสามารถมองพวกเขาดำเนินชีวิตต่อไปได้ พวกเขาต่างรักในพวกพ้องแล้วข้าเล่า มิรักพวกพ้องเช่นกันหรือ ข้าอยากมอบบทเรียนกับพวกเขา อยากให้พวกเขาได้ดูแลตนเอง อยากให้พวกเขาต่างเติบโตด้วยตนเองโดยไร้ข้าที่อยู่เฝ้ามอง”


“บุตรแห่งข้า ณ ตอนนี้ดินแดนด้านล่างกำลังระส่ำระส่ายยิ่งนัก หากเจ้ามิเชื่อจงส่องกระจกนี้เพื่อรับรู้เรื่องราวเถิด” ชายหนุ่มรับกระจกมามองโลกด้านล่างที่เขาเคยอาศัยเมื่อนานมาแล้ว


ความวุ่นวายในทุกย่อมหญ้าหลังจากที่เขาจากมาไม่นานจวบจนเหตุการณ์ปัจจุบันที่เกิดความแตกแยกของสองดินแดนจนเกิดสงครามอยู่ต่อเนื่อง ผู้คนบาดเจ็บล้มตายจากโรคประหลาด ผืนป่าที่เขาดูแลมิเปลี่ยนไปจากเดิม ไอเวทย์ที่ครอบคลุมไว้ทำให้เข้ารับรู้ได้ว่าที่นี่มีการดูแลรักษาที่สม่ำเสมอ ไอเวทย์จากปีศาจและพ่อมดแม่มดและเทคโนโลยีจากสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ที่ปกป้องคุ้มครองผืนป่าและสัตว์ภายใน ความเจ็บปวดเริ่มที่จะเลือนลางเมื่อเห็นว่าภาพตรงหน้ายังคงอยู่


“พวกเขาอาจจะหลงลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า แต่บทเรียนที่พวกเขาได้รับทำให้พวกเขาเข้าใจเจ้ามากขึ้น พวกเขากำลังรักษาสัญญาของเจ้าเช่นกาลก่อนแล้วบุตรแห่งข้า เจ้าสามารถละทิ้งความเจ็บปวดในอดีตครั้งก่อนได้หรือไม่เมื่อประจักษ์กับสายตาเจ้าแล้ว ว่าตอนนี้เจ้าเองก็ทอดทิ้งพวกเขาจากบทเรียนของเจ้าเช่นกัน บุตรแห่งข้า”


“ท่านผู้สร้าง ข้าไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลวร้ายลงเช่นนี้ เป็นข้าเองที่ทอดทิ้งพวกเขามานานนับหมื่นปีเช่นนี้ ข้าทอดทิ้งพวกเขาจนเหตุการณ์เลวร้ายกว่าเดิม ข้าจะทำอย่างไรดี พวกเขาจะให้อภัยกับโทษที่ข้าทอดทิ้งเขาครั้งนี้หรือไม่” เสียงของเด็กหนุ่มสั่นเทาจากความเสียงใจที่คิดว่าตนทอดทิ้งบุคคลที่ตนบอกว่าปกป้องไว้นานเกินไปจนแผ่นดินด้านล่างเริ่มระส่ำระส่ายเช่นนี้ ความแตกแยกของสองอาณาจักรที่ไร้ผู้ช่วยเหลือ ทุกอย่างดูหนักเกินไปที่อาณาจักรเวทย์แห่งนั้นจะช่วยได้


“หากเจ้าอยากจะรู้สิ่งใดก็จงตรองดูเอาเถิด หากแต่ไร้ซึ่งหนทางแล้ว ข้าผู้เป็นพ่อจักช่วยเหลือเจ้าเอง” อ้อมกอดที่กระชับเต็มไปด้วยความรักความห่วงใย ความสงบที่หาได้เสมอในอ้อมกอดนี้ทำให้เกิดประกายในดวงตาของเด็กหนุ่ม


“ท่านผู้สร้าง ข้าอยากปกป้องพวกเขาอีกครั้ง แต่ข้ากลัวว่าหากพวกเขาจำข้าได้จะหวาดกลัวข้าอีกหน”


“ข้าจะช่วยเจ้าเองบุตรแห่งข้า” แสงสว่างเกิดขึ้นก่อนที่จะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่กลับเหลือเพียงชายหนุ่มวัยกลางคนที่ยืนยิ้มอยู่เพียงลำพัง


“ไม่ว่าเจ้าจะหนีมันมาอีกสักกี่พันครั้งชะตาของเจ้าก็จะคงเดิม พวกเขาจักใช้ประโยชน์จากเจ้าเช่นเดิม อยู่ที่มุมมองของเจ้าแล้วว่าจะมองว่าพวกเขาใช้ประโยชน์จากเจ้าหรือเพียงขอยืมแรงของเจ้าเช่นมิตรสหายกัน พ่อคนนี้จักอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอไม่ว่ายามใด ขอให้เจ้าได้ประสบแต่สิ่งที่ดีเถิดหนา ลูกรัก”




   ภาพทุกอย่างกลายเป็นความมืดมิดเหมือนทุกครั้งที่เหตุการณ์จบลง เปลือกตาที่ปิดอยู่ถูกเปิดออก ร่างบางของเด็กผู้ชายที่อยู่บนเตียงซ้อนทับกับภาพของเด็กหนุ่มที่อยู่ในช่วงเวลาแห่งนิมิตฝัน ไม่ว่าส่วนใดของร่างกายที่ไม่แตกต่างจากกันที่แตกต่างคงเป็นเพียงขนาดของร่างกาย เพราะร่างบนเตียงเป็นเพียงแค่เด็กน้อยวัยสิบสามปีเท่านั้น


ร่างนั้นขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมานั่งนิ่งๆ ความงุนงงจากภาพฝันที่เห็นทุกครั้งยามหลับตานอนตั้งแต่จำความได้จากที่ตกใจที่เห็นคนที่หน้าคล้ายตัวเองกลายเป็นความชินชา หลังจากที่บอกเล่าความฝันกับบิดามารดาเขาก็ถูกหาว่าเพ้อฝัน เด็กน้อยจึงไม่เคยเล่าความฝันของตนเองแก่ใครอีก แม้จะจดจำเหตุการณ์ ชื่อและหน้าของเด็กหนุ่มในฝันได้แต่กลับเลือนรางเมื่อนึกถึงชายที่พูดคุยตรงหนาในฝันเสมอ


เมื่ออายุครบสอบขวบจึงเข้าโรงเรียนประจำอาณาจักรตามกฎระเบียบ และความฝันยิ่งเด่นชัดขึ้นเมื่อเข้ามาที่โรงเรียนแห่งนี้ในวัยสิบปี และทุกครั้งที่หลับตาภาพของเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าเหมือนตนก็ปรากฏขึ้นเสมอ


“ราส ถ้านายตื่นแล้วก็ไปจัดการตัวเองเร็วเข้า เรากำลังจะไปสายแล้ว” เสียงรูมเมทของเด็กหนุ่มดังขึ้นความคิดต่างๆจางหายเมื่อได้ยินคำว่าสาย

ขาสั้นที่แตกต่างจากเพื่อนร่วมรุ่นรีบวิ่งไปจัดการตัวเองแล้วพากันออกจากหอพักไปที่อาคารรวมทันทีเพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมขึ้นปีที่สี่ของพวกเขาเหล่าพ่อมดแม่มดรุ่นใหม่ สิ่งที่ตื่นเต้นก็คือจากนี้ไปอีกสามปีพวกเขาจะได้เรียนภาคปฏิบัติกันเสียทีและวันนี้พวกเขาจะได้รู้ว่าพวกเขามีเวทย์อะไรกันบ้างและสามารถใช้ได้ในรูปแบบไหนกันบ้าง


   ยินดีต้อนรับทุกท่านเขาสู่ดินแดนแห่งเวทย์มนต์นะครับ กระผม ราสเต้ ดีนเซอร์ ผมจะขอทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายหลักนะครับ  ที่โลกที่ผมอยู่เรียกกันว่า ฮอตโตริ ในโลกนี้แบ่งออกเป็นสามดินแดนนะครับ เราจะเรียกกันว่าอาณาจักรนะครับ

มาเริ่มกันที่อาณาจักรแรกกันครับ เป็นอาณาจักรของเหล่าปีศาจทุกชนิดทุกสายพันธุ์มีชื่อว่า อาณาจักรรัสเทียร์ ต่อมาอาณาจักรที่มีเหล่ามนุษย์ที่ไร้เวทย์อาศัยอยู่แต่ถึงจะไร้เวทย์ก็มีวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีมาทดแทนสิ่งที่ขาด มีชื่อว่าอาณาจักรฟาซอลเทียร์และมาถึงอาณาจักรสุดท้ายที่ผมภูมิใจนำเสนอ อาณาจักรบ้านเกิดของผมเองครับ อาณาจักรอิลเทียร์

ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าพ่อมดแม่มดรายละเอียดเบื้องต้นเป็นเนื้อหาสามปีที่เราเรียนทฤษฎีกันมาทั้งหมดครับ ที่นี่เราจะแบ่งลำดับการเรียกชื่อชั้นตามหน้าที่และพลังเวทย์ด้วยนะครับ ชนชั้นสูงหรือกษัตริย์ผู้ปกครองเราเรียกว่าจอมเวทย์ รองลงมาเป็นเหล่าสภาเวทย์อาวุโส ทำหน้าที่คัดกรองและออกกฎต่างๆ ต่อมาเป็นปราชญ์เวทย์ทำหน้าที่ส่งต่อคำสั่งและดูแลหน่วยงานต่างๆในระดับสูง ต่อมาเป็นนักเวทย์คือเหล่าอาจารย์และเจ้าหน้าที่ด้านการศึกษาทุกคน สุดท้ายคือพ่อมดและแม่มด เป็นคำเรียกบุคคลที่ไม่ได้รับตำแหน่งใด เรียงลำดับจากบนลงล่างตามนี้ครับ

จอมเวทย์
สภาเวทย์อาวุโส
ปราชญ์เวทย์
นักเวทย์
พ่อมด,แม่มด

ในส่วนของชื่อเรียกของพวกเราตามลำดับขั้นพลังเวทย์จะมีลำดับจากบนลงล่างตามนี้นะครับ
มหาปราชญ์จอมเวทย์ (ปัจจุบันสาบสูญ)
จอมเวทย์
ปราชญ์เวทย์
นักเวทย์
พ่อมด,แม่มด
พ่อมด,แม่มดฝึกหัด

ระดับขั้นในแต่ละขั้นนั้นจะแบ่งได้อีกสามส่วนคือ ขั้นสูง ขั้นกลาง และขั้นเริ่มต้น ชนิดของเวทย์แบ่งเป็นสองชนิดคือแบบพื้นฐานและพิเศษ โดยเริ่มจากพื้นฐานคือ ดิน , น้ำ , ลม , ไฟ แบบพิเศษคือ แสง , มืด , น้ำแข็ง , ไม้ , ไฟฟ้า , ทำนาย(สาบสูญ) , ห้วงเวลา(สาบสูญ)และว่างเปล่า(สาบสูญ)

นี่เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานสำหรับพวกเรานะครับ ที่อาณาจักรนี้จะมีโรงเรียนเพียงแห่งเดียวที่ฝึกสอนเหล่าพ่อมดแม่มดน้อยให้เติบโตกลายเป็นพ่อมดแม่มดหรือบุคลากรด้านต่างๆ ที่โรงเรียนนี้จะรับเด็กทุกคนในดินแดนเข้ามาเมื่ออายุครบสิบปีบริบูรณ์

สามปีแรกทางโรงเรียนจะสอนเฉพาะด้านทฤษฎีเท่านั้นเพื่อวัดระดับความรู้ พอปีที่สี่จะเริ่มวัดระดับพลังที่จะบ่งบอกว่าเจ้าตัวจะต้องอยู่หรือเดินทางไปตามเส้นทางใดในอนาคตของตน เด็กทุกคนเกิดมาจะยังไม่สามารถใช้เวทย์ได้จนกว่าจะผ่านการวัดระดับพลังจากที่นี่ก่อนเสมอ ผมและเพื่อนคนอื่นเลยอดที่จะตื่นเต้นไปกับมันไม่ได้เพราะอยากจะรู้ว่าผมได้พลังอะไร


“ต่อไปจะเป็นการแยกย้ายนักเรียนชั้นปีที่สี่ไปตามห้องวัดระดับพลังนะครับ” เสียงของอาจารย์ที่ทำหน้าที่ในงานปฐมนิเทศนักเรียนในครั้งนี้


เอ ผมลืมบอกชื่อโรงเรียนหรอครับ โรงเรียนนี้จะมีชื่อเดียวกับอาณาจักรเลยครับและอีกสองดินแดนก็เช่นกันครับ โรงเรียนอิลเทียร์  ชุดเครื่องแบบเป็นสีเทาเข้มทุกคนแต่ไทจะเปลี่ยนสีตามแต่ละชั้นปี ง่ายๆครับเราต้องเปลี่ยนไทใหม่ทุกปีครับเรียงจากปีแรกไปก็เป็น ขาว ครีม ชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน ครามและสุดท้ายดำครับ แต่จะมีเข็มกลัดชื่อย่อตัวหนังสือ IT ติดไว้ทุกคนแต่จะเป็นสีเงินครับ ส่วนพวกมีตำแหน่งจะเป็นสีทองครับผมรู้แค่นี้เพราะไม่ได้สนใจมากมายถ้าเจอสีทองก็เลี่ยงเดินไปอีกทางก็จบครับ


ผมไม่ได้มีความผิดหรอกนะครับแต่มันไม่ชอบไงครับ ผมคิดว่าพวกคุณก็เป็นเวลาเจออาจารย์ฝ่ายปกครองใช่ไหมละครับ แหมรู้กันๆ ต่อครับตอนนี้นักเรียนสีไทอื่นๆเริ่มแยกย้ายออกจากหอประชุมอาคารรวมไปแล้วที่อยู่ก็เป็นพวกไทฟ้าอ่อนแบบพวกผมที่บ่งบอกว่าเป็นเด็กปีสี่


“ราส ทางนี้ ฉันโคตรจะตื่นเต้นเลยหวะ” เสียงของรัล เพื่อนร่วมชั้นและรูมเมทของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับจูงแขนผมดินตามไปทางห้องวัดพลัง


ตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วครับที่มีหลายคนคอยเข้ามาถามมาคุยตั้งแต่เรื่องมีสาระจนเรื่องไร้สาระที่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม ผมที่ร่าเริงเข้ากับใครก็ได้มีเพื่อนเยอะแยะเป็นที่รู้จักจากรุ่นพี่รุ่นน้องมากมายแต่กลับไม่มีใครสักคนที่ผมเรียกว่าเพื่อนสนิทสักคนเดียว เมื่อมีคนเข้ามาใกล้ผมมากเกินเขตที่ขีดไว้ผมจะถอยห่างออกมา อะไรบางอย่างในตัวผมกลัวการไว้วางใจใครสักคนมาโดยตลอด ผมไม่เคยที่จะเชื่อใจใครนอกจากตัวเอง


“คนต่อไปเชิญครับ” รุ่นพี่ไทสีครามบ่งบอกชั้นปีที่ห้าทำหน้าที่ขานเรียกรุ่นน้องและเช็คชื่อคนที่ผ่านเข้าห้องไปจนกระทั่ง


“เชิญครับน้องราส” ผมพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้พี่เขาทั้งที่จำชื่อพี่เขาไม่ได้ก็ตาม ผมเดินเข้ามาภายในห้องวัดพลัง กำลังจะได้รู้แล้วสินะครับ ตื่นเต้นสุดๆเลย


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2018 12:45:16 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ กฤตย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
น่าติดตามครับ มาต่อไว้นะครับ

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#2


“เดินไปที่กลางวงเวทย์เลยจะ” อาจารย์สาวที่สอนวิชาประวัติศาสตร์เมื่อตอนที่ผมอยู่ปีสอง

ผมเดินไปทั้งที่ขาสั่นเล็กน้อย มันตื่นเต้นมากครับ นี่เป็นพิธีปลุกพลังของชาวเวทย์ทุกคนที่เข้าเรียนที่นี่เพื่อลุกพลังในตัวของทุกคนว่าจะมีธาตุใดแฝงอยู่ในกายแต่ละคนบ้าง


เมื่อนักเวทย์ทำการร่ายวงแหวนรอบตัวผมก็เริ่มเรืองแสงสีขาวรอบตัวของผม ผมที่ตกใจจนเผลอหลับตาลง


ภาพต่างๆวิ่งเข้ามาในหัวของผม ทั้งภาพป่าหลังโรงเรียนที่มีอาณาเขตติดต่อทั้งสามดินแดน มีชายหนุ่มที่อยู่ในความฝันนั่งอยู่ที่ใจกลางป่าที่ผมเคยแอบเข้าไปเดินเล่นเป็นประจำทั้งที่เป็นเขตหวงห้าม อีกทั้งรอบกายของเขามีแต่สัตว์อสูรมากมายที่เคยเห็นตามตำราในหอบันทึกของโรงเรียน มีภาพเหตุการณ์ที่คล้ายสนามรบสักอย่าง จนสุดท้ายภาพที่เขากำลังเอ่ยบางอย่างกับผู้ชายที่ต่างกันสามคนก่อนจะร่ายเวทย์ที่ผมไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาก่อนแต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงความเศร้าของชายคนนั้นและรับรู้ว่าเวทย์นั้นคือเวทย์ที่ปรากฏในหน้าหนังสือที่ผ่านตา เวทย์ลบล้างตัวตน


เฮือก ผมสะดุ้งเมื่อนักเวทย์เดินเข้ามาจับที่ตัว ผมสะบัดแขนแล้วถอยตัวออกห่างสายตาของทุกคนทั้งนักเวทย์ผู้ทำพิธีและนักเวทย์ที่ร่วมพิธี อาจารย์สาวแล้วก็รุ่นพี่ที่เรียกผมเข้ามา ใจของผมเต้นแรง ความรู้สึกตกค้างมันเป็นความหวาดระแวงกลัวว่าจะมีคนรู้ถึงตัวตนของผมหากได้สัมผัสตัวกัน ผมพยายามตั้งสติของผมให้หลุดออกจากภาพที่เห็นเหมือนกับทุกครั้งที่เกิดเรื่องในทำนองนี้เสมอ


“ขอโทษครับที่เสียมารยาท ผมอาจจะตื่นเต้นมากเกินไป” สายตาเห็นใจจากอาจารย์ สายตาสงสัยจากรุ่นพี่ และอีกหลายๆสายตา แต่ที่ผมสะดุดตากับเป็นสายตาที่มองมาอย่างหวาดกลัว


ภาพซ้อนทับกับอีกภาพเข้ามา เป็นเหตุการณ์ทำนองเดียวกันแต่คนละสถานที่และบุคคล ภาพนั้นเป็นโบสถ์ใจกลางเมืองแห่งนี้คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ผมแต่เป็นเด็กหนุ่มที่หน้าเหมือนกับผม วินาทีที่ผมสบสายตากับเขากับรับรู้ความรู้สึกเดียวกันเหมือนกับที่ผมรู้สึกได้ เราต่างหวาดกลัวสายตาที่มองมาและผิดหวังที่เห็นมัน ผมรีบสั่นศีรษะเรียกสติอีกครั้ง พยายามอยู่กับตัวเองไม่ยอมให้ภาพอะไรมารบกวนเวลาที่ผมรอคอยมาเสมอ


“ดีขึ้นไหมจ้ะ ถ้าดีขึ้นแล้ว ยกมือเธอมาแตะที่ลูกแก้วนี้เพื่อทดสอบว่าพลังเวทย์ในตัวเธอคืออะไรนะจ้ะ” อาจารย์สาวยิ้มเอ็นดูมาให้ผม

ผมพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปที่โต๊ะที่มีลูกแก้วทดสอบตั้งอยู่ เมื่อผมแตะลูกแก้วมีแสงสีขาวรางหมุนวนอยู่ภายในนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเหมือนที่อ่านและได้ยินมา ทุกอย่างดูนิ่งสงบ กลุ่มควันสีขาวจางยังคงลอยตัว ผมหันไปมองรอบตัว มีทั้งสายตาสงสัย ทั้งครุ่นคิด และอื่นๆ ผมกำลังจะยกมือออกกลับมีเสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นประชิดใบหู


“กงล้อแห่งชะตาของเจ้าเริ่มหมุนแล้ว เจ้าจักหนีมันไม่พ้นเพราะข้าคือผู้ทำนายแก่เจ้า” เมื่อสิ้นเสียงผมชักมือออกแบบไม่ให้เกิดพิรุธใดๆ ไม่มีใครได้ยินเสียงแบบที่ผมได้ยิน ผมคิดว่าสิ่งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับความฝันและภาพในพิธีนั้น ผมต้องหาทางพิสูจน์สิ่งที่อยู่ในความคิดของผมให้ได้


“แปลกมาก ทำไมไม่เกิดสิ่งใดขึ้นเลยได้อย่างไรกัน” เสียงพูดคุยจากเหล่านักเวทย์ที่เข้าร่วมพิธีทำการพูดคุยกันจนดังระงม


ผมมองซ้ายมองขวาเริ่มเหงื่อตก ผมกำลังจะเป็นตัวประหลาดหรอครับ นี่แปลว่าผมไม่มีเวทย์ทั้งที่เกิดในดินแดนนี้หรอครับ


“ทำใจดีๆนะจ้ะ อาจารย์ว่าอาจจะเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นก็ได้นะจ้ะ” อาจารย์สาวให้กำลังใจกับผม


“ผมว่าเรารองตรวจสอบพลังใหม่อีกครั้งดีไหมครับ” ชายหนุ่มนักเวทย์เสนอความคิดขึ้นมากลางวงสนทนา


“ลูกแก้วตรวจสอบนี้ไม่เคยมีเหตุการณ์ผิดพลาดมาก่อนตั้งแต่โบราณกาล แต่เพื่อความแน่นอน เธอพ่อมดน้อย เราขอให้เธอตรวจสอบอีกครั้งได้ไหม” ผมพยักหน้าทั้งที่ใจหวาดกลัวกับผลลัพธ์ที่ผมมั่นใจว่าจะเป็นแบบเดิม เมื่อผมสัมผัสมัน ลูกแก้วก็มีแสงสีขาวจางหมุนวนเช่นเดิม ทุกคนต่างทำสีหน้าเคร่งเครียด


“เอาล่ะ เราจะเอาเรื่องของเธอรายงานต่อที่ประชุมกับทางสภานักเวทย์และส่งต่อที่สภาเวทย์อาวุโสถ้าหากหาข้อสรุปอะไรไม่ได้ เมื่อได้เรื่องเราจะขอเรียกตัวเธอมาอีกครั้ง หวังว่าเธอจะให้ความร่วมมือกับเราด้วยดีนะ” นักเวทย์ผู้ทำพิธีเป็นคนหันมาพูดกับผม


ผมคิดอยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ ผมพยักหน้าตกลงก่อนที่รุ่นพี่คนเดิมจะเดินนำผมออกจากห้องวัดพลัง ตลอดทางรุ่นพี่พยายามพูดปลอบไม่ให้ผมเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นภายในห้องนั้น ผมพูดคุยกับรุ่นพี่และคนที่ผ่านมาตามปกติเพื่อไม่ให้ทุกคนสงสัยว่ามีเรื่องผิดปกติกับตัวของผม


เมื่อผมเดินกลับมาที่หอเพราะวันนี้ปีสี่จะวัดพลังกันเพียงเท่านั้น พรุ่งนี้คือวันเปิดเรียนที่แท้จริงต่างหากครับ


“เป็นยังไงบ้างนายได้เวทย์ชนิดไหน ฉันได้น้ำกับน้ำแข็งขั้นกลาง” รัลรูมเมทของผมเอ่ยทักทันทีที่ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องพัก


“ฉันยังไม่รู้เลย พอดีมีปัญหานิดหน่อย เอาเถอะว่าแต่พรุ่งนี้เรามีเรียนอะไรกันนะ” ผมเอ่ยเปลี่ยนเรื่องเพราะผมมีความรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ควรให้คนอื่นรู้มันมากกว่านี้อีกแล้ว


“อ่าก็ได้ อืม พรุ่งนี้รู้สึกว่าจะเรียนเรื่องการร่ายเวทย์และเลือกสื่อเวทย์นะ นายไปอาบน้ำก่อนเถอะ วันนี้อากาศอบอ้าวพอสมควร”


“ได้ แล้วนายจะออกไปไหนต่อไหม”


“ไม่ละฉันว่าจะนอนเล่นรอเวลาอาหารเย็นทีเดียวอีกไม่กี่ชั่วโมงเอง”


“อืม” ผมตอบรับก่อนจะหยิบชุดเดินเข้าห้องน้ำที่ในตัวของแต่ละห้องพักเพื่อความสะดวกสบาย


ผมรีบปิดประตู วางเสื้อผ้าทิ้งลงพื้นที่หน้าประตูแล้วเดินมาที่อ่างน้ำ เปิดน้ำจนเต็มก่อนจะทิ้งตัวลงนอนในอ่าง ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจก่อนจะโผล่หัวขึ้นมาจนพ้นน้ำสูดหายใจเต็มแรง หัวใจของผมเต้นแรงเพราะการขาดอากาศเมื่อกี้ ผมรับรู้ถึงน้ำในอ่างว่าไหลไปทางไหน  เสียงกระซิบของสายลม เสียงกระซิบของธรรมชาติรอบตัว ใช่ครับ ตั้งแต่ที่ผมผ่านพิธีปลุกพลังเวทย์ ผมได้ยินเสียงต่างๆรอบตัวมากขึ้นรวมทั้งเสียงที่ดังขึ้นจากตอนที่ผมแตะลูกแก้วตรวจสอบ เสียงนั้นเป็นเสียงเดียวกับคนที่เด็กหนุ่มพูดคุยด้วยทุกครั้งที่ผมหลับตาฝันทุกคืน


ผมที่รับรู้การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองที่เบาขึ้นกว่าเดิมและมีอะไรบางอย่างที่หมุนวนไปทั่วทั้งร่างของตัวเอง ผมที่คิดจะบอกอาจารย์เผื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพลังเวทย์ของผม แต่เมื่อไม่สามารถตรวจสอบพลังได้ผมคิดว่าผมคงจะคิดไปเอง แต่เมื่อผมเดินผ่านสวนที่คั่นระหว่างตัวตึกของโรงเรียนและส่วนของหอพัก ผมได้ยินเสียงกระซิบจากสายลมที่รุนแรงจนชัดเจนมากขึ้นและต้นไม้ต้นหญ้าที่ร้องเรียกผมจนกระทั่งเข้ามาที่ห้องพัก


เสียงจากสายน้ำเมื่อผมจมอยู่ภายในอ่างเมื่อสักพัก ผมไม่ได้คิดไปเองแล้วละครับ ผมได้ยินเสียงเรียกจากธรรมชาติรอบกายของผมจริงๆ แต่ผมไม่มีพลังเวทย์นะครับ ตรวจสอบสองรอบด้วยซ้ำ ผมตั้งสติ ครุ่นคิด จนใจที่เต้นแรงเพราะตื่นกลัวกลับมาสงบราบเรียบตามเดิม พรุ่งนี้ตอนพัก ผมคิดว่าผมจะต้องเข้าไปหาที่สงบในป่าเพื่อทดสอบอะไรบางอย่างแล้วละครับ






   เสียงรองเท้าที่กระทบกับพื้นหินอ่อนดังขึ้นสะท้อนก้องทางเดินเข้าสู่ห้องทำงานของผู้ปกครองอาณาจักรเวทย์ จอมเวทย์รุ่นปัจจุบันผู้เป็นหนึ่งในผู้มีพลังเวทย์ขั้นจอมเวทย์แต่เป็นผู้เดียวที่อยู่ในขั้นสูงและมีเชื่อสายกษัตริย์สืบต่อมา


“ของอนุญาตครับ ท่านจอมเวทย์” นายทหารผู้นำเรื่องด่วนร้องบอกผู้ที่อยู่ด้านหลังบานประตูสิ้นเสียงอนุญาต ทหารผู้เฝ้าประตูก็เปิดพร้อมทำความเคารพ “มีจดหมายจากสภาเวทย์อาวุโสส่งมาครับพร้อมกำชับว่าเป็นเรื่องด่วนและสำคัญมากครับท่าน”


“สภาเวทย์หรือ คงจะด่วนจริงๆสินะถึงได้ใช้เจ้าที่เป็นแม่ทัพมาส่งข่าวเองแบบนี้”


“เห็นว่าเป็นเรื่องลับด้วยครับท่าน เลยวานผมให้ช่วยนำมาส่งเองเพื่อความปลอดภัย”


“อืม ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปทำงานต่อได้”


“ครับ” เมื่อแม่ทัพออกไปเรียบร้อย จอมเวทย์จึงจัดการร่ายเวทย์ปลดผนึกก่อนจะอ่านเนื้อความในจดหมายเรื่องของเด็กที่ไม่แสดงพลังเวทย์อะไรออกมาตอนที่ทำการตรวจสอบด้วยลูกแก้วตรวจสอบ


“เรื่องที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวกับคำทำนายในครั้งนั้นหรือเปล่ากัน ถ้าใช่สิ่งที่พวกเราเหล่าจอมเวทย์ทุกรุ่นตามหามาก็จะสำเร็จสักที”จอมเวทย์กล่าวพร้อมรอยยิ้มแห่งความหวังที่ตามหามานาน





   เช้าวันต่อมาผมและรัลก็เดินคุยกันไปเรื่อยๆตลอดทางผมพยายามไม่นึกถึงภาพความฝันกับเสียงเรียกจากรอบข้าง เช้านี้ผมรู้สึกได้ว่าสามารถต้านเสียงเหล่านั้นได้ ผมสามารถที่จะควบคุมการรับเสียงได้มากขึ้นจนไม่เป็นปัญหาเหมือนกับเมื่อวานหลังปลุกพลังเวทย์


“ราส นายคิดว่านายต้องใช้อะไรเป็นสื่อเวทย์ระหว่างไม้กับคทา”


“ผมคิดว่าอาจจะยังไม่ได้เลือกวันนี้นะครับ เพราะพลังเวทย์ผมมัน” ผมเงียบเสียงลงเมื่อมีเพื่อนร่วมชั้นทยอยเข้าห้องมามากขึ้น


“อ่าฉันเข้าใจนายอยู่ ถ้าไม่เข้าใจเรื่องปฏิบัติถามฉันได้แลกกับที่นายคอยช่วยฉันที่ผ่านมาละกัน”


“ขอบคุณนะครับรัล” ผมยิ้มให้แต่รัลกับเพื่อนร่วมห้องที่หันมามองที่ผมต่างพากันหน้าแดงไปกันหมด


ผมชินแล้วครับ ก็ผมเจอแบบนี้มาตั้งแต่ปีแรกที่เข้าเรียนเลยนี่ครับ ผมลืมบอกไปครับ มีคนที่เข้ามาจีบผมด้วยนะครับ แต่ส่วนมากจะเป็นรุ่นพี่ทั้งชายและหญิง ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมใครๆถึงสนใจผมกันนัก แต่ผมก็ไม่เคยตอบรับใครนะครับ ก็ช่วงแรกผมกลัวการเข้าใกล้คนอื่นมากเลยนี่ครับ ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้วครับแต่ก็ยังไม่เปิดใจให้ใครเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวอยู่ดีละครับ


“พวกเธอตามฉันมา เราจะไปเรียนที่โรงยิมต่อสู้ต่อไปนี้ไปเจอกันที่นั่นสำหรับคาบเรียนนี้นะ” อาจารยซิลเวอร์เรียกพวกเราให้เดินตามไปที่โรงยิมต่อสู้ ถึงชื่อจะดูโหดไปบ้างแต่ตามจริงเป็นแค่โรงยินฝึกพวกเราใช้เวทย์ในการต่อสู้ครับ เรียกย่อๆก็โรงยิมต่อสู้นี่ละครับ


“เราจะมาลองดูว่าพวกเธอจะได้สื่อเวทย์แบบไหนกัน เอาละพวกเธอต้องตั้งสมาธิให้ดีนะ แล้วลองฟังว่าสื่อเวทย์ชนิดไหนเรียกเธอ” อาจารย์ซิลเวอร์เรียกพวกเราตามหมายเลขประจำตัวให้เข้าแถวเพื่อเลือกสื่อเวทย์ที่วางไว้ตรงหน้าอาจารย์ ผมที่อยู่ลำดับท้ายๆเลยยืนรอต่อไป ผมใช้เวทย์ไม่ได้แล้วสื่อเวทย์จะมีได้ยังไงกันละครับ จะทำยังไงดี ผมยืนคิดไปจนใกล้จะถึงคิวของผมและก็ถึงจนได้


“เธอคือเด็กคนเมื่อวานที่ห้องวัดพลังใช่ไหม”


“ครับ”


“เธอจะลองไหม ฉันเชื่อว่าเธอต้องมีเวทย์แค่อาจจะยังไม่ถึงเวลาก็ได้” อาจารย์ซิลเวอร์พูดปลอบและส่งยิ้มให้กำลังใจมาให้ผม ผมที่ทำใจว่าคงไม่มีเวทย์ในตัวกับสิ่งประหลาดที่เกิดกับผมได้แล้วพอได้ยินก็อยากจะลองดูเหมือนกัน


“ครับอาจารย์” ผมหลับตาตั้งสมาธิ แล้วผมก็ได้ยินเสียงครับ


“นายท่าน นายท่าน นายท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าพวกนี้เลยสักนิด หากใจท่านปรารถนาสิ่งใดเพียงกล่าวกับพวกข้า ท่านก็จะได้ดั่งประสงค์ทันที” เสียงกระซิบจากธรรมชาติเหมือนเดิมครับ


อะไรคือไม่ต้องใช้กัน ไม่เคยมีพ่อมดแม่มดคนไหนไม่เคยใช้เวทย์โดยไม่มีสื่อเวทย์มาก่อนเลยนะครับ ในบันทึกที่หอตำราที่พวกเราเข้าไปศึกษาตามประวัติศาสตร์ก็ไม่มีให้เห็นเหมือนกัน


“เป็นยังไงบ้าง ได้ยินเสียงสิ่งใดกัน” ผมขยับตัวเข้าไปใกล้อาจารย์มากขึ้น อาจารย์เป็นหนึ่งในนักเวทย์ที่ร่วมพิธีเมื่อวาน ผมคิดว่าถ้าลองถามดูคงจะไม่เป็นอะไรแถมอาจารย์ยังดูน่าเคารพด้วยเหมือนกัน


“อาจารย์ซิลเวอร์ครับ เคยมีพ่อมดแม่มดคนไหนที่ใช้เวทย์โดยไม่มีสื่อเวทย์ไหมครับ”


“เธอถามว่าอะไรนะ” อาจารย์ทำหน้าตกใจก่อนจะรีบรับสีหน้าลงครุ่นคิดพลางเหลือบมองหน้าผม


“อาจจะเคยมีแต่อาจารย์ก็ไม่แน่ใจเพราะเป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมาสำหรับพวกเรานักเวทย์ที่ทำงานที่นี่ เมื่อหมื่นปีก่อนเคยมีจอมเวทย์ที่ใช้เวทย์ได้โดยไม่มีสื่อเวทย์แต่ก็หายสาบสูญไป มันเลยเป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมา ว่าแต่เธอได้ยินเสียงไหม”


“ไม่ครับ ไม่ได้ยิน” ผมไม่คิดจะบอกเรื่องที่ได้ยินเสียงพวกนั้นกับอาจารย์ต่อ เพราะความรู้สึกของผมมันร้องเตือนให้หยุด และผมก็เชื่อมัน


“น่าเสียใจจริงๆ เอาละเธอไปได้ คนต่อไปเชิญ”


“เป็นไงบ้างราส”


“ไม่มีอะไรเลยรัล ดูเหมือนฉันจะเป็นเด็กประหลาดละนะ ฮ่าๆๆ” ผมเดินกลับมาที่นั่งข้างรัลก่อนจะพูดคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเดิม จนเวลาผ่านไปจนหมดคาบเรียน


ผมแยกตัวกับรัลอ้างว่ามีธุระ วันนี้เรามีเรียนแค่คาบเช้าก่อนจะพักเที่ยง และเราจะเรียนต่อสู้ช่วงบ่าย และผมคิดว่าจะโดดครับ มันอาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แต่เวลานี้ผมไม่มีสมาธิพอที่จะหยุดเสียงเรียกพวกนี้ได้เลยครับ



TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2018 12:45:39 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
น่าสนุกกกกก

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
น่าสนุกนะคะ แต่อ่านไม่ไหว ไมย่อหน้าติดกันเป็นพรืดเลย จะน่าอ่านขึ้นมากและก็อ่านง่ายขึ้นมากถ้าย่อหน้าให้ถูกความ จบความหนึ่งเสักสี่ห้าบรรทัดเล้วย่อหน้าลงมาเลยค่ะ เอาไว้แก้ไขเเล้วจะมาอ่านอีกทีนะ อยากอ่านแต่ไม่ไหวจริงๆ

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
หน้าสนุกดีค่ะ  ลงต่อจนจบน้า เรื่องแบบนี้ ถ้าทำให้ค้างคา หยุดลงเป็นเดือนเป็นปี โกรธแย่เลย  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
สนุกค่ะ ลงต่อให้จบนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#3

หลังจากที่แยกตัวออกมาผมก็เดินมาที่ป่าหลังโรงเรียนมุดลอดผ่านเขตแดนป้องกัน และทะลุบาเรียเวทย์


ผมเคยสงสัยตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามาเรียนแล้วครับตอนที่ผมเผลอเดินหลงมาที่นี่ บาเรียป้องกันกลับไม่ทำงานตามปกติ ผมเลยแอบที่จะเข้ามาเสมอเพราะไม่มีใครที่จะเข้ามารบกวนและไม่มีใครจับผมได้ ยิ่งผมเดินเข้ามาลึกเท่าไหร่เสียงรอบข้างยิ่งดังมากขึ้น


สัตว์อสูรตัวน้อยที่ผมแวะเวียนมาเล่นด้วยประจำรีบออกมาเมื่อเห็นว่าผมเข้ามาแล้ว ผมลูบหัวพวกมันเหมือนทุกครั้งก่อนจะเดินไปที่ใจกลางป่าเช่นเดิม ที่ใจกลางป่านี่มีต้นไม้ใหญ่ที่ผมไม่รู้ชนิดแผ่กิ่งก้านสาขาเป็นร่มไม้บังแดดฝนแก่สัตว์น้อยใหญ่ที่เข้ามาพักพิงเสมอ และสิ่งที่ทำให้ผมแปลกตาที่สุดคงจะเป็นเรื่องราวในครั้งนี้


“ในที่สุดท่านก็ตื่นขึ้นมา พวกเรารอคอยเวลานี้มานานแสนนานที่จะได้พบกับท่านอีกครั้ง” ต้นไม้ที่ผมเคยใช้นอน นั่ง ปีนป่ายเมื่อทุกครั้งที่เข้ามา มันกำลังพูดกับผม ครับมันมีปากพูดครับ


“นี่มันเรื่องอะไรกันครับ” ผมอึ้งที่เห็นต้นไม่พูดได้แต่ไม่ได้ตกใจมากเพราะสัตว์อสูรบางตัวก็พูดกับผมจนชินพอสมควร


“ดูเหมือนท่านจะยังจำเรื่องราวในกาลก่อนมิได้ แต่ไม่เป็นไรหรอกนะครับ พวกเราทุกตนยินดีที่นายท่านกลับมาเสมอ พวกเรามาทำความรู้จักกันใหม่และอยากขอให้ท่านช่วยฟังเรื่องราวจากพวกเราก็พอ” ผมเดินเข้าไปนั่งที่เดิมที่นั่งทุกครั้งก่อนจะฟังเหล่าสัตว์น้อยใหญ่เข้ามาพูดคุยแนะนำตัวรวมถึงต้นไม้ภายในป่าที่ผลัดกันส่งเสียงมาหาผมเสมอแม้จะอยู่ไกลก็ตาม


ผมมีความรู้สึกว่าที่คิดว่าที่ของผมมากขึ้นจากเดิม ผมสามารถที่จะเปิดใจรับพวกเขาและยอมที่จะเล่าเรื่องความฝันต่างๆออกมารวมถึงเสียงที่ได้ยินตั้งแต่เมื่อวานด้วย


“เสียงนั้นคือพลังเวทย์ของท่าน ที่ลูกแก้วตรวจสอบมิสามารถค้นพบพลังของท่านได้เพราะแก่นพลังของท่านยังติดอยู่ในสภาะลบตัวตนอยู่จึงไม่สามารถตรวจพบ แต่ท่านสามารถที่จะใช้เวทย์ได้ดังเดิม” ทรีมอส ต้นไม้ใหญ่ผู้ปกปักรักษาผืนป่าแห่งนี้ เป็นนายของสิ่งมีชีวิตภายในป่านี้


“คุณทรีมอสช่วยสอนผมใช้เวทย์ได้ไหมครับ แล้วไม่มีสื่อเวทย์ผมต้องทำยังไงกัน”


“ข้าสามารถช่วยท่านได้นายท่าน ท่านแค่ตั้งสมาธิและทำใจให้สงบ ก่อนที่จะนึกถึงสิ่งที่ท่านต้องการแล้วยื่นมือออกมา แต่เมื่อท่านชินแล้วท่านสามารถสั่งได้ทางความคิดไม่จำเป็นต้องใช้มือช่วยต่อไปครับ” ผมพยักหน้าก่อนจะทำตามที่คุณทรีมอสบอก


เมื่อลืมตาผมคิดถึงหยดน้ำและสิ่งที่เห็นคือหยดน้ำที่ลอยออกมาจากฝ่ามือของผม ผมลองไฟบ้างก็มีไฟสีฟ้าที่ติดอยู่บนปลายนิ้ว ผมลองไปเรื่อยๆจนครบทุกธาตุที่เรียนมาจนมาถึงเวทย์สาบสูญทั้งสามเวทย์


“คุณทรีมอสครับ แล้วเวทย์ทำนาย ห้วงเวลาแล้วก็ว่างเปล่าละครับ ต้องทำยังไง”


“นายท่านแค่นึกเรื่องที่เกี่ยวกับเวทย์เช่นหยุดเวลาจะเกี่ยวกับห้วงเวลา สภาพอากาศเกี่ยวกับทำนายและว่างเปล่าคือเวทย์ของท่านอยู่แล้วครับ พลังเวทย์ของท่านคือเวทย์พิเศษว่างเปล่าขั้นสูงจึงสามารถใช้ได้ทุกเวทย์อย่างไรเล่าครับ”


“ผมมีเวทย์ว่างเปล่าหรอครับ ทั้งยังขั้นสูงอีกด้วย สุดยอดไปเลย คุณทรีมอสนี่เป็นคลังความรู้สำหรับผมเลยนะครับเนี่ย” ผมส่งยิ้มให้คุณทรีมอส แต่ผมว่าผมเห็นว่าใบของเขาสะบัดแรงทั้งที่ไม่มีลม แหมเขินผมอีกสินะครับ


ผมทดลองเวทย์ไปเรื่อยๆจนไม่จำเป็นต้องใช้มือแบบที่คุณทรีมอสบอกแล้วครับ ผมลองลอยตัวกลางอากาศ ลองบินโดยใช้เวทย์ลมช่วยพยุง ผมสนุกมากเลยครับ ตอนนี้เวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วผมที่เริ่มเหนื่อยนั่งพักเอาแรงที่ใต้ต้นคุณทรีมอสเหมือนเดิม


“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ผมสนุกมากเลยแล้วก็เรื่องที่ล่าให้ฟัง ถึงผมจะจำอะไรแบบนั้นไม่ได้ แต่ผมคิดว่าเราจะเริ่มใหม่ด้วยกันได้นะครับ นี่ก็เลยเวลามานานแล้วด้วยผมกลัวรัลจะสงสัยเอา ไว้มีอะไรก็เรียกผมได้ตลอดเลยนะครับ ผมไปก่อนนะครับทุกคน” ผมลาพวกเขาก่อนจะใช้เวทย์ห้วงเวลาวาร์ปมาที่บริเวณใกล้ทางออกติดเขตบาเรีย ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะมุดลอดออกจากเขตแดนป้องกันตัวป่ากับโรงเรียนเดินออกมาอีกนิดก็เจอเส้นทางที่คุ้นเคย


แก็งค์ ฟุบ ผมกระโดดถอยหลังหลบหอกสองเล่มที่กั้นขวางหน้าของผมเมื่อออกมาที่ทางเดินแล้ว เป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองที่ดูแลนักเรียนแบบพวกผม ซวยแล้วครับ โดนจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ ไหนจะเรื่องโดดเรียนไหนจะเรื่องเข้าไปในป่าที่เป็นเขตหวงห้ามอีก


“พวกเราคิดไว้แล้วว่าเธอจะต้องเข้าไปด้านในนั้น พวกเราตามหาเธอไปจนทั่วแล้วไม่เจอ เหลือแค่ที่เดียว ดูเหมือนเธอจะต้องอธิบายเรื่องที่เข้าไปด้านในป่าได้ด้วยเพิ่มจากเรื่องการปลุกพลังของเธอเมื่อวานละนะ เอาละ ตามพวกเรามา” อาจารย์ทั้งสองท่านเก็บอาวุธก่อนจะพาผมไปทางตึกอาคารรวมในส่วนของอาจารย์และนักเวทย์ที่เกี่ยวข้อง


เราสามคนเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องประชุมใหญ่ที่มีไว้สำหรับผู้บริหารสถานศึกษากับพวกนักเวทย์ที่เกี่ยวข้อง


“นำตัวมาแล้วครับ พบที่ทางเข้าป่าต้องห้ามด้านหลังโรงเรียน” อาจารย์ที่คุยกับผมก่อนหน้านี้รายงานต่อท่านผู้อำนวยการโรงเรียนที่นั่งอยู่บริเวณที่นั่งประธานในที่ประชุมแล้วดันตัวผมไปที่เก้าอี้ที่ตรงกลางไม่มีโต๊ะด้านหน้าเพื่อมองเห็นผมได้ทั้งตัว


ในห้องนี้มีนักเวทย์ที่ผมเจอเมื่อวานในห้องพิธีทุกคนพร้อมอาจารย์หลายท่านรวมทั้งอาจารย์ซิลเวอร์และอาจารย์สาวเมื่อวาน ผมมองไปรอบตัว พร้อมทั้งฟังเสียงสายลมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องก่อนที่ผมจะเข้ามา


“ขอบโทษนะครับที่ทำให้วุ่นวาย ผมไม่ได้มีเจตนาจะหลบหนี เพียงแต่ผมแค่อยากได้เวลาทำใจเรื่องที่ไม่มีเวทย์กับไม่สามารถได้ยินเสียงจากสื่อเวทย์ด้วย ถ้าจะลงโทษผมเรื่องที่โดดเรียนกับเข้าเขตหวงห้ามก็ทำได้เลยครับ ผมยอมรับผิด” ผมก้มหน้ายอมรับผิดในเรื่องที่ก่อต่อหน้าทุกท่าน


“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนละกัน เรามาคุยเรื่องของเธอเกี่ยวกับเวทย์กันก่อน เมื่อวานฉันได้ติดต่อกับทางสภาเวทย์อาวุโสเรื่องนี้แล้ว พวกท่านต้องการพบตัวเธอ อีกทั้งยังต้องการตรวจสอบด้วยตัวเองอีกครั้ง ฉันต้องขอโทษถ้าจะต้องบอกว่าฉันขอบังคับให้เธอต้องไปกับฉัน เธอมีเรื่องอะไรที่ต้องทำไหม” ผมส่ายหน้าเพราะต่อให้บอกไปพวกเขาก็จะให้ผมไปตามที่สั่งอยู่ดี


ผมมีความรู้สึกต่อต้านอยู่ภายในใจ เป็นความขุ่นเคืองปนผิดหวัง มันเหมือนกับเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้และภาพที่ซ้อนทับเป็นภาพของผมในอดีตที่พวกคุณทรีมอสบอกไว้เมื่อบ่ายกำลังคุยกับนักเวทย์หลายคนและฝากฝังอะไรสักอย่างแต่ความรู้สึกต่อมาคือผมผิดหวังที่โดนทอดทิ้ง


“แค่ผลประโยชน์เท่านั้นที่พวกคุณต้องการ” ผมพึมพำกับตัวเองและคิดว่ามีนักเวทย์สูงอายุหลายท่านมองมาพร้อมสีหน้าตกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ผมนั่งนิ่งไม่สนใจอะไรต่อไป


ความคิดของผมมันล่องลอยไปถึงภาพเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผมยังมีความสุขกับพลังของผมอยู่เลยแต่ตอนนี้ผมหวาดกลัวที่จะมีคนอื่นมารู้ว่าผมมีพลังเวทย์แทน ผมไม่อยากเป็นแค่เครื่องมืออีกต่อไปแล้ว มันรู้สึกแบบนั้นออกมาจากก้นบึ้งของใจและผมก็เชื่อมันเช่นเคย



   เช้าวันถัดมาผมถูกพาไปที่พระราชวังซึ่งเป็นที่อยู่ของท่านจอมเวทย์ผู้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้ ผู้อำนวยการและนักเวทย์ที่ร่วมเดินทางมาด้วยต่างบอกกับผมว่าวันนี้ทางสภาเวทย์อาวุโสต้องการที่จะพบตัวผมตามที่เคยบอกไว้ ผมเดินตามพวกเขาไปเรื่อยๆจนถึงห้องโถงใหญ่ที่มีบุคคลมากมายยืนอยู่และที่บัลลังค์มีร่างของชายคนหนึ่งที่ผู้คนต่างเรียกกันว่าจอมเวทย์และเป็นพ่อมดที่มีพลังเวทย์อยู่ในขั้นจอมเวทย์ขั้นสูงเป็นขั้นที่สูงที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้


“พวกข้าพาตัวพ่อมดฝึกหัดมาแล้วครับท่านจอมเวทย์”


“ทำตัวตามสบายได้ เอาละพ่อมดน้อยยินดีที่ได้รู้จักเจ้านะ เราคือเวริล เป็นจอมเวทย์ และเป็นบุคคลที่มีระดับพลังเวทย์ขั้นจอมเวทย์ขั้นสูง และเป็นระดับที่สูงที่สุด แล้วเจ้าละพ่อมดน้อย เจ้าชื่ออะไร” ท่านจอมเวทย์แนะนำตัวกับผมก่อนที่จะถาม ผมที่รู้สึกดีขึ้นเมื่อสายตาที่มองมาไม่ใช่สายตาในด้านลบแบบหลายคนที่มองมา


“ผมชื่อราสเต้ครับ เป็นพ่อมดฝึกหัดที่ไม่พบพลังเวทย์แถมไม่มีสื่อกลางเวทย์เรียกหาครับ” ผมตอบตามความจริงแต่กลับได้รับเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเอ็นดูจากท่านจอมเวทย์แทน


“แน่นอนแล้ว เราคิดว่าเจ้าต้องเป็นบุคคลที่เราตามหาแน่นอน และเราจะขอทดสอบอะไรบางอย่างกับพลังเวทย์ของเจ้าได้หรือไม่พ่อมดน้อย” ผมไม่รู้ว่าที่ท่านจอมเวทย์บอกมาคืออะไร แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะส่ายหน้าอยู่ดีหรอกครับ กลัวว่าหัวจะหายไปก่อนตัวละครับ


“ได้ครับ” ท่านจอมเวทย์พยักหน้ากับหนึ่งในสภาเวทย์เพื่อส่งสัญญาณกัน ก่อนที่จะมีทหารนำลูกแก้วที่เหมือนกับลูกแก้วตรวจสอบพลังที่ผมเจอเมื่อวันปฐมนิเทศออกมาตรงหน้าผม


“นี่เป็นลูกแก้วตรวจสอบพลังที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่าที่เจ้าใช้มาก่อน เป็นของวิเศษที่ตกทอดมารุ่นต่อรุ่นเป็นสมบัติส่วนตัวของจอมเวทย์ที่เข้ารับตำแหน่ง มันสามารถตรวจสอบได้ว่าบุคคลหรือสิ่งใดที่แตะเป็นใครและบอกความจริงทุกเรื่องของบุคคลนั้น เจ้ายอมที่จะทดสอบก็เข้ามาตรวจสอบพลังได้เลย” ผมมองหน้าท่านจอมเวทย์แล้วสบตา ท่านไม่ได้หลบตา ภายในดวงตาฉายชัดถึงความหวังบางอย่าง


ผมหลับตา เสียงสายลมกระซิบถ้อยคำจากคุณทรีมอสที่ฝากมา ผมลืมตาสบกับท่านจอมเวทย์อีกครั้งก่อนจะถามคำถามที่ทำให้ทั่วห้องโถงเงียบลงทันใด


“แล้วท่านจะรู้ได้อย่างไรท่านจอมเวทย์ว่าพลังเวทย์ของผมเป็นพลังเวทย์แบบใดและท่านแน่ใจแล้วหรือว่าลูกแก้วนี้จะสามารถตรวจสอบพลังเวทย์ของผมเจอได้จริง ผมก็แค่สงสัยเท่านั้น ได้โปรดท่านจอมเวทย์ช่วยตอบข้อสงสัยผมด้วยครับ” ผมสบตาท่านจอมเวทย์กับทุกคำพูดที่พูดไป ท่านมีสีหน้าที่ตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นยินดี แต่ผมได้ยินเสียงด่าทอดังขึ้นมาเบาๆจากนักเวทย์รอบข้างบางคน


“ข้าอาจจะมีข้อมูลเวทย์มากมายแต่ถ้าพลังของเจ้าเป็นพลังนอกเหนือจากที่มีบันทึกไว้ข้าก็ขอตอบว่าอาจจะไม่รู้ก็ได้ส่วนลูกแก้วนี้ข้าไม่สามารถตอบได้แต่เจ้าสามารถทดสอบมันได้ด้วยตัวเจ้าเองพ่อมดน้อย ข้าชอบเด็กแบบเจ้าจริงๆ” ไม่มีความขุ่นเคืองทั้งน้ำเสียงและสีหน้าทุกอย่างเต็มไปด้วยความเอ็นดูที่ส่งมา ผมจะนับท่านจอมเวทย์เป็นบุคคลที่น่าคบหาเพิ่มเข้ามาต่อจากอาจารย์ซิลเวอร์ละนะครับ


ผมเดินไปที่ลูกแก้วแล้วลองแตะมัน ผมลัพธ์คล้ายกับเมื่อวานครับมีเพียงกลุ่มควันสีขาวจางๆลอยวนไปมา สภาเวทย์หลายคนเปิดตำราหาลักษณะเวทย์ที่ตรงกับบันทึกแต่กลับไม่มีหลายคนส่ายหน้าให้กัน ท่านจอมเวทย์ยังคงมองมาที่ลูกแก้วก่อนจะพยักหน้าให้ผมเอามือออกได้ เมื่อผมยกมือออกมันก็กลับไปวางเปล่าเช่นเดิม


“เราคิดว่าเราได้คำตอบกับเรื่องที่เราสงสัยแล้ว” ท่านจอมเวทย์กล่าวแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง เสียใจ และอื่นๆ


“ถ้าอย่างนั้นพวกข้าจะพาเด็กคนนี้กลับก่อนนะครับท่านจอมเวทย์” ผู้อำนวยการที่เห็นว่าหมดธุระแล้วเตรียมพาผมกลับ


“พวกท่านกลับไปทำงานกันต่อได้แต่ข้าของคุยกับพ่อมดน้อยต่อตามลำพัง” ท่านจอมเวทย์รั้งผมไว้ก่อนที่ทุกคนจะทำความเคารพแล้วทยอยเดินออกไปจากที่นี่ ท่านจอมเวทย์พาผมไปที่ห้องทำงานของท่านก่อนจะไล่คนอื่นออกไปจนเหลือแค่ผมกับท่านสองคน


“ฉันไม่เชื่อว่าจะมีพ่อมดที่ไม่มีเวทย์กำเนิดในดินแดนของที่นี่ และฉันคิดว่าเธอน่าจะไขข้อสงสัยฉันได้” ท่านจอมเวทย์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผมที่มีโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสารคั่นกลางถามผมด้วยความสงสัยและข้องใจมากมาย


“ผมจะตอบท่านต่อเมื่อท่านสัญญาด้วยเกียรติของจอมเวทย์ผู้ปกครองอาณาจักรว่าจะไม่นำเรื่องนี้บอกแก่ใครได้ไหมครับ” ผมจ้องหน้าท่านตอบ ท่านทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะยอมพยักหน้าตกลง


“ข้าตกลง ด้วยเกียรติของข้าผู้เป็นจอมเวทย์รุ่นปัจจุบัน ข้าขอให้คำสัตย์สาบานว่าจะไม่นำเรื่องที่เจ้าบอกแก่ข้าวันนี้ไปเล่าต่อกับผู้อื่นได้รับรู้”


“ผมมีเวทย์ครับ”ท่านจอมเวทย์แสดงสีหน้าตกใจออกมาทันที


“แต่ลูกแก้ว”


“เพราะเหตุผลบางอย่างที่ผมไม่สามารถบอกท่านได้ เอาเป็นว่าผมมีเวทย์ครับ เป็นเวทย์ที่สาบสูญไปนานมากแล้ว”


“เวทย์ที่สาบสูญไปแล้วอย่างนั้นรึ มันคือเวทย์อะไรกัน”


“เวทย์ว่างเปล่าครับ”


“อะไรนะ ไม่น่าเชื่อ ถ้าเจ้ามีเวทย์สาบสูญเจ้าก็ต้องใช้เวทย์อื่นๆได้ด้วยสินะ” ผมพยักหน้าตอบรับ


“ครับ ผมสามารถใช้เวทย์อื่นๆได้ทุกเวทย์ครับ ดูนะครับ” ผมสั่งให้เวทย์ทุกธาตุของตัวเองกลั่นตัวออกมาเป็นลูกบอลตามแต่ละธาตุ “วันนี้ท่านจะมีเรื่องดีๆที่ท่านรอคอยมานานปรากฏต่อหน้าท่าน นี่เป็นเวทย์ทำนายครับ ส่วนห้วงเวลา ณ ตอนนี้เวลากำลังหยุดอยู่ครับ” ท่านจอมเวทย์ดูเวลาด้วยความตกใจและไม่เลิกที่จะทำหน้าตกใจออกมา


“เจ้า ไม่ต้องใช้สื่อเวทย์แบบนี้ เวทย์ว่างเปล่าขั้นสูงรึ”


“ครับ เป็นเวทย์ว่างเปล่าขั้นสูง” ผมไม่ปิดบังเรื่องนี้กับท่านจอมเวทย์ ท่านส่งยิ้มที่ปลื้มใจมาให้ผมก่อนที่จะลุกขึ้นเดินเข้ามากอดผมแล้วหมุนตัวผมไปรอบๆ


“ฉันดีใจจริงๆ นายทำนายได้แม่นมาก ฉันทำภารกิจที่ส่งต่อมาทุกรุ่นสำเร็จแล้ว เพราะเธอพ่อมดน้อย เพราะเธอคนเดียว ต่อจากนี้ไม่ว่ามีเรื่องอะไรเจ้าสามารถเข้ามาหาเราได้เสมอ คิดเสียว่าเราเป็นสหายกันก็แล้วกัน เจ้ามีเรื่องเดือดร้อนสิ่งใดมาบอกกับเราได้ เราจะช่วยเจ้าทุกอย่าง” ท่านจอมเวทย์พูดด้วยความตื่นเต้นดีใจจนลืมไปว่าผมเป็นแค่พ่อมดฝึกหัดจะมาเป็นสหายท่านได้อย่างไรเล่าครับโธ่!!!!


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2018 12:46:11 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
พระเอกเรื่องนี้ค่าตัวแพงนะคะ ไม่ออกมาซักที (รึมาแล้ว) *-*

ส่วนนายเอกก็ พลังพันล้าน เลิศศศศศศ ถ้ามีตัวโกง เราก็จะแฮปปี้เพราะนางเอกจะทำลายหมด 5555 รักค่ะ ♥

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
นายเอกเทพทรูเลยยยยย เป็นกำลังใจให้ค่า

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
หลังจากกลับมาจากวังในวันนั้น ผมก็ใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนอิลเทียร์ตามปกติ ผ่านไปประมาณสองสัปดาห์ เรื่องประหลาดสำหรับผมก็เกิดขึ้น


“ในวันนี้อาจารย์จะมีเรื่องมาแจ้งนะคะ สำหรับนักเรียนทุกคนคงจะพอทราบกันมาบ้างแล้วว่าในทุกๆเทอมของนักเรียนชั้นปีที่สี่ที่ผ่านการปลุกพลังแล้วจะเริ่มออกทำภารกิจที่ทางโรงเรียนตั้งให้โดยที่นักเรียนทุกคนต้องใช้ความสามารถและเวทย์ที่ทางโรงเรียนได้แนะนำวิธีการใช้จนคล่องแล้ว” เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีที่อาจารย์ประจำชั้นพูดจบ บางคนยังไม่สามารถควบคุมเวทย์ตัวเองได้เลยแล้วจะออกไปทำภารกิจได้ยังไงกัน


“ไม่ต้องตกใจกันไป สำหรับภารกิจเริ่มต้นที่พวกเธอจะได้รับเป็นภารกิจง่ายๆที่ให้ไปช่วยเหลือผู้คนในเมืองเท่านั้น เพราะถ้าต้องออกนอกสถานที่ที่เสี่ยงอันตรายมากกว่านั้นจะเป็นของนักเรียนชั้นปีที่หกรุ่นพี่ของพวกเธอนะคะ” อาจารย์สาวรีบอธิบายต่อทันทีเพราะกลัวการเข้าใจผิด


“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงกันคะว่าจะได้ภารกิจแบบไหนกัน” เพื่อนนักเรียนร่วมห้องถามอาจารย์


“วันนี้อาจารย์จะเรียกพวกเธอมาฟังหัวข้อภารกิจของเธอกันนะคะ เอาละต่อแถวมากันเลย” สิ้นเสียงพวกเราก็ลุกเดินต่อแถวไปหาอาจารย์ที่อยู่หน้าชั้นเรียน วนไปจนถึงผม


“นี่เป็นภารกิจของเธอนะพ่อมดน้อย เธอจะบอกเพื่อนของเธอหรือไม่เป็นสิทธิ์ของเธอ เอาละรับไว้สิ” ผมรับม้วนกระดาษที่ถูกพันไว้อย่างดีแตกต่างจากคนอื่นพอสมควร สัญญาณในร่างกายร้องเตือนว่ามีเรื่องที่ทำให้หนักใจเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง


ผมเดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเองแต่ยังไม่ได้แกะม้วนเปิดดูเนื้อหาภายใน รัลที่นั่งข้างผมก็ไม่ได้ซักถามอะไรผมเพราะรู้ว่าผมยังไม่มีพลังเวทย์อาจจะเข้าใจว่าช่วยเหลืองานทั่วไปมากกว่า เรานั่งเรียนกันต่อไปตามปกติจนถึงเวลาพักเที่ยง


ผมหลบออกมาก่อนจะแอบเข้าไปที่ป่าเหมือนทุกครั้ง เมื่อมาถึงผมทักทายมิตรสหายตามปกติก่อนจะล้มตัวลงหนุนรากคุณทรีมอสแล้วเปิดม้วนภารกิจ


“มาพบข้าสิพ่อมดน้อย ข้าจะเป็นผู้มอบภารกิจแก่เจ้าสหายตัวน้อย”  สหายตัวน้อยหรือว่าจะเป็นท่านจอมเวทย์ ผมนั่งคุยเล่นกับเหล่าพืชและสัตว์อสูรเพื่อรับฟังข่าวสารจากดินแดนข้างเคียงที่เห็นว่าใกล้จะได้ครบกำหนดวันงานที่จะจัดขึ้นแต่ผมคิดว่าจากที่ฟังมามันก็งานเลี้ยงน้ำชาของผู้นำสามดินแดนมากกว่า


“ราส หลังจากที่สอบเสร็จสัปดาห์นี้ ฉันจะต้องไปทำภารกิจที่ในเมือง นายอยู่ได้ใช่ไหม” รัลที่ถามผมหลังจากออกจากห้องน้ำ ผมพยักหน้าตอบกลับไป


ที่โรงเรียนนี้จะเรียนตามปกติในสามปีแรกแต่เมื่อขึ้นปีสี่มาจะมีการสอบวัดระดับพลังเวทย์ในทุกๆเดือนเพื่อเป็นการเร่งพลังเวทย์ในตัวนักเรียนเพื่อให้อยู่ในจุดที่มากที่สุดที่ร่างกายรับได้


พลังเวทย์ของทุกคนจะมีมาตั้งแต่เกิดแต่จะสามารถรับรู้ได้เมื่อผ่านการปลุกพลังเวทย์เมื่ออายุถึงเกณฑ์ แล้วหลังจากที่ปลุกพลังมาจะสามารถเพิ่มพลังเวทย์ของแต่ละคนจากการเรียนรู้และฝึกฝนจนพลังเวทย์มั่นคงและเสถียรในตัวเอง เมื่อถึงขีดจำกัดแล้วร่างกายจะไม่สามารถเพิ่มระดับพลังเวทย์ได้ บางคนสามารถที่จะเพิ่มระดับพลังเวทย์จนมากขึ้นสามขั้นกันเลยทีเดียว ส่วนบางคนก็ไม่สามารถเพิ่มขั้นระดับพลังเวทย์ได้เหมือนกันก็มีไม่น้อยทีเดียวครับ


เวลาผ่านพ้นไปจนถึงวันที่เราสอบวัดผมกันเสร็จ รัลกลับมาที่ห้องพักเพื่อเตรียมตัวเก็บของ เราจะหยุดหนึ่งเดือนเพื่อให้นักเรียนออกทำภารกิจแรกของทุกคนแล้วกลับมาเรียนต่อได้ ผมที่ยังไม่รู้ว่าภารกิจคืออะไรก็คงต้องรอวันพรุ่งนี้ที่ท่านจอมเวทย์นัดผมไว้เท่านั้นละครับ


วันต่อมาผมเดินออกมาจากหอพักพร้อมกับรัลก่อนจะแยกไปตามทางของใครของมัน ผมเดินหลบมาที่ป่าหลังโรงเรียนก่อนจะใช้เวทย์ห้วงเวลาวาร์ปไปที่ห้องทำงานของท่านจอมเวทย์ทันทีเพราะถ้าเดินทางกลัวจะไม่ทันเวลา คุณทรีมอสบอกว่าเวทย์ของผมอยู่ในขั้นสูงทำให้ผมสามารถใช้เวทย์ขั้นสูงของทุกเวทย์ได้เหมือนกัน


ฟุบ หลังจากที่ช่องว่างมิติและควันหมอกหายไปสายตาทั้งสามคู่จากภายในห้องก็มองมาที่ผมทันที ซวยแล้วครับแอบเข้าห้องทำงานตอนนี้ว่าแย่แล้วดันมาเจอแขกพร้อมเจ้าของห้องอีก หนีกลับทันไหมครับ


“อ่า ขอโทษที่รบกวนครับ ขอตัว” ผมเตรียมที่จะหนีกลับถูกผู้ชายผมสีดำปีกกานัยน์ตาสีแดงสดดั่งเลือดคว้าข้อมือไว้ มาตอนไหนกันครับเร็วไปนะครับเนี่ย


“ขโมยหรือ ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นที่พ่อมดน้อยอย่างเจ้าเข้ามาได้ง่ายๆ เจ้าเป็นใคร” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์ที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากชายหนุ่มผิวซีดเจ้าของตาสีโลหิตตรงหน้าทำเอาใจของผมสั่นไหว เฮ้ นี่ผมใจเต้นแรงกับผู้ชายตรงหน้าครับ ทำยังไงดี แต่ผมคิดว่าหาวิธีหนีจากตรงนี้จะสำคัญกว่านะครับ


“ใจเย็นท่านจอมมาร ท่านกำลังทำให้พ่อมดน้อยคนนี้กลัวอยู่นะครับ” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนสีเดียวกับดวงตาที่ทำให้ดูอ่อนโยน เดินเข้ามาดึงแขนผมออกจากการจับกุมของชายที่ถูกเรียกว่าจอมมารก่อนจะโอบเอวผมไปนั่งที่เก้าอี้ข้างท่านจอมเวทย์เจ้าของห้อง


ผมใจเต้นแรงอีกแล้วครับแต่ก่อนอื่นการเดินเข้ามาช่วยก็ดูสมกับภาพลักษณ์ความเป็นสุภาพบุรุษนะครับแต่เรื่องที่เนียนโอบเอวของผมมันก็อีกเรื่องนะครับ


“องค์รัชทายาทก็ไม่ต่างจากตัวข้านักหรอก ท่านก็กำลังทำให้พ่อมดน้อยกลัวเช่นกัน” สายตาล้อเลียนส่งมาที่มือที่ยังไม่ยอมปล่อยจากเอวของผมจนเจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเนียนเก็บมือกลับไป


“ทำไมวันนี้ถึงมาด้วยวิธีนี้กันสหายตัวน้อยของข้า” ท่านจอมเวทย์ที่มีบทบ้างแล้วถามผม ผมขยับเก้าอี้จนชิดท่านจอมเวทย์ก่อนจะตอบคำถาม


“ผมกลัวว่าถ้าเดินทางตามปกติจะมาเกินเวลาที่ท่านนัด ผมเลยรีบมาก่อนแต่ไม่รู้ว่าท่านจะมีแขก ผมขอโทษที่เสียมารยาท อย่าโกรธผมเลยนะ แต่ถ้าพวกท่านจะลงโทษก็อย่าทำโทษผมแรงละกันครับ” ผมก้มหน้ายอมรับผิดกับเรื่องที่ทำกับทั้งสามคนเพราะผมพอจะเข้าใจว่าแขกของท่านจอมเวทย์เป็นใครการที่ทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าผู้นำดินแดนทั้งสามคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่หรอกครับ


“ข้าไม่ถือสาหาความกับเจ้าหรอ สหายตัวน้อย” ท่านจอมเวทย์ยิ้มเหมือนทุกครั้งให้กับผม


“ท่านที่เป็นเจ้าของห้องไม่ว่างพวกข้าก็คงไม่ว่าอะไรเหมือนกันจริงไหมท่านจอมมาร” องค์รัชทายาทพูดบอกผมแต่จ้องหน้าผมตลอดตั้งแต่นั่งคุยมา มีปัญหากับผมมากไหมครับ


“ไม่ละ ข้าไม่อยากได้ชื่อว่ารังแกเด็ก” ถึงจะดูดีแต่ประโยคลงท้ายนี่ดูประชดแปลกๆนะครับ


“เอาละๆ เราไปที่งานกันเถอะนะ เจ้าด้วยราส ไปกับข้าด้วยแล้วกันหลังจากจบงานเราจะมาคุยเรื่องนั้นแล้วกัน” ผมพยักหน้าตอบรับท่านจอมเวทย์ก่อนจะเดินตามท่านจอมเวทย์ที่จูงมือผมนำไปก่อนที่สองผู้ปกครองดินแดนเดินตามผมอีกที แต่ผู้รู้สึกขนลุกกับสายตาพวกเขายังไงก็ไม่รู้สิครับ หรือผมอาจจะคิดมากไปเอง


   
   บรรยากาศในงานก็ตามงานเลี้ยงทั่วไปละครับ มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการเมือง เรื่องทั่วๆไปของแต่ละอาณาจักร ตามที่ได้ยินมาเห็นว่าเกือบร้อยปีแล้วที่ดินแดนมนุษย์กับปีศาจบาดหมางกันมานานและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆจนมาถึงรุ่นของจอมารคนปัจจุบันหรือชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมที่ยุติสงครามที่มีแต่ความสูญเสียเปลี่ยนมาเป็นสงครามทางเศรษฐกิจแทนหลังจากที่ตกลงกับทางพระราชาหรือพ่อขององค์รัชทยาท ที่เริ่มมีการผลัดเปลี่ยนบังลังค์กันแล้วด้วยและดูเหมือนอีกไม่นานจะมีพิธีการอีกด้วยครับ


“ว่าแต่ท่านเจอกับสหายพ่อมดน้อยคนนี้ได้อย่างไรกันท่านจอมเวทย์” แล้วมาเรื่องของผมได้ยังไงกันครับ กลับไปคุยเรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรของท่านต่อเถอะครับองค์รัชทายาท


“พอดีมีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อยในโรงเรียน เราที่ว่างจากงานเข้ามาพอดีเลยได้พูดคุย ด้วยที่เราถูกชะตาเลยนับเป็นสหายกันเพียงเท่านั้น” รางวัลมาเลยครับ เล่าได้สมจริงมากครับท่านจอมเวทย์


“ข้าก็รู้สึกถูกชะตาเช่นนี้ เจ้าก็ต้องรับข้าเป็นสหายเช่นกันนะพ่อมดน้อย” เดี๋ยวนะครับแล้วทำไมกรรมมาตกที่ผมละครับท่านจอมมาร อะไรคือคำว่าถูกชะตาครับ เมื่อครู่ท่านคิดจะลงมือกับข้าน้อยไม่ใช่หรือครับ ตอบครับตอบ


“เช่นนั้นข้าก็เช่นกันข้าก็รู้สึกถูกชะตากับเจ้าด้วยพ่อมดน้อย” ไม่มีหรอกครับคำว่ายอมกันเนี่ยครับ ผมเป็นคนนะครับไม่ใช่ตุ๊กตาที่แย่งกันไปมาเพื่อหาข้อชนะกันนะครับ แล้วมันใช่หรอครับที่จะให้พ่อมดฝึกหัดแบบผมเป็นสหายของราชาทั้งสามดินแดนแบบนี้ละครับ


หลังจากที่จบงานเลี้ยงด้วยความสนุกของราชาและความทุกข์ของผมแล้ว ราชาทั้งสองดินแดนก็เดินทางกลับที่พักของตนเอง ส่วนผมก็เดินตามเจ้าของสถานที่ไปที่ห้องทำงานอีกครั้งเพื่อคุยเรื่องภารกิจที่พูดกันก่อนหน้านี้


“ภารกิจที่ข้าจะมอบให้เจ้าคือการตามหาของสำคัญของราชาทั้งสองดินแดนที่เจ้าพึ่งจะพบเมื่อสักครู่”


“เดี๋ยวก่อนนะครับท่านจอมเวทย์ ไม่ใช่ว่าภารกิจแรกของเด็กนักเรียนแบบผมจะแค่ทำในเมืองหรอกหรือครับ”


“เจ้าเป็นกรณีพิเศษ และข้าไม่คิดว่ามีใครเหมาะสมไปกว่าเจ้าที่เป็นสหายข้าเช่นนี้แล้ว” พูดมาแบบนี้ผมคงจะขัดได้หรอกนะครับ


“ครับ”


“เอาละ ระยะเวลาไม่จำกัดแต่ถ้าสำเร็จเร็วจะยิ่งดี นี่เป็นหินเวทย์ที่จะบอกว่าเจ้าผ่านภารกิจแล้วหรือไม่ มันจะเรืองแสงเมื่อเจ้าทำเงื่อนไขสำเร็จแล้วหรือคอยบอกว่าของสำคัญที่เจ้าได้มาเป็นของจริงหรือไม่ มันสามารถใช้ติดต่อกับข้าได้ด้วยเหมือนกัน เอาละเจ้าจะถามอะไรข้าไหม”


“แล้วของสำคัญที่ว่าเป็นแบบไหนครับ พอจะรู้ไหมครับ”


“ไม่มีรายละเอียดหรอกนะ เจ้าต้องตามหามันเองให้พบ ส่วนเรื่องดินแดนข้าจะให้เจ้าไปที่ดินแดนมนุษย์ก่อนเพราะใกล้จะถึงวันงานรับตำแหน่งขององค์รัชทายาทแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าคงจะมีวิธีตามหามันให้เจอแล้วกันนะ”


“ครับ” ผมรับคำก่อนจะใช้เวทย์วาร์ปกลับมาที่ป่าหลังโรงเรียน เดินกลับมาที่ห้องพักแล้วครุ่นคิดเรื่องภารกิจจากท่านจอมเวทย์


ไหนท่านบอกข้าเป็นสหายกันเล่าครับ นี่มันส่งไปตายนะครับ องค์รัชทายาทก็ชอบส่งสายตาแปลกๆมาให้ตลอดวันไหนจะท่านจอมมารที่จ้องจนตัวผมจะพรุนด้วนซ้ำ อะไรคือความปลอดภัยของผมกันครับท่านจอมเวทย์



เช้าวันต่อมาที่หน้าพระราชวัง มีขบวนเดินทางสองขบวนของราชาทั้งสองดินแดน ผมที่ยืนอยู่ที่ข้างท่านจอมเวทย์ยืนส่งขบวนทั้งสองของราชาสองดินแดน สักพักก็ล่ำลากันเสร็จสิ้นสักที


“ไปกันเถอะสหายตัวน้อย” ผมที่กำลังจะเดินตามองค์รัชทายาทเพื่อทำภารกิจจากจอมเวทย์ที่อ้างว่างส่งผมเป็นตัวแทนเพื่อคอยช่วยเหลือในด้านต่างๆแทนท่านจอมเวทย์แต่เหตุผลแปลกๆนี้องค์รัชทายาทก็เชื่อนะครับ ผมละเชื่อเขาเลยครับ


“พ่อมดน้อยมีเรื่องอะไรกันถึงต้องร่วมเดินทางกับองค์รัชทายาทด้วย” ท่านจอมมารที่หันหลังจากไปหันกลับมาเมื่อได้ยินที่องค์รัชทายาทพูดกับผม


“ข้าส่งพ่อมดน้อยเป็นตัวแทนข้าร่วมเดินทางไปช่วยเตรียมงานขององค์รัชทายาทเอง” ท่านจอมเวทย์ยังคงเป็นคนที่ตอบคำถามจากจอมมารแทนผมเสมอ จอมมารยังไม่ยอมหันกลับไปแต่ยังมองมาที่หน้าผมด้วยสายตาที่ผมคิดว่าเจ้าเล่ห์และน่ากลัวมากครับ


“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ช่วยส่งท่านพ่อมดตัวน้อยไปเยี่ยมข้าในฐานะสหายสลับกับเตรียมงานขององค์รัชทายาทเป็นสัปดาห์ก็แล้วกัน” ผมได้แต่ทำหน้าอึ้งกับคำพูดท่านจอมเวทย์เอาแต่อมยิ้มมีความสุข ถามผมกันก่อนไหมครับว่ายอมไหม


“ถ้าเช่นนั้นก็ตามนั้น สหายข้าจะไปกับองค์รัชทายาทเพื่อเตรียมงานในสัปดาห์แรกเมื่อครบก็ไปเยี่ยมท่านจอมมารในฐานะสหายต่อจนกว่าจะเสร็จงานแล้วกัน เจ้าคงเข้าใจสินะพ่อมดน้อยสหายข้า”


“ครับ” ตอบรับหน้านิ่งแต่ในใจร้องไห้แทบเป็นสายเลือด ท่านแกล้งข้าท่านจอมเวทย์ ท่านกำลังส่งข้าเข้าปากอสูรแล้วนะขอรับ ข้าจะรอดจนครบจนภารกิจสำเร็จไหมครับท่านจอมเวทย์!!!!!



TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2018 12:46:49 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
หนูลูกกกกสงสาร  แต่ด้วยความพลังล้าน8 แล้วนั้น วาร์ปไปวารืปมาเลยค่ะ สบ๊ายยยย 5555

ออฟไลน์ zeroshadaw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชอบมากเลยค่ะะะะ :pig4:

แต่อยากให้ปรับนิดนึงน้าาาา เวลาอัพแล้วช่วยจ่าหัวกระทู้ว่าตอนที่เท่าไร แล้วใส่วันที่ คนอ่านจะได้รู้ว่าผู้แต่งมาอัพแล้ววววว :pig4:

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น่าสนุกค่ะ ชอบแนวเวทๆแบบนี้มากค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ แต่ย่อหน้านึงตัวหนังสือมันเยอะไปนิด อ่านแล้วตาก็จะลายๆ :really2:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#5

   หลังจากที่ผมล่ำลาพวกคุณทรีมอสแล้วก็ได้รู้หนทางในการเข้าไปยังป่าจากทั้งสองดินแดนอีกด้วยครับ


ส่วนบรรยากาศในรถม้าตอนนี้หรอครับ มันออกจะแปลกไปหน่อยเพราะมีแค่ผมกับองค์รัชทายาทเท่านั้นที่นั่งอยู่ด้วยกัน ผมหันมองทิวทัศน์รอบข้างเพราะผมยังไม่เคยเดินทางไปต่างแดนเช่นนี้มาก่อนเลยครับ ส่วนอีกคนผมรู้สึกได้ว่าตั้งแต่ขึ้นมาก็แต่จ้องผมไม่หันไปทางอื่นเลยครับ มันดูอึดอัดนะครับแต่ก็พูดไม่ได้


“ใครๆต่างก็บอกว่าฉันเป็นสุภาพบุรุษเสมอ ให้เกียรติกับทุกคนที่อยู่รอบข้าง แต่พอเป็นเจ้าข้ากลับรักษาท่าทีไม่ได้เลย เพราะอะไรกัน” เสียงพึมพำจากคนด้านข้าง ที่ผมดันได้ยินทำเอาขนในตัวพากันลุกเกลียวเลยครับ


มันแปลกไปนะครับที่มามัวนั่งคิดเรื่องแบบนี้กับเด็กผู้ชายแบบผมด้วยและที่น่าตกใจคงเป็นใจผมนี่ละครับที่มันดันยินดีที่ได้ยินแทนละครับ น่ากลัวเกินไปแล้วนะครับ ถึงจะเคยโดนผู้ชายที่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องมาจีบก็เยอะแต่ไม่เคยใจเต้นแรงเหมือนกับที่เจอราชาสองดินแดนเลยนี่ครับ หรือว่า ผมจะชอบผู้ชายเข้าแล้วครับ แต่กับคนอื่นก็ไม่เป็นนี่ครับ อย่างนี้ต้องลองพิสูจน์แล้วสินะครับ ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันผมคงต้องทำบางอย่างเสียแล้วครับ


“เจ้าเบื่อหรือไม่”


“ไม่ครับ ผมไม่เคยเดินทางต่างแดนมาก่อน มันเลยออกจะตื่นเต้นตลอดเวลาเลยครับ” ผมตอบองค์รัชทายาทไป


“ในเมื่อเราเป็นสหายกันแล้วก็ควรจะแทนตัวด้วยชื่อดีกว่านะ เรียกข้าว่าฮาฟก็แล้วกัน เจ้าละ” ถึงจะบอกว่าเป็นสหายแต่ว่าเอาจริงหรอครับ มันจะดูสนิทไปไหมครับกับชื่อที่ให้เรียกเนี่ยครับ


“ผมชื่อราสครับ องค์ระ”


“ฮาฟ” ผมที่ลืมตัวเรียกตามเดิมกับโดนองค์รัชทายาทหรือฮาฟยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วเปลี่ยนคำเรียกกับผม ผมที่ตกใจยื่นมือออกไปกันตรงช่วงอกอีกฝ่าย แน่นมากครับ เอ๊ะ ผิดประเด็น


“เอ่อ ฮาฟครับ คือ ผมว่า ถะ ถอยออกไปก่อนไหมครับ” คุณพี่ครับช่วยขยับออกนั่งที่เดิมเถอะครับ แบบนี้มันไม่ดีต่อใจผมนะครับ


“ราส เธอเป็นใครกันแน่นะ ถึงมาทำให้ฉันคนนี้หวั่นไหวกับเธอกัน” แล้วผมจะรู้ไหมละครับท่าน แล้วมือหยุดลูบช่วงสะโพกของผมสักที


“สหายกัน ผมว่าไม่ได้ทำแบบนี้นะท่านฮาฟ ปล่อยผมลงไปนั่งดีๆเถอะครับ จะเป็นพระคุณมากครับ”


“ฉันจะต้องบ้าตายแน่ๆถ้ายังอยู่ใกล้เธอต่อไปแบบนี้นะราส” แล้วจะให้ผมทำยังไงกันละครับท่าน ก็ท่านไม่ใช่หรือไงที่บังคับผมให้มานั่งด้วยกันแบบนี้นะครับ




   ระหว่างที่เดินทางก็มีเรื่องแปลกของชาวบ้านให้เห็นเสมอ จนกระทั่งเข้าเขตดินแดนมนุษย์พวกเราลงจากรถม้าของทางฝั่งดินแดนเวทย์เพื่อเดินข้ามเขตแดนไปอีกฝั่ง


ฮาฟจับมือผมไม่ยอมปล่อยตั้งแต่ลงจากรถม้าแล้วละครับ เนียนจับมากใช่ไหมครับ ได้ครับได้ ไหนๆก็อยากจะลบความรู้สึกติดค้างในใจรวมถึงเรื่องที่อยากพิสูจน์ใจตัวเองด้วย เรามาหาเรื่องสนุกกันเถอะครับ


“ฮาฟ ผมเดินเองได้ครับ” ผมเขย่ามือที่จับกันไว้เล็กน้อยแต่ฮาฟแค่หันมามองก่อนจะหันกลับแล้วเดินต่อ


“ฉันกลัวราสจะหลงทางถ้าไม่จับมือไว้” มาแต่เสียงครับแต่ผมก็รู้สึกได้ว่ามือฮาฟสั่นด้วยละครับ


“ถ้าฮาฟว่าอย่างนั้นก็อย่ารีบปล่อยมือผมนะครับ เพราะผมกลัวว่าจะหลงอย่างอื่นมากกว่าทาง” ฮาฟหยุดเดินหันมามองผมทันทีที่ฟังจบ คนในขบวนต่างหันมามองที่เราทั้งคู่ด้วยสายตาตกใจ


“ระ ราส คือ คือว่า นาย เธอ เจ้า คือ” ผมพึ่งจะรู้ว่าคนหน้าตาดีทำหน้าแบบไหนก็ดูดีนะครับ ผมยิ้มขำพร้อมกับหลายๆคนที่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าตัวมีสีหน้าตกใจก่อนที่หน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วจนผมกลัวว่ามันจะสุกซะก่อน


“ใจเย็นนะฮาฟ ผมยังอยู่ข้างฮาฟนะครับ” ผมยังไม่หยุดแกล้งเขาต่อด้วยการลูบมือที่เราจับกันไว้ หน้าเขายิ่งแดงมากขึ้นเรื่อยๆ และใจของผมก็ดันเต้นแรงเมื่อเห็นสีหน้าของเขาเช่นกัน ผมว่าผมชักจะติดใจการแกล้งฮาฟแบบนี้แล้วละครับ


“ฉันไม่คิดว่าราสจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ได้ครั้งนี้ฉันพลาดเอง ฉันจะยอมให้ราสก่อน แต่อย่าให้ฉันได้เอาคืนนะ จะไม่ให้ลุกได้เลย”


“ผมจะรอนะฮาฟ” ผมดึงมือออกตอนที่ฮาฟเผลอแล้วเดินนำไปทางเขตก่อนจะข้ามไปด้วยสายตาตื่นตกใจของหลายๆคน


“มีอะไรกันหรอครับ” ผมที่ข้ามมาแล้วยืนมองทุกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขตแดน


“ให้ตายเถอะฉันอยากจะจับนายมีตีก้นสั่งสอนให้เข็ดจริงเชียว หาเรื่องประหลาดใจมาให้พวกเราเสมอเลยสินะ” ฮาฟว่าผมก่อนจะปาหินเวทย์บางอย่างก่อนจะเดินข้ามมาทางเดียวกับผมเหมือนกับที่หลายๆคนทำแบบเดียวกัน


“ผมไม่เข้าใจครับ มีอะไรที่ผมพลาดไปครับ” ผมทำหน้าสงสัยจากใจจริงเลยครับ ก็ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเรื่องการข้ามดินแดนนี่ครับไม่เห็นจะมี อ่า ผมพลาดแล้วครับ


คนจากดินแดนทั้งสามไม่สามารถข้ามไปมาผ่านเขตแดนที่กั้นระหว่างดินแดนได้ต้องได้รับการยินยอมจากคนในดินแดนนั้นๆก่อน อย่างที่ฮาฟขว้างหินเวทย์แบบนั้นก็เหมือนการปลดผนึกเวทย์ชั่วคราวเพื่อผ่านเขตแดนมา และในตำราที่ผมเรียนมามีคนที่พยายามข้ามเขตแดนจะต้องเจอกับกระแสลมบาดผิวกายจนต้องถอยหนี ไม่แปลกเลยครับที่หลายคนมองผมมาแบบนั้น ก็ผมดันเดินผ่านมาแบบปกติไม่ต้องใช้เวทย์อะไรเลยนี่ครับ


“เอาเถอะเมื่อถึงเวลาที่ฉันควรจะได้รู้หวังว่าราสจะอธิบายเรื่องนี้ได้แล้วกันนะ” ผมพยักหน้าตอบกลับก่อนที่พวกเราจะเดินทางไปที่ยานพาหนะที่ทางชาวเมืองในดินแดนมนุษย์นี้นิยมใช้กัน


มันเป็นโลหะชนิดหนึ่งที่สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานบางอย่างที่ลอยตัวบนพื้น ผมที่อ่านมาแต่ในตำราเรียนเห็นแล้วอดที่จะคิดไม่ได้ว่าถ้ามีเวลาจะขอสำรวจจนทั่วเครื่องเจ้าสิ่งประดิษฐ์ตรงหน้าให้ได้เลยละครับ เราเดินทางมาไม่นานก็ถึงตัวพระราชวังหรือเรียกว่าบ้านของฮาฟละครับ


เราต้องเขาเฝ้าพระราชาหรือพ่อของฮาฟก่อนเพราะผมถือเป็นตัวแทนและมีจดหมายจากท่านจอมเวทย์ที่กำชับให้ส่งถึงมือพระราชาให้ได้อีกด้วย


“ยินดีที่ได้พบครับท่านพระราชา” ผมก้มตัวลงพร้อมทาบมือที่อกซ้ายตามแบบที่เคยเรียนวิธีทำความเคารพของชาวมนุษย์ดินแดนนี้มา


“ยินดีๆ ข้าขอต้อนรับเจ้าในฐานะแขกข้าเพิ่มด้วยเช่นกัน มาเถิดมีสิ่งใดที่จะมอบให้ข้ากัน” ผมพอจะรู้แล้วครับว่าฮาฟได้ความสง่างามมาจากใคร


“นี่เป็นจดหมายที่ท่านจอมเวทย์กำชับให้ส่งถึงมือท่านครับ ท่านพระราชา”


“ดี ข้าอยากจะรู้แล้วว่าเรื่องนี่เป็นเรื่องอะไรกัน” ถึงจะไม่เข้าใจที่พระราชาพูดแต่ก็ยังเดินเอาจดหมายส่งให้กับมือพระราชาตามที่บอกเหมือนเดิมก่อนจะกลับมายืนที่เดิม


พระราชาอ่านเนื้อหาในจดหมายด้วยความนิ่งสงบ หันมามองหน้าผมเป็นบางครั้ง จนผิดสังเกต แต่เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวกับผมก็เลยยืนนิ่งที่เดิมจนพระราชาอ่านเสร็จ


“ท่านจอมเวทย์บอกแก่ข้าเรื่องที่ส่งเจ้ามาช่วยงานและบอกแก่ข้าว่าเจ้าเป็นสหายของรัชทายาทด้วย เอาเป็นว่าก็คิดเสียว่าเป็นสหายลูกข้าก็เหมือนเป็นลูกข้าเช่นกัน ข้าขอให้งานที่เจ้ารับหน้าที่มาสำเร็จด้วยเช่นกัน ข้ารอมานานพอแล้ว”


“ครับ” แม้จะไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไรที่พระราชาพูดท้ายๆแต่ก็ยอมรับคำไปก่อน พูดคุยกันอีกนิดก่อนจะเดินออกจากห้องรับรองแล้วตามข้ารับใช้ของฮาฟไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยรูปภาพของราชวงศ์ของดินแดนมนุษย์ แอบสยองนิดหน่อยถ้าต้องเดินคนเดียวท่ามกลางรูปภาพพวกนี้ตอนกลางคืนละนะครับ


“เป็นอย่างไรบ้างราส” เสียงทักทายจากประตูห้องที่ติดกันถามผมที่กำลังจะเดินตามข้ารับใช้ของฮาฟเข้าห้องไป บรรยากาศคล้ายเพื่อนบ้านทักทายเพื่อนบ้านคนใหม่เลยครับ


“ปกติครับ ไม่มีอะไรผิดปกติหรอกครับ ว่าแต่ท่านพักห้องนั้นหรือครับ”


“ใช่นี่ห้องนอนฉัน ถ้าสนใจมาได้นะ”


“จะว่าไปแล้วการนอนต่างที่มันก็หลับยากนะครับฮาฟ สนใจมาเป็นหมอนข้างให้ผมสักคืนไหมครับ” ผมเกาะขอบประตูแล้วส่งสายตาชวนเชิญให้ฮาฟเข้าห้องพร้อมกัน สนุกมากครับ ฮาฟหน้าแดงอีกแล้วละครับ


“เอ่อ ไม่ดีหรอกนะ ฉะ ฉันคิดว่าเราควรแยกพักผ่อนก่อน ไปก่อนนะ” แล้วก็ปิดประตูหนีผมเข้าห้องไปก่อน


ผมยืนขำท่ามกลางสายตาเอ็นดูที่มองมา ผมยิ้มขอบคุณผู้นำทางก่อนจะหมุนกายเข้าห้องเหมือนกัน ผมว่าผมน่าจะชอบผู้ชายแล้วละครับ เพราะผมไม่ใจเต้นกับผู้หญิงสักครั้งเลย แต่อาจจะไม่แน่นะครับ ผมอาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่ก็ได้ ผมยังมีเวลาพิสูจน์อีกนานเลยครับ




เช้าวันต่อมาผมก็ตามติดแกล้งฮาฟให้หลุดมาดเสมอ


ผมเห็นภาพการดำเนินชีวิตของมนุษย์ที่ไม่ได้แตกต่างจากเราชาวเวทย์มากนักจะมีก็แต่ข้าวของเครื่องใช้เครื่องมือสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยให้มนุษย์ดำเนินชีวิตได้สะดวกยิ่งขึ้นมากกว่าพวกเรานิดหน่อย เพราะมนุษย์ไม่มีเวทย์มนต์เหมือนอีกสองดินแดน


ฮาฟเข้าร่วมว่าราชการกับพระราชาก่อนที่จะช่วยเรื่องคำร้องในห้องทรงงานของพระราชาเพื่อฝึกตนก่อนรับตำแหน่งจริง ผมได้เข้าร่วมในกรณีพิเศษจากพระราชาและดูเหมือนจะไม่มีใครคัดค้านเท่าไหร่ไม่รู้ว่าเพราะว่าเรื่องที่ผมเป็นพระสหายขององค์รัชทายาทหรือเหตุผมอื่นๆกันแน่ ผมจะแกล้งฮาฟเฉพาะช่วงที่อยู่พื้นที่ส่วนตัวหรือเหมาะสมมากกว่านะครับ เพราะภาพลักษณ์ขององค์รัชทายาทเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งพอสมควร เห็นขี้แกล้งแต่ผมรู้เวลาอยู่นะครับ


“ขออภัยขอรับ ท่านเสนาธิการต้องการเข้าเฝ้าองค์ราชาและรัชทายาทขอรับ”


“ผมขอตัวไปจัดการธุระส่วนตัวก่อนนะครับ” ผมก้มหัวขออนุญาตแล้วออกมาเพราะคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ


ตอนที่ออกมาเจอชายหนุ่มสูงอายุยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามมองมาที่ผมก่อนจะส่งยิ้มให้ผมเลยส่งยิ้มกลับก่อนจะต่างคนต่างเดินไปทางที่คิดไว้ ผมเดินออกมาที่ศาลาที่อยู่ห่างจากห้องนั้นพอสมควร ข้ารับใช้ที่ตามมาต่างทำหน้าที่ตัวเองอยู่ใกล้ๆไม่ได้เข้ามารบกวนผมเหมือนจะยังเกร็งๆผมอยู่


‘สายลมผมอยากรู้เรื่องราวในห้องนั้น ช่วยผมได้หรือไม่ครับ’


‘สักครู่นะขอรับนายท่าน’ ผมบอกสายลมในใจด้วยเวทย์สายลมสามารถที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านในห้องนั้นได้ ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับการมาและเหตุผลต่างๆที่ท่านจอมเวทย์ส่งผมมานอกเหนือจากภารกิจตามหาสิ่งสำคัญแล้วละครับ


“ท่านกลับมาจากชายแดนเมื่อไหร่กันท่านเสนาธิการฮิวรัส”


“มาถึงเมื่อเช้าขอรับองค์ราชา”


“คงเป็นเรื่องด่วนสินะถึงรีบมาหาข้า”


“ขอรับเรื่องเกี่ยวกับท่านจอมเวทย์”


“รัชทายาทเจ้าช่วยไปดูทหารแทนพ่อได้หรือไม่ พอติดธุระสำคัญเสียแล้ว”


“ได้ครับท่านพ่อ”
ผมได้ยินเสียงเดินออกไปจากห้องน่าจะเป็นฮาฟ แปลว่าเรื่องนี้ฮาฟก็ห้ามรู้เหมือนกันสินะ


“เอาละเจ้าว่ามาได้ฮิวรัส”


“ข้าได้ข่าวจากท่านแม่ทัพเรื่องที่ท่านจอมเวทย์ตามหาผู้ที่จะช่วยเหลือเราทั้งสองดินแดนได้แล้วขอรับ ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ขอรับท่าน”


“เป็นเรื่องจริงที่ท่านจอมเวทย์ตามหาเด็กในคำทำนายนั้นเจอแล้ว เป็นเด็กที่มีครบธาตุตามคำทำนายเสียด้วยแต่ก็ยังมีเรื่องลึกลับที่ท่านจอมเวทย์ยังไม่กระจ่างอีกหลายอย่างเลยไม่ได้ให้ข้อมูลมาว่าเรื่องอะไร”


“คำทำนายจากฝั่งชาวเวทย์ ข้าก็อยากจะเชื่อเช่นกันแต่ มันจะเป็นไปได้เช่นนั้นจริงหรือขอรับ เพียงเด็กคนเดียวที่จะหยุดยั้งสงครามทั้งสองดินแดนที่มีมาเกือบร้อยปีเช่นนี้ได้” 


สงครามกับเด็กแล้วก็ท่านจอมเวทย์ อย่าบอกว่าหมายถึงผมกัน เพราะมันคงจะบังเอิญเกินไปที่ผมจะถูกส่งมาทำภารกิจแบบนี้ทั้งที่เป็นเด็กปีสี่แถมคนที่มอบภารกิจยังเป็นท่านจอมเวทย์ที่รู้เรื่องพลังของผมดีกว่าใครอีก คำว่าสหายที่ท่านมอบให้ผมเป็นเพียงผลประโยชน์จากผมใช่หรือไม่ท่านจอมเวทย์ เหมือนที่ผ่านมาเมื่อหมื่นปีเช่นนี้สินะที่พวกท่านต้องการจากผม


“มีเพียงกาลเวลาที่จะตอบเราได้ เรารอมาเกือบร้อยปีหากเขาสามารถหยุดยั้งไฟสงครามนี้ได้ ดินแดนทั้งสองคงจะไม่สูญเสียอีกคราเช่นนี้”


“องค์ราชา”
หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับผมแล้ว


แบบนี้คงจะจริงที่พออ่านจดหมายนั้นที่ลงเวทย์แน่นหนาในจดหมายขนาดนั้นถึงยอมที่จะรับผมมาดูแลในฐานะสหายองค์รัชทายาททั้งที่ไม่ได้สอบถามอะไรเลย


ความรู้สึกจากก้นบึ้งหัวใจถูกกวนจนตะกอนที่ตกค้างฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง นี่เป็นบทลงโทษที่ข้าละทิ้งพวกเจ้าไปเมื่อหมื่นปีใช่หรือไม่ถึงต้องโดนทำร้ายความรู้สึกเช่นนี้อีกครา ไม่จบสิ้นเสียที


ข้าจะยังสามารถเชื่อใจใครได้อีกหรือไม่ ยังมีอีกหรือไม่ ท่านผู้สร้าง เสียงกระซิบที่ดังขึ้นในห้วงความคิดเป็นเสียงจากจิตใจของผมที่เริ่มตื่นขึ้นมา ความทรงจำที่เพิ่มมากขึ้นทุกครั้งยามหลับตาลง


ผมไม่เคยบอกเรื่องนี้กับคุณทรีมอสและพวกสัตว์ทั้งหลายในป่านั้น ผมกลัวจากใจจริงว่าจะเสียพวกเขาไปอีกครั้ง


“เห็นข้ารับใช้บอกว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้มานานแล้วไม่ขยับไปไหน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าราส บอกฉันได้ไหม” ในช่วงที่ความคิดเริ่มทีจะไปในทางลบ เสียงของฮาฟก็ดังแทรกเข้ามา แล้วสองคนที่ทำให้ผมใจเต้นแรงและคิดจะเปิดใจรับเข้ามาในเขตพื้นที่ของผมอย่างนี้จะหวังอะไรจากผมหรือเปล่าครับ


“ฮาฟ ผมมีเรื่องอยากจะถามท่าน” ฮาฟนั่งลงตรงข้ามผมพร้อมกับอนุญาตให้ถามได้


“ว่ามาเลย ฉันจะตอบทุกอย่าง”


“ฮาฟพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับสงครามทั้งสองดินแดนมากน้อยแค่ไหนกันหรอ”


“ทำไมถึงอยากรู้ละ กลัวหรอ”


“ผมแค่สนใจ แล้วตอนนี้ก็ต้องเดินทางไปมาทั้งสองดินแดนที่ทำสงครามกันก็เลยอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย” นั่นเป็นแค่หนึ่งในเหตุผลมากมายที่ผมอ้างถึงมัน


“มันเป็นเรื่องเมื่อประมาณเกือบร้อยปี วันที่ทั้งสามดินแดนจัดงานอย่างที่จัดที่วังท่านจอมเวทย์ ครั้งนั้นผู้นำสามดินแดนเข้าล่าสัตว์เพราะจัดที่ดินแดนปีศาจเลยมีพื้นที่เหมาะแก่การล่าสัตว์

จนกระทั่งพระราชาที่ดำรงตำแหน่งตอนนั้นหรือปู่ของฉันพลาดยิงไปถูกองค์ราชินีของท่านจอมมารตอนนั้นพอดี แม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่เพราะมีเรื่องราวกันพอสมควรในช่วงนั้นเพราะหาคนที่ยุยงไม่ได้เลยเกิดเรื่องราวใหญ่โตจนกระทั่งกลายเป็นสงครามสืบต่อมา

มีผู้คนทั้งสองดินแดนรวมถึงทหารที่ร่วมรบสูญเสียไปมากมาย จนมาถึงรุ่นของจอมมารคนปัจจุบันที่เธอเคยพบมาแล้ว ถึงจะมีนิสัยที่ดูเย็นชาตามแบบปีศาจแต่ก็คิดถึงผลเสียของสงครามไม่น้อยกว่าฝั่งมนุษย์เราเลยเปลี่ยนจากการรบมาเป็นเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าแทน ถึงจะลดความสูญเสียด้านกำลังคนแต่ก็ยังมีข่าวว่าสัตว์ปีศาจบางกลุ่มดักทำร้ายและเข่นฆ่ามนุษย์มาอยู่เสมอ

เมื่องานเลี้ยงครั้งนั้นเราคิดว่าน่าจะเป็นกลุ่มเดิมที่ยังหาตัวไม่เจอเรื่องที่ยุยงจอมมารให้เริ่มคิดที่จะทำสงครามสองดินแดนครานั้นเหมือนกัน และคิดว่าไม่นานมันน่าจะลงมืออีกครั้ง” เพราะความเข้าใจผิดและมือที่สามคอยปั่นจนเกิดคลื่นใต้น้ำขึ้นมาจนเป็นสงครามแบบนี้ สงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือครั้งสุดท้ายนั้นและไม่เคยเกิดขึ้นอีกจนมาเรื่องครั้งนี้ ผมละเลยพวกเขานานจนเกิดเรื่องแบบนี้สินะครับ


“แล้วฮาฟรู้เรื่องคำทำนายอะไรนั่นไหม”


“มันเป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมาว่าจอมเวทย์รุ่นต่อมาตามหาวิธีที่จะทำให้ทั้งสองดินแดนกลับมาคืนดีกัน เป็นเรื่องที่เล่าขานกันทั่วทั้งสามดินแดนเลยทีเดียว แต่เฉพาะราชวงศ์ของทั้งสามดินแดนเท่านั้นที่จะรู้รายละเอียดของคำทำนาย”


“แปลว่าฝั่งจอมมารก็ต้องรู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกันสินะครับ”


“ใช่ แต่ไม่ได้สนใจเพราะความโกรธแค้นครอบงำรวมถึงข่าวลือว่าทางเราต้องการล้มล้างพวกเขาอีกเลยไม่สนใจจนมาถึงจอมมารรุ่นนี้อีกนั่นแหละที่สนใจและตามหาเหมือนกัน”


“พอจะบอกถึงรายละเอียดได้ไหมครับ”


“อืม ตามจริงเป็นเรื่องที่ห้ามบอกคนนอกละนะ แต่ในเมื่อเธอเป็นสหายของฉัน ก็ถือเป็นคนในละกัน ดีไหม”


“ครับๆ” ผมไม่ได้สนใจคำว่าสหายมากนักเพราะยังรู้สึกไม่ดีอยู่แต่มันก็ทำให้เบาใจว่าสหายที่ฮาฟพูดถึงฮาฟน่าจะคิดแบบนั้นจริง


“เมื่อเวลาเวียนว่ายมาบรรจบ เราจักพบความสุขทุกสถาน ไร้ความเกลียดความชังนิรันด์กาล ปีศาจมาร มนุษา ชาวเวทย์เอย

เป็นเรื่องราวว่าเมื่อเวลาที่เรารอคอยมาถึงจะมีแต่ความสงบทั้งสามดินแดน ส่วนสำคัญคือคำที่ต่อท้ายว่าคนที่สามารถจะช่วยเหลือเราเป็นพ่อมดน้อยที่มีเวทย์ครบทุกเวทย์แต่ไม่ได้บอกกล่าวว่ามีลักษณะรูปร่างหน้าตาแบบไหนเลย” เนื้อหาคำทำนายข้างต้นเป็นสิ่งที่พวกเรารับรู้มาโดยตลอดตังแต่เข้าเรียนแต่เนื้อหาที่บ่งบอกว่าพ่อมดจะเป็นผู้ช่วยเหลือคือสิ่งที่ถูกปกปิดไว้


ผมว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับพลังของตัวผมในอดีตด้วยส่วนหนึ่งเพราะจากที่ว่ามาถ้าหากสามารถหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวครั้งนี้ได้ก็จะยุติสงครามได้เช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องที่ตัวผมกลับมาที่นี่อีกครั้งน่าจะหมายถึงการรับผิดชอบที่ทอดทิ้งพวกเขาแบบที่ผมฝันเห็นเสมอมาตั้งแต่เด็ก และเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ชายอีกคนในฝันของผมด้วยเหมือนกัน


“ฮาฟ ท่านคิดว่าเวลานั้นจะมาถึงไหม” ผมก้มหน้าลงเมื่อถาม


“ไม่รู้สิ แต่สำหรับฉัน ฉันคิดว่าฉันจะไม่รอหรอกนะคนในคำทำนายอะไรนั่น ฉันคิดว่าจะลองสืบหาเองแทนเพราะสงครามเป็นเรื่องที่เกิดเพราะคนทั้งสองดินแดน ฉันกับจอมมารเห็นตรงกันว่าไม่ควรลากคนอื่นมาเกี่ยวข้อง แต่ไม่ใช่ไม่เชื่อในคำทำนายของชาวเวทย์แบบพวกเธอหรอกนะ แต่พวกเราอยากจะรับผิดชอบปัญหาของพวกเราเองมากกว่าต่างหาก” ผมส่งยิ้มกับคำตอบของฮาฟและคิดว่าถ้าท่านจอมมารอยู่ก็จะได้รับรอยยิ้มจากใจของผมเหมือนกัน


“บางทีพวกเราอาจจะเจอคนในคำทำนายมานานแล้วก็ได้นะ”


“เธอจะบอกว่าเป็นคนใกล้ตัวเราสินะ แบบเธอนะหรอ”


“ถ้าใช่ละครับ” ผมลองสุ่มถามความคิดต่อไป


“ยิ่งถ้าเป็นเธอจริงๆยิ่งกันไม่ให้เข้ามามากกว่าเดิม เราก็ไม่อยากให้เธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เหมือนเดิม เธอไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วยเลยแต่กลับต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องแบบนี้ มันออกจะโหดร้ายเกินไป” ทำไมในอดีต ผู้คนถึงไม่คิดแบบนี้กัน เรื่องที่เดือดร้อนของผมไม่สนใจแต่กลับลากผมเข้าไปยุ่งกับเรื่องของพวกเขาเสมอ รวมถึงทำร้ายลูกๆของผมจนกลายเป็นผมที่ต้องทำลายพวกเข้าแทน ทอดทิ้งผมอย่างไม่ใยดีในสนามรบที่เป็นเรื่องของพวกเขาไม่เกี่ยวกับผมด้วยซ้ำ


สงครามครั้งนั้นเป็นเรื่องความขัดแย้งของกลุ่มคนที่รวมตัวต่อต้านอาณาจักรทั้งสามแล้วผมที่อยู่ในเขตป่าที่ไม่เกี่ยวข้องกับสามดินแดนต้องมารับกรรมและเฝ้าดูเหล่าลูกๆถูกลากออกไปจนผลสุดท้ายก็กลายเป็นผมที่ต้องรับผิดชอบในฐานะคนที่ดูแลพวกเขาเช่นนั้นหรือ



 เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ถึงจะเป็นเรื่องที่ผมทอดทิ้งพวกเขาให้เติบโตกันตามลำพังไม่สนใจหรือลงมาคลุกคลีเช่นกาลก่อนก็ตามแต่เรื่องที่พวกเขาทะเลาะกันไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผมเลยสักนิดเดียว แต่ก็ยงคงหาเรื่องที่จะมาเชื่อมโยงเพื่อเรียกผมกลับมาอีกครั้ง เพื่อให้ผมมาจัดการเรื่องราวในครั้งนี้ มาคอยตามเก็บปัญหาที่พวกเข้าก่อแล้วจัดการไม่ได้แบบนี้เสมอมา


ผมที่คิดว่าจะละทิ้งทุกอย่างแล้วกลับไปอยู่กับคุณทรีมอสในที่ของผม แต่ในเมื่อยังมีคนแบบฮาฟและจอมมารที่ยังคิดได้ว่าเป็นเรื่องของตัวเองที่ควรจะแก้ไขเองแบบนี้ ผมก็ขอเปลี่ยนใจมาคอยเฝ้าดูและช่วยเหลือพวกเขาเงียบๆในเงามืดก็แล้วกันครับ แต่อย่าคิดว่าท่านจอมเวทย์จะรอดตัวนะครับเรื่องที่สัญญากับผมไว้แบบนี้แต่กับไม่รักษาคำพูด ผมคิดว่าต้องหาเวลาว่างไปเยี่ยมสักหน่อยแล้วละครับ คิดเหมือนผมกันไหม


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2018 12:47:19 โดย minibearsecret »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
ย่อหน้านึง อย่าหลายบรรทัดมากค่ะ คือไม่ต้องกลัวนักอ่านอ่านไม่รู้เรื่องเพราะความขาด เป็นพรืดนี่อ่านยากกว่าเยอะ นักเขียนลองดูในเว็บดู มันอ่านยากมาก นี่มารอจ่ออ่านนานเลย แต่นักเขียนยังไม่แก้ซักที เชื่อว่านักอ่านหลายคนเปิดเข้ามาดูเเล้วยอมแพ้ไปเยอะแน่ๆเลย รอนักเขียนมาแก้นะคะ

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#6

   และแล้วผมก็อยู่ที่พระราชวังของฮาฟที่ดินแดนมนุษย์ครบสัปดาห์แล้วละครับ ตอนนี้ฮาฟกำลังพาผมเดินมาที่เขตเชื่อมต่อของทั้งสองดินแดนอยู่และดูเหมือนว่าจะเป็นเขตติดต่อที่ปลอดภัยที่สุดด้วยละครับ


“ดูเหมือนท่านจอมมารกับฉันจะมีความคิดคล้ายกันหลายส่วนเลยว่าไหมราส” ไม่เข้าใจครับ พูดถึงอะไร

ผมมองผ่านฮาฟไปด้านหน้าก็เจอกับกลุ่มคนที่ เอิ่ม บางคนอาจจะมีรูปร่างคล้ายคนแต่โดยรวมจะมีเขาที่อยู่บนศีรษะสองเขาอย่างต่ำและหลายคนมีครึ่งบนเป็นคนครึ่งร่างเป็นสัตว์


“สุดยอดเลย”

ฮาฟยื่นมือหวังจะดึงแขนผมไม่ให้เข้าใกล้เขตแดนเพราะกลัวว่าอาจจะไม่ได้โชคดีแบบครั้งก่อน แต่ก็เหมือนเดิม ผมวิ่งข้ามเขตแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วตรงไปหากลุ่มคนที่ยืนรอบข้างจอมมาร


“จับได้ไหม นะขอจับเขาได้ไหม”


ก็ในเมื่ออีกฝ่ายคิดว่าผมเป็นสหายและมีความคิดที่คล้ายกับฮาฟผมเลยเผลอที่จะอ้อนขอเวลาที่เจอสิ่งที่น่าสนใจไม่ได้ ถ้าถามว่าครั้งก่อนที่เจอละ ครั้งนั้นจอมมารใช้รูปลักษณ์มนุษย์สมบูรณ์ไม่มีเขาไปเลยทำให้ผมไม่เห็นเขาของจอมมาร


“หืม”


“นะ”


สายตาออดอ้อนจากร่างบางของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำเอาความคิดแปลกๆยามที่คิดจะแกล้งเจ้าพ่อมดตัวน้อยหายไป กลับยอมที่จะก้มตัวให้ฝ่ามือเล็กลูบไปที่เขาด้านบนหัวของตนที่ถือเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมากแต่เข้ากลับไม่คิดที่จะว่าพ่อมดตรงหน้าสักนิดเดียว ทั้งที่เขาที่เป็นถึงจอมมารไม่ชอบให้ใครก็ตามมาโดนตัวเด็ดขาด


“บางทีผมก็ชักจะอยากมีเขาแบบจอมมารซะแล้วสิ”


เสียงของฮาฟปลุกผมจากความคิดที่เมื่อได้จับกลับมีภาพของสัตว์น้อยใหญ่ที่เคยเปรียบเสมือนลูกๆของผมในป่า แต่สัตว์อสูรพวกนั้นมีร่างกายที่เป็นสัตว์โดยสมบูรณ์และมีเขาทุกตัวแบบปีศาจทั่วไป พวกมันจะอาศัยอยู่ในป่าลึกเพราะเป็นสิ่งมีชีวิตวิเศษที่ถ้าใครได้กินหัวใจจะสามารถใช้พลังของตัวนั้นๆได้เหมือนกัน


ผมที่ปกป้องดูแลที่นั่นเมื่อต้องจากไปไกลในสงครามและถูกหักหลังจากคำพูดกลายเป็นพื้นที่ของผมถูกทำลาย ลูกของผมถูกวาดต้อนและถูกเปลี่ยนเป็นสัตว์ดุร้ายเพื่อเป็นพลังของกบฏ และสุดท้ายก็ต้องจบชีวิตเพราะคำอ้อนวอนที่ให้ผมที่ควรจะฆ่าพวกมันก่อนที่จะเสียใจไปมากกว่านี้  เพราะอะไรเรื่องราวถึงดำเนินมาจนถึงการจุติครั้งใหม่ของผมกัน ทำไมถึงอยากจะลงมาช่วยเหลือคนที่ทอดทิ้งกันแบบนี้กันนะ


“เป็นอะไรไป” ผมมองหน้าจอมมารที่เอ่ยถามทั้งที่ผมเลิกที่จะสำรวจเขาจอมมารแล้วแต่ก็ยังยื่นหน้ามาอยู่ในระดับเดียวกันเหมือนเดิม


“พวกคุณสองคนคิดว่าจะมีวันที่สงครามจะยุติไหมครับ คิดว่าทั้งสามดินแดนจะกลับมามีความสุขอีกครั้งไหม”หรือผมควรจะทอดทิ้งแล้วกลับไปเฝ้ามองดูการล่มสลายในกาลต่อไปดี ท้ายประโยคผมไม่ได้พูดออกไป


ทั้งสองคนตรงหน้ามองหน้าผมพร้อมกับที่บรรยากาศกดดันแผ่กระจายออกไปรอบตัวเราทั้งสามคน


“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอกนะ และพวกฉันก็ไม่คาดหวังกับคำทำนายของพวกชาวเวทย์แบบนายด้วย มันเป็นเรื่องของอดีต ความโกรธ ความแค้น หลงผิด ทุกอย่างก็เกิดจากทั้งสองดินแดนเท่านั้นไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเอาเด็กคนนั้นมาเกี่ยวข้องด้วยทำไมเหมือนกัน”


“อย่างที่จอมมารว่า และก็ตามที่ได้พูดครั้งก่อนกับเธอ ถึงจะเป็นศัตรูกันก็ตามแต่เราทั้งคู่ก็คิดเหมือนกันว่าจะไม่ขอความช่วยเหลือจากเด็กเพียงคนเดียวตามคำทำนายนั้นหรอกนะ”


แกว๊ก เสียงนกร้องดังเหนือหัวของพวกเราก่อนที่ร่างของมันจะหล่นลงมาใกล้กับที่เรายืน ผมคิดว่ามันน่าจะบินหลงมาโดนเขตแดนละนะครับ เวทย์นี้แม้แต่สัตว์ก็ห้ามข้ามนะครับ เหมือนตัดขาดซึ่งกันและกันเลย

ผมพยายามคิดว่าเขตนี้มันเกิดขึ้นจากใครและเพราะอะไรถึงต้องทำมัน แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะอ่านได้จากไหน


“นี่เป็นครั้งที่สองเหมือนกันที่เธอเดินข้ามเขตแดนแบบไม่เป็นอะไร ครั้งแรกเพราะคิดว่าเป็นเขตแดนติดดินแดนของเธอ แต่ครั้งนี้เขตแดนนี้เป็นของมนุษย์และปีศาจ ไม่มีใครที่จะโชคดีติดต่อกันทุกครั้งหรอกนะจริงไหมราส”


“เจ้าสามารถเดินข้ามเขตแดนได้หรือ” ผมหันไปพยักหน้ากับจอมมารแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไปเพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน


“เอาเถอะ ฉันส่งนายตรงนี้แล้วกัน สัปดาห์หน้าจะมารับตรงนี้นะ” ฟอด


“อือ จะรอนะ” แล้วทำไมต้องก้มมาหอมแก้มกันด้วยละครับท่าน

สหายจากลาต้องทำแบบนี้หรอครับแต่ก็ไม่วายแกล้งฮาฟต่อนะครับ หน้าแดงเดินหนีข้ามเขตไปแล้วครับ ผมรู้สึกเหมือนโดนสายตาทิ่มแทงจากด้านหลังหันกลับมาก็เจอสายตาที่จ้องจนร่างจะพรุนจากท่านจอมมาร เอ่อ เอาไงดีละเนี่ย


“หึ เดินกลับเองดีไหมพ่อมดน้อย”


“ไม่เอาครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยนี่ครับ อย่ามาแกล้งกันนะ” ผมประท้วงทันที เพราะดูเหมืนจอมมารจงใจอยากจะแกล้งผมจริงๆ


“ผิดที่ยอมให้เจ้านั่นสัมผัสตัวเธอ”


“งั้นท่านจอมมารก็มีความผิดด้วยที่ยอมให้ผมจับเขาเหมือนกัน เห็นไหมเราผิดเหมือนกันแล้วงั้นกลับด้วยกันได้ ไปกันเถอะ นะครับ” ผมว่าผมเริ่มจับทางท่านจอมมารได้แล้วครับ เมื่อไหร่ก็ตามที่ลงท้ายว่านะครับท่านจอมมารจะหน้าแดงแล้วก็หันหน้าหนีตลอด


“กลับ” แต่ครั้งนี้ดึงแขนผมเบาๆให้เดินไปที่รถม้าแบบอาณาจักรผมเพื่อเดินทางกลับปราสาท ระหว่างทางมีเหล่าปีศาจหลากหลายเผ่าพันธุ์ต่างทำงานของตัวเอง


“พึ่งจะรู้นะครับว่าที่ดินแดนนี้ปลูกข้าวเหมือนกับดินแดนอื่นด้วย” ผมถามจอมมารที่เอาแต่นั่งมองหน้าผมนิ่งๆตั้งแต่ขึ้นรถมา ผมคิดว่าเขาต้องหาวิธีแกล้งผมแน่ครับ


“พวกเรามีการทำเกษตรกรรมเหมือนดินแดนอื่น มีบางพันธุ์ที่ดำรงชีวิตด้วยการกินอยู่คล้ายมนุษย์แต่ก็ไม่ได้เป็นส่วนมากเท่าไหร่ ข้าวที่ดินแดนนี้จะถูกส่งออกไปที่อาณาจักรทั้งสองเช่นกัน”


“แล้วท่านจอมมาร”


“เรียกข้าว่าอัล” ถึงจะตกใจที่ให้เรียกแบบนั้นแต่ผมก็เรียกฮาฟมาก่อนเหมือนกันคงไม่แปลกที่สหายกันจะเรียกชื่อกัน


“งั้นอัลก็เรียกผมว่าราสนะครับ” ผมส่งยิ้มเป็นมิตรให้ คนตรงหน้ามองผมนิ่งๆแต่ก็มีริ้วแดงจางๆให้เห็น


“จะถามอะไรข้า”


“อ๋อ ผมว่าจะถามเรื่องอาณาจักรผมครับ ว่าพวกคุณอาณาจักรปีศาจนี้รู้จักพวกเราชาวเวทย์มากน้อยขนาดไหน”


“พวกเจ้ามีตำนานมากมาย มีบันทึกของราชวงศ์เกี่ยวกับเรื่องสงครามที่สามกษัตริย์ผนึกกำลังต่อสู้กับกบฏที่คิดจะยึดครองโลกนี้ รู้ว่าพวกเจ้ามีจอมเวทย์เป็นผู้ปกครอง รู้ว่าพวกเจ้ากำลังตามหาเด็กในคำทำนายเพื่อช่วยพวกเราสองดินแดนที่เกิดสงคราม แล้วเธอละรู้จักพวกเราชาวปีศาจมากน้อยแค่ไหนกัน”


“ผมรู้แค่ว่าพวกคุณเป็นอาณาจักรข้างเคียงเป็นเพื่อนบ้านที่ดี แต่เอาจริงๆนักเรียนหรือคนอื่นๆอาจจะรู้จักพวกคุณสองดินแดนมากกว่าผมมากเลยละครับ เพราะตอนที่เรียนเรื่องนี้ผมหลับทุกคาบเลยทีเดียว แหะ แหะ” ผมหัวเราะแห้งๆแล้วโยกตัวหลบฝ่ามือที่ตรงมาที่หัวของตัวเอง ใจร้ายแค่แอบหลับตอนเรียนเองนะ จะมาทำร้ายกันแบบนี้ไม่ได้นะครับท่าน


“เธอนี่มัน ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมถึงโดนภาพด้านนอกเธอล่อลวงได้ถึงขนาดนี้”


“อย่ามากล่าวหากันนะครับอัล ผมไม่ได้ชักชวนให้คุณหลงใหลความหล่อของผมสักหน่อยนี่ครับ จริงไหม”


“ช่างกล้าที่จะพูดถึงตัวเองแบบนั้นจริงๆ” สายตาเหยียดหยามนี่มันคืออะไรกันครับ


“อย่ามาตกหลุมรักผมก็แล้วกัน”


“อย่าพูดเรื่อยเปื่อย”


“ถึงวันนั้นจะกินจนร้องขอชีวิตเลยเถอะครับ” ผมส่งสายตาเจ้าเล่ห์ที่ชอบใช้แกล้งฮาฟไป แต่ดูท่าจะมาผิดทางละครับ


“ใครกันแน่ที่จะได้กิน จริงไหม”


“ไม่เล่นแล้วครับ ผมขอโทษ ปล่อยผมเถอะครับ นะครับ นะ” ก็ใครจะไปคิดว่าแกล้งแบบฮาฟแทนที่จอมมารจะเสียมาดกลายเป็นเข้าทางจับผมกดติดเบาะที่นั่งแบบนี้กันละครับ ไม่ได้ครับต้องรีบเปลี่ยนแผนกลับโหมดเดิมทันที


“ที่แบบนี้มาอ้อนนะราส จะลงโทษคนปากดียังไงดีนะ”


“ไม่เอาครับ สำนึกแล้ว ไม่เล่นแบบนี้แล้วครับ ผมกลัวนะ นะครับอัล” สุดแล้วครับ งัดมาอ้อนจนหมดแล้วครับ หน้าที่เลื่อนมาใกล้หยุดลงสบตาก่อนจะเบี่ยงไปหอมแก้มผมแล้วปล่อยตัวออกก่อนจะจับผมลุกนั่งที่เดิม


ให้ตายสิครับนึกว่าจะโดนกินจริงๆ ถึงคิดว่าผมน่าจะชอบผู้ชายแต่ไม่ได้อยากมีสามีทันทีนี่ครับ ขอเวลาทำใจก่อนสิครับท่าน


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2018 12:48:03 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#7


   เมื่อเดินทางมาถึงปราสาทของจอมมารหรืออัลก็มีข้ารับใช้สาวมายืนต้อนรับตลอดทางพร้อมกับทหารบางส่วน


“อัล ท่านมีราชินีหรือยังครับ” ผมสงสัยนะครับ ฮาฟด้วยแต่ไว้กลับไปค่อยถามก็น่าจะทันนะครับ


“หืม ยังหรอกกำลังหาอยู่ สนใจ” แหม ความสงสัยนี่ครับ ไม่จำเป็นต้องส่งสายตาวาววับแบบนั้นมาก็ได้ครับ ดูสิครับข้ารับใช้สาวของท่านจะเลือดหมดตัวเอาก่อนนะครับ


“ก็มันสงสัยนี่ครับ อยากรู้ก็ต้องถามจริงไหมครับ” ผมเบี่ยงประเด็นไปทางอื่นให้พ้นตัวเองมาที่สุด อันตรายครับจะแกล้งแบบฮาฟก็ไม่ได้ กลัวครับ


“ถ้าอย่างนั้นก็ถามให้ได้ทุกเรื่องแล้วกัน ข้าจะตอบเธอเอง ตอบจนไม่มีเรื่องสงสัยอีกเลย ดีไหม”


“อ่า ก็ดีมั้งครับ แหะ แหะ ผมว่าเรารีบเข้าไปกันเถอะครับ คนของท่านดูท่าจะมีเรื่องอยากจะคุยกับท่านอยู่นะครับ” โยนครับ งานนี้ต้องโยนให้ไกลตัวมากที่สุด


“หึ เจ้าพาสหายข้าไปห้องพักก่อนแล้วพาเขามาที่ห้องทำงานข้าด้วย” สั่งสาวใช้ตนเสร็จก็เดินจากไปพร้อมทหารที่เข้ามารายงานบางอย่าง


“ทางนี้เจ้าค่ะท่านพ่อมด” ผมพยักหน้าแล้วเดินตามพี่สาวที่นำทางเธอเป็นปีศาจนกครับ ท่อนบนสวมชุดเหมือนมนุษย์ทั่วไปครับแต่จะมีช่วงเท้าที่พ้นชายกระโปรงยาวออกมาเป็นขาของนกสองข้าง แต่ถึงจะเป็นปีศาจที่มีท่อนล่างเป็นนกแต่ใบหน้าสวยมมากครับ แต่ใจผมก็ไม่ได้เต้นแรงเหมือนตอนที่เจออัลกับฮาฟตอนแรกเลยครับ เธออาจจะยังไม่ใช่แบบที่ผมสนใจก็ได้นี่ครับ จริงไหม


“เชิญสำรวจได้เลยเจ้าค่ะ” เธอเดินออกไปหลังจากพูดจบ ผมก็สำรวจห้องตามที่เธอบอก ลักษณะคล้ายกับห้องที่พระราชวังของฮาฟพอสมควรต่างกันที่ขนาดของห้องที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย


เมื่อจัดของเสร็จก็เดินออกมาเจอกับพี่สาวคนเดิมเธอพาผมไปที่ห้องทำงานของอัลตามที่อัลบอกจริงๆครับ ในห้องมีทหารและขุนนางหลายคนที่มองมาที่ผมและดูเหมือนก่อนที่ผมจะเข้ามาน่าจะมีบรรยากาศที่ไม่ดีมากเสียด้วยครับ


“มานี่สิ” ผมพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งข้างอัลที่ให้ทหารที่ยืนด้านหลังยกเก้าอี้มาเสริมข้างซ้ายอัลให้ผมนั่งอีกที่


“ผมมารบกวนเวลางานหรือเปล่าครับ” ผมมีมารยาทพอหรอกนะครับ ถึงจะเป็นเด็กแบบนี้ก็เถอะครับ


“ไม่หรอก ท่านเสนารายงานต่อไป”


“พะยะค่ะจอมมาร ตามที่กล่าวไปก่อนหน้า ทางเราสามารถจับตัวผู้บงการในครั้งนี้ได้แต่ยังไม่สามารถจัดการได้เพราะทางนั้นชิงฆ่าตัวตายเสียก่อน ส่วนข้อมูลที่ได้มาตอนทรมานมีเพียงน้อยนิดเกี่ยวกับแผนที่จะลอบเข้ามาปั่นป่วนในกองกำลังที่ตรึงอยู่ที่ชายแดนของเราพะยะค่ะจอมมาร”


“คิดว่าข้อมูลที่ได้มาจะเป็นจริงแค่ไหนกันท่านเสนาธิการ”


“ตรวจสอบจากประวัติเดิมมีความเป็นไปได้มากพะยะค่ะที่จะเกิดขึ้น”


“อืม แล้วเหตุการณ์ที่ชายแดนตอนนี้ละท่านแม่ทัพ”


“พะยะค่ะจอมมาร ถ้าไม่นับการลอบเข้ามาเพื่อป่วนค่ายของเราที่ชายแดนก็นับว่าไม่มีอะไรเลยพะยะค่ะท่านจอมมาร”


“สงบเกินไป ข้าคิดว่าน่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า”


“หม่อมฉันจะควบคุมดูแลให้รัดกุมยิ่งขึ้นพะยะค่ะท่านจอมมาร”


“ดี ท่านแม่ทัพ”


“ขอประทานอภัยพะยะค่ะ มีข่าวด่วนแจ้งเข้ามาพะยะค่ะท่านจอมมาร” อยู่ดีๆก็มีเสียงดังขึ้นที่หน้าประตูก่อนที่จะเปิดเข้ามาเมื่ออัลอนุญาต


“ว่ามา”


“มีการก่อเหตุจลาจลที่หมู่บ้านทางตอนใต้ที่ติดกับชายแดนมนุษย์พะยะค่ะ”


“อืม”


“มีกลุ่มคนเข้าทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านแล้วจับชาวบ้านที่เป็นหญิงกับเด็กไปแถมยังสังหารปีศาจชราไปหลายตนด้วยพะยะค่ะท่านจอมมาร”


“จัดการได้หรือยัง”


“ตอนนี้ทางเรากำลังติดตามไปจนถึงที่พักพวกมันแล้วพะยะค่ะ จัดการช่วยเหลือปีศาจสาวกับเด็กได้บางส่วนเพราะพวกมันจัดการสังหารตอนที่เราบุกโจมตีทันทีพะยะค่ะ แต่เราสามารถจับตัวพวกมันไว้ได้แต่ก็มีบางส่วนที่หนีเข้าดินแดนมนุษย์ของพวกมันไปได้ มีหลายส่วนเริ่มเคลื่อนไหวเพราะคิดว่าพวกที่เข้ามาเป็นมนุษย์ด้วยทั้งที่เรายังไม่สามารถตรวจสอบได้ตอนนี้และรอคำสั่งจากท่านต่อไปพะยะค่ะท่านจอมมาร”


“กว่าเราจะเดินทางไปถึงก็ใช้เวลาสามวัน หากใช้พลังปีศาจก็เป็นวันเช่นกัน” ท่านเสนาธิการที่อัลเรียกกล่าวทันทีเพราะคิดว่ายังไงอัลก็ต้องเดินทางไปด้วยตัวเองแน่นอน


“พ่อมดน้อยเธอมีวิธีไหมที่จะลดระยะทางแบบนี้” อัลหันมามองหน้าผมเพื่อถาม


“ครับ ขอสถานที่ที่จะไปด้วยนะครับ”


“ไปที่ป่าทางใต้ของที่นี่ใกล้กับเขตแดนมนุษย์ คนละที่กับที่เจ้าข้ามมา”


“ไปตอนไหนครับ”


“ตามที่เจ้าสะดวก”


“งั้นเอามือมาครับ ไปกัน” อัลส่งมือมาที่ผม ผมจัดนึกถึงป่าทางตอนใต้ที่เป็นที่ตั้งทหารใกล้เขตแดนที่มีหมู่บ้านอยู่ใกล้ๆ จากแผนที่ที่ผมเคยศึกษามาก่อนหน้านี้ ก่อนจะท่องเวทย์ห้วงเวลาเคลื่อนย้ายตัวผมกับเอลทันทีโดยการวาร์ปไปที่จุดหมาย


ภายในห้องหลังจากที่กลุ่มควันหายไปพร้อมกับร่างของจอมมารและพ่อมดน้อยต่างแดนก็ตกอยู่ในความเงียบสีหน้าของแต่ละคนตกตะลึงเพราะเรื่องราวเกี่ยวกับการหายตัวด้วยเวทย์มนต์นั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากบันทึกของท่านจอมมารรุ่นก่อนๆบอกว่าบุคคลที่ทำได้ต้องเป็นนักเวทย์ระดับจอมเวทย์ขั้นสูงที่มีเวทย์ชนิดนี้เท่านั้น แต่คนที่ทำคือพ่อมดน้อย หรือว่าคำกล่าวของท่านจอมมารในยุคหมื่นปีจะเกิดขึ้นแล้วจริงๆ


“เป็นยังไงบ้างครับ” ผมถามอาการของคนที่ใช้วาร์ปครั้งแรก มักจะมึนหัวทุกคนตามที่คุณทรีมอสบอกมา


“ไม่เป็นไร ข้าสบายดี” จริงครับ ทุกอย่างดูปกติมากครับ สุดยอด ผมที่ลองครับแรกยังเกือบอ้วกเลยละครับ แข็งแกร่งเกินไปแล้ว


“แล้วไปทางไหนต่อครับ” ผมถามเพราะไม่รู้จักเส้นทางที่จะไปที่เป้าหมาย อัลเดินนำผมไปที่ค่ายทหารที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เรามาถึงนัก ทหารที่เห็นอัลต่างรีบเปิดประตูแล้วรายงานทันที


“เรียนท่านจอมมาร พวกเราจับตัวคนร้ายมาไว้ที่ค่ายแล้วพะยะค่ะ”


“นำทางไปรองแม่ทัพ” คนนี้เป็นรองแม่ทัพนี่เองถึงไม่สงสัยว่าทำไมอัลถึงมาถึงเร็วขนาดนี้กันแถมยังมองมาที่ผมแต่ไม่ได้ซักถามหรือส่งสายตาด้านลบให้ด้วย พวกเราเดินไปจนถึงสถานที่กักขังนักโทษของค่ายทหาร


“พวกเจ้าเป็นใครกัน” คนด้านในเมื่อเห็นอัลต่างทำหน้าหวาดกลัวคงเพราะไม่คิดว่าอัลจะมาด้วยตัวเองแถมรวดเร็วแบบนี้


“ข้าไม่กลัวเจ้าหรอกเจ้าปีศาจ พวกเจ้าเป็นคนฆ่าญาติพี่น้องข้า พวกเจ้าสมควรโดนแบบนี้”


“จงบอกคนที่อยู่เบื้องหลังเจ้ามา”


“หึ ถึงจะบอกไปเจ้าก็ทำอะไรไม่ได้หรอกเจ้าปีศาจ ปีศาจเป็นแค่สัตว์เท่านั้นไม่มีปัญญาสู้กับมนุษย์แบบพวกข้าได้หรอกเลยใช้วิธีลอบกัดตลอดเวลา พวกเจ้าไม่มีทางเทียบมนุษย์ได้ไม่ว่าอดีตหรือตอนนี้ก็ตาม”


“หุบปาก อย่ามาอวดดีกับพวกข้าทั้งที่เจ้ายังไม่สามารถแม้กระทั่งนั่งได้ด้วยตัวเองแบบนี้”


“ใจเย็นก่อนรองแม่ทัพ” อัลห้ามรองแม่ทัพที่จะเข้าไปจัดการนักโทษที่นั่งอยู่ตรงหน้าอัล


“ขออภัยพะยะค่ะ”


“อืม หากเจ้าคิดว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่และสูงสุดจริงเหตุใดจึงเกิดสงครามในครั้งนี้กัน เหตุใดความแค้นถึงมาครอบงำเจ้าจนต้องมาทำเรื่องชุดคร่าชีวิตของผู้อื่นเช่นนี้ด้วยหรือ”


“แล้วฝั่งปีศาจอย่าเจ้าละ อย่ามาทำพูดดีสั่งสอนข้าเลย พวกเจ้าก็เลวไม่ต่างกันหรอก” ผมยืนฟังมานานแล้วนะครับ ทำไมถึงคุยกันไม่รู้เรื่องสักที


ดูเหมือนสรุปว่าคนร้ายมาก่อเหตุเพราะทหารพวกนี้เคยทำร้ายพวกพ้องเขามาก่อน แต่เกี่ยวอะไรกับชาวบ้านพวกนั้นละครับ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเหมือนกันนะครับ แถมอัลที่ผมคิดว่าไม่น่าจะสอบสวนด้วยความใจเย็นแบบนี้อีก ผมคิดว่าเขาน่าจะกำลังคิดอะไรในใจอยู่


“ขอโทษที่เข้ามาขัดนะครับ แต่คุณบอกว่าเกลียดทหารแล้วทำร้ายชาวบ้านทำไมหรือครับ”


“เจ้ามิใช่ปีศาจ เจ้าเข้ามาเกี่ยวอะไรด้วย แต่เอาเถอะ เพราะข้าจะทำแบบที่พวกมันทำกับข้าไงละ พวกมันส่งทหารเข้าไปทำร้ายหมู่บ้านข้า ข้าเลยใช้วิธีเดียวกันไง”


“แล้วทหารที่เข้าไปเป็นปีศาจจริงหรือ”


“เจ้าจะบอกว่าพวกข้ากุเรื่องขึ้นมาเพื่อมาแก้แค้นอย่างนั้นหรอ”


“ท่านกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ครับ” ผมถามอัลหลังจากที่ได้ยินคำถามนั้น


“ไว้ค่อยคุย ทหารจัดการตามกฎของเราไปตามหน้าที่ ข้าคิดว่าข้าเข้าใจเรื่องแล้ว” อัลแตะแขนผมให้เดินตามเขาออกมาก่อนที่เราจะกลับมาที่เดิม


“กลับไปคุยที่ปราสาทห้องเดิม”


“ครับ” ถึงการใช้เวทย์ชนิดนี้จะหนักแต่ผมที่ฝึกฝนกับวิธีการลดพลังเวทย์ในตอนที่ใช้ตามที่คุณทรีมอสบอกไว้เลยแค่รู้สึกเพลียเล็กน้อย แต่จากการใช้เวทย์ใหญ่ติดต่อกันสองครั้งในหนึ่งวันแบบนี้แถมเวลายังไม่ห่างมากนักอาจจะเพลียมากขึ้น


“ท่านจอมมาร” เสียงของบุคคลในห้องที่ยังคงอยู่เหมือนตอนที่ออกไป


“ไหวหรือไม่” น้ำเสียงห่วงใยจากร่างสูงตรงหน้าที่ประคองตัวผมให้นั่งลงที่เก้าอี้แล้วโอบเอวผมไว้ อยากปัดมือที่เนียนนะครับ แต่เหมือนจะหมดแรง


“ยังไหวอยู่ครับ ผมไม่เคยใช้เวทย์แบบนี้ติดต่อกันมาก่อนเลยเพลียนิดหน่อย ขอบคุณนะครับ” ผมส่งยิ้มให้ตอบแทนที่ช่วยไม่ให้ผมทรุดตัวจนขายหน้าละครับ


“ไม่เป็นไร งั้นพิงข้าก่อนก็ได้จนกว่าจะดีขึ้น” ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะครับ ก็มันรู้สึกดีนี่ครับ แหม มีหนุ่มหล่อมาเปิดโอกาสให้ขนาดนี้ ทิ้งไปโง่เลยสิครับ


“ขอบคุณครับ” ผมบอกเสียงเบาแล้วหลับตาเพื่อฟื้นฟูพลังตามที่คุณทรีมอสเคยสอนแล้วให้ตำราการควบคุมเวทย์กับผมให้เอาไว้ท่องตอนอยู่คนเดียว


“ข้าคิดว่าเรื่องในครั้งนี้มีคนอื่นมาเกี่ยวข้อง จากการที่ข้าสอบถามคนร้ายมา เจ้านั่นบอกว่ามีทหารของเราเข้าไปทำร้ายฝั่งนั้นก่อน เลยทำให้เกิดความแค้นจนมาก่อเรื่องครั้งนี้”


“ไม่มีทางที่ทหารจะข้ามไปดินแดนศัตรูโดยที่พวกเราไม่รู้ได้พะยะค่ะ”


“ข้าก็คิดแบบนั้น ข้าฝากท่านแม่ทัพไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยแล้วกัน ส่วนท่านเสนาธิการข้าฝากด้วยอีกแรงเรื่องกลุ่มคนที่เราสงสัย เอาละไปได้” ทั้งสองคนเดินออกจากห้องตามรับสั่ง

ผมนั่งหลับตาฟังนิ่งๆไปเรื่อยๆในเรื่องอื่นๆที่อัลต้องหารือตามปกติในส่วนงานบ้านเมือง ผมว่าอัลเป็นจอมมารที่เป็นที่รักมากเลยนะครับจากคำพูดที่ทางขุนนางบอกให้ได้ยิน


“วันนี้พอแค่นี้ก่อนไปได้” เมื่อทุกคนออกไปจนหมดทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ


“คิดมากหรือครับ” ผมถามทั้งที่ยังหลับตาอยู่


“นิดหน่อย ข้าเสียใจที่ต้องให้เจ้ามาเจอเรื่องแบบนี้”


“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ คนกันเอง ผมเต็มใจที่จะช่วยในส่วนที่พอช่วยได้ ก็ท่านบอกเราเป็นสหายกันนี่ครับ”


“ถ้าเป็นมากกว่าสหายได้ไหมละ”


“หืม เป็นพี่น้องหรอครับ” ถึงจะตกใจกับคำถามแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาเพราะใกล้ฟื้นฟูเสร็จแล้ว


“เป็นคนรักต่างหาก” พรึบ ผมลืมตาเตรียมหนีแต่ไม่ทันอ้อมแขนที่ดึงตัวผมไปนั่งที่ตักของร่างสูงทันที


“ล้อกันแรงไปนะครับ” ผมพยายามดันตัวออก ครั้งนี้อัลเล่นแรงนะครับ ถึงเนื้อถึงตัวเกินไปแถมยังมาทำให้ใจเต้นแรงเพราะคำพูดแบบนั้นอีก


“คิดแบบนั้นทั้งที่หวั่นไหวกับข้าเหมือนกันแบบนี้หรือ พ่อมดน้อย”


“เราพึ่งจะรู้จักกันแถมยังเป็นสหายกันด้วยนะครับ ปล่อยผมก่อน”


“แล้วเหตุใดถึงยินยอมที่จะเป็นคนรักขององค์รัชทายาทได้เล่า”


“ห้ะ ผมเป็นคนรักของฮาฟตอนไหนกันครับ”


“ข้ารู้แล้วกัน ตอบมาเป็นคนรักข้าเหมือนกันไม้ได้หรือ”


“ผมไม่เป็นคนรักของใครทั้งนั้นครับ ผมก็เป็นผู้ชายเหมือนพวกคุณนะครับ”


“ข้าไม่ถือหรอกว่าราชินีของข้าจะเป็นเพศใด เพราะข้าก็สามารถทำให้ท้องได้เหมือนกัน ลองไหม”


“ไม่ลองครับแล้วปล่อยด้วย ผมจะโกรธแล้วนะครับ”


“คิดว่าขู่ข้าได้หรือ หืม”


“อัล ปล่อยเถอะ นะครับ”


“ข้าไม่ชอบเวลาเจ้าพูดคำนี้จริงๆ เอาละ เก็บไปทบทวนก็แล้วกัน เปิดใจกับพวกข้าสองคนหน่อยก็ดี พวกข้าชอบเจ้าจริงๆ” อัลวางผมลงที่เก้าอี้เดิมก่อนจะเดินออกไปจากห้องก่อน ผมเดินตามมาก็ไม่เจอเงาร่างสูงแล้ว พี่สาวที่ยืนอยู่พาผมกลับห้องพัก


ผมล้มตัวนอนทันทีที่ถึงเตียงแต่กับหลับตาลงไม่ได้ นี่มันเรื่องอะไรกันครับ เป็นแค่เรื่องตลกที่พวกเขาเล่นหรือความจริงที่บอกว่าพวกเขาชอบผม ถึงจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้คิดไปในทางนั้นก็จริงแต่ผมไม่กล้าคิดหรอกครับ มันจะเป็นยังไงกันนะครับถ้าคนที่ผมเปิดใจอีกครั้งกลับทอดทิ้งผมไปเหมือนเดิม


“ผมต้องทำยังไงกันนะ” แล้วก็หลับตาทิ้งความคิดวุ่นวายออกจากหัวไป


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2018 12:49:22 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุก รอตอนต่อไป :pig4:

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
แก้ไขแล้วอ่านง่ายขึ้นกว่าเดิมค่ะ พัฒนาขึ้นไปเรื้อยๆนะคะ อ่อ ถ้าอัพนิยายน่าจะขึ้นหัวกระทู้หน่อยนะคะว่าอัพตอนที่เท่าไหร่แล้ว วันที่เท่าไหร่ หน้าที่เท่าไหร่(ในอนาคต) คนอ่านจะได้รู้ว่ามีตอนใหม่มาอัพแล้วเนอะ ลองดูค่ะ  :mew1:
ชอบจังนายเอกมีพลังเหนือคนอื่นเนี่ย แต่กลัวจะมีอันตรายมาถึงตัวราสอะ อ่านไปก็ยังไม่ไว้ใจใครเลย
รออ่านตอนต่อไปค่ะ :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-05-2018 23:26:50 โดย palmiers »

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#8


“คิดมากหรือลูกข้า”เสียงกระซิบที่แผ่วเบาข้างหูเรียกให้ผมเปิดตาขึ้นมอง ผมนอนอยู่ที่สวนดอกไม้กว้างที่เหมือนจะเคยเห็นทุกครั้งที่ฝันถึงตอนเด็กเรื่อยมา


“ใครกัน” ผมถามกลับเพราะไม่เห็นเจ้าของเสียงที่ปลุกผมมาในที่ประหลาดนี้


“พ่อของเจ้าเช่นไรเล่า ข้าอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอลูกรัก สับสนกับหัวใจหรือ”


“ผม ผมกลัวว่าจะโดนทอดทิ้งอีกครั้ง ผมไม่เข้าใจชีวิตทั้งอดีตแล้วก็เรื่องตอนนี้เลยครับท่านผู้สร้าง” ผมคิดว่าเสียงที่ได้ยินต้องเป็นคนเดียวกับที่เคยเจอมาเสมอในฝันแน่นอนครับและครั้งนี้ก็เป็นผมไม่ใช่เด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว


“หากเจ้าคิดว่าเรื่องมันเกินจะรับไหวแล้ว ปล่อยวางมันลงแล้วคิดแต่สิ่งที่เจ้าเป็นตอนนี้ดีหรือไม่ ในเมื่อเจ้าคิดที่จะลงไปแก้ไขเรื่องผิดพลาดที่เจ้าคิดว่าเจ้าก่อไว้ ก็จงคิดเพียงเท่านั้นดีหรือไม่”


“ปล่อยวางหรือครับ”


“ใช่ พวกเขาทอดทิ้งเจ้าและเจ้าก็ทอดทิ้งพวกเขาเช่นกัน เจ้าคิดแบนี้ใช่หรือไม่ถึงคิดที่จะลงไปแก้ไขเช่นนี้”


“ครับ”


“งั้นก็สมเหตุสมผลกันกับเรื่องนี้แล้ว ชีวิตใหม่ที่เจ้าได้รับตอนนี้ เจ้าเป็นเพียงพ่อมดน้อยที่เป็นเพียงสหายของราชาสามดินแดนเท่านั้น เป็นพ่อมดน้อยที่มีพลังเวทย์สาบสูญ เจ้าคือราสเต้ ดีนเซอร์ พ่อมดฝึกหัดธรรมดา มิใช่รัสเทล อินเทียส มหาปราชญ์จอมเวทย์อีกแล้วนะลูกข้า”


“ผมคือราสเต้ ดีนเซอร์ ไม่ใช่รัสเทล อินเทียส ท่านจะบอกว่าให้ผมเป็นตัวผมในตอนนี้ไม่ต้องคิดเรื่องในอดีตพวกนั้นอีกแล้วหรือครับท่านผู้สร้าง”


“เป็นเช่นนั้น หากเจ้ามิมีความสุขกับอดีตจนปล่อยมันแล้วลืมมันไปเสียเถิดลูกข้า ที่เจ้าลงไปจุติใหม่นั้นเพราะข้าอยากให้เจ้ามีความสุขกับชีวิตอีกครั้ง แต่หากลืมไม่ได้ เจ้าอยากให้ข้าลบล้างมันหรือไม่”


“ไม่ ผมไม่อยากลืมความสุขในช่วงเวลาในอดีตครับ ผมอยากจดจำเรื่องราวได้ ผมจะพยายามไม่สนใจกับความผิดพลาดในอดีตแล้วละครับ ผมจะใช้ชีวิตเป็นแค่พ่อมดฝึกหัดตามที่ท่านบอก แต่เรื่องนั้น”


“มันเป็นโชคชะตาของเจ้าเองลูกข้า ไม่มีใครหนีมันพ้น ปล่อยมันเป็นไปในทางของมันเถิด ใช้หัวใจของเจ้าในการตัดสินใจเสีย เพราะพ่อไม่สามารถช่วยเจ้าได้ พ่อห้ามโชคชะตาของผู้อื่นมิได้ลูกข้า”


“ข้าควรให้โอกาสตัวเองและพวกเขาหรือครับท่านผู้สร้าง”


“ตามที่ใจเจ้าปรารถนาเถิด รู้ไว้ว่าเมื่อเจ้าทุกข์ใจพ่อจะคอยอยู่ข้างกายเจ้าเสมอ เอาละได้เวลาแล้ว ครั้งหน้าพบกันใหม่”
ภาพตรงหน้าดับไปกลายเป็นสีดำสนิท


“ราส ราส ราสเต้ ได้ยินข้าไหม” แรงเขย่าที่ปลุกผมขึ้นมา ภาพตรงหน้าเป็นท่านจอมมารที่อยู่ใกล้ในระยะฝ่ามือ


“ท่านจอมมาร” ผมยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้านั้นอย่าลืมตัว ให้โอกาสตัวเองกับพวกเขาหรือ ทำตามใจแบบนั้นจะดีหรือ


“เป็นอะไรไปหรือเปล่า” น้ำเสียงห่วงใยจากริมฝีปากหนาตรงหน้า ผมจ้องมองมันอย่างสนใจโดยไม่รู้ว่าใบหน้าของเราทั้งคู่เลื่อนเข้ามาใกล้กันมากขึ้นขนาดไหน


“ถ้าทำตามใจแล้วจะเสียใจไหมครับ” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่สับสนกับความคิดของตัวเอง


“ข้าไม่เข้าจะ” ผมสัมผัสริมฝีปากที่กำลังพูดโดยที่ไม่รู้ตัวก่อนจะผละออกมามองหน้าอัลที่ตกตะลึง รู้สึกดีจังครับ


“ข้าขอโทษที่มารบกวนเพียงแค่เจ้าลืมของไว้ที่ห้องทำงานข้า” เสียงคุ้นหูที่ดังอยู่ตรงประตูเรียกสายตาของผมกับท่านจอมมารให้หันไป ฮาฟยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาที่สับสนและเจ็บปวดที่มองมาที่ผม


ในมือของร่างสูงมีสมุดบันทึกเกี่ยวกับภารกิจที่ท่านจอมเวทย์มอบไว้เพื่อจดบันทึกความคืบหน้าเพราะมันจะส่งไปที่สมุดอีกเล่มที่อยู่กับท่านจอมเวทย์เพื่อติดต่อผ่านตัวอักษรที่เขียนลงไปคล้ายส่งการบ้านในแต่ละวัน


ผมลืมของสำคัญแบบนั้นได้ยังไงกัน แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่าคนที่กำลังเข้าใจผมผิดแบบนี้ ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมต้องไม่อยากให้องค์รัชทายาทเข้าใจผิดแบบนี้ก็ตาม


“เจ้ามาที่นี่ทำไม”


“ข้าเอาของราสมาให้ ขอโทษด้วยที่รบกวน ข้าขอตัว”


“เดี๋ยวก่อนฮาฟ” ผมรีบวิ่งตามทันทีที่เห็นว่าฮาฟก้าวเท้าออกไป


“มีอะไรอีกหรือ ข้าคืนของให้เจ้าแล้ว”


“ท่านกำลังเข้าใจผิด”


“ไม่มีอะไรที่ข้าต้องเข้าใจผิด เจ้าเลือกที่จะรับรักจอมมารแล้ว”


“งั้นคงเป็นผมเองที่เข้าใจผิดคิดว่าท่านมีใจให้แก่ผมเช่นกัน ผมขอโทษท่านด้วย” ผมปล่อยมือที่จับแขนขององค์รัชทายาทออกแล้วถอยหลังออกมา เจ็บจังเลยครับ ไม่คิดว่าเพียงเริ่มเปิดใจกลับเจ็บแบบนี้แทน


“เดี๋ยว” เสียงของฮาฟกับอัลที่เดินมาพอดีเรียกผมไว้ แต่ไม่ทันกับเวทย์วาร์ปของผม


ตอนนี้ผมมาอยู่ที่หน้าของคุณทรีมอสแล้วละครับ


“นายท่าน หากหนักใจนักทิ้งมันลงแล้วมาพักที่ข้าจนกว่าจะสงบใจดีหรือไม่ครับ”


“ขอบคุณนะครับ คุณทรีมอส” ผมทิ้งตัวลงนอนที่รากของคุณทรีมอสก่อนจะหลับตาเพื่อพักร่างกายที่ใช้เวทย์วาร์ปครั้งที่สามของวันเพื่อเติมพลังเวทย์จากธรรมชาติรอบกาย ไม่มีใครสามารถเข้ามาในป่านี้ได้เพราะผมคิดว่าคุณทรีมอสคงไม่ปล่อยให้ใครเข้ามากวนผมในตอนนี้แน่นอน


ท่านผู้สร้างบอกว่าให้ผมทิ้งอดีต ให้เป็นตัวของตัวเองในตอนนี้ แล้วสุดท้ายผมก็เจ็บอีกเหมือนเดิม หรือผมตัดสินมันเร็วเกินไป อาจจะมีเรื่องที่ผมเข้าใจผิดไปก็ได้ แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยมากเลยครับ ขอพักใจก่อนแล้วกัน ผมไม่ได้โกรธอัลและฮาฟหรอกครับ ผมก็แค่เสียใจกับความคิดตัวเองแค่นั้น




   บริเวณทางเดินหน้าห้องของแขกคนสำคัญของท่านจอมมารมีร่างของบุรุษสองคน หนึ่งคือราชาของดินแดนปีศาจอีกหนึ่งคือว่าที่ราชาดินแดนมนุษย์ ทังสองจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองตั้งแต่ที่กลุ่มควันจางลงพร้อมกับที่ร่างบางของใครบางคนที่หายไป


“เจ้าทำให้ราสหนีไป” เสียงจากร่างหนาเจ้าของดินแดนปีศาจเอ่ยต่อว่าคู่กรณีตรงหน้า


“ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าเสียใจที่เขาเลือกเจ้าไม่ใช่ข้าดั่งที่หวังไว้”


“เขาบอกเจ้าแล้วหรือว่าเลือกข้า”


“ยังไม่ได้บอก”


“แล้วอะไรทำให้เจ้าคิดแบบนั้นกัน”


“ก็เจ้ากับราส” ปลายเสียงเงียบหายไป รอบด้านเกิดความเงียบอีกครั้ง


“ก่อนหน้านี้ข้าบอกกับราสว่าเราทั้งคู่สนใจเขา และเหตุการณ์เมื่อสักครู่ข้าก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเขาจูบข้าเพราะเหตุใดและข้าคิดว่าราสไม่ได้เลือกใครทั้งสิ้นเพียงแค่ต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่างเท่านั้น”


“ข้าทำร้ายราสเองหรือ ข้าจะตามเขาได้ที่ใดกันจอมมาร”


“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน คงได้แต่รอเวลาที่ราสจะกลับมาเอง”


“แล้วถ้าราสไม่กลับมา”


“ข้าเชื่อว่าราสจะกลับมา เจ้าจะทำอย่างไรต่อ”


“ข้าขออยู่รอราสที่นี่ได้หรือไม่ ข้าจัดการงานก่อนที่จะเดินทางมาแล้วคงอยู่ได้สักพัก”


“ได้ ข้าจะให้สาวใช้เตรียมที่พักให้ ข้าขอตัว”


“ขอบคุณจอมมาร” แล้วทั้งสองก็แยกย้ายกันไปตามทางของตนเพื่อรอเวลาที่ร่างบางจะกลับมา


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2018 12:50:17 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#9


   เช้าอีกวันหลังจากที่ผมทานผลไม้ที่สัตว์อสูรนำมาให้เสร็จก็บอกลาทั้งหมดก่อนจะใช้เวทย์วาร์ปกลับมาที่ปราสาทของจอมมารเพื่อทำภารกิจต่อ

       ผมมาที่นี่เพื่อทำภารกิจที่ท่านจอมเวทย์มอบหมายมาเท่านั้น ดังนั้นเรื่องอื่นๆถือว่าไม่สำคัญ ผมอาจจะเป็นเด็กในคำทำนายเพราะอดีต แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมคือคนในคำทำนายนั้นผมก็จะเป็นแค่พ่อมดฝึกหัดที่ถูกส่งมาทำภารกิจเท่านั้น คิดเท่านี้ก็สบายใจแล้ว


“ท่านพ่อมด” เสียงของพี่สาวที่เคยพาผมกลับมาที่ห้องพักเอ่ยเรียกผมอย่างตกใจที่อยู่ดีๆผมก็โพล่มาตรงหน้าเธอที่กำลังเดินมาพอดี


“ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะครับ”


“มิเป็นไรเจ้าค่ะ ท่านกำลังจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ”


“กำลังจะไปหาจอมมารครับ ว่าแต่องค์รัชทายาทดินแดนมนุษย์กลับไปหรือยังครับ” ผมถามพี่สาวที่น่าจะพอรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเพราะดูไม่แปลกใจที่พบศัตรูของดินแดนแบบนี้


“ยังเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านจอมมารอยู่ที่ห้องตำราหลวงเจ้าค่ะ แต่”


“ขอบคุณนะครับ” ผมเดินออกไปตามทางที่พี่สาวชี้ทั้งที่ยังไม่ได้ฟังคำต่อไปของข้ารับใช้สาว


เดินไปสักพักถามทางกับข้ารับใช้คนอื่นไปเรื่อยๆจนมาถึง พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับจอมมารที่นั่งสนทนากับองค์รัชทายาทอยู่ก่อนแล้ว สงสัยที่พี่สาวจะบอกน่าจะเรื่องนี้แน่เลย


“สวัสดียามเช้าครับท่านจอมมาร องค์รัชทายาท” ผมทักทายทั้งคู่ก่อนจะเดินเข้าใกล้ทั้งคู่แล้วนั่งลงตรงที่ว่างตรงกลางระหว่างทั้งคู่


“ฉันขอโทษเรื่องเมื่อวานด้วยนะราส” เป็นองค์รัชทายาทที่พูดออกมาก่อนใคร


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว และก็ต้องขอโทษอัลด้วยนะครับที่ทำแบบนั้นไป”


“ไม่เป็นไร” น้ำเสียงที่เป็นไปตามคำพูดก่อนที่ผมจะส่งยิ้มให้ทั้งคู่


“เอาละ ที่ผมมาที่นี่ทั้งสองดินแดนเพราะผมได้รับภารกิจของการเป็นนักเรียนในโรงเรียนเวทย์ในอาณาจักรมาละครับ เป็นภารกิจที่ให้ตามหาของสำคัญของท่านทั้งคู่” ผมบอกตามความจริงอยู่ที่พวกเขาจะตอบผมตามตรงหรือเปล่าก็อีกเรื่องครับ


“ของสำคัญหรือ เป็นเรื่องที่คิดยากเหมือนกัน เชิญท่านจอมมารก่อน” ฮาฟส่งให้อัลรับแทนเพราะคิดไม่ได้


“ของข้าหรือ อืม อาณาจักรละมั้ง” อัลตอบแบบไม่แน่ใจ ผมหยิบหินเวทย์ออกมาก่อนจะจดลงไปในบันทึกเพื่อรอท่านจอมเวทย์ตอบกลับมา


“ฉันคงเป็นอาณาจักรเหมือนกันละมั้ง” ผมจดตามลงไปเช่นกัน


“เมื่อทำภารกิจสำเร็จเธอก็จะเดินทางกลับเลยหรือ”


“ครับ ผมต้องกลับไปเรียนต่ออีกสามปีเพื่อให้จบครับ”


“แล้วเมื่อจบเธอจะทำอะไรต่อ”


“ผมก็ยังไม่แน่ใจนะครับ อาจจะทำการค้าไม่ก็เดินทางไปเรื่อยๆละมั้งครับ ก็ผมไม่มีเวทย์นี่หน่า”


“ไม่มีเวทย์ ยังไงกัน”


“ที่อาณาจักรเวทย์ยังไม่มีใครรู้ว่าผมใช้เวทย์ได้เพราะตอนตรวจเวทย์ผม กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นไงครับ เรื่องที่ใช้เวทย์ได้มีแค่ท่านจอมเวทย์กับพวกท่านละครับที่รู้” ผมตอบตามตรงไม่ได้ปิดบังอะไรเพราะคิดว่าทั้งสองคนตรงหน้าไม่น่าจะเอาเรื่องของผมไปบอกใคร


“สนใจมาทำงานกับพวกข้าไหมราส” จอมมารเป็นคนพูดทำลายความเงียบที่ก่อตัวหลังจากที่ผมพูดจบ


“ทำงาน งานอะไรกันหรอครับ”


“เป็นที่ปรึกษาของพวกข้าไงละ”


“ที่ปรึกษา เรื่องอะไรครับ”


“ก็ทุกเรื่องเลย เธอสนใจไหม”


“ขอเก็บไปคิดก่อนนะครับ” ผมตอบทั้งคู่ไป “ว่าแต่ทำอะไรกันอยู่หรอครับ” ผมถามเพราะรอบตัวของทั้งคู่มีทั้งหนังสือและตำรากองอยู่เต็มไปหมด


“ฉันกับจอมมารกำลังคุยกันเรื่องวิธีกำจัดกบฏอยู่ มันออกจะน่าเบื่อ เธอหาอะไรทำก่อนก็ได้แล้วถึงเวลาค่อยไปทานอาหารกัน” ฮาฟบอกผมก่อนจะหันไปมองท่านจอมมารที่พยักหน้าเห็นด้วย กันผมออกละสิ ได้ผมไปหาเรื่องอื่นทำก็ได้


“ครับ งั้นขออ่านหนังสือนะครับ”


“ตามสบาย” เสียงของจอมมารดังตามมาว่าอนุญาตตอนที่ผมเดินออกจากโต๊ะมา

ผมเดินไปตามชั้นต่างๆลึกเข้าไปเรื่อยๆจนเจอตู้หนังสือที่ดูเหมือนลงเวทย์อะไรบางอย่างเอาไว้ มีหนังสือเล่มหนึ่งที่เรียกความสนใจจากผมได้ดีทีเดียว ขอแอบอ่านหน่อยละกันนะครับ


ผมจัดการเปิดตู้โดยที่เวทย์ที่วางไว้ไม่ได้ทำงานแต่อย่างใด ผมหยิบเล่มที่ติดใจออกมาก่อนจะปิดตู้ตามเดิมแล้วเดินหาที่เหมาะๆกับการอ่าน จนเจอมุมสงบที่มีเบาะวางไว้ ผมนั่งลงแล้วสำรวจตำราเล่มหน้าที่หยิบมา มันดูเหมือนตำราทั่วไปแต่กลับเรียกความสนใจเพราะคำว่าบันทึกหมื่นปีบนหน้าปก


ผมเปิดเนื้อหาด้านในอ่านไปเรื่อยๆเป็นเรื่องราวของจอมมารในแต่ละวันคล้ายกับบันทึกของจอมมารรุ่นนั้น ผมอ่านบ้างข้ามบ้างจนมาถึงช่วงกลางเล่ม มีบันทึกถึงเรื่องราวงานเลี้ยงที่ดินแดนจอมเวทย์ แล้วก็การพบเจอนักเวทย์ลึกลับที่ชายป่าตอนที่เข้าสำรวจป่าในเขตรอยต่อดินแดน จนกระทั่งเรื่องของสงครามครั้งนั้นที่ผมพยายามลืม


“ปีศาจไม่สามารถใช้เวทย์ลบล้างตัวตนต่อหน้าได้สมบูรณ์สินะ” เพราะในเนื้อหาเล่มนี้บอกว่าเคยมีการพบตัวผมในอดีตมาก่อนแต่ไม่มีการบรรยายลักษณะเพียงแต่จำได้แค่ชื่อเท่านั้น แล้วราชาอีกสองดินแดนละจะมีบันทึกแบบนี้อยู่ไหม


“ราส ได้เวลาแล้วอยู่ตรงไหนกัน” เสียงของฮาฟดังขึ้นมาจากทางที่เดินเข้ามา ผมรีบเอาหนังสือกลับไปเก็บที่ก่อนจะเดินออกไป


“ผมอยู่ทางนี้ครับ” ผมเดินออกมาเจอกับทั้งสองคนที่เลิกอ่านหนังสือหรือคุยกันแล้ว


“เห็นหายไปนานนึกว่าจะหลับไปแล้ว”


“อย่ามากล่าวหากันนะครับอัล ถึงจะเป็นแค่เด็กแต่ก็ไม่ต้องนอนกลางวันแล้วครับ”


“จริงหรือ ข้าลืมไปเลยว่าเด็กต้องนอนกลางวัน งั้นทานอาหารเสร็จเธอก็ไปนอนนะ”


“ผมก็บอกอยู่ว่าไม่ต้องนอนไงครับ ทำไมชอบแกล้งผมจัง” ผมพองแก้มใส่อัลเพราะขัดใจก่อนจะหันไปเจอสายตาของฮาฟที่มองมา อ่า ผมหาที่ลงได้แล้วละ


“มีอะไรครับ” ฮาฟที่ยังไม่รู้ตัวถามผมที่มองไปอย่างสงสัย


“จะว่าไป ฮาฟสนใจไปนอนกับผมไหมครับ ไม่ใช่สิ นอนกลางวันต่างหาก” ผมลูบมือบนหน้าอกฮาฟก่อนจะส่งสายตาชวนเชิญไป


ฮาฟเกิดอาการหน้าแดงอีกแล้วครับ ผมปล่อยวางทุกอย่างแล้วคิดที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามแนวทางของผมรวมทั้งเรื่องนี้ด้วย ผมมีความสุขที่ได้แกล้งฮาฟและอ้อนอัล ผมก็จะทำมันต่อไป


“เอ่อ ฉะ ฉันว่าเราไปทานอาหารกันดีกว่านะ” แล้วฮาฟก็เดินหนีผมออกไปทันที


“นิสัยเธอนี่มัน น่าจะลงโทษสักที”


“อัลตีผมลงหรอครับ อย่าตีผมเลยนะ นะครับ” ผมส่งสายตาออดอ้อนไปให้อัลที่ทำท่าจะตีผมตามที่พูด


“เพราะแบบนี้ยังไงละพวกฉันถึงตัดใจไม่ได้สักที”


“ก็ไม่ได้บอกให้ตัดนี่ครับ” ผมรีบวิ่งออกมาทันทีเพราะอัลไม่ใช่ฮาฟที่โดนคำพูดแบบนั้นแล้วจะเขินอย่างเดียว


“กลับมาโดนตีก่อนเดี๋ยวนี้เลย เจ้าตัวแสบ” เสียงของอัลไล่หลังมา ผมรีบวิ่งไปทางห้องอาหารทันที ผมอยู่มาจนพอรู้ทางไปห้องอาหารแล้วละครับ เรื่องกินสำคัญนะครับทุกคน


TBC.

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#10

   สวัสดีครับ กระผมพ่อมดฝึกหัดนามว่าราสเต้ ตอนนี้ผมอยู่ที่พระราชวังที่ดินแดนมนุษย์ของฮาฟแล้วละครับ ผมที่มาถึงเมื่อวานก็ไม่ได้ทำอะไร เอาจริงๆตั้งแต่มาผมยังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำครับ ได้แต่เดินไปมาในพระราชวังเท่านั้น พอไปถามหางานที่ถูกส่งมาก็ไม่มีให้ทำบอกให้พักก่อน จนถึงวันนี้ ผมเดินรอบแล้วครับที่นี่ไม่รู้ว่าจะไปไหนแล้ว


จะว่าไปตอนไปหอตำราของท่านจอมมารก็เจอบันทึกแล้วที่นี่ละ แต่ผมเคยบอกกับท่านผู้สร้างแล้วว่าจะลืมอดีตนี่หน่า เอาไงดีๆ


ผมที่มัวแต่คิดจนไม่ได้ดูว่าตัวเองเดินมาทางไหนมาตกใจก็ตอนที่ด้านหน้าเป็นป่านี่ละครับ ที่ไหนกันนะ ป่าหลังวังหรือยังไง ทำไมเดินมาทุกวันไม่ยักจะเจอที่นี่ ผมเดินเข้าไปเพื่อสำรวจพื้นที่พร้อมกับทำความรู้จักต้นไม้รอบตัวไปเรื่อยๆ


“เรื่องที่ให้จัดการเรียบร้อยไหม” เสียงทุ้มที่บ่งบอกว่าคนพูดดูมีอายุมากพอสมควรดังขึ้นจากด้านขวามือ ความสนใจที่จะเรียนรู้เรื่องชาวบ้านของผมสั่งร่างกายให้ขยับไปทิศทางนั้นทันที


“ครับท่าน เมื่อเริ่มงานเราจะจัดการพวกมันและทำให้คิดว่าเป็นฝีมือของศัตรูได้แน่นอนครับ” ภาพที่เห็นคือทหารนายหนึ่งที่เห็นเดินอยู่รอบวังทำหน้าที่เฝ้าประตูทางเข้าออกของวังด้านหน้าส่วนชายอีกคนหน้าคุ้นมากเลยครับแต่จำไม่ได้ว่าเจอที่ไหนกัน


“ดี อุดมการณ์เมื่อร้อยปีจะต้องไม่เสียเปล่า เมื่อไหร่ที่พวกมันแตกคอกันมากขึ้นจนเกิดสงครามเหมือนเดิม เราจะได้จัดการพวกมันรวมทั้งเจ้าอาณาจักรอิลเทียร์นั่นด้วย ครั้งนี้ถ้าสำเร็จเราจะยึดครองทั้งสามดินแดน ไม่ยอมให้พลาดเหมือนเมื่อหมื่นปีก่อนตามบันทึกหรอกนะ” หมื่นปีก่อน หรือว่าจะเป็นพวกกบฏในครั้งนั้นกัน พวกมันยังไม่ยอมรามืออีกหรอ หรือว่าเรื่องเมื่อร้อยปีสงครามที่ยืดเยื้อจะเกี่ยวกับพวกมันด้วยเหมือนกัน


“ครับท่าน”


“ไปได้ อย่าให้พลาดเด็ดขาด” ทหารคนเดิมเดินออกไปเหลือแต่เพียงอีกฝ่ายที่ยืนอยู่สักพักก็ตามออกไป


ผมหันหลังกลับมาพิงต้นไม้ที่ซ่อนตัวก่อนจะครุ่นคิดเรื่องนี้ต่อ จะว่าไปแล้วผมเคยคิดอยู่ที่จะช่วยเหลือเรื่องสงครามของทั้งสองดินแดนให้กลับมาสงบสุขเหมือนที่ทำนายไว้ ผมคิดว่าผมจะตามดูผู้ชายคนนี้อีกหน่อย ดูเหมือนจะลงมือในวันงานด้วยสินะ สัปดาห์หน้าผมต้องไปอยู่ที่ปราสาทแดนปีศาจกลับมาก็เตรียมงานเพราะจัดงานกันกลางสัปดาห์พอดี งั้นเวลาที่เหลือทั้งสัปดาห์นี้คงต้องตามติดหมอนั่นก่อนแล้วกัน


“สายลม จงจับตาดูชายคนนั้นไว้แล้วมารายงานผมด้วยนะครับ ทุกเรื่องที่หมอนั่นทำ”


“ขอรับนายท่าน”
ผมใช้เวทย์สายลมที่วนเวียนรอบตัวของทุกคนจับตาดูแล้วรายงานการกระทำของชายคนนั้น ถึงจะอยู่ต่างแดนแต่สายลมสามารถเข้าถึงตัวผมและเป้าหมายได้โดยไม่มีใครรู้ตัว


ผมเดินเล่นไปทั่วอีกครั้งก่อนจะทะลุออกมาบริเวณสวนของพระราชวัง  ตอนที่ผมกำลังก้าวเข้าเขตห้องโถงรับรองก็มีคนเดินตัดหน้ากันพอดีจนทั้งผมและหญิงสาวที่ชนต่างล้มกันคนละทาง


“โอ้ย/โอ้ย” เสียงที่ประสานกันดังพอจะเรียกสายตาจากรอบทิศให้หันมามองที่ต้นเสียงได้ ข้ารับใช้หญิงคนอื่นรีบลนลานมาพยุงตัวผมและคู่กรณีทันทีแต่ดูเหมือนจะสนใจผมมากเกินไปนะครับเนี่ย


“เป็นอะไรไหมครับ เจ็บตรงไหนไหม ผมขอโทษนะครับที่เดินไม่ดูจนชนคุณเข้า”ผมรีบขอโทษด้วยเพราะผมเด็กกว่าแถมยังเป็นคนต่างถิ่น ดูท่าเธอจะรีบไปที่ไหนสักแห่งเหมือนกันต่างจากผมที่ไม่มีอะไรต้องรีบ


“ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ดิฉันไม่ทันระวังเอง ได้โปรดลงโทษในความผิดครั้งนี้ด้วยเจ้าค่ะ”


“หวา ลุกขึ้นครับลุกขึ้น อย่าทำแบบนี้สิครับ ผมเด็กกว่าคุณนะครับ โธ่” ผมรีบเข้าไปประคองเธอที่ทรุดตัวลงต่อหน้าผมเพื่อขอรับโทษ ข้ารับใช้หญิงคนอื่นที่เห็นผมนั่งลงก็นั่งตามด้วยเหมือนกัน


“แต่ว่า” เธอพยายามจะอธิบายกับผมต่อแต่ไม่ยอมจะลุกขึ้นในเมื่อเธอไม่ลุกผมก็ไม่ลุกครับยืนคุยมันเมื่อยงั้นนั่งคุยกันเถอะ ผมนี่โลกสวยดีจัง อิอิ


“มีอะไรกัน ราสเธอกำลังเล่นอะไรอยู่” เสียงคุ้นหูทำให้ผมหันหลังไปเจอกับฮาฟแล้วก็ชายที่เห็นในป่าเดินอยู่ในกลุ่มคนที่ตามหลังฮาฟมาเหมือนกัน


“ผมไม่ได้เล่นนะฮาฟ ผมกำลังพยายามจะไม่ให้คุณพี่สาวขอโทษผมอยู่ต่างหาก” มันอาจจะดูเป็นการเสียมารยาทที่ทำตัวสนิทสนมกับองค์รัชทายาทโดยการเรียกชื่อกันแบบนี้ต่อหน้าสาธารณะชน


แต่ผมเคยเรียกฮาฟว่าองค์รัชทายาท ดันกลายเป็นกลับถึงห้องดันโดนฮาฟแกล้งกดผมกับที่นอนแล้วบังคับให้เรียกฮาฟตลอดแทนนี่ครับ ผมที่คิดจะขัดก็โดนขู่ว่าจะปล้ำอีก อะไรจะขนาดนั้นกับครับท่าน นี่ผมเป็นพ่อมดนะครับ มิใช่ละครทีวีที่พวกท่านดูกันเน้อ


“มีเรื่องอะไรกันถึงต้องทำแบบนั้น” ฮาฟมองหน้าพี่สาวที่อยู่รอบตัวผม


จะว่าไปผมก็นั่งอยู่ท่ามกลางสาวงามไหงใจผมดันไม่เต้นแรงแบบตอนเจอฮาฟกับอัลเลยละครับ เสียใจ นี่ตกลงผู้มีใจกับสองคนนั้นจริงดิครับ ในเมื่อทำใจยอมรับการชอบผู้ชายแล้วผมก็จะขอยืนหยัดโดยการหาหนทางกดทั้งสองคนให้จงได้ครับ


“มันเป็นอุบัติเหตุเจ้าค่ะ มิเรียมที่รีบเดินแต่ไม่ทันได้มองว่าท่าราสกำลังก้าวเข้ามาเลยชนกันจนล้มทั้งคู่แบบนี้แต่ท่านราสพยายามที่จะไม่ลงโทษอยู่เจ้าค่ะ” ออ พี่สาวที่ชนผมชื่อมิเรียมนี่เอง ชื่อเพราะหน้าสวย แหม เปลี่ยนใจชอบสาวรุ่นพี่นี่ดีต่อใจมากขึ้นไหมครับ


“อะแฮ่ม ในเมื่อราสไม่เอาเรื่องก็แยกย้ายกันได้แล้ว ส่วนเธอถ้าไม่อยากโดนลงโทษเลิกมองคนอื่นด้วยสายตาแบบนั้นสักที” อะไรกันละครับท่าน นี่ผมกำลังหาช่องทางการเดินของชีวิตผมอยู่นะครับท่าน อย่ามาขัดขวางกันสิ


“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยนะฮาฟ” ผมเถียงครับ ยอมไม่ได้ นี่มันจำกัดสิทธิ์คู่แข่งนี่ครับ


“ไม่ได้คือไม่ได้ ห้ามมองคนอื่น”


“งั้นแปลว่าผมมองได้แค่ฮาฟกับอัลเท่านั้นสิครับ หืม” ผมที่ลุกขึ้นมาพร้อมพี่สาวที่พยุงแล้วเดินเข้าไปใกล้ฮาฟที่ก้มหน้าลงมาดุผมก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจนริมฝีปากเกือบจะชิดกัน ฮาฟหน้าแดงอีกแล้วละครับ หมอนี่ขี้อายจังเลยแฮะ


“ธ เธอ” จุ๊บ


“จะได้เท่าเทียมกันเนอะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปจบปากเราสัมผัสกันเหมือนที่ผมทำกับอัลตอนวันที่เกิดเรื่อง


ฮาฟตัวแข็งค้างไปแล้วครับ คนรอบข้างตกใจกับการกระทำของผมพอสมควร เพราะถึงผมจะหน้าสวยตัวเล็กร่างบางแต่ยังไงผมก็ยังคงเป็นเพศชายเหมือนกับฮาฟอยู่ดี ถึงจะมีตัวอย่างให้เห็นและไม่ผิดกฎอะไรก็ตามแต่ในวังกลับยังไม่มีให้เห็นมาก่อน เลยเป็นเรื่องที่โดนให้ความสนใจมากพอสมควร


“ผมขอตัว” ผมเดินเลี่ยงออกมาทันทีเพราะเมื่อหันไปเจอสายตาของชายคนเดียวกับในป่าที่มองมาผมก็นึกได้ว่าจะต้องรีบกลับไปวางแผนเรื่องการสอดส่องหมอนี่ต่อ


นอกจากจะให้สายลมช่วยจับตามองแล้ว น่าจะมีวิธีรับมือที่เพิ่มขึ้นสิ ถ้าเกิดมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นมา หวา คิดไม่ออกเลย นี่ผมเป็นแค่เด็กสิบสามปีเองนะครับ จะมาคิดเรื่องพวกนี้ให้ปวดหัวกันทำไม เฝ้ามองแล้วคอยช่วยเหลือนะครับ ก็แค่ช่วยเหลือในตอนที่พวกเขารับมือไม่ไหวก็พอ ปวดหัว เกินที่สมองเด็กแบบผมจะคิดแล้วครับ พอดีกว่า เลิกคิดแล้วนอนกลางวันดีกว่า ก็มันว่างนี่ครับ



TBC.

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เอาใจช่วยราส

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด