{ เรื่องยาว } ♥ วิศวกรรมประสาท ♥ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { เรื่องยาว } ♥ วิศวกรรมประสาท ♥ THE END  (อ่าน 1969363 ครั้ง)

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
บ้าจริง หยุดยิ้มไม่ได้เลย >.<  :impress2:

ออฟไลน์ Zalalalanla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 490
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ skies

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จริง ๆ ก็คิดว่าตัวเองไม่ค่อยขี้เสือกนะ แต่ตอนนี้อยากรู้มากว่าแก๊งเพื่อนพี่อาร์คพูดอะไร 5555555

ออฟไลน์ junlifelove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่อาร์คโว้ยยยย เขินมาก ฮืออออ อยากเป็นน้องอาร์มแล้วววว อิจฉาอาร์ม  :o8:

ออฟไลน์ Zalalalanla

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
วันนี้วันเสาร์เรารอเธออยู่นะจิตติ~~~

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

ตอนที่ 16
กากให้คุ้มกับโควตาที่ได้มา



   “เดอะแก๊งเริ่มย้ายออกไปเช่าหอข้างนอกแล้ว เราจะเอายังไงดีวะ”

   ไอ้แซนด์เริ่มต้นบทสนทนาในเช้าวันใหม่พร้อมหัวข้อที่เพิ่งเป็นประเด็นร้อน ความจริงมันร้อนมาเกือบอาทิตย์แล้วตั้งแต่เพื่อนคนแรกของหอชายทำใจกล้าแอบขนของออกไปเช่าข้างนอก

   ปกติทางมหา’ลัยจะให้ปีหนึ่งพักอยู่หอในเป็นเวลาหนึ่งปี แต่แค่เทอมแรกก็พากันตบะแตกซะแล้ว

   สาเหตุหลักไม่ได้เกิดจากการทะเลาะกันหรืออะไรหรอก ไอ้เพื่อนผมน่ะติดปาร์ตี้ อย่างที่รู้กันดีว่าชาววิศวะของเราแม่งมักโผล่หัวไปไม่กี่ที่ หนึ่งในนั้นก็คือร้านเหล้า คืนไหนกลับดึกหน่อยก็เข้าหอลำบากเลยหาทางออกด้วยการเช่าห้องแยกเอาไว้แทน

   “ไม่รู้ดิ ต้องขอพ่อกับแม่ก่อน” ปกติก็ไม่ค่อยแบกหน้ากลับบ้านอยู่แล้ว โผล่ไปทีบอกจะออกไปเช่าห้องใหม่พ่อกูได้หวดขาลายแน่ๆ

   “พอดีพี่รหัสกูแนะนำที่นึงไว้ แม่งโคตรเวิร์ก เหมาะแก่การลั้ลลามากๆ”

   “จริงดิ แล้วไอ้โป้ว่าไง”

   “โอ๊ยยย รายนั้นคือเตรียมเก็บของรอแล้วมึง”

   “จะรีบกันไปไหน” ผมบ่นอุบอย่างไม่จริงจัง “กูว่าย้ายก่อนขึ้นเทอมสองดีกว่า อะไรมันจะได้ลงตัวขึ้น”

   “ก็ดีเหมือนกันนะ เพื่ออิสรภาพของปีหนึ่ง”

   “...”

   “อีกอย่างถ้าพี่หวานตกลงปลงใจจะคบกู มันก็ยิ่งง่ายเวลาดอดไปหา”

   “จ้า เอาที่สบายใจ”

   “ส่วนมึงก็จะได้มีเวลาไปเจอกับพี่อาร์คตอนดึกๆ ไง” ประโยคนั้นทำผมสะดุ้งโหยง หน้าร้อนผ่าวลามไปถึงใบหูทั้งสองข้าง

   “กะ...เกี่ยวอะไรกับพี่อาร์ควะ ปกติกูก็ไม่ได้ไปหาพี่มันดึกๆ อยู่แล้ว มึงแม่งโยงมั่วไปหมด”

   “เคๆ ร้อนตัวตลอดนะมึงเนี่ย”

   “กูเปล่า”

   “อืมมมมมม เอาที่สบายใจนะ พร้อมจะพูดเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”

   ว่าแล้วไอ้รูมเมทตัวดีก็ลากสังขารลงจากเตียงพุ่งไปยังห้องน้ำเป็นอันดับต่อมา เราใช้เวลาในช่วงเช้าไม่ต่างจากทุกวัน อาบน้ำ แต่งตัว กินข้าวหน้าหอ ก่อนจะตรงไปยังคลาสเรียนที่แสนน่าเบื่อและจำเจ ทว่าที่ต่างไปจากนั้นคือคะแนนสามวิชาสุดท้ายซึ่งเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตดันมาออกพอดี

   นี่มันวันของกูชัดช้าดดดดดดดด ถึงจะไม่ได้ท็อปของเซคอะไรเบอร์นั้น แต่ทุกวิชาที่ได้มาเมื่อเอามาเรียงดูแล้วถือว่าอยู่ในจุดที่พึงพอใจ แถมยังสามารถโทรไปขอเงินพ่อเพิ่มได้เนื่องจากเป็นเด็กเรียนดีแต่ไม่มีเงินแดก

   และเหมือนสายรหัสเทวดาจะล่วงรู้ว่าคะแนนปีหนึ่งออกครบหมดแล้ว พี่ญี่ปุ่นเลยเป็นทัพหน้านัดเวลาฉลองอย่างเร็วรี่ อย่าลืมสิว่าสายรหัสผมยังมีการพนันเอาไว้ก่อนหน้า ใครแพ้จ่ายตังค์ แถมกูยังมีเดิมพันนอกรอบกับพี่อาร์คอีกต่างหาก

   “อาร์มมาแล้ววววววววววว” เสียงพี่รหัสโพล่งขึ้นมาทั้งที่ผมโผล่หัวเข้ามาในร้านเพียงเสี้ยววินาที

   “สวัสดีครับพี่ญี่ปุ่น สวัสดีครับพี่เจต” ว่าพลางยกมือไหว้ไปด้วย แต่พอหันไปเจอใครอีกคนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วผมก็ไม่ลืมยกมือไหว้ก่อนเอ่ยทักทายแบบกวนๆ “หวัดดีลุง”

   “เด็กผี” แล้วดูแม่งตอบกลับมาดิ โคตรรักกันเลยอ่ะ

   “ผมไม่ได้ชอบแมนยูซะหน่อย จะเป็นเด็กผีได้ไง”

   “วอนซะละ”

   “อุ๊ยกลัวๆ”

   “ลุงหลานนี่เถียงกันตลอดเลย เดี๋ยวมาสั่งอาหารก่อนเถอะ” พี่ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายยุติสงครามเหมือนทุกครั้ง ส่วนพี่เจตก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนบ้า เป็นอะไรอ่ะ ซดน้ำกัญชามาเหรอ

   “สั่งดิ” พี่อาร์คโยนเมนูอาหารให้ ผมเลยรับไปเปิดเงียบๆ ระหว่างนี้พี่เจตก็รีบพูดเข้าประเด็นทันที

   “วันนี้คนแพ้จ่ายนะ”

   “โหย ใครน้าที่ต้องแพ้” ผมพึมพำติดตลก ที่แน่ๆ ต้องไม่ใช่กู “ผมเอาอันนี้ครับ”

   “โอเค อาร์มกินสเต็กปลา เพิ่มพาสต้ามั้ย”

   “ไม่ครับ กลัวว่าคนแพ้ต้องจ่ายหนัก เห็นแล้วสงสารอ่ะ”

   “มั่นใจจัง” ประโยคนี้เป็นของคุณชายปีสามที่นั่งทำหน้ากวนตีนอยู่ข้างๆ

   “มั่นใจอยู่แล้ว”

   แปลกดีนะครับ เวลาผมอยู่ใกล้พี่มันทีไรมักจะมีความรู้สึกสองอย่างขัดแย้งกันเสมอ หนึ่ง คือเป็นตัวของตัวเองมากๆ จนรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่ค่อยได้รู้สึกกับใครเท่าไหร่ แต่ขณะเดียวกันผมก็ยังรู้สึกประหม่าเวลาอยู่ใกล้พี่อาร์คในบางครั้ง เหตุการณ์ก็อย่างเช่น...

   อยู่ด้วยกันสองต่อสอง แถมยังโดนทำรุ่มร่ามใส่ บอกตามตรงว่าถ้ายังทำตัวเป็นไอ้อาร์มคนเดิมได้นี่คงเก่งสัดๆ ไปเลยครับ

   “พี่อาร์คกินอะไรดีคะ” พี่ญี่ปุ่นถามอีก

   “เหมือนอาร์มละกัน”

   “ขี้ลอกอ่ะ” แม่งอดไม่ได้ ต้องหาเรื่องแซะตลอดเลยกู

   “รุงรัง”

   “ฟ้องพ่อแน่”

   “กูท้าให้โทรตอนนี้เลย เดี๋ยวจะเคลียร์เอง”

   “งั้นต่อสายหาคุณรังสรรค์ให้ด้วยนะ พอดีอยากถามว่าทำไมลูกชายถึงเกเร”

   “อยากคุยกับพ่อกูเหรอ”

   ทั้งน้ำเสียงและแววตาของคนตัวสูงเต็มไปด้วยความจริงจัง แถมมือที่กำลังกำโทรศัพท์อยู่ก็พร้อมจะกดโทรออกตลอดเวลา นั่นทำให้...

   “อะ...เอ่อล้อเล่นครับ พี่...กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ” กลัวอ่ะ

   “ขอโทษทำไม พ่อกูก็เหมือนพ่อมึงนั่นแหละ โทรไปคุยได้”

   โหยยยยยยย นึกว่าพ่อเป็นเพื่อนหรือไง ใครจะกล้าโทรไปคุยด้วยวะ

   “กูว่าถ้าว่างเมื่อไหร่ค่อยโทรไปคุยแล้วกันนะ แต่ตอนนี้ช่วยสนใจกูกับปุ่นก่อน แม่งเอ๊ย เห็นหัวพวกกูมั้ยเนี่ย รีบเปิด reg เลย ใครแพ้จะได้รู้” ผู้อาวุโสที่สุดในโต๊ะเป็นฝ่ายยุติประเด็น ปัญหาคือคู่รักดาวเดือนนี่ต้องมาเป็นฝ่ายเคลียร์ทัพให้เราตลอด จนบางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่าพี่มันคิดจะตัดสายกูโทษฐานกวนตีนบ่อยหรือเปล่าวะ

   แต่ละคนหันไปจดจ่อกับหน้าจอมือถือของตัวเอง Reg ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง ความจริงกิจกรรมในสายนี้มันไม่มีอะไรเมคเซนส์หรอก แค่หวังจะคืนกำไรสู่สมาชิกในสาย โดยเราจะเลือกวิชาที่ได้มากที่สุดออกมา จากนั้นก็คิดคะแนนเฉลี่ย ใครได้มากที่สุดก็ชนะไป

   “ปุ่นชนะพี่เจต ว้ายยยยย” มาแล้วครับผู้นำของสาย “อาร์มเอาคะแนนมาดู”

   “จัดไปเลย”

   “ง้า พี่แพ้อ่ะ ทำไมอาร์มเก่ง ตอนแรกคิดว่าจะโง่กว่านี้ซะอีก” อะ...อ้าวป้า! ถ้าไม่ติดว่าสวย ผมด่ากราดไปแล้ว

   “คะแนนผมก็ดีเหมือนหน้าตานี่แหละ”

   “ยอมแล้วจ้า ว่าแต่พี่อาร์ค ไหนเอาคะแนนมาให้น้องกับหลานดูหน่อย” คนตัวสูงไม่ได้ตอบอะไร แต่เลื่อนโทรศัพท์มือถือมาไว้กลางโต๊ะ ก่อนเราจะได้เห็นคะแนนทุกวิชาของพี่มันอย่างเต็มตา

   เขร้! หัวดีจังวะ

   “วิชานี้ ขาดไปสองคะแนน” เจ้าตัวพูดเสียงเรียบนิ่ง ทว่าวินาทีนั้นเหมือนมีมีดล่องหนปักลงบนอกผมอย่างจัง

   “อะไรอ่ะ พี่อาร์คจะฟาดหน้าทุกคนแบบนี้ไม่ได้ โอ๊ยยยยยยย” ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่พี่ญี่ปุ่นพูด แต่กำลังนึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์วันนั้น ตอนที่เราพนันกันว่าถ้าใครแพ้จะต้องพาอีกฝ่ายไปเลี้ยง แล้วดูดิ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้คะแนนน้อยที่สุดในสาย แต่ก็ยังหนีไม่พ้นต้องตามใจลุงรหัสอีกจนได้

   “สรุปรอบนี้กูแพ้เพราะงั้นวันนี้ ปุ่น อาร์ค อาร์ม แดกฟรี!”

   “เย่ๆ”

   ความครื้นเครงบังเกิดอีกครา เรานั่งรออาหารอยู่ที่โต๊ะ ระหว่างกินก็พูดคุยกันด้วยเรื่องเรื่อยเปื่อยตามประสาพี่น้อง กระทั่งคนเคียงข้างโน้มตัวเข้ามาใกล้ พร้อมกับเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

   “แพ้แล้วคงรู้นะว่าต้องทำยังไง”

   “รู้แล้วน่า เลี้ยงก็เลี้ยงสิ” ผมตอบกลับในทันที

   “พรุ่งนี้ตอนเย็นเจอกัน”

   “โอเค สรุปอยากกินอะไรอ่ะ”

   “แล้วแต่มึง”

   “งั้นกูพาพี่ไปกินไอติมนะ”

   “ทำไมต้องเป็นไอติม”

   “ก็กูอยากกิน”

   “กวนตีนทั้งขึ้นทั้งล่อง”

   “อ้าว พูดแบบนี้ระวังจะไม่ได้กินฟรีนะ บอกเลยว่ากูไม่ใช่คนใจดีอย่างที่พี่เข้าใจ”

   “เหรอ”

   “เออดิ”

   “จริงอ่ะ”

   “จะ...จริง” แม่งเล่นมองหน้ากูขนาดนี้เป็นใครก็ต้องใจเป๋บ้างล่ะว้า จากที่คิดว่าตัวเองปากเก่งมาตลอด เจอพี่อาร์คแผลงฤทธิ์เข้าไปกูชิงตายก่อนเสมอ เลยได้แต่ก้มหน้าก้มตากินอย่างเงียบๆ รอคอยว่าเมื่อไหร่พี่อาร์คจะหยุดฆ่าผมด้วยการกระทำของตัวเองสักที

   เย็นวันต่อมาเรามีนัดหมายที่ไม่สามารถยกเลิกได้ ถึงตายก็ต้องพาวิญญาณกลับมาเพราะเหนือเดือนเขากำหนดเอาไว้แล้ว พี่อาร์คอาสามารับผมที่หอใน ก่อนเราจะมุ่งหน้าไปยังร้านไอศกรีมโฮมเมดชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ย่านมหา’ลัย

   “จะเอาอะไร เดี๋ยวสั่งให้” คนตัวสูงเอ่ยออกมา หลังเรานั่งแปะก้นลงบนเก้าอี้ตรงซอกหนึ่งของร้าน

   “พี่ก็สั่งก่อนดิ เป็นคนชนะแล้วหนิ”

   “มึงนั่นแหละสั่งมา อย่าลีลา”

   “เอาเซตนี้ได้มั้ยอ่ะ เลือกรสไอติมได้ด้วย” ผมชี้เมนูในรูปให้คนตรงข้ามดู ก่อนพี่มันจะแหวใส่เสียงดัง

   “จะแดกให้ท้องแตกตายเหรอ”

   “พูดงี้ได้ไง นี่เงินผมนะ คนกินฟรีมีสิทธิ์พูดแบบนี้ด้วยเหรอ”

   “เออเอารสไรว่ามา” ลุงแกเตรียมกระดาษกับปากกาพร้อมแล้ว ชักช้าอีกก็กลัวว่าองค์จะลง มีหวังเปิดเปิงก่อนจะได้กินของอร่อยอีกแน่ เพราะฉะนั้นผมเลยไม่รอช้าสั่งกับคนตัวสูงอย่างรวดเร็ว

   “คุกกี้แอนด์ครีมครับ รสนี้อร่อยน้ำตาไหลเลย”

   “เลิกเพ้อแล้วสั่งให้จบก่อน”

   “เพิ่มวิปเยอะๆ มีแมคาเดเมียด้วยอ่ะ”

   “เอามั้ย” พี่อาร์คเงยหน้าถาม

   “เอา! จริงๆ มันใส่ได้ห้าสคูป เอาทุกรสเลยได้มั้ย”

   “แดกไรนักหนา”

   “อ้าวก็ผมจ่ายตังค์อ่ะ”

   “...”

   “เอาไอติมช็อกโกแลตหนึ่งสคูป เมื่อกี้สั่งคุกกี้แอนด์ครีมไปแล้วใช่มั้ย”

   “เขียนไปแล้ว”

   “งั้นเอาทีรามิสุกับกล้วยด้วย แล้วพี่ล่ะเอาอะไร”

   “แค่ฟังมึงพูดกูก็อิ่มละ”

   “ดีเลยจะได้ไม่ต้องเลี้ยง”

   “วอนตีนตลอด”

   “เหลือให้เลือกไอติมได้อีกหนึ่งรส พี่เลือกมาเลย นี่โคตรใจดีแล้วนะที่ให้โอกาสเลือกอ่ะ”

   “งั้นเอาคุกกี้แอนด์ครีมแล้วกัน” พี่อาร์คพูดพลางจดรายละเอียดลงบนกระดาษ ขณะที่ผมก็ได้แต่ปลื้มปริ่มเลยเอ่ยออกไปเพราะความปากไวของตัวเอง

   “หูย ชอบเหมือนกันเลยว่ะ”

   “ก็สั่งให้มึง เลยเลือกที่มึงชอบ”

   บู้ม!! คิดเอาว่าตอนนี้กูตายไม่ตาย ฆ่ากูได้ตลอดนะไอ้พี่อาร์ค แต่เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกเพราะเขียนเสร็จก็รีบแล่นไปยื่นกระดาษให้กับพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ทันที ทิ้งผมให้นั่งใจสั่นอยู่ตรงโต๊ะเพียงลำพัง

   กว่าจะดึงสติตัวเองให้กลับมาได้ก็ใช้เวลาอยู่เกือบนาที พี่อาร์คกลับมานั่ง สายตาจ้องมายังผมไม่คลาดเคลื่อนเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าผมก็ไม่มีความกล้าพอที่จะถามเลยได้แต่เงียบ รอกระทั่งไอศกรีมถ้วยบิ๊กบึ้มมาเสิร์ฟถึงได้เริ่มตักกิน

   แน่นอนว่าบทสนทนาก็เริ่มขึ้นหลังจากนั้น แถมมันยังเต็มไปด้วยความลื่นไหล

   “อร่อยอะไรขนาดนั้น”

   “ใครจะไปเหมือนพี่ ทำอย่างกับโดนบังคับให้กิน”

   “กูไม่อยากแย่งเด็ก เดี๋ยวมันงอแงแล้วน่ารำคาญ” รู้สึกว่าผมจะไม่เคยเป็นแบบนั้นนะ พูดมาได้เฮงซวย!

   “เหอะ งั้นกูกินหมดพี่ก็อย่ามาโกรธแล้วกัน”

   “แดกๆ ไปเถอะ พรุ่งนี้ก็ตาย”

   “สัด” ปกติไม่ค่อยอยากด่านะ แต่วันนี้พี่อาร์คมันกวนตีนผมหนักจริง

   “ถามอะไรหน่อย” เอาแล้วไง เล่นมาเบอร์นี้ผมจะหลบยังไงวะ แถมพี่มันยังเล่นเท้าแขนลงกับโต๊ะแล้วจ้องหน้าผมเขม็งอีกต่างหาก

   “วะ...ว่ามา ตะ...แต่พี่ไม่ต้องชวนกูไปห้องนะ กูไม่ไป!”

   “ร้อนตัวอะไรขนาดนั้น แค่จะถามว่าตั้งแต่เกิดมาเคยมีแฟนมั้ย” ผมถามนั้นทำเอาผมกลืนไอศกรีมลงคออย่างยากลำบาก ไม่รู้ว่าอะไรดลใจมนุษย์เหนือเดือนถึงได้ถามคำถามนี้ออกมา

   “ถ้าตอบแล้วผมจะได้อะไรครับ”

   “ถ้าตอบคงไม่ได้อะไร แต่ถ้าไม่มึงอาจจะโดนดี” อูยยยยยย โหดกับกูบ่อยกว่าหมาอีก

   “ก็เคยมีคนนึง น่ารักมากด้วยนะ คบกันตอน ม.4 แล้วก็เลิกในปีนั้นเลย”

   “เลิกเพราะอะไร”

   “เขาหนีไปชอบคนอื่น” พูดแล้วเศร้า เล่าไปก็ช้ำ ตักไอติมแดกอย่างต่อเนื่อง “เฮิร์ตหนักมากตอนนั้น ไม่กินข้าวสามวัน น้ำหนักลดสองไปหกขีด”

   “ก็ผ่านมาได้หนิ”

   “หล่อไง ตัวเลือกใหม่เพียบทำไมต้องแคร์” ทว่าพอเห็นสีหน้าของคนตรงข้ามที่กำลังเต็มไปด้วยความเอือมระอาผมก็หยุดประเด็นของตัวเอง แล้วหันไประดมยิงกับลุงรหัสทันที “แล้วพี่อ่ะ เคยมีแฟนมาแล้วกี่คน”

   “ถ้ากูตอบแล้วจะได้อะไร” มีย้อนนนนนนนน

   “ก็ไม่ได้อะไร แต่ถ้าไม่ตอบอาจจะเจอดี”

   “โอ๊ย อยากเจอจังเลย” แม่งเอ๊ย เคยกลัวกูบ้างมั้ยเนี่ย “เคยมีแฟนมาแล้วสอง ตอนมัธยมเป็นปั๊ปปี้เลิฟคล้ายๆ มึงนั่นแหละ มหา’ลัยก็เลิกกันตั้งแต่ปีหนึ่งขึ้นปีสอง”

   “แล้ว...แล้วเคยมีวันไนต์สแตนด์ป่ะ”

   “เคย”

   นี่กูกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่วะ ที่แท้พี่อาร์คก็เสือดีๆ นี่เอง

   “บะ...บ่อยมั้ย ก็ไม่อะไรหรอก แค่อยากถามประดับความรู้เฉยๆ”

   “ไม่ สองสามครั้ง ช่วงขึ้นปีสองใหม่ๆ กำลังเลือดร้อนแถมโสดด้วยไง ตอนนี้ไม่มีแล้ว” พี่อาร์คเน้นประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น ราวกับต้องการบอกให้ผมรู้ ซึ่ง...กูก็รู้แล้วไง เออ มีแต่ไอ้เหี้ยอาร์มที่นั่งอยู่ตรงนี้แหละที่ไม่เคยรู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย

   “พี่รักแฟนคนไหนที่สุด แบบว่า...ผูกพันมากๆ”

   “คนที่สอง”

   “ตอนนี้เขาไปไหนแล้วอ่ะ” ยิ่งถามก็ยิ่งเหมือนก้าวขาเข้าไปในพงหนาม เจ็บนะแต่ก็อยากรู้

   “เรียนอยู่ที่มอ มีแฟนใหม่แล้ว”

   “พี่เสียใจมั้ย แต่ดูท่าน่าจะเสียใจมาก แล้วมันจะเป็นยังไงถ้าเกิดวันนึงเขากลับมา ไม่ดิ สมมติถ้าย้อนเวลาได้พี่อยากแก้ไขให้มันดีขึ้นมั้ย ความรักของพี่แม่งดูลึกซึ่งอ่ะ แบบ...แบบว่ากูเข้าไม่ถึง”

   “อาร์ม”

   “เขาต้องเป็นคนที่ดีมากแน่ๆ ตรงข้ามกับกูมากแน่ๆ แล้วพี่มาชอบกูได้ไง”

   “น้อยใจแล้ว”

   “กูเปล่านะเว้ย” ทว่าเสียงที่ตอบกลับไปสั่นเครืออย่างไม่น่าให้อภัย

   “ถ้าถามว่าชอบมั้ย เคยชอบ ถามว่าเป็นคนดีมากมั้ยก็คงตอบว่ามาก ถามว่าตรงข้ามกับมึงหรือเปล่ายิ่งคนละโลกเลย จะเอามาเปรียบเทียบกันได้ยังไง มึงก็คือมึง”

   “...”

   “กลัวใช่มั้ยว่าวันนึงจะถูกกูทิ้ง เออ กูก็กลัวเหมือนกันว่าวันนึงมึงจะทิ้งกู”

   “ไม่จริงเหอะ”

   “กูชอบที่มึงเป็นแบบนี้จริงๆ แบบที่ไม่เคยชอบใครมาก่อน ไม่เหมือนความรู้สึกที่ผ่านๆ มา มันไม่ใช่ความหลง บางทีก็ยังแอบคิดถ้าวันนึงมึงไม่เลือก กูก็ยังหวังว่ามึงจะเจอคนที่ดีกว่า ในใจมันมองข้ามความเห็นแก่ตัวไปแล้ว”

   “รู้แล้วน่า ตอบซะยาวเลย” ผมบ่นอุบ ซึมซับคำพูดเหล่านั้นเอาไว้ในใจอย่างช้าๆ

    “เลิกคิดมาก เป็นเห็บหมาไม่ต้องคิดอะไรก็ได้”

   แป๊บๆ ก็วกกลับมาด่ากู นี่คือชอบกันจริงเหรอ แอบงง

   “งั้นคำถามสุดท้ายละ”

   “อือ”

   “พี่ไม่อายเหรอที่ต้องบอกกับคนอื่นว่าชอบกูอ่ะ” มันไม่ง่ายเลยที่ต้องยอมรับตัวเองเวลาถูกมองว่าเป็นเกย์ ผมน่ะกว่าจะเข้าใจก็ต้องใช้เวลา แต่กับพี่อาร์คที่เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางความสนใจของคนในคณะ ทุกอย่างมันจะผ่านไปได้จริงๆ เหรอวะ

   แน่นอนว่าคำถามนี้ค่อนข้างยาก เขาไม่ได้ตอบผมในทันที แต่เลือกเงียบคล้ายกับกำลังใช้ความคิดจนผมเริ่มกระวนกระวายใจ

   “คือถ้าพี่...”

   “เมื่อก่อนอาจจะอายไม่อยากยอมรับกับใคร แต่พอเป็นมึง ใจมันก็กล้าขึ้นมาซะงั้น”

   “...”

   “ก็กูรักของกูอ่ะ มันแค่รักจริงๆ”

   บู้ม! บู้ม! บู้ม! ทุกอย่างในหัวกระจุยกระจายไปหมดแล้ว ทำไงดีวะ มือสั่น ปากสั่น ร่างกายเหมือนถูกใครสักคนเอาไฟฟ้ามาช็อต สติทุกอย่างของผมแปรเปลี่ยนเป็นหลุมดำโดยสมบูรณ์ แต่แปลกที่เรายังเอาแต่จ้องหน้ากันอยู่ไม่คิดหลบ

   “อาร์ม”

   “หือ”

   “รีบกินสิ ไอติมละลายหมดแล้ว”

   ใจกูก็ละลายตามไปด้วย พี่ไม่รู้หรือไง...


อ่านต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

   [เทพแห่งไฟ]

   “เมื่อวานไปกินไอติมกับน้องมันเป็นไงบ้าง”

   “แดกเยอะ สุดท้ายกูก็เลี้ยงมันไง เดินกลับห้องในสภาพกระเพาะแทบแตก”

   “ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น กูหมายถึงความคืบหน้าทางความสัมพันธ์ต่างหากเว้ย” เพราะคำพูดของไอ้คอปป์นี่แหละที่ทำให้ผมเริ่มหนักใจ เด็กมันโง่อ่ะ ถึงจะรับรู้ว่าผมชอบแค่ไหนมันก็ยังทำหน้าเอ๋อๆ มึนงงไปเรื่อย จะถามหาความคืบหน้าอะไรวะ

   อีกอย่าง ผมเป็นพวกไม่ค่อยชอบเล่ารายละเอียดชีวิตรักให้ใครฟังนักเลยเลือกตอบเลี่ยงๆ ไป

   “ก็ไม่ยังไง กูไม่รีบ”

   “เหอะ กากก็บอกว่ากาก” คราวนี้ไอ้ปอนด์กับไอ้บลูมช่วยกันตอกย้ำ

   “รำคาญหูว่ะ ไปไกลๆ ดิ”

   “เกิดมามีทุกอย่างเลยนะมึงเนี่ยโดยเฉพาะความกาก”

   “ช้าหมดอดแดกน้า”

   “โอ๊ะ ลืมบอกไปว่าเมื่อวันก่อนเห็นมีเด็ก IE ปีสองมาแอบด้อมๆ มองๆ น้องมึงด้วยนะ ทำไงดีหมากำลังจะคาบไปแดก ฮ่าๆๆ” ผมแม่งโคตรเบื่อเพื่อนตัวเองฉิบหาย อยากทำเป็นไม่สนใจนะ แต่พอมันบิลด์เรื่องเด็กภาคข้างๆ มาตามไอ้อาร์มทีไรอารมณ์กูแม่งขึ้นตลอด บันไดอะไรก็เอาไม่ลง

   “มึงจะให้กูทำไงว่ามา” ผมถอนหายใจ ยอมแพ้ให้กับความเสือกของเพื่อนตัวเอง

   “ขอเป็นแฟนเลย”

   “เร็วไป”

   “โห ถ้าช้ากว่านี้น้องมึงก็เรียบร้อยบังอรโภชนาละ อยากแสดงความเป็นเจ้าของก็ใจๆ หน่อยดิ” ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง พยายามชั่งน้ำหนักอยู่ในหัว ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ แต่บางอย่างอาจต้องใช้เวลาแม้จะพอมั่นใจได้ว่าผมกับอาร์มใจตรงกันมาสักพักหนึ่งแล้ว

   “งั้นเดี๋ยวกูจัดการเอง”

   “ไม่ได้ไอ้อาร์ค มึงจัดการทีไรแม่งจืดสนิท ขอเป็นแฟนไม่ใช่แค่บอกว่าคบกันแล้วจบ มันต้องโรแมนติกกว่านั้น” ผมเริ่มเกาหัว งงกับสิ่งที่ไอ้สามตัวต้องการจะสื่อมาก

   “แล้วให้ทำไง”

   “พวกกูคิดแผนเซอร์ไพรส์รอละ รับรองว่ามันจะเป็นความทรงจำที่ดีระหว่างมึงกับไอ้อาร์มแน่ๆ”

   “เออ! จะทำอะไรก็ทำ”

   แล้วมาดูกันว่าแผนของพวกมันจะไปได้สักกี่น้ำ...

   








   แผนเซอร์ไพรส์ขอไอ้อาร์มเป็นแฟนเริ่มต้น

   ในวันหยุดที่นิสิตพากันนอนตายอยู่ห้อง ผมต้องมาทำภารกิจที่พวกเพื่อนเหี้ยๆ สุดแสนจะภูมิใจ โดยการวางแผนและตระเตรียมคำพูดสารภาพรักร่วมสัปดาห์ ก่อนที่เมื่อคืนที่ผ่านมาผมจะเป็นฝ่ายโทรนัดแนะไอ้อาร์มให้ออกมาด้วยกันวันนี้

   แรกๆ เด็กเห็บหมามันก็อิดออดไม่อยากมา บ่นกลัวกูจะปล้ำอย่างนั้นอย่างนี้จนแทบถอดใจ

   นี่ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ผมคงไม่สอยเสื้อช็อปมันลงมาจากต้นไม้ แล้วใช้เป็นข้ออ้างทำมิดีมิร้ายกับมันหรอก คิดแล้วก็หื่นขึ้นมาอีกละกู

   “ไอ้อาร์ค กูเตรียมตั๋วหนังรอบดึกสุดให้มึงละ ที่นั่งเป็นฮันนี่มูน แถมยังไม่มีคนด้วยเพราะงั้นทางสะดวก” ไอ้ปอนด์เดินเข้ามากำชับ ขณะที่ไอ้บลูมกับไอ้คอปป์ก็สาละวนอยู่กับการเลือกเสื้อผ้าให้

   มันจะอะไรนักหนาวะแค่ขอเป็นแฟน ไอ้อาร์มมันเข้าใจอยู่แล้ว

   “ที่พูดนี่เข้าใจมั้ย”

   “เออ”

   “เดี๋ยวพวกกูรอฟังข่าวอยู่ด้านนอกโรงหนังนะ”

   “รู้แล้ว”

   “ซ้อมบทพูดอีกทีดิ มึงต้องพูดว่าอะไร” สามหน้ากระดาษที่ไอ้ปอนด์ร่ายมาให้เป็นอะไรที่กูปวดหัวมาก แต่เพราะเห็นถึงความหวังดีของพวกมันเลยต้องเออออห่อหมก นั่งท่องบทเป็นอาขยาน

   “กูรู้น่าไม่ต้องย้ำ”

   “โอเค้ ขอให้ได้ขอให้โดนนะครับเพื่อน”

   “สัด”

   “บุญรักษาน้า”

   ผมไปรับไอ้อาร์มที่หอตอนสองทุ่ม พาเด็กดื้อมันไปกินข้าวก่อน จากนั้นก็ตีตั๋วเข้าไปดูหนังรอบสุดท้ายซึ่งฉายในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง ให้เวลาไอ้อาร์มได้งอแงซื้อป๊อปคอร์นไปสิบนาที แถมนั่งแดกน้ำอัดลมจนกระเพาะแทบเปื่อยกว่าหนังจะฉาย

   “อะไรดลใจให้พี่ดูหนังเรื่องนี้วะ”

   “นั่นดิ” ตอนมาก็ลืมดู กว่าจะรู้กูก็นั่งอยู่ตรงหน้าจอไปแล้ว

   Suspiria เลือกได้ดี จะขอใครเป็นแฟนให้พามาดูหนังสยองขวัญ พวกสัด!

   “แต่ก็น่าสนุกดี ไม่ได้ดูหนังแนวนี้มานานแล้ว ตื่นเต้นๆ” ไอ้อาร์มพูดพลางยิ้มกว้างจนผมอยากดึงมันมาฟัดให้หายอยาก แม่ง กูยิ่งเป็นคนอารมณ์ขึ้นเร็วเอวดีซะด้วยสิ

   “มึงชอบก็ดี”

   “พี่ กูกินป๊อปคอร์นได้มั้ย”

   “อืม เดี๋ยวป้อน”

   “ตลกละ กินเองได้น่า แค่กลัวพี่รำคาญ”

   “ปกติก็รำคาญอยู่แล้ว ทำๆ ไปเถอะ” เด็กผีมันเบะปากใส่ก่อนจะเริ่มหยิบป๊อปคอร์นขึ้นมากินพร้อมกับหนังที่เพิ่งเริ่มฉาย

   สยองขวัญมาก บรรยากาศหลอนเหี้ยๆ แล้วคิดดูจะให้กูเอาอารมณ์ไหนมาบอกรักมันวะ

   ผมไม่รู้ว่าความยาวของหนังมันเท่าไหร่ แต่เมื่อกะๆ เวลาแล้วจึงใช้จังหวะที่เรื่องราวดำเนินไปประมาณชั่วโมงครึ่งในการเข้าสู่กระบวนการที่เพื่อนได้เตรียมกันมา

   “อาร์ม”

   “หืม...”

   “ตั้งแต่ที่กูได้รู้จักมึงในวันกินเลี้ยงสายรหัส มันมีหลายอย่างที่เกิดขึ้น ความจริงตอนนั้นกูไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับมึงเท่าไหร่ อย่างที่บอกไป...”

   ผมเงียบครู่หนึ่ง พยายามคิดถึงไดอาล็อกที่ไอ้ปอนด์คิดให้ ก่อนจะหันไปมองยังคนเคียงข้างเพื่อดูปฏิกิริยา อยากเห็นหน้าแดงๆ ปนความเขินอายเหมือนที่ผ่านๆ มา ทว่าตอนนี้...

   ไอ้เด็กเวร

   “ฮือออออ” แม่งเล่นยกขาขึ้นมาบนเก้าอี้ สองมือปิดหูพร้อมกับหลับตาปี๋เพราะหนังกำลังดำเนินไปอย่างสั่นประสาท แต่กูนี่ดิ อารมณ์ดิ่งลงเหวจนประสาทแทบเสีย

   สุดท้ายเลยต้องปล่อยให้อาร์มมันอินกับหนังที่ได้ดูจนจบพ่วงเอนด์เครดิตอีกสิบนาที ก่อนจะตั้งใจขอมันเป็นแฟนอีกครั้ง คราวนี้ยังไม่ทันได้อ้าปากเลยครับ ไอ้ตัวดีมันก็แทรกขึ้นมาก่อน

   “พี่เราออกไปกันมั้ย คือตอนนี้...”

   “เป็นอะไร” สีหน้าที่เห็นค่อนข้างแย่ ผมเลยอดเป็นห่วงไม่ได้

   “แบบว่าจุกอ่ะ”

   “จุกอะไร”

   “กูปวดขี้ เดี๋ยวยังไงพี่ไปรอข้างนอกก่อนนะ ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว” สิ้นสุดประโยคนั้นมันก็พุ่งตัวออกจากโรงหนังแทบไม่เห็นฝุ่น ทิ้งให้ผมนั่งเคว้งอยู่ตรงจุดเดิม นานเหมือนกันกว่าจะรวบรวมแรงที่เหลืออันน้อยนิดเดินออกไปด้านนอก ที่ซึ่งมีเพื่อนในกลุ่มนั่งลุ้นอยู่ก่อนแล้ว

   “อาร์ค เป็นไงบ้างวะ”

   “เล่าเดี๋ยวนี้ น้องมันตอบตกลงยัง อี๊ดดดดดดดๆ”

   “ตกลงเหี้ยไรละ วิ่งหนีไปขี้ละ”

   “อ้าวสัด”

   ถึงกับต้องหอบไข่ช้ำๆ มานั่งทำใจ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเพราะรู้อยู่แล้วว่าแผนแม่งล่ม เลยทำได้แค่ตบบ่าปลอบใจก่อนจะพากันหนีคนละทิศคนละทางตอนไอ้ตัวต้นเรื่องโผล่มา

   “พี่รอกูนอนมั้ย ขอโทษนะ มันไม่ไหวจริงว่ะ”

   “เออ ช่างแม่ง”

   “แล้วเป็นอะไร หน้างอเชียว กลัวผีเหรอ”

   “ตลกละ”

   “โอ๋~ กลัวผีเหรอ ไม่น่าเชื่อว่าเหนือเดือนจะเป็นเอามาก”

   “กูไม่ได้กลัว”

   กูกลัวมึงนี่แหละสัด ทำกูหน้าบางได้นี่ไม่ธรรมดา โคตรอาย...











   “มึงจำได้มั้ย เอดิสันไม่ได้สร้างหลอดไฟเสร็จจากการทดลองแค่ครั้งเดียวนะเว้ย เพราะงั้นมันเลยต้องมีความพยายามเป็นครั้งที่สอง”

   การรักไอ้อาร์มทำให้ผมได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ อีกมากมาย ครั้งนี้ก็ด้วย

   ความฉิบหายกำลังมาเยือนอีกครั้งเมื่อเพื่อนเลวมันยังไม่หยุดคิดแผนเซอร์ไพรส์

   “อาร์คมึงฟังกูก่อน อย่าเพิ่งทำหน้าแบบนั้น”

   “กูทำหน้าแบบไหน”

   “หน้าส้นตีน”

   “เดี๋ยวตีนได้ปลิวไปที่หน้ามึงจริงๆ”

   “อันนี้จริงจังละ ไม่มีเล่น อย่างมึงต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”

   “ว่ามา” ไอ้คอปป์กระแอมไอเล็กน้อยก่อนเริ่มสาธยายสิ่งที่มันคิด

   ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่มันจะให้ผมขับรถไปรับไอ้อาร์ม จากนั้นก็เลือกจอดในสถานที่ที่คิดว่าโรแมนติกสัดๆ เพื่อสารภาพรัก ท้ายรถไอ้บลูมจะเป็นคนจัดการซื้อดอกกุหลาบมายัดให้เต็ม หน้าที่ของผมกับไอ้ปอนด์เลยเหลือขั้นตอนการหาของแทนใจ ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะพ้นแหวนหรือสร้อยข้อมือ

   เมื่อหาเวลาว่างได้ก็รีบมุ่งหน้าไปยังห้างตามกำหนดการที่ได้วางไว้ ในหัวของผมไม่มีรูปแบบสิ่งของที่อยากได้ชัดนัก รู้แค่ว่าถ้าชอบอันไหนก็เลือกเลย

   ทุกอย่างกำลังไปได้สวยจนกระทั่ง...

   “พี่อาร์ค!!”

   “...”

   “พี่มาทำอะไรวะ” ปกติก็ไม่เคยเห็นหัว พอตอนสำคัญทีไรมึงโผล่หน้ามาตลอด ทั้งรักทั้งเกลียดในคราวเดียว

   ไอ้อาร์มนะไอ้อาร์ม!

   “มึงล่ะ”

   “กูถามพี่ก่อน”

   “มาเดินเล่น”

   “ของที่คุณลูกค้าต้องการได้แล้วค่ะ”

   หายโหง...

   พูดไม่ทันขาดคำ พนักงานก็ส่งถุงกระดาษใบเล็กมาให้ ผมเลยรีบรับไปก่อนเดินแยกตัวออกมาพร้อมกับคนขี้เสือกที่ยังทำตัวน่าฟัดน่าขยี้อยู่เหมือนเดิม คือถ้าใจบาปกว่านี้กูจับถลกกางเกงซั่มแล้ว ติดที่ว่ามันเป็นเด็กกวนตีนแต่น่าเอ็นดูไงเลยทำไม่ลง

   “มาซื้ออะไรอ่ะ”

   “เสือกเก่ง” ผมตอบกลับในทันที

   “ไม่เสือกก็ได้ รู้หรอกว่าพี่ซื้ออะไร”

   “เห็นเหรอ”

   “ซื้อเครื่องประดับให้สาวชัวร์” พูดไปหน้าก็ค่อยๆ มุ่ยลงจนน่ามันเขี้ยว

   “หึงกูอ่ะดิ”

   “ใครบอก ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย โคตรมั่ว”

   “แล้วนี่มาทำอะไร ยังไม่ตอบกูเลย” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะมีพิรุธมากกว่านี้

   “เพื่อนมันนัดทำงานที่สตาร์บัค”

   “กินข้าวยัง”

   “ยัง แต่คิดว่าจะไปกินกับเพื่อน”

   “ไปกินเป็นเพื่อนกูหน่อย หิวอยู่พอดี”

   “งั้นขอโทรตามไอ้แซนด์กับไอ้โป้แป๊บ มันคงหิวแล้วเหมือนกัน”

   “อาร์ม”

   “แป๊บๆ”

   “อาร์ม”

   “...”

   “กินสองคนได้มั้ย กูอยากอยู่กับมึงสองคน”

   “อือ แต่ขอโทรไปบอกให้พวกมันหาอะไรกินกันก่อน โป้กับแซนด์คงไม่โกรธมั้ง” คนตรงหน้าพูดเสียงแผ่วลงเรื่อยๆ จนนึกขำ ทว่าผมก็ยังตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ

   “...”

   “แต่ถ้ากูปฏิเสธพี่ กูคงต้องโกรธตัวเองแน่ๆ”

   ณ ขณะนั้น ผมรู้เลยว่าวิธีการบอกรักที่คิดเอาไว้มันทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองแบบสุดๆ กับคนที่รัก...แน่นอนว่าทุกคนอยากให้มันพิเศษ แต่ผมคงลืมคิดไปอย่างหนึ่ง บางครั้งคนเราอาจไม่ต้องการอะไรมากมายขนาดนั้น เพราะแค่ความธรรมดา เป็นความธรรมดาที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นและจริงใจ ก็คงเพียงพอแล้ว

   สำหรับผมมันยังไม่ใช่วันนี้พรุ่งนี้ การบอกรักไอ้อาร์ม มันยังไม่ถึงเวลาจริงๆ…

   







   วันเวลาหมุนผ่านเร็วเหมือนกัน เพราะอีกสองอาทิตย์มหา’ลัยก็จะเริ่มสอบไฟนอลกันแล้ว

   เพื่อนมันก็ยังตามด่าผมแทบทุกวี่ทุกวันเรื่องที่ไม่ยอมขอหลานรหัสเป็นแฟนซะที ความจริงก็ไม่ได้ละเลยหรอก แค่กำลังหาโอกาส

   ช่วงที่ผ่านมาผมได้อยู่กับไอ้อาร์มบ่อยขึ้น ถึงแม้จะตะล่อมมันขึ้นห้องไปทำมิดีมิร้ายไม่ได้ก็ถือว่าได้ของหวานอย่างการจับมือบ้าง ลูบหัวบ้างตอบแทนกลับมา สรุปคืนนั้นกูนอนดมมือตัวเองสูดกลิ่นผมไอ้อาร์มไปจนเช้า รุงรังฉิบหาย

   “ศุกร์นี้มีแมตช์สำคัญ บังอรโภชนามั้ยวะ”

   “ไปดิ”

   เอาจริงผมไม่ค่อยปฏิเสธพวกมันเท่าไหร่ ชวนไปไหนก็ไป บางทีก็พาไอ้อาร์มไปบ้างเป็นครั้งคราว

   “เอาไอ้ตัวรุงรังไปด้วยดิ” ไอ้คอปป์เสนอ

   “ถามมันก่อน บางทีมันอาจจะอยากไปกับเพื่อนหอชาย”

   “เข้าใจอย่างกับเป็นผู้ปกครอง แต่จริงๆ แล้วโคตรกากกกกกกก” เรานั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนระหว่างตึก เพราะมีคาบว่างหนึ่งชั่วโมงเพื่อนร่วมภาคเลยไม่ค่อยหนีกลับ นอกจากหาแหล่งซ่องสุมรอคาบต่อไป

   “เฮ้ยอาร์ค นั่นใครวะ” แต่ละคนพากันสะกิดแขนกูยกใหญ่ จนต้องหันไปให้ความสนใจกับคนที่กำลังเดินผ่านทางเดินเชื่อมตึก

   “แม่งเอ๊ย น่ารักฉิบหายเลยโว้ยยยยยยย”

   “วันนี้ใส่เสื้อยีนส์มาเรียนด้วยว่ะ โคตรคูล”

   “กรุบกริบๆ”

   “ถึงกับร้องหืดหาดดดดดดด”

   “น้องอาร์มของใครน้า อ๋อได้ข่าวว่ายังไม่มีใครจีบนี่หว่า คิกๆ”

   “งั้นขอจีบได้มั้ยวะ กรุบกริบอ่าาาาาา”

   “เดี๋ยวมึงได้เคี้ยวฟันตัวเองกรุบกริบแน่! เงียบไป” ผมแหวใส่เพื่อนที่นั่งหัวเราะคิกคัก เวลารวมตัวกันทีไรไม่พ้นเรื่องแซวกูตลอด นี่เล่นตั้งแต่กูสอยเสื้อไอ้อาร์มในวันทำความสะอาดคณะ ยันซีนสำคัญในโรงหนังแม่งก็ยังไม่เว้น

   รู้กันยกภาค บรรลัยมันเข้าไปสิ กว่าจะเถียงกับพวกมันจบไอ้อาร์มก็เดินผ่านไปแล้ว

   ผมพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด เพราะไม่รู้จะขออีกฝ่ายเป็นแฟนยังไง

   คือชีวิตนี้กล้าทำมาหมดทุกอย่างแล้ว กับคนอื่นก็ไม่เคยเป็น แต่กับเด็กคนนี้ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นข้อยกเว้นทุกอย่างสำหรับผม จะให้เพื่อนคิดวิธีบอกรักให้ก็กลัวแป้กอีก ใจจริงอยากทำเองมากกว่า ในเมื่อรักเองก็ต้องพยายามด้วยตัวเอง คิดอย่างนี้นะ

   แต่ทำอ่ะ เมื่อไหร่ไม่รู้

   “อาร์ค! ไอ้อาร์คมึงมานี่หน่อย” นั่งคิดอะไรเพลินๆ ได้ไม่เท่าไหร่ เสียงควายๆ ของพี่รหัสก็แทรกเข้ามา

   พี่เจตยืนเท้าเอวอยู่ไม่ไกลแต่ไม่ยอมเดินมาที่โต๊ะ นั่นเลยเป็นเหตุผลให้ผมต้องลากสังขารเดินไปหารุ่นพี่ ซึ่งสีหน้าตอนนี้แม่งเหมือนจะมีเรื่องสำคัญเลยไม่อยากกวนตีน

   “มีไรพี่”

   “ขอคุยด้วยแป๊บนึง”

   “ว่ามาดิ” ยืนคุยมันตรงใต้ต้นไม้นี่แหละ

   “ปุ่นได้บอกมึงยัง”

   “เรื่อง?”

   “อาร์ม”

   “ทำไม” คราวนี้รู้สึกร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองมากกว่าปกติเพียงแค่ได้ยินชื่อของใครอีกคน

   “อ้าว ก็มึงจีบมันไม่ใช่เหรอ สรุปเมื่อไหร่จะขอเป็นแฟน”

   “รู้กันได้ไงวะ”

   “เขารู้กันทั้งคณะแล้วไอ้อาร์ค มีแต่มึงนี่แหละใจเย็น คนแม่งลุ้นกันมาหลายเดือนสรุปคอยเก้อ ปุ่นเลยมีวิธีดีๆ มาบอกเผื่อมึงเอาไปใช้” เห็นรอยยิ้มแบบนี้รู้เลยว่าไม่ธรรมดา

   “วิธีอะไร ถ้าดีก็จะใช้ ถ้าเหี้ยจะฝากไปเตะเมียพี่สองที”

   “มึงมาเตะปากกับกูก่อนจะได้จบๆ” สรุปไม่ได้สาระ เพราะมัวแต่หาเรื่องปัญญาอ่อนมาด่ากัน “เข้าประเด็นเหอะ มึงจำแฟนเพจเอนจิเนียร์คิวต์บอยที่ปุ่นดูแลได้มั้ย”

   “อือ”

   “แอดมินอีกคนที่ดูแลเพจคือไอ้อาร์ม”

   “ฮะ? ตลกป่ะเนี่ย ไหนญี่ปุ่นเคยบอกว่าแอดมินอีกคนไม่ได้ดูแลแล้ว”

   “โดนเมียกูหลอกละ เมื่อคืนเพิ่งมาสารภาพกับกู เพราะสงสารที่มึงแดกแห้วมานาน” โคตรเหี้ย...

   เหตุการณ์ต่างๆ พรั่งพรูออกมาไม่หยุด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้คุยกับแอดมินตัวย่อ อ.อ่าง เชี่ยยยยย ทำไมกูไม่เอะใจแต่แรกวะ ที่สำคัญยังเผลอทำเรื่องโป๊ะต่อหน้าไอ้อาร์มอีก แม้เรื่องจะผ่านมานานแล้ว แต่คนเราสามารถอายแบบดีเลย์ได้เว้ย

   “จะทำอะไรก็เรื่องของมึงเถอะ กูช่วยได้แค่นี้แหละ”

   “ขอบคุณครับพี่”

   “เออ ได้เป็นเมียเมื่อไหร่กูนัดฉลองสายรหัสแดกกันเองเลย” พี่เจตผละออกไป ทิ้งไว้แต่ความจังไรเต็มเปี่ยม

   ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ ไม่คิดพูดคุยกับใครทั้งนั้นนอกจากหยิบมือถือขึ้นมากดไปยังแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก จากนั้นก็พิมพ์ข้อความเพื่อค้นหาชื่อเพจที่แสนคุ้นตาของเด็กวิศวะ ‘Engineer Cute Boy’

   ก็ว่าทำไมไอ้อาร์มได้อภิสิทธิ์อะไรเยอะแยะไปหมด ไม่ใช่เพราะความน่ารักของมันอย่างเดียวหรอก แต่ญี่ปุ่นก็ยังคอยให้ท้ายด้วย

   ผมอ่านเจอข้อความเก่าๆ ที่เคยคุยกับอีกฝ่ายทางอินบ็อกซ์ ดูแล้วก็หลายเรื่องเหมือนกัน ตั้งแต่ทะเลาะกันครั้งแรก ไปจนถึงเรื่องแอบโหวตให้หลานรหัส ทั้งที่มันนั่นแหละเป็นแอดมิน เกลียดว่ะ

   จำได้ว่าคาบต่อไปไอ้อาร์มมีเรียน เลยเลือกที่จะรอไปก่อน จนกระทั่งกลับมาถึงห้องในตอนเย็น ความรู้สึกต่างๆ ก็ถาโถมเข้ามาจนเก็บไม่ไหว ตัดสินใจพิมพ์ข้อความกลับไปและแสร้งทำเหมือนตัวเองยังไม่รู้อะไรเลย

   เริ่มจากแนบรูปของมันที่เคยแอบถ่ายไว้ส่งไปหนึ่งรูป


อ่านต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Anol Paraminphisan
*แนบรูป*


เท่านั้นแหละ ไม่ถึงนาทีอีกฝ่ายก็รีบตอบกลับมาราวกับหนูติดจั่น



Engineer Cute Boy
มีอะไรหรือเปล่าครับ
ช่วงนี้ทางเพจไม่ได้โพสต์รูปสายรหัสเทวดาเลย


Anol Paraminphisan
เปล่า คือจะบอกว่าคนในรูป
แม่งน่ารักดี

Engineer Cute Boy
ʕ◉ᴥ◉ʔ



   มาเป็นอิโมติคอนเลยโว้ย แกล้งเด็กแล้วมันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง

   แต่ขอเถอะ ตอนนี้กำลังถึงช่วงสำคัญแล้ว

   บางอย่างไม่ต้องเตรียม ไม่ต้องพิถีพิถัน แต่คิดว่าความจริงใจที่มีให้มันคงจะมากพอให้อีกฝ่ายรับรู้และเข้าใจ เพราะฉะนั้น...



Anol Paraminphisan
อาร์ม



ผมพิมพ์ประโยคมากมายที่อยู่ในหัวออกมาเป็นตัวอักษร ทว่ายังไม่ทันกดส่ง อีกฝ่ายก็รีบตอบกลับมาระรัวจนแทบปามือถือทิ้ง



Engineer Cute Boy
พี่อาร์ครู้ว่าเป็นกูเหรอ รู้ได้ไง
พี่กูขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะโกหกนะ
กูแค่กลัวว่าพี่จะด่า
ฮือออออออออออออออ


Anol Paraminphisan
อาร์ม



สัด ต้องลบแล้วไปดึงสติมันเลยเนี่ย



Engineer Cute Boy
ขอโทษได้มั้ยอ่ะ อยากกินอะไรเดี๋ยวเลี้ยง
ᶘᵒᴥᵒ ᶅ
พี่อาร์คอย่าเงียบดิ
พี่กูใจไม่ดีเลย เหมือนกำลังจะตาย

╥﹏╥
༶ඬ༝ඬ༶
ಥ_ಥ

Anol Paraminphisan
มาให้กูเตะทีดิ


หมดอารมณ์จะบอกรักละ รำคาญเด็กแถวนี้

มันจะอะไรนักหนาวะ เดี๋ยวกูก็จับทำเมียแม่ง จะได้ไม่เสียเวลาของเป็นแฟน รำคาญเด็กโง่โว๊ย!









   “ขอเป็นแฟนผ่านไอจี”

   ไอ้บลูมพูดประโยคนี้ออกมา ขณะกำลังนั่งไขว่ห้างแคะขี้ฟันรออาจารย์เข้ามาสอนในห้อง

   “อะไรวะ” ผมหันไปถาม ซึ่งมันก็ทำลีลายักไหล่โชว์เท่จนกูแทบหมดความอดทน

   “โห แค่หยอกนิดเดียวทำหน้าบูดซะละ” เพื่อนรักเอื้อมมือมาตบบ่าผมปุๆ ก่อนสาธยายความคิดของตัวเองต่อ “เนี่ย กูเห็นเขาชอบบอกรักกันผ่านไอจี เลยปิ๊งไอเดียขึ้นมา ส่วนใหญ่ก็สำเร็จหมดนะเว้ย”

   “เหอะ”

   ที่บอกสำเร็จอ่ะใช้ไม่ได้กับกูหรอก คนที่กูชอบมันโง่

   “ลองเอาไปใช้ก็ไม่เสียหายหรอก”

   “กูจะรอให้ไอ้อาร์มมาขอกูเป็นแฟนเองละ”

   “ตลก”

   “ก็ลองดูสิวะ ไม่ได้ค่อยคิดกันใหม่ ยากตรงไหนแค่บอกรักในพื้นที่ของตัวเอง” คราวนี้ไอ้คอปป์เสริมบ้าง ผมจึงเถียงกลับไปทันควัน

   “แต่กูไม่ชอบให้คนอื่นเสือกเรื่องของกู”

   “โอ้โห เขารู้กันทั้งคณะแล้ว มึงรู้ตัวช้าไปมั้ย”

   “รู้แล้วไง ขอแค่ไม่มายุ่งในช่วงสำคัญของกูกับไอ้อาร์มก็พอ” ตอนบอกรักก็บอกกับมันแค่สองคน ตอนจะขอเป็นแฟนบางทีก็ไม่จำเป็นต้องมีใครมายืนล้อมหน้าล้อมหลังป่ะวะ มากสุดอาจจะแค่เพื่อนสนิท ส่วนคนอื่นอย่าหวังเลย

   ผมชอบชีวิตที่ตัวเองผลุบๆ โผล่ๆ หายหัวและตามตัวยากมาตลอดเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว กระทั่งได้เจอไอ้อาร์ม หลายอย่างในชีวิตเปลี่ยนไปแต่อย่างน้อย ผมก็ยังหวังว่าเราจะมีความสุขโดยไม่จำเป็นต้องมีคนรอบข้างคอยช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์

   “งั้นมึงก็บอกอ้อมๆ ดิ ไม่ต้องบอกตรงตัวแต่รู้ความหมายกันเองอ่ะ”

   ผมไม่ได้ให้คำตอบในทันที ทว่าก็เก็บมาคิดเพียงลำพัง

   อีกไม่กี่วันก็เข้าสู่ช่วงอ่านหนังสือสอบอย่างหนักแล้ว ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ ผมกลัวว่าเราจะยุ่งจนไม่มีเวลาได้ทำอะไรต่างๆ ด้วยกัน ไอ้อาร์มต้องการหนังสือ ปั่นรายงาน ใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ส่วนผมก็ไม่ต่างกัน

   ถ้าอย่างนั้น...

   ผมอาจต้องหาเวลาบอกกับมันแค่สองคน ไม่สนใจห่าเหวอินสตาแกรมอะไรแล้ว เยอะ!

   คืนนี้มีแดงเดือด แมนยู-ลิเวอร์พูลโคจรมาเจอกันอีกครั้ง บังอรโภชนาคับคั่งไปผู้คน ไอ้อาร์มมากับเพื่อน นั่งแยกโต๊ะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ขณะผมยังคงก๊งเหล้ากับเพื่อนแต่ไม่ลืมคอยมองสถานการณ์อยู่ห่างๆ

   “เดี๋ยวไอ้เหี้ยค่อยๆ อย่าเพิ่งยิง โอ้ววววววว! โง่จัง” เสียงโห่ดังลั่นร้านเมื่อลิเวอร์พูลยิงพลาด ก่อนผู้เล่นในสนามจะเริ่มส่งบอลกันอีกครั้ง

   “โอ๊ยยยย คืนนี้หงส์แดงจะชนะมั้ยน้อ คิดถึงใครบางคนที่เชียร์ทีมอะไรก็แพ้จัง” ไอ้คอปป์พูดไปหัวเราะไป ไอ้อาร์มเลยส่งนิ้วกลางมาให้แต่ไกล สร้างความครื้นเครงให้พวกปีสามสุดๆ

   ก็นั่นแหละครับ ปล่อยมันบ้าไป เพราะแค่ครึ่งชั่วโมงแมนยูก็ได้ผงาดอีกครั้งเมื่อคู่แข่งดันพลาด

“เอาแล้ว แฮนด์บอลในเขตโทษ แย่ๆ”

   “งานนี้จุดโทษต้องมา!”

   “กรรมการว่าไงคร้าบ”

   “อ่ะโดนจุดโทษ รอเลยคร้าบบบบบบ” เพื่อนร่วมโต๊ะแหกปากลั่น ส่วนผมก็หันไปให้ความสนใจของคนตัวเล็กกว่าซึ่งนั่งห่างออกไปไม่ไกลนัก มันทำหน้างอ พลางหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่มไม่หยุดจนต้องลุกขึ้นเพื่อเดินไปปราม ทว่าไอ้ปอนด์กลับรั้งมือผมเอาไว้

   “นั่งก่อน ถ้าแพ้ค่อยไปปลอบ ใช้แผนเราไง”

   ได้ยินแบบนี้กูก็จำใจต้องนั่งลงที่เดิม เฝ้ามองไอ้เด็กปากเก่งอย่างห่วงๆ

   “อเล็กซิสมึงต้องแก้มือนะ”

   ปี๊ดดดดดด เสียงนกหวีดดังเป็นสัญญาณการเตะจุดโทษ ในวินาทีที่บอลลอยอยู่กลางอากาศเตรียมพุ่งไปยังประตูตาข่าย เวลาก็เหมือนหยุดเดินไปชั่วขณะก่อนจะกลับมาสู่สภาวะปกติอีกครั้งตอนเสียงเฮดังลั่นร้าน

   “เฮ่!! เต็มข้อครับลูกพี่”

   “หนึ่ง-ศูนย์ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ได้มาเพราะการแฮนด์บอล ฮ่าๆ”

   กว่าจะจบเกมเก้าสิบนาทีก็มีคนตายไปหลายศพ หนึ่งในนั้นคือไอ้อาร์ม แม่งทำหน้างอคอหักอยู่ที่โต๊ะแล้วนั่น เห็นแบบนี้จะให้อดทนได้ยังไง สุดท้ายก็ต้องเดินไปหาอีกจนได้

   “เลิกทำหน้างอได้แล้ว ไม่ได้น่ารักเลย” ผมนั่งลงเคียงข้างกับคนตัวเล็กกว่า ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวมันเพื่อให้คลายความขุ่นข้องหมองใจ แต่ใครจะคิดว่ายังไม่ทันได้สัมผัส ไอ้อาร์มก็เอนหัวลบซะแล้ว

   “อย่าแตะตัวโผมมมมม”

   “ทำไมจะแตะไม่ได้”

   “เดี๋ยวแฮนด์บอล”

   โคตรกวนตีนเลย จะไม่รักยังไงได้วะ

   “กูไม่ใช่ลูกบอล ขยับมานี่ กินเหล้าเยอะใช่มั้ย เดี๋ยวก็เจอดีหรอก”

   “บ่นอะไรงุ้งงิ้งๆ น่ามคาญ” เห็นทำปากยื่นแบบนี้คิดว่าจะสงสารเหรอ ไม่ครับ อยากดึงมาประกบจูบมากกว่า แม้ความเป็นจริงจะทำได้แค่ตีปากมันเบาๆ เป็นการลงโทษ

   “อย่าแตะตัวโผมมมมมมม”

   “ไม่แตะ แต่กินน้ำก่อน เมาแล้วนะ” ผมบอกพร้อมยื่นแก้วน้ำเปล่าให้คนเคียงข้าง

   “ไม่เมาดิ แค่เสียใจ”

   “เรื่องบอลเหรอ”

   “อือ”

   “เดี๋ยวสักวันก็ต้องชนะ มานี่หน่อย มีอะไรจะคุยด้วย” ผมพยายามรั้งมือไอ้อาร์มเพื่อพยุงตัวอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น

   “คุยไหน”

   “ที่รถ”

   “ไม่นอนห้องพี่นะ เดี๋ยวพี่กัดกูอีก”

   “เออเดี๋ยวพาไปส่งหอใน กูขอตัวไอ้อาร์มแป๊บนะ” ท้ายประโยคหันไปบอกกับเพื่อนในกลุ่มของมัน ก่อนจะพาร่างระโหยโรยแรงกลับมายังรถยนต์ส่วนตัวซึ่งจอดไว้ตรงลานจอดรถ

   “ไหน คับข้องใจอะไรว่ามา” ผมถามด้วยความเอ็นดู ทั้งลูบหัวและดึงมันมากอดไม่ปล่อย

   “อย่าแตะตัวผมมมมม”

   “อาร์ม”

   “แฮนด์บอลนิดเดียวอ่า ทำไมได้จุดโทษ ไม่ยุติธรรม”

   “ทำไมมึงตัวเล็กขนาดนี้วะ”

   “...”

   “อาร์ม”

   “หืม...” บางครั้งบางทีความรู้สึกของคนเรามันก็ไม่ต้องรอจังหวะและโอกาส บางครั้งก็อยากทำตามใจชอบเหมือนความรู้สึกที่ได้ชอบใครคนหนึ่งนั่นแหละ เพราะงั้นผมเลยอยากบอก ไม่ว่ามันจะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม

   “กูชอบมึง”

   “...”

   “เป็นแฟนกันนะ”

   “อือ...”

   ผมถึงกับหัวเราะออกมา ตอนที่คนในอ้อมกอดครางอืออาแทนคำตอบ ไอ้อาร์มไม่รับรู้อะไรแล้วมันแค่หลับ

   แต่ถึงแม้มันจะหลับ ผมก็มีความสุขที่วันนี้ได้บอกสิ่งที่อยากบอกออกไปจริงๆ

   [จบพาร์ตเทพแห่งไฟ]











   ช่วงเที่ยงชีวิตเด็กวิศวะก็เหมือนอยู่ในขุมนรกที่ลึกที่สุด คนเยอะ โต๊ะก็แทบไม่มี แถมต้องไปแย่งข้าวกับคนในคณะอีก คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้ กว่าจะได้นั่งแดกอย่างมีความสุขกูต้องใช้วิธีล้อมโต๊ะรอเหยื่อแดกเสร็จโน่นถึงได้มีโอกาสเข้าไปนั่ง

   โรงอาหารคณะวิศวะเหมือนเป็นศูนย์รวมของคนทั้งมหา’ลัย นอกจากเด็กคณะเราแล้วก็ยังมีคณะอื่นมาใช้ด้วย โดยเฉพาะสาวๆ ที่แบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือหนึ่งมาล่าหนุ่ม และสองเมียของพวกเด็กวิศวะด้วยกันเอง

   ยิ่งเป็นช่วงใกล้สอบอย่างตอนนี้ บรรยากาศก็ยิ่งเต็มไปด้วยความวุ่นวายสิ้นดี

   “คาบบ่ายอาจารย์วิมลงดคลาส ไปไหนกันดีวะ ตื่นเต้นๆ” ไอ้โป้พูดด้วยน้ำเสียงระริกระรี้ แต่สายตามึงแม่งมีคำว่าตู้คีบตุ๊กตาอยู่เต็มไปหมด กูรู้หรอก

   “ได้หมดแหละ มึงถามไอ้แซนด์เถอะ วันนี้มีนัดสาวมั้ย”

   “พี่หวานมีเรียน เราเฟี้ยวฟ้าวกันได้เต็มที่”

   “งั้นวันนี้ไปนั่งอ่อยสาวที่ร้านกาแฟคณะบัญชีกับกูหน่อย เสร็จแล้วค่อยไปคีบตุ๊กตากัน” ไอ้โป้พูดเองสรุปเอง

   “เดี๋ยวนะ มึงไปติดสาวคณะนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

   “เมื่ออาทิตย์ก่อน เจอกันที่ตู้คีบตุ๊กตาแถวมอ เลยขอไลน์มา คิกค้ากกกกก” จ้ะ เอาที่สบายใจเลยจ้ะ ถึงหน้าจะไม่ผ่านมาตรฐานแต่ด้วยความเป็นวิศวะเราก็ต้องมีจุดขาย บางคนมีช็อปมีเกียร์ แต่ไอ้โป้ไม่มีเหี้ยอะไรเลยก็ยังเอาอยู่ เก่งฉิบหาย

    “ไอ้อาร์ม” ผมละทิ้งความสนใจจากเพื่อนในกลุ่ม หันไปยังคนมาใหม่ทันที

   ไอ้ธีมน่ะครับ เพื่อนร่วมคณะที่มีดีกรีเป็นถึงเดือน

   “เออว่าไง มีอะไรป่ะวะ”

   “พี่อาร์คฝากมาให้” ว่าแล้วคนตรงหน้าก็วางกล่องน้ำไว้ที่โต๊ะ

   “ขอบใจมากเว้ย”

   “ไม่เป็นไร” ไอ้ธีมเดินผละออกไป มีแต่ผมกับเดอะแก๊งที่นั่งมองกล่องนมอยู่ นาทีนี้ใครเร็วใครได้ครับ

   ขวับ!!

   โชคดีที่พี่มือเร็วกว่าไอ้สองตัวนี้ ไม่งั้นมันต้องหาเรื่องอ่านโพสต์อิตที่แปะมากับกล่องนมด้วยแน่ๆ

   “โหไรว้า ให้กูอ่านหน่อยก็ไม่ได้” มันสองตัวเริ่มบ่นกระปอดกระแปด ผมเลยรำคาญรีบหันหลังออกจากโต๊ะ จากนั้นก็หยิบโพสต์อิตสีเขียวมะนาวขึ้นมาอ่านเงียบๆ



   ‘กินเยอะๆ จะได้สูงๆ’



   โคตรกวนตีน

   นี่เป็นการด่าแบบทางอ้อมชัดๆ คิดได้เท่านั้นผมรีบเดินไปที่ซุ้มขายเครื่องดื่มเพื่อซื้อนมแปะก๊วยหนึ่งกล่อง ก่อนควานหากระดาษเน่าๆ ในกระเป๋า ฉีกมันออกมาเป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีแล้วจึงบรรจงเขียนข้อความลงไป



   ‘พี่ก็กินเยอะๆ มันช่วยเสริมสมอง : )’



   นี่น่าจะเป็นวิธีหลอกด่าที่เจ็บแสบพอกัน

   “ไอ้โป้ ไอ้แซนด์ มึงช่วยอะไรกูหน่อยดิ”

   “อะไร” มันตอบเสียงเนือย

   “กูฝากเอานมนี่ไปให้พี่อาร์คได้มั้ยวะ พอดีไม่อยากเจอหน้าอ่ะ กลัวเถียงกันอีก”

   ตั้งแต่คืนที่เมาเรื้อนในศึกแดงเดือดแล้วตื่นขึ้นมาโลกหมุนติ้วในห้องของตัวเอง พี่อาร์คก็ไลน์มาด่าผมยาวเหยียดจนกูต้องเอ่ย ‘ขอโทษครับ’ นับครั้งไม่ถ้วน คราวนี้เลยไม่อยากสู้ซึ่งๆ หน้าแล้ว เพราะกูจะส่งทีมเสือกไปแทน

   “มึงว่าไงนะ”

   “ฝากนี่ให้พี่อาร์คหน่อย”

   “โอ๊ยยยยยย จัดมาเลยมึง กูจะรีบวิ่งไปอย่างไวว่อง” กับการเรียนเคยทุ่มเทขนาดนี้มั้ย เพราะภายในเสี้ยววินาทีเพื่อนโป้แอนด์แซนด์ก็ได้วิ่งตรงไปยังมุมสุดของโรงอาหารซึ่งเป็นจุดที่แก๊งพี่อาร์คนั่งอยู่แล้ว

   ผมนั่งรออย่างจดจ่อ ก่อนเพื่อนรักจะเดินกลับมาพร้อมกับขวดน้ำมันตับปลาในมือ โห~ คนเราแม่งลงทุนขนาดนี้เพื่อด่าน้องอ่ะคิดดู แถมยังไม่ลืมฝากข้อความกลับมาอีก



   ‘กูฉลาดอยู่แล้ว แต่มึงอ่ะต้องกินเยอะๆ จะได้หายโง่’



   เจ็บจึ่กๆ เลยโว้ย

   ได้พี่ได้ เดี๋ยวกูขอหาข้อเสียในตัวมึงก่อนนะ

   สองเท้าย่ำกลับไปยังร้านขายน้ำและขนมอีกครั้ง กวาดตาดูขนมตรงหน้าครู่ใหญ่ก่อนจะหยิบช็อกโกแลตขึ้นมาหนึ่งแท่ง พลางหมุนตัวมานั่งที่โต๊ะเพื่อเขียนข้อความตอกกลับ



   ‘กินช็อกโกแลตเยอะๆ นะจะได้ปากหวานขึ้น’



   เพราะถ้าคณะมีตะกร้อครอบปากขายผมคงซื้อให้พี่มันไปแล้ว

   ไอ้โป้กับไอ้แซนด์เป็นตัวส่งข่าวชั้นดี มันวิ่งไปโต๊ะฝั่งโน้นอยู่เกือบสิบนาทีก่อนจะเดินกลับมาหาผมที่โต๊ะอีกรอบ

   “พี่อาร์คเรียก”

   “อะไรวะ กูไม่ไป”

   “เห็นบอกมีของจะให้”

   “แซะกันอีกชัวร์” ยิ่งเล่นใหญ่ไว้ขนาดนั้นพี่มันคงไม่ปล่อยกูหรอก

   ผมนั่งนิ่งอยู่กับที่ไม่คิดขยับ แต่พอนานเข้าเจอแรงกดดันจากเพื่อนทั้งสอง กูเลยต้องลุกไปหาลุงรหัสซึ่งนั่งอยู่อีกฟากอย่างจำใจ ทุกก้าวที่เดินเข้าไป เหมือนแรงดึงดูดบางอย่างที่ส่งมายังตัวผม พี่อาร์คนั่งอยู่ตรงนั้นกับเพื่อนสนิทในแก๊ง สายตาจ้องมองมาไม่คลาดเคลื่อนกระทั่งเราขยับเข้าใกล้กันมากกว่าเดิม

   “พี่เรียกกูทำไมอ่ะ” ทำใจดีสู้เสือไปงั้นแหละ ทั้งที่ในใจอ่อนเหลวแทบเป็นน้ำ

   “โคตรแสบนะมึงเนี่ย”

   “อะไร ยังไม่ได้ทำอะไรเลยแค่ซื้อช็อกโกแลตให้”

   “เคๆ กูกินแล้ว”

   “หูยยยย แสดงว่ายอมรับสิ่งที่กูเขียนอ่ะดิ”

   “เขียนอะไรมาก็ยอมรับหมดแหละ อ่ะ! ของมึง” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยื่นหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ ซึ่งมันทำให้กูยืนงงเป็นไก่ตาแตกเพราะยังไม่ได้เรียนเล่มนี้

   “พี่เข้าใจผิดแล้ว กูยังไม่ต้องใช้”

   “เดี๋ยวก็ได้ใช้ จำหนังสือที่กูให้มึงไปได้มั้ย จริงๆ มันไม่ได้มีสองเล่ม”

   “อ๋อ เล่มสามอยู่นี่เอง ขอบคุณมากครับ”

   “ลองเปิดดูสิ มันมีโจทย์อยู่ข้อนึง”

   “ด่าอะไรกันอีกหรือเปล่าเนี่ย”

   พี่อาร์คยิ้ม นั่นยิ่งผลักให้ผมอยากรู้เข้าไปอีก เลยตัดสินใจเปิดหนังสือหน้าแรกออกมา แน่นอนว่ามันมีโพสต์อิตสีเขียวมะนาวอยู่ในนั้น

   ลายมือของพี่อาร์คเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมจำได้ขึ้นใจ เขาบรรจงจรดปลายปากกาลงไปเหมือนกระดาษทุกแผ่นที่ส่งมาให้ ทว่าคราวนี้กลับแตกต่าง...



   ‘อาร์ม เป็นแฟนกันนะ’



   นี่คือข้อความที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า จู่ๆ พี่ก็เขียนมันให้ผม แม่ง อยากร้องไห้แต่ก็ทำได้แค่ฮึบเอาไว้แล้วก้มหน้าอ่านประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเสียงทุ้มต่ำดังแทรกเข้าโสตประสาทอีกครั้งผมถึงได้เงยหน้ามอง

   “เนื้อหาเล่มนี้ยากหน่อยนะ แต่อยากให้ทำความเข้าใจ”

   “แล้ว...แล้วถ้าไม่เข้าใจล่ะ”

   “เดี๋ยวสอน กูยังมีเวลาให้มึงอีกเยอะ”

   “...”

   “เอากลับไปทำความเข้าใจที่ห้องก่อนแล้วค่อยทำโจทย์ก็ได้”

   “ไม่รู้ว่าจะเข้าใจหมดมั้ย แต่โจทย์ข้อนี้...ก็พอทำได้นิดหน่อย” ผมตอบเสียงเบาลงเรื่อยๆ ซึ่งตรงข้ามกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่ทวีแรงขึ้นหลายเท่า

   “เหรอ งั้นกูขอคำตอบหน่อย”

   “อือ”

   “อะไรนะ”

   “พี่อาร์ค”

   “พูดอะไร คำตอบไม่ชัดเจนเลยว่ะ”

   “ก็เออนั่นแหละ คำตอบคือ...”

   “...”

   “ตกลงครับ”

   “ตอบถูกซะด้วย เก่งว่ะ”

   “จริงๆ ก็รอทำโจทย์มานานแล้ว แต่พี่ไม่ถามสักทีเลยไม่รู้ต้องตอบยังไง”

   มันไม่ยากเลยที่จะตอบคำถามนี้ ก็ผม...ชอบพี่แค่คนเดียวนี่หว่า




ตอนนี้พี่ยังไม่ได้กินน้อง แต่ได้เป็นแฟนแล้วนะ
ตอนหน้าพี่อาร์คได้ปลดปล่อยแน่นอน กรี๊ดดดดด น้องก็โง่ พี่ก็กาก
สุดท้ายก็ลงเอยกัน แฮปปี้แล้ว T^T
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2018 22:59:47 โดย Jittirain12 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ NEPTUNE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 490
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ Mileson

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เขาเป็นแฟนกันแย้ววววว.  :m4: :a2: :mc3: :mc3: :mc3:

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 ครุคริคีคริ~~~จิตติไอเลิฟยู~~ว่าแค่ขอตอนถัดไปเลยได้ป่ะเทออออ

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
คือน้องก็รออยู่นี่เองงงงงงงง​  อิพี่อาร์คก็ลีลา​ โอ๊ยตั่่ย​ล้าวววววววววว​ พี่อาร์คคนกาก​ พีาอาร์คคนหื่น​

ตอนหน้าถ้ายังไม่ได้กินอีกแนะนำบังคับน้องไปอยู่ด้วย​ จะแซะจะแทะจะกัดจะฟัด​ ก็ตามที่สะดวก​  :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
โอ้ยพี่อาร์คคนกากของน้อง ไม่รู้ว่าจะขำหรือสงสารดี แต่ในที่สุดก็ได้อาร์มเป็นแฟนซะที น่าจะลุ้นกันทั้งคณะอ่ะนะ :laugh:

ออฟไลน์ boooob

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ในที่ซู๊ดดดด  ลุ้นจนเหนื่อยแทนความกากของอีพี่ และความโง่ของอีน้องงง o18

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ตลกความกากของพี่อาร์ค 5555555555

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โอยยยอิพี่อาร์คกว่าจะขอน้องมันเป็นแฟน ลุ้นจนเยี่ยวเหนียว คนอะไรกากจริง
แต่ก็ดีใจด้วยนะ น้องก็ไม่เล่นตัวเล้ยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อือหื้อออ...

ออฟไลน์ we.jinkyu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
พี่อาร์ค มาแล้ว :hao7:

ออฟไลน์ farafang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โง้ยยยยยยย น่ารักอ่าาาาาาา  :katai2-1:

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
โอ๊ยยยย ตายๆๆๆๆ ทำไมเรายิ้มไม่หุบเลย เป็นตอนที่น่ารักที่สุด

ออฟไลน์ AtoZ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ในที่สุด... เราก็ลุ้นตั้งนาน อีน้องก็โง่ อีพี่ก็ความอดทนต่ำ  :mc4: :katai2-1:

ออฟไลน์ mayya.mm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เค้า แขนเป็นฟอกันแน้ว งุ้ยๆ คิกค้ากก o13 :o8:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เฮ้อ...เทพแห่งไฟแม่งกากจริง ๆ อ่ะ

อิคนน้องก็รอแล้วรอเล่าว่าเมื่อไรอิคนพี่มันจะขอคบเป็นแฟนสักที

เฮ้อ...สุดท้าย   อิคนน้องก็สมหวัง  แต่กว่าจะสมหวังก็ใช้เวลานานโขอยู่  อิอิ

ออฟไลน์ FrozenSnow2019

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เป็นกำลังใจให้ลุงหลาน สู้ๆๆ ^^

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
จบได้เลยเราคิดว่าคงตายตาหลับแล้ว  :เฮ้อ:  มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากกับการที่ลุ้นให้คนพี่หายกากคนน้องหายโง่ในที่สุดก็สำเร็จสักที  :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ tumtok

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-4
แผ่นดินไหว แต่เราไม่ไหว ความโง่ ความกากนี้ :katai4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด