{ เรื่องยาว } ♥ วิศวกรรมประสาท ♥ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { เรื่องยาว } ♥ วิศวกรรมประสาท ♥ THE END  (อ่าน 1969249 ครั้ง)

ออฟไลน์ LifePo-YuGu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อิ๊พี่อ่าร้ายยยยย
ใจดีกับน้องด้วย น้องมันยังใสๆอยู่เลย
จะตายแล้วๆๆๆๆ  ฟินกันแทบตายอ่า เราเนี๊ยะ  :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ KMprince

  • kyumin QingYu
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เขาจูบกันแล้วค่ะคุณ ความเด๋อของคนพี่ต่อเพื่อนๆ ของเขาก็เยอะ และฮามาก

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ตามทันแล้ว .. ปั้มหัวใจด้วย

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 490
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
แหมมมมมม พูดได้นะว่ายังไม่ทำอะไร แล้วที่จูบนั่นมันยังไงคะ ขุ่นพี่อาร์คคคคค

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อาร์คทำไมทำกันได้ ทำไมร้าย
เรียกรถให้อาร์มแล้วเผื่อเราด้วยนะ

อาร์มไม่ไหว พี่ก็ไม่ไหวนะ โอ๊ยยยย
โดนปล้นจูบ ตอนนี้ปากชนปาก เบสิคไปแล้วจ้า
เข้ามาแล้วไม่รอดนะ พี่อาร์คบอกไว้

แล้วคืออะไร ต่อไปจะหัวปักหัวปำเหมือนพี่
แล้วคืออะไร ที่ห่วงพี่มาก ถึงขั้นบ้าบอเชื่อคำเพื่อน

อาร์คตอนอบอุ่น ก็แหย่น้อง ให้น้องอ้อน
อาร์มก็งอแงให้พี่ได้ง้อ ได้อ่อนให้ตลอดเลยนะ

ฟินตัวจะแตก เค้าพัฒนา


ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
พี่อย่าทำแบบนี้ไม่ใช่น้องไม่ไหวคนอ่านก็ไม่ไหวเหมือนกัน :-[

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ฮือ พี่อาร์คจูบนังอาร์มแล้ว ต้องรุกแรงแบบนี้

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อย่ารุนแรงกับน้อง!!!! รอพยาบาลอยู่ไหนนน
มารับน้องที  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Maxkung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อีน้องโดนดูดวิญญาณแล้ว
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 490
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts
รรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร รอทุกวันเลยจ้า

ออฟไลน์ Mileson

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18



ตอนที่ 15
พิเศษกว่าทุกคน



   ปัง!

   “ไอ้อาร์ม มึงจะปิดประตูเสียงดังเพื่อ?”

   ไอ้แซนด์แหกปากร้องทันทีที่ผมกลับถึงห้อง มันผงกหัวขึ้นมาจากหมอนพร้อมกับมองมาด้วยสายตาขุ่นๆ

   “โทษที กูลืมตัวไปหน่อย”

   “เออช่างเหอะ แล้วสรุปไอดอลกูเป็นยังไงบ้าง”

   “มะ...ไม่เป็นไร พะ...พี่อาร์คปกติดี มึงอ่ะคิดมาก” เกือบพากูไปเชือดแล้วมั้ยล่ะ ดีนะที่พี่มันมีนัดปาร์ตี้กับเพื่อนต่อ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีทางกลับมาถึงหอในสภาพแบบนี้แน่

   “เหนือเดือนโอเคกูก็ไม่มีปัญหาแล้ว แต่มึงนี่สิเป็นเหี้ยอะไรครับ พูดตะกุกตะกัก หน้าก็แดงๆ นะนั่น ไม่สบายป่ะ” คนตรงข้ามหรี่ตามองราวกับกำลังจับพิรุธ นั่นยิ่งทำให้ผมร้อนรนจนอยู่ไม่เป็นสุข ต้องเนียนเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าบ้าง โต๊ะเขียนหนังสือบ้างเพื่อให้ตัวเองไม่รู้สึกฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้

   แค่ตอนขับรถกลับหอก็เกือบตายไปหลายรอบละ พี่แม่ง...ทำกูใจเป๋หมด

   นี่เป็นครั้งแรกที่ผมโดนจูบแบบสูบวิญญาณขนาดนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว จนตอนนี้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นยังไม่เลือนหายไปเลย ร่างกายมันจดจำ แม้กระทั่งวินาทีที่ทิ้งตัวนั่งลงตรงปลายเตียง ทุกส่วนก็ยังคงสั่นเทาไม่หยุด

   “อาร์ม ไอ้อาร์ม!”

   “ฮะๆ ว่าไงนะ” ผมเหมือนถูกถีบให้ตื่นจากภวังค์ กลับมาเผชิญหน้ากับความจริงอีกครั้ง

   “กูถามว่ามึงเป็นอะไร ไม่สบายป่ะวะ ให้กูจองศาลาวัดไว้รอมั้ย”

   “วอนตีนกูละ กะ...กูไม่ได้เป็นอะไร งั้นขอไปอาบน้ำก่อนนะ”

   “ไม่กินข้าวก่อนเหรอ”

   “ขออาบน้ำก่อน”

   “งั้นรีบเลย กูเริ่มหิวละเนี่ย เดี๋ยวกูเรียกไอ้โป้มาสแตนด์บายรอที่ห้องเราก่อน”

   “อือ ขอเวลาสิบนาที”

   พูดแค่นั้นก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าส้วมอย่างไวว่อง หวังจริงๆ ว่าน้ำจะช่วยให้ผมผ่อนคลายกว่าที่เป็นอยู่ เพราะตอนนี้สมองแม่งยังคงคิดฟุ้งซ่านแต่เรื่องที่ถูกพี่อาร์คจูบไม่หยุด

   ความอบอุ่นจากฝ่ามือหนา สายตาเจ้าเล่ห์ปนเอ็นดู กลิ่นตัวและสัมผัสของเขา ผมยังจำได้ทุกอย่างแม้ในเวลานั้นสายตาทั้งสองข้างจะพร่าเบลอไปมากแค่ไหนก็ตาม

   “หยุดคิดๆ” พี่อาร์คมึงจะรู้มั้ยว่ากำลังทำให้ใครเป็นบ้า แม่ง คืนนี้กูจะนอนหลับหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

   ต้องไม่คิดถึงพี่

   ต้องลืมให้ได้ว่าก่อนหน้ามันเกิดอะไร

   ทำเหมือนทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน เพื่อเซฟหัวใจของตัวเองไม่ให้รัวกระหน่ำจนตายไปซะก่อน

   ผมบอกตัวเอง ย้ำอยู่อย่างนั้นพร้อมกับหาอะไรทำไม่ให้ตัวเองว่างมานั่งคิดถึงอีกฝ่าย แน่นอนว่ามันได้ผล แต่เป็นผลที่มีระยะเวลาแค่...ห้านาที เพราะหลังจากนั้นผมก็ไม่สามารถดึงพี่อาร์คออกจากหัวได้อีกเลย ร้องไห้แล้วสัด

   นอนไปทั้งอย่างนั้น

   “เฮ้ยไอ้แซนด์ มึงเป็นอะไรวะ”

   ผมถึงกับสะดุ้ง เนื่องจากลืมตาขึ้นมาในเช้าวันใหม่ได้ไม่นานก็ต้องตกใจกับคนที่อยู่เตียงตรงข้าม ใบหน้าของไอ้แซนด์ค่อนข้างแย่ มันนั่งตัวสั่นคล้ายกับพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ ส่วนอีกข้างกำยาดมซุกไว้ตรงจมูกเพื่อบรรเทาอาการบางอย่างที่กำลังจู่โจมจนโคม่า

   “ฮือออออออออ ชีวิต”

   “เดี๋ยวก่อนมึงเป็นอะไร ให้ช่วยอะไรมั้ย” มันเอาแต่ส่ายหน้าไปมา “บอกกูสิ”

   เมื่อวานยังดีอยู่เลย ไหงตอนนี้สภาพเป็นผีตายโหงได้วะ

   “ชีวิตแค่โดนทำร้าย”

   “เดี๋ยวใจเย็นๆ นะ”

   “แต่ที่สุดมันต้องไม่โดนทำลาย”

   “...”

   “แค่วันนี้หัวใจสลาย เตือนตัวเองว่าถึงยังไงฉันยังต้องอยู่...” ร้องให้จบเพลงเลยมั้ยกูจะได้กลับไปนอนรอ แม่ง!

   “ให้กูเรียกไอ้โป้มั้ย”

   คนฟังส่ายหัน ผมเลยทำได้แค่ก้าวเท้าลงจากเตียงแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างเพื่อนรัก ไอ้แซนด์เป็นคนอารมณ์ดี ที่ผ่านมาเลยไม่เคยเห็นมุมแซดๆ ของมันสักเท่าไหร่ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัส ถึงได้รู้ว่าระเบิดลงของจริงมันเป็นแบบนี้นี่เอง

   “ยังไม่ต้องบอกกูก็ได้ พร้อมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” ถึงยังไงผมก็จะนั่งข้างมันไปเรื่อยๆ จนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้นนั่นแหละ

   “ความรักแม่งโคตรเหี้ย” มาละ เตรียมตัวรับแรงกระแทกได้เลยเพราะมันคงพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย

   “มันอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ได้”

   “เหี้ย มันเหี้ย มึงรู้มั้ยว่าเมื่อคืนกูเจออะไรในโทรศัพท์”

   “จะ...เจออะไรวะ” พูดไปก็ตบบ่าคนเคียงข้างให้คลายความกังวลไปด้วย

   “พี่หวานนอกใจกู”

   “แต่มึงสองคนยังไม่ได้คบกัน”

   “นั่นแหละ พี่เขาไม่ได้คุยกับกูแค่คนเดียว”

   “มันอาจมีเรื่องเข้าใจผิด”

   “โอ้โห รุ่นพี่เดือนปีสามอีกคนแท็กรูปคู่ขนาดนั้นมึงจะให้กูคิดยังไง”

   “เขาอาจจะเป็นเพื่อนกัน”

   “ถ้ามึงเห็นรูปมึงจะรู้เลยว่าไม่ใช่แค่เพื่อนแน่นอน เดี๋ยวนะ เดี๋ยว!” ว่าแล้วไอ้แซนด์ก็จัดการเลื่อนหน้าจอมือถือไปที่เฟซบุ๊กของใครคนหนึ่ง ไม่นานมันก็ยื่นกลับมาพร้อมกับเบะปากเตรียมร้องไห้

   ผมก้มมองดูรูปคู่ของรุ่นพี่ที่ถูกแท็ก มันจริงอย่างที่ไอ้แซนด์ว่า ความแนบชิด ใบหน้ายิ้มแย้ม กับดอกไม้ช่อโตในมือของผู้หญิงมันทำให้ผมเผลอคิดว่าสองคนนี้คงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่แค่เพื่อนแน่ๆ

   ฉิบหาย กูเตรียมร้องเพลงเศร้ารอเพื่อนเลยครับ

   “กูควรรู้แต่แรกแล้วว่าคนสวยไม่มีทางคุยแค่คนเดียว”

   “ก่อนสรุปเองมึงได้ถามเขาหรือยังวะ” ก็ไม่อยากให้รีบปักใจเชื่อ เพราะสุดท้ายความจริงอาจไม่เป็นอย่างที่คิด

   “ไม่จำเป็น”

   “ทำตัวเป็นพระเอกละครไปได้ กลัวว่าถ้าเรื่องไม่เป็นอย่างนั้นมึงจะเงิบเอา”

   “ไม่มีทาง ตอนนี้...กูคงต้องขอเวลาทำใจ” จ้ะ ได้เลยจ้ะ

   ตื่นมาว่างงแล้ว เจอเพื่อนเออเองสรุปความเองเล่นเอางงยิ่งกว่า แต่นั่นแหละครับ สถานการณ์แบบนี้เหมือนน้ำเชี่ยว ต่อให้เราพยายามโต้แย้งยังไงก็คงไม่ได้ผล ทำได้ก็แค่อยู่เคียงข้างมันต่อไป

   ช่วงเวลาอึมครึมลากยาวจากเช้ามาจนถึงกลางวัน

   สตอรี่ดราม่าถูกเล่าต่อไปที่เดอะแก๊งอีกคนอย่างไอ้โป้ ซึ่งผมสงสารมันมากที่ต้องมาเออออห่อหมกไปกับไอ้แซนด์ แถมเราต้องมาหูชาฟังเรื่องเศร้าๆ ที่เล่าวนเป็นสิบรอบแบบไม่รู้จบ

   มึงควรจัดเดี่ยวไมโครโฟนนะรู้ยัง เพราะเท่าที่สังเกตคิดว่ามันน่าจะไปได้สวย

   “ความรักมันไม่เคยดีเลย ก่อนหน้ากูก็เคยโดนแบบนี้ มึงดูหน้ากูนี่! หน้ากูดีขนาดนี้ทำไมหญิงถึงกล้าทิ้งวะ”

   “ใจเย็นนะ” อยากบอกว่าบางทีเหตุผลมันก็ไม่ได้อยู่ที่หน้า

   ไอ้แซนด์เป็นคนหน้าตาดีมากนะครับ แถมค่อนข้างป๊อปในกลุ่มปีหนึ่งด้วยกัน แต่มันก็โนสนปักใจจะจีบแต่รุ่นพี่ซึ่งเขาก็มีดีกรีเป็นถึงดาวคณะ คือเล่นของสูงจนไม่กลัวเลยว่าตัวเองจะตกลงมาเจ็บ

   ตอนนี้เป็นไง เจ็บกว่าใครเพื่อนเลย

   “เดี๋ยวมึงก็หาคนใหม่มาดามใจได้”

   “กูเข็ดว่ะ กับคนนี้โคตรจริงจังเลยนะเว้ย”

   “อืม” รับฟังครับ ใช้หูอย่างเดียวพร้อมกับพยักหน้าประกอบก็พอ

   “แต่ช่างเหอะ เจ็บตอนนี้ดีกว่าคบกันแล้วโดนทิ้งในวันข้างหน้า”

   “...”

   “พวกมึงก็ระวังตัวไว้ให้ดี คุยกับพวกตัวท็อปกลัวว่าสักวันจะเจ็บอีก” ไอ้แซนด์พล่ามอย่างต่อเนื่อง “เขามีตัวเลือกเยอะ จะเลือกคนหน้าตาดี เรียนเก่ง หรือรวยแค่ไหนก็ได้ เรามันก็แค่คนกากๆ”

   “โคตรลูซเซอร์เลยว่ะ” ไอ้โป้ที่เงียบไปนานพูดพลางตักข้าวเข้าปาก

   “ไอ้โป้ ชีวิตมึงสนใจแต่ตุ๊กตามึงไม่เข้าใจหรอก”

   “ทำไมจะไม่เข้าใจ”

   “มึงยังไม่เคยเจอสถานการณ์แบบกู อกหักจากคนที่เราชอบมากๆ มันเจ็บนะเว้ย”

   “มึงยังไม่ได้คบกับเขาจะอกหักได้ไง”

   จึ่ก! เจ็บแต่จริง ขออย่างเดียวอย่าต่อยกันกลางโรงอาหารก็พอ กูอาย

   “กูให้ใจไปแล้ว” ไอ้แซนด์ยังคงเอ่ยเสียงสั่นเครือ

   “ถามเขายังว่าอยากให้ใจมึงกลับหรือเปล่า”

   “...”

   “แม่ง แล้วนี่เฮิร์ตหรือเป็นง่อย ทำไมต้องให้คนตัวเตี้ยม่อต้ออย่างไอ้อาร์มมาคอยดูแลมึงด้วย ไม่สงสารมันเหรอ” เหมือนจะเห็นใจกูนะ แต่เปล่าเลย...

   “พวกมึงสองคนต้องสงบสติอารมณ์ก่อน”

   “...”

   “ทุกปัญหามีทางออกเว้ย” ปากพูด ทว่าตอนนี้ตัวเองกลับเป็นฝ่ายวิตกไปเอง

   อาจจะจริงอย่างไอ้แซนด์พูด มีรักก็ต้องมีวันที่เราเสียใจ

   และความเสี่ยงนั้นยิ่งมีมากขึ้นเมื่อเราดันไปผูกใจกับคนที่มีตัวเลือกมากๆ หากวันนึงเขาเจอคนอื่นที่ดีกว่าแล้วทิ้งเราไว้ข้างหลัง สุดท้ายเราอาจเป็นคนเดียวที่เจ็บปวดอีก

   กลายเป็นเหมือนไอ้แซนด์ที่มานั่งตัดพ้อ ไม่กินข้าวกินปลา สูญเสียความเป็นตัวเองไปจนหมด

   นึกถึงตัวเองเลยว่ะ...

   ไม่อยากโยงเข้ากับเรื่องของพี่อาร์คหรอกนะ ทว่าตั้งแต่วันที่ได้ยินคำสารภาพจากปากของอีกฝ่าย มันก็มีเสี้ยวหนึ่งเหมือนกันว่าคนอย่างกูเนี่ยนะที่พี่ชอบ คนที่ไม่มีอะไรโดดเด่นไปกว่าคนอื่นเลย ผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ และความรู้สึกนั้นก็ยิ่งติดลบเมื่อเขาอยู่กับคนที่เหมาะสมมากว่า

   ชีวิตพี่อาร์คมีคนเข้าหาตั้งเยอะแยะ ทั้งหน้าตาดี เรียนเก่ง มีฐานะ แม้กระทั่งคนที่มีคุณสมบัติดีๆ ทุกข้อรวมอยู่ในคนคนเดียวเขาก็เจอมาแล้ว ถ้าพี่เลือกผมแล้วอนาคตจะเป็นยังไง

   ต้องเสียใจเหมือนไอ้แซนด์ตอนนี้มั้ย

   กับเรื่องเพศ เรื่องความสัมพันธ์มันเป็นประเด็นรองมาตลอด ครั้งแรกที่ได้ยินว่าเขาชอบผมทั้งที่เป็นผู้ชาย ก็เล่นเอาตกใจนิดหน่อยแต่ในใจกลับไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไร ภาพของเขายังเหมือนเดิม คล้ายกับว่าเงื่อนไขนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ขณะที่ผมเองก็คิดแบบนั้น

   ไม่ได้กลัวว่าใครจะมองว่านี่คือเกย์...

   พ่อแม่ผมก็ด้วย ท่านไม่ได้เลี้ยงผมให้เป็นคนอื่น แต่เลี้ยงให้ผมเป็นผม คนที่เป็นตัวของตัวเองที่สุด

   ปัญหาทั้งหมดไม่ได้อยู่ตรงนั้นเลย ผมกำลังจะเปิดใจยอมรับความรู้สึกดีๆ ของพี่จนลืมคิดถึงผลที่อาจตามมาในอนาคต

   ความไม่มั่นคงทางความรู้สึกของมนุษย์

   ใครต่างก็เปลี่ยน ทุกคนโตขึ้นทุกวัน ความชอบเองก็เปลี่ยนได้ตลอดเวลา

   ผมไม่มีความมั่นใจหรอกว่าพี่อาร์คจะอยู่กับผมไปจนสุดทาง มันคงมีวันที่เขาต้องไป ถึงตอนนั้นผมจะเสียใจกับการไม่มีเขาอยู่มั้ย แล้วถ้า...ไม่ลองเสี่ยง หยุดทุกอย่างไว้แค่นี้ ในอนาคตผมก็ไม่ต้องเสียใจอีกใช่มั้ย เริ่มคิดวิตกแล้ว

   “นี่ไอ้แซนด์แม่งเศร้าไปแล้วคนนึง มึงจะอินตามมันไม่ได้นะเชี่ยอาร์ม”

   “กะ...กูเปล่านะเว้ย” ผมสะดุ้งโหยง รีบแก้ตัวกับไอ้โป้พัลวัน

   “เห็นมึงเงียบไป หน้าก็หงอลงๆ”

   “กูมัวแต่คิดเรื่องที่จะทำยังไงให้ไอ้แซนด์ดีขึ้นไง”

   “เดี๋ยวมันก็ดีเองมึงอย่าไปคิดมาก”

   “เชื่อสิ กูต้องหาได้ดีกว่าพี่หวาน กูจะควงหญิงมาเย้ยเขา” ไอ้คนอกหักก็เอาแต่พ่นน้ำลายไม่หยุด

   ความรักเปลี่ยนมันจริงเหรอ จากคนคีพคูลทำตัวอารมณ์ดีเวลาอยู่กับเพื่อน พอถูกทำร้ายจิตใจเข้าหน่อยก็เปลี่ยนเป็นอีกคนจนน่าใจหาย ใครก็ได้เอาไอ้แซนด์คนเดิมคืนมาที คนนี้แม่งโคตรน่ารำคาญเลยว่ะ

   แล้วผมล่ะ? ถ้าต้องเจ็บปวดจากความรัก ผมจะทำตัวน่ารำคาญแบบนี้มั้ย

   “แดกๆ ไปไอ้ควาย พูดมากทำไม” ไอ้โป้ตัดประเด็น ก่อนเราจะก้มหน้าก้มตากินข้าวโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก

   วันนี้กลุ่มเพื่อนไม่ได้นัดกันไปไหน รูมเมทผมก็ยังเฮิร์ตๆ เลยพากันกลับหอเร็วหน่อย แถมพรุ่งนี้คณะยังมีกิจกรรมสำคัญอีกอย่างนั่นคือการทำความสะอาดคณะก่อนที่งานสถาปนาครบรอบการก่อตั้งจะจัดขึ้น แพลนการไปเมาร้านเหล้าต่างๆ เลยถูกเทไปโดยปริยาย

   สี่ทุ่ม ไอ้แซนด์เข้านอนเร็วกว่าปกติเพราะไม่ได้ใช้เวลาไปกับการนั่งแชตคุยกับสาวเหมือนที่ผ่านมา ผมที่นอนไม่หลับเลยแอบย่องไปหาไอ้โป้ถึงห้อง คืนนี้รูมเมทมันไม่อยู่เนื่องจากแอบหนีไปร้านเกมทางเลยสะดวก

   “ไอ้ตัวปัญหาหลับแล้วเหรอ” คำถามแรกจากพุ่งจู่โจมฉับพลัน ไอ้โป้นั่งอยู่บนเตียงพร้อมแล็ปท็อป ก่อนมันจะขยับตัวเล็กน้อยให้มีที่ว่างสำหรับผมอย่างรู้งาน

   “อืม”

   ผมนอนลงบนเตียงพร้อมกับถือวิสาสะดึงหมอนของเพื่อนรักมาหนุน มือว่างหน่อยก็หยิบตุ๊กตาของมันมากอดเพื่อให้คลายความประหม่าบางอย่าง

   “ทนๆ เอาหน่อยเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”

   “กูก็ว่างั้นแหละ แต่ก็ไม่ได้รำคาญอะไร เข้าใจมากกว่า” ความรักอ่ะบางทีก็ดี บางทีก็แย่ และบางครั้งคนเราก็ไม่ได้เก่งพอจะเก็บความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ “มึง”

   “ไร” ไอ้โป้ตอบกลับโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองผม เพราะสายตาของมันยังคงสนใจหน้าจอแล็ปท็อปอยู่

   “ถ้าสมมติ อันนี้สมมตินะ”

   “เห็นมึงพูดแบบนี้ทีไรเป็นเรื่องของตัวเองตลอด” จึก! เชี่ยนี่รู้ทันกูตลอด แต่ผมไม่พูดหรอก

   “อันนี้ไม่ใช่เรื่องของกู เป็นเรื่องในหนัง แล้วตัวละครมันตัดสินใจแบบงงๆ อ่ะ”

   “มึงไปดูหนังตอนไหน”

   “นานแล้ว แต่นั่นมันใช่ประเด็นมั้ยวะ”

   “อ่าเคๆ ว่ามา”

   “แบบว่า...ถ้าเกิดมึงรู้สึกชอบใครสักคนขึ้นมา แล้วบังเอิญว่าเขาเองก็เป็นคนที่มีแต่คนล้อมรอบ แถมมึงยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โดดเด่นอะไรขนาดนั้น มึงยังคิดที่จะชอบเขาอยู่มั้ยวะ” ถามออกไปแล้ว เพราะทนความอัดอั้นตันใจไม่ไหว

   “คิด” คนข้างๆ ตอบกลับแทบจะทันที

   “ทั้งที่มึงรู้ว่าตัวเองอาจจะสู้ใครไม่ได้น่ะเหรอ”

   “แล้วเขาชอบกลับหรือเปล่าล่ะ ถ้าเขาชอบยังไงกูก็สู้”

   “มึงมั่นใจได้ยังไงว่าเขาจะรักมึงคนเดียวตลอดไป ไม่งั้นคงไม่มีการบอกเลิกกันหรอก”

   “มึงสนใจด้วยเหรอ”

   “ต้องสนอยู่แล้ว วันหนึ่งเกิดเขาไม่รักมึงขึ้นมา แล้วมึงก็ต้องจมกับความเสียใจมันจะยังโอเคอยู่เหรอวะ”

   “อือ” ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าไอ้โป้มันฟังผมอยู่หรือเปล่า เพราะเจ้าตัวมัวแต่สนใจจอคอมจนอยากถีบตกเตียงให้มันรู้แล้วรู้รอด ทว่าผมก็ไม่คิดจะถามย้ำนอกจากนอนอยู่เงียบๆ “ความจริง....”

   มาละ ความอินดี้...

   “ความจริงอะไร”

   “มึงจะไม่กล้าสักนิดเลยเหรอวะ” อีกฝ่ายถามกลับ

   “กล้าอะไร”

   “ลองเสี่ยง สุขก็ถือว่าดีไป ถ้าทุกข์ก็แค่เรียนรู้”

   “เรียนรู้กับความเจ็บปวดเหมือนไอ้แซนด์อ่ะนะ คิดว่าเวิร์กเหรอ ดูมันเปลี่ยนไปเยอะเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง”

   “นั่นคือการเติบโตต่างหากเว้ย เจ็บปวดเพื่อให้เติบโตไง”

   “ทำไมวันนี้มึงพูดมีสาระจังวะ”

   “กูเป็นคนแบบนี้มานานแล้ว แต่มึงโง่เอง” ไอ้เวรนี่ “กูรู้ว่ามึงกังวลเรื่องอะไรอยู่”

   “กะ...กังวลอะไร เปล่าเลย กูแค่กำลังคิดถึงความเป็นไปได้ทางอื่นของหนัง”

   “งั้นกูก็หาความเป็นไปได้ให้มึงแล้ว”

   จบประโยคนั้นไอ้ปีโป้จัดการยกแล็ปท็อปของมันให้กับผม

   “ถามให้ละ”

   “...!!” หน้าจอที่เห็นตรงหน้าเป็นบทสนทนาระหว่างมันกับใครคนหนึ่ง เขาคือคนที่ทำให้ผมนึกถึงแทบจะตลอดเวลา และบางครั้งก็อดกังวลไม่ได้กับอนาคตที่จะมาถึง พี่อาร์ค...

   ที่ผ่านมาแกไม่ค่อยรับใครเป็นเพื่อนในโซเชียลเท่าไหร่ ทว่าไอ้โป้กับไอ้แซนด์กลับเป็นข้อยกเว้น พวกมันดูดีใจกันฉิบหายหลังจากเหนือเดือนกดรับเพื่อนเมื่อไม่นานมานี้ แต่ใครจะคิดว่าสุดท้ายพวกมันจะได้คุยกับไอดอลเป็นการส่วนตัว

   แถมยังเป็นเรื่องของผมอีกต่างหาก

   คร่าวๆ ก็เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกกังวลเนี่ยแหละ แต่เดี๋ยวนะ มึงจะทรานสเลทคำพูดกูมาเป๊ะๆ แบบนี้ไม่ได้

   “มึงพิมพ์เหี้ยไรเนี่ย”

   “ก็มึงสงสัย กูก็ช่วยตอบคำถามแล้วนี่ไง”

   “แต่กูถามมึง ไม่ได้ใช้ให้ไปถามพี่อาร์ค”

   “อ่านดิ พี่มันตอบคำถามมึงแล้ว” มันรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อเอาตัวรอด ผมเลยชี้หน้าคาดโทษไว้ก่อนชันตัวขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียง

   สายตาจ้องมองหน้าจอที่กำลังเคลื่อนไหวเหมือนมีคนกำลังพิมพ์ข้อความอย่างจดจ่อ ไม่นานมันก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า



   Anol Paraminphisan
   อาร์ม



   เชี่ย!! รู้ด้วยว่ากูอ่านอยู่ เก่งเกินไปแล้วเหนือเดือน

   แต่ผมก็ไม่คิดตอบอะไรกลับไปนอกจากรออ่านข้อความจากอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียว เขาคงรู้ว่าสมองของผมตอนนี้มันว่างเปล่าเกินกว่าจะหาคำพูดอะไรมาตอบแล้ว



   Anol Paraminphisan
   กังวลเหรอ ก็ไม่ผิดที่จะกังวล
   แล้วถ้ากูถามกลับ ไม่ต้องตอบก็ได้นะ แค่อยากถาม
   ถ้าสมมติมึงรู้ว่าอนาคตจะต้องเสียใจเพราะเราไปกันไม่รอด
   มึงยังเลือกที่จะคบกับกูอยู่มั้ย




   ผมไม่รู้ ไม่รู้คำตอบ ไม่รู้ใจตัวเอง

   รู้แค่ว่ากูแคร์พี่มาก แต่ก็อดกลัวไม่ได้หากวันนึงต้องเสียเขาไปจริงๆ ผมยังจะเป็นคนเดิมที่มีความสุขได้อีกมั้ยวะ



   Anol Paraminphisan
   ถ้ามึงตอบไม่
   ในอนาคตของมึงก็จะไม่มีกูอยู่ในความทรงจำตั้งแต่แรก
   มึงเองก็ไม่ได้อยู่ในความทรงจำของกูเหมือนกัน
   ไม่เสียใจเหรอที่เรื่องกลายเป็นแบบนี้




   เสียใจสิ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ กวนตีนหรือแสนดี ผมก็อยากมีเขาอยู่ในนั้น

   แล้วถ้าหากรู้ล่วงหน้าว่าต้องเจ็บปวด ผมก็คง...

   คำตอบที่ค้างคายังไม่ทันผุดออกมาจากความคิด ข้อความใหม่ก็เด้งขึ้น และประโยคนั้น ในวินาทีนั้นของพี่อาร์คมันทำให้ผมอยากร้องไห้ออกมา

   

   Anol Paraminphisan
   กูเสียใจนะที่ไม่มีมึงอยู่ในนั้น อย่าลืมสิ...
   คุณค่าอย่างหนึ่งของการเป็นมนุษย์ คือการมีความทรงจำ










   ผมโยนความหวาดกลัวในใจไปกับอากาศ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ได้คุยกับลุงรหัส ความคิดในหัวของผมก็เปลี่ยนไป เริ่มอยากเผชิญหน้า กล้าเสี่ยง กล้ายอมรับกับอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น แม้จะไม่ทั้งหมดแต่ทุกอย่างก็ยังคงค่อยเป็นค่อยไป

   อาการของไอ้แซนด์วันนี้ดีขึ้นกว่าเมื่อวานนิดหน่อย มันเลิกฟูมฟายแล้ว แถมยังตื่นเร็วรีบอาบน้ำแปรงฟัน หยิบเอาเสื้อช็อปที่ชอบบอกนักบอกหนาว่าใส่แล้วหล่อขึ้นมาสวม มันยืนอยู่หน้ากระจกค่อนข้างนานก่อนจะหมุนตัวหยิบกระเป๋าแล้วชวนกันลงไปกินข้าว

   ช่วงเย็นของวันนี้มีกิจกรรมของคณะ อย่างที่บอกไปว่าอีกสองวันข้างหน้าจะมีพิธีวันครบรอบการสถาปนาคณะ เด็กวิศวะปีหนึ่งเลยถูกเกณฑ์ให้มาทำความสะอาด

   คณะแม่งก็โคตรกว้าง ตึกก็เยอะ ลานกิจกรรมยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนพลุกพล่านจนทุกบริเวณเต็มไปด้วยเศษขยะ ปีหนึ่งต้องทำทุกอย่างนั่นแหละครับ เริ่มจากแบ่งฝ่ายทำความสะอาด กวาดพื้น เก็บขยะ ล้างสระ ขัดลานเกียร์ แม้แต่ป้ายคณะรูปฟันเฟืองเราก็ต้องทำการขัดให้ใหม่เอี่ยมเพื่อต้อนรับวันสำคัญ

   ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผมได้รับหน้าที่ให้มาทำความสะอาดป้ายคณะกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ไอ้โป้ที่เห็นถึกทนรุ่นพี่เลยใช้ให้มันไปล้างสระล่าตัวเหี้ย ส่วนไอ้แซนด์ต้องไต่นั่งร้านปัดหยากไย่ที่ช็อป IE เรียกได้ว่าแต่ละคนทำงานมือเป็นระวิง

   “ปีสองไปประชุมที่หน้าห้องสโม! เร็วเข้า!” เสียงเรียกจากพี่ปีสูงเร่งให้ปีสองวิ่งกรูกันไปติดๆ

   “ปีหนึ่งอย่าอู้งานนะ”

   “คร้าบบบบบบ/ค่าาาาา”

   “ปีสามเฝ้าน้องด้วย อันไหนไม่เรียบร้อยก็ช่วยดูแลหน่อย เฮ้ยปีสองจะไปไหนเดี๋ยวเถอะ” เฮดหลักของงานตะโกนจนคอแหบแห้ง พี่ญี่ปุ่นแกก็วิ่งมาบ่นกับผมไปเมื่อกี้เหมือนกันเพราะปีสองต้องจัดผ้า ทำพาน เตรียมอาหารสำหรับถวายพระเยอะแยะไปหมด กูเลยไม่กล้าบ่นที่ต้องมาใช้แรงงานอยู่ตอนนี้

   “ไอ้อาร์ม เสื้อมึงเปียกหมดแล้ว ถอดออกก่อนมั้ย”

   ผมละสายตาจากรุ่นพี่มายังตัวเองอีกครั้ง เออว่ะ แค่เสนอหน้ามาล้างป้ายคณะไม่ถึงห้านที เสื้อช็อปของผมก็เปียกโชกไปแล้วครึ่งหนึ่ง เลยไม่รอช้ารีบถอดออกไปแขวนไว้กับต้นไม้พร้อมกับเสื้ออีกหลายตัวของเพื่อน

   ดีที่วันนี้สวมเสื้อยืดสีดำมา เวลาเปื้อนเลยไม่ค่อยน่าเกลียดเท่าไหร่

   และแล้วช่วงเวลาของทาสในเรือนวิศวกรรมศาสตร์ก็เริ่มต้น ขัดไปสิป้ายน่ะ ทั้งผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาดอะไรก็เอาแทบไม่อยู่ โดยเฉพาะไอ้ตัวฟันเฟืองที่เต็มไปด้วยสนิมตรงหน้า กว่าจะขัดเสร็จก็ใช้เวลาประมาณชาติเศษ นาฬิกาหมุนไปที่ทุ่มนึงพอดี

   “เดี๋ยวไปเอาข้าวที่สโมแล้วไปช่วยเพื่อนล้างสระมั้ย”

   “เอาดิ” พักได้ไม่นานเราก็มีโปรเจ็กต์ใหม่ ผมเดินตามเพื่อนรักต้อยๆ ไปช่วยไอ้โป้กับเดอะแก๊งทำความสะอาดจนเปียกม่อลอกม่อแลกไปทั้งตัว งานเสร็จลุล่วงเรามีประชุมใหญ่ของรุ่นเล็กน้อยก่อนแยกย้าย ผมกลับมาที่ต้นไม้ต้นเดิมซึ่งเคยแขวนเสื้อช็อปเอาไว้ นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้มันจะไม่มีอยู่แล้ว

   “เดี๋ยวพวกมึง มีใครเห็นเสื้อกูป่ะ” ผมถามอย่างกังวล

   คือเพื่อนได้เสื้อของตัวเองหมดไง นั่นหมายความว่าต้องมีใครคนใดคนหนึ่งหยิบของผมไปด้วย คิดว่าคงเก็บไว้ให้นั่นแหละแค่ไม่รู้ว่าเป็นใครเท่านั้น

   “ไม่เห็นนะ”

   “กูแขวนไว้ตรงนี้”

   “ตอนนั้นเห็นอยู่ แต่ตอนนี้ไม่รู้เลยว่ะ”

   “อ้าว”

   “ลองถามที่สโมไม่ก็พี่ปีสองดู บางทีเขาอาจจะเก็บไป”

   “โอเค ขอบใจพวกมึงมาก”

   ผมไม่รอช้าตรงไปที่สโมสรคณะพร้อมกับยิงคำถามเดิม ทว่าคำตอบที่ได้กลับมีแค่คำว่า ‘ไม่’ เพียงอย่างเดียว

   จากตอนแรกคิดว่าน่าจะมีคนเก็บไว้ให้ ตอนนี้จิตใจเริ่มกระวนกระวายหนักกว่าเก่า เสื้อของพี่อาร์คด้วยไง ถ้าเกิดหายไปกูจะทำยังไงวะ

   “เฮ้ยอาร์มกลับหอกัน” ไอ้แซนด์กับไอ้โป้ รวมถึงเพื่อนหอชายเดินมาสมทบหลังจากทำงานส่วนของตัวเองเสร็จ

   “พวกมึงกลับก่อนเลย พอดีเสื้อช็อปกูหาย”

   “ฮะ?”

   “กูแขวนไว้ตรงต้นไม้อ่ะ กลับมาอีกทีมันก็ไม่อยู่แล้ว ถามใครเขาก็ไม่เห็น”

   “งั้นเดี๋ยวช่วยหา”

   “ไม่เป็นไร พวกมึงกลับก่อนเลย เดี๋ยวเจอกันที่หอ”

   “เอางั้นเหรอ”

   “เหอะน่า แค่นี้เอง”

   “ถ้าไม่เจอยังไงมึงโทรมาบอกก่อน เดี๋ยวช่วยประกาศหาในกรุ๊ปวิดวะให้”

   “โอเค” เพื่อนมันเหนื่อยกับงานมาตลอด ไม่อยากให้ต้องมาเครียดกับอะไรจุกจิกแบบนี้ ส่วนกูเหรอ หาไปดิ อย่าให้รู้นะว่าใครเอาไปกูจะแช่งให้มึงติดเอฟทุกวิชาเลยคอยดู

   ผมเริ่มต้นหาอีกครั้ง ถามทุกคนที่เดินผ่าน จนกระทั่งก้าวเท้ามาเยือนในถิ่นของปีสามที่กำลังแยกย้ายกันกลับหลังจากช่วยปีสองเคลียร์งานจนเสร็จ

   “ไอ้น้องอาร์ม”

   พรึ่บ!!

   ทุกสายตาหันมามองผมเป็นตาเดียว

   “น้องอาร์มคิตตี้”

   “คนนี้เหรอ”

   อะไรของพวกพี่มันวะ

   เสียงเซ็งแซ่ดังทั่วทั้งบริเวณ ผมยืนเกาหัวแบบงงๆ ก่อนจะโดนใครคนหนึ่งลากไปยังโต๊ะด้านข้างลานกิจกรรม

   “มีอะไรครับ” พวกเพื่อนของลุงรหัสน่ะครับ จะแปลกออกไปก็ตรงที่ไม่มีพี่อาร์คอยู่ด้วยแค่นั้นเอง

   “มาทำอะไรที่นี่วะ”

   “ผมมาหาเสื้อช็อป มันหายไปตอนที่กำลังทำความสะอาด”

   “ดูแลไม่ดีไง” พี่ปอนด์เฉ่งผมคนแรก คือไม่ต้องพูดขนาดนี้ก็ได้ รู้สึกผิดเลยเนี่ย

   “ผมไม่คิดว่าจะมีคนเอาไป อีกอย่างมันก็ไม่ได้ใหม่ขนาดนั้น” เสื้อมรดกตกทอดจากเหนือเดือน สีก็เริ่มซีดบ้างแล้ว ถ้ามีคนคิดจะขโมยก็คงโง่สุดๆ ไปเลยครับ

   ในบรรดาเสื้อช็อปใหม่ๆ ของเด็กปีหนึ่ง มึงเอาไอ้เน่าของกูไปเนี่ยนะ โง่บรม

   “แล้วพวกพี่เห็นบ้างมั้ย” ผมถามอีก

   “เสื้อก็เหมือนๆ กันหมด จะเอาอะไรมาเห็นวะ”

   “ง่ะ” แต่ผมจำได้ไง

   “ไม่เห็นต้องนอยด์เลย ซื้อใหม่ดิ” พี่คอปป์เสนอไอเดีย ซึ่งมันเป็นการแก้ปัญหาที่โคตรปลายเหตุเลย อย่างที่บอก ผมจะซื้อใหม่ได้ก็ต่อเมื่อเสื้อตัวที่หายไปไม่ใช่ของพี่อาร์ค กูดูแลมาอย่างดี แล้วก็รักเสื้อตัวนั้นไปแล้วด้วย

   “ผมไม่อยากซื้อใหม่”

   “ให้ทำไงอ่ะ หาไม่เจอแล้วหนิ” เบะปากจะร้องไห้แล้วววววว

   “ผะ...ผมไม่มีเงิน”

   “เสื้อตัวนึงไม่กี่ร้อย”

   “นั่นแหละไม่มีเงิน” มันก็แค่ข้ออ้าง

   “กูซื้อให้มั้ย เดี๋ยวสั่งสโมตอนนี้เลย”

   “ไม่เอา”

   “นั่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา สรุปจะเอายังไงครับไอ้น้องอาร์ม”

   “เอาเสื้อตัวเดิม”

   “มางอแงกับพวกกูคงได้อะไรหรอก เอางี้ กูให้เสื้อมึงไปใส่ก่อน หาเจอเมื่อไหร่ค่อยเอามาคืนก็ได้” พี่คอปป์พูดแค่นั้นก่อนจะจัดการถอดเสื้อสีกรมท่าจากตัวแล้วยัดมือผม ในใจกูโคตรอยากปฏิเสธเลยแต่สถานการณ์คับขันตอนนี้ทำให้ผมพูดไม่ได้

   “คือ...”

   “เอาไปใส่เลย”

   พอก้มมองดูเสื้อที่อยู่ในมือก็ถึงกับละเหี่ยใจ เอาไงดีเนี่ย แต่เดี๋ยว...

   ผมพลิกดูเสื้อไปมา ทั้งรอยตำหนิและกลิ่นบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าเสื้อตัวนี้ไม่ใช่ของพี่คอปป์ แต่เป็นของคนที่รู้ว่าใครต่างหาก รู้จักไอ้อาร์มน้อยไปซะแล้ว เสื้อตัวใหม่ที่เขาซื้อผมจำรายละเอียดได้เป็นอย่างดี

   “นี่ไม่ใช่เสื้อของพี่หนิ” ว่าแล้วก็ชูเสื้อให้ดูด้วย คนฟังเลยรีบเถียงกลับมาทันที

   “ของกู”

   “ของพี่อาร์ค”

   “ของกู”

   “ไม่ใช่”

   “ไอ้น้องอาร์ม มึงประสาทแดกแล้ว”
   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

   “ผมจำกลิ่นได้ จำรอยตรงนี้ได้ด้วย มันเป็นของพี่อาร์ค”

   “เขร้ นี่มึงเป็นกุมารทองหรือเปล่าเนี่ย ความจำดีสัด”

   “...”

   “เออเสื้อของไอ้อาร์ค กูแค่กะแกล้งมึงเล่นๆ แต่น่าแปลกนะที่มึงเสือกรู้มากถึงขนาดนี้” เหี้ยละ งานเข้า บางทีถ้าไม่พูดออกไปมันคงดีกว่านี้นะไอ้อาร์ม โง่ซ้ำซากจริงๆ

   “กะ...ก็เห็นบ่อยอ่ะ ทำไมจะจำไม่ได้”

   “งั้นก็ดี เอาไปใช้ก่อน”

   “ผมเอาไปแล้วพี่อาร์คจะใส่อะไรอ่ะ”

   “แคร์มันเหรอ”

   “เปล่า” ผมมองซ้ายมองขวาและเริ่มเบี่ยงประเด็น “ว่าแต่ลุงรหัสผมไปไหนอ่ะ”

   “กลับแล้ว”

   “อ้าว กลับแต่ก็ไม่ยอมเอาเสื้อไป”

   “มันลืมไว้ ถ้ามึงไม่ใส่ก็เอาไปคืนมันด้วยละกัน”

   “คงต้องเป็นอย่างนั้น”

   ผละจากรุ่นพี่ปีสามผมก็โทรหาเหนือเดือนทันที เขาบอกให้แวะเอาเสื้อมาคืนที่ห้อง ผมเลยไม่รอช้าตรงไปหาอีกฝ่ายทันที ลืมสิ้นแล้วเรื่องเสื้อที่หายไป

   ก๊อกๆๆ

   กว่าจะพาสังขารมายืนอยู่หน้าห้องก็ใช้เวลาอยู่นาน ผมเคาะประตูเรียกคนด้านในได้ครู่หนึ่งเจ้าตัวก็เดินมาเปิด พี่มันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะรั้งข้อมือให้ตามเข้าไปภายใน

   “ทำไมตัวเปียก” เสียงงี้เขียวเชียว นี่ลุงรหัสหรือพ่อครับถามจริง

   “ขัดป้ายคณะก็ต้องเปียกดิ” เห็นหน้าคนฟังตอนนี้แล้วท่าจะไม่ดี ชิงเปลี่ยนเรื่องดีกว่า “นี่เสื้อช็อปพี่ ลืมไว้ที่คณะได้ไงอ่ะ มันสำคัญมากนะ”

   “ขอบใจ” เขารับมันไป แล้วพาดไว้กับเก้าอี้ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ

   “แล้ว...”

   “ถอดเสื้อออก” ตายโหง!

   “พี่พูดอะไรวะ”

   “เปียกไปทั้งตัวแล้ว อยากเป็นหวัดหรือไง”

   “กูแข็งแรงมาก”

   “ทำตัวรุงรังจนกูอยากเอาก้านมะยมมาตีข้อพับขามึงจริงๆ” โฮร่ลลลลล ใจร้ายกว่าแม่กูมาก “ยังจะมาเบะปากใส่อีก ไปอาบน้ำได้แล้ว”

   “ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาอ่ะ”

   “เสื้อผ้ากูเยอะแยะ เร็วๆ”

   “คร้าบบบบบบ” ด้วยไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเถียงตอบ ผมจึงตรงดิ่งไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบเอาผ้าขนหนูและเสื้อยืดกับกางเกงง่ายๆ ขึ้นมาแล้วเดินตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ

   สายน้ำจากฝักบัวทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นมา ผมชอบตัวเองตอนอยู่ใต้ฝักบัว จมจ่อมกับความคิดเรื่อยเปื่อยของตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายจะถูกดับจินตนาการเพราะเสียงเคาะประตูของคนด้านนอก

   “อาร์ม”

   “ครับ”

   “เปิดประตู”

   “วะ...ว่าไงนะครับ พี่ถ้าปวดขี้ก็รอก่อน กูอาบน้ำอยู่”

   “เปิด-ประ-ตู” คราวนี้เน้นชัดจนไม่กล้าขัดใจอ่ะ

   “พี่มีอะไรสำคัญหรือเปล่า”

   “เปิดประตู”

   “โอเคๆ” โคตรเอาแต่ใจเลย แล้วดูดิ ฟองครีมอาบน้ำเต็มตัวขนาดนี้ยังมีหน้ามาเรียกกูอีก

   ผมเลื่อนบานกระจก ย่องไปตามพื้นกระเบื้องอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็ค่อยๆ เปิดประตูอย่างแง้มๆ เพื่อให้หน้าตัวเองลอดกรอบกระตูออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

   “มีอะไรครับ”

   “ทิ้งเสื้อไว้ที่คณะเหรอ เพื่อกูเจอเลยเอามาคืนให้เมื่อกี้” พี่อาร์คชูเสื้อช็อปของผมขึ้นมา และมันทำให้ผมทั้งดีใจและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน

   “เจอแล้วเหรอ ขอบคุณมากนะครับเดี๋ยวกูออกไปคุยด้วยนะ”

   “อาร์ม”

   “ฮือออออ กูไม่ดีเองที่รักษามันไว้ไม่ได้”

   ต่อให้แก้ตัวแค่ไหนก็เหมือนจะไม่ทันแล้วครับ เพราะพี่อาร์คเล่นใช้มือผลักบานประตูและย่างเท้าเข้ามาอย่างคุกคาม ผมถึงกับตกใจรีบวิ่งปิดจู๋กลับเข้าไปยังส่วนของฝักบัว พร้อมกับใช้แรงมืออีกข้างเลื่อนกระจกปิดแต่พี่อาร์คไวกว่านั้นตรงที่เขาก้าวเข้ามาได้ทัน แถมยังดันหลังผมจนติดกับกำแพง

   “พี่อย่าโกรธกูเลยนะ มะ...มีอะไรก็ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากัน”

   มือหนาวางเสื้อช็อปไว้ตรงชั้นวางครีมอาบน้ำ ส่วนมืออีกข้างคว้าไหล่ของผมเอาไว้ เขาไม่ได้บีบแน่นหรือทำให้เจ็บเลยแต่เป็นผมเองที่แข้งขาอ่อนแรงจนทรุดฮวบลงไปกองอยู่กับพื้น

   “กูไม่ได้ใจดีนะ” ร่างสูงย่อเขาลงมาบอกกับผมด้วยสายตาสงบนิ่ง

   “พี่อาร์ค ตรงนี้มัน...มันเปียกนะ เดี๋ยวตัวพี่ก็เปียกหรอก ระ...รีบออกไปเร็ว”

   “คิดว่ากูกลัวเปียกขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “ฮืออออพี่อย่าทำกูเลยนะ” สภาพตอนนี้น่าอนาถมากครับ นั่งกองกับพื้น เนื้อตัวเต็มไปด้วยฟองจากครีมอาบน้ำ มือก็กำลังปกปิดส่วนกลางกายเต็มความสามารถ นี่มันวันของคนซวยจริงเชียว

   “ขอร้องกูสิ กูจะได้เอ็นดู”

   “กูจะไม่กวนตีนพี่แล้ว” ผมทำเสียงอ่อนลง แต่พอเห็นคนตรงหน้าหรี่ตามองเหมือนไม่อยากเชื่อ ผมก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายเข้าไปใหญ่ “พี่อาร์ค...”

   “พูดแบบนี้คิดว่าตัวเองทำได้หรือไง”

   “กะ...กูเป็นเด็กดีของพี่นะ”

   “แล้วเด็กดีต้องทำยังไง”

   “ทำหน้าโง่ๆ ใส่พี่”

   “ไอ้เด็กเห็บหมา”

   “โหหหห ด่ากันอย่างนี้ได้ไงอ่ะคนเรา”

   “กวนตีนเก่ง งอแงเก่ง รุงรังเก่ง แต่โคตรน่ารัก น่ารักมากจริงๆ”

   ปุ้ง! พี่อาร์คเหมือนมีไฟแช็คอยู่ในมือตลอดเวลา บางครั้งที่เขาพูดมันอาจไม่ได้จริงจังมาก แต่กับคนฟัง มันเหมือนเขาได้จุดพลุในหัวของผมอย่างต่อเนื่องจนคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง

   “ไว้ใจกูมั้ย” คนตัวสูงถาม ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไงเลยเลือกส่ายหน้าแทนคำตอบ “กลัวเหรอ”

   “อือ...”

   “ไม่ได้จะทำอะไร ไหนขอมือหน่อย”

   “พี่ว่ากูเป็นหมาเหรอ” พูดไปก็เหมือนจะร้องไห้แล้วไอ้เหี้ย

   “อยากเป็นอะไรก็ให้เป็นหมดนั่นแหละ ไหนบอกว่าเป็นเด็กดีไง” พี่อาร์คยื่นมามาตรงหน้า ปล่อยให้ผมได้ชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะยอมวางมือลงไป ทว่าพี่มันกลับตอบว่า...

   “ไม่ใช่ อีกข้างนึง”

   โฮ~~~~~ ข้างนี้ปิดหรรมอยู่ ไม่ว่างเว้ย

   “ไม่เอา”

   “อาร์ม”

   “พี่กูอาย มันไม่ดีหรอก”

   “อาร์ม ขอมือหน่อยเด็กดี”

   “กูเป็นเด็กไม่ดีแล้ว”

   “ไม่กลัวกูแล้วหรือไง ก็ได้นะ กูเป็นคนใจเย็นรอมึงได้ทั้งคืนเลย”

   ช่วยเหลือทางเลือกให้กูบ้างได้ม้ายยยยยยยยย โคตรเอาแต่ใจเลย แล้วนั่งคุกเข่ากดดันกันขนาดนี้มีเหรอที่ผมจะคัดค้านได้นอกจากทำใจกล้าละมือจากร่างกายของตัวเอง แล้วตัดสินใจวางบนมือใหญ่ของเขาอย่างว่าง่าย

   “พะ...พี่อย่าใจร้ายกับกูนะ”

   “ไม่ต้องกลัว กูไม่ใจร้ายกับมึงหรอก” จบประโยคนั้นใบหน้าหล่อเหล่าก็โน้มเข้ามาประชิด ก่อนเลื่อนริมฝีปากประกบจูบผมโดยไม่ปล่อยให้ทันตั้งตัว

   เราเคยจูบกันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ต่อให้อีกกี่ครั้งผมก็ไม่เคยชินสักที ความอบอุ่นของพี่ ความเอาแต่ใจ อะไรบางอย่างที่บ่งบอกความเป็นเขา ผมไม่เคยชินทว่า...ก็ยังรู้สึกดี

   ผมยอมเผยอริมฝีปากอย่างง่ายดายเมื่อถูกปลายลิ้นดุนดัน ขณะที่มือข้างที่ถูกจับก็ค่อยๆ ผสานกับอีกฝ่ายจนแนบชิด และใช้จังหวะนั้นเลื่อนมืออีกข้างไว้ตรงบั้นเอว สัมผัสนั้นทั้งแผ่วเบาและชวนจั๊กจี้จนร่างกายสั่นสะท้านด้วยความตื่นเกร็ง

   ลิ้นร้อนในโพรงปากเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติจนผมแทบสำลักความอ่อนโยนที่ได้รับ ร่างกายของเราขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น ใช้เวลาไปกับการแลกเปลี่ยนอากาศครู่หนึ่งก่อนอีกฝ่ายจะผละออก เปิดโอกาสให้ผมได้หอบหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่

   แต่มันก็ไม่นานขนาดนั้น เพราะวินาทีต่อมาอีกฝ่ายก็ใช้ลิ้นกวาดมาที่ริมฝีปากของผม พร้อมดูดดึงเบาๆ จากนั้นจึงหาจังหวะแทรกเข้าไปภายในดังเดิม ปลายลิ้นของเราแตะต้องกันราวกับกำลังแลกเปลี่ยนทุกอย่าง พี่เป็นของผม ผมเป็นของพี่ เราเป็นของกันและกัน...

   พี่เป็นผู้นำ ส่วนผมเป็นผู้ตาม เขาบรรจงจูบผมและแลกเปลี่ยนความหวานในโพรงปาก กระทั่งตัวตนของผมเริ่มรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่กลางอากาศเขาถึงยอมปล่อย แล้วดึงผมให้ตกลงมายังพื้นโลกอีกครั้ง จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นพรมจูบตรงหน้าผาก ปลายจมูก ทุกส่วนของใบหน้า ก่อนวกกลับมาที่ริมฝีปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

   ไม่ใครก็ใครที่จะต้องตาย

   “ฮึก...พะ...พี่” ร่างกายกระตุกเกร็งทันทีเมื่อรู้สึกถึงแรงสัมผัส ฝ่ามือที่เคยอยู่ตรงบั้นเอวตอนนี้เลื่อนลงมาอยู่ตรงส่วนกลางกายของผม และตอนนี้เขาก็กำลังครอบครองมันด้วยฝ่ามือหนา

   พี่จับจู๋กู พี่จับจู๋กู ฮืออออออออ

   “อาร์ม”

   “มันไม่ดีหรอก”

   “ที่ผ่านมาอึดอัดมั้ย”

   “...”

   “อาร์ม” คราวนี้ผมพยักหน้า เราอยู่ที่หอใน เรื่องอย่างว่าเลยไม่เคยอยู่ในหัวของผม จนบางครั้งมันก็อัดอั้นจนรู้สึกหงุดหงิดตามไปด้วย

   “ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว...” เสียงทุ้มนั้นดังแผ่วเบาในอากาศ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของครีมอาบน้ำ ผมทิ้งตัวระทดระทวย สายตาปรือมองคนตรงข้างด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้

   “อึก...ฮือ...พี่อย่าขยับ”

   “ใจเย็น”

   “พี่กูรู้สึกแปลกๆ มันไม่ชิน ไม่เหมือนเดิม มัน...” สัมผัสของเขาแตกต่างจากประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง กับเรื่องพวกนี้ผมโคตรโง่ฉิบหายเลย

   “หายใจเข้าลึกๆ”

   “เดี๋ยวกูทำเอง ทำได้นะ พี่...ออกไปรอข้างนอกก็ได้”

   “รำคาญเด็กงอแงว่ะ” ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้โต้เถียง พี่อาร์คก็จู่โจมจูบปิดปากอีกครั้ง และคราวนี้มันยาวนานกว่าก่อนหน้าจนไม่เหลือแรงไว้ทะเลาะอีก

   ฝ่ามือที่สัมผัสช่วงล่างค่อยๆ เค้นคลึงหนักสลับเบา สร้างความรู้สึกวาบหวามในคราแรก ก่อนจะรู้สึกถึงความอ่อนโยนหลังจากพี่เริ่มขยับมันอย่างเชื่องช้า

   นิ้วเท้าทั้งสิบของผมจิกลงบนพื้นกระเบื้อง การเล้าโลมทำให้ช่องท้องรู้สึกปั่นป่วนจนต้องบิดกายไปมา ราวกับกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านทุกส่วนของร่างกาย มันสั่นสะท้านและกระตุกเป็นระยะจากฝ่ามือของเขา

   พี่อาร์คผละจากจูบ บีบมือข้างที่ผสานกันเอาไว้ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ส่วนมืออีกข้างก็ยังคงเคลื่อนไหวขึ้นและลงอย่างใจเย็น

   “อื้อ...” ผมกลั้นเสียงอย่างสุดความสามารถ ทว่ากลับโดนดุด้วยน้ำเสียงและการกระทำที่รุนแรงกว่าเดิม

   “ร้องออกมาอาร์ม”

   “อา~~”

   เสียงหอบหายใจดังก้องไปทั่วห้องน้ำ ผมปิดเปลือกตาลง ปล่อยน้ำตารินไหลลงอย่างกลั้นไม่อยู่ พี่อาร์คเลยพรมจูบไปบนเปลือกตาก่อนออกคำสั่งเสียงเรียบ

   “ลืมตาขึ้นมาเด็กดี” หัวของผมเหมือนมีไอความร้อนอัดแน่นเต็มไปหมด กว่าจะรับฟัง กว่าจะทำตามคำสั่งเล่นเอาเสียเวลาไปเยอะเลย “มองเห็นใคร”

   “เห็นพี่”

   “กูเป็นยังไง”

   “พี่...ยิ้ม”

   “ใช่ แต่มึงร้องไห้ได้ไง” ผมรีบส่ายหัวทันที

   “กะ...กูรู้สึกอึดอัด แล้วก็...แล้วก็ รู้สึกดี”

   “กูก็รู้สึกดีเหมือนกัน เพราะงั้นเด็กดีต้องเชื่อฟังนะ”

   “ครับ”

   “พิงหลังมาที่กูได้มั้ย”

   “อื้อ” ถึงจะตอบแบบนั้นแต่ผมก็ไม่มีแรงเหลือแล้ว พี่อาร์คเลยเป็นฝ่ายรั้งตัวผมให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยตัวเอง ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านนั้นส่งผลให้จิตใจหวาดหวั่นสงบลง และพร้อมยอมรับกับทุกอย่างที่พี่มอบให้

   มือหนากำรอบแกนกายที่ตื่นตัวไม่เต็มที่เอาไว้ แล้วเริ่มต้นขยับอีกครั้ง คราวนี้มันทั้งเสียดและอึดอัด ความเร็วที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นขาของผมสั่นระริก ส่วนกลางลำตัวตั้งตรง เสียงหยาบโลนของฝ่ามือกับช่วงล่างดังสะท้านในหูโดยมีความเฉอะแฉะของน้ำและฟองสบู่เป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนอย่างดี

   “พี่อาร์คไม่ไหว...ไม่...” ผมพูดแทบไม่ได้ศัพท์ หลังจังหวะการขยับนั้นเร็วและแรงขึ้นจนเผลอส่งเสียงครางน่าอายออกมาจนได้

   เขากอดผมเอาไว้ ปลุกเร้าความรู้สึกทุกปลายประสาทของร่างกาย ส่วนแข็งขึงชุ่มไปด้วยของเหลว ความรู้สึกแปลกประหลาดมาเยือนอีกครั้ง แสงสีขาวตรงหน้าคล้ายกับถูกจุดให้สว่างวาบ

   “จะถึงแล้ว พี่ไม่ไหวแล้ว อื้ออออออ”

   พลุนับร้อยถูกจุดขึ้นอีกครั้ง ก่อนกระจายตัวไปในอากาศ ภาพที่แสนพร่าเบลอในคราแรกคล้ายจะดับมืด ร่างกายกระตุกเกร็งนับครั้งไม่ถ้วน ลมหายใจถี่กระชั้นจนต้องกอบโกยเอาอากาศเข้าไปราวกับไม่เคยได้รู้จักมัน

   ผมรู้สึกถึงแรงขยับเล็กน้อย ก่อนริมฝีปากได้รูปจะจูบลงบนขมับพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่จดจำได้ขึ้นใจ

   “เป็นเด็กเลอะเทอะเหรอมึง”

   ผมก้มลงมองช่วงล่างและมือของเขา มันเปรอะไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่นจนน่าอาย

   “ฮือออ ขะ...ขอโทษครับ”

   “ต้องช่วยอาบน้ำอีกแล้ว น่ารำคาญว่ะ”

   บางครั้งผมก็รำคาญพี่เหมือนกัน คนที่ทำให้ผมหมดเรี่ยวแรงจนไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย รำคาญจริงๆ











   ผมมองหน้าพี่อาร์คไม่ติด เอาจริงใครจะกล้ามองวะ เล่นทำเรื่องไม่เข้าท่ากันในห้องน้ำขนาดนั้น

   แต่เพราะความเอาแต่ใจของพี่มันทำให้ผมต้องนอนอยู่ที่ห้องจนถึงเช้า คนตัวสูงไม่ได้ทำอะไรผมอีกนอกจากปล่อยให้นอนเงียบๆ แต่เกลียดมาก เวลาที่เราได้สบตากันทีไรหน้าของผมก็เป็นอันร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ

   วันนี้หลังเจ้าตัวมาส่งที่หอในเสร็จ ผมเลยกะเลี่ยงๆ หาเรื่องหลบหน้าไปก่อน ไม่ไหว มันไม่ดีต่อหัวใจเท่าไหร่

   “ไปนอนห้องไอดอลกูเป็นไงบ้าง” ไอ้แซนด์ทักทายในตอนเช้า ทว่าสิ่งที่ดูแปลกไปคือสีหน้าที่ดูสดใสแบบผิดปกติของมัน แม่งต่างกับเมื่อวานราวฟ้ากับเหวเลยว่ะ

   “ก็ดี...” ผมเลือกตอบแบบไม่เจาะจง “ว่าแต่มึงเถอะ หายเฮิร์ตแล้วเหรอ”

   “อือ”

   “ทำใจได้เร็วจังวะ”

   “เปล่า ก็...เมื่อคืนพี่เขาโทรมาอ่ะ”

   “ว่าไงนะ”

   “แบบว่า” มันพูดพลางเอานิ้วชี้จิ้มกัน คิดว่าน่ารักหรือไงสาดดดดดด “เขาเห็นว่าจู่ๆ กูก็หายไปก็เลยเป็นห่วง”

   “ไหนบอกว่าเขาเลือกอีกคนแล้ว”

   “คือ...คือ...นั่นไม่ใช่แฟนพี่หวานอ่ะมึง เขาเป็นเพื่อนกันอย่างที่มึงเคยบอกเลย อิอิ”

   อิพ่อง!!

   แล้วที่ต้องทนฟังมันพร่ำเพ้อ นั่งปลอบใจเป็นเรื่องเป็นราวนั่นมันอะไร ให้กูกับไอ้โป้กลายเป็นหมาเหรอ ยิ่งเมื่อเห็นหน้าของไอ้แซนด์ที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตอนนี้ด้วยแล้วยิ่งอย่างถีบ

   “สรุปยังไง ไอ้โป้รู้ยัง” ผมถามเสียงขุ่น

   “กูจะขอพี่เขาเป็นแฟนพรุ่งนี้ ส่วนไอ้โป้เอาหัวโขกกำแพงตายไปแล้วมั้ง มึงไปดูมันหน่อยดิ”

   “มันหงุดหงิดก็เพราะมึง ไปจัดการเองเลย กูจะรีบแต่งตัวไปเรียนแล้ว”

   “รอกูด้วย”

   “งั้นเร็วๆ รำคาญ”

   “ก็คนมันมีความรักอ่ะโน๊ะ คิกค้ากกกก” มึงไปค้ากไกลๆ ตีนกูเลยโว้ย

   หลังจากนั้นความสดใสก็กลับมาที่ชาวประชาวิศวะอีกครั้ง เราเรียนในคาบเช้าอย่างมีความสุข ช่วงพักกลางวันก็สั่งข้าวแกงกินตามปกติ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมแต่กลับรู้สึกว่าอาหารที่กินไปมันอร่อยขึ้น ไอ้แซนด์กลับมาอินเลิฟ ไอ้โป้กำลังมีความสุขกับการล่าตุ๊กตาที่ตู้ใหม่

   ส่วนผม...ก็อย่างที่รู้กันดี

   เขินสาดดดดดดดดดดดดดดดด

   ภาวนาว่าวันนี้ขออย่าบังเอิญเจอพี่อาร์คเลย ปกติชอบหายก็ช่วยหายไปนานๆ ด้วย เพราะผมไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำหน้ายังไงเวลาอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย

   “ไอ้กายบอกอาจารย์ฝากชีทไว้ร้านถ่ายเอกสาร ยังไงเดี๋ยวกูกับไอ้โป้ไปจัดการให้แล้วกัน ส่วนมึงเอารายงานไปส่ง” เพื่อนแซนด์จัดแจงงานต่างๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มีแต่ผมนี่ดิที่ไม่อินกับอารมณ์ในตอนนี้ของมันเท่าไหร่

   “เออ แล้วห้องพักอาจารย์ยงยุทธอยู่ไหนวะ”

   “ตึกแมคคามั้ง ไม่ก็โยธา สักที่นั่นแหละ”

   “ช่วยกูได้มากจริงๆ” ปกติรายงานเราจะส่งกับหัวหน้า แต่กลุ่มเราดันทำงานกันช้าเพราะติดช่วงที่ไอ้แซนด์เฮิร์ตหนักไม่ยอมทำงานทำการ สุดท้ายก็ต้องมาส่งงานเอง ซึ่งผมก็ไม่รู้ไงว่าห้องพักอาจารย์แต่ละคนอยู่ตรงไหน

   “ถามเอาแล้วกัน”

   “เออ”

   ก็ถามจากเพื่อนที่เป็นหัวหน้านี่แหละ ได้คำตอบแล้วก็ย่ำเท้าไปส่งงานให้ทันก่อนเข้าคาบบ่าย 

   “อาร์ม” อ้าว เจอพี่เจตเฉย

   “ครับ”

   “มาทำอะไร”

   “ส่งงานของอาจารย์ยงยุทธครับ”

   “อ๋อ”

   “แล้วพี่มาทำอะไรอ่ะ”

   “มาหาเมียน้อย”

   “โคตรเหี้ย” จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะแบบโคตรสะใจของแกตามมาติดๆ นี่สายเทวดาจริงเหรอวะ เข้าใจว่าแต่ละคนก็ติงต๊องกันหมดยกเว้นกู

   “ขออนุญาตสูดอากาศที่ไร้เมียแป๊บ”

   “ผมจะฟ้องพี่ญี่ปุ่น”

   “ญี่ปุ่นอนุญาตให้มีเมียน้อยได้” บรรลัยมันเข้าไป “ว่าแต่มึงเถอะเมื่อไหร่จะมีแฟน”

   “ถามอะไรอ่ะ พี่ก็รู้ว่าผมไม่มีใคร”

   “ทำหน้าตอแหลขนาดนี้คิดว่ากูจะเชื่อเหรอ ออกจากสายรหัสไปเลย”

   “ผมไม่ไป ถ้าไปผมจะหาแดกฟรีได้ที่ไหน” คนตรงหน้าถึงกับยิ้มกว้าง ก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวผมแรงๆ จนยุ่งเหยิงไปหมด สายนี้ไม่รู้เป็นอะไร ชอบยุ่งกับหัวกูอ่ะ

   “ไอ้อาร์ม กูรู้ว่ามึงกังวลอะไร ชีวิตมันก็แค่นี้ป่ะวะ ใจๆ ไปเลย”

   “พี่รู้เหรอ ทำไมรู้ดีจังอ่ะ ยังไม่เคยบอกเลย”

   “มึงกังวลเรื่องไอ้อาร์ค และที่สำคัญมึงก็กลัวมันมากด้วย”

   “พูดมาได้ โด่ ใครกลัวไม่ทราบครับ เข้าใจผิดแล้ว”

   “สมมติถ้าไอ้อาร์คมามึงทำไง”

   “หลังแหวนไปดิ”

   “ให้มันจริงเถอะ ซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อย กูไปละ”

   “อ้าวไปแล้วเหรอ หวัดดีครับพี่ เลี้ยงสายเมื่อไหร่เจอกัน”

   “ไม่มีตังค์เลี้ยงแล้วโว้ย เทอมหน้าละกัน” เจ้าตัวผลักหัวผมอีกทีก่อนผละไป ทำเอากูต้องมายืนจัดผมตัวเองใหม่อีกรอบ รำคาญว่ะ

   ภารกิจส่งรายงานยังคงดำเนินต่อไป ผมเดินขึ้นไปที่ตึก จำได้ว่าห้องอาจารย์จะอยู่ชั้นสามแต่ไม่รู้ไอ้ห้อง CE3108 มันอยู่ฝั่งไหน เลยกะเดินไปเรื่อยๆ จนบังเอิญได้เจอกับฝูงหมา!!

   เหยดเข้ เผชิญหน้ากับศึกหนักอีกจนได้เพราะรุ่นพี่โยธาปีสามเล่นยืนออกันอยู่เต็มหน้าห้องเลย ที่จำได้เพราะเสียงและหน้าของพี่คอปป์มันโดดเด่นจนเป็นที่จดจำเกินไปไง

   เอาไงดีวะ จะเดินลงบันไดและเดินไปอีกฝั่งก็เจออยู่ดี เนื่องจากเลขห้อง 3108 มันอยู่ถัดออกไปแค่สองห้องเอง

   ท้ายที่สุดก็ต้องทำใจดีสู้เสือ เดินก้มหน้าก้มตาสับเท้าไปอย่างรวดเร็ว ในใจได้แต่หวังว่ารุ่นพี่มันจะไม่ทักผมแล้วทำเมินๆ ไป ซึ่งผิดคาด...นอกจากทักแล้วเสียงโหยหวนของรุ่นพี่ยังดังขึ้นมาแทบจะทั้งเซค

   ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเผลอไปก่อเรื่องอะไรไว้ แต่ผมทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ

   “น้องอาร์มคิวต์บอย”

   “สายรหัสเทวดานี่มันโคตรของโคตรงานดีเลย”

   “เด็กหงส์มาว่ะ บิ๊กแมตช์เมื่อไหร่เจอกันที่ร้านเหล้านะน้อง”

   “น่ารักฉิบหายเลยโว้ย”

   อยากผ่านตรงนี้ไปให้เร็วนะครับ ติดอยู่อย่างเดียวคือพวกพี่มันมายืนขวางทางจนเดินลำบากนี่แหละ

   “อาร์มมาทำอะไร” ใครคนหนึ่งถามขึ้น

   “มาส่งรายงานครับ”

   “เด็กไฟฟ้ามีแต่คนหน้าตาดี”

   “น้องคิตตี้!!”

   “ไอ้อาร์คไปไหนวะ อาร์คโว้ยยยยยยยยย”

   “เดี๋ยวอาร์มหยุดก่อน พอดีมีอะไรจะบอก ไอ้อาร์คอ่ะมันมีความจริงจะสารภ...”

   แล้วเสียงทั้งหมดที่ได้ยินก็เหมือนขาดหาย มันเบาลงมากจนผมตกใจ

   นั่นเป็นเพราะใครคนหนึ่งเดินมาซ้อนหลังผม และกำลังใช้สองมือของตัวเองปิดหูทั้งสองข้างของผมจนสนิท ก่อนจะพยายามดันให้สองเท้าเดินไปข้างหน้าท่ามกลางเสียงโห่แซวไม่ขาดช่วง

   ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกปีสามพูดเรื่องอะไร ทว่าความอบอุ่นที่ได้รับก็ทำให้ผมลืมเรื่องตรงนั้นไปซะสนิท

   “เดี๋ยวก่อนนะ เลยห้องอาจารย์” กว่าจะคิดได้เราก็เดินกันมาไกลมาแล้ว

   “ค่อยส่งก็ได้”

   ไม่ผิด เป็นเสียงพี่อาร์คจริงๆ แต่พอผมจะหมุนตัวให้หลุดออกจากพันธนาการของอีกฝ่ายมันก็ไม่เป็นผล พี่ไม่ยอม

   “ปล่อยกันก่อนดิ” ถึงแม้ตรงนี้จะไม่มีใครผ่านมาเห็นแล้ว แต่ท่าทางของเรามันดูตลกยังไงไม่รู้

   “อยู่แบบนี้แหละ จนกว่าเพื่อนกูมันจะพล่ามจบ” เสียงที่ดังเล็ดลอดเข้าหูยังคงดังต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เดาว่าน่าจะเป็นเสียงหัวเราะมากกว่า ไม่รู้ว่าสนุกอะไรอะไรกัน แต่ถ้าอาจารย์เดินขึ้นตึกมาสาบานได้ว่าต้องโดนด่าแน่ๆ

   “เพื่อนพี่พูดเรื่องอะไร”

   “รู้ไปทำไม” แม้จะได้ยินคำตอบไม่ชัดนักเพราะเจ้าตัวเอาแต่ปิดหูผม แต่กูก็เก่งพอจะเดาบทสนทนาได้

   “หลอกให้อยากแล้วจากไปอ่ะ ยิ่งขี้เสือกอยู่ด้วย”

   “เรื่องมึง พูดเรื่องมึง”

   “เหรอ...” ใจเหลวอีกแล้วว่ะ

   “มันบอกมึงน่ารักดี”

   “เอ่อ...”

   “คืนนี้ไปนอนห้องกูมั้ย”

   “เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ละ” ผมตั้งท่าจะหันไปฉะกับคนด้านหลัง แต่พี่มันก็ไม่ยอม กดให้ผมยังอยู่ในท่าเดิม

   “งั้นขอจูบได้ป่ะ”

   “ไม่ได้ครับ”

   “ขอหอมหัวทีนึง”

   “ไม่ให้” ผมเงยหน้าคนตัวสูงกว่าก่อนจะพูดชัดๆ อีกครั้ง “เสียงเพื่อนพี่เงียบแล้ว พี่ปล่อยกูได้ยัง”

   เขาไม่รอให้ผมเอ่ยย้ำ แต่ยอมปล่อยมืออย่างว่าง่ายจนเราได้เผชิญหน้ากันตรงๆ รู้เลยว่าตอนนี้หน้าของผมคงแดงลามไปจนถึงลำคอแล้วเพราะรับรู้ได้ถึงความร้อนผ่าวอย่างชัดเจน

   “กะ...กูต้องส่งงานครับ”

   “เดี๋ยวเอาไปส่งให้ ของอาจารย์อะไร” พี่อาร์คอาสา ผมเลยไม่ขัด เหตุผลคงหนีไม่พ้นไม่อยากกลับไปเจอเพื่อนพี่มันแซวอีกนั่นแหละ

   “อาจารย์ยงยุทธ”

   “งั้นรอตรงนี้ก่อน ตอนบ่ายมีเรียนใช่มั้ยกูจะไปส่ง”

   “แต่มันไกล ตึกเราห่างกันโน่นนนน”

   “เออรอก่อน”

   “พี่ไม่เรียนเหรอ”

   “อาจารย์ยังไม่มาเปิดห้องเลย” ไม่รอผมพล่ามต่อ พี่อาร์คก็เดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องพักอาจารย์ ครู่หนึ่งเขาก็กลับมาหาผมพร้อมเอ่ยเสียงเรียบ

   “ไปกัน”

   เราใช้ทางเดินเชื่อมตึกชั้นสามกลับไปยังตึกไฟฟ้า ระหว่างทางต่างคนก็ต่างเงียบ ไม่เห็นเหมือนกับที่ผ่านมาเลย ถามว่าเป็นเพราะอะไร คงเป็นความสัมพันธ์แปลกประหลาดที่เหนือกว่าคำว่าพี่กับน้องล่ะมั้ง

   “เมื่อวานรู้สึกแย่มั้ย” เอาอีกละ

   “พี่อย่าถามมมมมมมมมมม”

   “ก็กูจะได้รู้”

   “ไม่แย่ แต่ไม่ต้องพูด”

   “อีกหน่อยมึงจะโดนหนักกว่านี้ กูเป็นคนเยดุนะ”

   “เกลียดพี่ว่ะ” กับเรื่องแบบนี้กูจะไหวเหรอ เมื่อวานก็แทบตายคาส้วม

   “ถ้าไม่ให้ทำก็จะไม่ทำ”

   “พี่ไม่ฟังกูหรอก”

   “ฟัง อนุญาตหรือไม่กูแล้วแต่มึงทั้งหมด” ความรู้สึกตอนนี้ เหมือนอยากยืดระยะทางเดินของตึกให้ยาวขึ้นกว่าเดิมสักสิบเท่า

   “ไม่เสียใจเหรอที่ชอบคนอย่างกูอ่ะ พี่อาจจะเจอคนที่ดีกว่านี้ก็ได้”

   “ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตัวเองน่ารัก”

   “...”

   “ไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าทำให้คนอื่นหัวปักหัวปำขนาดไหน”

   “มั่วแล้ว”

   “อาร์ม กูไม่ได้พิเศษอย่างที่มึงเข้าใจ ไม่ได้เหนือกว่าทุกคน”

   “พี่เหนือกว่า พี่พิเศษกว่า”

   “กูก็แค่เป็นคนธรรมดาที่รักมึงเท่านั้น”

   “...”

   “เพราะถ้ากูพิเศษ ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองก็พิเศษสำหรับกูเหมือนกัน”




อยากให้ได้กันซักที
พี่อาร์คคะ วิ่งค่ะ วิ่ง!!

ออฟไลน์ ►MoNkEy-PrInCe◄

  • อินเตอร์ไลน์
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 728
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
เรียกว่าอาร์คคนกากได้มะ สารภาพรัก ขอเป็นเมีย เอ้ย ขอเป็นแฟนให้จบๆไปดิ้5555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แล้วเมื่อไหร่ อาร์มจะจับคืนบ้างล่ะ  :m10:

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ผัวเรานอกใจแต่ทำไมเราฟินไปกับพวกเค้า ..ผัวขาาาาเมียอยู่นี่นนนนนน

ออฟไลน์ Sevenny

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Sevenny

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Mileson

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
งื้อ ฟินนนน
 :m25:

ออฟไลน์ NEPTUNE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1

ออฟไลน์ นินนินนิน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดด ไรท์คะให้เค้าได้กันซักที อยากรู้พี่อาร์คดุจริงไหมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คำสารภาพของอิพี่อาร์ค
...กูเป็นคนเยดุนะ
....ตายแพร่พ   :jul1: :jul1: :jul1:

ออฟไลน์ mayyiyi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เหนือเดือนคะ ช่วยแสดงความเยดุด้วยค่ะ ใจใจไปเลย! คิกค้ากกก

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เกือบหล่ะ   เกือบฟิเชอริ่งแระ

นี่แค่ขั้นแรกเอง   ยังแค่ภายนอก  ยังไม่ลึกล้ำ 

ต้องรอต่อไป  อิอิ

ออฟไลน์ kredkaew26

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อ้ากกกกกกกกกกกกกกก  ชั้นอยากจะกรี๊ดให้ดังไปสามโลก  อิพี่คะเมื่อไหร่จะ... น้องมันสักทีคะ  ไม่อะไรคนอ่านหื่นอ่ะ 5555   :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เกลียดการบอกว่าตัวเองเยดุ 555 ถามน้องก่อนไหมขอน้องเป็นเมียให้ได้ก่อนน555555

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
คำสารภาพจากพระเอกของเรา "กูเป็นคนเยดุนะ"  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
สบายตัวขึ้นมั้ยอาร์ม..... คิกค้ากกกก :hao6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด