ตอนที่ 13
สนามสอบความอดทน (ของหัวใจ)
มันยากที่จะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
ยากที่จะทำความเข้าใจเพราะไม่คิดไม่ฝันว่าเรื่องราวจะแหวกเหวลงมาลึกขนาดนี้
แต่ถึงจะไม่เข้าใจยังไง ผมก็เพิ่งรู้สึกเอาตอนนี้ว่าตัวเองได้ถูกพี่อาร์คพากลับมาที่ห้องอย่างหน้าตาเฉย ไอ้เพื่อนเลวก็รักกูจังพากันยกใส่พานถวายให้เหนือเดือนผู้เป็นไอดอล
มันควรจะรู้สึกเหมือนทุกครั้งเวลาแวะเวียนมายังห้องของลุงรหัส แต่ผมก็ทำไม่ได้ บังคับตัวเองให้รู้สึกอย่างนั้นไม่ได้ เพราะถูกลูกดอกอาบความรักยิงใส่เข้าอย่างจัง บอกตามตรงว่าสภาพจิตใจแม่ง...สะบักสะบอมแทบไม่เหลือชิ้นดี
“มองหน้าทำไม” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น นั่นทำให้ผมถึงกับสะดุ้งโหยง
“พะ...พี่นั่นแหละมองหน้ากูทำไม”
“มองไม่ได้เหรอ”
“ไม่ให้มอง” ผมกอดผ้าห่มแน่นขึ้น ขณะนั่งทำหน้าโง่อยู่บนเตียง
“ดื้อเก่งนะมึง” พี่อาร์คถอนหายใจพลางบ่นกระปอดกระแปด ทว่าก็ไม่ได้มีท่าทีโมโหอะไรนอกจากทำในสิ่งที่ทำให้กูถึงกับโวยวายออกมา
“พะ พี่ถอดเสื้อทำไมวะ”
“กูจะอาบน้ำ”
“ก็ไปถอดในห้องน้ำสิ”
“นี่ห้องกู กูจะทำอะไรก็ได้”
“เออจะทำอะไรก็ทำ!” คิดหรอกว่าคุณอนลเขาคงเกรงใจบ้าง แต่ไม่เลย แม่งเล่นกูหนักกว่าไปเดิมอีก โฮร่ลลลลลลล
ถอดเสื้อไม่พอ เล่นถอดข้างล่างเดินโชว์กางเกงในตัวเดียวท่ามกลางความหนาวเย็นของเครื่องปรับอากาศ กายสูงหมุนตัวเดินหยิบโน่นจับนี่ไปมาครู่หนึ่งก่อนย่างเท้าตรงไปยังห้องน้ำ ผมกลั้นหายใจ รอจนได้ยินเสียงของน้ำจากฝักบัวโน่นแหละถึงได้มีโอกาสสูดออกซิเจนเข้าปอดอีกครั้ง
เอาไงดีวะ โมเมนต์นี้มันยากมากที่จะหาอะไรทำนอกจากเงี่ยหูฟังคนด้านในอย่างจดจ่อ
รอจนเวลาผันผ่าน...
“ไปอาบน้ำ” สะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก ร่างกายนี่กระตุกถี่จนแทบจะพาตัวเองเข้าห้องฉุกเฉินได้ทุกเมื่อ
“ผมไม่มีเสื้อผ้า”
“ทุกอย่างอยู่ในตู้ มึงอยากใส่ตัวไหนก็หยิบไป” เจ้าตัวตอบหน้าตาย ก่อนมุ่งความสนใจไปกับการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า หุ่นดีฉิบหาย อยากสูงแบบนี้บ้าง...
“ถ้ายังลีลาอีกกูจะจับแก้ผ้าแล้วลากไปขัดตัวในส้วมเดี๋ยวนี้แหละ”
กลัวแร้วจ้าาาาาาาา
คิดแล้วก็รีบถลาลงเตียงอย่างไวว่อง คว้าผ้าเช็ดตัวพร้อมเสื้อผ้าของลุงรหัสแนบอก ก่อนพุ่งตรงสู่ห้องน้ำทันที
ความสับสนหลายอย่างตีรวนอยู่ในหัว ฝ่ามือทั้งสองข้างชื้นไปด้วยเหงื่อ ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เป็นความรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่ต้องเผชิญ
ผมเป็นคนที่ไม่ได้ปิดกั้นความรู้สึกของตัวเอง ไม่ได้ต่อต้านความรักแบบวัยรุ่น ไม่ได้หวงความโสดหรือชีวิตส่วนตัวมากนัก แค่ที่ผ่านมามันไม่มีจังหวะและโอกาสที่จะได้คบใครแบบจริงจัง ทว่าผมก็ยังหวังว่าตัวเองจะมีแฟนดีๆ สักคนไว้อุ่นใจและเติมเต็มชีวิตวัยรุ่นให้สมบูรณ์เหมือนคนอื่นๆ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะผมไม่เคยเจอใครที่เข้ากันดีเลยสักคน
ส่วนพี่อาร์ค เราเป็นสายรหัสกัน
แรกเริ่มเดิมทีผมอยากจีบพี่ญี่ปุ่น คือถ้าพี่เจตรู้แม่งเอากูตายแน่ แต่มันก็เป็นแค่ความคิดเล่นๆ ของมนุษย์ธรรมดาที่พอเจอคนน่ารัก หัวใจก็จะเบิกบานตามความรู้สึก ต่างจากพี่อาร์คซึ่งเป็นคนที่ไม่เคยอยู่ในความคิดของผมมาก่อน
พี่มึงแม่งเกินคำว่ามนุษย์ธรรมดาไปแล้ว นอกจากเป็นเหนือเดือนแกก็ยังเป็นบ้าด้วย เข้าถึงโคตรยาก แถมคราแรกๆ ที่เราเจอกันยังรู้สึกเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ชอบขี้หน้าผมด้วยซ้ำ ทว่าไม่รู้ว่าตอนไหนหรือเมื่อไหร่ที่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป
พี่เริ่มทำดีกับผม พาผมไปกินข้าว ไปดูหนัง คอยดูแลเหมือนกับคนในสายรหัส ผมยอมรับว่าโง่จริงๆ เพราะไม่คิดเอะใจกับการกระทำเหล่านั้น กระทั่งช่วงหลังมานี้ที่ถูกทำดีด้วย และบ่อยครั้งก็ถูกบอกรักแบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ใจของผมเริ่มกวัดแกว่ง แต่ก็ไม่กล้าคิดไปไกล
ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกว่ามีคนที่ชอบแล้ว นั่นยิ่งทำให้ผมต้องตอกย้ำตัวเองซ้ำๆ ว่าเราเป็นแค่สายรหัสแถมยังเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ สเป็กของพี่อาร์คที่ผมวาดฝันไว้มันเลยไกลกว่าที่สมองไร้รอยหยักของผมจะจินตนาการได้อีก แล้วมองกลับมาที่กูดิ
ส่วนสูงเท่านี้
หน้าตาแบบนี้
กวนตีนชาวบ้านเก่งแถมยังโง่เป็นทุนเดิม
พี่มันเอาเล็บขบคิดแทบสมองป่ะวะ ดูยังไงก็บันเทิงไปหมด
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูห้องน้ำปลุกผมจากความคิดวุ่นวายในหัว มือขวาเอื้อมไปปิดฝักบัว ตะโกนถามคนด้านนอกด้วยความสงสัย
“มีอะไรครับ”
“มึงอาบน้ำนานเกินไปแล้ว รีบออกมา ใครใช้ให้ไปนอนในนั้น”
“เปล่านอนซะหน่อย พี่ก็รู้ว่ากูอาบน้ำนาน” ซะที่ไหน? มีแต่หมกมุ่นกับมึงอยู่เรื่องเดียวเนี่ยแหละ
“ถ้าอีกห้านาทีไม่ออกมากูจะไขกุญแจเข้าไปแล้วนะ” เหยดดดดดด มีกุญแจด้วย รีบซิครับงานนี้ มัวแต่ใช้เวลาเล่นมิวสิควิดีโอและจมจ่อมกับความสับสนในหัวอยู่นาน สุดท้ายก็ยังไม่ทันได้ทำอะไร นอกจากเทครีมอาบน้ำราดตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นการทำเวลา
พี่อาร์คแกคนจริง พูดแบบไหนทำแบบนั้นตลอด คือพอดีว่าผมยังไม่อยากยับคาตีนพี่มันด้วยเลยไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงดีกว่า
แกร๊ก!
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ผมก็เปิดประตูออกมาเผชิญหน้ากับคนตัวสูงอย่างกล้าๆ กลัวๆ หวั่นไหวนะไม่ใช่ไม่รู้สึก ยิ่งเมื่อเห็นสายตาของคนที่ยืนรออยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งด้วยแล้ว หัวใจก็ยิ่งเอียงกะเท่เร่เป็นเท่าตัว
“มานั่งนี่มา” อีกฝ่ายเอ่ยเรียก ผมเองก็ไม่คิดคัดค้าน ค่อยๆ ก้าวเท้าไปหาราวกับหุ่นยนต์ถูกโปรแกรม
“พี่จะทำอะไรอ่ะ”
“ผมมึงเปียก ถ้ารีบนอนเดี๋ยวจะชื้น เกิดหมอนกูขึ้นรามึงรับผิดชอบไหวเหรอ”
“ทำหมอนชื้นนะไม่ได้ทำผู้หญิงท้อง จะรับผิดชอบไม่ไหวได้ไง” ผมเถียงกลับไป เลยโดนเขกกะโหลกมาทีหนึ่ง ก่อนมือหนาจะออกแรงกดไหล่ให้นั่งลงตรงเก้าอี้
“ปากเก่งให้ได้ตลอดนะมึง”
“ก็เก่งได้ตลอดแหละ”
“เทครีมอาบน้ำลงบนหัวเหรอ”
“ทำไมรู้อ่ะ”
“ได้กลิ่น”
“จมูกดีเหมือนหมาเลย”
“อยากโดนหมากัดมั้ย”
“ไม่คร้าบบบบบ”
“แล้วนี่ออกมาได้ใส่กางเกงในมั้ย” อูยยยยยย อย่ายุ่งกับหรรมกูครับพี่ แค่ใจกูพี่ก็ปั่นจนวุ่นวายไปหมดแล้ว
“ใส่ดิ”
“เอาที่ไหนใส่ ไซส์กูมึงใส่ได้เหรอ”
“โคตรดูถูก ผมใส่ตัวเก่า” ไม่พูดเปล่าผมเงยหน้ามองคนที่ยืนค้ำหัวไปด้วย พอเห็นว่าเจ้าตัวยังคงก้มมองอย่างตั้งใจก็จัดการฉะต่ออย่างเต็มที่ “อีกอย่างนึงคือกูใส่ได้แค่เอ็กซ์แอลเท่านั้น”
“เอ็กซ์แอลหรือเอ็กซ์เอสเอาดีๆ”
“โคตรดูถูก”
“ก็ไม่ได้ดูผิดหนิ”
“แล้วทำไมพี่ต้องยุ่งกับขนาดจู๋กูด้วยวะ”
“ใครยุ่ง แค่ถามเรื่องกางเกงใน มึงคิดไปถึงไหนแล้วล่ะ” ในใจโคตรอยากหมุนตัวไปถีบยอดอกลุงรหัสฉิบหาย แต่ติดที่ว่าพี่มันตัวใหญ่กว่า กลัวสู้ไม่ไหวเลยทำได้แค่คิด แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“พี่กวนตีนเกินกว่ากูจะให้อภัยจริงๆ”
สงครามยุติลงชั่วคราว พื้นที่ตรงนี้เต็มไปด้วยความเงียบ ทว่าไม่นานมันก็ถูกแทรกจากเสียงของไดร์เป่าผม
ฝ่ามือหนาสัมผัสลงบนเส้นผมเบาๆ จากนั้นก็จัดการขยี้พร้อมกับเป่าความร้อนระดับปานกลางลงมา พี่อาร์คที่ปรากฏอยู่ตรงกระจกตอนนี้ไม่เหมือนคนเดิมที่ผมรู้จัก ดูอ่อนโยน ใส่ใจ และบางครั้งก็ทำให้หลงคิดไปว่า สิ่งที่เขาทำดีกับผมนั้นเป็นเหมือนที่ทำกับทุกคนหรือเปล่า
จนนานเข้า จิตใจที่สงบนิ่งก็เริ่มตีรวนอีกครั้ง
มีหลายอย่างที่ผมอยากถาม แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้เพราะไม่มีความกล้าพอ
“มีอะไรก็ถามมา” เชร้ดดดดด อย่างกับหยั่งรู้ได้ทางจิต แค่คิดพี่แกก็พ่นคำถามออกมาอย่างรู้ทันแล้วอ่ะ เอาไงดีวะ พูดหรือไม่พูดออกไปดี ถ้าไม่...มันก็จะค้างคาแบบนี้ไปตลอด ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย เป็นฮ่องกงฟุต คันตามนิ้วมือนิ้วเท้า คันตามร่มผ้า กลากเกลื้อน
เพราะฉะนั้น ถามเถอะมันจะได้จบๆ ไป
“พี่ชอบผู้ชายจริงดิ”
“อืม” พี่อาร์คตอบกลับแทบจะทันที ทว่าเสียงนั้นกลับเบาหวิว เมื่อถูกรบกวนจากเสียงไดร์เป่าผมด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ต้องเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
“ทำไมถึงชอบอ่ะ”
“ชอบเพราะมึง” เชี่ย... จู่ๆ ธนูก็ปักลงบนหัวเข่า
“แล้วทำไม...พี่ถึงชอบกูวะ ชอบกันแน่เหรอ กูไม่มีอะไรดีเลยนะเว้ย” แม้ผมจะพยายามหลอกตัวเองว่าหน้าตาดีมากแค่ไหน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ถึงขนาดนั้นป่ะวะ ไอ้อาร์ม อนณ คือคนธรรมดาสุดๆ ไปเลย
“ชินที่มึงไม่มีอะไรดีเนี่ยแหละ”
จึก! ทำไมคราวนี้มันเจ็บๆ เหมือนโดนมีดเสียบตรงชายโครงข้างซ้ายเฉียงไปทางขวาเลยวะ นี่พี่ด่ากูป้ะ
“ผมขอคำตอบที่หล่อๆ หน่อยครับ”
“พอดีเห็นก้นมึงแล้วเกิดอารมณ์อ่ะ”
“โคตรบัดซบเลย” กูล่ะอยากยื้อไดร์เป่าผมขึ้นมาตีแสกหน้า โทษฐานตอบคำถามกวนประสาท “นี่มันเป็นข้อดีตรงไหน”
“อาร์ม หยุดโง่ดิ”
“ยากอ่ะ ถ้าหยุดฉลาดนี่พอทำให้ได้อยู่นะ”
“มึงก็หยุดฉลาดมานานแล้วป่ะวะ”
“บ้าบอคอแตก”
“ก็เป็นแบบนี้ไงถึงได้ชอบ” ประโยคนี้ทำผมหยุดหาคำด่าไปชั่วขณะ พี่อาร์คยังคงก้มหน้า บรรจงเป่าผมอย่างตั้งใจโดยไม่เงยขึ้นมามองกระจกเหมือนเมื่อครู่ “บางครั้งคนเราก็ไม่ได้ชอบคนที่ทำตัวฉลาดไปซะทุกอย่างหรอก”
“...”
“กับคนที่ฉลาดในบางเรื่อง โง่ในบางเรื่อง แต่เวลาที่รู้ตัวว่าโง่ก็พยายามเรียนรู้และเข้าใจต่างหากที่น่าสนใจ”
“งั้นก็ไม่ได้มีแค่ผมแล้วล่ะที่เป็นแบบนี้”
“แต่ความเป็นตัวตนของมึงใครก็เป็นไม่ได้”
“ผมดีกว่าคนอื่นยังไงเหรอ”
“ไม่มี แต่เหี้ยกว่าคนอื่นอ่ะเยอะ”
สัด!
“จำวันนั้นได้มั้ย” แล้วพี่อาร์คก็พูดขึ้นมาอีก
“ไม่ได้” ผมสวนกลับโดยไม่รอประโยคบอกเล่าต่อมา ความจริงก็แค่ต้องการลดความประหม่าที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในความรู้สึกเท่านั้น
“กวนตีนอีกเจอยับแน่”
“เคๆ ไม่อยากมีปัญหา สรุปวันนั้นเกิดอะไรขึ้นนะ”
“วันที่เรานั่งรถไปด้วยกัน แต่กูใจร้อนขับไปชนท้ายรถคนอื่นอ่ะ”
“โหยยยยยยย จำได้ดีเลย เกือบตายแต่ก็สะใจที่พี่โดนพี่เจตด่า โคตรสมน้ำหน้า”
“นั่นเป็นครั้งแรกที่กูเริ่มรู้สึกแคร์ใครสักคนทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กูไม่อยากขับรถเร็ว เริ่มยอมอดทนเวลาถูกเอาเปรียบเพื่อที่อย่างน้อยคนข้างๆ จะได้ปลอดภัย บางทีมันอาจเป็นความรู้สึกนั้น อยากปกป้อง ดูแล และยิ่งนานวันเข้ามึงก็ยิ่งสำคัญ”
“ผมไม่เคยรู้มาก่อน แต่ก็ยังรู้สึกอบอุ่นเวลาที่พี่ทำดี ซึ่งแม่งไม่ชัดเจนเลยว่าจริงๆ แล้วมันเรียกว่าอะไร”
ตอนที่เขาหายไป ในใจกลับรู้สึกวูบโหวง ยิ่งเมื่อเห็นว่าพี่คุยกับคนอื่นก็ยิ่งอยากร้องไห้งอแงออกมา มันเต็มไปด้วยความรู้สึกน้อยใจผสมปนเปกับความหวง แน่นอนว่าเวลานั้นมันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ พอมาคิดอีกทีความรู้สึกต่างๆ ที่พรั่งพรูออกมาอาจไม่เรียกว่าความรัก แต่เป็นเพียงความสัมพันธ์ของพี่น้องในสายรหัสก็เท่านั้น
“เดี๋ยวสักวันมึงก็เข้าใจเองแหละ”
“เหรอ”
“อือ”
“พี่ว่ากูควรทำยังไงถึงจะเข้าใจ”
“เยกันเลยมั้ย”
“โคตรเหี้ย”
“มันส์แน่นอนบอกเลย”
“ไม่อยากรับรู้ความหื่นกามของพี่เลยว่ะ”
“มึงอาจจะติดใจ”
“ตลกน่า”
“ไว้กูให้เวลามึงไปหาคำตอบแล้วกัน ไม่เร่ง ไม่รีบ ค่อยๆ ทำความเข้าใจ”
“แล้วพี่ล่ะ ก่อนจะแน่ใจว่าชอบผม พี่เคยรู้สึกยังไง”
“จำเป็นต้องบอกมึงด้วยเหรอ”
“ต้องดิ”
ไดร์เป่าผมถูกปิดสนิท ก่อนจะถูกวางไว้ใต้ลิ้นชักโต๊ะ ผมเงยหน้ามองพี่อาร์ค ผสานสายตากับคนที่อยู่ด้านหลังแต่ยังคงอารมณ์เฉยชาเอาไว้ เราต่างคนต่างเงียบ พอคิดว่าคงไม่ได้คำตอบแล้วเลยกะลุกจากเก้าอี้ ทว่าอีกฝ่ายกลับเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาซะก่อน
“บางครั้งมันอาจไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนนักว่าทำไมถึงต้องชอบคนคนนี้ แต่ในตอนนั้น ตอนที่มึงคุยกับท้องฟ้าจู่ๆ ก็รู้สึกอย่างหนึ่งขึ้นมา”
“...”
“เราแม่งไม่ต่างกันเลย”
“...”
“กูหึงมึงว่ะ หึงจริงๆ” ผมนอนห้องพี่อาร์คหนึ่งคืนก่อนเจ้าตัวจะพามาปล่อยตรงหน้าหอในตอนเช้า เมื่อคืนถือว่ากูยังอยู่รอดปลอดภัยเพราะลุงแกไม่ได้มีท่าทีละเมอเพ้อพกเหมือนคราวก่อน แถมยังยอมนอนห่างเป็นวาโดยไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันเลยจนวันใหม่เราต้น
ตอนนี้ผมพอฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากพี่อาร์คหมดความอดทนบอกความรู้สึกออกมาตรงๆ เล่นเอาอึ้งเหมือนกัน ทว่าจะให้เปิดใจยอมรับทุกอย่างในทันทีก็ดูจะรีบไปหน่อยเลยขอใช้เวลาทบทวนความรู้สึกของตัวเองอีกสักพัก
“เมื่อคืนเป็นไงบ้างวะ”
คำถามพุ่งจู่โจมอย่างฉับพลัน
ทั้งไอ้โป้และไอ้แซนด์แต่งตัวเรียบร้อย นั่งจุมปุ๊กอยู่ตรงปลายเตียงพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสือกเกินพอดี
คือช่วงนี้ใกล้สอบมิดเทอมก็จริง แต่มหา’ลัยก็ยังมีการเรียนการสอน จะมีวันหยุดให้อ่านหนังสือหนักๆ แค่ไม่กี่วันก่อนสอบเท่านั้น เราเลยจำใจต้องแหกขี้ตา อาบน้ำแต่งตัวไปเรียนเหมือนช่วงปกติ
“ก็ไม่มีอะไร” พูดจบผมปิดประตู ลากเท้ามานั่งเบียดกับไอ้โป้ จนมันต้องย้ายก้นตัวเองไปนั่งอีกฝั่งเคียงข้างรูมเมทของผม
“ไฟในร้านเหล้าแม่งไม่ชัดว่ะ สรุปผลบอลเมื่อคืนเป็นไงบ้างครับ”
“สัด” แม่งแกล้งกันชัดๆ
“ฝากความหวังของทีมไว้ที่มึงหน่อยน้า”
“ได้มึงได้”
“มึงทำสถิติไว้ดีมาก เชียร์สิบนัดแพ้สิบนัด ชีวิตจะรันทดอะไรขนาดนั้น”
“กูซวย เพราะมีเพื่อนอย่างมึง”
“โคตรรักมึงเลยอ่ะ You’ll never walk alone เว้ย”
เหี้ยบรรลัยสุดๆ แถมผมยังทำให้พี่อาร์คโดนล้อด้วย รู้สึกผิดไปอีก
“ลิเวอร์พูลแพ้แล้วไง อย่างน้อยในอดีตกูก็เคยได้มาหลายถ้วย”
“เคๆ อยู่กับความทรงจำอ่ะเนาะ”
“...”
“งอนนนนนน กูล้อเรื่องบอลจบแล้ว ขอถามเรื่องเมื่อคืนหน่อย สรุปมึงกับพี่อาร์คมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า” มันสองคนเริ่มรวมพลังสลับกันถามตอบอย่างรู้งาน ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเจอคำถามอะไรอีกบ้างเลยเลือกตอบแบบเลี่ยงๆ ไป
“เปล่า”
“พอดีเห็นมึงออกไปตามพี่เขาโคตรนาน กลับมาอีกทีไอดอลกูก็ขอพามึงกลับไปนอนด้วยเลยอดแปลกใจไม่ได้”
“แล้วทำไมไม่ห้าม ปล่อยกูไปกับพี่มันเฉย”
“ได้ไง พี่อาร์คขอกูก็ยอมหมดดิ” กับเพื่อนอย่างกูไม่เห็นจะทุ่มเทขนาดนี้เลย “แถมมึงยังทำหน้าเอ๋อๆ ปล่อยให้เขาจูงมือไป กูก็เลยไม่ถาม”
“อือ ช่างมัน”
“มึงอย่ามาบ่ายเบี่ยง สรุปมีอะไรมั้ย”
“ไม่ พี่อาร์คแค่สูบบุหรี่ กูออกไปตามมันก็เท่านั้น”
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ยังไงก็เป็นสายรหัสเดียวกัน” ผมพยักหน้ารับ จากนั้นจึงหมุนตัวไปจัดกระเป๋าและเตรียมสไลด์สำหรับเรียนในวันนี้ จะมีก็แต่เพื่อนเวรทั้งสองที่ยังคงคุยกันอย่างสนุกสนาน
“เออไอ้แซนด์มึงรู้หรือยัง”
“รู้ไร”
“เรื่องที่พี่อาร์คคุยกับบริ๊งบริ๊งคนสวยไง ตอนนี้แคปชั่นนั้นไม่มีแล้วนะ โดนลบเหลือแต่รูป”
“เอ้าาาาาาาาา ไหงเป็นงั้นอ่า”
“เมื่อคืนพวกไอ้พี่บลูมมันเมา บอกกูหมด เรื่องมันเกิดขึ้นแค่ว่าพี่คอปป์มันดันไปหยิบมือถือเหนือเดือนมาเล่น เสร็จแล้วดาวคณะเขาเห็นเลยมาแซวกันขำๆ แต่คนที่ไม่ขำคือสายเสือกนี่แหละ ตอนนี้ก็น่าจะรู้แล้วว่าไม่มีอะไรในกอไผ่”
“ดีละ พอดีกูก็แอบได้ยินเพื่อนพี่มันพูดเหมือนกัน ว่าพี่อาร์คมีคนที่ชอบแล้ว”
ตุบ!!
ผมเผลอปล่อยหนังสือลงพื้นหลังเงี่ยหูฟังบทสนทนาของคนในห้องมาสักพัก ส่งผลให้สายตาสองคู่ยังหันมาจดจ้องผมเป็นจุดเดียว
“เป็นอะไรไอ้อาร์ม”
“เปล่า กูแค่เผลอทำหนังสือตก”
“ก็เก็บดิ” แล้วแม่งก็หันไปคุยกันต่อครับ แม่งเอ๊ยยยย กูเก็บกระเป๋านานจนรำคาญตัวเองแล้วเนี่ย
“มึงว่าอย่างพี่อาร์คนี่จะชอบคนแบบไหนวะ”
“แน่นอนว่าต้องแบบกูอยู่แล้ว”
ผัวะ!!
หัวไอ้โป้โดนตบแทบหลุดออกจากบ่าโดยฝีมือของเพื่อนสนิทในกลุ่มอย่างไอ้แซนด์
“หน้าอย่างมึงพี่อาร์คคงชอบหรอก”
“กูน่ารักใสๆ บางทีเหนือเดือนอาจจะชอบของแปลก”
“กูว่าไม่ ยังไงเขาก็ชอบคนหน้าตาดี ถ้าอย่างบริ๊งบริ๊งไม่อยู่ในสายตา กูคิดว่าสเป็กพี่เขาต้องเบอร์นางแบบ Victoria Secret เลย”
“อุบร๊ะ! กูว่าใช่”
“ใครเข้าข่ายบ้างวะ”
“เย้ออออะ พี่จิตติดาวมอก็คนนึงละ”
“ไม่นะมึง คนนั้นเป็นบ้าพี่อาร์คไม่เอาหรอก ต้องคนนี้เลยเข้าข่ายที่สุด” ผมจับทุกเสียงที่แทรกเข้ามาในโสตประสาท ยืนนิ่ง สองมือหยุดขยับ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เฝ้ารอ...จนกว่าจะได้ยินประโยคตอบโต้ของคนในห้อง
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา เลยอดไม่ได้หันไปมองยังคนทั้งคู่
รอยยิ้มที่ได้รับจากพวกมันทำให้ขนอ่อนตามร่างกายลุกชัน ไอ้โป้กับไอ้แซนด์มองกลับมา ทว่าไม่ยอมปริปากพูดอะไรอีกจนผมเริ่มร้อนตัว
“อะไรวะ”
“แอบฟังพวกกูเหรอ”
“กะ...ก็แค่อยากรู้ พี่อาร์คเป็นสายรหัสกูนะเว้ย”
“คืองี้ พวกกูมีความสงสัยว่าเขาจะชอบเด็กปีหนึ่ง”
“โหย กินเด็กเนาะ”
“ใช่ แล้วเป็นเด็กคณะเราด้วย”
“อึ้งสองต่อ” ผมทำตาโตเว่อร์ๆ เพื่อปกปิดความร้อนรนบางอย่างในใจ
“แต่มันพีคตรงนี้!”
“อะไรยังไง”
“ตรงที่กูไม่รู้ว่าเป็นใครไง”
หมดกัน อุตส่าห์ลุ้นมาตั้งนาน
ผมถึงกับพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไม่ใช่เพราะอยากปกปิดอะไร เพียงแต่ไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น จริงๆ แม้แต่พี่อาร์คผมก็ยังไม่อยากปักใจเชื่อ แบบ...มันเป็นไปได้ยากมากว่ะ
อ่านต่อด้านล่างค่ะ