ตอนที่ 12
รักพี่เสียดายความเป็นน้อง
“ไอดอลกูมาส่งเหรอ”
คำทักทายแรกจากรูมเมทเอ่ยขึ้น หลังผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“อือ”
ไอ้แซนด์กำลังกลัดกระดุมชุดนิสิต ขณะที่ผมยังอยู่ในสภาพเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นของพี่อาร์ค อย่างว่าแหละครับ เนื่องจากวันนี้มีเรียนคาบแรกตอนสิบโมงเลยไม่มีใครเร่งรีบเท่าไหร่ นั่นยิ่งทำให้ไอ้เพื่อนตัวดีมีเวลาซักผมมากขึ้นด้วย
“คอไปโดนอะไรมาวะ”
“พี่อาร์คแม่งนอนดิ้น เสือกเอาเล็บมาข่วนกูอ่ะดิ” อย่างที่รู้กันดีว่าเพื่อนผมมันฉลาดอย่างกับหมา แถมรู้ทันผมไปซะทุกก้าว การจะโกหกด้วยเหตุผลปัญญาอ่อนคงไม่ได้ผล ผมเลยเลือกบอกความจริงมันไปแบบครึ่งๆ กลางๆ อย่างน้อยแผลโดนข่วนก็ดีกว่าโดนกัดล่ะว้า
“แล้วเมื่อคืนเป็นไงบ้าง” กูถึงกับพ่นลมหายใจออกมา ดูเหมือนว่าไอ้แซนด์จะไม่ได้ติดใจสงสัยถึงร่องรอยที่ประทับอยู่บนคออีก
“ก็ดี ลิเวอร์พูลชนะ”
“ไม่ใช่ กูหมายถึงไอดอลเว้ย สรุปพี่อาร์คเป็นไง เท่มั้ยเวลาอยู่บนเตียง”
คำพูดมึงนี่โคตรชวนคิดลึกสัดๆ
“ใจคอมึงกะจะให้พี่มันเท่ทุกท่วงท่าเลยหรือไง”
“เอ้า! ก็เหนือเดือนอ่ะ”
“ไร้สาระว่ะ” ผมไม่คิดต่อความยาวสาวความยืด รีบหมุนตัวเข้าตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบชุดนิสิตที่อยู่บนไม้แขวนออกมาเตรียมสวม ทว่าระหว่างนี้ผีก็ยังเจาะปากรูมเมทของผมไม่มีหยุดหย่อน
“ถามจริง มึงไม่รู้สึกแปลกๆ กับลุงรหัสตัวเองเลยเหรอ” คำถามนี้พุ่งจู่โจมฉับพลัน และมันก็ทำให้ผมใจเป๋ภายในเสี้ยววินาที
“ปะ...แปลกยังไง”
“เหมือนช่วงนี้มึงกับพี่อาร์คจะตัวติดกันแจเลย”
“เป็นสายรหัสเดียวกัน มีอะไรก็แชร์กันตลอดแปลกตรงไหน”
“พี่กูไม่เห็นเคยทำแบบนี้หนิ”
“คนเราไม่เหมือนกัน”
“เออเนาะ เพราะบางคนก็ไม่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง” สิ้นสุดประโยคนั้นผมหันกลับไปมองยังคนพูด ไอ้แซนด์นั่งอยู่ตรงขอบเตียงด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเบนสายตาไปยังช่อดอกกุหลาบที่แห้งเหี่ยวตามกาลเวลาตรงโต๊ะหนังสือของผมด้วย
“มองอะไร”
“ดอกไม้เหี่ยวแล้ว ทิ้งเถอะ”
“เสือก”
“พี่อาร์คไม่ได้ตั้งใจเอาให้มึงสักหน่อย”
“กะ...ก็แล้วจะทำไม ถ้าไอดอลเอาให้เป็นมึงจะกล้าทิ้งเหรอ”
“มันคนละกรณีกัน กูอ่ะชื่นชมเขา แต่มึงไม่ใช่ไง หรือจริงๆ แล้วมึงคิดอะไรไม่ซื่ออยู่” คิดเชี่ยไรล่ะ เอะอะก็วกเข้าประเด็นให้กูคิดอยู่ได้ ก็รู้อยู่ว่าผมกับพี่อาร์คอ่ะเป็นแค่พี่น้องก๊านนนนนนนน
“กูต้องคิดอะไรด้วยเหรอ เราเป็นพี่น้องในสายแถมยังเป็นผู้ชายด้วย”
“แล้วไง”
“กูชอบผู้หญิงเว้ย”
“แล้วไง”
“นี่มึงกวนตีนกูป่ะเนี่ย ที่พูดไปเข้าหูมึงบ้างหรือเปล่า”
“ก็แค่สงสัย บางครั้งเหมือนปากมึงไม่ตรงกับใจ” ผมไม่คิดโต้ตอบ นอกจากฟังคนตรงหน้าพล่ามไปเรื่อยๆ “ถามหน่อย ถ้าสมมติพี่อาร์คเกิดชอบมึงขึ้นมาแล้วมึงก็ดันรู้สึกดีกับเขา สุดท้ายแล้วมึงจะยอมเปิดใจคบให้เขามั้ยวะ”
บรรลัยมันเข้าไป!!
“มึงรู้อยู่แล้วว่าข้อสันนิษฐานนี้ไม่มีทางเป็นจริง”
“สัดเอ๊ย มึงแม่งเข้าใจคำว่าสมมติมั้ย”
“ไม่”
“ไม่เข้าใจหรือไม่เปิดใจมึงเอาดีๆ”
“ไม่มีทางเกิดขึ้นโว้ย”
“สมมติ”
“ไม่”
“ไอ้อาร์ม”
“ไม่!”
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูเป็นเหมือนระฆังช่วยชีวิตของผม คนด้านนอกไม่รอให้เอ่ยตอบรับมันก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาทันที
“แดกข้าวกัน” ไอ้โป้พูดทั้งปากยังเคี้ยวแซนด์วิชกากๆ อยู่ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกรักมันมากกว่าทุกวัน
“รอแป๊บกูกำลังใส่เข็มขัด” ปากว่า มือก็คว้าเอาเข็มขัดนิสิตขึ้นมาคาด หากแต่ในใจยังคงรัวกระหน่ำด้วยความหวาดกลัวว่าจะถูกถามซ้ำอีก
ไอ้แซนด์ทิ้งคำถามตกค้างในความรู้สึก มันเป็นสิ่งที่ผมเองก็ให้คำตอบไม่ได้ว่าถ้าเกิดเรื่องสมมตินั้นมันเกิดขึ้นจริงจะเป็นยังไง แต่ที่น่าสงสัยกว่านั้นก็คือ พี่อาร์คมันจะเอาอะไรมาชอบคนเหี้ยๆ อย่างกูได้วะ
“เดี๋ยวๆ ไอ้อาร์ม คอมึงเป็นอะไรอ่ะ” สัด!!
หลุดจากคนหนึ่งอีกคนก็ติดสปีดความเสือกใส่ทันที ทำไมพวกมันถึงได้ตาดีกันจังวะ ตอนแรกผมไม่คิดว่ารอยมันจะชัดถึงขนาดมองออกด้วยซ้ำ เลยไม่ได้หยิบเอาพลาสเตอร์ยาติดมือมาด้วย
“เลิกถามเรื่องขอกูเถอะน่า ไปกินข้าวกันกูหิวแล้ว”
“มีพิรุธ”
“ประสาท”
“เคๆ กินข้าวก็กิน” ผมเดินไปลูบคอตัวเองไปจนกระทั่งถึงโรงอาหารหน้าหอใน
ชีวิตประจำวันยังคงดำเนินไปอย่างที่มันเคยเป็น กินข้าว ไปเรียน กิจกรรมก็เริ่มลดน้อยลงแล้วเนื่องจากเข้าใกล้ช่วงสอบมิดเทอมเข้ามาทุกที จะมีก็แต่กีฬามหา’ลัยเท่านั้นที่ใช้เวลาแข่งขันยาวนานหลายเดือน จนตอนนี้ก็ยังไม่จบไม่สิ้นกันสักที
“พี่อาร์คคคคคคคค”
“พี่อาร์ควิศวะหรือเปล่า โคตรเท่” เสียงอื้ออึงฉุดความสนใจจากข้าวไข่เจียวในจานไปยังอีกฝั่งของโรงอาหาร
ถึงแม้จะเห็นแผ่นหลังไกลลิบๆ แต่ผมก็รู้ได้ทันทีว่าคนคนนั้นเป็นใคร รูปร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อช็อปสีกรมท่าตัวใหม่ สะพายกระเป๋าเป้ Calvin Klein ใบเดิม ในมือถือจานข้าวและกำลังยืนงงในดงปีหนึ่ง นั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวกลายเป็นจุดสนใจมากยิ่งขึ้น
“ไอ้เหี้ยเหนือเดือนมา” เพื่อนร่วมโต๊ะสบถอย่างตื่นเต้น หลายคนดูเหมือนจะแปลกใจ ผมเองก็ด้วยเพราะพี่อาร์คไม่ค่อยโผล่มากินข้าวที่นี่เท่าไหร่ ยิ่งในตอนเช้าที่คนพลุกพล่านด้วยแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
“ต้องเรียกมั้ยวะ”
“พี่มันอาจจะมากับคนอื่นก็ได้” ผมรีบแย้ง แต่ก็ยังจ้องมองอีกฝ่ายอย่างจดจ่อ
“ยืนหมุนตัวไปมาอยู่อย่างนั้นคงจะมากับใครได้หรอก ถ้ามึงไม่เรียกเดี๋ยวกูจัดการเอง” ว่าแล้วไอ้โป้ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง โบกไม้โบกมือพร้อมกับตะโกนเรียกคนตัวสูงด้วยน้ำเสียงร่าเริงเกินปกติ “พี่อาร์คครับ มานั่งด้วยกันมั้ยครับ”
เจ้าของชื่อหันหน้ามามองนิ่งๆ เล่นเอาคนโดยรอบขนลุกเกลียวเพราะแม่งหล่อแบบไม่เกรงใจใครเลย
“ไอ้อาร์มก็นั่งตรงนี้นะพี่”
เจ้าตัวไม่ได้ตอบอะไรนอกจากก้าวเท้าตรงมายังจุดที่เรานั่ง ท่ามกลางผู้คนนับร้อยที่อยู่รายล้อม แปลกดีที่พี่อาร์คกลับเป็นคนเดียวที่โดดเด่นที่สุด แถมยังดึงความสนใจของผมไปจนหมด
“อะไรดลใจให้พี่มาหอในเนี่ย” หลังมือหนาวางจานข้าวลงบนโต๊ะพลางแทรกตัวลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ผมก็จู่โจมคำถามไปทันที
“มาเช็กเรตติ้ง”
“โหย เคยมีโมเมนต์แบบนี้ด้วยเหรอ” ปกติเห็นแต่วิ่งหนี หงุดหงิดงุ่นง่านเวลาเห็นคนเยอะๆ ทว่าคราวนี้กลับทำตรงกันข้าม
“ก็นี่ไง”
“บอกเลยว่าได้ผล เพราะทุกคนมองแต่พี่ ดูโน่น...โน่นด้วย สิบนาฬิกาดาวคณะสังคม หลังพี่ก็อีกคน นิ่งไว้นะอย่างเพิ่งหัน” ผมโน้มตัวไปกระซิบคนตัวสูง “พิมฐาเวอร์ชั่นมหา’ลัยเรา น่ารักโคตรๆ”
“อือน่ารัก”
“รู้ได้ไง พี่มีตาหลังเหรอ”
“มองแค่นี้ก็รู้แล้ว”
“เก่งเกินมนุษย์มนา” ผมเอนตัวกลับมานั่งตรงจุดเดิมแล้วพูดต่อ “แต่ผมไม่สนับสนุนให้พี่ชอบใครหรอก เพราะพี่มีคนที่ชอบแล้ว”
“ก็จริง แถมน่ารักกว่าด้วย”
“โหย พูดมาขนาดนี้ก็ขอเขาเป็นแฟนเถอะว่ะ” มันจะได้จบๆ ซะที มัวแต่เวิ่นเว้อให้ฟังจนหูชาไปหมดแล้ว
“แม่งโง่อ่ะ กลัวแป้ก”
“ลองถามไปก่อนสิ ไม่ลองไม่รู้”
“งั้น...เป็นแฟนกันมั้ย”
“อร๊ายยยยยยยยยยต๋ายแล่ววววววว อะแค่กๆ”
“...”
“ขอโทษครับ พอดีข้าวติดคอ” ไอ้แซนด์รีบแก้ต่าง ก่อนจะตบหลังไอ้โป้ที่ไอออกมาไม่หยุด “เป็นไงบ้างเพื่อน แดกข้าวเสร็จแล้วใช่มั้ย เอ่อ...สงสัยกูต้องรีบไปก่อนแล้วว่ะ รู้สึกว่าไอ้โยจะรอเคลียร์เรื่องรายงานอยู่ด้วย ยังไงเจอกันที่คณะนะ พี่อาร์คหวัดดีครับ”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก รู้ตัวอีกทีเพื่อนผมก็เผ่นแน่บไม่เหลือแม้แต่เงา ทิ้งไว้ให้กูนั่งงงในโรงอาหารกับลุงรหัสของตัวเอง แถมในหัวของผมยังประมวลผลช้าจนไม่รู้ว่าก่อนหน้ามันเกิดอะไรขึ้นด้วย
“เพื่อนกูมันเป็นบ้าอ่ะ พี่อย่าใส่ใจเลย”
“เฮ้อ”
“พี่ถอนหายใจทำไมวะ”
“ที่มึงเอาแต่ถามว่ากูชอบใครน่ะ” จู่ๆ ก้อนเนื้อในอกซ้ายก็เต้นรัวขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของลุงรหัส ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันผมถึงได้นั่งนิ่ง และจดจ่อกับท่าทางของคนตรงหน้าไม่กะพริบ “กูบอกมึงก็ได้”
“ตื่นเต้นว่ะ”
“...”
“พี่อาร์ค”
ปากพูดว่าจะบอกแต่ดันเงียบ ผมจึงตัดสินใจถามกลับไป เพื่อลดความประหม่าให้กับตัวเองและพี่อาร์ค ทั้งที่ไม่รู้หรอกว่าในตอนนี้ใครกำลังประหม่ามากกว่ากัน
“เค้าอยู่ปีหนึ่งใช่มั้ย”
“ใช่”
“เรียนวิศวะ”
“อือ”
“ผมรู้จักด้วย”
“มึงรู้จักดีเลยล่ะ”
“ขอถามหน่อยได้มั้ยว่าเขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“มึงคิดว่าไงล่ะ” สายตาที่มองกลับมาราวกับธารน้ำแข็งเย็นเยือก ร่างกายของผมชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อเห็นคำตอบที่แต่เดิมเลือนรางในความรู้สึกกำลังค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
“พี่ชอบผู้ชายเหรอวะ”
“กูไม่เคยชอบผู้ชาย จนกระทั่งเจอคนคนนี้”
ผิดคาดไปหน่อยแต่โคตรหล่อเลยไอ้เหี้ย!! เปิดเผยความรู้สึกต่อหน้าน้องท่ามกลางเสียงกระทะและกลิ่นผัดกะเพรา
“พี่อาร์ค” น้ำเสียงที่เปล่งออกไปแกว่งไกว ในใจไหวเอนราวกับถูกพายุหนักโหมกระหน่ำจนเสียจังหวะ ผมว่าผมพอจะเดาออกว่าคนคนนั้นเป็นใคร ตลอดเวลาที่ผ่านมาทำไมผมถึงไม่เอะใจอะไรเลย
“พี่อย่าบอกนะว่า…”
“...”
“พี่ชอบไอ้แซนด์” ไม่น่าเชื่อออออออออออ
“กูอิ่มละ” พอจบประโยคนั้นพี่อาร์คก็ลุกพรวดพราดตั้งท่าจะผละออกไป แต่ผมไวกว่านั้นตรงที่คว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้ได้ทัน
“พี่จะไปไหนวะ”
“กูจะไปให้รถชนตาย”
“เฮ้ยพี่เสียใจไร ยังไม่ได้บอกรักมันเลยนะ”
“กูบอกแล้วแต่มันโง่”
“ไอ้แซนด์รู้แล้วเหรอ”
“...!!” หน้างี้ถมึงทึงจนกลัวว่าผมนี่แหละที่จะถูกขย้ำให้ตายคาตีน
“พี่โกรธอะไร”
“โกรธมึง”
“ขอโทษได้มั้ยอ่ะ” ไม่ทันแล้วครับ เพราะลุงแกเล่นสะบัดข้อมือแล้วก้าวฉับๆ ไปพร้อมกับจานข้าวเรียบร้อย “กลับมาก่อนพี่อาร์ค...ไม่เอาไม่งอแงงี้ดิ ใจเสียนะเนี่ย”
“...”
“ผมช่วยปลอบได้นะเว้ยอยากได้อะไรบอกมา”
“ช่วยไปไกลๆ” ผมวิ่งตามอีกฝ่ายไปติดๆ ในใจก็เริ่มกระวนกระวายแล้ว ไม่รู้ว่าสาระแนพูดถึงเรื่องที่ไม่สมควรไปหรือเปล่า ทว่าตอนนี้แม่งดันรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ
“พี่อาร์ค”
“กูไม่ได้ชอบเพื่อนมึง ไม่ว่าจะไอ้แซนด์หรือไอ้โป้”
“ขอโทษ ผมปากไม่ดีเอง” ช้าเหมือนอย่างเคยเพราะเหนือเดือนมันไวเท่าแสง รู้ตัวอีกทีผมก็ได้แต่ยืนเคว้งมองดูรถยนต์ของพี่มันเคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตาซะแล้ว
ผมไม่รู้แน่ชัดว่าสิ่งที่ได้ยินและเข้าใจในวันนี้มีสิ่งไหนที่เป็นจริงบ้าง หนึ่งคือพี่อาร์คชอบผู้ชาย สองคือคาดเดาว่าคนๆ นั้นต้องเป็นคนที่ผมรู้จัก และสาม...ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร รู้แค่ว่าจะต้องบากหน้าด้านๆ ของตัวเองไปขอโทษเขาให้ได้
ไอ้อาร์มเอ๊ย~ กูล่ะอยากตีปากตัวเองแรงๆ สักที
ไม่น่าเลย ไม่น่าเลยกู...
ผมไม่ได้เจอพี่อาร์คมาหลายวันแล้วนับตั้งแต่มีเรื่อง
เวลาเราก็ว่างไม่ตรงกัน พอเลิกเรียนแล้วรีบวาร์ปไปหาถึงช็อปโยธาเจ้าตัวก็ชิงกลับไปก่อนเสมอ เหนือเดือนกลายเป็นบุคคลหายากเหมือนแต่ก่อน หรือบางทีตอนนี้อาจเตรียมขึ้นทะเบียนเป็นบุคคลสูญหายได้อีกหนึ่งกรณี
ผมไปรอที่สนามซ้อมพี่อาร์คก็ไม่ยอมมา จากความกังวลในคราแรกตอนนี้กลายเป็นเหมือนก้อนหินหนักหลายร้อยตันที่หล่นลงมาทับตัว เรื่องในวันนั้นผมไม่ได้พูดกับเพื่อนสนิททั้งสอง นอกจากเก็บเอาไว้คนเดียวจนกว่าจะเคลียร์กับมนุษย์เหนือเดือนได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...
จะให้ไปหาที่ห้องก็ไม่กล้าพออีก กลัวว่าจะโดนไล่กลับมาแบบโหดร้าย ถึงตอนนั้นผมคงเสียใจกว่าตอนนี้หลายเท่า
Rrrr...!
เสียงนาฬิกาปลุกยังคงดังขึ้นเหมือนทุกวัน ผมชันตัวนั่งขยี้ตาพักหนึ่ง ก่อนจะเห็นคนตรงข้ามนั่งกดโทรศัพท์ไปยิ้มไปอย่างมีความสุข
“คุยกับใคร”
“ที่รักกูไง” ผมอ้าปากหวอ
“คบกันแล้วเหรอ”
“ยัง แต่อีกไม่นานหรอก” ดาวคณะพยาบาลน่ะครับ
ดูเหมือนความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะไปได้สวย ดีที่พี่อาร์คบอกก่อนว่าไม่ได้ชอบไอ้แซนด์ ไม่อย่างนั้นเรื่องราวอาจจะวุ่นวายไปมากกว่านี้
“ถามหน่อยดิ ช่วงนี้มึงเห็นพี่อาร์คบ้างมั้ยวะ”
“ไม่นะ” อีกฝ่ายตอบกลับอย่างรวดเร็ว ขณะสองตายังคงจดจ้องที่หน้าจอมือถืออยู่
ผมพยายามแล้ว ทำทุกทางเพื่อติดต่อกลับไป แต่ลุงแกดันเล่นหายเข้ากลีบเมฆราวกับคนไม่มีตัวตน โทรไปก็ปิดเครื่อง เฟซบุ๊ก ไอจี ไลน์ ทุกอย่างหยุดชะงักไม่มีความเคลื่อนไหวจนรู้สึกหวาดหวั่น
ก๊อกๆๆ
สเต็ปเดิม เสียงเคาะประตูห้องพร้อมกับการโผล่หน้ามาทักทายในตอนเช้าของไอ้โป้ วันนี้มันยังอยู่ในชุดนอนแถมกำลังวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาผมพร้อมกับยื่นมือถือมาให้
“เหนือเดือนมีการเคลื่อนไหว”
“เหยดดดดดดดด” รูมเมทผมแทบจะโยนมือถือทิ้งแล้ววิ่งมาสุมหัวตรงกลางห้องอย่างรวดเร็ว
“อะไรยังไงเล่าด่วน”
“หลังจากที่กูตามติดชีวิตไอดอลมาตลอดอาทิตย์ วันนี้พี่มันก็ได้กดหัวใจในไอจีของคนคนนึงเว้ย” มือถือถูกยื่นมาไว้ตรงหน้า ซึ่งปรากฏหน้าจออินสตาแกรมของผู้หญิงคนหนึ่งที่แสนคุ้นตา เธอเป็นเจ้าของยอดฟอลโลว่หลักแสนในตำนาน และที่สำคัญครั้งหนึ่งก็เคยเป็นบัดดี้ของพี่อาร์คด้วย
“เนี่ย เขามีรูปคู่กันกระหนุงกระหนิงเลยมึง”
ผมทักไปพี่ไม่เคยตอบ แต่กับอีกคนเขากลับมีเวลามานั่งกดหัวใจใต้รูป
แม้วิศวะสัมพันธ์จะจบลงไปพักใหญ่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่จะไม่จบลงตาม เพราะบริ๊งบริ๊งยังคงโพสต์รูปคู่พี่อาร์คอยู่เป็นระยะ แถมที่พีคกว่านั้นตรงที่พี่มันดันมีรีแอคกลับมาด้วยนี่แหละ
ก็ยังดูมีความสุขอยู่นี่หว่า
“แค่รู้ว่ายังไม่ตายก็ดีแล้ว กูไปอาบน้ำก่อนนะ”
“เออรีบเลย มีเรียนแปดโมง ไปสายก็โดนเช็กขาดอีกเซ็งฉิบ!” เสียงบ่นงึมงำของเพื่อนดังตามหลัง ผมคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกวูบโหวง มองดูหน้าตัวเองในกระจกตอนนี้แม่งโคตรหมาหงอยเลยว่ะ นี่กูนอยด์อะไรวะ
พี่แฮปปี้ก็ควรดีใจสิวะ ถึงแม้เราจะไม่ได้เคลียร์กันแต่คิดว่าพี่อาร์คคงลืมความขุ่นข้องหมองใจไปหมดแล้ว
“อาบน้ำนะมึงไม่ใช่หนีไปร้องไห้” คนด้านนอกตะโกนเข้ามา
“ร้องเหี้ยไรล่ะ เพ้อเจ้อ”
“ไม่เสียใจใช่มั้ย”
“เสียใจอะไร”
“พี่อาร์คคุยกับคนอื่นแต่ไม่คุยกับมึง”
“เป็นแค่พี่น้องในสายมีสิทธิ์เสียใจด้วยเหรอ ไม่มี๊ ไม่ควรมีเลย...” มือขวาเอื้อมไปหมุนก๊อกฝักบัว ปล่อยให้น้ำชโลมลงมาบนร่างกายอย่างต่อเนื่อง นี่ถ้าเปิดเพลงเศร้าอีกหน่อยก็ตัดต่อเป็นเอ็มวีได้เลยนะ
ผมคิดว่าวันนี้บรรยากาศมันดูขมุกขมัวไปนิดหน่อย เพราะหลังจากเดินเข้าคณะมันก็มีเรื่องไม่สบายใจเข้ามาอยู่ตลอดไม่ว่าจะตอนอยู่ในห้องเรียน…
“พี่อาร์คคุยกับบัดดี้ที่อยู่ MEU ว่ะ สุดยอดดดดดดดด”
“กิ่งทองใบหยกชัดๆ”
“เสียดายพี่อาร์ค”
“ไอ้สัด บริ๊งบริ๊งนี่น่ารักงี้เลยนะโว้ย อิจฉาทั้งคู่นั่นแหละ” ไอ้เพื่อนตัวดีก็ยังหยิบเรื่องนี้มาเป็นประเด็น จนทั้งภาคเต็มไปด้วยเรื่องราวของคนทั้งคู่
“มึงล่ะไอ้อาร์ม รู้เรื่องนี้มั้ย” ผมสะดุ้งทันทีเมื่อถูกสะกิด
“ฮะ? ว่าไงนะ เรื่องอะไร”
“สองคนนั้นจีบกันหรือเปล่า”
“ไม่รู้”
“มึงลองแชตไปถามให้พวกกูหน่อยนะ อยากเสือกอ่ะ”
“ถามได้ แต่ไม่รู้ว่าพี่อาร์คจะตอบกูมั้ย” เพราะตั้งแต่วันนั้นอีกฝ่ายก็ไม่เคยอ่านหรือตอบข้อความผมอีกเลย เนี่ย...พูดแล้วเศร้า
ขอเหล้ามาย้อมใจหน่อยเถอะ
ตอนอยู่ในห้องเรียนว่าหนักแล้วที่โรงอาหารหนักกว่า…
“พี่ญี่ปุ่นครับ”
“อ้าวอาร์ม ไม่เจอกันหลายวันเลย”
“นั่นสิ คือ...ผมมีเรื่องจะถามหน่อย”
“ว่ามา”
“ได้เจอพี่อาร์คบ้างมั้ยครับ”
“ไม่เจอเลย” ฟู่~ โล่งใจ อย่างน้อยผมก็ไม่ใช่คนเดียวที่ถูกหนีหน้า “แต่เมื่อวานเพิ่งโทรคุยกันไป วันก่อนแกก็เพิ่งไปนั่งกินเหล้ากับพี่เจตอยู่เลย อาร์มมีอะไรเหรอ”
ตุบ!
คุณเคยตกจากที่สูงมั้ย ตอนนี้แหละที่เป็นความรู้สึกของผมหลังได้ยินคำตอบของพี่ญี่ปุ่น
หรือจะเป็นตอนเข้าส้วม…
“เห็นที่แคปมายังวะ แฟนกูนี่กรี๊ดเป็นบ้าเลย”
“แคปอะไร”
“เหนือเดือนคุยกับดาวคณะ MEU”
“เห็นละ โคตรเหมาะกัน กูล่ะอยากมีแฟนสวยแบบนั้นบ้าง”
“มึงต้องเกิดมาหน้าเหมือนไอ้พี่อาร์คก่อนถึงจะได้แบบนั้น”
“ถุย”
ขี้ไม่ออกแล้ว น้ำตาไหลแทน...
แล้วอินสตาแกรมของพี่อาร์คก็มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง วันนี้เขาอัปโหลดรูปท้องฟ้าแสนธรรมดา แต่แคปชั่นแม่งโคตรบาดจิตบาดใจ
Arc_nol รักแฟนมากครับอย่าคิดจีบ แฟนหวง
มันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีผู้หญิงคนหนึ่งตอบกลับมา
BrinkBrink เขินนะ
ผมคิดว่าเขาคงไปได้ดีกันแล้ว ไม่ได้หวังสักนิดว่าควรรับรู้เรื่องนี้เป็นคนแรกๆ เพราะตัวเองก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น เพียงแต่...คงดีกว่านี้ถ้าสิ่งที่เห็นเป็นแค่เรื่องล้อเล่นของเขากับเพื่อน
แม้มันจะเป็นไปได้ยากก็ตาม
เรื่องของพี่อาร์คยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด ตอนปลีกวิเวกไปดูหนังก็ยังไม่น้อยหน้า...
คิดถึงป๊อปคอร์นที่พี่ซื้อให้
“กูเห็นพี่อาร์ค” ผมร้องออกมาหลังจากเห็นแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูงอยู่ลิบๆ สองขารีบก้าวตามไปอย่างไม่ลดละจนกระทั่งถึงตัวของอีกฝ่าย
“พี่อาร์ค”
“ไอ้อาร์มใจเย็น ขอโทษแทนเพื่อนด้วยครับมันทักคนผิด”
ไอ้โป้วิ่งตามเข้ามาพูดแก้ต่างให้ ก่อนผมจะยืนคอตกอยู่ในโรงหนังทั้งที่ยังไม่ทันได้ฉีกตั๋ว
“ตาลายเหรอมึง”
“อือ”
เมื่อก่อนไม่เคยรับรู้นะ แต่พอไม่มีอยู่ดันรู้สึกวูบโหวงแปลกๆ
คิดถึงพี่อาร์คว่ะ
แม้แต่วันที่สายรหัสเทวดารวมพลเลี้ยงสายกันอีกครั้งในรอบเดือน ผมก็ยังคาดหวังว่าจะได้เจอลุงรหัสที่โคตรกวนตีนคนนั้น ทว่า...
“สั่งเลยจ้า อาร์มอยากกินอะไรก็จิ้มเลย” พี่ญี่ปุ่นยังใจป้ำเหมือนเดิม แม้เงินที่จ่ายนั้นจะถูกควักมาจากกระเป๋าพี่เจตก็ตาม
“งั้นเอาอันนี้ครับ”
“หมูมะนาวเหรอ เอาอะไรอีกมั้ย”
“ให้พี่สั่งเลย” ปากว่า แต่สายตากลับสอดส่องไปทั่ว
ในใจได้แต่ภาวนาว่าขอให้พี่อาร์คหนีไปเข้าห้องน้ำหรืออะไรก็ตามแต่ สักพักก็จะกลับมานั่งข้างๆ ผมเหมือนที่เคยทำ
“อาร์มมองอะไร” ดูเหมือนคนที่สังเกตเห็นจะเป็นพี่เจต และผมก็ไม่เก่งพอที่จะปกปิดความรู้สึกเอาไว้นอกจากถามออกไปตามตรง
“พี่อาร์คล่ะครับ”
“อ๋อ มันไม่มา”
“ติดงานเหรอครับ”
“ไม่ได้บอกไว้นะ ทำตัวผลุบๆ โผล่ๆ จนชินแล้ว ช่างมันเถอะ”
“ผมโทรหาพี่อาร์คไม่ติด” น้ำเสียงที่เปล่งออกไปเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ จนกระทั่งคนตรงข้ามหยุดชะงักและพากันจ้องผมเป็นตาเดียว
“ปกติมันก็ไม่รับสายใครอยู่แล้ว”
“วันก่อนพี่ญี่ปุ่นบอกว่าเพิ่งคุยไป แล้วพี่เจตก็ยังไปกินเหล้าด้วยกันอีก” ผมเริ่มพูดไปเบะปากไป เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ฉิบหาย แต่ก็ฝืนให้ตัวเองปั้นหน้ากวนตีนเหมือนเดิมไม่ได้
“อันนั้นคือบังเอิญเจอกันที่ร้านเหล้าเฉยๆ”
“ทำไมผมไม่บังเอิญเจอบ้างอ่ะ”
“อาร์ม”
“ผมอยากเจอพี่อาร์ค พี่มีเบอร์คุณรังสรรค์มั้ยครับ”
“ไม่จ้า เดี๋ยวสงบสติอารมณ์ก่อนเนาะ อย่าให้เรื่องถึงพ่อเลยกลัวว่าจะไปกันใหญ่”
สุดท้ายผมก็ไม่ได้อะไรเลยนอกจากรอยยิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา แม้แต่คุณรังสรรค์ผมก็ไม่มีปัญญาติดต่อหา และลูกชายเขาอย่างไอ้พี่อาร์คที่หาตัวจับยาก ผมจะทำยังไง
อินสตาแกรมลุกเป็นไฟ!
เรื่องทอร์กออฟเดอะทาวน์โด่งดังอีกครั้งเมื่อบริ๊งลงรูปกับพี่อาร์คอีกรอบ แม้จะเป็นรูปที่ถ่ายเอาไว้นานแล้ว แต่ผมก็รู้สึกอิจฉาอยู่ดีเพราะคราวนี้พี่ไม่ได้กดหัวใจให้เขาอย่างเดียว แต่เจ้าตัวดันตอบข้อความกลับไปด้วย
BrinkBrink วิศวะสัมพันธ์ ที่ทำให้ความสัมพันธ์สวยงาม
ใครไม่คิดกูคิด!
ขึ้นแคปชั่นขนาดนี้คนนอกกัดฟันแล้วครับ เพราะดูยังไงแล้วก็ต้องมีซัมธิงกันแน่นอน
Arc_anol รูปนี้ไม่หล่อ
BrinkBrink @Arc_anol หล่อแล้วค่า กับพี่มีมุมไหนไม่หล่อด้วยเหรอ
Arc_anol @BrinkBrink มุมที่อยู่กับเธอไง
BrinkBrink @Arc_anol โอ๊ยยยยยยย เสียใจนะเนี่ย
ผมคันไม้คันมืออยากตอบกลับมากๆ แต่เมื่อมองดูแล้วมันไม่ได้อยู่ในจุดที่ผมต้องเสือกเลยได้แต่ห้ามใจ แล้วกดเพียงหัวใจเห็นด้วยกับบทสนทนานั้นเหมือนกับคนอื่นๆ อีกหลายร้อยคน
พอสังเกตเห็นข้อความที่คนทั้งคู่เพิ่งคุยกันเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ในใจผมก็อยากเสี่ยงอีกรอบด้วยการกดไปยังหมายเลขที่บันทึกเอาไว้ จากนั้นก็กดโทรออก
สายไม่ว่าง
ผมคิดว่า พี่อาจจะบล็อกเบอร์ผมไปแล้วจริงๆ
อ่านต่อด้านล่างค่ะ