ตอนที่ 9
เจ้าภาพวิศวะ (เริ่ม) สัมพันธ์
โลกหมุนเคว้ง
ระบบประสาทหยุดทำงาน
ผมนั่งนิ่ง จ้องมองไปยังคนตัวสูงที่ยืนหน้ามึนอยู่ตรงหน้า ท่ามกลางความวุ่นวายของคนรอบข้างทว่ากลับจับใจความของสิ่งที่ดังจอแจในหูไม่ได้เลย รู้แค่ว่าตอนนี้...
พี่อาร์คแม่งทำเหี้ยไรวะสาดดดดดดดด!
“พะ...พี่มาผิดทางแล้ว เขาไม่ให้เทค...คนมอเดียวกันนะ”
นานเหมือนกันกว่าจะรวบรวมสติได้ เลยตัดสินใจเป็นฝ่ายพูดกับลุงรหัสตรงๆ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวยังคงนิ่ง ทุกชีวิตกำลังรอคำตอบจากพี่มันอย่างคาดหวัง ความจริงจะพูดอะไรออกมาก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ความเงียบเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้
“พี่อาร์ค” ผมเรียกชื่อเหนือเดือนอีกรอบกว่าจะได้คำตอบกลับมา
“ไม่ได้เหรอ จริงๆ เราจะเทคใครก็ได้”
ไม่ได้โว้ยยยยยยยยยยยยยยย
“เขาให้เทคคนที่พี่จับได้”
“ก็คือมึง” ยังคงเถียงกลับหน้าตาย
“ไม่ ผมไม่ได้อยู่ MEU”
“แต่มึงน่ารัก”
“ผมไม่ได้อยู่ MEU”
“ก็มึงน่ารัก”
“คนน่ารักมีเป็นร้อย”
“ก็กูจะเลือกมึง” โคตรกวนตีนเลยสัด กวนจนทำให้คนอื่นประสาทเสีย
“ไอ้อาร์คมึงอย่ามาแกรนด์แถวนี้ มานี่เลย บัดดี้มึงอยู่นี่กูถามให้แล้ว” ไม่ปล่อยให้ผมได้เถียงกับอีกฝ่ายนานเกินควร รุ่นพี่อย่างพี่คอปป์และพี่บลูมก็ปราดเข้ามาลากตัวมนุษย์เหนือเดือนออกไป ในตอนนั้นเอง ที่เสียงหัวเราะของคนในห้องเริ่มดังขึ้นจนกลบเสียงพิธีกรบนเวที
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ทุกคนกำลังพุ่งเป้าไปที่พี่อาร์คซึ่งกำลังโดนลากไปอีกฟาก บทสนทนาปนเสียงหัวเราะมหาศาลรัวกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง นานนับสิบนาทีกว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะกลับเป็นเหมือนเดิม
ผมเกาหัวแกรก ก้มหน้าหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเพื่อหนีสายตาล้อเลียนของคนโดยรอบ ไม่นานรุ่นพี่พิธีกรปีสามก็เป็นฝ่ายประกาศแถลงไข เรื่องทุกอย่างมันเกิดจากความหน้ามึนของเหนือเดือนที่ไม่อยากทำความรู้จักกับใครนอกจากหลานรหัสอย่างผมเท่านั้นเอง
ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าพี่อาร์คค่อนข้างปิดกั้นตัวเองจากคนอื่น ดังนั้นเลยไม่มีใครได้ทำความรู้จักกับแกแบบจริงจังสักที ผมจึงได้แต่หวังว่าเขาจะมีเพื่อนใหม่ที่สนิทสนมจากงานวิศวะสัมพันธ์บ้าง
กิจกรรมการตามหาบัดดี้ยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ มีเพียงผมที่ยังไม่เจอคู่ของตัวเองเนื่องจากรุ่นพี่จากฝั่งเชียงใหม่เดินมาบอกว่าบัดดี้กูนั้นหนีเที่ยว เดี๋ยวสักพักคงกลับมา
ฉิบหาย...
ต้องเป็นผู้หญิงประเภทไหนวะถึงได้กล้าแหกกฎขนาดนี้
“พี่อาร์คแม่งได้ดาวคณะจาก MEU เป็นบัดดี้จริงๆ ว่ะ ชื่ออะไรนะ บริ๊งป่ะวะ” ไอ้แซนด์เริ่มประเด็น สายตาจดจ้องไปยังผู้หญิงคนเดียวกันกับในอินสตาแกรมที่เพิ่งเปิด
ยอดฟอลแสนเก้าไม่เคยปรานีใคร ตอนคนทั้งคู่นั่งอยู่ด้วยกันยิ่งดูเหมาะสม แม่ง...กูอยากได้แบบนี้บ้าง สวยๆ เบอร์นี้เลยได้มั้ย
“ก็ต้องได้สิ รุ่นพี่เลือกให้ซะขนาดนั้น หมดกันไอดอลกู” คราวนี้ไอ้โป้เถียงกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนเหลวราวกับหัวใจกำลังแตกสลาย ผมรู้ว่ามันไม่ได้หวงดาวหรอก มันหวงพี่อาร์ค ไอ้เวร...
“อ้าว เลือกให้เหรอวะ กูเข้าใจว่าจับสลาก” ผมถามอย่างสงสัย
“เหอะ! ทุกรายชื่อรุ่นพี่เลือกให้เว้ย แม้แต่ของมึงก็ด้วย”
“กู?”
“ใช่ รุ่นพี่เลือกคนชื่อท้องฟ้าให้มึง”
“เข้าใจละ”
“แต่โลกแม่งไม่ยุติธรรมเลยว่ะ ทำไมต้องเลือกคนหล่อกับคนสวยมาอยู่ด้วยกันวะ นี่มันสมัยไหนกันแล้ว แม่งไม่ควรมีกำแพงเรื่องหน้าตาแล้วเว้ย”
ก็ได้แต่ฟังมันสองตัวพล่ามใส่กันไปเรื่อยๆ
ผมก้มหน้าเล่นมือถือ สักพักก็เปลี่ยนไปให้ความสนใจกับคนบนเวทีที่กำลังขอผู้กล้าขึ้นไปทำกิจกรรมต่างๆ บรรยากาศของงานวิศวะเต็มไปด้วยความครึกครื้น กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงใครคนหนึ่งก็โผล่หัวมา แถมยังยืนค้ำหัวผมอยู่ด้วย
เขาเป็นผู้ชายตัวขาว ขาวมากจนไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือผิวคนไทย หน้าตาหล่อสัด ดั้งโด่ง ปากรูปกระจับ กับผมทรงอันเดอร์คัทที่ยิ่งขับเน้นให้รู้สึกทั้งหล่อและเท่ในเวลาเดียวกัน โห...ความคิดอิจฉาคนหน้าตาดีมันเกิดขึ้นอีกแล้วกู
“ชื่ออาร์ม อนลใช่มั้ย” เขาถามเสียงเรียบ
คือรู้จักกูได้ยังไง เรายังไม่เคยคุยกันสักครั้ง แต่ผมก็เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วเลือกตอบคำถามอีกฝ่ายแทน
“ใช่”
“อือ กูชื่อท้องฟ้า”
“ฮะ?”
“เราเป็นบัดดี้กันหนิ”
บัดดี้กูเป็นผู้ชาย!
ท้องฟ้ามันเป็นผู้ชายยยยยยยยย สดใสจริงๆ เลยมึง
“ท้องฟ้าไม่ใช่ผู้หญิงเหรอ” เจ้าตัวไม่ตอบ แต่กลับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ก่อนจะยื่นถุงใส่น้ำผลไม้มาให้ผมหน้าตายโดยไม่มีคำอธิบายสักคำ กว่าจะเข้าใจว่านี่คือของเทคที่อีกฝ่ายซื้อให้ก็ใช้เวลาโคตรนาน เลยรีบหยิบของที่เตรียมไว้ขึ้นมาบ้าง
“อันนี้ของบัดดี้”
“เรียกฟ้าเฉยๆ ก็ได้” ปากพูด ทว่ามือก็ยื่นมารับของจากผมด้วยเช่นกัน
ด้วยไม่รู้จะซื้ออะไร ผมเลยซื้อขนมตามเพื่อน และคว้าเอาเสื้อซึ่งมีตราคณะจากห้องสโมสรมาเป็นของที่ระลึก เผื่อสิบปีผ่านไป เสื้อในตัวนี้จะได้ระลึกถึงความทรงจำเมื่อครั้งนานมาแล้ว
และการกระทำทั้งหมดนี้ก็ดำเนินผ่านสายตาของคนรอบข้างทั้งหมด การได้บัดดี้หน้าตาดีถือเป็นความซวยครั้งยิ่งใหญ่ เพราะนอกจากจะรู้สึกถึงข้อเปรียบเทียบทางด้านกายภาพแล้ว ยังต้องอึดอัดกับการถูกจ้องมองจากคนโดยรอบอีก แต่ผมก็เก่ง รู้ว่าควรทำยังไงเพื่อให้ตัวเองไม่รู้สึกประหม่า
สิ่งแรกที่เลือกทำเลยก็คือการชวนคุย
“พี่ฟ้า ก่อนหน้านั้นตอนที่ทุกคนเลือกบัดดี้ พี่หายไปไหนวะ” คนถูกถามละสายตาจากหน้าเวทีกลับมาที่ผมอีกครั้ง
ไอ้สัด! หล่อฉิบหายเลยว่ะ
เคยเป็นเดือนคณะมาก่อนใช่มั้ย ออร่าถึงได้แรงกล้าขนาดนี้
“กูไปทำธุระ ตามหาคน”
“หาคน?”
“อืม”
“แล้วกินอะไรมาหรือยัง”
“กินแล้ว” เชี่ย...เกลียดตัวเอง เลิกมองพี่มันไม่ได้เลย คือกูอยากเกิดมาหล่อแบบนี้บ้าง สรุปผมอยากหล่อเหมือนทุกคนแหละครับยกเว้นตัวเอง ถุย!
ถ้าถามว่าบัดดี้ที่ชื่อท้องฟ้าหน้าตาแตกต่างกับพี่อาร์คยังไง ผมคงพูดได้แค่ว่าต่างกันทุกอย่าง แม้แต่บุคลิกก็ไปกันคนละทาง ท้องฟ้าจะดูนิ่งๆ หน้าตาสะอาดสะอาด ส่วนลุงรหัสกูนั้น...
แม่งคือศูนย์รวมของความเกรี้ยวกราดที่แท้จริง
กิจกรรมบนเวทียังคงดำเนินไปด้วยความสนุกสนาน ก่อนจะถึงช่วงแนะนำตัวดาวเดือนปีหนึ่งซึ่งจะมีการประกวดในคืนถัดไป เสียงกรี๊ดดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ผมมองไปยังเพื่อนร่วมคณะอย่างไอ้ธีม วันนี้มันหล่อกว่าทุกวันเพราะรุ่นพี่เล่นจับมันไปแต่งหน้าทำผมซะจัดเต็ม
แต่เชื่อเถอะว่าเพื่อนต่างมหา’ลัยหลายคนคงยังไม่รู้ ว่าเดือนที่หลายคนส่งเสียงกรีดร้องจนปอดแทบฉีกในตอนนี้...แท้จริงมีแฟนแล้ว แถมแมนกว่ามันตั้งหลายเท่า คิดแล้วก็นึกถึงเดือนรัฐศาสตร์ที่ควบตำแหน่งเดือนมหา’ลัยขึ้นมาทันที
ในปีนั้นพี่วอร์มได้รับตำแหน่งด้านความหน้าตาดี ตัดภาพมาที่ไอ้พี่อาร์คของกูครับ แม่งไม่เอาอะไรสักอย่าง แต่พี่ญี่ปุ่นเคยเล่าให้ฟังว่าตำแหน่งเหนือเดือนก็ได้มาในวันเดียวกันนั่นเอง
“หูยยยยยยยย พี่อาร์ค”
สายตาจดจ่อกับหน้าเวทีได้ไม่เท่าไหร่เสียงเซ็งแซ่ก็ดังขึ้น ผมหันไปมองรอบตัวก่อนจะพบว่าร่างสูงของเหนือเดือนปีสามกำลังยืนค้ำหัวแถมยังก้มหน้าจ้องมองผมเขม็ง
“ไอ้อาร์ม ขยับไป” เจ้าตัวบอกแค่นั้น แต่ด้วยความงงเลยไม่ได้ถามอะไรกลับนอกจากขยับตัวตามคำสั่ง
พี่อาร์คแทรกเข้ามานั่งคั่นกลางระหว่างผมกับบัดดี้ ในขณะที่เพื่อนซี้ของผมก็เอาแต่ดีใจที่ไอดอลของมันย้ายมานั่งด้วยกัน คงมีแต่กูคนเดียวที่งงฉิบหาย อะไรของมึงวะพี่
“มานั่งทำไมตรงนี้”
“เบื่อ” ดูแม่งตอบเข้า
“บัดดี้พี่ล่ะ ดูแลเขาดีหรือยัง”
“เป็นบัดดี้ไม่ได้เป็นเมีย”
ตอบแบบนี้กลัวตีนมันจะปลิวไปเตะที่ปากจริงๆ
“แล้วนี่มีสิทธิ์อะไรมานั่งแทรกผมกับพี่ฟ้าไม่ทราบ”
“สิทธิ์ของการเป็นสายรหัส”
“โอ้โห รู้สึกว่ามันไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นมั้ย”
“แล้วต้องเป็นอะไรถึงจะมีสิทธิ์วะ”
“...” ผมเงียบ เดดแอร์เข้าแทรกเพราะเถียงไม่ออก ไม่คิดเลยว่าคนที่เริ่มต้นบทสนทนาอีกครั้งจะเป็นคนอายุเยอะที่สุดในโต๊ะอย่างท้องฟ้า
“ชื่ออาร์คเหรอ ได้ข่าวว่าเป็นคนดังของคณะ”
เจ้าของชื่อหันขวบ จ้องมองอีกฝ่ายตาเขม็งจนผมอยากลากพี่มันออกไปจากหอประชุมให้รู้แล้วรู้รอด เพราะกลัวเหลือเกินว่าอาจเกิดการวางมวยขึ้น
“คงดังไม่เท่ามึง เดือนมหา’ลัยเลยหนิ”
เขร้...เดือนมอ
“รู้ได้ไง”
“ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น”
“รู้มาก่อนแล้วเหรอ” พี่ฟ้าถามอีก
“รู้ตั้งแต่ที่มีคำใบ้เป็นบัดดี้ไอ้อาร์มแล้ว”
“เป็นอะไรกับอาร์ม”
“สายรหัส” ผมไม่ได้สนใจคำพูดหลังจากนั้นมากนัก จะหมกมุ่นก็แต่ประโยคก่อนหน้าของพี่อาร์คที่ดันรู้ว่าใครเป็นบัดดี้ของผมตั้งแต่เห็นคำใบ้แล้วต่างหาก นี่หมายความว่าที่ผ่านมาพี่แม่งแอบสืบมาหมดแล้วเหรอวะ ร้ายฉิบหาย บัดดี้ตัวเองไม่เห็นจะทุ่มเทขนาดนี้เลย
ผมปล่อยให้คนทั้งคู่กึ่งพูดกึ่งเถียงกันไปพักใหญ่ จากนั้นคำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมองเลยเอ่ยถามออกไป
“พรุ่งนี้พี่ฟ้าแข่งกีฬาอะไรมั้ย ผมจะได้ซื้อของเทคไปให้”
“กูเหรอ” เจ้าของชื่อจ้องหน้า “พรุ่งนี้กูแข่งบอล”
“พรุ่งนี้กูก็แข่งบอลเหมือนกัน” แล้วในเสี้ยววินาทีหลังจากนั้น ประโยคแข็งกระด้างของเหนือเดือนก็แทรกเข้ามาทันควัน
เดี๋ยวนะ! อะไรครับพี่มึง
“ไหนพี่เคยบอกว่าไม่ลงแข่งไง” ผมเบนสายตาไปยังลุงรหัสอย่างรวดเร็ว ก่อนจะได้รับคำตอบกลับมาแบบมึนๆ
“เหรอ กูเคยพูดเหรอ”
“ใช่ พี่เคยพูด”
“ตอนนี้แข่งแล้ว เพื่อนมันยัดชื่อให้”
“งั้นก็แข่งดีๆ ล่ะ อย่าให้เสียชื่อมหา’ลัยนะ” ผมพูดเป็นทีเล่นทีจริง แต่สายตาที่มองมานั้นกลับจริงจังจนขนลุก
“มึงมาเชียร์กูดิ”
“ผมแวะไปที่สนามอยู่แล้ว ต้องไปเทคของกินให้พี่ฟ้า”
“เทคกูด้วย”
“เดี๋ยวๆ เราไม่ใช่บัดดี้กันซะหน่อย” พี่อาร์คไม่ตอบ นิ่ง เงียบ ทว่ากลับจ้องหน้าผมเขม็งเหมือนเป็นการข่มขู่ทางอ้อม แต่คนอย่างไอ้อาร์มมีเหรอจะแคร์ รีบหันหน้าไปมองทางอื่นและหาเรื่องคุยกับเพื่อนในกลุ่มอย่างรวดเร็ว
กิจกรรมบนเวทีดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ครึ่งชั่วโมงให้หลังพี่ญี่ปุ่นก็โผล่เข้ามาพร้อมกับกล้อง DSLR ในมือ ท่าทางแกตื่นเต้นมาก ผมเลยเข้าใจว่าจุดประสงค์ของการมาที่โต๊ะฝั่งนี้คืออะไร
“อาร์ม บัดดี้หล่อมากๆ เลย” ดาวคณะพูดด้วยรอยยิ้ม เห็นแบบนี้กูอยากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาพี่เจตฉิบหาย โทษฐานชมคนอื่นจนเกินงาม
“ชื่อพี่ท้องฟ้า”
“อยากถ่ายรูปไปลงเพจคิวต์บอยอ่ะ” ไม่รอให้เจ้าตัวขยายความเพิ่ม ผมก็หันไปถามบัดดี้ต่างมหา’ลัยทันที
“พี่ท้องฟ้า พอดีรุ่นพี่อยากขอถ่ายรูปพี่ไปลงเพจได้มั้ยครับ”
“ได้ดิ”
ได้ยินเท่านั้นแหละพี่รหัสกูก็รีบแจ้นไปหาเค้าทันที จัดการหยิบกล้องขึ้นมาเตรียมถ่ายอย่างตั้งใจ แต่ด้วยความที่พี่อาร์คมันนั่งคั่นกลางระหว่างผมกับบัดดี้ เลยทำให้ต้องเอี้ยวตัวหลบคนตัวสูงเพื่อมองไปยังคนที่กำลังถูกถ่ายรูป
ไอ้เหนือเดือนมันก็กวนตีนกูไม่หยุด พอผมขยับมันก็ขยับตาม ใช้ตัวบังอีกฝ่ายจนไม่เห็นเหี้ยอะไรเลยนอกจากหน้าหล่อๆ ของลุงรหัส
“พี่อย่าบังกูดิ” ผมเอ่ยออกไปตรงๆ หลังความอดทนใกล้สิ้นสุด
“กูบังอะไร”
“ผมจะดูพี่ญี่ปุ่นถ่ายรูปบัดดี้”
“มองทำไม”
“ก็อยากมองอ่ะ”
ผมได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างหนักหน่วงตามมา ก่อนมือหนาจะเอื้อมมือมาจับแก้มทั้งสองข้างของผม แล้วยึดไว้ให้มองตาคนตรงหน้าไม่ขยับเขยื้อน
“มองกูนี่”
“มองพี่แล้วได้อะไรวะ” ผมไม่กล้าสบตากับพี่อาร์คด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไม ทั้งที่เจอกันประจำ เป็นคนในสายรหัส แต่สีหน้า การกระทำ รวมถึงความหน้ามึนต่างๆ ที่เจ้าตัวแสดงออกมันทำให้ใจผมสั่น แถมตอนนี้ก็กำลังกลายเป็นเหยื่อให้กับความหล่อไม่รู้จักกาลเทศะของมัน
“อยากได้อะไรบอกมา”
“ผมไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ช่วยปล่อยกูด้วย คนมองหมดแล้วแม่ง”
“งั้นตอบตกลงก่อนเดี๋ยวกูปล่อย”
“ตกลงอะไร”
“พูดตกลงก่อน”
“ผมยังไม่รู้เลยว่าพี่จะขออะไร”
“ตอบตกลงเดี๋ยวนี้”
“โอเคๆ ตกลง ปล่อยได้ยัง” พี่อาร์คยอมปล่อยมืออย่างง่ายดาย ก่อนเผยรอยยิ้มที่ผมเห็นไม่บ่อยนักออกมาคิลให้คนตายเกลื่อนเล่น “สรุปที่ให้ผมตกลงนี่ พี่ขออะไรกันแน่”
“มาเชียร์กูด้วย”
“เรื่องแค่นี้ ไม่ได้ลำบากอะไรขนาดนั้น”
“เชียร์กูคนเดียวนะ”
“ได้ไง ถึงจะอยู่คนละมหา’ลัยแต่ผมก็ต้องให้กำลังใจบัดดี้นะเว้ย”
“บัดดี้มึงมีคนเชียร์แล้ว”
“พี่ก็มีคนเชียร์โคตรเยอะ”
“ไม่เหมือนกัน” คนตรงหน้าพูดเสียงแผ่วลง ก่อนเราจะสบตากันตรงๆ อีกครั้ง “ไม่เหมือนมึง”
“...”
“เป็นมึงไม่ได้เหรอที่เชียร์กู” ตู้มมมมมมมม! ระเบิดเป็นโกโก้ครันช์
พี่อาร์คเปลี่ยนไป กลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่โคตรขี้อ้อนเหมือนเด็กๆ แล้วถามว่าผมเป็นยังไงในตอนนี้ คงบอกได้คำเดียวเลยว่า...กูตาย
“CNU สู้ๆ”
“SSU สู้ตาย”
“เดี๋ยวรู้เลยๆ”
“ใครแพ้เป็นแมว เจ้าภาพไม่ยอมแพ้หรอก”
“เชียงใหม่มาเพื่อฆ่า”
กองเชียร์สองฝั่งทำหน้าที่อย่างแข็งขัน เพราะฟุตบอลนัดแรกจะเริ่มเตะแต่หัววัน โดยคู่แรกเป็นการแข่งขันของทีมเชียงใหม่และมหา’ลัยของผม งานนี้เราไม่ได้เอาจริงเอาจัง เนื่องจากเป็นเพียงการเตะกระชับมิตรเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่ากองเชียร์จะไม่ได้คิดอย่างนั้น
“ลงสนามมาแล้วครับ ทีมแรกชุดสีแดงเลือดนกเป็นทีมจาก CNU เจ้าภาพ ที่เห็นเดินเด่นๆ มาแต่ไกลไม่ใช่กัปตันทีม แต่เป็นเหนือเดือนของคณะ บังอรโภชนา...อา...อาๆๆ”
“กรี๊ดดดดดดด พี่อาร์คสู้ๆ ค่า”
“เป็นกำลังใจให้สุดหล่อ”
“รังสรรค์!!”
โหยไอ้ฟาย แม้แต่พ่อมันก็ยังเอามาล้อ แต่พอหันไปเจอเพื่อนในแก๊งของพี่อาร์คกูก็ด่าไม่ลงเพราะคงสนิทกันมาก วันนี้คุณชายเขามาในชุดบอลประจำคณะ สกรีนชื่อด้านหลังเป็นร้านเหล้าสปอนเซอร์เหมือนทุกครั้ง
ฮือ ถ้าไม่ติดว่าหล่อกูด่าจริงๆ ด้วย มึงไม่สะกิดชื่อนี้เวลาโฆษกประกาศเลยหรือไง
“อีกฝั่งหนึ่งก็ไม่น้อยหน้า SSU ก็มีของพรีเมียมมาสู้ ท้องฟ้าจากภาควิชาไฟฟ้า อ๊าๆๆ”
มึงจะแอคโค่ทำเพื่อ?!
“กรี๊ดดดดดดด พี่ท้องฟ้า”
กองเชียร์ดูจะมีความสุขดี๊ด๊ามากกว่าปกติเพราะมีอาหารตาให้กรี๊ดจนหลอดลมแทบตีบ ผมนั่งอยู่ใต้สแตนด์เชียร์ ถือถุงน้ำและเกลือแร่เอาไว้เพื่อรอตอนบอลพักเบรก ระหว่างนี้ก็มองดูโฆษกประกาศแนะนำตัวผู้เล่นไปทีละคน
เนื่องจากวันนี้ยังไม่มีการแข่งขันสแตนด์เชียร์ ดังนั้นใครจะนั่งตรงไหนก็ได้ ทว่าทุกพื้นที่ในเวลานี้ก็เต็มไปด้วยนิสิตจากมหา’ลัยต่างๆ จนไม่เหลือที่ว่างให้นั่งแล้ว
“มึงดูไอดอลกู โคตรเท่เลยว่ะ พูดแล้วก็อยากคลานเข่าไปเลียรองเท้าเป็นการให้กำลังใจ”
“ใจเย็นๆ นะไอ้แซนด์” พวกหอชายนั่งเรียงกันไม่ห่าง แต่ละคนขุดคำอวยแบบโอเวอร์ออกมาสู้กันอย่างเต็มที่ จนทั้งบริเวณไม่เคยเงียบเหงา คึกคักอยู่ตลอดเวลา
ปี๊ดดดดดดดด
เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณแห่งการแข่งขัน นักเตะจากสองฝั่งเริ่มยื้อแย่งลูกกันกลางสนาม เพลงเชียร์ดังขึ้นมาไม่ขาดสายเป็นจังหวะพร้อมกับการตบมือเป็นกำลังใจ
ผมอยู่ตรงนี้ ทว่ายังคงเห็นใครบางคนเด่นชัดในม่านสายตา วันนี้พี่อาร์คไม่ได้มีท่าทีเหนื่อยล้าใดๆ เพราะสายตายังคงมุ่งมั่นและเอาจริงเอาจังเหมือนทุกครั้ง
“บังอรโภชนาส่องบอลให้อ๊บไสไม้ อ๊บไสไม้มึนส่งบอลผิดฝั่งเนื่องจากเผลอเรียกชื่อโอชิตัวเอง ตอนนี้บอลเลยตกอยู่ทางฝั่งของ SSU แบบมึนๆ”
“...”
“ทว่าอปป้าหน้าหล่อแย่งลูกมาได้ ลาก...ลาก...อปป้าส่งบอลให้เกี๊ยวทอดเจ๊สำรวย”
“...”
“เกี๊ยวทอดเจ๊สำรวยเขี่ยลูกไปด้านซ้าย เฮียหยองถุงเท้าสามคู่ยี่สิบวิ่งมารับได้ทัน และ...และ...ข้ามคาน! โอยยยยยยย ใครสั่งใครสอนให้ตั้งชื่อแปลกๆ ครับ ผมพากย์ไม่ทัน”
นอกจากเพลียชื่อแล้วผมก็เพลียโฆษกด้วยเนี่ย พูดเป็นน้ำไหลไฟดับราวกับกำลังอยู่ในงานแข่งเรือพายประจำจังหวัด ฟังแล้วเหนื่อยแทน พากูหายใจไม่ออกไปด้วย ไอ้แซนด์กับไอ้โป้ก็ลุ้นจนตัวเกร็ง จิกเล็บใส่ขากูจนเป็นรอยเลยถีบแม่งตกสแตนด์ไปทีละคน
หนักไปกว่านั้นคือตอนที่ฝั่งเราถูกยิงประตูจนแต้มทีมเชียงใหม่ขึ้นนำ และยังคงนำอย่างต่อเนื่อง
หมดครึ่งแรกมหา’ลัยผมตามทีมคู่แข่งอยู่สองประตู ขณะที่เพื่อนหอชายนั่งกอดคอน้ำตาซึมเพราะเห็นพี่อาร์คล้มไม่เป็นท่าอยู่กลางสนาม โหยไอ้เหี้ย ร้องเหมือนจะเป็นจะตาย รำคาญ!
นักเตะเดินมาพักตรงฝั่งนักกีฬา สวัสดิการทำงานอย่างแข็งขัน ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ตรงดิ่งไปยังพื้นที่นักกีฬาของฝั่งเชียงใหม่เป็นอันดับแรก พอเห็นพี่ท้องฟ้านั่งหัวเราะอยู่กับเพื่อน ผมเลยค่อยๆ ย่องเข้าไปหาอย่างมีมารยาท
“อ้าวอาร์ม” เจ้าตัวร้องเรียกอย่างอารมณ์ดี
“หวัดดีครับพี่ วันนี้โคตรเก่งเลย”
“อือ เตะสนุกๆ น่ะ แล้วนี่มาทำไม”
“ผมซื้อของมาให้” เป็นของเทคธรรมดาๆ มีน้ำดื่ม เกลือแร่ และผ้าเย็น
“ขอบใจมาก”
“ไม่เป็นไรครับ”
“เดี๋ยวมึงนั่งเชียร์ตรงนี้ได้นะ ไม่ร้อนเหมือนอยู่ตรงสแตนด์”
“เอ่อ...” ผมไม่ได้ตอบในทันที แต่สายตาเหลือบไปเห็นอีกฝั่งหนึ่งซึ่งมีนักเตะมหา’ลัยตัวเองนั่งอยู่ พี่อาร์คก็อยู่ตรงนั้น แถมกำลังมองมาทางผมด้วย “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ เดี๋ยวผมไปละ”
“โอเค เดี๋ยวเจอกันตอนเย็น”
“ครับ”
เดินออกจากฝั่งนักกีฬามหา’ลัยหนึ่งกูก็สับเท้าไปยังอีกฝั่งทันที ดูแล้วเหมือนสามีตามเอาใจเมียหลวงกับเมียน้อยมากๆ แต่ทำไงได้ ตรงโน้นก็บัดดี้ ตรงนี้ก็ลุงรหัส เฮ่อ...
“พี่อาร์ค” ผมร้องเรียกอีกฝ่าย เจ้าของชื่อเลยหันมามองเสี้ยวหนึ่งก่อนเบนสายตาไปทางอื่น ดูจากสภาพตอนนี้แล้วกูกลัวโดนพี่มันจับเตะตัดขาฉิบหาย เนื่องจากทำให้เหนือเดือนโกรธา
“มาทำไม” คนตัวสูงถามเสียงเรียบ ทันทีที่ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา
“ซื้อน้ำมาให้พี่”
“ไม่ต้อง” ปากบอกแต่ตัวเองก็ไม่ยอมแตะของที่สวัสดิการเตรียมให้เลย อาร์คนี่มันเด็กเอาแต่ใจจริงๆ
“ไม่เอางี้ดิ นี่ๆ มีผ้าเย็นด้วยนะ ยี่ห้อนี้ดีมาก” ไม่พูดเปล่าผมรีบแกะซองพลาสติกเพื่อหยิบผ้าเย็นออกมายื่นให้อีกฝ่ายอย่างคล่องแคล่ว พี่อาร์คแกก็ยอมรับไปง่ายๆ แต่กลับไม่เปิดพูดอะไร ผมเลยหาเรื่องถามต่อ
“ก่อนหน้าเห็นพี่ล้มด้วย เจ็บมั้ยวะ”
“...” เงียบ
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
“มีน้ำด้วย พี่กินน้ำก่อน” นี่กูแกะฝาขวดให้เลยนะเว้ย กับคนที่บ้านกูยังไม่เต็มที่ขนาดนี้
มือหนารับไปง่ายๆ ก่อนกระดกน้ำดื่มจนหมดไปครึ่งขวด ลีลานะแต่ก็กิน สภาพกระหายขนาดนี้ยังมีหน้ามาเล่นตัวอีก
“บอลตามอยู่สองแต้ม” แล้วจู่ๆ พี่แกก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“รู้ ก็เห็นอยู่เต็มตา แต่ไม่ต้องกลัวหรอกกองเชียร์พี่มีอีกเพียบ สาวๆ พี่ก็เยอะด้วย”
“แล้วไง”
“อ้าว ก็จะได้มีกำลังใจไง พูดถึงบัดดี้พี่นี่ยิ่งอิจฉา ผมเห็นเขาซื้อของกินมาให้พี่ก่อนแข่งด้วย”
“แล้วไง” แม่งพูดประโยคเดิมเลย
“เทคแคร์เขาหน่อยดิ”
“ไม่ได้อยากแคร์คนอื่น อยากแคร์เฉพาะบางคน”
“คนมีความรักชอบพูดแบบนี้สินะ สรุปเขามาเชียร์บอลเหรอ”
“มั้ง” ทำไมรู้สึกใจโหวงหวิวเฉยเลย ทั้งที่ผมก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้โชคร้ายคนนั้นเป็นใคร
“งั้นก็โชว์ให้เต็มที่เลย เขาต้องชอบพี่อยู่แล้ว” “อาจจะไม่ อวยพรกูหน่อยดิ”
“ขอให้เจ็บ”
“กวนตีน”
“จะโชว์นะ”
“อะไร”
“กูจะเล่นโชว์มึงนะ ไปล่ะ” “ดะ...เดี๋ยว...”
เคยมั้ย ไม่ได้รู้สึกแปลก แต่แม่งโคตรอึ้งและใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เพราะมันเลย...มันคนเดียว
อ่านต่อด้านล่างค่ะ