ตอนที่ 5
แฮปปี้อาร์คเดย์
เป็นเช้าแรกในรอบหลายปีที่ผมตื่นขึ้นมาในสภาพปวดขมับจนไม่อยากลืมตา สิ่งเดียวที่อยากทำคือนอนนิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ทว่าผมก็ไม่ได้รับสิทธิ์นั้น เพราะเมื่อตอนเช้ามืดเพื่อนรักฝั่งหอชายต่างโทรกระหน่ำหาไม่ขาดสาย ผมเลยต้องทิ้งความสุขบนเตียงนุ่ม ด้วยการแหกขี้ตาตั้งแต่เช้าตรู่
“มีเรียนตอนเช้าเหรอ” เจ้าของห้องชะโงกหน้าออกจากห้องน้ำ ขณะผมนั่งมึนหัวอยู่บนเตียงเพื่อทวนคำถามที่ได้ยินอีกรอบ
“ช่วงสองคาบแรกผมว่าง เรียนอีกทีสิบโมงเลย”
“งั้นรีบไปอาบน้ำ”
“ขอกลับไปอาบที่หอได้มั้ยครับ พอดีว่าชุดนิสิตอยู่ที่ห้องหมด ใส่ของพี่...” ผมหยุดพูดไปอึดใจหนึ่งก่อนต่อประโยคจนจบ “ก็คงไม่ได้”
“แหงล่ะ ตัวมึงแม่งสั้นแค่นั้น”
“เออกูเตี้ย พี่จะว่ายังไงเชิญตามสบายเลย”
“ขี้น้อยใจเหรอ ทำแบบนี้ก็ไม่ได้น่ารักหรอก รีบอาบน้ำซะแล้วเอาเสื้อยืดกูไปใส่แทน จะให้กูไปส่งในสภาพตัวเน่าแบบนี้แม่งไม่ไหวกับจมูกกู”
แหมมมมมม ทำมาดัดจริตรับไม่ได้ ตอนกูนั่งเบาะข้างมึงหลังเตะบอลเสร็จ กูยังไม่เคยบ่นให้ได้ยินสักแอะ นี่ถ้าไม่ติดว่าเมื่อคืนพี่มึงไปเคลียร์เรื่องให้ถึงร้านเหล้า อย่าหวังเลยว่าผมจะเงียบเป็นเป่าสากเหมือนตอนนี้
พี่อาร์คก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำทั้งตัว สองเท้ามั่นคงย่ำไปบนพื้น ก่อนคว้าเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ในตู้เสื้อผ้าออกมายื่นให้กับผม กูเลยต้องเดินเข้าส้วมโดยไม่มีสิทธิ์โต้แย้งใดๆ กว่าจะทำธุระส่วนตัวเสร็จพี่อาร์คมันก็เตรียมอาหารเช้าไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“พี่ ครีมอาบน้ำหอมอ่ะ แชมพูก็หอม” เมื่อคืนปวดหัวจนประสาทรับรู้กลิ่นเพี้ยนไปหมด เลยลืมพูดถึงเรื่องนี้ให้แกฟัง
เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นหรี่ตามอง แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรจนผมต้องขยายความต่อ
“ผมมาอาบน้ำห้องพี่บ่อยๆ ได้มะ”
“กูจะย้ายออกละ รำคาญ”
“รำคาญข้างห้องเหรอวะ”
“รำคาญมึงเนี่ย” สึด หวงพื้นที่ส่วนตัวฉิบหาย ผมไม่รู้จะโต้เถียงประเด็นนี้ต่อยังไงเลยรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างเร็วรี่
“แล้วนี่พี่ทำอะไรอ่ะ โคตรหอม”
“ตามองไม่เห็นเหรอถึงไม่รู้ว่ากูทำอะไร” สัดเอ๊ย กูไม่น่าพูดขึ้นเลย
แล้วดูสภาพหน้าตากับกิริยาห่ามๆ แม่งดิ ใครจะไปอยากเชื่อว่าทำอาหารเป็นกับเขาด้วย แม้บนโต๊ะจะเป็นแค่โจ๊กใส่ไข่อย่างเดียว แถมกลิ่นคุ้นเคยเหมือนกับโจ๊กสำเร็จรูปที่แค่เทใส่น้ำร้อนแล้วแดก แต่ก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผมอยู่ดี
“เออเห็นแล้ว ยังไงก็ขอบคุณครับ” ว่าแล้วก็ดึงเก้าอี้ออกมา แล้วทิ้งตัวลงนั่งทันที
“ใส่กางเกงในมั้ยเนี่ย” ถามเหี้ยอะไรของมันวะ
“ใส่ พี่สบายใจได้กูไม่หยิบของพี่ไปใส่หรอก ส่วนเสื้อกับกางเกงนี่เดี๋ยวผมจะรีบซักมาคืนแล้วกัน”
พี่มันไม่ตอบอะไร นอกจากนั่งลงยังฝั่งตรงข้ามแล้วจ้วงโจ๊กใส่ปากทั้งที่ยังร้อนควันฉุย ผมเองก็ก้มหน้าก้มตากินอย่างไม่มีปากเสียง พลันสมองระลึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ คำพูดของพี่อาร์คที่ทำให้ผมสับสนไปชั่วขณะ แต่ก็ยังสองจิตสองใจว่าจะถามไปดีหรือเปล่า
“มีอะไร” ทว่าเสียงทุ้มกลับแทรกถามอย่างรู้ทัน
“เอ่อ...เปล่า”
“มึงเหลือบมองกูจนตาจะเหลือกอยู่ละ มีอะไรก็ถามมา” ทำไมแม่งโหดจังหวะ เมื่อคืนพี่มึงไม่ได้เป็นแบบนี้อ่ะ
“ก็เรื่องเมื่อคืนผมจำได้ พี่บอกว่ากูเป็นคนของพี่นี่คือยังไง”
เสียงผ่อนลมหายใจดังขึ้นมาเฮือกหนึ่ง ก่อนเราจะเงยหน้าสบตากันอีกครั้ง
“มึงเป็นน้องกู ก็ต้องเป็นคนของกูดิ”
“แล้วพี่ญี่ปุ่นล่ะ”
“ญี่ปุ่นก็คนของกู มีอะไรจะถามอีกมั้ย”
“โอเคเก็ต ประโยคแสดงความเป็นเจ้าของสำหรับสายรหัสนี่เอง” เบิ้ดคำซิเว่า ไม่มีอะไรให้ถามกลับไปแล้วก็ต้องแดกอย่างสงบเสงี่ยมแล้วล่ะครับ
พอกินโจ๊กพร่องไปเกือบหมด พี่อาร์คก็ยื่นถุงยาแก้อักเสบที่ได้รับจากโรงพยาบาลมาให้ ก่อนจะเป็นฝ่ายพาผมไปส่งถึงหอใน ระหว่างทางแกเล่นจัดหนักจัดเต็มสั่งสอนกูถึงเรื่องเมื่อคืนอีกรอบจนหูแทบชา แถมก่อนลงจากรถพี่มันก็ยังสำทับเสียงเข้มอย่างเผด็จการ
“ไอ้อาร์ม ต่อไปถ้าจะไปร้านเหล้ามึงต้องมาขออนุญาตกูก่อน”
“งั้นขอล่วงหน้าเลยแล้วกัน”
“ไม่ให้ไป”
“นั่นไง งั้นปีนี้กูก็ไม่ได้ไปแล้วดิพี่”
“ถ้าไม่มีกูคุมมึงก็ไม่ต้องเสือกไป ร้านนม ร้านขนมแถวมอเยอะแยะมึงเลือกนั่งไปสิ”
“มันไม่เหมือนกัน”
“อย่าเถียงกู รำคาญ” ผมเบะปากใส่อีกฝ่ายจนรู้สึกเมื่อย
“ยังไงก็ขอบคุณที่มาส่งครับ”
“เออ”
ผมปิดประตู ไม่นานรถยนต์ของเหนือเดือนก็เคลื่อนตัวห่างออกไป ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นจึงสาวเท้าพาหัวแตกๆ ของตัวเองเดินเข้าหอเพื่อเคลียร์ประเด็นร้อนแรงในร้านเหล้า หลังสมองไม่รักดีชิงปิดสวิตช์ไปซะดื้อๆ ตอนที่ถูกขวดเบียร์ฟาดเข้าให้
“ไอ้เชี่ยอาร์ม!” ในเสี้ยววินาทีที่ผลักประตูเข้าไปในห้อง ไอ้โป้กับไอ้แซนด์ก็ร้องเรียกชื่อผมพร้อมกัน
“เออกูเอง”
“นึกว่ามึงตายห่าไปละ แล้วเป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลอยู่มั้ย”
“ไม่ค่อยเท่าไหร่ พวกมึงอ่ะเป็นอะไรกันมั้ย” ว่าพลางใช้สายตาสำรวจคนตรงหน้าไปด้วย ก่อนจะพบว่ามันสองตัวไม่ได้มีบาดแผลน่ากลัวอะไรนอกจากรอยฟกช้ำดำเขียวบนใบหน้าเล็กน้อย
“กูโดนซัดหมัดนึงที่หางตา”
“ส่วนกูเหรอ เมื่อคืนเหี้ยไหนก็ไม่รู้เตะตัดขาจนล้มปากกระแทกถังขยะ แม่งเจ็บใจฉิบหาย” ไอ้ปีโป้พูดอย่างตัดพ้อ พร้อมกับลุกออกจากเตียงมาจูงมือผมออกไปด้านนอก ทั้งที่กูเพิ่งกลับเข้ามาได้ไม่นาน
“เฮ้ยๆ มึงจะพากูไปไหน”
“เคลียร์เรื่องเมื่อคืนที่ห้องไอ้โยกัน”
ผมได้แต่พยักหน้าเออออห่อหมกไปกับมันอย่างจำยอม ไม่คิดเลยว่าพอประตูเปิดออก ผมจะได้เห็นเพื่อนรักกลุ่มใหญ่นั่งหน้าสลอนอยู่ภายใน หลายคนแหกปากร้องเสียงดัง ขณะที่อีกหลายคนพุ่งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว
คือมึงเป็นเหี้ยไรก๊านนนน ไหนบอกกูทีซิ
“ไอ้อาร์มมาแล้วๆ ที่มึงใส่นี่คือเสื้อไอดอลกูใช่มั้ย ขอดมหน่อย”
“เดี๋ยวนะ พวกมึงบ้าป่ะวะ”
“หื้มมมม หอมกลิ่นคนเท่ หอมกลิ่นพี่อาร์ค” โฮฮฮฮฮฮ กูอยากร้องไห้แต่ไม่ทันแล้วครับเพราะพวกแม่งเล่นเข้ามาดึงทึ้งตัวผมไม่หยุด ก่อนสูดดมกลิ่นจากเสื้อยืดของไอ้พี่อาร์คด้วยใบหน้าสุดฟินราวกับเป็นโรคจิต
“ไอ้พวกเหี้ย ออกไปก่อนโว้ย พวกมึงประสาทแดกจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้เหรอ”
“มึงไม่รู้อะไรแล้วไอ้อาร์ม”
“แล้วกูไม่รู้อะไรช่วยบอกหน่อย แล้วช่วยปล่อยกูด้วย ดมอยู่ได้แม่งขนลุกไปหมด”
ใช้เวลาอยู่นานกว่าเพื่อนผู้ชายห่ามๆ ทั้งหลายจะกลับมานั่งสงบเสงี่ยมเป็นปกติ เรามักใช้ห้องของไอ้โยเพื่อนร่วมภาคเป็นแหล่งซ่องสุมอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันนัก
ผมนั่งลงตรงปลายเตียง ถามไถ่ถึงคนที่โดนกระทืบจนเจ็บหนักเป็นอันดับแรก ก่อนจะได้รับคำตอบเหมือนที่พี่ญี่ปุ่นเล่าให้ฟัง คือมันต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลไปอีกพักใหญ่ ส่วนไอ้ที่นั่งกองๆ กันอยู่ตรงนี้ก็ต้องรวมตัวกันไปจ่ายค่าปรับเพราะมีคดีทะเลาะวิวาทติดตัวกันทุกคน
แต่ไม่คิดหรอกว่าจะได้ยินชื่อของใครคนหนึ่งติดโผเข้ามาด้วย
“พี่อาร์ค ทำไมวะ?” ผมพึมพำทันทีที่ไอ้แซนด์เอ่ยถึง
“มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว ไอ้พี่อาร์คก็โดนเรียกไปจ่ายค่าปรับเหมือนกัน”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ทะเลาะวิวาทไง”
“ไม่ๆ พี่มันมาเคลียร์ปัญหาให้เราแล้วส่งกูไปโรง’บาลไม่ใช่เหรอ”
“เหอะ! นั่นมันหลังจากนั้น ก่อนหน้าที่พี่อาร์คมันรู้ว่าใครตีหัวมึงพี่แกก็ถลาเข้าไปกระทืบแม่งสุดตีนเลยเว้ย สรุปคู่กรณีกระดูกข้อเท้าหัก นอนพะงาบๆ อยู่โรง’บาลมึงไม่รู้เลยสินะ”
เอิ่ม...ผมกลืนน้ำลายลงคอหลายอึก ไม่คิดเลยว่าตอนที่สลบไปจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่โตขนาดนี้ขึ้น
“แล้วไงต่ออ่ะ”
“เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง คืองี้...”
หลังจากนั้นมหากาพย์เรื่องเล่าสุดเท่ก็ถูกเล่าต่อๆ กันในกลุ่ม พวกมันดูเหมือนจะชื่นชมมนุษย์เหนือเดือนมาก มองเป็นไอดอลบ้างล่ะ โคตรเท่บ้างล่ะ รักน้องบ้างล่ะ คือพี่มันกระทืบคนนะโว้ยยยยยยย
ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลังจากก้าวเท้าเข้ามาในห้อง พวกแม่งถึงได้พากันดึงทึ้งเสื้อผ้าพี่อาร์คราวกับเป็นโรคจิตขนาดนี้ แฟนบอยเหนือเดือนแม่งโคตรน่ากลัว และตอนนี้เพื่อนผมก็เป็นแบบที่ใจกูกลัวทั้งหมด
“มึงคิดดู ตอนนั้นพี่คอปป์มาเจอเราก่อน เขาก็ช่วยเคลียร์ให้จนโอเค สิบนาทีให้หลังพี่อาร์คตามมาสมทบ เห็นสภาพมึงแน่นิ่งบนหัวประคบน้ำแข็ง หน้าแกก็เปลี่ยนเป็นแบบนี้เลยเว้ย”
ไอ้คนเล่าทำหน้าโหดประกอบเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
“กูจำสีหน้านั้นได้ พี่มันถามใครทำ พอกูชี้ไอ้เหี้ยปีสี่นั่นเท่านั้นแหละ ร้านเหล้าก็กลายเป็นเวทีมวยไทยไฟต์ทันที”
“ซัดเละ!”
“มันส์มาก สะใจแต่ไม่แสดงออก”
“ไอดอลโคตรๆ”
“ท่ากระทืบอย่างกับหนังคิลบิล”
“แต่พี่มันทำผิดนะเว้ย” ผมโพล่งขัดจังหวะทุกคน ก่อนจะได้รับสายตามองแรงกลับมาเป็นของขวัญ
“รู้ และพี่อาร์คเองก็รู้ ถึงได้บอกไงว่าอย่าทำแบบที่พี่มันทำ หน้าตอนหันมาบอกนะ โคตรเท่ไอ้เหี้ย อ๊ากกกกก กูอยากเป็นแบบนี้บ้าง ปกป้องสาวที่กูรัก” ว่าแล้วไอ้คนพูดก็ชักดิ้นชักงอลงกับพื้นเป็นไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวก
เป็นเอามากนะพวกมึงเนี่ย...
“เรารวมตัวกันไปขอบคุณพี่อาร์คกันดีมั้ยวะ” ไอ้โป้เริ่มระริกระรี้ คิดดูครับ ใบหน้าโหดเถื่อนของมันกับกิริยาที่ตรงข้ามแบบนี้เป็นอะไรที่ขัดแย้งกันฉิบหาย
“ดีๆ อี๊ดดดดด กูอยากไปเจอไอดอล”
“เอฟซีเหนือเดือนต้องลุย!”
“แต่เราจะเจอพี่มันมั้ยวะ”
“กูเช็กตารางเรียนแล้ว วันนี้ไปดักที่หน้าช็อปโยธาโลด”
กูยอมใจความบ้าของเพื่อนตัวเองจริงๆ คิดสภาพผู้ชายห่ามๆ นับสิบคนที่อยากรวมตัวเพื่อไปเจอไอดอลของเขาสิครับ ถ้าไม่บอกว่าจะไปขอบคุณ กูคงนึกว่าพวกมันตั้งใจนัดกันไปตีชาวบ้านเขาอีกรอบ
ช่วงเที่ยงก่อนกินข้าว อาจารย์ใจดีปล่อยก่อนเวลาเราเลยรวมตัวกันหน้าห้อง ก่อนเฮโลไปยังช็อปโยธาที่พวกปีสามลงเรียนอยู่อย่างมุ่งมั่น คงมีกูคนเดียวล่ะมั้งที่ไม่ได้อินไปกับคนอื่นเขาด้วย
“มาหาใครวะ!” ดูเหมือนรุ่นพี่คนหนึ่งในกลุ่มพี่อาร์คจะถามขึ้น เวลานี้ปีสามเลิกคลาสแล้วและกำลังแยกย้ายไปกินข้าว จะติดก็ตรงขบวนแฟนบอยเนี่ยแหละที่ปิดทางเอาไว้จนออกไปไหนไม่ได้
“พวกผมจะมาขอบคุณพวกพี่แล้วก็พี่อาร์คครับที่ช่วยพวกเราเอาไว้เมื่อคืน”
“ก็ไม่เป็นอะไรหนิ พี่น้องในคณะก็ต้องช่วยอยู่แล้ว”
“ถึงอย่างนั้นก็ขอบคุณมากครับ” ปากน่ะพูด ทว่าสายตาของแต่ละคนกลับสอดส่องหาคนที่รู้ว่าใครไม่หยุด
“เออ ขอบคุณเสร็จก็กลับไปได้แล้ว”
“พี่อาร์คอยู่ไหนครับ”
“อาร์คมันกลับไปแล้ว”
“โห่ย...อะไรว้า” ทุกคนทำหน้าเสียดาย หึ! พวกมึงคงไม่รู้จักเหนือเดือนสินะ ผลุบๆ โผล่ๆ จนหาตัวจับยากขนาดนี้ แม่งคงจะอยู่ให้พวกมึงชื่นชมเหมือนคนปกติเขาหรอก
“งั้นฝากพี่คอปป์ช่วยบอกพี่อาร์คด้วยนะครับว่าพวกผมขอบคุณมาก”
“อืม กลับไปได้ยัง”
“ครับๆ”
“ไอ้อาร์ม” ยังไม่ทันได้หมุนตัวกลับ รุ่นพี่ปีสามก็เรียกผมเอาไว้
“ครับ?”
“ไอ้อาร์คฝากมาบอกว่าเย็นนี้ไม่ต้องมาดูแลมันที่สนาม”
“ทำไมครับ”
“เอาตัวเองให้รอดก่อน ตอนเย็นยังต้องไปล้างแผลไม่ใช่เหรอ แล้วอย่าให้เห็นเดินป้วนเปี้ยนแถวสนามล่ะ ไม่งั้นมันเอามึงตายแน่” ชะอุ่ย โหดทั้งพี่โหดทั้งเพื่อนเลยนะครับ
แต่พอมาลองคิดดูแล้ว ดีซะอีกที่ไม่ต้องเหนื่อยไปดูแลพวกนักบอล บางทีได้พักผ่อนเหมือนคนอื่นบ้างก็คงน่าอิจฉาไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าคำพูดของพี่คอปป์จะเป็นเหมือนน้ำมันที่ทำให้เพื่อนของผมปลื้มปริ่มพี่อาร์คมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“อยากเป็นน้องพี่อาร์คโว้ยยยยยย”
“หล่อ ดี มีคุณธรรม”
คุณธรรมพ่องกระทืบเขาจนกระดูกข้อเท้าหัก
นอกจากความเหนือเดือนแล้ว สิ่งที่ต้องยอมในเวลานี้คงเป็นเอฟซีของพี่มันแล้วล่ะ แม่งเก่งเนอะ ทำให้ผู้หญิงชอบได้ไม่พอ มันยังทำให้พวกผู้ชายในคณะชื่นชมและมองเป็นไอดอลอีกต่างหาก
ภูมิใจแทนคุณรังสรรค์จริงๆ เลยกู
บรรยากาศหอชายยังคงเต็มไปด้วยความครึกครื้น ขนาดเวลาหลับเวลานอนพวกเพื่อนผมมันยังถ่างตานั่งกันเป็นวงล้อมเพื่อเล่าเรื่องพี่อาร์คไม่หยุดหย่อน คิดดูเถอะครับ ขนาดไอ้กายที่นอนกระดิกได้แค่นิ้วอยู่โรง’บาลก็ยังสาระแนโทรมาเมาท์อย่างไม่น้อยหน้า
ส่วนผมเหรอ ทำได้แค่นั่งสัปหงก ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง กระทั่งไอ้โป้สะกิดไหล่เพื่อเรียกสติ
“อาร์ม เพื่อนถามอยู่เว้ยได้ยินมั้ย”
“ฮะ มึงว่าอะไรนะ”
“พวกกูถามว่าจะทำยังไงให้พี่อาร์คแม่งรับแอดในเฟซบุ๊กกับอินสตาแกรมดีวะ”
“มึงจะถามเรื่องนี้กับกูทำไม ทุกวันนี้พี่มันยังบล็อกไอจีกูอยู่เลย”
“อ้าวเฮ้ยได้เหรอวะ มึงเป็นสายรหัสนะเว้ย” แต่ละคนดูตกใจกันมาก คงมีแต่เพื่อนสนิทอย่างไอ้แซนด์กับไอ้โป้เท่านั้นที่รู้วีรกรรมผีๆ ของมนุษย์เหนือเดือนตั้งแต่แรก
“สายรหัสแล้วไง ไม่ใช่เมียพี่มันป่ะวะ ดีไม่ดีถ้ามีเมียอาจจะนั่งบล็อกด้วยเวลาไม่พอใจ”
คนฟังทำหน้าสลดลงเล็กน้อย รับไม่ได้เลยล่ะสิ หึ!
“พี่อาร์คแม่งโคตรอ่ะ...”
“กูบอกแล้วว่าอย่า...” พูดยังไม่จบประโยคดี ผมก็ถูกอีกฝ่ายแทรกขึ้น
“โคตรไอดอล”
สัด! เกมพลิกเฉย เหมือนฉายหนังคนละม้วนอ่ะ
ก็ได้แต่นั่งฟังคำอวยโอเวอร์ๆ ของพวกแม่งไปเถอะครับ กว่าจะได้หอบสังขารมานอนก็เกือบตีสอง แสรดดดดดดดด แล้วพรุ่งนี้กูมีเรียนแปดโมงเช้า แถมพอกลับมาถึงห้องยังมาเจอข้อความที่พี่รหัสทิ้งไว้ว่าจะชวนไปกินไอศกรีมตอนเย็นอีก หวังเหลือเกินว่าจะไม่เจอกับพี่อาร์คเข้า
“หงอย...ทำหน้าหงอย เป็นอะไรอีกวะ” ไอ้แซนด์สังเกตเห็น มันชะโงกหัวขึ้นมาจากเตียงฝั่งตรงข้ามพร้อมกับถามอย่างเสือกๆ
“พรุ่งนี้พี่ญี่ปุ่นจะพาไปเลี้ยงไอติม”
“ก็ดีนี่หว่า มึงจะสลดทำห่าไร”
“ไม่สลดได้ไง มีพี่ญี่ปุ่นก็ต้องมีพี่เจต มีพี่เจตก็ต้องมีพี่อาร์คดิวะ”
“กลัวอะไรเค้า”
“ก็มันชอบด่ากูอ่ะ”
“มึงเป็นน้อง ดูยังไงก็รู้ว่าพี่มันห่วงมึงอ่ะ”
“เหรอออออ ห่วงแต่บล็อกกูประจำ ตอนนี้แม่งก็ยังไม่ยอมปลดบล็อกเลยเนี่ย”
“ขนาดพี่รหัสเขายังบล็อก มึงเป็นใครมาเรียกร้องความเป็นธรรม” คำพูดของเพื่อนรักทำให้ผมนิ่งค้าง เออว่ะ เป็นแค่น้องแถมสร้างปัญหาให้อีกมีอะไรต้องให้แคร์
อีกอย่าง พี่อาร์คก็เป็นคนที่ดูมีปัญหากับสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งจักรวาลอยู่แล้ว ทำไมผมถึงต้องคิดแต่เรื่องพวกนี้ไม่รู้จบด้วยวะ
“เอางี้ดิ มึงลองบล็อกกลับไปเลย”
“ดะ...ได้เหรอวะ” ผมถามอย่างไม่มั่นใจ หลังได้รับคำแนะนำจากเพื่อน
“ก็ต้องเอาคืนบ้างดิ เขาบล็อกได้มึงก็ต้องทำได้เหมือนกัน ตอนนี้เหลือเฟซบุ๊ก ไลน์ แล้วก็เบอร์โทรใช่มั้ยที่ยังไม่โดนบล็อก เพราะงั้นมึงจัดเลย”
“มันจะดีนะ”
“ดีดี๊ ของแบบนี้มันต้องลอง พี่มันจะได้รู้ว่าอย่าได้กล้ามาแหยมกับมึง”
พอโดนบิลด์หน่อยใจกูนี่ฮึกเหิมขึ้นมาเลยหลายเท่า ได้แต่คิดชั่งใจอยู่พักหนึ่ง เอาไงดีวะ...เอาไงดี ทว่าสุดท้ายก็หยิบมือถือขึ้นมา กดไปที่แอพลิเคชั่นต่างๆ ตามที่เพื่อนแนะนำก่อนลองกดบล็อกดูบ้าง
“หวังว่าพี่อาร์คคงจะรู้ตัวว่าไม่ควรบล็อกกูอีก” ผมพึมพำกับคนตรงข้าม
“นั่นแหละเวิร์ก สำหรับกูถึงแม้พี่อาร์คจะเป็นไอดอลแต่มึงก็สำคัญกว่าแน่นอน”
“ขอบใจมากเว้ย”
“หลับได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้เบิกบาน”
เพราะคำแนะนำของไอ้แซนด์ทำให้รุ่งเช้าผมตื่นขึ้นมาอย่างสดใส ความกังวลใจทุกอย่างหายเกลี้ยง เหลือเพียงความท้าทายเท่านั้นที่ยังคงอยู่ อยากรู้ฉิบหายเลยว่าพี่อาร์คมันจะเป็นยังไง กระวนกระวายเหมือนผมมั้ย แต่แย่หน่อยที่ระหว่างวันเราไม่ได้เจอกันเลยทำให้ผมไม่รู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก
นอกจากตอนเย็นที่มีนัด ก็ต้องมาลุ้นเอาแหละครับว่าพี่อาร์คจะยอมโผล่หัวมามั้ย
พี่ญี่ปุ่นนัดผมที่ร้านไอศกรีมร้านดังแถวๆ มหา’ลัย ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนเป็นนิสิตมอเราทั้งนั้น เมื่อเดินเข้ามาและกวาดตามองหาโต๊ะ ผมก็เห็นพี่รหัสกับแฟนของเธอนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“หวัดดีครับพี่ญี่ปุ่น หวัดดีครับพี่เจต”
“ดีๆ แผลเป็นไงบ้าง” ปู่รหัสปีสามถามอย่างเป็นห่วง
“ดีขึ้นแล้วครับ ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว เหลือแค่ต้องไปตัดไหมออก”
“ค่อยยังชั่ว อาร์มอยากกินอะไรสั่งได้เลยน้า ครั้งนี้พี่เจตอาสาจะเลี้ยงจ้ะ” ผู้หญิงคนเดียวในสายพูดอย่างยิ้มแย้ม ก่อนเลื่อนสมุดเมนูมาไว้ตรงหน้า
“เอาตามในรูปนี้อ่ะครับ”
“โอเค เดี๋ยวขอจดก่อนน้า ว่าแต่พี่อาร์คเมื่อไหร่จะมาเนี่ย” สิ้นสุดประโยคนั้น หัวใจพี่แข็งแกร่งพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ลึกๆ ยังกลัวพี่มันอยู่
“อย่าไปห่วงมันเลย มาเมื่อไหร่เดี๋ยวคนทั้งร้านก็ส่งเสียงบอกเองแหละ”
คำพูดของพี่เจตทำให้ผมพยักหน้าเห็นด้วย เพราะทุกครั้งเวลาเราออกไปเลี้ยงสายที่ไหน การปรากฏตัวของพี่อาร์คก็ทำให้คนโดยรอบรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งไป
อะไรมันจะฮอตปานนั้น
ไอศกรีมถ้วยขนาดกลางถูกเสิร์ฟในเวลาต่อมา เราพูดคุยกันถึงเรื่องสารทุกข์สุขดิบไปเรื่อยเปื่อยตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ที่หนักหน่อยก็คงเป็นเรื่องวิชาที่ต้องเรียนกับกิจกรรมคณะที่ยังไม่จบสิ้นสักทีเนี่ยแหละ
“ฮื้ออออออออ” เสียงเซ็งแซ่ดังระงมไปทั่ว ผมละจากไอศกรีม ลืมสิ้นแล้วบทสนทนาที่คุยกันไว้ก่อนหน้า เนื่องจากสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ยืนตระหง่านตรงหน้าโน่นแล้ว
“พี่อาร์คมานั่งตรงนี้เลยค่ะ” พี่ญี่ปุ่นทักทายอย่างร่าเริง ไอ้เหนือเดือนเลยเดินหน้าขรึมมานั่งข้างพี่เจต โดยทิ้งที่ว่างฝั่งผมเอาไว้อย่างตั้งใจ
“เป็นอะไรของมึงเนี่ย มาเบียดกูกับเมียทำเพื่อ”
“ก็อยากนั่งตรงนี้” เสียงทุ้มตอบกลับ ไม่รู้ว่าโกรธ อารมณ์ดี หรือกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่เพราะผมมองไม่ออกจริงๆ
“ไปนั่งกับอาร์มไป”
“...” เงียบครับ
“ไม่เป็นไรหรอก นั่งแบบนี้ก็อบอุ่นดีเหมือนกัน พี่อาร์คอยากกินอะไรสั่งได้เลยค่ะ” ดาวคณะพยายามเคลียร์สถานการณ์ขมุกขมัวอย่างสุดความสามารถ ซึ่งพี่แกก็ทำได้ดีเสมอ
ผมมองดูมือหนาเปิดสมุดเมนูไปมาอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะจดสิ่งที่ต้องการลงบนกระดาษ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่พี่รหัสของผมเสือกห่วงใยกูขึ้นมาซะงั้น
“อาร์มอยากกินอะไรเพิ่มมั้ย สั่งเลย เดี๋ยวให้พี่อาร์คเขียนให้”
“เอ่อ...” ยังไม่ทันตอบ คนตัวสูงก็โพล่งขึ้นมาฉับพลัน
“ญี่ปุ่นคุยกับใคร”
“อาร์มไง”
“อาร์มไหน”
“พี่อาร์คคคคคค”
ไอ้เหี้ย!! เล่นแบบนี้เลยเหรอ ปฏิกิริยาที่ตอบกลับแบบนี้หมายความว่าคงรู้แล้วว่าผมบล็อกแม่งไปตั้งแต่เมื่อคืน ตายโหง นี่คือสิ่งที่ดีหรือแย่กันวะเนี่ย
“เรียกชื่อพี่ทำไม”
“อย่าแกล้งอาร์มสิ”
“แกล้งอะไร สายเรามีคนชื่อนี้ด้วยเหรอ”
โฮร่ลลลลลล มันเจ็บ เจ็บที่ตรงหัวใจ...
“น้องมันทำอะไรผิดเหรอคะ จะได้เคลียร์กันวันนี้เลย สายรหัสเทวดาต้องไม่ทะเลาะกันน้าทุกคน” พี่ญี่ปุ่นพูดเหมือนจะร้องไห้ ขณะที่พี่เจตนั่งกลั้นยิ้มเหมือนผีบ้าอยู่ข้างๆ กูล่ะงงใจจริงๆ
“ไม่มีใครทำอะไรผิด”
“แล้วทำไมไม่คุยกับอาร์ม”
“มองไม่เห็นอ่ะ นี่คุยคนเดียวได้ด้วยเหรอญี่ปุ่น”
“ฮือ พี่อาร์คคคคคค”
นอกจากจะไม่สำนึกแล้ว กลายเป็นผมเองที่งานเข้า แล้วน้ำหน้าอย่างกูจะเอาอะไรไปสู้นอกจากยอมรับความจริงโต้งๆ เพียงอย่างเดียว
“ก็พี่บล็อกกูก่อนอ่ะ แล้วทำไมกูจะไม่มีสิทธิ์ทำคืนบ้างวะ”
จะไม่บอกนะครับว่าถูกใครเสี้ยมมา เพราะถึงไม่โดนผมก็คงจะทำแบบนี้ในสักวัน
“...” พี่อาร์คยังคงไม่ตอบ ผมเลยได้แต่ทำหน้างอง้ำ ความเงียบเกาะกุมไปทั่วพื้นที่ เงียบจนต้องปาดเหงื่อเพราะไม่เคยเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากขนาดนี้มาก่อน
บอกตามตรง ที่โดนขวดตีหัวยังไม่อึดอัดเท่านี้เลยจริงๆ
“ผมยอมรับก็ได้ว่าผมผิด แต่พี่ก็ผิดที่บล็อกผมก่อน ทั้งที่ไม่มีเหตุผลอะไรเลย”
“มึงอ่อยเพื่อนกู”
“ฮะ?” ในที่สุดก็พูดออกมาจนได้ “เอ่อ ตอนนั้นแค่โพสต์เล่นๆ มั้ยอ่ะ ทำไมต้องหวงเพื่อนขนาดนั้นด้วยวะ”
“...”
“อ่าๆ ผมเข้าใจแล้ว งั้นต่อไปผมจะไม่คุยในเชิงนั้นกับเพื่อนพี่อีก พี่จะปลดบล็อกกูได้หรือยัง”
“รอตอนที่กูสบายใจก่อน”
“ชาตินี้หรือชาติหน้า”
พี่อาร์คเงยหน้าจากกระดาษและปากกา ก่อนสบตากับผมจริงๆ
“เลิกกวนตีนให้ได้ก่อนค่อยมาคุยกัน”
“...”
“ไม่กินละ รำคาญเด็ก”
“อ้าว”
“ไปก่อนนะพี่เจต ไปก่อนญี่ปุ่น พรุ่งนี้เจอกันที่สนาม” พูดจบก็เดินออกไปโดยไม่พูดกับผมสักคำ
คือกูงงนะเนี่ย เหนือเดือนนี่มันเหนือมนุษย์ด้วยป่ะวะ นึกว่าทุกอย่างจะเคลียร์จบตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่เหมือนว่าผมจะไปกระตุกต่อมโมโหอีกฝ่ายจนไม่ยอมคืนดีเข้า
เมนส์ไม่มาเหรออารมณ์เลยแปรปรวนขนาดนี้
“อาร์มไม่เป็นไรนะ พี่อาร์คก็เป็นอย่างนี้แหละ เดี๋ยวก็ชินเนาะ” มือบางของคนตรงหน้าเอื้อมมาตบบ่าปลอบใจ ผมเลยแกว่งช้อนไอติมไปมาพร้อมกับพยักหน้าอย่างจำนน
“อย่าไปคิดมาก” ทว่าไม่นานพี่เจตก็เอ่ยปลอบ
“ครับ”
“อาร์คมันไม่เคยเจอคนทำแบบนี้”
“แหงล่ะ จะมีใครกล้า” นี่ถ้าไม่โดนบิลด์ผมก็ไม่ทำเหมือนกัน กลัวไปหมดแร้วววว
“บล็อกไอ้อาร์คตั้งแต่ตอนไหน”
“เมื่อคืนครับ ประมาณตีสอง”
“อือ ตีสองครึ่งมันแชตมาหากู” จบประโยคนั้น พี่เจตก็เลื่อนมือถือของตัวเองมาไว้ตรงหน้าผม
หน้าจอปรากฏข้อความจากทางอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นบทสนทนาของคนสองคน คนหนึ่งคือพี่เจต ส่วนคนที่สองจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเหนือเดือนของสายเทวดา
อ่านต่อด้านล่างค่ะ