ตอนที่ 3
เหนือกว่าเดือนก็นรกแล้วล่ะ
อาร์คเหนือเดือนเป็นลูกคนที่สามจากบรรดาลูกชายและลูกสาวในบ้าน ชื่อจริงคืออนล ปรมินทร์ไพศาล ซึ่งกูโคตรไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลูกคนรวยต้องมีนามสกุลเว่อร์ๆ แบบนี้ทุกคน
ตามประวัติเป็นน้องชายคนเล็ก นิสัยเอาแต่ใจเพราะถูกพ่อแม่สปอยด์มาตั้งแต่เด็ก มีพี่สาวคนโตชื่ออิ่ม ตอนนี้แต่งงานสร้างครอบครัวไปกับลูกชายเจ้าของโชว์รูมรถยนต์แบรนด์ยุโรปแห่งหนึ่ง พี่ชายคนกลางกำลังขึ้นทะเบียนเป็นบัณฑิตจากคณะวิศวะอินเตอร์ที่อยู่อีกฟากของมหา’ลัยเรา
ส่วนไอ้เหนือเดือนน่ะเหรอ ก็มาเป็นลุงรหัสของผมแถมกวนประสาทฉิบหายอยู่ตอนนี้ไง
“พี่อาร์คแม่งโคตรดาร์ก กูนึกว่ามาจากค่าย DC”
ไอ้โป้ทำลายความเงียบลง หลังปล่อยให้ผมได้ใช้เวลารื้อฟื้นประวัติของเกรียนปีสามอยู่พักใหญ่ เรื่องพวกนี้เป็นถือเป็นอะไรที่ธรรมดามาก เพราะคนในมหา’ลัยต่างก็รู้กันอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องล้วงลึกเข้าไปถึงสันดานแปลกประหลาดของพี่มันแล้วล่ะก็...
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
“พี่แม่งก็กวนตีนเขาไปทั่วอย่างนี้แหละ นึกว่าหล่อไงจะทำอะไรก็ได้” พูดไปก็อดเบะปากไปด้วยไม่ได้
“จริง! หล่อทำอะไรก็ไม่ผิด มึงดูดิ ผู้หญิงในร้านนี่ร้องกันระงม” คราวนี้ไอ้แซนด์แสดงความเห็นบ้าง
ผมเลยหันหลังไปมองโดยรอบ ก่อนจะเห็นว่าคนส่วนใหญ่กำลังพุ่งเป้ามาที่ผมเพียงคนเดียว
“ดีนะที่กูเป็นแค่หลานรหัส” ไม่อยากจะคิดแทนผู้หญิงในอนาคตของพี่มันเลย ว่าจะมีชีวิตรอดจนสามารถเรียนจบเหมือนคนอื่นมั้ย เงาแค้นเยอะจัด
ถามว่าคนที่รักกับพี่อาร์คนี่ผิดหรือเปล่า ผมตอบเลยว่าไม่ จะผิดก็ตรงตัวมันนั่นแหละที่เสือกเกิดมาหน้าตาดีแถมทำตัวน่าหมั่นไส้
ก่อนออกไปยังมีหน้ามาบอกถ้าป่วยกูจะเตะ กลัวตายแหละโว้ยยยย นี่ใครครับ นายอนณผู้ไม่มีหนี้ ตั้งแต่เกิดยันโตไม่เคยทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจเรื่องสุขภาพเลยสักครั้ง เพราะอะไรน่ะเหรอ กูป่วยบ่อยจนเขาปลงกันหมดแล้วสัด
วัยรุ่นมันอยากรู้อยากลอง อะไรที่เขาห้ามนะกูยิ่งอยากทำ ครั้งหนึ่งพ่อเคยห้ามขี่มอเตอร์ไซค์ อีกวันผมพุ่งไปบ้านญาติยืมบิ๊กไบค์พี่ชายไปขี่แหกโค้งเข้าสวนผักชีมาแล้วรอบหนึ่ง แม่บอกไม่อยากให้ไปเที่ยวไหนไกลๆ ลูกที่แสนดีอย่างผมเลยชวนเพื่อนจัดทริปเที่ยวสิงคโปร์ 5 วัน 4 คืนตั้งแต่เรียนอยู่ ม.2
แล้วมีเหรอที่คนในสายรหัสอย่างอาร์คเหนือเดือนจะห้ามอะไรผมได้
“มึงเราไปกันเถอะ กูไม่ชอบให้คนมองเยอะๆ แบบนี้เลยว่ะ” ผมพูดพลางลุกขึ้นยืน มองดูสีหน้างงงวยของเพื่อนรักสองคนอย่างปลงตก
“อะไรของมึงวะเชี่ยอาร์ม ฝนยังตกอยู่เลย”
“มึงไม่เคยฟังเพลงเหรอ เขาบอกว่าอย่ากลัวฝน เพราะฝนทำให้ชุ่มฉ่ำ ไอ้พี่อาร์คกับเพื่อนยังเดินลุยฝนกันไปได้เลย”
“พวกพี่มันมีร่มไอ้ควาย”
“แล้วร่างกายพวกมึงอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอวะ เกิดเป็นผู้ชายอกสามศอก ทำเป็นเล่นใหญ่ไปได้” พอโดนผมบิวด์หน่อยทั้งไอ้แซนด์กับไอ้โป้ก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที
“พูดขนาดนี้แล้วก็ไปสิวะ รอพ่อมึงมาตัดริบบิ้นเหรอ”
ระยะทางจากร้านกาแฟไปยังคณะไม่ไกลนัก แต่ฝนที่เทลงมาก็ทำให้เราเปียกไปทั้งตัวเหมือนกัน และกว่าจะวิ่งฝ่าฝนจากคณะไปยังลานจอดรถก็คงไม่ต้องเดาหรอกว่าผมกับเดอะแก๊งจะอยู่ในสภาพเละเทะขนาดไหน หัวนี่ลีบเชียว หมดกันความหล่อที่พยายามสร้างมา
“เปิดแอร์ทำห่าอะไรเนี่ย กูหนาว” ไอ้แซนด์พูดปากสั่นคอสั่น หลังเราพุ่งเข้าไปนั่งในรถยนต์ส่วนตัวด้วยความไวแสง
“โถ...นักแสดงเด็กผู้อ่อนแอ เอ็นดูมากครับ” ผมแซวอย่างนึกขำ ไอ้โป้ก็หัวเราะตามไม่หยุด
“มึงมานั่งหลังเลยไอ้แซนด์ เดี๋ยวกูไปนั่งบังแอร์ให้มึงเอง อากาศกำลังดีเสือกบ่นหนาวนะมึง” จากนั้นเพื่อนโป้ก็ตะกายมานั่งข้างคนขับ ก่อนผมจะสตาร์ทรถมุ่งหน้าสู่หอในของชาวประชาปีหนึ่งอย่างครื้นเครง
และใช่ พี่เต๋อเคยบอกว่าอย่ากลัวฝน เพราะฝนมันชุ่มฉ่ำ
“ฮะ...ฮะ...ฮัดชิ่ว!”
สัด หวัดแดก...
กว่าจะรู้ตัวว่าร่างกายรับไม่ไหวก็เล่นเอาตอนกูตื่นนี่แหละ หนังตาหนักอึ้ง เริ่มจามไม่หยุดตั้งแต่เมื่อคืนแถมตอนนี้ก็เริ่มมีน้ำมูกย้อยลงมาเรื่อยๆ แล้ว
ไม่น่าโชว์พาวให้เพื่อนเห็นเลยกู เพราะตอนนี้ไอ้คนที่เคยบ่นหนาวเมื่อวานยังคงผิวปากพับกางเกงในโชว์กูตรงปลายตีนอยู่เลย หัวฟวย!
“อ่อก โอกกกกกกกกกกก” ตัดภาพไปยังไอ้ปีโป้ที่วิ่งพล่านเข้ามาขอใช้ส้วม อาการแม่งหนักกว่ากูอีกครับ
“แพ้ท้องกับตุ๊กตาเหรอมึง” ผมตะโกนถามคนที่อยู่ในห้องน้ำ
“ไอ้เหี้ย กูไอจนจะอ้วกละ รำคาญตัวเอง”
“กากทั้งคู่” ผมส่งนิ้วกลางให้ไอ้แซนด์เป็นการขอบคุณ
ปล่อยให้เช้านี่แม่งขับรถไปเรียนเองดีมั้ยเนี่ย
มันจะมีบางวันครับที่เราสลับรถกันใช้เพื่อความสะดวก แต่ในเมื่อทางเดียวกันก็เลยไปพร้อมกัน อยู่ที่ว่าเราจะจัดตารางการเดินรถของคนในกลุ่มยังไง อย่างสองวันนี้เป็นของผม พรุ่งนี้เป็นของไอ้โป้ รันกันไปเรื่อยๆ
วันนี้มีเรียนแต่เช้า ดังนั้นเลยต้องตื่นกันเร็วหน่อย อาจดีที่ไม่ต้องตื่นมาแต่งหน้าทำผมเหมือนฝั่งหอหญิง แต่ก็ยังวุ่นวายที่ต้องแย่งห้องน้ำกันใช้ทุกวี่ทุกวัน ยิ่งตอนไอ้โป้หอบสังขารมาขอใช้ด้วยแล้วยิ่งช้าไปอีก
เห็นมันบ่นว่ารูมเมทเป็นคนสกปรก นั่งส้วมแล้วไม่กดบ้างอะไรบ้างเลยขอมาใช้ห้องกูแบบถาวร ในใจก็ได้แต่ภาวนาครับ รักเพื่อนนะแต่เมื่อไหร่กูจะได้ย้ายไปอยู่ข้างนอก อยากมีส้วมเป็นของตัวเองอ่ะพูดเลย
เราลงไปกินอาหารเช้าที่ร้านโจ๊กตรงโรงอาหารหอใน จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังอาคารเรียนรวมเพราะมีวิชามออยู่ตัวหนึ่ง หลังสิบโมงไปโน่นแหละถึงจะได้กลับไปเรียนที่ตึกคณะ ชีวิตดูเหมือนวนเวียนอยู่แต่กับอะไรเดิมๆ ก็จริง แต่ในห้องเรียนมันไม่เหงาหรอกครับ มีเพื่อนมีสาวให้แซวตลอดเวลา
“ฮะ...ฮัดชิ่ว!” จามแดกไปอีกรอบหลังจากพยายามอดกลั้นอยู่นาน เล่นเอาคนในคลาสหันมามองเป็นตาเดียว
“ไปตายก่อนมั้ย ค่อยกลับมาเรียน” นี่คือคำปลอบใจจากเพื่อนอย่างมึงเหรอไอ้แซนด์
“ไอ้สัด”
“ฟุบหลับนอนเหมือนไอ้โป้สิ ตอนหลับร่างกายมันพัก มึงจะได้ไม่จามอีก”
เออว่ะ สรุปวันนี้ผมก็ไม่ได้เรียนเหี้ยอะไรเลยนอกจากย้ายที่นอนไปตามวิชาต่างๆ ที่อยู่ในตาราง
ช่วงกลางวันผมเดินลากเท้าพร้อมหนังตาที่กระพือผั่บๆ ไปยังร้านข้าว ก่อนจะเห็นว่าคู่รักทะเลหวานอย่างพี่เจตกับพี่ญี่ปุ่นกำลังนั่งกินข้าวไปสวีตกันไปไม่ห่างจากตรงนี้นัก
และดูเหมือนแกจะเห็นผมเข้าแล้ว
“อาร์มมานั่งด้วยกันสิ”
“เอ่อ...ผมมากับเพื่อนครับ”
“มีที่ว่างเยอะ ให้แซนด์กับปีโป้มานั่งตรงนี้ได้” และเราสามคนก็ลากสังขารมานั่งข้างคู่รักดาวเดือนในที่สุด
“เป็นไงบ้าง เรียนโอเคมั้ย” พี่ญี่ปุ่นเริ่มประเด็น
“ก็โอเคครับ มีบางเรื่องที่เป็นเรื่องใหม่ ก็เลยต้องใช้เวลาปรับๆ กันไป” พูดจบผมรีบตักข้าวเข้าปากทันที ต้องรีบใส่ครับ เดี๋ยวน้ำมูกไหลลงมาผมอาจจะได้กินความสะอิดสะเอียนแทนข้าว
“เดี๋ยวพี่เอาชีทเรียนปีก่อนๆ มาให้ มันจะมีบางตัวที่เรียนเหมือนกัน”
“ขอบคุณครับ”
“พี่เจตยังพอมีชีทเรียนเก็บเอาไว้อยู่มั้ย ปุ่นขอให้อาร์มหน่อยสิ” แล้วพี่รหัสผมก็หันไปถามแฟนแกต่อ
“ให้ไอ้อาร์คไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแต่หะมอยกับรอยยิ้มแล้วจ้ะ”
โคตรเชี่ย…
ไม่สมกับเป็นเดือนมอเลยมึงเอ๊ย
“งั้นไว้พี่จะถามพี่อาร์คให้นะ” ได้ยินประโยคนี้เท่านั้นแหละกูรีบโพล่งขึ้นมาด่วนจี๋
“ไม่เป็นไรครับพี่ญี่ปุ่น แค่ของพี่ก็พอแล้ว” ทุกวันนี้มันยังไม่ปลดบล็อกกูเลย คงไม่มีหน้ามาใช้ชีทเรียนต่อจากแม่งหรอก มันเสียศักดิ์ศรีครับ
“โอเคตกลงตามนั้น ว่าแต่อาร์มไม่สบายหรือเปล่า เห็นทำท่าจะจามหลายทีแล้ว หน้าก็แดงๆ ด้วย” คนตรงข้ามเอียงคอถาม คือถ้าไม่ติดว่ามีแฟนผมจีบจริงๆ ด้วย ทำไมถึงได้ห่วงใยกันถึงขนาดนี้
“เป็นหวัดนิดหน่อยครับ พอดีเมื่อวานวิ่งตากฝนเพลินเลย”
“ดูแลตัวเองด้วยนะ อ้าวพี่อาร์ค! นั่งด้วยกันมั้ยคะ” เหยดดดดดดดดเข้!
อะไรทำให้เหนือเดือนของคณะมาอยู่ตรงนี้ได้วะ แถมพี่รหัสกูก็อัธยาศัยดีเหลือเกิน รีบกวักมือเรียกอีกฝ่ายหยอยๆ เจ้าของชื่อหันมายิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนหมุนตัวตรงดิ่งมายังโต๊ะ โดยมีเพื่อนในกลุ่มอีกสามคนเดินถือจานข้าวตามหลังมาด้วย
“ไม่เจอพวกมึงนานเลย หายหัวตลอด” พี่เจตเอ่ยขึ้น แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ นอกจากการยักไหล่กวนๆ
รุ่นพี่คนหนึ่งแทรกตัวนั่งข้างผม ขณะที่ไอ้เหนือเดินนั่งข้างพี่รหัสของตัวเอง ราวกับกำลังประชันหน้าตากันว่ามหา’ลัยนี้ใครกันแน่ที่หล่อที่สุด
“มึงมาก็ดีแล้วอาร์ค กูกับปุ่นกำลังคุยกับอาร์มเรื่องชีทเรียนอยู่เลย” พี่อาร์คจ้องผมนิ่ง
เพ่! ผมบอกแล้วไงว่าไม่เอา ไอ้เชี่ยพี่เจตโว้ย
“ทำไมอ่ะ”
“มีชีทพวกแคลคูลัสหรือวิชาสำคัญๆ เก็บไว้มั้ย ถ้ามีก็เอามาให้น้องมันหน่อย” กูกลืนน้ำลายเอือกๆ แล้วครับ มองกูอะไรปานนั้น
“ไว้เดี๋ยวจะดูให้”
“มีอะไรก็ติดต่อนัดอาร์มมันมาเอาแล้วกัน เพราะบางทีกูกับปุ่นก็ไม่ค่อยว่าง”
“ติดต่อไม่ได้หรอกครับ ผมโดนพี่อาร์คบล็อก” ได้ทีกูรีบฟ้องเลย ว่าจะบอกหลายทีแล้ว อยากให้ทุกคนลงคะแนนเสียงตัดพี่มันออกจากสายรหัสซะตอนนี้เลย
“เอาอีกละ มึงนี่เป็นโรคชอบบล็อกคนเหรอ” พี่ปีสี่พูดพลางส่ายหัว
“อะ...เอ่อ ผมไม่ได้เป็นคนเดียวที่โดนบล็อกเหรอครับ” งงไปหมดแล้วว่ะ
“หึ! ตอนมันเข้ามาอยู่สายรหัสใหม่ๆ แม่งยังบล็อกไลน์กูเลย แล้วนิสัยกวนตีนนี่ก็แก้ไม่เคยหาย เดือนก่อนยังมีหน้าเอามาส์กเมียกูไปพอกจักแร้อีก”
เหี้ย คนแบบนี้มีจริงดิ
แล้วดูเหมือนสิ่งที่พี่เจตพูดไปจะไม่ระคายผิวมนุษย์เหนือเดือนเลยด้วยซ้ำ ดูพ่อคุณเขาตักข้าวใส่จากปากอย่างมีความสุขสิครับ นี่กูโชคดีหรือโชคร้ายที่มาเจอมันวะ
อยากหาเรื่องให้พี่ตัดออกจากสาย กลายเป็นไอ้พี่อาร์คเนี่ยแหละที่จะตัดทุกคนออก ใหญ่มาจากไหนกูยอมใจสุดๆ
“มองอะไร” นั่นไง งานเข้าอนณแล้ว
“เปล่า”
“จะเอามั้ยชีทเรียนอ่ะ”
ผมตั้งท่าอ้าปากตอบ แต่เหมือนธาตุไฟจะเข้าแทรก อาการจามเหมือนกำลังกลับมาอีกแล้วเลยพยายามกลั้นหายใจอย่างสุดความสามารถ
“เป็นห่าอะไรเนี่ย”
“พี่อาร์คอย่าว่าน้อง อาร์มไม่สบาย” พี่ญี่ปุ่นนนนนน พูดออกมาทำไม! กูจะตายเพราะลำแข้งไอ้พี่อาร์คเนี่ยแหละ มันยิ่งขู่กูไว้ซะเจ็บแสบเลย
“ฮัดชิ่ว” แหกหมด
คราวนี้ผมรีบก้มหน้ามองจานข้าวอย่างรวดเร็ว ใต้โต๊ะก็เตะขาไอ้โป้กับไอ้แซนด์เพื่อขอความช่วยเหลือไปพลางๆ แต่เหมือนมันจะช่วยอะไรไม่ได้นอกจากส่งยิ้มเป็นกำลังใจ
“ตากฝนล่ะสิ ก็สมควร” ดูคำพูดคำจาพี่เขาครับ ไม่เคยมีความอ่อนโยนกับใครๆ เลย
“มันเป็นเหตุสุดวิสัย”
“มัวแต่กวนตีนกูไง”
“ก็มันป่วยไปแล้วอ่ะ”
“นั่นสิ ป่วยไปแล้วทำไงได้ โง่เอง”
จึ่ก! ราวกับโดนมีดนับพันเล่มทิ่มแทงเข้ามายังขั้วหัวใจ
“ก็พี่บล็อกกูอ่ะ คนบล็อกกันไม่ควรคุยกันมั้ย”
“ก็อย่าพูดไม่เข้าหูกูสิ”
“ถ้าไม่เข้าหูแล้วพี่จะได้ยินได้ยังไง”
“บล็อกแอคมึงตลอดชีพ”
“เดี๊ยวววววววว” ไอ้เหี้ยนี่จะไม่ให้โอกาสกันเลยเหรอ หาว่ากูกวนตีนแต่ตัวเองก็ใช่ย่อย ขนาดคนที่ปากเก่งอย่างผมยังต้องยอมสงบให้กับความเอาแต่ใจของพี่มันเลยครับ
เอาใหม่ รวบรวมสติกลับมาที่ตัวเองอีกครั้ง ยุบหนอพองหนอ คราวนี้ผมจะพยายามพูดดีๆ กับพี่อาร์คดู
“พี่ปลดบล็อกกูเถอะ” ใบหน้าหล่อเหลาละจากจานข้าว ก่อนสบตากับผมไม่มีหลบ
“เมื่อกี้พูดว่าอะไร”
“ปลดบล็อกผมเถอะครับ ผมเป็นแค่เด็กปีหนึ่ง เพราะงั้นเวลาทำผิดอะไรพี่ต้องให้โอกาสสิ”
“ขี้มูกมึงจะย้อยแล้วนั่น เห็นแล้วรำคาญลูกตา”
นอกจากไม่ตอบคำถามแล้วเจ้าตัวก็ไม่ยอมพูดกับผมอีกเลย เป็นการตัดบทสนทนาที่เจ็บแสบมาก โฮร่ลลลล
มือหนาจับช้อนจ้วงข้าวใส่ปากอย่างรวดเร็วราวกับตายอดตายอยากมาจากชาติปางก่อน พอข้าวหมดจานก็คว้าน้ำดื่มขึ้นมากระดกจนหมดขวดก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ไปละ เหม็นขี้หน้าปีหนึ่ง”
แล้วมันก็ไปจริงๆ โดยไม่หันมามองผมแม้แต่เสี้ยว ส่วนเพื่อนมันเหรอ เล่นหัวเราะคิกคักแล้วเดินตามตูดไปต้อยๆ ทิ้งความตกตะลึงไว้กับคนที่เหลือภายในโต๊ะ
พี่เจตกับพี่ญี่ปุ่นก็เอาแต่ปลอบกูไม่หยุด พี่อาร์คก็เป็นแบบนี้อีกหน่อยผมก็จะชินไปเอง เหอะ! กูคงชินหรอก มีดีแค่หน้าตาแต่กิริยาสถุนมาก
เราใช้เวลากินข้าวอยู่กับเพื่อนไปเรื่อยๆ กระทั่งได้เวลาเรียนในภาคบ่ายทุกคนเลยแยกย้ายทางใครทางมัน จะมีก็แต่พี่รหัสดาวคณะของผมนั่นแหละที่วิ่งกระหืดกระหอบมาแต่ไกล
“อาร์ม กินซะ” คนตัวเล็กกว่ายื่นถุงพลาสติกสีขาวขุ่นในมือมาให้
“อะไรครับ”
“ยาแก้หวัด”
“ไม่เห็นต้องดูแลผมดีขนาดนี้เลย” น้ำตาจะไหล ขอแชร์นะครับ
“ไม่ใช่ของพี่หรอก”
“อ้าว”
“พี่อาร์คฝากมา”“...!”
“แล้วย้ำด้วยว่า ถ้าอาร์มไม่หายจะตัดออกจากสายแล้วนะ”
“อะ...เอ่อ...”
“ดูแลตัวเองด้วย พี่ต้องไปเรียนแล้ว ไว้เจอกันใหม่จ้า”
พูดจบร่างเล็กก็เดินผละออกไปอีกทาง ทิ้งผมไว้กับถุงยาของใครอีกคน บอกตามตรงว่าไม่เข้าใจอย่างแรง ก่อนหน้านั้นพี่อาร์คมันยังด่ากูเป็นน้ำไหลไฟดับ แต่ทำไมตอนนี้...
ถึงได้ทำดีกับผมซะงั้น
จะเอาอะไรกับคนอย่างอาร์คคคคคคคคคค
นอกจากเป็นเหนือเดือนแล้ว ลุงรหัสผมมันยังเป็นบ้าด้วย เพราะงั้นต้องพาตัวเองออกห่างจากคนพรรค์นี้เข้าไว้
วันนี้เป็นวันศุกร์หรรษา ผมกับเพื่อนรักทั้งสองวางโปรแกรมเอาไว้ว่าเราจะไปนั่งร้านชิลเพื่อเชียร์บอลคู่พิเศษ ซึ่งทีมที่ผมเชียร์ตลอดกาลก็ลงแข่งด้วย
ลิเวอร์พูลคือเดอะเบส คราวก่อนแพ้ไป 4-1 คราวนี้อย่าหวังว่าจะได้ยิงพี่สักลูก
คิดแล้วก็เกิดความฮึกเหิม จัดการโพสต์รูปตัวเองใส่เสื้อทีมสุดรักลงอินสตาแกรมเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจทันที
Armm01นัดนี้ผมเดาเลยนะครับว่าหงส์แดงของเราชนะขาดลอย 35 - 0 แน่นอน ฟันธง!
You’ll never walk alone
ไม่ถึงห้านาทีรูปนี้ก็ถูกถล่มคอมเมนต์รัวๆ จากแฟนบอลทีมเดียวกันและฝั่งตรงข้าม
SeeOFsand สาธุ
PeepoLovindDolls ชนะแต้มขนาดนี้ฝั่งตรงข้ามเขาเล่นคนเดียวเหรอวะ
X_envi เอ่อ...เอาที่สบายใจนะ
YeepunJP อาร์มเชียร์ลิเวอร์พูลเหรอ เหมือนพี่อาร์คจะเชียร์อีกทีมนะ
โหยยยยยยยยย พี่ญี่ปุ่น กูโดนบล็อกครับ
เป็นขนาดนี้แล้วยังมีคนพูดถึงอยู่ได้ ผมล่ะยอมใจความเจ้ากรรมนายเวรของพี่อาร์คจริงๆ
Armm01 @YeepunJP งั้นฝากไปบอกพี่อาร์คหน่อยครับว่าคราวนี้ทีมผมชนะแน่นอน
ไม่ถึงห้านาทีผมก็ได้รับข้อความตอบกลับมา...
YeepunJP @Armm01 พี่อาร์คฝากมาบอกว่าให้อาร์มตื่นเร็วๆ ฝันนานเกินไปแล้ว
Armm01 @YeepunJP เดี๋ยวคอยดูว่าใครกันแน่ที่ฝัน
YeepunJP @Armm01 พี่อาร์คถามว่าถ้าอาร์มแพ้จะให้อะไร
Armm01 @YeepunJP งั้นผมฝากบอกอีกทีว่าไม่ให้ครับ เพราะไม่มีวันแพ้
YeepunJP @Armm01 เอ่อ...อาร์ม พี่ว่าเราคุยกับพี่อาร์คเองดีกว่าเนาะ พี่เหนื่อย
หมดกัน…
ประเด็นในอินสตาแกรมจบเพียงเท่านี้ หากแต่ไลน์ส่วนตัวของผมยังคงขึ้นแจ้งเตือนจากคนๆ หนึ่ง ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ดาวคณะปีสองอย่างพี่ญี่ปุ่นนั่นเอง เพียงแต่คราวนี้แกไม่ได้ไลน์มาถาม แต่เป็นการบอกเล่าด้วยข้อความสั้นๆ
‘พี่อาร์คบอกไม่อยากปลดบล็อก’
จบข่าวประเทศไทย
เมื่อคืนมีบอลแมตช์สำคัญ อีกวันสายรหัสเทวดานัดเลี้ยงหนังรอบดึก โดยมีเจ้ามือใหญ่อย่างพี่เจตเป็นคนออกตังค์ทั้งหมด
นั่นหมายความว่าผมต้องเจอกับพี่อาร์คอีกครั้ง
แถมคราวนี้อาจจะหน้าบางกว่าเก่าเนื่องจากเมื่อคืนลิเวอร์พูลแพ้ไป 0-3 น้ำตาไหลคาร้านเลยจุดๆ นั้น
Rrrr..!
ผมล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง หยิบมือถือลูกรักขึ้นมากดรับสายจากพี่รหัส
[อาร์ม] แกเรียกชื่อผมสั้นๆ
“พี่ญี่ปุ่น ผมมายืนรอหน้าหอในแล้วครับ” แกบอกจะมารับเพราะไปทางเดียวกัน ซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธความหวังดีนั้น
[พี่กำลังบอกว่าพี่อาร์คจะไปรับอาร์มนะ ส่วนพี่กับพี่เจตจะไปรอที่ห้างเลย]
ตายโหงงงงงง
นี่พี่กำลังฝากกูไว้กับตัวเหี้ยอยู่นะ
พูดไม่ทันขาดคำ รถยนต์ของไอ้พี่อาร์คก็วิ่งฉิวๆ มาแต่ไกลก่อนจะจอดเทียบฟุตบาทได้พอดิบพอดี ผมวางสายจากปีสองจากนั้นก็เดินจ้ำอ้าวไปหาลุงรหัสพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความมั่นใจ
วันนี้พี่มันใส่เสื้อยืดสีดำง่ายๆ กับกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะเหมือนเดิม แกนั่งอยู่ฝั่งคนขับ ใช้สายตาคู่อาฆาตจ้องผมจนแทบทะลุพลางเอ่ยทักทาย
“หายยัง” เย็นชาเหี้ยๆ
“มะ...ไม่หายครับ ยังอยู่”
“กูหมายถึงหวัด”
“ดีขึ้นแล้ว” ผมเปิดประตูเข้าไป จากนั้นก็นั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวสุดๆ
“ได้ข่าวว่าบอลแพ้หนิ” ฉิบหาย สุดท้ายก็พูดออกมาจนได้ แล้วคนอย่างนายอนณก็ไม่รู้ด้วยว่าต้องทำตัวยังไงนอกจากเกาท้ายทอยพร้อมตอบเสียงอ่อย
“คือไม่มีอะไรจะพูด ออกตัวแรง เขิน”
“มึงยังต้องเขินอีกเหรอ”
“กีฬาต้องมีแพ้มีชนะ ผมไม่ได้เล่นพนันเพราะงั้นไม่เครียด”
“35 ต่อ 0 อืม คิดไว้ซะไกลเลยเนอะ” ไม่ติดว่ามีเข็มขัดคาดเอวอยู่กูจะเอื้อมตีนไปตบหัวพี่มึง
รถเคลื่อนตัวออกไปเรื่อยๆ ผมเองก็ได้แต่เก็บงำความแค้นเอาไว้โดยไม่คิดตอบโต้ นึกดูครับว่าตั้งแต่ก้าวเข้ามาอยู่สายรหัสเทวดาผมโดนไอ้เหนือเดือนนี่เอาเปรียบอะไรไปบ้าง เป็นหนี้ โดนล้อ ไม่พอยังโดนบล็อกโซเชียลทุกช่องทางอีก พ่อกูยังไม่กล้าทำขนาดนี้เลยนะเว้ย
พี่เจตนัดหมายสถานที่ไว้ให้เสร็จสรรพ ผมจึงได้แต่ภาวนาว่าเมื่อไหร่จะไปถึงที่หมายโดยเร็ว กูจะได้ไม่ถูกเหนือกวนตีนใส่อีก ซึ่งมันคงเป็นไปได้ยาก รถติด ไม่พอขยับได้นิดหน่อยก็มีรถคันอื่นมาแทรกอีก
ถามว่าอาร์คตีนผียอมมั้ย ไม่ยอม!
“พะ...พี่อาร์คระวังดิ กูกลัว” พูดไปก็เลื่อนนิ้วจิกเบาะตามไปด้วย นี่มึงขับรถหรือเตรียมเหาะวะสัด
“กูหลบพ้น”
มึงก็พ้นดิ ถ้าชนจริงฝั่งกูตายก่อน
ผมต้องเอาชีวิตมาแขวนอยู่บนเส้นด้ายเนิ่นนาน หัวใจยังคงรัวกระหน่ำด้วยความหวาดหวั่นว่าอาจมีชีวิตไม่รอดไปจนถึงพรุ่งนี้ ทว่าความอดทนที่มีมากโขของผมก็ช่วยให้ทุกอย่างก้าวผ่านไปได้ด้วยดี อีกไม่ไกลเราก็จะถึงกันแล้ว ติดอยู่แค่แยกนี้แหละ
เมื่อสัญญาณไฟเขียวปรากฏ รถคันด้านหน้าก็เริ่มขยับเขยื้อน แต่เราอยู่ไกลก็ต้องรออย่างใจเย็น คงมีแค่...
“พี่ระวัง”
ไม่รู้มีรถจากถนนเลนไหนแทรกพรวดเข้ามากะทันหัน และพยายามจะขอให้เราเว้นช่องว่างไว้ให้ คือดูแล้วแม่งโคตรเห็นแก่ตัว แต่พอดีตอนนี้กูกลัวตายมากกว่า
“ให้เขาไปก่อนเถอะ”
“ได้ไง ชีวิตมันไม่รู้จักรอทำไมต้องให้”
“คนไทยไง”
“มันแซงจากโน่นมาสิบยี่สิบคันแล้ว ใครจะให้ก็ให้ กูไม่ให้”
“พี่อาร์คจะชนแล้วไอ้เหี้ย พี่มึง!” ผมแหกปากลั่นรถ
“ไอ้อาร์มเอาโทรศัพท์มา”
“ทำไม”
“เตรียมเรียกประกัน”
โครม!!
พุทโธ ธัมโม สังโฆ...
ชนท้ายรถตรงหน้าไปเต็มๆ แถมแรงด้วย เสียงเอะอะวุ่นวายดังมาจากข้างนอกแต่ไอ้คนข้างๆ ยังทำตัวนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เจ็บตรงไหนมั้ย”
“ไม่ แค่...แค่ตกใจ”
“เออ เดี๋ยวลงไปดูรถแป๊บ” พอได้เห็นกับตาผมถึงกับปาดเหงื่อทิ้ง
สภาพหน้ารถไม่ได้เละเทะมาก แต่ท้ายรถของคู่กรณีอ่ะไม่เหลือซากเลยท่านผู้ชม เรามีการพูดคุยเพื่อเคลียร์ปัญหากันเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นอีกมุมหนึ่งของพี่อาร์ค แม่งตรงเผง!
คือจะไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบเลย รถคันไหนต่อคิวต้องเป็นไปตามนั้น ใครหน้าด้านแทรกเข้ามามันยอมเสียเวลาเรียกประกันเลยทีเดียว แล้วถามว่าใครจ่าย คู่กรณีก็ต้องจ่ายไปอีกเพราะเสือกขับแทรกขึ้นมาเอง
อันนี้เข้าใจ เข้าใจดี แต่มึงจะเอากูมาสู้กับความยุติธรรมแบบนี้ไม่ด้ายยยยยยยยยยย
หัวใจหล่นไปกองอยู่ตรงตาตุ่ม
อ่านต่อด้านล่างค่ะ