## พันธะพัวพัน ## [ตอนที่ 29:: คนรู้จัก] UPDATE 20/10/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ## พันธะพัวพัน ## [ตอนที่ 29:: คนรู้จัก] UPDATE 20/10/62  (อ่าน 48197 ครั้ง)

ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ใครคือพระเอก ลุ้น  :ling3:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อะไรจะพัวพันกันไปหมด เหมือนชื่อเรื่องเลยเหรอ
 :hao7:

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 22 (50%)
::ทำไมต้องเป็นเขา::





ผมต้องเปลี่ยนผ้าม่านคนเดียวทั้งบ้าน จับถอดจับใส่ผิดๆ ถูกๆ ใช้เวลาไปหลายชั่วโมงกว่าจะรู้เทคนิค พอได้เวลากินข้าวกลางวัน ผมลงมาเห็นเจ้าของบ้านนั่งกินหน้าตาเฉย ไม่มีการเรียกให้ไปกินก่อนหรือถามถึงงานว่าลุล่วงไปถึงไหน ผมคิดว่าเราเริ่มไม่อึดอัดเวลาคุยกันแล้ว เพราะเขาเพิ่งแสดงความเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือขึ้นมาบ้าง แต่ไหงกลับมาเฉยชาใส่กันอีก อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ตามประสาวัยกลางคนรึไง

ตกดึกผมเปิดข้อความเจอไทด์ส่งข้อความมาหา บอกว่าพรุ่งนี้ให้ผมไปรอหน้าโรงพยาบาลที่เคยเจอกัน เขาคงมีเรื่องจะคุยกับผมเลยเอาหยุดมานัดเจอ ทำให้ผมต้องตอบรับไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เสร็จเรื่องผมก็โทรไปเล่าให้จ้านฟังเรื่องผลสอบทันที บอกขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง เขาอุตส่าห์ช่วยติว คาดหวังกับผมเต็มที่ แต่สุดท้ายกลับสอบไม่ผ่านซะอย่างนั้น

จ้านบอกผมเพียงว่าปีหน้ายังมีโอกาส เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เสียใจไปก็เปล่าประโยชน์ คำพูดของเขาทำให้ผมนึกถึงเจ้าของบ้านหลังนี้เลย ทุกประโยคที่ได้ยินมันไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่มันทำให้ผมคิดได้จริงๆ

ดูสิ ขนาดผมคุยกับจ้านอยู่ก็ไม่วายไปนึกถึงผู้ชายคนนั้น มันใช่เรื่องมั้ยเนี่ย!

เช้าวันต่อมา ผมบอกลูเซียนก่อนออกจากบ้านว่าจะไปข้างนอกสักพัก เขาไม่พูดอะไรก็เดินขึ้นรถยนต์ไปทำงานซะแล้ว ไม่ห้ามอะไรแปลว่าอนุญาต เขาเป็นคนมีภาพลักษณ์ที่ควรรักษา ผมจะพยายามเข้าใจละกัน

มาถึงหน้าโรงพยาบาลผมก็ยืนรอตามสถานที่นัด เหลือก็แต่คอยเวลาให้อีกฝ่ายมาถึง แดดวันนี้ร้อนยังกับไฟกัลป์ในนรก เมื่อแดดส่งมาถึงผมเลยต้องไปหลบใต้ต้นไม้ที่เยื้องออกไปเล็กน้อย และถ้าเดินไปอีกหน่อยก็จะเป็นป้ายรถเมล์ที่มีฝูงคนจำนวนมากยืนรอรถอยู่ โดยหลังจากนั้นไม่นานก็มีรถมอเซอร์ไซค์มาจอดเทียบตรงริมฟุตปาธที่ผมยืนพอดี

คนขับรถถอดหมวกกันน็อคออก ทำให้เห็นทรงผมสกินเฮดกับใบหน้าคมเข้ม

“มายืนเซ่ออะไรตรงนี้”

“ก็คุณบอกให้รอหน้าโรง’บาล” ผมตอบไทด์ที่กำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์

“หมายถึงด้านหน้าโน้น มันมีที่นั่งในร่มอยู่ จะมายืนรอร้อนๆ ทำไม”

“ผมไม่รู้นี่ครับ”

“คงงั้น เพราะที่จริงตรงนี้ไม่ใช่หน้าโรง’บาล แต่เป็นทางเข้าข้างหลังต่างหาก” ผมยืนกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะหันไปดูสภาพการณ์โดยรอบ รถเมล์มาส่งผมตรงนี้เลยคิดว่าเป็นหน้าโรงพยาบาลน่ะสิ

“อ้า ก็ว่าทำไมป้ายเล็กจัง” ผมยิ้มกลบเกลื่อนพลางเกาหัวหยิกๆ

“ขึ้นมา”

เป็นคำสั้นๆ ที่ทำให้ผมประหลาดใจ เขาจะให้ผมซ้อนมอเตอร์ไซค์คันนี้น่ะหรอ ลำพังแค่คุยกันก็อึดอัดจะแย่ ถ้าได้นั่งไปกับเขามีหวังตัวเกร็งตลอดทางแน่

“คุณขับรถเข้าไปจอดเถอะครับ เดี๋ยวผมเดินไปเอง”

“มันไกล ไม่งั้นจะชวนขึ้นทำไมเล่า” ผมโดนเขาชักสีหน้าใส่อีกรอบ นึกลังเลใจในขณะที่อีกฝ่ายกำลังสวมหมวกกันน็อค ผมยังไม่ทันตอบตกลงเขาก็สตาร์ทรถราวกับเร่งให้รีบตัดสินใจ จนท้ายที่สุด... ผมก็ยอมขึ้นรถไปแต่โดยดี

ระหว่างหาที่จับให้มั่นคง ไทด์ก็เอี้ยวตัวหันข้างเพื่อพูดบางอย่างกับผม

“ฉันไม่เคยให้ใครซ้อนท้ายมาก่อน ภูมิใจซะด้วย”

สิ้นเสียง รถมอเตอร์ไซค์ก็พุ่งทะยานไปด้วยความเร็ว ไม่ทันให้ผมรู้สึกคล้อยตามคำพูดนั้นก็ถึงที่หมายซะแล้ว ไทด์จอดรถพร้อมล็อคกุญแจแน่นหนา ถอดถุงมือเก็บไว้ใต้เบาะนั่งพร้อมหมวกกันน็อค ก่อนจะหยิบถุงของกินออกมายื่นให้ผม

“เอ้า รับไป” ผมรับมาอย่างงงๆ 

“เรามาทำอะไรที่นี่หรอครับ”

“ฉันจะให้นายรู้เรื่องของฉันบ้าง” ผมขมวดคิ้วเป็นปม และรอฟังในสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังจะพูดต่อ “ให้รู้เรื่องของนายฝ่ายเดียวรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ อย่างน้อยก็ควรทำอะไรให้นายสบายใจได้ว่าฉันจะไม่เอาความลับของนายไปพูดแน่นอน”

ฟังแล้ว ผมก็เผลอยิ้มออกมา “ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย”

“ฉันมันคนจริงเว้ย ตั้งใจทำอะไรก็ต้องให้ชัดเจน” เขาหนักแน่นกับคำพูดในตอนแรก แต่ประโยคถัดไปกลับอ่อนละมุน “นายจะได้ไม่ต้องมานั่งระแวงฉัน”

“แล้วทำไมต้องเป็นที่โรง’บาลนี้ด้วย”

“ฉันจะพานายไปเจอน้องชาย”

“เอ๊ะ? น้องชายคุณยังไม่ออกจากโรงพยาบาลอีกหรอ” จำได้ว่าวันที่เจอกันในโรงพยาบาลโดยบังเอิญ ไทด์บอกผมว่ามาเยี่ยมน้องชาย พอถามไปว่าเป็นอะไรเขาก็ไม่ยักจะตอบ

“ไปเจอก็รู้เองล่ะน่า”

ไทด์ถือถุงอีกส่วนเดินนำหน้าผมไป เมื่อกี้แอบมองนิดหน่อยเห็นว่าเป็นผลไม้กับของกินกระจุกกระจิบ นึกแปลกใจว่าทำไมถึงซื้อมาเยอะแยะ แต่สงสัยไม่นานก็ได้รับคำตอบ เมื่อเขานำถุงเหล่านั้นยื่นให้กับเหล่าพยาบาลและคุณหมอท่านหนึ่งในทันทีที่เดินเข้าไปยังอาคารผู้ป่วยใน

“นี่ครับป้า” ถัดมาก็ยื่นให้ถึงเตียงผู้ป่วยอีกสองคนในห้องนอนรวม “เพิ่งเข้าหน้าลิ้นจี่พอดี ผมเลือกแต่พวงสวยๆ มาให้ทั้งนั้น ถ้าเกิดชิมดูแล้วชอบวันหลังผมจะซื้อมาฝากอีก”

ไทด์ยิ้มแย้มแจ่มใส ผมเคยเห็นตอนเขาร่าเริงแบบนี้ตอนหยอกล้อกับพนักงานในไนต์คลับ ตอนนั้นเขาดูกวนๆ มีความขี้แกล้ง แต่พออยู่กับผู้ใหญ่เขากลายเป็นคนน้อมนอบ มีมารยาทและยิ้มเก่ง

เมื่อเดินมาถึงเตียงผู้ป่วยที่อยู่ด้านในสุดของห้อง ผมเห็นชายคนหนึ่งนอนให้น้ำเกลือพร้อมสายระโยงระยางเต็มไปหมด เขาสวมหมวกไหมพรมสีเทาปกปิดผมที่ถูกโกนทิ้ง สีหน้าไร้ความรู้สึก ร่างกายซูบเล็กน้อย ผมเดินเข้าไปใกล้เพราะเห็นว่าเขากำลังลืมตาอยู่ แต่ก็ไม่พบว่าแววตานั้นจะมีปฏิกิริยาใดใด   

“เขาชื่อท็อป อายุเท่านาย” ไทด์เอ่ยอยู่ด้านหลังผม

“เขานอนอยู่แบบนี้มานานแค่ไหนแล้วครับ”

“5 ปีกว่าได้”

“อ่า... ไม่แปลกที่คุณจะรู้จักหมอกับพยาบาลที่นี่ทุกคน” ในใจผมนึกเวทนาแต่ไม่แสดงอาการออกมา เพราะไทด์คงรู้สึกเสียใจกับเรื่องของน้องชายมากพอแล้ว ผมเลยตั้งใจพูดติดตลกเพื่อที่เขาจะได้ไม่รู้สึกแย่

“เวลาฉันทำงาน ก็ได้พวกเขาคอยดูแลท็อปให้ ถึงเป็นเพราะหน้าที่ฉันก็อยากขอบคุณ... เพราะมีพวกเขาน้องชายฉันถึงอยู่มาได้นานขนาดนี้” ผมเข้าใจในสิ่งที่ไทด์พูด และยังดีใจแทนท็อปที่มีพี่ชายที่ดูจะรักเขามาก

“ผมถามได้มั้ยว่าเขาเป็นอะไร”

“เลือดคลั่งในสมองเพราะโดนของแข็งกระทบอย่างแรง ท็อปเฉียดตายไปหลายครั้งก็ได้คุณหมอช่วยยื้อชีวิตให้ ตอนนี้เขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย จะตอบสนองแค่ดวงตา ที่ทำให้รู้ว่าเวลาไหนเขาหลับและเวลาไหนกำลังตื่นอยู่”

เป็นอย่างนี้นี่เอง ตอนนี้ท็อปลืมตาก็แสดงว่าเขาอาจได้ยินเรื่องที่พวกเราพูดกันสินะ

“หวัดดี ฉันชื่อรัณย์นะ” ผมนั่งลงข้างๆ เขา พยายามพูดด้วยน้ำเสียงเบาแต่ชัดถ้อยชัดคำ “เห็นพี่ชายนายบอกว่าเราอายุเท่ากัน ถ้างั้น... นายเพิ่มฉันเป็นเพื่อนอีกซักคนได้หรือเปล่า ความจริงฉันไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่ ให้ฉันแวะมาเยี่ยมนายบ้างคงไม่เป็นไรใช่มั้ย เห็นมีแต่พี่ชายมาเยี่ยมฉันกลัวว่านายจะเบื่อหน้าเขาแล้วน่ะสิ”

“ให้มันน้อยๆ หน่อย”

ผมหันไปมองคนทำน้ำเสียงดุ และก็เป็นอย่างที่คิด ไทด์กำลังเขม็งตาใส่ผมอยู่ แต่ที่น่าแปลกใจคือหลังจากนั้นเขากลับยิ้มออกมา แม้จะเป็นเพียงเสี้ยวเล็กๆ ตรงมุมปาก มันก็เป็นภาพที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็น

รอยยิ้มละมุนละไม ทำให้ใบหน้าเข้มกับท่าทางโหดๆ ของเขาหายไปในพริบตา...

“เรื่องเกี่ยวกับคุณที่จะเล่าให้ผมฟัง ก็คือเรื่องของน้องชายหรอครับ”

“ฉันไม่เคยพูดถึงท็อปกับใคร จะมีก็แต่อาจักรกับบอสที่รู้เรื่อง” อ้า สองคนนั้นเอง “ฉันก็ไม่ได้อยากปิดบังอะไรหรอกนะ... แต่แค่ละอายใจเวลาที่ต้องบอกว่ามันคือความผิดของฉัน”

“ความผิดของคุณ?” ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น

ไทด์เล่าให้ผมฟังว่าหลายปีก่อนหน้าที่น้องชายจะประสบภัยร้าย เขาเคยใช้ชีวิตเหลวแหลก อยู่กับกลุ่มเพื่อนอันธพาล กินเหล้าสูบบุหรี่ ไม่ยอมหางานทำ ได้แต่รับงานใต้ดินกับทำเรื่องผิดกฎหมายไปเรื่อย ตอนนั้นเขาเข้าออกโรงพักเป็นว่าเล่น จนชีวิตตกต่ำถึงขีดสุด ต้องไปรวมตัวกับเพื่อนเพื่อชิงทรัพย์เล็กๆน้อยๆ จากคนอื่น

ระหว่างนั้นท็อปกำลังเรียนอยู่มัธยมปลาย มีผลการเรียนและพฤติกรรมดีเด่นจนได้รางวัลมานับไม่ถ้วน ท็อปอาศัยอยู่บ้านเช่าเพียงลำพังเนื่องจากพ่อและแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่เด็ก ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้านกับค่าเล่าเรียนไทด์จะเป็นคนโอนไปให้เสมอ โดยที่ท็อปไม่เคยรู้ว่าพี่ชายทำมาหากินอะไรเพราะไม่เคยกลับมาบ้าน

จนอยู่มาวันหนึ่งไทด์ได้ข่าวเรื่องน้องชายถูกกลุ่มอันธพาลจี้ชิงทรัพย์ แต่เพราะขัดขื่นไม่ยอมให้พวกมันเอาเงินที่จะจ่ายค่าเทอมไป ทำให้อีกฝ่ายกระหน่ำใช้ไม้เบสบอลทุบตีจนบาดเจ็บสาหัส เขาคลุ้มคลั่งเอาแต่โทษตัวเองที่ทำกับคนอื่นไว้เยอะ กรรมมันจึงไปตกอยู่กับน้องชายเขาแทน เวลานั้นไทด์จมอยู่กับความเครียดจนคิดถึงขั้นว่าถ้าท็อปเป็นอะไรไป เขาก็จะตายตามเช่นกัน

โชคดีที่จักรพงษ์เพื่อนสนิทของพ่อไทด์กับท็อปยื่นมาเข้ามาช่วย ช่วยจ่ายค่าผ่าตัดและแนะนำงานให้กับไทด์ แน่นอนว่าเขาตกลงทันที โดยตั้งเป้าหมายว่าจะทำงานหาเงินมารักษาท็อปให้หายดี

เขาเปรียบน้องชายเหมือนกำลังใจอันแกร่งกล้าที่สามารถช่วยทำให้เขาอดทนต่อไปจนกว่าสองพี่น้องจะได้พบกันอีกครั้ง เรียกได้ว่าน้องชายเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไทด์อย่างแท้จริง ทำให้เขาเป็นคนใหม่ พยายามเลิกบุหรี่และอาการติดเหล้าอย่างหนัก หันหลังให้กับชีวิตบัดซบอย่างที่ผ่านมา

ผมเพิ่งรู้ว่าลูเซียนเองก็เป็นบุคคลหนึ่งที่เป็นส่วนทำให้ชีวิตของไทด์มาถึงจุดนี้ ช่วยเรื่องหน้าที่การงานและยังช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาลของท็อปในยามที่ต้องผ่าตัดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ลูเซียนจึงเป็นดั่งผู้มีพระคุณ ไม่ว่าต้องการให้ทำอะไรไทด์ก็ไม่เคยขัดข้อง อย่างตอนที่บอกให้สอนงานผม เขาก็ตัดสินใจทำตามคำสั่งแม้ในใจจะคัดค้าน

หลังจากฟังจบ ผมมีคำพูดหนึ่งที่อยากบอก...

“ท็อปโชคดีที่มีพี่ชายอย่างคุณ”

ไทด์ขมวดคิ้วพลางหันหน้ามามอง “เมื่อกี้นายไม่ได้ฟังฉันเล่าเลยใช่มั้ย”

“ก็คุณไม่ได้ทิ้งเขานี่ครับ” ผมจ้องกลับพร้อมยิ้มให้อย่างจริงใจ แต่สบตากันได้แปบเดียวเขาก็หันหน้าหนีไปทางอื่นก่อน “เอาน่า... รู้สึกผิดช้าไปยังดีกว่าไม่สำนึกนะครับ คุณยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งมากมายเพื่อน้องชาย ถ้าเป็นคนอื่นจะทำได้ขนาดนี้หรอ”

“หึ... ทำพูดเข้า”

“ได้ยินคุณเล่าเรื่องในอดีตแล้ว เล่นเอาคนจำความไม่ได้อย่างผมอิจฉาไปเลย อย่างน้อยคุณก็มีความทรงจำที่ดีและไม่ดีมาเป็นประสบการณ์ในชีวิต ส่วนผม... กลับจำได้อย่างเดียวว่าเคยเป็นยังไงในสายตาคนอื่น”

มีหลายคนไม่ชอบขี้หน้า เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าผมเคยทำตัวแย่แค่ไหน ก่อเรื่องอะไรไว้ก็ต้องยอมรับกับมัน แต่ที่ยังหลุดไปไม่ได้สักทีอาจเป็นเพราะผมยังมีพันธะบางอย่าง ที่ต่อให้อยากเปลี่ยนแปลงยังไงก็สลัดมันไม่ได้ง่ายๆ

“วันนั้นนายเชื่อเรื่องที่ฉันโกหกเรื่องแผลเป็น ไม่รู้หรอกนะว่ามันทำให้นายรู้สึกแย่แค่ไหน แต่หลังจากคิดดูแล้ว ฉันก็ตัดสินใจว่าจะเล่าเรื่องของตัวเองให้นายฟังบ้าง”

“ทำไมล่ะครับ”

“นายจะได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่นายที่กำลังเผชิญปัญหาอยู่ ไม่ว่าใครก็มีโอกาสเจอเรื่องแย่ๆ กันได้ทั้งนั้น แค่ต้องจำไว้ว่ามันไม่ใช่จุดจบในชีวิต ถ้าพอมีอะไรที่ทำให้นายก้าวต่อไปได้ก็จงทำมันซะ ลงมือให้เต็มที่ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง”

จากใจคนที่เคยโดนชายคนนี้พูดจาแดกดันมาตลอด ผมไม่เคยชิงชังกับอคติที่เขาเคยมีต่อผม แต่แค่อยากให้เปิดใจเรียนรู้กันใหม่อีกครั้ง ผมคิดว่าจะไม่มีวันนั้นซะแล้ว จนเมื่อครู่ที่ได้ฟังไทด์แนะนำการใช้ชีวิต ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะการได้รู้จักเขามากขึ้น ทำให้ผมมองเห็นถึงมิตรภาพที่ไม่เลวเลย

“ว่าแต่... ไอ้อาการความจำเสื่อมเนี่ย มันจะเปลี่ยนนิสัยคนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้เชียว ไม่ใช่ว่านายมีฝาแฝดหรอกนะ” เห็นได้ชัดว่าไทด์จงใจเปลี่ยนเรื่อง ทำเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดในสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจไปงั้นแหละ

“หรือไม่ก็อาจเป็นวิญญาณที่ตายไปแล้วมาสิงสู่” จริงๆ ผมไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะอะไร ที่พูดไปก็แค่อยากรับมุกเฉยๆ “พาผมไปสำนักหมอผีดีมั้ยครับ เขาจะได้ช่วยดูให้”

“รับมุกก็เป็น” ไทด์พูดจบ เราสองคนก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกันอย่างลืมตัว

“ไหนๆ เราก็รู้จักกันมากขึ้นแล้ว ผมจะขอเรียกคุณว่า ‘พี่’ ได้มั้ยครับ”

ถ้าให้พูดถึงความรู้สึกตอนนี้ เอาตรงๆ ผมก็เขินเหมือนกันนะ แบบว่าตื่นเต้นหน่อยๆ ไม่กล้าสบตา สิ่งที่ผมคิดคืออยากเรียกเขาเหมือนรุ่นน้องคนอื่นๆ ในไนต์คลับ เพราะหลังจากนี้เรายังต้องทำงานด้วยกัน มันก็แน่นอนว่าผมอยากสนิทกับเขามากกว่าโดนเขม่นใส่อยู่แล้ว

ไม่รู้ว่าไทด์จะมองผมเป็นเหมือนน้องคนหนึ่งได้หรือเปล่า 


“ความจริง... มีน้องชายเพิ่มอีกคนก็ไม่เสียหลาย”











TBC

ขอแบ่งลงครึ่งตอนน้า พอดีพาร์ทที่เหลือมันต้องปรับแก้นิดหน่อย
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้แน่นอนจ้า ^^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2018 20:28:14 โดย La_Pomme »

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
จะถูกรู้ความลับไหมล่ะนั่น

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
อยากให้ท็อปหายจัง สงสารน้อง  :hao5:
เรื่องนี้เดาอะไรไม่ได้เลยจริงๆ คือเดาไปออกว่าจะไปในทิศทางใหน เนื้อเรื่องจะไปยังไง และใครพระเอก ลุ้นตรงนี้สุดๆค่ะ แม้ใจจะเอียงไปทางพี่ลูมากหน่อยก็ตาม  :laugh:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ต่อไปจะเป็นยังไง รอจ้า

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ชีวิตคนเราก็มีหลายมุมนะ แต่ว่าจะทำอย่างไรให้ผ่านไปด้วยดีนี่สิ
สู้ๆ นะ

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รัณย์มีพี่ชายแล้ว  :katai2-1:
ส่วนไทด์ ก็มีน้องชายเพิ่มอีกคนหนึ่ง
ว่าแต่สัมพันธภาพนี้จะไม่เปลี่ยนไปใช่ไหม สำหรับไทด์  :hao3:

ลูเซียน มีการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ ความรู้สึกกับรัณย์บ้างแล้ว
แล้วอีวาน ก็ติดต่อลู อย่างที่รัณย์คิดไว้จริงๆ
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 22 (100%)
::ทำไมต้องเป็นเขา::




**

เป็นครั้งแรก ที่อีวานมีโอกาสเข้ามาสำรวจห้องทำงานของลูเซียนในฐานะหุ้นส่วนทางธุรกิจ หนุ่มลูกครึ่งกวาดสายตาไปทั่วโดยไม่แตะต้องสิ่งของให้เป็นการเสียมารยาท เขารู้สึกได้เลยว่าบอสใหญ่แห่งซีเอ็กซ์ เอ็นเตอร์ไพร์สมีไลฟ์สไตล์ที่สุขุมนุ่มลึก แฝงไปด้วยความละเอียดอ่อน ยิ่งรู้ว่าสถานที่บางส่วนในบริษัทถูกดีไซน์โดยชายคนนี้ เจ้าพ่ออสังหาฯอย่างอีวานก็ดูจะทึ้งกับความมีศิลปะและเปี่ยมไปด้วยความทรงพลังของผู้ออกแบบไม่น้อย

“ห้องทำงานดูดีนะครับ รสนิยมของคุณใช้ได้เลย”

“ผมไม่ได้มีบริษัทใหญ่โตบนตึกระฟ้าเหมือนคุณ ถ้าเปรียบเทียบกันห้องของผมคงธรรมดามาก” ลูเซียนเอ่ย

“หึ... ถ่อมตัวซะจริง” ว่าแล้วชายหนุ่มก็นั่งลงบนโซฟาที่มีไว้สำหรับรับแขก

“สองสามวันหลังจากนี้ผมจะเริ่มจัดการประชุมเพื่อวางแผนงานสำหรับธุรกิจคาสิโนในมาเก๊า จากนั้นก็ส่งต่อให้บริษัทคุณวางโครงสร้างและดำเนินการทันที ระยะนี้มีนักลงทุนรายใหญ่จับจ้องอยู่ หากได้รับความสนใจ เงินหมุนเวียนอาจจะเพิ่มเป็นหลายพันล้าน” ลูเซียนพูดถึงเรื่องที่ทำการสำรวจมา ยิ่งสำเร็จเร็วก็จะเป็นผลดีต่อธุรกิจที่กำลังเติบโต

“แปลว่าช่วงนี้คุณก็ไม่ค่อยว่างน่ะสิ” อีวานเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“คุณกลับมาคราวนี้ก็คงมีเรื่องที่ต้องทำเหมือนกัน”

“นิดหน่อยครับ พอดีว่าเรื่องยุ่งๆ ในฮ่องกงทำให้ผมอยากพักผ่อนสมอง ก็อย่างที่คุณรู้ว่าการถูกก่อกวนจากศัตรูทางอำนาจมันต้องใช้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน ลูกน้องผมถูกลอบยิงไปหนึ่งคนก็ต้องทำให้ฝ่ายนั้นชดใช้อย่างสาสม”

อีวานถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในฮ่องกง จึงไม่แปลกที่จะมีมาเฟียตระกูลเก่าแก่คอยจับตา หากล้ำเส้นกันเพียงนิดก็อาจเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าจนถึงขั้นนองเลือด วงการนี้มีอันตรายรอบด้าน ศัตรูทั่วทิศ เมื่อเลือกที่จะพาตัวเองไปพัวพันกับโลกสีเทาแล้วก็ต้องคอยระแวดระวงตัวเองอยู่ตลอด

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั้ยครับ” ลูเซียนเอ่ยถาม

“เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ” อีวานยิ้มออกมาจากใจ ก่อนจะว่าต่อ “อันที่จริง ไปฮ่องกงคราวนี้ถ้าไม่ติดว่าต้องเสี่ยงกับเรื่องอันตรายผมคงพารัณย์ไปด้วยแล้ว... มานึกเสียดายอีกทีก็ตอนที่รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นเด็กดีตามที่สั่งไว้”

ดูอีวานจะตั้งใจให้ลูเซียนรู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเคยคุยอะไรกัน

“ถ้าคุณรู้จักเขาอีกสักนิด ก็จะเข้าใจเอง”

“ว้าว~ น่ายินดีที่เราเข้าเรื่องกันได้สักที... เพราะคุณคงรู้อยู่แล้วว่าผมตั้งใจมาคุยเรื่องอะไร” บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เมื่อต่างฝ่ายต่างมีหัวข้อสนทนาใหม่

“นึกไม่ถึงว่ารัณย์จะกลายเป็นเรื่องสำคัญถึงขนาดทำให้คุณมาหาผมถึงที่นี่”

“รัณย์เป็นคนของผม... การเห็นเขาไปอยู่กับคนอื่น ผมควรทนเฉยหรอครับ” อีวานพูดโดยปราศจากชั้นเชิงใดใด แม้จะเป็นที่น่าแปลกใจสำหรับลูเซียน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายพูดตรงๆ แล้ว เขาก็จะไม่อ้อมค้อมเหมือนกัน

“ผมคิดว่าคนเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกอยู่กับใครก็ได้”

“แต่ไม่ใช่กับคนที่ผมต้องการ” เจ้าพ่ออสังหาฯ กล่าวอย่างหนักแน่น “รัณย์เคยเสนอตัวให้ผมเพื่อช่วยคุณ หรือด้วยเหตุผลอะไรผมไม่สนใจ แต่ถ้าคิดจะดึงเขากลับไปทั้งๆ ที่คุณเป็นคนส่งตัวเขาให้ผมเอง แบบนั้นผมคงรับไม่ได้ ในเมื่อคุณปล่อยมือเด็กคนนั้นไปแล้ว ต่อให้เขาเป็นฝ่ายมีใจให้คุณมันก็ไม่ได้แปลว่าผมควรถอย... อย่าทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่คุณมีไว้เพื่อหาประโยชน์เลยครับ จากใจคนที่ไม่เคยเห็นใครเป็นของตายอย่างผม มันรู้สึกทนไม่ได้จริงๆ”

“คุณคงคิดแบบนี้เพราะคนที่รัณย์พัวพันด้วย ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของผม” ลูเซียนถามกลับ

“จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่มันไม่มีผลอะไรหรอกครับ เพราะตอนนี้ผมคิดแต่เรื่องของรัณย์เท่านั้น”

“น่าประหลาดใจที่ผมได้ยินคำพูดนี้จากปากคุณ”

ลูเซียนอ่านแววตาของอีวานไม่ออก ใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หากพูดเรื่องจริงก็นับว่าไม่ธรรมดาในสายตาคนอื่น เพราะอีวานไม่เคยตามตอแยใคร แสดงความสนใจได้เพียงข้ามคืนก็ทิ้งขว้าง ไร้ซึ่งข้อผูกมัดใดใด เขามักเปลี่ยนคู่นอนต่อสัปดาห์ หรืออาจน้อยกว่านั้นแต่ไม่มีมากไป และไม่ใช่คนที่จะใช้คำว่า ‘คนของผม’ พร่ำเพรื่อ แต่ถึงขั้นลักพาตัวโดยที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจ คงเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อนแน่นอน จะว่าหลงเสน่ห์เด็กหนุ่มที่พึ่งรู้จักกันไม่นานก็น่าเหลือเชื่อเกินไป เพราะอีวานใช่ว่าจะผ่านโลกมาน้อย แค่มองแวบเดียวก็น่าจะรู้ว่ากรัณย์ไม่ได้สดใสบริสุทธิ์

หรืออาจเป็นไปได้ว่าอีวานคือคนจำพวกยอมแพ้ไม่เป็น ยิ่งอีกฝ่ายวิ่งหนีเขาก็ยิ่งอยากเอาชนะ แล้วไหนจะมีลูเซียนเข้ามาเกี่ยวข้องอีก ถ้าหลีกทางตอนนี้เขาอาจโดนตราหน้าว่าเสียคนให้กับบอสใหญ่แห่งซีเอ็กซ์ เอ็นเตอร์ไพร์สไปง่ายๆ อะไรทำนองนั้น     

“ผมพูดกับคุณเปิดอกแล้ว หวังว่าจะเข้าใจไม่ยาก”

“อยู่ๆ คุณก็ดูจะหลงเด็กคนนั้นขึ้นมา หากให้เข้าใจทันทีคงไม่ถูกนัก... คุณหาว่าผมให้เขาอยู่ข้างกายเพื่อใช้งาน ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าคุณเองก็อาจจะมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงเหมือนกัน” ลูเซียนวิเคราะห์ในสิ่งที่อาจเป็นไปได้ หรือเรียกได้ว่าคาดการณ์ไปตามเหตุและผล “คุณจะหาใครที่ดีกว่านี้ก็ได้... ทำไมต้องเป็นเขา”

อีวานยิ้มกว้าง สีหน้าเปล่งประกายราวกับมีคนพูดถูกใจ

“ถ้าจะให้เข้าใจก็คือ...” อีวานทำบรรยากาศให้เงียบลง รอดูความสงบเยือกเย็นของลูเซียนโดยไม่ละสายตา ถ้าได้เห็นอีกฝ่ายแสดงอาการอยากฟังกว่านี้คงจะดี แต่ดูเหมือนจะเป็นเขาต่างหากที่อยากจะพูดให้ลูเซียนรู้เต็มแก่ “ผมเซ็นสัญญากับคุณเพราะรัณย์”

ลูเซียนขมวดคิ้วหนาอย่างที่อีวานไม่คิดว่าจะได้เห็น

“คุณคงมีเหตุผลที่ฟังขึ้น”

“แน่นอนครับ ผมเคยเจอรัณย์มาก่อนที่เราจะเจอกัน... เนี่ยแหละเหตุผล” อีวานกล่าวได้ลื่นไหล ไม่มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด “เรื่องธุรกิจที่คุณเสนอมาตอนนั้นผมสนใจจริงๆ ในทางกลับกัน ถ้ารัณย์เสนอว่าจะมอบตัวเองให้ผมเพื่อแลกกับการไม่ให้เซ็นสัญญา ผมก็จะไม่เซ็น... แต่โชคดีที่เขาเสนอไปในทางเดียวกับผม เพราะอย่างนั้นเราถึงได้เซ็นสัญญาร่วมกันไงครับ”

หากอีวานรู้จักกรัณย์ก่อนหน้านั้น ก็แปลว่าลูเซียนโดนตบตาให้เข้าใจว่าอีวานไม่เคยเจอกรัณย์มาก่อน ที่ให้ช่วยแนะนำชื่อต่างๆ นานาเป็นเพียงการแสดงทั้งหมด อีวานตั้งใจทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร

“แล้วทำไมตอนแรกคุณถึงทำเป็นไม่รู้จักเขา หรือเวลาที่คนอย่างคุณอยากได้ใครก็ต้องใช้คนกลาง” ลูเซียนไม่อ้อมค้อม ซัดคำถามอย่างหนักแน่น

“รัณย์ไม่รู้จักผมนี่ครับ แถมตอนนั้นผมก็เพิ่งรู้ว่าพวกคุณรู้จักกัน ใช่ว่าอยู่ๆ ผมจะเจรจาธุรกิจกับคุณเพื่อเข้าหาเด็กคนนั้นซะเมื่อไหร่” ว่าแล้วอีวานก็พยายามนึกอะไรบางอย่าง “ตอนแรกผมตั้งใจจะตามหารัณย์ แต่คืนนั้น... อยู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าผม ภาษาไทยเรียกว่าอะไรนะ... พรหมลิขิตใช่มั้ย ใครจะไปคิดว่านอกจากได้เซ็นสัญญากับคุณแล้ว ผมยังได้ตัวเขาอีก”

อีวานเน้นประโยคหลังอย่างจงใจ

“คุณเคยเจอรัณย์ที่ไหน” ลูเซียนถามเสียงเข้ม

“ผมไม่จำเป็นต้องตอบคุณมั้งครับ”

“เห็นพูดมาถึงขนาดนี้ ผมเลยคิดว่าคุณคงไม่อยากปิดบังอะไรแล้ว”

“ที่จะพูดคือ... ผมไม่มีทางปล่อยเขาไป” เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้ากล่าวอย่างจริงจัง เขามองลึกหยั่งเชิงลูเซียนโดยไม่หลบตา และหากนี้คือสงครามเย็นที่กำลังก่อตัว แม้มั่นใจว่าแยกเรื่องงานออกจากกันได้ก็ไม่น่าวางใจ เพราะถ้าอีวานกล้าเอากรัณย์อยู่เหนือทุกอย่าง ก็แปลว่าเจ้าตัวพร้อมจะเสียอะไรก็ได้... ยกเว้นเด็กคนนั้น 

“น่าเสียดายที่เขาไม่ต้องการคุณ” ลูเซียนเอ่ย

“แล้วคุณต้องการเขาหรอครับ”

“เขาพอใจที่จะเป็นคนของผม” เป็นคำตอบที่ทำให้อีวานแสยะยิ้ม

“คุณควรรู้ว่าผมไม่อยู่เฉยแน่”

“ผมก็เหมือนกัน”

ลูเซียนตอบกลับแทบจะทันที จากที่เคยคิดว่านักธุรกิจเชื้อชาติไต้หวันคนนี้อาจเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง อีวานเริ่มรู้สึกได้เดี๋ยวนี้เองว่าคิดไม่ผิด ท่าทางหนักแน่นไม่หวาดหวั่นต่ออะไร เขานับถือการตรงไปตรงมาของลูเซียน แต่ถ้าจะต้องหาวิธีให้กรัณย์มาอยู่ในความดูแล เขาก็ควรทำให้เด็กคนนั้นหยุดคิดถึงเรื่องของชายคนนี้ซะก่อน

เสียงข้อความในมือถืออีวานดัง เจ้าตัวหยิบมันขึ้นมาอ่านเพียงชั่วครู่ก็เผยยิ้ม เขาดูสบายใจในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มอึดอัด จากนั้นอีวานก็หยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อสูทก่อนจะยื่นไปให้ลูเซียน

“เผื่อคุณสนใจ”

บอสใหญ่รับของที่มีลักษณะเป็นซองจดหมายมา เมื่อเปิดดูก็พบว่ามันคือการ์ดเชิญเข้าร่วมงาน ‘ประมูลวัตถุโบราณ’ ที่กำลังจะจัดขึ้นในไม่ช้า...


**













TBC.

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2018 22:18:17 โดย La_Pomme »

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
อร๊าย ซับซ้อนอ่าาา

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ตอนแรกก็เชียร์แอิวานแหละ พอสักพัก อิวานไม่อยู่เลย มาเทใจให้ลูเซียน  แต่พออิวานกลับมาเท่านั้นบ่ะ เหมือนเขามาทวงจริงๆ5555 เอนเอียงมาหาอิวานอีกละ  เนี่ยยยงง คือนายเอกนี่สวยมากกกดด ยังหาพระเอกไม่เจอเลย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
สับสนแหะ เดาไม่ถูกว่าใครเป็นพระเอกระหว่างพี่ลูกับอีวาน  :katai5:
พี่ลูสู้เขานะะะ พี่ลูต้องหัดอ่อนหวานกับรัณย์บ้างนะไม่ใช่เอาแต่ซึน 55555

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
อีวานคัมแบคอย่างหล่ออะ พระรองแน่5555555555
เชียร์ทั้งคู่ แต่เอียงไปทางพี่ลูหน่อยเพราะซีนเยอะ  :hao7:

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
นี่ว่ารัณแอบเทใจให้ลูอะ แต่เกมส์อาจพลิกให้อีวาน555555แอบเชียร์อีวาน

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
แอบนึกถึงทรูสตาร์ หนุ่มๆ เยอะจนเลือกไม่ถูกแบบนี้เลย

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
อีวาน!
อีวาน!
อีวาน!
พระรองขั้นเทพที่เราต้องการต้องแบบเน้
ได้กินนายเอกก่อน แล้วก็มาไฟท์ติ้ง อยากได้ๆๆ จะเอาๆๆ โต้งๆ ให้ลุงลู กระอักเลือดดดดด

กดบวกขอบคุณ รีเควรสขออิวานเยอะๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
วันนี้จะมาไหมคะ รออ่านอยู่น๊า  :pig4:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนใจ อิวานเท่านั่นค่ะ  ไม่ถูกจริตกับตาลู่ เชียร์ต้นยันอวสานถ้าไม่ใช้พระเอกคู่รันย์ก็ไม่เป็นไรนายเป็นพระเอกในใจฉัน

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
บทที่ 23
::ลักพาตัว::




ขณะนั่งอยู่ในห้องผู้ป่วย ไทด์พูดเรื่องของผมให้ฟังเยอะแยะ บอกว่าเจอผมครั้งแรกเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นผมมานั่งดื่มเหล้ากับผู้ชายคนหนึ่ง จากลักษณะที่เล่าผมเดาว่าน่าจะเป็นติณณ์ไว้ก่อน เพราะเป็นลูกค้าประจำและดูสนิทสนมกับผมมาก หลังจากนั้นไม่นานผมก็เป็นที่รู้จักของพนักงานในฐานะแขกวีไอพีของลูเซียน วันไหนที่ลูเซียนมาคลับก็จะเห็นผมทุกครั้ง พอผมถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ไทด์ก็บอกได้แค่ไม่รู้ละเอียด แต่ทุกคนคิดกันไปแล้วว่าผมเป็นคนของลูเซียน

ช่วงแรกไทด์บอกว่าผมยังทำตัวธรรมดา ไม่ได้มากเรื่อง แต่พอไม่ทำตัวติดลูเซียนไปมีความสัมพันธ์ลับๆ กับเศรษฐีคราวพ่อ เวลามาคลับทีไรผมจะมีปัญหาตลอด ไม่พอใจอะไรก็โวยวาย ทำพนักงานทุกคนปวดหัวไปหมด บางคนถึงกับพูดกันว่าผมโดนลูเซียนทิ้งก็เลยจะเอาคืน มันจึงเป็นที่รู้กันว่าวันไหนถ้าผมโผล่มา เตรียมเจอกับเรื่องวุ่นวายได้เลย 

ได้ฟังแบบนี้ก็พอรู้อะไรขึ้นมาบ้าง แม้จะไม่ละเอียดเพราะไทด์ไม่ได้สนใจเรื่องของผมเท่าไหร่ ความจริงมันมีอะไรมากกว่านี้แน่ ถ้าอยากรู้จริงๆ ก็คงต้องไปถามกับลูเซียนเอา ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้ผมมีอะไรข้องใจก็ถามไปก่อน อย่างเรื่องที่เคยประกาศกร้าวว่าจะไม่ไปเหยียบที่คลับอีก ผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเลยถามไทด์ไป

คำตอบที่ได้คือ... ไม่รู้

แต่ไทด์ก็เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟังว่าผมเดินตาขวางฝ่าฝูงชนในคลับไปเหมือนพายุ พอเปิดประตูห้องทำงานของลูเซียนออกก็ตะคอกเสียงดัง

‘เราตัดขาดกันตั้งแต่วันนี้ ลูเซียน... ผมจะไม่ให้อภัยกับสิ่งที่คุณทำ และต่อจากนี้ไปจนถึงวันตาย ผมจะไม่ขอมาเหยียบที่นี่อีก’  

ยิ่งฟังผมก็ยิ่งสงสัยว่ามีปัญหาอะไรกับลูเซียน ถ้าจำไม่ผิด ครั้งแรกที่ผมเจอลูเซียนหลังจากฟื้นขึ้นมา เขาพูดว่า ‘อะไรที่สามารถทำลายฉันได้ นายพร้อมจะทำอยู่แล้ว’ รวมไปถึงตอนที่จ้านเองเล่าเรื่องระหว่างผมกับเขาให้ฟัง ‘มึงว่าหมอนั่นเป็นคนร้ายกาจ ไม่มีหัวใจ มึงไม่ชอบหน้า เกลียดมันยังกับอะไรดี’ สรุปได้ว่าผมไม่ชอบลูเซียน ถ้าอย่างนั้น จะอธิบายเรื่องที่ผมเคยยกข้อต่อรองขึ้นมาเพราะอยากนอนกับเขายังไงล่ะ

ตอนนั้น... ลูเซียนทำเรื่องอะไรที่ทำให้ผมเกลียดเขากันนะ?

แต่พอมานึกๆ อีกที สงสัยไปก็รังแต่จะทำให้ตัวเองปวดหัว ถ้ายังมัวแต่อยากรู้เรื่องเก่าๆ ผมจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ยังไง พอแค่นี้เถอะ ยังไงเรื่องระหว่างผมกับลูเซียนก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้หรอก

เมื่อได้เวลากลับ เราสองคนเดินออกมาข้างนอก ไทด์บอกให้ผมรอก่อนเพราะต้องไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลของน้องชายสำหรับเดือนนี้ จากนั้นเขาก็อาสาขับรถไปส่งผม ยังไม่ทันตอบอะไรก็เดินนำไปที่จอดรถแล้ว

ขณะที่ผมกำลังเดินตามไทด์ไปเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร ผมกลับเองได้ จู่ๆ จ้านก็โทรเข้ามา

“ว่าไงจ้าน”

[เตรียมตัวไว้นะ กูจะรับมึงไปกินข้าว เมื่อวานคงเศร้าเรื่องผลสอบมากใช่มั้ยล่ะ ถือว่าเลี้ยงข้าวครั้งนี้เป็นการปลอบใจมึงแล้วกัน ดีมั้ย]

ผมหยุดเดินเพื่อคุยโทรศัพท์ พอมองไปข้างหน้าก็เห็นว่าไทด์หยุดรอผมด้วย

“เอาสิ กำลังหิวอยู่พอดีเลย แต่ตอนนี้ฉันอยู่ข้างนอกนะ พอดีมีนัดกับพี่ที่ทำงานด้วยกัน”

[งั้นหรอ? อยู่ไหนล่ะ ฉันจะขับรถไปรับ]

“ฉันอยู่ที่...”

คำพูดผมถูกกลืนลงคอทันทีที่เห็นรถยนต์คันหนึ่งมาจอดขนาบข้าง ไม่ทันที่ผมจะสงสัยอะไรคนในรถสองคนก็เปิดประตูออกมาอย่างฉับไว ขณะกำลังตื่นตระหนกอยู่นั่น สิ่งที่ทำให้ผมเข้าใจในชะตากรรมของตัวเองเลยก็ตอนที่ชายหัวโล้นเดินแหวกชายสองคนมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าผม

สถานการณ์แบบนี้ ผมเคยเห็นมาก่อน...

พวกเขาคือลูกน้องของอีวาน!

“คุณ!”

“เชิญไปกับเรา” คำพูดของคนตรงหน้าทำผมเดินถอยหลังโดยอัตโนมัติ ก้าวเข้ามาอีกผมก็ถอยไปเท่านั้น ซึ่งในระหว่างที่กลัวว่าคนพวกนี้จะเดินมาถึงตัว ไทด์ก็เข้าเอาตัวมาขวางไว้

“นายรู้จักหรอ” ผมรีบส่ายหน้า

“เรามีคำสั่งให้พาคุณไป”

พอเห็นคนหัวโล้นยื่นมาใกล้ ผมก็ร้องทันที  “ไม่ ผมไม่ไป!”

“เฮ้ย! ทำอะไรวะ!!” ไทด์ผลักอกลูกน้องของอีวานให้ถอยห่าง สมุนสองคนเตรียมการปะทะแต่คนหัวโล้นยกมือห้ามไว้ก่อน ผมกำลังคิดว่าจะเอายังไง ก็พลันได้ยินเสียงของจ้านที่ร้องฮัลโหลๆ เพราะโทรศัพท์ยังไม่กดวางสาย

“คุณควรหลีกไป” ลูกคนสนิทสุดภูมิฐานของอีวานประจันหน้ากับไทด์

“ในเมื่อเขาไม่เต็มใจ ต่อให้มึงเป็นพระเจ้าก็เอาตัวเขาไปไม่ได้!” ไทด์ตะหวาดกร้าว ที่เคยเล่าให้ฟังว่าเคยอยู่กับพวกแก๊งค์อันธพาลผมไม่ค่อยเห็นภาพ จนมาตอนนี้ผมชักเชื่อแล้วล่ะ

ลูกน้องที่ได้รับคำสั่งจากอีวานคงไม่ง่ายที่จะต่อกร ชายสองคนพยายามเข้าใกล้ตัวผมก็โดนไทด์ทั้งผลักทั้งต่อย นั่นถือเป็นการเริ่มก่อนก็จริง แต่ก็ถือเป็นการป้องกันตัว กระทั่งไทด์พลาดพลั้งถูกอีกฝ่ายเอาคืน คนหัวโล้นแตะขาข้างหนึ่งเพื่อให้ไทด์ล้มลงก่อนจะจับแขนไขว่หลัง ขณะนั้นผมเองก็โดนชายอีกคนรวบตัวไว้เหมือนกัน เห็นไทด์สู้ผมจะอยู่เฉยได้ยังไง แรงมีเท่าไหร่ใส่ไปเท่ากัน เริ่มจากบิดข้อมือตัวเองจนหลุดออก ก่อนจะหันไปถีบเข้าท้องลูกน้องของอีวานจนเซถอยหลัง

ผมคิดหาทางเอาตัวรอด แต่โชคร้ายที่ทางลัดหลังอาคารเพื่อไปยังลานจอดรถไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเลย ช่วยไม่ได้ ผมต้องพาไทด์หนีไปจากตรงนี้ด้วยตัวเองให้ได้

แต่ยังไม่ทันถึงตัวไทด์... ผมก็โดนอีกฝ่ายจับล็อคจากด้านหลังอีกครั้ง

“บ้าเอ้ย! ปล่อยสิ”

ผมร้องสุดเสียงพร้อมกระทืบไปที่เท้าของไอ้คนข้างหลัง ตั้งใจว่าจะหันไปต่อย แต่กลับโดนหลบและถูกอีกฝ่ายคว้าข้อมือข้างที่ปล่อยหมัดไว้ การเคลื่อนไหวรวดเร็วเพียงพริบตาเดียว มาตั้งตัวได้อีกทีก็ตอนที่โดนบิดแขนจนหลุดการทรงตัว ผมขาทรุดเอาเข่าลงกับพื้น ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนหัวไหล่ผมใกล้จะหลุดแล้ว ให้ดูยังไงทักษะการต่อสู้ของคนพวกนี้ก็มีชั้นเชิงคล้ายถูกฝึกมา ใช้กำลังอย่างเดียวคงคว่ำพวกมันไม่ได้แน่ คือลำพังผมน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่จะปล่อยให้ไทด์เดือดร้อนได้ยังไง

ถ้าอย่างนั้น... คงต้องใช้แผนเอาตัวเข้าไปขวางแล้วให้ไทด์หนีไปซะ

หากแต่ในจังหวะเดียวกัน กลับกลายเป็นว่าไทด์เอาแรงฮึดสู้มาจากไหนไม่รู้ เขาเอาตัวเองออกจากการถูกจับล็อคแล้วลงมือซัดกับหนึ่งในลูกสมุนอย่างเป็นท่วงท่า และจัดการแลกหมัดสูสีกันกับพวกมันจนเลือกกลบปาก

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ปล่อยให้พวกมันเอาตัวนายไปแน่” ไทด์พูดอย่างนั้นทั้งๆ ที่ตัวเองทั้งเหนื่อยหอบและแทบจะยืนไม่ตรง กระทั่งชายหัวโล้นเข้ามาดึงตัวผมไว้เพื่อลูกน้องไปรวมตัวกันจัดการกับไทด์

“ผมไม่อยากให้ใครเจ็บตัว แต่เขามาขวางเราเอง” คนสนิทของอีวานพูดอยู่ข้างหูผม เห็นจากสถานการณ์สองต่อหนึ่งแล้วไทด์โดนเอาเปรียบเห็นๆ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไทด์ต้องเจ็บหนักแน่

 “อย่าทำเขา!” พอเห็นไทด์ถูกจับคว่ำลงกับพื้น ผมก็หวั่นใจทันที เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาด้วยเลย จะให้มาเจ็บตัวเพื่อช่วยผมไม่ได้ “พอแล้ว! พอ... ผมยอมไปแล้ว หยุดทำร้ายเขาสักที”

ผมน้ำตาไหลไม่รู้ตัว ทั้งกลัวว่าไทด์จะเป็นอะไรไป แล้วไหนจะต้องไปหาอีวานอีก แต่ถ้าเลือกทำได้ผมก็ควรช่วยเหลือคนตรงหน้าก่อน เพราะถ้าเขาโดนหนักกว่านี้มีหวังลุกไม่ขึ้นแน่

“รัณย์...” ไทด์พยายามลุกและเดินเข้ามาหาผม

“อย่าเข้ามาพี่ไทด์!” เมื่อเห็นรอยช้ำตรงโหนกแก้ม คราบเลือดบริเวณริมฝีปากและเสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่นของไทด์ ผมรู้สึกเสียใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุ ถ้ายอมไปแต่แรกเขาคงไม่เจ็บตัวแบบนี้

“ฉันบอกแล้วไงว่า...”

“ไม่เป็นไรครับ… ผมไม่เป็นไร”

พูดไปเพราะเข้าใจในสิ่งที่พี่ไทด์กำลังจะเอ่ย ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจะไม่โทษที่ตัวเองยอมออกมาข้างนอก ไม่โทษที่คนพวกนี้มาจับตัวผมเพราะทำตามคำสั่ง

ถ้าจะโทษ... ก็โทษที่ตัวผมมันอ่อนแอเอง

“รัณย์...”

หวังว่ารอยยิ้มของผมจะทำให้พี่ไทด์ไม่เป็นกังวลมาก คิดถึงตรงนี้คนหัวโล้นก็ปล่อยตัวผมให้เดินขึ้นรถไปอย่างสะดวก ช่วงที่หันหลังให้เขาผมไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง หรือกระทั่งขึ้นรถไปแล้วก็ตาม...











 

**

หลังจากพาตัวเองไปเอารถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ ไทด์ก็รีบบึ่งรถออกจากโรงพยาบาลทันที อาการหวาดกลัวของกรัณย์ทำให้เขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งพะว้าพะวงทั้งไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เมื่อกี้เห็นหน้าชายหัวโลนแล้วเขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน จนมานึกถึงเมื่อครั้งที่ลูเซียนนัดเจรจากับนักธุรกิจเชื้อสายจีนอย่างอีวานในห้องวีไอพีก่อนจะตกลงเซ็นสัญญากัน ไทด์เห็นชายหัวโล้นคอยติดตามไม่ห่าง มาที่ไนต์คลับทีไรก็จะตามเจ้านายมาด้วยทุกครั้ง หากเป็นคนเดียวกันจริงก็แปลว่ากรัณย์ถูกพาตัวไปโดยคำสั่งของฝรั่งคนนั้นแน่

จะช่วยกรัณย์ได้ก็ต้องหาที่อยู่ของคนพวกนั้น ไทด์รู้ว่าควรถามกับใครจึงรีบบึงรถไปที่บริษัทซีเอ็กซ์ เอ็นเตอร์ไพร์ส เมื่อมาถึงก็แลกบัตรทั้งๆ ที่มุมปากยังเหลือคราบเลือดจากการเช็ดออกลวกๆ และในระหว่างรอลิฟต์เพื่อขึ้นไปหาจักรพงษ์ ไทด์เห็นลิฟต์ฝั่งขาลงเปิดออกจังหวะพอดีกับฝั่งขาขึ้น แต่ไม่ทันได้สังเกตว่าเป็นใครอยู่ในนั้น เขาก็รีบกดลิฟต์ขึ้นไปข้างบนก่อนแล้ว

จักรพงษ์เดินออกมาจากห้องทำงานพร้อมกับลูเซียน เนื่องจากมีนัดคุยธุระกับนักลงทุนต่อ ไทด์เห็นว่าเวลาไม่รอใครเพราะเขาเองก็รีบเหมือนกัน จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาอาแท้ๆ โดยไม่นัดล่วงหน้าก่อน

“ผมขอคุยกับอาแปบนึงได้มั้ยครับ”

“หน้าแกไปโดนอะไรมา” จักรพงษ์ซักด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“เดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง”

ขณะนั้นลูเซียนยืนอยู่ใกล้ๆ เห็นว่าเวลาไทด์ควรอยู่กับกรัณย์ เลยนึกสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ถึงมาที่นี่ด้วยอาการตื่นตระหนกพร้อมบาดแผลบนใบหน้าแบบนั้น

“เกิดอะไรขึ้น” ลูเซียนไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัย

“ครับ?”

“รัณย์อยู่ไหน เวลานี้เขาควรอยู่กับนายไม่ใช่หรอ” ไทด์แปลกใจที่ลูเซียนรู้ว่าเขานัดกรัณย์ออกมาเจอ แต่อึ้งได้ชั่วครู่ก็ต้องรีบพูดเรื่องสำคัญก่อน

“มีคนพาตัวเขาขึ้นรถไปครับบอส” ไทด์แสดงท่าทีตื่นตระหนกชัดเจน

“แกมั่นใจนะ” จักรพงษ์ถามแทรก

“ครับอา... คนที่พาไปผมจำได้ด้วยนะว่าเคยเห็นที่ไหน เขาเป็นลูกน้องของแขกวีไอพีที่บอสเคยพามา เอ่อ... คนที่เพิ่งเซ็นสัญญาทำธุรกิจกับบอสไงครับ ผมมั่นใจว่าไอ้หัวโล้นที่เป็นลูกน้องของเขานั่นแหละที่เป็นคนพาตัวรัณย์ไป”

ได้ยินดังนั้นลูเซียนก็สาวเท้ากลับไปยังห้องทำงาน เมื่อถึงบานกระจกใหญ่ เขายกแขนตวัดมู่ลี่ขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด สายตาคมทอดมองผ่านกระจกใสไปยังถนนเบื้องล่าง ก่อนพบรถยนต์ของอีวานกำลังเคลื่อนตัวออกไป เพียงเท่านี้... ลูเซียนก็พอเข้าใจทุกอย่าง

อีวานจงใจเอาตัวเองมาดึงความสนใจจากเขา เพื่อส่งลูกน้องไปหากรัณย์!

ทว่ามีบางอย่างที่ทำให้คิดไม่ตก ลูเซียนหันไปหยิบบัตรเชิญเข้างานประมูลวัตถุโบราณในโรงแรมหรูขึ้นมาดู พลางคิดว่าอีวานมีเหตุผลอะไรถึงมอบสิ่งนี้ให้ และเมื่ออ่านรายละเอียดก็พบว่างานจะถูกจัดขึ้นในเกาะสมุย

หรือว่า... 

เพราะอะไร? ทำไมอีวานถึงทำแบบนี้ ตั้งใจจะทดสอบอะไรอยู่อย่างงั้นหรอ

“คุณเซียน...” เจ้าของชื่อเงี่ยหูฟังคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา “ด้านล่างแจ้งมาว่าคุณจิตตากรขอเข้าพบครับ”

รู้เรื่องรวดเร็วฉับไว ช่างเป็นเพื่อนสนิทที่ทุ่มเทอะไรแบบนี้...


“ให้เขาขึ้นมา”


**











TBC

หายไปซะนานเลย บางคนคงบ่นเรื่องนี้อยู่แน่ๆ 555555
พอดีมีเหตุผลส่วนตัวนิดนึงจ้า แต่หลังจากนี้จะพยายามไม่หายไปนานๆ อีก
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่เป็นกำลังใจให้กับเราเป็นอย่างดี
พรุ่งนี้จะอัพต่อตอนไปให้อ่านเพื่อเป็นการชดเชยละกันเนอะ ^^



ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
จ้านๆๆๆฟ จ้านมาแล้ววววว  ชอบๆ อยากให้จ้านมีคู่ด้วย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
อะไรกันเนี่ยย วุ่นวายแท้ :ling1:

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ตอนนี้หนุ่มๆ ที่มาพัวพันกับรัณย์มากันครบเลยทีเดียว อิ อิ รออ่านตอนหน้านะจ๊ะ

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
อยากเป็นรัณย์จะได้ไหมมม  :ling1: :katai5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด