เพ้อ บทที่ 26 ของขวัญ...
ตลอดช่วงเวลาที่ผมเดินทางกลับบ้าน ผมไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสียงที่ไพเราะ ยังคงดังกังวานอยู่ในหัวของผม เล่นวนไปวนมาไม่รู้จบ ผมไม่ค่อยเข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น เหมือนกับว่า...เขาชอบผมยังไงอย่างงั้น
แต่เมื่อคิดแบบนั้น ผมก็ต้องสั่นหัวไปมาด้วยความขบขัน จะเป็นไปได้ยังไงกัน ตัวผมไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลยนี่นา คงไม่มีใครตาบอดเหมือนกับไอ้พี่เปอร์หรอก
Rrrr Rrrr
ว่าแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นรบกวนโสตประสาท ผมมองหน้าจอมือถือ และก็ต้องพบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน พี่เปอร์ มีแค่คนคนนี้ที่โทรหาผมเสมอ โทรบ่อยจนน่ารำคาญเลยล่ะ
"ครับ ว่าไงครับ" ผมกดรับสายด้วยท่าทีสบายๆ เดินอีกไม่ไกลก็ใกล้จะถึงบ้านแล้ว แต่ว่าปลายสายนั้นกลับเงียบสนิท ทำเอาผมได้แต่ขมวดคิ้วน้อยๆ
"ทำอะไร มานอน" เท้าที่กำลังก้าวอย่างร่าเริงเริ่มช้าลงและหยุดชะงัก หัวใจของผมเต้นรัวอยู่ในอกอย่างบอกไม่ถูก เสียงที่ได้ยิน แน่นอนว่าเป็นเสียงของพี่เปอร์ แต่ว่า เหมือนกับพี่เขาไม่ได้พูดกับผม
"อิน!" และเสียงที่ได้ยินต่อจากนั้นก็ทำให้ผมสะดุ้งโหยง ที่ปลายสาย เสียงพี่เปอร์อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมาด้วยความร้อนรน เรียกผมเหมือนกลัวผมจะไม่ได้ยิน
"อ.อิน ทำอะไรอยู่เหรอ พี่โทรหา พี่คิดถึง วันนี้ไม่ได้เจออินเลย" พี่เปอร์พูดมาเป็นชุดแทบไม่หยุดหายใจ
"เหรอครับ" ผมพูดและเริ่มเดินต่อไป
"พรุ่งนี้อินจะแสดงแล้วใช่ไหม พี่ไปหานะ พี่ไม่พลาดแน่นอน ทำให้เต็มที่นะ พี่เป็นกำลังใจให้"
"ครับ ขอบคุณครับ"
"พี่รักอินนะ" ผมหยุดเดินอีกครั้งที่ได้ยินคำนี้ รักงั้นเหรอ พี่พูดความจริงใช่ไหม
"ครับ แค่นี้นะ" ผมกดวางสาย และหยุดคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้ไม่สบายใจ พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญ ผมจะไม่ยอมให้เรื่องไม่เป็นเรื่อง มาทำให้ทุกอย่างต้องพังลง
และช่วงเวลาที่แสนตื่นเต้นก็มาถึง ผมมาที่มหาวิทยาลัย และเตรียมตัวที่โรงละครตั้งแต่เที่ยง กินข้าวที่พวกพี่จัดหาให้ แต่งหน้าทำผมพร้อมๆ กับอ่านทบทวนบทในมือ ผมปิดกั้นความคิดทุกสิ่ง ทั้งๆ ที่ในหัวใจปั่นป่วนไปหมด ผมคอยแต่จะคิดถึงคนที่ไม่ควรคิดอีกแล้ว พี่เขาจะมาไหมนะ พี่จะมาดูผมไหม
"อิน สมาธิ!" และในทันทีที่เหมือนสติจะหลุดลอยไป ผมถูกกดนวดที่ขมับอย่างแรง เป็นการดึงสติกลับมาที่ทำเอาผมต้องหน้านิ่วคิ้วขมวด
"เจ็บนะครับ" ผมพูดบอกพี่แก้วอย่างงอนๆ
"อินเป็นแบบนี้ทุกทีเวลาจะขึ้นแสดง น่าตีจริงๆ"
"ผมไม่เป็นไรหรอกน่า" ผมพูดและยิ้มให้พี่แก้วสบายใจ
"แต่วันนี้คนเยอะจริงๆ นะ มานั่งรอกันบ้างแล้วด้วย" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งใจเต้นระทึก
"จริงเหรอครับ ตื่นเต้นนะเนี่ย" ผมพูดและเริ่มเหงื่อแตกทั้งๆ ที่แอร์หลังเวทีเย็นฉ่ำ
"มาพี่ซับหน้าให้ วันนี้น้องพี่ต้องแจ้งเกิดแน่ อินแต่งตัวขึ้นเสมอเลย"
"พี่ก็พูดเกินไป" ผมพูดเหลือบมองตัวเองในกระจก ชุดที่ผมใส่โคตรจะพระเอกขาแด๊นส์ฟรุ้งฟริ้งแพรวพราวเหลือเกิน น่าอายจะตาย ใบหน้าที่แต่งแต้มให้ดูคมเข้มขึ้น ทำให้ผมดูโตขึ้น
"พร้อมกันแล้วหรือยังเด็กๆ โอ้โห นี่อินเหรอ หล่อเกินหน้าเกินตาพี่ไปแล้ว" พี่เก่งหัวหน้าของพวกเราเข้ามา และเริ่มแซวผมทันทีที่มีโอกาส หนอย
"อย่าน่า พี่เก่ง" ผมพูดพลางอมยิ้ม ยกมือปัดป้องกล้องถ่ายรูปที่พี่เก่งกำลังระดมถ่ายผม
"เป็นพระเอกยังจะอายอะไรอีก"
"เห็นแบบนี้ตอนแสดงอินไม่เคยมีเขินมีอายเลยนะ"
"นั่นสิ มืออาชีพของแท้" นั่นแหละพูดกันเข้าไป ผมไม่ได้วิเศษอะไรอย่างที่พวกพี่เขาคิดมากหรอก ผมก็แค่ ชอบการแสดง ผมอยากจะเป็นนักแสดง แต่ว่าความฝันสูงสุดของผม มันคงไม่มีความหมายอีกแล้ว
"เอาล่ะ เกือบจะได้เวลาแล้ว ไปเตรียมพร้อมประจำที่กันเถอะ" พวกเราประสานมือประสานเสียงเตรียมพร้อมขึ้นแสดง ผมหลับตาลงตั้งสมาธิและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ผมกำลังจะทำเท่านั้น ขอให้วันนี้ผมไม่ทำพลาด ขอให้เป็นวันที่ดีอีกวันด้วยเถอะ ผมขอแค่นั้นจริงๆ
การแสดงเริ่มขึ้นแล้ว พวกเราเตรียมพร้อมมอบความบันเทิงให้แก่ผู้ที่มาเข้าชมอย่างสุดความสามารถ ผมเล่นละคร ร้องเพลง เต้นรำไปตามแสงไฟที่ส่องแสงให้ผมโดดเด่น จังหวะไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ลีลาศ เซ็กซี่เร่าร้อน ฟ้อนรำ ผมทำมันได้หมด ไม่มีแม้แต่จะผิดจังหวะ เสียงของผมถึงแม้มันอาจจะไม่ดีมากนัก แต่ก็ทำให้ทุกคนสามารถลุกขึ้นเต้นตามได้ เสียงเพลง...มันมีพลัง หัวใจของผมเหมือนกับได้รับการปัดเป่าเรื่องทุกข์ใจใดๆ มีแต่ความสนุกสนาน มีแต่รอยยิ้ม วันนี้เป็นวันที่ดี อย่างที่ผมหวังไว้จริงๆ
"ปรบมือให้กับทีมนักแสดงจากชมรมการแสดงของเราด้วยนะครับ" หลังจากจบการแสดง พวกเราก้มตัวขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชมเหมือนดั่งทุกครั้ง ผมส่งยิ้มให้ทุกคนที่กำลังส่งเสียงเชียร์ ส่งเสียงปรบมือให้พวกเรา แสงไฟที่สาดส่องเข้ามาที่ตัวผม มันทำให้ผมมองเห็นด้านล่างไม่ชัด ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว วันนี้จบลงแล้ว และแค่นี้ผมก็มีความสุขเหลือเกิน
"ยอดเยี่ยมมากทุกคน" เมื่อเข้ามาที่หลังเวที บรรยากาศก็ยิ่งรื่นเริ่งกว่าเก่า พวกเรากอดกัน ยิ้มแย้มเปรมปรีดิ์ งานนี้ก็ผ่านไปได้อย่างยอดเยี่ยม พวกพี่ๆ ที่ใกล้จะจบออกไปแล้ว ทุกคนคาดหวังไว้กับผม หวังให้ผมเป็นกำลังสำคัญของชมรม ซึ่งผมนั้นยินดีมาก ที่นี่เป็นเหมือนครอบครัวที่สองของชีวิตผม
"อินเต้นเก่งมาก ทำได้ยังไงน่ะ ซ้อมก็แทบจะนับครั้งได้ " รุ่นพี่หลายๆ คนถามผมอย่างอยากรู้ ซึ่งจริงๆ มันไม่มีอะไรเลย
"เป็นไปตามฟีลลิ่งฮะ" ผมพูดและถูกขยี้หัวอย่างรักใคร่ ผมยิ้มแย้มหยอกเล่นกับพวกพี่ๆ ซึ่งแต่ละคนก็ยังคงชมผมไม่หยุดปาก จนผมเริ่มเขินแล้วนะ
แต่ขณะที่ผมกำลังหัวเราะอย่างร่าเริงนั้น มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมต้องค่อยๆ หุบยิ้มลง ผมมองไปที่ตรงกลางของโต๊ะแต่งตัว และพบกับสิ่งที่ทำให้ผมต้องตาโตและเริ่มยิ้มกว้างอีกครั้ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี้ต้องเป็นของขวัญที่พวกพี่ๆ มอบให้ผมแน่ๆ
ผมเดินละออกจากกลุ่มพี่ๆ และดิ่งไปอุ้มตุ๊กตาน้องหมาตัวใหญ่ขึ้นมา ขนของมันนุ่มมาก ผมกดหน้าตัวเองลงไปบนขนสีเข้มนั้น รู้สึกมีความสุขที่สุดเลย
"เอ้า ของขวัญของคนเก่ง!" คำพูดนั้น ทำให้ผมเงยหน้าออกจากขนนุ่มนิ่ม และมองไปยังพี่เก่งที่เดินเข้ามา แต่เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือพี่เก่ง ผมก็ได้แต่ชะงักแบบงงๆ
หนังสือเล่มใหญ่ที่ผูกโบสีน้ำเงินถูกยื่นมาจากรุ่นพี่ มันเป็นสมุดรวมภาพน้องหมาพันธุ์ต่างๆ ที่พี่เก่งเคยบอกว่าจะให้ผม ใช่แล้ว แต่ว่า แล้ว...ตุ๊กตานี่ล่ะ
"ขอบคุณครับ" ผมยังคงอุ้มตุ๊กตาไว้แต่ก็ยื่นมือไปรับหนังสือเล่มนั้นจากรุ่นพี่ อันนี้ผมก็ชอบมาก แต่ว่าผมแค่สงสัยว่าตุ๊กตานี่ของใคร หรือว่าจะไม่ใช่ของผม
"ตุ๊กตานั่นของน้องอินนั่นแหละ คนส่งของเขาเอามาให้ตอนน้องอินขึ้นแสดง" ผมที่กำลังจะวางตุ๊กตาลงก็ยั้งมือเอาไว้ก่อนทันที แบบนี้นี่เอง คงจะเป็นของพี่เปอร์ละมั้ง แต่พี่เขารู้ได้ยังไงกันนะ ว่าผมชอบอะไร
"เดี๋ยวนี้แฟนคลับเยอะนะเราน่ะ หนังสือพี่เป็นหมันเลยแบบนี้" พี่เก่งพูดแซว และกอดคอผมอย่างร่าเริง
"ไม่หรอกครับ หนังสือของพี่ผมก็ชอบ"
"แล้วถ้าเป็นดอกไม้ช่อใหญ่ล่ะ" เสียงอีกเสียงที่พูดขึ้นไม่ใช่เสียงของพี่เก่ง แต่เป็นคนที่โผล่เข้ามาในห้องด้วยชุดช็อปสีเข้มแบบเดิมที่พี่เขาชอบใส่
ผมหันไปมองคนคนนั้นและมองช่อดอกไม้สีขาวที่พี่เปอร์ยื่นให้ผม ซึ่งผมก็รับมันมาแบบงงๆ ผมมองดอกไม้สลับกับพี่เปอร์ที่ใบหน้าดูแช่มชื่นเหลือเกิน
"สำหรับคนพิเศษของพี่" พี่เปอร์เดินเข้ามาใกล้ผมและพูดเบาๆ ที่ข้างหู แต่ผมก็ยังคงยืนอึ้งอยู่แบบนั้นและมองตุ๊กตาที่อยู่ในอ้อมแขนอีกข้าง
ไม่ใช่ของพี่เปอร์งั้นเหรอ....แล้วใครกันล่ะ
ในหัวของผมไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้น แต่สายตาที่เผลอมองออกไปที่นอกประตูด้านข้าง ผมก็ได้เห็น คนอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น กอดอกพิงผนังไว้ สายตาไม่ได้จ้องมองมา แต่ก็ทำให้หัวใจของผมเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก ผมพยายามกุมสติของตัวเองไว้ ไม่ให้แสดงอาการตื่นเต้นมากเกินไป ผมไม่ได้เจอ ไม่ได้เห็นพี่หมอกมาเกือบเดือนแล้ว หัวใจของผมมันไม่รักดี ผมยังคงหวั่นไหวเหมือนดั่งวันวาน แก้ไม่หายสักที
"อิน" พี่เปอร์จ้องมองผมและส่งเสียงเรียก
"ค.ครับๆ ขอบคุณครับ" ผมบอกขอบคุณพี่เปอร์และวางพวกของขวัญลงก่อน มันเยอะเกินไปที่จะถือทีเดียว
"อิน พวกเราจะไปฉลองกันต่อ จะไปด้วยไหม" พี่เก่งถามผม ไม่ได้สนใจพี่เปอร์ที่จ้องเขม่น
"ผม..."
"อินมีนัดกินข้าวกับพี่นี่ ใช่ไหม" ผมขมวดคิ้วมองพี่เปอร์ทันที ผมยังไม่ได้บอกพี่เปอร์ว่าจะไปด้วยซะหน่อย
"อ่อเหรอ งั้นไม่เป็นไร" ผมอ้าปากพะงาบอยากจะบอกพี่เก่งใจจะขาดว่าผมอยากไปด้วย แต่พี่เปอร์ก็กอดคอผมไว้ หยิบของๆ ผมทั้งหมดและลากผมเดินออกไปจากห้องแต่งตัวนั้น
"ไปกัน" ผมกอดตุ๊กตาอยู่ในอ้อมแขน และเมื่อต้องเดินผ่านพี่หมอก ผมก็เลือกที่จะก้มหน้าลงที่พื้น พี่หมอกเดินตามหลังผมกับพี่เปอร์มาเงียบๆ นี่อย่าบอกนะว่า พี่ก็ไปด้วย
"เรียกแฟนมึงมาหรือยัง" เสียงพี่เปอร์พูดถามคนข้างหลัง
"ไม่ว่าง"
"งั้นเหรอ ก็ดีมั้ง" พี่เปอร์พูดพลางจ้องมองผมด้วยรอยยิ้ม
"เดี๋ยวขอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำแปบนะครับ ผมไม่อยากใส่ชุดนี้ไปไหนต่อไหนหรอก" ผมพูดพลางดึงเป้ออกจากไหล่พี่เปอร์
"ไม่เห็นเป็นไรเลย เฟี้ยวดีออก"
"ไม่เอาด้วยหรอก" ผมพูดและแย่งเป้ออกมาได้สำเร็จ พยายามไม่มองคนด้านหลัง และรีบหนีไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว พอเปลี่ยนชุดแล้วก็โล่งอกหน่อย แต่หน้ากับทรงผมก็ปล่อยไปแบบนี้ก่อนละกัน
"วันนี้มึงดูอารมณ์ดีนะ"
"คิดไปเอง"
"ไม่คิดว่าจะเจอมึงในโรงละคร"
"แค่ว่าง"
บทสนทนาของสองคนนั้นทำให้ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ประตูห้องน้ำ พี่หมอกมาดูผมงั้นเหรอ พี่มาดูผมจริงๆ สินะ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของผม แต่ก็ไม่ได้มากมายเหมือนแต่ก่อน ผมเลิกฝันลมๆ แล้งๆ นานแล้ว เลิกคิดถึงพี่ นานแล้ว...
"เราจะไปไหนกันเหรอครับ" ผมตัดสินใจเดินออกมาและถามพี่เปอร์ พี่หมอกเมื่อเห็นผมก็เดินออกห่างไปโดยอัตโนมัติ แบบนี้ก็ดี แต่ว่าทำไมกันนะ ผมพยายามส่งยิ้มให้พี่เปอร์ แต่น้ำตากลับอยากจะไหลออกมาซะงั้น