" หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: " หลงละเมอเพ้อรัก " [YAOI][#47 ความรักของครอบครัว][END](25/6/63)  (อ่าน 49115 ครั้ง)

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
รออ่านค่า

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
น่ารำคาญไปหมดทุกตัวละคร

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 26 ของขวัญ...


ตลอดช่วงเวลาที่ผมเดินทางกลับบ้าน ผมไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสียงที่ไพเราะ ยังคงดังกังวานอยู่ในหัวของผม เล่นวนไปวนมาไม่รู้จบ ผมไม่ค่อยเข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น เหมือนกับว่า...เขาชอบผมยังไงอย่างงั้น

 แต่เมื่อคิดแบบนั้น ผมก็ต้องสั่นหัวไปมาด้วยความขบขัน จะเป็นไปได้ยังไงกัน ตัวผมไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลยนี่นา คงไม่มีใครตาบอดเหมือนกับไอ้พี่เปอร์หรอก

 Rrrr Rrrr

 ว่าแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นรบกวนโสตประสาท ผมมองหน้าจอมือถือ และก็ต้องพบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน พี่เปอร์ มีแค่คนคนนี้ที่โทรหาผมเสมอ โทรบ่อยจนน่ารำคาญเลยล่ะ

 "ครับ ว่าไงครับ" ผมกดรับสายด้วยท่าทีสบายๆ เดินอีกไม่ไกลก็ใกล้จะถึงบ้านแล้ว แต่ว่าปลายสายนั้นกลับเงียบสนิท ทำเอาผมได้แต่ขมวดคิ้วน้อยๆ

 "ทำอะไร มานอน" เท้าที่กำลังก้าวอย่างร่าเริงเริ่มช้าลงและหยุดชะงัก หัวใจของผมเต้นรัวอยู่ในอกอย่างบอกไม่ถูก เสียงที่ได้ยิน แน่นอนว่าเป็นเสียงของพี่เปอร์ แต่ว่า เหมือนกับพี่เขาไม่ได้พูดกับผม

 "อิน!" และเสียงที่ได้ยินต่อจากนั้นก็ทำให้ผมสะดุ้งโหยง ที่ปลายสาย เสียงพี่เปอร์อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมาด้วยความร้อนรน เรียกผมเหมือนกลัวผมจะไม่ได้ยิน

 "อ.อิน ทำอะไรอยู่เหรอ พี่โทรหา พี่คิดถึง วันนี้ไม่ได้เจออินเลย" พี่เปอร์พูดมาเป็นชุดแทบไม่หยุดหายใจ

 "เหรอครับ" ผมพูดและเริ่มเดินต่อไป

 "พรุ่งนี้อินจะแสดงแล้วใช่ไหม พี่ไปหานะ พี่ไม่พลาดแน่นอน ทำให้เต็มที่นะ พี่เป็นกำลังใจให้"

 "ครับ ขอบคุณครับ"

 "พี่รักอินนะ" ผมหยุดเดินอีกครั้งที่ได้ยินคำนี้ รักงั้นเหรอ พี่พูดความจริงใช่ไหม

 "ครับ แค่นี้นะ" ผมกดวางสาย และหยุดคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้ไม่สบายใจ พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญ ผมจะไม่ยอมให้เรื่องไม่เป็นเรื่อง มาทำให้ทุกอย่างต้องพังลง


 และช่วงเวลาที่แสนตื่นเต้นก็มาถึง ผมมาที่มหาวิทยาลัย และเตรียมตัวที่โรงละครตั้งแต่เที่ยง กินข้าวที่พวกพี่จัดหาให้ แต่งหน้าทำผมพร้อมๆ กับอ่านทบทวนบทในมือ ผมปิดกั้นความคิดทุกสิ่ง ทั้งๆ ที่ในหัวใจปั่นป่วนไปหมด ผมคอยแต่จะคิดถึงคนที่ไม่ควรคิดอีกแล้ว พี่เขาจะมาไหมนะ พี่จะมาดูผมไหม

 "อิน สมาธิ!" และในทันทีที่เหมือนสติจะหลุดลอยไป ผมถูกกดนวดที่ขมับอย่างแรง เป็นการดึงสติกลับมาที่ทำเอาผมต้องหน้านิ่วคิ้วขมวด

 "เจ็บนะครับ" ผมพูดบอกพี่แก้วอย่างงอนๆ

 "อินเป็นแบบนี้ทุกทีเวลาจะขึ้นแสดง น่าตีจริงๆ"

 "ผมไม่เป็นไรหรอกน่า" ผมพูดและยิ้มให้พี่แก้วสบายใจ

 "แต่วันนี้คนเยอะจริงๆ นะ มานั่งรอกันบ้างแล้วด้วย" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งใจเต้นระทึก

 "จริงเหรอครับ ตื่นเต้นนะเนี่ย" ผมพูดและเริ่มเหงื่อแตกทั้งๆ ที่แอร์หลังเวทีเย็นฉ่ำ

 "มาพี่ซับหน้าให้ วันนี้น้องพี่ต้องแจ้งเกิดแน่ อินแต่งตัวขึ้นเสมอเลย"

 "พี่ก็พูดเกินไป" ผมพูดเหลือบมองตัวเองในกระจก ชุดที่ผมใส่โคตรจะพระเอกขาแด๊นส์ฟรุ้งฟริ้งแพรวพราวเหลือเกิน น่าอายจะตาย ใบหน้าที่แต่งแต้มให้ดูคมเข้มขึ้น ทำให้ผมดูโตขึ้น

 "พร้อมกันแล้วหรือยังเด็กๆ โอ้โห นี่อินเหรอ หล่อเกินหน้าเกินตาพี่ไปแล้ว" พี่เก่งหัวหน้าของพวกเราเข้ามา และเริ่มแซวผมทันทีที่มีโอกาส หนอย

 "อย่าน่า พี่เก่ง" ผมพูดพลางอมยิ้ม ยกมือปัดป้องกล้องถ่ายรูปที่พี่เก่งกำลังระดมถ่ายผม

 "เป็นพระเอกยังจะอายอะไรอีก"

 "เห็นแบบนี้ตอนแสดงอินไม่เคยมีเขินมีอายเลยนะ"

 "นั่นสิ มืออาชีพของแท้" นั่นแหละพูดกันเข้าไป ผมไม่ได้วิเศษอะไรอย่างที่พวกพี่เขาคิดมากหรอก ผมก็แค่ ชอบการแสดง ผมอยากจะเป็นนักแสดง แต่ว่าความฝันสูงสุดของผม มันคงไม่มีความหมายอีกแล้ว

 "เอาล่ะ เกือบจะได้เวลาแล้ว ไปเตรียมพร้อมประจำที่กันเถอะ" พวกเราประสานมือประสานเสียงเตรียมพร้อมขึ้นแสดง ผมหลับตาลงตั้งสมาธิและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ผมกำลังจะทำเท่านั้น ขอให้วันนี้ผมไม่ทำพลาด ขอให้เป็นวันที่ดีอีกวันด้วยเถอะ ผมขอแค่นั้นจริงๆ

 การแสดงเริ่มขึ้นแล้ว พวกเราเตรียมพร้อมมอบความบันเทิงให้แก่ผู้ที่มาเข้าชมอย่างสุดความสามารถ ผมเล่นละคร ร้องเพลง เต้นรำไปตามแสงไฟที่ส่องแสงให้ผมโดดเด่น จังหวะไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ลีลาศ เซ็กซี่เร่าร้อน ฟ้อนรำ ผมทำมันได้หมด ไม่มีแม้แต่จะผิดจังหวะ เสียงของผมถึงแม้มันอาจจะไม่ดีมากนัก แต่ก็ทำให้ทุกคนสามารถลุกขึ้นเต้นตามได้ เสียงเพลง...มันมีพลัง หัวใจของผมเหมือนกับได้รับการปัดเป่าเรื่องทุกข์ใจใดๆ มีแต่ความสนุกสนาน มีแต่รอยยิ้ม วันนี้เป็นวันที่ดี อย่างที่ผมหวังไว้จริงๆ

"ปรบมือให้กับทีมนักแสดงจากชมรมการแสดงของเราด้วยนะครับ" หลังจากจบการแสดง พวกเราก้มตัวขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชมเหมือนดั่งทุกครั้ง ผมส่งยิ้มให้ทุกคนที่กำลังส่งเสียงเชียร์ ส่งเสียงปรบมือให้พวกเรา แสงไฟที่สาดส่องเข้ามาที่ตัวผม มันทำให้ผมมองเห็นด้านล่างไม่ชัด ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว วันนี้จบลงแล้ว และแค่นี้ผมก็มีความสุขเหลือเกิน

 "ยอดเยี่ยมมากทุกคน" เมื่อเข้ามาที่หลังเวที บรรยากาศก็ยิ่งรื่นเริ่งกว่าเก่า พวกเรากอดกัน ยิ้มแย้มเปรมปรีดิ์ งานนี้ก็ผ่านไปได้อย่างยอดเยี่ยม พวกพี่ๆ ที่ใกล้จะจบออกไปแล้ว ทุกคนคาดหวังไว้กับผม หวังให้ผมเป็นกำลังสำคัญของชมรม ซึ่งผมนั้นยินดีมาก ที่นี่เป็นเหมือนครอบครัวที่สองของชีวิตผม

 "อินเต้นเก่งมาก ทำได้ยังไงน่ะ ซ้อมก็แทบจะนับครั้งได้ " รุ่นพี่หลายๆ คนถามผมอย่างอยากรู้ ซึ่งจริงๆ มันไม่มีอะไรเลย

 "เป็นไปตามฟีลลิ่งฮะ" ผมพูดและถูกขยี้หัวอย่างรักใคร่ ผมยิ้มแย้มหยอกเล่นกับพวกพี่ๆ ซึ่งแต่ละคนก็ยังคงชมผมไม่หยุดปาก จนผมเริ่มเขินแล้วนะ

 แต่ขณะที่ผมกำลังหัวเราะอย่างร่าเริงนั้น มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมต้องค่อยๆ หุบยิ้มลง ผมมองไปที่ตรงกลางของโต๊ะแต่งตัว และพบกับสิ่งที่ทำให้ผมต้องตาโตและเริ่มยิ้มกว้างอีกครั้ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี้ต้องเป็นของขวัญที่พวกพี่ๆ มอบให้ผมแน่ๆ

 ผมเดินละออกจากกลุ่มพี่ๆ และดิ่งไปอุ้มตุ๊กตาน้องหมาตัวใหญ่ขึ้นมา ขนของมันนุ่มมาก ผมกดหน้าตัวเองลงไปบนขนสีเข้มนั้น รู้สึกมีความสุขที่สุดเลย

 "เอ้า ของขวัญของคนเก่ง!" คำพูดนั้น ทำให้ผมเงยหน้าออกจากขนนุ่มนิ่ม และมองไปยังพี่เก่งที่เดินเข้ามา แต่เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือพี่เก่ง ผมก็ได้แต่ชะงักแบบงงๆ

 หนังสือเล่มใหญ่ที่ผูกโบสีน้ำเงินถูกยื่นมาจากรุ่นพี่ มันเป็นสมุดรวมภาพน้องหมาพันธุ์ต่างๆ ที่พี่เก่งเคยบอกว่าจะให้ผม ใช่แล้ว แต่ว่า แล้ว...ตุ๊กตานี่ล่ะ

 "ขอบคุณครับ" ผมยังคงอุ้มตุ๊กตาไว้แต่ก็ยื่นมือไปรับหนังสือเล่มนั้นจากรุ่นพี่ อันนี้ผมก็ชอบมาก แต่ว่าผมแค่สงสัยว่าตุ๊กตานี่ของใคร หรือว่าจะไม่ใช่ของผม

 "ตุ๊กตานั่นของน้องอินนั่นแหละ คนส่งของเขาเอามาให้ตอนน้องอินขึ้นแสดง" ผมที่กำลังจะวางตุ๊กตาลงก็ยั้งมือเอาไว้ก่อนทันที แบบนี้นี่เอง คงจะเป็นของพี่เปอร์ละมั้ง แต่พี่เขารู้ได้ยังไงกันนะ ว่าผมชอบอะไร

 "เดี๋ยวนี้แฟนคลับเยอะนะเราน่ะ หนังสือพี่เป็นหมันเลยแบบนี้" พี่เก่งพูดแซว และกอดคอผมอย่างร่าเริง

 "ไม่หรอกครับ หนังสือของพี่ผมก็ชอบ"

 "แล้วถ้าเป็นดอกไม้ช่อใหญ่ล่ะ" เสียงอีกเสียงที่พูดขึ้นไม่ใช่เสียงของพี่เก่ง แต่เป็นคนที่โผล่เข้ามาในห้องด้วยชุดช็อปสีเข้มแบบเดิมที่พี่เขาชอบใส่

 ผมหันไปมองคนคนนั้นและมองช่อดอกไม้สีขาวที่พี่เปอร์ยื่นให้ผม ซึ่งผมก็รับมันมาแบบงงๆ ผมมองดอกไม้สลับกับพี่เปอร์ที่ใบหน้าดูแช่มชื่นเหลือเกิน

 "สำหรับคนพิเศษของพี่" พี่เปอร์เดินเข้ามาใกล้ผมและพูดเบาๆ ที่ข้างหู แต่ผมก็ยังคงยืนอึ้งอยู่แบบนั้นและมองตุ๊กตาที่อยู่ในอ้อมแขนอีกข้าง

 ไม่ใช่ของพี่เปอร์งั้นเหรอ....แล้วใครกันล่ะ

 ในหัวของผมไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้น แต่สายตาที่เผลอมองออกไปที่นอกประตูด้านข้าง ผมก็ได้เห็น คนอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น กอดอกพิงผนังไว้ สายตาไม่ได้จ้องมองมา แต่ก็ทำให้หัวใจของผมเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก ผมพยายามกุมสติของตัวเองไว้ ไม่ให้แสดงอาการตื่นเต้นมากเกินไป ผมไม่ได้เจอ ไม่ได้เห็นพี่หมอกมาเกือบเดือนแล้ว หัวใจของผมมันไม่รักดี ผมยังคงหวั่นไหวเหมือนดั่งวันวาน แก้ไม่หายสักที

 "อิน" พี่เปอร์จ้องมองผมและส่งเสียงเรียก

 "ค.ครับๆ ขอบคุณครับ" ผมบอกขอบคุณพี่เปอร์และวางพวกของขวัญลงก่อน มันเยอะเกินไปที่จะถือทีเดียว

 "อิน พวกเราจะไปฉลองกันต่อ จะไปด้วยไหม" พี่เก่งถามผม ไม่ได้สนใจพี่เปอร์ที่จ้องเขม่น

 "ผม..."

 "อินมีนัดกินข้าวกับพี่นี่ ใช่ไหม" ผมขมวดคิ้วมองพี่เปอร์ทันที ผมยังไม่ได้บอกพี่เปอร์ว่าจะไปด้วยซะหน่อย

 "อ่อเหรอ งั้นไม่เป็นไร" ผมอ้าปากพะงาบอยากจะบอกพี่เก่งใจจะขาดว่าผมอยากไปด้วย แต่พี่เปอร์ก็กอดคอผมไว้ หยิบของๆ ผมทั้งหมดและลากผมเดินออกไปจากห้องแต่งตัวนั้น

 "ไปกัน" ผมกอดตุ๊กตาอยู่ในอ้อมแขน และเมื่อต้องเดินผ่านพี่หมอก ผมก็เลือกที่จะก้มหน้าลงที่พื้น พี่หมอกเดินตามหลังผมกับพี่เปอร์มาเงียบๆ นี่อย่าบอกนะว่า พี่ก็ไปด้วย

 "เรียกแฟนมึงมาหรือยัง" เสียงพี่เปอร์พูดถามคนข้างหลัง

 "ไม่ว่าง"

 "งั้นเหรอ ก็ดีมั้ง" พี่เปอร์พูดพลางจ้องมองผมด้วยรอยยิ้ม

 "เดี๋ยวขอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำแปบนะครับ ผมไม่อยากใส่ชุดนี้ไปไหนต่อไหนหรอก" ผมพูดพลางดึงเป้ออกจากไหล่พี่เปอร์

"ไม่เห็นเป็นไรเลย เฟี้ยวดีออก"

 "ไม่เอาด้วยหรอก" ผมพูดและแย่งเป้ออกมาได้สำเร็จ พยายามไม่มองคนด้านหลัง และรีบหนีไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว พอเปลี่ยนชุดแล้วก็โล่งอกหน่อย แต่หน้ากับทรงผมก็ปล่อยไปแบบนี้ก่อนละกัน

 "วันนี้มึงดูอารมณ์ดีนะ"

 "คิดไปเอง"

 "ไม่คิดว่าจะเจอมึงในโรงละคร"

 "แค่ว่าง"

 บทสนทนาของสองคนนั้นทำให้ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ประตูห้องน้ำ พี่หมอกมาดูผมงั้นเหรอ พี่มาดูผมจริงๆ สินะ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของผม แต่ก็ไม่ได้มากมายเหมือนแต่ก่อน ผมเลิกฝันลมๆ แล้งๆ นานแล้ว เลิกคิดถึงพี่ นานแล้ว...

 "เราจะไปไหนกันเหรอครับ" ผมตัดสินใจเดินออกมาและถามพี่เปอร์ พี่หมอกเมื่อเห็นผมก็เดินออกห่างไปโดยอัตโนมัติ แบบนี้ก็ดี แต่ว่าทำไมกันนะ ผมพยายามส่งยิ้มให้พี่เปอร์ แต่น้ำตากลับอยากจะไหลออกมาซะงั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2020 17:09:16 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ปาดไหมอ่ะ  ถ้าปาดเก๊าขอโต้ดน้า

สรุปอิหมอกนี่ยังไงเนี่ย  ให้ตุ๊กตาหมาแต่ไม่แสดงตัว  งงในงง

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
 :เฮ้อ:
พี่เปอร์แอบซ่อนใครไว้สินะ ถ้าอินรู้อินจะรู้สึกยังไงนะ
 
:pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2019 14:33:34 โดย tasteurr »

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เปอร์เวลกว่าหมอกอีกมั้ง มีคนของตัวเองอยู่แล้วยังมาชอบอินอีกเห้อ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เจอแต่พวกเห็นแก่ตัวทั้งนั้น อินเอยอิน สู้ ๆ นะหนู  :กอด1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รักงงๆในดงลำไย555  แต่ละคนคือมีตรรกะทีีงงมาก

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 27 สัญญาณเตือนภัย


พวกเราออกเดินทางกันด้วยรถของพี่เปอร์ โดยมีผมนั่งอยู่ด้านหน้า และพี่หมอกอยู่ที่เบาะหลัง ความรู้สึกอึดอัดทำให้ผมรู้สึกแย่ เหมือนกำลังถูกจับตามองแปลกๆ แต่ก็ไม่กล้าหันไป

 "วันนี้อินเล่นดีมากเลยนะ พี่ไม่รู้เลยว่าอินเต้นเก่งร้องเพลงเป็นขนาดนี้" พี่เปอร์ชวนผมคุยอย่างอารมณ์ดี

 "ผมก็แค่ พยายามทำให้ดีที่สุดเท่านั้นแหละครับ"

 "พี่ชอบมาก ยิ่งหลงรักอินเข้าไปใหญ่" ผมที่ได้ยินพี่เปอร์พูดก็ถึงกับนั่งตัวตรงทันที ผมเหลือบมองพี่หมอกที่ยังคงนั่งนิ่งไม่พูดอะไร ก็นั่นสินะ พี่เขาไม่ได้แคร์อะไรอยู่แล้ว แต่ยังไงผมก็อึดอัดสุดๆ

 "วันนี้พี่จะพาไปร้านเพื่อนพี่ อาหารอร่อย มีคาราโอเกะด้วยนะ เผื่ออินอยากร้องเพลงต่อ" พี่เปอร์พูดอย่างร่าเริงต่อไป

 "คงไม่ล่ะครับ ผมเหนื่อยแล้ว"

 "อ้าว โธ่ พี่อยากฟังนะเนี่ยเลยจะพาไปร้านนี้"

 "ขอโทษครับ" ผมน่ะไม่ใช่ว่าร้องไม่ได้ แต่แค่ไม่อยากร้องต่างหาก

 "แล้วไอ้หมอกมึงว่าไง จะร้องไหม"

 "เสือก"

 เป็นครั้งแรกที่พี่หมอกเอ่ยปากพูด ผมเดาอารมณ์ของพี่เขาไม่ถูกจริงๆ เลยไม่กล้าพูดอะไรออกไปมาก

 "อ่าวปากดีอีกมึง" พี่เปอร์กับพี่หมอกยังคงพูดคุยกันต่อไป

 ผมเหลือบมองพี่หมอกอีกครั้ง พี่หมอกกำลังหันมองออกไปที่นอกกระจกรถอย่างเลื่อนลอย พี่กำลังคิดอะไรอยู่นะ ทำไมพี่ถึงมาให้ผมเห็น ทั้งๆ ที่ผมเกือบลืมพี่ไปแล้วแท้ๆ

 และไม่นานพวกเราก็ถึงจุดหมายปลายทาง ที่นี่นั้นไกลกว่าที่ผมคิดไว้มาก บรรยากาศที่มีสายลมเย็นพัดผ่าน ต้นไม้สูงที่เรียงรายอยู่ทั่วทั้งลานจอด ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ตรงหน้านั้นเป็นอาคารสองชั้นที่เป็นไม้ทั้งหลัง ตบแต่งด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ ผมเหมือนได้ยืนอยู่ท่ามกลางป่าเขาเลยล่ะ

 "สวยใช่ไหม ที่นี่เด็กเสิร์ฟก็สวยด้วย ไอ้หมอกมันฟาดไปเกือบหมดร้าน..."

 "มึงจะพูดอีกนานไหม" พี่หมอกดูหัวเสียจริงๆ ใบหน้าที่เคยนิ่งๆ ดูบึ้งตึงและอย่างโกรธจัด ผมจ้องมองใบหน้าที่ผมคิดถึงอย่างลืมตัว แก้มของพี่หมอกไร้ริ้วรอยใดๆ และดวงตาก็ยังคมสวยเหมือนเก่าทั้งสองข้าง ดีจังเลยนะ พี่หายแล้ว

 "มองอะไร" พี่หมอกเปลี่ยนจากจ้องพี่เปอร์มาตะคอกผม ทำเอาผมสะดุ้งโหยง

 "เฮ้ยๆๆ กูขอโทษ น่า ใจเย็นๆ" พี่เปอร์ก็เหมือนเดิม ไม่ได้กลัวพี่หมอกเลยสักนิดพลางเดินเข้าไปกอดคอพี่หมอก และจับมือผม ลากทั้งผมและพี่หมอกให้เดินเข้าไป

 "ที่จองไว้ครับ"

 "อ้าว เจ้าเปอร์ เจ้าหมอก ไม่เจอนานเลย" มีผู้ชายวัยกลางคนมาต้อนรับพวกเรา เหมือนว่ารู้จักพี่หมอกและพี่เปอร์เป็นอย่างดี

 "ไอ้ตี๋ไม่อยู่เหรอครับพ่อ" พี่เปอร์ถามคุณลุง

 "ไม่อยู่ๆ มันออกไปซื้อของเข้าร้าน"

 "อ่อครับ งั้นพวกผม..."

 "เชิญเลยๆ เดี๋ยวให้เด็กๆ เอาอาหารไปเสิร์ฟ" พวกเราเดินเข้ามายังระเบียงที่มีไฟประดับสวยๆ ที่ด้านในมีโต๊ะอาหารมีเทียนจุดให้ลูกค้าได้นั่งชิล และมีพื้นที่แยกออกเป็นห้องสำหรับ VIP หรือผู้ที่ต้องการร้องเพลง ที่นี่บรรยากาศดีมาก เหมาะจะมาสังสรรค์หรือมากับคนรักจริงๆ

 พี่เปอร์พาพวกเรามาที่ห้องห้องหนึ่ง ด้านในค่อนข้างกว้าง เป็นห้องที่มีกระจกใสมองเห็นต้นไม้ด้านนอก และที่ทำให้แปลกใจที่สุดก็คือ ที่มุมห้องมีเครื่องดนตรีอยู่ด้วย เป็นเครื่องดนตรีหลักๆ ที่เห็นได้ทั่วไป

 พวกเรานั่งลงกันที่โซฟาที่ดูนุ่มสบาย พี่เปอร์จัดการเปิดทีวีและเลือกเพลงอย่างขยันขันแข็ง และไม่นานก็มีอาหารนำเข้ามาเสิร์ฟ ผมสังเกตบริกรสาวที่เข้ามา พวกเธอต่างเหลือบมองส่งสายตาให้พี่หมอก แต่พี่หมอกดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรนอกจากมือถือตัวเอง

 "ไอ้หมอก เอามานั่งเล่นด้วยสักคนดิ กูไม่ฟ้องเมียมึงหรอก" พี่เปอร์ที่สังเกตเห็นเช่นกันก็ออกปากแซวทันที แต่พี่หมอกทำแค่ตวัดสายตาไม่พอใจมองมา พี่เปอร์ก็ทำเป็นสนใจทีวีต่อ

 "ก็มึงมานั่งไม่ทำห่าไรเลย กูก็แค่ออกความเห็น" พี่เปอร์ยังคงพิมพ์ค้นหาเพลงที่จะร้อง

 "แล้วอินล่ะ ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ พี่อยากฟังอินร้องจัง" พี่เปอร์เหมือนเพิ่งนึกได้ก็หันมาหาผม ทำเสียงออดอ้อน

 "ไม่เอาดีกว่าครับ หิวด้วย" ผมพูดพลางแกล้งตักอาหารตรงหน้าให้ปากไม่ว่างเข้าไว้

 Rrrr Rrrr

 พวกเราที่นั่งกันอยู่สักพัก เสียงโทรศัพท์ของพี่เปอร์ก็ดังขึ้น

 "พี่รับโทรศัพท์แปบนะเดี๋ยวมา" พี่เปอร์กระซิบบอกผม และลุกออกไปจากห้อง ผมพยักหน้ารับรู้พลางหยิบของกินตรงหน้า พยายามไม่มองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม พยายามไม่สนใจ

 "วันนี้ทำได้ดีนะ" แต่ผมที่กำลังเอื้อมมือไปที่ไก่ทอดก็ชะงักทันที ผมละสายตาจากอาหาร เหลือบสายตาขึ้นมอง

 เมื่อกี้ ผมหูฝาดไปหรือเปล่านะ พี่หมอกกำลังพูดกับผมใช่ไหม

 และทันทีที่ผมเห็นคนตรงหน้า ความรู้สึกประหลาดใจก็ยิ่งคับแน่นอยู่ในอก พี่หมอกไม่ได้หลบตาผมหรือสนใจสิ่งใดๆ รอบตัว แต่พี่เขากำลังจ้องมองผม เขากำลังคุยกับผมจริงๆ

 ผมที่ทำตัวไม่ถูกก็ได้แต่อ้ำอึ้งยึกยัก ผมส่งเสียงตอบรับในลำคอ และก้มหน้าหลบสายตาแปลกๆ คู่นั้น

 อย่าอิน พอได้แล้ว พอทีได้ไหม

 ผมกำมือแน่นกับกางเกง อยากจะลุกออกไปจากห้อง แต่ว่าร่างกายและหัวใจของผมก็ไม่รักดีเอาซะเลย

 "แต่เสียงร้องยังต้องฝึกอีกเยอะ" พี่หมอกพูดต่อไป ไม่สนใจท่าทีของผม

 "ก็ผมไม่ได้เสียงดีแบบพี่" ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย ทำไมต้องพูดอะไรตัดพ้อแบบนั้น งี่เง่าน่า

 "อยากให้สอนไหมล่ะ" ผมที่ได้ยินก็ชะงัก สอนงั้นเหรอ

 "ผมไม่หลงกลพี่อีกหรอก" ผมพูดและหัวเราะหึในลำคอ ผมไม่หลงกลพี่อีกหรอก สีหน้าของพี่มันบอกชัดว่าต้องการอะไร

 "อ่อ เหรอ เหมือนจะฉลาดขึ้นนะ" พี่หมอกพูดพลางยิ้มเยาะ นั่นไงล่ะ ผมเดาไม่ผิดจริงๆ "แต่ถึงจะฉลาดขึ้นยังไง คนโง่ก็ยังเป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำ เพราะไม่งั้น คงไม่มาในที่แบบนี้ กับคนอย่างไอ้เปอร์หรอก"

 "พี่อยากจะพูดอะไรกันแน่"

 "เดี๋ยวก็รู้" พี่หมอกพูดและลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินออกไปจากห้อง

 ผมมองตามคนคนนั้นออกไป เริ่มแรกที่คุยกันนั้นก็เหมือนจะดี แต่ทำไมทุกๆ ครั้งถึงจบลงแบบนี้ พวกเราจะไม่มีวันคุยกันดีๆ เลยใช่ไหมนะ

 ผมคิดและหลับตาลง พอแล้วอิน พอ เลิกใส่ใจ เลิกสนใจสักที ไม่อย่างนั้นก็มีแต่เจ็บอยู่อย่างนี้

 "เฮ้อ อะไรกันนักกันหนา" พี่เปอร์ที่คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว อยู่ๆ ก็เปิดประตูเข้ามาและนั่งลงข้างๆ ผมด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย

 "มีอะไรเหรอครับ" ผมพยายามปรับสีหน้าให้เหมือนเดิมมองดูพี่เปอร์ที่เริ่มชงเหล้าดื่ม

 "ไม่มีอะไรหรอก" พี่เปอร์เริ่มกลับมายิ้มและโอบไหล่ผมให้เข้าไปใกล้ "อิน วันนี้โทรบอกแม่ได้ไหม ว่าจะนอนบ้านเพื่อน" ผมตกใจทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

 "ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องช่วยงานแม่อีก" ผมรีบพูดแบบไม่ต้องคิด ทำเอาพี่เปอร์ชักสีหน้าไปแปบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มแบบเดิม

 "เหรอ แต่จำได้วันนึงพี่เคยไปหาเราตอนดึก แต่แม่เราบอกว่าเราไปนอนบ้านเพื่อน" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ คืนไหนกัน คืนที่ผมนอนบ้านพี่หมอกสินะ "เพื่อนคนไหนเหรอ หืม ว่าไง"

 พี่เปอร์ถามต่อพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เหมือนกับลังจับผิด

 "ผม...จะลองขอแม่ดู" ผมพูดอย่างหมดหวัง เรื่องแบบนี้ผมไม่ได้คิดไว้เลย ผมเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของพี่หมอกเมื่อกี้

 "ต้องอย่างนี้สิ พี่อยากอยู่กับอินนานๆ มีแฟนทั้งทีเหมือนไม่มีน่าเศร้าจะตาย" พี่เปอร์ดึงผมเข้าไปกอดแน่นจนผมแทบหายใจไม่ออก

 ผมนั่งนิ่งปล่อยให้คนตรงหน้ากอดผมไว้ แต่ในหัวก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ผมพยายามห้ามตัวเองไม่ให้พูดออกไป แต่ก็อดไม่ได้อีกแล้ว

 "เมื่อวานที่พี่โทรหาผม ใช่พี่เป็นคนโทรจริงๆ หรือเปล่า" ผมพูดและรู้สึกว่าแรงกอดจากคนตรงหน้าลดน้อยลง พี่เปอร์ค่อยๆ ปล่อยตัวผมด้วยสีหน้าเครียดๆ

 "ทำไมถึงถามแบบนั้น" พี่เปอร์ถามผมเหมือนไม่รู้จริงๆ ผมพยายามไม่ใส่ใจ แต่ใช่ว่าผมจะลืม

 "ถ้าพี่มีคนอื่น หรือไม่ได้รักผมจริงๆ ผมก็ไม่เป็นไรนะครับ พวกเราเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมก็ได้" ผมพูดด้วยเสียงเรียบๆ ไม่ใช่ว่ามีแต่พี่ที่จะเอาแต่ใจได้

 "ไม่ พี่มีแค่อิน พี่ไม่ยอม" พี่เปอร์ดึงผมมากอดไว้แน่นเหมือนเดิม ทำไมกันนะ พี่เปอร์ดูจริงจังมาก ไม่ใช่ว่าพี่กำลังหลอกผมอยู่เหรอ และผมก็หลอกตัวเองเช่นกัน

 "อย่าพูดเรื่องแบบนี้อีกเลยนะ ถ้าอินสงสัยอะไรอินถามพี่ได้เลย อินสงสัยพี่กับใคร พี่พาอินไปเจอก็ได้นะ อินจะได้เชื่อว่าพี่มีแค่อินจริงๆ" เสียงพี่เปอร์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้ผมเริ่มสับสน พี่พูดจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่มีใครจริงๆ เหรอ

 "แหมๆ หวานชื่นกันจริงโว้ย" ผมสะดุ้ง และผละตัวออกจากพี่เปอร์ทันทีที่เห็นกลุ่มคนประมาณสี่ห้าคนเดินเข้ามา แต่ละคนจับจ้องมองมาที่ผมและส่งเสียงแซวสนุกสนาน

 "พวกมึงมาได้ไงวะ" พี่เปอร์เริ่มยิ้มแย้มเหมือนเดิมและแปะมือกับคนพวกนั้นอย่างสนิทสนม

 "กูสิต้องถาม นี่บ้านกู กูก็พาพวกไอ้หนุ่ยมากินเหล้าพอดี"

 "ดีเลยแบบนี้ มา กินด้วยกัน" พี่เปอร์พูดและยกแก้วเหล้าขึ้นชูให้เพื่อน

 ผมมองคนอีกคนที่เพิ่งเดินเข้าประตูมา พี่หมอกยังคงทำหน้าตาอารมณ์ไม่ดี และสายตาก็เหมือนจะเหลือบมองมาที่ผม

 "หนุ่มน้อยหน้าหล่อนี่หน้าคุ้นๆ ว่ะ อย่าบอกนะว่าพระเอกละครเวทีคืนนี้" ผมละสายตาจากพี่หมอกมองคนที่กำลังจ้องหน้าผมใกล้ๆ

 "เออ แฟนกูเอง สุดยอดเลยใช่ไหม" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็จ้องมองพี่เปอร์ด้วยความไม่พอใจ ทำไมถึงป่าวประกาศอะไรแบบนั้น

 "ไม่เป็นไร พวกนี้เพื่อนสนิทพี่ทั้งนั้น ไม่มีใครเอาไปพูดไม่ดีหรอก" ผมแกะแขนพี่เปอร์ออกจากไหล่ด้วยความโมโห แต่ก็ยิ่งถูกรัดแน่นเข้าไปใหญ่

 "ใช่แล้วน้องอิน พวกพี่เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว ไม่มีใครหักหลังกันหรอก ไม่ว่าเพื่อนจะทำอะไรผิดหรือมีความลับอะไรซ่อนอยู่ ใช่ไหมวะ ไอ้หมอก" คนที่ชื่อตี๋ส่งสายตากวนๆ ให้พี่เปอร์และหันไปถามความเห็นจากพี่หมอกที่ยืนพิงผนังอยู่ห่างๆ

 "เพื่อนกูนี่แม่ง มองกี่ทีก็หล่อชิบหาย แล้วเมียมึงไม่มาเหรอวะ น้องมัดหมี่ขาวหมวยเซ็กซี่สเปคกูเลย ถ้าเบื่อแล้วกูขอเครมต่อนะ" กลุ่มเพื่อนๆ พี่หมอกหัวเราะเสียงดังและเริ่มนั่งลงชงเหล้ากันสนุกสนาน

ผมคิดผิดจริงๆ ที่มาที่นี่ อยากกลับบ้านชะมัด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2020 17:09:59 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แต่ละคนมีอะไรในใจทั้งนั้น :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หรือจะเป็นพวกที่คิดเลว ๆ กับอินทั้งแก็งค์  :angry2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เมื่อไหร่ความจริงจะกระจ่าง   :hao3:
ทั้งใจจริงพี่เปอร์ที่ยังรักคนเก่า พี่เปอร์กล้าๆหน่อย  :angry2:
ความจริงที่มัดหมี่คบคนอื่นนอกจากพี่หมอก  :m20: :laugh:
และความจริงที่พี่หมอกรักใคร  :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 28 สิ่งที่ไม่คาดคิด


เวลาผ่านมาได้สักชั่วโมงหนึ่งแล้ว ผมยังคงนั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนขี้เมา ผมคอยแต่หลบแขนของพี่เปอร์ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งกอดผมแน่นขึ้นไม่ยอมให้ผมได้ลุกไปไหน

 ผมเหลือบมองพี่หมอก พี่เขาตอนนี้ก็นั่งดื่มเหล้ากับกลุ่มเพื่อนๆ เช่นกัน แต่ว่ามีอยู่บ่อยครั้งทีเดียวที่พี่เขาประสานสายตาเข้ากับผม พวกเราจ้องมองกัน แต่ก็เพียงเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากมายไปกว่านี้

 "น้องอินดูไม่สนุกเลยนะ" เพื่อนพี่เปอร์คนหนึ่งในกลุ่มทักผม และยื่นแก้วเหล้าให้ ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที และยกดื่มแก้วน้ำของตัวเอง

 "เป็นอะไร ง่วงแล้วเหรอ" พี่เปอร์ที่กอดไหล่ผมอยู่ก็เอียงคอถาม ผมอยากจะพยักหน้า แต่ก็คิดอีกทีว่าผมควรจะแยกตัวไปจริงๆ เหรอ ผมรู้สึกกลัวยังไงก็ไม่รู้

 "ผมอยากกลับบ้าน" ผมพูดเบาๆ เหมือนจะอ้อน แต่พี่เปอร์ก็หน้าตึงขึ้นทันที

 "ไม่เอาน่าอิน จะรีบไปไหน กลัวอะไร เพื่อนพี่ก็อยู่เยอะแยะ"

 "อย่าไปเชื่อมันน้องอิน ต่อหน้าเพื่อนมันก็เคยมาแล้ว" เพื่อนพี่เปอร์พูดพลางหัวเราะลั่น แต่พี่เปอร์หน้าเสียไปเรียบร้อย

 "อย่าไปฟังพวกมันเลยนะ" พี่เปอร์พูดและลูบหัวผมเบาๆ ผมสังเกตว่าพี่เปอร์ใบหน้าเริ่มเป็นสีแดง คงน่าจะเมาได้ที่แล้ว

 "อ้าวๆ ขยับหน่อย สาวๆ มากันแล้ว" เพื่อนพี่เปอร์อยู่ๆ ก็โพล่งขึ้น และเปิดประตูต้อนรับคนที่เข้ามาใหม่

 ผมขมวดคิ้วจ้องมองเหล่าผู้หญิงที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น พวกหล่อนดูหน้าตายิ้มแย้มและยืนมองไปรอบๆ ห้องเหมือนกำลังชั่งใจว่าจะนั่งกับใคร

 และก็ไม่ต้องเดา ผมเบือนหน้าหนีภาพที่ผมเกลียดที่จะเห็น ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งลงที่ข้างๆ พี่หมอก ใบหน้าของเธอสวยหวาน และจ้องพี่หมอกด้วยความหลงใหล ซึ่งความจริงแล้วผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะเล็งพี่หมอกไว้เช่นกัน แต่ไม่มีใครกล้าพอจะรีบนั่งขนาดผู้หญิงคนนั้น

 "เฮ้อออ ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ เพื่อนกูขายดีตลอด" เหล่าเพื่อนๆ ในห้องต่างส่งเสียงแซวโห่ฮา

 "นั่งข้างๆ ได้ไหมคะ" ผมมองผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหาพี่เปอร์และถามด้วยความสนใจ ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเพราะในห้องนี้คนที่หล่อเด่นมากๆ ก็มีแค่พี่หมอกกับพี่เปอร์เท่านั้น

 "ไม่เห็นหรือไงว่ากอดแฟนอยู่" พี่เปอร์เงยหน้าขึ้นและพูดเสียงดังฟังชัด ทำเอาผมหน้าแทบจะมุดใต้โต๊ะด้วยความอาย และผู้หญิงคนนั้นก็หน้าเสียไปเรียบร้อย

 ผมเหลือบมองพี่หมอก ที่ดูเหมือนจะมองมาที่ผมด้วยเช่นเดียวกัน ทำไมพี่ถึงมองมาล่ะ พี่ไม่ได้สนใจผมไม่ใช่หรือไง ขอให้สนุกนะ เรื่องแบบนี้พี่ชอบไม่ใช่เหรอ

 ผมคิดแบบนั้นด้วยแววตาหมองเศร้า และละสายตาออกจากคนที่ทำให้ผมปวดใจอยู่เสมอ

 ไม่นานนักเหล่าผู้หญิงถูกจับให้นั่งลงเรียบร้อย บรรยากาศของที่นี่ดูครึกครื้นมากขึ้น พวกผู้หญิงแต่ละคนไม่ได้รู้สึกรังเกียจที่จะถูกลูบคลำเลยสักนิด พวกเธอมาเพื่อต้องการรับสัมผัสเสื่อมทรามแบบนี้อยู่แล้ว ผมอยากออกไปจากที่นี่จริงๆ

 "อิน" ผมคลายมือที่กำแน่น และมองพี่เปอร์ที่กำลังยื่นแก้วน้ำหวานแก้วใหม่ให้ผม

 แต่ทันทีที่มือของผมเอื้อมออกไป แก้วทั้งแก้วก็ร่วงหล่นลงที่บนตักผม หกกระจายจนเปียกไปถึงข้างใน

 "อินพี่ขอโทษ" ผมลุกขึ้นทันทีด้วยความตกใจ และพี่เปอร์ก็รีบเอาทิชชู่ซับน้ำหวานบนชายเสื้อให้ผม "มือมันลื่นน่ะ ขอโทษจริงๆ นะ"

 "ไม่เป็นไรครับ แต่แบบนี้..."

 "เดี๋ยวเอาชุดพี่ไปเปลี่ยน" ผมมองพี่เปอร์ที่พูด และจับมือผม พาผมเดินไปที่ประตูทันที

 "ไหนๆ ก็จะไปเปื้อนต่ออยู่แล้ว เปลี่ยนทีเดียวตอนเช้าเลยก็ได้นะ" ผมขมวดคิ้วหันกลับมามองเพื่อนพี่เปอร์ที่เหมือนกำลังพูดแซว ทุกคนในห้องต่างหัวเราะโห่ฮาเหมือนเป็นเรื่องสนุกเหลือเกิน แต่คนที่มีสีหน้าไม่สนุกตามไปด้วย มีเพียงคนเดียว ก็คือ พี่หมอก...

 ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ ตลอดทางที่ผมเดินตามพี่เปอร์ไป พี่เขาพาผมมาที่ห้องเล็กๆ ไม่ไกลจากห้องที่ผมออกมามาก ที่นี่มีห้องที่เอาไว้รับรองแขก มีเตียงตู้ ห้องน้ำ ทีวี ทุกอย่างเหมือนจะมีครบ และเมื่อเหลือบสายตาไปมองที่โต๊ะข้างเตียงดีๆ แล้ว ผมก็คิดว่าผมอาจคิดผิดจริงๆ ที่มาที่นี่

 "อาบน้ำก่อนไหม" พี่เปอร์ถามผมและเปิดไฟทุกดวงในห้อง ผมเริ่มรู้สึกกลัว และเหลือบมองไปทั่วห้อง

 "พี่เปอร์" ผมร้องเรียกชื่อพี่เปอร์ ถ้าผมบอกพี่เขาดีๆ พี่เปอร์ก็น่าจะรับฟังและไม่หวังอะไร

 "ว่าไง เดี๋ยวอินเข้าไปอาบน้ำเลยก็ได้ พี่จะลงไปเอาเสื้อผ้าในรถมาให้ อาจจะใหญ่ไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าใส่ชุดเปื้อนๆ เนอะ" ผมเริ่มรู้สึกเบาใจเล็กๆ เพราะถ้าดูจากคำพูดของพี่เปอร์ก็ดูปกติดี และพี่เขาก็ไม่ได้เข้ามาใกล้ผมเลยแม้แต่น้อย

"ครับ" ผมตอบรับคำนั้น และหยิบผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้า เดินไปที่ห้องน้ำเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ประตูระเบียง

 "แล้วเมื่อกี้อินจะพูดอะไรนะ" พี่เปอร์เกือบจะออกไป แต่ก็เกาะประตูห้องไว้ พลางถามผมด้วยความสงสัย

 "ไม่มีอะไรครับ" ผมพูดและเข้าไปในห้องน้ำ พี่เขาแบบนี้คงไม่ได้คิดอะไรไม่ดีหรอก ผมคิดมากไปเองนั่นแหละ

 ผมจัดการถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนน้ำหวานออกจากตัว และอาบน้ำฝักบัวให้ร่างกายสะอาดเอี่ยม ผมใช้เวลาไม่นานนักและนุ่งผ้าเช็ดตัว ยืนรอพี่เปอร์ที่เงียบหายไปเลย เพราะว่าผมไม่ได้ยินเสียงอะไรด้านนอกเลยสักนิด ทำไมพี่เขาหายไปนานกันนะ

 ผมที่คิดแบบนั้นก็เลื่อนตัวไปเกาะประตูไว้ และพยายามมองลอดออกไปที่ช่องว่างเล็กๆ แต่ก็ไม่เป็นผล แบบนี้ผมควรจะเรียกพี่เขาสินะ

 "พี่เปอร์" ผมเรียกพี่เปอร์ที่อาจจะอยู่ด้านนอก แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา

 "พี่เปอร์ ได้เสื้อผ้าหรือยังครับ" ผมเรียกพี่เปอร์อีกครั้ง และก็เหมือนเดิม ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ไม่มีความเคลื่อนไหว

 ผมยืนนิ่งๆ อยู่สักพัก และตัดสินใจที่จะเดินออกไป ผมเหลือบดูผ้าเช็ดตัวที่ผูกอยู่ที่เอวอย่างแน่นหนา จะกลัวอะไรกัน ผมก็ผู้ชายเหมือนกัน

 ผมที่ตัดสินใจแล้ว ก็ค่อยๆ เปิดประตูห้องน้ำออก และเดินไปที่เตียงสีขาวตรงหน้า ภายในห้องไม่มีใครอยู่ และประตูห้องนอนนี้ก็ยังคงปิดเอาไว้ สงสัยพี่เปอร์ยังไม่...

 หมับ!

 แต่ผมที่คิดอะไรแบบนั้นก็ต้องสะดุ้งตกใจ ตัวผมในตอนนี้ถูกกอดรัดเอาไว้แน่นจากคนด้านหลัง ผมมองแขนที่พันรอบตัวผม และรู้ได้ในทันทีว่าผมคิดผิดไป

 "พี่เปอร์ ทำอะไรของพี่!" ผมพูดและพยายามแกะแขนแกร่งที่แน่นเหมือนปลิงออก แต่คนด้านหลังก็ทำเพียงแค่กอดผมแน่นขึ้น และเลื่อนหน้ามาชิดที่ข้างแก้มของผม

 "อิน ทำไมอินถึงใจร้ายกับพี่นัก" ผมชะงักและเหลือบสายตามองพี่เปอร์ที่พูดกับผม กลิ่นเหล้าที่โชยมาจากตัวพี่เปอร์นั้น บอกได้ชัดเจนว่าพี่เขาเมาแค่ไหน

 "พ.พี่พูดอะไร ผมทำอะไร" ผมเริ่มรู้สึกกลัวมากขึ้น เพราะพี่เปอร์ไม่พูดเปล่า แต่เริ่มหอมและซุกไซร้ลำคอของผมเบาๆ

 "พี่รักอินมากรู้ไหม พี่พยายามตัดทุกอย่างที่เข้ามากวนใจ แต่อินก็ทำเหมือนไม่เห็นพี่ในสายตาเลย" พี่เปอร์พูดต่อและยังคงไม่ยอมปล่อยตัวผม

 "พี่ครับ พี่กำลังเมานะ พี่ปล่อยผมก่อนได้ไหม แล้วเราค่อยคุยกัน" ผมพูดพลางลูบแขนพี่เปอร์เบาๆ เหมือนกำลังปลอบ

 "อินรู้ไหม วันนี้พี่ก็ตกหลุมรักอินอีกแล้ว อินที่กำลังแสดงอยู่บนเวที ทำให้พี่ตื่นเต้นมากรู้ไหม" ผมเริ่มขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่เข้าใจคำว่าตื่นเต้นของคนที่บอก

 "คือ พี่ครับ ให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม ผม..." แต่ผมที่กำลังจะพูดต่อไปนั้นก็ต้องชะงักทันที พี่เปอร์ยังคงกอดรัดผมจากด้านหลัง และใช้มือข้างหนึ่งจับมือผม ดึงมือนั้นให้ไปสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่คับตึงขึ้นภายใต้ผิวผ้า

 "พ.พี่ครับ" ผมหัวใจเต้นระทักและกระตุกมือออก พยายามดันตัวเองออกมาจากอ้อมแขนแกร่งนั่นอีกครั้ง

 "เห็นไหม อินก็ยังใจร้ายกับพี่ไม่เปลี่ยน" น้ำเสียงของคนด้านหลังนั้นเริ่มไม่นุ่มนวลอ่อนหวาน ผมยิ่งรู้ถึงชะตากรรมของตัวเองที่จะต้องเจอต่อไป

 "พี่เปอร์ มันไม่ใช่..อื้อออ" พี่เปอร์ไม่ปล่อยให้ผมได้พูดอีกแล้วแต่ใช้มือปิดปากผมและแทบจะอุ้มผมจับโยนลงที่เตียง

 และไม่ทันที่ผมจะได้ทันลุกหนีนั้น ร่างกายของคนที่ตัวใหญ่กว่าก็ทาบทับลงบนตัวผม จนผมแทบจะไม่สามารถกระดิกตัวได้

 "อินเป็นคนบังคับพี่" ผมรู้สึกเจ็บที่ด้านหลังคอ คนด้านหลังใช้มือที่เหมือนคีมเหล็กล็อกคอผมเอาไว้

 "พี่ครับ อย่า!" ผมร้องขอด้วยหัวใจที่ตื่นกลัว พี่เปอร์กำลังใช้มือข้างเดียวถอดเสื้อช็อปออก และเริ่มแกะเข็มขัดตัวเองต่อไป

 และก็เหมือนแรงที่คอจะผ่อนลง ผมดิ้นหลุดออกทันที และหันไปผลักพี่เปอร์จนถอยหลังกลับไป แต่ผมที่กำลังจะพุ่งตัวไปจับลูกบิดประตูนั้น พี่เปอร์ที่ตัวใหญ่ และไวกว่าก็พุ่งเข้ามากอดเอวผมอีกครั้ง และโยนให้ผมลงไปที่เตียงเหมือนเดิม

 "ยอมสักที อยากเจ็บตัวไปทำไม!" ผมยังคงดิ้นรนขัดขืนเมื่อพี่เปอร์เข้ามากำแขนผมไว้แน่นด้วยสีหน้าที่บอกว่าโกรธมาก พี่เปอร์เหมือนคุมสติไม่อยู่ และเริ่มขึ้นเสียง

 ผมปัดป้องตัวเองไว้ด้วยกำลังที่มี ป้องกันไว้ไม่ให้พี่เขาจูบผม แต่ก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้พี่เปอร์จูบไปตามลำคอ ลามเรื่อยมาจนถึงหน้าอกที่ไม่มีเสื้อผ้าปิดบัง

 "พี่ครับ หยุดเถอะ อย่า!" ผมเริ่มน้ำตาไหลริน ผมเคยมีความรู้สึกใกล้เคียงแบบนี้ แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ พี่เปอร์ดูบ้าคลั่งและแทบจะอัดผมมากกว่าจะข่มขืนผม

 ยิ่งผมดิ้นรนขัดขืน ผมก็ยิ่งเจ็บ ผมเจ็บไปทั้งตัวจากแรงกดแรงบีบจนแทบขย้ำ ผมคงไม่รอดแล้ว ผมคงไม่มีหวังจะหลุดออกจากตรงนี้ไปได้ ทุกอย่างมันเริ่มจากตัวผมเอง และนี่แหละสิ่งที่ผมควรจะได้รับ

ตึงๆๆๆ!!

 เสียงเคาะดังๆ ที่ประตูทำให้ทุกอย่างนิ่งชะงัก ผมมองพี่เปอร์ที่หยุดมือลงและค่อยๆ หันหน้าไปหาบุคคลที่มาเยือน ผมถอนหายใจด้วยร่างกายที่สั่นเทา ค่อยๆ มองไปยังบุคคลที่เพิ่งเข้ามาในห้องเช่นกัน

 "โทษทีที่มาขัด" ใบหน้าของพี่เปอร์โกรธจัด และลงไปจากเตียงทันที ตรงดิ่งไปกระชากคอเสื้อคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น

 ผมที่ยังคงเสียขวัญ ก็ค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้น มองคนสองคนที่กำลังจ้องหน้ากัน พี่หมอกทำสีหน้านิ่งๆ และเริ่มพูดอะไรบางกับพี่เปอร์ด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนผมไม่ได้ยิน และพี่เปอร์ที่โกรธอยู่แล้ว ก็ทำท่าราวกับจะคลั่งมากขึ้นไปอีก และอยู่ๆ พี่เปอร์ก็ปึงปังกระทืบเท้าออกไปจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

 ผมนั่งตัวสั่น และกอดตัวเองที่ผ้าเช็ดตัวก็แทบจะไม่เหลือเอาไว้ แววตาสั่นระริกมองดูผู้ชายคนที่เดินเข้ามาใกล้

 "ก็บอกแล้วไง เชื่อหรือยัง" พี่หมอกพูดเบาๆ และยื่นเสื้อตัวคลุมตัวหนึ่งให้ผม

 ผมกัดฟันแน่นด้วยน้ำตาที่ยังคงไหลริน ปัดเสื้อที่ถูกยื่นให้ และจ้องมองคนแววตาของพี่หมอกด้วยความไม่พอใจ

 "พี่มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเพื่อนหรอก เก็บน้ำใจของพี่ไว้เถอะ" ผมพูดด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม และค่อยๆ เดินไปที่ประตูห้องน้ำ เพื่อที่จะเปลี่ยนชุดเดิมกลับ

พี่จำไม่ได้หรือไง ว่าพี่ก็เคยทำแบบนี้กับผม กับพี่เปอร์นั้นผมก็เจ็บแค่ร่างกาย แต่สำหรับพี่ ผมเจ็บไปทั้งหัวใจ

 "งั้นเหรอ งั้นก็ช่วยไม่ได้" ผมได้ยินเสียงพี่หมอกพูดเบาๆ และในทันทีนั้น แขนของผมก็ถูกดึงเอาไว้ ผมตกใจทันทีที่หลังของผมถูกดันเข้าไปชิดผนัง และในเสี้ยววินาทีนั้น ริมฝีปากของผมก็ถูกทาบทับด้วยความอบอุ่นของคนตรงหน้า ผมลืมตาเบิกโพลงด้วยความรู้สึกตกใจ

 คนตรงหน้าบดเบียดริมฝีปากเข้ามาฉวยโอกาสตอนที่ผมเผยอปากดุนดันลิ้นเข้ามาเก็บเกี่ยวความหวาน ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ แต่ผมก็ยังคงตกตะลึงนิ่งค้าง

 ทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องจริง พี่หมอกไม่มีทาง มันไม่มีทาง...

 ผมรวบรวมสติผลักคนตรงหน้าออกด้วยแรงที่เหลืออยู่ พลางวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ปิดล็อกประตูอย่างแน่นหนา ผมรีบใส่เสื้อผ้าเปื้อนๆ ของผมอย่างรวดเร็ว

ผมมีเวลาให้ยืนอึ้งไม่มากนัก หัวใจที่เต้นอยู่ในอกคราวนี้ เต้นจนเหมือนกำลังจะระเบิด

แม้ว่าพวกเราจะเคยนอนด้วยกัน แต่ว่า...นี่เป็นครั้งแรก ที่พี่จูบผม...

ผมหยุดคิดเรื่องบ้าๆ นี้ชั่วคราว ไม่สนใจพี่หมอกที่ยังคงอยู่ในห้อง หนีออกมาและโบกแท็กซี่ก่อนที่พี่เปอร์จะกลับมา

 ช่วงเวลาที่อยู่บนรถแท็กซี่นั้น ผมนั่งนิ่ง ด้วยความรู้สึกบนริมฝีปากที่ยังคงไม่ได้จางหาย รสขมของแอลกอฮอล์ ลมหายใจร้อน และดวงตาของพี่หมอกยามพริ้มหลับ

 มันไม่จริงใช่ไหม สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่าเรื่องที่พี่เปอร์พยายามจะข่มขืนผม ทำไมพี่ถึง...

 Rrrr Rrrr

 ผมหลุดออกจากภวังค์และมองโทรศัพท์ของผมที่กำลังส่งเสียง ผมล้วงมือเข้าไปดึงมันออกมาและเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของใคร ผมก็แทบอยากจะปาโทรศัพท์ออกไป

 พี่เปอร์ยังคงกระหน่ำโทรหาผม แต่ผมก็ไม่รับสาย ผมปิดเครื่อง และนั่งพิงประตูด้วยความอ่อนล้า เวลานี้ ผมไม่อยากคุยกับพี่ และผมก็ไม่อยากคิดถึงพี่หมอกอีกแล้ว ผมเหนื่อยเหลือเกิน

 ใช้เวลานานพอสมควร ในที่สุดผมก็ลงจากรถแท็กซี่ และค่อยๆ เดินเข้าไปยังตัวบ้าน ลัดเลาะเหล่าต้นไม้ เพื่อหลบเลี่ยงที่จะพบใครเข้า

 ผมค่อยๆ เดินเข้าไป ผ่านตัวบ้านหลังใหญ่และเดินผ่านสวนเพื่อไปยังบ้านหลังเล็กของผมกับแม่ ผมโล่งใจทันทีที่เห็นไฟในบ้านมืดแล้ว แบบนี้ผมจะได้แอบเข้าไป...

 "อิน" ผมสะดุ้งน้อยๆ ผมคิดผิดสินะที่จะไม่มีใครเห็นผม

 "อ.อื้อ ว่าไง" ผมกอดอกปิดบังเสื้อผ้าที่เปื้อนของผม และหันไปตอบรับหมี่

 "ทำอะไร ทำไมเพิ่งกลับ" หมี่กอดอกหรี่ตาถามผมอย่างสงสัย เธออยู่ในชุดนอนตัวยาว แต่แปลกมากที่ออกมาเดินมืดๆ แบบนี้

 "วันนี้มีกินเลี้ยงหลังแสดงน่ะ แล้วหมี่ทำไมยังไม่นอน" ผมพูดถามด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนปกติ

 "เหรอ แล้วเห็นพี่หมอกมั่งไหม" ผมจ้องมองสีหน้าของเธอ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่ตอนที่เธอถามคำถามนี้ สีหน้าของเธอดูแปลกไปเล็กน้อย

 "อิน นั่นอินเหรอลูก" ผมโล่งใจทันทีที่ได้ยินเสียงแม่อยู่ไกลๆ นี่เป็นโอกาสให้ผมละออกจากตรงนี้

 "แม่เรียกแล้ว เดี๋ยวอินไปก่อนนะ" ผมพูดและรีบเดินไปตามเสียงของแม่

 ทำไมคืนนี้ มันถึงได้วุ่นวายแบบนี้นะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2020 17:10:46 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อิพี่เปอร์ลายออกแล้วจ้า

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ว่าแล้ว ชั่วทั้งกลุ่ม  :katai1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
คนที่คิดว่าจะดีมันก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด อินตัดขาดจากคนพวกนี้เถอะลูก :katai1:

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หมอกก็ยังคงปากร้ายเสมอต้นเสมอปลาย
คือหมอกน่าจะรู้ใจตัวเองแล้วแหละ แต่ทำไมปากยังเป็นแบบนี้อะ คุณหน้ากากหมาป่านี่อิหมอกแน่นอน ที่ไม่ยอมเปิดหน้ากากกลัวอินไม่มาเจออีกละมั้ง ตอนหน้าอยากให้ความลับของเปอร์โดนเฉลยสักที อินจะได้ตัดขาดไปได้
*เขิน ไม่ใช่ เขิล นะคะ

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 29 แววตาที่เริ่มสื่อหัวใจ


ตลอดเวลาในยามค่ำคืน ผมไม่สามารถที่จะหลับตาลงได้เลยแม้แต่น้อย สมองของผมยังคอยแต่จะคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา ผมเฝ้าแต่ถามตัวเอง ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงหรือเปล่า

 ผมค่อยๆ แตะมือลงที่ริมฝีปากของผม หลับตาลง นึกถึงสัมผัสของคนที่ผมเคยคิดถึงสุดหัวใจ พี่หมอก เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่ ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้กับผม ผมไม่เข้าใจเลย



 ในรุ่งเช้าที่แสงแดดอ่อนๆ ส่องเข้ามาที่หน้าต่าง ผมสะลึมสะลือลืมตาตื่นขึ้น ไม่รู้ตัวว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่ตอนไหน คงเป็นเพราะความเพลีย และสิ่งที่คิดมากเกินไป

 แต่ผมที่นอนอยู่นั้นก็รู้สึกว่าบนเตียงข้างๆ ตัวผมมีการเคลื่อนไหว ผมเหลือบมองนาฬิกาที่บอกว่าตอนนี้แปดโมงเช้าแล้ว แม่ควรจะตื่นตั้งแต่ตีห้าแล้ว...

 และผมที่คิดแบบนั้นก็ลุกพรวดขึ้นทันที ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาด ผมรีบลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว นั่งลงพิงผนังด้วยความกลัวจะถูกทำร้ายแบบเมื่อคืน

 "อิน อินพี่ขอโทษ" ผมนั่งกอดเข่าไม่พูดไม่จาไม่ยอมให้พี่เปอร์กอดผม

 "พี่เมามาก พี่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ขอโทษอิน ยกโทษให้พี่นะ" พี่เปอร์นั่งลงตรงหน้า แน่นอนว่าผมโกรธพี่เปอร์มาก พี่เขาทำเหมือนผมเจ็บไม่เป็น

 "อิน มองหน้าพี่ จะด่าพี่จะตีพี่ยังไงก็ได้ แต่อินอย่าเกลียดพี่นะ พี่ขอโทษจริงๆ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก ถ้าอินไม่อยากทำพี่จะไม่ทำ พี่จะไม่แตะต้องอะไรทั้งนั้น" พี่เปอร์ยังคงนั่งลงข้างๆ ผม และพูดขอร้องอ้อนวอน

 ผมไม่รู้ว่าผมควรทำยังไงดี ผมจะบอกเลิกพี่เปอร์เลยดีไหม เพราะว่าที่เราคบกันนั้น มันคือความผิดพลาด ไม่ใช่เพียงแค่ผม แต่พี่เปอร์ก็ต้องเจ็บปวดเพราะผมด้วยเช่นกัน

 "ผม..." ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ผมก็พูดมันไม่ออก ผมค่อยๆ ละสายตาจากพื้น มองดูพี่เปอร์ที่แทบจะร้องไห้ ผมไม่เคยเห็นพี่เขาทำหน้าแบบนี้มาก่อน

 "ขอผม...อยู่คนเดียวได้ไหม"

 "ได้ๆ แต่อินไม่เกลียดพี่ใช่ไหม พี่ขอแค่นี้ อย่าเกลียดพี่เลยนะ" คำพูดและการกระทำของพี่เปอร์ในตอนนี้เริ่มทำให้ผมสับสน พี่เปอร์ยิ้มและเอามือผมไปจับไว้แน่น ทำเหมือนว่าพี่เขาเสียใจจริงๆ ในสิ่งที่ทำลงไป

 "พี่เอานี่มาให้ อินลืมเอาไว้ในรถ" พี่เปอร์พูดต่อพลางหยิบบรรดาของขวัญของผมยื่นให้

 ผมที่เห็นตุ๊กตาของผมก็รีบหยิบเอามากอดทันที และลุกขึ้นเดินเลี่ยงพี่เปอร์ไปที่ประตู มองดูรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ ตอนนี้แม่ของผมน่าจะทำงานอยู่ในครัว แต่ก็ยังอันตรายมากอยู่ดี

 "พี่ออกไปก่อนได้ไหม ผมไม่อยากให้แม่เห็น" ผมพูดและมองพี่เปอร์ที่เดินออกไปทันทีตามที่ขอ

 "ได้ อินให้พี่ทำอะไรพี่ก็จะทำ" พี่เปอร์ยังคงยืนอยู่หน้าบ้านผม ดึงมือผมไปจับไว้อีกครั้ง "แค่อินไม่เกลียดพี่ ไม่เลิกกับพี่ก็พอ"

 พี่เปอร์ยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ ผมได้แต่หลบสายตาและรอยยิ้มนั้น ถ้าพี่รักผมจริงๆ ละก็ ทำไมพี่ถึงทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นกันนะ


 หลังจากที่พี่เปอร์กลับไปแล้ว ผมที่วันนี้ไม่มีเรียนก็ไปช่วยแม่ทำงานบ้านที่เรือนใหญ่ ปัดกวาดเช็ดถู ล้างจาน ซักผ้า รดน้ำต้นไม้

 แต่ตลอดเวลาที่ทำงานนั้น ใจผมก็คิดถึงแต่เรื่องของพี่เปอร์ ผมรู้สึกเครียดมาก มันเป็นเพราะผมเองทั้งนั้นที่ทำให้เรื่องมาถึงจุดนี้ แต่ว่าผมจะทำยังไงดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่เขาก็ดีกับผมมาก ผมจะพูดตัดเขาได้ยังไง โดยไม่ทำให้เขาเสียใจ

 Rrrr Rrrr

 ผมสะดุ้งตัวน้อยๆ เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา เพื่อจะมองดูให้ชัดๆ ว่าเป็นเบอร์ของใคร

 แต่ว่าก็น่าแปลก เพราะว่าเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอนั้น เป็นเบอร์ที่ผมไม่คุ้นเลยสักนิด หรือว่าใครโทรผิดมาหรือเปล่านะ

 "ฮัลโหลครับ" ผมทำหัวให้โล่งและกดรับสาย รอฟังว่าใครเป็นคนโทรมา

 "ฮัลโหล นี่เบอร์อินใช่ไหม" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน เพราะว่าเสียงนี้เป็นเสียงผู้หญิงที่ผมไม่คุ้นเอาซะเลย

 "ครับ ใช่ครับ"

 "พี่ชื่อบี เป็นผู้จัดการส่วนตัวของหมอก เราก็เคยเจอกันแล้วใช่ไหม..." ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกแปลกใจมาก ผู้จัดการพี่หมอกงั้นเหรอ แล้วทำไมพี่เขาถึงมีเบอร์ผมได้

 "ครับ มีอะไรเหรอครับ" ผมเริ่มใจเต้นแปลกๆ จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการดาราโทรหาผมได้

 "เมื่อคืนพี่ไปดูเราแสดงมา พี่สนใจอยากให้เรามาช่วยงานที่กองถ่ายได้ไหม มีค่าขนมให้นะ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็อึ้งชะงัก ผมเอาโทรศัพท์ออกจากหู และใบหน้าของผมก็เริ่มที่จะยิ้ม หลังจากเรื่องร้ายๆ ก็มีเรื่องที่ดีเหมือนกันสินะ

 แต่ว่า...เพราะอะไรกัน พี่เขาถึงมาดูผมแสดง...

 "อินได้ยินที่พี่พูดหรือเปล่า..."

 "ครับๆ ได้ยินครับ" ผมยกโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง ยังคงตื่นเต้นอยู่ในใจ

 "พอดีพี่ขาดคน เห็นว่าเราแสดงใช้ได้เลยอยากให้มาลองดู ทำได้ใช่ไหม"

 "ได้ครับได้" ผมที่ยังไม่ได้ถามเลยสักนิดว่าเป็นบทแบบไหนก็รับปากซะแล้ว

 "พรุ่งนี้เลยนะ ได้แน่เหรอ" ผมเริ่มชะงักอีกครั้งและยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ อะไรจะไวขนาดนี้ผมยังไม่ทันเตรียมอะไรเลย

 "ครับๆ ได้ครับ" ผมรับปาก และเริ่มฟังรายละเอียดสถานที่จากพี่บี ผมไม่มีทางพลาดโอกาสที่จะก้าวไปข้างหน้าแน่นอน


 และเมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดแจงทรงผม ดูเช็คทุกอย่างให้ตัวเองดูดีที่สุดและออกไปจากบ้าน เรียกรถแท็กซี่ไปที่มหาวิทยาลัยหนึ่งที่เป็นโลเคชั่นถ่ายละคร

 และไม่นานนักผมก็มาถึง ผมรีบเดินเข้าไปที่กองถ่าย และมองหาคนที่โทรหาผมเมื่อกลางวัน และในที่สุดผมก็เจอพี่บีที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังคุยอะไรสักอย่างกับคนที่ดูเหมือนช่างแต่งหน้า

 "สวัสดีครับ" ผมเดินเข้าไปและเอ่ยทักพี่บีทันที ซึ่งพี่เขาก็หันมามองผมและลุกขึ้นเหมือนกับรออยู่

 "มาแล้ว เอาเลย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจทันที อะไรยังไง ผมยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องเข้าฉากเลย

 "เดี๋ยวก่อนครับพี่ คือ ผมต้องทำอะไรบ้างครับ" ผมพูดถามด้วยความตื่นตระหนก กลัวจะทำงานเขาเสียน่ะสิ

 "อ้าว หมอกไม่ได้บอกน้องหรอกเหรอ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักแข็งทื่อ พี่หมอกงั้นเหรอ ผมคิดว่าวันนี้เป็นวันถ่ายเก็บงานธรรมดาๆ ทำไมพี่หมอกถึง...

 ผมที่ยังไม่ทันคิดจบคนที่ถูกเอ่ยชื่อก็เดินเข้ามาพอดี พี่หมอกในวันนี้แต่งกายด้วยชุดสูทสีเข้มดูเป็นผู้ใหญ่ในวัยทำงาน แต่งหน้าทำผมเรียบร้อย เพื่อเตรียมตัวที่จะถ่าย

 ผมไม่รู้เลย ไม่รู้จริงๆ ว่าผมควรจะทำหน้ายังไง ผมเลือกที่จะหลบสายตาของคนข้างๆ เพราะเมื่อวันนั้นพวกเรา...

 "ลืม" พี่หมอกพูดแบบไม่ใส่ใจและนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ "มาก็ช้า แล้วทรงผมนั่นอะไร" พี่หมอกหันมาจ้องมองผมด้วยสีหน้าแบบที่พี่เขาชอบทำ พลางวิจารณ์การแต่งตัวของผม

 "ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้พี่เขาทำผมให้ แล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไรหรอกอิน บทมีอยู่ไม่กี่บรรทัด เป็นแค่พนักงานในร้านกาแฟน่ะ พอดีคนที่เขาต้องเล่นเขาเกิดอุบัติเหตุ เราก็เล่นแทนหน่อยนะ" ผมนั้นก็รู้ดีแต่แรกว่าผมคงไม่ได้บทเด่นบทดีอะไร ถือว่าเป็นประสบการณ์ ถือว่าเป็นขั้นแรกที่ทำให้ผมได้มาเห็นและสัมผัสกับการถ่ายละครจริงๆ

 แต่สิ่งที่ผมผิดคาดที่สุดก็คือ พี่หมอกที่กำลังนั่งอยู่ อย่าบอกว่าในฉากที่ผมต้องเล่น มีพี่หมอกอยู่ด้วย

 ผมถูกพี่บีพาตัวไป และนั่งลงแต่งหน้าทำผมใหม่เล็กน้อย บทผมนั้นไม่เด่นเลยสักนิดก็ไม่ต้องยุ่งยากอะไรมาก ต้องเรียกว่าตัวประกอบนั่นแหละ ซึ่งพอผมเห็นบทแล้ว ผมก็กวาดตาดูแค่ไม่ถึงสองนาที และก็ส่งคืนกลับให้พวกพี่เขา ซึ่งแต่ก็คนก็งงงวยและดูทำสีหน้าเหมือนคิดว่าผมนั้นล้อเล่น

 "ทำให้เต็มที่ ทำให้ดีอย่างที่มีคนคุยโม้เอาไว้นะ" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ทันทีได้ยินพี่บีพูด พี่เขาหมายถึงใครกันนะ ใครที่โม้ และโม้เรื่องอะไร...

 "พี่บี มาทางนี้หน่อย" แต่ผมที่กำลังจะถาม พี่หมอกก็มาเรียกพี่บีไป

 "ใส่คอนแทคเลนส์เหรอจ๊ะ" ช่างแต่งหน้าถามผม

 "ครับ"

 "โอเค เรียบร้อย" ผมในตอนนี้ดูเหมือนจะพร้อมแล้ว ผมส่องกระจกดูตัวเองแล้วเอาจริงๆ ก็ไม่ได้ต่างเท่าไหร่

 ผมอยู่ในชุดนักศึกษาและใส่ผ้ากันเปื้อนสีดำไว้ก็เท่านั้นเอง

 และเมื่อใกล้จะถึงเวลาที่พวกเราจะต้องถ่าย ผมไปยืนพร้อมประจำที่อยู่ที่หลังเคาน์เตอร์ในร้านกาแฟ หลับตาลงช้าๆ ซึมซับบรรยากาศรอบๆ ตัวเอาไว้

 กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟที่อบอวลไปทั้งร้าน กลิ่นหอมของขนมปังที่อบใหม่ๆ...

 "ได้เวลาแล้วนะ เตรียมพร้อมนะครับ!" ผมลืมตาขึ้นช้าๆ ได้ยินเสียงของผู้กำกับที่กำลังสั่ง

 "3 2 1 แอคชั่น!"

 สีหน้าของผมในตอนนี้มีแต่รอยยิ้มที่อ่อนโยน กำลังเอื้อมมือจัดเรียงเบเกอรี่หอมๆ ในตู้ ตายล่ะ ผมเพิ่งสังเกตเห็น ว่าทุกอย่างทำไมมันช่างดูน่ากินขนาดนี้ อย่าเผลอทำน้ำลายหกไปนะอิน ถึงมันจะเป็นแค่ของประกอบฉากเท่านั้น

 และเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งดังขึ้น บ่งบอกว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้าน ผมเงยหน้าขึ้นจากตู้ ส่งยิ้มทักทายลูกค้าที่มาเยือนพร้อมส่งเสียงต้อนรับออกไป

"ยินดีต้อนรับครับ วันนี้จะรับเป็นอะไรดีครับ" ผมยิ้มหวานปานน้ำผึ้งให้คนที่เดินมายืนหน้าเคาน์เตอร์ พี่หมอกในบทนั้นเข้ามาในร้านนี้เพื่อนัดเจอกับนายเอกที่กำลังจะตามมา ซึ่งผมก็รับหน้าที่ชงและแซวสุดฤทธิ์เพื่อให้ทั้งคู่มีโมเม้นดีๆ ร่วมกัน

 ความเป็นจริงนี่มันยากชะมัด ผมเหมือนกับถูกหักอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากโลกความเป็นจริง แถมในละคร ผมยังต้องมาทำอะไรแบบนี้อีก มันคงเป็นเวรกรรมของผมจริงๆ แต่ผมก็ดีใจนะ ที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ ได้มองเห็นพี่ ในมุมที่ใกล้ขนาดนี้

 "มี อะไรแนะนำไหม" ผมยิ้มให้พี่หมอกที่ทำหน้าขรึมๆ แต่น้ำเสียงกลับประหม่าในเวลาเดียวกัน

 "สั่งให้ใครละครับ ถ้าผมเดาไม่ผิดละก็ แฟนใช่ไหม" ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้และทำเสียงพูดเบาๆ แบบรู้ทันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มร่าเริง

 "อ.อืม" พี่หมอกดูอึกอักและส่งเสียงตอบกลับมาเบาๆ

 "งั้นก็ต้องนี่เลย..." ผมพูดและเปิดตู้หยิบขนมเค้กน่ารักๆ ชิ้นหนึ่งขึ้นมา

 "สตอเบอรี่ชีสเค้ก ไม่หวานมากเกินไป รสชาติกลมกล่อมกำลังดี เนื้อครีมรสหวานอ่อนๆ ตัดกับความเปรี้ยวของสตอเบอรี่..." ผมพูดไปเรื่อยๆ ด้วยรอยยิ้ม โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าทีมงานนั้นกำลังกลืนน้ำลายลงคอตามคำบรรยาย

 "เขาคงไม่ชอบหรอก" ผมหยุดบรรยายทันทีที่พี่หมอกพูดขึ้นเบาๆ

 "ถ้างั้นทำไมไม่ลองเลือกรสที่คุณชอบดูละครับ ความรักบางทีก็ไม่ใช่ว่าต้องเอาแต่ใจเขา เราควรให้เขาใส่ใจเราเหมือนกันนะ" ผมพูดและส่งยิ้มให้ต่อไป จ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังจ้องมองผมเช่นกัน ไม่สิ เดี๋ยวนะ...นี่มันผิดพลาดอะไรหรือเปล่า

 ผมมองพี่หมอกที่อมยิ้มน้อยๆ สายตาของพี่หมอกจ้องมองมาที่ผม...

 "คัทๆๆ น้องหมอกครับ พนักงานไม่ใช่นายเอกครับ ไม่ต้องยิ้มหวานให้" หลังจากถูกสั่งคัด และยิ่งได้ยินผู้กำกับพูดแบบนั้นแล้ว ผมหุบยิ้มและทำหน้าไม่ถูกทันที ผมอึกอักและหลบสายตาของพี่หมอก หัวใจของผมเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้

 "ขอโทษครับ ขออีกครั้ง" พี่หมอกขอโทษอย่างสุภาพ และพวกเราก็เริ่มถ่ายทำต่อไป และทุกอย่าง ก็ผ่านไปได้ด้วยดี...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2020 17:11:37 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ Pawana

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
พี่หมอกอมยิ้มอย่างเดียวไม่พอค่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เข้าถึงบทซะจนพี่หมอกไปไม่เป็นเลย  :laugh:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ใจอ่อนแล้วละสิ อิอิ

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนนี้เริ่มจะหวานแล้วนะ อิหมอกปรับปรุงตัวเองด่วนๆ
อินว่าที่ซุปตาร์คนใหม่ของวงการแน่ๆ
ช่วยแก้คำค่ะ อ่านแล้วสะดุด ชีสเค้ก ตัดกับ คัท
รอตอนต่อไปจ้าๆๆ  :pig4:

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เพ้อ บทที่ 30 สิ่งที่ฝังลึกในจิตใจ


"ดื่มน้ำไหมจ๊ะ" ผมที่ออกจากฉากแล้วก็มานั่งพักอยู่ที่เก้าอี้ที่ถูกเตรียมไว้ ผมส่งยิ้ม และรับน้ำมาจากพี่ๆ ในกองถ่าย เหลือบมองดูพี่หมอกที่กำลังคุยกับผู้กำกับ

 "น้องอินแสดงดีมากเลยนะ เห็นว่าแสดงละครเวทีด้วยใช่ไหม" ผมยิ้มขึ้นทันทีที่ถูกพี่ๆ คนอื่นชม

 "ใช่ครับ ขอบคุณนะครับ" ผมพูดพลางยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม และมองพี่บีที่เดินตรงเข้ามา และส่งยิ้มให้ผมด้วยเช่นกัน

 "ขอบใจมากเลยนะอิน แสดงได้เยี่ยมมาก ไอ้เจ้าพระเอกพี่ต่างหากที่ทำเสียไปหลายเทค"

 "ผมต้องขอบคุณพี่มากกว่าครับ ที่ให้โอกาสมาเที่ยวเล่นกองถ่าย ถ้ามีงานอะไรแบบนี้อีกก็เรียกผมได้นะครับ"

 "ได้เลย ไม่ต้องเหนื่อยหาแล้วแบบนี้" พี่บียังคงชมผมไม่หยุดปาก ทำเอาผมรู้สึกภูมิใจเล็กๆ แต่ว่าตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผมก็ควรจะกลับสักที

 "งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับนะครับ"

 "ได้จ้ะ เดี๋ยวค่าขนมพี่โอนให้ ถ้ามีอะไรพี่จะโทรหานะ"

 "ครับ" ผมตอบรับและยิ้มให้พี่บี พลางทำท่าจะเดินออกไป แต่เมื่อก้าวขาออกไปได้เพียงก้าวเดียว ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ผมมีอีกเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจ

 "เอ่อ พี่บีครับ" ผมหันไปมองพี่บีที่ยิ้ม และเลิกคิ้วขึ้นรอคำถาม

 "เมื่อคืน ทำไมพี่ถึงรู้ว่าผมมีแสดง ทำไมพี่ถึงไป..."

 "รถจอดอยู่ตรงนั้น ไปเอามาสิ แล้วเดี๋ยวกลับด้วยกัน" ผมที่ยังไม่ทันได้พูดจบ อยู่ดีๆ คนคนหนึ่งก็เข้ามาขัดด้วยการยัดกุญแจรถใส่มือผม ชี้ให้ผมมองไปที่รถคันหรูที่จอดอยู่ไกลๆ

 "อ้าวหมอก ไหนบอกจะไปกินข้าวกับพี่" พี่บีพูดขึ้นอย่างงอนๆ

 "โทษทีนะครับ วันนี้ไม่สะดวกแล้ว" พี่หมอกหันไปคุยกับพี่บี และกึ่งเดินกึ่งลากผมให้ห่างออกมา

 "ปล่อยผมสักที" เมื่อห่างมาสักระยะหนึ่งแล้ว ผมยื้อตัวเองไว้และดิ้นออกจากวงแขนแกร่งนั้น ไม่สนใจคิ้วสีเข้มที่ค่อยๆ ชิดเข้าหากันของคนตรงหน้า

 "นี่กุญแจรถพี่ ผมขอตัว" ผมพูดสั้นๆ แต่มีความหมายชัดเจน เมื่อยัดกุญแจรถกลับใส่มือพี่หมอกแล้ว ผมก็เดินไปอีกทาง ก้าวขายาวๆ เพื่อจะได้ออกไปพ้นๆ สักที

 "ทำไมวันนี้ถึงมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะเจอ"

 เสียงที่ดังขึ้นตามหลังนั้นทำให้เท้าของผมหยุดชะงัก หัวใจในอกเต้นรัวด้วยความรู้สึกเดิมๆ ผมควรจะพูดว่ายังไงกันนะ แล้วทำไมพี่ถึงถามผมด้วยน้ำเสียงแบบนั้น

 "ผม..."

 "คิดถึงใช่ไหม" ผมรีบหันกลับไปมองคนที่พูดทันที คนคนนี้ยังไม่เลิกหลงตัวเองอีกสินะ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่จริง เพราะผมว่าคิดถึงพี่ คิดถึงจูบบ้าๆ นั่น

 "พี่จูบผมทำไม" ผมตัดสินใจถามออกไป ผมอยากรู้ ถึงแม้ว่าคำตอบที่ได้ อาจจะทำให้ผมต้องเสียใจอีกก็ตาม

 "ทำไม หรือว่าอยากโดนอีก" แต่คำตอบที่ได้ กลับทำให้ผมต้องถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย พี่หมอกก็ยังคงเหมือนเดิม กวนประสาท เล่นลิ้น พูดจาอวดดีอีกแล้ว ผมว่าผมไปดีกว่า อย่าเสียเวลาเลยอิน

 ว่าแล้วผมก็กระชับเป้ที่บ่าและเดินหนีทันที แต่ผมที่ทำแบบนั้นก็ถูกดึงที่แขนเอาไว้

 "ตุ๊กตานั่น..." เสียงของพี่หมอกดูอึกอักไม่ชัดเจน

 แต่สิ่งที่ผมได้ยินนั้น กลับทำให้ผมพูดไม่ออก ผมมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 อย่าบอกนะว่า ตุ๊กตาหมาตัวนั้น...

 "ชอบหรือเปล่า"

 คำพูดของคนตรงหน้า ทำให้ผมได้แต่สงสัย ว่าพี่คือพี่หมอก ที่ผมรู้จักจริงๆ ใช่ไหม...


 ตลอดเวลาที่ผมนั่งอยู่บนรถของพี่หมอก บรรยากาศในตอนนี้ช่างแตกต่างกับเมื่อก่อนมากนัก ผมหลวมตัวขึ้นมาแล้ว ผมจึงได้แต่นั่งนิ่งพิงเบาะ หันออกไปด้านนอก พยายามซ่อนความรู้สึกต่างๆ เอาไว้ ทั้งๆ ที่ทั้งหัวใจปั่นป่วนเหลือเกิน

 "อยากกินอะไร" ราวกับหูฝาดอีกครั้ง ผมค่อยๆ หันไปมองพี่หมอกที่ยังคงขับรถ ผมว่าพี่หมอกอาจจะป่วยหนักและยังไม่หายดี

 "พี่ ออกมาจากโรงพยาบาลตอนไหนเหรอ" ผมถามพี่หมอกที่ดูหน้าตึงขึ้นเล็กๆ

 "สนใจด้วยเหรอ หายหัวไม่มาให้เห็นหน้า"

 "แล้วทำไมผมต้องไป" ผมพูดราวกับยั่วโมโห แต่พี่หมอกก็ทำเพียงแค่ถอนหายใจ

 "เป็นคนทำแท้ๆ มีหน้ามาถาม"

 "ผมทำอะไร พี่นั่นแหละ..." ผมโพล่งออกไปด้วยความไม่พอใจ แต่พอนึกถึงสาเหตุที่ทำให้พี่หมอกทรุดหนัก ผมก็ต้องรีบเงียบทันที

 "ทำไมไม่พูดต่อล่ะ" ผมมองพี่หมอกที่เริ่มยิ้มร้าย และเหลือบตามองผมแบบกวนๆ ตัวเองออกแรงเองแล้วทรุดหนักเองแท้ๆ

 "แล้วตกลงว่าไง อยากกินอะไร" พี่หมอกเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้น และถามผมด้วยคำถามเดิม

 "ไม่อยากกิน อยากกลับ..."

 จ้อกกก~

 ผมนิ่งชะงักและเริ่มหน้าแดงขึ้นน้อยๆ ไอ้ท้องไม่รักดี ทรยศกันซะได้ และเมื่อผมหันไปมองพี่หมอก ก็พบว่าพี่หมอกกำลังหัวเราะน้อยๆ อย่างชอบใจ

 ไม่นานนักรถก็แล่นเข้าจอดที่ริมแม่น้ำ ผมเดินตามพี่หมอกลงจากรถ และก็ต้องตื่นตะลึงทันทีที่เห็นว่าพี่หมอกกำลังจะพาผมไปที่ไหน

 "จองเอาไว้ 2 ที่ครับ" พี่หมอกพูดบอกพนักงานต้อนรับ ท้องฟ้าตอนนี้เริ่มเป็นสีส้มแล้ว ผมมองเรือลำใหญ่ที่กำลังจอดเทียบท่า นี่ผมยังไม่ตื่นจากฝันจริงๆ ใช่ไหม ทุกอย่างมันดูดีเกินไป

"ยืนบื้อทำไม ลงมา" พี่หมอกเรียกผมให้เดินตามไป ผมประหม่า และกอดเป้ไว้แน่น ถ้าจะกลับยังกลับทันไหม "ตื่นเต้นอะไรนักหนา แค่ไม่อยากให้ใครบังเอิญมาเจอ"

 ผมที่เกือบจะยิ้มก็สีหน้าเจื่อนลงทันที พี่หมอกก็ยังคงเป็นพี่หมอก พูดจาน่าโมโหจริงๆ แต่ว่า แล้วมันหมายความว่าไงกันล่ะ ที่ไม่อยากให้ใครเจอ

 เรือที่พวกเราขึ้นมานั้นเป็นเรือที่เหมือนกับภัตตาคารลอยน้ำ บนดาดฟ้าเปิดกว้างให้เห็นท้องฟ้าและวิวสองฝั่งแม่น้ำที่สวยงาม พวกเรานั่งลงที่โต๊ะๆ หนึ่งที่ถูกจัดเตรียมไว้ และโต๊ะรอบๆ ตัวก็มีผู้คนเข้ามานั่งเช่นกัน ซึ่งเมื่อผมสังเกตนั้น ก็พบว่าเป็นชาวต่างชาติเกือบทั้งหมด

 "กินอะไรก็สั่ง มีปากก็พูด" ผมหน้ามุ่ยเล็กๆ แต่แค่นี้ก็ดีมากพอสำหรับผมแล้ว ผมเหลือบมองพี่หมอกที่ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ตัวเองก็สั่งซะเยอะเลยทีเดียว

 "มองอะไร" ผมรีบหลบสายตาของพี่หมอก และวางเมนูคืนให้บริกรไป

 "เปล่า เรื่องค่าอาหาร เดี๋ยวผมจ่ายคืนให้" ผมพูดและทำเป็นมองไปที่แม่น้ำที่สะท้อนแสงสีทอง ลมเย็นๆ ทำให้ผมเริ่มยิ้มออกมาอย่างชื่นใจ

 "ไม่ต้อง มีปัญญาเลี้ยง" ผมถอนหายใจ แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้ม เพราะบรรยากาศหรอกนะที่ทำให้ผมรู้สึกดี

 "ขออนุญาตเสิร์ฟน้ำนะคะ" ผมมองบริกรหญิงคนหนึ่งที่เดินมาและทำท่าจะรินน้ำ สายตาของเธอนั้นมองพี่หมอกหยาดเยิ้ม ก็เหมือนทุกๆ คนนั่นแหละ

 "เอ่อ เดี๋ยวครับ แก้วนี้ขอเป็นน้ำเปล่านะครับ" ผมพูดขึ้นก่อนที่เธอจะรินน้ำสีแปลกๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สั่ง และก็เพราะผมเห็นว่าพี่หมอกกำลังจะอ้าปากด่าเลยล่ะ

 "ค่ะๆ เดี๋ยวเอามาให้นะคะ" หญิงสาวพูด พลางรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อผมละสายตาจากบริกรมามองคนตรงหน้านั้น ผมก็ต้องแปลกใจอีกแล้ว...

 พี่หมอกจ้องมองผมด้วยมุมปากที่ยกยิ้ม แววตาของพี่หมอกไม่เหมือนกับที่พี่เขาเคยมองผมเลย ผมไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่

 "กินเถอะครับ" ผมหลีกเลี่ยงสบตาคนตรงหน้า และดึงความสนใจมาที่อาหาร ที่มันแบบว่า น่ากินมากจนผมตักชิมแทบจะทุกอย่าง แบบลืมตัว

 "ค่อยๆ กิน" พี่หมอกพูดและมองผมที่ดูตละกะของกินเหลือเกิน

 ตลอดเวลาทานอาหาร พวกเราแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลย ผมแอบเหลือบมองพี่หมอกเป็นระยะ บรรยากาศตอนนี้มันช่างแบบว่า จะพูดว่าโรแมนติกก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก ส่วนมากลูกค้าที่นั่งทานอาหารจะเป็นคู่รักกัน แล้วผมมาทำอะไรกันนะ นี่มัน แปลกชะมัด

 ผมทำเป็นสนใจอย่างอื่น มองดูริมฝั่งแม่น้ำที่ประดับแสงไฟหลากสี ตอนนี้ใกล้ช่วงเทศกาลแล้วละมั้ง มันทำให้สองฝั่งน้ำดูมีชีวิตชีวา และสวยงามจริงๆ

 และเมื่อผมนั่งมองนั่งดูอะไรไปเรื่อย เสียงเพลงจากเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่ง ก็ดังคลอขึ้นมา ผมมองไปที่ต้นเสียงที่กังวานหวาน และมองเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังสีไวโอลิน บรรเลงเพลงช้าๆ ทำให้บรรยากาศในเรือยิ่งดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

 "เหอะ หนวกหูชะมัด คีย์นั่นมันผิดไม่ใช่หรือไง ปรับสายไม่เป็นแล้วยังจะมาเล่น" แต่ผมที่นั่งฟังเพลงด้วยรอยยิ้มนั้น คนตรงข้ามผมกลับทำหน้าเหมือนรำคาญซะแล้ว พี่หมอกสั่งไวน์มาเพิ่ม และจิบไปพลาง บ่นเบาๆ ไปพลาง เหมือนบ่นกับตัวเอง

 "ผมว่าก็เพราะดีออก" ผมพูด และพี่หมอกก็ยิ่งดูหงุดหงิด ทำเสียงจิ๊จ๊ะดูกระวนกระวาย หรือว่า...

 "ถ้าคิดว่าตัวเองเล่นได้ดีกว่า ทำไมไม่ลองออกไปเล่นดูละครับ" ผมพูดและยิ้มให้พี่หมอก คนขี้อิจฉา

 แต่ผมที่พูดเล่นกับพี่หมอกนั้นก็ต้องแปลกใจเล็กน้อย เพราะสีหน้าของพี่เขาไม่ได้ดูมั่นใจเหมือนอย่างปกติ แต่กลับดูจริงจังและซีเรียสมากขึ้น

 พี่หมอกจ้องมองผมสลับกับเด็กหนุ่มที่สีไวโอลินอยู่บนเวทีเล็กๆ เหมือนกำลังชั่งใจ ตัดสินใจอะไรบางอย่าง

 "ลองดูก็ได้" พี่หมอกพูดเบาๆ พลางลุกขึ้นเดินไปที่เด็กหนุ่มนักดนตรีคนนั้น

 ผมมองตามพี่หมอกด้วยความรู้สึกอึ้งน้อยๆ ที่ผมพูดก็เพื่อจะแหย่พี่เขาเล่นเท่านั้น พี่หมอกไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นง่ายๆ ตลอดช่วงเวลาที่ผมติดตามพี่หมอกนั้น พี่เขาเคยเล่นดนตรี และร้องเพลงเพียงครั้งเดียวต่อหน้าคนอื่น และที่ผมเห็นอีกไม่กี่ครั้ง ก็เป็นตอนที่พี่เขาเล่นที่คอนโด ในช่วงเวลาที่พี่เขาอยู่คนเดียว

 เสียงดนตรีที่ไพเราะดังกังวานขึ้น ท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังนั่งรับประทานอาหาร ทุกคนต่างต้องหยุดมือลง และหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังบรรเลงบทเพลงอยู่ตอนนี้ ชายหนุ่มในเสื้อเชิ๊ตสีขาว ดูสะอาด และบริสุทธิ์ราวกับทวยเทพบนท้องฟ้า ไม่มีส่วนใดเลยที่จะทำให้ความงดงามของคนตรงหน้ามัวหมอง ผู้คนที่ได้รับฟังต่างตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความรื่นรมย์ ราวกับอยู่ในความฝันอันแสนหวาน

และไม่นานนั้น ความสุขก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว การบรรเลงบทเพลงจบลงแล้ว แต่เสียงปรบมือก็ยังคงดังสะท้อนไปทั้งผืนน้ำ ผมมองดูพี่หมอกที่เหมือนจะประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ก้มหัวลงอย่างนอบน้อม

 หลังจากได้รับคำชื่นชม และเสียงปรบมือ พี่หมอกก็ค่อยๆ เดินกลับมานั่งลงช้าๆ ด้วยใบหน้าที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจอีกครั้ง สีหน้าของพี่หมอกในตอนนี้ไม่ได้ยิ้มหรือทำหน้าภาคภูมิใจใดๆ พี่เขาดูสับสนกังวล มีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก และมือก็สั่นน้อยๆ

 "เพลงเพราะมากเลยครับ พี่ทำได้เยี่ยมมากๆ เลย" ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมทำแบบนั้น ผมยื่นมือออกไปและจับมือที่สั่นนั้นไว้ และสีหน้าของพี่หมอกก็เหมือนกับผ่อนคลายลง พี่หมอกค่อยๆ ยิ้มให้ผม

 พวกเรายิ้มให้กันราวกับลืมเรื่องทุกข์ใจใดๆ ออกจากหัวใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2020 17:12:25 โดย Gloomy Sunday »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด