{เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)  (อ่าน 15480 ครั้ง)

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
{เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
« เมื่อ21-04-2018 20:00:59 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนYออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁

☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁

คุณเป็นความรัก
และมันจะเป็นเช่นนั้นนิรันดร์
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2019 21:04:40 โดย 23August »

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE : 1 [21.04.18]
«ตอบ #1 เมื่อ21-04-2018 20:10:59 »

ROOM (ex) MATE


[1]
 

   คุณคิดว่าแฟนเก่าสามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ไหม?

   ถ้าคุณตอบว่าได้

   แล้วคุณคิดว่าแฟนเก่ายังสามารถเป็น 'รูมเมท' กันได้อยู่หรือเปล่า?

 

   "มึงบ้าปะ แฟนเก่าที่ไหนแม่งยังเป็นรูมเมทกันต่อได้วะ"

   "ทำไมอะ"

   'เซ็น' ถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ เขายกขาขึ้นมาขัดสมาธิหลวมๆ บนเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ มองขนมขบเคี้ยวที่เพิ่งซื้อมาเมื่อสักครู่ว่าควรจะเริ่มต้นจากเลย์หรือว่าคอนเน่ดี

   "ไอ้เหี้ย แฟนเก่า! แฟนเก่า!!" จะย้ำคำนั้นไปทำไมนักหนา ตัดสินใจแล้วว่าเริ่มจากคอนเน่ดีกว่า

   "ถ้าจะย้ำขนาดนี้มึงพูดชื่อเลยเถอะ"

   โยนแป้งทอดกรอบผสมผงชีสชิ้นแรกเข้าปาก ไม่ยี่หระกับอาการหัวเสียของเพื่อนร่วมชมรม นี่คิดถูกหรือผิดที่เล่าให้มันฟังนะ เห็นว่ากล้าถามว่าทำไมช่วงนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยกล้าตอบ ถ้ารู้ว่าพอบอกแล้วต้องมารับมือกับคนสติไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยสู้เก็บเอาดีกว่า

   "มึงพูดเองนะ แล้วนี่มึงหรือสมาร์ตขอเลิก"

   "กู"

   "เพราะ?"

   "ไม่รู้สึกแล้วมั้ง" ยักไหล่ขึ้นเล็กน้อย คิดอยู่ว่าถ้ากินคอนเน่หมดแล้วยัดเลย์ต่อเลยมันจะหนักไปสำหรับการซ้อมเย็นนี้หรือไม่ "ก็คิดมาสักพักแล้ว ยิ่งตอนปิดเทอมได้ห่างกันเลยตัดสินใจได้"

   พอเจอกับตัวถึงเข้าใจว่าเพราะอะไรคนเราเวลาต้องการจะเลิกถึงต้องการระยะห่าง ก็เพราะความชิดที่มันเคยเป็นความสุขมันแปรเป็นความอึดอัด และสิ่งที่เคยผูกพันกลายเป็นรัดแน่นจนแทบไม่เหลืออากาศให้แลกเปลี่ยนลมหายใจ

   "ตอนมึงบ่นกูก็นึกว่าพูดเล่น"

   "กูเคยล้อเล่นเหรอ"

   เคยเปรยตั้งแต่ช่วงก่อนจบปีสองแล้ว ด้วยเหตุการณ์หลายอย่างที่พร้อมหน้าประเดประดังเข้ามา ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือว่าเรื่องส่วนตัวที่ดูเหมือนว่า 'ไม่ควรจะดำเนินต่อไปในทางนี้' อีกแล้ว อ้อ ที่ลืมไม่ได้ก็คือเรื่องแฟนเก่าที่ยังคาราคาซังไม่จบไม่สิ้น

   สรุปทั้งหมดแล้วก็คือเขาคิดว่าเราไม่ควรจะเป็นแฟนกันต่อแล้ว ก็เลยบอกเลิกนั่นแหละ

   "มันว่าไงตอนมึงขอเลิก?"

   "จำคำเป๊ะๆ ไม่ได้" ก็ดันบอกเลิกผ่านทางไลน์นี่นา "ประมาณว่าทำไมตอนเลิกถึงตัดสินใจฝ่ายเดียวทั้งที่ตอนเริ่มมันเป็นเรื่องของคนสองคน ทำนองนี้"

   จะให้ท่องทั้งข้อความคงทำไม่ได้หรอกนะ คนเป็นฝ่ายขอจบความสัมพันธ์ทำอะไรไม่ได้มากกว่าการเงียบแล้วอ่านข้อความยาวเหยียดที่เขียนมาในเชิงตัดพ้อ ก่อนตัดบทสุดท้ายด้วยคำว่ายังไงเขาอยากให้เรากลับไปเป็นเพื่อนกันแบบเดิมมากกว่า

   "ก็จริงของมัน"

   "แต่สมาร์ตมันก็เขียนต่อนะว่าคิดเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่กูขอห่างแล้ว"

   "...แม่งไม่ใช่ประเด็นไหม"

   ขนมห่อแรกในมือหมดไปแล้ว ส่วนเลย์ถูกเพื่อนถือวิสาสะเอาไปแกะกินเองเรียบร้อย

   มองแรงใส่คนที่ไม่ยอมแม้กระทั่งเสียเงินค่าขนมเอง นอกจากมันจะยังไม่รู้สึกตัวยังมีหน้ายื่นมาให้เขาหยิบอีก ช่วยระลึกหน่อยได้ไหมว่าในของในมือน่ะเงินเขาทั้งนั้น

   "แล้วประเด็นคืออะไรอะ"

   "ทำไมถึงยังเป็นรูมเมทกันต่อ?"

   เลิกคิ้วใส่คนถาม ครุ่นคิดว่ามันมีอะไรที่น่าประหลาดใจถึงต้องจริงจังทั้งหน้าแล้วก็น้ำเสียง

   "แล้วทำไมถึงเป็นไม่ได้?"

   "กูถามมึง อย่ามาย้อนไอ้สัตว์"

   ทำอะไรก็ผิด นี่ถ้าเปลี่ยนไปเป็นเรื่องถุงขนมที่ยังอยู่ในมือจะต้องโดนแว้ดใส่เป็นแน่แท้ เพราะงั้นเขาจะยอมกลับไปให้ความสนใจกับเรื่องเดิมก่อนนะ "ในแง่เป็นรูมเมทเราเข้ากันได้ดี"

   ทั้งการใช้ชีวิตในห้อง นิสัยรักความสะอาด แล้วก็เป็นคนไม่ค่อยมีเงื่อนไขในการอยู่ร่วมกัน อย่างพวกน้ำยาปรับผ้านุ่มหรือว่าผงซักฟอกก็แชร์กันออกชิวๆ ไม่ได้มีการแบ่งโซนจริงจัง ซักผ้าบางครั้งก็ยังรวมกันเอาไปปั่นในเครื่องใหญ่เพื่อความประหยัดได้เลย

   ทำความสะอาดก็แบ่งคนกวาดคนถูเสร็จสรรพ ห้องน้ำไม่มีใครทำก็จ้างแม่บ้าน แล้วก็ไม่ใช่สายปาร์ตี้ทั้งคู่ด้วย เพราะงั้นเรื่องเหล้ายาไม่มีปัญหารบกวนใจ เวลากลับห้องดึกก็คือปั่นจักรยานเล่นรอบม. ทั้งนั้น

   เรียกได้ว่าเราต่างเป็นรูมเมทที่ดีของกันและกัน

   "แต่รูมเมทที่ดีไม่ควรเป็นแฟนเก่า"

   "มึงอย่าคิดไปเองสิ แล้วไม่ต้องเสือกไปถามมันเรื่องนี้อะ เดี๋ยวยาว"

   "เออ แม่งดูเป็นพวกเซ้นส์ซิทีฟอยู่"

   ผู้ชายแสนสดใสของเหล่าเพื่อนฝูง ผู้เป็นที่รักของคนในคณะวิศวกรรมศาสตร์

   "ถ้าใครถามมึงก็บอกแค่ว่าเลิกกันแล้ว ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มบอกให้เดินมาถามกูเอง"

   เรื่องของพวกเขาเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันของคนในชมรมว่ายน้ำแห่งนี้ และรวมถึงชมรมฟันดาบที่อีกฝ่ายอยู่เช่นกัน

   ของทอดกรอบไร้สารอาหารที่มีประโยชน์หมดลงไปแล้ว พอเงยหน้ามองนาฬิกาดิจิทัลตรงกลางห้องแล้วก็ได้แต่รีบกุลีกุจรลุกขึ้นไปเตรียมตัวสำหรับการซ้อมในช่วงเย็น เรื่องปกติของนักกีฬาที่ต้องดูแลร่างกายและคงศักยภาพเอาไว้ในระดับเดิมเสมอ

   "คงมีคนกล้าถาม หน้ามึงรับแขกมากสิ" ก็แค่ไม่ค่อยชอบยิ้ม หน้าดุ แล้วก็พูดจาจริงจังเสมอก็เท่านั้นเอง

   "ไม่มีก็ดีแล้ว รำคาญ"

   "ล่ะหลังซ้อมจะไปกินอะไร ข้างนอกปะ"

   "เหอะ ไม่ล่ะ" ปฏิเสธพลางปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกทีละเม็ด ถ้าไม่ติดว่าเมื่อเช้าต้องไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาโคตรเฮี้ยบคงไม่มีทางใส่มา "เดี๋ยวไปหามันที่สนามซ้อม"

   "มัน?"

   "รูมเมท"

   "..."
 


   เสียงจอแจดังขึ้นทันทีที่ได้รับสัญญาณปล่อยตัวจากโค้ช เซ็นเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ที่ยังค้างเอาไว้ตรงคลิปวีดีโอน้องแมวน่ารักจากทั่วโลก มองหาผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นรูมเมทและแฟนเก่าของตัวเอง

   ขนาดอยู่บนอัฒจรรย์ยังเห็นได้แต่ไกลว่าอยู่ตรงไหน ก็ส่วนสูงเด่นกว่าใครอื่นขนาดนั้น นี่ยังดีนะที่กลับไปย้อมผมสีเข้มแล้ว ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ที่ทำสีบลอนด์ทองนี่เห็นมาตั้งแต่ระยะไกลเกือบสุดท้ายตา

   โบกมือหยอยๆ ให้ว่าอยู่ที่ประจำ อีกฝ่ายพยักหน้าเพียงครั้งเดียวก่อนกลับไปคุยอะไรกับเพื่อนร่วมทีม การเล่นกีฬามักสร้างความสนิทสนมให้กับคนรวมทีมค่อนข้างมาก นั่นรวมถึงการใช้ชีวิตร่วมกันนอกเหนือจากช่วงเวลาการเรียน

   แต่ทุกคนในชมรมฟันดาบรู้ดีว่าไม่ใช่กับสมาร์ต

   เห็นเซ็นก็เห็นสมาร์ต เห็นสมาร์ตก็เห็นเซ็น เพราะอย่างนั้นการที่เขามานั่งตากลมอยู่ตรงนี้มันก็เป็นภาพชินตาของทุกคนไปแล้ว

   บางคนนี่เจอกันข้างนอกก็ยังโบกมือทักทายให้อยู่เลย

   ไม่ค่อยได้ไปทานข้าวมื้อดึกต่อด้วยกันกับทีมมากเท่าไหร่ พวกเขามักจำกัดจำนวนสมาชิกให้เหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้น ซึ่งเราก็เป็นเด็กมหาลัยที่มีวุฒิภาวะและเข้าใจโลกกันพอสมควร เพราะงั้นไอ้เรื่องจำพวกน้อยใจที่ไม่ได้มีส่วนร่วมไม่เคยเกิดขึ้นให้รำคาญใจ

   "ไม่อยากออกไปข้างนอกแล้วอะ" สมาร์ตเอ่ยปากยามเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อย เราสองคนอาศัยอยู่ในหอพักข้างในมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุผลเดียวกันคือขี้เกียจเดินทาง "ซื้ออะไรไปกินที่ห้องกัน"

   "เซเว่น?"

   "ก็เหลืออยู่ทางเลือกเดียว"

   ปัดกางเกงยามลุกขึ้น คว้าเอาอุปกรณ์กีฬาทั้งหมดด้วยมือขวา ส่วนมือที่เหลืออีกข้างล้วงหากุญแจรถจักรยานยนต์ฟีโน่รุ่นเก่าที่เป็นของตกทอดจากพี่ชาย เราสองคนเดินข้างกันบนลู่วิ่งรอบนอกสนามหญ้า โบกมือลาเพื่อนคุ้นหน้าบางคนที่ทยอยเดินทางไปยังรั้วทางออก

   คนยังมีเหงื่อนิดหน่อยวางแฟ้มของตัวเองไว้หน้ารถเป็นอย่างแรก ตามด้วยถุงใส่ผ้าขนหนูที่เขาว่าจะเอากลับไปซักที่ห้อง จากนั้นจึงอ้อมมาคร่อมเบาะเตรียมออกเดินทางไปยังสถานที่ที่เราตกลงกันเมื่อครู่

   จากสนามซ้อมมาถึงร้านสะดวกซื้อห่างกันไม่ถึงหนึ่งนาที มันอยู่ลึกเข้ามาข้างในหอพักพอสมควรเลยไม่กลัวเรื่องของหาย สามารถดึงกุญแจรถออกแล้วทิ้งของหน้ารถไว้อย่างนั้นโดยมั่นใจว่าตอนกลับมาทุกอย่างก็ยังจะอยู่ที่เดิม

   เสียงทักยินดีต้อนรับจากพนักงานดังทันทีที่ประตูอัตโนมัติเลื่อนออก สมาร์ตพุ่งไปหยิบตะกร้าเป็นอย่างแรกส่วนเขาก็อ้อระเหยไปยังส่วนของอาหารแช่แข็งที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อสุขภาพ กล่องสีดำสลับแดงที่วางเรียงรายมีหลากหลายละลานตาแต่ไม่น่าสนใจ เพื่อความยืนยาวของชีวิตเขาก็เลยเปลี่ยนไปหยิบสลัดผักกล่องเขียวที่วางเอาไว้ไม่ไกลแทน

   ได้มื้อเย็นผสมดึกแล้วก็เดินตามล็อกหาคนมาด้วยกัน ผู้ชายตัวสูงคนเดิมยืนหน้านิ่งอยู่ตรงช่องซีเรียลอย่างที่คิดเอาไว้ เขาหย่อนสิ่งที่ตัวเองเลือกลงไปในตะกร้าซึ่งปรากฎเครื่องดื่มประเภทนมผสมเวย์โปรตีนและน้ำดื่มขวดเจ็ดร้อยมิลลิลิตรอยู่ก่อนแล้ว ชั่งใจว่าจะซื้อเครื่องดื่มอะไรที่ดูแล้วเหมาะกับการทานพร้อมพืชใบเขียวบ้าง

   "ทำไมวันนี้เลือกนาน" ไม่อย่างนั้นแล้วสมาร์ตเป็นคนที่มีแบบแผนการกินชัดเจนเสมอ เขาไม่ค่อยเปลี่ยนเมนูและชนิดอาหารที่ทาน อย่างนมยี่ห้อนี้ก็เห็นกินมาตั้งแต่รู้จักกันไม่เคยเปลี่ยน "หมด...?"

   ชำเลืองมองความว่างเปล่าช่องเดียวท่ามกลางสินค้าที่เกือบเป็นชุมชนแออัด ป้ายพอปอัปด้านหน้าแนะนำโปรโมชันพิเศษหนึ่งแถมหนึ่งบอกเขาได้ว่าเพราะอะไรมันถึงเกลี้ยงชั้นผิดจากที่เคยเป็นมา

   "เอาช็อกหรือว่าลองอีกยี่ห้อดี"

   "ไม่ชอบช็อกโกแลตไม่ใช่เหรอ หรือว่าจะลองไปอีกสาขาล่ะ" นอกจากตรงนี้แล้วมันมีอีกสาขาหนึ่งลึกเข้าไปในหอพักส่วนของสี่คนอาศัย "อาจจะมีเหลือ"

   "ไม่ล่ะ ขี้เกียจ"

   "งั้นเอาอีกยี่ห้อ จบ"

   แน่นอนว่าไม่รอให้ตัดสินใจ เซ็นจัดการคว้าเอากล่องอาหารเสริมขนาดเล็กใส่ลงไปในตะกร้าทันที

   "แค่สลัดจะอิ่มเหรอ"

   "ไม่ค่อยอยากกินอะ"

   "ไปเอาเนื้อใส่ด้วย" ไม่พอยังจับไหล่เขาให้เดินนำอีก เซ็นยอมให้คนตัวสูงกว่ากำหนดเส้นการเดินกลับมายังหน้าตู้ข้างอาหารแช่แข็งเมื่อสักครู่ คราวนี้ต้องเจอกับถุงสีแดงบรรจุเนื้อแปรรูปแขวนแบ่งหมวดหมู่ละลานตายิ่งกว่าเดิมอีก

   "โบโลน่าพริกหรือไส้กรอก"

   สองตัวเลือกสุดท้ายคืออาหารที่เรามักจะผลัดกันเลือกเป็นประจำ เขาหันไปหาเจ้าของคำสั่งให้ซื้ออาหารอย่างอื่นเพิ่มที่กำลังหยิบโยเกิร์ตโลว์แฟตออกจากชั้นช้าๆ ไม่รีบร้อนขอคำตอบแต่อย่างใด

   "ไส้กรอกแล้วกัน วันก่อนเพิ่งกินแฮมไป"

   "แฮมไม่ใช่โบโลน่า"

   "เซ็นชอบไส้กรอกมากกว่า ผมรู้"

   สมแล้วที่อยู่ด้วยกันมาเข้าปีที่สาม เขาขยับก้าวไปทางเคาน์เตอร์เพื่อวางของเวฟก่อนจะนึกขึ้นได้เรื่องน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใกล้จะหมดแล้ว "ไปเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มกันก่อน เกือบลืมแล้ว"

   ภาพผู้ชายสองคนยืนหน้าเครียดตรงหน้าชั้นวางอุปกรณ์ซักเสื้อผ้าอาจจะดูพิลึกสำหรับบางคน แต่สำหรับเขาสองคนมันก็เป็นเรื่องเคยชินไปแล้ว ส่วนมากการเลือกของเราเริ่มต้นจากราคาและโปรโมชันที่มีในเวลานั้น ไม่มีความซื่อสัตย์และจงรักภักดีกับแบรนด์หนึ่งแบรนด์ใดเป็นพิเศษ

   "ไม่มีโปรน่าสนเลยแฮะ" กวาดตามองแล้วมันมีส่วนลดแค่ผงซักฟอกถุงเล็ก

   "งั้นก็เอาแบบเดิม หอมดี"

   "หรือลองแบบนี้ดีมาร์ต เขาบอกหอมยาวนานทั้งวันเลยนะ"

   "ตามใจ"

   "เค จ่ายเงิน"

   นี่แหละอีกหนึ่งข้อหลักที่ทำให้เราเป็นรูมเมทที่ดี ไม่ค่อยมีปัญหากับเรื่องจุกจิกเล็กน้อย ไม่เรื่องมากและเก็บไปคิดภายหลัง ส่วนเรื่องเงินนี่บอกได้เลยว่าไม่มีการมานั่งคำนวณเป็นตัวเลขแน่นอน ใช้การนึกคร่าวๆ แล้วก็จ่ายไปให้จบๆ เท่านั้นเอง

   เพราะอย่างนั้นนอกจากอุปกรณ์กีฬาแล้วตอนที่เราทักทายยามใต้หอมันก็ยังมีถุงจากร้านสะดวกซื้อชื่อดังเพิ่มขึ้นมาด้วย ห้องพักที่อยู่ชั้นหกไม่เหมาะสำหรับการเดินขึ้นด้วยบันได เราก็เลยต้องใช้ตัวช่วยอย่างเช่นลิฟต์ในการอำนวยความสะดวก

   ภาพผู้ชายสองคนที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานเดิมเป็นสิ่งคุ้นตาและแปลกประหลาดในเวลาเดียวกัน เซ็นเอาคำของเพื่อนกลับมาคิดว่ามีแฟนเก่าที่ไหนยังเป็นรูมเมทกันต่อบ้าง มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยให้ความสำคัญมาก่อนเลยล่ะ

   พวงกุญแจตุ๊กตาตาแมวตัวใหญ่ที่เขาซื้อมาฝากอีกคนจากทริปท่องเที่ยวต่างประเทศเมื่อปลายปีที่แล้วห้อยต่องแต่งยามลูกกุญแจเสียบเข้าไปตรงลูกบิด เซ็นปล่อยให้หน้าที่การเปิดปิดประตูเป็นของคนร่วมห้องส่วนตัวเองขอเดินตัวปลิวเข้ามาทิ้งถุงพลาสติกไว้บนเตียงก่อนแล้ว

   เลยไปตรงระเบียบและส่วนซักล้างเพื่อแช่ผ้าขนหนูเอาไว้ก่อน ตามด้วยการเก็บผ้าที่แห้งสนิทแล้วของทั้งสองคนเข้ามาข้างในห้องด้วยเลย ตอนที่เขากลับเข้ามาโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กถูกกางออกเตรียมเอาไว้พร้อม กล่องสลัดและไส้กรอกวางเอาไว้ข้างกันรอให้จัดการ ส่วนตรงหน้าของสมาร์ตก็มีถ้วยใบใหญ่ใส่โยเกิร์ตผสมกับซีเรียลเอาไว้พร้อม

   พื้นที่ห้องที่ไม่ได้มีมากเท่าไหร่ทำให้การเดินข้ามไปยังฝั่งที่นั่งของตนเองลำบากเล็กน้อย ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นพลางคิดว่าสุดท้ายแล้วก็ลืมซื้อน้ำกลับมาอยู่ดี

   "วันนี้เซ็นเรียนเป็นไง" เขาเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ภาคอินเตอร์ ส่วนสมาร์ตเรียนวิศวะภาพไฟฟ้า

   "ก็น่าเบื่อเหมือนทุกวัน"

   "ของผมก็เหมือนกัน"

   "ลาออกกันเถอะ"

   นอกจากจะไม่มีเสียงหลุดขำแล้วยังได้การช้อนตามองดุขึ้นมาอีกต่างหาก เจ้าของสลัดผักฉีกซองใส่ขนมปังกรอบเทลงไปในผักใบเขียว ไม่สนใจน้ำสลัดแบบครีมที่วางเอาไว้ข้างกัน นี่จะเรียกว่าเป็นความสามารถพิเศษได้หรือเปล่านะ ก็เขาไม่ชอบรสชาติของมันนี่นา

   ส่วนของเวฟใส่ลงไปแค่ครึ่งซองก่อน เราสองคนผลัดกันเล่าเรื่องที่เจอมาในหนึ่งวันให้อีกฝ่ายฟังเช่นเดียวกับทุกที อย่างวันนี้สมาร์ตก็มีเรื่องของอาจารย์ที่ขอยกคลาสทั้งที่เพิ่งเริ่มเรียนไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเพราะว่ามีงานด่วน สำหรับเขาเองก็เล่าเรื่องน้องแมวตัวประจำที่สระว่ายน้ำ

   "ช่วยกันกินเลย" กลั้วปากด้วยน้ำดื่มที่กลายเป็นกองกลางอีกครั้ง จิ้มเอาเนื้อแปรรูปจ่อไปตรงปากของอีกคน คือคงไม่มีใครเปิดเมนูพิสดารถึงขั้นกินโยเกิร์ตผสมซีเรียลไปพร้อมกับไส้กรอกใช่ไหมล่ะ ก็เลยต้องรอจนว่าของในชามจะหมดไปก่อน "วันนี้ผมล้างจานใช่ไหม"

   "คราวที่แล้วเซ็นล้างไม่ใช่เหรอ ที่ทำมาม่าต้มยำกัน"

   นึกตามไม่ออก อัตราการซื้อของกลับมาทำเองที่ห้องค่อนข้างสูงหลังจากที่คุณแม่ของสมาร์ตกรุณาซื้อหม้อต้มปิ้งย่างออลอินวันกันมาให้ นี่ยังไม่เคยทำมื้อใหญ่เพราะว่าที่นี่ไม่ให้ทำอาหารในอาคาร

   "มาร์ตล้างก็ได้ ผมก็จำไม่ได้อะ"

   ทั้งที่ความจริงแล้วเครื่องครัวทั้งหมดที่จำเป็นต้องล้างเป็นของอีกฝ่าย แต่ยังไงเราก็ยังคงแบ่งหน้าที่กันด้วยความเคยชินทุกที เรียกว่าไม่เคยมีการมาคิดเรื่องว่าใครต้องทำมากกว่าเพราะใช้มากกว่า เราใช้วิธีถัวเฉลี่ยกับทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่ที่นอนบนเตียง

   คนหนึ่งล้างจานส่วนเขาก็เช็ดแล้วก็พับเก้าอี้เก็บไว้ที่เดิม มองไปรอบๆ ว่านอกจากผ้าที่ต้องพับเก็บเข้าตู้แล้วยังมีอย่างอื่นต้องทำก่อนแปรงฟันหรือไม่ พอมั่นใจว่าไม่มีแล้วจึงปีนขึ้นเตียงไปจัดการกองผ้า

   เตียงเดี่ยวสองเตียงถูกขยับเข้ามาชิดกันโดยมีตุ๊กตาสองสามตัวคั่นเอาไว้ตรงกลาง ตัวที่เด่นสุดคือตุ๊กตาอัลปาป้าสีขาวตัวกำลังดีที่เซ็นเป็นฝ่ายซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว ส่วนตุ๊กตาหมาป่าที่มีคุณยายอยู่ในท้องนั่นเป็นของที่ได้ตอนเราไปเดินอิเกียด้วยกันสมัยเข้าปีหนึ่งไม่นาน

   แยกเสื้อผ้าตามประเภทการใช้งาน พวกเสื้อนอนก็พับไปส่งๆ ไม่ต้องสนใจอะไร ส่วนผ้าต้องรีดแยกเอาไว้ให้คนชอบความเนี้ยบดูแลต่อ อันไหนที่เป็นของเขาก็เก็บเข้าตู้ให้เรียบร้อย ส่วนอันไหนที่ไม่ใช่ก็ปล่อยให้เจ้าของมาจัดเก็บเอาเอง

   โน้ตบุ๊กยี่ห้อเดียวกันต่างรุ่นเครื่องหนึ่งวางเอาไว้ข้างเตียง ส่วนอีกเครื่องนอนตายเปิดหน้าจอค้างไว้อยู่บนหมอนของตน เซ็นกดปุ่มเปิดหน้าจอเพื่อเข้าไปดูวีดีโอจากนักเคสเกมที่ยังดูค้างเอาไว้ เปิดเสียงดังออกลำโพงไม่สนว่าคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จจะรำคาญหรือเปล่า

   "อันนี้ที่เซ็นดูครั้งที่แล้วใช่ไหม"

   "อือ" ขยับเอาตุ๊กตาออกจากพื้นที่ร่องตรงกลางระหว่างสองเตียง ตั้งหมอนใบโตให้ตั้งฉากเพื่อรองหลังเอาไว้ วางโน้ตบุ๊กเอาไว้ตรงประมาณกลางเตียงเพื่อให้มันสะดวกต่อการดูสำหรับทั้งคู่ "ยังไม่จบเลย มีตั้งแปดคลิป"

   "ผมว่าอันที่แล้วสนุกกว่า"

   "คิดเหมือนกัน"

   ชอบเป็นคนดูมากกว่าเล่นเอง ต่อให้เรามีแอปเกมเหมือนอย่างที่เพื่อนในกลุ่มชอบเล่นกันแต่ก็ไม่ค่อยได้เข้าไปแจมมากเท่าไหร่

   "เมื่อไหร่มาร์ตจะเก็บกองชีตของเทอมที่แล้วอะ"

   ฝั่งตรงข้ามของเตียงคือโต๊ะอ่านหนังสือที่เลื่อนมาชิดเช่นกัน พื้นที่สองในสามของทั้งหมดเป็นของสมาร์ตผู้ไม่ยอมจัดการเคลียร์เอกสารเก่าสักที คือจะเห็นความแตกต่างชัดเจนของความมีระเบียบในฝั่งเขากับที่สุดแห่งความรกที่อยู่ตรงกันข้ามได้เลย

   "ขี้เกียจ"

   "งั้นเดี๋ยวผมเก็บให้เลยนะ"

   "ก็ได้"

   "แล้วขวดน้ำหลังห้องก็เยอะแล้ว จะลงไปทิ้งเลยไหม"

   "เดี๋ยวทำให้พรุ่งนี้เช้า" เพราะว่าตารางเรียนในวันพรุ่งนี้ของสมาร์ตมีเพียงภาคบ่าย ส่วนของเขาน่ะต้องแหกตาตื่นสำหรับคลาสแปดโมง เกลียดเวลาที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นอีกคนสามารถนอนหลับสบายอารมณ์ชะมัด

   สมาร์ตเป็นพวกไม่รักษ์โลกอย่างร้ายแรงด้วยการซื้อน้ำขวดดื่มทุกวัน หลังห้องนี่มีถุงขยะสีดำเอาไว้สำหรับใส่ขวดพลาสติกโดยเฉพาะด้วยซ้ำไป อย่างน้อยก็ขอให้มันสามารถเอาไปแปรรูปหรือไม่ก็วนกลับมาใช้ใหม่ได้แล้วกัน ส่วนเขาเป็นพวกตอดกิน ไม่นับ

   วีดีโอจบลงไปแล้ว เอาแต่คุยเรื่องห้องจนไม่ค่อยได้ตั้งใจดูเท่าไหร่ เซ็นลุกออกจากเตียงออกไปยังส่วนของห้องน้ำเพื่อแปรงฟัน คิดว่าอาบหลังจากซ้อมมาแล้วก็เลยไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำในห้องอีกรอบ

   กลับมาอีกครั้งคนร่วมห้องก็เปิดหน้าจอโน้ตบุ๊กเครื่องตัวเองบ้าง นี่ยังไม่ใช่เวลาเข้านอนของทั้งคู่ก็เลยเป็นการนั่งนอนตากแอร์สนใจแต่ในโลกของตัวเอง พวกเขาไม่ได้ติดตั้งโทรทัศน์เอาไว้ในห้องด้วยความเห็นที่ตรงกันว่ามันเปลืองไฟและใช้งานไม่คุ้มค่า แค่มีตู้เย็นก็เร่งการนับของมิเตอร์ไม่รู้เท่าไหร่

   เสียงเพลงสากลที่ตัดมาแต่ท่อนฮุกของท็อปห้าสิบประจำสัปดาห์บนชาร์จบิลบอร์ดบอกว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองอะไร เซ็นไม่ค่อยฟังเพลงไม่ว่าจะไทยหรือว่าสากล ส่วนสมาร์ตนี่ฟังตั้งแต่ไทยเดิมยันสเปนที่เคยถามว่าฟังแล้วเข้าใจไหมเพื่อได้คำตอบว่าดนตรีเป็นภาษาสากลกลับมา

   ยังไม่ได้กลับขึ้นใช้ชีวิตบนเตียงทันทีเหมือนอย่างที่เด็กหอหลายคนทำ เขาเลื่อนเก้าอี้ไม้สีเดียวกับโต๊ะอ่านหนังสือออกพอให้สามารถเข้าไปนั่งได้ มองกระดาษโพสต์อิทที่ติดเอาไว้ไม่เป็นระเบียบตรงกำแพงดูว่าควรจะเริ่มทำอะไรเป็นสิ่งแรก ความน่าเบื่อของการเป็นนักกีฬาคือนอกจากจะคงสมรรถภาพร่างกายแล้วยังต้องรักษาเกรดแล้วเอาไว้ด้วย

   สัปดาห์หน้ามีควิซของอิงค์ตัวเขียน แล้วศุกร์นี้ก็ต้องไปช่วยเอกเตรียมงานเปิดบ้าน

   "มาร์ตต้องทำงานเปิดบ้านไหม"

   ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลย แต่ว่าอีกฝ่ายมีนักศึกษาให้ใช้งานเยอะกว่าเด็กเอกเล็กๆ อย่างเขาล่ะนะ

   "เหมือนจะไม่"

   "ดีจัง ผมไม่อยากทำเลย"

   "ลาออกเลยสิ"

   เพราะหันหลังให้อยู่เลยกล้ามองบนเต็มที่ นี่ก็หาเรื่องย้อนได้ตลอด "ทำได้ที่ไหนล่ะ"

   "ช่วยไม่ได้"

   มองข้อความเตือนความจำทั้งหมดอีกครั้ง ลุกขึ้นมาโถมทั้งตัวลงบนเตียงยางแบบแข็งที่ไม่ค่อยเหมาะกับการนอนให้สบายเท่าไหร่ เขยิบตัวเข้าไปใกล้จนสามารถหนุนตักของสมาร์ตได้พอดี

   "เหนื่อยหน่อยน่า โตแล้ว" สัมผัสได้ว่าช่วงศีรษะมีฝ่ามือหนึ่งกำลังลูบแผ่วเบาเหมือนเช่นเคย "เซ็นเก่งอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าทำได้"

   "ไม่อยากเก่งแล้ว"

   "แต่ก็ยังต้องทำ" คราวนี้มีเสียงขำเอ็นดูตามมาด้วย เซ็นหน้ามุ่ยให้กับเงาสะท้อนจากหน้าจอที่เพิ่งปิดตัวลง และเมื่อฝาหน้าจอปิดลงนั่นคือสัญญาณบอกว่าได้เวลาเข้าสู่ห้วงนิทรา "แล้วตอนนี้ก็ต้องนอนแล้วครับ"

   "อือ ไนต์ไนต์"

   "ไนต์ไนต์"


***
   ให้เลเวลเรื่องนี้อยู่ระดับปานกลางค่ะ (หัวเราะ) สวัสดีอีกครั้งกับเรื่องสั้นประจำปี 2018 นะคะ (ยิ้ม)
   #รูมเมทอดีตแฟน

ออฟไลน์ poommy_TY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE : 1 [21.04.18]
«ตอบ #2 เมื่อ21-04-2018 21:00:55 »

มันจะหน่วงๆหน่อย ตรงที่อีกคนไม่ได้รู้สึกเท่าเดิม กระซิกๆๆๆ เลเวลกลางๆเหรอคะคุณเจ้า ฮือออออ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE : 1 [21.04.18]
«ตอบ #3 เมื่อ21-04-2018 22:49:50 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE : 1 [21.04.18]
«ตอบ #4 เมื่อ25-04-2018 00:47:35 »

ยังพอจะเหลือเยื่อใยให้กันบ้างไหมคะ  :katai5:

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE : 2 [26.04.18]
«ตอบ #5 เมื่อ26-04-2018 19:04:31 »

[2]


   ระหว่างนาฬิกาที่เคยบ่นว่าอยากได้กับกระเป๋าสะพายแบรนด์ที่สมาร์ตชอบอันไหนเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ากันนะ

   "ไปดูนาฬิกาก่อนแล้วกัน..."

   เซ็นใช้ตอนบ่ายในวันนี้ไปกับการแวะเข้าห้างสรรพสินค้ากลางเมือง มีเป้าหมายหลักคือการตามหาของขวัญวันเกิดให้กับคนร่วมห้องที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตแฟนเหมือนอย่างที่ทำมาตลอดสองปีที่ผ่านมา ตอนปีหนึ่งยังไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่เลยซื้อช็อกโกแลตของร้านแฟรนไชส์จากญี่ปุ่นให้ (หลังจากที่อีกฝ่ายพาลากเข้าร้านบุฟเฟ่ต์แล้วเป็นคนเลี้ยง) ส่วนปีที่แเล้วก็ตุ๊กตาอัลปาก้าที่ต้องไปตะลอนหาในสำเพ็งตั้งนานสองนาน

   ปีนี้หมดมุกแล้วแถมสถานะเปลี่ยนไปอีก ก็เลยต้องกลับมาตั้งหลักตรงที่ว่าของประมาณที่ที่เหมาะกับการมอบให้รูมเมทในวันเกิด จะได้ไม่ดูแล้งน้ำใจเกินไป

   ก็พูดไปอย่างนั้น เดี๋ยวถึงวันจริงเราก็ออกไปฉลองกันในร้านอาหารสักแห่งเหมือนเดิมนั่นแหละ

   เป็นเด็กชายขอบที่ไม่ค่อยได้เข้าเมืองเท่าไหร่ พอมาหนึ่งครั้งก็ต้องยืนระลึกความหลังว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่างเหมือนกัน จะว่าไปแล้วโซนของเครื่องมือบอกเวลานี่มันอยู่ตรงไหนกันนะ

   แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการถามพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ไม่ไกล พอได้คำตอบแล้วก็ต้องมาวัดดวงว่าพิกัดตามบอกกับคนไม่มีเซ้นส์เรื่องทิศทางอย่างเขาจะได้ผลอย่างไรออกมา ให้ตรงเข้าไปข้างในแล้วเดี๋ยวก็เจอเลยใช่ไหม

   เจอกับตู้กระจกละลานตาจนได้ เดินไปเรื่อยเพื่อหาที่ตั้งของแบรนด์เป้าหมาย ซึ่งกว่าจะเจอก็เดินวนไปวนมานานพอสมควรเลยล่ะ เกือบได้ของขวัญให้ตัวเองมาแทนด้วย

   สอบถามเรื่องราคาพอเป็นพิธีเอาให้ไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่อยู่บนข้อมือของตัวเอง ก็เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้วจากอีกฝ่ายล่ะนะ เอาเข้าจริงแล้วของที่เขาใช้ในชีวิตประจำวันก็เป็นสิ่งที่ได้มาจากอดีตแฟนหลายชิ้นเลยแฮะ...

   ถามว่ารู้สึกอะไรอยู่ ก็คงตอบได้เลยว่าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น เซ็นไม่ใช่คนประเภทที่จะลบอดีตทุกอย่างทิ้งหลังจากเลิกรา อาจมีลบพวกรูปคู่ออกจากมือถือเกือบหมด ก็ต้องยอมรับเลยว่าในช่วงแรกมันไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่

   เราเริ่มความสัมพันธ์จากการเป็นเพื่อนแล้วขยับชั้นขึ้นไปเป็นแฟน

   สิ่งที่ต้องทำก็แค่ถอยหลังกลับมาอยู่ที่เดิมเท่านั้นเอง

   ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปหน้าปัดหลายฟังก์ชันอันที่เล็งเก็บเอาไว้ ตั้งพิกัดถัดไปเป็นร้านขายกระเป๋าแบรนด์ยุโรปชื่อคุ้น น่าเสียดายที่สาขาใหญ่อย่างนี้ของที่ต้องการมาชมกลับหมดจากสต็อก มีให้เลือกสองทางคือสั่งเอาไว้ก่อนกับลองไปดูอีกสาขาซึ่งอยู่ห่างเกือบเป็นฝั่งตรงข้ามของเมือง

   ซึ่งหากสั่งเอาไว้ก่อนกว่าจะได้มันก็เลยวันเกิดไปแล้ว เหมือนว่าเขาต้องกลับไปคิดหนักพอสมควรว่าควรเลือกทางไหน หรือจะเปลี่ยนเวย์เป็นอย่างอื่นซึ่งก็คงต้องแอบไปตะล่อมถามว่าอยากได้อะไรหรือเปล่า

   เพราะว่านานๆ ทีจะเข้าเมืองเลยคิดว่าลงไปหาอะไรทานหน่อยดีกว่า เซ็นเดินตัวปลิวลงมาชั้นล่างเพื่อเข้าร้านเบอร์เกอร์เจ้าที่กลายเป็นเมนูกันตายหากคิดอะไรไม่ออก เหลือบเห็นว่าแถวนั้นมีร้านซับเวย์ซึ่งเป็นร้านโปรดของคนใกล้ครบรอบวันเกิดตั้งอยู่

   รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยอ่านไลน์เพราะตั้งค่าปิดการแจ้งเตือนเอาไว้ ก็เลยเสียมารยาทโทรไปทั้งที่รู้ว่าอยู่ในห้องเรียน ลองหักลบดูแล้วคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา

   (ว่า)

   "มาร์ตเอาซับเวย์ไหม"

   (อ้อ...ก็ได้ครับ)

   "เค อยากได้อะไรอีกก็ไลน์มานะ ให้เวลาสิบนาที"

   (ครับ)

   เสียงจากลำโพงที่แทรกเข้ามาบอกให้เขาตรงประเด็นมากที่สุด สมาร์ตไม่ใช่คนที่ตั้งใจเรียนเบอร์แรงแบบที่นั่งหน้าห้องเสมอ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าควรทำตัวไม่ให้ความเคารพผู้มอบความรู้

   นั่งทานอาหารต่อไปไม่รีบร้อน ยังไงวันนี้ก็ไม่ต้องรีบกลับไปซ้อมอยู่แล้ว อีกอย่างคือถึงจะกลับไปตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่ดี เพื่อนในคณะหรือว่าในชมรมไม่ต้องพูดถึง ก็อยู่ติดกันจนรู้ตัวอีกทีมันก็เหลือแค่สองคนไปแล้วนี่นา

   ไม่ได้รู้สึกแย่กับการใช้ชีวิตอย่างนี้ ต้องยอมรับเลยว่าเขาเป็นพวกขี้รำคาญมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว มากคนก็มากความ ก็เลยเหมือนว่าเป็นคนพวกไม่ค่อยเข้าสังคม อย่างน้อยเขาก็มีกลุ่มเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่มัธยมต้นตั้งแปดคนเลยนะ

   เคลียร์เฟรนช์ฟรายส์ชิ้นสุดท้ายลงท้อง พร้อมสำหรับภารกิจต่อไปคือการสั่งซับเวย์กลับไปให้ ในไลน์มีส่งมาบอกว่าอยากกินขนมปังจากร้านที่เพิ่งมาเปิดใหม่ได้ไม่นานพร้อมกับบอกพิกัดเสร็จสรรพ สมแล้วที่รู้จักกันดีว่าเขาเป็นพวกหลงทิศและไร้ความสามารถเรื่องทางเดินตามหาแค่ไหน

   "ขนมปังโฮลวีต เพิ่มชีส ใส่แต่ผักกาดแก้วกับหัวหอม ไม่เอาซอสครับ"

   ท่องได้ขึ้นใจประหนึ่งสูตรคูณ มากี่ครั้งก็สั่งแต่เมนูเดิม ส่วนของเขาต่างออกไปนิดหน่อยตรงที่เพิ่มมะเขือเทศที่เหลือก็เหมือนกันหมด สมาร์ตชอบขนมปังกับคุกกี้ของที่นี่ นี่พอดีเหลือแค่ชิ้นสุดท้ายไม่อย่างนั้นแล้วต้องมีการเพิ่มเป็นแน่แท้

   จ่ายเงินและเช็กของทั้งหมดให้เรียบร้อย ขโมยเอาน้ำมาดื่มเองเพราะรู้ว่ากว่าจะกลับถึงหอน้ำแข็งคงละลายหมดแล้ว ตั้งแต่เปิดเทอมมานี่คนบ้าน้ำอัดลมกลายเป็นพวกรักสุขภาพไปเสียแล้ว ก็ยังดีที่การบ่นตลอดสองปีที่ผ่านมาไม่ไร้ค่า

   ถ่ายรูปส่งกลับไปรายงานความคืบหน้า ไม่ลืมพิมพ์การันตีว่าจะไม่ลืมไปซื้อขนมปังให้อย่างแน่นอน

   ชีวิตของเขากับรูมเมทก็ประมาณนี้แหละ
 


   ตัวเลขห้าสิบเก้าตรงหน้าจอโทรศัพท์ในตอนนี้บอกให้เขาเตรียมตัวให้พร้อม

   เอาจริงคือไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่เพราะมันคือครั้งที่สามแล้วสำหรับการสุขสันต์วันเกิด ปีแรกตอนนั้นยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันเลยแค่ส่งข้อความไปหาตอนตีหนึ่งกว่า ส่วนปีสองนี่อยากทำเซอร์ไพรส์แต่จบลงด้วยการที่สมาร์ตเจอตุ๊กตาที่ซ่อนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าก่อน

   ปีนี้เลยช่างแม่ง ให้มันโต้งๆ นี่แหละ

   พอมันกลายเป็นเลขศูนย์ทั้งสองตัวก็ลุกจากเตียงไปหยิบถุงกระดาษใบเล็กที่วางกองรวมไว้กับของใช้ชิ้นอื่นออกมา ยื่นมันไปให้เจ้าของวันเกิดพร้อมกับอวยพรเล็กน้อย

   "แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะ มีความสุขมากๆ ล่ะ"

   เรียบง่ายและไม่มีความโรแมนติก เป็นมาตรฐานที่ดีสำหรับคนร่วมห้อง ถ้าเป็นวันเกิดของเซ็นอีกฝ่ายจะเริ่มต้นด้วยการส่งข้อความภาษาอังกฤษยาวเหยียดที่ก็อปมาจากในอินเทอร์เน็ตส่งมาให้ในไลน์ ส่วนของขวัญในแต่ละปีก็แตกต่างกันไปตามสถานการณ์

   "ขอบคุณครับเซ็น"

   "เปิดเลยสิ"

   สภาพตอนนี้คือหนึ่งคนใส่กางเกงบอลกับเสื้อเน่า ส่วนอีกคนก็ผ้าแพรขายาวกับเสื้อเข้าชุด เตรียมพร้อมนอนไม่ได้เข้ากับประโยคที่เหมือนกับในปาร์ตี้วันเกิดพวกนั้นเลย

   "เอาจริงคือเห็นยี่ห้อก็รู้แล้ว" ก็เล่นหราตั้งแต่หน้าถุงขนาดนั้น "จำได้ด้วยว่าผมเคยพูดถึง"

   "แค่ตุ๊กตาที่มาร์ตบอกว่าอยากได้ผมก็ยังไม่ลืมเลยไหมล่ะ"

   แน่นอนว่าหมายถึงอัลปาก้าสีขาวตัวเดิม คือการตามหาตุ๊กตาสัตว์คอยาวตัวนี้ไม่ได้ยากหรอกนะ ในสำเพ็งก็มีตั้งหลายร้าน แต่จะเอาสีขาวนี่สิ สุดท้ายแล้วก็ไม่ชอบผ้าพันสีส้มนีออนที่ติดมาตั้งแต่แรกจนต้องไปหาซื้อผ้าเช็ดหน้าลายทางสีน้ำเงินขาวเหมือนพวกชาวกะลาสีมาเปลี่ยนให้

   ไซซ์ข้อมือของเราค่อนข้างใกล้เคียงกันเลยไม่ต้องห่วงว่ามันจะหลวมเกินไปหรือไม่ เขามองอีกฝ่ายลองสวมและจัดการตั้งค่าตรงหน้าปัดไปโดยไม่ได้ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเก็บเอาไว้แต่อย่างใด

   "งั้นอีกสองเดือนเอาเป็นต่างหูคู่ใหม่ไหม?"

   บนใบหูของเซ็นมีต่างหูประดับเพชรตรงบริเวณเฮลิกซ์เป็นเครื่องประดับชิ้นเดียวในร่างกาย ความจริงแล้วอีกฝ่ายก็เคยมีในตำแหน่งเดียวกันแต่ไม่รู้แพ้อะไรเลยต้องเลิกใส่แล้วไปเจาะตรงบริเวณอื่นแทน ซึ่งดูเหมือนว่าจนตอนนี้สมาร์ตก็ยังไม่มีแววว่าจะหยุดเจาะได้เลย

   "ติดไว้ก่อน มาเลือกกันดีกว่าว่าวันนี้จะกินข้าวเย็นที่ไหน"

   "เดี๋ยวนี้เราแอดวานซ์ถึงขั้นคิดล่วงหน้าหนึ่งวันไม่ใช่หนึ่งมื้อแล้วเหรอ"

   "ยังไงตอนเช้าก็ต้องอยู่ในโรงอาหารอยู่แล้วนี่​" ข้าวกล้องกับไก่กรอบ ส่วนของเขาเพิ่มแกงจืดมาอีกถ้วย กินกันแค่นี้จนแม่ค้าจำได้แล้ว "กลางวันเอาเป็นข้างนอกไหม ก๋วยเตี๋ยวเรือดีกว่า เนี่ย ครบแล้วคิดเรื่องมื้อเย็นได้"

   "เซ็นมีอะไรอยากกินเป็นพิเศษไหม"

   "เจ้าของวันเกิดควรเลือกไม่ใช่หรือไง"

   "อ่า...นั่นสินะครับ งั้นขอเวลาคิดหนึ่งคืนนะ"

   "ก็ได้ เออ ลุกขึ้นมาก่อนเลย" นึกขึ้นได้ว่าเกือบลืมไปว่ามีความตั้งใจอีกอย่าง เซ็นลุกขึ้นไปยืนตรงปลายเตียงพร้อมกับกระดิกนิ้วเรียกให้ทำตาม คนที่เพิ่งแก่ขึ้นไปอีกปีทำหน้าสงสัยแต่ก็ยังขยับออกจากหัวเตียงมายืนอยู่ข้างกัน

   ความสูงต่างกันในระดับที่ต้องแหงนหน้าพอสมควรกลายเป็นเรื่องปกติ เขาอ้าแขนออกและอีกฝ่ายก็เข้าใจในทันทีโดยการขยับเข้ามากอด มันคือความอบอุ่นที่เราเคยมีให้กันเสมอยามอยู่ในความสัมพันธ์ที่เรียกว่าแฟน และมันเป็นการกอดครั้งแรกหลังจากที่เราเลิกรากันไป

   กลิ่นสบู่จางผสมไปกับน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นใหม่ ซึมซับเอาความรู้สึกสบายใจทั้งหมดเอาไว้ให้ได้มากที่สุดก่อนผละออกจากกัน "แก่กว่าแล้วนะ เป็นพี่ต้องต้องทำความสะอาดโต๊ะด้วย"

   เราเกิดห่างกันสามเดือน และคนที่ไม่ชอบความแก่อย่างเขารักช่วงเวลานี้มากที่สุดในรอบปี

   "เซ็นก็ทำให้ผมแล้วนี่"

   "บอกให้ทำเอง ไม่ใช่ให้สั่ง" หมั่นไส้คนขี้เกียจเสียเต็มประดา เขยิบขึ้นไปเหยียบซ้อนทับตรงหลังเท้าอีกฝ่ายพร้อมกับโอบเอวเอาไว้หลวมๆ ปล่อยให้คนตัวสูงกว่าประคองร่างทั้งคู่เอาไว้เอง

   กลายเป็นการเต้นรำแบบย่ำอยู่กับที่ ชื่อร้านอาหารสองสามแห่งถูกยกขึ้นมาเสนอเป็นตัวเลือกสำหรับมื้อเย็นของวันนี้ คนบอกว่าจะคิดสุดท้ายแล้วก็ยังแคร์คนอื่นก่อนตนเองอยู่ดี จะว่าก็ว่าเถอะ ตั้งแต่รู้จักกันนี่เซ็นคิดว่าตัวเองใจบุญสุนทานรู้จักแบ่งปันขึ้นตั้งเยอะ

   ไม่อย่างนั้นไม่เคยมีหรอกไอ้การโทรไปถามว่าอยากจะฝากซื้ออะไรไหม สมาร์ตน่ะเวลาไปที่ไหนก็ต้องมีของติดมือมาฝากเสมอ ขนาดกลับบ้านที่ภาคเหนือก็ยังซื้อพวกขนมพื้นเมืองหรือไม่ก็ของฝากในจังหวัดกลับมาแจกจ่ายตั้งแต่ยามใต้หอไปจนถึงเพื่อนในชมรม

   "แล้วนี่ไม่ตัดเล็บอีกแล้ว"

   "...ง่ะ" หน้าเจื่อนไปทันทียามเห็นว่ารูมเมทกำลังก้มลงมองช่วงเท้า เซ็นล่ะเกลียดช่วงเวลานี้ที่สุดในโลก

   "ขึ้นไปนั่งบนเตียงเลยครับ"

   "เดี๋ยวตัดเอง"

   "ผมเคยเชื่อเหรอ ไปนั่งดีๆ ก่อนเลย"

   มีประสบการณ์มาเยอะว่าไม่ควรดื้อ ก็เลยต้องยอมนั่งห้อยเท้าทำหน้าหงอยอยู่ตรงปลายเตียงอันเป็นสถานที่ประจำสำหรับ อีกฝ่ายเดินไปหากล่องใส่อุปกรณ์ตัดเล็บครบเซ็ตตรงตู้วางของติดกับผนัง แล้วหันกลับมาพร้อมกับอาวุธร้ายแรงในมือ

   "ฮือออ ไม่ตัดไม่ได้เหรอ" ถามว่าทำไมถึงต้องงอแงเบอร์นี้ก็จะตอบง่ายๆ ว่าใครชินกับการให้คนอื่นมาตัดเล็บเท้าบ้าง ต่อให้เป็นมือคู่เดิมของผู้ชายคนเดิมที่ทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันใหม่ๆ ก็เถอะ

   ช่วงเท้าวางลงตรงหน้าตักของช่างทำเล็บชั่วคราวที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ความเย็นของเครื่องปรับอากาศพาให้สัมผัสแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย จากมุมนี้เขาก็เห็นเพียงช่วงบนของศีรษะและเส้นผมที่เริ่มกลายเป็นสีอ่อนลงหลังจากผ่านการสระล้างหลายครั้ง

   การถูกบังคับตัดเล็บครั้งแรกเกิดขึ้นเพราะเขาดันซุ่มซ่ามไปเตะถูกของเตียงจนเล็บฉีก มันไม่ได้ลึกจนเป็นแผลแต่คุณแฟนในเวลานั้นก็ไม่ปล่อยให้เลยผ่านไป จากที่จั๊กจี้จนต้องลงแรงกันนิดหน่อยเดี๋ยวนี้ก็เชื่องแล้ว

   "ถ้าเซ็นขยันตัดผมก็จะไม่บังคับ"

   "..." ไม่กล้าเอ่ยปากรับประกันเพราะรู้นิสัยตัวเอง พอมองเท้าอีกทีมันก็ยาวแล้วตลอดเลย

   "นี่ถ้าเรียนจบไปใครจะทำให้ หืม"

   คำถามที่ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร มันคือความซับซ้อนของสถานะในปัจจุบัน เราเสพติดการอยู่ด้วยกัน (แม้จะลดลงหลังจากที่บอกเลิก) แต่มันก็ยังบอกได้ว่านอกจากคาบเรียนและการซ้อมตอนเย็นแล้วเราไม่ห่างกัน ต่อให้คนหนึ่งไม่มีเรียนทั้งวันแต่อย่างน้อยตอนกลางวันก็ต้องมาทานอาหารเที่ยงก่อนแยกย้ายกันอีกรอบ

   "ก็ต้องทำเองไง"

   เวลามักจะเล่นตลกกับชีวิตของคนเราอย่างนี้แหละ

   ทำให้เคยชิน

   แล้วก็พรากมันไป

   เสียงกลไกการทำงานของกรรไกรตัดเล็บดังมาเป็นระยะ มีการเปลี่ยนไปใช้ตะไบเล็บบ้างนิดหน่อย ส่วนดีคือได้รับคำชมว่าเดี๋ยวนี้ตัดง่ายกว่าสมัยแรกเริ่มตั้งเยอะ

   "ผมจะทักไลน์มาถามเซ็นว่าตัดเล็บหรือยังบ่อยๆ เลย"

   ตัวเองหลังจากเรียนจบก็ต้องกลับไปอยู่บ้าน ส่วนเด็กต่างจังหวัดอย่างเขาก็คงกลับไปอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคยเช่นเดียวกัน ระยะเวลาสี่ปีไม่ได้ยาวแต่ก็ใช่ว่าจะสร้างความทรงจำเอาไว้ไม่ได้

   "อือ..."

   จู่ๆ ก็พูดอะไรไม่ออก ยิ่งพอนึกว่าในวันหนึ่งเรื่องทั้งหมดมันจะหลงเหลือเพียงความทรงจำเท่านั้นก็พาลน้ำตารื้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น โคตรตลกที่คนบอกเลิกคือเขา และคนที่เหมือนว่าจะโหยหาสิ่งเดิมๆ ก็ยังเป็นเขาเช่นกัน

   แต่จะให้ดำเนินเรื่องต่อไปก็คงไม่ไหว โดยเฉพาะเรื่องของแฟนเก่าที่ขยันกลับมาเป็นประเด็นให้ได้ผิดใจกันเสมอ เราสองคนได้อยู่กลุ่มเดียวกันในค่ายรับน้องนักกีฬา ในช่วงเวลาที่ผู้ชายจากชมรมฟันดาบตัวสูงโดดเพิ่งโสดมาได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ก็เลยมีเขาเป็นเพื่อนเคียงข้าง

   ก็เลยไม่แปลกใจที่บางคนคิดว่าเป็นมือที่สาม ไม่คิดจะไปแก้ข่าวเพราะรู้ดีว่ามันไม่ได้ช่วยอะไร ยิ่งหลังจากนั้นไม่นานเท่าไหร่เราก็ตัดสินใจขึ้นสถานะบนเฟซบุ๊กอีกต่างหาก แล้วความใจดีไม่เข้าเรื่องของสมาร์ตที่ไม่ยอมเคลียร์อะไรให้มันจบกันไปมันก็เป็นหนามยอกที่บ่งไม่ออกสักที

   อย่างเรื่องที่กลายเป็นจุดแตกหักขนาดใหญ่ก็คือการเจอกันโดยบังเอิญนี่แหละ การที่ยังคงทำตัวเหมือนว่าให้ความหวังผ่านคำพูดและท่าทางกลายเป็นความไม่พอใจจนถึงขั้นว่าคิดเรื่องลำดับความสำคัญและเยื่อใยที่ยังเหลืออยู่

   และใช่ ห้ามลืมว่าเราทั้งสองคนเป็นผู้ชาย

   ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้รับการยอมรับถึงขั้นเป็นเรื่องปกติ สมาร์ตกับทางบ้านไม่เท่าไหร่เพราะแฟนที่ผ่านมาก็เป็นผู้ชายทั้งนั้น แต่เขาน่ะก่อนหน้านี้คบผู้หญิงมาโดยตลอด ตอนนี้พ่อกับแม่ยังเข้าใจว่าเป็นแค่รูมเมทที่สนิทกันมากอยู่เลยด้วยซ้ำ

   "เอ้า ตัดเสร็จแล้ว ไหนเอามือมาดูด้วย"

   ออกจากความคิดฟุ้งซ่านโดยพลัน ยื่นทั้งสองมือออกไปไปให้ตรวจระเบียบเหมือนกับตอนอยู่ชั้นประถม กลบสิ่งที่ไล่เรียงเป็นฉากเมื่อสักครู่ให้กลับไปอยู่ใต้ความคิดโดยท่องเอาไว้เสมอว่าเขาเป็นคนดำเนินให้เรื่องทุกอย่างเป็นไปในทางนี้เอง

   ไม่อาจโทษใครได้เลย
 


   "มึงกับสมาร์ตเคยมีอะไรกันปะ"

   "..."

   กลางวันแสกๆ กับพื้นที่โล่งแจ้งที่ผู้คนเดินสวนไปมาได้เสมอ โชคดีที่เขาเพิ่งกลืนกาแฟลงคอไปเมื่อสักครู่ไม่อย่างนั้นแล้วคงได้มีการพ่นใส่หน้าคนบ้างล่ะ

   "ไม่ตอบก็ได้นะ ถามเฉยๆ อะ"

   "ถ้ามึงจะเริ่มประโยคมาขนาดนี้มันก็ไม่ทันแล้วไหม"

   "งั้นก็บอกมา"

   เซ็นเพิ่งทานข้าวกลางวันกับบุคคลที่สามในบทสนทนาเสร็จ ตอนนี้มารอเรียนภาคบ่ายที่ลากยาวไปจนถึงบ่ายสี่ครึ่งและมีชดเชยวิชาอื่นต่อถึงหกโมง วันนี้กว่าจะเจอกันอีกทีคงเป็นตอนกลับห้องแล้วเลยเพราะสมาร์ตต้องไปงานเลี้ยงกับภาคต่อ

   ถ้าเป็นสมัยก่อนก็คงไปด้วยแล้ว ในเมื่อมันไม่มีความเกี่ยวพันอีกก็เลยยืนอยู่ตรงตำแหน่งที่ถูกที่ควร

   "ก็...เคย"

   มันก็เป็นเรื่องปกตินะ นี่ก็อยู่มหาวิทยาลัยปีสามแล้ว คบกันมาก็ตั้งนาน เขาไม่ได้มีเงื่อนไขเรื่องท้องก่อนวัยให้ต้องกังวลด้วย

   มันเกิดขึ้นจากสเต็ปทั่วไป จับมือกันไว้ หมั่นไส้มากหน่อยก็กัดแขนกัดไหล่ พออยู่ในห้องด้วยกันวันหนึ่งก็เริ่มขยับเป็นการจุมพิต เรียนรู้การจูบแลกลิ้นและลามไปถึงการสัมผัสร่างกาย สุดท้ายแล้วก็จบลงที่เซ็กส์ที่ไม่ค่อยมีอะไรหวือหวาตราตรึงใจ

   ทั้งเขาและสมาร์ตเองก็ไม่ได้เสพติดกิจกรรมประเภทนี้ เราก็แค่ช่วยกันปลดปล่อยความใคร่ตามธรรมชาติให้แก่กันเป็นครั้งคราวตามที่บรรยากาศจะความต้องการจะพาไป ปฏิเสธไม่ทำก็มี แต่เอาแบบที่ออกจากห้องอีกทีสี่โมงเย็นของอีกวันก็เคยเหมือนกัน

   "ล่ะหลังจากเลิกกันแล้วอะ"

   "...ไม่มีสิวะ"

   แบ่งเส้นเขตแดนของเพื่อน รูมเมท และแฟนเอาไว้ชัดเจน

   "ค่อยโล่งหน่อย"

   "คือมันเป็นเรื่องที่เมกเซ้นส์อยู่แล้วไหมอะ"

   จากที่เคยสัมผัสได้ทุกส่วน จุมพิตได้ทุกเวลา มันก็เหลือเพียงการกอดเท่านั้น เซ็นคงเป็นคนรุ่นใหม่ที่ยังมีความคิดเรื่องเซ็กส์ในมุมอ่อนไหวอยู่ อย่างน้อยมันก็ควรเป็นเรื่องของความรักไม่ใช่เพียงแค่ความใคร่เพียวๆ คือไม่ได้บอกว่าคนที่มองว่าเพศสัมพันธ์เป็นกิจกรรมหนึ่งที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้เป็นเรื่องผิด นี่เป็นมุมมองของเขาก็เท่านั้นเอง

   "บางคนแม่งยังเอากับแฟนเก่าทั้งที่มีใหม่แล้วได้เลย"

   "ไม่ใช่กูล่ะคนหนึ่ง"

   "ล่ะนี่มึงสองคนคิดจะหาใหม่บ้างปะ"

   "กูไม่ ...แต่มันไม่แน่มั้ง" คิดว่าไม่ใช่เรื่องที่เอามาเล่าไม่ได้ เซ็นก็รู้แหละว่าสมาร์ตเองกำลังคุยกับรุ่นน้องที่เข้ามาใหม่ในชมรม

   เด็กปีหนึ่งน่าเอ็นดูที่เข้ามาในโครงการสอนฟรีตามนโยบายกิจกรรมจิตอาสาที่ทางองค์การนักศึกษาขอความร่วมมือลงมา ตอนแรกก็ได้ยินแค่ชื่อส่วนวันก่อนแวะไปหาที่ชมรมเลยเจอตัวจริงมาแล้ว ก็น่ารักดี ตัวเล็ก สดใส ไม่ให้อิมเมจตัวอิจฉาอย่างเขา

   เราก็อยู่กันมานานจนแค่ฟังก็บอกได้แล้วว่ามันมีซัมติงที่มากกว่าน้องใหม่ แบบว่าคงไม่มีใครที่โกหกว่าไม่สบายแล้วขออยู่ห้องตอนที่เขาเรียนอยู่ แต่สุดท้ายแล้วตะลอนออกไปซื้อเค้กเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้หรอก นี่คิดว่าอีกฝ่ายต้องก็อปข้อความภาษาอังกฤษแบบเดียวกันมาส่งให้เขาต่อจากนี้แหง

   ก็โมโหนะ เพราะคนที่ต้องคอยอยู่ดูแลตอนป่วยคือเซ็นไม่ใช่น้องคนนั้น นี่ตอนนอนเขาต้องใส่มากส์ปิดปากเอาไว้เผื่อด้วย ตอนที่เจอใบเสร็จของร้านเบเกอรี่บนโต๊ะเลยเกือบเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ อย่างน้อยก็น่าจะเห็นหัวคนคอยหาข้าวป้อนยาให้หน่อย

   "มีแต่มึงที่จมอยู่กับอดีตว่างั้น"

   "กูเป็นคนบอกเลิก สัตว์"

   "แต่มึงก็อาจจะมูฟออนไม่ได้เหมือนกันนี่"

   "..."
   
   ไม่มีการเถียงกลับไปในทันทีต่างจากตัวตนปกติ

   เขามีเหตุผลสำหรับการกระทำนะ อย่างที่บอกว่าเป็นคนที่ค่อนข้างโรแมนติกกับเรื่องความรัก และเขาชอบความรู้สึกครัชออนมากกว่าความสนิทชิดเชื้อ เซ็นเองไม่ใช่คนชอบออกสังคม เขามีเพื่อนแค่ในวงเล็กๆ ที่ไม่ก้าวก่ายกันและกันก็พอแล้ว

   อย่างสมาร์ตเองมันก็เป็นความประทับใจแรกพบแหละ คนตัวสูงดูเงียบขรึมแต่ก็ยังใส่ใจคนอื่น เสียสละเพื่อส่วนรวมเสมอ แม้ว่าหลังจากอยู่ด้วยกันจนรู้เช่นเห็นชาติจะพบข้อเสียบางประการที่ไม่ถึงกับว่าแย่จนรับไม่ได้

   ทำไมจะไม่คิดล่ะ ว่าการเป็นฝ่ายบอกเลิกในวันนั้นมันเป็นเรื่องที่ถูกหรือผิด โอเคว่าในจังหวะที่ได้กดส่งข้อความที่เขียนสั้นๆ ว่ากลับไปเป็นเพื่อนกันดีกว่ามันเต็มไปด้วยความโล่งใจจนเขากล้าบอกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง แล้วก็ต้องยอมรับว่าหลังจากนั้นมันมีเรื่องน่าห่วงตามมาพอสมควร

   สถานะ

   ความรู้สึก

   การแสดงออก

   คิดถึงขั้นว่าหรือว่าจะย้ายออกให้จบๆ ไป แต่ก็หาข้ออ้างเอาไปบอกทางบ้านไม่ได้เพราะรู้มาโดยตลอดว่าเราเข้ากันได้ดี จะให้ย้ายไปอยู่คนเดียวบ้านก็ไม่อนุมัติ ก็เลยคิดว่าการอยู่ด้วยกันต่อไปก็ไม่น่าจะแย่อะไร

   ใจเต้นแรงพอสมควรเลยล่ะตอนที่เปิดประตูเข้าไปเพื่อพบกับแฟนเก่าที่ลดสถานะลงมาเหลือเพียงแค่รูมเมทส่งยิ้มมาให้จากตรงเก้าอี้อ่านหนังสือ มีการเดินมาช่วยยกของพะรุงพะรังให้อีกด้วย นอกจากนั้นไม่พอยังบอกว่าลงไปรับต้นแคตตัสที่ฝากแม่บ้านเลี้ยงมาให้แล้ว

   เป็นเขา...ที่แสดงความห่วงใยออกมาก่อนเสมอ 

   "แต่กูไม่ได้รู้สึกแบบเดิมแล้วนี่นา"

   และเซ็นก็ยังเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่เคยเปลี่ยน

   "งั้นก็คงยังชินล่ะมั้ง มึงอยู่แบบผัวเมียไม่แคร์ใครมาตั้งหลายปี"

   "อาจจะ"

   "นี่คิดไว้ปะว่าถ้าสมาร์ตมีแฟนใหม่จะทำยังไง"

   ครุ่นคิดตามคำถาม ส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอระหว่างลองจินตนาการว่าถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริงมันจะออกมาในรูปแบบไหน เหมือนว่าจะไม่ค่อยพอใจนิดหน่อยว่าคนที่หาใหม่ได้ง่ายกว่าเป็นอีกฝ่ายไม่ใช่เขา ไม่เกี่ยวกับว่ารู้สึกอิจฉาที่มีคนได้ครอบครองผู้ชายคนนี้ไป

   เหมือนจะมั่นหน้าเนอะ อย่างน้อยเรื่องหน้าตาเพื่อนก็ชมมาเยอะอยู่นะ

   "ก็ไม่เห็นต้องทำอะไร กูอาจจะเปลี่ยนมาเกาะมึงแทนเวลากินข้าว"

   นอกจากนั้นแล้วไม่เห็นว่าจะมีอะไรต้องกลัวไปก่อนเอง ถ้ามาร์ตอยากจะย้ายออกไปก็ต้องเป็นไปตามนั้น จะได้มีข้ออ้างขอเหมาห้องกับพ่อแม่ด้วย ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่โดนส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าจะต้องมีการเปลี่ยนห้องหรอก ก็เราน่ะเป็นรูมเมทที่ประเสริฐของกันและกันจะตายไป

   "เออ จะมาวันไหนก็บอก"

   "วันนี้วันแรกเลย"

   การเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


***
   ก็บอกแล้วว่าไม่น่ากลัวค่ะ (ฮา) เป็นเรื่องสั้นสามตอนจบเหมือนเดิมนะคะ
   #รูมเมทอดีตแฟน

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE : 2 [26.04.18]
«ตอบ #6 เมื่อ26-04-2018 21:28:40 »

แอบหน่วงแฮะ... :ruready :ruready :ruready

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #7 เมื่อ28-04-2018 21:28:40 »

[3]


   วันแห่งความรักนี่ควรจะเป็นแบบไหนนะ

   ชื่นมื่น น่าประทับใจหรือเปล่า

   ส่วนของเซ็นแล้วมันเป็นเช้าที่ไม่ต่างจากทุกวัน อ้อ มีนิดหน่อยตรงที่ว่าจะซักผ้าปูที่นอน

   "มาร์ต เขยิบไปหน่อยนะ"

   ปีนขึ้นไปบนเตียงอีกฝั่งที่ยังมีเจ้าของนอนอุตุอยู่ สะกิดพอให้สะลึมสะลือสำหรับเตรียมผลักให้กลิ้งไปอีกฝั่ง พอคนนอนหลับเริ่มมีสติขึ้นมาหน่อยก็จัดการออกแรงให้รู้ตัวว่าต้องทำอะไรต่อ สมาร์ตหมุนตัวรอบครึ่งไปหยุดอยู่บนหมอนฝั่งเขาที่ถอดผ้าปูออกมาเรียบร้อยก่อนแล้วพอดี

   จัดการดึงเอาปลอกหมอนออกมาเป็นอย่างแรก ตามด้วยผ้าลายตารางสีน้ำเงินหลายเฉด ไม่ลืมที่จะโยนหมอนข้างถอดรูปกลับไปให้เจ้าของด้วย คนติดหมอนข้างคว้ามันเข้าไปกอดตามความเคยชิน จะว่าไปแล้วก็ควรเอาหมอนออกไปตากแดดบ้างเหมือนกัน

   ยัดเอาผ้าของทั้งสองเตียงลงในตะกร้าใบเล็ก เดินไปข้างหลังห้องเพื่อหยิบผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม ไม่ลืมสิ่งสำคัญที่สุดอย่างเหรียญเอาไว้หยอดตู้ที่วางไว้กระจัดกระจายบนโต๊ะของรูมเมท

   ข้อจำกัดของคนที่มีผ้าปูเตียงเพียงแค่หนึ่งชุดคือต้องรีบซักตอนเช้าเพื่อให้แห้งทันเย็นวันนั้น ก็เลยตื่นเช้าทั้งที่วันนี้มีเรียนตอนเก้าโมงครึ่งนี่แหละ จะให้ผัดวันก็ไม่อยากเพราะกำหนดเอาไว้แล้วว่าจะทำทุกวันที่ 14 และ 30 ของเดือน

   คือบ้านเขาทำทุกสองสัปดาห์ไง แต่อีกคนทำทุกเดือน ก็เลยต้องปรับกันไปเพื่อให้เจอจุดพอดี

   กลับขึ้นมาอีกครั้งคนมีเรียนเวลาเดียวกันก็ยังหลับตาพริ้ม เลยเข้าไปอาบน้ำก่อนจะออกมาปลุกและเตรียมลงไปเอาผ้าที่ปั่นจนสะอาดแล้ว ถ้าไม่ตื่นก็เรื่องของเขา นี่มีหน้าที่แค่ปลุกเป็นพิธีไม่ต้องติดตามผลลัพธ์

   ยังดีที่วันนี้คนขี้เซาไม่มีปัญหากับการลืมตาตื่นมาเรียนให้ทันเวลา เราแวะร้านสะดวกซื้อสำหรับมื้อเร่งด่วนเพราะดูแล้วไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับอาหารเป็นจาน ก็ขนมปังแบบเดียวกัน นมคนละยี่ห้อ แล้วก็ขนมเอาไว้กินเผื่อง่วง นี่ชักจะคิดแล้วนะว่าทำไมถึงเป็นพวกอยู่กับอะไรเดิมๆ ได้ขนาดนี้

   "กลางวันเจอกันตรงโถงนะ"

   "ได้"

   "ตั้งใจเรียนครับเซ็น"

   มันเป็นน้ำเสียงอ่อนโยนที่เขาไม่ค่อยได้ยินอีกฝ่ายใช้กับคนอื่น พูดอีกอย่างก็คือตัวเขาเองก็มี 'เสียงสอง' ที่เอาไว้ใช้โดยเฉพาะเหมือนกัน

   บรรยากาศโดยทั่วไปในวันนี้ดูสดใสกว่าหลายวันที่ผ่านมา อย่างที่เห็นชัดก็เหล่าช่อดอกไม้ที่เห็นได้หลายจุด ไม่รวมกับของขวัญอย่างอื่นอีก จะว่าไปแล้วคิทแคทในเซเว่นยังลดราคานี่นา เดี๋ยวลากสมาร์ตไปซื้อตุนเอาไว้ในหอดีกว่า เขาจะต้องเป็นโรคเบาหวานสักวันแน่ถ้ายังไม่เลิกเสพติดของหวานทุกชนิดที่มีโปรโมชัน ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งเหมาดาร์กช็อกโกแลตแบบหนึ่งแถมหนึ่งไป

   อีกฝ่ายนี่ไม่มีการห้ามปรามแถมยังคอยเสาะหาให้อีก สาขานี้หมดก็พร้อมพาไปตะลอนสาขาใกล้เคียงจนกว่าจะเจอ เนี่ย ถึงไปด้วยกันได้เพราะอย่างนี้ไง

   วันนี้เซ็นไม่มีเรียนบ่าย ปล่อยให้รูมเมทได้ไปติวสอบย่อยกับเหล่าคนร่วมชะตากรรมเดียวกัน เขาว่าจะกลับห้องไปหลับชดเชยที่ต้องตื่นเช้า แล้วก็รอไปซ้อมเย็นเป็นการจบไปอีกหนึ่งวัน

   ไม่รู้ทำไมอากาศวันนี้มันถึงอบอ้าวจนหลับไม่ลง หรือว่าความริษยาของเหล่าคนโสดมันแผดเผาจนกลายเป็นพื้นที่แห่งความร้อนรุ่มไปเสียก็ไม่รู้ มันเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อเพราะในฟีตมีแต่เรื่องราวของคนมีคู่สลับไปกับสเตตัสตัดพ้อของคนโสด จะว่าไปแล้ววันนี้เมื่อปีที่แล้วเขาได้โพสต์อะไรไหมนะ

   ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ตอนที่เห็นภาพช่อดอกกุหลาบสีแดงสดโผล่ขึ้นมา สมาร์ตนอกจากจะเป็นคนนิสัยดีแล้วยังโรแมนติกพอสมควร วันแห่งความรักนี่มาเต็มตลอดแหละ ตั้งแต่ข้อความตอนเช้า เซอร์ไพรส์ดอกไม้ แล้วตอนเย็นก็ยังพาไปกินร้านอาหารบนตึกสูงในเมืองอีก

   แตกต่างจากปีนี้ลิบลับเลยแฮะ

   ไม่ต้องถามถึงน้องคนนั้นเพราะสุดท้ายแล้วเด็กใหม่อีกคนหนึ่งได้ชิงตัดหน้าขอคบไปก่อนแล้ว เขาก็ไม่รู้หรอกว่ามันมีตื้นลึกหนาบางแค่ไหน แต่ดูแล้วก็ไม่ได้เฮิร์ตแถมยังเปลี่ยนไปเฟลิร์ตในแอปแชตต่างประเทศแทนได้ ขอบอกว่าทั้งหมดนี่ไม่ได้สอดรู้สอดเห็นแต่อยู่ดีๆ คนที่ไม่เคยสนใจภาษาอังกฤษกลับตั้งคำถามเกี่ยวกับรูปประโยคและการสะกดคำหลายครั้งมันก็พอเดาได้แหละ

   ส่วนเขาเองเพิ่งปฏิเสธคำสารภาพรักจากเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในคณะไปเมื่อตอนต้นปี บอกไม่ได้เลยว่าไปเผลอทำอะไรให้ประทับใจ ก็ว่าทำตัวเป็นเพื่อนกันตามปกตินะ

   ชีวิตของพวกเขาก็ยังต้องดำเนินต่อไปในไทม์ไลน์เดียวกัน แม้ว่าสิ่งที่ได้เจอจะเป็นคนละเรื่องราวก็ตาม

   เพราะอย่างนั้นตามสไตล์ของคนร่วมห้องที่โสดในวันแห่งความรัก มื้อเย็นของเรานอกจากจะเป็นสเต็กเจ้าประจำ (คำว่าประจำคืออาหารประเภทนี้ก็จะกินแค่ร้านนี้เท่านั้น หมายความว่าเราจะมีร้านข้าวแกงประจำ ร้านก๋วยเตี๋ยวประจำ ร้านน้ำปั่นประจำ เป็นต้น) แล้วก็ต่อด้วยของหวานที่ย่อมเยากับเงินในกระเป๋า

   ปังเย็นรสโกโก้กับไอศกรีมวนิลาอีกถ้วยคือสิ่งที่มาส่งถึงโต๊ะ และเราก็ต้องเจอปัญหาเดิมอีกครั้ง

   "มาร์ตช่วยผมกินหน่อยสิ"

   "สั่งมาก็จัดการเอง" ไม่ให้ความร่วมมือแถมยังตักไอติมสีครีมเข้าปากหน้าตาเฉย "ผมก็ไม่เคยช่วยอยู่แล้ว"

   เบ้ปากให้กับเรื่องจริง มากินทีไรก็ไม่เคยจะหมดถ้วยสักครั้ง ก็เขาเป็นพวกชอบกินเอาแค่พอหายอยากไม่สนว่ามันจะคุ้มกับเงินที่เสียไปหรือเปล่า

   แม้จะเป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้วมันก็ยังเห็นร่องรอยของการเฉลิมฉลอง ทั้งลูกโป่งเป่าแก๊สที่หญิงสาวฝั่งตรงข้ามถืออยู่ ช่อดอกไม้ของสองโต๊ะถัดไป จนบางทีก็แอบคิดว่าผู้ชายสองคนมานั่งกินของหวานกันในเวลานี้นี่มันเป็นความผิดปกติสุดๆ

   แล้วสิ่งที่เรียกว่า 'ปกติ' คืออะไรนะ?

   คำถามที่เขาตั้งขึ้นมาแต่ไม่เคยได้รับคำตอบที่เข้าท่า เอาจริงแล้วตั้งแต่เขาตัดสินใจคบกับเพศเดียวกันนี่ทัศนคติและความคิดหลายๆ อย่างเกี่ยวกับโลกใบนี้เปลี่ยนไปตลอดกาล อย่างแรกสุดเลยคือเรื่องความรักที่ไม่เกี่ยวกับเพศแต่เป็นเรื่องตัวบุคคล จนบางมุมเขาคิดถึงขั้นว่าไม่จำเป็นต้องมานั่งอธิบายประเภทของความสัมพันธ์ด้วยซ้ำ

   จะแบ่งเกย์ว่าคือผู้ชายกับผู้ชายไปทำไม

   แล้วทำไมต้องบอกว่าเลสเบี้ยนคือผู้หญิงกับผู้หญิง

   เราไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ไม่ได้เหรอ

   แค่มองให้มันเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องความรักของคนสองคนไม่ต่างจากคู่รักหญิงชาย ไม่จำเป็นต้องไปตั้งชื่อเรียกให้รู้สึกว่าด้อยค่าหรือว่าสูงค่ากว่า เซ็นคิดอย่างนั้น

   "วันนี้ก็กินได้แค่ครึ่งเดียวเหมือนเดิม" แต่ก็ไม่เลิกสั่ง แล้วก็ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปกินอย่างอื่นด้วย "ไม่สนใจช่วยจริงอะ"

   ขนมปังน่ะหมดแต่ว่าตัวน้ำโกโก้ปั่นยังเหลืออีกเพียบ ช้อนที่ใส่มาตั้งแต่แรกสองคันบอกทางอ้อมว่ามันไม่ใช่ไซซ์สำหรับคนเดียว พอมันเหลือบ่อยๆ มันก็เสียใจเหมือนกัน

   "ไม่ครับ"

   "ใจร้ายอะ"

   ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่ารอยยิ้มของสมาร์ตมันน่าเศร้าได้เท่านี้ "ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ"

   อย่างที่บอกว่าตั้งใจจะแวะซื้อคิทแคทลดราคาก็เลยแวะเข้าเซเว่นอันเป็นที่พึ่งพึงไม่ว่าจะเวลาไหนของชีวิตเด็กหอ กวาดเอาของที่ต้องการลงตะกร้าแบบที่น่าจะลืมไปว่าเพิ่งบ่นเรื่องโรคเบาหวานไปไม่นาน ของมันอร่อยน่ะเข้าใจไหม

   อีกอย่างเขาก็ออกกำลังกายอยู่เสมอ ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกมั้ง

   "เอาแบบชาเขียวไหม?"

   ตอนนี้อีกฝ่ายกลับมาหาพร้อมกับขวดน้ำเปล่าและขนมกล่องที่ช่วงนี้ซื้อบ่อยๆ เซ็นส่ายหัววืดเพราะตั้งใจเอาไว้แล้วว่าวันนี้จะใช้จ่ายแค่นี้พอ คือนี่ก็น่าจะหลายร้อยแล้วล่ะ เล่นกวาดลงมาไม่สนใจจำนวนชิ้นได้ขนาดนี้

   "ชอบแบบนี้"

   "งั้นผมจ่ายเลยนะ"

   "ให้ผมจ่ายดีกว่าไหม ของเยอะกว่าอะ" เอาจริงคือจำตัวเลขได้ด้วยซ้ำว่าของทั้งหมดที่สมาร์ตซื้อคือยี่สิบเจ็ดบาท "เดี๋ยวค่อยให้คืนให้"

   "จะจ่ายเอง"

   "…"

   "ของขวัญวันวาเลนไทน์จากผมให้เซ็นไง"

   ก็เพราะอย่างนั้นภาพถ่ายชั้นวางของในตู้เย็นที่เต็มไปด้วยซองขนมสี่เหลี่ยมสีแดงวางระเกะระกะถึงปรากฎขึ้นในโพสต์ล่าสุดที่เปิดให้ดูแค่คนเดียว

   Relationship เหี้ยไรเนี่ย
 
 

   ก็จำได้ว่าตอนที่ย้ายเข้ามาไม่ค่อยมีของอะไรนี่นา

   ทำไมตอนย้ายออกมันถึงได้กองพะเนินเท่านี้

   "มาร์ต พวกแชมพูในห้องน้ำนี่คือยังไง" ชะโงกหน้าเข้าไปมองเห็นว่าตะกร้าใส่อุปกรณ์อาบน้ำยังวางเอาไว้ที่เดิมไม่มีการขยับ "จะทิ้งหรือว่าเอาไปด้วย"

   "เอาไปด้วยครับ เซ็นหยิบออกมาตากแดดให้หน่อย"

   และเพราะต่างฝ่ายต่างยุ่งอยู่กับงานจบเราก็เลยไม่ได้ตัวติดกับเกือบทั้งวันทั้งคืนเหมือนที่ผ่านมา รู้ตัวอีกทีก็ต้องมากลุ้มใจเรื่องเก็บห้องย้ายออกจากหอตอนเรียนจบกันแล้ว เล่นอยู่ห้องเดียวมาตั้งสามปีบอกเลยว่าทั้งรกแล้วก็ยากต่อการเก็บกวาด

   ระหว่างเดินเข้าไปก็เช็กภาพรวมไปด้วยเลย พวกแปรงสีฟันตั้งใจทิ้งอยู่แล้ว นอกนั้นไม่มีอะไรให้เก็บเพิ่มเติม เดี๋ยวแวะไปหลังห้องดูอีกหน่อยดีกว่า

   ราวตากผ้าประกอบเองตั้งเอาไว้โดดเดี่ยวไม่มีเสื้อผ้าแขวนอย่างเช่นทุกที พวกกะละมังที่ตั้งพิงกับกำแพงก็เปลี่ยนไปเป็นภาชนะใส่ของชนิดอื่น สำหรับผงซักฟอกเอาลงไปทิ้งไว้ในห้องซักผ้าพร้อมติดป้ายเอาไปใช้ต่อได้ฟรี

   เสื้อผ้าเก็บใส่กระเป๋าเดินทางเรียบร้อย พวกของใช้อย่างอื่นก็เก็บยัดลงกล่องเกือบหมด บนฟูกเปลือยมีกระเป๋าสะพายบรรจุของจุกจิกวางเอาไว้ ตอนนี้ที่เป็นปัญหาใหญ่ก็คือของในลิ้นชักโต๊ะอ่านหนังสือนี่แหละ ไม่เคยใส่ใจจนพอมาเปิดอีกทีเพิ่งรู้ว่ายัดของเอาไว้พอควร ว่าจะทิ้งทั้งหมดแล้วก็เจอของยังใช้ได้ เลยต้องมาสังคายนากันเสียยกใหญ่

   "จะเอาไงกับคุณหมาป่า..."

   และไม่เคยคิดเลยว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของการย้ายออกคือตุ๊กตาหนึ่งตัว

   อัลปาก้าสมาร์ตเอาไปอยู่แล้ว ส่วนเจ้าแคร์รอตก็เป็นของเขา เหลือตัวที่สามนี่แหละที่ไม่ลงตัว ช่วงนี้ไม่มีกล่องรับบริจาคของเป็นตัวเลือกด้วย "มาร์ตเอาไปไหม"

   "แต่ตอนนั้นเซ็นเป็นคนอยากได้นะ" แต่คนออกเงินไม่ใช่เขาไง

   "แต่ที่บ้านไม่มีที่ให้ตุ๊กตาแล้ว" เตียงเป็นแบบมาตรฐานที่วางหมอนกับผ้าห่มก็เกือบหมดที่ใช้สอย "มาร์ตเอาไปเถอะ ดูแลแทนผมด้วย"

   "ก็ได้"

   "ไปเอารถเข็นสิ ใกล้เวลานัดแล้วนี่" พี่สาวของสมาร์ตจะมารับตอนบ่าย ส่วนครอบครัวเขากว่าจะมาคงเย็นๆ เลย "ขนสักสามรอบก็น่าจะหมด"

   สุดท้ายแล้วใช้จำนวนรอบน้อยกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีดำปักชื่อประเทศไทยเอาไว้วางเด่นล้อมไปด้วยกล่องกระดาษใส่ของใช้ทั่วไปจำนวนหนึ่ง รวมถึงเบาะเซเว่นที่แบ่งคนละหนึ่งชิ้น ระหว่างรอพี่สาวกลับรถมาเราก็นั่งรอตรงขอบบาทวิถีไปพลาง

   ช่วงหลังสอบปลายภาคมันก็ได้เวลาแยกย้ายกลับภูมิลำเนา เสียงรถเข็นลากล้อไปตามถนนดังมาเป็นระยะจากทุกทิศทาง จู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่าเวลาสี่ปีนี่มันเร็วพอควร เหมือนเพิ่งดูผลประกาศนักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกให้อยู่หอในไปไม่นานเอง

   จะว่าไปแล้วที่ตรงนี้เองก็มีความทรงจำอยู่นะ เขาเคยโกรธสมาร์ตเรื่องแฟนเก่าจนเดินปึงปังลงมานั่งสงบสติอารมณ์ข้างล่างตอนห้าทุ่มด้วย ยุงก็เยอะคนที่เดินไปมาก็มองอย่างกับเขาเป็นตัวประหลาด สุดท้ายแล้วอีกคนก็เดินลงมานั่งข้างๆ ไม่ยอมพูดอะไรกันให้กลายเป็นภาพพิลึกเข้าไปอีก

   "ไปก่อนนะครับ"

   ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมห้องพักได้อย่างดีจนนาทีสุดท้าย เขาโบกมือลาให้กับผู้ชายตัวสูงที่นั่งตรงข้ามคนขับ ตุ๊กตาหมาป่าที่ยังอ้าปากกว้างค้างเอาไว้ถูกยกขึ้นมาปิดเกือบครึ่งหน้าเพื่อทำการบอกลาเช่นกัน

   เซ็นจะกลับไปอยู่บ้าน ส่วนอดีตคนร่วมห้องไม่ได้กลับบ้านเกิดอย่างที่คาดเดาเอาไว้ตั้งแต่แรก เพราะว่าพี่สาวของเขาเพิ่งซื้อบ้านในเมืองกรุงด้วยแหละ ก็เลยตกลงว่าจะลองหางานทำก่อน ถ้าไม่มีถึงกลับไปทำกงสีของที่บ้านเอา

   รอจนกระทั่งท้ายรถยนต์ห้าประตูคันใหญ่ลับหายไป เขาถึงถอนหายใจออกมาได้ถนัดหน่อย เซ็นกำลังคิดว่าเขาไม่ใจหายอย่างที่กลัว คงเพราะเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อถึงกันได้ตลอดเวลาด้วยแหละ เราก็คงคุยในไลน์ต่อไปเหมือนเดิม อยากเจอก็แค่นัดล่วงหน้า

   กลับขึ้นห้องเพื่อจัดการส่วนที่ยังค้างเอาไว้ เมื่อกี้คุณแม่เพิ่งโทรมาบอกว่าจะเข้ามารับเร็วกว่าที่นัดหมายพอสมควร ภารกิจเคลียร์โต๊ะเลยต้องเร่งมือขึ้นอีก

   ความเงียบรอบกายให้ความรู้สึกประหลาดกว่าทุกครั้ง จากที่ไม่ค่อยได้เปิดเพลงระหว่างทำงานคราวนี้เลยต้องมาเสียเวลาหาเพลย์ลิสต์อีกหน่อย ปกติดีเจประจำห้องนี้คือสมาร์ตไม่ใช่เขา นี่ก็เพิ่งรู้ว่าชีตที่หาไม่เจอตอนปีสองก็นอนกองอยู่ในลิ้นชักเช่นเดียวกับสายชาร์จสำรองและบัตรเข้าหอสาย 

   ทิ้งกองสรุปสมัยปีหนึ่งลงในถุงขยะสีดำเป็นอย่างสุดท้าย พิงหลังกับพนักพลางนึกว่ายังมีสิ่งใดต้องจัดการอีกหรือไม่ ราวตากผ้าก็เอาไปให้รุ่นน้องที่อยู่ชั้นล่างแล้ว ขยะก็เหลือแค่ที่เพิ่งเคลียร์ เสื้อผ้าของใช้ทุกอย่างครบ ต้นไม้ก็เก็บเข้ามาวางเอาไว้ตรงที่ที่มองเห็นง่าย ไม่มีอะไรต้องทำแล้วล่ะ

   เสียงรถเข็นดังก้องทั่วทั้งทางเดิน เซ็นหันขวาไปทางเข้าห้องที่ยังคงปิดสนิท มีราวแขวนกุญแจว่างเปล่าไม่ต่างจากส่วนอื่นในห้องเป็นจุดดึงความสนใจเดียว

   "..."

   ก็แค่รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย

   ที่ประตูบานนี้จะไม่มีใครเปิดเข้ามาอีกแล้ว
 


   "อันนี้ของเล่นที่ฝากซื้อ ดีนะไม่เอาแบบสิบแปดบวกไม่อย่างนั้นแม่ต้องถามผมแน่" หยิบกล่องกันพลารุ่นเกือบใหม่ล่าสุดออกจากถุงดิวตี้ฟรีเป็นอย่างแรก ต่อด้วยโฟมล้างหน้าสัญชาติญี่ปุ่นแบบที่ฮิตในไทย "ส่วนนี่ที่แม่มาร์ตฝากซื้อ"

   ทริปปลายปีหลังเรียนจบหยุดที่แดนอาทิตย์อุทัยท่ามกลางเสียงยืนยันของบ้านว่าควรจะเปลี่ยนประเทศการเดินทางเสียบ้าง
หลังจากที่เพิ่งพูดอย่างนี้มาเมื่อต้นปีที่แล้ว

   "ส่วนขนมนี่ที่มาร์ตชอบตอนมันเข้าไทย เห็นปุ๊บเหมามาให้เลย ...อันนี้เอาไปแรนดอมเอาเองว่าจะได้แมวตัวไหน"

   ของบนโต๊ะไม้เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ ตามคำอธิบาย ขนมที่บอกเป็นช็อกโกแลตเคลือบแบบแท่งที่เคยเป็นของโปรดของเราอยู่สักพักใหญ่ก่อนที่มันจะหายออกไปจากชั้นวางถาวร เจอขายในร้านร้อยเยนก็เลยกวาดๆ มาทั้งกล่อง ส่วนหลังเป็นกล่องตุ๊กตาแมวที่ต้องเสี่ยงดวงเอาเองว่าจะมีตัวไหนอยู่ข้างใน

   สมาร์ตเป็นแมวเลิฟเว่อร์ขั้นหนัก ถึงขั้นที่ว่าเคยเสนอว่าอยากเลี้ยงในหอทั้งที่มีข้อห้ามเรื่องสัตว์เลี้ยงด้วยซ้ำ ก็เลยต้องปลอบใจด้วยการซื้อของฝากเกี่ยวกับสัตว์สี่ขาตัวนี้มาให้ รอบที่แล้วก็ซื้อกาชาปองแมวห้อยแก้ว แขวนเอาไว้ตรงริมตู้เป็นมาสคอตประจำห้อง

   เรานัดเจอกันในร้านของหวานเปิดใหม่กลางเมือง สมาร์ตเคยส่งมาบอกว่าอยากจะกินก็เลยได้จังหวะพอดี ยังไงพ่อเด็กเหนือก็ยังไม่ยอมกลมกลืนกับสภาพเมืองสักที ต้องให้เขาพาเดินทางยันป้าย

   "ขอบคุณครับ"

   "แล้วก็มีโปสการ์ดอีกอย่าง ไม่รู้จะมาวันไหนก็ลองไปเช็กดูแล้วกัน"

   ลำปาง เซี่ยงไฮ้ และล่าสุดคือโอซาก้า ทั้งหมดคือสถานที่ต้นทางที่มีชื่อผู้รับคนเดียวกัน

   แม้ว่าจะลำบากนิดหน่อยตอนคิดว่าจะเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง ก็เลยเขียนลงไปแค่ว่าอากาศหนาวจนไม่อยากจะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปแล้วก็เยาะเย้ยคนไร้ดวงไปในตัว สมาร์ตน่ะชอบญี่ปุ่นแต่ไม่เคยได้ไปเหยียบ ทั้งที่ผ่านมาทั้งทัวร์ยุโรปแล้วก็อเมริกาแท้ๆ

   นี่น่าเศร้าที่สุดคือตอนบินกลับจากเมกายังได้เที่ยวบินตรง ไม่ได้แวะทรานซิสที่ญี่ปุ่นอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

   ส่วนเขานี่ไปมารอบที่สามแล้ว และค่อนข้างมั่นใจว่ายังต้องกลับไปเสียเงินให้ประเทศนี้อีกนาน

   "ได้เมื่อไหร่จะส่งไปรายงานนะครับ"

   "ดีมาก แล้วนี่เตรียมเรื่องชุดครุยเสร็จหมดแล้วใช่ไหม" เห็นบอกว่าจะใช้วิธีการเช่าเอาเลยไม่ต้องรีบ และไม่มีแพลนจะถ่ายรูปรวมกับใครด้วย "ที่บอกให้จัดการเอกสารครบนะ"

   "แฮะ"

   "มาร์ต"

   "เดี๋ยวกลับไปจะรีบทำเลยครับ"

   จนถึงตอนนี้เราก็ยังเป็นเครื่องเตือนความจำของกันและกันเช่นเดิม

   "ล่ะนี่หางานเป็นไง" เซ็นตัดสินใจว่าจะเรียนต่อปีหน้า ส่วนอีกคนจะทำงานเลย "จะได้กลับไปปลูกต้นไม้ที่บ้านหรือเปล่า"

   "ก็มีสัมภาษณ์สัปดาห์หน้า"

   "เตรียมตัวดีๆ อย่าลนล่ะ"

   "ไปด้วยกันไหม เป็นกำลังใจให้ผมไง"

   "ตลก เขาว่ากันว่าไม่ควรจะพาพี่เลี้ยงไปด้วยนะ"

   "เซ็นเป็นไลฟ์โค้ชของผมต่างหาก"

   เอาที่สบายใจก็แล้วกัน "ทำตัวเป็นคนขี้เหงาไปได้"

   "ก็เหงาจริงอะ มานอนค้างที่บ้านบ้างสิ"

   จากที่เราเคยอยู่กันสองคนเสมอก็ต้องแยกกันไป ตัวเองน่ะไม่เท่าไหร่หรอกเพราะว่าชินกับสภาพอย่างนี้มาตั้งแต่ตอนที่แยกห้องกับเพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยมต้นมาอยู่ห้องวิทย์คณิตปกติคนเดียว แต่ว่าอีกคนนี่สิ ทั้งไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนจริงจังแล้วยังต้องมาอยู่ต่างที่คนเดียวอีก

   "ว่าที่พี่เขยคงได้สงสัยว่าสรุปแล้วแฟนตัวเองมีน้องชายกี่คน" พี่สาวของสมาร์ตกำลังจะแต่งงานปีหน้า จะเรียกว่าตอนนี้เป็นการทดลองอยู่ก่อนแต่งก็ไม่เพราะว่าคบกันมาเข้าปีที่สิบสามแล้ว คือตอนขอลูกสาวทางบ้านสมาร์ตไม่ขอสินสอดสักบาท ยกให้เลย

   "เขาไม่ว่าหรอก"

   "แล้วนี่เริ่มชินทางในเมืองหรือยัง"

   "ก็ไปได้แค่รูทเดียวอะ อนุสาวรีย์ชัยหัวหมาก ที่เหลือก็เปิดแมปเอา" นี่ก็ไม่เคยเรียนรู้การใช้ชีวิตในเมือง ก่อนไปญี่ปุ่นยังโทรมาถามอยู่เลยว่าจากศูนย์สิริกิตต์ไปปิ่นเกล้านี่มีทางอื่นนอกจากแท็กซี่ที่น่าสนไหม "ว่าจะทำบัตรแรบบิทอยู่ ลืมทุกที"

   "ทำก็สะดวกดี ผมบอกให้ทำตั้งนานแล้วนะ"

   "ไปทำด้วยกันหน่อย"

   ต่อจากลากไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ด้วยกันก็เป็นบัตรเติมเงินรถไฟฟ้าเหรอเนี่ย...

   "อือ เดี๋ยวขากลับแวะไปทำกัน"

   "นี่ถ้าผมไม่ได้เซ็นนะ ตัวเองต้องแย่กว่านี้มากเลย"

   "หมายถึง?"

   "ผมคงไม่โตเท่านี้"

   "..."

   อีกครั้งที่เกลียดการยกขึ้นของมุมปากนั่นจับใจ เซ็นเข้าใจว่ามันไม่ได้มีความหมายอะไรแฝงเอาไว้หรอก มาร์ตน่ะไม่ค่อยได้ไปเรียนตอนมัธยมเพราะแข่งเยอะ เพื่อนก็มีน้อย การเรียนนี่ไม่ต้องพูดถึงช่วงแรกสามวันดีสี่วันต้องมากังวลว่าจะเรียนไหวไหม เกรดสองเทอมแรกก็น่าห่วงเหลือเกิน ยังดีที่ปีสองดึงตัวเองกลับมาได้เยอะอยู่

   ก็เป็นเขา ที่ทั้งปลอบทั้งขู่ จนถึงขั้นว่าเอ่ยปากกับพ่อแม่อีกฝ่ายเองว่าถ้าลูกชายเรียนไม่จบสี่ปีก็ไม่ต้องแปลกใจนะ ทำทุกทางเท่าที่จะคิดออกแล้ว อย่างพวกกิจกรรมก็ต้องช่วยปรามเอาไว้ให้รอบด้านตามประสาคนเคยเจ็บมาก่อน ไม่อย่างนั้นคนใจดีไม่เคยปฏิเสธใครต้องมาเหนื่อยเองเสมอ

   ...แต่ก็อดคิดไม่ได้ ว่ามันมีเรื่องอื่นที่เขาต้องการสื่อถึง

   "ขอบคุณนะครับ"
 


   (ล่ะไง มึงเลยเอากลับมาคิดเป็นหมาบ้า)

   "คือไอ้เหี้ย มึงจะให้กูปล่อยไปเลยก็ไม่ได้ปะวะ" บุหรี่มวนที่สามหลังจากที่ไม่เคยแตะอีกเลยเพราะเคยสัญญากันเอาไว้ถูกจุดเกือบเป็นมวนต่อมวน "คำว่าขอบคุณของแม่งคือแบบ..."

   เราแยกกันหลังจากหมดมื้อของหวาน เหมาะสมกับชีวิตของคนที่อดีตเป็นรูมเมทกันดี

   (ก็ไม่แปลกปะ นอกจากเป็นผัวหรือเมียให้มันแล้วกูว่ามึงก็ทำตัวเหมือนพ่อด้วยอะ)

   คำที่ยังค้างอยู่ข้างในใจเรียกให้เขาหาที่ระบาย และมันก็จบลงที่เพื่อนคนเดิมที่น่าจะเป็นคนรู้เรื่องมากที่สุดในบรรดาเพื่อนทั้งหมด เราสนิทกันกว่าเดิมช่วงปีสี่ด้วยเนื้องานและการมีอาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวกัน คือการเจอความป่วงและผีหลายอย่างมันช่วยหลอมให้เราเข้าใจหัวอกกันมากขึ้น

   "ก็มันน่าห่วง มาร์ตชอบใจดีเกินไปอะมึง"

   (ห่วงจังเลยนะ รูมเมทที่เป็นอดีตแฟนของมึงเนี่ย)

   มาทุกตำแหน่งเอาไม่ให้ดิ้นเลย

   "กลับมาเรื่องเดิมก่อน กูยังติดใจคำของมันอยู่เลย"

   (ไม่ต้องคิดใจ ปล่อยไป)

   "แต่มึง..."

   (มูฟออนครับ)

   ในห้วงความคิดมีคำปฏิเสธจำนวนมาก เซ็นยังคงยืนกรานคำเดิมว่าเราไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว โดยเฉพาะกับเรื่องความรู้สึก ที่ตลกที่สุดคือสุดท้ายเราสองคนก็จบปริญญาตรีมาโดยที่ต่างฝ่ายก็ไม่ได้มีคนใหม่

   เทกสอง จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่มีแฟนใหม่ทั้งคู่

   (เงียบเลย ตายยัง?)

   "ยัง ไอ้สัตว์"

   (ให้กูเสือกได้ปะ กูอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้พวกมึงยังทำตัวงงๆ ได้ถึงทุกวันนี้วะ นี่กูเห็นรูปที่มึงเพิ่งอัปแล้วรู้เลยว่าใครถ่ายให้)

   เซ็นเพิ่งอัปรูปตัวเองกับน้ำมะม่วงปั่นเจ้าประจำในมือระหว่างเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง มาร์ตน่ะชอบแอบถ่ายประจำ อย่างรูปเวลาไปอ่านหนังสือในร้านกาแฟหรือไม่ก็ตอนซ้อมกีฬา ล่ะชอบใช้อยู่ฟิลเตอร์เดียวจนทุกคนรู้หมดแล้วว่าเป็นผลงานของใคร

   โดนจี้เป็นครั้งแรกในเรื่องที่ยังเรียกได้ว่า ' ค้างคา' และไม่รู้ว่าจะจางลงไปเมื่อไหร่ คิดว่าไม่เคยรู้สึกหรือว่าถามตัวเองหรือไงว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ แล้วสุดท้ายก็ได้คำตอบให้ตัวเองเพียงหนึ่งเดียว

   "เพราะพวกกูไม่เคยกลับไปพูดถึงมันมั้ง"

   (หมายถึง...?)

   "พวกกูไม่เคยพูดถึงมันเลยว่าทำไมถึงเลิกกัน ไม่เคยเคลียร์ว่าความคิดของเราตอนนั้นมันมีอะไรอยู่ และเรารู้ว่าเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ควรปล่อยไปไม่รื้อฟื้นอีก ที่เป็นอยู่ตอนนี้คือดีที่สุดแล้ว"

   เขารู้จักตัวเองดี แต่ไม่เคยรู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร

   สิ่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับตัวเองในเวลานั้นมันสร้างความเจ็บช้ำให้อีกฝ่ายหรือไม่

   จู่ๆ ก็คิดถึงคำห้ามจริงจังและเด็ดขาดว่าต้องเลิกสูบบุหรี่ให้ได้ ทั้งที่ก็ไม่เสพติดจนขาดไม่ได้สมาร์ตก็ยังโกรธเงียบไม่ยอมพูดจาทุกครั้งที่บังเอิญเจอเขาตรงโซนสูบหรือว่ากลับห้องมาพร้อมกลิ่นยาเส้น

   ยกยิ้มให้กับเรื่องที่ดูไร้สาระเมื่อมองกลับไป ค้นพบสัจธรรมหนึ่งอย่างว่าท้ายสุดแล้วต่อให้ในอดีตเคยทะเลาะกันแรงแค่ไหนมันก็กลายเป็นเรื่องตลกได้ และสิ่งนี้คือสิ่งที่จะอยู่กับเขาไปนิรันดร์

   "มึงรู้ปะ มาร์ตเคยถามเรื่องที่ทำกูนิ่งไปเลยอะ ว่าตลอดเวลากูแทนชื่อเขาว่าเมทให้ที่บ้านฟัง ไม่เคยเรียกชื่อเขาบ้างเลย"

   (...)

   "หรือบางทีมันอาจไม่ใช่ความรักตั้งแต่แรกแล้วก็ได้มั้ง"

   มันอาจจะเป็นแค่ความใกล้ชิด ความผูกพัน หรืออาจเป็นการโหยหาความคล้ายคลึงกับตนเอง

   เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตให้ได้เรียนรู้ถึงความสุขและความเจ็บปวด

   (มึงอย่าพูดอะไรเข้าใจยาก กูตามไม่ทัน)

   "แค่ตอบคำถาม"

   (กวนตีนได้นี่เลิกบ้าแล้วใช่ไหม)

   "กูอัดมวนสามแล้วเนี่ยให้กูสงบเถอะ" ปล่อยควันสีหม่นขึ้นไปบนท้องฟ้า รัตติกาลยังคงความเงียบเหงาและน่าอบอุ่นใจในเวลาเดียวกันได้เช่นเดิม เซ็นไม่ชอบการอยู่ในเมืองเพราะเงยขึ้นไปมองบนฟ้าแล้วไม่ค่อยเห็นประกายของดวงดาว

   ต่างจากช่วงเวลาการเป็นเด็กหอที่มักจะหาเรื่องอ้อนให้อีกคนทำหน้าที่เป็นคนปั่นจักรยานหรือมอเตอร์ไซต์พาเขาไปยังส่วนมุมร้างกินบริเวณพอสมควรของมหาวิทยาลัย มันประดับไฟแค่ไม่กี่ดวงเลยไม่บดบังทัศนียภาพความสวยงามของแผ่นฟ้าเท่าไหร่

   "เนี่ย ถ้ามาร์ตรู้ว่ากูกลับมาสูบนะแม่งก็บ่นอีก"

   (ก็อย่าให้มันรู้สิ)

   "เนอะ ไม่เห็นยาก"

   (มึงอะคิดมากไป)

   ดับมวนสุดท้ายของวัน โยนซองที่ยังเหลืออยู่เกินครึ่งลงถังขยะข้างตัวโดยไม่มีความเสียดาย ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ติด ถือว่าเป็นการสูบในวันพิเศษก็แล้วกัน "เออ ได้สติล่ะ"

   (นัดเจอกันหน่อยไหมล่ะ เผื่อมึงจะดีขึ้น)

   พอนึกว่าได้เจอกันครั้งสุดท้ายก็หลายเดือนมาแล้วเลยคิดว่าหัดออกจากบ้านก่อนจะกลายเป็นมนุษย์ติดบ้านก็ดี "ได้นะ เมื่อไหร่ล่ะ"

   (กูไปกทม. เดือนแปด ต้นเดือน)

   "ต้นเดือนไม่ว่าง มีนัด"

   (ไปไหน)

   "งานรดน้ำสังข์พี่สาวมาร์ต กูโดนจองตัวตั้งแต่ยังไม่ขอแต่งงาน"

   มีอย่างที่ไหนโทรมาถามเรื่องไซซ์ชุดแล้วยังกำชับว่าจองตัวเอาไว้แล้ว ห้ามมีธุระในวันนั้นเด็ดขาด ล่ะเดี๋ยวพอวันแต่งก็ต้องไปอีกรอบ

   (...ไปในฐานะไรวะ)

   "ก็รูมเมทอดีตแฟนของน้องชายเจ้าสาวไง"


NEVER END


***
   เป็นเรื่องที่ไม่รู้จะเอาอะไรมาเล่าเลยค่ะ​ (หัวเราะ) คือมันไม่ได้มีธีมซับซ้อนอะไร เป็นการเล่าเรื่องของแฟนเก่าที่ยังเป็นรูมเมทกันต่อจนเรียนจบเท่านั้นเอง
   เอาจริงแล้วเจ้าว่าสิ่งที่สำคัญกว่าการที่กลับไปรักกันคือการที่เรายังมีอีกฝ่ายในชีวิตนี่แหละค่ะ (ยิ้ม)
   ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
   23August

   #รูมเมทอดีตแฟน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2018 11:21:12 โดย 23August »

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #8 เมื่อ28-04-2018 22:03:46 »

จบแบบอึนๆงงงง55555555 แอบอยากเห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในอนาคตในรูปแบบแฟนจังเลย

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #9 เมื่อ29-04-2018 03:49:30 »

จริงค่ะ เป็นอะไรที่งงๆจริงๆที่ยังมีอีกคนอยู่ในชีวิตกับสถานะที่เปลี่ยนไป มันดูไม่ค่อยชัดเจน วางตัวไม่ค่อยถูก เราว่าเรื่องราวต่างๆจะชัดเจนอีกทีก็เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มต้น ไม่ว่าจะเริ่มกับคนใหม่หรือว่ากับคนเดิม ขอบคุณนะคะ ยังคงคอนเซ็ปคุณเจ้าเหมือนเดิมเลย รักกกก :z10:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
« ตอบ #9 เมื่อ: 29-04-2018 03:49:30 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lalun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #10 เมื่อ29-04-2018 19:39:24 »

อ่านจบละหน่วงในใจเลย อยากให้กลับมาคบกันจัง

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #11 เมื่อ29-04-2018 22:26:26 »

.หน่วงดีเนาะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #12 เมื่อ29-04-2018 23:19:25 »

หน่วงไม่สุด แต่ก็ไม่ได้สุขซักเท่าไหร่
อึนๆ โหวงๆ

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #13 เมื่อ30-04-2018 03:07:09 »

 ต่อให้ไม่ใช่แฟนกันแต่อะไรหลายๆอย่างมันก็ชัดเจนในความสัมพันธ์แบบนี้อะ หน่วงๆนิดหน่อย แต่พอรับได้ค่ะ

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #14 เมื่อ01-05-2018 13:32:04 »

หลายความรู้สึกดี  :katai1:

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #15 เมื่อ03-05-2018 01:37:00 »

มันจึงเป็นความรักที่ไม่ถึงกับสุข เป็นความทุกข์ที่ไม่ถึงกับเศร้า

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #16 เมื่อ03-05-2018 09:51:13 »

ไม่กลับไปเป็นแฟน แต่ก็ยังทำตับเหมือนเดิน เอ้อรูมเมทอดีตแฟนเก่าจริงๆ นี่คิดว่าถ้ามีคนใดคนหนึ่งมีแฟนใหม่ไปเลยเรื่องอาจจะง่ายกว่า 55555555555555 เส้า คนอ่านเนี่ย เส้า   :m15:
ความรักในรูปแบบของใครของมันอะเนาะ เข้าอาจจะสบายใจกันทั้งแบบนี้ แต-นี่ก็อยากให้เคลียร์ๆกัน โอ้ย อยากให้กลับมาเป็นแฟนกัน ยิ่งเรียนจบแบบนี้ด้วย ถ้าต้องmove on จริงๆคือต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง สถานะที่เป็นอยู่ก็คือเพื่อนกันจริงๆ เศร้าจริงๆๆอะะะ คือตัวเองไม่ได้มีความรักอะไรอยู่แล้ว ก็อยากจะให้สมหวังกันในนิยายก็ยังดี  :m15:

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #17 เมื่อ07-05-2018 20:44:32 »

ความสบายใจมันอยู่ตรงนี้ก็เลยไปไม่ได้
มุมมองจากคนนอกอาจจะคิดว่าสองคนนี้ยังคบกันอยู่ เลิกอะไรอยู่ด้วยกันตลอด กินข้าวด้วยกัน
ใส่ใจกัน เข้าใจกัน ยังทำตัวเหมือนเดิม

จบกันทั้งที่ยังจับมือกันไว้อยู่..

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #18 เมื่อ26-05-2018 09:16:12 »

เศร้าตรงเลิกกันไปแล้วต่างคนต่างไม่มีใครนี่แหล่ะค่ะ  :ling3:

ออฟไลน์ MacaroonCookie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #19 เมื่อ26-05-2018 20:25:33 »

พออ่านจบถึงกับอุทานออกมา 4 คำ ตามลำดับการรันข้อมูลของสมอง ห๊า!(อะไรเนี่ย) ห้ะ!(ยังงงจบแล้วเหรอ) โอ้!(เอาจริงดิ) เอิ่ม!(นึกว่าจะได้กลับมารักกัน) 555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
« ตอบ #19 เมื่อ: 26-05-2018 20:25:33 »





ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #20 เมื่อ27-05-2018 13:03:29 »

จบแบบหน่วงไม่สุด ไม่แฮปปี้ มันจะดูเฉยๆไปเลย ฮ่อม บอกไม่ถูก

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #21 เมื่อ30-05-2018 18:47:50 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ QueenPlai

  • twitter - @khunhappymoon gmail - JangPlailiiz@gmail.com
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #22 เมื่อ02-06-2018 18:41:41 »

มันดี แต่แบบ ฮื้ออออ รู้สึกค้างง

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #23 เมื่อ06-06-2018 07:44:26 »

มันก็เรื่อย ๆ เรียง ๆ มาดีอยู่อะนะ
แต่พอจบ .. มันเนือยไปเลย
คือเหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้กลางสี่แยกอโศก
แบบ เอ๊า! ตกลงจะเอาไงเนี่ย
คือไม่ว่ามองทางไหน จะปลายปิด ปลายเปิด
มันก็ไม่สามารถบอกได้เลยว่า อะไร ยังไง ...

ในฐานะนักอ่าน ผิดหวังกับตอน never end ค่ะ
แต่ในฐานะชีวิตหนึ่ง ... อยากบอกว่า

"นี่แหละ ชีวิต เพราะชีวิตจริงมันก็แบบนี้แหละ"
โคตรเข้าใจเลยค่ะ เพราะจนบัดนี้ หลายสิบปีแล้ว
... ก็ยังยืนหายใจอยู่กลางสี่แยกอโศกเลย

ออฟไลน์ palm-metto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #24 เมื่อ25-08-2018 15:32:27 »

ถือว่าจบดีนะ
เป็นความสัมพันธ์ที่ยังมีกันและกันอยู่ตลอด อาจจะไม่มีชื่อเรียกเหมือนใครเค้า แต่ก็เป็นความรักความผูกพันธ์ที่อยู่ด้วยกันได้แบบไม่มีใครทำร้ายใคร และไม่มีใครเสียใจกับความสัมพันธ์แบบนี้

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #25 เมื่อ26-08-2018 00:23:35 »

เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว เลยไม่รู้ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังไปทำไม แต่แอบสงสัยว่าเซ็นรักมาร์ตรึป่าว หรือว่าเป็นแค่ความผูกพัน อยากให้มีตอนพิเศษๆแบบไม่หน่วงอ่ะค่ะ

ออฟไลน์ sackyjung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #26 เมื่อ08-10-2018 00:19:35 »

 :o12:  :jul1: :hao5: เป็นหน่วง ๆ แต่ก็ดีมากเลย

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #27 เมื่อ12-10-2018 12:33:30 »

มีต่อมั้ยคะ ชอบจังงงง รู้สึกเซ็นน่่าจะรู้สึกกับมาร์ตอยู่มากๆๆๆเลยนะ

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #28 เมื่อ13-10-2018 06:20:21 »

 :L1: :pig4:

ออฟไลน์ lostinthelight

  • 엑소엘
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: {เรื่องสั้น} ROOM (ex) MATE (จบ)
«ตอบ #29 เมื่อ23-12-2018 02:27:45 »

เป็นความสัมพันธ์ที่อึดอัดมาก...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด