▬ all my LOVE is for you ▬ เปิด pre-order หนังสือ + ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม (p.5)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▬ all my LOVE is for you ▬ เปิด pre-order หนังสือ + ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม (p.5)  (อ่าน 54671 ครั้ง)

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การ นำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่า เป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่าง ของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้ เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)





ผมรักเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาตั้งแต่เด็ก...
รักทั้งที่ไม่มั่นใจว่าจะรักได้...
และเมื่อต้องแยกจากกันไปตามวิถีชีวิตที่เปลี่ยน
ผมก็คิดว่าความรักนั้นคงจะจบลงและไม่มีทางเป็นไปได้ตลอดไป

แต่แล้ว...เมื่อได้กลับมาเจอกันอย่างไม่คาดฝัน ความรู้สึกที่คิดว่าคงจะจืดจางลงตามวันเวลามันกลับแจ่มชัดขึ้นมาในหัวใจ
สร้างความอบอุ่นและกำลังใจให้กับชีวิตที่ไร้เป้าหมายของผมอีกครั้ง

และครั้งนี้...ผมจะไม่ยอมถอยกลับหันหลังให้กับความรักนี้อีกแล้ว
รักครั้งแรก ครั้งเดียว และผมหวังว่ามันจะเป็นรักครั้งสุดท้ายของผม...

_________________________

เพจ : https://www.facebook.com/gandastory/
ทวิตเตอร์ : https://twitter.com/gandabossom

_________________________


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-09-2018 20:48:54 โดย กานดา. »

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: - all my LOVE is for you - ch.1 [13/04/2018]
«ตอบ #1 เมื่อ13-04-2018 22:08:46 »



CH.1



“ตี๋!” เสียงที่ติดจะหงุดหงิดส่งเสียงเรียกคนที่หลับอุตุเป็นรอบที่ร้อย จนเขาคันไม้คันมือชักอยากจะลงแรงให้มันตื่น ๆ ไปเสียที

“อืม...” ร่างที่นอนอยู่บนเตียงส่งเสียงครางรับตามสัญชาตญาณ แต่สติกลับไม่ตื่นไปตามเสียงที่เรียกเลยแม้แต่น้อย

ชายสูงอายุที่ส่งเสียงเรียกกลับรู้ทันลูกชายคนเล็กจอมขี้เซาดี เพราะมันก็เป็นแบบนี้อยู่ทุกวัน ถ้ายิ่งช่วงไหนอดหลับอดนอนจะยิ่งปลุกยากขึ้นอีกเท่าตัว

“ไอ้ตี๋!! ตื่น!” เขาเร่งเสียงให้ดังขึ้นอีก หวังว่ามันจะตื่น ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันก็แค่หวังลม ๆ แล้ง ๆ ก็ตาม

“งืม...” ร่างเพรียวพลิกเอาหน้าซุกหมอนหนีแสงสว่างจากหน้าต่างที่เพิ่งโดนเปิดผ้าม่านออก แถมยังเอามือปิดหูด้วยความรำคาญ แต่ก็ยังคงไม่มีท่าทีจะลุกแม้แต่นิดเดียว ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง

ชายสูงวัยถอนหายใจเสียงดังด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะยกฝ่าเท้าขึ้นถีบลูกชายสุดรักลงจากที่นอนอย่างไม่ใยดี ไม่ได้อยากจะใช้วิธีนี้ปลุกมันเลย แต่ก็เพราะมีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่ทำให้มันตื่นได้ เขายืนรอไอ้ตัวแสบได้สติก่อนถึงค่อยพูดคุยกัน นี่ถ้าเขาไม่ต้องการใช้ให้มันไปซื้อของล่ะก็ ไม่มีทางที่จะมาปลุกมันให้เสียอารมณ์เด็ดขาด

“โอย อะไรวะเนี่ย แม่ง...” คนตัวขาวที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่บ๊อกเซอร์และรอยสักรูปมังกรเต็มหลังครางพร้อมกับลุกขึ้นในท่าคลานมือขวาคลำก้นที่กระแทกพื้นป้อย ๆ

“ไปซื้อน้ำเต้าหู้ให้ป๊าหน่อย”

ตาตี่หันควับไปมองตามเสียงที่อยู่อีกฟากของเตียงทันที ริมฝีปากสีชมพูได้รูปนั่นอ้าค้าง

“นี่ป๊าถีบตี๋ตกเตียงเพื่อที่จะให้ไปซื้อน้ำเต้าหู้เนี่ยนะ!”

“ก็เออสิวะ” ตอบน้ำเสียงแบบไม่แยแส ถึงแม้ในใจจะสมน้ำหน้าแค่ไหนก็ตามแต่ใบหน้าก็ต้องนิ่งไว้ก่อน

“แล้วไอ้เฟยไปไหน?” เรียกหาพี่ชายที่อายุมากกว่าสองปี เพราะปกติแล้วหน้าที่นี้คือของมันไม่ใช่ของเขา

“ไปทำงานแล้ว วันนี้มันทำงานวันแรกลืมแล้วรึไง”

“แล้วป้าศรีล่ะ?” ถามหาแม่บ้านคนเก่าแก่ มือรองอันดับสองรองจากพี่ชาย

“ไปจ่ายตลาดกับม๊ามึง”

ลูกชายคนเล็กถอนหายใจดังเฮือกอย่างอารมณ์เสีย ใบหน้าขาวเนียนบึ้งตึง เพราะตัวเองเพิ่งจะได้นอนตอนตีสี่ หลังจากปั่นงานจนเสร็จ ตี๋หันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง อยากจะรู้ว่าตนเองนอนไปได้กี่ชั่วโมงกันแน่

“หกโมงครึ่ง!” ลูกชายคนเล็กร้องเสียงดัง

“ก็เออสิวะ” ป๊าตอบอย่างไม่ใยดี ในใจก็เริ่มรำคาญความมากเรื่องของตี๋ แล้วอาการดีดดิ้นเพราะนอนไม่พอของลูกชายคนเล็กก็ตามมา แต่คนเป็นพ่อก็หาได้สนใจไม่

“ป๊าจะรีบปลุกทำไมเนี่ย! ตี๋เพิ่งนอนตอนตีสี่เอง ไปซื้อตอนเจ็ดโมงครึ่งก็ทันอ่ะ”

“ก็ถ้าไม่รีบไปซื้อเดี๋ยวเต้าฮวยของอร่อยมันจะหมดซะก่อนสิ”

ตี๋ยกมือขึ้นขยี้หัวอย่างหงุดหงิดสองสามทีก่อนจะหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อยืดออกมาใส่ลวก ๆ เพราะถ้าออกไปสภาพที่ทั้งตัวมีแต่กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวแบบนี้คงไม่ดีแน่ อาม่าแถวบ้านคงได้หัวใจวายตายกันพอดี

“มึงไม่หากางเกงใส่ทับไปอีกตัวด้วยวะ?” คนอายุมากก้มมองกางเกงลูกชายของตัวเอง เพราะบ๊อกเซอร์ของตี๋มันสั้นเหนือเข่าขึ้นมาประมาณครึ่งหน้าขา แต่ยังดีที่มันไม่บางไม่งั้นเวลาเดินย้อนแสงคงเห็นละลุไปถึงไหนต่อไหนแน่

“โอ๊ยป๊า ตี๋เป็นผู้ชายนะ ช่างมันเหอะไม่เป็นไรหรอก” ตี๋เดินเอามือล้วงเสื้อเข้าไปเกาท้องของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องตามด้วยคนเป็นพ่อ

“กูไม่ได้ว่ามันจะเป็นอะไร แต่ออกจากบ้านก็แต่งตัวให้มันดีหน่อย กูกลัวว่าไข่มึงจะปลิ้นออกมาต่างหาก”

“ไข่ตี๋ยังเต่งตึง ไม่ได้หย่อนยานเหมือนของป๊าหรอกน่า” พูดจบก็ต้องหลบฝ่ามือพิฆาต ก่อนจะถามเปลี่ยนเรื่อง “ป๊าเอาไรมั่งล่ะ ขอตังเผื่อของตี๋ด้วยนะ”

“น้ำเต้าหู้สองถุง เต้าฮวยสาม” บอกรายการพลางควักเงินแล้วยื่นให้ลูกชายตัวแสบ

“ตามบัญชา เดี๋ยวมานะครับ”


++++++++++++++++++++++++


“เอาน้ำเต้าหู้สองถุง เต้าฮวยสาม เต้าหู้เต้าฮวยสองถุง ปาท่องโก๋สิบตัวครับ”

ตี๋สั่งรัว ๆ ด้วยความเคยชินจนคนที่อยู่อีกฝั่งของรถเข็น ขมวดคิ้วเพราะฟังไม่ทัน ส่วนไอ้ตัวดีก็ยืนมองนั่นมองนี่ไม่ได้สนใจไยดีเลยว่าอีกคนจะฟังรู้เรื่องหรือเปล่า

“น้องจะเอาอะไรนะ? พอดีพี่ฟังไม่ทัน” คนมีศักดิ์เป็นลูกชายเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้ย้อนถาม จนตี๋ต้องหันกลับมามองหน้าด้วยความสงสัย พอเห็นหน้าเลยรู้ว่าไม่ใช่ตาแปะคนเดิม เห็นตัวพอ ๆ กันก็นึกว่าใช่

“อ้าว แล้วแปะไปไหนอ่ะ?” เจ้าตัวย้อนถามด้วยความสงสัย

“อยู่หลังบ้านน่ะ หลังยอกพี่เลยมาช่วยงานชั่วคราว” อีกฝ่ายตอบยิ้ม ๆ

“อ๋อ ของป๊ากะม๊าน้ำเต้าหู้สอง เต้าฮวยสาม ของผมเอาน้ำเต้าหู้ใส่เนื้อเต้าฮวยสาม ปาสิบตัว” ตี๋ทวนรายการให้ฟังอีกรอบ

“กินแปลกจัง” บอกพร้อมกับยิ้มบาง ๆ มันทำให้เขานึกถึงเรื่องสมัยก่อน ‘เด็กคนนั้นก็ชอบกินแบบนี้เหมือนกัน’ เขาคิดพลางลงมือตักน้ำเต้าหู้ใส่ถุงให้ตี๋ที่ยืนรออย่างขัด ๆ ด้วยความที่ยังไม่ชินกับงาน เห็นแบบนั้นตี๋เลยเอื้อมมือไปหยิบถุงพร้อมกับกระดาษมาใส่ก้นถุงเพื่อจะได้ช่วยอีกแรงเป็นการประหยัดเวลาไปในตัว

“ผมชอบกินแบบนี้แหละ น้ำขิงมันเผ็ด”

“มิน่าละตัวขาวเหมือนเต้าหู้เลย”

เป็นประโยคที่สร้างความรู้สึกแปลก ๆ ให้กับตี๋ในลักษณะน่าขนลุกมากกว่าที่จะรู้สึกดี เหมือนโดนคุกคามทางคำพูดมากกว่าโดนชม พอเงยหน้าขึ้นมองก็ถึงกับสะดุ้ง เพราะเจอกับสายตาพราวระยับกับรอยยิ้มมุมปาก ที่ไม่ว่าคิดยังไงก็ไม่น่าจะเอาไว้ใช้กับผู้ชายด้วยกัน

...ไม่ใช่ว่าแม่งเป็นเกย์หรอกนะ...

“เอ่อ...”

“เสร็จแล้วครับ ทั้งหมด82บาท”

ก่อนที่ตี๋จะได้ตอบโต้อะไรออกไป พี่ชายที่ขายน้ำเต้าหู้ก็ชิ่งตัดการสนทนาซะก่อน ตี๋รับถุงมาถือเอาไว้แล้วยื่นแบงค์ร้อยไปให้ ตอนที่รับเงินทอนจากอีกฝ่ายไม่รู้ว่าพี่มันจงใจให้มือโดนกันหรือเปล่า แต่คนตัวขาวเหมือนเต้าหู้อย่างที่อีกคนว่าชักมือกลับแทบไม่ทัน ขาเรียวยาวรีบก้าวเดินออกไปจากร้านทันที แต่ก็ได้ยินเสียงไล่หลังตามมา

“ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะ เดินกลับบ้านดี ๆ ล่ะ”

ตี๋รีบเดินจ้ำอ้าวกลับบ้าน ในใจก็ได้แต่ก่นด่าตัวเองว่าน่าจะเชื่อคำเตือนของป๊าบังเกิดเกล้าเรื่องใส่กางเกงทับมาอีกชั้น เพราะตอนที่หันหน้ากลับไปดันเห็นสายตาของอีกฝ่ายจ้องมาที่ขาของเขาอย่างไม่ปิดบังอะไรทั้งสิ้น แถมยังมีหน้ามาโบกมือบ๊ายบายมาให้อีก

...ขนาดจิ้งจกทักยังต้องฟัง นี่ป๊าบังเกิดเกล้าทักทำไมกูไม่ฟังวะเนี่ยขนลุกชิบหายเลยว้อย...


++++++++++++++++++++++++


“ยิ้มอะไรของมึงวะไอ้เอส?” คนเป็นพ่อค่อย ๆ พยุงตัวเองเดินออกมาจากด้านหลังของบ้าน เห็นลูกชายของตัวเองยืนกอดอกยิ้มมองอะไรของมันอยู่ก็ไม่รู้เลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย

เอสไม่ตอบคำถามแต่กลับชี้นิ้วไปที่ลูกค้าตัวขาวคนเมื้อกี้ที่ตอนนี้เห็นหลังอยู่ไว ๆ ป๊าที่อยู่พื้นที่นี้มานานกว่าเขาคงรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใคร

“เด็กคนนั้นใครอ่ะป๊า?”

“ไหนวะ?”

“คนนั้นไง ที่ตัวขาว ๆ ใส่บ๊อกเซอร์กับเสื้อยืดสีดำน่ะ”

“อ๋อ นั่นมันไอ้ตี๋ลูกชายอาฮงร้านขายผ้าตรงหัวมุมตึกนั่นไง”

“ใช่เหรอ เมื่อก่อนตัวนิดเดียวเองนะป๊า” เขาพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

เมื่อก่อนนี้ตัวเล็กนิดเดียว ตอนนี้กลับตัวสูงขนาดนี้ ถ้าเทียบกับเขาที่สูง 185 แล้วแทบจะดูไม่ต่างกันเท่าไหร่แต่อีกคนตัวผอมบางกว่าเขามาก แต่ถ้ามองดูดี ๆ หน้าตาก็ไม่ได้ต่างไปจากเมื่อก่อนซักเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะเขาจากที่นี่ไปเป็นสิบปีความจำบางอย่างมันก็อาจจะลืมเลือนไปบ้าง แต่ก็มีบางส่วนที่เขาไม่เคยลืม ต่อให้ผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม...

“ใช่สิวะ เดี๋ยวนี้แม่งตัวยาวยังกับยีราฟ”

เอสมองตามเด็กแถวบ้านที่เคยเล่นด้วยกันเมื่อสมัยเด็กที่ตอนนี้เดินจ้ำอ้าวจนหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้  ท่าทีเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรอยู่ ไม่ได้พูดโต้ตอบอะไรกับป๊าต่อ คนเป็นพ่อพอเห็นลูกชายเป็นแบบนี้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหน้าก่อนจะเดินเข้าหลังบ้านไปด้วยอาการหนักใจและคิดไม่ตก

พอเอสนึกถึงเห็นท่าทีที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาแบบนั้นของตี๋แล้ว ในใจก็ได้แต่นึกตลกกับใบหน้าเหวอของอีกคน คงจะตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็โดนจีบโดยผู้ชายเหมือนกัน เมื่อก่อนนี้เขาทั้งคู่เคยเล่นด้วยกัน แต่จะว่าเล่นก็ไม่ถูก เรียกว่าเขาเป็นคนดูแลอีกคนกับเด็ก ๆ ละแวกนี้ดีกว่า แต่ทั้งกลุ่มก็มีตี๋เนี่ยแหละที่ติดเขายังกับอะไรดี ...แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายกลับจำกันไม่ได้เลย แถมตอนนี้ซ้ำร้ายสงสัยว่าเขาจะโดนมองเป็นเกย์โรคจิตอีกด้วยมั้ง

การกลับมาเจอกันอีกครั้ง ทำให้ความทรงจำสมัยเด็กตอนอยู่ที่นี่มันไหลย้อนกลับเข้ามาในสมอง ทุกๆ เรื่องราวที่ผ่านไปแม้มันจะดีขึ้น อาจจะด้วยอายุที่มากขึ้นหรืออะไรก็ตาม แต่การพบกันอีกครั้งมันทำให้รู้ว่าเขายังคง ‘คิดถึง’ อีกฝ่ายอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง


++++++++++++++++++++++++


“อ๊ะป๊า!” ตี๋วางน้ำเต้าหู้ที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ แถมยังตะโกนซะเสียงดังทำเอาคนแก่ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เพลิน ๆ สะดุ้งโหยง

“ทำไมต้องเสียงดังด้วยวะ” ป๊าเอ็ดเข้าให้

“ตี๋เหนื่อย” อาการหอบแฮ่กที่ได้มาจากการเดินเร็วกลับมาบ้านแบบนี้ มันทำให้คนที่ไม่ชอบออกกำลังกายอย่างเขาเหนื่อยสุด ๆ แก้มขาวมีเลือดฝาดขึ้นเป็นสีชมพูอ่อน เวลาที่ตี๋เหนื่อยหรือออกกำลังกายก็จะแก้มแดงหน้าแดงแบบนี้ทุกครั้ง มันเลยพาลทำให้เขาไม่ชอบเล่นกีฬาอะไรซักอย่าง เพราะเวลาที่เป็นแบบนี้ทีไรเป็นต้องโดนแซวตลอด และเขาก็ไม่ชอบที่ต้องมาเป็นเป้าให้คนอื่นแซวด้วย ถ้าสนิทกันก็ว่าไปอย่าง กับบางคนที่ไม่สนิทและไม่สนมเนี่ยทำให้เขาอยากเอาเท้าไปทาบหน้ามันซะ แต่ก็ได้แต่คิดนั่นล่ะ ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบมีปัญหากับใคร เลยอยู่เงียบ ๆ แบบนี้ไปดีกว่า

“แล้วมึงไปวิ่งหนีควายที่ไหนมาล่ะ”

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะวะ” ตี๋พึมพำกับตัวเอง เขาหมายถึงอีกฝ่ายตัวใหญ่อย่างกับควาย ถึงแม้ส่วนสูงจะไม่ได้ต่างกันมาก แต่เขาคงจะผอมมากไปเองล่ะมั้ง เลยทำให้อีกคนดูตัวใหญ่ แค่คิดถึงเรื่องที่ผ่านไปเมื่อซักครู่ก็ทำเอาขนลุกโดยอัตโนมัติ

“ไป ๆ ไปเอาถ้วยเอาแก้วมา”

ตี๋เดินไปหยิบแก้วกับชามตามคำสั่ง ลืมไม่ได้อีกอย่างคือนมข้นหวานที่จะเอามาไว้จิ้มกับปาท่องโก๋เพื่อเพิ่มความอร่อย ร้านนี้เป็นร้านของอาแปะเจ้าประจำที่ขายมานานหลายสิบปีตั้งแต่สมัยเขายังเด็ก น้ำเต้าหู้ของที่นี่อร่อยมากจนตี๋ไม่เคยนอกใจไปกินร้านอื่นเลย ทั้งหอมทั้งมันแบบไม่ผสมน้ำเข้าไปเยอะเหมือนเจ้าอื่น แถมปาท่องโก๋ที่นี่ก็อร่อยไม่ชุ่มน้ำมันและยังไม่เหม็นหืนน้ำมันเก่าอีกด้วย

“แล้วเมื่อคืนทำไมนอนดึกนัก” คนเป็นพ่อถามพลางซดน้ำขิงร้อน ๆ ลงคอไป

“ตัดโม” ตอบสั้น ๆ ก่อนจะยัดเข้าปากเคี้ยวตุ้ย

“นี่กูคิดถูกรึเปล่าที่ส่งให้มึงไปเรียนถาปัดถาเปอะห่าไรเนี่ย” ป๊าพูดคิ้วขมวด เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้วิชานี้การเรียนการสอนเป็นยังไง แต่พอเห็นลูกชายของตัวเองต้องอดหลับอดนอนแบบนี้ก็ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าควรจะให้มันเรียนต่อไปดีไหม ไม่รู้ว่าคุ้มกับสุขภาพที่เสียไปหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเรียนจบมาแล้วต้องมานั่งรักษาร่างกายอีกนะ แบบนั้นไม่คุ้มกับใบปริญญาที่ได้มาเลยแม้แต่น้อย

“ถึงงานมันจะเยอะไปหน่อย แต่ตี๋ก็ชอบนะ”

แต่พอได้ฟังลูกชายพูดแบบนี้ทีไรก็เป็นอันเข้าใจกัน ไม่ว่าจะพูดเรื่องเรียนของมันกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็จะตอบแบบเดิมเสมอ ไอ้เขาก็ไม่อยากจะขัดในสิ่งที่ลูกชายชอบซะด้วย เลยได้แต่ปล่อยไป ทำได้แค่เพียงตักเตือนเล็ก ๆ น้อย ๆ เวลาที่ลูกชายเริ่มละเลยสุขภาพของตัวเอง

ตี๋ซดน้ำเต้าหู้ดังซู้ดก่อนจะเรอเสียงดังเป็นการปิดท้าย “ไปนอนต่อนะป๊า”

“ไอ้ห่า ทำแบบนี้บ่อย ๆ เดี๋ยวก็ได้เป็นกรดไหลย้อนกันพอดี”

“ช่างมันเหอะ ไปนะ” พูดจบก็เดินขึ้นห้อง ตั้งใจจะไปหลับต่อ แต่เพราะสายตาแบบนั้นของไอ้พี่ที่ขายน้ำเต้าหู้มันกวนใจเขาจนทำให้ข่มตานอนต่อไม่หลับ เลยลุกขึ้นมาอาบน้ำเพื่อที่จะไปมหาวิทยาลัยเพราะคาบเช้าวันนี้มีเรียนตอนสิบโมง

...ถึงตอนนี้แม่งจะแค่เจ็ดโมงครึ่งก็เหอะ...


++++++++++++++++++++++++


“ไหงวันนี้มึงทำหน้าบูดเป็นตูดหมึกเลยวะ” เพื่อนกลอยที่จับสังเกตมาตั้งแต่เช้าทักขึ้นมา เขารู้สึกว่าตี๋มันหน้าบูดมากกว่าปกติเล็กน้อยถึงปานกลาง ซึ่งปกตินั้นหน้ามันก็ไม่ได้เป็นมิตรกับชาวบ้านซักเท่าไหร่อยู่แล้ว พอทำหน้าแบบนี้ยิ่งไม่น่าคบเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าหน้าตาโดยรวมมันจะดูดีก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรแม้แต่น้อย บวกกับนิสัยที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เรียกง่าย ๆ ว่ามนุษย์สัมพันธ์แย่ เพราะแบบนี้ล่ะมั้งมันถึงไม่มีแฟนเหมือนคนอื่นซักที

“ไม่ได้นอนรึไง” ภาคเพื่อนอีกคนในกลุ่มถาม

“เออ โดนป๊าปลุกไปซื้อน้ำเต้าหู้แต่เช้า” ตี๋ตอบด้วยเสียงเหนื่อย ๆ “แล้วก็มีเรื่องนิดหน่อยเลยนอนต่อไม่หลับ” พูดจบก็ฝุบหน้าลงกับแขนด้วยความง่วง

“เรื่องไรวะ?” ภาคถามต่อด้วยความอยากรู้ เพราะหายากที่คนอย่างตี๋มันจะนอนไม่หลับ ไอ้นี่หัวถึงหมอนปุ๊บเป็นหลับปั๊บ

“ไม่เอาอ่ะ กูไม่อยากพูดถึง” ตี๋ส่ายหัวทำหน้าเบื่อหน่าย แค่เพียงคิดถึงสายตาและรอยยิ้มชวนขนลุกนั่นก็ทำให้ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที

สาบานได้เลยว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอเกย์คนไหนทำแบบนี้ใส่ เพราะถึงตี๋จะหน้าตาดีแต่ก็ไม่ได้ดูเป็นมิตรขนาดที่ใครจะกล้ามาทำสายตาวิบวับและรอยยิ้มมีเลศนัยใส่ได้ ขนาดผู้หญิงยังไม่ค่อยจะมีเข้ามาหา ผู้ชายเนี่ยไม่ต้องพูดถึง มันไม่มีเข้ามาในลักษณะเชิงชู้สาวอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจเพศที่สาม เพราะเพื่อนที่เป็นเกย์ของตี๋ก็มีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เห็นมันจะมีท่าทีเข้ามาจีบซักคน พอโดนจีบด้วยคนที่เป็นเพศเดียวกันกับตัวเองครั้งแรกแบบนี้ก็เลยรู้สึกแปลก ๆ ชอบกล นึกภาพตัวเองเวลาคบเพศเดียวกันไม่ออกเลย

“ถึงเวลาแล้วไปเข้าเรียนกันโว้ย” กลอยสะกิดตี๋ที่นอนคิดอะไรเพลิน ๆ ให้ลุกไปเข้าเรียนด้วยกัน ขายาวก้าวเดินไป รู้สึกเหมือนตัวจะลอย ๆ คิดว่าวันนี้ตัวเองคงจะไม่มีสมาธิเรียนแน่


++++++++++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2018 15:39:47 โดย กานดา. »

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: - all my LOVE is for you - ch.1 [13/04/2018]
«ตอบ #2 เมื่อ13-04-2018 22:09:33 »



หลังเลิกเรียนตี๋รีบกลับบ้านทันทีเพราะจะได้รีบกลับไปนอนให้เต็มอิ่มก่อนแล้วค่อยตื่นขึ้นมาทำงานที่ค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนต่อ แถมวันนี้ยังได้มาเพิ่มอีก นี่นึกสงสัยอยู่ว่าอาจารย์คิดว่าพวกเขาเป็นยอดมนุษย์หรือยังไง ไม่คิดว่านักเรียนต้องมีเวลาหลับนอนกันบ้างเหรอ พอลงจากรถเมล์เขาก็ต้องเดินเข้าซอย ขายาวค่อย ๆ ก้าวไปเหมือนไม่เร่งรีบ แต่ที่จริงคือง่วงจนแทบจะไม่มีแรงเดินต่างหาก วันนี้เรียนแทบจะไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ก็ทำได้แค่ก่นด่าไอ้พี่คนเมื่อเช้าไป

ทางกลับบ้านของตี๋ต้องเดินผ่านร้านน้ำเต้าหู้ทุกวัน แล้วตอนที่เจ้าตัวเดินผ่านไป เลยทำให้ลูกชายเจ้าของร้านที่ตอนนี้นั่งทำงานผ่านไอแพทอยู่ตรงเก้าอี้หน้าร้านสังเกตเห็น  มือซ้ายที่คีบบุหรี่อยู่ขยี้มันลงกับที่เขี่ยข้างตัว

“ตี๋!” เอสส่งเสียงเรียกตี๋ออกไป

เจ้าตัวหยุดเดินเพราะได้ยินเสียงเรียก หันซ้ายหันขวาก็ไม่มีใคร เพราะตอนนี้เป็นตอนเย็นที่ตลาดปิดแล้ว เลยทำให้ทั้งซอยแทบจะไม่มีคนผ่านเลย เจ้าตัวเกาหัวอย่างงง ๆ แล้วก็ทำท่าจะเดินต่อ แต่ก็ต้องชะงักไปอีกครั้ง

“ตี๋! ตี๋น้อย! น้องเต้าหู้~” เขาส่งเสียงเรียกเป็นชุดเพราะอีกฝ่ายไม่หันมามองทางเขาเลย

ได้ยินแบบนี้แล้วเลยทำให้ตี๋รู้ตัวทันทีว่าใครกันเรียกตน...ไอ้พี่ร้านขายน้ำเต้าหู้นี่เอง หน้าขาวหันควับไปตามเสียงเรียกที่ได้ยิน  แล้วก็ต้องรู้สึกขนลุกขึ้นมา  ชายหนุ่มคนเมื่อเช้าเดินยิ้มเข้ามาหา พอเห็นชัด ๆ แล้วก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายก็ดูดีไม่หยอก ทั้งตาโตสวย จมูกเป็นสันโด่งรับกับรูปหน้า ผิวสีน้ำผึ้ง รูปร่างที่สูงใหญ่ คือ...ไม่ใช่ใหญ่แบบพวกเพาะกล้ามโตอะไรนั่น แต่ถ้าเทียบกับตัวเขาเองที่ตัวผอมกะหร่องเหมือนเด็กขาดสารอาหารแล้วอีกคนก็ตัวใหญ่กว่านั่นล่ะ

...ในใจก็คิดว่า คนอะไรหน้าตาดีชิบหาย แต่ดันเป็นเกย์ซะได้ เสียดายแทนสาว ๆ ชะมัด

“เพิ่งกลับจากมหาวิทยาลัยเหรอ?”

“กำลังจะไปมั้งถามได้” ตี๋ตอบน้ำเสียงกวน ๆ สงสัยว่าเป็นคนอื่นคงจะมีเรื่องชกต่อยกันไปแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะออกมาจนทำให้คนที่เพิ่งกวนประสาทใส่สงสัย

“อะไรของพี่เนี่ย?” ตี๋เริ่มหงุดหงิด คิ้วเรียวขมวดเป็นปม

“จำพี่ไม่ได้รึไง” เอสชี้นิ้วเข้าหาตัวเองและถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาคิดว่าตัวเขาก็ไม่ได้หน้าตาเปลี่ยนไปจากตอนเด็กซักเท่าไหร่ ทำไมจำกันไม่ได้เสียแล้ว

“ก็ลูกจ้างแปะร้านน้ำเต้าหู้ไม่ใช่รึไง”

คนอายุมากกว่าหัวเราะลั่น “ใช่ที่ไหนล่ะ”

“...” ตี๋มองหน้านิ่ง แบบไม่สบอารมณ์เต็มที่ ปกติก็ไม่ใช่พวกที่จะอดทนกับคนที่มากวนประสาทอะไรแบบนี้ได้อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้โคตรง่วง แถมหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขานอนไม่พอก็ยืนอยู่ตรงหน้านี่อีก ดีที่ว่าตี๋ไม่ใช่พวกนักเลงตีนโต ไม่งั้นอีกฝ่ายคงโดนต่อยหน้าหงายแน่

“โอเค ๆ อย่ามองพี่แบบนั้น” เขายกสองมือขึ้นว่ายอมแพ้แล้ว “นี่เฮียเอสเองไง จำไม่ได้จริงดิ?”

“เอส?” ตี๋กำลังนึกว่าเอสไหน คุ้น ๆ เหมือนจะใช่ที่เคยเล่นด้วยกันตอนเด็กหรือเปล่า แต่เขาก็จำหน้าไม่ได้แล้ว  เพราะเพื่อนที่เล่นกันสมัยเด็กก็แยกย้ายกันไปคนละทิศละทางหมดแล้ว

พอเห็นว่าอีกฝ่ายหน้านิ่วคิ้วขมวดทำท่านึกอยู่พักหนึ่งแล้วก็ดูจะยังจำไม่ได้จริงๆ ชายหนุ่มเลยช่วยบอกย้ำไปอีกครั้งหนึ่ง

“ลูกชายแปะขายน้ำเต้าหู้ไง”

“อ๋ออออ” ตาตี่ ๆ เบิ่งโตขึ้นเมื่อนึกออก “จริงดิ หายไปตั้งนานใครจะไปจำได้”

“ป๊ากับแม่เลิกกัน พี่เลยต้องย้ายไปเรียนที่อื่นน่ะ เรียนจบก็ทำงานต่อที่นั่นเลย ตอนนี้ป๊าพี่เขาป่วยเลยต้องมาช่วยงานหน่อยน่ะ”

“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อเช้าเนี่ย”

ตอนนี้ตี๋ได้ลืมเรื่องเมื่อเช้าไปชั่วครู่ เพราะเมื่อก่อนทั้งสองคนสนิทกันมาก ขนาดที่เขาไปนอนค้างที่บ้านของเอสบ่อย ๆ สมัยก่อนเด็กในซอยมีไม่กี่คน ทุกคนก็จะมาจับกลุ่มเล่นกันแถวร้านขายน้ำเต้าหู้  โดยมีอีกฝ่ายเป็นพี่ใหญ่คอยดูแลพวกน้อง ๆ  ป๊าของเอสจะบอกให้เอสเฝ้าดูแลน้องเอาไว้ เวลามีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือทัน จนมีอยู่วันหนึ่งเอสก็เดินไปหาตี๋ที่บ้านแล้วบอกว่าจะไปเรียนต่อที่อื่นคงไม่ได้เจอกันทุกวันอีกแล้ว ตอนนั้นตี๋ยังเด็กอยู่ก็มีการร้องไห้ไม่อยากให้เขาไป แต่พอเวลาผ่านไปนานเจ้าตัวก็ลืมเฮียเอสคนนี้ไปไม่ได้นึกถึงอีกเลย

“พี่ก็จำไม่ได้เหมือนกัน ตี๋เปลี่ยนไปตั้งเยอะ”

“ตี๋หล่อกว่าเดิมอ่ะดิ” คนอายุน้อยกว่าเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองจากผมเป็นตี๋ไปโดยไม่รู้ตัว ก็เมื่อก่อนเรียกแทนตัวเองว่าตี๋อย่างนั้น ตี๋อย่างนี้มาตลอด

“ใช่” เอสยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น เพราะคนตรงหน้าถ้าไม่สนิทแล้วจะก็ไม่แทนตัวเองว่าตี๋อย่างเด็ดขาด ข้อนี้เขาจำได้ดี “หล่อขึ้น น่ารักมากกว่าเดิมอีก”

...แต่ที่จริงคือไม่ว่าเรื่องอะไรของคนตรงหน้าเขาก็ไม่เคยลืม...

ตี๋สะดุ้งตอนที่คนตรงหน้ายกมือมาลูบผมและบีบแก้มเขาเบา ๆ แต่เขาก็ไม่ได้ผละหนีไปจากสัมผัสของฝ่ามือใหญ่นี้ จากที่ตอนแรกลืม ๆ เรื่องเมื่อเช้าไป มันก็กลับมาจำได้อีกรอบ แต่ความรู้สึกมันกลับเปลี่ยนไปนิดหน่อย...ตรงที่ว่าคนตรงหน้านี้คือเอส ซึ่งเป็นคนที่เคยรู้จักและสนิทกันมาก ทั้งที่สัมผัสแบบนี้เขาก็ลืมมันไปนานแล้วเหมือนกัน ลืมมันไปพร้อมกับพี่ชายคนนี้

...น่าแปลกที่เขายังรู้สึกคุ้นเคยกับมัน
เหมือนมันเพิ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา...

“พี่...” ตี๋อ้ำอึ้ง ไม่แน่ใจว่าควรจะถามเรื่องนี้ออกไปดีหรือเปล่า

“มีอะไรเหรอ?”

ตี๋มองหน้าของคนตรงหน้าอย่างชั่งใจ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้รอยยิ้มอบอุ่นของคนคนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย คนน้องตัดสินใจถามออกไปเสียงอ่อนเพราะกลัวจะเสียมารยาท แต่ก็ดีกว่าที่จะมาค้างคาใจกัน

“พี่เป็น...เป็นเกย์เหรอ?””

“อืม...ใช่”

“...”

หลังจากที่ได้คำตอบจากอีกฝ่าย ตี๋ก็เม้มปากแน่นพร้อมกับหลบสายตา ตี๋ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี เพราะสายตาของเอสในตอนนี้ไม่ได้ปิดบังความรู้สึกที่มีต่อตัวเขาเลยแม้แต่น้อย

ทั้งสายตาและรอยยิ้มที่ส่งมา ถ้าเป็นคนอื่นเขาก็คงจะรู้สึกไม่ชอบใจ แต่พอกับคนคนนี้...คนที่เขานับถือเป็นเหมือนพี่ชายคนหนึ่งแล้วมารู้สึกแบบนี้กับเขา  ทำให้เขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกหรือคิดยังไงกับมันดี

“ตี๋รังเกียจเหรอ?” เอสถาม สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา

“ปะ- เปล่า ๆ แค่มันแปลก” พยายามหลบสายตาที่มองตรงมา โดยการมองซ้ายทีขวาที

“แปลก? อะไรที่แปลก ที่พี่เป็นเกย์ หรืออะไร?”

“สายตากับรอยยิ้มของพี่มันแปลก” ตี๋ตอบออกไปตามตรง พอจบคำตอบของเขาก็ทำให้คนฟังยิ้มมุมปากออกมา

“แปลกตรงไหนกัน?”

“...”

“เงียบทำไมล่ะ?”

ตี๋เงยหน้ามองเอสที่สูงกว่านิดหน่อย สบตาอีกฝ่ายด้วยพลังเฮือกสุดท้ายของวันนี้

“พี่จะจีบตี๋เหรอ” เขาตัดสินใจที่จะถามออกไปตามตรง ทั้งที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เรื่องที่อีกฝ่ายรู้สึกยังไงกับเขาก็ได้ แต่ก็ขี้เกียจจะมาเล่นลิ้นกันตอนที่ง่วงจัดแบบนี้ มันทำให้เขาอารมณ์เสีย

“แล้วให้จีบไหมล่ะ?” พอคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าคนพี่ก็อดที่จะขำไม่ได้ เลยลองย้อนถามดูว่าน้องมันจะยอมหรือเปล่า

“ตี๋ไม่ได้ชอบผู้ชาย”

คิดอยู่แล้วว่าคำตอบจะต้องออกมาเป็นแบบนี้ ดูก็รู้ว่าตี๋ก็เป็นเด็กผู้ชายธรรมดาที่คงไม่ได้สนใจในเพศเดียวกัน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ใช่คนที่เกลียดเกย์เข้ากระดูกดำ การที่จะทำให้หวั่นไหวก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ลองเสี่ยงดูสักตั้ง ถึงแม้ลึก ๆ แล้วเขาก็กลัวว่าตี๋จะเกลียดเขาไปเลย

ตอนแรกที่กลับมาเอสก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะจีบตี๋ ถึงแม้เรื่องที่เขาชอบอีกฝ่ายจะเป็นเรื่องจริง แต่มันก็ผ่านมาตั้งสิบปีแล้ว ตั้งแต่ที่อีกฝ่ายยังเป็นเด็กอายุเพียงแค่ 10 ขวบ ตอนเช้าที่เจอหน้าก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนนี้คือรักแรกสมัยเด็กของตัวเอง แค่คิดว่าคนคนนี้ตรงเสป็กมากก็เลยรู้สึกสนใจเท่านั้นเอง

แต่พอมารู้จากป๊าว่านี่คือเด็กที่เขาเคยหลงรัก ในหัวใจมันก็สั่นไหวไปหมด เหมือนกับว่าความรู้สึกเก่า ๆ มันตีกลับเข้ามาในอก หัวใจเต้นรัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาตลอดสิบปีที่ผ่านมา โชคดีที่ยังเก็บอาการได้เลยทำให้ไม่แสดงอะไรออกไปให้ป๊าระแคะระคายเรื่องที่เขาชอบผู้ชาย

เขานั่งคิดมาตลอดช่วงบ่ายว่าจะทำยังไงดี จะลองเสี่ยงกับมันดูไหม กับอีกคนที่เป็นผู้ชายธรรมดา ผลมันอาจจะออกมาไม่เป็นอย่างที่เขาหวัง แต่อย่างน้อยเขาก็รู้จักอีกฝ่ายดี แม้ว่าอายุที่มากขึ้นอาจจะทำให้มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่พื้นฐานนิสัยก็น่าจะยังคงเหมือนเดิม

สุดท้าย เขาก็ตกลงที่จะยอม...ลองเสี่ยงดู

“พี่ไม่ได้อยากให้เราชอบผู้ชาย แต่พี่อยากให้เราชอบพี่ต่างหาก”

“ตี๋ไม่ชอบคนสูบบุหรี่”

เพราะว่าไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรเพื่อปฏิเสธอีกฝ่ายออกไปดี เขาได้กลิ่นบุหรี่จากอีกคน และประจวบกับที่เขาไม่ชอบคนสูบบุหรี่พอดี เลยใช้เรื่องนี้บอกปฏิเสธ เพราะเขารู้ว่าคนที่สูบบุหรี่กว่าจะเลิกได้น่ะมันยาก

“พี่เลิกให้ก็ได้ครับ” เอสบอกยิ้มน้อย ๆ ที่จริงแล้วก็แค่สูบเวลาว่าง ๆ เขาไม่ได้ติดมันขนาดนั้น ไม่สูบก็ไม่เป็นไร

“...นี่พี่ เอาจริงเหรอวะ” ตี๋ถามเหวอ ๆ ขนาดเขาปฏิเสธออกไปขนาดนั้นแล้ว แต่อีกฝ่ายดูไม่มีทีท่าจะยอมแพ้เลย

เอสยักไหล่ก่อนจะตอบว่า “พี่ทำอะไรจริงจังเสมอ ไม่เคยเล่น”

“แต่เราเพิ่งเจอกันเองนะ” ตี๋พยายามจะเบี่ยงประเด็นไปเรื่อย

“ใครบอกว่าเพิ่งเจอกัน อุตส่าห์จองไว้ตั้งแต่ยังเด็ก”

“ห๊ะ!”

“พี่เคยบอกเราไปแล้วนะ จำไม่ได้รึไง”

“ไม่ได้!”

“โห่ เสียใจชะมัด” เอสทำปากยู่ ในสายตาของตี๋มันดูน่าตบมากกว่าที่จะดูน่ารัก

“แต่ตอนนี้...ตี๋ขอตัวไปนอนต่อนะพี่ ง่วงชิบหายเลย”

เวลานี้ตี๋อยากจะไปให้พ้นจากตรงนี้ที่สุด เลยต้องรีบตัดบทให้เร็ว เพราะดูท่าพี่แกจะไม่ยอมจบง่าย ๆ เลยต้องบอกตามตรง แต่พอจะเดินปลีกตัวออกไปก็โดนเอสเข้ามาดักหน้าเอาไว้ไม่ยอมให้เขาผ่านไป

“เอาไลน์มาก่อนถึงจะยอมให้ไป” เอสยิ้มเจ้าเล่ห์ ยื่นมือถือของตัวเองให้คนตรงหน้ายึก ๆ

ตี๋ในตอนนี้ที่ไม่มีเรี่ยวแรงจะไปต่อกรกับใคร เลยทำให้ไม่รู้ว่าจะสู้กับคนขี้ตื้อนี่ยังไงดี เอาจริง ๆ คือก็สู้ไม่ได้มาตั้งแต่สมัยไหนแล้วด้วย คิดแล้วก็เจ็บใจ เลยยื่นมือออกไปรับแล้วกดแอดเป็นเพื่อนให้ พอจะยื่นกลับไปก็โดนร้องขออีก

“เอาเบอร์มาด้วย”

ตี๋มองหน้าค้อนปะหลับปะเหลือกแต่ก็ให้ไป ไม่ใช่เพราะอ่อยหรือว่าอะไร เรียกว่าตัดรำคาญมากกว่า เพราะงั้นอีกฝ่ายเลยยอมปล่อยให้เขากลับบ้านไปได้ง่าย ๆ

“เดินดี ๆ นะ อย่าไปตกหลุมรักใครเข้าล่ะ” เอสโบกมือลาอย่างอารมณ์ดี ผิดกับอีกคนที่เดินกลับไปพร้อมกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง ถึงขนาดที่เดินผ่านป๊าไปแล้วยังไม่เห็นเลยว่าคนเป็นพ่อนั่งหัวโด่อยู่ตรงนั้น ต้องโดนทักถึงจะหันกลับมายกมือไหว้

อาฮงเห็นภาพนี้จนเคยชินอยู่แล้วจึงไม่ได้ว่าอะไร เขารู้ดีว่าลูกชายของตัวเองอดนอนได้ไม่เกินหนึ่งคืนหรอก เพราะแบบนั้นตี๋เลยต้องค่อย ๆ ทำงานไปเรื่อย เพื่อที่จะไม่ต้องมาอดนอนปั่นงานให้เสร็จทันก่อนกำหนดส่ง และอาจจะโชคดีที่มันมีหัวทางนี้ เลยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายอะไร เสียอย่างเดียวคือมันชอบทำงานเพลินจนเลยเวลานอน

พอถึงห้องปุ๊บตี๋ก็ถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่บ๊อกเซอร์ เปิดแอร์เย็นจัด แล้วล้มตัวนอนทันที ไม่ต้องใช้เวลาอะไรทั้งสิ้น มันหลับตั้งแต่หัวยังไม่ถึงหมอนแล้วด้วยซ้ำ



TBC...



ฝากเนื้อฝากตัวในเรื่องใหม่กับยูสใหม่ด้วยนะคะ
เราเป็นคนเขียนเรื่อง "น้องหมอ กะ พี่วิศวะ" เองค่ะ
กับเรื่องนี้ก็หวังว่าทุกคนจะชอบและหลงรัก "ตี๋" ไปพร้อมกับพี่เอสด้วยนะคะ
 :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2018 15:40:34 โดย กานดา. »

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: - all my LOVE is for you - ch.1 [13/04/2018]
«ตอบ #3 เมื่อ13-04-2018 23:08:50 »

น่าสนุก เฮียเอสจะรุกจีบน้องแบบไหนน้า
รออ่านตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: - all my LOVE is for you - ch.1 [13/04/2018]
«ตอบ #4 เมื่อ14-04-2018 05:26:30 »

 :hao7:  :hao7: คิดถึงคนแต่งค่ะ...เรื่องที่แล้วเราก็อ่า...แต่ไม่ได้comment อะไรเลย...  :mew2: ขอโทษนะค่ะ...เรื่องนี้ต้องน่ารักแน่ๆเลย(อ้าวอิงจากเรื่องที่แล้ว) จะคอยติดตามทุกวันเลยนะค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: - all my LOVE is for you - ch.1 [13/04/2018]
«ตอบ #5 เมื่อ14-04-2018 07:37:00 »

 :L2: :pig4:

รอลุ้นไปกับเฮีย

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: - all my LOVE is for you - ch.1 [13/04/2018]
«ตอบ #6 เมื่อ14-04-2018 11:05:40 »

 :hao6: :hao7: :mew1:

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: - all my LOVE is for you - ch.2 [16/04/2018]
«ตอบ #7 เมื่อ16-04-2018 15:35:33 »

CH.2




หลังจากที่แยกกับตี๋ตอนเย็นนั้น เอสก็อารมณ์ดีขึ้นผิดหูผิดตา จนป๊าที่นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวมองแล้วมองอีกด้วยความสงสัยว่ามันไปมีเรื่องให้อารมณ์ดีมาจากไหนกัน

“ไปเจออะไรดี ๆ มารึไง?” ป๊าตัดสินใจถามออกไป หลังจากที่นั่งมองลูกชายตัวเองกินข้าวไปยิ้มไปจนดูเหมือนคนบ้ามาพักใหญ่แล้ว

“เจอตี๋มาน่ะป๊า” เขาตอบยิ้ม ๆ แต่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดไปว่าเจอแบบไหนถึงทำให้เขายิ้มเหมือนเป็นบ้าอยู่แบบนี้

“อ่อ” ป๊าตอบรับสั้น ๆ เป็นอันรับรู้ ว่าเป็นเพราะได้ไปเจอเพื่อนสมัยเด็ก หลังจากที่ต้องแยกกันไปเพราะว่าตัวเองเลิกกับภรรยา เลยทำให้ลูกชายคนเดียวต้องย้ายไปอยู่กับแม่อีกจังหวัดหนึ่งนานนับสิบปี

“ไม่ได้เจอกันตั้งนานยังน่ารักเหมือนเดิม” พูดจบก็คีบปลาทอดเข้าปาก

“มึงก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ” ป๊าพูด

“อะไรของป๊าเนี่ย จู่ ๆ ก็ทำเสียงซีเรียส” เอสเหลือบตามองคนเป็นพ่อที่เคี้ยวข้าวเหมือนไม่ได้มีนัยยะอะไรกับสิ่งที่พูดไปเมื่อครู่

“เปล๊า ไป รีบกินแล้วจะได้นอน พรุ่งนี้ต้องลงมาขายของอีก” ป๊าว่าเสียงสูงก่อนจะใช้มือที่จับตะเกียบอยู่โบกไหว ๆ เป็นเชิงเร่งให้รีบกิน เขาไม่อยากจะหลุดพูดไปว่าเขารู้ตั้งนานแล้วว่ามันชอบเด็กตี๋นั่นหรอก รอให้ลูกชายของเขาเป็นฝ่ายพูดเองน่าจะดีกว่า

พอคนเป็นพ่อพูดแบบนั้นเอสก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก กินเสร็จก็ขึ้นห้องเตรียมตัวนอน เพราะต้องตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่ตีสี่ เพื่อจะได้ขายน้ำเต้าหู้ตอนหกโมง ตอนนี้เขาขอพักงานจากบริษัทที่ทำอยู่เพื่อที่จะมาช่วยป๊าขายของ ด้วยความที่ท่านอายุมาก แล้วก็ขายของอยู่คนเดียวมาหลายปี บอกให้จ้างลูกจ้างสักคนก็ไม่ยอม อ้างว่าเปลือง งานไม่ได้หนักหนาอะไรทำคนเดียวก็ไหว พอเขามาช่วยถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่งานที่สบาย ๆ เลย

เห็นแบบนี้แล้วเอสก็เลยคิดอยู่ว่าจะออกจากงานมาช่วยเลยดีหรือเปล่า งานที่เขาทำอยู่ตอนนี้ก็กำลังไปได้สวยเลยด้วย ทางแม่เขาก็หมดห่วงไปแล้ว เพราะแม่แต่งงานใหม่แล้วก็มีลูกอีกคน แม่มีคนช่วยดูแลที่ไว้ใจได้ แต่ทางนี้ไม่มีใครเลยซักคน แถมป๊าก็แก่ลงทุกวัน เขาไม่อยากทิ้งให้ท่านเหงาอยู่คนเดียว

และก็ต้องยอมรับความจริงอีกอย่างที่ว่ายิ่งได้กลับมาเจอตี๋แบบนี้ ทำให้เขานึกย้อนกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้ว ตอนที่เขาจะต้องย้ายตามแม่ไป ถึงตอนนั้นจะอายุแค่ 15  แต่ก็โตพอที่จะรู้แล้วว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิงเหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป และในตอนนั้น คนที่กุมหัวใจเขาได้กลับเป็นเด็กชายตัวเล็กอายุเพียง 10 ขวบที่ชื่อตี๋

เริ่มแรกเขาเองก็ไม่แน่ใจว่ามันมาจากอะไร มันเป็นแค่ความเอ็นดูหรือความรักกันแน่ ตี๋เป็นเด็กน่ารัก อ่อนโยน และใจดี สมัยเด็ก ๆ ก่อนที่เขาจะย้ายไปอีกฝ่ายก็มานอนค้างที่บ้านเขาบ่อยในช่วงวันหยุด ตอนแรกป๊าของตี๋ก็จะมาตามกลับอยู่เรื่อย ๆ เพราะเกรงใจทางบ้านของเขา แต่พอมาบ่อยขึ้นก็กลายเป็นป๊าเองที่บอกเจ็กฮงว่าไม่ต้องเกรงใจหรอก เดี๋ยวจะให้เขาเป็นคนดูแลให้เอง อีกฝ่ายถึงไม่ได้มาตามอีก

ตอนนั้นที่ตี๋มานอนค้างที่บ้านของเขา เอสก็จะสอนตี๋วาดรูปและระบายสีอยู่ประจำ และน้องก็ชอบมาก เพราะงั้นเขาจะโดนอ้อนให้สอนอยู่เรื่อย พอถึงเวลานอนเขาก็จะนอนบนเตียงเดียวกันกับตี๋ พออีกฝ่ายหลับ เขาก็จะแอบดึงตัวเข้ามาแนบกับอก กอดเอาไว้ แล้วก็แอบหอมแก้มอยู่เป็นประจำ เพียงแค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว

“เฮ้อ”

คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอดีตที่แสนหวานได้ไหม เพราะพอคิดถึงมันที่ไรเขาก็หน่วงที่ใจทุกครั้ง เขาชอบที่จะกอดและหอมเด็กน้อยในอ้อมแขน ทั้งที่ก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควร แต่เขาก็ห้ามใจไม่เคยได้
ตอนนี้เด็กน้อยคนนั้นโตขึ้นจนเลยคำว่าผู้เยาว์ไปแล้ว เขาเลยสบายใจขึ้น ว่าถ้าอย่างน้อยทำอะไรเกินเลยไปก็คงไม่ต้องติดคุกล่ะนะ

เอสหันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างหมอนขึ้นมา เขาเลือกที่จะโทรหาตี๋แทนที่จะแชทไป อาจจะเพราะว่าทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มันเลยทำให้เขาค่อนข้างจะเบื่อหน่ายในเทคโนโลยีอยู่เหมือนกัน พอนอกเวลางานเขาก็เลยเลือกจะใช้เท่าที่จำเป็น ไม่ได้เป็นคนที่ติดมันมากเหมือนหลายคนในสมัยนี้ที่กลายเป็นยุคสังคมก้มหน้าไปแล้ว

...แต่ความจริงคือเขาอยากจะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายมากกว่า

เสียงสัญญาณดังอยู่สักพักก็มีคนกดรับ

(ฮัลโหลล) เสียงยานคางตอบกลับมาจากปลายสาย

“นอนอยู่เหรอ?”

(อื้มม) เดาว่าตี๋คงยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแน่นอน

ตอนแรกก็กะว่าจะชวนคุยซักหน่อย เห็นแบบนี้แล้วก็เลยต้องพับเก็บไป จู่ ๆ ความรู้สึกที่เก็บไว้ในส่วนที่ลึกสุดของหัวใจมันก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากนับตั้งแต่จากกันเมื่อครั้งยังเยาว์

“...พี่ชอบเรานะ” คำนี้ที่เขาเคยบอกเด็กน้อยในตอนที่ยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจ ผ่านมาสิบปีตอนนี้คงจะเข้าใจพี่ชายคนนี้แล้วล่ะมั้ง เอสบอกตี๋อีกครั้ง “อย่าไปชอบใครก่อนพี่ล่ะ”

(...) ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝั่ง

“ไม่ได้ยินเหรอ?” เอสถามเพราะไม่แน่ใจว่าตี๋หลับต่อไปหรือยัง

(ได้ยิน) เสียงเบามากจนเอสแทบจะไม่ได้ยิน

“ดีแล้วล่ะ ไปนอนต่อเถอะ”

(ครับ)

...ก็ยังดี ที่อย่างน้อยตี๋ก็ไม่ได้ปฏิเสธมันน่ะนะ...


++++++++++


“อ้าว แล้วเฮียโจวไปไหนซะล่ะ” คนสูงอายุถามเอสที่กำลังง่วนกับการทำงานในตอนเช้า ร้านของป๊าเขาไม่มีวันไหนที่เงียบเหงา ของขายหมดทุกวัน

เอสจำได้ว่าคนคนนี้คือพ่อของตี๋ ถึงจะไม่ได้เห็นมาสิบปี แต่เจ็กฮงก็ไม่ได้ดูเปลี่ยนไปเท่าไหร่ ยังคงดู...น่ากลัวเหมือนเดิม

“อ๋อ ป๊าอยู่หลังร้านน่ะครับ” เอสตอบเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ แต่มือก็ยังทำไม่หยุด เพราะยังมีของลูกค้าหลายคนที่รอกินอยู่ เขาเลยไม่มีเวลาจะพูดคุยมากซักเท่าไหร่นัก

“นี่ลูกชายเฮียโจวหรอกเหรอเนี่ย หยา..โตเป็นหนุ่มหล่อเชียวนา”

“สวัสดีครับ” เอสยกมือขึ้นไหว้อย่างทุลักทุเล อีกฝ่ายยกมือขึ้นรับไหว้ก่อนจะตบมือลงกับไหล่ของเขาจนน้ำเต้าหู้กระฉอก เอสก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้

“เฮียโจวมาพอดี เป็นอะไรไปน่ะ ท่าเดินแปลก ๆ”

“พอดียกของผิดท่าไปเลยหลังยอกน่ะ”

“โถ่ อายุเยอะแล้วก็ระวัง ๆ หน่อยซี่”

“อืม ก็ดีที่ช่วงนี้ได้ลูกชายมาช่วย เบาแรงไปเยอะ”

“ไม่ได้เจอนาน โตเป็นหนุ่มหล่อเลย นี่ถ้าอั๊วะมีลูกสาวสักคน คงจะให้มาแต่งงานด้วยแล้ว ฮ่า ๆๆ”

เอสไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ส่งยิ้มไปให้แล้วคิดในใจ

...ขอโทษนะครับ
...ถึงเจ็กฮงไม่มีลูกสาวผมก็อยากได้ลูกของเจ็กอยู่ดีแหละครับ

แถมยังเป็นรักครั้งแรกของเขาอีกด้วย “รักแรกมักลืมยาก” ได้ยินมานาน ก็เพิ่งจะเข้าใจตอนนี้นี่แหละ

“วันนี้รับอะไรดีครับ” เอสถามออกไปหลังจากเคลียร์คิวลูกค้าหมด

“แบบที่ไอ้ตี๋มันสั่งเมื่อวานน่ะ” เจ็กฮงผละจากการคุยกับป๊าของเขาแล้วหันมาสั่ง ส่วนป๊าของเขาก็บอกว่าจะไปร้านขายยาที่หน้าปากซอย เอสพยักหน้ารับแล้วลงมือทำให้อีกฝ่าย พลางคิดในใจว่าทำไมวันนี้ตี๋ไม่มา แต่กลับกลายเป็นคนพ่อมาแทนซะได้ แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน อยากเจอหน้าซักหน่อย

“แล้วนี่ได้เจอตี๋มันรึยังน่ะเรา” คนสูงอายุเอ่ยถาม

“อ๋อ เจอตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ”

“แล้วทำไมไม่เห็นมันมาเล่าให้ฟังเลย” หัวคิ้วขมวดด้วยความสงสัย

“ตอนแรกน้องเขาจำผมไม่ได้น่ะครับ ผมบอกเขาเองถึงจะจำได้”

“แหม่ ไอ้นี่ เมื่อก่อนนะติดเอสเป็นตังเมเลย ทีตอนนี้ทำเป็นจำไม่ได้” คนแก่ส่ายหัวปลงกับลูกชายคนเล็ก

“ตอนผมไปกับแม่ ตี๋เขาก็ยังเด็กอยู่มาก ไม่แปลกหรอกครับที่เขาจะจำผมไม่ได้ ขนาดผมเองตอนแรกก็ยังจำเขาไม่ได้เลย” เอสบอกพลางหัวเราะแห้ง ๆ

“นั่นสินะ ก็มันผ่านไปตั้งสิบปี แล้วนี่จะกลับมาช่วยเฮียโจวนานแค่ไหนล่ะ?”

“ตั้งใจว่าจนกว่าป๊าจะหายดีน่ะครับ”

“แล้วทำไมไม่มาช่วยถาวรเลยล่ะ สงสารอี ไม่ยอมหาลูกจ้างมาช่วยอีก นี่ยังดีนะที่มีเครื่องช่วย แค่นี้เจ็กก็เป็นห่วงจะแย่แล้ว”
เอสพยักหน้าเห็นด้วย

“ผมกำลังตัดสินใจอยู่ครับ ป๊าก็แก่มากแล้ว แถมยังอยู่คนเดียวอีก ผมเองก็เป็นห่วงเหมือนกัน” เอสเงยหน้าตอบยิ้ม แล้วยืนถุงให้ “ทั้งหมด 82 บาทครับ”

“ดีแล้ว ๆ งั้นเจ็กไปก่อนนะ ขอบใจมาก”

“ครับ ขอบคุณครับ”

เอสมาขายของได้ไม่กี่วันก็กลายเป็นขวัญใจของอาม่าอากงแถวบ้านเรียบร้อย ด้วยความที่เป็นคนที่คุยเก่งและสุภาพ แถมยังหน้าตาดีเสียจนพวกท่านอยากจะยกหลานสาวให้แต่งงานด้วยเสียเลย เรียกว่าหัวกระไดไม่แห้งจะดีกว่า แต่เขาก็ปฏิเสธทุกคนไปและบอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว พวกท่านเองก็ไม่ได้ตื้ออะไร แถมบางคนยังเอาใจช่วยอีกต่างหาก

เขานึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าถ้าทุกคนรู้ว่าคนที่เขาชอบเป็นผู้ชาย จะคิดยังไงกันแน่ จะยังให้กำลังใจกันอยู่หรือเปล่า เพราะเขารู้ว่าคนจีนส่วนมากจะไม่ยอมรับเรื่องพวกนี้ แต่ไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม...คนที่เขาสนก็มีแค่ ครอบครัวและคนที่เขารักเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเขาก็ไม่สนใจหรอก

พอเก็บร้านเสร็จเอสก็นั่งทำงานต่อ เพราะถึงเขาจะขอพักงานมาแต่ก็ยังมีบางโปรแกรมที่เขาเขียนขึ้นมาและยังต้องรับผิดชอบมันอยู่ ยังทิ้งไม่ได้ แต่ถ้าเกิดจะลาออกจริง ๆ ก็คงต้องหาใครซักคนในแผนกมารับช่วงมันต่อไป หรือไม่เขาก็อาจจะยังต้องเข้าไปดูแลและพัฒนามันเป็นครั้งคราว เขาใช้เวลาหลังปิดร้านหมดไปกับการทำงานซะส่วนใหญ่ ตกเย็นเลยมานั่งเล่นหน้าบ้านเหมือนเดิม  แล้วก็ได้มาดักรอเจอตี๋กลับจากมหาวิทยาลัยด้วย แต่เย็นนี้เขาก็แป้วไป เพราะรอจนฟ้าเริ่มหมดแสงเขาก็ไม่เจอตี๋เดินผ่านมาเลย


++++++++++


“ป๊า เอสมาช่วยป๊าถาวรเลยดีไหม?”

คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมองลูกชายคนเดียวที่พูดออกมา หลังจากที่เห็นมันนั่งเงียบคิดอะไรของมันคนเดียวอยู่นานสองนาน เขาไม่ได้อยากให้มันลาออกจากงานมาช่วย ถึงแม้ในใจลึก ๆ แล้วจะอยากกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับมันก็ตาม ลูกชายคนเดียวใครบ้างจะไม่อยากอยู่ด้วย แต่ก็นั่นแหละ เอสเป็นคนมีความสามารถ เขาอยากให้มันมีอนาคตมากกว่า ที่จะมาขายน้ำเต้าหู้อยู่ที่นี่

“ไม่ต้องหรอก ทำงานของมึงไปน่ะดีแล้ว” เขาตัดสินใจปฏิเสธมันออกไป

“ทำไมล่ะ เอสอยากมาช่วยป๊าจริง ๆ นะ” ลูกชายยังคงดื้อดึงที่จะทำตามความคิดของตัวเอง

“เอ๊ะไอ้นี่!”

“เถอะน่ะ ป๊าแก่แล้ว ให้เอสมาช่วยน่ะแหละดีแล้ว”

“แก่ห่าอะไร”

“แล้วปีนี้ป๊าอายุเท่าไหร่”

“...” คนเป็นพ่อมองใบหน้ากวนตีนของลูกชาย ก่อนจะถอนหายใจออกมาแรง ๆ อย่างขัดใจ

“ตามใจมึงเถอะ โตแล้ว ใครจะไปบังคับมึงได้” พูดไปแบบนั้น เพราะตัดความรำคาญ ยังไงถ้ามันจะลาออกจริง ๆ เขาก็ต้องปฏิเสธหัวชนฝาอยู่แล้ว เขายอมปิดร้านไปเลยดีกว่าที่จะให้มันมาจมอยู่กับร้านนี้

เอสยิ้มให้ป๊าจนตาหยี่ “ขอบคุณครับ รักป๊าที่สุด”

“เหอะ” หันหน้าหนีก่อนจะด่ากลบความเขิน “ไอ้ควาย”

ถึงจะด่าไปแบบนั้น แต่เขาก็ดีใจ ที่จะได้กลับมาอยู่กับลูกชายอีกครั้ง หลังจากที่แยกกันไปสิบปี เขาอยู่คนเดียวมานานจนลืมไปแล้วว่าครอบครัวที่อยู่ด้วยกันน่ะมันรู้สึกดีขนาดไหน ได้กินข้าวด้วยกัน พูดคุยกัน

...รู้สึกว่าชีวิตนี้มันมีสีสันมากกว่าที่ผ่านมาเยอะเลย

“ที่อยากจะกลับมาอยู่บ้านไม่ใช่เพราะอาตี๋มากกว่าเร้อ” คนเป็นพ่อหรี่ตามองลูกชายตัวเองที่ตอนนี้เบิ่งตาโตมองเขาอย่างตกใจหลังจากที่เขาพูดจบ

“พูดอะไรของป๊าเนี่ย” ลูกชายพยายามจะกลบเกลื่อนสีหน้าของตัวเองรวมทั้งความรู้สึกด้วย

“กูไม่ใช่ควายเหมือนมึงนะ” แต่ก็โดนคนเป็นพ่อย้อนด่าเข้าให้

น่าแปลกตรงที่คนโดนด่ากลับยิ้มร่า ก่อนจะย้อนกลับบ้าง

“เอสเป็นลูกป๊านะ”

“เออ ก็เพราะเป็นพ่อมึงไง ทำไมกูจะมองมึงไม่ออกว่ามึงชอบไอ้ตี๋มัน” เขารอให้มันเปิดประเด็นก่อนมานานแล้ว แต่มันก็ไม่มีท่าทีจะเอ่ยปากออกมาซักนิด ตอนนี้เพราะสถานการณ์มันพาไปก็เลยเป็นเขาที่ต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน

ลูกชายคนเดียวเงียบไป สีหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ออกมา แต่ในใจนั้นสั่นไหวราวกับมีคลื่นใต้น้ำวนอยู่ รู้อยู่แล้วว่าสักวันมันก็จะมาถึง ไม่มีความลับบนโลกใบนี้..เขารู้ดี

“แล้วป๊าไม่ว่าอะไรเอสเหรอ” เอสถาม

เขายอมรับ...เขากลัวว่าป๊าจะรังเกียจที่เขาเป็นเกย์...ที่เขาชอบผู้ชาย ทั้ง ๆ ที่เป็นลูกชายคนเดียวก็ควรจะมีหลานให้ป๊ามากกว่ามีความรักแบบผิดธรรมชาติในสายตาคนทั่วไปแบบนี้

ป๊ายกมือขึ้นตบไหล่เอส ฝ่ามือที่เคยเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ยังเล็ก สมัยยังเด็กเขาเคยเอามือของตัวเองไปทาบกับมือของคนเป็นพ่อ เขารู้สึกว่ามือคู่นี้นี่มันยิ่งใหญ่จังเลย

...แต่ตอนนี้มันเหี่ยวย่นได้ขนาดนี้เลยเหรอ

“มึงจะเป็นอะไรกูไม่ว่ามึงหรอก ยังไงมึงก็ลูกกู มึงเรียนจบ มีงานดี ๆ ทำ ไม่เคยเกเร เป็นคนดีของสังคม แค่นี้ก็ดีมากพอแล้ว เรื่องพวกนั้นมันจิ๊บจ้อย เรื่องของความรักน่ะ...กูเข้าใจ เพราะหัวใจคนเรามันบันคับกันไม่ได้หรอกใช่มั้ยล่ะ”

เอสมองคนเป็นพ่อด้วยความซาบซึ้งและยินดี คำพูดของป๊ามันทำให้เขาน้ำตาซึมออกมา ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นได้ง่ายขนาดนี้

...ไม่เคยคิดจริง ๆ

“ขอบคุณครับที่เข้าใจ”

“แต่แหม มึงนี่ก็รักเดียวใจเดี๋ยวจังนะ ผ่านไปสิบปีก็ยังไม่เปลี่ยนใจเลยเว้ย”

พอเจอแซวแบบนี้ จากที่กำลังซึ้ง ๆ น้ำตาจะไหลก็กลับกลายเป็นทำให้เจ้าตัวแอบเขินไปเหมือนกัน

“ป๊ารู้ด้วยเหรอ” เอสเกาคอแก้เขิน

“ก็บอกว่ากูพ่อมึงไง”

ที่จริงเขารู้ตั้งแต่สิบปีก่อนแล้วล่ะว่าลูกชายของตัวเองมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเด็กชายแถวบ้านวัยเพียงสิบขวบ อาจจะด้วยความเป็นเด็กของเอสในตอนนั้นก็เลยทำให้เก็บความรู้สึกที่สื่อออกมาทางสายตาหรือทางอื่น ๆ ไม่ได้จนเขาสังเกตเห็น ในคราแรกเขาก็รู้สึกเสียใจไม่น้อยเพราะตั้งตัวกับเรื่องนี้ไม่ทัน ประกอบกับตัวเขาเองก็มีปัญหาเลิกรากับแม่ของเอส เลยใช้โอกาสนี้แยกลูกชายของตัวเองออกจากตี๋ เพราะหวังว่ามันจะทำให้ลูกชายของตนกลับมาเป็นปกติได้

พอนานวันเข้า ความเสียใจครั้งเก่านั้น...มันก็จากหายไป หลงเหลือไว้แค่ความคิดถึงที่เขามีต่อลูกชายคนเดียว หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาเคยเสียใจเคยไม่ชอบนั้นมันไม่สำคัญเท่ากับความจริงที่ว่าเขารักลูกชายคนนี้มาก..มากจนเขาเองยอมมองข้ามเรื่องนี้ไปได้อย่างง่ายดาย เขาอยากให้ลูกของเขามีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเลือกที่จะเป็น จะรักใครชอบใครเขาก็ไม่สนว่าคนคนนั้นจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เพราะเขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้ว ว่าเรื่องของความรักและหัวใจมันบังคับกันไม่ได้

“แล้วนี่แม่เขารู้รึยัง?”

“เรื่องที่ผมเป็นเกย์น่ะเหรอ”

“เออ”

“รู้นานแล้ว ผมบอกเองแหละ”

คนเป็นพ่อไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพียงแค่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ตอนนี้มันโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อปมที่เคยมีเมื่อในอดีตมันคลายออกไปหมดแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลอีก




ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: - all my LOVE is for you - ch.2 [16/04/2018]
«ตอบ #8 เมื่อ16-04-2018 15:38:50 »

เอสเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนัง “ดึกแล้ว ป๊าเข้านอนเถอะ”

“มึงล่ะ” เขาถามเพราะตัวมันเองน่ะต้องตื่นเร็วขึ้นมาเตรียมของขายก่อนเขาอีก

“เดี๋ยวเอสเก็บงานอีกนิดก็ขึ้นแล้วครับ” ตอบยิ้ม ๆ

พอลูกชายตอบแบบนี้คนเจ็บก็ไม่อยากจะกวนลูกชายของตัวเองต่อ เพราะเดี๋ยวงานมันจะเสร็จช้าเข้าไปใหญ่ ส่วนเขาเองก็อยากจะหายเร็ว ๆ เพื่อจะได้กลับมาทำงานต่อ จะได้ไล่มันกลับไปทำงานของมันเองซักที

“ป๊า” เอสเรียกเอาไว้เพราะเพิ่งนึกอะไรออก

คนเป็นพ่อที่กำลังจะขึ้นบันไดหยุดเดินแล้วหันมามองหน้ารอฟังสิ่งที่เขาจะพูด

“ป๊าอย่าลืมช่วยเอสจีบตี๋นะ”

คนถูกขอส่ายหน้าอย่างปลง ๆ กับลูกชายของตัวเอง

...ไอ้ห่านี่ แค่นี้ก็ต้องให้กูช่วย กระจอกจริง...

“กูไม่ว่าอะไรที่มึงเป็นเกย์ก็จริง แต่อาฮงน่ะ...คงจะยากหน่อยนะ”
พูดทิ้งระเบิดเอาไว้แล้วก็เดินขึ้นบ้านไปอย่างสบายอารมณ์ ทิ้งไว้แต่เพียงลูกชายของตัวเองที่นั่งจิตตกอยู่แบบนั้น คนแถวนี้รู้ดีว่าฮงเจ้าของร้านขายผ้าน่ะ โหดแค่ไหน นี่ขนาดลูกเป็นผู้ชายนะ ถ้ามีลูกเป็นผู้หญิง สงสัยว่าลูกสาวคงต้องขึ้นคานเพราะหาผัวไม่ได้เป็นแน่แท้


++++++++++


ตี๋กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนที่นอน วันนี้เขาไม่มีเรียนเลยใช้เวลาทั้งวันหมดไปกับการทำชิ้นงานที่ยังค้างคาอยู่ ส่วนตอนนี้เป็นเวลาพักผ่อนหลังกินข้าว ตั้งใจว่าจะทำงานต่อสี่ทุ่ม ขอพักสองชั่วโมงอ่านหนังสือที่ซื้อมาดองเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้มันเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ขืนไม่อ่านบ้างคงได้ท่วมหัวแน่

แต่เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็แผดเสียงขึ้นขัดการอ่านหนังสือของเขาจนได้ เจ้าตัวทำหน้าเบื่อหน่ายออกมาก่อนจะคลานบนที่นอนไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูว่าใคร๊มันโทรมากวนเวลาพักของเขา ที่หน้าจอปรากฏชื่อ ‘พี่เอส’ หรา ทำให้ตี๋ชะงักไปว่าจะรับหรือไม่รับดี เมื่อคืนก่อนก็โทรมาบอกชอบเขา บอกตามตรงก็รู้สึกบอกไม่ถูก ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงไม่ปฏิเสธไปให้มันจริงจังกว่านี้หน่อย พยายามนึกเรื่องเมื่อสิบปีที่แล้วตามที่อีกคนบอก ยังไงมันก็ยังนึกไม่ออก

‘พี่เคยบอกเราไปแล้วนะ จำไม่ได้รึยังไง’

...ก็ตอนนั้นกูแค่สิบขวบเอง จะไปสนใจอะไรไปมากกว่าขนมและปืนปลอมล่ะวะ...

(ฮัลโหล ฮัลโหล) ได้ยินเสียงอะไรแว่ว ๆ เลยก้มลงมองดูโทรศัพท์ตัวเอง แล้วก็ต้องตกใจ

...ชิบ กดรับไปตอนไหนวะ...

“ครับ” กดรับไปแล้วก็ต้องคุย เดี๋ยวจะเสียมารยาท ถึงตอนนี้จะยังไม่อยากคุยซักเท่าไหร่ก็เถอะ

(วันนี้นั่งรอตั้งนาน ไม่เห็นผ่านหน้าบ้านพี่เลย)

ตี๋ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าแบบไหน แต่เดาว่าคงจะยิ้มน้อย ๆ แบบที่เจ้าตัวชอบทำล่ะมั้ง

“วันนี้ไม่มีเรียน เลยทำงานอยู่บ้านครับ”

(งั้นเหรอ เสียดายจัง)

เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่

“...พี่”

(เรียกเฮียแบบเมื่อก่อนสิ)

“ไม่เอาอ่ะ” ตี๋ปฏิเสธหน้าเบ้ จะให้เรียกแบบนั้น..มันจั๊กจี้ยังไงไม่รู้

(ไหงงั้น)

“ตี๋ไม่เด็กแล้วนะ”

(รู้ ตัวโตออกปานนั้น) เอสบอกกลั้วหัวเราะ

“นี่พี่โทรมาทำไมเนี่ย” ตี๋พูดตัดเข้าประเด็น เพราะไม่งั้นคงไม่จบและคงจะออกทะเลไปเรื่อย ๆ

(คิดถึง)

“อะ ไอ้-“ กำลังคิดว่าจะด่า แต่คงไม่ดี อีกฝ่ายอายุเยอะกว่าตั้งหลายปี “อย่ามาล้อเล่นสิวะพี่”

เอสเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพรูลมหายใจออกมาเสียยาว (พี่ก็บอกเราไปแล้วนะว่าพี่จริงจัง)

ตอนนี้กลับกลายเป็นตี๋ที่เงียบแทน เขากำลังสับสนและทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นควรจะรู้สึกกับเรื่องนี้อย่างไร และไม่รู้ว่าจะจัดการมันแบบไหนดี...ไม่รู้เลยจริง ๆ

(ตี๋จำเรื่องสมัยเด็กได้บ้างหรือยัง?)

พออีกฝ่ายถามแบบนั้น ตี๋ก็พยายามนึกถึงมัน..หลายวันที่ผ่านมาก็พยายามตลอด แต่มันก็นานมากแล้วจริง ๆ “จำ..ไม่ได้”

(หึ นั่นสิเนอะ ตอนนั้นตี๋ยังเด็ก ก็ไม่แปลก)

น้ำเสียงของเอสเจือความเสียใจจนเขารับรู้ได้ และมันก็ทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาซะอย่างนั้น ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องรู้สึกผิด รู้สึกไม่ดี ตอนนี้เขามึนงงไปหมด จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลยซักอย่าง

...แม้กระทั่งความรู้สึกของตัวเอง ตลกชะมัด

“ตี๋ขอโทษ ตี๋จะพยายามนึกให้ออกนะ”

เพียงแค่อีกฝ่ายพูดแบบนี้ ก็ทำให้ใจของเอสที่ห่อเหี่ยวกลับเบ่งบานขึ้นทันตา สงสัยว่าอีกฝ่ายอาจจะคิดว่าเขาเสียใจเลยตั้งใจจะพูดให้เขารู้สึกดีขึ้น ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้เสียใจอะไรขนาดนั้น เพราะเขาก็เข้าใจจริง ๆ ว่ามันผ่านมานานและอีกฝ่ายก็ยังเด็ก วัยเด็กเป็นวัยที่พร้อมจะเรียนรู้อะไรหลายเรื่อง และหลายเรื่องนั้นก็ถูกลืมไปตามกาลเวลา ซึ่งตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในเรื่องราวเหล่านั้นที่ถูกลืม

...คิดแล้วก็เจ็บเหมือนกันแฮะ...

(ไม่เป็นไรหรอก พี่เข้าใจ พี่เองตอนแรกก็จำตี๋ไม่ได้ ถือว่าหายกันนะ)

“...งั้นพี่ก็บอกมาสิ ว่าเคยพูดอะไรไว้”

(หื้ม ต้องทำเสียงอ้อนขนาดนี้เลยเหรอ)

“ตี๋ไม่ได้ทำเสียงแบบนั้นสักหน่อย!”

(โอเค๊ ไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ) เขาหัวเราะ ยอมง่าย ๆ เพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียง แต่ถ้าใครได้ยินเสียงแบบนั้นเมื่อกี้นี้ก็ต้องบอกว่าเสียงของอีกคนมีความออดอ้อนมาก นี่ถ้าอยู่ใกล้กันคงจับหอมแก้มไปแล้ว

(แล้วตี๋อยากฟังเรื่องไหนล่ะ?)

“ก็ที่พี่บอกว่า...จ- จองมาตั้งแต่เด็ก” กว่าจะหลุดคำว่าจองออกไปจากปากได้ อายก็อาย แต่ก็เพราะติดใจเรื่องนี้ที่สุด ก็เลยต้องกลั้นใจถามออกไป

(ก็ก่อนที่พี่จะย้ายบ้านตามแม่ไปตอนนั้น พี่เคยบอกกับเราไว้ ว่า ‘พี่ชอบตี๋นะ อย่าเพิ่งไปชอบใครก่อนพี่ล่ะ’ )

ตี๋รู้สึกว่าหน้าของตัวเองในตอนนี้มันต้องแดงแน่ ๆ เพราะเขารู้สึกได้ถึงความร้อนบนใบหน้าของตัวเอง แล้วหัวใจมันก็เต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอกให้ได้ เป็นครั้งแรกที่เขามีอาการแบบนี้และมันก็ทำให้เขายิ่งไม่เข้าใจตัวเองเข้าไปใหญ่

...มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่

(ตอนนี้ตี๋คิดยังไงกับพี่เหรอ?) พอเห็นว่าอีกด้านของโทรศัพท์ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมาเอสจึงเอ่ยถามออกไปทั้งที่ในใจก็ประหม่า ใจหนึ่งมันก็กลัวว่าคำตอบที่ได้รับมันจะไม่ได้เป็นดั่งที่หวัง แต่เขาก็อยากรู้ว่าพอจะเป็นไปได้หรือไม่

“ตี๋ไม่รู้” ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองไม่รู้หรือไม่รับรู้กันแน่ ตอนนี้เขาไม่อยากสนใจและพยายามที่จะไม่คิดถึงเรื่องนี้ แต่ถ้าถามว่าจะให้ตัดอีกฝ่ายออกไปจากชีวิตเลยไหม ก็คงจะทำไม่ได้ เขาก็ไม่กล้าพอที่จะทำอย่างนั้นด้วย ถ้าจะถามหาเหตุผล...เขาเองก็ไม่รู้

แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร ความสงสารหรือความหวั่นไหว เขาก็เลือกที่จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก่อน เขาไม่ถนัดกับการปฏิเสธคน เลยคิดว่าถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปอีกฝ่ายก็คงจะเบื่อไปเองล่ะมั้ง

(โอเค ไม่รู้ก็ไม่รู้ครับ) เอสบอก

“ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องขายของอีกไม่ใช่ไง” ตี๋พยายามที่จะตัดบทอีกครั้ง

(ครับ ๆๆ ไปก็ไป พรุ่งนี้อย่าลืมมาซื้อน้ำเต้าหู้นะ มาให้พี่เห็นหน้าหน่อย)

ถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนที่จะตอบ “ถ้าตื่นไหวก็จะไปนะ”

เอสหัวเราะชอบใจที่เห็นอีกคนทำเสียงเบื่อหน่ายที่เขาพูดอ้อนก่อนจะวางสายไป

ตี๋ลุกขึ้นมานั่งมองโทรศัพท์ตัวเอง ยิ้มให้กับชื่อของคนที่วางสายไปแล้ว เจ้าตัวไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำตอนที่ยิ้มออกมา เขาสะบัดไล่ความเมื่อยขบที่ต้นคอก่อนจะลุกไปทำงานที่ค้างเอาไว้ต่อ

...ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ คงไม่ใจร้ายไปหรอกมั้ง...



TBC...

ตอนที่สองตามมาติด ๆ เพราะเรายังมีสต๊อกอยู่  :laugh:
เรื่องนี้ถ้าใครยังเดาแนวทางไม่ออก ขอบอกว่าเป็น feel good นะเจ้าคะ
อ่านแล้วก็ช่วยคอมเม้นบอกความรู้สึกหน่อยเนอะ
พอไม่ได้เขียนมานานมากขนาดนี้ก็รู้สึกแปลก ๆ ไปเลยค่ะ

ยังไงต้องขอบคุณสำหรับคนที่รอติดตามมาตลอด
และสำหรับคอมเม้นด้วยนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: - all my LOVE is for you - ch.2 [16/04/2018]
«ตอบ #9 เมื่อ16-04-2018 17:09:25 »

 :L2: :pig4:

ชอบพี่เอสกะพ่อ
ตี๋ก็เป็นคนใจดี

รอตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2018 10:22:41 โดย Billie »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - all my LOVE is for you - ch.2 [16/04/2018]
« ตอบ #9 เมื่อ: 16-04-2018 17:09:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: - all my LOVE is for you - ch.2 [16/04/2018]
«ตอบ #10 เมื่อ19-04-2018 10:04:31 »

ชอบเฮียเอสกะป๊าอ่ะ น่ารัก  :-[

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.3 [up:20/04/2018]
«ตอบ #11 เมื่อ20-04-2018 21:11:28 »


CH.3


ส่วนใหญ่แล้วเอสกับตี๋ไม่ค่อยจะได้เจอกันซักเท่าไหร่นัก อาศัยว่าได้คุยโทรศัพท์ในเวลาก่อนที่เอสจะเข้านอนเสียมากกว่า แต่ก็จะมีไลน์คุยกันเป็นระยะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะคุยแต่เรื่องสัพเพเหระทั่วไป

เพราะเป็นแบบนี้เลยอาจจะดูเหมือนว่าความสัมพันธ์มันไม่ได้พัฒนาไปไหนเลย แต่จริง ๆ แล้วทั้งคู่ต่างก็ไม่รู้ว่าความคุ้นเคยมันเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไปเหมือนไม่รีบร้อน

หารู้ไม่ว่าไอ้คนพี่เนี่ยแหละที่ตั้งใจพยายามทำให้น้องมันเสพติดตัวเองเหมือนตอนเด็กให้ได้ และก็อาจจะเป็นโชคดีที่น้องมันมีอดีตที่ติดเอสอยู่แล้วเลยทำให้ไม่ต้องออกแรงมาก

ช่วงนี้ตี๋เริ่มรู้สึกแปลก ๆ เวลาที่อีกฝ่ายหายไปโดยที่ไม่บอกกล่าวนาน ๆ มันไม่ถึงขนาดต้องไปติดตามอะไร แต่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูบ่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว ดูพะวงจนเพื่อนสงสัย เพราะปกติแล้วตี๋ไม่ใช่คนที่ติดโทรศัพท์มากนัก

“มึงเป็นอะไรมากมั้ยห๊ะ?” กลอยขมวดคิ้วถาม

“อะไร?” ตี๋ย้อน เขาไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร

“กูเห็นมึงควักโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็เก็บอยู่แบบนี้หลายรอบละ มีอะไรวะ?”

“อ่อ” เขาชะงักไป ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน “เหรอวะ?”

“มึงมีแฟนแล้วเหรอ?” ภาคถามบ้าง “ช่วงนี้มึงดูหมกมุ่นกันโทรศัพท์เหลือเกิน”

“ไม่มีโว้ย” เจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็ง

“แล้วหลบตาทำเชี่ยไร” กลอยว่าแล้วยิ้มขำ เพื่อนของเขามันมีพิรุธจริงด้วย

“พวกมึงนี่..เสือกจริง ๆ” ตี๋หันมาจ้องตาพวกมันสองคน

“สำหรับกูเสือกมันไม่ใช่คำด่าว่ะ” ภาคว่าไหวไหล่อย่างไม่สนใจ “มันก็แค่กิจกรรมอย่างหนึ่ง”

คนตัวขาวกว่าเพื่อนกลอกตาและถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายในความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนตัวเอง ก่อนจะก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ ทำเป็นว่าไม่สนใจมัน

“สรุปว่าไม่มีเหรอ?” กลอยถามตาโตวาวใสด้วยความอยากรู้

ตี๋ถอนใจสั้น ๆ ก่อนจะตอบ “ไม่มี”

“จริงอ่ะ?” ภาคทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“เออ”

...ก็ไม่ได้เป็นแฟนกันจริง ๆ นี่หว่า

++++++++++

ตี๋โดนตามให้มาหาเอสที่บ้านในตอนเย็นวันเสาร์ ตอนแรกก็อิดออดไม่ยอมไป เพราะอยากจะหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้า แต่พอโดนร้องขอมาก ๆ เข้า ตนก็ใจอ่อนยอมมาจนได้

ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้หินตัวยาวหน้าบ้าน คนตัวใหญ่นั่งหลังพิงพนักในท่าทีผ่อนคลายต่างจากอีกคนที่ตอนนี้นั่งตัวเกร็งซะจนดูตลก อาจจะเพราะหลายวันมานี้โดนจีบมาตลอด และประกอบกับเพิ่งจะได้กลับมาเจอกันในรอบสิบปี เลยทำให้เกิดอาการประดักประเดิดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ พอมาเจอกันตรง ๆ แบบนี้แล้ว การคุยโทรศัพท์ที่ผ่านมามันก็ไม่ได้ช่วยให้หายประหม่าซักเท่าไหร่

“พรุ่งนี้ตี๋จะไปไหนหรือเปล่า?” เอสถาม

“พรุ่งนี้วันอาทิตย์ หยุด”

เอสหันกลับมามองทางตี๋ พอเห็นว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ นั่งกุมมือบนตักซะแน่นแถมยังก้มหน้านิ่งดูเครียด ๆ ก็ยิ้มขำออกมา

“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ พี่ไม่จับกินหรอก”

หน้าขาวหันขวับทันที ตาตี่ ๆ ที่ตอนนี้คงจะเบิ่งโตที่สุดเท่าที่มันจะโตได้ พร้อมกับปากได้รูปที่กำลังจะอ้าปากด่า

“ไอ้พี่เหี้ยยยย!”

“ฮ่า ๆๆๆๆ” เอสหัวเราะร่วน เขารู้ว่าตี๋พยายามอดกลั้นที่จะไม่หยาบคายกับเขามาตลอด ตอนนี้คงทนไม่ไหวแล้วสินะ แต่ก็ขอชมที่ยังคงมีสำนึกว่าจะต้องเติมคำว่าพี่เข้าไป ไม่งั้นคงเป็นแค่ ‘ไอ้เหี้ย’

พอยิ่งเห็นอีกฝ่ายหัวเราะก็ทำให้ตี๋หงุดหงิดจนทำท่าจะลุกหนี แต่ก็โดนคว้าแขนเอาไว้ก่อน

“ขอโทษ ๆๆ” พูดทั้งที่พยายามกลั้นขำ ตี๋นั่งลงที่เดิม

“พี่แม่ง...เลว”

“พี่ไม่แกล้งแล้วครับ” พูดพร้อมชูสามนิ้วขึ้นเป็นสัญญาว่าจะไม่แกล้งอีก

“.....” เจ้าตัวทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ เพราะพี่เอสถึงจะใจดีกับเขา แต่ก็เป็นคนขี้แกล้ง

“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน”

“แล้ว...”

“พรุ่งนี้ร้านหยุด” เอสตอบอย่างรู้ทันว่าตี๋จะพูดว่าอะไร “คืนนี้มานอนบ้านพี่นะ”

“ห๊ะ!!”

“อะไรล่ะ ก็เหมือนตอนเราเด็ก ๆ ไง”

“แต่ตอนนี้ตี๋ไม่เด็กแล้วนะ”

“เหอะน่า นะ”

เอสพยายามส่งสายตาอ้อนออกไป พร้อมกับแอบจับมือตี๋บนเก้าอี้ที่วางอยู่ระหว่างเขาทั้งคู่ ตี๋ก้มลงมองมือของอีกฝ่ายที่กำลังจับมือเขาไว้ด้วยใจเต้นระส่ำ ใบหน้าขาวแต่ปลายจมูกเริ่มแดงเงยขึ้นมองเจ้าของฝ่ามือใหญ่ที่กำลังทำหน้าอ้อนเขาให้ใจอ่อนอยู่ เขาค่อย ๆ บิดมือออกพร้อมกับถามกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นในหัวใจ

“ไปเที่ยวที่ไหนล่ะครับ?”

ใจของเอสหล่นวูบตอนที่อีกฝ่ายเอามือของตัวเองออกจากการกอบกุม พาลทำให้คิดว่าอีกฝ่ายคงจะรังเกียจอะไรแบบนี้  แต่พอตี๋ไม่ได้ปฏิเสธคำชวนของเขา ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมานิด แต่จะดีมากถ้าคืนนี้ตี๋มานอนกับเขาได้

“แล้วคืนนี้มานอนค้างที่นี่ได้ไหม?”

ตี๋นิ่งไป กำลังคิดว่าถ้าไปค้างด้วยตัวเองจะโดนทำอะไรแปลก ๆ หรือเปล่า เพราะนี่ขนาดอยู่ในที่โล่งแจ้งขนาดนี้ยังแอบจับมือ ถ้าอยู่ในที่ลับตานี่จะเหลือรอดไหมเนี่ย

“ไม่ดีกว่า”

“...อ่า ไม่ก็ไม่ครับ” ลูกชายเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้ตอบ ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากัน เขาหันกลับมาทิ้งตัวลงกับพนักพิงอย่างหมดแรง ยอมรับก็ได้ว่ารู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจ...ห่างหายกันไปนานเป็นสิบปี แล้วเพิ่งจะกลับมาเจอกันได้ไม่นาน ครั้นจะให้กลับไปสนิทสนมกันเหมือนเก่าก็คงจะยากซักหน่อย ทั้งสองคนตอนนี้ก็เป็นเหมือนกับคนแปลกหน้านั่นล่ะ อาจจะต้องใช้เวลามากหรือน้อยไม่มีใครรู้ได้ แล้วยิ่งตี๋เป็นคนที่เข้ากับคนที่ไม่รู้จักได้ยาก เขาอาจจะไม่ใช่คนไม่รู้จักที่ว่า แต่ก็ใกล้เคียงล่ะนะ

...ไอ้นิสัยเข้ากับคนยากนี่มันขัดใจกูก็วันนี้แหละวะ...

เมื่อสมัยก่อนเอสชอบนิสัยของตี๋ที่เป็นพวกเข้ากับคนแปลกหน้ายาก เพราะมันทำให้อีกฝ่ายตามติดเขาแจอยู่คนเดียว แต่พอเป็นแบบนี้แล้วก็เซ็งบรม สงสัยจะต้องสร้างความสนิทสนมให้เหมือนเก่า ปัญหาอย่างที่สองคืออีกฝ่ายหนึ่งไม่ใช่เด็กแล้ว ไอ้ครั้นจะให้มาสอนวาดรูประบายสีก็คงจะไม่ได้ผล

พอเห็นท่าทางแบบนั้นของอีกฝ่าย ตี๋ก็อดที่จะรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ หารู้ไม่ว่าจริง ๆ แล้วเอสก็ไม่ได้เครียดอะไรขนาดนั้น คนพี่รู้จักนิสัยของเด็กข้างบ้านมากกว่าที่เจ้าตัวคิดด้วยซ้ำ ในหัวนี่วางแผนเป็นฉาก ๆ ที่ถ้าหากคนน้องได้รู้ก็คงจะโกรธจนไม่คุยด้วยแน่

“เอ่อ...จะนอนด้วยก็ได้ แต่พี่ต้องสัญญาก่อนว่าห้ามทำอะไรเกินเลยนะ”

เอสแอบยิ้มอยู่ในใจหลังจากที่น้องพูดจบ ก็บอกแล้วว่าตี๋เป็นคนใจอ่อนมาก สำหรับเขาในกรณีแบบนี้ถือว่าเป็นข้อดี แต่ถ้ามันไปเกิดขึ้นกับคนอื่น เขาจะถือว่ามันเป็นข้อเสีย อาจจะดูเห็นแก่ตัว...แต่เขาอยากให้ทุกอารมณ์ของตี๋ เกิดขึ้นกับเขาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

เขาหันมายิ้มบางให้กับตี๋ก่อนจะยกมือขึ้นลูบเรือนผมสีดำสนิทที่ดูไม่ค่อยเป็นทรงของอีกฝ่าย

“พี่ไม่ทำอะไรเราหรอก ถ้าตี๋ยังไม่อนุญาตให้พี่ทำ พี่ก็จะไม่ทำนะครับ”

“ม- ไม่มีวันซะล่ะ!” ตี๋ปฏิเสธเสียงแข็ง แก้มแดงระเรือขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“ปฏิเสธ..แต่ทำไมหน้าแดงล่ะ?” เอสยิ้มล้อ

“ตี๋ร้อน!”

“พี่ไม่เห็นจะร้อนเลยน้า”

“เรื่องของพี่สิ ตี๋กลับบ้านแล้ว!” พูดจบก็ลุกขึ้นแล้วก้าวขาฉับ ๆ ออกไปจากตรงนั้นทันที

“อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนด้วยนะ” เอสป้องปากบอก แต่คำตอบที่ได้คือการชูนิ้วกลางกลับมาให้โดยที่ไม่มีแม้แต่หันกลับมามองเลยแม้แต่น้อย แต่เขารู้ว่าตี๋เป็นคนรักษาคำพูด เดี๋ยวอีกไม่นานก็หอบเสื้อผ้ามาแน่นอน


++++++++++


“ป๊า คืนนี้ตี๋ไปนอนบ้านพี่เอสนะ” ลูกชายคนเล็กของบ้านพูดขึ้นหลังจากที่กินข้าวเสร็จ

“บ้านตัวเองไม่มีนอนรึไง?” ป๊าว่า

“ก็พี่เขาชวน” ตี๋เถียงหน้างอ ไม่ใช่ตัวเขาเองสักหน่อยที่อยากจะไปนอน แต่ที่ต้องไปเพราะปฏิเสธไม่ได้ต่างหากล่ะ

“กลับไปสนิทกันเหมือนเดิมแล้วเหรอลูก?” มาม๊าหันมาถามบ้าง

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ” ตี๋ไหวไหล่

“อ้าว งั้นลื้อจะไปนอนทำไมล่ะ?” อาม่าที่วันนี้แวะมาหาที่บ้านถามด้วยความสงสัย

“พรุ่งนี้พี่เขาจะพาไปเที่ยวน่ะม่า” ตี๋คีบกับข้าวกินเล่นพลางตอบอาม่าไปด้วย แต่ก็โดนป๊าตีหลังมือจนตะเกียบร่วง “ตี๋เจ็บนะป๊า!”

“ไปบ้านเขาก็อย่าซนล่ะ” ม๊าบอก พลางยิ้มขำลูกชาย

“ตี๋ไม่ใช่เด็กแล้วนะม๊า”

“มึงน่ะโคตรเด็ก” ป๊าว่าอย่างสบประมาท

“โอ๊ย ตี๋ไปอาบน้ำแล้ว!” เขาลุกเอาชามไปล้างเก็บแล้วถึงเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำ หยิบชุดนอนที่หยากไย่แทบเกาะคาตู้ขึ้นมาใส่ให้เรียบร้อย ชุดนี้ม๊าเป็นคนซื้อมาไว้ให้เขา ปกติแล้วทุกวันนี้ก็ใส่แค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวไม่เคยได้หยิบมันมาใส่หรอก แต่คราวนี้ต้องป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นเสี่ยงอันตรายแน่ ๆ

ตี๋จับชุดที่จะใส่ในวันพรุ่งนี้พร้อมสัมภาระเข้ากระเป๋าให้เรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้อง ลงมาด้านล่างก็เจอกับแก๊งค์ครอบครัวนั่งดูทีวีกันครบทุกคน รวมถึงพี่ชายตัวเองที่เพิ่งกลับมาจากทำงานด้วย

“มึงจะไปไหนน่ะ” เฟยถามอย่างสงสัย เพราะเห็นน้องชายตัวเองใส่ชุดนอนเต็มยศ แถมยังสะพายเป้ตุง ๆ อีกหนึ่งใบในเวลาแบบนี้ ซึ่งดูยังไงก็ผิดปกติของมันสุด ๆ

“ไปนอนบ้านเอสเค้าน่ะลูก” ม๊าเป็นคนตอบแทนลูกชายคนเล็กที่ชักสีหน้าใส่พี่ชาย เนื่องจากหงุดหงิดที่โดนถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ

“อ้าว กลับไปสนิทกันแล้วเหรอ?”

“ก็ไม่เชิง” ป๊าเป็นฝ่ายตอบแทนอีกรอบ เพราะลูกชายคนเล็กกรอกตาพร้อมกับถอนหายใจอย่างเซ็ง

“อ้าว แล้วงั้นไปนอนบ้านเขาทำไมล่ะ?”

“พรุ่งนี้พี่เอสจะพาไปเที่ยวโว้ย!” ตี๋เป็นคนตอบเองเสียงดัง ก่อนจะเดินก้าวเท้าออกจากบ้านเร็ว ๆ ด้วยความหงุดหงิด

บ้านของทั้งสองคนอยู่ไม่ไกลจากกันมากนัก ทำให้ใช้เวลาไม่นานตี๋ก็มายืนอยู่หน้าบ้านเอสเรียบร้อย และพอมาถึงก็เจอกับตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องโดนซักถามเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ซาก ๆ จนเป็นเหตุทำให้โคตรหงุดหงิดอยู่ตอนนี้

เจ้าตัวนั่งไขว่ห้างกดไอแพทอยู่ที่หน้าบ้าน พอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ก็หยุดมือ เปลี่ยนอากับกิริยาเป็นเอาศอกวางบนหน้าขานั่งเท้าคางมองมาทางตี๋ด้วยใบหน้ายิ้มมุมปากนิด ๆ เห็นแบบนี้ยิ่งทำให้คนน้องอารมณ์ขึ้นไปใหญ่

“ทำไมเดี๋ยวนี้กลายเป็นเด็กขี้หงุดหงิดไปได้เนี่ย” เอสถามหยอกล้อเมื่อตี๋เดินมาถึงตัวเขาที่ลุกขึ้นยืนรอรับอยู่แล้ว แค่มองหน้าปราดเดียวก็รู้แล้วว่าอีกคนอารมณ์ไม่ปกตินัก

“ก็บอกว่าตี๋โตแล้วนะ” วันนี้เขาจะต้องพูดคำนี้อีกกี่รอบกัน นี่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนจะต้องมองเขาเป็นเด็กอยู่เรื่อย ทั้งที่ปีหน้าเขาก็ 20 แล้ว

“โตแต่ตัวน่ะสิ ยังขอเงินป๊ากับม๊าใช้อยู่เลยนะ” เอสพูดเสียงนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน เขายกมือขึ้นลูบเรือนผมสีดำขลับของอีกฝ่ายอย่างเบามือ

ตี๋หุบปากฉับ เพราะสิ่งที่เอสพูดมามันก็คือความจริง

“แต่ว่า...ก็โตพอที่จะทำ ‘อะไร ๆ’ ได้แล้วนะ หึหึ”

“ไปเลย! เดินนำเข้าบ้านไป!” เจ้าตัวกำลังจะชมซักหน่อยว่าพูดดี พอเจอสายตาหื่น ๆ กับคำพูดสองแง่สามง่ามนั่นแล้ว ตี๋ก็เปลี่ยนใจ มือขาวผลักไหล่หนาให้หันหลังกลับไปเดินนำเขาเข้าบ้านอีกฝ่าย พอเอสจะหันหน้ามาแซวต่อก็ต้องโดนตี๋ดันไหล่ให้เดินเข้าบ้านเร็ว ๆ

“เข้าไปเลยนะไอ้เลว!”

เอสหัวเราะร่ากับคำด่าของคนที่เด็กกว่า นี่ก็คงจะพยายามทำให้มันดูไม่หยาบคายที่สุดแล้วล่ะมั้ง พอเข้ามาก็เจอกับป๊านั่งดูทีวีอยู่ เขาก็เลยบอกไปว่าคืนนี้ตี๋จะมานอนด้วย

ตี๋ยกมือขึ้นไหว้ด้วยความรู้สึกประหม่า ก่อนหน้านี้ก็เป็นปกติทั่วไประหว่างผู้ใหญ่กันเด็ก แต่ตอนนี้มันเหมือนกับว่ามีชนักปักหลังอยู่ทั้งที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแท้ ๆ แต่เป็นฝ่ายลูกชายของอาแปะต่างหากที่มายุ่งกับเขาก่อน แล้วทำไมเขาจะต้องมาเป็นฝ่ายที่รู้สึกไม่ดีด้วยเนี่ย

“ไปบังคับน้องมาล่ะสิ” ป๊าว่าเข้าให้

“ไม่ได้บังคับนะ ก็..แค่อ้อนนิด ๆ หน่อย ๆ เอง”

ทั้งป๊าและตี๋บึนปากอย่างหมันไส้ในท่าทีสะดีดสะดิ้งของเอส ที่ตัวใหญ่จะตายห่า แต่กลับทำท่าซะน่ารักเหมือนเด็กสาววัยแรกรุ่นที่กำลังจะได้ไปเดทครั้งแรกกับชายหนุ่ม

“ไปเอาขนมที่ทำไว้มาให้น้องกินสิ” ป๊าตัดบทโดยการบอกให้ลูกชายไปหยิบขนมที่มันตั้งใจทำเอาไว้เมื่อตอนบ่ายมาให้น้อง เป็นคุกกี้ง่าย ๆ ที่เอสหาสูตรจากอินเตอร์เน็ตแล้วลองทำดู

เมื่อสามวันก่อนเอสพาคนเป็นพ่อไปหาหมอตามนัด และหลังจากนั้นก็แวะไปซื้อของใช้เข้าบ้าน ไม่รู้ว่าลูกชายอารมณ์ไหน เจ้าตัวบอกว่าอยากจะหัดทำขนมดู ตัวเขาเองก็ไม่ได้จะขัดอะไรเลยพากันไปซื้ออุปกรณ์พื้นฐานที่จะต้องใช้ในการทำขนม

น่าแปลกที่เอสมันมีพรสวรรค์ในทางนี้เสียด้วย แค่ทำครั้งแรกก็ออกมาดีเกินคาด แล้วแถมยังมีนิสัยเป็นแม่บ้านแม่เรือนซะเขาตกใจ ไม่ว่าจะทำอาหารหรืองานบ้านงานเรือน เย็บปักถักร้อยก็ทำได้ดี มันรื้อเสื้อผ้าของเขาที่กระดุมหลุดออกมาเย็บให้หมดทุกตัว

เขาถามมันว่าทำไมถึงทำงานพวกนี้ได้ มันตอบว่าเพราะแม่ทำงานไม่ค่อยอยู่บ้านก็จำเป็นต้องทำเองให้ได้ทุกอย่าง เขารู้สึกเศร้าอยู่ในใจลึก ๆ รู้สึกผิดที่ไม่สามารถประคองความรักกับแม่ของเอสต่อไปได้จนทำให้ลูกชายของตัวเองต้องลำบากในหลายเรื่อง

อดีตที่มันผ่านไปแล้วเขาไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้...เขาขอทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุดเป็นครั้งสุดท้ายดีกว่าเสียใจทีหลังตลอดไป

“แล้วทำไมเราถึงยอมมานอนที่นี่กับมันล่ะ?” ป๊าพี่เอสถามขึ้นหลังจากที่อีกคนเดินออกไปจากตรงนี้

“อ- เอ่อ...” พอโดนยิงคำถามใส่ ตี๋ก็ชะงักไป เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไงดีเหมือนกัน ทั้งที่ในตอนแรกนั้นก็ตั้งใจว่ายังไงก็จะไม่ยอมนอน แต่พอเห็นเอสเป็นแบบนั้น..ใจมันก็อ่อนยวบขึ้นมาเอง

“ไม่ได้เจอกับมันนาน คงจะประหม่ามากเลยสินะ”

“ก็มีบ้างครับ”

“เอสมันอาจจะดูเหมือนเล่น ๆ แต่มันเอาจริงนะ”

ตี๋มองหน้าป๊าของพี่เอสด้วยความงุนงงว่าที่อีกฝ่ายพูดมามันหมายถึงอะไรกันแน่

“เรื่องของเราน่ะ มันจริงจังนะ”


++++++++++


ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.3 [up:20/04/2018]
«ตอบ #12 เมื่อ20-04-2018 21:12:45 »



พอกินขนมพร้อมด้วยนมอุ่น ๆ ที่คนเป็นพี่ยกมาให้ อีกฝ่ายบอกเขาว่านมอุ่นจะทำให้นอนหลับสบาย ตี๋ก็เลยกินซะหมดแก้วเลย หลังจากที่จัดการเสร็จก็บอกลาป๊าของพี่เอสแล้วก็ขึ้นมาบนห้องกับความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เป็นเพราะคำพูดแบบนั้นของป๊าแท้ ๆ ดูจากพฤติกรรมที่ผ่านมา แค่นั้นเขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจริงจังขนาดไหน แต่เขาก็ปิดหูปิดตาไม่ได้สนใจ เพราะอยากที่จะเป็นแค่พี่น้องมากกว่าคนรักแบบที่อีกฝ่ายคาดหวังอยากจะให้เป็น

พี่เอสไม่ใช่คนไม่ดี เรื่องนี้เขารู้ตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว และเป็นเขาเองที่ใจร้ายกับอีกฝ่ายไม่ลง ถึงแม้จะรู้ว่ามันเหมือนการให้ความหวัง แต่เขาก็ตัดใจปฏิเสธไม่ได้ เพราะพอเห็นหน้าที่เหมือนหมาหงอยแบบนั้นแล้ว ใจมันก็อ่อนยวบ มันทำให้เขาก็เกลียดตัวเองเหมือนกันที่เป็นคนแบบนี้ ทำยังไงถึงจะใจแข็งไม่สนใจคนตรงหน้าได้ก็ไม่รู้

“เฮ้อออออ” คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

“ถอนใจอะไรดังขนาดนั้น” เอสเลิกคิ้วถามพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ มือใหญ่ยกขึ้นขยี้ผมของตี๋ที่นั่งอยู่ปลายเตียง “เครียดอะไรรึไง”

“เปล่า” ตี๋ตอบออกไปแบบนั้น แต่ในใจกลับคิดว่าก็เรื่องเอ็งนั่นแหละ...เครียดที่ไม่รู้จะรับมือยังไงดีกับไอ้คนตรงหน้าเนี่ย!!

“พูดไม่เพราะเลย”

“...เปล่าครับ” ตี๋ชะงักไปก่อนจะแก้ให้เรียบร้อย เห็นอีกฝ่ายยิ้มแล้วก็ตบไหล่เขาสองสามที

“เด็กดี พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”

พออีกฝ่ายหายเข้าห้องน้ำไป ตี๋ก็ทิ้งตัวนอนหงายลงบนที่นอน ถอนหายใจยาวกว่าเมื่อครู่นี้เสียอีก เขากลิ้งไปมาบนที่นอนขนาดห้าฟุตที่เมื่อก่อนนี้มันดูใหญ่มากสำหรับเด็กสองคน

...เฮ้ย อย่าบอกว่าต้องนอนเตียงเดียวกันอีกนะ…

เขาอยากจะตบหัวตัวเองจริง ๆ ที่ดันลืมคิดถึงเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้ยังไง มองไปรอบ ๆ ห้องแล้วก็ไม่เห็นจะมีที่นอนอีกชุดเตรียมเอาไว้เลย เห็นมีแค่หมอนสองใบ ผ้านวมหนึ่งผืน กับที่นอนอีกแค่หนึ่งชิ้น ที่มองยังไงก็ต้องนอนด้วยกันแน่นอน

แกร็ก

ตี๋หันไปมองทันทีที่ประตูห้องน้ำเปิด และก็เจอกับเจ้าของห้องที่เดินเปลือยท่อนบนออกมา มีหยดน้ำเกาะตามแผงอก

“ทำไมไม่แต่งตัวในห้องน้ำวะ!” ตี๋โวยวาย เขาไม่ได้อยากจะเห็นผู้ชายเปลือยต่อหน้าต่อตาหรอกนะ

“ในห้องน้ำมันชื้น พี่ชอบให้ตัวแห้งก่อนแล้วค่อยใส่เสื้อผ้า” เอสตกใจเมื่อโดนอีกคนโวยวายใส่

“มึงจงใจแน่ ๆ เลยพี่”

เอสยิ้มมุมปาก “ใช่ พี่จงใจ” เขาค่อย ๆ ก้าวขาเขาไปใกล้ตี๋มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่อีกฝ่ายกลับนั่งนิ่งมองเอสตาขวาง

...กูไม่กลัวมึงหรอกโว้ยไอ้พี่!...

“พี่จงใจยั่วเรา เผื่อว่าเราจะหวั่นไหวบ้าง” เขาค่อย ๆ คืบคลานขึ้นไปบนที่นอนและเข้าไปใกล้กับตี๋มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่อีกคนก็ยังคงไม่ขยับหนีไปไหน แต่หน้าเนี่ยไปแล้วเรียบร้อย มันดูตลกมากเสียจนเอสหยุดแกล้งไม่ได้ เขาขยับตัวเข้าไปใกล้จนตี๋ผงะล้มหงายหลังไป เอสท้าวแขนทั้งสองข้างลงกับเตียงกันเอาไว้ไม่ให้ตี๋หนีไปไหนได้

“ว่าไง? ได้ผลบ้างมั้ย?”

“อะ-”

“แหนะๆ ห้ามพูดไม่เพราะนะ” เอสทาบนิ้วลงไปบนริมฝีปากบางของตี๋ พร้อมกับทำเสียงจุ๊ ๆ

“ไม่สนหรอกโว้ย!!” ตี๋ผลักเอสออกไปจากตัว โชคดีที่ขนาดตัวพอ ๆ กัน แต่อีกฝ่ายตัวหนากว่าเขาพอสมควร ก็เลยทำให้ต้องออกแรงมากอยู่เหมือนกัน

เอาจริง ๆ ถึงเอสจะห้ามไม่ให้ตี๋พูดไม่เพราะ แต่ตอนนี้เขากลับหัวเราะชอบใจที่เห็นตี๋พูดจาแบบนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาชอบหรือไม่ชอบ แต่มันดูตลกดีที่ตี๋เลือกที่จะพูดไม่เพราะเวลาที่เขินซะมากกว่า

“นี่แกล้งตี๋เหรอ”

“ไม่ได้แกล้ง พี่จริงจังกับเรานะ” เอสคว้ามือเรียวของตี๋ขึ้นมาจูบลงไปบนฝ่ามือแล้วเอาแก้มแนบลงไป

พอเห็นอีกฝ่ายหลับตาพริ้มแล้วก็ทำให้เขาไม่กล้าชักมือออก ได้แต่ปล่อยให้เอสเอาหน้าซุกมืออยู่แบบนั้น เขาไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับคนตรงหน้าเกินไปกว่าพี่ชายแท้ ๆ แต่ทำไมเหมือนว่าหัวใจมันไม่เป็นไปตามที่สมองสั่งการ ไม่รู้ว่าทำไม..ทั้งที่เป็นหัวใจของตัวเองแท้ ๆ ทำไมคนเราถึงควบคุมมันได้ยากนัก

ตี๋มารู้สึกตัวก็ตอนที่อีกฝ่ายขยับตัวออกไป

เอสละออกจากฝ่ามือที่ไม่ได้เนียนหรือนิ่มเหมือนกับมือหญิงสาว แต่เขาก็ชอบ..เพราะมันเป็นมือของเด็กที่เขาปักใจชอบมาตลอดสิบปี

“นอนกันเถอะ” เอสพูดพร้อมกับลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย

“เตียงเดียวกันอ่ะนะ”

“ก็ใช่สิ”

ตี๋ถลึงตาใส่ จนเอสขำอีกรอบ

“ตอนเด็ก ก็นอนด้วยกันประจำไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” เอสบอกหลังจากที่หยุดขำแล้ว แต่ตี๋กลับหงุดหงิดเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลกอย่างไรอย่างนั้น

“ตอนนั้นตัวเล็ก แต่ดูตอนนี้สิ เบียดกันตายชักเลย”

“นอนได้ มา!” เอสกอดคออีกฝ่ายที่กำลังเถียงคอเป็นเอ็นให้ล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับเขา “เห็นป่ะว่านอนได้”

“ได้กะผีอ่ะสิ เบียดจะตาย” ตี๋พยายามจะดิ้นออกจากอ้อมแขนที่กำลังกอดเขาอยู่ จะหันหลังก็คงไม่ดีแน่ จะได้เข้าทางพี่เอสมัน เขาก็เลยตัดสินใจนอนตะแคงเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายที่กำลังนอนยิ้มให้เขาอยู่ไปเลย

“อะไรกัน เดี๋ยวนี้โตแล้วไม่ยอมให้กอดเหรอ?” เอสเย้าแหย่

“ตอนไหนก็ไม่เคยให้กอด” พูดว่าพลางปัดมือของเอสที่จับเอวเขาอยู่ออกไป

“แหม เสียดาย”

“จะนอนได้ยัง” ตี๋ทวงถาม เอสเปลี่ยนท่าทีจากที่กำลังเสียดายอยู่ กลับมายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนอีก

“งั้นขอแค่จับมือนะ” ไม่รอคำอนุญาต เขาคว้ามือของตี๋ขึ้นมาจับและเอาไปรองแก้มของของตัวเองทันที

ทั้งสองคนนอนหันหน้าเข้าหากัน บนที่นอนแคบ ๆ ที่เมื่อสิบปีที่แล้วมันดูใหญ่มากสำหรับตี๋ แต่ตอนนี้มันกลับเล็กไปถนัดตา ตอนนี้ตัวเขายังไม่ได้ตอบรับความรู้สึกของอีกฝ่ายไป แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธไม่ให้อีกฝ่ายจับมือเขาเอาไว้ เพราะถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากเห็นสีหน้าเศร้าหมองของคนตรงหน้านี้

...หรือเขาจะแพ้ทางคนคนนี้จริง ๆ



TBC…




ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.3 [up:20/04/2018]
«ตอบ #13 เมื่อ20-04-2018 23:51:39 »

น้องตี๋ เริ่มหวั่นไหวหน่อยๆแล้ว
พี่เอสสู้เค้า อิอิ :hao6:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.3 [up:20/04/2018]
«ตอบ #14 เมื่อ21-04-2018 03:06:54 »

สนุกดีค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.3 [up:20/04/2018]
«ตอบ #15 เมื่อ21-04-2018 11:16:04 »

 :L2: :L1: :pig4:

ชอบความใจอ่อนของตี๋ :o8:

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.4 [up:22/04/2018]
«ตอบ #16 เมื่อ22-04-2018 16:43:29 »

CH.4



ตี๋ลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบกับใบหน้าอันคุ้นเคย เป็นใบหน้าที่เขาเห็นภาพสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา ตอนนี้เอสกำลังนอนตะแคงเอามือเท้าหัวเอาไว้ มองเขาแล้วยิ้มเหมือนเดิม...เหมือนที่เคยให้เขาเมื่อสิบปีที่แล้ว

...ใช่ เขาเริ่มจะจำได้ลาง ๆ แล้ว ว่าอดีตที่ผ่านมามีอะไรบ้าง แต่มันก็ลางเลือนเหลือเกิน และ...รอยยิ้มของเอสเป็นสิ่งเดียวที่ยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของเขา

“ตื่นแล้วเหรอครับ?” เอสถาม ยกมืออีกข้างขึ้นมาลูบหัวตี๋

“เป็นบ้ารึไง ยิ้มอยู่ได้” เจ้าตัวว่าเข้าให้ ร่างสูงเพรียวของตี๋บิดขี้เกียจพร้อมกับอ้าปากหาวกว้าง ๆ เป็นการไล่ความง่วงที่ยังคงค้างอยู่ ตอนแรกเขานึกว่าตัวเองจะนอนไม่หลับซะอีก แต่กลับกลายว่าหลับลึกจนไม่ได้ฝันอะไรเลย

“ถ้ารักของพี่มันทำให้เรามองว่าพี่บ้า ...พี่ก็ยอมนะ”

“...”

“ทำหน้าอะไรของเราน่ะ ลุก ๆ ไปอาบน้ำไป” พอเห็นตี๋ทำหน้ารับไม่ได้กับสิ่งที่เขาพูด ก็ไม่คิดจะต่อมุขเสี่ยวของตัวเองอีก เขาตื่นตั้งแต่เช้าด้วยความเคยชิน เลยลงไปทำกับข้าวเตรียมเอาไว้ให้คนในบ้านเรียบร้อย

ตี๋ลุกขึ้นจัดแจงเตรียมของใช้ให้พร้อมก่อนเข้าไปอาบน้ำ อีกคนที่ตื่นก่อนเขานั้นอาบไปแล้ว เห็นบอกว่าอาบเสร็จให้ลงไปข้างล่างได้เลยเพราะทำอาหารเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาไม่นานเขาก็อาบน้ำเเต่งตัวเสร็จ

“อ้าว เอส น้องมันลงมาแล้ว” ป๊าของพี่เอสที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ พอเห็นเขาเดินลงมาก็เรียกลูกชายที่กำลังนั่งกดไอแพทให้เงยหน้าขึ้นมา

“นั่งเลยๆ เดี๋ยวพี่ตักข้าวให้”

ตี๋นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับคนสูงวัย พอเงยหน้าขึ้นมาก็สบตากันพอดี อีกฝ่ายยิ้มให้เขา ตี๋ก็เลยยิ้มตอบกลับไปอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้สึกประดักประเดิดขึ้นมาทันที ได้แต่ก้มหน้าก้มตามองโต๊ะแทนที่จะมองตากับอีกฝ่ายตรง ๆ ปกติแล้วเขาคุ้นเคยกับอีกคนในฐานะลูกค้าร้านน้ำเต้าหู้มากกว่า แล้วพอมันกลายเป็นแบบนี้ มันเลยทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเหมือนกัน

“พ่อศรีเรือนขนาดนี้แล้ว อยากได้มันไปเป็นสามีบ้างหรือยังล่ะ” พูดพลางบุ้ยไบ้ไปทางลูกชายคนเดียวที่กำลังยกกับข้าวลงตั้งบนโต๊ะ

เอสตกใจจนจานแทบจะร่วง มันก็ใช่ที่เขาขอให้ป๊าช่วย แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะช่วยกันถึงขนาดนี้ มันเกินจากที่คาดเอาไว้มาก ขนาดเขายังตกใจขนาดนี้ อย่างตี๋ก็คงไม่ต้องพูดถึง พอหันไปมองก็เจอกับตี๋ที่ยิ้มค้างไปเรียบร้อย

“แบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนา” ยังพูดย้ำอีกรอบ

ตี๋หุบยิ้มที่ค้างฉับ

“ผะ- ผมไม่ได้อยากจะเป็นภรรยาซะหน่อย” ตี๋อยากจะตบปากตัวเองซักวันละสิบรอบ ช่วงนี้เป็นอะไร ทำไมพูดดี ๆ ไม่ได้ ต้องตะกุกตะกักอยู่เรื่อย มันทำให้เขาดูเหมือนเป็นไอ้หน้าโง่เลย

เอสอึ้งไป ที่อึ้งไม่ใช่ว่าเสียใจที่น้องมันปฏิเสธออกมาแบบโจ่งแจ้ง แต่ที่อึ้งเป็นเพราะว่าในตอนนี้น้องมันโคตรน่ารัก น่ารักเสียจนเขาอยากจะเข้าไปกอดแล้วจับหอมแก้มซ้ายขวา เขาอาจจะบ้าอย่างที่ตี๋บอกก็ได้ เพราะถ้าเป็นในสายตาคนอื่นก็อาจจะไม่ได้ดูว่าอีกฝ่ายน่ารักมากมายอะไร แต่ในสายตาของเขาแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรมันก็ดูน่ารักไปซะหมด สงสัยเขาจะบ้าของจริงแล้วล่ะนะ

“อ้าว อยากเป็นสามีก็ไม่บอกพี่” เอสแหย่ วางจานข้าวให้บนโต๊ะ

“ไม่ใช่แบบนั้นนะ”

ตี๋ตอบหน้างอแล้วตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ทำเป็นไม่สนใจสองพ่อลูก แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะพวกเขาก็แกล้งให้เด็กตรงหน้าหงุดหงิดเอง แต่อย่าเรียกว่าแกล้งเลยจะดีกว่า ต้องบอกว่าหนึ่งคนจริงจังและอีกหนึ่งคนเป็นทัพเสริมให้ถึงจะถูก เอสรู้สึกขอบคุณป๊ามาก ๆ ที่นอกจากจะไม่รังเกียจที่เขาเป็นเกย์แล้วยังจะสนับสนุนให้เขาได้สมหวังกับคนที่เขาชอบอีก

เรื่องที่ไม่ได้ชอบผู้หญิง เอสบอกแม่เป็นคนแรก ท่านไม่ว่าเขาเลยซักคำ แค่นี้เขาเองก็รู้สึกขอบคุณมากอยู่แล้ว แต่ทางนี้...ตอนแรกเขาไม่แน่ใจเลยว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน เคยได้ยินว่าคนจีนส่วนมากจะยอมรับเพศที่สามยากอยู่แล้ว เขาเองก็กลัวไม่น้อยตอนที่ตัดสินใจบอกออกไป แต่พอผลมันออกมาตรงกันข้ามกับที่กลัว เขาก็โล่งใจ เหมือนถูกปลดจากพันธนาการที่มองไม่เห็นมานาน พอถึงตอนนี้แล้วเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีมากจริง ๆ ที่มีทั้งป๊าและแม่เข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น และไม่รังเกียจมัน

“อร่อยมั้ย?”

ตี๋หันไปมองหน้าคนถาม เห็นอีกฝ่ายยิ้ม หน้าตาดูลุ้นที่จะได้รับคำตอบแบบไหนจากเขา

“ก็...อร่อยครับ” เขาตัดสินใจตอบไปตามตรง ถึงแม้แว๊บแรกจะอยากแกล้งคนตรงหน้าบ้าง แต่พอเห็นท่าทางลุ้นกับคำตอบที่จะได้จากเขาแบบนั้นแล้วก็ทำไม่ลง แถมอาหารตรงหน้าก็อร่อยจริง ๆ และเป็นรสชาติที่ถูกปากเขาทีเดียว

“แล้ววันนี้จะพากันไปไหนล่ะ” ป๊าถามขึ้นมา ช่วยเด็กมันหน่อย เห็นสายตาของลูกชายตัวเองที่มองอีกฝ่ายแล้วก็กลัวตี๋มันจะกินข้าวไม่ลงเพราะสำลักความเลี่ยน ...ไม่รู้ใครสอนให้มันเป็นคนแบบนี้… เพราะตัวเขาเองก็ไม่มีนิสัยแบบนี้ เลยได้แต่สงสัยว่ามันไปเอานิสัยเสี่ยว ๆ มาจากที่ไหนกัน

“ก็แล้วแต่น้องน่ะครับ ป๊าจะฝากซื้ออะไรก่อนเอสกลับไหม?”

“เออ เดี๋ยวกูจดใส่กระดาษให้ละกัน”


++++++++++


ใช้เวลากินข้าวกันอีกไม่นาน เอสก็พาตี๋ออกจากบ้านมาด้วยรถที่เขาซื้อจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไม่ใช่รถยี่ห้อหรูอะไร แต่ก็ยังดีกว่าต้องขี่มอเตอร์ไซค์ตากแดดหัวแดงและยังต้องเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังอีก ไอ้ครั้นจะให้ใช้รถสาธารณะมันก็หงุดหงิดทุกครั้งที่จะต้องใช้บริการ เขาเลยตัดสินใจซื้อรถเลยจะดีกว่า

“ตี๋อยากไปที่ไหนเหรอ” ขับออกมาได้สักพัก เอสถึงจะถาม คนที่นั่งอยู่อีกฝั่งพยายามคิดว่าอยากจะไปไหน เพราะมันกระทันหันและไม่ได้คุยกันไว้ก่อนว่าจะทำอะไร ภาระก็เลยมาตกอยู่ที่ตี๋อย่างช่วยไม่ได้

“ดูหนัง หรือชอปปิ้งก็ได้นะ” พอเห็นตี๋เงียบไปนานเขาเลยต้องเสนอไอเดียเป็นตัวช่วยให้น้องบ้าง ตัวเขาเองไม่ได้อยากจะไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษ แค่อยากใช้เวลาอยู่กับอีกฝ่ายเท่านั้นเอง

“ดูหนังก็ดีนะ ช่วงนี้ตี๋งานยุ่งมาก ไม่ได้ดูหนังมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้มีเรื่องอะไรเข้าบ้างอ่ะ” พอหันไปหาเอส ก็มีแค่รอยยิ้มแห้ง ๆ ที่เจ้าตัวใช้เป็นคำตอบ

“พี่ก็ทำแต่งาน ไม่รู้เลยว่ามีเรื่องอะไร เดี๋ยวเราไปเลือกเอาก็แล้วกันเนอะ”

“ก็ได้ครับ”

แล้วทั้งรถก็เงียบลงอีกครั้ง พออยู่ด้วยกันจริง ๆ แล้วมันทำให้คนเป็นพี่รู้สึกอึดอัดอยู่เหมือนกัน คงเพราะห่างหายกันไปนานก็เลยทำให้ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรดี แล้วก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปถึงไหนแล้ว เอสก็เลยเลือกที่จะถามเรื่องทั่วไปจะดีกว่า

“เรามาเล่นยี่สิบคำถามดีไหม?” เอสถามละสายตาจากการขับรถมามองคนที่นั่งด้านข้างเป็นพัก ๆ เห็นคิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างสงสัย

“พี่อยากรู้จักเรามากกว่านี้น่ะ” เอสบอก “ไม่ได้เจอกันนาน..ไม่รู้ว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง”

“เอาสิ” ตี๋ยิ้มให้

“ตอนนี้เรียนอะไรอยู่เหรอ?”

“สถาปัตย์”

“งี้ก็งานเยอะเลยสิ”

“โคตรรรรรเยอะเลยแหละ”

“แต่ตี๋อดนอนไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”

“ระดับตี๋แล้ว อาจจะมีอดนอนบ้าง แต่ไม่มีปัญหาหรอก”

“ง่อววววว” เอสร้องแซวจนตี๋ต้องหันไปมองหน้าไม่พอใจเจ้าตัวถึงจะหุบปากได้ ถ้าเป็นเพื่อนกันและไม่รู้จักพ่อของอีกฝ่าย เขาคงจะด่าไปแล้วว่า ‘ง่อววววพ่อมึงสิ’

“ว่าแต่พี่ทำงานอะไรอ่ะ?” ตี๋เป็นฝ่ายถามบ้าง

“งานเกี่ยวกับพวกเขียนโปรแกรมกับพัฒนาโปรแกรมอะไรพวกนี้น่ะ”

“โห ท่าทางน่าจะยาก”

“ไม่ยากหรอก พี่เก่ง”

“...” ตี๋ทำปากเบะอย่างหมันไส้ในความมั่นใจของอีกคนเหลือเกิน

ก็รู้ว่าเก่ง แต่จำเป็นต้องชมตัวเองด้วยหรือไง

เอสหัวเราะสีหน้าของตี๋ก่อนจะบอก “มา พี่ถามต่อ”

“อย่าเพิ่งสิ ตี๋ยังถามไม่เสร็จ”

“อ่า ครับ ๆๆ”

“เมื่อก่อนเรานอนด้วยกันบ่อยเหรอ”

“ทุกอาทิตย์”

“ห๊ะ!” เขาไม่อยากจะเชื่อ จริงแล้วก็จำได้ลาง ๆ ว่าเคยมานอน แต่ไม่คิดว่าจะบ่อยขนาดนั้น

“พอเย็นวันศุกร์ก็จะหอบเสื้อผ้ามาบ้านพี่ พอเย็นวันอาทิตย์ก็กลับไปนอนบ้าน วนไปแบบนี้ทุกอาทิตย์เลยล่ะ ตอนนั้นเราชอบมาอ้อนให้พี่สอนวาดรูปประจำเลย”

ตี๋จ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายในระหว่างที่พูดถึงเรื่องเมื่อสมัยก่อน สายตาของเอสมันเต็มไปด้วยประกายของความสุขอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นั้นจะทำให้อีกคนมีความสุขได้มากขนาดนี้

มันทำให้เขารู้สึก...มีความสุขไปด้วยยังไงก็ไม่รู้

“ตาพี่ถามบ้าง” พอเห็นตี๋ไม่ถามอะไรต่อเขาก็เอ่ยขึ้น แต่ก่อนจะถามข้อต่อไปเขาก็เอื้อมไปคว้ามือของตี๋ขึ้นมาจับเอาไว้ บีบเบา ๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง เพราะเขาก็กลัวคำตอบที่กำลังจะได้รับ

...เพราะคาดหวัง...ถึงกลัวที่จะรับรู้คำตอบ

“ตี๋เคยมีแฟนหรือยัง” เงียบไปก่อนจะพูดต่อ “ไม่สิ ตอนนี้ตี๋มีแฟนหรือยัง”

“พี่อยากให้ตอบคำถามไหนก่อนล่ะ?”

“...มาพร้อม ๆ กันเลยก็ดีนะ จะได้เจ็บทีเดียว”

ตี๋ไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายยังไม่ได้คำตอบจากปากของเขาเลย แล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น กลัวอะไร แล้วทำไมถึงต้องกลัวด้วย

“จีบมาขนาดนี้เพิ่งจะมาถามเรื่องแฟนเนี่ยนะ” เจ้าตัวว่ายิ้มขัน ก่อนจะก้มหน้าตอบเสียงเบา “ตี๋...ไม่มีทั้งนั้นแหละ”

“ครับ?”

“ไม่มีใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละ พอใจยัง!” เขารู้หรอกว่าอีกฝ่ายแกล้งไม่ได้ยิน แต่ก็หันไปเปล่งเสียงตอบเสียลั่นรถ ถึงแม้ว่าจะแสบแก้วหูซักแค่ไหนแต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม..จนเขาอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

คนอายุมากกว่ากุมมือของตี๋ขึ้นมากดจูบเบา ๆ ให้เจ้าตัวเขินเล่น เขาโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกและดีใจที่น้องยังไม่เคยเป็นของใครมาก่อนที่จะกลับมาเจอกับเขา หวังว่า...เขาจะเป็นคนเดียวและคนสุดท้ายของคนตรงหน้านี้

...หวังว่าจะได้เป็นอย่างใจฝัน


++++++++++


เอสกับตี๋ยืนอยู่หน้าโปรแกรมการฉายหนัง และกำลังเลือกไม่ถูก “จะดูเรื่องไหนดีล่ะ?”

“ตี๋ไม่เอาหนังผี” แน่นอนว่าตี๋ไม่ดูหนังสยองขวัญ เพราะกลัวผีขั้นสุด ตอนนี้ก็เลยมีแต่หนังแอ๊คชั่นกับการ์ตูนให้เลือก ส่วนตัวเขาก็ไม่ได้ชอบดูหนังต่อสู้บู๊ล้างผลาญอะไรมากนัก แต่จะเลือกไปดูการ์ตูนก็เกรงใจอีกคน เพราะไม่รู้ว่าจะดูได้หรือเปล่า

“งั้นดูอะไรที่มันไม่หนักไปก็แล้วกันเนอะ” เอสหันไปบอก อีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบ

พอซื้อตั๋วได้ก็พากันไปนั่งฆ่าเวลารอหนังฉายที่ร้านไอศครีม เอสจำได้ว่าตี๋ชอบกินของหวาน พอลองถามดูน้องเองก็ไม่ปฏิเสธด้วย

“ดูหนังเสร็จแล้วจะไปไหนต่อรึเปล่า?”

“อืม” ตี๋อมช้อนไว้ในปากพลางคิด

เอสเห็นแบบนั้นแล้วก็ต้องชะงัก รู้สึกกระสับกระส่าย ใจไม่ค่อยดี เลยต้องเอื้อมมือไปกดแขนของตี๋ให้ช้อนหลุดออกมาจากปากอีกฝ่าย ตี๋มองหน้างง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น

“อย่าทำแบบนี้สิ ใจคอไม่ดีเลย”

“...” ตี๋ไม่เห็นเข้าใจว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะสื่ออะไรกับเขากันแน่  ถ้าดูจากสีหน้าของพี่เอสตอนนี้แล้วก็รู้สึกว่ามัน....ลามกชิบหาย

“ใจคอไม่ดีอะไร” ตี๋ถามห้วน

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก แฮะๆ”

“อะไรของพี่เนี่ย คืองี้ มีของที่ตี๋อยากได้อยู่ เอาไว้ทำงานอ่ะ”

“เดี๋ยวดูหนังเสร็จพี่พาไปซื้อ”

“แล้วพี่ล่ะ อยากไปไหน?”

“ไม่มีนี่” เอสส่ายหน้า

“อยากไปซื้ออะไรไหม”

เอสส่ายหน้าอีกรอบ “ไม่มี เดี๋ยวก่อนกลับไปซื้อของให้ป๊าแค่นั้น”

“เอ้า อะไรเนี่ย แล้วชวนออกมาทำไม”

“ก็แค่อยากใช้เวลากับเราแค่นั้นเอง”

ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ตี๋ก็หลบตาโดยอัตโนมัติ รู้สึกโมโหตัวเองที่ดันใจเต้นกับคำพูดเสี่ยว ๆ และรอยยิ้มอ่อนโยนของคนตรงหน้า เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะหวั่นไหวกับเพศเดียวกันได้ด้วย

“พี่นี่เสี่ยวชะมัดเลยว่ะ” ตี๋อดที่จะว่าเหน็บไม่ได้ คนอะไรเสี่ยวได้เสี่ยวดี นี่ถ้าหน้าตาไม่ดีคงดูเป็นเด็กแว๊นไปละ

“ฮะ ๆๆ พี่ก็เพิ่งจะรู้ตอนที่จีบเรานี่แหละ ว่าพี่เสี่ยวมาก”

“พี่มีแฟนมาแล้วกี่คนอ่ะ?” เพราะอีกฝ่ายพูดเหมือนเพิ่งจะเคยจีบใครเป็นครั้งแรก เขาเลยอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าที่ผ่านมาก่อนหน้าเอสเคยมีแฟนมาแล้วเท่าไหร่

เอสชะงักไปชั่วครู่ ดูท่าแล้วเหมือนจะไม่อยากตอบ เลยหาทางบ่ายเบี่ยง “ไอศครีมละลายแล้วแหนะ รีบกินสิ”

ตี๋ตักไอศกรีมเข้าปากตามที่อีกฝ่ายบอก ก่อนจะพูดต่อโดยที่พยายามไม่สนใจท่าทางของคนตรงข้าม “มีแฟนมาเยอะแล้วล่ะสิ”

“อ๊ะ ใกล้ได้เวลาหนังฉายแล้วนี่นา” เอสยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดูก่อนจะร้องบอก “ตี๋จะไปเลยไหม?”

เส้นเลือดที่ขมับของตี๋เต้นตุ๊บ ๆ ด้วยความที่หงุดหงิดกับท่าทีของอีกฝ่ายที่พยายามจะหลีกเลี่ยงการตอบคำถามของเขา ความจริงแล้วถ้าจะบอกว่าที่ผ่านมามีกี่คน เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก เพราะอีกฝ่ายก็อายุตั้งขนาดนี้แล้ว ถ้าจะมีก็ไม่แปลกอะไร แต่ที่หงุดหงิดก็เป็นเพราะว่าทำไมต้องปิดบังด้วย

เจ้าตัวหรี่ตามองเอส “ถ้าพี่ยังไม่ตอบก็ไม่ไปหรอก”

“แต่มันจะสายนะ”

“ไม่เป็นไร ผมไม่ดูก็ได้”

“เสียดายตังอ่ะ”

“แล้วมันเป็นอะไรพี่ถึงบอกผมไม่ได้”

พอเห็นหน้าตี๋ที่นิ่งแบบนี้แล้วเอสก็ยิ่งหัวหด

“ไม่ใช่บอกไม่ได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องราวที่น่าฟังหรอก” อดีตของเขามันไม่ได้สวยงาม ไม่อยากให้เด็กที่ดีแบบตี๋ต้องมารับรู้เรื่องราว...สกปรกของเขา

“อย่ามาตัดสินแทนนะ มันจะน่าฟังหรือไม่น่าฟัง ตี๋เป็นคนตัดสินเอง ไม่ใช่พี่” ตี๋พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดหนักแน่น

เอสเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาจากปาก มีท่าทีเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เป็นท่าทีที่ไม่ค่อยจะได้เห็นกันซักเท่าไหร่นัก เจ้าตัวเป็นคนที่เก็บอารมณ์ ถ้ามีปัญหาหรือมีอะไรในใจก็ไม่เคยพูดออกมาให้ใครได้ฟัง ซึ่งเป็นนิสัยที่ไม่ค่อยดี เพราะมันมักจะทำให้เป็นไมเกรนจากอาการเครียดสะสมอยู่บ่อย ๆ

“พี่ไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน” เอสหยุดสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองตี๋ อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีอะไร ทำเพียงแค่ตั้งใจฟังเขา “พี่มีแต่คู่นอน...ชั่วคราว”

จบคำพูดของเอสก็มีแต่ความเงียบปกคลุมทั้งคู่ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาต่อจากนั้น ทั้งสองคนนั่งเงียบท่ามกลางเสียงจอแจในร้านไอศครีม

เอสเงียบเพราะไม่มีอะไรจะต้องพูดหรือแก้ตัว ถ้าตี๋รับไม่ได้ เขาก็จะหยุด...หยุดมันทั้งหมด เขารู้ว่าการนอนกับใครไปทั่วมันไม่ใช่เรื่องที่ดี และก็ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะรับกับมันได้ เพราะแบบนี้เขาถึงไม่อยากจะบอกกับอีกฝ่าย แต่ก็นั่นล่ะ..ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดที่อยากจะมีแฟน ไม่ได้อยากมีคู่รัก ไม่อยากรักใคร เพราะถ้าต้องจากกันในวันใดวันหนึ่ง...

ไม่ว่าจะ...จากกันเพราะหมดรัก
หรือว่าจากกัน...ทั้งที่ยังรักกัน
ก็อย่ามีมันซะตั้งแต่แรกจะดีกว่า...


TBC…


 :L2:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.4 [up:22/04/2018]
«ตอบ #17 เมื่อ22-04-2018 20:04:31 »

งุ้ยยยย กำลังจะอมเปรี้ยวอมหวาน
แล้วถอยมาลงหม้อมาม่าซะงั้น ฮื่อออออ

รอตอนต่อไป
 :L2: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.4 [up:22/04/2018]
«ตอบ #18 เมื่อ22-04-2018 22:51:39 »

อดีตมันก็คืออดีตล่ะนะ
เอาใจช่วยพี่เอส
 :hao5:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.4 [up:22/04/2018]
«ตอบ #19 เมื่อ23-04-2018 00:53:08 »

คุงพี่!!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.4 [up:22/04/2018]
« ตอบ #19 เมื่อ: 23-04-2018 00:53:08 »





ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.5 [up:25/04/2018]
«ตอบ #20 เมื่อ25-04-2018 21:48:34 »



5




สิ้นคำพูดของเอสก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก คนอายุมากกว่าจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ตาโตสวยที่เคยมองตี๋แล้วทำสายตาวิบวับกลับหลุบต่ำลง หลังกว้างที่เคยผึ่งผายกลับเอนพิงเก้าอี้อย่างหมดแรง ตอนนี้เขารอแค่ว่าตี๋จะพูดอะไรออกมา ไม่รู้สึกกลัวอะไรอีก เพียงแค่รออย่างเงียบ ๆ พร้อมรับสถานการณ์ว่าอีกคนจะตัดสินใจยังไง

ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร...เขาก็พร้อมจะยอมรับมัน

ตี๋มองอีกฝ่ายเงียบ ๆ ไม่ใช่ว่าโกรธหรือรังเกียจอะไร เขาแค่กำลังคิดว่าทำไมพี่ชายที่แสนดีกับเขาคนนี้ถึงกลายเป็นแบบนั้นไปได้ แต่อีกใจหนึ่งก็เหมือนจะรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้อีกคนเปลี่ยนไปนั้นมันเกิดขึ้นจากอะไร

เขาไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เอสทำเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรทำ ในสายตาของเขามองว่ามันก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่ถ้าเป็นคนอื่นรู้เรื่องแบบนี้ของเอสเข้าก็คงจะตราหน้าว่ามั่วซักวันคงเป็นเอดส์ตาย และเขาก็ไม่อยากให้ใครมาว่าเอสแบบนั้น

...เอดส์เหรอ...

“เวลาพี่นอนกับใคร พี่ได้ป้องกันทุกครั้งหรือเปล่า?” ตี๋ถามขึ้นหลังจากที่คิดอะไรอยู่คนเดียวสักพัก

เอสเงยหน้ามองอย่างงุนงงก่อนจะตอบ “ทุกครั้งสิ”

“ฟู่ววววว” ตี๋ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เรื่องแบบนี้พลาดแค่ครั้งเดียวก็เสี่ยงแล้ว

“ถามทำไมเหรอ? หรือว่า...รังเกียจ”

“ถามอะไรแบบนั้นวะห๊ะ!!” คนถูกถามตวัดสายตามองด้วยความไม่พอใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวโมโหจนเผลอตวาดขึ้นเสียงดังพร้อมกับตบโต๊ะจนช้อนไอศกรีมร่วงกระทบพื้นดังเคร้ง จนโต๊ะข้างกันหันมามองเลิ่กลั่ก ไม่ต่างอะไรจากพี่ชายที่อยู่ตรงข้ามก็สะดุ้ง สีหน้าของตี๋น่ากลัวจนเด็กที่นั่งโต๊ะถัดไปเริ่มเบะปากจะร้องไห้ พอเจ้าตัวเห็นแบบนั้นจึงพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลง

“ตี๋ไม่ได้รังเกียจอะไรพี่ ตี๋แค่เป็นห่วง...พี่เห็นตี๋เป็นคนยังไงกันเนี่ยห๊ะ” ถึงน้ำเสียงจะเพลาลงแต่ก็ยังบ่งบอกถึงความไม่พอใจ รวมถึงสีหน้าของตี๋ยังคงมีรอยของความโกรธปรากฏอยู่บนใบหน้า

เอสจ้องหน้าน้อง ก่อนจะเผยยิ้มบางออกมาพร้อมกับหัวใจที่มันเต้นแรงขึ้นด้วยความยินดี “พี่รู้ว่าเราเป็นคนใจดี...ขอบคุณนะที่เป็นห่วง”

“วันหลังอย่าพูดดูถูกตัวเองแบบนี้อีกนะ” ตี๋พูดน้ำเสียงตัดพ้อ

“ไม่แล้วล่ะ พี่จะไม่พูดอีกแล้ว” เอสรับปาก

“ห้ามทำแบบนั้นอีกแล้วนะ” เขาหมายถึงการนอนกับใครไปทั่ว

“อื้ม ไม่ทำแล้ว” เอสยิ้มขำกับท่าทางอ้อนของคนตรงข้าม ที่ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนจะบังคับเขา แต่สายตาและน้ำเสียงนี่อ้อนเต็มพลัง

“แล้วอย่าลืมไปตรวจเลือดด้วยอ่ะ”

“ครับผม”

“เฮ้ออออออออออ” ตี๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่ออีกฝ่ายรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ เอนหลังพิงเก้าอี้ “ดูดิไอศครีมละลายหมดแล้ว” พูดพลางมองถ้วยไอศครีมตรงหน้าด้วยท่าทีเสียดาย

“หนังก็เริ่มไปครึ่งชั่วโมงแล้วด้วย” เอสพูดหลังจากยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา

“ไปจ่ายเงินกันเถอะ” ตี๋บอกพร้อมกับลุกขึ้น เอสก็ลุกตามพร้อมกับหยิบใบเสร็จตรงไปจ่ายเงินที่เค้าท์เตอร์ให้เรียบร้อย

“ซื้อของกัน” เอสยื่นมือไปให้คนที่ยืนรออยู่หน้าร้านจับ เขาอยากจะลองใจอีกฝ่ายดูว่าจะกล้าจับมือเดินในที่สาธารณะกับเขาหรือไม่ ในตอนนี้ใจของเขามันยังคงรู้สึกปวดแปลบจากเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ อาจจะต้องใช้เวลาในการเยียวยาสักหน่อยจึงจะกลับไปเป็นดังเดิม

...ขอแค่มีเด็กคนนี้อยู่ข้างกัน...

ตี๋ก้มลงมองฝ่ามือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้า เงยหน้าขึ้นมองเอสที่ส่งยิ้มมาให้...แต่กลับสัมผัสความสุขจากอีกฝ่ายไม่ได้เลย เขาก้มลงมองฝ่ามือนั้นอีกครั้ง จ้องมันอย่างชั่งใจ เขารู้สึกว่าถ้าไม่จับมือของอีกฝ่ายไว้ให้แน่น...เอสอาจจะหายไปได้ทุกเมื่อ ไม่รู้ว่าทำไมพี่ชายของเขาในตอนนี้แววตาคู่สวยนั้นมันถึงดูเศร้าราวกับคนละคนที่เขาคุ้นเคย เหมือนกับเอสคนที่ร่าเริงคนนั้นกำลังจะหายไป

มือขาวตัดสินใจจับมือกว้างที่ยื่นมาตรงหน้า ทำเอาอีกฝ่ายตกตะลึง คงจะคิดว่าเขาไม่กล้าจับมือล่ะมั้ง

“ไปเถอะ ต้องไปซื้อใบคัตเตอร์อีก” ตี๋บอก

เอสก็ฉีกยิ้มกว้าง แล้วก็ก้าวขาเดินตามแรงดึงของเด็กตรงหน้าไปด้วยหัวใจที่เป็นสุข ถึงแม้ว่าบางทีมันอาจจะเป็นแค่ความใจดีของตี๋ ทั้งที่อีกคนอาจจะไม่ได้คิดเหมือนกันกับเขาก็ตาม แต่สิ่งที่อีกคนแสดงออกมา...แค่นี้มันก็ดีสำหรับเขามากแล้ว

ระหว่างที่เดินไปร้านเครื่องเขียนชื่อดัง ต่างก็มีคนเหลือบมองทั้งสองคนเป็นระยะตลอดทาง อาจจะเป็นเพราะมือที่ประสานกันอยู่และทั้งคู่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ค่อยคุ้นชินของสังคมซักเท่าไหร่ แต่ตี๋ก็หาได้แคร์ไม่ ชีวิตนี้เขาไม่เคยแคร์สายตาของคนภายนอก ที่เขาสนก็มีแค่คนที่เขารักเพียงเท่านั้น



++++++++++



พอได้เข้ามาในร้านหนังสือ ทั้งสองคนก็หายไปในมุมที่ตัวเองต่างก็ชอบ ในตอนนี้เอสที่เริ่มผ่อนคลายจากความตึงเครียดที่ผ่านมา เลยทำให้มีกะจิตกะใจดูหนังสือที่สนใจอยู่ ช่วงนี้เขากำลังสนใจเรื่องการทำอาหารและขนมต่าง ๆ ก็เลยจมอยู่กับมุมตำราอาหารและขนม

ส่วนตี๋ตอนแรกก็ไปเลือกพวกเครื่องเขียนที่จะต้องใช้ในการเรียน ก็เลือกมาได้จำนวนหนึ่ง แต่พอหันไปเห็นว่าเอสกำลังตั้งใจเลือกหนังสืออยู่เขาก็ไม่อยากจะกวน เลยพาตัวเองไปดูหนังสือบ้าง ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ซื้อเข้าบ้านอีกถ้ายังอ่านกองที่ดองไว้ไม่หมด แต่ไหน ๆ ก็เข้ามาเเล้ว เลยเดินดูซักหน่อยว่ามีอะไรออกใหม่น่าสนใจบ้าง

“อ้าว ไอ้ตี๋”

ตี๋เงยหน้าขึ้นเมื่อโดนเรียกจากเสียงที่คุ้นเคย หันไปก็เจอกับภาคเดินยิ้มแป้นเข้ามาหา

“มากับใครวะมึง?” ภาคกอดคอถามตี๋

“อ๋อ เอ่อ...มากับพี่”

“พี่ห่าอะไร ทำไมถึงต้องทำท่ามีพิรุธด้วยวะ” ภาคย้อนถามอย่างสงสัย ปกติไอ้ตี๋มันเป็นคนพูดจาฉะฉาน ถ้าไม่บอกก็คือไม่บอก แต่นี่อะไร ทำไมต้องพูดตะกุกตะกักด้วย ท่าทีก็ลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ มองเหมือนระวังอะไรอยู่

แต่ตี๋ที่ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรเพื่อนไป เอสก็เดินเข้ามาพอดี

“มีอะไรกันน่ะ?”

เอสถามพลางเหลือบมองภาคที่โอบไหล่ตี๋อยู่อย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่ก็เป็นโชคดีที่เขาเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง ไม่ค่อยมีใครจับได้สักเท่าไหร่หรอก แต่ก็ต้องยกเว้นตี๋ไว้คนหนึ่ง ไม่รู้ทำไมถึงจับกระแสอารมณ์ของเขาได้เสมอ

“เปล่าซะหน่อย” ตี๋บอกสะบัดตัวออกจากเพื่อนรัก

“เหรอ”

“ใครวะ?” ภาคเข้าไปยืนเบียดกับเพื่อนอีกรอบแล้วกระซิบถาม

“ก็บอกว่าพี่” ตอบสีหน้าน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด รำคาญเพื่อนตัวดี

“พี่มึงไม่ใช่คนนี้นี่” เขาเคยเห็นเฮียเฟยพี่ชายของตี๋ ไม่ใช่คนนี้แน่ ๆ แถมพี่คนนี้ยังหล่อกว่าเยอะเลย ตาโตสวยเหมือนตากวาง ตัวสูงใหญ่ รูปร่างดี ผิวก็ไม่ได้ขาวเท่ากับตี๋หรือเฮีย คนละเรื่องกับเฮียเฟยเลยด้วยซ้ำ เพราะขานั้นกับเพื่อนของเขานี่หน้าตาเหมือนกันยังกับแกะ แต่อีกฝ่ายจะตัวเล็กกว่าน้องเล็กน้อย

ตี๋ตวัดสายตามองเพื่อนด้วยความหงุดหงิด แล้วด่ามันอยู่ในใจ

...เสือกแม่งทุกเรื่อง…

“เพื่อนตี๋เหรอ” ด้วยความที่เป็นคนอัธยาศัยดี เอสเป็นฝ่ายถามภาคก่อน

“ครับ ผมชื่อภาคเป็นเพื่อนที่มหาลัยของตี๋มัน สวัสดีครับ” ภาคตอบยิ้มแห้ง แล้วยกมือไหว้

เอสรับไหว้ “พี่ชื่อเอส เป็นพี่แถวบ้านของตี๋น่ะ”

“อ๋ออออ” ภาคตอบรับเสียงยาวจนน่าหมันไส้

“พี่เลือกเสร็จแล้วเหรอ” ตี๋ถามตัดบทก่อนที่ไอ้ภาคจะได้กวนประสาทเขาต่อ

“อืม เรียบร้อยแล้ว เราล่ะ?”

“ได้แล้ว ไปคิดเงินกัน กูไปก่อนนะ ไว้เจอกัน” ตี๋บอกลาเพื่อนเร็วจนอีกฝากไม่มีโอกาสได้แทรก เจ้าตัวคว้าแขนของเอสเดินออกไปทันทีโดยไม่รอว่าเพื่อนของตนจะพูดอะไร

ภาคยืนงง ยังไม่ทันจะได้บอกลาเพื่อน มันก็เดินลิ่วไปโน่นแล้ว แต่เขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในตัวสองคนนั้น จากเซ้นส์ของเขาแล้ว มันต้องมีซัมทิงอะไรบางอย่างแน่นอน เริ่มจากไอ้เพื่อนตัวดี..มันนี่แหละทำตัวมีพิรุธที่สุด แถมเขายังแอบเห็นนะว่าไอ้ตี๋มันจับข้อมืออีกฝ่ายเดินออกไปด้วย แล้วไหนพี่เอสอะไรนั่นก็มองเพื่อนของเขาตาหวานเชียว แถมพี่น้องอะไรมันจะพูดจากันด้วยน้ำเสียงแบบนั้นล่ะ

ที่สำคัญคือตอนที่เขากอดไหล่ตี๋ ไอ้พี่เอสนี่มองเขาตาขวางเลย

...ไอ้ตี๋ มึงเสร็จกูแน่ หึหึ…



++++++++++



“เหลือเวลาอีกเยอะเลย จะไปไหนต่อหรือเปล่า” เอสถามหลังจากที่ออกมาจากร้านหนังสือ

“ไม่ล่ะ พี่ไปซื้อของให้ป๊าแล้วกลับกันเลยก็ได้”

เอสพยักหน้าตอบแล้วยิ้ม ขายาว ๆ กำลังจะก้าวเดินนำไป ถ้าไม่มีเสียงจากอีกฝ่ายทักขึ้นมา

“ไม่อยากให้ตี๋จับมือเดินแล้วเหรอ”

“ถ้าได้ก็ดีนะ”

“อืมม ไม่เอาอ่ะ” ตอบเสร็จก็เดินนำอีกคนออกไปเลย รอบนี้ที่กล้าปฏิเสธออกไปก็เพราะอีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่มีความขี้เล่นแอบแฝงอยู่ แสดงว่าความขุ่นมัวในจิตใจมันเริ่มที่จะจางออกไปแล้ว ตี๋เลยเลือกที่จะปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายมีความหวังกับตนมากเกินไป เพราะเวลาที่ผิดหวังมันจะเจ็บมาก แล้วเขาก็ไม่อยากให้เอสต้องเจ็บอีก

พอกลับถึงบ้าน ตี๋ก็ช่วยหิ้วของไปเก็บให้เรียบร้อย เนื่องจากกลับมาทันก่อนมื้อเย็น เอสเลยต้องทำกับข้าวพร้อมมีลูกมือเป็นคนตัวขาวที่อยู่ด้วยกันมาทั้งวันอาสาจะช่วย

“ตี๋ทำกับข้าวเป็นเหรอ?” เอสถามพลางคุ้ยของในตู้เย็นออกมากองบนโต๊ะ เย็นนี้เขาวางแผนจะทำต้มจืดไข่น้ำใส่ผักตั้งโอ๋ ปลากะพงทอด แล้วก็ไข่ตุ๋นของโปรดตี๋ เพราะตี๋กับป๊าของเขากินเผ็ดไม่ได้เลย ส่วนตัวเขาเองที่ชอบกินอาหารรสจัดเลยต้องปรับตัวมากินแบบนี้ แล้วเสริมด้วยการซอยพริกขี้หนูใส่จานของตัวเองแทนเวลาที่อยากกินรสเผ็ด

“เหอะ ไม่เป็นอ่ะ” เจ้าตัวส่ายดัวดิ๊กเป็นคำตอบทำเอาเอสขำพรืด

“แล้วแบบนี้จะช่วยพี่ได้ยังไงล่ะ” ถามน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“นั่งเป็นเพื่อนแทนก็ได้” ตี๋ลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้ามเอสที่กำลังแล่ปลาอย่างคล่องแคล่ว พลางคิดว่าพี่เอสนี่เก่งจัง ทำเป็นทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือขนม งานบ้านก็ไม่บกพร่อง ถ้าคนตรงหน้าเป็นผู้หญิง เขาก็คงจะไม่คิดมากเหมือนอย่างที่เป็นนี้แน่ ๆ

“วันนี้พี่จะทำอะไรบ้างเหรอ” ตี๋ชวนคุย เพราะรู้ว่าอารมณ์ของเอสยังคงไม่ปกติตั้งแต่คุยกันในร้านไอศครีม ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะคลายไปเยอะแล้ว แต่มันก็คงจะยังมีตะกอนตกค้างอยู่ในหัวใจอยู่บ้างแน่

“แกงจืด ปลาทอด แล้วก็ไข่ตุ๋น”

“ดีจัง ไม่ได้กินไข่ตุ๋นมาตั้งนานแล้ว” ตี๋พูดยิ้มตาหยี

เห็นแบบนั้นแล้วเอสก็พลอยยิ้มไปด้วย แต่เพราะยังคงปรับอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติไม่ได้ และเขาเองก็รู้ว่าตี๋กำลังพยายามทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมอยู่ อีกฝ่ายไม่ได้เปลี่ยนไปจากตอนเด็ก ๆ เลย

พอเป็นแบบนี้แล้วก็ทำให้เขานึกถึงเรื่องในสมัยก่อน ถ้าวันไหนป๊ากับแม่ทะเลาะกัน เขามักจะแอบนอนร้องไห้เสมอ ถึงภายนอกเขาจะดูเหมือนเป็นคนเข้มแข็งแต่ภายในบอบช้ำแค่ไหนนั้นไม่มีใครรู้

แต่น่าแปลก...เวลาที่คนตรงหน้ามาค้างบ้านของเขา เด็กคนนี้มักจะรู้เสมอว่าตัวเขานั้นมีเรื่องที่ไม่สบายใจ เขามักจะรอให้ตี๋หลับก่อนแล้วถึงจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา เพื่อปลดปล่อยอารมณ์ที่เก็บเอาไว้แล้วบอกใครไม่ได้

...ทั้งที่ไม่น่าจะมีใครรู้ แต่ก็มีเพียงคนเดียว

ทั้ง ๆ ที่หลับไปแล้ว แต่ตี๋ก็จะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเสมอ...

‘เฮียเอสเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม โอ๋ ๆๆ ไม่ร้องน้า เดี๋ยวตี๋จะโอ๋ ๆ เฮียเอสเองน้า’

มือเล็ก ๆ ที่เอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้...เขายังจำได้ดี
อ้อมกอดเล็ก ๆ ที่กอดเขาให้หลับได้อย่างสบายใจ...เขาก็ยังจำได้
ใบหน้าเล็กที่ซุกลงแนบกับอกของเขา แล้วหลับไป...เขาก็ไม่เคยลืม
ตี๋เป็นคนสำคัญของเขาเสมอมา...ไม่เคยเปลี่ยนไป

เอสจมอยู่กับเรื่องในอดีตดวงตาคู่สวยดูเลื่อนลอย มือที่กำลังหั่นปลาอยู่หยุดนิ่งไม่ไหวติง ตี๋เห็นแบบนั้นจึงลองส่งเสียงเรียกดู แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคนตรงหน้าจะได้ยิน มือขาวโบกไปมาที่ด้านหน้าของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ จนเขาเริ่มเป็นกังวล ด้วยไม่เคยเห็นเอสเป็นแบบนี้มาก่อน เจ้าตัวจึงลุกขึ้นไปเขย่าตัวของเอสให้ได้สติ

“ห๊ะ” คนพี่สะดุ้งหันมามองหน้าคนที่ยืนทำหน้ามุ่ยอยู่ข้าง ๆ

“หลับรึไง?” ตี๋ถาม

เอสอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะตอบ “คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ”

“มาคิดอะไรเอาตอนที่ถือมีดอยู่ น่ากลัวนะ”

“โทษที” เอสหัวเราะแฮะ ๆ ก่อนจะลงมือแล่ปลาต่อ

ใช้เวลาไม่นานกับข้าวก็เสร็จเรียบร้อย ตี๋โดนเอสใช้ให้ไปเรียกป๊ามากินข้าวด้วยกัน ตี๋ก็เดินไปตามอย่างว่าง่าย เขาเห็นป๊าพี่เอสงีบหลับอยู่ที่โซฟาเอนหน้าทีวีแล้วก็เกรงใจ ไม่รู้จะทำยังไงดี เลยก้าวขายาว ๆ เดินเร็วกลับไป

“ป๊าพี่หลับอยู่อ่ะ ทำไงดี” ถามสีหน้าเป็นกังวล

“เรียกไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก” เอสบอกพลางจัดโต๊ะกินข้าวไปด้วย

“ตี๋ไม่กล้าอ่ะ พี่ไปเรียกเหอะนะ”

“โอเค ๆ ตี๋ไปยกข้าวที่พี่ตักออกมาให้ทีนะครับ”

ตี๋พยักหน้าแล้ววิ่งเข้าครัวไปด้วยความรวดเร็ว เอสมองตามขำ ๆ แล้วถึงเดินไปเรียกป๊าให้ตื่นขึ้นมากินข้าวแล้วจะได้กินยา เดินกลับมาอีกทีก็เห็นตี๋นั่งรอที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว พอเจ้าตัวสบตากับคนอายุมากก็ส่งยิ้มแหย ๆ ไปให้ด้วยความประหม่า ปนไปกับการกลัวว่าจะโดนแซวอะไรอีกด้วย

“ป๊า เอสว่าจะลาออกจากบริษัทนะ” จบประโยคทั้งป๊าและตี๋ก็หันไปมองหน้าคนพูดด้วยความตกใจ

“ออกทำไมวะ?” ป๊าเอ่ยถาม เขาไม่คิดว่ามันจะออกจริง ๆ

“เอสเป็นห่วงป๊า แล้วพอดีกับที่เบื่องานที่นั่นแล้วด้วย”

“อย่ามาอ้างว่ามึงเบื่อเลย แล้วจะออกมาขายน้ำเต้าหู้เหมือนกูเนี่ยนะ มึงเรียนมาตั้งสูง จะมาลำบากเหมือนกูไปทำไม”

“ลำบากอะไรกัน ป๊ายังขายน้ำเต้าหู้ส่งเสียเลี้ยงเอสมาได้เลย”

“ไม่ กูจะไม่ให้มึงมาขายน้ำเต้าหู้นี่แน่นอน” คนเป็นพ่อปฏิเสธเสียงแข็ง

“ป๊า!” เอสร้อง

ป๊าก้มหน้ากินต่อไม่สนใจลูกชายของตัวเองที่กำลังอารมณ์เสียเพราะโดนขัดใจ ส่วนตี๋ก็เลือกที่จะนั่งเงียบ เพราะรู้ว่านี่เป็นเรื่องในครอบครัวไม่ใช่เรื่องของตัวเอง และก็ไม่มีความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย แต่เขาก็เข้าใจว่าทั้งสองคนต่างคนต่างก็เป็นห่วงกันและกัน

“งั้นเอสย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่นี่ได้ไหม?”

หลังจากที่นั่งเงียบไปสักพักเพราะกำลังคิดหาทางอยู่ ลูกชายคนเดียวก็ถามขึ้น เนื่องจากในตอนนี้หน้าที่การงานของเขาอยู่อีกจังหวัด แต่บริษัทที่เขาทำอยู่นั้นมีสาขาแม่อยู่ที่นี่ ถ้าทำเรื่องขอย้ายมาก็คิดว่าคงจะไม่ยากอะไร เพราะงานที่เขาทำอยู่มันก็ใช้กับทุกสาขาอยู่แล้ว

“แต่ขออะไรอย่าง เอสขอให้ป๊าหยุดขายน้ำเต้าหู้นี่เถอะนะ”

เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ตั้งแต่ขายมานานหลายปี เขาไม่เคยเห็นคนเป็นพ่อรักษาสุขภาพตัวเองเลยสักครั้งเดียว ไม่เคยไปตรวจร่างกาย ตอนนี้ยังถือว่าโชคดีที่ไม่มีโรคอะไรแฝงอยู่ เพราะเขาพาไปตรวจมาแล้วเรียบร้อยก็ไม่ได้พบอะไรเป็นพิเศษ นอกจากโรคคนแก่ทั่วไป

คำพูดของเอส ถึงแม้จะดูเหมือนคำขอ แต่เจตนาของมันคือการยื่นคำขาดซะมากกว่า อย่าว่าแต่ป๊าตกใจเลย ตัวตี๋เองก็ตกใจไม่แพ้กัน เพราะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายจริงจังขนาดนี้ อีกใจก็แอบเสียดาย เขากินน้ำเต้าหู้ร้านนี้มาตั้งแต่จำความได้ แต่ก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายอายุเยอะมากแล้ว ครั้งนี้แค่หลังยอก แต่ถ้ายังฝืนทำอีกแล้วมันกลายเป็นล้มหัวฟาดพื้นขึ้นมาจะทำยังไง

“มึงนี่มัน…” คนเป็นพ่อหมดคำจะพูดกับความดื้อของมัน

“เอสก็เหมือนป๊านั่นแหละ แม่ว่าให้ฟังบ่อยแล้ว”

“เออ!” เขายอมรับ ใช่ ที่มันนิสัยเหมือนเขา ถึงแม้มันจะหน้าตาไปทางแม่มันมากกว่า แต่นิสัยนี่ได้จากเขาไปเต็ม ๆ

“แล้วสรุปป๊าจะเอาไง”

“ตามใจมึง” พูดจบก็ตักน้ำแกงจืดซดเสียงดัง ก่อนจะพูดต่อเมื่อนึกได้ “มึงก็ไปบอกอากงอาม่าแถวนี้เองแล้วกันว่ามึงจะเลิกขายแล้ว เตรียมคำพูดไปดี ๆ ด้วยล่ะ”

เอสยิ้มออกมาเมื่อผลเป็นดั่งใจ “ครับ เดี๋ยวเอสจัดการเอง”

เขาไม่คิดว่าคนอายุมากแถวนี้จะเป็นปัญหา เพราะตั้งแต่เขาเข้ามาทำแทนป๊า ถึงแม้น้ำเต้าหู้ของป๊ามันจะอร่อยจริง ๆ  แต่ก็ได้เห็นว่าการมากินน้ำเต้าหู้กันที่นี่เป็นเหมือนการรวมพล พบปะ พูดคุยกันตามประสาคนแก่เสียมากกว่า ไม่มีอะไรที่จะอยู่ยั่งยืนไปได้ทุกอย่างหรอก งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา และวันนั้นก็ต้องมาถึงสักวัน



TBC...


เนื้อเรื่องอาจจะดูเรื่อยเปื่อยจนดูน่าเบื่อ

แต่เราตั้งใจว่าจะให้ออกมาแบบนี้ค่ะ

ขอบคุณที่ชอบและติดตามนะคะ

 :L2:


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.5 [up:25/04/2018]
«ตอบ #21 เมื่อ25-04-2018 23:57:27 »

 :L2: :L1: :pig4:

ทำไมเราได้กลิ่นดราม่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-04-2018 19:06:43 โดย Billie »

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.5 [up:25/04/2018]
«ตอบ #22 เมื่อ27-04-2018 02:21:04 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.5 [up:25/04/2018]
«ตอบ #23 เมื่อ27-04-2018 09:53:58 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.5 [up:25/04/2018]
«ตอบ #24 เมื่อ27-04-2018 13:04:20 »

ดีที่คุณป๊ายอมพัก เอสทำถูกแล้วล่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.5 [up:25/04/2018]
«ตอบ #25 เมื่อ27-04-2018 16:52:10 »

เรื่อยๆเปื่อยๆก็ไม่เป็นไร ขออย่าดราม่าหนักหน่วงใจมากก็พอ ภูมิต้านทานไม่ค่อยดี

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.6 [up:29/04/2018]
«ตอบ #26 เมื่อ29-04-2018 21:40:45 »

CH.6




“หวัดดีเพื่อน!”

ภาคทักทายตี๋ทันทีที่เจ้าตัวเดินมาถึงโต๊ะ แต่มันแปลกตรงที่ร้อยวันพันปีมันไม่เคยทักทายเขาแบบนี้ แล้วแถมยังทำหน้ายักคิ้วหลิ่วตาใส่เขาแบบกวนตีนอีกต่างหาก

“หน้ามึงเป็นเหี้ยอะไร” ตี๋ว่าพลางเอากระเป๋าสะพายวางลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งลง

“เปล๊า”

“ถ้ามึงยังไม่หยุดทำหน้ากวนตีน กูจะเอาตีนลูบหน้ามึงตรงนี้แหละ”

“แหม ๆๆ ขอโทษ ๆ”

“พวกมึงมีอะไรกันเนี่ย” กลอยถามหลังจากมองตี๋สลับกับภาคไปมาอย่างสงสัยว่าพวกมันสองคนมีอะไรกัน

“กูไม่มี แต่อีกคนน่ะมีแน่~~” ภาคทำเสียงจีบปากจีบคออย่างน่าหมันไส้ แถมยังสะบัดหางเสียงมาทางตี๋จนเจ้าตัวหางคิ้วกระตุกด้วยความหงุดหงิด

“มีอะไรมึงก็พูดมาเลยอย่ามาท่ามาก” ตี๋ว่าคิ้วขมวด

“โอเค ๆ” ภาคยกมือขึ้นยอมแพ้ ก่อนจะเปิดปาก “คนที่มึงเดินไปด้วยเมื่อวานเป็นอะไรกับมึงกันแน่ครับเพื่อน”

ตี๋ชะงัก ไม่คิดว่ามันจะมาตรงประเด็นขนาดนี้ “ก็บอกแล้วไงว่าพี่”

“กูว่าไม่ใช่”

“ก็บอกว่าพี่ไง”

“ไม่ใช่ม๊าง”

“บอกว่าใช่ไง”

“พี่ที่ไหนกันที่เวลาเห็นกูกอดไหล่มึงแล้วถึงต้องมองหน้ากูแบบไม่พอใจด้วยครับ” ภาคย้อนตรงประเด็นจนเพื่อนกลอยนั่งอ้าปากค้างหันไปมองตี๋ทันควันหลังจากภาคพูดจบประโยค

ตี๋อ้าปากจะเถียง แต่เพื่อนตัวดีก็พูดขัดขึ้นมาอีก

“แถมพี่มึงก็ไม่ใช่คนนี้ด้วย ลืมแล้วรึไงว่ากูก็รู้จักกับพี่มึงนะ”

“ก็พี่ข้างบ้านไงวะ” เจ้าตัวก็ยังคงยืนยัน ถึงแม้ว่ามันจะดูจนมุมเข้าไปทุกทีแล้วก็ตาม อันที่จริงแล้วเขากับอีกคนที่กำลังเป็นประเด็นก็ไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ นี่หว่า แล้วจะให้ตอบว่าอะไรล่ะ

“พี่ที่ไหนจะมองมึงตาเชื่อมขนาดนั้น”

ตี๋ตาโตก่อนจะตอบเสียงสูง “กูจะไปรู้เขาเรอะ!”

“มีพิรุธจริง ๆ ด้วย” กลอยเป็นฝ่ายพูดบ้างหลังจากที่สังเกตการณ์มาพักหนึ่ง

“ตรงไหน” คนโดนกล่าวหาหันไปถามทันที

“ก็...ปกติมึงไม่ใช่คนแบบนี้นี่หว่า ทุกทีมึงจะไม่พูดแถไปมาแบบนี้”

เจ้าตัวรู้สึกเหมือนโดนเพื่อนกระโดดถีบเข้ากลางหน้า ก็อย่างที่กลอยว่า ปกติแล้วเขาเป็นคนที่พูดตรง ไม่ค่อยมีอะไรในใจซักเท่าไหร่ แต่ถ้าเรื่องอะไรที่ไม่คิดจะพูดก็ไม่พูดเลย ให้ง้างปากเท่าไหรก็ไม่ปริปาก

ยกเว้น...ถ้ามันมีอะไรที่อยากจะพูด แต่มันพูดไม่ได้ เขาก็จะแสดงอาการออกมาแบบนี้ อย่างที่กลอยเรียกว่าแถนั่นล่ะ

“โอเค กูยอมพวกมึง” ตี๋มีสีหน้าหน้าเซ็ง ในขณะที่เพื่อนทั้งสองรอฟังว่าเขาจะพูดอะไร ยิ่งไอ้ภาคเพื่อนตัวดีขี้เสือกนี่หูผึ่งเต็มที่ เขาหันไปมองค้อนมันด้วยความหงุดหงิด มันกลับฉีกยิ้มใส่จนเขาอยากจะตบหัวมันสักฉาด

“พี่เขาไม่ได้เป็นอะไรกับกูทั้งนั้นแหละ” ตี๋พูดความจริง

...ซึ่งก็ไม่ใช่ทั้งหมด

“แล้ว...” ภาคคาดคั้นต่อ เขาไม่เชื่อว่านั่นคือทั้งหมด มันต้องมีอะไรที่เพื่อนของเขามันยังไม่พูดอีกแน่นอน

“แล้วห่าอะไร” ตี๋หันไปพาลใส่ไอ้เพื่อนตัวดีที่เป็นตัวต้นเรื่องทำให้เขาต้องมาเผชิญหน้ากับอะไรแบบนี้

เจ้าตัวยกยิ้มมุมปากก่อนจะบอก “พี่เขาจีบมึงว่างั้นเหอะ”

“เสือก! รู้ดี!” ตี๋แว๊ดเข้าให้ เพื่อนทั้งสองคนนั่งหัวเราะปฏิกิริยาน่ารัก ๆ ของตี๋ที่เขาทั้งคู่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“แสดงว่าจริงน่ะสิ?” กลอยถามด้วยความตื่นเต้น เพราะตั้งแต่คบกันมาเขาไม่เคยเห็นใครเข้ามาจีบเพื่อนของเขามาก่อนเลย

คนโดนถามถอนหายใจก่อนจะตอบ “อืม จะว่าอย่างนั้นก็ได้”

“แต่ที่เด็ดกว่านั้นนะมึง” ภาคหันไปสะกิดกลอย “พี่คนนี้เขาเป็นผู้ชายโว้ย”

คนที่เพิ่งรู้ความจริงอีกข้อหันมาหาตี๋ด้วยหน้าตาตกตะลึง ตาโต ปากอ้าหวอมาก่อนที่จะเปล่งเสียงออกมา “โหหหหหห!”

“ปากมากนะ ไอ้สัด!” มือขาวฟาดลงที่กลางกระบาลเพื่อนรักเน้น ๆ เต็มรัก

“ไอ้สัด เจ็บ!”

“สม! โทษฐานปากมาก”

“แล้วเขาจีบมึงมานานยัง” กลอยถามต่อด้วยความอยากรู้

“สักพัก แต่รู้จักกันมานานแล้ว ตั้งแต่กูยังเด็ก”

“อย่าบอกว่าพี่เขาชอบมึงมาตั้งแต่เด็กนะ”

ตี๋หันไปมองภาคแบบไม่ชอบใจนัก ที่มันดันรู้ดีไปเสียทุกเรื่อง ราวกับว่ามันมีญาณทิพย์มาตั้งแต่เกิด แล้วที่พูดก็ดันถูกซะอีก มันเลยทำให้เขาทั้งหงุดหงิดทั้งเขินที่จะตอบเรื่องพรรคนี้ของตัวเองด้วย

“เสือก เรื่องตัวเองน่ะหัดรู้บ้างนะมึงน่ะ”

ภาคยักไหล่หาได้แคร์กับคำด่าของตี๋

“วันหลังพามาให้กูเห็นหน้าบ้างสิ”

ตี๋เหลือบตามองกลอยหน้านิ่ง ไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไรถึงจะต้องพามาให้มันเห็นหน้าด้วย ตาชั้นเดียวกระพริบปริบ ๆ ไม่รู้จะโต้ตอบยังไงดี โชคเข้าข้างที่พวกเขาจะต้องเข้าเรียนพอดี เลยทำให้ต้องจบประเด็นนี้ไป




++++++++++




“เย็นนี้ไปกินไรกันดีวะ” ตี๋ถามตอนที่กำลังเดินออกจากห้องเรียน ในเวลาบ่ายสามนิด ๆ โชคดีที่วันนี้เลิกเรียนเร็ว เลยมีเวลาไปเดินเล่นหาอะไรกินกัน

“กูอยากกินชาบูว่ะ ไม่ได้กินมานานแล้ว” กลอยบอก

“ดี กูกำลังหิว” ภาคลูบท้องตัวเอง ถึงมันจะผ่านมื้อเที่ยงมาแค่สามชั่วโมง แต่น้ำย่อยเขามันก็เริ่มทำงานอีกแล้ว

“งั้นไปกินที่ร้านxxxกันดีกว่า” กลอยเสนอ

“เออ” ตี๋ตอบรับ พอดีกับโทรศัพท์ของเจ้าตัวสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง เขาหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเอสเป็นคนโทรเข้ามา

“ขอกูรับโทรศัพท์ก่อน” ตี๋เดินออกไปคุยโทรศัพท์อีกทาง “ฮัลโหล”

(เลิกเรียนหรือยัง?) ปลายสายถามน้ำเสียงดูอารมณ์ดีจนตี๋เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“เลิกแล้ว กำลังจะไปหาอะไรกินกับเพื่อน”

(อ่าว)

“อย่าบอกว่ามารับตี๋นะ?” เขาถามกลับทันทีที่อีกฝ่ายอุทานออกมา

(จอดรถอยู่หน้าคณะแล้วเนี่ย) เอสบอก ส่วนเรื่องที่ว่าตี๋เรียนอยู่ที่ไหน เรียนวันไหนบ้างและเลิกเรียนตอนไหน เขาจดไว้เรียบร้อย

“วันนี้จะมาก็ไม่บอกล่วงหน้า”

(โทษที พอดีวันนี้พี่ไปบริษัทมาน่ะ)

“รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวตี๋ลงไปหา”

(ครับ)

เขากดวางก่อนจะเดินกลับมาหาเพื่อนทั้งสองคนที่รออยู่ มีลางว่าความปรารถนาของพวกมันจะเป็นจริง..อะไรมันจะเร็วขนาดนี้

“โทษที กูไปด้วยไม่ได้แล้วว่ะ”

“อ้าว?” กลอยร้อง

“พอดีพี่มารับ มาถึงแล้วด้วย”

“งั้นพวกกูขอติดรถไปด้วยละกัน” ภาคบอกยิ้ม ๆ เจ้าตัวนึกว่าคนที่มารับคงจะเป็นเฮียเฟย ไหน ๆ ทางกลับก็ต้องผ่านหน้าห้างอยู่แล้ว สบายไป จะได้ไม่ต้องเดินให้เมื่อยแถมอากาศยังร้อนอีก

“เอ่อ...” เขาอยากจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดีให้มันถนอมน้ำใจและดูไม่มีพิรุธที่สุด ไอ้พี่เอสนี่ยังไง มาไวเหมือนรู้ว่ามีคนรออยากจะเห็นหน้า

“ทำไม? มีปัญหา?” ภาคย้อนถามท่าทางกวน ๆ

“เปล่า ไม่มีอะไรนี่”

ช่างแม่ง เป็นไงเป็นกันวะ...เจ้าตัวคิด ก่อนจะก้าวขาเดินนำเพื่อนออกไป

เดินออกมาพ้นตัวตึกก็เจอกับเจ้าตัว(ปัญหา)พอดี เจ้าตัวยืนรออยู่อย่างเด่น ตี๋ที่เดินนำเพื่อนทั้งสองคนอยู่ไม่เห็นว่าพวกมันทำหน้ายังไงที่เห็นว่าคนมารอรับไม่ได้เป็นคนเดียวกับที่คาดเอาไว้

คนสายตาไวอย่างภาคพอเห็นผู้ชายหน้าหล่อที่ได้เจอเมื่อวานก็รีบเอาศอกกระทุ้งสีข้างกลอยเบา ๆ เป็นการสะกิด ตอนแรกคนโดนสะกิดก็โมโหเป็นธรรมดาเพราะมันเจ็บ พอกำลังจะหันมาด่าก็เห็นภาคชี้โบ้ชี้เบ้ให้ดูข้างหน้า

“เหี้ยอะไรของมึงวะ” กลอยพึมพำเมื่อหันไปมองก็ไม่เห็นมีอะไรนี่หว่า

“พี่ที่จีบไอ้ตี๋มารับโว้ย” อีกฝ่ายส่งเสียกระซิบแม้จะเห็นว่าตี๋เดินห่างออกไปจนจะถึงเจ้าของรถอยู่แล้ว แต่ก็เพราะมีหลายคนเดินออกมาจากตึกพร้อมกัน เขาเองก็ไม่ได้อยากจะป่าวประกาศเรื่องของเพื่อนตัวเองให้คนอื่นรู้นักหรอก ถ้ามันไม่ได้อนุญาตน่ะนะ

“หล่อนี่หว่า”

“ก็เออสิวะ แล้วเช้าถึงเย็นถึงขนาดนี้” ภาคส่ายหน้า “ไอ้ตี๋เสร็จพี่แกแน่”

“พวกมึงสองตัวน่ะ! จะไปกันไหม?” ตี๋ตะโกนถามเพื่อนสองตัวที่ยืนกระซิบกระซาบกันอยู่ เขารู้ว่าพวกมันต้องคุยเรื่องของเขาอย่างแน่นอน พวกมันไม่พลาดหรอก

“ไปจ้าาาา” ทั้งสองคนประสานเสียงพร้อมกันแล้วรีบวิ่งไปที่รถทันทีเพราะกลัวจะพลาดที่จะได้ทำความรู้จัก(ว่าที่)แฟนของเพื่อนตัวเอง

“นี่ไอ้กลอย นั่นไอ้ภาคตัวเดิม” ตี๋บอกกับเอสที่ยืนยิ้มรับเพื่อนของเขา

วันนี้เอสเข้าไปคุยเรื่องย้ายงานที่บริษัทมา เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่พับแขนเอาไว้กับกางเกงสแล็ค ทรงผมเซ็ทให้เข้าที่มาอย่างดี ด้วยความที่หน้าตาดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งแต่งตัวดีมันก็เลยยิ่งขับให้ดูหล่อมากขึ้นไปอีก พอบวกรวมกับบุคลิกที่ดี ก็ทำเอาสาว ๆ ในคณะ (รวมถึงหนุ่มด้วย) มองด้วยความสนใจกันใหญ่

“สวัสดีครับ/หวัดดีครับ”

เอสรับไหว้หน้าตายิ้มแย้ม “สวัสดี พี่ชื่อเอสนะ”

“ไปๆ รีบขึ้นรถ กูร้อน” ตี๋ตัดบทเพราะเห็นไอ้เพื่อนสองตัวของเขาจ้องหน้าอีกฝ่ายซะตัวแทบพรุน ก่อนที่จะเกิดบทสนทนาอะไรที่จะเข้าตัวเขาไปมากกว่านี้ เลยต้องชิ่งพูดก่อนคนแรก และเขาก็ร้อนไม่รู้จะยืนให้แดดมันแยงหัวทำไม

“เดี๋ยวพี่ไปแวะส่งพวกมันที่xxxให้หน่อยนะ”

“ได้สิ”

“แล้ววันนี้ที่บ้านมีอะไรกินบ้างอ่ะ?” เจ้าตัวลูบท้องไปมา ยามนึกถึงกับข้าวฝีมือที่คนด้านข้างทำก็พาลทำให้ท้องหิวขึ้นมา อาหารฝีมือของเอสนับว่ารสชาติถูกปากเขาเป็นรองจากฝีมือม๊าแค่นั้นเอง

“พี่ยังไม่ได้คิดเลย เราอยากกินอะไรไหม?”

“ตี๋อยาก..”

“โอ๊ยยยยย นี่คู่ข้าวใหม่ปลามันหรือยังไงคร้าบ” ภาคส่งเสียงกวนประสาทดังขึ้นมาขัดการสนทนาของทั้งสองคนที่เบาะหน้าด้วยความหมันไส้ส่วนตัว เท่าที่ดูมันก็โอเคกับพี่เขามาก ๆ จนดูเหมือนเป็นสามีภรรยากันแล้วด้วยซ้ำ ตั้งแต่ที่คบกันมาเขาเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตี๋มันจะโอเคกับการคบผู้ชายด้วยกันได้ ถึงมันจะไม่เคยมีแฟนให้เห็นก็ตาม

“ปลามันพ่อมึงสิ” ตี๋ด่ากลบอาการเขินที่โดนแซว ส่วนคนที่นั่งข้าง ๆ กันก็ได้แต่ยิ้มขำ

“พี่จีบตี๋มานานยังอ่ะ?” กลอยเริ่มถามคนแรก

“เชี่ยกลอย”

“มึงอย่าขัด” ภาคที่นั่งอยู่ด้านหลังเบาะของตี๋เอื้อมมือทั้งสองข้างไปปิดปากเพื่อนรักกดมันลงกับเบาะ

“ถ้าจีบจริงจังก็ประมาณเกือบเดือนแล้วครับ”

“นี่รู้จักกันมานานแล้วจริงเหรอเนี่ย โอ๊ย !” ภาคร้องเพราะโดนกัดมือ

“สมควร!” ตี๋ว่า

“พี่รู้จักตี๋มาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว แต่เพิ่งจะกลับมาเจอกันได้แค่เดือนเดียวเอง”

“อ้าว แล้วพี่หายไปไหนมาอ่ะ?”

“นี่พวกมึงสองตัวจะเสือกให้ได้ทุกเรื่องเลยเหรอวะห๊ะ” ตี๋โวยวายด่าเพื่อนขี้เสือกของตัวเอง

“ฮะ ๆๆ ไม่เป็นไร” เอสบอกกับตี๋ “พอดีพี่ย้ายบ้านตามแม่ไปอีกจังหวัด ก็เลยไม่ได้เจอตี๋เลยมาเกือบจะสิบปีน่ะ”

“โห” กลอยทำปากเป็นรูปตัวโอ “อย่าบอกนะว่าพี่เล็งมันมาตั้งแต่เด็กแล้วอ่ะ”

“ก็...” เอสลากเสียง ลังเลว่าจะตอบดีไหม “ประมาณนั้น”

“เหยดดดดดดด” ทั้งภาคและกลอยส่งเสียงร้องด้วยความอึ้ง พวกเขาไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะมีอยู่ในโลก และคนแบบนี้จะมีอยู่บนโลกด้วยซ้ำ ประเภทรักแรก รักเดียว หรือรักสุดท้าย มันทำให้พวกเขาอยากจะรอดูว่าความรักของเพื่อนเขาครั้งนี้ มันจะเป็นรักแบบไหนกันแน่

แต่เขาก็หวังจะให้เพื่อนคนสำคัญของพวกเขา มีความสุขมากกว่าความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนมันก็ไม่ได้สำคัญ ที่สำคัญคือคนคนนี้จะเป็นคนดีพอที่จะทำให้เพื่อนของเขากลายเป็นคนที่โชคดีเจอรักที่ดี ๆ ได้หรือเปล่านั่นแหละที่สำคัญ




++++++++++




“ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง” ทั้งคู่ยกมือไหว้เอสที่วนรถขึ้นมาส่งถึงบนตึกแล้วถึงจะหันไปบอกลาเพื่อนรักแล้วลงจากรถไป

ตอนที่ขับรถทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก เป็นเพราะตี๋ยังคงอายเรื่องที่เอสพูดจนทำให้เพื่อนทั้งสองคนของเขาแซวไม่ขาดปาก และดูท่าคงมีเรื่องให้พวกมันขุดขึ้นมาทำให้เขาอายได้อีกนาน

“สรุปวันนี้เราอยากกินอะไรเหรอ?” เอสเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน

เจ้าตัวหยุดคิดก่อนจะตอบว่า “อะไรก็ได้ พี่ทำอะไรตี๋ก็กินได้หมดแหละ”

“ปากหวานนะ” เขาพูดพลางยื่นมือไปโยกหัวของตี๋ไปมาด้วยความเอ็นดู

“แต่ช่วงนี้ไปกินข้าวบ้านพี่บ่อย ม๊าแซวเลยว่าจะย้ายสำมะโนครัวไปอยู่บ้านพี่เลยดีมั้ย”

“ก็ตอบม๊าไปเลยสิว่าย้าย”

ตี๋เหลือบไปมองคนพูด “พูดอะไรตลก”

เอสยิ้มขำ “ก็พี่อยากอยู่กับตี๋ทุกวันเลยนี่น้า”

“ไม่ได้เป็นอะไรกันจะไปอยู่ด้วยกันได้ไงเล่า!” ตี๋พูดขึ้นเสียงดังกับใบหน้าแดง ๆ ด้วยความเขินที่อีกฝ่ายพูดเหมือนกับอ้อนอยากจะให้เขาย้ายไปอยู่ด้วยกัน

“แล้วเมื่อไหรจะยอมเป็น ‘อะไร’ กับพี่ล่ะ”

ตี๋ไม่กล้าย้อนว่า ‘แล้วอยากให้เป็นอะไรด้วยล่ะ’ ถ้าอีกฝ่ายขอกันตรง ๆ เขาจะตอบยังไงดี เขากลัวว่าตัวเองจะไม่กล้าปฏิเสธออกไป เพราะในความเป็นจริงแล้วหัวใจของเขามันไม่เคยสู้คนตรงหน้าได้เลย แต่ด้วยความที่ตั้งใจเอาไว้ว่าอยากจะเป็นแค่พี่น้อง เลยได้แต่นั่งเงียบอยู่อย่างนั้น

จนเป็นเอสเองที่ทนไม่ได้ ทั้งที่ก็รู้ว่าเรื่องพวกนี้มันต้องใช้เวลา มันรีบร้อนไม่ได้ แต่เขาทนรอไปนานกว่านี้อีกไม่ไหว บวกกับอารมณ์ที่มันยังคั่งค้างอยู่ตั้งแต่เมื่อวานนี้ เขาอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับเขา เพราะถ้ามันไม่มีโอกาสพัฒนาเลย เขาจะได้หยุดทุกอย่าง ก่อนที่จะเป็นตัวเขาเองที่ถลำลึกไปมากกว่านี้ และมันจะทำให้เขาเจ็บตัวเปล่า ๆ

“พี่ถามอะไรหน่อยสิ?” เอสจอดรถเข้าข้างทางเพื่อที่จะคุยกับอีกฝ่ายได้ถนัด

ตี๋หันหน้าไปมองอย่างสงสัยที่อีกฝ่ายจู่ ๆ ก็เปลี่ยนท่าทีกะทันหันแบบนี้

“อะไรเหรอ?” ตี๋ย้อนถาม น่าแปลกที่พอเห็นหน้าของอีกฝ่ายก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง ริมฝีปากแห้งผากจนต้องเม้มปากแล้วเลียมันด้วยความประหม่า

“ตอนนี้ตี๋คิดยังไงกับพี่?”

“...”

“มีโอกาสซักนิดบ้างหรือเปล่าที่เรา...จะชอบพี่”

“...” ตี๋เงียบ ใบหน้านิ่งสายตายังคงจ้องอีกฝ่ายที่ถามคำถามเขา ตี๋รู้ว่าวันแบบนี้คงมาถึงซักวัน ไม่ช้าก็เร็ว แต่ก็ไม่คิดว่าอีกคนจะใจร้อนแบบนี้

“ถ้ามันไม่มี แม้แต่นิดเดียว พี่จะได้...”

“เดี๋ยว!” ตี๋ขัดขึ้นก่อนที่เอสจะได้พูดจบ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดอะไร ทั้งที่เขาควรจะรู้สึกดี แต่ไม่รู้ทำไมเพียงแค่คิด..ใจมันถึงร้อนรุ่ม เขาไม่รู้เลยว่าทำไมตัวเองถึงทำอย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ได้ ทั้งที่ควรจะยินดีที่อีกคนจะตัดใจจากเขา แล้วก็กลับไปเป็นพี่น้องธรรมดา

...แต่ลึก ๆ แล้วเขากลัวว่าถ้าเขาปฏิเสธไป

แม้กระทั้งความเป็นพี่น้อง...ก็จะไม่มีหลงเหลือ

เขาจะเห็นแก่ตัวเกินไปไหม ที่ไม่ตอบรับความรู้สึก แต่ก็ยังอยากจะมีอีกฝ่ายอยู่เคียงข้าง

“...”

“พี่จะตัดใจง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ?”

“ก็ถ้า..”

“พี่จะเลิกชอบตี๋ได้ง่าย ๆ เลยเหรอ?” เขาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสพูด หัวใจในอกเต้นระรัว

เอสชะงัก สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อระงับอารมณ์ที่กรุ่นอยู่ข้างใน “ไม่ มันไม่ง่ายแบบนั้น”

“แล้วพี่จะ...”

“ตี๋ไม่เข้าใจหรอก” เขาพูดขัดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวแบบที่อีกคนไม่เคยเห็นมาก่อน

ตี๋ชะงักไปชั่วครู่ “ถ้าพี่อยากให้ตี๋เข้าใจ พี่ก็พูดสิวะ! ว่าพี่ต้องการอะไร?  ไม่ใช่ทำท่าจะหนีปัญหาแบบนี้!”

พอตี๋เป็นฝ่ายที่อารมณ์ขึ้นบ้าง เหมือนเขาย้อนกลับไปในอดีตที่เห็นป๊ากับแม่ทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างก็สาดอารมณ์ที่รุนแรงใส่กัน เรื่องนี้มันทำให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเองว่า เมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแรงมา ห้ามซัดกลับด้วยความรุนแรงเหมือนกัน...เพราะมันจะทำให้ทุกอย่างพังทลายลง

สิ่งที่ผ่านมานี้มันเลยทำให้เขาหลีกเลี่ยงที่จะมีปัญหากับคนอื่นมาตลอด เพราะเขารู้ว่ามันไม่เป็นผลดี คราวนี้ก็เช่นกัน เขารู้ว่าตี๋เริ่มอารมณ์ไม่ดี เขาก็ควรจะเป็นคนที่จะสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วคงคุยกันไม่รู้เรื่อง เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ เพื่อจะพูดสิ่งที่อีกฝ่ายอยากรู้

“พี่ก็แค่ไม่อยากจะเจ็บปวดอีก พี่ไม่อยากถลำลึกไปมากกว่านี้ เพราะพี่ไม่รู้ว่าตี๋คิดยังไงกับพี่กันแน่ ถ้ามันไม่มีโอกาส..มันไม่มีทางเป็นไปได้ พี่จะได้จบมันซะ ก่อนที่ตัวพี่เองจะแย่..พี่ขอร้องเถอะ”

ตี๋พยายามใจเย็นลงเพื่อตั้งใจฟังที่อีกฝ่ายสื่อออกมา ฟังและคิดอย่างหนักว่าเขาจะทำยังไงกับความรู้สึกบิดเบี้ยวของตัวเองยามที่ฟังคำขอร้องของอีกฝ่ายดี เขาต้องตัดสินใจ...

แต่อีกฝ่ายก็ให้เวลาเขาน้อยซะเหลือเกิน

“พี่ฟังตี๋ให้ดี ๆ นะ”





TBC...


ได้โปรดเอ็นดูน้องตี๋ของเราด้วย  :hao7:

เชื่อเราสิว่าเรื่องนี้ไม่ดราม่าจริง ๆ นะ  :hao5:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.6 [up:29/04/2018]
«ตอบ #27 เมื่อ30-04-2018 00:38:21 »

ตัดชึ๊บเลยยยยย งืออออ น้องตี๋ อย่าทำร้ายจิตใจเฮียเอสน้า :sad4:

เฮียออกจะดี เช้าถึงเย็นถึง ทำกับข้าวเป็น พ่อบ้านพ่อเรือน เปิดใจรับเฮียหน่อยลูกกกก :hao5:

รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.6 [up:29/04/2018]
«ตอบ #28 เมื่อ30-04-2018 06:34:45 »

 :เฮ้อ: พี่เอสต้องใจเย็นๆ ตี๋ยังงงๆอยู่

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.7 [up:03/05/2018]
«ตอบ #29 เมื่อ03-05-2018 12:48:44 »

7


“ฟังแล้วจำด้วยนะ จะได้เลิกคิดอะไรบ้าบอสักที”

ตี๋กัดฟันพูดด้วยความหงุดหงิด ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาคิดหรือรู้สึกยังไง ยังคิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดเขาไม่รักไม่ชอบขึ้นมาจริง ๆ พี่เอสมันจะเป็นขนาดไหนเนี่ย

...ช่างพี่น้องห่าเหวอะไรนั่นแล้วโว้ย!

“พูดตามตรงนะ ตี๋ชอบที่เราเป็นกันอยู่ทุกวันนี้มาก” เขาเอื้อมไปจับมือที่ใหญ่กว่าของเอส “ชอบที่พี่กุมมือแบบนี้ ชอบที่พี่ลูบหัว และถึงตี๋จะไม่ได้สระผมมาสามวันพี่ก็ยังดมได้ แม่ง..โคตรใจเลยว่ะ นอนกับพี่ก็ดีนะ ถึงพี่จะมือไวไปหน่อยก็เถอะ ชอบที่เวลาพี่ยิ้มและหัวเราะให้ตี๋ ยิ้ม...ที่มันไม่เหมือนกับที่พี่ให้คนอื่น เพราะยิ้มแบบนั้นมันดูจอมปลอมมากเลยว่ะ แล้วก็กับข้าวของพี่อร่อยมากเลย ตี๋ชอบนะ แต่เป็นอันดับสองรองจากกับข้าวของม๊าอ่ะ ชอบที่พี่ยอมตี๋ทุกอย่าง ถึงแม้จะเอาแต่ใจมากก็ตาม”

เจ้าตัวหยุดหายใจ “แล้วยังยอมเลิกบุหรี่ให้ด้วย แค่นี้แหละ...พอใจยัง”

เอสเผยยิ้มบางออกมาหลังจากที่ฟังอีกฝ่ายพูดคำว่าชอบเสียยาวเหยียดด้วยสีหน้าหาเรื่องจนจบ ทั้งที่เป็นคนไม่ค่อยพูด...แต่เพื่อเขาอีกฝ่ายกลับยอมพูดมากเป็นพิเศษ เขากดจูบที่หลังมือขาวก่อนจะพูดว่า “ยังไม่พอเลย”

“โลภมากฉิบหายเลยว่ะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากัน

“รู้ไหม..พออยู่กับตี๋ทีไร พี่ก็กลายเป็นคนโลภมากทุกครั้งเลย เวลาที่ได้หอมแก้ม พี่กลับอยากจูบ เวลาที่ได้กอด พี่ก็อยากจะทำมากกว่ากอดซะด้วยซ้ำ พี่อยากให้ตี๋รักพี่..อยากได้พี่เป็นของตัวเองบ้าง” เอสเว้นวรรค ยิ้มบาง ๆ ให้คนที่นั่งฟังตาแป๋ว ก่อนจะถอนหายใจออกมาสั้น ๆ “รังเกียจหรือเปล่าที่พี่เป็นแบบนี้?”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พูดความในใจออกมามากขนาดนี้ เขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไรเด็กคนนี้จึงเป็นคนเดียวที่ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาเสมอ ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน

ตัวจริง...ที่มันทั้งน่าเกลียดและเห็นแก่ตัว อาจจะเป็นเพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนใจดี เลยเอาจุดนี้ของตี๋มาใช้ล่ะมั้ง แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาเองก็คงไม่อาจทนอยู่กับอีกฝ่าย...ที่ไม่สามารถรักเขาได้ และถ้าตี๋จะต้องทนอยู่กับเขาเพราะว่าความสงสาร ไม่ช้าก็เร็วก็เป็นตัวเขาเองนี่แหละจะเป็นฝ่ายไปเอง

“ไม่นิ ก็บอกแล้วว่าชอบ ไม่ได้เข้าหัวสมองเลยรึไงเนี่ย”

“จริงอะ”

“ก็จริงดิ”

“จริง ๆ นะ”

“เออออ!”

เอสไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่ยิ้มบาง “งั้นพี่ขอจูบเราหน่อยได้ไหม?”

คนตัวใหญ่กว่าไม่พูดเปล่า เขาใช้มือคว้าต้นคอของตี๋เข้ามาประชิดหมายจะประทับจูบลงไปทั้งที่เจ้าของปากยังไม่ได้อนุญาต แต่มือของตี๋กลับไวกว่ายกขึ้นมาปิดปากคนฉวยโอกาสไว้ได้ทันพร้อมกับร้องเฮ้ยออกมาลั่น

“ยังไม่ได้อนุญาตเลยโว้ย!”

“เอ้า”

“จะมาเอ้าทำไม จูบนี่ไว้เป็นแฟนก่อน ค่อยทำละกัน”

“อ้าว” เอสทำหน้าเหลอหลา “นี่เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันเหรอ?”

“ใครขอกันวะ!”

“ก็เห็นบอกว่าชอบ ไม่นึกว่าจะต้องขอด้วย ทั้งที่ก็ใจตรงกันแล้วนี่”

“อย่ามาเนียนว้อย ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกันก็ห้าม!”

“งั้น เป็นแฟนพี่นะ” เอสชูนิ้วก้อยขึ้นตรงหน้าอีกฝ่าย กระดิกมันไปมาหมายจะหยอกให้อีกคนหายหงุดหงิด

คนเด็กกว่าทำปากคว่ำใส่ก่อนจะพูดเสียงลั่น “ไม่โว้ย!”

“งอนอะไรพี่อีกล่ะเนี่ย” เขาถามงง ๆ เมื่อกี้ยังโกรธเรื่องไม่ขอเป็นแฟนอยู่เลย แล้วพอขอทำไมถึงปฏิเสธล่ะ

“ขับรถกลับบ้านได้แล้ว”

“ตอบพี่มาก่อนสิว่างอนอะไร”

ตี๋ตวัดสายตามองฉับ ยิ่งตาชั้นเดียวยิ่งคมกริบราวกับโดนมีดแทง

“มีที่ไหน ต้องให้เตือนสติว่าต้องเป็นแฟนกันก่อนถึงจะจูบได้ นี่ถ้าไม่พูดก็คงไม่ของั้นสิ” ตี๋โวยวายเสียงลั่นรถ

“โอ๋ ๆ พี่ขอโทษนะครับ”

“คิดว่าแค่ขอโทษแล้วจะหายเหรอวะ ห๊า!” เขาหันไปแหกตาใส่อีกฝ่าย

เอสที่กำลังพยายามกลั้นขำก็หลุดหัวเราะออกมา พอเป็นแบบนี้ตี๋ก็ยิ่งแหกตาใส่เขาเข้าไปอีก แต่เขาไม่ได้ตั้งใจนี่นา

“ตี๋อยากให้พี่ทำอะไร พี่ทำให้หมดเลยนะ คนดี” เอสยื่นมือไปลูบหัวของตี๋อย่างแผ่วเบาพร้อมกับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

เพียงแค่นี้หัวใจของตี๋...ก็อ่อนยวบ

...เกลียดตัวเองชะมัด...

เกลียดที่ตัวเองไม่สามารถโกรธอีกฝ่ายได้อย่างจริงจังเลยสักครั้ง  เกลียดที่ตัวเองใจอ่อน เกลียดที่ปฏิเสธคนตรงหน้าไม่ได้

เกลียดที่เขาแพ้ทางคนตรงหน้านี้เสมอ...

“งั้นช่วยขับรถกลับบ้านเดี๋ยวนี้”

“โถ่”

“แล้วที่จริง..ตี๋ก็ไม่ได้งอนด้วย”

จากที่หน้าเหี่ยว ๆ พอคนน้องบอกว่าไม่ได้งอนก็พลันหน้าบานขึ้นมาทันควัน เจ้าตัวหันไปขับรถเลี้ยวเข้าซอยบ้านด้วยท่าทีอารมณ์ดี ซึ่งมันแตกต่างจากเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้ลิบลับจนตี๋อยากจะหัวเราะออกมาด้วยความตลกในท่าทางเหมือนเด็กของคนพี่ที่นาน ๆ จะได้เห็นซักที

“แล้วนี่จะมากินข้าวเย็นที่บ้านพี่หรือเปล่า?” เอสถามหลังจากที่ลงจากรถเรียบร้อยแล้ว เห็นตี๋มีท่าทีลังเลใจอยู่สักพัก จนเขาตั้งใจที่จะบอกว่าไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ชิงพูดก่อน

“เดี๋ยวมา ขอไปบอกม๊าก่อน”

เอสยิ้มบางก่อนจะบอก “พี่จะรอนะ”

ตี๋โบกมือไหว ๆ เป็นคำตอบก่อนจะเดินออกไปด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ จู่ ๆ ก็รู้สึกเขินขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุกับคำว่าจะรอของอีกฝ่าย ส่วนเรื่องที่เขาบอกไปว่าชอบนั้นมันคือเรื่องจริงไม่ได้โกหกแต่อย่างใด..แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าคำว่าชอบของเขากับอีกคนนั้นมันเหมือนกันหรือแตกต่างกันตรงไหน

ตอนนี้เขากำลังคิดว่าจะบอกที่บ้านอย่างไรดีว่าจะมากินข้าวบ้านอื่นอีกแล้ว เอาเข้าจริง ๆ ขนาดตัวเขาเองยังคิดเลยว่ามันบ่อยจนดูผิดปกติ เพียงแต่มันไม่ได้มีการแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าเขาทั้งสองคนเป็นอะไรกัน อาจจะสนิทตามประสาพี่น้องธรรมดา

แต่ถ้าวันใดที่ป๊ากับแม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้ล่ะ

...ผลที่ตามมามันจะเป็นยังไงกันนะ



------------------------------



“ม๊าทำไรอยู่เหรอ?” เขาเดินเข้ามาในครัว เพราะตอนนี้เป็นเวลาเตรียมกับข้าวมื้อเย็นของคนเป็นแม่

“ทำกับข้าวน่ะสิถามได้”

รู้ว่าตัวเองถามคำถามโง่ ๆ ออกไป แต่ก็เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดีเนี่ยแหละ เขาเองไม่ได้พูดอะไรต่อบทสนทนากับม๊าอีก ขายาวก้าวเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับโต๊ะเตรียมวัตถุดิบเงียบ ๆ เพื่อที่จะหาจังหวะบอกว่ามื้อเย็นนี้ไม่ต้องเตรียมในส่วนของตนเอง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มตอนไหนดี

“มีอะไรรึเปล่า หื้ม?” พอเห็นลูกชายคนเล็กเงียบไปก็อดสงสัยไม่ได้ เลยเอ่ยปากถามออกไป

“คือ...เย็นนี้ตี๋ไปกินข้าวบ้านพี่เอสนะม๊า” ตอบเสียงอ่อยด้วยความเกรงใจ

“เอาสิ เดี๋ยวเอาต้มผักกาดดองที่ม๊าเคี่ยวเอาไว้ไปฝากด้วยละกัน อยู่กันแค่สองคนคงเหงาแย่ ตี๋ก็เป็นเด็กดีอย่าไปกวนพี่เขานะ รู้ไหม”

ตี๋มองม๊าตาปริบ ๆ ก่อนจะพูดหน้างอง้ำ “ตี๋ไม่เคยไปกวนเขานะ...มีแต่พี่เอสต่างหากที่กวน” แล้วพอถึงปลายประโยคจึงลดเสียงพูดในคองึมงำเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน

คนเป็นแม่ก็ได้แต่ยิ้มขำลูกชายของตัวเอง เธอมีลูกชายสองคนที่มีหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ แต่ถ้าพูดถึงนิสัยแล้ว ทั้งคู่มีนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ลูกชายคนเล็กของเธอเป็นคนใจดี ใจอ่อน และขี้สงสาร ไม่ชอบมีเรื่องกับใคร อะไรยอมได้ก็ยอม นิสัยแบบนี้ของตี๋นั้นทำให้เธอเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย กลัวว่าถ้าไปเจอคนไม่ดีจะโดนเอาเปรียบได้ แต่ก็ยังดีที่ตี๋นั้นเป็นคนเข้ากับคนยากก็ทำให้เธอหายห่วงไปบ้าง

“กลับมาสนิทกันเหมือนเมื่อก่อนแล้วเหรอ?”

คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยเพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี เพราะจะตอบว่าไม่ใช่มันก็ดูเหมือนโกหก “ตี๋ว่ามันก็ไม่เท่าเก่านะ”

...จริง ๆ เรียกว่าไม่เหมือนเก่าน่าจะเหมาะกว่า...

“เดี๋ยวถ้าเอสเขาได้กลับมาอยู่ที่นี่ก็สนิทกันเหมือนเดิมแหละ” คนเป็นแม่พูดยิ้มบาง เตรียมกับข้าวไม่หยุดมือ

ลูกชายคนเล็กขยับเก้าอี้มานั่งเท้าคางมองแม่ตัวเองด้วยท่าทีเหม่อลอยเพราะสมองมันดันคิดอะไรไปเรื่อย ความกังวลและสับสนมากมายในหัวทำให้เขาไม่รู้ว่าจะคิดเรื่องไหนก่อนดี แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดมันออกไป อย่างน้อยก็ยังไม่อยากจะพูดอะไรในตอนนี้ รอให้อะไร ๆ มันชัดเจนมากกว่านี้ดีกว่า ถึงเวลานั้นแล้วค่อยว่ากันอีกที ระหว่างที่กำลังรอเขาก็ไลน์ไปบอกอีกฝ่ายไว้แล้วว่าไม่ต้องทำเยอะเพราะม๊าฝากกับข้าวไปให้หลายอย่าง

พอกลับไปอีกครั้งอีกฝ่ายเห็นเขาก็ถามว่าทำไมมาทั้งชุดนักศึกษาด้วยใบหน้างุนงง เขาก็ตอบไปตามตรงว่าไม่ได้คิดจะมานอนค้างเลยไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดมา

“ไอ้เราก็อยากจะให้ค้างด้วยแท้ ๆ” เอสทำปากยู่

“พอเลยมึง กูนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคน”

ตี๋ที่กำลังจะอ้าปากว่าก็ต้องหุบปากฉับ เพราะถ้าขืนพูดอะไรออกไป สงสัยจะมิวายโดนแซวจากทางป๊าพี่เอสอีกแน่นอน เลยเลือกที่จะนั่งกินไปเงียบ ๆ ดีกว่า ฟากเอสเห็นแบบนี้ก็หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้เขาก่อนจะเริ่มลงมือกินข้าวบ้าง

“กับข้าวของม๊านี่ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยเนอะ” หลังจากตักเข้าปากไปคำแรกเจ้าตัวก็ชมเปาะ ไม่ได้ชมเพราะเอาใจอะไร นี่มันก็นานแล้วที่เขาไม่ได้กินกับข้าวฝีมือม๊าของตี๋ แต่ฝีมือกลับไม่ได้ตกลงไปเลย

“เดี๋ยวจะบอกม๊าให้นะ” ตี๋บอกแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย รู้สึกชอบใจเมื่อมีคนชอบกับข้าวที่ม๊าของเขาทำ

“แล้วนี่เอ็งสองคนคบกันแล้วรึยัง?”

พอจบคำถามจากคนที่อาวุโสที่สุดในบ้าน ตี๋ที่กำลังซดน้ำซุปลงคอ ถึงกับสำลักไอคอกแค่ก ใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงกำแต่ไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือสำลักน้ำกันแน่

“ป๊าถามอะไรเนี่ย” เอสที่วิ่งไปเอากระดาษทิชชู่มาให้คนสำลักเช็ดปากหันมาว่าอีกฝ่ายแบบไม่ได้จริงจังนัก เพราะตัวเขาเองก็ยังแอบหัวเราะไปเหมือนกัน แค่ตี๋ไม่ทันได้สังเกตแค่นั้นเอง

“กูเป็นพ่อมึงแล้วทำไมกูจะถามไม่ได้”

“แล้วทำไมไม่มาถามตอนเอสอยู่คนเดียวเล่า”

“เอ้า แล้วทำไมกูถามไม่ได้วะ”

“ก็น้องมันอาย”

ตี๋อยากจะบอกเอสว่า ‘กูอายตอนมึงพูดนี่แหละพี่’

“อ่าว เรอะ โทษที” คนสูงอายุหันไปบอกด้วยใบหน้าที่ไม่ได้มีความรู้สึกผิดใด ๆ เลยแม้แต่นิด

ตี๋แอบก่นด่าในใจ ‘กูรู้แล้วว่าไอ้พี่เอสมันได้ความกวนตีนมาจากใคร’

“ยั- ยังไม่ได้ แค่ก- คบกันครับ” ตี๋พยายามที่จะตอบออกไปแม้จะยังมีอาการสำลักอยู่ เอสหยิบน้ำขึ้นมาให้ดื่มพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวลูบหลังให้อาการดีขึ้น

ป๊าเหลือบตาหันไปมองลูกชายตัวเองก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า “ไอ้ไก่อ่อนเอ๊ย”

เขาไม่ได้ว่าลูกชายตัวเองเป็นไก่อ่อนเพียงเพราะยังไม่ได้ไอ้หนูตรงหน้านี้เป็นแฟนแค่เรื่องเดียว แต่มันรวมไปถึงการเอาอกเอาใจและยอมเจ้าตี๋นี่มากซะเหลือเกิน

“เกี่ยวอะไรกันล่ะป๊า!”

“คิดเอาเอง”

คำตอบสั้น ๆ ที่ปิดประตูคำถามและคำตอบทั้งหมด เอสรู้ว่าถามอะไรออกไปคนเป็นพ่อคงไม่ตอบอีก เขาก็เลยหันมาสนใจตี๋แทน

“เป็นไงบ้าง กินข้าวต่อได้ไหม”

“ได้สิ”

“พี่กลัวว่าเราจะอ้วก เมื่อก่อนนะสำลักนิดหน่อยเราก็อ้วกแล้ว คอตื้นมากเลย”

“ตอนนี้ตี๋โตแล้วนะ” เจ้าตัวว่าคิ้วขมวด หงุดหงิดทุกครั้งที่มีคนมาทำเหมือนว่าเขายังคงเป็นเด็ก

“กินข้าวให้เสร็จกันได้แล้ว เดี๋ยวค่อยจีบกันก็ได้” คนอายุมากบอก ทั้งสองคนเลยก้มหน้ากินข้าวต่อโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันอีก เพราะเอสก็กลัวตี๋จะเขินเพราะโดนป๊าแซวไปมากกว่านี้



--------------------------



“อิ่มโคตร”

“อย่าเพิ่งนอนหลังกินข้าวสิ เดี๋ยวจะเป็นกรดไหลย้อนเอานะ” เอสว่าทันทีเมื่อตี๋ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนของเขา

“พี่นี่พูดเหมือนป๊าตี๋เลย จะเป็นป๊าคนที่สองหรือไง” เจ้าตัวพลิกนอนตะแคงเอามือยันหัวตัวเองขึ้นมองเอสที่กำลังเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้

“ฮึ พี่ไม่ได้อยากจะเป็นป๊าเราสักหน่อย”

“ก็แล้วแต๊~~” ไม่มีวันซะหรอกที่เขาจะย้อนในประโยคที่อีกฝ่ายอยากจะได้ยิน เพราะถ้าขืนพูดออกไปมันจะเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองน่ะสิ ไม่เอาหรอก

“โธ่ ไม่เล่นกับพี่หน่อยเหรอ”

“ไม่อะ” ตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ

เอสยิ้มมุมปากก่อนจะเดินตรงเข้าไปนั่งที่ริมเตียงติดกับตี๋แล้ววางมือลงบนหัวอีกฝ่ายขยี้เบา ๆ พอให้ผมยุ่งด้วยความมันเขี้ยวแล้วเปลี่ยนมาเป็นลูบผมให้เข้าทรงอย่างอ่อนโยน “ฉลาดนักนะ”

ตี๋เห็นว่าคนที่นั่งอยู่ริมเตียงไม่หยุดลูบผมเขาสักทีเลยเปลี่ยนเป็นนอนหงายแล้วยกมือขึ้นไปจับมืออีกฝ่ายมาประกบฝ่ามือของตนเองลงไป อยากรู้ว่ามือของเอสใหญ่กว่ามือของเขาขนาดไหนกันรู้สึกว่าจับหัวเขาทีนี่แทบมิดเลย

“ทำไมมือใหญ่นัก” คิ้วเรียวขมวดด้วยความขัดใจ ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ตัวก็สูงพอ ๆ กัน แต่ทำไมมือเขาถึงได้เล็กกว่าอีกฝ่ายนัก ทั้งฝ่ามือและเรียวนิ้วนี่คนละขนาดกันเลย นี่ยังไม่รวมขนาดตัวนะ

“กระดูกมันคนละเบอร์ไง” เอสว่าพร้อมกับประสานนิ้วเข้าหามือของอีกฝ่ายกุมเอาไว้แน่น

“มือพี่แม่งร้อนว่ะ” ตี๋หาข้ออ้างที่จะดึงมือออก แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อย แถมยังดึงเข้าไปจูบที่หลังมืออีกต่างหาก

“ไปขี้มายังไม่ได้ล้างมือเลยนะ”

“หึ ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้รังเกียจ”

“พี่นี่โคตรเหี้ยเลยว่ะ” ตี๋ทำหน้าแหยงแทน

“ขอจูบได้ไหม” เขาไม่ได้สนใจคำด่าว่าของอีกฝ่าย เพราะตอนนี้อารมณ์ที่ไม่ได้ปลดปล่อยมานานมันเริ่มปะทุแล้ว ในอกมันร้อนรุ่มจนแทบจะระเบิดออกมาถ้ามันไม่ได้รับการปลดปล่อย...ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

“ห๊ะ ทะ-ทำไม”

“พี่ไม่ไหวแล้วตี๋” เขาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดจนจบ “ก็เราเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ยอมให้พี่ไปมีใครอีก”

“ไม่ได้พูดแบบนั้นโว้ย!”

ที่เขาพูดคือไม่อยากให้อีกฝ่ายไปมีอะไรกับใครมั่วไปหมดอีก ไม่ได้หมายถึงห้ามไปมีใครสักหน่อย โคตรมั่วเลย

“หรือเราอยากให้พี่ไปมีอีก เราก็ผู้ชาย...น่าจะเข้าใจพี่นะ”

“ตี๋ไม่เข้าใจหรอก” เขาพยายามที่จะปฏิเสธอีกฝ่าย เรื่องอารมณ์หงี่เนี่ยก็พอจะเข้าใจบ้าง แต่รุนแรงขนาดนี้ อย่างเขาจะไปเข้าใจได้ยังไง

“พี่สัญญานะ” พูดพร้อมกับยกแขนทั้งสองข้างคร่อมคนข้างใต้เอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ “พี่สัญญาว่าจะมีแค่ตี๋”

เอสแนบหน้าผากของตัวเองลงกับหน้าผากของคนข้างใต้ หลับตาลงอย่างอดกลั้นไม่ให้ตนบุ่มบ่ามทำอะไรลงไปโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ได้อนุญาต

“ขอร้องล่ะ”

ตี๋กัดปากเมื่อโดนอีกฝ่ายร้องขอ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่กับจมูกของเขา ลมหายใจร้อนพ่นเข้าออกรุนแรงด้วยแรงอารมณ์ เขาไม่รู้ว่าเอสต้องอดกลั้นมากขนาดไหน คนที่เคยมี...ไม่ได้ขาดแบบนี้ พอขาดไปก็คงจะเหมือนกับลงแดงหรือเปล่านะ เรื่องพวกนี้เขาไม่เข้าใจหรอก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยมีอารมณ์ เวลามีเขาก็แค่ช่วยตัวเองมันก็จบ แต่อารมณ์ที่รุนแรงแบบนี้เขาไม่รู้จะช่วยอย่างไรดี ทำได้แต่เห็นใจ เพราะเขาก็เป็นฝ่ายพูดไม่ให้คนตรงหน้านี้ไปมีอะไรกับใครโดยไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเอง ส่วนถ้าจะให้ไปหาแฟน...ก็ดันจีบเขาอยู่อีก

...หงุดหงิดโว้ยยยยย...

“แค่จูบเท่านั้นนะ”

เอสเงยหน้าขึ้นมองคนข้างใต้ที่ทำหน้าหงิกแต่แก้มใสกลับแดงระเรื่อ เขายิ้มด้วยความเอ็นดูกับท่าทางน่ารักของตี๋ “ได้สิ ถ้าเราไม่ให้อย่างอื่นพี่ก็ไม่ทำ”

“จริงนะ”

“อื้ม”

พอเห็นว่าตี๋ไม่ได้ว่าอะไรอีก เอสก็เริ่มจากการลงไปหอมแก้มขาวที่มีสีชมพูอ่อนแต้มอยู่ อีกฝ่ายเป็นคนที่ผิวขาวมาก พอมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเจ้าตัวก็จะสังเกตเห็นได้ง่าย ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เวลาที่น้องแก้มแดงทีไร...เขาก็จะรู้สึกว่ามันน่ารักมาก ๆ ทุกครั้ง จึงทำให้อดไม่ได้ที่จะแอบหอมแก้มเวลาที่อีกคนเผลอ

ริมฝีปากของเอสผละออกจากแก้มที่ถึงแม้จะไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนหญิงสาวแต่ผิวก็ใสและเรียบเนียนดี เป้าหมายต่อไปคือริมฝีปากบางสีชมพูสวยของอีกฝ่าย พอเห็นว่าตี๋ทั้งหลับตาปี๋แถมยังเม้มปากซะแน่นก็ทำเอาเขาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นมาไล้ไปมาที่ปากของอีกฝ่าย

“อย่าเม้มปากแน่นขนาดนี้สิ...พี่จูบไม่ได้นะ” เขากระซิบเสียงพร่าในท้ายประโยค

เจ้าตัวลืมตาโพลงทันที เพราะลมหายใจที่รดใบหูเมื่อครู่มันทำให้เขารู้สึกขนลุกซู่ ปากบางอ้าออกเพื่อผ่อนลมหายใจที่มันอัดแน่นอยู่ข้างในเพราะเมื่อครู่เจ้าตัวเกร็งเสียจนลืมหายใจไปพักหนึ่ง แต่ยังไม่ทันที่จะหายใจได้เต็มปอดดีก็โดนอีกคนประกบริมฝีปากเข้ามาก่อน

“เดี๋ย-”

“ไม่เดี๋ยวแล้ว” เอสดึงมือของตี๋ที่กำลังพยายามดันตัวเขากดลงกับที่นอน อีกฝ่ายหยุดดิ้นไปเพราะไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว เลยจำยอมให้อีกฝ่ายจูบเพื่อปล่อยอารมณ์ออกมา คนมีประสบการณ์มากกว่าไล่จูบเม้มริมฝีปากบนทีล่างที กดจูบย้ำดึงดูดอยู่หลายครั้ง

“อ้าปากหน่อยสิ”

“หะ”

“อ้าปากหน่อย”

“อ้าทำไม!”

“เดี๋ยวจะสอนจูบแบบผู้ใหญ่ให้”

...ใครมันจะไปอยากรู้กันโว้ย...ถึงในใจจะปฏิเสธ แต่ร่างกายกลับโอนอ่อนตามที่อีกฝ่ายขออย่างง่ายดาย อาจจะเพราะลึก ๆ แล้วเจ้าตัวคงอยากจะรู้อยู่เหมือนกันว่าไอ้จูบแบบผู้ใหญ่ที่ว่ามันจะเป็นแบบไหนกันนะ

“เด็กดี” เอสเอ่ยชม แล้วค่อยลงมือจัดการปากสีชมพูที่กำลังเชิญชวนเขาอยู่ข้างหน้านี่  พอลิ้นร้อนเริ่มแทรกเข้าไปตี๋ก็ย่นคอหนีจนเขาต้องสอดมือเข้าไปช้อนคอให้เจ้าตัวแหงนหน้าขึ้นมา เรียวลิ้นที่ไม่ประสาของคนตรงหน้าเรียกอารมณ์ของเขาได้ดีทีเดียว เอสจูบจนร่างข้างใต้เบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะหายใจไม่ทัน

“เร็- เร็วเกินไปแล้ว” ตี๋ต่อว่าหอบหายใจหนัก

“ก็เราน่ารักเกินไปนี่นา”

“ความผิดตี๋เรอะ!” เจ้าตัวตวาดพร้อมกับหันหน้ามามองอีกฝ่าย พอเห็นรอยยิ้มของเอสแล้วเขาเองก็หุบปากฉับเพราะความเขินมันวิ่งเข้าจู่โจม ยิ่งมือใหญ่ยกขึ้นมาเกลี่ยคราบน้ำลายที่เกิดจากเหตุการณ์เมื่อครู่ทิ้งไป เขาก็ยิ่งใจสั่น

“เป็นแฟนกับพี่นะ”

“...”

พอโดนขอเป็นแฟนจริงจังแบบนี้แล้วมันก็รู้สึกเขินมากกว่าที่คาดคิดเอาไว้มาก เมื่อตอนที่จูบกันเขายังไม่รู้สึกเขินเท่านี้เลยด้วยซ้ำ มากขนาดที่เขาเองก็พูดอะไรไม่ถูก ไม่รู้เลยว่าจะต้องตอบอีกฝ่ายไปว่ายังไงดี

“ว่าไง? เป็นแฟนกับพี่นะ” เอสถามย้ำเมื่อไม่เห็นว่าตี๋จะตอบอะไร เห็นแค่หน้าแดงเป็นลูกตำลึกและไม่สบตาเขาอีกต่างหาก

ตี๋ดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแล้วซุกหน้าลงกับไหล่หนาก่อนจะตอบเสียงเบา “อื้อ”

“อะไรนะ” เอสแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

“เอออ เป็นก็เป็นสิวะ!” ตี๋แว๊ดเสียงดังเพราะโดนถามซ้ำ เขารู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินแน่นอน แต่โกหกทำเป็นไม่ได้ยิน

“พูดจาดี ๆ หน่อยสิ”

“ไม่”

...แค่นี้ก็อายจะตายห่าแล้วโว้ย...

เอสพยายามจะดึงตัวเองขึ้นออกจากอ้อมกอดของคนด้านใต้ แต่ฝ่ายนั้นก็กอดซะแน่นเหลือเกิน เพราะตี๋รู้ว่าถ้าเห็นหน้าของเอสตอนนี้ เจ้าตัวอาจจะเขินจนช็อกตายไปเลยก็ได้

“ขอพี่เห็นหน้าเราหน่อยซี่~”

“ม่ายยยยยยย!”

เอสหัวเราะด้วยความตลกขบขัน เขาทิ้งตัวลงนอนตะแคงข้าง เพราะเกรงว่าคนด้านใต้จะโดนเขาทับจนแบนเสียก่อน แต่ตี๋เองก็ยังไม่ยอมปล่อย ยังคงกอดแล้วเอาหน้าซุกอกเขาอยู่แบบนั้น คนโตกว่าก้มลงหอมหัวทุย ๆ นั่นด้วยความเอ็นดู

“ไม่ก็ไม่ แค่นี้พี่ก็มีความสุขแล้ว ขอบคุณมากนะครับ”



TBC...

ค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์กันไป  :L2:
พี่เอสเห็นตามใจน้องแบบนี้ก็ร้ายใช่ย่อยนะ 5555


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด