S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]  (อ่าน 29722 ครั้ง)

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5

17
เพราะกรตั้งมั่นไว้ในใจแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวของวิน จึงไม่ได้ถามถึงคืนนั้นที่วินกลับบ้านไปกับภรรยา หลังจากมีปากเสียงกันที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า วินเองก็ไม่รู้ว่ากรเห็นเหตุการณ์ และไม่ได้พูดหรือเล่าอะไรให้ฟัง ทั้งสองคนยังคงนัดเจอกันในบางวันและวิดีโอคอลคุยกันก่อนนอนทุกคืนตามปกติ

แต่ความรู้สึกของกรมันบอกว่า วินไม่ปกติ

“พี่วิน ถ้าเหนื่อย จะกลับเลยก็ได้นะครับ” วันนี้ก็เหมือนอีกหลายๆ วันที่พวกเขานัดมาเดินเที่ยวและกินข้าวด้วยกัน วินบอกว่าเจอทุกวันไม่ได้ และกรก็ไม่ได้เรียกร้องหรือตั้งคำถามอะไรกับเรื่องนั้น เขารู้ว่าอาจารย์มีงานยุ่ง ไหนจะเรื่องที่บ้านอีก

“อ๊ะ เอ่อ...” วินเงยหน้าขึ้นสบตากับเด็กหนุ่มที่จ้องเขาอยู่ แววตาของกรแสดงความห่วงใยอย่างไม่ปิดบัง และมันทำให้วินรู้สึกหวั่นไหวเสมอ

วินรักเด็กคนนี้มากขึ้นทุกวัน กรไม่เคยถามเซ้าซี้เรื่องของเขาแม้สักครั้งเดียว ทั้งที่คบกันในฐานะแฟนแล้ว กรก็มีสิทธิ์จะเรียกร้องจากเขาให้เต็มที่ ทั้งที่เมื่อก่อนตอนคุยกันแบบไม่เห็นหน้า พวกเขาทำเรื่องลามกด้วยกันประจำ แต่พอได้คบกันจริงจัง กรค่อนข้างให้เกียรติวินอย่างมาก เป็นเด็กที่รู้จักกาลเทศะ เวลาอยู่ในที่สาธารณะ น้อยครั้งมากที่จะเผลอทำตัวรุ่มร่ามใส่ ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมากเกินจำเป็น เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองในรถ กรก็แค่จับมือหรือไม่ก็ขอจูบ ไม่เคยทำเกินเลยกว่านั้น แม้ว่าวินจะเปิดช่องว่างและให้โอกาสอย่างเต็มที่ แต่กรไม่เรียกร้อง เหมือนแค่ได้อยู่ข้างๆ ก็พอใจแล้ว คงเพราะอาการของกรดีขึ้นมากแล้วด้วย เด็กหนุ่มจึงควบคุมอารมณ์ต่างๆ ของตัวเองได้มากกว่าแต่ก่อน

“พี่...แค่เครียดๆ น่ะ ไม่ได้เหนื่อยอะไรหรอก” วินตัดสินใจบอกออกไปตามตรง เขาไม่ได้เหนื่อยกาย แต่เป็นที่หัวใจ

“นักจิตวิทยาก็เครียดเป็นสินะครับ” กรแกล้งแซวด้วยดวงตายิ้มๆ แต่วินยังยิ้มไม่ค่อยออก กรอยากจะถาม แต่ก็ไม่กล้า

“กร...พี่มีเรื่องต้องบอก” หลังจากตัดสินใจอยู่นาน วินก็คิดว่าควรเล่าเรื่องของตัวเองให้กรฟังบ้าง แม้เด็กหนุ่มจะไม่ได้ถามก็ตาม แต่ยังไงก็ต้องอยากรู้ ต้องสงสัย เพียงแค่กรเป็นคนขี้เกรงใจเกินไป

“ครับ?” ยิ่งมองหน้าและแววตาซื่อๆ ของเด็กหนุ่มร่างสูงที่เอียงคอมองมาแล้ว วินยิ่งเจ็บแปลบในอก

“พี่ยังเลิกกับเข็มไม่ได้”

“เหรอครับ” กรเพียงรับคำสั้นๆ และไม่ได้ถามอะไรมากกว่านั้น บางครั้งความนิ่งของเด็กอายุแค่ 18-19 คนนี้ก็ทำให้ภวินท์รู้สึกไปไม่เป็นเหมือนกัน

กรนิ่งเกินไปแล้ว

“ถ้านายไม่ไหว จะเลิก...”

“อย่าพูดคำนั้นได้มั้ยครับ” กรขัดขึ้นมาทันที “ผมบอกว่ารอได้ ก็คือจะรอ ต่อให้นานแค่ไหน ก็จะรอ”

ภวินท์สะท้านในอกจนต้องย่นคิ้วเข้าหากัน กรเด็กกว่าเขาหลายปีมาก แถมยังมีปัญหาในชีวิตมาพอสมควร แต่กรก็สู้กับตัวเองจนผ่านมาได้ขนาดนี้ ถ้าไม่เข้มแข็งพอคงทำไม่ได้แน่นอน ภายนอกอาจจะดูอ่อนแอและหวาดกลัว แต่ภายในของกรไม่อ่อนไหวและเปราะบางง่ายๆ

“ต่อให้ต้องรอทั้งชีวิต ผมก็เตรียมใจไว้แล้ว ว่าจะอยู่ข้างๆ พี่แบบนี้ตลอดไป” เพราะสีหน้าของภวินท์ ทำให้กรขยายความเพิ่มไปอีก มือหนาแสนอบอุ่นของเด็กที่อายุน้อยกว่าเป็นสิบปียื่นไปแตะที่แก้มซ้ายของเขาแผ่วเบา ก่อนจะผละจากแทบจะในทันที เพราะกลัวว่าจะมีคนเห็นเข้า

กรกำมือข้างนั้นไว้แน่นที่ข้างตัว พยายามส่งยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจ ต่อให้อยากจับมือวินไว้แน่นแค่ไหน กรก็รู้ว่าสุดท้ายต้องยอมปล่อยอยู่ดี

ตรงนี้ ที่นี่ ไม่ใช่ที่ของกร

กรรู้ตัวดี

“กร...” วินหรุบตาลงมองเท้าตัวเอง จะรักใครสักคนและอยู่ด้วยกัน ทำไมมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ คืนนั้นเคลียร์เรื่องเมียน้อยกับเข็มแล้วก็จริง แต่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องหย่า เพราะเจ้าหล่อนเล่นตวาดใส่แว้ดๆ จนเถียงแทบไม่ทัน ขืนพูดเรื่องหย่า มีหวังได้โทรไปเฉ่งเขาให้พ่อกับแม่ฟังแน่นอน

“กลับกันเถอะครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยชวน และรอให้ภวินท์เป็นฝ่ายเดินนำไปก่อน วันนี้กรจอดรถไว้ที่คณะของวิน และนั่งรถยนต์คันสีดำมาด้วยกัน นานๆ ครั้งมาด้วยกันบ้าง ไม่ทำให้เป็นจุดสังเกต ส่วนใหญ่ก็รู้กันว่าอาจารย์ภวินท์มีนักศึกษาที่ต้องดูแลรับผิดชอบมากมาย ช่วงไหนจะไปกับใครเป็นพิเศษก็อีกเรื่อง

ระหว่างนั่งมาในรถ กรยังคงชวนคุยตามปกติ พูดเรื่องหนังที่ชอบดู เรื่องเรียน เรื่องเพื่อนๆ ที่ช่วงนี้มีเพิ่มขึ้นและสนิทกับพวกเวสป้ามากขึ้นแล้ว หลังจากเจอวิน ทุกอย่างก็ดีขึ้นจริงๆ

“วันนี้ให้พี่ไปส่งที่ห้องนะ” วินเหลือบมองปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มที่กำลังกดหาเพลงฟังจากคลื่นวิทยุ

“ก็ได้นะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมให้ไอ้เวสมารับตอนเช้าก็ได้” กรยิ้มรับ เลือกคลื่นที่เปิดเพลงเบาๆ ฟังสบาย เพราะรู้ว่าวินชอบแนวไหน

ภวินท์เงียบอึดใจ และเอ่ยขึ้นเมื่อเลี้ยวรถเข้าไปในซอยหอพักของกรแล้ว

“พี่จะค้างที่ห้องของกร ได้รึเปล่า”

กรเงยหน้ามองคนพูดทันที สมองประมวลผลไม่นานก็เข้าใจความหมายที่วินพูดออกมา เด็กหนุ่มยกมุมปากขึ้นยิ้มเป็นคำตอบรับ

เป็นครั้งแรกที่วินขอมาค้างที่ห้องของกรด้วยตัวเอง

“อื้อ เบาหน่อย” ร่างโปร่งบางร้องประท้วงเมื่อถูกเด็กหนุ่มรุกเร้าจนหายใจหายคอไม่ทัน ริมฝีปากร้อนและเล็มชิมความหวานของเรียวปากสวยสีชมพูอ่อนอย่างกระหาย ไม่ว่าจะจูบอีกกี่ครั้งก็ไม่เคยรู้สึกว่าพอ เวลาจูบกันในรถ กรจะทำอย่างเบาปาก ไม่ได้ดูดเม้มและขบกัดรุนแรงเร่าร้อนขนาดนี้ ทำให้วินไม่ค่อยชินเท่าไหร่

“ผมอยากกอดพี่จนแทบคลั่ง แต่ต้องอดทนไว้ รอให้พี่เป็นฝ่ายเรียกร้องก่อน” มือหนาสอดไล้เข้าไปในเสื้อเชิ้ตตัวบาง บีบเค้นตามแนวโค้งเว้าของบั้นเอวบางหนักมือจนผิวขาวอมชมพูของวินขึ้นสีแดงเป็นปื้น

“ทำไมล่ะ” ใบหน้าสวยเงยแหงนให้เด็กหนุ่มดูดเลียที่คอ รู้สึกจักจี้นิดหน่อยกับผมนุ่มๆ ของกรที่ละคอ

“เพราะผมไม่อยากโดนพี่ปฏิเสธ”

วินนิ่งไปเล็กน้อยกับคำตอบนั้น กรคงกลัวว่าถ้ารุกมากไป วินจะรังเกียจและไม่ยอมให้กอด ความรู้สึกของคนที่ถูกปฏิเสธ กรคงไม่อยากได้รับมัน

ร่างบางเอื้อมแขนโอบกอดเด็กหนุ่มไว้แน่น อยากให้รู้ว่า จะไม่มีวันปฏิเสธความรักของกรเป็นอันขาด

“พี่...รักกรนะ” สิ้นคำนั้น กรละริมฝีปากจากคอขาวขึ้นมามองหน้าเขาด้วยแววตาทอประกาย เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มและประกบจูบอีกครั้งอย่างโหยหา

อยากจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ กอดกันไว้อย่างนี้

Rrrr


จู่ๆ เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนของกรก็ดังขึ้นขัดจังหวะ วินผลักร่างตรงหน้าออกและบอกให้รับสายก่อน

กรทำตามอย่างว่าง่าย แม้จะหงุดหงิดเล็กน้อย แต่พอเห็นหน้าจอแสดงชื่อที่โทรเข้ามา ก็รีบกดรับทันที

“ครับแม่?”

[กร!  พ่อเขา...พ่อ....ฮือออ] เสียงร้องไห้ของแม่ดังลอดออกมา จนวินเองยังต้องลุกขึ้นมองด้วยความไม่สบายใจ

“เกิดอะไรขึ้นครับ ใจเย็นๆ ก่อนนะแม่” กรร้อนรน เพราะไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้ฟูมฟายขนาดนี้มาก่อน สังหรณ์ใจว่าต้องเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรบางอย่าง

กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง ก็นานพอสมควร แม่บอกว่าพ่อเกิดอุบัติเหตุ รถเฉี่ยวชนกับรถมอเตอร์ไซค์ พ่อหักหลบจนพลิกคว่ำไหลลงไปในคูน้ำ และตอนนี้ก็นอนไม่ได้สติอยู่ในห้อง ICU เรื่องเกิดเมื่อตอนเย็น กว่าแม่จะตั้งสติได้และโทรบอกกรก็เกือบดึกแล้ว

“ผมต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย พวกน้องๆ อยู่กันตามลำพัง” กรหยิบแว่นตามาใส่ คว้ากระเป๋าเป้แล้วเก็บข้าวของยัดลงไปลวกๆ วินจัดเสื้อผ้าเข้าที่และลุกตามไป

“งั้นให้พี่ไปส่ง”

“ไม่เป็นไรครับ แค่พาผมไปเอารถก็พอ” เพราะมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ที่หน้าคณะจิตวิทยา “พี่กลับไปนอนที่ห้องเถอะ”

“อืม แล้วแต่กรละกัน” วินพยักหน้า ก่อนจะวิ่งตามกรไปลงลิฟท์

วินส่งกรที่หน้าคณะ รอจนกรขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปจากมหาวิทยาลัยแล้วจึงกลับห้องของตัวเอง ส่วนกรตรงกลับบ้าน ดีที่ดึกแล้วรถไม่ติด ไปถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืนได้ พวกน้องๆ ยังไม่เข้านอน นั่งรอกรอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก

“พี่กร!” นภนต์กับนภันต์ร้องเรียกพี่ชายพร้อมกันแล้ววิ่งเข้าไปกอดไว้ เด็กๆ คงจะกลัวและขวัญเสียที่ได้ข่าวพ่อ แถมยังต้องอยู่บ้านกันตามลำพังเป็นครั้งแรกตอนกลางดึก

“พี่มาแล้ว ไปนอนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย” กรวางมือบนหัวเล็กๆ ของน้องๆ ทั้งสองคน นานแล้วที่ไม่ได้เจอหน้ากัน แต่พวกน้องๆ ก็ยังมองเขาด้วยแววตาใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนเคย

กรคิดทบทวนถึงเรื่องที่ผ่านๆ มา ตั้งแต่ถูกรังแกตอนม.ต้นและผลการเรียนตกลง ทั้งพ่อและแม่ก็แทบไม่เคยพูดจาดีๆ ด้วยเลย แต่พอช่วงม.ปลาย น้องๆ เริ่มมีผลงานที่โรงเรียน เข้าแข่งขันวิชาการต่างๆ และได้รางวัลเหมือนสมัยเขาอยู่ประถม พ่อกับแม่ก็ดูจะอารมณ์ดีขึ้น แม้จะไม่ได้ให้ความสนใจกับตัวเขาเท่าที่ควร แต่กรก็คิดว่ามันเป็นเรื่องดีแล้ว เพราะเด็กวัยรุ่นอย่างเขาก็ไม่ได้อยากเกาะติดกับพ่อแม่ ยิ่งพอเข้ามหาวิทยาลัยได้ พ่อกับแม่ก็กลับมาเอาอกเอาใจเหมือนเดิม แถมยังตามใจกว่าเดิมด้วย จะเรียกว่าตามใจหรือเปล่า กรไม่แน่ใจ แต่ตอนที่ขอไปอยู่หอก็ให้ ขอมอเตอร์ไซค์ไว้ขับไปมอก็ให้ แถมไม่มาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวอีกด้วย เป็นความใจดี ที่บางครั้งก็ดูห่างเหินแปลกๆ

พ่อคงรู้ว่ากรไม่ค่อยอยากเจอหน้า ส่วนใหญ่เป็นแม่ที่โทรหาและขอให้กลับบ้าน แต่กรก็อ้างนั่นอ้างนี่ไม่ค่อยอยากกลับมาบ้าน ตั้งใจว่าเรียนจบเมื่อไหร่ก็จะแยกออกไปอยู่คนเดียวเลยด้วยซ้ำ ถึงตอนนั้นพวกน้องๆ ก็คงโตกว่านี้แล้ว ดูแลตัวเองได้มากแล้ว แม้จะห่วงแม่นิดหน่อย แต่กรคิดว่าการอยู่บ้านต่อไป ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ต่อให้พ่อกับแม่จะไม่ก้าวก่ายชีวิตของเขาในตอนนี้ แต่ถ้ารู้เรื่องที่กรชอบผู้ชาย...อาจจะมีปัญหาอีกก็ได้

เพราะกรรู้ว่าพ่อกับแม่ห่วงหน้าตาทางสังคมยิ่งกว่าอะไร ไม่ต่างจากบ้านของอาจารย์ภวินท์นักหรอก

เช้าวันต่อมา แม่ฝากให้กรดูแลน้องไปก่อน เพราะต้องไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล ที่บ้านมีรถยนต์อีกคัน แม่บอกให้เขาเอาไปใช้ จะได้ไปรับไปส่งน้องๆ ที่โรงเรียนได้ โรงเรียนของแฝดอยู่ระหว่างทางไปมหาวิทยาลัยของกรพอดี แม่เลยอยากฝากให้พาน้องไปอยู่ด้วยชั่วคราว ซึ่งกรไม่อยากรับฝาก แต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ

“เฮ้ย! ทำไมวันนี้มึงขับรถมาวะ ทุกทีเห็นขี่มอเตอร์ไซค์” เสียงแฟ้มร้องทักทันทีที่เห็นกรลงจากรถยนต์คันสีขาวของแม่แล้วเดินขึ้นมาบนตึกเรียน ปั้นจั่นชะเง้อมองกรเหมือนเคย ส่วนเวสป้าก็มองที่รถ

“อย่าบอกนะว่าแฟนมึงเปย์มา”

“จะบ้าเหรอ ของแม่กู” กรโยนกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงตรงที่ว่าง ซึ่งอยู่ข้างๆ ปั้นจั่นพอดี พวกแฟ้มมองหน้ากันทันที บรรยากาศระหว่างปั้นจั่นกับกรยังไม่ค่อยสู้ดีนัก

“งานเมื่อวานของจารย์รฐา กูซีร็อคไว้ให้แล้ว” ปั้นจั่นยื่นชีทงานไปให้กรที่หันหน้าไปรับมา กรยิ้มให้พร้อมคำขอบคุณ แฟ้มกับเวสป้ายังแปลกใจนิดๆ แต่ไม่กล้าถามมาก ในเมื่อกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ตามปกติแล้วก็ดี

“แล้วทำไมแม่มึงให้เอารถมาขับวะ” เวสป้าเบนเข็มมาที่เรื่องแรก

“พ่อกูเข้าโรงบาล แม่เลยให้เอารถไว้ส่งน้องไปโรงเรียน นี่ก็ต้องตื่นแม่งตี 4” กรส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยอ่อน

“พ่อกรเป็นอะไรมากรึเปล่า แบบนี้ก็ต้องดูแลน้องไปก่อนเหรอ” เป็นปั้นจั่นที่ถามขึ้นด้วยความห่วงใย ต่อให้ความสัมพันธ์มันจะเปราะบางและเหมือนจะแตกหักได้ตลอดเวลาที่อยู่ใกล้ แต่ก็ยังอยากอยู่ข้างๆ

ซึ่งมันคงไม่ต่างกับที่กรอยากอยู่ข้างๆ วิน

“อืม พ่อคงต้องนอนโรงบาลอีกอาทิตย์สองอาทิตย์ กูเลยต้องกระเตงน้องมาไว้ที่หอด้วย เพราะพวกมันทำอะไรเองไม่ค่อยเป็น”

“พวกมัน?” ปั้นจั่นทำหน้าสงสัย

“กูมีน้องสองคน เป็นแฝด” กรตอบอย่างไม่ใส่ใจ เปิดสมุดจดงานที่ปั้นจั่นส่งมาให้

“มีน้องแฝดซะด้วย อยากเห็นว่ะไอ้กร พี่มันหน้าตาดี น้องก็คงน่ารัก” เวสป้าแซว กรหัวเราะหึพลางยักไหล่

“น้องกูอายุแค่ 12 ยังอยู่ป.6 อยู่เลย แล้วก็...เป็นเด็กผู้ชายว่ะ”

“ทำไมมึงเพิ่งบอกเนี่ย ไอ้สัสกร” คนที่แอบฝันว่าจะเจอสาวน้อยฝาแฝดน่ารักน่าชังโดนดับฝันมันซะอย่างนั้น ทำเอาเพื่อนๆ หัวเราะกันสนุกสนาน

พ่อฟื้นแล้ว แม่ส่งไลน์มาบอกกรเรียบร้อย แต่อาการยังทรงๆ ต้องอยู่โรงพยาบาลอีกนานอย่างที่คิด กรกะว่าวันเสาร์นี้จะพาน้องไปเยี่ยม เขาส่งไลน์ไปบอกวินเรื่องพ่อแล้วตั้งแต่เมื่อคืน รวมทั้งเรื่องที่ต้องรับน้องๆ มาดูแลที่หอด้วย วินอยากไปเยี่ยมพ่อของกรด้วย แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไปในฐานะอะไร กรเองคงยังไม่ได้บอกที่บ้านเรื่องที่คบกับผู้ชาย และจากที่เคยมาปรึกษา ทางบ้านของกรน่าจะคล้ายๆ บ้านของวิน เรื่องของพวกเขาจึงควรเป็นความลับกับทั้งสองครอบครัว

“กร จะไปรับน้องที่โรงเรียนเหรอ” ปั้นจั่นเดินตามลงมาหลังเรียนคาบบ่ายเสร็จแล้ว กรหันไปพยักหน้ารับ ขายังคงเดินลงบันไดจนถึงขั้นสุดท้าย แล้วเดินต่อไปยังลานจอดรถ โดยมีปั้นจั่นเดินตามอยู่ใกล้ๆ

“มีอะไรรึเปล่าปั้น?” กรหันไปถามก่อนจะกดรีโมทปลดล็อครถ

ปั้นจั่นมองหน้าเขาเหมือนอยากจะพูดอะไร “คือ...ให้เราช่วยอะไรมั้ย?”

“อะไร? ยังไง?” กรไม่เข้าใจคำถาม เขายืนขมวดคิ้วมองหน้าปั้นจั่นกลับไป

“ก็ กรดูยุ่งๆ เมื่อเช้าก็หน้าตึงๆ ดูแลเด็กตั้งสองคนคงปวดหัวแย่ ให้เราช่วยมั้ย”

“จะดีเหรอวะ” กรอยากให้ช่วยเรื่องนี้จริงๆ แต่ก็เกรงใจเพื่อน ปั้นจั่นรีบยิ้มกว้าง

“ดีสิ เราชอบเล่นกับเด็กๆ นะ มีน้องวัยเดียวกับน้องๆ ของกรด้วย”

“อืม ก็ได้ ขอบใจล่วงหน้านะ” กรยิ้มรับ

“งั้น เราไปรับเด็กๆ ด้วยคนนะ” ปั้นจั่นเข้ามาเกาะแขนกรอย่างสนิทสนมเหมือนเคย แม้รู้เต็มอกว่ากรมีแฟนแล้ว แต่ปั้นจั่นก็ยังอยากพยายามต่อไป ทุกวิถีทาง

กรบอกว่ามีแฟนแล้วก็จริง แต่ไม่เคยเห็นเอารูปมาลงอวดเพื่อนๆ หรือพามาเจอที่คณะเลยสักครั้ง ปั้นจั่นไม่รู้ว่าคนคนนั้นคือใคร แต่ถ้าไม่กล้าเปิดเผยตัวขนาดนี้ บางที อาจจะยังมีหวังที่จะทำให้กรเปลี่ยนใจก็ได้

กรพาปั้นจั่นไปรับน้องๆ ที่โรงเรียน พวกเด็กๆ เห็นหน้าปั้นจั่นครั้งแรกก็เหมือนจะชอบแล้ว เพราะปั้นจั่นหน้าตาน่ารักและตัวเล็ก แถมยังยิ้มแย้ม ต่างจากพี่ชายตัวโตที่ชอบทำหน้านิ่ง ไม่ค่อยยิ้มหรือหัวเราะให้

“พี่กรเป็นยักษ์ ส่วนพี่ปั้นจั่นเป็นแฟรี่” นภันต์ ชี้นิ้วไปที่สองคน กรขับรถอยู่ และมีปั้นจั่นนั่งข้างๆ ส่วนสองแฝดนั่งเบาะหลัง กำลังเดินทางกลับไปที่หอพักของกร

“พูดอะไรเพ้อเจ้อว่ะ” กรส่ายหน้าไปมา

“พี่กรพูดไม่เพราะ!” นภนต์ร้องขึ้นมา แสร้งทำหน้าเหมือนตกใจเสียเต็มประดา อยู่ที่โรงเรียนเด็กๆ ก็พูดแบบนี้กับเพื่อนๆ แต่พออยู่บ้านก็จะคุยกันอย่างสุภาพ เพราะพ่อกับแม่ไม่ชอบ

“แฟรี่ น้องภันต์อยากกินไอติม” นภันต์โผมาเกาะที่หลังเบาะของปั้นจั่นแล้วเขย่าแขนรัวๆ

“จะแวะกินกันก่อนมั้ยล่ะ อีกแป้ปก็ได้เวลามื้อเย็นพอดี” ปั้นจั่นหันไปถามความเห็นจากคนขับ ที่ยังคงหน้านิ่งเหมือนเคย

“แวะห้างข้างหน้าแล้วกัน” กรว่าพลางเตรียมเลี้ยวรถเข้าไปทางลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า พวกเด็กๆ ร้องไชโยกันลั่นรถ

กรฝากให้ปั้นจั่นดูแลน้องๆ แล้วไลน์ไปบอกวินว่าแวะมากินข้าวที่ห้างฯ แถวมหาวิทยาลัย ก่อนจะรีบเดินตามปั้นจั่นที่มีเจ้าหนูที่ตัวโตเกือบเท่าปั้นจั่นจับมือไว้คนละข้าง

ทั้งสี่คนแวะกินไอศกรีมในร้านดังที่นภันต์ร่ำร้องก่อนเป็นที่แรก อีกชั่วโมงหนึ่งจะได้เวลาอาหารเย็นพอดี เด็กๆ ดูจะติดใจพี่ชายคนใหม่เหลือเกิน สนุกกับการอ้อนให้ปั้นจั่นป้อนน่าดู เพราะปกติกรไม่ใช่พี่ชายที่จะมานั่งเอาใจให้น้องๆ ออดอ้อน

“คืนนี้แฟรี่จะมานอนที่ห้องด้วยมั้ย น้องภันต์อยากให้มา” คนที่ติดที่สุดเห็นจะเป็นนภันต์ ซึ่งเป็นน้องเล็กที่สุดในบ้าน เลยติดนิสัยขี้อ้อนเป็นพิเศษ

“นั่นห้องพี่รึเปล่าเจ้าภันต์” กรหันไปทำหน้าดุใส่น้อง ถึงจะทำตัวตามปกติกับปั้นจั่นได้แล้ว แต่ถ้าต้องอยู่ร่วมห้องกันอีก กลัวว่าความทรงจำบางอย่างมันจะผุดขึ้นมา

“ภนต์ก็อยากให้พี่ปั้นมานอนนะ จะได้มีคนกล่อม แล้วก็ให้กอด” นภนต์สมทบ กรถึงกับกลอกตาไปมา

“จะนอนเบียดกันได้ยังไงตั้งสี่คน แล้วพวกนายก็โตขนาดนี้ ยังต้องให้กล่อมนอนอีกเหรอวะ”

“พี่กรพูดไม่เพราะอีกแล้วอ่า แฟรี่” นภันต์กอดแขนแฟรี่ส่วนตัวแนบแน่นแล้วทำปากยู่ใส่กร

กรเบะปากนิดๆ ปกติก็พูดหยาบๆ กับเพื่อนกันทั้งนั้น แค่ไม่อยากเอามาใช้กับคนที่บ้าน กลัวจะติดแล้วเผลอพูดใส่กัน พ่อกับแม่จะได้ดุเอา แต่บางทีความกวนของแฝดก็ทำให้เขาอยากจะด่าแรงๆ

“พี่คงไปนอนด้วยไม่ได้หรอก แต่จะส่งถึงห้องเลยนะ” ปั้นจั่นยิ้มน้อยๆ ให้เด็กๆ ปั้นจั่นรู้ว่ากรลำบากใจ เลยไม่อยากให้ยุ่งยากไปกว่านี้ แม้แฝดจะงอแงนิดหน่อยก็ตาม

กินข้าวเย็นเสร็จ กรก็รีบพาน้องๆ กลับห้อง กลัวจะค่ำไปกว่านี้ จากห้างฯ นี้ไปหอพักของเขาก็ไม่ไกลเท่าไหร่แล้ว แต่รถติดมาก เลยใช้เวลาไปนานพอสมควร ปั้นจั่นไปส่งเด็กๆ ถึงห้องตามที่บอกไว้

“แฟรี่ เล่นเกมมั้ย” นภันต์ดึงแขนปั้นจั่นให้เดินตามเข้าไปในห้อง เมื่อเช้าพี่ชายของพวกเขาขนเครื่องเกมมาไว้ให้ที่ห้องแล้ว รวมทั้งโน้ตบุ๊คกับไอแพดด้วย

“นี่ PS4 Pro ที่พวกเราขอพ่อกับแม่ตอนที่แข่งตอบปัญหาวิทยาศาสตร์ได้ที่ 1 ที่ 2 มาล่ะ” นภนต์ยกเครื่องเกมรุ่นใหม่ล่าสุดให้ปั้นจั่นดู

“โห เก่งจังเลยครับ แข่งระดับประเทศเลยใช่มั้ย” ร่างเล็กของพี่ชายคนใหม่นั่งลงกับพื้นตรงหน้าเด็กทั้งสอง ก่อนที่นภนต์จะวางเครื่องเกมลงที่เดิมและยื่นจอยให้ปั้นจั่น

“ใช่แล้ว พวกเราเป็นอัจฉริยะเหมือนพี่กรเลย” นภันต์เป็นคนตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง

กรเดินมายีหัวน้องชายทั้งสองคนด้วยความหมั่นเขี้ยว “เลิกพูดมากได้แล้ว ทำการบ้านก่อนแล้วค่อยเล่น”

“ทำเสร็จหมดแล้วน่า” นภันต์ร้องบอก เอามือปัดๆ มือของพี่คนโตที่ขยี้ผมจนยุ่งเหยิงไปหมด

“งั้นเอามาดูหน่อยดิ” กรกระดิกนิ้วเรียก สองหน่อเลยต้องหยิบการบ้านทั้งหมดออกจากกระเป๋าส่งไปให้พี่ชายตรวจดู กรไม่ได้ทำแบบนี้กับน้องๆ มานานมากแล้ว แต่ตอนนี้ต้องดูแลแทนพ่อกับแม่ แม้เขาเองจะไม่ได้อยากกดดันน้อง เพราะตัวเองเคยถูกกดดันมาตลอด แต่พอมาอยู่ในสถานะผู้ปกครอง เหมือนกรจะเข้าใจอะไรมากขึ้นอีกนิด

“เข้มงวดจังเลยคุณพี่ชาย” ปั้นจั่นยิ้มแซว เดินไปช่วยกรตรวจดูการบ้าน “ลายมือสวยเหมือนกรเลย”

“พูดมากน่า” กรรู้สึกเขินแปลกๆ กับคำชม เมื่อก่อนมีแต่คนชมเรื่องความอัจฉริยะของเขา เก่งอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เรื่องเล็กๆ อย่างลายมือสวย เพราะเขาตั้งใจเขียน กลับไม่มีใครสนใจเลย

เมื่อดูว่าการบ้านของเด็กๆ เรียบร้อยดีแล้ว กรก็ปล่อยให้แฝดยึดตัวปั้นจั่นไว้คนละข้างแล้วพากันเล่นเกมอย่างสนุกสนาน อาจเพราะเรื่องของเขา ทำให้พ่อกับแม่ลดความตึงเครียดเรื่องเรียนของพวกน้องๆ ลง หากทำคะแนนดีหรือได้รางวัลใหญ่ๆ มาก็เลยมีของตอบแทนให้ กรมองดูน้องๆ ที่สดใสร่าเริงตามวัยต่างจากตนสมัยก่อนแล้วก็ถอนหายใจ

พวกเด็กๆ ยื้อตัวปั้นจั่นไว้เหนียวแน่นมาก จนสุดท้ายก็ต้องยอมให้นอนค้าง ด้วยความที่แฝดกับปั้นจั่นตัวไม่ใหญ่มาก ก็พอจะนอนเบียดๆ กันสี่คนได้อยู่ แต่กรรู้สึกว่ามันอึดอัด เลยกะจะนอนที่โซฟาแทน

ปั้นจั่นกำลังกล่อมพวกน้องๆ เข้านอน ส่วนกรนั่งกึ่งนอนอยู่ที่โซฟา ไลน์คุยกับวินเป็นระยะ อาจารย์กลับถึงห้องแล้ว และกำลังเตรียมการสอนสำหรับวันพรุ่งนี้ ปกติพวกเขาจะวิดีโอคอล แต่คืนนี้ไม่สะดวก เลยใช้แค่ไลน์ธรรมดา กรอยากให้วินเจอพวกน้องๆ เหมือนกัน อาจารย์ทั้งสวยและใจดี แฝดจะต้องชอบไม่แพ้ปั้นจั่นแน่ๆ เขาอยากให้วินเข้ากับครอบครัวได้ เหมือนที่เห็นปั้นจั่นเข้ากับพวกน้องๆ ได้ดีในวันนี้

“กร ให้กูนอนที่โซฟาแทนก็ได้นะ” ปั้นจั่นลุกมาหาเมื่อน้องๆ หลับสนิทหมดแล้ว นภนต์หลับยากหน่อย แต่ก็ไม่เกินฝีมือพี่เลี้ยงเด็ก

“ไม่ต้องอ่ะ มึงนอนกับพวกมันเหอะ ตื่นมาเห็นมึงคงดีใจกว่าเจอหน้ากู” กรตอบไปนิ้วก็จิ้มไลน์ไป

“อะไรวะ นั่นน้องมึงนะ ฮ่าๆ” ปั้นจั่นอดขำไม่ได้กับพี่น้องพวกนี้ เด็กๆ ทั้งซนและแสบไม่เบา ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นน้องชายของกรผู้แสนจะเงียบขรึมและหน้านิ่งเหมือนพวกไร้อารมณ์

แต่ก็นะ...ถ้าไร้อารมณ์จริง คงไม่เร่าร้อนขนาดนั้น ปั้นจั่นพิสูจน์มาแล้วด้วยตัวเอง

“กร...” เสียงอ่อนหวานของปั้นจั่นดังอยู่ข้างหูพร้อมฝ่ามือนุ่มๆ ที่ลูบไล้ลงมาบนแผงอก กรสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน

“ทำเหี้ยอะไร” เขาขมวดคิ้วถาม ปั้นจั่นเหมือนจะรู้สึกตัว เลยดึงมือออกทันที

“เปล่า จะนอนตรงนี้จริงๆ เหรอ” ใบหน้ากลมแป้นเจือสีแดงจางๆ ด้วยความเขินอายกับท่าทางที่เผลอไผลเมื่อครู่ ยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยว่าต้องการเหมือนคืนนั้น อยากให้กรกอดรัดไว้แน่นๆ อีกครั้ง แต่สถานะของพวกเขา ไม่อาจกลับไปเป็นแบบนั้นได้อีกแล้ว

“อือ ไปนอนเหอะ กูจะนอนแล้ว” กรตอบรับ ก่อนจะกดส่งสติ๊กเกอร์ Good night ไปให้อาจารย์

ปั้นจั่นยืนมองกรยิ้มกับโทรศัพท์พักหนึ่ง แล้วก็เดินกลับไปที่เตียง ทิ้งตัวลงนอนตรงกลางที่พวกแฝดเว้นไว้ให้ สายตายังคงเหลือบมองคนที่ค่อยๆ เอนตัวพิงแขนโซฟาแล้วหลับตาลง

ไม่ว่ายังไง ก็ยังรักกรอยู่ดี

******

เรื่องนี้ยังคงคอนเซปดราม่าตลอดกาล ปั้นจั่นดูน่าหมั่นไส้ แต่ก็น่าร้ากนะ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ไหนจะปั้นจั่นไหนจะยัยเข็ม ปวดหัวแทนน้องกร :ling1:

กรกับวินยังคงมีอะไรที่ค้างคาอ่ะนะ

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ถึงเวลาคุยกับเมียแล้ววิน   :katai1:

คุยได้แค่หน่อยเดียวน่ะสิ...

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อย่าให้ปั้นจั่นจับได้นะว่าเป็นแฟนกับวิน  :hao4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ค้างคาทุกฝ่าย :serius2:

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
18
“ครับ ได้ครับ” กรกดวางสายจากแม่ หมอบอกว่าอาทิตย์หน้าถึงจะเข้าเยี่ยมพ่อได้ และฝากให้กรดูแลน้องๆ ต่อไปก่อน วินก็คอยไลน์ถามด้วยความเป็นห่วงตลอด เพราะมาเจอไม่ได้ ช่วงนี้อาจารย์ต้องกลับบ้านบ่อยขึ้น เพราะภรรยาคอยจะหาเรื่องไปฟ้องพ่อแม่


แต่เสาร์นี้ที่ตอนแรกจะพาน้องๆ ไปเยี่ยมพ่อเป็นอันต้องยกเลิก กรเลยกะจะพาเด็กๆ ไปเที่ยวและชวนวินไปด้วย ซึ่งอาจารย์ก็ตอบตกลงแล้ว แต่...

“พรุ่งนี้แฟรี่ไปด้วยใช่มั้ย” นภันต์เขย่าแขนคนตัวเล็กไปมา ปั้นจั่นทำหน้างุนงง ส่วนกรถอนหายใจ

“ไปไหนกันเหรอ”

“ไม่มีอะไรหรอก” กรตอบพลางวางแก้วนมให้เด็กๆ ที่โต๊ะหน้าทีวี วันนี้วันศุกร์ ปั้นจั่นก็มานอนค้างกับพวกน้องๆ ตามเคย

“อ้าว? ได้ไงพี่กร ไหนบอกจะพาไปสวนสยามไง ภันต์เตรียมปลาฉลามไว้แล้วนะ” น้องเล็กชี้ไปที่อุปกรณ์เล่นน้ำที่เตรียมไว้ เป็นปลาฉลามเป่าลมเอาไว้ขี่เล่นในน้ำ ส่วนของนภนต์เป็นลูกบอลยักษ์

กรแทบจะเอามือตบหน้าผากตัวเอง ลืมบอกพวกแฝดว่าให้หุบปากเงียบๆ อย่าบอกเรื่องนี้กับปั้นจั่น แต่ถึงจะห้ามไป ก็คงบอกอยู่ดี เพราะเด็กๆ ติดปั้นจั่นมาก

“ถ้าจะไปกันแต่ครอบครัว เราไม่ไปก็ได้นะกร” ต่อหน้าพวกเด็กๆ พวกเขาจะเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้ ซึ่งจริงๆ แล้วปั้นจั่นก็ชอบแบบนี้มากกว่า เหมือนตอนที่ได้เป็นแฟนกับกร

“ไม่เอา! ภันต์จะให้แฟรี่ไปด้วย!” นภันต์ร้องโวยวาย กอดเอวปั้นจั่นไว้แน่น ส่วนกรก็ได้แต่ขมวดคิ้ว

จะให้เจออาจารย์ คงไม่ดีแน่

“พี่เขาต้องกลับบ้านมั้ยล่ะ จะรบกวนทำไม”

“ไม่เอาๆๆๆ พี่ปั้นจั่นไม่กลับบ้านหรอกใช่มั้ย จะเล่นกับพวกเราใช่มั้ยครับ” นภนต์ตามมาสมทบอีกแรง สองหนุ่มน้อยกอดแขนปั้นจั่นคนละข้างแนบแน่น ส่งสายตาเว้าวอนสุดชีวิต กรมองน้องๆ อย่างเหนื่อยใจ ส่วนปั้นจั่นได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้กร ปั้นจั่นรู้ว่ากรลำบากใจมาก ที่ยอมให้มาช่วยดูแลน้องๆ เพราะรับมือคนเดียวไม่ไหวจริงๆ แต่ถ้าต้องอยู่ด้วยกันมากกว่านี้ กรคงอึดอัดมากขึ้นอีก

กรคิดหนัก ในที่สุดก็ตัดสินใจไลน์ไปหาอาจารย์ บอกว่าจะมีเพื่อนที่คณะไปด้วยอีกคน เพราะน้องๆ ติดเพื่อนคนนี้มาก วินเข้าใจและบอกว่าไม่เป็นไร ตอนเจอก็ให้แนะนำว่าเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันไป

โชคดีที่ปั้นจั่นไม่รู้จักอาจารย์ เพราะไม่เคยเรียนด้วย ซ้ำยังอยู่คนละคณะ คนละฝั่งรั้ว เลยไม่เคยได้เจออยู่แล้ว พอแนะนำไปว่าเป็นรุ่นพี่ที่เคยไปช่วยงาน ปั้นจั่นก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม แม้ในใจจะสงสัยเล็กน้อย ว่าวินอาจจะเป็นแฟนของกร แต่คงไม่อยากบอกต่อหน้าน้องๆ

เด็กหนุ่มร่างเล็กอดลอบมองอาจารย์ไม่ได้ รูปร่างสูงโปร่ง เอวคอดกิ่ว ผิวขาวอมชมพู ตัวสูงพอๆ กับกร แต่รูปร่างบางกว่า ทำให้ดูเหมือนตัวเล็ก หน้าตาก็หล่อเหลาดี เป็นแบบที่ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็น่าจะชอบ แถมยังอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มตลอดเวลา พวกเด็กๆ ก็ยังเข้าไปเล่นด้วยเหมือนรู้จักกันมานาน เพราะวินมีท่าทางและคำพูดที่สุภาพไพเราะ น้ำเสียงอ่อนโยน

“แฟรี่ มาขี่ฉลามกัน ภันต์จะจับไว้ให้” เสียงเรียกและแรงฉุดที่ข้อมือ ทำให้ปั้นจั่นกลับเป็นตัวเองอีกครั้ง หลังจากมัวแต่มองวินแล้วคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นาน นภนต์เล่นโยนลูกบอลอยู่กับวินและพี่ชายคนโตอยู่บนบก แต่นภันต์อยากเล่นกับแฟรี่ของเขามากกว่า

“อ๊ะ เดี๋ยว จะให้พี่ขึ้นไปยังไง” เพราะยืนอยู่ในน้ำกันทั้งคู่ จะปีนขึ้นขี่ก็ลำบาก ต้องให้ปั้นจั่นขึ้นไปยืนบนขอบสระน้ำวน แล้วทิ้งตัวลงมาคร่อมปลาฉลามยางอีกที แต่นภันต์ดูเหมือนจะใจร้อนเกินไป

เด็กหนุ่มที่ยังโตไม่เต็มที่ แถมตัวก็ไม่ได้โตไปกว่าปั้นจั่นมากนัก กลับอุ้มร่างเล็กของเพื่อนพี่ชายยกขึ้นจนตัวลอยได้อย่างน่าตกใจ ปั้นจั่นถึงกับหน้าเหวอ

“ภันต์ ปะ ปล่อยพี่ก่อน” ปั้นจั่นร้องบอกลนลาน มือของนภันต์ทั้งสองข้างจับอยู่ที่เอวแล้วยกตัวลอยขึ้น

“เอามือจับที่จับมันสิแฟรี่” สีหน้าของนภันต์แทบไม่เปลี่ยนเลย ราวกับที่ยกอยู่นี้เป็นของไร้น้ำหนัก ปั้นจั่นอายจนหน้าแดงจัด มาถูกเด็กอายุแค่ 12 อุ้มราวกับตุ๊กตายัดนุ่นแบบนี้ ด้วยความอาย ปั้นจั่นเลยรีบทำตามที่บอก เพราะไม่อยากอยู่ท่านี้นานๆ ร่างเล็กตะกายคว้าที่จับบนส่วนหัวของฉลามและพยายามก่ายขาขึ้นไปคร่อมมัน มีนภันต์ช่วยดันก้นให้ และในที่สุดก็ขึ้นไปขี่ฉลามสำเร็จ ปั้นจั่นคว้ากอดหัวฉลามไว้แน่น ทั้งกลัวตกและยังเขินนภันต์ไม่หาย เป็นครั้งแรกที่ใจเต้นรัวกับเด็กตัวแค่นี้ แต่ปั้นจั่นคิดว่าเป็นเพราะอาการตกใจ ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น

นภนต์คว้ามือกรกับวินวิ่งลงไปเล่นในทะเลเทียมที่อยู่ไกลออกไปจากสระน้ำวนแล้ว เหลือแค่ปั้นจั่นกับนภันต์ที่ยังอยู่ที่เดิม นภันต์เกาะอยู่ข้างๆ ครีบปลา คอยช่วงจูงและพยุงไม่ให้ฉลามพลิกคว่ำ ดูจะชื่นชอบที่ได้แกล้งทำให้ปั้นจั่นสะดุ้งตกใจด้วยการผลักฉลามเบาๆ จนมันเกือบคว่ำอยู่หลายรอบ

“พี่อยากลงแล้ว ภันต์เอาแต่แกล้ง” สุดท้ายปั้นจั่นก็ทนให้แกล้งต่อไปไม่ไหว แต่นภันต์ยังไม่ปล่อยมือจากฉลาม ทำให้ปั้นจั่นถีบตัวเองเข้าฝั่งไม่ได้

“ภันต์แกล้งอะไร? ไม่ได้แกล้งเลย” เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงใส จนปั้นจั่นทำหน้าหงุดหงิดออกมาชัดเจน

“ก็ที่หัวเราะอยู่นี่ไง สะใจที่เห็นพี่ทำหน้าตลกๆ เวลาตกใจเหรอ”

“ภันต์ไม่ได้แกล้ง”

“นภันต์!” ร่างเล็กเริ่มโวยวายเสียงดังขึ้น แต่นภันต์ก็ยังหัวเราะ

“ก็ลงมาสิ”

“พาพี่เข้าขอบสระด้วย” ปั้นจั่นสั่งพร้อมชี้นิ้วไปที่ขอบสระข้างๆ สองแขนยังกอดฉลามไว้แน่นหนา

“ไม่ต้องหรอก ลงมาเลย ภันต์รับให้เอง” เด็กน้อยยิ้มกว้าง อ้าแขนข้างหนึ่งรอ ส่วนอีกมือยังดึงครีบฉลาม

ปั้นจั่นลังเล กลัวโดนแกล้งอีก แต่นภันต์ก็เอื้อมขึ้นไปคว้าเอวแล้วดึงลงมาให้

“เหวอออ” ร่างเล็กร้องเสียงหลงตอนที่ถูกลากลงจากตัวฉลาม เข้าสู่อ้อมกอดของเด็กหนุ่ม หน้าของปั้นจั่นร้อนผ่าว แนบชิดอยู่ข้างแก้มของน้อง เจ้าเด็กน้อยยังหัวเราะเสียงใสเหมือนเป็นเรื่องสนุกสนาน แต่คนถูกกอดรัดแทบจะแดงไปทั้งตัวแล้วตอนนี้

เพราะเป็นน้องชายของกร หน้าตาก็เลยคล้ายกัน อีกหน่อยโตขึ้นน่าจะเหมือนกรเปี๊ยบเลยล่ะ เสียงตอนที่แตกหนุ่มแล้วก็อาจจะคล้ายกันด้วย

ปั้นจั่นส่ายหน้ารัวกับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง ต่อให้คล้ายแค่ไหน นี่ก็ไม่ใช่กร แต่เป็นนภันต์

“แฟรี่ ไปทางนั้นกันเถอะ” มือของน้องที่พอดีกับฝ่ามือของปั้นจั่นรวบจับไว้และฉุดดึงให้เดินไปขึ้นบันไดริมสระ ปั้นจั่นรีบคว้าฉลามติดมือมาด้วย แทบจะสู้แรงเด็กประถมไม่ได้ รู้สึกอายสุดๆ

“สองคนนั้นสนิทกันดีจัง” วินกระซิบบอกกร ตอนนี้ปล่อยให้นภนต์เล่นน้ำอยู่ในทะเลเทียมคนเดียว เพราะพวกพี่ๆ เหนื่อยแล้ว ขอขึ้นมานั่งพักใต้ต้นไม้ที่มีที่นั่งหินทรงกลมล้อมรอบ

“หือ? ไอ้ปั้นกับภันต์?” กรหรี่ตามองตามที่อาจารย์พยักหน้าให้ดู จะว่าไปนภันต์ก็ไม่เคยสนิทกับใครมากขนาดนั้น ขนาดกับพี่ชายแท้ๆ หรือฝาแฝดตัวเองอย่างนภนต์ก็ยังไม่ได้เกาะติดแจเท่าปั้นจั่น จนนึกสงสัยนิดหน่อย แต่ไม่อยากพูด

“ไม่เรียกมาเล่นด้วยกันเหรอ” วินยังถามต่อ พลางโบกมือให้นภนต์ที่ร้องเรียก แฝดคนพี่ว่ายน้ำเก่งมาก ว่ายไม่เหนื่อยเสียที กรบอกว่านภนต์เป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนด้วย วินจึงไม่แปลกใจเลย

“อย่าดีกว่าพี่วิน เจ้าภันต์คงอยากอยู่กับพี่ชายคนใหม่สองคนมากกว่า” กรยิ้มๆ ถึงไม่สนิท แต่ก็พอจะดูน้องออก และจากการที่นภนต์พยายามดึงให้พวกเขาออกมาจากสองคนนั้น ก็พอเข้าใจแล้ว นภนต์รู้ใจนภันต์ดียิ่งกว่าใคร แม้นิสัยสองแฝดจะต่างกัน แต่มองตากันก็รู้ใจอยู่ดี

“ผมเองก็อยากจูงมือพี่เล่นน้ำด้วยกันแบบนั้นนะ” พี่ชายคนโตอดอิจฉาน้องไม่ได้ เขาเป็นแฟนกับวินแท้ๆ ยังไม่สามารถเดินจับมือกันได้เลย แต่เจ้าน้องเล็กตัวแสบไม่ทันได้เป็นอะไรกับปั้นจั่น กลับใช้อภิสิทธิ์ความเป็นเด็กประถมทั้งจับมือ โอบเอวปั้นจั่น เกาะแกะแบบเปิดเผย ร้ายเหลือ

“หึหึ ดูทำหน้าสิ ถ้าอยากจับไว้คราวหน้ามากันสองคนนะ พี่จะให้จับทั้งวันเลย” วินเอานิ้วจิ้มแก้มคนหน้าบึ้งข้างๆ เล่น

ปั้นจั่นหันไปเห็นตอนที่วินจิ้มแก้มกรเล่นเข้าพอดี กรเอามือจับนิ้วของวิน หยอกกันเล่นไปมาดูน่าสนุก ในอกของปั้นจั่นเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก ขนาดพยายามยัดเยียดตัวเองให้แล้ว กรยังไม่เอา แต่วินเหมือนไม่ต้องพยายามทำอะไรเลย สายตาของกรที่มองวินอ่อนโยนจนรู้สึกเจ็บใจ

“แฟรี่” แรงกระตุกที่แขนทำให้ปั้นจั่นได้สติ หันไปมองน้องชายคนเล็กของกรด้วยตาที่แดงก่ำ “ร้องไห้เหรอ?”

“เปล่า” ร่างเล็กตอบแล้วรีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง นภันต์ก็วิ่งตามไปกอดเอวไว้

“แล้วทำไมตาแดงๆ ผงเข้าตาเหรอ ให้ภันต์ดูให้...”

ปั้นจั่นปัดมือที่ยื่นมาจะแตะหน้าของตนออก “ไม่ได้เป็นไร ปล่อยพี่ก่อน”

“ไม่ปล่อย” พอโดนปัดมือออก ก็เลยคว้าเอวร่างเล็กไปกอดแน่น ปั้นจั่นหรุบตาลงก็เห็นหัวของนภันต์อยู่ตรงปลายจมูกพอดี

“ภันต์...” สองแก้มร้อนวูบ อยากจะขืนตัวออก แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะนภันต์รัดแน่นมาก ริมฝีปากของน้องอยู่แถวๆ คอ รู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ “อายคนอื่นเค้านะ ปล่อยพี่”

“แฟรี่ก็อย่าเดินหนี อย่าปัดมือภันต์สิ” นภันต์เงยหน้าขึ้นสบตา แววตาใสๆ ของเจ้าหนู ทำเอาปั้นจั่นเผลอใจเต้นแรง เรื่องของกรกับวินเมื่อครู่นี้แทบจะหายไปจากสมอง

“อือๆ พี่ไม่ปัด ไม่หนีแล้ว แต่ปล่อยนะ คนมองใหญ่แล้ว” จริงๆ ไม่มีใครสนใจ เพราะเห็นเหมือนพี่น้องเล่นกันมากกว่า แต่ปั้นจั่นก็อายอยู่ดี ภันต์ยิ้มแฉ่งแล้วยอมคลายอ้อมกอดออก เปลี่ยนมาจับมือแทน

“งั้นไปเล่นกันต่อ แข่งดำน้ำกัน” แล้วก็ลากพี่ชายตัวเล็กให้เดินตามลงสระไป


******
ไม่มีความคืบหน้าใดๆ แต่นภันต์นี่เหมือนพี่ชายคนโตนะเอาจริงๆ ถึงปั้นจะทำตัวน่าหมั่นไส้มาก แต่ถ้านางมีคู่ จะได้เลิกมายุ่งกับกร อิๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นังปั้น ปล่อยให้เด็กกินก็ดี  :katai3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มีแววว่าปั้นจะมีปั๋วเด็ก555

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
โอ๊ะ ยังงัยๆ ใจเต้นกับเด็ก 12 ขวบนี่ อันตรายนะฮะ

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
สงสัย​โดนเด็กจับกดเอาซะละมั้งปั้นจั่น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
ในที่สุดก็ต่อจนด้ายยยย รู้สึกเน้นปั้นกับภันต์มากอ่ะช่วงนี้ 
19
พวกเด็กๆ เล่นน้ำไม่ยอมเลิก จนสวนสยามเกือบปิด กร อดบ่นพวกน้องๆ ที่เอาแต่เล่นจนลืมเวลาไม่ได้ วินกับปั้นจั่นเลยต้องคอยเบรก ไม่ให้กรโมโหมากไปกว่านั้น

“พี่กรขี้บ่นเหมือนแม่เลย”

“เจ้าภันต์! นายว่าแม่เหรอ” กรชี้หน้าดุน้องจอมแสบ นภนต์ยังไม่เท่าไหร่ นภันต์เป็นน้องเล็กสุดเลยแสบเป็นพิเศษ ซึ่งเรื่องนี้ปั้นจั่นก็ดูจะเห็นด้วย เพราะโดนแกล้งมาเกือบทั้งวันแล้ว

“ผมว่าพี่กรต่างหากล่ะ” นภันต์เถียงเสียงแข็ง

“เอ้าๆ พอแล้วครับเด็กๆ กินขนมกันหน่อยดีกว่า” วินเอี้ยวตัวส่งกล่องขนมให้เด็กๆ และปั้นจั่นที่อยู่เบาะหลัง พวกเด็กๆ ร้องดีใจกันยกใหญ่ แบ่งกันกินขนมและผลัดกันป้อนให้ปั้นจั่นสนุกสนาน วินเองก็สนุกไปด้วย พอเห็นทุกคนเข้ากันได้ดี กรก็สบายใจ ขับรถไปส่งเด็กๆ กับปั้นจั่นที่หอของตนก่อน แล้วค่อยพาวินไปส่งหอพักอาจารย์

“วันนี้สนุกมากเลย น้องปั้นจั่นกับพวกแฝดน่ารักดีนะ” วินเอนตัวกับเบาะรถ เอ่ยด้วยรอยยิ้มมีความสุข ไม่ได้ผ่อนคลายแบบนี้มานานมากแล้ว ทำให้ลืมเรื่องเครียดๆ ช่วงนี้ไปจนหมด

“พี่สนุกก็ดีแล้ว ช่วงนี้พี่วินดูไม่ค่อยสบายเลย ผมเป็นห่วงนะครับ” กรจับมือของวินไว้ บีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

“อือ ก็มีปัญหาหลายๆ อย่าง เออ กร” วินจับมือกรกลับ ลูบเล่นไปมา กรเหลือบตามองเขาเล็กน้อย เพื่อให้รู้ว่าฟังอยู่ “พี่ว่า...จะหย่า”

กรเงียบไปอึดใจ “กับภรรยาน่ะเหรอครับ?”

“อืม พี่อยากเป็นตัวของตัวเอง ตอนแรกก็กลัวนะ แต่คิดเรื่องนี้มาตลอด ถึงไม่มีกร พี่ว่ายังไงก็ไปกันไม่รอดอยู่ดี เพราะพี่...ชอบผู้ชาย” เสียงของวินสั่นนิดๆ มือที่จับอยู่ก็ด้วย กรกุมมือนั้นไว้แน่นขึ้น

“พี่จะมีผมอยู่ข้างๆ เสมอนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

“ขอบใจนะกร” วินคลี่ยิ้มและเอนตัวซบบ่าเด็กหนุ่ม พอดีกับที่รถเลี้ยวไปจอดหน้าหอพักอาจารย์ วินยังไม่ยอมลงจากรถ เขาปลดเข็มขัดนิรภัยและกระตุกแขนเสื้อของกรเบาๆ “...อยากให้กรอยู่ด้วยจัง”

“พูดจริงเหรอ” กรยกยิ้ม จับปลายคางเรียวสวยให้วินหันมาสบตา “ผมไม่อยู่ด้วยเฉยๆ นะ”

วินหรุบตาลงเล็กน้อยคล้ายเอียงอาย จะยั่วเด็กทั้งทีมันต้องมีมารยาเล็กน้อย “แล้วอยากทำอะไรล่ะ”

“ก็หลายๆ อย่าง” ไม่พูดเปล่า กรโน้มหน้าลง แตะริมฝีปากที่ข้างแก้มของอาจารย์ ไล้ลงมาเรื่อยๆ จนถึงซอกคอขาว วินยกมือขึ้นแตะแผงอกของเด็กหนุ่ม

“งั้นกร...อยากทำอะไร ก็ทำสิ” วินครางเบาๆ เมื่อถูกดูดเม้มที่คอ “แต่ในห้องพี่นะ ไม่เอาในรถ”

กรกระตุกยิ้ม จูบซ้ำบนรอยแดงที่คอของวินอีกทีแล้วผละออก “โอเคครับ ไปที่ห้องกัน”

******

กรส่งไลน์ไปบอกปั้นจั่นว่าจะค้างที่ห้องของเพื่อน ไม่ได้บอกว่าห้องใคร ฝากให้ปั้นจั่นดูแลน้องๆ แทน ปั้นจั่นถอนหายใจ กดปิดหน้าจอลง พอจะเดาได้ว่ากรอยู่กับใคร เลยไม่อยากตื้อถามมาก

“อะไรอ่ะ พี่กรไม่กลับดิ” นภนต์เห็นปั้นจั่นถอนหายใจ ก็เลยเดาว่ากรคงจะไม่กลับ หลายวันที่อยู่ด้วยกันมา พอจะรู้ว่าแฟรี่ที่น่ารักของพวกเขาคิดยังไงกับพี่ชาย ก็เล่นมองด้วยสายตาหวานเยิ้มขนาดนั้น

“อืม มีงานต้องทำกับเพื่อนๆ น่ะ เลยจะค้างที่นั่นเลย อยู่กับพี่โอเคมั้ยล่ะ” ปั้นจั่นฝืนยิ้มให้เด็กๆ นภนต์น่ะไม่เท่าไหร่ แต่นภันต์ดูจะไม่ชอบรอยยิ้มฝืนๆ นี่เอาเสียเลย เจ้าหนูภันต์เด้งตัวจากเตียง โผเข้ากอดเอวปั้นจั่นไว้แน่น

“พี่กรไม่กลับก็ดีแล้ว อยากอยู่กับแฟรี่มากกว่า เล่นเกมแล้วก็...เล่าเรื่องผีกันดีกว่า”

“อะไร? ทำไมต้องเรื่องผีด้วย” ปั้นจั่นขมวดคิ้ว ก้มมองเด็กน้อยภันต์ที่เกาะเอวไม่ปล่อย

“แฟรี่กลัวเหรอ?” เจ้าหนูทำตาใส ปั้นจั่นเลยยิ้มหวานให้

“เดี๋ยวได้รู้กัน”
...............
.........
.....
“อ๊า! ไม่เอาแล้ววววว จะนอนแล้ววววว” นภันต์หวีดร้องลั่นห้อง กระโจนเข้าผ้าห่ม คลุมโปงจนมิดทั้งหัวทั้งตัว นภนต์ส่ายหน้าหน่ายๆ เดินไปล้มตัวลงนอนบ้าง ส่วนปั้นจั่นเอาแต่หัวเราะ

“ไหนใครอยากฟังเรื่องผีนักหนา ทีงี้ทำมากลัว” เพราะปิดไฟเหลือแต่โคมไฟหัวเตียงดวงเดียวแล้วนั่งล้อมวงเล่าเรื่องผีกัน ทำให้นภันต์เกิดกลัวขึ้นมา ส่วนนภนต์นั้นเฉยๆ ไม่ได้เชื่อเรื่องผีสางอยู่แล้ว

“ผมนอนเลยนะ พี่ปั้นนอนข้างนู้น ภันต์มันนอนกลาง” ทั้งที่เป็นฝาแฝด แต่ปั้นจั่นก็รู้สึกว่าคนที่เด็กที่สุดมีแค่นภันต์จริงๆ

ปั้นจั่นพยักหน้ารับ ปีนขึ้นไปนอนบนเตียงข้างๆ นภันต์ที่ยังคลุมโปงอยู่ “ภันต์ แบ่งผ้ามามั่งสิ”

นภันต์ขยับตัวยุกยิกสักพัก ก็ตวัดผ้าห่มผืนหนามาคลุมร่างปั้นจั่น คว้าเอวพี่ชายตัวเล็กไปกอดไว้ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันด้วย ปั้นจั่นสะดุ้งตกใจ ยกมือดันร่างเด็กชายออกห่าง แต่ไม่ทันความว่องไวของเจ้าลิงแสนซน หน้าของนภันต์ซุกอยู่ตรงอก รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ และเสียงกรนของนภนต์ที่น่าจะหลับสนิทไปแล้ว

“ภันต์...มันอึดอัดนะ” ปั้นจั่นไม่กล้าดิ้นแรง เพราะกลัวทำให้นภนต์ตื่น ส่วนนภันต์ยิ่งไถหน้าเข้ามาตรงอกมากขึ้น จนรู้สึกแปลกๆ ปั้นจั่นพยายามเอามือดันหัวนภันต์ออกพลางส่งเสียงปรามเบาๆ

“อย่าดิ้นสิ มันร้อนนะแฟรี่” แขนผอมบางของเด็กชายตัวน้อยมีเรี่ยวแรงมากกว่าที่คิดนัก ปั้นจั่นดิ้นไม่หลุด เลยต้องยอมนอนนิ่งๆ ให้กอด หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่านภันต์จะได้ยิน

“ภันต์ พี่อึดอัด” แรงกอดรัดเพิ่มขึ้น ทำให้ปั้นจั่นเหมือนจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาพยายามจะดิ้นหนี แต่สุดท้ายทั้งร่างก็ถูกเด็กชายที่ตัวเล็กกว่าขึ้นคร่อมทับ ปั้นจั่นเบิกตาโพลง สองแขนถูกกดไว้กับเตียง “ภันต์!”

“ชู่ อย่าเสียงดัง เดี๋ยวภนต์มันตื่น” นภันต์ยกยิ้มมุมปาก ไอ้รอยยิ้มแบบนี้ก็เหมือนพี่ชายคนโตไม่มีผิดเพี้ยน แต่นี่มันเด็กอายุแค่ 12! ปั้นจั่นกรีดร้องได้แต่ในใจ กระตุกข้อมือหวังให้สลัดหลุด แต่ก็สู้แรงเด็กน้อยไม่ได้ หรือว่าเขาจะอ่อนให้เด็กมากไป

“ภันต์ก็ลุกออกไปสิ นอนดีๆ ได้มั้ย” เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมออกจากหน้าผากเล็ก ปั้นจั่นรู้สึกว่าหน้ากำลังร้อนมาก ร้อนจนแทบจะไหม้ เมื่อเด็กชายนภันต์ก้มลงเลียที่ยอดอกซึ่งยังอยู่ใต้ร่มผ้า “อ๊ะ ภันต์ อย่านะ...”

“ปั้นนั่นแหละที่ต้องนอนดีๆ ให้ผมกอด”

ทั้งคำพูดและรอยยิ้ม ทำเอาปั้นจั่นนิ่งอึ้ง หน้าร้อนฉ่า มองหน้าเด็กชายอย่างไม่เข้าใจ

“ผมไม่รู้หรอกว่าปั้นกับพี่กรจะเคยเป็นอะไรกันมาก่อน แต่ตอนนี้พี่กรมีพี่วินแล้ว และปั้น จะต้องเป็นของผม”

“อ๊า!” ปั้นจั่นตัวเกร็งเผลอร้องเสียงดัง เพราะเจ้าเด็กแสบเล่นกัดหัวนมมาเต็มแรง นภนต์เหมือนจะตื่นเพราะเสียงร้อง ครางอืออาในคอ แต่ไม่ได้ลืมตา แค่พลิกตัวหันมา ทำให้นภันต์รีบปล่อยปั้นจั่นเป็นอิสระ ทิ้งตัวลงนอนเงียบๆ และกอดเอวของพี่ชายตัวเล็กไว้แน่น

“ถ้าดิ้นหรือส่งเสียงอีก ต่อให้ไอ้ภนต์ตื่น ผมก็ไม่หยุดนะ” นภันต์ขู่ด้วยสายตา ปั้นจั่นนอนตัวเกร็งอยู่ในอ้อมกอด พยักหน้ารับด้วยใจสั่นกลัว นภันต์จูบที่ปากเบาๆ ก่อนจะหลับไปก่อน ปั้นจั่นจึงถอนหายใจและพยายามข่มตาหลับให้ลงบ้าง

ตลอดทั้งวันที่โดนนภันต์แกล้งอย่างถึงเนื้อถึงตัวนั้น ตอนนี้ปั้นจั่นเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ว่าเด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่

เช้าวันต่อมา กรขับรถกลับมาที่ห้องตอนสายๆ เพราะจะทิ้งน้องๆ ตัวแสบไว้กับปั้นจั่นแค่คนเดียวตลอดก็ไม่ดี วินไม่ได้ตามมาด้วย เพราะกลับบ้านพ่อแม่ ตั้งใจว่าจะเคลียร์เรื่องหย่ากับภรรยา

“ตามึงโหลๆ นะปั้น ไอ้พวกนี้มันกวนมึงตอนนอนเหรอ” นั่นคือคำถามแรกที่กรเจอหน้าปั้นจั่น เพราะขอบตาล่างของปั้นจั่นมันค่อนข้างคล้ำเกินปกติ

ปั้นจั่นส่ายหน้าตอบ จะให้บอกได้อย่างไรว่านภันต์ทำเอานอนแทบไม่หลับ กลัวหลับแล้วโดนแกล้งอีก

“เดี๋ยวออกไปหาไรกินกัน แล้วกูจะพามึงไปส่งหอ” กรว่าพลางเดินไปทางตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนเป็นชุดใหม่ ส่วนน้ำอาบมาแล้วจากห้องของวิน

“อะไรพี่กร จะพาแฟรี่ของผมไปไหน” นภันต์ได้ยินเข้า รีบโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำทันที ฟันก็ยังแปรงไม่ทันเสร็จดี ส่วนนภนต์อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว นั่งรออยู่บนโซฟากับปั้นจั่น

“ใจคอจะไม่ให้พี่เขากลับห้องตัวเองไปทำอะไรๆ มั่งรึไง” กรพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

“งั้นภันต์ไปด้วยได้มั้ยล่ะ วันนี้วันอาทิตย์นะ ภันต์ยังอยากอยู่กับแฟรี่อยู่เลย” นภันต์โวยวาย รีบกลั้วคอบ้วนปากแล้ววิ่งออกมาทั้งผ้าขนหนูผืนเดียว

“จะไปกวนพี่เขาทำไม”

“ภันต์จะอยู่กับแฟรี่ อ๊า~~” เด็กน้อยส่งเสียงโอดครวญ ดึงรั้งแขนพี่ชายยกใหญ่ “วันนี้จะอยู่กับแฟรี่”

กรทำหน้าลำบากใจ หันไปมองปั้นจั่นที่นั่งยิ้มแหยๆ ให้ “มึงโอเคมั้ยวะ ถ้าจะเอาไอ้ลิงนี่ไปดูสักวัน”

“เรา...ยังไงก็ได้” แม้ในใจจะปฏิเสธนภันต์ แต่กับกร ปั้นจั่นไม่อยากปฏิเสธเลย

“มึงตอบงั้นกูยิ่งลำบากใจ” กรส่ายหน้า หันไปดึงแก้มน้องชายที่เกาะไม่ปล่อย “ทำไมดื้อ น้องใครวะเนี่ย”

“ถ้าพี่ปั้นไม่โอเคก็บอกเลยนะครับ ภันต์มันเอาแต่ใจแบบนี้แหละ แต่ถ้าเด็ดขาดกับมัน มันก็จะหยุด” นภนต์มองหน้าปั้นจั่นเหมือนรู้กัน ปั้นจั่นถึงกับหน้าขึ้นสี เรื่องเมื่อคืน นภนต์น่าจะได้ยินแน่นอน

“เอ่อ พี่...” ปั้นจั่นอึกอัก กรเองก็เอียงคอมองด้วยความสงสัย แล้วสุดท้ายปั้นจั่นก็ไม่อาจปฏิเสธทั้งคนพี่คนน้องได้อีก ยอมให้นภันต์ไปอยู่ที่หอด้วยหนึ่งวัน

“ดีที่เมทกูกลับบ้าน มาอีกทีก็เช้าวันจันทร์เลย” ปั้นจั่นว่าพลางเดินนำหน้ากรกับน้องๆ ไปที่ห้อง กรมาหอในไม่บ่อยนัก เขามองไปรอบๆ ดูยังไงก็ไม่ต่างจากหอพักของอาจารย์เท่าไหร่

“แต่ถ้ามันกวนมากนัก ก็ดุด่าหรือลงไม้ลงมือตามสบายนะ โทรให้กูมารับกลับได้ตลอด” กรเกรงใจเพื่อนไม่น้อย แต่ปั้นจั่นก็บอกว่าไม่ต้องเกรงใจ

“ภันต์แค่ดื้อไปหน่อย แต่ก็...ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ เราพอไหว” ปั้นจั่นเงยหน้ายิ้มให้กร มองด้วยแววตาเป็นประกาย จนนภันต์รู้สึกไม่ชอบใจนิดๆ

พอส่งนภันต์ไว้กับปั้นจั่นแล้ว กรก็พานภนต์กลับห้อง เท่ากับแฝดต้องแยกกันหนึ่งวัน ซึ่งปกตินภนต์กับนภันต์ก็ไม่ค่อยตัวติดกันอยู่แล้ว กิจกรรมที่ทำก็คนละสไตล์ นภนต์ออกแนวนักกีฬา ชอบว่ายน้ำ เตะบอล เล่นบาสฯ แต่นภันต์ชอบเล่นเกมและเล่นดนตรีมากกว่า

“ปั้น”

“ห๊ะ?” ปั้นจั่นหันขวับไปตามเสียงเรียก เด็กชายนภันต์ยังยืนอยู่ตรงหน้าประตู จ้องมองมาด้วยสายตาที่บอกไม่ถูกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทำให้ปั้นจั่นลนลานผิดปกติ เพราะปกติ นภันต์จะชอบเรียกแฟรี่ๆ ตลอด แต่นี่เรียกชื่อห้วนๆ ไม่มีพี่เพ่อสักคำ

“ปั้นชอบพี่กรใช่มั้ย” คำถามตรงกลางปล้อง ทำเอาปั้นจั่นทำหน้าไม่ถูก แต่แก้มที่ขึ้นสีแดงจางๆ ก็ทำให้นภันต์เข้าใจว่าคิดถูกแล้ว

เด็กชายสาวเท้าเดินเข้าไปประชิดตัว ปั้นจั่นไม่ทันตั้งหลักเลยถอยไปชนขอบเตียง นั่งตัวเกร็งเมื่อนภันต์ที่ยืนค้ำหัวอยู่โน้มตัวลงมาหา มุมนี้เหมือนนภันต์จะตัวใหญ่กว่าความเป็นจริงมาก

“ภันต์...” ปั้นจั่นส่งเสียงเรียกเบาหวิว มือของเด็กชายจับคางของเขาให้เงยขึ้น ปั้นจั่นสับสนวุ่นวายในหัวไปหมด ไม่รู้ว่าเด็กอายุแค่นี้ไปจำไอ้ท่าทางแบบนี้มาจากไหน อาจจะเพราะหนังหรือละครที่มีให้ดูมากเกินไปหน่อย หรืออาจจะจำมาจากพ่อจากพี่ชายก็ได้ แต่จะอะไรก็ตาม ท่าทางเหมือนผู้ใหญ่ของเด็กตัวแค่นี้ ทำให้เขาใจเต้นแรงสุดๆ

“ผมจะทำให้ปั้นเลิกชอบพี่กร และหันมาชอบผมแค่คนเดียว”

“พูดอะไรเนี่ย?” ปั้นจั่นย่นคิ้ว เขยิบตัวหนีขึ้นบนเตียง ปัดมือของนภันต์ออก

“ผมพูดจริง ทำจริง เพราะผมชอบปั้นไง”

ปั้นจั่นสะดุดกึก หน้าร้อนผ่าว รีบก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของนภันต์ มือของเด็กชายยื่นมาคว้าคางไว้อีกครั้ง พร้อมกับใบหน้าที่ก้มลงมาจนแทบจะชิดกัน

“อย่า...ภันต์” ปั้นจั่นยกมือขึ้นดันไหล่ของนภันต์ เพราะคิดว่าจะถูกจูบ แต่นภันต์ไม่ได้ทำแบบนั้น เพียงแค่หอมแก้มเบาๆ เท่านั้น แต่กลับทำให้ปั้นจั่นเขินจนตัวแทบระเบิดหนักกว่าโดนจูบอีก พอจะปัดมือและถอยหนีไปอีก นภันต์ก็ตามมานั่งคร่อมทับบนตัก ท่าทางเหมือนลูกลิงไม่มีผิด แม้ว่าคำพูดคำจาจะโครตโรแมนติกจนปั้นจั่นถึงกับหลุดยิ้มก็ตาม

“จากนี้ไป ผมจะรีบโต และทำให้ปั้นเป็นของผมเร็วๆ นะครับ”

tbc

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เฮ้ย. นี่เด็กอายุ 12 จริงเหรอ เชี่ยวไปมั๊ยอ่ะ ยิ่งกว่าแก่แดดอีกนะเนี่ย ปั้นจั่นจะโดนข้อหาถูกผู้เยาว์พรากหรือเปล่าน้อ.  :katai3:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ร้ายที่สุด แสบที่สุดในเรื่องนี้ไม่ใช่ใคร คือ น้องภันต์นั่นเอง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คนอย่างปั้น มันต้องเจอภัน ถึงจะเหมาะสมกันดี  :laugh:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
โอ้ย​เด็ก​อะไร​ทำ​ใจ​สั่น​ได้เนี่ยปั้นต้านทาน​ไม่ไหว​หรอก​

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เด็กอะไรเนี่ย แก่แดดจัง :hao4:

ออฟไลน์ มนุษย์สาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอบบบบบบบบบบบ ชอบคู่ภันต์กับปั้นมากกกกกก โอ๊ยยยยยยเขินเว่อร์ๆๆๆๆ รีบโตนะลูกอย่าปล่อยให้พี่เขาหลุดมือไปล่ะ เอาใจช่วยๆๆ รีบรวบหัวรวบหางเดี๋ยวก็ใจอ่อนเอง

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
20
โลกทุกวันนี้ ความเจริญก้าวหน้าก้าวล้ำไปไกลมากแล้ว การยอมรับเพศที่สามค่อนข้างกว้างขวางขึ้นในหมู่ผู้มีอารยธรรม แต่สำหรับคนยุคก่อน ก็มีไม่น้อยที่ยังไม่กล้ายอมรับตัวเองหรือกล้ายอมรับผู้อื่นที่เป็นแบบนั้น และครอบครัวของวินก็เป็นหนึ่งในนั้น

ภวินท์ตัดสินใจอยู่นานกว่าจะกลับไปที่บ้านพ่อแม่ เพื่อบอกเรื่องหย่ากับเข็ม เขาไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นเกย์และกำลังคบกับเด็กนักศึกษาอายุน้อยกว่าเป็นสิบปี เรื่องคบผู้ชายด้วยกันก็เรื่องหนึ่ง แถมนี่ยังเด็กกว่าจนแทบจะเหมือนลูกชายอยู่แล้ว วินกลัวว่าพ่อแม่จะรับไม่ได้จนถึงขั้นตัดขาดกัน เลยยกเรื่องของเข็มมาอ้างล้วนๆ ทั้งเรื่องที่เจ้าหล่อนวันๆ เอาแต่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่ดูแลบ้านช่อง ไม่ทำหน้าที่ภรรยาที่ดี และตัวเขาที่ไม่มีเวลาให้หล่อน ไม่สามารถรักและมีลูกกับคนที่ไม่ได้รักได้ พอพูดไปก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกไปเกือบครึ่ง พ่อแม่ดูเหมือนไม่ค่อยเข้าใจ แต่สุดท้ายก็ยอมเข้าใจที่จะให้หย่า หากอยู่กันไปก็ไม่มีความสุขและปรับตัวเข้าหากันไม่ได้เลย

ฝ่ายเข็ม เป็นเรื่องที่พูดกันยาก หล่อนไม่ได้แต่งงานเพราะสมบัติหรือความสุขสบายอย่างเดียว เพราะฐานะทางบ้านไม่ได้ต่างจากวิน หล่อนรักเขาและอยากอยู่กับเขา

“คุณมีเมียน้อยใช่มั้ย ที่ผ่านมา ที่อ้างเรื่องงานไม่กลับบ้านเป็นเดือนๆ เพราะมันใช่มั้ย!? ตอบสิ วิน!” วินกะแล้วว่าถ้าขอหย่า เข็มจะต้องโวยวายบ้านแตกแน่นอน แต่เขาก็จำเป็นต้องทำ

“คุณจะคิดอย่างนั้นก็ตามใจ แต่ผมแค่อยากทำให้มันถูกต้อง ผมกับเขารักกัน ผมไม่ได้รักคุณ และไม่เคยคิดจะรัก มันก็แค่นั้น” ภวินท์เอ่ยเสียงเย็นชา เป็นความเย็นชาที่เขามอบให้เธอมาตลอดตั้งแต่แต่งงานกัน ความจริงเขาจะปฏิเสธไม่แต่ง ยืนกรานเสียงแข็งกับพ่อแม่แต่แรกก็ได้ แลกกับการที่ต้องถูกตัดออกจากตระกูลไป แต่เขาก็กลัวสูญเสีย จนต้องยอมก้มหน้าทน แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก เพราะตอนนั้นเขายังไม่มีใคร คิดว่าอยู่กันไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ไม่ได้เสียหาย เขาหาเงินให้เธอใช้ไม่เคยขาด แม้จะบกพร่องเรื่องของสามีไปบ้างก็ตาม

“อ้อ คุณบอกว่ารักมันงั้นเหรอ นี่นอกใจฉันมากี่ปีแล้วล่ะ ตั้งแต่แต่งหรือก่อนแต่งหรือหลังแต่ง แต่จะกี่ปีก็ช่างเถอะ ฉันเป็นเมียคุณอย่างถูกต้อง ถ้าคุณบอกว่าจะทำให้ถูก คุณต้องอยู่กับฉัน มีลูกด้วยกัน! นี่คือความถูกต้อง”

“ผมไม่ได้รักคุณ ผมมีลูกกับคุณไม่ได้” วินอ่อนใจ กับเข็มพูดยากที่สุดแล้ว

“ฉันไม่หย่า” เจ้าหล่อนยืนกรานเสียงแข็ง จนวินกุมขมับ

“คุณจะทนอยู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”

“แค่คุณไม่พานังเมียน้อยมาที่บ้านนี้ และยังเชิดชูฉันในฐานะเมียหลวง ต่อให้คุณจะมีเมียน้อยเป็นสิบเป็นร้อยฉันก็ทนได้”

เห็นท่าจะพูดกันไม่รู้เรื่องแน่งานนี้ วินต้องการตัวช่วยตัดความสัมพันธ์บ้าบอนี้เต็มที แต่การบอกความจริง เรื่องจะต้องกระจายไปทั่ว พ่อแม่ต้องรู้ แล้วไหนจะญาติๆ พ่อแม่ของเข็ม เพื่อนของเจ้าหล่อนอีก

วงสังคมของพวกเขาดูเหมือนกว้างขวาง แต่จริงๆ แล้วมันแคบมาก หากรู้เพียงหนึ่ง ข่าวจะแพร่ไปไม่หยุด

ลูกชายของอดีตเอกอัครราชทูตใหญ่กับคุณหญิงในวงสังคมไฮโซ แถมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นเกย์...แค่คิดวินก็ปวดหัวจนจะบ้าแล้ว

“ตกลงคุณจะไม่หย่าใช่มั้ย?” วินถอนหายใจ และเข็มก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ “ได้! ไม่หย่าก็ไม่หย่า แต่จากนี้ไป เราต่างคนต่างอยู่ ถ้าทนได้ก็ทนไป!”

“วิน! ไม่ได้นะ! กลับมาเดี๋ยวนี้ วิน!”

ในเมื่อคุยไม่รู้เรื่อง วินก็ต้องเด็ดขาดโดยการหันหลังเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น บ้านที่เป็นของเขาเองแท้ๆ แต่กลับไม่ได้อยู่ บ้านที่น่าจะได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก อยากให้กรได้มาที่นี่ แต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้เลย

เข็มวิ่งตามมารั้งไว้ เธอร้องไห้ฟูมฟาย โวยวายด่าว่าทุบตีเขา ตัดพ้อต่างๆ นานา แต่วินก็ไม่สนใจ เขาสะบัดมือเธอออก เปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ เธอตามมาทุบกระจกรถเสียงดังปึงปังดูน่าจะเจ็บมือ น้ำตาไหลพรากๆ ร้องโวยวายให้เขาลงจากรถ ให้เขากลับเข้าบ้าน แต่วินก็ยังขับรถออกไป ทิ้งให้เธอร้องโวยวายอยู่หน้าบ้าน

เขาไม่รู้ว่าการทำแบบนั้นจะส่งผลเสียอะไรอีกหรือไม่ ที่รู้ตอนนี้มีแค่อย่างเดียว

อยากเจอกรมาก

......
...
กรรออยู่ในห้องของวิน คืนนี้ปั้นจั่นช่วยดูแลน้องๆ ให้อีกตามเคย นภันต์ เจ้าเด็กแสบ ปั่นหัวเพื่อนของกรจนแทบไม่เป็นอันหลับอันนอน เห็นนภนต์แอบมาเล่าคร่าวๆ แล้วว่านภันต์ชอบปั้นจั่น ท่าทางเอาจริงเอาจังน่าดู กีฬาที่ไม่เคยเล่นก็พยายามเล่นเพื่อให้ตัวสูงใหญ่ขึ้น บอกว่าต้องเป็นอย่างพี่กรให้ได้อะไรทำนองนี้

การรักใครสักคนแล้วทำให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นเรื่องที่ดี และกรก็ไม่เห็นว่าจะต้องห้ามปรามน้องที่ตรงไหน ได้แต่ขอโทษขอโพยปั้นจั่นในใจ ที่เอาเจ้าตัวยุ่งยากมาเกาะติด

วินกลับมาที่ห้องเกือบ 4 ทุ่มครึ่ง พอมาถึง สีหน้าเครียดๆ ทำให้กรไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้ว่าวันนี้วินกลับบ้านและไปเคลียร์เรื่องหย่ากับพ่อแม่และภรรยา แต่เห็นหน้าวินแล้ว ไม่ต้องเดาก็พอจะเข้าใจ

“อาบน้ำก่อนมั้ยครับ ถ้าหิวผมมีมาม่าให้นะ” กรว่าขำๆ เขาออกไปซื้อของในเซเว่นมารอวินแล้ว กลับดึกขนาดนี้คงออกไปหาอะไรกินข้างนอกยากหน่อย แม้จะมีร้านที่เปิดดึกดื่น แต่มันไม่ค่อยสะดวกสำหรับพวกเขาเท่าไหร่

วินเหลือบสายตามองกรอย่างห่อเหี่ยว โผเข้ากอดเด็กหนุ่มซุกหน้าเข้ากับซอกคอ เหมือนต้องการอ้อน จนกรหัวเราะไม่หยุด

“นานๆ ทีพี่จะอ้อนผมแบบนี้นะเนี่ย น่ารักจัง” กรกอดตอบ ลูบผมอาจารย์เล่น

“วันนี้เหนื่อยมากๆ อยากกอดกรแบบนี้ทั้งคืนเลย” วินว่าพลางไถหน้าไปมากับแผงอกของเด็กหนุ่ม แม้กรจะไม่ได้ล่ำบึกกล้ามโต แต่พอซบแล้วมันฟิน อกอุ่นๆ ของกรมีไว้เพื่อวินเท่านั้น

“พี่กอดผม ส่วนผมจะกดพี่ ดีมั้ย?” เด็กหนุ่มเชยคางอาจารย์ขึ้นมาสบตากัน วินใจแกว่งเล็กน้อย รอยยิ้มของกรสวยจนไม่อาจละสายตา มองแล้วรู้สึกดี ลืมเรื่องเครียดๆ ไปได้บ้าง

วินไม่ได้ให้คำตอบ เขาแค่หลับตาลง รอให้กรทำอย่างที่ว่า

******

ทางด้านปั้นจั่น ก็ยังคงเจอศึกหนักจากเจ้าตัวแสบตามเคย นภนต์ชินชาเสียแล้วกับเสียงโหวกเหวกของทั้งสองคน นั่งเล่นเกมไม่ได้สนใจภันต์ที่วิ่งไล่แกล้งแหย่ปั้นจั่นมาเกือบทั้งวัน

“ทำไมนิสัยอย่างนี้นะ! แกล้งพี่สนุกนักรึไง” ปั้นจั่นโวยอย่างเหลืออด หน้าแดงก่ำไปหมด วิ่งจนเหงื่อซ่ก ภันต์ก็ยังคอยไล่แกล้งตลอด

“ผมไม่ได้แกล้ง ก็แค่ยอมให้ผมกอดสักที ทำไมต้องหนีด้วยล่ะ” ภันต์โวยกลับ วิ่งดักหน้าดักหลังจะเข้ามากอดให้ได้ แต่ปั้นจั่นไม่ยอม เพราะกลัวว่าจะโดนแกล้งเล่นแผลงๆ ใส่ คราวก่อนถูกหอมแก้มไปแล้วด้วย เลยระแวงมากขึ้น

“ก็ภันต์ไม่ได้กะ...” ปั้นจั่นเหลือบตามองเด็กอีกคนที่นั่งเล่นเกมอยู่หน้าทีวี จะพูดออกไปก็กระอักกระอ่วน แม้แฝดคนพี่จะเหมือนรู้เรื่องดีก็ตาม แต่มันก็อายอยู่ดี

“ไม่ได้กะอะไร! ยอมให้ผมกอดดีๆ เถอะน่า สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร”

ปั้นจั่นหลบแขนที่เกือบคว้ามาถึงตัวไว้ได้ วิ่งหนีไปหานภนต์ แฝดคนพี่สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ

“ภนต์จับไว้!”

“เอ๊ะ” ปั้นจั่นหน้าเหวอ นึกว่ามาทางนภนต์แล้วจะรอด กลายเป็นเข้าทางเจ้าสองแฝดไปอีก

“แค่พี่ปั้นตัวนิดเดียวก็เอาไม่อยู่ จะต้องให้ช่วยยันตอนอยู่บนเตียงเลยมั้ย” ภนต์ส่ายหน้าหน่ายๆ แต่ก็ช่วยน้องจับตัวปั้นจั่นไว้ ปั้นจั่นที่คิดว่านภนต์ดูนิ่งๆ ไม่น่าจะทำอะไรพิเรนทร์เหมือนภันต์ เลยไม่ทันระวังตัว ถูกแฝดพี่จับล็อคแขนไพล่หลังไว้จนได้ แถมแรงของนภนต์ใช่น้อยๆ ตัวก็โตกว่าแฝดคนน้อง เพราะชอบเล่นกีฬา

“อีกหน่อยภันต์ตัวโตเท่าพี่กรก็จับอยู่เองแหละ ตอนนี้ช่วยไปก่อนน่า” นภันต์ยิ้มเจ้าเล่ห์ เดินดุ่มๆ ย่างสามขุมเข้ามาหา ปั้นจั่นหน้าซีดเผือด แขนสองข้างถูกนภนต์ล็อคไว้จากด้านหลังแบบดิ้นให้ตายก็ไม่หลุด

นภตน์เองก็แค่ช่วยจับ ไม่รู้หรอกว่านภันต์จะทำอะไร แต่มันน่าสนุกดีเลยช่วย ก็แค่นั้น เห็นปั้นจั่นดิ้นพล่านร้องโวยวายหน้าดำหน้าแดงแล้วมันตลกบอกไม่ถูก

“พวกนาย! ปล่อยฉันนะ!!!” คนตัวเล็กถีบขารัวๆ ใส่นภันต์ที่นั่งลงตรงหน้า แฝดน้องยังคงยิ้มกริ่ม เอื้อมมือมาใกล้ๆ แม้จะถูกขาของปั้นจั่นเตะปัดไป ก็ไม่ยอมแพ้ เอามือกดขาข้างหนึ่งไว้ได้ อีกข้างจะเตะจนช้ำก็ช่าง

“ผมไม่ทำอะไรไม่ดีหรอกน่า พวกเรายังเด็ก ตัวแค่นี้เองน้าแฟรี่” ภันต์แสยะยิ้ม ปั้นจั่นเสียวสันหลังวาบ ความจริงเสียวทั้งหน้าทั้งหลังแล้วตอนนี้ ไอ้ที่หัวเราะอยู่ข้างหลังโครตสยองยิ่งกว่า

“ภันต์ ไม่แกล้งนะ...พี่ขอ” ปั้นจั่นอ้อนวอนน้ำตาคลอ จนแฝดคนน้องใจกระตุกนิดๆ

“อือ ไม่แกล้ง แค่...” นภันต์ขยิบตาอย่างน่ารัก โน้มตัวพรึ่บเข้าไปหาจนหน้าจะชนกัน ทำให้ปั้นจั่นรีบหลับตาเอียงคอหลบอัตโนมัติ แต่ก็หลบไม่พ้นอยู่ดี เพราะริมฝีปากอุ่นๆ ของเจ้าหนูตัวป่วนประกบกับปากของตนไปแล้ว

นภนต์ผิวปากหวือตอนเห็นฉากจูบสดๆ ครั้งแรกต่อหน้าต่อตา ไม่คิดเหมือนกันว่าน้องจะกล้าทำแบบนี้ทั้งที่มีคนอื่นอยู่ด้วย แม้ไอ้คนอื่นที่ว่าจะเป็นพี่แฝดตัวเองก็เถอะ แต่ถ้าไม่ให้ภนต์ช่วยจับปั้นจั่นไว้ ก็คงไม่ได้แอ้ม?

“อือออ” ปั้นจั่นครางในคอ พยายามเอียงคอหลบจนเมื่อยไปหมด แต่นภันต์ก็ยังไม่ผละออก กลับเอียงตัวตามไปจูบ แต่ก็แค่เอาปากแตะๆ นิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้จูบแบบผู้ใหญ่ ซึ่งปั้นจั่นพอจะโล่งใจไปได้บ้าง

“พอแล้วมั้งภันต์” สุดท้ายเป็นภนต์ที่ทนไม่ไหว ยอมปล่อยมือจากแขนของปั้นจั่น แล้วเอ่ยห้ามน้องชายตัวดี

“แหะ” นภันต์ยอมผละออกมาเมื่อปั้นจั่นเป็นอิสระ คนตัวเล็กเงยหน้ามองแฝดน้อง น้ำตาหยดหนึ่งไหลผ่านพวงแก้ม มือซ้ายยกขึ้นเช็ดมันออก ส่วนมือขวาฟาดลงบนใบหน้าซีกซ้ายของนภันต์เต็มแรงเสียงดังเพี๊ยะ

นภันต์นิ่งอึ้ง ส่วนนภนต์ถึงกับหลับตาปี๋ตอนได้ยินเสียงตบ

แล้วปั้นจั่นก็รีบลุกขึ้น วิ่งหนีไปจากตรงนั้น

tbc

ทำไมเรื่องนี้จู่ๆ ก็ดราม่าอีกแว้ววววว ยัยเข็มไม่ยอมไปง่ายๆ พี่วินก็เครียด
ปั้นจั่นก็เครียดดดด

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :pig4: :L2:

น้องเล่นมากไป

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เป็นไงล่ะ อีพี่โกรธแล้ว  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
จริงๆ กะจะทำเป็นตอนพิเศษ แต่คิดอีกทีลงเป็นตอนตัดของเรื่องไปเลยดีกว่า เพราะยังไงก็ต้องเล่าเรื่องของวินกับกรแทรกอยู่แล้ว เป็นอันว่าตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นคู่ภันต์กับปั้น นาจา

21
เมื่อนภันต์อายุ 19

“งานวันเกิดแฝด?” ปั้นจั่นเพิ่งเลิกงาน กำลังเดินออกจากออฟฟิศจะไปขึ้นรถไฟฟ้าที่หน้าปากซอย ระหว่างทาง กรก็โทรมาบอกข่าวเรื่องงานวันเกิดของน้องแฝดที่กำลังจะอายุครบ 19 ปี และตอนนี้ก็เรียนมหาวิทยาลัยกันไปเทอมหนึ่งแล้ว

[ถ้ามึงว่างก็มาให้หน่อย ไอ้ภันต์แม่งง้องแง้งน่ารำคาญ บอกไม่เจอมึงหลายปีแล้ว]

ปั้นจั่นถอนหายใจ ตั้งแต่ตอนเรียนปี 1 ที่ไปช่วยกรดูแลแฝดตอนพ่อของพวกเขาเข้าโรงพยาบาล นภันต์ก็เกาะติดแจ จนกระทั่งปั้นจั่นเรียนจบ ก็ไม่ได้ติดต่อหรือเจอกันอีก เพราะย้ายออกจากหอในไปอยู่หอพักข้างนอกใกล้ๆ ที่ทำงานแทน คิดว่าจะไม่ต้องปวดหัวกับการตามตื้อของนภันต์แล้ว แต่จะให้ตัดขาดจริงๆ คงไม่ได้

“อือๆ ไปได้ ไม่เป็นไร ขอบใจที่ชวนนะกร” ปั้นจั่นตอบรับอย่างเสียไม่ได้ จากวันที่รับปริญญาและบอกลากับพวกแฝด จำได้ว่าวันนั้นนภันต์เพิ่งอายุ 15 เริ่มดูเป็นหนุ่มขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังตัวโตไม่เท่าพี่ชายทั้งสองคน นภนต์เป็นแฝดพี่ที่ตัวสูงใหญ่เกินหน้าน้องไปมาก ไม่ว่าใครก็แยกออกทั้งนั้นว่าคนไหนเป็นคนไหน

แต่ตอนนี้

“19 แล้วเหรอ ผ่านมาตั้ง 4 ปีแล้วสินะ” ปั้นจั่นวางสายจากกรและพึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม สองขาก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ผ่านผู้คนมากมายที่เดินสวนกันไปมา ท่ามกลางคนเหล่านี้ อาจจะมีบางครั้งที่ได้เจอนภันต์โดยบังเอิญบ้างก็ได้

ปั้นจั่นยอมรับว่าตอนที่นภันต์บอกชอบและตามตื้อมาตลอด 4 ปีจนเขาเรียนจบ เป็นช่วงเวลาที่สนุกและมีความสุขมาก แม้แรกๆ จะเจอแต่เรื่องให้ปวดหัวและต้องเสียน้ำตากับการกลั่นแกล้งของเจ้าตัวแสบเป็นปีๆ แต่พอขึ้นม.2 นภันต์ก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมานิดหน่อย เหมือนเป็นช่วงวัยรุ่นที่กำลังเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่ มีความสุขุมและใจเย็นที่น่าจะเป็นการพยายามเลียนแบบพี่ชายทั้งสองคนมา แต่สุดท้ายนภันต์ก็คือนภันต์อยู่วันยันค่ำ ความขี้แกล้งและกวนประสาทไม่ต่างจากตอนประถมเท่าไหร่

งานวันเกิดจัดขึ้นในคืนวันเสาร์ เวลาเที่ยงคืนของวันอาทิตย์คือวันเกิดของฝาแฝด ปั้นจั่นเตรียมของขวัญไว้ให้ทั้งคู่ โดยถามความเห็นมาจากกร ฝาแฝดชอบไม่เหมือนกัน นภนต์เป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย เลยเลือกซื้อเป็นเสื้อกีฬาไปให้ ส่วนของนภันต์ที่มาสายติสท์เรียนสถาปัตย์ รักการวาดรูปออกแบบและเล่นดนตรี ปั้นจั่นก็เลยซื้อปิ๊กกีต้าร์กับผ้าปิดตาแบบเจลให้เป็นของขวัญ เพราะกะว่าภันต์จะต้องนอนค้างที่คณะเวลาทำงานส่งบ่อยแน่ๆ และเจ้าตัวแสบก็เป็นพวกไม่ชอบนอนในแสงไฟ มักจะบ่นปวดตาจนนอนไม่หลับตลอด

ปั้นจั่นมาถึงงานตอนสองทุ่มครึ่ง ไหว้พ่อกับแม่ของพวกกรแล้วก็ทักทายอาจารย์ภวินท์เล็กน้อย ตอนที่รู้ว่าพี่วินของกรคืออาจารย์ที่มหาวิทยาลัยคือตอนที่เรียนปี 4 แล้ว และตอนนั้นปั้นจั่นก็ไม่ได้คิดอะไรกับกรมากกว่าเพื่อน ตอนรู้ก็แค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้น

“แล้วแฝดล่ะ?” ปั้นจั่นชะเง้อคอมองไปรอบๆ เพราะไม่เห็นเจ้าของงานวันเกิด มีแต่เพื่อนๆ ของพวกแฝดเต็มงาน นอกนั้นก็คนในครอบครัว

อาจารย์ภวินท์เปิดตัวเรื่องกรตอนกรเรียนใกล้จบ และหย่ากับภรรยาในปีนั้นเอง พ่อแม่ของกรค่อนข้างรับได้ที่กรคบกับอาจารย์ แต่ทางบ้านของอาจารย์ดูเหมือนจะตัดขาดกันไปเลย ซึ่งปั้นจั่นก็รู้ข่าวมาจากกรแค่เล็กน้อยเท่านั้น เห็นว่าก่อนหน้าจะหย่า มีปัญหากันมายืดเยื้อ ฝ่ายพ่อแม่ผู้หญิงก็เลยขอตัดขาด อดีตภรรยาของอาจารย์พอรู้ว่าอาจารย์คบผู้ชายด้วยกัน ก็ป่าวประกาศไปทั่ว ทำให้พ่อแม่ของอาจารย์เสียหน้า เลยประกาศตัดขาดกันไป

ชีวิตคนเราบางทีก็ต้องสูญเสีย เพื่อจะได้รับบางสิ่งบางอย่าง

และอาจารย์ก็ใจเด็ดมากที่สุดท้ายแล้วเลือกกรมากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง คนที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ในมหาวิทยาลัย ไม่นานก็ซาลง เพราะกรก็เรียนจบพอดี อาจารย์ก็ทำงานต่อไปจนถึงทุกวันนี้ วินยกบ้านให้อดีตภรรยา และย้ายไปอยู่คอนโดกับกร หลังจากเขาได้งานทำ นานๆ ครั้งก็กลับมาที่บ้าน เยี่ยมพ่อแม่และน้องๆ

“เดี๋ยวก็มา ต้องแต่งหล่อนานหน่อย” กรหัวเราะ “ไม่ต้องห่วง พวกมันคิดถึงมึงมากกว่ากูอีกเอาจริงๆ”

“มึงก็พูดเกินไป” ปั้นจั่นเลยหัวเราะตาม จะว่าไปแฝดก็ติดเขามากกว่าพี่ชายแท้ๆ จริงๆ คงเพราะบุคลิกของกรที่นิ่งๆ ดูเข้าถึงยากกว่า

“อ้าว นั่นไงเจ้าภนต์มาก่อนแล้ว” กรหันไปเห็นน้องแฝดคนพี่เดินลงมาจากชั้นบนพอดี ภนต์มองมาตามเสียงเรียก พอเห็นปั้นจั่นอยู่ข้างๆ พี่ชาย ก็ยิ้มกว้าง

“พี่ปั้น โครตคิดถึงเลย” ภนต์รีบเดินตรงมาหาปั้นจั่นทันที โผเข้ากอดจนร่างเล็กจมหายไปในอก ปั้นจั่นตกใจนิดหน่อยที่เจอภนต์ในตอนนี้ ตัวสูงใหญ่กว่ากรเสียอีก สมเป็นนักกีฬา ครั้งสุดท้ายที่เจอยังแค่ตัวเกือบเท่ากรเอง

“เบาหน่อย พี่จะตายเอา” ปั้นจั้นยกมือขึ้นดันอกภนต์ จริงๆ ภนต์นึกอยากจะอุ้มพี่ชายตัวเล็กขึ้นเหวี่ยงไปมาด้วยซ้ำ แต่ติดที่กรส่งสายตาปรามอยู่ เพราะรู้ว่าน้องคิดอะไร เห็นภนต์นิ่งๆ แต่ก็ชอบแกล้งปั้นจั่นไม่แพ้เจ้าคนเล็ก แต่เป็นการแกล้งที่จริงจังกว่าภันต์ คือแกล้งเพราะสนุกอย่างเดียว ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น

“ฮ่าๆ พี่ตัวเล็ก” ภนต์หัวเราะเสียงใสจนปั้นจั่นหน้าม้านด้วยความอาย มาโดนน้องเรียกพี่ตัวเล็กอีก ใช่สิ เขามันเตี้ย ขนาดอาจารย์พี่วินยังตัวสูงเพรียวดูสมชายชาตรีกว่าอีก

“พอแล้วภนต์ ไปดูเพื่อนๆ มึงนู่น แล้วไอ้ภันต์เสร็จยังเนี่ย” กรไล่น้องคนรอง ก่อนจะเงยหน้าไปมองบนชั้นสอง

“อ้อ มันบอกว่า ให้พี่ปั้นเป็นคนไปตาม แล้วมันจะยอมลงมา” ภนต์ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะคว้าแก้วน้ำอัดลมจากมือพี่ชายคนโตแล้วเดินหนีไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนๆ

“เรื่องมากว่ะไอ้ห่าภันต์” กรบ่นอุบอิบ “เดี๋ยวกูไปตามเองดีกว่า มึงไม่ต้องหรอก”

“ไม่เป็นไร กูไปเองดีกว่า วันเกิดทั้งที ตามใจน้องหน่อย” ปั้นจั่นยกมือขึ้นเบรก ก่อนที่กรจะเดินไปที่บันได “มึงอยู่กับพี่วินเถอะ”

“แน่ใจว่ามึงจะไป?” กรขมวดคิ้ว

“อือ” ปั้นจั่นพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเร็วๆ ไปที่บันได

เขาเคยมาที่บ้านหลังนี้เมื่อหลายปีก่อน มาทำรายงานบ้าง มาช่วยดูแลพวกแฝดเวลาพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าง ไม่ใช่ว่ากรติดแฟนจนไม่มีเวลาให้น้อง แต่เป็นแฝดที่เรียกร้องเอง

ปั้นจั่นก้าวขึ้นไปตามขั้นบันได จนถึงชั้นสอง ห้องด้านในสุดคือห้องของภันต์ ภนต์กับภันต์แยกห้องนอนกันตั้งแต่ขึ้นม.ต้น เหตุเพราะ ภันต์บ่นเรื่องกลิ่นเหงื่อกลิ่นอับเสื้อผ้าเวลาที่ภนต์เล่นกีฬากลับมา ภันต์ค่อนข้างเจ้าสำอางกว่าภนต์มาก ของใช้ก็เลยเยอะกว่า มีทั้งครีมบำรุงผิว เครื่องสำอาง น้ำหอม วางเต็มโต๊ะเครื่องแป้ง ทำให้ภนต์เห็นแล้วรำคาญลูกตา ตีกันหลายครั้งเรื่องที่ภนต์ชอบทำของของภันต์หล่นจากโต๊ะ สุดท้ายพ่อแม่เลยต้องทำห้องเพิ่มให้ภันต์

“ไอ้เหี้ยภนต์! เอาน้ำหอมกูไปอีกแล้ว”

ปั้นจั่นสะดุ้งโหยง เมื่อจู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูออกมาจากห้องของภันต์ พร้อมเสียงสบถด่าดังลั่น ตอนเด็กๆ พวกแฝดเคยบอกว่าพ่อแม่ไม่ชอบให้พูดคำหยาบกันในบ้าน แต่คิดว่าพอพวกแฝดโต ก็คงห้ามไม่อยู่แล้ว ยังไงก็เด็กผู้ชายวัยห่ามทั้งนั้น

ภันต์ที่ตอนนี้ตัวสูงโปร่งอย่างกับคนละคนกับเมื่อตอนเด็กๆ เอียงคอเล็กน้อยตอนเห็นปั้นจั่นที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกลนัก

“...” ภันต์เอาแต่จ้องมองมานิ่งๆ จนปั้นจั่นอึดอัด ไม่รู้ว่าน้องยังจำตัวเองได้อยู่มั้ย แต่บอกให้ขึ้นมาตาม ก็น่าจะรู้ว่าใคร แต่ปั้นจั่นนี่แหละที่เกือบจำภันต์ไม่ได้ เพราะโตขึ้นกว่าเมื่อ 4 ปีก่อนมาก

นอกจากตัวจะสูงและดูเท่ขึ้นแล้ว หน้าตาของภันต์ที่เหมือนจะใช้เครื่องสำอางแต่งให้ต่างจากภนต์ก็ดูหล่อเหลาอย่างกับดาราหรือนายแบบในนิตยสารอย่างไรอย่างนั้น

“ปั้น” ในที่สุด ภันต์ก็คลี่ยิ้ม เดินเข้ามาหา “ไม่ได้เจอตั้งนานนะครับ”

“เอ๊ะ? เอ่อ อื้อ” ปั้นจั่นอึ้งนิดๆ กับรอยยิ้มและน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนนั้น เวลาแค่ 4 ปี ไม่น่าเชื่อว่าจะเปลี่ยนแปลงเด็กทะโมนคนนี้จนเป็นหนุ่มหล่อราวกับเทพบุตร แถมยังมาดคุณชายโครตๆ ได้

“ผมคิดถึงมาก” มือเรียวสวยของภันต์ยกขึ้นแตะที่แก้มแผ่วเบา ปั้นจั่นใจเต้นตึกตัก กะพริบตาปริบๆ มองเด็กหนุ่ม มือของภันต์ที่กำลังลูบแก้มทั้งเย็นและนุ่ม ให้สัมผัสที่เบาสบาย ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับ

“อ่ะ เอ่อ อือ” ปั้นจั่นเหมือนคนเป็นใบ้ พูดอะไรไม่ออก สมองประมวลผลไม่ทัน ได้แต่มองภันต์ไม่วางตา และประโยคแรกที่ทักออกไป ก็เป็นอะไรที่ต่างคนต่างไม่คาดคิด จนภันต์ถึงกับหัวเราะตัวงอ

“ภันต์...เขียนขอบตาด้วยเหรอ”

tbc

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แล้วทาลิปยังล่ะ  :hao4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :hao7:

โว้วววววววว

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทักแบบนี้ฆ่ากันเถอะ555

ออฟไลน์ ichiichi

  • รักหม่ามี้นะคับ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-5
22
หลังงานวันเกิดที่ทำให้ปั้นจั่นเขินนภันต์จนเข้าหน้าแทบไม่ติด เพราะดันไปทักอะไรพิลึกๆ เจ้าตัวแสบที่โตขึ้นจนผิดหูผิดตาก็แวะเวียนมาหาแถวที่ทำงานแทบทุกวันเหมือนคนว่างงาน และวันนี้วันศุกร์แห่งชาติ ก็ยังมายืนดักรอหน้าตึกเหมือนเคย จนกลายเป็นภาพคุ้นตาของเพื่อนร่วมงานและคนแถวนั้นกันไปหมดแล้ว กับเด็กนักศึกษาผมชี้ๆ แต่งหน้าสไตล์พังค์ เขียนขอบตาทาปาก หน้าขาววอก เครื่องประดับเต็มตัว สะพายกีต้าร์ไว้บนบ่า ทั้งที่แทบไม่มีใครแต่งตัวแต่งหน้าสไตล์นี้กันแล้ว

“ปั้น! ปั้นทางนี้” พอเห็นปั้นจั่นเดินออกมาจากตึก ภันต์ก็โบกไม้โบกมือตะโกนเรียกแบบไม่อายใคร แต่คนถูกเรียกก็ออกจะหน้าบางนิดหน่อย ปั้นจั่นส่งสายตาดุๆ ปรามให้เงียบ แล้วรีบวิ่งข้ามฝั่งถนนไปหา

“วันนี้ไม่ไปเล่นที่เดิมเหรอ” คนตัวเล็กต้องเงยหน้ามองร่างสูงโปร่งที่ยิ้มเผล่ให้

“ก็จะไปนี่ไง อยากให้ปั้นไปด้วย วันนั้นก็เจอเพื่อนในวงผมหมดแล้วนี่” มือเรียวยาวที่ด้านนิดๆ เพราะเล่นกีต้าร์คว้ามือปั้นจั่นไปกุมไว้ ออกเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าด้วยกัน

“ไลน์บอกก็ได้ ไม่เห็นต้องมารับถึงนี่ เสียเวลาเปล่าๆ”

“ไม่ได้หรอก แฟนทั้งคน ต้องมารับดิ” นภันต์หัวเราะอารมณ์ดี สอดประสานนิ้วมือทั้งห้ากับมือของปั้นจั่น แกว่งแขนไปเดินไป

“ใครเป็นแฟนนาย ขี้ตู่” ปั้นจั่นหน้างอ แต่ก็แอบยิ้มนิดๆ ภันต์โตขึ้นมาไม่เหมือนกรตรงไหนเลย นอกจากส่วนสูงที่ใกล้เคียง แต่เวลาอยู่กับเด็กคนนี้ มันก็สบายใจดี ภันต์ขี้เล่นเหมือนเดิม แต่ไม่แกล้งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แถมยังแสดงความรู้สึกตรงไปตรงมาจนอายแทน

เรื่องที่ภันต์ขอคบเป็นแฟน ปั้นจั่นยังไม่ได้ตอบตกลง แต่ถึงไม่ตอบ เจ้าตัวก็ตู่เอาเองไปเรียบร้อยแล้ว เลยคิดว่าไม่ต้องพูดอะไรเลยดีกว่า ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องไปฝืนมันเหมือนตอนที่อยากคบกับกร

ปั้นจั่นรู้ตัวว่าชอบผู้ชายด้วยกันมาตั้งแต่ตอนม.ต้น เคยมีรุ่นพี่มาจีบและคบกันอยู่ช่วงหนึ่ง แต่พอถูกขอมีอะไรด้วย ก็ไม่ยอม รุ่นพี่คนนั้นก็เลยโกรธและเลิกยุ่งไป จนมาสมัยม.ปลาย ก็มีเพื่อนห้องอื่นมาจีบและแสดงท่าทีว่าอยากมีอะไรด้วย ปั้นจั่นก็เลยยอม เพราะคิดว่าถ้ายอมก็อาจจะอยู่ด้วย ปั้นจั่นไม่ได้รักมากขนาดนั้น แต่แค่ไม่อยากสูญเสีย อยากคบกับใครสักคนให้นานๆ อยากเชื่อมั่นว่ารักแท้มีจริง

แต่มันไม่เคยมีอยู่เลย...

ปั้นจั่นกลายเป็นเด็กใจแตกอยู่ช่วงหนึ่ง มีอะไรกับคนที่เข้ามาขอคบไปทั่ว และสุดท้ายก็ไม่เหลือใครเลย อาจารย์สอนภาษาไทยที่โหดที่สุดตอนนั้น เป็นคนที่ฉุดดึงขึ้นมา ทำให้กลับมาตั้งสติได้ และตั้งใจเรียนจนจบ ทุกวันนี้ก็ยังคุยกับอาจารย์บ้าง เห็นว่าท่านกับครอบครัวสุขสบายดีก็ดีใจ

ตอนที่ได้เจอกร แม้จะใส่แว่นตา แต่ปั้นจั่นก็ถูกสเปคหน้าตาของกรอยู่ดี แล้วยิ่งเข้าไปทำความรู้จักก็ยิ่งชอบไอ้นิสัยนิ่งๆ เหมือนไม่สนโลกนั่น แล้วยิ่งตอนที่ตัดสินใจทำเรื่องแย่ที่สุดกับกร ก็ยอมรับว่าติดใจมาก แต่ท้ายที่สุดแล้ว กรก็รักคนอื่นอยู่ดี ต่อให้พยายามไปก็เท่านั้น ยื้อจนสุดๆ แล้วก็ไม่ได้ และในที่สุด ก็ได้เจอภันต์

เด็กหนุ่มวัย 19 ที่เคยตามตื้อมานานหลายปี ภันต์ไม่เหมือนกรตรงไหนเลย ทั้งนิสัยและรูปร่างหน้าตา แต่มือของภันต์ที่จับอยู่นี้อบอุ่นมาก และมันถ่ายทอดความรู้สึกที่เป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นออกมา

“คืนนี้อยากฟังเพลงอะไร รีเควสได้นะครับ” รอยยิ้มของภันต์ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เขาชอบ ความกวนประสาท ทะเล้น ขี้เล่น ก็ชอบ

“ถ้าภันต์เล่น เพลงอะไรพี่ก็ชอบหมดแหละ” ปั้นจั่นยิ้มตอบ

“พูดจาน่ารักอย่างนี้ จูบทีได้มั้ย” เจ้าตัวโย่งยื่นหน้าไปหา ทำปากจู๋รอให้จูบ ทั้งที่อยู่ในผับ คนเต็มร้านไปหมด “ไม่ได้เหรอ?”

ปั้นจั่นเม้มปาก เหลือบมองรอบข้าง ไม่เห็นว่ามีใครสนใจเท่าไหร่ ก็เลยตัดสินใจ สูดลมหายใจแล้วยื่นปากไปแตะเร็วๆ ก่อนผละออกมาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

ส่วนภันต์นั้น นิ่งอึ้งไปนาน ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ คว้าคนตัวเล็กไปกอดไว้แน่น เอาคางวางเกยบนศีรษะเล็ก

“ชื่นใจจัง มีกำลังใจเล่นเป็นร้อยเพลงเลย ฮ่าๆ”

“เว่อร์” เขาทุบอกคนตัวสูงไปทีด้วยความหมั่นไส้ ได้ยินเสียงภันต์หัวเราะสดใส พลันหัวใจก็พองโตตามไปด้วย

บางที อาจจะยังมีความรักดีๆ อยู่ตรงนี้ก็ได้

END1

กรกับวินยังคงคบกันด้วยดีมาตลอด หลังจากอาจารย์หย่ากับภรรยาได้และมีข่าวลือเรื่องที่คบนักศึกษาชายก่อนกรเรียนจบ พ่อแม่ของอาจารย์ก็ประกาศตัดขาดกันไป ซึ่งวินไม่ได้ใส่ใจมากมายอะไร ตัดก็ตัด เพราะเขาไม่มีทางย้อนกลับไปได้อีกแล้ว ในเมื่อกรคือคนที่เขาเลือก และกรก็ช่างแสนดี ไม่เคยยุ่มย่ามกับเรื่องครอบครัวของเขาเลยสักครั้ง พอเห็นกรเป็นแบบนั้น แถมยังบอกอย่างหนักแน่นว่าจะรออยู่ข้างๆ ไปตลอดชีวิต เขาก็ทนให้กรต้องกลายเป็นคนที่อยู่ข้างหลังอย่างลับๆ ไม่ได้อีก เขาอยากประกาศให้ทุกคนรู้ แม้จะยอมรับหรือไม่ก็ตาม

“พรุ่งนี้ผมต้องไปสัมมนางานที่ต่างจังหวัดแล้ว ต้องคิดถึงวินมากแน่ๆ เลย” ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทเรียบๆ กับแว่นสายตากรอบบางโอบเอวของวินเข้าไปกอดไว้จากด้านหลัง แล้วซบหน้าลงบนบ่าอย่างออดอ้อน

ยิ่งอยู่ด้วยกัน กรก็ยิ่งขี้อ้อนขึ้นทุกวัน

“ก็ทำงานนี่ ทำไงได้ล่ะ วันอาทิตย์ก็ได้กลับแล้ว ไม่งอแงนะครับ” วินลูบหัวเขาเบาๆ มืออีกข้างจับแขนที่กอดเอว

“ผมอยากอยู่กับวินทั้งวันทั้งคืนเลยนี่ วันหยุดทั้งที” กรส่งเสียงกระเง้ากระงอด สูดจมูกหอมแก้มอาจารย์ไปหนึ่งฟอด “ตอนกลางคืนต้องวิดีโอคอลด้วยนะ ห้ามหลับก่อน”

“จ้าๆ พ่อหนูน้อย” วินหัวเราะคิกกับนิสัยเหมือนเด็กๆ ของกร ที่หลายคนคงไม่มีทางได้รู้ เพราะปกติกรจะเก๊กขรึมตลอด แถมกับน้องๆ ยังมีดุด้วย กับเพื่อนร่วมงานยิ่งแล้วใหญ่ ทั้งนิ่งทั้งเยือกเย็น ราวกับไม่อยากให้ใครเข้ามาล้ำเส้น

“ไม่อยากไปจริงๆ นะ” ยังอ้อนไม่เลิก และวินก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมาคลอเคลียแบบนี้ อาจารย์คลี่ยิ้มบางๆ พลิกตัวหันไปหา ยกแขนขึ้นคล้องรอบคอของเขาไว้ กรอมยิ้มนิดๆ

“ให้รอบนึงแล้วกัน พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า กลัวเด็กแถวนี้งอแงไม่ยอมลุก”

“วินวินใจดีที่สุดเลย” กรฉีกยิ้มกว้างเหมือนเด็กน้อยก่อนจะแนบริมฝีปากบดเบียดกับอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อนอย่างรู้งาน

กับคนคนนี้ ไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน เขาก็จะไม่มีวันปล่อยมืออย่างแน่นอน

END
จบได้สั้นมากกกก แหะๆ ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะค้าบ เหมือนมันรวบรัดตัดตอน แต่เรื่องไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว ไม่งั้นคงดราม่ายืดเยื้อ น่าลำไยแน่ แต่เราอยากให้มันเบาๆ ไม่ดราม่าแล้ว ไปดราม่ากับเรื่องออื่นเถอะ อิๆ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จบด้วยดีทั้ง 2 คู่  :mc4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
จบแล้ว จบอย่างมีความสุข  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ทุกคู่มีความสุข  :heaven

แม่วินวุ่นวาย เจ้ากี้เจ้าการจริงๆ อยากได้หลาน
จัดแจงขอหมั้น จัดงานแต่งงานไม่ฟังความเห็นลูกเลย
พอรู้ว่าลูกรักชาย ก็ตัดขาดเฉยเลย
ไม่รู้ว่ารักแบบไหน  รักหน้าตาชื่อเสียงยิ่งกว่ารักลูก  แปลกๆนะ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

กร วิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ภันต์  ปั้นจั่น   :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด