My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 18 เคลียร์ [ 30/03/61 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 18 เคลียร์ [ 30/03/61 ]  (อ่าน 8229 ครั้ง)

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ดีแล้วนังเป้ไม่เจอสายโหดแบบจริงๆไม่งั้นไม่รอด  :hao3:

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 10
ของปลอม

‘ เป็นอะไรตะวันยังคิดถึงพ่ออยู่หรอ ’
   ‘ อื้อ…เราคิดถึงพ่อ ’
   ‘ ไม่เป็นไรนะ ยังไงตะวันก็ยังมีเมฆนะ ’ เมฆเอื้อมแขนมาโอบไหล่ผม
   ‘ แต่เดี๋ยวเมฆก็ไปอยู่ที่อื่นแล้ว เราก็ไม่มีเพื่อนแล้วละสิ ’
   ‘ เราจำเป็นต้องไปนี่นา อย่าร้องไห้สิ ลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอกนะ ’ เมฆปลอบผมเมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะร้องไห้อีกแล้ว
   ‘ เมฆจะลืมเราไหมถ้าไปอยู่ที่นั่น ’
   ‘ ยังไงเราก็ไม่มีวันลืมตะวันหรอก เราสัญญา ’
   ‘ จริงนะ! ต่อให้เราไม่เจอกันนานแค่ไหนก็ห้ามลืมนะ ’
   ‘ เราเคยผิดสัญญาด้วยหรอ ยิ้มได้แล้ว ’ เขาเอามือมาดึงหน้าผมแบบที่ทำประจำเวลาบังคับให้ผมยิ้ม
   ‘ ขอบคุณนะเมฆ ’
   ‘ เรื่องแค่นี้เอง ไปเล่นกันเถอะ ! ’

   เฮือก !

   อะไรกัน ฝันอีกแล้วหรอเนี่ย เมื่อคืนผมหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ นี่ตื่นมายังระบมที่หน้าอยู่เลย พอนึกถึงฝันเมื่อคืนแล้วผมก็ได้แต่หันไปมองคนที่ยังหลับอยู่ข้างๆ
   “ ไหนบอกจะไม่ลืมกันไง เฮ้อ ! ”
   “ งืม.. ” เจ้าตัวยังคงหลับไม่รู้เรื่อง
   “ เมฆๆ ตื่นๆไหนบอกจะไปส่งกูไง กูจะกลับบ้าน ” ผมเข้าไปสะกิดให้เขาตื่น แต่หมอนี่ขี้เซาเป็นบ้า ผมเลยดึงผ้าห่มออกหวังจะปลุกเขา
   “ เฮ้ย ! ”
   สิ่งที่ทำให้ผมต้องตกใจก็คือ เมื่อผมดึงผ้าห่มออกสิ่งที่ผมคาดหวังคือให้เมฆตื่น แต่ไม่คิดว่าจะเห็นบางส่วนตื่นแทน

   โอ้! มาย ! ก๊อด ! คุณพระทำไมมันอลังการอย่างนี้

   “ อืม..ตื่นแล้ว เสียงดังอะไรแต่เช้า ” เมฆตื่นแล้ว ถ้าทางงัวเงียสุดๆ
   “ ปะ..ป่าว กะ..ก็ของมึงมัน.. ” แล้วผมก็ชี้ไปที่ต้นตอของสิ่งที่ทำให้ผมตกใจ
   “ หืม? ” เมฆก้มไปดูของตัวเองก่อนจะตอบผมหน้าตาเฉยๆ “ มันก็เรื่องปกติหนิ ตอนตื่นของมึงไม่แข็งหรือไง ”
   “ มันก็…แต่กูแค่ไม่ชินที่เห็นของคนอื่นโว้ย ! ”  ทำไมมันหน้าด้านแบบนี้
   “ ใหญ่อะดิ จับไหมมึง ” มันทำท่าจะดึงมือผมไปจับของมัน
   “ พอเลย ! ไหนว่าจะไปส่งกูไง เอาไง ไม่งั้นกูจะได้โทรให้คนที่บ้านมารับ ”
   “ เออๆ ไปอาบน้ำละงั้น ” แล้วเมฆก็ลุกไปอาบน้ำ ก่อนจะหันมาพูดกับผม “ หน้าแดงหมดแล้วนะมึง ที่โดนตบไปมันยังไม่จางอีกหรอ : ) ”
   จริงๆมันตั้งใจจะแซวผมแน่ๆ! ผมรู้

   หลังจากที่พวกเราทำอะไรเสร็จ เมฆก็ขับรถไปส่งผมที่บ้าน รู้งี้ผมขอรถที่บ้านผมมาขับมั่งดีกว่า แม้ทุกวันนี้จะสบายก็ตามที่อาศัยรถชาวบ้านไม่ต้องขับเอง แต่บางทีก็ไม่อยากรบกวนคนอื่นเขามาก
   “ นี่มึงไปส่งกูเสร็จแล้วมึงจะไปไหนต่อปะเนี่ย ”
   “ ไม่อะ ส่งมึงเสร็จกูก็คงกลับหอไปนอน ”
   “ งั้นนอนรอที่บ้านกูไหม กูทำอะไรเสร็จจะได้กลับพร้อมกัน ”
   “ เอ่อ…..ไม่เป็นไรดีกว่า กูกลับไปนอนที่ห้องดีกว่า จะได้ทำงานต่อด้วย ”
   “ อ้าวหรอ โอเค ” เมื่อเห็นว่ามีงานผมก็ไม่ตื้อหรอก “ ไม่ไปเที่ยวกับปูเป้หรอวันนี้ ”
   “ หืม? ทำไมอยู่ดีๆถามละ ” เมฆดูงงเมื่อผมถามถึงปูเป้ขึ้นมา
   “ อ่อป่าว กูก็แค่ถามดู วันหลังชวนปูเป้มากินข้าวด้วยกันสิ : ) ”
   “ จะดีหรอ ? ”
   “ ทำไมถึงจะไม่ดีละ ” ผมยิ้มจริงใจที่สุดให้กับเมฆ พร้อมทำเสียงร่าเริง
   “ ก็เห็นดูเหมือนจะไม่ถูกกัน กูก็แค่งง ” เมฆขมวดคิ้ว กับคำถามของผม
   “ ก็กูแค่อยากเป็นเพื่อนกับเขา นะมึง จะได้สนิทๆกันไง ”
   “ งั้นไว้เดี๋ยวกูจะลองชวนดูละกัน ”
   
   เยส ! สำเร็จ
   
   “ เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายข้างหน้านี่แหละมึง ” ผมบอกเขาเหมือนถึงซอยบ้านผม
   “ แล้วนี่กลับตอนไหนเนี่ย ”
   “ น่าจะเย็นๆแหละ ขอบคุณนะมึงที่มาส่ง ” ผมบอกลาก่อนที่เมฆจะขับออกไป ชวนให้ลงไปเจอคุณแม่ก็ไม่ยอมเจอ สงสัยจะง่วง
   เมื่อผมเข้าบ้านมาก็พบกับคุณแม่กำลังนั่งดูทีวีอยู่พอดี
   “ สวัสดีครับคุณแม่ คิดถึงจังเลย ” ผมเข้าไปกอด แล้วก็หอมแก้มท่านสองทีให้หายคิดถึง
   “ ว่าไงคนเก่งของแม่ คิดถึงลูกเหมือนกัน ” คุณแม่กอดผมกลับ “ เอ๊ะ ทำไมหน้าหนูดูบวมๆละ ไปโดนอะไรมา ”
   “ เอ่อ….ตะวันโดนตบมานิดหน่อยครับแม่ ไม่มีอะไรหรอก ”
   “ จะไม่มีอะไรได้ยังไง ! ไหนเล่าให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้เลยนะตะวัน ”
   สุดท้ายเมื่อเห็นว่าโกหกไป คุณแม่ก็คงจับได้ ผมก็เลยเล่าเรื่องทุกอย่างให้ท่านฟัง ทั้งเรื่องเมฆ แล้วก็เรื่องปูเป้

   “ แล้วลูกคิดว่าเมฆใช่คนเดียวกันจริงๆไหม ” หลังจากที่ท่านฟังจบท่านก็ถามขึ้นมา
   “ ตะวันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ” ผมตอบไปตามตรง “ แต่ชื่อกับนามสกุลมันใช่นะครับแม่ ”
   “ งั้นเดี๋ยวแม่ให้คนไปสืบเอง ส่วนเรื่องนังเด็กที่ชื่อปูเป้นั่น แม่จะให้คนไปสืบเหมือนกันว่าพ่อเขาเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำลูกแม่แบบนี้ ” ตอนนี้คุณแม่ดูอารมณ์ขึ้นมากๆเมื่อพูดถึงปูเป้
   “ ไม่เป็นไรหรอกครับ ตะวันจัดการได้ แม่เชื่อตะวันสิ ”
   “ ไม่ได้! ยังไงก็กันไว้ดีกว่าแก้ จะได้รู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง แล้วนี่กินข้าวมาหรือยัง ”
   “ ยังเลยครับ วันนี้มีอะไรกินครับ ตะวันหิวแล้ว ”
   “ เยอะเลยลูก ป้าเพ็ญพอรู้ว่าลูกจะกลับมาก็เข้าครัวทำกับข้าวตั้งแต่เช้ามืด มีแต่ของโปรดลูกทั้งนั้นเลยนะ ” ป้าเพ็ญคือแม่บ้านผมเองครับ ฝีมือป้าเพ็ญนี่ระดับโรงแรมห้าดาวเลย สงสัยการกลับบ้านครั้งนี้น้ำหนักผมขึ้นแน่ๆ 
   จนช่วงบ่ายผมก็ขอตัวกลับ เพราะกะว่าจะไปแวะห้างซื้อขนมให้บัดดี้ผมสักหน่อย ก่อนกลับคุณแม่ก็ย้ำว่าถ้าคราวหน้ามีเรื่องกลับใคร ให้บอกแม่ทันที พร้อมสัญญาว่าถ้าสืบเรื่องเมฆรู้เรื่องเมื่อไหร่ จะบอกให้ผมรู้

   วันนี้เป็นวันอาทิตย์ คนจึงมาเดินห้างกันเยอะเป็นพิเศษ แล้วนี่ผมจะซื้ออะไรให้เชนดีเนี่ย เอาเป็นช็อคโกแลตละกัน เห็นชอบกินบ่อยๆ
   ระหว่างที่เดินเล่นซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตผมก็เจอเมฆกำลังเลือกของอยู่
   “ นี่! มาซื้ออะไรอะ ซื้อของเข้าหอหรอ ” ผมเดินตรงเข้าไปทักเขา
   “ อ้าวมึงทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ ไหนวะจะกลับเย็นๆไง? ”
   “ มาซื้อของให้บัดดี้อะ มึงให้ของบัดดี้มั่งยัง ”
   “ ให้ไปแล้ว ” เมฆยังคงเลือกของต่ออย่างตั้งใจ วันนี้เขาแต่งตัวเท่ห์จัง ใส่เสื้อฮาวายกับกางเกงขาดๆ โครตจะเซอร์ ผมมองเขาอยู่นานจนเขาหันมาเรียกผม
   “ มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อหรอ? ”
   “ ป๊าว! ก็มองอะไรไปเรื่อย ” ผมรีบปฏิเสธเขา “ ละนี่ซื้อของเสร็จแล้วจะไปไหนต่อ ”
   “ ก็คงเดินเล่นอะ มึงจะไปไหนปะละ ”
   “ งั้นไปดูหนังกันไหม พอดีมีเรื่องที่กูอยากดูพอดี ไม่อยากดูคนเดียว ” ผมลองชวนเขาดู จริงๆก็ไม่ได้คาดหวังให้เขาตกลงหรอก
   “ เอาสิ งั้นเดี๋ยวกูไปจ่ายเงินก่อนละกัน มึงเลือกเสร็จแล้วหรอ ”
   “ เสร็จแล้วๆ งั้นไปจ่ายเงินกัน ”
   
   หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย พวกผมก็ขึ้นไปจองตั๋วกัน ซึ่งมีเรื่องให้เถียงกันอีกแล้วคือผมอยากดูหนังรัก แต่เมฆกลับอยากดูหนังผี สุดท้ายก็เป่ายิ้งฉุบตัดสินกันแล้วผมก็คือผู้แพ้ TT
   “ มึงไม่ดูไม่ได้หรอ ? ” ผมอิดออด แม้จะซื้อตั๋วมาแล้วก็ตาม
   “ ตัวโตอย่างกะควายมากลัวหนังผี ”
   “ ก็กูกลัวนี่นา เปลี่ยนเรื่องเถอะ กูออกค่าตั๋วให้เลย ”
   “ ไม่ได้! หนังจะเข้าแล้ว ไปเร็ว ” แล้วมันก็ลากผมไปเลย ฮือ T^T

   ซึ่งตลอดเวลาที่หนังฉายผมได้แต่ร้องตกใจตลอดเวลา
   “ ว้ากกกกก ! ”
   “ มึงเบาๆหน่อย คนมองมึงหมดแล้วนะ ”
   “ กูกลัวอะ แง้! กูไม่ชอบมึงก็บังคับกู ” ตอนนี้ผมเหมือนจะร้องไห้ออกมาจริงๆ

   ละไอ้หนังบ้านี่ผีก็ออกมาบ่อยเหลือเกิน !
   “ กลัวมากเลยหรอ ” เมฆหันมากระซิบถามผม
   “ ก็เออนะสิ กูจะไม่ไหวแล้วนะ ”
   “ เฮ้อ! จริงๆเลย ”
   แล้วเขาก็เอามือเขามาจับมือผม ผมถึงกับตกใจในการกระทำของเขา
   “ O_O !! ”
   “ ตกใจอะไร มึงจะได้ไม่กลัวไง ”

   อย่างนี้ก็ได้หรอ? วิธีการอะไรของเขากันเนี่ย แต่ถึงมันจะดูแปลกๆ แต่ผมกลับรู้สึกดี
   “ เอ่อ..มึงไม่เป็นไรปล่อยเหอะ เดี๋ยวคนมอง ”
   “ มองก็มองไปดิ กูไม่ได้จูบมึงสักหน่อย ” เมฆเอ่ยแบบไม่ได้แคร์อะไร “ หรือมึงอยากให้จูบแทน? ”
   “ ไม่! ”
   “ เออ งั้นก็เงียบๆละดูหนังต่อเถอะ ”
   สุดท้ายเมฆก็จับมือผมตลอดจนหนังจบ ซึ่งมันก็ทำให้ผมสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
   หลังจากที่ออกจากโรงหนัง เราก็ไปหาไรกินกันต่อ เพราะผมตกใจจนหิว
   “ เป็นไง สนุกไหมละเรื่องที่กูเลือก ”
   “ ก็ดี แต่เหนื่อยไปหน่อย ” ผมตอบไปตามตรง จริงๆเนื้อหาของหนังก็สนุกแหละ
   “ เห็นไหม เพราะกูเก่งยังไงละ ” เมฆบอกอย่างภูมิใจ
   “ จ้า เก่งจ๊ะ ” ผมตอบก่อนจะกินต่อ แล้วเสียงโทรศัพท์เมฆก็ดังขึ้น เขาขมวดคิ้วมองหน้าจอ
   ใครโทรมากันนะ..
   “ ไม่รับหรอมึง ” ผมเห็นเขามองหน้าจอแต่ก็ไม่ได้รับสายนั้น
   “ ไม่เป็นไร กินกันต่อเถอะ ”
   แต่สายที่โทรมาก็ยังโทรมา และไม่มีทีท่าว่าจะเลิกโทรจนกว่าเจ้าของเครื่องจะรับ
   “ รับสายเหอะมึง โทรมาหลายรอบแล้วนะ ” ผมเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ จริงๆถ้าจะไม่รับก็ปิดเสียงไปสิวะ
    “ งั้นกูขอตัวแป๊ปนะ ” สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะรับ แล้วออกไปคุยนอกร้าน  อะไรกัน! จะคุยทำไมต้องมีความลับด้วย แต่ช่างเถอะ
   จนเวลาผ่านไปสักพักเขาก็ยังไม่เข้าร้านมา แต่กลับโทรมาหาผมแทน
   “ ฮัลโหล โทรมาทำไม มีอะไรทำไมไม่เข้ามาพูด ”
   “ เอ่อ..มึง คือกูมีเรื่องด่วนต้องทำพอดี ยังไงเดี๋ยวกลับห้องไปกูจ่ายค่าอาหารให้นะ ”
   “ อ้าว ! ธุระอะไรของมึงวะ ”
   “ เออกูขอโทษนะ แต่กูต้องรีบไปแล้ว ฝากเอาของกูกลับด้วยละกัน ”
   “ เดี๋ยว! ” ผมยังพูดไม่ทันจบมันก็ตัดสายไปแล้ว “ อะไรของมันเนี่ย ”
   สุดท้ายผมก็โดนเขาทิ้งให้อยู่คนเดียวโดยไม่บอกเหตุผลอะไรเลยนอกจากบอกแค่มีธุระ เมื่อทำอะไรไม่ได้ผมก็เลยต้องจ่ายค่าอาหารไปก่อน แล้วผมก็ไปเดินเล่นต่อ เพราะกะว่าจะซื้อเสื้อผ้าด้วย จนตอนนี้ผมถือของพะรุงพะรังเป็นบ้าหอบฟางทั้งของผมแล้วก็ของเมฆด้วย
   หลังจากที่ทำทุกอย่างจนพอใจแล้วผมก็ออกมาเรียกรถที่หน้าห้าง แต่รอมาตั้งนานกลับไม่มีรถสักคัน
   “ ทำไมไม่มีรถเลยนะ จะได้กลับหอไหมเนี่ย ”
   พอบ่นเสร็จปุ๊ป ก็มีรถคันหนึ่งที่คุ้นเคยมาจอดหน้าผม
   “ ฮัลโหล! จะไปไหนครับตะวัน กลับหอหรอ ” เป็นเชนนั่นเอง
   “ อื้อกำลังจะกลับหอแต่รถไม่ผ่านสักคัน ”
   “ งั้นตะวันกลับกับเราละกัน จะได้ไม่เปลืองเงินด้วย ” เชนเสนอขึ้นมา
   “ แต่ว่า.. ”
   “ ไม่ต้องต่งต้องแต่แล้ว ขึ้นรถเถอะ ” แล้วเชนก็ลงมาเอาของในมือผมขึ้นรถเขาเลย โดยไม่รอผมตอบรับสักคำ ผมเลยต้องขึ้นรถตามเขามา
   “ ขอบคุณนะเชน แล้วนี่ไปไหนมาเนี่ย ”
   “ เชนก็มาจากมหาลัยเนี่ยแหละ จะมารับตะวันไง ”
   “ แหวะ ขี้โม้ เชนจะมารู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่ ” หมอนี่นี่ขยันหยอดจริงๆ
   “ เชนรู้ละกัน เชนเก่งจะตาย ตะวันอยู่ที่ไหนเชนรู้หมดแหละ ”
   “ โรคจิตหรือไงเนี่ย ”
   “ โหย เรียกว่าบ้าดีกว่า แต่บ้ารักตะวันนะ : ) ” นั่นไง โดนอีกหนึ่งสเต็ป
   “ หึ! อะนี่ เราเจอบัดดี้เชนแล้วเขาฝากของมาให้ ” เมื่อเห็นว่าได้โอกาสผมก็เลยเนียนเอาของให้เขาเลย
   “ บัดดี้เชนคือใครหรอ? ตะวันเองหรือเปล่าที่เป็นบัดดี้เชน ” เชนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนกำลังจับผิดผม
   “ บ้า! ไม่ใช่ซักหน่อย บัดดี้เราเป็นผู้หญิงต่างหาก ”
   “ ถ้าโกหกผิดศีลนะครับ ฮ่าๆๆ ” เชนกำลังพยายามต้อนผมให้จนมุม
   แต่ผมไม่กลัวหรอก อิ๊บไว้แล้ว “ แล้วแต่ไม่เชื่อก็ตามใจ ”
   “ เชื่อก็ได้ แล้วนี่มาคนเดียวหรอ ซื้อของเยอะจังนะ ”
   “ ป่าวอะ เรามากับเมฆ แต่เมฆติดธุระอะไรไม่รู้เลยกลับไปก่อน ”
   “ แล้วตะวันอยากรู้ไหมละว่าเมฆติดธุระอะไร : ) ”
   “ เชนพูดอย่างนี้หมายความว่าไง? ”
   “ ก็ถ้าตะวันอยากรู้เราจะพาตะวันไปดูไง ว่าธุระของนายเมฆนั่นคืออะไร ว่าไงครับ ไปไหม? ”
   นี่เชนรู้อะไรมา พอเชนบอกทำไมผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีอะไรเท่าไหร่ เขาต้องไปรู้อะไรมาแน่ๆ
   เชนยังคงถามผมเหมือนอยากให้ผมไปดูให้ได้ว่าเมฆติดธุระอะไร ผมตัดสินใจอยู่นานก่อนจะพยักหน้าตกลงกับเชน ในใจก็ได้แต่คิดว่าอย่าให้ธุระเขาเขาคือการไปเจอปูเป้เลย
   แล้วเชนก็ขับเข้ามาในโรงแรมหนึ่ง เนี่ยหรอที่ๆเมฆมาทำธุระ สรุปมันคืออะไรกันแน่นะ
   หลังจากจอดรถ เชนก็นำผมเข้ามาที่ล็อบบี้ แล้วสิ่งที่ผมเห็นก็เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ เมฆกำลังยืนกอดกับปูเป้อยู่ ผมได้แต่ตกใจกับภาพที่เห็น ไม่คิดว่าธุระของเขาจะเป็นการมาหาแฟนของเขาเอง ที่ผมเสียใจจริงๆคือเขาไม่ยอมบอกผมตรงๆแต่กลับอ้างว่ามีธุระ
   แล้วเมฆก็เหมือนจะสังเกตเห็นผมที่ยืนมองเขาอยู่ เขาจึงผละตัวออกจากปูเป้
   “ ตะวัน! มาได้ไงเนี่ย? ” หน้าตาเขาดูตกใจมากที่เจอผมที่นี่ คงคิดไม่ถึงสินะว่าจะเจอ
   “ เนี่ยหรอธุระของมึง? จะมาหาแฟนก็บอกกูดีๆก็ได้ ไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่หรอก ”
   “ มันไม่ใช่อย่างนั้น ” เมฆที่กำลังจะเดินมาเพื่ออธิบายแต่กลับโดนปูเป้ดึงตัวไว้ก่อน แถมเจ้าหล่อนยังถลึงตาใส่เมฆเหมือนขู่ไม่ให้เดินมาหาผม
   “ ช่างเถอะ มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึงแล้วกัน ไปเถอะเชน พาเรากลับหน่อย ” ผมดึงแขนเชนให้กลับ ก่อนจะหันไปพูดกับเมฆ “ เอ้อ คืนนี้กูไม่กลับห้องนะ กูว่าจะไปนอนห้องเชน ”
   “ เฮ้ยมึง เดี๋ยวก่อนดิฟังกูก่อน! ” เมฆพยายามจะเข้ามาคุยแต่ก็ปูเป้เองก็ไม่ปล่อยเมฆเหมือนกัน
   “ ค่อยคุยละกันเมฆ อยู่กับแฟนไปก่อนเถอะ ” แล้วผมก็เดินออกมาโดยไม่หันกลับไปมองอีก แต่สุดท้ายก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงปูเป้เรียกผม
   “ หยุดก่อนสิ ”
   “ …… ”
   “ เลิกทำท่าเป็นนางเอกขี้งอนเถอะค่ะ ของปลอมก็อยู่ส่วนของปลอมนะคะ กลับดีๆละคุณตะวัน : ) ” 
   สุดท้ายผมก็เดินออกมาโดยที่ไม่หันไปตอบโต้อะไร แต่ข้างในรู้สึกจุกกับคำพูดที่ปูเป้พูดกับผม
   หึ! ของปลอมอย่างนั้นหรอ……

   - Mek time -

   สวัสดีครับ เอ่อ..ผมเมฆเองนะครับ ผมเป็นนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ของมหาลัย SRU แห่งนี้ และการเข้ามามหาลัยแห่งนี้ก็ทำให้ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับคนๆหนึ่ง ใช่ครับ คนนั้นก็คือตะวันนั่นเอง ผมเป็นเพื่อนกับตะวันสมัยที่เรายังเป็นเด็ก แต่แล้วผมก็ต้องย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่เชียงใหม่ แล้วก็ทำให้เราไม่ได้ติดต่อกันอีก แรกๆก็มีจดหมายมาบ้าง แต่หลังๆ ผมก็ไม่ได้รับจดหมายจากตะวันอีก พอมาเจอเขาที่นี่ ยอมรับว่าตอนแรกผมดีใจมากที่ได้เจอ แต่ผมก็มีเหตุผลบางอย่างที่บอกเขาถึงตัวตนผมไม่ได้ มันอึดอัดมากเลยนะครับ การที่อยากพูดแต่พูดออกมาไม่ได้เนี่ย : (
   แต่ผมก็พยายามใบ้ให้เขารู้แล้วนะ ทั้งวาดรูปให้แล้วก็ยังฝากเพลงให้รุ่นพี่ที่ผมรู้จักที่ทำงานร้านที่ตะวันไปเที่ยวร้องให้เขาอีก หวังว่าเขาจะตีความออกกับสิ่งที่ผมทำไปนะ
   วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันที่ใครๆควรได้พักผ่อน แต่ผมกลับต้องทำงาน หลังจากที่ไปส่งตะวันที่บ้านแล้ว ผมก็กลับมาทำงานที่ค้างต่อ คณะนี้งานเยอะเป็นบ้า นี่บางวันผมแทบไม่ได้นอน ขอบตานี่จะดำเป็นหมีแพนด้าแล้ว
   พอทำงานเสร็จผมก็ตัดสินใจออกไปเดินห้างบ้าง กะจะไปหาซื้อของให้บัดดี้ของผม แล้วก็บังเอิญเจอกับตะวันเข้า
    “ นี่! มาซื้ออะไรอะ ซื้อของเข้าหอหรอ ”
   “ อ้าวมึงทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ ไหนวะจะกลับเย็นๆไง? ”
   “ มาซื้อของให้บัดดี้อะ มึงให้ของบัดดี้มั่งยัง ”
   “ ให้ไปแล้ว ” พอตอบเขาเสร็จผมก็หันไปเลือกของต่อ แต่พอมองอีกทีกลับเห็นเขายังมองผมค้างอยู่แบบนั้น
   “ มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อหรอ? ”
   “ ป๊าว! ก็มองอะไรไปเรื่อย  ละนี่ซื้อของเสร็จแล้วจะไปไหนต่อ ”
   “ ก็คงเดินเล่นอะ มึงจะไปไหนปะละ ”
   “ งั้นไปดูหนังกันไหม พอดีมีเรื่องที่กูอยากดูพอดี ไม่อยากดูคนเดียว ”
   หนังหรอ..ดีเหมือนกันไม่ได้ดูมานานแล้ว
   “ เอาสิ งั้นเดี๋ยวกูไปจ่ายตังก่อนละกัน มึงเลือกเสร็จแล้วหรอ ”
   “ เสร็จแล้วๆ งั้นไปจ่ายตังกัน ”
   
   พอขึ้นมาซื้อตั๋ว พวกเราก็เริ่มเถียงกันเพราะเขาอยากดูหนังรักเรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้ แต่ผมไม่ชอบหนังแนวนี้เลยเลือกหนังผีซะเลย ตื่นเต้นดี ซึงตะวันเองก็ไม่ยอมดูหนังผีเหมือนกัน เราเลยตัดสินกันสุดท้ายผมก็ชนะ 
   “ มึงไม่ดูไม่ได้หรอ ? ”
   “ ตัวโตอย่างกะควายมากลัวหนังผี ”
   “ ก็กูกลัวนี่นา เปลี่ยนเรื่องเถอะ กูออกค่าตั๋วให้เลย ” ตะวันเองเริ่มงอแงเป็นเด็กๆแล้ว ซึ่งผมเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน ยิ่งเห็นว่าเขากลัวยิ่งน่าแกล้ง
   “ ไม่ได้! หนังจะเข้าแล้ว ไปเร็ว ”

   ตลอดเวลาที่หนังฉายตะวันมันจะร้องหรือสะดุ้งทุกครั้งเมื่อมีฉากตกใจ ซึ่งผมก็แอบขำเขาเบาๆ
   “ ว้ากกกกก ! ”
   “ มึงเบาๆหน่อย คนมองมึงหมดแล้วนะ ” จริงๆนะครับ เขาร้องดังจนคนมอง
   “ กูกลัวอะ แง้ กูไม่ชอบมึงก็บังคับกู ”
   “ กลัวมากเลยหรอ ”
   “ ก็เออนะสิ กูจะไม่ไหวแล้วนะ ”
   “ เฮ้อ! จริงๆเลย ”
   เมื่อเห็นว่าเขากลัวจริงๆผมก็เลยเอื้อมมือไปจับมือเขา เพราะตอนเด็กๆจำได้ว่า เขารู้สึกปลอดภัยเวลามีคนจับมือเขาไว้
   “ O_O !! ” ตะวันหันมองหน้าผมตาโต อย่าบอกนะว่านึกออกว่าเด็กๆเราปลอบกันแบบนี้
   “ ตกใจอะไร มึงจะได้ไม่กลัวไง ”

   “ เอ่อ..มึงไม่เป็นไรปล่อยเหอะ เดี๋ยวคนมอง ”
   “ มองก็มองไปดิ กูไม่ได้จูบมึงสักหน่อย หรือมึงอยากให้จูบแทน? ”
   “ ไม่! ” เขารีบปฏิเสธทันที
   “ เออ งั้นก็เงียบๆละดูหนังต่อเถอะ ”
   สุดท้ายเขาก็ยอมให้ผมจับมือต่อและไม่มีท่าทีจะขัดขืน
 
   พอดูหนังเสร็จเราก็ไปกินข้าวกัน เพราะเขาบ่นว่าเหนื่อยจากการตกใจ พอถึงร้าน ตะวันก็สั่งมาเยอะมาก สงสัยจะหิวจริงๆ แถมยังว่าผมอีกว่าผมไปขืนใจให้เขาดูหนังผีที่เขากลัว เราคุยกันสักผมก็มีคนหนึ่งโทรเข้ามาหาผม คนนั้นก็คือปูเป้นั่นเอง แต่ผมก็เลือกที่จะไม่รับสายเพราะผมรู้ว่าถ้ารับแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
   “ ไม่รับหรอมึง ” ตะวันถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่ามันหลายมิสคอลแล้ว
   “ ไม่เป็นไร กินกันต่อเถอะ ” 
   “ รับสายเหอะมึง โทรมาหลายรอบแล้วนะ ”
    เมื่อเห็นว่ามันหลายสายแล้วปูเป้ก็ไม่มีท่าทางจะเลิกโทร ผมก็เลยตัดสินใจที่จะรับสายนั้น “ งั้นกูขอตัวแป๊ปนะ ” 
   “ ฮัลโหลครับ ว่าไงเป้ ”
   “ เมฆอยู่ไหนคะ มาหาเป้หน่อย ”
   “ เมฆอยู่กับเพื่อน ออกมากินข้าว เป้มีอะไรหรือเปล่า ”
   “ ไม่มีคะ แต่เป้อยากเจอเมฆตอนนี้ รีบมานะคะ เป้ไม่ชอบรอนาน ”
   “ แต่… ”
   “ ถ้าเมฆไม่มา คงรู้นะคะว่าเป้จะทำอะไร เดี๋ยวเป้ส่งโลเคชั่นไปให้ ห้ามเกินครึ่งชั่วโมงนะคะ ” แล้วปูเป้ก็ตัดสายโดยไม่รอฟังคำตอบรับจากผม
   เอาไงดีวะ จะบอกตะวันยังไงดี สุดท้ายผมก็เลยต้องไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมองดูเวลากลัวว่าจะไม่ทันผมเลยต้องรีบไป โดยโทรบอกตะวันไปว่าผมมีธุระ
   หวังว่าเขาจะเข้าใจนะ..
   จนผมมาถึงที่หมายตามที่ปูเป้ส่งโลเคชั่นมา เมื่อเข้าไปในโรงแรมก็พบว่าปูเป้นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้อยู่แล้ว
   “ สรุปเป้มีอะไรหรือเปล่า เรียกเมฆออกมามีอะไร ”
   “ เป้จะอยากเจอเมฆไม่ได้หรือไงคะ เป้เหงา กินข้าวเป็นเพื่อนเป้หน่อย ” แล้วเขาก็เดินนำผมเข้าไปในห้องอาหารเลย
   “ กินนี่สิคะเมฆ ” เป้พยายามจะตักอาหารให้ผมกิน แต่ผมกลับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เป็นห่วงว่าป่านนี้ตะวันจะกลับห้องยัง
   “ เมฆดูไม่สนใจเป้เลยนะคะ คิดถึงใครอยู่หรอ ”
   “ เปล่าครับ… ”
   “ เป้อิ่มแล้ว กลับเถอะ ” ตอนนี้เป้ดูท่าทางจะหงุดหงิด เธอเดินออกจากร้านไปโดยไม่พูดอะไร นี่ผมจะตามอารมณ์เธอไม่ทันละ นึกจะให้มาก็เรียกมา พอจะไปก็ดันไม่พูดอะไรอีก
   แล้วเธอก็มายืนกอดอกอยู่ตรงล็อบบี้
   “ เมฆไปหาตะวันมาใช่ไหม? ” เธอหันมาถามผมอย่างเอาเรื่อง
   “ เมฆ… ครับ ใช่เมฆไปกับตะวันมา ” ถ้าทางเธอจะรู้อะไรมาผมเลยตอบตามความจริงไป “ แล้วเป้รู้ได้ไง ”
   “ เป้ก็ให้คนของเป้คอยตามเมฆไง เป้เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าเป้ไม่ชอบไอ้นั่น เมฆไปอยู่กับมันทำไม มันทำอะไรกับเป้ไว้ เมฆยังจะยุ่งกับมันอีกหรอ ! ” ตอนนี้หล่อนเริ่มตวาดใส่ผมแล้ว เป้มักจะเป็นอย่างนี้เสมอเมื่อไม่พอใจ
   “ แต่ตะวันเป็นเพื่อนของเมฆนะ ” ผมเถียงขึ้นมา
   “ งั้นถ้าไม่มีตะวัน เมฆจะสนใจเป้มากกว่านี้ใช่ไหม ” ปูเป้เริ่มตัวสั่นอย่างคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
   “ เป้จะทำอะไรตะวัน อย่านะเมฆขอ ”
   “ ก็จะทำอย่างทุกครั้งที่เป้เคยทำไง เป้ไม่อยากเห็นหน้ามัน เป้เกลียดมัน มันมายุ่งกับเมฆ กรี๊ดดดดดดดดด! ” แล้วเป้ก็กรี๊ดออกมา จนผมต้องรีบเข้าไปกอดเขาเพื่อให้เขาสงบ
   “ เป้ ใจเย็นนะครับ อย่าทำอะไรเลยนะ ตะวันเป็นเพื่อนของเมฆนะ เมฆขอร้องนะครับเป้ ” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมเป้ให้ใจเย็น แต่แล้วผมก็เห็นร่างหนึ่งเดินเข้ามาพอดี
   นั่นตะวันกับไอ้เชนนี่นา
   “ ตะวัน! มาได้ไงเนี่ย? ” ผมทักขึ้นอย่างตกใจเมื่อไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่
   “ เนี่ยหรอธุระของมึง? จะมาหาแฟนก็บอกกูดีๆก็ได้ ไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่หรอก ”
   “ มันไม่ใช่อย่างนั้น ” ผมว่าตอนนี้ตะวันกำลังเข้าใจผิดอยู่แน่ๆเลย
   ผมพยายามจะเดินเข้าไปอธิบาย แต่ก็ถูกปูเป้ดึงไว้
   “ ช่างเถอะ มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึงแล้วกัน ไปเถอะเชน พาเรากลับหน่อย ” แล้วตะวันก็ลากแขนเชนให้ออกจากที่นี่ ก่อนจะหันมาพูดกับผม “ เอ้อ คืนนี้กูไม่กลับห้องนะ กูว่าจะไปนอนห้องเชน ”
   “ เฮ้ยมึง เดี๋ยวก่อนดิฟังกูก่อน! ”
   “ ค่อยคุยละกันเมฆ อยู่กับแฟนไปก่อนเถอะ ” ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป เป้เองก็ผลักผมออกแล้วเดินไปพูดกับตะวัน
   “ หยุดก่อนสิ ”
   “ …… ” ตะวันหยุดเดิน แต่ก็ไม่ได้หันกลับมามอง เขาเพียงแต่ยืนนิ่งๆ
   “ เลิกทำท่าเป็นนางเอกขี้งอนเถอะค่ะ ของปลอมก็อยู่ส่วนของปลอมนะคะ กลับดีๆละคุณตะวัน ”
   แล้วตะวันก็เดินออกไปเลยโดยไม่หันมาคุยอะไรอีก ผมเลยจะวิ่งตามเขาไป
   “ หยุด! ถ้าเมฆตามมันไป เป้จะส่งคนไปจัดการมันเดี๋ยวนี้ ! ” เมื่อเห็นว่าปูเป้ทำจริงแน่ๆผมเลยหยุดที่จะตามตะวันไป
   “ เป้อยากไปทำเล็บ พาเป้ไปหน่อยค่ะ ”

   สุดท้ายผมก็เลยต้องพาเป้ไป ขอโทษนะตะวัน เมฆขอโทษ….


คำคมท้ายบท : Not to be dramatic but my heart hurts. ( ไม่ได้อยากดราม่านะแต่มันเจ็บใจจริงๆ )

-TBC-
ของปลอมก็มีหัวใจนะ : ( เป็นกำลังใจให้ตะวันหน่อยนะครับ หรือจะเลิกสนใจเมฆไปหาเชนให้จบๆดีนะ ยังไงก็ติดตามกันต่อด้วยนะครับ  จุ้บ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2018 19:48:36 โดย ฺBluemoon »

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
เรื่องนี้ เมฆ คือ ภาระ นะ พระเอกที่น่าลำคาน เปลี่ยนเถอะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

รอคุณแม่นู๋ตะวันสืบประวัติยัยปูเป้เสร็จเมื่อไร  ก็จัดการมันเลยเถอะ  ลำไยมาก

ออฟไลน์ Wicvodca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 
  เชียร์เชนมากกว่าเมฆอีก ตะวันเทเมฆไปเถอะ

รีบมาต่อน้า อยากรู้จะเป็นยังไงต่อไป  :katai2-1:

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 11
ข้างๆหัวใจ

- Chain time -

   หลังจากที่ผมออกมาจากโรงแรม ตลอดทางที่อยู่บนรถตะวันไม่พูดอะไรเลย นอกจากมองออกไปนอกหน้าต่าง
   เรื่องราวมันเริ่มต้นที่ตอนแรกผมกำลังจะออกไปห้าง แล้วบังเอิญผมเห็นรถนายเมฆพอดี ก็เลยตามไปเพราะคิดว่าเขาอาจจะไปไหนกับตะวัน แต่บังเอิญพอไปถึงแล้วกลับไม่ใช่ซะนี่ ผมก็เลยเลิกสนใจแล้วกะว่าจะไปเดินเล่นตามที่ตั้งใจไว้ตอนแรก แต่โชคดันเข้าข้างผมที่เจอตะวันยืนรอรถพอดี ผมก็เลยกล่อมเขาให้ไปเห็นอะไรบาดตาซะเลย ก็แหม ตะวันของผมมีใจให้กับนายเมฆนี่ครับ มีโอกาสแล้วผมก็ต้องทำลายความสัมพันธ์สิ
   ตอนแรกผมก็สะใจที่ตะวันกับนายเมฆทะเลาะกันนะ แต่พอเห็นตะวันทำหน้าเศร้าแบบนี้แล้วผมกลับไม่รู้สึกยินดีเลย เฮ้อ! นี่ที่ผมทำมันถูกไหมเนี่ย
   “ แล้วนี่คัดลีดเป็นไงมั่งครับตะวัน ” ผมพยายามหาเรื่องคุย
   “ ……. ”
    ตะวันยังคงเหม่อมองไปที่ข้างทาง นี่ไม่ได้ยินที่ผมพูดหรือไม่อยากตอบเนี่ย =_=
   “ เอ่อ..ไปกินบิงซูกันไหม เชนเลี้ยงเอง ” เอาว่ะ ! เอาขนมเข้าล่อละกัน
   
   จะได้ผลไหมนะ…..

   เขารีบหันมามองหน้าผม “ บิงซูหรอ เอาสิ! อยากกินพอดีเลย ”

   อ้าว! ดันได้ผลจริงๆแฮะ นี่เศร้าอยู่หรือหิวกันแน่เนี่ย น่ารักจริงๆเลย > <

   “ งั้นไปกินร้านหลังมอกันนะ อร่อยมากเลย เชนไปกินมาแล้ว ตะวันต้องชอบแน่ๆ ” ผมอยากให้เขายิ้มมากกว่าทำหน้าเศร้า ให้ทำอะไรผมก็ยอม “ แล้วเมื่อกี้ตะวันดูเหมือนคิดอะไรอยู่นะ เชนเรียกก็ไม่ตอบ คิดอะไรอยู่หรอ? ”
   “ ไม่มีอะไรหรอก เราแค่คิดอะไรนิดหน่อย ” ตะวันตอบผมหน้านิ่ง “ อย่าถามอีกนะ คิดแล้วหงุดหงิดชะมัด ! ”
   ชัดเลย! นึกถึงนายเมฆชัดๆ เมื่อไหร่จะคิดถึงเชนมั่งนะตะวัน : (

   แล้วพวกเราก็มาถึงร้าน พอขนมมาเสิร์ฟตะวันก็เอาแต่จ้วงเอาๆ ผมหวังว่าของหวานจะทำให้เขาหายหงุดหงิดได้นะ
   “ อร่อยจัง! นี่เชนมากินร้านนี้กับกิ๊กหรือเปล่าเนี่ย บรรยากาศเหมาะกับมาเป็นคู่ชะมัด ”
   ร้านนี้จริงๆผมมากับเพื่อนๆผมแหละครับ เขาอยากมาถ่ายรูปกัน เพราทางร้านแต่งได้น่ารักมากๆเลย ขนาดผมไม่ชอบอะไรแบบนี้ยังรู้สึกว่าน่ารักเลย
   “ กิ๊กอะไรกัน ก็บอกแล้วไงว่าเชนมีตะวันคนเดียว ทำไมไม่เชื่อกันมั่งเลย ” ผมแกล้งทำหน้าบึ้งใส่เขา
   “ ใครจะไปรู้ คนเจ้าชู้กะล่อนจะตาย ”
   “ งอนละนะ ! ว่าเชนเจ้าชู้ตลอดเลย เอามะม่วงมาเลยนะ ชิ้นสุดท้ายไม่ให้กินแล้ว ”
   “ อ้าวไหงงั้น! ไม่ได้สิ เอาคืนมาเลยนะ ”
   แล้วเราก็ยื้อแย่งกันอยู่อย่างนั้นประหนึ่งคู่รักหยอกกัน อ่าห์..นี่มันสวรรค์ชัดๆ
   เมื่ออิ่มกันแล้ว ก็ไม่รู้จะไปไหนกันต่อแถมตะวันก็ดูท่าจะอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว ผมก็เลยว่าจะพาเขากลับหอเลย 
   “ ตะวัน กลับหอกันเถอะ ”
   “ เรายังไม่อยากกลับ….ไปที่อื่นก่อนได้ไหมเชน ” พอบอกจะกลับหอ ตะวันกลับเริ่มทำหน้านอยด์อีกครั้ง
   “ หืม ? ไม่อยากกลับแล้วจะไปไหนละครับ นี่ก็ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้ตะวันมีเรียนไม่ใช่หรอ ”
   “ ก็ใช่ แต่เราไม่อยากกลับตอนนี้จริงๆ เชนพาเราไปที่อื่นหน่อยนะ  ” ตะวันเข้ามาเกาะแขนและทำหน้าอ้อนใส่ผม
   เอาไงดีเนี่ย จะพาไปไหนดีนะ แล้วผมก็นึกถึงที่นึงขึ้นมา

   “ งั้นไปทะเลไหม? ไปนั่งเล่นริมทะเลกัน เดี๋ยวค่อยกลับมาตอนเช้าก็ได้ ”
   “ ทะเลหรอ! ไปดิ O_o ” ตะวันทำหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที เมื่อผมชวนไปทะเล
   “ งั้นไปกันเลย ! ”
   “ เย้ ! ”
   อ่าห์..ขอบคุณนะเมฆ ขอบคุณนะปูเป้ ที่ทำให้เราได้ไปเที่ยวกับตะวันสองต่อสอง >.,<

   ตลอดระยะทางที่เดินทาง ตะวันดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดที่ได้มาเที่ยว จนเหมือนจะลืมไปหมดแล้วว่าก่อนหน้านี่ตัวเองนอยด์อยู่ เขาพูดตลอดทางว่าไม่ได้มาทะเลนานมากแล้ว เพราะแม่เขาก็ทำงานตลอด หยุดทีก็อยากให้แม่พักไม่อยากให้เหนื่อย ทำไมว่าที่แฟนผมเป็นเด็กดีอย่างนี้เนี่ย !
   แล้วเราก็มาถึงทะเลกัน ผมเลือกมาที่บางแสนนี่แหละ ซึ่งตอนนี้เวลาก็ดึกอยู่พอสมควร แต่ก็ยังมีคนนั่งอยู่ตามริมหาด ผมก็เลยเลือกนั่งตรงที่สงบๆ คนไม่ค่อยเยอะมาก
   “ ขอบคุณนะเชนที่ตามใจเรา แล้วก็ขอโทษที่รบกวนนะ ”
   “ ไม่รบกวนหรอก ดีจะตาย อย่างน้อยเชนก็ได้อยู่กับตะวัน : ) ”
   “ เลิกหยอดเราได้แล้ว ” เขานั่งมองทะเลก่อนจะพูดขึ้นมา “ ความรักนี่ก็เหมือนกันทะเลเนอะ ”
   “ หืม? ยังไงหรอ ” ผมสงสัยกับสิ่งที่เขาพูด นี่อารมณ์ศิลปินโผล่มาแล้วหรอเนี่ย -_-
   “ ก็มีเวลาที่สงบ มีเวลาที่มีลมแรง มีเวลาที่สวยงาม แล้วบางครั้งก็มีเวลาที่น่ากลัว.. ”
   “ …… ”
   “ ตอนที่เราเดินเข้าไปในโรงแรมแล้วเราเห็นเมฆอยู่กับปูเป้ เรารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก…เราภาวนาตลอดทางที่เชนพาเราไปว่าอย่าให้เป็นอย่างที่เราคิด ” ตะวันเริ่มระบายสิ่งในใจออกมา
   “ เรารู้นะว่าเราไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปโกรธ ฮึก…เรากับเมฆก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน เราไม่อยากงี่เง่าอย่างนี้เลย แต่พอฟังที่ปูเป้พูดกลับยิ่งทำให้เราจุก ของปลอมอย่างเราคงไม่มีสิทธิ์ไปรักใครได้เลยหรอ เราไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกเหมือนเพศปกติเลยใช่ไหม ทำไมกัน! เราผิดหรอที่เกิดมาเป็นแบบนี้! ”
   ตอนนี้เขาดูเหมือนจะอั้นน้ำตาไว้ไม่ได้แล้วเลยปล่อยโฮออกมา ผมได้แต่ฟังเขาเงียบๆให้เขาระบาย แต่ในใจผมก็เจ็บเหมือนกันที่ต้องเห็นเขาทุกข์ เจ็บที่เห็นเขาร้องไห้ แล้วก็เจ็บที่เขารู้สึกดีกับนายเมฆไม่ใช่ผม
   ตะวันสะอึกสะอื้นอยู่สักพักก่อนจะพยายามพูดกับผม “ ฮึก..ขอโทษนะเชนที่ต้องมานั่งฟังเราระบาย แต่เราไม่ไหวแล้วจริงๆ ”
   “ ไม่เป็นไรหรอก ร้องมาเถอะอย่าเก็บไว้เลย ” ผมโอบเขาเป็นการปลอบ มันกลับทำให้เขาร้องออกมาอย่างหนักอีกรอบ มันยิ่งทำให้ผมทนไม่ไหว
   ผมไม่โอเคจริงๆที่เห็นเขาร้องไห้และผมก็จะไม่ทนอีกแล้ว
   “ นี่…ฟังเพลงไหมตะวัน เรามีเพลงอยากให้ตะวันฟัง ”
   “ ฮึก..เพลงอะไรหรอ ” ตะวันพยายามตอบผมแม้จะยังสะอื้นอยู่ก็ตาม
   “ ก็เพลงที่มันตรงกับความรู้สึกเชนยังไงละ…ตะวันช่วยรับฟังได้ไหม ”
   “ …… ”
   เขาไม่ตอบ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ ผมเลยเสียบหูฟังให้เขาข้างนึง ก่อนเปิดเพลงที่ผมอยากจะบอกเขา
   ‘ พยายามทำความเข้าใจ สายตาเวลาที่เธอมองฉัน
     ไม่อยากคิดอะไร เกินเลยจนพลาดพลั้ง
     ก็มันเห็นว่าความห่วงใย ที่เคยดีใจเมื่อเธอให้กัน
     ไม่ได้พิเศษกว่า ที่เธอให้กับเขา 

     ห้ามให้คิดนั้นลำบาก หากยังใกล้ชิดกัน
     แต่เธอรู้ไหมว่าใจของฉัน สับสนมากเหลือเกิน ’

   เขานิ่งเงียบ ผมไม่รู้ว่าเขารู้จะรู้สึกยังไง แต่ผมแค่อยากเป็นคนที่ได้อยู่ข้างเขา ผมอยากดูแลเขา ผมจะมีโอกาสนั้นไหม…

   ‘ แล้วฉันนั้นสำคัญแค่ไหน คิดฝันไปได้ไกล เท่าไร
     มีโอกาสได้ยืน ในหัวใจเธอบ้างไหม
    ถอนตัวและถอนใจไม่ทัน แม้เธอจะมองกันเช่นไร
    หากเธอไม่ได้รักเลย แค่ขอข้างข้างหัวใจ
     ให้ฉันได้ยืนต่อไป เพื่อรักเธอ ... ’

( เพลง ข้างๆหัวใจ – กัน The Star 6 )

   “ เชน.. ” ตะวันเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างกับผม ผมเลยชิงดึงเขาเข้ามากอดก่อน

   ขอร้องละ..อย่าพึ่งปฏิเสธเชนเลยนะ

   “ ตะวันอย่าพึ่งปฏิเสธเชนนะ ขอให้เชนพูดให้จบก่อน ” ผมรีบพูดขึ้นมาก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา “ เชนไม่อยากเห็นตะวันต้องเสียใจอีกแล้ว ”
   “ …. ”
   “ เชนไม่อยากเห็นตะวันร้องไห้ เวลาเห็นตะวันทำหน้าเศร้า รู้ไหมเชนเองก็เจ็บ เชนพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ตะวันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ไม่ใช่เพราะเชนแค่แกล้งหยอด แต่เพราะเชนชอบตะวันมากจริงๆ ” ผมเองยิ่งพูดก็เริ่มอยากร้องไห้แล้วเหมือนกันตอนนี้ รู้สึกว่าน้ำตามันคลอๆที่เบ้าตาแล้ว
   “ เป็นเชนไม่ได้หรอที่ตะวันจะรู้สึก ไหนๆเมฆเขาก็มีปูเป้อยู่แล้ว เป็นเชนได้ไหม ที่ได้ดูแลตะวัน ได้ทำให้ตะวันยิ้ม เชนละมีสิทธิ์บ้างไหมที่จะรักตะวัน ”
   “ เชน..เราขอบคุณนะที่เชนทำดีกับเรามาตลอด แต่เราไม่อยากรู้สึกผิด ”
   “ รู้สึกผิดอะไรอะตะวัน ! ทำไมต้องรู้สึกผิด ” เขาพูดเรื่องอะไรกัน
   “ เรา…. ” เขาเงียบไปก่อนจะพูดขึ้นมา “ เราไม่อยากรู้สึกผิดกับใบหม่อน ”
   “ หมายความว่ายังไงตะวัน ? ” นี่หม่อนเข้าเกี่ยวอะไรด้วย 
   “ ก็ใบหม่อนมาบอกกับเราว่าชอบเชน แล้วเราก็สัญญาว่าจะช่วย.. ” อ๋อ เพราะอย่างนี้สินะวันนั้นเขาถึงชวนหม่อนมา “ เราไม่อยากผิดคำพูดกับหม่อน ”
   “ แล้วถ้าความรู้สึกตะวันเองละ ตะวันเคยรู้สึกดีกับเชนบ้างไหม เอาแค่ตัวตะวัน อย่าเอาเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยว ” ผมจ้องตาเขา ถ้าเขาบอกเขาไม่รู้สึก ผมก็จะยอมแพ้แล้วครับ
   “ เราก็รู้สึกดีนะ แต่เราไม่อยากผิดคำพูดกับใคร เพราะงั้น เร.. ” ทันทีที่ได้ยินว่าร้สึกดีผมก็จูบเขาก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค
   แม้ตอนแรกตะวันพยายามจะผลักผมออก แต่ผมก็ไม่ปล่อยง่ายๆ ผมกดปากผมให้แน่นมากขึ้น จนเขาเลิกที่จะปฏิเสธผม
   เมื่อเห็นว่าเขาไม่ปฏิเสธแล้ว ผมจึงลดความรุนแรงจากที่กดปากไว้ตอนแรกเป็นแผ่วเบา เราค้างอย่างนั้นอยู่นาน ก่อนตะวันจะดันตัวผมออกเบาๆ
   “ แบบนี้แสดงว่าตะวันตอบรับเชนแล้วใช่ไหม : ) ” ผมจ้องหน้าเขา ซึ่งเขากลับหลบหน้าผม แม้จะมืดแต่ก็เห็นชัดว่าหน้าเขาแดงแค่ไหน
   “ ตอบรับอะไร เรายังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย ” แม้ผมพยายามชะโงกหน้าไปมองหน้าเขา แต่เขาก็หันหลบตลอด น่ารักจริงๆ >///<
   “ เป็นแฟนกับเชนไหม ? ” เมื่อเห็นว่าเริ่มมีความหวังผมเลยถามเขาตรงๆ
   “ ก็บอกแล้วไงว่า... ”
   “ ถ้าเรื่องหม่อน เชนบอกเลยเราเป็นแค่เพื่อนกัน ” เมื่อเห็นเขาจะพูดเรื่องอื่นขึ้นมา ผมก็ชิงตัดบทก่อน “ เชนรู้สึกกับตะวันแค่คนเดียว ต่อให้ใครพยายามจะจับคู่ให้หรือเสนอตัวให้ เชนก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ ”
   ตะวันหันมามองหน้าผม
   “ ตะวันไม่ต้องกังวลนะ เราปฏิเสธหม่อนไปแล้ว หม่อนเองก็โอเค อย่าเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวสิ นี่มันเรื่องของเราสองคนนะ ถ้าตะวันไม่เชื่อ เชนจะโทรหาหม่อนเดี๋ยวนี้ ” แล้วผมก็กดโทรหาหม่อนและเปิดลำโพง แต่ตะวันก็พยายามจะกดวาง แต่ผมไม่ยอมหรอกตะวันจะได้รู้ไปเลย
   “ ฮัลโหล! เชน มีอะไรหรือเปล่า โทรมาซะดึกเลย ” หม่อนรับสายผมอย่างเร็ว ก่อนจะถามออกมารัว
   “ หม่อนเรามีอะไรจะถาม ”
   “ อื้อ ว่าไงถามมาเลย แต่แปลกจังเป็นครั้งแรกเลยนะที่เชนโทรหาเรา เชนอยู่ไห.. ”
   “ ถ้าเราคบกับตะวัน หม่อนโอเคไหม ” ผมรีบพูดก่อนที่เขาจะพล่ามอะไรไปมากกว่านี้
   “ ….. ”
   “ ว่าไง โอเคหรือเปล่า ”
   “ อื้ม…โอเคสิ ทำไมเราจะไม่โอเคละ ”
   “ งั้นอวยพรให้เราหน่อยสิ ”
   “ ขอให้มีความสุขมากๆละกันนะ ทั้งเชนแล้วก็ตะวัน ”
   “ ขอบคุณนะหม่อน ^^ ”
   “ เชนโทรมาแค่นี้หรอ ”
   “ ใช่ ก็ตะวันไม่เชื่อว่าเรากับหม่อนเป็นแค่ ‘เพื่อนกัน’ เราคุยกันแล้วนี่เนอะ ” ผมพยายามเน้นคำว่าเพื่อนกับหม่อน แม้จะได้ฟังคำตอบแล้วแต่ตะวันก็ยังทำหน้ากังวล
   “ ใช่…แค่เพื่อน ” หม่อนตอบเสียงเบา “ นี่ตะวันฟังอยู่ด้วยหรือเปล่า ”
   “ เอ่อ….หม่อน เรา.. ” ตะวันดึงโทรศัพท์ไปจากมือผมเมื่อหม่อนเรียกชื่อ
   “ ตะวันโชคดีแล้วนะ ที่จะมีเชนคอยดูแล เรายินดีด้วยนะ ”
   “ เราขอโทษนะหม่อน จริงๆแล้วเรา.. ”
   “ ไม่ต้องขอโทษหรอก เราเข้าใจดี งั้นเราไปทำงานก่อนนะ บ๊ายบายตะวัน ”
   แล้วหม่อนก็วางสายไป
   “ ทีนี้เชื่อยังครับ ไหนละคำตอบของตะวัน : ) ”
   “ เอ่อ… เฮ้อ ! ” ตะวันอึกอักไม่ยอมตอบ
   “ ว่าไงครับ ไม่อย่างนั้นเชนจะปล้ำตะวันแล้วนะ จะได้ข้ามขั้นไปเป็นผัวเมียกันเลย ” ผมทำท่าจะเข้าไปปล้ำเขา จนเขารีบร้องออกมา
   “ อ๊ากกกก! ตอบแล้วๆ ”
   “ คำตอบคือ… ” โอ๊ยผมลุ้นแล้วนะเนี่ย
   “ เป็นก็เป็น -////- ”
   “ เย้!!! ทีนี้ก็เป็นแฟนกันแล้วนะ ตะวันน่ารักที่สุดเลย! ” ผมดีใจมากจนโผเข้าไปกอดเขา “ ขอจูบอีกทีได้ปะ :' ) ”
   “ พอเลย ไม่เอาแล้ว อุ๊บ! ” แม้ตะวันจะบอกว่าไม่ แต่ผมไม่ฟังหรอกครับ ก็ปากเขาหวานจะตาย ขอชิมอีกสักทีจะเป็นอะไรไป ไหนๆก็ห้ามใจตัวเองมาหลายปีละ
   ผมบดปากผมไปที่ปากตะวัน แม้ตะวันจะเม้มปากแน่นแต่ผมก็พยายามดันลิ้นสอดเข้าไปจนได้ เราจูบกันจนผมเริ่มมีอารมณ์ อยากจะให้เขาเป็นของผมทั้งกายเดี๋ยวนี้เลย ผมเริ่มจูบลงมาเรื่อยๆจนถึงคอของตะวัน กะจะแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ก็โดนตะวันดึงหัวไว้ก่อน
   “ โอ๊ยๆๆๆ ! เจ็บนะตะวัน TT ”   
   “ หึ! ถ้ารู้ว่าหื่นแบบนี้ไม่ตอบตกลงด้วยหรอก ”
   “ ก็เชนดีใจนี่นา งั้นเราไปกันไหม? ”
   “ ไปไหน =_= ? ” ตะวันทำหน้างงใส่ผม
   “ ไปโรงแรมไงครับ ปะ! ” แล้วผมก็แกล้งดึงตะวันให้ลุกตามผมไป
   “ ไม่อ๊าววววว ! กลับหอได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องเรียนอีก ”
   ชิ! ยังจะมาห่วงเรียนอีก แต่ไม่เป็นไรผมอยากให้ภรรยาผมมีอนาคตที่ดี อิอิ
   “ โอเคกลับก็กลับ ขอบคุณนะครับตะวัน ” ผมดึงเขาเข้ามากอดอีกครั้ง
   “ อื้อ…. ”
   “ เชนจะไม่มีวันทำให้ตะวันเสียใจนะ เชนสัญญา ”
   ตะวันกอดผมกลับก่อนก่อนจะเอาหน้ามาซบที่อกผม “ ทำให้ได้จริงๆละกัน แล้วจะคอยดู ”
   “ ด้วยเกียรติของคนๆนึงเลยครับที่รัก ” ผมหอมแก้มเขาอีกครั้ง ก่อนจะจูงมือเขาขึ้นรถ
   
   สุดท้ายแล้วความพยายามตลอดหลายปีของผมก็ประสบความสำเร็จสักที ผมไม่เสียใจเลยที่ปฏิเสธทุกคนที่เข้ามาเพื่อรอเขาคนเดียว ผมไม่เหนื่อยเลยสักครั้งกับการรอเขา แม้บางครั้งจะท้อบ้าง เกือบตัดใจบ้าง แต่วันนี้ผมก็ได้เขามาแล้ว การรอคอยมันทำให้ผมรู้ว่า สิ่งที่เรารอ เมื่อเราได้มันมา มันคุ้มค่าแค่ไหน ผมไม่รู้ว่าที่ตะวันตอบรับผมเพราะกำลังเสียใจอยู่หรือเปล่า แต่ผมก็จะเสมอต้นเสมอปลายกับเขาแบบนี้ต่อไป วันข้างหน้าเราสองคนจะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้และต่อจากนี้ ผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะทำได้

   การที่รอใครสักคนช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดคือการรออย่างไม่รู้จุดหมาย แต่เชื่อผมเหอะ ว่าอย่าพึ่งหมดหวัง ลองพยายามให้ถึงที่สุดก่อน ถ้าเราพยายามจนถึงที่สุดแล้ว ต่อให้ไม่สมหวัง แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

   “ เห้อหลับซะละ ”  พอขึ้นรถมาได้สักพัก คนเก่งของผมก็ชิ่งหลับซะงั้น

   “ ฝันดีนะครับคนดีของผม ”
   
   ขอบคุณนะทะเล แกทำให้ฉันมีความสุขที่สุดเลย : )


- Baimhon time -

   หลังจากวันนั้นที่ผมโดนเชนไล่ลงจากรถเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย แม้เวลาเจอหน้ากัน เชนก็ทำเหมือนผมเป็นธาตุอากาศ ผมทนอยู่กับความอึดอัดทุกวัน ต้องแอบมาร้องไห้คนเดียวตลอด
   แล้ววันนี้ในขณะที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่ ก็มีสายเรียกเข้าจากคนที่ไม่คิดว่าจะโทรมา เชนนั่นเอง
   “ ฮัลโหล! เชน มีอะไรหรือเปล่า โทรมาซะดึกเลย ” ผมรับสายแล้วรีบถามเขา ผมดีใจจริงๆที่เขาโทรมา
   “ หม่อนเรามีอะไรจะถาม ”
   “ อื้อ ว่าไงถามมาเลย แต่แปลกจังเป็นครั้งแรกเลยนะที่เชนโทรหาเรา เชนอยู่ไห.. ”
   “ ถ้าเราคบกับตะวัน หม่อนโอเคไหม ”
   “ ….. ” อะไรนะ เชนจะคบกับตะวัน ได้ยังไงกัน ผมงงไปหมดแล้วตอนนี้
   “ ว่าไง โอเคหรือเปล่า ” ปลายสายถามผมเสียงเย็น เป็นเสียงที่เขาใช้ขู่ผมประจำ
   “ อื้ม…โอเคสิ ทำไมเราจะไม่โอเคละ ”
   “ งั้นอวยพรให้เราหน่อยสิ ”

   ตอนนี้น้ำตาผมไหลออกมาไม่รู้ตัว แต่ผมก็พยายามไม่ให้เขาได้ยินเสียงสะอื้นของผม

   “ ขอให้มีความสุขมากๆละกันนะ ทั้งเชนแล้วก็ตะวัน ”
   “ ขอบคุณนะหม่อน ^^ ”
   “ เชนโทรมาแค่นี้หรอ ”
   “ ใช่ ก็ตะวันไม่เชื่อว่าเรากับหม่อนเป็นแค่ ‘เพื่อนกัน’ เราคุยกันแล้วนี่เนอะ ” เขาดูเน้นคำว่าเพื่อนเป็นพิเศษ นั่นทำให้ผมเจ็บยิ่งกว่าเดิม
   “ ใช่…แค่เพื่อน  นี่ตะวันฟังอยู่ด้วยหรือเปล่า ”
   “ เอ่อ….หม่อน เรา.. ” ตะวันรีบตอบเมื่อได้ยินผมถามถึงเขา
   “ ตะวันโชคดีแล้วนะ ที่จะมีเชนคอยดูแล เรายินดีด้วยนะ ”
   “ เราขอโทษนะหม่อน จริงๆแล้วเรา.. ”

   ขอโทษหรอ..มาแย่งคนที่เราชอบไป เราควรเชื่อคำขอโทษของตะวันไหม?
   “ ไม่ต้องขอโทษหรอก เราเข้าใจดี งั้นเราไปทำงานก่อนนะ บ๊ายบายตะวัน ”  ผมพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด ก่อนจะรีบตัดสาย เพราะผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวแล้ว
   
   ผมนั่งร้องไห้อยู่นาน ร้องจนจะไม่มีน้ำตาไหลออกมา ทำไมตะวันทำกับผมแบบนี้ ไหนตอนแรกบอกจะช่วยผมไง แล้วทำไมถึงได้ไปคบกับเชนแทนได้ แล้วตอนแรกบอกว่าไม่ได้คิดอะไร เป็นแค่เพื่อนกัน ตอนนี้หัวใจผมแทบสลาย มันแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดีเลย ทั้งถูกคนที่ชอบมากๆหักอก และถูกทรยศจากเพื่อนที่คิดว่าจะไว้ใจได้ คนที่คิดว่าจะเป็นเพื่อนดีต่อกัน
   ผมเชื่อแล้วครับว่าสังคมมหาลัยมันหาคนที่จริงใจต่อกันยาก ต่อไปนี้ผมคงเชื่อใครไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
   ผมพอแล้ว ผมจะไม่พยายามอีกแล้ว จากความรู้สึกดีๆที่ผมเคยมีให้ทั้งคู่ ตอนนี้ผมกลับรู้สึกเกลียดพวกเขาแทน ผมจึงตัดสินใจโทรไปหาใครบางคน
   “ ฮัลโหล ว่ายังไง ” ปลายสายทักถามเมื่อผมโทรไป
   “ เรื่องที่เธอเสนอฉันมาเมื่อตอนนั้น ฉันตกลงร่วมมือกับเธอด้วย ”
   “ หึ สุดท้ายนายก็ยอมแล้วสินะ นึกว่าจะเป็นคนดีกว่านี้ซะอีก ”
   “ ไม่ต้องพูดมากหรอก จะให้ช่วยเมื่อไหร่ก็โทรมาละกัน แค่นี้นะ ”

   ผมไม่ยอมเจ็บฝ่ายเดียวหรอก แล้วผมจะทำให้ทั้งเชนและตะวันเจ็บกว่าผมให้ได้ โดยเฉพาะตะวัน…..



คำคมท้ายบท : ความรักคือการเดินทางไกล กว่าจะถึงหัวใจ มันต้องใช้เวลา

 -TBC -

ผมอยากจะบอกว่าทุกตัวละครในเรื่องนี้มีปมเรื่องราวของตัวเองและมีเหตุและผลในตัวเองกันหมด ยังไงก็มาค่อยๆคลายปมของแต่ละคนไปเรื่อยๆนะครับ อย่าพึ่งรีบตัดสินทุกตัวละคร ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ยังไงก็ฝากเรื่อง my sweet roommate ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะกั๊บ ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะครับ ทุกความเห็นเป็นกำลังให้ผมได้จริงๆ ผมดีใจทุกครั้งที่เห็นคนเข้ามาแสดงความเห็น แล้วเจอกันใหม่ตอนต่อไปนะครับ ชุ้บๆ <3



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ violetvista

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอตอนต่อไปน้าา อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่ยังแอบเชียร์เมฆอยู่นะ

ส่วนหม่อนไปร่วมมือกับปูเป้แน่ๆเลย ไม่น้าาาา  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Wicvodca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดด  เค้าคบกันแล้ว ดีใจ :ling1: :ling1:

ทีมเชนตะวัน

ส่วนใบหม่อนอย่าโกรธเลยนะ แค่ปูเป้คนเดียวก็มากพอแล้วใบหม่อนอย่าร่วมด้วยเลย  :serius2:

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 12
ความจริง

   “ เดี๋ยวเชนไปหาตอนกินข้าวนะ ”
   “ อ้าว! เชนเลิกเรียนหลังเราไม่ใช่หรอ แล้วจะมาหาเราได้ไง ”
   “ เชนว่าจะโดดคาบแรกละ คงเรียนไม่ไหว เชนง่วง ” เชนพูดไปหาวไป
   เรากลับมาถึงมหาลัยกันตอนช่วงเช้า หลังจากที่ไปทะเลกันมาเมื่อคืน และผมก็ไม่คิดว่าการไปทะเลครั้งนี้จะลงเอยด้วยการคบกับเชน จริงๆที่ผมตอบตกลงเขา ก็เพราะว่าเขาดูแลผมดีมาตลอด แล้วทุกอย่างมันก็ไม่ทันตั้งตัว มารู้ตัวเองอีกทีผมก็แอบมีใจให้เขาไปแล้ว
   นี่ดีนะที่หม่อนเข้าใจ ตอนแรกผมเครียดมากเลยก่อนตกลงกับเชน ไม่คิดว่าหม่อนกับเชนจะคุยกันมาก่อนแล้วเรื่องสถานะของเขา ผมค่อยโล่งใจหน่อย

   “ นิสัยไม่ดี โดดเรียน ” ผมแกล้งว่าเขา จริงๆก็เข้าใจเขาแหละครับ เพราะตอนขากลับ ผมเผลอหลับไป ส่วนเขาต้องขับรถเลยไม่ได้นอนทั้งคืน
   “ นิสัยไม่ดีแล้วรักปะ ” เชนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมจนปากเกือบชนกัน
   “ นี่พอเลย! ยังไม่ได้แปรงฟัน ”
   “ เชนไม่รังเกียจสักหน่อย ขอจุ๊บหน่อย ”
   “ ไม่ ! ”
   แต่เหมือนคำปฏิเสธจะไร้ค่าเพราะเขาก็จุ๊บอยู่ดี แต่ดีที่ผมหันหน้าหลบทันมันเลยเป็นแค่จุ๊บแก้มแทน
   “ ขนาดไม่อาบน้ำยังหอมเลยนะเนี่ย : ) ” หมอนี่ได้คืบจะเอาซอก จุ๊บแก้มไม่พอยังจะมาไซร้ซอกคอผมอีก สยิวชิบ !
   “ เชน เดี๋ยวเราไปเรียนไม่ทัน ไม่เล่นแล้ว ! ”
   “ เชอะ ! ก็ได้ครับ งั้นขึ้นหอกัน ” เขาส่งเสียงออกมาอย่างเสียดาย
   
   นี่ถ้าไม่ห้ามผมคงเสียตัวบนรถแน่ๆ !

   หลังจากที่ขึ้นหอ เชนอ้อยอิ่งอยู่นานกว่าจะยอมกลับห้องตัวเอง ยื้อผมอยู่ในลิฟท์อยู่นั่นว่าให้ไปอาบน้ำห้องเขา แต่ผมยืนยันว่าจะอาบที่ห้องตัวเอง ส่วนตัวผมเอง ก็ทำใจอยู่นานกว่าจะเปิดประตูห้องเข้าไป คิดไว้ว่าเอาวะเป็นไงเป็นกัน จะเจอเมฆก็ปล่อยให้เจอไป ผมจะตัดใจจากเขาแล้ว ชอบไปก็เจ็บเปล่าๆ
   พอเปิดประตูเข้ามา ก็พบว่าเมฆไม่ได้อยู่ในห้อง และเหมือนว่าจะไม่ได้กลับห้องด้วย เพราะห้องอยู่ในสภาพเดิม สงสัยคงนอนกับปูเป้ทั้งคืน หึ !

   กว่าผมจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เลยเวลาเข้าเรียนแล้ว แถมอาจารย์วิชานี้ก็ดันดุอีก ผมเลยต้องแอบคลานเข้าทางหลังห้องแทน
   “ ทำไมมาสายยะ ลำไยอะไรอยู่ นี่ฉันโทรไปก็ปิดเครื่อง ” พอมาถึงพัดชาก็บ่นยกใหญ่
   “ แบตหมดอะ แล้วนี่จิ้ปไปไหน ” ผมไม่เห็นจิ้ปอยู่ด้วย
   “ ก็วันนี้เขาจะคัดคนที่จะเป็นตัวแทนดาวเดือนคณะเราไง นังจิ้ปมันเลยต้องไปเตรียมตัว ”
   “ อ้าววันนี้แล้วหรอ ! สาธุขอให้ได้ทีเถอะ ”
   “ แล้วนี่ทำไม่ชาร์จแบต ไปแรดไหนมา ”
   “ เอ่อ…เดี๋ยวฉันค่อยเล่าพร้อมกันทีเดียวละกัน รอจิ้ปมาก่อน ”
   “ พูดอย่างนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรใช่ไหม ! กรี๊ด!! เรื่องอะไร ดีหรือไม่ดี ! ” พัดชาเผลอกรี๊ดออกมา จนโดนอาจารย์ดุ พวกเราเลยต้องสงบเสงี่ยมตั้งใจเรียนโดยที่ไม่ได้คุยกันต่อ พัดชาได้แต่ส่งสายตาอยากรู้ทั้งคาบ

   “ โอ๊ย! เหนื่อย ร้อนๆๆๆๆ เครียด! TT ” จิ้ปมาถึงก็บ่นเลย บ่นเก่งเหมือนพัดชาไม่มีผิด
   “ แหมๆๆ บ่นเครียดแบบนี้ ไหนลองบอกให้ฉันชื่นใจสิว่าผลเป็นไง ”
   “ ก็โดนเป็นตัวแทนไง! ทั้งฉันและโอ๊ตได้ทั้งคู่ ” จิ้ปดูไม่ดีใจเลยกับตำแหน่งนี้ แต่คนที่ดีใจกลับเป็นพัดชาแทน
   “ กรี๊ดดดดดดดด ! ฉันภูมิใจในตัวแกจริงๆเลยจิ้ป ”
   เราคุยถึงการคัดกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะไปสั่งข้าวกิน เพราะแต่ละคนเม้าท์เพลินจนท้องร้องแล้ว

   “ ไหน เล่ามาเลยนะตะวัน ตอนนี้ก็อยู่ครบแล้ว สรุปมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ” พัดชาทวงสัญญาที่ผมให้ไว้ในห้องเรียน
   “ เล่าอะไรหรอ เกิดอะไรขึ้นตะวัน ใครทำอะไรตะวันอีกหรือเปล่า! ” จิ้ปดูตกใจและคิดไปต่างๆนาๆแล้วตอนนี้ “ อย่าบอกนะว่าปูเป้อีกแล้ว ! ”
   “ ไม่ใช่ๆ จริงๆมันก็เกี่ยวด้วยแหละ แต่ที่ฉันจะบอกคือ…เอ่อ -///- ” พอผมจะพูดก็รู้สึกเขินขึ้นมาซะงั้น
   “ สวัสดีครับสาวๆ ! กินอะไรกันเอ่ย ” ขณะที่ผมกำลังอ้ำๆอึ้งๆอยู่เชนก็โผล่มาพอดี “ หิวจัง ตะวันป้อนลูกชิ้นเชนหน่อยสิ อ้ามมมม ”
        “ อะ กินซะ ”  ผมคีบลูกชิ้นใส่ปากเขา ยิ่งมีน้อยๆอยู่มาแย่งทำไมเนี่ย TT
        “ แปลกจัง ทำไมลูกชิ้นหวานจังนะ เหมือนปากตะวันเมื่อคืนเลย ”
        “ เดี๋ยวๆๆ เมื่อกี้ว่ายังไงนะ =_= ” พัดชาที่ดูงงกับการกระทำของผมสองคนถามขึ้นมาอย่างสงสัย ส่วนจิ้ปตอนนี้เหมือนจะงงหนักกว่าพัดชา
        “ อ้าว ตะวันยังไม่ได้บอกเพื่อนๆอีกหรอว่าเราเป็นแฟนกันอะ ” เชนส่งยิ้มเล็กๆให้กับผม
   “ อะไรนะ! แฟนหรอ ! ” ทั้งสองคนอุทานเสียงดังพร้อมกันอย่างตกใจ จนคนแถวนั้นมองมาที่พวกผมกันหมด
   “ ชู่ว! เบาๆสิพวกแก เอ่อ….ก็เรื่องนี้แหละที่ฉันจะบอก ” ผมพูดเสียงเบาอย่างอายๆ
   “ โอ๊ย ตุ๊ดจะเป็นลม ยังไง ! เมื่อไหร่ ! ”
   “ ตะวันจะเล่าหรือให้เชนเล่าดี : ) ”
   “ เดี๋ยวเราเล่าเอง เชนไปซื้อข้าวเถอะ ” ผมรีบไล่เขา ขืนให้เขาเล่าคงลงดีเทลหมดแน่ๆ
   พอเชนไปผมเลยเล่าเรื่องทั้งหมดแบบคร่าวๆ ตั้งแต่ไปไปเจอเมฆที่โรงแรมจนถึงตอนที่คบเป็นแฟน
   “ โอ๊ยๆ ตายอย่างสงบ ศพสีชมพู ” พัดชาพอฟังจบก็ทำหน้าเคลิ้มฝันเหมือนเป็นเรื่องของตัวเอง
   “ อิจฉาอะตะวัน ทำไมฉันไม่มีใครมาจีบมั่งนะ ” จิ้ปเองก็ไม่ได้ต่างจากพัดชาเลย ทำหน้าเคลิ้มเชียว
   “ มาแล้วๆ เล่าจบยังตะวัน ให้เชนช่วยเล่าไหม ”
   “ จบแล้ว ”
   “ แล้วได้เล่าฉากเร่าร้อนบนชายหาดของเราหรือเปล่า ที่เรา อุ๊บ! ” ผมรีบเอามือไปปิดปากเขา
   ส่วนพัดชากับจิ้ปตอนนี้ตาโตยิ่งกว่าเดิม พร้อมจ้องเหมือนเป็นการบอกว่า ‘ แกต้องเล่าให้หมดเปลือก ’ ผมเลยได้แต่หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะชวนทุกคนให้กินข้าว

   “ แล้วนี่เชนจะไปเรียนเลยหรือเปล่า ? ” พอกินข้าวเสร็จ เมื่อเห็นว่าจะเริ่มคาบบ่ายแล้ว ผมเลยถามเขา
   “ ครับ ก็เดี๋ยวเชนขึ้นเรียนเลย ตะวันละ จะไปเรียนเลยหรือเปล่า ”
   “ ก็คงขึ้นเรียนเลย ตั้งใจเรียนนะ ”
   “ ครับผม ! ขอกำลังใจในการเรียนหน่อยสิ ” เชนทำหน้าเจ้าเล่ห์ นี่จะเอาอะไรจากผมอีก
   “ จะเอาอะไร ? ”
   เชนทำแก้มป่องแล้วจิ้มแก้มตัวเองเป็นคำตอบ
   “ บ้า ไม่เอา ! ”
   “ ฮ่าๆๆ เชนล้อเล่น ” เขาเอามือมาขยี้หัวผม “ เดี๋ยวเลิกซ้อมลีดแล้วเชนมารับนะไปกินข้าวกัน  พัดชากับจิ้ปด้วยนะ เชนเลี้ยงเอง : ) ”
   “ ตกลงจ้า ! เดี๋ยวเราจะล้างท้องรอเลย ”
   แล้วพวกเราก็แยกกันไปคนละตึก แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินขึ้นตึกก็ถูกใครบางคนกระชากแขนอย่างแรง
   “ ไปไหนมา ทำไมเมื่อคืนไม่กลับห้อง ! ” เมฆนั่นเองที่เป็นคนกระชากผม
   “ โอ๊ย เจ็บ! ” ผมร้องออกมา เพราะเขาบีบแขนผมแรงมาก
   “ นี่นาย! ปล่อยเพื่อนเราเดี๋ยวนี้เลยนะ ” พัดชากับจิ้ปพยายามเข้ามาช่วยผมโดยการดึงผมมา แต่ก็สู้แรงเมฆไม่ได้
   “ ปล่อยแน่ แต่เราขอคุยกับเพื่อนพวกเธอก่อนได้ไหม? ” เมฆยังคงจับแขนผมไว้แน่นเหมือนกลัวผมจะหนี “ มาคุยกันหน่อยตะวัน ”
   พัดชาจึงมองผมเป็นเชิงถามว่าเอายังไง ผมจึงบอกว่าขอไปคุยกับเมฆก่อน แล้วเมฆก็เลยลากผมออกมาไม่ไกลจากจุดเดิม
   “ นี่จะปล่อยกูได้ยัง กูเจ็บ ” ผมว่าเขา ก่อนที่เขาจะยอมปล่อยแขนผม
   “ เมื่อคืนมึงไปไหนมา กูตามหามึงทุกที่ โทรไปก็ไม่ติด ! ” เมฆตอนนี้ดูร้อนใจมาก สภาพเขาเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน ชุดยังเป็นชุดเดิมของเมื่อวานอยู่เลย
   “ กูจะไปไหนมันก็เรื่องของกูไหม ? มึงจะอยากรู้ไปทำไม ”
   “ ก็กูเป็นห่วง ! ” เขาตระโกนใส่ผมเสียงดัง
   “ เหอะ ! ห่วงหรอ มึงเอาเวลาไปห่วงแฟนมึงดีกว่านะ กูมันแค่คนร่วมห้องกับมึง จะมาห่วงกูทำไมกูโตแล้ว ” ผมจ้องตาเขากลับด้วยสายตาเย็นชาที่สุด ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรกับเขาแล้ว “ จะมาถามแค่นี้ใช่ไหม? กูจะได้ขึ้นไปเรียน ”
   พอผมหันหลังจะเดินกลับไปที่ตึกเมฆก็จับข้อมือผมไว้ แต่ครั้งนี้ไม่แรงเหมือนตอนแรก
   “ เดี๋ยวก่อนสิตะวัน ฟังเมฆก่อน..” ตอนนี้เสียงเมฆอ่อนลงแล้ว
   “ …… ” ผมยอมหยุดแต่ก็ไม่ได้หันไปมองเขา
   “ มันไม่ใช่อย่างที่ตะวันคิดนะ ”
   “ ถ้าไม่ใช่อย่างที่กูคิดแล้วมันคืออะไร กูบอกเลยนะ กูแค่ไม่โอเคที่มึงทิ้งกู โกหกกูว่ามีธุระแล้วหนีไปหาแฟน ถ้าจะไปก็บอกมาตรงๆแค่นั้นเองไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่ ” ผมหันกลับไปพูดกับเขา แต่กลับเห็นเขายืนทำหน้าเศร้าแทน
   ทำไมเขาต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย
   “ เมฆไม่ได้อยากไปสักหน่อย เป้เขาโทรมาบอกว่ามีเรื่องด่วน เมฆเลยต้องไป ”
   “ ก็เห็นอยู่ว่ากอดกันแน่นซะขนาดนั้น นี่เรื่องด่วนมึงใช่ไหม? เลิกอ้างเหอะวะ ยังไงเขาก็สำคัญสำหรับมึงอยู่แล้วนิ เพื่อนร่วมห้องอย่างกูมันไม่มีความสำคัญเท่าเขาหรอก ”
   “ ทำไมจะไม่สำคัญละ! ตะวันเป็นเพื่อนคนสำคัญของเมฆมาตลอด ทั้งตอนพวกเรายังเด็ก แล้วก็ตอนนี้ด้วย ”
   “ ที่พูดหมายความว่ายังไง O_O ” อย่าบอกนะว่า…
   “ ก็หมายความอย่างที่พูดแหละ ” เขาสูดลมหายใจก่อนจะพูดต่อ “ ตะวันคือเพื่อนคนสำคัญของเรา จำเราได้ใช่ไหม ว่าไงละเด็กชาย ทิวากร กุลธนาสกุล ห้อง ป.6/1 ”
   ผมอึ้งเมื่ออยู่ดีๆเรื่องที่ผมอยากรู้มาตลอดเขากลับเป็นคนพูดขึ้นมาเอง “ นี่คือเมฆคนนั้นจริงๆหรอ ! ”
   “ อื้ม……..เราเอง ”
   ตอนนี้ผมยังคงอึ้งและกลับลืมไปแล้วว่าตอนแรกผมโกรธเขา
   “ แล้วทำไมต้องปิดบังกันด้วย เราตามหาเมฆตั้งนานรู้ไหม ! ” พอรู้ความจริงเข้า น้ำตาผมมันก็ระเรื่อออกมา เมฆเห็นอย่างนั้นเลยเข้ามากอดผม
   “เมฆมีเหตุจำเป็นที่ทำให้บอกไม่ได้ อย่าร้องไห้สิ ” เมฆเอามือมาปาดน้ำตาให้ผม “ แล้วบอกได้ยังเมื่อคืนหายไปไหนมา ไปกับใคร?  ”
   “ ตะวันไปกับเรามาเองแหละ มีอะไรหรือเปล่า ” เสียงเชนดังขึ้นมาจากทางข้างหลังผม
   “ เชน! มาได้ไงเนี่ย เมื่อกี้ไปเรียนแล้วไม่ใช่หรอ ” ผมตกใจที่เห็นเชนอยู่ตรงนี้
   “ ก็พัดชาโทรไปบอกเชนว่าตะวันโดนนายเมฆลากตัวไป เชนก็เลยรีบมา ” เมื่อผมมองไปก็เห็นพัดชากับจิ้ปยืนทำหน้ากังวลอยู่ข้างหลังเชน
   “ แล้วนี่จะปล่อยแฟนเราได้ยัง ” เชนเดินเข้ามาดึงผมให้ออกจากอ้อมกอดของเมฆ
   “ แฟน ? หมายความว่ายังไง ? ” เมฆมองหน้าผมสลับกับเชน
   “ ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ เราคบกับตะวันแล้ว เมื่อคืนนี้ ” เชนยักคิ้วใส่เมฆ ก่อนเอามือมาโอบแขนผม
   “ จริงหรอตะวัน ? ” เมฆจะเดินเข้ามาจับตัวผม แต่ถูกเชนผลักออกก่อน
   “ เห้ยอะไรวะ ! ” เมฆขึ้นเสียงใส่เชนแล้วผลักเชนกลับจนเซ ผมเลยเซไปด้วย
   “ มึงนั่นแหละอะไร อย่ามายุ่งกับแฟนกู ”  เชนเองก็ดูไม่ยอมเหมือนกัน
   “ ปากดีนักนะมึง ! ”
   แล้วเมฆก็กระชากคอเสื้อเชนอย่างแรง ก่อนทำท่าจะต่อย ผมเห็นแบบนั้นเลยรีบห้ามพวกเขาไว้ก่อน เกิดมีอาจารย์มาเห็นว่าทะเลาะกันเป็นเรื่องแน่ๆ
   “ นี่ ! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะทั้งคู่ ” ผมพยายามแทรกตัวไปกันทั้งคู่ไว้ ดีนะที่เมฆยั้งมือทันไม่งั้นคนที่โดนอาจจะเป็นผมแทน
   “ เมฆไปก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันที่ห้องก็ได้ ” ผมหันไปพูดกับเมฆ ก่อนจะให้ไปพูดกับเชน “ เชนเองก็พอได้แล้ว นะ เราขอ ”
   ทั้งสองยังคงจ้องตาอย่างไม่ยอมกัน ก่อนเมฆจะปล่อยมือออก
   “ อืม งั้นเมฆไปแล้ว รีบกลับมาเร็วๆละกัน มีเรื่องให้พูดเยอะเลย ” เมฆพูดกับผมก่อนจะเดินจากไป แต่ก็ไม่วายหันมามองเขม่นใส่เชน
   “ เป็นอะไรไหมตะวัน เจ็บตรงไหนหรือเปล่า นี่มันทำอะไรตะวันหรือเปล่าเนี่ย ” เชนจับผมหมุนดูเพื่อเช็คว่าผมเป็นอะไรไหม
   “ แค่คุยกันเฉยๆ ไม่มีอะไรสักหน่อย เชนกังวลมากไปแล้ว ”
   “ ก็เชนเป็นห่วงนี่ แล้วพอเห็นไอ้เมฆนั่นกอดตะวันอยู่ เชนก็ยิ่งโมโห หึงนะรู้ไหมเนี่ยย ” เขาทำหน้าเครียดใส่ผม เหงื่อเต็มหน้าเลย สงสัยจะวิ่งมา
   “ เมฆไม่ทำอะไรเราหรอก นั่นเพื่อนเรานะ ไม่มีอะไรแล้ว เชนไปเรียนเถอะ ”
   “ ถ้าอย่างนั้นให้เชนไปส่งที่ห้องนะ เชนจะได้สบายใจ ”
   “ อื้อ ก็ได้ ” ผมยอมเพราะต่อให้ปฏิเสธเชนก็คงจะไปส่งให้ได้อยู่ดี
   สุดท้ายเชนก็มาส่งผมถึงหน้าห้องเรียนแล้วก็แยกไปตึกตัวเอง 
   “ ไม่เป็นไรใช่ไหมแก พวกฉันขอโทษนะที่โทรตามเชนมา ” พัดชาขอโทษผมเมื่อเข้าห้องมาแล้ว
   “ อื้อไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณพวกแกนะที่เป็นห่วง ” จริงๆผมไม่ได้โกรธพวกเขาอยู่แล้ว เพราะรู้ว่าเพื่อนคงเป็นห่วง
   “ แล้วนี่นายเมฆเรียกตะวันไปคุยเรื่องอะไร ตอนแรกดูรุนแรงชะมัด ” จิ้ปเอื้อมมือมาบีบแขนผม เรียกได้ว่านวดเบาๆดีกว่า
   “ ก็แค่ถามว่าไปไหนมา เฮ้อ..สงสัยฉันมีเรื่องที่ได้กลับไปคุยกับเมฆยาวแน่ๆเลย ” นึกแล้วก็ยังคาใจไม่หาย เหตุผลอะไรที่เขาไม่ยอมบอกผมกันนะ กลับไปต้องถามให้รู้เรื่องให้ได้
   พอเลิกเรียนแล้วพวกผมก็ต้องไปซ้อมลีดกันต่อ พอคัดเสร็จผมรู้สึกว่าพี่ๆเขาจะโหดขึ้นเป็นพิเศษ เล่นเอาผมปวดเมื่อยไปทั้งตัว ตอนแรกเชนก็ว่าจะมารับตรงที่ผมซ้อมเลย แต่พอดีพวกเรามีธุระนิดหน่อยเลยนัดไปเจอกันที่หน้ามหาลัยแทน
   “ ตะวันๆ คนนั้นคุ้นๆนะ ใช่ใบหม่อนหรือเปล่า ” จิ้ปชี้ให้ผมดูคนๆนึงที่กำลังเดินอยู่
   “ หืม? ไหนๆ ใช่จริงๆด้วย หม่อน ! ” พอผมมองตามก็เห็นว่าเป็นใบหม่อนจริงๆ ผมเลยตะโกนเรียกเขา ซึ่งเขาก็หยุดเมื่อได้ยินเสียงเรียก ผมเลยเดินเข้าไปหาเขา
   “ เอ่อ..สวัสดีหม่อน ซ้อมลีดเหนื่อยไหม ? ” ผมถามเขาไม่เต็มเสียง เพราะกลัวว่าลึกๆแล้วเขาจะไม่โอเคกับเรื่องของผมกับเชน
   “ นิดหน่อย ตะวันล่ะ เหนื่อยหรือเปล่า : ) ” ใบหม่อนยังคงยิ้มให้ผมเหมือนเคย ซึ่งมันก็ทำให้ผมโล่งใจมากขึ้น
   “ โครตเหนื่อย ! คณะเรารุ่นพี่อย่างโหด ระบมไปทั้งตัวแล้ว นี่หม่อนจะไปไหนเนี่ย ”
   “ เราจะไปหาเพื่อน แล้วนี่ตะวันไม่ไปหาเชนหรอ ”
   “ อ๋อ เรากำลังจะไปเจอเชนพอดี ว่าจะไปกินข้าวกัน หม่อนไปด้วยกันไหม กินหลายๆคนสนุกดี เชนเลี้ยงนะมื้อนี้ สนไหมๆ ” ผมอยากให้หม่อนไปกับผมด้วย กินหลายๆคนสนุกดีออก
   “ ไม่เป็นไรดีกว่า เราไม่อยาก ” หม่อนปฏิเสธ “ นี่ตะวัน ช่วงนี้ไม่ต้องทักเราบ่อยๆก็ได้นะ ”
   “ ทำไมละหม่อน มีอะไรหรือเปล่า ”
   “ ไม่มีอะไรหรอก ก็เดี๋ยวเราก็ต้องแข่งกันอยู่ดีในงานสปอร์ตเดย์ สนิทกันมาเดี๋ยวความลับรั่วไหลเอานะ ฮ่าๆ ”
   “ ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย ก็เป็นเพื่อนกันนี่ ” ตรรกะอะไรของเขา ผมยังไม่คิดมากเลย
   “ เอาน่า เพื่อความสบายใจของเรา เราไปก่อนนะ เดี๋ยวเพื่อนเรารอ ”
   “ โอเค งั้นกลับดีๆนะ ”
   “ อ๊ะ ! ตะวันเชือกรองเท้าตะวันหลุดนี่ ”
   “ หืม ? จริงด้วย ขอบคุณนะหม่อน ” พอผมมองที่รองเท้าผมก็เห็นว่าเชือกมันหลุดอยู่จริงๆ เลยก้มไปผูกเชือกรองเท้า
   “ โอ๊ย ! ” จังหวะที่ผมก้มลงจะไปเข่าใบหม่อนก็กระแทกกับหัวผมพอดี
   “ อ้าว ! ขอโทษทีตะวันเราไม่เห็น ” เขาหันมาเมื่อได้ยินเสียงผมร้อง “ เจ็บมากไหม ? ”
   ผมมึนนิดหน่อย เพราะแรงกระเทกมันก็ไม่ได้น้อยเลย
   “ อูยย นิ.. ”
   “ คงไม่เจ็บมากหรอกเนอะ โดนแค่นี้คงแค่เล็กน้อย ” เขาบอกกับผม “ ระวังๆหน่อยนะตะวัน เราเป็นห่วง ไว้เจอกันนะ ”
   แล้วหม่อนก็เดินไปโดยไม่ได้หันกลับมาอีก ส่วนผม นั่งอยู่ที่พื้นพักนึงเพราะยังคงมึนๆอยู่ ก่อนจะลุกไหวแล้วเดินกลับไปหาพวกเพื่อนๆผม
   “ เป็นอะไรตะวัน ทำไมเดินเซๆ ” จิ้ปถามขึ้นมาเมื่อเห็นผมเดินแปลกๆ
   “ อุบัติเหตุนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก ”
   “ เอ้า! โดนไรมาแก ” พัดชาถามขึ้นบ้าง
   “ ก็ผูกเชือกรองเท้าแล้วหัวไปกระแทกกับเข่าหม่อนเข้าหนะสิ เจ็บชิบ ”
   “ แกนี่นะ ซุ่มซ่ามจริงๆ ”
   “ เออๆ ฉันไม่ระวังเองแหละ ไปกันเถอะ เดี๋ยวเชนรอนาน ”
   
   เมื่อกี้หม่อนตั้งใจหรือเปล่านะ คงไม่หรอกมั้ง.. 

   พอไปถึงหน้ามหาลัยเชนก็บ่นยกใหญ่ว่าปล่อยให้เขารอตั้งนาน แถมเขายังหิวมากๆด้วย ก็เลยรีบจะไปร้านข้าวกันก่อนที่หมอนี่จะบ่นมากกว่านี้
   พอถึงร้านแล้วเขาดันเห็นหัวผมโน ก็ซักผมยกใหญ่ว่าไปโดนอะไรมา ผมเลยบอกปัดๆไปว่าเดินชนกำแพง ตอนแรกพัดชาจะพูดว่าจริงๆแล้วผมโดนอะไร แต่ผมส่งสายตาห้ามเขาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นเชนต้องไปดุใบหม่อนแน่ๆ    ส่วนคนที่จะดูมีความสุขเป็นพิเศษคือพัดชากับจิ้ปเพราะเชนเลี้ยงทั้งข้าวเลี้ยงทั้งขนม เรียกได้ว่าถ้ามีการประเมิน เชนคงได้คะแนนเต็มจากเพื่อนผมแน่ๆ ทำคะแนนเก่งเหลือเกิน ไม่ใช่แค่เลี้ยงอย่างเดียว แต่ยังไปส่งทั้งจิ้ปทั้งพัดชาถึงที่หอ แฟนผมนี่หล่อ ใจดี สปอร์ต สุดๆ ฮรี่ๆ
   “ จะเข้าห้องแล้วหรอ ” เชนจับมือผมไว้ไม่ยอมให้ผมกลับห้อง
   “ อื้อ เชนก็กลับห้องได้แล้ว ไม่มีงานบ้างหรือไง ”
   “ ทำไมรีบไล่จัง : ( ” เอาอีกแล้ว เขาทำหน้าน้อยใจอีกแล้ว “ เชนไปห้องตะวันด้วยไม่หรอ เกิดนายเมฆอยู่ดีๆทำร้ายตะวันขึ้นมาจะทำไง ”
   “ เมฆไม่ทำอะไรเราหรอก กลับห้องไปได้แล้ว ชิ่วๆ ”
   “ ไปก็ได้ ไอ้คนใจร้าย งอนแล้ว เชอะ ! ” 
   “ =_= ”
   ผมได้แต่นิ่งมองการกระทำเขา ที่ทำอยู่คิดว่าน่ารักมากมั้ง ตัวโตซะเปล่าทำตัวแบ๊วไม่เข้ากับลุคเลย
   “ จะไม่ยื้อหน่อยหรอ ? ”
   “ ไม่อะ กลับไปสิ ”
   “ ก็ได้ ไปนอนดีกว่า อ๊ะ! แป๊ปนะตะวัน เชนรับสายก่อน  ฮัลโหล ว่าไงมึง อะไรนะ ตอนนี้หรอ! ใครบ้าง เออๆ ก็ได้ๆ ” เชนรับสายใครสักคนซึ่งฟังแล้วเหมือนจะโดนตามตัว ก่อนจะวางสายแล้วเปลี่ยนมาทำหน้าอ้อนผมแทน
   “ แหะๆ ตะวันคร้าบ เชนไปเที่ยวกับเพื่อนนะ พอดีวันนี้วันเกิดเพื่อนอะ ตะวันให้เชนไปได้เปล่า? ”
   นั่นไง ว่าละ คิดในใจไว้แล้วว่าเพื่อนต้องตามไปเที่ยวแน่ๆ เซ้นส์ผมนี่แม่นจริงๆ
   “ จะไปก็ไปสิ เราไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้วไม่ต้องขอเราหรอก ” ผมบอกกับเขา “ ดูแลตัวเองละกัน ”
   “ โอเคครับผม ! ตะวันน่ารักที่สุดเลย งั้นเชนไปก่อนนะ เดี๋ยวกลับแล้วจะไลน์ไปบอกนะครับ ” เขาหยิกแก้มผมก่อนจะไปหาเพื่อนเขา ผมก็เลยเดินกลับห้องผมบ้าง
   เมื่อเข้ามาในห้องก็เจอเมฆนอนฟังเพลงอยู่
   “ กลับมาแล้วหรอตะวัน ” เขาถอดหูฟังก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
   “ อื้อ กินข้าวยังเมฆ ” พอผมรู้ว่าเขาเป็นใคร ผมก็ไม่ได้ใช้กูมึงกับเขาอีก เราเรียกกันเหมือนอย่างที่เราเคยเรียก
   “ ยังไม่ได้กิน รอตะวันอยู่ เมฆจะชวนไปกินด้วย ตะวันกินมายัง ” เขาจ้องผมเพื่อรอคำตอบ
   เอ่อ...เอาไงดีเนี่ย  พูดมาอย่างนี้ผมไม่กล้าปฏิเสธเลย แต่ถ้าจะให้กินอีกตอนนี้ต้องอ้วกแน่ๆ T_T
   “ อื้อ ได้สิ แต่ขอนั่งพักก่อนได้ไหม ” เอาวะ กินก็กิน แต่ขอย่อยสักแป๊ปละกัน “ แต่ถ้าไปกินด้วย เมฆสัญญาก่อนว่าจะตอบคำถามเราทุกเรื่อง ”
   “ อืม..ได้สิ เมฆจะตอบ ” เขาตอบผมทันทีโดยไม่มีการหยุดคิด
   
   ทีนี้จะได้รู้เหตุผลกันสักที !



คำคมท้ายบท : บุคคลไม่พึงประสงค์สำหรับทุกคู่รัก มักจะเดินทางมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

- TBC -
ในตอนหน้าจะเป็นพาร์ทของเมฆแล้ว เมฆตัดสินใจที่จะเล่าให้ตะวันฟังจนได้ ยังไงก็ติดตามกันต่อด้วยนะครับ มาฟังความจริงจากปากเมฆกัน ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามานะครับ คิดเห็นยังไงก็เม้นท์กันได้นะ  : )



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Wicvodca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ใบหม่อน อย่าเข้าสู่ด้านมืดสิ!

รอตอนต่อไปน้า อยากรู้ความจริงจากเมฆแล้ว  :katai4:

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะครับ ตอนต่อไปลงพรุ่งนี้ยังไงก็ฝากด้วยนะก้ะ :katai4:

ออฟไลน์ violetvista

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ

ปล.แอบเข้าใจความรู้สึกหม่อนนะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 13
เหตุผลของเมฆ

-Mek Time-

   เมื่อคืนหลังจากที่ผมส่งปูเป้แล้ว ผมก็รีบกลับห้องทันที แต่เมื่อถึงแล้วกลับไม่พบตะวัน ผมพยายามโทรหาเขาก็ปิดเครื่อง โทรไม่ติดอีก
   “ หรือจะอยู่ห้องไอ้เชนนั่นจริงๆ ”
   จำได้คร่าวๆว่าตะวันเคยบอกว่าห้องเชนอยู่ชั้น 7 พอคิดได้แบบนั้นผมเลยขึ้นไปเคาะมันทุกห้องเลย แต่ห้องแล้วห้องเล่าก็ยังไม่ใช่ จนมาถึงหน้าห้อง 704 ผมเคาะอยู่นานกว่าคนในห้องจะมาเปิด
   “ ใครครับ..อ้าวเมฆ มีอะไรหรือเปล่า ? ” เป็นเพื่อนคณะผมนั่นเอง
   “ อ้าว! ก้อง อยู่ตึกนี้เหมือนกันหรอ ไม่รู้ว่าก่อนเลย ”
   “ อื้อ เราก็พึ่งรู้นะเนี่ยว่าเมฆก็อยู่ตึกนี้ ” ก้องขยี้ตา เหมือนคนพึ่งตื่น “ แล้วนี่มาเคาะห้องเรามีอะไรหรือเปล่า ”
   “ เรามาตามหาเพื่อนเราอะ นี่ก้องเป็นเมทกับคนชื่อเชนหรือเปล่า? ”
   “ ใช่ๆ รู้ได้ไงเนี่ย ”  เขาทำหน้างง เมื่อผมถามถึงเชน
   “ นี่เชนกลับมาห้องยัง ”
   “ ยังไม่เห็นนะ ออกไปข้างนอกตั้งแต่บ่ายแล้ว เราทักไปเมื่อประมาณชั่วโมงที่แล้วก็ยังไม่ตอบ ”
   “ อ้าวหรอ.. งั้น ถ้าเชนกลับมาแล้ว ก้องไลน์มาบอกเราหน่อยสิ นะ ”
   “ อ่าๆ ก็ได้ เดี๋ยวเราบอกละกัน ”
   “ ขอบคุณมากนะก้อง ”
   นี่ไม่ได้อยู่ห้องนายเชน แล้วไปไหนกันนะตะวัน นี่ผมจะบ้าตายแล้วนะเนี่ย ตอนที่เจอที่โรงแรมก็ยังไม่ทันได้อธิบายอะไร แล้วก็ดูเหมือนตะวันจะโกรธมากด้วย ไม่รู้มาโผล่ที่นี่ได้ไง แถมยังอยู่กับนายเชนอีกต่างหาก
   พอรู้ว่าไม่อยู่ที่ห้องนายเชนแล้ว ผมเลยไปทุกที่ที่คิดว่าเขาจะไป ไม่ว่าจะเป็นในมหาลัย ร้านเหล้าที่เขาเคยไป แต่ก็ไม่เจอเลย ยังไงผมก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจให้ได้
   สุดท้ายผมเลยตัดสินใจไปที่บ้านเขา เผื่อว่าเขาจะกลับบ้าน แม้ตอนแรกผมพยายามที่จะหลีกเลี่ยงบ้านเขา เพราะผมไม่อยากเจอแม่เขา กลัวแม่จะจำผมได้ แล้วสิ่งที่ผมพยายามปิดมาตลอดมันจะไร้ความหมาย แต่ตอนนี้ผมไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้วเพราะผมกลัวว่าตะวันจะไม่คุยกับผมอีก เพราะเขาเป็นคนที่ถ้าโกรธใครคือโกรธนาน ถ้าเกลียดแล้วคือเกลียดเลย ผมไม่อยากให้เขารู้สึกแบบนั้นกับผม
   พอมาถึงหน้าบ้านตะวัน ผมก็กดกริ่งอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่จะมีคนเดินมาที่หน้าประตู
   “ มาหาใครคะ ? ” ป้าแม่บ้านของตะวันเป็นคนเดินออกมา
   “ สวัสดีครับคุณป้า ตะวันอยู่ไหมครับ ” ผมยกมือไหว้ท่าน ก่อนถามถึงคนที่ผมมาตามตัว
   “ คุณหนูไม่อยู่ค่ะ แล้วนี่คุณเป็นใครคะ ? ”
   “ ดึกดื่นป่านนี้ ใครมากันพี่เพ็ญ ” แม่ของตะวันเดินออกเช่นกัน
   “ สวัสดีครับแม่ ผมเมฆเองครับ ผมมาหาตะวันครับ ” ผมรีบยกมือไหว้แม่ของตะวัน
   “ เมฆ ? ” ท่านทำท่าคิดเล็กน้อย ก่อนมองผมอย่างพิจารณา “ อย่าบอกนะว่าเป็นเมฆที่เป็นเมทตะวัน ”
   “ ใช่ครับ ผมมีเรื่องต้องคุยกับตะวันครับ แต่ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน ไม่ทราบว่าตะวันได้กลับมาบ้านหรือเปล่าครับ ”
   “ ไม่ได้กลับมานะ กลับไปตั้งแต่บ่ายแล้ว ”
   “ งั้นหรอครับ…ขอบคุณครับ งั้นผมลาแล้วครับ ” เมื่อไม่อยู่ผมเลย ขอตัวลาเพราะว่าดึกแล้ว ไม่อยากรบกวนมากไปกว่านี้
   “ เดี๋ยวก่อน ! อย่าพึ่งไป เข้ามาก่อนสิแม่มีเรื่องจะคุยด้วย ” แม่ของตะวันเรียกผมก่อนที่ผมจะขึ้นรถ
   “ แต่ว่า.. ”
   “ ไม่มีแต่ เข้ามาคุยกันเดี๋ยวนี้ ” ท่านพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นการสั่ง ก่อนจะเดินนำเข้าบ้านไป ผมเลยต้องตามท่านเข้าไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
   บ้านตะวันยังคงเหมือนเดิม แม้จะไม่ได้มานานมากแล้ว แต่ที่ต่างออกไปคือตามผนังบ้านมีรูปตะวันในวัยต่างๆมากขึ้น ผมเผลอยืนมองรูปเหล่านั้นแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
   “ ยืนดูอะไรอยู่หรอ ” ท่านยืนกอดอกพูดกับผม นี่ผมจะโดนอะไรไหมเนี่ย ตอนนี้แม่ดูดุชะมัด TT
   “ อ๋อ..เปล่าครับ ”
   “ มานั่งนี่สิ เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อยนะ ” ท่านยิ้มเล็กๆให้ผม ซึ่งผมแยกไม่ออกว่ารอยยิ้มนั้นหมายความว่ายังไง
   “ ครับแม่ TT ” ผมเดินไปนั่งโซฟาข้างๆท่าน
   “ งั้นขอแม่พูดเลยนะ จะได้ไม่เสียเวลา ” ท่านจ้องหน้าผมไม่วางตา “ เราใช่คนเดียวกันกับเมฆที่เป็นเพื่อนตอนเด็กของตะวันหรือเปล่า ? ”
   นี่ตะวันคงเล่าให้ท่านฟังสินะ ท่านถึงได้ถามผมขึ้นมา แถมยังรู้ว่าผมเป็นเมทกับตะวันอีกด้วย 
   เมื่อเห็นว่าโกหกไปก็คงจะไม่มีประโยชน์อีกแล้ว ผมก็เลยพูดความจริงเลยดีกว่า
   “ ใช่ครับ ผมคือเมฆคนนั้นแหละครับ เอ่อ..แม่จำผมได้ไหมครับ ”
   “ ตอนแรกก็จำไม่ได้หรอก เปลี่ยนไปเยอะนะเรา แล้วนี่มีเรื่องอะไรจะคุยกับตะวัน ”
   “ ตะวันกับผมมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับ ”
   “ งั้นเล่าให้แม่ฟังก่อน ว่ามันคือเรื่องอะไร เล่าให้หมดด้วยนะ ”
   “ ครับแม่ เรื่องมันมีอยู่ว่า.. ” แล้วผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เป็นสาเหตุให้ผมมาตามหาเขา ซึ่งท่านก็นั่งฟังเงียบๆไม่ได้ต่อว่าอะไร
   “ แล้วทำไมเราต้องปิดบังตัวตนกับตะวันด้วย ไม่รู้หรือไงว่าเขาพยายามติดต่อเธอมานานแค่ไหน หรือเธอไม่อยากเป็นเพื่อนกับตะวันแล้ว ”
   “ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับแม่ ! คือผมมีเหตุผลจำเป็นนิดหน่อย ซึ่งผมก็จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังวันนี้แหละครับ ”
   “ แสดงว่าตัดสินใจจะพูดเองใช่ไหม แม่จะได้ไม่ต้องให้คนสืบต่อแล้ว ”
   “ นี่แม่ส่งคนไปสืบเรื่องของผมด้วยหรอครับ =_= ” อะไรกัน นี่สงสัยถึงขั้นต้องส่งคนไปสืบกันเลยหรอเนี่ย
   “ เอ้า! ก็ใช่นะสิ อะไรที่แม่ทำเพื่อลูกของแม่ได้ แม่ทำหมดอยู่แล้ว ” แม่ยิ้มอย่างภูมิใจ “ แล้วนี่ยัยเด็กที่ชื่อปูเป้เป็นใครกัน แล้วทำไมเราถึงยอมให้เด็กคนนั้นมาตบลูกแม่  ”
   “ ตบหรอครับ !? ตบตอนไหนครับแม่ เมฆไม่เห็นรู้เรื่อง ! ” ผมตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ท่านพูดขึ้นมา อย่าบอกนะว่าที่บอกว่าโดนตบมา คนที่ทำคือปูเป้
   “ ก็ใช่นะสิ ! นี่ไม่รู้อะไรมั่งเลยหรือไง ไหนๆก็มาแล้ว งั้นพาแม่ไปเจอเด็กคนนั้นหน่อย แม่จะได้จัดการที่มาทำลูกแม่แบบนี้ ! ” แม่ลุกขึ้นก่อนจะสั่งคนในบ้าน “ พี่เพ็ญ ไปเตรียมรถกับคนให้พร้อม ฉันจะไปเคลียร์กับคนที่ทำลูกฉัน ”
   “ แม่ใจเย็นก่อนนะครับ  ” ผมเข้าไปจับแขนท่านไว้ “ เดี๋ยวเรื่องนี้เมฆไปจัดการเองนะครับ ”
   ท่านฮึดอัดอยู่เล็กน้อย
   “ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับตะวันอีกละ จะทำยังไง เธอจะรับผิดชอบไหม ? ”
   “ ผมจะไม่ให้ใครมาทำอะไรตะวันแน่นอนครับ ผมสัญญา ! ” ผมจ้องเข้าไปในตาของท่าน เพื่อสื่อถึงสิ่งที่ผมพูดออกไปว่าผมจะทำมันอย่างที่พูดจริงๆ
   “ ถ้าอย่างนั้นก็ได้….งั้นแม่ฝากเมฆดูแลตะวันด้วยนะ ” สุดท้ายท่านก็ยอม
   “ ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับแม่ ”
   หลังจากนั้นเราก็คุยสารทุกข์สุขดิบกันนิดหน่อย แต่ไม่นานผมก็ขอตัวลา เพราะว่าจะไปตามหาตัวตะวันต่อ แม่ของตะวันก็บอกถึงที่ๆที่เขาน่าจะไปให้กับผม ผมเลยตามไปทุกที่ที่ท่านให้มา แต่สุดท้ายก็ไม่เจอ
   เวลาก็เลยผ่านไปจนเช้า สรุปคือเขาก็ไม่ได้กลับมาหอ ผมเลยกลับไปตามหาเขาที่มหาลัยใหม่อีกรอบ เพราะยังไงวันนี้เขาก็ต้องไปเรียน แต่แค่ผมไม่รู้ว่าเขาเรียนห้องไหน ผมจึงไปเรียนก่อนแล้วกะว่าจะไปดักรอเขาที่ตึก
   พอเลิกเรียนปุ๊ป ผมเลยรีบไปที่ตึกเขาทันทีแล้วก็เจอเขากำลังจะเดินขึ้นตึกพอดี ผมเลยรีบวิ่งไปดึงเขาไว้
   “ ไปไหนมา ทำไมเมื่อคืนไม่กลับห้อง ! ”
   “ โอ๊ย เจ็บ! ” เขาร้องออกมาเสียงดัง
   “ นี่นาย! ปล่อยเพื่อนเราเดี๋ยวนี้เลยนะ ” เพื่อนของเขาพยายามดึงตัวเขากลับ แต่ผมก็ไม่ยอมง่ายๆ
   “ ปล่อยแน่ แต่เราขอคุยกับเพื่อนพวกเธอก่อนได้ไหม? มาคุยกันหน่อยตะวัน ”
   เขาลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเดินตามผมมา
   “ นี่จะปล่อยกูได้ยัง กูเจ็บ ”
   “ เมื่อคืนมึงไปไหนมา กูตามหามึงทุกที่ โทรไปก็ไม่ติด !
   “ กูจะไปไหนมันก็เรื่องของกูไหม ? มึงจะอยากรู้ไปทำไม ”
   “ ก็กูเป็นห่วง ! ”
   “ เหอะ ! ห่วงหรอ มึงเอาเวลาไปห่วงแฟนมึงดีกว่านะ กูมันแค่คนร่วมห้องกับมึง จะมาห่วงกูทำไมกูโตแล้ว ” เขาตอบผมด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่..เย็นชา “ จะมาถามแค่นี้ใช่ไหม? กูจะได้ขึ้นไปเรียน ”
   “ เดี๋ยวก่อนสิตะวัน ฟังเมฆก่อน..” ผมดึงเขาไว้ก่อนที่เขาจะเดินหนีผมไป
   “ มันไม่ใช่อย่างที่ตะวันคิดนะ ”
   “ ถ้าไม่ใช่อย่างที่กูคิดแล้วมันคืออะไร กูบอกเลยนะ กูแค่ไม่โอเคที่มึงทิ้งกู โกหกกูว่ามีธุระแล้วหนีไปหาแฟน ถ้าจะไปก็บอกมาตรงๆแค่นั้นเองไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่ ” เขาร่ายยาวถึงสิ่งที่เขารู้สึก ซึ่งผมก็ยืนฟังเงียบๆ 
   “ เมฆไม่ได้อยากไปสักหน่อย เป้เขาโทรมาบอกว่ามีเรื่องด่วน เมฆเลยต้องไป ”
   “ ก็เห็นอยู่ว่ากอดกันแน่นซะขนาดนั้น นี่เรื่องด่วนมึงใช่ไหม? เลิกอ้างเหอะวะ ยังไงเขาก็สำคัญสำหรับมึงอยู่แล้วนิ เพื่อนร่วมห้องอย่างกูมันไม่มีความสำคัญเท่าเขาหรอก ”
   “ ทำไมจะไม่สำคัญละ! ตะวันเป็นเพื่อนคนสำคัญของเมฆมาตลอด ทั้งตอนพวกเรายังเด็ก แล้วก็ตอนนี้ด้วย ” ผมพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เขาคิดได้ไงว่าเขาไม่สำคัญ
   “ ที่พูดหมายความว่ายังไง O_O ”
   “ ก็หมายความอย่างที่พูดแหละ ” ผมสูดลมหายใจก่อนจะพูดขึ้นมา “ ตะวันคือเพื่อนคนสำคัญของเรา จำเราได้ใช่ไหม ว่าไงละเด็กชาย ทิวากร กุลธนาสกุล ห้อง ป.6/1 ”
   “ นี่คือเมฆคนนั้นจริงๆหรอ ! ” น้ำเสียงตะวันดูตกใจมากกับเรื่องที่ผมบอกไป
   “ อื้ม……..เราเอง ”
   “ แล้วทำไมต้องปิดบังกันด้วย เราตามหาเมฆตั้งนานรู้ไหม ! ” ผมสังเกตุเห็นว่าเขาเริ่มน้ำตาคลอ ผมเลยดึงเขาเข้ามากอดเป็นการปลอบ
   “เมฆมีเหตุจำเป็นที่ทำให้บอกไม่ได้ อย่าร้องไห้สิ แล้วบอกได้ยังเมื่อคืนหายไปไหนมา ไปกับใคร?  ” พอตะวันกำลังจะตอบก็ดันมีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
   “ ตะวันไปกับเรามาเองแหละ มีอะไรหรือเปล่า ” เป็นนายเชนนั่นเอง
   “ เชน! มาได้ไงเนี่ย เมื่อกี้ไปเรียนแล้วไม่ใช่หรอ ”
   “ ก็พัดชาโทรไปบอกเชนว่าตะวันโดนนายเมฆลากตัวไปเชนก็เลยรีบมา ” 
   “ แล้วนี่จะปล่อยแฟนเราได้ยัง ” หมอนี่พูดก่อนจะเดินเขามาดึงตัวตะวันให้ออกจากผม
   เดี๋ยวนะ เมื่อกี้หมอนี่พูดว่าอะไรนะ !?
   “ แฟน ? หมายความว่ายังไง ? ”
   “ ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ เราคบกับตะวันแล้ว เมื่อคืนนี้ ” นายเชนตอบคำถามผมก่อนจะยักคิ้วใส่ผม
   “ จริงหรอตะวัน ? ” ผมอยากรู้จากปากตะวัน แต่พอเดินเข้าไปนายเชนก็ผลักผมอย่างแรง
   “ เห้ยอะไรวะ ! ” พอผมโดนผลัก ผมก็ไม่ยอมเลยผลักเขากลับ
   “ มึงนั่นแหละอะไร อย่ามายุ่งกับแฟนกู ” 
   “ ปากดีนักนะมึง ! ” ผมเกือบต่อยหมอนี่แล้ว แต่ตะวันดันมาขวางไว้ก่อน ผมเลยรีบยั้งมือ
   “ นี่ ! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะทั้งคู่ ”
   “ เมฆไปก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันที่ห้องก็ได้ เชนเองก็พอได้แล้ว นะ เราขอ ”
   ผมจ้องหน้านายเชน ก่อนจะยอมปล่อยเขา
   “ อืม งั้นเมฆไปแล้ว รีบกลับมาเร็วๆละกัน มีเรื่องให้พูดเยอะเลย ”
   ถ้าไม่ติดว่าตะวันมาห้าม ผมไม่ยอมจริงๆด้วย !

   แล้วผมก็กลับไปนอนที่ห้องเพราะว่าไม่ได้นอนทั้งคืน จะน็อคอยู่แล้วตอนนี้ พอตื่นมาก็พบว่าตะวันเองยังไม่กลับมาห้องอีก ผมเลยถือวิสาสะไปที่โต๊ะเขาก่อนหยิบของชิ้นหนึ่ง
   “ ดีจังที่ยังเก็บไว้ ” ผมหยิบพวงกุญแจที่ผมเคยให้เขาไปขึ้นมาดู ไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะเก็บไว้
   จนจะสี่ทุ่มแล้วเขาก็ยังไม่มา ท้องผมก็เริ่มร้องแล้ว กะว่าจะชวนเขาไปกินข้าวด้วยสักหน่อย พอกำลังฟังเพลงเพลินๆ ตะวันก็เปิดประตูเข้ามาพอดี
    “ กลับมาแล้วหรอตะวัน ”
   “ อื้อ กินข้าวยังเมฆ ” เขาเปลี่ยนมาเรียกชื่อผมแทนการเรียกกูมึง ซึ่งก็ทำให้ผมแอบยิ้มเล็กๆได้
   “ ยังไม่ได้กิน รอตะวันอยู่ เมฆจะชวนไปกินด้วย ตะวันกินมายัง ”
    เขาทำท่าลังเลนิดนึง ก่อนจะตอบผม 
   “ อื้อ ได้สิ แต่ขอนั่งพักก่อนได้ไหม ” ตะวันนั่งลงที่ปลายเตียงก่อนจะพูดต่อ “ แต่ถ้าไปกินด้วย เมฆสัญญาก่อนว่าจะตอบคำถามเราทุกเรื่อง ”
   “ อืม..ได้สิ เมฆจะตอบ ” ผมตอบเขาโดยไม่ต้องคิดอะไร เพราะกะว่าจะบอกเขาอยู่แล้ว
   แล้วพอตะวันพร้อมพวกเราก็ลงไปร้านที่ไม่ไกลจากหอนี่แหละครับ
   “ เอาต้มยำกุ้ง กะเพราปลาหมึก แล้วก็เห็ดเข็มทองผัดเนยครับ ต้มยำกับกะเพราไม่ต้องเผ็ดมากนะครับ แล้วก็ข้าวเปล่าสองจาน ” ผมสั่งป้าก่อนจะเดินไปตักน้ำ “ เอาอะไรเพิ่มไหมตะวัน ? ”
   “ แค่นี้แหละไม่ต้องสั่งเยอะหรอก ป้าครับ จานนึงข้าวไม่ต้องเยอะมากนะครับ ”
   “ อะนี่น้ำ ” ผมยื่นแก้วน้ำให้เขา
   เราก็นั่งก้มหน้าก้มตากันโดยไม่พูดอะไร จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้ด้วยจะเริ่มยังไงดี จนอาหารที่สั่งไปมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
   “ อะนี่ตะวัน เมนูพวกนี้ตะวันชอบกินไม่ใช่หรอ ” ผมตักกับข้าวใส่จานเขา จริงๆเมนูที่ผมสั่งมา ผมไม่ได้อยากกินหรอก แต่ผมรู้ว่าเป็นสิ่งที่เขาชอบ
   “ เมฆเขี่ยพริกออกให้แล้วนะ ” แล้วผมก็ยังจำได้ว่าเขาไม่ค่อยกินเผ็ด ผมเลยจัดการทุกอย่างให้เขาอย่างเรียบร้อย
   “ ……. ”
   “ เป็นอะไรหรอตะวัน ? ” ผมสงสัยเมื่อเขาไม่ยอมกิน เอาแต่มองจานตัวเอง
   “ เมฆจำได้ด้วยหรอว่าเราไม่กินเผ็ด ไหนจะเมนูที่เราชอบอีก ” เขาจ้องตาผมแล้วถามขึ้นมา
   ผมเองก็มองตาเขากลับก่อนจะตอบ “ จำได้สิ เมฆจำได้ทุกอย่างแหละที่เกี่ยวกับตะวัน..”
   “ แล้วนี่จะเล่าได้หรือยัง เล่ามาให้หมดเลยนะ ทำไมต้องปิดบัง มีเรื่องอะไรกันแน่ ”
   “ เล่าอยู่แล้วน่า แต่ตอนนี้กินก่อนเถอะ เดี๋ยวกลับห้องแล้วเมฆจะเล่าให้หมดเลย ”
   ตอนแรกตะวันเหมือนจะไม่ยอม จะให้ผมเล่าตอนนี้ให้ได้ แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามที่ผมบอก โดยมีผมคอยตักกับข้าวให้
   
   “ พร้อมจะเล่าหรือยัง ? ” เมื่อเข้าห้องมาทันทีที่ปิดประตูห้องตะวันก็ถามผมทันที
   “ อยากรู้เรื่องอะไรก่อนละ ” ผมจูงมือเขาให้มานั่งฟังบนเตียง ก่อนจะนั่งลงข้างๆเขา
   “ ก็เล่ามาให้หมด ว่าทำไมต้องปิดบัง ทำไมไม่เคยติดต่อกลับมา แล้วทำไมวันนั้นถึงจำเป็นต้องโกหกเราเพื่อไปหาปูเป้ด้วย คบกันมานานแค่ไหนแล้ว แล้วก็.. ” ตะวันถามออกมารัวๆ
   “ ใจเย็นๆก่อนนะตะวัน งั้นเดี๋ยวเมฆจะเล่าสาเหตุสำคัญทั้งหมดก่อนละกัน ” ผมหลับตาลงเพื่อเรียบเรียงเรื่องราวก่อนจะเล่าให้เขาฟัง “ สาเหตุทั้งหมดก็มาจากปูเป้เนี่ยแหละ ”
   “ ยังไง ? ”
   “ เรื่องมันเริ่มจากตอนนั้นที่เมฆย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ แล้วบ้านที่เมฆไปอยู่ก็อยู่ข้างๆบ้านของปูเป้ พ่อแม่พวกเราเป็นเพื่อนกันมาก่อน แล้วพ่อปูเป้ก็ยังเป็นคนที่ช่วยเหลือตอนที่บ้านเมฆลำบากเรื่องบริษัทของพ่อด้วย ” ผมเล่าย้อนไปต้องแต่เหตุการณ์แรกที่ได้เจอปูเป้
   “ แล้วตอนนั้นเมฆไปอยู่ใหม่ๆก็ยังไม่มีเพื่อน ก็เลยได้ปูเป้มาเป็นเพื่อนคนแรก แล้วพอยิ่งได้มารู้จักปูเป้ มันก็เลยทำให้เมฆรู้ว่า ปูเป้เป็นเด็กที่น่าสงสารมากแค่ไหน ”
   “ น่าสงสารยังไง ร้ายขนาดนั้น.. ” ตะวันพูดเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่า ก่อนจะเงียบ ผมจึงเริ่มเล่าต่อ
   “ ที่บอกว่าน่าสงสารเนี่ย เพราะว่าปูเป้ป่วย  เมฆก็ยังไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับปูเป้เท่าไหร่ เมฆก็เข้าใจว่าเขาเป็นแค่เด็กที่ชอบเก็บตัวคนหนึ่งเท่านั้นเอง ” เมื่อผมนึกถึงตอนนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกเศร้าขึ้นมา “ แล้วตอนนั้นปูเป้เองก็มีเมฆเป็นเพื่อนคนเดียวเหมือนกันที่คอยคุยกับเขา คอยไปไหนมาไหนกับเขา แล้วทุกครั้งที่เมฆเจอเขา เมฆก็รู้สึกได้ว่าเขามีท่าทางทีแปลกๆ บรรยากาศรอบตัวเขาไม่มีความสุขเลย พอวันหนึ่งเมฆก็กะจะชวนเขาไปเที่ยวเล่นตามปกติ แต่ก็พบว่าเขาเข้าโรงพยาบาลอยู่ พอเมฆไปถามจากพวกผู้ใหญ่ว่าปูเป้เป็นอะไรทำไมถึงต้องเข้าโรงพยาบาล นั่นจึงทำให้เมฆรู้ว่า สาเหตุที่เขาต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเขาพยายามฆ่าตัวตาย ”
   “ …. ” ตะวันเองก็ดูเหมือนจะช็อคกับสิ่งที่ผมเล่า
   “ เหมือนว่าปูเป้เขาเคยเจอเรื่องเลวร้ายมาตอนเขายังเด็ก เมฆเองก็ไม่รู้ว่าเขาเจออะไรมา พวกผู้ใหญ่ไม่เล่าให้เมฆฟัง แต่เมฆคิดว่ามันต้องแย่มากแน่ๆที่ถึงขนาดทำให้เด็กคนหนึ่งคิดฆ่าตัวตายได้ ซ้ำร้ายกว่านั้นคือปูเป้เริ่มมีอาการทางจิตประเภทหนึ่งคือปูเป้เป็นโรคไบโพล่าร์ เขาเริ่มมีอารมณ์ที่รุนแรง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คนอื่นๆมักไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น เมฆเลยเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างๆเขา มาตั้งแต่ตอนนั้น ”
   “ นี่มันก็เลยเป็นสาเหตุที่เมฆอาจต้องคอยตามใจเขามาเสมอ เพราะเมฆก็สัญญากับพ่อเขาไว้ว่าเมฆจะดูแลเขา แม้ตอนนี้อาการปูเป้จะดีขึ้นมาก แต่มันก็ยังไม่หายขาด เมฆอยากให้ตะวันเข้าใจกับสิ่งที่เขาเป็นนะ อย่าโกรธเขาเลย จริงๆเขาไม่ได้อยากจะทำร้ายใครหรอก แต่เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เมฆต้องขอโทษแทนปูเป้ด้วยนะที่ทำร้ายตะวัน ”
   “ ส่วนสาเหตุที่เมฆไม่ยอมบอกตะวัน เพราะว่าทุกครั้งที่เมฆสนิทกับใครมากๆ ปูเป้มักจะไปทำร้ายคนนั้นเสมอ เมฆไม่อยากเห็นตะวันมีอันตราย.. ”
   “ แล้วทำไมต้องตามใจขนาดนั้นด้วยละ ป่วยมันก็ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าไม่ดุบ้างไม่ห้ามปรามบ้างมันอันตรายกับคนอื่นนะ ! ” ตะวันเถียงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
   “ ตอนแรกทุกคนก็เคยแล้วที่ดุและห้ามเขา แต่มันกลับกลายเป็นว่าเขาทำร้ายตัวเองแทน ตั้งแต่นั้นคุณลุงเลยตามใจปูเป้ทุกอย่าง เมฆเองก็มีส่วนผิดแหละที่ตามใจเขาจนเคยตัว…. ” พอมานั่งนึก จริงๆแล้วผมเองก็มีส่วนผิดกับเรื่องนี้เหมือนกัน
   “ เอาน่า อย่าโทษตัวเองเลยนะเมฆ เอาเป็นว่าเราเข้าใจเมฆนะ ” ตะวันตบไหล่ผมเบาๆ “ แสดงว่านี่ไม่ได้เป็นแฟนกันใช่ไหม ? ”
   “ เปล่า..ปูเป้เหมือนน้องสาวเรามากกว่า ”
   “ แล้วทำไมไม่ติดต่อกลับมาละ เราส่งจดหมายไปตั้งเยอะ ”
   “ อ้าว! ตะวันนั่นแหละที่ไม่ส่งกลับมา  ตอนนั้นจำได้ว่าส่งไปแล้วตะวันก็ไม่ตอบกลับมาอีกเลย ”
   “ ไม่จริง เราส่งกลับตลอด มีแต่เมฆแหละที่ไม่สงกลับมา ”
   “ เอ....หรือมีปัญหาที่ไปรษณีย์ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ”
   “ ช่างเถอะ ตอนนี้เราก็ไม่กลับมาเจอกันแล้วไง แล้วนี่ทำไมอยู่ดีๆยอมเล่าละ ”
   “ ก็เมฆกลัว.. เมฆกลัวตะวันจะไม่คุยกับเมฆอีกต่อไป ”
   ตะวันไม่ตอบแต่ยิ้มให้ผมแทน พอได้เล่าแล้วมันก็ทำให้โล่งใจขึ้น
   “ ขอบคุณนะตะวัน ”
   “ ขอบคุณเราเรื่องอะไร ? ”
   “ ขอบคุณที่เก็บของที่เราให้ไว้นะ ”
   “ ก็ของสำคัญนี่จะทิ้งได้ยังไงกัน ” ตะวันยิ้มกว้าง ผมรู้สึกเหมือนเราได้ย้อนเวลากลับไปเหมือนช่วงสมัยก่อนเลย
   “ งั้นขอกอดหน่อยได้ไหม ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ”
   พอเขาไม่ปฏิเสธอะไรผมเลยรีบกอดเขาแน่นก่อนเขาเปลี่ยนใจ ซึ่งเขาก็กอดผมกลับ
   “ งั้นเมฆขอถามคำถามกับตะวันมั่งได้ไหม ” ผมปล่อยเขาก่อนจะจ้องตาเขาแทน
   “ ว่ามาสิ ”
   “ คบกับนายเชนนั่นจริงๆหรอ ?  ” ผมถามสิ่งที่มันค้างคาใจผมตั้งแต่ตอนกลางวัน
   ตะวันเม้มริมฝีปากก่อนจะตอบออกมา “ อื้ม..เราคบกับเชนอยู่ ”
   “ งั้นหรอ… ”
   “ เมฆเป็นอะไรหรือเปล่า ? ”
   “ เปล่าๆเราโอเค งั้น..เดี๋ยวเราไปซื้อน้ำก่อนนะ ลืมไปว่าน้ำหมด ” แล้วผมก็รีบออกจากห้องมาเลย

    พอได้ฟังจากปากเขาแล้วผมกลับรู้สึก…เจ็บ



คำคมท้ายบท : A friend is a sun when the rain just won’t stop. ( เพื่อนคือแสงอาทิตย์อันสดในในยามที่ฝนพรำตกไม่หยุด )

- TBC -

ในที่สุดเมฆก็บอกทุกอย่างให้กับตะวันแล้ว ทีนี้ก็อยู่ที่ตะวันแล้วว่าจะยอมเข้าใจในสิ่งที่ปูเป้เป็นหรือไม่ อย่าพึ่งเบื่อกันนะครับ ฝากติดตามเรื่องนี้ต่อด้วย

ในปัจจุบัน มีคนที่เป็นโรคจำพวกนี้อยู่ค่อนข้างเยอะ คนที่อารมณ์รุนแรงส่วนมาก จิตใจข้างในมักอ่อนไหว และแสดงความก้าวร้าวมาเพื่อปกปิดจุดอ่อนแอของตน ไม่แนะนำให้ใช้ความรุนแรงตอบโต้ ควรใช้ความอ่อนโยนกับเขา จับมือ โอบไหล่ สัมผัสเขาด้วยความห่วงใย พูดจาดีๆกับเขา เขาจะรับรู้ได้และสงบลง คอยรับฟังเมื่อเขาอยากระบาย หรือปล่อยให้เขาอยู่เงียบๆเพื่อสงบอารมณ์ตัวเอง
ถ้าหากว่ามีเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ พยายามอย่ารังเกียจเขา อย่ามองว่าเขาผิดปกติ เป็นตัวประหลาด ผมอยากให้มองว่าเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เขาป่วยอยู่ สิ่งที่เขาทำหรือแสดงออกมาเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้
ใครที่ป่วยอยู่หรือกำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ก็สู้ๆนะครับ ผมและคนอีกมากมายในโลกนี้คอยเป็นกำลังใจให้คุณอยู่ อย่าคิดว่าเราอยู่ตัวคนเดียวนะครับ รัก <3

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

นางเป็นชะนีมีปม  นี่เอง

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ violetvista

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แอบสงสารปูเป้ อยากรู้ว่านางมีปมอะไรตอนเด็ก จะมีบอกไหมคะ

รอตอนต่อไปน้า  o13

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
โง่จริงๆเยย เดียวเชนก็ทำให้เสียใจ ตะวันก็โดนทำร้าย แล้วเมฆก็มาช่วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Wicvodca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นี่ปูเป้ป่วย ใบหม่อนคงไม่ได้เป็นอะไรแปลกๆอีกคนใช่ไหม  :ling3:

รีบมาต่อตอนต่อไปน้า รออยู่

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 14
บ้านผีสิง

    หลังจากคืนนั้นที่ผมได้รู้ความจริงจากเมฆแล้ว ก็มีหลายๆสิ่งที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขา และความคิดของผมที่มีต่อปูเป้ ตอนนี้ก็เริ่มเข้าใจสาเหตุที่เขาเป็นอย่างนั้นแล้ว แต่ผมเองก็คงไม่ยอมเหมือนกันถ้าเขายังจะมาทำร้ายผมอีก แถมช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้เจอกับปูเป้ด้วย เพราะเหมือนคณะหล่อนจะงานเยอะเลยไม่มีเวลาไปอาละวาดที่ไหน
   ทุกอย่างเลยดูจะปกติดี แต่การที่ผมสนิทกับเมฆมากขึ้น กลับมีบางคนที่ไม่ยอมเข้าใจ..
   “ แล้วทำไมต้องไปกินข้าวกับไอ้นั่นด้วย ตะวันก็ไปกินกับพวกพัดชาสิครับ ” เชนโทรมาโวยวายเมื่อผมบอกเขาว่าวันนี้จะไปกินข้าวกับเมฆ
   “ พัดชาไปเป็นพี่เลี้ยงให้จิ้ปซ้อมประกวดดาวเดือน เลยไปไม่ได้ แล้วเราก็หิวมากแล้วด้วย เมฆก็เลยจะไปเป็นเพื่อนแค่นั้นเอง ”
   “ ก็รอเชนก่อนสิ ค่อยไปกินพร้อมกัน ”
   “ เชนเลิกซ้อมตีสองไม่ใช่หรอ =_= ” คณะเชนซ้อมกันหนักมาก ต่างกับคณะผมที่สี่ทุ่มก็เลิกแล้ว
   “ หึ ! งั้นจะไปกินก็ไปเลยไป งอนแล้ว ! ” แล้วเชนก็ตัดสายใส่ผม
   “ อะไรของเขา ขี้งอนจริงๆเลย ”

   ผมนั่งรอเมฆอยู่ในมหาลัย เพราะเขาบอกว่าทำงานอยู่ที่คณะพอดี งานคณะเมฆก็เยอะไม่ต่างกัน นี่ผมโดนเขาบังคับให้ช่วยตัดโมเดลตั้งหลายครั้ง บางวันเมฆก็แทบไม่ได้นอน ส่วนผมพอง่วงก็หลับเลยทิ้งงานไว้อย่างนั้น
   “ ตะวัน ! ”
   “ เชี่ย ! ”
   ผมตกใจที่อยู่ดีๆก็มีคนโผล่มาจากข้างหลังผม  พอหันไปดูว่าใครมาแกล้งผม ถึงได้รู้ว่าเป็นเมฆ
   “ เล่นอะไรเนี่ยเมฆ ! ตกใจหมด ” ผมตีเขาไปทีนึง
   “ โอ๊ย! ฮ่าๆๆๆๆ ขวัญอ่อนหรอตะวัน ” 
   ยังจะมีหน้ามาขำอีก
   “ เออดิ ! แล้วนี่ทำงานเสร็จหมดแล้วหรอ ”
   “ ยัง แต่หิวแล้ว กินก่อนได้ งานส่งตั้งอาทิตย์หน้า ” เขาว่าก่อนจะดึงมือผมให้ลุกจากเก้าอี้ “ ไหน วันนี้จะกินอะไร ? ”
   “ ตามสั่งก็ได้ ง่ายดี ”
   “ โอเค งั้นร้านเดิมเนอะ เอากระเป๋ามานี่เดี๋ยวเมฆถือให้ ” เขายื่นมือมาขอกระเป๋าผม
   “ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราถือเอง ”
   “ เอามานี่เหอะน่า ” แล้วเขาก็แย่งกระเป๋าจากมือผมไปก่อนจะเดินกอดคอผมไปที่ร้านข้าว
   พอมาถึงร้านผมแทบไม่ต้องสั่งอะไรเลย เพราะเมฆสั่งแทนผมทุกอย่าง แล้วเขาก็เหมือนจะเดาได้ว่าแต่ละครั้งที่มา ผมอยากกินอะไร
   “ ข้าวมาแล้วจ๊ะพ่อหนุ่ม วันนี้พาแฟนมาด้วยหรอจ๊ะ ” ป้าร้านข้าวแซวเมฆขึ้นมา
   “ ปะ..ป่าวนะครับป้า เพื่อนกันต่างหาก ! ” ผมรีบแก้ต่างก่อนที่ป้าจะเข้าใจผิด ส่วนเมฆก็เอาแต่นั่งขำไม่รู้ร้อนรู้หนาว
   “ อ้าวหรอ ! ป้าเห็นมาด้วยกันบ่อย กะหนุงกะหนิงกันอย่างกับแฟน ”
   “ แหะๆ เพื่อนครับเพื่อน ” ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ ป้าเองก็ไม่ได้แซวอะไรต่อเพราะมีลูกค้ามาสั่งข้าว
   “ ยิ้มอะไรเมฆ ” ผมถามเมฆ เพราะเขามัวแต่นั่งอมยิ้มเขี่ยข้าวไปมา
   “ เปล่า ! เมฆแค่กำลังคิดว่านี่เราเหมือนแฟนกันหรอ ” เขาตอบพลางตักกับข้าวให้ผม
   “ เนี่ย ก็ชอบทำแบบนี้คนอื่นถึงได้เข้าใจผิดไง ”
   “ ทำไมละ ไม่ดีหรอได้เป็นแฟนกับเมฆ ” เขาเท้าคางมองหน้าผม
   “ ก็เดี๋ยวคนอื่นเห็นละเอาไปพูด เราก็ได้ทะเลาะกับเชนนะสิ ”
   ตั้งแต่ผมคบกับเชน เชนก็ไม่ได้ปิดบังสถานะว่าเราคบกัน ดังนั้นพวกเพื่อนๆพี่ๆในคณะเชนก็พลอยรู้เรื่องไปด้วย ข้อเสียคือเวลาผมเล่นกับเพื่อนคนอื่นหรืออยู่กับเมฆ ก็มันมีผู้หวังดี ถ่ายรูปหรือไปเล่าให้เชนฟังเสมอ เขาก็เลยงอนผมบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ทะเลาะกัน
   “ ไม่อยากทะเลาะก็เลิกไปเลยสิ แล้วคบกับเมฆแทนคนอื่นจะได้ไม่เข้าใจผิดอีกไง ” เมฆเสนอทางออกให้กับผม
   “ บ้าบอ ! ตัวเองชอบผู้ชายหรือไงกันละ ” ผมว่าเขาก่อนจะก้มหน้าตักข้าวกินต่อ
   “ เปล่า….” เมฆปฏิเสธก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่าง “ ไม่ได้ชอบผู้ชายแต่ชอบตะวันต่างหาก ”
   “ ห๊ะ ! เมื่อกี้ว่าไงนะ ” ผมได้ยินไม่ถนัดเลย หมอนี่เองก็ชอบพึมพำอะไรคนเดียว
   “ ก็ตามที่บอกไม่พูดซ้ำแล้ว ” เมฆยักคิ้วกลับ กวนชะมัด
   “ แล้วพูดว่าอะไรละ เมื่อกี้ได้ยินไม่ถนัดนี่ ”
   “ ตะวันชอบตอนกลางวันหรือตอนกลางคืนล่ะ? ”
   “ ถามทำไม นี่เรายังไม่ได้คำตอบเลยนะ ” หมอนี่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนเรื่อง
   “ เมฆชอบตอนกลางวันนะ นี่แหละคำตอบของเมฆ ” นี่เขามาทิ้งปริศนาฟ้าแล่บอะไรให้ผมอีกเนี่ย !
   สุดท้ายแม้จะพยายามยามถามยังไง คุณท่านก็ไม่ตอบนอกจากเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆจนผมเหนื่อยที่จะถามก็เลยยอมแพ้ไปโดนปริยาย =_=

   “ แล้วนี่ตะวันจะไปไหนต่อหรือเปล่า หรือจะกลับห้องเลย ”
   “ คงไปหาพวกพัดชา จะไปดูสักหน่อยว่าตัวแทนจากบริหารพร้อมเป็นดาว-เดือน มหาลัยหรือยัง ”
   “ อ๋อหรอ มั่นใจจังเลยนะ คงสู้สถาปัตย์ไม่ได้หรอก เพราะตัวแทนจากสถาปัตย์หล่อสุดแล้ว ” เมฆยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ เอ๊ะ อย่าบอกนะว่า..
   “ ทำหน้าสงสัยแบบนี้ อยากรู้ละสิว่าตัวแทนคณะเมฆเป็นใคร ” เขาก้มตัวลงมาจ้องหน้าผม โดยที่หน้าเราห่างกันเพียงนิดเดียว
   “ หึ ! พูดอย่างนี้อย่าบอกนะว่าเมฆเป็นตัวแทน ”
   “ ถูกต้องนะคร้าบ ! แหมฉลาดแสนรู้จังนะเรา ” เมฆเอามือมาเกาคางผม
   “ นี่! เราไม่ใช่หมานะ ” ผมเอามือปัดแขนคนขี้แกล้งที่หมู่นี้ชอบแกล้งผมอยู่เรื่อยเลย
   “ ฮ่าๆๆๆ เมฆยังไม่ได้พูดเลยนะว่าเป็นหมา ทำไมว่าตัวเองล่ะ ”
   เมื่อเห็นว่าจนมุมที่จะต่อปากต่อคำ ผมก็เลยเดินออกมาเลย โดยมีเมฆเดินตามมาติดๆ
   “ แซวเล่นแค่นี้เอง เพื่อนซ้อมกันที่ไหนเดี๋ยวเมฆเดินไปส่ง ”
   “ ตึกคณะเรา ” 
   แล้วเมฆก็แย่งกระเป๋าไปจากมือผมอีกครั้ง ก็ดีผมจะได้ไม่เมื่อย

   พอถึงตึกคณะแล้วแทนที่เมฆจะกลับ แต่ดันขออยู่ดูด้วย ผมไล่ยังไงเขาก็ยืนยันว่าไม่กลับ ผมเลยยอมให้เขามากับผมด้วย
   “ มาแล้วพวกแก เหนื่อยไหม ” พอเปิดประตูเข้ามาในห้องที่ใช้ซ้อมก็พบว่าจิ้ปกับโอ๊ตกำลังพักพอดี “ อ้าว! ส้มโออยู่ด้วยหรอเนี่ย ”
   “ โอ๊ย! นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว มัวลำ.. อ้าว ” พัดชาที่กำลังบ่นพอเห็นเมฆเดินตามผมเข้ามาก็เหวอไปนิดนึง
   “ สวัสดีทุกคน รบกวนด้วยนะ ” เขายิ้มให้เพื่อนๆผม ซึ่งคนอื่นๆก็ยิ้มแย้มตอบ ยกเว้นพัดชากับจิ้ปที่ดูเหมือนกำลังงงอะไรอยู่
   พัดชาเลยเดินเข้ามากระซิบถามผม “ นี่! มาด้วยกันได้ไง แล้วเชนผัวแกล่ะ ”
   “ ผัวเผออะไรกัน ! แค่แฟนก็พอไหมล่ะ ” ผมหยิกมันไปทีนึง โทษฐานใช้คำผิดๆ
   “ โอ๊ย! นั่นแหละ นี่มีอะไรที่พวกฉันยังไม่รู้ใช่ไหม ? ”
   จะว่าไป ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นผมก็ยังไม่ได้เล่าให้พวกเพื่อนๆผมฟังเลย เพราะเวลาไปไหนกับเมฆผมก็ไม่ได้บอกอะไร พวกนี้ก็มักเข้าใจว่าทุกครั้งผมไปกับเชน
   “ อุ๊ย..ลืมเล่าเลย แฮะๆ ”
   ตอนนี้ผมโดนคาดโทษจากเพื่อนชายหัวใจหญิงคนนี้ซะแล้ว ผมเลยบอกมันว่าเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆเมฆ
   “ มีอะไรหรือเปล่าตะวัน เพื่อนๆไม่โอเคที่เมฆมาหรอ เห็นไปกระซิบกระซาบกันสองคน ”
   “ เปล่าๆ ไม่เกี่ยวกะเมฆ มันนินทาจิ้ปให้ฟังเฉยๆ ” ผมไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ
   “ ถ้าไม่สบายใจกันบอกได้นะ เมฆไปที่อื่นได้ ” เขาเหมือนจะลุกออกไปแต่ผมดึงแขนเขาไว้ก่อน
   “ ไม่ต้องไปไหนหรอก อยู่กับเราเนี่ยแหละ ไม่มีอะไรสักหน่อย ”
   เขาเหมือนคิดอยู่แป๊ปนึงก่อนจะนั่งลงข้างผมเหมือนเดิม
   “ เออนี่ตะวัน เมื่อกี้พวกเราคุยกันว่าจะไปที่ๆนึง จะไปด้วยกันหรือเปล่า ” จิ้ปถามผม
   “ ไปไหนหรอ? ”
   “ ตอบก่อนไปหรือไม่ไป เมฆด้วยไปกับพวกเราไหม ? ”
   “ ไปสิ ” เมฆตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม
   “ ตะวันละว่าไง ? ” ทุกคนจ้องผมเพื่อรอคำตอบ
   “ ไปก็ไป ! แล้วสรุปจะไปไหนกันละ ? ”
   แล้วพวกเพื่อนๆผมก็ยิ้มให้กันก่อนจะตอบผม
   “ ไปล่าท้าผีที่บ้านร้าง ! ” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
   “ อ๋อ….ไปบ้านร้าง ห๊ะ!! ”
   “ สรุปทุกคนไปหมดเนอะ ไปๆเก็บของกันเร็ว ” พัดชาสรุปให้เรียบร้อยโดยไม่ฟังเสียงค้านของผมอีก
   ไม่นะ! ผีหรอ ตายแน่เลยตะวัน TT

   1.20 น.
   ขณะนี้พวกเราก็มาถึงบ้านร้างแห่งหนึ่งที่พวกเพื่อนๆตัวดีของผมหาข้อมูลมาจากอินเตอร์เน็ตว่าเฮี้ยนนักเฮี้ยนหนา ซึ่งแค่เห็นผมก็ฉี่จะแตกแล้ว
   “ พวกแก ฉันไม่เข้าไปได้ไหม T_T ” ผมขอร้องเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่เราเริ่มออกเดินทาง
   “ ไม่ได้ ! มาด้วยแล้วก็ต้องเข้าด้วยกันสิ เพื่อนไม่เคย ไม่เคยทิ้งกัน ” พัดชายังคงไม่ยอมให้ผมรอบนรถ ทุกคนยืนยันว่าเราจะลงไปด้วยกัน
   “ อยู่กันเยอะไม่มีอะไรหรอกตะวัน ” จิ้ปเองก็ดูตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้มาที่นี่
   “ ใช่ๆ มาเร็วตะวัน สู้หน่อย ! ” ส้มโอก็อีกคน
   “ เอาน่าตะวัน แค่นี้เองน่าสนุกจะตาย ” เมฆเองก็เออออไปกับพวกนี้ด้วย ทีอย่างนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว
   “ สนุกกับผีน่ะสิ ! ”
   “ ก็ใช่ไง นี่เราจะไปสนุกกับผีกัน ลงมาได้แล้วเพื่อนๆรออยู่นะ ”
   เมื่อเห็นทุกคนยืนรออยู่นอกรถ ผมเลยจำใจต้องร่วมกิจกรรมสุดสร้างสรรค์(?)อย่างเลี่ยงไม่ได้
   “ งั้นเดี๋ยวพวกแยกกันไปสำรวจในบ้าน จับคู่กันไปละกัน ตะวันคู่กับเมฆ ใครเจออะไรผิดปกติหรือเหตุการณ์ไม่ดีก็รีบตะโกนบอกให้คนอื่นๆมาช่วยนะ ” โอ๊ตแจงสิ่งที่เราต้องทำกัน
   หลักๆเลยคือมาเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งลี้ลับที่เรียกว่าผีมันมีจริงไหม สาเหตุที่มาเพราะว่าก่อนหน้านี้พวกเพื่อนๆผมมันเถียงกันว่าผีมีจริงหรือเปล่า พอเถียงกันไม่ลงตัวก็เลยตัดสินด้วยการมาเจอสถานที่จริงเลย ซึ่งคนที่ซวยคือผม เพราะผมไม่ชอบเรื่องอะไรพวกนี้เลย แต่ดันตอบตกลงไปแล้ว นี่ถ้ารู้ก่อนว่าไปไหนผมคงไม่ตอบตกลงหรอก
   คนอื่นๆตอนนี้ก็เข้าไปกันหมดแล้ว เหลือผมที่ยังยืนขาตายอยู่หน้าประตู พอเมฆเห็นผมไม่เข้าสักทีเลยเดินมาดึงแขนผมให้ตามเขาไป
   “ ไม่มีอะไรหรอก อยู่กับเมฆไม่ต้องกลัวหรอกตะวัน ”
   “ ต่อให้มากับพระเราก็กลัว จริงเราไม่เข้าไปด้วยก็ไม่เป็นไรมั้ง เราขออยู่แค่หน้าบ้านก็พอ ”
   “ งั้นตามใจ งั้นเมฆเข้าไปแล้วนะ ” พอเห็นว่าผมไม่เอาด้วย เมฆก็ไม่ยื้อ แล้วก็เดินเข้าไปเลย ทิ้งให้ผมอยู่หน้าบ้านคนเดียว
   แต่พอมาคิดดู อยู่คนเดียวน่ากลัวกว่าอีกถ้าเจออะไรก็คงไม่มีใครช่วยผมสิ =_=  คิดได้ดังนั้นผมก็ตัดสินใจตามเขาเข้าไปทันที
   “ เมฆ ! รอเราด้วย ”  ผมรีบเปิดประตูก่อนจะเขาไปไม่ทัน
   “ แฮร่ ! ”
   “ อ๊ากกกกก! แง้ !! แม่จ๋า TT ” ผมร้องสุดเสียงเมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วพบกับอะไรบางอย่าง
   “ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ” ทุกคนหัวเราะกันเสียงดังลั่น
   เป็นพวกเพื่อนๆผมนั่นเองที่พร้อมใจกันเอาไฟส่องหน้าตัวเองและส่งเสียงเพื่อแกล้งผม
   “ เล่นอะไรกันเนี่ย ! เกือบหยุดหายใจแล้วนะเมื่อกี้นี้ ไอ้พวกบ้าเอ้ย ” จริงๆไม่ใช่หยุดหายใจหรอกครับ แต่ฉี่แอบเล็ดออกมานิดนึงแล้วตอนนี้ TT
   “ ฮะๆๆๆ หยอกเล่นนิดหน่อยเองแก โอ๋ๆๆๆขวัญเอ๋ยขวัญมา ” พัดชาเดินเข้ามาปลอบผมประหนึ่งแม่ปลอบลูก
   “ ไม่โกรธนะตะวัน งั้นไหนๆพวกเราเข้ามาครบแล้วก็เดินไปพร้อมกันเนี่ยแหละ ” โอ๊ตที่หยุดหัวเราะแล้วก็เดินนำทุกคนไปอย่างไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
   พอสังเกตในบ้านแล้ว กลับพบว่าบ้านหลังนี้น่ากลัวกว่าที่ผมคิดไว้มาก น่าจะถูกปล่อยทิ้งร้างนานมากแล้ว เพราะเฟอร์นิเจอร์ต่างๆพุพังไปเยอะไหนจะคราบต่างๆ แถมมีฝุ่นจับหนาแน่นและกลิ่นที่ผมแยกไม่ออกว่ามันคือกลิ่นอะไร
   พวกเราเดินไปรอบๆบ้าน และยิ่งเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ก็พบเหตุการณ์แปลกๆมากขึ้น ไม่ว่าจะได้กลิ่นธูป หรือเพื่อนๆบางคนที่หูแว่ว นั่นทำให้ผมยิ่งสติแตกกว่าเดิมจนทำให้ผมเดินช้าลงและรั้งท้ายคนอื่นๆ
   “ เมี๊ยว.. ”
   หืม ! ผมได้ยินเสียงเหมือนแมวร้องจึงหันไปมองตามหาเสียงว่ามาจากทางไหน
   “ เมี๊ยววว ” เสียงเดิมยังคงร้องอยู่
   เมื่อมองหาดีๆก็พบแมวตัวหนึ่งกำลังนั่งมองผมแล้วส่งเสียงเหมือนเรียกให้ผมเข้าไปหามัน
   “ พวกแก ! ในห้องนั้นมีแมวด้วย ” ผมเรียกให้เพื่อนๆผมหยุดก่อน แต่มีแค่เมฆที่หยุดตามเสียงเรียกผม
   “ ไหนแมว? ” เมฆมองเข้าไปในห้องที่ผมชี้ แล้วมองหาแมวตัวดังกล่าว “ ไม่เห็นมีแมวเลยตะวัน คิดไปเองหรือเปล่า ”
   “ อ้าว ! สงสัยมันเดินไปตรงอื่นในห้อง แต่เมื่อกี้เราได้ยินเสียงมันร้องนะ ”
   “ เมี๊ยวววววววว ”
   “ อ๊ะ ! เจอแล้ว ” แล้วผมก็เดินตรงเข้าไปในห้องนั้น พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ผมมักจะลืมเรื่องอื่นๆทันที ลืมแม้กระทั่งว่าตอนนี้ผมกลัวผีอยู่
   ผมเดินเข้าไปอุ้มแมวตัวนั้นกะจะให้เมฆดูว่าผมไม่ได้คิดไปเอง
   “ นี่ไงเมฆ บอกแล้วเราไม่ได้คิดไปเอง ”
   ทันทีที่ผมอุ้มมันให้เมฆดูประตูห้องก็ปิดทันที

   ปัง !!!!!!!

   “ เฮ้ย !! ” ผมร้องอย่างตกใจ จนเจ้าแมวตัวที่ผมอุ้มอยู่มันกระโดดออกจากตัวผม ผมเห็นเหตุการณ์ไม่ดีเลยรีบเข้าไปเปิดประตู แต่ก็เปิดไม่ได้
   “ เมฆ ! ช่วยด้วย ! ” เมื่อเปิดไม่ได้ผมก็ทั้งทุบและตะโกนเรียกให้เขาช่วยผม ตอนนี้ผมเริ่มใจไม่ดีแล้ว
   “ ตะวัน !!! ตะวันเป็นอะไรไหม ” ผมได้ยินเสียงเมฆและคนอื่นๆเคาะเรียกและพยายามที่จะเปิดประตูมาช่วยผมจากอีกฝั่ง  แต่ทำยังไงประตูก็ไม่สามารถเปิดได้
   ทันใดนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงเหมือนคนทุบกำแพงจากรอบห้อง และหน้าต่างที่อยู่ดีๆก็ปิดลง “ ฮือ ! ช่วยเราที เรากลัว ไม่เอาแล้ว ใครก็ได้ช่วยเราด้วย  เราจะไม่ไหวแล้ว ”
   “ ตะวัน! รอก่อนนะ จะหาทางพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ ”
   ตอนนี้ผมเหมือนจะหมดสติแล้ว น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ความกลัวมันถาโถมเข้ามาไม่หยุด ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยอุ้มเจ้าแมวตัวเดิมเข้ามากอด
   ปัง ! ปัง ! ปัง !
   พวกเพื่อนๆผมที่พยายามพังประตูเข้ามาทุบอยู่ไม่นานก่อนจะสามารถเข้ามาได้
   “ ตะวัน ! ” พอประตูเปิดเมฆก็รีบเข้ามาหาผม “ ไม่เป็นอะไรนะพวกเรามาช่วยแล้ว ”
   “ เมฆ…เรากลัว ฮึกๆ โฮ ” ผมโผกอดเขาแล้วร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร
   “ เมฆอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ” เขากอดผมแน่น
   “ พวกเรารีบออกจากที่นี่กันเถอะ ! ท่าทางจะไม่ดีแล้ว ตะวันลุกไหวไหม ” พัดชาเมื่อเห็นว่าทุกอย่างดูไม่โอเคแล้วก็ตัดสินใจออกจากบ้านหลังนี้ทันที
   “ เดี๋ยวเราจัดการเอง ” เมฆอุ้มผมโดยที่ไม่ต้องรอผมตอบว่ายืนไหวหรือเปล่า แล้วเขาก็ตรงออกจากบ้านทันที โดยมีทุกๆคนตามออกมาติดๆ
   “ รีบกลับหอกันเถอะ ! ” พอขึ้นรถแล้วโอ๊ตก็ขับออกมาจากสถานที่นั้นอย่างเร็ว
   “ ไม่ต้องกลัวแล้วนะตะวัน ” พัดชากับเมฆที่นั่งข้างผมก็คอยจับตัวผมที่ยังคงสั่นเทาอยู่ คนอื่นๆก็พยายามช่วยกันปลอบผมให้ผมหายกลัว   
   
   แล้วผมก็ร้องไห้จนหลับไป…


- Chain Time -   

   “ วันนี้ พอแค่นี้ละกันนะคะน้องๆ เจอกันใหม่พรุ่งนี้ เก็บแรงกันไว้ด้วยนะ อย่าให้พี่เห็นว่าไปเที่ยวกันละ ”
   “ ครับ / ค่ะ ”
   เฮ้อ ! กว่าจะเลิก เหนื่อยสายตัวแทบขาด ทันทีที่เลิกผมก็รีบโทรหาตะวันทันที
   แต่โทรไปตั้งหลายสายเขาก็ไม่รับสายผมสักที
   “ ทำอะไรของเขาอยู่นะ ไม่รับสาย ” ปกติถ้าจะนอนแล้วเขาจะบอกผมก่อนเสมอ และไม่มีครั้งไหนที่โทรไปแล้วเขาไม่รับ
   “ เป็นอะไร ทำไมทำหน้าเครียดจังน้องเชน ” รุ่นพี่ผมทักขึ้นมาเมื่อเห็นผมยืนหงุดหงิดกับโทรศัพท์
   “ อ๋อ..พอดีเชนโทรไปหาแฟนแล้วเขาไม่รับสายครับ เลยกังวลว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า ”
   “ แฟนน้องเชนคนที่พวกพี่เจอที่ร้านขนมวันนั้นน่ะหรอ ? ” พี่คนนั้นทวนความคิดตัวเองก่อนจะถามผม
   “ ก็มีอยู่คนเดียวแหละครับพี่ ”
   “ เมื่อกี้พี่ไปซื้อข้าวก็เจอเขาอยู่นะ เอ่อ..อย่าหาว่าพี่ฟ้องเลยนะ พี่เห็นเขากินข้าวอยู่กับผู้ชายที่มีรูปลงเพจมหาลัยด้วยกัน เห็นหวานกันน่าดู ”
   “ อ๋อ นายเมฆ นั่นเพื่อนเขาครับพี่ ไม่มีอะไรหรอก ” จริงๆตะวันก็บอกผมก่อนแล้ว ผมเลยไม่ได้ติดใจอะไรกับสิ่งที่พี่เขาพูด
   “ จะใช่แค่เพื่อนหรอ เห็นตักข้าวให้กัน แถมถือกระเป๋าให้กันด้วย พี่ว่าไม่ใช่แค่เพื่อนหรอ ”
   “ ………... ” ผมได้แต่ยืนฟังเงียบๆไม่ได้ตอบโต้อะไรไป แม้ในใจจะแอบกังวลไปแล้วก็ตาม
   “ พี่ก็แค่เป็นห่วงเลยมาบอก ไม่อยากให้น้องเชนโดนสวมเขา ยังไงก็ลองดูๆเอาเองนะ ”
   “ ขอบคุณนะครับที่มาบอก แต่เขาเป็นแค่เพื่อนกันครับ เชนเชื่อใจเขา ”
   ใช่แล้ว แค่เพื่อน ! ผมต้องไม่คิดมาก ผมต้องเชื่อใจตะวัน
   แล้วในขณะที่ผมกำลังคุยกับพี่เขาอยู่ก็ดันมีอีกคนหนึ่งที่เข้ามาร่วมวงสนทนาโดยที่ผมไม่ได้เชิญ
   “ แหมๆๆ มั่นใจจังเลยนะเชน : ) ”
   ใบหม่อนนั่นเองที่พูดแทรกขึ้นมา
   “ มึงยุ่งอะไรด้วย ”
   “ เปล๊า ! เราไม่ได้อยากยุ่งหรอก แค่อยากเตือนเฉยๆกลัวเชนจะเสียใจ เพราะเราว่าตะวันเองก็ไม่ได้เป็นคนดีเท่าไหร่หรอก ”
   ทันทีที่ใบหม่อนพูดจบผมก็ตรงเข้าไปกระชากแขนเขาทันที
   “ มึงอย่ามาว่าแฟนกูนะ ! ”
   “ อย่ามาจับตัวกู ! ” ใบหม่อนปัดมือผมอยากแรง “ ก็กูพูดเรื่องจริง ! กูพูดอะไรผิด ”
   “ แล้วตะวันไม่ดีตรงไหน ” ผมจ้องหน้าเขา “ แค่กูไม่ชอบมึง อย่ามาพาลถึงแฟนกู มันยิ่งทำให้กูเกลียดมึงยิ่งกว่าเดิม ”
   “ กูเองก็เกลียดพวกมึงทั้งคู่เหมือนกันแหละ ใครทำอะไรกับกูไว้กูจำหมด ! ” ใบหม่อนเองก็จ้องผมกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ จับมือกันไว้ให้แน่นละกัน แต่พวกมึงก็เหมาะกันดีนะ คนนึงก็ร้าย อีกคนก็เลว ”
   “ ไอ้เชี่ยหม่อน ! ” ผมทนฟังเขาพูดต่อไปไม่ไหวแล้ว
   “ เชน ! หม่อน ! พอได้แล้ว ! ไม่งั้นพี่จะไม่เกรงใจแล้วนะ ” พี่ๆและเพื่อนคนอื่นๆ พยายามเข้ามากันพวกผมทั้งคู่ไม่ให้มีเรื่องกัน “ ถ้ามีเรื่องกัน ฉันจะไม่นับพวกแกเป็นน้อง ”
   “ ได้ครับพี่ งั้นผมกลับแล้วนะครับ สวัสดีครับ ” หม่อนยกมือลาพี่ๆก่อนจะหันมายิ้มเหยียดให้ผมแล้วเดินออกไป
   ส่วนผมก็ถูกพี่อีกคนลากไปให้สงบสติอารมณ์ ก่อนจะโอเคขึ้นแล้วขอตัวกลับ

   เฮ้อ! ขออย่าให้ตะวันเป็นอย่างที่คนอื่นพูดเลย เชนเชื่อใจตะวันนะครับ..


คำคมท้ายบท : หากคุณสูญเสียคนที่คุณรัก คุณก็แค่สูญเสียคนบางคนจากชีวิต
                      แต่ถ้าหากคุณสูญเสียความเป็นตัวเอง คุณจะสูญเสียทุกอย่าง

-TBC-
ช่วงนี้ลงช้านิดนึงนะครับ พอดีว่าป่วย พึ่งออกจากโรงพยาบาล ยังคงขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามและเข้ามาอ่านนะครับ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคร้าบ ^^


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Wicvodca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตะวันไปทำบุญเถอะ ชีวิตหนูซวยจังเลย ส่วนเมฆแอบมีมุมน่ารักๆให้เห็นเหมือนกันนะเนี่ย :hao3:

ออฟไลน์ violetvista

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่มีอีกแล้วใบหม่อนคนเดิม เริ่มไม่ชอบหม่อนแล้ว

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 15
ง้อ
   “ อื้อออออ ”    
   “ ตื่นแล้วหรอตะวัน เป็นไงโอเคขึ้นบ้างไหม ” เมฆเดินเข้ามาหาผมเมื่อเห็นผมลืมตาขึ้น
   นี่ผมหลับไปนานแค่ไหนนะ จำได้ล่าสุดคือตอนที่อยู่บนรถ แล้วผมก็หลับไปไม่รู้ตัวเลย ตื่นมาอีกทีก็พบว่าอยู่ที่ห้องตัวเองแล้ว
   “ คนอื่นๆละ แล้วนี่กี่โมงแล้ว ” ผมพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งโดยมีเมฆช่วยให้ลุกง่ายขึ้น
   “ ตอนนี้ตี 4 แล้ว ส่วนเพื่อนๆตะวันแยกย้ายกันกลับห้องไปไม่นานนี้เอง ” เมฆตอบก่อนยื่นน้ำมาให้ผมดื่ม “ หายกลัวมั่งหรือยังตะวัน ? ”
   พอพูดถึงเรื่องกลัว มันก็ทำให้ผมพาลนึกไปถึงเรื่องที่บ้านหลังนั้น ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็เวียนมาให้หัวผมอีกครั้ง
   “ ตะวัน ! ทำไมตัวสั่นแบบนี้ละ ” เมฆเขย่าตัวผม “ ตะวันได้ยินเมฆไหม ตะวัน ! ”
   “ เมฆ ภาพที่บ้านนั้นมันยังติดตาเราอยู่เลย ฮึก.. ”
   “ โอ๋ๆ ไม่เป็นไรแล้วนะ ” เขาลูบหัวผมเหมือนผมเป็นเด็ก
   แต่แปลกที่มันทำให้ผมสงบลงได้
   “ ไม่มีอะไรแล้ว นอนเถอะนะตะวัน ”
   “ อื้อ.. ” พอผมล้มตัวนอนเขาก็เดินไปที่ประตู ด้วยความกลัวว่าผมจะโดนเขาทิ้งให้อยู่ห้องเดียวเลยร้องเรียกเขาขึ้นมา “ จะไปไหนหรอเมฆ ! อย่าทิ้งเราไว้คนเดียวเลยนะ ” 
   “ เมฆจะเดินไปปิดไฟเฉยๆ ไม่ทิ้งไปไหนหรอก ” เขาปิดไฟแล้วจึงเดินมานอนที่ของเขา “ ฝันดีนะตะวัน ”
   “ อื้อ ฝันดีนะ ”
   แต่ไม่ว่าจะทำยังไงผมก็ข่มตาหลับไม่ได้สักที เลยตัดสินใจเรียกเมฆขึ้นมา
   “ เมฆ.. หลับยัง ” ผมดึงเสื้อเขาเบาๆ
   “ หืม… มีอะไรหรอตะวัน ”
   “ เรานอนไม่หลับ ”
   เมฆพลิกตัวหันมาหาผม แม้จะมืดแต่ก็เห็นว่าเขายิ้มอยู่ “ งั้นเราเล่านิทานให้ฟังไหม ? ”
   “ ไอ้บ้า ไม่ใช่เด็กแล้วนะ ”
   “ งั้นทำยังไงถึงจะหลับละหืม ? ”
   “ ไม่รู้สิ… เมฆว่าเราขี้แงไหม ? ”
   “ ทำไมถึงถามแบบนี้ละ ”
   “ ก็เอะอะเราก็ร้องไห้ตลอดเลย เจออะไรที่กลัวหรือไม่โอเคหน่อยก็ร้องอีกแล้ว เรากลัวว่าทุกคนจะรำคาญที่เราเป็นแบบนี้แล้วจะทิ้งเราไป… ”
   พอมานึกๆผมเองก็ร้องไห้บ่อยเหมือนกัน บางครั้งแม้พยายามจะเข็มแข็งแล้วแต่ก็สุดท้ายก็กลั้นน้ำตาไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าเพื่อนๆจะคิดยังไงกับผม แต่ผมกลัวการที่ต้องอยู่คนเดียว ผมไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว
   ในขณะที่ผมนอนคิดทบทวนเรื่องต่างๆ เมฆก็ดึงผมเข้าไปกอด
   “ เมฆ.. O_o ” ผมตกใจที่อยู่ดีๆเขาก็กอดผม
   “ ไม่เห็นต้องกังวลอะไรเลย บอกแล้วไงไม่ว่าจะยังไงตะวันก็มีเมฆเสมอ เมฆจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนหรอก..  ”
   
   ตึก ตึก !
   
   นี่เขาจะได้ยินไหมนะว่าตอนนี้หัวใจผมมันเต้นแรงแค่ไหน

   “ นอนกันเถอะนะ พักผ่อนได้แล้ว วันนี้เหนื่อยมาเยอะแล้ว ”
   “ อื้อ ขอบคุณนะเมฆ ”
   แล้วผมก็หลับไปในอ้อมกอดของเขา ขอบคุณจริงๆนะเมฆที่ทำให้เราสบายใจขึ้น..

   เช้านี้ผมมาถึงมหาลัยด้วยสภาพที่อ่อนเพลีย เนื่องจากนอนไม่พอ แถมความซวยซ้ำซวยซ้อนคือวันนี้อาจารย์ยกคลาสโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า จึงทำให้ผมต้องตื่นมาฟรี
   “ แหมๆๆ ตาโหลมาเป็นผีเลยนะคะเพื่อน ” พัดชาแซวเมื่อเห็นสภาพผมในวันนี้
   “ อย่าพูดถึงผีได้ไหม แค่คิดก็จะร้องไห้อีกแล้วเนี่ย TT ” ผมที่เริ่มทำใจได้ แต่ก็ยังกลัวอยู่นิดๆ
   ต้องขอบคุณเมฆจริงๆที่ทำให้ผมโอเคขึ้น แม้จะเขินๆที่ตื่นมาผมก็ยังคงอยู่ในอ้อมกอดเขา แต่ดูเหมือนเมฆจะไม่ได้เขินอะไรเท่าผม
   “ เราขอโทษนะตะวันที่พาตะวันไป ” โอ๊ตบอกพร้อมสีหน้าที่รู้สึกผิด
   “ ไม่เป็นไรหรอก แต่คราวหน้าไม่เอาแล้วนะ หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ไป ”
   “ จ้าๆ ไม่บังคับแล้ว ละก็ไม่ไปแล้วครับ แค่นี้ก็พอพิสูจน์ได้แล้วว่ามีจริง ”
   “ แล้วนี่ตอนพวกเราออกมาแมวตัวนั้นมันไปไหนแล้วอะ ”
   “ เอ่อ….แมว หมายถึงที่ตะวันอุ้มน่ะหรอ ” จิ้ปดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผมพูดถึงเจ้าแมวตัวเมื่อคืน
   “ ใช่ ตัวสีน้ำตาลไง ทำไมทำหน้าแปลกๆกัน มีอะไรหรือเปล่า ? ”
   ทุกคนดูอึกๆอักๆก่อนที่จิ้ปจะเป็นคนพูดกับผม
   “ ตะวัน คือ…สิ่งที่ตะวันอุ้มมันไม่ใช่แมวตัวเป็นๆหรอกนะ ”
   “ ไม่ใช่ตัวเป็นๆแล้วคือ?.. อย่าบอกนะว่า ” ไม่นะอย่าเป็นอย่างที่ผมคิดนะ TT
   “ ที่ตะวันอุ้มมันเป็นศพแมว แมวตัวนั้นมันเป็นซากไปแล้ว ”
   “ ศพ !!! ”
   “ ใช่ศพ.. ” ทุกคนพูดพร้อมกันก่อนจะไว้อาลัยให้ผมที่ช็อคไปแล้วตอนนี้
   ความจริงจากปากจิ้ปทำให้ผมช็อค นี่ที่ผมอุ้มมันมากอดเป็นศพแมวหรอกหรอเนี่ย อยากจะบ้าตายใครก็ได้พาไอ้ตะวันคนนี้ไปทำบุญที T^T

   “ ตะวัน ” ขณะที่ผมกำลังนั่งคุยกับเพื่อนๆเพลินๆก็มีคนนึงเรียกผม
   “ อ้าวเชน ! ” ผมตกใจที่เขารู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่ “ มาได้ยังไงเนี่ย ”
   เชนมานั่งข้างๆผม “ เมื่อคืนหายไปไหนมาครับ ทำไมไม่ตอบไลน์ ทำไมไม่รับสายเชนเลย ”
   “ เอ่อ….เราไปกับเพื่อนๆมา ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก ”
   “ ไปที่ไหน? แล้วเพื่อนที่ว่านี่มีใครบ้าง ? ” เชนเริ่มทำเสียงดุผม
   น่ากลัวชะมัดเขาไม่เคยดุผมเลยนะ
   “ ก็เพื่อนๆเนี่ยแหละ ไปกับพวกนี้แหละ ” ผมชี้ไปที่เพื่อนๆ ซึ่งทุกคนก็ยิ้มกลับแห้งๆเมื่อเจอสายตาคาดคั้นจากเชน
   “ พัดชาครับ.. ”
   “ จ๋า.. T_T ” พัดชาสะดุ้งเมื่อเชนเรียกชื่อ
   “ คนที่ไปทั้งหมด มีชื่ออะไรบ้างครับ : ) ” ตอนนี้เชนเริ่มเค้นกับพัดชาแล้ว พัดชาเลยได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาที่ผม
   ถ้ารู้ว่ามีเมฆไปด้วยโดนบ่นยาวแน่ๆเลย เขายิ่งไม่ชอบใจอยู่
   “ ก็มีพัดชา จิ้ป โอ๊ต ส้มโอแล้วก็เราแค่นั้นเองเชน เชนไม่มีเรียนหรอวันนี้ ” ผมรีบตอบแทนพัดชา เชนเลยหันมายิ้มให้ผมแทน
   “ ตะวันครับ เชนถามพัดชาอยู่นะ ให้พัดชาตอบสิครับ ” เชนแม้จะยังยิ้ม แต่ตาเขาไม่ได้ยิ้มเหมือนปากเลย
   แง้ ! ไปกินรังแตนที่ไหนมาเนี่ย ดุจัง
   “ ทำไมล่ะ เชนไม่เชื่อใจเราหรอ เสียใจว่ะ ! ” ผมรีบเบี่ยงประเด็นก่อนจะมีใครหลุดชื่อเมฆเข้ามา
   เชนนิ่งไป ก่อนจะกลับมายิ้มแย้มเหมือนทุกครั้ง
   “ เชื่อสิครับ คิดถึงจังเลย เชนแค่เป็นห่วงตะวันเฉยๆเท่านั้นเองไม่มีอะไรหรอก : D ” เขาหยิกแก้มผมเป็นการหยอกล้อ มันเลยทำให้ทุกคนแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว 
   แต่สบายใจได้ไม่นานความซวยก็มาเยือนผมอีกครั้ง
   “ พวกเธอสวัสดี เมื่อคืนขอบคุณนะที่มาส่งเรากับตะวันถึงห้อง ” เป็นเมฆนั่นเองที่เดินมาอยู่ข้างหลังผม ที่รู้ว่าเป็นเมฆโดยไม่ต้องหัน เพราะหนึ่งผมจำเสียงได้ สองพวกพัดชาที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมทำหน้าเหมือนเจอผี
   “ ตะวันคืนนี้เมฆกลับห้องดึกหน่อยนะ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม ” เขานั่งลงอีกข้างของผมที่ยังว่าง ก่อนจะสังเกตเห็นเชน “ อ้าว..สวัสดีคุณเชน : ) ”
   “ …… ” เชนเงียบ ก่อนจะลุกออกไปโดยไม่พูดอะไรเลย
   “ เชน ! เดี๋ยวก่อน ! ” เมื่อเห็นเขาเดินออกไปอย่างเร็ว ผมก็รีบตามเขาไปทันที
   “ เชนเดี๋ยวก่อนสิ ” ผมวิ่งไปดึงแขนเขาไว้
   “ ปล่อยเชน ” เชนเองก็พยายามแกะมือผมให้ปล่อยเขา แต่ผมไม่ปล่อยง่ายๆ
   “ ไม่ ! เราไม่ปล่อย เชนฟังเราก่อนดิ ”
   “ จะให้เชนฟังอะไร! เมื่อคืนไปกับนายเมฆมาด้วยใช่ไหม ! ” เชนเหมือนจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อีกแล้ว เขาตวาดผมเสียงดัง
   ตอนนี้เพื่อนๆผมรวมถึงเมฆก็ตามผมมาทัน และยืนดูอยู่ห่างๆ
   “ ว่าไง ? ไหนเมื่อคืนมีใครมั่งนะ ตะวันบอกเชนอีกรอบซิ ! ” เขาสะบัดมือผมออกจนได้ “ ตอบไม่ได้หรอ? ”
   “ เชน…เราแค่ไม่อยากให้เชนไม่สบายใจ เราขอโทษ ” ผมเข้าไปจับมือเขาอีกครั้ง
   “ แค่นี้ตะวันยังโกหกเราเลย เคยบอกแล้วไม่ใช่หรอว่ามีอะไรให้บอก เชนมีเหตุผลมากพอ แต่เชนไม่ชอบให้โกหก ! ”
   “ เราขอโทษนะเชน เราจะไม่ทำอีกแล้ว เชนอย่าโกรธเรานะ นะเชน ” ผมเริ่มใจไม่ค่อยดีแล้ว เขาต้องเสียใจมากแน่ๆเพราะผมเห็นเขาเริ่มมีน้ำตาคลอๆ
   “ นี่นาย ! อย่าว่าตะวันเลย ตะวันไม่ผิดนะ เราเองที่ขอตามไปเอง ” เมฆเดินเข้ามาเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกพัดชาเองก็เข้ามาด้วยเหมือนกัน
   “ เงียบไปเลย กูไม่ได้ถามมึง ”
   “ อย่าว่าตะวันเลยนะเชน ใจเย็นก่อนนะ ตะวันแค่ไม่อยากให้เชนไม่สบายใจเพราะตะวันแคร์เชนนะ ” จิ้ปเองก็ช่วยพูดอีกแรง แต่ไม่ได้ทำให้เชนใจเย็นลงเลย
   “ เนี่ยหรอแคร์ ! เรื่องเล็กๆยังโกหกปิดบังเราเลย แล้วต่อไปมีอะไรเราจะเชื่อได้หรอ ” เขาว่าจิ้ปก่อนจะหันมาพูดกับผม “ ปล่อยเชน ถ้าตะวันไม่ปล่อย ก็ไม่ต้องมาคุยกับเชนอีก ”
   ผมเลยยอมปล่อยเขา แล้วเขาก็เดินออกไปเลย โดยปล่อยให้ผมยืนรู้สึกผิดอยู่ตรงนั้น
   “ ตะวัน ” เมฆเรียกผมเมื่อเห็นว่าผมยืนเงียบไม่พูดไม่จา “ เมฆขอโทษนะที่เป็นต้นเหตุให้ตะวันทะเลาะกับแฟน ”
   “ ไม่หรอก เมฆไม่ผิดหรอก เราผิดเองที่ไปโกหกเขา ” ผมบอกไปตามตรง เพราะเรื่องนี้เมฆก็ไม่ผิดจริงๆ
   “ แล้วจะทำยังไงต่อไปละแก เชนดูโกรธมากๆเลยนะ ” พัดชาถามผมด้วยความเป็นห่วง
   “ ก็คงต้องไปง้อแหละ แต่คงรอให้เขาใจเย็นก่อน ”
   เฮ้อ ! ทำไมเรื่องมันถึงมาไม่หยุดไม่หย่อนแบบนี้นะ
   
   ตลอดทั้งวันผมแทบไม่มีสมาธิจะทำอะไรทั้งนั้น เพราะมีเรื่องในหัวตีกันไปหมด ผมมานั่งทบทวนกับตัวเองก็พบว่าผมทำผิดกับเชนจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเชนไม่เคยปิดบังอะไรผมเลย เชนบอกผมทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน เขาคงเสียความรู้สึกมากจริงๆ แล้วผมจะทำยังไงดีถ้าเขาเลือกที่จะทิ้งผมไป
   “ น้องตะวันค่ะ ตะวัน….ฮัลโหล ! ”
   “ คะ..ครับพี่ยีน ! ” ผมสะดุ้งเมื่อพี่ยีนเรียกผมเสียงดัง
   “ เป็นอะไรหรือเปล่า ดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เพื่อนๆเขาต่อท่าไปเยอะแล้วนะลูก ”
   “ ผม… ”
   “ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรอ เล่าให้พี่ฟังได้นะ ” พี่ยีนถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
   “ ไม่มีอะไรหรอกพี่ยีน ผมทะเลาะกับแฟนนิดหน่อยครับ ”
   “ อ้าว ! ทะเลาะกันแรงหรือเปล่า แล้วปรับความเข้าใจกันยัง ”
   “ ยังไม่ได้คุยเลยครับพี่ยีน ผมกลัวว่าเขาจะไม่ยอมคุยกับผมอ่ะพี่ยืน ”
   “ แล้วจะปล่อยไว้อีกนานแค่ไหนกันเราถึงจะยอมคุย ทะเลาะกันแล้วเรามีความสุขไหม? ”
   “ ไม่เลยครับ.. ”
   “ เนี่ยแล้วการที่ผิดใจกัน ไม่คุยกัน ตะวันเสียเวลาที่รักกันกับแฟนไปกี่นาที กี่ชั่วโมง ? พี่ว่าเอาเวลาที่งอนกันมารักกันดีกว่าไหม ? ”
   “ …. ”
   “ ยิ่งทิ้งไว้นานก็ยิ่งเสียความรู้สึกนานนะลูก ”
   
   ผมคิดตามที่พี่ยีนพูดมันก็จริง นี่ผมเสียเวลามานานแค่ไหนกันแล้วนะ ผมไม่แม้กระทั่งจะไลน์หรือโทรไปหาเขา ผมเอาแต่หวังว่าเขาจะหายโกรธและมาคุยเอง
   “ พี่ยีนครับ งั้นผมขอตัวก่อนได้ไหมครับ ”
   “ จะไปไหนตะวัน ? ”
   “ ผมขอไปง้อแฟนก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวรีบกลับมา ” พอขอเสร็จผมก็วิ่งออกมาเลยโดยไม่รอฟังคำตอบว่าพี่ยีนจะอนุญาต
   “ นี่ เดี๋ยวก่อน ! งั้นง้อเสร็จรีบกลับมานะตะวัน ! ” พี่ยีนตระโกนตามไล่หลังมา
   
   ผมรีบตรงไปที่คณะเชนทันที พอมาถึงแล้วก็พบว่าเขากำลังซ้อมอยู่
   “ มาหาใครครับ..อ้าว แฟนเชนนี่นา ” ผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาคุยกับผม เมื่อเห็นผมยืนด้อมๆมองๆอยู่
   “ สวัสดีครับ พอดีผมมาหาเชน ผมมีเรื่องอยากจะปรับความเข้าใจกับเขา ” ผมยกมือไหว้เขา น่าจะเป็นรุ่นพี่ของเชน “ ขอผมคุยกับเขาหน่อยได้ไหมครับ ”
   “ อ๋อ ได้สิ เดี๋ยวพี่เรียกให้นะ ” เขายิ้มแย้มให้ผมก่อนจะหันไปเรียกเชน “ เชน ! มานี่หน่อยมีคนมาหา ”
   “ ครับพี่ ! ” เชนตะโกนตอบ เขาคงยังไม่เห็นผม เพราะผมยืนอยู่หลังกำแพง
   “ ใครหรอครับพี่ ” เชนพูดกับพี่เขาก่อนจะสังเกตเห็นผม “ ตะวัน.. ”
   เมื่อเห็นหน้าผม เชนก็เดินหนีทันที
   “ เดี๋ยวก่อนสิเชน ! ” ผมวิ่งไปเกาะแขนเขา
   “ เชนไม่มีอะไรจะพูด อีกอย่างตอนนี้เชนซ้อมอยู่ ไม่ว่างคุย ตะวันกลับไปเถอะ ” เชนแกะมือผมออกแล้วหันหลังไปทันที
   “ เชน ฟังเราก่อนนะ ” ผมกอดเขาจากด้านหลัง ซึ่งตอนแรกเขาก็พยายามแกะมือผมออกเหมือนเดิม แต่ผมกอดเขาแน่นขึ้นเขาเลยหยุดแล้วยืนเฉยๆ
   “ เราขอโทษนะที่ให้เชนเสียใจ เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แต่ระหว่างเรากับเมฆมันไม่ได้มีอะไรเลยนะ เราแค่ไม่อยากให้เชนคิดมาก หายโกรธเราได้ไหมเชน ”
   “ ….. ”
   “ เชนจะดุเชนจะว่าเรายังไงก็ได้ แต่เชนอย่าเงียบแบบนี้ได้ไหม เรา ฮึก… เราขอโทษ เราจะไม่ทำอีกแล้ว เราสัญญา ฮือ ” ผมเริ่มกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกแล้ว เพราะกลัวเขาจะทิ้งผมไป
   “ เฮ้อ.. ” เชนถอนหายใจก่อนจะแกะมือผมออกแล้ว หันมาหาผม
   “ นี่…อย่าร้องไห้สิครับ ” เขาดึงผมให้ไปซบกับอกเขา นั่นทำให้ผมร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม
   “ ฮือ เรากลัวเสียเชนไปนี่นา เชนอภัยให้เรานะ ”
   “ อื้ม…เชนไม่ได้โกรธหรอก เชนแค่น้อยใจ ” เขาลูบหัวผมเบาๆ “ เชนน้อยใจที่เชนเป็นแฟนตะวันแท้ๆ แต่ตะวันกลับไม่ยอมเล่าทุกเรื่องให้เชนฟัง เชนบอกแล้วไงมีอะไรก็บอกเชนได้ เชนมีเหตุผมมากพอเชนไม่งี่เง่าหรอก เรื่องเมฆถึงเชนจะไม่ชอบ แต่เชนก็เข้าใจว่าเขาเป็นเพื่อนตะวัน เป็นเมทกัน เชนไม่หึงหรอก หรือตะวันกับเมฆมีอะไรเกินเลยมากกว่าเพื่อน ? ”
   “ เปล่านะ ! เรากับเมฆเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ ”
   “ ครับ งั้นเชนก็สบายใจแล้ว ”
   “ ไม่โกรธแล้วจริงๆนะ ”
   เขายิ้มให้ผม “ อื้อ แต่ต่อไปห้ามปิดบังสัญญาได้ไหม? ”
   “ สัญญา ! เราจะไม่ปิดบังอะไรแล้ว ”
   “ จริงๆเชนก็แอบงี่เง่าเองด้วยแหละ เชนไม่น่าฟังคนอื่นมากไปจนอารมณ์ร้อนเลย ”
   “ ฟังอะไรหรอ ? ”
   “ ก็ชอบมีคนมาบอกเชนว่าเห็นตะวันอยู่กับเมฆแล้วดูหวานกันเกินเพื่อน บ้างก็ว่าแอบกิ๊กกันแล้วสวมเขาใจเชน พอฟังบ่อยๆมันเลยบั่นทอนจิตใจ เชนก็กลัวเสียตะวันไปนะ : (  ”
   “ บ้า ! ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เราสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว เชนอย่าฟังคนอื่นมากสิ ”
   “ รู้แล้วคร้าบ ! เชนเองก็ขอโทษตะวันเหมือนกันนะครับ ” เขาหยิกแก้มผมเหมือนที่หยอกล้อประจำ มันเลยทำให้ผมยิ้มออก “ แล้วนี่ไม่ซ้อมแล้วหรอถึงมาหาเชนถึงที่นี่ ”
   “ ง่า ซ้อมสิ แต่อยากมาง้อเชนมากกว่าเลยรีบวิ่งมาเนี่ยแหละ ”
   “ แหม น่ารักจริงๆเลย อย่างนี้หลงตายเลยนะเนี่ย ” เชนยิ้มกว้างจนเห็นฟันที่เรียงกันสวยงาม “ งั้นกลับไปซ้อมเถอะ วันนี้เชนเลิกไว เดี๋ยวเชนไปหา ”
   “ โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ ”
   “ ครับผม ! ตั้งใจซ้อมนะ ” เชนโบกมือให้ผมก่อนจะเดินไปซ้อมต่อ
   “ เชน ! ” ผมเรียกเขาก่อนเขาจะเดินไป
   “ หืม ? ”
   
   จุ๊บ !

   ผมเขย่งตัวจุ๊บแก้มเขาทีนึง เชนจับแก้มตัวเองอย่างงงๆ ถ้าทางจะอึ้งไปเลย
   “ เรารักเชนนะ ไว้ใจเรานะเชน ” ผมพูดเสร็จก็รีบวิ่งออกโดยทิ้งให้เขายืนงงอยู่อย่างนั้น
   จะให้อยู่ต่อได้ไงละครับ ผมก็เขินนะ !

   “ ตะวัน ! ” เชนตะโกนตามมา “ เชนรักตะวันนะ ! ”
   “ กรี๊ดดด! ฮิ้ววววว ! วี๊ดวิ้ววว ! ” มีเสียงต่างๆตามมามากมาย เมื่อหันไปดูจึงเห็นพวกเพื่อนๆพี่ๆของเชนที่แอบดูอยู่
   โอ๊ย! นี่เห็นตั้งแต่แรกเลยใช่ไหมเนี่ย  แง้! อายจัง
    “ อย่าทิ้งเชนนะน้อง ”
   “ ใช่ๆ อย่าทำเชนเสียใจนะ ”
   “ เชนเขารักเธอมากนะ ”
   พวกเพื่อนและพี่ๆของเชนตะโกนบอกผม นั่นทำให้ผมยิ่งเขินเข้าไปใหญ่ แต่ก็รู้สึกดีเหมือนกัน ส่วนเชนยืนยิ้มแก้มปริเชียว
   ผมยิ้มให้ทุกคนก่อนจะเดินออกมา แต่ก็ดันสังเกตเห็นหม่อน ที่ยืมมองผมนิ่งๆ ผมเลยโบกมือให้เขา แต่เขากลับหันหลังแล้วเดินออกไปทันที สงสัยจะมองไม่เห็น
   ผมจึงกลับไปที่คณะของผมทันทีที่เสร็จเรื่อง พอกลับมาถึงพี่ยีนกับพวกพัดชาก็เข้ามาถามกันยกใหญ่ว่าเป็นยังไงบ้าง ผมก็เลยแค่ยิ้มตอบพวกเขา

   ยังไงวันนี้ผมก็สบายใจแล้ว หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรตามมาอีกนะ


คำคมท้ายบท : ความเชื่อใจก็เหมือนกระดาษ ถ้ามันยับหรือขาดคงไม่มีโอกาสที่จะเหมือนเดิม


-TBC-
ปูเป้ใกล้กับมาแล้วนะครับ แต่จะมาเดี่ยวๆหรือแทคทีมคู่กับใบหม่อน อันนี้ต้องดูอีกที ช่วงนี้นางงานเยอะเลยไม่ค่อยว่าง 55555
เช่นเดิมครับ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและเข้ามาอ่านนะครับ เรื่องราวก็ดำเนินมากว่าครึ่งแล้ว ยังไงติดตามกันต่อนะครับ อย่าพึ่งเบื่อกัน ชุ้บๆ <3



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Wicvodca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยยยย เขิน ตะวันเองก็มีมุมน่ารักนะ เชนด้วย :ling1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด