บทที่ 10
ของปลอม
‘ เป็นอะไรตะวันยังคิดถึงพ่ออยู่หรอ ’
‘ อื้อ…เราคิดถึงพ่อ ’
‘ ไม่เป็นไรนะ ยังไงตะวันก็ยังมีเมฆนะ ’ เมฆเอื้อมแขนมาโอบไหล่ผม
‘ แต่เดี๋ยวเมฆก็ไปอยู่ที่อื่นแล้ว เราก็ไม่มีเพื่อนแล้วละสิ ’
‘ เราจำเป็นต้องไปนี่นา อย่าร้องไห้สิ ลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอกนะ ’ เมฆปลอบผมเมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะร้องไห้อีกแล้ว
‘ เมฆจะลืมเราไหมถ้าไปอยู่ที่นั่น ’
‘ ยังไงเราก็ไม่มีวันลืมตะวันหรอก เราสัญญา ’
‘ จริงนะ! ต่อให้เราไม่เจอกันนานแค่ไหนก็ห้ามลืมนะ ’
‘ เราเคยผิดสัญญาด้วยหรอ ยิ้มได้แล้ว ’ เขาเอามือมาดึงหน้าผมแบบที่ทำประจำเวลาบังคับให้ผมยิ้ม
‘ ขอบคุณนะเมฆ ’
‘ เรื่องแค่นี้เอง ไปเล่นกันเถอะ ! ’
เฮือก !
อะไรกัน ฝันอีกแล้วหรอเนี่ย เมื่อคืนผมหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ นี่ตื่นมายังระบมที่หน้าอยู่เลย พอนึกถึงฝันเมื่อคืนแล้วผมก็ได้แต่หันไปมองคนที่ยังหลับอยู่ข้างๆ
“ ไหนบอกจะไม่ลืมกันไง เฮ้อ ! ”
“ งืม.. ” เจ้าตัวยังคงหลับไม่รู้เรื่อง
“ เมฆๆ ตื่นๆไหนบอกจะไปส่งกูไง กูจะกลับบ้าน ” ผมเข้าไปสะกิดให้เขาตื่น แต่หมอนี่ขี้เซาเป็นบ้า ผมเลยดึงผ้าห่มออกหวังจะปลุกเขา
“ เฮ้ย ! ”
สิ่งที่ทำให้ผมต้องตกใจก็คือ เมื่อผมดึงผ้าห่มออกสิ่งที่ผมคาดหวังคือให้เมฆตื่น แต่ไม่คิดว่าจะเห็นบางส่วนตื่นแทน
โอ้! มาย ! ก๊อด ! คุณพระทำไมมันอลังการอย่างนี้
“ อืม..ตื่นแล้ว เสียงดังอะไรแต่เช้า ” เมฆตื่นแล้ว ถ้าทางงัวเงียสุดๆ
“ ปะ..ป่าว กะ..ก็ของมึงมัน.. ” แล้วผมก็ชี้ไปที่ต้นตอของสิ่งที่ทำให้ผมตกใจ
“ หืม? ” เมฆก้มไปดูของตัวเองก่อนจะตอบผมหน้าตาเฉยๆ “ มันก็เรื่องปกติหนิ ตอนตื่นของมึงไม่แข็งหรือไง ”
“ มันก็…แต่กูแค่ไม่ชินที่เห็นของคนอื่นโว้ย ! ” ทำไมมันหน้าด้านแบบนี้
“ ใหญ่อะดิ จับไหมมึง ” มันทำท่าจะดึงมือผมไปจับของมัน
“ พอเลย ! ไหนว่าจะไปส่งกูไง เอาไง ไม่งั้นกูจะได้โทรให้คนที่บ้านมารับ ”
“ เออๆ ไปอาบน้ำละงั้น ” แล้วเมฆก็ลุกไปอาบน้ำ ก่อนจะหันมาพูดกับผม “ หน้าแดงหมดแล้วนะมึง ที่โดนตบไปมันยังไม่จางอีกหรอ : ) ”
จริงๆมันตั้งใจจะแซวผมแน่ๆ! ผมรู้
หลังจากที่พวกเราทำอะไรเสร็จ เมฆก็ขับรถไปส่งผมที่บ้าน รู้งี้ผมขอรถที่บ้านผมมาขับมั่งดีกว่า แม้ทุกวันนี้จะสบายก็ตามที่อาศัยรถชาวบ้านไม่ต้องขับเอง แต่บางทีก็ไม่อยากรบกวนคนอื่นเขามาก
“ นี่มึงไปส่งกูเสร็จแล้วมึงจะไปไหนต่อปะเนี่ย ”
“ ไม่อะ ส่งมึงเสร็จกูก็คงกลับหอไปนอน ”
“ งั้นนอนรอที่บ้านกูไหม กูทำอะไรเสร็จจะได้กลับพร้อมกัน ”
“ เอ่อ…..ไม่เป็นไรดีกว่า กูกลับไปนอนที่ห้องดีกว่า จะได้ทำงานต่อด้วย ”
“ อ้าวหรอ โอเค ” เมื่อเห็นว่ามีงานผมก็ไม่ตื้อหรอก “ ไม่ไปเที่ยวกับปูเป้หรอวันนี้ ”
“ หืม? ทำไมอยู่ดีๆถามละ ” เมฆดูงงเมื่อผมถามถึงปูเป้ขึ้นมา
“ อ่อป่าว กูก็แค่ถามดู วันหลังชวนปูเป้มากินข้าวด้วยกันสิ : ) ”
“ จะดีหรอ ? ”
“ ทำไมถึงจะไม่ดีละ ” ผมยิ้มจริงใจที่สุดให้กับเมฆ พร้อมทำเสียงร่าเริง
“ ก็เห็นดูเหมือนจะไม่ถูกกัน กูก็แค่งง ” เมฆขมวดคิ้ว กับคำถามของผม
“ ก็กูแค่อยากเป็นเพื่อนกับเขา นะมึง จะได้สนิทๆกันไง ”
“ งั้นไว้เดี๋ยวกูจะลองชวนดูละกัน ”
เยส ! สำเร็จ
“ เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายข้างหน้านี่แหละมึง ” ผมบอกเขาเหมือนถึงซอยบ้านผม
“ แล้วนี่กลับตอนไหนเนี่ย ”
“ น่าจะเย็นๆแหละ ขอบคุณนะมึงที่มาส่ง ” ผมบอกลาก่อนที่เมฆจะขับออกไป ชวนให้ลงไปเจอคุณแม่ก็ไม่ยอมเจอ สงสัยจะง่วง
เมื่อผมเข้าบ้านมาก็พบกับคุณแม่กำลังนั่งดูทีวีอยู่พอดี
“ สวัสดีครับคุณแม่ คิดถึงจังเลย ” ผมเข้าไปกอด แล้วก็หอมแก้มท่านสองทีให้หายคิดถึง
“ ว่าไงคนเก่งของแม่ คิดถึงลูกเหมือนกัน ” คุณแม่กอดผมกลับ “ เอ๊ะ ทำไมหน้าหนูดูบวมๆละ ไปโดนอะไรมา ”
“ เอ่อ….ตะวันโดนตบมานิดหน่อยครับแม่ ไม่มีอะไรหรอก ”
“ จะไม่มีอะไรได้ยังไง ! ไหนเล่าให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้เลยนะตะวัน ”
สุดท้ายเมื่อเห็นว่าโกหกไป คุณแม่ก็คงจับได้ ผมก็เลยเล่าเรื่องทุกอย่างให้ท่านฟัง ทั้งเรื่องเมฆ แล้วก็เรื่องปูเป้
“ แล้วลูกคิดว่าเมฆใช่คนเดียวกันจริงๆไหม ” หลังจากที่ท่านฟังจบท่านก็ถามขึ้นมา
“ ตะวันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ” ผมตอบไปตามตรง “ แต่ชื่อกับนามสกุลมันใช่นะครับแม่ ”
“ งั้นเดี๋ยวแม่ให้คนไปสืบเอง ส่วนเรื่องนังเด็กที่ชื่อปูเป้นั่น แม่จะให้คนไปสืบเหมือนกันว่าพ่อเขาเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำลูกแม่แบบนี้ ” ตอนนี้คุณแม่ดูอารมณ์ขึ้นมากๆเมื่อพูดถึงปูเป้
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ตะวันจัดการได้ แม่เชื่อตะวันสิ ”
“ ไม่ได้! ยังไงก็กันไว้ดีกว่าแก้ จะได้รู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง แล้วนี่กินข้าวมาหรือยัง ”
“ ยังเลยครับ วันนี้มีอะไรกินครับ ตะวันหิวแล้ว ”
“ เยอะเลยลูก ป้าเพ็ญพอรู้ว่าลูกจะกลับมาก็เข้าครัวทำกับข้าวตั้งแต่เช้ามืด มีแต่ของโปรดลูกทั้งนั้นเลยนะ ” ป้าเพ็ญคือแม่บ้านผมเองครับ ฝีมือป้าเพ็ญนี่ระดับโรงแรมห้าดาวเลย สงสัยการกลับบ้านครั้งนี้น้ำหนักผมขึ้นแน่ๆ
จนช่วงบ่ายผมก็ขอตัวกลับ เพราะกะว่าจะไปแวะห้างซื้อขนมให้บัดดี้ผมสักหน่อย ก่อนกลับคุณแม่ก็ย้ำว่าถ้าคราวหน้ามีเรื่องกลับใคร ให้บอกแม่ทันที พร้อมสัญญาว่าถ้าสืบเรื่องเมฆรู้เรื่องเมื่อไหร่ จะบอกให้ผมรู้
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ คนจึงมาเดินห้างกันเยอะเป็นพิเศษ แล้วนี่ผมจะซื้ออะไรให้เชนดีเนี่ย เอาเป็นช็อคโกแลตละกัน เห็นชอบกินบ่อยๆ
ระหว่างที่เดินเล่นซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตผมก็เจอเมฆกำลังเลือกของอยู่
“ นี่! มาซื้ออะไรอะ ซื้อของเข้าหอหรอ ” ผมเดินตรงเข้าไปทักเขา
“ อ้าวมึงทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ ไหนวะจะกลับเย็นๆไง? ”
“ มาซื้อของให้บัดดี้อะ มึงให้ของบัดดี้มั่งยัง ”
“ ให้ไปแล้ว ” เมฆยังคงเลือกของต่ออย่างตั้งใจ วันนี้เขาแต่งตัวเท่ห์จัง ใส่เสื้อฮาวายกับกางเกงขาดๆ โครตจะเซอร์ ผมมองเขาอยู่นานจนเขาหันมาเรียกผม
“ มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อหรอ? ”
“ ป๊าว! ก็มองอะไรไปเรื่อย ” ผมรีบปฏิเสธเขา “ ละนี่ซื้อของเสร็จแล้วจะไปไหนต่อ ”
“ ก็คงเดินเล่นอะ มึงจะไปไหนปะละ ”
“ งั้นไปดูหนังกันไหม พอดีมีเรื่องที่กูอยากดูพอดี ไม่อยากดูคนเดียว ” ผมลองชวนเขาดู จริงๆก็ไม่ได้คาดหวังให้เขาตกลงหรอก
“ เอาสิ งั้นเดี๋ยวกูไปจ่ายเงินก่อนละกัน มึงเลือกเสร็จแล้วหรอ ”
“ เสร็จแล้วๆ งั้นไปจ่ายเงินกัน ”
หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย พวกผมก็ขึ้นไปจองตั๋วกัน ซึ่งมีเรื่องให้เถียงกันอีกแล้วคือผมอยากดูหนังรัก แต่เมฆกลับอยากดูหนังผี สุดท้ายก็เป่ายิ้งฉุบตัดสินกันแล้วผมก็คือผู้แพ้ TT
“ มึงไม่ดูไม่ได้หรอ ? ” ผมอิดออด แม้จะซื้อตั๋วมาแล้วก็ตาม
“ ตัวโตอย่างกะควายมากลัวหนังผี ”
“ ก็กูกลัวนี่นา เปลี่ยนเรื่องเถอะ กูออกค่าตั๋วให้เลย ”
“ ไม่ได้! หนังจะเข้าแล้ว ไปเร็ว ” แล้วมันก็ลากผมไปเลย ฮือ T^T
ซึ่งตลอดเวลาที่หนังฉายผมได้แต่ร้องตกใจตลอดเวลา
“ ว้ากกกกก ! ”
“ มึงเบาๆหน่อย คนมองมึงหมดแล้วนะ ”
“ กูกลัวอะ แง้! กูไม่ชอบมึงก็บังคับกู ” ตอนนี้ผมเหมือนจะร้องไห้ออกมาจริงๆ
ละไอ้หนังบ้านี่ผีก็ออกมาบ่อยเหลือเกิน !
“ กลัวมากเลยหรอ ” เมฆหันมากระซิบถามผม
“ ก็เออนะสิ กูจะไม่ไหวแล้วนะ ”
“ เฮ้อ! จริงๆเลย ”
แล้วเขาก็เอามือเขามาจับมือผม ผมถึงกับตกใจในการกระทำของเขา
“ O_O !! ”
“ ตกใจอะไร มึงจะได้ไม่กลัวไง ”
อย่างนี้ก็ได้หรอ? วิธีการอะไรของเขากันเนี่ย แต่ถึงมันจะดูแปลกๆ แต่ผมกลับรู้สึกดี
“ เอ่อ..มึงไม่เป็นไรปล่อยเหอะ เดี๋ยวคนมอง ”
“ มองก็มองไปดิ กูไม่ได้จูบมึงสักหน่อย ” เมฆเอ่ยแบบไม่ได้แคร์อะไร “ หรือมึงอยากให้จูบแทน? ”
“ ไม่! ”
“ เออ งั้นก็เงียบๆละดูหนังต่อเถอะ ”
สุดท้ายเมฆก็จับมือผมตลอดจนหนังจบ ซึ่งมันก็ทำให้ผมสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากที่ออกจากโรงหนัง เราก็ไปหาไรกินกันต่อ เพราะผมตกใจจนหิว
“ เป็นไง สนุกไหมละเรื่องที่กูเลือก ”
“ ก็ดี แต่เหนื่อยไปหน่อย ” ผมตอบไปตามตรง จริงๆเนื้อหาของหนังก็สนุกแหละ
“ เห็นไหม เพราะกูเก่งยังไงละ ” เมฆบอกอย่างภูมิใจ
“ จ้า เก่งจ๊ะ ” ผมตอบก่อนจะกินต่อ แล้วเสียงโทรศัพท์เมฆก็ดังขึ้น เขาขมวดคิ้วมองหน้าจอ
ใครโทรมากันนะ..
“ ไม่รับหรอมึง ” ผมเห็นเขามองหน้าจอแต่ก็ไม่ได้รับสายนั้น
“ ไม่เป็นไร กินกันต่อเถอะ ”
แต่สายที่โทรมาก็ยังโทรมา และไม่มีทีท่าว่าจะเลิกโทรจนกว่าเจ้าของเครื่องจะรับ
“ รับสายเหอะมึง โทรมาหลายรอบแล้วนะ ” ผมเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ จริงๆถ้าจะไม่รับก็ปิดเสียงไปสิวะ
“ งั้นกูขอตัวแป๊ปนะ ” สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะรับ แล้วออกไปคุยนอกร้าน อะไรกัน! จะคุยทำไมต้องมีความลับด้วย แต่ช่างเถอะ
จนเวลาผ่านไปสักพักเขาก็ยังไม่เข้าร้านมา แต่กลับโทรมาหาผมแทน
“ ฮัลโหล โทรมาทำไม มีอะไรทำไมไม่เข้ามาพูด ”
“ เอ่อ..มึง คือกูมีเรื่องด่วนต้องทำพอดี ยังไงเดี๋ยวกลับห้องไปกูจ่ายค่าอาหารให้นะ ”
“ อ้าว ! ธุระอะไรของมึงวะ ”
“ เออกูขอโทษนะ แต่กูต้องรีบไปแล้ว ฝากเอาของกูกลับด้วยละกัน ”
“ เดี๋ยว! ” ผมยังพูดไม่ทันจบมันก็ตัดสายไปแล้ว “ อะไรของมันเนี่ย ”
สุดท้ายผมก็โดนเขาทิ้งให้อยู่คนเดียวโดยไม่บอกเหตุผลอะไรเลยนอกจากบอกแค่มีธุระ เมื่อทำอะไรไม่ได้ผมก็เลยต้องจ่ายค่าอาหารไปก่อน แล้วผมก็ไปเดินเล่นต่อ เพราะกะว่าจะซื้อเสื้อผ้าด้วย จนตอนนี้ผมถือของพะรุงพะรังเป็นบ้าหอบฟางทั้งของผมแล้วก็ของเมฆด้วย
หลังจากที่ทำทุกอย่างจนพอใจแล้วผมก็ออกมาเรียกรถที่หน้าห้าง แต่รอมาตั้งนานกลับไม่มีรถสักคัน
“ ทำไมไม่มีรถเลยนะ จะได้กลับหอไหมเนี่ย ”
พอบ่นเสร็จปุ๊ป ก็มีรถคันหนึ่งที่คุ้นเคยมาจอดหน้าผม
“ ฮัลโหล! จะไปไหนครับตะวัน กลับหอหรอ ” เป็นเชนนั่นเอง
“ อื้อกำลังจะกลับหอแต่รถไม่ผ่านสักคัน ”
“ งั้นตะวันกลับกับเราละกัน จะได้ไม่เปลืองเงินด้วย ” เชนเสนอขึ้นมา
“ แต่ว่า.. ”
“ ไม่ต้องต่งต้องแต่แล้ว ขึ้นรถเถอะ ” แล้วเชนก็ลงมาเอาของในมือผมขึ้นรถเขาเลย โดยไม่รอผมตอบรับสักคำ ผมเลยต้องขึ้นรถตามเขามา
“ ขอบคุณนะเชน แล้วนี่ไปไหนมาเนี่ย ”
“ เชนก็มาจากมหาลัยเนี่ยแหละ จะมารับตะวันไง ”
“ แหวะ ขี้โม้ เชนจะมารู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่ ” หมอนี่นี่ขยันหยอดจริงๆ
“ เชนรู้ละกัน เชนเก่งจะตาย ตะวันอยู่ที่ไหนเชนรู้หมดแหละ ”
“ โรคจิตหรือไงเนี่ย ”
“ โหย เรียกว่าบ้าดีกว่า แต่บ้ารักตะวันนะ : ) ” นั่นไง โดนอีกหนึ่งสเต็ป
“ หึ! อะนี่ เราเจอบัดดี้เชนแล้วเขาฝากของมาให้ ” เมื่อเห็นว่าได้โอกาสผมก็เลยเนียนเอาของให้เขาเลย
“ บัดดี้เชนคือใครหรอ? ตะวันเองหรือเปล่าที่เป็นบัดดี้เชน ” เชนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนกำลังจับผิดผม
“ บ้า! ไม่ใช่ซักหน่อย บัดดี้เราเป็นผู้หญิงต่างหาก ”
“ ถ้าโกหกผิดศีลนะครับ ฮ่าๆๆ ” เชนกำลังพยายามต้อนผมให้จนมุม
แต่ผมไม่กลัวหรอก อิ๊บไว้แล้ว “ แล้วแต่ไม่เชื่อก็ตามใจ ”
“ เชื่อก็ได้ แล้วนี่มาคนเดียวหรอ ซื้อของเยอะจังนะ ”
“ ป่าวอะ เรามากับเมฆ แต่เมฆติดธุระอะไรไม่รู้เลยกลับไปก่อน ”
“ แล้วตะวันอยากรู้ไหมละว่าเมฆติดธุระอะไร : ) ”
“ เชนพูดอย่างนี้หมายความว่าไง? ”
“ ก็ถ้าตะวันอยากรู้เราจะพาตะวันไปดูไง ว่าธุระของนายเมฆนั่นคืออะไร ว่าไงครับ ไปไหม? ”
นี่เชนรู้อะไรมา พอเชนบอกทำไมผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีอะไรเท่าไหร่ เขาต้องไปรู้อะไรมาแน่ๆ
เชนยังคงถามผมเหมือนอยากให้ผมไปดูให้ได้ว่าเมฆติดธุระอะไร ผมตัดสินใจอยู่นานก่อนจะพยักหน้าตกลงกับเชน ในใจก็ได้แต่คิดว่าอย่าให้ธุระเขาเขาคือการไปเจอปูเป้เลย
แล้วเชนก็ขับเข้ามาในโรงแรมหนึ่ง เนี่ยหรอที่ๆเมฆมาทำธุระ สรุปมันคืออะไรกันแน่นะ
หลังจากจอดรถ เชนก็นำผมเข้ามาที่ล็อบบี้ แล้วสิ่งที่ผมเห็นก็เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ เมฆกำลังยืนกอดกับปูเป้อยู่ ผมได้แต่ตกใจกับภาพที่เห็น ไม่คิดว่าธุระของเขาจะเป็นการมาหาแฟนของเขาเอง ที่ผมเสียใจจริงๆคือเขาไม่ยอมบอกผมตรงๆแต่กลับอ้างว่ามีธุระ
แล้วเมฆก็เหมือนจะสังเกตเห็นผมที่ยืนมองเขาอยู่ เขาจึงผละตัวออกจากปูเป้
“ ตะวัน! มาได้ไงเนี่ย? ” หน้าตาเขาดูตกใจมากที่เจอผมที่นี่ คงคิดไม่ถึงสินะว่าจะเจอ
“ เนี่ยหรอธุระของมึง? จะมาหาแฟนก็บอกกูดีๆก็ได้ ไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่หรอก ”
“ มันไม่ใช่อย่างนั้น ” เมฆที่กำลังจะเดินมาเพื่ออธิบายแต่กลับโดนปูเป้ดึงตัวไว้ก่อน แถมเจ้าหล่อนยังถลึงตาใส่เมฆเหมือนขู่ไม่ให้เดินมาหาผม
“ ช่างเถอะ มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึงแล้วกัน ไปเถอะเชน พาเรากลับหน่อย ” ผมดึงแขนเชนให้กลับ ก่อนจะหันไปพูดกับเมฆ “ เอ้อ คืนนี้กูไม่กลับห้องนะ กูว่าจะไปนอนห้องเชน ”
“ เฮ้ยมึง เดี๋ยวก่อนดิฟังกูก่อน! ” เมฆพยายามจะเข้ามาคุยแต่ก็ปูเป้เองก็ไม่ปล่อยเมฆเหมือนกัน
“ ค่อยคุยละกันเมฆ อยู่กับแฟนไปก่อนเถอะ ” แล้วผมก็เดินออกมาโดยไม่หันกลับไปมองอีก แต่สุดท้ายก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงปูเป้เรียกผม
“ หยุดก่อนสิ ”
“ …… ”
“ เลิกทำท่าเป็นนางเอกขี้งอนเถอะค่ะ ของปลอมก็อยู่ส่วนของปลอมนะคะ กลับดีๆละคุณตะวัน : ) ”
สุดท้ายผมก็เดินออกมาโดยที่ไม่หันไปตอบโต้อะไร แต่ข้างในรู้สึกจุกกับคำพูดที่ปูเป้พูดกับผม
หึ! ของปลอมอย่างนั้นหรอ……
- Mek time -
สวัสดีครับ เอ่อ..ผมเมฆเองนะครับ ผมเป็นนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ของมหาลัย SRU แห่งนี้ และการเข้ามามหาลัยแห่งนี้ก็ทำให้ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับคนๆหนึ่ง ใช่ครับ คนนั้นก็คือตะวันนั่นเอง ผมเป็นเพื่อนกับตะวันสมัยที่เรายังเป็นเด็ก แต่แล้วผมก็ต้องย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่เชียงใหม่ แล้วก็ทำให้เราไม่ได้ติดต่อกันอีก แรกๆก็มีจดหมายมาบ้าง แต่หลังๆ ผมก็ไม่ได้รับจดหมายจากตะวันอีก พอมาเจอเขาที่นี่ ยอมรับว่าตอนแรกผมดีใจมากที่ได้เจอ แต่ผมก็มีเหตุผลบางอย่างที่บอกเขาถึงตัวตนผมไม่ได้ มันอึดอัดมากเลยนะครับ การที่อยากพูดแต่พูดออกมาไม่ได้เนี่ย : (
แต่ผมก็พยายามใบ้ให้เขารู้แล้วนะ ทั้งวาดรูปให้แล้วก็ยังฝากเพลงให้รุ่นพี่ที่ผมรู้จักที่ทำงานร้านที่ตะวันไปเที่ยวร้องให้เขาอีก หวังว่าเขาจะตีความออกกับสิ่งที่ผมทำไปนะ
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันที่ใครๆควรได้พักผ่อน แต่ผมกลับต้องทำงาน หลังจากที่ไปส่งตะวันที่บ้านแล้ว ผมก็กลับมาทำงานที่ค้างต่อ คณะนี้งานเยอะเป็นบ้า นี่บางวันผมแทบไม่ได้นอน ขอบตานี่จะดำเป็นหมีแพนด้าแล้ว
พอทำงานเสร็จผมก็ตัดสินใจออกไปเดินห้างบ้าง กะจะไปหาซื้อของให้บัดดี้ของผม แล้วก็บังเอิญเจอกับตะวันเข้า
“ นี่! มาซื้ออะไรอะ ซื้อของเข้าหอหรอ ”
“ อ้าวมึงทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ ไหนวะจะกลับเย็นๆไง? ”
“ มาซื้อของให้บัดดี้อะ มึงให้ของบัดดี้มั่งยัง ”
“ ให้ไปแล้ว ” พอตอบเขาเสร็จผมก็หันไปเลือกของต่อ แต่พอมองอีกทีกลับเห็นเขายังมองผมค้างอยู่แบบนั้น
“ มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อหรอ? ”
“ ป๊าว! ก็มองอะไรไปเรื่อย ละนี่ซื้อของเสร็จแล้วจะไปไหนต่อ ”
“ ก็คงเดินเล่นอะ มึงจะไปไหนปะละ ”
“ งั้นไปดูหนังกันไหม พอดีมีเรื่องที่กูอยากดูพอดี ไม่อยากดูคนเดียว ”
หนังหรอ..ดีเหมือนกันไม่ได้ดูมานานแล้ว
“ เอาสิ งั้นเดี๋ยวกูไปจ่ายตังก่อนละกัน มึงเลือกเสร็จแล้วหรอ ”
“ เสร็จแล้วๆ งั้นไปจ่ายตังกัน ”
พอขึ้นมาซื้อตั๋ว พวกเราก็เริ่มเถียงกันเพราะเขาอยากดูหนังรักเรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้ แต่ผมไม่ชอบหนังแนวนี้เลยเลือกหนังผีซะเลย ตื่นเต้นดี ซึงตะวันเองก็ไม่ยอมดูหนังผีเหมือนกัน เราเลยตัดสินกันสุดท้ายผมก็ชนะ
“ มึงไม่ดูไม่ได้หรอ ? ”
“ ตัวโตอย่างกะควายมากลัวหนังผี ”
“ ก็กูกลัวนี่นา เปลี่ยนเรื่องเถอะ กูออกค่าตั๋วให้เลย ” ตะวันเองเริ่มงอแงเป็นเด็กๆแล้ว ซึ่งผมเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน ยิ่งเห็นว่าเขากลัวยิ่งน่าแกล้ง
“ ไม่ได้! หนังจะเข้าแล้ว ไปเร็ว ”
ตลอดเวลาที่หนังฉายตะวันมันจะร้องหรือสะดุ้งทุกครั้งเมื่อมีฉากตกใจ ซึ่งผมก็แอบขำเขาเบาๆ
“ ว้ากกกกก ! ”
“ มึงเบาๆหน่อย คนมองมึงหมดแล้วนะ ” จริงๆนะครับ เขาร้องดังจนคนมอง
“ กูกลัวอะ แง้ กูไม่ชอบมึงก็บังคับกู ”
“ กลัวมากเลยหรอ ”
“ ก็เออนะสิ กูจะไม่ไหวแล้วนะ ”
“ เฮ้อ! จริงๆเลย ”
เมื่อเห็นว่าเขากลัวจริงๆผมก็เลยเอื้อมมือไปจับมือเขา เพราะตอนเด็กๆจำได้ว่า เขารู้สึกปลอดภัยเวลามีคนจับมือเขาไว้
“ O_O !! ” ตะวันหันมองหน้าผมตาโต อย่าบอกนะว่านึกออกว่าเด็กๆเราปลอบกันแบบนี้
“ ตกใจอะไร มึงจะได้ไม่กลัวไง ”
“ เอ่อ..มึงไม่เป็นไรปล่อยเหอะ เดี๋ยวคนมอง ”
“ มองก็มองไปดิ กูไม่ได้จูบมึงสักหน่อย หรือมึงอยากให้จูบแทน? ”
“ ไม่! ” เขารีบปฏิเสธทันที
“ เออ งั้นก็เงียบๆละดูหนังต่อเถอะ ”
สุดท้ายเขาก็ยอมให้ผมจับมือต่อและไม่มีท่าทีจะขัดขืน
พอดูหนังเสร็จเราก็ไปกินข้าวกัน เพราะเขาบ่นว่าเหนื่อยจากการตกใจ พอถึงร้าน ตะวันก็สั่งมาเยอะมาก สงสัยจะหิวจริงๆ แถมยังว่าผมอีกว่าผมไปขืนใจให้เขาดูหนังผีที่เขากลัว เราคุยกันสักผมก็มีคนหนึ่งโทรเข้ามาหาผม คนนั้นก็คือปูเป้นั่นเอง แต่ผมก็เลือกที่จะไม่รับสายเพราะผมรู้ว่าถ้ารับแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
“ ไม่รับหรอมึง ” ตะวันถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่ามันหลายมิสคอลแล้ว
“ ไม่เป็นไร กินกันต่อเถอะ ”
“ รับสายเหอะมึง โทรมาหลายรอบแล้วนะ ”
เมื่อเห็นว่ามันหลายสายแล้วปูเป้ก็ไม่มีท่าทางจะเลิกโทร ผมก็เลยตัดสินใจที่จะรับสายนั้น “ งั้นกูขอตัวแป๊ปนะ ”
“ ฮัลโหลครับ ว่าไงเป้ ”
“ เมฆอยู่ไหนคะ มาหาเป้หน่อย ”
“ เมฆอยู่กับเพื่อน ออกมากินข้าว เป้มีอะไรหรือเปล่า ”
“ ไม่มีคะ แต่เป้อยากเจอเมฆตอนนี้ รีบมานะคะ เป้ไม่ชอบรอนาน ”
“ แต่… ”
“ ถ้าเมฆไม่มา คงรู้นะคะว่าเป้จะทำอะไร เดี๋ยวเป้ส่งโลเคชั่นไปให้ ห้ามเกินครึ่งชั่วโมงนะคะ ” แล้วปูเป้ก็ตัดสายโดยไม่รอฟังคำตอบรับจากผม
เอาไงดีวะ จะบอกตะวันยังไงดี สุดท้ายผมก็เลยต้องไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมองดูเวลากลัวว่าจะไม่ทันผมเลยต้องรีบไป โดยโทรบอกตะวันไปว่าผมมีธุระ
หวังว่าเขาจะเข้าใจนะ..
จนผมมาถึงที่หมายตามที่ปูเป้ส่งโลเคชั่นมา เมื่อเข้าไปในโรงแรมก็พบว่าปูเป้นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้อยู่แล้ว
“ สรุปเป้มีอะไรหรือเปล่า เรียกเมฆออกมามีอะไร ”
“ เป้จะอยากเจอเมฆไม่ได้หรือไงคะ เป้เหงา กินข้าวเป็นเพื่อนเป้หน่อย ” แล้วเขาก็เดินนำผมเข้าไปในห้องอาหารเลย
“ กินนี่สิคะเมฆ ” เป้พยายามจะตักอาหารให้ผมกิน แต่ผมกลับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เป็นห่วงว่าป่านนี้ตะวันจะกลับห้องยัง
“ เมฆดูไม่สนใจเป้เลยนะคะ คิดถึงใครอยู่หรอ ”
“ เปล่าครับ… ”
“ เป้อิ่มแล้ว กลับเถอะ ” ตอนนี้เป้ดูท่าทางจะหงุดหงิด เธอเดินออกจากร้านไปโดยไม่พูดอะไร นี่ผมจะตามอารมณ์เธอไม่ทันละ นึกจะให้มาก็เรียกมา พอจะไปก็ดันไม่พูดอะไรอีก
แล้วเธอก็มายืนกอดอกอยู่ตรงล็อบบี้
“ เมฆไปหาตะวันมาใช่ไหม? ” เธอหันมาถามผมอย่างเอาเรื่อง
“ เมฆ… ครับ ใช่เมฆไปกับตะวันมา ” ถ้าทางเธอจะรู้อะไรมาผมเลยตอบตามความจริงไป “ แล้วเป้รู้ได้ไง ”
“ เป้ก็ให้คนของเป้คอยตามเมฆไง เป้เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าเป้ไม่ชอบไอ้นั่น เมฆไปอยู่กับมันทำไม มันทำอะไรกับเป้ไว้ เมฆยังจะยุ่งกับมันอีกหรอ ! ” ตอนนี้หล่อนเริ่มตวาดใส่ผมแล้ว เป้มักจะเป็นอย่างนี้เสมอเมื่อไม่พอใจ
“ แต่ตะวันเป็นเพื่อนของเมฆนะ ” ผมเถียงขึ้นมา
“ งั้นถ้าไม่มีตะวัน เมฆจะสนใจเป้มากกว่านี้ใช่ไหม ” ปูเป้เริ่มตัวสั่นอย่างคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
“ เป้จะทำอะไรตะวัน อย่านะเมฆขอ ”
“ ก็จะทำอย่างทุกครั้งที่เป้เคยทำไง เป้ไม่อยากเห็นหน้ามัน เป้เกลียดมัน มันมายุ่งกับเมฆ กรี๊ดดดดดดดดด! ” แล้วเป้ก็กรี๊ดออกมา จนผมต้องรีบเข้าไปกอดเขาเพื่อให้เขาสงบ
“ เป้ ใจเย็นนะครับ อย่าทำอะไรเลยนะ ตะวันเป็นเพื่อนของเมฆนะ เมฆขอร้องนะครับเป้ ” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมเป้ให้ใจเย็น แต่แล้วผมก็เห็นร่างหนึ่งเดินเข้ามาพอดี
นั่นตะวันกับไอ้เชนนี่นา
“ ตะวัน! มาได้ไงเนี่ย? ” ผมทักขึ้นอย่างตกใจเมื่อไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่
“ เนี่ยหรอธุระของมึง? จะมาหาแฟนก็บอกกูดีๆก็ได้ ไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่หรอก ”
“ มันไม่ใช่อย่างนั้น ” ผมว่าตอนนี้ตะวันกำลังเข้าใจผิดอยู่แน่ๆเลย
ผมพยายามจะเดินเข้าไปอธิบาย แต่ก็ถูกปูเป้ดึงไว้
“ ช่างเถอะ มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึงแล้วกัน ไปเถอะเชน พาเรากลับหน่อย ” แล้วตะวันก็ลากแขนเชนให้ออกจากที่นี่ ก่อนจะหันมาพูดกับผม “ เอ้อ คืนนี้กูไม่กลับห้องนะ กูว่าจะไปนอนห้องเชน ”
“ เฮ้ยมึง เดี๋ยวก่อนดิฟังกูก่อน! ”
“ ค่อยคุยละกันเมฆ อยู่กับแฟนไปก่อนเถอะ ” ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป เป้เองก็ผลักผมออกแล้วเดินไปพูดกับตะวัน
“ หยุดก่อนสิ ”
“ …… ” ตะวันหยุดเดิน แต่ก็ไม่ได้หันกลับมามอง เขาเพียงแต่ยืนนิ่งๆ
“ เลิกทำท่าเป็นนางเอกขี้งอนเถอะค่ะ ของปลอมก็อยู่ส่วนของปลอมนะคะ กลับดีๆละคุณตะวัน ”
แล้วตะวันก็เดินออกไปเลยโดยไม่หันมาคุยอะไรอีก ผมเลยจะวิ่งตามเขาไป
“ หยุด! ถ้าเมฆตามมันไป เป้จะส่งคนไปจัดการมันเดี๋ยวนี้ ! ” เมื่อเห็นว่าปูเป้ทำจริงแน่ๆผมเลยหยุดที่จะตามตะวันไป
“ เป้อยากไปทำเล็บ พาเป้ไปหน่อยค่ะ ”
สุดท้ายผมก็เลยต้องพาเป้ไป ขอโทษนะตะวัน เมฆขอโทษ….
คำคมท้ายบท : Not to be dramatic but my heart hurts. ( ไม่ได้อยากดราม่านะแต่มันเจ็บใจจริงๆ )
-TBC-
ของปลอมก็มีหัวใจนะ : ( เป็นกำลังใจให้ตะวันหน่อยนะครับ หรือจะเลิกสนใจเมฆไปหาเชนให้จบๆดีนะ ยังไงก็ติดตามกันต่อด้วยนะครับ จุ้บ