KING ที่ 57 ความกล้าที่ไม่มากพอ
ในช่วงสายของวันนั้น ผมยังคงอยู่ที่บ้านของไอ้ธีร์ ท้องร้องกิ่ว และกำลังคิดหนักอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ เอาแล้วไง เมื่อคืนแต่งชุดผู้หญิงเข้ามา มานอนบ้านผู้ชาย! โอ้โห คือแบบผมเพิ่งมานึกได้ แล้วเมื่อคืนมีคนเห็นผมเข้ามาไหมนะ ใครบ้างละเนี่ย ไม่ใช่ว่าแม่มัน...
ผมคิดและขยี้หัวตัวเองไปมา สภาพเละเทะเมาหัวทิ่มขนาดนั้น ป่านนี้แม่มันต้องเกลียดผมแล้วแน่ๆ โอ้ยย ทำยังไงละเนี่ย ไม่กล้าออกไปเลยโว้ย
"ผมยุ่งหมดแล้ว" ไอ้ธีร์ที่ยืนสวมเสื้ออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็เดินเข้ามาลูบผมที่ชี้ฟูให้ผม ทำไมมึงถึงทำใจเย็นอยู่ได้นะ
"มึง...มีเครื่องสำอางบ้างไหม" ผมพูดและมองมันผ่านกระจก มองมันที่ส่ายหัวทันทีด้วยหัวใจห่อเหี่ยว
"มีก็แปลกแล้ว" นั่นสิ ถ้ามึงมีกูต้องคิดว่ามึงอยากสวยด้วยแน่ๆ
"แล้วๆ แม่มึงอ่ะ" ผมพูดคำนี้ด้วยเสียงที่เบาลงหน่อย
"ไปยืมให้ได้นะ"
"เดี๋ยวๆๆ" ไอ้ธีร์พูดและทำท่าจะเดินออกไปทันทีิซึ่งผมดึงแขนมันไว้ได้ทัน
"กูพูดเล่น" ผมยิ้มแหยๆ ผมไม่กล้าหรอก เกรงใจจะตาย คงของแพงตายห่า
"ก็ดีแล้ว ไม่ต้องแต่งหรอก ก็ออกไปแบบนี้นี่แหละ"
"ได้ยังไงล่ะ ก็เมื่อคืนกูมาแบบผู้หญิงนะ" ผมพูดอย่างไม่สบายใจ
"เมื่อคืนไม่มีใครรู้หรอกว่าฟามาที่นี่" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก รอดแล้วกู
"แล้วก็เพิ่งมาพูด" ผมผลักแขนมันเบาๆ ทำกูเครียดตั้งนาน
ก็อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตู ทำให้ตัวผมแท็งทื่อ ชิบหายแล้ว ใครวะ!
"ธีร์ลูก เปิดประตูให้แม่หน่อย" และเสียงที่ได้ยินก็ทำเอาผมลุกจากเก้าอี้ เตรียมพร้อมจะวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่ไหล่ของผมก็ถูกคว้าเอาไว้ซะก่อน และกดตัวผมให้นั่งลงตามเดิม
"จะกลัวอะไร คุณแม่ก็เคยเจอฟาแล้ว" เออว่ะ จะหนีทำไมวะกู
ผมนั่งนิ่ง และเหลือบมองไอ้ธีร์ที่เดินไปเปิดประตู จากมุมมองนี้ ผมมองไม่เห็นอะไรถนัดนัก แต่ก็พยายามเงี่ยหูฟังสุดฤทธิ์
"เดี๋ยวพาฟาลงไปทานอาหารด้วยกันนะ คุณพ่อเขาอยากคุยด้วย"
"ครับ"
ผมในตอนนี้ความรู้สึกมันมากกว่าความกลัว มันคือความกลัวและกลัวที่สุดในหัวใจ ผมกุมมือตัวเองไว้แน่น หัวใจที่เต้นอยู่ในอกราวกับจะทะลุออกมา
"ฟา" เสียงที่ดังขึ้นข้างตัวนั้น ไม่อาจทำให้ผมออกจากจินตนาการอันน่ากลัวได้
"เป็นอะไรไป"
"ก.กูยังไม่พร้อม" ผมพูดและมองใบหน้าของคนรักที่หม่นลงเล็กน้อย แต่ก็กลับมายิ้มอ่อนโยนให้ผม
"ไม่พร้อมเรื่องอะไร ไม่หิวเหรอ" ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมมันถึงดูนิ่งเฉยแบบนี้
"มึง ไม่กลัวเหรอ" ผมพูดถามมันที่กำลังเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
"ฟา ก็แค่กินข้าว ไม่มีอะไรหรอก"
"แล้ว ถ้าเขาถาม..."
"บอกสิ่งที่ฟาอยากบอก อะไรที่ฟาคิดว่ายังไม่พร้อม ก็เก็บมันเอาไว้" มือที่แสนอบอุ่นที่กุมมือของผมเอาไว้ ทำให้ผมเริ่มคิด เริ่มถามตัวเอง ว่าทำไม ทำไมผมถึงต้องกลัว ทำไมความรักของพวกเรา ถึงบอกใครไม่ได้ ผมรู้สึกอดอัด มันทำให้พวกเราต้องเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ในห้วใจ
"กูจะบอก" ผมกระชับมือที่กำลังเกาะกุมมือผมเอาไว้ และส่งยิ้มให้จากใจจริง ผมเปลี่ยนใจแล้ว อะไรจะเกิด ก็ควรจะให้มันเกิดไป การบอกพวกท่านว่าเรารักกัน มันคงไม่ทำให้ถึงตายได้หรอก
คำพูดของผมทำเอาดวงตาของคนตรงหน้าเป็นประกาย ผมหัวเราะออกมาน้อยๆ ทันทีที่เห็นคนดีใจเกินเหตุ มึงไม่กลัวเลยเหรอ มึงช่างกล้าหาญซะจริงๆ
ผมในตอนนี้แต่งตัวด้วยชุดลำลองธรรมดาๆ ที่หาได้จากห้องของไอ้ธีร์ พวกเราเดินลงมาจากชั้นบน เดินมาเรื่อยๆ จนถึงโถงด้านล่างที่ดูหรูหรา บนโต๊ะอาหารอัดเต็มไปด้วยกับข้าวที่ดูน่ารับประทาน ผมเหงื่อตก และนั่งลงตรงที่นั่งฝั่งซ้าย รู้สึกโล่งอกเล็กน้อย เพราะคนที่พวกเราต้องพบ ยังคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงหน้า
"รอแปบนึงนะจ๊ะ คุณพ่อกำลังลงมา" ผมสะดุ้งตัวเล็กน้อยทันทีที่มีมือสวยๆ วางลงบนไหล่ของผม คุณแม่ของไอ้ธีร์พูดเสร็จแล้วก็เดินมานั่งลงที่ตรงหน้าพวกเรา ส่งยิ้มหวานพราวเสน่ห์ แทบไม่ต้องบอกเลยว่า ใบหน้าของไอ้ธีร์นั้น ได้ใครมาเยอะขนาดนี้
"ฟา เมื่อคืนนอนสบายไหมลูก" ผมกระอักกระอ่วนทันทีที่โดนถามคำถามนั้น
"ครับ สบายมากครับ" ผมพูดและเหลือบตามองไอ้ธีร์ที่นั่งข้างๆ พวกเราจ้องตากันเป็นนัยๆ และนั่นทำให้คุณแม่ของมันหัวเราะร่า
"ถ้าชอบก็มานอนบ่อยๆ นะ แม่อยากให้ธีร์เขากลับมาบ้านบ้าง แม่คิดถึง น้องธัญก็บ่นคิดถึงพี่ชายอยู่ทุกวัน"
"มีพี่ธีมอยู่ ธัญก็ไม่เหงาหรอกครับ"
"แต่ธีมไม่ยอมมานอนที่นี่กับแม่นี่นา เด็กคนนั้นดื้อจะตาย" ผมมองคุณแม่ยังสาวของไอ้ธีร์ที่กำลังพูดแบบตัดพ้อเหมือนเด็กๆ
"เอาไว้วันหลัง ผมจะชวนให้พี่มาค้างละกัน"
"ต้องแบบนี้สิลูกชายแม่ เนอะ ฟาต้องจับไว้ให้แน่นๆ นะลูก ผู้ชายแบบนี้น่ะ" ผมที่ได้ยินประโยคสุดท้ายนั้นน้ำที่กำลังยกดื่มก็แทบจะพุ่งพรวดออกจมูก เดี๋ยวนะ เมื่อกี้คุณแม่ว่าไงนะ!
"รอนานกันหรือเปล่า" เสียงอีกเสียงที่ดังขึ้นทำให้ผมลุกพรวดแบบอัตโนมัติ
"ไม่เป็นไร นั่งๆ ทานข้าวกัน" ผมก้มหัวขอบคุณคุณพ่อของไอ้ธีร์ที่เดินเข้ามา และก็ต้องอื้อหือ นี่ท่านรัฐมนตรีตัวจริงเสียงจริง เพิ่งเคยเห็นตัวเป็นๆ ก็วันนี้แหละ หน้าตาที่ดูก็รู้ว่าตอนหนุ่มๆ ต้องแซ่บขนาดไหน ความสูงของไอ้ธีร์รู้เลยว่าได้มาจากใคร
"คุณพี่คะ นี่ไงที่บอก หนูฟาค่ะ" คุณแม่ของไอ้ธีร์แนะนำผม แต่ทำไมต้องใช้คำที่ทำให้ผมดูน่ารักน่าชังขนาดนั้นด้วยละคร้าบ
"สวัสดีครับ ขอโทษที่มารบกวนครับ" ผมพูดและไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น ก้มหน้าจ้องข้าวต้มกุ้งที่วางอยู่ตรงหน้า
"เป็นเด็กขี้อายค่ะ น่ารักใช่ไหมคะ" ผมรู้สึกว่าตัวผมเหมือนกำลังถูกสายตาสแกนไปมา นี่ทำให้ผมยิ่งตัวแท็งทื่อ มือไม้อ่อนแรงถือช้อนไม่มั่นคงเลยทีเดียว
"เป็นครั้งแรกที่เห็นเจ้าธีร์พาใครมาที่บ้าน สนิทกันมากสินะ"
"ค.ครับ สนิทกันตั้งแต่ม.ปลายครับ" ผมพูดและทำกุ้งในช้อนตกกระจายลงในถ้วยตามเดิม
"ไม่ต้องเกรงใจ ทำตัวตามสบายเถอะ" ผมหายใจเข้าออกผ่อนคลายตัวเอง จะเกร็งอะไรขนาดนี้วะกู
"แล้วธีร์ เรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง" คุณพ่อของไอ้ธีร์พูดต่อและเหลือบมองลูกชาย
"ก็ดีครับ"
"ไม่ใช่แค่ก็ดี แต่แกต้องทำให้ได้อย่างที่แกอวดเก่งเอาไว้ ถ้าขืนผลการเรียนไม่เป็นอย่างที่หวัง แกรู้ใช่ไหมว่าจะต้องไปที่ไหน"
"ไม่เอาน่าคุณพี่ เรื่องเรียนธีร์ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยนะคะ เรียนที่เดียวกับธีม พี่น้องก็จะได้ดูแลกันได้อีกด้วย"
"เธอก็เอาแต่เข้าข้างลูก"
"เปล่าซะหน่อยค่ะ" คุณแม่ไอ้ธีร์พูดพลางแอบขยิบตาให้ลูกชาย แหม่ ปกป้องกันดีเชียว
"แล้วเรา ชื่ออะไรนะ" ผมที่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกชวนคุยอีกแล้ว รีบละล่ำละลักตอบทันที
"ฟะ.ฟาครับ"
"ชื่อดี พ่อแม่ทำงานอะไร"
"เป็น นักดนตรีครับ สอนดนตรีด้วย"
"เหรอ สอนที่ไหน"
"ตอนนี้อยู่ต่างประเทศทั้งสองคนครับ เดินสายทั่วโลก" ผมพูดเรื่องของครอบครัวผมด้วยเสียงอ้อมแอ้มไม่มั่นใจ เพราะว่าตระกูลของผมไม่ใช่ตระกูลเก่าแก่ผู้ดีอะไรถ้าเทียบกับความสูงศักดิ์ของบ้านนี้
"หืมม ไม่ธรรมดาเลยนี่" ผมยิ้มน้อยๆ ที่ได้ยินคำชมของคุณพ่อไอ้ธีร์
"ครับ"
"แปลว่าเราก็เล่นดนตรีเก่งสิ" ผมชะงักเล็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้น
"พอได้ครับ แต่ว่าผมไม่ค่อยชอบ" ผมรู้สึกว่าคุณพ่อไอ้ธีร์เงยหน้าขึ้นจากอาหาร จ้องมองผมแบบไม่ค่อยเข้าใจ
"แล้วเราชอบอะไรล่ะ"
"ผมอยากเป็นดีไซน์เนอร์ครับ" สีหน้าของพ่อไอ้ธีร์ดูผิดหวังเล็กน้อย ช่างเหมือนกันเลยนะ เหมือนพ่อแม่ของผม
"ฉันว่าทางเลือกอื่นๆ ที่ดีกว่ายังมีอีกมากนะ อาชีพที่ไม่รู้ว่าจะไปได้ดีหรือเปล่าแบบนั้น มันไม่มั่นคง"
"แล้วแบบไหนละครับที่มั่นคง หมอเหรอ" ผมเริ่่มเดือดนิดๆ ที่ได้ยินอะไรแบบนั้น
"ใช่ หมอเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และธีร์ก็จะเป็นหมอที่เก่งมากๆ"
"ถึงเขาจะไม่ชอบเหรอครับ"
"ฟา" ไอ้ธีร์เรียกชื่อผมเบาๆ
"ผมคิดว่าอาชีพทุกอาชีพก็มีเกียรติทั้งนั้น" ผมยังคงพูดต่อ และก็คิดว่าผมพูดมากเกินไปแล้ว
"เด็กๆ จ๊ะรีบทานเถอะ" คุณแม่ของไอ้ธีร์ยิ้มแย้มและเริ่มเบี่ยงประเด็นออกไป
"คุณพี่คะ เรื่องงานเลี้ยงคืนนี้..."
"อืม จะพูดอยู่พอดี ธีร์...แกต้องไปด้วย"
"เอ๊ะ แค่พาน้องธัญไปก็พอมั้งคะ"
"ไม่ได้ งานนี้ท่านนายกก็มาด้วย แถมยังพาลูกๆ มากันครบ"
"ผมต้องอ่านหนังสือคืนนี้ พรุ่งนี้มีมีสอบย่อย"
"เห็นไหมคะคุณพี่ ให้ธีมไปแทนก็ได้นี่คะ"
"ไม่ได้ แกเป็นลูกชายฉัน" ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย พ่อมันพูดเหมือนพี่ธีมไม่ใช่ลูกชายของเขา
"ลูกสาวของท่านทูตเขาเพิ่งกลับจากเมืองนอกด้วย แกยิ่งควรจะไป" พอฟังมาถึงตรงนี้ หัวใจของผมก็เต้นรัวด้วยความปวดหนึบในใจ อีกแล้ว อีกแล้วงั้นเหรอ เรื่องแบบนี้ พอทีได้ไหม
"ผมไม่ไป" ผมหันมองคนข้างๆ ที่มีสีหน้าเย็นชาและดูท้าทาย
"คุณพี่คะ" ผมมองความขัดแย้งของหลายๆ ฝ่ายบนโต๊ะอาหาร บางทีผมไม่ควรอยู่ตรงนี้เลย
"คุณพี่ก็รู้นี่คะ ว่าลูกมีแฟนอยู่แล้ว"
"แล้วไหนละ แฟนที่มันให้ความสำคัญนักหนา ถ้ารักกันมากทำไมถึงไม่พามาสักทีล่ะ"
"ผม..." ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็โพล่งขึ้นทันที ผมรู้สึกเหมือนในอกจะระเบิด ทั้งๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้ แต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ผมอยากจะตะโกนออกไป อยากตะโกนออกไปดังๆ ว่าผมนี่แหละ ผมนี่แหละ...
แต่ทุกสิ่งที่ผมคิดก็ไม่ได้พลั่งพลูออกมา ร่างกายของผมสั่นเทาเล็กๆ ทุกคนบนโต๊ะอาหารหันมาจ้องมองผม รอคำพูดที่จะเปร่งออกมา
"..." ผมได้แต่นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น เหงื่อไหลซึมออกจากใบหน้าทั้งๆ ที่อากาศในห้องนี้ เย็นจนกระจกเกาะเป็นไอ
ภายในหัวของผมนั้นมันตีกันสับสนวุ่ยวาย ความกลัวแผ่กัดกินจิตใจของผม ห้ามผมให้ลังเลที่จะพูดทุกสิ่งออกไป ถ้าพวกเขารับไม่ได้ล่ะ ถ้าผมกับไอ้ธีร์ต้องแยกจากกันไป สู้พวกเราอยู่แบบนี้เงียบๆ อยู่ด้วยกันตลอดไปไม่ได้เหรอ
"ฟาเขาคงรู้สึกอึดอัด ต้องขออภัยคุณพ่อด้วย แต่พวกเราขอตัวก่อน" หลังจากที่คนข้างๆ ผมพูดขึ้น มือของผมถูกดึงและพาเดินกลับมายังห้องนอนด้านบน ตลอดเส้นทางเดินที่พาผมขึ้นไปนั้น ผมอยากตีอกชกหัวตัวเอง ในหัวใจร้อนลุ่มดั่งไฟ เก่งนักไม่ใช่หรือไง แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่ไอ้ขี้แพ้อยู่ดี
"ฟา" ผมถูกจับให้นั่งลงที่เก้าอี้ตัวนุ่ม เหม่อลอยหมกมุ่นอยู่กับความผิดหวังในหัวใจ
"ไม่เป็นไร อย่าฝืนตัวเอง" ความอบอุ่นของฝ่ามือที่เกาะกุมมือของผมไว้ ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ของความปวดร้าว ผมมองเข้าไปในแววตาของคนตรงหน้า รอยยิ้มบางๆ ที่ฉาบอยู่บนริมฝีปากสวยนั้น มึงไม่ได้ผิดหวังหรอกเหรอ คนแบบกู มันน่าสมเพชใช่ไหม
"ลูกสาวท่านฑูตที่คุณพ่อพูดถึง ก็แค่เพื่อนสมัยเด็กที่ไม่ได้เจอกันมานาน ไม่มีอะไรต้องคิดมาก เพราะไม่ว่ายังไง คนเดียวที่อยู่ในหัวใจก็คือฟา แค่ฟาเท่านั้น" จุมพิตอ่อนโยนที่ประทับลงบนมือของผมทำให้ผมอยากที่จะร้องไห้ออกมา นี่เป็นแค่เพียงขั้นแรกเท่านั้น แค่เพียงขั้นแรกผมก็ไม่มีความกล้าพอซะแล้ว และสิ่งที่ผมคิดจะทำต่อไปล่ะ สิ่งที่ผมตั้งใจจะทำเพื่อไอ้ธีร์ ผมจะทำมันได้จริงๆ เหรอ ผมเริ่มไม่มั่นใจซะแล้ว
"งั้นคืนนี้มึงก็ไปเถอะ" ผมพูดบอกคนรักให้สบายใจว่าผมไม่ได้คิดมากอะไร
ขอโทษนะไอ้ธีร์ ขอโทษที่กูทำให้มึง ต้องผิดหวัง...