In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#47 ปีกสีขาวที่หวนคืน][END](12/8/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: In The Shadows' เงาหลอน ซ่อนรัก '[YAOI][#47 ปีกสีขาวที่หวนคืน][END](12/8/63)  (อ่าน 22372 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เป็นเรื่องแรกที่สามสิบตอนแล้วแต่เรื่องราวยังไม่กระจ่างสักทีว่าใครดีใครร้าย  เพราะทุกอย่างที่รับรู้มาจากความคิดประสบการณ์ของไวท์คนเดียว

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 30 ปิศาจที่แท้จริง


ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในสถานที่ที่เปลี่ยนแปลงไปอีกแล้ว สัมผัสจางๆ จากร่างกายของผม ยังคงไม่จางหาย มันเหมือนกับความฝัน ความฝันของพวกเราที่ได้อยู่ด้วยกัน และมันก็จบลงเพียงชั่วอึดใจ

"ไวท์" ผมเลื่อนสายตามองไปยังคนที่กำลังเรียกผม พี่เบลล์งั้นเหรอ ทำไมถึงเป็นที่นี่...

"ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ" ผมพูดเบาๆ อย่างคนอ่อนแรง มองดูตัวเองที่นอนอยู่บนเก้าอี้บุนวมตัวยาวของร้านกาแฟ

ซินปล่อยผมงั้นเหรอ หึ ไม่สมกับเป็นซินเลยนะ

"เรื่องนั้นพี่ไม่รู้หรอก ยังไงก็พักก่อนเถอะ"

"ขอบคุณนะครับ แต่ไม่มีอะไรครับ ขอโทษที่รบกวนจริงๆ" ผมลุกขึ้นยืนด้วยขาที่อ่อนแรง ผมจะต้องไปแล้ว ผมต้องไปหาคุณยาย

"ไวท์" พี่เบลล์เรียกผมที่กำลังค่อยๆ เดินออกจากร้านเอาไว้ "บางที สิ่งที่ไวท์เชื่อ มันอาจจะไม่จริงก็ได้นะ" ผมหันกลับไปมองพี่เบลล์และส่งยิ้มให้อย่างอ่อนแรง

"ผมไม่รู้ว่าพี่พูดถึงอะไร แต่...ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็น" ผมพูดและก้มหัวขอบคุณพี่เขาอีกครั้ง ก่อนจะออกมาจากร้าน

ในตอนนี้นั้นผมเหนื่อยล้าเหลือเกิน แค่เพียงยิ้ม แค่เพียงเปร่งเสียง แค่เพียงหายใจ ผมรู้สึกปวดร้าว ไร้สิ้นกำลัง เหมือนกับทุกสิ่งกำลังสูญสลาย

ผมเดินไปช้าๆ เดินไปเรื่อยๆ เป็นเวลานาน ถึงแม้ในสมองไม่ได้คิด แต่เท้าของผมก็ยังคงเดินต่อไปยังที่เดิมๆ ที่ที่มีความหมายสำหรับผม

ผมยืนมองภาพผืนดินที่เคยมีบ้านมีร้านค้าตั้งอยู่ แต่บัดนี้เหลือแต่เพียงเศษซากความทรงจำ ซากปลักหักพังที่ถูกเพลิงไหม้ ที่นี่เป็นบ้านของผม เป็นที่ที่ผมรู้สึกอุ่นใจ เป็นที่สุดท้าย มีคนสุดท้ายที่ผมรัก และทุกสิ่งก็ได้จากไป จากไปแล้วตลอดกาล

ผมเดินเท้าจากที่นั่นไปยังโรงพยาบาลใกล้ๆ ที่นำศพของคุณยายไปเก็บไว้ ผมไม่ได้ร้องไห้ ในขณะที่นั่งลงข้างๆ ร่างของคุณยายที่มีผ้าคลุมเอาไว้ ความเจ็บปวด ความสูญเสียในชีวิตผม มันมีมากเกินพอแล้ว น้ำตามันไม่ได้ช่วยให้ผมได้คุณยายกลับคืนมา ผมไม่อยากร้องไห้ ผมไม่อยากให้ท่านต้องเห็นผมทุกข์ใจ

"ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมคงตามไปอีกไม่นาน" ผมพูดและเลื่อนมือไปแตะเบาๆ ที่ร่างไร้วิญญาณของผู้มีพระคุณ หลับให้สบายนะครับ ขอบคุณที่ช่วยคนอย่างผม คนที่ไม่เคยมีใคร และต่อไปนี้ ก็ไม่มีอีกต่อไป

"ไวท์" ผมยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้ว และไม่ได้สนใจเสียงเรียกที่ดังอยู่ข้างๆ ผม

"เสียใจด้วยนะ" ผมค่อยๆ เงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม เป็นคนที่ผมเรียกหา คนที่ทำให้ซินโกรธเคืองยิ่งกว่าใครๆ

"ผมไม่เป็นไร" ผมพูดและเหม่อมองออกไปตามเดิม

"ขอบคุณที่เรียกหาฉัน" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"อาจารย์ ได้ยินด้วยเหรอ" ผมถามอาจารย์ที่กำลังนั่งลงข้างๆ

"แน่นอน ฉันอยู่ทุกที่ที่เธอต้องการ" อาจารย์พูดและยิ้มน้อยๆ

"ขอบคุณครับ" ผมพูดเบาๆ และมองอาจารย์ที่จ้องมองผม

"พรุ่งนี้ฉันจะจัดการเรื่องคุณยายของเธอเอง วันนี้เธอไปกับฉัน อยู่กับฉัน" ผมมองอาจารย์ที่พูดอย่างใจดี

"ขอบคุณครับ แต่ผม..."

"อย่าปฏิเสธฉันเลย เธออยากให้ฉันช่วยไม่ใช่เหรอ" ผมรู้สึกแปลกๆ ทันทีทีี่อาจารย์พูดแบบนั้น

"ครับ" ผมตอบรับอาจารย์ ทางเลือกของผมนั้นน้อยนิด ไม่ใช่สิ มันไม่มีเลยต่างหาก

หลังจากที่ผมนั่งเฝ้ามองร่างที่ไร้วิญญาณของคุณยายอยู่หลายชั่วโมง ผมก็ตัดสินใจเดินตามอาจารย์ไป เพื่อพักผ่อน เพื่อสงบจิตใจ ในหัวใจของผมตอนนี้มันปวดร้าวเหลือเกิน ผมเหมือนกับกำลังตายลงช้าๆ ด้วยความเจ็บปวดที่กัดกินหัวใจ

อาจารย์พาผมขึ้นรถ และออกเดินทางไปยังสถานที่เดิมที่ผมเคยมา ผมเพิ่งรู้ ว่าอาจารย์นั้นพักอยู่ที่ตึกห้องสมุดนั้นงั้นเหรอ คิดว่าอาจารย์จะมีบ้านที่แยกออกจากที่นี่ซะอีก พวกเรานั้นไม่ได้คุยกัน ผมเฝ้าแต่มองออกไปนอกกระจกอย่างเลื่อนลอย พรุ่งนี้ ผมจะพาคุณยายไปสถานที่ที่คุณยายน่าจะชอบ ผมจะพาคุณยายกลับสู่ผืนดิน เพราะคุณยายเคยบอกผมเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ขอแค่นำท่านไปฝังในที่ที่ร่มเย็นก็พอ

ไม่นานนักพวกเราก็มาถึงที่หมาย ผมลงจากรถและเดินตามอาจารย์เข้าไปยังเส้นทางเดิมที่ผมเคยเดินผ่าน ทางเดิมที่มืดครึ้มไปด้วยต้นไม้สองข้างทาง ผมเริ่มกอดตัวเองไว้ บรรยากาศที่แสนเย็นเยือกเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง และลมที่พัดเบาๆ ก็เริ่มโหมแรงขึ้นมา

"อาจารย์ครับ" ผมเริ่มเรียกอาจารย์ที่เดินนำหน้าผม อาจารย์เดินนิ่งๆ เหมือนไม่รู้สึกสะทกสะท้านใดๆ ในสายลมแรงนี้

"ทำไมถึงเป็นแบบนี้ทุกทีที่ผมมาที่นี่" ผมเริ่มตะโกนถามอาจารย์ และใช้แขนกันกระแสลมไว้

"มีคนไม่อยากให้เธอมาที่นี่" อาจารย์ยังคงเดินอย่างสบายๆ และหันมาหาผม

"ซิน งั้นเหรอ" ผมพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

"มาเถอะ ถ้าเธอปรารถนาที่จะเข้าไป มันก็พาเธอกลับไปไม่ได้หรอก" อาจารย์พูดและจับมือผมไว้แน่น ให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าพร้อมกัน

ซินงั้นเหรอ ทำไมถึงพยายามทำแบบนี้อีก พวกเราขาดกันแล้วใช่ไหม ทำไมถึงไม่ปล่อยผมไปสักที

ผมคิดและเริ่มเจ็บปวดในหัวใจอีกครั้ง ผมพยามลบภาพของซินออกไปจากหัว ลบทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเรา หยุดเถอะ พอสักที ผมไม่ต้องการนายอีกแล้ว

ผมหลับตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมา เดินตามแรงจูงของคนด้านหน้า ที่กำลังพาผมไป พาไปยังที่ปลอดภัย

"มาสิ" ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง และพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าบันไดของตึกห้องสมุดหลังเก่า ผมเดินตามอาจารย์ที่นำหน้าไปอีกครั้งด้วยหัวใจที่เหนื่อยล้า

ที่นี่ในยามนี้นั้นปิดแล้ว ไม่มีนักศึกษาคนไหน มีแต่เพียงชั้นหนังสือเก่าๆ ทางเดินที่มืดสลัวเล็กน้อย และกลิ่นของหนังสือที่เคยทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย แต่ทำไมตอนนี้มันถึง เหมือนกับมีกลิ่นสาป กลิ่นที่ทำให้ผมรู้สึกกลัวอยู่ภายใน

ผมเดินตามอาจารย์ต่อไป ไปยังชั้นลอยที่อยู่ด้านบนซึ่งเป็นห้องทำงานของอาจารย์ ผมรู้สึกแปลกๆ ทุกย่างก้าวที่เดิน เหมือนกับมีคนกำลังจ้องมองผมอยู่ ทำไมผมถึงรู้สึกกลัวขนาดนี้

"ยินดีต้อนรับ" อาจารย์เปิดประตูห้องทำงานเข้าไปและทำมือให้ผมเดินเข้ามา ผมรีบเดินและรีบปิดประตูทันที และนั่งลงที่โซฟาตัวเดิมที่ผมเคยนั่ง

"อาจารย์ นอนที่นี่เหรอครับ" ผมถามและมองไปรอบๆ ห้องทำงานของอาจารย์ ทุกอย่างที่นี่ยังคงเหมือนเก่า ชั้นหนังสือ ข้าวของแปลกๆ และโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่

"เห็นห้องนั้นไหม" อาจารย์ชงชาให้ผมพลางมองไปที่ประตูด้านขวาที่ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อน ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัยและอาจารย์ก็คงรู้ได้

"เธอไม่เคยสนใจมันต่างหาก จริงๆ มันมีอยู่นานแล้วนะ" อาจารย์พูดและยื่นชาร้อนๆ ให้ผม

"ร.เหรอครับ" ผมถือชาไว้ในมือและตัดสินใจวางมันลงบนโต๊ะด้านหน้า

"คือ ผมรู้สึกอยากล้างหน้าล้างตาจังเลยครับ ง่วงแล้วด้วย" ผมพูดและมองอาจารย์ที่กำลังจ้องมองผมเขม็ง

"จะอาบน้ำด้วยก็ได้นะ เสื้อผ้าฉันมีเปลี่ยนให้" อาจารย์มองเสื้อสีขาวของผม ชุดนี้ซินให้ผมมา มันเป็นของซิน

"ครับ"

"ถ้าอย่างนั้นก็ตามฉันมา" ผมพยักหน้าให้อาจารย์ และลุกขึ้นเดินตามอาจารย์ไปยังบานประตูสีดำทางขวามือ ผมกำมือแน่นอย่างตื่นกลัว ทำไมผมถึงรู้สึกอึดอัดแบบนี้นะ ทำไมถึงรู้สึกอย่างวิ่งออกไปจากที่นี่ขนาดนี้

ประตูถูกเปิดออกช้าๆ ผมได้กลิ่นไอของไม้เก่าๆ และมองทางเดินตรงหน้าที่มืดสลัวจนแทบจะไม่น่าเดินเข้าไป ตึกห้องสมุดนี้มันกว้างใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ ที่นี่เหมือนกับเป็นที่ที่แยกออกจากตัวตึกนั่น แต่ยังคงบรรยากาศอึมครึมแบบเดิม ผมเดินตามอาจารย์ที่นำหน้าไป ผ่านกรอบรูปเก่าๆ หลายบานที่อยู่บนผนัง ประตูไม้ที่ถูกปิดไว้หลายห้องที่ผมเดินผ่าน มันทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในนั้น ที่นี่เป็นตึกไม้ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

"อยู่ตรงมุมนั้น ถ้าเสร็จแล้วก็ออกมาหาฉันที่ห้องทำงานแล้วกัน" อาจารย์มองผมด้วยรอยยิ้มและทำมือให้ผมเดินต่อไป

ผมกลืนน้ำลายลงคอและเดินต่อไปตามที่อาจารย์บอก ผมมองประตูบานสีเขียวเก่าๆ ที่ถูกปิดไว้ และค่อยๆ เปิดเข้าไปช้าๆ  แล้วห้องนอนผมคือห้องไหนกันนะ ลองถามอาจารย์ดูก่อนละกัน

แต่ผมที่คิดแบบนั้นก็หันหลังกลับไปทันที แต่ผมที่คิดว่าจะเจออาจารย์นั้นก็ต้องหยุดชะงัก ทางเดินที่ค่อนข้างยาวตรงหน้านั้นไม่มีใครอยู่ หายไปไวจัง หรือจะเข้าไปในห้องข้างๆ กันนะ

ผมยืนมึนอยู่สักพักและตัดสินใจเข้าไปในห้องน้ำ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยในนี้ก็ไม่ค่อยดูน่ากลัวเท่าไหร่ เป็นห้องน้ำที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่มาก พื้นกระเบื้อง และกระจกเงาขนาดใหญ่ มีอ่างอาบน้ำด้วย แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย

ผมค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกช้าๆ และมองชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำที่วางอยู่ที่หน้ากระจก คล้ายกันเลยนะ แต่กลับเป็นสีที่ตรงกันข้ามกัน

ผมที่ถอดเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เปิดน้ำและลงไปแช่ในอ่างนั้น ผมนั่งอย่างเหม่อลอยและพิงคอเข้ากับผนังเย็นๆ พลางคิดถึงคนที่ทำให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่ ทุกอย่างก็เพราะนาย พรากทุกสิ่งจากผมไป ทั้งคนสำคัญ และหัวใจของผม พรากไปและทำลายมันจนแหลกละเอียด ทำไมถึงไม่ฆ่าผมสักที

ผมคิดและก้มหน้าร้องไห้อย่างปวดร้าว ผมอดทนทุกอย่างเสมอมา ทำเหมือนเข้มแข็งทั้งๆ ที่อ่อนแอเหลือเกิน ผมแทบหมดเรี่ยวแรงที่จะหายใจ ผมเจ็บปวดทรมาน ผมอยากหายไปเหลือเกิน ไปในที่ที่ผมจะไม่รู้สึกใดๆ อีก

แกร่กๆ

แต่ผมที่นั่งร้องไห้อยู่ในอ่างนั้นก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ที่ชั้นวางหน้ากระจก ผมเกาะขอบอ่างน้ำและค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปมองดูตรงแถวที่ได้ยินเสียงนั้น ผมมองดูขวดแชมพูเล็กๆ ที่ตกลงมาจากชั้น และของเหลวในขวดนั้นกำลังไหลออกมา ไหลออกมาจนเจิ่งนองที่พื้น

ครืดดด

และผมที่นั่งในอ่างน้ำนั้นก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง ผมได้ยินเสียงแปลกๆ ที่ดังขึ้นตรงใกล้ๆ กับที่เดิม ผมเริ่มเคลื่อนตัวจากขอบอ่างนั้น ถอยหลังออก และมองดวงไฟสีส้มในห้องน้ำที่กำลังเริ่มกระพริบ และทำให้ผมหน้ามืดไปหมด

"อะไร ไม่นะ" ผมเริ่มหวาดกลัวและปิดหูตัวเองไว้ เสียงแปลกๆ ยังคงดังต่อเนื่องและดังต่อไปเรื่อยๆ จนไฟที่กระพริบนั้นค่อยๆ ติดสว่างดังเดิม และทุกอย่างก็พลันสงบลง

ผมเงยหน้าจ้องมองดวงไฟบนเพดาน ไปแล้วเหรอ ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม

ผมคิดและค่อยๆ กวาดตามองไปรอบๆ ห้องน้ำอีกครั้ง และทันทีที่ผมมองไปที่กระจกนั้น ผมก็ต้องตัวแข็งทื่อทันที ผมรีบลุกขึ้นจากอ่างน้ำและนั่งลงหลบมุมอยู่ใกล้ๆ ประตู ผมมองของเหลวสีแดงที่กำลังเปรอะอยู่บนบานกระจก นั่นมันอะไรกัน ผมต้องรีบออกไป ผมต้องไปหาอาจารย์

ผมตัวสั่นและรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าชุดเดิม ที่นี่เป็นที่พักของอาจารย์นะ ทำไมถึงยังมีผีพวกนี้ได้ พวกมันต้องการอะไร ทำไมถึงมาแกล้งให้ผมกลัวอีกแล้ว

แต่ผมที่กำลังติดกระดุมเสื้อเชิ๊ตนั้นก็ต้องชะงักอีกครั้ง ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และค่อยๆ หันไปมองที่บนกระจกบานใหญ่ตรงหน้าใหม่ ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นๆ กับรอยเลือดบนกระจกนั่น มันเป็นเหมือนกับรูปภาพแปลกๆ ที่ผมเคยเห็น ผมเคยเห็นมันเมื่อนานมาแล้ว

ผมค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ ไปยังกระจกที่ยังคงมีรอยเลือดไหลเป็นทางยาวอยู่บนนั้น ผมค่อยๆ เอื้อมมือออกไป และแตะลงที่ตรานั่น ถึงจะดูยุ่งเหยิง แต่ก็ยังคงมองออก ผมมองรูปภาพบนบานกระจกด้วยแววตาสั่นระริก และมองท่อนแขนของผมที่กำลังมีรอยจางๆ กำลังปรากฎขึ้นและมันทำให้ผมแทบหยุดหายใจ

"เป็นไปได้ยังไงกัน ไม่นะ ออกไปนะ" ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นกลัว และพยายามขูดเนื้อที่แขนของตัวเองจนเป็นรอยแดง ผมมองสัญลักษณ์คล้ายๆ รูปดาวห้าแฉกที่แสนยุ่งเหยิงและมีดวงตาอยู่บนนั้น มันเป็นสัญลักษณ์แรกที่ปรากฎบนบานประตูของผมเมื่อนานมาแล้ว และเคยปรากฎบนแขนของผมและหายไปแล้วเช่นกัน ทำไมมันถึงกลับมา เพราะอะไรกัน

ผมมองรอยเลือดบนบานกระจกและมองรอยสัญลักษณ์ที่อยู่บนแขนของผม มันคือตราเดียวกัน ทำไม ใครกันที่ทำแบบนี้ และใครกันที่กำลังพยายามบอกผม

"ไวท์"

ผมสะดุ้งอีกครั้งทันทีที่ได้ยินเสียงแปลกๆ ที่ข้างหู ความตกใจทำให้ผมถอยรูดลงไปที่มุมห้องอีกครั้ง พลางมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง

"ว.ไวท์"

แต่ผมที่ได้ยินเสียงขาดๆ หายๆ นั่นก็ต้องลุกขึ้นใหม่อีกครั้งทันที เจ เสียงเจงั้นเหรอ ทำไม ทำไมถึงอยู่ที่นี่

"เจ" ผมเรียกเพื่อนที่เหมือนกำลังจะพูดกับผม เจงั้นเหรอ อยู่ที่นี่จริงๆ สินะ ผมเคยได้ยินเสียงนายครั้งหนึ่ง และก็ใช่จริงๆ

แต่ความคิดของผมที่กำลังดีใจนั้นก็พลันหยุดลง เสียงของเจ ที่นี่ตึกห้องสมุด ที่ของอาจารย์นาธัส

ผมเริ่มคิดและหันมองรอยเลือดบนกระจกเงาอีกครั้ง ตราสัญลักษณ์นี้ก็เคยอยู่บนตัวเจเช่นกัน ผมค่อยๆ ถกเสื้อเชิ๊ตและหันหลังเข้าหากระจก ผมมองเงาสะท้อนด้านหลังของผม และมันทำให้ผมแทบทรุดลงทันที

สัญลักษณ์ของซินนั้นกำลังจางลงและจางลงเรื่อยๆ ในขณะที่แขนของผม สัญลักษณ์หนึ่งกำลังชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นะ ไม่จริง

ก็อกๆๆๆ

ผมสะดุ้งทันทีและถอยหลังเข้าไปชิดผนังห้องน้ำด้วยความสั่นสะท้านไปทั้งตัว ผมมันโง่ ผมมันเป็นไอ้โง่

ซาตานไม่ได้มีแค่ซิน แต่คนที่ผมกำลังอยู่ด้วยนั้น คือคนที่หลอกลวงผม และทำให้ผมทำร้ายซิน ตั้งแต่ต้น ตั้งแต่แรก มันก็หมายเอาชีวิตผมมาตลอด

"ยังไม่เสร็จอีกเหรอ" ผมฟังเสียงของอาจารย์ที่กำลังพูดกับผม คำพูดนั้นยังคงเหมือนเดิม เป็นอาจารย์คนเดิมเหมือนอย่างที่เป็นมา

"มีอะไรหรือเปล่า ฉันเข้าไปนะ" เสียงของอาจารย์ฟังดูเยือกเย็น และประตูก็กำลังสั่นอย่างแรง

"ย..อย่าเข้ามา" ผมพยายามสะกดเสียงเอาไว้ไม่ให้สั่นกลัว และยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น

"ไวท์ มีอะไร แบบนี้ฉันต้องเข้าไปนะ" อาจารย์พูดและไม่ฟังคำพูดของผมอีกแล้ว ผมมองประตูที่ค่อยๆ เปิดออก และมองอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าประตู ด้วยสีหน้าที่ดูเป็นห่วง

"ผ.ผมแค่เป็นลมในอ่าง" ผมพูดและพยายามลุกขึ้นด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ผมมองไปที่บานกระจกอีกครั้ง ในตอนนี้รอยเลือดและทุกๆ อย่างกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว หายไปแล้ว

"ไม่เป็นไรนะ" อาจารย์ยื่นมือมาจับไหล่ผมและพาเดินออกไป

ผมกลั้นหายใจอย่างหวาดกลัว พลางเดินตามแรงที่อาจารย์กอดไหล่ผมเอาไว้ ผมต้องนิ่ง ผมต้องหนีออกไปแบบที่อาจารย์ไม่รู้ตัว แต่ผมจะทำยังไง ผมควรทำยังไงดี สำหรับผมแล้ว แม้ซินจะโหดร้ายแค่ไหน แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกกลัวเท่านี้เลย บรรยากาศรอบๆ ตัวอาจารย์นั้นดูอึมครึมและน่ากลัวกว่า เป็นแรงกดดันที่ทำเอาผมแทบคลั่ง

"นั่งลง และเล่าให้ฉันฟังสิ" อาจารย์จับไหล่ผมให้นั่งลงและนั่งลงตรงข้าม

ผมมองอาจารย์ที่ยื่นแก้วชาให้ผม และผมก็รับมันมาด้วยมือที่สั่นเทา

"ผมอยากกลับ ให้ผมกลับ ได้ไหมครับ" ผมพูดและจ้องมองอาจารย์ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้

"เธอกำลังถูกหลอกอีกแล้วนะ เธอไม่เชื่อฉันอีกแล้วเหรอ" ผมมองอาจารย์ที่เริ่มทำหน้าสลดลงและเอื้อมมือมาจับที่มือผมช้าๆ อาจารย์เหมือนกับรู้ทุกอย่างที่ผมคิดอยู่ในใจ

"อาจารย์จะบอกว่า ผมถูกซินหลอกอีกแล้วเหรอครับ" ผมมองอาจารย์ที่ทำหน้าเหมือนสิ่งที่ผมพูดนั้นถูกต้องแล้ว

"ความพยายามของมันร้ายกาจมาก และมันเกือบหลอกเธอสำเร็จแล้ว" อาจารย์ที่ทำสีหน้าจริงจัง แต่คนที่ร้ายกาจจริงๆ น่ะ ก็คือคุณต่างหาก คอยแต่บอกว่าซินหลอกผม ให้ผมเชื่อ และผมก็เชื่อมาตลอด

"ถ้าอย่างนั้น..." ผมรวบรวมกล้า ถึงจะกลัว แต่ผมก็ต้องรู้ให้ได้ ว่าความคิดของผมมันถูกต้อง "อาจารย์ช่วยถอดเสื้อ ให้ผมดูได้ไหม" ผมตัดสินใจและคิดว่าไม่ว่าอาจารย์จะพูดอะไร ถ้าผมได้เห็น ความจริงทุกอย่างจะปรากฎออกมา

ผมมองสีหน้าของอาจารย์ที่เริ่มเปลี่ยนไป อาจารย์จ้องมองผมนิ่งๆ เหมือนไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

"เธอคิดว่าฉัน เป็นพวกเดียวกับมันงั้นเหรอ" อาจารย์พูดและมองผมด้วยสีหน้าที่ดูผิดหวังเหลือเกิน

"ผมแค่อยากแน่ใจ ผมขอร้อง" ผมมองอาจารย์ที่ก้มหน้าลงมองพื้น ถ้าผมพลาด ผมจะกราบขอโทษอาจารย์เดี๋ยวนี้ แต่ถ้าไม่ ผมก็อาจจะไม่ได้มีชีวิตรอดต่อไป

อาจารย์ยังคงก้มมองพื้นด้วยสีหน้าที่ดูผิดหวัง แต่ทว่า ริมฝีปากบางของอาจารย์กลับเริ่มปรากฎรอยยิ้มขึ้นทีละน้อย และสุดท้าย ก็หัวเราะออกมาด้วยใบหน้าและรอยยิ้มที่ดูราวกับวิปริต

"เพื่อนโง่ๆ ของเธอนี่มันแสบจริงๆ"

และในที่สุด ผมนั้นก็ทายถูก...

ผมมองคนตรงหน้าที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ ด้วยแววตาที่เปลี่ยนแปลงไป ดวงตาสีน้ำตาลของอาจารย์กลายเป็นสีแดงราวกับเพลิงกำลังลุกไหม้ เสื้อเชิ๊ตสีขาวที่ดูเรียบร้อยของอาจารย์นั้น ในตอนนี้กำลังค่อยๆ ถูกเผาไหม้หายไป

ผมมองชั่วเสี้ยวนาทีก่อนที่ร่างกายของอาจารย์จะถูกปกคลุมด้วยชุดสีดำ รอยสัญลักษณ์บนอกนั่น เป็นรอยเดียวกับบนแขนของผมที่ปรากฎอยู่ตอนนี้ ปีกสีดำที่กางออกอย่างน่าเกรงขาม และกระพือแรงจนสิ่งต่างๆ รอบข้างร่วงกราวและแตกกระจายลงมา

ผมลุกขึ้น ถอยหลังไปติดประตูด้วยหัวใจที่อ่อนล้า นี่ล่ะชะตาชีวิตของผม มีแต่พวกปิศาจล้อมรอบ มีแต่สิ่งที่ทำให้ชีวิตผมต้องพบเจอแต่เรื่องโหดร้าย เรื่องที่ทำให้ผมเหมือนตายทั้งเป็น

"นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้เจอคนแบบเธอ" ผมมองปิศาจตรงหน้าที่กำลังนั่งอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแบบปกติ

"คนแบบเธอ ควรอยู่กับฉัน ไม่ใช่ซาตานจอมปลอมแบบมัน" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และยังคงสั่นกลัวทุกคำพูดของคนตรงหน้า ซาตานปลอมงั้นเหรอ

"ถ้ามันได้เธอไป ฉันก็แค่ต้องทำลายวิญญาณของเธอ ถึงจะน่าเสียดาย แต่ก็ดีกว่าต้องพ่ายแพ้"

"คุณเองสินะ ที่คอยตามฆ่าผม" ตอนนี้แน่ชัดแล้ว ไม่ต้องหาคำตอบอีกแล้ว

"เธอเป็นคนที่ทำให้ฉันสนุกมาก ฉันมีความสุขมากตอนที่เธอแทงไอ้ซาตานปลอมนั่นจนมันเลือดท่วมไปทั้งตัว ฮ่าๆๆ" ผมแทบหมดแรงตอนที่ได้ยินแบบนั้น การครอบงำที่ผมเคยได้ยินนั่นสินะ ผมทำร้ายซินจนเป็นแบบนั้น แต่ว่า ซิน...ก็ไม่เคยโกรธผมเลย

"ฉันจะทำทุกอย่าง เพื่อให้เธอกับมัน ไม่มีวันบรรจบกัน เธอจะเป็นดวงวิญญาณชั้นดีที่จะอยู่เคียงข้างฉันตราบชั่วนิจนิรันดร์" ผมมองปิศาจตรงหน้าที่กำลังทำหน้าชอบใจกับความคิดตัวเอง

แต่ยังมีอีกสิ่งที่ผมสงสัย คุณยาย...อาจจะไม่ใช่ซินที่ฆ่าคุณยาย

"คุณเป็นคนฆ่าคุณยายของผมด้วยใช่ไหม" ผมพูดและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำตอบนั้น...

"หึ ฉันไม่สนใจวิญญาณยายแก่นั่น แน่นอนว่าไม่ใช่ฉัน" หัวใจของผมในตอนนี้กลับมาเต้นช้าลงตามเดิม น้ำตาของผมค่อยๆ ไหลออกมาช้าๆ ก็ยังคงเป็นนายงั้นเหรอ คนที่ฆ่าคุณยาย บางทีความชั่วร้ายของอาจารย์นั้นก็ยังคงไม่เท่ากับสิ่งที่ซินทำ ผมรับไม่ไหวจริงๆ

"คุณบอกว่า คุณทำลายวิญญาณได้ใช่ไหม" ผมพูดและร้องไห้เบาๆ จ้องมองคนตรงหน้าที่ยังคงจ้องมองผมอยู่

"คุณช่วยผมได้ไหม" ผมพูดและน้ำตาก็ยังคงรินไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด "ทำลายผม...ทำให้ผม...หายไปตลอดกาล"

"ตามที่เธอต้องการ"

ในชั่วเวลาที่ราวกับแสนยาวนาน ผมมองอาจารย์นาธัสที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวช้าๆ เข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ผมกำลังจะหายไปแล้วใช่ไหม ในโลกที่แสนโหดร้ายนี้

ผมกำลังจะได้หยุดพัก ผมกำลังจะจากโลกนี้ไปแล้ว จากไปตลอดกาล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 16:34:01 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เดี๋ยวซินต้องมีเอี่ยวมาช่วยไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอีกแน่เลย
ไวท์นี่มัน...
อุตส่าห์รู้อะไรเพิ่มขึ้นมา รู้แล้วว่ามันเลว ยังจะเชื่อมันอีก
โอยยย ขัดใจ นี่ถามซินสักคำยังเนี่ยว่าฆ่ายายเหรอ
แล้วแต่เลยย อยากหายไปก็ไปเลย แล้วแต่!!

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ง่า...ค้างคา

ต้องไปรอลุ้นต่อในตอนหน้า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
น่ากลัวแฮะ อาจารย์เริ่มออกลายแล้วหรอ  :ling3:

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 31 Fallen Angels


ร่างกายของผมเหมือนกลับกำลังล่องลอยไป สายลมอุ่นๆ และแสงสว่างในดวงตาของผม ทำให้หัวใจของผมสงบลง แต่ความอบอุ่นนั้น ก็เพียงชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น ลมหายใจของผมเริ่มติดขัดและความเจ็บปวดทรมานก็เริ่มกัดกินหัวใจ

ในหัวของผมมีแต่เสียงกรีดร้อง เสียงคนที่ต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน เสียงขอร้องอ้อนวอนนับพัน ไม่สินับล้าน ทุกคนหวาดกลัว ทุกคนสิ้นหวัง ทุกอย่างดำดิ่งลงสู่ความมืด และร่างกายของผม ก็เริ่มร้อนรนราวกับลุกเป็นไฟ

"ไวท์!" ผมเหมือนกำลังถูกดึงอย่างแรง เสียงกรีดร้องในหัวค่อยๆ จางหายไป และดวงตาของผมก็เริ่มกลับมาสะท้อนแสงจ้าดั่งเช่นเดิม

ผมเริ่มได้สติ และเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองกำลังวิ่งอยู่ ผมอยู่ที่ไหนกันนะ ที่นี่มันที่ไหน และผมที่มองไปรอบๆ และมองคนที่กำลังจูงมือผมวิ่งนั้นก็ต้องตกใจทันที

ผมมองเจที่กำลังลากผมไปตามทางเดินที่มืดสนิท เป็นไปได้ยังไงกัน นี่ผมตายแล้วหรือกำลังฝันไปใช่ไหม

"คงอีกไม่นาน มันก็จะเจอเราแล้ว" เจพูดและทำสีหน้าร้อนรน ผมมองเจที่ตัวซีดเผือด เป็นเจจริงๆ ด้วย ผมดีใจเหลือเกิน

"เจ" ผมเรียกเพื่อน ขณะที่พวกเรายังคงวิ่งไปข้างหน้า

"ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ช่วยเจไว้ไม่ได้" ผมพูดและร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ผมอึดอัดอยู่ในหัวใจมากมายเหลือเกิน ผมอยากขอโทษเพื่อน เป็นเพราะผม เจถึงได้ตายไป

เจพาผมวิ่งต่อไปอีกสักพัก และหยุดเท้าลง ดึงผมให้หมอบลงที่ข้างทาง

"อย่าโทษตัวเองเลยไวท์ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย" เจพูดและจับมือผมเอาไว้แน่น

"หนีไปให้ได้ ผมไม่อยากให้ไวท์เป็นเหมือนผม" เจพูดด้วยสีหน้าเศร้าใจ

"แต่ผมก็แค่ต้องการหายไป"

"มันหลอกไวท์ มันจะทำให้ไวท์กลายเป็นทาสมัน" เจพูดและเขย่าตัวผมเบาๆ เป็นอย่างนั้นเองเหรอ ผมนี่มันโง่ซ้ำซ้อนจริงๆ

"ผมต้านไม่ไหวอีกแล้ว พลังของมันแข็งแกร่งเกินไป" เจพูดและใบหน้าก็ซีดลงมากกว่าเดิม

"ขอร้องล่ะ อีกแค่นิด..."

"กำลังเล่นสนุกกันอยู่เหรอ" แต่ผมกับเจที่นั่งอยู่นั้นก็ต้องตกใจทันทีที่มีใบหน้าโผล่มาจากด้านหลัง ผมลนลานหนีออกจากพุ่มไม้นั้นและมองเจที่กำลังลอยขึ้นจากพื้นด้วยความทรมาน

"น.หนีไป" ผมมองเจที่ดิ้นทุรนทุรายและพยายามบอกให้ผมหนี ผมส่ายหน้าไปมา ผมไม่ไป ผมไปไม่ได้ เห็นแบบนี้ผมจะทิ้งเพื่อนได้ยังไง

"ปล่อยเจเถอะครับ!" ผมร้องบอกอาจารย์ด้วยน้ำตา ผมมองเพื่อนที่ดิ้นรนราวกับจะขาดใจ และผมนั้นก็เจ็บยิ่งกว่า

"ม.มีแค่.ซิน ที่จะ ช่วย" ผมมองเจที่ยังคงพยายามพูดและอาจารย์นาธัสก็ดูจะโกรธยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งที่เจพูดออกมา

"ไม่มีใครหนีจากฉันได้!" อาจารย์พูดด้วยความโกรธและออกแรงบีบมากขึ้นจนใบหน้าของเจกลายเป็นสีเทาและผมได้แต่ร้องไห้ ร้องตะโกนขอร้องให้อาจารย์หยุด ผมควรจะต้องทำยังไงดี จะหยุดเรื่องนี้ยังไงดี

"ใครก็ได้ ได้โปรด" ผมร้องไห้และมองร่างของเจที่แน่นิ่งไป ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ผมมันทำอะไรไม่ได้เลย

"ทางนี้"

แต่ผมที่กำลังร้องไห้นั้นก็ได้ยินเสียงที่ก้องกังวานอยู่ในหัว ผมเช็ดน้ำตาที่อาบดวงตาจนฝ้ามัวและมองเข้าไปที่พุ่มไม้ มองเงาสีดำที่กำลังกระพือไหว เหมือนกับใกล้จะจางหายไปตลอดเวลา ผมหันกลับไปมองเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะตัดใจวิ่งสุดกำลังไปที่พุ่มไม้นั้น

ในห้วงเวลาที่เหมือนกับถูกบิดเบือนไป ผมรู้สึกล่องลอยอีกครั้งและครั้งนี้ไม่ได้ดูยาวนานเหมือนเก่า ผมหลับตา และปล่อยให้สัมผัสอบอุ่นราวกับกระแสลมพัดผมให้ล่องลอยไป ผมรู้สึกว่าเท้าของผมกำลังแตะลงพื้น และกลิ่นอายนี้ ความรู้สึกนี้ ทำไมผมถึงดูคุ้นเคยเหลือเกิน

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ในห้องที่มืดสลัว ผมค่อยๆ ปรับโฟกัสและขมวดคิ้วน้อยๆ จ้องมองไปรอบๆ ตัวด้วยหัวใจที่สั่นไหว ที่นี่ ห้องนอนสีดำ เตียงสีดำ เครื่องเงิน กระจกใสและลมพายุที่ด้านนอก ทำไมผมถึง....

"ทำไมถึงพามาที่นี่" ผมเงี่ยหูฟังเสียง เสียงนั้นเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยดี เป็นเสียงของคนที่ผมเคยรักหมดหัวใจ

"ขออภัยครับท่าน แต่ท่านสั่งให้ผม..."

"พาไปที่อื่น" ผมมองซินที่นั่งอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ และกำลังสั่งคนของตัวเอง คนคนนั้น...

ผมค่อยๆ น้ำตาไหลออกมาช้าๆ ผมมองผู้ชายคนหนึ่งที่ก้มหัวอยู่ข้างๆ ซิน และมีเงาสีดำจางๆ รอบๆ ตัว ผู้ชายคนนั้นมีดวงตาสีแดงจางๆ และผมจำได้ทันทีว่าคนคนนั้นก็คือคนที่คอยติดตามผม คำสั่งงั้นเหรอ เป็นคนของนายงั้นเหรอ

และภาพความทรงจำเก่าๆ ของผมก็เริ่มแทรกซึมเข้ามา ผมจำได้แล้วในคืนที่ผมพบซินครั้งแรก ผมเจอซินที่ชั้นลอยของไนท์คลับแห่งนั้น ซินที่นั่งอยู่ที่โซฟา และมีวิญาณสีดำติดตามอยู่ข้างๆ เป็นนายนี่เอง ผมถึงได้คุ้นเหลือเกิน แต่ก็นึกไม่ออกสักที

ผมค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ ไปยังที่ที่ซินนั่งอยู่ ผมมองซินที่สีหน้าเลื่อนลอยและไม่ได้หันมามองผม ผมไม่รู้ว่าผมควรพูดอะไร ผมได้แต่ร้องไห้เงียบๆ และมองคนที่คอยอยู่เคียงข้างผม ตอนนี้ซินเปลี่ยนไปแล้ว ซินเลือกที่จะไม่สนใจผม ซึ่งนั่นผมก็คิดว่าสมควรแล้ว ดีที่สุดแล้ว

"ทำไมถึงไม่เคยบอกผมเลย" ผมพูดกับซินที่ยังคงไม่ได้หันมามองผม ทำไมถึงเก็บเงียบมาจนถึงป่านนี้ เรื่องอาจารย์นาธัส ทำไมถึงปล่อยให้คนคนนั้นหลอกลวงผมได้ขนาดนี้

"ไม่บอกงั้นเหรอ" ซินพูดขึ้นและหัวเราะในลำคอ แต่เสียงหัวเราะนั้นดูเจ็บปวดเหลือเกิน "เพราะไวท์ ไม่เคยเชื่อต่างหาก..." คำพูดของซินนั่นแผ่วเบาราวกับจะร้องไห้ ซินลุกขึ้นยืนช้าๆ เดินไปที่กระจกใสบานใหญ่ มองออกไปที่ด้านนอกด้วยสีหน้าที่หมองเศร้า

"ไม่มีทางเลือกมากนัก ยิ่งรู้ไว มันก็ยิ่งตามล่าไวขึ้น บางที แม้แต่ฉัน ก็ไม่อาจปกป้องใครไว้ได้"

ผมเดินตามซินไปใกล้ๆ ใบหน้าของซินในตอนนี้นั้นดูเหนื่อยล้าเหลือเกิน ไม่เหมือนคนที่เคยมีพลังเปี่ยมล้นดั่งเช่นเคย

"ผมจะไม่ขอโทษหรอกนะ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ยังไงนาย เพราะสิ่งที่นายทำกับผู้คนและคุณยาย...ยังไงนายก็คือปิศาจเหมือนกัน ปิศาจที่เลวที่สุด" ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ ผมนั้นเข้าใจซินผิดไปเรื่ิองของเจ และซินก็เคยเตือนผมเรื่องอาจารย์นาธัสหลายครั้ง แต่ยังไง นายก็เป็นคนฆ่าคุณยาย ผมยกโทษให้นายไม่ได้หรอก

"ไปซะ" ผมน้ำตาไหลอีกครั้งที่ได้ยินซินพูดแบบนั้น ผมสะกดกลั้นความเสียใจเอาไว้และฝืนกล้ำกลืนมันลงไป ในหัวใจของผมมันปวดร้าวเหลือเกิน ไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกแล้ว ไม่ว่าในโลกนี้หรือโลกไหน ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมมันสูญสลายไปแล้ว



ผมไม่รู้ว่าผมยังคงมีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่บนโลกใบนี้ แต่ช่วงเวลาที่ผมเหลือนั้น ผมอยากใช้มันที่นี่ คอยมองดูหลุมศพของครอบครัวคนสุดท้ายที่ผมรัก คนที่ได้จากผมไปแล้วตลอดกาล

"คุณยายครับ ที่นี่สงบและก็อากาศดีมากใช่ไหมครับ ผมหวังว่าคุณยายคงจะชอบนะครับ" ผมพูดและวางดอกไม้ที่ผมหาได้เอาไว้บนหลุมศพนั้น

ต่อหน้าคุณยาย ผมต้องยิ้มเข้าไว้ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านอยู่ไหนแล้ว ทำไมคุณยายถึงไม่ออกมาทักทายผมเลย แต่ผมก็รู้ว่าทำไม เพราะปิศาจนั่นใช่ไหม เขาไม่ให้คุณยายออกมาหาผมงั้นเหรอ ใจร้ายจังเลยนะ แต่ไม่เป็นไร เพราะผมกำลังจะไปแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ไปที่เดียวกับคุณยายไหม แต่ถ้าให้เลือกได้ ผมก็อยากที่จะหายไป ไม่ได้รับรู้อะไรอีกเลย ก็คงดี

หลังจากพูดคุยกับหลุมศพของคุณยาย ผมเดินไปตามถนนที่ทอดยาว ไม่สนใจไอร้อนของแสงแดดที่กำลังแผดเผาผิวของผม เดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ผมไม่มีบ้านอีกแล้ว ไม่มีที่ไหนบนโลกที่ผมควรจะไป แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะมันคงไม่จำเป็นอีกแล้ว

ผมเดินไปเรื่อยๆ และมองท่อนแขนของผมที่รอยสัญลักษณ์นั่นจางลงอีกครั้ง และผมก็รู้อีกว่า ที่ด้านหลังของผมนั้นก็ยังคงมีสัญลักษณ์ของซินอยู่เช่นกัน แล้วแบบนี้ ผมจะไปที่ไหนกันนะ ผมไม่รู้เลย และเหนื่อยมากเกินพอที่จะรับรู้อีกแล้ว

ผมมองถนนที่รถวิ่งผ่านไปมาวุ่นวาย มองดูผู้คนที่เริ่มมีให้เห็นเมื่อผมเดินมาไกลมากมายเหลือเกิน ทุกคนต่างใช้ชีวิต ขวนขวาย ที่จะอยู่บนโลกนี้ต่อไป พวกเขามีจุดหมาย มีบ้าน มีครอบครัว มีคนที่จะยิ้มให้เขา มีคนที่ดีใจที่เจอเขา และทั้งหมดนั่น มันไม่ใช่ผมเลย

ผมมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้ได้ยังไงกันนะ บางทีผมก็สับสนเหลือเกิน มันน่าจะถึงเวลาแล้ว ที่ผมจะไปจากโลกนี้ ไปเป็นทาส หรือดีที่สุด ก็คือหายไป หมดเรื่องราวที่อยู่ในหัวใจ ไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป

ผมคิดและหยุดเท้าลง มองไปยังรถที่วิ่งผ่านไปมาอยู่บนถนน มันคงจะเจ็บแค่แปบเดียวเท่านั้น ผมคงยังไม่ทันจะรู้สึกอะไร และทุกอย่างก็คงดับวูบไป

ผมคิดและเริ่มก้าวเท้าช้าๆ ค่อยๆ เดินออกไปที่ท้องถนน ผมขอโทษนะครับ ผมคงจะทำให้รถคันหนึ่งต้องเดือดร้อน แต่ตอนนี้ผมห้ามตัวเองไม่ได้อีกแล้ว เท้าของผมมันยังคงก้าวเดินไปไม่หยุด เพื่อมุ่งสู่ความตายตรงหน้า มันถึงเวลาสำหรับผมแล้ว ผมกำลังจะถูกปลดปล่อยแล้ว

แต่ผมที่กำลังเดินออกไปนั้นก็พลันเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากผม กำลังวิ่งออกไปที่ท้องถนนเช่นกัน ผมที่เห็นแบบนั้นสัญชาตญาณมันบอกให้ผมวิ่งออกไป เพื่อปกป้องเด็กน้อยคนนั้น ผมลืมเรื่องที่ผมกำลังทำและวิ่งออกไปสุดแรง ยื่นมือออกไปหาเด็กน้อยที่กำลังเงยหน้ามองผีเสื้อ ที่กำลังบินออกไป

ราวกับโลกกำลังหมุนอย่างช้าๆ ผมวิ่งไปข้างหน้าและผลักเด็กน้อยคนนั้นให้พ้นทางออกไปจากท้องถนน ในชั่วเสี้ยววินาทีของชีวิต ดวงตาของผมหันมองเห็นรถคันใหญ่ที่กำลังวิ่งตรงเข้ามา นั่นสินะ นี่แหละสิ่งที่ผมกำลังรออยู่ ผมเคลื่อนไหวช้าๆ และหลับตาลง ผมกำลังจะไปแล้ว ไปในที่ที่ไกลแสนไกล เวลาของผมมันจบลงแล้ว ผมจะไม่ต้อง เจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว

ปรี๊นนนนน!

เสียงที่ดังเข้ามาในโสตประสาทของผมกำลังดังกึกก้องต่อไป ผมรอช่วงเวลาที่รถจะประทะเข้ากับร่างกายของผม รอช่วงเวลาที่ผมจะได้หลับไหล แต่ทำไมกันนะ ความอบอุ่นนี้มันคืออะไร ทำไมหัวใจของผม ถึงยังคงเต้นอยู่

ผมที่สงสัยนั้นก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ผมหยีตาและใช้แขนบังแสงที่เจิดจ้าตรงหน้า ที่นี่มันอะไรกัน แสงอะไรทำไมถึง...

ปีกสีขาวที่ขาวยิ่งกว่าสีใดๆ บนโลกนี้ ผมมองดูใบหน้าที่แสนคุ้นเคย มองดูคนที่กำลังโอบอุ้มผมเอาไว้แนบกาย มองดูคนที่บอกให้ผมออกไปจากชีวิต ทำไมกัน ทำไมนายถึง...

"ทำไม" ผมพูดเบาๆ และจ้องมองซินที่ทำสีหน้าหมองเศร้าเหลือเกิน ปีกสีขาวที่ห่อหุ้มตัวพวกเราไว้ มันช่างอบอุ่นเหมือนกับแสงแดดในยามเช้า แสงที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจ

"ทำไมถึงไม่ฆ่าผม ทำไมถึงไม่ปล่อย ให้ผมไป" ผมพูดเบาๆ และน้ำตาก็เริ่มไหลรินออกมา

ผมจ้องมองซิน ถ้าปล่อยให้ผมตาย พวกเราก็จะได้เจอกันไม่ใช่เหรอ ผมต้องเป็นทาสนายไม่ใช่เหรอ แต่ว่านายก็คงไม่ต้องการผมแล้วใช่ไหม พวกเรา ไม่มีวันได้อยู่ด้วยกันใช่ไหม

ผมคิดและเริ่มน้ำตาไหลออกมาอาบสองแก้ม ผมนั้นทุกข์ทรมานเหลือเกิน ผมเหนื่อยล้า ผมแทบไม่อยากหายใจต่อไป ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ผมไปสักที ผมพอแล้วกับโลกใบนี้

"ไม่ได้...ให้ไปไม่ได้" ซินพูดและจ้องมองผมด้วยแววตาแสนเศร้า

"เพราะว่าไวท์ อาจจะไม่ได้ลงไป ที่ขุมไฟนั่น แต่กลับขึ้นไปข้างบน ไปในที่ที่ฉันตามไปไม่ได้" ซินยังคงพูดต่อด้วยแววตาที่เหมือนกับกำลังจะร้องไห้ ผมไม่รู้ว่าผมควรรู้สึกยังไง ผมนั้นเจ็บปวดเกินกว่าที่จะรับรู้ถึงความรู้สึกที่นายมีให้อีกแล้ว

"ผมก็แค่อยากใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป มีคนที่รักผม มีคนที่บอกว่าผมทำดีแล้ว มีบ้านให้กลับไป ผมทำผิดอะไรงั้นเหรอ ทำไมผมถึงมีจุดจบแบบนี้ ผมไมชีวิตผมถึงได้เป็นแบบนี้" ผมพูดและจ้องมองไปบนท้องฟ้ากว้าง ผมนั้นไม่ได้อยากจากโลกนี้ไป แต่โลกนี้ต่างหากที่อยากให้ผมไปให้ไกล

"ได้โปรด ปล่อยผมไป ช่วยผม เป็นครั้งสุดท้าย"

"โลกนี้ทำให้ไวท์เจ็บปวดงั้นเหรอ" ซินถามผมด้วยเสียงอันแผ่วเบา

"ช่วยทำให้ทุกอย่าง หายไปที" ผมพูดบอกซิน ผมหลับตาลงช้าๆ และหวังว่าซินจะตอบรับคำขอของผม

"ลาก่อนไวท์ ลาก่อน" ผมรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผากของผม ความอบอุ่นแผ่ซ่าน และผมรู้สึกราวกับอยู่บนสวรรค์ ผมกำลังไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม ขอบคุณนะ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างผมเสมอมา

ผมปล่อยตัวและหัวใจให้สงบนิ่งผ่อนคลาย ผมหลับตาพริ้ม ผมรู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไป ผมจะไม่ต้องร้องไห้อีกแล้วใช่ไหม ผมรู้สึกดีมาก อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความฝันและความหวังของผมเป็นจริงแล้วใช่ไหม



"คนไข้ยังคงอ่อนเพลียค่ะ แต่พักผ่อนอีกนิดก็คงฟื้นแล้ว" ผมกระพริบตาไล่แสงจ้า นี่ผมยังคงไม่ได้ไปไหนเหรอ ซินยังคงส่องแสงและทำให้ผมแสบตาสินะ แต่ว่าทำไม เสียงรอบๆ ตัวผมถึงไม่คุ้นเลย ผมอยู่ที่ไหนกันนะ ทำไมถึงรู้สึก เวียนหัว

"พื้นแล้วค่ะคุณพ่อ พี่เขาพื้นแล้ว" ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ มองแสงไฟจากเพดานที่ส่องสว่างอยู่ ไม่ใช่ปีกของซินงั้นเหรอ ที่นี่ที่ไหน

ผมค่อยๆ ขยับตัวช้าๆ และมองคนที่อยู่รอบๆ ตัวผม นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ผมหลับไปนานแค่ไหนแล้ว

"ค่อยๆ ลุกนะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่ง และทุกคนรอบๆ เตียงก็กรูกันเข้ามา ผมงงงวยไปหมด คนพวกนี้เป็นใครกัน

ผมพยายามเพ่งมองใบหน้าของแต่ละคน เป็นผู้หญิง ผู้ชาย และเด็กตัวเล็กสองคน แต่ทำไมทุกคนถึง...

ผมหรี่ตามองทุกคน และรีบแตะต้องใบหน้าของตัวเองด้วยความตกใจ ทำไม ทำไมตาของผมถึงมองไม่ชัด ทำไมถึงกลับไปเป็นแบบเดิม เหมือนตอนที่ผมสายตาสั้น

"ขอบคุณมากเลยนะที่ช่วยลูกแม่ไว้" ผมมองผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจับมือผมและน้ำตาอาบสองแก้ม ช่วยงั้นเหรอ หมายถึงเด็กน้อยนั่นใช่ไหม

ผมมองเด็กน้อยที่กำลังเกาะขาพ่อของตัวเองและกำลังจ้องมองผมแบบเขินๆ ผมรู้สึกโล่งใจ ปลอดภัยสินะ ทันเวลาพอดี

"ไม่รู้จะตอบแทนได้ยังไงจริงๆ" คุณแม่ของเด็กน้อยนั้นยังคงจับมือผมเอาไว้และยิ้มอย่างใจดีทั้งน้ำตา

"ไม่เป็นไรครับ ผมก็แค่ บังเอิญช่วยเอาไว้ได้" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ

"รถคันนั้นวิ่งมาอย่างเร็วเลยนะ แล้วก็พวกเราทุกคนก็เห็นเธอวิ่งเข้าไป และรถก็น่าจะชนเต็มๆ แต่เธอกลับไม่มีแม้แต่รอยช้ำ" คุณแม่ของเด็กน้อยพูดและมองตัวผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ ใช่แล้วล่ะ ผมไม่ได้เป็นอะไร ก็เพราะซิน ช่วยผมเอาไว้

ในช่วงเวลาที่ผมพูดคุยกับซินนั้น มันเหมือนกับเวลาได้หยุดนิ่งลง ผมมองเห็นคนรอบๆ ตัว เคลื่อนไหวช้าลงราวแสนล้านวินาที และนั่นทำให้คนพวกนั้นมองไม่เห็นพวกเราเลยสักนิดเดียว แล้วตอนนี้ นายไปอยู่ไหนกันนะ

"ขนนกกกก" ผมมองเด็กน้อยที่กำลังชี้มือมาที่ผมและทำสีหน้าตื่นเต้น ผมมองตามสายตาของเด็กน้อย และเพิ่งรู้ตัวว่า ผมกำลังกำอะไรอยู่ในมือ

"มันคืออะไรงั้นเหรอ" คุณพ่อของเด็กน้อยนั้นถามผมและจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือผมด้วยความสนใจ

ผมมองขนที่เหมือนกับขนนกสีขาวบริสุทธิ์ในมือผม ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ขนเส้นนี้เป็นของของซิน ซาตานที่มีปีกสีขาวงั้นเหรอ นายลงมาจากสวรรค์จริงๆ สินะ ทูตสวรรค์ที่ตกจากสวรรค์

"มันเป็น ของสำคัญของผม" ผมพูดและกอดขนนกนั้นไว้แนบอก ผมนึกถึงใบหน้าของซิน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทำไมนายถึงได้ทำสีหน้าแบบนั้น

ทำไมนายถึงได้บอกลาผม ทำไมนายถึงไม่ทำให้ผม หายไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 16:37:06 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
  :pig4: :pig4: :pig4:

ซิน  คือ  เทวดาตกสวรรค์ที่ถูกส่งไปอยู่ในนรก?

คือ... ลูซีเฟอร์?

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
น่าสงสารทั้งไวท์ ทั้งเจเลย  :sad11:

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 32 พรจากซาตาน


หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว ผมรู้สึกแปลกนิดๆ เพราะทุกคนนั้นดีกับผมมากเหลือเกิน ผมที่ไม่เคยมีใครใส่ใจ ก็เลยทำตัวไม่ถูก และรู้สึกเกรงใจเสมอ พวกท่านบอกผมว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่ ให้ผมนอนพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ก่อน ซึ่งไม่ว่าผมจะปฏิเสธแค่ไหน แต่ก็ไม่เป็นผลเลย เอาเป็นว่า ผมจะลองอยู่ที่นี่สักคืน แล้วพรุ่งนี้ ค่อยคิดว่าจะทำยังไงต่อไปก็แล้วกัน

ผมมองไปรอบๆ ห้องสีขาว มองทีวีที่อยู่ปลายเตียง และมองข้าวของต่างๆ ที่อยู่ในห้อง ครอบครัวนี้คงจะรวยมากถึงให้ผมมาอยู่ในห้องดีๆ แบบนี้ ทั้งๆ ที่ผมก็แค่อ่อนเพลียเท่านั้น แล้วผมจะต้องทำยังไง ถึงจะชดใช้ค่าห้องนี้ได้กัน

แกร่ก

ผมนอนอยู่ในห้อง มองขวดยาเล็กๆ ที่กำลังกลิ้งและไหลเข้าไปที่ใต้เตียง ผมนั้นเพิ่งรู้ตัว และเริ่มดึงผ้าห่มคลุมตัวเองไว้ให้มากขึ้น ที่นี่คือโรงพยาบาล ที่นี่คือที่ที่มีแต่วิญญาณ เป็นสถานที่สุดท้ายที่ผมอยากอยู่

ผมคิดและเริ่มสั่นกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ผมควรจะทำยังไงดี หรือจะหนีไปตอนนี้หรือนั่งรอให้พวกมันมาหาผมกัน แต่ผมที่คิดแบบนั้น ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า แล้วผม จะไปที่ไหนกันล่ะ

ผมคิดและเริ่มขยับตัวลงจากเตียงช้าๆ พลางดึงสายน้ำเกลือที่ข้อมือของผม และค่อยๆ เปิดประตูห้องออกไป

ผมเดินและคอยมองพยาบาลที่กำลังนั่งอยู่ในห้อง และก้มเดินหลบเลี่ยงที่นั่นออกมา ผมก็แค่อยากออกไปจากที่นี่ ไปในที่ที่มีคนพลุกพล่าน ไปในที่ที่จะมีคนอยู่เป็นเพื่อน

ผมคิดและยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ประสบการณ์ของผมกับโรงพยาบาลนั้นทำให้ผมขาสั่นและอ่อนแรง ไม่ว่าจะมองไปที่ไหน ผมก็มักแต่จะเจอกับสิ่งที่น่ากลัว ผมเดินอย่างรวดเร็วและก้มลงมองเท้าของตัวเองตลอดเวลา ขอให้ไม่มีเถอะ ขอให้ผมไม่เจออะไรด้วยเถอะ

"คุณมาจากห้องไหนคะ"

แต่ผมที่กำลังรีบเร่งออกจากตึกนั้นก็ถูกพบเข้าจนได้ ผมสะดุ้งและมองพยาบาลคนหนึ่งที่จับไหล่ผมเอาไว้

"คนไข้ VIP ไม่ใช่เหรอ ตายแล้ว" ผมมองพยาบาลอีกคนที่เข้ามามองผมใกล้ๆ และทำสีหน้าตกใจ

"ขอโทษครับ แต่ผมอยากเข้าห้องน้ำ" ผมพูดและพยายามมองแต่สองคนนี้เท่านั้น

"ในห้องก็มีนะคะ กรุณากลับไปเถอะค่ะ" ผมในตอนนี้นั้นกำลังถูกจับแขน และดันเบาๆ ให้เดินกลับไป

ผมได้แต่ตัวสั่น จะทำยังไงดี ผมไม่อยากอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงให้ทั้งสองคนเข้าใจ

"พี่ครับ ผมขอร้อง ผมยังไม่อยากกลับห้อง" ผมขืนตัวเองไว้และทำสีหน้าขอร้องจริงจัง

"มีอะไรหรือเปล่าคะ" พยาบาลสาวมองผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล ผมไม่อยากทำให้คนอื่นไม่สบายใจเลย แต่ผมก็กลัวเหลือเกินจริงๆ

"ไวท์" และก็เหมือนสวรรค์มาโปรด ผมมองเพื่อนคนเดียวของผมที่กำลังวิ่งมาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก

"เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ขอโทษที่มาช้า" ฟ่างพูดและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ และผมดีใจเหลือเกิน

"ช่วยผมหน่อย" ผมพูดและมองฟ่าง หวังว่าฟ่างจะเข้าใจ

"ไปกันเถอะ ตรงนี้...เยอะมากเลย" ฟ่างพูดและเหลือบมองไปรอบๆ ตัวอย่างหวาดระแวง และจับมือผมแน่นให้เดินไปด้วยกัน

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และจ้องมองฟ่าง เมื่อกี้ฟ่างพูดว่าอะไรกันนะ หมายความว่ายังไงกัน

พวกเราเข้ามาในห้องของผมและฟ่างก็ปิดประตูทันที ผมกลับขึ้นเตียงและมองฟ่างที่กำลังเดินไปรอบๆ ห้องเหมือนกำลังไล่อะไรสักอย่างและเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เตียง

"ฟ่างรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนะ ทำไมถึงไม่บอกฟ่างเลย" ฟ่างนั่งอยู่ที่ข้างเตียงของผมและทำสีหน้าเศร้าหมองเหลือเกิน

"ผมรบกวนฟ่างไม่ได้หรอก มันเป็นปัญหาที่ผมควรจะแก้ไขด้วยตัวเอง" ผมพูดและมองฟ่างที่ดูหมองเศร้ามากขึ้นไปอีก

"เรื่องคุณยายของไวท์ ฟ่างรู้ว่าไวท์รู้สึกยังไง การสูญเสียใครสักคนที่เรารัก ความเจ็บปวดนั้น ฟ่างรู้จักดี" ฟ่างพูดและน้ำตาก็ไหลออกมาช้าๆ

"ขอบคุณมากนะ" ผมพูดและยิ้มอย่างเศร้าๆ ให้ฟ่าง ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้น รู้สึกดีใจ ที่อย่างน้อยผมก็ยังมีเพื่อนอยู่ ไม่ได้อยู่คนเดียวเพียงลำพังอย่างที่ผมคิด แต่ถึงแบบนั้น ผมก็รบกวนฟ่างมากไม่ได้หรอก

"มันเกิดขึ้นได้ยังไงเหรอ ขอโทษนะ แต่ถ้าไวท์ยังไม่อยากพูดถึง..."

"ซิน เป็นคนฆ่าคุณยาย" ผมพูดเบาๆ และพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้รินไหลออกมา

"ซิน คนที่ไวท์เคยเล่าให้ฟังเหรอ" ผมพยักหน้าน้อยๆ

"ทำไมกัน ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น"

"ผมไม่รู้ แต่ผมเห็นเขาอยู่ที่นั่น ในวันที่คุณยายตาย" ผมพูดและนึกถึงแผ่นหลังของซินในกองเพลิง ทำไมนายถึงอยู่ที่นั่น แล้วถ้านายไม่ได้ฆ่าคุณยาย ทำไมถึงไม่ช่วยท่านกัน ทำไมนายถึงช่วยผม ช่วยแค่ผมเพียงคนเดียว

"ซินคงสำคัญกับไวท์มากใช่ไหม" ฟ่างพูดและยื่นมือมาจับมือผมช้าๆ อย่างปลอบโยน ซินนั้นสำคัญกับผมงั้นเหรอ มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก หลังจากที่ผมได้พบซิน โลกของผมก็เปลี่ยนไป

"ผม...รักเขา" ผมพูดและก็ไม่อาจห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้ ผมรักซินมากเหลือเกินผมถึงต้องเจ็บปวดขนาดนี้

"ฟ่างเข้าใจแล้ว อย่าพูดอีกเลย" ฟ่างพูดและลุกขึ้นลูบหลังผมช้าๆ ผมก้มหน้าร้องไห้กับฝ่ามือของผม แค่คิดถึงซิน ผมก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้เลย

"ผมอยากหายไป ผมบอกซิน ขอร้อง ให้ซิน ปลดปล่อยผม" ผมพูดและมองฟ่างที่ร้องไห้เป็นเพื่อนผม

"ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แต่ซิน ก็ไม่ยอมทำตามที่ผมขอ" ผมพูดต่อไปด้วยความเศร้าเสียใจ

"ไวท์ อย่าพูดแบบนั้นสิ อย่างน้อยก็มีฟ่างนะ" ผมจ้องมองฟ่าง คำพูดนั้นช่างมีความหมายกับผมมาก แต่ผมในตอนนี้นั่นก็อ่อนแอเกินไปจริงๆ

"ขอบคุณนะ ขอบคุณมากจริงๆ" ผมพูดและรู้สึกดีขึ้น ที่ได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

"แล้วไวท์ได้เจอคุณยายไหม ลองเรียกหาท่านดูหรือเปล่า" ฟ่างพูดและผมก็คิดทันที ผมนั้นไม่เคยเห็นคุณยายเลย ไม่ว่าจะที่ไหน หรือตอนไหน ท่านอยู่ไหนกันนะ

"ลองถามพี่ฟางดูดีกว่า เผื่อพี่จะบอกอะไรได้บ้าง" ฟ่างพูดพลางขยับตัวนั่งหันหน้าเข้าหาผมและจับมือทั้งสองข้างของผมไว้

"คือ จริงๆ ไม่ต้อง..."

"เถอะนะ ลองดู" ฟ่างพูด และหลับตาลงทันที

ผมมองฟ่าง และเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็รู้สึกกลัวนิดๆ เสมอเมื่อฟ่างทำแบบนี้ และก็ในทันที ผมมองฟ่างที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นจ้องมองบนเพดาน ผมเริ่มขยับถอยหลังออกไปเล็กน้อย และรอสิ่งที่จะปรากฎออกมา

"แสง...จากข้างบน"

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และจ้องมองฟ่างที่พูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ว่าทำไมกันนะ ฝาแฝดของฟ่าง หายไปไหนกัน

ผมจ้องมองฟ่าง และมองไปรอบๆ ตัวด้วยความสงสัย หรือบางทีก็ไม่ต้องออกมางั้นเหรอ ทำไมผมถึงรู้สึกว่า แบบนี้มันแปลก

"ว่าไงไวท์ พี่พูดอะไรบ้าง" ผมมองฟ่างที่กลับมาเป็นปกติและกำลังเขย่าแขนผมไปมาด้วยความอยากรู้

"ผม...ไม่เข้าใจเลย" ผมพูดและเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมผมถึง...

"ไวท์...ไม่เห็นพี่ฟางแล้วเหรอ" ฟ่างพูดและทำสีหน้าไม่เข้าใจพอๆ กับผม

"ผมมองไม่เห็นอะไรเลย" ผมพูดบอกฟ่าง หรือพี่ของฟ่างจะไม่ยอมออกมาเหมือนครั้งก่อน

"ไวท์ ในห้องนี้ มีวิญญาณกี่ตนงั้นเหรอ" ฟ่างมองผม และค่อยๆ พูดถามผมช้าๆ

ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ และมองไปรอบๆ ห้องนอนกว้าง ห้องนอนที่ว่างเปล่า

"ก็มีแต่ผม กับฟ่าง..." ผมพูดและมองฟ่างที่กำลังปิดปากของตัวเองด้วยความตื่นตระหนก

"มี อย่างอื่น อยู่ด้วยงั้นเหรอ" ผมพูดและมองฟ่างที่ค่อยๆ พยักหน้าช้าๆ

ผมนั่่งอยู่บนเตียง ตัวชาราวกับไร้เรี่ยวแรง หยาดน้ำตาเริ่มหลั่งรินออกมาอีกครั้ง และครั้งนี้ ผมคงไม่อาจหยุดมันได้อีกแล้ว

ผมตัวสั่น และรีบลงจากเตียง เดินไปที่ห้องน้ำที่มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่ ผมมือสั่นและรีบถอดเสื้อสีฟ้าที่คลุมตัวผมออก ผมถอดมันอย่างรวดเร็วด้วยมือที่สั่น เร็วจนรู้สึกถึงเชือกที่บาดลำคอ แต่ผมก็ไม่สนใจ ผมอยากรู้ ผมต้องการเห็น

และทันทีที่ผมได้เห็นแผ่นหลังของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกนั้น ผมก็แทบที่จะหมดเรี่ยวแรงที่จะยืน ผมค่อยๆ ล้มตัวลงที่พื้นห้องน้ำช้าๆ น้ำตาที่หลั่งรินนั้น ก็ยังคงไหลออกมา ด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับหัวใจได้หายไปแล้ว

แผ่นหลังของผมในตอนนี้ มันว่างเปล่า ตราสัญลักษณ์ที่ติดตัวผมอยู่เสมอนั้น ได้เลือนหายไปแล้ว หายไป พร้อมๆกับคนที่ประทับมัน คนที่มอบมันไว้กับผม

"โลกนี้ทำให้ไวท์ เจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ"

"ลาก่อนไวท์ ลาก่อน"

ผมค่อยๆ ร้องไห้ออกมาด้วยเสียงสะอื้น มาถึงตอนนี่ผมถึงได้เข้าใจ ซินนั้นได้ทำตามสิ่งที่ผมขอไว้แล้ว ซินปลดปล่อยผม ออกจากโลกที่แสนน่ากลัว ปลดปล่อยผมจากความโหดร้าย แทนที่จะลบตัวผม ซินกลับลบทุกสิ่งที่ทุกที่ทำให้ผมต้องเจ็บปวด ลบทุกสิ่งที่ทำให้ผมหวาดกลัว และทุกสิ่งนั้น

รวมถึงการที่ผม จะไม่ได้พบซินอีกตลอดไป



ซิน

ความรัก คืออะไรงั้นเหรอ ผมเคยรู้จักมัน แต่ก็ได้ลืมเลือนมันไปแล้ว พระบิดา ทำไมท่านถึงใจร้ายกับผม ท่านลบเลือนมันไปจากหัวใจของผม และขับไล่ผมลงมาจากความสว่าง ลงมาสู่ความมืดมิด

นี่เป็นบททดสอบของท่าน หรืออยากลงโทษผมกันแน่ แต่ไม่เป็นไร ถ้าหากท่านได้ตัดสินใจแล้ว ผมก็จะขอหันหลังให้แก่ท่าน ผมจะเป็นสิ่งชั่วร้ายอย่างที่ท่านตั้งใจ ผมจะฆ่าและล่อลวงมนุษย์ ผมจะไม่มีวันคืนกลับสู่ท้องฟ้าอีกแล้ว

ผมเกลียดปีกสีขาวของผม มันยังคงส่องแสงสว่างและนำทางดวงวิญญาณบางดวงขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั้งๆ ที่ผมไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว ผมถูกสาปให้ลืมแสงสว่าง ก้มหน้าลงต่ำ จ้องมองแต่พวกปิศาจชั่วร้าย จนนานวัน ผมก็เริ่มกลายเป็นพวกมัน

แต่วันหนึ่ง หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมน ผมไม่เคยเห็นแสงสว่างใดๆ ทุกสิ่งในแววตาล้วนมืดบอด พระอาทิตย์ที่ส่องแสงจ้าในยามเช้า แสงแดดที่ทอประกายกับผืนน้ำ ผมมองไม่เห็นมันอีกแล้ว ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงไหน

จนกระทั่งผมได้พบคนคนหนึ่ง ในดวงตาที่แสนมืดมนของผมก็เริ่มเปลี่ยนไป เด็กมนุษย์นั้นช่างอ่อนแอเหลือเกิน อ่อนแอและโง่เขลา แต่ทว่า หัวใจกลับขาวบริสุทธิ์ยิ่งกว่าแสงอรุณใดๆ แบบนี้น่าสนุก ผมจะทำให้มันแปดเปื้อน จะฉุดรั้ง จะดึงดันให้มันกลายเป็นสีดำที่ดำมืดยิ่งกว่าโคลนตมใดๆ

ไวท์ นายเป็นของฉัน ฉันจะสอนให้นายได้รู้ว่า ความดีที่แสนโง่เง่าของนาย มันจะทำร้ายตัวนายเอง นายจะต้องจมดิ่งลงสู่ความมืดพร้อมกันฉัน และพวกเรา จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป

น้ำตา งั้นเหรอ หยาดน้ำนั้นทำให้หัวใจของนายเริ่มหม่นหมอง ทำไมนายถึงไม่สู้ล่ะ ทำให้คนชั่วพวกนั้นรู้ว่านายนั้นอยู่สูงกว่าพวกมันนัก ทำไมถึงเป็นคนน่าโมโหขนาดนี้ ทำไมนายถึงได้อ่อนแอขนาดนี้ ฉันอยากจะฆ่านายซะเดี๋ยวนี้แล้วพานายไปในที่ไกลแสนไกล ที่ที่นายจะมีแต่รอยยิ้มและภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง

แต่ทำไมกันนะ ทำไมนายถึงเลือกที่จะยอมแพ้ และทำให้หัวใจของนายอ่อนแอลง ไม่สิ นายน่ะแข็งแกร่ง ฉันรู้ว่านายเข้มแข็งยิ่งกว่ามนุษย์คนใดในโลกนี้ ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงต้องเฝ้ามองดู ทำไมถึงอยากอยู่ข้างกาย ความรู้สึกนี้ช่างคุ้นนัก เหมือนกับสิ่งที่เคยลืมเลือนไป เริ่มกลับเข้ามาควบคุมจิตใจ

นาธัส ไม่ว่าแกจะเป็นปิศาจที่แข็งแกร่งเพียงไหน ต่อให้แกจะทำให้ไวท์โกรธหรือเกลียดฉันมากเพียงใด ฉันก็จะไม่มีวันให้แกแตะต้องไวท์ วิญญาณและหัวใจของไวท์เป็นของฉัน แต่ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน ผมควรจะต้องฆ่าไวท์ แต่พอยื่นมือออกไป แววตาของไวท์ก็ทำให้ต้องหยุดชะงักลง

กลัว กลัวเหลือเกิน เพราะถ้าหากว่าที่ที่ไวท์จะไป ไม่ใช่ที่ของผมล่ะ ถ้าหากพระบิดาพรากไวท์ไป นำไวท์ขึ้นไปสู่บนท้องฟ้านั้น ผมก็จะไม่มีวันได้พบไวท์อีกแล้ว ผมจะไม่ได้เห็นสีหน้าและแววตาของไวท์อีกแล้ว

ผมทำไม่ได้ ผมยังคงปรารถนา เพียงแค่เห็นรอยยิ้มนั้น รอยยิ้มที่ส่องสว่างนั่น แสงอบอุ่นดั่งท้องฟ้านั้น ขอให้ผม ได้เห็นมันนานขึ้นอีกสักนิดได้ไหม

ได้โปรดเถิด พระบิดา ได้โปรด อย่าพลากไวท์ไป จากผมเลย

"โลกนี้ทำให้ไวท์เจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ" ผมเปร่งเสียงออกไปด้วยความปวดร้าว เจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิต การร่วงหล่นจากสวรรค์นั้น ก็ยังไม่เท่ากับสิ่งที่ผมจะทำให้ไวท์ต่อจากนี้

"ลาก่อนไวท์ ลาก่อน" ความฝันของนาย ฉันจะมอบมันให้ ต่อไปนี้นายจะไม่ต้องร้องไห้อีกแล้ว ลาก่อนไวท์ แสงสว่างของฉัน ฉันรักนาย รักด้วยหัวใจทั้งหมดที่ฉันมี

ขอบคุณ ที่ทำให้ฉัน จดจำความรู้สึกนี้ได้อีกครั้ง...



ไวท์

ผมยังคงมองออกไปยังท้องฟ้าที่เป็นสีเทา สายฝนที่เทลงมา ทำให้หัวใจของผมรู้สึกเปลี่ยวเหงา หยาดน้ำใสที่ไหลรินอยู่ที่นอกกระจก หยาดน้ำตาที่ไหลรินออกจากดวงตาของผม ในตอนนี้ ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า อย่างไหนที่มากกว่ากัน ผมไม่เคยหยุดร้องไห้ ไม่เคยหยุดความโศกเศร้านี้ได้เลย ผมไม่อยากคิดเลยว่า โลกของผมนั้น ไม่มีซินอยู่อีกแล้ว ไม่อาจเจอกันได้อีกแล้ว

"ไวท์ กินอะไรหน่อยนะ นี่ก็ 2 วันแล้ว" ผมหันมองเพื่อนที่นั่งลงที่ข้างเตียงของผมสองวันงั้นเหรอ เพิ่งผ่านไปแค่สองวันเท่านั้น แต่สำหรับผม มันยาวนานราวกับชั่วนิรันดร์

"เมื่อเช้าคุณอากับคุณน้า แล้วก็เด็กๆ มาเยี่ยมไวท์ด้วยนะ พวกท่านใจดี หวังดีกับไวท์นะ เด็กๆ ก็ชอบไวท์มากด้วย ฟ่างอยากให้ไวท์คุยกับพวกท่านบ้าง"

"ผมยังรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ผมขอโทษนะ แต่ว่าครั้งหน้า ผมจะลองดู" ผมพูดและรู้สึกผิดน้อยๆ ผมนั้นอ่อนแอเหลือเกิน ผมแกล้งหลับตลอดเวลาที่พวกท่านมา ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ ผมนี่มันแย่จริงๆ

"พวกท่านเข้าใจไวท์นะ ท่านรู้ทุกอย่างหมดแล้ว ขอโทษนะ ที่ฟ่างเล่าให้พวกเขาฟัง"

"ไม่เป็นไร แต่ผมขอได้ไหม อย่าพูดเรื่องที่ผมเคยเจอ เอ่อ พวก..."

"ฟ่างไม่ได้พูดหรอก แต่คิดว่าท่านรู้นะ" ฟ่างพูดและยิ้มน้อยๆ แต่ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

"เอาล่ะ กินข้าวกัน"

ฟ่างพูดและจัดการเตรียมอาหารให้ผม ซึ่งครั้งนี้ผมก็ยอมนั่งลงกินข้าวบ้าง แต่ก็กินได้ไม่เยอะเท่าไหร่ ในหัวใจของผมมันยังคงหม่นหมองนัก ผมคิดถึงซิน ผมอยากถามซินถึงเรื่องราวต่างๆ แต่ผมก็ไม่มีโอกาสนั่นอีกแล้ว จะมีทางไหน ที่ทำให้พวกเราได้พบกันอีกนะ

"อร่อยไหม"

"อื้ม แต่จริงๆ ผมว่ามันจืดนะ" ผมยิ้มให้ฟ่างที่ดึงผมออกจากความเศร้า ช่วงเวลาแบบนี้ การมีเพื่อนนั้นดีจริงๆ

แต่ผมที่กินข้าวอยู่นั้น ก็รู้สึกว่าฟ่างกำลังจ้องมองผมแปลกๆ มีอะไรกันนะ

"อยากถามอะไรผมเหรอ" ผมถามเพื่อนที่ดูลำบากใจที่จะพูดอะไรออกมา

"ไม่อยากให้ไวท์คิดมากเลย แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ"

"มีอะไรก็พูดเถอะ ถ้าเป็นฟ่างผมบอกได้ทุกเรื่องเลย" ผมพูดและยิ้มให้เพื่อน

"ไวท์จำ อาจารย์คนนั้นได้ไหม คนที่ไวท์เคยแนะนำ..."

"ฟ่าง ฟ่างเจอเขาเหรอ ที่ไหน เมื่อไหร่" ผมพูดและเริ่มสำลักข้าวทันที ผมหัวใจสั่น ผมสงสัยมาตลอดว่าทำไมเขาถึงหายไป ตามความเป็นจริงเขาควรจะตามล่าผมและมาถึงตัวผมนานแล้ว

"ใจเย็นๆ ไวท์ สรุปแล้วเป็นอย่างที่คิดใช่ไหม" ผมพยักหน้าน้อยๆ และเริ่มสั่นกลัวถึงขั้วหัวใจ

"ผมมองไม่เห็นเขาอีกแล้ว ไม่ว่าเขาจะตั้งใจให้ทุกคนเห็น" ผมพูดและพยายามสงบใจลง ถึงผมจะไม่เห็นเขา แต่พลังของเขาก็น่าจะทำร้ายผมได้

"จะทำยังไงดี" ฟ่างพูดและเริ่มลุกขึ้นจับมือผมเอาไว้

"เจอเขาที่ไหน" ผมพูดและจ้องมองฟ่าง

"ที่ข้างล่าง เมื่อวาน ฟ่างเห็นเขาเดินไปเดินมาที่หน้าตึก แต่ไม่ได้ขึ้นมานะ เหมือนเขาพยายามจะขึ้น แต่ก็ไม่ได้ขึ้นมา เกือบจะเข้าไปทักแล้วเชียว"

"ออกห่างจากเขาให้มากที่สุด" ผมพูดบอกฟ่าง

"ซาตานของจริงเลยใช่ไหม ถึงว่า บรรยากาศน่ากลัวมาก แล้วแบบนี้ไวท์จะทำยังไง" ฟ่างพูดและตัวสั่นไปมา

"แต่ฟ่างบอกเขาขึ้นไม่ได้" ผมพูดถามฟ่างอีกครั้ง

"ใช่ เห็นเขาคุยกับพยาบาลด้วยนะ"

"ซิน ซินน่าจะทำให้เขาเข้าใกล้ผมไม่ได้" ผมพูดและรู้สึกอยากร้องไห้อีกครั้ง

"แต่ทำไม ซินถึงไม่ปรากฎตัวให้ฟ่างเห็นบ้างเลย"

"ผมก็สงสัยเหมือนกัน"

ผมคิดจริงๆ ว่าเพราะอะไร ถึงผมจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดๆ ได้อีกแล้ว แต่ระดับซาตานนั้น ถ้าจะปรากฎตัว มนุษย์ก็สามารถเห็นได้ด้วยพลังของพวกมัน แต่ทำไมซินถึงไม่ปรากฎตัวบ้าง ถึงผมจะมองไม่เห็น แต่ฟ่างก็น่าจะเห็นได้

ทำไมนายถึงหายไปกันนะ ช่วยบอกผมที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 16:38:23 โดย Gloomy Sunday »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ยิ่งอ่าน ยิ่งเดาทางไม่ออกแฮะ นี่ก็คิด ๆ อยู่ว่าฟ่างจะดีหรือจะร้าย  :hao4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เทวดาตกสวรรค์ กับ ....

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

เทวดาตกสวรรค์ กับ ซาตานตัวพ่อ    o22 o22 o22

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 33 ครอบครัว


ผมยังคงอยู่บนเตียง ในห้องสีขาวที่แสนเย็นเยือก มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานเบาๆ ในห้องที่เกือบจะเงียบสงัด ตัวผมในตอนนี้ถึงจะยังคงหวั่นๆ กับเรื่องของอาจารย์นาธัสที่ฟ่างบอก แต่จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังคงไม่รู้สึกว่าพวกเราถูกคุกคามแต่อย่างใด ราวกับถูกปกป้องเอาไว้ โดยใครบางคน ซึ่งคนคนนั้น ผมเชื่อว่าคือซิน...

ผมนั้นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ หลายสิ่งที่เกิดขึ้น พลางมองดูขนนกสีขาวสะอาดที่อยู่ในมือ ผมคิดถึงซิน ไม่รู้ว่าป่านนี้นายไปอยู่ที่ไหนแล้ว กำลังทำอะไรอยู่ ทำไมนายถึงได้ทำแบบนี้ ทำไมถึงช่วยผม มีหลายสิ่งที่ซินทำให้ผมสับสนเหลือเกิน ถ้าหากนายยังอยู่ตรงนี้ ก็ช่วยบอกผมทีได้ไหม ว่าสิ่งที่นายพูดในตอนนั้น มันหมายความว่านายรู้สึกกับผม แบบเดียวกับที่ผมรู้สึกกับนายใช่ไหม...

ผมคิดถึงซินและเริ่มหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้น้ำตาค่อยๆ หลั่งรินออกมาอีก ผมจะไม่ได้พบซินอีกแล้วจริงๆ เหรอ นายทิ้งผมไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม แล้วเรื่องคุณยายล่ะ ทำไมนายถึงไม่พูดอะไรเลย ทำไมถึงหายไปแบบนี้ ผมอยากเจอนาย อีกสักครั้ง ออกมาหาผมทีได้ไหม...

ผมคิดและปล่อยให้ร่างกายเข้าสู่ห้วงนิทรา ผมยังคงกอดขนนกสีขาวไว้แนบออก และปล่อยให้ความคิดถึง ล่องลอยไป ไปยังคงที่ไม่อาจพบเจอได้อีกแล้ว

แสงแดดที่ส่องประกายในช่วงเที่ยงนี้ มันช่างเป็นแสงสีส้มที่ส่องสว่างอย่างอบอุ่น ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมนั่งอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ดูคุ้นตา มีต้นไม้สวยประดับไปทั่ว รอบๆ ตัวผมนั้น มีแต่ผู้คนที่กำลังส่งยิ้มและพูดคุยกันเบาๆ อยู่ทั่วทุกมุมของร้าน

กระถางดอกไม้เล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ ผูกโบว์และมีกลิ่นหอม ผมจ้องมองมันและก้มลงไปสูดกลิ่นที่ดอกไม้นั้น ผมรู้สึกดีจริงๆ บรรยากาศรอบตัวของผมมันช่างอบอุ่น สดใส ราวกับ อยู่บนสรวงสวรรค์

"มันสวยมากเลยใช่ไหมจ๊ะ" ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นตรงหน้า ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นนั่งตัวตรง และจ้องมองคนที่เอ่ยทักผม

"เอ่อ ครับ มันสวยและก็หอมมาก" ผมพูดและมองผู้หญิงตรงหน้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม เธอเป็นใครกันนะ ผมรู้สึกคุ้นๆ แต่ก็นึกไม่ออก

"คุณ เอ่อ..."

ผมจ้องมองผู้หญิงสวยตรงหน้าที่กำลังส่งยิ้มให้ผม เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก น่าจะอายุไม่เกินสามสิบปี เธอส่งยิ้มและมองผม เหมือนกับเธอรู้จักผม มันทำให้ผมรู้สึกประหม่าและทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว

"ไวท์" ผมชะงักน้อยๆ ทันทีที่ผู้หญิงตรงหน้าเอ่ยชื่อของผม และยื่นมือมาจับมือของผมไว้ ผมขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างไม่เข้าใจ เธอรู้จักผมงั้นเหรอ ทำไมผมถึงนึกไม่ออกนะ มันเหมือนมีอะไรแปลกๆ ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นนี้คืออะไรกัน

ผมเริ่มละสายตาจากคนตรงหน้า มองสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวผม ทุกอย่างมันดูแปลกเกินไป มันสวยงามเกินกว่าที่ควรจะเป็น ทุกสิ่งมันเหมือนกับไม่มีอยู่จริง...

"คุณเป็นใครเหรอครับ" ผมพูดถามคนที่กำลังจ้องมองผม รอยยิ้มของเธอนั้นช่างดูอ่อนโยนและใจดี แต่แววตาของเธอกลับกำลังสั่นไหวน้อยๆ อยู่ภายใน

"ไม่ต้องร้องไห้อีกแล้วนะลูก" ผมขมวดคิ้วน้อยๆ จ้องมองเธอ ผมไม่เข้าใจเลยว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร

"หมายถึง...ผมเหรอ" ผมพูดถามเธอที่กำลังยิ้มและน้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา

"รักษาความดีของลูกไว้ แล้วสักวัน ลูกจะได้พบคนที่ลูกคิดถึงเขาทั้งหัวใจ" ผมจ้องมองเธอด้วยหัวใจที่เริ่มสั่นไหว คนที่ผมคิดถึงงั้นเหรอ

"คุณเป็นใคร" ผมพูดด้วยเสียงที่เริ่มสั่นน้อยๆ พลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ พยายามนึกว่าเธอคือใคร

"คุณเป็นใครกัน ผมจะได้พบซินอีกใช่ไหม" ผมพูดและน้ำตาก็เริ่มไหลออกมา

แต่แล้ว แสงสว่างที่ส่องประกายรอบๆ ตัวของพวกเราก็ดูเด่นชัดขึ้น จนราวกับทุกสิ่งกำลังล่องลอยและจางหายไป ผมพยายามจับยึดมือของพวกเราไว้ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้แยกจากกัน

"ทุกอย่างถึงเวลาของมันแล้ว ไม่ใช่ความผิดของเขา ใช้ชีวิตให้มีความสุข ขอให้ไวท์ มีความสุขนะลูก"

ผมมองรอยยิ้มที่ส่องประกายของเธอ ร่างกายของผมถูกไออุ่นดึงเข้าสู่อ้อมกอดของคนตรงหน้า ผมถูกโอบกอดไว้ในอ้อมแขน เป็นอ้อมกอดที่ผมรู้สึก คุ้นเคยเหลือเกิน ผมตอบรับอ้อมกอดนั้นด้วยน้ำตาที่หลั่งรินออกมา เหมือนกับหัวใจที่แสนเจ็บปวดของผม กำลังถูกปลดปล่อยจากความเศร้า เป็นความอบอุ่นที่ทำให้ผมมีความสุขจริงๆ




"คนไข้ตื่นพอดีเลยค่ะ"

ผมลืมตาตื่นขึ้นในแสงสว่างของเช้าวันใหม่ ในห้องนอนเดิมของผม ห้องสีขาวที่หนาวเย็น

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ และมองคนหลายคนที่ยืนอยู่รอบๆ เตียงของผม ครอบครัวที่ผมช่วยเหลือเด็กน้อยเอาไว้

ผมนึกถึงความฝันเมื่อกี้ มันช่าง เหมือนจริงเหลือเกิน ร่างกายของผมราวกับยังคงถูกโอบกอดไว้ มันทำให้หัวใจของผม ผ่อนคลายลง

"เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นแล้วหรือยัง" ผมมองหัวหน้าครอบครัวของบ้านนี้ที่กำลังส่งยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน ผมรู้สึกผิดนิดๆ ที่เอาแต่หลบเลี่ยงไม่ค่อยคุยกับพวกเขา ทั้งๆ ที่พวกเขาใจดีกับผมขนาดนี้

"ผมหายดีแล้วครับ" ผมยิ้มน้อยๆ มองเด็กชายที่กำลังกอดแขนคุณพ่อเอาไว้แน่น และเด็กหญิงที่โตขึ้นมาหน่อย กำลังกอดแขนของคุณแม่ไว้เช่นกัน

"เดี๋ยวช่วงบ่ายนี้ก็เตรียมเก็บของกันเถอะ ยังมีอะไรที่เราต้องทำอีกเยอะเลย" ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

"วันนี้เราต้องออกจากที่นี่แล้วนะ" ผมมองคุณแม่ของเด็กน้อยที่พูดบอกผม ออกจากที่นี่งั้นเหรอ แล้วผมจะ กลับไปที่ไหน...

ผมได้แต่คิด และก้มหน้าจ้องมองปลายเท้าอย่างหงอยเหงา ในตอนนี้นั้นผมไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงิน ไม่มีบ้าน ไม่มีที่ให้กลับอีกแล้ว โลกใบนี้มันช่างเคว้งคว้างว่างเปล่าสำหรับผมจริงๆ

"คือ ผมจะรีบเตรียมตัวครับ ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งเสียค่าใช้จ่ายมาก" ผมพูดพลางฝืนยิ้มน้อยๆ ขยับตัวลงจากเตียงทันทีด้วยความเกรงใจ

"เธอโอเคแล้วจริงๆ ใช่ไหม พวกเราหวังว่าจะไม่ได้เป็นการเร่งเธอนะ"

"ผมไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ขอบคุณมากๆ นะครับ" ผมพูดและมองหากระเป๋าของผม กระเป๋าเสื้อผ้า ที่มีเพียงเสื้อผ้าเพียงชุดเดียว

"คือ..." ผมที่เพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ ก็ช่างใจว่าจะขอพวกเขาดีไหม ผมหันไปมองทุกๆ คนที่จ้องมองผมอยู่ ถ้าเพียงแค่นี้ คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง

"คุณจะช่วย พาผมไปส่งที่บ้าน ได้ไหมครับ" ผมพูดและหลบสายตาของทุกคนเล็กน้อย สถานที่ที่ผมจะกลับไป ก็มีแต่ที่นั่นเท่านั้น ถึงมันจะไม่เหลืออะไรแล้วก็ตาม

"บ้านของเธอ หลังที่ไฟไหม้นั่นเหรอ" คุณแม่ของเด็กน้อยถามผม

"ครับ" ผมพูดและยิ้มอย่างเศร้าใจ

"แต่ว่าที่นั่นไม่มีอะไรแล้วนะ"

"ครับ ผมรู้ แต่ว่าผมยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี ผมก็เลย..." ผมพูดอึกอัก และมองทุกคนที่กำลังจ้องมองผม แต่ว่าทำไมกันนะ ทุกคนกลับกำลังอมยิ้ม ทุกคนกำลังยิ้มจริงๆ ผมพูดอะไรแปลกๆ ออกไปงั้นเหรอ

"ขอโทษที่ไม่บอกเธอตั้งแต่ทีแรกนะ เอาจริงๆ พวกเราอยากบอกเรื่องนี้กับเธอตั้งแต่วันแรกแล้ว" ผมมองดูครอบครัวตรงหน้าที่ยิ้มให้ผม

"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอคือครอบครัวของเรา ฉันกับภรรยา คือพ่อแม่ของเธอนะ"

ราวกับเสียงต่างๆ เบาลงชั่วขณะ ผมชะงักน้อยๆ กับสิ่งที่ได้ยิน และเริ่มคิดว่า ผมอาจคิดไปเอง หูแว่วไปเองหรือเปล่านะ

"เก็บข้าวของแล้วกลับบ้านกันเถอะ"

ผมมองรอยยิ้มของคู่สามีภรรยาตรงหน้า ผมได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น มองทุกๆ คนด้วยการรับรู้ที่ช้าลงกว่าเก่า เมื่อกี้ เขาพูดว่ายังไงกันนะ บ้าน และ พ่อกับแม่... คำๆ นี้ ผมไม่เคยรู้เลยว่าเป็นยังไงมาทั้งชีวิต

"พี่ชายฮับ" ผมมองเด็กชายตัวน้อยที่ผละออกจากแขนของคุณพ่อ เดินมาจับมือของผมไว้และเงยหน้ามองผมด้วยแววตาไร้เดียงสานั้น

"ผ.ผม..." หัวใจของผมสั่นไหว น้ำตาค่อยๆ รินไหลออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน ถ้าหากว่านี่เป็นความฝันละก็ มันก็ช่าง เป็นฝันที่แสนสุขเหลือเกิน

"พี่ชาย...ร้องไห้" ผมมองเด็กน้อยที่กำลังทำหน้าจะร้องไห้ตามผม ภาพที่ผมเห็น มันทำให้ผมเริ่มยิ้มและย่อตัวลงเช็ดน้ำตาที่เริ่มไหลอาบแก้มนิ่มนั้น

"พี่ชายไม่ร้องไห้นะคะ" เด็กหญิงอีกคนเดินเข้ามาหาผมและกอดแขนของผมไว้อีกข้าง ทั้งสองคนช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน

"เป็นผม...จะดีจริงๆ เหรอครับ" ผมยังคงน้ำตาไหลและเงยหน้าจ้องมองคู่สามีภรรยาที่กำลังส่งยิ้มอย่างอบอุ่น

"ช่วยพ่อกับแม่ ดูแลน้องๆ ด้วยนะ"

คำพูดที่มีค่ามากมายเหล่านี้มันทำให้หัวใจที่เหมือนกับตายไปแล้วของผมกลับมามีชีวิต ผมกอดเด็กน้อยทั้งสองคนเอาไว้ และเริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ผมดีใจ ดีใจเหลือเกิน สิ่งเหล่านี้มันเคยเป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ ของผม แต่บัดนี้ ผมมีแล้ว มีครอบครัว มีบ้าน มีที่ที่ให้กลับไป

แต่รอยยิ้มของผมนั้น ก็เริิ่มจางลงน้อยๆ เพราะว่าในส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจของผมกำลังนึกถึงคนคนนึง คนที่ต่อชีวิตให้แก่ผม คนที่ปลุกผมออกจากฝันร้าย ฝันร้ายที่แสนยาวนาน สิ่งเหล่านี้ เป็นของขวัญจากซิน

หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลนั้น ผมกับครอบครัวใหม่ของผม พวกเขาดีกับผมมาก คุณพ่อ เอ่อ กับคุณแม่ พวกท่านพาผมให้ไปเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ ข้าวของเครื่องใช้ใหม่สำหรับผม มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ ผมนั้นไม่เคยได้มีโอกาสแบบนี้เลย ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนดั่งความฝัน ครอบครัวงั้นเหรอ คนอย่างผม เหมาะแล้วเหรอ ที่จะมีความสุขแบบนี้

"พี่ชายยย อุ้มน้อนเครปหน่อยฮะ" ผมจูงมือเด็กน้อยและก็ถูกอ้อนเข้าอีกแล้ว ขณะที่พวกเราเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่

"ไม่ได้นะเครป พี่ไวท์จะหนักเอา" เด็กหญิงที่จูงมือผมอีกด้านกำลังดุน้องชาย

"พี่เค้กใจย้ายเนอะ" ผมยิ้มและย่อตัวลงมองเด็กๆ ทั้งสองที่กำลังทำหน้างอ น้องเครปนั้นเป็นเด็กชายตัวน้อยอายุห้าขวบ ส่วนเค้กก็กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมสี่ในตอนนี้ ผมมองเหล่าน้องๆ ของผมที่กำลังงอแงใส่กัน

"พี่อุ้มได้ทั้งสองคนเลยนะ" ผมพูดและเจ้าเครปก็ทำตาโตทันทีพลางกระโดดเกาะผม อื้อหือพอเป็นแบบนี้ก็หนักใช้ได้เลยแฮะ

"อย่าตามใจเครปมากสิคะ" น้องเค้กพูดพลางทำหน้างอ

"เค้กอยากขี่หลังพี่ไหมคะ" ผมถามน้องขณะที่กอดเจ้าเครปตัวเล็กไว้

"ไม่เอาหรอกค่ะ พี่ไวท์ไม่ไหวหรอก"

"มาเถอะ มาลองกัน" ผมพูดและยิ้มให้น้องสาวของผม ซึ่งเค้กก็เริ่มยิ้มและเดินมากอดคอผมพยายามจะไต่หลังผมจริงๆ เธอนั้นก็คงอยากจะเล่นกับผมแต่ก็ยังเกรงใจอยู่นั่นแหละ

"เดี๋ยวๆ เกาะดีๆ สิ พี่จักจี้นะ" ผมที่มีเด็กๆ เกาะทั้งหน้าและหลังก็พยายามลุกขึ้นจากพื้น แต่เจ้าตัวแสบด้านหน้าที่เกาะผมก็เริ่มแผลงฤทธิ์ซะแล้ว ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกเด็กๆ ลุมแกล้ง พวกเราหัวเราะเล่นกันเป็นเด็กๆ ไม่ได้สนใจผู้คนที่เริ่มมองพวกเราด้วยรอยยิ้ม

ในค่ำคืนนั้น ผมนอนมองเพดานห้องนอนของผมในบ้านหลังใหม่ คุณพ่อและคุณแม่ท่านคุยกับผม จัดงานเลี้ยงเล็กๆ ให้ผม คุณพ่อนั้นบอกผมว่าท่านทำงานในมหา'ลัยที่ผมเรียนอยู่ มันเป็นความบังเอิญที่ทำให้ผมตกใจ และดีใจมากที่ท่านไม่ได้เชื่อเรื่องที่ทุกคนคิดว่าผมเป็น ท่านมองดูผมและเชื่อในสิ่งที่ผมทำ สิ่งนี้มันมีความหมายมากเหลือเกิน ผมไม่รู้ว่าจะพูดขอบคุณได้มากแค่ไหนกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมได้รับนี้

ผมยิ้มอย่างมีความสุขท่ามกลางครอบครัวของผม ครอบครัว ที่ทั้งชีวิตของผมเฝ้าฝันถึง วันนี้ความฝันของผมมันเป็นจริงแล้ว สิ่งเลวร้ายที่ผ่านมานั้นมันเหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้นเลย แต่ทำไมกันนะ รอยยิ้มที่ผมยิ้มออกมา มันยังคงไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่กลั่นออกมาจากหัวใจจริงๆ ในส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจของผมมันกำลังร้องไห้ ร้องไห้หาคนคนนั้น คนที่ผมคิดถึงสุดหัวใจ

"ไวท์ เป็นไงบ้าง"

ในวันแรกที่ผมกลับมาเรียน แน่นอนว่าคนแรกที่เข้ามาทักผมนั้นก็คือเพื่อนคนเดียวของผม ฟ่างดูสีหน้าเป็นกังวัลเมื่อเข้ามาทักผม ซึ่งผมก็ทำเพียงยิ้มตอบรับความหวังดีนั้น

"ออกมาเมื่อวาน"

"ไม่เห็นบอกกันเลย เมื่อวานฟ่างโทรหาก็ไม่รับ ไปหาที่โรงพยาบาลก็ไม่เจอ งอนนะเนี่ย" ฟ่างพูดอย่างน้อยใจยาวเหยียด ซึ่งผมลืมไปเลยว่าผมต้องบอกฟ่าง

"ขอโทษนะ แต่เมื่อวานยุ่งมากๆ เลย มีหลายเรื่องที่ต้องทำเลยลืมนึกไป" ผมพูดด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิดจริงๆ

"แล้วไวท์ไปนอนที่ไหนมา" ฟ่างถามผมด้วยใบหน้าที่เศร้ากว่าเดิม แต่ผมกลับยิ้มน้อยๆ ให้เพื่อน

"คือ..." ผมอึกอัก ไม่รู้จะพูดว่ายังไงดี มันเป็นเรื่องที่ผมก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นมาก่อน เหมือนกับฝันไปเลย

"ถ้าไม่มีที่นอนบอกนะ ฟ่างจะช่วย" ผมยิ้มให้เพื่อนมากกว่าเดิม นี่ก็เป็นความสุขหนึ่งของผม เธอเป็นคนดีจริงๆ

"คือ ครอบครัวที่ผมช่วยลูกชายเขาไว้ พวกเขา..." ผมพูดและมองฟ่างที่เริ่มทำสีหน้าเหมือนกับรู้ได้ว่าผมกำลังจะพูดอะไร

"ไวท์" ฟ่างพูดชื่อผมเบาๆ และน้ำตาไหลออกมา ผมจับมือเพื่อนเอาไว้ ผมสมควรได้รับสิ่งเหล่านี้จริงๆ งั้นเหรอ ผมก็ไม่อาจบอกได้ แต่ผมนั้นมีความสุขมาก มีความสุขจริงๆ

"ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปสักทีนะไวท์" ผมยิ้มให้คำพูดนั้นของเธอ แต่คงเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ดูมีความสุขเท่าไหร่ ในหัวใจของผมในตอนนี้ วกกลับมาคิดถึงคนคนนั้นอีกแล้ว คนคนเดียวที่ไม่เคยลบเลือนจากหัวใจ

"นาย กำลังจะไปที่ห้องสโลปใช่ไหม อาจารย์งดสอนนะ" ผมที่กำลังคุยกับฟ่างนั้นก็สะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่มีคนเดินเข้ามาหาผม และ...พูดกับผม

"เอ่อ..." ผมอึ้งน้อยๆ และมองผู้ชายสองคนที่ผมจำได้ว่าเรียนวิชาเลือกเดียวกัน

"อย่าเดินไปเลยเสียเวลา ไปละ"

"ครับ ขอบคุณ..." ผมพูดแบบงงๆ และมองสองคนนั้นที่เดินไปอีกทาง

ผมหันกลับมามองฟ่างที่กำลังยิ้มให้ผม นี่มันเรื่องอะไรกัน ปกติแล้ว ไม่มีคนอยากคุยกับผมสักคน ทุกคนมองผมด้วยสายตาเหยียดหยาม แต่วันนี้มันแปลก แปลกมาก

"ไปร้านกาแฟกันไหม" ผมมองฟ่างและเลิกคิ้วน้อยๆ

"ร้านกาแฟที่ไวท์บอกจะไปทำงานไง" อ๋อ ผมนึกออกแล้ว และหวังว่าพี่เขาจะยังอยากให้ผมทำงานที่ร้านอยู่นะ

ผมและฟ่างเดินเท้าไปที่ร้านกาแฟนั้น ซึ่งพวกเราก็มาถึงในเวลาไม่นาน และทุกอย่างก็ยังคงเดิม กลิ่นหอมของขนมปังและบรรยากาศที่ดูอบอุ่นเย็นสบาย ผมมองไปรอบๆ ร้าน แต่บางสิ่งก็ทำให้ผมหยุดชะงักน้อยๆ ที่นี่ทำไมดึงดูคุ้นตาจังเลยนะ ไม่สิ ผมนึกออกแล้ว ที่นี่มันคล้ายกับ...ร้านกาแฟที่ผมเห็นในความฝัน ที่ผมเจอ ผู้หญิงคนนั้น

"ไง พ่อหนุ่มคนดัง แถมตอนนี้ดังกว่าเก่าอีกนะ" ผมหลุดจากภวังค์และมองพี่เบลล์ที่เข้ามาจับบ่าทักทาย คนดังงั้นเหรอ ก็คงดังเรื่องแย่ๆ อีกตามเคย

"พี่รู้เรื่องอะไรมาเหรอคะ บอกฟ่างมาสิ" ฟ่างที่ได้ยินแบบนั้นก็ดูสนใจมาก และเขย่าตัวพี่เบลล์จนหน้าสั่น

"ใจเย็นๆ เรื่องดีๆ ทั้งนั้น นั่งเลยๆ พี่เลี้ยง" พี่เบลล์ขยิบตาให้ผมและฟ่าง และจับให้พวกเรานั่งลง

"พี่เลี้ยงพวกเราเยอะไปแล้วนะครับ ผมอยากทำงานให้บ้าง" ผมทำสีหน้าลำบากใจ ครั้งก่อนที่มาพี่เขาก็ให้พวกเรากินเยอะมาก และ...ตอนนั้น ตอนที่ผมออกมาจากที่ของซิน ซินก็ทิ้งผมเอาไว้ที่นี่ ผมตื่นขึ้น ที่ร้านแห่งนี้...ทำไมกันนะ

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และจ้องมองพี่เบลล์ที่กำลังส่งยิ้มหวาน เป็นชายหนุ่มตัวสูงที่หน้าตาหล่อเหล่า ผิวขาวสะอาดสะอ้าน และดูเป็นคนอารมณ์ดี ผมมองทุกๆ คนที่นั่งอยู่ในร้านตอนนี้ บอกตรงๆ ว่าไม่มีใครดูดีเท่าพี่เขาได้เลยล่ะ ราวกับ มีแสงประหลาดๆ รอบๆ ตัว

"จ้องขนาดนี้พี่ก็เขินแย่สิ" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็หลบสายตาทันที แต่เมื่อผมเหลือบมองพี่เขาต่อนั้น ผมกลับได้เห็นชั่ววินาทีที่พี่เขาทำสีหน้าหมองเศร้า และก็กลับมายิ้มกว้างเหมือนเก่า

"จะทำงานก็ได้นะ แต่ขออนุญาตคุณพ่อหรือยัง ท่านอธิการคงไม่อยากให้ลูกชายทำงานหนักๆ หรอกมั้ง" ผมมองพี่เจ้าของร้านที่พูดต่อไปและต้องอึ้งน้อยๆ อธิการ..

"เดี๋ยวๆๆ พี่ อธิการบดีเหรอ" ฟ่างที่ได้ยินเหมือนผมนั้นก็เด้งจากเก้าอี้ทันที ดูตกใจกว่าผมเยอะเลย

"ใช่สิ ท่านก็เคยมาทานกาแฟที่นี่นะ ใจดี และเป็นคนดีมาก ยังไงก็ดูแลครอบครัวใหม่ดีๆ นะ"

"ไวท์ นี่ไม่รู้เลยเหรอว่าคุณพ่อท่านเป็นอธิการบดีของมหา'ลัยนี้อ่ะ" ฟ่างหันมาตาโตใส่ผม

"คือ ผมเพิ่งย้ายเข้าบ้านเมื่อวานเอง ผมไม่กล้าถามอะไรมาก รู้แค่ว่าท่านทำงาน ในมหา'ลัย" เมื่อเช้าผมก็นั่งรถมากับท่านด้วย ก็ถึงว่า ทำไมดูไม่เหมือนพวกอาจารย์เลย

"ไวท์ ฮือออ โชคดีมากเลย" ฟ่างทำหน้าดีใจมากๆ และเขย่ามือผมไปมา ซึ่งมันทำให้ผมยิ้มได้ แต่จริงๆ แล้ว ไม่ว่าพวกท่านจะทำงานอะไร หรือมีฐานะยากจนแค่ไหน ครอบครัว ก็คือครอบครัว ผมยินดีเสมอที่จะดูแลพวกเขา หากพวกเขา ต้องการคนอย่างผม

"อื้อ" ผมยิ้มให้ฟ่างและหัวเราะท่าทางของเพื่อน ขอบคุณนะ ขอบคุณมากจริงๆ

"เอ้านี่! ชุดใหญ่จัมโบ้เลย" ผมมองพี่เบลล์ที่ยกบิงซูชุดใหญ่มาวางตรงหน้าผม เอาอีกแล้วไง แบบนี้ต่อไปผมไม่กล้ามาแล้วนะเนี่ย

"โห อันนี้พี่ก็เลี้ยงเหรอคะ ใจดีจัง" ฟ่างยิ้มกว้างและจ้องมองสตอเบอรี่ลูกใหญ่ด้วยดวงตาเป็นประกาย

"ไม่ใช่หรอก" ผมและฟ่างมองพี่เบลล์ที่บอกปฏิเสธซะงั้น

"เอ้า ก็เห็นยกมาให้ โธ่" ฟ่างพูดและทำหน้างอ

"มีคนเขาสั่งให้ไวท์" ผมและฟ่างมองหน้ากันด้วยสีหน้างงๆ เดี๋ยวนะ ให้ผมเหรอ

"ใคร เหรอครับ" ผมว่านี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆ

"คือ เราเองแหละ" ผมที่กำลังถามพี่เบลล์นั้น อยู่ๆ สาวสวยคนหนึ่งก็เดินเข้ามา และนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ผม และทันทีที่ผมมองหน้าเธอนั้น ผมก็นึกขึ้นได้ทันที ว่าเธอคือคนที่เคยแกล้งผม และมองผมด้วยสีหน้าแย่ๆ มาก่อน

"อยากขอโทษ เรื่องที่แล้วๆ มานะ" เธอพูดด้วยสีหน้าที่ดูจริงใจ และไม่ได้หลบสายตาผม

"คือผมไม่ได้คิดอะไรเลย จริงๆ นะ ไม่เคยเลย" ผมพูดบอกเธอ ผมนั้นถึงจะต้องโดดเดี่ยวอยู่เสมอ แต่ผมก็ไม่เคยถือโทษโกรธใครเลย ทุกอย่าง มันเป็นเพราะตัวผมเอง

"อื้อ ก็พอดูออกล่ะ"

"ขอบคุณ มากเลยนะ" ผมมองหน้าเธอ ผมดีใจนะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกดีใจจริงๆ

"ท่านอธิการ ท่านเคยช่วยเหลือเราน่ะ และวันก่อน ท่านก็ เชิญนักศึกษาหลายๆ คนเข้าฟังสิ่งที่ท่านอยากจะบอก" ผมมองหญิงสาวข้างๆ ผม และตั้งใจฟังสิ่งที่เธอกำลังจะบอก

"นายช่วยลูกท่านไว้ใช่ไหม และตอนนี้นายก็เป็นลูกบุญธรรมของท่าน ท่านเป็นคนดีมาก นักศึกษาหลายๆ คนที่มีปัญหา ถ้าเข้าไปปรึกษาท่าน ท่านก็จะช่วยเสมอ และพอเป็นแบบนี้ พอท่านพูดถึงนาย พูดถึงสิ่งที่นายทำ ท่านขอร้องพวกเรา ให้มองนายใหม่" พอฟังมาถึงตรงนี้ ผมนั้นรู้สึกอยากจะกลับไปกราบท่านสักล้านครั้ง ขอบคุณนะครับ ที่เชื่อคนอย่างผม และทำให้ทุกคน มองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

"ขอโทษจริงๆ นะ เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม" ผมยิ้มให้คำพูดนั้นของเธอ คำพูดที่มีความหมายเหลือเกินสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนแบบผม

"ได้สิ ถ้างั้นก็ กินด้วยกันนะ" ผมยิ้มให้เธอ และยื่นช้อนด้ามยาวให้เธอ

"ได้เลย" เธอรับช้อนจากมือผมและยิ้มให้ผม

พวกเราร่วมกันกินขนมหวานด้วยกัน และคุยกันอีกหลายเรื่อง ฟ่างนั้นเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย พอคุยไปคุยมา ก็กลายเป็นผมนั่งฟังสาวๆ เขาเม้าท์มอยเรื่องต่างๆ กัน บรรยากาศแบบนี้ ดีจังเลยนะ ในชีวิตของผม สิ่งดีๆ เหล่านี้กำลังเกิดขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ ขอบคุณครับ ทุกๆ สิ่ง ไม่ว่าจะเป็นคุณยายที่เมตตาเลี้ยงผมมา ขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ที่ให้โอกาสรับคนอย่างคนเข้ามาเป็นครอบครัว และ คนที่ผมควรจะขอบคุณมากที่สุด...

ซิน ผมคิดถึงนาย คิดถึงเหลือเกิน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 16:39:56 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คุณยายใช่ไหม ที่มาหาไวท์  :กอด1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

คิดเหมือนเม้นบนเลย  ผู้หญิงอายุราว 30 ที่ไวท์เจอในฝัน น่าจะเป็นคุณยายที่เสียในกองเพลิงนั่น

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ fahdekkom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สงสารไวท์ คิดถึงคุณยายด้วย หลังจากนี้จะมีแต่เรื่องดีๆแล้วสินะ

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 34 สิ่งที่เหลือในกองไฟ


ช่วงเวลาที่ดีๆ เหล่านี้ทำให้หัวใจที่บาดเจ็บของผมทุเลาลง สายตาที่แสนเย็นชาจากทุกคนนั้น ตอนนี้ถึงจะมีอยู่บ้าง แต่ก็ลดน้อยลงไปแล้ว ผมสัมผัสได้ถึงสายตาของหลายๆ คนที่มองมาและมันไม่เหมือนเดิม ขอบคุณนะครับคุณพ่อ

"พี่ชายฮับ"

ผมที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศที่หาได้ยากนั้นก็สะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่มีเด็กน้อยตาแป๋วมาเกาะที่แขนผม

"เครปอยากกิงมั่ง" ผมยิ้มทันทีที่เห็นว่าใครมาเกาะและอ้อนผม ว่าแต่ มาได้ยังไงกันนะ

"ว่าไงจ๊ะน้องเครป มาได้ยังไงเนี่ย ตอนอยู่โรง'บาลก็ไม่ให้พี่หอมเลย" ฟ่างที่เห็นเด็กน้อยก็ยิ้มและรีบมาคุกเข่ากอดน้องทันที เพิ่งรู้นะว่าชอบเด็กด้วย แต่ปฏิกิริยาที่น้องเครปเห็นฟ่างนั้นกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ผมมองน้องชายแสนน่ารักของผมที่ดิ้นหลุดจากฟ่าง และมาเกาะแขนผมแน่น พร้อมทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้เต็มแก่

"โธ่ น้องเครปจ๋า พี่ฟ่างมีขนมน้า" ฟ่างทำหน้างอและพยายามล่อเด็กน้อยด้วยขนม

"พี่ฟ่างเป็นเพื่อนพี่ชายเองครับ ไม่มีอะไรต้องกลัวน้า" ผมพูดและลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู

"น้องค่อนข้างจะกลัวคนแปลกหน้าน่ะ ขอโทษด้วยนะสาวน้อย" ผมมองคนอีกคนที่เดิมตามเข้ามาทีหลังและก็ต้องลุกขึ้นยกมือไหว้ทันที

"คุณ เอ่อ..." ผมอึกอักเล็กน้อย การเป็นครอบครัวใหม่ทำให้ผมยังไม่ค่อยชินและรู้สึกไม่กล้าที่จะพูดถ้อยคำที่ดูสนิทนัก

"คุณพ่อ" ผมยิ้มให้กับคำพูดของคนตรงหน้า ท่านช่างเป็นคนที่ใจดีจริงๆ

"น้องเครปชอบทานเค้กที่นี่มาก แล้วก็ดีนะที่เจอเรา จะได้กลับบ้านพร้อมกัน"

"ครับ" ผมตอบรับด้วยรอยยิ้ม และก็เพิ่งคิดขึ้นได้ว่าผมมีเรื่องอยากจะขอท่าน

"คือ ผมมีเรื่องนึง อยากจะขอครับ" ผมรีบพูดและมองพี่เบลล์ที่กำลังยิ้มน้อยๆ เหมือนรู้ทัน

"ว่ามาสิ เอาเลย" คุณพ่อทำสีหน้ายิ้มๆ และรอฟังคำขอจากผม

"ผม ขอทำงานที่นี่ได้ไหมครับ" ผมพูดและจ้องมองคุณพ่อที่กำลังเลิกคิ้วขึ้นเหมือนใช้ความคิด

"ถ้าจะทำเพราะต้องการจ่ายค่าตอบแทนอะไรแบบนั้น บอกเลยว่าไม่อนุญาต" คุณพ่อพูดและมองผมเหมือนเดาใจผม ซึ่งตอนแรกผมนึกว่าท่านจะอนุญาตแบบง่ายๆ ซะอีก

"ผมแค่อยากทำงานครับ ผมอยากจะช่วยแบ่งเบาบ้าง อย่างน้อยก็แค่ค่าอาหารของผม"

"ถ้าคุณแม่ได้ยินคงเสียใจนะ อาหารที่บ้านไม่อร่อยเหรอ"

"ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น" ผมรีบตอบและคุณพ่อก็หัวเราะน้อยๆ ทันที

"จริงๆ เราอยากทำอะไรพ่อก็ไม่ได้ห้ามหรอกนะ แต่ไม่อยากให้คิดเหมือนพวกเราเป็นคนอื่น การที่พ่อรับเราเข้ามาในครอบครัว ก็เพื่อให้เราเป็นครอบครัวจริงๆ ดูแล เกื้อหนุนกันเป็นเรื่องธรรมดา อย่าคิดมากเลยนะ" หัวใจของผมมันรู้สึกพองโตด้วยความดีใจ คำพูดเหล่านั้น สำหรับผมแล้ว มันมีค่าเหลือเกิน

"ไวท์เป็นคนดีค่ะ ไม่แปลกที่จะคิดอะไรแบบนี้เลย" ผมมองฟ่างที่อยู่ๆ ก็พูดขึ้นและกอดคอผม อยู่ๆ อะไรของเขาอีกนะ

"ขอบคุณที่เป็นเพื่อนที่ดีของเขานะ ดูแลเขาด้วย"

"แน่นอนค่ะ ไวท์เนี่ย เพื่อนรักหนูเลย" ฟ่างพูดอย่างมั่นใจและยิ่งกอดคอผมแน่น จะพูดมากไปแล้วนะฟ่าง  แต่ก็ ขอบคุณนะ ผมมีความสุขมากจริงๆ



ในเช้าของวันหยุด ผมตื่นนอนขึ้นด้วยความรู้สึกที่ยังคงแปลกใหม่เช่นเคย บ้านหลังใหญ่นี้ ช่างใหญ่โตและสวยงาม แต่ลึกๆ ในหัวใจของผมนั้น ผมยังคงคิดถึงห้องนอนเล็กๆ ของผม บ้านหลังน้อยที่มีคุณย้ายอยู่ที่ชั้นล่าง

เวลานี้ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมก็คงจะลงไปช่วยคุณยายเปิดร้าน ช่วยจัดของเล็กๆ น้อย และกินขนมที่คุณยายชอบให้

ความทรงจำเหล่านั้น มันทำให้น้ำตาของผมคอยแต่จะไหลออกมา ทำไมกันนะ ทำไมคุณยายถึงจากผมไป อย่างน้อย ผมก็อยากบอกลาคุณยาย ทำไม เพราะอะไรกันซิน

"พี่ชายฮะ" ผมที่นั่งอยู่บนเตียงนั้นก็รีบเช็ดน้ำตาเล็กๆ และอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมาบนเตียง เด็กน้อยทั้งสองนั้นบุกเข้ามาในห้องนอนของผม และจ้องมองผมเหมือนอยากจะอ้อนด้วยอีกคน

"วันนี้ทำไมตื่นเช้ากันเหรอ" ผมพูดถามน้องๆ ทั้งสองคน เพราะปกติเด็กๆ ไม่น่าจะตื่นกันไวขนาดนี้ในวันหยุด

"วันนี้คุณพ่อบอกจะพาไปเที่ยวค่ะ" ผมเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ทันทีที่น้องเค้กพูดบอกผม เมื่อวานก็ไม่เห็นคุณพ่อจะพูดอะไรนะ

"ไปที่ไหนเหรอคะ" ผมพูดกับน้องเค้กที่กำลังดึงแก้มน้องชายเล่น

"คุณพ่อไม่ได้บอกว่าไปที่ไหนค่ะ"

"ทะเล น้อนอยากไปทะเล" ผมมองเจ้าตัวเล็กที่ดูตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อนึกถึงทะเลสีฟ้า

"งั้นพวกเราไปเตรียมตัวกัน เครปอยากอาบน้ำกับพี่ชายไหมครับ" ผมดึงเจ้าแก้มนุ่มเข้ามาและหอมแรงๆ สักฟอด

"น้องเค้กด้วยนะคะ" น้องเค้กพูดและเขย่าแขนผมอย่างจริงจัง

"ทำไมมากวนพี่เขาแบบนี้ละลูก แล้วเค้ก เป็นสาวเป็นนางจะอาบน้ำกับพี่เขาไม่ได้แล้วนะลูก" ผมมองคุณแม่ที่เดินมายืนอยู่หน้าประตู คงจะได้ยินเรื่องที่พวกเราพูดกันเมื่อกี้

"โธ่ หนูยังเป็นเด็กอยู่เลยค่ะ" ผมมองน้องๆ อย่างลำบากใจ ผมไม่น่าพูดแบบนั้นเลย ลืมนึกถึงน้องเค้กที่เป็นผู้หญิงไป

"เอาล่ะตัดปัญหา มาอาบกับแม่ให้หมดเลย ห้ามกวนใจพี่เขา" ผมมองคุณแม่ที่เท้าเอวและทำหน้าดุแบบหลอกๆ ทำให้เด็กๆ โอดครวญกันระงม

"รีบไปอาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวนะ วันนี้ต้องเดินทางกัน" คุณแม่เดินเข้ามาอุ้มเจ้าเครปเอาไว้ และบอกผมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

"ครับ" ผมตอบรับคุณแม่และมองทุกๆ คนเดินออกจากห้อง

ไปเที่ยวงั้นเหรอ คำๆ นี้ไม่ค่อยมีอยู่ในหัวของผมนัก แต่มันก็ทำให้นึกถึง ความทรงจำครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่คุณยายท่านพาผมไป ไปในที่ที่ร่มเย็นนั้น และตอนนี้ คุณยายก็อยู่ที่นั่นแล้ว คุณยายครับ...

"มาเลยจ้า รีบทานกัน" หลังจากที่ผมหยุดคิด และจัดการตัวเองเรียบร้อยทุกอย่าง ผมรีบลงมาที่ชั้นล่างซึ่งทุกคนกำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ที่โต๊ะตัวยาว

"ขอโทษนะครับ ผมช้าไปหน่อย" ผมพูดและนั่งลงที่หัวโต๊ะตรงข้ามคุณพ่อ พลางขอบคุณคุณแม่บ้านที่รินน้ำให้

"ไม่เป็นไรหรอก พวกเราก็เพิ่งมานั่งกันไม่นาน"

"พี่ชายฮะ น้อนเครปอยากนั่งตรงนี้" ผมที่กำลังคุยกับคุณพ่อนั้นน้องเครปก็เดินมาหาผมและชี้ที่ตัก

"ไม่ได้นะครับ กวนพี่เขาอีกแล้ว" คุณแม่ส่งเสียงดุน้องเครป แต่ผมนั้นก็จับตัวน้องและอุ้มขึ้นนั่งตักทันที น่ารักแบบนี้ผมปฏิเสธไม่ลงหรอก

"ไม่เป็นไรครับถ้าน้องอยากนั่งตรงนี้" ผมพูดและหยิบจานข้าวของน้องมาป้อนให้ด้วย

"สองพี่น้องคู่นี้ห่างกันไม่ได้เลย" คุณพ่อพูดและมองมาทางพวกเราด้วยรอยยิ้ม ซึ่งคำพูดนั้นทำให้ผมยิ้มกว้างเช่นกัน

"น้องเค้กก็ชอบพี่ไวท์นะคะ" น้องเค้กพูดและยิ้มให้ผม ซึ่งทำให้ผมยิ่งหุบยิ้มไม่ได้เลย

"พี่ก็ชอบ ทุกๆ คนเลย ขอบคุณนะครับ" ช่วงเวลาแบบนี้ ผมจะจดจำไว้ ในหัวใจอีกนานแสนนาน

ตอนนี้พวกเราได้ออกมาจากที่บ้านแล้ว ผมแต่งตัวสบายๆ ขึ้นรถตู้ของบ้าน และนั่งอยู่ที่ด้านในสุดกับน้องๆ พวกเราร้องเพลงกัน เล่นกันจนเหนื่อย และในที่สุด เจ้าตัวเล็กก็หลับไปอยู่บนตักของผม ช่างไร้เดียงสาซะจริง

แต่ผมที่จ้องมองใบหน้าของน้องยามหลับนั้นก็พลันนึกถึงตัวเองในวัยเด็ก การนอนในอ้อมกอดของคนที่รักเรา มันเป็นยังไงงั้นเหรอ ตอนนั้นผมไม่เคยได้รับรู้เลย มีเพียงผืนผ้าสีขาวและหมอนเก่าๆ หนึ่งใบ มันช่างเหน็บหนาว และอ้างว้างสุดหัวใจ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้น มันไม่เคยน่าอยู่เลยสำหรับผม มีแต่ความทรงจำที่น่าเศร้า การกลั่นแกล้ง ความเดียวดายนั้นผมรู้ดียิ่งกว่าใคร แต่วันหนึ่งผมก็ได้พบกับความอบอุ่นเป็นครั้งแรก คนที่ยื่นมือเข้ามา ดึงผมออกจากขุมนรกนั้น

คุณยายครับ ผมคิดถึงคุณยาย...

"คุณพ่อคุณแม่ครับ" ผมที่คิดอะไรออกนั้น ก็อยากที่จะขออนุญาตทั้งสองคนอีกครั้ง เพราะตอนนี้พวกท่านคือผู้ปกครองของผม

"ว่าไงจ๊ะ ถ้าเมื่อยก็ส่งน้องมาให้แม่นะ" ผมยิ้มน้อยๆ และส่ายหัวเป็นเชิงว่าผมไม่เป็นไร

"คือไม่ใช่เรื่องน้องหรอกครับ แต่ผมมีเรื่องอยากจะขออีกน่ะครับ"

"ถ้าจะขอทำงานอีกที่ พ่อไม่อนุญาตนะ" ผมที่ยังไม่ทันจะพูดอะไร คุณพ่อก็พูดขึ้นเป็นเชิงล้อเล่น

"เรื่องอะไรกันคะ คุณให้ลูกทำงานเหรอ" คุณแม่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำสีหน้าแปลกใจทันที

"ทำไมละจ๊ะ ต้องการใช้เงินทำอะไรหรือเปล่า อยากได้อะไรก็บอกได้เลยนะ" คุณแม่ดูท่าทางเป็นห่วงผม ซึ่งนั่นทำให้ผมดีใจมาก

"ผมแค่อยากทำงานร้านกาแฟครับ ผมชอบที่แบบนั้น" ผมพูดและหวังเป็นอย่างยิ่งกว่าจะไม่ทำให้พวกท่านไม่สบายใจ

"ถ้างั้นก็ตามใจเถอะจ๊ะ แต่ถ้าเหนื่อย ก็พักนะลูก ไวท์ลำบากมามากแล้ว แม่ไม่อยากให้ไวท์เหนื่อยเกินไป" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตื้นตันมากกับทุกสิ่งที่ผมได้รับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ก้าวเข้ามาในครอบครัวนี้

"ขอบคุณครับ" ผมพูดและยิ้มอย่างดีใจ

"แล้วที่เราบอกว่ามีเรื่องจะขอ เรื่องอะไรอีกล่ะ" คุณพ่อพูดถามผม ซึ่งพอกลับมาคุยเรื่องนี้ ก็ทำให้ผมหุบยิ้มลงน้อยๆ

"คือผม...อยากกลับไปที่บ้านเก่าครับ ที่นั่น อาจจะยังมีอะไรเหลืออยู่บ้าง" ผมพูดและยิ้มอย่างเศร้าๆ อย่างน้อย สิ่งของเล็กๆ ของคุณยายก็ยังดี เพื่อระลึกถึงท่าน

"แต่ที่นั่น คงไม่มีอะไรเหลือแล้วล่ะ" ผมมองคุณพ่อที่พูดและทำหน้าหมองเศร้าลงเหมือนกับผม ไม่มีแล้วงั้นเหรอ แต่มันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้

"แต่ถ้าเราอยากจะไปจริงๆ พ่อจะพาไป" คุณพ่อรีบพูดต่อ เมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจของผม

"ขอบคุณครับ" ยังไงท่านก็ใจดีจริงๆ

และไม่นานนัก รถตู้ที่แล่นอยู่นั้น ก็ค่อยๆ เลี่ยงออกจากถนนเส้นใหญ่ๆ มุ่งตรงไปสู่ถนนสายเล็กๆ ที่ทอดยาวไปสู่สถานที่่ที่ผมค่อนข้างคุ้นตา ผมมองออกไปที่หน้าต่างด้านข้าง มองต้นไม้สองข้างทางที่เลื่อนผ่านไปมา และเริ่มขมวดคิ้วมากขึ้น

"ที่นี่..." ผมพูดและหันกลับไปมองคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังหันมามองผมเช่นกัน พวกท่านส่งยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่น และออนโยนจริงๆ

ในที่สุด รถที่พวกเรานั่งมานั้นก็จอดลงเงียบๆ ที่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ ผมแตะแก้มน้องทั้งสองเบาๆ เพื่อปลุกให้ตื่นขึ้น และจูงมือเด็กน้อยทั้งสอง พาลงจากรถ เดินช้าๆ ผ่านต้นไม้ใหญ่ที่แสนร่มรื่น

ที่ดินตรงนี้ เป็นที่ที่คุณยายท่านซื้อเอาไว้ เป็นสถานที่ที่ท่านเคยหวังว่าจะมาใช้ชีวิตกับคนรักของท่านเมื่อสมัยยังสาว แต่ท่านก็ไม่เคยทำสิ่งที่หวังนั้นได้ เพราะคนคนนั้น คนที่ท่านรัก ได้จากไปด้วยโรคร้าย นี่เป็นเรื่องเดียวที่คุณยายเคยบอกผม เป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับคนที่มีแต่รอยยิ้มแบบคุณยาย

และตอนนี้ ผมพาท่านมาพักที่นี่อย่างที่ท่านเคยหวังไว้แล้ว ได้อยู่เคียงคู่กับคนที่ท่านรัก เป็นที่ที่ท่าน เคยพาผมมาเมื่อนานมาแล้ว

ผมปล่อยมือจากน้องๆ ทั้งสอง และค่อยๆ เดินไปข้างหน้า ไปตรงเนินดินเล็กๆ ที่มีดอกไม้แห้งๆ วางไว้ เป็นช่อดอกไม้ที่ผมเอามาให้ท่านเมื่อครั้งก่อน ผมคุกเข่าแตะมือลงที่เนินนั้นด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอในดวงตา คุณพ่อและคุณแม่ เดินตามผมมาเงียบๆ และยืนทำท่าไว้อาลัยแก่คนที่จากไป

"ผมมาหาคุณยายอีกแล้วนะ" ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นไหวและพยายามฝืนยิ้มอย่างเช่นเคย

"คุณยาย ไม่ต้องเป็นห่วงผมแล้วนะ ตอนนี้ผมไม่เป็นไรแล้วครับ" ผมพูดและหันไปมองครอบครัวของผมที่กำลังส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ และไม่ว่ายังไง คุณยายจะอยู่ในหัวใจของผมตลอดไป

"ผมคิดถึงคุณยายครับ" ผมหันกลับมาอีกครั้ง และมองเนินดินตรงหน้าอย่างเศร้าใจ คุณยายไปอยู่ที่ไหนกันครับ ผมอยากพบคุณยายอีกสักครั้ง แต่มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ผมพยายามกล้ำกลืนฝืนน้ำตาเอาไว้

ผมยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น พูดเบาๆ กับคุณยายที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผมสามารถอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน แต่ว่าวันนี้ผมคงจะทำแบบนั้นไม่ได้ แล้วผมจะมาหาใหม่นะครับ

ผมคิดและค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ แต่เมื่อผมหันกลับไปที่คุณพ่อนั้น ผมก็พบว่าท่านเดินมายืนอยู่ที่ด้านหลังผมแล้ว

"ที่พ่อบอกว่าที่นั่นคงไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว เพราะว่าพ่อไปที่นั่นมาแล้ว และพบแค่สิ่งนี้เท่านั้น" ผมจ้องมองคุณพ่อและค่อยๆ ก้มมองสิ่งที่คุณพ่อยื่นส่งมาให้

และทันทีที่ผมมองเห็นสิ่งนั้น หยาดน้ำตาที่ผมเฝ้าแต่เก็บมันไว้ ก็ไหลเอ่อจนล้นออกมา ผมยื่นมืออันสั่นเทา ยื่นไปหยิบสิ่งที่อยู่ในมือนั้น และจ้องมองมัน จ้องมองรูปถ่ายของผู้หญิงในวัยประมาณสามสิบปีกำลังส่งยิ้มให้กับผม อย่างสวยงาม เป็นรอยยิ้มที่ผมจำได้ ผมจำคุณได้แล้ว

"คุณยายครับ" ผมพูดและปล่อยให้น้ำตาหยดลงที่รูปถ่ายเก่าๆ ใบนั้น

คุณยายมาหาผมแล้ว แต่ผมไม่รู้อะไรเอาซะเลย นั่นไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริง คุณยายท่านได้ไปในที่ที่สวยงาม ราวกับสรวงสวรรค์...

และทันทีที่ผมนึกถึงคำนั้น ภาพอีกภาพในความทรงจำของผมก็แทรกเข้ามา ใบหน้าของซินที่ดูปวดร้าว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ ผมได้ทำผิดไปแล้ว ซินไม่ได้ฆ่าคุณยาย แต่พาคุณยาย ไปสู่ที่ที่คุณยายสมควรจะไป

น้ำตาของผมที่ค่อยๆ ไหลรินนั้น ในตอนนี้กลับค่อยๆ ไหลออกมาไม่หยุด ผมไม่อาจสะกัดกลั้นความเสียใจได้อีกแล้ว ผมคุกเข่าลงกับพื้น กอดรูปถ่ายผู้มีพระคุณของผมไว้ และร้องไห้สะอึกสะอื้นจากหัวใจ

ขอเพียงแค่อีกสักครั้งได้ไหม ขอให้ผม ได้พบนายอีกสักครั้ง...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 16:40:52 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สุข แต่ยังไม่สมหวัง สู้ต่อไปลูก  :กอด1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ครอบครัวใหม่ที่อบอุ่น  กับคนในความทรงจำ

น่ายินดีและน่าสงสารไปพร้อม ๆ กัน

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
อ่านไปน้ำตาไหลไป :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ snoopyme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เพิ่งเคยอ่านครั้งแรก อ่านรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุดเลย โอ้ยยยยย สงสารซินมาก แล้วเขาจะได้รักกันสมหวังไหมเนี่ย ไวท์ก็สงสารนะ แต่กว่าจะรู้ความจริงแต่ละเรื่องก็ทำเอาคนอื่นเดือดร้อนก่อนตลอด แต่ก็นะ เพราะไม่มีใครบอกความจริงกันตรงๆสักที เอาเป็นว่าเอาใจช่วยทุกฝ่าย อยากรุ้แล้วว่าต่อไปจะเป็นยังไง สนุกมากจ้าาาา เอาใจช่วยคนเขียนมาต่อไวๆนะ :z3: :katai2-1: :hao5: :katai4: :ling1:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
Shadows ที่ 35 โลกที่ไร้สีสัน


ช่วงเวลาที่ผมได้ใช้ชีวิตอยู่ตอนนี้ มันช่างอบอุ่นและทำให้หัวใจสงบลง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมจ้องมองขึ้นไปยังท้องฟ้าไกล หัวใจของผมก็หม่นหมองลงทุกครั้ง

ไม่มีอีกแล้ว จะไม่ได้...พบกันอีกแล้ว

เวลาที่คิดแบบนี้ หัวใจของผมมันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน โลกที่ไม่มีซินอยู่ มันช่างว่างเปล่า และไร้ซึ่งสีสันใดๆ

"ไวท์ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว" ผมละสายตาจากท้องฟ้ากว้าง หันมองเพื่อนของผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พวกเรามานั่งทานข้าวกันที่ใต้ร่มไม้ข้างโรงอาหาร เป็นสถานที่ที่ร่มรื่นและสวยงาม

"คิดถึงแฟนอยู่เหรอไวท์ ไม่เห็นเอามาเปิดตัวให้ดูมั่งเลย"

"ห๊ะ ไวท์มีแฟนด้วยเหรอ แบบนี้สาวๆ หลายคนคงอกหักแย่" ผมยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เพื่อนที่เรียนด้วยกันกับผม ตอนนี้มีเพื่อนๆ อีกสองสามคนมานั่งทานข้าวด้วย ทำให้บรรยากาศรอบๆ ตัวผมยิ่งครึกครื้น ไม่เงียบเหงาเหมือนเก่า แต่เพื่อนที่สนิทกับผมจริงๆ ก็มีเพียงแค่ฟ่างเท่านั้น มีเพียงฟ่างคนเดียวที่รู้ว่าผมกำลังคิดถึงใคร

"แฟนไวท์น่ะ น่าตาดีมากกกกก"

"พอเถอะฟ่าง พูดอะไรน่ะ" ผมยิ้มน้อยๆ และมองเพื่อนที่กำลังพยายามทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น

"เคยเห็นเหรอฟ่าง เป็นคนยังไงเหรอ" ผู้คนต่างสนใจในสิ่งที่ฟ่างพูด

"เปล่าอ่ะ แค่มโน" ฟ่างพูดและหัวเราะขำตัวเอง ยังเป็นคนที่ร่าเริงเกินเหตุเช่นเคย

แกร่ก!

ผมที่มองเพื่อนๆ กำลังคุยกันนั้น มือก็เผลอปัดช้อนร่วงหล่นลงไปใต้โต๊ะจนได้ ผมมองช้อนนั้นที่ร่วงอยู่ข้างๆ ขาโต๊ะ เดี๋ยวนี้ซุ่มซ่ามขึ้น ผมใจลอย เหม่อลอยบ่อยมากเกินไป ต้องตั้งสติ ตั้งสมาธิกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นผมคงจะไม่ได้มีชีวิตยืนยาวแน่ๆ

"ถ้าจะพูดถึงความบริสุทธิ์ ในกลุ่มนี้คงไม่แคล้วจะเป็นไวท์แน่ๆ ใสๆ ไร้พิษภัย" ผมที่กำลังจ้องช้อนนั้นก็เหลือบตาไปมองเพื่อนๆ ที่กำลังคุยกันถึงเรื่องอะไรสักอย่าง ซึ่งนั่นกำลังพูดถึงผมสินะ ผมดูเป็นอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหม

"เห็นด้วย ถ้าเทียบกับแกนะ" ผมมองกลุ่มสาวๆ ที่หัวเราะแซวกันเล่น และส่งยิ้มมาให้

"คือ...ผมไม่ได้ บริสุทธิ์ อย่างที่ทุกคนคิดหรอกนะ" ผมพูดและยิ้มน้อยๆ ดูปฏิกิริยาของทุกคนที่ดูจะชะงักทันที นี่ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ แต่ว่า ผมไม่อยากให้ทุกคนมองผมเป็นคนที่เพรียบพร้อมเรียบร้อยปานนั้น

"ไวท์!" ผมมองฟ่างที่ตาโตขึ้นทันที และถึงกับลุกพรวดขึ้นมา ดูตกใจมากกว่าคนอื่นทีเดียว

"เล่ามาเลยนะ ทำไมไม่เห็นเคยบอก" ผมหัวเราะฟ่างที่รีบมาเกาะแกะด้วยดวงตาเป็นประกาย นี่ตื่นเต้นอะไรน่ะ คิดไปไหนแล้วนั่น แต่มันก็ เรื่องจริงละนะ

"กับซินเหรอ" ฟ่างพูดเบาๆ และยิ้มกวนผม นี่เรากำลังพูดถึงเรื่องแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม ฟ่างพูดชื่อซินเบาๆ และนั่งเบียดผมให้ชิดกว่าเก่า "นึกว่าแค่ชอบกันเฉยๆ ซะอีก ร้ายนะ" ผมอดยิ้มไม่ได้ถึงความทะเล้นของเพื่อน มันไม่ใช่เรื่องที่จะเล่าเป็นฉากๆ ได้หรอกนะ ทะลึ่งจริงๆ เลยคนเรา

แต่ผมที่หวนคิดถึงเรื่ิองราวในคืนนั้น ใบหน้าของผมก็เริ่มหุบยิ้มทันที ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะความโศกเศร้า ความรักที่ผสมผสานกับความเจ็บปวดทรมาน ร่างกายของพวกเราที่เชื่อมต่อกันด้วยความผิดหวังและเสียใจ

"ไวท์" ผมหลุดออกจากความหม่นหมองนั้น และมองเพื่อนที่กำลังเรียกผมเบาๆ

"ขอโทษนะที่เสียมารยาท คงเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดใช่ไหม" ผมส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความคิดนั้น

"ถึงจะเจ็บปวด แต่มันคุ้มค่า" ผมพูดและยิ้มให้เพื่อน พยายามทำตัวให้ดูเข้มแข็ง ทั้งๆ ที่ผมอ่อนแอเหลือเกินกับเรื่องราวเหล่านี้ เรื่องราวของซิน

หลังจากพวกเรายังคงนั่งเล่นกันอีกสักพัก เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็ขอตัวแยกย้ายกันออกไป ผมและฟ่างตัดสินใจที่จะไปที่ร้านกาแฟหลังมอ ที่ที่ผมต้องไปทำงานพิเศษ ซึ่งวันนี้จะเป็นวันแรกที่ผมได้เข้าไปทำงานที่ร้านแบบจริงๆ จังๆ พี่เบลล์เจ้าของร้านนั้นใจดีมาก และบอกผมว่าจะมาเริ่มวันไหนก็ได้ตามที่ผมต้องการ

"วันนี้น้องเครปจะมาไหมน้า คิดถึงจัง" ฟ่างพูดและดึงผมให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ตัวยาว ผมเก็บกระเป๋า และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมทำช้อนหล่นใต้โต๊ะ ผมต้องนำพวกจานข้าวนี้ไปเก็บในที่ของมัน

ผมคิด และก้มลงไปใต้โต๊ะ ตรงที่ที่จำได้ว่าช้อนนั้นหล่นอยู่ ผมหรี่ตามองเล็กน้อย ผมในตอนนี้ใส่คอนแทคเลนส์แล้ว มองเห็นชัดมากขึ้นแล้ว แต่ว่า ช้อนมันหายไป... หายไปได้ยังไงกัน

"อะไรเหรอไวท์ ให้ช่วยไหม" ฟ่างเริ่มเดินกลับเข้ามาใกล้ผม และทำสีหน้าสงสัย

"คือผมทำช้อนหล่น แต่..."

"หล่นอะไรไวท์ ก็นั่นไง อยู่ในจาน" ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบกลับขึ้นมามองจานข้าวของตัวเองทันที และก็พบว่าช้อนที่ผมกำลังมองหานั้น วางอยู่คู่กับส้อมในจานข้าว

"มีอะไรเหรอไวท์" ฟ่างที่ถือจานเปล่ารอนั้น ก็ยิ่งขมวดคิ้วไปใหญ่ที่เห็นสีหน้าผมกำลังแปลกใจ

"ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ" ผมพูดและยกจานนั้นขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ผมสังเกตความผิดปกติเหล่านี้ได้ตั้งแต่ที่ผมนอนอยู่ในโรงพยาบาล มันเกิดขึ้นทุกวัน วันละเล็กวันละน้อย จนผมเริ่มที่จะเปลี่ยนความคิด ที่คิดว่าทุกสิ่งนั้นเป็นเพราะผมคิดไปเอง มันอาจจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่ผมก็ไม่อาจรู้ได้เลยในตอนนี้

ไม่นานหลังจากเดินออกมาจากมหา'ลัย พวกเราก็มาถึงร้านกาแฟที่อบอวนไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟและขนมปัง ผมมองดูฟ่างที่วิ่งไปเกาะตู้ขนมด้วยความเคยชิน เพิ่งกินข้าวมาแท้ๆ ไม่รู้เอากระเพาะไหนใส่กันนะ

"ผู้หญิงน่ะ เขามักจะมีกระเพาะของหวานไว้สำรอง"

ผมสะดุ้งน้อยๆ ทันทีที่พี่เบลล์เจ้าของร้านพูดใส่ผมเบาๆ ที่ข้างหู

"สวัสดีครับพี่" ผมพูดอย่างตกใจและถอยหลังห่างออกมา มองดูพี่เบลล์ที่กำลังหัวเราะเบาๆ

"พี่ อ่านใจได้หรือไงครับ" ผมมองพี่เบลล์ที่ดึงมือผมไปที่เคาน์เตอร์ และยื่นผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเข้มมาให้

"แค่เดาน่ะ" พี่เบลล์พูดและยิ้มอย่างกวนๆ

"เอาล่ะ อย่างแรกที่จะให้ไวท์ทำก็คือ เอานมสดกับชีสเค้กนี้ไปเสิร์ฟโต๊ะริมหน้าต่างนั่น โอเคไหม" ผมรีบผูกผ้ากันเปื้อนไว้ที่เอว และพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

"ผมอยากชงเครื่องดื่มเป็นจังเลยครับ" ผมพูดและรับถาดที่ได้รับมา ถือมั่นคงในมือ

"ค่อยๆ นะ พี่สอนหมดนั่นล่ะ"

"ครับ" ผมยิ้มและเดินไปที่โต๊ะริมหน้าต่างสวย ตรงที่เห็นวิวกระถางต้นไม้สีเขียวสลับกับดอกไม้สีขาว ผมเกร็งเล็กน้อยทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะนั้น และค่อยๆ วางแก้วนมสดกับขนมลงไป

ผมแอบเหลือบมองลูกค้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ เป็นผู้ชายใส่ชุดสูทดูเป็นทางการ กำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง หน้าตาเหมือนกับพวกดาราเลยล่ะ และจะว่าแปลกก็แปลกนะ ถ้าเป็นคนอื่นคงคิดว่าเขาจะสั่งกาแฟแน่ๆ คนเรามักมองคนที่ภายนอก ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนยังไง

"ของที่สั่งได้รับครบถ้วนนะครับ" ผมพูดและยิ้มให้กับลูกค้าที่ละสายตาจากกระถางต้นไม้มาจ้องมองผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

"เอ่อ นมสดของร้านเราเป็นนมสดแท้ 100% เลยนะครับ ถ้าจะรับเพิ่ม ก็เรียกได้เลยนะครับ" หลังจากที่ผมพูดจบ คิ้วข้างหนึ่งของเขายกขึ้นอย่างแปลกใจ ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ

"เราเป็นพนักงานใหม่เหรอ ไม่คุ้นหน้าเลย" ผมรู้สึกโล่งอกเล็กน้อยที่ลูกค้าเริ่มคุยกับผม

"ครับ"

"งั้นเหรอ น่าสนใจนะ ถ้าเป็นคนอื่นคงจะทำสีหน้าแบบว่า อย่างไอ้หมอนี่เนี่ยนะ ดื่มนม มันควรจะเป็นกาแฟดำสิ อะไรแบบนั้น" ผมยิ้มทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ดูแล้วเขาก็ไม่ได้เป็นคนน่ากลัวหรือสุขุมแบบที่เห็นเลย ดูจะช่างพูดและใจดีด้วยซ้ำ

"ก็คุณ ดูเท่มากเลย มันก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะคิดแบบนั้น" ผมพูดและไม่รู้เลยว่าคนที่ได้ยินนั้นคิดไปไหนถึงไหนแล้ว

"ฉัน เท่จริงๆ เหรอ" ลูกค้าตรงหน้าของผมพูดพลางดึงชุดสูทของตัวเองจัดแจงให้ดูดียิ่งขึ้น

"ใช่ครับ" ผมนั้นก็แค่ พูดตามความจริงเท่านั้น

"นั่งก่อนไหม เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง" คนตรงหน้าพูดและทำท่ากลั้นขำ ซึ่งนั่นทำให้ผมเผลอยิ้มตามไปด้วย

"ขอบคุณครับ แต่ผมยังต้องทำงานต่อ เอาไว้ คราวหน้าละกันครับ" ผมพูดพลางยิ้มน้อยๆ และถอยหลังออกมาอย่างนอบน้อม แต่ก็ยังพอมองเห็นว่าคนคนนั้นยังคงจ้องมอง และส่งยิ้มให้ผม ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจดอกไม้สวยข้างนอกตามเดิม

"หล่อโครต หนุ่มวัยทำงานเนี่ยดี๊ดีเนอะ โสดหรือเปล่าน้า" ผมถอนหายใจน้อยๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงฟ่างพูดเบาๆ ที่ข้างหู ขณะที่ปากก็ยังคงเคี้ยวโดนัทไปด้วย

"ถามเขาสิ" ผมพูดและทำท่าจะเดินไปที่เคาเตอร์ แต่ก็ถูกเพื่อนดึงแขนเอาไว้

"ดูเขาจะปิ๊งไวท์น้า ทำไมเสน่ห์แรงแบบนี้ห๊า" คนพูดไม่พูดเปล่า แต่หยิกเข้าที่แขนผมด้วยความหมั่นไส้

"มั่วแล้วฟ่าง ผมเป็นผู้ชายนะ" ผมพูดและลูบแขนตัวเองไปมา

"หึ ไม่คุยด้วยแล้ว งอนแล้ว ไปกินต่อดีกว่า" ฟ่างพูดและสะบัดบ๊อบไปนั่งลงที่เดิม ดูเขาสิ เฮ้อ

ผมดูความเรียบร้อยภายในร้านและเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มและขนมอีกหลายออเดอร์ ทุกอย่างยังคงเป็นไปอย่างเรียบง่าย และผมรู้สึกสนุกกับงานที่ได้รับมอบหมายมาก ผมแอบยืนมองพี่แป้ง พนักงานพาสไทม์อีกคนของร้านที่กำลังชงเครื่องดื่มต่างๆ อย่างสนใจ ถ้าหากผมเรียนจบจากที่นี่แล้ว ผมนั้นฝันอยากมีร้านแบบนี้เป็นของตัวเองสักร้าน มันจะมีวันนั้นหรือเปล่านะ

"ไวท์ เดี๋ยวช่วยไปหยิบถุงกระดาษมาเพิ่มหน่อยนะ"

"ครับ" ผมรับคำสั่งจากพี่อีกคนและก็รีบเดินไปที่หลังร้านทันที

ผมเดินมาเรื่อยๆ เดินไปตามทางเดินที่แคบลงและเต็มไปด้วยข้าวของ ผมชอบการตกแต่งของที่นี่มาก ทุกอย่างถูกตกแต่งและจัดวางอย่างลงตัว ชั้นวางของสีขาวที่ตัดกับต้นไม้สีเขียวสลับกันไป มันดูสดชื่น และสบายตาดีจริงๆ

"อันตรายมาก มันเข้าใกล้มากขึ้นทุกที"

แต่ผมที่เดินมาถึงด้านหน้าห้องเก็บอุปกรณ์นั้นก็ต้องหยุดชะงัก ผมมองประตูห้องอุปกรณ์ที่เปิดแง้มไว้ และจำได้ว่าเสียงนี้ เป็นเสียงของพี่เบลล์เจ้าของร้าน แต่ว่าผมไม่ควรเสียมารยาทแอบฟัง ผมควรจะออกไปจากตรงนี้ก่อน รอให้พี่เขาคุยธุระให้เสร็จ แล้วจึงจะเข้าไปได้

ผมคิดและหันหลังเตรียมพร้อมที่จะเดินไปยังห้องข้างๆ ที่ที่อาจจะมีถุงกระดาษเก็บสำรองไว้

"ครอบครัวของเขา อาจจะตายทั้งหมด"

แต่ผมที่กำลังจะเดินออกไปนั้นก็หยุดชะงักอีกทันที ผมหันหลังกลับไปยังห้องตรงหน้า มองไปยังบานประตูที่ขาวที่เปิดแง้มเอาไว้ด้วยหัวใจที่สั่นไหว

ตาย...งั้นเหรอ เรื่องอะไรกัน พี่กำลังพูดถึงใครกัน

"อ้าวไวท์ ว่าไง เข้ามาหาอะไรเหรอ" ผมยังคงนิ่งชะงัก และมองพี่เบลล์เจ้าของร้านที่โผล่ออกมาแทบจะทันทีด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มปกติ

"พี่...คุยกับใครเหรอครับ" ผมนั้นรู้สึกไม่สบายใจ และอยากรู้ถึงความหมายของบทสนทนานั้น แต่ทันทีที่ผมพูดคำถามนี้ออกไป พี่เบลล์ก็ดูจะทำหน้างงๆ และก็เริ่มหัวเราะน้อยๆ ทันที

"ได้ยินที่พี่พูดเหรอ" พี่เบลล์พูดถามผม และชี้ให้ดูถึงสิ่งที่อยู่ในหูของตัวเอง เป็นเหมือนกับสมอลทอร์ค หรือเครื่องมือสื่อสารไร้สายอะไรสักอย่าง

"พี่คุยกับเพื่อนเรื่องหนังเมื่อคืนน่ะ สนุกสุดๆ เลยนะ เป็นแนวสืบสวนฆาตกรรม ถ้าสนใจพี่แนะนำได้นะ" ผมรู้สึกโล่งใจนิดๆ พี่เบลล์เจ้าของร้านเดินมาหาผมและกอดคอผมไว้ พลางพาเดินให้ออกไปจากด้านหลังร้านด้วยกัน

ผมเดินไป พลางคิดถึงสิ่งที่พี่เบลล์พูด เป็นเรื่องหนังอย่างนั้นเองสินะ ตกใจหมดเลย นึกว่าเป็นเรื่องอันตรายอะไรซะอีก ผมลูบอกตัวเองไปมาเบาๆ เหมือนกำลังเรียกขวัญกำลังใจ มันฟังดูน่ากลัวมาก ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ

"เอ๊ะ เมื่อกี้เราจะมาเอาอะไรนะ" เหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้พี่เบลล์ถามผมและส่งยิ้มให้

"อ๋อ ถุงกระดาษครับ" ผมที่คิดอะไรเพลินๆ นั้น ก็เกือบลืมไปแล้วเช่นกัน

"เดี๋ยวพี่เอาไปให้ เราไปดูข้างนอกเถอะ" พี่เบลล์พูด และดันตัวผมให้เดินออกไปหน้าร้าน

"เดี๋ยวผมไปเอาเองก็ได้นะครับ"

"เราไม่รู้หรอกมันอยู่ตรงไหน เดี๋ยวพี่หยิบเอง เราไปช่วยพี่แป้งข้างหน้าเถอะ" พี่เบลล์ยืนยันที่จะไปเอง ซึ่งผมก็คงจะขัดไม่ได้

"ครับ" ผมตอบรับพี่เบลล์ และเดินออกจากตรงนั้น มุ่งตรงไปยังหน้าร้าน พลางแวะเดินไปหาฟ่าง ที่กำลังนั่งอยู่ที่เดิมข้างกระถางต้นไม้ใบสวย

"ฟ่าง กลับก่อนก็ได้นะ ผมคงจะอยู่ช่วยปิดร้าน..." ผมพูดและมองเพื่อนที่ก้มหน้าก้มตาอยู่เงียบๆ

"ฟ่าง ได้ยินผมไหม" ผมเรียกเพื่อน และเริ่มขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างแปลกใจ พลางเดินไปชิดที่โต๊ะนั้นมากขึ้นและมองฟ่างที่ก้มหน้าอยู่เหนือ ถ้วยชา...

ผมมองเพื่อนและเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ถ้วยชางั้นเหรอ... มันเป็นชาที่ผมได้กลิ่น และรู้สึกว่าคุ้นเคยเหลือเกิน และมันแปลกมาก สำหรับเพื่อนของผมที่ชอบทานและดื่มแต่ของหวาน

"ฟ.ฟ่าง..." ผมร้องเรียกเพื่อนอีกครั้งด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นในหัวใจ ผมค่อยๆ เอื้อมมือออกไปที่ไหล่ของเพื่อน ที่ยังคงก้มหน้าอยู่เหนือถ้วยชานั้น หลับอยู่เหรอ แบบนี้ผมกลัวนะ

"อ้าว ไวท์ มีไรเหรอ" แต่ผมที่ยื่นมือออกไปนั้นก็ต้องสะดุ้งทันที เพราะอยู่ดีๆ ฟ่างก็เงยหน้าขึ้น ดึงสายหูฟังออกจากหู และหันมายิ้มให้ผมเหมือนอย่างปกติ

"เป็นอะไรไวท์ ตกใจอะไร" ฟ่างยิ้มขำสีหน้าของผม

"ป.เปล่า ไม่มีอะไร" ผมพูดและยังคงรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงอยู่ในอก ผมนั้นมองไม่เห็นสิ่งลี้ลับหรืออะไรแปลกๆ อีกแล้ว ยังต้องกลัวอะไรอีก

"เออเฮ้ย นี่กี่โมงแล้วเนี่ย วันนี้ฟ่างมีนัดกับคุณแม่ งั้นฟ่างไปก่อนนะ ฝากลาพี่เบลล์ด้วย" ฟ่างพูดและรีบลุกขึ้นอย่างรีบร้อน แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาโบกมือให้ผมก่อนออกจากร้าน

ผมโบกมือลาฟ่าง และส่งยิ้มให้เพื่อนดั่งเช่นเคย ด้วยหัวใจที่หวังว่า ขออย่าให้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นด้วยเถิด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 16:41:41 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แปลกๆ  นะร้านนี้  :hao4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหมือนจะได้กลิ่นตุ ๆ ไม่ค่อยดีอ่ะ

ป.ล. อย่าทำร้ายครอบครัวใหม่ของไวท์เลยนะ

ออฟไลน์ mimirose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ย อะไรอ่ะอยากรู้จังว่าไวน์อ่ะจะทำยังไงต่อไป

ออฟไลน์ Nekosama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่เบลล์เป็นคนของซินใช่มั้ยอะ ร้านนี้ดูแปลกๆมาก ขออย่าให้มีไรด้วยเถอะ .....

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด