>> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 14 -P.4- (13.12.2016)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 14 -P.4- (13.12.2016)  (อ่าน 21148 ครั้ง)

ออฟไลน์ W2P5

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 12 -P.3- (23.11.2016)
«ตอบ #90 เมื่อ24-11-2016 05:26:27 »

เซนหายยยย  :katai1: :katai1: อเมมอนคือใคร ทำไมดูมีอิทธิพลกับทุกคนจัง

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 12 -P.3- (23.11.2016)
«ตอบ #91 เมื่อ24-11-2016 14:02:15 »

กำลังลุ้นเลย   :ling1:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 13 -P.4- (23.11.2016)
«ตอบ #92 เมื่อ30-11-2016 14:39:56 »

ตำราบทที่ 13



‘My Sweet lies’
คำโกหกที่แสนหวานของผม


-Asmoday Part-




‘ข้าเป็นของเทวิน ท่านไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับคู่พันธะสัญญาของข้า’

   พูดมันออกไปแล้ว... คำต้องห้ามที่ไม่ควรให้อเมมอนได้ยิน แต่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเขาก็ต้องรู้อยู่ดีในเมื่อเราไม่คิดผูกมัดตัวเองไว้กับปีศาจที่ไร้หัวใจแบบนั้น ความรักทำให้ทุกอย่างดูละมุน แต่อเมมอนเป็นข้อยกเว้น ที่เขาบอกว่ารักนั่นคือบังคับให้พวกเราชาวปีศาจยอมสิโรราบและจงรักภักดีต่อเขาผู้เป็นนายเหนือหัวเพียงแค่หนึ่งเดียว หัวใจที่เราพร่ำบอกว่าอยู่กับเขา แท้จริงแล้วมันคือก้อนเนื้อที่เต้นตุบๆ อยู่ในอก มันโดนแย่งชิงไปตั้งแต่ร่วงหล่นลงสู่นรก... นานจนจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเคยมีหัวใจ

   อเมมอนมองมาด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร ไม่สามารถเดาอะไรได้จากปฏิกิริยานิ่งเฉยแบบนั้น แต่เทวินนั้นแสดงออกว่าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมเต็มไปด้วยความสงสัยที่เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่วันแรกที่การทำพันธะสัญญาจบลง เราช่วงชิงความรู้สึกที่เขามีให้กับเซนมาจนหมด เพราะไม่อยากให้จดจำสิ่งที่เคยให้กับตัวแทนของเรา ใช่ เซนเป็นตัวแทนของเรา

   “เจ้ากล้าพูดแบบนี้เหรออัสโมดายที่รัก”
   น้ำเสียงเรียบนิ่งถูกเปล่งออกมาโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เราสบตากับเขาอย่างไม่ลดละ ไม่มีความกลัวใดๆ ทั้งสิ้นเมื่อตัดสินใจจะทำการใหญ่ไปแล้ว... ช่วงชิงหัวใจแล้วหลบหนีพันธะที่อเมมอนมอบให้ไปไกลแสนไกล ถึงแม้ว่าแค่เพียงเสี้ยววินาทีปีศาจผู้ยิ่งใหญ่อาจจะทำให้เรากลายเป็นแค่หมอกควันไร้ตัวตนได้ แต่ก็ยังกล้า กล้าที่จะเสี่ยงเพื่อชีวิตของเราและเทวิน

   “ข้าไม่กลัวท่านอยู่แล้ว”
   เราพูดจบก็ใช้วงเวทย์ของตัวเองพาเทวินกลับสู่โลกมนุษย์ทันที... อเมมอนจะไม่ตามรังควาญจนกว่าเขาจะรู้สึกอยากสนุก เทวินกลับมาในสภาพสลบไสลไม่ได้สติจนต้องวางลงบนเตียงนอนอย่างเบามือ แล้วปล่อยให้ร่างกายนั้นพักผ่อน ส่วนตัวเราเองได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กันแล้วใช่เวลาทั้งหมดที่มีจ้องมองใบหน้าที่หลงรัก... ใช่แล้ว เราหลงรักเทวิน

   เราแทบจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้รับความรักและมอบความรักให้ใครสักคนมันนานเท่าไหร่มาแล้ว อาจจะเป็นช่วงที่ยังมีความสุขดีกับมารดามนุษย์ผู้นั้น หัวใจเคยอบอุ่นเมื่ออยู่ในความดูแลและใกล้ชิดกับเธอมาตลอดเวลาตั้งแต่เกิด ผู้เป็นบิดาไม่เคยโผล่หน้ามาหาและไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นใครจนกระทั้งวันเกิดครอบรอบยี่สิบปีเวียนมาถึง

   ในยามเที่ยงคืนที่ถนนหนทางมืดสนิท ผู้คนต่างเข้าสู้ห้วงนิทราไปนานมากแล้วไม่เว้นแต่ผู้เป็นแม่ ตอนนี้ล่วงเลยเข้าวันเกิดปีที่ยี่สิบ นั่นก็แสดงว่าผมโตเป็นผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้วแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเรื่องพ่อจะถูกเปิดเผย เขาไม่เคยนึกโกรธเกลียดอะไรกับคนๆ นั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะแม่เฝ้าแต่บอกว่า... พ่อรักเรา แต่เขาไม่สามารถอยู่กับเราได้แค่นั้นเอง เพราะด้วยหน้าที่อันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่พวกเราจะคาดถึง

   ผมนั่งพิงหัวเตียงอมยิ้มกับความคิดที่ผุดขึ้นในสมอง บ่อยครั้งที่ผมเห็นเธอนั่งหลังขดหลังแข็งเสียสละเวลาพักผ่อนแอบถักผ้าพันคอผืนสวยเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กัน อยากจะห้ามแต่เธอยิ้มอย่างมีความสุขเลยได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ แม่เคยบอกว่าชื่อของผมนั้นพ่อเป็นคนตั้งให้ ชื่อที่แปลว่าของขวัญจากพระเจ้า... ถ้าเป็นแบบนั้นจริงทำไมถึงถูกทิ้งแบบนี้ล่ะ รอยยิ้มที่เคยมีหุบลงทันทีพร้อมกับที่แสงสว่างสีทองจางๆ จะปรากฏอยู่เบื้องหน้า บุรุษที่สวมชุดขาว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาราวกับเด็กหนุ่ม แผ่นหลังกว้างประดับไปด้วยปีกคู่สีขาว... เทวดา เทพนิยายที่เคยได้รับฟังในวัยเด็กร้องบอกแบบนั้น ที่จริงคิดว่าเป็นความฝัน แต่อย่าลืมว่าตัวเองไม่ได้กำลังนอนหลับ

   “คะ คุณเป็นใคร”
   คำถามงี่เง่าถูกเปล่งออกจากริมฝีปากสีส้มอ่อนน้ำเสียงสั่นอย่างไม่อาจควบคุม ความรู้สึกตื่นเต้น ตกใจ หวาดกลัว กำลังผสมปนเปกันจนไม่อาจควบคุมตัวเองให้ปกติได้เลย ยิ่งเขาส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้กันยิ่งทำให้ผมทำตัวไม่ถูก

   “เราคือพระเจ้า... บิดาของเจ้า”
   เขาย่างกรายเข้ามาใกล้แล้วฉุดข้อมือของผมให้ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง คำพูดนั้นยังคงดังก้องในประสาทรับรู้ที่มึนงง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่คนแปลกหน้าพูด แต่เมื่อโดนอ้อมแขนนั้นกอดรัดทำให้ความสงสัยมลายหายสิ้น ความรู้สึกอบอุ่นที่เคยโหยหามานาน รับรู้ได้โดยการถ่ายทอดผ่านภาษากาย นี่สินะ... หน้าที่อันยิ่งใหญ่ของพ่อที่แม่เคยพูดไว้

   “เรามารับเจ้า”
   เขาผละออกแล้วมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มที่ชวนหลงใหลเหมือนเดิม มันช่างสว่างจ้าจนทำให้ดวงตาพร่ามัว ประโยคที่เปล่งออกมาทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุก มันกำลังเต้นระรัวเพราะความตื่นเต้น นี่ผมกำลังจะไปอยู่บนสวรรค์อย่างนั้นหรือ บนท้องฟ้าที่จ้องมองทุกวันน่ะนะ วิเศษไปเลย ต้องรีบไปปลุกแม่

   “ขอไปปลุกแม่นะครับ”
   ผมบอกอย่างกระตือรือร้นก่อนจะเตรียมวิ่งออกจากห้องนอน แต่แล้วการะกระทำกลับหยุดนิ่งเมื่อคนที่อยู่ด้านหลังนั้นเอื้อนเอ่ยบางประโยคออกมา

   “แค่เจ้าเท่านั้น”
   ผมหันขวับกลับไปมองผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพ่อทันทีทันใด หัวคิ้วขมวดเข้าหากันจนยุ่งเหยิงไปหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่พาแม่ไปอยู่ด้วยกัน ถ้าต้องทิ้งเธอเอาไว้ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น

   “แล้วแม่จะอยู่กับใครครับ ผมทิ้งเธอไม่ได้”

   “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้ารับรองว่าแม่ของเจ้าจะสุขสบาย”

   ผมมันโง่ที่หลงเชื่อคำหลอกลวงจากบุรุษที่ได้ชื่อว่าพระเจ้า แม่ถูกปลิดชีวิตหลังจากนั้นเพียงแค่ไม่กี่ปี โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือการคุ้มครองใดๆ จากบุรุษที่เป็นข้ารับใช้จากพระเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียว คำพูดทิ้งท้ายมีแค่... ตามเวรกรรมของใครของมัน พวกเราไม่อาจผืนกฎของธรรมชาติได้ และที่สำคัญคือแม่ตกนรก ความผิดคือยุ่งเกี่ยวกับบุคคลที่ไม่ควรอย่างเช่นพระเจ้า... ผมอยากจะถามจริงๆ ว่ามนุษย์ธรรมดามีดีอะไรไปหลอกลวงพระเจ้าอย่างนั้นเหรอ คนที่สูงส่งขนาดนั้นไม่ยอมลดตัวลงมาคลุกคลีด้วยหรอก ถ้าไม่ใช่คนที่สูงส่งจะเต็มใจเอง

   “ท่านปล่อยให้แม่ของข้าตายได้ยังไง!”
   ผมรีบก้าวเท้ายาวๆ เขามาด้านในที่พำนักของพระเจ้าอย่างไม่สนว่าใครจะห้ามปรามเพียงใด เขาที่นั่งอยู่บนบรรลังก์ทำแค่ปรายตามองกันแล้วสั่งให้ทุกคนถอยออกไป ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าหรือแววตาว่าโศกเศร้าแม้แต่เพียงเล็กน้อย มันเรียบเฉยราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ใช่ ความตายมันเกิดขึ้นได้ทุกวัน แต่แม่ที่เป็นคนดีกลับตกนรกมันหมายความว่ายังไง

   “สมควรแก่เวลามนุษย์ทุกคนต้องละสังขาร”
   เขาตอบด้วยน้ำเสียงเนิบนาบอย่างที่ไม่ควรเป็น ผมคงลืมคิดไปว่า ‘พ่อ’ มีเมียเป็นพันเป็นหมื่น มีลูกๆ อีกนับไม่ถ้วน บางครั้งเขาอาจจะจำหน้าแม่ของผมไม่ได้ด้วยซ้ำ ที่ได้ขึ้นมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้คงเป็นเพราะพลังในตัวเองเด่นชัดกลบร่องรอยแห่งความเป็นมนุษย์จนหมดสิ้น

   “ท่านไม่เสียใจเลยหรือ... ครั้งหนึ่งท่านก็เคยมอบความรักให้แม่นี่”

   “เราควรมีอารมณ์แบบนั้นด้วยหรือ ความเสียใจไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าควรมี”

   “แล้วท่านมีหัวใจหรือไม่”

   “.....”
   ไร้ซึ่งคำตอบ เพราะผมรู้ดีอยู่แล้วว่าพระเจ้ามีหัวใจหรือไม่ ท่านมีหัวใจแต่ไม่ใช้รักใคร เพราะความรักไม่ใช่สิ่งสำเป็นตาอหน้าที่ของเขา ความรักไม่ได้หล่อเลี้ยงงานของเขาให้เจริญเติบโต ความสัมพันธ์ไม่ได้ส่งผลให้เขามีความสุข ดังนั้นการนั่งอยู่บนบรรลังก์แล้วสั่งการทุกสรรพชีวิตบนที่แห่งนี้ใช้เพียงความซื่อตรงต่อหน้าที่เท่านั้น

   คุณเคยอ้อนวอนต่อพระเจ้าหรือไม่ เขาเคยตอบรับคำขอนั้นแล้วดลบันดาลในสิ่งที่ทุกคนปรารถนาได้หรือเปล่า ถ้าไม่เคยนั่นคือสิ่งที่ไม่แปลก เพราะคำขอของมนุษย์เหล่านั้นไม่ได้มีค่าอะไรเลยสำหรับผู้สูงส่งอย่างเขา พระเจ้าเลือดเย็นกว่าที่ใครๆ คิด มีแต่ปีศาจเท่านั้นที่พร้อมจะรับฟังและมอบความปรารถนาให้มนุษย์

   “การที่แม่ต้องตกนรกมันเป็นความผิดของท่าน!”

   “หึ มันเป็นความผิดของเราอย่างนั้นหรือ ก็คงใช่”

   “ท่านไม่คิดจะช่วยเธอบ้างหรือ”

   “มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา”

   “ถ้าอย่างนั้นข้าจะช่วยแม่เอง”

   “ไม่ได้”

   “ข้าจะทำ!”

   ไม่รู้ว่าหลังจากคำพูดนั้นเกิดอะไรขึ้นบางแต่ทุกอย่างตรงหน้ากลับดำมืด หลุมขนาดใหญ่เกิดขึ้นใต้เท้ามันมีแรงดึงดูดให้ร่างกายร่วงหล่นสู่อนธการ มันคือนรก... ปีกสีขาวที่เคยมีแปลเปลี่ยนเป็นสีดำ ผมถูกทิ้งไม่ต่างจากแม่ ร่างกายบอบช้ำไม่เท่ากับหัวใจที่แหลกสลาย แล้วใครคนหนึ่งก็ยื่นมือเข้ามาช่วย

   ‘ส่งหัวใจของเจ้ามาให้ข้า มันจะไม่แหลกสลายอีกต่อไป’

   โกหก

   ทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก อเมมอนไม่ได้รักษาเยียวยาหัวใจบอบช้ำนั้นเลยแม้แต่น้อย แค่ลวงคนที่โง่กว่าให้ยอมมอบสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อแลกกับการโดนใช้งานและถวายความจงรักภักดีต่อเข้เท่านั้น เป็นเรื่องที่ไม่อาจแก้ไขอะไรได้นอกจาก... หาทางขโมยสมบัติล้ำค่าของตัวเองแล้วหนีไปซะ หนีเท่าที่มีแรงเหลืออยู่จนจะขาดใจตาย...


   เทวินเริ่มขยับร่างกายเล็กน้อยเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งวันเต็ม ซึ่งเราเองก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายตัวเองไปไหนเลย มีแต่คาอินเท่านั้นที่ถูกปล่อยกลับมาในสภาพสะบักสะบอมไม่ต่างจากตอนที่หมาหรือแมวกัดกัน ถ้าเดาไม่ผิด อเมมอนคงหมดความสนุกในการทารุณกรรมสัตว์ที่แข็งแรงที่สุดและเป็นอมตะอย่างมังกรเข้าให้แล้วเลยปล่อยกลับมาออย่างง่ายดายขนาดนี้

   “เทวินจะตื่นไหม...”
   คำถามที่ดังออกมาจากริมฝีปากซีดนั่นทั้งแหบแห้งไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวา คาอินที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆ กันได้แต่ทอดสายตามองมนุษย์เพียงคนเดียวอยู่อย่างนั้น เรารู้ว่ามันเป็นห่วงไม่ต่างกัน

   “ยังหรอก คาดว่าน่าจะอีกหนึ่งชั่วโมง”

   “ท่านไปยืดเส้นยืดสายก่อนไหม เดี๋ยวเราดูแลให้เอง”

   “ไม่เป็นไร เจ้าไปพักเถอะคาอิน เราอยู่ได้”

   “แต่ว่า...”

   “ไปสิ”

   “อืม...”

   คาอินเดินลงจากเตียงแล้วหอบสังขารของตัวเองเดินออกจากห้องนี้ไปอย่างเชื่องช้า  เราไม่ได้จนใจมันอีกเพราะกลับมาใจจดใจจ่อกับร่างตรงหน้า มือเรียวเอื้อมจับพวงแก้มซีดขาวก่อนจะไล้ไปตามโครงหน้าอย่างแผ่วเบา อยากทะนุถนอมทั้งร่างกายและจิตใจของคนๆ นี้ แต่ที่แสดงออกไปกลับทำร้ายเขาอย่างไม่น่าให้อภัย ความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่สามารถเอื้อนเอ่ยออกไปได้ กลัวว่าความสัมพันธ์ของเทวินและเซนจะกลับมาอีกครั้ง ถึงจะเป็นดวงวิญญาณเดียวกัน แต่เรากับเซนมีกายเนื้อแยกกัน ความคิดต่างกัน แต่เรื่องความรู้สึกนั้นเหมือนกัน ไม่แปลกที่เราจะหลงรักเทวินเพราะเซนรัก ไม่ใช่สิ เพราะเรารักต่างหาก เฝ้ามองมาเป็นเวลายี่สิบปีเต็ม ตั้งแต่วันแรกที่เขาเกิด

   “เจ้าเป็นตัวยุ่งสำหรับเราจริงๆ เทวิน”
   มือเรียววางทาบบนแก้มเนียนใสก่อนจะโน้มตัวลงมอบจุมพิตปีศาจให้คนที่ยังไม่ได้สติ อยากมอบทุกอย่างให้มากกว่านี้ แต่ยังทำไม่ได้ ในเมื่อคนที่นอนอยู่ยังไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง เราคงคาดการณ์ผิดไปหน่อยเพราะตอนนี้ดวงตากลมกลับปรือขึ้นแล้วมองจ้องกันด้วยความตกใจ เขาผลักเราออกด้วยแรงทั้งหมดแล้วขยับตัวถอนหนีไปจนเกือบตกเตียงอีกด้าน นี่มันผิดปกติ...

   “อัสโมดายจะทำอะไรผม”
   น้ำเสียงสั่นเครือถามกลับมา แววตาดูหวาดกลัวจนผิดสังเกต ถ้าเดาไม่ผิดอเมมอนน่าจะฝังความทรงจำอะไรบางอย่างให้กับเขาไปแล้วแน่ๆ และเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันคือเรื่องอะไรถ้าเทวินไม่ยอมเล่าออกมา

   “แค่จุมพิต... ไม่ได้หรือ”
   เราถามกลับไปด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มและยังใช้สายตาอ่อนโยนมองหน้าเขา เผื่อว่าเทวินจะคลายความตึงเครียดลงบ้าง แต่เปล่าเลยเพราะเขาเอาแต่กอดตัวเองแล้วส่ายหน้าไปมาราวกับหวาดกลัวการกระทำอันแสนอ่อนโยนนั่น... ทำไมกัน

   “อย่าเข้ามาใกล้ผมอีกเลย ผมกลัว ฮึก”
   เทวินกอดตัวเองแน่นก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาโดยที่เราได้แต่ขมวดคิ้วแน่น พอขยับตัวจะเข้าไปหาเขาก็ถอยหลังจนกลัวว่าจะตกเตียง ทำไมถึงได้กลัวกันซะได้ อเมมอนกำลังเล่นตลกอะไรอยู่

   “กลัวอะไร เจ้าบอกเราได้ไหมเทวิน”

   “ฮึก ไม่เอา”

   “เทวิน เจ้าควรตั้งสติ”

   “ฮือ กลัว อัสโมดายอย่าเข้ามา”

   “.....”
   เราไม่รู้ว่าควรทำยังไงเลยกระชากแขนเทวินให้เข้าหาอ้อมกอดของตัวเอง ถึงเขาจะพยายามดิ้นรนขัดขืนสักแค่ไหนก็ไม่มีทางหนีรอดไปไหนได้ จนฝนที่สุดพายุอารมณ์ถึงได้สงบลง แต่เสียงสะอื้นยังคงหลงเหลืออยู่ในขณะที่มือเรียวลูบเส้นผมสีดำอย่างอ่อนโยน

   “ไหนลองบอกมาสิว่าเจ้ากลัวอะไร”
   เราถามอีกครั้งเพื่อว่าจะได้แก้ไขข้อผิดพลาดอะไรบางอย่างที่เทวินกำลังถูกปั่นหัว เขาผละตัวออกจากอ้อมกอดแล้วช้อนตากลมที่แดงก่ำขึ้นมองกัน ปากบางเม้มแน่นเหมือนกำลังชั่งใจและในที่สุดเขาก็ยอมพยักหน้าและเล่าทุกอย่างที่ทำให้รู้สึกกลัว

   “ผม... อเมมอนจะฆ่าเซน ถ้าหากว่าผมเข้าใกล้อัสโมดาย”

   “เจ้า...”

   “ผมรักเซน ผมไม่อยากให้เซนตาย ขอร้องล่ะครับ อย่าเข้าใกล้ผมอีกเลยนะ”

   “เจ้า... จำได้อย่างนั้นหรือ”
   อเมมอนกำลังฝืนกฎของปีศาจในการคือบรรณาการที่เรารับมาแล้วให้กับคู่พันธะสัญญา แต่ใครจะลงโทษเขาได้ในเมื่อผู้คุมกฎก็คือตัวเขา... เทวินมองมาด้วยแววตาสั่นไหว น้ำตาไหลลงมาอีกแล้ว เขาพยักหน้ารัวราวกับคนเสียสติ

   “ถ้าเราบอกว่า... เซนคือเราและเราคือเซนเจ้าจะเชื่อไหม”

   “ยอมรับง่ายขนาดนี้เลยเหรอ อ่อนหัดจังเลยน้า” 
   น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำให้เรารู้ได้ในทันทีว่าคนตรงหน้าไม่ใช่เทวินแต่เป็น ‘กาป’ ปีศาจลำดับที่สามสิบสาม และเป็นปีศาจใต้อาณัติของอเมมอนเช่นเดียวกัน แล้วเทวินล่ะ... ทำไมต้องเป็นแบบนี้!

   “เจ้า... เอาเทวินไปไว้ที่ไหน”
   เราถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งที่ในใจร้อนรุ่มจนแทบบ้า รู้ดีว่ากาปไม่ได้เข้าข้างอเมมอนแต่อย่างใด ปีศาจตนนี้ได้ถูกยกย่องเป็นผู้คุมกฎเช่นกัน

   “ที่ที่ปลอดภัยน่า”
   เขาตอบด้วยน้ำเสียงสบายแล้วเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองให้กลายเป็นร่างปีศาจอันคุ้นตา เรากับกาปถือว่าเป็นมิตรต่อกัน... แต่เป็นมิตรที่พร้อมจะหักหลังตลอดเวลาเช่นเดียวกัน

   “ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องการอะไรจากเรา”

   “เกลียดปีศาจรู้ทันจังเลยน้า”
   กาปขยับเข้ามาใกล้เราแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกายนั่น เขาเป็นปีศาจที่มีเสน่ห์ บางครั้งพวกเดียวกันยังหลงมัวเมาได้ แต่ไม่ใช่สำหรับเราที่เป็นถึงราชา

   “เกลียดเราก็อยู่ห่างๆ จากเรา”
   เราเบือนหน้าหนีแววตาขี้เล่นของกาป ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวแต่มันน่ารำคาญที่ต้องคอยรับรู้ความรู้สึกบางอย่างจากเขา... ความรู้สึกที่ปีศาจไม่พึงมี ‘ความรัก’ เรารู้มานานแสนนานว่ากาปคิดอะไรอยู่ แต่การสนองความต้องการของเขานั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้

   “ถ้าบอกว่าเรารักเจ้าล่ะอัสโมดาย เจ้าจะไล่เราอีกหรือเปล่า”
   เสียงของเขาดูจริงจังขึ้น แต่เรารู้ว่าในความเป็นจริงแล้วปีศาจตนนี้ไม่ได้คิดอะไรมากอย่างที่แสดงออก อยากได้อะไรแต่ไม่ได้ก็แค่ช่างมันไปก็เท่านั้นเอง ไม่ขวนขวายหรือเจ้าแผนการเหมือนบุคคลอื่นหรอก

   “เจ้าบอกรักเรามากี่ครั้งกี่หนกัน จำได้บ้างหรือไม่”
   เราลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินนำเขาออกไปที่ระเบียงด้านนอก ไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ว่าคาอินสัมผัสได้ถึงกาปมาสักครู่แล้ว เพราะเจ้าตัวนั่งแยกเขี้ยวขู่ปีศาจอีกตนอยู่บนโซฟา

   “ทั้งเจ้าทั้งคาอินนี่ใจร้ายกับเราจังเลยน้า ไม่มีใครรักเราสักคน เฮ้อ”
   น้ำเสียงเสแสร้งแต่ใบหน้าแย้มยิ้มช่างน่าหมั่นไส้จนอยากกระทืบให้จมดิน แต่เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ตราบใดที่เทวินยังอยู่ในความดูแลของกาป

   “เจ้าบอกรักเราทุกปี นี่ก็ผ่านมาเป็นพันๆ ปีแล้ว ไม่คิดว่ามันนานเกินไปหน่อยหรือ”
   มันเนิ่นนานมาแล้วจริงๆ ที่ปีศาจตนข้างๆ เผยความรู้สึกที่ไม่ควรมีออกมา ทั้งๆ ที่หัวใจของตัวเองโดนครอบครองโดยอเมมอน... และเขานี่ล่ะที่อเมมอนมอบความรักให้อย่างแท้จริง

   “ก็เรารักของเรา เจ้าจะห้ามได้หรือ”

   “ไม่ได้ห้าม แค่อยากให้ตัดใจ”

   “ยาก เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า”

   “ได้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าจงบอกความปรารถนามา”

   “ร่วมมือกันแย่งชิงหัวใจของพวกเราจากอเมมอน”




-------------------------------------------------

นี่ล่ะหนาคือความรัก...



ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 13 -P.4- (23.11.2016)
«ตอบ #93 เมื่อ30-11-2016 14:53:51 »

ได้เวลาสู้กับอเมมอนแล้ว

แต่ว่าแล้วล่ะว่าเซนเป็นตัวตนเดียวกับอัสโมดาย

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 14 -P.4- (13.12.2016)
«ตอบ #94 เมื่อ13-12-2016 16:49:01 »

ตำราบทที่ 14


‘Love is power granted to those strong enough to weaken’
ความรักเป็นพลังที่ยอมให้ความเข้มแข็ง อ่อนแอลงได้




   ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน รู้เพียงแค่ว่ามันเป็นห้องสี่เหลี่ยมสีขาวโพลนที่มีแค่เพียงเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นไม่กี่ชิ้น อย่างโต๊ะ เตียง เก้าอี้ ตู้เสื้อผ้า ร่างกายเบาราวกับนุ่นเพราะนอนราบอยู่กับฟูกนุ่มนิ่ม ดวงตากลมกระพริบปรับโฟกัสอยู่ไม่นานทุกอย่างก็ชัดเจน สิ่งที่สะดุดตาคือลูกแก้วขนาดเท่าลูกโบว์ลิ่งที่วางอยู่ข้างเตียง มันไม่ใช่ลูกแก้วธรรมดาเพราะภายในนั้นปรากฏรูปเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง

   ผมใช้แขนดันตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเพ่งมันอย่างเอาเป็นเอาตาย ขยับเข้าไปใกล้จนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน อัสโมดายที่รู้จักกันดีกับปีศาจอีกตนที่เหมือนเคยเห็นในฝันก่อนตื่นนอนเมื่อครู่... คิดว่าลูกแก้วอันนี้น่าจะแสดงเหตุการณ์จากที่ใดที่หนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเวลาปัจจุบัน จะให้เฝ้ามองอยู่แบบนี้ไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ สัมผัส จับต้องไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นที่ไหน บนโลก ในนรก หรือสวรรค์

   “เทวิน!”
   เสียงเรียกทำให้ผมสะดุ้งสุดตัวจนล้มลงกับพื้น ต้นเสียงรีบขยับร่างกายเข้ามาประคองกันอย่างทันท่วงที เมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยถึงกับรู้สึกจุกขึ้นมาอยู่ในอก คาอิน...

   “เจ้าเป็นยังไงบ้าง ลุกขึ้นก่อน”
   น้ำเสียงส่อแววเป็นห่วงอย่างไม่ปิดบังดังขึ้น เขาช่วยพยุงร่างกายที่อ่อนปวกเปียกของผมให้นั่งลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ไม่รู้ว่าควรใช้ประโยคไหนพูดคุยกับคนตรงหน้าดี เพราะครั้งสุดท้ายที่พอจะจำได้คือคาอินถูกอเมมอนทรมาน แต่ดูเหมือนตอนนี้ร่างกายนั้นจะกลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว อยากถามหาอัสโมดายที่ไม่ปรากฏกายต่อหน้าพร้อมกัน แต่ก็กลัวคำตอบเพราะลูกแก้วยังคงฉายภาพต่างๆ ไปเรื่อยๆ พวกเขาสองคนกำลังเดินทางไปที่ไหนกันแน่ ทำไมมันช่างดูรกร้างและน่ากลัวได้ขนาดนั้น พื้นดินแตกระแหง ต้นไม้เหลือแค่กิ่งก้านที่ตายแล้ว

   “คาอิน... เขากำลังไปที่ไหนกันเหรอ”
   ถามออกไปคล้ายคนกำลังละเมอ ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ลูกแก้วไม่หยุดจนคาอินเดินมาขวางทางเอาไว้ หัวคิ้วจึงย่นจนแทบจะรวมเป็นหนึ่งเดียว เกะกะ...

   “ไม่ต้องรู้หรอกน่า แค่รออัสโมดายกับกาปกลับมาก็พอ”
   คาอินตอบด้วยเสียงที่พยายามทำให้ปกติแล้วดันตัวผมให้นอนราบลงกับเตียงก่อนที่เขาจะดึงผ้าห่มสีขาวสะอาดตามาคลุมถึงคอให้กัน แต่ความพยายามที่อยากรู้เรื่องราวยังไม่หมดแค่นั้น เพราะสายตายังคอยสอดส่องหาช่องทางเพื่อจะได้มองลูกแก้ว มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมจะได้รู้ความเคลื่อนไหวของใครอีกคน ได้โปรด...

   “ผมอยาก...”

   “ถ้าเจ้ายังดื้อดึงจะดูลูกแก้ว เราจะขว้างมันลงกับพื้นให้แตกละเอียด”
   คาอินใช้ดวงตาสีเหลืองจ้องมองมาและมันไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย ผมได้แต่ส่งสายตาละห้อยแล้วรีบส่ายหน้ารัว มีมันเอาไว้ดีกว่าไม่มีอะไรเลย... เขาเผลอเมื่อไหร่ก็เป็นทีของผมบ้างล่ะ

   “คาอิน... เราอยู่ที่ไหนกันเหรอ”

   “เรื่องนั้น... เราก็ไม่รู้เหมือนกัน กาปส่งเรามาที่นี่เหมือนๆ กับเจ้า”

   “แล้วเมื่อไหร่... ถึงจะได้ออกไปจากที่นี่”

   “คงหลังจากที่ทั้งคู่เสร็จภารกิจล่ะนะ เจ้านอนพักผ่อนเถอะ เราจะนั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ... เพราะเราก็ไปไหนไม่ได้เหมือนกัน”

   หลังจากนั้นเปลือกตาของผมก็ปิดลงอย่างไม่มีทางเลือกเพราะความเหนื่อยล้า และไม่เห็นผลดีที่จะเกิดขึ้นเมื่อลืมตาไว้แบบนั้น ความดำมืดกำลังคืบคลานและฉุดดึงผมลงในหลุมอันเวิ้งว้างอย่างเงียบเชียบ เสียงหายใจของเจ้ามังกรนรกค่อยๆ เบาแผ่วลงทุกขณะจนเงียบหายไป

   ไม่มีความฝันใดๆ โผล่ขึ้นมาอีก แต่ตัวผมกลับตื่นขึ้นด้วยอากาศที่ร้อนจนแสบผิว ในความทรงจำมันไม่ใช่แบบนี้เพราะให้ห้องสีขาวสะอาดนั่นมีอุณหภูมิที่ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย แต่ตอนนี้มันกลับหนักอึ้งและครั่นเนื้อครั่นตัวราวกับใครเอาไฟมาเผา...

   “เฮ้ย!!”
   เมื่อดวงตากลมเปิดขึ้นแล้วต้องตะลึงกับสภาพรอบด้าน มันเต็มไปด้วยความแห้งแล้งของต้นไม้ที่ยืนต้นตาย พื้นดินแตกระแหงอย่างน่ากลัว ความร้อนระอุมาจากเปลวเพลิงที่ล้อมกรอบพวกเราจนเป็นวงกลม ทำไมผมถึงมาอยู่ในสถานที่แห่งเดียวกันกับอัสโมดายและกาป จำได้ว่าแค่หลับพักผ่อนตามที่คาอินบอกก็เท่านั้นเอง ใครทำแบบนี้กัน

   ผมทะลึ่งพรวดขึ้นจากพื้นดินแห้งแล้งแล้วคว้าตัวอัสโมดายที่นั่งยองอยู่ใกล้ๆ มากอดไว้ทันที เขาเซวูบเล็กน้อยแต่ก็ทรงตัวและโอบกอดกลับมาแนบแน่นไม่แพ้กัน ผมไม่รู้ว่าเวลาที่เราห่างกันนั้นนานแค่ไหน เพราะแทบไม่รู้เลยว่าตัวเองหลับอยู่ในห้องสีขาวนั่นผ่านไปนานแค่ไหน รู้แค่เพียงว่าความคิดถึงมันล้นอก แค่การกอดบางครั้งคงไม่เพียงพอ ถึงจะรู้สึกอยู่แค่ฝ่ายเดียวก็เถอะ

   “เจ้าไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมเทวิน”
   น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามกันชิดริมใบหู ผมพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบแล้วฝังจมูกลงบนลาดไหล่กว้างที่คุ้นเคย กลิ่นมิ้นท์ยังคงหลอกล่อและตราตรึงความรู้สึกกันได้อยู่เสมอ ผมรู้ว่าอัสโมดายคือเซน... คือดวงวิญญาณดวงเดียวที่ผมจะรักตลอดไป ผมได้รับความรู้สึกที่มีต่อเซนกลับคืนพร้อมทั้งความรู้ใหม่ที่ยัดเข้ามาใส่หัวโดยอเมมอน เขาคงหวังให้เราแตกแยกกัน แต่ไม่เลย ผมรู้ว่าคนที่ผมรักต้องมีเหตุผลที่ไม่ยอมบอกความจริง

   “เซน...”
   ผมหลุดปากเรียกชื่อเขาในแบบที่คุ้นเคยมานาน อัสโมดายสะดุ้งเล็กน้อยแล้วผละตัวออกจากกันก่อนจะส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายมาให้

   “เจ้า... รู้แล้วหรือ”
   เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกระซิบ แต่ผมกลับพยักหน้าหนักแน่นแล้วมองตาเขากลับอย่างไม่ลดละ อีกสองชีวิตที่ยืนอยู่ในวงล้อมเปลวเพลิงเช่นกันถอนหายใจเฮือกออกมาจนพวกเราต้องหันไปมอง

   “อเมมอนช่างร้ายกาจ แต่เทวินร้ายมากกว่า”
   คาอินพูดออกมาพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กันทั้งที่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมาะแก่การแสดงออกแบบนั้นแม้แต่นิดเดียว กาปที่ผมเพิ่งรู้จักไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนทำหน้าไม่สบอารมร์สักเท่าไหร่ แววตาสวยคู่นั้นบ่งบอกออกมาโต้งๆ ว่าเขารู้สึกยังไงกับอัสโมดาย รัก อาจจะรักมากกว่าที่ผมรักปีศาจตนนั้นด้วยซ้ำ

   “ร้ายกว่าตรงไหนอุ่น... ไม่ใช่สิ คาอิน”
   และอีกสิ่งหนึ่งคือมังกรนิสัยเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเขามีนิสัยคล้ายกับเพื่อนสนิทนั้นก็กระจ่าง เขาคืออุ่นนั่นเอง

   “อเมมอนจะขายพวกเราทุกอย่างเลยหรือยังไง แบบนี้เขาเรียกว่ารักเหรอ”
   แทนที่เขาจะตอบคำถามผมแต่กลับตัดพ้ออเมมอนด้วยใบหน้าบึ้งตึง บางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในตอนนี้มันร้ายแรงพอจะทำให้ปีศาจทั้งสามตนกลัวหรือไม่ มีแต่ผมหรือเปล่าที่กลัววงล้อมเพลิงจะลุกไหม้ใกล้พวกเราเข้ามาเรื่อยๆ

   “ใครก็พูดได้ว่ารัก ถ้าอยากจะพูด ไม่ต้องรู้สึกก็ได้”
   กาปพูดขึ้นก่อนจะมองไปด้านหน้าที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง ทุกคนดูไม่เดือดร้อนอะไรเลย ทำไมกันนะ

   “โห... แต่ที่อเมมอนบอกว่ารักกาปนั่นก็โกหกหรือ”
   เจ้ามังกรขี้สงสัยยังยิงคำถามไปเรื่อยๆ ส่วนผมพยุงตัวลุกขึ้นโดยมีอัสโมดายคอยประคองอยู่ไม่ห่าง

   “เทวิน... เจ้าโกรธเราหรือเปล่า”

   “อ่า เรื่องที่เป็นเซนน่ะเหรอ ไม่หรอก ผมรู้ว่าอัสโมดายมีเหตุผล”

   “เจ้ารัก...เซนสินะ”

   “อื้อ ผมรักเซน”

   “....”

   “แต่ผมรักคนตรงหน้ามากกว่า”





------------------------------------------------

50%

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 14 -P.4- (13.12.2016)
«ตอบ #95 เมื่อ13-12-2016 17:41:20 »

จะรักใครก็เหมือนกันเพราะเป็นคน ๆ เดียวกันนี้นา

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 14 -P.4- (13.12.2016)
«ตอบ #96 เมื่อ13-12-2016 20:48:12 »

 :katai1: :katai1: :katai1:
แล้วจะจัดการยังไงกัน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 14 -P.4- (13.12.2016)
«ตอบ #97 เมื่อ17-12-2016 21:08:17 »

 :serius2: ค้างงงงงง

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: >> Demon' s Contract << ตำราบทที่ 14 -P.4- (13.12.2016)
«ตอบ #98 เมื่อ11-08-2018 01:52:28 »

 :ling1: :ling1: :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด