ตำราบทที่ 13
‘My Sweet lies’
คำโกหกที่แสนหวานของผม
-Asmoday Part-
‘ข้าเป็นของเทวิน ท่านไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับคู่พันธะสัญญาของข้า’ พูดมันออกไปแล้ว... คำต้องห้ามที่ไม่ควรให้อเมมอนได้ยิน แต่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเขาก็ต้องรู้อยู่ดีในเมื่อเราไม่คิดผูกมัดตัวเองไว้กับปีศาจที่ไร้หัวใจแบบนั้น ความรักทำให้ทุกอย่างดูละมุน แต่อเมมอนเป็นข้อยกเว้น ที่เขาบอกว่ารักนั่นคือบังคับให้พวกเราชาวปีศาจยอมสิโรราบและจงรักภักดีต่อเขาผู้เป็นนายเหนือหัวเพียงแค่หนึ่งเดียว หัวใจที่เราพร่ำบอกว่าอยู่กับเขา แท้จริงแล้วมันคือก้อนเนื้อที่เต้นตุบๆ อยู่ในอก มันโดนแย่งชิงไปตั้งแต่ร่วงหล่นลงสู่นรก... นานจนจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเคยมีหัวใจ
อเมมอนมองมาด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร ไม่สามารถเดาอะไรได้จากปฏิกิริยานิ่งเฉยแบบนั้น แต่เทวินนั้นแสดงออกว่าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมเต็มไปด้วยความสงสัยที่เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่วันแรกที่การทำพันธะสัญญาจบลง เราช่วงชิงความรู้สึกที่เขามีให้กับเซนมาจนหมด เพราะไม่อยากให้จดจำสิ่งที่เคยให้กับตัวแทนของเรา ใช่ เซนเป็นตัวแทนของเรา
“เจ้ากล้าพูดแบบนี้เหรออัสโมดายที่รัก”
น้ำเสียงเรียบนิ่งถูกเปล่งออกมาโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เราสบตากับเขาอย่างไม่ลดละ ไม่มีความกลัวใดๆ ทั้งสิ้นเมื่อตัดสินใจจะทำการใหญ่ไปแล้ว... ช่วงชิงหัวใจแล้วหลบหนีพันธะที่อเมมอนมอบให้ไปไกลแสนไกล ถึงแม้ว่าแค่เพียงเสี้ยววินาทีปีศาจผู้ยิ่งใหญ่อาจจะทำให้เรากลายเป็นแค่หมอกควันไร้ตัวตนได้ แต่ก็ยังกล้า กล้าที่จะเสี่ยงเพื่อชีวิตของเราและเทวิน
“ข้าไม่กลัวท่านอยู่แล้ว”
เราพูดจบก็ใช้วงเวทย์ของตัวเองพาเทวินกลับสู่โลกมนุษย์ทันที... อเมมอนจะไม่ตามรังควาญจนกว่าเขาจะรู้สึกอยากสนุก เทวินกลับมาในสภาพสลบไสลไม่ได้สติจนต้องวางลงบนเตียงนอนอย่างเบามือ แล้วปล่อยให้ร่างกายนั้นพักผ่อน ส่วนตัวเราเองได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กันแล้วใช่เวลาทั้งหมดที่มีจ้องมองใบหน้าที่หลงรัก... ใช่แล้ว เราหลงรักเทวิน
เราแทบจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้รับความรักและมอบความรักให้ใครสักคนมันนานเท่าไหร่มาแล้ว อาจจะเป็นช่วงที่ยังมีความสุขดีกับมารดามนุษย์ผู้นั้น หัวใจเคยอบอุ่นเมื่ออยู่ในความดูแลและใกล้ชิดกับเธอมาตลอดเวลาตั้งแต่เกิด ผู้เป็นบิดาไม่เคยโผล่หน้ามาหาและไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นใครจนกระทั้งวันเกิดครอบรอบยี่สิบปีเวียนมาถึง
ในยามเที่ยงคืนที่ถนนหนทางมืดสนิท ผู้คนต่างเข้าสู้ห้วงนิทราไปนานมากแล้วไม่เว้นแต่ผู้เป็นแม่ ตอนนี้ล่วงเลยเข้าวันเกิดปีที่ยี่สิบ นั่นก็แสดงว่าผมโตเป็นผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้วแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเรื่องพ่อจะถูกเปิดเผย เขาไม่เคยนึกโกรธเกลียดอะไรกับคนๆ นั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะแม่เฝ้าแต่บอกว่า... พ่อรักเรา แต่เขาไม่สามารถอยู่กับเราได้แค่นั้นเอง เพราะด้วยหน้าที่อันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่พวกเราจะคาดถึง
ผมนั่งพิงหัวเตียงอมยิ้มกับความคิดที่ผุดขึ้นในสมอง บ่อยครั้งที่ผมเห็นเธอนั่งหลังขดหลังแข็งเสียสละเวลาพักผ่อนแอบถักผ้าพันคอผืนสวยเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กัน อยากจะห้ามแต่เธอยิ้มอย่างมีความสุขเลยได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ แม่เคยบอกว่าชื่อของผมนั้นพ่อเป็นคนตั้งให้ ชื่อที่แปลว่าของขวัญจากพระเจ้า... ถ้าเป็นแบบนั้นจริงทำไมถึงถูกทิ้งแบบนี้ล่ะ รอยยิ้มที่เคยมีหุบลงทันทีพร้อมกับที่แสงสว่างสีทองจางๆ จะปรากฏอยู่เบื้องหน้า บุรุษที่สวมชุดขาว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาราวกับเด็กหนุ่ม แผ่นหลังกว้างประดับไปด้วยปีกคู่สีขาว... เทวดา เทพนิยายที่เคยได้รับฟังในวัยเด็กร้องบอกแบบนั้น ที่จริงคิดว่าเป็นความฝัน แต่อย่าลืมว่าตัวเองไม่ได้กำลังนอนหลับ
“คะ คุณเป็นใคร”
คำถามงี่เง่าถูกเปล่งออกจากริมฝีปากสีส้มอ่อนน้ำเสียงสั่นอย่างไม่อาจควบคุม ความรู้สึกตื่นเต้น ตกใจ หวาดกลัว กำลังผสมปนเปกันจนไม่อาจควบคุมตัวเองให้ปกติได้เลย ยิ่งเขาส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้กันยิ่งทำให้ผมทำตัวไม่ถูก
“เราคือพระเจ้า... บิดาของเจ้า”
เขาย่างกรายเข้ามาใกล้แล้วฉุดข้อมือของผมให้ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง คำพูดนั้นยังคงดังก้องในประสาทรับรู้ที่มึนงง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่คนแปลกหน้าพูด แต่เมื่อโดนอ้อมแขนนั้นกอดรัดทำให้ความสงสัยมลายหายสิ้น ความรู้สึกอบอุ่นที่เคยโหยหามานาน รับรู้ได้โดยการถ่ายทอดผ่านภาษากาย นี่สินะ... หน้าที่อันยิ่งใหญ่ของพ่อที่แม่เคยพูดไว้
“เรามารับเจ้า”
เขาผละออกแล้วมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มที่ชวนหลงใหลเหมือนเดิม มันช่างสว่างจ้าจนทำให้ดวงตาพร่ามัว ประโยคที่เปล่งออกมาทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุก มันกำลังเต้นระรัวเพราะความตื่นเต้น นี่ผมกำลังจะไปอยู่บนสวรรค์อย่างนั้นหรือ บนท้องฟ้าที่จ้องมองทุกวันน่ะนะ วิเศษไปเลย ต้องรีบไปปลุกแม่
“ขอไปปลุกแม่นะครับ”
ผมบอกอย่างกระตือรือร้นก่อนจะเตรียมวิ่งออกจากห้องนอน แต่แล้วการะกระทำกลับหยุดนิ่งเมื่อคนที่อยู่ด้านหลังนั้นเอื้อนเอ่ยบางประโยคออกมา
“แค่เจ้าเท่านั้น”
ผมหันขวับกลับไปมองผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพ่อทันทีทันใด หัวคิ้วขมวดเข้าหากันจนยุ่งเหยิงไปหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่พาแม่ไปอยู่ด้วยกัน ถ้าต้องทิ้งเธอเอาไว้ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น
“แล้วแม่จะอยู่กับใครครับ ผมทิ้งเธอไม่ได้”
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้ารับรองว่าแม่ของเจ้าจะสุขสบาย”
ผมมันโง่ที่หลงเชื่อคำหลอกลวงจากบุรุษที่ได้ชื่อว่าพระเจ้า แม่ถูกปลิดชีวิตหลังจากนั้นเพียงแค่ไม่กี่ปี โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือการคุ้มครองใดๆ จากบุรุษที่เป็นข้ารับใช้จากพระเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียว คำพูดทิ้งท้ายมีแค่... ตามเวรกรรมของใครของมัน พวกเราไม่อาจผืนกฎของธรรมชาติได้ และที่สำคัญคือแม่ตกนรก ความผิดคือยุ่งเกี่ยวกับบุคคลที่ไม่ควรอย่างเช่นพระเจ้า... ผมอยากจะถามจริงๆ ว่ามนุษย์ธรรมดามีดีอะไรไปหลอกลวงพระเจ้าอย่างนั้นเหรอ คนที่สูงส่งขนาดนั้นไม่ยอมลดตัวลงมาคลุกคลีด้วยหรอก ถ้าไม่ใช่คนที่สูงส่งจะเต็มใจเอง
“ท่านปล่อยให้แม่ของข้าตายได้ยังไง!”
ผมรีบก้าวเท้ายาวๆ เขามาด้านในที่พำนักของพระเจ้าอย่างไม่สนว่าใครจะห้ามปรามเพียงใด เขาที่นั่งอยู่บนบรรลังก์ทำแค่ปรายตามองกันแล้วสั่งให้ทุกคนถอยออกไป ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าหรือแววตาว่าโศกเศร้าแม้แต่เพียงเล็กน้อย มันเรียบเฉยราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัน ใช่ ความตายมันเกิดขึ้นได้ทุกวัน แต่แม่ที่เป็นคนดีกลับตกนรกมันหมายความว่ายังไง
“สมควรแก่เวลามนุษย์ทุกคนต้องละสังขาร”
เขาตอบด้วยน้ำเสียงเนิบนาบอย่างที่ไม่ควรเป็น ผมคงลืมคิดไปว่า ‘พ่อ’ มีเมียเป็นพันเป็นหมื่น มีลูกๆ อีกนับไม่ถ้วน บางครั้งเขาอาจจะจำหน้าแม่ของผมไม่ได้ด้วยซ้ำ ที่ได้ขึ้นมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้คงเป็นเพราะพลังในตัวเองเด่นชัดกลบร่องรอยแห่งความเป็นมนุษย์จนหมดสิ้น
“ท่านไม่เสียใจเลยหรือ... ครั้งหนึ่งท่านก็เคยมอบความรักให้แม่นี่”
“เราควรมีอารมณ์แบบนั้นด้วยหรือ ความเสียใจไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าควรมี”
“แล้วท่านมีหัวใจหรือไม่”
“.....”
ไร้ซึ่งคำตอบ เพราะผมรู้ดีอยู่แล้วว่าพระเจ้ามีหัวใจหรือไม่ ท่านมีหัวใจแต่ไม่ใช้รักใคร เพราะความรักไม่ใช่สิ่งสำเป็นตาอหน้าที่ของเขา ความรักไม่ได้หล่อเลี้ยงงานของเขาให้เจริญเติบโต ความสัมพันธ์ไม่ได้ส่งผลให้เขามีความสุข ดังนั้นการนั่งอยู่บนบรรลังก์แล้วสั่งการทุกสรรพชีวิตบนที่แห่งนี้ใช้เพียงความซื่อตรงต่อหน้าที่เท่านั้น
คุณเคยอ้อนวอนต่อพระเจ้าหรือไม่ เขาเคยตอบรับคำขอนั้นแล้วดลบันดาลในสิ่งที่ทุกคนปรารถนาได้หรือเปล่า ถ้าไม่เคยนั่นคือสิ่งที่ไม่แปลก เพราะคำขอของมนุษย์เหล่านั้นไม่ได้มีค่าอะไรเลยสำหรับผู้สูงส่งอย่างเขา พระเจ้าเลือดเย็นกว่าที่ใครๆ คิด มีแต่ปีศาจเท่านั้นที่พร้อมจะรับฟังและมอบความปรารถนาให้มนุษย์
“การที่แม่ต้องตกนรกมันเป็นความผิดของท่าน!”
“หึ มันเป็นความผิดของเราอย่างนั้นหรือ ก็คงใช่”
“ท่านไม่คิดจะช่วยเธอบ้างหรือ”
“มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะช่วยแม่เอง”
“ไม่ได้”
“ข้าจะทำ!”
ไม่รู้ว่าหลังจากคำพูดนั้นเกิดอะไรขึ้นบางแต่ทุกอย่างตรงหน้ากลับดำมืด หลุมขนาดใหญ่เกิดขึ้นใต้เท้ามันมีแรงดึงดูดให้ร่างกายร่วงหล่นสู่อนธการ มันคือนรก... ปีกสีขาวที่เคยมีแปลเปลี่ยนเป็นสีดำ ผมถูกทิ้งไม่ต่างจากแม่ ร่างกายบอบช้ำไม่เท่ากับหัวใจที่แหลกสลาย แล้วใครคนหนึ่งก็ยื่นมือเข้ามาช่วย
‘ส่งหัวใจของเจ้ามาให้ข้า มันจะไม่แหลกสลายอีกต่อไป’
โกหก
ทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก อเมมอนไม่ได้รักษาเยียวยาหัวใจบอบช้ำนั้นเลยแม้แต่น้อย แค่ลวงคนที่โง่กว่าให้ยอมมอบสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อแลกกับการโดนใช้งานและถวายความจงรักภักดีต่อเข้เท่านั้น เป็นเรื่องที่ไม่อาจแก้ไขอะไรได้นอกจาก... หาทางขโมยสมบัติล้ำค่าของตัวเองแล้วหนีไปซะ หนีเท่าที่มีแรงเหลืออยู่จนจะขาดใจตาย... เทวินเริ่มขยับร่างกายเล็กน้อยเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งวันเต็ม ซึ่งเราเองก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายตัวเองไปไหนเลย มีแต่คาอินเท่านั้นที่ถูกปล่อยกลับมาในสภาพสะบักสะบอมไม่ต่างจากตอนที่หมาหรือแมวกัดกัน ถ้าเดาไม่ผิด อเมมอนคงหมดความสนุกในการทารุณกรรมสัตว์ที่แข็งแรงที่สุดและเป็นอมตะอย่างมังกรเข้าให้แล้วเลยปล่อยกลับมาออย่างง่ายดายขนาดนี้
“เทวินจะตื่นไหม...”
คำถามที่ดังออกมาจากริมฝีปากซีดนั่นทั้งแหบแห้งไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวา คาอินที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆ กันได้แต่ทอดสายตามองมนุษย์เพียงคนเดียวอยู่อย่างนั้น เรารู้ว่ามันเป็นห่วงไม่ต่างกัน
“ยังหรอก คาดว่าน่าจะอีกหนึ่งชั่วโมง”
“ท่านไปยืดเส้นยืดสายก่อนไหม เดี๋ยวเราดูแลให้เอง”
“ไม่เป็นไร เจ้าไปพักเถอะคาอิน เราอยู่ได้”
“แต่ว่า...”
“ไปสิ”
“อืม...”
คาอินเดินลงจากเตียงแล้วหอบสังขารของตัวเองเดินออกจากห้องนี้ไปอย่างเชื่องช้า เราไม่ได้จนใจมันอีกเพราะกลับมาใจจดใจจ่อกับร่างตรงหน้า มือเรียวเอื้อมจับพวงแก้มซีดขาวก่อนจะไล้ไปตามโครงหน้าอย่างแผ่วเบา อยากทะนุถนอมทั้งร่างกายและจิตใจของคนๆ นี้ แต่ที่แสดงออกไปกลับทำร้ายเขาอย่างไม่น่าให้อภัย ความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่สามารถเอื้อนเอ่ยออกไปได้ กลัวว่าความสัมพันธ์ของเทวินและเซนจะกลับมาอีกครั้ง ถึงจะเป็นดวงวิญญาณเดียวกัน แต่เรากับเซนมีกายเนื้อแยกกัน ความคิดต่างกัน แต่เรื่องความรู้สึกนั้นเหมือนกัน ไม่แปลกที่เราจะหลงรักเทวินเพราะเซนรัก ไม่ใช่สิ เพราะเรารักต่างหาก เฝ้ามองมาเป็นเวลายี่สิบปีเต็ม ตั้งแต่วันแรกที่เขาเกิด
“เจ้าเป็นตัวยุ่งสำหรับเราจริงๆ เทวิน”
มือเรียววางทาบบนแก้มเนียนใสก่อนจะโน้มตัวลงมอบจุมพิตปีศาจให้คนที่ยังไม่ได้สติ อยากมอบทุกอย่างให้มากกว่านี้ แต่ยังทำไม่ได้ ในเมื่อคนที่นอนอยู่ยังไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง เราคงคาดการณ์ผิดไปหน่อยเพราะตอนนี้ดวงตากลมกลับปรือขึ้นแล้วมองจ้องกันด้วยความตกใจ เขาผลักเราออกด้วยแรงทั้งหมดแล้วขยับตัวถอนหนีไปจนเกือบตกเตียงอีกด้าน นี่มันผิดปกติ...
“อัสโมดายจะทำอะไรผม”
น้ำเสียงสั่นเครือถามกลับมา แววตาดูหวาดกลัวจนผิดสังเกต ถ้าเดาไม่ผิดอเมมอนน่าจะฝังความทรงจำอะไรบางอย่างให้กับเขาไปแล้วแน่ๆ และเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันคือเรื่องอะไรถ้าเทวินไม่ยอมเล่าออกมา
“แค่จุมพิต... ไม่ได้หรือ”
เราถามกลับไปด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มและยังใช้สายตาอ่อนโยนมองหน้าเขา เผื่อว่าเทวินจะคลายความตึงเครียดลงบ้าง แต่เปล่าเลยเพราะเขาเอาแต่กอดตัวเองแล้วส่ายหน้าไปมาราวกับหวาดกลัวการกระทำอันแสนอ่อนโยนนั่น... ทำไมกัน
“อย่าเข้ามาใกล้ผมอีกเลย ผมกลัว ฮึก”
เทวินกอดตัวเองแน่นก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาโดยที่เราได้แต่ขมวดคิ้วแน่น พอขยับตัวจะเข้าไปหาเขาก็ถอยหลังจนกลัวว่าจะตกเตียง ทำไมถึงได้กลัวกันซะได้ อเมมอนกำลังเล่นตลกอะไรอยู่
“กลัวอะไร เจ้าบอกเราได้ไหมเทวิน”
“ฮึก ไม่เอา”
“เทวิน เจ้าควรตั้งสติ”
“ฮือ กลัว อัสโมดายอย่าเข้ามา”
“.....”
เราไม่รู้ว่าควรทำยังไงเลยกระชากแขนเทวินให้เข้าหาอ้อมกอดของตัวเอง ถึงเขาจะพยายามดิ้นรนขัดขืนสักแค่ไหนก็ไม่มีทางหนีรอดไปไหนได้ จนฝนที่สุดพายุอารมณ์ถึงได้สงบลง แต่เสียงสะอื้นยังคงหลงเหลืออยู่ในขณะที่มือเรียวลูบเส้นผมสีดำอย่างอ่อนโยน
“ไหนลองบอกมาสิว่าเจ้ากลัวอะไร”
เราถามอีกครั้งเพื่อว่าจะได้แก้ไขข้อผิดพลาดอะไรบางอย่างที่เทวินกำลังถูกปั่นหัว เขาผละตัวออกจากอ้อมกอดแล้วช้อนตากลมที่แดงก่ำขึ้นมองกัน ปากบางเม้มแน่นเหมือนกำลังชั่งใจและในที่สุดเขาก็ยอมพยักหน้าและเล่าทุกอย่างที่ทำให้รู้สึกกลัว
“ผม... อเมมอนจะฆ่าเซน ถ้าหากว่าผมเข้าใกล้อัสโมดาย”
“เจ้า...”
“ผมรักเซน ผมไม่อยากให้เซนตาย ขอร้องล่ะครับ อย่าเข้าใกล้ผมอีกเลยนะ”
“เจ้า... จำได้อย่างนั้นหรือ”
อเมมอนกำลังฝืนกฎของปีศาจในการคือบรรณาการที่เรารับมาแล้วให้กับคู่พันธะสัญญา แต่ใครจะลงโทษเขาได้ในเมื่อผู้คุมกฎก็คือตัวเขา... เทวินมองมาด้วยแววตาสั่นไหว น้ำตาไหลลงมาอีกแล้ว เขาพยักหน้ารัวราวกับคนเสียสติ
“ถ้าเราบอกว่า... เซนคือเราและเราคือเซนเจ้าจะเชื่อไหม”
“ยอมรับง่ายขนาดนี้เลยเหรอ อ่อนหัดจังเลยน้า”
น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำให้เรารู้ได้ในทันทีว่าคนตรงหน้าไม่ใช่เทวินแต่เป็น ‘กาป’ ปีศาจลำดับที่สามสิบสาม และเป็นปีศาจใต้อาณัติของอเมมอนเช่นเดียวกัน แล้วเทวินล่ะ... ทำไมต้องเป็นแบบนี้!
“เจ้า... เอาเทวินไปไว้ที่ไหน”
เราถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งที่ในใจร้อนรุ่มจนแทบบ้า รู้ดีว่ากาปไม่ได้เข้าข้างอเมมอนแต่อย่างใด ปีศาจตนนี้ได้ถูกยกย่องเป็นผู้คุมกฎเช่นกัน
“ที่ที่ปลอดภัยน่า”
เขาตอบด้วยน้ำเสียงสบายแล้วเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองให้กลายเป็นร่างปีศาจอันคุ้นตา เรากับกาปถือว่าเป็นมิตรต่อกัน... แต่เป็นมิตรที่พร้อมจะหักหลังตลอดเวลาเช่นเดียวกัน
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องการอะไรจากเรา”
“เกลียดปีศาจรู้ทันจังเลยน้า”
กาปขยับเข้ามาใกล้เราแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกายนั่น เขาเป็นปีศาจที่มีเสน่ห์ บางครั้งพวกเดียวกันยังหลงมัวเมาได้ แต่ไม่ใช่สำหรับเราที่เป็นถึงราชา
“เกลียดเราก็อยู่ห่างๆ จากเรา”
เราเบือนหน้าหนีแววตาขี้เล่นของกาป ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวแต่มันน่ารำคาญที่ต้องคอยรับรู้ความรู้สึกบางอย่างจากเขา... ความรู้สึกที่ปีศาจไม่พึงมี ‘ความรัก’ เรารู้มานานแสนนานว่ากาปคิดอะไรอยู่ แต่การสนองความต้องการของเขานั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้
“ถ้าบอกว่าเรารักเจ้าล่ะอัสโมดาย เจ้าจะไล่เราอีกหรือเปล่า”
เสียงของเขาดูจริงจังขึ้น แต่เรารู้ว่าในความเป็นจริงแล้วปีศาจตนนี้ไม่ได้คิดอะไรมากอย่างที่แสดงออก อยากได้อะไรแต่ไม่ได้ก็แค่ช่างมันไปก็เท่านั้นเอง ไม่ขวนขวายหรือเจ้าแผนการเหมือนบุคคลอื่นหรอก
“เจ้าบอกรักเรามากี่ครั้งกี่หนกัน จำได้บ้างหรือไม่”
เราลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินนำเขาออกไปที่ระเบียงด้านนอก ไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ว่าคาอินสัมผัสได้ถึงกาปมาสักครู่แล้ว เพราะเจ้าตัวนั่งแยกเขี้ยวขู่ปีศาจอีกตนอยู่บนโซฟา
“ทั้งเจ้าทั้งคาอินนี่ใจร้ายกับเราจังเลยน้า ไม่มีใครรักเราสักคน เฮ้อ”
น้ำเสียงเสแสร้งแต่ใบหน้าแย้มยิ้มช่างน่าหมั่นไส้จนอยากกระทืบให้จมดิน แต่เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ตราบใดที่เทวินยังอยู่ในความดูแลของกาป
“เจ้าบอกรักเราทุกปี นี่ก็ผ่านมาเป็นพันๆ ปีแล้ว ไม่คิดว่ามันนานเกินไปหน่อยหรือ”
มันเนิ่นนานมาแล้วจริงๆ ที่ปีศาจตนข้างๆ เผยความรู้สึกที่ไม่ควรมีออกมา ทั้งๆ ที่หัวใจของตัวเองโดนครอบครองโดยอเมมอน... และเขานี่ล่ะที่อเมมอนมอบความรักให้อย่างแท้จริง
“ก็เรารักของเรา เจ้าจะห้ามได้หรือ”
“ไม่ได้ห้าม แค่อยากให้ตัดใจ”
“ยาก เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าจงบอกความปรารถนามา”
“ร่วมมือกันแย่งชิงหัวใจของพวกเราจากอเมมอน”-------------------------------------------------
นี่ล่ะหนาคือความรัก...