คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61  (อ่าน 36828 ครั้ง)

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ห้องตรวจที่๙. น.พ ปภพ

            ช่วงเวลาเช้าวันนี้ช่างสดใสกับใครหลายๆคน ทั้งผู้คนที่กำลังเดินทางไปทำงาน และผู้คนที่เดินจับจ่ายใช้สอยอยู่ในตลาด ซึ่งเขาเอง จักรพรรติ หรือจิ้ง ชื่อที่แม่ตั้งให้เพื่อให้ลูกชายเป็นใหญ่เป็นโตกับเขาด้วยความหวัง แต่สุดท้ายไอจักรพรรติก็ทำให้ความหวังของแม่พังไม่เป็นท่าด้วยฐานะที่ไม่อำนวยบวกกับผลการเรียนที่ออกมาไม่น่าพอใจ จึงทำให้ไม่ได้รับทุนให้เรียนต่อหลังจากจบมอต้นจวบจนตอนนี้ที่อายุอานามปาเข้าไป22แล้ว

    จิ้งมีพี่สาวหนึ่งคนเธอเป็นคนดี มีใบหน้าที่สวยเหมือนแม่ที่ตอนนี้ได้หนีไปมีครอบครัวใหม่ ไม่สนใจชีวิตของเขาและพี่จัทร์อีก ก็แน่ล่ะ ครอบครัวใหม่รวยออกแบบนั้นคงไม่มีทางจะพาลูกติดไปด้วยหรอก แถมพี่จะนทร์ก็แต่งงานแต่งการไปด้วยแล้วแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่

   จิ้งไก้แต่เบ้หน้าเมื่อนึกถึงความจริงในข้อนี้ พี่จัทร์เจ้าที่ตอนนี้อายุ28 แต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่น พี่เขยของเขาเป็นคนเอาใจใส่เอาการเอางาน ขยันจนเรียกได้ว่า.....ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว แม้ว่าเขาจะไม่เชิงว่าเป็นครอบครัวของพี่จันทร์และพี่ลิมก็ตาม การที่พี่สาวของเขาแต่งงานไปหมายความว่าพี่จันทร์จะมีครอบครัวของตัวเอง และเขา.....ก็ควรออกมา

   แต่เขามันอ่อนหัด ทำอะไรด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ถ้าไม่มีใครสักคนอยู่เคียงข้าง แม้พี่ลิมจะบอกให้เขาอยู่ได้ จะนับเขาว่าเป็นคนในครอบครัว แต่ตัวเขาเองที่รู้ดีว่า.....มันไม่ใช่ เขาไม่ควรจะอยู่ตรงนี้นานนัก เขาควรจะหาทางไปของตัวเองได้แล้ว แต่แล้วเป็นไง สุดท้ายก็ได้แต่มานั่งอยู่ตรงนี้ ช่วยพี่จันทร์ขายของอยู่ในตลาด และแน่นอน ทำตัวเป็นไม้กันหมาไอพวกที่กระลิ่มกระเหลี่ยกับเมียชาวบ้านพวกนี้!!

“แหม.....กับข้าวของจันทร์อร๊อย...อร่อย นี่ถ้าพี่ไม่เกรงใจพี่จะจ้างไปทำให้กินที่บ้านทั้งชีวิตเลยนะจ๊ะ” ก็หัดเกรงใจสิ ไม่ก็เกรงตีนเขาหน่อยก็ดี แต่พี่จันทร์กลับทำแค่ยิ้มแย้มกลับไปเท่านั้น

“ขอบคุณอุดหนุนค่ะ”

   ไอพวกลิ้นไรพวกนี้มันน่าจับลนไฟเสียให้หมด รู้ทั้งรู้ว่าชีวิตแต่งงานของพี่จันทร์กับพี่ลิมไปกันได้ดีเยี่ยมก็ยังเพียรพยายามเสียเหลือเกินที่จะชุบมือเปิบแย่งชิงไป ต้องหน้าด้านขนาดไหนกันนะถึงจะทำได้ขนาดนี้ จิ้นได้แต่ยืนมองภาพที่เกิดขึ้นราวกับมีใครมากดรีเพลย์หากแต่ผู้ท้าชิงแค่เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาไปเท่านั้น จิงเท้ากระตุกจนอยากจะเอาไปแนบบนหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าลูกค้า แต่เขาทำได้เพียงแค่อดทน เพราะถ้าเขาบุ่มบ่ามทำอะไรลงไป พี่จันทร์คงไม่พอใจเป็นแน่

   จันทิรายิ้มบางๆให้เหล่าลูกค้าที่แวะเวียนมาซื้อกับข้าวของเธอ เธอรู้ดีว่าน้องชายกำลังมีสีหน้าเช่นไร หากแต่นี่คือหนทางทำให้ครอบครัวมีรายได้ เธอคงยอมให้น้องชายสุดที่รักรังแกลูกค้าไม่ได้หรอก เหล่าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างพากันมาหยุดอยู่ตรงหน้าร้าน สายตาฉ่ำหวานถูกส่งให้แม่ค้าคนสวยประจำตลาดด้วยความพึงพอใจ

   ใครๆก็รู้ทั้งนั้นว่าจันทิราสวยสง่าเพียงใด ใบหน้าเรียวที่มีองค์ประกอบหลักๆเป็นดวงตากลมสีน้ำตาลเข้ม จมูกเชิดโด่งรับกับริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อปลายคางมนได้รูปบวกกับผิวขาวน้ำนมยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงรูปร่างที่โค้งเว้าตามสัดส่วนจนเรียกสายตาให้ใครๆต่างพากันเมียงมอง

“แหมหนูจันทร์ ไม่น่าลำบากเลย ถ้าหนูไปอยู่กับป๋า...”

ตึง!!!

“อ๊ะ โทษ’ครับ พอดี ตีน ผมมันกระตุก”

   ชายร่างท้วมวัยเกือบสี่สิบสะดุ้งกับเสียงโต๊ะที่ถูกบางสิ่งกระแทกอย่างแรงด้วยความตกใจ ไหนจะน้ำเสียงและการเน้นคำพูดจากร่างของอีกคนที่ยืนทมึนทึงอยู่ด้านหลังของจันทิราทั้งที่รอยยิ้มบนใบหน้านั่นดูน่ากลัวจนเขาต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

   หัวใจของชายวัยสามสิบปลายๆแทบจะหลุดกระเด็นออกมา ออร่าสีดำบีบคั้นให้ต้องรีบจ่ายเงินแล้วเดินหนีไป เหมือนถูกกระซิบให้บอกลาโลกนี้เสียถ้ายังอยู่ตรงนี้ต่อและชายที่ยังหาความสุขไม่เต็มที่อย่างเขาคงไม่เอาชีวิตมาทิ้งเล่นๆ เขาหันกลับไปมองที่ร้านอีกครั้งหลังจากเดินออกมาไกลพอควรแล้ว สีหน้าของเด็กหนุ่มผู้นั้นไม่ได้ต่างจากจันทิราเลยแม้แต่น้อย หากแต่ดูท่าทางที่ทะมัดทะแมนและน้ำเสียงที่ติดทุ้มนั่นเป็นตัวบอกได้ดีเลยว่าเป็นผู้ชาย

    จิ้งโบกมือให้ชายที่หยุดมองเขาห่างจากร้านพอควรด้วยรอยยิ้มการค้า อีกฝ่ายกลับสะดุ้งตกใจแล้วสาวเท้าหนีไปราวกับเห็นผี การกระทำแปลกๆของคนๆนั้นทำให้จิ้งได้แต่หัวเราะแผ่วเบา นี่ถ้าไม่ติดว่าอายุมากกว่าตนเยอะล่ะก็ เขาคงด่าด้วยคำพูดแรงๆไปแล้ว จันทิราเหลือบมองน้องชายกาอนจะส่ายหน้าด้วยความระอา รู้อยู่หรอกว่าน้องของเธอทำเพื่อปกป้อง แต่แบบนี้มีหวังลูกค้าหนีหายหมดแน่ๆ แล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บให้น้องชายคนนี้ได้เรียนต่อกัน

“รับอะไรดีคะ?” เหล่าผู้กล้าหน้าใหม่มาแล้ว

“ถ้ารับแม่ค้า.......”

“หืม!!!!!!!” คิ้วของจิ้งกระตุกถี่หยิบด้วยความไม่พอใจ จึงได้แต่ส่งเสียต่ำๆในลำคอออกไปถามพร้อมกับสายตาอาฆาตชนิดที่จะบอกว่า ให้มันพูดใหม่

“เอ่อ ผมเอาผัดผักรวม กับแกงส้มปลาสวายครับ”

ค่อยดีขึ้นหน่อย แสดงว่ากลัวตายเป็นเหมือนกัน

     จิ้งยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจเมื่ออีกฝ่ายยอมละความพยายามจะงาบพี่สาวเขาอย่างง่ายดาย จิ้งกอดอกยืนจ้องใบหน้าของคนๆนั้นอยู่ตลอด กดดันให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าอย่าได้ริอาจเงยหน้าขึ้นมามองเชียว พ่อจะเจื๋อนให้เป็นชิ้นเล็กๆ พี่จันทร์ยืนถุงกับข้าวให้กับไอหมอนั่นไปพร้อมกับรับเงินมา แต่พี่จันทร์ก็ยังคงยิ้มให้ลูกค้าและกล่าวขอบคุณเช่นเดิมไม่เปลี่ยน จะเปลี่ยนก็ตรฃที่ไอนั่นมันไม่กล้ามองหน้าพี่จันทร์อีกเลย ดีแล้ว แบบนี้ดีขึ้นหน่อย

เพี๊ยะ!!

“โอ๊ย!! พี่จันทร์ จิ้งเจ็บนะพี่” จักรพรรติได้แต่บีบน้ำตาทำหน้าตาราวกับเจ็บนักเจ็บหนาที่ถูกพี่สาวสุดที่รักลงไม้ลงมือใส่แขนตนเอง

“ไม่ต้องเลยนะ!! แบบนี้จะมีลูกค้าเข้ามาซื้อไหมจิ้ง” พี่จันทร์มองค้อนกับความตอแห(ล)ของเขาที่แสดงออกมา สีหน้าของพี่จันทร์ทำราวกับว่าเขาผิดเหลือเกิน

“ก็มัน...”

“จิ้ง!! เรียกดีๆนะ เขาเป็นลูกค้า!” เมื่อได้ยินเสียงดุของผู้เป็นพี่สาว จักรพพรติก็เบ้ปากงอแงและหงอยลงทันที

“ก็เขา.....เต๊าะพี่จันทร์นี่ครับ”

“จิ้ง.....เราเป็นพ่อค้าแม่ค้า อันไหนทนได้ก็ต้องทนนะ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีลูกค้าเข้าร้าน”

“ชิ! ไม่เข้าก็ไม่ต้องเข้าสิ” จิ้งเอ่ยกระซิบกับตัวเองเสียงเบา

“ว่าไงนะ?”

“เปล่าคร๊าบบบ จิ้งรู้ๆ จิ้งจะอดทนครับพี่” จักรพรรติมองพี่สาวแล้วยิ้มประจบ ถูไถใบหน้าไปกับแขนอันบอบบางของพี่สาว ถึงแม้ปากจะบอกเช่นนั้น แต่ในใจยังคงคิดจะฟาดฟันเหล่าลิ้นไรที่ชอบมาตอมตอดพี่สาวของเขาให้แดดิ้นตายไป

   คนเป็นพี่ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ไม่ใช่ไม่รู้ว่านิสัยน้องตัวเองเป็นอย่างไร แต่ยังไงเธอก็ต้องติเตือน ความไม่พอใจนั้นเกิดได้กับทุกคนแต่เราต้องเก็บมันเอาไว้ ยิ่งอาชีพค้าขายจะแสดงออกให้ลูกค้าเห็นไม่ได้อย่างเด็ดขาด สายตาหวานซึ้งของจันทิรามองไปยังร่างของน้องชายที่กำลังพยายามเอาอกเอาใจเธอด้วยการตักกับข้าวใส่ถุงให้ลูกค้า ยิ้มแยกเขี้ยวใส่ลูกค้าเล็กน้อยจนเธออดเอ็นดูไม่ได้ จริงๆที่ลูกค้ายังไม่ทิ้งเธอไปก็คงเป็นเพราะสนุกที่ได้ดูน้องชายเธอกัดใส่เสียล่ะมั้ง เพราะเห็นลับหลังออกไปทีไร มีแต่คนบ่นว่า โดนอีกแล้ว บ้างล่ะ หัวเราะแบบขบขัน บ้างล่ะ สรุปคือมาเล่นสนุกกับลูกหมาจิ้งจอกตัวน้อยที่พร้อมจะกระโดดกัดหัวใครมากกว่าล่ะมั้ง หึหึ





                    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++







   จิ้งหอบของกลับบ้านอย่างทุลักทุเล พยายามไม่ให้พี่สาวต้องมาถืออะไรหนักๆเพราะอย่างไรรูปร่างบอบบางอรชรของพี่จันทร์ก็ไม่เหมาะกับการขนของพวกนี้หรอก พี่จันทร์เปิดประตูบ้านกว้างเพื่อให้เขาเข้าไปได้ เขายิ้มค้อมศีรษะให้พี่สาวเป็นการขอบคุณและพี่จันทร์เองก็ยิ้มตอบ

   ไฟในบ้านถูกเปิดจนสว่างคาดเดาได้เลยว่าพี่ลิมกลับมาจากทำงานแล้วแน่ๆ แปลกจัง.....ปกติเวลาป่านนี้พี่ลิมไม่น่าจะกลับบ้านได้นี่นา หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ??

“ลิม.....คุณกลับมาแล้วเหรอคะ?” เสียงใสของพี่จันทร์เอ่ยถามออกไปทั้งที่ยังหาเจ้าตัวไม่พบ ผมวางของระเกะระกะลงในครัวก่อนจะเดินออกมาหาพี่เขยที่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ส่วนไหนของบ้าน

“พี่จันทร์......เจอพี่ลิมไหมครับ”

“ยังเลย เดี๋ยวพี่จะขึ้นไปดูที่ห้อง จิ้งลองหาดูที่อื่นนะ”

    จิ้งพยักหน้ารับปล่อยให้พี่สาวเดินไปยังห้องนอนตัวเอง แปลกจริงๆ บ้านก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายแต่กลับหาพี่เขยไม่เจอเสียอย่างนั้น แต่มันจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอก ก็ไฟมันเปิดอยู่แบบนี้ ยังไงมันก็ต้องเป็นพี่ลิมที่กลับบ้าน ปัญหาคือ.....พี่ลิมอยู่ไหน??

“ลิม!!!!!!!” เสียงร้องด้วยความตกใจของพี่จันทร์ทำให้ผมต้องรีบวิ่งไปดู ใบหน้าพี่จันทร์ซีดเผือดกับภาพที่เห็น สองร่างที่ขนาดกายต่างกันก่ายกอดกันอยู่บนเตียง ผ้าห่มถูกปิดบังกายหมิ่นเหม่ เสื้อผ้ากระจัดกระจายจนบอกได้ว่าผ่านศึกที่หนักหน่วงและดุเดือดมากเพียงใด

   แววตาหวานซึ้งของจันทิราคลอไปด้วยหยาดน้ำใส มือบางป้องปากด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ หัวใจของคนมองถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะอย่างไม่ปราณี สามีเธอนอนอยู่กับผู้หญิงคนอื่น และคนๆนั้นก็ไม่ใช่ใครเลย เป็นเพื่อนที่รักมากของเธอด้วยซ้ำ!!!!

“พี่ลิม.....พี่บัว” เสียงของจิ้งเอ่อยชื่อของคนสองคนบนเตียงด้วยความอ่อนแรง ก่อนที่จะได้สติดวงตากลมกร้าวแข็งขึ้นจนมันแดงก่ำด้วยความโกรธ

“นี่พวกพี่ทำเหี้ยอะไรกันวะ!!!!!” เสียงตะคอกดังลั่นบ้านจนปลุกคนสองคนจากนิทรา ใบหน้าของทั้งคู่ซีดเผือกเพราะไม่คาดคิดว่าวันนี้จันทิราจะกลับมาเร็ว

“จันทร์จ๋า จันทร์ฟังผมก่อนนะ มันไม่ใช่อย่างที่จันทร์คิด”

“จันทร์ ระ เราไม่ได้มีอะไรกันเลยนะจันทร์ เอ่อ แค่ แค่นอนกอดกันเฉยๆ”

   เฮอะ! ตลกชมัด นี่พวกเขาคิดว่าพี่สาวเขากินหญ้าเป็นอาหารหรือไง ถึงจะเชื่อคำพูดพวกนั้น ชายหญิงสองคนนอนก่ายกอดกันบนเตียงนอนแบบไร้เสื้อผ้าติดกาย จะบอกว่าทำกายบริหารมาแล้วนอนพักงั้นสิ เสียงสะอื้นของพี่จันทร์ลอยเข้าหูเข้าตลอด ยิ่งเสริมให้ความเดือดพล่านในร่างกายประทุขึ้นราวกับจะทะลุปรอท สงสารพี่สาวจับใจจนต้องกอดร่างของเธอเอาไว้แน่น ไม่อยากให้เธอเห็นภาพอุจาตตาของพี่เขยกับเพื่อนสนิทตัวเอง

“เก่งนะครับแอบกินกันมาได้......แต่กลับไม่มีปัญญาหาข้อแก้ตัวดีๆ หึ!” ทั้งสองคนชงักกึก คำพูดของจิ้งแทงใจดำจนต้องกำมือแน่น มองสบตากับจิ้งด้วยแววตาวาวโรจน์

“หุบปากไป! อย่างกับแกดีนักนี่......โตจนป่านนี้ยังเกาะพี่สาวกินไม่เลิกน่ะ!!” รอยยิ้มเยาะเย้ยส่งมาให้จิ้งอย่างไม่ปิดบัง จิ้งได้แต่สะอึกอยู่ในใจ เจ็บปวดอย่างที่สุดที่อีกฝ่ายจี้ใจดำของตนเองเช่นนี้ จะว่าไปมันก็ใช่ เจามันก็แค่คนที่ทำอะไรไม่ได้ความ เกาะพี่สาวไม่ยอมไปไหน มือของจิ้งคลายอ้อมกอดลงอย่างเจ็บปวดคล้ายเรี่ยวแรงจะหดหายจนจันทิราเงยหน้าขึ้นมอง จึงเห็นว่าน้องชายของเธอเจ็บปวดแค่ไหน

   จันทิรายอมไม่ได้ ที่ใครจะมาต่อว่าน้องชายของเธอแบบนี้ทั้งๆที่คนนั้น ไม่ได้ทำอะไรดีกว่าน้องเธอเลย อย่างน้อยน้องชายของเธอก็ไม่ทรยศเธอ ไม่เคยทำให้เธอเสียใจแบบนี้ น้องชายของเธอแม้จะไม่ได้ออกไปทำงาน แต่เธอก็แอบเห็นใบสมัครมากมายที่อยู่ในห้องนอนยามไปเก็บกวาด คนที่ไม่รู้อะไร กลับมาพูดจาร้ายๆกลับน้องชายของเธอแบบนี้ กล้าดียังไงกัน!

เพี๊ยะ!!

“อย่ามาพูดจาเลวๆ ดูถูกน้องชายของฉัน!!!”

“จันทร์......” ลิมเรียกชื่อของภรรยาอย่างคาดไม่ถึง อยู่กันมาตั้งองปี ไม่เคยมีสักครั้งที่จันทิราจะลงมือกับเขาเช่นนี้ จันทิราปกติจะยิ้มแย้มให้เขาเสมอ คอยเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างเขาไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร แต่คราวนี้ ทำไมกัน ทำไมกัน! ทำไมกัน!!!!!!

“นี่คุณตบหมเหรอจันทร์?” จันทิราเบือนหน้าหนีไม่อยากจะสบตาที่สะท้อนความเจ็บปวดนั้น เธอต่างหากที่เจ็บปวด ไม่ใช่เขา!

“คุณตบผมเพราะน้องคุณเหรอ!!! คุณเห็นมันดีกว่าผมเหรอ!! หา!!! จันทร์!!!” สองมือบีบเข้าที่แขนบอบบาง เขย่าถามเพื่อจะเอาคำตอบที่ต้องการ เขาเป็นผัวนะ เป็นผัวแต่กลับเห็นน้องดีกว่าผัว ได้ยังไง ได้ยังไง!!!

“ปล่อย ปล่อยนะ!”

“ตอบผมมาสิ คุณเลือกน้องคุณใช่ไหม เลือกน้องชายของคุณใช่ไหม เห็นมันดีกว่าผัวอย่างผมใช่ไหม!!!”

ผลัก!

“ปล่อยพี่จันทร์นะโว้ย มึงทำพี่จันทร์เจ็บ! ไอสัส!!!!” ต่อให้ใจของจิ้งจะแหลกสลายยังไง แต่จิ้งก็ทนให้ใครมาทำร้ายพี่จันทร์ไม่ได้ ยิ่งกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี จิ้งยิ่งไม่ยอม!!

“ไอเด็กเวรนี่.....มึง!!!!” ลิมเช็ดมุมปากเห็นเลือดสีสดไหลออกมาจากการถูกเด็กรุ่นน้องต่อย ความโมโหพุ่งกระฉูดจนไม่อาจจะระงับ ถลาร่างเข้ามาหาจิ้งอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต่องชงัก

“หยุดนะ!! ถ้ากล้าแตะต้องน้องชายฉัน เราได้เห็นดีกันแน่!!!” สีหน้าเด็ดขาดที่ส่งผ่านออกมาทำให้ลิมไม่กล้าจะขยับร่างเข้าไป

“จันทร์! คุณก็เห็นว่ามันทำร้ายผม! ทำไมคุณถึงเลือกมัน ผมเป็นผัวคุณนะ!!!”

“คุณกล้าเอาน้องฉันไปเทียบกับสัตว์ที่เอาไม่เลือกหน้าอย่างคุณเหรอคะ?” ลิมสะอึก มองใบหน้าที่เริ่มไร้อารมณ์ของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียอย่างไม่เชื่อสายตา

“จันทร์....”

“ตลกดีนะคะที่คุณยื่นคำขาดให้ฉันเลือก ระหว่างน้องชายที่อยู่ด้วยมาทั้งชีวิต กับ สัตว์ตัวผู้ที่เพิ่งอยู่ด้วยกันมา2ปี” จันทิราแค่นยิ้ม เหลือบมองใบหน้าของเพื่อนสนิทที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วและยืนนิ่งไม่กล้าทำอะไร

“คุณ.....”

“เอาเถอะค่ะ เมื่ออยากจะอยู่ด้วยกันก็เชิญอยู่ด้วยกันไป ฉันไม่ติดใจอะไร แต่ต้องไม่ใช่ในบ้านหลังนี้!!”

   จันทิรากลืนก้อนสะอื้นลงคอ เก็บความอ่อนแอลงไปในส่วนลึกก่อนจะเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดีจิกสายตากลับไปที่ร่างของชายเลวหญิงร้ายอย่างรังเกียจ ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าโชคดีที่ได้พบผู้ชายดีๆคนนี้ ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าโชคดี ที่ได้มีเพื่อนดีๆอย่างบัว แต่ครั้งนี้.....เธอกลับรู้สึกว่าเสียดายเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับคนทั้งคู่เสียเหลือเกิน

“จันทร์!! ฟังผมก่อนนะ ฟังผมสักนิด”

“จันทร์ เราเป็นเพื่-“

“อย่าพูดมันออกมาดีกว่า ถามตัวเองเถอะว่าเห็นฉันเป็นเพื่อนจริงๆเหรอ คนเป็นเพื่อนกันแอบมาเป็นชู้กับผัวเพื่อ แหม.....” พี่จันทร์ยิ้มเยาะกวาดสายตามองอีกคนทั้งตัวราวกับดูแคลน

“หรือฉันควรยกรางวัลเพื่อนดีเด่นและกล่าวขอบคุณเธอให้ชาวบ้านรู้ดี ดีไหม?” บัวฟังคำประชดประชนของจันทิราแล้วต้องกัดฟันกรอด เธอไม่เคยคิดจะหักหลังเพื่อนเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็ตกหลุมรักคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเพื่อนเข้าอย่างจัง จนความรักบังตาพาให้เธอยั่วยวนลิมจนสำเร็จ

   ลิมเริ่มร้อนรนเมื่อเห็นว่าจันทิราที่เคยยิ้มแย้มให้เขานั้น บัดนี้เหลือเพียงความเย็นชาที่หนาวยะเยือกที่สัมผัสได้ จันทิราที่เคยให้อภัยเขาไม่ว่าจะเกิดเรื่องผิดพลาดใดๆในตอนนี้ไม่มีเหลืออีกแล้ว เขาชะล่าใจเกินไปที่คิดว่าจะนทิราจะในตอนเย็นดั่งเช่นทุกวัน เขาชะล่าใจเกินไปว่าจันทิราจะไม่มีวันรู้ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาคิดผิด

“ก็ฉันรักลิมนี่!!! รักไม่แพ้เธอหรอก!!” บัวพูดออกมาอย่างเหลือทน เธอไม่ใช่คนผิด ความรักของเธอไม่ใช่เรื่องผิด จันทิราต่างหากที่ผิด ผิดที่ได้ครอบครองคนที่เธอรักอย่างถูกต้อง ในขณะที่เธอต้องลักลอบเป็นชู้ มันเจ็บที่ไม่สามารถบอกใครๆได้ มันเจ็บที่ต้องทนเห็นจันทิราและลิมสวีทกันต่อหน้าต่อตา มันเจ็บ!!!

“ก็ดีแล้วนี่ งั้นก็เชิญไปรักกันนอกบ้านฉันด้วย!!!” ความเข้มแข็งของจันทิราบัดนี้ช่างหนาแน่นเสียเหลือเกิน กำแพงที่ถูกสร้างขึ้นจากความผิดหวังมันช่างสูงใหญ่จนลิมรู้เลยว่าไม่สามารถเข้าไปใกล้ๆหัวใจจันทิราได้อีกแล้ว

   ลิมได้แต่ยืนก้มหน้าทอดสายตามองพื้นห้องด้วยความท้อถอย หมดแล้วทุกๆอย่าง ทั้งความรัก และความไว้ใจ เขาทำมันพังไปหมดแล้ว บัวเดินเข้ามาใกล้ คล้องแขนหนาของลิมอย่างถือเป็นเจ้าของเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่สนใจสายตาเย็นชาของจันทิราแม้แต่น้อย ตอนนี้เธอชนะแล้ว เธอได้ครอบครองคนที่เธอรักแล้ว เธอไม่สนสิ่งอื่นใดอีก

“ไปกันเถอะค่ะลิม ไปอยู่กับบะ อ๊ะ!!” แขนที่คล้องถูกสลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี สีหน้าของลิมบ่งบอกถึงความโกรธเคืองอย่างเต็มหัวใจ สายตาที่ส่งมาราวกับว่ารังเกียจจนไม่อยากให้แตะต้องตัวนั่นคืออะไร เธอไม่เข้าใจเลยทำไมลิมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

“อย่า มา แตะ ต้อง ตัว ผม!!” บัวที่ล้มลงบนพื้นลุกขึ้นยืนแทบจะทันที มองใบหน้าคมคายอย่างไม่พอใจ

“ทำไม!! ทำไมจะแตะไม่ได้ ก็บัวเป็นเมี-“

“เมียผมมีแค่จันทร์คนเดียวเท่านั้น!!!” เสียงตะคอกกลับมาทั้งที่ใบบัวยังไม่ทันได้พูดจบประโยคเป็นเหมือนใบมีดกรีดลงบนหัวใจ เลือดเย็นเหลือเกิน นี่หรือคนที่เธอรัก ใบบัวได้แต่มองใบหน้าของลิมด้วยแววตาคัดพ้อและผิดหวัง ความรู้สึกเจ็บปวดตีตื้นขึ้นมาจนจุกอก แต่จันทิรากลับมองภาพนั้นด้วยความเวทนา อุส่าขวนขวายแย่งชิงไปได้ แต่กลับไม่ได้ครอบครอง หึ มันช่างน่าสมเพซเหลืออเกิน

“จะยังไงไม่รู้นะครับ แต่นี่บ้านพี่สาวผม คนนอกเชิญ!!” ใบบัวกัดฟันกรอด กระทืบเท้าเร่าๆด้วยความไม่พอใจแต่ก็ยินยอมออกไปอยู่ดี หากอีกคนกลับยืนนิ่ง ไม่คิดจะออกไปตามคำบอกกล่าวสักนิด

“ยืนอยู่ทำไมคะ?” น้ำเสียงเย็นเฉียบเอ่ยถามออกมาทั้งๆที่มาได้อยากจะรู้ แต่เพียงแค่อยากให้อีกคนไปให้พ้นๆเสียที

“ก็ผมไม่ใช่คนนอก....” จิ้งยืนกรอกตาพรางคิดว่า คนอะไรช่างหน้าด้านหน้าทน แต่จันทิรากลับยกยิ้มบางๆให้

“คุณเป็นคนนอกค่ะอย่าสำคัญตัวเองผิด เมื่อคุณบอกให้ฉันเลือกระหว่างน้องชายกับสัตว์ตัวผู้อย่างคุณ และฉันเลือกน้องชายของฉัน ฉะนั้น.....เชิญคุณเก็บข้าวของและออกไปด้วยค่ะ” ลิมยังคงยืนนิ่ง สมองของลิมประมวลผลและพยายามหาวิธีง้องอนขอคืนดีกับจันทิราให้ได้ แต่มันช่าง.......ไร้หนทางเสียเหลือเกิน

“ผมไม่อยากไป ผม.....รักคุณนะจันทร์”

“อยากพูดอะไรก็พูดเถอะค่ะ แต่ยังไงคุณก็ต้องออกไปอยู่ดี” จันทิราไม่สนใจจะยืนมองต่อให้เสียสายตา ความเข้มแข็งของเธอเองก็มีขีดจำกัดและข้อนั้น จิ้งเองรู้ดี เพราะแบบนั้นจิ้งถึงต้องพยายามให้อดีตพี่เขยออกไปจากบ้านของพี่สาวตัวเองเสีย

“จันทร์!! เดี๋ยวก่อนจันทร์!!!”

“ผมว่าพี่ลิมไปเสียเถอะ.....พี่จันทร์ไม่อยากให้พี่อยู่ที่นี่ อย่าทำร้ายพี่สาวของผมไปมากกว่านี้เลย”

    ลิมตวัดตามองใบหน้าของจักรพรรติด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะจัดการหยิบเอาเสื้อผ้าในตู้นัดใส่กระเป๋าตัวเองแบบลวกๆ ความแค้นเคืองต่อตัวของจักรพรรติมันมากมายล้นเหลือจนลิมเองต่องสกัดกั้นอารมณ์ไม่ให้ต่อยหน้าน้องชายของภรรยาตัวเอง จิ้งเองก็เสียความรู้สึกเมื่อมานึกๆเขาหรืออุส่ามองว่าพี่ลิมเป็นคนดี รักพี่จันทร์มากคงไม่ทำให้พี่สาวตัวเองต้องเสียน้ำตาแน่ แต่ที่ไหนได้ สุดท้ายก็ดีแตก.......ความไม่พอของคนเราตัดสินเอาจากการกระทำช่วงแรกไม่ได้จริงๆ

   จิ้งปิดประตูทันทีที่อดีตพี่เขยเดินพ้นประตูบ้านไป สองคู่ชายชั่วหญิงเลวยังคงยืนมองบ้านของเขาและพี่สาวจากภายนอก แต่จิ้งไม่สนใจหรอก ในตอนนี้.....คนที่น่าเป็นห่วงคือพี่จันทร์ต่างหาก หัวใจพี่สาวคนเดียวของเขาคฃแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี หากพี่ลิมไปมีอะไรกับคนอื่นที่พี่จันทร์ไม่รู้จัก มันคงทำใจได้ง่ายกว่านี้ แต่นี่.....พี่จันทร์ถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจมากถึงสองคนในเวลาเดียวกัน และพวกเขาร่วมมือกันทำร้ายพี่สาวที่แสนดีของเขาจนเจ็บปวด

   จักรพรรติเดินเข้าไปโอบกอดจันทิราเอาไว้อย่างปลอบประโลม ร่างกายที่เล็กกว่าเขาสั่นไปหมดทั้งตัว รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นบริเวณไหล่ซ้าย มือของจิ้งทำได้เพียงปลอบประโลมให้จันทิราคลายเศร้า ลูบหลังพี่สาวเบาๆเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร เขายังอยู่ตรงนี้ เขาไม่ชอบเลยสักนิดที่ต้องมาเห็นหยาดน้ำตาของพี่จันทร์ ต้องมาฟังเสียงสะอื้นไห้ราวกับจะขาดใจเช่นนี้

“ร้องเลยพี่จันทร์ ร้องไห้ให้มันหมดแล้วพี่จะได้พัก ตื่นขึ้นมาพี่ก็จะได้เริ่มใหม่”

“ฮึก ฮือ....ทำไม พี่ผิดตรงไหน ฮึก พี่เจ็บจิ้ง ฮืออ พี่เจ็บ!!” มือเล็กกำเสื้อผมแน่น คิ้วของผมได้แต่ขมวดเข้าหากันสายตาเต็มไปด้วยความปวดร้าวและทรมาน ผมทำอะไรไม่ได้เลย ปกป้องพี่ยังไม่ได้เลย

“วันนี้.....พอมันผ่านไป วันนี้ก็กลายเป็นอดีต คนที่ไม่รู้จักพอให้เลี้ยงดีแค่ไหนมันก็ไปหากินเพิ่มอยู่ดี พี่ไม่ได้ผิดเลยพี่จันทร์ พวกเขาสองคนต่างหากที่ผิด”

   แม้คำปลอบโยนจะดีแค่ไหน แต่หัวใจของจันทิราเจ็บเกินกว่าจะเข้าใจถึงมันได้ จิ้งเองก็แปลกใจ หากเราเกิดบาดแผลที่ร่างกาย เราจะร้องไห้เจ็บปวดคงไม่แปลก แต่ที่ใจเล่า.....ในเมื่อมันไม่มีบาดแผล ทำไมเราจคงเรียกมันว่าความเจ็บปวด ทำไมเราถึงบอกกันว่าทรมาน ความเจ็บที่ไม่มีบาดแผลแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงๆหรือ หัวใจของคนเราที่สูบฉีดเลือดอยู่ตลอดเวลาไม่มีวันหยุดพักนั้น บอบบางถึงขนาดนั้นจริงๆหรือ.........เขาไม่เข้าใจ



                              ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++








>>>>>>>มีต่อนะคะ<<<<<<<<

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
>>>>>>>>ต่อค่ะ<<<<<<<<


              หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาสองปีพี่ลิมก็แวะเวียนมาหาพี่จันทร์เสมอ มาง้องอนขอคืนดีอยู่ตลอดเวลาและทุกครั้งก็จะมีพี่ใบบัวตามมายื้อยุดฉุดกระชากเอาตัวพี่ลิมกลับไป จิ้งไม่เข้าใจ......ทำไมพี่ลิมจะต้องยึดติดกับพี่จันทร์ขนาดนั้น เพราะจิ้งไม่เชื่อสักนิดว่ามันคือความรัก ถ้ามันเป็นความรักจริง.....พี่ลิมจะต้องไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นนอกจากพี่จันทร์

   สุดท้ายความพยายามของพี่ลิมก็ไม่เป็นผล ไหนจะผลของการกระทำวันนั้นที่ทำให้พี่ใบบัวตั้งท้องขึ้นมา มันวุ่นวายจนน่าปวดหัว และผลสรุปคือพี่จันทร์ยื่นคำขาดให้พี่ลิมเซ็นใบหย่าเพื่อให้กลับไปรับผิดชอบพี่ใบบัวแทน แม้ใบหน้าของพี่จันทร์จะมีรอยยิ้มประดับ แต่เจารู้ดีว่ามันเป็นรอยยิ้มที่เจ้าตัวฝืนออกมาแค่ไหน

   พี่จันทร์มีหนุ่มๆแวะมาขายขนมจีบให้มากมายหลายคน เรื่องของพมี่จันทร์ถูกเล่าไปปากต่อปากจนแทบจะหาความจริงไม่ได้ จิ้งดีใจที่พี่จันทร์กำลังเดตกับหนุ่มใหม่แต่เขาก็ยังอดแคลงใจไม่ได้ กลัวเหลือเกินว่าสุดท้ายคนนี้จะทำให้พี่สาวเขาเสียใจอีก แต่อย่างว่า.....คงต้องรอดูหน้าก่อน เพราะตอนนี้พี่จันทร์ยังคงปกปิดหนุ่มใหม่ไว้เป็นปริศนา

“อ้าว! พี่จันทร์.....จะไปไหนครับพี่?”

“ไม่ได้จะไปไหนหรอก พี่.....เอ่อ พาคนมาแนะนำ แต่พี่ว่าจิ้งรู้จักดีอยู่แล้วนะ” จิ้งเลิกคิ้วขึ่นด้วยความสงสัย หมายความว่ายังไงเขารู้จักอยู่แล้ว ถ้ารู้จักอยู่แล้วทำไมจะต้องแนะนำเล่า

“ใครครับ??”

“พี่เอง...” ใบหน้าของคนคุ้นเคยที่เป็นเพื่อนสนิทของพี่จันทร์ปรากฏขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย คิ้วเข้มหนากับดวงตาเรียวเป็นความหล่อที่เรียกสายตาคนในตลาดได้ไม่น้อย เทียบกับพี่ลิมไม่ได้เลยสักนิดเดียว

“พี่พัฒน์!!” จิ้งยิ้มกว้างเมื่อได้พบเพื่อนพี่จันทร์ที่เป็นดั่งที่ปรึกษาและคนที่จิ้งยอมไว้ใจเพียงคนเดียวอย่างพิพัฒน์ พัฒน์มองน้องชายของเพื่อนที่เห็นมาตั้งแต่เล็กด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

“พี่มาได้ยังไงครับ” น้ำเสียงดีอกดีใจของจิ้งเอ่ยถามออกไปด้วยความกระตือรือร้นจนเรียหรอยยิ้มเอ็นดูจากพิพัฒน์ได้อย่างดี ฝ่ามือหนาวสงลงบนศีรษะเล็กๆ โยกไปมาอย่างหมั่นไส้

“นั่นสิ...ซื้อตั๋วเครื่องบินมาละมั้งเนี่ย” จิ้งมองค้อนยู่ปากใส่คนที่พูดจากวนโอ้ยใส่จนน่าตี

“ฮึ่ม! ไม่ติดปีกบินมาเลยล่ะครับ ถ้าจะขนาดนั้น”

     พิพัฒน์หัวเราะจนเสียงดังลั่นเมื่อได้ยินคำพูดตอบกลับจากน้องชายของจันทิรา ไม่ว่าจะโตขึ้นเท่าไหร่ก็ยังคงความขี้งอนเอาไว้เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนจริงๆ นับเป็นความน่ารักอย่างนึงได้ล่ะมั้งในตัวของจิ้ง เพราะเขาเองก็เอ็นดูเด็กคนนี้เหลือเกิน

“แล้วตกลงยังไงครับ มาเยี่ยมพวกผมเหรอ” พิพัฒน์ลูบต้นคอตนเองอึกอักด้วยความเขินอายแปลกๆ

“คือแบบนี้นะจิ้ง...พี่พาพัฒน์มาบอกข่าวดีน่ะ”

“ข่าวดีอะไรหรือครับพี่?”

“พี่กับจันทร์...กำลังจะแต่งงานกัน”

เอ๊ะ! เอ๊ะ!! เอ๊!!!!!!!

“จะ จะ จริงๆเหรอครับ!” จิ้งเอ่ยถามให้แน่ใจอีกครั้งด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขายอมรับว่าดีใจที่พี่สาวของเขาหลุดพ้นจากความเศร้าเสียใจและเริ่มต้นใหม่ได้เสียที แถมคนที่พี่จันทร์กำลังเริ่มต้นใหม่ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล เรียกได้ว่าถ้าหากเป็นคนนี้ เขาโอเคเลยล่ะ

“ใช่แล้ว...เราเถอะ ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ของพี่หรือเปล่า” จิ้งส่งยิ้มพร้อมกับถอนหายใจ ถามแบบนี้ บอกว่าไม่ยอมรับได้หรือไงกันนะ

“ผมน่ะ ยอมรับอยู่แล้วล่ะครับ ก็รู้จักพี่พัฒน์ดีนี่นา”

   ใบหน้ามีความสุขของพี่จันทร์ตอนที่ได้อยู่กับพี่พัฒน์มันช่างดูมีชีวิตชีวาจนเขาเองที่ยืนมองอยู่อดรู้สึกมีความสุขไปด้วยไม่ได้ ทุกอย่างมันกำลังไปได้ด้วยดี เขามั่นใจว่าพี่พัฒน์จะสามารถทำให้พี่สาวของเขามีความสุขได้อย่างแน่นอน และพี่พัฒน์ก็คงไม่นอกใจพี่สาวเขาอย่างที่พี่ลิมทำ จิ้งยิ้มออกมาอย่างปลื้มใจ หัวใจของคนเป็นน้องเบิกบานยามได้เห็นภาพแห่งความสุข พี่จันทร์ควรได้รับความสุขได้แล้วเพราะพี่สาวเขาเองก็เหนื่อยมามากแล้ว เหนื่อยกับเรื่องร้ายๆที่ผ่านมา



                                             ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++







   งานแต่งผ่านได้ด้วยดี ชีงิตเหมือนจะมีความสุขดีทุกอย่างยกเว้นแต่เรื่องราวที่ติดขัดเล็กน้อยการเข้าห้องหอทำให้พี่จันทร์ไม่สามารถหลับนอนร่วมกับพี่พัฒน์อย่างที่สามีภรรยาพึงกระทำไม่ได้ พี่ ใบหน้าของพี่จันทร์หมองเศร้ายามที่ไม่สามารถให้ความสุขกับสามีได้ และหวาดกลัวว่าพี่พัฒน์จะทนไม่ไหวแล้วนอกใจไปอีก

“จิ้ง...จิ้งไปเป็นเพื่อนพี่ได้ไหม ไปกับพี่หน่อยได้ไหม”

“ไปไหนครับพี่จันทร์?” เขาไม่ได้คิดจะปฏิเสธเพียงอยากจะรู้ว่าพี่สาวเขาคิดจะไปที่ไหนเท่านั้น

“มีคนแนะนำให้พี่ไปรักษาที่คลินิกมารักษ์ แต่พี่ไม่อยากจะไปคนเดียว จิ้งไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ พี่...อาย” ใบหน้าที่ฉายความกังวลและความหวาดกลัวมันทำให้หัวใจเขากระตุก แม้จะรู้อยู่แล้วในปัญหาของพี่จันทร์แต่เขาก็ยังอดเจ็บปวดแทนไม่ได้

“ถ้ามันจะทำให้พี่หาย...ที่ไหนผมก็ไปทั้งนั้น อย่าห่วงเลยนะครับ ผมจะไปเป็นเพื่อนพี่จันทร์เอง” จันทิรามองใบหน้าของน้องชายด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น เธอกังวลไปต่างๆนาๆ คิดไปถึงอนาคตว่าหากเธอยังคงเป็นแบบนี้อยู่ไม่แคล้วประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เธอกล้าพูดเลยว่ากลัว พิพัฒน์ไม่เหมือนลิม แม้จะรู้จักมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็ไม่พร้อมหากจะต้องทำใจเสียทั้งสามีและเพื่อนที่ดีที่สุดไป หากมันเป็นแบบนั้น เธอคง...ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร

   จันทิราและจักรพรรติก้าวเดินไปยังตัวตึกที่ดูไม่ได้ใหญ่โตมากมายหากแต่เมื่อเทียบกับคำว่าคลินิกของที่อื่นและที่นี่ มีนจึงกลายเป็นว่า คลินิกมารักษ์นั้น...ใหญ่กว่ามาก หัวใจจิ้งเต้นระส่ำ อธิบายไม่ได้ว่าเพราะอะไร สัญชาติญาณบางอย่างร้องเตือนอยาเป็นนัยๆว่าไม่ควรย่างกรายเข้าไปภายในตัวตึกที่ดูใหม่นั้นเลย

   จิ้งหันมองพี่สาวตนเองที่มีใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังแล้วได้แต่ถอนใจ ทำเช่นไรได้ล่ะ...ต่อให้วันนี้จิ้งจกมันทัก รถมาดักหน้า ต่อให้ลางร้ายมันเข้ามาบอกกล่าวเขาโดยตรง แต่เมื่อมันคือหนทางที่จะทำให้พี่สาวเขาหายจากอาการบ้าๆนี่ เขาก็ไม่คิดจะกลัวสักนิด

“สวัสดีค่ะ คลินิกมารักษ์ยินดีต้อนรับค่ะ” ใบหน้าหวานของหญิงสาวภายในที่จิ้งอดชื่นชมไม่ได้เลยว่า เธอสวย ยืนอยู่ด้านหลังเคาท์เตอร์กล่าวคำทักทายด้วยริยยิ้ม

“สวัสดีค่ะ เอ่อ ดิฉัน...”

“มารักษาใช่ไหมคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะสาวไม่ใช่หมอไม่ต้องบอกอะไรกับสาวก็ได้ค่ะ” ผู้หญิงคนนี้อัธยาศัยดีมากเลย เธอดูจะให้ความรู้สึกเป็นมิตร...กว่าสายตาอีกหลายสิบคู่ที่กำลังมองตรงมา จะมองอะไรกันนักหนานะ เขาก็รู้อยู่หรอกว่าพืสาวเขาน่ะสวย แต่ไอที่ไม่เข้าใจคือ สายตาที่จ้องมาราวกับพี่สาวของจิ้งไปแย่งผัวใครมานี่ต่างหาก ที่จิ้งไม่เข้าใจ

“ดีจังเลย จันทร์อายมากเลยค่ะ ไม่เคยมารักษาอาการแบบนี้เลย”

“ครั้งแรกเลยเหรอคะ! อย่าคิดมากนะคะ คุณหมอแต่ละคนเก่งๆทั้งนั้น รับรองว่าหายขาดแน่นอนค่ะไม่ว่าจะกำลังป่วยแบบไหน เก่งในเรื่องกามเสียด้วย

   หืม??? ไอจิ้งหูฝาดหรือยังไงนะ ถึงรู้สึกว่าเมื่อกี้นี้คุณสาวคนสวยพูดอะไรพึมพำๆอยู่ พอหันไปมองทุกอย่างกลับปกติเสียจนจิ้งคิดว่าคงคิดมากไปเอง จันทิรายิ้มบางๆส่งให้สาวอย่างถูกชะตาโดยที่ไม่ได้ยินคำบอกเล่าคำหลังเช่นกัน

“แล้วนี่...มารักษาทั้งคู่เลยหรือคะ?”

“อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ นี่น้องชายจันทร์เอง จันทร์วานให้แกมาเป็นเพื่อนเพราะไม่คุ้นชินค่ะ” คุณสาวหันมามองเขาตาวาววับราวกับจะจับกินจนจิ้งได้แต่ยิ้มแหยงๆอย่างแปลกๆ

“น่าเอ็นดูนะคะ นานแล้วด้วยสิคะที่สาวม่ำด้เจอเด็กแบบนี้” แบบไหน??? นั่นคือสิ่งที่อยากถามแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป คุณสาวยื่นเอกสารบางอย่างมาให้พี่จันทร์อ่านและเซ็นมันลงไป จิ้งแอบดูก็แล้วถามก็แล้วพี่จันทร์ก็เอาแต่ยิ้มๆไม่ยอมบอกว่าเขาว่ายังไง บอกแค่มันเป็นกฎเท่านั้น จิ้งได้แต่ทำหน้ามุ่ย ยู่ปากใส่พี่สาวตัวเองอย่างขัดใจ

    ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของสาวทั้งสิ้น เธอมองแล้วทุกอย่างของน้องชายคนไข้ผู้นี้ ไม่รอดเงื้อมือของหมอแน่นอน ความดื้อรั้นที่ฉายชัดในแววตา ความเอาแต่ใจที่ถูกพี่สาวตามใจด้วยความรัก ความหวงแหนและห่วงใยพี่สาวของเด็กคนนี้ เธอพนันได้เลยว่า...มันต้องมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นมาแน่นอนเชียว

“คุณจันทร์ เดี๋ยวสาวพาไปที่หน้าห้องตรวจนะคะ สาวจะลัดคิวให้คุณได้คุยกับคุณหมอก่อน”

“เอ๊ะ! เอ่อ ไม่ต้องก็ได้นะคะ ไม่ต้องถึงขนาดลัดคิวหรอกค่ะ จันทร์รอได้” ความน่ารักของเธอถูกใจสาวจริงๆ สาวอดไม่ได้ที่จะจิ้มออกมาและพยักหน้ารับในความต้องการของจันทิรา ช่างเป็นพี่น้องที่น่ารักอะไรอย่างนี้ คนพี่หรือก็สวยทั้งความคิดจิตใจและใบหน้า คนน้องก็ไม่ต่างกันเลย แม้ในความดื้อดึงนั้นก็ยังแฝงความห่วงใยที่ฉายออกมาทางแววตากลมอย่างเห็นได้ชัด เธอชอบสองคนนี้ และเธอก็คิดว่า คนๆนั้น ก็คงชอบเช่นเดียวกัน

   จันทิราและจิ้งถูกสาวนำมายังหน้าห้องตรวจหมายเลขเก้า ซึ่งติดป้ายเอาไว้ถึงหมอผู้ตรวจ น.พ ปภพ จิ้งมองป้ายชื่อนั้นด้วยความขุ่นใจ ตลอดการเดินผ่านห้องมาราวกับเดินผ่านสนามรบ สายตาฟาดฟันเสียจนเขาแทบจะคิดว่าพี่จันทร์คงเหวอะหวะไปทั้งตัว แต่ละคนก็ช่างแต่งตัวมาได้ถูกสถานที่จริงๆ ไม่รู้ว่าแต่งมาตรวจง่ายๆหรือถอดง่ายๆกันแน่

“พี่สาวครับ...”

“ว่าไงคะน้อง...เอ่อ”

“ผมจักรพรรติครับ เรียกผมว่าจิ้งก็ได้”

“ค่ะน้องจิ้ง แล้ว...ว่าไงคะ” จิ้งเหลือบมองป้ายชื่อก่อนจะเอ่ยถาม

“ที่นี่ไม่มีหมอผู้หญิงเหรอครับ คือแบบ...ผมแค่สบายใจกว่าถ้าคนที่รักษาพี่จันทร์ เป็นผู้หญิง” สายตารู้ทันของสาวทำให้จิ้งต้องก้มหน้าลงมองมือตนเองบนตักด้วยความเขิน

“ไม่มีหรอกจ้า...แต่ไม่ต้องห่วงนะ หมอภพน่ะ เก่งมากๆเลยล่ะ”

“เอ่อ แล้วมีแบบตรวจภายนงภายใน ถอดเสื้อผ้าตรวจร่างกายอะไรไหมครับพี่สาวคนสวย” จิ้งยิ้มกว้างอย่างประจบน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนที่เคยใช้กับพี่จันทร์ของเขามาเสมอพร้อมกับกระพริบตาปริบๆให้ดูน่าเอ็นดูจนคนเป็นพี่สาวอย่างจันทิราต้องส่ายหน้ากับความทะเล้นของจิ้ง

“แหม...จะว่ามีมันก็มีนะ แต่จะว่าไม่มีก็ไม่มีอ่ะ”

อ้าว?? ยังไง

“คิกๆ พี่จะบอกว่า มันขึ้นอยู่กับหมอนะคะเรื่องนี้”

“พี่หมายความว่าถ้าหมออยากเห็นของใครก็ขอตรวจคนนั้นเหรอครับ รู้งี้เรียนหมอดีกว่า”

โป๊ก!!!

“โอ๊ย จิ้งเจ็บนะพี่จันทร์!!!” จันทิราที่นั่งอยู่ข้างๆได้ยินเต็มสองหู ใบหน้าของจันทร์แดงซ่านด้วยความอายจนต้องยกมือขึ้นมาเขกหัวเจ้าน้องชายทะลึ่งที่เอาแต่คิดเรื่องใต้สะดือนี่

“ก็ใครใช้ให้พูดจาแบบนั้นละ” จันทิรามองดุๆเหมือนจะปรามๆจนจิ้งย่นจมูกใส่ สาวมิงภาพนั้นด้วยความสนุกเด็กคนนี้ที่ชื่อจิ้งน่ารัก ดูไร้พิษภัยจนน่าจับมากอดรัดให้แน่นๆ หากเป็นน้องของเธอนะ เธอจะฟัดแก้มกลมๆนั่นทั้งวันทั้งคืนเชียว

“แล้วแบบนี้ถ้าผมไม่ยินยอมให้ตรวจ หมอจะตรวจได้ไหมครับ”

แหม...ถามแบบนี้ เธออยากจะบอกเหลือเกินว่า โอ้ย...ลูกขา อย่าไปห่วงเลยค่ะพี่สาว หนูห่วงตัวเองดีกว่า พี่ใส่พานมาถวายท่านเจ้าห้องถึงที่แบบนี้ กนูไม่รอดแน่ๆค่ะลูก!! แต่สิ่งที่สาวทำได้มีเพียงรอยยิ้มเช่นทุกครั้ง พร้อมคำตอบด้วยเสียงหวานนุ่มหู

“คงไม่ได้หรอก(มั้ง)”

“ดีครับ! แบบนี้ผมก็สบายใจ” ใบหน้ายิ้มแย้มที่ราวกับว่าทุกอย่างที่กังวลหมดไปแล้วเหลือไว้เพียงความยินดีปรีดาที่จิ้งมีเหลืออยู่เท่านั้น สาวอยากเอามือป้องปากหัวเราะออกมาเหลือเกิน แต่เธอต้องแก็บอาการเอาไว้ หาดไก่ตื่นเดี๋ยวจะยุ่งเข้าไปใหญ่

        หมอภพคะ สาวเอาลูกจิ้งจอกมาฝาก เลี้ยงให้ดีๆนะคะ คิกๆ



๔๗%



TBC




              ขอโทษที่มาช้าแมวมัวแต่ติดตาม13ชีวิตในถ้ำหลวงมาก โล่งใจแล้วก็ลงต่อได้~ จริงๆปกติแมวจะลง50%ใช่ไหมคะ แต่วันนี้ขออนุญาตลงแค่47%เนอะ มันตัดฉากได้ตรงนี้พอดี คิกๆ แมวรักจิ้ง แมวรักจิ้งงงงง ชื่อของจิ้งเป็นชื่อที่แมวชอบมาก เดี๋ยวพอจบมาทำการสำรวจห้องตรวจที่ชอบกันดีกว่า ถึงแม้ตอนนี้พระเอกเราจะยังไม่ออก แต่รับรองว่าพี่ภพหลงน้องมากแน่นวล แล้วพบกันครึ่งหลังนะค๊าาา <3



Facebook : https://m.facebook.com/PassionateFiction

Twitter : https://mobile.twitter.com/little_kittensY

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
รอดูตอนคุณหมอภพเห็นหน้าน้องจิ้งเลยค่ะ
รอดูหมอภพจะหลงน้องขนาดไหน

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่หมอ..ค่าตัวแพง  :hao3:

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 876
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
รอพี่หมอภพเจอกับลูกจิ้งจอกน้อย  :laugh:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
รอหมอออกตรวจ อิอิ

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
รอบนี้คุณสาวลงมือเองเลยหรือคะ

รอหมอภพค่ะ จะเจอจิ้งจอกหรือลูกแมวน้อยกันเนี่ย

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ระหว่างที่ยังคงนั่งรอคิวไปเรื่อยๆ ไอหูอันดีของจิ้งก็รับเอาเสียงแปลกๆในห้องมาวิเคราะห์ในสมอง อิ๊ อ๊ะ นี่มันเสียงอะไรทำไมมันคุ้นๆหูแปลกๆ แต่ช่างเถอะ สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าเสียงพวกนั้นก็คือสายตาที่มองเหยียดหยามเขาและพี่สาวอย่างไม่เป็นมิตร จิ้งตวัดสายตากลมหันไปมองด้วยความไม่พอใจที่อีกฝ่ายแสดงออกมาเช่นนั้น สายตาของจิ้งสบเข้ากับดวงตาอีกดวงที่ฉายชัดถึงความไม่เป็นมิตร

“มองอะไรครับ?”

“มองคนชั้นต่ำ” จิ้งกัดฟันกรอดด้วยความโมโหแต่จันทิรากุมมือของน้องชายเอาไว้แน่น ส่ายหน้าให้หยุดสิ่งที่คิดจะทำ

แกร็ก.....

“กลับดีๆนะครับคุณมินตรา”

“แหมหมอภพ...เรียกมิ้นก็ได้นะคะ คนกันเอง” จิ้งมองใบหน้าหล่อเหลาที่ไร้สิวด้วยความรู้สึกเรียบเฉย ก่อนจะไล่สายตาลงมาที่แผ่นอกที่มีเสื้อสีขาวปกปิดเอาไว้ในตอนนี้มีมือบอบางของหญิงสาวนามว่ามินตราลูบไล้มันอย่างยั่วยวน

“ไม่ได้หรอกครับ มันเป็นกฏ” หมอภพเพียงแค่ยิ้มให้ถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพื่อเว้นระยะห่าง

“โธ่...” สุดท้ายเธอก็ยอมกลับไป อย่างไรก็เสี่ยงให้ถูกยกเลิกสัญญาไม่ได้หรอก แม้จะอยากเก็บหมอำว้คนเดียวแต่การได้กินหมอไปเรื่อยๆแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกัน

“เชิญคุณจันทิราครับ”

“อ๊ะ..ค่ะ” พี่จันทร์ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วตัวของจิ้งเองก็เช่นกัน

“เอ่อ...น้องชายของฉันเองค่ะ จะเป็นไรไหมคะถ้าจะให้แกเข้าไปด้วย” เมื่อเห็นว่าหมอภพมองจักรพรรติโดยไม่กระพริบตาและนิ่งค้างไปทั้งที่ใบหน้าเรียบเฉยจันทิราจึงรีบบอกกล่าวพร้อมขออนุญาตหมอด้วยท่าทีที่เกรงใจ

“อ๋อ...เชิญได้เลยครับ ยังไงนี่ก็เป็นเพียงการสอบถามเบื้องต้นเท่านั้น” หมอภพยิ้มมุมปากให้ทั้งที่หัวใจเต้นแรงยามได้มองน้องชายของคนไข้คนนี้

จิ้งก้าวตามหลังพี่สาวไปอย่างไม่ยอมห่างเหลือบมองหมอที่ยืนอยู่อย่างต้องการสำรวจในท่าทางที่สบายๆนั่น หมอภพจัดว่าหล่อ ก็ใช่หล่อ ก็ได้เขายอมรับว่าหมอหล่อฉิบหายวายวอด ภายใต้ผมสีดำที่ถูกเซ็ตไว้อย่างดีมีดวงตาเรียวคมเข้มสีน้ำตาลที่จับจ้องมองมาทางเขาและพี่สาวไม่ยอมวางตาช่างรับกับคิ้วหนาคู่นั่นเหลือเกิน จมูกของหมอโด่งเป็นสันมันดูเข้ากันดีกับริมฝีปากเรียงที่ยิ้มน้อยๆออกมาในตอนนี้ ความหล่อของหมอไม่ได้ทำให้จิ้งใจเต้น แต่เป็นเพราะบางสิ่งที่อยู่ในแววตาคู่นั้นต่างหากที่ทำให้เขาวางตัวไม่ถูก

หัวใจของจิ้งเต้นแรงเพียงแค่ได้สบตาของหมอภพแม้ว่าจะผ่านๆก็ตาม เลือดในกายเดือดพล่านอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ความหมายของสายตาคู่นั้นคืออะไร เขามีสิ่งใดผิดปกติหรือ ทำไมหมอถึงมองเขาราวกับกำลังสำรวจทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้ป่วยอะไร หรือเป็นเพราะเขาเข้ามากับพี่จันทร์ หมอคงไม่พอใจเพราะหวังจะยุ่งวุ่นวายกับพี่จันทร์แน่ๆ

จิ้งมองห้องตรวจที่ก้าวเข้ามาด้วยความรุ้สึกไม่ชอบใจเมื่อภายในห้องนี้มีเพียงโต๊ะและเก้าอี้ของหมอกับเตียงขนาดใหญ่ที่ดูยังไงๆก็ไม่น่าจะใช่เตียงตรวจด้วยซ้ำ เพียงได้สำรวจจิ้งก็เกิดความรู้สึกไม่พอใจจนต้องตวัดสายตาขึ้นมามองสบกับคนตัวสูงที่บัดนี้ปิดประตูห้องพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะของตัวเองแล้ว

“คุณ...จันทิรา”

“เรียกจันทร์ก็ได้ค่ะคุณหมอ เอ่อ นี่น้องชายของจันทร์เองค่ะจักรพรรติหรือจะเรียกว่าจิ้งก็ได้นะคะ” หมอภพมองหน้าจิ้งด้วยตาวาววับ เขาถูกใจเหลือเกินกับความรู้สึกดื้อดึงและบรรยากาศไม่เป็นมิตรที่ส่งมาหาเขาโดยไม่ปิดบัง

“ครับคุณจันทร์ แล้วอาการเป็นยังไงบ้างครับ เล่าให้ผมฟังหน่อย” เขาเบะปากใส่อย่างหมั่นไส้ ได้ข่าวว่าหน้าห้องเมื่อกี้เขาบอกให้เรียกชื่อเล่นแต่ไอหมอนี่มันบอกว่าผิดกฎไม่ใช้หรอ ทำไมเรียกชื่อเล่นพี่สาวเขาได้เต็มปากเต็มคำเลยละ มันต้องคิดไม่ซื่อแน่ๆ

“คะ คือ...” พี่สาวของเขามีสีหน้าลำบากใจจนน่าสงสาร จิ้งจึงได้แต่เปิดปากเล่าเสียเอง

“พี่จันทร์เพิ่งจะแต่งงานไป แต่ไม่สามารถหลับนอนอย่างที่สามีภรรยาทั่วไปเขาทำกัน ทุกครั้งที่พี่พัฒน์...” จิ้งยกยิ้มเยาะเย้ยพร้อมเน้นเสียงให้หมอรู้ว่าในตอนนี้พี่สาวของเขามีเจ้าของแล้ว

สามีของพี่จันทร์เริ่มทำ พี่จันทร์จะเกิดอาการต่อต้าน แค่นั้น” หมอภพคิ้วกระตุกกับอาการแยกเขี้ยวแบบเรี่ยราดของจิ้ง นี่คงไม่ใช่ว่าจะคิดว่าเขาหวังจะเคลมพี่สาวตัวเองหรอกนะ เด็กหนอเด็ก ไม่รู้เลยสินะว่าจริงๆเจาสนใจตัวเองมากกว่า ปภพหันไปมองจันทิราที่บัดนี้หน้าซีดจนแทบจะเป็นลมเมื่อถูกน้องชายตัวดีเน้นย้ำคำอย่างจงใจ มือบางจับแขนของจิ้งเอาไว้อย่างปรามๆก่อนจะหันมาสบตาเป็นเชิงขอโทษแทนน้องชายของตนเองที่เสียมารยาท

“คุณจันทร์เกิดอาการแบบนี้จะต้องมีสาเหตุนะครับ ก่อนหน้านี้มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจหรือเปล่าครับ อย่างเช่น...ถูกลวนลาม ถูกข่มขืนอะไรพวกนี้”

“เฮ้ย!!! พูดจาดีๆนะหมอ ปากอ่ะระวังๆบ้าง!!” จิ้งทนฟังแทบไม่ไหว คิดได้ยังไงว่าพี่สาวเขาถูกลวนลามถูกข่มขืน นี่หมอมันมีสมองไว้คิดบ้างไหมเนี่ย

“จิ้ง! หยุดนะ นี่หมอนะจิ้ง หมอเขาถามพี่ตามหน้าที่!” จันทิราพยายามห้ามปรามความห่ามของน้องชายตนเอง จักรพรรติมองใบหน้าหล่อของหมอภพด้วยความหงุดหงิดแต่ก็ยินยอมนั่งลงโดยดี ปภพไม่ได้คิดถือสากับกิริยาของจิ้งแม้แต่น้อยกลับมองว่ามันสนุกเสียด้วยซ้ำ

ใบหน้าหล่อเหลาของปภพแม้จะเรียบเฉยไร้ความรู้สึก แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกถูกใจ ปฏิเสธไม่ได้เลยสักนิดว่าเขาชอบเด็กคนนี้ คนที่เห็นหน้าเขาในคราแรกก็แยกเขี้ยวใส่ราวกับเขาคือศัตรูที่ไม่ชอบหน้ากัน มุมปากของปภพยกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่ให้ผิดสังเกต เขาชอบใจในปฏิกิริยาที่จักรพรรติแสดงออกมาต่อเขา มันดูบริสุทธิ์ ไร้สิ่งเจือปน เพราะมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ น้อยครั้งนักที่จะมีคนมองเขาอย่างที่จักรพรรติมอง

“ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือ...”

เหอะ! ช่างกล้าพูดนักนะ

“ขอโทษด้วยจริงๆค่ะหมอ น้องชายของฉันแกอารมณ์ร้อนไปหน่อยเท่านั้น แกไม่ได้มีเจตนาที่จะต่อว่าหมอจริงๆหรอกนะคะ” จันทิราพูดด้วยสีหน้าเจือนๆยิ่งปภพไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาเธอก็ยิ่งร้อนใจ เธอกลัวเหลือเกินว่าจิ้งจะถูกไล่ออกไปและถูกห้ามไม่ให้เข้ามาที่นี่อีก เธอไม่อยากให้ใครๆมองน้องชายของเธอไปในทางที่ไม่ดี เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจิ้งทำไปก็เพื่อเธอทั้งนั้น

“ครับ ผมเข้าใจ...ยังไงรบกวนให้น้องจิ้งออกไปรอด้านนอกก่อนนะครับ ผมจะได้ทำการรักษาคุณจันทิรา” จักรพรรติตาแทบจะหลุดออกจากเบ้าด้วยความตกใจ

อะไรของไอหมอบ้านี่ มาเรียกเขาว่าน้องหน้าตาเฉยแถมยังถือวิสาสะเรียกชื่อเล่นเขาห้วนๆเลยเนี่ยนะ! จักรพรรติกัดฟันถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ แต่แทนทีอีกคนจะโกรธกลับสนุกแล้วหันมายิ้มให้เขาเสียอย่างนั้น จิ้งแทบจะเรียกได้ว่า งงเป็นไก่ตาแตกแต่ก็แอบหวั่นๆใจที่จะปล่อยให้พี่สาวคนเดียวของเขาต้องมาอยู่สองต่อสองกับไอหมอคนนี้ ที่แค่เพียงจิ้งได้พบหน้าก็บอกได้เลยว่า ไว้ใจไม่ได้ เท้าจิ้งกระตุกยิกๆ มั่นหมายอยากจะฟาดเข้าที่หน้าหล่อเหลานั่นดูสักครั้ง

“พี่จันทร์...มีอะไรร้องดังๆนะพี่ จิ้งจะพังห้องเข้ามาหาเอง ไม่ต้องกลัวนะพี่นะ”

“อื้อ พี่รู้ๆ” จันทิราได้แต่ขำกับท่าทางและคำพูดของจิ้งที่ทำราวกับว่าหากปล่อยเธอเอาไว้กับหมอภพสองต่อสองแล้วหมอจะฆ่าหั่นศพเธอเสียอย่างนั้น

เมื่อเห็นว่าทำอะไรได้จิ้งเองก็ยินยอมออกไปแต่(ไม่)โดยดี สายตาของจิ้งเหลือบมองใบหน้าของหมอภพอย่างคาดโทษซึ่งคนถูกมองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำสิ่งใดผิด แต่แปลกที่หัวใจของเขาเต้นแรงเหลือเกิน นิสัยแบบนี้ถูกใจเขานักล่ะ แถมใบหน้าน่ารักๆยามมองเขาด้วยความไม่ชอบใจนั่นอีก ปภพรู้สึกราวกับได้ลูกหมาแสนพยศมาเลี้ยงที่ต้องการฝึกให้เชื่อง แบบนี้สิถึงจะถูกใจ

จันทิรานั่งตัวแข็งทื่อด้วยความกังวลเธอไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยต้องรักษาด้วยโรคประหลาดเช่นนี้ และเธอเองก็ยอมรับว่าเมื่อในห้องเหลือเพียงหมอภพกับเธอ เธอทำตัวไม่ถูก ยิ่งถูกหมอจ้องแบบไม่วางตาเธอก็ยิ่งอึดอัด จันทิราก้มหน้าลงมองมือบนตักของเธอเพราะไม่กล้าจะสบตาของหมอภพ

“ถ้าอย่างนั้น คุณจันทิราบอกหมอหน่อยครับว่า...เกิดอะไรขึ้นกับจิตใจของคุณ?”

“คือ...ฉัน เคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งค่ะ เคยมีความสุขกับชีวิตคู่มาก” ปภพนั่งลงบนเก้าอี้รอฟังเรื่องราวจากปากของคนไข้สาวอย่างจดจ่อ

“ครับ...แล้วเกิดอะไรขึ้นครับ” จันทิราเม้มปากเมื่อต้องนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น

“วันนั้น...ฉันกับจิ้งกลับจากขายของเสร็จค่ะ วันนั้นเราขายได้หมดเร็วกว่าปกติซึ่งฉันก็คิดว่าจะได้มีเวลาจัดการเรื่องอื่นๆในบ้านมากขึ้น แต่เมื่อเราสองคนกำลังจะเปิดประจูบ้านก็พบว่ามันไม่ได้ล็อค” จันทิรากลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ มันเป็นแบบนี้เสมอ ตัวเธอสั่นอย่างห้ามไม่ได้เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น

“ฉันจึงเรียกหา...สามีคนก่อน จนฉันขึ้นไปหาเขา...บนห้องของเรา” เธอเริ่มร้องไห้ น้ำตาแห่งความเสียใจไหลลงมาไม่หยุด ปภพถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาเข้าใจดีว่ามันเจ็บปวด แต่ตราบเท่าที่เธอยังไม่ยอมปล่อยมันไป เธอก็คงเริ่มใหม่อะไรไม่ได้

“ฉันเห็น ฮึก เขากับเพื่อนรักของฉันอยู่บนเตียง ฮือๆๆ ฉันจำมันได้ดีค่ะหมอ ฉันลืมมันไม่ได้ ฮือออ”

“มันเจ็บปวดมากใช่ไหมครับ การต้องเห็นอะไรแบบนั้น”

“ฮือๆๆ” จันทิราพยักหน้าตอบรับ มันเจ็บปวดจริงๆที่เธอมารู้ว่าคนที่เธอรักถึงสองคนทรยศเธอแบบนี้ ปภพมองใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาของเธอด้วยความสงสาร แต่เขาก็ทำอะไรมากไม่ได้ เรื่องแบบนี้มันเป็นปัญหาของจิตใจ ไม่ใช่ร่างกาย แต่เพียงแค่ว่าจิตใจของเธอนั้นฝังใจอยู่กับอดีตจนร่างกายปฏิเสธสัมผัสของคนอื่นก็แค่นั้น

“แต่คุณคงลืมไปนะครับคุณจันทร์...”

“หมะ ฮึก หมายความว่ายังไงคะหมอ” เธอเงยหน้าขึ้นมองหมอภพด้วยความไม่เข้าใจ ลืมเหรอ เธอลืมอะไร??

“คุณลืมไปหรือเปล่าครับว่า...คนที่อยู่กับคุณในตอนนี้ ไม่ใช่คนเดียวกับที่อยู่บนเคียงในตอนนั้น”

จันทิราชงักกับคำพูดของปภพ มุนเป็นเช่นนั้นจริงๆเธอมัวแต่มองว่าพัฒน์เป็นผู้ชายจนลืมไปว่าพัฒน์ไม่ใช่คนเดียวกับคนที่นอนอยู่บนเตียงกับใบบัวเมื่อตอนนั้น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้จันทิราก็ยิ่งร้องไห้หนัก ความรู้สึกผิดต่อสามีจู่โจมเข้ามาในอกจนมันเจ็บไปหมด เธอเอาความเกลียดชังจากผู้ชายเลวๆคนหนึ่งมาทำร้ายผู้ชายดีๆคนหนึ่ง

ปภพคลายความกังวลจนใบหน้าฉายแววยินดี รอยยิ้มจุดขึ้นมาด้วยความโล่งใจกับเธอที่ค้นพบในคำตอบของใจเสียที เมื่อรู้ปัญหาแล้วก็เหลือแค่เธอทำความเข้าใจกับมันและเมื่อทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีซึ่งเขาเชื่อว่าดีแน่ เธอและสามีของเธอก็จะสามารถมีสัมพันธ์กันได้โดยไร้ปัญหาใดๆอีก

จิ้งนั่งมองประตูห้องตรวจที่ปิดสนิทด้วยความกังวล ในใจจิ้งนั่นไม่ได้ก้าวออกมาจากห้องตามฝีเท้าด้วยซ้ำมันยังคงอยาด้านในที่เดิม อยู่เป็นเพื่อนพี่จันทร์ พี่สาวที่แสนดีและแสนซื่อของเขา จิ้งกระส่ายกระสับร้อนรนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ด้วยซ้ำไป ไม่อยาดจะจินตนาการสักนิดว่าไอหมอบ้านั่นมันจะทำอะกับพี่สาวของเขาบ้าง

“น่าสงสาร...อุส่ามาอ่อยหมอภพทั้งที แต่ดันถูกไล่ออกมานอกห้อง หึ!” น้ำเสียงเย้ยหยันดังขึ้นมาจนจิ้งต้องหันไปมองใบหน้าที่จัดวิ่ยู่ในระดับทั่วไปไม่ได้หล่อเหลาโดดเด่นหรือน่ารักจนต้องหยุดมอง คนที่พูดจาไร้ความคิดกับจิ้งนั้นสูงกว่าจิ้งเล็กน้อย ด้วยตัวจิ้งเองก็ไม่ได้สูงอะไรมากมายโตมาด้วยความสูงที่คงที่ตั้งแต่อายุ18 คือ177เซนติเมตร แต่คนที่กำลังพูดจาขาดสมองไตร่ตรองอยู่นั้นสูงเพียง160กว่าๆ เมื่อมองดูแล้วสิ่งที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นการแต่งตัวของคนๆนี้ จัแต็มมาขนาดนี้ ถ้าเดินผ่านตลาดบ้านของจิ้งคงไม่พ้นถูกหมามันไล่ฟัดเอา คิดแล้วก็ตลกจนจิ้งเองเผลอหัวเราะออกมา

“หัวเราะอะไร? หรือโดนหมอปฏิเสธจนเพี้ยนไปแล้ว” เมื่อเห็นว่าจิ้งไม่ตอบไมโลจึงได้แต่เดือดดาลขึ้นมา เขาไม่ชอบหน้ามัน มันทอดสะพานโดยหวังเอาพี่สาวมาบังหน้า ต่ำเตี้ยขนาดการแต่งตัวยังดูบ้านๆ มีที่ไหนมาคลินิกใหญ่โตแบบนี้แต่กลับสวมเพียงเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ขาดๆซีดๆที่ผ่านการใช้งานมานาน ผมเผ้าสีน้ำตาลแดงไร้การจัดเซ็ตให้เป็นทรงได้แต่ปล่อยให้มันลู่ลงมาจนแทบจะปรกสายตา สายตาของไมโลจึงไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความเหยียดหยาม

“มองแบบนั้นอยากตายเหรอ!” จิ้งง้างหมัดขึ้นขู่ แต่หากว่าอีกคนไม่ยอมหยุดล่ะก็จิ้งก็ไม่คิดจะปล่อยให้ปากพล่อยต่อไปเช่นกัน

“กะ แก! ใช้เป็นแต่กำลังสินะ หึ! พวกขาดการศึกษา นี่ก็คงไม่พ้นมาเร่ขายทั้งพี่ทั้งน้องล่ะสิ”

จิ้งชงักกึกกับคำต่อว่าที่จี้ใจดำของเขา ใช่! เขาเรียนไม่สูง จบเพียงแค่มัธยมแล้วอย่างไร? เขาก็ไม่ได้แบมือขอเงินใครไม่ใช่เหรอ ทุกวันนี้เขาดิ้นรนพยายามช่วยพี่จันทร์ค้าขายตลอด(แม้จะคอยกันท่าเสียส่วนใหญ่) แต่เขาก็ไม่เคยเกลียดคร้านเอาเปรียบใครเลยสักครั้ง คนๆนี้ ไม่รู้ความจริงอะไรเลยกลับพูดจาดูถูกเขาแบบนี้ แต่ที่ทนไม่ได้คือมันดูถูกพี่จันทร์!

ผั๊วะ!

“โอ้ย!”

“กรี๊ด!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและเสียงหวีดร้องของเหล่าคนไข้ดังขึ้นทันทีที่เส้นความอดทนของจิ้งขาดผึงซัดเข้าที่ใบหน้ากวนอารมณ์นั้นอย่างหมดความอดทน สายตาของจิ้งมองไปที่คนตรงหน้าที่บัดนี้ล้มกองอยู่กับพื้นด้วยความว่างเปล่า หมดแล้วความอดทนเขาไม่จำเป็นต้องมานั่งให้ใครที่ไม่รู้จักดูถูกเหยียดหยามราวกับเขาไม่มีศักดิ์ศรีเด็ดขาด

“แก...กล้าต่อยฉันงั้นเหรอ!” เสียงของไมโลตะคอกกลับด้วยความไม่พอใจ สายตาแบบนั้นยิ่งน่าโมโหมันกล้าดียังไงมาทำกับเจาแบบนี้ ไอคนชั้นต่ำ!

“หุบปากของมึงไป! หรืออยากให้กูเลาะเอาฟันของมึงออกมาเพื่อเป็นการลงโทษ”

ผั๊วะ! ผั๊วะ!

“กล้าว่าพี่สาวกูเหรอวะ! ไอเหี้ย!!”

ผั๊วะ! ผั๊วะ! หมับ!

จิ้งไม่สนใจว่ามันจะเป็นตายร้ายดียังไงแต่คนที่กล้าดูถูกพี่จันทร์ของเขามันต้องถูกซัดจนกว่าปากหมาๆนั่นจะไม่กล้าอ้าขึ้นมาพูดอีก หมัดของจิ้งกระแทกเข้าไปยังใบหน้าของไมโลไม่หยุดจนเมื่อถูกมือหนาของใครบางคนจับเอาไว้ จิ้งที่กำลังฟิวขาดหันกลับไปอย่างรวดเร็วเพื่อจะต่อยคนที่กล้าเข้ามาขวาง

“หยุดเถอะ...ที่นี่คลินิกรักษาคนไข้ ผมคงให้คุณชกเขามากกว่านี้ไม่ได้” จิ้งเหลือบมองไอคนที่กล้าด่าพี่สาวเขาด้วยหางตา เมื่อเห็นว่ามันตัวสั่นอยู่เขาก็หยุด จิ้งสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมก่อนจะคว้าปกเสื้อของหมอภพเอาไว้แน่น กระชากมันเข้ามาใกล้จนปภพต้องก้มตัวลงเล็กน้อยให้อยู่ในระดับเดียวกัน

“ถ้างั้นก็หัดสั่งสอนเมียมึงให้ดี อย่าเที่ยวมาปากหมากัดใครโดยไม่รู้จักคิด กูชื่อจิ้ง! ไม่เคยกัดใครก่อน ถ้ามันไม่ปากดีมากัดคนที่กูรัก จำไว้! สอนเมียมึงด้วย!”

ผลัก!

“จิ้ง...”

“กลับกันเถอะครับ...พี่จันทร์” จันทิราน้ำตาคลอเมื่อเห็นว่าน้องชายหันมายิ้มให้ด้วยความอ่อนโยน

ปกป้องพี่เอาไว้อีกแล้วสินะ จิ้ง

จันทิราพยักหน้ารับส่งยิ้มบางๆให้น้องชายก่อนจะเดินเคียงข้างจักรพรรติไป ไม่ว่าในสายตาของคนอื่นจะมองว่าจิ้งทำไปเพราะอะไร หรือมองว่าจิ้งเลวร้ายแค่ไหนจันทิราไม่สนใจ เธอจะอยู่กับน้องชายของเธอเอง ไม่จำเป็นที่ใครต้องมาเห็นว่าจิ้งดีเด่นยังไง มันไม่จำเป็น เธอรู้ดีกว่าใครว่าจิ้ง...เป็นเด็กดีแค่ไหน







+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++









หลังจากออกมาจากคลินิกบ้าๆนั่นพี่จันทร์ก็ไม่คิดตะเอ่ยถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่แม้แต่ต่อว่าหรือตำหนิในสิ่งที่เขากระทำลงไปด้วยซ้ำ ถึงแม้จะรู้ตัวว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาแต่นึกถึงคำพูดไอบ้านั่นทีไรเขาก็ยังคงระงับอารมณ์โกรธไม่ได้สักที พี่จันทร์กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับพี่พัฒน์ เรื่องบนเตียงที่เคยหวาดหวั่นต่อสัมผัสจากพี่พัฒน์ก็หายไปแล้ว ทุกวันนี้เขาก็แทบจะจมอยู่ในน้ำเชื่อมอยู่แล้วเนี่ย

ครืด ครืด

ใครโทรมาเครื่องพี่จันทร์กันนะ จักรพรรติหยิบโทรศัพท์เครื่องสวยที่แม้ไม่ได้ทันสมัยแต่ก็ไม่ได้เก่าอะไรมากมายขึ้นมาดูหน้าจอ เบอร์โทรที่ถูกเมมไว้อย่างดีคือชื่อที่ปรากฏบนจอนั้นมันทำให้จิ้งแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้งไปเสียด้วยซ้ำ ไอหมอนี่จะโทรมาทำไม การรักษาจบไปแล้วจะยังโทรมาอีกทำไมกัน จิ้งกัดฟันด้วยความไม่พอใจก่อนจะกดรับสายเองทันที

“ฮัลโหล!”

‘อ้าว! ขอโทษครับ คุณจันทิราอยู่ไหมครับ’

“ไม่อยู่! ไปฮันนีมูลกับสามี ไม่ทราบว่าคนนอกโทรมาทำไมครับ” นี่เขาไม่ได้โกหกนะ เพียงแต่พี่จันทร์ลืมโทรศัพท์เอาไว้เท่านั้น และเขาเองก็ไม่ชอบให้ใครโทรมายุ่งกับพี่สาวของเขาทั้งๆที่พี่จันทร์แต่งงานแล้วหรอก

‘หึหึ น้องจิ้งนี่เองนึกว่าใคร’ เส้นความอดทนกระตุกอย่างแรงจนแทบจะขาด น้ำเสียงหมอยังคงเป็นปกติแต่คำเรียกขาลที่เรียกเขาว่าน้องมันทำให้ฝ่าเท้าคันยุบยิบจนอยากใช้หน้าของหมอมาเกาเล่น

“เออ! เอ้ย ครับ...แล้วสรุปหมอโทรมาทำไมวะครับ!”

‘ผมแค่จะโทรมาถามอาการของคนไข้เอง อย่าใจร้ายนักสิ’

“สบายดี ไม่ต้องโทรมาอีกนะ!”

‘เดี๋ยวสิครับ...น้องจิ้งไม่อยากรู้เหรอ ว่าพี่รักษาพี่สาวของเราแบบไหน’
คำพูดของปภพทเอาจิ้งชงักมือที่กำลังจะกดตัดสาย

“หมายความว่าไง! หมอกำลังจะบอกอะไรผมกันแน่!” ในหัวของจักรพรรติจินตนาการไปต่างๆนาๆจนคิ้วขมวด วิธีรักษาเหรอ หรือว่าไอหมอภพคนนี้จะรักษาพี่สาวของเขาด้วยวิธีการแปลกๆ หรือจะมีการแตะเนื้อต้องตัว หรือว่าหมอจะถอดเสื้อผ้าพี่สาวของเขาออก หรือว่า... บ้าจริง!

‘หึหึ ถ้าอยากรู้ ก็มาหาพี่สิครับคืนนี้ ที่คอนโด...นะ’ จักรพรรติกำมือแน่น ความอยากรู้มันจู่โจมจนเกิดความลังเลใจ รู้ว่าไม่ควรจะไป ถึงจะรู้ว่ามันอาจจะเป็นการกลั่นแกล้ง แต่เขา...ก็อยากจะรู้ว่าไอหมอปภพคนนี้ ทำอะไรพี่สาวของเขาไว้กันแน่

“ได้! ผมไปแน่”

‘ดีครับ...มาถึงก็ขึ้นมาเลยนะ พี่จะรออยู่ที่ห้อง...นะครับ’ จิ้งกำโทรศัพท์แน่นด้วยความโมโห หงุดหงิดจนแทบจะระบายอารมณ์กับข้าวของในบ้าน แต่จิ้งก็รู้ดีว่าไม่ควรทำจึงได้แต่สูดลมหายใจเข้าปอดลคกๆ ระงับอาการขุ่นเคืองในตัวให้ลดลง ตอนนี้เขาต้องมีสติ ต้องค่อยๆคิดไม่วู่วาม ยังไงก็ลองไปก่อน ถ้ามีอะไร...ค่อยร้องให้ใครช่วยก็ได้









+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




>>>>>>>>>>มีต่อนะคะ<<<<<<<<<

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
      >>>>>>>>>>>ต่อค่ะ<<<<<<<<<<



        จักรพรรติยืนนิ่งอยู่หน้าห้องที่ปภพบอกไว้ ไม่กล้าเคาะเพราะตัวจิ้งเองยอมรับว่ายังไม่ได้เตรียมใจมามากนัก ในตอนที่เดินเข้ามากล้าพูดเลยว่าเขาเอ๋อมาก แต่ละคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ช่างแตกต่างกับเขาเหลือเกิน ชีวิตที่หรูหรา คอนโดที่เรียกได้ว่าแพงหูฉี่แบบนี้เขาไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะเหยียบเข้ามาด้วยซ้ำ เขาอดคิดไม่ได้เลยว่าจะต้องรวยขนาดไหนถึงจะได้อาศัยอยู่ที่แบบนี้

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

จิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ตัดสินใจเคาะห้องของปภพทันที แม้จะไร้เสียงใดตอบกลับมาแต่เขาก็ได้ยินเสียงปลดล็อคประตูที่ดังขึ้นมา ก่อนที่มันจะเปิดออกกว้างให้ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลากับเสื้อเชิตสีขาวที่กระดุมถูกปลดออกจนเผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง จิ้งไม่ได้สนใจจะมองสักนิดเพียงแต่มันมาอยู่ตรงหน้าเท่านั้นเขาถึงต้องมอง ใช่ว่าชอบเสียเมื่อไหร่ มีนมตูมๆก็ว่าไปอย่างคนอย่างจิ้งจะได้สนใจ

“มาสิครับ...เข้ามาก่อนเลย”

จิ้งลังเลเล็กน้อยแต่ก็ก้าวเข้าไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองใบหน้าของปภพเลยสักนิดเดียว ภายในห้องส่งกลิ่นหอมกลิ่นเดียวกับที่ลอยออกมาจากร่างของปภพ แปลก...ไม่รู้ทำไมกลิ่นที่ตลบอบอวลอยู่ในห้องมันทำให้ใจของจิ้งสั่นแปลกๆ เป็นเพราะอะไรกันตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ

ปภพปิดประตูลงล็อคโดยไม่ได้หันกลับไปมองคนข้างหลังสักนิดเพราะหากเขาหันไปแล้วอีกฝ่ายเห็นใบหน้าที่ยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิดคงไม่แคล้วกระโดดหนีเหมือนกระต่ายตัวน้อยๆแน่ แต่ว่าเขา...ชอบใจสุนัขจิ้งจอกมากกว่า พวกเพื่อนรู้จักนิสัยของเขาดี หากได้เจอสิ่งที่ถูกใจไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนปภพก็จะคว้ามันมาให้ได้ และตอนนี้...เขาก็อยากจะเลี้ยงจิ้งจอกตัวน้อยที่หลงเข้ามาในกับดักนายพรานของเขาแล้วด้วยสิ คงปล่อยให้หลุดไปไม่ได้

“ผมมาถึงแล้วหมอก็บอกมาสักทีสิว่ารักษาพี่ผมยังไง” จิ้งไม่คิดจะถ่วงเวลาอะไรให้นานนัก เขาไม่อยากจะอยู่กับหมอให้นานกว่านี้หรอก เพราะยิ่งเห็นหน้าหมอภพเขาก็ยิ่งนึกถึงหน้าของแฟนหมอที่พูดจาว่าร้ายเขาและพี่จันทร์

“ไม่คิดจะดื่มน้ำดื่มท่าก่อนเลยหรือ หืม...น้องจิ้ง” จักรพรรติกัดฟันกรอดกับคำเรียกขาน แต่ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือท่าทางที่ไม่สนใจว่าเขาไม่อยากจะอยู่ด้วยนี่ล่ะ

“ไม่...จะให้ดีก็รีบๆพูดมาจะดีกว่า บอกตรงๆผมไม่อยากจะอยู่กับหมอนานนักหรอก”

“ทำไมล่ะ เกลียดผมมากเลยเหรอ”

ก็ใช่น่ะสิ อยากจะตะโกนใส่หน้าอยู่หรอกแต่ไม่รู้ทำไมถึงพูดไม่ออก จิ้งแม้จะเกือบใจอ่อนแต่ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นที่คลินิกกับผู้เป็นแฟนของหมอภพก็ตีกลับมาย้อนให้ความโกรธมีมากกว่าความเห็นใจ สายตาของจิ้งที่เกือยจะอ่อนลงกลับมาแข็งกร้าวจนคนถูกมองเลิกคิ้วขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ เขารู้ว่าหมอภพกับแฟนคือคนละคนกัน แต่เขาก็แค่มนุษย์ที่แยกอารมณ์ออกจากความสัมพันธ์ไม่ได้

“ผมว่าหมออย่าถามเรื่องที่รู้อยู่แล้วเลยครับ มันเสียเวลา หมอแค่ตอบในสิ่งที่ผมอยากรู้มาจะดีกว่า ผมจะได้รีบๆกลับไปสักที” ปภพนิ่งเงียบสบตากลมสีน้ำตาลของจักรพรรติด้วยความเฉยชา ใบหน้าหล่อเหลาไร้อารมณ์สาวเท้าเดินมาหาร่างบางอย่างช้าๆ บรรยากาศที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างสูงทำให้จิ้นต้องถอยหนีตามสัญชาตญาณ

หัวใจดวงน้อยเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่นมองร่างกายสูงใหญ่ที่ขยับเข้ามาใกล้ด้วยความคุคามอย่างเกรงๆ สายตาหวานเลิ่กลั่กพยายามมองหาทางหนีของตนเองเพื่อเอาตัวรอด แต่มันก็สายไป ในตอนนี้แผ่นหลังของจิ้งสัมผัวถึงความเย็นของผนังอย่างแนบแน่น ยิ่งคนตรงหน้าขยับสาวเท้าเข้ามาเท่าไหร่ จิ้งก็แทบจะสิงผนังให้ละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกัน

“จะรีบไปไหนครับ...อยู่คุยกับพี่นานๆหน่อยไม่ได้เหรอ พี่จะได้ทำความรู้จักกับน้องจิ้ง...ให้มากขึ้น” สองแขนหนาของหมอภพยันผนังกักร่างเขาเอาไว้ในวงแขนไม่ยินยอมให้หนีไปไหน จิ้งตัวสั่นอย่างไม่อาจจะห้ามยิ่งถูกกวาดามองทั้งร่างด้วยสายตาแบบนั้นเขายิ่งห้ามตัวเองไม่อยู่

“ผะ ผมจะกลับแล้ว!” ต้องหนี ต้องรีบหนีไปให้ไกลจากคนๆนี้ หากหนีไปได้...เขาสาบานเลยว่าจะไม่มีวันเข้าใกล้หมอนี่อีก แต่เขาจะหนีไปได้ยังไงในเมื่อหใอภพไม่เปิดทางให้เขาสักนิด ปภพมองใบหน้าของจิ้งที่ฉายความหวาดหวั่นออกมาจนชัดเจนจนต้องก้มหน้าลงไปใช้จมูกแตกผิวแก้มของจิ้งอย่างแผ่วเบา

“หยุดนะ!”

หมับ!

เพียงแค่ยกหมัดขึ้นมาก็ถูกหมอภพคว้าและกดเอาไว้กับผนังทันทีโดยที่ไม่มีโอกาสสัมผัสใบหน้าหล่อสักนิด ใบหน้าของจิ้งเหยเกด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ไม่ว่ยส่งสายตาอาฆาตไปให้คนตรงหน้าอยู่ดี คนอย่างจิ้งไม่มีวันแพ้จะไม่มีวันแสดงความอ่อนแอให้เห็นเด็ดขาด

“เป็นจิ้งจอกที่ดื้อจริงๆนะ ทั้งๆที่พี่อุส่าใจดีด้วยแท้ๆก็ยังหันมากัดกันได้”

“ผมไม่เห็นอยากได้ความใจดีของหมอสักหน่อย! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!” แม้จะดิ้นรนหนีเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหลุดออกจากแรงจับของหมอภพได้

“หึ...ไม่เป็นไร รับรองเลยว่าพี่จะเลี้ยงน้องจิ้งอย่างดี”

“อ๊ะ ปล่อยนะ!”

จิ้งถูกปภพลากไปยังห้องนอนก่อนจะผลักให้คนตัวเล็กล้มลงไปนอนอยู่บนเตียงกว้าง หัวใจของจักรพรรติเต้นระรัวหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น บ้าไปแล้ว หมอนี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงจะชอบผู้ชายยังไงก็ต้องมีข้อยกเว้นบ้าง เขาไม่ใช่แฟนของหมอสักหน่อย มาทำแบบนี้กับเขาได้ยังไงกัน!

“หมะ หมอ จะทำอะไร” จักรพรรติขยับถอยหนีเมื่อเห็นว่าอีกคนค่อยๆปลดชุดออกจากร่างกาย ปภพคล่อมทับร่างกายบอบบางของจิ้งเอาไว้ โน้มใบหน้าลงไปใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน

“พี่ก็จะเริ่มการฝึกให้จิ้งจอกตัวนี้เชื่องไงครับ”

“อื้ม!” ตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อถูกปภพประกบจูบอย่างไม่ให้ตั้งตัว จิ้งเม้มปากแน่นไม่ยินยอมให้อีกฝ่ายสอดปลายลิ้นเข้ามาในริมฝีปากได้อย่างเด็ดขาด ปภพกลับชอบใจกับอาการขัดขืนที่จิ้งไม่ยอมรับจูบที่เขามอบให้ แบบนี้สิดี การได้ฝึกให้เชื่องแค่กับเขานี่แหละที่เขาชอบ จิ้งใช้แรงทั้งหมดผลักให้ร่างสูงออกไปให้ไกลตัว แต่กลับทำได้เพียงทำให้ปภพถอนริมฝีปากออกแค่นั้น

เพี๊ยะ!

“อย่ามาจูบผมนะ! ตัวหมอเองก็มีแฟนอยู่แล้ว ทำไมต้องทำแบบนี้กับผมด้วย! ปล่อยผมนะ ผมจะกลับบ้าน!” น้ำตาเอ่อคลออยู่ในดวงตาคู่สวยจนฉ่ำวาว เขาเกลียดคนที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อแฟนตัวเองที่สุด เหมือนกับ... เหมือนกับพี่ลิม

“แฟน? ใครครับน้องจิ้งกำลังพูดถึงใคร”

“นี่หมอมีแฟนหลายคนจนจำไม่ได้เลยสินะ หึ!” จิ้งยิ้มเยาะด้วยใบหน้าเย้ยหยัน แบบนี้เอง...คิดว่าตัวเองหน้าตาดีจะมีแฟนสักกี่คนก็ได้อย่างนั้นสินะ เลวจริงๆ แต่ปภพกลับทำหน้างุนงงสงสัยในคำพูดของจิ้งไม่หยุด เท่าที่จำได้เขาไม่เคยคบใครเสียหน่ยอ แล้วใครกันที่คนตัวเล็กบอกว่าเป็นแฟนของเขา

“พี่ไม่รู้จริงๆครับ น้องจิ้งบอกพี่มาสิ”

“ก็ไอคนที่ผมต่อยจนเลือดออกในคลินิกของหมอไง! ปล่อยสักที!”

“แต่ไมโลไม่ใช่แฟนพี่นี่ครับ ทำไมถึงมองว่าเขาเป็นแฟนพี่ล่ะ” จิ้งหัดิมฝีปากแน่น พูดไปเถอะ เขาไม่คิดจะเชื่อหรอก โกหกให้เด็กมันฟังเด็กมันยังไม่เชื่อเลย

“หึ! จะบอกว่าเขาไม่ใช่แฟนทั้งๆที่เขาด่าผมกับพี่สาวเสียๆหายๆเพียงเพราะมาหาหมอน่ะเหรอครับ เห็นว่าผมโง่หรือไง!” ปภพสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังในน้ำเสียงจนเขาแทบจะไม่อยากฟัง

“พี่ไม่รู้หรอกว่าเขาคิดอะไร แต่ถ้านั่นคือปัญหาล่ะก็ จากนี้ไป...แฟนของพี่จะมีจิ้งเป็นเจ้าของตำแหน่งนั้น!”

“ผมไม่อยากเป็น!” คนใต้ร่างตอบกลับโดยที่ไม่คิดด้วยซ้ำ คำปฏิเสธมันช่างเป็นเหมือนมีดกรีดลงบนใจของเขา จากที่คิดว่าจะค่อยๆฝึก คงต้องทำให้เป็นของเขาก่อนแล้วล่ะ

“เดี๋ยวก็อยากเองแหละครับ หลังจากคืนนี้ไป!”

ปภพบดจูบลงไปบนกลีบปากบางอย่างแรงด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น ดูดดึงจนริมฝีปากบางต้องเผยอออกกว้าง รสชาติหวานที่ได้ชิมมันทำให้หัวใจของปภพเต้นรัว กลิ่นหอมของจิ้งมันมอมเมาเขาให้หลงไหลอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครคนไหน จิ้งเปิดปากยินยอมให้อีกคนสอดปลายลิ้นเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อถูกฟันคมของหมอภพกัดกลีบปากเล่นอย่างไม่ออมแรงจนได้กลิ่นเลือดสดๆ

“อ๊ะ อื้ม!”

มือหนาปลดพันธนาการออกจากเรือนร่างของจักรพรรติอย่างรวดเร็วจนในเวลาไม่นานร่างบางก็เปลือยเปล่า ยอดสีสวยที่ชูชันท้าทายสายตาถูกปลายนิ้วของหมอภพบีบบี้จนเจ้าของต้องแอ่นอกขึ้นด้วยความเสียวซ่าน ลิ้นร้อนซุกซนกวาดต้อนชิมความหวานภายในปากอิ่มอย่างเร่าร้อนโดยไม่เสียเวลาปล่อยให้อีกฝ่ายได้หายใจสักวินาทื

ปภพถอนริมฝีปากออกซุกไซร้ไปตามลำคอของจิ้งอย่างหื่นกระหายใจ ดูเม้มผิวเนื้อจนเกิดร่องรอยสีกุหลาบ เสียงหวานครางผะแผ่วทั้งที่จิตใจต่อต้านแต่ก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้เลย ภาพตรงหน้าพร่าเลือนไปหมดจนจิ้งแยกไม่ออกว่าอะไรคืออะไรได้แต่นอนหอบหายใจอย่างหมดเรี่ยวแรง ปล่อยให้ปภพจูบไล่ไปตามร่างกายตัวเอง

กางเกงยีนส์สีจางตัวเก่งของจิ้งถูกปลดออกอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับชั้นในสีขาว ความองอาจภายใต้กางเกงผงาดขึ้นท้าทายอุ้งมือหนาที่กอบกุมขยับรูดรั้งอย่างต้องการเร่งเร้าอารมณ์ของร่างบาง เสียงหวานครางกระเส่ากับความเสียงซ่านที่ตีรวนขึ้นมา ยิ่งถูกปากร้อนครอบครองยอดอกจิ้งยิ่งไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ อกบางแอ่นขึ้นรับริมฝีปากร้อนตามแรงดูดดึง ปลายลิ้นตวัดเลียจนยอดเล็กชุ่มไปด้วยน้ำลาย

“อือ อ๊ะ อา”

ปภพชิมยอดหวานจนพอใจก็เปลี่ยนมาจูบไล่ตามหน้าท้องที่ไร้กล้ามเนื้อและไขมัน มือหนายังคงรูดรั้งความองอาจในมือไม่หยุดจนน้ำสีใสปริ่มออกมา ปภพมองความหยาดเยิ้มนั้นและก้มลงใช้ปลายลิ้นเลียเบาๆราวกับชิมรสรัก ก่อนที่ปากร้อนจะครอบครองตัวตนเอาไว้จนหมด แรงดูดดึงและจังหวะการขยับของศีรษะปภพมันสร้างความเสียวซ่านจนมือบางต้องยกขึ้นมาขยุ้มลงบนผมหนาสีดำ

“อืม อา ซี๊ด”

ยิ่งถูกอีกฝ่ายครอบครองลงไปลึกเท่าไหร่แรงขยุ้มบนเส้นผมหนาก็ยิ่งเพิ่งแรงขึ้นเท่านั้น แต่ปภพไม่ได้สนใจความเจ็บปวดบนศีรษะสักนิดเพราะเสียงจากการดูดดึงมันดังขึ้นมาจนอารมณ์ปราถนาของปภพปะทุขึ้นจนแทบจะรออีกไม่ไหว ปากร้อนขยับกลืนกินความองอาจอย่างหนักหน่วง ความเสียวซ่านแล่นขึ้นมาเล่นงานจนใบหน้าจิ้งเหยเก ร่างบางกระตุกปลดปล่อยหยาดรักเข้าสู่ปากร้อนของปภพจนหมดสิ้น

“อ๊ะ อ๊า!”

จักรพรรติหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ในหัวขาวโพลนไปหมดลืมเลือนไปเสียทุกอย่าง ปภพคายหยาดรักในปากลงบนฝ่ามือตนเอง ใช้หยาดรักป้ายลงที่จีบรักสีหวานพร้อมกับกดปลายนิ้วเข้าไปด้านใน จิ้งสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือความอึดอัดที่มีสิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้ามาภายใน จีบรักตอดไล่ปลายนิ้วที่รุกล้ำหวังให้อีกฝ่ายถอนปลายนิ้วออกไป แต่ยิ่งร่างบางรัดรึงจนแน่นมากเท่าไหร่ ปภพก็ยิ่งกดปลายนิ้วเข้าไปมากเท่านั้น

“อยะ อื้อ เอาออกไปนะ” เสียงปฏิเสธจากจิ้งมันช่างแสนเบาสำหรับปภพเมื่อสิ่งที่สวยงามได้มาอยู่เบื้องหน้าเขา มีหรือที่เขาจะปล่อยให้จิ้งจอกตัวน้อยตัวนี้หลุดรอดไปได้ ยิ่งได้รู้ว่สภายใต้ใบหน้าที่แยกเขี้ยวขู่เขานั้น มีใบหน้าที่แสนเย้ายวนยามนอนอยู่ใต้ร่างของเขา ยามที่เขาปรนเปรอให้จนอีกฝ่ายสุขสม เขาอยากจะครอบครองร่างบอบบางที่แสนหวานนี้ จะไม่ยอมปล่อยให้ใครได้ไป เขาต้องเป็นเจ้าของจิ้งจอกตัวเล็กๆนี้แต่เพียงผู้เดียว

ยิ่งคิดปภพก็ยิ่งเร่งดร้าปลายนิ้วเข้าออกอย่างรุนแรง จีบรักที่ในตอนแรกบีบรัดไว้ไม่ยินยอมรับสิ่งแปลกปลอมนั้น ในตอนนี้มันทั้งนุ่มและร้อนผ่าวเปิดทางรับทุกการขยับเข้าหาอย่างเต็มใจ จิ้งนอนหอบหายใจส่งเสียงครางกระเส่ายามปลายนิ้วทั้งสองของหมอภพแตะโดนจุดกระสัน สะโพกของร่างบางยกขึ้นอย่างลืมตัว สองมือกำแขนของอีกคนแน่นอย่างเสียวซ่าน หัวใจจิ้งเต้นแรงรางกับว่าจะขาดใจ เสียงหอบหายใจถี่ขึ้นตามจังหวะการสอดใส่ของปลายนิ้ว

“อื้อ แฮ่กๆ อ๊ะ อ๊า”

“ต่อไปของจริงแล้วนะครับ...จิ้งจอกน้อย”

จิ้งไม่อาจจะเข้าใจอะไรที่ปภพพูดอีกแล้ว ทันทีที่นิ้วทั้งสองถูกถอดออกจากร่าง จิ้งก็เหมือนถูกปล่อยให้เคว้งคว้างกลางอากาศ จะชงก็ไม่หด้ ไปต่อก็ไม่ไหว ปภพก้มลงไปจูบริมฝีปากเล็กอย่างแผ่วเบาแล้วถอนออก ก่อนจะบดบี้จูบอันเร่าร้อนให้อีกคนลืมเลือนสติไปจนหมดสิ้น มือหนาประคองความองอาจที่ผงกหัวเฝ้ารอการปลดปล่อยของตนเอาไว้ จ่อไปที่ปากทางรักสีพีชที่ในตอนนี้เปิดกว้างรออยู่แล้ว

“อ๊ะ อื้อ!”

“เดี๋ยว ซี๊ด อ๊า จิ้งอย่าดิ้น!”

จิ้งทั้งทุบทั้งตีทั้งหยิกข่วนไปตามร่างกายของปภพทันทีที่เพียงส่วนหัวรุกล้ำเข้ามาภายใน ดวงตากลมหวาดหวั่นกับเรื่องที่ตนเองไม่คิดว่าจะมาเจอ หยาดน้ำตาไหลลงมาราวกับต้องการระบายความเจ็บปวด ปภพรู้ดีว่าร่างเล็กเจ็บเพียงใด แต่ในตอนนี้หากยังคงดื้อรั้นดิ้นรนมีแต่จะทำให้เขาห้ามตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ มันจะกลายเป็นการทำให้ยิ่งเจ็บเปล่าๆ แต่จิ้งไม่รู้และไม่เข้าใจในข้อนั่น สิ่งที่จอ้งรู้คือไอนั่นของหมอนั่นล่ะที่ทำให้เขาเจ็บมาก! และจิ้งก็ต้องการทำให้มันออกไปจากตัวเขาให้เร็วที่สุด

“เจ็บ! อ๊ะ อะ ออกไปนะ”

“ฮึ่ม!...” ปภพสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างต้องการระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เขาต้องใจเย็นกว่านี้เพื่อลดทอนความปราถนาในตัวของอีกฝ่ายให้ลดลง

ร่างสูงกดจูบลงไปสอดแทรกปลายลิ้นชักชวนให้จักรพรรติได้หลงลืมความเจ็บปวดทั้งสิ้นนี่ไป มือใหญ่กอบกุมตัวตนของคนตัวเล็กเอาไว้ ขยับรูดรั้งจนจิ้งเริ่มครางรับในลำคอ ช่องทางที่บีบรัดตัวเขาแน่นในตอนนี้เริ่มคลายลงจนสามารถดันความองอาจที่ค้างอยู่ให้เข้าไปได้จนสุด เพื่อให้คนตัวเล็กเจ็บน้อยที่สุด เขาต้องดันเข้าไปจนสุดในครั้งเดียว

จิ้งสะดุ้งเฮือกและเริ่มดิ้นรนอีกครั้งแต่เพราะริมฝีปากหนาที่บดจูบหวานล้ำอยู่ทำให้ไม่สามารถจะส่งเสียงใดๆได้ เล็บของจิ้งจิกลงบนไหล่หนาอย่างแรงแต่ปภพกลับไม่สะดุ้งสะเทือนใดๆสักนิด ลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดชักพาให้อารมณ์วาบหวามของจิ้งถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง จีบเล็กกระตุกตอดรัดจนแน่นไปหมด มันเจ็บจนร่างของจิ้งแทบจะแตกสลาย จิ้งไม่เข้าใจสักนิดว่าเพราะอะไรตัวเองถึงต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ปภพถอนริมฝีปากออกจับจ้องใบหน้าของจิ้งที่บัดนี้ปรือตาสะอื้นด้วยแรงอารมณ์ แก้มบางแดงซ่าน ความกระสันที่ถูกความองอาจใหญ่โตภายในจีบรักขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าทำให้จิ้งต้องกัดริมฝีปากไว้ แต่กลับเป็นภาพที่ยั่วเย้าอารมณ์ของปภพเหลือเกิน

สายตาคมทอดมองคนใต้ร่างด้วยความหลงใหล อยากจะกลืนกินคนๆนี้เข้าไปจนไม่มีใครที่ไหนสามารถหาจักรพรรติได้พบอีก ลูกจิ้งจอกแสนพยศที่ถูกใจนายพรานอย่างปภพจะไม่มีวันหนีออกจากบ่วงรักที่เขาทุ่มเทงัดออกมาผูกรัดคนใต้ร่างเอาไว้ได้แน่ ปภพสอดใส่ความองอาจเข้าไปในร่างของจิ้งอย่างหนักหน่วง เน้นย้ำให้อีกคนได้รู้และไม่ลืมว่าใครที่เป็นเจ้าของ เสียงหวานครางกระเส่าอย่างไม่เป็นภาษา ยิ่งถูกโถมกายเข้ามารุนแรงเท่าไหร่ อารมณ์วาบหวามก็ยิ่งนำความเสียวซ่านมาจุกอยู่เพียงจุดเดียว

อยากปลดปล่อย อยากได้มากกว่านี้

“อีก อ๊ะ อา อื้อ เอา อืม อีก” จิ้งหลงลืมความอายใดๆจนหมดสิ้น เหลือเพียงความรู้สึกต้องการที่เรียกร้องจนจิ้งแทบจะขาดใจ

“อืม จิ้งจอกน้อยของพี่”

สองแขนเล็กยกขึ้นโอบลำคอหนาไว้แน่น แหงนใบหน้าขึ้นรับจูบเร่าร้อนจากคนตัวสูง ปภพบดเบียดริมฝีปากสอดปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดรุกไล่จนต้องคราฃผะแผ่ว เอวหนาขยับนำสิ่งนั้นเข้าออกอย่างรุนแรง เสียงหายใจดังสลับกับเสียงครวญคราง หัวใจของปภพและจักรพรรติเต้นเป็นจัฃหวะเดียวกัน แม้จะไม่อยากยอมรับแต่ว่าเขาชอบบทเรียนสวาทของหมอภพเหลือเกิน มุนทั้งเร่าร้อนรุนแรงและหลอมละลายสติของเขาให้หายไปจนหมด เหมือนถูกชักนำให้เดินเข้าไปในวังวนต้องห้ามที่หอมหวานแต่อันตราย

“อื้อ อ๊ะ จะออก อืม ผมจะ อ๊ะ อ๊า!”

“จิ้ง อา ซี๊ด จิ้ง”

ปภพกระแทกกายเข้าออกเน้นๆอยู่หลายครั้ง ยิ่งจิ้งใกล้จะปลดปล่อยคนตัวสูงก็ยิ่งขยับกายถี่หวังจะปลดปล่อยพร้อมกับคนของตน จิ้งขยับมือรูดรั้งความองอาจในมือของตนเองอย่างแรงจนร่างทั้งร่างกระตุกปลดปล่อยหวาดรักสีขาวขุ่นใส่ฝ่ามือตัวเอง จีบรักกระตุกตอดรัดแน่นจนปภพเองก็ต้องเร่งกายปลดปล่อยสายธารรักที่อุ่นร้อนเข้าสู่ภายในร่างของจิ้งเช่นกัน

จิ้งนอนหอบหายใจอย่างหมดแรงในขณะที่สิ่งนั้นถูกดึงออกอย่างช้าๆ หยาดสีขุ่นผสมกับเลือดของจิ้งไหลออกมาทันทีที่ความใหญ่โตถูกดึงออก ร่องรอยต่างๆปรากฏชัดในสายตาจนปภพต้องใช้ปลายนิ้วลูบไล้มันอย่างแผ่วเบา เขาได้มาแล้ว ได้จิ้งจอกตัวน้อยที่แสนพยศมาแล้ว ความปลื้มปิติเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งได้เป็นคนแรกของจักรพรรติปภพก็ยิ่งดีใจจนต้องก้มลงไปจูบซับเหงื่อของจิ้งตามไรผม

“ที่รัก...พี่มีความสุขที่สุดเลย” ฟีโรโมนหลังมีสัมพันธ์กันช่างหอมนัก หอมเสียจนปภพแทบจะต่อยกสองเสียให้ได้ แต่เขาก็รู้ว่าร่างกายของจิ้งรับมากกว่านี้ไม่ไหว เขาฝืนใช้ทีเผลอกดร่างเข้าไปเพียงเพราะถูกอีกฝ่ายรัดจนแน่น ความรู้สึกนั้นปภพจำได้ดี มันทั้งเสียวซ่าน ทั้งเจ็บปวดแต่เขากลับชอบความรู้สึกนั้น ความรู้สึกที่ได้เข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับอีกคน

“อื้อ มะ ไม่เอาแล้ว”

จิ้งบอกอย่างเหนื่อยล้า ในหัวตอนนี้มึนไปหมดจนแยกแยะอะไรไม่ได้แต่จิ้งก็ยังรับรู้ได้ถึงฝ่ามือที่ลูบไล้ไปตามตัว ปภพจูบขมับคนตัวเล็กอย่างรักใคร่ พอใจที่เห็นว่าดวงตาคู่หวานกำลังจะปิดลงเพื่อก้าวเข้าสู่นิทรา เขายอมละมือออกจากผิวนุ่มลื่นแต่เพียงเลิกคิดจะลูบไล้เท่านั้นเพราะร่างสูงเปลี่ยนจากการลูบไล้ตามแนวราบของเรือนร่างมาเป็นก่ายกอดกระชับคนข้างๆเข้าสู่อ้อมอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ

จิ้งปรือตาความอ่อนล้าจากบทรักเร่าร้อนสูบเอาเรี่ยวแรงจากตนไปจนหมดจนร่างกานเรียกร้องการพักผ่อนอย่างมาก ความเย็นของเครื่องปรับอากาศไม่มีผลกับร่างเปลือยเปล่าแม้แต่น้อยเพราะในตอนนี้ปภพได้ใช้เนื้อห่มเนื้อแก่จักรพรรติเรียบร้อย หากเช้ามาจิ้งจอกน้อยของเขาจะหันมาหลงใหลเขาดังที่เขาหลงใหลในตัวของจิ้งก็คงดี เขาก็ไม่อยากจะใจร้ายจับเจ้าลูกจิ้งจอกไร้เดียงสาขังกรงเสียด้วยสิ หึหึ









+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++







แสงแดดยามเช้าไม่ได้รบกวนการนอนหลับแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะความร้อนในร่างกายและอาการเจ็บแปลบที่จีบรักอันบอบบางที่เพียงขยับกาบเปลี่ยนท่านอนก็รวดร้าวไปจนถึงกระดูกสันหลัง จิ้งลืมตาขึ้นมองเพดานสีขาวกระพริบตาปริบๆเพื่อเรียบเรียงเหตุการณ์ ภาพการร่วมรักอย่างเร่าร้อนของเขาและหมอภพกลับมาทันใด ใบหน้าหวานแดงซ่าน รู้สึกหนักศีรษะราวกับมีใครเอาหินก้อนใหญ่มาวางไว้ ดวงตาร้อนผะผ่าวจนหยาดน้ำตาไหลลงมา ลมหายใจของจิ้งร้อนขึ้นจนเจ้าตัวสัมผัสได้

เขากำลังป่วย ใช่!

มันเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ตัวดี เพราะตัวจิ้งเองไม่ชอบเลยเวลาที่จะต้องป่วยเช่นนี้ ไม่ชอบความร้อนผ่าวที่รู้สึก ไม่ชอบที่ผิวกายสัมผัสความเย็นได้ดีกว่าปกติ เขาไม่ชอบอาการสั่นที่เพียงแค่ถูกความเย็นภายในห้องแตะผิวก็สั่นสะท้าน ปภพเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้ากังวล มือถือกะละมังใบเล็กที่มีน้ำและผ้าใส่อยู่ด้านในมาวางไว้ใกล้ๆเตียง

“น้องจิ้งกำลังป่วยนะครับ อย่าร้องไห้เลย” เขาเปล่าเสียหน่อย! ปภพใช้มืออังหน้าผากเล็กวัดอุณหภูมิของร่างกายก่อนจะถอนหายใจออกมา

“พี่จะเช็ดตัวให้นะครับ อย่าขยับมากนะ” จิ้งปัดมือของหมอภพทิ้ง เมินหน้าหนีและเม้มปากแน่น น้ำตาไหลไม่หยุด

“อยะ อย่ามาแตะ” จักรพรรติเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง นึกเสียใจที่โง่เดินเข้ามาในจุดที่ไม่สามารถออกไปได้

“พี่ขอโทษครับ...แต่พี่ไม่เสียใจที่ทำลงไปสักนิด พี่จะรับผิดชอบทุกอย่าง” จิ้งขมวดคิ้วแต่ใบหน้ากลับยิ้มเยาะอีกฝ่าย

“ผมเป็นผู้ชาย ไม่จำเป็นสักนิดที่ต้องรับผิดชอบ”

“ถ้าไม่อยากให้พี่รับผิดชอบก็ไม่เป็นไรครับ...” จิ้งเสมองไผทางอื่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทำไมกันนะ ทำไมทุกจังหวัการเต้นของหัวใจหลังจากได้ยินแบบนั้นมันถึงได้ปวดหนึบจนอยากจะร้องไห้

“งั้นน้องจิ้งก็มารับผิดชอบพี่แทนนะครับ”

“บ้าหรือไง! ผมไม่ได้ทำอะไรทำไมต้องรับผิดชอบด้วย! แค่กๆ” เพราะตะเบงเสียงใส่อีกฝ่ายอย่างไม่ทันได้คิดด้วยความโมโหจึงทำให้เสียงแหบแห้งยิ่งแหบแห้งเข้าไปอีก ซ้ำร้ายยังเจ็บคอเพิ่มขึ้นมาด้วย

“ก็น้องจิ้งมาขโมยหัวใจพี่ไปนี่ครับ น้องจิ้งมาผลักให้พี่ตกหลุมรักแล้วจะเดินจากไปได้ยังไง” จิ้งเบิกตากว้างมองคนตรงหน้าอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ถึงคำพูดจะดูเสี่ยวจนเลี่ยน แต่ที่น่าแปลกใจคือใบหน้าของหมอภพมันขัดแย้งกับคำพูดชัดๆ บอกว่าเขาขโมยหัวใจ แต่ทำหน้าเหมือนอยากจะจับเขากิน บอกว่าเขาผลักให้ตกหลุมรัก แต่ทำหน้าราวกับอยากจะจับเขาขังเอาไว้ไม่ยอมให้หนีไปไหน บ้าไปแล้ว! คนๆนี้บ้าไปแล้วแน่ๆ ปฏิกิริยาทางใบหน้ากับสมองไม่ได้ทำงานร่วมกันเลยสักนิด!

“ผะ ผม เปล่า” จิ้งพูดราวกับแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ ไอการคุกคามแต่ทำให้ใจเต้นนี่มันอะไรกัน ทำไมเขาถึงทั้งอยากเข้าไปใกล้และอยากถอยหนี

“ไม่ได้ครับ ทำแบบนี้พี่เสียหาย ถ้าเกิดน้องจิ้งไม่รับผิดชอบพี่แบบนี้...พี่คงต้องไปบอกคุณจันทร์แล้วว่า น้องชายผู้แสนดีของคุณจันทร์ ฟันพี่แล้วทิ้ง” จิ้งที่นอนซมเพราะพิษไข้อ้าปากพะงาบๆไม่รู้จะงัดอะไรมาเถียงหมอขี้ตื้อคนนี้เลย

“เช็ดตัวนะครับ จะได้ทานข้าวทานยา”

ปภพไม่ปล่อยให้อีกคนได้พูดปฏิเสธหรือเรียกสติใดๆเขาลงมือเช็ดร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยกุหลาบอย่างเบามือ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนตัวเล็กได้สวมใส่ในชุดของตนเองแม้มันจะดูยาวไปหน่อยแต่ก็ดีกว่าชุดเก่าหรือนอนเปลือยเปล่าตกแอร์อยู่แบบนี้ ข้าวต้มร้อนๆถูกคนตัวใหญ่บังคับป้อนจนพร่องไปกว่าครึ่ง ทั้งๆที่จิ้งบอกแล้วกว่าร้อยครั้งว่าจะทานเองแต่ปภพก็ไม่สนใจซ้ำยังขู่เขาสารพัดจนต้องยอมอ้าปากรับข้าวอุ่นๆนั่นเข้าปาก

สุดท้ายก็เป็นอย่างนี้ไปตลอดหลายวันจนเขาขี้เกียจจะต่อปากต่อคำอยากจะดูแลก็ดูแลไป อยากจะทำอะไรก็ทำเขาไม่อยากจะเถียงด้วยแล้ว เพียงแต่เขาเองก็คิดลึกๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า...บางทีเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ แต่ไม่บอกให้หมอรู้หรอก เดี๋ยวหมอจะได้ใจ จิ้งได้แต่ซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ใต้ผ้าห่มผืนหนาที่ช่วยให้ร่างกายได้อุ่นขึ้น มองใบหน้าของหมอที่อดหลับอดนอนดูแลเขาไม่ห่างเตียงด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ที่แน่ๆคทอหัวใจของจิ้งในตอนนี้มันเต้นแรงเสียจนกลัวว่าหมอจะตื่นขึ้นมาได้ยินมัน เอาเถอะหมอ...ขอดูความประพฤติไปก่อนแล้วกันนะครับ แล้วผมจะรับหมอมาเป็นอีกคนเพื่อช่วยดูแลหัวใจ

พี่จันทร์ครับ...ผมว่าการมีคนมารักมันก็ดีเหมือนกันนะ หึหึ









The End
[/b][/size]









                   อะไรนะ! จบแล้วเหรอ!! เตรียมหลบรองเท้าและสารพัดข้าวของที่โยนมา 5555 แมวลงครบแล้ว จบแล้วเนอะ ก็ตัดจบแบบฉับๆ แมวอยากให้เข้าใจว่า...บางครั้งตอนจบไม่จำเป็นต้องโอบกอดกันด้วยความรักเสมอไป แบบนี้ก็จบด้าย!!!(แถไปอีก) ขอบพระคุณที่อยู่กับแมวมาตั้งแต่เปิดคลินิกนะคะ ในตอนนี้คลินิกได้ทำการครบแก่เวลาแล้ว แต่แมวได้ยินเสียงอะไร พิเศษๆนะ ไม่รู้ไม่ชี้ คิกๆ ติดตามและพบกันใหม่เรื่องหน้านะคะ บายๆ (ไปแต่งเรื่องต่อไปค่า)



Facebook : https://m.facebook.com/PassionateFiction

Twitter : https://mobile.twitter.com/little_kittensY

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
น้องจิ้งจะหลงพี่หมอมากแล้ว อ่ะ
จบซะแล้ว รอเริ่องต่อไป
แอบมีตอนพิเศษรวมหมูก็ดีน่ะ คิกๆๆๆ

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 876
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
“อืม จิ้งจอกน้อยของพี่”....อย่างเขิล  :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
แหม....หมอภพค่าตัวแพงจริงอะไรจริง แต่ร้อนแรงไม่แพ้คนอื่น 555

 :pig4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0

ออฟไลน์ reborn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
โลกหรือจะยุติธรรม งานที่ว่าแสนจะหาง่ายสำหรับฉันแล้ว มันหายากยิ่งกว่าอะไรดี เดินมาจนขาจะหงิกผิวจะเกรียมจากการโลมเลียของแดดฉันก็ยังไม่ได้งานเลยสักงาน! นี่มันซวยอะไรกันเนี่ย!! ฉันชื่อสาวิตรี อายุเป็นเพียงตัวเลข อย่าบ่นนะ! ไม่มีใครเขาถามอายุผู้หญิงกันหรอกนะ ฉันเดินต่อไปเรื่อยๆ หวังว่าจะมีสักที่ที่จะรับฉันเข้าทำงาน งมหางานตั้งแต่เช้าที่แต่งหน้าแต่งตาพร้อมทำผมนานกว่าชั่วโมง หวังว่าจะเจอที่ดีๆ สุดท้ายพอเข้าไปไม่เจอเฒ่าหัวงูก็เจอแต่ไอ้พวกเอาเปรียบกดราคาค่าจ้างเหมือนต่อรองค่าผักในตลาด

เบะปากมองบนได้ไหม?

แต่ที่สงสัยคือทำไมยังมีคนไปทำงานกับคนแบบนั้นกันนะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าทำไปก็เท่ากับกรีดเนื้อตัวเองแท้ๆ แต่คนเหล่านั้นก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานงกๆ ฉันล่ะอยากจะเอารองเท้าส้นสูงแหลมๆ นี่เฉาะหน้าไอ้บ้านั่นสักที จบมาได้ใบปริญญากลับมาต่อรองค่าจ้างจนเหลือเก้าพัน ฉันไม่กระโดดถีบยอดหน้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว ฉันนั่งลงที่ป้ายรถเมล์ด้วยความเหนื่อยล้า ยกน้ำขวดสีน้ำเงินขึ้นดื่มอย่างกระหาย สภาพของฉันในตอนนี้อย่าเรียกว่าสวยเลยค่ะ มองให้ออกว่าเป็นคนก่อนคงจะดีกว่า

เสื้อผ้ายับจากการถูกไอหัวหน้าอ้วนนั่นลวนลาม รองเท้าที่ในตอนนี้ส้นสึกไปจากการเดินหางานอย่างไม่หยุดพัก ขาเรียวๆ ของฉันตอนนี้แบ่งเส้นทวีปเรียบร้อยแล้วครึ่งขาวครึ่งเกรียม จนอดไม่ได้ที่จะเอามือไปลูบไล้อย่างเสียดาย ฉันเลื่อนมือลงไปบีบนวดที่ข้อเท้าที่ก่อนหน้านี้มันพลิกจากการสะดุดท่อระบายน้ำ ทั้งเจ็บตัว งานก็ไม่ได้ หิวก็หิว มันจะมีอะไรซวยไปมากกว่านี้ไหม

“คุณครับ...ฝากใบปลิวหน่อยนะครับ ถ้าสนใจอยากทำงาน คลินิกของเราว่างนะครับ” ฉันเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าน่ารักที่ส่งยิ้มสดใสมาให้ บอกได้เลยว่าฉันตะลึงมาก คนๆ นี้จะเรียกว่าหล่อก็ไม่ได้ สวยก็ไม่เชิง แต่เขาเป็นคนที่น่ารักมากๆ จนฉันต้องเอื้อมมือไปรับใบปลิวของเขามาอย่างเหม่อลอยก่อนที่เขาจะวิ่งไปหาคนอื่นอย่างกระตือรือร้น

เทวดา เขาเหมือนเทวดาตัวน้อย

ฉันรู้สึกราวกับว่ามองเห็นปีกสีขาวออกมาจากแผ่นหลังของคนๆ นั้น เสื้อสีฟ้าอ่อนกับกางเกงแนบตัวนั่น มันช่างดูดีแม้กระทั่งชุดง่ายๆ แบบนี้งั้นเหรอ ฉันก้มลงมองตัวอักษรในกระดาษอย่างสนใจ งานงั้นเหรอ ฉันเองก็หางานอยู่นี่! เมื่อคิดได้แบบนั้นสติก็เริ่มกลับมา สายตากวาดเอาตัวอักษรทุกตัวเข้าสู่สมองกลั่นกรองมันด้วยสติที่แม้จะน้อยนิดก็ตาม

“รับสมัครผู้ช่วยงั้นเหรอ น่าสนใจจัง”

ฉันตัดสินใจหันไปมองเขาอีกครั้ง เขายังคงฉีกยิ้มกว้างยื่นใบปลิวให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างไม่รู้จักร้อน แม้ว่าใบหน้าของเขาจะชุ่มไปด้วยเหงื่อก็ตาม เขาก็ยังคงยิ้มมันต่อไป ฉันอดเอ็นดูเขาไม่ได้ ตัวเด็กคนนั้นเองดูจะอายุน้อยกว่าฉันอีก แต่กลับไม่บ่นสักคำว่าร้อน แม้จะมีการโบกใบปลิวในมือไปมาเพื่อระบายความร้อน แต่ก็ไม่มีแม้แต่เสียบ่นให้ฉันได้ยินเลย ฉันเดินเข้าไปหาเด็กคนนั้นอีกครั้ง เขาเองก็หันมามองฉันอย่างสนใจ นัยน์ตาใสเป็นประกายราวกับดีใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันพูด

“ถ้าไม่ว่าอะไร ขอทราบรายละเอียดงานได้ไหมคะ”

“ได้สิครับพี่! เดี๋ยวเชิญมาทางนี้กับผมเลยนะครับ เพื่อนๆ ผมเองก็อยู่แถวๆ นี้!” ฉันเดินตามรอยยิ้มกว้างของเขามาอย่างเอ็นดู แต่เมื่อเขาพูดถึงเพื่อนฉันเองก็อดคิดไม่ได้เลยว่า หนูคงไม่ได้หลอกพี่มาปล้นใช่ไหมลูก แต่เขาไม่ได้โกหกฉันเลยค่ะ เพราะเดินมาอีกหน่อยก็เจอเพื่อนเขาจริงๆ หลายคนเสียด้วยแถมแต่ละคน! ไม่น่ามาแจกใบปลิว ควรไปเป็นดาราไม่ก็นายแบบมากกว่า ถ้าจะหล่อทะลุตับทะลุไตขนาดนี้!

“เฮ้ย!! พวกมึง! กูหาคนได้แล้ว!”

เดี๋ยวนะคะน้อง พี่ยังไม่ได้ตกลงงงงงงงง

ฉันถูกสายตาสิบแปดคู่จับจ้องมา ฟังไม่ผิดหรอกค่ะสิบแปดคู่จริงๆ พวกเขานั่งมองฉันอย่างมีความหวัง เอ่อ...อันนี้น้องคนที่แจกใบปลิวให้ฉันคนเดียวนะคะ ส่วนสายตาที่เหลือคือรอฟังคำตอบจากฉัน จะให้ตอบอะไรล่ะ ก็เขายังไม่อธิบายรายละเอียดงานให้ฉันฟังเลยสักนิด ฉันจะตกลงทำงานได้ยังไง ไหนจะเรื่องเงินเดือนอีก ฉันเข็ดจากพวกต่อราคาค่าผักแล้วนะ เจอแบบนั้นอีกฉันขอบายดีกว่า ยอมกลับบ้านไปให้สามีด่ายังดีกว่าเลย

“ตกลงคุณยอมรับงานแล้วใช่ไหมครับ” รับกับผีน่ะสิ! ฉันยังไม่ได้ฟังอะไรเลยนะ แต่ฉันเพียงแค่ส่งยิ้มการค้ากลับไปเท่านั้นพร้อมกับเอ่ยถาม

“รายละเอียดงานละคะ ฉันยังไม่ได้ฟังอะไรเลย” พอได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็ฮือฮากันด้วยตาโต

“มึงแหละไปถามเขาแบบนั้น ไม่ยอมอธิบายไอ้เสือ”

“เอ้า ไอ้เหี้ยเดล แล้วมึงนั่งอมเหี้ยอะไรล่ะไม่บอกเขาเอง”

“มึงล่ะไอ้สาม มึงผิด”

“พ่อมึง! เกี่ยวอะไรกับกู?” จากการสัมภาษณ์งานเลยกลายเป็นสงครามขนาดย่อมๆ ของเด็กพวกนี้ ที่โยนความผิดกันไปมา จากคนถูกสัมภาษณ์เลยกลายเป็นบุคคลห้ามทัพแทน นี่งานผู้ช่วยหรือพี่เลี้ยงเด็กกันแน่นะ เฮ้อ!

“อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ หยุดทะเลาะกันก่อนนะคะ”

“มึงแหละผิด ไอ้สัส!”

“อย่ามาโทษกูนะโว้ย!”

“น้องๆ คะ หยุดเถอะ...”

“เพราะมึงแหละ ไม่ต้องมาจับกูเลย!”

“ไอ้ห่าสาม มาต่อยกับกูไหม!”

“ก็บอกว่าให้หยุดตีกันไง!!” และแล้วเส้นความอดทนของฉันก็ขาด ฉันยืนกอดอกมองหน้าแต่ละคนด้วยแววตาคมกริบถ้ามีไม้เรียวถืออยู่รับรองว่ามันต้องลงไปหวดอยู่บนก้นของแต่ละคนแน่ๆ ทุกคนหันมามองฉันตาปริบๆ ก่อนจะยอมนั่งลงแต่โดยดี ฉันจึงยอมนั่งลงอีกครั้งเหมือนกัน แม้ว่าความหงุดหงิดจะยังไม่ห่างหายไปจากหัวใจก็ตาม

“รายละเอียดงาน!” แต่ละคนสะดุ้งกับน้ำเสียงห้วนๆ ของฉันก่อนจะมองหน้ากันเลิกลั่นราวกับเด็กประถมที่ถูกครูดุและกำลังจะโดนครูตี

“เอ่อ คือ แค่นั่งรับประวัติคนไข้ ติดต่อประสานงาน กันพวกคนไข้ที่เอ่อ เอาเป็นว่า ผมให้เงินพี่สามหมื่นต่อเดือนเลยนะครับ” ฉันเลิกคิ้วมองเด็กคนนั้นที่ฉันเอ็นดูอย่างไม่เข้าใจ ถ้าแค่งานผู้ช่วยทำไมถึงได้ให้เงินเดือนมากมายนัก หรือมันมีอะไรมากกว่านั้น?

“แปลกนะคะ ถ้าแค่คลินิกธรรมดาๆ ก็ไม่น่าจะให้เงินพนักงานเยอะขนาดนี้”

“ไม่แปลกหรอกครับ เพราะเราไม่ใช่คลินิกรักษาผู้ป่วยทั่วๆ ไป เราคือคลินิกมารักษ์ที่รักษาเฉพาะโรคทางเพศเท่านั้น และ...จากที่เราเปิดคลินิกมา มันก็มีปัญหาที่ทำให้เราตกลงจะรับคนเพื่อ...เอ่อ กันพวกคนไข้”

“คลินิกรักษาโรคทางเพศ? โรคเอดส์อะไรนี่เหรอคะ?” เทวดาตัวน้อยของฉันยิ้มแล้วส่ายหน้า

“ไม่ใช่หรอกครับ พวกโรคที่เกิดปัญหา ยกตัวอย่างก็พวกกามตายด้าน ไร้อารมณ์อะไรแบบนี้น่ะครับ” ฉันพยักหน้าเข้าใจ แต่ในใจนั้นคิดไปไกลแล้ว

“ก็แล้วทำไมต้องกันคนไข้ด้วยละคะ” นี่คืออีกสิ่งที่ฉันสงสัย

“คือ...แบบ เรื่องนี้ไม่ได้ยากอะไรเลยนะครับ แค่คุณคอยกันไม่ให้พวกเขามาวุ่นวายมากเกินไป คือ...ผมเข้าใจว่าคุณอยากได้คำอธิบาย แต่มันอธิบายยาก แค่จำกฎของเราแล้วก็คอยดูว่าใครที่ไม่ยอมทำตามกฎเท่านั้นเองครับ” ฉันนิ่งคิดไปพักหนึ่ง บอกตรงๆ ว่าทั้งเงินเดือนและรายละเอียดงานมันก็ดูง่ายไม่มีอะไรยากเลยสักนิด แถมเด็กพวกนี้ก็ดูไม่ใช่คนเลวร้าย ฉันถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ารับให้พวกเขา

“โอเคค่ะ ดิฉันตกลงทำงานนี้”

เสียงโห่ร้องไชโยดังก้องไปทั่วทั้งคลินิก จะว่าไปคลินิกนี่สวยใช้ได้เลย แถมยังใหญ่โตจนดูไม่ออกเลยว่ามันคือคลินิก เพราะถ้าบอกฉันว่ามันเป็นโรงแรมฉันยังเชื่อกว่า เด็กพวกนี้คิดอะไรกันอยู่นะ ดูๆ แล้วเหมือนกับว่าเพิ่งจะเรียนจบกันมาเลย แต่ละคนหน้าใสจนฉันอิจฉา ยิ่งเด็กคนนั้นที่ฉันเอ็นดูหน้าเขาเด็กมาก จนอวดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะยังไม่ถึง20

ความอิจฉากระตุกคิ้วของฉันยิกๆ หมั่นไส้ความเกลี้ยงเกลาบนหน้าจนอยากจะยกเลิกคำพูดเมื่อกี้นี้ แต่คิดอีกที...ถ้าอยู่ที่นี่อาจจะรู้เคล็ดลับพิเศษของพวกเขาก็ได้ หึหึ ใครจะไปรู้กัน ทุกอย่างมันไม่แน่เสมอไปหรอก ฉันมองพวกเขาที่ยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างมีความสุขทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ตีกันแทบตาย กลับกลายเป็นว่าตอนนี้พวกเขาลืมเรื่องนั้นไปจนหมดแล้ว

ฉันเองในเมื่อตกลงทำงานได้เรียบร้อยแล้วฉันก็ขอตัวกลับบ้านสักที ออกมาทั้งวันแบบนี้ไม่รู้ว่าสามีของฉันกลับมาถึงบ้านหรือยัง ฉันยังไม่ได้เตรียมอาหารเย็นให้เขาเลย ฉันนั่งรถเมล์มาลงป้ายแถวบ้าน เดินผ่านตลาดไปซื้อกับข้าวสองสามอย่างแล้วกลับบ้านไป ฉันคิดนะ ถ้ามันง่ายและไม่มีอะไรมากอย่างที่เขาว่ามามันก็คงดี เงินสามหมื่นมันเป็นอะไรที่เยอะมาก แถมพวกเขาไม่สนใจจะถามหาหรือขอดูใบปริญญาของฉันเลยด้วยซ้ำ จะไร้เดียงสากันไปไหน เอาเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเอาไปให้ก็แล้วกัน







ฉันเดินเข้ามาในบ้าน จัดการแกะกับข้าวลงใส่จานก่อนจะเดินไปหุงข้าวต่อ ดีหน่อยที่ยังพอเหลือเวลาก่อนสามีของฉันจะกลับ ไม่งั้นฉันคงได้ยินเสียงคนขี้บ่นที่บ่นฉันจนหูชาแน่ๆ ดีที่เมื่อเขากลับมาข้าวก็เสร็จเรียบร้อยพอดี ฉันเล่าเรื่องงานให้เขาฟังตัวเขาเองก็ออกจะไม่พอใจอย่างมากที่รู้ว่าฉันเจออะไรมาบ้าง แต่ฉันก็ได้แต่บอกว่า ช่างมัน เพราะเป็นเพราะคนพวกนั้น ฉันถึงได้มาเจอกับเด็กคนนั้น และได้พบกับงานนี้

ฉันอมยิ้มเมื่อได้หวนนึกถึงช่วงเวลานั้นในอดีต ในตอนนั้นเหล่าคุณหมอผู้หล่อเหลาก็แค่เด็กไร้เดียงสาเท่านั้น แล้วดูในตอนนี้สิ...นอกจากหมอฌาและหมอวาย มีใครบ้างที่ถอดชุดหมาป่าที่สวมไว้ออก ในตอนนี้แทบจะเรียกว่าเป็นหมาป่าเต็มตัวกันหมดแล้ว ฉันมองภาพความวุ่นวายยิ้มๆ คนในคลินิกก็ยังคงครึกครื้นกันเหมือนเดิม ข่าวว่าหมอมีแฟนแล้วมีใครสนใจกัน? นอกจากจะไม่สนใจแล้วยังแห่มาเพิ่มกันเข้าไปอีก พวกนี้คงหวังจะแย่งสินะ ไม่ไหวเลยจริงๆ

ฉันก้มลงมองตัวเลขที่หน้าจอมือถือ ปรากฏเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงเวลาเย็นมากแล้ว พอหันไปมองด้านนอกแสงอาทิตย์เองก็เริ่มหดหายไปบ้างแล้วเหมือนกัน ถนนที่เคยว่างในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยรถมากมาย เป็นธรรมดาก็นี่มัน5โมงเย็นแล้วนี่ ช่วงนี้เป็นเวลาเลิกงานของหลายๆ คนเลย แต่ไม่ใช่ของฉันหรอก กว่าคลินิกจะปิดก็...สองสามทุ่ม แต่ฉันไม่ได้คิดมากอะไรนะ เพราะที่นั่งอยู่ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว ได้แต่หนุนโทรศัพท์ในมือเล่นเท่านั้น

“ไม่ไป!”

“กังหัน~ ไปเถอะนะ ไปกับพี่ พ่อแม่พี่อยากเจอกังหันกันทั้งนั้นเลย” ใบหน้าของน้องกังหันบึ้งตึง มองค้อนตาคว่ำใส่หมอทายที่ยังคงพยายามออดอ้อนคนรักอยู่

“ไม่ไปครับ พี่ทายก็พาคนเมื่อกี้ไปสิ จะมาชวนหันทำไม ฮึ!” ดูท่าทางจะเป็นเพราะเด็กหนุ่มตัวขาวๆ ที่มีริมฝีปากแดงๆ ผู้เป็นคนไข้คนใหม่ของหมอทายแน่ๆ ที่น้องกังหันหมายถึง เพราะจากที่ดูลาดเลามาสักพัก ฉันก็ได้เห็นว่า...อีหนูนั่นมันแรดเหลือเกิน คนอะไรอ่อยได้อ่อยดี อ่อยไม่เว้นวันพระ ไม่แปลกเลยสักนิดที่น้องกังหันจะงอนขนาดนี้ เพราะถ้าเป็นฉัน...ฉันก็งอน!

“โธ่...หันครับ พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยนะ ไม่ได้ไปยุ่งกับเขาเลยด้วย พี่ตรวจๆ แล้วก็ส่งเขาออกนอกห้องแทบจะทันทีด้วยซ้ำไป” หมอคะ นั่นคนไข้หรือตัวเชื้อโรคคะหมอทาย

“ทำมาพูดดีนะครับ กับหันพี่ยังใช้เล่ห์เหลี่ยมสารพัดอย่าง กับเขาพี่มีหรือจะไม่ทำ” หมอทายหน้าตึง ดวงตาคมมองใบหน้าของคนรักอย่างดุๆ จนเกิดความไม่พอใจ

“หันกำลังดูถูกความรักของพี่นะครับ...ถ้าไม่ใช่เพราะพี่รักกังหันตั้งแต่แรกเจอ มีหรือที่พี่ต้องใช้สารพัดวิธีแบบนั้น!” อ้าว ไหงเรื่องกลับตารปัดแบบนี้ล่ะ ทำไมกลายเป็นหมอทายที่ตาคว่ำหน้างอใส่แทนที่จะเป็นน้องกังหันกัน แล้วดูสิคะ หนูน้อยกังหันเลยย่นคอหดหัวด้วยความกลัว ช้อนสายตาขึ้นมองคนรักอย่างหมอทายด้วยความรู้สึกผิด

“พี่ทายครับ...หันขอโทษ นะๆ ๆ ๆ ๆ” หมอทายก็เล่นตัวเหลือเกิน พอเห็นว่าหนูกังหันของฉันออดอ้อนเข้าก็รีบสะบัดสะบิ้งเหมือนจิ้งจกโดนลวกสดเชียว

“ถ้าพี่หายโกรธ กังหันจะไปพบพ่อกับแม่พี่ไหมครับ”

“ไปสิครับ หันไปแน่นอนอยู่แล้ว” กังหันโชว์ยิ้มกว้างอย่างน่าเอ็นดูจนถูกหมอทายจับฟัดแก้มอย่างแรงเรียกเสียงหัวเราะจากเจ้าตัวได้อย่างดี นี่คลินิกรักษาคนไข้หรือจุดสวีทนะคะพวกหนู!!

ถัดจากคู่ผัวตัวเมียที่รักกันปานจะกลืนกินของกังหันกับหมอทาย ดิฉันก็ยังไม่พ้นชะตากรรมนั่งมานั่งทนดูเขาหวานกันหรอกนะคะ เพราะคราวนี้กลายเป็นคู่ของหมอเดลแทนที่เห่อแฟนจนฉันไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดี นี่ถ้าติดป้ายใส่น้องพู่กันได้คุณหมอของฉันคงทำไปแล้วละค่ะ

น้องพู่กันเดินเข้ามาในคลินิกด้วยท่าทางน่ารักน่าชัง จากเด็กที่เคยมีแววตาแสนเศร้ากับใบหน้าอมทุกข์ตอนนี้ใบหน้าแสนน่ารักนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่กว้างมาก มากจนคนบางคนหึงไปทั่ว ไม่เชื่อเหรอคะ นี่สาวนะคะ! สาวเป็นคนที่รู้ดีที่สุด! โอเค...ถ้าไม่เชื่อไปฟังเองเลยค่ะ

“อื้อ! หมอครับพอแล้ว อื้อ” ปากเล็กๆ ก็พูดพยายามจะให้หมอตัวดียอมปล่อยปากของน้องสักที เพราะตอนนี้นอกจากคำว่าจูบแล้วอีกหน่อยคงเป็นกลืนปากน้องแล้วล่ะค่ะ

“ก็ใครให้พู่ยิ้มให้คนอื่นล่ะครับ พี่หวงนะ เห็นไหม! พวกนั้นเอาแต่มองพู่กันของพี่กันใหญ่เลย” พู่กันตัวน้อยโอบแขนรอบเอวหนาของหมอเดลพร้อมกับยิ้มประจบ

“หวงผมหรือคนไข้ครับ คุณหมอ~”

“หวงคุณนั่นล่ะครับ คนดี” ว่าจบก็ก้มลงไปกินปากน้องต่อ คนไข้ทั้งหลายแหล่คงไม่ต้องตรวจแล้วมั้งคะ ถ้าจะหวานกันพร่ำเพรื่อขนาดนี้ ว่าแต่ฉันลืมอะไรไปนะ

อ๋อ...ใช่สิ

“หมอเดลคะ นี่มันกลางคลินิก!!” สงสารคนไข้เหลือเกิน รักหมอยังไม่พอต้องมาชอกช้ำระกำใจเห็นเขาสวี วี้ วีกันต่อหน้าต่อตา กัดผ้าเช็ดหน้ากันต่อไปนะคะ เพราะคนนี้น่ะ ‘ของน้องพู่เขา’

วันๆ ไม่รู้จะต้องปวดหัวกับอะไรหนักหนา ทั้งๆ ที่มันเป็นคลินิกแท้ๆ ฉันที่เป็นผู้ช่วยจริงๆ ไม่ควรด้วยซ้ำที่จะต้องมาปวดหัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง หืม? เรื่องอะไร โอ๊ย...จะมีเรื่องอะไรมากมายละคะ นอกจากการสวีทแบบไม่เลือกที่กันของเหล่าหมอและคนรัก หรือถ้าไม่สวีทกันก็จะต้องเถียงกันจนคนฟังอย่างฉัน ได้แต่หน่ายใจ











ฉันเฝ้ามองใบหน้าของน้องบาสที่นั่งอยู่หน้าห้องตรวจของหมอสามด้วยความชื่นชม เด็กคนนี้ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน เมื่อยิ้มแย้มออกมา ใบหน้าก็เปล่งประกายความสดใส โลกทั้งใบราวกับมีผีเสื้อแสนสวยบินวนอยู่รอบๆ อะไรจะน่ารักน่าใคร่ขนาดนี้ ถ้าฉันแย่งหมอสามได้ไหมนะ อา...เอ็นดูเหลือเกิน!

“น้องบาสทานข้าวมาหรือยังคะเนี่ย”

“ยังเลยครับ...พี่สามบอกว่าให้รอไปพร้อมกัน แล้วพี่สาวทานอะไรหรือยังครับ” ฉันยิ้มเอ็นดูให้เด็กตรงหน้า เสียดายความไร้เดียงสาที่จะต้องตกเป็นของหมอสามเหลือเกินค่ะ ฆ่าหมอทิ้งจะดีไหมคะนี่ย

“ยังเหมือนกันค่ะ พี่รอทานพร้อมสามีทีเดียว” เด็กน้อยขอฃฉันตาโต คงจะตกใจเรื่องที่ฉันมีสามีแล้ว ไม่แปลกหรอกค่ะ น้อยคนที่จะทราบเรื่องนี้ ถึงจะไม่ใช่ความลับแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะป่าวประกาศออกมาจริงไหมคะ?

“สะ สามี! พี่สาวแต่งงานแล้วเหรอครับ?”

“คิกๆ ใช่แล้วค่ะ แปลกหรือคะน้องบาส”

“ไม่ๆ ไม่แปลกครับ ผมแค่คิดว่า...พี่สาวดูเด็กเกินไปเลยไม่คิดว่าจะแต่งงานแล้ว แหะๆ” น้องบาสยกมือขึ้นลูบต้นคอตัวเองแก้เขิน แต่ฉันสิคะ ถูกความโมเอะสาดใส่จนแทบจะกระเด็น โอ๊ย! น่ารักไปแล้วนะลูก!

“ต๊าย!! ปากหวาน!” ในขณะที่น้องบาสหัวเราะคิกคักกับอาการบิดเป็นเลขแปดของฉัน มือใหญ่ของใครบางคนก็รวบร่างของบาสเข้าไปกอดจนแผ่นหลังของน้องจมเข้าไปกับอก

แหม...พ่อคุ๊ณ! ไม่ค่อยจะหวงเลยนะคะ หมอสาม!

“คุยอะไรกันอยู่เอ่ย...หื้ม~”

“กำลังคุยเรื่องหมอนั่นแหละค่ะ สาวกำลังบอกให้น้องรู้ว่าคนไข้ของหมอแต่ละคน เด็ด ดวง แค่ ไหน” มันอดแกล้งไม่ได้จริงๆ ค่ะ จากที่หน้าแดงเพราะการกอดของน้องบาส ในตอนนี้เลยกลายเป็นสงครามขนาดย่อมแทน เมื่อน้องบาสหน้ามองค้อนสายตาใส่หมอสามจนหน้าคว่ำ มือเล็กๆ ก็พยายามแกะเอาแขนที่กอดรัดร่างของน้องเอาไว้ออกด้วยความไม่พอใจ

ตายล่ะ นี่ฉันกำลังทำบ้านเขาแตกใช่ไหมคะเนี่ย

“ปล่อยๆ ๆ ๆ ปล่อยผมนะ! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!” น้องพยายามทั้งหยิกทั้งข่วนทั้งขู่ฟ่อๆ เป็นลูกแมวที่ดิ้นรนออกจากกรงขังด้วยความไม่ชอบใจ

“บาส มันไม่จริงเลยนะ อย่าดิ้นสิ ฟังพี่ก่อน บาส...”

“ไม่ฟัง! ปล่อยผมนะ ไอ้พี่สามบ้า ปล่อยยยยยย”

“อย่าดิ้น! ดื้อนักใช่ไหม ไม่ฟังใช่ไหม มานี่เลย!”

ฉันยืนมองแบบอึ้งๆ กับความวุ่นวายของคู่หมอสามที่ฉันเป็นก่อ จะเปิดปากอธิบายให้น้องฟัง หมอสามก็แลดูจะหงุดหงิดเสียจนต้องอุ้มร่างเล็กๆ ของน้องบาสออกไปขึ้นรถและขับออกไป ทิ้งให้ฉันยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกอยู่ที่เดิม แข็งเป็นหินเลยด้วยซ้ำไป ทำไมสมองฉันประมวลหาทางออกไม่เจอนะ พอได้สติฉันก็ได้แต่ส่ายหัวไปมากับการทะเลาะกันของคู่นี้ แบบนี้คงไม่พ้นหมอสามคงพาน้องไปจบลงบนเตียงแน่ๆ แล้วแบบนี้ การ์ดแต่งงานที่ฉันรออยู่เมื่อไรจะได้แจกสักทีล่ะเนี่ย โอ๊ย! ฉันล่ะเพลีย

“อ้าว! บาสล่ะครับคุณสาว เมื่อกี้ผมยังได้ยินเสียงมันอยู่เลย” หมอกวินทร์ชะเง้อคอมองหาร่างของหมอสาม

“เพิ่งอุ้มน้องบาสกลับไปเมื่อกี้เองค่ะ หมอวินมีอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวสาวทำให้”

“เปล่าครับ พอดีผมโทรหาสองไม่ติดเลยว่าจะถามมันเสียหน่อย แต่ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก” ฉันส่งยิ้มเข้าใจให้หมอวินที่ยังคงชะเง้อคอมองออกไปนอกคลินิกด้วยสายตาเฝ้ารอใครสักคนอยู่ จนฉันเองต้องมองตามไปอย่างอดไม่ได้

“รอใครหรือคะหมอวิน”

“ผมรอน้องสองครับ นี่ก็จะถึงเวลานัดแล้วด้วย” หมอกวินทร์ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาและมองออกไปนอกคลินิกเช่นเดิม

“จะไปไหนกันคะคืนนี้ เอ...ไปห้องหมอวินหรือเปล่าน๊า” แก้มหมอวินแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปกติหมอวินจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจากับใครเขา แต่เวลาอยู่กับน้องสองทีไร แววตาของหมอวินก็มักจะอ่อนโยนลงและเต็มไปด้วยความรักใคร่จนใครๆ ก็นึกอิจฉา

“เปล่าครับ ผมว่าจะขอน้องเป็นแฟนวันนี้ เลยตื่นเต้นนิดหน่อย”

“หะ? อ๋อค่ะ”

จะขอเขาเป็นแฟนทั้งๆ ที่ข้ามขั้นเป็นผั- แค่กๆ น้องแล้วงั้นเหรอ นี่ฉันอยู่ในยุคที่ซั่มกันก่อนขอเป็นแฟนหรือยังไงคะเนี่ย สาวเริ่มงงแล้วนะ ปกติกว่าฉันจะร่วมเตียงกับคุณสามีก็ตอนที่แต่งงานกันแล้ว แต่ในกรณีของน้องสองฉันเข้าใจนะคะ เพราะตอนนั้นฉันเองก็เป็นพยานรัก เอ่อ หมายถึงอยู่ในเหตุการณ์เช่นกันค่ะ จะทำไงได้คะ ก็น้องสองของเราโดนยาปลุก หมอวินของเราถึงได้ไม่มีทางเลือก ต้องยอมสละเรือนร่างอันน่าหม่ำเข้าขย้ำน้องไปเรียบร้อย

“สอง...”

“ขอโทษนะครับ สองมาช้าไปหน่อย พี่สาวสวัสดีครับ” น้ำเสียงของหมอวินไม่ใช่แค่ดีขึ้นนะคะ ใบหน้าของหมอก็กักเก็บเอาความตื่นเต้นไว้ไม่ไหวแล้วเหมือนกันค่ะ นี่กลัวน้องไม่รู้ใช่ไหมคะว่ามีเรื่องปิดบัง

“สวัสดีค่ะ น้องสองปิดมือถือเหรอคะ คนแถวนี้ดิ้นเป็นหนูติดจั่นเชียว” สองหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางตัวเองให้ดู

“แบตหมดครับ ว่าจะโทรบอกเหมือนกันว่ารถติดเลยมาช้า แล้วนี่พี่สามล่ะครับ”

“โน้น...ค่ะ ลากน้องบาสออกไปเมื่อสิบนาทีที่แล้วเอง”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ฉันกำลังจะอ้าปากบอกแต่ก็ต้องหุบลงเมื่อหมอวินพูดแทรกการสนทนาขึ้นมาเสียก่อน

“สอง พี่ว่าเราไปกันเลยดีไหม พี่จองร้านเอาไว้แล้วด้วยสิ” ถึงแม้สีหน้าน้องจะติดสงสัยแต่ก็คงจะปฏิเสธคนรักของตัวเองไม่ได้ น้องสองเลยได้แต่ส่งยิ้มไปให้

“ครับ ไปเลยก็ได้ งั้นผมไปก่อนนะครับพี่สาว สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะน้องสอง ขับรถดีๆ นะคะคุณหมอ อย่าพาน้องแวะข้างทางนะคะ คิกๆ” พอฉันพูดจบเสียงหัวเราะของหมอวินก็ลอยมาให้ได้ยินเบาๆ ก่อนจะได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด นี่คงถูกน้องสองจัดการเข้าล่ะสิ ถึงร้องออกมาแบบนั้น จะว่าไปมันก็คือความสุขนะคะ ช่วงเวลาที่ต้องเลิกงานแบบนี้แต่ละคนก็จะมีคนของตัวเองมารับ ส่วนฉันก็กลับแท็กซี่ค่ะ

ฉันมาทำงานในตอนเช้าของอีกวัน โดยมีคุณสามีตัวดีมาส่งหน้าคลินิก ฉันหวังว่าวันนี้ชีวิตอันแสนจะสงบสุขของฉันในคลินิกจะไม่เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดฝันจนทำให้เกิดเรื่องปวดหัวเหมือนที่ผ่านๆ มาอีก สาธุเถอะค่ะ ขอให้วันนี้มีแต่เรื่องดีๆ มีแต่ความสุขเข้ามาในคลินิกด้วยเถอะ

“พิตต์! กูบอกว่าไง?”

“โธ่...ก็กูไม่ได้ยุ่งกับเขาจริงๆ นะ มึงไม่เชื่อกูเหรอ” ภาพการออดอ้อนเมียของหมอพิตต์ทำเอาฉันต้องกรอกตาไปมาอย่างหน่ายใจ

“ไม่ต้องมากอดกูเลยนะ มึงนี่มันไว้ใจไม่ได้จริงๆ” กรสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของหมอพิตต์แต่มีหรือคนอย่างหมอพิตต์จะยอม อ้อมแขนของหมอพิตต์ดูจะแน่นขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป

“ไม่เอาน่า มึงก็รู้ว่าแค่กับมึง กูก็แทบไม่มีแรงไปยุ่งกับใครแล้ว” แหม...หน้าแดงเชียวนะคะน้องกร อีแบบนี้หายโกรธแล้วแน่ๆ ใครจะไปรู้คะว่าคนนิ่งๆ แบบหมอพิตต์ จะพิษสงรอบตัวแบบนี้ หึหึ ชื่อก็บ่งบอกเนอะว่าร้ายแค่ไหน

“อย่าให้กูเห็นอีกนะ ไม่งั้น...กูตัดทิ้งแน่!” หนูกรพูดจบก็เดินหนีไปทิ้งให้หมอพิตต์เสียงสันหลังวาบๆ กับคำขู่นั่น เอามือกุมส่วนลับอันน่าหวงแหนเอาไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว กลัวไว้ก็ดีค่ะหมอ เพราะถ้าวันดีคืนดีไม่กลัวขึ้นมาคงได้...ลาขาดกับน้องชาย

“กร...เดี๋ยวรอด้วยสิ กร!”

ฉันได้แต่มองตามคู่รักอีกคู่ที่เรียกว่าอะไรดีนะ บ้าบอดีกว่า ฮ่าๆ ไม่ใช่ความอิจฉาใดๆ ความเห็นส่วนตัวของฉันล้วนๆ แต่น้องกรน่ารักนะคะ ยิ้มแย้มแถมขี้อายอีกด้วย แต่อย่าให้ได้หึงนะคะ มันก็จะเป็นแบบที่เห็นเมื่อกี้เลย หึหึ

พอคลินิกเปิดคนก็เริ่มทยอยกันเข้ามา แหม...แต่ละคนก็เปรี้ยวเด็ดเข็ดฟันกันเหมือนเคยเลย แต่งตัวกันมาล่อเสือชัดๆ แต่เสือในคลินิกแต่ละคนล้วนแต่มีแฟนกันแล้วเนี่ยสิ ขนาดว่ารู้อยู่แล้วเต็มอกก็ยังคงพยายามอ่อยกันไม่ขาดช่วง คงคิดจะมาแทนที่ของเหล่าแฟนๆ ของหมอล่ะสิท่า หึ เรื่องนี้สาวบอกเลยว่า ยากค่ะ! เพราะเหล่าเมียและผัวของหมอทั้งหลายแหล่นั้น ไม่ใช่คนที่หาได้ง่ายๆ ตามถังขยะเปียกขยะแห้งนะคะ ทุกคนนั้นล้วนผ่านสายตาของสาวมาหมดแล้วว่าเยี่ยม ควรค่าแก่การยกย่อง ไม่ใช่พวกอ่อยไม่เลือกหน้าเหมือนพวกหน้าห้องค่ะ บอกเลยว่าสาวรับไม่ได้!

วันๆ ชองฉันล้วนแต่เจอเรื่องแบบนี้มาจนชินชา เห็นแต่ความยุ่งยากในชีวิตหมอแต่ละคนแล้วละเหี่ยใจ ดีใจเหลือเกินที่ฉันและสามีตกลงกันว่าจะยังไม่มีลูก กลัวค่ะ ฉันยอมรับตรงๆ เลยว่ากลัวมาก เพราะไม่รู้ว่าลูกฉันจะเป็นแบบไหน ที่กลัวที่สุดคือกลัวจะเป็นเหมือนกับเหล่าคนไข้ของหมอนี่แหละ ฉันล่ะอยากจะบ้าตาย

“คุณสาวสวัสดีครับ”

“อ้าว...สวัสดีค่ะคุณหิน ไปไงมาไงคะเนี่ย?” คุณหินยิ้มให้ฉันอย่างเจ้าเล่ห์ แววตาวิบวับจนขนลุกไปหมดทั้งตัว นี่คงไม่ได้มาหากิ๊กใหม่ในคลินิกใช่ไหมคะ ฉันกลัวคุณจะโดนหมอวายฆ่าปาดคอเหลือเกิน

“ว่าจะมาขออนุญาต ลักพาตัวคนบางคนได้ไหมครับ?”

“ขึ้นอยู่กับว่าจะลักพาตัวคนไหนนะคะ เพราะถ้าเป็นสาว...บอกเลยว่าไม่ได้ค่ะ คิกๆ” คุณหินยิ้มให้ฉันและหัวเราะเบาๆ

“หึหึ...ถึงคุณสาวจะสวย แต่ผมก็รักเดียวใจเดียวนะครับ ยังไงผมก็ถือว่าคุณสาวอนุญาตแล้ว งั้นผมขอไปลักพาตัวเด็กดื้อก่อนนะครับ”

“ค่า~”

ฉันมองคุณหินที่เดินผิวปากเข้าไปหาหมอวายด้วยอารมณ์สุทรีย์เหลือเกิน ก่อนที่เสียงโวยวายของคนสองคนจะดังออกมาจากห้องตรวจนั้นสองเสียงค่ะ เสียงของหมอวายกับคนไข้ ไม่ใช่เสียงของคุณหินแต่อย่างใด ไม่นานนักคุณหินก็เดินออกมาจากห้องตรวจของหมอวายโดยที่บนบ่ากว้างนั้นมีร่างของหมอวายที่ดิ้นรนส่งเสียงด่าทอเสียดังลั่น

“ปล่อยกูเลยนะไอ้หิน! ปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้!”

“อย่าดื้อให้มากนักวาย เดี๋ยวคดีของมึงจะเพิ่มไม่รู้ตัว!”

เอาเถอะ...เรื่องของผัวเมียฉันคงไม่เข้าไปยุ่งหรอก แต่ภาพที่คนไข้คนล่าสุดที่เข้าไปตรวจออกมาจากห้องหน้าซีดด้วยความตกใจนี่มันเรียกเสียงฮือฮาได้ดีกว่าภาพหมอถูกหาม เอ๊ย แบกออกไปเสียอีกนะคะ ณ ตอนนี้อย่าได้มาถามค่ะว่าฉันกำลังทำอะไร ขอเวลาไปหัวเราะให้ท้องแข็งตายก่อนนะคะ ไม่ไหวค่ะ ขำจริงๆ ฮ่าๆ ๆ





 ตู้หูววว ตอนพิเศษก็มา~ ขอโทษค่ะช้าไปเย๊ออออออเลย หวังว่าจะชอบกันนะคะ ฝากนิยายเรื่องใหม่ของแมวด้วยนะคะ บุปผาร้อยราตรี ไม่ใช่เรื่องผีเด้อออ 

รักและคิดถึงเสมอนะคะ แมวเอง~

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ กวังกีเมย์บี

  • วาย ว๊าย วาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมาก ๆ ค่ะ แอบอยากให้เป็นเรื่องยาว

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เป็นเรื่องที่สนุกมาก  :o8: :-[ :impress2: :hao6:
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
แซ่บทุกคู่เลยค่าาาา คู่หมอสามกับน้องบาสนี่ยั่วกันมาก ไม่ไหวๆ เลือดสาดเลย  :m25:
ส่วนคู่หมอเสือกับน้องโอบอุ้มก็ฮามาก 5555  :hao7:

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
คุณสาวคือกามเทพแท้ๆ 55555555 ขอบคุณนะคะ สนุกดี

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ว้าวววว มีแม่สื่ออยู่น่เอง
สนุกทุกตอน มันดีมากกกก  :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด