เรื่องราวของคุณนักเดินทาง กับ เด็กติดมือถือ [UPPP 2/?? 7/1/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องราวของคุณนักเดินทาง กับ เด็กติดมือถือ [UPPP 2/?? 7/1/61]  (อ่าน 1160 ครั้ง)

ออฟไลน์ ImInDragon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



*************************************************************************





เรื่องราวของคุณนักเดินทาง กับ เด็กติดมือถือ

#ปุณทิม
#ทิมปุณ

คุณนักเดินทางควบตำแหน่งช่างถ่ายรูป :: นายนิปุณ โชตวนะสิธ

กับ

ทิมมี่ สมิธ :: เด็กไฮสคูลติดมือถือ



ช่องว่างความรัก 9 ปีของพวกเขา :)



[/b]

_____________________________________________________________


StraWBerry_imin : Talk

สวัสดีค่ะ
วันนี้มาเปิดเรื่องสั้นใหม่ค่ะ ตัวเอกคือ "นิปุณ" และ "ทิม" ค่ะ
ซึ่งสองคนนี้อายุห่างกัน 9 ปี ยังไม่มีโพสิชั่นแน่ชัด
จะเป็นคล้าย ๆ กับเรื่องราวความรักที่จบในตอนนะคะ

ขอฝากปุณทิม ทิมปุณ ไว้ในอ้อมอกด้วยค่ะ  :o8:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2018 13:51:12 โดย ImInDragon »

ออฟไลน์ ImInDragon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
=ชักชวน=




แรกพบของพวกเรา.. มันก็จะแปลก ๆ หน่อยนะ





   ผมชื่อนายนิปุณ โชตวนะสิธ



   ผมมีอาชีพเป็นช่างถ่ายรูป และมีอาชีพรองคือนักเดินทาง



   ผมคอยเดินทางไปทั่วโลกโดยใช้แค่ ‘สองขา’ ของตัวเอง นอกเสียจากว่าจะต้องข้ามทะเล ผมถึงจะยอมขึ้นเรือหรือเครื่องบิน



   และตอนนี้ผมเดินทางจากประเทศไทย บินข้ามมหาสมุทรจนได้มาหยุดลงที่นี่..


   นิว..ยอร์ก..


   ด้วยทักษะภาษาอังกฤษเกือบศูนย์

   “อ่า..”


   เสียงร้องครางอย่างคนไม่มีที่ไปหลุดริมฝีปากของผม เพราะสถานที่ที่ไม่คุ้นตา ตึกสูงลิ่วและผู้คนขวักไขว่ในยามเช้าทำให้สมองเบลอไปชั่วขณะ


   แล้วเมื่อตั้งสติได้.. ก็พบว่าสองขาตัวเองเดินมั่ว ๆ จนถึงที่นี่แล้ว


   คิ้วของผมตอนนี้คงผูกกันเป็นปม ชีวิตนักเดินทางฝึกหัดที่ทำแผนที่หายไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น อืม.. เรียกว่า นรกในสวรรค์ก็ได้ ที่นี่ทั้งสวยจนน่าถ่ายรูปเป็นที่สุด


   แต่ก็..ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี


   ผมจนมุมกับการหาที่อยู่


   ไม่น่าตัดสินใจทิ้งแบตสำรองของมือถือไว้ที่ไทย พร้อมออกเดินทางมาด้วยกระเป๋าใบเบ้อเร่อที่บรรจุทุกอย่างที่จำเป็น แต่แล้วความโกลาหลกลับเกิดขึ้นเมื่อ ‘แผนที่’ หายไปอย่างไร้ร่องรอยระหว่างเปลี่ยนสนามบินมานิวยอร์ก และ ‘โทรศัพท์’ ไม่สามารถทำงานได้เพราะ.. แบตหมด


   บางที.. อาจเป็นการตกนรก ในสถานที่ที่สวยงามดุจสวรรค์


   ผมกวาดสายตามองรอบตัว ที่นี่เป็นเหมือนสวนสาธารณะ ผู้คนมักจับกลุ่มอยู่กันเป็นครอบครัวบนสนามหญ้ากว้าง เมื่อผมหันไปมองอีกฝั่งก็ต้องหยีตาลง แสงประกายระยิบระยับของแม่น้ำกระทบเข้ามาในม่านตาจนแสบ


   สปิริตของตากล้องพลุ่นพล่านอีกระรอบแม้ว่าจะตกอยู่ในตำแหน่งคนหลงทาง ผมหยิบกล้องสีดำสนิทขึ้นมา หมุนเลนส์ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม ปรับโหมดการถ่ายภาพเข้ารับกับแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ยามเช้า..



แชะ !



   “Huh ?”


   “เอ๊ะ ?”


   ผมร้องออกมาในลำคอเมื่อได้ยินคำว่า ‘Huh ?’ ดังออกมา ก้มมองกล้องตัวเองที่ติดรูปรูปของชายวัยไม่น่าถึง 20 เข้ามาด้วย..


ให้ตาย

ฉิบหาย


   “ขอโทษครับ” ผมโพล่งขึ้นเป็นคำแรกกับเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนม้านั่งและติดรูปของเขามาอย่างไม่ทันตั้งใจ แว๊บแรกผมชะงัก เรือนผมสีช็อกโกแลตสั้น  ๆ และหมวกไหมพรมสีกรมใบใหญ่ทำให้อะไรสักอย่างในอกของผมสั่นคลอน จมูกโด่งรั้นที่เข้ารับกับโครงหน้าดูมีเสน่ห์มากขึ้นเมื่อประกอบด้วยดวงตากลมโตสีวิสกี้ และขนตายาวเกินกว่าชายปกติ แต่.. สิ่งที่ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด คงเป็นเม็ดขี้แมลงวันประปรายอยู่ข้างแก้มสองข้างประมาณสองถึงสี่เม็ดนั่นแหละ..



   เมื่อแอบเหลือบมองไล่ลงที่ลำคอ..



   ก็ยังมีเม็ดขี้แมลงวันอยู่.. จนผลุบหายเข้าไปในเสื้อเขา



ตึกตัก



   “ (????????) “ ผมงงเป็นไก่ตาแตกตอนที่เขาพูดออกมา ฟังไม่ออก จับใจความก็ไม่ค่อยได้อีกแล้วก็ระลึกได้ว่าตัวเองพูด ‘ภาษาไทย’ ใส่เขาไปนี่เอง


   “อะ .. ไอแอมซอรี่” สำเนียงทะแม่ง ๆ ดังมาจากในลำคอ เขาขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่าจะฟังออกรึเปล่า “ไอเทคยัวร์โฟโต้..”


   เด็กหนุ่มตรงหน้าผมไม่ตอบอะไร แค่จ้องมองตอบเท่านั้น


   เขาจ้อง.. ด้วยดวงตากลมเหมือนลูกหมานั่น..



ตึกตัก




   เขาจะก้มลงกดโทรศัพท์มือถือ ไม่นานนักแล้วส่งมาให้ผม


   คิ้วของผมขมวดเข้าหากัน เห็นเด็กคนนั้นยิ้มให้นิดหน่อย พูดอะไรสักอย่างแล้วผมก็ยังนิ่งอยู่ เขาจึงตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ เหมือนหน่ายใจ หยิบโทรศัพท์มาทำเป็นกดยึกยัก ๆ ก่อนจะส่งให้อีกรอบผมจึงตีความไปว่าเขาให้พิมพ์ในมือถือนี้


   แล้ว.. ผมจะพิมพ์อะไรดีล่ะ


   เขาเข้า Google Translate ให้ผมด้วย..


   อืม..


   ผมพิมพ์ตอบไปว่า ... Thai


   เขาร้องอ๋อ หัวเราะ แล้วก้มลงจิ้มแป้นต่อก่อนจะส่งมาให้



   ‘คุณพูดว่าอะไร’



   คำแปลมันได้แบบนี้ ผมเม้มปากเข้าหากัน ไม่รู้จะพิมพ์ตอบยังไงดีเพราะมันไม่มีแป้นภาษาไทย จึงส่งสายตาวิงวอนให้คนเด็กกว่าแทน



   คน ๆ นั้นกลับหัวเราะ แล้วพิมพ์บอกผม


   ‘รอสักครู่’


   จากนั้น..


   เขาก็โหลดแป้นพิมพ์ภาษาไทยมาเลย !!!


   ผมนิ่งอึ้ง ไปต่อไม่ถูก แล้วอีกฝ่ายก็พิมพ์อีกรอบ


   ‘ทิม’


   “เหะ ?”


   ‘เรียกฉันว่าทิม’


   “คุณทิม..”


   ‘ทิม !’



   ผมอ้ำอึ้ง



   “ก็ .. คุณทิม..”


   ‘บอกว่าทิม’


   อ่า


   รู้แล้ว


   ผมพูดคำว่าคุณ กับ ก็ ไป เขาเลยไม่เข้าใจนี่เอง


   “ทิม”



   แล้วคุณทิมก็ยิ้มออกมา



   ‘เอาล่ะ ก่อนหน้านี้นายพูดว่าอะไร’



   ผมอึ้งไป พิมพ์ภาษาไทยลงไปเป็นคำว่าขอโทษ


   ‘ขอโทษอะไร’



   คราวนี้ผมไม่ได้รับมือถือ แต่หยิบกล้องตัวเองให้อีกฝ่ายดู แล้วชี้ไปที่ภาพ เขาจึงเผลอหัวเราะ


   ‘อย่าคิดมาก’


   ‘คุณมานิวยอร์ก แต่พูดภาษาอังกฤษไม่เป็นเหรอ’


   ริมฝีปากหยักศกเม้มเข้าหากัน
   ผมพยักหน้าอีกครั้ง



   “...ได้แค่ Yes No Okay ครับ..”


   เขาทำตาโต หัวเราะร่วนอีกครั้งหนึ่งอย่างชอบใจซึ่งไม่รู้ว่าชอบอะไรนักหนา แล้วพิมพ์ลงโทรศัพท์อีกครั้ง


   ‘อยากให้ผมช่วยอะไรไหม’


   ผมรับมือถือเขามาพิมพ์ตอบกลับ ..


‘ผมเป็นนักเดินทาง และช่างภาพ แต่ตอนนี้ผมหลงทาง’


   ‘คุณไม่มีแผนที่เหรอ ?’


   ‘ผมทำหายระหว่างเปลี่ยนสนามบิน’


   ‘เสียใจด้วยนะ’ เขาตบไหล่ผม ‘แล้วผมพอช่วยอะไรคุณได้ไหม ?’


   ‘ผมหาทางไปซื้อแผนที่ และหาที่พัก’


   ทิมเลิกคิ้ว มือชี้ไปทางป้ายที่มีรถเมล์เข้ามาจอดเทียบ ‘รถสีนั้นจะพาคุณเข้าตัวเมือง’


   ผมกระพริบตา มองรถที่แล่นไปแล้วสั่นหัวอีกรอบ


   ‘มีปัญหาอะไรเหรอ ?’


   ลังเลที่จะบอก... แต่เขากลับยิ่งขมวดคิ้ว จ้องด้วยสายตาสงสัยอีก


   ‘ผม.. กลัวพาหนะทุกชนิด’


   ผมพิมพ์ตอบกลับไปด้วยใบหน้าร้อนผ่าว ..


   ส่วนเขาก็รับมือถือมามอง ทำตาโตอึ้ง ๆ แล้วหัวเราะร่วนออกมา


   ‘โกหกหรือเปล่าเนี่ย ?’


   ‘ผมเปล่า’


    ‘แล้วคุณมาที่นี่ได้ไง’


   ‘ตอนขึ้นเครื่องผมกินยานอนหลับ เลยไม่รู้สึกอะไร’ ยิ่งพิมพ์ ผมก็ยิ่งเขินมากขึ้นเท่านั้น ‘คุณบอกทางมาก็ได้ เดี๋ยวผมเดินไปเอง’


   เขาดูลังเลระหว่างที่มองผมสลับกับหน้าจอมือถือ สุดท้ายเจ้าตัวเลือกที่จะเก็บโทรศัพท์ สั่นศีรษะตัวเองไปมาแล้วยื่นมือมาให้


   เหะ ?


   อะไรน่ะ การยื่นมือมาให้แบบนี้


   “??”


   “come with me” น่าแปลกที่เขาพูดจาช้าลงกว่าเดิมและผมพอฟังออก โอเค come แปลว่ามา ใช่ไหม เดา ๆ น่าจะบอกว่ามากับฉัน ประมาณนั้น


   แล้วทำไมต้องจับมือล่ะ ?


   แต่ผมลังเลได้ไม่นานหรอก เขาเป็นฝ่ายคว้ามือของผมไปแทนแล้วเดินลากผมไปทันที


   โอ๊ย .. ตัวก็เล็กกว่า ทำไมถึงแรงเยอะจัง



ตึกตัก



   แล้วหัวใจผม.. จำเป็นต้องเต้นแรงขนาดนี้เหรอ





#ปุณทิม #ทิมปุณ





   เชื่อไหมว่าถ้าเขาเป็นคนไม่ดี ผมก็คงถูกลากไปฆ่าตายได้ง่าย ๆ แน่



   ผมมองแผ่นหลังที่เล็กกว่าของอีกฝ่าย มองหมวกไหมพรมนุ่มนิ่ม มองใบหูและหลังคอไม่ขาวมากที่มีเม็ดขี้แมลงวันอยู่ตรงนั้นระหว่างเขากำลังพาผมเดินอยู่



   อืม..



   มีกี่เม็ดกันนะ ?


   สาม ? ใช่ สามเม็ด


   ผมเผลอยิ้ม เมื่อเห็นว่ามีสามเม็ดเรียงกันเป็นดวงดาวเข็มขัดนายพรานเลยล่ะ


   แล้วเขาก็หยุดลงตรงหน้า เห็นดวงตากลมสีวิสกี้หันกลับมาจ้องผมเหมือนกำลังครุ่นคิด แล้วหยิบมือถือมาพิมพ์เป็นประโยค ๆ ต่อ



   ‘รู้รึเปล่า ถ้าผมเป็นคนไม่ดี คุณตายไปแล้วนะ’



   เอ่อ ก็จริงล่ะ ผมพยักหน้าหงึก ๆ



   ‘อย่าเชื่อคนง่ายแบบนี้’ เขาเตือน พอหันไปมองหน้าก็เห็นท่าทางจริงจังอีก ‘คุณไม่สังเกตรอบตัวเลยเหรอว่าผมพามาที่ไหน ?’



   ที่.. ไหนล่ะวะ



   ถ้าที่นี่เป็นกรุงเทพ ฯ ผมก็คงพอตอบได้หรอกน่า แต่รอบ ๆ นี่ไม่ได้มีตึกรามบ้านช่องแล้ว เพียงแต่ถ้ามองไปทางซ้ายมือจะเห็นแม่น้ำและเมืองอีกเมืองอยู่ฝั่งตรงข้าม



   และผมเป็นคนไทย จะไปรู้ได้ไง



   นักเดินทางใช่ว่าจะรู้ทุกตำแหน่งบนพื้นโลกสัหน่อย


   ‘ไม่รู้ครับ’


   ‘ผมพาคุณมาที่จุดถ่ายรูป’


   ‘ทำไมครับ ?’


   ‘ก็คุณเป็นนักเดินทาง และช่างภาพ’ เขาพิมพ์เสร็จก็ชี้ลงกล้องที่ห้อยคอผมอยู่ ‘คุณคงอยากถ่ายรูปแน่ แล้วผมจะพาไปที่พัก’


   ‘ใจดีจัง’


   ‘แน่นอน’


   ‘หวังผลรึเปล่า’ ผมยิ้ม พิมพ์ตอบกลับไปแบบนั้น


   และประโยคถัดไปก็ทำให้หุบยิ้ม


   ‘รู้ได้ไง’


   ‘งั้นผมไม่ไปแล้ว’


   ‘เสียใจด้วย ผมพาคุณมาถึงแล้ว’ เอ้า ไอ้เด็กนี่..


   ‘หวังอะไรครับ ?’


   ‘คุณหาที่พักอยู่ใช่ไหม ?’คุณทิมยิ้ม ‘หวังให้แชร์ค่าห้องกับผม’


   หา ?


   ผมขมวดคิ้ว มองหน้าเขาอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่


   ‘คุณคงไม่ได้เดินทางในนิวยอร์กหรืออเมริกาแค่วันเดียว ถูกไหม ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่หนึ่งอาทิตย์ก่อนแล้วช่วยผมออกค่าห้องที พอดีอาทิตย์นี้ผมช็อต’


   ‘ทำไมต้องผม’


   เด็กวัยรุ่นคนเดิมยิ้ม


   ‘เพราะคุณติดหนี้ผมแล้วหนึ่งครั้ง’


   ผมไม่ตอบ


   แต่จ้องหน้าเขาอีกครั้ง


   เด็กคนนั้นยังคงยิ้มให้เหมือนเดิม แล้วเอื้อมเข้ามาจับมือผมไว้



   ‘มาอยู่กับผมสักหนึ่งอาทิตย์นะ’



   การโดนคนแปลกหน้าชักชวนเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องแปลก แต่จะแปลกกว่าไหม ถ้าผมบอกว่าผมชิน


   ผมเป็นนักเดินทาง บางครั้งพอไปหมู่บ้านที่ไหน คุยกันเป็นกันเองเขาก็ให้ที่พักที่นอน



   เพราะงั้น.. คงไม่ผิดอะไรหรอกมั้ง ? ยังไงซะก็ไม่มีที่ไหนด้วยนี่



   แต่พอคิดดูอีกที หรือผมใจง่ายกันวะ.. ?




   สุดท้ายไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไร



   เสียงหัวใจของผมที่เต้นแรงขึ้นตอนเขาเอ่ยชวน ก็พลั้งปากตอบตกลง



   ..








______________________________________________-

TALK ::

หวัดดีอีกครั้งค่ะ กับเรื่องสั้นที่ไม่น่าเกิน 10 ตอนคงจบ
เรื่องราวของนิปุณ กับ ทิม ค่ะ
คงเป็นแนวเอื่อย ๆ เรื่อย ๆ ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เก็บในคลังมานาน ที่สุดแล้วก็เอาออกมาแต่งจนได้

ฝากนิปุณและทิมด้วยนะคะ  :o8:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เขาอ้อย...ยยยใส่กัน  ตอนนี้เอียงไปทาง #ทิมปุณ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ มีความสุขมากๆ

ตามแล้ว ทิมปุน / ปุนทิม
         :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ ImInDragon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
=อยู่ด้วย=


   ห้องพักของทิมไม่ได้ใหญ่มาก.. แต่ก็ไม่ได้เล็กมาก



   ขนาดปกติ พอที่จะอยู่ด้วยกันสองคนได้อีก ผมกวาดสายตามองรอบ ๆ ห้อง รู้สึกหงุดหงิดกับข้าวของที่วางระเกะระกะไม่เป็นทาง ไม่ว่าจะเป็นถุงเท้า เสื้อผ้าที่ไม่ได้ซัก รองเท้าไม่เป็ระเบียบก็ตามที โชคยังดีที่โซนห้องครัวเป็นสะอาดไม่อย่างนั้นคนอย่างผมต้องเผลอบ่นไปแน่



   ‘ตามสบายนะ’  ทิมพิมพ์ข้อความส่งให้แล้วเข้าไปในห้องนอนตัวเองที่เปิดอ้าซ่าอยู่ หยิบโทรศัพท์มากดเล่นจึ๊ก ๆ



   โอเค ผมคงดูถูกชาวอเมริกันเรื่องความรกของเขาเกินไป .. ห้องเขารกกว่าข้างนอกเสียอีก !



   “You !” เสียงอุทานทิมดังอีกหน ก่อนเขาจะชูมือถือตัวเอง สลับกับสายชาร์จ แล้วชี้ที่ปลั๊กไฟ



   “ชาร์จ ?” ผมถาม นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นคนอเมริกาคงไม่เข้าใจ แต่คำตอบที่ได้รับคือการพยักหน้าหงึก ๆ



   อ๋อ..

   เกือบลืมไป ว่าชาร์จมันเป็นคำทับศัพท์

   เป็นโชคดีของผมและไอโฟนที่ใช้กับปลั๊กในอเมริกาได้แม้จะซื้อที่ไทยก็ตามที ผมเดินไปเสียบปลั๊ก แต่ไหล่ดันถูกสะกิดยึ้ก ๆ โดยเจ้าของห้องซะงั้น


   “?”


   โทรศัพท์มือถือเครื่องเดิมถูกส่งมาให้อ่าน ‘จ่ายค่าไฟด้วยนะ’


   “...” แล้วมันก็ทำให้เผลอยิ้ม  “รู้น่า”


   “??”


ทิมทำหน้างงกว่าผมอีก ผมจึงจัดการหยิบมือถือตัวเองที่เปิดเครื่องได้แล้วมาพิมพ์ลงกูเกิ้ลโดยใช้ไวไฟของคอนโดนี้  ‘ผมรู้’


   แล้วเด็กติดมือก็หัวเราะออกมากับความไม่ประสีประสาทางด้านภาษาของพวกเรา เขาโบกมือสองสามที หันกลับไปนอนเอกขเนกเล่นอยู่บนโซฟาแทน และแน่นอนที่สุด.. คือจิ้มมือถือต่ออีกด้วย






   ในวันนี้ผมมีโอกาสมาสังเกตไลฟ์สไตส์ของผมและทิมที่ค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร ทิมจะชอบเล่นมือถือ ส่วนผมจะชอบอ่านหนังสือ ทิมจะใช้วิธีการพิมพ์มากกว่า ส่วนผมจะใช้ปากกาและกระดาษมากกว่า ขณะเดียวกันคือทิมชอบฟังเพลง ส่วนผมจะเป็นนั่งดูรูปภาพและแต่งรูป การที่พวกเราแตกต่างกันขนาดนี้เป็นตัวตอกย้ำให้ผมต้อง.. รีบหาที่อยู่ใหม่แล้วล่ะ เขาอาจจะอึดอัดก็ได้



   จึ๊ก  ๆ



   ผมที่กำลังจดจ่อกับโน๊ตบุ๊คและนั่งแต่งรูปหันไปมองตามแรงจากหัวไหล่ ตามคาด ใบหน้าใสสะอาดที่มีเม็ดขี้แมลงวันประปรายอยู่ปรากฏให้ผมชัดกว่าครั้งไหน ดวงตาของทิมสวยมาก เหมือนลูกแก้วสีวิสกี้ที่ชวนให้ลุ่มหลง.. มึนเมา



   ‘ทำอะไรอยู่’ โทรศัพท์มือถือเครื่องเดิมถูกยื่นมาตรงหน้าผมอีกรอบ ผมจึงกด Google Translate ในโน๊ตบุ๊ค แล้วพิมพ์ลงไปทีละคำ ๆ



   ‘แต่งรูป’


   ‘สนุกเหรอ’ คนเด็กกว่าดูสนอกสนใจ เขาลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างผมแทน ‘ยากไหม ?’



   ผมสั่นหัว ‘ถ้าคิดว่าทำได้ ก็จะทำได้’ แล้วทิมก็ร้องอ๋อ ก่อนจะนั่งจ้องผมละเลียดแต่งรูปไม่กี่นาทีก็เปลี่ยนอิริยาบถเป็นหยิบมือถือมาจิ้มเล่นเหมือนเดิม


   ในตอนแรกผมคิดว่าจะเลิกสนใจทิม ให้เขาทำสิ่งที่ตัวเองชอบไปนั่นแหละ ส่วนผมก็อยู่ของผม วางแผนเดินทางสำรวจเมืองที่ตัวเองอยู่.. เออ ใช่



   “ทิม” เจ้าของชื่อหันมาหาผมเร็วกว่าที่คาดไว้อีก “เอ่อ.. Map” เขาดูตกใจที่ผมพูดภาษาอังกฤษขึ้นมา คิ้วเรียวนั่นมุ่น ๆ เข้าหากันอีกรอบ ทวนคำว่า Map ซ้ำ ๆ ก่อนจะตะโกนขึ้น


   “Gerkk ! I forgot !” เขาก้มลงกดมือถือยิก ๆ แล้วโชว์หน้าจอให้ตามเคย ‘ไปกับฉัน’


   “แล้วมั่นใจได้ไงว่าจะไม่หลอกผมอีก” ผมตัดสินใจพูดแบบนั้นออกไป มองคนที่เด็กกว่า อีกอย่าง ตอนนี้เขาทำสีหน้าตลกชะมัด คงเพราะฟังไม่ออกแน่ ๆ เลยขมวดคิ้วผูกกันแน่นกว่าเดิมอีก


   ‘What did you say ?’



   ริมฝีปากหยักศกของตัวเองแย้มยิ้มออกมา



   “I said ‘Let’s go’.”






#ปุณทิม #ทิมปุณ






   ทิมเป็นคนออกปากบอกให้ผมไปเปลี่ยนเสื้อเพราะตอนนี้สภาพผมดูไม่ได้เลย กลิ่นเหม็นที่โชยมาแตะจมูกของเจ้าเด็กวัยรุ่นยิ่งออกปากไล่หนักกว่าเดิม ผมจึงจำยอมอาบน้ำก่อนที่จะออกไปหาซื้อแผนที่นั่นเอง ซ้ำร้ายคือผมต้องมายืนขมวดคิ้วจ้องฝักบัวที่รูปร่างแปลกกว่าประเทศไทยรวมก๊อกที่เปิดได้ทั้งน้ำเย็นและน้ำร้อนนั่นแหละ



   “เฮ้อ..” ผมถอนหายใจออกมาเมื่ออาบน้ำเสร็จ ผ้าขนหนูนุ่ม ๆ ถูกวางแนบอยู่บนศีรษะตัวเองที่เปียกชุ่มแล้วมองใบหน้าบนกระจกเงา ไอน้ำร้อนทำให้กระจกขึ้นฝ้า ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมชอบเชียว ปลายนิ้วยาวของตัวเองกดลงบนกระจกแล้ววาดรูปหน้ายิ้มลงไปเบา ๆ อีกทอด



   พอเสร็จ .. ผมก็เขียนคำว่า Thank you ให้ด้วย



   “Holy fucking shit !!” เสียงอุทานดังออกมาจากด้านนอกทำให้ผมสะดุ้งโหยง หันไปมองตามประตูที่ถูกเคาะรัวโดยเจ้าของห้องตัวจริง “Hey !! Hey !? Are you in there !?”



   พูดไรวะ.. ฟังไม่ค่อยทัน..



   “ไอแอมเฮีย” ผมตะโกนกลับ คว้าเสื้อผ้ายับยู่ยี่มาสวมไว้แล้วเปิดประตูอย่างรวดเร็ว “??” และพบกับใบหน้าตื่นตระหนกของทิมที่อ้าปากค้างพะงาบ ๆ เขาคว้าไหล่ผม เขย่าเบา ๆ อีกสองสามที



   “Who are you ?”


   หะ ? ต่อให้ไม่เก่งภาษา สามคำสั้น ๆ แบบนี้ผมก็เดาออกล่ะวะว่าอะไร


   ผมขมวดคิ้ว มองหน้าอีกฝ่ายแบบ.. ความจำเสื่อมเหรอ



   “Oh..wait” ทิมพูดเร็ว คว้าโทรศัพท์มากด ๆ แป้นพิมพ์แล้วยื่นให้ผม ‘คุณชื่ออะไร’



   เออ ใช่ ..


   เขาชวนผมเข้าห้องโดยไม่รู้ชื่อผม ในขณะเดียวกัน ผมก็ไม่บอกชื่อเขาด้วยนี่นา


   “นิปุณ” รอยยิ้มของตัวเองปรากฏอีกครั้งหนึ่ง “มายเนมอิส นิปุณ”



   “นี..ปัน ?”  ผมสั่นหัวแทน



   “นิปุณ”



   “นิ..ปัน”



   อา... ดูลิ้นเขาจะออกเสียงคำนี้ไม่ได้แหะ



   ผมเกาหัวแกรก ๆ อย่างจนปัญญา พยักหน้ารับชื่อปันไปอย่างไม่คิดอะไรอีก ถ้าเขาพูดไม่ได้ผมก็ต้องปล่อยไป แต่ดูทิมจะอารมณ์ดีพอควรราวกับภูมิใจว่าตัวเองออกเสียงถูกต้องทั้งที่มันคนละคำกันเลย



   “ปัน” เขาพูด “ปัน ปัน ปัน” แล้วทิมก็ก้มกดโทรศัพท์ยึก ๆ อีก



   “หือ”



   ‘แต่งตัวแล้วออกไปกัน อย่าลืมเตรียมเงินนะ’ ริมฝีปากเผลอแย้มยิ้มอีกครั้งหนึ่งเมื่อเห็นคนเด็กกว่าวิ่งไปหยิบกระเป๋าเป้ที่หน้าตาคล้าย ๆ ของผมมาสะพายเอาไว้ “Together.” เขากล่าว ชี้ไปทางกระเป๋าของผมกับที่แบกอยู่บนหลัง



   เด็ก ๆ นี่มันสดใสชะมัด



   เป็นความคิดแรกหลังจากก้าวออกมาจากห้องน้ำ ผมเดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองที่ถูกรื้อเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้เสร็จแล้วมาสะพายไว้ แล้วชี้กระเป๋าสลับกัน เรื่องน่าตกใจก็คือกระเป๋าของผมและเขาดันมีลักษณะคล้ายกันราวกับนัดมา แต่ติดที่ว่ากระเป๋าผมจะโทรมกว่าระดับหนึ่งเลยทีเดียว



   “Yes.” ไม่แน่เท่าไหร่ว่าเหมือนเห็นหน้าขาว ๆ ของทิมขึ้นสีริ้วแดง.. จาง ๆ อยู่“Together.”



   แล้วผมก็เห็นชัดเจนตอนที่ใบหูของเขาแดงกว่าเดิมนี่ล่ะ.. ซ้ำยังคว้ามือผมไปด้วยอีกด้วย





#ปุณทิม #ทิมปุณ
[/b]





   ทิมบ่นกระปอดกระแปดว่าร้อน ในขณะที่ผมยังยืนยันว่าอากาศดี



   แม้อเมริกาจะมีแดด แต่ไม่ได้แรงเหมือนเมืองไทย แสงอ่อน ๆ อาบไล้ใบหน้าผมช่วยให้รู้สึกกระปรี่กระเปร่ามากกว่า รวมถึงอีกหนึ่งเสน่ห์ของที่เมืองนี้คือมีสายลมเย็น ๆ พัดมาแทบตลอดเวลา ยิ่งออกห่างจากตัวเมืองสู่สวนสาธารณะ ยิ่งลมพัดผ่านรุนแรงมากขึ้นอีก



   ทิมชอบทำหน้าตามู่ทู่ใส่ผม บางทีก็ยู่ปากบ้าง พูดอะไรเรื่อยเปื่อยเป็นภาษาอังกฤษบ้าง แต่พอเห็นผมไม่ตอบกลับเขาก็ก้มลงกดมือถือกันตามเคย เวลาพวกเราคุยกับไม่ต่างจากมี Google Translate เป็นเพื่อนอีกคนเลย อย่างไรก็ดี ผมกับทิมก็ใช้ภาษามือกันเสียมากกว่า



   ‘ไปกินข้าวกันก่อน’ เด็กคนนั้นพูดหลังจากเสียงท้องร้องโครกครากเมื่อเดินผ่านร้านแฮมเบอร์เกอร์ เขาชี้ไปทางรูปปั้นคุณตาแก่ ๆ ถือแฮมเบอร์เกอร์แล้วเบ่งกล้ามอยู่ ‘โคตรลวงโลก’



   ผมมองตาม หัวเราะออกมาอีกด้วย ทิมพูดถูก ใครจะไปกินแฮมเบอร์เกอร์แล้วมีกล้ามแบบนี้กัน เป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับอาหารฟาสฟู๊ดเลยล่ะ



   เมื่อเขาเห็นผมยิ้มเจ้าตัวจึงเดินนำเข้าไปในร้านที่ประดับตกแต่งเป็นโทนสว่าง ๆ กลิ่นหอมอบอวลจากเฟ้นฟรายด์ทำให้ท้องของผมร้องโครกครากประท้วงอีกต่างหาก ผมหัวเราะออกเมื่อทิมหันมายักคิ้วหลิ่วตากับท้องผมอย่างรู้ทัน เขาชี้ไปที่จุดเติมน้ำแล้วพูดอะไรสักอย่างซึ่งผมจำใจความได้ว่าเป็นแบบ Refill ให้เราเดินมาเติมเองได้เลย แล้วมือเล็กกว่าก็คว้าผมไปที่หน้าเคาท์เตอร์จนได้



   “Eat.” ทิมพูดคำเดียวอย่างรู้ทันว่าถ้าเป็นประโยคยาว ๆ ผมคงงงเป็นไก่ตาแตก “Okay ?”



   “โอเค”เมื่อตอบกลับเป็นสำเนียงไทยอย่างมาดมั่น จึงยืนดูเมนูต่อ สิ่งที่ผมเลือกคือแฮมเบอร์เกอร์เนื้อ 2 ชั้น ซ้ำยังมีผักทับกันจนชวนน้ำลายสอ และเซ็ทเฟ้นฟรายด์กับรีฟิลน้ำอัดลมชุดใหญ่อีกด้วย ควักแบงค์ 10 ดอลลาร์ออกมาแล้วยื่นให้ทิมมี่ยิ้มยียวนอยู่



   ‘เลี้ยงปะ ?’



   “โน” ถึงกับตอบเสียงแข็งเลยครับ คนเด็กกว่ากลับหัวเราะร่วน รับแบงค์แล้วควักเงินตัวเองจ่ายด้วย .. ในตอนนั้นผมก็เพิ่งสังเกตถึงกระเป๋าสตางค์ของทิม มันออกแนวซ่อมซ่อกว่าที่ควรเป็นหากเปรียบเทียบกับลักษณะของคอนโดที่เขาอยู่



   พอรู้สึกตัวอีกที คนเด็กกว่าก็ยิ้มเผล่จากการจับได้ว่าผมแอบมอง



   ‘จะขโมยบัตรเหรอ’



   “โน” เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่ได้โชว์สกิลภาษาอังกฤษของตัวเอง ผมหยิบถาดที่วางบนเคาท์เตอร์แล้วเดินไปเลือกที่นั่งบริเวณริมหน้าต่างสะดวก อย่างน้อยถ้าเบื่อหน่ายกับการไม่ได้คุยอะไร ก็มีโอกาสเห็นรถยนต์วิ่งสวนกันฆ่าเวลาดี



   ทิมหัวเราะ เขาเดินตามผมมาติด ๆ แล้วนั่งฝั่งตรงข้าม หยิบเฟ้นฟรายด์เข้าปากเคี้ยวหยับ ๆ เหมือนเด็กไม่มีผิด อีกคนดูชอบกินเฟ้นฟรายด์เปล่า ๆ ขณะที่ผมกินมันกับซอสมะเขือเทศและซอสพริกผสมกัน



   “What’s that !?” คนพูดมากเริ่มโวยตอนเห็นแท่งมันฝรั่งกรอบ ๆ ถูกทำเป็นช้อนผสมซอส ได้ยินเสียง ‘อิ๊ว’ ขยะแขยงดังต่อมาอีกเล่นเอาผมหัวเราะ



   “อร่อยนะ”



   “??” ผมสั่นหัว ยกเฟ้นฟรายด์ขึ้นมาจ่อปากของอีกคน “What !” นึกขอบคุณจริง ๆ ที่ช่วยพูดคำสั้น ๆ น้อย ๆ ผมจะได้เข้าใจเนี่ย



   “ไอ้นี่อ่ะอร่อย.. อี๊ท อิท อี๊ท ๆ” ผมย้ำ จ้องมองใบหน้าของทิมที่เหยเกไปแล้ว “ยัมมี่”



   เขาดูลังเล ทำท่ายึก ๆ ยัก ๆ เหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อใจเท่าไหร่นัก ผมจึงจัดการใช้ด้านเลอะซอสจิ้มปากเด็กไปสักทีนึงอีก



   แล้วก็.. งั่ม



   ทิมงับลงจนได้.. แล้วก็ตามมาด้วยสีหน้าเหยเกที่ทำเอาขำไม่หยุดเลย



   เด็กคนเดิมคว้ามือถือมาจิ้ม ๆ แล้วส่งให้ผมเป็นคำว่า ‘แปลกดี’ ซึ่งทำให้ประหลาดใจกว่าที่คิด นึกว่าเขาจะสบถด่าออกมาเสียอีก แต่กลับกันเลย ทิมลองบิเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ส่วนหนึ่งมาจิ้มซอสที่ผมผสมอยู่ แล้วทำหน้านิ่ว คิ้วขมวด สักพักก็กลืนเอื๊อกลงท้องต่อ



   “Oh” อุทานมาแค่นี้ทำให้ผมเดาไม่ออกว่าเจ้าของร่างเล็กกว่ารู้สึกอะไร “Better than I thought.”



   ประโยคนั้นทำให้ริมฝีปากตัวเองกระตุกยิ้ม



   แน่นอน.. รู้อยู่แล้ว



   “เอ่อ..” เสียงติดหวานที่ดังขึ้นมาอีกทางเรียกความสนใจของผมและทิมได้ในชั่วพริบตา มีเด็กสาวอายุไม่น่าเกิน 18 ยืนอยู่ข้างโต๊ะของพวกเรา หน้าตาดูน่าเอ็นดูกำลังกอดหนังสือเล่มหนึ่งเอาไว้อยู่ “ค.. คือ”



   หืม .. คนไทย ?



   “Thai ?” ทิมดูตื่นเต้นกว่าผม เขาเบิกตากว้างเป็นไข่ห่านเมื่อสาวน้อยคนเดิมพยักหน้าหงึกหงักรัวทำให้ความคิดที่ว่าเธอคนนี้คือเพื่อนของทิมต้องตกไป



   “ค.. คุณปุณนิปุณนิรึเปล่าคะ ?” ประโยคถัดมาทำผมร้องอ๋อ..



   แฟนหนังสือของผมนี่เอง



   “ใช่ครับ” ผมตอบกลับอย่างสุภาพ หันกลับไปมอบรอยยิ้มให้คนตัวเล็ก “มีอะไรหรือเปล่าครับ ?”



   “คือ.. หนูชอบหนังสือของคุณปุณนิปุณนิมากเลยค่ะ !” เสียงกึ่ง ๆ ตื่นเต้นทำให้ผมรู้เลยว่า.. สาวปริศนาคือแฟนคลับของผมนี่เอง



อ๋อ ผมมีนามปากกาไว้สำหรับเขียนหนังสือที่บันทึกเรื่องราวลงบล็อกว่า ‘ปุณนิปุณนิ’ ปกติแล้วผมมักจะบันทึกเรื่องราวของตัวเองลงกระดาษ จากนั้นเขียนลงบล็อกต่อ สลับกับถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ จนวันดีคืนดีมีคนมาติดต่อขอทำหนังสือ ทำให้ผมสามารถหาเงินในจุดนี้ด้วย บางครั้งผมส่งรูปภาพไปประกวดได้รับรางวัล เขียนหนังสือเกี่ยวกับสารคดีท่องเที่ยวบ้างอะไรบ้าง คอยเรื่อยเปื่อย หรือถ้าวันไหนเกิดโชคดีจะมีคนมาจ้างถ่ายรูปแหละครับ



และถ้าวันไหนไม่ดี.. ก็ฉิบหาย ไม่มีตังแดก



“ขอบคุณนะครับ” ผมพูดอย่างสุภาพ เห็นเธอยื่นหนังสือมาแล้วขอลายเซ็นต่อ”เอ่อ ผมไม่มีลายเซ็น..”



“ป.. เป็นแค่อะไรก็ได้ เขียนชื่อคุณปุณนิปุณนิก็ได้ค่ะ” เธอพูดรัว “นะคะ หนูอ่านหนังสือคุณปุณนิปุณนิตั้งแต่อยู่ไทย เห็นว่าเล่มต่อไปจะอยู่นิวยอร์กก็ดีใจมาก ไม่นึกเลยค่ะว่าจะได้เจอ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ”



เป็นเพราะเมื่อปีก่อนผมถูกบก. ขอให้ใส่ ‘ความในใจผู้เขียน’ และรูปผู้เขียนลงไปในเล่มที่พิมพ์และรีปริ้นท์ใหม่หมด คนก็เลยเริ่มเห็นหน้าผมบ้างเรื่อย ๆ แม้จะรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวนิดหน่อย แต่พอเห็นว่าเขาคือนักอ่านที่ตามผมอยู่ความคิดที่ว่าไม่ชอบใจก็พลันหายไปตลอดเวลา



เธอถ่ายรูปผมครั้งหนึ่ง แล้วส่งเสียงวี๊ดว๊าย ยกมือไหว้ขอบคุณอย่างเป็นเอกลักษณ์ของไทยก่อนจะแจ้นออกไปอีกทางหนึ่งด้วย ในทีแรกผมก็จะไม่อะไรแล้วหยิบแฮมเบอร์เกอร์มากินต่อให้เสร็จ.. ถ้าไม่เห็นสายตาลูกหมาที่จ้องเขม็งเสียงั้น



‘คุณดังเหรอ ?’ คำนี้ถูกพิมพ์ส่งมาไม่ต่างจากที่ผมคาดการณ์ไว้เท่าไหร่ ‘นายเป็นใครกันแน่’



ผมยิ้มแหย พิมพ์ลงมือถือตัวเองตอบกลับไปแทน ‘ ผมเป็นนักเดินทางและช่างถ่ายรูปครับ’



‘แล้วทำไมมีหนังสือ ?’



‘ผมเขียนหนังสือบันทึกการเดินทางครับ’ รู้สึกเหมือนถูกซักไซ้มากขึ้นแบบนี้ทำให้ผมวางตัวไม่ถูก ทิมจ้องผมด้วยดวงตาสีวิสกี้คู่นั้นดูเคือง ๆ อีก



‘ผมชอบเสียงคุณ’



เอ๊ะ ?



ประโยคนี้ที่อีกฝ่ายเอาแต่พิมพ์ ๆ ใส่มือถือทำให้ผมชะงัก



‘เมื่อกี้คือภาษาไทยใช่ไหม ?’



‘ใช่ครับ’ ผมตอบกลับไปแบบนั้น



‘คุณพูดอะไรก็ไม่รู้ ผมฟังไม่ออก’ เขาคาดคั้นอย่างไร้เหตุผล ‘เล่าให้ฟังหน่อย’



‘แค่คุยกันเรื่อยเปื่อยและขอลายเซ็นครับ’ ผมพูดความจริงแล้วพิมพ์ออกไปแบบนั้น แต่พอส่งโทรศัพท์ให้ คิ้วเรียว ๆ ของทิมกลับผูกเข้าหากันยิ่งกว่าเชือกรองเท้าเสียอีก เขาจ้องโทรศัพท์เขม็งสลับกับมองหน้าผม



แล้วประโยคต่อไปก็สร้างเสียงหัวเราะร่วนของผมแทน ปลดล็อคเลยว่าทำไมเขาถึงทำหน้าเครียดอย่างนั้น




‘ขอเอาลายเซ็นไปขายได้ปะ’




..เด็กอะไร น่ารักชะมัด


แต่มันจะไปขายออกได้ยังไงเล่า !












พวกเราเดินออกมาจากร้านแฮมเบอร์เกอร์เจ้าเก่าเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์หน้าร้าน น่าแปลกที่วันนี้ผู้คนในนิวยอร์กยังไม่ได้พลุกพล่านเท่าปกติตามที่ทิมเคยโม้ไว้ แล้วเด็กคนนั้นไม่ลืมที่จะสะกิดไหล่ผมเพื่อขอเซลฟี่คู่กับคุณตาเบ่งกล้ามเพื่อกินแฮมเบอร์เกอร์อีกด้วย



“ปัน !” ผมเกือบจะไม่หันแล้วเชียว ถ้าไม่เห็นตัวเล็กกวักมือเรียกอยู่


“ครับ ?”


“Selfie with me.” เป็นอีกครั้งที่นึกขอบคุณคำทับศัพท์ในประเทศไทยที่ทำให้ผมสามารถเข้าใจเขาพูดได้“Come on”


ขายาวก้าวเข้าไปยืนเคียงข้างกับทิมแทนทันที จริง ๆ ผมก็กะจะถ่ายรูปคุณตาเอาไว้เป็นที่ระลึกเหมือนกันถ้าไม่ติดว่าทิมยืนเซลฟี่อยู่ตรงนี้


ริมฝีปากของคนเด็กกว่ายิ้มกว้าง เขาโอบไหล่ผมซ้ำยังพยายามดึงลงมาให้สูงพอกันจนผมต้องย่อตัวอีกต่างหาก เอียงอิงแก้มเข้ามาแทบแนบชิดกัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันฝรั่งทอดยังติดตัวเขาอยู่เลยด้วย..


ผมชอบกินมันฝรั่งนะ เลยอยากดมกว่านี้อีกนิด


อืม.. คงเพราะผมคิดแบบนี้ ปลายจมูกที่ควรจะห่างกันสักนิดจนเขยิบเข้าไปใกล้กว่าเดิม ฝ่ามือผมเลื่อนลงโอบที่เอวของทิม เพิ่งสังเกตว่ามันคอดกว่าที่คิดด้วย คอดจนขนาดว่าผมสามารถรั้งร่างเขาให้ตกอยู่ในอ้อมกอดได้เลยล่ะ


ทิมเหมือนยังไม่รู้ตัว เขาพยายามเอียงกล้องให้อยู่ในมุมที่ตัวเองชอบ ต่อด้วยเอียงคอซ้ายที ขวาทีให้หาตำแหน่งที่ดูดีที่สุด และนั่นยิ่งทำให้ผมได้โอกาสสูดดมกลิ่นของเขาอย่างเผลอตัว


มันฝรั่งทอด.. ที่น่าอร่อย


ผมเผลอตัวออกแรงรั้งเขาให้เขยิบเข้ามาใกล้กันจนแนบชิด เป็นจังหวะเดียวกับที่ทิมเซ.. จากนั้นก็เหมือนนิยายน้ำเน่าที่พระเอกจะแอบจูบแก้มนางเอกได้สะดวก ถึงตอนนั้นผมตระหนักได้ว่าเสียงจุ๊บ ไม่ใช่เสียงที่นักเขียนส่วนใหญ่มโนขึ้นมา เวลาเรากดปากลงบนแก้มใครสักคนอย่างไม่ทันตั้งตัว


ใช่ .. มันดัง จุ๊บ เลย


เจ้าของหมวกไหมพรมสีน้ำเงินสิ่งค้างไปพักใหญ่ เขาอึกอัก ก่อนจะเขยิบตัวออกมาแล้วก้มหน้าลงมองพื้นด้วยใบหูแดงก่ำราวกับถูกแดดเผา ซึ่งนั่น.. ทำให้ดูน่ารักมากเลย


‘ถ่ายรูปเสร็จแล้ว’ ทิมพิมพ์มาให้ผมเช่นนั้น แล้วเดินนำไปก่อนช้า ๆ ‘ไปหาซื้อหนังสือกับแผนที่กัน’ เขาเอ่ยชวน ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มออกมา


เชื่อไหม พวกเราไม่มีใครที่พูดประโยคไหนเลยเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่ผมตั้งใจให้เกิดดังจุ๊บนั่น ผมไม่ได้พูดขอโทษ เพราะผมตั้งใจ ส่วนทิมเองก็ไม่ได้ทักท้วงโดยที่ผมได้แต่หวังลึก ๆ ว่าเขาจงใจให้เหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้น ดวงตาสีนิลของผมทำเพียงแค่จ้องมองแผ่นหลังอีกฝ่าย ก้าวขาเข้าไปเดินเคียงข้างกับผู้ชายตัวเล็กกว่าที่ก้มมองโทรศัพท์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่



เนื่องในโอกาสที่ทิมไม่ยอมพูดอะไรเช่นนี้ ผมจึงตัดสินใจว่าตัวเองจะเงียบต่อไปคงเป็นทางที่ดีกว่า.. และจะไม่ยอมพูดหรอก ว่าผมเหลือบเห็นรูปภาพในโทรศัพท์ที่เขาถ่ายติดจังหวะ ‘จุ๊บ’ นั่นพอดีน่ะ



    แล้วจะไม่บอกใครเลย ว่าแอบเห็นทิมยิ้มเขิน ๆ ตอนมองรูปนั้นอีกด้วย




(มีต่อ)

ออฟไลน์ ImInDragon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

#ปุณทิม #ทิมปุณ




   เมื่อตะวันเริ่มลับขอบฟ้า อากาศของนิวยอร์กกลับเปลี่ยนไปคนละทิศ ความหนาวเย็นทำให้ผมต้องถูมือเข้าด้วยกันสร้างความอบอุ่นแก่ตัวเองระหว่างเดินตามทิมไปร้านหนังสือ ในทีแรกพวกเราจะเหมารถไป แต่อาการกลัวพาหนะของผมกลับปรากฏขึ้นมาอีกทำให้เราต้องล้มเลิก



   ว่าด้วย.. ‘อาการกลัวพาหนะทุกชนิด’ สร้างความลำบากแก่ผมเป็นอย่างมาก ถึงจะทำให้กลายเป็นนัก ‘เดิน’ ทางเต็มด้วยด้วยก็ตามที อาการนี้เกิดขึ้นตอนผมเริ่มขึ้นชั้นประถม 6 หลังจากดูข่าวรถชนกัน เครื่องบินตก และเรือล่มในวัน ๆ เดียวต่อกันจึงเกิดอาการหวาดกลัวขึ้นมาและจะคลื่นไส้ทุกครั้งที่ต้องขึ้นไปนั่งในสิ่งโดยสารที่ดูอันตรายเช่นนั้น



   ทิมที่ฟังผมเล่าสาเหตุก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มองผมด้วยสายตาหยอกล้อแบบทุกที บางครั้งเขาชี้ไปที่รถบ้าง ชี้ไปที่เรือบ้าง หรือเครื่องบินบ้างไม่ก็ผลักให้ไปใกล้ ๆ กับจักรยานที่วางทิ้งไว้อีก



   “Here.” เสียงทุ้มน่าฟังของทิมทำให้ผมหันไปมองตามหลังจากเหม่อมองท้องฟ้ามานาน เขายื่นโกโก้ร้อนมาให้ผมด้วยรอยยิ้ม “Are you cold ?”



   “เยส” ผมตอบกลับ แนบฝ่ามือเข้ากับแก้วกระดาษอุ่น ๆ กำลังพอดี กลิ่นเมล็ดโกโก้หอมลอยมาแตะจมูกชวนหิว แต่ก็ยังไม่ถูกใจผมเท่ากลิ่นคั่วสด ๆ ของเมล็ดกาแฟอยู่ดี



   เดี๋ยวนี้ทิมไม่ค่อยจะพิมพ์ภาษาอังกฤษแล้ว เขาเน้นพูดช้า และเป็นประโยคสั้น ๆ ใช้คำศัพท์ที่ง่ายต่อการฟังเพื่อให้ผมเข้าใจมากกว่า



   เด็กหนุ่มร่างบางกว่านั่งลงข้าง ๆ อย่างอารมณ์ดี ผมเห็นเขาเสียบหูฟังข้างหนึ่ง ซ้ำยังเปิดเพลงของวง 1 Direction จนเสียงแตกออกมา ตามด้วยจิบเครื่องดื่มตัวเองต่อ



   ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างผมกับทิมอย่างที่มันควรจะเป็นตั้งนานแล้ว สาเหตุคงเป็นเพราะอีกคนไม่ได้ชวนคุยอย่างทุกครั้ง และผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อนอกเสียจากเก็บไออุ่นจากแก้วโกโก้ที่อบอวลอยู่แทน บรรยากาศของพวกเราดูไม่น่าอึดอัดทั้งที่คุยกันไม่ค่อยออก






   มันคง.. เรียกว่าสบายใจ





   เมื่อเหลือบมองฝ่ามือที่จับราวสะพานของทิมเอาไว้อยู่ ผมยิ้ม ปลายนิ้วตัวเองแนบลงบนฝ่ามือที่เล็กกว่าแผ่วเบาอย่างคนขออนุญาตเป็นนัย ๆ แม้ทิมจะไม่พูดอะไร แต่สองเท้าที่แกว่งเล่นกลับค่อย ๆ หยุดลงเหมือนว่าเขารู้ตัว หนุ่มอเมริกันคนนี้ไม่ได้ชักมือกลับ ไม่ได้ขยับตัวหนี แค่นั่งนิ่งเช่นนั้นปล่อยให้ผมสอดมือเย็น ๆ กอบกุมปลายนิ้วไว้หลวม ๆ ท่ามกลางอากาศหนาวสำหรับคนไทย




   กระทั่งทิมถามขึ้นมาอีกครั้ง



   “Are you cold ?”



   ผมยกโก้โก้หยาดสุดท้ายในถ้วยหมดแล้วโยนทิ้งในถังขยะไม่ไกล “เยส”







   พวกเราทั้งสองเดินให้ความอบอุ่นด้วยกันผ่านฝ่ามือที่กอบกุมไว้หลวม ๆ แม้ผมจะไม่เข้าใจการกระทำของทั้งเขา และตัวผมเองเท่าไหร่ แต่การที่อยู่แบบนี้มันก็ถือว่าอุ่นดีเหมือนกัน..



   และแน่นอน.. ว่าผมก็ชอบด้วย



   ทิมพาผมไปในร้านหนังสือ กลิ่นของกระดาษปะปนกับกลิ่นน้ำหอมทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย ต่างจากเขาที่ขมวดคิ้วหน้ามู่ทู่ หยิบโทรศัพท์มากดจึ๊ก ๆ แล้วส่งมาให้ผม



   ‘เกลียดกลิ่นแบบนี้’ จากประโยคนั้น คุณ Google Translate ช่วยแปลได้เป็นคำเช่นนี้ ‘กลิ่นหนังสือทำให้ฉันง่วง’ ดูท่าทาง การแปลคำจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ก็ยังสับสนการใช้ผมกับคุณเวลาแปลอยู่ล่ะนะ บางทีประโยคเขาคือคำว่าผมบ้าง บางทีก็เป็นคำว่าฉันบ้าง สลับกันไปเรื่อย



   “ทำไมล่ะ ?” ผมถามกลับ ได้รับสีหน้างุนงงตอบอีกจึงยืมโทรศัพท์ทิมมาพิมพ์ด้วย ‘Why ?’



   เขาร้องอ้อ กดแป้นพิมพ์ต่อทันใด ‘เพราะมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนต้องอ่านหนังสือเรียน’



   ผมขำพรืด แล้วทิมก็ขำตามต่อ เริ่มเข้าใจที่เด็กคนนี้จะสื่อแล้วล่ะ



   ‘ผมก็เคยเรียนมาก่อนนะ และเกลียดหนังสือเรียนมาก’ ในที่สุดก็ต้องหยิบโทรศัพท์ตัวเองมาจิ้มแป้นคุยด้วยจนได้



   ‘ไม่มีใครชอบหนังสือเรียนนอกจากพวกเนิร์ด ๆ หรอก’ ทิมพิมพ์เร็วมากจนผมเริ่มตามไม่ทัน แต่ก็เผลอยิ้มออกมาอยู่ดี ‘อีกอย่าง คุณอ่ะเหมือนพวกเนิร์ด’



   ‘เนิร์ด ?’ ประโยคนี้ทำให้ผมเลิกคิ้ว ‘เหมือนตรงไหน ?’



   ‘คุณดูนิ่ง ๆ เงียบ ๆ’ เขาพิมพ์ตอบเร็วมาก ยาวเป็นพรืดในโปรแกรม Google Translate นั่นแหละ แต่บางครั้งมันแค่แปลเป็นภาษาไทยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมจึงเลือกจะจับใจความมเอามากกว่า ‘คุณดูไม่พูดไม่จา น่ากลัวบางครั้งด้วย แต่ความจริงแล้วคือไม่ คุณไม่ได้น่ากลัวสักนิด แถมยังดูซื่อ ๆ เอ๋อ ๆ อีก’



   ‘คุณเหมือนกำลังด่าผม’




   ‘ผมเปล่า !’ หนุ่มอเมริกันปฏิเสธเป็นพัลวัน หันมามองผมแล้วส่ายหัวรัวอีกด้วย ‘คุณดูเหมือนผู้ชายใสซื่อ แถมยังเก่งมากด้วย ออกเดินทางคนเดียวได้แบบนี้ผมเองก็อยากลองไปบ้าง แต่เชื่อเถอะ ผมว่าผมคงลงแดงตายเพราะไม่ได้เล่นโทรศัพท์แน่ ๆ’




   ‘เด็กติดโทรศัพท์นี่’




   ‘ใช่ ใช่เลยคุณ ผมติดมาก ติดมือถือเป็นที่สุดแถมยังขาดไม่ได้ด้วย’ ผมเดาไม่ออกเลยว่าตอนนี้ทิมคึกอะไรถึงพิมพ์รัวและพูดเยอะขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่าเขาเก็บกดมานานกับคนที่อยู่ด้วยกันแล้วไม่ได้พูดกันสักทีนะ ‘ผมชอบฟังเพลงตลอดเลย อย่างตอนจะนอนนะ อย่างน้อยผมต้องเสียบหูฟังแล้วหลับไปเลย เดาว่าเมื่อคืนคุณคงไม่ได้สังเกตสิท่า เพราะกว่าจะเก็บของเก็บอะไรเสร็จก็เหนื่อยแล้วนี่นา’




   หืม.. จะว่าไปก็ไม่ได้สังเกตอย่างที่เจ้าตัวพูดจริง ๆ นั่นแหละครับ




   ‘แต่มันเป็นอันตรายกับหูนะ’ ผมพิมพ์ตอบกลับไปสั้น ๆ แบบนี้ แล้วกระตุกมือที่กุมกันไว้อยู่ให้เดินไปดูหนังสือด้วยกัน แต่สิ่งที่ได้คือเด็กดันงอแงเสียนี่




   ‘คุณจะดูหนังสือแล้วเหรอ แต่ผมยังอยากคุยกับคุณอยู่เลยนะ’




   ‘เราดูไปด้วย คุยไปด้วยก็ได้’




   ‘คุณไม่คิดว่ามันแปลก ๆ เหรอ คนเดินด้วยกัน แต่ดันต้องมาพิมพ์คุยกันแบบนี้ แถมเข้าแปลภาษาทุกประโยคด้วย อันที่จริงผมควรบอกคุณตั้งนานแล้วว่าบางทีมันแปลไม่ได้ศัพท์เลยด้วยซ้ำ ผมต้องเดาเอาว่าคุณแปลว่าอะไร กูเกิ้ลไม่ได้ช่วยทั้งหมด แต่แค่พอทำผมจับใจความคร่าว ๆ ได้ และต้องดูการกระทำคุณควบต่อด้วย’




   อืม.. จริง ๆ แล้วทิมพิมพ์มายาวมาก แต่ผมพยายามแกะประโยคที่กูเกิ้ลแปลให้มันก็ได้แบบนี้ และดูท่าทางทิมเองประสบปัญหาเดียวกับผมคือกูเกิ้ลแปลได้ไม่ดีนักเท่าไหร่ รวมถึงต่างฝ่ายต่างพยายามจับใจความให้ออกมาเป็นประโยคที่พอเข้าใจกันอีด้วย




   ‘ผมก็เป็นนะ’ เมื่อได้โอกาสจึงพิมพ์ตอบทิมในที่สุด เห็นคนเด็กกว่าพยักหน้าหงึกหงักอีกสองสามรอบด้วย ‘เป็นอะไรรึเปล่าครับ ?’




   ‘อยากฟังเสียงคุณ’ เขาก้มหน้าจ้องมือถือแล้วพิมพ์ตอบด้วยมือข้างเดียวขณะที่ผมพาเข้าไปในชั้นหนังสือหมวดของท่องเที่ยว แล้วมองหนังสือแผนที่ฉบับพกพาที่ตัวเองมักใช้ประจำ แต่ประโยคนั้นทำให้ผมต้องเลิกคิ้วติดงุนงง




   ‘ทำไมถึงเป็นเสียงของผม ?’ ยิ่งได้ยินแบบนั้น.. ยิ่งทำให้ไม่ค่อยอยากพูดแล้วสิ




   ทิมหัวเราะ




   ‘สำเนียงคุณน่ารักดี เหมือนเด็กหัดพูดเลย’ ... โอ้โห สะเทือนใจฉิบหาย ‘ผมล้อเล่น’



   ‘ผมไม่รู้จะพูดอะไร’ อยากจะบอกจริง ๆ ว่าคุณก็น่ารักเหมือนกันแหละ แต่เก็บคำตัวเองเอาไว้ก่อนดีกว่า ผมเกือบลืมเลยว่าตัวเองจับมือกับทิมอยู่จึงรีบปล่อยออก ‘คุณอยากให้ผมพูดอะไรล่ะ’



   เด็กอเมริกันทำหน้าครุ่นคิดระหว่างผมเริ่มเลือกอีกครั้งหนึ่ง แล้วโทรศัพท์มือถือก็ยื่นมาให้ผม



   ‘พูดตามผม’



   “โอเค” ผงกหัวลงแล้วคว้าหนังสือที่ตัวเองหมายตาไว้ ของแถมของมันคือแผนที่ในนิวยอร์กเล่มที่ผมต้องการ ส่วนเด็กหนุ่มร่างโปร่งข้างตัวกลับยืนมองผมเหมือนลูกหมาที่รอให้เจ้าของหันไปหาอยู่ “พร้อมแล้ว”



   ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจไหม แต่เจ้าตัวกลับพูดคำแรก



   “Will” ผมเลิกคิ้วมอง



   “วิว” สำเนียงไทยแท้แน่นอน



   “You”



   “ยู”



   “Marry me ?”



   “แมร์รี่มี...” พอถึงประโยคนี้แล้วก็ได้แต่ชะงัก “หะ ?” ถึงกับหน้าเหวอเลย..



   ส่วนทิมน่ะไม่เหลือหรอก เขาขำลั่น ขำอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยเล่นเอาผมต้องคว้ามือถือมาพิมพ์คุยต่อทันที น่าโมโหเหมือนกันที่หันไปพูดด่าไม่ได้เพราะคิดคำอังกฤษไม่ออก โอ้ย ไม่ทันใจเลย



   ‘ผมรู้คำแปลนะ !’ เด็กอเมริกันตัวแสบยังหัวเราะไม่หยุดจนผมต้องจ้องเขม็งแทน “ทิม”



   เขายิ้มเหมือนเคย



   แล้วตอบเสียงฟังชัด



   “Yes , I will.”




   ถึงกับต้องกลอกตานิดหน่อย..
   เด็กอเมริกัน เล่นบ้าอะไรเนี่ย






   สุดท้ายผมกับทิมก็แยกกันไปคนละทิศคนละทางเพื่อเลือกหนังสือ หลังจากเล่นเรื่องแปลก ๆ นั่นก็ทำให้ผมมีแต่ถอนหายใจใส่ไปวัน ๆ เท่านั้นแหละ คิดอะไรไม่ออกก็หันไปถอนหายใจใส่ทิมสักรอบหนึ่ง เจ้าเด็กขี้เล่นก็ยิ้มเผล่ใส่ตลอดอีกด้วย




   ผมไล่สายตามองดูหนังสือที่วางอยู่ในชั้น ร้านนี้เป็นร้านไม่ใหญ่มากนัก ตกแต่งด้วยสีโทนสีสว่างเช่นเคยแต่แสงก็ยังอยู่ในระดับที่เลือกหนังสือแล้วไม่ปวดตาเท่าไหร่ แต่แล้ว.. สองขาของผมกลับหยุดลงที่หมวดภาษาอังกฤษ จ้องมองหนังสือเล่มหนึ่งที่ตั้งโชว์เด่นหราอยู่ .. มันคือหนังสือหัดพูดภาษาอังกฤษ





   ผมลังเล แต่ก็ไม่ได้หยิบมาจ่ายเงิน แค่เปลี่ยนเป็นกดเข้ามือถือตัวเองแล้วตั้งกระทู้พันทิพย์..




   ‘อยู่ต่างประเทศแต่ภาษาอังกฤษไม่กระดิก ควรฝึกอะไรดีครับ มีหนังสือเล่มไหนหรือที่ไหนแนะนำไหม’




   ไม่รู้หรอกว่าทำไมตัวเองต้องทำอะไรแปลก ๆ แบบนี้ แต่ระหว่างที่กำลังจะกดตั้งกระทู้ หางตาผมกลับเหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งเจ้าของหมวกไหมพรมใบใหญ่ที่สวมอยู่ตลอดเวลาเดินผ่านไป เขาดูรีบร้อน เด็กที่ไม่ชอบอ่านหนังสือนั่นแถมยังตามหาคนแชร์ค่าห้องกลับหยิบหนังสือเล่มหนึ่งไปจ่ายเงินสร้างความสงสัยให้ผมเป็นอย่างมากว่าหนังสือเล่มไหนกันทำให้ทิมต้องรู้สึกอยากซื้อได้ขนาดนี้




   มันมีทั้งหมดสองเล่ม




   เล่มแรก .. คือหนังสือที่มีหน้าปกคุ้นเคยมาก เหมือนว่าจะเป็นหนังสือที่ผมเขียนเอง




   และเล่มสอง.. คือหนังสือที่เขียนตัวอักษรโต ๆ ขนาดที่ว่าอยู่ไกล ๆ ก็พอมองเห็นหน้าปก ..



   ..



   หนังสือ Thai for beginners.






   ผมยิ้มออกมา
   เปลี่ยนใจคว้าหนังสือสอนภาษาอังกฤษเล่มเดิม แล้วเดินไปจ่ายเงินเช่นกัน
   ...


_______________________________________________________________________


TALK :: StraWBerry_imin

แนวเนิบ ๆ สบาย ๆ (?)
ไม่รู้ว่าแต่งไปรอดรึเปล่า  :mew2: กังวลอยู่พอควรเลยค่ะ เพราะไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ (ฮ่า)
คู่นี้เดี๋ยวจะเฉลยในอีกไม่กี่ตอนแล้วค่ะว่าทำไมทิมถึงมาชวนปุณอยู่ด้วย :)
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

ยังไงก็ตาม
ฝากปุณและทิมด้วยนะคะทุกคน



ปล. ตอนนี้เปิดเทอมแล้ว ลงไม่ค่อยได้มีโอกาสมาอัพติด ๆ แบบเรื่องลูกแมวจนตรอกแล้วค่ะ O<-<  :hao5: แต่ก็จะพยายามเต็มที่เสมอค่า






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อ่านไปอมยิ้มไป...น่ารัก ว่าแต่ตอนนี้เอียงไปทาง #ปุณทิม ซะแล้ว  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด