◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◈Jurassic Foster◈ กลายพันธุ์รัก ใต้ธารา <♦◈ธาราส่งท้าย◈♦> 25/03/62 P.17 -จบ-  (อ่าน 112506 ครั้ง)

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ไปกันแค่2คนกลัววสามจะโดนกิน กลัวลุก้านี่แหล่ะกิน 555

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ถ้าเซโครโทรมาช้ากว่านี้ซักหน่อย อะไรจะเลยเถิดไปถึงไหนนะ  :hao7:

ออฟไลน์ meyj4ever

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เชโครรรร...โทรมาขัดจังหวะอย่างแรงเลยอ่ะ แหม่ะ!! 5555

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สามเกือบโดนกินแล้ว หุหุ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เป็นภารกิจฉลองการคบกันทีแลดูโหดร้ายมาก

ออฟไลน์ awfsp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
◈ธาราที่19◈



กะโหลกใหญ่หุ้มด้วยหนังสีเหลืองมันขลับเชิดขึ้นพร้อมเรียวปากขนาดใหญ่อันเต็มไปด้วยคมเขี้ยวของน่าล่าบนพื้นพิภพกำลังส่งเสียงขู่ก้องไปทั่วบริเวณ กรงเล็กของนักล่าบนบกถูกย่ำลงบนผืนทรายจนเกิดเป็นลอยขนาดใหญ่ มันอาจเป็นเรื่องปกติขอองสัตว์บกทว่าสิ่งที่บรรยายไปนั่นคือสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำในยุกแคมเบรียนที่สามารถล่าได้ทั้งบนบกและในทะเล


ไม่มีสัตว์อะไรน่ากลัวไปกว่าการล่าได้ทุกสภาพพื้นที่แล้ว


ถ้าเป็นฉลามเราอาจวิ่งขึ้นฝั่ง


ถ้าเป็นผึ้งเราอาจหนีลงน้ำ


แต่ถ้าเป็นแอมบูโลซีตัสไม่ว่าจะหนียังไงก็ไม่พ้น


สถานการณ์แรกเมื่อลงมาสู่พื้นทรายบนเกาะที่พึ่งถูกค้นพบคือการต้อนรับอย่างอบอุ่นโดยการถูกแอมบูโลซีตัสล้อมจนไม่มีทางหนีแม้แต่ตรงน้ำทะเลยังถูกปิดเลย


กรรร~


“อย่าพึ่งสู้ลูก้า เราต้องดูท่าทีก่อน” ผมกระซิบบอกลูก้า


มันง่ายถ้าจะให้ลูก้ากลับร่างแล้วจัดการแต่นั่นอาจทำให้สัตว์ซึ่งดุร้ายกว่านี้ปรากฏตัวขึ้นได้ อีกอย่างคือการมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อต่อสู้แต่มาเพื่อศึกษา ไม่ได้อยากจะสู้โดยไม่จำเป็นหรอก


“ถูกล้อมขนาดนี้ยังจะดูท่าทีอีกเหรอสาม”


“พวกเขาว่าไงล่ะ” ผมถามกลับเพื่อเก็บข้อมูล


“ยังไม่ได้พูดอะไรมากแค่เหมือนกำลังคุยว่าพวกเราเป็นตัวอะไร”


“ดูเหมือนเราจะเป็นสิ่งใหม่บนเกาะนี้สินะ ท่าทางของแอมบูโลซีตัสไม่ได้กำลังจะล่าแต่เหมือนกำลังระแวงและไม่ไว้ใจ ถ้าขืนเราทำอะไรน่าสงสัยได้ถูกรุมชัว” ถ้าพวกมันคิดจะล่าคงไม่ล้อมอยู่เฉยแบบนี้หรอก ยิ่งเป็นนักล่าที่รวมกลุ่มกันแบบนี้การล่าที่สะดวกที่สุดคือการรุมเข้าไปพร้อมกัน


“จะเอายังไงต่อ”


“ลองคุยกับพวกเขาดู” ผมบอกลูก้า


“เข้าใจแล้ว...กรร~” เสียงพูดคุยระหว่างไดโนเสาร์กลายพันธุ์และแอมบูโลซีตัสดังขึ้น ตอนแรกก็มีเสียงตอบแค่ตัวเดียวแต่ผ่านไปไม่กี่นาทีแอมบูโลซีตัสทุกตัวต่างก็ส่งเสียงออกมา


ร่างสี่ขาขยับเข้ามาใกล้พร้อมใช้ปลายจมูกของสัตว์บกเข้ามาสูดดมกลิ่นราวกับกำลังทำความรู้จัก การแสดงออกนั่นทำให้ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องจบลงด้วยการต่อสู้ทว่าแอมบูโลซีตัสหลังจากดมเสร็จก็ถอยออกไป และไม่กี่วินาทีเสียงขู่ก็ดังขึ้นอีกรอบ


อะไร...


ท่าทางแบบนั้นเหมือนกับไม่ยอมรับแถมทั้งหมดยังจ้องมายังผมไม่ใช่ลูก้า


“ลูก้า” ผมเรียกเพื่อให้อีกฝ่ายอธิบาย


“พวกนั้นยอมรับผมเพราะว่าแข็งแกร่ง แต่ดูเหมือนจะไม่ยอมรับสามเพราะรู้สึกว่าอ่อนแอกว่า”


“ฮะ?...” คำอธิบายนั่นให้ความรู้สึกเดียวกับที่ถูกพูดว่าตัวเล็กหรือเตี้ยเลย


เพราะเป็นมนุษย์เลยถูกมองว่าอ่อนแองั้นสิ


เพราะเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่ทำได้เพียงวิ่งหนีนักล่างั้นสิ


น่าโมโห!


“ผมบอกไปแล้วว่าสามน่ะเก่งแต่เหมือนพวกเขาจะไม่เชื่อ...” ลูก้าพูดต่อพลางมองผมที่กำลังหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด


“ถ้าแสดงให้เห็นว่าเก่งกว่าก็จะยอมถอยรึเปล่าล่ะ”


“กรร~ พวกเขาบอกว่าใช่ บอกต่อด้วยว่าพวกเขาไม่นิยมการสูญเสียโดยไร้เหตุผล ถ้าทำให้ยอมรับว่าเก่งได้ก็จะไม่เกิดการต่อสู้ขึ้น” ลูก้าหันไปคุยกับแอมบูโลซีตัสสักพักก่อนจะตอบกลับมา สมกับเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุกแรกๆ มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสูงและยังรักพวกพ้องมากด้วย แบบนี้แค่แสดงให้เห็นก็น่าจะพอ


“ถึงจะไม่ชอบ แต่คงต้องสู้สินะ”


กรรร~


“เหมือนจะต้องสู้แต่ไม่ใช่กับพวกเขา”


“หมายความว่ายังไง” ผมรีบถามต่อ


“เหมือนแถวนี้จะมีนักล่าที่แข็งแกร่งอยู่ และมันมักจะมาล่าแอมบูโลซีตัสเป็นอาหารดังนั้นเลยจะให้สามไปสู้กับมันน่ะ”


“...” คำอธิบายนั่นทำเอาผมเลิกคิ้วขึ้นผมจ้องหน้าเหล่าแอมบูโลซีตัสอย่างไม่เกรงกลัว


นักล่าที่ล่าแอมบูโลซีตัสจะให้ผมไปสู้เนี่ยนะ คิดจะส่งผมไปเป็นตัวตายตัวแทนรึไง


ก็ว่าอยู่ ด้วยนิสัยของแอมบูโลซีตัสไม่ชอบการสูญเสียพวกพ้องจึงไม่น่าจะให้หนึ่งในพวกของตัวเองมาสู้กับผมหรอก แม้จะมองว่าผมอ่อนแอก็ตาม แต่การที่จะให้ไปสู้กับนักล่าที่อาจอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารที่นี่มันอาจหนักไปหน่อย แต่ก็ไม่แน่...


กรรรรรรรร~


ยังไม่ทันได้คิดหรือตัดสินใจอะไรได้แน่นอนเสียงขู่คำรามพร้อมเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น ร่างอันปราดเปรียววิ่งมาจากด้านในของป่าด้วยความเร็วดุจสายลม แพงคอสีน้ำตาลปลิ้วสไวเล็กน้อยพร้อมกับปากเรียวยามคล้ายหมาป่าในยุคปัจจุบันแต่มีขนาดใหญ่กว่าจนเทียบไม่ได้


“สาม...เจ้านี่มัน” เหมือนลูก้าจะรับรู้ได้ทันทีว่าสัตว์ตรงหน้านี้อันตราย


ผมเองก็เห็นด้วย


รูปร่างและหน้าตาแบบนั้นผมรู้ว่าคืออะไร เมื่อคืนพอรู้ว่าเกาะนี้มีแต่สัตว์ในยุคแคมเบียนผมเลยจัดการหาหนังสือรวมสัตว์ในยุคแคมเบรียนมาอ่าน และเจ้านี่ก็ปรากฏชื่ออยู่ในหมวดนักล่าที่ถ้าเจอต่อให้หนีก็ไม่อาจรอด


“แอนดรูซาร์คัส” ผมพึมพำชื่อสัตว์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกกังวลเล็กน้อย


แม้จะมีรูปร่างคล้ายหมาป่าแต่แอนดรูซาร์คัสนั้นเป็นสัตว์นักล่าที่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า ด้วยความสูงเทียบเท่ามนุษย์และความยาวตั้งแต่หัวจรดหาง4เมตร กะโหลกเรียว ขากรรไกรกว้าง คมเขี้ยวแหลมคมชนิดที่สามารถบดขยี้กระดูกให้แหลกละเอียดได้ในพริบตา และไม่รู้ว่าถือเป็นโชคดีไหมที่แอนดรูซาร์คัสนั้นไม่ได้มีกรงเล็กขนาดจะใช้ฉีกระชากเหยื่อได้ทว่าด้วยแรงมหาศาลทำให้เกิดแผลเหวะหวะเลยทีเดียว ว่ากันง่ายๆ คือกรงเล็บของมันจะไม่ทำให้เราตายในทันทีแต่ทำให้ทรมานอย่างถึงที่สุด


“สาม...”


“มันเป็นนักล่าตัวจริง” แอมบูโลซีตัสอาจเป็นนักล่าแต่พวกมันไม่ได้มีเขี้ยวแหลมคมเทียบเท่าแอนดรูซาร์คัสได้


“อืม ผมรู้...”


กรรรร~


กรรรรรรร~


ทั้งแอนดรูซาร์คัสและแอมบูโลซีตัสต่างส่งเสียงคำรามใส่กันแม้แอนดรูซาร์คัสจะมีเพียงตัวเดียวแต่มันก็ยังอาจหารมาต่อกรกับแอมบูโลซีตัส ก็อย่าว่าแหละ การต่อสู้มันไม่ได้อยู่ที่จำนวนหรือขนาดแต่เป็นความแข็งแกร่งบวกทักษะของสิ่งมีชิวิตนั้นๆ


“แอนดรูซาร์คัสว่าอะไร” ผมหันไปถามลูก้าที่จดจ้องราวกับกำลังฟังบทสนทนาอยู่


“มันบอกว่าจะมาล่าแอมบูโลซีตัสแต่เปลี่ยนใจแล้ว”


“เปลี่ยนใจ?”


“ใช่ อะไรนะ แกว่าจะล่าใครนะ?!” ลูก้าที่กำลังจะตอบผมถึงกับก้าวไปด้านหน้าด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยวอย่างไม่เคยเห็น


กรรรร~


“ลูก้า เกิดอะไรขึ้น” ผมรีบเดินตามเข้าไปถาม


“กรรร~...” ลูก้าไม่ตอบแต่ยังคงสบตาอยู่กับแอนดรูซาร์คัสตรงหน้า


“ลูก้า...”


“มันบอกว่าจะล่าสาม”


“ฮะ?” ล่าผม?


“คิดว่าผมจะยอมให้มันทำรึไงล่ะ” ใบหน้า น้ำเสียงและบรรยากาศรอบตัวที่ปะทุขึ้นทำเอาพวกแอมบูโลซีตัสค่อยถอยลงน้ำไปราวกับรับรู้ได้ว่าไม่ควรเข้าใกล้ในเวลานี้


“ใจเย็นก่อน พวกสัตว์กลัวหมดแล้ว” ผมแตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เป็นการเตือน


“แต่ว่า...”


“เจ้านี่สัตว์ที่ล่าพวกแอมบูโลซีตัสสินะ”


“ใช่”


“งั้นผมจะจัดการเอง” พูดเสร็จก็เดินไปเผชิญหน้ากับแอนดรูซาร์คัส มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปหยิบอาวุธในกระเป๋าออกมาเตรียมพร้อมสู้


“แต่ว่ามันอันตราย...”


“ถ้าผมชนะไม่เพียงแค่จะไม่เกิดการต่อสู้กับแอมบูโลซีตัสแต่การเอาชนะแอนดรูซาร์คัสจะช่วยให้เราเดินทางง่ายขึ้น” ถ้าล้มเจ้าถิ่นได้ ทุกอย่างก็สะดวกล่ะ


“ถึงแบบนั้นก็ไม่จำเป็นที่สามต้องสู้นี่ ให้ผม...”


“เอาล่ะ อยากล่าผมเหรอแอนดรูซาร์คัส” ผมไม่สนใจเสียงของลูก้าแต่สบตากับสัตว์ร่างยักษ์อย่างเอาเรื่อง


จะทำให้รู้เองว่าล่าผิดคนแล้ว


กรรรรร~


เพียงเสี้ยววินาทีหลังเสียงคำรามเรียวปากยาวอันเต็มไปด้วยคมเขี้ยวก็อ้าออกพร้อมเท้าทั้งสี่ที่พุ่งเข้ามาโจมตีด้วยความเร็วสูง แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวนั่นอาจเร็วแต่ผมก็ยังสามารถหลบได้โดยไม่บาดเจ็บอะไร อาวุธสีเงินบางใสถูกหยิบขึ้นมาควงก่อนจะจับไว้มั่น


ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายเปิดฉากการโจมบ้างโดยการวิ่งอ้อมไปยังด้านข้างตรงไปยังชายป่าซึ่งแอนดรูซาร์คัสวิ่งตามมาสกัดไม่ให้ผมหนี แต่ผมไม่ได้คิดจะหนีแค่ล่อให้มันออกมายังพื้นที่ที่ผมสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกกว่าเท่านั้น กิ่งไม้แรกตรงหน้าถูกใช้เป็นฐานเพื่อเหวี่ยงตัวขึ้นไปด้านบนในจังหวะเดียวกับแอนดรูซาร์คัสวิ่งเข้ากระแทกต้นไม้ที่ผมยืนอยู่จนปริแตก


“พลังเยอะจังแฮะ”


“สาม!” เสียงตะโกนอย่างห่วงๆ ของลูก้าดังขึ้น ผมเองก็รู้ว่าทำให้ห่วงแต่การจะให้ถูกปกป้องตลอดมันไม่ใช่นิสัยผม ตัวผมไม่ใช่เจ้าหญิงที่ต้องมีเจ้าชายหรือมังกรมาปกป้อง!


กรรรรร~


อาวุธใสในมือถูกโยนขึ้นบนท้องฟ้า ด้วยความที่มีสีและลักษณะโปร่งบางทำให้เกิดแสงสว่างเรียกความสนใจของแอนดรูซาร์คัสได้ ผมเลยอาศัยจังหวะที่มันสนใจอาวุธด้านบนกระโดดขึ้นไปบนหลังพร้อมรับอาวุธที่ตกลงมาพอดี


อาวุธนี้อาจเหมือนมีดซึ่งก็ใช่แต่นอกจากเป็นมีดแล้วยังเป็นเหมือนเข็มฉีดยาด้วย แม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็เพียบพร้อมด้วยยาอันมีคุณสมบัติหลากหลายตั้งแต่ยาคลายกล้ามเนื้อไปจนถึงยาสลบ  ด้วยวิทยาการทำให้ฤทธิ์ยามีมากขึ้นจึงไม่จำเป็นต้องพกมาเป็นขวด เพียงแค่กะการใช้ให้ถูกก็ไม่มีปัญหา ส่วนปลายของมีจะเป็นส่วนที่แหลมคมที่สุดซึ่งในส่วนนี้ผมได้ใส่เข็มขนาดเล็กไว้ การจะฉีดก็ทำได้ง่ายเพียงแค่ออกแรงกดตรงด้ามหลังจากเลือกชนิดยาผ่านระบบสัมผัสบริเวณผิวของด้าม


กรรรร~


ผมเลือกใช้ยาชาในการต่อสู้ครั้งนี้ มันอาจดูเอาเปรียบสัตว์ที่ต้องมาโดนของที่ดูยากจะต่อกรแต่คิดอีกแง่มันก็คือความสามารถของมนุษย์ที่ใช้เวลานับร้อยๆ ปีในการค้นคว้าและคิ้นค้นมันขึ้น เหล่าสัตว์ก็มีกรงเล็บและเขี้ยวหรือแม้แต่พิษ แล้วมนุษย์ล่ะถ้าตัดเรื่องเทคโนโลยีและเครื่องทุ่นแรงออกมนุษย์จะเหลืออะไร ดังนั้นผมไม่คิดว่ามันเป็นการโกงหรอกนะ


“ขอจบเลยละกัน” พึมพำจบส่วนปลายมืดที่ก็มีเข็มขนาดเล็กโผล่ออกมา ในเสี้ยววินาทีที่ยาชาถูกฉีดร่างของแอนดรูซาร์คัสก็ทรุด อย่างที่บอกผมไม่ได้มาเพื่อสู้การจะให้สู้โดยใช้แรงมากกว่านี้ก็ได้อยู่แต่นั่นอาจทำให้บาดเจ็บได้ การมาครั้งนี้เพื่อศึกษาเกาะผมจึงเลี่ยงการต่อสู้ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็จะจบลงให้เร็วที่สุด


“ขอโทษนะ” ผมลงมาจากหลังของแอนดรูซาร์คัสพลางลูบเส้นขนสีน้ำตาลของเบาแทนคำขอโทษ ด้วยฤทธิ์ยาคงจะทำให้ชาไปสักพักแต่ไม่ส่งผลเสียต่อระบบภายในอะไรแน่นอน


กรรรร~


แม้จะขยับไม่ได้แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ สายตาที่จับจ้องมันนั่นเหมือนไม่ยอมรับผลการต่อสู้นี้


“ผมชนะ นี่คือความจริง...ไว้ก่อนกลับมาสู้กันอีกก็ได้นะ” ผมพูดพร้อมรอยยิ้มโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดแอนดรูซาร์คัสจะเข้าใจไหม


“สาม” ลูก้าเรียกก่อนจะเดินเข้ามาหา


“เรียบร้อย ลูก้าบอกแอมบูโลซีตัสด้วยว่าคนที่ชะแอนดรูซาร์คัสคือผมดังนั้นห้ามอาศัยช่วงนี้เข้ามารุมเด็ดขาด” ผมบอกเพราะเห็นว่าเหล่าแอมบูโลซีตัสกำลังขึ้นมาจากน้ำด้วยท่าทางเอาเรื่อง สายตาของพวกมั้นจ้องมายังแอนดรูซาร์คัสที่ขยับไม่ได้


มันอาจเป็นเรื่องธรรมชาติที่ผู้อ่อนแอจะถูกกิน แต่เรื่องนี้ผมเป็นผู้บุกรุก เป็นคนที่ไม่สมควรมาอยู่นี่ ซึ่งการกระทำของผมอาจสร้างความผิดปกติให้ห่วงโซ่อาหารได้ ถ้าแอมบูโลซีตัสอยากชนะก็ต้องทำด้วยตัวเองไม่ใช่ฉวยโอกาสหลังจากแอนดรูซาร์คัสกำลังอ่อนแอแบบนี้


“เข้าใจแล้ว จะบอกให้...กรรร~” ไม่ใช่แค่แอมบูโลซีตัสที่ลูก้าเข้าไปคุยแต่แอนดรูซาร์คัสเองก็เช่นกัน ก็ไม่รู้ว่าคุยอะไรแต่ก็ถือว่าจบไปอีกเรื่อง


หลังจากจบการต่อสู้แรกผมก็เดินนำลูก้าไปเรียบชายฝั่งติดกับน้ำทะเล น้ำทะเลที่นี่มีคลื่นเหมือนเวลาอยู่ตามชายหาดปกติเพราะมีส่วนหนึ่งที่ยื่นออกไปยังทะเลทว่ากระแสน้ำวนที่อยู่รอบๆ ทำให้เหล่าสัตว์ภายในไม่สามารถว่ายฝ่ากระแสน้ำออกไปได้ ขนาดมองจากตรงนี้ยังรู้เลยว่ากระแสนน้ำเชี่ยวกราดขนาดไหน


ต่อให้เป็นลูก้าก็อาจจะทานกระแสน้ำนั่นไม่ได้นาน


“น้ำตรงนั้นกำลังหมุนอยู่” ลูก้าพึมพำระหว่างที่มองไปยังกระแสน้ำวนด้านนอกเกาะ


ตอนนี้พวกเรายืนอยู่บนหน้าผาสูงซึ่งมองเห็นวิวทั้งด้านในเกาะส่วนที่เป็นทะเลและพื้นน้ำด้านนอกเกาะหลังจากสำรวจสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ในน้ำได้พอสมควรแล้ว แม้ขนาดของแอ่งน้ำเค็มจะใหญ่แต่สัตว์ในยุคแคมเบรียนส่วนมากไม่ได้มีขนาดใหญ่เทียบเท่าไดโนเสาร์เพราะเป็นยุคแรกๆ ที่ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตเว้นแต่เจ้าตัวที่ได้ชื่อว่าราชา...


“สามด้านล่าง...”


ตู้ม!!


เสียงพูดของลูก้าถูกเสียงน้ำกระจายตัวกลบจนไม่ได้ยินประโยคต่อไปซึ่งผมก็ไม่ได้หันไปถามกลับเพราะมัวแต่ตกตะลึงกับภาพของสัตว์ทะเลขนาดยักษ์ที่มีลำตัวยาวเฉียด20เมตรที่กระโดดลอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำตรงหน้าอยู่ด้วยความตื่นเต้น ก็รู้ว่าเจ้านี่อยู่ในยุคแคมเบรียนแต่ใครจะคิดล่ะว่าจะได้เห็นตัวเป็นๆ แบบนี้!


แอ่งน้ำทะเลบนเกาะไม่มีขนาดใหญ่พอสำหรับมันผมเลยคิดว่าคงไม่ได้เจอแล้วแต่ใครจะคิดล่ะว่าจะได้มาเจอที่ทะเลด้านนอกแทนซะอย่างงั้น สัตว์ทะเลที่ได้ชื่อว่าราชาแห่งกิ้งก่า


“...บาซิโอซอรัส” ผมพึมพำชื่อนั่นออกมาระหว่างก้มลงไปมองเงาขนาดใหญ่ใต้ทะเลด้านล่างที่กำลังเคลื่อนไหวไปมา


“นั่นคือชื่อของมันสินะ” ลูก้าหันมาถาม


“ใช่ บาซิโอซอรัสหรือราชาแห่งกิ้งก่า มันเป็นสัตว์ทะเลกินเนื้อขนาดใหญ่กว่า20เมตรที่เลี้ยงลูกด้วยนม มีหลายคนสันนิฐานว่ามันเป็นเหมือนวาฬยุคแรกของโลกที่มีการวิวัฒนาการมาจากสัตว์บกในยุคก่อน” ผมอธิบายเรื่องของสัตว์ทะเลตรงหน้าให้ลูก้าฟังคร่าวๆ


“เขากำลังสงสัยว่าพวกเราเป็นใคร”


“เขาที่ว่าหมายถึงบาซิโอซอรัส?” ผมถามพลางหันไปมองหน้าลูก้าที่ตอนนี้มองไปยังบาซิโอซอรัสข้างล่างอยู่


“อืม...กรร~”


กรรรร~


ส่วนปากเรียวแหลมคล้ายโลมาสีดำเหลือบเขียวโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมส่งเสียงคำราม ดังลั่นจนสัตว์ปีกรอบๆ แตกกระจายกันไปคนละทิศทาง ถึงจะเป็นเสียงคำรามที่ดังแต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคาม


“นี่ลูก้า...”


“ได้สิ”


“ฮะ? ได้อะไร...เฮ้ยลูก้า!!”


ตู้ม!


ยังไม่ทันจะถามจบประโยคลูก้าก็กระโดดลงไปด้านล่างจากหน้าผาสูงหลายสิบเมตรโดยไม่บอกอะไรผมสักคำ ก่อนจะถึงผืนน้ำร่างมนุษย์ของลูก้าก็กลับร่างไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ส่งผลให้เกิดเสียงดังจนเหล่าสัตว์ปีกตื่นตกใจกันอีกรอบ


ผมได้แต่ก้มมองไดโนเสาร์ยาวกว่า10เมตรสองตัวว่ายไปมาด้วยกันด้านล่างนั่นด้วยความสนุกสนาน ท่าทางดูมีความสุขของลูก้าทำให้ผมถอดหายใจออกมาอย่างปลงๆ ตอนแรกนึกว่าจะมีเรื่องกันแล้วซะอีกแบบนี้ค่อยดีหน่อย


ลูก้าไม่เคยได้ว่ายเล่นกันเพื่อนแบบนี้เลยตั้งแต่มาอยู่กับผม ถ้าเป็นบนเกาะก็น่าจะเล่นว่ายกับซิมโบสปอนไดลัส


เพราะงั้นจะปล่อยไปสักพักก็ได้ ลูก้าเองก็ดูเหมือนจะรู้ถึงส่วนที่เป็นอันตรายของตัวเองจึงว่ายเล่นโดยพยายามควบคุมไม่ให้ส่วนหนวดที่มีพิษแมงกระพรุ่นกล่องนั่นไปเผลอโดนบซิโอซอรัสเข้า ปากเรียวใหญ่ของลูก้าอ้าออกแล้วขบลงเข้าบริเวณปากแหลมของบาซิโอซออรัสจนถูกส่วนหางขนาดใหญ่ยาวนั่นฟาดเข้าให้


“คิก!” ผมหัวเราะกับภาพตรงหน้าพร้อมยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายทั้งรูปและวิดีโอเก็บไว้เป็นที่ละทึก ถ้าผมเอาคลิปนี้ลงเฟสเชื่อเลยว่าต้องมีคนแชร์กันให้ว่อนแน่


งี๊ดดด~


“มีอะไรลูก้า!” ผมตะโกนถามเมื่อเสียงครางนั่นดังมาจากด้านล่าง ลูก้าในร่างไดโนสาร์ชูคอขึ้นมาพร้อมใช้ดวงตาสีเงินจับจ้องมายังผมราวกับจะบอกอะไรสักอย่าง เมื่อก่อนผมคงตอบกลับไปว่าพูดอะไรน่ะแต่ตอนนี้ไม่ใช่ เพียงแค่แววตาที่มองมาก็เหมือนรับรู้ได้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ สิ่งที่ลูก้าบอกคือให้ผมลงไปหา


“เข้าใจแล้ว รอก่อน”


งี๊ดดด~


เสียงครางดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่สวนหัวของลูก้าจะมุดลงไปในน้ำแล้วเงยขึ้นมาอีกรอบ


“ใครจะกระโดดลงไปกัน!” ผมตะโกนกลับลงไปโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดว่าท่าทางนั่นหมายถึงอะไร อาจเพราะอยู่ด้วยกันมาตลอดเลยรับรู้ได้แม้จะไม่ได้ใช้ภาษาเดียวกัน ผมเดินลัดเลาะลงจากหน้าผามาจนถึงบริเวณโขดหินที่มีลูก้าว่ายเข้ามาหา ส่วนปากเรียวอ้าออกเล็กน้อยนั่นทำเอาผมรีบกระโดดถอยหลังไปชิดหน้าผาด้านหลังทันควัน


งื๊ด!


“ไม่ต้องมาทำหน้างง คิดจะให้ผมลงน้ำล่ะสิ” ผมพูดอย่างรู้ทัน


คิดเหรอว่าผมจะไม่รู้ถึงเรื่องนั้นน่ะ พอเห็นผมรู้ทันอีกฝ่ายก็ทำคอตกด้วยท่าทีหง๋อยๆ


“ผมไม่อยากให้เสื้อผ้าเปียก นายเล่นไปเถอะ...”


กรรร~


กรรร~


บาซิโอซอรัสโผล่ขึ้นมาพร้อมว่ายเข้ามาใกล้ ดวงตาสีดำสนิทจ้องมายังผมก่อนจะหันไปหาลูก้าที่อยู่ด้านข้าง ไม่ต้องรอถามก็รู้เลยว่าบาซิโอซอรัสกำลังถามลูก้าเกี่ยวกับผม ผมอาศัยจังหวะที่บาซิโซอรัสสนใจลูก้าเดินเข้าไปมองไดโนเสาร์ร่างยักษ์ใกล้ๆ


นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นบาซิโอซอรัสเป็นๆ เพราะทั่วโลกยังไม่มีใครให้กำเนิดมันขึ้นมา รูปร่างที่จำลองไว้ในหนังสือเหมือนจะไม่ตรงกับความเป็นจริงตรงหน้าสักเท่าไหร่ แต่ไม่แน่ว่าอาจเพราะสภาพแวดล้อมที่ปิดตายนี่ทำให้ต้องเติบโตมาจนมีรูปร่างแบบนี้


งี๊ด!


เสียงครางเบาๆ ครั้งนี้มาจากบาซิโอซอรัสที่จับจ้องมายังผมอย่างไม่วางตา


“ไปบอกอะไรเขาน่ะลูก้า” ท่าทางของบาซิโอซอรัสเหมือนจะพูดว่า ‘เป็นแบบนี้นี่เองหรือจริงเหรอ’ ประมาณนั้น


งี๊ดดด~


ลูก้าในร่างไดโนเสาร์อ้าปากแล้วหุบคล้ายจะเล่าว่าพูดอะไรไป ด้วยความที่ภาษาต่างกันผมเลยไม่เข้าใจว่าลูก้าพูดอะไร ถ้าเป็นข้อความสั้นๆ ก็เข้าใจอยู่แต่จากที่เห็นปากที่พะงาบๆ นั่นก็รู้ว่ายาวเป็นกิโลแน่


“เฮ้อ...เอาเถอะ ผมชื่อสาม เป็นคู่หูกับลูก้า ยินดีที่ได้พบนะ” ผมแนะนำตัวพร้อมส่งยิ้มไปให้บาซิโอซอรัสตรงหน้า


งี๊ด!


“คิก...” ผมหลุดขำออกมาเมื่อเรียวปากยาวคล้ายปลาโลมาของบาซิโอซอรสยื่นมาโดนมือ สัมผัสนิ่มๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของสัตว์น้ำนี่ผมชอบมันจริงๆ ชอบมากกว่าเป็นขนเส้นๆ ซะอีก


เมื่อทักทายกันเสร็จลูก้ากับบาซิโอซอรัสก็ออกไปว่ายเล่นกันต่อจนถึงช่วงใกล้พระอาทิตย์ตกผมก็เรียกลูก้าให้กลับขึ้นมาแม้จะรู้ว่าต่อให้ดึกขนาดไหนก็ไม่เป็นอันตรายกับลูก้าก็ตาม



(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)


หลังจากนั้นผมก็เดินนำลูก้าเข้าไปในป่าและหยุดดพักกางเต้นท์บริเวณชายป่าซึ่งอยู่ไม่ไกลกับแอ่งน้ำจืดขนาดใหญ่นัก วันพรุ่งนี้ผมจะไปสำรวจฝั่งที่เป็นน้ำจืดบ้างว่ามีสัตว์อะไรอยู่ เกาะนี้อาจดูเหมมือนใหญ่แต่ถ้าเดินเลาะตามขอบแค่สองสามวันก็น่าจะวนรอบแล้ว ผิดจากด้านในป่าที่ทั้งรกทึบและชื้นแฉะ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้หนาที่ไม่ผ่านการบุกรุกจากมนุษย์มาก่อน


อาหารเย็นเป็นของง่ายๆ ที่เอาพวกอาหารกระป๋องมาต้มในหม้อโดยมีไฟจากการนำเศษไม้ใบหญ้ามากองรวมกัน ต้นไม้หนาขนาดนี้ตกดึกคงหนาวเทียบเท่าฤดูหนาวเลยทีเดียว


“ดับไฟหน่อยลูก้า” ผมบอกก่อนจะเปิดเต้นท์เข้าไปด้านใน


“ทำไมไม่จุดไว้ล่ะ เคยได้ยินว่าพวกสัตว์จะกลัวไฟนี่”


“ก็ใช่ แต่ผมไม่อยากจะรบกวนสัตว์ที่อยู่ที่นี่หรอก” แค่นี้ก็เข้ามาบุกรุกมากพอแล้ว อีกอย่างต่อให้ไม่มีไฟก็เชื่อเถอะว่าด้วยประสาทสัมผัสของลูก้าสามารถรับรู้ได้


“เข้าใจแล้ว”


เมื่อดับไฟเสร็จลูก้าก็เข้ามาในเต้นท์ที่มีทั้งถุงนอนและผ้าห่มวางเตรียมไว้ ด้วยความที่เป็นป่าทำให้ตอนกลางคืนมืดสนิทจนดวงตาของมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดนัก ผมเองตอนี้ยังควานหาโทรศัพท์ที่น่าจะอยู่แถวนี้ไม่เจอเลย


“ขยับไปทางซ้ายอีกสาม”


“ตรงนี้?” ผมขยับมือไปตามเสียงของลูก้า


“ซ้ายอีกนิด”


“อ๊ะ เจอแล้ว ขอบคุณลูก้า” ผมพูดขอบคุณก่อนจะเปิดโทรศัพท์เพื่อบันทึกสิ่งที่เจอวันนี้ลงไปในโน้ต


“ไม่เป็นไร”


“นอนก่อนเลย ผมขออีก5นาที” แม้จะเห็นไม่ชัดแต่ใช่ว่าจะไม่เห็นเลย ผมเห็นลูก้าที่ยังนั่งไม่ยอมนอนอยู่ข้างๆ


“รอได้”


“ควรพักนะ เหนื่อยกับการว่ายน้ำมานี่” ว่ายเกือบ3ชั่วโมงได้มั้ง


“ผมไม่เคยเหนื่อยกับการว่ายน้ำ”


“...นั่นสิ ก็เป็นไดโนเสาร์น้ำนี่นะ” สัตว์น้ำบางชนิดเองก็มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการเคลื่อนไหว ถ้าหยุดขยับมันก็จะตาย


“ให้ช่วยไหม”


“ไม่เป็นไร...เสร็จพอดีเลย เอ้า นอนๆ” ผมปิดโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋าก่อนจะมุดตัวเข้าไปอยู่ในถุงนอนโดยที่มีผ้าห่มคลุมอยู่อีกชั้น


“ผมไม่ชอบถุงนอนเลย มันแปลกๆ ”


“ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องเข้าไป นอนบนถุงเลยก็ได้” ผมตอบกลับ ยังไงก็มีผ้าห่มให้อยู่แล้ว


“แบบนั้นก็หนาวสิ”


“ขี้หนาวเหรอลูก้า”


“อืม...เพราะงั้น ขอขยับไปนอนใกล้ๆ ได้ไหม” คำขอนั่นทำให้ผมยกคิ้วขึ้น


“นี่ยังไม่ใกล้เหรอ” ผมว่ามันชิดแล้วนะ


“ยัง...อยากใกล้แบบนี้” พูดจบถุงนอนที่มีผมอยู่ด้านในก็ถูกลูก้าดึงเข้าไปกอดพร้อมผ้าห่มที่ถูกคลุมอีกชั้น


“...มากไปมั้ง” ผมพึมพำแต่ไม่ได้ขัดขืนสัมผัสของการกอดนั่น ยังไงเราก็แฟนกันแล้ว แค่นอนกอดมันเป็นเรื่องปกติ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ลูก้าก็กอดผมนอนมาตั้งนานแล้ว


อากาศหนาวเย็นจากป่าไม่ส่งผลกับผมมากเพราะได้ไออุ่นจากลูก้าช่วยบรรเทา ยิ่งบรรยากาศเงียบเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นสอดประสานกันมากเท่านั้น เสียงนั่นดังเป็นจังหวะคลับกล่อมจนเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว


ซุ่บ! ซุ่บ!


พรึ่บ!


เสียงการเคลื่อนไหวแปลกๆ จากด้านนอกนั้นทำให้ผมที่หลับอยู่เด้งตัวขึ้นมานั่งก่อนจะหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน เงาแปลกๆ หลายเงาปรากฏขึ้นผ่านผ้าของเต้นท์ปรากฏเป็นรูปสัตว์สองเท้าที่มีจงอยปากเหมือนสัตว์ปีก


“สาม” เสียงเรียกจากด้านหลังดังขึ้นเบาๆ ระหว่างร่างผมถูกรวบไปกอดไว้หลวมๆ


“ใช่เวลามากอดไหมลูก้า” ผมหันไปถามแล้วพยายามแกะมือที่กอดเอวอยู่ในหลุดออก สถานการณ์ตอนนี้ผมไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีเพราะยังไม่ทราบถึงสายพันธุ์ของสัตว์ด้านนอกนั่นแต่ดูจากแสงสว่างที่รอดเข้ามาแปลว่าอยู่ในช่วงพระอาทิตย์กำลังขึ้น


มีสองขากับจงอยปากคล้ายนก หรือว่า...


“ขนาดมันเล็ก ไม่น่าจะอันตราย...”


“ถ้าพูดแบบนั้นแปลว่าไม่เคยเจอกาสโตร์นิสล่ะสิ”


“กาสโตร์นิส?”


“จากลักษณะที่เห็นน่าจะใช่” ต้องออกไปดูให้เห็นชัดๆ ถึงจะสามารถบอกได้เต็มปากว่าใช่ไหม


“อันตราย?”


“ก็ไม่เชิง เรียกว่าไม่แน่ใจดีกว่า”


“ไม่แน่ใจหมายถึงอะไร” ลูก้าถามต่อ


“การ์โตร์นิสเป็นสัตว์จำพวกนกที่ไม่สามารถบินได้เนื่องจากพวกมันมีส่วนขาอันแข็งแกร่งและมีโครงสร้างร่างกายหนักกว่านกปกติ สิ่งที่ทำให้ไม่แน่ใจคือในปัจจุบันยังไม่เคยมีการคืนชีพมันขึ้นมาก่อนเลยไม่สามารถรู้ได้ว่ามันเป็นสัตว์กินพืชหรือกินเนื้อกันแน่” จากข้อมูลที่อ่านมากาสโตร์นิสถูกถกเถียงกันในหมู่นักวิทยาศาสตร์ว่ามันกินพืชหรือกินเนื้อกันแน่เพราะดูจากจงอยปากของมันไม่น่าจะทรงพลังถึงขนาดฉีกขาดเนื้อได้


“สามจะออกไปดู”


“อืม” ผมพยักหน้าส่งไป


“ไม่กลัวเหรอ ถ้าพวกมันกินเนื้อขึ้นมาจะทำยังไง”


“ถึงตอนนั้นค่อยหาวิธี อีกอย่างพวกกาสโตร์นิสเป็นพวกที่สัมผัสไวพวกมันคงรู้แล้วว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ถึงได้เดินวนอยู่รอบๆ เต้นท์ไง” ดูจากเงาที่เดินวนไปมาก็พอจะเดาได้ว่าเป็นพวกช่างสงสัย ไม่แน่อาจไม่ใช่สงสัยแต่กำลังหาเหยื่อก็ได้


ผมขยับตัวไปหยิบของที่จำเป็นพร้อมอาวุธก่อนจะเคลื่อนตัวไปยังทางออกก่อนเต้นท์แต่ก่อนที่ผมจะเปิดออกไปลูก้ากลับห้ามไว้ก่อนจะเป็นคนออกไปด้านนอกก่อน


เป็นห่วงกนเกินไปแล้วลูก้า


เขาคงกลัวว่าผมจะถูกโจมตีละมั้ง


กรรรรร~


และก็เป็นอีกครั้งที่ผมและลูก้าถูกทักทายด้วยเสียงคำรามจากเหล่าสิ่งมีชีวิตของเกาะนี้ เพียงแต่ครั้งนี้เสียงคำรามนั่นดังมาจากฝูงกาสโตร์นิสกว่า10ตัวที่อ้าจงอยปากที่เหลืองออกกว้างจนเห็นฟันซี่เล็กๆ อยู่ข้างใน


“...แบบนั้นไม่ใช่สัตว์กินพืชแล้ว” ผมพึมพำเมื่อได้สังเกตกาสโตร์นิสตรงๆ จงอยปากขนาดใหญ่กับส่วนกรามที่มีความยืดหยุ่นสูงนั่นไม่ใช่ของสัตว์กินพืชแต่เป็นกินเนื้อ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่มันอาจเป็นเพียงการวิวัฒนาการของสัตว์บนเกาะนี้ก็ได้ อาจเพราะพืชที่กินไม่เพียงพอเลยจำเป็นต้องล่าสัตว์อื่นเพื่อมีชีวิตรอด แต่ไม่ว่าทางไหนก็เหมือนจะงานเข้าแล้วสิ


“เอาไงสาม” ลูก้าถามพลางมองไปยังกาสโตร์นิสรอบๆ ที่ใช้ดวงตาคมสีแดงสดจับจ้องมา


“ไม่ควรกลับร่าง ถ้าจะสู้คงต้องในร่างนี้” ผมตอบกลับ บริเวณชายป่านี่เต็มไปด้วยต้นไม้ถ้ากลับร่างมีแต่จะทำให้ผิวหนังของลูก้าถูกถากเท่านั้น อีกอย่างในร่างขนาดใหญ่คงสู้ความเร็วของกาสโตร์นิสบนบกไม่ได้


“...เราอาจไม่ต้องสู้ก็ได้นะ” ลูก้าพึมพำหลังจากนิ่งไปสักพัก ท่าทางนั่นเหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง


“หมายถึงอะไรลูก้า...”


กรรรรรรรร~


ไม่ทันได้ถามจบประโยคเสียงขู่คำรามก็ดังกกก้องพร้อมร่างขนาดใหญ่อันปราดเปรียวกว่า4เมตรกระโดดเข้ามาขวางหน้าพวกเรากับฝูงกาสโตร์นิส  เส้นขนสีน้ำตาลฟูฟ่อง ร่างกานอันกำยำและใหญ่โต คมเขี้ยมอันแหลมคมจนได้ชื่อว่าเป็นนักล่าที่ติดอันดับอันตรายแห่งยุคแคมเบียม


“แอนดรูซาร์คัส” ผมรียกชื่อสัตว์ตรงหน้าอย่างมึนงง


ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้


กรรรรรรร!


เสียงคำรามอีกรอบของแอนดรูซาร์คัสทำเอาสโตร์นิสกว่า10ตัวถึงกับชะงักก่อนพวกมันจะเริ่มส่งเสียงครวญครางแล้วหนีกระจายกันออกไปราวกับกลัวที่จะถูกล่า ดวงตาสีดำขลับของแอนดรูซาร์คัสหันกลับมาจ้องผมนิ่งเหมือนกำลังจะสื่อบางอย่างออกมาทว่าด้วยความที่เป็นมนุษย์จึงไม่อาจรับรู้ถึงการสื่อสารนั้นได้ทั้งหมด


ที่รู้คือแอนดรูซาร์คัสไม่ได้เป็นศัตรูแล้ว


“ลูก้า...เขาว่าอะไร” ผมหันไปถามลูก้าที่ยืนอยู่ข้างๆ


“...บอกว่ามาใช้หนี้น่ะ”


“ใช้หนี้?” หมายถึง?


“อืม เห็นว่าเรื่องตอนแอมบูโลซีตัส” คำพูดของลูก้าทำให้ผมนึกออกว่าอาจเป็นที่ผมบอกพวกแอมบูโลซีตัสไม่ให้เข้ามารุมตอนที่แอนดรูซาร์คัสติดอยู่ในฤทธิ์ของยาชา เพราะสาเหตุนั้นเลยมาช่วยคืนงั้นเหรอ


สมกับเป็นสัตว์ที่ถือเป็นเครือญาติของสุนัขในปัจจุบัน


“ขอบคุณนะแอนดรูซาร์คัส” ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม


กรรร~


เสียงครางต่ำนั่นราวกับจะบอกว่าไม่จำเป็น


“คิก...” น่ารักไปอีกแบบแฮะ


หลังจากจบเรื่องกาสโตร์นิสผมและลูก้าพ่วงด้วยแอนดรูซาร์คัสที่ตามอยู่ห่างๆ ก็เดินมาสำรวจยังบริเวณแอ่งน้ำจืดขนาดใหญ่ ต้นไทรปัสเองก็ขึ้นอยู่กระจายตัวตามฝืนน้ำนั่นเป็นหย่อมๆ ภาพตรงหน้าให้ความรู้สึกสงบและสบายตามาก


เป็นภาพที่อาจหาได้ยากในปัจจุบัน ธรรมชาติเป็นสิ่งที่งดงามที่สุดแล้วในความคิดผม เหล่าสัตว์ทั้งน้ำจืด น้ำเค็มและสัตว์บก สัตว์ปีก รวมถึงพืชพรรณต่างๆ ถูกเก็บรวบรวมข้อมูลไว้แม้จะไม่ครบถ้วนแต่ก็มากมายจนหัวผมรู้สึกล้าๆ


แต่ถึงจะไม่ครบถ้วนก็คงไม่เป็นปัญหาเพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าผมไม่ใช่พวกเก่งด้านการสำรวจขนาดนั้น ยังไงเดี๋ยวก็ต้องมีคณะสำรวจมานี่อีกครั้งอยู่ดี ตอนนี้แค่ผมยืนยันสถานการณ์ว่าไม่มีอันตรายอะไรมากก็คงเพียงพอแล้วสำหรับภารกิจครั้งนี้

......................................................

สวัสดีค่า

มาอัพช้าไปนิก(ความจริงก็ไม่นิด 555)

สำหรับตอนนี้เป็นตอนต่อจากครั้งที่แล้ว เรียกว่าเป็นตอนสำรวจเกาะก็ว่าได้

หลายคนแอบหวังว่าสามอาจโดนลูก้ากิน ขออภัยที่สามยังคงรอดปลอดภัยนะคะะะ

ถึงเราจะแต่งฉากncได้แต่ก็แต่งไม่เก่งนัก แต่จะไม่มีเลยตลอดทั้งเรื่องก็สงสารลูก้า

เอาเป็นว่ามารอลุ้นวันที่สามจะตกเป็นขอลูก้ากันเถอะ

ขอบคุณทุกคนสำหรับคอมเม้นท์และกำลังใจนะคะ

เพราะได้รับกำลังใจจากทุกคนเราถึงได้สามารถแต่งนิยายมาได้ถึงตอนนี้

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

บ๊ายบาย

-------มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์-------

วันนี้ขอนำเสนอกาสโตร์นิส



กาสโตร์นิส (Gastornis) เป็นสายพันธุ์ที่สูญพันธุ์ของ นก ขนาดใหญ่ มันนกที่มีขนาดใหญ่มากและได้รับการพิจารณาว่าเป็นสัตว์กินนมขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามหลายบรรทัดของหลักฐานรวมทั้งการขาดกรงเล็บที่ติดยาเสพติดในรอยเท้าของ Gastornis ที่ รู้จักกันดีและการศึกษาโครงสร้างของ ปลอกคอ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถแปล reinterpret นกเหล่านี้ว่าเป็นสัตว์กินพืชที่กินอาหารที่มีเมล็ดพืชและเมล็ดยาก

ซากดึกดำบรรพ์ของ Gastornis เป็นที่รู้จักจากทั่วยุโรปตะวันตกตะวันตกของสหรัฐฯและจีนตอนกลาง ซากดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุด (Paleocene) ทั้งหมดมาจากยุโรปและมีแนวโน้มว่าสกุลนั้นมีต้นกำเนิดมาจากที่นั่น ยุโรปในยุคนี้เป็นทวีปเกาะและ Gastornis เป็น tetrapod บกที่ใหญ่ที่สุดของทวีป ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับ นกช้างที่มี มาดากัสการ์เป็น นก กินพืชที่คล้ายสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ประเทศมาดากัสการ์ที่ แยกจากกันแม้ว่าจะมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ก็ตาม

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : http://www.bbc.co.uk และ wikipedia

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกกกกกกก ชอบทุกเรื่องเลย ขอบคุณมากๆนาาาาา

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนนี้ได้รู้จักหลายตัวเลย  :m11: :m11:

ออฟไลน์ awfsp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จำชื่อไม่ได้เลย

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ตอนนี้ลูก้าดูสดใสมากเลย
ทั้งปกป้องสาม ลงไปเล่นน้ำกับเพื่อน แล้วยังมาอ้อนสามกลางป่าอัก
ไม่หลงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วเนอะสาม

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
เหมือน มา ฮันนีมูน ทวี เลย เนอะ.... ธรรมชาติสุดสุด

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อยากให้สามรับเลี้ยงน้องหมายักษ์จัง อยากเห็นลูก้าออกอาการรัวๆ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
น่ารักดีจังมีการมาช่วยตอบแทนด้วย รอวันลูก้ากินสาม o18

ออฟไลน์ Nunng

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ลูก้าอิสแฮปปี้ น่ารักกกกกกก :impress2:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ลูก้าได้เพื่อน
ส่วนสามได้สมุนสินะ
5555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ลูก้าสมหวังแล้วนะ ไม่รอนานแล้ว
สามก็นะ อยู่ใกล้มากไปก็แบบนี้
เจอปายกระตุ้นนิดนึง ถึงกับไปต่อไม่ถูก

โว้ว ไปสำรวจเกาะ สามคะคิดว่าไม่มีอะไร แน่ใจหรอ
ลูก้าสนุกไปเลยสิ ได้ลงไปเจอเพื่อนรุ่นดึก ได้ว่ายน้ำ


ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ให้ตายสินี่ฉันไปอยู่ไหนมาทำไมพึ่งเห็นภาค3

ว่าแต่คู่นี้เมื่อไหร่เขาจะได้กัน 555+

คิดถึง เซโคร+ยูทาร์ แล้วก็หนูอานโน่กับสามี

จะเป็นไปได้ไหมนะที่จะมีสักภารกิจรวมสามคู่

รอตอนต่อไปเด้อ  :mew1:

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
◈ธาราที่20◈




แสงแดดยามสายของประเทศเขตร้อนค่อนข้างสว่างจ้าจนต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาสีเงินของผมสะท้อนภาพท้องฟ้าสีครามที่มีหมู่เมฆขนาดกลางค่อยๆ ลอยไปตามแรงลมด้านบนฟ้าในขณะที่นอนลอยตัวอยู่ในทะเลริมชายหาด


จากวันที่ได้ยกระดับความสัมพันธุ์เป็นแฟนของสามก็ผ่านมาสักใหญ่ พวกเราต่างออกไปทำภารกิจที่ส่งตรงจากหัวหน้าหน่อยปฏิบัติการพิเศษอยู่หลายครั้ง และในทุกครั้งก็ทำเอาไดโนเสาร์กลายพันธุ์อย่างผมต้องอึ้งในความสามารถของมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่พัฒนาขึ้นอยู่เสมอ


การเคลื่อนไหวใต้น้ำนับว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายสำหรับมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนบกเป็นส่วนมากแต่สามกลับเคลื่อนไหวร่างกายได้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของน้ำซึ่งถือว่าน่าตกใจมาก ตั้งแต่เกิดมาก็พึ่งเคยเห็นมนุษย์เคลื่อนไหวได้ราวกับสัตว์น้ำก็ครั้งนี้เอง


สามเก่งและไม่ใช่เก่งธรรมดาด้วย ต้องพูดว่าเก่งมาก


ระหว่างคิดเรื่องสามผมก็พลิกตัวมุดลงไปใต้น้ำอุ่นๆ จากการถูกแสงอาทิตย์แผดเผาไปจนถึงด้านล่างที่ลึกขึ้น ความอุ่นของน้ำถูกแทนที่ด้วยความหนาวเย็นเพราะแสงอาทิตย์เริ่มส่องลงมาไม่ถึง แม้บริเวณนี้จะไม่ลึกมากแต่ก็มากพอให้ผมรู้สึกสงบ


ใต้นี้ไม่มีเสียงดังน่ารำคาญเหมือนด้านบน ช่วงเวลาที่ผมชอบคือการได้อยู่ในน้ำแบบนี้...ส่วนช่วงเวลาที่ชอบที่สุดน่ะหรอ...


ตู้ม!


เสียงของน้ำที่กระจายตัวออกเรียกสายตาผมให้เงยขึ้นไปมองยังผิวน้ำก่อนจะเห็นภาพของมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในความคิดแหวกว่ายลงมาหาด้วยท้วงท่าอันงดงามจนแทบละสายตาไปไม่ได้


สาม


ปากที่กำลังจะอ้าเรียกปิดสนิทเมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้ถึงเรียกไปเสียงก็คงไม่ออก ในทะเลเสียงที่สามารถทำได้คือเสียงครางกับเสียงขู่เท่านั้นแหละ


ผมเตรียมจะว่ายขึ้นไปหาสามเพราะบริเวณที่ผมอยู่เป็นด้านใต้ที่มีโขดหินและฝูงปลาเล็กว่ายอยู่จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่สามจะหาผมเจอ ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่เพียงแค่ผมกำลังลอยตัวขึ้นไปดวงตาสีน้ำตาลกลับจับจ้องมายังผมก่อนริมฝีปากบางนั่นจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ท่าทางนั่นเหมือนจะบอกว่าเจอผมแล้วเลย


ร่างของสามดำลงมาลึกขึ้นจนถึงบริเวณที่ผมอยู่ ฝูงปลาตัวเล็กๆ ต่างแหวกว่ายอยู่รอบๆ อย่างไม่เกรงกลัวเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นพวกเรา มือของผมเอื้อมไปจับมืออีกฝ่ายทันทีที่ยื่นมาหาโดยไม่ลังเล ความเย็นของร่างกายเริ่มอุ่นขึ้นเมื่อกุมมือคนตรงหน้าไว้แน่นพร้อมกับปล่อยให้ตัวเองถูกลากขึ้นไปยังด้านบนผิวน้ำอย่างไม่ขัดขืน


ช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุดคือการได้อยู่กับสามใต้น้ำแบบนี้ มันเหมือนมีเพียงแค่เราสองคนอยู่ในห้องขนาดใหญ่ที่ไม่มีอันสิ้นสุด


“แฮ่ก...ผมเกือบหาไม่เจอแล้วนะลูก้า” เสียงบ่นเบาๆ ดังขึ้นหลังจากเราทั้งคู่โผล่พ้นผิวน้ำ


“ก็กำลังจะว่ายออกไปหาพอดี”


“รู้ด้วยเหรอว่าผมลงมา?”


“เสียงน้ำดังขนาดนั้น...หนักขึ้นสินะ”


“ผมไม่ได้อ้วนสักหน่อย” สามตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคืองๆ


“ผมไม่ได้บอกว่าอ้วนนี่นา”


“อ้วนกับน้ำหนักขึ้นมันก็เหมือนกันแหละ”


“ไม่เหมือนสักหน่อย สามน่ะผอมไปน้ำหนักขึ้นมาหน่อยก็ดีแล้ว ถ้าผอมมากๆ ตอนมีกระแสน้ำแรงๆ เดี๋ยวก็ต้านไม่อยู่หรอก” ผมบอกพลางเอื้อมมือไปแตะยังหัวไหล่แล้วลูบไล่ลงมาตามท่อนแขนที่ตอนนี้มีกล้ามเนื้อเล็กน้อย


“ถ้าผมว่ายไม่ไหวเดี๋ยวจะเกาะหลังนายไปแทน”


“ไม่กลัวโดนพิษผมรึไง”


“ผมรู้ว่าพิษของลูก้าอยู่ตรงไหนไม่มีพลาดหรอกน่า”


“มั่นใจจังนะทั้งที่ผมเคยทำให้สามบาดเจ็บแท้ๆ ” อยู่ๆ เรื่องตอนที่สามบาดเจ็บด้วยความรู้ของตัวเองก็ผุดเข้ามาในหัว


“ยังคิดถึงมันอยู่อีกเหรอ”


“มันไม่ใช่เรื่องที่จะลืมได้ในไม่กี่วันนี่”


“ผ่านมาหลายปีแล้วนะลูก้า”


“...เหรอ” สำหรับผมมันเหมือนพึ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี่เอง


“ผมอยากให้ลูก้าเข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั่นมันไม่ใช่ความผิดของลูก้า ลูก้าอาจคิดว่าเพราะตัวเองผมจึงเจ็บแต่ผมอยากให้คิดในมุมกลับกัน” สามพูดพร้อมกับฝ่ามืออุ่นที่ลูบใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองมาด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ทำเอาผมคว้าตัวอีกฝ่ายมากอดไว้แน่นทั้งๆ ที่ทรงตัวลอยอยู่เหนือน้ำ


“มุมกลับกันยังไง” ผมถามต่อโดยที่คลอเคลียไปตามเส้นผมสีดำ


“ถ้าผมไม่เจ็บในวันนั้น...อาจไม่มีพวกเราในวันนี้ก็ได้นะ” คำพูดของสามดังขึ้นพร้อมกับแขนที่กอดตอบผม


“สาม...” นึกว่าจะถูกดุที่คว้าตัวมากอดซะแล้ว ครั้งที่เผลอจูบไปก็ถูกเหวี่ยงลงทรายอย่างแรงจนเจ็บหลังไปหมด เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้พละกำลังไม่ได้น้อยเลยอาจจะมากว่าคนมีกล้ามหลายๆ คนด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเอาพลังไปเก็บไปส่วนไหนกัน


“อะไร มาคลอเคลียแบบนี้อยากได้ปลาเหรอ” สามพูดติดตลก


“...อยากได้สาม” ผมพึมพำกลับไปพร้อมกดจูบลงบนเส้นผมอันเปียกปอนตรงหน้า


สิ่งที่อยากได้ที่สุดตอนนี้ไม่ใช่อาหารแต่เป็นสาม มนุษย์ไม่ได้มีช่วงเวลาในการสืบพันธุ์เหมือนอย่างสัตว์ เพราะแบบนั้นถึงไม่ใช่ฤดูติดสัดก็ยังอยากจะครอบครองสาม


“วะ...ว่าไงนะลูก้า เหมือนจะฟังผิดไปสินะ” แขนที่กอดตอบเปลี่ยนมาดันแผนอกจนพวกเราแยกจากกันในเวลาอันรวดเร็ว


“ผมบอกว่าอยากได้สาม” ผมย้ำในสิ่งที่พูดอีกรอบ


“...” สามไม่ตอบแต่ดวงตาสีน้ำตาลนั่นเบิกกว้างพร้อมผิวสีน้ำผึ้งที่เห่อแดงไปทั้งตัว สามเป็นพวกที่เขินแล้วไม่ได้แดงแค่หน้าแต่เป็นทั้งตัว


น่ารักสุดๆ


“สาม...น่ารัก...”


“เงียบไปเลย!” เสียงตะโกนดังขึ้นขัดสิ่งที่ผมกำลังจะพูด หมัดอันรุนแรงถูกปล่อยออกมาฉียดแก้มไปเพียงไม่กี่เซน ถ้าหลบไม่ทันคงไม่ต้องบอกนะว่าแก้มคงช้ำไปแล้ว


“อย่ารุนแรงสิ”


“ก็ใครให้พูดอะไรลามกแบบนั้นเล่า!”


“ลามกตรงไหน ก็แค่พูดความจริง...เราเป็นแฟนกันแล้วเพราะงั้นเราก็น่าจะทำ...”


“ทำไปคนเดียวไป๊!” น้ำทะเลเค็มๆ สาดเข้าใบหน้าอย่างจังจนต้องสะบัดหน้าไปมา พอลืมตาขึ้นมาอีกทีสามก็ขึ้นฝั่งไปแล้ว


“อย่าเขินน่าสาม” ผมว่ายขึ้นฝั่นตามอีกฝ่ายไป


“ไม่ได้เขิน”


“แดงทั้งตัวแล้ว”


“ก็อย่ามองสิ!” สามบอกพลางใช้มือปิดหน้าตัวเองไม่ให้ผมเห็นใบหน้าแดงๆ นั่น


“น่ารักมากๆ เลย”


ทำไมถึงได้ถูกดึงดูดได้มากขนาดนี้นะ


ไม่ว่าจะเป็นสายตา น้ำเสียง หรือแม้แต่การกระทำ


ไม่ว่าจะอะไรถ้าเป็นสามมันน่ามองไปหมด ท่าทางเขินอายนั่นผมอยากจะดึงอีกฝ่ายมาฟัดให้หายอยากจริงๆ แต่ถ้าผมทำคงไม่จบแค่ถูกทุ่มลงทรายหรอก


“ทำไมชอบแกล้ง”


“เปล่าสักหน่อย”


“มีแค่ผมที่อายแทบตายแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด” สามหันหน้ามาเผชิญกับผมตรงๆ สายตานั่นบอกว่ากำลังไม่พอใจ


“สาม...”


“ลูก้าน่ะ ชอบผมรึเปล่า”


“อืม ชอบ...รักด้วย” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด


“งั้นทำไมไม่เห็นจะหน้าแดงเวลาอยู่กับผมเลยสักนิด” ดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้าหรี่ลงอย่างสงสัย ไม่กี่วินาทีต่อมาสามก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวผมแล้วใช้มือวางบนแผ่นอกแล้วลูบไปมาเบาๆ


“อึก! สาม” ผมถึงกับสะดุ้งถอยหลังจนติดหับหน้าผาด้านหลัง สัมผัสของการลูบนั่นไม่เหมือนปกติแต่ราวกับกำลังถูกยั่วยวน


“โอ๊ะ...หน้าแดงแล้ว อะไรแค่ผมลูบเบาๆ เองนะ” ดูสามจะสนุกกับปฏิกิริยาผมเลยไม่ยอมหยุดมือที่ลูบนี่สักที


“สาม...หยุดเลย”


“ทำไม? นายทำผมเขินก่อนนี่ ขอเอาคืนหน่อยละกัน...เฮ้ย!”


พรึ่บ!


ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่ว่าสติที่มีมันเริ่มเลือนรางลงทุกที ยิ่งเห็นสามทำท่าเหมือนเชิญชวนผมก็ทนไม่ไหวจับอีกฝ่ายให้เปลี่ยนมาพิงหน้าผาโดยมีผมขยับตัวเข้าไปแนบชิด


“รู้ตัวไหมว่ากำลังทำผมทนไม่ไหว” ผมก้มลงไปกระซิบก่อนจะขบลำคอสีน้ำผึ้งเบาๆ เป็นการเตือนว่าอย่ามาเชิญชวนกันแบบนี้ถ้าไม่อยากให้ผมหมดความอดทน


สามอาจแข็งแรงกว่ามนุษย์ปกติแต่ไม่ว่าจะแข็งแรงยังไงก็เทียบกับผมที่มีสายเลือดของไดโนเสาร์ครึ่งหนึ่งไม่ได้หรอก ถ้าผมทนไม่ไหวอาจจะทำเรื่องที่ร้ายกาจกว่านี้ลงไป และเมื่อถึงจุดนั้นต่อให้สามพยายามจะหยุดมันก็อาจหยุดไม่ได้


ผมรู้ว่าอารมณ์อยากครอบครองของตัวเองมันมาก และอาจมากว่าไดโนเสาร์กลายพันธุ์คนอื่นๆ ด้วย เพราะงั้นผมถึงอดทน ไม่อยากให้สามต้องฝืน ไม่อยากให้ต้องเจ็บ แต่ถ้ามาทำอะไรน่ารักๆ แบบนี้อีกผมคงทนไม่ไหว


“ละ...ลูก้า...”


“อย่าทำตัวน่ารักให้มากนักถ้าไม่อยากให้ผมทำมากกว่านี้” ผมสบตากับสามอย่างจริงจังเพื่อสื่อว่าผมพูดจริง


“...ผมไม่คิดจะยอมง่ายๆ หรอกนะ” เหมือนสามเองก็จะรู้ว่าผมสื่อถึงอะไรเพราะดวงตาสีน้ำตาลนั่นแม้จะสั่นระริกแต่ก็แฝงไปด้วยความไม่ยอมแพ้จนผมหลุดยิ้มออกมา


นี่สิคู่ของผม


ต่อให้รู้ว่าไม่มีทางชนะได้ก็ยังไม่ยอมแพ้


“งั้นมาลองกันไหมล่ะ ว่าใครต้องเป็นฝ่ายยอม” ถึงจะไม่เคยแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้ถึงวิธีทำ


“ตอนนี้?”


“ใช่”


“ฮะ...เอ่อ”


“หึ...” ผมถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อเห็นท่าทางรุกรี้รุกรนนั่น อยู่กับสามผมมีความสุขที่สุดแล้วจริงๆ ความจริงผมไม่ได้อยากจะบังคับเดี๋ยวนี้หรอกแค่อยากแกล้งเท่านั้นเอง แต่ถ้าได้...ก็ดี


“คือว่านะลูก้า ผม...”


ครื่นนนน~  ครื่นนนน~


ความสุขจากการแกล้งคนรักถูกตัดฉับด้วยเสียงของโทรศัพท์ที่ดังขึ้น คิ้วของผมขมวดเข้าหากันด้วยอารมณ์ไม่ดีนักเนื่องจากถูกสิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์ขัดจังหวะอยู่ตลอด ครั้งก่อนก็ตอนจูบและครั้งนี้อีก


“ลูก้า...ขอผมไปรับก่อนนะ” สามบอกก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในเสื้อคลุมสีเทาบนพื้นขึ้นมารับสายด้วยใบหน้าที่ยังแดงไม่หาย พอเห็นใบหน้าแดงๆ นั่นอารมณ์ไม่ดีที่กำลังเกิดก็ปลิวหายไปทันที


เอาเถอะ


ไว้ครั้งหน้าก็ได้


“คุณเซโคร?” ผมเดินเข้าไปถามเมื่อเห็นสีหน้าเครียดๆ ของสาม


“...พันธุ์อะไรนะ พูดเป็นเล่นเซโครผมไม่ขำด้วยนะถ้าเป็นเจ้านั่นน่ะ” สามพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าใช่ก่อนจะคุยกับปลายสายต่อ


“แถวไหนล่ะ...ให้ไปทางเฮลิคอปเตอร์เหรอ? เข้าใจแล้ว เดี๋ยวติดต่อไป” พูดจบสามก็ลดโทรศัพท์ในมือลง


“ภารกิจสินะ” ผมพูดโดยที่รู้คำตอบอยู่แล้ว


“ใช่...ไม่มีเวลาเปลี่ยนชุดแล้ว ไปกันลูก้า” สามวิ่งนำออกไปทั้งที่เสื้อผ้าอยังเปียกชื้นจากน้ำทะเลเมื่อครู่ ผมวิ่งตามสามขึ้นมายังดาดฟ้าที่มีเฮลิคอปเตอร์จอดรออยู่ ไม่ต้องพูดอะไรให้เสียเวลาพอพวกเราขึ้นไปนั่งเฮลิคอปเตอร์ก็ขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว


“สาม”


“อืม...ภารกิจครั้งนี้คือไปจัดการกับดาโกซอรัส” สามเริ่มอธิบายเมื่อรู้ว่าผมต้องการฟังรายละเอียดของภารกิจมากกว่านี้


“ดาโกซอรัส...เหมือนจะได้ยินมาก่อน เหมือนจะเป็นไดโนเสาร์ที่ไม่ใหญ่มากประมาณ5เมตร แบบนั้นไม่น่าจะจัดการยากเท่าไหร่” ผมพึมพำออกไประหว่างนึก


“ผมให้โอกาสคิดใหม่ลูก้า”


“ผมบอกผิดเหรอ?” ยังไงเรื่องจดจำก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมถนัดอยู่แล้ว การจะจำผิดไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


“เปล่า ที่บอกว่ายาวประมาณ5เมตรน่ะถูกแล้ว แต่ที่ให้คิดใหม่คือที่บอกว่าจัดการไม่ยากต่างหาก”


“ยังไง”


“รู้ความหมายของคำว่าดาโกซอรัสรึเปล่าล่ะ” สามถามกลับ


“...ไม่รู้”


“ดาโกซอรัส ชื่อของมันมีความหมายว่ากิ้งก่าจอมฉีกเนื้อ”


“กิ้งก่าจอมฉีกเนื้อ...”


“ใช่ แล้วรู้ไหมว่าทำไมมันถึงได้ชื่อนั้น”


“...ไม่รู้”


“ไดโนเสาร์น้ำกับไดโนเสาร์บกจะมีฟันหรือเขี้ยวที่มีลักษณะต่างกันตามแต่สายพันธุ์ เพียงแต่ไดโนเสาร์น้ำส่วนมากจะมีฟันเรียว คมและบางเพราะสภาพแวดล้อมในการล่าในน้ำจำเป็นต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ยิ่งฟันใหญ่ก็จะทำให้มีน้ำหนักมากจึงถ่วงเวลาเคลื่อนไหวต่างจากไดโนเสาร์บกที่ไม่ต้องสนเรื่องขนาดหรือน้ำหนักทำให้ฟันของพวกมันมีขนาดใหญ่และหนักกว่าไดโนเสาร์น้ำ”


“แล้วเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับดาโกซอรัสยังไง” ผมถามต่อเพราะยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่สามต้องการจะสื่อ


“ผมจะบอกว่าดาโกซอรัสเป็นไดโนเสาร์น้ำที่มีฟันเหมือนไดโนเสาร์บก”


“...เรื่องนี้ไม่ขำสักนิด” ฟันเหมือนไดโนเสาร์บกเหรอ แปลว่านอกจากจะใหญ่แล้วยังมีพลังในการกัดมากกว่า


“เห็นด้วย ขำไม่ออกเลย เจอแต่ตัวอันตราย” สามเอนหลังไปพิงเบาะพลางถอนหายใจยาว


“แต่ถ้าเป็นแบบนั้นแปลว่ามันต้องเคลื่อนไหวช้า”


“ใช่ นั่นเป็นข้อได้เปรียบของเรา การเคลื่อนไหวมันอาจช้าแต่ก็แค่ช้ากว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้น เพราะงั้นห้ามประมาทเด็ดขาด ต้องระวังการโจมตีของดาโกซอรัสให้ดีอย่าให้มันโจมตีได้โดยเฉพาะช่วงคอของนายที่เป็นจุดอ่อน” สามอธิบายด้วยใบหน้าเครียดๆ


อย่างที่สามพูด ลำคอผมในร่างไดโนเสาร์ถือเป็นจุดอ่อนหลักถ้าถูกฟันของดาโกซอรัสกัดอาจจะขาดในไม่กี่วินาทีก็เป็นได้


“เข้าใจแล้ว ไม่ประมาทแน่”


“โอเค”


“ทำไมให้มาทางเฮลิคอปเตอร์ล่ะ?”


“มันเร็วกว่าทางเรือ เพียงแต่มันก็เสี่ยงเวลากระโดดลงไป”


“ผมจะกลับร่างคอยรับสามเอง” ผมบอกกลับไป


“รบกวนหน่อยละกัน”


“ได้”


“ถึงแล้วครับ” เสียงตะโกนเรียกดังขึ้นพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ที่หยุดเคลื่อนไหว


“เอาล่ะ ไปกัน” หน้ากากสำหรับดำน้ำถูกสวมใส่อย่างไม่รีบร้อน


“อืม” ผมพยักหน้าก่อนจะเป็นคนแรกที่กระโดดลงไปด้านล่าง



(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อนะคะ)




ร่างของมนุษย์ค่อยๆ แปรเปลี่ยนระหว่างที่กำลังจะลงสู่ผิวน้ำ ส่วนหัวขนาดใหญ่ยืดออกแล้วหันไปมองรอบกายจนสายตาไปสะดุดเข้ากับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกล แต่ไม่ทันได้คิดอะไรสามที่ตามลงมาก็คว้าคอผมเกาะไว้แน่นก่อนร่างขนาดใหญ่จะพุ่งสู่ผืนน้ำด้านล่างด้วยความเร็วสูง


ดวงตาของผมจะเห็นชัดที่สุดเมื่ออยู่ใต้น้ำจึงได้มองหาดาโกซอรัสที่น่าจะอยู่ไม่ไกลทว่าผ่านไปสักพักกลับไม่เห็นวี่แววเลย ไม่ใช่แค่วี่แววของดาโกซอรัสแต่วี่แววของสิ่งมีชีวิตก็ยังไม่เห็น ปกติน่าจะมีฝูงปลาหรือฝูงสัตว์อยู่ในระแวกนี้แต่นี่กลับไม่มีเลย


งี๊ดดด~


ผมครางเรียกสามที่น่าจะรู้สึกถึงเรื่องเดียวกันนี้ ฝ่ามืออุ่นๆ ลูบลำคอผมไปมาก่อนร่างของสามจะว่ายมาตรงหน้า แม้สามจะไม่สามารถส่งเสียงในน้ำได้แต่ด้วยท่าทางและสายตาที่แสดงออกมาทำให้ผมรู้ถึงที่ที่ต้องการบอก สามชี้นิ้วมายังผมก่อนจะชี้ไปยังฝั่งหนึ่งของมหาสมุทรนั่นทำให้ผมรีบส่ายหัวตัวเองไปมาจนเกิดกระแสน้ำขึ้น


สิ่งที่สามกำลังจะให้ทำคือแยกกันค้นหา


ใครจะให้สามไปคนเดียวกัน


ไม่มีทาง


พอแผนไม่ได้รับการอนุมัติจากผมสามก็ทำหน้ามุ่ยพลางกอดอกทั้งที่ลอยตัวอยู่ใต้น้ำ


ผมก็อยากจะขำกับท่าทางนั้นอยู่หรอกถ้าไม่ติดที่ว่าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ดวงตาสีเงินของผมเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อได้เห็นร่างสีน้ำเงินเข้มและฟันขนาดใหญ่ที่อ้าออกกว้างหมายจะจัดการเหยื่อด้วยการโจมตีเดียว เนื่องจากเวลาที่มีไม่พอที่จะส่งเสียงบอกสามผมเลยตัดสินใจใช้ปากคาบสามไว้ก่อนจะม้วนตัวเป็นก้อนกลมๆเพื่อป้องกันการโจมที่ปะทะเข้ามา


งี๊ดด!


แรงกัดฝังลงบนเกราะกลางหลังจนรู้สึกชาวาบ เกราะของไดโนเสาร์บกที่ไม่เคยถูกผ่านได้มาก่อนกลับถูกฟันนั่นกัดฝังเข้ามาได้อย่างง่ายดาย หนวดสีน้ำเงินใสซึ่งมีพิษของแมงกะพรุนกล่องถูกสะบัดสยายไปรอบๆ หวังว่าจะโดนตัวศัตรูที่พึ่งละออกไป


ผมไม่มั่นใจว่าถ้าออกไปจากการป้องกันนี่จะปลอดภัยไหม


ไม่แน่ว่ามันอาจจะกำลังรอจังหวะพอลดการป้องกันก็จะเข้ามาโจมตี


ถ้ามาเลือกโจมตีผมก็คงไม่เท่าไหร่แต่ถ้าเป็นสามคงหลบการโจมตีนั่นได้ยาก ในขณะที่ม้วนตัวป้องกันสามก็ขยับตัวอยู่ตลอดเหมือนจะให้ผมคลายการป้องกันนี่ ถ้าเป็นสามคงรู้ถึงสถานการณ์นี้แล้วเหลือแค่จะจัดการยังไง


กึก!


ทั้งที่มองไม่เห็น


ไม่ได้ยิน


แต่กลับรับรู้ได้ผ่านสัมผัสของมือที่ทาบลงบนผิวตัวเอง ความรู้สึกนี้เหมือนได้รับการเชื่อมต่อความรู้สึก ไม่จำเป็นต้องเห็นหรือได้ยืน เพียงแค่ฝ่ามือนั้นสำผัสผมก็รู้ถึงสิ่งที่สามจะบอก


สามกำลังบอกว่าไม่เป็นไร ให้ปล่อยออกไป


ผมเชื่อสาม


ถ้าเป็นสิ่งที่สามพูด...ผมจะทำตาม


ผมที่ม้วนตัวกลมค่อยๆ คลายการป้องกันอย่างระมัดระวัง ดวงตาสีเงินของผมหันไปมองยังบริเวณที่มีกลิ่นเลือดดคลุ้งแทบจะทันที เลือดนั่นคงเป็นตอนที่กัดผมก่อนหน้านี้


กรรรรรร~


กรรรรรรร~


ทั้งดาโกซอรัสและผมต่างขู่คำรามออกมาจนผืนน้ำเริ่มสะเทือน สามเองก็ขึ้นมาอยู่บนหลังผมพร้อมอาวุธสีใสถูกนำออกมาเตรียมพร้อม


กรรรร~


ฝ่ายที่เปิดการโจมตีก่อนคือดาโกซอรัสที่พุ่งเข้ามา ปากขนาดใหญ่อ้าออกกว้างจนเห็นฟันอันแหลมคมนั่นอย่างชัดเจนทว่าผมกลับไม่รู้สึกหวาดหวั่นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว บนหลังผมมีสามอยู่


ผมจะปกป้องสามเอง!


กรรรร~


ผมตอบรับการโจมตีนั่นด้วยการลอยตัวขึ้นไปด้านบนในจังหวะที่ดาโกซอรัสพุ่งมา และอาศัยจังหวะนั้นใช้หัวกระแทกหัวจนดาโกซอรัสกระเด็นไป เมื่อมีโอกาสผมก็ไม่คิดจะรออยู่เฉยๆ ให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้เลยรีบว่ายตามดาโกซอรัสที่กำลังมึนงงจากการถูกกระแทกเมื่อครู่ เพราะดาโกซอรัสกำลังสะบัดส่วนหัวไปมาอยู่เลยไม่สังเกตถึงผมที่พุ่งเข้าไปโจมจีอีกรอบโดยอ้าปากอันเต็มไปด้วยฟันอันแหลมคมออกแล้วจัดการขย้ำไปยังลำคอที่คาดว่าจะอ่อนแอกว่าส่วนอื่นอย่างไม่ลังเล


งี๊ดดด~


เสียงครางอย่างเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมกับร่างขอดาโกซอรัสที่ดิ้นไปมาทว่าผมก็ยังคงไม่ยอมปล่อยเขี้ยวที่จมอยู่ในลำคอนั่นออก ผมรู้ถ้าปล่อยดาโกซอรัสต้องเข้ามาโจมตีแน่


พวกเราอาจสามารถสื่อสารกันได้แต่ดูจากก่อนหน้านี้ดาโกซอรัสไม่คิดจะพูดคุยกันสักนิด


ทันทีที่สัมผัสของสามที่เกาะอยู่หายไปผมก็เกือบจะปล่อยดาโกซอรัสให้เป็นอิสระแต่ก่อนจะทำแบบนั้นร่างของสามก็ว่ายผ่านหน้าผมไปจนถึงส่วนหัวของดาโกซอรัส อาวุธขนาดเล็กถูกใช้อย่างคล่องแคล่วเพียงไม่กี่วินาทีร่างที่ดิ้นไปมาก็สงบลง


สามทำอะไร


‘ช่วย...’


อะไรน่ะ เสียงขอดาโกซอรัสเหรอ


ก่อนหน้านี้ไม่เห็นพูดอะไรนึกว่าไม่อยากคุยซะอีก


‘ช่วยอะไร’ ผมปล่อยคอของดาโกซอรัสเมื่อสามกลับมาหาแล้ว


‘ช่วย...อ๊ากก~’ ยังไม่ทันได้ตอบกระแสไฟฟ้าจากที่ไหนสักแห่งก็แผ่ขยายออกมาจากตัวของดาโกซอรัสไปทั่วผืนน้ำแม้แต่ผมที่รีบว่ายออกมาเองก็ถูกกระแสไฟฟ้านั่นทำเอาร่างกายชาไปหมด ร่างกายของดาโกซอรัสหยุดเคลื่อนไหวเมื่อกระแสไฟฟ้ารอบนั่นๆ หายไป


แทบไม่ต้องเข้าไปใกล้ผมก็รับรู้ได้ว่าดาโกซอรัสไม่มีชีวิตอีกแล้ว


เกิดอะไรขึ้นกัน?!


งี๊ดดด~


ผมร้องเรียกสามที่ว่ายเข้าไปใกล้ร่างอันไร้วิญญาณของดาโกซอรัสด้วยใบหน้าบอกไม่ถูก ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ได้อย่างหนึ่งคือที่นี่มันอันตราย


งี๊ดดด~


สาม


เหมือนสามจะรู้ว่าผมเรียกเลยหันกลับมาก่อนจะเอื้อมมือมาลูบส่วนปากที่ยาวออกมาของผมเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลใต้หน้ากากมีน้ำใสๆ เอ่อล้นออกมา เพียงแค่เห็นมันหัวใจผมก็ชาวาบไปหมด


สาม...ร้องไห้


งี๊ดด!


เป็นอะไร


สามส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะชี้ไปยังร่างของดาโกซอรัสแล้วชี้ขึ้นไปบนผิวน้ำ  สิ่งที่สามต้องการจะสื่อผมเข้าใจในทันที สามอยากให้เอาร่างของดาโกซอรัสขึ้นไป


งี๊ดด!


ผมพยักหน้าพร้อมว่ายเอาร่างดาโกซอรัสไว้ยังหลังแล้วว่ายขึ้นไปด้านบนโดยมีสามว่ายตามมาติดๆ ด้านบนของผิวน้ำยังคงมีเฮลิคอปเตอร์ลำเดิมบินวนรออยู่ พอเห็นพวกเราขึ้นมาบันไดยาวก็ถูกทิ้งลงมา


“เรากลับทั้งแบบนี้ไม่ได้” สามพึมพำพลางมองไปยังร่างของดาโกซอรัสบนหลัง ผมไม่อาจกลับร่างมนุษย์ได้เพราะมีดาโกซอรัสอยู่บนหลัง ถ้ากลับร่างมนุษย์คงไม่สามารถแบกร่างที่หนักหลายตันได้


“ลูก้า กระแสไฟฟ้าเมื่อกี๊ไม่เป็นไรนะ” สามหันมาถามด้วยใบหน้าห่วง


งี๊ดด!


ไม่เป็นไร


ความชาที่มีตอนนี้ก็หายไปแล้ว


“โอเค...แล้วพอมีแรงเหลือไหม” สามถามต่อ


กรรรรรรร~


ผมส่งเสียงคำรามตอบกลับแสดงถึงเรี่ยวแรงที่ยังมีเหลือเฟือ


“คิก! เชื่อแล้วว่ามีแรงเหลือ งั้นว่ายไปเกาะข้างๆ กันผมจะติดต่อให้เอาเรือมารอรับ อ้อ...ต้องบอกให้เฮลิคอปเตอร์กลับไปก่อนด้วยสิ” สามบอกระหว่างที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก ดูเหมือนจะเป็นรุ่นกันน้ำแบบพิเศษไม่งั้นคงไม่มีทางโทรติดหลังจากลงไปอยู่ใต้น้ำเป็นสิบนาทีหรอก


“คุณต้นเอาบันไดขึ้นแล้วกลับไปได้เลยครับ อ้อ รบกวนติดต่อทางนั้นให้เอาเรือมารับที่เกาะข้างๆ ด้วยนะครับพอดีจะเอาร่างของดาโกซอรัสกลับปด้วย ขอบคุณครับ” เมื่อการสื่อสารจบลงสามก็ว่ายไปดูร่างของดาโกซอรัส


งี๊ดดด!


ไม่เป็นไรนะสาม


“...ผมไม่อยากคิดเลยว่าเรื่องนี้มันจะใหญ่ขนาดไหน”


งี๊ดดด!


หมายถึงอะไร?


“เราไปกันเถอะลูก้า รีบออกไปจากสถานที่อันตรายนี่กัน” สามเองก็เหมือนผมที่รับรู้ได้ว่าที่นอกจากจะไม่ปลอดภัยแล้วยังอันตรายอีก ผมว่ายน้ำไปตามทางที่สามบอกจนถึงเกาะขนาดเล็กแห่งหนึ่งพร้อมกับร่างของดาโกซอรัสที่ถูกเคลื่อนมาจนถึงชาดหาย ร่างไดโนเสาร์ยักษ์ของผมกลับสู่ร่างมนุษย์ก่อนจะใส่เสื้อผ้าที่เตรียมอยู่ในกระเป๋าสาม


“สาม...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผมไม่รอช้ารีบถามคำถามที่คาใจที่สุดออกไป


เรื่องนี้มันไม่ปกติเลย


“ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน” สามบอกในขณะที่สำรวจร่างของดาโกซอรัสอยู่


“ผมนึกว่าสามรู้”


“ตอนนี้ผมต้องรวบรวมข้อมูลให้มากกว่านี้ แค่นี้ผมยังไม่สามารถตอบอะไรได้”


“กระแสไฟฟ้านั่นไม่ปกติ” ผมพูดต่อ


“ใช่ ไม่ปกติเลย ถ้าลูก้าอยู่ใกล้กว่านั้นคงอันตรายไปแล้ว น้ำเป็นสื่อที่กะจายกระแสไฟฟ้าได้ดีในระดับหนึ่งมันเลยกระจายตัวเป็นวงกว้างแบบนั้น ที่ไม่เข้าใจคือมันมาจากไหนแล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้” สามพูดด้วยใบหน้าเครียดๆ


“สามร้องไห้” ภาพตอนอยู่ใต้น้ำผมยังจำได้ดี


“ดาโกซอรัสไม่ควรตาย ผมหยุดเขาไว้แล้วไม่คิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้”


“สาม...”


“ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กอย่างเกิดความผิดพลาดหรืออะไรหรอกนะ”


“สามจะบอกอะไร”


“ต้องมีคนคิดจะทำอะไรบางอย่าง”


“อะไรล่ะ”


“นั่นคือสิ่งที่เราต้องหาลูก้า”


“แล้วจะหายังไง”


“อย่างแรกคงต้องชันสูจศพของดาโกซอรัส”


“...สามทำได้?” มันดูไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำ


“ได้สิ แต่คงต้องเรียกคนสักคนมาช่วย”


“ใคร?”


“หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษ...ไทรแอสสิก เบนซ์ ฟงเซ่”

...........................................................

จบไปแล้วกับอีกหนึ่งตอน...เนื้อหาในช่วงสุดกำลังค่อยๆ เผยออกมาแล้ว

เหลืออีกเพียงไม่กี่ตอนเรื่องนี้ก็จะจบแล้วนะ

รู้สึกใจหายอยู่หน่อยๆ ที่จะไม่ได้แต่งเรื่องราวของทั้งคู่แล้ว ยิ่งแต่งยิ่งรู้สึกชอบในตัวตนของลูก้ามากๆๆๆๆ

มากขนาดที่อยากแบบนี้สักคน 555

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามตอนหน้านะคะ

บ๊ายบาย

--------------มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์---------------

วันนี้ขอเสนอดาโกซอรัส




ดาโกซอรัสคล้ายบรรพบุรุษของจระเข้ในทะเลยุกจูแรสซิก มีรูปร่างเพรียวบางแด้วยฟันที่แหลมคมที่แหลมคมและน่ากลัวจึงได้ชื่อที่แปลได้ว่า "กิ้งก่าจอมฉีกเนื้อ" พวกมันมีส่วนหัวคล้ายกับไดโนเสาร์กินเนื้อ มีความยาวประมาณ 4-5 เมตร

เครดิตรูปและข้อมูล : wikipediaและหนังสือประจันหน้าเจ้าสมุทร

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ไม่อยากให้มีความตายเกิดขึ้นเลย ทุกอย่างที่ทำคือการป้องกันตัวหรือไม่ก็สู้ตามสัญชาตญาณ ใครทำเรื่องแบบนี้ :serius2:

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
เปิดตอนด้วยอารมณ์อยู่ในห้วงรักของสองหนุ่มน้อย
เขาจีบกันค่ะคุณ ลูก้ารุกสามหนักขึ้นทุกที เราก็นับวันรอสามใจอ่อนแล้วเน่อ

ตอนหน้าจะเป็นการรวมทีมเฉพาะกิจใช่ไหมคะ ><

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
เริ่มมีปมแล้วววว
กระแสไฟฟ้ามาจากไหน สู้กันอยู่กลางทะเล ใต้น้ำแท้ๆ
แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าลงน้ำคือ ไม่จำกัดขอบเขตความเสียหายเลยอะ
รอค่าาาาา ไม่อยากให้จบเลยย

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ไฟฟ้ามาได้อย่างไรกัน นี่มันกลางทะเลนะจ๊ะ

ออฟไลน์ awfsp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เรื่องใหญ่มาละสินะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด