[ เ ล่ น ข อ ง เ ตี้ ย ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ เ ล่ น ข อ ง เ ตี้ ย ]  (อ่าน 971056 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12






   กล้าเดินสวนกันกับพวกนักบาสทีมโรงเรียน พวกนั้นทยอยออกมาจากโรงยิม ท่าทางเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าที่จะสนใจว่าผมกับกล้าเป็นใคร ตอนที่เราเข้าไปในนั้น พระอาทิตย์ก็ตกดินพอดี...รอบข้างของเราเริ่มมืดสนิท ไฟในโรงยิมเริ่มดับลงทีละดวงๆ

   นี่แหละครับบรรยากาศเก่าๆ ของผมกับกล้า

   คนอย่างมันน่ะเหรอจะยอมอยู่กับผมสองต่อสองถ้าไม่ใช่ที่ลับหูลับตาคน เมื่อก่อนมันเป็นที่จับตามอง อีกทั้งยังโดนถามทั้งวี่ทั้งวันว่ามันเป็นอะไรกับผม เพราะฉะนั้นมันก็เลยแก้ปัญหาด้วยการบอกให้ผมมารอที่โรงยิมหลังพระอาทิตย์ตก เพราะมันก็จะมารอผมที่นี่เหมือนกัน

   นั่นน่ะเหรอคนที่ไม่มีใจให้ผม นั่นน่ะเหรอคนที่ตัดสินใจที่จะเทผม...เข้าใจหรือยังครับว่าทำไมผมถึงมั่นอกมั่นใจนักว่ากล้าแม่งชอบผมมาก...

   ก็เพราะสิ่งที่มันแสดงออกไงครับ แม่งสวนทางกับคำพูดเรื่องที่ว่ามันไม่ชอบผมโคตรๆ...

   ตอนนั้นผมยังไม่ประสีประสา...การที่ได้รอกล้าได้ที่มืดๆ และได้เห็นกล้ามาหาผมคือเรื่องดีใจที่สุดในตอนนั้นแล้ว แม้ว่าผมจะเริ่มมีความรู้สึกในส่วนของ ‘นายท่านน้อย’ อยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะทำตัวเสี่ยงบาทาให้กล้ามันเอ่ยปากบอกไม่ชอบผมเพิ่มมากขึ้นหรอก

   ผมทำได้แค่เก็บความต้องการนั้นเอาไว้...แม้ว่ามันจะมากขึ้นๆ ทุกทีก็ตาม

   นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต...ตอนนี้ผมได้ทั้งตัวและหัวใจของกล้ามาแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่เรียกว่าเป็นความสุขสูงสุดของผม

   เราขึ้นมาบนโรงยิมที่เป็นสนามบาส ยังมีเด็กนักเรียนอยู่สองสามคนกำลังเก็บลูกบาสและทำความสะอาดสนามอยู่ ทุกคนดูยุ่งเกินกว่าที่จะสนใจคนแก่อย่างผมกับกล้าที่เข้ามานั่งมองดูข้างๆ สนาม

   กล้ามองไปที่ข้างหน้า...จมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเองจนผมไม่กล้ารบกวน

   “ตอนนั้นแม่งมีความสุขดีนะ” กล้าค่อยๆ เอ่ยออกมา “กูไม่ได้คิดอะไรเลย นอกจากใช้ชีวิตให้สนุกไปวันๆ”

   “นั่นสิ”

   “มึงก็เป็นเหมือนกันเหรอ”

   “ยังไงวะ”

   “ตอนนั้นกูนึกว่ามึงจะทุกข์ซะอีก มันเหนื่อยนะกับการที่จะต้องมาวิ่งตามกูอยู่ฝ่ายเดียว”

   ผมยิ้มเบาๆ “ถ้ามันไม่คุ้มกับการวิ่งตาม...กูจะทำไปทำไมวะกล้า”

   “...”

   “กูดูออกน่าว่ามึงคิดอะไรกับกู”

   “มึงเคยนึกภาพบ้างป่ะว่าเราจะกลายเป็นคู่ที่โดนสังคมด่าแบบนี้” เสียงของกล้าสั่นเครือจนผมนึกหวั่นใจ

   “กูไม่เคยคิดเลย”

   “กูก็เหมือนกัน”

   “กล้า” ผมเอื้อมมือไปวางบนเข่าของมัน “กูขอโทษ กูไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ”

   “...”

   “มึงอาจจะต้องใช้แรงและก็พลังงานในการปรับตัวเข้าหากูสูงมาก”

   “...”

   “มึงทำเพื่อกูได้มั้ย”

   กล้าค่อยๆ วางมือของมันบนมือผม แหวนของมันกับแหวนของผมที่นิ้วกลางทับกันพอดี...มันยังไม่ตอบคำถามของผม...นัยน์ตาของมันนั้นเหมือนกำลังคิดหนักจนผมนึกอยากเปลี่ยนเรื่อง

   เพราะผมกลัวคำตอบ...

   “ลงไปข้างล่างกันเถอะ กูมีความลับจะบอกมึง” กล้าชวนผมอีกรอบ...วันนี้มันเอ่ยปากชวนผมบ่อยมาก

   “ความลับอะไรวะ”

   “เป็นความลับที่กูไม่เคยบอกใครทั้งนั้น”

   “...”

   “กูจะบอกมึงคนแรก”

   “มัน...ดีมั้ย” ผมถามอย่างหวาดหวั่น

   “ดีสิวะ” มันกระตุกมือผมแล้วลากผมเดินลงไป

   “มึงจำได้เปล่าว่าโรงยิมมันมีเวลาเปิดปิดน่ะ”

   “จำได้สิ”

   “อีกครึ่งชั่วโมงมันก็ปิดแล้ว”

   “มึงถามเหมือนมึงคิดว่ากูกับมึงจะลงไปทำอะไรกันข้างล่างนั่น” กล้าเลิกคิ้ว

   ฉิบหายละ...ผมไม่ได้ตั้งใจคิดแบบนั้น แต่ผมก็คิดไปแล้ว ตอนนี้ในโรงยิมคงมีคนเพียงไม่กี่คน คนเราเป็นแฟนกันและอยู่ในที่มืดๆ กันสองคน...มันจะทำอะไรกันก็ได้ครับ เพราะโตๆ กันแล้ว

   เอ่อ...ผมเริ่มกลืนน้ำลายลงคอแล้วสิ

   “เปล่าสักหน่อย” ผมปฏิเสธเสียงไม่เต็มปาก

   ข้างล่างมีแต่ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬามืดๆ และมีแสงสว่างสลัวๆ จากชั้นบน...ตรงนี้ไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากเราสองคน ซึ่งผมเริ่มมองว่ามันน่าสยดสยองมากกว่าที่เราทั้งคู่จะทำอะไรแปลกๆ กันแถวนี้นะ

   “กล้า...” ผมร้องเรียกเพื่อเตือนสติ “มันมืดมากนะ”

   “นี่มึงเป็นพระเอกจริงๆ ป่ะเนี่ย”

   “หา”

   “ถ้ามึงป๊อดกูจะเป็นพระเอกแทนมึงแล้วนะ”

   มันพูดกับผมแบบนี้จริงๆ ครับ...ผมไม่ได้ป๊อดสักหน่อย ผมแค่รู้สึกว่าสิ่งที่ผมกับกล้ากำลังทำในตอนนี้มันไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์

   ผมคงเป็นคุณชายจริงๆ สมกับคำที่กล้าพูดถึงผมนั่นแหละ แค่ทำผิดนิดผิดหน่อยก็เริ่มระแวงกลัวน้ายามจับได้แล้วเนี่ย

   “มึงเคยมารอกูแถวๆ นี้ใช่ป่ะ” มันถามเมื่อเราเดินผ่านห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาที่อยู่ใกล้ประตูทางออกมากที่สุด ถ้าเราทั้งคู่เดินเข้าไปลึกกว่านี้...เราก็แทบจะมองไม่เห็นอะไรกันแล้วครับ

   “อื้ม”

   มันบีบมือผมแน่นขึ้น...ผมเริ่มกลืนน้ำลายลงคอมากขึ้นเพราะบรรยากาศตอนนี้แม่งเป็นใจมาก ถึงแม้ว่ามันจะมืดไปสักนิดก็เถอะ แต่พอมาอยู่กันสองคนแบบนี้มันก็...

   “จริงๆ แล้วตอนนั้น...กูอยากให้มึงมารอห้องนี้” มันดึงมือผมให้เดินตามเข้าไป เป็นห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาที่อยู่ลึกเข้าไปอีก...ห้องนั้นจัดได้ว่าไม่ค่อยมีใครใช้ เพราะมันเอาไว้เก็บเบาะ ไม่ได้เอาไว้เก็บพวกลูกบอลต่างๆ “ตอนนั้นกูหวัง...ให้มึงกับกูได้ทำอะไรบางอย่างกัน”

   เชี่ยแล้ว...

   “มันเป็นความต้องการแบบวัยรุ่นๆ น่ะ” ใบหน้าของกล้าตอนนี้คงจะเขินน่าดู...ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่ามันรู้สึกเหมือนกันกับผม
 
   “กูก็เคยคิดงั้นเหมือนกัน...แต่กูไม่กล้า”

   “...”

   “กลัวมึงเตะปาก”

   “ฮ่าๆๆ” กล้าหัวเราะเบาๆ สั้นๆ “กูอาจจะเตะปากตัวเองมากกว่าเพราะกูคงยอมมึงถ้ามึงขอ”

   มันเปิดประตูเข้าไปช้าๆ ห้องนี้ไม่ได้ล็อคเอาไว้เพราะเบาะแต่เบาะนั้นมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะมีใครมาขโมยอยู่แล้ว ผมบีบมือกล้าแน่นขึ้น สอดนิ้วตัวเองเข้าไปประสานกับมือของกล้า...จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างปิดประตูลงกลอนห้องนี้เอาไว้

   ในนี้มีเพียงแสงสว่างเล็กน้อย...แต่นั่นมันก็มากเกินพอที่จะทำให้ผมรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังรู้สึกอย่างไรในตอนนี้แล้ว กล้าหายใจเสียงดัง...พลิกตัวกลับมายืนประจันหน้ากับผม ซึ่งตอนนี้ปล่อยมือของมันแล้วเปลี่ยนมาเป็นรั้งเอวของมันให้เข้าไปใกล้ผมแทน

   “มึงเป็นเหยื่อที่ล่อเสือมาที่นี่เองนะ” ผมกอดมัน...ฝังใบหน้าตัวเองลงไปที่ไหล่ของกล้า รั้งให้ลำตัวของกล้าเข้ามาใกล้ตัวผมจนร่างของเราทั้งคู่แนบชิดติดกัน...

   มันไม่ตอบผม...เสียงลมหายใจพร้อมกับอาการตัวอ่อนที่คล้อยตามสัมผัสผมทำเอาผมคิดไปเองได้เลยว่ามันก็อยากพอๆ กับผม

   “เฮ้ย” ผมเริ่มรู้สึกตกใจ “ไม่ปฏิเสธสักหน่อยเหรอ”

   แขนของมันโอบรอบลำคอของผมแทนคำตอบ...ซวยแล้ว ซวยแน่ๆ ไม่ใช่ผมครับที่ซวย มันนั่นแหละที่กำลังจะทำให้ตัวเองเจ็บตัว!

 “กล้า...คือ...”

   ริมฝีปากของผมถูกริมฝีปากของกล้าครอบครองเป็นเจ้าของ...ผมไม่รู้ว่าคนตัวเล็กๆ ข้างหน้านี่เกิดความปรารถนามากมายขนาดนี้เมื่อไหร่ แต่นั่นมันก็ปลุกอารมณ์ผมขึ้นมามากพอดูจนเรียกได้ว่ากู่แทบไม่กลับ

   มือทั้งสองข้างของผมแตะสัมผัสเนื้อใต้ร่มผ้าของกล้า ลูบไล้ขึ้นลงตามความต้องการ...อีกฝ่ายไม่ขัดขืน โอนอ่อนคล้อยตามสัมผัสของผม ก้าวถอยหลังช้าๆ จนหลังของมันไปชนเข้ากับเบาะขนาดสูงที่วางเรียงกันเป็นแนวตั้ง

   มันยังคงไม่บอกให้ผมหยุด...รั้งท้ายทอยของผม เรียกร้องให้ผมสัมผัสมันมากขึ้นผ่านการกระทำของมัน ไม่มีการผลักผมออก มีแต่จะดึงตัวผมเข้าไปใกล้ราวกับมันรอเวลานี้มานานมากแล้ว

   จะว่าไปเราก็ไม่ได้มีกิจกรรมแบบนี้กันมานาน...ร่างกายของเรานั้นมีความต้องการทางธรรมชาติมากกว่าที่จะใช้มือสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน กล้าทำให้ผมต้องการทะยานอยาก...ในเมื่อมันเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะห้ามตัวเองไปทำไม
หางตาของผมเหลือบไปเห็นเบาะขนาดใหญ่ที่วางราบไปกับพื้น มันเหมาะเจาะพอดีเพราะมันอยู่ในซอกมืดๆ ผมดึงตัวกล้าให้ไปที่เบาะนั้น ทิ้งตัวนั่งลง...จากนั้นก็ดึงให้กล้านั่งลงมาตามผม

   เราจูบกันอีกครั้ง...เป็นจูบเร้าร้อนและลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดกันอย่างมีเสียงดัง สมองของผมว่างเปล่าขาวโพลนไปหมด ไม่มีความหวาดระแวงเกี่ยวกับเรื่องน้ายามหลงเหลืออยู่...ไม่มีความกังวลใจเรื่องที่ว่าเราทั้งคู่อาจจะถูกขังในไม่ช้า...

   แต่เอ๊ะ...มันจะดีเหรอวะ

   “กูว่าเราออกไปดีกว่า” ผมพยายามเรียกสติของตัวเองกลับมา... “ไม่อย่างนั้นเราต้องถูกขังไว้ที่นี่แน่ๆ”

   “มึงมีธุระที่จะต้องทำต่อเหรอ” มือของกล้าแตะไปทั่วแผ่นอกของผม ดูยั่วยวนและหยอกเย้ามากซะจนผมต้องกลืนน้ำลายลงคอ

   “หมะ ไม่มีหรอก”

   “งั้นก็...ต่อสิ”

   “กล้า...ทำไมวันนี้มึงแปลกๆ” อีกฝ่ายเริ่มเข้ามาจู่โจมผมด้วยการสัมผัสสะเปะสะปะไปทั่ว เรามีอะไรกันบ่อยก็จริงแต่ผมไม่เคยเห็นกล้าต้องการราวกับคนที่กำลังมึนเมาแบบนี้ “มีอะไรหรือเปล่า”

   “เลิกพูดแล้วทำเหอะ”

   “มัน...” ผมต้องเรียบเรียงคำพูดตัวเองใหม่ เมื่อกล้าเริ่มมานั่งคุกเข่าตรงกลางหว่างขาของผม โน้มตัวเข้ามาใกล้และใช้ริมฝีปากดูดดุนบริเวณลำคอที่โผล่พ้นเสื้อของผม... “คือ...มัน...”

   “มึงไม่อยากทำกับกูเหรอวะ”

   “ไม่ใช่”

   กล้าแม่งไม่เคยเป็นแบบนี้...

   “แล้วทำไมมึงไม่ทำๆ ไปล่ะ”

   มันไม่เคยอยากมากจนเหมือนคนโดนยาปลุกเซ็กส์ขนาดนี้...

   “กล้า” ผมจับไหล่ทั้งสองข้างของมันเพื่อให้มันหยุดกระทำทุกสิ่งอย่าง “เกิดอะไรขึ้น”

   สิ้นเสียงของผมไหล่ทั้งสองข้างของกล้าก็เริ่มสั่น...หลังจากนั้นน้ำตาระลอกใหญ่ก็ไหล่ออกมาจากดวงตาคู่นั้น

   มันเป็นการร้องไห้ที่ร้ายแรงที่สุดของกล้า...

   “เราเลิกกันเถอะว่ะ”

   .



   .



   .



   ผมช็อกไปแล้ว

   “คบกับมึงมันไม่ได้ง่ายเลย...มันไม่ง่ายเหมือนคู่อื่นๆ”

   ผมปล่อยมือจากไหล่ของกล้าทันที...ก่อนที่จะก้มหน้าเพราะเริ่มรู้สึกได้ถึงน้ำตาของตัวเอง

   สิ่งที่ผมกลัว...มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ

   “ถ้าเขาด่าแค่กู...กูก็จะพอทนไหว แต่นี่เขาลามปามมาถึงครอบครัวกูด้วย กูทนไม่ได้”

   มือของผมสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ กล้ากำลังพรั่งพรูสิ่งที่ในใจของมันมานาน ส่วนผมก็ได้แต่ยอมรับ...ยอมรับว่ากล้าไม่มีความสุขที่จะคบกับผมอีกต่อไปแล้ว

   “กูคบกับมึงต่อไม่ได้จริงๆ”

   น้ำตาของกล้าทำให้ผมเริ่มทนไม่ได้...ผมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาจากดวงตาคู่นั้น

   “ไม่เป็นไร กูเข้าใจ” ผมแค่พูดให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้นเท่านั้น จริงๆ แล้วผมไม่ได้เข้าใจอะไรเลย “อย่าร้องไห้เลยนะ”

   “กูขอโทษ” กล้าดูทรมานมากซะจนผมไม่อยากเห็นแก่ตัวอีกต่อไป

   “ไม่ใช่ความผิดของมึง”

   “...”

   “กลับกันเถอะ เดี๋ยวกูไปส่งมึงที่บ้าน...”

   “ท่าน”

   “กลับกัน”

   “ทำไม”

   “กลับ...” ผมทำเสียงแข็งเพื่อปกปิดความอ่อนแอของตัวเอง “ถ้าอยู่ที่นี่กูจะง้อให้มึงคบกับกูต่อไป...เพราะงั้นถ้ามึงอยากเลิกกับกู เราต้องพากันกลับเดี๋ยวนี้”

   นั่นคือสติสัมปชัญญะที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะรวบรวมมาได้ในขณะนี้...ผมปล่อยให้กล้าเดินนำหน้าผมไป โดยที่เท้าของผมเดินตามหลังกล้าไปอย่างช้าๆ แผ่นหลังของกล้าเป็นภาพที่ผมคุ้นชิน ไม่ว่ามันจะอยู่ในชุดนักเรียน ชุดนักศึกษา หรืออยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบตอนนี้ก็ตาม

   ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน....ผมก็ได้แต่มองแผ่นหลังของมันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

   เราได้อยู่ใกล้กัน แต่ในที่สุดมันก็ขอให้เราได้อยู่ห่างกัน

   การได้อยู่ใกล้กันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นั้น...น่าจะเป็นสิ่งที่กล้าหยิบยื่นให้ผมได้มากที่สุด มันไม่มากไปกว่านี้อีกแล้ว

   ผมต้องทำใจยอมรับมันซะ

   ผมส่งจนกล้าเดินเข้าไปในบ้านแล้วผมก็หันหลังกลับขึ้นไปนั่งบนรถของตัวเองทันที ไม่มีการพูดจายื้อหรือเหนี่ยวรั้ง ไม่มีการพูดจาอ้อนวอนขอฟังเหตุผลอะไรมากมาย...เพราะผมรู้ดีอยู่แก่ใจว่ากล้านั้นเลิกกับผมเพราะอะไร

   มันจบลงแล้ว...

   มันจบลงแล้วจริงๆ...

   เหมือนผมจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง...เหมือนผมไม่รู้สึกอะไรเลยใช่มั้ยครับ

   เชื่อเถอะว่าผมแม่งไม่เข้าใจห่าอะไรเลย แล้วผมก็รู้สึก...รู้สึกแย่และก็ช็อกหนักมากซะจนผมขับรถออกไปจากบ้านกล้าไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่สามชั่วโมงหลังจากที่กล้าเดินเข้าไปในบ้าน...

   ถ้าฝืนขับรถ...คงมีเหตุการณ์รถคว่ำกันไปข้าง

   จุดอ่อนในการขับรถของผมคือกล้า...และมันก็ยังเป็นแบบนั้นไม่ว่าจะนานเท่าไหร่

   ครั้งนี้กล้าทำให้ผมอ่อนแอมากที่สุดแล้ว...

   ที่ทำให้ผมเจ็บที่สุดคืออะไรรู้มั้ยครับ...ไม่ใช่การที่กล้าบอกเลิก ไม่ใช่ที่การที่กล้าตัดสินใจเทผมอีกครั้ง...

   แต่เป็นเพราะสามชั่วโมงที่ผมนั่งเฉยๆ อยู่บนรถของตัวเองซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านของกล้า...ไม่ได้รับการสนใจใดๆ จากกล้าเลยแม้แต่นิดเดียว

   ความรักสี่ปีของผมแม่งจบลงง่ายจริงๆ...ง่ายจนผมไม่อยากจะเชื่อ




   [เหี้ยท่าน พรุ่งนี้มีสอบ!]

   “เลิกแล้ว...”

   [หา]

   “กูเลิกกับกล้าแล้ว”

   [...]

   “...”

   [คอมฯ มึงยังอยู่ที่เดิมใช่ป่ะ]

   “อะไรนะ”

   ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด







TBC*

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12


ตอนที่ 36
กล้าหาญ
   





   Tim Gy
   เชี่ยนุก รับโทรศัพท์กูเดี๋ยวนี้! (25 Likes)


   Tepsian XX : เกิดอะไรขึ้น
   Tim Gy : ไม่เกี่ยวกับพี่
   Tepsian XX : มันเกี่ยวกับกูหมดนั่นแหละ บอกมา
   Tim Gy : พี่โทรหาพี่กล้าด่วนเลย
   Tepsian XX : อะไรวะ
   Tim Gy : โทรหรือยัง
   Tepsian XX : โทรแล้ว แป๊บดิครับ
   Mor Title : อะแฮ่ม นี่หน้าวอลล์เฟซบุ๊กนะครับ...
   Tepsian XX : เสือกไร







   [มึงทำเหี้ยอะไรลงไป!]

   [มึงคิดดีแล้วเหรอ]

   [แฟนทั้งคนนะเว้ยกล้า...]

   [นั่นคนที่มึงรักมากเลยนะ]

   [กล้า ทำไมมึงยอมแพ้ง่ายแบบนี้วะ]

   [แค่มึงอดทนอีกนิด...เรื่องก็อาจจะเงียบก็ได้]

   [มึงแน่ใจแล้วใช่มั้ยที่จะเลิก]

   [นายท่านไม่ใช่คนที่มึงคิดจะเลิกก็เลิก คิดจะเทก็เทนะเว้ย]

   นั่นคือส่วนหนึ่งของสิ่งที่เพื่อนกลุ่มชายโฉดต่อว่าผม...ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูเยอะ แต่เชื่อเถอะว่ามันเทียบไม่ได้กับคำพูดที่ผมโทษตัวเอง

   มันมากกว่านั้นร้อยเท่าพันเท่า...

   ทันทีที่กลับมาถึงบ้านหลังจากที่บอกเลิกนายท่าน แม่กับพี่สาวของผมทั้งสามคนก็เรียกผมไปคุย เป็นการประชุมของครอบครัวที่เครียดที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา ทุกคนสาดคำพูดใส่ผมซะจนผมเกือบจะตั้งรับเอาไว้ไม่ทัน

   “มันเป็นแค่เรื่องคำพูดของชาวบ้านที่เดี๋ยวมาแล้วเดี๋ยวก็ไป...ที่พี่ช็อกมากขนาดนี้เพราะคนที่พี่ชอบมากเป็นเกย์ พี่ไม่ได้คิดมากเรื่องที่พี่ถูกคอมเมนต์เสียๆ หายๆ สักหน่อย” นี่คือคำพูดของเจ้าหญิง

   “จริงๆ แล้วถูกคนอื่นสนใจมันก็ดีเหมือนกันนะ เกิดมาแม่ก็เพิ่งเคยโดนชาวบ้านชาวช่องมาขอเซลฟี่ด้วยนี่แหละ” นี่คือคำพูดของแม่ผม

   “นายท่านหงอยมากตอนมาที่บ้านเรา แต่สีหน้าก็ดีขึ้นมากเมื่อเห็นกล้า มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้จะผ่านมานานแค่ไหน นายท่านก็ไม่เคยเปลี่ยน” นี่คือคำพูดของเจ้างาม

   “แม่กับพี่ๆ ขอโทษที่ไม่ยอมเปิดอกพูดกับกล้าตรงๆ พวกเราโอเค พวกเราไม่ได้มีผลกระทบลบๆ ขนาดนั้น มันก็แค่คอมเมนต์ของคนที่เราไม่รู้จัก ไม่ใช่คำพูดของคนข้างบ้านของเราสักหน่อย กล้าคิดมากเกินไป กล้าแบกรับในส่วนที่กล้าไม่จำเป็นต้องไปแบกมากเกินไป...มันไม่ใช่ความผิดของกล้าที่เราถูกพูดถึง ใครๆ ก็ต้องถูกคนอื่นพูดถึงอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าจะถูกพูดถึงมากหรือน้อยเท่านั้นเอง” นี่คือคำพูดของเจ้านาง

   สรุปก็คือ...ผมคิดไปเองล้วนๆ หลังจากที่ผมได้ฟังคำพูดเหล่านั้น ผมก็รู้สึกแย่ขึ้นมาทันทีเพราะผมได้คุยกับครอบครัวตัวเองหลังจากที่บอกเลิกท่านไปแล้ว

   ผมโทษตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม...มากกว่าตอนที่ผมต้องทนฟังเสียงไอ้เซียน ไอ้ตง และก็ไอ้หมูหันด่า

   วินาทีนี้...ไม่มีใครผิดมากไปกว่าผมแล้วล่ะ

   ผมกลับมามหา’ลัยโดยที่แฟนของเจ้านางเป็นคนขับรถมาส่ง...ทันทีที่ผมถึงห้องตอนสิบเอ็ดโมง ผมก็ถูกจู่โจมกะทันหันด้วยเพื่อนๆ ของนายท่านทั้งสองคน

   นุกกับทิม

   ทั้งสองหิ้วปีกของผมเข้าไปในห้องของผมเองโดยที่มันพยายามมองซ้ายมองขวาราวกับกลัวว่านายท่านจะอยู่แถวนี้...

   เมื่อวานคือวันที่ผมบอกเลิกนายท่าน...วันนี้คือวันที่ผมตัดสินใจกลับมามอแล้วก็เป็นวันที่ผมคิดทบทวนตัวเองตลอดทั้งวัน สารภาพตามตรงว่าแม่งโคตรเหมือนเดจาวู...ผมเทนายท่าน แต่ผมก็รู้สึกแทบจะในทันทีว่าผมตัดสินใจผิดในวันเดียวกัน

   เหี้ยฉิบหายเลย...ไอ้กล้าเอ๊ยยยย

   ครั้งนี้ผิดกับครั้งนั้นตรงที่ทิมกับนุกบุกมาที่ห้องของผมตรงๆ พร้อมๆ กับแล็ปท็อปของนายท่านซึ่งผมเห็นนุกถือมันอย่างระมัดระวัง

   “เอาล่ะ” ผมไม่กล้าจะสู้หน้าผู้ที่เป็นเพื่อนสนิทของคนที่ผมเพิ่งเทสักเท่าไหร่ “กูรู้นะว่ากูทำผิดมาก...ถ้ามึงจะด่ากูเหมือนที่คนอื่นด่ากูล่ะก็...”

   “รหัสคอมฯ ไอ้ท่านคือวันเกิดพี่ครับ” นุกส่งแล็ปท็อปเครื่องนั้นมาให้ผม “ผมกับทิมต้องรีบไปดูอาการไอ้ท่านก่อน มันยังไม่รับสายผมสักคนเลยหลังจากที่ไอ้ทิมโทรหามันเมื่อคืน”

   “เฮ้ย” ผมรีบตกใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

   “เรื่องความปลอดภัยของมันเดี๋ยวพวกผมจัดการเอง...ตอนนี้หน้าที่ของพี่มีแค่อ่านเฟซบุ๊กของมันอย่างเดียว” นุกเอ่ย

   “หา” ผมอ้าปากค้าง “เฟซบุ๊กที่มันไม่ให้กูเข้าไปใกล้เลยอ่ะนะ”

   “ครับ” ทิมตอบรับ “ผมแอบจิ๊กคอมฯ มันมาจากห้องก่อนที่มันจะรู้ตัว ซึ่งมันก็ไม่รู้หรอก เพราะตัวมันอยู่กรุงเทพฯ โน่น”

   “คือ...”

   “พวกผมไปก่อนนะครับ”

   “นี่” ผมรั้งสองคนนั้นเอาไว้ก่อนจะกล่าวถ้อยคำด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “กูว่า...กูคิดว่าตัดสินใจผิดว่ะ”

   ทิมกับนุกมองหน้ากันแล้วยิ้ม “พวกเรารู้ครับ”

   “...”

   “แต่ไอ้ท่าน...มันจะรู้หรือเปล่า”

   ใจผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

   “มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ผมโทรถามนายกอง...น้องมันก็บอกว่าไอ้ท่านเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ข้าวก็ไม่กิน น้ำก็ไม่ดื่ม...ไม่ยอมให้ใครเข้าไปในห้องเลย”

   ผมเริ่มเกิดอาการอยู่ไม่สุขหลังจากที่ได้ยิน...

   “พี่อ่านแค่เฟซบุ๊กของมันก็พอ พวกผมขอล่ะ...” ทิมกับนุกแทบจะไหว้ผมอยู่แล้ว “เรื่องไอ้ท่านเดี๋ยวพวกผมจัดการเอง...ผมไปนะครับ”

   เพื่อนรักของนายท่านพุ่งตัวออกไปจากห้องของผมแล้ว ผมสสับสายตาตัวเองมามองจอแล็ปท็อปของนายท่านพร้อมๆ กับเปิดมันขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา...ผมไม่คิดว่าผมจะได้มารู้จักเฟซบุ๊กลับของมันในเวลานี้ ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันจะเกิดผลดีหรือเปล่า

   ที่จริง...ผมไม่ต้องเปิดดูผมก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าผมตัดสินใจผิด

   ผมไม่คิดดูให้ดี ไม่ยอมเปิดใจพูดกับครอบครัว พร้อมคิดไปเองต่างๆ นานาว่าตัวเองคือต้นเหตุให้ครอบครัวต้องมาโดนด่า ทั้งๆ ที่ครอบครัวของผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรขนาดนั้น

   ผมผิดที่ไม่ยอมพูดคุยกับครอบครัวก่อน

   ผมผิดที่ตัดสินใจไปเอง คิดไปเองคนเดียว

   ผมผิด...ที่ผมไม่นึกถึงใจของนายท่านเลย

   มันเปลี่ยนชีวิตมันไม่ได้...แต่ผมนี่แหละคือคนที่ควรจะปรับตัวเข้าหามัน...ผมเหี้ยมากที่สนใจแต่ตัวเอง คิดว่าตัวเองเจ็บหนักที่สุดแล้ว ทั้งๆ ที่นายท่านมันอาจจะเจ็บกว่าผมก็ได้ แล้วผมก็ยังมีหน้าไปซ้ำเติมความเจ็บนั้นของมันด้วยการบอกเลิกมันอีก...

   วินาทีนี้ไม่มีใครเหี้ยกว่ากล้าหาญคนนี้อีกแล้วล่ะครับ

   ผมกดเปิดรหัสแล็ปท็อปของนายท่าน...วันเกิดของผมคือรหัสเปิดเจ้าเครื่องนี้จริงๆ ด้วย...สิ่งที่ผมเห็นแวบแรกที่จอทำเอาผมน้ำตารื้น ภาพหน้าจอบนเครื่องนี้เป็นรูปของผมเมื่อสมัยตอนที่ผมเรียนอยู่มัธยม...เป็นรูปที่ช่างภาพประจำโรงเรียนแอบถ่ายซึ่งจัดได้ว่าเป็นภาพที่ดูดีมาก...อย่างน้อยก็ดูดีกว่าตัวจริงผมล่ะนะ

   มือของผมกดเข้าไปในเว็บเบราเซอร์เพื่อเข้าเฟซบุ๊กของนายท่าน...ไม่นานนักเฟซบุ๊กที่ลับนักลับหนาของนายก็เผยสู่สายตาของตาของผม

   การแจ้งเตือนข้อความมีมากกว่าสิบ...จำนวนคนที่แอดมาก็มีมากหลายร้อยแต่มันก็ไม่สนใจที่จะกดรับแอดใคร ผมเลื่อนไปที่หน้าฟีดของนายท่าน พอเลื่อนไปได้สักพักก็ทำให้ผมกระจ่างแจ้งในทันทีว่าเพื่อนเฟซบุ๊กของนายท่านมีใครบ้าง

   เพื่อนโรงเรียนเก่ามัน เพื่อนโรงเรียนเก่าผม รุ่นพี่มัน รุ่นพี่ผม รุ่นน้องมัน รุ่นน้องผม...และก็น้องๆ ในครอบครัวของมันแค่นั้น

   มันแทบไม่มีผู้หญิงเป็นเพื่อนเฟซบุ๊กเลย

   ผมเอามือปิดปากตัวเอง...มือสั่นเทาของผมไม่กล้าที่จะกดเข้าไปดูหน้าวอลล์ของนายท่านซึ่งผมเริ่มจะเดาออกว่ามันมีอะไรบ้าง

   มันน่าจะมีแต่เรื่องของผมล้วนๆ...

   แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วย

   น้ำตาของผมร่วงลงมาใส่คีย์บอร์ดทันทีที่ผมได้เห็นสเตตัสล่าสุดของมัน...



   Naaytan Aroonkittiniwat
   กลัวฉิบหายเลยว่ะ... (246 Likes)




   ใต้สเตตัสนั้นเป็นคอมเมนต์ของบรรดาเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ส่วนใหญ่ทุกคนจะถามมันอย่างเป็นห่วงว่ามันเป็นยังไงบ้าง




   รุ่นพี่คนที่สอง : ใจเย็นๆ ทุกอย่างจะต้องโอเค
   รุ่นน้องคนที่หนึ่ง : พี่ๆ ทั้งสองคนสู้ๆ นะครับ
   เพื่อนร่วมโรงเรียนคนที่หนึ่ง : พวกมึงโอเคกันมั้ยเนี่ย
   Nooknick Pyj : เหี้ยท่าน รับโทรศัพท์กูด่วน!
   Tim Gy : รับโทรศัพท์โว้ยยยยยยยยยยย
   รุ่นพี่คนที่สอง : @Nooknick Pyj @Tim Gy มันเป็นเหี้ยอะไร!
   เพื่อนร่วมโรงเรียนคนที่สอง : เฮ้ย กูตกใจนะ
   รุ่นน้องคนที่สอง : เหมือนกันครับ

   


   ทุกคนที่เข้ามาเมนต์คือคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาผมหมด...บางคนก็ชอบเข้าไปเมนต์กวนตีนใต้รูปหรือใต้สเตตัสของผมด้วย ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าเบื้องลึกเบื้องหลังแล้วพวกเขาทุกคนจะสนิทกับนายท่านขนาดนี้


   มันไม่ใช่แค่สเตตัสนั้นที่ทุกคนลุ้นไปกับนายท่าน

   นี่มันเรียกได้ว่าทุกคนลุ้นเรื่องผมไปกับมันตลอดทุกวินาทีในชีวิตของไอ้ท่านเลยครับ

   เพราะผมไม่รู้มาก่อน...น้ำตาของผมจึงไหลราวกับเขื่อนแตก ยิ่งผมอ่านสเตตัสของนายท่าน ลากยาวลงไปเรียงไปตามลำดับขั้นเวลาจากปัจจุบันจนถึงอดีต ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ผมทำร้ายจิตใจคนอย่างมัน

   ผมทำร้ายจิตใจคนคนหนึ่งที่รักผมมากซะจนแม้แต่ผมก็อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ว่ามันรักผมมากแค่ไหน



   Naaytan Aroonkittiniwat
   กูใกล้จะไปสวดมนต์แล้วนะ (212 Likes)




   Naaytan Aroonkittiniwat
   หรือกูเอาโซ่มาล่ามกล้าไว้ในห้องของกูดี...ง่ายๆ ไม่ต้องสนใจใครเลย (157 Likes)




   Naaytan Aroonkittiniwat
   กล้าไม่พูดกับกูแล้วเนี่ย แม่งเอ๊ยยยย... (114 Likes)



   Naaytan Aroonkittiniwat
   ไม่เสือกได้มั้ยวะ! (139 Likes)




   Naaytan Aroonkittiniwat
   รูป : ผมนอนหลับอยู่บนโซฟาในห้องของผม
   แคปชั่น : อยากหยุดเวลาเอาไว้
   จำนวนไลค์ : 183




   Naaytan Aroonkittiniwat
   รูป : ฮีโร่ Murad จากเกม RoV พร้อมกับแชร์อัตราการคิล การตาย และการช่วยเหลือทั้งหมด
   แคปชั่น : ฆ่า 12 ครั้งเอง...แต่ถ้าได้หอมแก้มกล้า 12 ครั้งก็ถือว่าโอเค ดีกว่าไม่ได้หอมเลย
   จำนวนไลค์ : 118
   ท็อปคอมเมนต์ : Tim Gy : สรุปมึงหัดเล่นไปเรื่อยๆเพื่อที่จะได้ไปพนันกับเพื่อนเขาแล้วหอมแก้มเขา?
   Naaytan Aroonkittiniwat : @Tim Gy เยส




   ไม่ใช่แค่น้ำตาของผมแล้วที่กำลังแสดงออกว่าผมรู้สึกผิดที่ทำร้ายนายท่านมากขนาดไหน แต่มันคือก้อนสะอื้นขนาดใหญ่ที่ออกมาเป็นระลอก ผมร้องไห้อย่างกับคนบ้า ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยสักนิด

   นี่มันดีเกินไป...เกินกว่าคนกากๆ อย่างผมจะได้รับจากนายท่าน


 
   Naaytan Aroonkittiniwat
   กล้าบ่นอยากกินซูชิ...แต่ไม่มีเวลาพาไปเพราะสอบมิดเทอมห่า มิดเทอมเหว (134 Likes)



   Naaytan Aroonkittiniwat
   หลังมิดเทอมควรพาแฟนไปเที่ยวที่ไหนดีครับ (200 Likes)



   Naaytan Aroonkittiniwat
   รู้สึกว่าแม่กูจะเริ่มเอ็นดูกล้าแล้ว... #พนมมือ (102 Likes)




   ทุกๆ ข้อความ ทุกๆ รูปในเฟซบุ๊กของมันมีอยู่ไม่กี่อย่างที่เป็นของมัน นั่นก็คือชื่อกับรูปโปรไฟล์ นอกนั้นคือเรื่องราวของผมล้วนๆ ซึ่งบางทีผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือสิ่งที่อยู่ในใจของมัน



Naaytan Aroonkittiniwat
รูป : นายท่านกับรถกาแฟที่ผมเคยส่งไปที่คณะ
แคปชั่น : เซอร์ไพรส์จากเมียโว้ย...ปลื้มฉิบหายยยยยยยยยย รักๆๆๆๆ
จำนวนไลค์ : 294




มันเป็นเรื่องราวของเราอย่างเรียงไปตามลำดับขั้น เมื่อผมไล่อ่านสเตตัสและไล่ดูรูปเก่าๆ ผมก็เริ่มรู้ในทันทีว่านายท่านมันสมัครเฟซบุ๊กอันนี้เพื่อปรึกษาเรื่องของผมกับบรรดาคนรู้จักของมัน ตั้งแต่ตอนที่ผมเทมันเมื่อสองปีก่อน...ลากยาวจนมาถึงปัจจุบัน

   มีแต่เรื่องของผม...ผมล้วนๆ ไม่มีคนอื่นทั้งสิ้น
   นี่ผมทำห่าอะไรลงไป
   ผมบอกเลิกคนที่รักผมขนาดนี้ได้ยังไง!
   ดวงตาของผมเริ่มมองอะไรไม่เห็นเพราะน้ำตามันกินพื้นที่ไปหมด...ผมทิ้งใบหน้าฟุบลงกับแขนที่วางลงบนโต๊ะ ไม่สนใจอีกแล้วว่าตัวเองจะเสียน้ำตาและดูไม่แมนขนาดไหน ผมไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นแล้วจริงๆ

   การตัดสินใจผิดพลาดของผมมันทำให้ผมเจ็บ...เจ็บยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ผมเคยรู้สึก นายท่านไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนผิด

   ขอย้ำอีกครั้งว่า...คนที่เหี้ยที่สุดในเรื่องนี้คือกล้าหาญบอย...ไม่ใช่คนอื่นเลยครับ

   ผมจะทำยังไงดี ผมควรทำยังไงดี...ถ้าผมไปง้อมันตอนนี้ มันจะยังมีอารมณ์อยากคุยกับผมมั้ย

   ได้โปรด...คุยกับกูเถอะนะ นายท่าน







[ มีต่อนะคะ ]






ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12





   ตลอดทั้งบ่ายผมพยายามโทรติดต่อนายท่านเป็นร้อยๆ สาย แต่มันก็ไม่ยอมรับสายผม ผมติดต่อหาทิมกับนุก มันทั้งสองก็ไม่ยอมรับสายผมเหมือนกัน

   บาปกรรมของคนที่เทคนอื่น...มันเริ่มส่งกระทบมาถึงผมอีกครั้งหนึ่งแล้ว

   เพื่อนๆ ของผมเริ่มแห่กันมาเมื่อพวกมันเรียนเสร็จ ในความโชคร้ายมันก็มีความโชคดีอยู่อย่างหนึ่งที่วันนี้ไม่มีควิซ ผมเสียควิซไปสองวิชาซึ่งคะแนนก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่ผมขอสัญญาว่าต่อจากนี้ไปผมจะไม่ยอมเสียคะแนนควิซอีกแม้แต่ครั้งเดียว

   “โอ้โห...สภาพ” ตงพึมพำเมื่อเห็นใบหน้าของผม “กูด่ามึงไม่ลงเลย”

   “กูซื้อของกินมา” หมูหันขยับถุงเซเว่นให้ผมดู “เดี๋ยวกูมานะ...แวะเอาขนมไปให้ไอ้เชนก่อน”

   สองคนนี้แม่งกิ๊กกันครับ...เป็นคู่ที่น่ารักมากๆ ด้วย ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกอิจฉา...

   ทันใดนั้นเสียงด่าตัวเองในใจผมก็ดังขึ้น ‘มึงไม่ต้องไปอิจฉาเขา การที่คู่มึงเป็นแบบนี้เพราะมึงคนเดียวล้วนๆ ไม่ใช่คนอื่นเลย’

   ยิ่งคิดน้ำตาของผมก็ปริ่มที่ขอบตาของผมราวกับมันพร้อมที่จะไหลตลอดเวลา...ผมร้อนใจและก็เจ็บปวดไปในคราวเดียวกัน แม่งเป็นความรู้สึกที่เหี้ยมาก เหี้ยซะจนผมแทบทนไม่ไหว

   แต่ไม่เป็นไร...นายท่านมันคงเจ็บกว่าผมเยอะ ผมไม่มีหน้ามาโอดครวญกับความเจ็บปวดใดๆ ที่ผมเป็นคนก่อมันขึ้นมาเอง

   ถึงผมจะเจ็บ...ผมก็สมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับมันอย่างเต็มๆ แล้ว

   “มึงเอาไง” เซียนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าผมนั่งอยู่นิ่งๆ บนโซฟามาได้สักพักแล้ว

   “กู...เหี้ยมาก”

   “มึงไม่ต้องเยิ่นเย้อ มึงตอบกูมาว่ามึงจะเอายังไงกับนายท่าน”

   “...”

   “มึงจะเลิกไปเลยหรืออยากรีเทิร์น”

   ผมไม่กล้าแม้แต่จะพูดคำหลังนั่น...

   “จ่ายมา” เซียนแบมือขอเงินจากหมูหันกับตง “กูบอกแล้ว เหี้ยกล้าแม่งทนได้ไม่เกินวันนึงหรอก...มันรักนายท่านจะตาย”

   “เดี๋ยว พวกมึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย” ผมอดที่จะโวยวายไม่ได้

   “พนันกันไงว่ามึงจะทนได้กี่วัน”

   แม่งเอ๊ย... “พวกมึงพนันกันกี่วันบ้าง”

   “กูสามวัน” หมูหันพูด

   “กูสองวัน” ตงพูดบ้าง

   “ส่วนกู...หนึ่งวัน” อันนี้เหี้ยสุด...แต่จริงที่สุดแล้วครับ เซียนแม่งรู้ใจผมที่สุดจริงๆ เพื่อนทั้งสองยังเห็นด้วยกับผมเลยเพราะพวกมันยอมจ่ายแบงก์ร้อยไปให้ไอ้เหี้ยเซียนอย่างง่ายดาย

   “กูเหี้ยมากใช่มั้ย”

   “เออ” เซียนรีบพูดต่อ “มึงควรจะเปิดอกคุยกับครอบครัวมึงหรือไม่ก็มาปรึกษาพวกกูก่อน”

   “มึงแม่งเอาแต่คิดเองคนเดียวไง” ตงเสริม

   “พังยับเลยเห็นมั้ย” หมูหันเองก็อยากพูดด้วย

   ผมเข้าใจที่ไม่มีใครอยู่ฝ่ายผมเลย...ใบหน้าของผมฝังลงไปกับฝ่ามือทั้งสองข้างอยู่นานหลายนาทีจนเพื่อนมันเริ่มสงสาร รีบเข้ามาแตะไหล่ผมกันหมดทุกคน

   “ท่านไม่รับสายกูเลย เพื่อนมันก็ด้วย...ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไง”

   สายตาของตงกับหมูหันพุ่งตรงไปยังไอ้เซียน “อะไรวะ” คนถูกมองส่งเสียง

   “ทิมก็ไม่รับสายมึงเหรอ”

   “โอ๊ย มันไม่รับสายกูตั้งนานแล้ว” เสียงของเซียนฟังดูหัวเสีย

   “มึงไม่รู้หรือไงว่ามึงทำอะไรผิดกับน้องมันไว้น่ะ” ผมพูดไปเรื่อยๆ ตามอารมณ์นอยด์ของตัวเอง

   “กูจะทำอะไรผิดได้ มันคบกับไอ้หมอเหี้ยนั่นแล้ว...นั่นต่างหากล่ะที่ผิด”

   ผมไม่อยากปล่อยให้เพื่อนผมซื่อบื้อมากไปกว่านี้อีกแล้ว “มึงเมามากแล้วเกือบมีอะไรกันกับน้องมัน”

   ไอ้เซียนอ้าปากค้างแทบจะเรียกได้ว่าแมลงวันหลายสิบตัวสามารถบินเข้าปากของมันได้

   “มึงว่าไงนะ”

   “กูกับนายท่านไปเจอพอดี...”

   “เฮ้ย” คราวนี้ไม่ใช่มีแต่ไอ้เซียนที่ตกใจแล้วล่ะครับ ตงกับหมูหันเองก็ตกใจไม่แพ้กัน

   “พวกมึงใจเย็นๆ ท่านเอามือมาปิดตากู และมันก็หลับตาด้วยเหมือนกัน”

   “มึงพูดจริงเหรอวะ”

   “จริงสิ...ทิมมันน้อยใจที่ว่าตอนนั้นมึงจะเอากับใครก็ได้ ถ้าไม่ใช่มันอยู่ตรงนั้น ป่านนี้คนอื่นก็คงเสร็จมึง”

   “เดี๋ยว” เซียนพยายามทำความเข้าใจ “ตกลงมันชอบกูเหรอ”

   มันฉลาดเมื่อเป็นเรื่องของคนอื่น แต่โง่ฉิบหายเมื่อเป็นเรื่องของตัวเอง

   “หมอไตเติ้ลไม่ได้คบกับน้องมันหรอก หลายวันก่อนกูยังเห็นมันควงคนนั้นคนนี้ที่ไม่ใช่น้องอยู่เลย” ตงพูด

   “ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าทิมมันตอบตกลงคบไปอย่างมึนๆ ไม่ได้ชอบไอ้หมอไตเติ้ลจริงๆ” ผมกล่าวเสริม

   “แล้วทำไมพวกมึงไม่บอกกู!”

   “ทิมไม่ให้บอก” ผมตอบก่อนที่มันจะลามไปด่าหมูหันกับตง “มันคงโกรธมากนั่นแหละ ถึงไม่ยอมให้กูกับท่านบอกมึงว่าเกิดอะไรขึ้น”

   “เวร” เซียนเอามือทึ้งหัวตัวเอง “ตอนกูเมามากๆ กูจะเป็นงั้นเหรอวะ”

   ผม ตง และหมูหันพร้อมใจกันส่ายหน้าเบาๆ

   “พวกกูไม่เคยเห็นมึงเมาสุดๆ สักที...วันนั้นคงเป็นวันที่มึงเมาที่สุดแล้วจริงๆ มึงถึงทำแบบนั้น” ผมเป็นตัวแทนของเพื่อนทุกคนในการพูดเมื่อตะกี้

   มือของเพื่อนคนอื่นรวมถึงมือผมเริ่มย้ายจากไหล่ของผมไปที่ไหล่ของไอ้เซียนแทน...

   “มึงต้องวางแผนง้อด่วนเลยเพื่อน” หมูหันเอ่ย “เอากระดาษสักแผ่นมั้ย”

   ผมเริ่มหันไปอย่างสนใจเพราะมันเองก็เคยให้ผมใช้วิธีนี้ตอนที่ผมง้อนายท่านเหมือนกัน

   “อะไรของมึง”

   “มึงเขียนเหตุผลห้าข้อลงไป” หมูหันเริ่มเดินหากระดาษไปทั่วห้องของผม

   “เหตุผลเหี้ยไร” ความโรแมนติกของไอ้เซียนคงมีแบบติดลบ...

   “เหตุผลเรื่องที่ว่าทำไมทิมถึงสมควรเลิกโกรธมึง”

   “ได้เหรอวะ” มันส่งเสียงอย่างไม่อยากจะเชื่อ

   “ได้สิ” ผมเอ่ย “นายท่านมันยิ้มออกทันทีที่ได้อ่าน”

   “กูเองก็หายโกรธตอนที่เชนเขียนให้อ่านเหมือนกัน...มันดูละเอียดอ่อนน่ะ” หมูหันกล่าวเพิ่มเติม

   “พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรกันไปหมด” เซียนโวยวาย “แต่...มันจะได้ผลจริงๆ เหรอวะ”

   “ลองดูก็ไม่เสียหายนะ” ผมพูดลอยๆ

   ผมไม่รู้ว่ามันจะเก็บเอาวิธีนี้ไปง้อทิมหรือเปล่า พวกเราไม่มีใครพูดอะไรกันต่อ ในระหว่างนั้นนั่นเองโทรศัพท์ของผมก็มีข้อความจากไลน์เข้ามา...ไม่ใช่นายท่านอย่างที่ผมหวังครับ แต่เป็นทิม

   Tim Gy : กำลังกลับมอกันครับ

   
   “มาแล้ว!” ผมตีต้นขาหมูหันอย่างตื่นเต้น

   “อ๊าก ขากู” มันร้องลั่น

   “เฮ้ย ขอโทษๆๆ”

   “มึงจะง้อยังไงมึงรีบคิดเลย” เซียนลุกขึ้นยืน

   “มึงบอกตัวเองหรือมึงบอกกู” ผมเองก็ลุกขึ้นบ้างเหมือนกัน

   “มึงทั้งคู่นั่นแหละ” ตงกับหมูหันเป็นคนตอบคำถามของผมพร้อมกัน...







   ผมมายืนรออยู่ชั้นล่างของตึก X อยู่เป็นเวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว

   ผู้ดูแลหอผมมองผมอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ (จนป่านนี้ผมก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบผม) แต่ผมก็ไม่สนใจ ยิ่งคนในหอคนอื่นๆ ซึ่งเดินผ่านไปผ่านมามองผมอย่างให้ความสนใจอย่างแสดงออกนอกหน้า ผมก็ยิ่งไม่แคร์ ตอนนี้ผมเริ่มได้เรียนรู้แล้วว่าการไม่สนอะไรเลยนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ผมควรทำอย่างหนึ่ง

   มันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง!

   “อ้าว อิกล้า” จู่ๆ อมรก็วิ่งเข้ามาทักผม “มึงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มึงโอเคมั้ย มึงเป็นยังไงบ้าง”

   “เดี๋ยว นี่มึงมาหากูเหรอ”

   “เอ่อ...” มันเอาผมทัดหู...ผมจ้องมองดูดีๆ ผมมันไม่ยาวถึงขนาดที่ว่าจะเอามาทัดหูได้นี่แหละ แต่ก็ช่างเถอะ มันอาจจะทัดผมล่องหนของมันก็ได้ “กูมาหาผู้ชาย”

   “ใครวะ”

   “ไม่ด่ากูว่าแรดก่อนล่ะ”

   “อยากให้ด่าก่อนถามหรือไง”

   “...”

   “บอกมาเลยว่าใคร คนนี้ดีหรือเปล่า ไม่ได้หลอกมึงเหมือนแก๊งไอ้เชนคนนั้นแน่นะ”

   “ไม่ได้หลอกกูค่ะ กูมั่นใจ” อมรยิ้มอย่างมีความสุข “เป็นฝ. เรียนอยู่นานาชาติ เขาเข้ามาขอเบอร์กูเมื่อคืนนี้ บอกว่ากูหน้าตามีเอกลักษณ์ดีด้วย”

   “นั่นคำชมใช่มั้ย”

   “คำชมสิวะ!” อมรร้องใส่หน้าผม

   “เห็นมึงแฮปปี้กูก็ดีใจ” ผมบอกจากใจจริง

   “แล้วมึงล่ะ...แฮปปี้หรือเปล่า” อมรมองดูสภาพผมอย่างเป็นห่วง “มึงดูแย่มากเลย ถ้าแย่กว่านี้อีกนิดนึงล่ะก็มึงเป็นเพื่อนกับถังขยะได้เลยนะเนี่ย”

   โห...สภาพผมมันเน่าเฟะขนาดนั้นเลยเหรอวะ

   “กำลังรอง้ออยู่เนี่ย” ผมกระทืบเท้าเบาๆ เป็นเชิงตอบ “กูเพิ่งทำผิดพลาดไป”

   “มึงอย่าได้คิดจะปล่อยนายท่านให้หลุดมือไปเชียว” อมรเท้าสะเอวสั่งสอนผม “นั่นของดีเกรดพรีเมี่ยม...หน้าหล่อพ่อรวยแถมยังทั้งรักทั้งหลงมึง คนแบบนั้นหายากมาก กูเกิดสิบชาติก็ไม่รู้จะเจอหรือเปล่า แต่มึงเจอนะเว้ยอิกล้า”

   “รู้แล้วๆ” ผมรับคำเสียงอ่อย หลับตาปี๋เพราะรู้สึกผิดจริงๆ

   “ง้อให้ได้นะเว้ย ถ้าง้อไม่สำเร็จมึงไม่ใช่เพื่อนกู”

   “ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

   “แหงสิ การที่คนอย่างนายท่านมาป้วนเปี้ยนหน้าห้องเรียนหรือไม่ก็แถวๆ คณะเรามันคือการแจกความสดใสให้กับชาวเศรษฐศาสตร์เรานะ มึงต้องคิดซะว่ามึงง้อท่านด้วย แล้วมึงก็ทำบุญด้วย”

   มึงคิดไปถึงนั่นเลยเรอะ “โอเค”

   “ไปละ กูไปหาผู้ชายก่อน”

   “ไวไฟจัง ไหนบอกเพิ่งรู้จักกันเมื่อคืน”

   “เขารีบของเขาเอง กูไม่ได้รีบ” อมรบิดตัวอย่างมีจริตจก้าน

   “ดีๆ ละกันมึง ถ้ามีอะไรมึงรู้ใช่มั้ยว่าห้องกูอยู่ชั้นไหน”

   “ชั้นสี่ใช่ป่ะ”

   “เจ็ดโว้ย!”

   “ทำไมต้องเสียงดัง”

   “...”

   “อ๋อ เข้าใจละ ชั้นสี่คือห้องของผัวมึงสินะ”

   อมรเดินบิดตูดเข้าไปรอลิฟต์แล้ว ทิ้งให้ผมยืนรออยู่ชั้นล่างคนเดียว ผมรู้สึกยินดีที่เห็นเพื่อนผมคนนี้มีความสุข มันไม่รู้หรอกว่าเวลามันร่าเริงนั้นมันสร้างความบันเทิงให้คนรอบข้างมากขนาดไหน...

   หลังจากนั้นไม่กี่นาที ผมรู้สึกได้ถึงลมพัดวูบเข้ามาที่ใบหน้า...รถยนต์ราคาแพงจอดอยู่ข้างหน้าตึก คนที่ลงจากรถมาก็คือนายท่าน

   มันเดินลิ่วเข้ามาคนเดียว มองตรงไปข้างหน้า ไม่สนใจเลยว่าผมกำลังยืนอยู่ตรงนี้

   สภาพของมันทำเอาผมรู้สึกอยากร้องไห้...แม้ว่ามันจะแสดงออกว่ามันไม่เป็นไร แต่ใบหน้าและรอยคล้ำใต้ตามันบ่งบอกได้ชัดเจนเสมอว่าเมื่อคืนมันผ่านเหตุการณ์เลวร้ายอะไรมา

   “ท่าน...” ผมส่งเสียงเรียก...ท่านมันไม่ยอมหยุดฝีเท้าของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว “ท่าน ได้ยินกูมั้ย”

   มันกดลิฟต์...มองไปข้างหน้าอย่างเดียว ไม่สนใจคนที่พยายามเรียกมันอย่างผม

   “กูขอโทษ”

   ลิฟต์เปิดออก...เป็นลิฟต์ตัวเดียวกันกับที่อมรเพิ่งขึ้นไปพอดี นายท่านเดินเข้าไปในลิฟต์ กดชั้นที่สี่แล้วทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นผมเหมือนเดิม

   ผมทำท่าจะเข้าไปข้างในลิฟต์กับมัน แต่ไอ้เซียนที่เดินลงบันไดมาร้องเรียกผมเอาไว้ซะก่อน

   “เหี้ยกล้า”

   ผมหันกลับมามองอีกที...ลิฟต์ก็ปิดแล้ว...มันพุ่งตรงขึ้นไปอย่างที่ไม่สนใจผมเลยว่าผมจะเป็นยังไง

   เจองานช้างแล้วมั้ยล่ะกู...

   “เมื่อตะกี้นายท่านเหรอ” เซียนพยักเพยิดไปที่ลิฟต์ ผมพยักหน้าตอบเบาๆ “เฮ้ย กูขอโทษ”

   “ไม่เป็นไร” ผมช็อกมาก...ช็อกจนพูดอะไรแทบไม่ออก “มันทำเหมือนกูเป็นอากาศธาตุเลย”

   “หา”

   “น่าจะไม่ง่ายว่ะ” มือของผมตบหน้าผากของตัวเอง

   “ใจเย็นๆ นะเพื่อน ท่องในใจไว้สี่พยางค์ ท่องไว้ๆ” เซียนดูลุกลี้ลุกลนแล้วมองไปยังประตู ท่าทางของมันเหมือนกำลังหวังว่ามันจะเจอไอ้ทิมเดินเข้ามาในตึกของผม

   “สี่พยางค์เหรอ”

   “เออ”

   “คืออะไร”

   “นายท่านรักมึง” มันพูดจบมันก็รีบพุ่งตัวหนีผมไปเลย...แม้ว่ามันจะพูดอย่างรีบๆ แต่คำพูดสี่พยางค์นั่นมันก็เป็นกำลังใจให้ผมมากมายเลยทีเดียว

   นายท่านยังรักผม...นายท่านยังรักผมอยู่...ขอให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เถอะ








   หน้าห้องนายท่าน

   ผมเคาะประตูเป็นครั้งที่สามแล้ว...ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากคนที่อยู่หลังบานประตูเลย

   “ท่าน”

   มันคงโกรธผมมากจริงๆ

   “ท่านมึงได้ยินกูมั้ย”

   ผมเริ่มเกรงใจคนที่อยู่ห้องข้างเคียงนิดๆ แล้ว

   “กูขอโทษ กูผิดไปแล้ว”

   ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ จากท่าน...โอเค อีกยี่สิบนาทีข้างหน้าผมค่อยมาใหม่ก็ได้






   ผมล้อเล่น

   ห้านาทีต่อมาผมก็มายืนอยู่ที่เดิมและก็เคาะประตูห้องมันอีกครั้งหนึ่งแล้ว มันก็ยังเหมือนเดิม ไม่ยอมเปิดประตูให้ผมเหมือนเดิม

   ผมเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องมันอยู่นาน...จากนั้นผมก็คิดอะไรออก

   มือของผมรีบพิมพ์ส่งข้อความไปหามันทางไลน์ทันที



   Klahanboy : ถ้ามึงออกมาบอกว่าไม่หายโกรธมันก็คือไม่
   Klahanboy : แต่ถ้ามึงไม่ออกมาคุยกัน...แปลว่ากูยังมีความหวังนะเว้ย




   อีกฝ่ายแม่งไม่อ่านเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่ต้องหวังให้มันตอบเลย

   ผมไม่เคยเห็นมันเวอร์ชั่นนี้ มันไม่เคยโกรธผมแล้วทำเหมือนผมไม่มีตัวตนแบบนี้ แต่เดี๋ยวก่อน...ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคุ้นๆ กับอะไรแบบนี้แล้ว

   เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดตอนก่อนเปิดเทอม ช่วงเวลาที่มีกิจกรรมรับน้องมหา’ลัย นายท่านทำเป็นเย็นชา ทำเป็นไม่รู้จักผม อีกทั้งยังพูดจาทำร้ายผมอีก

   แต่นั่นมันต่างกัน...คราวนี้มันทำเพราะมันรู้สึกโกรธจริงๆ ไม่ใช่เพราะมันมีแผนอะไรใดๆ อยู่ในหัว

   ผมควรจะทำยังไงดี...ผมควรง้อมันยังไงดี




   ยี่สิบนาทีต่อมา

   นมเปรี้ยวสองกล่องวางอยู่ที่หน้าประตูห้องของนายท่าน ผมรู้ว่ามันไม่ช่วยแต่ผมก็รู้สึกสบายใจที่จะวางมันลงไป

   “กูรอได้ทั้งคืนนะ” ผมพูด จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ นมเปรี้ยวสองกล่องนั่นแหละ

   คิดว่ามันจะสนใจผมมั้ยครับ...




   หนึ่งชั่วโมงต่อมา

   ประตูห้องของนายท่านยังคงเงียบ




   สองชั่วโมงต่อมา

   ประตูห้องของนายท่านยังคงอยู่ในสภาพเดิม ไม่มีใครผ่านเข้าออกแม้กระทั่งเพื่อนของมันอย่างทิมและนุก





   สามชั่วโมงต่อมา

   ยุงเริ่มจัดการคนอย่างผม ผมตบยุงแล้วตบยุงอีก...




   สี่ชั่วโมงต่อมา

   ผมเริ่มหาว...ความหวังของผมเริ่มค่อยๆ ละลายจนเกือบหายไปแล้วทั้งหมด





   ห้าชั่วโมงต่อมา

   นี่มันเป็นช่วงเวลาของวันใหม่แล้วครับ นายท่านยังคงไม่ต้อนรับคนอย่างผมเหมือนเดิม ไม่ว่าผมจะเคาะประตู จะร้องเรียก ส่งข้อความ หรือโทรหา...ผมก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ จากนายท่าน ไม่เลยจริงๆ

   “ไว้กูค่อยมาใหม่พรุ่งนี้นะ”

   ผมพูดออกไป...แม้จะรู้ดีว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับบานประตู







   ‘มึงกลับมอเถอะ อย่างน้อยก็ควรกลับไปเรียนนะกูว่า’

   ‘...’

   ‘อย่าเป็นงี้ดิวะท่าน’

   ‘...’

   ‘พวกกูขอร้องนะ’

   ‘...’

   ‘พี่กล้าเองก็แย่มากตอนนี้’

   ‘มึงอย่าพูด’

   ‘หา’

   ‘มึงอย่าพูดถึงชื่อนั้นอีก’

   ‘เฮ้ย’

   ‘ถ้ามึงไม่พูดถึงชื่อคนคนนั้น...กูจะกลับไปเรียน’








TBC*

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12

ตอนที่ 37
ทิม






   Naaytan Aroonkittiniwat
   กูขอโทษ...กูผิดไปแล้ว (235 Likes)

   Tim Gy : พี่กล้า? (14 Likes)
   Nooknick Pyj : ชัวร์ (5 Likes)
   Tim Gy : พี่กล้ามาว่ะ 555
   Nooknick Pyj : กูว่าตื่นกันทั้งเฟซไอ้ท่านอ่ะกูว่า
   รุ่นพี่คนที่หนึ่ง : เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดด
   รุ่นน้องคนที่สอง : เหยดดดดดดดดดดดดด
   รุ่นน้อง รุ่นเพื่อน และรุ่นพี่อีกหลายคนต่างก็พิมพ์เรียงกันไปอีกว่า : เหยดดดดดดดดดดด
   Naaykong Aroonkittiniwat : ทีมพี่กล้านะครับ
   Naaytan Aroonkittiniwat : @Naaykong Aroonkittiniwat มึงหุบปาก
   Naaykong Aroonkittiniwat : ข้างบนนี้ท่านชัวร์ๆ ไม่เอาโว้ย กูจะเอาพี่กล้า
   Naaytan Aroonkittiniwat : @Naaykong Aroonkittiniwat มึง หุบ ปาก





   สัดเอ๊ย...ถ้าท่านมันโกรธจริงพี่กล้าจริงจะมาคอมเมนต์ต่อใต้สเตตัสที่พี่กล้าตั้งทำไม

   “มึงยิ้มอะไร” ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนข้างๆ คนคนนี้แม่งพยายามที่จะมาคุยกับผมตั้งแต่ตอนที่ผมไปถึงตึก X แล้วครับ

   ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าผมอยู่กับใคร...

   เทพเซียนเอ็กซ์เอ็กซ์

   “พี่เซียน...กินนี่เสร็จผมจะไปส่งพี่ที่หอนะ”

   เพราะผมไม่ยอมคุยกับพี่เขาเป็นกิจจะลักษณะสักที เขาก็เลยไม่ยอมปล่อยให้ผมไปไหนมาไหนเพียงคนเดียว หลังจากที่ผมส่งนายท่านเสร็จ ผมก็รีบกลับคณะเพื่อไปตามเก็บงานว่าอาจารย์สั่งอะไรเอาไว้บ้าง พี่เซียนในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น (สงสัยมีชุดสำรองที่ห้องพี่กล้า) ตามผมไปทุกที่ทั้งๆ ที่ตัวเองแต่งตัวไม่เรียบร้อย แถมยังบอกอีกว่าจะไม่ยอมไปไหนทั้งไหนถ้าไม่ได้คุยกับผม

   บังเอิญเป็นโชคดีของผมหรือโชคร้ายของพี่เซียนไม่รู้ที่ผมมีประชุมงานกลุ่มต่อ มันช้าเพราะผมต้องฟังในส่วนของไอ้ท่านกับไอ้นุกด้วย (คนหลังนี้แม่งโดดหายไปไหนก็ไม่รู้) แต่พี่เซียนก็ยังอยู่รอครับ รอจนถึงสามสี่ทุ่ม ซึ่งผมงงมากว่าพี่เซียนรอได้ยังไง

   ผมหิวมากเกินกว่าที่ผมจะลีลาอะไรต่อไปได้อีก ผมชวนพี่เซียนไปหาอะไรกินแถวๆ หน้ามอ พี่เซียนก็เลยพาผมมายังร้านอาหารตามสั่งซึ่งได้ไวมาก สาแก่ใจคนที่หิวฉิบหายอย่างผม

   “อย่าเพิ่งกลับสิวะ...คุยกันก่อน”

   พี่เขาไม่หลงกลผมง่ายๆ แฮะ ผมนึกว่าพี่เขาจะลืมไปแล้วเรื่องที่รอคุยกับผม

   “งั้น...คุยกันตรงนี้แหละ” ผมสรุปในที่สุด

   “มึงจะบ้าเหรอ ที่นี่มันโรแมนติกตรงไหน”

   สภาพพี่เซียนกับสภาพผมจะเอาตรงไหนมาโรแมนติกได้อีก...

   “แล้วพี่อยากไปคุยกันตรงไหนล่ะครับ”

   “ที่เงียบๆ มืดๆ”

   “อันตราย”

   “จากคนรอบข้างใช่ป่ะ”

   “จากพี่นี่แหละ!” พี่เขายังจะถามมาให้ผมตบมุขอีก

   “กูรู้แล้วว่ากูผิดเรื่องอะไร”

   สิ้นเสียงของพี่เซียน ผมถึงกับทำช้อนหล่นออกจากมือไปเลย

   “หา”

   “กูเกือบปล้ำมึงใช่ป่ะ”

   “เฮ้ย” ผมเกือบจะเอื้อมมือไปตะครุบปากพี่เซียนเข้าให้แล้ว “มาพูดอะไรตรงนี้”

   “ก็มึงบอกให้พูดเอง”

   กวนตีนจริงๆ “เอาไว้พูดกันที่อื่น”

   “มึงเรียกร้องเองนะ”

   อดทนไว้ทิมอันเดอร์สกอร์จีวายเอ๋ย...มึงอดทนไว้ เดี๋ยวก็ได้แยกจากพี่เซียนแล้ว อีกนิดนึง อีกนิดนึง

   ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าทำไมพี่เซียนแลดูดีมีความสุขจัง ทั้งๆ ที่เพื่อนของเราสองคนกำลังมีปัญหากันอยู่แท้ๆ พี่เขาไปกินอะไรมาวะ ชาบูหรือหมูกระทะ (สองอย่างนี้ผมกินแล้วผมแฮปปี้น่ะครับ)

   ที่แน่ๆ ผมรู้แล้วว่าเขารู้เรื่องที่ผมพยายามปิดบังเขา การที่เขารู้แล้วแถมยังดูมีความสุขซะเต็มประดาแบบนี้ผมคิดว่ามีเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้

   พี่เขารู้แล้วว่าผมไม่ได้คบกับพี่หมอไตเติ้ลอีกต่อไป

   ผมรู้สึกเขินขึ้นมาดื้อๆ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคงรู้แล้วว่าผมคิดอะไรกับเขา ถึงแม้ว่าเขาจะแตกต่างจากคนที่ผมนึกเอาไว้มากๆ แต่ผมก็ห้ามหัวใจตัวเองเอาไว้ไม่ได้

   มันไม่ใช่ความหล่อของพี่เซียนที่ทำให้ผมตกหลุมรักที่เขาขุด...แต่มันคือความเป็นตัวของตัวเองแบบสุดขั้วของเขานั่นแหละ เขาไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองถึงแม้ว่าจะรู้ว่าผมไม่ชอบก็ตาม นั่นแหละที่เป็นเสน่ห์

   ออร่าความดูดีของพี่เซียนมันมีมากกว่าชุดง่ายๆ ที่เขาสวมใส่อยู่ ยิ่งเขาทำท่าชิลๆ ไม่ได้เก๊กหรือเต๊ะท่า เขาก็ยิ่งดึงดูดสายตาของสาวๆ ที่ผมสัมผัสได้ตั้งแต่มานั่งอยู่ในร้านแล้วว่าพี่เซียนเป็นที่จับตามองแค่ไหน

   “มองอะไรวะ อยากคุยกับกูแล้วหรือไง”

   ก็เป็นซะอย่างเงี้ย... “เปล่า”

   “นึกว่าจะใจร้อน”

   “ผมเปล่าสักหน่อย”

   “จริงๆ กูอยากคุยกับมึงเรื่องที่กูเมาหน่อยนะ”

   “เดี๋ยว ไม่ใช่ตรงนี้ดิ...”

   “กูคิดว่าบางที...กูอาจจะรู้ก็ได้ว่าคนที่กูกำลังทำอยู่ก็คือมึง...ไม่ใช่คนอื่น”   

   คราวนี้ไม่ใช่ช้อนครับที่หล่นออกมาจากมือผม...แต่เป็นส้อม

   “ถึงกับมือไม้อ่อนเลยเหรอวะ” พี่เซียนดูปลื้มปริ่มกับปฏิกิริยาของผมเป็นอย่างมาก

   “พี่โม้แล้ว” ผมยังคงเคืองอยู่

   “ที่มึงเคืองเนี่ย...มึงรู้ตัวมั้ยว่ามึงแอบหวงกูอยู่”

   “ผม...” เชี่ยแล้ว...ผมไม่มีอะไรจะเถียงพี่เขาเลย

   “ไม่งั้นมึงจะเคืองทำไมกันล่ะ มึงแค่นึกภาพเองว่าถ้าคนที่อยู่กับกูวันนั้นไม่ใช่มึงจะเป็นยังไง...แล้วมึงก็โกรธกู”

   ผมบีบช้อนส้อมแน่นขึ้นเพราะสิ่งที่พี่เซียนพูดนั้นมันคือเรื่องจริง

   “แต่กูไม่ว่านะ อยากหวงกูก็หวงเลย เชิญตามสบาย กูรู้กูมันน่าหวง”

   พูดจาได้อย่างน่าหมั่นไส้มากๆ...ผมตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพื่อที่จะต้องมองหรือพูดคุยกับคนตรงหน้า หลังจากที่คอมเมนต์ตอบนายกองแล้ว ไอ้ท่านเพื่อนผมมันก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

   ไม่ใช่แค่พี่กล้าครับที่มันไม่ยอมรับสาย ผมกับนุกมันก็ไม่ยอมรับสายเหมือนกัน ช่วงนี้แม่งโคตรอินดี้...ผมกับนุกไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อน

   “ไอ้ท่านมันโอเคมั้ยวะ” พี่เซียนเอ่ยถามเมื่อเห็นผมทำหน้ากังวล

   “ผมกับนุกรู้สึกเหมือนไปขุดมันออกมาจากโลงศพ” ผมกล่าวจากใจ “หลังจากที่มันเลิกกับพี่กล้า มันก็ขังตัวเองไว้ในห้องตลอดทั้งคืน ผิดปกติซะจนเดือดร้อนกันไปทั้งบ้าน ไม่ยอมพูดกับใคร ไม่ยอมทานอะไร”

   “...”

   “ถ้าผมกับนุกไม่ไปรับมันให้ไวกว่านี้ มันก็คงเป็นแบบนี้ติดต่อกันไปอีกหลายวันเลย”

   “มึงไปรับมันมาตอนที่แผลมันยังสดมากนะ”

   “ทำไงได้ล่ะพี่...มันต้องเรียนหนังสือนี่”

   “พวกมันเหมือนไม่ได้เลิกกันเลย...แค่งอนกันมากกว่า”

   ผมเห็นด้วยกับพี่เซียน “ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”

   “มันบอกเลิกกันเมื่อวาน แล้วมึงดูวันนี้ดิ...”

   “กลับมาหากันเรียบร้อย”

   “เพื่อนมึงอ่ะ...โกรธเพื่อนกูมากจนเกินไปเปล่า”

   “แล้วเพื่อนพี่อ่ะ...รู้หรือเปล่าว่าเพื่อนผมมันเจ็บเพราะเพื่อนพี่มากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว”

   พี่เซียนอ้าปากค้าง... “กูเถียงไม่ได้เลย”

   “ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าพี่กล้านะ” ผมพูดเสียงอ่อย

   “ว่ามันเหอะ มันสมควรโดนว่า”

   เรามองหน้ากัน...จากนั้นเราก็ยิ้มให้กัน พี่เซียนจัดการอาหารที่อยู่ตรงหน้าหมดภายในเวลาไม่ถึงสองนาที ส่วนผมยังเคี้ยวข้าวอยู่เลย

   “ที่ผ่านมากูขอโทษนะ...กูคงใจร้ายกับมึงมากเกินไปหน่อย”

   “ก็ไม่เท่าไหร่หรอก”

   “มึงชอบทำให้กูดึงด้านชั่วๆ ของตัวเองออกมา”

   “ไม่หรอกครับ”

   “กูอยากให้มึงเห็นด้านดีๆ ของกูบ้าง”

   “พี่จะทำยังไง”

   พี่เซียนยักคิ้วให้ผมก่อนที่จะลุกขึ้น “กูจะเริ่มจากการไปตักน้ำมาให้มึงดื่มนี่แหละ”

   พี่เขาทำอย่างที่พี่เขาพูดจริงๆ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในชุดที่โคตรง่าย แต่สาวๆ หลายโต๊ะก็มองตามพี่เซียนไปสลับกับมองมาที่ผม...

   ผมชอบพี่เซียนไปแล้วทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้เห็นเสน่ห์ในส่วนนี้ของเขา...แปลว่าในอนาคตผมคงต้องชอบพี่เขามากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าแน่ๆ

   สุดท้าย...ผมก็คงต้องพ่ายให้กับเจ้าของไอจีที่มีชื่อว่าเทพเซียนเอ็กซ์เอ็กซ์นี่จริงๆ

   พี่เซียนไม่ยื้อหรือรั้งให้ผมคุยอะไรกับพี่เขาต่อ เขานั่งนิ่งๆ ระหว่างที่ให้ผมขับรถมาส่งเขาที่ตึก X เพราะรถของเขาจอดที่นี่ ผมรู้สึกได้ว่าพี่เขาตื่นเต้นแปลกๆ ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าพูด

   “ถึงแล้วครับพี่เซียน”

   ขณะที่ผมคิดว่าผมควรจะขึ้นไปดูไอ้ท่านดีหรือเปล่า พี่เซียนก็เอ่ยแทรกความคิดของผมให้มันหยุดชะงักซะก่อน

   “ไม่ได้ว่ะ” พี่เขาพูดอย่างนี้

   ผมทำหน้างง “อะไรไม่ได้วะพี่”

   “กูเขียนจดหมายรักไม่เป็น”

   “หา” ให้ตายสิ...ผมงงหนักมากขึ้นกว่าเดิมอีก

   “กูเป็นพวกไม่ค่อยมีเหตุผลด้วย กูไม่รู้จะอธิบายให้มึงฟังยังไง”

   นี่พี่เขากำลังด่าตัวเองให้ผมฟังอยู่เหรอ “พี่เซียน...กลับไปนอนดีมั้ยครับ”  เขาอาจจะเบลอ...นอนน้อยเหมือนไอ้ท่านกับพี่กล้าในตอนนี้ก็เป็นได้

   “ห้าเหตุผล...ที่มึงควรเลือกกูเป็นแฟน” พี่เซียนพูดแบบหลับตาปี๋...ผมตกใจกับคำพูดนั้นซะจนผมต้องเอียงตัวหลบไปพิงที่ประตูข้างๆ คนขับ

   อะไรของพี่เขาวะเฮ้ยยยยยยยยย

   “ข้อแรกก็คือกูหล่อ”

   “หา”

   “ข้อที่สองก็คือกูนิสัยดี”

   ผมกระพริบตาปริบๆ “เหรอวะพี่”

   “ข้อที่สามก็คือ...กู...กูไม่รวยแต่กูขยัน”

   พี่เซียนยังคงไม่กล้าลืมตาระหว่างที่กำลังพูด...นั่นเป็นอะไรที่ถือว่าน่ารักมากสำหรับผม

   “ข้อที่สี่ก็คือ...กูมองมึงมานานมากแล้ว มองมาตลอดตั้งแต่เราเรียนอยู่ชั้นมัธยม”

   ความจริงข้อนี้ทำเอาผมถึงกับนิ่งอึ้ง...ผมจำได้ว่าเขาชอบจ้องหน้าผม แต่ไม่ใช่แบบที่เขาแอบชอบหรือแอบปลื้มแน่นอนในความคิดของผม

   บางทีผมอาจจะคิดผิดแฮะ

   ดวงตาของผมขยับไปมองดวงตาของพี่เขา พี่เซียนลืมตาพอดีระหว่างที่พูดเหตุผลข้อสุดท้าย

   “ข้อที่ห้าก็คือ...เพราะกูชอบมึง กูชอบมึงมาก มากจนกูไม่อยากปล่อยให้มึงเป็นของใครอีกต่อไปแล้วนอกจากกู”



   .



   .




   .   


   แม่ง...ผมเขินนนนนนนนน

   ข้อที่ห้าฟังดูจริงใจมากที่สุดแล้วเพราะพี่เขามองตาผมไปด้วยแล้วก็พูดอย่างจริงจังไปด้วย ไม่มีการหลับตาปี๋เขินอายใดๆ อีกต่อไป

   ใจผมสั่นระรัวไปหมด...แววตาของพี่เซียนนั้นจริงจังมาก ผมไม่อาจละสายตาไปจากดวงตาคู่นั้นได้เลย ไม่เลยจริงๆ

   “มึงคิดว่าไง” พี่เซียนถามย้ำ “กูจะบังคับมึงน้อยลง กูจะฟังมึงมากขึ้น กูจะพูดหวานๆ กับมึงมากขึ้น แล้วก็จะทำให้มึงเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก”

   “...”

   “มึงเชื่อกูเถอะนะทิม”

   ราวกับว่านั่นไม่ใช่คำพูดที่ออกมาจากปากพี่เซียน ไม่มีแววบังคับหรือออกคำสั่ง แต่มีแววออดอ้อนร้องขอ ผมทันเห็นมือของเขาสั่นระริกไปพร้อมๆ กับริมฝีปากของเขา ดูเหมือนเขาจะลุ้นกับคำตอบของผมมากๆ

   นี่ถ้าผมปฏิเสธเขา...เขาจะด่าผมหรือเปล่า

   “ผมคงเป็นคนที่ใจง่ายที่สุดในโลกเนอะ”

   “...”

   “เลิกกับแฟนคนนั้นได้ไม่กี่วัน ผมก็มีแฟนใหม่ซะแล้ว”

   พี่เซียนทำหน้างง ขมวดคิ้วอยู่นานสองนาน “แปลว่ามึงตกลงเหรอ”

   “ไม่ใช่มั้ง”

   “ถ้ามึงจะตอบว่าตกลงมึงก็ตอบไปเลยสิว่าตกลง มึงจะพูดอ้อมทำไม”

   แม่ง...เป็นแฟนพี่เซียนได้สามวิก็มีเรื่องให้ขุ่นเคืองแล้ว “ผมเปลี่ยนใจทันมั้ยเนี่ย”

   พี่เซียนดึงตัวผมเข้าไปกอดราวกับไม่ปล่อยโอกาสให้ผมทำแบบนั้น จมูกของเขาฝังลงที่ข้างแก้มของผมอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าผมตั้งตัวไม่ทัน

   ปกติแล้วผมกับพี่เขาทำแบบนี้กันที่ไหน!

   “ลงไปได้แล้ว” ผมผลักพี่เซียนให้ลงจากรถ “พรุ่งนี้เราต้องช่วยเพื่อนเราให้กลับมารักกันนะ พี่อย่าลืม”

   “โอเค” พี่เซียนเปิดประตู เขาหันมามองหน้าผมจากนั้นก็หยิบกระดาษที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาอยู่ก่อนหน้านี้ส่งมาให้

   “ไหนบอกเขียนจดหมายรักไม่เป็นไง”

   “กูเขียนง้ออย่างไอ้พวกนั้นไม่เป็น...แต่กูเขียนเป็นในแบบของกู”

   “...”

   “ไปนะ”

   พวกนั้นที่ว่าคือพวกไหนวะ...ผมไม่มีโอกาสแม้แต่ที่จะถามเพราะพี่เซียนเดินนำลิ่วไปโน่นแล้ว

   เห็นทีว่าผมคงต้องหาโอกาสถามนายท่านเพื่อนผมซะแล้วว่าที่มาของกระดาษนี้มันมาจากไหน






   ห้าเหตุผลที่มึงควรเลือกกูเป็นแฟน
   1.   กูชอบมึง
   2.   กูชอบมึง
   3.   กูชอบมึง
   4.   กูชอบมึง
   5.   กูชอบมึง




   เชื่อมั้ยว่าผมชอบทั้งเวอร์ชั่นที่พี่เซียนพูดกับเวอร์ชั่นที่พี่เซียนเขียนนะ...










   วันต่อมา

   ไอ้ท่านโทรมาปลุกผมกับนุกแต่เช้าเพื่อที่เราทั้งคู่จะได้ไปเจอมันที่โรงอาหารคณะพอดี บอกเลยว่ามองจากดาวพฤหัสฯ ก็รู้ว่ามันไม่ปกติ

   แม่งทำแบบนี้เหมือนมันอยากจะหนีหน้าพี่กล้ายังไงยังงั้น

   ผมเป็นคนรักเพื่อนครับ...ทันทีที่ท่านมันทำแบบนั้นผมก็ส่งข้อความไปบอกพี่กล้าทันทีว่าท่านมันอยู่ไหน พี่เขาอ่านและก็ตอบไวมาก อาจเป็นเพราะมือของพี่เขากำลังจับโทรศัพท์อยู่ก็เป็นได้

   เรานั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่โรงอาหารคณะนิเทศฯ ได้ไม่นาน กล้าหาญบอยแห่งเศรษฐศาสตร์ก็เดินเข้ามาบุกโรงอาหารของเราเป็นที่เรียบร้อย แถมยังมาคนเดียวอีกด้วย

   ผมกับนุกเตรียมยกจานไปเก็บพร้อมๆ กัน แต่ไอ้เหี้ยท่านห้ามเอาไว้ซะก่อน

   เอาไงก็เอา...อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะทนได้อีกสักกี่น้ำ

   “ท่าน” นมเปรี้ยวสองกล่องถูกวางลงตรงหน้าไอ้ท่านพร้อมๆ กับเสียงพูดของพี่กล้า

   ในเมื่อผมกับนุกไม่พูด พี่กล้าเองก็ไม่ได้พูดต่อ...ไอ้ท่านมันต้องรู้สึกอึดอัดแน่ๆ

   ตอนนี้ผมทีมพี่กล้าครับ

   “คุยกับกูหน่อยดิ”

   “ทิม...มึงบอกมึงจะคุยกับกูเรื่องงานกลุ่ม”

   เชี่ยแล้ว มึงทำเหมือนกูไม่ได้อยู่ตรงนี้ไม่ได้หรือไง “เอ่อ...เอาไว้คุยทีหลังก็ได้”

   “กูจะคุยตอนนี้”

   ผมมองหน้าพี่กล้าอย่างเกรงใจ แต่พี่กล้าไม่ได้มองผม เขามองแค่ไอ้ท่านคนเดียว

   “กูผิดไปแล้ว” พี่กล้าพูดอย่างสำนึกผิดจริงๆ “กูขอโทษ...ยกโทษให้กูเถอะนะ”

   “ให้กูทำอะไรบ้าง” ท่านพูดกับผมต่อไปเหมือนพี่กล้าไม่มีตัวตน

   แล้วกูจะกล้าตอบม้ายยยยยยยย

   “ท่าน” พี่กล้ายังคงไม่ละความพยายาม

   “...”

   “ไอ้ท่าน”

   “...”

   “นายท่านโว้ยยยย”

   “อะไร!” เสียงของเพื่อนผมนั้นดังมากซะจนคนเกือบครึ่งโรงอาหารหันมามอง โชคดีที่ตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าอยู่ คนมาทานอาหารเช้ากันไม่มากเท่าไหร่

   พี่กล้าหน้าซีดเผือดอย่างน่าสงสาร “กูขอโทษ”

   “มันไม่ง่ายแบบนั้น”

   “กูผิดไปแล้ว กูไม่คิดให้มันดีก่อน”

   “มึงคิดจะทำอะไรกับกูก็ได้ไง จะบอกรักก็ได้ จะเอาก็ได้ จะเทก็ได้”

   จะ...จะเหี้ยอะไรนะ...อย่างที่สองน่ะ...

   “คนเรามันเจ็บมากที่สุดในชีวิตได้ไม่กี่ครั้งหรอกนะ ประโยคนี้กูเคยพูดกับมึงแล้ว”

   พี่กล้าอ้าปากค้างเติ่ง...นัยน์ตาของพี่เขาสั่นระริกและก็เริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า เพื่อนผมหยิบจานขึ้นมาแล้วรีบเดินหนี...ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อดี นอกจากหยิบจานแล้วเดินตามเพื่อนผมไป ไอ้นุกเองก็ทำเหมือนกัน

   ใบหน้าของไอ้ท่านดูโมโหและก็ฉุนเฉียวมาก นี่มันไม่ได้เรียกว่ามันกำลังรู้สึกเสียใจแล้วครับ มันกำลังรู้สึกโกรธล้วนๆ

   “เขาทำเหมือนกูง่าย ทำเหมือนกูต้องอยู่ตรงนี้เพื่อเขาตลอด” นายท่านวางจานเสร็จก็บ่นพึมพำแล้วเดินไปเดินมา

   “มึงก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนี่ แถมแต่ก่อนมึงเต็มใจสุดๆ ด้วย” นุกเตือนสติ “พอเถอะว่ะท่าน พี่กล้าเขารู้สึกผิดจริงๆ”

   “...” ครั้งนี้นายท่านไม่ยอมอ่อนให้พี่กล้าเลยครับ...มันคงเจ็บแบบบาดลึกและฝังเข้าไปในใจจริงๆ

   “ถ้าพี่เขาเลิกง้อมึงแล้วหันไปมีแฟนใหม่ขึ้นมาล่ะ”

   คำพูดของนุกทำเอาไอ้ท่านตวัดสายตามามองอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ โชคดีที่นุกมันเป็นคนจริงพอที่จะกล้าต่อสู้กับสายตาแบบนั้นของไอ้ท่าน

   “กูเตือนมึงแล้วนะ”

   เพื่อนหน้าหล่อของผมไม่พูดอะไร มันเดินจ้ำอ้าวนำหน้าผมกับนุกไป...ผมงงว่าทำไมมันถึงกลับเข้าไปในโรงอาหารอีกรอบ ทั้งๆ ที่เราทั้งสามคนเอาจานมาเก็บแล้ว

   โธ่เอ๊ย...

   แม่งเดินกลับไปเอานมเปรี้ยวกล่องสีเขียวที่พี่กล้าเอามาวางไว้ให้ มันยังอยู่ที่เดิม แต่ตัวคนที่เอามาให้นั้นหายไปแล้ว

   ถุย ไอ้สัด มึงโกรธเขามากเลยเนอะ...มึงโกรธเขามากจริงๆ (ประชด)

   “มึงคิดว่ามันจะใจแข็งได้อีกกี่วัน” นุกกระซิบถามผม

   “ไม่น่าจะเกินสามวัน”

   “ใช่ เต็มที่ก็แค่สามวันอ่ะ”

   ผมกับนุกมองหน้ากัน “เริ่มนับตั้งแต่วันนี้เลย”






   ตลอดคาบเรียนนายท่านเอาแต่ทำหน้าบูด

   ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพื่อที่จะเช็กเวลา (ลืมสวมนาฬิกาข้อมือมา) แต่แทนที่ผมจะเห็นหน้าจอพร้อมโชว์เวลาปกติ ผมกลับเห็นข้อความไลน์จากเทพเซียนเอ็กซ์เอ็กซ์

   แม่งจะเยอะไปไหน

   Tepsian XX : แฟน ฮัลโหล
   Tepsian XX : แฟนครับแฟน
   Tepsian XX : มีเรื่องจะคุยด้วยโว้ยยย
   Tepsian XX : ถ้าโทรหาจะสะดวกรับเปล่า
   Tepsian XX : เรียนอยู่ใช่มั้ย
   Tepsian XX : เหี้ยกล้ามันโดดเรียนเนี่ย
   Tepsian XX : ตอนเช้าเกิดอะไรขึ้น


   เพราะผมเพิง่รู้ว่าพี่กล้าโดดเรียน ผมจึงรีบตอบข้อความพี่เซียนทันที ผมเล่าให้ฟังว่าเมื่อเช้าท่านมันพูดอะไรให้พี่กล้าเจ็บช้ำน้ำใจบ้าง...ไม่กี่นาทีถัดมาพี่เซียนก็ส่งข้อความตอบกลับมาทันที

   Tepsian XX : หลังเลิกเรียน...เจอกันห้องไอ้กล้านะ
   Tepsian XX : พี่รู้ว่าท่านมันคงไม่มาหรอก

   
   ผมเผลอพยักหน้าไปกับโทรศัพท์ ก่อนที่จะเบิกตาดูข้อความที่พี่เซียนเพิ่งส่งมาดีๆ

   สรรพนามเปลี่ยนว่ะ!

   แล้วทำไมต้องดูน่ารักขึ้นด้วยวะ...

    “มึงยิ้มอะไรของมึง” นุกถามอย่างสงสัย

   “กูคุยกับแฟน” ผมตอบง่ายๆ

   “พี่เซียนเหรอ”

   “ใช่”

   “อืม”

   มันเข้าใจง่ายดีแฮะ

   “เมื่อไหร่” นายท่านมันก็แอบฟังอยู่เหรอ

   “เมื่อคืน” ผมตอบ

   เพื่อนผมไม่มีใครจะแสดงท่าทีตื่นเต้นเลยสักคน...

   เอ๊ะ...หรือพวกมันเดาออกอยู่แล้วว่าผมจะลงเอยกับคนคนนี้








   ณ ห้องพี่กล้า ตอนหลังเลิกเรียน

   ผมกับนุกสลัดไอ้ท่านทิ้งได้ง่ายมากเพราะมันต้องไปคุยกับอาจารย์เรื่องที่งานค้างส่ง เราสองคนเคาะประตูไม่นาน พี่เซียนก็เดินมาเปิดประตูให้

   เขาวาดมือมาโอบไหล่ผมแล้วลากเข้าไปในห้องทันที...ผมขยับตัวเป็นเชิงบอกเล็กน้อยว่ามันอาจจะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม แต่ทว่าพี่เซียนกลับเอ่ยขึ้นมาด้วยถ้อยคำที่แสนจะง่าย

   “พวกมันรู้แล้ว”

   เพื่อนพี่เซียนทุกคนดูนิ่งเฉยรวมไปถึงพี่กล้า...ทำไมเพื่อนเราทุกคนถึงได้เข้าใจอะไรได้ง่ายขนาดนี้กันนะ

   เป็นอีกครั้งที่ผมคิดในใจว่าหรือคนพวกนี้จะเดาออกอยู่แล้วว่าผมหนีพี่เซียนไม่พ้น

   แทนที่ผมจะได้เห็นพี่กล้านั่งนิ่งซึมกะทือ...แต่ผมกลับเห็นพี่กล้าเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าผนังซึ่งถูกเคลียร์กรอบรูปออกทั้งหมดแล้วแปะกระดาษแข็งสีขาวขนาดใหญ่ลงไปแทน

   เดี๋ยวนะ...ภาพนี้มันดูคุ้นตาผมมากเลย

   “กล้าแม่งไม่ยอมจบว่ะ” พี่หมูหันหันมาหาผม

   “มันจะเล่นไอ้ท่าน” พี่ตงกล่าวเสริม

   ผมกระพริบตาปริบๆ...มองดูสิ่งที่พี่กล้ากำลังทำ ภาพนายท่านขนาดใหญ่ถูกแปะไว้ตรงกลางกระดาษแล้วพี่กล้าก็วาดรูปหัวใจโดยใช้ปากกาเมจิกสีแดงลงไปรอบๆ ภาพนั้น

   ให้ตายเถอะ...

   คู่นี้แม่งรักกันดีๆ ไม่เป็นใช่ป่ะ

   “เล่นของกล้า” พี่เซียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมกระซิบ มองดูพี่กล้าเริ่มแปะข้อมูลล่าสุดของไอ้ท่านในวันนี้ซึ่งก็คือทานอาหารตอนกี่โมง อัพสตอรี่ไอจีตอนกี่โมงพร้อมกับปริ๊นท์รูปสตอรี่มาแปะไว้ประกอบด้วย

   เหมือนกันทั้งทั้งคู่เลย เพื่อนผมและก็แฟนของมัน...แม่งศีลเสมอกันเป๊ะ

   “ ‘ของกล้า’ เหรอ” ผมงงนิดๆ

   “ ‘ของกล้า’ ก็คือไอ้ท่านไง ยากตรงไหนเนี่ย”

   “...”

   “แม่งทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องยากมากขึ้นทำไมก็ไม่รู้”

   “ไม่นะ” คราวนี้ผมไม่เห็นด้วยกับพี่เซียน “ผมเชื่อว่ามันจะง่ายขึ้น”

   พี่เซียนรู้ใจเพื่อนตัวเอง ผมเองก็เหมือนกัน

   ถ้าพี่กล้าคิดจะทำในสิ่งที่เพื่อนผมเคยคิดจะทำและวางแผนเอาไว้...ผมเชื่อว่าใจไอ้ท่านมีสิทธิ์อ่อนลงได้ง่ายแน่ๆ ทุกคนก็น่าจะจำกันได้ว่ามันวางแผนอะไรไว้...เพียงแต่มันก็ไม่มีโอกาสได้ทำเพราะมันดันไปหึงพี่กล้าซะก่อน

   แล้วถ้าพี่กล้าได้ลงมือทำในสิ่งที่เพื่อนผมไม่ได้ทำล่ะก็...ศึกครั้งนี้ยังไงพี่กล้าก็ชนะเห็นๆ

   จุดอ่อนของนายท่านคือความรัก

   แต่จุดที่อ่อนกว่านั้นของมันก็คือ...ความรักของมันที่กำลังจะถูกแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตานี่แหละ

   ผมขอย้ำจุดยืนอีกครั้ง...เรื่องนี้ผมขออยู่ทีมพี่กล้าครับ





   [มึงอยู่ไหนเนี่ย]

   “กำลังจะกลับคณะ”

   [...]

   “พี่เซียนชวนดื่มแหละ วันนี้มึงไปเปล่า”

   [กูเนี่ยนะจะดื่ม]

   “พี่กล้าไปนะ”

   [กูไม่ไป]

   “...”

   [งานกลุ่มต้องทำวันนี้ มึงจะมาทำป่ะเนี่ย]

   “เออ เดี๋ยวกูไป”

   [เอาไอ้นุกมาด้วย]

   “รู้แล้วๆ”

   ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

   “พี่กล้า เปลี่ยนวันครับเปลี่ยนวัน วันนี้ไม่เวิร์ก!”







TBC*

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12

ตอนที่ 38
กล้าหาญ





   Naaytan Aroonkittiniwat
   รักนะ (209 Likes)
   
   Naaytan Aroonkittiniwat : ... (นายท่านพิมพ์)
   Naaytan Aroonkittiniwat : ... (กล้าหาญพิมพ์)
   Naaytan Aroonkittiniwat : ...... (นายท่านพิมพ์)
   Naaytan Aroonkittiniwat : ...... (กล้าหาญพิมพ์)
   Naaypon Aroonkittiniwat : นี่คือช่วง ‘ตั้งสเตตัสเองเมนต์เอง...นักเลงพอ’ ของนายท่าน อรุณกิตตินิวัฒน์เหรอ (24 Likes)
   Tim Gy : คนงอนกัน 201X (12 Likes)






   เมื่อคืนผมได้นอนแค่สองชั่วโมงเอง

   คนที่นอนเป็นเพื่อนผมก็คือหมูหัน มันมองดูผมวางแผน ‘เล่นนายท่าน’ อยู่นานก่อนจะม่อยหลับไปบนโซฟาซึ่งเป็นภาพที่ตลกมาก มันเผลอหลับไปทั้งๆ ที่ยังอยู่ในท่านั่ง อีกทั้งยังนอนอ้าปากนิดๆ อีกต่างหาก

   เชนแวะมาดูมันแป๊บหนึ่งด้วย เพื่อนร่วมหอของผมตัดสินใจไม่ปลุกหมูหันแล้วหาอะไรมาห่มให้มันแทน แถมยังไม่ลืมที่จะให้กำลังใจผมด้วย ขอให้ผมสู้ๆ ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม

   ผมก็งงเหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรอยู่...

   ทำไมผมไม่ง้อมันให้มันง่ายๆ จบๆ ผมลองแล้วครับ และผมก็รู้จักนายท่านดีเกินกว่าที่ผมจะง้อต่อ มันโกรธผมชนิดที่ว่าหน้าก็ยังไม่อยากจะมอง แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่มันเป็นแบบนี้ แต่เชื่อผมเถอะว่าถ้าขืนผมง้อมันแบบธรรมดาๆ ยังไงมันก็ไม่หายโกรธผมง่ายๆ แน่

   เพราะฉะนั้นผมจึงต้องวางแผน แม้ว่าลักษณะของแผนนั้นจะไม่ได้แตกต่างจากครั้งที่นายท่านวางแผนเล่นผม แต่แล้วยังไง...เป้าหมายของเราทั้งคู่นั้นเหมือนกันซึ่งนั่นก็คือเราต้องกลับมารักกันเหมือนเดิม

   ไม่ว่าจะยากแค่ไหนยังไงผมก็ต้องทำ คราวนี้ผมผิดเต็มประตูจริงๆ ผมยอมรับอย่างไร้ซึ่งข้อโต้แย้งใดๆ เลยครับ

   “กล้า...ไปเรียนโว้ย” หมูหันในชุดนักศึกษาเรียบร้อยสะกิดผมที่นอนอยู่กับพื้นท่ามกลางเศษนั่นเศษนี่มากมาย “โอ้โห”

   ผนังของผมลายพร้อย...เต็มไปด้วยแผนและก็แผน รูปนายท่านถูกแปะอยู่ทั่วทุกส่วนไปหมด บางรูปผมก็วาดหัวใจใส่ แต่บางรูปผมก็ทำร้ายมันด้วยการเติมเขาเดวิลให้...เมื่อคืนอารมณ์ของผมขึ้นๆ ลงๆ น่ะ

   “มึงเอาจริงใช่มั้ยเนี่ย”

   “อืม” ผมที่เหนื่อยนิดหน่อยลุกขึ้นยืน “กูอาบน้ำแต่งตัวแป๊บ”

   “ได้”

   “...”

   “วันนี้เชนจะไปส่งที่คณะนะ”

   ผมหรี่ตามองหมูหันเป็นเชิงหยอกล้อ “คบกันแล้วเหรอ”

   “ยัง” หมูหันตอบสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว

   “เฮ้อ ลีลาเยอะอย่างกับคู่ไอ้เซียน สุดท้ายแล้วเป็นไง...ยังไงก็ได้กันเหมือนเดิม”

   มันไม่ได้สนใจคำพูดผมเลยสักนิด ผมอาบน้ำแต่งตัวในห้องตัวเองจนเสร็จ พอเดินออกมา...ผมก็เห็นเซียนกับหมูหันนั่งอยู่ข้างๆ กันบนโซฟาของผมแล้ว ทั้งคู่กำลังเล่นเกมกันอยู่ มองเผินๆ ก็เหมือนเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้ดูหวานแหววอะไรเลย

   ไม่เคยคิดเลยว่าพวกแม่งอยู่ด้วยกันแล้วจะดูเหมาะกันดีขนาดนี้

   “เอาเลยมั้ย” เชนถาม

   “เอาเลย”

   คำถามอะไรของมันวะนั่น...ผมเหลือบมองไปที่จอ คำว่า ‘เอา’ ของมันคือฆ่าทีมตรงข้ามสินะ

   “แป๊บนะไอ้กล้า กูขออีกสามนาที” หมูหันจริงจังมาก

   “เออ ได้หมด”

   “มึงจะแวะไปที่นิเทศฯ เปล่า”

   “แวะทำไมวะ”

   “อ้าว ไม่มีแผนจะทำอะไรเหรอ”

   “แผนไร” ผมตอบ “กูขาดเรียนจนคะแนนกูจะไม่เหลือแล้วเนี่ย ไปเรียนก่อน”

   จริงๆ แล้วผมอยากไปนิเทศฯ ใจจะขาดครับ แต่ไปแล้วยังไง...ไปแล้วนายท่านมันก็ไม่สนใจผมเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นการหายไปอย่างเงียบๆ ก่อนคือสิ่งที่ผมควรทำที่สุด

   ผมจะไม่ใช้เวลาถึงสองปีเหมือนที่นายท่านมันทำหรอกครับ ผมรอนานขนาดนั้นไม่ได้หรอก ไม่งั้นอาจมีอาการขาดใจตาย...ผมแค่ต้องการเวลานิดหน่อยเพื่อให้นายท่านมันใจเย็นลง

   ตอนนี้หัวมันยังร้อนรุ่ม เข้าไปตอนนี้ก็คงโดนเผาจนไหม้เกรียม...

   ลองถอยออกมาตั้งหลักดูสักนิด...บางทีมันอาจจะดีขึ้นก็ได้









   เป็นอีกครั้งที่ผมขอบอกว่า...ผมล้อเล่น

   คนง้อแม่งต้องดับเครื่องชนเข้าง้อสิครับ เราลีลาเยอะไม่ได้นะถ้าเราเป็นคนง้อเขาน่ะ

   ความผิดนี้ของผมมันไม่เหมือนกับความผิดครั้งไหนๆ ที่ผมเคยทำ...ผมไม่สามารถอยู่นิ่งๆ ได้นานไปมากกว่านี้อีกแล้ว
นายท่านมันกำลังหัวร้อนก็จริง และใจของผมเนี่ย...บอกเลยว่าร้อนพอๆ กัน

   ผมใช้เวลาว่างห้องเรียนดูสิ่งที่อยู่ในจอโทรศัพท์ของผม ผมถ่ายภาพผนังของผมมาใส่ในโทรศัพท์ด้วย เพื่อการทำงานของผมจะได้มีการ Continue ต่อเนื่อง

   “มึงทำเหี้ยอะไร” ตงเอียงคอมาถามอย่างสงสัย

   “กูกำลังวิเคราะห์อยู่ว่านายท่านมันจะไปกินข้าวเที่ยงที่ไหนวันนี้”

   “มึงวิเคราะห์ยังไง”

   “นับสถิติสิวะ”

   ผมพูดให้มันดูดีไปงั้น เพราะตอนนี้ผมแค่กำลังตัดตัวเลือก ไม่ได้คำนวณทางสถิติอะไรทั้งสิ้น โอกาสที่นายท่านจะมากินแถวเศรษฐศาสตร์นี่คือแทบจะเข้าใกล้ศูนย์ ร้านป้าปอยมีหนึ่งเปอร์เซ็นต์ โอกาสที่มันจะกินที่อื่นมีทั้งหมดเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์

   เอ่อ...ยิ่งคิดก็ยิ่งดูแปลกๆ เสียเวลาแถมไร้ประโยชน์สุดๆ เพราะมันคือความจริงซึ่งเป็นสิ่งไม่ตายอยู่แล้วโว้ยยยย

   “สรุปก็คือ...” ตงอยากรู้ต่อ

   “มันจะมากินกับเรานี่แหละ” เซียนตอบแทน

   เฮ้ย...ถึงแม้โอกาสจะเข้าศูนย์แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย ไอ้นายท่านมันได้พิสูจน์ข้อนี้แล้ว

   “มัน...มันยอมมาเหรอวะ”

   “กูใช้สิทธิ์แฟนชวนไอ้ทิมมา ไอ้ทิมก็เลยไปชวนไอ้นุกอีกที นายท่านมันก็เลยต้องมา เพราะถ้ามันไม่มา มันก็จะไม่มีเพื่อนกินข้าว”

   แม่งเอ๊ย แผนล้ำว่ะ

   “ไม่ต้องมาทำหน้าขอบคุณกู” ไอ้เซียนโบกมือใส่หน้าผม “กูแค่อยากเจอแฟนกู...นายท่านมามันคือผลพลอยได้ กูไม่ได้ช่วยมึง”

   มันปากแข็งไปอย่างนั้นแหละ ผมปล่อยให้มันพูดไปโดยไม่ขยี้ต่อ การที่นายท่านมันยอมมาในสถานที่ที่มีผมอยู่ ไม่ว่าจะเพราะอะไรผมก็ดีใจทั้งนั้น

   คนง้อเราลีลาเยอะไม่ได้...อีกทั้งยังเลือกโอกาสที่จะง้อไม่ได้ด้วยครับ

   มีโอกาสเมื่อไหร่...เราก็ต้องคว้าไว้ให้หมด






นายท่าน




   ผมเห็นกล้าแล้ว...ตอนนี้ผมกับเพื่อนกำลังมาเยือนโรงอาหารคณะเศรษฐศาสตร์ จริงๆ แล้วผมก็ไม่ค่อยอยากจะมาหรอก (เนื่องจากทิฐิล้วนๆ) แต่ถ้าผมไม่มา...ผมก็ต้องโดนเพื่อนทิ้ง เพราะฉะนั้นผมมาดีกว่า

   ผมยังโกรธกล้าอยู่ โกรธมากที่มันเห็นความรักของผมเป็นเรื่องเล่นๆ นึกจะไปก็ไป นึกจะมาก็มา...ทั้งๆ ที่มันก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมรักมันมากขนาดไหน ผมโกรธมากขึ้นตอนที่กล้ารู้สึกผิดที่บอกเลิกผม มันคือความผิดพลาดที่กล้าไม่ได้ตั้งใจ

   ขอโทษทีเถอะ...หัวใจกูไม่ใช่พื้นคอนกรีตนะเว้ย บทจะอยากดูแลก็มาดูแล แต่บทจะเหยียบก็เหยียบอย่างไม่เห็นคุณค่า นี่มันยังเห็นผมเป็นคนรักของมันอยู่หรือเปล่า...

   แทนที่การมาอยู่ใกล้ๆ กล้าครั้งนี้มันจะดีขึ้น แต่เปล่าเลยครับ...ผมกลับหัวร้อนมากขึ้นกว่าเดิมหลายสิบเท่า

   กล้าไม่ได้เอ่ยขอโทษผม ไม่ได้บอกว่ามันผิดขนาดไหนหรือผิดยังไง มันพูดคุยกับเพื่อนของมันและเพื่อนของผม ทำเหมือนทุกอย่างยังอยู่ในสภาวะปกติ เพียงแต่ว่าผมกับมันไม่ได้คุยกันก็เท่านั้น

   ที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คือเพื่อนมันกับเพื่อนผมเป็นธรรมชาติมาก ไม่มีการฝืนหรือทำการแสดงใดๆ ทุกคนทำเหมือนผมกับกล้าไม่ได้เลิกกันและบรรยากาศบนโต๊ะของเราไม่ได้มีความอึดอัดอะไรใดๆ

   เมื่อมันเป็นอย่างนั้น...ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองหงุดหงิดหนักกว่าเดิม

   หรือว่าเรื่องที่มันคิดจะง้อผมกลายเป็นเรื่องไม่สำคัญไปแล้ว

   หรือมันกะจะเลิกกับผมจริงๆ...

   แม้ว่าผมจะเป็นคนงอนอยู่ แต่ผมก็โคตรไม่ชอบความรู้สึกที่หัวใจแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนี้เลย

   “ใช่ สกินตัวนี้แม่งแพงเลย” ผมได้ยินเสียงไอ้ทิมเพื่อนผมพูดคุยเรื่องเกมอย่างออกรสกับเพื่อนๆ ของกล้า

   “พี่จ่ายให้ได้นะ” พี่เซียนพูด

   “เปลืองเงินน่า เดี๋ยวผมจ่ายเอง”

   “ไหนบอกแพงไง”

   “บ่นแต่ก็จ่ายไง เพื่อความสบายใจ” ทิมหันไปหาพี่ตง “พี่ตงซื้อด้วยป่ะ”

   “ไม่เอาว่ะ กูจะเก็บเงินไว้ซื้ออีกตัว”

   “เออใช่ สกินใหม่ลิโป้จะมาแล้วนี่”

   ผมขอย้ำอีกครั้งว่าบนโต๊ะนี้ไม่มีใครอึดอัดทั้งนั้น...ยกเว้นผม ผมที่โคตรงงเลยว่าทุกคนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง

   “พี่ตงเล่นลิโป้โอเคเลยนะ”

   “แล้วตอนนี้มึงจะเปลี่ยนเป็นเล่นแทงค์แทนไอ้เซียนเลยป่ะ” พี่ตงพูดกับเพื่อนผมต่อ

   “ก็แล้วแต่พี่เซียนน่ะ”

   “กูแล้วแต่ทิม”

   กล้าตั้งใจฟังเพื่อน ไม่ได้มีความรู้สึกรู้สาอะไรกับการที่มีผมนั่งมองอยู่ฝั่งตรงข้ามแบบนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อวานมันยังเอ่ยปากบอกขอโทษอย่างรู้สึกผิดอยู่เลย

   นี่มันอะไรกันวะเนี่ย...

   “เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำ” ผมลุกขึ้น

   “เดี๋ยวกูไปซื้อไอติม” กล้าก็ลุกพร้อมผมเหมือนกัน

   เรามองหน้ากัน เพื่อนของเรามองหน้าเรา...ทุกคนเหมือนกำลังรอดูว่าผมจะเอายังไง

   ผมก็เดินไปตามทางของผมน่ะสิถามได้ ส่วนกล้าน่ะเหรอ มันก็เดินไปหาร้านไอศกรีมของมันนั่นไง...ไม่เห็นจะเข้ามาคุยกับผมหรือเดินตามง้อผมเลย

   มันจะเลิกกับผมจริงๆ เหรอวะ

   ผมไม่ชอบโดนมันเมินแบบนี้เลยจริงๆ นะ

   ยอมรับว่าผมโกรธ...โกรธมากด้วย...แต่ความโกรธนั้นมันเทียบไม่ได้เลยกับความเสียใจของผม ที่ผมแสดงออกว่าผมโมโหนักโมโหหนานั่นเพราะผมไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าผมเสียใจขนาดไหน แท้จริงแล้วคนที่ทำเป็นเข้มแข็งหลายคนแม่งก็ต้องเก็บความอ่อนแอไว้ในใจกันทั้งนั้น ผมเองก็เหมือนกัน

   ผมไม่อยากเสียมันไปหรอก...แต่จะให้ผมไม่รู้สึกอะไรเลยผมก็ทำไม่ได้

   ผมรู้สึกแย่หนักมากขึ้นกว่าเดิมที่กล้าทำเหมือนเรื่องของเรามันจบลงไปแล้วจริงๆ

   มึงจะเอาอย่างนั้นจริงๆ ใช่มั้ยกล้า...






กล้าหาญ




   ผมกำลังทำอะไรของผมอยู่เนี่ย

   มันไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากแสดงออกไปเลยจริงๆ นะ

   “ตอนเย็นเจอกันห้องไอ้กล้านะ เดี๋ยวออกไปหาอะไรดื่มกันต่อ”

   “วันศุกร์แห่งชาติโว้ย วันศุกร์แห่งชาติ”

   ไอ้เซียนกับไอ้ตงตื่นเต้นใหญ่ที่จะได้กลับเข้าไปสู่วงการ (ดื่ม) ส่วนผมเดินคอตกอยู่ข้างหลังเพื่อนๆ ระหว่างที่ชาวคณะเสดสาดกับชาวคณะนิเทศฯ กำลังจะแยกกัน

   ดวงตาของผมมองเห็นแต่หลังนายท่าน...รู้ดีว่าเจ้าของแผ่นหลังนั่นมันไม่ได้แคร์อะไรผมเลยสักนิด ผมทำเป็นไม่แคร์มันก็อยากให้มันโมโหแล้วเข้ามาหาผมเองเหมือนเมื่อครั้งก่อน แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

   ผมรู้สึกเจ็บไปหมด...เจ็บจนน้ำตาเหมือนกำลังจะไหล แต่ก็ไม่ไหล

   ถ้าเป็นตอนกลางคืนและผมอยู่คนเดียว...ผมมั่นใจมากว่าน้ำตาของผมต้องไหลพรากแน่ๆ

   แผนเล่นนายท่านเหี้ยอะไรนั่น...ผมทำได้ไม่เก่งเอาเสียเลย ผมเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นมันทำหน้าตาเย็นชาใส่ผม นั่นทำให้ผมรู้สึกอยากเทหมดทุกสิ่งทุกอย่างแล้วกลับไปง้องอนมันเหมือนเดิม

   ไม่ว่าจะทางไหน...แม่งก็คงจะไม่หายโกรธผมจริงๆ ใช่มั้ย

   “กูไป” ผมบอกไอ้เซียน “ไปกันเลย ไม่ต้องแวะห้องกูหรอก เสียเวลา”

   “เหี้ยกล้า มึงจะไปช่วยเขาเปิดร้านหรือไง มันต้องไปสักสองสามทุ่มดิ”

   ผมไม่ตอบ...เซียนมันคงพอจะเดาออกว่าสภาพจิตใจผมตอนนี้นั้นโหยหาแอลกอฮอล์อย่างแรง

   “เอาไงก็เอา” เซียนเอ่ยในที่สุด จากนั้นมันก็เดินนำหน้าผมไปดีลกับพวกเด็กนิเทศฯ อีกที ผมจับใจความสำคัญได้ว่าเด็กพวกนั้นต้องไปทำงานกลุ่มก่อนถึงจะตามมาสมทบได้

   ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น นายท่านอาจจะตามมาหรือไม่ตามมาก็เรื่องของมันแล้ว สิ่งที่ผมปรารถนามากที่สุดตอนนี้ก็คือนอนกอดขวดเหล้าครับ

   และถ้าผมขออีกอย่างได้ก็คงจะเป็น...อ้อมกอดไอ้นายท่านล่ะมั้ง






   เซียนพาผมไปยังร้านที่มันรู้จัก โชคดีที่บรรยากาศร้านมันน่าดื่มตั้งแต่หัวค่ำ ผมจัดการชงให้ตัวเองเข้มๆ ทันที พร้อมๆ กับมอมตัวเองด้วยการกลืนเครื่องดื่มสีอำพันลงคอครั้งแล้วครั้งเล่า...

   คืนนี้ถ้าภาพในหัวผมไม่ตัด...อย่ามาเรียกผมว่ากล้าหาญบอย

   “แก...เซเลบว่ะ” สาวๆ โต๊ะข้างๆ ส่งเสียงทันทีเมื่อเห็นผม

   “เขาไม่เอาแฟนมาด้วยเหรอ”

   “แฟนเขาหล่อมากนะ”

   “โอ๊ย...เขาก็ดูดีนะแก”

   “หยุดเลย...มองไปก็ไม่ได้ เขาไม่ชอบชะนีเว้ย อย่าไปมอง อย่าไปมอง”

   ผมยังถูกพูดถึงอยู่ครับ ทั้งในชีวิตจริงและในโลกโซเชียล แต่เชื่อมั้ยว่า...ผมเรียนรู้ที่จะไม่สนใจคำพูดคนอื่นโดยสิ้นเชิงตั้งแต่ผมเลิกกับนายท่าน มันผ่านมาไม่กี่วันก็จริง แต่มันก็ได้สั่งสอนผมหนักมากว่าสิ่งที่ผมควรแคร์จริงๆ คืออะไร

   ไม่ใช่คำพูดของคนอื่นที่ผมต้องแคร์...แต่เป็นความรู้สึกของคนที่ผมรักต่างหากที่ผมควรจะแคร์ให้มาก

   นายท่านไม่เปิดโอกาสให้ผมกลับไปแก้ตัว มันไม่มองผม ไม่สนใจผม และเทผมอย่างสิ้นเชิง ยิ่งผมคิด...ผมก็ยิ่งเจ็บปวด

   ผมยอมถูกคนทั้งโลกด่า...ถ้ามันจะทำให้นายท่านคืนดีกับผมอีกครั้ง ผมยอมทำทุกอย่างจริงๆ นะ

   แต้มบุญของผมจะมีมากพอให้ผมมีโอกาสอย่างนั้นมั้ย...
   
   เชนตามมาสมทบในเวลาเกือบสองทุ่ม มันนั่งข้างๆ หมูหันทันทีพร้อมๆ กับแย่งแก้วในมือหมูหันไปดื่มแทน พร้อมกับเอ่ยปากบอกเพื่อนผมว่าถ้าเพื่อนผมมันจะดื่มแก้วไหน...ต้องให้มันเช็กก่อนว่าที่คนอื่นชงให้นั้นมันเข้มหรือมันอ่อน

   เชนแม่งห่วงเพื่อนผมเหมือนกันนะเนี่ย

   “โต๊ะนี้เหลือแต่กูใช่มั้ยที่ยังไม่มีใคร” ตงโอดครวญ

   “มึงลืมกูไปแล้วเหรอ” ผมกล่าว

   “มึงไม่นับดิ” ตงไม่สนใจผมเลย

   “นับสิวะ...นับ”

   “...”

   “กล้าหาญบอยโสดแล้วนะ ต้องนับดิ”

   หมับ ตงแย่งแก้วในมือผมไปวางเอาไว้ที่อื่น

   “เอามา ไอ้สาดดด”

   “เพิ่งจะสองทุ่ม...แม่งจะไปแล้วเหรอวะ”

   “มันใส่หนักตั้งแต่หัวค่ำ มันรอดจนมาถึงวินาทีนี้แม่งก็บุญหัวแล้ว” เซียนส่ายหน้าให้ผมอย่างระอา

   ผมเอื้อมมือไปหยิบแก้วของตัวเองที่วางอยู่ไกลออกไปได้สำเร็จ จากนั้นผมก็ดื่ม ดื่ม และก็ดื่ม จนกระทั่งเวลาเกือบสี่ทุ่ม ทิมกับนุกก็มา...

   ไม่มีเงาของนายท่าน

   นายท่านแม่งไม่มาว่ะ

   โอย จังหวะนี้ผมต้องดื่มเท่านั้นผมถึงจะใช้ชีวิตอยู่ต่อได้...ดวงตาผมเบลอไปหมด ผมมองแทบไม่เห็นตอนที่อมรมันแวะเอาหนุ่มฝรั่งที่มันเดตอยู่มาอวดเพื่อนๆ

   หัวของผมหนักอึ้ง...รู้สึกมึนจนใกล้จะหลับ

   ไม่...ผมยังไม่พอแค่นี้หรอก เพราะผมยังไม่ลืมนายท่านเลยสักนิด...ผมต้องดื่มให้หนักกว่านี้ เมามากกว่านี้...






นายท่าน





   [กูมันคนโสด 201X โว้ยยยย]

   [เชนมึงบอกกูมาดิ๊ว่ามึงจะดูแลเพื่อนกูดีๆ]

   [ท่านมันมาหรือยัง]

   [เหี้ยเซียน มึงอย่าเอาแก้วกูปายยย]

   [ความรักอ่ะนะ...แม่ง...โคตรเป็นเรื่องที่ไร้สาระ เอิ๊ก]

   [นายท่านยังไม่มาอีกเหรอวะ]

   [ตงมึงมาชนแก้วกับกูเร็ว มึงโสดเหมือนกู!]

   [ตกลงนายท่านจะไม่มาจริงๆ ใช่มั้ย]

   [มันไปตายที่ไหนแล้ว]

   ผมเดินไปเดินมาอยู่ในห้องจนพื้นห้องผมจะสึกอยู่แล้ว

   ดูจากสตอรี่ที่เพื่อนๆ ของผมกับกล้าพากันอัดแล้วลงในไอจี...กล้ากำลังเมามาก มากในแบบที่เกินกว่าผมจะทนรับไหว คุณคนอ่านคงจำได้ว่าผมไม่ชอบเห็นมันเมา มันคือเหตุผลเดียวที่ผมไม่ยอมดื่มแอลกอฮอล์เพราะผมต้องการดูแลมัน...แต่ทว่าตอนนี้...มันกำลังจะเป็นในสิ่งที่ผมไม่ชอบ

   เมาเหมือนหมา...ขาดสติ...ขาดการยับยั้งชั่งใจ...และที่สำคัญ...มันดูแลตัวเองไม่ได้

   สตอรี่ล่าสุดของไอ้ทิมทำเอาใจผมร่วง

   กล้าล้มลงไปกองกับพื้นเพราะมันทรงตัวไว้ไม่อยู่

   [กูไหว กูไหว...กูโอเค...นายท่านมันมาหรือยัง]

   แม่งเอ๊ย...ผมไม่ทนอีกต่อไปแล้ว

   ผมกดโทรศัพท์โทรออกหาทิม...มันรับสายผมทันทีราวกับโทรศัพท์ของมันนั้นอยู่ในมือของมันอยู่แล้ว

   [ฮัลโหล!] มันต้องตะโกนเสียงดังเพราะในร้านที่มันอยู่นั้นกำลังมีดนตรีสด [ไอ้เหี้ยท่าน มึงพิมพ์แชตมา กูไม่ได้ยิน!]

   โว้ยยยย กูหงุดหงิดดดดดดด

   ตอนที่ผมพิมพ์ข้อความไปหาไอ้ทิมนั้น...ผมไม่ห่วงสวัสดิภาพของโทรศัพท์ของผมด้วยซ้ำ ถ้าผมแข็งแรงกว่านี้อีกนิด ผมบอกได้เลยว่าผมอาจจะบีบโทรศัพท์ตัวเองจนมันพังไปเลยก็เป็นได้




   Naaytan_Lkh : เลิกปั่นกันได้แล้ว
   Naaytan_Lkh : ลบออกให้หมด
   Naaytan_Lkh : กูยอมแล้ว กูยอม!





   ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่ทำให้เพื่อนผมมันอ่านไวตอบไว



   Tim_Gy : แฟนใคร...มารับไปเอง




   วันนี้เป็นวันที่สามนับจากคืนที่กล้าบอกเลิกผม...ผมขอสารภาพจากใจของผมว่า...ผมทำเป็นโกรธมันได้แค่นี้ แค่นี้จริงๆ

   พวกเราควรลืมทุกอย่างแล้วเริ่มต้นใหม่





   ผมรู้สึกขอบคุณตัวเองที่ลดฟอร์มลงมาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ

   ตอนที่ผมไปถึงร้าน...กล้าแม่งกำลังนัวเนียคนนั้นคนนี้ไปทั่ว โชคดีนะที่คนที่มันไปนัวเนียนั้นมีแต่เพื่อนๆ ของมัน ไม่อย่างนั้นล่ะก็...เรื่องการโกรธกันของเราคงต้องยาวต่อไปอีก

   มันสลบเหมือด...หลับอย่างไร้สติตลอดทางที่ผมพามันกลับมายังตึกที่เป็นหอของเรา ผมหิ้วมันขึ้นไปบนห้องของมันอย่างง่ายดาย เพราะมันทั้งตัวเล็กและก็ตัวเบา...

   “นายท่าน...มาหรือยัง”

   ตอนที่ผมแบกมันขึ้นบ่าระหว่างที่ผมกำลังเสียบกุญแจห้องของมัน...ผมก็ได้ยินเสียงมันบ่นพึมพำ

   “ยัง” ผมตอบมันอย่างขุ่นเคือง “มันไปตายแล้ว”   

   “เฮ้ย”

   “...”

   “มันตายไม่ได้นะ”

   “ทำไมมันถึงจะตายไม่ได้ มึงยังถามอยู่เลยเมื่อตะกี้ว่ามันไปตายที่ไหน”

   “ก็กู...ฉุนเฉียว” เสียงของมันดังอยู่ตรงแผ่นหลังใกล้ๆ กับไหล่ของผม เพราะใบหน้าของมันอยู่ตรงนั้น

   “ใช้คำว่าฉุนเฉียวด้วย”

   “...”

   “น่ารักดีนะ”

   ผมกดเปิดไฟ...พาตัวกล้าไปนอนบนโซฟา จากนั้นก็...

   ยืนชาตัวแข็งทันทีกับสิ่งที่เพิ่งเห็น

   ผนังข้างห้องของกล้าฝั่งหนึ่งเป็นเรื่องราวของผมทั้งหมด เหมือนกับตอนที่ผมเคยวางแผนเรื่องมันเมื่อประมาณเดือนสองเดือนที่แล้ว ผมอ้าปากค้างเติ่ง ไล่สายตามองดูรูปตัวเอง ข้อความที่ถูกเขียนเพิ่ม ลามไปจนถึงพวกเส้นด้ายต่างๆ ที่กล้าใช้หมุดมาเสียบ

   มันน่าอัศจรรย์ใจตรงที่ว่ากล้าได้ทำสิ่งเหล่านี้ภายในเวลาคืนหรือสองคืน แต่ผมใช้เวลาทำตั้งสองปี

   ข้อความพวกนั้นทำเอาใจผมอ่อนยวบยาบ...นี่มันไม่ใช่การวางแผน แต่มันคือการพร่ำพรรณนาถึงผมในแบบแปะบนฝาผนังต่างหาก



   ‘กูควรง้อมึงยังไงมึงถึงจะยิ้มให้กูแบบนี้อีก’
   ‘สเตตัสเมื่อเกือบสองเดือนที่แล้วของมึง...กูชอบมากนะ’
   ‘ต่อไปกูยอมให้มึงเป็นเล่นเฟซบุ๊กลับของมึงแต่เพียงผู้เดียวก็ได้ กูไม่ยุ่งแล้วววววว’
   ‘แบรนด์ที่มึงชอบใช้...กูควรซื้ออันไหนไปดี’
   ‘หรือมึงอยากได้แหวนอีกสักวง...คราวนี้ไม่ต้องใส่นิ้วกลางแล้ว กูจะให้มึงใส่นิ้วนาง!’




   มันจะหมั้นกับผมหรือไง...

   ผมยิ้มขณะมองดูรูปตัวเองที่บางรูปก็ถูกมันวาดรูปหัวใจใส่ แต่บางรูปมันก็วาดรูปเล่นใส่ แม้ว่าทั้งหมดนี่จะเป็นการทำภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่มันก็ทำให้ผมประทับใจมาก...

   ขอเก็บไว้ได้มั้ย...ไม่ต้องรื้อมันทิ้ง

   ไว้ผมจะลองขอกับเจ้าตัวอีกทีหนึ่ง...แต่ต้องเป็นตอนที่มันมีสติซะก่อน

   ผมเดินมาหากล้าที่โซฟา...มันไถลตัวเปลี่ยนจากนอนพิงโซฟาเป็นนอนในท่าราบเป็นที่เรียบร้อย กลิ่นของแอลกอฮอล์ลอยมาจากตัวของมันจนทำให้ผมต้องย่นจมูก

   มันไม่เคยดื่มหนักขนาดนี้มาก่อน...ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนๆ ก็ตาม

   มันหลับสนิทชนิดที่ว่าถ้าผมปล้ำมันคงไม่รู้สึก (?)...แต่ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก ผมแค่นั่งจ้องหน้ามันข้างๆ โซฟาแบบนี้...ผมก็พอใจแล้ว

   “แม่งบอกเลิกกูมาได้นะ” ผมพูดทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ตอบ “แล้วดูสภาพคนที่บอกเลิกอย่างตัวเองสิ”

   บอกได้เลยว่าเละเป็นขี้...

   ผมขยับเท้าตัวเอง...เท้าของผมไปโดนเศษกระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนอยู่หลายอัน มันถูกกล้าเขี่ยมาซ่อนไว้ใต้โซฟา

   ข้อความในกระดาษเหล่านั้นคือสิ่งที่มันเคยเขียนตอนง้อผมเรื่องนายกอง แล้วมันก็ไม่ได้เขียนแค่แผ่นเดียวครับ แม่งเขียนเป็นสิบๆ

   หัวข้อส่วนใหญ่จะเป็น ‘ห้าเหตุผลที่นายท่านควรเลิกโกรธกล้าหาญ’ ‘ห้าเหตุผลที่กล้าหาญอยากให้นายท่านกลับมาคืนดี’ ‘ห้าเหตุผลที่กล้าหาญขาดสติ’ ‘ห้าเหตุผลที่กล้าหาญพูดจางี่เง่า’ และก็...อีกหลายๆ หัวข้อ มันเยอะมากจนผมอ่านไม่ไหว

   ทุกแผ่นมันตั้งใจเขียนหมด...เพียงแต่มันเลือกที่จะไม่ใช้ ตัดสินใจขยำกระดาษเป็นก้อน แล้วก็เขี่ยมันมาไว้ใต้โซฟาทั้งหมดแบบนี้

   ผมถอนหายใจแล้วเหลือบมองดูคนเมาที่หลับปุ๋ย...

   “มึงนี่นะ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี “ขอจูบได้ป่ะ”

   จุ๊บ

   คนเมาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเพิ่งถูกจูบ...เพราะมันเอาแต่นอน

   ผมอ่านกระดาษพวกนั้น แล้วก็พูดออกมาอีก “ขออีกที”

   จุ๊บ

   มันง้อผมได้สำเร็จโดยที่มันไม่ต้องลงทุนอ้อนวอนอะไรมากเลย...

   หลังจากวันนี้ผมควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่...

   ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกที่รักมันมากจนเกินไป...มันเองก็รักผมมากจนเกินไปเหมือนกัน

   ผมรักมากพอที่จะให้อภัย...มันเองก็รักมากพอที่จะยอมรับว่าตัวเองผิดพลาดแล้วรีบทำการง้องอนผมหลังจากที่รู้ตัวแทบจะในทันที

   รักกัน...มันดีกว่าโกรธกันอยู่แล้วจริงมั้ยครับ

   ว่าแต่ถ้าผมแกล้งงอนมันอีกสักนิด...ผมจะได้แหวนที่นิ้วนางของผมจากมันจริงๆ ป่ะ

   ชักอยากจะเป็นคู่หมั้นของมันจริงๆ แล้วสิ





   [ดีกันหรือยังวะ!]

   “ดีแล้ว”

   [เดี๋ยว พี่กล้าเมาไม่ใช่เหรอ]

   “...”

   [พี่เขาง้อมึงยังไงเนี่ย]

   “ไม่เห็นมันจะง้ออะไร...มาถึงห้องปุ๊บมันก็เอาแต่นอน”

   [แบบนี้แปลว่ามึงหายโกรธเองชัวร์ๆ]

   “คงงั้นแหละ”

   [...]

   “เห็นซากอารยธรรมที่ฝาผนังแล้วกูยอมเลยว่ะ”

   [ไงล่ะ พี่กล้ากู]

   “กะแล้วเชียวว่ามึงต้องรู้”

   [พี่เขานั่งวางแผนเล่นมึงเมื่อคืนอ่ะ แม่งโคตรฮา เหมือนมึงเมื่อสมัยก่อนเด๊ะเลย]

  “ทำเมื่อคืนเหรอวะ เฮ้ยยย”

   [ก็เออดิ แทบไม่ได้นอนเลย]

   “เขาคิดมั้ยเนี่ยว่ากูจะมาเห็น”

   [กูว่าไม่...]

   “...”

   [นุก ดีกันแล้วว่ะ (นั่นไง!) เห็นมั้ย...กูบอกแล้วว่าไม่เกินสามวัน]

   “เดี๋ยว อะไรของมึงวะ”

   [แค่นี้นะ]

   “เฮ้ย เดี๋ยว!”

   ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด









TBC*






สองตอนสุดท้ายมาหลังสงกรานต์นะคะ
อยากอ่านความเห็นคนอ่านด้วย เมนต์มาให้อ่านหน่อยน้า <3
:mew1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
งอนๆ ง้อๆ ของทั้งคู่ ทำให้เพื่อนๆ ลงเอยกันหมดแล้ว  :laugh:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ก่อนอื่นก็ขอกอดคุณเค้กก่อนเลยสำหรับความใจดีอัพให้สี่ตอนรวดแบบนี้ ตอนนี้เราก็มองว่ากล้าผิดที่หุนหันพลันแล่นไม่คุยไม่ปรึกษาใครดีๆก่อน แต่ก็นะครอบครัวตัวเองโดนโจมตีขนาดนั้นเป็นใครไม่หัวร้อนบ้างคงแปลกแต่กล้าก็ควรจะคุยกับท่านดีๆก่อนอะไม่ใช่บอกเลิกปุบปับจนท่านช็อคไปเลยก็สมควรที่ท่านจะโกรธ เพราะมองในมุมท่านก็เหมือนกล้าเห็นความรักของท่านเป็นของเล่นอะอย่างที่ท่านว่านั่นแหละ จริงๆก็อยากให้กล้าพยายามง้อท่านมากกว่านี้สักหน่อยถึงแม้แผนเล่นท่านจะดูเข้าท่าแต่ถ้าท่านไม่ได้ใจอ่อนก่อนเองท่านก็คงยังไม่รู้หรอก มันเลยเหมือนงานนี้คนที่อ่อนก่อนก็เป็นท่านอีกอยู่ดี

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ตอนบอกให้ทนอีก6ตอน นี่หัวใจจะวายค่ะ กลัวมาทีละตอนแล้วจะตายย ค้างง
สรุปป มาทีมาเป็นชุดเลยย นุอ่านน้ำตาไหลเป็นสายยาวเลยค่ะ แงงงงงง
ขอบคุณที่ไม่ทำร้ายกันปล่อยค้างนะคะ แต่มาแบบนี้กุเกือบทำใจไม่ได้ 555555

ออฟไลน์ kung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
กล้าต้องง้อมากกว่านี้อะ แค่เมาและแผนที่แปะไว้มันไม่พอกับที่นายท่านโดนบอกเลิกง่ายๆแบบนั้น กล้ายอมแพ้กับสังคมและปากคนอื่นมากไป นายท่านรักมากขนาดนี้ทำทุกอย่างเพื่อกล้ามานาน กล้าเทง่ายๆซะงั้น :ling1:  ยืนยันว่ากล้าต้องง้อมากกว่านี้ค่ะ #ทีมนายท่าน  :mew1:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ปัญหาคนพูดมากมันมีอยู่แล้ว ก็แค่สนใจคนที่ตัวเองแคร์ก็พอ ถ้าไม่หนักแน่น ก็คงต้องทะเลาะกันบ่อยๆ แหละ

ครอบครัวคือใกล้ตัวสุด เวลาที่มีปัญหาและต้องปรึกษาหรือพูดคุยอ่ะ

ที่ผ่านมามันเป็นบทเรียนเนอะ สู้ๆ ทั้งสองคน


/ยาวจุใจมาก ขอบคุณค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4:  :pig4: :pig4:

อ่านยาวสะใจ  แต่ก็แอบเสียใจเล็ก ๆ

เพราะอาจลงแดงตาย เนื่องจากต้องรอตอนใหม่หลังสงกรานต์แหนะ

ป.ล. เพื่อนซี้นี่รู้ใจกันจริง ๆ ทายถูกเผงเลย

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
สนุกทุกตอนขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ดีที่ทั้งสองคนเข้าใจกันแล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ มาดามพีพี

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กล้าหาญบอยยอมแพ้เพราะมีแม่กับพี่สาวมาข้องเกี่ยวด้วย..คนเข้มแข็งส่วนใหญ่ก็มีจุดอ่อนที่ครอบครัวทั้งนั้นอ่ะ..นายท่านให้อภัยเตี้ยน้อยของเราน่ะ ดีแล้วววว..

ออฟไลน์ kredkaew26

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
โอ้ยยยยยยยยยยยยย หัวใจจจจจจจจจจจจจจจจ   เฮ่อ!!!!  อ่ะนะ  รักกันจริงก็อดทนกันหน่อยสิเด็กๆ  ไม่งั้นคุณแม่จิตายก่อนอ่ะ  แต่ดีกันแล้วก็   :hao6: :hao6: :hao6: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
คิดแล้วว่านายท่านโกรธกล้าได้ไม่นานหรอก แต่ตอนที่กล้าบอกเลิกนี่เจ็บแทนนายท่านจริงๆ อยากให้นายท่านโกรธนานกว่านี้ แต่ก็นะสองคนนี้รักกันมากอ่ะ ให้หวานๆกันสักที

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เป็น4ตอนที่ลุ้นมากค่ะว่ากล้าจะบอกเลิกท่านไหม แล้วนางก็บอกเลิกจริงๆ นายท่านก็หายโกรธเร็วจริงๆ เพราะความที่รักกล้าล้วนๆเลย แต่เราอยากเห็นกล้าง้อท่านมากกว่านี้นะ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ชอบทุกตอนของเนื่องนี้ มีเนือยๆ บ้าง แจ่เราโอเคเพราะชอบจริงๆ ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ถ้าเราเป็นนายท่านเราจะโกรธกล้ามากกว่านี้
กล้าทำเหมือนไม่รักเราเลย คิดจะเลิกก็เลิก คิดจะกลับมาก็มา แต่ทำไงได้ ด้วยความที่รักมากก็ให้อภัยได้ คราวหน้ากล้าอย่าทำให้ท่านเสียใจอีกนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
กล้าหาญบอยเอ๋ย นายท่านเอ๋ย
รักกันออกปานนี่ สุดๆไปเลย
รอหลังสงกรานต์ค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อยากตบหัวกล้าอะ แหม!!!! คิดเองเออเองไปซะหมด ไม่คิดจะปรึกษาหารือเพื่อนหรื่อครอบครัวอะไรเลย นายท่านคืนดีเร็วไปแล้ว

ออฟไลน์ Wipers

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :กอด1: :กอด1: หายงอนกันนะ งอนกันนานไม่มีเลยทั้งสองฝ่าย มีแต่ทุกข์ทั้นนั้น

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
หลังสงกรานต์มาสวีทแทนนะ

มีผิดนิดนึง
  มันไม่ได้สนใจคำพูดผมเลยสักนิด ผมอาบน้ำแต่งตัวในห้องตัวเองจนเสร็จ พอเดินออกมา...ผมก็เห็นเซียนกับหมูหันนั่งอยู่ข้างๆ กันบนโซฟาของผมแล้ว ทั้งคู่กำลังเล่นเกมกันอยู่ มองเผินๆ ก็เหมือนเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้ดูหวานแหววอะไรเลย

ต้องเป็นจะเชนสิ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
เราทีมกล้า  เข้าใจในจุดที่กล้านอยยหนักถึงขั้นอยากเลิก  คือมันก็เหตุผลเดิมๆที่เคยเทนายท่านคือกล้านึกถึงคนในครอบครัวมาก่อนตัวเองเสมอ กล้าเป้นผู้ชายคนเดียวในบ้าน ตลอดมากล้าพยายามทำตัวกล้าหาญให้สมชื่อดูแลคนในบ้าน แต่วันนึงกลับกลายเป็นว่าตัวเองเป็นคนที่ทำให้คนในบ้านต้องมีเรื่องให้วุ่นวายกล้ามันเลยคิดหนักแบบนี้ไง  บอกอีกครั้งว่าเราทีมกล้าไม่ว่ากล้าจะทำอะไรเราก็จะอยู่ทีมกล้า 5555

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
                                       :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณจากใจเลยค่ะลงมายาวจุใจมากไม่ต้องรอนานไม่ค้างคาสรุปทุกคนมีคู่ยกเว้นตง555
สงสารนางค่ะหาคู้ให้นางด้วยนะค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ยาวสะใจมากค่ะ5555555
นายท่านนี่ยังไงก็แพ้กล้าอยู่เสมอเลยนะ เฮ้อออ ต่อไปนี้กล้าก็ไก้บทเรียนใหญ่ไว้คอยเตือนสติตัวเองคราวหน้าแล้วนะ
รักกันมันดีกว่าเนอะ
กอดคุณเค้ก แฮปปี้สงกรานต์เดย์ล่วงหน้าค่ะ :กอด1: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด