[เรื่องสั้น] Love is pain #พยายามรัก {จบ}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Love is pain #พยายามรัก {จบ}  (อ่าน 1910 ครั้ง)

ออฟไลน์ fringuello

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด


2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม


6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)


18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17


เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

----------------

สำหรับเรื่องนี้ของบอกตอนจบไว้ก่อนนะคะว่าไม่ใช่แนวแฮปปี้เอน เพราะงั้นสำหรับใครที่กดเข้ามาแล้วอ่านเจอคำเตือนนี้ ถ้าไม่ชอบก็สามารถกดปิดไปได้ แต่ถ้าคุณอยากลองอ่านเราก็จะดีใจมากเลย อ่านแล้วมาคอมเมนต์ให้เรารู้ก็ได้ค่ะว่าสนุกไหม ไว้รอจะเก็บไปพัฒนาฝีมือตัวเองนะคะ
:katai4:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2019 21:00:29 โดย fringuello »

ออฟไลน์ fringuello

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่อนล้าไปทั้งหัวใจ…

ท่อนนึงของเพลงที่ฟังแล้วทำให้ผมอินไปกับมันด้วยประสบการณ์ที่ตัวเองกำลังพบเจอ
มีคำสอนที่ว่า ‘ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น’

แต่ปัจจุบันมันก็ถูกดัดแปลงไปกลายเป็นคำสอนที่ว่า ‘ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น’
เห็นท่าจะจริง เมื่อผมรู้สึกกำลังจะหมดแรงกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ แม้ปลายทางของการพยายามจะหอมหวานสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังมองไม่เห้นทางที่จะไปถึงที่นั่นได้เลยสักที

พยายามเท่าไหร่ก็ไกลได้เท่าเดิม

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนดังมาจากแล็ปท็อปที่ผมเปิดค้างไว้

‘อิจฉาว่ะอยากไปเที่ยวกับแฟนแบบแกบ้าง’

อ่านจบก็พิมพ์ตอบเพื่อนสนิทที่มาคอมเมนต์ในเฟซบุ๊คหลังจากเช็คอินที่ทะเล

‘บอกให้ลางานมาพร้อมกันก็ไม่เชื่อ’

‘แหม คนมันต้องทำงานไหมล่ะ ใครจะดีมีผู้เลี้ยงแบบแก’

ผมหัวเราะเล็กน้อยให้กับประโยคที่เพื่อนบอกมา เลิกแก้ตัวเมื่อรู้ว่าพูดอะไรไปมันก็ไม่ยอมฟัง

ใช่ผู้เลี้ยงที่ไหนล่ะ ผมพยายามจะจ่ายแล้วแต่ไม่ทันคนมือไวกว่าเท่านั้นเอง

ออฟไลน์ fringuello

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่อนล้าไปทั้งหัวใจ…

ท่อนนึงของเพลงที่ฟังแล้วทำให้ผมอินไปกับมันด้วยประสบการณ์ที่ตัวเองกำลังพบเจอ
มีคำสอนที่ว่า ‘ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น’

แต่ปัจจุบันมันก็ถูกดัดแปลงไปกลายเป็นคำสอนที่ว่า ‘ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น’
เห็นท่าจะจริง เมื่อผมรู้สึกกำลังจะหมดแรงกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ แม้ปลายทางของการพยายามจะหอมหวานสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังมองไม่เห้นทางที่จะไปถึงที่นั่นได้เลยสักที

พยายามเท่าไหร่ก็ไกลได้เท่าเดิม

--------
ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนดังมาจากแล็ปท็อปที่ผมเปิดค้างไว้

‘อิจฉาว่ะอยากไปเที่ยวกับแฟนแบบแกบ้าง’

อ่านจบก็พิมพ์ตอบเพื่อนสนิทที่มาคอมเมนต์ในเฟซบุ๊คหลังจากเช็คอินที่ทะเล

                          ‘บอกให้ลางานมาพร้อมกันก็ไม่เชื่อ’

‘แหม คนมันต้องทำงานไหมล่ะ ใครจะดีมีผู้เลี้ยงแบบแก’

ผมหัวเราะเล็กน้อยให้กับประโยคที่เพื่อนบอกมา เลิกแก้ตัวเมื่อรู้ว่าพูดอะไรไปมันก็ไม่ยอมฟัง

ใช่ผู้เลี้ยงที่ไหนล่ะ ผมพยายามจะจ่ายแล้วแต่ไม่ทันคนมือไวกว่าเท่านั้นเอง

พักสายตาจากโลกโซเชียลหันมาสนใจเสียงน้ำทะเลที่ซัดกระทบโขดหินบ้าง ผมลุกจากเก้าอี้ไม้เดินไปที่หน้าต่าง มองหาอีกคนที่มาด้วยกันแต่ตอนนี้หายไปกับธรรมชาติแล้ว

“ช่วงนี้พี่แทนว่างไหมครับ”

“ถ้าส่งงานลูกค้าครั้งนี้ผ่านก็น่าจะว่างยาวสัปดาห์นึงนะ พีมีอะไรหรือเปล่า”

“พีอยากไปเที่ยวทะเล”

“ไปสิ เดี๋ยววันนี้ถ้างานมันผ่านพี่พาไปวันเสาร์เลย”



ผมออกมาเดินเล่นที่ชายหาด พลางนึกถึงบทสนทนาที่พาตัวเองมาถึงที่นี่ ตอนชวนก็ไม่คิดว่าพี่เขาจะตอบตกลงจริง ๆ หรอก เผื่อใจไว้แล้วว่ายังไงก็ได้ไปคนเดียวแน่ ๆ พอมีคนตกลงมาด้วยก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน เจ้าตัวใช่คนว่างไปเที่ยวเหมือนผมซะที่ไหน


อันที่จริงครั้งนี้ที่ชวนไปเที่ยวก็ไม่ใช่เพราะตัวเองอยากไปมากหรอก แค่เห็นพี่เขาเอาแต่ทำงานไม่ยอมพักเท่านั้นเอง กลัวว่าถ้าบอกให้พักก็จะเอางานกลับมาทำที่บ้านอีก นี่แหละคำว่าพักผ่อนที่บ้านของเขา ใช่การที่นอนตื่นสาย นั่งดูรายการทีวีอยู่บ้านโง่ ๆ เหมือนผมซะที่ไหน เลยต้องพาออกมาจากงานจากบ้านอย่างนี้ไงครับ
ผมเดินเอื่อยอยู่ริมหาดไปเรื่อย ๆ แดดตอน 5 โมงเย็นถึงจะร้อนแต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าต้องเดินเลี่ยงมันเหมือนแดดตอนเที่ยงสักเท่าไหร่


เดินเล่นชายหาดให้น้ำทะเลพัดผ่านเท้าไปเรื่อย ๆ ก็เจอกับบุคคลที่กำลังตามหา ผมเดินเข้าไปใกล้เจ้าตัวเรื่อย ๆ และเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องสมาร์ทโฟนไม่วางตา มือก็พิมพ์ยุกยิก คิ้วก็ขมวดจนเป็นปมหมด
คุยเรื่องงานอยู่สิท่า


พาออกมาถึงนี่ยังมีงานมากวนใจอีก

“พี่แทนครับ”

ผมเอ่ยชื่อเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา แต่เหมือนสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจอสมาร์ทโฟนจะเป็นเรื่องสำคัญจนทำให้พี่เขาตัดขาดตัวเองออกจากโลกภายนอก ไม่สนใจเสียงเรียกของผมสักนิด

“พี่แทน…”

“อ้าวพี มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมมองการที่อีกฝ่ายรีบเก็บสมาร์ทโฟนใส่กระเป่าเพราะกลัวผมดุเข้าให้ เวลาเล่นก็คือเวลาเล่นครับ อย่าเอางานเข้ามาเกี่ยว

“หิวหรือยัง” ไม่รอคำตอบในสิ่งที่ถามเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเรื่องด้วยคำถามใหม่

“ยังครับ… พี่แทนคุยงานหรอ มีงานด่วนเข้ามาหรือเปล่าครับ” สังเกตสีหน้าเคร่งเครียดของเขาที่ยังไม่คลายกังวลก็เป็นห่วง กลัวตัวเองจะไปรบกวนเวลางาน

“อ้อ! คุยงานครับแต่ไม่ใช่งานพี่นะ” รีบปฏิเสธเชียว “ถ้าพีไม่หิวเราไปเดินเล่นกันก่อนไหม” ผมพยักหน้า ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาเป็นสัญญาณให้ผมส่งมือตอบ

“รู้สึกอยากหยุดเวลาไว้เลยนะครับ” ไม่บ่อยนักที่ผมจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับพี่เขาอย่างนี้

“ไว้พี่ว่างแล้วเรามาเที่ยวกันใหม่ก็ได้” ฟังแล้วก็เกิดคำถามว่า ‘เมื่อไหร่กันที่พี่เขาจะว่างแบบนี้อีก’

“สัญญาแล้วนะครับ”

ผมยกนิ้วก้อยขึ้น เกี่ยวเข้ากับนิ้วก้อยของคนข้างกายที่ยกขึ้นมาเช่นกัน ถึงอย่างนั้นเมื่อทำการสัญญาเสร็จอีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยนิ้วของผมสักที เลยต้องปล่อยให้นิ้วก้อยของเราเกี่ยวกันอยู่อย่างนั้น
เป็นช่วงเวลาความสุขที่ผมอยากเก็บมันเอาไว้ให้นานจัง กว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ง่ายเลย

“พี… แป๊บนึงนะ พี่ขอตอบข้อความเพื่อนก่อน”

แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยเมื่อพี่เขามีเหตุผลที่ผมรั้งต่อไม่ได้

ผมมองพี่แทนที่กลับมาทำหน้าเครียดเหมือนตอนแรกที่เจอ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เอะใจว่าคุยเรื่องอะไรกับเพื่อนถึงได้ทำหน้าตาอย่างนั้น ยอมยืนรอโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา


ใครก็บอกว่าผมรอเก่ง พี่แทนก็บอกว่าผมรอเก่ง แม้แต่เพื่อนสนิทว่าผมรอเก่ง
อยากสถาปนาเป็นนักรอคอยที่นานที่สุด แต่เหมือนกินเนสบุ๊คจะยังไม่มีสถิติในเรื่องนี้นี่สิ หรือมีแต่ผมยังไม่รู้นะ

“พี่ยังลืมเขาไม่ได้ ถ้าพีคบกับพี่ตอนนี้พี่อาจทำให้พีเสียใจก็ได้”

“ถ้าพี่แทนไม่ออกมาจากโลกใบเดิมแล้วจะลืมได้ยังไงครับ”

“พี่กลัวทำให้พีเสียใจ ถ้าพี่กลับไปคิดถึงเขาพี่ก็ต้องรู้สึกผิดกับเรา”

“พี่แทนไม่ต้องกลัวหรอกครับ ถ้าถึงวันนั้นที่พีเสียใจขอให้รู้ไว้ว่าไม่ใช่ความผิดของพี่เลย เป็นความผิดของพีทุกอย่างที่เอาแต่ใจ”

“พี…”

“ถึงวันนึงที่พี่แทนลืมไม่ได้ และพีเสียใจเกินจะทนไหว วันนั้นพีจะเป็นคนเดินออกมาเองครับ”



ผมชอบผู้ชายอย่าง ‘พี่แทน’ ชอบมากเกินกว่าที่จะตัดใจได้ รอคอยวันที่พี่แทนจะเลิกกับแฟน ถึงอย่างนั้นทุกวันครบรอบของเขาสองคนผมก็เอาของขวัญไปแสดงความยินดีด้วยเสมอ


เป็นไหมครับ… รักใครสักคนมากเกินกว่าจะเห็นเขาทุกข์ใจเพราะความสุขของเรา ผมอยากคบกับพี่แทนนะ แต่นั่นแหละ ผมไม่อยากเห็นวันที่พี่แทนร้องไห้เศร้าใจเพราะเลิกกับแฟนเหมือนกัน เพราะอย่างนั้นผมถึงยังทำตัวอยู่ในฐานะที่รุ่นน้องที่ดีตลอดมา


กระทั่งวันนั้นมาถึง… พี่แทนไม่มีน้ำตาสักหยดแต่ก็มีความเศร้าในใจมากพอจนผมสัมผัสได้ ท้องฟ้าของพี่แทนเหมือนมีเมฆครึ้มพร้อมจะตกลงมาตลอดเวลา ท้องฟ้าของผมก็คงไม่ต่างกัน วันที่ต้องนั่งมองคนที่เรารักเศร้าใจ ความรู้สึกของเราก็คงไม่ต่างกับเขาหรอกครับ


ผมพยายามชวนพี่แทนคุย ชวนไปหาอะไรทำให้เจ้าตัวเลิกฟุ้งซ่านอยู่กับเรื่องในอดีต ไม่มีวี่แววว่าคนรักเก่าของพี่แทนจะติดต่อมาเลยด้วยซ้ำ เหมือนตัดขาดกันทุกอย่างเมื่อการเลิกราเกิดขึ้น ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าพี่แทนจะตัดใจได้ง่าย ๆ เจ้าตัวยังคงจมปรักอยู่กับสิ่งเก่า ๆ


ใช้เวลาอยู่นานเป็นปีกว่าพี่แทนจะกลับมาพูดคุยและสามารถตอบคำถามในเรื่องราวอดีตได้อย่างปกติ ไม่ได้แสดงอาการเศร้าเหมือนแต่ก่อน


“พี่ชอบพีหรอ”


ผมกะว่าจะรอให้มีโอกาสดี ๆ ถึงจะบอกเรื่องนี้ให้พี่แทนได้รู้ หรือไม่หากตัวเองไม่กล้าพอที่เอ่ยประโยคนั้นออกไปก็อยากจะรู้ข้างพี่แทนในฐานะพี่น้องต่อไป ผมทนได้ถ้าพี่แทนจะคบกับคนใหม่เพราะเรื่องนั้นมันก็ผ่านมานานพอสมควรแล้ว และผมยินดีที่มีความสุขกับความสุขของพี่แทนเสมอ

กระทั่งพี่แทนเป็นคนถามออกมา

ผมยืนนิ่งเกือบนาทีได้ และมันคงเป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคนอย่างพี่แทน

บางทีความเงียบก็เป็นคนตอบที่ชัดเจนในสิ่งที่เราไม่กล้าเอ่ยมันออกไป

และคำตอบในวันนั้นก็ส่งผลให้ปัจจุบันของผมมีวันนี้ ถึงแม้จะมีเสียใจบ้างเหมือนที่พี่แทนกลัว แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้ผมรู้สึกว่าต้องเดินออกจากชีวิตของผู้ชายคนนี้ไป

“พี…”

“ครับ?” ผมหลุดออกจากการรำลึกเรื่องราวในอดีตด้วยเสียงเรียกของพี่แทน ในมือไม่ได้มีสมาร์ทโฟนแล้วด้วย

“ไปหาอะไรกินกันไหม พี่หาในเน็ตมามันมีร้านอาหารทะเลอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ตที่เราพักเท่าไหร่”

“ก็ได้ครับ”

“งั้นเรากลับกันเนอะ พี่เริ่มเหนียวตัวแล้ว”

ผมขึ้นมานั่งบนรถฝั่งข้างคนขับ เปิดเพลงฟังอย่างสบายใจ

ติ๊ง!

ติ๊ง!

เพราะหน้าจอสมาร์ทโฟนของตัวเองยังคงดำสนิท ไม่ปรากฏข้อความใด ๆ ผมจึงมั่นใจว่ามันดังมาจากสมาร์ทโฟนของคนขับรถ ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเสียงเรียกร้องนี้เลยด้วยซ้ำ

ติ๊ง!

ติ๊ง!

ติ๊ง!

“พี่แทน”

“หืม?”

นี่จะตั้งใจขับรถจนไม่ได้ยินเสียงเลยหรือไง

“แน่ใจนะครับว่าไม่มีงานด่วน”

“อื้ม! พี่เคลียร์งานก่อนมาแล้วไง”

ติ๊ง!

นั่นไง ดังอีกแล้ว

“พี่แทน มันแจ้งเตือนตลอดเลยนะครับ ให้พีเปิดดูไหมเผื่อมีงานด่วนจริง ๆ”

“ไม่ต้องๆ  พี่เคลียร์แล้วไม่มีหรอก”

ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่คลายกังวลเมื่อหน้าจอสมาร์ทโฟนของพี่แทนยังมีเสียงแจ้งเตือนดังอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งคนขับรถที่บอกไม่ต้องสนใจมันอยู่ดี

เราถึงร้านในเวลาหนึ่งทุ่มตรง เลือกนั่งโต๊ะด้านในร้านเพราะพี่แทนไม่อยากเหนียวตัวเพราะลมทะเล

พี่แทนเลือกสั่งอาหารทะเลชุดใหญ่เพราะรู้ว่าผมชอบกิน และเมื่อพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟก็รู้สึกว่าสมกับที่มาทะเลจริง ๆ

พี่แทนหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาพิมพ์อะไรไม่รู้ สงสัยจะเคลียร์กับเพื่อนอีกล่ะมั้ง ส่วนผมก็หยิบมันมาถ่ายภาพอาหารลงสตอรี่ไอจีอวดเพื่อนบ้างเหมือนกัน

ไม่นานนักก็ได้เห็นข้อความจากเพื่อนคนเดิมที่คุยด้วยกันเมื่ออยู่ที่รีสอร์ต

‘เบื่อแก’
                                     
                                   ‘กินไหม เดี๋ยวขากลับซื้อไปฝาก’

‘ขอบคุณที่ยังคิดถึงเพื่อนอยู่’
                                     
                                   ‘อยากให้แกมาด้วยจัง’

‘บ้า~~~ จะให้ฉันเป็นกขคขัดจังหวะพี่แทนกับแกเนี่ยนะ’

พอเพื่อนพูดถึงพี่เขาผมก็เงยหน้ามาดูคนตรงหน้าบ้าง หายไปกับการแชทคุยกับเพื่อนนึกว่าพี่แทนจะลงมือกินอาหารก่อนซะแล้ว แต่ที่ไหนได้เงยหน้าขึ้นมาอีกทีพี่แทนก็ยังคงรัวนิ้วอยู่กับหน้าจอสมาร์ทโฟนเช่นเคย


คิ้วผมเองก็เริ่มขมวดเมื่อเกิดความสงสัยกับอาการติดสมาร์ทโฟนของพี่แทน ตั้งแต่เย็นกระทั่งตอนนี้…

ถ้าเป็นงานเหมือนอย่างที่ผมกังวลทำไมพี่แทนไม่บอกกันแต่แรกว่ามีงานเข้า ถ้ามันด่วนจริงผมก็พอจะเข้าใจได้

แต่ถ้าไม่ใช่งานแล้วพี่แทนจะคุยอะไรกับใคร หรือจะคุยกับเพื่อนอีก?

พี่แทนไม่ใช่คนที่ชอบพิมพ์ตอบกลับใครในโซเชียลสักเท่าไหร่ ติดจะโทรคุยมากกว่า แบบนี้เริ่มน่าสงสัยแล้ว


ผมละทิ้งความสงสัยนี้ไปเมื่อพี่แทนตักอาหารให้ พยายามอยู่กับของกินที่อยู่ตรงหน้า ถ้าพี่แทนบอกว่า ‘ไม่มีอะไร’ ก็คือไม่มีอะไร
คุยกับพี่แทนไปนั่งกินไปตอบแชทเพื่อนไปกระทั่งภาพตรงหน้ามีแค่จานเปล่าไร้อาหารเช่นเคยพี่แทนก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ส่วนผมก็นั่งรอที่โต๊ะเหมือนเดิม


ผมมองสมาร์ทโฟนของพี่แทนที่หน้าจอสว่างขึ้นพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนเหมือนที่ได้ยินมาตลอด ความกังวลกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง กลัวพี่แทนจะเกรงใจผมจนไม่ยอมบอกว่าตัวเองติดงาน กลัวพี่เขาเดือดร้อนเพราะตัวเองจึงหันหลังไปมองคนที่บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ พอไม่เห็นฝ่ายนั้นผมก็จัดการหยิบสมาร์ทโฟนของพี่แทนขึ้นมาดูทันที

‘Ten: เราไม่ไหวแล้วอ่ะแทน ถ้ากลับไปที่รีสอร์ตแล้วโทรหาเราด้วยนะ’

อ่านจบก็วางมันไว้ที่เดิม คลายความกังวลเรื่องงานของพี่แทนไปเพราะรู้ว่าแจ้งเตือนที่ดังตลอดวันเป็นของใคร

ผมบอกว่ารู้จักพี่แทนมานาน ชอบมานานแล้ว ทำไมจะไม่รู้ว่าเจ้าของไลน์นี้เป็นของใครในเมื่อคนชื่อเทนก็มีอยู่แค่คนเดียว

มาถึงตอนนี้ที่รู้ว่าพี่แทนยังติดต่อกับคนเก่าก็ทำเอาผมกลัวอยู่ลึก ๆ แม้ในใจจะไม่ชอบความรู้สึกนี้ก็ตาม

ไม่ชอบความรู้สึกที่ตัวเองกำลังจะสูญเสียใครสักคนไปเลย


พี่แทนกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งพร้อมกับเรียกพนักงานมาเก็บเงิน ส่วนผมก็จมอยู่กับเรื่องในหัว ไม่รู้ว่าพี่แทนกับคนเก่าคุยเรื่องอะไรกัน มีเรื่องด่วนอะไรถึงบอกให้พี่แทนโทรหาทันทีเมื่อกลับไปถึงรีสอร์ต แล้วการที่เขารู้ว่าพี่แทนอยู่ข้างนอก รู้ว่ามาเที่ยว ก็คงเป็นเพราะพี่แทนบอกไป



จะรู้สึกยังไงดี… เหมือนตัวเองไม่ได้สำคัญเท่าเขาดีไหม

ในขณะที่ผมถามว่าพี่แทนมีอะไรหรือเปล่า เขากลับเลือกที่จะปฏิเสธ บอกแค่มันไม่ใช่งาน ไม่แม้แต่จะบอกด้วยซ้ำว่ามันเป็นเรื่องอะไร สำคัญมากน้อยแค่ไหนผมก็อยากจะรู้ไหมเพราะมันเป็นเรื่องของคนสำคัญอยู่ดี

สำหรับผม พี่แทนเป็นคนสำคัญเสมอ

แล้วสำหรับพี่แทน ผมยังเป็นคนสำคัญอยู่ไหม ไม่สิ… ถ้าเลือกระหว่างเขากับผม ผมยังสำคัญอยู่ไหม


พี่แทนหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาดู นั่นถือว่าเป็นช่วงที่ผมลุ้นที่สุดเลยมั้ง ลุ้นกับสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายว่าจะแสดงออกมาในรูปแบบไหน และยิ่งเห็นความเครียดที่เผยออกมาก็ยิ่งรู้เลยว่าสิ่งที่พี่แทนจะทำเป็นอย่างแรกเมื่อกลับไปถึงรีสอร์ตคืออะไร


ความจริงการที่พี่แทนยังเป็นห่วง ยังพูดคุยกับคนเก่าอยู่ก็ไม่ได้ผิดอะไรเลยสักนิด ก็อย่างที่เคยบอกพี่แทนไปก่อนที่จะคบกันว่าถ้าวันนึงที่ผมเสียใจมันไม่ใช่ความผิดของเขาเลย เป็นความผิดของผมเองล้วน ๆ

“พี… เหม่ออะไร”

“เปล่าครับ” เงยหน้ามองคนที่ลุกยืนเต็มความสูง เตรียมพร้อมจะกลับห้องไปพักแล้ว

บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่าที่พี่แทนรีบกลับเพราะอยากโทรหาใครอยู่หรือเปล่า

แม้จะรู้มาตลอดว่าพี่แทนไม่เคยลืมคนเก่าได้เลยก็ตาม แต่ผมก็หวังว่าความทรงจำเหล่านั้นมันจะจางลงบ้างพร้อมกับความรู้สึกที่ค่อย ๆ หายไปตามกาลเวลาหมุนเปลี่ยน

จนมาถึงวันนี้ก็พอพิสูจน์ได้แล้วว่าเวลาก็ไม่ช่วยอะไร

“กลับกันเถอะ” ผมลุกตามคำชวนพี่แทน เดินตามหลังคนที่สับเท้าอย่างไว

ทำไมมันเหนื่อยนักก็ไม่รู้ ทั้งที่ผ่านมาที่พี่อีกฝ่ายแสดงความรู้สึกว่าคิดถึงคนเก่ามันยังทำให้ผมเหนื่อยไม่เท่าครั้งนี้เลย

พี่แทนเดินออกไปไกลจนผมเหนื่อยที่จะเดินตามแล้ว

ทำไมไม่เคยหันไปดูคนที่ควรเดินอยู่ข้าง ๆ พี่บ้าง ทำไมไม่สังเกตว่าเขาเดินตามพี่ไม่ทันแล้ว

ทำไมไม่หันมามองข้างหลังว่ามีใครยายามที่จะเดินตามพี่อยู่ แต่เขาเดินไม่ทัน เขาจะหมดแรงอยู่แล้ว

ทำไมพี่ไม่หยุดรอผมบ้างเลย…

*** 50% ***

ออฟไลน์ ญาณหยั่งรู้

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
 :katai5:

ออฟไลน์ fringuello

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0


“ตอนนี้เพิ่งจะสามทุ่มครึ่ง เราไปขับรถเล่นกันไหมครับ พีอยากดูว่ามีร้านอาหารอะไรเปิดบ้างเผื่อพรุ่งนี้เราจะได้แวะมากิน”

เป็นข้ออ้างที่ฟังดูขึ้นที่สุดแล้วสำหรับผม เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะยื้อให้พี่แทนไม่กลับรีสอร์ตในเวลานี้ มันอาจดูเห็นแก่ตัวนะ ทั้งที่รู้ว่าเขาก็มีธุระ มีสาเหตุที่ต้องรีบกลับ แฟนเก่าปัญหาอะไรก็ไม่รู้ แต่นั่นแหละครับ ณ จุด ๆ นี้มันเหมือนเป็นสิ่งที่ตัดสินว่าพี่แทนจะเลือกใคร

“พี่ว่าเราค่อยขับรถออกมาดูตอนเช้าก็ได้นะ”

“แต่พีอยากนั่งรถเล่นด้วย… นะครับพี่แทน”

คนขับรถถอนหายใจออกมาพร้อมกับยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู

“พี่ให้ 30 นาทีนะครับ” ถึงจะน้อยแต่ก็ยังสร้างความหวังให้ผมได้

พี่แทนขับรถไปตามถนน มีวิวสองข้างทางเป็นความมืดสนิท มีแสงบ้านตอนที่ผ่านร้านอาหาร ถ้ามาตอนเช้าคงสังเกตเห็นชายหาดทอดยาวสวยงามแน่ ๆ ผมหันหน้าไปหาคนขับรถกะว่าจะชวนพี่แทนคุยเรื่องเที่ยวในวันพรุ่งนี้

อยากตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกินข้าวเช้าที่รีสอร์ต สายหน่อยก็เสิร์ชหาที่เที่ยวสักที่ในอินเทอร์เน็ตแล้วค่อยออกไป พักเที่ยงก็คงเป็นร้านอาหารใกล้ ๆ รีสอร์ต กลับมานอนพักตอนบ่าย แล้วช่วงเย็นค่อยออกไปเล่นน้ำที่ชายหาดส่วนมะรืนก็คงกลับแต่เช้า

ทว่าพอหันไปเจอสีหน้าเคร่งเครียดของพี่แทนก็ทำเอาผมพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้สิ… พี่แทนตามใจผมนะ แต่คิดว่าเจ้าตัวก็คงอยากรีบกลับเต็มทน เห็นคนมาด้วยไม่มีความสุขแล้วผมจะไปมีได้ยังไง

“เรากลับกันไหมครับ”
เอ่ยประโยคที่แสดงถึงความพ่ายแพ้ของตัวเอง สุดท้ายครั้งนี้ผมก็ยังเลือกความสุขของพี่แทนอยู่ดี แม้ไม่กี่นาทีก่อนหน้าจะเป็นคนทำลายมันก็ตาม

“เราเพิ่งขับออกมาเองนะ แน่ใจแล้วหรอว่าอยากกลับ” สีหน้าของพี่แทนดีขึ้น หันมายิ้มแล้วถามผมอย่างเป็นห่วง “พี… พี่ขับต่อได้ ไม่ได้รีบกลับถ้าพียังอยากนั่งรถเล่นต่อ”

น้ำตาผมเริ่มคลอ มาถึงตอนนี้ก็อยากจะร้องมันออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

ผมจะทำให้พี่แทนกังวลได้ยังไงในเมื่ออีกฝ่ายใจดีกับผมขนาดนี้ ทำไม่ลงหรอก

“กลับเถอะครับ ขับต่อไปก็มืดมองไม่เห็นอะไรหรอก”

จบประโยคพี่แทนก็เลี้ยวรถกลับทันที

บรรยากาศภายในรถเงียบสงบ หนึ่งคนคงร้อนรน อีกหนึ่งคนก็อึดอัดใจ จะถามดีไหม จะถามออกไปตอนไหน ถามไปแล้วจะ
เกิดอะไรขึ้น

ผมพยายามนั่งเงียบ ๆ อยู่ในรถ ทำเป็นหยิบสมาร์ทโฟนออกมาเล่นทั้งที่ความจริงแค่ปัดหน้าจอไปมา

กระทั่งรถเข้ามาจอดภายในบริเวณของรีสอร์ตพี่แทนก็บอกให้ผมเข้าไปพักข้างในก่อน ส่วนเจ้าตัวจะออกไปเดินย่อยสักพัก

ผมพยักหน้าด้วยความจำยอม เดินเข้าไปในบ้านพักที่จองเอาไว้ เปิดม่านออกและมองดูผู้ชายคนนึงที่ยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาแนบหู ท่าทางเดินไปเดินมาเหมือนกังวลอะไรสักอย่าง

อยากบอกออกไปว่าตอนนี้ผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน…

เข้าไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำจนตาแดงเพราะกลัวพี่แทนเข้ามาแล้วตกใจที่เห็นผมนั่งร้องไห้อยู่ที่โซฟา มองสภาพตัวเองในกระจกที่พยายามกลั้นเสียงสะอื้น

เกิดคำถามในใจว่ามันมาถึงจุดที่เสียใจที่สุดแล้วหรือยัง ถ้าจะเดินต่อไปผมจะทนไหวไหม สุดท้ายก็ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ผมยังไม่ถามพี่แทนด้วยซ้ำ ยังไม่ได้ยินคำตอบที่พี่แทนตอบด้วย ทำไมต้องรีบคิดว่าควรหยุดด้วยล่ะ

พยายามนั่งเฉย ๆ ไม่คิดอะไรที่จะทำให้ตัวเองร้องไห้ ตาที่แดงและน้ำมูกก็เริ่มหายไป กระแอมนิดหน่อยเพื่อดูว่าเสียงกลับมาเป็นปกติแล้วหรือยัง

ผมเปิดประตูออกจากห้องน้ำ ไม่เห็นวี่แววว่าเจ้าของห้องอีกคนจะเข้ามาจึงเดินไปดูที่หน้าต่างอีกครั้ง ยังคงเห็นพี่แทนยืนอยู่ตรงที่เดิม

ตัดสินใจด้วยความกล้าเดินออกไปหาพี่แทนข้างนอก ไม่นานก็มาหยุดที่ด้านหลังพี่แทน ห่างกันแค่ 5 ก้าวเท่านั้นเอง

“แทนกลับไปตอนนี้ไม่ได้หรอก ยังไม่ได้พาน้องไปเที่ยวที่ไหนเลย”

ผมฟังประโยคสนทนาของพี่แทนกับคนปลายสายเงียบ ๆ ไม่ได้คิดที่จะแอบฟังเลยแต่คนตรงหน้าไม่รับรู้การมาของผมจะให้
ทำยังไงได้

“บอกไปแล้วไงว่าแทนทิ้งน้องไปหาเทนตอนนี้ไม่ได้ อย่าเพิ่งเอาแต่ใจได้ไหม”

ผมได้แต่ยืนเงียบ ไม่รู้จะหาจังหวะไหนบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้

“เป็นคนทิ้งแทนไปหามันเองแล้ววันนี้ก็มาเรียกร้องให้แทนกลับไป… ทำไมเทนเป็นคนใจร้ายแบบนี้วะ!”

ไม่รู้ว่าการที่เจ้าตัวสามารถบอกความรู้สึกให้กับคนปลายสายได้รับรู้เรียกว่ายอมรับความจริงได้แล้วหรือเปล่า

ตั้งแต่เลิกกันพี่แทนไม่พูดถึงมันเลย ไม่พูดว่าทำไมพี่เทนถึงทิ้งไป มีแค่เพื่อนสนิทที่รู้สาเหตุของการเลิกกัน

บางคนก็ดีใจที่ผมทำให้พี่แทนลืมเรื่องในอดีตไปได้ แต่สำหรับคนที่อยู่ใกล้พี่แทนอย่างผม บอกได้เลยว่าถึงมันจะผ่านมาหลายปีแต่ไม่มีวันไหนที่พี่แทนจะลืมมัน

ไม่มีวันที่ผู้ชายตรงหน้าจะลืมความสัมพันธ์ครั้งเก่า ยิ่งเขาทำเจ็บมากแค่ไหนพี่แทนก็ยิ่งจำไม่ลืม ยิ่งเจ็บแค่ไหนก็ยิ่งรักเหมือนเดิม เพราะงั้นผมจึงไม่ได้ดีใจเท่าไหร่นักที่พี่แทนยอมอยู่ด้วยกัน ผู้ชายตรงหน้าดีกว่าใครที่ผมเคยเจอ พี่แทนก็แค่ไม่อยากรู้สึกผิดหากจะทิ้งผมไปเท่านั้นเอง

แล้วถ้าผมเป็นคนขอไปเอง… อย่างนี้จะถือว่าช่วยให้พี่แทนมีความสุขเร็วขึ้นหรือเปล่า

ในเมื่อคนเก่าเขากำลังจะกลับมามันก็ถึงวันที่คนคั่นเวลาต้องไปแล้วไม่ใช่หรอ

“แทนยอมออกมาเพื่อให้เทนมีความสุขนะเลิกร้องไห้ได้แล้ว… แทนรู้ว่าเสียใจ แต่หยุดร้องไห้ก่อน ให้แทนเรียกเพื่อนไปอยู่ด้วยไหม”

“ไว้พรุ่งนี้เย็น ๆ แทนจะกลับไปหานะ”

บางทีพี่แทนกับผมก็เหมือนกันเลยนะ

ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่รักมีความสุข เสียสละได้แม้กระทั่งความสุขของตัวเอง

ไอ้ที่จะถามว่าพี่แทนจะเอายังไงกับเรื่องนี้ก็ไม่ต้องถามมันแล้วมั้ง

ถ้าใช้หัวใจมองก็คงรู้ว่าพี่แทนจะตอบอะไร ถ้าเจ้าตัวใช้หัวใจตอบผมไม่ใช่เพราะสมองที่มีแต่คำว่าสงสาร

สงสารเด็กคนนึงที่เดินบนเส้นทางรักที่เจ็บปวดเหมือนตัวเอง

แต่พี่แทนคงจะเจ็บปวดน้อยกว่าผมหน่อย เพราะปลายทางของพี่จะจบอย่างมีความสุขแน่นอน ตอนสุดท้ายพระเอกอย่างพี่ไม่ต้องเสียสละอะไรหรอก

ผมขอเดินออกไปเอง

ขอให้พี่มีความสุขนะครับ มีความสุขให้มาก ๆ อย่าให้ผมเสียใจที่ตัดสินใจเดินออกไป

แต่ขอยื้อความสุขสุดท้ายด้วยคืนนี้ได้ไหมครับ

ขอเป็นคืนสุดท้ายที่พีจะได้อยู่กับพี่แทน

---

ผมกลับเข้ามาในบ้านพักอีกครั้ง

อยากหลับไปแล้วไม่ต้องตื่นมาอีกเลยได้ไหม

เดินเข้าไปชำระร่างกายที่เหนียวเหนอะหนะจากลมทะเล จัดการเช็ดผมให้แห้งแล้วนอนรอพี่แทนที่เตียง

ที่จะตื่นมาดูพระอาทิตย์กับพี่แทนในวันพรุ่งนี้คงต้องยกเลิก

พอคิดว่าแผนที่วางไว้ว่าจะทำพรุ่งนี้ต้องล่มทั้งหมดน้ำตามันก็ไหลออกมาดื้อ ๆ

ผมลุกพรวดออกจากเตียง เดินไปค้นกระเป๋าตัวเองหาสมุดโน้ตพร้อมปากกาหนึ่งด้าม จรดปลายปากกาพร้อมกับเขียนข้อความที่อยู่ในใจลงไป พยายามปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่ให้มันหยดแหมะลงบนกระดาษ แต่ก็มีบางหยดที่ผมเช็ดมันออกไม่ทัน เปรอะลงกระดาษสักหยดสองหยดพี่แทนคงไม่รู้

เสร็จเรียบร้อยก็พับมันเก็บไว้ในสมุดเช่นเคย ห้ามให้พี่แทนได้อ่านจนกว่าผมจะออกไปจากที่นี่

เที่ยงคืนกับอีกสิบนาทีพี่แทนก็เดินเข้ามาในห้องนอน ผมสะดุ้งเล็กน้อยปรับสีหน้าพร้อมบังคับเสียงไม่ให้มันสั่นจนผิดสังเกต

“ยังไม่นอนอีกหรอ” ผมส่ายหน้า ตอบออกไปว่านอนไม่หลับตื่นเต้นที่จะได้ตะลุยเที่ยวในวันพรุ่งนี้ ทั้งที่ความจริงผมอยากนอน
มองหน้าพี่แทนคืนนี้ต่างหาก

พี่แทนยิ้มขำ บ่นว่าทำเหมือนเด็กเพิ่งเคยมาเที่ยวครั้งแรกไปได้

ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ใจวูบโหวงเมื่อนึกถึงพรุ่งนี้ที่จะต้องก้าวเท้าออกไปจากที่นี่โดยไม่มีพี่แทนข้างกาย

อยากนอนหลับให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยากกอดพี่แทน อยากมองหน้าเป็นครั้งสุดท้าย

บางทีก็อยากขอโทษพี่แทนด้วยตัวเองไม่ใช่กระดาษที่พี่แทนต้องอ่านในวันพรุ่งนี้

กระทั่งพี่แทนสอดตัวเข้ามาอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยกันผมก็ยังไม่หลับ

“ไหน พรุ่งนี้จะไปไหนบ้างบอกมาสิ” พี่แทนนอนตะแคง หันหน้ามาหาผม

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คงยิ้มแป้นแล้วเอ่ยออกไปด้วยความสุข

แล้วการที่จะทำให้พี่แทนมีความสุขมันไม่ใช่ความสุขของผมหรือไง…

“ดูพระอาทิตย์ขึ้นพรุ่งนี้ครับ” ชมตัวเองอยู่ในใจว่าเก่งใช่ย่อยที่บังคับเสียงได้

จะว่าไปเราก็ไม่เคยดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันเลยด้วยซ้ำ ไม่มีโมเมนต์โรแมนติคเลย

“ตื่นไหวหรือไง ตอนนี้ก็ยังไม่ยอมนอนเลย” พี่แทนยกมือลูบหัวผม ทำเหมือนกล่อมให้เด็กนอนหลับ

“พี่แทนก็ปลุกพีสิครับ” ผมสูดน้ำมูก กะพริบตาไม่ให้น้ำใส ๆ ไหลออกมา ยิ่งพี่แทนจ้องอยู่อย่างนี้ยิ่งห้ามร้องไห้

“เป็นหวัดหรือเปล่าทำไมมีน้ำมูก ก็ไม่ได้ไปเดินตากลมทะเลเหมือนพี่สักหน่อย อ่อนแอนะเรา” ผมพยักหน้า รู้สึกอ่อนแอจริง ๆ

“พี่แทน…” หมดแรง เสียงผมสั่นจนพี่แทนสัมผัสได้

“พี… เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” ยิ่งได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยถามกันยิ่งกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ซุกหน้าลงกับอกปล่อยให้เสื้อพี่แทน
ซับน้ำตา

“ขี้แยหรอ… จะได้เที่ยวแล้วไม่ร้องไห้สิ” มืออีกข้างที่ว่างจากการลูบหัวผมถูกยกมือลูบแผ่นหลัง ปลอบเด็กร้องไห้ให้คลายจากความเศร้า

“แทนยอมออกมาเพื่อให้เทนมีความสุขนะเลิกร้องไห้ได้แล้ว…”


ประโยคที่พี่แทนใช้ปลอบแฟนเก่าซ้อนทับกับประโยคที่พี่แทนใช้ปลอบผม สองประโยคนี้มีจุดประสงค์เดียวกันเพื่อให้คนฟังเลิกร้องไห้ ต่างที่ความรู้สึกตอนเอ่ยออกไปเท่านั้นเอง

คนนึงเพราะความรัก เพราะยิ่งพี่แทนรู้ว่าเขาร้องไห้เจ้าตัวก็ยิ่งเจ็บปวด

คนนึงเพราะความสงสาร เพราะพี่แทนเห็นเขาร้องไห้เจ้าตัวก็ยิ่งรู้สึกผิด

“พี ไม่ร้องนะครับคนเก่ง”

“พะ พี่แทนหยุดพูด”

“อ้าว! มีคนร้องไห้พี่ก็ต้องปลอบสิ”

ฟืด

“นั่นไง ร้องไห้ด้วย เป็นหวัดด้วยแล้วจะตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ยังไงครับ”

“เลิกร้องได้แล้วคนดี”

ผมสูดน้ำมูกเสียงดัง กอดพี่แทนแน่น

จะจำความอบอุ่นนี้

จะจำกลิ่นนี้

จะจำน้ำเสียงที่เอ่ยปลอบนี้

จำทุกอย่างที่เป็นพี่แทนไม่มีวันลืม

ต่อจากนี้ก็ขอให้พี่มีความสุขนะครับ อยู่กับคนที่พี่แทนรักและเขาก็คงรักพี่แทน ผมก็คงอยู่ที่ไหนสักที่
ที่ ๆ ไกลกว่าเดิม ไม่อยู่ใกล้ก็คงทำใจได้เร็วขึ้น แต่ถ้ามันจะทำใจลืมพี่ไม่ได้ผมก็คงจะขอรักพี่ต่อไป
ต่อไปนี้ห้ามเศร้านะครับ ผมไม่ได้อยู่ปลอบพี่แล้วนะ…


 
Tan

ผมตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย กวาดมือไปข้างกายด้วยความเคยชินแต่กลับว่างเปล่า ข้างกายเย็นเฉียบบ่งบอกว่าคนที่นอนซุกอกผมร้องไห้เมื่อคืนได้ลุกออกไปแล้ว

หยิบสมาร์ทโฟนมาเปิดดูเวลาก็เห็นว่ามันสายเกินกว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว คราวนี้แหละได้ตื่นเต็มตา น้องบอกว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแต่ผมกลับนอนหลับอยู่บนเตียงสบายใจเฉิบ

นี่ถ้าเจ้าตัวปลุกแล้วผมไม่ยอมตื่นมีหวังโดนงอนแน่ ๆ

ผมลุกจากเตียง จัดการล้างหน้าแปรงฟันแล้วใส่รองเท้าแตะของทางรีสอร์ตออกไปตามหาคนที่มาด้วย น้องคงนั่งอยู่ที่ชายหาดรอผมตื่นแล้วล้อกันว่าตื่นสายหรือไม่ก็คงทำหน้าบึ้งแล้วบอกว่าคราวหน้าจะไม่ชวนมาทะเลด้วยกันอีกแล้ว

ทว่าเมื่อเดินหาจนเหนื่อย คิดว่าน้องไม่น่าจะเดินออกไปไกลขนาดนี้ผมก็กลับไปที่พักของตัวเอง อาจจะคาดกันก็ได้ น้องอาจจะกลับไปรอผมที่บ้านแล้ว

แต่พอกลับมาถึงที่บ้านก็เจอแต่ความเงียบ ไม่ได้อยู่ในห้องนอน ห้องครัว หรือห้องนั่นเล่น ห้องน้ำก็ไม่มี คราวนี้พอลองสังเกตดูดี ๆ อีกครั้งก็พบว่ากระเป๋าเดินทางของน้องก็หายไปด้วย สิ่งของต่าง ๆ ของน้องหายไปหมดราวกับเจ้าตัวไม่อยู่ที่นี่แล้ว

ผมจัดการเดินไปหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา โทรหาคนที่มาด้วยกันแต่กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

‘บริการฝากหมายเลข…’

ไม่ติด

ผมนั่งอยู่บนเตียง พยายามนึกว่าน้องจะหายไปไหน หรือว่านี่คือความฝัน ผมอาจจะฝันไป ตื่นสิ ตื่นได้แล้ว
เหลือบไปเห็นกระดาษที่ถูกพับวางไว้บนตู้เก็บของข้างเตียง ผมหยิบมันมาดูด้วยความไม่คุ้นตา ไม่เคยเห็นมันอยู่ตรงนี้มาก่อน

‘พีขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ ขอให้พี่แทนรู้ไว้ว่าทุกการกระทำเป็นเพราะพีรักพี่แทนเสมอ พีรู้ว่าพี่เทนติดต่อกลับมา ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังที่พี่สองคนคุยกันเลยนะครับ

พีรู้มาตลอดว่าพี่แทนไม่เคยเลิกรักพี่เทนเลยสักครั้ง และนี่คงเป็นเหตุผลที่พีอยากเจ็บด้วยการขอพี่เป็นแฟน ถ้าจะมีใครสักคนที่เป็นคนผิดคนนั้นก็คงเป็นพีนี่แหละครับพี่แทนอย่าโทษตัวเองเลย

คนที่อยากได้ความรักที่มั่นคงของพี่แทน คนที่ไม่อาจทนเห็นพี่แทนเสียใจได้ มาถึงตอนนี้ที่พี่เทนรอพี่แทนกลับไปหาพีคงไม่อาจรั้งให้พี่อยู่กับพีได้อีกต่อไป

พี่แทนไม่ต้องรู้สึกผิดนะครับ ไม่ต้องสงสารพี พีตัดสินใจทำแล้วต่อให้จะเสียใจหรือไม่อย่างน้อยก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ได้เห็นพี่แทนกลับมามีความสุขอีกครั้ง ไม่ร้องไห้นะครับ พีจะยอมเดินออกไปเพื่อให้พี่มีความสุขเอง

ขอให้พี่สองคนกลับมาอยู่ด้วยกัน รักกันเหมือนเดิมนะครับ พีก็คงไปอยู่ที่ไหนสักที่ ขอเวลาให้พีทำใจหน่อยแล้วกัน ไม่ต้องตามหานะครับ เอาไว้พีทำใจได้จะกลับไปหาพี่เอง’


ผมทำตามสิ่งที่พีบอกไม่ได้ นึกโทษตัวเองที่โง่จนไม่สงสัยเลยว่าทำไมเมื่อคืนน้องถึงร้องไห้ ทำไมกอดผมแน่นขนาดนั้น ก็เพราะเจ้าตัววางแผนเอาไว้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ หายไปแล้วทิ้งจดหมายบอกลา

น้องไปโดยที่ไม่มีผม ทั้งที่เรามาที่นี่ด้วยกันแท้ ๆ

ผมไม่ปฏิเสธที่ลืมคนรักเก่าไม่ได้ ยังมีเขาอยู่ในหัวใจ แต่ก็ใช่ว่าโลกของผมจะไม่เปิดรับใครเข้ามาเลย

มานึกทบทวนก็เห็นแต่ความผิดตัวเองทั้งนั้น คิดไว้แต่ต้นว่าวันนี้ต้องมาถึง น้องต้องเสียใจแน่ ๆ ที่มาอยู่กับคนอย่างผม ใครมันจะทนอยู่กับคนที่ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ จิตใจเหมือนถูกบั่นทอนไปทุกวัน

น้องไม่ผิดเลยที่เลือกเดินจากไป ผมเองที่ผิด ผิดที่ปล่อยให้เรื่องมันมาไกลขนาดนี้ ถ้าวันนั้นผมห้ามน้อง ถ้าวันนั้นเราไม่คบกัน วันนี้ก็คงไม่ต้องห่างกันไปไหน น้องก็คงอยู่ข้าง ๆ ผม รอวันที่ทุกอย่างมันพร้อม เชื่อว่าสักวันนึงผมคงรักน้องหมดใจเหมือนที่รักใครบางคน

คงไม่หนีกันไปไกลขนาดนี้ แล้วมาบอกว่าห้ามผมตามหาอีก จะไม่ให้ตามหาได้ยังไงในเมื่อเขาออกไปตัวคนเดียว อยู่ด้วยกันมาตั้งนานทำไมจะไม่ให้เป็นห่วง

ผมคว้าเอาเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอย่างเร่งรีบ ของในห้องน้ำก็คงไม่ขนกลับไว้ไปซื้อใหม่ตอนถึงบ้านแล้ว จัดการทำเรื่องคืนกุญแจไม่ลืมถามพนักงานว่าเห็นคนที่เข้าพักกับผมบ้างหรือเปล่า ได้ความว่าน้องพนักงานเป็นคนเรียกรถให้เอง

ได้ยินอย่างนั้นผมก็รีบวิ่งไปที่รถ โยนของทุกอย่างไว้ที่เบาะด้านหลังเรียบร้อยก็สตาร์ทรถทันที ไม่รู้ว่าจะไปตามหาที่ไหนในเมื่อติดต่อไม่ได้แบบนี้

ผมโทรถามเพื่อนของน้องที่พอรู้จักกัน แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเมื่อรู้ว่าน้องไม่โทรหาใครเลยสักคน เพื่อนน้องก็แล้ว เพื่อนผมที่น้องรู้จักก็แล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าน้องไปไหน

ตัดสินใจขับรถออกจากรีสอร์ต สถานที่แรกที่จะไปจึงเป็นบ้านตัวเองที่พักหลังมีน้องเข้ามาอยู่ด้วย ได้หลายเดือนจนในบ้านมีของ ๆ น้องอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง

ระหว่างทางผมก็พยายามกวาดหาคนที่คุ้นตาไปด้วย ทุกที่ ๆ จอดพัก ทุกแยกไฟแดง ไม่ลืมมองหาคนที่มาด้วยกัน
นี่เจ้าตัวจะหนีผมไปจริง ๆ ใช่ไหม…

ครืด ครืด


สมาร์ทโฟนส่งสัญญาณว่ามีคนโทรเข้ามา พอดีกับที่ผมแวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมัน

เบอร์ของเพื่อนน้องที่ผมโทรไปหาเมื่อเช้าโทรกลับมา

“ว่าไง พีไปหาที่คอนโดเราหรอ”

“เปล่าค่ะพี่แทน… คือว่าตอนนี้นุ่นดูข่าวอยู่”

เริ่มงุนงงเมื่อปลายสายบอกว่ากำลังดูข่าว แล้วจะโทรมาหาผมทำไม

“พี่แทน…” เริ่มจับสังเกตได้ว่าเสียงคนปลายสายสั่น มันเหมือนเมื่อคืนที่น้องกำลังจะร้องไห้

“พี่แทน… ในข่าวบอกว่า ระ รถที่พีนั่งโดยสารไป มันพลิกคว่ำ… ฮึก”

ผมปล่อยสมาร์ทโฟนหลุดมือ หน้าจอแตกร้าวเหมือนความรู้สึกในตอนนี้

ในใจโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด

หยิบมันขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเริ่มตั้งสติได้ว่าต้องถามต่อว่าน้องเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลไหนแล้ว

“แล้วในข่าวว่าไง พีเป็นยังไงบ้าง” ได้ยินแต่เสียงร้องไห้ตอบกลับมา ผมภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้น้องไม่เป็นอะไรมาก ไม่อย่าง
นั้นผมคงโกรธตัวเองไปจนวันตาย

คนดี ๆ แบบน้องไม่ควรจะมาเจอคนเห็นแก่ตัวแบบผม

ทำไมนะ ทำไมเมื่อคืนไม่กอดน้องให้แน่นกว่านี้ ทำไมปล่อยให้เจ้าตัวจากไปได้ง่ายดายขนาดนั้น

ทำเป็นผู้ชายที่ไม่เอาไหน ทั้งที่รู้ว่าการพยายามกับความรักมันเหนื่อยแค่ไหน ทำไมผมไม่เห็นใจน้องบ้าง

“นุ่น… ในข่าวบอกว่าอะไร”

“พี่แทน…. พีมันเสียแล้วพี่! ในข่าวบอกว่าเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ พีมันไปแล้ว…. ฮือ~” สิ้นเสียงคนปลายสายผมเหมือนคนหมด
แรง ล้มลงที่พื้นแล้วปล่อยน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย

มันไม่ควรเป็นน้องเลย…

ทำไมไม่เป็นผมที่เป็นคนจากไป

พอรู้ข่าวร้ายก็ไม่อยากตามหาเขา อยากให้เขาบอกว่าตัวเองไปอยู่ที่ไหนสักที่เพื่อทำใจจากผู้ชายนิสัยไม่ดีอย่างผมเหมือนที่เขียนในจดหมาย ยอมให้น้องไปอยู่ในที่ใหม่ ดีกว่าต้องรับรู้ข่าวร้ายของเจ้าตัวแบบนี้

ต่อให้อยากบอกว่า ‘พี่ขอโทษ’ อีกกี่หนน้องก็คงไม่ได้ยินแล้วใช่ไหม

ขอโทษนะที่ตอนสุดท้ายพี่ก็ทำอะไรให้พีไม่ได้เลย ยังเป็นคนที่ทำให้พีเสียใจได้ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย


ขอโทษจริง ๆ

ถ้าพียังไม่เหนื่อยกับคนอย่างพี่ ชาติหน้าเราค่อยเกิดมารักกันใหม่นะครับ ถึงวันนั้นพี่จะไม่ปล่อยให้พีเสียใจเหมือนวันนี้เลย จะแก้แค้นพี่ด้วยการทำให้พี่เสียใจไปเลยก็ได้

แต่ขอให้ชาติหน้าเราได้เจอกันอีกนะ อย่างน้อยก็ขอให้พี่ได้ชดใช้ความผิดที่ทำกับพีในครั้งนี้



จบแล้วค่า~~ ปกติเราไม่แต่งแนวนี้เลย เป็นคนที่พอนิยายเข้าจังหวะดราม่าก็ต้องวกกลับไปแนวตลกโปกฮา จบแฮปปี้เอนดิ้ง แต่คราวนี้ด้วยความที่เราโตขึ้นด้วยมั้ง การมองโลกทุกอย่างมันเลยดูลบมากขึ้น เลยอยากจะลองแต่งแนวนี้ดู เกือบไม่รอดเพราะไม่ใช่สายดราม่าแต่ดึงดันมาจนจบ

อยากฝากให้คนที่ชอบสายดราม่าติดตามด้วยนะคะ ถ้ารู้สึกชอบหรือไม่ชอบนิยายเรื่องนี้ก็คอมมเมนต์บอกเราได้เสมอ จะนำไปพัฒนาและปรับปรุงตัวเองต่อไปค่ะ
[/size]

[/font]

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
 :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อาจเป็นเพราะเป็นเรื่องสั้น มันเลยทำให้เราสัมผัสถึงความเสียใจของแทนได้ไม่เท่าไหร่ ขอบคุณสำหรับนิยายครับ

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ถ้าจะแบดเอนก็ขอแบบให้พีได้เจอคนที่พีรัก และรักพีตอบ ส่วนแทนก็มูฟ ออน จบแบบใครคนนึงตายก็คือ เศร้าเว่อร์  :z3:

ออฟไลน์ NormalVee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านแล้วก็เฮ้อออออออ อย่างน้อยน้องก็ไม่ต้องเจ็บปวดอะไรอีก ขอให้แทนมีกำลังใจในชีวิตต่อไป และขอให้เขาเกิดมาเป็นคู่กันในภพใดภพหนึ่ง

ออฟไลน์ KYLM_s

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮือน้องงไปพักใจไกลจังเลย  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] Love is pain #พยายามรัก {จบ}
« ตอบ #9 เมื่อ: 04-07-2019 18:33:33 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด