HEAVY WEIGHT รัก ▪️ หนัก ▪️ มาก: HEAVY WEIGHT: แจ้งข่าวค่ะ (P.21) (09/10/19)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: HEAVY WEIGHT รัก ▪️ หนัก ▪️ มาก: HEAVY WEIGHT: แจ้งข่าวค่ะ (P.21) (09/10/19)  (อ่าน 169874 ครั้ง)

ออฟไลน์ Airin_and_Arpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +266/-3
HEAVY WEIGHT: 16.1 KG.


“กูก็ชอบมึงนะ...”


ประโยคนี้ผมพูดกับตัวเองด้วยเสียงที่เบาที่สุด


แต่…


มันดังก้องกังวานในหัวใจของใครอีกคนมากที่สุด


จนเหมือนหัวใจกำลังพองโตเป็นลูกโป่ง


“จริงเหรอ?”


“เออสิ...ฮือ...ยังไม่ได้บอกมันเลยอะ”


“ชอบโรห์จริงเหรอ?”


“อื้มม” จะถามย้ำอะไรหนักหนาวะแม่ง! คนยิ่งดราม่าอยู่ไม่เห็นหรือไงเนี่ย “ชอบ!”


เอ๊ะ! ว่าแต่กูกำลังพูดกับเจ้าที่เจ้าทางที่ไหนวะเนี่ย เสียงแม่งโคตรคุ้นหูฉิบหาย เหมือนวิญญาณเริ่มกลับเข้าร่าง รีบหันขวับกลับ
มามองข้างหลัง


ผมรู้สึกเหมือนขนตามร่างกายกำลังลุกชัน ทำหน้าเหมือนเห็นผี อยากร้องเหี้ยหนักมากจริงๆ แต่สติยังบอกว่าที่นี่คือโรงพยาบาลและเหี้ยไม่มีทางเข้ามาอยู่ในนี้ได้ สิ่งที่ทำได้มีแค่…



“ฮึก...แงงงงง” ร้องไห้น้ำตาท่วมซอยแม่งซะเลย


“Gosh! พุก!” เสียงทุ้มคุ้นหูดังอย่างตื่นตระหนกพร้อมกับความอุ่นของฝ่ามือใหญ่ที่ลูบขึ้นลูบลงที่ไหล่และหลังไปมา ผมกัดฟันสะอื้นเบาๆ น้ำตามันไหลออกมาเอง ตอนแรกผมกังวลแทบตายแต่พอเห็นมันยืนอยู่ตรงหน้าแล้วเหมือนน้ำหนักตัวลดหวบหาบเพราะมันรู้สึกเบาโหยงขึ้นมาเลย


“มึง...ฮึก...ไอ้นิสัยไม่ดี!” ผมสะอื้นฮักๆ มือก็กำเสื้ออีกฝ่ายแน่น ความอบอุ่นของอุณหภูมิจากร่างสูงทำให้ผมรับรู้ถึงความมีชีวิตอยู่ ผมโถมน้ำหนักไปพิงมันทั้งตัวอย่างไม่กลัวว่ามันจะหนักหรืออะไรทั้งสิ้น


“ชู่ว...นิ่งนะๆ” เสียงทุ้มเข้มที่ดังเหนือหัวค่อยๆปัดเป่าความกังวลทั้งหมดที่สะสมมาลอยหายไปอย่างรวดเร็ว “ไม่ร้องๆ ไหนเงยหน้าสิ เดี๋ยวหายใจไม่ออก”


เกลือกกลิ้งใบหน้าไปกับเสื้อยืดสีขาว ไม่ยอมเงยหน้ามองมันตามที่มันขอร้อง เรื่องอะไรเล่า หน้าตาตอนนี้ของผมคงทุเรศเต็มทน
ไอ้โรห์โยกตัวผมไปมาเหมือนกล่อมเด็กน้อย เสียงทุ้มนุ่มยังคงปลอบประโลมอยู่ข้างหู


“เอ้า กอดกันเข้าไป ไอ้โรห์ไม่ได้เป็นไรมากซะหน่อย” เสียงของไอ้พี่เก่งครับ หนูพุกจำได้ คนที่พูดแล้วทำให้ผมใจเสียหมด


“ก็พี่เก่งนั่นแหละ พูดอะไรไม่รู้ทำผมใจหายหมด” เงยหน้าออกจากอกแข็งๆไปแหวใส่เฮียแก “แล้วไหนที่หมอเขาบอกว่าต้องแสกนสมองคืออะไร?” เมื่อกี้ผมว่าผมได้ยินหมอพูดแบบนั้นนะครับ


พวกพี่เก่งถอนหายใจเฮือก “พวกกูยังไม่ทันพูดจบเลย เอ็งตีโพยตีพายไปก่อนนี่หว่า” พูดเสร็จผมถึงเริ่มรู้สึกตัวได้ว่ามีแต่กูเองนี่
หว่าที่เอาแต่พูดคนเดียว แม่งขายขี้หน้ามากเลยเว้ย “นั่นคนไข้คนละคนเว้ย”


“เออ แต่ก็ดี...กูเจอช็อตเด็ดๆ” สายตาหลายคู่ของคนในชมรมคาราเต้ทำให้ผมหน้าร้อนเป็นกระทะหอยทอดจนต้องโขกหน้าผากกับไหล่แข็งๆของไอ้แขกมันแรงๆ ไม่รู้ว่าอยากทำให้มันเจ็บเพราะความเจ็บใจแต่ว่ากลายเป็นกูนี่แหละที่เจ็บแทน แม่งเอย...ร่างกายจะแข็งไปทุกส่วนเลยไม่ได้นะเว้ย


เอ่อ...ผมหมายถึงพวกกล้ามเนื้ออะไรพวกนี้นะครับ รบกวนอย่าคิดลึก


“กูชอบมึงนะ...” ไอ้พี่เก่งมันกุมมือสีน้ำผึ้งเนียนสวยของไอ้แขกขึ้นแล้วพูดเสียงเล็กเสียงน้อย แม่งโคตรขนลุกเลยครับ


“ไอ้พี่เก่ง!” การสารภาพรักครั้งแรกของหนูพุกแม่งโดนโลกรับรู้เรียบร้อยแล้วครับ หน้าเห่อร้อนไปดิ ยิ่งเงยหน้าไปเจอใบหน้ายิ้มกว้างกับนัยน์ตาระยิบระยับของไอ้โรห์ทำเอาผมไปไม่เป็นเลย


แต่ว่าใบหน้าและนัยน์ตาแบบนี้ที่ผมอยากเห็น...ผมเชื่อแล้วที่ใครๆก็บอกว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ ผมรับรู้เลยว่าตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น…


ผมโดนล้อไม่จบไม่สิ้น ยิ่งไอ้คนที่ผมเพิ่งรู้ว่ามันแค่โดนเตะแล้วคิ้วแตกเฉยๆจับมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อยตลอดทางที่พวกผมเดินไปจ่ายเงินค่ารักษา พยายามจะเอามือออกจากการเกาะกุมเพราะคนมองตาม แต่ไอ้แขกมันปล่อยเลยครับ สุดท้ายเลยต้องยอมแพ้มัน ยอมให้ตัวเองหน้าแดงเป็นหัวหมูต้มกับมือที่โดนกุมจนร้อนและชื้นเหงื่อ


เนื่องจากฟาโรห์บาดเจ็บ พี่เก่งและที่ชมรมเลยลงมติว่าให้มันกลับบ้านไปพักผ่อนและดูอาการต่อ เนื่องจากมันอาจจะรู้สึกตึงๆหรือปวดแผล ผมนี่ไม่รอช้ารีบลากมันกลับคอนโดทันทีเลยครับ ตอนแรกผมจะให้มันทิ้งรถไว้ที่มหาวิทยาลัยแล้วนั่งแท็กซี่กลับ แต่มันยืนกรานว่ามันขับได้และไม่อยากทิ้งรถไว้ด้วย


“พุก...”


“โรห์” ยังไม่ทันจะเปิดไฟในห้องเลยแต่อ้อมแขนแกร่งก็สวมกอดผมจากทางด้านหลัง จมูกโด่งๆคลอเคลียอยู่แถวขมับและไรผม หมุนตัวกลับไปมองใบหน้าคมเข้ม บนหน้ผากมีผ้าพันแผลสีขาวเอาไว้ ผมค่อยๆเอื้อมมือไปแตะเบาๆ “เจ็บมั้ย?”


“ตึงๆ” มันพยักหน้า


“อืม ดีแล้วไวๆ” ผมดึงใบหน้าหล่อลงมาก่อนที่จะเป่าลมเบาๆที่ช่วงหน้าผาก “เพี้ยง หายไวๆนะโรห์”


ร่างสูงใหญ่ของมันคว้าเอวไปกอดหมับ เนื้อปลิ้นหมดแล้วครับเนี่ย มันรัดแน่นจนผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นตุบๆอยู่ที่อกข้างซ้ายของมัน


“วันนี้ที่พูด พูดจริงใช่มั้ย?” มันน่าจะหมายถึงที่ผมบอกชอบมันวันนี้ล่ะมั้ง แม่ง...ไม่มีใครบ้าบอไปยืนสารภาพกลางโรงพยาบาลหรอกนะ หน้าตาก็หล่อมากๆ ทำไมไม่มั่นใจตัวเองซะเลย “ถึงจะบอกว่าพูดเล่น But I will take it serious!!”


ลอบยิ้มกว้างก่อนจะสอดแขนนุ่มนิ่มของตัวเองกอดร่างสูงนั่นไว้แน่น พ่อยอดชายขี้ใจน้อยเอ๋ย…


“ชอบ...ชอบมากเลย”


“ฉันก็รักมากเหมือนกัน”


“อื้อ รู้แล้ว อย่าพูดบ่อย” ไม่ใช่ว่าอะไรเลยนะครับ “มันเขินเว้ย!” ร่างที่กอดผมอยู่สั่นระริกเพราะมันหัวเราะไม่หยุด ทำให้ผมยิ้มตามมันไปด้วยเลย


ผมกำลังคิดว่าบางครั้งการที่คนเรายอมรับความรู้สึกของตัวเองได้มันทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้นอีกเป็นกองเลย ถ้ารู้ว่าไม่เล่นตัวแล้วโลกจะเป็นสีชมพูขนาดนี้ ผมน่าจะเลิกเล่นตัวตั้งแต่แรก ชีวิตจะได้มีความสุข




- 50% -



สวัสดีค่า

อาโปขออภัยที่ห่างหายจากเรื่องนี้ไปนานนะคะ ตอนนี้กลับมาต่อเรื่องหนูพุกกับพ่อยอดชายให้จบแน่นอนคะ (เพราะเดดไลน์จ่อตูดแล้ว ฮ่าๆ) สำหรับเรืองรักหนักมากมีการรวมเล่มกับทางสนพ.เฮอร์มิทนะคะ ถ้าท่านใดสนใจรับหนูอ้วนไปขุนต่อหยอดปุกหมูกันไว้ได้นะคะ

แอบมากระซิบอีกนิดว่าเรื่องของหนูพุกเริ่มจะถึงฝั่งแล้วนะคะ คาดว่าน่าจะอีกประมาณไม่เกินห้าตอน (ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดค่า)

ขออภัยที่หายไปนานและขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจเสมอมาค่ะ


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หนูพุกมาแล้วววววว  :กอด1:

ออฟไลน์ Hoya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :-[ :-[ :-[

ขอบคุณไรท์ ที่มาต่อ ...งือออออ น่าย้ากกกก

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
มาแล้วๆ  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
กลับมาแล้วววว รอคอยมานานแสนนานค่ะ 5555

เอ็นดูหนูพุกจังเลย คนเด๋อแห่งปี
ทำไมไม่ปรึกษาพี่เค้าบ้างเลยนะลูก

ชารีฟก็ได้ฟังคำสารภาพไปสิ
มีพยานเป็นสิบเลยทีนี้

แหมมม เค้ามีกลับไปอ้อนกันสองคนด้วยนะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
หนูพุกน่ารักจังลูก

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หนูพุกกลับมาแล้ววววดีใจฝุดๆขอบคุณคุณนักเขียนนะคะเดี๋ยวเราจะถอยรถสิบล้อไปรอรับหนูพุกกลับบ้าน

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
คิดถึง~

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รวดเดียวจบ ขอมาลุ้นนู๋พุกด้วยคนน้า

ออฟไลน์ Airin_and_Arpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +266/-3
HEAVY WEIGHT: 16.2 KG.


“เอ้า หน้าบานเข้าไปๆ” เสียงแหลมๆของไอ้ปองกุลทะลุเข้าหูจน แต่เนื่องจากตอนนี้ผมกำลังอยู่ในทุ่งดอกไม้เลยไม่สนใจแมลงหวี่แมลงวันหึ่งๆพวกนั้น “กูละหมั่นไส้ ก่อนหน้านี้จะเป็นจะตาย”


“เอาน้ำแข็งประคบตามึงหน่อยมั้ย?” ผมแสยะยิ้ม


“เอามาทำห่าอะไร กูไม่ได้ปวดตา” ไอ้แห้งทำหน้ามึน


“เปล่า...กูหมายถึงตาร้อน” พวกขี้อิฉาตาร้อนไงเลยต้องเอาน้ำแข็งมาประคบซะหน่อย จะได้เย็นๆกับเขาบ้าง


มันยิ่งทำหน้าเบ้เป็นตูดหมาก่อนจะส่งเสียงเหอะใส่ แต่ผมไม่สนใจมันหรอกเพราะโรห์ไลน์มาบอกว่าจะพาไปกินข้าวเย็นที่ห้างแทนเนื่องจากมันไม่ได้บอกให้ป้าแช่มทำอาหารไว้ให้ แต่ผมเปลี่ยนใจบอกมันว่าไปกินข้าวที่บ้านอาม่าแทน มันก็ตอบตกลง


“สรุปมึงไม่ไปกับกู?” ผมถามไอ้ปองกุลให้แน่ใจอีกครั้ง


“ไม่อ่ะ อยากนอน” มันส่ายหน้า “แต่ว่าแพ็คใส่กล่องกลับมาให้กูด้วยก็ดีนะ” โว๊ะ ไอ้ตละกะ แต่เชื่อเถอะว่าเดี๋ยวม้าก็เก็บใส่กล่องให้ผมเอามาฝากมันอยู่ดีครับ


ผมพยักหน้าออเออแล้วแต่มันครับ ไอ้ปองกุลมันเผ่นแน่บกลับไปนอนที่หอมันแล้วครับ ผมก็แกว่งขารอไอ้แขกมารับที่คณะเพราะมันจะติดพันงานกลุ่มหรืออะไรสักอย่างอยู่ จนสุดท้ายผมเลยไลน์ไปบอกมันว่าจะเดินไปหาที่คณะมันแทนเพราะขี้เกียจรอแล้ว เผื่อเดินไปแล้วมันเสร็จพอดี


มาถึงหน้าคณะเศรษฐศาตร์อินเตอร์ของมันแล้วผมก็ได้แหงนหน้ามองอย่างสะท้อนใจ คณะค่าเรียนแพงหูดับ ตึกก็สวยสมราคาจริงๆครับ ไลน์ไปบอกมันว่าถึงหน้าคณะมันแล้ว ไอ้ฟาโรห์ไลน์กลับมาบอกว่าใกล้เสร็จแล้ว หลังจากนั้นไม่ถึงสิบนาทีร่างสูงใหญ่ผิวสีน้ำผึ้งเนียนสวยของมันก็เดินออกมา


ผมมองมันตาลอยเลยครับ ก็รู้หรอกนะว่ามันหล่ออยู่แล้วแต่ตอนนี้ผมเห็นมันหล่อกว่าเดิม ยิ่งรอยยิ้มกับสายตาแวววาวทำเอาผมทำหน้าไม่ถูก แอบหลบสายตาไปมองต้นไม้ใบหญ้า เห็นอีกทีก็คือปลายรองเท้าหนังมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้ว


“แอบมองทำไม?” เสียงทุ้มนุ่มถาม ผมเม้มปากพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองทำใจเด้งกระดอนออกไป


“มองไม่ได้?” แค่นี้มาทำหวงตัวหรือไงวะ ไอ้แขกมันยิ้มกว้าง เนี่ย...ชอบยิ้มสู้อะ ผมก็พ่ายแพ้ไปสิครับ


“กวนตีน” แยกเขี้ยวใส่มัน ก่อนที่มันจะกวักมือเรียกผมให้ไปได้แล้ว 


พอเดินมาถึงรถผมก็นั่งประจำที่รัดเข็มขัดเรียบร้อย แอบเหล่มองร่างสูงใหญ่ เห็นรอยแผลข้างคิ้วที่ยังติดผ้าก๊อซเอาไว้แต่ก็ไม่ทำให้มันหมดหล่อเลยสักนิด แต่เชื่อเถอะว่าไปถึงบ้านผมมันโดนอาม่าซักฟอกแน่นอนครับ แน่สิ...นี่หลานรักอาม่าเลยนะขอบอก แทบจะยกสมบัติให้แล้วมั้งเนี่ย


ก่อนจะไปถึงบ้านผมพวกเราแวะซื้อห่านพะโล้เจ้าอร่อยชื่อดังติดมือไปด้วย แต่ผมแอบเดินไปร้านข้างๆแล้วสั่งติ๋มซำมาอีกหลายเข่งแบบที่ไอ้โรห์เห็นแล้วยืนทำตาเขียวปั๊ดใส่ผมอยู่นี่


“ซื้อไปแบ่งที่บ้านไง” รีบยิ้มประจบ ทำตาหยี


“ไม่ใช่ว่าสั่งแต่ของที่พุกอยากกินหรือนี่?” โว๊ะ! ทำมาเป็นรู้ทันอีกเว้ย สั่งของชอบแค่ไม่กี่เข่งอย่ามาว่ากูนะ


“เออน่า ของชอบกูป๊าม้าอาม่าก็ชอบเหมือนกัน” รีบจ่ายเงินก่อนที่ไอ้แขกมันบอกคนขายว่าไม่เอาแล้ว นี่โดนเจ้าของร้านปาเข่งใส่หน้าแน่นอน ได้ของมาครบก็รีบขึ้นรถครับเพราะจอดนานๆไม่ได้


ฝ่ารถติดเพราะคนเลิกงานกันจนมาถึงร้านทองย่านเยาวราชจนได้ครับ ไอ้แขกมันขับเลยไปจอดที่ซอยบ้านผมก่อนแล้วค่อยเดินไปร้านทองด้วยกัน ตอนนี้อาม่าคงยังนั่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยอยู่ร้านล่ะมั้ง อาม่าชอบไปนั่งเพราะมีลูกค้าเป็นเพื่อนคุยกับ ตอนกลางวันหลานๆไปเรียนกันหมดอาม่าแกเหงาครับ แล้วค่อยเข้าบ้านช่วงเย็นๆค่ำเพื่อทานข้าวเย็นกับครอบครัวครับ


ผมเดินดุ่มๆเปิดประตูเข้าไปในร้านพร้อมกับไอ้แขก ลูกค้าหลายคนหันมามองกันเพราะร่างสูงใหญ่ของไอ้ลูกครึ่งตาหวานย้อยเป็นตาเดียว มันยิ้มบางให้เหล่าอาอี้อาอึ๊มจนพวกอี้ๆละลายลงไปกองกับพื้น


“อาชาหลี้ๆ” อาม่ากวักมือรัวๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่


ไอ้ฟาโรห์ยิ้มกว้างรีบสาวเท้าเข้าไปสวัสดีอาม่า มือเหี่ยวย่นตามวัยของอาม่าคว้าร่างสูงใหญ่มากอดอย่างคิดถึง ผมถึงเบะปากเป็นแป๊ะยิ้มแล้วรีบเข้าไปแทรกสองยายหลานออกจากกันก่อนที่อาม่าจะเซ็นยกมรดกให้มันหมด อาม่าดูตกใจที่เห็นผ้าก๊อซที่หัวคิ้วของมัน ถามอย่างเป็นห่วงว่าเป็นอย่างไรบ้างรวมถึงบอกให้ระวังตัวเองมากกว่านี้ โดยลืมไปแล้วมั้งว่าใครคือหลานแท้ๆ ปล่อยให้ผมยืนหัวเถิกอยู่กับลูกจ้างในร้านนั่นแหละครับ พี่ๆเขาก็ยิ้มระคนเอ็นดูผม แต่เอาเข้าจริงพวกพี่เขาก็ปลื้มไอ้โรห์จะตาย


“อาม่า พุกอยู่นี่” ผมทำหน้าเบ้ปากยู่ อาม่าหัวเราะลั่นอย่างอารมณ์ดี


“อะไรๆ ลื้อเด็กข้างบ้านไม่ใช่เหรอ”


“อาม่าาา” ผมบ่นกระปอดกระแปด “นี่หลานเองๆ” อาม่าหัวเราะโดยมีไอ้โรห์หัวเราะผสมโรงไปด้วย หันไปถลึงตาใส่มัน มันส่ายหน้ายิ้มๆ นัยน์ตาหวานย้อยมองผมจนหน้าร้อนเห่อ ต้องรีบแลบลิ้นใส่มันแล้วหันไปคุยกับอาม่าแทน


“มาๆอาชาหลี้มาช่วยอาม่าขายทองมา” อาม่าลากแขนสีน้ำผึ้งไปยืนที่หน้าตู้กระจก ใช้หน้าหล่อๆของมันเรียกลูกค้า


จนเวลาผ่านไปสักพัก ผมเห็นว่าอาม่าควรกลับบ้านได้แล้วเลยฝากฝังร้านให้ผู้จัดการดูแลต่อ ไอ้ฟาโรห์รีบกุลีกุจอประคองอาม่าเดิน อาม่าก็ยิ้มหน้าบานไปสิครับ เดินจนถึงหน้าบ้านก็ได้ยินเสียงจ่อกแจ่กมาจากด้านใน เหมือนว่ายัยหนูจี๊ดกับคิตจะกลับมาแล้ว


“เฮียยย” ยัยหมวยเล็กเห็นแล้วร้องเสียงแหลม “อ๊ะ! เฮียชา” ยัยน้องสาวผมรีบวิ่งหน้าตั้งมาเกาะแขนไอ้แขกทันที เฮ้ย! เฮียอยู่นี่เองหนูจี๊ด มากอดเฮียนี่ ไม่ใช่ไปกอดเฮียร่วมโลกนั่น


“สวัสดีค่ะอาหมวย”


ผมประคองอาม่าไปนั่งในบ้าน ไอ้โรห์มันเลยลูบหัวของยัยน้องสาวผมที่ยังเกาะแขนเกาะขาไม่ปล่อย พอมันเห็นผมไหว้รูปอากงมันก็เดินมาไหว้ตาม หันไปมองใบหน้าคมเข้มกับรอยยิ้มบางๆที่ทำให้ผมสบายใจทุกครั้งที่ได้เห็น


หลังจากนั้นป๊ากับม้าก็รีบออกมาต้อนรับลูกชายคนสำคัญของบ้าน โดยลืมไปแล้วครับว่าผมเป็นลูกชายตัวจริงที่ได้แต่เปิดกล่องห่านพะโล้ เอาขนมจีบฮะเก๋าใส่จาน บอกผมทีว่าผมไม่ใช่เด็กข้างบ้านหรือเด็กเสิร์ฟฮะเก๋าอะครับ แง…


และไอ้โรห์ก็ต้องสนตอบคำถามเดิมๆอยู่ประมาณสามรอบเรื่องแผลที่หัวคิ้วของมันครับ ผมล่ะอยากจะให้มันอัดคลิปไว้แล้วพอใครเข้าบ้านมาก็เปิดเสียงอัดให้ฟังเลยครับ จะได้ไม่ต้องพูดซ้ำหลายรอบ


“อาพุกตักข้าวให้อาชาหน่อยเร็ว” ผมกลอกตาไปที่กำแพง รู้ว่าป๊าแกล้งแต่ขอหมั่นไส้หน่อย ร่างสูงใหญ่ของมันเดินมายืนข้างๆผมที่หม้อหุงข้าว ตอนที่ส่งชามข้าวร้อนให้ ไอ้แขกมันทำการอุกอาจด้วยการจับมือผมไว้แน่น ลูบไล้เบาๆจนผมหน้าร้อนแข็งกับหม้อแล้ว รีบสะบัดมือมันก่อนที่ใครจะเดินมาเห็น


“โรห์ไม่เล่นนะ”


“ครับๆ ขอโทษนะ” นัยน์ตาหวานย้อยมีแฝงไปด้วยความเศร้า ไม่รู้ว่าทำให้มันรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า


ผมเม้มปากก่อนจะกระซิบเบาๆ “เอาไว้กลับคอนโดก่อนนะ” หลังจากนั้นมันจะทำอะไรผมจะไม่ว่าเลยครับ


เริ่มเห็นแววตายินดีจากนัยน์ตาคู่สวยผมค่อยยังชั่วหน่อยที่มันไม่ได้รู้สึกแย่มากนัก เดินตีคู่ออกมานั่งที่โต๊ะพร้อมๆกับอาม่าบอกให้ทุกคนเริ่มกินข้าวได้ วันนี้อาหารมีหลายอย่างรวมถึงห่านพะโล้กับติ๋มซำที่พวกผมซื้อมาด้วย


ไอ้โรห์เอาใจทุกคนในบ้านผมยกใหญ่ หม่าม้านี่ยิ้มแป้นตอนที่มันตักแกงจืดมะระให้ ยิ่งหนูจี๊ดนี่ยิ่งติดเฮียชาๆ เล่านู่นเล่านี่ให้ฟัง


“อาพุก ลื้อกินข้าวชามที่เท่าไหร่แล้ว?” ป๊าถามขณะที่ผมกำลังเดินไปเติมข้าว


“อะไรป๊า ถ้วยที่สามเอง” ก็ถ้วยที่บ้านอาม่ามันเป็นชามข้าวแบบคนจีนอะครับ มันตักได้ไม่เยอะ


“กินอย่างกับยัดยังงี้ใครจะเลี้ยงลื้อไหวเนี่ย” ป๊าพูดเสียงกลุ้ม ดูท่าทางเป็นห่วงชีวิตผมในอนาคตเหลือเกิน


“เลี้ยงมาตั้งนานแลี้ยงอีกหน่อยแล้วกันนะป๊า” ผมยิ้มแผล่ หย่อนก้นนั่งพร้อมกับชามข้าวพูดชาม


“ไอ้หยา พุงลื้อมีหลุมดำหรือนี่” อาม่าพูดพร้อมกับชี้ตะเกียบมาที่พุงนุ่มนิ่มของผม ทำให้ต้องรีบแก้ตัว


“ใช่ที่ไหนล่ะอาม่า แบ่งกับไอ้โรห์ต่างหาก” รีบตักข้าวส่วนหนึ่งไปให้ไอ้แขกที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แม่ง...คนเข้าใจผิดเพราะมันเลยครับ ฝากผมตักข้าวด้วย “เนี่ย...เอาไปเลย”


“สาวที่ไหนมองเนี่ย ตุ้ยนุ้ยขนาดนี้” หม่าม้าก็ผสมโรง ผมมุดหน้ากับชามข้าวแล้วยักไหล่


“ไม่เห็นเป็นไรเลยม้า เดี๋ยวนี้หนุ่มโสดเยอะแยะ” พูดจบก็คีบห่านเข้าปากสองชิ้นรวด ป๊าคงปลงหันไปมองไอ้แขก


“อาชาหลี้เอามั้ย ป๊ายกให้ เลี้ยงไม่ไหว” ป๊าพูดเสียงจริงจัง


“แค่กกกกกกก” ผมได้ยินถึงกับสำลักห่าน...ห่านจิก! “ป...ป๊า!” รีบมองใบหน้าหล่อคมเข้มนั่นที่ฉายแววแปลกใจอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มันจะยิ้มกว้าง นัยน์ตาหวานย้อยหันมามองผม ทำเอาใจเต้นเป็นจังหวะอุงก้าอุงก้า เลือดวิ่งมากองบนหน้าผมหมดแล้ว


“จริงเหรอครับ?” เสียงทุ้มนุ่มถามอย่างจริงจัง “ยกให้แล้วผมไม่คืนนะครับป๊า” ไอ้โรหหหห์


ป๊าตบไหล่หนาปักๆ “เออ ป๊ายกให้ เอาไปเลย” ผมรู้ว่าป๊าพูดเล่นแต่ว่าเหมือนมีคนที่คิดเป็นจริงเป็นจังไปเรียบร้อย เหลือพื้นที่ให้หนูพุกยืนบ้างป๊า “แถมทองห้าบาทด้วย”


“ขอบคุณครับ” พ่อยอดชายของทุกคนยิ้มกว้าง ยิ้มหวานแบบยัยคิตเคลิ้มตาลอย


“ไอ้โรห์” กัดฟันเรียกมันเสียงแข็ง พยายามบังคบหลอดเลือดไม่ให้มันวิ่งขึ้นมาที่หน้า แต่หูเหอร้อนฉ่าไปหมดแล้วตอนนี้ “มึง...”   


ไอ้หล่อมันยิ้มละไมก้มหน้าพุ้ยข้าวเข้าปาก ใจผมยังเต้นไม่เป็นสำ ฟังแล้วใจมันก็ฟูนะครับแต่ว่า...สิ่งที่ผมกลัวอยู่ตอนนี้คือ...ผมยังไม่กล้าบอกคนในบ้านเรื่องของเราสองคน บอกตรงๆผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยพาใครมาที่บ้านยกเว้นมันกับไอ้ปองกุล


ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าถ้าป๊าเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับมันแล้วป๊ายังจะยิ้มแบบนี้ได้อีกหรือเปล่า?...คิดถึงตรงนี้ก็ทำเอากินไม่ลงไปถนัดตา มือชะงักกึก


แล้วถ้าเกิดป๊ารับไม่ได้...ผมจะทำอย่างไรดี?


“พุกๆ เป็นอะไร?” เสียงทุ้มนุ่มจากคนที่นั่งข้างทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ ค่อยๆเงยหน้าสบตา


“ป...เปล่า” เสตาหลบไปมองชามข้าว แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามืออุ่นจัดสีน้ำผึ้งเนียนสวยเอื้อมมาจับมือผมที่อยู่ใต้โต๊ะ ผมเลิ่กลั่กมองคนอื่น กลัวโดนเห็นครับ ผมขมวดคิ้วใส่ไอ้โรห์แล้วกำลังสะบัดมือมันออกแต่มันกลับยึดมือผมไว้แน่น ทั้งลูบเบาๆเหมือนปลอบประโลม


“ไม่เป็นไรๆ” เสียงทุ้มพูดเสียงเบา...น่าแปลกที่สายตาของโรห์ทำให้ใจผมค่อยๆเต้นช้าลงจนเกือบเป็นปกติ “กินข้าวนะ” แล้วมันก็คีบกับข้าวมาวางบนชามผมทั้งที่มือเราสองคนยังจับกันอยู่ใต้โต๊ะ แต่ขออีกแป๊บนะครับ มันอุ่นดี อีกอย่างตอนนี้ไม่มีใครสนใจพวกผมเท่าไหร่เพราะมัวแต่สนใจหม่าม้าที่ทำของหวานเป็นถั่วเขียวกับลูกเดือยต้มน้ำตาลกันหมด


ผมอยู่ที่บ้านอาม่าจนเกือบสี่ทุ่ม ปล่อยให้ไอ้โรห์มันสอนการบ้านหนูจี๊ดไป คุยกับอาม่าไปด้วย ผมก็อยู่ช่วยหม่าม้าล้างจานไป พยายามจะไม่คิดอะไรมากให้คนที่บ้านจับสังเกตุได้ แต่เหมือนไอ้แขกจะรู้ตัวเพราะมันหันมามองผมบ่อยครั้ง จนเราทั้งสองคนขอกลับก่อนเพราะอาม่าจะได้พักผ่อนแล้วอีกอย่างผมไม่อยากให้ไอ้โรห์มันขับตอนดึกๆครับ


ผมนั่งเงียบๆบนรถมาตลอดทาง ไอ้โรห์มันก็ไม่พูดอะไร ปล่อยให้ผมจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนรถมาจอดที่คอนโดมันผมก็ยังไม่ยอมลงจากรถจนมันต้องเรียก


“พุก...” ฝ่ามือใหญ่ลูบผมของผมเบาๆ “Are you ok?”


หันไปมองใบหน้าที่ฉายแววเป็นห่วงของมัน นัยน์ตาคมสวยทั้งกังวลและไม่สบายใจ นิ้วเรียวยาวไล้ไปตามหัวคิ้วและขมับนวด
คลึงเบาๆ


“อืม” ผมไม่รู้จะบอกมันยังไงดี ผมไม่พร้อมจะบอกป๊าม้าแต่ก็ไม่ได้อยากเสียมันไปอีกเหมือนกัน “เรื่องของเราสองคน…”


“...”


“ป๊ากับม้าจะว่าไง?” ผมพึมพำออกมา


ฝ่ามือสีน้ำผึ้งจับแก้มผมให้หันไปมองมัน นัยน์ตาคมเข้มฉายแววจริงจัง ใบหน้าคมค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้จนหน้าผากมันชนกับหน้าผากเหม่งๆของผม เสียงทุ้มนุ่มที่ปัดเป่าความกังวลของผมออกไปได้อย่างประหลาด


“Everything will be just fine...” นัยน์ตาหวานย้อยจนผมยิ้มออกมา “เราจะผ่านมันไปด้วยกัน...”


ผมเม้มปากโถมตัวเข้าไปกอดร่างสูงใหญ่ไว้แน่น ช่วงนี้ผมเจออะไรมาหลายอย่าง รวมถึงจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่สำหรับและมันเลยทำให้ผมเครียดและกังวลไปทุกอย่าง เผลอทำให้มันกังวลไปด้วย


“ขอบคุณนะโรห์” ที่อยู่ข้างพุกเสมอ…


“ครับ” ท่อนแขนแข็งแรงรัดตัวผมแน่น ถ่ายเทกำลังใจจนผมรู้สึกดีขึ้น เคยได้ยินมั้ยครับว่าแค่กอดใครสักคนเราจะมีกำลังใจขึ้นมาทันที ผมเชื่อแล้วตอนนี้…


เราสองคนกอดกันสักพักจนผมรู้สึกดีขึ้น เราถึงค่อยลงจากรถระหว่างทางฝ่ามือใหญ่ของฟาโรห์ยังคงจับมือไปตลอดทางจนเข้าห้อง น่าแปลกที่ว่าผมไม่ขัดขืนต่อให้พนักงานต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์จะแอบเหล่มองก็ตาม ผมทำเป็นเดินไม่รู้เรื่องจนถึงห้อง


คราวนี้พอถึงห้องผมเป็นฝ่ายสวมกอดร่างหนาอีกครั้งด้วยตัวเอง “อยู่กับพุกนะ...อย่าทิ้งกันไปไหน”


“ครับ...” จมูกโด่งกดลงบนกลุ่มผมนุ่ม


คืนนั้นผมนอนค้างที่คอนโดของพ่อยอดชาย เตียงนุ่มและกลิ่นที่คุ้นเคยทำให้ผมหลับไปอย่างรวดเร็วเพราะความเหนื่อยอ่อนโดยที่มีฝ่ามือใหญ่ค่อยลูบหลังให้ตลอด


ผมกับโรห์เราสองคนใจตรงกัน และฟาโรห์ก็ยังคงเป็นโรห์คนเดิมของผมไม่เปลี่ยนแปลง มันเสมอต้นเสมอปลายเหมือนเดิม ผมบอกตรงๆว่าความสัมพันธ์ของเราจะเรียกว่าแฟนหรือเปล่าไม่รู้เพราะมันไม่ได้พูดผมก็ไม่ถาม แต่ผมรับรู้ได้ว่ามันดีแล้วที่เป็นแบบนี้


ผมยิ้มให้กับชามโจ๊กร้อนกับปาท่องโก๋สองตัวในถุง อมยิ้มมุมปากกับร่างสูงใหญ่ที่กำลังติดกระดุมเสื้อนักศึกษาอยู่ มันอุตส่าห์ตื่นเช้าไปซื้อมาให้ ร้านเจ้าประจำของผมสองคน วันนี้หนูพุกคนนี้ไม่ร้องโวยวายว่าไม่ไส้กรอกบิ๊กไบค์หรือซาลาเปาขนมจีนเพิ่มนะ ผมได้แต่ยิ้ม


ผมกวักมือเรียกไอ้โรห์ที่เซ็ทผมเสร็จให้มานั่งกินข้าวเช้า บรรยากาศตอนเช้าในคอนโดสุดหรูติดตะเข็บรถไฟฟ้า ผู้ชายร่างสูงหุ่นนายแบบคนหนึ่งกับหนุ่มแป๊ะยิ้มหน้าเหมือนผลิตภัณฑ์ซีอิ้๊วชื่อดังกับโจ๊ะร้อนๆที่ไม่พอยาไส้เท่าไหร่แต่ก็พอไปวัดไปวาได้ล่ะวะ เห็นแกที่มันแถมปาท่องโก๋ให้ผมตั้งสองตัว


“เลิกแล้วเจอกันนะ” ผมพูดตอนกำลังลงจากรถ


“ครับ See you”

 

-100%-


สวัสดีค่า

อาโปเอาอีกครึ่งตอนที่เหลือมาฝากกันนะค้า ช่วงนี้หนูพุกนางงอแงเยอะเพราะมีเรื่องให้คิดไม่ตกหลายเรื่อง เอาใจช่วยนางหน่อยนะค้า นางรู้ใจตัวเองแล้วเพราะงั้นนางไม่ทำให้โรห์เสียใจอีกแล้ว

สำหรับเรืองรักหนักมากมีการรวมเล่มกับทางสนพ.เฮอร์มิทนะคะ ถ้าท่านใดสนใจรับหนูอ้วนไปขุนต่อหยอดปุกหมูกันไว้ได้นะคะ

แอบมากระซิบอีกนิดว่าเรื่องของหนูพุกเริ่มจะถึงฝั่งแล้วนะคะ คาดว่าน่าจะอีกประมาณไม่เกินห้าตอน (ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดค่า)

ขออภัยที่หายไปนานและขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจเสมอมาค่ะ


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ป๊ายกให้แล้ว เหลือทองห้าบาท  :hao3:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ทุกอย่างจะโอเคนะหนูพุกกกกกกกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มารอ  :katai5:

ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงยัยหนูพุกแล้วค่าาาา

ออฟไลน์ Airin_and_Arpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +266/-3
** รบกวนนักอ่านทุกท่านอ่านทอร์คด้านล่างด้วยค่า **



HEAVY WEIGHT: 17 KG. [100%]


“กูถามอะไรได้มั้ย?” ไอ้ปองกุลทำหน้าตาเสือกเต็มที่จนผมเบ้ปาก เรื่องเสือกขอให้บอกครับ


“เออ...ว่า?” ผมกำลังไถโทรศัพท์ดูรอบหนังที่กำลังเข้าฉายในโรงพอดี ผลักใบหน้ามันออกไปไกลๆหนอย


“มึงคบกับไอ้ชะรีฟใช่มั้ย?”


ผมเงยหน้าขึ้นมองมันที่กำลังตาวาววับด้วยความเสือกสุดๆ หันกลับมามองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง คราวนี้ผมไม่ได้สนใจกับรอบหนังที่กำลังจะกดจองแต่อย่างใด ในหัวมันกำลังเกิดเป็นควันขมุกขมัวที่ผมก็มองไม่เห็นคำตอบ


“อืม นั่นสินะ” ผมปัดเขม่าควันพวกนั้นออกไปเพราะผมรู้สึกว่าบางทีมันก็ไม่ต้องหาคำตอบก็ได้มั้ง ผมมีความสุขกับปัจจุบันที่เป็นแบบนี้ มันดีแล้วจริงๆครับ


“อ้าว...” มันยังซักต่อแต่ผมก็ทำแค่ยักไหล่ แล้วกดจองรอบหนังลงไป


“เลิกถาม สรุปมึงจะดูมั้ยหนัง” รำคาญไอ้แห้งเดี๋ยวปั๊ดกระโดดทับแม่ง


“เออ ดูๆ” ผมเลยให้มันเอาไปกดจองที่นั่งที่อยากนั่ง ตัดเงินผ่านบัตรเรียบร้อยผมก็ค่อยเรียกเก็บเงินสดจากบรรดาลูกหนี้ทั้งหลาย


สารถีสุดหล่อมารับถึงหน้าคณะเลยครับ ผ่านมาหลายวันที่แผลไอ้โรห์เริ่มดีขึ้น ผมถามว่ามันต้องไปตัดไหมเมื่อไหร่มันบอกว่าอีกสองสามวันตามหมอนัด ผมเลยบอกเดี๋ยวจะไปเป็นเพื่อน


“ขอบคุณครับ” มันหันมายิ้มตาเยิ้มใส่ผม แน่นอนว่าใจก็เต้นเป็นอุงกาอุงก้าไปสิครับ แต่…


“เฮลโหลวว เห็นหัวกูบ้างมั้ย?” เสียงแหลมน่ารำคาญดังมากจากคนที่นั่งข้างหลัง คีลมู๊ดเหี้ยๆเลยครับ


ไอ้แขกถึงกับอมยิ้มส่วนผมก็ทำปากหมุบหมิบ จนมือใหญ่สีนน้ำผึ้งค่อยๆเอื้อมมาจับมือนุ่มนิ่มของผมไว้แล้วบีบเบาๆ เฮ้ย...เดี๋ยวไอ้ปองกุลมันก็ตาร้อนเป็นไฟอีกเหรอ


ช่างมันเถอะ ผมก็เขินนิดหน่อยนะแต่มันก็รู้สึกดีจนยอมให้หน้าตัวเองขึ้นสีแดงเป็นแป๊ะยิ้มและปล่อยให้ไอ้ปองกุลมันนั่งสำลักน้ำลายต่อไป ไม่รู้อะไรติดคอ กระแอมอยู่ได้!


ไม่เคยคิดว่าไอ้ปองกุลจะเป็นก้างขวางคอจนกระทั่งวันนี้เลยนะเนี่ย…


“เอ้า เชิญคู่รักนั่งก่อนเลยครับ” มันทำเสียงกวนตีนตอนที่เราทั้งสามเข้ามาในโรงหนังแล้ว ทำเป็นผายมือให้ผมกับไอ้โรห์เข้าไปนั่งข้างกันแล้วมันค่อยนั่งปิดท้ายครับ


ผมก็ไม่ขัดศรัทธามัน เดินเข้าไปนั่งก่อนเลยครับตามมาด้วยไอ้โรห์และปิดท้ายด้วยไอ้แห้ง กอดถังป๊อบคอร์นเอาไว้กับตัวส่วนแก้วน้ำวางเอาไว้ที่หลุมวางแก้ว เป็นเซ็ทแบบพิเศษที่ผมอ้อนวอนขอไอ้โรห์ ส่วนหนึ่งคืออยากได้แก้วน้ำที่ทำเพื่อโปรโมทหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ


ผมควักป๊อบคอร์นเข้าปากเป็นพักๆ ยื่นไปให้ฟาโรห์ที่นั่งข้างๆ ส่วนไอ้ปองกุลไม่ต้องห่วงนะครับเพราะมันก็ซื้อเองอีกเซ็ทด้วยความอยากได้แก้วเหมือนกัน มีแต่ไอ้แขกนี่แหละครับที่ไม่ได้ชื่นชอบเป็นพิเศษ แถมมันยังบอกว่ามันไม่ให้ผมกินข้าวโพดคนเดียวทั้งกระป๋องด้วย


อ้าว...อะไรวะ? ขนาดไอ้ปองกุลมันยังกินคนเดียวได้เลยอะ ทำไมหนูพุกจะกินคนเดียวบ้างไม่ได้ล่ะเนี่ย ไม่เข้าใจโคตร


หนังเปิดตัวมาก็น่าตื่นเต้นจนลืมกินป๊อบคอร์นไปเลยครับ เสียงดังสนั่นโรงจนผมถึงกับสะดุ้ง ขยับเบียดตัวเองกับพนักเก้าอี้ รู้ว่าเบียดไอ้โรห์แหละครับแต่ว่าทำไงมันตื่นเต้นมาก นั่งไปนั่งมาผมแทบจะเอนพิงร่างกายกับต้นแขนแกร่งตลอดเวลา


มีอยู่จังหวะหนึ่งที่ผมล้วงมือเข้าไปในถังป๊อบคอร์นพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ของมันก็ล้วงเข้ามาในถัง มือผมแตะกับมันอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันเลยให้ผมเป็นฝ่ายหยิบข้าวโพดก่อนแต่ตอนที่ผมกำลังจะเอาเข้าปาก มืออุ่นกลับดึงมือเอาไว้ ถึงกับต้องหันขวับไปมองมันตาโต


ท่ามกลางความมืดแต่ผมกลับเห็นนัยน์ตาคมหวานมันชัดเจน ที่แน่ๆตอนนี้ตัวละครในหนังกำลังคิดถึงความหลังผ่านกระจกเงาอย่างโรแมนติก ตอนนี้ผมต้องโฟกัสที่นั่งสิ ไม่ใช่จับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาพร้อมกับมือตัวเองที่โดนมันดึงเข้าหาไอ้หล่ออย่างช้าๆ


ริมฝีปากได้รูปงับข้าวโพดคั่วจากมือผมเข้าปากเคี้ยวช้าๆ แต่ยังไม่ยอมละสายตาจากผมสักวินาที แอร์ในโรงหนาวแต่ผมรู้สึกว่าใบหน้าร้อนระอุเหมือนเตาอบ ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกริมฝีปากพรมจูบเบาๆที่ปลายนิ้วอย่างอ้อยอิ่ง พอได้สติก็รีบชักมือตัวเองกลับมากุมไว้


ผมกำลังแย่ครับ...ร่างกายมันแปลกไปด้วย ทั้งก้อนเนื้อข้างซ้ายที่ทำงานหนัก หัวใจเต้นจนจะทะลุออกมา อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นไปทั่วร่างกาย ผมมองปลายนิ้วชี้ที่ยังทิ้งรอยสัมผัสแผ่วเบาเอาไว้ อยากจะด่ามันแต่ติดว่ายังอยู่ในโรง


กลัวคนอื่นเห็นแต่ตอนนี้ทุกคนสนใจที่หน้าจอยักษ์ คงไม่มีใครทันสังเกตุว่าผมหน้าแดงเป็นหมูหันไปถึงไหนต่อไหน



คราวนี้พอผมล้วงมือเข้าไปในถังป๊อบคอร์นอีกครั้งไอ้โรห์มันก็ล้วงเข้ามาพร้อมกัน...อีกแล้วเหรอวะ! มันจับมือผม ตัวใหญ่โตของมันเอี้ยวมากระซิบที่ข้างหู


“พุกกินเยอะแล้วนะ...”


ข้าวโพดยังไม่พร่องเลยสักนิด มึงมีหน้ามาบอกกูอีกว่าแดกเยอะ ไอ้แขก!


ตลอดหนังทั้งเรื่องมือผมอุ่นจนร้อนเพราะโดนคนข้างๆกุมมือเอาไว้ในถังป๊อบคอร์นไม่ยอมปล่อย ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมออกจากโรงมาแล้วกลิ่นชีสถึงได้ติดมือตลอดเวลา


“อ้าว ข้าวโพดเหลือเยอะแยะ” ขณะที่กำลังเดินออกจากโรง ไอ้ปองกุลชะโงกหัวมามองกล่องป๊อบคอร์นในมือของไอ้โรห์


ผมกลั้นลมหายใจอย่างไม่รู้ตัว เฉไฉไม่ยอมสบกับดวงตาคมหวานเยิ้มคู่นั้น


ไอ้โรห์แม่งขยันทำผมรู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดทุกทีเลย


หลังจากดูหนังเสร็จ พวกผมตัดสินใจกลับกันเลยเพราะเริ่มขี้เกียจเดินห้างแล้ว ถ้าตามปกติแล้วหอผมกับไอ้แห้งมันอยู่ระแวกเดียวกันนั่นแหละแต่ว่าเดี๋ยวนี้แถบจะจำทางกลับหอตัวเองไม่ได้แล้วเนี่ย


“งั้นกูไปละ” ไอ้ปองกุลมันล่ำลาตอนที่รถมาจอดที่หน้าหอมันพอดี


ผมนี่ได้แต่มองทางเข้าหอของตัวเองที่ถัดไปไม่ไกลอย่างอาลัยอาวรณ์


ไอ้โรห์...ปล่อยกูกลับบ้านมั่ง


แต่ไอ้แขกมันก็แจกยิ้มพิฆาตมาให้หน้าตาเฉย บอกตามตรงว่าปฏิเสธไม่ได้จริงๆครับ พลังทำลายล้างมันสูงมาก แค่มันหันมายิ้มตาเยิ้มทีเดียวผมก็หัวหมุนนั่งเป็นไอ้บื้อมาจนถึงคอนโดมันอีกจนได้


เจ็บใจชะมัด!


เลยแกล้งเอาพุงเบียดแขนมันตอนที่กำลังเดินเข้าห้องพอดี ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มหัวเราะเบาๆตามหลังแล้วไอ้โรห์มันให้ผมไปอาบน้ำก่อน


“มึงอาบก่อนก็ได้นะ” เสียสละให้เจ้าของห้องเป็นมารยาทครับ


“ไม่เป็นไร ไปอาบเถอะ”


“อาบกับกูแมะ?” ผมแกล้งทำเสียงล้อเลียนมันพร้อมกับขยิบตาให้ ปกติผมก็มีแกล้งมันแบบนี้เป็นบางครั้งบางคราว


แต่เหมือนคราวนี้ผมกำลังขุดหลุมระเบิดใส่ตัวเองอย่างไม่รู้ตัวเลยครับ นัยน์ตาสีเข้มเบิกกว้างขึ้นก่อนที่ไอ้แขกมันจะยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ผมถึงรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรไป


ฉิบหายอย่างไม่ต้องหาอะไรเลยครับ!


“เอ่อ...กูไปอาบก่อนละกัน” รีบคว้าผ้าเช็ดตัวเตรียมพุ่งไปที่ประตูน้ำ


แต่กลับโดนมือใหญ่คว้าต้นแขนเอาไว้แน่นพร้อมกับกับดึงเข้าไปปะทะกับแผ่นอกแข็ง จมูกกระแทกจนผมร้อง


“ไหนว่าจะอาบด้วยกันไง...” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู ลมหายใจร้อนที่เป่ารดทำให้ผมย่นคอ ขนลุกซู่ไปทั่วร่างกาย พยายามขยุกขยิกเพื่อให้ตัวเองหลุดออก แต่ไอ้แขกมันกลับยิ่งเอาแขนรัดผมแน่นขึ้นไปอีก


ตอนนี้เลือดทุกเม็ดวิ่งมากองที่ใบหน้าผมอย่างพร้อมเพรียงเลยครับ กัดปากแน่น ก้มหน้าไม่ยอมสบตาคมเข้มที่ฉายแววระยิบระยับ


“ม...ไม่เว้ย” หนูพุกตายเพราะปากจริงๆเลยครับ อย่ามาทำตาเยิ้มแบบนั้นนะไอ้แขก


ผมรีบใช้ตัวนุ่มนิ่มของตัวเองเบียดแซะแผ่นอกแข็งปักของอีกฝ่าย อาศัยจังหวะที่มันเผลอสะบัดแขนวิ่งแน่บไปห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงหัวเราะดังตามหลังมาด้วยครับ


“เดี๋ยวโรห์ตามเข้าไปนะ” มันตะโกนบอก


“ไม่ต้องเลยเว้ย”


แม่ง...หัวใจผมจะหลุดออกมาข้างนอกแล้วมั้งเนี่ย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเมื่อก่อนผมไม่เคยเขินมันขนาดนี้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มันแตะนิดแตะหน่อยผมก็แทบไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว


ตอนอาบน้ำก็ต้องเหล่มองทีประตูตลอดเลยว่ามันจะบ้าจี้เข้ามาอาบตามที่มันพูดเอาไว้หรือเปล่าแต่ก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อแม้จะอาบเสร็จแล้วก็ไม่มีวี่แววว่ามันจะเข้ามาแต่อย่างใด แต่ก็ดีแล้วครับ…


ขืนมันเข้ามาเห็นผมตอนแก้ผ้า...เอ่อ...ไม่อยากจะคิดว่ามันจะทุเรสลูกตามากแค่กันนะ


ปกติถ้าคนหุ่นดีเขาก็คงมีดีอะไรให้โชว์ แต่หุ่นอย่างผมนี่จะเอาอะไรไปโชว์ดีเนี่ย


...ระบำหน้าท้อง?...


เอ้า! ส่ายเอว...ส่ายตูดหน่อย


พรืด!! แค่คิดก็สงสารไอ้โรห์ขึ้นมาทันทีเลยเนี่ย


ผมแอบเหล่ใบหน้าคมคายที่ยิ้มบางๆให้ตอนมันเดินผ่านผมไปอาบน้ำ แม้ว่าตอนนี้ผมจะทำตัวเหมือนปกติดีทุกอย่าง แต่ผมรู้ดีเลยว่าข้างใจลึกผมไม่เคยหยุดกังวลได้เลยสักนิดเดียว บอกจากใจเลยว่าทุกครั้งที่ผมคิดถึงเรื่องมัน...มันเหมือนมีตะกอนจางๆที่ตีขึ้นมาในจิตใจของผมตลอดเวลา


ไม่รู้ว่าอย่างนี้เขาเรียกว่างี่เง่าไปเองหรือเปล่า แต่เชื่อเถอะครับ...ถ้าใครชอบคนที่เขาดูดีกว่าเรา เราจะกังวลเสมอว่าเราเหมาะสมกับเขาหรือเปล่า ถึงเราสองคนจะใจตรงกันแต่ผมกลับไม่มีความมั่นใจเลยว่าผมสามารถเดินเคียงข้างมันได้อย่างภาคภูมิใจ


ใครๆก็ไม่รู้ชอบบอกว่าความรักคือเรื่องของคนสองคน...คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่าง เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเราก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าสภาพสังคมภายนอกก็ยังมีส่วนที่ทำให้ต้องดำเนินชีวิตเหมือนกัน


“พุก...”


ผมพาตัวเองออกจากความคิดจิปาถะพวกนั้นเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเรียก ร่างสูงนั่งลงข้างๆผมก่อนที่จะจับมือผมเอาไว้ คลึงเนื้อนุ่มนิ่มไปมา


“คิดมากอะไรอีกแล้วหรือเปล่า?”


คำถามนี้ทำให้ต้องหันไปสบดวงตาคมเข้ม ฟาโรห์ดูไม่สบายใจ ผมเม้มปากก่อนจะยิ้มให้มัน


“อืม...นิดหน่อย” พูดพร้อมกับกระชับมือมันเอาไว้แน่น “คิดว่าเป็นพุกน่ะดีแล้วใช่มั้ย...สำหรับโรห์”


“ทำไมถึงยังคิดแบบนี้อีกแล้ว” พ่อยอดชายทำเสียงเข้มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง คิ้วเข้มขมวดมุ่นจนผมเม้มปากแน่น “โรห์มันเป็นคนไม่น่าเชื่อใจขนาดนั้นเลยเหรอ” แล้วมันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่


มือใหญ่ค่อยๆคลายมือออกมาจากมือ ผมผวารีบคว้ามือมันกลับมาจับไว้แน่น สอดนิ้วเกี่ยวกับนิ้วมัน รีบส่ายหน้า หัวตาเริ่มร้อนผ่าว


“ร...โรห์” ผมพยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่น


ผมใจเสียเมื่อเห็นอีกฝ่ายถอนหายใจอีกครั้ง ผมกลัวมันเบื่อผม...เบื่อที่ผมเป็นขี้กังวล โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคน


“เชื่อใจฉันบ้างแล้วก็เชื่อมั่นในตัวเองหน่อยนะ” เสียงทุ้มพูดเสียงแผ่ว


ผมมันบ้าฉิบหายเลย! งี่เง่าไร้สาระไม่เข้าเรื่องเลยไอ้หนูพุก!!


ขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนหน้าผากของเราสองคนแนบติดกัน ลมหายใจของเราสองคนผสมปนเปกันไปหมด ผมเป็นฝ่ายคล้องคออีกฝ่ายเข้ามาใกล้จนปากเราแตะกันแผ่วเบา


ความนุ่มหยุ่นแต่รู้สึกเหมือนสมองโล่งไปหมด อ้อมแขนแกร่งกระชับตัวผมเข้าไปจนแทบไม่เหลือช่องว่างใดๆ จากการจูบแบบเงอะงะของผม ไอ้แขกมันก็เปลี่ยนมาเป็นคนนำแทน


ผมเกร็งตัวเมื่อลิ้นร้อนๆค่อยๆเล็มที่ริมฝีปากไปมาเหมือนจะขออนุญาต ผมค่อยๆเปิดปากให้ฟาโรห์รุกล้ำเข้ามา


เป็นครั้งแรกจริงๆที่ผมโดนจูบจนร่างกายแทบจะเหลวเป็นน้ำขนาดนี้ เบียดตัวเข้าหาอีกฝ่ายอย่างเผลอไผล กดท้ายทอยของพ่อยอดชายให้เข้ามาใกล้ขึ้นอีก


ไอ้โรห์มันค่อยๆถอนจูบขณะที่ผมกำลังหัวเบลอคิดอะไรไม่ออก รู้สึกเหมือนโดนมันพาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า...อา...เมฆขาวปุกปุย


จมูกโด่งกดลงแผ่วเบาที่ช่วงลำคอของผมจนสะดุ้งโหยง ได้สติร้องเรียกมันทันที


“โรห์!”


“ชู่ว...” ผมพยายามดันตัวมันออก แต่กลับโดนรัดแน่นกว่าเดิม “เป็นเด็กดีนะ...”


แค่ประโยคสั้นๆทำให้ผมหยุดนิ่ง ปล่อยให้อีกคนขยับจมูกไปที่ลำคออีกฝั่ง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้ มันแปลกๆ ฝ่ามือร้อนค่อยๆลูบไล้ไปตามร่างกาย ตั้งแต่หน้าอกลงไปถึงหน้าท้อง


อื้อ! พุงวันแพ็ค!!


“โรห์ อ...อย่า” รีบคว้ามือมันเอาไว้ก่อนที่มันจะสอดมือเข้าไปเจอกับห่วงยางใต้เสื้อผม


ผมพอจะรู้ว่าถ้าปล่อยต่อไปมันจะเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ผมรู้สึกว่าไม่อยากให้มันเห็น บอกตรงๆผมกลัว…


“ไม่เป็นไรนะครับ...” เสียงทุ้มเบาเหมือนกระซิบ “นะ...ไม่เป็นไรนะ...”


ผมรู้สึกว่ามือมันหมดแรงไปดื้อตอนที่สบกับนัยน์ตามคมหวายหยดย้อยคู่นั่น กลั้นหายใจเมื่อฝ่ามือใหญ่ลูบที่พุงแผ่วเบา ผมสะดุ้งหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อไอ้แขกมันขย้ำเนื้อแน่นๆของผมโดยไม่ให้ผมตั้งตัวใดๆ


แม่ง! มือไวไปไหน ตั้งแต่อาบน้ำได้คนเดียว อาม่าก็ไม่เคยมาถูกขี้ไคลให้ผมอีก เลยไม่มีใครลูบคลำ แต่ตอนนี้ไอ้แขกมันกำลังทำให้ผมเป็นบ้า


“เฮ้ย...” ผมตาเหลือกเมื่อนิ้วเรียวยาวของมันสะกิดเม็ดเล็กๆบนหน้าอกผม


ผลัก!!!


ไม่รู้ว่าผมไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ผลักร่างสูงใหญ่จนมันผงะออกไป ผมรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ตัวเกร็งและสั่นเบาๆ


“พุก...” เสียงทุ้มของไอ้ฟาโรห์ฟังดูอ่อนแรง ผมกัดริมฝีปากแน่นจนชาไปหมด


ผมเห็นนัยน์ตาคมเข้มมันฉายแววตกตะลึง มันจะคิดว่าผมรังเกียจมันอีกหรือเปล่านะ...ทั้งที่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลยสักนิด


ผมแค่กลัว…


ใครจะพูดอะไรก็ตามเกี่ยวกับรูปร่างผมผมกลับเฉยๆ แต่พอเป็นมันแล้วผมกลับไม่อยากให้มันเห็นรูปร่างใต้ร่มผ้าเท่าไหร่เลย มันน่าเกลียดแน่ๆ ไม่ต้องไม่โอเคแน่นอนเลยครับ


“ฮึก...กู...ขอโทษ” พยายามจะพูดออกไปแต่กลายเป็นว่าผมจะร้องไห้ขึ้นเสียอย่างนั้น


ความมั่นใจที่เคยมีมันเริ่มหดหายไปเรื่อยๆ ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆขยับเข้ามาหาผมอีกครั้ง มันชะงักไปครู๋หนึ่งตอนที่ใกล้จะสัมผัสกับไหล่ของผมแต่สุดท้ายมืออุ่นข้างนั้นก็ลูบปลอบผมเบาๆ


“ไม่เป็นไรนะ...โรห์ขอโทษ” ผมส่ายหน้าระรัว มันไม่ใช่ความผิดโรห์เลยสักนิด มันเพราะผมหมดความมั่นใจกับตัวเองต่างหาก “ขอโทษครับ...”


มันพูดซ้ำอยู่อย่างนั้นจนผมน้ำตาไหลอาบใบหน้า ร่างสูงใหญ่เขยิบหนีออกไปเล็กน้อยแต่ฝ่ามือมันยังคงลูบไหล่ผมไม่หยุด


ทั้งที่เราเพิ่งจะเข้าใจกันได้ไม่นาน แต่ผมกลับรู้สึกว่า...มันกลับค่อยๆห่างผมออกไปอีกแล้ว


ทั้งคืนนั้นผมนอนไม่หลับแม้จะง่วงมากแค่ไหนก็ตาม ผมนอนกระสับกระส่ายและสมองก็คิดเรื่องบางอย่างทั้งคืนจนรุ่งเช้า


ผมเกลียดตัวเองในตอนนี้ชะมัด!


 


ผมตื่นมามหาวิทยาลัยด้วยสภาพเหมือนศพหมีแพนด้า ทั้งตาบวมตุ่ยเพราะทั้งร้องไห้และไม่ได้นอน ไอ้ปองกุลถึงกับผงะตอนเจอหน้าผมเดินเข้ามาที่คณะ


หลังจากเรื่องเมื่อคืนทำให้ผมสติแตก ตอนเช้ามาฟาโรห์ยังดูเป็นห่วงความรู้สึกผมอยู่ แต่สิ่งที่ผมจับความรู้สึกมันได้ก็คือ...มันก็ดูเสียศูนย์กับเรื่องเมื่อคืนเช่นกัน แม้ว่าผมจะพยายามทำให้บรรยากาศมันเป็นเหมือนเดิมแต่ดูยังไงก็็ฝืนทำชัด


ฝืนทั้งผมและมัน…


“เป็นอะไรวะ ทำหน้านิ่ว” เสียงไอ้เพื่อนแห้ง ผมหันไปมองมันแล้วเบ้ปาก อยู่ๆก็อยากจะให้พุงห่วงยางของตัวเองมันกลายเป็นเอวผอมๆเหมือนไม้เสียบผีแบบไอ้ปองกุลขึ้นมาทันที


เฮ้อ! ตอนนี้สิ่งที่ผมทำได้ไม่ใช่แค่พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธ์หรืออะไรทั้งสิ้น มีแต่ต้องพึ่งตัวเองนี่แหละ!


หนูพุกคนนี้ตัดสินแล้วว่า...


“กูจะลดน้ำหนัก” ผมโพล่งขึ้นมาอย่างมั่นใจ


ไอ้ปองกุลเกือบทำโทรศัพท์ร่วงลงพื้น มันรีบเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง


“ว๊อทททท” แหม...ว๊อทเป็นฝรั่งเชียวนะมึง…


“อะไร? ทำหน้าเหมือนเห็นผี” แม่ง...แค่จะลดน้ำหนักเอง ทำเป็นตกใจไปได้


“ม...มึง...มึงๆ” ไอ้ปองกุลติดอ่าง “อย่างมึงเนี่ยนะ???”


“เออ น้ำหน้าอย่างกูนี่แหละเว้ย!” ผมตั้งมั่นกับตัวเอง “หนูพุกจะลดน้ำหนักให้ได้ภายในหนึ่งเดือน!” ประกาศเสียงกร้าว หน้าตามุ่งมั่นสุดๆ


ไอ้เพื่อนกุ้งแห้งเยอรมันยังคงทำหน้าเหลือเชื่อต่อไปครับ


“อยู่ๆมึงคึกอะไรขึ้นมาวะ”


“กูก็แค่...อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง” ผมพยายามหาเหตุผลที่เป็นกลางมากที่สุด


ใครจะอยากบอกว่ากลัวไอ้ฟาโรห์มันเป็นลมไปซะก่อนตอนที่เห็นสารรูปพุงย้วยกันเล่า!


ไอ้ปองกุลหรี่ตาอย่างจับผิด ทำหน้าเป็นเหมือนนักสืบ...ถึงตัวจะเป็นผู้ใหญ่แต่สมองยังเป็นเด็ก...ประมาณนั้นเลยครับ


“โอเค กูจะพยายามเชื่อ” อย่ามาทำตัวมีสมองเป็นผู้ใหญ่เวลานี่นะไอ้ปองกุล ผมเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง

 





“ว่าแต่...กูควรจะเริ่มไงดีวะ?” ผมเสิร์ชมาหลายวิธีมากเลยครับ ทั้งแบบลดแป้งลดน้ำตาล ออกกำลังกาย กินคลีน ไปจนถึงลดอหารเลยหรือไม่ก็กินยาลดน้ำหนัก


“ถ้ามึงตั้งใจแล้ว ปองกุลคนนี้จะช่วยมึงเองเพื่อน!” มันพูดพลางตบอกแบนๆของตัวเองดังปักๆจนผมรู้สึกว่ามันจะช้ำในมั้ยวะ


ไอ้ปองกุลเพื่อนรักมันช่วยผมเสิร์ชหาในเน็ตทุกเว็ปที่คิดว่าดี คิดว่าโดนแน่นอน แต่ยังมีสิ่งที่ผมต้องเตือนมันอีกหนึ่งเรื่อง


“แล้วทำไมมึงถึงไม่อยากให้ไอ้โรห์รู้ด้วยวะ” มันทำหน้างงตอนที่ผมบอกว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้โรห์เด็ดขาด


“เออน่า...กูขอแค่นี้แหละ” บางครั้งก็อยากจะลดน้ำหนักเงียบๆบ้างได้มั้ยวะ


ไอ้ปองกุลยังคงทำหน้าเหมือนหมาขี้สงสัยแต่สุดท้ายก็ยอมล่าถอยกลับไป ไม่ถามอะไรให้มากความ


 


ผมเริ่มวิถีการลดน้ำหนักฉบับหนูพุกในอาทิตย์ถัดมาครับ ตอนแรกไอ้โรห์ถึงกับตาค้างตอนที่ผมบอกมันว่า…


“วันนี้ข้าวเช้าพุกขอแค่ไข่ต้มนะ” มันทำหน้าสงสัย ผมเลยรีบบอกว่าเมื่อวานกินเยอะไปหน่อย เลยรู้สึกเหมือนอาหารไม่ย่อยเท่าไหร่ มันก็พยักหน้าเออออแล้วต้มไข่ต้มมาเผื่อผมสองใบ


แต่ขอบอกเลยครับว่าแม่งโคตรยาก ยากฉิบหาย ยากจนจะตายให้ได้ วันแรกๆผมหิวหน้ามืด ตอนเช้ากินแค่ไข่ต้มไม่ก็โยเกิร์ต ตอนกลางวันผมกินแค่ฟักทองต้มกับสลัด ตอนเย็นกินผลไม้ ไม่คิดว่าแค่ลดน้ำหนักชีวิตจะยากลำบากขนาดนี้ นับถือคนที่เขาลดได้เลยครับเพราะตอนนี้ผมแทบจะเหี่ยวแห้งตายเป็นซากหนู


“มึง...กูจะตายแล้ว” ตอนนี้บ่ายสามแล้วผมก็หิวมาก หิวจนแสบไส้ ได้แต่คดตัวฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนนิ่งๆ ไม่อยากจะขยับไปไหนมาไหนเพราะกลัวเสียพลังงานจากอาหารที่กินย่ชาไส้ไปตอนกลางวัน


“มึงต้องอดทนนะเว้ย” แม่งปากบอกให้กูอดทนแต่มึงมานั่งแดกโตเกียวให้กูเห็นนี่นะ ไอ้เพื่อนชั่ว!


“เออๆ อดทนๆ” ท่องไว้ว่าเพื่อไอ้โรห์ๆ ได้แต่สะกดจิตตัวเองทุกวี่ทุกวัน


กัดฟันทำวิธีนี้ไปได้หนึ่งอาทิตย์ แน่นอนว่าพยายามอย่างมากไม่ให้ไอ้โรห์เห็นเพราะวันไหนที่มีเรียนเช้าผมก็บอกมันว่าจะออกไปกินกับไอ้ปองกุล บางวันก็ขอมันกลับไปนอนหอตัวเองบ้าง อ้างว่างานเยอะ ต้องอ่านหนังสือสอบ แรกๆมันก็ทำท่าจะไม่ยอมแต่สุดท้ายมันก็ไม่ว่าอะไรครับ ผมคิดว่ามันอาจจะกลัวว่าผมจะอึดอัดกับสิ่งมันที่มันเคยทำไว้วันนั้น


ขอโทษนะโรห์...รอกูอีกนิดนะ...


และผมก็ตัดสินใจทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเองนั่นก็คือก้างขึ้นเหยียบตาชั่งน้ำหนัก


เลขดิจิตอลที่โชว์อยู่ที่หน้าปัดทำให้ผมเบิกตา…


ฉิบหาย!


น้ำหนักลดลงมาสองกิโลกรัม!

 


- 100% -





สวัสดีค่า

ขออภัยที่หายไปนานนะคะ มัวแต่หายไปปั่นต้นฉบับเรื่องนี้มา ตอนนี้อ่านแล้วมีเรื่องขอชี้แจงเกี่ยวกับยัยหนูอ้วนสักเล็กน้อยเพื่อไม่ให้หลายๆท่านรำนางค่ะ

ช่วง2-3ตอนหลังที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าหนูพุกจะเริ่มงี่เง่า (ขออนุญาตใช้คำนี้เลย) ขึ้นแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันมีเหตุผลนะคะ เนื่องจากอาโปลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นหนูพุกแล้วมีคนหล่อแบบโรห์มาชอบมันต้องวิตกจริตเป็นธรรมดาว่าเราเหมาะกับเขาจริงๆเหรอ ทำให้มันกลายเป็นกังวลในทุกเรื่องแล้วอีกอย่างคือเป็นชาย-ชายแล้วด้วยมันยิ่งทำให้กังวลกว่าปกติค่ะ อาโปพยายามอยากจะสื่อว่ามันไม่ใช่แค่รักกันแล้วจะจบไป ชีวิตจริงของคนเรามีเรื่องให้คิดให้กังวลร้อยแปดพันเก้า แล้วยัยหนูอ้วนดันคิดมากอีกด้วยเลยทำให้นางงี่เง่ากับพ่อยอดชาย

ตอนนี้หนูพุกเริ่มอยากจะลดน้ำหนักแล้ว แต่จะสำเร็จมั้ยคอยติดตามตอนต่อไปนะคะ (แอบใบ้ว่าต่อให้อ้วนต่อไปพี่โรห์เขาก็ไม่แคร์หรอกค่ะ แต่ที่ห่วงที่สุดคืออยากให้หนูพุกสุขภาพดีเฉยๆค่ะ)

ตอนนี้จะเป็นตอนสุดท้ายที่นางจะงี่เง่าแล้วเพราะตอนหน้าโรห์จะมาเครียร์ปัญหาทุกอย่างให้จบค่ะ หากอ่านแล้วตอนนี้นังหนูมันทำตัวรำก็ขออภัยด้วยนะคะ ขออภัยที่อาจจะทำให้นักอ่านไม่ถูกใจกับนังหนูเวอร์ชั่นงี่เง่า อดทนนางอีกนิดเดียวเท่านั้นค่ะ (ปกติไม่เคยเขียนตัวละครให้งี่เง่าขนาดนี้ ฮ่าๆ น้องเจ้าขาก็น่ารักเรียบร้อย ส่วนน้องนมก็เด๋อสุด)

อ่านแล้วมีคอมเม้นท์หรือฟี๊ดแบ็กสามารถบอกอาโปได้เลยนะคะ อ่านทุกคอมเมนท์เลยค่ะเพราะคือกำลังใจให้อาโปเขียนงานต่อไปเรื่อยๆ

ขอบคุณมากที่สนับสนุนกันมาโดยตลอด

ปล. ต้องขอแจ้งล่วงหน้าว่าเรื่องรักหนักมากออกไม่ทันงานหนังสือมีนาคมที่จะถึงนี้นะคะ เนื่องจากอาโปล่าช้าเองค่ะ ขออภัยจริงๆค่ะ

 

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อาทิตย์เดียว ลดได้ 2 โลนี่ เรียก "...หาย" หรอ  :hao4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ก็เข้าใจหนุพุกนะคะ คนเราความนอยด์มีไม่เท่ากัน
ต่อให้ชะรีฟไม่อะไรเลย แต่คนคิดมากก็ยังคิดอยู่ดีแหละ

ชะรีฟรอดูอาการหนูพุกอยู่ ยังไงก็มีแอบส่อง
แต่แค่ปล่อยให้ทำ เพราะอยากให้สบายใจ

ชะรีฟรักมาก ถนอมมาตลอด ห่วงเพราะรัก ไม่ได้รักที่หุ่น
รอทำความเข้าใจกันนะคะ และหนูพุกต้องมั่นใจตัวเอง
และเชื่อใจชะรีฟด้วยนะ


ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
หนูพุกอ้วนกลม น่ารักจะตาย ลดน้ำหนักทำไม 5555

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Airin_and_Arpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +266/-3
บทที่ 18


พอเข้าอาทิตย์ที่สองร่างกายมันก็เหมือนจะเริ่มปรับตัวได้ ผมเลยลดข้าวเย็นไปเลยครับ เหลือแค่อาหารเช้ากับอาหารกลางวันแทน


“ทำไมพุกไม่กินข้าว?” วันนี้ไอ้โรห์มากินข้าวด้วยกัน มันถามผมที่นั่งดูดน้ำเปล่าแก้หิวไปเรื่อยเปื่อยหลังจากรีบยัดฟักทองนึ่งเข้าท้องจนหมด


“เอ่อ...กูกินอิ่มแล้ว”


คิ้วเข้มขมวดมุ่นเพราะมันเพิ่งจะพักได้ไม่นานแล้วผมเอาเวลาที่ไหนไปกินข้าวกันแน่ รีบหัวเราะแหะก่อนจะแตะขาไอ้ปองกุลใต้โต๊ะปึกๆ


“คือวันนี้อาจารย์ปล่อยเร็วน่ะ” ไอ้ปองกุลสำลักเส้นก๋วยเตี๋ยวก่อนจะรีบเออออไปกับผม “ใช่มั้ยมึง?”


“เออๆ ใช่ๆ”


“เออๆ ตามนั้นแหละ” ผมหัวเราะก่อนจะก้มหน้าเล่นโทรศัพท์


“แล้วทำไมปองกุลเพิ่งกินล่ะ?” ไอ้คนกินข้าวผัดยังไม่ยอมแพ้ คราวนี้ไอ้คนโดนถามถึงถึงกับสำลักลูกชิ้น ไอ้ปองกุลไอค่อกแค่ก


ก็รู้อยู่ว่าฉลาดมาก แต่ไม่ต้องมาฉลาดตอนนี้ได้มั้ยพ่อยอดขมองอิ่ม!


“มัน...เอ่อ...เพิ่งหิวน่ะ” แม่ง! เหตุผลส้นตีนมากเลยครับ ไอ้ฟาโรห์ทำหน้านิ่งจนผมไม่กล้าสบตามัน สุดท้ายก็ยิ่งเกร็งเมื่อมันถอนหายใจเฮือกใหญ่


“อืม…”


ผมเม้มปาก ใจมันแป้วไปเลยครับ ไม่ค่อยเจอมันทำแบบนี้ใส่ตอนนี้รู้สึกใจหวิวชะมัด ไอ้ปองกุลมันทำปากขมุบขมิบบุ้ยใบ้ไปทางพ่อยอดชาย


เออ! กูเห็นแล้วว่ามันโกรธ


ผมได้แต่ยิ้มแหยตอนที่ไอ้แขกมันเดินกลับไปที่คณะของมันทั้งที่หน้าตายังดูดุเหมือนไปโกรธใครมา...เอ่อ โกรธผมนี่แหละ


หนูพุกแห่งเยาวราชถึงกับหงอยเป็นแป้งเปียก แต่ก็ยังดีที่ไอ้ปองกุลมันตบหลังให้กำลังใจปึกๆ


 





หลังเลิกเรียนผมกับไอ้ปองกุลแล้วก็เพื่อนอีกสามคนถูกอาจารย์เรียกไปช่วยขนพวกเอกสารในตึกของคณะให้ไปส่งที่ห้องธุรการครับ


“เพราะมึงเลย” ไอ้ปองกุลมันบ่นกระปอดกระแปด มันหาว่าผมมัวแต่เหม่อเก็บของช้าทำให้อาจารย์เรียกใช้งานตอนเลิกเรียน


“เอ้า...” ผมขมวดคิ้วหงุดหงิด ตอนเรียนมันก็ไม่ค่อยมีกระจิตกระใจจะเรียน ทั้งหิว ทั้งกังวลเรื่องไอ้ฟาโรห์จนจดอะไรไม่ทัน


ของที่ให้ขนก็ไม่รู้จะมีเยอะไปถึงไหน ขนไปขนมาไม่รู้กี่รอบแล้วแถมระยะทางจากตึกถึงอีกตึกมันก็มไม่ได้ใกล้กันเท่าไหร่เลยครับ


“เชี่ย! หมดซะที” อาจารย์ขอบใจพวกผมพร้อมกับซื้อน้ำมาเลี้ยง ผมได้ชาเขียวแบบหวานน้อยมาถือไว้ก่อนจะค่อยๆเดินลากขาก
ลับมาที่คณะตัวเอง


เดินเช็ดเหงื่อตามหน้าผาก รู้สึกหลังเปียกชื้นจนเหนียวเหนอะหนะไปหมด โคตรไม่สบายตัวเลยแถวอากาศตอนนี้ถึงจะไม่มีแดดแต่ลมก็ไม่โกรกเลย หายใจไม่ออกฉิบหายเลยครับ


พอรู้สึกเริ่มหายใจไม่ค่อยออกเลยรีบกระพือเสื้อให้พอมีลมแต่อยู่ๆภาพที่เห็นก็เป็นสีดำๆ เห็นภาพดำสลับกับความวูบวาบแปลกๆ ขามันเริ่มเซไปเซมาจนต้องทรงไม่อยู่


“เฮ้ยๆๆ ไอ้พุก!” ผมได้ยินเสียงปองกุล แต่มันฟังดูห่างไกล แต่เมื่อกี้มันยังยืนข้างผมอยู่เลยไม่ใช่หรือไงนะ? “มึงอย่าเพิ่งเป็นลมนะเว้ย”


ใครเป็นลมวะ?


“มึงๆ ไอ้พุก กูแบกมึงไม่ไหวนะเว้ย”


หาว่ากูอ้วนหรือไงวะ เดี๋ยวก็กระโดดทับแม่งเลยนี่ แต่ทำไมร่างกายมันหนักจนขาไม่มีแรงเลยทิ้งตัวลงแต่มีมือแห้งๆพยายามฉุดผมเอาไว้ ผมพยายามจะตะเกียกตะกายไปพิงกำแพงให้ได้ ตอนนี้รู้สึกตาพร่าไปหมดแล้ว หายใจก็ไม่ค่อยออก


“ฉิบหาย!” ผมได้ยินเสียงไอ้ปองกุลตะโกนเรียกใครสักคน


ประโยคที่ผุดขึ้นมาในสมองตอนนั้นก็คือ…


...โรห์ พุกอยากได้กวางลุ้งมากเลยอะ…


กลิ่นเย็นนที่ทำให้จมูกรู้สึกสดชื่นพร้อมๆกับแสบจมูกไปด้วยทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว ย่นจมูก พลางส่งเสียงอืออาออกไป พยายามจะลืมตาขึ้นแต่มันแสบตาจนต้องหลับลงไปใหม่ รู้สึกเหมือนร่างกายจะพิงกำแพงแข็งๆอยู่ มีลมพัดเบาๆมาเป็นระยะ


สุดท้ายผมพยายามงัดเปลือกตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก รอบข้างมีเสียงอื้ออึงจนผมหยีตา รู้สึกเหมือนช่วงนี้จะดวงอับโชค หลายเดือนก่อนก็ขาแพลง ต่อมาก็เกือบโดนรถชนเพราะมัวแต่ดูโทรศัพท์ นี่ยังมาเป็นลมไปอีก หรือว่าต้องไปสะเดาะเคราะห์ที่วัดเล่งไนยี่ซะหน่อยแล้วว่ะกู...


“ไอ้พุก” ไอ้เพื่อนตัวแห้งมันเรียกชื่อผมเสียงดัง พยายามจะยัดหลอดยาดมเข้าจมูกให้ได้ เฮ้ย! แล้วใครเขาจะกล้าใช้ต่อวะเนี่ย “ฟื้นแล้วเหรอวะ? ไหวมั้ยเนี่ย หน้ามึงซีดมาก” มันลูบหน้าลูบตาผมไปมา


มีเพื่อนในคณะอีกคนยื่นขวดน้ำเย็นให้ พวกมันดูกังวลกับอาการของผมมาก อีกอย่างตอนนี้ผมยังคงนั่งอยู่ที่พื้น พวกมันให้ผมนั่งพักอยู่ตรงนั้นอีกพักหนึ่ง ดีว่าแถวนั้นไม่ค่อยมีคนผ่านไปผ่านมาเลยไม่ต้องสนใจว่าจะมีใครมอง


ผมนั่งหายใจเข้าลึกๆพยายามปรับสภาพร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ ตอนนี้อาการที่หายใจไม่ออกเริ่มดีขึ้น ผมคว้าแผ่นกระดาษที่ไอ้ปองกุลโบกๆเอามาพัดเอง จนคิดว่าตัวเองน่าจะเดินไหวแล้วถึงค่อยๆลุกขึ้น


“มึงไหวแน่นะ?” เพื่อนในคณะมันถามผม


“เออ ขอบใจมาก พวกมึงไปก่อนเถอะ กูเดินช้า” ผมมีไอ้ปองกุลที่คอยจับแขนเอาไว้เผื่อผมจะหน้ามืดอีก


นี่อาจจะเป็นผลมาจากที่ผมอดอาหารรวมถึงอากาศที่ร้อนอบอ้าวจนทำให้หน้ามืดเป็นลมไป ปกติผมไม่ค่อยมีอาการแบบนี้เท่าไหร่ เดินจนมาถึงใต้ตึกคณะก็ท้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้แถวนั้นก่อนจะนวดขมับตัวเอง ผมยังคงหายใจแรงอยู่บ้างจนหน้าอกกระเพื่อมไปมา พยายามจะสูดลมหายใจให้ลึกและปล่อยออกมา ทำซ้ำๆหลายครั้ง


“มึง...เรื่องกูเป็นลม...” ผมพูดเสียงเบากับไอ้แห้ง “อย่าบอกไอ้โรห์” ผมไม่อยากให้มันเป็นห่วงไปมากกว่านี้


“เอ่อ...” ไอ้ปองกุลทำหน้าอึกอัก


“เข้าใจนะ” ถลึงตาย้ำมันอีกรอบ


“กูว่า...” มันกลืนน้ำลายเอือก ดวงตาหลังแวน่ของมันหลุกหลิกไปมาเหมือนคนกำลังตื่นตระหนกอะไรบางอย่าง ผมหรี่ตามอง “มันอาจจะรู้แล้วก็ได้มั้ง...”


“ถ้ามึงไม่พูด กูไม่บอกแล้วมันจะรู้ได้ไง” บ๊ะ! เดี๋ยวก็กระโดดทับไส้แตกเลยนี่ไอ้แห้ง


ไอ้ปองกุลมันหลับตาก่อนที่จะชี้มือไปที่ด้านหลังของผม ตอนแรกจะอ้าปากด่ามันอีกรอบแต่กลับกลายเป็นตัวเองที่เริ่มเหงื่อแตกพลั่กเมื่อรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไอ้ปองกุลกำลังบอก ตอนนี้ทำได้แค่หลับตาแล้วหมุนตัวกลับไปมองด้านหลัง


แม่งเอย...ขออย่าให้เป็นเหมือนที่ผมคิดเลยนะ…


ไอ้หยา...


ค่อยหยีตามองแล้วก็ได้แต่หลุบตาลงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ผิวสีน้ำผึ้งยืนหน้าถมึงทึง นัยน์ตาคมกริบฉายแววโกรธจัดแบบที่ผมไม่ค่อยได้เห็นเพราะปกติเจ้าตัวเป็นคนอารมณ์ดียิ้มหวานอยู่เสมอ ยอมรับเลยว่าคนหน้าตาใจดียิ้มแต่พอเวลาโกรธแล้วน่ากลัวกว่าคิดมาก


ตอนนี้ได้แต่ยืนก้มหน้ามองปลายรองเท้าก่อนจะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมา


“โรห์...” เรียกมันเสียงแผ่วเบา


“...” มันไม่ตอบแต่มือที่อยู่ข้างตัวกำแน่น


“เอ่อ...” พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ยิ่งเห็นมันเงียบ หัวตาก็เริ่มร้อนขึ้นมา


ฟาโรห์เม้มปากแน่นก่อนที่มันจะหมุนตัวหันหลังกลับไป ผมตาโตอ้าปากจะเรียกแต่ดันไม่มีเสียงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมไม่ชอบเลยที่โรห์หันหลังหนีแบบนี้ ไอ้ปองกุลดันหลังให้ผมรีบตามไป ไม่รอช้าพยายามก้าวขาตามอีกฝ่ายให้ทัน


“โรห์ๆ รอด้วย!”


วิ่งตามมันมาจนถึงที่ที่มันจอดรถ คนหน้านิ่งสนิทเปิดประตูขึ้นไปนั่งที่คนขับ ผมรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งตาม ร่างสูงใหญ่หลับตานิ่งจนมองไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ มือใหญ่สีน้ำผึ้งยังคงกำแน่น ตอนนี้ผมรู้สึกใจเสียไปหมด ไม่อยากจะให้มันเกิดเรื่องแบบนี้เลยสักนิด เราสองคนเพิ่งจะเข้าใจกันได้ไม่นานเอง มาลองนึกๆดูแล้วเรื่องทั้งหมดมันก็เกิดขึ้นจากความไม่มั่นใจของผมเอง


ทั้งไม่มั่นใจในความรู้สึก…


ไม่มั่นใจในตัวมันและ…


...ไม่มีความความมั่นใจในตัวเองเลยสักนิด…


รวบรวมความกล้าเอามือไปกุมมือใหญ่นั่นเอาไว้ ใจชื้นขึ้นมาหน่อยว่าไอ้โรห์มันไม่ได้สะบัดออกแต่อย่างใดแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่พูดอะไรอีกเลย หน้าตาคมเข้มยังคงนิ่งสนิท ผมกัดปากแน่น กี่ครั้งแล้วที่ผมทำให้มันต้องเสียใจกับการกระทำบ้าบอของตัวเอง


ตอนนี้ผมขอ...ขอให้มันยังรู้สึกกับผมเหมือนเดิมก็แค่นั้น


“กลับคอนโดกันนะ” ผมจรดริมฝีปากไปที่หลังมือสีน้ำผึ้งแล้วเอามาแนบแก้ม


อีกฝ่ายไม่ตอบแต่เปลี่ยนเป็นสตาร์ทเครื่องยนต์แทน ภายในรถเงียบสนิท มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศ จนมาถึงห้องแล้วเราสองคนก็ยังคงมีแต่ความเงียบงัน


มองใบหน้านิ่งขรึมที่มองไปทางอื่นเหมือนไม่อยากมองหน้าผม ค่อยๆก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายช้าๆเหมือนกลัวว่ามันจะเตลิดหนีผมไปอีก มือทั้งสองข้างจับแก้มให้มันหันกลับมามองกันก่อน นัยน์ตาคมกริบที่สั่นระริก


“พุก...ไม่มีอะไรจะแก้ตัว...” ผมสบตามันอย่างแน่วแน่ “อยากบอกแค่ว่าขอโทษนะ” ไม่อยากพูดคำว่าขอโทษพร่ำเพื่อเลย แต่ตอนนี้คำนี้มันสื่อความรู้สึกของผมได้ดีที่สุด


“...”


“พุกงี่เง่าอีกแล้ว โรห์อย่าเพิ่งเบื่อกันได้มั้ย” พยายามจะยิ้มแต่ก็กัดปากไม่ได้มันหลุดสะอื้น “พุกแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรเหมาะกับโรห์เลยสักนิด ทั้งที่โรห์เคยบอกให้เชื่อใจกันแต่พุกก็ยังทำไม่ได้” ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้มันยังเหมือนมีตะกอนขุ่นที่ตีขึ้นมาอยู่เสมอ


เขย่งเท้าขึ้นจนจมูกผมจนกับจมูกโด่งสวยของอีกฝ่าย ปัดป่ายไปมาเป็นเชิงขอโทษ


“พุกอยากจะลดน้ำหนักเพราะเอ่อ...อาย ไม่อยากให้โรห์เห็น กลัวโรห์รังเกียจ มันกลัวไปหมดเลย”


“ทำไมถึงกลัว?” ใบหน้าคมเข้มเริ่มอ่อนลง นัยน์ตาคมกริบอ่อนแสงตาม “ที่โรห์พูดไปมันไม่เคยทำให้พุกเชื่อได้เลยเหรอ?”


ผมกะพริบตาเมื่อน้ำใสๆไหลออกมา


“Can you believe me? Believe me that I love you, no matter what, no matter how you look...” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบข้างหู “I love you.  Not for how you look, just for who you are”


ผมค่อยๆจรดริมฝีปากลงกับริมฝีปากของอีกฝ่ายหลังจากที่มันพูดจบ ใจผมยังคงเต้นแรงแต่มันก็เป็นจังหวะที่หนักแน่นกว่าเดิม


“ขอโทษจริงๆ แล้วก็...รักนะ...” รู้สึกถึงแรงกอดรัดแน่นแต่ผมกลับไม่อึดอัดเลยสักนิดเดียว “รักมาก...” นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่พูดคำว่า...รัก...มันเป็นคำสั้นๆแต่มีความหมายมากกว่าที่เห็น


คำว่า รัก...ที่เต็มไปด้วยคำขอโทษและขอบคุณไปพร้อมๆกัน


“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบอีกครั้ง มันช่วยพัดเอาตะกอนขุ่นๆในใจออกไปจนหมดสิ้น “ขอบคุณ...”


“โรห์...” ผมเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยประโยคที่ติดอยู่ในใจมาโดยตลอด “เป็นแฟนกันนะ”


นัยน์ตาคมเข้มเบิกกว้างแล้วมันก็ยิ้มออกมา ผมเห็นมันยิ้มบ่อยๆแต่ผมคิดว่านี่เป็นรอยยิ้มที่มีความสุขที่สุดของมันเลย และแน่นอนว่า...ผมก็ยิ้มเต็มใบหน้า


“อา...ให้ตายสิ” มันพูดเสียงแผ่ว “จะทำให้ฉันรักไปถึงไหนนะ หนูอ้วนของโรห์...”


“เป็นแฟนแล้วก็ให้รักมากกว่าเดิมนะ” ผมกลั้นใจพูดออกมา แอบเลี่ยนเหมือกกัน แต่หุบยิ้มไม่ได้เลยอ่ะ


“แค่นี้ก็รักมากกว่าทั้งโลกแล้ว” นี่สาบานว่าไอ้แขกไม่แตกฉานภาษาไทยคนนั้นจะอะไรแบบนี้ออกมา ทำเอาผมอมยิ้มแก้มอูม


“ฮื้อ แล้วไหนคำตอบล่ะ?” ผมหลับหูหลับตาถาม


“เป็นสิ”


ริมฝีปากอุ่นจัดประกบมาที่ปากของผม หนักแน่นและมั่นคง เป็นผมที่แขนกอดร่างแข็งแกร่งเอาไว้เท่าที่จะทำได้ ผมหลับตาแน่นเมื่อจมูกโด่งฝังลงที่ซอกคอตัวเอง ลมหายใจของโรห์ทำให้ขนลุก ถึงร่างกายจะสั่นแต่ไม่ได้กลัวอีกแล้ว


ร่างสูงไล้ริมฝีปากไปที่ซอกคอนุ่มๆ ความหนุบหนับทำให้อดไม่ได้ที่จะงับเบาๆจนผมสะดุ้ง มันรู้สึกแปลกๆ เหมือนร่างกายไม่ใช่ของตัวเอง ทั้งที่น้ำหนักก็ไม่น้อยแต้รู้สึกเหมือนตัวกำลังล่องลอยไร้ทิศทาง ถ้าไม่มีอ้อมแขนรัดเอาไว้ผมอาจจะลอยไปไหนต่อไหนแล้ว


ฝ่ามืออุ่นลูบไล้ที่แผ่นหลัง ลามมาถึงข้างหน้าทำให้ผมเผลอค้อมตัวลง มือสีน้ำผึ้งขยำเนื้อนุ่มหนุบหนับติดมืออย่างเพลิดเพลิน ทำเหมือนหนูพุกคนนี้เป็นตุ๊กตาตัวอ้วนไปได้


กูไม่ใช่ตุ๊กตายางยืดนะเว้ย!


ทำได้แค่แยกเขี้ยวกับตัวเองในใจแต่ก็ยังปล่อยให้มันทำตามอำเภอใจ แต่ก็ต้องตาเหลือก ร่างกายกระตุกกระทันหันเมื่อนิ้วเรียวยาวไล้วนที่หน้าอก


“อื้อ โรห์...” ไม่รู้เลยว่าเสียงที่ส่งเสียงออกไปเป็นแบบไหนถึงได้ทำให้นัยน์ตาสวยคู่นั้นหวานเยิ้มจนไม่กล้ามองสบ


“ครับ?” กระซิบเสียงพร่า แต่ยิ่งขยับนิ้วไปอยู่ที่ตุ่มไตเล็ก สะกิดเบาๆผ่านเนื้อผ้า เล่นเอาผมกระตุกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต หัวสมองขาวโพลน “นุ่มมาก...”


มือคล้องคออีกฝ่ายอย่างเผลอไผล ดึงรั้งให้มันก้มลงมาก่อนจะจุ๊บเบาๆที่ปลายคาง ใบหน้าเห่อร้อน แดงก่ำไปทั่ว ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆในลำคออีกฝ่ายแล้วก็กัดปาก รู้อยู่ว่าขี้เขินยังจะล้อเลียนอีก


กูก็ไม่ยอมให้มาล้อเล่นนะเว้ย ผมเลยแกล้งทึ้งเสื้ออีกฝ่าย แงะกระดุมจนมือสั่นระริก แล้วอ้าปากงับเนื้อแข็งๆสีน้ำผึ้งนั่นจนเกิดเป็นรอยเขี้ยวเล็กๆ ไอ้ฟาโรห์มันนิ่งงันจนผมยักคิ้วให้มันอย่างสะใจ แต่ไม่ได้เอะใจเลยว่านั่นเป็นการอัญเชิญเหยื่อให้สิงโตขย้ำแบบไม่เหลือชิ้นดี


“เฮ้ยๆ” อยู่ๆไอ้แขกมันก็ขย้ำเนื้อผมอย่างมันเขี้ยว มืออุ่นลากเข้าไปใต้ร่มผ้า ตอนที่มันลูบผ่านเสื้อยังไม่เท่าไหร่แต่ตอนนี้เนื้อแนบเนื้อเลยครับ ยิ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายผมยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ


ผมปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนนำไม่ว่ามันจะทำอะไรได้แต่คล้อยตาม จนรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นจัดหยุดนิ่งอยู่ที่ซอกคอพร้อมกับเสียงถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ ฟาโรห์ได้แต่นั่งนิ่งจนผมลืมตามองอย่างแปลกใจ ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรขึ้นมา จนนัยน์ตาหวานเยิ้มเงยขึ้นมาสบ แม้ผิวมันจะเป็นสีน้ำผึ้งแต่ผมเห็นว่ามันมีรอยสีเรื่อพาดผ่าน


“ไปอาบน้ำนะ วันนี้หนูอ้วนของโรห์เหนื่อยมาทั้งวัน”


ว๊อท?!


พอกูรวบรวมความกล้าเรียบร้อยมึงกลับถีบกูลงกลางทางแบบนนี้เนี่ยนะ? เว้ยยยยยย! ไอ้แขก!! มึงจะมาทำตัวแบบนี้ตอนนี้ไม่ได้
แล้วที่กูเตรียมใจไปซะเยอะแยะนี่จะทำไง หา???


“ห้ะ?” ตอนนี้ร้องออกแค่คำเดียวครับ ผมอ้าปากพะงาบๆ มองมือใหญ่ที่จัดเสื้อผ้าผมให้เข้าที่ เพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายมันปลดกระดุมจนเกือบหมดแล้วด้วย


“ไปสิ” มันจับคางผมดันกลับให้เข้าที่ ผมคงจะทำตามที่มันบอกหรอกถ้าเกิดไม่เห็นแววตาเยิ้มของมันทอประกายอยู่


มันทำท่าจะผละออกไปจนผมได้แต่ถลึงตามอง อิหยังของมึงเนี่ยไอ้โรห์ ผมแยกเขี้ยวก่อนที่คว้ามือมันมานั่งที่เตียงแทนก่อนที่จะทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าทำอย่างการ…


นั่งคร่อมตักทับมันไว้ทั้งตัว! โดยไม่สนใจเลยว่ามันจะขาหักเพราะน้ำหนักตัวเองหรือไม่


“พุก!!”


ไอ้แขกมันทำท่าตกอกตกใจ ผมเอามือคล้องคอให้มันหันมาสบตาอย่างไม่เกรงกลัว ยิ้มมุมปากหรี่ตามองใบหน้าคมเข้ม แล้วก้มลงกัดไหล่แข็งๆมันอย่างหงุดหงิด


“มึงจะทิ้งกูไว้กลางทางแบบนี้ไม่ได้” กระแทกเสียงบอกมัน ไอ้โรห์เลิกคิ้วไปครู่หนึ่งก่อนที่มันจะหัวเราะลั่น เลยทุบไหล่มันจนมันยกมือยอมแพ้


“ฉันกลัวพุกจะตื่นอีก” มันบอก แต่รอยยิ้มบางๆทำให้ผมหน้าเห่อร้อนจนต้องซุกหน้าหนี พูดเสียงอู้อี้


“เตรียมใจมาพร้อมแล้ว...”


ได้ยินเสียงมันสูดหายใจเฮือก ร่างสูงใหญ่เกร็งแน่น ก่อนที่มันจะช้อนสะโพกนุ่มนิ่มเข้าเอวแล้วอุ้มผมขึ้น


“ไอ้เหี้ยยยย” ผมแหกปากร้องใส่หูมัน คว้าคอมันกอดไว้แน่น


แม่ง มันอุ้มผม อุ้มจนตัวลอยเลย ตั้งแต่หนักเกินสี่สิบสมัยประถมต้นก็ไม่มีใครอุ้มผมอีกเลย มีมันนี่แหละที่อุ้มผมได้หน้าตาเฉย ตาเหลือกมองใบหน้ายิ้มแย้มนั่น


“งั้นเดี๋ยวพาไปอาบน้ำนะ” แล้วมันก็กระเตงชายหนุ่มหน้าตี๋เป็นแป๊ะยิ้ม ตัวหนักน้องๆแมวน้ำเดินฉับๆไปทางห้องน้ำ โดยที่กูจะร้องก็ร้องไม่ออกจะแหกปากก็ไม่มีเสียงใดๆ


ไอ้โรห์!!! ปล่อยกูลงงงงง

 





“อา...โรห์...” เสียงหอบดังแผ่วเบา ผมแทบหน้ามืดอีกแล้วครับ ร่างกายร้อนระอุเพราะฝ่ามือใหญ่ที่ฟอนเฟ้นเนื้อนิ่มจนเป็นรอยฝ่ามือ


“ครับ...” เสียงทุ้มนุ่มแต่แหบพร่า ริมฝีปากพรมไปทั่วไปแผ่นหลังขาว ทุกที่ที่เขาสัมผัสมันนุ่มจนอยากจะกัดให้เต็มปากเต็มคำ


“ยืน...ไม่ไหว” ขาผมมันอ่อนแรงไปหมด พยายามจะเกาะกำแพงเอาไว้แต่ร่างกายทำท่าจะทรุดทุกครั้ง ตอนนี้ผมหันหลังให้อีกฝ่ายอยู่ แต่คิดว่ามันดีกว่าการที่ต้องหันไปเผชิญหน้ากับดวงตาร้อนแรงคู่นั้นที่ทำำให้ผมจะละลายเป็นหนูชุบแป้งเปียก


“พิงโรห์นะ” มันจับร่างผมไปพิงกับแผงอกแกร่ง ผมเอื้อมไปเกาะมันจากทางด้านหลัง หลับตารับสัมผัสที่ลูบไล้ไปทั่วร่างกาย ความลื่นของสบู่ทำให้รู้สึกแปลกๆกว่าปกติ


ผมไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นการอาบน้ำที่นานที่สุด กินเวลาไปเท่าไหร่ผมก็ไม่รู้ รู้อีกทีก็ตอนที่แผ่นหลังสัมผัสกับผ้าปูนอนก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะขึ้นคร่อมทับจนมองไม่เห็นเพดานห้อง


ผมมองเห็นเพียงใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มกับนัยน์ตาหยาดเยิ้มที่มีแววสะท้อนของตัวผมคนเดียวตลอดทั้งคืน…

 




จักจี้…


ความรู้สึกแรกขณะที่กำลังเคลิ้มตอนเพิ่งตื่นนอน ผมส่ายหน้าไปมาเมื่อรู้สึกถึงความคันยุบยิบอยู่ที่ซอกคอ พอจะเอามือปัดออกก็ไม่เจออะไร ไม่รู้ว่าไอ้โรห์เผลอเปิดหน้าต่างแล้วมีแมลงเข้ามาหรือเปล่า พอคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้วไอ้แมลงบ้านั่นก็วนเวียนกลับมาอีกครั้ง


สุดท้ายผมก็จับไอ้แมลงนั่นได้ แต่พอแงะเปลือกตาขึ้นมามองกลับกลายเป็นใบหน้าคมเข้มของใครบางคน นัยน์ตาวิบวับทำให้ต้องหลับตาหนี พยายามจะขยับตัวหนีแต่ก็รู้สึกรวดร้าวไปทั้งตัวเหมือนตอนเวลาโดนไอ้ฟาโรห์จับพาไปซ้อมคาราเต้เลยว่ะ


“ตื่นได้แล้วหนูอ้วน” จมูกโด่งๆซุกไซร้เหมือนจะแกล้งผม


“โอย...” ได้แต่สูดปาก พยายามไม่นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ทำให้ผมกลายเป็นหมูแผ่นตากแห้งอยู่แบบนี้ แต่เหมือนฟ้าจะไม่เป็นเอาเสียเลยถึงได้ส่งไอ้แขกตาเยิ้มมาแกล้งเขาอยู่เนี่ย


“เจ็บเหรอ?” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปตามร่างกายเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่ม ทำเอาผมตาเหลือกเมื่อรับรู้ว่าไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอะไรเลย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยนอนถอดเสื้อผ้าเลยสักครั้ง เป็นอะไรที่…


เขินเหี้ยๆเลยครับ!


ร่างกายที่เสียดสีกันทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใส่อะไรเลยเหมือนกัน ตอนนี้ทำได้แค่มุดหน้าลงกับผ้าห่มไม่กล้าสบตามัน ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะผละออกไป


อุแงงงง้ ไอ้แขกมันเดินโทงๆไม่อายฟ้าอายดินเลยเหรอไงวะ รู้ว่าหุ่นดี ภูเขาหกห่อ แต่ไม่ต้องโชว์ก็ได้เว้ย มันหายเข้าไปในห้องน้ำระหว่างนั้นผมสำรวจร่างกายตัวเองนอกจากความเมื่อยล้าและรู้สึกเจ็บเสียดตรงช่วงล่างนอกนั้นก็ไม่มีอะไร รวมถึงความเหนียวเหนอะหนะของเหงื่อเมื่อคืนก็ไม่มี มันน่าจะเช็ดตัวให้ผมเรียบร้อย อีกอย่างฟาโรห์ก็ยังป้องกันด้วยทำให้ไม่มีอะไรเหนอะหนะอยู่ในตัวผม


คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมกับมันจะทำลงไปจริงๆ ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออกเลยสักนิด ความกลัวที่ว่ามันจะรังเกียจร่างกายผมถูกมันปัดทิ้งไปหมด ไอ้ฟาโรห์ทำให้ผมรับรู้แค่ตัวมันอย่างเดียว ไม่ให้ผมคิดเรื่องไร้สาระ


ผมเอาผ้าปิดหน้าเหลือแค่ลูกตาที่เหล่มองร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดกางเกงผ้าขายาว


“ฉันจะออกไปซื้อข้าวเช้าให้ อยากกินอะไร?” มันเดินเข้ามานั่งแหมะที่ปลายเตียง “ฉันอยากให้พุกกินยากันไว้หน่อย”


ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะบอกว่าอยากกินโจ๊ก ฟาโรห์ยิ้มก่อนจะลูบผมของผมแผ่วเบา


“ได้ครับ”


ผมพยายามยันร่างกายขึ้นมา เดินกระย่องกระแย่งเข้าห้องน้ำ พยายามจะไม่สนใจร่างกายของตัวเองที่มีแต่รอยจ้ำๆประปราย ยังดีว่ามันยังอยู่ในเขตที่เสื้อผ้าปิดบังได้ ทิ้งตัวลงนั่งบนชักโครก เอามือปิดหน้าที่แดงเห่อของตัวเองแล้วถอนหายใจเฮือก


“เขินไม่หายว่ะ” รอยยิ้มระบายเต็มใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่


ผมไม่รู้ว่าจะต้องเขินแฟนไปอีกนานเท่าไหร่นะ?...



- 100% -

เค้าได้กันแล้วค่ะแม่ขา อาโปดีใจสุด อิ๊ๆ

               ตอนนี้เป็นตอนที่เขียนแล้วลบหลายรอบเพราะไม่ถูกใจ แต่สุดท้ายได้แบบนี้มาแทน แต่อาโปคิดว่าเหมาะกับคู่นี้ที่สุดแล้ว

และแจ้งว่าเหลืออีกแค่สองตอนก็จะจบแล้วนะคะสำหรับเรื่องรักหนักมาก เป็นเรื่องที่อาโปผิดวินัยไปเยอะเลยค่ะ จริงๆมันควรจะจบได้นานแล้วแต่เพราะเราล่าช้าเอง ขออภัยทุกท่านด้วยค่ะ

               อ่านแล้วบอกฟี้ดแบ็กกันได้เหมือนเดิมน้า ท่านใดรอเล่มก็อดใจอีกนิดน้า ระหว่างนี้เข้ามาอ่านมาเม้นให้กำลังใจกันได้เด้อ อย่าเพิ่งรอเก็บเล่มอย่างเดียว (ฮ่าๆ เรารู้นะว่ามีหลายคน พอใกล้จบแล้วหายแว่บบบบไปรอเล่ม กลับมาก๊อนนนนน)

               ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ

               ปล. หลังจากลงในเด็กดีและในเล้าเป็ดจบ อาโปจะนำไปลงใน Read a Write และเว็ปไซด์ Mareadsค่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ลดไปนานแล้ว  :hao6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด