Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sunrise in the forest บทที่ 40 (ตอนจบ)  (อ่าน 146613 ครั้ง)

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1
Re: Sunrise in the forest พิเศษนกยูงทอง (2)P35(090961)
«ตอบ #1050 เมื่อ12-09-2018 16:49:31 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest พิเศษนกยูงทอง (2)P35(090961)
«ตอบ #1051 เมื่อ14-09-2018 19:46:54 »

 :3123: :3123:
 
เเกงค์ตัวเเสบทั้งนั้น

ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Sunrise in the forest พิเศษนกยูงทอง (2)P35(090961)
«ตอบ #1052 เมื่อ14-09-2018 22:19:17 »

 :jul3:

 :กอด1: ขอบคุณนะ


ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest พิเศษนกยูงทอง (2)P35(090961)
«ตอบ #1053 เมื่อ15-09-2018 06:05:57 »

 :m22: :m22: :m22: มารึยังจ๊ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2018 19:23:53 โดย twinmonkey0311 »

ออฟไลน์ piggyfree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: Sunrise in the forest พิเศษนกยูงทอง (2)P35(090961)
«ตอบ #1054 เมื่อ15-09-2018 16:05:51 »

มาเหอะ  เรามารอแล้ว
จริงๆ อยากอ่านตอนที่กวางทอง กับสามแฝดอยู่ด้วยกันจัง
อยากอ่านพัฒนาการของสามแฝดด้วยค่า  :3123:

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่33 P36(150961)
«ตอบ #1055 เมื่อ15-09-2018 18:08:02 »

ภาคจิ้งจอกไฟ
บทที่สามสิบสาม


เรื่องราวของจิ้งจอกไฟเริ่มขึ้นก่อนที่กวางทองจะถือกำเนิดหลายปี
เรื่องราวเริ่มขึ้นตั้งแต่ครั้งที่จิ้งจอกไฟยังเป็นจิ้งจอกไฟตัวน้อยแล้วพบกับกลุ่มพรานป่าเข้ามาล่าสัตว์ในเขตรอบนอกของป่าสีทองเมืองลั่ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสัตว์ป่าและของป่าหายาก
พื้นที่ป่าไม่มีรั้ว ไม่มีประตู นอกจากพรานจากหมู่บ้านใกล้เคียงจะมาที่นี่แล้ว ก็ยังมีพรานจากเมืองอื่นเดินทางเข้ามาเช่นกัน
แต่พรานป่าที่ติดอยู่ในใจของจิ้งจอกไฟคือ อาต๋า ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านพรานป่าฝั่งตะวันตกของป่าสีทองเมืองลั่ว
เช้ามืดวันนั้น ฝูงจิ้งจอกออกหากินใกล้แหล่งน้ำเหมือนที่ผ่านมา
จิ้งจอกไฟกับจิ้งจอกขาวเป็นพี่น้องกัน ทั้งคู่ยังไม่ถึงวัยที่จะแยกออกจากฝูง จึงมักจะเล่นอยู่ด้วยกันอยู่เสมอ ขณะที่จิ้งจอกสีน้ำตาลสองตัวที่เป็นพ่อกับแม่คอยดูอยู่ไม่ห่าง กับยังมีจิ้งจอกสีน้ำตาลตัวน้อยอายุไม่ถึงหนึ่งปีอีกถึงหกตัวเล่นอยู่ใกล้แม่
จิ้งจอกขาวตัวน้อยชอบน้ำเย็นจึงลงไปแช่อยู่ในน้ำอยู่ครึ่งตัว ปลาตัวหนึ่งพลัดหลงมา ก็หันมาเรียกพี่ชายแล้วกระโดดไล่ตามปลาที่เป็นเป้าหมายห่างออกไป 
ลูกดอกลูกหนึ่งพุ่งผ่านใบหน้าจิ้งจอกไฟ พี่ชายร้องบอกน้องให้รีบหนี แต่ไม่ทัน!
ลูกดอกจำนวนมากดั่งเม็ดฝนพุ่งตรงไปหาจิ้งจอกขาวที่อยู่ในลำธาร
หนึ่งในนั้นปักเข้าที่ด้านข้างลำตัวของจิ้งจอกขาว!
ร่างเล็กๆ ลอยขึ้นเหนือน้ำแล้วตกลงมากระแทกสายน้ำแล้วจมลง
เมื่อหันกลับมามองพ่อกับแม่พบว่าทั้งคู่ล้วนถูกยิงจนล้ม
ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งวิ่งออกมาจากหลังพุ่มไม้ที่ใช้เป็นที่ซ่อนตัวเพื่อตรงเข้าโจมตี
พรานคนหนึ่งใช่มีดไล่ฟันจิ้งจอกสีน้ำตาลตัวน้อยที่ล้าหลังกว่าผู้อื่น พรานผู้นี้ล่าด้วยความเหี้ยมโหดยิ่ง เมื่อฟันจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่ง ก็ไล่ตามไปสังหารจิ้งจอกน้อยตัวต่อไป หาได้สนใจเสียงร้องทักท้วงของพรานคนอื่นที่ว่าจิ้งจอกตัวลูกยังเล็กเกินไป พวกเขาต้องการเพียงตัวพ่อกับแม่ และจิ้งจอกสีขาวกับสีแดงที่อยู่ในลำธารเท่านั้น
เมื่อตระหนักว่าตนเองคือเป้าหมาย ในสายตาของจิ้งจอกไฟก็มองเห็นสิ่งต่างๆ ผ่านม่านโลหิต หูได้ยินเพียงเสียงลูกดอกแล่นผ่าน รู้สึกถึงความหวาดกลัวผสานความโกรธแค้นอยู่ในทุกขุมขน
ลูกดอกลูกแล้วลูกเล่าพุ่งผ่านด้านข้างและใบหน้า แม้จะทำให้ฝีเท้าซวนเซแต่ไม่อาจทำให้ล้มลง จิ้งจอกไฟหลบหนีไปไกล แล้วกลับมาใหม่ในวันถัดมา พบเพียงหยดเลือดมากมายอยู่บนฝั่ง
แต่ขณะที่เดินตามหา ว่าอาจจะยังมีผู้ใดที่พลัดหลงอยู่ในละแวกนี้ หูได้ยินเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนที่ตรงเข้ามา จึงหลบไปอยู่ด้านหลังของต้นไม้ใหญ่เพื่อลอบมอง
หลายคนในกลุ่มนี้มีกลิ่นของจิ้งจอก และกลิ่นเลือดติดอยู่
แต่คนหนึ่งในกลุ่มนั้น...เป็นชายหนุ่มผิวเข้ม และจิ้งจอกไฟก็ไม่อาจละสายตาจากคนผู้นี้ได้ จนกระทั่งเขาหันมาเห็นจิ้งจอกไฟที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พุ่มไม้หนา
ด้วยความตกใจที่ถูกพบเห็นจิ้งจอกไฟส่งเสียงขู่ในลำคอ
ชายหนุ่มวางอาวุธในมือ ค้อมตัวลงต่ำ ก้าวช้าๆ เข้ามาหา เพื่อแสดงท่าทีว่าไม่ได้เป็นภัยคุกตาม
แต่กลุ่มนายพรานที่เดินทางมาด้วยกันไม่คิดเช่นนั้น เมื่อหันมาเห็นว่าสหายพรานวางอาวุธแล้วเดินไปทางพุ่มไม้ ก็หันมามองแล้วเริ่มล้อมเข้ามาหา
จิ้งจอกไฟก้าวถอยหลัง แล้วกระโจนหนี เหล่านายพรานก็พากันร้องตะโกนไล่ตาม ลูกดอกหลายลูกเฉี่ยวด้านข้างไป ได้รับบาดเจ็บ จิ้งจอกไฟยิ่งเร่งฝีเท้า
เพราะนี่คือเป้าหมายสำคัญ พวกพรานป่าจึงไล่ตามอย่างไม่ลดละ
มองเห็นเขตป่าสีทองอยู่ตรงหน้า จิ้งจอกไฟรวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย กระโจนสุดตัวเพื่อเข้าไปในป่า ลูกดอกอาบยาสลบลูกหนึ่งปักเข้าที่สะโพก แต่จิ้งจอกไปยังไปต่ออีกหลายก้าว
เมื่อหันมามอง เห็นว่าชายหนุ่มผิวเข้มผู้นั้น หันไปเตือนนายพรานคนอื่น ว่าจิ้งจอกไฟเข้าไปในเขตป่าสีทองแล้ว
นายพรานทั้งหมดจึงหยุดยืนอยู่ที่แนวเขตนั้น
ดวงตายาวเรียว ขนสีแดงเพลิงเปื้อนโลหิตพลิ้วไหวในสายลมเย็น จิ้งจอกไฟจดจำทุกคนที่ทำร้ายครอบครัว โดยเฉพาะคนผิวเข้มที่แสดงท่าทีเป็นมิตร
เสียงคำรามของสัตว์บาดเจ็บดังก้อง!
ทุกก้าวย่างที่เดินลึกเข้าไปในป่าสีทอง ทิ้งหยดเลือดไว้ตามรายทาง...

การไล่ล่าที่เกิดขึ้นย่อมได้ยินถึงหูของเทพเสือโคร่งศิลาดำ ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องพื้นที่รอยต่อระหว่างปีสีทองกับป่ารอบนอก จึงมุ่งตรงไปยังจุดที่นกกามาแจ้งข่าว ระหว่างทางพบจิ้งจอกไฟได้รับบาดเจ็บสาหัส และหมดสติอยู่จึงพากลับมาให้บิดาช่วยรักษา
"จิ้งจอกไฟ" เทพเสือโคร่งภูผาถอนลูกดอกอาบยาสลบแล้วรักษาให้ตามอาการ "ขนสีสวยขนาดนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ในเขตรอบนอกของป่า" ความสวยงามและแตกต่างของสัตว์ป่า ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของการไล่ล่า แต่จิ้งจอกไฟตัวนี้ยังเล็กเกินกว่าที่จะถูกล่า
ที่ผ่านมาเทพเสือโคร่งศิลาดำมักสนใจแต่เพียงการปกครองดูแลบรรดาพี่น้องของตน นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาสนใจที่จะดูแลผู้อื่น
แต่จะอย่างไรนี่คือสัตว์ป่าที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ทั้งหลงเหลืออยู่เพียงตัวเดียว ความอาฆาตแค้นที่อยู่ในใจจึงรุนแรงตามไปด้วย
ในยามนั้นเทพเสือโคร่งภูผาคิดเพียงเรื่องที่ว่า หากจิ้งจอกไฟฟื้นขึ้นมาแล้วจะหันมาอาละวาดใส่ผู้ดูแล เพราะคิดว่าเป็นศัตรู จึงบอกบุตรชายให้ออกไปตรวจตราพื้นที่ใกล้เคียงที่พบจิ้งจอกไฟ ในระหว่างที่ตนดูแลรักษา
แต่ถ้าเทพเสือโครงภูผารู้กาลข้างหน้าว่า ต่อไปจะเกิดเรื่องใดขึ้นจะปฏิเสธการรักษาเช่นนั้นหรือ
ย่อมมิใช่!
หากรู้ล่วงหน้าได้ เทพเสือโคร่งภูผาผู้เป็นบิดาจะต้องเร่งรัดบุตรชายให้มีฝีมือแข็งแกร่งกว่าเดิมอีกสักสิบเท่าต่างหาก

หลังจากที่หายไปราวหนึ่งชั่วยาม เทพเสือโคร่งศิลาดำก็กลับมารายงาน ว่าดูจากร่องรอยแล้วกลุ่มนายพรานที่มาล่าฝูงจิ้งจอกมีจำนวนมากถึงสิบคน พวกเขาเข้ามาในพื้นที่สองวันติดต่อกัน และฝูงจิ้งจอกพ่อแม่ลูกครอบครัวหนึ่งถูกล่า
เทพเสือโคร่งภูผาถอนหายใจด้วยความสงสาร
พรานป่าย่อมล่าสัตว์ จะเพื่อเอาหนัง เนื้อ หรือกระดูกไปใช้ประโยชน์ แต่การล่าทั้งครอบครัวเกือบสิบชีวิตไม่เว้นแม้แต่จิ้งจอกที่มีอายุไม่ถึงหนึ่งปีนั้นช่างโหดร้าย
"จิ้งจอกไฟตัวนี้หนีรอดมาเพียงตัวเดียว จากลำธารในเขตป่า เข้ามาถึงที่ป่าสีทองนี่" เทพเสือโคร่งศิลาดำกล่าวรายงานต่อ
ผู้เป็นบิดาซึ่งให้การรักษาบาดแผลหลายแห่งให้กับจิ้งจอกไฟเสร็จสิ้นนานแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายถามบุตรชาย
"เจ้าจะดูแลเจ้าลูกไฟตัวเล็กนี่ด้วยตนเองหรือ"
เทพเสือโคร่งศิลาดำมองจิ้งจอกไฟตัวน้อยด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วง บิดาจึงกล่าวเตือน
"เขาไม่ใช่สัตว์เทพ การรักษาต้องระมัดระวัง นอกจากนี้ยังเป็นจิ้งจอก เจ้าไม่อาจวางใจในคำพูดของเขาทั้งหมด"
แม้ผู้เป็นบุตรจะตอบรับคำสั่งของบิดา แต่ผู้เป็นบิดาก็รู้ดีว่า บุตรผู้นี้จะเลือกรับฟังคำแนะนำบางประการที่สอดคล้องกับเจตนาของตนเองเท่านั้น
ก็...บิดากับบุตรนี่นะ...
บิดาอย่างไร บุตรก็อย่างนั้น...
โดยทั่วไปไม่ว่าจะอยู่ในร่างของเทพเสือ และร่างมนุษย์ บุตรผู้นี้จะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายบิดามากที่สุด แต่ในสีเหลือง ขาว และดำที่เป็นสีพื้นฐานของเสือโคร่งนั้น ศิลาดำจะมีส่วนที่เป็นสีดำมากกว่าสีเหลือง นอกจากนี้ยังมีความลับที่รู้กันเป็นการภายในว่า ในบางเวลาจารึกของศิลาดำจะปรากฏขึ้นที่ดวงตา
ดวงตาซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นสีเหลืองเหมือนกับบิดา จะเปลี่ยนเป็นสีดำขลับปราศจากสีอื่นปน และเมื่อเวลาที่เป็นเช่นนั้นใบหูของเขาก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำเช่นกัน
เหตุใดจารึกนี้จึงไม่อยู่อย่างถาวรเหมือนสัตว์เทพในป่าสีทองตนอื่น ขนาดอาจารย์เทพสูงสุดที่เขาเทียมฟ้ายังไม่ทราบ แล้วผู้ใดจะทราบได้
รู้แต่เพียงว่าจารึกศิลาดำไม่มีผลต่ออารมณ์หรือพลังใด ๆ 
นอกจากนี้เขายังเป็นเทพเสือโคร่งที่มีฝีเท้ารวดเร็ว สามารถพรางกลิ่นสาบเสือ และซ่อนตนอยู่ได้เป็นเวลานาน ทำให้ผู้เป็นบิดาไว้วางใจมอบงานสำคัญให้อยู่เสมอ
หลายคราที่เทพเสือโคร่งภูผาถึงกับออกปากว่า ไว้ใจบุตรผู้นี้มากกว่าไว้ใจตนเองเสียอีก
เทพเสือโคร่งศิลาดำถามบิดาอีกคำว่าอาการของจิ้งจอกไฟยังมีเรื่องที่ต้องเป็นกังวลอีกหรือไม่ เมื่อบิดาบอกว่าไม่มี ผู้เป็นบุตรก็อุ้มจิ้งจอกไฟตัวน้อยกลับไปพักที่ถ้ำแสงจันทร์
ถ้ำแห่งนี้เดิมเป็นของเทพเสือโคร่งภูผาที่เคยพำนักอยู่ในช่วงเยาว์วัย ต่อมาเมื่อครองคู่กับนางเทพเสือโคร่งบงกชก็ย้ายไปอยู่ที่ถ้ำของนาง และเมื่อเทพเสือโคร่งศิลาดำเริ่มเข้าสู่การบำเพ็ญฌาน และฝึกฝนตนเองก็ย้ายมาพักที่ถ้ำเดิมของบิดาแห่งนี้ตามลำพัง
จากนั้นเมื่อเสือโคร่งศิลาแดง และมุกดาเริ่มการบำเพ็ญฌานก็จะมาฝึกที่ถ้ำแห่งนี้
มีเพียงในช่วงที่กำลังจะบรรลุขั้นเทพ ที่จะต้องขึ้นไปฝึกกับอาจารย์เทพสูงสุด เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง
แต่โดยทั่วไปบรรดาเทพเสือโคร่งมักฝึกฝนด้วยตนเองเป็นหลัก

ถ้ำแห่งนี้มีความคดเคี้ยวและลึกกว่าถ้ำยาของเทพเสือโคร่งภูผา
ที่เรียกว่าถ้ำแสงจันทร์ก็เพราะในถ้ำนี้มีอยู่ห้องหนึ่ง ที่มีช่องว่างอยู่ที่เพดาน ในยามค่ำคืนจะมีแสงจันทร์ลอดผ่าน และในห้องนี้เช่นกันที่มีบ่อน้ำเล็กๆ สูงเพียงเข่า แต่ไม่มีเส้นทางน้ำที่ไหลออกมา ทำให้ถ้ำแสงจันทร์มีความชื้นสูง ไม่เหมาะกับการดูแลรักษาสัตว์ป่วย แต่เพราะในเวลานี้ยังไม่อาจหาที่พักอื่นได้ เทพเสือโคร่งศิลาดำจึงจัดที่พักให้กับจิ้งจอกไฟอยู่ใกล้กับปากถ้ำ 
ลูกดอกนี้มีฤทธิ์รุนแรง ดังนั้นหลังการรักษาอาการบาดเจ็บในเบื้องต้น เทพเสือโคร่งภูผาผู้เป็นบิดาจึงต้องให้จิ้งจอกไฟหลับต่อเนื่องหลายชั่วยาม พร้อมแนะนำบุตรที่จะต้องทำหน้าที่ดูแลต่อไปว่าเมื่อฟื้นขึ้นมาจะยังมีอาการไข้จากบาดแผลเหล่านั้น ทำให้เทพเสือโคร่งศิลาดำต้องคอยจับตาดูแลจิ้งจอกไฟอย่างใกล้ชิด
บ่ายวันหนึ่งเทพเสือโคร่งมุกดาซึ่งเป็นน้องสาวแวะมาหาพี่ใหญ่ที่ถ้ำแสงจันทร์ เห็นว่าพี่ใหญ่อยู่ในร่างมนุษย์ นางจึงเปลี่ยนร่างจากเสือโคร่งสีขาวมาเป็นมนุษย์
เมื่อนางเป็นเสือโคร่ง นางเป็นเสือโคร่งตัวใหญ่ไม่ต่างจากพี่ชายของนาง และเมื่อนางเป็นมนุษย์ นางก็เป็นสตรีตัวใหญ่แทบไม่ต่างจากพี่ชายของนาง
"พี่ใหญ่ น้องมาแล้ว นั่นจิ้งจอกไฟหรือ"
"ใช่"
"ถูกอาวุธมาหรือ" นางเดินเข้ามาดู เห็นว่าได้รับการรักษาพยาบาลมาแล้วแต่ก็ยังดูไม่ดีนัก "มีไข้ด้วยนี่ ท่านพ่อให้สมุนไพรมาด้วยหรือไม่"
"ไม่"
เพราะเป็นพี่น้องที่สนิทกัน นางจึงมิได้ประหลาดใจกับการที่กล่าวคำไปยืดยาวแล้วได้คำตอบมาทีละคำ
"บอกท่านพ่อหรือไม่ ว่าท่านจะดูแลจิ้งจอกไฟน่ะ"
"บอกแล้ว" เทพเสือโคร่งศิลาดำได้แต่นั่งมองดูจิ้งจอกไฟที่กำลังหายใจเป็นลมร้อนออกมา "พากลับไปหาท่านพ่อดีไหม"
น้องหญิงส่ายหน้า "ไม่ต้องหรอก พี่ใหญ่ไปรองน้ำจากบ่อด้านใน มาหยดน้ำใส่ปากเขา... "
กล่าวคำยังมิทันจบเทพเสือโคร่งศิลาดำก็รีบเข้าไปภายในถ้ำ เพื่อรองน้ำสะอาดมาส่งให้ นางจึงสอนพี่ใหญ่เรื่องการหยดน้ำ เพื่อป้อนจิ้งจอกไฟ
"เขาแข็งแรงมากเลยนะ โดนมาขนาดนี้ยังหนีเข้ามาถึงป่าสีทองได้"
เทพเสือโคร่งศิลาดำเห็นด้วยกับคำกล่าวนั้น
จิ้งจอกไม่ใช่สัตว์ขี้ขลาด แต่พวกเขาฉลาดมาก และเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม จึงไม่เลือกวิธีการต่อสู้ การพบกับศัตรูที่เข้มแข็ง และครอบครัวถูกสังหารต่อหน้าเช่นนั้น อาจเป็นแรงผลักดันให้จิ้งจอกไฟหนีสุดตัวเพื่อหาที่พึ่งพิง

เช้าวันถัดมาจิ้งจอกไฟลืมตาขึ้น เทพเสือโคร่งสองพี่น้องที่ล้วนอยู่ในร่างของเทพเสือในยามพักผ่อน จึงเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์
"ข้าคือเทพเสือโคร่งมุกดา และนี่คือพี่ใหญ่ของข้า เทพเสือโคร่งศิลาดำ เขาช่วยเจ้าไว้"
จิ้งจอกไฟพยักหน้าและยังอยู่ในร่างเดิม นางจึงหันมาหาพี่ใหญ่ "เขาเปลี่ยนร่างไม่ได้ คงเข้าใจคำพูดกันได้เพียงบางคำ" และนางไม่รู้ว่าจิ้งจอกไฟกำลังคิดอะไรอยู่ "แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาได้แล้วก็เป็นเรื่องที่ดี"
เมื่อมีเทพเสือโคร่งมุกดามาช่วยดูแล เทพเสือโคร่งศิลาดำผู้เป็นพี่ใหญ่จำต้องเลี่ยงออกไปอยู่นอกถ้ำเพื่อมิให้พลังของเทพเสือโคร่งสองตนกดดันจิ้งจอกไฟมากเกินไป

ในวันที่สามเทพเสือโคร่งศิลาแดงจึงมาถึง เขาเป็นเทพในลำดับรองจากเทพเสือโคร่งศิลาดำ จึงมักจะสลับกับเทพเสือโคร่งมุกดาไปทำหน้าที่รับใช้มารดา
ว่าที่จริงเขาได้กลิ่นของสัตว์ต่างถิ่นจากในระยะไกล ทั้งรู้เรื่องที่พี่ใหญ่เก็บจิ้งจอกไฟกลับมารักษา แต่ก็ยังเจตนาไม่เปลี่ยนร่างจนเข้ามาถึงถ้ำ เมื่อเห็นว่าจิ้งจอกไฟที่ยังมีอาการบาดเจ็บตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ขดตัวชิดผนังถ้ำก็รู้สึกพึงพอใจมาก 
เทพเสือโคร่งมุกดาเห็นดังนั้นก็ขู่พี่รอง "น้องจะฟ้องพี่ใหญ่ว่าพี่รองแกล้งจิ้งจอกไฟ"
เทพเสือโคร่งศิลาแดงจึงเปลี่ยนร่างกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ ในยามที่เป็นเสือโคร่งศิลาแดง ผนึกสีแดงปรากฏอยู่ที่หน้าผากอย่างเด่นชัด แต่เมื่อเป็นมนุษย์ ผนึกสีแดงของเขาอยู่ที่สีผม ซึ่งมีสีแดงปะปนอยู่กับสีดำ ทำให้ดูเหลื่อมสีแปลกตาจนจิ้งจอกไฟเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ

"จิ้งจอกพวกนี้เจ้าเล่ห์ ใครๆ ก็รู้ มันอาจเสแสร้งหวาดกลัว แต่แท้จริงรอจังหวะที่จะโจมตีพี่ใหญ่ก็ได้"
"พี่ใหญ่ช่วยเหลือเขา หากจะโจมตีก็ต้องไปโจมตีคนที่ทำร้ายเขาสิ"
"ว่าไงเจ้าตัวเล็ก" เทพเสือโคร่งศิลาแดงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง "หากอยากกลับไปแก้แค้นให้ฝูง เจ้าก็ต้องรักษาตัวเองให้แข็งแรง"
"เขายังอ่อนแออยู่ พี่รองอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย"
"ไม่ให้พูดตอนนี้แล้วจะไปพูดตอนไหน ลูกผู้ชายต้องมีความมุ่งมั่นรู้หรือไม่" จากนั้นก็หันมาถามน้องสาว "ถ้าเขาจะเปลี่ยนจากสัตว์ป่า กลายเป็นสัตว์เทพที่สามารถแปลงร่างนี่ น่าจะใช้เวลาสักกี่ปี"
เทพเสือโคร่งมุกดาไม่แน่ใจ "เคยได้ยินว่าราวร้อยปีนะ"
"ร้อยปี พรานพวกนั้นคงตายไปหมดแล้ว" เทพเสือโคร่งศิลาแดงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยกยิ้มมุมปากมิได้กล่าวในสิ่งที่คิด แต่เปลี่ยนไปถามน้องสาวเรื่องการบำเพ็ญฌานของนาง
"น้องกับพี่ใหญ่รอพี่รองมาหลายวันแล้ว" นางหันไปชะโงกมองหน้าถ้ำ "เขาออกไปหาอาหารมาให้จิ้งจอกไฟ เดี๋ยวก็คงมา"
เทพเสือโคร่งศิลาแดงกระตุ้นน้องสาว "ออกไปดูสิ ข้ายังมีเรื่องให้ต้องออกไปทำอีกนะ"
"รู้แล้วน่า"
เมื่อนางออกไป เทพเสือโคร่งศิลาแดงจึงลดเสียงลงเมื่อกล่าวกับจิ้งจอกไฟ
"รักษาตนเองให้หาย พยายามเรียนรู้วิธีสื่อสารกับสัตว์อื่นๆ แล้วฝึกวิชากับพี่ใหญ่ให้แข็งแกร่ง" ดวงตาสีเหลืองของเสือโคร่งหันไปมองด้านนอก "เจ้าเริ่มต้นจากการเป็นจิ้งจอกไฟที่เต็มไปด้วยความแค้นตัวหนึ่ง หนทางจึงยาวไกลสักหน่อย กว่าที่จะไปถึงขั้นสัตว์เทพ ซึ่งจะว่าไป ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นนั้นก็แก้แค้นได้" รอยยิ้มที่มุมปากนั่นกลับมาอีกครา "เอาไว้ให้เจ้าแข็งแรงขึ้นก่อน เราค่อยมาคิดหาทางอื่นดีกว่า"

ดวงตาของจิ้งจอกไฟมองประสานกับเทพเสือโคร่งศิลาแดง
แน่ใจว่า นี่คือผู้ที่คิดเหมือนกันโดยที่ไม่ต้องกล่าวคำพูด
เทพเสือโคร่งผู้นี้มิได้คิดจะช่วยเหลือ แต่เขาต้องการพรรคพวกเพื่อที่จะลงมือต่อมนุษย์ที่อยู่ข้างนอกป่าเหล่านั้น
"จำไว้ว่าอย่าพูดเรื่องแก้แค้นกับพี่ใหญ่ ส่วนน้องหญิงมุกดา เจ้าก็เห็นแล้วว่านางเชื่อฟังพี่ใหญ่ขนาดไหน"
เสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ทำให้เทพเสือโคร่งศิลาแดงแตะนิ้วชี้ที่ริมฝีปาก  แล้วหันไปยืนรอ
เมื่อเทพเสือโคร่งศิลาดำมาถึงก็วางปลาตัวเล็กไว้ใกล้กับจิ้งจอกไฟ จากนั้นก็หันมาพยักหน้าเรียกน้องชายและน้องสาวไปที่ห้องด้านในของถ้ำ
เทพเสือโคร่งมุกดาก้าวเข้าไปในห้อง จากนั้นเปลี่ยนร่างกลับเป็นเสือโคร่งตัวใหญ่ ส่วนเทพเสือโคร่งศิลาดำ และศิลาแดงที่อยู่ด้านนอกประสานกำลังเคลื่อนย้ายหินก้อนใหญ่มาปิด
เทพเสือโคร่งมุกดาเริ่มการบำเพ็ญฌานนับจากนั้น...
ส่วนเทพเสือโคร่งสองพี่น้องเมื่อจัดการเรื่องราวของน้องสาวเสร็จก็กลับออกมา โดยเทพเสือโคร่งศิลาแดงอยู่พูดคุยกับพี่ใหญ่อีกครู่หนึ่งจึงกลับไป

หลังจากนั้นเทพเสือโคร่งศิลาดำก็ให้การดูแลจิ้งจอกไฟในแบบที่เสือโคร่งจะปฏิบัติต่อจิ้งจอก นั่นคือหาอาหารมาวางไว้ให้ทุกวัน จากนั้นก็จะออกไปอยู่ที่ข้างนอกถ้ำตลอดเวลา จนถึงวันที่จิ้งจอกไฟแข็งแรงขึ้น ก็พาไปที่ฝูงจิ้งจอกแห่งป่าสีทอง
นางจิ้งจอกหิมะมิได้รังเกียจที่จะรับจิ้งจอกไฟเข้าฝูงที่มีกันอยู่เพียงสี่ตน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว แต่เมื่อนางเห็นจิ้งจอกไฟมองตามหลังเทพเสือโคร่งศิลาดำที่กลับออกไปจนลับตา นางก็รู้สึกได้ว่าจิ้งจอกไฟตัวนี้ไว้ใจเทพเสือโคร่งศิลาดำ และไม่ค่อยอยากจะอยู่ที่ฝูงเล็กๆ ของนางสักเท่าใด
"ท่านศิลาดำพักอยู่ในเขตป่าเสือ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อเจ้า พักอยู่ที่นี่กับพวกเราสักระยะ หลังจากนั้นหากต้องการแยกไปอยู่ตามลำพังก็ไม่ว่าอะไร"
จิ้งจอกไฟหันมาหานางจิ้งจอกหิมะ และบอกกับนางว่า ต้องการฝึกฝนเรื่องการสื่อสารและการต่อสู้ เพราะต้องการมีร่างกายที่แข็งแรง
ที่มิได้บอกก็คือนี่คือคำแนะนำของเทพเสือโคร่งศิลาแดง
“ข้าอยู่ที่เขตป่าด้านนอกนั่นมาตลอด ถ้ากลับออกไป ก็ต้องอยู่ตามลำพัง”
“นั่นก็จริง” ในเขตป่าสีทองเต็มไปด้วยพลังเวทย์ และฌานลึกลับผสานกับสัญชาติญาณแห่งสัตว์ป่า จิ้งจอกไฟอาจรู้สึกกดดันและอยากกลับไปอยู่ข้างนอกเช่นเดิม
“ขอรบกวนให้ท่านช่วยสอนเรื่องการต่อสู้ และการใช้ชีวิต”
นางรับคำขอที่แสนจะธรรมดานี้ และให้คำแนะนำเพื่อให้จิ้งจอกไฟนำไปปฏิบัติ
สัตว์เทพในป่าสีทองมีแนวทางการดำรงชีวิตที่แตกต่างจากสัตว์ป่าในเขตรอบนอก ตั้งแต่การสื่อสาร แนวเขตของสัตว์ป่า และลำดับชั้น
เทพเสือโคร่งศิลาดำผู้ช่วยชีวิตจิ้งจอกไฟ อยู่ในลำดับของเทพที่เป็นผู้ปกครองของป่าสีทองแห่งนี้ มีการประพฤติตนดีงาม และพลังฌานที่แข็งแกร่งทำให้ได้รับการเคารพนับถือจากสัตว์เทพ และสัตว์ป่าในป่าสีทอง นางจิ้งจอกหิมะจึงมีความภูมิใจที่เทพเสือโคร่งศิลาดำพาจิ้งจอกไฟมาให้ดูแล และถ่ายทอดความรู้ให้
วันหนึ่งจิ้งจอกไฟออกไปฝึกตามลำพังใกล้กับบึงนกกระเรียน ทำให้พบกับนกยูงทอง และกวางไพลิน ทั้งสองอยู่ในร่างของสัตว์เทพ และรับจิ้งจอกไฟเป็นเพื่อนอย่างง่ายดาย ทั้งยังพาจิ้งจอกไฟท่องเที่ยวทั่วป่าสีทอง
และในวันหนึ่ง จิ้งจอกไฟก็หาญกล้าที่ออกไปนอกเขตป่าสีทองตามลำพัง
สถานที่ที่ไปก็คือที่ซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำเลวร้าย
จิ้งจอกไฟเดินก้มหน้าดมหากลิ่นไปทั่วบริเวณ จากนั้นใบหูก็ตั้งขึ้น มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้าน
ยิ่งใกล้หมู่บ้าน ต้นไม้ยิ่งบางตา มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังมัดรวมไม้ฟืน จิ้งจอกไฟเหลียวมองรอบๆ ดมกลิ่นหลากหลายที่เจือจางอยู่ในอากาศ จนแน่ใจว่าในระยะใกล้ๆ นี้ไม่มีผู้อื่นอยู่อีกจึงเดินเข้าไปหา
ชายหนุ่มผู้นั้นเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน มือคว้าอาวุธที่วางอยู่ข้างกาย จิ้งจอกไฟจึงหมอบตัวลง หูตก หางตก ส่งเสียงเล็กๆ เพื่อแสดงความเป็นมิตร
"จิ้งจอกไฟ" รอยแผลที่ใบหน้า ที่เกิดจากลูกดอกยังชัดเจน "เจ้านั่นเอง หายดีแล้วหรือ"

แม้การไล่ล่าในครั้งนั้นจะผ่านไปหลายเดือนแล้ว แต่ชายหนุ่มผู้นี้จำเรื่องราวที่เกิดได้อย่าแม่นยำ
ชายหนุ่มผิวสีเข้มผู้นี้มีชื่อว่าอาต๋า เขาคือคนแรกที่เห็นดวงตางดงามของจิ้งจอกไฟหลังพุ่มไม้ และได้แต่กล่าวโทษความด้อยประสบการณ์ของตนเองว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการไล่ฆ่าจิ้งจอกทั้งฝูง
หลังการโอบล้อมเพื่อไล่ล่าฝูงจิ้งจอกในวันแรก มีจิ้งจอกไฟตัวหนึ่งหลบหนีไปได้ หัวหน้ากลุ่มพรานเชื่อว่าจิ้งจอกไฟตัวนั้นจะต้องย้อนกลับมาที่ฝูงอย่างแน่นอน จึงมีส่วนหนึ่งที่แบกร่างของจิ้งจอกที่ล่าได้กลับไป ส่วนที่เหลือหยุดรออยู่ใกล้ๆ โดยอาต๋าเป็นหนึ่งในคนที่หยุดรอ แต่เมื่อได้สบตางดงามคู่นั้น ก็พาลลืมตัววางอาวุธแล้วเดินเข้าไปหา ทำให้สหายรู้พรานคนอื่นรู้ตำแหน่งของจิ้งจอกไฟ และพากันไล่ตาม
แต่การถูกตามล่าเป็นครั้งที่สองนี้ทำให้จิ้งจอกไฟบาดเจ็บหนัก รอยเลือดเป็นทางยาวไปทางป่าสีทองนั้นบ่งบอกเป็นอย่างดี
แต่อาต๋าเชื่อว่าจิ้งจอกไฟที่หลบหนีเข้าไปในป่าสีทองจะรอดชีวิต
ดังนั้นเมื่อได้เห็นจิ้งจอกไฟอีกครา อาต๋าจึงยินดีเป็นอย่างยิ่ง

จิ้งจอกไฟผู้งดงาม ก้มคอลงต่ำ ก้าวช้าๆ เข้ามาหา ยอมให้สัมผัสที่ด้านข้างของใบหน้าอย่างง่ายดาย
"จิ้งจอกไฟ เจ้าเชื่องและวางใจมนุษย์มากเกินไป พวกนายพรานล้วนต้องการขนของจิ้งจอก และหนังเสือ รู้ไหมว่าขนของเจ้าน่ะ ได้ราคาดีขนาดไหน...เรื่องครอบครัวของเจ้าข้าเสียใจด้วย ทีแรกพวกเราต้องการเพียงขนของจิ้งจอกตัวโตเต็มวัยไปให้กับชนเผ่าที่อยู่นอกด่าน" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของชายหนุ่มบ่งบอกถึงความเสียใจจากใจจริง "แต่พอไปถึงกลับพบจิ้งจอกที่มีขนสีสวยอีกสองตัวอยู่ด้วย ผลก็เลยเป็นอย่างที่เจ้าเห็น แต่ข้าขอสัญญาว่านั่นจะเป็นการล่าครั้งสุดท้ายของข้า" เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเดินใกล้เข้ามา จิ้งจอกไฟก็ผุดลุกขึ้นยืน
"จะไปแล้วหรือ ข้าคืออาต๋านะจิ้งจอกไฟ"
จิ้งจอกไฟเลียแก้มของอีกฝ่ายแล้วผละไปแอบมองจากหลังพุ่มไม้ ดวงตาเรียวยาวดั่งมีเปลวไฟขณะลอบฟังเสียงสนทนาระหว่างอาต๋ากับเพื่อนๆ จนกระทั่งทั้งหมดกลับไปที่หมู่บ้าน
ในกลุ่มนี้ทั้งหมดคือผู้ที่ร่วมอยู่ในกลุ่มที่สังหารครอบครัวของตน แม้จะไม่มีเจ้าคนบ้าคลั่งที่ไล่ฟันน้องเล็กของเขา แต่จิ้งจอกไฟให้คำมั่นต่อตนเองในใจ ว่าจะตามหาคนผู้นั้นให้เจอ และล้างแค้นให้ได้!
เมื่อกลับมาถึงฝูงจิ้งจอกในยามค่ำ นางจิ้งจอกหิมะ ไต่ถามด้วยความเป็นห่วง แต่จิ้งจอกไฟมิได้ให้คำตอบใด
กลิ่นมนุษย์ที่ติดอยู่ ทำให้ผู้อาวุโสมองเห็นเรื่องราวอย่างคร่าวๆ 
"จิ้งจอกไฟ อย่าทำตัวให้ข้าต้องใช้ถ้อยคำรุนแรงกับเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจที่จะอยู่กับข้า แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้ามีเป้าหมาย แต่การจะทำให้สำเร็จได้ตามเป้าหมายนั้นมันต้องรู้จักอดทน และวางแผนให้ดี ไม่ใช่ดื้อรั้น"
จิ้งจอกไฟมีสีหน้าท่าทางสลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่นั่นมิได้มีผลให้นางจิ้งจอกหิมะต้องสงสาร  เพราะนอกจากจะเป็นจิ้งจอกเช่นกันแล้ว นางยังเป็นจิ้งจอกหิมะจากป่าสีทองที่มีลำดับชั้นสูงกว่า
แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่เข้าใจ
จิ้งจอกเป็นทั้งนักล่า และผู้ที่ถูกล่าเพื่อเอาหนังที่สวยงาม   
"อย่าดื้อรั้น และอย่าใจร้อนจนทำให้ความตั้งใจนั้นเสียหาย แต่ก็จะต้องไม่ใจเย็นจนเสียเรื่องเช่นกัน"
วันถัดมาจิ้งจอกไฟออกไปเที่ยวเล่นกับกวางไพลิน และนกยูงทองเหมือนเดิม จากนั้นก็พากันไปเล่นอยู่ใกล้กับบึงของกระเรียนโกเมน
ปกติที่นี่จะเงียบสงบ แต่เมื่อมีเสียงฝีเท้า และเสียงเอะอะโวยวายของนกยูงทองก็ทำให้ผู้อาวุโสอย่างกระเรียนโกเมนต้องออกมาดู
"ป่าสีทองมีบึง มีลำธารมากมาย แต่เจ้าสามตัวนี้กลับมาเล่นส่งเสียงดังอยู่หน้าบ้านข้า"
นกยูงทองตอบด้วยเสียงอันกังวาน "มันบังเอิญ"
แต่เพราะกวางไพลินหัวเราะเสียงใส กระเรียนโกเมนจึงได้แต่ส่ายหน้า "เอาเถอะ อยากเล่นที่นี่ก็เล่นไป แต่อย่าไปรบกวนพวกที่อยู่ในน้ำ" เมื่อกระเรียนโกเมนมองต่อมาเห็นจิ้งจอกไฟจึงเดินเข้ามาหา แล้วเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ ทั้งนกยูงทองและกวางไพลินจึงเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ตามไปด้วย
"เจ้าคงเป็นจิ้งจอกไฟที่ศิลาดำพามานั่นเอง"
กระเรียนเป็นสัตว์ที่มีศีลสูงส่ง และมีความอ่อนโยนจึงก้มลงลูบศีรษะจิ้งจอกไฟด้วยความเมตตา
"มาอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้"
แต่นกยูงทองส่ายหน้า "แต่เขายังเป็นสัตว์ป่าอยู่เลย บางอย่างที่เราพูดเขาเข้าใจ แต่ส่วนใหญ่แล้วเราไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาต้องการอะไร"
"มันก็เป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้กันไป"
"แต่ถ้าจิ้งจอกไฟพูดกับพวกเราได้น่าจะดีกว่านี้"
"เจ้ามันติดนิสัยสื่อสารด้วยคำพูด จนลืมสัญชาติญาณของสัตว์ป่าไปแล้ว"
กวางไพลินทำตาวาวแล้วคุกเข่าลงต่อหน้ากระเรียนโกเมน "เช่นนั้นก็รบกวนท่านผู้เฒ่าช่วยสอนพวกเราทั้งสามด้วยนะเจ้าคะ"
"สอนอะไร" จู่ๆ ก็มาคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วเจ้านกยูงทองกับจิ้งจอกไฟก็พากันคุกเข่า และหมอบลงพร้อมกันเช่นนี้ รู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล
"ก็สอนเรื่องการสื่อสารไงเจ้าคะ สอนวิชาให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้น"
กระเรียนโกเมนเลิกคิ้วขึ้นสูง นกยูงทองกับกวางไพลินเกิดและเติบโตที่นี่ยังจะต้องการเรียนรู้เรื่องการสื่อสารอะไรอีก
...หรือว่าเรียนเพื่อเจ้าจิ้งจอกไฟตัวเล็กนี่...
"ดี เพื่อนกัน ก็ต้องส่งเสริมกัน ช่วยเหลือกันแบบนี้"
กระเรียนโกเมนพึงพอใจมาก และตั้งใจสอนเพื่อนทั้งสามอย่างเต็มที่

จบบทที่สามสิบสาม
จิ้งจอกไฟมี 7 ตอนจบ ก็จะเป็นการจบบริบูรณ์ของ Sunrise แล้วครับ
ขอบคุณที่กรุณาติดตามครับ
ไจฟ์ที

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2018 20:27:30 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1056 เมื่อ15-09-2018 19:40:31 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1057 เมื่อ15-09-2018 22:08:27 »

โหดร้ายยยยยยย ฮรืออออออ

เสือโคร่งศิลาแดงช่างยุนัก

ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1058 เมื่อ16-09-2018 02:57:00 »

กระเรียนโกเมนยังอยู่

  :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1059 เมื่อ16-09-2018 03:18:47 »

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
« ตอบ #1059 เมื่อ: 16-09-2018 03:18:47 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1060 เมื่อ16-09-2018 20:26:44 »

จิ้งจอกไฟ เจ้าเป็นคนดีหรือไม่
ไม่อยากวางใจเลย

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1061 เมื่อ17-09-2018 18:02:29 »

ไม่อยากจะคิดถึงตอนกระเรียนโกเมนตายเลย

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1062 เมื่อ18-09-2018 18:08:49 »


 นี่มาช้าไปหลายวันนกยูงตอน 2 ก็พึ่งได้อ่าน เสียดายจังมี 2 ตอนเองอ่าจบแระ   :mew2:

แต่เริ่มภาคจิ้งจอก เริ่มจากความแค้น ที่รอการล้างแค้น
จะว่าไปก็สงสารนะ แต่รออ่านเหตุผลของการแก้แค้นก่อนดีกว่า



ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1063 เมื่อ18-09-2018 18:47:52 »

มารอจิ้งจอกไฟจ้า :เหอะ1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1064 เมื่อ21-09-2018 23:31:28 »

  :ped144: :ped144: :ped144: มารึยังจ๊ะ

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1065 เมื่อ22-09-2018 00:34:05 »

อู้วว

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1066 เมื่อ22-09-2018 15:41:01 »


มานั่งรอแล้วจ้า  :mew1:

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1067 เมื่อ22-09-2018 16:52:15 »

 :ling2: จะดราม่ามั้ยเนี่ยะ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1068 เมื่อ24-09-2018 18:03:39 »



   มาจ้าาาาา  :mew1:   :mew1:



ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1069 เมื่อ24-09-2018 18:18:47 »

 :z2: มารอตอนใหม่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
« ตอบ #1069 เมื่อ: 24-09-2018 18:18:47 »





ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Sunrise in the forest บทที่34 P36(240961)
«ตอบ #1070 เมื่อ24-09-2018 20:23:56 »

ภาคจิ้งจอกไฟ
บทที่สามสิบสี่


ภายในป่าสีทองมีกระท่อมเล็กๆ อยู่หลังหนึ่งซึ่งเป็นของกลุ่มนายพรานจากหมู่บ้านฝั่งทางเหนือที่จะเดินทางเข้ามาพักทุกสามเดือนเพื่อสักการะต่อเทพสูงสุดแห่งป่าสีทอง
นายพรานเหล่านี้มีความเคารพแห่งป่าสีทองเป็นอย่างยิ่ง เพราะคือแหล่งทำมาหากินเพื่อเลี้ยงชีวิต แต่เดิมพวกเขาจะเข้ามาเก็บของป่าและล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารเท่านั้น เมื่อนานวันไปก็วางอาวุธเปลี่ยนเป็นเลี้ยงสัตว์ และเข้ามาเก็บของป่าเป็นระยะ แม้จะรู้ว่าไม่อาจขึ้นไปสักการะถึงยอดเขาเทียมฟ้าที่ปราศจากหนทางในการเดินทางขึ้นไป พวกเขาจึงขอเข้ามาเพื่อพักที่กระท่อมแห่งนี้หนึ่งคืนจากนั้นจะไปถวายสุราอาหารที่เชิงเขาตั้งแต่เช้าตรู เสร็จแล้วก็จะเดินทางกลับไปหมู่บ้าน
เมื่อจิ้งจอกไฟรู้เรื่องนี้ ก็ใช้โอกาสที่พวกเขาเดินทางเข้ามาศึกษาความเป็นอยู่ของมนุษย์ ความแตกต่างของการเคลื่อนไหว กลิ่น และเสียงของพวกเขา
ดวงตายาวเรียวจับจ้องมองตามไปทุกฝีเก้า และจดจำไว้...

ฤดูกาลเปลี่ยน สายลมเปลี่ยนทิศ ทุกย่างก้าวเป็นไปอย่างแผ่วเบา หูคอยฟังเสียง จมูกดมกลิ่น ใช้ประสาทสัมผัส เพื่อเฝ้าระวังทั้งคน และกับดัก ยิ่งเข้าไปใกล้กับหมู่บ้านนายพรานทางฝั่งตะวันตกยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวัง หลังจากที่เลี่ยงกับดักได้สามแห่งติดต่อกัน จิ้งจอกไฟก็เปลี่ยนใจถอยห่างออกมาวนเวียนอยู่ใกล้กับจุดที่เคยพบกับอาต๋าเมื่อหลายวันก่อน
รออยู่จนแดดแรงจึงสัมผัสถึงกลิ่นและฝีเท้าของอาต๋าปะปนมากับนายพรานอีกหลายคน จึงทดลองใช้วิชาง่ายๆ ที่เพิ่งเรียนรู้มา
...การส่งเสียงเรียกที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่แท้จริงในใจ
แต่เสียงของจิ้งจอกย่อมแตกต่างจากสุนัขทั่วไป ความผิดพลาดนี้กลายเป็นการเรียกให้พรานทั้งกลุ่มติดตามมาด้วย จำต้องล่าถอยกลับออกมา
ผ่านไปอีกหลายวันจิ้งจอกไฟจึงกลับไปอีกครั้ง ครานี้ได้แต่เฝ้ารออยู่ที่จุดเดิมจนกระทั่งพบกับอาต๋า
"เจ้าจริงๆ ด้วย เมื่อหลายวันก่อนก็คือเจ้าใช่ไหม" มือใหญ่ลูบต้นคอของจิ้งจอกไฟ "เจ้าไม่ควรเข้าไปใกล้หมู่บ้านรู้หรือไม่ มารอข้าที่เดิมนี่แหละดีแล้ว เพราะถึงตอนนี้เจ้าจะยังตัวเล็กอยู่ แต่พวกเขาก็สามารถเอาเจ้าไปขังไว้ในกรง รอจนเจ้าเติบโตเต็มวัย พวกเขาก็จะฆ่าเจ้าเพื่อเอาหนัง"
จิ้งจอกไฟไม่รู้ว่าการถูกขังไว้ในกรงคืออะไร แต่รู้ว่าการถูกฆ่าเป็นอย่างไร แต่ถึงกระนั้นก็ยังกลับมารอพบกับอาต๋าอีกหลายครั้ง

นกยูงทองเดินวนรอบตัวจิ้งจอกไฟ ขณะที่มีสีหน้าเคร่งเครียดยิ่ง “เจ้าออกไปพบมนุษย์มาเช่นนั้นหรือ เจ้าไม่ควรออกไปพบมนุษย์รู้หรือไม่ พวกเขาเป็นคนโลภ มองพวกเราเป็นเพียงสินค้าที่จะเอาไปแลกเปลี่ยน”
จิ้งจอกไฟก้มหน้าลง นกยูงทองก็พูดต่อ “อย่าออกไปหามนุษย์อีกนะ ข้างนอกนั่นอันตรายมาก”
สหายผู้มีขนสีแดงดั่งเปลวไฟตอบด้วยน้ำเสียงเล็กๆ “ข้าอยากไปหาน้อง บางทีพวกเขาอาจยังอยู่ที่ไหนสักแห่ง”
“เรื่องนั้น ข้าให้เจ้าพวกนกน้อยว่างงานเหล่านี้ไปสำรวจให้ก็ได้ แต่เรื่องเกิดขึ้นนานหลายเดือนแล้ว ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะถูกพาไปอยู่ที่อื่นแล้วก็ได้” นกยูงทองย้ำ “อย่าออกไปอีกนะ อยากรู้อะไร ต้องการอะไรก็บอกกัน ข้างนอกนั่นอันตรายมาก”
จิ้งจอกไฟรู้ว่าสหายเป็นห่วงจากใจจริง แต่ก็ไม่อาจให้คำมั่นว่าจะไม่ออกไป เมื่อสบโอกาสก็ออกไปรอพบกับอาต๋าอีก
นกยูงทองโกรธจัดที่สหายไม่ยอมฟังคำตักเตือน สะบัดหน้าจากไปไม่ยอมพูดด้วยอยู่หลายวัน  จิ้งจอกไฟก็ตามง้อจนกลับมาพูดกันดีเหมือนเดิม แต่ดีอยู่ได้ไม่กี่วันก็หลบออกไปหาอาต๋าอีกจนได้
วันหนึ่งขณะที่กลับเข้าไปในเขตป่าสีทอง ทันทีที่จมูกสัมผัสถึงกลิ่นสาบเสือ  ก็คือเวลาเดียวกันกับที่เห็นเทพเสือโคร่งศิลาดำในร่างเทพเสือโคร่งตัวใหญ่ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า
จิ้งจอกไฟชะงักฝีเท้าแล้วหมอบตัวลง
เทพเสือโคร่งตนนั้นหันมามองด้วยดวงตาสีดำสนิท ปราศจากสีอื่นเจอปน ทั้งใบหูก็ยังเปลี่ยนเป็นสีดำเช่นกัน
"ข้ารู้ว่าเจ้าเข้าใจในสิ่งที่ทุกคนพูดกับเจ้า และเจ้าก็สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้เช่นกัน"
ความเปลี่ยนแปลงของเทพเสือโคร่งศิลาดำ ทำให้จิ้งจอกไฟต้องเหลียวมองซ้ายขวาด้วยความกังวล
"หลายครา การกระทำก็ชัดเจนกว่าคำพูด" เทพเสือโคร่งศิลาดำกล่าว "เจ้าตั้งใจเรียนรู้และฝึกฝนจากนางจิ้งจอกหิมะ และท่านกระเรียนโกเมนนั่นย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่การที่ไปหมู่บ้านตามลำพังนั้นเป็นอันตราย"
"อาต๋าเป็นคนดี" น้ำเสียงเล็กๆ ของจิ้งจอกที่ยังอยู่ในวัยเด็กโต้เถียงกลับมาในทันที
"แล้วเพื่อนๆ ของเขาเล่า เป็นคนดีหรือไม่ ลืมไปแล้วหรือว่าพวกเขาเป็นพราน"
จิ้งจอกไฟกลั้นหายใจขณะที่สะบัดหน้าไปทางอื่น
เรื่องที่เกิดในวันนั้นย่อมจารึกอยู่ในความทรงจำ และไม่มีวันที่จะจางหายไป แต่ความดื้อรั้นมีชัยเหนือทุกสิ่งทำให้มองไม่เห็นความจริงบางอย่าง
‘อาต๋าไม่เหมือนกับเพื่อนของเขา’ จิ้งจอกไฟเถียงอยู่ในใจ
เมื่อห้ามไม่ได้ก็ต้องชี้ให้เห็นปัญหา
"เจ้าไปหาอาต๋าเป็นระยะ โดยที่ไม่เคยซ่อนรอยเท้า"
เมื่อเทพเสือโคร่งศิลาดำกล่าวขึ้น จิ้งจอกไฟก็นึกขึ้นได้ว่า หลงลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ
ตั้งแต่ตอนที่ป่าด้านนอกแม่จิ้งจอกเคยสอนเรื่องการตามรอยสัตว์เล็ก ต่อมาที่มาอยู่กับนางจิ้งจอกหิมะก็สอนให้ระมัดระวังตนเพื่อไม่ให้ต้องกลายเป็นเป้าหมายของการถูกตามล่าอีก แต่เพราะความเยาว์วัยรู้แต่ดึงดันที่จะออกไปข้างนอก ไม่คิดให้รอบคอบจึงเกือบเอาชีวิตไปทิ้งก่อนที่จะแก้แค้นได้สำเร็จ
จิ้งจอกไฟก้มหน้าลง 
"นางจิ้งจอกหิมะสอนเรื่องการพรางตัวหรือไม่"
"นางสอนแล้ว" จิ้งจอกไฟตอบ
เทพเสือโคร่งศิลาดำพยักหน้า "เช่นนั้นก็แสดงให้ข้าดูหน่อย"
จิ้งจอกไฟเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตายาวเรียวเป็นประกายจากนั้นก็กระโดดตัวเบาเข้าไปในพุ่มไม้แสดงการพรางตนและหลบซ่อนอันอ่อนด้อยของตนเองให้เทพเสือโคร่งศิลาดำได้เห็น
จากนั้นเทพเสือโคร่งศิลาดำก็ให้คำแนะนำเพื่อแก้ไขไปทีละขั้น
ดังนั้นแล้ว เทพเสือโคร่งศิลาดำจึงอาจนับเป็นอาจารย์ในเรื่องการพรางตน และหลบซ่อนของจิ้งจอกไฟ ซึ่งมันก็น่าแปลก ที่เสือโคร่งตัวใหญ่ต้องมาฝึกฝนให้กับจิ้งจอกที่ฉลาด คล่องแคล่ว และว่องไว
เรื่องราวในช่วงเวลาเยาว์วัย ดำเนินไปเช่นนั้น
หากแต่เมื่อมองถึงทั้งชีวิตของจิ้งจอกไฟ
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อใดก็ตาม...
...จะเป็นในวันนั้น หรือในอีกห้าสิบปี ร้อยปีถัดมา เทพเสือโคร่งศิลาดำก็ยังเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของจิ้งจอกไฟอยู่เสมอ
ดูแล และให้อภัยไปตลอดกาล...
เมื่อเทพเสือโคร่งศิลาดำไม่อยู่ จิ้งจอกไฟก็จะกลับไปเรียนรู้วิชาต่างๆ จากนางจิ้งจอกหิมะ กระเรียน งูเห่า แม้แต่บรรดานกตัวน้อยในป่าสีทองก็ตั้งใจเรียนรู้ภาษาของพวกมัน
เมื่อสบโอกาส ก็หลบหนีไปหาอาต๋าใกล้หมู่บ้าน
ที่ผ่านมาก็ลักลอบมา และเดินทางกลับไปได้อย่างปลอดภัย เว้นแต่ในครานี้
จิ้งจอกไฟมารออยู่ที่นัดหมายเดิมได้ครู่หนึ่งอาต๋าก็มาถึง จึงก้าวออกจากพุ่มไม้ แต่ยังไม่ทันจะเดินไปหาก็ต้องหยุดเท้า เมื่อสัมผัสได้ว่ามีมนุษย์อีกหลายคนที่กำลังเข้ามาใกล้
"จิ้งจอกไฟ" อาต๋าเรียก "หายไปนานเสียหลายวัน ข้ามารอเจ้าอยู่"
ใช่...ข้ามาเพราะต้องการพบเจ้า แต่มิใช่พวกพรานเหล่านั้น
จิ้งจอกไฟเอียงคอมองชายหนุ่มผิวสีเข้ม ขณะที่กลิ่นของมนุษย์ที่กำลังเข้ามาใกล้ผสานไปด้วยลมหายใจถี่ขึ้น เสียงฝีเท้าที่บ่งบอกว่าพวกเขามาจากทุกทิศทาง
ความไม่ปลอดภัยท่วมท้น จิ้งจอกไฟจึงหันหลังกลับ แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลูกดอกลูกหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามาหา ถากหน้าผากของจิ้งจอกไฟเป็นแผลยาว
อาต๋าที่เมื่อครู่เพิ่งกล่าวคำทักทาย เวลานี้กลับยืนมองมาเฉยๆ 
ไม่ได้บอกให้รีบหนีไป และไม่ได้เรียกหา
อยากคิดว่าเขาถูกสหายบังคับให้ทำเช่นนี้ เขาไม่มีความเต็มใจ มีความเป็นกังวล หรือเป็นห่วง
แต่ลูกดอกถัดไปที่ตรงเข้ามาหาไม่ได้ช่วยยืนยันความคิดนั้น
อาต๋ายังคงมองมาเฉยๆ   
สี่เท้าของจิ้งจอกไฟพลันหนักอึ้งดั่งถูกถ่วงด้วยเหล็ก
เสียงคำรามของเสือโคร่งดังก้องป่า เสือโคร่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าเสือโคร่งทั่วไป พลันกระโดดเข้าขวางทางลูกดอก แต่ด้วยพลังแห่งเทพสัตว์ป่าแห่งป่าสีทองจึงไม่มีอาวุธใดที่ระคายผิวหนัง
ดวงตาสีดำวาวกวาดตามองทุกคนแล้วส่งเสียงคำรามดังก้องเขย่าต้นไม้ใหญ่ สะเทือนภูเขา บรรดานายพรานทั้งหมดล้วนคู้ตัวลงหมอบด้วยความหวาดกลัว
เทพเสือโคร่งศิลาดำหันมาดันให้จิ้งจอกไฟขึ้นขี่หลัง แล้วพากลับมาที่ถ้ำแสงจันทร์ในป่าสีทอง
"ขอโทษ"
ต่อให้กล่าวคำนี้อีกสักกี่ครั้ง เทพเสือโคร่งศิลาดำที่อยู่ในร่างของมนุษย์ก็ยังคงปิดปากเงียบ หลังจากที่ทำแผลให้จนเสร็จก็ออกไปอยู่ที่ด้านนอกถ้ำ
ผ่านไปหลายชั่วยามนกยูงทองจึงมาถึง
เจ้านกยูงทองผู้นี้ถือว่าตนเองมีผนึกของป่าสีทองจึงไม่กลัวที่จะเดินทางตามลำพังไปทั่ว ต่อให้เป็นถ้ำเสือก็ตาม
เมื่อเห็นว่าเทพเสือโคร่งศิลาดำอยู่ในร่างมนุษย์ สีหน้าบึ้งตึงอยู่ที่หน้าถ้ำก็พอจะรู้ว่าผู้ที่มาเยี่ยมต้องอยู่ในถ้ำ
"ยังไม่ได้คุยกันสินะ"
เทพเสือโคร่งศิลาดำส่ายหน้า
"งั้นขอคุยกับจิ้งจอกไฟนะ"
เทพเสือโคร่งศิลาดำพยักหน้า
นกยูงทองกลอกตามองบน คนหนึ่งไม่ชอบพูด ส่วนอีกคนก็คิดเองไม่เป็น...
"จิ้งจอกไฟ" นกยูงทองส่งเสียงทักทายเข้ามาก่อน "บาดเจ็บหรือไม่"
"เล็กน้อยเท่านั้น ท่านศิลาดำไปช่วยไว้"
นกยูงทองลดเสียงลงถามผู้ที่บาดเจ็บ
...แต่ถึงจะลดเสียงลงพูดคุยกัน แต่ถ้อยคำสนทนาทั้งหมดก็ไม่มีถ้อยคำใดที่รอดพ้นไปจากการได้ยินของเทพเสือโคร่งศิลาดำ
"ข้าบอกเจ้าแล้วว่า พวกนกป่าไปสำรวจให้แล้ว ที่หมู่บ้านนั้นไม่มีน้องๆ ของเจ้า....สรุปแล้วที่เจ้าหลบหนีไปที่หมู่บ้านนี่ เจ้าไปเพราะอันใด"
"ข้าต้องการล้างแค้นพวกคนที่สังหารครอบครัวของข้า"
"แต่เจ้ายังเด็กอยู่เลยจะไปแก้แค้นใครได้" จากที่ได้ยินมาจิ้งจอกไฟมิได้ไปเพื่อแก้แค้น เพราะมิได้ลงมือต่อใครสักคน มีแต่ไปเฝ้ารอพบคนผู้หนึ่ง "เจ้าไปหาผู้ชายคนหนึ่ง เขาคือคนที่เคยช่วยเจ้าไว้หรือ...หรือเพราะเหตุผลอื่น"
เมื่อจิ้งจอกไฟไม่ตอบคำถาม นกยูงทองก็พูดต่อไป "ที่ข้ารู้เพราะพวกนกป่าแถวๆ นั้นนำกลับมาพูดคุยกัน ซึ่งแน่นอนว่า ท่านศิลาดำก็คงรู้"
มือเรียวเล็กเขย่าตัวจิ้งจอกไฟเบาๆ "นี่" อีกฝ่ายยังไม่ทันจะตอบ นกยูงทองก็กล่าวต่อ "จำที่ท่านกระเรียนโกเมนสอนได้หรือไม่ จิ้งจอกไฟที่มาจากป่ารอบนอกอย่างเจ้าเนี่ย ใช้เวลาอีกไม่ถึงสามปีก็จะโตเต็มวัย เจ้าเองก็เรียนรู้ได้เร็ว เพียงไม่กี่วันก็สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้แล้ว ดังนั้นเรื่องการฝึกอื่นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน"
เทพเสือโคร่งศิลาดำที่ฟังอยู่ด้านนอกยังอดมิได้ที่จะต้องพยักหน้าชื่นชมเจ้านกยูงทองช่างพูด
ต่อให้อีกฝ่ายไม่ได้กล่าวคำ เจ้านี่ก็สามารถพูดไปได้เรื่อยๆ
"ข้าว่าพวกคนที่จะจับเจ้าก็คงคิดจะจับเจ้าเอาไปเลี้ยงดูอีกสักสามปี จึงฆ่าเจ้าเพื่อเอาหนัง พวกเขาถึงได้ใช้ลูกดอกขนาดเล็ก" นิ้วมือชี้ไปที่ลูกดอกที่ถูกโยนทิ้งไว้ด้านหนึ่งของห้อง แล้วกล่าวย้ำเพื่อเจตนาข่มขวัญ "เขาเลี้ยงดูและบำรุงเจ้าอีกไม่เท่าไหร่ก็จัดการเจ้าแล้ว แล้วเจ้าที่อยู่ในกรงขังจะแก้แค้นให้ฝูงของเจ้าได้อย่างไร"  นกยูงทองตั้งใจว่าจะพูดอีกสักสองสามคำเพื่อให้อีกฝ่ายไปคิดต่อเอาเอง แต่เมื่อหันไปทางปากถ้ำเห็นเทพเสือโคร่งศิลาดำที่ทิ้งให้จิ้งจอกไฟคิดเองมานานหลายเดือน แต่ก็ไม่เห็นว่าเจ้านี่จะคิดอะไรได้มากไปกว่าการตั้งหน้าตั้งตาจะออกไปที่หมู่บ้าน ดังนั้นจึงเพิ่มเป็นอีกสักสองสามประโยค เพื่อให้เทพเสือโคร่งศิลาดำได้ยินไปด้วย
"เพราะเจ้าชอบมนุษย์...เจ้าจึงไปสอบถามเรื่องการเปลี่ยนร่างกับท่านกระเรียนโกเมนสินะ" นกยูงทองส่ายหน้า "นั่นมันต้องใช้เวลานานมาก อีกอย่างจากที่เจ้าพบเจอกับตนเองในครานี้ ว่าเขาไม่อาจช่วยเหลือเจ้าได้ เมื่อถูกพวกพรานล้อมเข้ามา ยังคิดจะทำเช่นเดิมอยู่อีกหรือ"

...ที่จริงนกยูงทองคิดว่า มนุษย์ผู้นั้นอาจเป็นตัวล่อให้จิ้งจอกไฟเข้าไปติดกับด้วยซ้ำ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้พูดมากไปก็ไม่ดี ไม่พูดเลยก็ไม่ได้...
"วันนี้เจ้าเพิ่งมีเรื่องกลับมา นอนพักก่อนดีกว่า เอาไว้อาการดีขึ้นข้าจะสอนเจ้าฟังเสียงสายลมจะได้รู้ความเคลื่อนไหวของพวกเขาจากระยะไกล และไม่เอาชีวิตไปเสี่ยง"
เมื่อออกมาข้างนอกเห็นเทพเสือโคร่งศิลาดำยังรออยู่ เจ้านกยูงทองก็ถามอย่างตรงไปตรงมา
"ที่ท่านตามไปใกล้หมู่บ้าน นี่เป็นเพราะท่านชอบเจ้าจิ้งจอกไฟใช่ไหม"
ดวงตาสีเข้มหันไปมองทางอื่น ไม่ยอมตอบคำถาม "ฝากดูเขาด้วย เดี๋ยวศิลาแดงจะมา"
"เดี๋ยว” นั่นมันคือคำตอบหรือไง “ท่านจะไปที่ใด"
"ไปถ้ำยา"
นกยูงทองพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ เทพเสือโคร่งศิลาดำหายไปพักใหญ่ เทพเสือโคร่งศิลาแดงจึงมาถึง ดูท่าทางไม่ค่อยประหลาดใจสักเท่าใดที่เห็นนกยูงทองในที่นี้
"ไง มาเยี่ยมจิ้งจอกไฟหรือ"
นกยูงทองพยักหน้า "ทำไมพวกท่านต้องผลัดกันเฝ้าจิ้งจอกไฟตลอดเวลา"
เทพเสือโคร่งศิลาแดงมีสีหน้างุนงง "ทำไมข้าต้องเฝ้าจิ้งจอกนั่นด้วย ข้ามาช่วยพี่ใหญ่ดูแลมุกดาต่างหาก"
นกยูงทองกลอกตามองบน "นางเข้าบำเพ็ญแล้วหรือ มิน่าถึงไม่ได้พบกัน"
"แล้วเจ้าเล่า เมื่อไหร่จะเข้าบำเพ็ญให้เป็นเรื่องเป็นราว"
นกยูงทองสะบัดหลังมือใส่มวลอากาศที่อยู่เบื้องหน้า "ที่เป็นอยู่นี่ก็ดีอยู่แล้วมิใช่หรือไง"
เทพเสือโคร่งศิลาแดงหลุดหัวเราะเสียงดัง จนนกยูงทองเท้าเอว "จะหัวเราะอะไรนักหนา"
"ก็ฝึกฝนไว้ เจ้านกยูงทองผู้งดงาม ใครจะไปรู้ได้อย่างไรว่าในวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น"
ที่จริงเทพเสือโคร่งผู้นี้กล่าวมาก็มีเหตุผล แต่นกยูงทองพอใจกับชีวิตในป่าสีทอง และการที่ไม่ต้องไปต่อสู้อะไรกับใคร
"จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างเถอะ ข้ามิได้อยากจะเป็นเทพอยู่แล้ว"
นกยูงทองลืมไปว่าตนเองเป็นเทพโดยกำเนิด แต่เป็นเทพที่ฝีมืออ่อนด้อยอย่างยิ่ง
"ไม่คิดเผื่อไว้ว่าวันหนึ่งจะออกไปช่วยจิ้งจอกไฟหรือไง"
นกยูงทองยอมรับ "ก็คิดอยู่ แต่ข้าไม่เอาไหนเรื่องต่อสู้ ก็จะสอนให้เขาฟังเสียงเตือนต่างๆ ข้าไม่ได้สูญเสียครอบครัวแบบเขา ไม่เข้าใจความแค้น และความมุทะลุแบบนั้น รวมถึงความคิดเรื่องที่จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ด้วย"
"เขาอยากเปลี่ยนร่างหรือ"
"ใช่ เขาคงชอบมนุษย์คนนั้นมากจริงๆ"
"เขาอาจต้องการเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์เพื่อที่ไปวางยามนุษย์ในหมู่บ้านก็ได้"
นกยูงทองย่นจมูก "เรื่องแค่นั้นไม่ต้องเปลี่ยนร่างก็ทำได้ อีกอย่างกว่าที่จิ้งจอกไฟจะเปลี่ยนร่างได้ พวกที่อยู่ในหมู่บ้านรวมถึงมนุษย์คนนั้นด้วยก็คงตายไปหมดแล้ว"
"มันมีวิธีลัดนะ แต่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่"
"ไม่ดีเลยต่างหาก" นกยูงทองทำตาโตเพราะรู้วิธีการนั้น "การครองคู่กับเทพสักตนเพื่อที่จะดึงพลังจากนางมาน่ะ มันเท่ากับการฆ่านางเลยนะ"
ทั้งนางสัตว์เทพผู้นั้นต้องรักจิ้งจอกไฟมากจนสามารถมอบพลังชีวิตให้ได้

เรื่องการถ่ายพลังชีวิตนี้ แตกต่างจากการที่เทพเสือโคร่งภูผามอบพลังชีวิตให้กับกวางทองที่เป็นบุตร เพราะเป็นการถ่ายทอดให้ทีละน้อย เพื่อพยุงชีวิต

การที่สัตว์เทพผู้หนึ่งจะมอบพลังชีวิตให้กับสัตว์ป่า เพื่อเป็นทางลัดในการเป็นสัตว์เทพ และเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้นั้นต้องใช้พลังชีวิตเกือบทั้งหมดที่มีอยู่
ที่สำคัญคือ จิ้งจอกไฟยังไม่ได้ต้องการเปลี่ยนร่างเพื่อเป็นสัตว์เทพครองคู่อยู่กับนางสัตว์เทพผู้นั้น แต่จะหนีไปอยู่กับมนุษย์อีกคนต่างหาก
โหดร้ายนัก! หลอกลวงให้รัก เพื่อให้นางมอบพลังชีวิต จากนั้นก็ทิ้งนางไป ลองคิดดูสิ นางจิ้งจอกผู้สูญเสียพลังชีวิตไปนั้นจะเสียใจสักเพียงใด
 
"แต่ข้าเชื่อว่า หากจิ้งจอกไฟรู้วิธีนั้น เขาต้องลงมือแน่ๆ" 
เทพเสือโคร่งศิลาแดง ไม่ได้ยึดมั่นเรื่องความดีงามอย่างพี่ชาย จึงพูดเรื่องนี้อย่างง่ายดาย
"แต่เดี๋ยวนะ นกยูงทองเจ้ารู้เรื่องความตั้งใจจะเปลี่ยนร่างนี้มาจากที่ใด"
นกยูงทองตบปากตัวเองเบาๆ "นกป่าได้ยินตอนที่จิ้งจอกไฟถามท่านกระเรียนโกเมนน่ะสิ"
เทพเสือโคร่งศิลาแดงส่ายหน้า "ช่างเข้าใจเลือกถามได้ถูกคนเสียด้วย ท่านโกเมนต้องบอกวิธีการไปแน่ๆ"
ผู้ที่ตัวเล็กกว่าพยักหน้าหงึกหงัก "บอกอยู่แล้ว รวมถึงคำเตือนว่ามันไม่ดีอย่างไร สอนตั้งหลายเรื่อง ย้ำหลายครั้งว่าให้ใจเย็นๆ รออีกสักสามปีก็ยังไม่สาย แต่เขาก็ยังกลับไปที่หมู่บ้าน แล้วก็ถูกทำร้ายกลับมา"
เทพเสือโคร่งศิลาแดงเลิกคิ้วขึ้นสูงขณะที่ครุ่นคิด
"คิดอะไรอยู่ คิดออกมาเป็นคำพูดให้ข้ารู้ด้วยได้หรือไม่"
"ไม่!" เทพเสือโคร่งศิลาแดงกล่าวเสียงดังใส่อีกฝ่าย "ขืนบอกเจ้าไป นกทั้งป่า ผู้มีปีกทุกตนก็จะรู้ไปด้วย"
"อะไรกัน เวลาที่ท่านถามมาข้ายังตอบทั้งหมดเลยนะ"
มือใหญ่จับศีรษะเล็กของนกยูงทอง "ขอบใจที่ไม่ปิดบัง ทุกสิ่งที่เจ้าบอกมามีประโยชน์อย่างยิ่ง"
ดวงตางดงามมองผู้ที่ร่างกายสูงใหญ่ด้วยความสงสัย "จะว่าไปเขาก็เป็นเพียงสัตว์ป่าเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น เหตุใดพวกท่านพี่น้องถึงต้องเข้าไปจัดการเรื่องนี้ด้วย"
"แล้วเจ้าเล่า"
"เขาเป็นสหายของข้า" นกยูงทองยิ้มงดงาม
"นั่นเป็นเหตุผลที่ดี"
"แล้วเขาเป็นเพื่อนของท่านด้วยหรือ"
เทพเสือโคร่งศิลาแดงถอนหายใจก่อนตอบ "ข้าเข้าใจความแค้นของเขา ส่วนที่พี่ใหญ่ช่วยเขา..." ดวงตาของเสือโคร่งกวาดตามองบรรดานกตัวเล็กตัวน้อยที่เข้ามาเกาะคอนไม้เพื่อฟังการสนทนาแล้วแกล้งยักไหล่ หยุดพูดไปเสียดื้อๆ
"พี่ใหญ่ของท่านแล้วอย่างไร"
"เจ้าก็สมควรไปถามเขาไง"
"อะไรกัน ผู้อื่นล้วนตั้งใจฟัง" นกยูงทองชี้นิ้วไปที่บรรดานกน้อยทั้งหลายที่พากันประสานเสียงโวยวาย
"ข้าตอบในส่วนของข้า จะไปตอบในส่วนของพี่ใหญ่ได้อย่างไร" เทพเสือโคร่งศิลาแดงกอดอกตอบแบบผู้ที่อยู่เหนือกว่า
...นกยูงทองกับเพื่อนตัวเล็กตัวน้อยเหล่านี้ไม่มีทางที่จะไปสอบถามเทพเสือโคร่งภูผาอย่างแน่นอน...
การกระทำของเทพเสือโคร่งศิลาดำออกจะชัดเจนว่าพอใจจิ้งจอกไฟมาแต่แรก เพียงแต่ยังไม่กล่าวคำยอมรับออกมาเท่านั้น
ยิ่งพูดคุยก็ยิ่งมีความกังวลว่าจิ้งจอกไฟจะไปหลอกลวงนางจิ้งจอกเทพตัวหนึ่งตัวใดในป่าเพื่อดึงพลังของนาง
"ท่านแน่ใจหรือว่าจิ้งจอกไฟจะทำเรื่องไม่ดี"
"ข้าเชื่อเช่นนั้น เพราะมันเร็วกว่าการต้องรอคอยจนเติบโตเต็มวัย" เทพเสือโคร่งศิลาแดงพยักหน้าไปทางฝูงนกที่พากันตั้งใจฟังการสนทนาอย่างยิ่ง "แต่พวกเจ้าเป็นสหายกันนี่นะ ก็สมควรที่จะชักจูงกันไปในทางที่ดี"
เจ้าเสือโคร่งน่าตายตัวนี้ ตอนพูดเรื่องไม่ดีก็ไม่ดีอย่างยิ่ง แม้ในตอนที่พูดเรื่องดีๆ ก็ยังคงรู้ได้ว่าไม่มีเจตนาที่ดีอันใด
ช่างผิดแผกจากพี่น้อง นางเทพเสือโคร่งบงกชไปเก็บเจ้านี่มาจากป่านอกด่านหรืออย่างไรกัน!
นกยูงทองกับฝูงนกของเขากลับไปแล้ว หน้าถ้ำเสือกลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง เทพเสือโคร่งศิลาแดงจึงเดินเข้าไปในถ้ำ ผ่านห้องที่จิ้งจอกไฟนอนพักอยู่ ไปจนถึงห้องด้านในที่เทพเสือโคร่งมุกดาบำเพ็ญฌานอยู่ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็กลับออกมาดูจิ้งจอกไฟที่ลืมตาขึ้นมองผู้ที่เดินเข้ามา
"ได้ยินแล้วใช่ไหม"
"ไม่ทั้งหมดหรอก"
"ฟังคำเตือนจากท่านกระเรียนโกเมน ใจร้อนไปก็ไม่ได้ประโยชน์ ระหว่างนี้ข้าว่าเจ้าควรทำความรู้จักกับสัตว์เทพต่างๆ อาจมีสักตัวที่ให้สิ่งที่เจ้าต้องการ"
"ต้องการอะไร" เสียงอันดังของเทพเสือโคร่งศิลาดำดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึง
เทพเสือโคร่งศิลาแดงยักไหล่ไม่ตอบคำถาม แต่เปลี่ยนร่างเป็นเทพเสือโคร่งแล้วเดินเข้าไปนอนขวางที่หน้าห้องซึ่งเทพเสือโคร่งมุกดาบำเพ็ญฌานอยู่
แต่ผู้เป็นพี่ใหญ่ไม่ได้เปลี่ยนร่าง ยังคงอยู่ในร่างของมนุษย์ขณะที่เดินเข้ามาดูบาดแผลของจิ้งจอกไฟ 
สำหรับจิ้งจอกไฟแล้ว เขาไม่ได้คิดว่าอาการบาดเจ็บเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งท่าทีของนกยูงทองกับเทพเสือโคร่งศิลาแดงที่ปฏิบัติต่อตนเองก็ดูแล้วไม่ได้มีอะไรที่เป็นพิเศษ เว้นแต่เทพเสือโคร่งศิลาดำผู้นี้ ที่เมื่อทำแผลให้เสร็จก็ออกไปอยู่ด้านนอกถ้ำ
จิ้งจอกไฟลุกขึ้นช้าๆ ค่อยๆ เดินเข้าไปหาผู้ที่เพิ่งนั่งลงและหันมามอง จากนั้นก็นอนหมอบลงแทบเท้า
เพราะเทพเสือโคร่งศิลาดำเป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษในเรื่องการสอดแนม และดักฟังจึงทราบเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับจิ้งจอกไฟมากกว่าที่ตัวของจิ้งจอกไฟจะรู้เสียอีก
ปล่อยให้จิ้งจอกไฟหมอบอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน เทพเสือโคร่งศิลาดำจึงกล่าวขึ้น
"หากสามปีนี้เจ้าเชื่อฟังนางจิ้งจอกหิมะและท่านกระเรียนโกเมนเป็นอย่างดี ไม่หลบหนีออกไปจากป่าสีทอง ข้าจะให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการ"
เทพเสือโคร่งศิลาแดงที่อยู่ด้านในถ้ำถึงกับลุกขึ้นมา ส่งเสียงคำรามไม่เห็นด้วย
แม้ว่าในเวลานี้จะมีเพียงเทพเสือโคร่งศิลาดำที่อยู่ในร่างมนุษย์แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการสื่อสาร
"เขาต้องการอะไร พี่ใหญ่รู้หรือไม่"
พี่ใหญ่มองมานิ่งๆ ดวงสีดำล้ำลึกคู่นั้นทำให้น้องชายต้องก้มหน้าลง
"ข้าเพียง...เพียง..."
จิ้งจอกไฟเงยหน้ามองพี่น้องสนทนากัน ขณะที่รู้สึกหวั่นใจ
"เจ้าสูญเสียนางเสือโคร่งผู้เป็นคู่ครองเพราะพรานในหมู่บ้านนั้น ส่วนจิ้งจอกไฟก็สูญเสียครอบครัวพี่น้องเพราะมนุษย์เหล่านั้นเหมือนกัน เรื่องความแค้น และความต้องการแก้แค้นของพวกเจ้า ข้ารู้ว่ามันไม่อาจลบล้างไปได้โดยง่าย"

เทพเสือโคร่งศิลาแดงมีคู่ครองเป็นนางเสือโคร่งตนหนึ่งที่อยู่ในป่ารอบนอก ทางทิศเหนือของป่าสีทอง แต่นางถูกพรานป่าล่า เหตุเกิดเมื่อยี่สิบปีก่อน มาถึงขณะนี้พรานที่ล่านางล้วนเสียชีวิตไปแล้ว ทั้งการเจ็บป่วย และความชรา แต่เทพเสือโคร่งศิลาแดงก็ยังไม่พอใจ ยังคงคิดแก้แค้นไปถึงครอบครัวของพรานเหล่านั้น

ส่วนจิ้งจอกไฟที่มุ่งมั่นจะไปที่หมู่บ้านพราน เทพเสือโคร่งศิลาดำรู้ว่า เหตุผลหลักคือไปพบนายพราน เหตุผลรองคือการดูลู่ทางเพื่อแก้แค้น

"แต่การแก้แค้นของพวกเจ้าต้องไม่เป็นการทำร้ายเทพสัตว์ป่าผู้อื่น"
ผู้ที่มีรูปร่างสูงใหญ่คุกเข่าลงข้างหนึ่งเบื้องหน้าจิ้งจอกไฟ "เจ้าต้องกล่าวคำอธิษฐานต่อข้า"
"พี่ใหญ่" เทพเสือโคร่งศิลาแดงท้วงขึ้น "พวกเราจะคิดหาวิธีอื่น"
แต่ดวงตาสีดำคู่นั้นสะกดจิ้งจอกไฟไว้จนไม่อาจละสายได้

ตั้งแต่จำความได้มารดาก็สอนมาตลอดว่าสัตว์เทพแห่งป่าสีทองสีทองนั้นรักษาคำมั่นสัญญาอย่างยิ่ง หากรับคำอธิษฐานไปแล้วจะต้องหาทางปฏิบัติตาม
กับเทพเสือโคร่งศิลาดำผู้นี้ แม้จะเป็นผู้ช่วยชีวิตไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่จิ้งจอกไฟก็ไม่เคยแม้แต่จะสำนึกในบุญคุณ จิตใจจดจ่ออยู่กับคนที่อยู่ในกลุ่มผู้ที่สังหารครอบครัว และคนที่หยุดยืนนิ่งเมื่อกลุ่มนายพรานล้อมเข้ามาใกล้

"ขอโทษ" จิ้งจอกไฟขยับตัวเข้ามาเลียมือใหญ่ มิได้กล่าวคำอธิษฐานและมิได้ให้คำสัญญาใดๆ

...จบบทที่สามสิบสี่...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2018 21:08:44 โดย MyTeaMeJive »

ออฟไลน์ jeab12

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Sunrise in the forest ภาคจิ้งจอกไฟ P36(150961)
«ตอบ #1071 เมื่อ24-09-2018 20:53:43 »

เข้ามาให้กำลังใจ น้อง น้ำชา  :mew1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Sunrise in the forest บทที่34 P36(240961)
«ตอบ #1072 เมื่อ25-09-2018 00:14:01 »

บางเรื่องก็ปล่อยวางกันไม่ลงจริงๆ

ออฟไลน์ jj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่34 P36(240961)
«ตอบ #1073 เมื่อ25-09-2018 02:52:42 »

ทีม เทพเสือโคร่งศิลาดำ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Sunrise in the forest บทที่34 P36(240961)
«ตอบ #1074 เมื่อ25-09-2018 06:38:49 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่34 P36(240961)
«ตอบ #1075 เมื่อ25-09-2018 09:27:11 »



 :angry2:  ตอนนี้การกระทำของอาต๋านี่น่าโมโห ถึงจะมีเหตุว่าเพราะอาชีพของตนว่าเป็นนายพรานก็เห่อะ


แต่เนาะ เรื่องทั้งหมดมันเริ่มมาจากมนุษย์ทั้งนั้น  :katai1:


เราทำใจไว้ก่อนเพื่อรออ่านมาม่าตอนต่อไป  :ling3:







ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่34 P36(240961)
«ตอบ #1076 เมื่อ25-09-2018 16:19:47 »

่ทุ่มเทแบบทุ่มเทมากเกินไป ฮือออออออ จิ้งจอกไฟจะสำนึกได้มั้ย  :katai1:

ออฟไลน์ noteno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: Sunrise in the forest บทที่34 P36(240961)
«ตอบ #1077 เมื่อ26-09-2018 09:27:12 »

 :เฮ้อ: สรุป..มนุษย์นี่เเหละตัวร้าย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ pubpibs

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่34 P36(240961)
«ตอบ #1078 เมื่อ26-09-2018 09:38:55 »

 :L2:
 :กอด1:

ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Sunrise in the forest บทที่34 P36(240961)
«ตอบ #1079 เมื่อ26-09-2018 11:57:06 »

 :กอด1: ตอนใหม่ได้แบบไม่รู้ตัว  :pig4:

พออ่านแล้วก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง  :o11:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2018 16:58:18 โดย yunjae_yusoo_mi »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด