----The Dark Prince ---- เดเมี่ยน&มิคาเอล ---- บทที่ 70 ตราบชั่วนิรันดร์ (จบบริบูรณ์)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ----The Dark Prince ---- เดเมี่ยน&มิคาเอล ---- บทที่ 70 ตราบชั่วนิรันดร์ (จบบริบูรณ์)  (อ่าน 33964 ครั้ง)

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :mew2: มิคาเอล สู้ ๆน่ะ การที่อยู่ ๆ ดีคนที่เรารักเรียกแล้วไม่ฟื้นนี่เป็นอะไรที่ทรมานสุด ๆ สงสารเดเมี่ยนด้วยน่ะ เจ้าชายเจอแต่เรื่องที่ต้องผิดหวังตลอดเลยอ่ะ  :katai1:

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


 

บทที่ 66 คนแปลกหน้า

 

หลังจากที่องค์เดเมี่ยนพามิคาเอลมาถึงที่โรงพยาบาล แทบทั้งโรงพยาบาลก็ดูวุ่นวายไปหมด แมททิวกับองครักษ์อีกสองคนเดินทางมาด้วยกับองค์เดเมี่ยนในเฮลิคอปเตอร์ หลังจากนั้นองครักษ์อีกหลายสิบคนก็เดินทางตามมาสบทบที่โรงพยาบาล เพื่อคอยอารักขาทั้งองค์เดเมี่ยนและว่าที่

พระชายา หากนั่นยังวุ่นวายไม่พอ องค์เดเมี่ยนที่ปกติอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว ในตอนนี้ยังร้อนยิ่งกว่าหินเหลวในปล่องภูเขาไฟเสียอีก พระองค์ทรงขู่ และปลอบเหล่าคณะแพทย์ จนทุกคนต่างหวาดกลัวกันถ้วนหน้า

 

“ทำไมหมอยังไม่มา แล้วใครดูแลมิคาเอล” ทรงตวาดถามเหล่านางพยาบาล

“เอ่อ… ว่าที่พระชายาถูกพาไปเตรียมตัวเพื่อเข้าผ่าตัดเพคะ ส่วนคุณหมอกำลังเตรียมตัวเช่นกัน คุณหมอกำลังมาเพคะ” พยาบาลใจกล้าคนหนึ่งตอบ

“ทำไมทำอะไรกันชักช้าแบบนี้ หากมิคาเอลเป็นอะไรไป พวกเจ้าทุกคนต้องรับผิดชอบ” องค์เดเมี่ยนตวาดเสียงดัง

“คุณหมอปิแอร์ มาแล้วเพคะ” พยาบาลกล่าว องค์เดเมี่ยนหันขวับ และเดินเข้าไปหา

“เจ้าจะเป็นคนผ่าตัดมิคาเอลใช่ไหม” ทรงตรัสถาม

“ขอรับ ฝ่าบาท” หมอปิแอร์กล่าวด้วยสำเนียงฝรั่งเศส

“หากเจ้าทำให้มิคาเอลปลอดภัยเราจะให้รางวัลเจ้าอย่างงาม” ทรงตรัส ก่อนจับคอเสื้อหมอเข้ามาใกล้ และกระซิบข้างหูด้วยเสียงเย็นยะเยือก เป็นภาษาฝรั่งเศสแบบชัดถ้อยชัดคำว่า

“แต่หากเจ้าทำให้มิคาเอลเป็นอะไรไป เราจะทรมานเจ้า จนเจ้าร้องขอความตายแทนการมีชีวิตอยู่” ทรงตรัส หมอปิแอร์หน้าซีด เหงื่อตก

“กระหม่อมจะทำอย่างสุดความสามารถ” หมอปิแอร์กล่าวรวดเร็ว

“มิคาเอลจะต้องมีชีวิตอยู่ จำเอาไว้” ทรงตรัสเสียงกร้าว

 

จนหมอพอลเดินเข้ามา และตบหน้าพระองค์อย่างแรง ทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆ กัน

“กระหม่อมกำลังรักษาคนขาดสติอยู่ พระองค์รู้สึกดีขึ้นหรือยัง หากยังไม่หยุดข่มขู่ แล้วทีมแพทย์จะปฏิบัติหน้าที่กันได้อย่างไร กระหม่อมเป็นหมอ ก็ย่อมอยากจะช่วยชีวิตคนไข้อยู่แล้ว พระองค์ไม่ต้องทรงกังวลไป”

หมอพอลดุ

“เราขอโทษ เราเป็นห่วงมิคาเอล” องค์เดเมี่ยนกล่าว ด้วยความเจ็บปวด

“กระหม่อมทราบ ก้อนเนื้อใหญ่พอสมควร ขนาดประมาณ ลูกกลอฟ ดังนั้นกระหม่อมคาดว่าการผ่าตัดจะใช้เวลาอย่างน้อย 5 ชั่วโมง กระหม่อมจะให้คนพาพระองค์ไปที่ห้องรับรองพิเศษ และกระหม่อมขอให้พระองค์รอในนั้น และให้องครักษ์รออยู่ในบริเวณนั้นเช่นกัน ตอนนี้โรงพยาบาลวุ่นวายมากเกินไปแล้ว” หมอพอลกล่าว

“แต่เราอยากอยู่รอที่นี่” ทรงตรัส

“กระหม่อมจะรีบไปพบพระองค์ทันทีที่การผ่าตัดเสร็จสิ้น หลังการผ่าตัดกระหม่อมจะให้พระองค์เยี่ยมพระสนมแบบเงียบๆ ได้เป็นกรณีพิเศษ กระหม่อมต้องไปแล้ว คุณแมททิวดูแลองค์เดเมี่ยนด้วย” หมอพอลกล่าว แมททิวพยักหน้าและพาองค์เดเมี่ยนไปรอที่ห้องรับรองพิเศษ

 

เกือบ 6 ชั่วโมงแล้วหมอก็ยังไม่ออกมา องค์เดเมี่ยนเดินไปเดินมาราวกับเสือติดจั่น ในตอนนี้ใครก็เข้าหน้าไม่ติด พระองค์รู้สึกว้าวุ่นใจเป็นที่สุด หวาดกลัวเหลือเกินว่ามิคาเอลจะจากไป พระองค์เฝ้าภาวนาขอให้คนตัวเล็กปลอดภัย ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรพระองค์ก็ยอม ต่อให้เอาชีวิตของพระองค์ไปแทนพระองค์ก็ยอม ตลอดชีวิตนี้มีเพียงมิคาเอลที่พระองค์รักมากขนาดนี้ หากจะต้องเสียมิคาเอลไป พระองค์ก็ไม่รู้ว่าจะทนอยู่ต่อไปได้อย่างไร และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังการผ่าตัด ต่อให้มิคาเอลกลายเป็นคนพิการ พระองค์ก็จะรักและดูแลคนตัวเล็กของพระองค์ตลอดไป ในตอนนี้พระองค์เฝ้าอ้อนวอนต่อคนบนฟ้า ต่อพระเจ้า ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขอให้มิคาเอลมีชีวิตอยู่ ขอให้ปลอดภัย ขอให้คนตัวเล็กอย่าได้จากไปจากชีวิตของพระองค์เลย

 

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เมื่อเข้าไปในชั่วโมงที่ 7 ในที่สุดทีมแพทย์ก็ออกมาจากห้องผ่าตัด เมื่อองค์เดเมี่ยนรู้ พระองค์ก็รีบรุดหน้าไปพบกับหมอพอล และ หมอปิแอร์ทันที

“มิคาเอล... เป็นอย่างไรบ้าง” ทรงถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง

อย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นพระองค์เป็นแบบนี้มาก่อน

“การผ่าตัดประสบความสำเร็จอย่างดีขอรับ โชคดีที่เราสามารถเอาตัวก้อนเนื้อออกมาได้ทั้งหมด หมอปิแอร์เก่งมากครับ ว่าที่พระชายามิคาเอลปลอดภัยแล้ว แต่เราคงจะต้องตรวจเช็คอาการผลข้างเคียงอีกครั้ง เมื่อเธอรู้สึกตัว” หมอพอลกล่าว องค์เดเมี่ยนดูโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด น้ำตาของพระองค์ไหลรินออกมาด้วยความดีใจ กอดหมอพอลไว้

“ขอบใจ” ทรงตรัส แล้วหันมากอดหมอปิแอร์ด้วยเช่นกัน

“ขอบใจมาก เราขอโทษที่เสียมารยาทก่อนหน้า” ทรงตรัสกับหมอปิแอร์ ที่มองคนตรงหน้าอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย กับความเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจ แอบทึ่งที่หมอพอลกำหราบเจ้าชายได้อย่างอยู่หมัด

 

"กระหม่อมกำลังจะย้ายว่าที่พระชายาไปที่ห้องพักฟื้น อีกครึ่งชั่วโมงพระองค์ก็จะเข้าเยี่ยมได้ กระหม่อมหมายถึง พระองค์เข้าไปอยู่ในห้องได้ แต่ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามรบกวน ห้ามปลุกคนไข้ เข้าใจใช่ไหมขอรับ”

หมอพอลกำชับ

“ขอบใจ”

 

องค์เดเมี่ยนนั่งอยู่ข้างเตียงตลอดเวลาจ้องมองไปที่คนตัวเล็กตรงหน้าด้วยความห่วงใย เช้าแล้วแต่คนตัวเล็กก็ยังไม่ตื่น ใบหน้าหวานยังคงนอนหลับตา เสียงหายใจเข้าออกยาว อย่างสม่ำเสมอ ที่ศรีษะมีผ้าพันแผลพันอยู่ ในการผ่าตัดหมอเพียงแค่โกนผมเฉพาะส่วน บริเวณที่ผ่าตัดเท่านั้น สมองส่วนที่ได้รับการกระทบกระเทือนคือสมองส่วนหน้า หรือ Cerebrum ซึ่งเป็นสมองที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ความจำ และเป็นศูนย์รวมการรับรู้สัมผัสต่างๆ ทั้งการมองเห็น ได้ยิน รับรส และ ดมกลิ่น รวมไปถึงทักษะในการพูดอีกด้วย หมอกล่าวว่า มิคาเอลอาจได้รับผมกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรืออาจจะหลายอย่างรวมกัน

 

สายน้ำเกลือ และสายเลือด ห้อยระโยงระยาง จนพระองค์รู้สึกเจ็บปวดที่เห็น หากเป็นไปได้ พระองค์อยากจะเป็นคนที่นอนเจ็บอยู่เสียเอง พระองค์กอบกุมมือของมิคาเอลเอาไว้ ก้มลงจุมพิตที่มือเบาๆ ปรารถนาอยากให้

มิคาเอลตื่นขึ้นเสียที

“มิคาเอล เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้วคนดี”

 

ไมเคิลรู้สึกเหมือนแหวกว่ายอยู่ในน้ำ ร่างกายรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก อาการปวดหนึบๆ ที่ศรีษะข้างขวา ในขณะที่เขารู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำ อยู่ดีๆ เขาก็ได้ยินเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น

 

‘มิคาเอล เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้วคนดี’

 

น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความห่วงใยจนไมเคิลรู้สึกเศร้าสร้อย เพียงแค่ได้ยิน น้ำเสียงฟังคุ้นหู แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามคิดเท่าไหร่ ก็คิดไม่ออกว่าเขาเคยได้ยินเสียงนี้มาจากที่ไหน เขาพยายามจะลืมตาขึ้น แต่เปลือกตาก็ดูจะหนักอึ้งเสียเหลือเกิน แม้จะพยายาม แต่ดูเหมือนเขาจะไม่อาจฝืนทนต่อความง่วงงุนได้ เขาจึงจมดิ่งลงสู่นิทราอีกครั้ง

 

ไมเคิลค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาบนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล เขาจำไม่ได้ ว่าทำไมเขามาอยู่ในโรงพยาบาล เขารู้สึกว่าเขาหลับไปนานเหลือเกิน ความฝันอันลางเลือนจับต้นชนปลายไม่ถูก แถมเขายังฝันถึงเจ้าชายอีกต่างหาก เขารู้สึกปวดศรีษะ เมื่อเอามือมาคลำก็พบว่ามีผ้าพันแผลพันอยู่ หรือว่าเขาจะประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่ว่าจะคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก พอดีมีพยาบาลเดินเข้ามา แต่เมื่อเห็นไมเคิล พยาบาลก็หน้าตาตื่น และรีบวิ่งออกไป ไมเคิลสับสนและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

องค์เดเมี่ยนก็ยังคงนั่งเฝ้ามิคาเอลอยู่ไม่ยอมห่าง แต่ความอดทนของพระองค์ก็หมดลง เมื่อเข้าสู่เช้าในวันที่สอง แต่มิคาเอลก็ยังไม่ฟื้น พระองค์เดือดดาลหนักหนา เดินออกจากห้องพักฟื้นของมิคาเอลออกไปอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะออกไปแผลงฤทธิ์ข้างนอก

 

“หมอพอล กับ หมอปิแอร์อยู่ที่ไหน” ทรงตวาดใส่พยาบาล

“หมอปิแอร์ยังไม่เข้ามาเพคะ ส่วนหมอพอลอยู่ในออฟฟิตเพคะ”

พยาบาลผู้โชคร้ายตอบ

“นำทางเราไปหาหมอพอล” ทรงตรัสเสียงเย็น

จนแมททิวต้องรีบเข้ามาห้าม

“ฝ่าบาท ใจเย็นลงก่อนขอรับ” แมททิวกล่าวเตือนสติ

“เดี๋ยวนี้!!!!” ทรงตะคอกใส่พยาบาล และปัดแมททิวออกห่าง

 

“หากเจ้ายังรักชีวิตอันไร้ค่าของเจ้าอยู่ก็อย่ามาขัดขวางเรา” ทรงหันมาตรัสกับแมททิว พยาบาลผู้โชคร้ายเห็น และได้ยินเต็มสองหูรีบกุลีกุจอพาองค์เดเมี่ยนไปหาหมอพอล เมื่อพระองค์เข้าไปถึง พระองค์ก็ตบโต๊ะเสียงดัง และถามด้วยเสียงเย็นยะเยือกจนหมอพอลยังไม่กล้าหายใจแรง

“ทำไม มิคาเอล ยังไม่ฟื้น”

ทรงตรัส พยายามอย่างยากเย็นจะระงับความโกรธนี้

“ฝ่าบาท ใจเย็นก่อนสิขอรับ คนไข้ผ่าตัดสมองแต่ละคนอาการไม่เหมือนกัน กระหม่อมจะไปตรวจดูอาการเดี๋ยวนี้” หมอพอลกล่าว พอดีกับที่พยาบาลอีกคนวิ่งเข้ามาหา และรีบรายงานทันที

 

“ว่าที่พระชายา... ว่าที่พระชายาฟื้นแล้วเพคะ”

พยาบาลกล่าว แต่เพียงแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว องค์เดเมี่ยนรีบวิ่งกลับไปที่ห้องพักฟื้น โดยมีหมอพอลเดินตามมาห่างๆ

 

องค์เดเมี่ยนเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้ามาถึงพระองค์ก็เห็นพยาบาลพยุงให้มิคาเอลลุกขึ้นนั่งบนเตียง พระองค์ยิ้มออกมาอย่างกว้างขวาง รีบตรงเข้ามาหาเอื้อมมือมาจับมือของคนตัวเล็กไว้ และยกขึ้นจุมพิตอย่างรักใคร่

 

“มิคาเอล เจ้าฟื้นแล้ว เราดีใจเหลือเกิน”

ทรงตรัส แต่พระองค์ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ใบหน้าหวานดูสับสน และตื่นตระหนก ไม่ได้แสดงความตื่นเต้นดีใจ ที่เห็นพระองค์ ตรงกันข้าม คนตัวเล็กกลับแสดงสีหน้าเย็นชา และพยายามจะดึงมือออก ราวกับว่าไม่รู้จักพระองค์มาก่อน

 

“คุณ... เป็นใคร... ปล่อย!” มิคาเอลพูดอย่างยากลำบาก ตกใจที่อยู่ๆ คนแปลกหน้าก็มาจับมือเขาเอาไปจูบแบบนี้

“มิคาเอล นี่เราเอง เราคือเจ้าชายเดเมี่ยน และเจ้าก็เป็นว่าที่พระชายาของเรา” ทรงตรัสอย่างเจ็บปวด เมื่อคนตัวเล็กมองมาที่พระองค์ด้วยสายตาที่เย็นชา และรังเกียจ

“ปล่อยผม… ผมชื่อไมเคิล … ผมไม่ใช่มิคาเอล… และผมก็ไม่รู้จักคุณ”

ไมเคิลกล่าว องค์เดเมี่ยนรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาดใส่ แม้จะเตรียมใจไว้แล้วแต่พอมาได้ยิน พระองค์ก็รู้สึกเจ็บเหลือเกิน พระองค์ปล่อยมือช้าๆ อย่างไม่เต็มใจนัก หมอพอลที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ จึงเดินเข้ามาหาและทักทาย

“สวัสดีครับ คุณไมเคิล มิลลส์ ผมคือหมอพอล ผมมีหน้าที่ดูแลคุณ ผมมีคำถามจะถามคุณสักหน่อยนะครับ” หมอพอลทักทาย ตบไหล่ปลอบ

องค์เดเมี่ยนเบาๆ

 

หลังจากที่หมอพอลตรวจเช็คคร่าวๆ จึงรู้ว่า แขนข้างซ้ายของไมเคิลมีอาการชา แต่ยังทำงานได้เป็นปกติ แต่ขาข้างซ้ายตั้งแต่หัวเข่าลงไปในตอนนี้ยังไม่ตอบสนองความรู้สึก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุด ไมเคิลสูญเสียความทรงจำทั้งหมด ในช่วงหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา เขาไม่มีความทรงจำใดๆ เกี่ยวกับคานาเดียเลย และยิ่งไม่มีความทรงจำใดๆ เกี่ยวกับเจ้าชายเดเมี่ยนแม้แต่น้อย

 

 

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :เฮ้อ: รู้สึกสะใจนิด ๆ ที่ไมเคิลจำเดเมี่ยนไม่ได้ โดนซะบ้าง 555 แต่อย่านานไปน่ะ เราก้อสงสารเดเมี่ยนน้า  :ruready

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 

 

บทที่ 67 ความคุ้นเคย

 

มิคาเอลได้รับการดูแลอย่างดี จากทั้งหมอ พยาบาล และองค์เดเมี่ยน หลังจากที่มิคาเอลฟื้นขึ้นมาได้สองวัน องค์เดเมี่ยนก็รับสั่งให้ย้ายมิคาเอล

กลับไปที่วิลล่า และให้หมอปิแอร์มาอยู่คอยดูแลที่วิลล่า พร้อมกับพยาบาลพิเศษถึงห้าคน คอยสลับสับเปลี่ยนกันมาดูแลมิคาเอลอย่างใกล้ชิด พระองค์สั่งให้เนรมิตบริเวณสำหรับทำกายภาพบำบัดให้กับมิคาเอล สั่งซื้ออุปกรณ์ราคาแพงในการทำกายภาพบำบัดที่ทันสมัยหลายต่อหลายชิ้น และจ้างนักกายภาพบำบัดสองคนมาดูแลมิคาเอลโดยเฉพาะ และยังให้หมอไคโรแพรคติกมานวดให้อีกด้วย

 

หนึ่งเดือนผ่านไปอาการของไมเคิลก็ดีขึ้นตามลำดับ มือและแขนข้างซ้ายไม่มีอาการชาแล้ว แต่ยังอ่อนแรง และยังต้องทำกายภาพอย่างต่อเนื่อง ขาข้างซ้ายก็มีอาการดีขึ้นมาก เขาสามารถยืนและเดินในระยะสั้นๆ ได้ แต่คงยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่เขาจะเดินได้เป็นปกติ ในตอนนี้เขายังต้องนั่งรถเข็นไฟฟ้าไปก่อน แต่สิ่งเดียวที่ไม่พัฒนาขึ้นเลยคือความทรงจำของเขา เขายังคงจำอะไรเกี่ยวกับวิลล่า และเจ้าของวิลล่าที่เขาอยู่ไม่ได้สักอย่าง

 

แม้องค์เดเมี่ยนจะดีกับเขามาก แต่ลึกๆ เขากลับรู้สึกหวาดกลัวคนๆ นี้อย่างบอกไม่ถูก แม้ทุกคนจะยืนยันว่าเขาเป็นว่าที่พระชายาจริงๆ เขาก็ยังไม่อยากเชื่อ ในตอนนี้เขานอนแยกห้องกับพระองค์ แต่กระนั้นพระองค์จะมาอยู่ในห้องเป็นเพื่อน จนกว่าเขาจะหลับทุกคืน แต่สำหรับไมเคิลเขากลับรู้สึกอึดอัด ที่พระองค์ทำแบบนั้น ช่วงเวลาที่เขาสบายใจที่สุดจึงเป็นช่วงที่องค์เดเมี่ยนเสด็จไปทรงงาน หลังจากเขาเข้ามาอยู่ที่วิลล่า องค์เดเมี่ยนก็มอบแหวนวงหนึ่งที่มีตราสัญลักษณ์ของพระองค์ให้กับเขา ทรงบอกเพียงว่ามันเป็นแหวน ที่พระองค์เคยให้เขาไว้ก่อนหน้าแล้ว แม้จะอยากปฏิเสธ แต่พระองค์ก็บังคับสวมใส่ให้โดยที่เขาไม่ได้เต็มใจ

 

องค์เดเมี่ยนพูดถึงตัวเองน้อยมาก กระนั้นพระองค์ก็ใจดีและรับฟังคำขอร้องของเขาเสมอ แต่หลายต่อหลายครั้งที่พระองค์จ้องมองเขาด้วยสายตาที่ดูเจ็บปวด และเศร้าสร้อย พระองค์แทบไม่เคยแตะต้องเขาอีก นับจากวันที่เขาตื่นขึ้นมา นอกเสียจากว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ พระองค์ก็จะเข้ามาอุ้มเขาเสมอ เหมือนกับตอนนี้

 

“เจ้าน้ำหนักลงอีกแล้วใช่ไหม ทำไมเจ้าไม่ทานอะไรบ้าง” ทรงถาม

“ผมขอโทษครับ” มิคาเอลกล่าวขอโทษ หวาดกลัวคนตรงหน้า พระองค์มองคนตรงหน้าด้วยความทรมาน

“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ เราแค่เป็นห่วงเจ้า เราอยากให้เจ้าแข็งแรงเร็วๆ” ทรงตรัส อยากจะจูบคนตรงหน้า แต่พอเห็นสีหน้าที่หวาดกลัว พระองค์ก็หักห้ามใจ ค่อยๆ วางคนตัวเล็กลงนั่งที่เก้าอี้ในห้องน้ำ

“ผมอาบน้ำเองได้ครับ ขอบคุณครับ ฝ่าบาท” มิคาเอลกล่าวอยากให้พระองค์ออกไปเร็วๆ

“ให้เราทำให้ไม่ได้เหรอ” พระองค์คุกเข่าลงต่อหน้า และตรัสถาม

“พยาบาลก็มี ให้พยาบาลทำก็ได้ครับ” มิคาเอลกล่าวปฏิเสธ

“เราอยากทำให้เจ้า”

ทรงตรัส เดินไปเปิดน้ำใส่อ่างจากุซซี่ ที่พระองค์สั่งให้มาติดตั้งให้มิคาเอลโดยเฉพาะ เนื่องจากได้รับคำแนะนำว่าระบบน้ำวนจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และระบบประสาทให้แก่มิคาเอล พระองค์เทสบู่เหลวลงไป และเปิดระบบน้ำวนจนฟองสบู่เต็มอ่าง พระองค์จึงเดินกลับมาหาคนตัวเล็ก

 

มิคาเอลหน้าแดงเมื่อคิดว่าจะต้องเปลือยกายต่อหน้าเจ้าชายเดเมี่ยน

“ฝ่าบาท ผมอาบเองได้ครับ” มิคาเอลรีบปฏิเสธ แต่องค์เดเมี่ยนกลับทำหน้าไม่พอใจ

“หากเจ้าล้มไปจะทำอย่างไร” ทรงตรัสถาม มิคาเอลจึงก้มหน้าลง

เมื่อโดนดุ พระองค์ก็ทรงรู้สึกผิด คุกเข่าลงต่อหน้าคนตัวเล็ก

“มิคาเอล เราขอโทษ เราเป็นห่วงเจ้า เรารักเจ้า เราไม่ต้องทำงานในวันนี้ เราก็อยากอยู่กับเจ้า ดูแลเจ้า” ทรงตรัสอย่างอ่อนโยน ด้วยน้ำเสียงที่แสนเศร้าจนมิคาเอลรู้สึกผิด

“ผมขอโทษครับที่จำอะไรไม่ได้ ผม… ในตอนนี้ผมไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร สำหรับผม พระองค์เหมือนคนแปลกหน้า อยู่ดีๆ จะให้ผมตอบรับรักพระองค์ ผมก็ทำไม่ได้” มิคาเอลตอบตามตรง

“เรารู้ และเราเข้าใจดี เราไม่ได้โกรธ แต่อย่างน้อยขอให้เราได้รักเจ้าจะได้ไหม” ทรงตรัสถาม

“ผมทราบครับว่าพระองค์รัก…มิคาเอล แต่สำหรับผม ผมไม่ใช่มิคาเอล ผมคือไมเคิล” คนตัวเล็กกล่าว

“ไม่ว่าจะเป็นไมเคิลหรือมิคาเอล เจ้าก็ก็คือคนๆ เดียวกัน เจ้าคือเจ้าของหัวใจของเรา” ทรงตรัสอย่างจริงจัง จนมิคาเอลหน้าแดง

“ผมไม่ชินกับการพูดแบบนี้ของพระองค์” มิคาเอลกล่าว

“เรารักเจ้า เราพูดตามความจริง” ทรงตรัส

“ผมก็ยังไม่ชินอยู่ดี” มิคาเอลกล่าว พระองค์จึงโน้มตัวเข้ามาใกล้ และจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากของคนตัวเล็ก มิคาเอลก็หน้าแดง

“เราทำกับเจ้ามากกว่านี้ด้วยซ้ำ” ทรงตรัส เมื่อเห็นคนตัวเล็กหน้าแดงจัด

“มาเถอะ เดี๋ยวน้ำจะเย็นเสียก่อน” ทรงตรัสและทำท่าจะช่วยมิคาเอลถอดเสื้อผ้า

“ผมถอดเองได้ครับ พระองค์หันหลังด้วย” มิคาเอลรีบประท้วง นี่เป็นวันแรกที่องค์เดเมี่ยนทำแบบนี้กับเขา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พระองค์แทบจะไม่แตะต้องเขาเลย แต่ตอนนี้กลับเอาแต่จะลวนลามเขา

“เราเห็นของเจ้าหมดแล้ว และเราก็ทำมากกว่าแค่เห็นด้วย” ทรงตรัสแต่ก็โดนมิคาเอลปาเสื้อใส่ พระองค์ก็หัวเราะเบาๆ และหันหลังให้

 

“แล้วเจ้าจะลงอ่างอย่างไร” ทรงถาม

“ผมเดินได้ครับ” มิคาเอลตอบ พระองค์ส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของคนตัวเล็ก สุดท้ายพระองค์ก็หันหน้ามา พอมิคาเอลเห็นก็ตกใจ และทำท่าจะล้มลง พระองค์ก็เข้าไปช้อนร่างเอาไว้ ชั่วขณะหนึ่งภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของมิคาเอล แต่เขาก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เมื่อรู้ตัว ว่าเขาเปล่าเปลือย อยู่ในอ้อมกอดขององค์เดเมี่ยน เขาก็ยิ่งเขินอายเข้าไปอีก

“เจ้าจะเขินอายไปทำไม เราบอกแล้วไง ว่าเราเห็นของเจ้าหมดแล้ว และเจ้าก็งดงามมากที่สุดด้วย” ทรงตรัส ก้มลงจุมพิตที่แก้มของคนตัวเล็กเบาๆ

“อย่าครับ ฝ่าบาท ผมขอร้อง” มิคาเอลผลักใบหน้าของพระองค์ออก พระองค์จึงหยุด และพาคนตัวเล็กลงไปในอ่างน้ำวน

 

มิคาเอลดูผ่อนคลายลง เมื่อแช่อยู่ในน้ำ จริงๆ แล้วเขาเพิ่งได้อาบน้ำในอ่างเป็นครั้งแรก เพราะอ่างสูงเกินกว่าเขาจะก้าวลงไปได้ และเขาก็ยังลุกขึ้นเองไม่ได้ แต่ในขณะที่มิคาเอลกำลังผ่อนคลาย แขกไม่ได้รับเชิญก็ก้าวลงมาในอ่างด้วย

 

“ฝ่าบาท ทรงทำอะไรครับ”

มิคาเอลเอ่ยถามแล้วก็ยิ่งหน้าแดงเมื่อเห็นร่างเปลือยของพระองค์ ร่างของพระองค์กึ่งหลับกึ่งตื่นยังมีขนาดใหญ่ขนาดนั้น แล้ว... มิคาเอลรีบไล่ความคิดออกไปกระเถิบตัวออกห่างจากองค์เดเมี่ยนที่นั่งลงข้างหลังเขา

“เจ้าจะไปไหน” ทรงตรัสถาม รั้งร่างเล็กเข้ามาใกล้ และกอดเอาไว้

“ฝ่าบาท ใจร้าย คนฉวยโอกาส” มิคาเอลต่อว่า เมื่อหนีไม่พ้น

“เรารอเจ้ามาทั้งเดือนแต่เจ้าก็ยังจำเราไม่ได้ เราไม่อยากรอแล้ว” ทรงตรัสรั้งคนตัวเล็กเข้ามากอด

“เรารักเจ้า เราคิดถึงเจ้า เราห้ามตัวเองไม่ให้สัมผัสเจ้ามาตลอด เพราะเรากลัวเจ้าจะเกลียดเรา” ทรงตรัส และกอดมิคาเอลเอาไว้ คนตัวเล็กหน้าแดงเมื่อร่างกายแนบชิดไปกับพระองค์แบบนี้

“ฝ่าบาท ปล่อยครับ” มิคาเอลขืนตัวออก

“เราอยากกอดเจ้าไม่ได้เหรอ” ทรงถาม

“กอดแบบนี้มันมากเกินไป” มิคาเอลกล่าว หน้าแดง

“เราทำให้เจ้าตื่นตัวหรือ” ทรงถามหยอกเย้า

“ฝ่าบาท!” มิคาเอลทำเสียงดุ แต่พระองค์กลับหัวเราะเบาๆ

“จริงๆ เราก็เคยร่วมรักกับเจ้าในอ่างน้ำนี่นา มาลองฟื้นความหลังกันไหม” ทรงถาม

“ไม่เอาครับ” มิคาเอลปฏิเสธอย่างจริงจัง

“งั้นเราจะสระผมให้เจ้า เจ้าเคยทำให้เรามาก่อน เราจะทำให้เจ้าบ้าง” ทรงตรัสรั้งคนตัวเล็กเข้ามาหา และเทแชมพูสระผมให้กับคนตัวเล็ก

 

มิคาเอลนั่งนิ่งให้พระองค์ทำให้ ชั่ววินาทีที่ภาพบางอย่างปรากฎขึ้นในหัวอีกครั้งอย่างเลือนลาง และจางหายไป องค์เดเมี่ยนสระผมให้กับเขาอย่างเบามือ รอยแผลเป็นจากการผ่าตัดเป็นเพียงรอยจางๆ ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ผมสีน้ำตาลอ่อนสวยของมิคาเอล แต่เมื่อทรงรู้สึกถึงรอยแผล พระองค์ก็อดรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาไม่ได้ ที่ต้องเห็นคนที่พระองค์รักต้องมาทรมานแบบนี้

 

“นอนลงสิ เราจะล้างผมให้” ทรงตรัส มิคาเอลจึงนอนลงอย่างว่าง่าย แปลกใจที่องค์เดเมี่ยนอ่อนโยน และดีกับเขามากถึงเพียงนี้ แต่เมื่อสระผมเสร็จ

มิคาเอลก็ค่อยๆ ถอยออกห่างพระองค์

“ผมได้ยินว่าพระองค์เจ้าชู้ และมีสนมหลายคน” มิคาเอลกล่าวขึ้น นั่งชิดขอบของอีกฝั่งของอ่าง หันหน้าเข้าหาพระองค์แทน

“เราเคยมีสนมหลายคน จนมาเจอเจ้า” ทรงตรัสมองคนตรงหน้าอย่างรักใคร่

“ทำไมครับ”

“เจ้าไม่ชอบคนเจ้าชู้ เจ้าขอให้เรามีเจ้าคนเดียว” ทรงตรัส

“แต่พระองค์เป็นเจ้าชาย พระองค์มีสิทธ์ ไม่ใช่เหรอครับ” มิคาเอลถาม

“ใช่ แต่เจ้าขี้หึง เวลาเจ้าหึง เจ้าก็เอาแต่จะพยายามหนีไปจากเรา” ทรงตรัส

“ผม...” มิคาเอลหน้าแดง

“เราก็ขี้หึงนะ แล้วเราก็หวงเจ้าด้วย  เราไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัวเจ้า โดยเฉพาะเจ้านักกายภาพบำบัดทั้งสองคนนั้น” ทรงตรัสเสียงเย็น

“ทอมมี่ กับ เรย์ ก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นเอง” มิคาเอลกล่าวปกป้อง

“และเราก็ไม่ชอบให้เจ้าเรียกชื่อชายอื่นต่อหน้าเรา” ทรงตรัส

“เอ่อ... ผมขอโทษครับ”

“เราควรจะลงโทษเจ้าอย่างไรดี” ทรงถาม

“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” มิคาเอลเถียง

“ผิดสิ เจ้ายังเรียกชื่อชายคนอื่น ยอมให้คนอื่นจับต้องตัวเจ้า แต่เจ้ากลับไม่ยอมเรียกชื่อเรา ไม่ยอมให้เราสัมผัส ขนาดอยู่ในอ่างน้ำ เจ้ายังหนีเราไปอยู่ตรงนั้น” ทรงตรัสอย่างน้อยใจ

“ผม... ขอโทษครับ... ผมอาย” มิคาเอลกล่าว

“เจ้าไม่จำเป็นต้องอาย เจ้างดงามที่สุด กลับมาหาเรา” ทรงตรัส พร้อมกับยื่นมือออกมาหา มิคาเอลแปลกใจเหมือนเคยได้ยิน และเห็นภาพนี้มาก่อน เขาค่อยๆ เขยิบเข้ามาหา พระองค์รั้งเขาเอาไว้ และพาไปนั่งบนตัก ร่างของพระองค์ตื่นตัวและเสียดสีอยู่กับก้นของเขา มิคาเอลตกใจ แต่พระองค์ก็กอดเขาเอาไว้

“เราจะไม่ทำอะไรเจ้า เราจะไม่ทำอะไรที่เจ้าไม่ต้องการ เราสัญญา” ทรงตรัส ขยับร่างของพระองค์ออกแต่มิคาเอลก็ยังรู้สึก

“เราไม่ได้ร่วมรักกับเจ้ามาตั้งเดือน ในตอนนี้เจ้ามาอยู่ตรงหน้า ร่างกายเราก็ตอบสนองเป็นธรรมดา” ทรงตรัสราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่

“ร่วมรัก ... ผมกับพระองค์ ... เรา...” มิคาเอลถามอย่างเขินอาย หน้าหวานแดงเรื่อไปหมด

“เราร่วมรักกับเจ้าแทบทุกคืน และเจ้าก็พึงพอใจที่ร่วมรักกับเรา” ทรงตรัส มิคาเอลตกใจ ในความทรงจำของเขา เขาไม่เคยร่วมรักกับใคร แล้วทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงได้

“เราเป็นคนแรกและคนเดียวของเจ้า” ทรงตรัส มิคาเอลอายจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว แล้วจู่ องค์เดเมี่ยนก็ลุกขึ้นออกจากอ่าง แม้จะไม่อยากมอง แต่ก็เหมือนเขาจะละสายตาจากพระองค์ไม่ได้ ร่างกายอันกำยำ มีแต่กล้ามเนื้อ อีกครั้งที่เขารู้สึกคุ้นเคยกับร่างกายนี้เสียเหลือเกิน พระองค์หยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบกายไว้ และเดินกลับมาหาคนตัวเล็ก

“ผมยังไม่อยากขึ้นครับ” มิคาเอลปฏิเสธ แต่พระองค์ก็ไม่ฟัง อุ้มร่างของ

มิคาเอลขึ้นจากน้ำ

“อาบนานเกินไป เดี๋ยวเจ้าก็ไม่สบายพอดี” ทรงตรัสดุเบาๆ สายตาของพระองค์ก็ไปเห็นร่างที่กำลังตื่นตัวของมิคาเอลเข้า มิคาเอลหน้าแดง รู้สึกอับอายเหลือเกิน

“เราดีใจ ที่อย่างน้อยร่างกายของเจ้า ก็ยังไม่ลืมเรา” ทรงตรัสและยิ้มออกมา พาร่างเล็กกลับไปในห้องนอน

 

พระองค์วางมิคาเอลบนเตียงแล้ว จึงหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางอุ่นไว้หน้าเตาผิงมาเช็ดตัวให้ อีกครั้งที่มิคาเอลแปลกใจที่คนๆ นี้อ่อนโยนและดีกับเขามากเหลือเกิน แต่เหมือนยิ่งพระองค์สัมผัสเขา เขาก็ยิ่งรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น จนเมื่อพระองค์เอาน้ำมันอัลมอนด์มานวดที่ขาให้กับเขา มิคาเอลก็แทบจะครางออกมา

“เจ้าอยากให้เราช่วยไหม” ทรงตรัสถาม ด้วยรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังเกิดอารมณ์

“ผม...” คนตัวเล็กหน้าแดง ไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

 

พระองค์ยิ้มเอื้อมมือมาสัมผัสที่ปลายเท้าก่อนบีบนวดเบาๆ และไล้ขึ้นสูง พระองค์ยกเท้าของคนตัวเล็กขึ้น ก้มลงจูบที่เท้าของมิคาเอลอย่างแผ่วเบา และค่อยๆ ไล้ขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ พระองค์เอื้อมมือมาปลดผ้าเช็ดตัวออก มิคาเอลเขินอายเอามือมาปิด พยายามจะหนีบขาเข้าหากันแต่พระองค์ก็คุกเข่าและแทรกตัวอยู่ระหว่างขาของเขา พระองค์เงยหน้าขึ้นช้าๆ รั้งใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ ทรงสัมผัสริมฝีปากของมิคาเอลอย่างแผ่วเบา จุมพิตครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างอ่อนโยน อีกครั้ง และอีกครั้ง สติของมิคาเอลก็ดูจะค่อยๆ ล่องลอยไป พระองค์จูบคนตัวเล็กเนิ่นนาน ดูดกลืนความหอมหวานทั้งหมด อย่างโหยหา ลิ้นร้อนของพระองค์หยอกล้อที่ริมฝีปากของคนตัวเล็ก ในที่สุดคนตัวเล็กก็ยอมส่งลิ้นอันหอมหวานมาสัมผัสกับลิ้นของพระองค์ คนตัวเล็กครางออกมาเบาๆ ในคอ อย่างพึงพอใจ แต่พอได้ยินเสียงของตัวเอง มิคาเอลก็รีบถอนริมฝีปากออก ตกใจที่เขาส่งเสียงน่าอายแบบนั้นออกมา และรีบเอามือปิดปากเอาไว้

“เราอยากได้ยินเสียงของเจ้า”

ทรงตรัส ก่อนจะครอบครองยอดทับทิมสีชมพูตรงหน้า พระองค์ดูดกลืนเบาๆ อย่างหิวกระหาย ขบกัดเบาๆ หยอกล้อ มิคาเอลครางออกมาอีกครั้ง เอื้อมมือจับพระองค์ไว้ อยากจะผลักออกแต่ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงหายไปไหน

“เรารักเจ้า มิคาเอล”

ทรงตรัส แล้วจูบไล้ลงต่ำ พระองค์แยกขาของมิคาเอลออก มองร่างที่กำลังตื่นตัวของคนตัวเล็ก

 

“อย่ามอง อย่าครับ” เสียงแผ่วเบาของคนตัวเล็กดังขึ้น

“เจ้ากำลังตื่นตัว ให้เราช่วยนะ” ทรงเสนอ

“อย่าครับ ผมทำเองได้” มิคาเอลตอบปฏิเสธอย่างยากเย็น

“เจ้าปลดปล่อยเองไม่ได้หรอก ร่างกายของเจ้าต้องการเรา” ทรงตรัส ถึงจะอยากปฏิเสธ แต่มิคาเอลก็ไม่อาจหาคำพูดใดๆ มาขัดได้ เพียงพระองค์สัมผัสแผ่วเบา ทุกส่วนของร่างกายเขาก็แทบจะลุกเป็นไฟ ด้วยความปรารถนา

“เจ้าเป็นคนรักของเรา เจ้ากำลังทรมาน ให้เราทำให้เถอะ” ทรงตรัสเสียงแหบพล่า

“ผม...” มิคาเอลพูดได้แค่นั้น พระองค์ก็ก้มลงครอบครองเขา มือใหญ่กอบกุมเขาจากฐาน ลิ้นร้อนตวัดที่ปลายยอดอย่างเร่าร้อน มิคาเอลครางออกมา

 

“นอนลงสิ”

ทรงตรัส รั้งให้คนตัวเล็กนอนลง มิคาเอลทิ้งตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ปล่อยให้พระองค์ร่ายมนต์ต่อไป พระองค์ค่อยๆ ครอบครองเขาไว้ในปาก ดูดกลืนหยดน้ำสีใสที่ไหลซึมออกมา ลิ้นร้อนตวัดรอบ ปากของพระองค์ก็ขยับขึ้นลงดูดดื่มเขาเป็นจังหวะ สอดประสานกับมือใหญ่ที่ขยับไปพร้อมกัน พระองค์เชี่ยวชาญเกินไป ทุกส่วนของมิคาเอลเกร็งตัว บีบรัด เสียงครางดังขึ้น

“ฝ่าบาท ผม... ผม... จะถึงแล้วครับ... อาาาา”

 มิคาเอลพยายามร้องเตือนและผลักพระองค์ออก แต่พระองค์ก็ยังคงครอบครองเขาไว้ ในที่สุดเขาก็ปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นออกมา ในปากของพระองค์ และพระองค์ก็กลืนกินมันทั้งหมด มิคาเอลหอบหายใจ มองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ และยิ่งไม่เข้าใจร่างกายของตัวเอง ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งจะปลดปล่อยไป แต่ความปรารถนาก็ยังไม่ลดลงเลย

 

พระองค์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างกายของพระองค์ใหญ่โตเหลือเกิน เมื่อเทียบกับเขา เมื่อมองต่ำลงร่างของพระองค์ก็ตื่นตัวเต็มที่เช่นกัน ใหญ่โตและแข็งแกร่ง จนเขารู้สึกหวาดกลัว ร่างเล็กถอยร่นหนีพระองค์ แต่พระองค์ก็ตามขึ้นมาบนเตียง มิคาเอลรู้ว่าเขาคงหนีพระองค์ไม่พ้น หลับตาลง และเอามือป้องไว้ แต่พระองค์กลับทิ้งตัวลงเคียงข้างรั้งร่างของเขาเข้าไปกอดแทน

 

“เราบอกแล้วไง ว่าเราจะไม่ทำอะไรที่เจ้าไม่ต้องการ ให้เรากอดเจ้าแบบนี้สักพักนะ” ทรงตรัส รั้งร่างของเขา ขึ้นมาบนร่างของพระองค์ ลูบศรีษะของเขาแนบลงบนหัวใจของพระองค์ อีกครั้งที่มิคาเอลรู้สึกคุ้นเคยกับที่ตรงนี้เหลือเกิน อบอุ่น ปลอดภัย จนน้ำตาของเขาค่อยๆ ไหลออกมา

 

“เจ้าเคยบอกว่า อ้อมกอดของเรา คือบ้านของเจ้า”

ทรงตรัสและจุมพิตแผ่วเบา ลูบไล้ศรีษะเขาอย่างรักใคร่ และทนุถนอม สัมผัสอันอ่อนโยน เสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ ค่อยๆ ปลอบโยน และขับกล่อมมิคาเอลสู่ห้วงนิทรา

 

 

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
ตอนนี้มิคาเอลต้องเอาคืนน่ะจ้ะ 555 อย่าเพิ่งฟื้นความทรงจำ ทรมานเดเมี่ยนไปก่อน  :mew4:

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 

 

บทที่ 68 ความเอาแต่ใจ

 

มิคาเอลลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง แต่พอจำได้ว่าเขาอยู่บนร่างขององค์เดเมี่ยนเขาก็ยิ่งตกใจ แต่พระองค์ก็กอดเขาเอาไว้อย่างอ่อนโยน

“ตื่นแล้วเหรอ” ทรงทักทาย ยิ้มให้เขา

“ครับ” มิคาเอลตอบหน้าแดง พยายามจะขยับตัว แต่ร่างอันเปลือยเปล่าก็เสียดสีกับร่างกายของพระองค์ จนร่างของพระองค์ตื่นขึ้นมาอีก มิคาเอลรู้สึกได้ ก็หน้าแดง

“เราขอโทษ เราปรารถนาเจ้า จนร่างของเรามันเจ็บปวดไปหมดแล้ว อย่าขยับตัวสิ ยิ่งเจ้าขยับเราก็ยิ่งต้องการ” ทรงตรัส สีหน้าดูทรมาน จนมิคาเอลรู้สึกสงสาร

“ปล่อยผมสิครับ” มิคาเอลเสนอ

“เราคิดถึงเจ้า อยากกอดเจ้าไว้นานๆ” ทรงตรัส

“แต่พระองค์กำลังทรมาน” มิคาเอลกล่าวเสียงเบา เขารู้ว่าการไม่ได้ปลดปล่อยมันทรมานขนาดไหน

“เราไม่เป็นไรหรอก ถือเป็นการทำโทษเราไปในตัว ไม่ดีเหรอ” ทรงตรัส

“ผมไม่ได้อยากเห็นพระองค์ทรมานเสียหน่อย” มิคาเอลกล่าว แล้วก็รู้สึกเสียใจ ที่ดูเหมือนเขากำลังขุดหลุมให้กับตัวเอง พระองค์พลิกร่างของเขาลงไว้ใต้ร่างของพระองค์

“งั้นเจ้าจะช่วยเราปลดปล่อยได้ไหม” ทรงตรัสถาม มิคาเอลหน้าแดงจัด

“ผม...” มิคาเอลลังเล พระองค์จึงลุกขึ้น

“เราล้อเล่นน่ะ” ทรงตรัส

“ฝ่าบาท... ผม... ต้องทำยังไงครับ” มิคาเอลกล่าว แทบไม่อยากเชื่อหูว่าเขาพูดออกไป แต่องค์เดเมี่ยนดีกับเขามากเหลือเกิน เขาไม่อยากเห็นแก่ตัวมากไปกว่านี้

“เจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนหรอก เรารู้ว่าเจ้าไม่ได้มีความทรงจำเกี่ยวกับเราอยู่ และเจ้าก็เคยเกลียดการร่วมรักไม่ใช่เหรอ” ทรงตรัสอ่อนโยน มือ ใหญ่ไล้ที่ใบหน้าของมิคาเอลแผ่วเบา

“ผม... กับ ... พระองค์ ...” มิคาเอลเอ่ยถามได้แค่นั้น

“เจ้าทำให้เราคลั่ง ร่างกายของเราปรารถนาเจ้า และเจ้าก็เคยปรารถนาเรามากเช่นกัน” ทรงตรัส มิคาเอลนิ่งเงียบไป

“เราจะไปอาบน้ำ บางทีอาจจะทำให้เราเย็นลง” ทรงตรัสและเดินไปที่ห้องน้ำ

“ฝ่าบาทครับ... ผม” มิคาเอลกล่าวบางอย่างที่พระองค์ไม่ได้ยิน พระองค์จึงเดินกลับมาหา

“เจ้าว่าอะไร” ทรงถาม ลูบศรีษะคนตัวเล็ก

“... ร... ร่วมรัก... กับผม” มิคาเอลกล่าว ใบหน้าหวานแดงจัด

“เจ้าเห็นเราเป็นคนบ้ากามขนาดนั้นเลยหรือ เจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนทำหรอก” ทรงตรัส

“พระองค์รักผมใช่ไหมครับ” มิคาเอลถาม

“เรารักเจ้าหมดหัวใจ” ทรงตอบจริงจัง

“แล้วผมล่ะครับ รักพระองค์หรือเปล่า” มิคาเอลถาม

“สิ่งสุดท้ายที่เจ้าบอกเราก่อนเจ้าจะผ่าตัด คือคำบอกรักของเจ้า” ทรงตรัสอย่างเจ็บปวดเมื่อคิดถึง

“ผมจำอะไรไม่ได้เลย แต่ผมก็รู้ว่าพระองค์ไม่ได้โกหก ถึงผมจะจำไม่ได้ แต่ร่างกายของผมจำพระองค์ได้ ร่างกายของผมต้องการพระองค์”

มิคาเอลกล่าว

“ผมรู้ว่าพระองค์เจ็บปวดที่ผมเป็นแบบนี้ เจ็บปวดที่ผมจำอะไรไม่ได้ แต่ในวันนี้เพราะพระองค์เอาแต่ใจ ผมเหมือนจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง แม้จะยังสับสนอยู่ บางทีหากพระองค์ดูแลผมเหมือนตอนก่อนที่ผมจะเสียความทรงจำ บางทีผมอาจจะจำอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ได้” มิคาเอลตอบ

“เรารักเจ้า ปรารถนาเจ้า ต้องการเจ้า ทุกลมหายใจของเรามีแต่เจ้า แต่เราไม่อยากถูกเจ้าเกลียด เรากลัวว่าเจ้าจะไม่รัก และไม่ต้องการเรา เรากลัวจะทำให้เจ้าเสียใจ เราจึงไม่อยากฝืนใจเจ้า เรารักเจ้ามาก มากยิ่งกว่าสิ่งใด” ทรงตรัส มิคาเอลพยายามยืนขึ้น พระองค์จึงเข้ามาประคอง คนตัวเล็กกอดพระองค์ไว้

“ผมจะเกลียดคนที่รักผมมากขนาดนี้ได้อย่างไร ผม... อยากจะลองดูครับ ผมต้องการ ...ร่วมรัก... กับพระองค์” มิคาเอลกล่าวอย่างไม่แน่ใจนัก เขาหวาดกลัว แต่เขาก็อยากจะลองเชื่อใจคนตรงหน้าดูสักครั้ง พระองค์กอดตอบร่างของมิคาเอลไว้ จุมพิตอย่างอ่อนโยน อุ้มคนตัวเล็กวางบนเตียง ก่อนจะสวมเสื้อคลุม และเดินออกไปจากห้อง

 

มิคาเอลไม่เข้าใจ เขาคิดว่าเขาทำอะไรผิด แต่พระองค์ก็เดินกลับมาพร้อมกับชุดสีขาวและสีดำ

“เจ้าจำชุดนี้ได้ไหม” ทรงตรัสถาม มิคาเอลส่ายหน้า

“เราเคยพาเจ้าไปเที่ยวชมไร่ไวน์ในฝรั่งเศส เจ้าสวมชุดนี้ แต่เจ้าเลือกพันผ้าพันคอสีดำของเรา” ทรงตรัส

“เราเคยสัญญาต่อเจ้าว่าหากเจ้าจำไม่ได้ ว่าเจ้าเคยรักเรามากขนาดไหน เราจะสร้างความทรงจำใหม่ให้กับเจ้า เราจะทำให้เจ้ารักเราอีกครั้ง เราจะพาเจ้าไปเที่ยว ไปฝรั่งเศสกับเรานะ ไปชาร์โตว์ เดอ ลาเบลล กับเรา” ทรงตรัส

“แล้วงานของพระองค์ล่ะครับ” มิคาเอลตกใจ

“ก็ให้คนอื่นทำไป สำหรับเรา เจ้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เจ้าชอบที่นั่น บางทีเจ้าอาจจะจำอะไรขึ้นมาบ้างก็ได้” ทรงตรัสเอาแต่ใจเป็นที่สุด มิคาเอลหน้าแดงที่ทรงทำให้กับเขามากขนาดนี้

 

องค์นาธานเนียลกำลังโกรธจัดเมื่อทราบว่าพระเชษฐาจอมเอาแต่ใจ แอบหนีออกจากวังในเวลากลางวันแสกๆ แจ้งกับพระองค์เพียงว่าจะขอหยุดหนึ่งวันเพื่อดูแลมิคาเอล และบอกว่าจะพามิคาเอลไปเที่ยวนอกวัง แต่ก็พาหมอปิแอร์และพยาบาลไปด้วย 3 คน พร้อมองครักษ์จำนวนหนึ่ง กว่าพระองค์จะทรงทราบ องค์เดเมี่ยนก็อยู่บนเครื่องที่กำลังจะออก และบอกเพียงว่าจะไม่กลับจนกว่ามิคาเอลจะดีขึ้น

 

องค์นาธานเนียลทั้งโกรธ และโมโหพระเชษฐาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงต้องมาลงกับข้าวของแทน

“เสด็จพี่นาธานเนียล” เสียงเบาๆ ดังขึ้น อยู่หลังประตูห้องทรงงานอย่างหวาดๆ องค์นาธานเนียลจึงค่อยๆ สงบสติลง

“ว่าอย่างไร เจ้าชายน้อยคริสโตเฟอร์” ทรงตรัสทัก ด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว เจ้าชายคริสโตเฟอร์เป็นเจ้าชายองค์เล็กของราชวงศ์ อายุเพียง 20 ชันษา และกำลังศึกษาอยู่ในมหาลัยปี 2 ในคานาเดีย นอกจากใบหน้าที่ดูสวยหวานดุจสตรี ร่างกายที่บอบบางแตกต่างจากเจ้าชายพระองค์อื่นแล้ว ความสามารถ และสติปัญญา มิได้เป็นรองเจ้าชายพระองค์ใดเลย

“ผมเข้าช่วงสปริงเบรคแล้วครับ มีอะไรที่ผมพอจะช่วยงานได้บ้างไหมครับ” เจ้าชายน้อยถาม องค์นาธานเนียลได้ยินก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ เดินเข้ามาโอบกอดน้องชายต่างมารดาอย่างรักใคร่

“เจ้ามาได้จังหวะดีจริงๆ คริสโตเฟอร์” ทรงตรัสอย่างอารมณ์ดี ผิดกับคนก่อนหน้าราวกับคนละคน และเริ่มร่ายยาวมอบหมายงานให้กับเจ้าชายน้อยผู้โชคร้าย

 

เมื่อมาถึงยังคฤหาสน์ องค์เดเมี่ยนก็ทรงคอยอยู่เคียงข้างมิคาเอลตลอดเวลาไม่ห่าง ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา พระองค์ก็แทบจะกลายเป็นเงาตามตัวของเขา พระองค์คอยชวนคุย พาไปเที่ยวที่ต่างๆ ทำดี และเอาใจเขาสารพัด ไม่ว่าเขาอยากได้อะไร หรือทำอะไร พระองค์ก็ตามใจเขาหมดทุกอย่าง จนมิคาเอลไม่เข้าใจคนตรงหน้า ก่อนหน้าพระองค์ก็ดูเย็นชา และเจ็บปวด ตอนนี้กลับมาเอาอกเอาใจ แล้วยังมาทำหวานใส่เขาอีก

 

“หน้าเรามีอะไรติดหรือ” ทรงตรัสถามขณะปอกแอปเปิลให้คนตรงหน้าที่เอาแต่จ้องพระองค์

“พระองค์เอาแต่ใจ แถมยังโหดร้ายกับคนอื่น ไม่ชอบให้ใครมาขัดใจพระองค์ แล้วทำไมพระองค์ถึงได้ทำดีกับผมนักล่ะครับ” มิคาเอลถามอย่างไม่เข้าใจ

“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกเหรอ ว่าเรารักเจ้ามากแค่ไหน” ทรงตรัส ป้อนแอปเปิ้ลให้คนตัวเล็ก พอมิคาเอลจะหยิบมาถือ พระองค์ก็ไม่ยอม สุดท้ายจึงต้องกัดจากมือของพระองค์ มิคาเอลหน้าแดงอีกครั้ง

“เจ้าไม่สบายหรือเปล่า” ทรงตรัสถามเอาหน้าผากมาแตะที่หน้าผากของคนตัวเล็ก มิคาเอลก็ยิ่งหน้าแดงเข้าไปอีก

“ผมสบายดีครับ พระองค์หยุดทำเรื่องน่าอายแบบนี้ได้แล้ว”

มิคาเอลแอบบ่น

“เจ้าไม่อยากให้เราอ่อนโยนกับเจ้าหรอกหรือ” ทรงถาม ป้อนแอปเปิ้ลต่อ

มิคาเอลจึงทานจากมือของพระองค์อย่างว่าง่าย และพยักหน้าน้อยๆ

 

“แอปเปิลอร่อยไหม” ทรงถาม มิคาเอลยิ้ม

“อร่อยครับ” คนตัวเล็กตอบ

“ขอเราชิมบ้างได้ไหม” ทรงถามเรียบๆ มิคาเอลพยักหน้า

 

พระองค์จึงรั้งร่างเล็กเข้าหาก่อนจะครอบครองริมฝีปากบางอย่างเย้ายวน หอมหวาน และรัญจวนใจ ลิ้นของพระองค์หยอกล้ออยู่ที่ริมฝีปาก ก่อนจะสอดใส่เข้าไปช้าๆ ลิ้นเล็กของมิคาเอลก็ค่อยๆ ตอบสนองต่อพระองค์ ลิ้นพระองค์เกี่ยวกระหวัดรั้งให้ลิ้นของคนตัวเล็กเข้ามาในปากของพระองค์ มิคาเอลอ่อนระทวยไปหมด ยินยอมต่อองค์เดเมี่ยนโดยไม่อาจจะขัดขืน ความปรารถนาก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ แต่องค์เดเมี่ยนก็ถอนริมฝีปากออก ปล่อยให้มิคาเอลดูหลงละเมอกับรสจูบที่เพิ่งผ่านไป

 

“เจ้าเป็นแอปเปิลที่อร่อยที่สุด”

ทรงตรัส มิคาเอลรู้สึกเขินอาย องค์เดเมี่ยนตรัสแต่สิ่งน่าอายอย่างไม่สะทกสะท้านแบบนี้ได้อย่างไร

“เราปรารถนาเจ้าจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว เป็นของเราได้ไหม” ทรงตรัสถามตามตรงจนมิคาเอลตกใจ

“ผม...ผมก็บอกพระองค์ไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ พระองค์ต่างหากที่ไม่ยอมแตะต้องผม” มิคาเอลกล่าวหันหน้าไปทางอื่น ไม่ยอมมองคนตรงหน้า ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา องค์เดเมี่ยนเอาแต่ยั่วให้เขาปรารถนา แต่ก็ไม่ยอมแตะต้องเขาจริงๆ เสียที

 

และอีกครั้งที่มิคาเอลตกใจที่จู่ๆ องค์เดเมี่ยนก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงต่อหน้าเขา ร่างกายที่ใหญ่โต แต่สัมผัสของพระองค์กลับอ่อนโยน พระองค์ช้อนร่างเขาขึ้นไว้ในอ้อมกอด ทรงประทับริมฝีปากลงครอบครองเขาไว้ จากจุมพิตที่อ่อนโยนก็ค่อยแปรเปลี่ยนจุมพิตที่ดุดัน เร่าร้อนจนแทบหลอมละลายเขาเสียให้ได้ พระองค์อุ้มมิคาเอล เดินขึ้นไปที่ห้องบรรทม วางร่างเล็กลงบนเตียงใหญ่ จ้องมองคนตัวเล็กไม่วางตา ค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าของพระองค์ออกอย่างรีบร้อน และตามขึ้นมาบนเตียง

 

พระองค์จุมพิตริมฝีปากบางอย่างโหยหา ดูดกลืนความหวานทั้งหมด ลิ้นร้อนสอดใส่เข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็ก ที่ตอบสนองต่อพระองค์อย่างเต็มใจ มือใหญ่ล้วงลงใต้เสื้อของมิคาเอล ลูบไล้ผิวเรียบเนียนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะมาหยุดหยอกล้ออยู่กับทับทิมเม็ดงาม จนมิคาเอลครางออกมาอย่างเสียวซ่าน

 

พระองค์ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าของมิคาเอลออก เมื่อมันช้าพระองค์ก็ฉีกมันออกแทน พระองค์จูบไซร้ลงต่ำทิ้งรอยแดงจางๆเอาไว้ ครอบครองหยอกเย้าทับทิมเม็ดงาม ดูดกลืนอย่างหิวกระหาย หยอกเย้าจนมิคาเอลครางออกมา แต่พระองค์ไม่ได้หยุดแค่นั้น พระองค์เลื่อนลงต่ำ จูบที่หน้าท้องแบนราบ หยอกล้อที่สะดือของมิคาเอลอย่างแผ่วเบา จนคนตัวเล็กหัวเราะ พระองค์จูบบริเวณรอบๆ แต่ไม่ยอมสัมผัสร่างของมิคาเอล มิคาเอลอ้อนวอนอย่างขัดใจและทรมาน

“ฝ่าบาท…”

มิคาเอลไม่เข้าใจ ร่างกายของเขากำลังลุ่มร้อนไปหมด ความปรารถนากำลังครอบงำ ร่างกายของเขาก็ดูจะทรยศเขาเอาดื้อๆ ร่างของเขาตื่นตัวอย่างเต็มที่ทั้งๆ ที่องค์เดเมี่ยนยังไม่ได้สัมผัสเขาเลยแท้ๆ แม้เขาจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพระองค์ แต่ร่างกายนี้กลับจดจำและตอบสนองต่อทุกๆ สัมผัสของพระองค์อย่างไม่ต้องสงสัย ความปรารถนาครอบงำเขาจนหมดสิ้น ร่างกายของเขาสั่งให้พูดออกมา

“ฝ่าบาท ได้โปรด ผมต้องการ ต้องการพระองค์”

มิคาเอลอ้อนวอนอีกครั้ง องค์เดเมี่ยนยิ้ม สัมผัสร่างของมิคาเอล ครอบครองเขาด้วยปากและลิ้น มิคาเอลครางออกมาอย่างพึงพอใจ ความปรารถนากำลังจะถึงจุดสูงสุด เขาก็รู้สึกถึงนิ้วของพระองค์กำลังบุกรุกเข้ามาทางด้านหลัง คนตัวเล็กตกใจ พระองค์จึงหยุด ถอนปากออกและพลิกตัวให้มิคาเอลหันหลังให้พระองค์ พระองค์ยกสะโพกของมิคาเอลขึ้น เอื้อมมือมาสัมผัสด้านหน้า และก้มลงเล้าโลมด้านหลัง ลิ้นของพระองค์เล้าเลียอยู่ที่ปากทาง จนมิคาเอลเสียวซ่านไปหมด

 

“หากเราไม่เตรียมพร้อมเจ้าตรงนี้ เจ้าจะเจ็บ

เราสัญญาว่าเราจะทำให้เจ้ามีความสุข”

ทรงตรัสเสียงแหบพล่า มิคาเอลรู้สึกถึงนิ้วของพระองค์ที่ค่อยๆบุกรุกเข้ามาอีกครั้ง แต่พระองค์ทำอย่างแผ่วเบา และช่ำชอง ความหวาดกลัวในตอนแรกเปลี่ยนเป็นความปรารถนา นิ้วใหญ่ของพระองค์ขยับเชื่องช้าภายใน ทรงหมุนวนและขยับเข้าออกช้าๆ ด้านหน้าพระองค์ก็ยังขยับมือปลุกเร้า ด้านหลังก็บุกรุกเร่าร้อน มิคาเอลเสียวซ่านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 

เมื่อมิคาเอลคุ้นชิน นิ้วที่สอง และสามก็ตามมา พระองค์ขยับเข้าออกเป็นจังหวะสอดประสานทั้งหน้าและหลัง มิคาเอลตอดรัดเป็นจังหวะ เสียงครางดังขึ้นทุกการขยับของพระองค์ เสียงหอบหายใจอย่างแรงและถี่ ไม่นาน คนตัวเล็กก็ปลดปล่อยออกมา พระองค์ปาดเอาของเหลวนั้นมาป้ายที่ส่วนปลายยอดของพระองค์ และเอามันมาหยอกล้ออยู่ที่ปากทางรักที่ร้อนระอุ คับแน่น ร่างของพระองค์ถูไถไปมาอย่างเย้ายวน ทั้งๆ ที่มิคาเอลที่ปลดปล่อยไปแล้ว แต่ร่างของเขากลับค่อยๆ ตื่นตัวขึ้นมาอีก ความปรารถนา ความสุขมากมาย ถูกปรนเปรอให้จนมิคาเอลแทบขาดใจด้วยความสุขสันต์ ร่างของพระองค์ค่อยๆ แทรกตัวเข้าไปช้าๆ และหยุดนิ่งเมื่อร่างของพระองค์ฝังอยู่ภายในมิคาเอลจนมิด คนตัวเล็กกรีดร้อง เพราะขนาดที่แตกต่างกัน แม้พระองค์จะทำอย่างแผ่วเบา แต่คนตัวเล็กก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ดี พระองค์แช่ร่างแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น กอดปลอบโยนมิคาเอล จูบต้นคอขาว กระซิบคำรักมากมาย

“เรารักเจ้ามิคาเอล เรารักเจ้าเหลือเกิน เราจะทำให้เจ้ามีความสุข อย่าเกร็งสิคนดี ใช่อย่างนั้น เด็กดี เรารักเจ้า” ทรงตรัสปลอบประโลม เมื่อร่างของ

มิคาเอลคุ้นชิน พระองค์ก็ขยับอย่างเชื่องช้า จากความเจ็บปวด แปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน จนมิคาเอลต้องครางออกมา อย่างไม่อาจจะหักห้ามได้ ร่างของพระองค์ฝังลึกเข้าไปภายใน ร่างใหญ่โตของพระองค์เสียดสีกับภายในของเขา ในทุกการขยับ

“เรารักเจ้ามิคาเอล”

ทรงตรัส คำพูดคุ้นหู ราวกับว่าเขาเคยได้ยินมาก่อนนับครั้งไม่ถ้วน พระองค์ค่อยๆ เร่งจังหวะขึ้นจนในที่สุดมิคาเอลก็ไม่อาจทานทนต่อไปได้อีก ร่างเล็กบีดรัดอย่างรุนแรง กรีดร้อง และปลดปล่อยออกมา แต่องค์เดเมี่ยนยังไม่พึงพอใจ ร่างของพระองค์ยังคงแข็งแกร่งและฝังตัวอยู่ภายใน และไม่มีทีท่าว่าจะถอดถอนออก พระองค์โอบรัดมิคาเอลไว้ และนอนลงข้างๆ พระองค์ขยับเชื่องช้าจากด้านหลัง มือใหญ่เอื้อมมายกขาข้างหนึ่งของเขาขึ้น และพระองค์ก็เริ่มขยับเร่งจังหวะอีกครั้ง

 

การร่วมรักเนิ่นนานยังคงดำเนินไป มิคาเอลจำไม่ได้แล้วว่าเขาปลดปล่อยออกไปกี่ครั้ง แม้กระนั้น พระองค์ก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ภายในตัวเขา

“ฝ่าบาท… ผมเหนื่อย...”

มิคาเอลแทบประคองสติไม่ไหวแล้วอ้อนวอนต่อพระองค์ พระองค์ยิ้ม

“เราขอโทษ เราเห็นแก่ตัว”

ทรงตรัสถอดถอนร่างออกช้าๆ และขึ้นคร่อมร่างเล็ก แยกขาของมิคาเอลออกและสอดแทรกกลับเข้าไปอีกครั้ง มิคาเอลครางออกมา พระองค์ก็ขยับโยก เร่งจังหวะ ไปพร้อมกับปลุกเร้ามิคาเอลทางด้านหน้าไปด้วย

มิคาเอลแทบไม่อยากจะเชื่อทั้งๆ ที่เขาปลดปล่อยไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่พอพระองค์สัมผัสแบบนี้เขากับตื่นตัวขึ้นมาอีก พระองค์เร่งจังหวะ ทุกการขยับทุกๆ สัมผัสทำให้มิคาเอลแทบจะสำลักความสุขที่พระองค์ปรนเปรอให้ พระองค์ขยับจังหวะสุดท้ายมิคาเอลก็ปลดปล่อยออกมาอีก พร้อมๆ เสียงครางอย่างสุขสมขององค์เดเมี่ยน และมิคาเอลก็รู้สึกถึงความอุ่นวาบที่ถูกฉีดเข้าไปภายในร่างของเขา

 

พระองค์ถอนร่างออกช้าๆนอนลงเคียงข้างยิ้มออกมาอย่างกว้างขวางจน

มิคาเอลรู้สึกหมันไส้

“เรารักเจ้า มิคาเอล” ทรงตรัส รั้งร่างเล็กขึ้นมานอนบนร่างของพระองค์ ร่างทั้งสองแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกัน มิคาเอลซบใบหน้าลงแนบหัวใจของพระองค์ แม้จะจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ แต่คนตัวเล็กก็พึมพำบางอย่างกับอกของพระองค์ ก่อนจะหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน ปล่อยให้องค์เดเมี่ยนตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มอันกว้างขวางและมีความสุขแทน กอดร่างเล็กเอาไว้แนบแน่น และหลับตาลงอย่างเป็นสุข

 

“ผมก็รักพระองค์ครับ”

 

 

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :z1: เดเมี่ยนนายต้องเป็นตัวเองหน่อยน่ะ เพราะจิตใต้สำนึกของมิคาเอล คือความโหดเอาแต่ใจของพระองค์น่ะ  :mew4: คิดถึงคริสโตเฟอร์จริง ๆ เลย  :mew1:

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 

 

บทที่ 69 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน

 

องค์เดเมี่ยนและมิคาเอลอยู่ที่ฝรั่งเศสมาหลายเดือน

ทางด้านร่างกายมิคาเอลเกือบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว เพียงแต่เขาจะไม่สามารถยกของหนักและเดินได้ในระยะเวลาที่จำกัด แต่ในด้านความทรงจำ กลับไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก ทุกอย่างยังคงเป็นภาพเบลอๆ สับสน และจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่องค์เดเมี่ยนก็มิได้กังวล อย่างน้อยในตอนนี้

มิคาเอลก็ไม่ได้เกลียดพระองค์ แม้คนตัวเล็กจะปากแข็ง หลังจากวันนั้น

มิคาเอลก็ไม่ยอมบอกรักพระองค์อีก แต่พระองค์ก็พอจะดูออกว่าคนตัวเล็ก มีใจให้พระองค์อยู่บ้างไม่มากก็น้อย

 

องค์เดเมี่ยนเคยเสนอจะพามิคาเอลไปหาโทนี่ แต่มิคาเอลปฏิเสธ เขาโทรหาโทนี่อยู่เสมอ แต่ไม่ยอมบอกเรื่องการผ่าตัดและสูญเสียความทรงจำกับน้องชาย และมิคาเอลก็ปฏิเสธที่จะบอกเรื่องนี้กับโทนี่โดยเด็ดขาด โดยเขาประกาศว่าจะพบโทนี่ก็ต่อเมื่อเขาสามารถเดินได้เป็นปกติเท่านั้น

 

องค์เดเมี่ยนได้รับอีเมล์จากองค์นาธานเนียล เรียกตัวให้กลับคานาเดีย พระองค์ทำท่าจะเมินเฉยแต่มิคาเอลมาเห็นอีเมล์เข้า และในอีเมล์ยังบอกว่าโทนี่ได้กลายเป็นว่าที่พระชายาขององค์ราฟาเอล และกำลังจะกลับมาที่

คานาเดีย เพียงเท่านั้น คณะขององค์เดเมี่ยนก็จำต้องเก็บข้าวของ และเดินทางกลับคานาเดียโดยเร่งด่วน เพราะว่าที่พระชายามิคาเอลต้องการจะกลับไปหาน้องชาย

 

องค์เดเมี่ยนไม่ค่อยอยากจะกลับมานัก แต่ก็ต้องตามใจมิคาเอล และก็เป็นไปตามคาดเพราะเมื่อกลับมาถึงก็มีแต่เรื่องวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น สุดท้ายแทนที่พระองค์จะได้อยู่กับมิคาเอล กลายเป็นว่าพระองค์ต้องมาขุดรากถอนโคนจับกบฏไปลงโทษ เป็นการชดใช้ที่แอบหนีไปฝรั่งเศสโดยพละการ พวกกบฏที่ถูกจับด้วยองค์เดเมี่ยนจึงได้รับโปรโมชั่นพิเศษ 1 แถม 1 จัดโดยองค์เดเมี่ยนโดยตรง โทษฐานขัดขวางความสุขของพระองค์กับ

มิคาเอล การปราบกบฏในครั้งนี้ยังกินเวลายาวนานหลายเดือน เหมือนกับว่ายิ่งค้นหามากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจอกลุ่มคนที่ต้องจับมาลงโทษมากขึ้นเท่านั้น ทั้งการไล่ล่า การสอบสวน องค์เดเมี่ยนที่มีพื้นฐานทางด้านทหารมา และเพราะความเฉียบคมของพระองค์ ทำให้พระองค์ต้องทำงานหนักอยู่อย่างนี้ พระองค์ยังแอบกร่นด่าราฟาเอลอยู่ในใจที่เป็นน้อง และขอแต่งงานหลังพระองค์แท้ๆ แต่กลับชิงแต่งงานไปก่อนพระองค์ มิหนำซ้ำ ยังแอบหนีไปฮันนีมูนกับพระชายาคนใหม่อีก ทิ้งให้พระองค์ต้องรับผิดชอบกับพวกกบฏเพียงลำพัง

 

ซ้ำร้ายกว่านั้นพระองค์ยุ่งมากเสียจนไม่ได้กลับวิลล่ามาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้มิคาเอลจะเป็นอย่างไรบ้าง ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธแค้น กำปั้นที่ใส่สนับมือของพระองค์ก็ชกเข้าใส่หน้าคนร้ายอย่างจัง จนฟันของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายหลุดร่วงออกมาอีกซี่

“บอกมา ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แล้วแกจะได้ตายอย่างสบาย” ทรงตะคอกใส่คนร้ายที่ตอนนี้กลายเป็นกระสอบทรายระบายอารมณ์ขององค์เดเมี่ยน ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่มีใครกล้าห้าม ด้วยเกรงว่าหางเลขจะมาตกอยู่ที่ตน แต่อยู่ดีๆ ก็เหมือนมีระฆังมาช่วย เมื่อเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น

 

“ฝ่าบาท...”

มิคาเอลเอ่ยเรียก เมื่อเห็นพระองค์ทำท่าจะซ้ำนักโทษที่ดูสภาพปางตายและหมดสติอยู่ องค์เดเมี่ยนหันมายิ้มให้ราวกับสิ่งที่พระองค์ทำอยู่เป็นเพียงกิจกรรมยามว่าง

“เจ้ามาได้อย่างไร ไปรอเราที่ห้องรับรองก่อนเดี๋ยวเราจะตามไป”

ทรงตรัส แต่คนตัวเล็กก็ยังเดินเข้ามาหา

“ผมมารอตั้งนานแล้วแต่พระองค์เอาแต่ทรมานนักโทษอยู่”

มิคาเอลเอ่ยเสียงไม่ค่อยพอใจ

“เราขอโทษ มันปากแข็ง ถามเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ” ทรงตรัสถอดสนับมือเปื้อนเลือดออก และเช็ดเลือดออกจากมือลวกๆ แมททิวเดินเข้ามาเอาผ้าสะอาดเปียกน้ำมาให้ แต่มิคาเอลก็แย่งไป และเอามาซับเช็ดหน้าให้พระองค์อย่างห่วงใย

“ผมเป็นห่วง พระองค์ไม่ได้กลับวิลล่ามาหลายวันแล้ว”

มิคาเอลกล่าวน้ำเสียงดูขัดใจ

“เราขอโทษ อย่าโกรธเราเลย” ทรงตรัส ปล่อยให้คนตัวเล็กเช็ดเลือดที่มือของพระองค์ออก อย่างเบามือ เมื่อเช็ดเสร็จ มิคาเอลก็ส่งผ้าคืนให้แมททิว พอแมททิวเดินออกไป มิคาเอลก็เดินเข้าไปกอดองค์เดเมี่ยนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“เดี๋ยวเสื้อผ้าเจ้าจะเปื้อนเสียหมด” ทรงตรัสยิ้มๆ ดีใจที่คนตัวเล็กคิดถึง

“พระองค์ใจร้าย ผมเกลียดพระองค์” มิคาเอลต่อว่า

“เกลียดเรามากจนต้องมาตามเราเชียวหรือ” ทรงตรัสถามยิ้มๆ

“เกลียดที่สุดเลย” มิคาเอลกล่าวหน้างอ กอดพระองค์ไม่ยอมปล่อย

 

พระองค์จึงช้อนร่างเล็กขึ้นและพาออกมาจากห้องสอบสวน ที่เหมือนห้องทรมานเสียมากกว่า พระองค์อุ้มร่างเล็กที่กอดคอพระองค์ไว้ไม่ยอมปล่อย พาไปในห้องรับรอง อาหารหลายชนิดถูกจัดเตรียมมาและจัดใส่จานไว้เรียบร้อย พระองค์ดูแปลกใจ

“ผมไม่มีอะไรจะทำ ผมก็เลยทำมาให้พระองค์ ลองชิมดู” มิคาเอลกล่าวเฉไฉ ไม่ยอมรับว่าเขาตั้งใจลงมือทำอาหารเพื่อพระองค์โดยเฉพาะ แต่มารอตั้งนานสองนาน พระองค์ก็ไม่ยอมมาเสียที

“ขอบใจ ที่คิดถึงเรา” ทรงตรัส จุมพิตที่หน้าผากคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ขาของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ทรงถามด้วยความเคยชินและเป็นห่วง

“ผมไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมเดินได้นานขึ้น” มิคาเอลกล่าวยิ้มๆ

“เราดีใจ เราขอโทษที่ทำงานยุ่งอยู่ทุกวัน แต่อีกไม่นาน ทุกอย่างก็น่าจะเสร็จสิ้น” ทรงตรัส

“ผมทราบครับ” มิคาเอลนั่งมององค์เดเมี่ยนทานอาหารที่เขาทำอย่างดีใจ

“พระองค์จะกลับวิลล่าไหมครับ” มิคาเอลถาม

“เราจะพยายาม เราคิดถึงเจ้า” ทรงตรัส

“คิดถึงก็รีบกลับนะครับ ไม่งั้นผมจะนอกใจ” มิคาเอลพูดขำๆ

“ถ้ามีใครมันคิดสั้น ก็ลองดู” ทรงขู่ไม่ขำด้วย

“ผมล้อเล่นครับ”

“เรารู้ แต่เราไม่ชอบ เจ้าเป็นของเราคนเดียว ร่างกายของเจ้าก็ต้องการเราคนเดียวไม่ใช่หรือ” ทรงถาม รั้งคนตัวเล็กมานั่งตัก สัมผัสและสูดกลิ่นหอมของคนตัวเล็กอย่างรักใคร่ จนคนตัวเล็กหน้าแดง

“ผมจะกลับแล้ว” มิคาเอลกล่าว

“เราจะไปส่ง” ทรงตรัสลุกขึ้น และช้อนร่างคนตัวเล็กขึ้น

“ผมเดินเองได้ครับ” มิคาเอลกล่าวหน้าแดง

“ก่อนหน้านี้ยังให้เราอุ้มอยู่เลย” ทรงถาม

“ก็ไม่มีใครเห็นนี่ครับ ออกไปทางนั้น มีคนเยอะแยะ” มิคาเอลรีบประท้วง

“ใครเห็นก็ช่าง”ทรงตรัส

“คนเอาแต่ใจ” มิคาเอลว่า

“คนปากแข็ง” ทรงล้อ ก้มลงจูบมิคาเอลอย่างคิดถึงท่ามกลางสายตาของผู้คุมและองครักษ์ มิคาเอลก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตาใคร

 

“เรารักเจ้า มิคาเอล เจ้ารักเราบ้างหรือเปล่า” ทรงตรัสถาม

“ผมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาครับ” มิคาเอลตอบ องค์เดเมี่ยนหัวเราะ

“เอาไว้เราจะสอบสวนเจ้าทีหลัง ดูสิว่าจะปากแข็งจริงๆ หรือเปล่า”

ทรงตรัสด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ มิคาเอลก็รู้ว่าทรงหมายถึงอะไร

 

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามิคาเอลได้รับการดูแลอย่างดีจากองค์เดมียน เขายอมรับว่าเขาเองก็อ่อนไหวและมีใจให้กับองค์เดเมี่ยนไม่น้อย แม้องค์เดเมี่ยนจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่เขาก็ยังรู้สึกอดกังวลไม่ได้ ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เขาก็ไม่อาจจำเหตุการณ์อะไรได้เลย เขามองรูปถ่ายมากมายที่เขาได้ถ่ายไว้ ภาพกว่าครึ่งก็มีแต่องค์เดเมี่ยน หลักฐานที่บ่งบอกอยู่อย่างนี้ เขาไม่ได้สงสัยเลยว่า เขาหลงรักองค์เดเมี่ยน แต่ทำไมเขาถึงรักพระองค์ และ รักมากแค่ไหนต่างหากที่ทำให้เขาอยากรู้ จนบางครั้งเขารู้สึกเสียใจ แม้องค์เดเมี่ยนจะรักเขามากมาย แต่เหมือนกับว่าเขาไม่อาจจะรักพระองค์ได้อย่างเท่าเทียม เพราะความทรงจำที่ขาดหายไป ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่อาจเติมเต็มได้

 

องค์เดเมี่ยนพามิคาเอลออกมาส่งที่ลานจอดรถ โดยมีองครักษ์เดินตามมาห่างๆ แต่เมื่อพระองค์วางมิคาเอลลง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คนร้ายที่ซุ่มอยู่กระโจนเข้ามาใส่ในระยะประชิด หวังจะทำร้ายมิคาเอล แต่พระองค์ไวกว่า จึงเอาตัวของพระองค์เข้าปกป้องมิคาเอลเอาไว้ มีดสปาต้าเล่มใหญ่ กรีดผ่านหน้าอกขององค์เดเมี่ยนเป็นรอยยาว แม้แผลจะไม่ลึก แต่เลือดก็ไหลออกมาจนเป็นสีแดงเต็มไปหมด มิคาเอลกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ร้องเรียกหาพระองค์ราวกับใจจะขาด หวาดกลัวกว่าครั้งใดในชีวิตว่าจะเสียองค์เดเมี่ยนไป

“ฝ่าบาท!!!!!!”

ในวินาทีนั้นภาพเห็นการณ์ต่างๆ ก็กระจ่างชัดขึ้น ภาพที่องค์เดเมี่ยนเคยรับมีดแทนเขา ทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้น ทุกถ้อยคำที่พระองค์เคยกล่าว ทุกสัญญาที่เคยให้ไว้ ความรัก ความรู้สึกที่เขาเคยมีให้กับพระองค์ ความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมา

 

องค์เดเมี่ยนแม้บาดเจ็บก็ยังต่อสู้ด้วยมือเปล่ากับคนร้ายถึงสองคนที่มีมีดเล่มใหญ่อยู่ในมือ

“ฝ่าบาท!!! ระวังข้างหลัง”

มิคาเอลตะโกนให้ระวัง เมื่อคนร้ายพยายามจะทำร้ายพระองค์จากด้านหลัง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แม้องครักษ์จะรีบวิ่งมา แต่ก็ดูจะช้าเกินไป มิคาเอลตั้งสติ และหาจังหวะและเตะที่ข้อพับของคนร้ายคนหนึ่งจนล้มลง มิคาเอลรีบหยิบมีด ที่กระเด็นหลุดออกจากมือของคนร้ายและโยนมีดให้กับองค์เดเมี่ยน พระองค์รับมีดที่มิคาเอลส่งให้ ได้ทันท่วงที และเอามาป้องกันพระองค์ไว้ พระองค์สามารถหลบได้แต่หากหลบ มิคาเอลก็จะมีอันตราย พระองค์จึงเลือกที่จะเอาตัวของพระองค์เป็นโล่ให้กับคนตัวเล็กแทน

 

คนร้ายที่ล้มลงคือคนที่ฟันองค์เดเมี่ยนในตอนแรก พยายามจะลุกขึ้น ในตอนนี้เมื่อไม่มีอาวุธในมือ มิคาเอลก็ไม่กลัวคนตรงหน้าอีก โบราณว่าคนล้มอย่าข้าม มิคาเอลจึงเตะเข้าที่ปลายคางแทน ส่งคนสารเลวลงไปนอนนับเดือน พร้อมๆ ที่องค์เดเมี่ยนจัดการกับคนร้ายอีกคน ในสภาพที่น่าสยดสยองกว่ามาก

 

"ฝ่าบาท กระหม่อมขออภัย พวกกระหม่อมมาช้า” แมททิวกล่าวขอโทษ องค์เดเมี่ยนต่อยหน้าแมททิว จนแมททิวล้มลง

“พวกเจ้าทำงานกันประสาอะไร หากมิคาเอลเป็นอะไรไป ชีวิตของพวกเจ้าทุกคนรวมกันยังไม่มีค่าพอกับเลือดหนึ่งหยดของมิคาเอลเลย” ทรงตรัสอย่างโกรธกริ้ว จนมิคาเอลเข้ามาห้าม คนตัวเล็กกอดพระองค์เอาไว้จากด้านหลัง ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจจะหักห้าม พระองค์รีบหันมามอง

 

“มิคาเอล เจ้าเจ็บตรงไหน เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” ทรงตรัสถามอย่างห่วงใยโดยที่ไม่ได้สนแผลของพระองค์เลยสักนิด

“ฝ่าบาท... ผมรัก... ผมรักพระองค์ครับ ... ผมขอโทษครับ ... ที่ผมลืมพระองค์ ... ทั้งๆ ที่ผมสัญญาว่าผมจะไม่มีวันลืมพระองค์ ทั้งๆ ที่พระองค์เสี่ยงเอาชีวิตของพระองค์ ปกป้องผมครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้... ผมขอโทษครับ... ผมรักพระองค์” มิคาเอลกล่าวทั้งน้ำตานองหน้า

“มิคาเอล เจ้า... จำได้แล้วหรือ... เจ้าจำเราได้แล้วใช่ไหม” ทรงตรัสถาม คนตัวเล็กพยักหน้า พระองค์ดึงร่างบางเข้าไปกอดแนบหัวใจ พระองค์รู้สึกดีใจยิ่งนัก กอดคนตัวเล็กไม่ยอมปล่อย รั้งใบหน้าหวานขึ้น ก้มลงจุมพิตเนิ่นนาน ความสุขมากมายเอ่อล้น

“เรารักเจ้า มิคาเอล” ทรงตรัสขึ้นอีกครั้ง

“ผมก็รักพระองค์ครับ ฝ่าบาท แต่บาดแผลของพระองค์” มิคาเอลตอบรับแต่น้ำเสียงเป็นห่วงพระองค์เหลือเกิน

“แผลแค่นี้ ทำอะไรเราไม่ได้หรอก” ทรงตรัส

“แต่... ผมเป็นห่วงนี่ครับ ไปทำแผลกันก่อนนะครับ ฝ่าบาท” มิคาเอลขอร้อง

“เราตามใจเจ้าทุกอย่าง มิคาเอล” ทรงตรัสอ่อนโยน ความโกรธที่มีก่อนหน้าหายไปจนหมด

 

“คุณแมททิวรีบพาฝ่าบาทไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะครับ” มิคาเอลหันมาพูดกับแมททิว รับผ้าจากองครักษ์มากดปิดที่แผลไว้ แต่ในตอนนี้องค์เดเมี่ยนไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว หัวใจของพระองค์กำลังเปี่ยมล้นไปด้วยความปิติยินดี กอดคนตัวเล็กเอาไว้ไม่ยอมให้ห่างกาย เอาแต่จ้องมองคนตัวเล็กด้วยสายตาที่เปี่ยมรัก

ออฟไลน์ KanadiaTBear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

บทที่ 70 ตราบชั่วนิรันดร์

 

องค์เดเมี่ยนถูกนำตัวไปทำแผล แม้แผลจะไม่ลึกมาก แต่ก็เป็นแผลที่ยาว หมอพอลจึงทำการเย็บปิดปากแผลโดยมีมิคาเอลนั่งมองด้วยความเป็นห่วงอยู่ข้างๆ ไม่ยอมไปไหน และองค์เดเมี่ยนก็จับมือของมิคาเอลไว้ตลอดเวลาเช่นกัน

 

แผลกรีดยาวที่หน้าอก กลับไม่ได้ทำให้องค์เดเมี่ยนรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ในตอนนี้ พระองค์มีความสุขมากเสียจนไม่ว่าอะไรก็คงจะทำให้พระองค์โกรธไม่ได้ ตรงกันข้ามพระองค์กลับอารมณ์ดีอย่างไม่น่าเชื่อ พระองค์ยิ้มออกมาหลายต่อหลายครั้ง ทำเอาคนรอบข้างที่เห็นต่างพากันตกใจ และหลงใหลในรอยยิ้มของพระองค์

 

“เจ็บมากไหมครับ” มิคาเอลถาม

“ไม่เจ็บเลยสักนิด ตราบที่มีเจ้าอยู่ตรงนี้ ต่อให้มากกว่านี้ เราก็ไม่กลัว” ทรงตรัส

“แค่นี้ ผมก็แทบทนไม่ได้แล้ว” มิคาเอลตอบ ดูราวกับจะร้องไห้

“เราไม่เป็นอะไรหรอก เจ้าอย่ากังวลเลย เราต่างหาก ที่ต้องขอโทษเพราะเรา จึงมีคนคิดจะทำร้ายเจ้า เจ้าพวกกบฏมันทำอะไรเราไม่ได้ คงคิดจะทำกับเจ้าแทน” ทรงตรัส ยกมือของมิคาเอลขึ้นมาจุมพิตเบาๆ

“ผมรักพระองค์ ผมไม่กลัว ผมต้องการอยู่เคียงข้างพระองค์ครับ” มิคาเอล

กล่าวแอบกลัวว่าพระองค์จะไม่ยอมให้เขาอยู่เคียงข้างอีก

“เราจะปกป้องเจ้าเอง อย่าหนีไปจากเรา อย่าลืมเราอีก เข้าใจไหม” ทรงกำชับ มิคาเอลน้ำตาไหลออกมาอีก เสียใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจบีบรัดจนปวดร้าว เขารักเจ้าชายเดเมี่ยนจนหมดหัวใจ พระองค์เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้

“อย่าร้องไห้สิ เรากำลังทำแผลอยู่ เรายังกอดเจ้าไม่ได้” ทรงตรัส

“องค์เดเมี่ยนครับ ผมรักพระองค์ รักมากเหลือเกิน รักพระองค์ที่สุด” มิคาเอลกล่าวขยับเข้ามาใกล้ ซบใบหน้าลงกับต้นแขนของพระองค์

“เรารักเจ้ามากกว่าสิ่งใด มิคาเอล” ทรงตรัส ยกมือขึ้นลูบศรีษะลูกแมวขี้อ้อนของพระองค์

 

หมอพอลมององค์เดเมี่ยนอย่างหมันไส้นิดๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร ด้วยเพราะรู้ว่าองค์เดเมี่ยนทรงรักมิคาเอลมากเพียงไหน และมิคาเอลก็รักพระองค์ไม่ได้น้อยไปกว่ากัน ทั้งสองผ่านพ้นอุปสรรคมากมายมาด้วยกัน อุปสรรคที่พยายามจะแยกคนทั้งสองออกจากกัน ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่รักแท้ก็ได้พิสูจน์ว่าสามารถเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างได้ ทั้งสองเอาแต่สวีทหวานกันอยู่ตลอดเวลา จนหมอพอลเริ่มรู้สึกเป็นส่วนเกิน เมื่อทำแผลเสร็จองค์เดเมี่ยนก็พามิคาเอลกลับวิลล่า

 

เป็นเพราะพระองค์ถูกลอบทำร้ายอีกครั้ง องค์นาธานเนียลจึงเสด็จมาเยี่ยมด้วยพระองค์เองเมื่อมาถึงก็พบมิคาเอลนั่งอยู่เคียงข้าง ป้อนอาหารให้องค์เดเมี่ยนที่นอนอยู่บนเตียง องค์นาธานเนียลก็รู้สึกเป็นห่วงพระเชษฐาขึ้นมา และรู้สึกผิดที่ใช้งานพระองค์หนักเกินไป

 

“นาธานเนียล” องค์เดเมี่ยนทัก

“พระองค์เป็นอย่างไรบ้าง” ทรงตรัสถาม มิคาเอลเห็นองค์นาธานเนียล เข้ามาจึงลุกขึ้น ทำความเคารพและพยายามจะเดินออกไป

“เดี๋ยวมิคาเอล” องค์นาธานเนียลรั้งเอาไว้

“องค์นาธานเนียลต้องการอะไร หรือครับ” มิคาเอลถามอย่างตกใจ ปกติองค์นาธานเนียลไม่ค่อยชอบเขาเสียเท่าไหร่

“ขอบใจมาก ที่พยายามปกป้องเสด็จพี่เดเมี่ยน และดูแลพระองค์อย่างดี เจ้าในตอนนี้ก็เสมือนครอบครัวของเรา เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด เราขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับเจ้าไว้” องค์นาธานเนียลทรงตรัส

“ขอบคุณครับ ผมรักองค์เดเมี่ยนครับ ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อพระองค์ครับ” มิคาเอลกล่าวยิ้มออกมา

“พอได้แล้ว มิคาเอล เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจใครนอกจากเรา” องค์เดเมี่ยนตรัสไม่พอใจ ที่น้องชายมายุ่งวุ่นวายกับมิคาเอล แต่มิคาเอลก็ขอตัวออกไป

 

“เราจะพักสักระยะ เจ้าคงไม่บังคับให้เรากลับไปทำงานหรอกใช่ไหม”

องค์เดเมี่ยนรีบตรัส พระองค์อุตส่าห์เล่นละครทำเป็นว่าเจ็บหนัก

“ผมเข้าใจครับ พระองค์พักผ่อนจนกว่าแผลจะหายเถอะครับ”

องค์นาธานเนียลกล่าว

“ขอบใจ เจ้ากลับไปได้แล้ว เราอยากอยู่กับมิคาเอล ไม่ต้องการคนอื่น”

ทรงตรัสไล่ องค์นาธานเนียลหัวเราะ และลากลับไป

 

หลังองค์นาธานเนียลกลับไป องค์เดเมี่ยนก็เอาแต่ใจอีกครั้ง ด้วยการพามิคาเอลแอบหนีขึ้นเครื่องไป ชาร์โตว์ เดอ ลาเบลล อีกครั้ง โดยพระองค์ไม่ได้บอกกับเขาว่าทำไม

 

“เรามาที่นี่ทำไมหรือครับ” มิคาเอลอดถามไม่ได้

พระองค์ไม่ตอบ พาเขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ทุกที่ในชาร์โตว์ล้วนประดับตกแต่งด้วยดอกกุหลาบ ส่งกลิ่นหอมอบอวนไปหมด เมื่อเข้ามาในห้องโถงซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่ใช้ในการจัดงานเต้นรำ มิคาเอลก็ต้องแปลกใจ เมื่อกลางห้องมีรูปของเขาและรูปของพระองค์ ถูกประดับตกแต่งอยู่เต็มไปหมด มีทั้งรูปที่เขาถ่าย และรูปที่คนอื่นถ่าย แต่ทุกรูปล้วนเป็นภาพที่ทั้งเขาและองค์เดเมี่ยนดูมีความสุขเหลือเกิน มิคาเอลเดินดูรูปอย่างสนใจ แต่เมื่อหันกลับมาองค์เดเมี่ยนกลับจ้องมองมาที่เขา

 

“มิคาเอล เรารู้ว่า เราอาจจะไม่ใช่คนที่ดีที่สุด เราอาจจะทำเรื่องไม่ดีมามากมาย เราอาจจะเคยทำให้เจ้าเสียใจมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เราสัญญาว่าจากนี้ไป เราจะรักเจ้าให้มากที่สุด เท่าที่คนๆ หนึ่งจะสามารถรักคนอีกคนหนึ่งได้ เราสัญญาว่าเราจะรักเจ้าตราบจนลมหายใจสุดท้าย เราจะชราไปพร้อมๆ กับเจ้า เราจะอยู่ที่ตรงนี้ เคียงข้างเจ้าเสมอ ไม่ว่ายามสุข หรือยามทุกข์ ไม่ว่าจะเจ็บป่วย หรือแข็งแรง เราจะคอยดูแล และรักเจ้า อ้อมกอดของเรา จะเป็นบ้านของเจ้า ทั้งหมดของเรา เป็นของเจ้า คนเดียว เราอยากให้เจ้าเป็นเจ้าของเรา ปรารถนาให้ทุกรูปของเรามีเจ้าอยู่ในนั้น อยากให้เจ้าเป็นดั่งแสง และเราจะเป็นดั่งเงา อยู่เคียงข้างกันตลอดไป” องค์เดเมี่ยนกล่าว คุกเข่าลงตรงหน้าของมิคาเอล

 

“ได้โปรด เป็นชายา เพียงหนึ่งเดียว ของเราจะได้ไหม”

 

ทรงตรัสถาม แหวนวงเดิมที่มิคาเอลคืนให้องค์เดเมี่ยน ถูกเอาออกมาอีกครั้ง มาพร้อมกับแหวนหมั้นที่มีเพชรสีน้ำเงินขนาดใหญ่สีเดียวกับดวงตาของมิคาเอลเพิ่มขึ้นมาอีกวง มิคาเอลน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง

“ครับ ฝ่าบาท ผมรักพระองค์ครับ รักมากที่สุด และจะรักตลอดไป”

มิคาเอลกล่าว องค์เดเมี่ยนสวมแหวนให้ มิคาเอลก็โผเข้ากอดพระองค์อย่างรักใคร่ หัวใจบีบรัด ความปิติยินดีเอ่อล้น องค์เดเมี่ยนกอดมิคาเอลเอาไว้ ก้มลงจุมพิตคนตัวเล็กเนิ่นนาน กระซิบข้างหูคนตัวเล็ก

 

“เรารักเจ้า มิคาเอล รักตลอดมา และจะรักตลอดไป” ทรงตรัส

“ผมก็รักองค์เดเมี่ยนครับ รักมากที่สุด รักพระองค์เพียงคนเดียว ตลอดไป” มิคาเอลกระซิบตอบน้ำตาแห่งความสุขไหลริน

 

หลังจากการปราบกบฏครั้งใหญ่ในคานาเดีย คานาเดียก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง แต่เพราะภาพหลายต่อหลายภาพที่แสดงถึงความโหดเหี้ยมของเจ้าชายเดเมี่ยนถูกเผยแพร่ออกไป ทั้งภาพที่ใบหน้าของพระองค์เปื้อนเลือด ภาพที่พระองค์ต่อยคนร้ายจนสลบ พร้อมกับมือที่เปื้อนเลือด และอื่นๆ อีกหลายภาพ ซึ่งภาพเหล่านั้น ส่งผลกระทบต่อทั้งชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของทั้งพระองค์และราชวงศ์ จนองค์นาธานเนียลรับสั่งให้แก้ไขภาพลักษณ์โดยด่วน

 

องค์เดเมี่ยนดูขัดใจ แต่มิคาเอลก็เสนอให้ตีพิมพ์หนังสือภาพเล่มหนึ่ง

ที่มิคาเอลเป็นคนถ่าย หลังจากที่หนังสือถูกตีพิมพ์ ภาพลักษณ์ของพระองค์ ก็ดูดีขึ้นมาก ภายในหนังสือเล่มนี้ มีภาพในอริยาบทต่างๆ ขององค์เดเมี่ยนที่คนทั่วไปไม่เคยมีโอกาสได้เห็น ทั้งภาพทรงงานหนัก ภาพออกกำลังกาย ภาพใบหน้าอันหล่อเหลาในระยะใกล้

 

และภาพพิเศษสองภาพ ที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุด คือภาพที่องค์เดเมี่ยนทรงยิ้มอย่างกว้างขวาง จนแทบละลายหัวใจของผู้คนที่พบเห็น และภาพที่ถูกถ่ายด้วยพระองค์เอง เป็นภาพคู่ของพระองค์และว่าที่พระชายามิคาเอล แม้จะเป็นภาพธรรมดาของคู่รักภาพหนึ่ง แต่ไม่เคยมีใครเห็นภาพ ที่พระองค์จุมพิตหน้าผากของว่าที่พระชายาอย่างอ่อนโยน และรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขของว่าที่พระชายา ยิ่งเข้าใกล้วันอภิเษกสมรสของทั้งคู่ ภาพๆ นี้ก็ถูกนำมาพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง จนหนังสือภาพนี้ต้องถูกตีพิมพ์เพิ่มอีกหลายต่อหลายครั้ง ชื่อของหนังสือที่ถูกตั้งโดยมิคาเอล กลายเป็นฉายาใหม่ขององค์เดเมี่ยนไปโดยทันที และ

มิคาเอลก็ได้รับฉายาเช่นกัน “The Dark Prince by White Angel”

 

งานอภิเษกสมรสถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ในโบสถ์อันเก่าแก่ของคานาเดีย อันเป็นสถานที่เดียวกับที่กษัตริย์นาธานเนียลและพระชายาได้อภิเษกสมรส แขกสำคัญหลายพันคนถูกเชิญใหมาเป็นสักขีพยานรักแก่คู่รักทั้งสอง

 

ภายในโบสถ์ถูกประดับประดา ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวอย่างวิจิตรบรรจง นับจากหน้าประตู ไปจนถึงแท่นทำพิธี ดอกกุหลาบสีขาวถูกจัดตกแต่งใส่แจกัน พุ่มแขวน ช่อดอกไม้หลากหลายขนาด รวมไปถึงซุ้มดอกไม้ขนาดใหญ่เหนือแท่นพิธี ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว มิคาเอลแต่งกายในชุดขาวทั้งชุด ดูงดงามราวกับทูตสวรรค์ เดินเข้ามาตามทางเดินที่โรยด้วยกลีบดอกกุหลาบสีขาว ทางเดินทั้งสองข้างถูกประดับตกแต่งด้วยต้นไม้สีขาวประดับไฟ เทียนไขจำนวนมากถูกนำมาใส่ในแจกันใสวางไว้ขนาบสองข้างทางเดิน จุดให้แสงสว่างนำทางไปสู่แท่นพิธี ที่สุดปลายทาง มีเจ้าชายเดเมี่ยนที่แต่งกายในชุดดำ ที่ขับเน้นความคมเข้มหล่อเหลา ยืนรอรับเขาอยู่ มิคาเอลจ้องมองชายตรงหน้าอย่างรักใคร่ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะสามารถรักใครได้มากขนาดนี้ ทั้งร่างกาย ทั้งหัวใจ และชีวิตนี้ของเขา เป็นของเจ้าชายเดเมี่ยนเพียงพระองค์เดียว

 

องค์เดเมี่ยนจ้องมองมาที่มิคาเอล คนๆ ที่พระองค์รักยิ่ง คนๆ นี้ได้นำแสงสว่างเข้ามาสู่ชีวิตของพระองค์ เป็นความสุขเพียงหนึ่งเดียวของพระองค์ เป็นความรักอันมั่นคงหนึ่งเดียวของพระองค์ เป็นดั่งแก้วตาและดวงใจ เป็นทุกๆ สิ่งที่คนๆ หนึ่งจะต้องการได้ มิคาเอลงดงามหมดจด ดุจเทพสวรรค์สีขาวบริสุทธิ์ แสงสว่างอันอบอุ่นสาดส่องมาเพื่อพระองค์เพียงคนเดียว พระองค์ยื่นมือออกไปรับมิคาเอลเข้ามายืนเคียงข้าง จับมือ และเริ่มกล่าวคำปฏิญาณรัก ต่อคนที่พระองค์รักจนหมดหัวใจ

 

“เรา เจ้าชาย แห่ง คานาเดีย เดเมี่ยน เดอ ลา จูลิโอ คลอเดียส ขอรับ

มิคาเอล มิลลส์ เป็นพระชายา เพียงหนึ่งเดียวตลอดไป ด้วยแหวนวงนี้

เราขอสัญญาว่า เราจะใช้ชีวิตนี้ เพื่อเจ้า ทุกลมหายใจของเรา เป็นของเจ้า ร่างกาย และ หัวใจนี้ของเรา จะเป็นของเจ้า เพียงคนเดียว เราจะดูแล และรักเจ้า ตราบชั่วนิรันดร์” องค์เดเมี่ยนปฏิญาณรัก แล้วจึงสวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของมิคาเอล

 

“ผม มิคาเอล มิลลส์ ผมขอรับ เจ้าชายแห่งคานาเดีย เจ้าชาย เดเมี่ยน เดอ ลา จูลิโอ คลอเดียส เป็นพระสวามี เพียงหนึ่งเดียวตลอดไป ด้วยแหวนวงนี้

ผมขอสัญญาว่า ผมจะใช้ชีวิตนี้ เพื่อพระองค์ ทุกลมหายใจของผม เป็นของพระองค์ ร่างกาย และ หัวใจนี้ของผม จะเป็นของพระองค์ เพียงพระองค์เดียว ผมจะดูแล และรักพระองค์ ตราบชั่วนิรันดร์” มิคาเอลปฏิญาณรักต่อชายที่เขารักจนหมดหัวใจ ก่อนจะสวมแหวนให้กับพระองค์ ด้วยน้ำตาที่คลอหน่วง

 

"กระหม่อมขอประกาศให้ทั้งสองเป็นพระสวามี และพระชายา

จูบพระชายาได้แล้วขอรับ” บาทหลวงกล่าวขึ้น อย่างยินดี

 

องค์เดเมี่ยนรั้งมิคาเอลเข้ามาหา ก่อนจะก้มลงจุมพิตเนิ่นนานจนหลายต่อหลายคนอิจฉา ก่อนพระองค์จะช้อนร่างเล็กของมิคาเอลขึ้นท่ามกลางเสียงตบมือยินดีต่อทั้งสอง มิคาเอลโอบกอด The Dark Prince ของเขาเอาแนบแน่น เจ้าชายที่โหดร้ายพระองค์นี้ คือเจ้าชายที่เขาจะรัก และอยู่เคียงข้างตลอดไป ชั่วนิจนิรันดร์

----จบบริบูรณ์----

นิยายเรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ กับ สนพ นานานาริส ค่ะ
หากใครสนใจก็สั่งจองได้จนถึง 9 เมษานะคะ
NanaNarisYBooks
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2016 09:08:14 โดย KanadiaTBear »

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :impress3: เรื่องร้ายกลายเป็นดี โดยเฉพาะเดเมี่ยนแบบอารมณ์ดีสุด ๆ  :กอด1: โอนเรียบร้อยแล้วจ้า รอหนังสืออย่างเดียวกำลังค้างอย่างแรง กับตอนพิเศษ  :mew4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
สุดยอดดดดด ยาวมากกกก อ่านรวดเดียว ชอบๆๆ o13 เป็นความรักที่อุปสรรคเยอะมาก แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ผ่านมาได้ :m4:

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เรื่องนี้สนุกมากกกก
ชอบแนวนี้สุดๆ

ออฟไลน์ Siran

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หวานกันได้สักที ลุ้นมาก  :L1:

ออฟไลน์ MIwEMInE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลุ้นทั้งเรื่อง
จบแฮปปี้ ก็ดีใจ :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อ่านแบบยาวๆ กันไปเลย 4 วันกว่าจะจบ

 o13  :pig4: 

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดีงามอ่ะเรื่องนี้ ใช้เวลาอ่านรวดเดียวจบเลย
ชอบองค์เดเมี่ยนมาก หลงในความดิบ 555555

ออฟไลน์ Earth112

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :pig4: :pig4: :pig4:
เราชอบเรื่องนี้มากเลย หลงเข้ามาแล้วแบบหาทางออกไม่เจอเลย
อ่านรวดเดียวจบ 10ชม กว่าๆ5555
อยากจะขอบคุณคนเขียนที่แต่เรื่องราวดีๆสนุกๆให้เราอ่าน
ถ้ามีอะไรให้แนะนำก็คงเป็นวิธีเขียนที่บางครั้งดูจะงงๆไม่ต่อกัน แตโดยรวมแล้วถือว่าดีมากๆเลยค่ะ
บอกตามตรงว่าเป็นคนไม่ชอบอ่านนิยายแนวดราม่าแต่เรื่องนี้สนุกมากจริงๆ
ให้กำลังใจนักเขียนนะคะ ขอให้แต่เรื่องราวดีๆมาให้คนอ่านอย่างเราอีกเยอะๆนะคะ

ออฟไลน์ เเว่นตาอันเท่าบ้าน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หลงมาอ่านเรื่องนี้ตอนประมาณเกือบเที่ยง ลากยาวพักกินทุเรียนไปสองลูกเเล้วนั่งอ่านต่อจนจบ :mew5: :mew5:  ถึงตอนนี้อยากบอกว่าขอบคุณคนเขียนที่เเบ่งปันเรื่องราวดีๆ เเบบนี้ให้เราได้อ่าน เป็นนิยายจากเล้าเป็ดอีกเรื่องนึ่งที่เราคิดว่ามันดีกว่าที่ตั้งความหวังไว้ เเม้เเต่ช่วงดรามาที่ปรกติเเล้วเราจะกดอ่านข้ามๆเราก็อ่านจนครบทุกตัวอักษร เป็นกำลังใจให้คนเขียนมีพลังเเล้วเเบ่งปันงานเขียนดีๆมาให้เราอ่านอีกนะคะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ปอลิง.อีกใจรู้สึกเสียใจมากที่พึ่งได้อ่านเรื่องนี้ เเต่อีกใจนึ่งก็รู้สึกดีที่ได้อ่านรวดเดียวจนจบ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ GimNgek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ เราเข้ามาอ่านตอนค่ำๆ แล้ก็อ่านยาวจนจบเลยค่ะ เนื้อเรื่องน่ารักมากค่ะ :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5

ออฟไลน์ momo448

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบมากเลยอะ  อยากอ่านตอนพิเศษมากๆเลย นิยายสนุกมากๆๆๆๆ :mew1: :mew1: :mew1:

บทที่ 70 ตราบชั่วนิรันดร์

 

องค์เดเมี่ยนถูกนำตัวไปทำแผล แม้แผลจะไม่ลึกมาก แต่ก็เป็นแผลที่ยาว หมอพอลจึงทำการเย็บปิดปากแผลโดยมีมิคาเอลนั่งมองด้วยความเป็นห่วงอยู่ข้างๆ ไม่ยอมไปไหน และองค์เดเมี่ยนก็จับมือของมิคาเอลไว้ตลอดเวลาเช่นกัน

 

แผลกรีดยาวที่หน้าอก กลับไม่ได้ทำให้องค์เดเมี่ยนรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ในตอนนี้ พระองค์มีความสุขมากเสียจนไม่ว่าอะไรก็คงจะทำให้พระองค์โกรธไม่ได้ ตรงกันข้ามพระองค์กลับอารมณ์ดีอย่างไม่น่าเชื่อ พระองค์ยิ้มออกมาหลายต่อหลายครั้ง ทำเอาคนรอบข้างที่เห็นต่างพากันตกใจ และหลงใหลในรอยยิ้มของพระองค์

 

“เจ็บมากไหมครับ” มิคาเอลถาม

“ไม่เจ็บเลยสักนิด ตราบที่มีเจ้าอยู่ตรงนี้ ต่อให้มากกว่านี้ เราก็ไม่กลัว” ทรงตรัส

“แค่นี้ ผมก็แทบทนไม่ได้แล้ว” มิคาเอลตอบ ดูราวกับจะร้องไห้

“เราไม่เป็นอะไรหรอก เจ้าอย่ากังวลเลย เราต่างหาก ที่ต้องขอโทษเพราะเรา จึงมีคนคิดจะทำร้ายเจ้า เจ้าพวกกบฏมันทำอะไรเราไม่ได้ คงคิดจะทำกับเจ้าแทน” ทรงตรัส ยกมือของมิคาเอลขึ้นมาจุมพิตเบาๆ

“ผมรักพระองค์ ผมไม่กลัว ผมต้องการอยู่เคียงข้างพระองค์ครับ” มิคาเอล

กล่าวแอบกลัวว่าพระองค์จะไม่ยอมให้เขาอยู่เคียงข้างอีก

“เราจะปกป้องเจ้าเอง อย่าหนีไปจากเรา อย่าลืมเราอีก เข้าใจไหม” ทรงกำชับ มิคาเอลน้ำตาไหลออกมาอีก เสียใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจบีบรัดจนปวดร้าว เขารักเจ้าชายเดเมี่ยนจนหมดหัวใจ พระองค์เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้

“อย่าร้องไห้สิ เรากำลังทำแผลอยู่ เรายังกอดเจ้าไม่ได้” ทรงตรัส

“องค์เดเมี่ยนครับ ผมรักพระองค์ รักมากเหลือเกิน รักพระองค์ที่สุด” มิคาเอลกล่าวขยับเข้ามาใกล้ ซบใบหน้าลงกับต้นแขนของพระองค์

“เรารักเจ้ามากกว่าสิ่งใด มิคาเอล” ทรงตรัส ยกมือขึ้นลูบศรีษะลูกแมวขี้อ้อนของพระองค์

 

หมอพอลมององค์เดเมี่ยนอย่างหมันไส้นิดๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร ด้วยเพราะรู้ว่าองค์เดเมี่ยนทรงรักมิคาเอลมากเพียงไหน และมิคาเอลก็รักพระองค์ไม่ได้น้อยไปกว่ากัน ทั้งสองผ่านพ้นอุปสรรคมากมายมาด้วยกัน อุปสรรคที่พยายามจะแยกคนทั้งสองออกจากกัน ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่รักแท้ก็ได้พิสูจน์ว่าสามารถเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างได้ ทั้งสองเอาแต่สวีทหวานกันอยู่ตลอดเวลา จนหมอพอลเริ่มรู้สึกเป็นส่วนเกิน เมื่อทำแผลเสร็จองค์เดเมี่ยนก็พามิคาเอลกลับวิลล่า

 

เป็นเพราะพระองค์ถูกลอบทำร้ายอีกครั้ง องค์นาธานเนียลจึงเสด็จมาเยี่ยมด้วยพระองค์เองเมื่อมาถึงก็พบมิคาเอลนั่งอยู่เคียงข้าง ป้อนอาหารให้องค์เดเมี่ยนที่นอนอยู่บนเตียง องค์นาธานเนียลก็รู้สึกเป็นห่วงพระเชษฐาขึ้นมา และรู้สึกผิดที่ใช้งานพระองค์หนักเกินไป

 

“นาธานเนียล” องค์เดเมี่ยนทัก

“พระองค์เป็นอย่างไรบ้าง” ทรงตรัสถาม มิคาเอลเห็นองค์นาธานเนียล เข้ามาจึงลุกขึ้น ทำความเคารพและพยายามจะเดินออกไป

“เดี๋ยวมิคาเอล” องค์นาธานเนียลรั้งเอาไว้

“องค์นาธานเนียลต้องการอะไร หรือครับ” มิคาเอลถามอย่างตกใจ ปกติองค์นาธานเนียลไม่ค่อยชอบเขาเสียเท่าไหร่

“ขอบใจมาก ที่พยายามปกป้องเสด็จพี่เดเมี่ยน และดูแลพระองค์อย่างดี เจ้าในตอนนี้ก็เสมือนครอบครัวของเรา เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด เราขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับเจ้าไว้” องค์นาธานเนียลทรงตรัส

“ขอบคุณครับ ผมรักองค์เดเมี่ยนครับ ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อพระองค์ครับ” มิคาเอลกล่าวยิ้มออกมา

“พอได้แล้ว มิคาเอล เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจใครนอกจากเรา” องค์เดเมี่ยนตรัสไม่พอใจ ที่น้องชายมายุ่งวุ่นวายกับมิคาเอล แต่มิคาเอลก็ขอตัวออกไป

 

“เราจะพักสักระยะ เจ้าคงไม่บังคับให้เรากลับไปทำงานหรอกใช่ไหม”

องค์เดเมี่ยนรีบตรัส พระองค์อุตส่าห์เล่นละครทำเป็นว่าเจ็บหนัก

“ผมเข้าใจครับ พระองค์พักผ่อนจนกว่าแผลจะหายเถอะครับ”

องค์นาธานเนียลกล่าว

“ขอบใจ เจ้ากลับไปได้แล้ว เราอยากอยู่กับมิคาเอล ไม่ต้องการคนอื่น”

ทรงตรัสไล่ องค์นาธานเนียลหัวเราะ และลากลับไป

 

หลังองค์นาธานเนียลกลับไป องค์เดเมี่ยนก็เอาแต่ใจอีกครั้ง ด้วยการพามิคาเอลแอบหนีขึ้นเครื่องไป ชาร์โตว์ เดอ ลาเบลล อีกครั้ง โดยพระองค์ไม่ได้บอกกับเขาว่าทำไม

 

“เรามาที่นี่ทำไมหรือครับ” มิคาเอลอดถามไม่ได้

พระองค์ไม่ตอบ พาเขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ทุกที่ในชาร์โตว์ล้วนประดับตกแต่งด้วยดอกกุหลาบ ส่งกลิ่นหอมอบอวนไปหมด เมื่อเข้ามาในห้องโถงซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่ใช้ในการจัดงานเต้นรำ มิคาเอลก็ต้องแปลกใจ เมื่อกลางห้องมีรูปของเขาและรูปของพระองค์ ถูกประดับตกแต่งอยู่เต็มไปหมด มีทั้งรูปที่เขาถ่าย และรูปที่คนอื่นถ่าย แต่ทุกรูปล้วนเป็นภาพที่ทั้งเขาและองค์เดเมี่ยนดูมีความสุขเหลือเกิน มิคาเอลเดินดูรูปอย่างสนใจ แต่เมื่อหันกลับมาองค์เดเมี่ยนกลับจ้องมองมาที่เขา

 

“มิคาเอล เรารู้ว่า เราอาจจะไม่ใช่คนที่ดีที่สุด เราอาจจะทำเรื่องไม่ดีมามากมาย เราอาจจะเคยทำให้เจ้าเสียใจมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เราสัญญาว่าจากนี้ไป เราจะรักเจ้าให้มากที่สุด เท่าที่คนๆ หนึ่งจะสามารถรักคนอีกคนหนึ่งได้ เราสัญญาว่าเราจะรักเจ้าตราบจนลมหายใจสุดท้าย เราจะชราไปพร้อมๆ กับเจ้า เราจะอยู่ที่ตรงนี้ เคียงข้างเจ้าเสมอ ไม่ว่ายามสุข หรือยามทุกข์ ไม่ว่าจะเจ็บป่วย หรือแข็งแรง เราจะคอยดูแล และรักเจ้า อ้อมกอดของเรา จะเป็นบ้านของเจ้า ทั้งหมดของเรา เป็นของเจ้า คนเดียว เราอยากให้เจ้าเป็นเจ้าของเรา ปรารถนาให้ทุกรูปของเรามีเจ้าอยู่ในนั้น อยากให้เจ้าเป็นดั่งแสง และเราจะเป็นดั่งเงา อยู่เคียงข้างกันตลอดไป” องค์เดเมี่ยนกล่าว คุกเข่าลงตรงหน้าของมิคาเอล

 

“ได้โปรด เป็นชายา เพียงหนึ่งเดียว ของเราจะได้ไหม”

 

ทรงตรัสถาม แหวนวงเดิมที่มิคาเอลคืนให้องค์เดเมี่ยน ถูกเอาออกมาอีกครั้ง มาพร้อมกับแหวนหมั้นที่มีเพชรสีน้ำเงินขนาดใหญ่สีเดียวกับดวงตาของมิคาเอลเพิ่มขึ้นมาอีกวง มิคาเอลน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง

“ครับ ฝ่าบาท ผมรักพระองค์ครับ รักมากที่สุด และจะรักตลอดไป”

มิคาเอลกล่าว องค์เดเมี่ยนสวมแหวนให้ มิคาเอลก็โผเข้ากอดพระองค์อย่างรักใคร่ หัวใจบีบรัด ความปิติยินดีเอ่อล้น องค์เดเมี่ยนกอดมิคาเอลเอาไว้ ก้มลงจุมพิตคนตัวเล็กเนิ่นนาน กระซิบข้างหูคนตัวเล็ก

 

“เรารักเจ้า มิคาเอล รักตลอดมา และจะรักตลอดไป” ทรงตรัส

“ผมก็รักองค์เดเมี่ยนครับ รักมากที่สุด รักพระองค์เพียงคนเดียว ตลอดไป” มิคาเอลกระซิบตอบน้ำตาแห่งความสุขไหลริน

 

หลังจากการปราบกบฏครั้งใหญ่ในคานาเดีย คานาเดียก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง แต่เพราะภาพหลายต่อหลายภาพที่แสดงถึงความโหดเหี้ยมของเจ้าชายเดเมี่ยนถูกเผยแพร่ออกไป ทั้งภาพที่ใบหน้าของพระองค์เปื้อนเลือด ภาพที่พระองค์ต่อยคนร้ายจนสลบ พร้อมกับมือที่เปื้อนเลือด และอื่นๆ อีกหลายภาพ ซึ่งภาพเหล่านั้น ส่งผลกระทบต่อทั้งชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของทั้งพระองค์และราชวงศ์ จนองค์นาธานเนียลรับสั่งให้แก้ไขภาพลักษณ์โดยด่วน

 

องค์เดเมี่ยนดูขัดใจ แต่มิคาเอลก็เสนอให้ตีพิมพ์หนังสือภาพเล่มหนึ่ง

ที่มิคาเอลเป็นคนถ่าย หลังจากที่หนังสือถูกตีพิมพ์ ภาพลักษณ์ของพระองค์ ก็ดูดีขึ้นมาก ภายในหนังสือเล่มนี้ มีภาพในอริยาบทต่างๆ ขององค์เดเมี่ยนที่คนทั่วไปไม่เคยมีโอกาสได้เห็น ทั้งภาพทรงงานหนัก ภาพออกกำลังกาย ภาพใบหน้าอันหล่อเหลาในระยะใกล้

 

และภาพพิเศษสองภาพ ที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุด คือภาพที่องค์เดเมี่ยนทรงยิ้มอย่างกว้างขวาง จนแทบละลายหัวใจของผู้คนที่พบเห็น และภาพที่ถูกถ่ายด้วยพระองค์เอง เป็นภาพคู่ของพระองค์และว่าที่พระชายามิคาเอล แม้จะเป็นภาพธรรมดาของคู่รักภาพหนึ่ง แต่ไม่เคยมีใครเห็นภาพ ที่พระองค์จุมพิตหน้าผากของว่าที่พระชายาอย่างอ่อนโยน และรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขของว่าที่พระชายา ยิ่งเข้าใกล้วันอภิเษกสมรสของทั้งคู่ ภาพๆ นี้ก็ถูกนำมาพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง จนหนังสือภาพนี้ต้องถูกตีพิมพ์เพิ่มอีกหลายต่อหลายครั้ง ชื่อของหนังสือที่ถูกตั้งโดยมิคาเอล กลายเป็นฉายาใหม่ขององค์เดเมี่ยนไปโดยทันที และ

มิคาเอลก็ได้รับฉายาเช่นกัน “The Dark Prince by White Angel”

 

งานอภิเษกสมรสถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ในโบสถ์อันเก่าแก่ของคานาเดีย อันเป็นสถานที่เดียวกับที่กษัตริย์นาธานเนียลและพระชายาได้อภิเษกสมรส แขกสำคัญหลายพันคนถูกเชิญใหมาเป็นสักขีพยานรักแก่คู่รักทั้งสอง

 

ภายในโบสถ์ถูกประดับประดา ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวอย่างวิจิตรบรรจง นับจากหน้าประตู ไปจนถึงแท่นทำพิธี ดอกกุหลาบสีขาวถูกจัดตกแต่งใส่แจกัน พุ่มแขวน ช่อดอกไม้หลากหลายขนาด รวมไปถึงซุ้มดอกไม้ขนาดใหญ่เหนือแท่นพิธี ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว มิคาเอลแต่งกายในชุดขาวทั้งชุด ดูงดงามราวกับทูตสวรรค์ เดินเข้ามาตามทางเดินที่โรยด้วยกลีบดอกกุหลาบสีขาว ทางเดินทั้งสองข้างถูกประดับตกแต่งด้วยต้นไม้สีขาวประดับไฟ เทียนไขจำนวนมากถูกนำมาใส่ในแจกันใสวางไว้ขนาบสองข้างทางเดิน จุดให้แสงสว่างนำทางไปสู่แท่นพิธี ที่สุดปลายทาง มีเจ้าชายเดเมี่ยนที่แต่งกายในชุดดำ ที่ขับเน้นความคมเข้มหล่อเหลา ยืนรอรับเขาอยู่ มิคาเอลจ้องมองชายตรงหน้าอย่างรักใคร่ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะสามารถรักใครได้มากขนาดนี้ ทั้งร่างกาย ทั้งหัวใจ และชีวิตนี้ของเขา เป็นของเจ้าชายเดเมี่ยนเพียงพระองค์เดียว

 

องค์เดเมี่ยนจ้องมองมาที่มิคาเอล คนๆ ที่พระองค์รักยิ่ง คนๆ นี้ได้นำแสงสว่างเข้ามาสู่ชีวิตของพระองค์ เป็นความสุขเพียงหนึ่งเดียวของพระองค์ เป็นความรักอันมั่นคงหนึ่งเดียวของพระองค์ เป็นดั่งแก้วตาและดวงใจ เป็นทุกๆ สิ่งที่คนๆ หนึ่งจะต้องการได้ มิคาเอลงดงามหมดจด ดุจเทพสวรรค์สีขาวบริสุทธิ์ แสงสว่างอันอบอุ่นสาดส่องมาเพื่อพระองค์เพียงคนเดียว พระองค์ยื่นมือออกไปรับมิคาเอลเข้ามายืนเคียงข้าง จับมือ และเริ่มกล่าวคำปฏิญาณรัก ต่อคนที่พระองค์รักจนหมดหัวใจ

 

“เรา เจ้าชาย แห่ง คานาเดีย เดเมี่ยน เดอ ลา จูลิโอ คลอเดียส ขอรับ

มิคาเอล มิลลส์ เป็นพระชายา เพียงหนึ่งเดียวตลอดไป ด้วยแหวนวงนี้

เราขอสัญญาว่า เราจะใช้ชีวิตนี้ เพื่อเจ้า ทุกลมหายใจของเรา เป็นของเจ้า ร่างกาย และ หัวใจนี้ของเรา จะเป็นของเจ้า เพียงคนเดียว เราจะดูแล และรักเจ้า ตราบชั่วนิรันดร์” องค์เดเมี่ยนปฏิญาณรัก แล้วจึงสวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของมิคาเอล

 

“ผม มิคาเอล มิลลส์ ผมขอรับ เจ้าชายแห่งคานาเดีย เจ้าชาย เดเมี่ยน เดอ ลา จูลิโอ คลอเดียส เป็นพระสวามี เพียงหนึ่งเดียวตลอดไป ด้วยแหวนวงนี้

ผมขอสัญญาว่า ผมจะใช้ชีวิตนี้ เพื่อพระองค์ ทุกลมหายใจของผม เป็นของพระองค์ ร่างกาย และ หัวใจนี้ของผม จะเป็นของพระองค์ เพียงพระองค์เดียว ผมจะดูแล และรักพระองค์ ตราบชั่วนิรันดร์” มิคาเอลปฏิญาณรักต่อชายที่เขารักจนหมดหัวใจ ก่อนจะสวมแหวนให้กับพระองค์ ด้วยน้ำตาที่คลอหน่วง

 

"กระหม่อมขอประกาศให้ทั้งสองเป็นพระสวามี และพระชายา

จูบพระชายาได้แล้วขอรับ” บาทหลวงกล่าวขึ้น อย่างยินดี

 

องค์เดเมี่ยนรั้งมิคาเอลเข้ามาหา ก่อนจะก้มลงจุมพิตเนิ่นนานจนหลายต่อหลายคนอิจฉา ก่อนพระองค์จะช้อนร่างเล็กของมิคาเอลขึ้นท่ามกลางเสียงตบมือยินดีต่อทั้งสอง มิคาเอลโอบกอด The Dark Prince ของเขาเอาแนบแน่น เจ้าชายที่โหดร้ายพระองค์นี้ คือเจ้าชายที่เขาจะรัก และอยู่เคียงข้างตลอดไป ชั่วนิจนิรันดร์

----จบบริบูรณ์----

นิยายเรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ กับ สนพ นานานาริส ค่ะ
หากใครสนใจก็สั่งจองได้จนถึง 9 เมษานะคะ
NanaNarisYBooks

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 735
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
สนุกดีค่ะ
มีขัดใจบ้างตอนที่เดเมี่ยนเอาแต่ใจแรกๆ
อยากอ่านของราฟาเอลกับโทนี่จัง
จะมีให้อ่านไหมคะ
ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านนะคะ

ออฟไลน์ annch

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13


เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังไปทั่ว พระสนมคนใหม่ขององค์เดเมี่ยน กลับเต้นรำยั่วยวนอยู่กลับองค์รัชทายาทราฟาเอล

 

 
ตรงไหนที่ยั่วยวน ใช้คำนี้ไม่ปรักปรำใส่ร้ายกันเกินไปเหรอ

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13


ตลอดเวลามิคาเอลคอยช่วยเหลืองานอย่างใกล้ชิด แต่แม้จะใกล้ชิด และอยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลา แต่มิคาเอลกลับเย็นชาและไม่ยอมทำดีกับองค์เดเมียนอีกเลยนับตั้งแต่ในวันที่ไปเที่ยวในลอนดอน

 

 
หมั่นไส้นังเอกมาก ไอ้โน่นก็ไม่ดีไอ้นี่ก็ไม่ชอบ ปล่อยมันอยู่ในฮาเร็มเฉยๆให้แมงมุมชักใย ไม่ต้องให้มันออกไปข้างนอกอีกเลย

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13

 

มิคาเอล อยู่ในวิลล่าขององค์ราฟาเอลมาได้เดือนกว่าแล้ว องค์ราฟาเอลดูแลเขาเป็นอย่างดี พระองค์ทำดีกับเขาทุกอย่าง เข้าใจ และ อ่อนโยนต่อเขาเสมอ แต่กระนั้นมิคาเอลก็ยังห่างไกลจากคำว่า มีความสุข มากนัก แม้เขาจะพยายามจะทำตัวร่าเริงแต่มันกลับเป็นการฝืนทำต่อหน้าองค์ราฟาเอลเท่านั้น เมื่อองค์ราฟาเอลไม่อยู่ มิคาเอลก็เอาแต่นั่งเหม่อลอย และยังคงเฝ้าคิดถึงเจ้าชายอีกพระองค์หนึ่ง แม้มิคาเอลจะพยายามจะตัดใจ แต่เขาก็ยังไม่อาจจะทำได้ และตราบเท่าที่เขายังรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ เขาคงไม่อาจเปิดใจรับองค์ราฟาเอลได้

 

 
เริ่มเกลียดนังเอกอย่างมากๆแล้ว เรื่องมากที่สุด ร่ำร้องหาราฟาเอลไม่ใช่หรือ พอตอนนี้ผีบ้าที่ไหนเข้าสิงอีกล่ะ จะเอายังไงแน่ ไม่พอใจก็บอกให้เขาส่งกลับบ้าน คนอย่างราฟาเอลต้องไม่รั้งไว้แน่นอน หมั่นไส้มันจริงๆ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด