[เรื่องสั้น] คนในความทรงจำ {25-07-13 จบแล้วครับ ย้ายได้ครับ}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] คนในความทรงจำ {25-07-13 จบแล้วครับ ย้ายได้ครับ}  (อ่าน 7424 ครั้ง)

ออฟไลน์ sadness

  • ขอเถอะความเหงา ปลดปล่อยฉันเสียที
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +759/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

----------------------------------------------------------------------------------

ก่อนอื่นผมต้องขอโทษสำหรับนิยายก่อนหน้านี้ที่ไม่สามารถต่อจนจบได้ ขอโทษจริงๆครับ
อาจจะทำให้หลายคนผิดหวังและไม่พอใจ ซึ่งผมก็ยินดีรับไว้ครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นครับ สองตอนจบ วันนี้เอาตอนแรกมาลงให้อ่านก่อนนะครับ ฝากผลงานอีกครั้งนะครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------

          “กูสงสัยวะ” ผมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กำลังอ่าน ก็พบกับหน้าของรุ่นพี่ต่างคณะ แต่ดันเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผม ไม่ต้องสงสัยหรอกครับเพราะว่าผมนะเป็นเด็กซิ่ว ตอนนี้เลยอยู่แค่ปีสอง ส่วนไอ้คนถามนะมันชื่อต้น อยู่ปีสามแล้วครับ
          “สงสัยห่าอะไร” ผมก้มหน้ากลับไปหาหนังสือของผมดังเดิม เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันมาถามแบบนี้ ไอ้ต้นมักจะเริ่มบทสนทนาแรกด้วยคำว่า “กูสงสัย” และไม่ค่อยจะบ่อยนักที่คำถามของมันจะมีสาระให้ผมต้องสนใจ
          “กูสงสัยเรื่องมึงกับไอ้เจ” ไอ้ต้นนั่งลงที่ม้าหินอ่อนตรงข้ามกับผม พอผมเงยหน้า ก็เจอสายตาของมันที่จ้องมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว หน้าตาของมันเหมือนกำลังรอลุ้นอะไรอยู่สักอย่าง
          “เจ....” ผมเอ่ยขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับขมวดคิ้วสงสัยในคำถามของมัน
          “เออ ไอ้เจไง” น้ำเสียงไอ้ต้นเร่งรีบ เหมือนกำลังรอฟังคำพูดต่อไปของผม
          “เจ....เจไหนวะ” ผมคิดสักครู่ ก่อนจะเอ่ยถามไอ้ต้นออกไป ซึ่งตอนนี้หน้าตาไอ้ต้นบ่งบอกว่ามันเซ็งผมเป็นอย่างมาก
          “อุดม” ไอ้ต้นพูดออกมาอย่างเนือยๆ ส่วนผมพอได้ยินชื่อนี้ ก็ทำให้นิ่งไปพักหนึ่งเลยทีเดียว ก่อนจะตอบไอ้ต้นออกไปได้ ก็ต้องปรับอารมณ์ก็ก่อน
          “โตเป็นควายแล้วยังล้อชื่อพ่อเพื่อนอีกนะมึง” จริงๆแล้วเจไม่ได้ชื่ออุดมหรอกครับ แต่นี่นะ มันชื่อพ่อของเจมัน สมัยเด็กๆพวกผมเรียกจนกลายเป็นว่าจำชื่อพ่อได้ดีกว่าชื่อมันไปซะแล้ว
          “ก็มึงเสือกจำไม่ได้นี่หว่า.....อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง มึงทะเลาะอะไรกันวะ” มันทำท่าฮึดฮัดพอประมาณ ก่อนจะยื่นหน้ามาถามด้วยความสนใจอยากรู้ต่อ
          “เปล่า” ผมตอบไปแค่นั้น เพราะไม่รู้จะอธิบายกับไอ้ต้นยังไง
          “เปล่า....แต่พวกมึงก็ไม่คุยกันมาเป็นชาติเนี่ยนะ” ไอ้ต้นยกมือเตรียมตบหัวผม แต่ดีที่ผมเอียงตัวหลบออกมาเสียก่อน มันเลยลดมือมันลง
          “มึงก็เว่อร์ ก็ไม่ได้เจอกันนี่หว่า มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้เรียนกับพวกมึงสมัย ม.ปลาย แล้วกูกับเจจะคุยกันยังไงวะ” เพราะตอนม.ปลายผมต้องย้ายโรงเรียนไปอีกจังหวัดหนึ่ง นานๆจะได้กลับบ้านสักที เลยไม่ค่อยได้เจอเพื่อนเก่าสักเท่าไหร่
          “มึงสองตัวไม่คุยกันตั้งแต่ก่อนมึงย้ายโรงเรียนแล้วนะ เท่าที่กูจำได้เนี่ย” ไอ้ต้นยังจ้องหน้าผมอย่างไม่ลดละ แบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ผมยิ่งนึกถึงอดีตเข้าไปใหญ่ ทำไมมันต้องมารื้อฟื้นด้วยเนี่ย
          “แล้วมึงจะถามทำไมวะ ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหนเลย” ผมพยายามเลี่ยง ด้วยว่าผมก็ไม่สามารถบอกไอ้ต้นได้ถูกเหมือนกัน เพราะผมก็ไม่เข้าใจสาเหตุที่ทำให้ผมกับเจ กลายเป็นแค่เพื่อนร่วมโรงเรียนที่เคยเห็นหน้ากันเท่านั้น ทั้งที่เมื่อก่อนผมกับเจตัวแทบติดกัน ไปไหนไปด้วยกันตลอด
          “ก็กูสงสัย เมื่อวานกูบังเอิญไปเจอไอ้เจที่ตลาดนัดมา พอกูบอกมันว่ามึงย้ายมาเรียนที่นี่แล้ว มันก็นิ่งไปแบบมึงเนี่ย แล้วจะให้กูคิดยังไง กูก็ต้องคิดว่ามึงสองตัวมีเรื่องทะเลาะกันนะสิ” ไอ้ต้นเริ่มบรรยายซะยืดยาว แต่ผมก็ไม่แปลกใจในสิ่งที่มันเล่าให้ฟัง เพราะเจมันจะเงียบทุกครั้ง ที่มีคนมาคุยเรื่องผมกับมัน ผมได้ยินเพื่อนคนอื่นพูดจนผมชินซะแล้ว แต่ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าอะไรทำให้มันกลายเป็นคนเย็นชากับผม ผมย้อนกลับไปคิดเท่าไหร่ ผมก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้สักที


          ผมกับเจรู้จักกันครั้งแรกตั้งแต่สมัยประถมแล้วครับ ด้วยสมัยนั้นผมเป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าพูด ยิ่งตอนสมัยป.5 ห้องเรียนที่ผมอยู่ตอนนั้น ไม่มีเพื่อนเก่าที่ผมเคยรู้จักมาอยู่ด้วยเลยสักคน แถมห้องผมยังโดนแยกออกมาอยู่คนละตึกกับชั้นป.5 ห้องอื่นอีก ทำให้ผมจากที่เป็นเด็กนิ่งๆ กลายเป็นเด็กเงียบเข้าไปใหญ่ วันๆนึงแทบจะไม่ได้คุยกับใคร ได้แต่แอบมองเวลาเพื่อนๆเค้าเล่นกัน แต่ตัวเองไม่กล้าที่จะเข้าไปเล่นด้วย
          เหตุการณ์ที่ทำให้ผมรู้จักกับเจนั้นมันเกิดขึ้นตอนประมาณกลางเทอมของชั้นป.5 นี่เอง วันนั้นผมลืมที่จะหยิบเงินมาโรงเรียน เพราะที่บ้านผมจะให้เงินเป็นสัปดาห์ และมันไม่แปลกเลยที่ผมจะลืม เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่เคยต้องหยิบเงินเอง จะเป็นพ่อหรือแม่เป็นคนยื่นให้ผมก่อนออกจากบ้านทุกวัน เพียงแต่ตอนนี้ผมขึ้นป.5 ท่านเห็นว่าผมควรจะรับผิดชอบได้แล้ว จึงให้เงินเป็นรายสัปดาห์แบบพี่ๆ ตอนแรกผมก็ดีใจที่ท่านเห็นว่าผมโตแล้ว แต่ตอนนี้ผมอยากจะร้องไห้มากกว่า เพราะผมหิวนะสิ ได้แต่มองคนอื่นเดินลงไปทานข้าวที่โรงอาหาร แต่ตัวเองไม่มีเงินสักบาท ก็ได้แต่นั่งทนหิวอยู่ในห้องคนเดียว ไอ้ครั้นจะขอยืมจากเพื่อนในห้องก็ไม่กล้า เพราะติดที่ขี้อายและขี้เกรงใจนี่หละ เลยทำให้ต้องทนหิวอยู่แบบนี้
          “เอ้ย.......เดี๋ยวๆๆๆ” ระหว่างที่ผมกำลังคร่ำครวญกับความหิวอยู่นั้น ก็มีมือใครสักคนมาจับข้อมือผม พร้อมกับออกแรงดึงให้ผมลุกตามไป พอผมมองหน้าก็เห็นเพื่อนร่วมห้องคนนึงที่ไม่เคยได้คุยกันมาก่อน กำลังดึงข้อมือผมอยู่ เพื่อนคนนี้ตัวสูงกว่าผมมากพอตัวอยู่ ก็ไอ้หมอนี่เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ มันนะอยู่ท้ายสุดของแถว ส่วนผมก็อยู่กลุ่มหน้าๆ ผมหละอยากตัวสูงแบบมันบ้างจัง
          “ข้าวผัดหมูนะ” ไอ้มนุษย์เสาไฟฟ้าในความคิดผมพาผมมาที่โรงอาหาร ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมแล้วถามคำถามแปลกๆ
          “อ่า....” ผมกำลังงงกับมัน และกำลังใช้ความคิด แต่ดูเหมือนมันจะคิดว่าผมตอบคำถามมันซะนี่
          “คุณป้าครับ เอาข้าวผัดหมูให้คนน่ารักหนึ่งจานครับ” มันหันไปหาป้าคนขาย พร้อมกับสั่งอาหาร แต่คำพูดมันทำให้ผมแปลกใจ
          “ใครคือคนน่ารัก” ผมหันไปถามมัน แต่ที่ไม่เข้าใจคือ มันจะดึงผมมาด้วยทำไม รู้ไหมว่าคนกำลังหิว แล้วดันพามาโรงอาหารอีก แบบนี้จะทนไหวไหมเนี่ย
          “ก็นายไง” มันหันมายิ้มให้ผม
          “เอ้ย...เราไม่เอานะ เราไม่มีเงินจ่ายป้าเค้านะ” ผมได้ยินที่มันบอกก็ตกใจ อะไรเนี่ยเดินมาสั่งข้าวโดยที่ผมไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย สั่งข้าวไปแล้วแบบนั้นถ้าผมไม่มีเงินจ่าย ป้าเค้าจะด่าผมไหมเนี่ย
          “เราจ่ายเอง เราพานายมา เราก็ต้องจ่ายให้สิ” ไอ้คนตรงหน้ามันก็ยังคงยิ้มไม่หุบ แต่ผมนะสิยังสับสนมึนงงอยู่ ว่าทำไมมันต้องพาผมมากินข้าวด้วย

           “ถ้าไม่มีเงินมาบอกเจนะ อย่าปล่อยให้หิวอีก” พอข้าวผัดที่สั่งได้ มันก็เดินนำผมมาที่โต๊ะทานอาหาร ก่อนจะเอ่ยบอกกับผม
           “ไม่ใช่ไม่มี แค่ลืมหยิบมา” ผมตอบแล้วก้มหน้าทานข้าวตรงหน้า ถึงจะแปลกๆที่คนไม่เคยคุยกันมาก่อน มาซื้อข้าวให้แบบนี้ แต่ด้วยความเป็นเด็กและความหิว ทำให้ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จัดการอาหารตรงหน้าด้วยความหิว
           “แล้รู้ได้ไงว่าไม่มีเงิน” พอกินอิ่มแล้ว ผมก้เริ่มคิดอะไรมากขึ้น เลยลองถามไอ้มนุษย์เสาไฟฟ้าที่เอาแต่ยิ้มตลอดเวลา
           “ก็ปกติเวลาหมดเวลาเรียน นายจะรีบวิ่งมาโรงอาหารก่อนใครเลยนี่ แต่วันนี้นั่งเฉยๆ” ไอ้ที่ผมรีบออกมาก่อนเพราะผมไม่ชอบความวุ่นวายเวลาคนเยอะๆ เลยรีบไป รีบกิน แล้วก็รีบกลับขึ้นมาที่ห้องก่อนคนอื่น
           “แค่นั้น” ผมถามมันด้วยความสงสัย
           “อื้ม” มันก็ยังยิ้มและตอบมาแค่นั้น แต่พอเห็นผมยังขมวดคิ้ว มันก็เลยขยายความมากขึ้น
           “แล้วเราก็อยากเป็นเพื่อนกับคนน่ารักแบบนายด้วย”
           “ก็เป็นอยู่แล้วนี่” ก็ผมกับมันอยู่ห้องเดียวกันนี่นา มันก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้วนี่
           “ไม่เอา....เพื่อนก็ต้องคุยต้องเล่นด้วยกันสิ นะ....เป็นเพื่อนกับเจนะ” มันทำสายตาอ้อนวอน 555 ผมอยากจะขำกับท่าทางของมัน ที่ไม่ได้เข้ากับรูปลักษณ์ของมันเอาซะเลย
           “อื้ม ได้อยู่แล้ว” ผมตอบมันไปแบบยิ้มๆ
           “งั้นเจกับแม็กซ์เป็นเพื่อนกันแล้วนะ”
           “อื้ม...แม็กซ์กับเจเป็นเพื่อนกันแล้ว”


            “มึงยิ้มอะไรของมึงวะ แม่ง...ตอบก็ไม่ตอบกู แล้วยังจะเอาแต่นั่งยิ้มอยู่ได้” ไอ้ต้นเริ่มเหวี่ยงใส่ผม เพราะผมไม่ยอมตอบคำถามมันสักที แต่พอผมนึกถึงอดีตเกี่ยวกับเจขึ้นมาทีไร มันก็อดทำให้ผมยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
            “กูถามจริงๆนะ มึงชอบไอ้เจหรือเปล่าวะ” อยู่ๆไอ้ต้นก็ทำหน้าตาจริงจัง
            “ชอบ..........ชอบแบบไหนวะ” ผมพอจะเข้าใจในคำถาม แต่เพื่อกันหน้าแตก ก็ขอถามให้กระจ่างสักหน่อย
            “ก็แบบ......คู่รักนะ” มันหันซ้ายหันขวา ก่อนจะก้มหน้ามาใกล้ๆผม พร้อมกับเอ่ยถามเสียงเบาๆ
            “คู่รักหรอ” ผมเอ่ยออกมาแผ่วๆ คิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ใจผมเปลี่ยนไป


          ตอนนั้นสมัยเข้า ม.1 ผมกับเจสอบเข้าที่โรงเรียนเดียวกัน แต่ต้องอยู่กันคนละห้องผมได้อยู่ห้องคิง ส่วนเจได้อยู่ห้องหก โรงเรียนนี้จะมีการจัดห้องตามคะแนนสอบเข้า ลำดับที่ 1-50 จะได้อยู่ห้องคิงหรือห้อง 1 ส่วน 51-100 จะอยู่ห้องควีนหรือห้อง 2 ไล่ไปจนถึงห้องสิบ แต่ถึงผมกับเจจะอยู่คนละห้อง แต่เราก็ยังไม่ลืมสัญญาความเป็นเพื่อนของเรา นอกจากผมจะมีตารางเรียนห้องตัวเองแล้ว ผมก็ยังมีตารางเรียนของห้องเจด้วย และในทำนองเดียวกัน เจก็มีตารางเรียนของห้องผมด้วยเช่นกัน เพราะตอนพักเที่ยง ถ้าใครเลิกเรียนก่อน ก็จะต้องรอกินข้าวกลางวันพร้อมกัน ส่วนใหญ่แล้วเจจะเป็นคนเดินมารอผมเสียมากกว่า แต่วันนี้แปลกที่เลยเวลาแล้วเจยังไม่มาสักที ผมเลยเดินไปหาเจที่ห้องหกแทน
          “ขอโทษนะ เจอยู่ไหม” ผมเดินไปถามเด็กผู้ชายคนนึงที่นั่งอยู่หน้าห้องเรียนของเจ ซึ่งช่วงพักกลางวันแบบนี้ ข้างในดูวุ่นวายมาก ทั้งเด็กผู้หญิงผู้ชาย วิ่งไล่เล่นกันวุ่นไปหมด
          “ไม่อยู่หรอก อาจารย์เรียกมันไปเทศน์อยู่”
          “แอบหลับ?” ผมถามเพราะรู้ว่าเป็นเรื่องปกติของเจ
          “อื้ม” เค้าคนนั้นตอบผมมาแค่นั้น ก่อนจะก้มหน้าไปเล่นเกมส์กดในมือต่อ ผมก็เลยไม่สนใจ กำลังจะเดินกลับไป แต่ก็ต้องหันกลับมาเพราะคนเดิมทักขึ้นมา
          “นายอยู่ห้องหนึ่งใช่ไหม” คนถาม ถามนิ่งๆ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆบนใบหน้า ทำให้ผมไม่รู้ว่าเค้าต้องการอะไร
          “ใช่” ผมตอบสั้นๆ เพื่อดูเชิง
          “แล้วมายุ่งกับไอ้เจมันทำไม”
          “ก็....เพื่อนกัน” ผมไม่เข้าใจคำถามของคนที่คุยด้วยเท่าไหร่ ทำไมถึงถามแบบนั้น
          “เด็กห้องหนึ่งเนี่ยนะ เป็นเพื่อนกับเด็กห้องหก ปกติเห็นดูถูกพวกกูจะตาย” มันพูดพร้อมกับมองผมเหยียดๆ จะบอกว่าพวกกูดุถูกมึง แต่ที่มึงทำตอนนี้เนี่ย มึงไม่ได้กำลังดูถูกกูอยู่หรอวะ
          “ไม่เห็นจะเกี่ยว กูกับเจเป็นเพื่อนกัน” ผมเริ่มอารมณ์สียกับไอ้คนนี้เต็มทน
          “เพื่อนหรอ กูเห็นแต่ไอ้เจมันคอยแต่เอาใจมึง ไม่เห็นมึงจะใส่ใจมันเลย”
          “ทำไมกูจะไม่ใส่ใจเจ” อย่ามาคิดแทนคนอื่นนะเว้ย ยังไงเจมันก็สำคัญสำหรับผมเสมอ
          “มึงรู้ไหม ไอ้เจมันรู้สึกยังไงกับสายตาดูถูกของเด็กห้องมึงเวลามองมัน ทุกครั้งที่มันไปรอมึง มันต้องเจอกับสายตาแบบนั้น แต่มันก็ยังไปเพราะมันกลัวว่ามึงต้องกินข้าวคนเดียว เนี่ยนะที่มึงบอกว่าสนใจมัน เรื่องแค่นี้ทำไมไม่สังเกตวะ” ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีแบบนี้เกิดขึ้น เพราะไม่ใช่ผมจะไม่รู้ว่ามีกลุ่มหนึ่งในห้องผมที่คิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น อย่าว่าแต่เด็กห้องอื่นเลย แม้แต่ในห้องหนึ่งด้วยกันเอง กลุ่มนั้นก็ยังชูคอใส่พวกผมเลย พวกผมไม่ใส่ใจอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าเจก็จะโดนแบบนี้ไปด้วย และมันก็คงรู้สึกมานานแล้ว แต่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย
          “กูไม่รู้...” ผมไม่รู้จะตอบยังไง เพราะเรื่องนี้ผมไม่เคยรู้มาก่อน
          “แต่ต่อไปกูจะมาหาเจเอง มารอ มาเล่นกับเจ” ผมบอกออกไปด้วยความตั้งใจจริง ไม่จำเป็นที่เจต้องไปรู้สึกไม่ดีกับคนไม่มีความคิดพวกนั้น ในเมื่อมันเป็นเพื่อนผม ผมก็ต้องห่วงความรู้สึกของมันก่อนสิ
          “แน่ใจ?” อ้าวไอ้นี่ ถามอย่างกับไม่เชื่อใจ
          “แน่” ผมก็ตอบอย่างมั่นใจ ย้ำไปอีกรอบ
          “งั้นตามมานี่ดิ” มันเดินนำผมออกไป เดินลงจากอาคารเรียนไปด้านหลังที่เป็นสวนป่า

          “เอาจริงหรอวะ” ผมเงยหน้ามองต้นมะม่วงข้างหน้า พร้อมกับกลืนน้ำลายเล็กน้อย ก็ไอ้บ้านี่นะสิ มันบอกว่าให้ผมปีนไปเก็บมะม่วงบนต้นนั้น แถมมันยังบอกว่ามันกับเจปีนกันประจำ
          “อยากเล่นแบบไอ้เจ แค่ให้ปีนต้นไม้แค่นี้ก็ยอมแพ้ซะละ” ไอ้บ้านี่มันน่านัก ดูถูกกันมากไปแล้ว
          “มึงกล้าหรือเปล่า” มันยังหันมาถามต่อ ส่วนผมเจอคำถามนี้เข้าไปก็มีแรงฮึดอย่างเต็มที่ รู้ว่าโดนยั่ว แต่มันอดไม่ได้ที่จะทำ อยากให้มันหน้าหงาย หากผมปีนขึ้นไปเด็ดมะม่วงมาได้จริงๆ

          “ถ้าไม่ไหวก็พอเถอะ” เสียงมันลอยมาเป็นระยะ แต่นั้นมันก็ทำให้ผมบ้าพลังมากขึ้น ถึงจะทุลักทุเลกับการปีน แต่ตอนนี้ผมก็ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนกิ่งมะม่วงจนได้
          “ไอ้ต้น มาทำไรตรงนี้วะ” เสียงคนที่มาใหม่ ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ ก็พอผมมองลงไปก็เห็นเจกำลังเดินมาตรงต้นมะม่วงที่ผมปีนอยู่
          “มาเล่นกับเพื่อนมึงไง” ไอ้บ้าที่เอาแต่ยั่วผมนี่มันชื่อต้นนี่เอง มันหันไปตอบเจ
          “เพื่อนกู.....ใครวะ” เจทำหน้าสงสัย
          “ก็เด็กห้องหนึ่งไง” ไอ้ต้นตอบ พร้อมกับชี้มือมาทางที่ผมนั่งอยู่
          “เอ้ย....แม็กซ์ขึ้นไปทำไม ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” พอเจมองมาเห็นผมนั่งอยู่ด้านบนแบบนั้น ก็ร้องเรียกด้วยความตกใจ
          “ไม่เป็นไรเจ เดี๋ยวเราเก็บมะม่วงไปฝากนะ” ผมเห็นท่าทางตกใจของเจแล้วก็อดขำไม่ได้ ก่อนจะพยายามเอื้อมมือไปเด็ดมะม่วงที่อยู่ใกล้มือ กะว่าจะเด็ดไปให้เจเป็นของฝากสักหน่อย แต่พอเอื้อมออกไปผมเพิ่งรู้ว่าแขนตัวเองมันสั้นอะไรแบบนี้ เอื้อมไปก็ไม่ถึงสักที จนเมื่อเอื้อมสุดแขน พยายามคว้ามะม่วงตรงหน้า กลับเป็นว่าคว้าอากาศเต็มๆ และที่ร้ายไปกว่านั้น ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวผมอยู่ห่างจากกิ่งมะม่วงไปทุกที พร้อมกับรับรู้ว่ากำลังร่วงตกลงมา ตอนนั้นผมทำได้เพียงแค่หลับตา ก่อนจะรับรู้ถึงสัมผัสแข็งๆของพื้นดิน
          “เฮ้ย!!!” น้ำเสียงแสดงความตกใจของคนสองคน เมื่อเห็นผมตกลงมา พร้อมกับสัมผัสอ่อนโยนที่เข้ามาพยุงตัวผม ก็พอจะรู้ว่าเป็นเจนั่นเอง
          “แม็กซ์เป็นไงบ้าง เจ็บมากไหม เดี๋ยวเจพาไปห้องพยาบาลนะ” น้ำเสียงร้อนรนของเจ ทำให้ผมพลอยตกใจไปด้วย ผมได้แต่นิ่งตอนที่เจช้อนตัวผมให้ลอยขึ้นในอ้อมกอดของเขา ผมนอนหลับตาไปตลอดทางที่เจอุ้มผม ก่อนจะรับรู้ถึงหยดน้ำที่ตกลงมาบนแขนผม
           - -น้ำตา- -เจกำลังร้องไห้
           “เจ” ผมเรียกเพื่อนตัวโตเบาๆ เพราะผมไม่อยากเห็นน้ำตาของเจเลย
           “เจ็บหรอแม็กซ์ เจขอโทษนะ” เจมองผมด้วยความเป็นห่วง ซื่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ส่ายหน้าเพราะไม่รู้จะพูดอะไร

           หลังจากที่เจพาผมมาห้องพยาบาล และรู้ว่าผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น เจก็กลับไปเรียนตามปกติ แต่พอตอนเย็นหลังเลิกเรียน เจเดินเข้ามาหาผม พร้อมกับเสื้อผ้ามอมแมม และมุมปากแดงเจ่อ
           “ไปทำอะไรมา” ผมเอื้อมมือไปสัมผัสมุมปากแดงๆนั้น ทันทีที่เจนั่งลงข้างๆเตียงผม
           “เปล่า” เจตอบพร้อมกับก้มหน้าหนี
           “อย่ามาเปล่า เล่ามาให้แม็กซ์ฟังเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเราโกรธ” ผมจับใบหน้าเจให้หันมามองหน้าผม
           “มีเรื่องกับต้นมาใช่ไหม” เมื่อเจไม่ตอบ ผมเลยเป็นฝ่ายถามแทน
           “ก็มันทำแม็กซ์เจ็บ” เจหันมามองหน้าผม พร้อมกับพูดด้วยความโมโห
           “ไหนบอกว่าเปล่าไง” เจรีบหันไปมองที่อื่น เมื่อเจอคำถามของผม
           “พรุ่งนี้ไปขอโทษต้นซะ” ผมบอกเจไป เจ้าตัวก็รีบหันมาจ้องหน้าผมอย่างสงสัย
           “เราไม่เป็นอะไร เราเต็มใจปีนขึ้นไปเอง” ผมดึงตัวเจเข้ามากอด หน้าผมเกยอยู่ที่ไหล่ของเจ พร้อมกับพูดเบาๆ
           “ต่อไปนี้เราจะเป็นคนมาหาเจเองนะ เราไม่อยากให้เจคิดมากกับพวกงี่เง่าพวกนั้นอีก แล้วเราจะจัดการพวกนั้นเอง” ผมตบหลังเจเบาๆ
            “จัดการ...?” เจถามด้วยความสงสัย
            “อื้ม จัดการ....ก็ในเมื่อคิดว่าตัวเองเก่งกันดีนัก เดี๋ยวเราจะเหยียบให้กระจุยเลย” ผมนะไม่ได้มั่นใจว่าตัวเองเก่งมาจากไหนหรอกครับ แต่เมื่อมันทำกับเพื่อนผมแบบนี้ ก็ขอสู้ตายตะบันอ่านหนังสือให้คะแนนมันพุ่งสักหน่อย เอาให้พวกนั้นอกแตกตายไปเลย
             “เจปกป้องเรามาตลอด เพราะงั้นเราก็ไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรเจเหมือนกัน” ผมกอดเจอีกครั้ง พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงกว่าปกติ ความรู้สึกของผมที่มีต่อเจเริ่มเปลี่ยนไปตอนไหนไม่รู้ หรืออาจจะเป็นตอนที่เห็นน้ำตาของเจในตอนนั้นก็เป็นได้

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2013 01:49:06 โดย sadness »

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: [เรื่องสั้น] คนในความทรงจำ
«ตอบ #1 เมื่อ23-07-2013 21:30:04 »

คุณ sadness กลับมาแล้ว ดีใจ
วอร์มๆ ด้วยเรื่องสั้นไปก่อนก็ได้ครับ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยกลับมาเขียนเรื่องยาว

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
Re: [เรื่องสั้น] คนในความทรงจำ
«ตอบ #2 เมื่อ24-07-2013 10:09:53 »


ลงกฎให้ครบดีกว่านะ
ลงย่อๆแบบนี้เดี๋ยวจะมีปัญหา

ว่าแต่ตอนหน้านี้จะจบแล้วเหรอ

+ เป็ดจ้า

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: [เรื่องสั้น] คนในความทรงจำ
«ตอบ #3 เมื่อ24-07-2013 12:03:03 »

คุณบีลงกฎไม่ครบนะคะ

ทำไมเจถึงเปลี่ยนไปหล่ะ

ออฟไลน์ sadness

  • ขอเถอะความเหงา ปลดปล่อยฉันเสียที
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +759/-1
Re: [เรื่องสั้น] คนในความทรงจำ
«ตอบ #4 เมื่อ24-07-2013 13:44:08 »

คุณบีลงกฎไม่ครบนะคะ

พอดีผมก็อปมาจากเรื่องเก่าๆที่ผมเคยลงไว้นะครับ
ไม่ได้ลงนิยายมาเป็นปี ไม่รู้ว่าไอ้ที่เคยลงไว้มันไม่ครบ 5555

ขอบคุณนะครับที่ช่วยเตือน ^____^

คุณ sadness กลับมาแล้ว ดีใจ
วอร์มๆ ด้วยเรื่องสั้นไปก่อนก็ได้ครับ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยกลับมาเขียนเรื่องยาว
ขอบคุณครับ ดีใจที่มีคนรอนิยายผมด้วย ^^

ว่าแต่ตอนหน้านี้จะจบแล้วเหรอ

ใช่ครับ เรื่องนี้มาแบบสั้นๆ สองตอนจบครับ ^^

na-au

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น] คนในความทรงจำ
«ตอบ #5 เมื่อ25-07-2013 17:53:46 »

คนแก่อ่านแล้ว ไม่อยากให้เป็นสองตอนจบเลย

ขอยี่สิบตอนได้ป่ะ

 :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: [เรื่องสั้น] คนในความทรงจำ
«ตอบ #6 เมื่อ25-07-2013 19:34:13 »

ถึงจะเรื่องสั้น แต่ก็น่าลุ้น
เข้ามารอตอนจบด้วยคนค่ะ

ออฟไลน์ sadness

  • ขอเถอะความเหงา ปลดปล่อยฉันเสียที
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +759/-1
          “แล้วมึงจะตอบกูได้หรือยัง ใจลอยอยู่ได้” ไอ้ต้นดึงสติผมกลับมา เพราะตอนนี้ผมมัวแต่คิดถึงเรื่องเดิมๆระหว่างผมกับเจ
          “ใครบอกว่ากูจะตอบคำถามมึง ไร้สาระวะ” ผมเบี่ยงประเด็น แล้วก้มหน้าลงเตรียมจะอ่านหนังสือต่อ แต่ไอ้ต้นมันก็ดึงหนังสือของผมไปไว้ตรงหน้ามันแทน
          “อย่างน้อยก็ตอบกูหน่อยก็ได้ ว่ามึงทะเลาะอะไรกัน” มันยังไม่เลิกตอแย แต่ผมก็ใช้ความนิ่งเป็นคำตอบให้มันแทน


          “แม็กซ์..ไปกินข้าวกัน” เงยหน้าขึ้นมองเจ ที่ตอนนี้เดินมาถึงโต๊ะเรียนของผมโดยที่ผมไม่รู้ตัวเลย
          “ขอโทษนะ เรากำลังทวนที่อาจารย์สอนเมื่อกี้นะ เลยต้องให้เจเดินมาหาเราอีกแล้ว” ผมมองหน้าเจแล้วให้รู้สึกสำนึกผิด เพราะผมเองเป็นคนบอกว่าจะไปหาเจที่ห้อง แต่ผมมัวแต่ทบทวนบทเรียนเมื่อคาบที่ผ่านมา จนลืมไปเสียสนิทว่าเจกำลังรออยู่
          “ไม่เป็นไร เราเดินมาหาแม็กซ์นี่หละ ดีที่สุดแล้ว แม็กซ์จะได้ไม่เหนื่อย” ผมได้เพียงแค่ส่งยิ้มตอบกลับไป ก่อนจะเก็บหนังสือไว้ใต้โต๊ะ เพื่อเดินไปโรงอาหารกับเจ

           และแล้วมันก็กลายเป็นว่า เจก็เป็นคนเดินมาตามผมทุกวันทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมตั้งใจจะเป็นคนไปหาเจเอง แต่ผมก็ไม่เคยจะทันสักครั้ง เพราะผมจะนึกได้ก็ตอนที่เจมาสะกิดเรียกแล้วนี่เอง
          “อาทิตย์หน้าจะสอบแล้วนะเจ” ผมเอ่ยปากบอกเจระหว่างนั่งทานข้าวด้วยกัน
          “อื้ม” แต่เจ้าตัวดูไม่ได้สนใจในคำพูดของผมเลย เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว
          “พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนนะ” ผมยังจ้องมนุษย์เสาไฟฟ้าของผมเช่นเดิม ก่อนจะบอกในสิ่งที่ทำให้เจหยุดนิ่งทันที
          “เอาจริงๆหรอแม็กซ์ มาติวหนังสือให้เราแบบนี้ จะเสียเวลาแม็กซ์มากกว่านะ” ถึงเจ้าตัวจะบอกแบบนั้น แต่จริงๆแล้วผมว่านี่ไม่ใช่เหตุผล
          “อย่ามาทำเป็นพูดดี ขี้เกียจหละสิไม่ว่า” ผมยื่นมือไปผลักหน้าผากเจเบาๆพร้อมกับอมยิ้มเล็กๆ ก็เพื่อนผมคนนี้ถ้าเป็นเรื่องเรียนหละก็ หาทางเลี่ยงทุกที
          “แต่เราต้องซ้อมบาสนะ” เริ่มหาข้ออ้างอีกแล้ว แต่ผมก็เข้าใจว่าเจเพิ่งจะได้เป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียน ถึงจะไม่ได้เป็นตัวจริงเหมือนพี่ๆม.3 แต่น้องใหม่ก็ต้องซ้อมทุกวันเหมือนกัน
          “งั้นเราก็รอติวหลังเจซ้อมเสร็จ”
          “มันเย็นมากเลยนะ แล้วแม็กซ์จะกลับยังไง”
          “ก็ให้เจไปส่งไง”
          “จริงนะ!!!” เจตอบมาอย่างกระตือรือร้น เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่เคยยอมกลับกับเจเลย ปกติจะนั่งรถประจำทางกลับเอง จริงๆไม่ใช่เพราะไม่อยากให้เจไปส่งหรอกครับ ผมแค่กลัวการซ้อนมอเตอร์ไซค์เท่านั้นเอง
          “แล้วจะให้ติวให้ไหมหละ” ผมไม่ตอบคำถาม แต่กลับเป็นฝ่ายถามซะเอง
          “ก็ได้....แต่ต้องให้เราไปส่งที่บ้านนะ” เจเอ่ยตอบเสียงอ่อยๆ แต่ก็ยอมรับปาก

           ทุกเย็นก่อนสอบ ผมจะมานั่งรอเจซ้อมบาส เพื่อติวหนังสือให้เจ และเจก็มาส่งผมที่บ้านทุกวัน ผมว่ามันเป็นช่วงที่ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก จนเมื่อคะแนนสอบกลางภาคประกาศออกมา ผมดีใจในความพยายามของตัวเอง เพราะเกินกว่าครึ่งของวิชาที่เรียน ผมได้คะแนนสูงสุด ส่วนวิชาอื่น แม้ไม่ได้ที่ 1 แต่ก็อยู่ในกลุ่มแรกๆอยู่ดี และนั่นก็ทำให้ผมสะใจอย่างมาก เพราะสายตาเคียดแค้นจากกลุ่มที่หลงตัวเองที่มองผม แต่ไม่สามารถทำอะไรผมได้ และเมื่อผมส่งยิ้มกลับไปให้ ยิ่งเจอกับสายตาถมึงทึงเข้าไปใหญ่ มันยิ่งทำให้ผมสะใจขึ้นไปอีก แบบนี้สิ ค่อยสมกับสิ่งที่มันทำกับเจหน่อย

           สิ่งที่ตามมาหลังจากความดีใจ คือความห่างเหินระหว่างผมกับเจ จากที่ผมเป็นเพียงแค่คนๆหนึ่งในตอนเปิดเทอม แต่มันทำให้ผมกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาเพียงเพราะเรื่องคะแนน แม้ว่าเจจะมาหาผมทุกพักกลางวันเช่นเดิม แต่มันก็ต่างจากเดิมตรงที่ว่าจะมีคนติดตามผมไปกินข้าวด้วย ซึ่งผมไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ คิดเพียงแต่ว่ามีเพื่อนเยอะๆก็สนุกดี ถ้าเพียงผมฉุกคิดหรือสังเกตอะไรสักหน่อยเรื่องหลังจากนี้ คงไม่เกิดขึ้น

          “ไปกินข้าวกัน” ผมมองตามมือที่มาแตะบ่าผมขึ้นไป ก็พบกับเพื่อนในห้องคนหนึ่ง
          “รอเจก่อนได้ไหม” ผมมองหน้าเพื่อนก่อนจะเอ่ยปากบอกไป เพราะวันนี้แปลกที่เลยเวลาพักมาพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นเจมาสักที
          “ไม่ต้องรอหรอก ไปกินข้าวกันดีกว่า หิวจะแย่อยู่แล้ว” เพื่อนอีกคนเดินเข้ามาสมทบ เอ่ยสนับสนุน
          “พวกนายไปกันก่อนเถอะ เรารอเจก่อนดีกว่า” ผมบอกไปเพราะไม่เคยเลยที่ผมจะไปกินข้าวโดยที่ไม่มีเจ มันเหมือนเป็นความเคยชินไปซะแล้ว และเมื่อเพื่อนๆพยายามชักชวนผมยังไง ผมก็ไม่มีที่ท่าว่าจะไปด้วย มันสองคนเลยเลิกชวนทิ้งผมไว้คนเดียวตามเดิม

          “อ้าวทำไมนั่งอยู่ที่เดิมหละ” เพื่อนสองคนที่ชวนผมไปทานข้าว เดินกลับเข้าห้องมาทำท่าตกใจที่เจอผม
          “ก็รอเจนะ” ผมตอบเอื่อยๆ เพราะนี่ก็นานมากแล้วจริงๆ นานจนเกือบจะหมดเวลาพักแล้ว แต่เจก็ยังไม่มา
          “รอ......ก็ไอ้เจมันอยู่โรงอาหารนี่นา มันไม่ได้มาตามหรอ” เพื่อนผมมองหน้ากัน ก่อนจะหันมาถามผมแบบงงๆ
          “นายแน่ใจหรอ”
          “เอ่อ...อืม เห็นใช่ไหม” มันหันไปถามกันเอง เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และผมก็รีบวิ่งไปโรงอาหารทันที คิดไว้ในใจ บางทีเจอาจจะเห็นว่ามันเลยเวลาแล้ว อาจจะคิดว่าผมไปทานแล้วก็ได้ ใช่....มันต้องใช่แน่ เจคงไม่ปล่อยให้ผมหิวหรอก และเมื่อมาถึงโรงอาหาร ผมก็เห็นเจนั่งทานข้าวอยู่จริงๆ แต่เจก็ไม่เอ่ยทักอะไรผม  สงสัยคงไม่เห็นผมแน่ๆ เดี๋ยวต้องแกล้งสักหน่อย ปล่อยให้ผมรอแบบนี้นะ
         “เอ้ย...หมูทอด น่ากินจัง” ผมเดินไปยืนข้างๆเจ ก่อนจะหยิบส้อมของเจ มาจิ้มชิ้นหมูทอดเข้าปาก คิดแต่ว่าจะแย่งกินให้หมดเลย อยากปล่อยให้คอยจนหิวดีนัก
         “อร่อยจริงๆนะนี่” ผมจิ้มชิ้นที่สองส่งเข้าปากไป แต่เจก็ยังคงนิ่ง ไม่พูด ไม่มองหน้า และเมื่อผมกำลังจะจิ้มชิ้นหมูเพิ่ม เจก็ลุกขึ้นยืนจนผมตกใจ

         “ถ้าอยากกินนักก็เอาไปเลย!!!” เจมันพูดจบก็เดินหนีไปเลย ผมได้แต่ยืนนิ่งตกใจกับการกระทำของเจ เพราะเจไม่เคยอารมณ์เสียใส่ผม และพอผมมองไปที่เพื่อนของเจที่ชื่อต้นเพื่อหาคำตอบว่าเจเป็นอะไร ไอ้ต้นก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ แค่นั้นผมก็รีบวางส้อมแล้ววิ่งไปหาเจทันที

         “เจ เดี๋ยวก่อนสิ” ผมวิ่งไปคว้าแขนเจให้หันมาคุยกันดีๆ แต่เจก็สะบัดแขนจนหลุด
         “เดี๋ยว เป็นอะไรไป” ผมพยายามวิ่งไปดักหน้า แต่เจก็ยังไม่แม้แต่จะมองผม ผมยิ่งขวาง เจยิ่งหนี รั้งกันอยู่พักใหญ่ๆ จนเจตะโกนใส่ผม
         “อย่ามายุ่งอีก ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกันอีก” เจจับแขนทั้งสองข้างของผม พร้อมเอ่ยคำพูดที่ทำให้ผมต้องนิ่งก่อนจะเดินจากผมไป และเมื่อผมตั้งสติได้ หันกลับไปก็เจอเพียงแผ่นหลังของเจ ที่เดินออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ

          ทุกวันผมแอบมองเจอยู่เสมอ เพราะผมไม่กล้าจะเข้าไปหา ผมไม่รู้ว่าอะไรหรือใครทำให้ผมกับเจต้องเป็นแบบนี้ แต่ผมก็ยังหวัง ว่าเจจะกลับมาเป็นเจคนเดิมของผมอีกครั้ง
          “นาย...ย้ายมาจากห้องหกหรอ” เปิดเทอม ม.2 ผมตกมาอยู่ห้องสองอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะหลังจากที่มีปัญหากับเจ ผมก็ไม่ใช่เด็กขยันของอาจารย์หรือของเพื่อนอีกต่อไป ในเมื่อคนที่ทำให้ผมตั้งใจ เค้าไม่อยู่รับรู้ด้วยแล้ว ผมก็เรียนแบบสบายๆ เอาตัวรอดไปวันๆก็พอ แต่พอมาเจอเพื่อนใหม่คนนี้แล้ว ทำให้ผมอยากรู้จักด้วย เพราะว่าเพื่อนคนนี้ย้ายมาจากห้องหก ซึ่งก็น่าจะต้องรู้จักกับเจ อะไรที่เกี่ยวกับเจมันก็ทำให้ผมอยากมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเสมอ
          “นายชื่อแม็กซ์?” เพื่อนใหม่หันมาถามผม
          “ใช่ นายหละชื่ออะไร” ผมส่งยิ้มกลับไปให้เพื่อนใหม่ แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันที ที่ได้ยินประโยคต่อมา
          “ไอ้เจมันบอกว่าไม่ให้คุยกับคนชื่อแม็กซ์ เพราะคนชื่อแม็กซ์นิสัยไม่ดี” พอพูดจบก็หันหน้าหนีไปทางอื่นทันที ปล่อยให้ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก......นี่เจมันเกลียดผมขนาดนั้นเลยหรือนี่ ถึงขนาดไม่ยอมให้เพื่อนมันมารู้จักกับผมเนี่ยนะ ใจร้ายเกินไปแล้วนะ

           ผมเรียนอยู่ที่นี่จนจบ ม.3 ก่อนจะไปสอบเข้าโรงเรียนแห่งใหม่อีกจังหวัดหนึ่ง การไปเจอสถานที่ใหม่ๆ กลุ่มเพื่อนใหม่ๆ บางทีมันก็อาจจะทำให้ผมลืมเรื่องของเจมันไปได้บ้าง แต่ในใจลึกๆแล้ว ผมยังหวังว่าสักวันเจมันจะกลับมาดีกับผมเหมือนดังเดิม ซึ่งถ้าผมไม่อยู่บางทีเจมันอาจจะลืมเรื่องที่มันโกรธผมก็เป็นได้
           เมื่อตอน ม.5 ผมกลับไปที่โรงเรียนเก่าอีกครั้ง ในฐานะตัวแทนแข่งขันตอบปัญหาวิชาการของโรงเรียนมัธยมระดับภูมิภาค และมันก็อาจจะเป็นโอกาสที่ผมจะได้เจอกับเจ
           “หล่อเชียว” ผมหันหลังกลับไปตามเสียงที่พูดด้านหลัง ก็เจอกับไอ้ต้น ที่ยืนยิ้มอยู่
           “ขอบคุณที่ชม” ผมตอบมันกลับไปด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าต้นมันจะเป็นเพื่อนกับเจก็ตาม แต่มันก็บอกว่าผมก็เป็นเพื่อนมันด้วยเช่นกัน แถมมันยังรู้สึกผิดเสมอที่เป็นตัวการทำให้ผมตกต้นไม้คราวนั้น
           “กูหมายถึงชุดมึง” มันทำหน้าเอือม
           “กูก็ขอบคุณที่มึงชมชุดกู” ผมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม
           “เออๆ ๆ กูไม่เถียงกับมึงละ แล้วนี่มาได้ไงเนี่ย” มันยิ้มตอบกลับผม ก่อนจะถามเรื่องอื่น
           “มาตอบปัญหาวิชาการ” ผมตอบนิ่งๆ
           “เก่งเหมือนเดิม”
           “ไม่หรอก..............เก่งกว่าเดิม 555” ผมพูดแกล้งยั่วไอ้ต้น ทั้งผมและมันก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

            “แล้ว...” หลังจากหัวเราะกันแบบไม่มีสาเหต ผมก็เอ่ยถามถึงเจ แต่ก็ไม่รู้จะถามยังไง
            “มันสบายดี แต่ไม่ได้มาด้วย” ไอ้ต้นคงรู้ว่าผมจะถามถึงใคร
            “หรอ...อืม” ผมยิ้มเล็กๆให้ไอ้ต้น ซึ่งมันก็คงรู้ว่าผมฝืน
            “ตั้งใจนะ ขอให้ชนะ เดี๋ยวเราไปเรียนก่อนนะ” มันตบบ่าผมเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้กำลังใจ
            “อื้ม”
             พอไอ้ต้นเดินออกไปสักพัก ผมก็คิดได้ว่ายังไม่มีเบอร์ไอ้ต้นเลยนี่นา เลยว่าจะไปขอสักหน่อย เพราะไหนๆก็ยังพอมีเวลา

              “มาทำไมวะ” ผมยังไม่ทันจะเดินไปถึงไอ้ต้น ก็ต้องชะงักเสียก่อนเพราะเสียงที่ผมคุ้นเคย ทำให้ผมต้องแอบอยู่หลังเสา เพื่อฟังว่าไอ้ต้นกับเจคุยอะไรกัน
              “มาตอบปัญหาวิชาการ” ไอ้ต้นตอบเจไปตามนั้น
              “หรอ...........แล้วทำไมต้องเป็นที่นี่ด้วยวะ” เจดูหงุดหงิดมากเมื่อรู้ว่าผมมาที่นี่
              “ก็โรงเรียนเราเป็นเจ้าภาพนี่หว่าไอ้ควาย” ต้นตบหัวเจพร้อมพูดอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะเดินหนีเจไป

              แล้วมันยังจะมีหวังอีกไหมนะ ที่เจจะกลับมาดีกับผม ขนาดแค่รู้ว่าผมมา ยังหงุดหงิดขนาดนี้ แล้วถ้าต้องเจอหน้ากัน จะยิ่งโมโหกว่าเดิมอีกไหมนะ


              “บางที เจอาจจะไม่ได้อยากรู้จักกับกูอยู่แล้วก็ได้นะ” ผมไม่รู้จะตอบคำถามต้นยังไง เลยเผลอคิดไปว่าจริงๆมันอาจจะเป็นแค่เรื่องผิดพลาดที่ทำให้เจต้องมาเจอกับผมก็ได้
              “บ้าน่า...มันออกจะห่วงมึงจะตาย”
              “ห่วง......กูว่าไม่น่าจะใช่หรอก แล้วถ้าไม่ใช่ความผิดพลาด มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรแล้วหละ” ผมอยากจะขำกับคำพูดของไอ้ต้น ห่วงหรอ แบบนี้เค้าเรียกว่าห่วงหรอ

              “แล้วไม่คิดบ้างหรือไง ว่ามันอาจจะเกิดจากความน้อยใจของคนโง่ๆนะ” ผมหันไปตามเสียงนั้นทันที ยิ่งทำให้ผมตกใจเข้าไปใหญ่ ก็เพราะตอนนี้คนที่อยู่ในหัวข้อโต้เถียงของผมกับไอ้ต้น มายืนอยู่ต่อหน้าแบบนี้ ผมได้แต่หันกลับไปมองไอ้ต้น ซึ่งมันก็ทำท่ายักไหล่เหมือนไม่สนใจ ทำให้ผมต้องหันไปมองคนมาใหม่อีกครั้ง

              “เหตุผลที่ว่า ไอ้คนโง่คนนี้มันน้อยใจนะ เพียงพอไหมที่จะทำเรื่องงี่เง่าแบบนั้น” เมื่อเจเห็นว่าผมเงียบ ก็เริ่มถามคำถามผมซ้ำอีกครั้ง
              “คุยกันเองนะเว้ย กูไปละ” ไอ้ต้นบอกก่อนจะเดินจากไป ทิ้งผมกับเจอยู่กันสองคน นานเท่าไหร่แล้วที่ผมไม่ได้เจอหน้า นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้คุยกัน

             “ทำไมต้องน้อยใจ” ผมพูดออกไปเบาๆ เหมือนกับกึ่งถามตัวเองกึ่งถามคนตรงหน้า
             “ก็แม็กซ์เอาแต่สนใจเพื่อนใหม่ ไม่สนใจเจ ไม่คุยกับเจ แถมยังบอกอีกว่าเบื่อที่เจมาคอยตาม” เจบอกเสียงอ่อยๆตรงประโยคสุดท้าย น้ำเสียงบ่งบอกความน้อยใจสุดๆ แต่ไอ้ผมนี่สิอยากจะกระโดดงับหัวไอ้คนตรงหน้า ใครบอกว่าผมเบื่อที่เจมาคอยตามกันหละ
             “แม็กซ์เคยพูดหรอว่าเบื่อที่เจคอยตาม” ผมขึ้นเสียงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
             “เปล่า ก็เพื่อนแม็กซ์มาบอก มันบอกว่าแม็กซ์ไม่กล้าพูดเอง เลยฝากให้มันมาบอก” เจพยายามอธิบาย แต่ดูท่าความเย็นนี่มันคงจะห่างจากผมเยอะ
             “แล้วเจเชื่อ?” ผมจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
             “ก็แค่เคยเชื่อ......ก็แม็กซ์มีแต่คนล้อมหน้าล้อมหลัง แล้วยังพาไปไหนต่อไหนด้วยตลอด แล้วจะให้เจคิดไงหละ ก็นึกว่าเจเป็นตัวถ่วงแม็กซ์นะสิ”
             “เจเชื่อคนอื่นมากกว่าแม็กซ์หรอ” ผมถามด้วยความผิดหวัง
             “เราเค่เคยเชื่อนะ แต่พอเราคิดได้ แม็กซ์ก็ไปเรียนที่อื่นแล้ว เราก็เลยคิดว่าแม็กซ์เกลียดเราไปแล้วนะสิ” เจก้มหน้าอธิบาย น้ำเสียงอ่อยกว่าปกติ
             “เราต่างหากที่คิดว่าเจเกลียดเรา”
             
             ทั้งผมและเจไม่คุยกัน มันเป็นเพียงเพราะคำพูดของคนอื่น และการคิดไปเองของแต่ละคน ผมคิดว่าเจเกลียดผม ไม่อยากให้ผมเข้าใกล้ และเจเองก็คิดว่าผมเกลียดเค้าเช่นกัน ทำให้ไม่กล้าเข้ามาหา การคิดไปเองนี่มันทำร้ายคนได้มากขนาดนี้เลยหรอ เราทั้งคู่จากเคยสนิทและดีต่อกันมากขนาดนั้น กลับต้องมาห่างเหินเหมือนคนไม่รู้จักกัน เพียงเพราะต่างฝ่ายต่างคิดแทนอีกฝ่ายเนี่ยนะ

             “งั้น...แม็กซ์กับเจเป็นเพื่อนกันนะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองมนุษย์เสาไฟฟ้าของผม ก่อนจะเอ่ยปากถามอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

            “เราไม่อยากเป็นเพื่อนกับแม็กซ์” เจตอบมานิ่งๆ แต่ก็ทำให้ผมอึ้งไปเหมือนกัน
            “เจอยากเป็นมากกว่าเพื่อนจะได้ไหมครับ” เจยิ้มกว้างถามกลับมา

             “เจรู้ไหมทำไมเราถึงมาอยู่ตรงนี้” ผมถามเจ แต่เจ้าตัวก็เอาแต่ขมวดคิ้วไม่เข้าใจที่ผมถาม
             “เพราะที่ตรงนี้ มีเจอยู่ไง” ผมตอบไปแค่นั้น ก็เรียกรอยยิ้มจากเจได้ทันที
             “งั้นแม็กซ์เป็นแฟนเจนะ” เจ้าตัวแทบจะกระโดดด้วยความดีใจ ยิ้มถามผมพร้อมกับเขย่าตัวเพื่อเร่งเอาคำตอบ
             “ขอดูพฤติกรรมก่อน” ผมยิ้มตอบกลับไป ซึ่งเจดูจะไม่สนใจ แต่ดึงผมเข้าไปกอดซะอย่างนั้น

             “ขอบคุณนะแม็กซ์ที่ให้อภัยเจ”
             “ไม่มีอะไรต้องให้อภัย เพราะเราไม่เคยโกรธอะไรเจ”

             บางครั้งการที่ผมต้องอยู่ตัวคนเดียวในเมืองใหญ่ๆอย่างกรุงเทพ มันก็ทำให้ผมเหงาเสียจนไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ทุกคนดูเร่งรีบ จนลืมสนใจคนรอบข้าง จนผมคิดว่าผมจะทนอยู่อย่างอ้างว้างแบบนี้ได้นานขนาดไหน ผมคิดถึงเหลือเกิน คิดถึงความอบอุ่นจากใครคนนั้นที่ผมเคยได้รับ ใครคนนั้นที่ทำให้ผมต้องย้ายที่เรียนมาอยู่ในที่ของเค้า ใครคนนั้นที่ผมไม่เคยลืมได้เลยสักวัน ใครคนนั้นคือ – เจ – คนในความทรงจำ ที่ปัจจุบันคือคนในหัวใจ......

                  ---------------------------------------จบ----------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: [เรื่องสั้น] คนในความทรงจำ
«ตอบ #8 เมื่อ25-07-2013 22:38:36 »

เกิดจากความเข้าใจผิดจริง ๆ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
แค่ 2 ตอน ก็ทำเอาศร้าได้ ถึงจะจบแบบแฮปปี้
แต่ก็ยังไม่พอที่จะสามารถลบความเศร้าได้เลยนะนี่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Also

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
 :katai2-1: จบซะแล้ว

ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นสนุกๆค่ะ

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

น่าเสียดายเวลาเหมือนกันนะ
เพียงเพราะเชื่อคำพูดของคนอื่นแท้ๆ
แต่ยังโชคดีที่ได้กลับมาเข้าใจกันอีกครั้งนึง

รออ่านเรื่องต่อไปนะ

+ เป็ดจ้า

ออฟไลน์ BlueHoney

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ห่างกันไปตั้งนานกว่าจะได้มาเจอกันอีกครั้ง แต่ไม่เป็นไรเริ่มต้นใหม่ให้ดีกว่าเดิมอย่าให้ใครมาตัดสินความรักของเราก็พอแล้ว ^^

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
มันเศร้านะ ที่อยู่ดีๆก็เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างเพื่อน
สุดท้ายก็จะค่อยๆห่างกันไป....
แต่2คนนี้ยังดีที่มีโอกาสปรับความเข้าใจกัน

ขอบคุณคุณบีค่ะ ^^

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เข้ามาอ่านอีกรอบ อิอิ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
เสียเวลาตั้งหลายปีเพราะคนอื่น :katai1:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ก็ยังดีที่กลับมาเข้าใจกันเนอะ :mew1:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
 :hao5:
ดีจังที่ยังรักกัน

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ยังดีที่เคลียร์กันได้ ไม่ขอเป็นเพื่อนแต่เป็นแฟน ว้าววว 555

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0
อาการน้อยใจแบบเด็กๆอ่ะ​ เข้าใจเจนะตอนนััน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด