Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=  (อ่าน 228325 ครั้ง)

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 63
ยอม…เพื่ออนาคต





หน้าห้องฉุกเฉิน ทุกคนต่างก็รอหมออกมาอย่างมีความหวัง เจ้าจอมร้องไห้จนหลับไปคาอกของจุลจักร ส่วนอินทัชก็นั่งสลับกับลุกเดินบ้างเพราะความกระวนกระวายใจที่ยังไม่รู้ว่าคนด้านในจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า

ขอแค่ปลอดภัย เท่านั้นอินทัชก็จะสบายใจแล้ว

“อิน...นั่งรอดีๆ เถอะ มันไม่เป็นอะไรมากหรอก”

“แต่กูไม่สบายใจเลยว่ะธีร์”

“กูรู้...แต่มันไม่เป็นไรหรอก หมอเงินก็บอก”

ร่างโปร่งพยักหน้าน้อยๆ แล้วยอมนั่งลงกับที่เหมือนเดิม หันไปมองเจ้าจอมก็ขมวดคิ้วนิดๆ ที่เห็นว่าร่างเล็กหลับไปแล้ว คงจะเพราะความเพลีย นอนไม่หลับมาหลายคืน

“จักร...มึงพาเจ้าจอมไปนอนก่อนก็ได้ เปิดโรงแรมแถวๆ นี้นอนเอา”

“ไม่เป็นไร กูเชื่อว่าคุณจอมอยากอยู่”

“กูรู้...แต่ตอนนี้น้องจอมกำลังได้พักผ่อนนะ มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าน้องจอมไม่ได้นอนมากลายคืนแล้ว นี่เป็นโอกาสแล้วนะที่เจ้าจอมจะได้นอนเสียที พรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่”

“ก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ” จุลจักรพูด อินทัชก็ไม่อยากจะเซ้าซี้อะไร ถ้าอยากจะอยู่ก็อยู่ เขาเข้าใจว่าทั้งเจ้าจอมแล้วก็จุลจักรเป็นห่วง คงจะไม่สบายใจแน่ๆ

“ตามใจก็แล้วกัน”

ทุกคนรออีกไม่นานนักหมอก็ออกมาจากห้องฉุกเฉินมา

“หมอครับ...เป็นไงบ้างครับ” เป็นร่างโปร่งบางของอินทัชที่ถลาไปหาหมอคนแรก ซึ่งหมอก็ยิ้มออกมานิดๆ ทำให้ทุกคนรู้สึกใจชื้นขึ้นมา อินทัชเองก็ยิ้มออกแม้ว่าจะยังไม่รู้คำตอบก็ตามที

“ปลอดภัยครับ แต่ร่างกายบอบช้ำมาก ไม่มีกระดูหักแต่แขนเคล็ดครับ คงต้องพักฟื้นเป็นเดือนเลย ยังไงก็อยากให้ดูอาการที่โรงพยาบาลสักสองสามวันนะครับ”

“ครับ...ขอบคุณนะครับหมอ”

“เดี๋ยวจะย้ายคนไข้ไปห้องพักพิเศษนะครับ หมอขอตัวก่อน”

“ครับ”

อินทัชยืนยิ้ม หันไปกอดเพื่อนสนิทอย่างดีใจกับข่าวดีที่ได้ฟัง ส่วนทุกคนก็มีสีหน้าดีขึ้นคลายความกังวล ความกลัวออกไปจนเหลือแค่ความรู้สึกดีใจ

“ดีใจด้วยนะมึง”

“อืม...เอาล่ะทุกคน ตอนนี้รามมันก็ปลอดภัยแล้ว จักร มึงพาน้องจอมกลับไปนอนได้แล้วไป อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้วนี่ ค่อยมาใหม่ก็ได้”

“แล้วมึงล่ะอิน” จุลจักรถาม

“กูจะเฝ้ามันเอง มึงพาน้องจอมกลับคอนโดไป ส่วนขรรค์กับหมอเงินก็กลับไปพักได้แล้วล่ะ ธีร์...มึงก็เหมือนกัน กูว่าคุณพัฒน์เขารอมึงนานแล้วนะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ จะได้มาเปลี่ยนเวรเฝ้าด้วย”

“เอาแบบนี้ก็ได้ มึงก็อย่าลืมนอนด้วยล่ะ”

“เออน่าไอ้ธีร์”

“งั้นผมกับขรรค์ขอกลับก่อนก็แล้วกันนะ จะมาใหม่ตอนเช้า” หิรัญบอกร่างโปร่ง ส่วนขรรค์ก็พยักหน้าให้กับอินทัชน้อยๆ ร่างโปร่งเลยยิ้มกลับไปให้ทั้งคู่อย่างขอบคุณ

ทุกคนแยกย้ายกันไป จนเหลือแค่อินทัชที่อยู่เฝ้ารามินทร์ที่โรงพยาบาล...


“พี่อินไปพักบ้างเถอะครับ เดี๋ยวจอมจะเฝ้าพี่รามเอง”

“โอเค พี่กำลังรอเรามาเปลี่ยนเวรพอดีเลย” อินทัชลุกจากเก้าอี้เพื่อเตรียมตัวที่จะกลับคอนโดไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจะเข้าไปทำงานด้วย

งานเขาก็หยุดไม่ได้ แต่ตอนเย็นจะมาเฝ้ารามินทร์เอง

“พี่รามตื่นมาบ้างยังครับ” เจ้าจอมถามขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้แล้วคว้ามือของพี่ชายมาลูบ

“ตื่นมาแล้วล่ะเมื่อเช้า แต่ก็ยังพูดไม่ไหวอยู่ กินข้าวกินยาเสร็จก็หลับไปอีกรอบ”

“งั้นเหรอครับ”

“ครับ ถ้างั้นพี่กลับก่อนนะครับ ฝากด้วย ถ้าไอ้รามถามหาพี่ให้บอกมันไปว่าตอนเย็นๆ พี่จะมาอยู่กับมันนะ” ร่างโปร่งบางบอกกับเจ้าจอม

“ได้ครับพี่อิน”

“พี่ไปแล้วนะ น้องจอมอย่าลืมหาอะไรทานด้วยล่ะ”

“ครับ”

อินทัชไม่ได้หายห่วงร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาไม่รู้ว่ารามินทร์กำลังรู้สึกยังไงอยู่ กำลังคิดอะไรเพราะเราสองคนยังไม่ได้คุยกันเลย ร่างโปร่งกลัวว่ารามินทร์จะโทษตัวเอง

และอาจจะทิ้งเขาไปก็ได้



“อ่ะ อื้อ...”

“พี่ราม เป็นยังไงบ้างครับ อยากได้อะไรหรือเปล่า”

รามินทร์ส่ายหน้าแล้วมองไปรอบๆ ห้องหาใครบางคนที่เขาเห็นว่าอยู่ด้วยกันเมื่อเช้านี้ ความหวังที่อยากจะเห็นหน้าของอินทัชก็ดับสลายไป ทิ้งเอาไว้แค่ความรู้สุกผิดหวัง

“พี่อินไปทำงานครับ จะมาอยู่กับพี่รามตอนเย็น”

พอได้ยินแบบนั้น ปากช้ำก็ยิ้มเบาๆ ให้เห็นถึงความดีใจของร่างสูง คนเป็นน้องชายก็สบายใจ ยิ้มหวานให้กับพี่ชาย

“พี่รามไม่ต้องพูดหรอกนะ ฟังจอมอย่างเดียวก็พอเนอะ” คนเป็นพี่พยักหน้าน้อยๆ

เจ้าจอมมีอะไรอยากจะคุยกับพี่ชายเยอะแยะมากๆ เลยล่ะ เพราะตอนที่รู้ข่าวว่ารามินทร์ถูกจับตัวไป เจ้าจอมก็แทบจะบ้าตาย ทำอะไรไม่ถูก เอาแต่ร้องไห้

“รู้ไหมว่าจอมเป็นห่วงพี่รามจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย คุณลุงกับคุณป้าจะมาถึงวันพรุ่งนี้นะครับ ส่วนรินจะมาถึงวันอาทิตย์ ทุกคนรู้ข่าวหมดแล้ว เป็นห่วงพี่รามมากๆ เลยนะครับ”

“ใคร...บอกท่าน” รามินทร์พยายามเปล่งเสียงถาม

“จอมเองแหละ แหะๆ ก็จอมเป็นห่วงนี่นา กลัวว่าพี่รามจะเป็นอะไรไปด้วย แต่บอกท่านจอมก็ว่าดีแล้วนะ”

“อืม...”

“แต่คนที่เป็นห่วงแล้วก็ร้อนใจสุดๆ ก็คงจะเป็นพี่อินแหละ จอมเห็นว่าพี่อินทำทุกวิถีทางเลยนะ”

“เหรอ...”

“แหนะๆ ยิ้มแบบนี้ ดีใจล่ะสิ”

รามินทร์ทำได้แค่ยิ้มเท่านั้น เพราะแค่เขายิ้มมันก็เจ็บมากอยู่แล้ว แต่มันก็ห้ามความรู้สึกดีใจและมีความสุขของตัวเองไม่ได้

รามินทร์ยิ้ม...ที่อินทัชเป็นห่วง และก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนรักต้องลำบากและเป็นห่วง ร่างสูงตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะกลับไป แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมถอยห่างจากอินทัช

เขาจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เคียงคู่กับอินทัชโดยที่จะไม่ทำให้คนที่เขารักต้องกลัวหรือกังวลอะไรอีก เขาจะต้องเป็นคนที่คู่ควรที่สุดสำหรับอินทัช

“พี่ราม...ถึงเวลากินข้าว กินยาวแล้วครับ”

เวลาทรมานสินะ...


อินทัชกับจุลจักรเดินเข้ามาในห้องพักคนไข้ที่มีร่างสูงใหญ่กำลังนั่งพิงพนักเตียงดูทีวีอยู่ โดยในห้องมีเจ้าจอม หิรัญและขรรค์กำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่สิ มีแค่เจ้าจอมกับหิรัญที่คุยกันสนุกสนาน ขรรค์แค่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ คนเดียวเท่านั้น

“จักร! มาแล้วเหรอ หิวไหม กินอะไรมาหรือยัง” เจ้าจอมที่เห็นคนรักของตัวเองมาแล้วก็รีบลุกขึ้นเดินไปหาแล้วถามไถ่อย่างเป็นห่วง ร่างสูงยิ้มให้ก่อนจะตอบ

“ยังเลยครับ แต่เดี๋ยวผมขอเยี่ยมคุณรามสักพักแล้วเราก็กลับกันเลยดีกว่า”

“อื้อ...อย่างงั้นก็ได้ วันนี้ฉันอยู่กับพี่รามทั้งวันแล้ว เบื่อมากเลย”

ร่างสูงที่ถูกพาดพิงหันมามองน้องชาย คาดโทษในใจเพราะด่าออกไปไม่ได้ ก่อนจะเลยไปมองหน้าสวยของอินทัชที่เขาคิดถึงและอยากเห็นอยู่ตลอดเวลา

“อ้าวๆ จ้องตากันแล้ว นี่เห็นว่าพวกเราเป็นโต๊ะ เก้าอี้ โซฟาหรือไง มีตัวตนนะครับ ใจเย็นๆ รอเรากลับก่อนก็ได้”

“หึหึ หมอ...ถ้าอิจฉาก็หันไปจ้องตากับคนข้างๆ ไป” ร่างโปร่งตอกกลับหิรัญที่แซวจนรู้เขิน ร่างโปร่งบางเดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียงที่ว่างอยู่

 ส่วนรามินทร์ก็มองหน้าสวยไม่วางตาอยู่แบบนั้น

“เป็นไงบ้าง...เจ็บมากหรือเปล่า”

ร่างบนเตียงพยายามที่จะส่ายหน้า จนเจ้าจอมเอ่ยแทรกขึ้นมา

“ทำมาเป็นบอกว่าไม่เจ็บ โถ่ ตอนป้อนข้าวกับทายานี่ร้องเอาร้องเอา”

“ฮ่าๆ”

คุยกันอีกสักพัก ทุกคนก็พากันแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน ที่สำคัญอยากให้คนป่วยพักผ่อนมากกว่า เลยไม่อยากจะอยู่รบกวนให้มันดึกไปมากกว่านี้

พอห้องเหลือเพียงแค่รามินทร์กับอินทัช ร่างโปร่งก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าที่เตรียมมาเพื่อจะไปอาบน้ำในห้องน้ำ เขาจะได้นั่งเช็คงานต่อ

“ป่ะ...ไปไหน”

ร่างโปร่งหันมามองคนที่ถามด้วยเสียงเบาแทบจะกระซิบ แล้วหัวเราะเบาๆ

“ถ้าลำบากขนาดนั้นไม่ต้องพูดก็ได้นะ” ร่างสูงขมวดคิ้วหงุดหงิดที่เขาไม่ยอมตอบคำถามที่เขาอุตส่าห์เค้นเสียงออกมา

“คิ้วขมวดเลยนะ กูจะไปอาบน้ำ มึงก็ดูทีวีไป หรือว่าจะนอน” ร่างโปร่งบางเดินเข้าไปหาใกล้ๆ

“ร่ะ..รอมึง”

แม้ว่าอีกคนจะเจ็บมากจนพูดลำบาก แต่ก็ยังมีความสามารถในการที่จะทำให้เขาเขินหรืออายได้อยู่ ไม่หายไปไหน ร่างกายจะเจ็บ จะป่วย แต่ก็ไม่ทิ้งลายสินะ

“งั้นก็เชิญนั่งรอเลย กูจะไปอาบน้ำ สักชั่วโมงแล้วค่อยออกมา” พูดขู่ไปแบบนั้นแหละ ใครจะไปอยู่ในห้องน้ำได้เป็นชั่วโมง ถ้าเป็นห้องน้ำกว้างๆ ใหญ่ๆ ที่คอนโดเนี่ยสิถึงจะอยู่ได้เป็นชั่วโมง

รามินทร์ไม่พูด แต่แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“เออ! จะรีบออกมาก็แล้วกัน จะทำหน้ายับทำไม เดี๋ยวก็เจ็บมากกว่าเดิมหรอก”

อินทัชเดินหัวเราะเข้าห้องน้ำไป ถ้าเดาไม่ผิดรามินทร์จะต้องด่าเขาหรือไม่ก็คาดโทษเขาอยู่ในใจแน่ๆ แต่ก็ช่างมัน ยังไงซะมันก็ไม่มีแรงมาด่าเขาแน่ๆ

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ร่างโปร่งบางก็เอาแท็ปเล็ตกับแล็ปท็อปขึ้นมานั่งทำงานที่ค้างจากที่ทำงานต่อ ส่วนรามินทร์ก็นั่งมองเขาสลับกับดูทีวีอยู่อย่างนั้นแหละ

“อยากนอนหรือยัง” ถามออกไปแต่สายตาก็ยังจดจออยู่กับหน้าจอ

“หึ!!!” เป็นเสียงที่น่าจะชัดที่สุดจากร่างสูงแล้วล่ะ

“เป็นไรอีกอ่ะ”

“หึ!!!” สองหึแล้วนะ

อินทัชเงยหน้ามองหน้าช้ำๆ ของรามินทร์ แล้วยิ้มให้อย่างขบขันในท่าทางที่ดูหงุดหงิดของร่างสูง ที่เขารู้ว่าเจ้าตัวมีเรื่องอยากจะพูดมากมายแต่ก็พูดไม่ได้ เพราะแต่ละครั้งที่อ้าปากมันเจ็บปวดมาก จะส่งเสียงแต่ละทีก็ต้องเลือกพูดที่สั้นๆ หรือปวดน้อยที่สุด

“อีกสองวันมึงก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว อยากจะไปพักฟื้นที่ไหนล่ะ ถ้าอยู่กับกูก็ต้องจ้างพยาบาลมาดูแล แต่ถ้ามึงกลับไปพักที่เพชรบูรณ์...ก็จะมีคนดูแลมึง”

เขารู้มาจากเจ้าจอม เพราะน้องบอกกับอินทัชว่าพรุ่งนี้พ่อกับแม่เลี้ยงของรามินทร์จะมาถึงพรุ่งนี้แล้วก็จะพาลูกชายกลับไปรักษาตัวที่บ้านด้วย รามินทร์ก็เหมือนจะรู้แล้วเหมือนกัน ถึงได้ดูนิ่งๆ ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา

หรือไม่...ก็กำลังคิดถึงสิ่งที่เราทะเลาะกันครั้งสุดท้ายก่อนเกิดเรื่อง

“ราม...” ร่างสูงโปร่งลุกจากโซฟาเดินมาหาร่างแกร่งที่ยังคงนั่งอยู่ท่าเดิม แต่มองหน้าอินทัชตั้งใจฟังว่าคนที่ตนรักกำลังจะพูดอะไร

จะไล่กันอีก...หรือว่าจะพูดอะไร...

ถ้าจะไล่กันรามินทร์ฟังครั้งเดียวก็เข้าใจแล้ว ไม่ต้องตอกย้ำซ้ำๆ หลายรอบก็ได้ เพราะเขาไม่ได้มีภูมิต้านทานกับประโยคแบบนั้นสักเท่าไหร่

รามินทร์เป็นคนที่รักแรง เกลียดก็แรง ฉะนั้นแล้ว...การต้องอยู่ห่างจากคนรักเขาทำไม่ได้ และไม่เคยทำได้ แต่ถ้ามันเป้นความต้องการของอินทัช รามินทร์จะยอมทำ...

ยอม...แบบที่ไม่เคยยอมกับใคร

“กูรักมึงนะ”

สิ้นเสียงบอกรัก ร่างแกร่งก็ยิ้มออกมาจนแก้มปริ ความรู้สึกเจ็บอะไรมันหายไปแล้วเพราะความรู้ดีใจ ตื้นตันใจมันมากลบทับเอาไว้หมด

รู้นะว่าอินทัชรัก...รู้อยู่แก่ใจว่าเรารักกัน แต่พอได้ยินกับปากตรงๆ แบบนี้ มันก็รู้สึกดีใจมากกว่าอยู่แล้ว

“อีกห้าเดือนนับจากที่มึงกลับไป กูจะไม่ให้มึงเห็นหน้า จะไม่ให้โทรหา และห้ามมึงเข้ากรุงเทพถ้าไม่จำเป็น แต่ถ้ามาก็ไม่ต้องมาหากู มึงต้องบังคับจิตใจตัวเองให้ได้ มึงต้องอดทนให้ได้มากกว่านี้ แล้วถ้าครบห้าเดือนเมื่อไหร่ กูจะไปหามึงเอง เข้าใจไหม”

รามินทร์พยักหน้ารับนิดๆ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่นานไปสำหรับเขา แต่รามินทร์ก็จำเป็นที่ต้องทำ เพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้...

“มึงเข้าใจกูนะราม”

“อืม...”

“มึงจะทำได้ใช่ไหม แค่พยักหน้าก็พอ”

“จะ...พยายาม” รามินทร์ใช้วิธีตอบแทน เพราะต้องการให้อินทัชรับรู้ถึงความจริงจังและตั้งใจของเขา ว่าเขาจะพยายามทำมันอย่างเต็มที่

ถ้าไม่มีเขา เรื่องมันก็ไม่วุ่นวายขนาดนี้...

ถ้าไม่มีเขา มันคงจะไม่ลำบาก...

รามินทร์ได้แต่โทษตัวเองในใจ แม้ว่าจะคิดในใจ แต่มันก็แสดงออกมาทางสายตาอยู่ดี อินทัชสบตาคนคนบนเตียงอย่างพินิจพิจารณา

“กำลังโทษตัวเองอยู่ก็หยุดไปเลย เรื่องทั้งหมดมันผิดที่กู มันเป็นเรื่องของกู แต่มึงแค่โดนลากเข้าไปยุ่งด้วยก็เท่านั้น อย่าคิดมาก...เรื่องมันผ่านไปแล้ว”

“อืม”

“นอนได้แล้วไป กูเองก็จะนอนเหมือนกัน ทุ่มครึ่ง...หึหึ ก็ดีนะ ไม่เคยนอนเวลานี้มาก่อนเลย” ร่างโปร่งหัวเราะหลังจากดูนาฬิกาเสร็จ

“ไม่ง่วง”

“งั้นก็นั่งดูหนังต่อไป กูก็จะทำงานเหมือนกัน ถ้าง่วงก็บอก แล้วไม่ต้องนั่งฝืนให้กูทำงานให้เสร็จล่ะ กูนอนตอนไหนก็ได้ งานไม่ด่วนเท่าไหร่”

รามินทร์เกลียดคนรู้ทันจริงๆ นะ แต่ถ้าเป็นอินทัชเป็นข้อยกเว้นก็ได้

จะแยกจากกันตั้งห้าเดือนทั้งที จะให้เขาอยู่ในสภาพที่สามารถพูดคุยกับอินทัช สามารถลุกขึ้นเดิน สามารถโอบกอดร่างโปร่งก็ไม่ได้

ทำไมต้องทำให้เขาต้องเจอกับเรื่องแบบนี้นะ คงจะเป็นเวรกรรมที่เขาทำเอาไว้กับอินทัช มันก็เลยตามทันเหมือนติดจรวดขนาดนี้...





มีต่อ
V
V
V

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ตอนที่ 63 ครึ่งหลัง




เขาค้อ, เพชรบูรณ์

รถตู้คันใหญ่เข้ามาจอดในรีสอร์ทของรามินทร์ก่อนที่เจ้าของรีสอร์ทจะถูกประคองลงจากรถตู้ พนักงาน คนงานในรีสอร์ทต่างก็พากันมาต้อนรับเจ้านายที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตามาเดือนกว่า แต่พอเห็นสภาพของเจ้านายเท่านั้นแหละ ทุกคนต่างก็พากันตกใจ

“มีอะไรทำก็แยกย้ายไปทำงานของตัวเองไป”

“ครับ/ค่ะ คุณท่าน”

พนักงานทุกคนต่างก็รีบแยกย้ายไปเพราะเป็นคำสั่งของราเมนทร์ พ่อของรามินทร์ ผู้เป็นนายใหญ่ของทุกคนที่นี่ แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นของรามินทร์หมดแล้วก็ตาม

“ไหวไหมราม บอกให้ไปบ้านใหญ่ก็ไม่ไป มาอยู่ที่นี่ใครจะดูแล” แม่เลี้ยงของรามินทร์หรือสาธินีพูด

“ฉันว่าก็มีออกเยอะแยะนะครับ คนที่คอยดูแลน่ะ” ราเมนทร์ตอบ

เจ้าจอมไม่ได้มาส่งด้วย ส่วนขรรค์กับหิรัญก็ขอติดรถกลับมาพร้อมกับรามินทร์เลย แต่ที่ทำให้รามินทร์มีความสุขมากที่สุดนั่นก็คืออินทัชมาส่งด้วยแล้วก็จะค้างด้วยสองคืน เพราะเจ้าตัวลามาสามวัน

นับได้ว่ารามินทร์จะได้อยู่กับอินทัชก่อนจะไม่เจอกันห้าเดือน

“แหม...คุณเรนก็ สาเป็นห่วงลูกนี่คะ”

“ผมว่าพารามไปที่บ้านก่อนดีกว่าไหมครับ อยู่ข้างนอกมีแต่เชื้อโรค” อินทัชขัดท่านทั้งสองขึ้นมาเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังหน้ายู่อย่างเจ็บๆ

“อ๊ะ…จริงด้วย น้าขอบคุณอินมากนะจ้ะที่เตือน” สาธินีหันไปขอบคุณอินทัช ที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นคนที่ลูกเลี้ยงของเธอรัก

ตอนแรกก็ว่าจะไม่ยอมหรอก เพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้รามินทร์ต้องเจ็บ แต่พอได้ฟังเรื่องราวแล้วก็ได้รู้จักจริงๆ ว่าอินทัชเป็นใคร ไฟเขียวก็เปิดทันที...

เธอรู้ว่ารามินทร์ชอบผู้ชาย...จะไปบังคับก็ไม่ได้เพราะขนาดคนเป็นพ่อแท้ๆ ยังไม่ได้บังคับเรื่องคนรักของลูกชายเลย เพราะไม่ว่ารามินทร์จะเป็นอะไร ก็เป็นลูกชายของราเมนทร์ทั้งนั้น   

“คุณพ่อกับคุณน้าจะพักที่ไหนเหรอครับ” ที่อินทัชใช้สรรพนามแบบนี้เพราะราเมนทร์บังคับให้พูดตอนที่เจอกันวันแรกที่โรงพยาบาลตอนอยู่กรุงเทพเมื่อสองวันก่อน

ก็ไม่รู้สิ แรกๆ ก็ยังขัดๆ แต่ตอนนี้ชินแล้วล่ะ แล้วก็เราสองคนก็มีเรื่องอะไรที่ชอบเหมือนๆ กัน อินทัชเลยคุยถูกคอกับพ่อของรามินทร์มากๆ

“คงต้องเปิดห้องอยู่น่ะ บ้านใหญ่มันห่างจากที่นี่พอสมควรก็เลยไม่อยากจะไปๆ มาๆ มันเสียเวลา พ่อเองก็อยากจะดูแลตารามด้วย เที่ยวพอแล้วเดี๋ยวเอาไว้ตารามหายเมื่อไหร่พ่อจะไปเที่ยวต่อน่ะ”

“ใช่จ้ะ...เราสองคนทิ้งลูกไปเที่ยวกันนานจนแทบจะไม่ได้เจอ คุยกันเดือนละครั้งเองล่ะมั้งถ้าจำไม่ผิด ตอนนี้ก็อยากจะชดเชยน่ะ”

ร่างสูงที่นั่งพิงกับเตียงอยู่ส่ายหน้าน้อยๆ

“ไม่ต้องคิดมากนะลูก แม่จะดูแลลูกเอง”

เธอรักรามินทร์กับรินลณีเหมือนลูกแท้ๆ เธอไม่มีลูก และไม่สามารถมีลูกได้ แล้วก็ยิ่งเข้าไปแทนที่ของแม่ใคร เธอก็ใช่ว่าจะรู้สึกดี สาธินีแค่รักราเมนทร์ และก็เห็นใจเด็กๆ ที่ต้องเสียแม่กันไปไวขนาดนั้น เธอก็ตั้งใจเอาไว้วว่าจะทำทุกอย่างให้รามินทร์กับรินลณีเข้าใจและยอมรับเธอ

กว่าจะมาถึงจุดๆ นี้ได้ ก็ใช้เวลาสามปีกว่าๆ ที่เธอพิสูจน์ให้รามินทร์ รินลณีเห็นถึงความจริงใจของเธอ เห็นถึงความหวังดีของเธอ จนเด็กๆ เรียกเธอว่าแม่นั่นแหละ เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่รู้สึกตื้นตันใจและมีความสุขมาก มากยิ่งกว่าวันที่ราเมนทร์ขอแต่งงานเสียอีก...

ผู้หญิงทุกคนมีความเป็นแม่หมด...

“คุณพ่อกับคุณน้าไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวตรงนี้ผมจะดูรามมันเอง” อินทัชอาสา ซึ่งผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็ยิ้มให้แล้วก็เอ่ยขอตัวไปพักผ่อนก่อน

ในบ้านพักหลังเดิมแต่ความรู้สึกที่มาเยือนในครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม...

ครั้งที่แล้ว...เต็มไปด้วยความแค้น

ครั้งนี้...เปี่ยมไปด้วยรัก

“ที่นี่ก็ยังเหมือนเดิมนะ” ร่างโปร่งบางชวนคุย ซึ่งรามินทร์ที่กำลังนั่งพิงหมอนอยู่บนเตียงก็ได้แต่พยักหน้าตอบกลับ...

“พอนึกถึงแล้วแม่งขึ้นเลยว่ะ อยากจะกระทืบมึงให้จมตีนเลย”

“จ่ะ...ใจร้ายว่ะ”

“คิดดีแล้วใช่ไหมที่พูดว่ากูใจร้าย?”

อินทัชก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก เรื่องมันผ่านมาแล้ว ก็ไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัวหรอก ตอนนี้รามินทร์ก็สำนึกผิดแล้วก็พยายามอยู่ พยายามที่จะไม่ให้ตัวเองจะต้องกลับไปเป็นแบบนั้นอีก

“กู...รักมึง”

ร่างบางอมยิ้มกับคำบอกรักนั่น ก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งบนเตียงมองหน้าช้ำๆ ที่ทำให้มองไม่เห็นความหล่ออย่างนิ่งๆ เราสบตากัน ไม่ได้หวานซึ้ง ไม่ได้สื่อถึงอะไร

ก็แค่มองกันเท่านั้น...

“อืม...”

รามินทร์รอฟังคำบางคำจากปากอินทัชอย่างใจจดใจจ่อ หากแต่ร่างเล็กกว่าก็แกล้งโดยการเงียบใส่ จนแล้วจนรอดใบหน้าสวยก็ค่อยๆ โน้มเข้าหาร่างแกร่ง ก่อนจะประทับริมฝีปากที่ริมฝีปากช้ำเบาๆ แล้วผละออกมาแล้วพูดประโยคที่รามินทร์รอคอยจนรู้สึกล่องลอยอยู่ในอากาศ

แม้ว่าจะเป็นความสุขก่อนจะห่างกันก็ตามที แต่เขาก็จะจดจำความรู้สึกนี้เอาไว้

จนกว่าเราจะได้รักกันเสียที...

“รักเหมือนกัน...”








เมื่อเวลาผ่านไปสองเดือน วันนี้ก็มาถึง...วันที่จุลจักรจะต้องไปดูงานและฝึกงานที่ต่างประเทศ เรื่องของภาษาเขาไม่ได้กังวลอะไรแล้ว เพราะตอนนี้จุลจักรสามารถสนทนาแล้วก็ฟังออกได้แล้ว แต่ยังไม่เคยได้ลองสนามจริงก็คงจะต้องปรับตัวอยู่ ส่วนอินทัชเองหลังจากกลับจากเขาค้อเมื่อสองเดือนที่แล้ว ก็เดินทางไปทำงานต่างประเทศเป็นว่าเล่น ทั้งขยายกิจการ ทั้งจับธุรกิจใหม่ วุ่นวายจนไม่มีเวลาเล่นโซเชียลอะไรเลย และครั้งนี้ก็จะไปดูงานกับจุลจักรด้วยและพนักงานอีกสิบกว่าชีวิตกับการไปอเมริกาครั้งนี้

“ไม่ลืมอะไรแน่นะจักร”

“ครับคุณจอม แต่ถ้าลืมก็ค่อยซื้อเอาก็ได้”

“ฉันนี่ตื่นเต้นแทนนายชะมัดเลย” เจ้าจอมพูดอย่างตื่นเต้นที่คนรักจะได้ไปต่างประเทศ เพราะเจ้าจอมเคยไปแต่ที่ใกล้ๆ และในเอเชียทั้งนั้น ไปถึงยุโรปนี่ไม่เคยเลย

“ก็ไอ้อินมันชวนแล้ว คุณจอมไม่ไปเอง”

“ถ้าไป ฉันก็ต้องอยู่ที่บ้านพักคนเดียวน่ะสิ ไม่เอาหรอก น่าเบื่อจะตาย” ร่างเล็กทำหน้าเง้างอด มองไปรอบๆ สนามบินเพื่อหาอินทัชว่าอยู่ตรงไหน แต่ไม่นานร่างโปร่งบางก็เดินเข้ามาหา พร้อมกับเลขาที่เดินตามไม่ห่าง

“มาอยู่ตรงนี้เอง”

“พี่อิน...ทำไมมาช้าจังล่ะครับ” เจ้าจอมถาม เพราะตอนเดินทางมาสนามบินอินทัชไม่ได้มาด้วยกันทั้งๆ ที่เป็นทางเดียวกัน...

“พี่ตื่นสายนิดหน่อยน่ะ กลัวไม่ทันก็เลยให้มาก่อน เผื่อพี่ตกเครื่องจะได้รอไปไฟลท์อื่น” เจ้าจอมกับจุลจักรพยักหน้ารับรู้ มองแฟชั่นสนามบินของอินทัชด้วยความตะลึง เพราะเจ้าตัวไม่ได้แต่งแบบชุดที่ดูเป็นนักธุรกิจเลยสักนิด มันเป็นชุดสบายๆ ที่มีรสนิยม เข้ากับเลขาที่มาในแนวเดียวกัน

“นี่พี่วัลย์นัดกับพี่อินใส่มาใช่ไหมครับ” เจ้าจอมถามยิ้มๆ

“ฮ่าๆ ทำไมเหรอคะน้องจอม มันดูเข้ากับท่านประธานมากเลยเหรอ ก็ตอนที่พี่ไปช่วยท่านเลือก ท่านก็ซื้อให้ชุดหนึ่งน่ะ ไม่คิดว่าจะใส่วันเดียวกัน” วัลย์ลิกาตอบ ใบหน้าสวยยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร เธอเป็นหญิงสาวที่อายุมากกว่าอินทัชอยู่ประมาณเจ็ดถึงแปดปีได้ ก็เลยไม่น่าเกลียดเท่าไหร่นัก

“ถ้าไม่ติดว่าพี่วัลย์มีลูกมีสามีแล้วนะ จอมคงคิดว่าเป็นคู่รักกัน”

“โอ้ย! อย่างพี่ท่านไม่เลือกหรอกค่ะ ไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ”

“อ่ะ แฮ่ม!” ร่างสูงโปร่งของคนที่ถูกเจ้าจอมกับลูกน้องนินทาระยะเผาขนกระแอมขัดการพูดคุยที่ออกรส หญิงสาวปิดปากแล้วโค้งให้กับเจ้านายยิ้มๆ ส่วนเจ้าจอมก็ทำแค่ยิ้มแล้วยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ

“วัลย์ขอตัวไปจัดการเช็คคนอื่นๆ ก่อนนะคะ”

“ครับ”

หญิงสาวเดินแยกไปอีกทาง ส่วนอินทัชก็คิดว่าควรจะให้คู่รักได้พูดคุยกันก่อนที่จะห่างกันสามเดือนดีกว่า ก็เลยขอไปซื้อกาแฟดื่มรอเวลาขึ้นเครื่อง

เมื่อทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง จุลจักรก็พาคนรักไปนั่งตรงเก้าอี้แล้วคว้ามือขาวมาลูบเบาๆ รู้สึกไม่อยากไป แต่ก็ต้องไปเพราะมันเป็นเหมือนอนาคตของเรา...ห่างกันวันนี้ เพื่อให้ได้อยู่ด้วยกันในวันหน้า

“ผมคงต้องคิดถึงคุณจอมมากแน่ๆ”

“ปากดี ไม่ใช่ว่าไปถึงนั่นแล้วนายจะส่องแต่พวกแหม่มเหรอ เฮอะ!! เหมือนได้รับอิสระเลยนี่นา จะทำอะไรก็อย่าให้ฉันรู้ก็แล้วกันเพราะฉันรับไม่ได้”

“โถ่...คุณจอมครับ ไอ้จักรจะไปทำเลวๆ แบบนั้นได้ยังไง ไม่มีทาง”

“ขอให้มันจริง”

“อย่าแกล้งผมสิครับ คนยิ่งรู้สึกไม่ดีอยู่” ร่างสูงค่อนขอดเบาๆ เรียกเสียงหัวเราะจากเจ้าจอมได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ แต่พอคิดว่าจะไม่ได้พูดคุยกันแบบนี้ตั้งสามเดือน เจ้าจอมก็ใจห่อเหี่ยวแล้ว

มันไม่ง่ายเลยนะที่จะทำเป็นไม่รู้สึกอะไรเลยทั้งๆ ที่รู้สึกอยู่เต็มอก...

ยิ้มกลบเกลื่อนความรู้...หัวเราะกลบเกลื่อนความคิด...หลอกจุลจักรได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้อยู่ดี

“อย่าทำตัวเป็นเด็กน่า แค่สามเดือนเอง ทำเหมือนจะห่างกันสามปี เฟสไทม์ก็มี ไลน์ก็มี มีหมดอ่ะ แล้วแต่นายว่าอยากจะใช้อะไรคุยกับฉัน”

“โถ่...มันกอดไม่ได้นี่ครับ”

“ก็ทน...กลับมาแล้วค่อยกอด แค่ไม่ได้กอดสามเดือนคงไม่ตายหรอกมั้ง”

“หวังว่าคุณจอมคงไม่แกล้งผมใช่ไหมครับ” ร่างแกร่งถามคนรักอย่างระแวง เพราะเจ้าจอมชอบแกล้งส่งภาพยั่วยวน เซ็กซี่ๆ ไปให้ตอนที่เขาทำงานอยู่ในบริษัท แต่แค่เขาทำงานในบริษัทในไทย จุลจักรยังอดทนได้ยากเลย นับประสาอะไรกับการที่ต้องอยู่ห่างกันคนละขอบโลกแบบนี้ ลงแดงตายแน่ๆ

“อันนี้ฉันไม่รับปากนะ”

“คุณจอม...”

“ไม่ต้องเลย นายไม่ควรต้องมาอดทนกับเรื่องของฉัน แต่ระงับความรู้สึกตอนที่เห็นผู้หญิงฝรั่งสวยๆ เซ็กซี่ที่นายจะได้เห็นเป็นฝูงนั่นเถอะ ชิ!”

“ถ้าผมจะมีอารมณ์กับพวกเธอ ผมคงมีไปนานแล้วล่ะครับ แต่ตอนนี้คนที่ทำให้ผมตื่นได้มีเพียงคุณจอมนะครับ” ร่างสูงโน้มหน้ากระซิบข้างหู แล้วหอมแก้มคนรักโดยไม่สนใจคนมองเลยสักนิด

ฟอด!!

“จักร!! อายคนอื่นเขา”

“อายอะไรล่ะครับ”

“ทำไมนายกลายเป็นคนแบบนี้เนี่ย!”

“ผมเป็นกับคุณจอมแค่คนเดียวนะครับ”

“พูดมาก แหวะ!!”

“ท้องเหรอครับ?”

“นายจักร!!” ร่างเล็กเรียกคนรักเสียงราบเรียบ เป็นการปรามไม่ให้คนรักพูดอะไรไปมากกว่านี้ เจ้าจอมไม่ได้อายคนอื่น แต่เขินจุลจักรต่างหาก

การแสดงความรักในที่สาธารณะพวกเขาสองคนไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ก็ระวังในการกระทำไม่ให้มันน่าเกลียดจนเกินไปเพราะมันจะเป็นขี้ปากชาวบ้านได้

“ครับผม”

“ใกล้จะถึงเวลาแล้วนี่” เจ้าจอมดูนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเองแล้วเงยหน้าสบตากับกับคนที่ตอนนี้ทำหน้าหงอไปอีกแล้ว เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ

เขาสองคนนั่งคุยกันอยู่อีกสักพักเสียงประกาศให้เตรียมขึ้นเครื่องของไฟลท์ที่จุลจักรจะต้องไป เสียงนั้นก็ฉุดหัวใจของทั้งคู่ให้ใจหายไปด้วย เวลาที่ต้องห่างกันมาถึงแล้ว

“ไปเถอะจักร ถึงเวลาแล้ว” อินทัชเดินเข้ามาหาทั้งสอง “ลากันเสร็จหรือยัง ทำเหมือนจะไปออกรบนั่นแหละ”

“ไอ้อิน มึงไม่เข้าใจกู”

“ใครว่ากูไม่เข้าใจ แต่เราโตๆ กันแล้ว ต่างคนต่างก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ถ้ามึงทำแต่งานจริงๆ เวลามันจะผ่านไปไวมากๆ เองแหละ”

“เออๆ กูไม่เถียงมึงแล้ว”

“งั้นก็ไปได้แล้ว”

“คุณจอมครับ ผมไปแล้วนะครับ ดูแลตัวเองด้วย อย่าทำงานหนัก นอนให้เพียงพอ แล้วก็อย่านอนดึกนะครับ ไม่สิ นอนดึกได้เพราะคุณจอมต้องรอรับวิดีโอคอลของผม” จุลจักรพูดกับคนรักด้วยสีหน้าเศร้าๆ ที่ให้ความรู้สึกตลกมากกว่าที่จะให้ความรู้เศร้าตาม

“ฉันต้องเป็นคนพูดหรือเปล่า?”

“ผมเป็นห่วงคุณจอมนะครับ” อินทัชกลอกตาไปมา เบะปากอย่างหมั่นไส้อีกด้วย

“รู้แล้วน่า เป็นห่วงเหมือนกัน”

“ผมคิดถึงคุณจอมนะครับ”

“คิดถึงเหมือนกัน”

“ผมรักคุณจอมนะครับ”

ร่างเล็กยิ้มเขินๆ แก้มแดงซ่านอย่างน่ารักทำเอาร่างแกร่งอยากจะฟัดแก้มนั่นแรงๆ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีอินทัชอยู่ด้วย กับคนอื่นเขาไม่แคร์นะ แต่ต่อหน้าเพื่อนที่มีศักดิ์เป็นเจ้านายด้วยก็ขอวางตัวดีๆ หน่อยดีกว่า เดี่ยวจะโดนว่า โดนบ่นจนหูชาอีก เบื่อจริงๆ เลยไอ้คนที่ห่างกับคนรักแล้วมาอิจฉาคนอื่นเขาอีก

“อื้อ...รักเหมือนกัน”

“ผม...”

“พอได้แล้วไอ้จักร จะล่ำลาจนถึงพรุ่งนี้เลยไหม?” อินทัชรีบห้ามเมื่อเพื่อนไม่มีทีท่าว่าจะสั่งลาคนรักเสร็จเสียที เขาเลยชักจะหมั่นไส้มันขึ้นมาตงิดๆ แล้วสิ

“เออน่า! กูรู้ แค่จะบอกว่า...ไปแล้วนะครับคุณจอม” ประโยคสุดท้ายหันมาสบตากับคนน่ารักอย่างหวานซึ้งก่อนจะยกมือขาวขึ้นมาจูบหลังมือเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืนทันที

เจ้าจอมลุกขึ้นตามเพื่อจะส่งคนรัก

หมับ!!

“โชคดีนะจักร อีกสามเดือนเจอกัน” ร่างเล็กโผเข้ากอดคนรักแน่น ก่อนจะผละออกมาแล้วหันไปอวยพรอินทัชแล้วก็ลาพี่ชายอีกคนของตน

“โชคดีนะครับพี่อิน ฝากดูแลจักรด้วย”

“ครับ...ไม่ต้องห่วงเลยนะ”

ร่างเล็กยิ้มกว้างมองตามแผ่นหลังทั้งสองที่เดินห่างออกไป...






100%
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

3 ตอนรวด เป็นยังไงกันบ้างคะ อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์ให้กำลังใจกันด้วยน้า อีก 2 ตอนก็จบแล้วค่ะ
คิดว่าน่าจะลงพร้อมกัน 2 ตอนเลย แต่ก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะเป็นช่วงไหน เพราะนี่ก็ใกล้จะชี้ชะตาชีวิตแล้วด้วย
ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณที่รอกันนะคะ ยูกิไม่ได้แกล้งให้ทีมอ่านในเว็บต้องค้างคาจริงๆ
มีอะไรพูดคุยที่แฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โหหหห. อ่านสะใจมากเลย ชอบๆๆๆๆ เอาอีกๆๆๆ

ออฟไลน์ Chattcha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณมากค่ะที่ลงให้อ่านยาวๆแบบจุใจ ยังรอตอนต่อไปอยู่จ้า o18

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
มาเต็มอิ่มเลยนะ ขอบคุณมากจ้าา
ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปแล้ว ตอนกลับ
มาจากเมืองนอก คงมีอะไรดีๆ
รอตอนต่อไปอยู่นะจ๊ะ
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ชอบครับ
สนุก
ขอบคุณมากครับ.  :3123:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อ่านยาวกันไป  :pig4:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ลงมาจุใจมา
ดีใจที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาได้
ต่อไปคงมีแต่เรื่องดีๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สุข ๆ กันทั่วหน้าทุกคนเลย ดีใจด้วยจ้า  :กอด1:

ออฟไลน์ K3n0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
3ตอนรวด เริ่ดอ่ะ

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สุดยอดอ่ะ อ่านจนเปรมไปเลย สงสารพี่รามนะเนี่ย ตอนนี้ ทำอะไรไม่ได้เล้ยยย เพราะ เจ็บอยู่

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
กลับมาก็ไปหารามได้แล้วสินะ

อินทัชยอมเพื่อรัก เพราะรู้ว่าอนาคตไม่แน่นอน
รามก็เรียนรู้เพื่อรัก จะได้ลดแรงอารมณ์ลงบ้าง

จักรเจ้าจอมคือหวานเลี่ยนเวอร์ และน่ารักเวอร์
เจ้าจอมก็จอมยั่วให้อยากได้ตลอด สงสารจักร 5555

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ patsakon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
หายหรือยังน้า คุณราม :katai2-1:

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 64
โค้งสุดท้าย




ถ้าเปรียบการรอคอยเป็นเหมือนการแข่งรถที่มุ่งสู่เส้นชัย หากแต่มันก็ยังต่างกันตรงที่การรอคอยคือการที่อยู่เฉยๆ เพื่อให้เส้นชัยมาหาเราแทน ส่วนการแข่งรถก็คือเราจะต้องเป็นฝ่ายไปหาเส้นชัยเองไม่ว่าจะผ่านกี่เลี้ยว กี่โค้ง และระยะทางเท่าไหร่ก็ตาม ก็เหมือนตอนนี้ที่รามินทร์กำลังเฝ้ารอเส้นชัยของตนอยู่อย่างอดทน แม้ว่าวันๆ หนึ่งมันจะทรมานมากแค่ไหนก็ตาม...

สี่เดือนแล้ว...ที่เขาไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้เห็นหน้าของอินทัช แต่ที่แปลกก็คือความรักที่เขามีต่ออินทัชมันไม่ได้ลดน้อยลงเลย กลับกันแล้วมันยังคงเพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ  ความปรารถนาต่ออินทัชก็ยิ่งมากขึ้นๆ อีกด้วย

เขาสาบานเอาไว้เลย ว่าถ้าครบห้าเดือนเมื่อไหร่...จะไม่มีคำว่ายั้งเลย

“เป็นยังไงบ้างครับคุณราม” หิรัญเดินเข้ามาทักทายถามไถ่เจ้าของรีสอร์ทที่กำลังเดินตรวจงานอยู่ นอกจากนี้หิรัญก็เห็นว่าตั้งแต่ที่รามินทร์หาย ร่างสูงก็ทำงานแบบไม่ได้หยุดพัก จับธุรกิจใหม่ที่ตัวเองสนใจจะทำมาตั้งนานอย่างบริษัททัวร์ท่องเที่ยว ที่ตอนนี้กำลังสร้างสำนักงานอยู่ตรงที่ที่เขาได้ทำการซื้อเอาไว้ก่อนหน้านี้

“อ้าว? หมอเงิน มาหาขรรค์มันเหรอครับ” รามินทร์ตอบกลับด้วยคำถาม เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากหมอหนุ่มทันที ที่ตัวเองไม่ได้คำตอบ

“ทำไมไม่ตอบคำถามผมล่ะครับ”

“อ้อ! มันต้องตอบด้วยเหรอครับ ผมก็เห็นว่าหมอถามผมแบบนี้ทุกวันเลย”

“ก็ผมอยากรู้คำตอบนี่ครับ”

“งั้นหมออยากรู้ว่าร่างกายผมเป็นยังไงหรือว่าหัวใจเป็นยังไงล่ะครับ”

“แหม...คุณรามก็รู้ๆ อยู่นี่ครับว่าผมอยากรู้เรื่องอะไร”

“หึหึ...สมกับที่เป็นเพื่อนกับไอ้อินได้” ร่างสูงหัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหน้าไปมา

“จะถือว่าเป็นคำชมนะครับ”

“ตอนนี้ใจผมทรมานมากครับ อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง อยากกอด อยากจูบ พอใจหรือยังล่ะครับหมอ ชอบตอกย้ำกันจริงๆ” ประโยคสุดท้ายแอบบ่นเบาๆ

ก็มันจริงอย่างที่พูดนั่นแหละ หิรัญกับขรรค์ชอบมาโชว์หวานให้รามินทร์รู้สึกอิจฉาแล้วก็โมโหเล่นๆ คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนุกดี อีกทั้งที่ผ่านมาเขาก็คอยปล่อยข่าวว่ามีคนเข้ามาจีบอินทัชบ้างล่ะ อินทัชไปกินข้าวกับคนสวย คนน่ารักที่เป็นลูกค้า แต่เขาก็เอาภาพมาทำให้รามินทร์ดูโดยที่ไม่บอกว่าเป็นใคร ทั้งหมดก็เป็นแผนการทดสอบความอดทนที่อินทัชขอให้หิรัญช่วยเท่านั้นแหละ

แรกๆ รามินทร์โมโหมาก ทั้งทำลายข้าวของแล้วก็จะไปหาถึงต่างประเทศตั้งหลายครั้ง เพราะแต่ละครั้งมันก็ชักจะเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่แค่ไปกินข้าว ก็มีภาพจับมือ กอด ที่คนอื่นดูยังไงมันก็แค่มุมกล้อง ส่วนรามินทร์นี่มองแล้วโกรธ ไม่คิดจะใส่ใจสังเกตให้มันดีๆ สุดท้ายแล้วเขาก็เอาชนะความรู้สึกโกรธพวกนั้นมาได้แล้วไว้ใจ เชื่อใจคนรักให้มากกว่านี้ จนครั้งต่อมาเป็นรูปถูกนัวเนียในผับ รามินทร์ก็พินิจภาพอย่างมีสติ แล้วก็ไม่ได้โวยวายหรือทำลายข้าวของออกมา

นับว่าทั้งหมดก็เป็นไปตามที่อินทัชต้องการเลย...

“ผมทึ่งคุณรามมากเลยนะครับ ที่คุณรามสามารถเปลี่ยนตัวเองจากคนอารมณ์รุนแรงมาเป็นคนอารมณ์เย็นได้ แต่จริงๆ แล้วคุณก็จะเป็นกับคนที่สำคัญของคุณก็เถอะ แต่ถ้าคุณมาสติมากขึ้นแล้วแบบนี้ ไม่นานอินก็คงจะมาหาคุณเองนั่นแหละ”

“หมอเป็นสายให้มันใช่ไหมครับ” รามินทร์ถาม

“หึหึ แล้วคิดว่ายังไงล่ะครับ” หัวเราะอย่างมีเลศนัย แต่เพียงเท่านี้รามินทร์ก็รู้คำตอบแล้วล่ะว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ที่แท้...ทั้งหมออินทัชก็ใช้ให้หิรัญมาคอยยุยง ใส่ไฟ ซะจนสับสนไปหมด

เขาทำลายข้าวของหมดไปเท่าไหร่ ถ้าให้นับมูลค่าก็หลายหมื่นบาทเลย

“แสบทั้งหมอ ทั้งไอ้อินเลยนะครับ”

“ถ้าไม่ทำแบบนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าคุณรามจะสามารถอดทนได้”

“ผมหัวร้อนขนาดไหนหมอรู้บ้างไหมครับ แทบขาดใจตายแหนะ”

“นั่นเพราะคุณชอบคิดไปเองไงครับ ถ้าคุณใช้เหตุผล หัวคุณก็ไม่ร้อนหรอก” หิรัญพูด ซึ่งรามินทร์ก็พยักหน้าน้อยๆ อย่างเห็นด้วย

ก็จริงอย่างที่หิรัญพูด ถ้าไม่มีเรื่องพวกนั้นเขามา รามินทร์ก็คงไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะผ่านมันไปยังไง จะทดสอบยังไงให้อินทัชเชื่อ...

ความเชื่อใจ...มีสติไตร่ตรองเรื่องราวมากกว่าที่จะใช้อารมณ์ และหาสาเหตุที่แท้จริงก่อนจะตัดสินใจว่ามันถูกหรือผิด...

“ผมอยากจะโกรธมันนะที่เอาความรู้สึกของผมมาเล่น แต่ว่า...ถ้าไม่ทำแบบนี้ ผมก็คงจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้เหมือนกัน ขอบคุณนะครับหมอเงิน”

“ด้วยความยินดีครับ เรื่องสนุกๆ แบบนี้ผมชอบออก”

“หมอเงินติดต่อกับมันอยู่ใช่ไหมครับ มันสบายดีไหมครับ”

“ฮ่าๆ อินสบายดีครับ แต่งานก็เยอะเหมือนเดิม คงไม่มีเวลาที่ไหนไปมีคนอื่นหรอกครับ แต่ก็มีคนเข้ามาหาเรื่อยๆ ทั้งสวย ทั้งหล่อก็มี เยอะแยะไปหมดเลยตามประสาคนหน้าตาดี” ไม่วายทิ้งระเบิดเอาไว้ให้รามินทร์ต้องรู้สึกกังวลอีก

ร่างแกร่งยืนนิ่งไปเลย ส่วนหมอหนุ่มพูดจบก็ขอตัวไปหาคนรักของตนที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่นักทันที ปล่อยให้เจ้านายของคนรักยืนนิ่งอยู่แบบนั้น

ไม่ว่าใครก็เป็น...ต่อให้เชื่อใจกันมากแค่ไหน แต่ว่าหัวใจของคนมันก็ไม่แน่นอนเหมือนกัน ขนาดเขาทำเลวเอาไว้กับมันเยอะมากมันยังรักเขาได้ แล้วถ้ามันเจอคนที่ดีกว่านี้ล่ะ...มันจะไม่รักคนนั้นได้ง่ายๆ หรือไง

ขอร้องนะอิน...กูรักมึง กูเชื่อใจมึง...กูจะรอมึง


“ไปแกล้งอะไรคุณรามอีกอ่ะเงิน” ขรรค์ถามคนรักเมื่อเห็นว่าร่างโปร่งบางเดินตรงมาหาตนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขเสียจนขรรค์ไม่ไว้ใจ ยิ่งสี่เดือนมานี้ หิรัญชอบแกล้งเจ้านายของเขาแบบหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

“ไม่มีอะไรนี่” หมอหนุ่มตอบพร้อมกับยักไหล่น้อยๆ

“ไม่ชื่อหรอก ก็เห็นๆ อยู่ว่าเพิ่งคุยกับคุณรามเสร็จ แล้วถ้าเงินไม่แกล้งคุณราม คุณรามจะยืนนิ่งแบบนั้นไหมล่ะ พอเถอะน่า อย่าไปทำตามที่อินขอทุกเรื่องเลย สงสารหัวอกคนรอบ้างเถอะเงิน” ขรรค์พูด ออกตัวปกป้องเจ้านายของตนอย่างเต็มที่

“หึหึ เงินก็ไม่ได้ทำตามที่อินบอกทุกอย่างสักหน่อยเพราะถ้าเงินทำทุกอย่างที่อินบอกนะ มันแรงกว่านี้อีก นี่เงินอุตส่าห์ทำให้เรื่องมันเบาลงตั้งหลายเรื่อง แล้วที่สำคัญนะขรรค์...” หิรัญเว้นเอาไว้

“อะไรหรือ?”

“ไม่ใช่แค่คุณรามคนเดียวที่เป็นฝ่ายรอนะ ทางอินเองก็รอเหมือนกัน ทั้งสองคนนี้ต่างก็รอกันทั้งคู่นั่นแหละ อินรักคุณรามมากๆ เลยนะ แต่เพื่ออนาคตที่มันดีกว่านี้ ทั้งสองต้องอดทนให้ได้”

“จะรักกันทั้งทีทำไมมันยากจังเลย” ขรรค์บ่น

“ยากสิ อย่างคู่เราก็ยาก อย่างคู่ของจักรกับน้องจอมก็ยาก ของอินกับคุณรามก็ยาก ทุกคู่เจอเรื่องยากๆ และเจอกับอุปสรรคทั้งนั้นแหละขรรค์ แต่จะเจอแบบไหน...อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คู่นั่นแหละ”

“จริงสินะ”

“ว่าแต่อีกสามวันจะเอายังไงดีขรรค์” ร่างโปร่งบางถามคนรัก

“สามวัน...วันครบรอบน่ะเหรอ เงินอยากจะทำอะไรล่ะ ดินเนอร์ใต้แสงจันทร์ไหม” ขรรค์ถามคนรัก

“จะมีพระจันทร์อยู่เหรอ”

“ไม่มีพระจันทร์แต่ก้น่าจะมีดาวนะเงิน”

“จริงๆ แล้วเงินอยากให้ทุกคนมาร่วมแสดงความยินดีของเราสองคนน่ะ ทั้งอิน คุณราม จักร แล้วก็น้องจอมด้วย อยากพาพ่อกับแม่มาด้วย น้องรักษ์อีก อยากจัดปาร์ตี้เล็กๆ ชวนแต่คนที่เราสนิทก็พอน่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องจัดเดือนหน้าแล้วล่ะเงิน เพราะอินไม่ยอมมาเจอคุณรามก่อนห้าเดือนตามกำหนดแน่ๆ”

“นั่นน่ะสิ เอางี้ก็แล้วกัน อีกสามวันเราก็ไปเที่ยวแล้วก็ดินเนอร์แบบที่ขรรค์เสนอนั่นแหละ ส่วนงานฉลองก็ขอเป็นเดือนหน้าก็แล้วกัน อยากให้อินมาด้วยจริงๆ” หิรัญพูดบอกคนรัก ซึ่งร่างสูงใหญ่ก็พยักหน้ารับเป็นระยะ ถ้าหิรัญอยากจะทำอะไร ขรรค์ก็ไม่อยากจะขัดหรอก

ความสุขของคนรัก เขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย

“แบบนั้นก็ได้ครับ”

“งั้นก็ตามนี้เนาะ เงินจะได้โทรคุยกับอินก่อนว่าจะเอายังไง แต่ขรรค์ไม่ต้องบอกคุณรามนะ เผื่อว่าอินเขาอยากจะเซอร์ไพรส์อะไร”

“ได้ครับเงิน ขรรค์จะไม่บอกใครเลยจนกว่าเงินจะสั่ง”

“ดีมากเด็กดีของเงิน” มือขาวเอื้อมไปลูบผมดำเบาๆ ส่วนคนตัวสุงกว่าก็ย่อตัวลงมาหอมแก้มสะอาดเบาๆ อย่างหมั่นไส้...

อยากฟัดให้จมเขี้ยวเลยล่ะ

“แล้วนี่เงินมาหาขรรค์มีอะไรหรือเปล่า” ร่างสูงใหญ่ถามคนรัก

“เงินเบื่อๆ น่ะ ก็เลยมาหาขรรค์ดีกว่า”

“งั้นจะนั่งดูขรรค์ปลูกต้นไม้อยู่แถวนี้ไหมล่ะ?”

“เงินช่วยได้ไหม” ถามคนรักออกไปอย่างสนอกสนใจจริงๆ

เพราะไม่ค่อยมีเวลาให้หมอมาทำอะไรแบบนี้หรอก ยิ่งช่วงนี้หิรัญมีแผนที่จะทำคลินิกเป็นของตัวเองแถวๆ นี้อยู่ด้วย กำลังอยู่ในช่วงของการสำรวจพื้นที่แล้วก็ที่ดิน เพราะหิรัญตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตกับขรรค์ ส่วนลูกชายถ้าถึงวัยเรียนเมื่อไหร่ก็จะให้มาเรียนที่นี่ดีกว่า ไม่เสี่ยงด้วย...

“อยากทำเหรอ” ขรรค์เลิกคิ้วถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ใบหน้าหล่อพยักหน้าแรงๆ อย่างกระตือรือร้น ซึ่งขรรค์เองก็ยิ้มออกมาแล้วจับมือคนรักให้เดินตามกันไปตรงจุดที่เขากำลังจะเอาต้นไม้ลง

ความรักที่เป็นไปแบบเรื่อยๆ ธรรมดาๆ ไม่มีอะไรหวือหวา มีเงินมากขนาดไหน ก็ยังใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย พวกเขาสองคนก็มีความสุขมากพออยู่แล้ว

ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งบำเรอความสุขสบายอะไรมากนัก มีเท่าที่มันจำเป็นก็พอ นอกนั้นเราก็ทำเอง ปลูกเองได้ก็ทำดีกว่า นอกจากประหยัดแล้วก็ยังใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย และยังสานสัมพันธ์ของเราให้แน่นแฟ้นกว่าเดิมได้อีก

“แน่ใจ? ขรรค์กลัวเงินเบื่อ”

“ได้อยู่กับขรรค์ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีความสุขทั้งนั้นแหละ ขนาดนั่งอยู่นิ่งๆ เงินยังมีความสุขเลย เพราะฉะนั้นก็ดีกว่าที่เงินต้องนั่งอยู่บ้านคนเดียวล่ะนะ”

“งั้นเราช่วยกันดีกว่านะ”

“อื้อ...”

เพราะสิ่งที่ทำร่วมกันมักมีค่าเสมอ...

...

...


“เดือนหน้าเหรอหมอ? ผมมีเดินทางไปต่างประเทศอาทิตย์หนึ่งน่ะ หมอจะจัดวันไหนล่ะครับ จะให้คุณวัลย์ดุว่ามีงานอะไรที่ยังไม่ได้ลงในตารางงานหรือเปล่า” อินทัชที่นั่งดูตารางงานของตัวเองอยู่ตอบปลายสายกลับไป

หิรัญโทรมาหาอินทัชเพื่อชวนให้ไปงานเลี้ยงปีที่สิบที่คบกัน

(อินว่างวันไหนล่ะครับ)

“อ้าว? ทำไมขึ้นอยู่ที่ผมล่ะ หมอก็จัดไปเลยสิครับ เสียเวลาเปล่า”

(ผมอยากให้มีเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างอินมาร่วมงานด้วยไงครับ)

“อ่า...งั้นก็ได้ครับ”

(แล้วนี่อินคงไม่ได้ลืมใช่ไหมว่าเดือนหน้าจะครบห้าเดือนแล้ว ตอนนี้คุณรามก็ดีขึ้นมาเลยนะครับ ทั้งนิ่งแล้วก็ใจเย็นเรื่องของอินมากแล้วด้วย)

อินทัชครางเบาๆ เมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนสัญญาว่าจะไปหารามินทร์เมื่อครบกำหนด แต่เดือนหน้างานเราก็เยอะจริงๆ นั่นแหละ...ทำงานหนักจนลืมไปเลย

“จริงสินะครับ”

(ลืมจริงๆ เหรอครับ)

“ฮะๆ” ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ส่งไปเพราะพูดอะไรไม่ถูก

(คุณรามรู้มีหวังน้อยใจแน่ๆ เลยล่ะครับ)

“มันเป็นยังไงบ้างล่ะหมอ”

(เขาบอกว่าใจเขาทรมานมากครับ คิดถึง อยากกอด อยากจูบ หายไปนานๆ ระวังนะครับ เขาจะเจอคนใหม่)

อินทัชคิดตามแล้วก็กลัวขึ้นมาจริงๆ ความจริงแล้วที่อินทัชลืมไม่ใช่ว่าไม่ใส่ใจรามินทร์นะ คิดถึงมากๆ เหมือนกัน ทรมานเหมือนกัน ก็เลยเลือกทำงานหนักๆ วุ่นๆ ยุ่งๆ ไม่ให้มีเวลาไปนั่งคิดถึง เพราะเขาเป็นคนขี้ใจอ่อนเพราะฉะนั้นเขาก็จะไม่ตามข่าวของรามินทร์มากนัก แต่ส่งบททดสอบไปให้หิรัญบ่อยๆ ส่วนรายงานผลก็ให้แค่บอกว่าดีหรือไม่ดีเท่านั้น

ไม่งั้นใจอ่อนตั้งแต่เดือนแรกแน่ๆ

“หึหึ งั้นก็ปล่อยให้มันทนไปก่อน รอมาได้ถึงห้าเดือนจะรออีกไม่กี่วันจะเป็นไงไป”

(แล้วสรุปว่าได้วันไหนล่ะอิน)

“เดี๋ยวให้คุณวัลย์ดุให้ก่อนแล้วจะโทรกลับไปนะหมอ”

(โอเคๆ ได้เลย งั้นแค่นี้นะอิน ไม่รบกวนแล้ว ทำงานต่อไปเถอะ)

“ครับๆ กระผมจะติดต่อไปให้เร็วที่สุดนะครับ”

ร่างโปร่งวางสายจากหิรัญแล้วเดินออกไปข้างนอกหาวัลย์ลิกาเลขาของตนทันที

“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณอิน”

“ช่วยดูให้หน่อยว่าเดือนหน้ามีวันไหนที่ผมจะหยุดได้ห้าวันไหม”

“ท่านจะไปไหนคะ”

“พักผ่อนน่ะ”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะดูให้ คุณอินเข้าไปรอให้ห้องก็ได้นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะเข้าไปแจ้งอีกที ขอเวลาเช็คสักครู่หนึ่งนะคะ” อินทัชพยักหน้าเข้าใจ

“งั้นเดี๋ยวผมกลับมาก็แล้วกัน จะไปหาอะไรดื่มข้างล่าง”

“ให้ดิฉัน...”

“ไม่เป็นไร ผมอยากจะไปซื้อเอง จะได้ยืดเส้นยืดสายด้วย นั่งอยู่กับที่เบื่อแย่เลย” อินทัชรู้ว่าวัลย์ลิกาจะพูดอะไรก็เลยรีบพูดตัดหน้าไปก่อน

เลขาของเขาเองก็งานเยอะไม่ต่างจากคนเป็นเจ้านายเท่าไหร่หรอก เหนื่อยก็เหนื่อยด้วยกัน ไม่ได้นอนก็ไม่ได้นอนด้วยกัน แต่ถ้าได้นอนก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป...

ไปถึงสามสิบนาทีอินทัชก็กลับมา วัลย์ลิกาก็รีบตอบร่างสูงโปร่งผู้เป็นเจ้านายทันที

“คุณอินคะ เดือนหน้าเห็นทีว่าจะไม่มีวันหยุดให้ได้ถึงห้าวันค่ะ แต่ถ้าต้นเดือนมิถุนายนเดือนถัดไปวันที่ห้าถึงสิบสามารถหยุดได้ค่ะ”

“ไม่มีเลยเหรอครับ”

“ค่ะ เพราะมีคิวงานเอาไว้ล่วงหน้าแล้วสามเดือนค่ะ ไม่สามารถเปลี่ยนกำหนดการต่างๆ ได้แล้วค่ะคุณอิน”

“โอเคครับ งั้นวันที่ห้าถึงสิบไม่ต้องรับงานหรือนัดผมวันนั้นก็แล้วกัน เอาหลังจากห้าวันนี้เป็นต้นไปได้เลยครับ ผมจะหยุดพัก”

“ได้ค่ะคุณอิน”

“งั้นทำงานต่อเถอะครับ ผมขอตัวก่อน”

“ค่ะ”

อินทัชกลับเข้าห้องทำงานไปแล้วต่อสายหาหิรัญทันที...


“ว่าไงครับอิน” หิรัญที่กำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวันอยู่กับคนรักรับสายของอินทัชทันที ขรรค์ให้ความสนใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปกินข้าวของตัวเองต่อ

(เดือนหน้าไม่ได้เลยครับ แต่ต้นเดือนถัดไปได้ วันที่ห้าถึงสิบผมจะหยุดวันนั้นครับ)

“เหรอครับ แบบนี้คุณรามลงแดงตายแน่ๆ เลย”

(ก็ให้มันรอต่อไปเถอะครับ ดีออกจะได้เซอร์ไพรส์ด้วย)

“แต่มันนานไปหรือเปล่าครับ ตั้งอีกสามเดือนแหนะ สงสารคุณรามแย่!!” หิรัญพูดเสียงดังผิดปกติ ประโยคของร่างโปร่งทำให้ปลายสายรู้สึกสงสัยว่าทำไมหิรัญถึงพูดแบบนั้น

(อะไรครับเนี่ย?)

“คุณรามแอบฟังอยู่ครับ” หิรัญกระซิบเสียงเบา ก่อนจะพูดเสียงดังขึ้นมาอีก “โห...นานไปแล้วล่ะครับ รวมๆ แล้วก็แปดเดือนเลยนะครับ สงสารคุณรามออก” หิรัญยังคงแสดงละครต่อไป โดยมีปลายสายหัวเราะออกมาน้อยๆ กับความขี้แกล้งของหิรัญ

ส่วนรามินทร์ที่ยืนฟังอยู่ก็ใจแป้ว ใจหดหู่ไปแล้วเรียบร้อยที่ได้รู้ว่าอินทัชไม่ว่าอีกสามเดือนเลย แต่พอคิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายหาก็น่าจะได้เพราะมันครบกำหนดห้าเดือน เขามีสิทธิ์ คิดแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างใจชื้นหน่อยๆ หากแต่ก็ถูกฉุดลงเหวอีกครั้งกับคำพูดของหิรัญที่พูดออกมา

“อะไรนะครับ!! แบบนี้ก็ไม่ให้คุณรามไปหาด้วยสินะครับ อ๋อ...ให้ผมบอกคุณรามไปเลยว่ากติกาเดิมใช่ไหมครับ”

(ฮ่าๆ ไม่คิดว่าหมอจะขี้แกล้งขนาดนี้นะครับ)

“นิดหนึ่งน่า” แอบกระซิบตอบเบาๆ แต่การกระทำดังกล่าวก็ไม่รอดพ้นหูและตาของคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหรอก...

ขรรค์ถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่คิดจะขัดคนรัก ปล่อยให้หิรัญสนุกกับการแกล้งเจ้านายของเขาต่อไป ทางนี้ไม่เห็นหรอกว่าเจ้านายของตนอยู่แถวนี้ แต่การที่คนรักของเขาพูดแบบโอเวอร์ขนาดนี้แสดงว่ากำลังแกล้งอยู่

การพูดแบบนี้มันผิดวิสัยของหิรัญสุดๆ เพราะฉันถ้าไม่ใช่คนที่รู้จักดีจะไม่สึกถึงความผิดปกตินี้หรอก

“พอได้แล้วเงิน กินข้าวๆ” ขรรค์รีบเรียกคนรัก ซึ่งใบหน้าหล่อก็พยักหน้ารับน้อยๆ แล้วเอ่ยลาคนปลายสายเสียงดัง...

“โอเค ตามนั้นก็ได้อิน แค่นี้ก่อนนะ อีกสามเดือนเจอกัน!!” ร่างโปร่งวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วลงมือทานข้าวเที่ยงต่อ ส่วนรามินทร์ก็รีบเดินหนีออกไปจากตรงนั้น

มันไม่ใช่ความรู้สึกโกรธ โมโห...

แต่มันผิดหวัง...เหมือนว่าเส้นทางที่เขากำลังเดินอยู่นี้มันพังจนต้องเปลี่ยนเส้นทาง ซึ่งเส้นทางนั้นก็ดันเป็นเส้นทางอ้อมที่ทำให้เส้นชัยมันไกลกว่าเดิม...


“ฮ่าๆ”

“ไปแกล้งคุณรามทำไมน่ะเงิน คิดถึงจิตใจของคุณรามบ้างสิ”

“เอาน่า มันเป็นการฝึกความอดทนไงขรรค์ เงินก็แค่ช่วยเท่านั้นเอง”

“เฮ้อ...จริงๆ เลยนะ”

“หึหึ...ขรรค์ไม่รู้อะไร” คนรักพูดเป็นนัย ทำให้ขรรค์เกิดความรู้สึกอยากรู้ขึ้นมา ว่าไอ้ที่บอกว่าเขาไม่รู้ เขาไม่รู้เรื่องอะไรกันแน่ เพราะขรรค์มั่นใจว่าตัวเองรู้จักกับรามินทร์ดีกว่าที่หิรัญรู้จักแน่ๆ

“อะไร?” ใบหน้านิ่งๆ แสดงถึงความสนใจอย่างเต็มที่

“ก็คุณรามเขาเป็นคนรักแรง เกลียดแรงใช่ไหมล่ะ”

“อื้อ...แล้วยังไงล่ะเงิน”

“พอคุณรามเขาอดทนมากๆ เก็บกดมากๆ เวลาได้ปลดปล่อย ขรรค์ก็คิดดูสิว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ร่างโปร่งทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ตอนแรที่เขาฟังขรรค์ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่พอเห็นหน้าของคนรักเท่านั้นแหละ ขรรค์รู้เลยว่า สิ่งที่หิรัญพูดมา มันหมายุคงเรื่องอย่างว่าทั้งหมด

“เงิน!! ทำไมถึงพูดจาแบบนี้ล่ะฮึ?” ขรรค์ทำหน้าดุคนรัก ซึ่งหมอหนุ่มก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย กลับกันแล้วยังยิ่งหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเพิ่มอีกด้วย

ขรรค์ชอบทำเป็นอายเวลาที่หิรัญพูดถึงเรื่องใต้สะดือ ทั้งๆ ที่พอตอนทำก็ทำไม่ยั้ง รุนแรงยิ่งกว่าคำพูดที่เขาพูดออกมาอีก แบบนั้นล่ะไม่อาย...

“ฮ่าๆ ก็เงินพูดจริงนี่นา คนที่เงินแกล้งไม่ได้มีแค่คุณรามสักหน่อย เงินเองก็แกล้งอินด้วยเหมือนกัน ตอนที่อินมานะ เงินว่าอินต้องลุกไม่ขึ้นแน่ๆ เพราะฉะนั้นเราต้องจัดกันวันแรกที่อิน จักรแล้วก็น้องจอมมาถึงเลยก็แล้วกันเนอะ ส่วนวันอื่นๆ ก็คงต้องปล่อยให้เขาสองคนอยู่ด้วยกัน...” หมอหนุ่มวกกลับมาเรื่องงานของเราสองคนได้อย่างแนบเนียน ซึ่งทำเอาขรรค์เองก็หันมาสนใจเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

“แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ล่ะ”

“เงินโทรชวนแล้ว เดี่ยวจะโทรบอกวันที่ไป งั้นวันนั้นต้องสนุกแล้วก็มีความสุขมากแน่ๆ เลยล่ะ”

หิรัญนึกภาพวันนั้นเอาไว้ในหัวอย่างมีความสุข ทุกคนที่เขารักจะมาพร้อมหน้าพร้อมตากันร่วมแสดงความยินดีกับความรักของพวกเขา แล้วก็กว่าจะผ่านอุปสรรคจนได้อยู่ด้วยกัน จริงๆ แล้วอาจจะรียกว่างานแต่งงานก็ได้ แต่ก็ไม่ได้มีพิธีอะไร แค่จะทำบุญบ้านในตอนเช้า แล้วก็มีเลี้ยงฉลองเฉพาะคนที่ชวนมาเท่านั้น

แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับเราสองคนแล้ว...

...

...

...


มีต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2018 22:16:05 โดย SawachiYuki »

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ตอนที่ 64 ต่อ





“คุณรามครับ ผมมารับครับ”

“ก็บอกแล้วว่าไปเองได้ แกจะมารับฉันทำไมวะขรรค์” รามินทร์ที่ออกมาจากบ้านพอดีว่าลูกน้องคนสนิทแต่ก็ไม่จริงจังมากนัก

“ก็เงินกลัวว่าคุณรามจะสาย”

“ฉันไม่สายหรอกน่า...ว่าแต่เจ้าจอมกับจักรมาถึงกันแล้วเหรอ?” รามินทร์ถามขรรค์ระหว่างทางที่เดินไปที่รถ

“ไปรถผมครับ”

“แกนี่มันจริงๆ เลย...แล้วมาแบบนี้ใครจะช่วยงานล่ะ ใกล้จะถึงเวลาที่เพลแล้วนะ”

“คุณจอม พี่จักรแล้วก็อ่ะ...เอ่อ เงินช่วยกันอยู่ครับ นอกนั้นยังมีพ่อแม่ของเงินอีกด้วย ผมเลยมารับได้ไงครับ” ขรรค์เกือบจะหลุดชื่อใครบางคนออกมาแต่ก็โชคดีที่เปลี่ยนได้ทัน ส่วนรามินทร์ก็ยังไม่ได้สงสัยอะไร อาจจะเป็นเพราะชินแล้วก็ได้ล่ะมั้ง

อยากเจอ...อยากกอดจะแย่แล้ว

“อืม...งั้นก็ไปกันเถอะ”

“ครับ...”

ขรรค์ขับรถพาเจ้านายของตนไปยังบ้านสวนของเขาที่อยู่ห่างจากที่นี่ไม่เท่าไหร่นัก และเมื่อพอถึงรามินทร์ก็พบว่าไม่มีคนอื่นเลยนอกจากคนที่เขารู้จัก พ่อแม่ของหิรัญ กับคนติดตามที่ดูแลน้องรักษ์อยู่ มีแม่บ้านของขรรค์กับหลานสาว เจ้าจอม จุลจักร หิรัญ ขรรค์ แล้วก็เขา...มีแค่นี้ จริงน่ะหรือ?

“มีแค่นี้จริงๆ เหรอ เงียบมากเลยนะ” รามินทร์ถามขึ้นมา

“ก็มีพระอีกเก้ารูปครับ”

“ไม่นับพระเว้ย!! ไอ้นี่หนิ”

“ขอโทษครับ...จริงๆ ก็มีแค่นี้แหละครับ พวกเราอยากทำอะไรที่มันเรียบง่าย ไม่ต้องทำอาหารเยอะเพราะตอนเย็นจะเป็นงานเลี้ยงอย่างที่เคยบอกไว้น่ะครับ”

“ก็ดีนะ...ดีแล้วล่ะ”

ถ้าจะให้ดีก็ต้องมีอินทัชด้วย…

“อ้าวขรรค์ คุณรามมาแล้วหรือครับ ยังไงคุณรามไปนั่งพูดคุยกับพ่อของผมก่อนก็ได้นะครับ ท่านนั่งคนเดียวคงจะเหงาแย่เลย” หิรัญที่เดินมาเตรียมของสำหรับเพลของพระก็เข้ามาทักทายเจ้านายของคนรักอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง ระยะเวลาเกือบปีมันก็ทำให้หิรัญผูกพันกับทุกคนที่นี่ไปแล้ว

“ก็ได้ครับ...แต่หมอเงินมีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” รามินทร์ถาม

“ไม่มีหรอกครับ เพราะเราไม่ได้ชวนคนมาเยอะ ก็เลยมีงานแค่นิดเดียวเท่านั้นแหละครับ แม่ผมท่านเป็นคนทำอาหารน่ะครับ”

“แล้วไอ้จักรล่ะครับ”

“ไปรับพระครับ เดี๋ยวก็คงมา”

“งั้นเดี๋ยวผมไปนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณพ่อของหมอเองครับ”

“อยากดื่มน้ำไหมครับ เดี๋ยวจะเอามาให้” ร่างโปร่งถาม สีหน้าของหิรัญยิ้มแบบแปลกๆ มันดูมีเลศนัย โดยที่รามินทร์ก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปเองหรือว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ

“มีน้ำอะไรบ้างครับ”

“น้ำเปล่า น้ำอัดลม น้ำผลไม้ส้มกับองุ่น ส่วนแอลกอฮอล์นี่ขอไว้เป็นตอนเย็นนะครับ” หิรัญรีบพูดดักเอาไว้เพราะกลัวว่าร่างสูงจะอยากแอลกอฮอล์ตอนนี้

 “เป็นน้ำผลไม้ก็ได้ครับ เอาน้ำส้ม”

“โอเคครับ เดี๋ยวจะให้ ‘เด็ก’ เอามาส่งให้” ไม่รู้ว่ารามินทร์คิดไปเองหรือเปล่าที่เขาได้ยินว่าหิรัญเน้นคำว่าเด็กกว่าคำอื่นๆ แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะสงสัยอะไรให้มากความเดินเข้าไปทักทายกับเหรียญชัยผู้เป็นบิดาของหมอหนุ่มสุดหล่อ แล้วก็นั่งคุยกันอย่างออกรสชาติ ส่วนขรรค์ก็เดินไปช่วยคนรักเตรียมของต่อไป

หิรัญเดินเข้าไปในครัวที่มีสร้อยฟ้าแม่ของตน จ้าจอมแล้วก็อินทัช...ช่วยกันเตรียมอาหารเพลอยู่อย่างอารมณ์ดี ขนาดที่อินทัชต้องหันกลับมาถามเพราะว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวยังไม่เห็นจะอารมณ์ดีขนาดนี้เลย

“เป็นอะไรน่ะหมอ...บ้าไปแล้วหรือไง”

“นั่นสิตาเงิน...ทำตัวแบบนี้แม่ล่ะกลัว”

“จอมเองก็เห็นด้วยกับคุณป้าและพี่อินนะครับ พี่หมอเริ่มน่ากลัวแล้วนะครับเนี่ย”

“โอ้ย! แล้วพากันรุมผมทำไมล่ะครับเนี่ย ก็คนมันอารมณ์ดีนี่ครับ อ้อ! จริงสิอิน คุณรามมาแล้วนะ นั่งคุยกับพ่อผมอยู่เอาน้ำส้มไปเสิร์ฟหน่อยสิ”

อินทัชรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที่ได้ยินแบบนั้น รู้สึกไม่กล้าออกไปสู่หน้าอีกคนยังไงก็ไม่รู้ มันรู้สึกเขินๆ แล้วก็อายมากด้วย ใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอกอยู่แล้วเนี่ย

ตอนแรกก็ยังไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่หรอก พอรู้ว่าเราสองคนอยู่ใกล้เพียงกำแพงกั้นเท่านั้นมันก็ทำให้อินทัชรู้สึกตื่นเต้นสุดๆ ไปเลย

“เหรอครับ ก็ปล่อยให้มันอยู่แบบนั้นไปนั่นแหละ”

“โอ้โห ใจคอพี่อินจะใจร้ายกับพี่รามอีกเหรอครับเนี่ย แค่นี่พี่ชายจอมก็เหมือนศพเคลื่อนที่ได้ทุกวันๆ อยู่แล้ว” เจ้าจอมแย้งขึ้นมา เขาล่ะอยากให้ทั้งสองเจอกันสักที พี่ชายของเขาจะได้ไม่ต้องมาเป็นคนไร้ความรู้สึกแบบนี้...

ไหนๆ ก็อยู่ใกล้กันแล้ว และมันก็ถึงเวลาแล้วด้วย...

“พี่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ไปเจอมันสักหน่อย เพียงแต่ถ้ามันถึงเวลาเดี๋ยวก็เจอกันเองอยู่ดีนั่นแหละ”

“นี่แหละครับ ถึงเวลาแล้ว เอาน้ำส้มไปให้พี่รามเลยนะพี่อิน เดี๋ยวจอมรินให้” ว่าแล้วร่างเล็กก็กระวีกระวาดหาแก้วหาน้ำมารินให้พี่ชายสุดที่รักของตัวเองแล้วยื่นมันให้กับอินทัช

“อ่ะครับ”

“โอ๊ะ...พี่ต้องไปตักแกงให้เสร็จก่อน”

“ไม่เป็นไรครับ เดี่ยวจอมทำทุกอย่างที่เหลือเอง” เจ้าจอมดักเขาทุกทางจริงๆ เรียกเสียงหัวเราะจากหมอหนุ่มและแม่ของหิรัญได้อย่างดี จนร่างโปร่งบางไม่สามารถที่จะหาทางออกอื่นได้ เขาเลยยอมหยิบแก้วน้ำส้มเย็นๆ มาถือเอาไว้แล้วมองค้อนทั้งสามคนก่อนจะยอมเอาไปให้รามินทร์แต่โดยดี

อินทัชหยุดชะงักไปไม่กี่วิเมื่อเห็นแผ่นหลังแกร่งของรามินทร์ ความตื่นเต้นลดน้อยลงไปแล้ว...อินทัชเชื่อว่ารามินทร์จะต้องดีใจที่เห็นเขาในวันนี้...

เอาเถอะ...หมดช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว...

รามินทร์ถึงเส้นชัยแล้ว...

“น้ำส้มครับ”

ขวับ!!

รามินทร์ที่ได้ยินเสียงคุ้นหูก็หันมามองด้านข้างทันที พอเห็นว่าเป็นอินทัชเขาก็เบิกตากว้างอ้าปากค้าง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหลับตาแล้วลืมตามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ก็เห็นว่ามันเป็นอินทัชอยู่ เขาก็เปลี่ยนมาตบหน้าตัวเองแรงๆ

เพี๊ยะ!!

“เจ็บว่ะ”

“เออเจ็บ ไม่ใช่ความฝัน กูเอง มึงนี่ก็ทำเวอร์ไปได้” ใบหน้าสวยส่ายไปมาอย่างระอาใจแต่ก็ยิ้มออกมาน้อยๆ ที่เห็นอาการของรามินทร์

“ก็ไหนบอกว่า...”

“มึงมันโง่ไง โดนหมอเงินหลอกแล้ว...” รามินทร์สบถหยาบคายออกมาที่เสียรู้หมอหนุ่ม เหรียญชัยที่เห็นว่าเด็กๆ มีเรื่องต้องคุยกันก็เลยลุกขึ้นเดินไปหาภรรยาของตนในครัวแทน ปล่อยให้รามินทร์กับอินทัชอยู่ด้วยกัน9k,]ery’wx

“มึงมาหากูแล้ว รู้ไหมกูแทบบ้า”

“ไม่รู้...แล้วน้ำส้มอ่ะ จะกินไหม”

“กินสิ”

“กินก็เอาไป” มือขาวยื่นแก้วน้ำส้มไปตรงหน้าร่างสูง มือแกร่งก็เอื้อมไปจับมือขาวเอาไว้ไม่ได้จับแก้วโดยตรง มองตาของอินทัชด้วยความรู้สึกคิดถึงสุดหัวใจ

“เอาไปดีๆ ไม่ต้องมาแอบแต๊ะอั๋ง”

“กูคิดว่าดื่มจากมือมึงมันคงจะอร่อยกว่า” เขาว่าพลางส่งสายตาร้อนแรงให้กับอินทัช แล้วค่อยๆ ใช้มือตัวเองบังคับมือขาวที่ถือแก้วน้ำส้มอยู่ขึ้นมาแล้วดื่มทั้งๆ อย่างนั้น

ความรู้สึกเหมือนอินทัชกำลังป้อนอยู่

“ไอ้บ้า...ทำตัวเจ้าชู้นะมึง”

“กูทำกับมึงคนเดียวนะเนี่ย หวั่นไหวล่ะสิ” เขาพูดอย่างรู้ทัน เพราะใบหน้าสวยแดงซ่านขนาดนั้น ถ้าไม่เขินจะเรียกว่าอะไรอีก แล้วถ้าเขินก็ต้องหวั่นไหว

วันนี้รามินทร์มีความสุขมากๆ เลย ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอกับร่างโปร่งวันนี้ด้วยซ้ำ ก็อย่างว่าแหละ เขาโง่เอง ถ้าคิดสักนิดหนึ่งก็คงจะตามหิรัญทันแน่ๆ

แผนเซอร์ไพรส์ที่เขาชอบมาก...

“อย่าหลงตัวเอง ขอร้อง อ่ะ...เอาแก้วไปเก็บด้วย กูจะไปเตรียมอาหารเพลต่อ พระใกล้จะมาแล้ว”

“กูช่วย”

“ไม่ต้อง...มึงน่ะนั่งอยู่เฉยๆ ไป แล้วอย่ารบกวนกูด้วย”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เอาแก้วไป กูไปล่ะ” ไม่รอให้รามินทร์ได้แย้งอะไรเลย ร่างโปร่งก็พูดเองเออเองเสร็จสรรพก็เดินหนีออกมาไปเตรียมอาหารต่อทันที ส่วนรามินทร์ก็ไม่คิดจะเชื่อคำพูดของร่างเล็กกว่าอยู่แล้ว ขายาวก้าวเดินตามคนรักไป แม้ว่าจะไปวุ่นวายหรือเกะกะ จะโดนด่าหรือว่า ตอนนี้รามินทร์ยอมหมด ขอแค่อินทัชอยู่ใกล้ๆ ก็พอ

กลัว...กลัวว่าถ้าคลาดสายตา อินทัชจะหายไปอีก...

ถ้าเป็นแบบนั้น เขาขาดใจตายแน่ๆ

พอถึงเวลาพระก็มาถึงสถานที่จัดงาน พอทุกอย่างพร้อมก็เริ่มพิธีทันที ส่วนร่างสูงของรามินทร์ก็นั่งประกบข้างกับอินทัชไม่ยอมห่างหายไปไหน เวลาร่างสูงโปร่งลุก เขาก็ลุกด้วย ทำตัวเหมือนเงาตามตัวของอินทัช แต่มันก็เป็นภาพที่คนมองเห็นว่ามันก็น่ารักดี

ตอนกรวดน้ำ รามินทร์ก็แอบแตะต้องตัวของอินทัชอย่างแนบเนียนแต่ก็ไม่น่าเกลียด อินทัชเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้แต่ทำอะไรกระโตกกระตากไม่ได้เพราะมันไม่เหมาะสม ก็เลยได้แค่มองอย่างคาดโทษแล้วก็ดุทางสายตา และตอนที่พระท่านให้พร รดน้ำมนต์ ทั้งสามคู่สบตากันแหละกันอย่างหวานซึ้ง ยิ้มหวานให้กัน บอกรักกันผ่านสายตา...

อินทัชยิ้มหวานให้กับรามินทร์เป็นครั้งแรกในรอบห้าเดือน ทำเอาสายตาคมพร่ามัวไปชั่วขณะเมื่อโดนโจมตี จะหาว่าเวอร์ จะหาว่าหลงก็ว่าไป รามินทร์ยอมรับทั้งนั้น

เจ้าจอมเองก็ยิ้มหวานๆ ให้กับจุลจักร ส่วนจุลจักรเองก็ยิ้มกว้างให้กับคนที่ตนรักมากที่สุดในชีวิต...

ขรรค์กับหิรัญเองก็ยิ้มอย่างมีความสุข มองพ่อมองแม่ มองลูกชาย แล้วก็มองเพื่อนๆ ชีวิตมีเท่านี้ก็พอแล้ว...ความรักและมิตรภาพมันยั่งยืนกว่าอะไรทั้งหมดแล้ว...





100%

 :hao5: :hao5: :hao5:

มีต่อตอนที่ 65


ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 65
แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก




ฟ้ามืดลงแล้ว ปาร์ตี้กลางแจ้งท่ามกลางความเย็นสบายก็เริ่มต้นขึ้นแล้วเหมือนกัน มีอาหารหลากหลายอย่าง ส่วนเครื่องดื่มก็จัดเต็มทั้งน้ำอัดลม น้ำผลไม้และแอลกอฮอล์

“อยากกินกุ้งย่างไหม เดี๋ยวกูไปย่างให้” รามินทร์ถามคนที่นั่งข้างๆ คอยดูแลเอานั่นเอานี่ให้ ส่วนอินทัชก็กลายเป็นคนสบาย เป็นคุณชายทันทีที่มีคนเป็นมือเป็นเท้าให้ นี่ถ้าป้อนได้คงทำไปแล้ว แต่อินทัชไม่ยอมให้ป้อนหรอก อาบเขาตายห่าเลย

“ตักบาตรอย่าถามพระ” ร่างโปร่งบางพูด แต่แค่นี้รามินทร์ก็รู้แล้วว่าต้องทำยังไง เขาลุกขึ้นไปยืนหน้าเตาที่ปิ้งย่างทันที ส่วนอินทัชก็นั่งกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าต่อไปเรื่อยๆ สลับกับดื่มเบียร์ไปด้วย

มีโอกาสได้มาผ่อนคลายแบบนี้ก็ดี...

“คุณรามนี่ดูมีความสุขมากๆ เลยนะครับ ต่างจากเมื่อวานลิบลับเลย” หิรัญพูดขึ้นมาที่เห็นว่าคนที่ทำหน้าไร้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาเพียงเพราะอินทัชกลับมา

“มันก็เวอร์ไปแบบนั้นแหละครับ”

“ไม่จริงเลยครับ ตอนที่จอมกลับมาเอาเอกสารนะ พี่รามนี่ให้ความรู้สึกอึดอัดมากๆ เลยเวลาที่อยู่ใกล้ๆ” เจ้าจอมเถียงขึ้นมา บอกเสียงจริงจังว่ามันไม่จริง

“ยิ่งช่วงแรกๆ นะครับ คุณรามจะไปกรุงเทพหลายครั้งมาก เพราะเห็นรูปที่อินควงคนอื่นอ่ะ ผมนี่กลัวใจคุณรามมากล่ะ ถามขรรค์ดูสิครับ ขรรค์ต้องเตรียมตัวตลอดเวลาเลย เผื่อคุณรามคลั่ง”

“ผมว่าหมอเวอร์แล้วล่ะครับ”

“แหม...ก็นิดหนึ่งเอง”

“พี่หมอพูดซะพี่รามดูเหมือนเป็นคนบ้าเลย” เจ้าจอมทำเสียงงอนๆ ที่หิรัญว่าพี่ชาย แต่ร่างเล็กก็ไม่ได้จริงจังขนาดที่โกรธจริงจัง เพราะบางคำเจ้าจอมก็เห็นด้วย

“ผมว่าผมไปช่วยคุณรามดีกว่าครับ ไอ้ขรรค์! ไปด้วยกันไหม” จุลจักรพูดขึ้นมา รู้สึกว่าตัวเองจะเป็นส่วนเกินในการสนทนานี้ เพราะยังไงรามินทร์สำหรับจุลจักรก็เป็นเหมือนเจ้านายที่มีพระคุณของเราเหมือนเดิม การนินทาเจ้านายไม่ใช่นิสัยของเขา แต่อินทัช เจ้าจอมและหิรัญไม่ใช่ลูกน้องไง สามารถพูดถึงยังไงก็ได้

“ไปก็ไปพี่...” ขรรค์เองก็คงจะรู้สึกอึดอัดไม่ต่างจากจุลจักรมากนักเพราะเขาตอบตกลงทันทีที่จุลจักรชวน

พอทั้งสองลุกออกไปแล้วก็เปลี่ยนเป้าหมายมานินทาขรรค์กับจุลจักรบ้าง สามคนที่นั่งรอกินก็พูดคุยกันสนุกสาน หัวข้อก็เป็นเรื่องของคนรักของตนนั่นแหละ ส่วนทางด้านฝ่ายที่อยู่หน้าเตาปิ้งย่างก็พูดคุยกันเรื่องงาน เรื่องธุรกิจที่สนใจ เป็นการแลกเปลี่ยนเปลี่ยนความรู้มากกว่านินทาคนรัก

พอเริ่มดึก...ทุกคนก็เริ่มเปลี่ยนมาดื่มแล้วก็คุยกันมากกว่าที่จะกิน ส่วนพวกอาหารก็จะมีแม่บ้านมาเก็บเอาไปบ้างแล้ว ปล่อยให้หนุ่มๆ หกคนนั่งสังสรรค์กันต่อไป พ่อกับแม่ของหิรัญรวมถึงน้องรักษ์ก็เข้านอนกันไปแล้ว

“อินจะนอนที่นี่หรือเปล่า เพราะจักรกับน้องจอมก็จะนอนที่นี่วันนี้ แต่ว่าผมให้ป้าน้อยกับชะเอมเตรียมห้องเผื่อไว้ห้องห้องน่ะครับ เผื่อว่าอินจะพักที่นี่ด้วย”

รามินทร์ได้ยินก็หันขวับมองหน้าของอินทัชทันที สลับกับมองหน้าของหิรัญอย่างไม่ค่อยพอใจด้วย

อินทัชต้องนอนกับเขาสิ จะมานอนที่นี่ได้ยังไง

“มองหน้าผมทำไมครับคุณราม ขอโทษด้วยนะครับพอดีผมเตรียมห้องเอาไว้สองห้องเท่านั้นเอง คุณรามต้องกลับไปนอนที่บ้านแล้วล่ะครับ” หิรัญพูดบอกร่างแกร่งยิ้มๆ

สีหน้าของทุกคนดูสนุกมากที่เห็นว่ารามินทร์กำลังหงุดหงิด

“ผมนอนที่นี่ก็ได้หมอ” อินทัชก็เล่นไปตามน้ำ เพราะรู้อยู่แล้วว่าหิรัญไม่ได้เตรียมห้องไว้ให้ตนหรอก คุยกันแล้วเมื่อเช้าก่อนที่รามินทร์จะมา...

“ได้ยังไง ไปนอนที่บ้านสิ”

“บ้านอะไร?”

“บ้านของเราไง”

“บ้านของมึง ไม่ใช่บ้านของกู”

“ของของกูก็เหมือนของของมึงนั่นแหละ” รามินทร์ยักคิ้วให้กับอินทัช เรียกเสียงโห่แซวจากคนที่เหลือทันที ทำเอาใบหน้าสวยแดงซ่านขึ้นมาเพราะความเขินบวกกับแอลกอฮอล์ที่เข้าสู่ร่างกายด้วย

“ฮิ้ว!!!”

“หุบปากมึงไปเลยไอ้จักร ไม่งั้นหักเงินเดือน”

“โหย...พี่อินอย่าใจร้ายสิฮะ แบบนี้จอมก็ต้องอดไปด้วยน่ะสิ ไม่ต้องเขินหรอกนะครับ เขาก็รู้ๆ กันอยู่ ว่าพี่สองคนเป็นแฟนกัน อิอิ” เจ้าจอมหัวเราะชอบใจ เริ่มจะเมาแล้วเลยทำให้พูดอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องนัก จุลจักรก็ไม่คิดจะห้ามคนรักหรอก นานๆ ทีจะมีครั้งแล้วก็มีเขาดูแลอยู่ทั้งคน ยังไงก็หายห่วง

“ใครบอกครับ พี่กับมันยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” ร่างโปร่งยักไหล่

รามินทร์นั่งมองหน้าคนพูดอย่างหมั่นเขี้ยว อยากจะฟัดแก้มขาวแรงๆ

“พูดแบบนี้ได้ยังไง ก็เรารักกันนี่?”

“รักกัน...ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะคบกันนี่นา มึงเคยขอกูคบเหรอ?”

“ไม่เคย”

“นั่นไง...เราก็ไม่ใช่แฟนกัน”

อินทัชพูดแบบไม่ใส่ใจอะไร ส่วนรามินทร์ก็นั่งนิ่งไป ตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง เริ่มจะเครียดแล้วเพราะเขาก็ไม่เคยขออีกคนเป็นแฟนจริงๆ

“งั้นเรามาเป็นแฟนกัน” รามินทร์โพล่งขึ้นมา ทำเอาร่างโปร่งบางที่กำลังดื่มเหล้าอยู่สำลักทันที

แคกๆ

“อะไรนะ”

“เป็นแฟนกับกูนะ” ร่างสูงทวนคำพูดอีกครั้ง

“เฮอะ! ง่ายไปแล้วมั้ง”

“แล้วจะทำให้มันยากทำไมล่ะ”

“ไม่รู้สิ กูรู้สึกว่ามันไม่โอเคว่ะ ไปหาวิธีขอเป็นแฟนมาใหม่”

อีกสองคู่นั่งฟัง นั่งดูสถานการณ์นี้ต่อไปอย่างเงียบๆ ด้วยความลุ้น

อยากให้ได้ลงเอยกันเสียที...

“อย่าเรื่องมากเป็นผู้หญิงดิวะอิน” รามินทร์ว่าด้วยความหงุดหงิด เพราะเขาโดนทุกคนรุมแกล้งอยู่ เลยทำให้ตัวเองรู้สึกว่าไม่มีใครอยู่ข้างเขา ขนาดเจ้าจอมเองที่แรกๆ ก็ช่วยเขาดีมาก แต่ตอนนี้พอเริ่มเมาก็เปลี่ยนฝั่งไปอยู่ข้างที่จิตใต้สำนึกของตัวเองบอก

“งั้นก็ไม่ต้องเป็น” อินทัชบอกง่ายๆ ไร้ความรู้สึก

แต่มันดันไปกระทบกับความรู้สึกโกรธของรามินทร์น่ะสิ

ทำไมเขาจะต้องมาขอเป็นแฟน ทั้งๆ ที่ก็ได้เป็นเมียมาแล้วตั้งหลายครั้ง

“ได้!! ถ้ามึงไม่เป็นกูลากมึงไปปล้ำเดี๋ยวนี้แหละ ข้ามขั้นตอนไปเลย ไม่ต้องเป็นแล้วแฟน เป็นเมียกูเลยก็แล้วกัน”

ร่างสูงพูดพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วคว้ามือขาวมาจับเอาไว้แน่น กระตุกแรงๆ ให้ร่างบางยืนขึ้นตามที่เขาต้องการ...บอกให้รู้ไว้ว่าเขาพูดจริงทำจริง

ถ้าไม่เป็นแฟน ก็เป็นเมียแทน...ง่ายดี

“ใจเย็นก่อนครับคุณราม อยู่เลี้ยงกันก่อนสิครับ นานๆ มีที” หิรัญรีบปราม ซึ่งอินทัชก็พยักหน้าเห็นด้วย

“งั้นคืนนี้ผมจะนอนกับมันที่นี่”

“ฮ่าๆ ผมล้อเล่นครับคุณราม จริงๆ แล้วผมไม่ได้เตรียมห้องไว้ให้อินหรอก อินบอกว่าจะไปพักกับคุณนี่ครับ ตลอดทั้งห้าวันเลย” สิ้นเสียงของหิรัญ รามินทร์ก้มองดวงหน้าหวานทันทีอย่างแปลกใจระคนดีใจจนต้องคว้าร่างบอบบางกว่ามากอดไว้ในอ้อมแขน

หมับ!!

“โอ้ย! พอแล้ว จะกอดอะไรตรงนี้วะ คนอื่นอยู่เต็มไปหมด” ร่างเล็กกว่าพยายามที่จะดันตัวเองออกมาเพราะรู้สึกหน้าบางอายกับสิ่งที่อินทัชทำเป็นอย่างมาก

“จะแคร์ทำไมวะ”

“กูอายเว้ย!! ปล่อยจะกินเหล้าต่อ”

รามินทร์ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ยอมปล่อยให้คนตัวขาวเป็นอิสระ ซึ่งอินทัชก็นั่งลงกินเหล้าต่อไป โดยที่ชนแก้วกับจุลจักรสลับกับหิรัญเรื่อยๆ รามินทร์เองก็ดื่มแต่ไม่กะเอาเมา เพราะเขาจะต้องพาคนรักกลับไปนอนที่บ้านพักของเขาให้ได้...เขาเลยได้แต่นั่งมองหน้าอินทัชอยู่อย่างนั้น แล้วยิ้มอย่างมีความสุข มองใบหน้าหวานที่แดงซ่านเพราะแอลกอฮอล์ มองปากแดงๆ ที่เคยได้สัมผัสหลายต่อหลายครั้ง มองไปที่คอขาวที่มันไม่ควรจะโล่งอยู่แบบนี้ มองร่างกายบอบบางที่อยากจะจับถอดเสื้อผ้าแล้วกอดให้หนำใจ

ถ้าอินทัชล่วงรู้ความคิดหื่นกามของเขา รับรองว่าจะต้องหาวิธีอะไรมารับมือแน่ๆ และแน่นอนว่ารามินทร์ไม่มีทางยอม ยังไงวันนี้...เขาจะต้องได้

รอมานานถึงห้าเดือนกว่าๆ รามินทร์ไม่อยากจะรออีกต่อไปแล้ว...

ไม่อยากจะเสียเวลาไปโดยไม่ได้ทำอะไรเสียที...วันนี้เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อินทัชมาครอบครองอย่างจริงจัง ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบที่ผ่านมาที่มันไม่ชัดเจนอะไรเลยอีกแล้ว

ก็แค่รออีกนิดเดียวเท่านั้น...

“เอ้า!! ชนแก้ว”








   เวลาเที่ยงคืนกว่าๆ ร่างสูงพาอินทัชกลับมาที่บ้านของเขา ซึ่งอินทัชก็ไม่ได้เมาแค่รู้สึกมึนๆ เท่านั้น เพราะเขารู้ตัวเองดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

จริงๆ แล้วก็อยากจะถ่วงเวลาให้ถึงประมาณตีหนึ่งหรือตีสองด้วยซ้ำ แต่หิรัญกับเจ้าจอมเมาหนักมากแล้วก็เลยแยกย้ายกันไปพักผ่อนดีกว่า รามินทร์ก็รีบพาเขามาทันที

“กูนอนห้องเดิมนะ”

“ไม่ได้...มึงต้องนอนห้องเดียวกับกูสิ”

“เรื่องอะไรล่ะ”

“ก็ถือว่าเป็นของขวัญที่กูเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เป็นไง”

“งั้นก็แค่นอนนะ” ร่างโปร่งบางต่อรอง

พวกเขาทั้งสองยังคุยกันอยู่หน้าประตูห้องนอนเพราะยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะนอนกันยังไง รามินทร์จะให้ไปนอนในห้องนอนใหญ่ ส่วนอินทัชจะนอนห้องนอนเล็กเหมือนเดิม

“อยู่ไกลก็ทรมานกู อยู่ใกล้ก็ยังทรมานกูอีก นี่เห็นว่าผัวตัวเองเป็นคนอดทนเก่งขนาดนั้นเลยหรือไง” ร่างแกร่งโยนกระเป๋าของอินทัชเอาไว้แถวๆ นั้น ก่อนจะคว้าร่างบอบบางที่ดูเหมือนว่าจะผอมลงเข้ามากอดเอาไว้แน่น ก่อนจะลวนลามคนในอ้อมแขนทั้งมือ ทั้งปาก

“อย่าดิวะราม กูรำคาญนะ”

“อืม...หอมจริงๆ มึงเปลี่ยนน้ำหอมใช่ไหม”

ร่างสูงซุกไซ้ไปตามซอกคอและดันร่างโปร่งติดกับประตูห้องแล้วยึดแขนทั้งสองข้างของอินทัชเอาไว้เหนือศีรษะ ใช้ริมฝีปากหนาของตนขบเม้มไปตามแนวคอขาวจนเกิดรอยแสดงความเป็นเจ้าของไปทั่วทั้งคอ อินทัชเองก็พยายามที่หันหน้าหนี แต่ไม่ได้เป็นการขัดขืนที่จริงจัง

แค่เล่นตัวไปนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น เอาจริงๆ แล้วอินทัชก็ต้องการคนตรงหน้ามากไม่แพ้กัน

“อย่างน้อย...อื้อ จะเอากู ก็ช่วยเลือกที่ดีๆ หน่อย”

“ก็มึงดื้อนี่หว่า เอาตรงนี้แหละ”

“อย่า...ไอ้เหี้ยนี่”

“พูดมากว่ะ”

“อื้อ”

ร่างโปร่งส่งเสียงอื้ออึงในลำคอเพราะถูกปิดปากด้วยอวัยวะเดียวกันของรามินทร์ แต่คราวนี้ร่างโปร่งตอบสนองกลับไปอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน ทำให้ร่างแกร่งรู้สึกมีความสุขและดีใจ ตะโบมจูบมูมมามเพราะอดอยากปากแห้งมานานหลายเดือน

“คิดถึง”

รามินทร์จูบสัมผัสไปทั่วทุกที่ที่สามารถทำได้ เสื้อผ้าของอินทัชตอนนี้เป็นอุปสรรคชิ้นโตที่รามินทร์ต้องกำจัดมันทิ้ง แล้วโยนมันทิ้งอยู่แถวๆ นั้น ไม่ได้สนใจเลยว่าทั้งสองกำลังนัวเนียกันอยู่หน้าประตูห้องนอนที่ไม่ได้สะดวกสบายอะไรเลย มือทั้งสองข้างของอินทัชเป็นอิสระ เขาใช้มันโอบรอบคอของรามินทร์แล้วไล่จุบร่างแกร่งบ้างยามที่ร่างแกร่งกำลังยุ่งวุ่นวายกับการถอดเสื้อผ้าของอินทัช

“อืม...ในห้องก็แล้วกัน”

พรึ่บ!!

ว่าแล้วก็โยกร่างโปร่งบางที่เปลือยเปล่าขึ้นบนบ่า ก่อนจะเปิดประตูห้องนอนเข้าไป เขาโยนร่างของอินทัชลงบนเตียงนอนอย่างแรงโดยไม่คำนึงถึงเลยว่าคนที่ถูกโยนจะรู้สึกเจ็บหรือจุกหรือเปล่า

“โอ้ย…เจ็บนะเว้ย ไอ้บ้านี่” อินทัชหยัดตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วด่าคนตัวใหญ่กว่าที่ตอนนี้กำลังถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกไป ไม่นานก็ถูกร่างสูงกดร่างของเขาลงไปที่เตียง แล้วจู่โจมที่ริมฝีปากอีกครั้งอย่างเร่าร้อนและรุนแรง

เสียงครางอย่างพึงพอใจออกมาจากทั้งคู่ มือแกร่งลูบไล้ไปตามร่างขาวเนียนของอินทัชอย่างหลงใหล รามินทร์ไม่เคยรู้สึกเสพติดใครได้เท่าคนนี้มาก่อนเลย ยิ่งอยู่ห่างกัน ความต้องการที่เก็บเอาไว้เท่าไหร่ก็ยิ่งถูกปลดปล่อยออกมาเท่านั้น อินทัชเองก็ทำใจเอาไว้แล้วเลยตอบสนองร่างแกร่งทุกอย่าง

อินทัชไม่ค่อยชินเท่าไหร่นักที่จะเป็นฝ่ายถูกกอด แต่ว่าถ้าคนๆ นั้นเป็นรามินทร์ อินทัชก็ยอม...ยอมเพราะว่ารัก

เพราะรักคำเดียว...

เขาไม่ได้ลืมเลือนอดีตที่โหดร้าย...แต่เพราะความรู้สึกรักที่มีมันลบเลือนความรู้สึกโกรธ เกลียดไปจนหมดแล้วต่างหาก...


“อ๊ะ...อ๊ะ อ๊า เร็วๆ อีก ราม”

“อืม...อาห์ แน่นฉิบ”

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังคงแสดงความรักต่อกันแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พวกเขาไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว แต่ที่รู้ๆ คือแม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็ไม่ยอมที่จะหยุดสัมผัสกันเลย

ราวกับว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีโอกาสได้กอดกันอีกต่อไป

สะโพกสอบขยับเข้าออกกระแทกกระทั้นเข้าไปโดนจุดที่ทำให้อินทัชร้องครางลั่นโดยความเสียวซ่านและวาบหวาม...หากแต่ใบหน้าก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขแม้ว่าจะมองไม่เห็นเพราะความมืดก็ตามที

“แรงๆ สิวะ อ๊ะ…อ๊า”

“จัดให้”

พอคุณชายของเขาเอาแต่ใจร้องขอให้ทำแรงกว่านี้ก็ไม่มีครั้งไหนที่รามินทร์จะไม่สนองให้ตามที่คนรักต้องการ หากแต่ครั้งนี้มันก็ต้องมีอะไรต่อรองกันหน่อยสิ...

พอคิดได้ก็หยุดขยับกายไปเสียดื้อๆ ทำเอาอินทัชตีไหล่หนาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

“หยุดทำไมวะ” ถามอย่าหงุดหงิด

“เป็นแฟนกันได้ยัง”

ร่างโปร่งบางกลอกตาไปมาที่รู้ว่าอะไรทำให้ร่างสูงหยุด แล้วปล่อยให้อารมณ์ค้างอย่างทรมานแบบนี้

“มึงทำแบบนี้มึงยิ่งไม่ได้เป็นเลยว่ะ”

“หึหึ งั้นกูก็แช่ไว้แบบนี้แหละ ไม่ต่อ แล้วนอนแบบนี้ทั้งคืนเลย” รามินทร์ทำท่าจะทิ้งตัวนอนทับ แต่อินทัชก็ดันอกแกร่งเอาไว้ก่อน

“ขี้โกงนะมึงน่ะ”

“อ้าว? แล้วไงล่ะ ให้แลกกับการที่กูได้มึงมาเป็นแฟน ไม่ว่าจะทำวิธีไหนกูก็จะทำ”

“ไอ้สัตว์”

“ด่าผัวแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย”

“ทำไมจะด่าไม่ได้?”

“กูกลัวมึงจะไม่เจริญไง”

“ไม่เป็นไร ทุกวันนี้กูก็เจริญอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรหรอก อ้อ...แล้วมึงก็ไม่ใช่ผัวกู ช่วยพูดใหม่ด้วย” อินทัชว่า เรียกเสียงหัวเราะออกมาจากรามินทร์ได้เป็นอย่างดี

“ฮ่าๆ ไม่ใช่ผัว แล้วไอ้ที่มันเสียบมึงอยู่ตอนนี้ เราจะเรียกว่าอะไรกันดีล่ะครับ คู่นอน?”

อินทัชไปไม่เป็นตอบไม่ถูกเลยสักนิด ก่อนจะโดนแกล้งขยับตัวเล็กน้อยๆ จนร่างบางกว่าสะดุ้งเฮือกส่งเสียงครางออกมาเมื่อมันโดนจุดกระสัน

“อ๊า...”

“หึหึ ชอบหลอกตัวเองนะมึงน่ะ สรุปจะเอาไง จะเป็นแฟนกันไหม จึงๆ แล้วมึงแค่ปากแข็งเพราะว่าอายนั่นแหละ ถ้ามึงไม่คิดว่าเราเป็นแฟนกัน มึงคงไม่ใส่สร้อยที่กูให้หรอก จริงไหม?”

อินทัชแก้มแดง แต่แสงในห้องไม่อาจจะทำให้รามินทรืรู้ว่าคนรักกำลังหน้าแดงอยู่ได้ แต่สังเกตเอาจากการเม้มปากแล้วก็หันหน้าหนีไม่สบตา รามินทร์ก็รู้ได้เลยว่าคนรักกำลังหน้าแดงและอายอยู่

“มโน!”

“เลิกสักทีได้ไหม ไอ้เวลาที่ด่าเพราะว่าตัวเองเขินอ่ะ จะทำตัวมุ้งมิ้งก็ได้กูไม่ว่า”

“ไอ้สัตว์!!”

“บอกแล้วไงว่าอย่าด่า มันไม่งาม”

“ชิ!! ถ้าไม่เอาต่อก็เอาออกไป กูหงุดหงิด รำคาญ” อินทัชไล่ร่างสูงอย่างไม่พอใจแต่ร่างแกร่งกลับกระชับอ้อมแขนแน่น ส่งผลให้บางอย่างที่อยู่ภายในยิ่งลึกมากอีกด้วย

นี่มันทรมานกันฉลาด

“อื้อ...ร่ะ ราม”

“ว่าไงครับ ที่รัก”

“ยอมแล้วๆ ทำต่อเถอะนะ” ส่งสายตาอ้อนวอนเมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาเบียดตัวเข้าหารามินทร์อย่างต้องการ ส่งผลให้ร่างสูงเริ่มจะทนไม่ไหวเหมือนกัน

เขาแพ้...แพ้กับอินทัชไม่ว่าจะเรื่องไหน



มีต่อ
V
V

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ตอนที่ 65 ต่อ




“ยอมแล้ว...ยอมอะไร” ร่างสูงถามเสียงแหบพร่า จ้องตาคนด้านล่างอย่างร้อนแรง ส่วนอินทัชก็จ้องตอบร่างสูงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยปรารถนา...

“ยอมมึงทุกอย่าง มึงต้องการอะไรกูยอมหมด”

รามินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์

“เป็นแฟนกูนะ”

“อื้อ...ตกลง”

“เป็นเมียกูแล้วด้วย”

“อื้อ...เป็น”

“จะไม่แกล้งให้กูทรมานอีกแล้วนะ”

“อื้อ...ไม่แกล้งแล้ว”

ไม่ว่าอะไร ตอนนี้อินทัชว่านอนสอนง่ายสุดๆ เพราะความต้องการที่อยากปลดปล่อย แม้จะเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ก็ตาม แต่อินทัชก็ยังมีความปรารถนาอยู่เต็มเปี่ยม

มองใบหน้าคมเข้มของรามินทร์แล้วก็ยิ่งรู้สึก มองร่างกายของร่างสูงแล้วก็ยิ่งทนไม่ไหว

“มึงรักกูใช่ไหม”

“อื้อ” ร่างโปร่งพยักหน้ารับ

“อื้ออะไร?”

“รัก...กูรักมึง อ๊า” สิ้นสุดคำตอบร่างสูงก็เริ่มขยับกายรวดเร็วและรุนแรงจนร่างโปร่งครางลั่น ตัวสั่นคลอนเพราะแรงกระแทกกระทั้นที่รุนแรง แต่ก็สุขใจ

สองร่างกายสอดประสานกันอย่างเร่าร้อนและรุนแรง รามินทร์จูบปิดปากที่ครางออกมาอย่างร้อนแรง ก่อนที่อินทัชจะจูบตอบกลับด้วยความเร่าร้อนไม่แพ้กัน

ต่างคนต่างก็เก่งและชำนาญ แม้ว่าอินทัชจะมารับแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเก่งลั่นลดลงเลยแม้แต่น้อย บทรักก็เลยซาบซ่าน ร้อนแรง และทำให้พวกเขามีความสุขกันทั้งคู่

“กูก็รักมึง...อืม รักมึงมาก อา...ที่รักครับ รัดแรงไปแล้ว” รามินทร์บอกรักผสมกับเสียงครางอย่างพอใจของตน ส่วนอินทัชก็ยกยิ้มออกมาอย่างชอบใจที่ได้แกล้งมันกลับคืนบ้าง

ทำแบบนี้...มึงจะไปจากกูไม่ได้ไงราม...

“อื้อ...ไม่ชอบเหรอ”

“ชอบครับ...รามชอบมาก” สรรพนามแทนตัวของรามินทร์เปลี่ยนไป แต่มันก็ดูเพราะดีในความคิดของเขา แต่เวลาปกติ ขอเถอะ...พูดแบบเดิมก็แล้วกัน

“อื้อ...อ๊า ชอบเหมือนกัน”

“อา...ที่รัก”

สองร่างเร่งจังหวะเมื่อใกล้ถึงปลายฝัน สักพักร่างของพวกเขาก็กระตุกเกร็งแล้วปลดปล่อยไล่เลี่ยกัน...ก่อนที่รามินทร์จะทิ้งตัวนอนทับอินทัชอย่าหมดแรง ส่วนคนใต้ร่างก็หายใจหนักหน่วงเพราะความเหนื่อย

“กูรักมึงนะ”

ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกันราวกับนัดกันมา แต่มันไม่ใช่...พวกเขาแค่อยากพูดออกมาเพราะแค่อยากบอกกับอีกคนเท่านั้น แต่พอพูดออกมาพร้อมกันแบบนี้ มันก็ยิ่งตอกย้ำว่าเราใจตรงกันมากขนาดไหน

“ขอบคุณที่ให้โอกาสกู ขอบคุณที่กลับมา ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันไปไหน ขอบคุณที่รักกัน”

อินทัชยิ้มหวานออกมากับคำขอบคุณมากมายนั่นของ ‘คนรัก’ ที่เขากล้าเรียกได้เต็มปากเต็มคำเสียที...ที่ผ่านมาต่อให้เราจะรักกัน ใจตรงกัน แต่ร่างสูงไม่เคยขอเขาเป็นแฟน แต่ถึงขอเขาก็ยังไม่เป็นจนกว่าร่างสูงจะเปลี่ยนตัวเองเรื่องความใจร้อนวู่วามได้

ไม่ใช่แค่รามินทร์ที่อึดอัดกับสถานะแบบนี้ แต่อินทัชเองก็อึดอัดและกลัวว่ารามินทร์จะไม่รอเหมือนกัน แต่เขาเชื่ออย่างหนึ่งว่า...เวลาที่รามินทร์รักใคร ก็จะปักใจรักแค่คนนั้น ถ้าเขาไม่หมดรักมันก่อน มันจะไม่มีทางหมดรักเขาเด็ดขาด

อินทัชเชื่อแบบนั้น...

“อืม...ขอบคุณที่รอกูนะ”

“กูจะรอมึงเสมออิน”

“หึหึ ง่วงแล้วว่ะ นอนกันเถอะ” ร่างโปร่งบางชวน เพราะตัวเองเหนื่อยมาก เดินทางมาถึงตอนเช้าก็ช่วยงานหิรัญเลย ไม่ได้หยุดพักจนถึงตอนนี้ รามินทร์ที่ยังรู้สึกว่ามันไม่พอก็เสียดายน้อยๆ แต่ก็เข้าใจว่ามันหลายรอบแล้ว ร่างกายของอินทัชคงจะไม่ไหวแล้วล่ะ

“โอเค นอนเถอะ กูไม่กวนมึงแล้ว” ร่างสูงทิ้งตัวนอนข้างๆ โอบกอดร่างเล็กกว่าเอาไว้แน่น

อินทัชพลิกตัวนอนตะแคงเพื่อกอดรามินทร์ตอบ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจูบเบาๆ ที่ปลายคางที่มีหนวดขึ้นอยู่รำไร...พลางคิดว่า ไม่น่าล่ะ เวลาไซ้ถึงได้รู้สึกแปลกๆ

จุ๊บ

“ฝันดีนะ”

“ในดีเช่นกันครับที่รัก”


ยามสายของวันใหม่ ร่างสูงยังคงนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนอนใหญ่ เขามีสีหน้าที่มีความสุขมากๆ คงจะเป็นเพราะฝันดีอยู่ ส่วนคนที่เหน็ดเหนื่อยจากเมื่อวานและโดนรังแกอยู่หลายรอบเมื่อคืนกลับเป็นฝ่ายตื่นก่อนเสียแบบนั้น ร่างสูงโปร่ง หุ่นผอมบาง ผิวขาวเนียน ใบหน้าสวยหวาน ตอนนี้อยู่ในเสื้อเชิ้ตตัวเดียวของรามินทร์ที่มีขนาดใหญ่ว่าร่างของเขา แต่ความสูงของเราไล่เลี่ยกัน มันเลยทำให้ชายเสื้อร่นขึ้นสูง อินทัชเลยไปหากางเกงขาสั้นของตนที่เตรียมมาเพื่อใส่ตอนอยู่กับรามินทร์โดยเฉพาะมาใส่ หลังจากที่ตัวเองทำความสะอาดตัวเองเรียบร้อยแล้ว

“หลับสบายเชียว กูหรือเปล่าที่ควรจะเป็นฝ่ายนอนอยู่เนี่ย” ร่างโปร่งพึมพำก่อนจะก้มตัวเองลงไปหอมแก้มของรามินทร์เบาๆ

ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่เพราะใจมันอยาก ก็แค่ทำตามใจอยากเท่านั้น

จุ๊บ!

“กูจะไปทำอาหารเช้าให้มึงนะ”

ทางด้านรามินทร์ที่รู้สึกตัวในอีกสามสิบนาทีต่อมาก็สะดุ้งพรวดลุกขึ้นเมื่อใช้มือสัมผัสแล้วไม่เจอคนที่เขานอนกอดอยู่ รามินทร์รู้สึกใจหายมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าประตูห้องน้ำเปิดอยู่ แสดงว่าไม่มีคนอยู่ในห้องน้ำ ความกลัวเข้ามาเกาะกินหัวใจจนไม่กล้าลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก เพราะกลัวจะไม่เจอ...

กลัวว่าอินทัชจะทิ้งเขาไป...

แกร็ก...

ขณะที่เขากำลังจมอยู่กับความสิ้นหวัง ประตูห้องก็เปิดออกมาด้วยฝีมือของคนที่รามินทร์กำลังคิดว่าทิ้งเขาไปแล้ว ร่างโปร่งขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าๆ ของรามินทร์เลยรีบเดินเข้าไปหาร่างสูงที่จ้องมองตนอยู่

“เป็นไรไป อ๊ะ!” อินทัชถามอย่างเป็นห่วงก่อนจะอุทานเมื่อถูกรวบตัวกอดเอาไว้แน่น เสียงทุ้มถามอย่างสั่นเครือ นั่นจึงทำให้อินทัชรู้ว่ารามินทร์เป็นอะไร

“ไปไหนมา”

“กลัวกูหนีมึงไปหรือไง”

“อือ...กูกลัว”

“กูไม่ไปไหนหรอกน่า กูหยุดมาตั้งห้าวัน มีเวลาอยู่กับมึงถมเถเลย” ได้ฟังแบบนั้นร่างสูงก็ใจชื้น หากแต่คิดว่าพอครบห้าวันแล้วอินทัชกลับไป เขาก็ทำหน้าเศร้าๆ เหมือนเดิม

“ไม่กลับได้หรือเปล่า”

“กูมีงานต้องทำนะราม มีอีกหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ...แต่ว่ามึงจะไปหากูบ่อยขนาดไหนก็ได้ถ้ามันไม่ทำให้มึงเกงานน่ะ”

“จริงนะ!” ดวงตาคมเป็นประกายอย่างมีความสุข

ไม่ได้อยู่ด้วยกันเรื่องนี้รามินทร์รู้ดีอยู่เต็มอก แต่อย่างน้อยก็ขอให้เจอกันทุกเดือนก็พอ ไม่งั้นรามินทร์ขาดใจตายแน่ๆ ถ้าต้องอยู่ห่างแล้วยังไม่ได้เจอกันอีก

แบบนั้นเขาไม่ยอม...

“อืม” คนในอ้อมแขนพยักหน้า

“ว่าแต่มึงตื่นเร็วจัง ไปไหนมา”

“ทำอาหารเช้าไง”

“หึหึ ทำตัวเป็นเมียที่ดีจริงๆ ตอนเช้าทำอาหารให้ผัว ตอนกลางคืนให้ผัวกิน”

เพี๊ยะ!!!

มือขาวตบที่ใบหน้าของรามินทร์เบาๆ ไม่ได้แดงมากนักเป็นการสั่งสอนว่าไม่ควรพูดอะไรที่เขาฟังแล้วไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ พูดกันตอนอยู่สองคนน่ะได้ แต่ถ้ามีคนอยู่เยอะๆ จะต่อยให้ปากแตกเลย

“ปากมึงเนี่ยนะ”

“ทำไม? ปากกูทำไม”

“มันเสียไง”

“รู้ได้ไงว่าเสีย ชิมแล้วเหรอ”

“ไม่ต้องหาเรื่องจูบกูเลย กูรู้ทัน”

“อ่าๆ งั้นไม่หาเรื่องแล้วก็ได้ ขอตรงๆ เลยก็แล้วกัน” ร่างแกร่งหัวเราะเมื่อโดนคนรักรู้ทัน “รามขอจูบอินหน่อยนะครับ” รามินทร์อ้อน

มันรู้ว่ามันจะทำยังไงให้เขายอมมันได้แต่โดยดี...เขาแพ้ต่อความอ่อนโยนของรามินทร์ แพ้คำพูดเพราะๆ เวลาที่เอาไว้ใช้ขอร้องหรือออดอ้อน แพ้ดวงตาคมที่อ่อนลงจนหวั่นไหว แพ้ใบหน้าหล่อของรามินทร์

แพ้ใจตัวเอง...ที่มันไม่เคยเอาชนะความรู้ได้เลย

“อืม”

ร่างโปร่งบางยื่นหน้าเข้าไปประกบริมฝีปากของรามินทร์ ร่างสูงเปิดปากเพื่อให้คนรักเอาลิ้นสอดแทรกเข้าไป มือของเขาเกาะอยู่ที่เอวคอดของร่างที่ดูบอบบางลงจากที่เห็นล่าสุดเมื่อห้าเดือนก่อน ก่อนจะสังเกตเห็นว่าคนรักอยู่ในชุดของตน ความรู้สึกบางอย่างก็เข้ามาแทนที่ มือหยาบลูบไล้ตามต้นขาเขียนที่ใส่เพียงขาสั้นของอินทัช

อินทัชขยับตัวนั่งทับบนตักแกร่งแล้วก็รู้สึกถึงอะไรที่มันดุนดันอยู่ใต้ผ้าห่ม เพราะรามินทร์ยังไม่ได้แต่งตัวเลยตั้งแต่เมื่อคืน มีเพียงผ้าห่มปิดท่อนล่างเท่านั้น ร่างโปร่งถอดจูบออกมาโดยที่มีน้ำที่เชื่อมระหว่างปลายลิ้นออกมาด้วย ดวงตาหวานทรงเสน่ห์จ้องตาคนรักนิ่งๆ

“ระงับอารมณ์เดี๋ยวนี้”

“มันทำได้ทีไหนกันล่ะ”

“กูบอกเลยนะว่าไม่ให้ทำแล้ว เพราะกูอาบน้ำแล้ว ไม่อยากเลอะใหม่” อินทัชพูดตัดบทอีกคนมากๆ ทำเอารามินทร์ทำสีหน้าหมดหวังไปเลย

อยากจะกินอินทัชอยู่ตลอดเวลาเลย

“ไม่เอาน่า ที่รัก...ผัวอยาก”

“ไปเอากับมือนู่น”

“ได้ไงอ่ะ มีเมียแล้วจำเป็นต้องใช้มืออีกหรือไง ไม่ได้อ่ะ ไม่ยอม” ร่างสูงส่ายหน้าไปมาแสดงชัดเจนว่าเขาไม่ยอมแน่ๆ ร่างโปร่งกลอกตาไปมาแล้วถอนหายใจอย่างระอา แล้วยื่นคำขาด

“ไปจัดการตัวเองในห้องน้ำให้เรียบร้อยแล้วไปกินข้าว เข้าใจนะ กูหิวแล้ว!!”

รามินทร์จะทำอะไรได้ นอกจากยอมคนรักของตน แต่ก่อนไปก็จับร่างคนรักพลิกด้านใต้ นัวเนียคนตัวขาวเพื่อกระตุ้นให้ตัวเองปลอดปล่อยได้ง่ายขึ้น แล้วเมื่อสบายตัว รามินทร์วิ่งเดินแก้ผ้าโทงๆ เข้าห้องน้ำไป ส่วนคนที่โดนปล้ำจูบก็ได้แต่ยิ้มตามหลังไป

ที่นี่...เป็นที่ที่ทำให้เขารู้ว่าเกลียดมากๆ มันเป็นยังไง

ทำให้รู้ว่า...เสียใจ เจ็บใจและผิดหวังมันเป็นยังไง

ทำให้รู้ว่า...ความเจ็บปวดที่ทั้งรักทั้งเกลียดมันเป็นยังไง

และที่นี่...ทำให้อินทัชเริ่มที่จะรักใครได้อีกครั้ง

“ที่นี่...เป็นที่ที่รวมทั้งความเศร้า ความเสียใจ ความเกลียดชัง ความผิดหวัง ความเจ็บปวด และก็ความสุขของกู...”

“มึงไม่เป็นอะไรใช่ไหมที่มาอยู่ในสถานที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำเลวร้าย” รามินทร์ที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ออกมาได้ยินคนรักกำลังพึมพำอยู่พอดีก็เลยพูดแทรกขึ้น

อินทัชเงยหน้าขึ้นสบตากับรามินทร์ด้วยรอยยิ้มที่จริงใจที่สุด ไม่มีการฝืน ไม่มีการโกหก ทั้งหมดมันออกมาจากใจจริงๆ

“ตอนนี้กูมีความสุข เรื่องที่ผ่านมามันก็เลยเป็นแค่บทเรียนเท่านั้น แต่ถ้ามึงยังทำแบบนั้นอีก กูก็จะไม่มาเหยียบที่นี่อีกต่อไป”

“ไม่มีวัน!!”

“จำคำนี้เอาไว้ก็แล้วกันราม แล้วก็มาดูกัน ดูกันไปนานๆ เลย”

“มึงจะได้ดูกูไปตลอดชีวิตแน่ๆ อิน”

“กูก็อยากให้เป็นแบบนั้น กูไม่อยากเจ็บปวดหรือต้องเริ่มรักใครใหม่อีกแล้ว เข้าใจนะราม...กูอยากให้มึงเป็นคนสุดท้ายนะ...”

รามินทร์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนรัก แล้วจับมือขาวขึ้นมากุมเอาไว้แน่น มองสบตากับอินทัชอย่างจริงจัง น้ำเสียงที่เอ่ยคำสัญญาออกมามันช่างหนักแน่น...

“มึงเป็นคนสุดท้ายของกูอิน...กูรักมึง และจะไม่รักใครอีกแล้ว”

อินทัชยิ้มกว้างจนตาปิด ลุกขึ้นจากเตียงแล้วกอดรามินทร์ทันที ส่วนร่างสูงก็หลับตาพริ้มกอดคนรักกลับไป ซึมซับความอบอุ่นของกันและกัน...





100%

 :mew4: :mew4: :mew4:

ขอบคุณที่ติดตามกันมานะคะ

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
บทส่งท้าย




“ในที่สุด พี่รามกับพี่อินก็ลงเลยกันสักทีเนอะจักร ฉันดีใจมากๆ เลยล่ะที่ได้เห็นพี่รามยิ้มได้แบบนั้นอีกครั้ง ที่ผ่านมาพี่รามชอบยิ้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่มีความสุขแบบนี้” เจ้าจอมพูดกับคนรักของตน ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินเล่นอยู่ที่สวนของรีสอร์ท มองเห็นคู่ของพี่ชายกำลังยืนเถียงกัน คนหนึ่งด่าอีกคนยิ้มกว้าง

เป็นภาพที่นอกจากคนเป็นน้องชายเห็นแล้วมีความสุข พนักงาน คนงานที่เดินผ่านไป เห็นภาพนนี้ก็ยิ้มออกมามีความสุขไม่ต่างกัน มีความสุขที่ได้เห็นเจ้านายของตนมีความสุข และสมหวังกับความรักเสียที

“ครับ...ผมก็ดีใจแทนคุณรามเหมือนกัน แล้วก็ดีใจกับทั้งสองคนมากๆ เลยล่ะครับ”

เจ้าจอมหันมามองคนตัวสูงกว่าแล้วยิ้มหวานให้

“ฉันเองก็มีความสุขที่ได้อยู่กับนาย ได้รักกับนายนะจักร”

“ครับ...ผมก็มีความสุขเหมือนกัน”

“ถ้าวันนั้นฉันไม่เจอนายมาปลอบ วันนี้ฉันจะมีความสุขแบบนี้ไหมนะ”

“ทุกอย่างฟ้ากำหนดเอาไว้แล้วครับ กำหนดให้เรามาเจอกัน กำหนดให้ผมรักคุณจอม คุณจอมรักผม และกำหนดให้เราสองคนรักกัน”

แม้ว่าจะเป็นประโยคที่ฟังแล้วเลี่ยนมากๆ แต่เจ้าจอมก็มีความสุขและชอบที่มันออกมาจากปากของจุลจักร เจ้าจอมรู้ว่าจุลจักรรักตนเองมาก แต่เขาก็อยากให้จุลจักรรู้ว่าเขาเองก็รักจุลจักรมากไม่ต่างกัน

ไม่เสียแรงเลยที่เขาอดทนมาตั้งหลายปีเพื่อให้จุลจักรติดกับเขา

“ที่จริงฉันรักนายก่อนนะ”

“แล้วมันจะสำคัญอะไรล่ะครับ ยังไงเราก็รักกัน”

จุลจักรมีความเป็นผู้ใหญ่มากๆ หลังจากที่เข้าทำงานกับบริษัทของอินทัช จากตอนแรกก็มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว แต่พอได้ทำงานเป็นหัวหน้าคน ร่างสูงก็ยิ่งมีความโตมากยิ่งขึ้น

“นั่นสินะ”

มือใหญ่คว้ามือบอบบางของเจ้าจอมมาจับเอาไว้แน่น สบตาหวานซึ้งกับคนตัวเล็ก เจ้าจอมยิ้มหวานให้กับร่างสูง มันเป็นรอยยิ้มที่แสนสดใสที่ไม่กว่าจะครั้งไหน จุลจักรก็จะยิ้มตามไปด้วย

“ผมรักคุณจอมนะครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณจอมและไม่ทำให้คุณจอมเสียใจเด็ดขาด”

“ฉันเองก็รักนายนะ...ฉันอาจจะเป็นคนที่ไม่ได้ดีที่สุดสำหรับนาย เอาแต่ใจ และบางครั้งก็ทำตัวร้ายๆ แต่ฉันจะพยายามทำตัวเป็นคนรักที่ดีนะ”

“ทุกวันนี้คุณจอมดีที่สุดสำหรับไอ้จักรคนนี้แล้วล่ะครับ ผมรักคุณจอมที่คุณจอมเป็นแบบนี้ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อผม เพราะผมรับได้ทุกอย่างที่คุณจอมเป็น”

“อย่าทำให้ฉันรักนายไปมากกว่านี้เลยจักร”

แค่นี้...คนอย่างฉันก็ไปไหนไม่ได้แล้ว

“คุณจอมรักผมมากๆ เลยครับ เพราะทั้งชีวิตของไอ้จักรตอนนี้ เป็นของคุณจอมคนเดียว”

“อื้อ”

ร่างสูงยกมือขาวขึ้นมาจุมพิตที่หลังมือเบาๆ เมื่อผละออกมาก เจ้าจอมก็โผกอดร่างใหญ่ทันที น้ำตาไหลซึมที่หางตาเพราะมีความสุข

ดีใจที่เลือกคนๆ นี้...

ขอบคุณที่ส่งเขามาให้จอมนะครับ...

‘พิสูจน์มัน ให้เห็นว่าสิ่งที่เราเป็นมันไม่ได้ผิด’





ทางบ้านสวนของขรรค์กับหิรัญตอนนี้เขาสองคนกำลังเดินเล่นกันอยู่ในสวนผักของขรรค์โดยที่ร่างสูงอุ้มน้องรักษ์อยู่ด้วย น้องรักษ์ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศช่วงเช้าแบบนี้มากๆ ตื่นมาก็งอแงเลย หิรัญก็เลยพาลูกมาเดินเล่นจะได้หายงอแง เด็กน้อยดูนมจากขวดแล้วก็มองไปรอบๆ ด้วย ส่วนหิรัญกับขรรค์ก็มองแต่เจ้าตัวเล็กด้วยความเอ็นดูและรักสุดหัวใจ

“หายงอแงเลย ให้กินนมที่บ้านดีๆ ไม่เอา ต้องพาออกมาเดินเล่นถึงจะกินเหรอน้องรักษ์”

“ดูสิ สงสัยชอบที่นี่มากเลยเงิน”

“ไม่ต้องห่วงนะน้องรักษ์ ถ้าลูกถึงวัยเรียนเมื่อไหร่ พ่อจะพามาอยู่ด้วยนะครับ”

“ถ้าวันนั้นมาถึง ที่บ้านนี้จะต้องครื้นเครงมากๆ เลยล่ะเงิน” ขรรค์พูดบอกกับคนรัก

“นั่นสิ...เงินอยากให้ถึงวันนั้นไวๆ จังเลย”

“ไม่นานหรอก เวลาผ่านไปเร็วจะตายไป ดูอย่างตอนนี้สิ น้องรักก็จะหนึ่งขวบแล้ว”

“จริงสินะ เงินลืมไปเลย เจ้าตัวเล็กของเราจะเดินได้ตอนไหนน้า เมื่อไหร่น้องรักษ์จะเดินได้ล่ะครับ หืม...ลูกรักของพ่อ” หิรัญหันไปคุยกับลูกชายในอ้อมแขนของขรรค์

“แอะๆ”

“หึหึ อยากพูดได้แล้วใช่ไหม”

“แอ้ๆ”

“น้องรักษ์เข้าใจที่เงินพูดนะ แต่ยังพูดออกมาไม่ได้เท่านั้น โตมาต้องเป็นเด็กที่ฉลาดมากแน่ๆ เหมือนพ่อของเขา แล้วก็ต้องหล่อมากด้วย เหมือนพ่อของเขาอีกนั่นแหละ”

“ขรรค์ก็พูดเกินไป”

“ขรรค์นี่ดีจัง มีแฟนหล่อจนสาวๆ พากันรุมล้อม”

“สิบปีแล้วนะขรรค์” ร่างโปร่งพูดขึ้นมา เงยหน้าสบตากับคนรัก ส่วนร่างสูงใหญ่ก็มองหน้าคนรักแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ ตามแบบฉบับของตนเอง

“ใช่...สิบปีที่ผ่านมา มันมีเรื่องที่เราทำพลาด มันมีเรื่องที่ทำให้เราเจ็บปวด เสียใจ แต่จากนี้ตลอดไป ขรรค์จะทำทุกอย่างเพื่อให้เงินกับน้องรักษ์มีความสุขที่สุด จะไม่ทำให้เงินรู้สึกว่ารักผิดคนอีกแล้ว”

“เงินเชื่อ...เชื่อว่าขรรค์ทำได้”

“ขอบคุณนะครับ สำหรับทุกอย่างที่เงินทำเพื่อขรรค์”

“เพราะเงินรักขรรค์ไง เพราะคำว่ารักคำเดียวเท่านั้น”

ร่างโปร่งยิ้มหวานก่อนจะเอาน้องรักษ์มาอุ้มเอาไว้แทนเพราะกลัวว่าขรรค์จะเมื่อยเอาได้ และเมื่อน้องรักษ์อยู่ในอ้อมแขนของหิรัญ ร่างของหิรัญก็อยู่ในอ้อมแขนของขรรค์อีกที ทำเอาคนถูกกอดเงยหน้ามองคนรักทันทีอย่างแปลกใจ แต่พอเห็นสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายแล้ว เขาก็ยอมให้ร่างสุงกอดอยู่แบบนั้น ส่วนตัวเองก็ก้มมองลูกชายในอ้อมแขน

ฟอด!

ริมฝีปากของขรรค์สัมผัสเบาๆ ที่กลุ่มผมนุ่มของคนรัก และเมื่อหิรัญเงยหน้าขึ้นสบตากับคนรักอย่างตกใจ ริมฝีปากนุ่มก็ถูกสู่โจมทันที แต่เป็นการแตะสัมผัสเบาๆ เท่านั้น ไม่มีการรุกล้ำ แต่ความรู้สึกที่มอบให้กันมันเต็มเปี่ยม

เมื่อผละออก ร่างสูงโปร่งก็หอมแก้มลูกชายแล้วพิงอกแกร่งที่โอบกอดเขาอยู่ตอนนี้ มองออกไปยังวิวสวนของเราอย่างมีความสุข...

“ขรรค์รักเงินมากนะ”

“อื้อ...รักเหมือนกัน”

‘เชื่อใจ เชื่อมั่น อุปสรรคทุกอย่างเราจะผ่านมันไปได้’



   หมับ!!!

“ราม...อย่าดิวะ เดี๋ยวคนเห็น” อินทัชดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดเขาจากด้านหลังโดยไม่ทันได้ตั้งตัวขณะที่เขากำลังเดินชมวิวของเขาค้ออยู่

พนักงาน คนงานเดินขวักไขว่เต็มไปหมด รวมถึงลูกค้าที่มาเข้าพักเองก็เหมือนกัน...ทุกสายตาจะมองมาทั้งสองคนราวกับว่าเป็นจุดที่น่าสนใจกว่าพวกวิว

“เห็นก็เห็นไปดิ หรือว่ามึงแคร์”

“เปล่า...แต่หน้ากูไม่ได้หนาเท่ามึงนี่หว่า”

“กูคิดถึงมึง”

“อย่ามาเวอร์ไอ้ราม ห่างกันแค่ชั่วโมงเดียวเอง แล้วนี่มึงจะปล่อยกูได้หรือยัง”

“โอเคๆ ปล่อยก็ปล่อย”

ร่างสูงยอมปล่อยร่างโปร่งบางให้เป็นอิสระ เจ้าของใบหน้าสวยหวานหันมาบ่นรามินทร์ยาวเหยียด แต่คนตัวสูงกว่ากลับยืดฟังด้วยรอยยิ้มมีความสุข

เขามองใบหน้าที่ติดหงุดหงิดของอินทัชแล้วมีความสุข

จะว่าเขาโรคจิตก็ได้ แต่หน้าตอนที่อินทัชเหวี่ยงๆ หงุดหงิดๆ ตอนโกรธ หรือไม่พอใจ เป็นสีหน้าที่เขาชอบมากที่สุด มันดูน่ารักดี มันน่ารักสำหรับเขา

“มึงดูสวยตอนที่มึงโกรธนะ”

“ช่วยพูดคำว่าหล่อได้ไหม”

“อย่าหลอกตัวเองน่า หน้ามึงสวยกว่าผู้หญิงบางคนอีก”

“แล้วไง? กูไม่ใช่ผู้หญิงป่ะ แต่ถ้ามึงบอกว่ากูสวยกว่าผู้หญิงบางคนกูก็จะถือว่ามันเป็นเรื่องที่ดีก็ได้วะ เพราะหน้าแบบกูนี่แหละที่ทำให้สาวๆ หนุ่มๆ หลงใหลมาเป็นแถบแล้ว”

“หึหึ แต่จากนี้ไปมึงห้ามเลยนะ ห้ามทั้งหมดเลย สต็อกสาวๆ สต็อกหนุ่มๆ แบบเดิมนั่นน่ะ”

“ทำไม? หวงเหรอ”

“ไม่หวงมั้ง เมียทั้งคน”

“เออ...อยากพูดอะไรก็พูดไป กูเลิกห้ามมึงแล้ว”

อยากพูดเมีย อยากแสดงความเป็นเจ้าของ หรืออยากจะทำอะไรก็เชิญเลย ตามสบาย เพราะยังไงอินทัชก็เปิดตัวเองว่าตัวเองเป็นไบมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่แค่ไม่เคยเป็นเมียใครก็เท่านั้น

ช่างเถอะ...รักมันไปแล้วนี่นา

“ดีมากครับที่รัก”

“หน้าบานเป็นจานกระด้งเลยนะ” อินทัชแซวแบบประชดประชัน ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะจากรามินทร์ ร่างสูงคว้าข้อมือของอินทัชเข้ามาจนร่างกายบอบบางขยับเข้ามาแนบชิดกาย

พรึ่บ!!

“อย่าดิวะ คนมองเต็มแล้วเนี่ย” ร่างโปร่งมองไปรอบๆ ด้วยความประหม่าและเริ่มอายเมื่อรามินทร์ยิ่งดึงเขาเข้าไปกอดเอาไว้อย่างแน่นหนา คนที่เดินผ่านไปมาก็พากันมองมาที่ทั้งคู่อย่างอยากรู้อยากเห็น ส่วนอินทัชก็พยายามดันตัวออก แต่รามินทร์ก็กอดแน่นที่สำคัญหอมแก้มฟอดใหญ่ๆ สลับกันไปมาจนเจ็บแก้มไปหมด

ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด…

“กูรักมึงนะอิน”

“หึหึ ไม่เคลิ้มเว้ย!”

ร่างโปร่งผลักรามินทร์ออกไปแล้วก็วิ่งหนี รามินทร์ส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะออกตัววิ่งไล่จับคนรักที่วิ่งหัวเราะห่างออกไปอย่างสนุกสนาน...

ภายนี้สร้างรอยยิ้มให้กับคนงาน พนักงานที่รักรามินทร์เป็นอย่างมาก ยิ่งคนเก่าคนแก่ที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขของรามินทร์มานานแล้วได้เห็นแบบนี้ก็สบายใจ

‘ความรักชนะทุกอย่าง เหมือนอย่างความแค้น...ที่ไม่อาจห้ามรัก’






THE END



ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนจบ ใช้เวลาอันยาวนานเหลือเกิน ตอนพิเศษจะทยอยลงให้ตามที่เคยบอกเอาไว้นะคะ พี่นี้จะลงให้ครบทุกตอนเลยค่ะ ส่วนรีปริ้นท์ก็เร็วๆ นี้ (แต่ไม่รู้เดือนไหน 555 เรียกว่าเร็วๆ นี้ได้ไหมหนอ)
ขอบคุณมากค่ะ ^_^

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ขอบคุณค่ะ
Happy  ทุกคู่เลย

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :L2: :L2: :L2:
ขอบคุณจ๊ะ น่ารักมากมาย
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
กรี๊ดดดด อยากจะฉลอง
ยินดีกับทุกคน แฮปปี้โครต
ขอบคุณนะยูกิ ดีต่อใจมากกกกก
รัก เรื่อง นี้ มาก!

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ขอให้มีความสุขแบบสุด ๆ ทุกคู่เลยน่ะ  :bye2:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :impress2:


ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
มาอ่านอีกทีก็จบแล้ว ขอบคุณค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ความรักและการปล่อยวางชนะทุกสิ่ง
อินทดสอบรามได้เข้มมาก แถมมีแนวร่วมดีด้วย
อินเป็นคนปากแข็งแต่ใจนี่อ่อนยวบไปแล้ว

รามก็ยังคงความใจร้อนอยู่บ้าง แต่ก็ยังพอรับไหว
และอาการก็หนักขึ้นไปอีก เพ้อมากไปอีก
ห่างตัวไม่ได้ มีความหลอนมาก สงสัยอาจจะต้องย้ายไปกทม.

หมอเงินแอบร้ายนะคะ แกล้งรามซะไปต่อไม่เป็นเลย
แล้วขรรค์ยังห้ามไม่ได้ด้วย 55555

ทุกคู่น่ารัก และลงเอยด้วยดี
เวลาและความพยายามจากใจ พิสูจน์ทุกอย่าง

เป็นกำลังใจให้นักเขียนต่อไปนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด