หัวข้อ: กระทู้แนะนำหนังสือน่าอ่านคับ

[ExecutioneR]

ส่วนใหญ่ชอบอ่านแนวสืบสวนสอบสวนของ bliss อ่ะ (ชอบสวน คุค)
ไล่มาตั้งแต่ คินดะอิจิยอดนักสืบ 1-9 มีครบหมดล่ะ  เหลือเล่ม 10
ตอนนี้ยังม่ะมีกะตังค์ซื้อเลย ที่เชียงใหม่ก็ไม่มีเล่ม 10 ขายด้วย งงมาก
(BTS)

หมายถึง บีทูเอส รึเปล่าเฮีย 5555 ยังงี้ที่บีทีเอสเชียงใหม่ไม่มีขายก้อไม่แปลก

นอกนั้นหนังสือที่ซื้ออ่านจะเป็นพวกการ์ตูน หนังสือบทสรุปเกมส์ หนังสือคอมฯไรงี้มากกว่า
ส่วนหนังสือพวก dude หรือ I AM GUY ก็ชอบอ่านนะ แต่ไม่กล้าซื้อ ดูดในเน็ตโลด หุหุ
(นอกเรื่องม่ะนี่)

ดีได้สามบรรทัด ต่อจากนั้นก็หางโผล่เหมือนเดิม 5555 เอิ๊กกกก

แต่คินดะอิจิ มีคนแนะนำต้นเยอะมากกกแล้วเหมือนกันนะ มีแต่คนบอกสนุกสุดยอด ซึ่งจนถึงตอนนี้ก้อยังไม่ได้ลองอ่านเลย
อาจจะเป็นเพราะต้นชอบนิยายแปลฝรั่งมากกว่ามั๊ง หรือไม่ก็ออกแนว "ติด" พวกมันไปแล้วมากกว่า เลยยังไม่คุ้นกะอะไรที่เป็นญี่ปุ่นมากนัก ทั้งภาษา สำนวน และอื่นๆ

ส่วนที่เฮียไม่อ่านพวกอากาธาก้อไม่น่าแปลก เพราะมันเก่าแสดดด ตั้งแต่สำนวนการเขียนยันสำนวนการแปล และที่สำคัญคือรูปคดีความซับซอนมันจะไม่ทันสมัย ไม่แยบคายเท่าของใหม่ๆน่ะ มันจะค่อนข้างโบราณไปนิดนึง
แต่ต้นก้อมี เชอร์ล็อก โฮล์ม ครบเซ็ทนะ ซื้อในงานหนังสือนั่นแหละ เป็นกล่องเลย สวยดี ชอบๆๆ คละละละละละลาสสสสส~ สิค

และที่สำคัญ สมัยนั้นเรื่องลิขสิทธิ์มันยังไม่ใช่ปัญหา ดังนั้นบางคนจะงงมาก ที่ทำไมบางเล่มอากาธาพูดถึงโฮล์มเหมือนเป็นเหมือนตัวตลก และทำไมบางอันลูแปงถึงเก่งกว่าโฮล์มโคตรๆ ทำไมวัตสันถึงดูงี่เง่าๆ ทำไมอันนี้โฮล์มทุเรศจัง และอื่นๆๆ ทำให้เด๋วนี้หาคนรู้จักคดีของพวกโฮล์ม ลูแปง หรือ ตาลุงหนวดเฟิ้มปัวโรต์ น้อยลงเยอะ

[stayingpower]

จริงๆหนังสือที่มีคนบอกว่ามันสนุกสุดยอดอะไรบางทีมันก็แล้วแต่คนอ่านนะ
บางตอนของคินดะก็ใช่ว่าจะสนุกไปหมด มันก็มีน่าเบื่อบ้างเหมือนกัน

ยังมีหนังสือพวกวรรณกรรมเจ๋งๆที่อ่านอีกเยอะเหมือนกัน อย่างงานสัปดาห์หนังสือ
นี่ก็ไปขนมาตรึมๆๆ อย่างปีก่อน ก็เจอคุณวินทร์มาแจกลายเซ็นเหมือนกัน แต่ไม่ได้ให้เซ็นอ่ะ
เพราะไม่ได้ซื้อหนังสือแก เหอๆ

เรื่องนี้ก็ชอบอ่านนะ อาทิมิส ฟาว อ่านมาหลายเล่มแล้วเหมือนกัน มี 4 เล่มมั้งตอนนี้
ตอนแรกก็นึกว่าเป็นพวกวรรณกรรมเยาวชนทั่วไป แต่เห็นเค้าว่า เรทของหนังสือเล่มนี้
ไม่ใช่เยาวชนล่ะ มันแกมโกงมากกว่านั้น หุหุ

ชอบอ่านเล่ม 3 มากสุดอ่ะ เพราะว่ามันตื่นเต้นดี

ปีนี้ถ้าจัดอีกก็คงจะไปอีก ไปด้วยกันม่ะ !อยากเห็นหนังหน้าหว่ะ อิอิ

[ExecutioneR]

ไปเด่ะ ไปทุกปีอยู่แล้วอ่ะ
แต่ถ้าปีนี้ไม่ได้จัดตรง จ อ พ ก้อคงอดอ่ะ เพราะต้องไปสอนที่ พชบ T__T

[Poes]

เรื่องนี้ก็ชอบอ่านนะ อาทิมิส ฟาว อ่านมาหลายเล่มแล้วเหมือนกัน มี 4 เล่มมั้งตอนนี้
ตอนแรกก็นึกว่าเป็นพวกวรรณกรรมเยาวชนทั่วไป แต่เห็นเค้าว่า เรทของหนังสือเล่มนี้
ไม่ใช่เยาวชนล่ะ มันแกมโกงมากกว่านั้น หุหุ

ชอบอ่านเล่ม 3 มากสุดอ่ะ เพราะว่ามันตื่นเต้นดี

เรื่องนี้ก็ชอบอ่านเหมือนกันสนุก แต่เล่มนี้ยังไม่ได้อ่าน จำไม่ได้ว่าอ่านเล่มไหนไป  ว่าจะซื้อเก็บอยู่ คึคึ

[lostlamb]

อาทิมิส ฟาวล์ ได้อ่านสองเล่มคับ สนุกดี
อยากให้เอามาทำหนังจัง 

[life_fracture]

A Southern Vampire Novel
Sookie Stackhouse
by Charlaine Harris
แปล สรสิริ
สำนักพิมพ์ เอ.อาร์ อินฟอร์เมชัน

DEAD UNTIL DARK
สุกี้ สาวน้อยพลังจิต คู่กิ๊กแวมไพร์ ตอน...แรกกิ๊ก

อืมม์ การมีแฟน
เป็นแวมไพร์นี่อาจไม่ใช่
ความคิดที่เจิดสักเท่าไหร่แฮะ...

สุกี้ สแต็คเฮาส์เป็นสาวเสิร์ฟประจำบาร์ที่ไม่ค่อยจะรุ่งในเมืองเล็กๆ ของรัฐลุยเซียน่า เธอเป็นคนเงียบๆ ชอบเก็บตัว และไม่ค่อยออกไปเที่ยวมากนัก แต่ไม่ใช่เพราะเธอไม่สวยนะ เธอน่ะสวยจะตายไป มันก็แค่ว่า...คือ...สุกี้เขาเป็นคนประมาณว่า "ไม่สมประกอบ" น่ะ เธออ่านใจคนได้ นั่นแหละที่ทำให้เธอเดทกับใครไม่ค่อยได้ แต่แล้วบิลก็โผล่เข้ามาในชีวิตของเธอ เขาน่ะครบสูตรเลย ทั้งสูงยาว ผิวเข้ม และหล่อลาก...แถมสุกี้ยังไม่ได้ยินสิ่งที่เขาคิดเลยสักติ๊ด เขานี่แหละผู้ชายแบบที่เธอรอคอยมาทั้งชีวิต...

แต่บิลเองก็ไม่สมประกอบเหมือนกัน คือเขาเป็นแวมไพร์ที่มีชื่อเสียงเสียๆ หายๆ น่ะ ก็เขาไปมั่วสุมอยู่กับพวกที่น่ากลัวขนหัวลุกแบบสุดๆ ซึ่งแต่ละคนก็ถูกสงสัยว่าเป็นฆาตกร (เซอร์ไพรส์ม๊ากค่ะ) นี่นะ พอเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของสุกี้ถูกฆ่า เธอจึงกลัวว่าตัวเองอาจจะเป็นรายต่อไป

LIVING DEAD IN DALLAS
สุกี้ สาวพลังจิต ตอน...ตะลุยดัลลัส

ก็จริงอ่ะนะ สุกี้ สแต็คเฮ้าส์ น่ะสวยจะตายไป
แต่หัวประหลาดๆ
ของเจ้าหล่อนต่างหากที่พวกนั้นอยากได้...

สุกี้ สแต็คเฮ้าส์ สาวเสิร์ฟเหล้าอกอึ๋ม ดวงซวยเป็นชุดๆ เลย อย่างแรก เพื่อนร่วมงานของเธอโดนฆาตกรรม แต่กลับไม่มีใครใส่ใจเลยสักคน จากนั้นเธอก็ต้องไปฟาดฟันแบบตัวต่อตัวกับมารร้ายสุดโหดที่กระหน่ำเฆี่ยนเธอไว้อย่างเจ็บแสบ แถมยังคายพิษไว้อีกต่างหากพวกแวมไพร์จึงยื่นมือเข้ามาด้วยการช่วยกันดูดพิษออกจากเส้นเลือดให้เธออย่างสุภาพ (...ซะที่ไหน แหม อย่างกับพวกนั้นไม่ชอบดูดยังงั้นแหละ) แต่ประเด็นก็คือ พวกเขาช่วยชีวิตเธอ ฉะนั้น พอหนึ่งในตัวดูดเลือดมีเรื่องไหว้วาน เธอจึงยอมทำให้ หลังจากนั้นไม่นาน สุกี้ก็ไปโผล่ที่เมืองดัลลัสเพื่อใช้พลังจิตตามหาแวมไพร์ที่หายไป โดยสอบถามจากมนุษย์บางคนที่มีส่วนเกี่ยวพัน ข้อแม้เพียงอย่างเดียวของเธอก็คือ พวกแวมไพร์จะต้องสัญญาว่าจะไม่เกเร - และปล่อยมนุษย์เหล่านั้นไปโดยไม่บุบสลาย แต่พูดมันง่ายกว่าทำน่ะสิ คราวนี้มีพวกผมบลอนด์หน้าตาน่ารักน่าหม่ำกับความผิดพลาดแบบจิ๊บๆ เพียงครั้งเดียวก็ทำให้เรื่องทุกอย่างพลิกผันจนสุดแสนจะ...

CLUB DEAD
สุกี้ สาวพลังจิต ตอน...คลับมรณะ

มีแวมไพร์เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่สุกี้ สแต็คเฮาส์จะพัวพันนุงนังด้วย (อย่างน้อยก็อย่างเต็มอกเต็มใจ) และเขาก็คือบิล แต่ไม่นานมานี้ เขาทำตัวเหินห่างอยู่หน่อยๆ...ห่างไปถึงรัฐอื่นโน่นเลย เอริค เจ้านายผู้แสนร้ายกาจและเซ็กซี่ของเขารู้ว่าจะตามหาเขาได้ที่ไหน สิ่งต่อมาที่สุกี้รู้ก็คือ เธอกำลังซิ่งไปที่เมืองแจ็กสัน รัฐมิสซิสซิปปี้ เพื่อเข้าไปปะปนกับเหล่าคนระดับสยึ๋มกึ๋ยที่คลับมรณะ อันเป็นที่สิงสถิตย์เล็กๆ แต่อันตรายไม่หยอกและแวมไพร์ระดับไฮโซชอบไปเฮ้วสวาปามเลือดกรุ๊ป O กัน แต่พอสุกี้หาบิลเจอในที่สุด...แบบจับได้คาหนังคาเขาเลยว่ากำลังทรยศเธออย่างแรง... เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะช่วยเขาดี...หรือจะเหลาไม้ปลายแหลมเปี๊ยบๆเอาไว้ดี


เป็นหนังสือที่ออกเป็นตอนๆ เข้าไปดูในเว็บของคนเขียนเห็นว่ามีถึงเล่ม 8 แล้ว แต่ที่แปลออกมาเป็นภาษาไทยเพิ่งทำถึงแค่เล่ม 3 ได้ยินว่ากำลังทำเล่มที่ 4 อยู่

เรื่องนี้ก็...ไปเห็นโดยบังเอิญ (อีกแล้ว) ช่วงพักเที่ยงของการสัมนา (อะไรสักอย่างที่มีแต่คนอายุมากกว่าตัวเองอย่างน้อยก็ 10 ปี เอิ๊ก) หยิบมาเปิดๆ ดู เออ ฮาดีเว้ย

สุดท้ายด้วยความงก ก็เลยไปตามล่าหาในงานหนังสือครั้งที่แล้วมาจนได้ อ่านไป 2 เล่มแล้ว เหลืออีกเล่มยังไม่ได้อ่าน มีหนังสือที่ซื้อจากงานหนังสือมาดองเป็นตั้ง (บางเล่มจะ 2 ปีแล้วก็ยังไม่ได้อ่าน) แต่ว่าเรื่องนี้เรียกเสียงฮา (ให้ตัวเอง) ได้พอควร ถึงได้ลัดคิวเอาออกมาอ่านก่อน หุหุหุ

ใครสนใจก็ลองๆ ไปหาอ่านดูละกัน ถ้าชอบแนวฮาสยองของพวกมีพลังจิตกับแวมไพร์ล่ะนะ

ป๋อหลอ...เสียอยู่จิ๊ดเดียว
ทำไม๊สุกี้ไม่เป็นผู้ชายหว่า
เวลาฟัดกันนัวเนียคงสนุกน่าดู

อุ้ย...พูดอะไรออกไป

[ExecutioneR]

^
^

น่าสนใจดีครับ สนพ อะไรอ่ะ

[krappom]

ป๋อหลอ...เสียอยู่จิ๊ดเดียว
ทำไม๊สุกี้ไม่เป็นผู้ชายหว่า
เวลาฟัดกันนัวเนียคงสนุกน่าดู

อุ้ย...พูดอะไรออกไป

สายไปแล้วล่ะเพื่อนเบ็ตตี้
เขาคงรู้กันทั้งเล้าแล้วล่ะ
 

[life_fracture]

^
^

น่าสนใจดีครับ สนพ อะไรอ่ะ

เข้าไปเพิ่มชื่อสำนักพิมพ์ให้แล้วนะคะ

[ExecutioneR]

ชื่อไทย : บอยกิ๊กบอย
ชื่อนอก : boy meets boy
เลเบล : ม่วง

เริ่มแรกที่คิดจะอ่าน (ถึงขนาดเดินหานิยายแปลแนวนี้) เพราะตอนนี้เราสามารถหาอ่านนิยายไทยม่วงๆได้เยอะแยะมากมาย อย่างในเล้าก้อมีไม่รู้กี่เรื่องแล้ว แต่นิยายแปล ผมว่ามันหายากนะ แล้วพลันสายตามันก็ไปสะดุดที่หน้าปกและชื่อของหนังสือเล่มนี้เข้าพอดี

ขอบอกว่าตอนหยิบแอบลังเลคับ แต่เอาวะ คนหน้าตาดีทำอะไรก้อไม่ผิด (ฮา) และพอได้อ่านแล้ววางไม่ลงเลยครับ
สนุกรึเปล่า..... เอาเป็นว่า พออ่านรวดเดียวจบ (ตอนนั้นกำลังทะเลาะกะไอ้ทึ่ม เกือบเลิกแน่ะ) ผมโทรไปบอกมันว่า "ต่อไปนี้พี่คงจะรักทึ่มเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว แต่พี่จะรักทึ่มเพิ่มขึ้นในทุกๆวันที่พี่หายใจ"

อร๊ายยยยยยย!! 555555 พูดไปได้ไงวะเนี่ย กรู! 

แต่มันให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะคับ แบบว่า อยากจะทำความรักของเราให้มันดีและยืนยาวที่สุด อยากจะให้เป็นความรักที่สดใสเหมือนตอนคบกันใหม่ๆตลอดไป อะไรทำนองนั้น

เรื่องย่อ : พอล นักเรียนไฮสคูลเกรด 11 รู้ตัวว่าเป็นเกย์ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ พอลมีเพื่อนสนิท 2 คน คือ โจนี่ ซึ่งเป็นหญิงแท้ และ โทนี่ เป็นเกย์ โจนี่กับพอลนั้นเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่โทนี่เรียนอยู่อีกโรงเรียนหนึ่งและอยู่ต่างเมือง พอลโชคดีที่พ่อแม่ของเขาเข้าใจและรับได้ที่เขาเป็นเกย์ ส่วนโทนี่กลับต้องเก็บอาการความเป็นเกย์ของเขาไว้เป็นความลับ เพราะพ่อแม่ของเขาเป็นคนเคร่งศาสนามากๆ เรื่องเริ่มสนุกเมื่อพอลไปหลงรัก โนอา หนุ่มหน้าใหม่ซึ่งเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองเดียวกัน แต่ความรักก็ย่อมมีอุปสรรคบ้าง มีมือที่สองสามสี่ มีมิตรภาพของเพื่อนที่ถูกทดสอบ มีนั่นมีนี่ จะเป็นอย่างไรต่อ จะจบสมใจทุกคนมั๊ย ต้องติดตามอ่านในเรื่อง

ความน่าติดตาม : ความหลากหลายของความรักมั๊งครับ มันไม่ใช่แค่เรื่องรักๆๆๆโรแม๊นซ์สุดชีวิต แต่ว่ามันเป็น "ชีิวิต" ของวัยรุ่นคนนึง ที่มีทั้งเพื่อนรักเพื่อน ชายรักชาย พ่อแม่รักลูก และอื่นๆๆอีกมากมาย และแน่นอน ไม่ใช่ว่าคนที่เป็นชายรักชายอ่านแล้วจะอินเท่านั้น แต่ใครๆอ่านก็ต้องสนุก กินใจ และลุ้นไปกับกับโชคชะตาและมิตรภาพความรักที่พลิกผันไปของบรรดาตัวละครในเรื่อง กินใจมากครับ ยอมรับเลย (โดยเฉพาะเรื่องของโจนี่กับพอล) เท่าที่อ่านดูหลังปก รู้สึกว่าจะเป็นแนวๆเรื่องจริงด้วยนะ แต่คงแต่งเพิ่มบ้างแหละมั๊ง ไม่รู้สิ แต่ก็น่าจะใช่นะ แต่มันก็เลยสะท้อนแง่คิด ความเป็นจริง วัฒนธรรมอื่นๆ แทรกกับอารมณ์ขันที่อ่านแล้งอดอมยิ้ม หรือบางตอนต้อง ร้อง "ฮึ้ยยยยย" ขึ้นมาแล้วหน้าแดงไม่ได้ อิอิ

ดาว : 5 ดาวครับ คุ้มค่าเงิน จำได้ว่าเคยมีสมาชอกในเล้ามาโพสถามอยู่เหมือนกัน ว่าเค้าขอพิมมาแปะได้มั๊ย อยากให้ทุกคนได้อ่าน....... มันดีขนาดนั้นจริงๆนะ

 

สำนักพิมพ์ : อยู่บนปก

เกี่ยวกับผู้เขียน : อ่านประวัติในหนังสือแล้วหยั่งฮา จนต้องเข้าไปอ่านในเวบเค้าเพิ่มเติมเลย (David Levithan)

ปล. หนังสือมีรางวัลครับ

[ExecutioneR]

อย่าบอกใคร : เดวิด เบคต้องสูญเสียภรรยาอันเป็นที่รักของเขาไปเมื่อตำรวจพบศพของเธอเข้า แต่จู่ๆแปดปีให้หลัง เขาก็ได้รับอีแมวฉบับหนึ่งซึ่งเป็นเนื้อหาที่มีเพียงเขากับอลิซาเบธ อดีตคนรัักของเขาเท่านั้นที่รู้ เขาจึงเริ่มสงสัย พร้อมความหวังเล็กๆว่า แฟนของเขานั้นคงจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าอีเมลฉบับนั้นเตือนเขาว่า "อย่าบอกใคร" เขาจึงเข้าไปสู่การผจญภัยไล่ล่าตามลำพังเพื่อหาความจริง ในขณะที่ใครบางคนก็พยายามอย่างทุกวิถีทางที่จะปกปิดความลับนั้นเอาไว้



หาย : ตั้งแต่เด็ก วิล ไคลน์ มองดูเคนผู้เป็นพี่ชายของตนประดุจฮีโร่เสมอมา จนกระทั่งมีคนไปเจอศพแฟนพี่ชายเค้าตายอยู่ใต้ถุนบ้าน เคนตกเป็นผู้ต้องสงสัย และหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกคนเลยคิดว่าเค้าตายไปแล้ว แต่สิบเอ็ดปีต่อมา วิลก็ต้องรู้สึกเหมือนถูกทรยศอีกครั้งเมื่อเขาพบหลักฐานว่าพี่ของเขายังมีชีวิตอยู่ และจู่ๆแฟนสาวของเค้าก้อดันมาหายตัวไปอีก สุดท้าย ด้วยหลักฐานเงื่อนงำที่หลงเหลืออยู่มากมาย วิลก็เริ่มสืบหาความจริง จนเมื่อความลับเริ่มคลี่คลาย เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่สุดช็อค จนมาถึงความจริงอันเลวร้ายท้ายสุดที่หลงเหลืออยู่จนได้

ดาว : 10 เต็ม 5 เลย

ความน่าสนใจ : เพราะเป็นหนังสือที่ได้รับรางวัลทั้งคู่ของโคเบน ความสมจริง ความตื่นเต้นที่ทำให้หัวใจเต้นแรงจนคุณต้องหยุกพักเพื่อถอนหายใจยาวๆ (จริงๆนะ ไม่ได้โม้) อารมณ์ขันของโคเบนก้อยังคงแฝงเอาไว้อยู่อย่างไม่จางหาย ในขณะที่ทั้งสองเรื่องมีความระทึกและการ "หักมุม" แบบชั้นครู! ไม่สามารถคาดเดาตอนจบได้จนกว่าจะอ่านมาถึงในหน้าสุดท้ายบรรทัดท้ายสุดจริงๆ

ลำเอียง : ซื้ออ่านเหอะครับ แล้วจะรู้ว่าทำไมผมถึงรักโคเบนมากมายขนาดนี้

[ExecutioneR]

สนพ : กะทิ
ความน่าสนใจแรกเห็น : หน้าปก และลายเส้นการ์ตูนที่สวยงามดี
ความน่าสนใจเมื่อได้สัมผัสเนื้อใน : การแสดงออกถึงความเสียดสี ความคิด และความไร้สาระที่ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่ให้ตีความจนปวดหมองจริงจริ๊งงง หลายๆอย่างคละเคล้ากันไป

เนื้อหา : เป็นการ์ตูนตอนๆของเรื่องราวของนายละดวนและเพื่อนๆของเขา (ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน) ตัวนั้นมั๊ง ตัวนี้มั๊ง ก็คือเรื่องสั้นนั่นแหละ แต่สื่อมาในรูปแบบของการ์ตูนแทน สวยดีคับ แรกๆก้ออ่านเพลินๆ แต่หลังๆเริ่มไซโคมากขึ้นเรื่อยๆจนขนลุกนิดนึง แต่ก็มีเอกลักษณ์และแสดงให้เห็นถึงความไม่เหมือนใคร ความเป็นเอกเทศน์ และความคิดความแปลกแยกนอกกรอบของนักเขียนได้ดี (ซึ่งผมว่าเป็นคุณสมบัติของนักเขียนที่ดีนะ)

ตัวอย่างความนอยด์แอนด์ไซโคเล็กๆ : http://www.rasbit.com/images/free/book/lamduan.pdf

ความน่าสนใจโดยรวม : ความจิตตกเล็กๆของผู้เขียนมั๊ง กล้าดี ทั้งจู๋ ทั้งเลือด มีครบ
ผู้เขียน : วัยวัฒน์ สายทุ้ม

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ : บางคน (ลองอ่านดูดิ่ แล้วจะรู้)
ไม่เหมาะสำหรับ : คนไม่ชอบอะไรนอยด์ๆ หล็อนๆ

ดาว : สำหรับผมคนเดียวนะ ไม่นับคนอื่น ผมให้ 2.7 เพราะตกใจนิดนึง ไม่นึกว่ามันจะแอบไซโค แต่คนอื่นอาจจะชอบก้อได้ เพราะของเขาดีใช้ได้

[stayingpower]

ความสุขของกะทิ ก็อ่านได้สบายๆดีนะครับ เป็นอีกเรื่องที่ชอบเลย อ่านแล้วมีความสุข
กับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวของกะทิครับ^^

ผลงานของคุณงามพรรณ เวชชาชีวะ


เรื่องนี้จะเอามาทำเป็นหนังแล้วนะขอรับ ดีใจสุดๆ


ความสุขของกะทิ เป็นนวนิยายขนาดสั้น ของ งามพรรณ เวชชาชีวะ ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2549

ความสุขของกะทิ เล่าเรื่องราวของกะทิ เด็กหญิงวัย 9 ขวบที่กำลังจะต้องสูญเสียแม่ ซึ่งป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แม่รู้ตัวดีว่าไม่สามารถเลี้ยงดูกะทิได้ จึงฝากกะทิให้ตากับยายเลี้ยง กะทิเติบโตมาด้วยความรักของตาและยาย มีชีวิตอย่างสุขสบายในบ้านหลังน้อยริมคลองอันอบอุ่น

ผู้เขียน เล่าเรื่องราวของกะทิอย่างเรียบง่าย เนรมิตบ้านริมคลองให้เป็นบ้านในฝัน ที่อบอวลด้วยบรรยากาศอันรื่นรมย์ของอดีต ฉายรายละเอียดสิ่งละอันพันละน้อย ของวิถีชีวิตที่สุขสงบของครอบครัวชนชั้นกลางระดับสูงให้ผู้อ่านประทับใจ

กะทิมีครอบครัวที่เอาใจใส่ ดูแลกะทิด้วยความรัก และความห่วงใยจากใจจริง เธอมีคุณตาที่เคยเป็นทนาย ซึ่งสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากกะทิและครอบครัวได้อยู่เสมอๆ คุณยายของกะทิเป็นคนที่เคร่งครัด และหัวโบราณ แต่ถึงกระนั้นก็สอนกะทิเรื่องต่างๆนาๆ อะทิเช่น การทำอาหาร การอยู่ในสังคม เป็นต้น พี่ทองเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจกะทิเป็นอย่างดี และเป็นคนที่มีบุญคุณต่อกะทิ เพราะว่าพี่ทองเคยช่วยชีวิตกะทิไว้ตอนกะทิเป็นเด็กเล็ก น้าฏา และน้ากันต์ซึ่งเป็นคนที่ห่วงใยกะทิ และคอยหาสิ่งดีๆให้กะทิอยู่เสมอๆ และเป็นคนที่พูดปลอบใจกะทิในยามที่กะทิเศร้าโศกเสียใจ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ แม่ของกะทิ ที่ถึงแม้จะจากไปก่อนวัยอันควรแต่ก็จัดสิ่งต่างๆไว้ให้กะทิอย่างดิบดี ด้วยความรัก และเอาใจใส่จากใจ

แต่ในความสุขมีความเศร้า ในวิถีชีวิตที่สุขสงบนี้ กะทิต้องเผชิญประสบการณ์ทางอารมณ์ที่ต้องสูญเสียแม่ และในความเศร้านั้นก็มีความสุข กะทิไม่คิดจะโหยหาถึงพ่อที่อยู่ไกลโพ้นต่างแดน หากเลือกอยู่ในอ้อมกอดของตากับยาย และผ่านชีวิตอันควรจะทุกข์นั้นด้วยใจที่เข้มแข็ง

เสน่ห์ของนวนิยายขนาดสั้นเรื่องนี้อยู่ที่กลวิธีการเล่าเรื่อง ที่ค่อยๆ เผยปมปัญหาทีละน้อย ๆ อารมณ์สะเทือนใจจะค่อยๆ พัฒนาและดิ่งลึกในห้วงนึกคิดของผู้อ่าน นำพาให้ผู้อ่านอิ่มเอมกับรสแห่งความโศกอันเกษม ที่ได้สัมผัสประสบการณ์ทางอารมณ์ของชีวิตเล็กๆ ในโลกเล็กๆ ของเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งอาจไม่ไกลจากชีวิตจริงของเราเลย

[ExecutioneR]

^
^

เรวว แอบมาอีดิท

[stayingpower]

^
^

เกี่ยวกะอารายอ่ะ

เกี่ยวกะกะทิ เอิ๊กๆๆ

[ExecutioneR]

งานหนังสือมาแย้วเหยอง่าาาาา

ไม่ยู้เยื่องเยยยยย

อยากไปๆๆๆอ่าาาา

 

[M@nfaNG]

ใครไปงานหนังสือแล้วมาแนะนำกันหน่อยค่ะ ว่าเล่มไหนน่าสนใจบ้าง
จะเตรียมเก็บตังค์ไปซื้อมั่ง   

ซื้อมาเข้าโหลดองรวมกะของครั้งที่แล้ว

[Simply Blue]

เข้ามาบวกให้เจ้าของกระทู้ 

แบบว่าดีใจที่มีกระทู้นี้ หนังสือหลายเรื่องที่ไม่เคยรู้จัก น่าสนใจและติดตามมากๆๆๆ

วันก่อนได้มีโอกาสไปงานสัปดาห์หนังสือ แต่.....มีเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น  เหตุเพราะหลบไปเวลางานนั้นเอง 5555 ก็ใช้วิธีเดินแล้วก็สแกนและสแกนตามบูธต่างๆ แต่ก็ยังสามารถเสียเงินไปกว่าสองพัน 55555

ก็ได้หนังสือผลงานของพี่อ้อย ดีเจนภาพรแห่งคลื่น 106.5 Green Wave มาสามเล่ม "รักได้ร้องไห้เป็น" "เรื่องไหนก็ไม่ใหญ่เท่าหัวใจ" (อีกเล่มซื้อปุ๊ปเพื่อนแสนดีตบไปทันที เหอ เหอ) หนังสือ "กขค คลาสสิก"ของต่อพงษ์ (แอบคลาสสิก) และอื่นๆ อีกเล็กน้อย แต่ก็ว่าจะไปอีกถ้ามีโอกาส 555555

[ไอ้หัวแห้ว]

รีวิวกันใหญ่เลย...

ขอตอบก่อนดีกว่า ฮ่าๆ

 

ชอบของคุณวินทร์ ครับ

ส่วนคุณชาติ กอบจิตติครับ มีโอกาสได้เรียนวิจารณ์วรรณกรรม เรื่อง คำพิพากษา แล้วก็เลยหา พันธุ์หมาบ้ามาอ่าน

ชอบความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน ที่คุณวินทร์ เขียนสลับกับ คุณปราบดาด้วยครับ



แล้วก็ชอบ กวีนิพนธ์น่ะครับ
ของคุณ ไพรวรินทร์ ขาวงาม ก็ไพเราะมากๆๆ ครับ

(ได้มีโอกาสวิจารณ์ส่ง เพิ่งส่งเมื่อหัวค่ำ)

กวีนิพนธ์ของ คุณศักดิ์ศิริ ก็แนวดีครับ หุหุ





อ้อ...พี่ต้น มี "บอยกิ๊กบอย" ด้วยเหรอ

ริวจำได้ว่า เพื่อนซื้อให้วันเกิด ฮ่าๆ  อยู่บ้านแน่ๆ ยังจำได้อยู่เลย

[Abracadabra]

ก็มีหลายเรื่องที่คุณต้นแนะนำอยู่นะครับ  ที่ผมอยากอ่าน

ก็ในเครือ  อมรินทร์กรุ๊ปนี่แหละครับ

เพราะนิยายแปลแนวสืบสวนสอบสวนเค้าสนุกดี

แต่ผมชอบแดน  บราวน์นะครับ  ส่วนฮาร์ลาน

ผมยังอ่านของเค้าแค่เล่มเดียวเองอ่ะครับ

แต่ว่าไว้เก็บเงินซื้ออ่านเรื่อยๆดีกว่า

ปัญหาของผมมันก็อยู่ที่ว่าไม่ค่อยมีเวลาอ่ะครับ

แล้วก็ผมชอบซื้อหนังสือนิยายมาเก็บไว้อ่าน

มากกว่าเช่าครับ  เลยนานๆทีกว่าจะได้อ่านซักเล่มนึง

แต่นอกจากนิยายแล้วผมก็อ่านพวกหนังสือบ้าน

หนังสือท่องเที่ยวด้วยนะครับ  ก็มีแนะนำด้วยละกันครับ




หนังสือ VOYAGE สำหรับผู้ชื่นชอบการเดินทาง

โดยเฉพาะแบบ Backpack จะได้ข้อมูลพร้อมภาพสวยๆนะครับ

ด้านหลังจะมีโปสการ์ดแจกไว้ด้วย  ยังไงก็มีไว้อ่านเล่นสำหรับผู้ต้องการพักผ่อนนะครับ

เดือนที่แล้ว  เป็นฉบับ  ไปปาย  ไงก็ลองหาอ่านได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปครับ
(หาดีๆหน่อยละกันครับ  หนังสือ VOYAGE จะหายากอยู่ซักหน่อยครับ  บาง SE-ED จะไม่มี)

[ExecutioneR]

งานหนังสือง่าาาาาา อยากปัยยยย 

ใครไปแล้วมาเล่าให้ฟังโหน่ยยย มีอะไรน่าสนใจมั่งค้าบบ

[bellbomb]

เฮ่อ งานหนังสืองวดนี้กะจะไปเสาร์อาทิตย์สุดท้ายของงานนี้เลย แต่เป็นช่วงการเงินฝืดเคืองสุดๆไม่รู้จะได้สอยอะไรกลับมาบ้าง 

หนังสือในดวงใจป้า:

มหา'ลัยเหมืองแร่ โดยคุณลุงอาจินต์ ปัญจพันธุ์ ชอบบบบมากกกก ทั้งสำนวนภาษา การบรรยายวิถีชีวิตของคนในเหมืองแร่ที่ปัจจุบันคงหายากแล้ว แล้วก็ข้อคิดว่าการศึกษาไม่ได้อยู่แค่ในรั้วมหาวิทยาลัยจริงๆ (หนังก็ทำออกมาได้ดีนะ พี่เก้งเจ๋งมาก  )

ซีรีส์ Spook's Apprentice โดย Joseph Delaney แปลโดยสนพ.เมเปิ้ล พับลิชชิ่ง ถ้าจำไม่ผิดออกมาสามหรือสี่เล่มแล้ว เป็นวรรณกรรมเด็กวัยรุ่น ชอบตรงที่มันเป็นเรื่องย้อนยุคในอังกฤษสมัยที่มีความเชื่อเรื่องพ่อมดหมอผีและการปราบปิศาจที่เป็นตำนานโบราณประมาณศตวรรษที่ 16-17

ซีรีส์ The Saxon Stories โดย Bernard Cornwell ยังไม่มีฉบับแปลไทย เป็น historical fiction เกี่ยวกับสมัยศตวรรษที่ 12 ในอังกฤษตอนยังไม่รวมเป็นประเทศ อ่านแล้วได้ฟีลประมาณ Lord of the Rings เพียงแต่ไม่ใช่แฟนตาซี พระเอกแม่มปากดีแล้วก็เก่งรบเว่อร์ๆแต่อ่านบรรยายฉากสงครามมันส์มาก

Rakuen โดย Suzuki Koji คาดว่าซีรีส์ The Ring ที่แปลโดยสนพ.บลิสคงมีคนรู้จักดีอยู่แล้ว ผลงานเรื่อง Rakuen เป็นนิยายเรื่องแรกของผู้เขียน และเป็นแนวรักโรแมนติก แต่อ่านแล้วจะพบปรัชญาและแนวคิดที่เกี่ยวข้องไปถึงจุดเริ่มต้นของอารยธรรมและความหมายของการมีชีวิตเลยทีเดียว

หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว (100 Years of Solitude) โดย Gabriel García Márquez  มีฉบับแปลไทยด้วย แต่ป้าอ่านฉบับภาษาอังกฤษ อ่านแล้วอาจมึนๆกับชื่อตัวละครที่ใกล้เคียงกันหลายตัวแล้วก็ช่วงการดำเนินเวลาที่เหมือนวนไปวนมา แต่รู้สึกถึงปรัชญาล้ำลึก อ่านรอบแรกมึนๆต้องตั้งสติแล้วอ่านอีกรอบให้เก็ทขึ้น

อิฐ โดยนิ้วกลม  และหนังสือรวมบทความโดยผู้ใช้นามปากกาหลานชายที่เอาสำนวนโบราณมาตีความใหม่ (ขออภัยจำชื่ือหนังสือไม่ได้ -*- ปกสีเขียวชมพูน่ะ) จากสำนักพิมพ์อะบุ๊ค (ของนิตยสารอะเดย์นั่นแล) ชอบสำนวนการมองโลกมุมต่างและการใช้ภาษาแนวทดลองของสองคนนี้ แต่เห็นเพื่อนหลายคนบอกว่าอ่านแล้วไม่เข้าใจก็มี คงแล้วแต่ชอบ

Genderism โดยโตมร สุขปรีชา ของสนพ.อะบุ๊ค อ่านแล้วได้แง่คิดใหม่ๆเกี่ยวกับค่านิยมของคนในสังคมที่มีต่อคนเพศต่างๆว่าจริงๆแล้วความไม่เท่าเทียมทางเพศแฝงอยู่ในหลายรูปแบบ เปิดโลกทรรศน์ดี

การ์ตูนเรื่องโจ โดยสุทธิชาติ ศราภัยวานิช สนพ.TMCX ภาพและการดำเนินเรื่องของพี่ชาติมีเอกลักษณ์สุดๆ แนวเรื่องคล้ายการ์ตูนมาร์เวล แต่การตัดช่องและดำเนินเรื่องเป็นแนวญี่ปุ่น แถมไอเดียการวิวัฒนาการของสัตว์น้ำมาเดินบกก็เก๋มาก ตอนนี้ออกมาสามเล่มและภาคพิเศษหนึ่งเล่ม อ่านจนเล่มแรกกาวไสจะหลุดอยู่แล้ว เห็นว่าเล่ม 4 น่าจะออกเร็วๆนี้

จริงๆถ้าไปเปิดชั้นหนังสือที่บ้านก็คงมากมายก่ายกองกว่านี้เยอะแหละนะ แต่ตอนนี้ที่นึกออกแบบเน้นๆก็ประมาณนี้จ้า คงเป็นที่สนใจบ้างเน้อ

[lookkidzaaaaa]

ผมขอแนะนำหนังสือเล่มนึงอ่านแล้วสนุกมากมายและหนังสือเล่มนี้ก็ได้นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วด้วยนั่นก็คือเรื่อง The devil wears prada ผมว่าที่เป็นหนังสือสนุกกว่าที่เป็นภาพยนตร์อีก การใช้ภาษาในการแปลของเค้าสนุกสนานมากอยากให้ลองอ่านดูนะคับ

[chana_fah]