โปรดรอสักครู่ใหญ่ๆ
Found You 3 :Welcome to our whole world!
ขอต้อนรับ อาณาเขตเราสองคน
(((เทพพิทักษ์ธรรม ทรรศพิพักษ์ใจ(หมอ))) อย่าสนใจค่าทำสร้อย
ท่านรองรักษาการเดินทางมายังโรงพยาบาลที่คนเสมือนลูกชายได้รับการรักษาอยู่ด้วยตัวเองกลางดึกวันเดียวกัน เขาได้รับรายงานสายตรงว่ามีคนคิดส่งลูกชายไปยมโลกให้เร็วขึ้นจนต้องมาดูแลงานรักษาความปลอดภัยด้วยตัวเอง เซบาสเตียนได้พูดคุยปรึกษาระดับอาการของซูกุเทินที่ถูกยื้นไว้ให้กลับมาอยู่ในระดับโคม่าเช่นเดิม
ศาสตราจารย์แซคคารีมาสมทบภายหลัง หมอนักวิจัยมุ่งประเด็นเรื่องการรักษาเป็นหลักหมอดีแลนท์นำทางไปยังห้องคนไข้พิเศษที่มีมาตรการความปลอดภัยสูงสุดเพราะเป็นชั้นที่เปิดให้ทำการรักษาทายาทคนสำคัญของเจ้าของโรงพยาบาล
กลุ่มคนคุ้นเคยกันดีพูดคุยเรื่องการรักษาของสร้อยคอและหัวใจ เซบาสเตียนอยากจะให้เริ่มดำเนินการเรื่องการเปลี่ยนถ่ายหัวใจแต่ยังให้ความยืดหยุ่นด้านเวลาแก่ทีมแพทย์อยู่บ้างเมื่อเขาให้โอกาสเริ่มดำเนินการเมื่อเตรียมความพร้อมเสร็จโดยเร็วที่สุด
“ทีมเตรียมการปลูกถ่ายเนื้อเยื้อหัวใจเพชรเริ่มดำเนินการบางส่วนแล้ว การทำทรีดีพริ้นติ้งก็กำลังทำอยู่เป็นลำดับต่อไป” หมอแชกคารีบอกขั้นตอนแผนการดำเนินการรักษา
หัวใจทั้งสองดวงต้องดำเนินการควบคู่กันไป ทีมวิจัยได้เตรียมไว้หลายแนวทางและจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในบทสรุปแต่ละขั้นตอนเพื่อประกอบสร้อยคอเส้นนี้ให้สวยสมบูรณ์แบบมากที่สุด และความงดงามของอัญมณีในทุกส่วนต้องเจิดจรัสไม่มัวหมอง
เซบาสเตียนพยายามเข้าใจปณิธานอันแกร่งกล้าของความเป็นหมอที่มีให้คนไข้ทุกคน แต่วิกฤตทางการเมืองทำให้เขาทนรออย่างใจเย็นได้นานขนาดมองเห็นความสมบูรณ์นั้นได้หรือเปล่าคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะหน้าแล้ว
“ลูกชายต้องเสริมโลหะปรับรูปหน้าที่ได้รับความเสียหายและทำการปลูกเนื้อเยื้อบนใบหน้าซีกซ้าย ส่วนดวงตายังไม่รู้ว่าการรับการมองเห็นเหลือกี่เปอร์เซนต์ต้องรอให้คนไข้ฟื้นแล้วค่อยรักษาตามอาการต่อไป” หมอดีแลนท์เสริมแนวทางการรักษาให้คนไข้ได้กลับมาใช้ชีวิตปรกติดังเดิมได้มากที่สุด พื้นฐานของคนไข้ต้องใช้ใบหน้าทำงานเพื่อบ้านเมืองหากไม่สามารถกลับมาได้เหมือนเดิมก็ควรที่จะใกล้เคียงคนเดิมมากที่สุด
“ไม่ทราบว่าศาสตราจารย์มีความกังวลเรื่องอะไร” ท่านเลขารู้สึกถึงความกังวลบางอย่างซึ่งความลังเลทำให้เขาเสียศูนย์ได้หากแผนที่วางไว้พังวินาศสันตะโร
“คนที่ผมกังวลไม่ใช่ลูกชายคุณหรอก ไว้ผมจะปรึกษากับคุณทรรศภายหลัง” คนถูกตามตัดบท ความกังวลไม่ได้เกิดจากทีมแพทย์แต่คนที่มีอาชีพแพทย์อย่างแชกคารีหวั่นใจกับจรรยาบรรณและหลักมานุษยธรรมมากกว่า
“เราต้องรีบจัดการสภาวะติดเชื้อซ้ำซ้อนให้กลับเป็นปกติ” หมอเจ้าของไข้รายงานสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้เสียก่อนเขาหล่ะเหนื่อยใจแทนคนไข้ที่ผ่านระดับวิกฤตสู่วิกฤตขั้นสุดต่อสู้กับความตายจนรอดมาอยู่ฝ่ายกลับมามีชีวิตได้เป็นสุดยอดวีรบุรุษแล้ว
“ทำไม?หรือท่านเลขาฯอยากรับการรักษาด้วยพลังจิต! ศาสตร์ทางเลือกที่กำลังเป็นกระแสตอนนี้ ผมพอจะรู้จักหมอชำนาญการอยู่บ้าง” ดูเหมือนว่าคำถามของเซบาสเตียนไปสะกิดอารมณ์และความคิดของหมอแชกคารีขนาดที่หมอดีแลนท์พายเรือแล่นออกจากท่าแต่เพื่อนหมอรุ่นพี่ก็ยังไม่ยอมขึ้นยืนกระดิกขามองเรือแล่นจากไป
“เฮ้อ! ขอโทษศาตราจารย์ผมคงใจร้อนเกินหน้าพ่อคนปกติทั่วไป” มือนักการเมืองโอบไหล่หมอแชกคารีและเอ่ยคำขอโทษให้นุ่มนวลและจริงใจประโลมปลอบคนเป็นหมอที่เขาไปกวนอารมณ์ให้ขุ่นมัวโดยไม่รู้ตัว
เมื่อทั้งสามผ่านด่านความปลอดภัยต่างๆ มายังห้องผู้ป่วยระดับพิเศษสุด ประตูบานสุดท้ายมีผู้บริหารโรงพยาบาลรอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว คำทักทายมีเพียงการพยักหน้ารับกันคนคุ้นเคยไม่จำเป็นต้องมากพิธีการ
ห้องผู้ป่วยสุดพิเศษจัดแต่งเป็นห้องสวีทตามโรงแรมชั้นนำ สัดส่วนการจัดการห้องและส่วนการใช้งานในส่วนต่างๆ ตั้งแต่ห้องรับแขกจนถึงห้องครัวเหมือนบ้านขนาดย่อมหลังหนึ่งต่างกันที่ห้องนอนคือห้องพักผู้ป่วย หมอลูยส์รอพบอยู่ในห้องคนไข้ระดับวีวีไอพีเรียบร้อยแล้วโดยมีทรรศญาติคนสนิทอีกคนของตะวันยืนอยู่ข้างๆ
กลุ่มคนสำคัญนั่งปรึกษาพูดคุยเรื่องเดียวกันร่วมชั่วโมง มีทรรศผู้มีวัยวุฒิน้อยที่สุดในกลุ่มทำหน้าที่ให้บริการชากาแฟ เขานั่งฟังการพูดคุยแบบคนผู้ใหญ่ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองเข้าร่วมการฟังสัมมนาเรื่องเข้าใจยากอยากเข้าไปนอนเล่นเป็นเพื่อนตะวันเสียมากกว่าแต่กลัวจะผิดมารยาท
“ทรรศ! ไปผักผ่อนเถอะพวกลุงๆ ขอคุณธุระกันเสียหน่อย” ผู้อำนวยการเหมือนรู้ใจหลานชายหาโอกาสให้เจ้าตัวได้ปลีกตัวออกจากวงสนทนา
“ครับคุณลุง เรียกผมได้ตลอดนะครับถ้าให้ช่วยอะไร” ทรรศหันไปบอกคนในกลุ่มแล้วเดินออกจากห้องรับแขกไปยังน้องนอนของตะวัน
เมื่อเด็กหนุ่มแยกตัวออกไปหัวข้อการสนทนาต่างออกไปโดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับคนไข้ทั้งสองคน ครอบครัวนักธุรกิจอยากจะเริ่มเดินเข้าสู่เส้นทางสายการเมือง
มีเงินมีชื่อเสียงสิ่งเดียวที่ต้องมีต่อจากสองสิ่งนี้คืออำนาจ อาจเป็นสิ่งจำเป็นของคนบางกลุ่มคนแต่ไม่มีใครโต้แย้งได้ว่าสามสิ่งนี้หากใครได้ครอบครองสุดที่ใครจะทัดทาน คนเดินดินธรรมดาหาได้คิดไกลถึงอำนาจที่เกินเอื้อมถึงแต่ไม่ใช่กับคนมีเงินล้นเหลือบริหารจัดการธุรกิจมูลค่ามหาศาล อำนาจคือใบเบิกทางอีกเส้นทางหนึ่งที่น่าจับจองและเข้าไปบริหารงาน
เงินและอำนาจล้วนอยู่ในระนาบเดียวกันผิดกับศีลธรรมจรรยาเป็นเรื่องความคิดและแนวทางส่วนบุคคล
พี่ชายผู้อ่อนโยนจับมือตะวันถูเล่นเบาๆ ใจหนึ่งอยากให้น้องตื่นขึ้นมาแต่อีกใจก็อยากให้นอนหลับสงบๆ อยู่อย่างนี้ ชีวิตในครอบครัวใหญ่ของตะวันอยู่ยากขึ้นเมื่อคุณปู่สิ้นบุญ
ถ้าหากตะวันยังดำเนินชีวิตอยู่เป็นปรกติป่านนี้ญาติฝ่ายแม่ของเขาน่าจะพาออกจากบ้านใหญ่ไปแล้วแต่เมื่อน้องชายมาป่วยแบบนี้ให้อยู่ที่นี่จะสะดวกต่อการรักษามากกว่า
“น้อยเอ้ย! พี่ต้องสร้างมหากุศลอะไรดีเน้อจะได้พาเรากลับมาได้” คิดแล้วก็ยิ่งเสียใจที่รู้ว่าน้องชายจะเป็นคนไข้ที่เข้ารับการรักษานวัตกรรมใหม่ไม่ต่างอะไรจากหนูทดลองในความคิดของเขา ทรรศจูบหน้าผากตะวันลูบหัวลูบหน้าด้วยความเอ็นดูปนเศร้าใจ
“ฝันดีตะวัน เจอกันพรุ่งนี้” พี่ชายกล่าวคำราตรีสวัสดิ์แล้วเดินไปทำธุระส่วนตัวก่อนจะเข้านอนร่วมห้องกับน้องชายที่เตียงนอนเฝ้าคนไข้บริเวณทางเข้าประตู
“พี่ชายรักน่าดูเลยนะ” ซูกุเทินโดนผีน้องลากทะลุมายังห้องของเจ้าตัว ร่างสูงแปลกใจที่ก่อนหน้านั้นเดินห่างจากร่างกายตัวเองแทบไม่ได้ หรือว่าห้องของพวกเขาทั้งสองไม่ไกลกันนักอาจจะเป็นได้ว่ามีแค่พนังแผ่นนี้กั้นเอาไว้
‘แน่ล่ะ พี่ซุกท์ไม่มีใครรักสิท่า’ เด็กหนุ่มชินกับการกระทำเช่นนี้ของพี่ชายร่วมสายเลือดไม่เห็นว่าจะเป็นการแสดงความรักที่เว่อร์วังตรงไหน พ่อก็จูบฝันดีกับเขาแม่ก็ชอบจูบราตรีสวัสดิ์คุณพี่ไม่มีใครทำแบบนี้บ้างเลยหรือเลยถามกวนๆกลับไป
“เฮ้อ! เด็กน้อยจริง ทำให้คนทั้งโลกรักเราไม่ได้อยู่แล้ว” นิ้วหน้าดดีดเบาๆที่หน้าผากโหนก เป็นแบบนี้แล้วก็ดีอย่างถูกเนื้อถูกตัวได้ตีกว่าคุยกับควันฝ้าฟางมองไม่เห็นอะไร
‘แปลกคน ครอบครัวพี่ต่างหากไม่ได้ถามถึงคนอื่น’ คนอ่อนต่อโลกถามกลับมือลูบหน้าฝากปรอยๆ มันไม่เจ็บแต่มันแปลกรู้สึกแปลกๆ เหมือนโดนไฟฟ้าช็อตเบาๆ
“ครอบครัวไม่มีหรอก มีแต่คนร่วมอุดมการณ์ที่เสมือนครอบครัวเดียวกัน” ดวงตาทรงพลังมองดูเด็กน้อยไร้เดียงสาด้วยความเอ็นดู ชีวิตคนเรามันผิดกันชะตาชีวิตบางคนต้องดิ้นรนฝ่าฟันผิดกับบางคนอยู่สุขสบายเขาไม่ได้โทษเจ้าผีตัวจ้อยนี่หรอกนะที่ไม่รู้อะไรเลยกับโลกใบใหญ่นอกโรงพยาบาลแห่งนี้
‘เอ๋! ขอโทษนะครับที่ถาม’ ตะวันเสียใจที่ได้ยินว่าพี่ซุกท์ไม่มีครอบครัวเขาไม่คิดว่าจะได้มาเจอใครในที่แบบนี้และคุยกับเขาตอนนี้เลยพูดคุยไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง
“เจ้าหนูเอ้ย! เราน่ะยังต้องผ่านประสบการณ์บนโลกนี้อีกหลายสิบปี รีบๆ กลับร่างแล้วตื่นจะได้คุยกันรู้เรื่องบ้าง” ร่างสูงกล่าวใบหน้ายิ้มแย้ม
คนไร้ร่างทั้งสองมองหน้ากันแต่ไม่พูดอะไร แล้วจู่ๆ ร่างหลุดลอยของซูกุเทินก็โดนดึงกลับไปยังบริเวนห้องคนไข้ของตัวเอง โดยมีผีน้องชายลอยตัวตามไปทิ้งสภาพห้องและร่างหลับสนิทของตะวันไว้ที่นี้
ตะวันยังมีเรื่องให้ต้องถามพี่ซูกุเทินอีกมากมายหลายเรื่อง เห็นทีว่าคราวนี้เขาจะได้รับฟังประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ตื่นเต้นตกใจเกี่ยวกับโลกภายนอกได้บ้าง วิทยากรแต่ละคนบอกเล่าแต่ส่วนที่ดีงามจนเขาเหมือนเด็กน้อยวัยใสมองทุกอย่างสวยงามไปเสียหมด
เขาต้องร้ายกาจ! ให้ได้ครึ่งหนึ่งของพี่ซุกท์ เขาอยากจะเท่ห์ไม่อยากน่ารักน่าเอ็นดู เคยอ่านเจอในนิยายผู้ชายต้องร้ายผู้หญิงถึงรัก ท่าจะเป็นเรื่องจริงลอยมองพี่เขาที่ไรน่าหลงใหลสุดๆ น่าค้นหาน่าเข้าใกล้ถึงจะมือสั่นเท้าเย็นก็เถอะ แบบนี่แหล่ะสเป็กหญิงชอบ! (หนูรักพี่เขาแล้วหรือลูก! ไวมาก พี่แต่งให้รักไวไปไหม?)
เนื้อหาตามกันทันแล้วจ้า ขอเว้นระยะสักหน่อยนะคะนิยายแฝดเรื่องนี้ **แก้ไขเนื้อหา**
โอ้ยฉันไม่น่าเล่นหมอลูยส์เลย งานแต่งงอกมาอีกแล้ว ไว้ก่อนๆ ทุกอย่างเป็นไปตามคิวนะคะคุณหมอ ไคซ์มีสองมือสิบนิ้วพิมพ์ต่อเนื่องมาหลายอาทิตย์มือจะกลายเป็นหนวดหมึกแล้วจ้าอีกนิดเดียวจะจับมือตัวเองย่างกินแล้วน้า
ในส่วนของเรื่องการแพทย์อยากจะสรุปให้อ่านรู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไรพอนะคะไม่ต้องอินกับวิทยาการใหม่ๆ ไปมากไคซ์แค่จับหัวจนหางมาสร้างพล็อตเท่านั้นจะเกิดขึ้นจริงคงไม่มีอะ 555+ จินตนาการน่ะน้ะวงการบันเทิงก็ยังเงี้ย เอ้ยวงการนักเขียนวายก็แบบเนี้ยล่ะค้า
ฝากนิยายแฝดผีน้องกับพี่โคม่าทั้งสองเรื่องเลยนะคะ ชาวเล้าเป็ดทุกคน เจอกันตอนหน้าค่า :ruready