พิมพ์หน้านี้ - The Love – ความรักที่รอคอย ตอนที่ 7*08/06/2022
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: bawos153 ที่ 11-05-2022 08:47:03
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง 7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด 7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ 7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ... (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ (2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง) - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์ - ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail 16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข 17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ) ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้ 18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com....................................... วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17 เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม **** THE LOVE The Love – ความรักที่รอคอย ตอนที่ 1*11/15/2022 เวลา 14.05 น. J-เฮ้าท์ คอนโดมิเนียมหรูย่านฝั่งธน “ติ้ง ติ้ง” เสียงลิฟท์ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามันถึงจุดมุ่งหมาย คือชั้น 23 ของคอนโด หรูชื่อดังแถบฝั่งธนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ไม่ได้ ถ้าจะไปก็ไปแต่ตัวไม่ต้องเอาลูกไป เลวแค่ตัวเองก็เพียงพอแล้วไม่ต้องแบ่งปันความเลวมาให้ลูกผม” ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากลิฟท์ ก็ได้ยินเสียงเข้าสู่โสตประสาททำลายความเงียบโดยทันที เป็นเสียงของผู้หญิงผู้ชายคู่หนึ่งทะเลาะกันอย่างรุณแรง “0/*#@%%#@@” มันจะทะเลาะกันให้ได้ยินจากฝั่งธนไปถึงสยามเลยรึไงฟะ ชายหนุ่มคิดในใจเงียบ ด้วยชั้น 23 ที่เขาอยู่นี้ ส่วนใหญ่จะมีความเป็นส่วนตัวสูงและเงียบมาก “ฮือๆ ฮือๆ แง คุณพ่อ คุณแม่ อย่าทะเลาะกันปูเป้กลัวค่ะ ฮือๆฮือๆ” “อ้าวมีเด็กด้วยหรือนี่” ชายหนุ่มพูดเสียงเบา มองเด็กผู้หญิงนั่งร้องไห้ตัวโยน แต่มือข้างซ้ายยังคงกอดตุ๊กตาบาร์บี้อย่างไม่ยอมปล่อย ในตอนนี้ชายหนุ่ม ผู้ซึ่งกำลังเดินออกมาจากลิฟท์แล้วหยุดชะงักอยู่บริเวณด้านหนังลิฟท์นั้นเองเมื่อได้เห็นสภาพของเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้ประหนึ่งว่าใจจะขาดพลางมองพ่อกับแม่ของตัวเองทะเลาะกันไปมา ชายหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าไปหาเด็กหญิงผู้กำลังร้องไห้ เมื่อเดินไปถึงกวิน หนุ่มร่างน้อยวัย26 ปีก็คุกเข่าลงตรงหน้าเด็ก พร้อมปลอบประโลมด้วยความอ่อนโยน “สวัสดี ค่ะ ไม่เอา นะจ๊ะไม่ร้องนะเด็กดี มานี่เร็วมาหาคุณอามาเร็วลูก” “ฮือๆ ปูเป้จะไปหาคุณพ่อ คุณพ่อกับคุณแม่ทะเลาะกันฮือๆ” “ไม่เอานะคะเด็กดี เด็กดีต้องไม่ร้องไห้นะค๊ะ ดูน้องตุ๊กตาสิยังไม่ร้องเลย มานี่เร็วคนเก่งเดี๋ยวคุณอาทำขนมให้ทานนะคะ น้องปูเป้มาเร็วลูก เช็ดน้ำตาก่อนเร็วเดี๋ยวไม่สวยนะค๊ะ” เด็กหญิงไม่ได้เงียบสนิทแต่ก็เดินมาหาชายหนุ่มโดยดี ทั้งนี้กวินบรรจงใช้ทิชชู ค่อยเช็ดที่หน้าของเด็กหญิงด้วยความถนุถนอม เขารู้สึกสงสารปูเป้จับเขาเองก็ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ก็ล้วนแล้วแต่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเองทั้งสิ้น เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง อาศักอยู่กับ ปู่และย่า ผู้ซึ่งดูแลเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เกิดมาได้ 6 เดือน และเลี้ยงดูเขาด้วยความเข้าใจเสมอมา กว่าเขาจะสร้างตัวขึ้นมาในระดับนี้ได้เขาต้องเสียอะไรหลายอย่างในชีวิตไป “คุณจะพาลูกผมไปไหน” เสียงพ่อของเด็กหญิง ดังขึ้นมาทันทีเมื่อเขาลุกขึ้นและกำลังจะจูงมือปูเป้ไปที่ห้องของเขา “คุณกับภรรยาเครียร์กันให้จบเถอะครับ อย่างไรเสียความรุณแรงที่พวกคุณกำลังสร้างเด็กไม่เกี่ยว ไม่สมควรรับรู้ ผมจะดูแกจนกว่าคุณจะเครียร์กันเสร็จ และคุณสามารถไปรับแกกลับได้ที่ห้องผม ผมไม่ได้ปิดประตูห้องเข้าไปได้เลย ห้อง 23018 โอเคนะครับ” กวินตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดแต่แววตาแฝงไปด้วยความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ข้างใน “ขอบคุณ ผมห้อง 23001” เพื่อความชัวร์ หนุ่มในเครื่องแบบตำรวจยศ ร้อยตำรวจโท ไม่ลืมจะบอกเลขที่ห้องกับคนที่จูงลูกเขาไป ซึ่งเขารู้จักดีว่าคนๆนี้คือใคร “อือ ไปเร็วลูก เดี๋ยวคุณอาทำขนมอร่อยๆให้ทานนะคะน้องปูเป้” เขาลากจูงเด็กผู้หญิงออกมาให้พ้นจากเขตสงครามดังกล่าวทันทีที่เปิดประตูห้องพักขนาด 2 ห้องนอนตกแต่งไว้อย่างสวยงาม “ปูเป้อยากทานอะไรคะ ว่าแต่ทานข้าวหรือยังลูกไหนมาหาคุณอาซิ้ค๊ะ เด็กดี” ปูเป้เดินเข้ามาหาชายหนุ่มผู้ซึ่งมีความอ่อนโยน “โหตัวเหนียวมากเลยเดี๋ยวคุณอามานะคะ” กวินเดินเข้าไปเอาผ้าชุปน้ำแล้วเดินออกมาเช็ดหน้าและแขนขาของปูเป้ หลังจากนั้นจึงเอาแป้งเด็กโคโดโมะ ซึ่งเป็นของที่กวินใช้เป็นประจำมาทาให้เด็กหญิง “ปูเป้อยากทานอะไรค๊ะ” “ปูเป้หิวข้าวค่ะ คุณอา” “โธ แม่คุณ มาเร็วเดี๋ยวคุณอาทำอาหารให้ทานนะคะ” “ปูเป้ช่วยคุณอาได้ไหมค๊ะ” “จัดไปเลยลูก ไปในครัวกันไหนดูซิมีของสดอะไรบ้าง” “คุณอาขา มีไข่ด้วยค่ะปูเป้อยากทานไข่ทอดค่ะ” “ได้ลูกเดี๋ยวคุณอาจัดให้เลย 555++ มีผัดคะน้าใส่หมู ต้มจืดผักกาดขาวเต้าหู้หมูสับ แล้วก็ไข่เจียวกุ้ง ดีไหมคะ” “ดีค่ะ ปูเป้อยากทานไข่เจียวกุ้งค่ะคุณอา” แล้วสองคนอาหลานจะเป็น ก็ลงมือทำอาหาร การทำให้อาหารทำให้เด็กปูเป้เลิกให้ความสนใจกับการทะเลาะกันของพ่อแม่ตัวเองไปช่วงหนึ่ง แต่ในใจของกวินก็อดไม่ได้ที่จะ ห่วงและคิดว่าป่านี้คนทั้งสองจะเป็นอย่างไรบ้างนะ “15.15 น. แล้วนะเครียร์กันถึงไหนนี่ ไม่ใช่ฆ่ากันตายไปแล้วนะ” กวินคิดในใจเงียบๆคนเดียวระหว่างที่กำลังตักผัดผักใส่จาน “ตึ๊ก!!!” เสียงหม้อหุงข้าวดีดตัวเป็นสัญญาณว่าอาหารทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว “ปูเป้ ไปล้างมือเร็วลูก ข้าวสุกแล้วเดี๋ยวเราทานข้าวกันนะคะทานเสร็จแล้วเดี๋ยวคุณอาจะให้เลือกระหว่างไอศครีมกับเค้กช็อกโกแล็ต ไปเร็วลูก” “ค่ะคุณอา แต่ว่าปูเป้ขอทานทั้งสองอย่างเลยได้ไหมคะ” เด็กหญิงหน้าระรื่นและต่อรองกับชายหนุ่มผู้ที่เขาเรียกว่า “คุณอา” “ฮ่าๆทานข้าวเสร็จค่อยมาเจรจากันอีกที นะคะเด็กดีไปล้างมือเร็วลูก คุณอาหิวแล้วค่ะ” พอกวินพูดเสร็จปูเป้ก็รีบวิ่งไปล้างมืออย่างว่าง่ายโดยระหว่างนี้ กวินก็เตรียมตักข้าวและเตรียมน้ำ” “คุณอาขา ปูเป้คิดถึงคุณพ่อค่ะ คุณพ่อยังไม่ได้ทานข้าวเลย” “ไม่เอานะคะ เดี๋ยวคุณพ่อก็มารับแล้วค่ะ เดี๋ยวน้องปูเป้ทานข้าวก่อนนะคะ ถ้าคุณพ่อมาแล้วค่ะทานทีหลังก็ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณอาให้น้องปูเป้คอยตักข้าวให้คุณพ่อดีไหมคะ” “ดีค่ะ ปูเป้สงสารคุณพ่อค่ะ คุณพ่อเหนื่อย คุณพ่อพึ่งเลิกงานยังไม่ได้นอนเลยด้วยค่ะ” “ไม่เอานะคะ เด็กดีของคุณอา เดี๋ยวคุณพ่อก็มาแล้วนะคะ” “ค่ะ ปูเป้จะเป็นเด็กดีของคุณอาค่ะ คุณอาขาคุณอาอย่าเกลียดพ่อของปูเป้นะคะ” “ไม่ลูกอาไม่เกลียด พ่อน้องปูเป้อาไม่เกลียดเลยค่ะ คุณอายังไม่รู้จักคุณพ่อของน้องปูเป้เลยจะไปเกลียดได้อย่างไรล่ะจ๊ะ ทานข้าวกันดีกว่าค่ะคนเก่ง ไหนดูซิ้คนเก่งของอาทานข้าวเองได้หรือเปล่า” “ได้ค่ะ ปูเป้ทานเองได้เก่งสบายมากค่ะคุณอา” แล้วสองอาหลานก็นั่งกินข้าวกัน แม่จะไม่มีคำพูดอะไรมากมายแต่กวินก็พยายามเหล่ตามองไปที่เด็กหญิงหลายครั้งพลางคิดในใจว่าอะไรที่ทำให้เขาคิดว่าเราจะต้องเกลียดพ่อของเขานะ แล้วทำไมไม่พูดถึงแม่บ้างล่ะ ลูกผู้หญิงก็ต้องพูดถึงแม่สิแล้วทำไมถึงได้พูดถึงแต่พ่อมากกว่าล่ะ กวินคิดและพลางมองด้วยความสงสัย “ปูเป้ อยู่ไหมลูก พ่อมารับแล้ว” เสียงตัวต้นเหตุมาแล้ว กวินคิดในใจเมื่อได้ยินเสียงพ่อของปูเป้ “อยู่ข้างในคุณเข้ามาก่อนสิครับ” กวินส่งเสียงและละทิ้งการกินอาหารพร้อมเดินออกมาเพื่อรับแขก “ผมมารับลูกสาวพลับห้องน่ะครับ รบกวนคุณมามากแล้ว” นายตำรวจหนุ่มพูดหนักแน่นแต่สีหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยและอ่อนล้าในสายตา “ได้ แกทานข้าวอยู่น่ะ คุณก็ยังไม่ได้ทานอะไรนี่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ ลูกสาวคุณเป็นห่วงคุณอยู่น่ะ” “จะดีเหรอครับ งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” นายตำรวจหนุ่มพูดและเบนทิศทางไปยังโต๊ะอาหารหมายจะเดินเข้าไปทันทีแต่ก็โดนกวินเบรกไว้ทันควัน “เดี๋ยวก่อนหมวด คุณควรไปล้างหน้าและก็จัดการกับความไม่เรียบร้อยบนใบหน้าออกให้หมดจะได้สดชื่นด้วย เข้าไปใช้ห้องน้ำในห้องนอนผม ใต้อ่างล้างหน้ามีผ้าเช็ดหน้ากับผ้าเช็ดตัวอยู่เอามาใช้ได้เลยเดี๋ยวผมไปเตรียมอาหารให้โอเคนะ” แม้นายตำรวจหนุ่มจะไม่ค่อยเข้าใจเข้าอะไรแบบนี้เท่าไหร่แต่ว่า เค้าก็พยายามที่จะเข้าใจและก็ทำตามที่กวินบอกอย่างว่าง่าย “ปูเป้ คุณพ่อมาแล้วนะคะ ปูเป้ตักข้าวให้คุณพ่อไหมลูก” “ตักค่ะ ปูเป้ตักเองเองค่ะ คุณอา” “มาเลยยจ่ะ นี่ทำแบบนี้นะคะ ข้าวจะได้ไม่หนาเวลาตักอย่าให้ข้าวเป็นก้อนนะคะ เวลาทานจะได้สะดวกไหนปูเป้ลองทำซิ้ลูก” หมวดชาติ หรือ ร.ต.ท. สหชาติ ตันตรานนท์ นายตำรวจอายุน้อยทอดสายตามองกวิน พร่ำสอนการเรือนให้ลูกเขาด้วยความสนใจพลางคิดว่าเพราะอะไรกันนะ ถึงทำให้คนไม่รู้จักกันมาก่อนมาทำดีให้กันได้ขนาดนี้ เขาเองก็ถูกเลี้ยงมาให้เข้มแข็งเพราะเกิดมาในครอบครัวของตำรวจคุณพ่อที่เกษียณอายุราชการ กินตำแหน่งเป็นถึง รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คุณแม่ที่ทำหน้าที่แม่บ้านพึ่งจากเขาไปได้ไม่ถึง 5 ปี น่าเสียดายที่ยังไม่ทันจะได้เห็นดาวที่ประดับบนบ่าเขาเลยซะด้วยซ้ำ ปีนี้เขาอายุ 26 ปี แต่ความสามารถและอนาคตเป็นที่จับตามอง ในฐานะของนายตำรวจอนาคตไกลคนหนึ่ง แต่มาบัดนี้ ชีวิตครอบครัวของเขาได้พังทลายไปแล้วสิ่งเดียวในตอนนี้ที่ยังเหลืออยู่คือสาวคนเดียว ที่กำลังถูกคนแปลกหน้าพร่ำสอนการเรือน อย่างไม่หวั่งเกรงว่าเขาทั้งสองคนจะเป็นผู้ร้ายที่กำลังจะแฝงตัวมาปล้น “คุณคิดว่าจะยืนให้รากมันงอกออกมาอีกรอบหรือยังไงครับหมวด” กวินพูดขึ้นมาทั้งที่ ไม่ได้หันหน้ากลับไปมองเลยด้วยซ้ำ “คุณพ่อขา ปูเป้ตัวข้าวไว้ให้แล้วค่ะคุณพ่อมาทานได้เลยค่ะ” “ครับผม น้องปูเป้ดื้อกับคุณอาหรือเปล่าครับลูก” “ปูเป้ไม่ดื้อเลยค่ะ อาหารวันนี้ปูเป้ก็ช่วยคุณอาทำนะคะ ไม่เชื่อถามคุณอาดูได้เลยค่ะคุณพ่อ” กวินไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มจนตาหยี ให้กับความน่าเอ็นดูของเด็กหญิง “อะไรคุณเป็นถึงนักธุรกิจอาหารขนาดใหญ่ มูลค่าการซื้อขายวันนึงหลายสิบล้าน ผมคิดว่าจะได้ทานอาหารที่พิศดารกว่านี้ซะอีก 5555+++” คำพูดของสหชาติทำให้กวินถึงกับเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ในการประชดประชันของผู้หมวดหนุ่ม “การที่ผมทำธุรกิจอาหารมันไม่ได้หมายความว่าผมต้องทำอาหารเป็นทั้งหมดนี่..ครับ” กวินเน้นเสียงอย่างจงใจ “ดุ” “งั๊บ!!” ทันทีที่สหชาติกำลังอ้าปากเถียง กวินก็ตักผัดผักยัดเข้าไปในปากของผู้หมวดหนุ่มในทันที ทำให้ปูเป้นั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากด้วยความชอบใจ “ผัดคะน้าอร่อยไหมหมวด ปูเป้ล้างเองเลยนะนั่น จริงไหมคะน้องปูเป้” “คุณพ่อขา ไม่อร่อยเหรอคะ ทำไมคุณพ่อทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ” “อร่อยครับ อร่อยมากเลบครับ” สหชาติฝืนตอบเพราะนอกจากจะมีคะน้าแล้วยังมีพริกผสมอยู่ด้วยในผัด ซะตอนนี้มันกำลังออกฤทธิ์เผ็ดร้อนอย่างจัดจ้าน แล้วทั้งสามคนก็ทานข้าวกันไปอย่างเหมือนจะสนุกสนาน เพราะสหชาติเล่นงานกวิน อย่างหนัก ไม่ว่าจะใช้สายตาเจ้าชู้มองมาเพื่อแกล้งหรือไม่ก็พูดแซวโดยหมายใจจะให้กวินได้เขินอาย แต่ชั่วโมงบินของทั้งสองคนต่างกันมาก กวินพบเจอเรื่องราวต่างๆมามากมาย ถึงแม้จะมีความอายอยู่บ้างแต่กวินก็ไม่ได้แสดงออกมาให้ทั้งสองพ่อลูกเห็นเลยว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ “ปูเป้คะ ตกลงตัดสินใจได้หรือยังว่าจะทานอะไรลูก” “ปูเป้อยากทานทั้งสองอย่างเลยค่ะ คุณอา น้องไอศครีมก็อยากทาน ส่วนน้องช็อกโกแลตถ้าไม่ทานต้องน้อยใจปูเป้แน่เลยค่ะ” “ฮ่าๆ”/”ฮ่าๆ” คำพูดของปูเป้ทำให้ทั้งกวินและสหชาติแทบสำลักออกมา เพราะสร้างความครื้นเครงด้วยความใส่ซื่อแบบเด็กๆ “โอเคได้ค่ะ แต่อย่างละนิดนะลูกเดี๋ยวจุกแล้วนอนไม่ได้ ส่วนคุณทานแล้วต้องนอนเป็นไอศครีมดีกว่าจะได้ไม่จุกมากเคนะตามนั้น” “ผมมีทางเลือกด้วยเหรอ ก็ต้องแล้วแต่จะอนุเคราะห์แล้วกันครับ หึหึหึ” รอติดตามตอนต่อไปนะครับ....
The Love – ความรักที่รอคอย ตอนที่ 2 “ผมมีทางเลือกด้วยเหรอ ก็ต้องแล้วแต่จะอนุเคราะห์แล้วกันครับ หึหึหึ” หลังจากมื้ออาหารบ่ายเสร็จสิ้นลงกวินจึงเก็บโต๊ะ โดยเขาได้สอนปูเป้อีกเหมือนเดิม “ปูเป้หนูดูนี่นะคะ เวลาทานอาหารเสร็จหนูต้องกวาดๆเศษอาหารในจานแต่ละจานมารวมไว้ที่เดียวกันให้หมดทุกจานแบบนี้นะคะ” “ทำไมล่ะคะคุณอา ปูเป้เห็นคุณแม่ทานเสร็จก็ยกไปตั้งรอแม่บ้านมาล้างค่ะ” “เศษอาหารจะได้ไม่ลงไปอัดในท่อนะคะถ้าทำแบบนี้ ถึงจะมีแม่บ้านมาล้างเราก็ต้องทำนะคะเพราะเดี๋ยวเศษอาหารพวกนี้แข็งตัวมันจะระบายออกยากนะคะ” “ค่ะคุณอา แต่ว่าเดี๋ยวก็มีแม่บ้านมาล้างแล้วทำไมเราต้องล้างก่อนด้วยล่ะคะคุณอา” “จะได้ไม่เหม็นและไม่รกหูรกตาไงคะปูเป้ กว่าแม่บ้านจะมา มันก็อาจจะเหม็นจนกลิ่นคลุ้งไปหมดแล้ว อะไรที่เราทำก่อนได้เราก็ต้องทำรู้ไหมลูก บ้านเราจะได้สะอาดเรียบร้อย” สหชาติยืนมองกวินพร่ำสอนลูกสาวเขาด้วยความสนใจ ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่า แม้ว่าปูเป้กำลังจะเสียแม่ไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เขาต้องฝืนตัวเองอย่างหนักที่จะตัดสินใจปล่อยให้ เมย์ แฟนสาวที่ครบกันและแต่งงานกันจนมีปูเป้เป็นอิสระ แต่แท้ที่จริงแล้วเมย์เป็นอิสระมานานแล้ว เธอลักลอบมีสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นบ่อยครั้ง แม้ว่าบ้างครั้งสหชาติจะระแคระระคายหรือรู้เรื่องก็ต้องนิ่งเงียบและพยายามที่จะสงบอารมณ์โกรธไว้ก็ด้วยเห็นแก่ปูเป้ผู้เป็นดังแก้วตาดวงใจของเขา เขายอมรับว่าแม้ที่ผ่านมาแม้เมย์จะไม่ได้ทำหน้าที่แม่ที่ดีและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับปูเป้แต่เขาก็พยายามที่จะอดกลั้นมาตลอด และสิ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไปก็คือ เมย์ได้พาชู้รักของตัวเองมาพลอดรักกันในคอนโดของเขาโดยที่ปูเป้ยังนั่งอยู่ในห้องนั้น เขาได้รู้เรื่องราวต่างๆหลังจากพบซองถุงยางอนามัยอยู่ในถังขยะและ คำพูดของปูเป้ทำให้ความอดทนของเขาสิ้นสุดลง แต่ตอนนี้เขามองกวินที่กำลังสอนลูกของเขาด้วยความอ่อนโยนซึ่งสิ่งนี้เขาไม่เคยได้เห็นเลยตลอดเวลาที่อยู่กับเมย์และสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากที่สุดก็คือ เขาไม่เคยเห็นปูเป้ยิ้มแล้วก็เข้ากับใครได้แบบนี้มาก่อนแต่ปูเป้เข้ากับกวินได้อย่างไม่น่าเชื่อ และดูท่าทางลูกสาวเขาท่าจะมีความสุขมากกว่าตอนที่อยู่กับเมย์ผู้เป็นแม่ด้วยซ้ำ “ปูเป้ไปนั่งดูทีวีรอคุณอาก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณอาไปเปิดการ์ตูนให้ดูนะลูก ขอล้างจานก่อนนะคะ” “ค่ะคุณอา” เด็กสาวเดินไปอย่างว่างายเหลือเพียงกวินที่กำลังง่วนกับการล้างจานอยู่ เมื่อกวินอยู่คนเดียว สหชาติจึงเดินเข้ามาหา “ขอบคุณนะครับ” สหชาติยืนด้านหลังกวิน และกล่าวขอบคุณโดยมิได้หวังที่จะได้คำตอบใดๆกลับมา “อืม ไม่เป็นไรหมวด แต่ปูเป้เหมือนผ้าขาวที่ยังบริสุทธิ์อยู่ คุณจะทำอะไรต้องคิดถึงแกเยอะๆ เลือกแต้มสีที่มันถูกต้องลงไป ไม่อย่างงั้นคุณจะต้องเสียใจแน่นอนหมวด อย่างวันนี้ผมจะไม่บอกว่าพวกคุณสอนลูกไม่ถูกเพราะมันเป็นเรื่องในครอบครัวของคุณ แต่เด็กอย่างไรก็เป็นเด็ก แม้มันจะเป็นแค่เรื่องล้างจานแต่ถ้าคุณสอนเขาไม่ดี แค่เรื่องล้างจานนี่แหละ ที่มันจะฝังแน่นในความคิดของลูกคุณไปชั่วชีวิตเลย เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกคุณซะหมวด” “ผมควรทำอย่างไงดีตอนนี้ผมมืดแปดด้าน ทำอะไรไม่ถูกแล้ว” สหชาติเสียงเริ่มเครือและตาเริ่มแดงมีน้ำตาซึม หากแต่ตอนนี้กวินยังคงล้างจานต่อไปโดนไม่หันมามองเขา “ทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนที่รัก ที่สุด ผมควรพูดแค่นี้ทั้งที่อยากจะพูดมากกว่านี้ แต่เพราะผมเป็นคนนอกไม่มีทางจะรู้เรื่องครอบครัวคุณได้ดีกว่าตัวคุณเองผมเลยเลือกที่จะไม่พูด” กวินพูดทั้งที่มือยังคงล้างจานไปด้วย “ครับผมเข้าใจแค่นี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว ผมขอบคุณคุณจริงๆ” “ไม่ต้องขอบคุณอะไรผม แต่ดูแลลูกสาวที่น่ารักของคุณให้ดีผมเองก็ไมได้มาจากครอบครัวที่สมบูรณ์ พ่อกับแม่ผมได้กันตอนเป็นนักเรียนมัธยมปลายจนมีผม ผมเองไม่ได้มีโอกาสแม้แต่จะได้รับความอบอุ่นจากแม่เลยแต่ผมโชคดีที่มีคุณปู่คุณย่าที่เลี้ยงดูผมอย่างที่แบบว่าไม่รู้สึกขาดอะไรเลยถ้าเทียบกับเพื่อนๆด้วยกัน ถือว่าผมมีต้นทุนที่โชคดีกว่าเยอะ คุณมองรอบๆสิ ทุกอย่างผมสร้างมาด้วยตัวผมเองทั้งสิ้น ผมหวังไว้นะว่าคุณจะเลี้ยงแกให้เป็นเด็กที่สมบูรณ์และไม่ทำให้แกรู้สึกว่าขาดอะไร ให้แกในสิ่งที่ควรให้ไม่ใช่ให้จนมากเกินไปจนล้นเหมือนครอบครัวอื่น” พอกวินพูดจบเขาไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าของคู่สนทนา ยังคงตั้งหน้าตั้งตาอยู่กับการล้างจาน แต่แล้วอะไรก็ดลใจให้สหชาตินายตำรวจหนุ่มผู้เข้มแข็งเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังของกวินชายหนุ่มร่างน้อย “ขอโทษครับ ผมขอโทษ ขอผมอยู่อย่างนี้ซักพักนะครับ ผมไม่ไหวแล้ว ผมควรจะทำอย่างไรดี ฮึกๆ บอกผมที ฮึกๆ ผมควรทำอย่างไงกับครอบครัวผมดีครับ” สหชาติชายหนุ่มผู้แข็งแรงงามสง่าในตอนนี้ร้องไห้ด้วยเสียงสั่นเครือและซุกหน้ากับแผ่นหลังของกวิน ด้วยความหมดหวัง “เอ่อร์!!! ครับ” กวินทั้งตกใจทั้งอึ้ง จนทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ดีๆก็โดนกอดแถมคนๆนั้นยังเป็นสหชาติคนที่เข้มแข็ง เขาเห็นภาพความเข้มแข็งนี้ตลอด เนื่องจากก่อนน่านี้เขาเคยครบหากับเพื่อนของสหชาติทำให้มีโอกาสได้เจอและไม่เคยได้เห็นบุคลิกแบบนี้มาก่อน คนที่กอดยังสะอึกสะอื้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนคนที่ถูกกอดสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ซึมผ่านเสื้อยืดธรรมดา แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปซักครู่หนึ่งคนที่ถูกกอดก็หันหน้ากลับไปหาคนกอด แล้วเอาสองมือประครองหน้าของคนที่ร้องไห้อยู่ จากนั้นก็พูดว่า “ก็ไม่ต้องทำอะไร แก้มันไปทีละอย่าง ส่วนปูเป้ไม่ต้องกังวลนะเราจะดูแลแกไปด้วยกัน ถึงแม้ผมจะเป็นคนอื่นที่พึ่งเจอพวกคุณยังไม่ถึง 6 ชม.เลยด้วยซ้ำแต่ผมก็เอ็นดูแก ผมก็เด็กกำพร้า มีพ่อก็เหมือนไม่มีส่วนแม่ก็ไม่เคยดูดำดูดี คุณปู่คุณย่าเลี้ยงผมมาตั้งแต่ 6 เดือนคุณดูทุกวันนี้สิผมไม่รู้สึกว่าขาดอะไรเลยเพราะท่านเลี้ยงผมแบบเข้าใจทุกอนู วันนี้คุณเหนื่อยเกินไปแล้วไปนอนซักงีบ ไปนอนที่นี่แหละยังไม่ต้องกลับห้องหรอกไปนอนในห้องผม เดี๋ยวผมดูปูเป้ให้ตื่นมาจะได้สดชื่น ....ไป....อย่าดื้อ เดี๋ยวโดนตี 55555” “ขอบใจมาก ไอ้น้องชาย เอ๊ะ หรือว่าน้องสาวกันนะ ฮ่าๆ” สหชาติยอมรับว่าคำพูดนั้นถึงแม้ว่าจะไม่สวยหรูแต่ฟังแล้วรู้สึกอุ่นใจว่ายังมีใครซักคนที่อยู่ข้างๆ เขาไม่ได้รู้จักกวินมากมายรู้แต่ว่ากวินครบหากับเพื่อนของเขาและเลิกกันจากนั้นเขาก็พอจะเห็นกวินในหน้าข่าวสังคม แต่ก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวและใกล้ชิดขนาดนี้สหชาติคิดแล้วก็พลางเอามือขยี้หัวคนข้างหน้าด้วยด้วยหมายจะแกล้งเล่น “นี่น้อยๆหน่อย พ่อหนุ่ม ผมนี่รุ่นพี่คุณจำไม่ได้รึไง ทำมาเป็นเอามือขยี้หัวผมเดี๋ยวจะโดน” “จริงดิครับ เห็นปูเป้เรียกคุณอา คิดว่าเป็นน้อง อ๊ะ!! แบบนี้นี่ ปูเป้ก็ต้องเรียกว่า ลุ......บรื่ออแหวะ” สหชาติยังพูดไม่ทันจบประโยค กวินก็แผลงฤทธิ์ด้วยการเอานิ้วป้ายปากเขาเพื่อเป็นการไม่ให้เขาหลุดพูดประโยคที่ไม่อยากได้ยินออกมา “อย่าเยอะ เห็นใจดีหน่อยเป็นไม่ได้” กวินพูดพลางทำหน้ามุ่ย “คุณพ่อกับคุณอาเล่นอะไรกันเหรอคะ” ปูเป้เดินเข้ามาเกาะสหชาติพลางถามผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัย “เปล่าครับปูเป้พ่อกับคุณอากำลังคิดว่าจะพาปูเป้ไปเที่ยวไหนกันดีในวันศุกร์หน้านี้” สหชาติพูดกับลูกสาวพลางมองหน้ากวินด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “หมวดผมว่าคุณไปอาบน้ำแล้วก็นอนได้แล้ว เห็นปูเป้บอกคุณต้องเข้าเวรตอนค่ำอีก ไปได้แล้ว เดี๋ยวจะไปดูเสื้อกับกางเกงให้ครับ” กวินไล่ให้สหชาติไปนอน ด้วยเขามองเห็นถึงความอ่อนล้าในดวงตาของสหชาติ “ปูเป้ไปกับคุณอานะคะ เดี๋ยวเราไปหาอะไรเล่นกันดีกว่า ปล่อยให้คุณพ่อนอนไปเนอะ” กวินพูดพร้อมจูงมือปูเป้ไปที่ห้องนั่งเล่น “คุณอาขา ทำไมคุณอาถึงดีกับปูเป้ล่ะคะ เราพึ่งเจอหน้ากันเองนะคะ เวลาปูเป้อยู่กับคุณแม่ คุณแม่ชอบบังคับให้ปูเป้นอนอย่างเดียวเลยค่ะ” กวินมองเด็กน้อยด้วยความสงสาร เขาพยายามทำเสียงให้เป็นปกติทั้งที่ตัวเองมีรู้สึกร้อนที่เบ้าตาเหมือนน้ำตาจะไหลหยดลงมา จนทำให้ต้องเชิ่ดหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “คุณอาทราบนะคะ คุณอาไม่มีลูก ไม่มีหลาน อยู่คนเดียวเหงาจะตายดีซะอีกมีปูเป้มาชวนคุณอาพูด คุณอาจะได้ไม่เหงานะคะ” “งั้นปูเป้ขออนุญาตมาหาคุณอาทุกวันเลยได้หรือเปล่าคะ ปูเป้ไม่อยากอยู่กับคุณแม่ คุณแม่ชอบว่าปูเป้ พอปูเป้ร้องไห้คุณแม่ก็ตีเอาตีเอา เวลาคุณลุงเพื่อนคุณแม่มา คุณแม่ชอบทิ้งให้ปูเป้นั่งดูทีวีข้างนอกคนเดียวอยู่เรื่อยเลยปูเป้กลัวค่ะ” แม้เขาจะไม่รู้เรื่องส่วนตัวอะไรของครอบครัวนี้มาก แต่ว่าเขาเข้าใจประโยคที่เด็กหญิงพูดทั้งหมดทันที ทำให้น้ำตาจากที่มันเอ่ออยู่แล้ว ไหลออกมาทันที “มาหาคุณอาซิลูกปูเป้ ต่อไปถ้าเหงาให้คุณแม่มาส่งที่ห้องคุณอาได้เลยนะคะ แต่ปูเป้สัญญาอะไรกับคุณอาก่อนได้ไหมคะเด็กดี” กวินกอดและลูบหัวของเด็กหญิง พยายามทำเสียงให้เป็นปกติและพูดกับเด็กหญิงตรงหน้าด้วยความเอ็นดู “ได้ค่ะ ถ้าคุณอาอนุญาตให้มาเล่นที่ห้องปูเป้สัญญาทุกอย่างเลยค่ะ” “ค่ะ ปูเป้ต้องเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ กับทั้งคุณพ่อและก็ทุกๆคนด้วยนะคะ” “ได้ค่ะ ปูเป้สัญญา” กวินคลี่ยิ้มในความน่าเอ็นดูและรู้สึกสงสารเด็กหญิงตรงหน้าอย่างจับใจ แต่หารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของนายตำรวจหนุ่มที่ยืนแอบมองอยู่ที่มุมห้องตลอดพลางคิดในใจ ด้วยความสงสัยว่าเพราะเหตุใดกวินคนที่ไม่ได้รู้จักอย่างสนิทและคุ้นเคยกัน ถึงได้ดีกับลูกเขาได้มากขนาดนี้ แล้วเขาก็รู้สึกขอบคุณฟ้า ที่อย่างน้อยท่ามกลางเรื่องร้ายๆในชีวิตเขาก็ได้มาเจอคนดีๆอย่างกวิน ที่เมตตาและดีกับลูกเขาจนแม้กระทั่ง ภรรยาซึ่งกำลังจะเป็นอดีตภรรยาของเขายังไม่เคยทำขนาดนี้ สหชาติหันตัวเองเดินกลับไปห้องนอนของกวินที่เขาเข้าไปล้างหน้าเมื่อครั้งแรก เพื่ออาบน้ำและก็จะงีบซักพักหนึ่งตามคำเชิญของเจ้าของห้อง ทางฝั่งของกวินและปูเป้ ตอนนี้สองอาหลานจำเป็น กำลังนั่งดูทีวีและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน กวินดูไปพลางมองปูเป้แล้วก็คิดว่าเด็กหนอเด็ก มักตกเป็นเหยื่อของผู้ใหญ่เสมอ เขาเองก็เคยตกอยู่ในสถานะเดียวกันกับปูเป้เช่นกัน เขาจึงเข้าใจปูเป้ได้ดีกว่าใคร “ปูเป้เดี่ยวรอคุณอาแป็บนึงนะคะ เดี๋ยวคุณอาไปดูเสื้อผ้าให้คุณพ่อของปูเป้ก่อน” กวินนึกขึ้นได้ว่าเขาต้องหาเสื้อให้สหชาติ ที่ตอนนี้น่าจะอาบน้ำเสร็จแล้ว “ค่ะคุณอา” เมื่อกวินเปิดประตูเข้ามาให้ห้อง และตรงไปยังห้องแต่งตัวเขาก็ต้องส่ายหน้าเพราะตอนนี้ภายในห้องยังว่างเปล่า นั่นเพราะว่าผู้หมวดหนุ่มยังอาบน้ำไม่เสร็จ เขาจึงได้แต่ดูเสื้อและกางเกงที่สหชาติน่าจะใส่ได้เตรียมให้ไว้สหชาติ ทันทีที่หมวดหนุ่มเปิดประตูห้องน้ำออกมา “อ้าววว!! ผมคิดว่าคุณเปื่อยละลายลงท่อไปแล้วนะเนี่ย ยังนั่งคิดอยู่ว่าจะออกไปตอบคำถามลูกคุณอย่างไง อาบน้ำนานเว่อร์” กวินถือโอกาสกัดเบาๆ ทันที เพราะตั้งแต่เขาแยกกับสหชาติที่ในครัวจนถึงตอนนี้มันเกือบ 20 นาทีแล้ว “ฮ่าๆ ผมอาบน้ำไม่ถึง 10 นาทีหรอกแต่มั่วคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเลยใช้เวลาเยอะไปหน่อย” หมวดหนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนตอบ “อืมๆ ครับ นี่เสื้อกับกางเกงนะ ยังไม่ได้ใช้เพราะผมชอบซื้อมาเก็บไว้ทีละเยอะๆใส่นอนแบบนี้สบายดีกลัวมันไม่ทำขายแล้ว เอาไว้เผื่อมีคนมาค้างที่นี่จะได้มีใส่” กวินพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่หมวดหนุ่มพูดและส่งเสื้อผ้าให้พร้อมกับบอกที่มาด้วยกลัวอีกฝ่ายจะรังเกียจ และเตรียมตัวไปหาปูเป้ “คุณ !! ผมกับลูกรบกวนคุณมากเกินไปหรือเปล่าผมรู้สึกเกรงใจจริงๆทั้งๆที่เราไม่ได้สนิทสนมกันมาก่อนหรืออาจจะแทบเรียกได้ว่าเราไม่เคยรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ” หมวดหนุ่มพูดออกมาระหว่างที่กวินกำลังจะเดินออกไป “ไม่หรอกคิดมาก ปูเป้เป็นเด็กที่น่ารักและก็น่าสงสารในเวลาเดียวกัน แล้วตอนนี้ผมก็มั่นใจว่าผมรักแกเหมือนลูกผมเหมือนกัน คุณไม่ต้องมาเกรงใจหรอก หรือว่าคุณรังเกียจผม” สหชาติส่ายหน้า “งั้นก็ช่วยใช้ความดีของคุณทำให้ปูเป้เป็นเด็กที่สมบูรณ์แบบแล้วก็ชดเชยสิ่งที่ปูเป้ขาดด้วยนะครับ ผมขอร้องที่ผ่านมาผมไม่เคยเห็นปูเป้มีความสุขเท่าวันนี้มาก่อนเลย ถ้าไม่รบกวนจนเกินไปช่วยคิดว่าแกเป็นลูกคุณและเมตตาแกด้วยนะครับ ผมขอร้อง” ทำพูดสุดท้ายของผู้หมวดหนุ่มทำให้กวินต้องหันหลังกลับมาหาผู้หมวดหนุ่มอีกครั้ง “ได้สินั่นแหละที่ผมต้องการแต่ผมว่า ดื้อน้อยกว่าคุณแน่นอนถ้าคุณเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูกนะ คุณโดนแน่” กวินขู่ “ฮ่าๆๆ” สหชาติหัวเราะด้วยความชอบใจ “ไปนอนได้แล้วหมวด เดี๋ยวต้องไปทำงานไม่ใช่หรือไง” กวินพูดจบก็หันหลังเดินไปจะเปิดประตูออก “ดุอย่างกับเมียแก่” สหชาติพรึมพรำอย่างเสียงเบากับตัวเอง “ว่าอะไรนะหมวด” กวินสะดุ้งกับประโยคแม้จะได้ยินไม่ชัดแต่ก็พอจับใจความได้ “ปะ เปล่า ครับ ผมบอกว่ารู้สึกเพลียจะแย่ เฉยๆครับ” สหชาติน้ำเสียงตะกุกตะกักแก้ตัว “อืมๆครับ แล้วไป” พูดจบกวินก็ออกไปหาปูเป้ทันที TBC
The Love – ความรักที่รอคอย ตอนที่ 3*23/05/2022 “ปูเป้ ทำอะไรอยู่ลูก” กวินถามเมื่อเห็นปูเป้เดินวนไปมา ที่หน้าเปียโน “ปูเป้อยากเล่นเปียโนเป็นค่ะคุณอา คุณอาสอนปูเป้หน่อยได้ไหมคะ” ปูเป้บอกความในใจ ระหว่างนั้นกวินเดินมาหาปูเป้แล้วเอามือขยี้หัวเด็กหญิงด้วยความเอ็นดู ก่อนจะไปนั่งลงที่เก้าอี้และพรมนิ้วบรรเลงเพลงลาวดวงเดือน เพลงโปรดให้ปูเป้ได้ฟัง https://www.youtube.com/watch?v=QeTHsq6vzZE “คุณอาเก่งจังค่ะ สอนปูเป้หน่อยนะคะ สอนปูเป้หน่อย” ปูเป้ปรบมือพลางอ้อนกวินหลังจากเพลงจบ “ได้จ่ะถ้าปูเป้ เป็นเด็กดีคุณอาจะสอนให้ แต่ไม่ใช่วันนี้แน่ๆ เพราะวันนี้คุณอามีงานเยอะมาก ว่าแต่ทำไมหนูถึงอยากเล่นเปียโนล่ะคะ” กวินถามเด็กน้อยด้วยความสงสัย เพราะแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เขาเล่น ก็ด้วยหวังว่าจะบรรเทาความเหงาที่มีได้เลยตัดสินใจเรียนเปียโน “ปูเป้อยากเล่นเก่งเหมือนคุณอาค่ะ ถ้าปูเป้เล่นเปียโน ปูเป้ก็จะได้มาที่นี่ทุกวัน แล้วก็มาเจอคุณอาทุกวันด้วย คุณอาไม่ว่าปูเป้ใช่ไหมคะ” เด็กหญิงตอบอย่างหนักแน่น “ใช่ค่ะ คุณอาไม่ว่าที่นี่คือบ้านของปูเป้ ปูเป้จะมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ว่าตอนไหนนะคะ” “เย้ๆ!! คุณอาใจดีจังเลยค่ะ ปูเป้รักคุณอาที่สุดในโลกเลย” ปูเป้กระโดดกอดคนที่พูด พร้อมกับห้องแก้มกวินทันทีด้วยความดีใจ “เดี๋ยวพรุ่งนี้อาจะให้คนมาสอน ปูเป้นะคะ” กวินพูดกับปูเป้ “คุณอาขา คุณอา คุณอาอย่าใจร้ายกับคุณพ่อนะคะ” อยู่ๆเด็กหญิงก็พูดกับกวินด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยจนกวินต้องหันกลับมามอง “หืม ทำไมล่ะคะ คุณอาจะทำอะไรคุณพ่อของปูเป้ได้ลูก” กวินตอบด้วยประโยคคำถามด้วยความสงสัย “ปูเป้สงสารคุณพ่อค่ะ คุณพ่อโดนคุณแม่ทำร้าย โดนคุณแม่เอาเปรียบคุณแม่ชอบพาผู้ชายมาที่บ้าน ชอบขู่เอาเงินจากคุณพ่อ คุณแม่ชอบหยิกปูเป้แล้วก็ชอบให้ปูเป้นั่งแช่น้ำสำนึกผิดด้วยนะคะ” เด็กหญิงเล่าไปด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา กวินมองด้วยความเศร้ามันเกินกว่านิยายเรื่องใดที่ได้รับมา “ปูเป้มานี่มาลูก มานั่งตักคุณอานี่ค่ะมา” กวินดึงตัวปูเป้มานั่งบนตักแล้วก็กอดเด็กไว้ “ปูเป้ลูก นั่นคือสิ่งที่ไม่ดีนะคะ หนูต้องไม่จำเลิกคิดนะคะ ต่อไปครอบครัวของหนูต้องมีความสุขแน่นอนอาเชื่ออย่างงั้น” “แล้วทำไมคุณแม่ต้องทำแบบนั้นด้วยคะคุณอา คุณแม่ไม่เห็นใจดีเหมือนคุณอาเลย” ปูเป้ถามคำถามที่กวินคนเจนจัดทางโลกยากที่จะสรรหาคำตอบ “เพราะเขาสองคนไม่รักกันแล้วไงคะ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่รักปูเป้นะคะ เขาสองคนยังรักปูเป้แต่เขาก็มีเหตุผลที่เราไม่สามารถรู้ได้” กวินพยายามตอบอย่างลำบาก “แล้วทำไมต้องทำร้ายปูเป้ด้วยล่ะคะ” เด็กหญิงยังคงถามต่อ “เขาเรียกว่าประชดค่ะ ปูเป้เจ็บปวดหรือเปล่าลูก” เด็กหญิงพยักหน้า “คุณแม่ก็เจ็บปวด คุณพ่อก็เจ็บปวดทุกคนล้วนแล้วแต่เจ็บปวด เห็นไหมคะไม่มีใครไม่เจ็บปวดที่ต้องทำร้ายคนที่เรารักเลย เพราะฉะนั้น ปูเป้สัญญากับคุณอาก่อนนะคะ ว่าปูเป้จะไม่ประชดใครด้วยวิธีทำร้ายแบบนั้น” “ค่ะคุณอา ปูเป้จะเป็นเด็กดี ถ้าปูเป้เป็นเด็กไม่ดีคุณพ่อก็จะไม่รัก คุณอาก็จะไม่รักปูเป้” “ฮ่าๆ ดีมากลูกเอาอย่างงี้ดีกว่าอาจะเลี้ยงปลอบใจคนเก่ง ไม่รู้ว่าคนเก่งของอาอยากจะทานไอศครีมหรือเปล่าน้า” กวินพยายามหาวิธีทำให้เด็กหญิงข้างหน้ามีความสุข เพื่อจะได้ลืมคืนวันอันโหดร้าย “อยากทานค่ะปูเป้ชอบไอศครีมรสสตอเบอรี่” จากนั้นสองอาหลานก็เดินจูงมือกันไปที่ครัวเพื่อหาไอศครีมด้วยเสียงหัวเราะอันอบอุ่นโดยทันที “ปูเป้ทานเสร็จไปล้างมือในห้องน้ำแล้วก็เช็ดมือเกลี้ยงๆนะลูกจะได้ไม่เหนียว” กวินพูดขณะกำลังเก็บถ้วยไอศครีมล้าง “ค่ะคุณอา” จากนั้นสองอาหลานก็นั่งดูทีวีจนเวลาผ่านไป 19.25 น. “ทำอะไรกันอยู่เอ่ย สองคนเอาหลาน” เสียงสหชาติทักมาจากด้านหลัง “ปูเป้กำลังคิดว่าจะทานข้าวก่อนคุณพ่อหรือว่าจะรอคุณพ่อดีค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ต้องคิดแล้วเพราะว่าคุณพ่อตื่นแล้ว” เด็กหญิงผู้เป็นพ่อด้วยความใสซื่อ “ฮ่าๆ / ฮ่าๆ” ประโยคดังกล่าวทำให้ผู้ฟังอดหัวเราะออกมาไม่ได้ สหชาติอุ้มปูเป้แล้วเดินไปที่โต๊ะอาหารโดยมีกวินเดินนำ “โหทำไมหลายอย่างจังคุณ” สหชาติถามด้วยความตกใจ เพราะว่าบนโต๊ะมีอาหารมากกว่า 10 อย่างวางอยู่เต็มไปหมดเพียงแต่ แต่ละอย่างมีปริมาณไม่มากเท่านั้นเอง “ก็ปกตินะครับ คิดซะว่าช่วยผมทำงานก็แล้วกัน” กวินตอบผู้หมวดหนุ่ม “ทำงาน??” สหชาติยังคงสงสัย “ใช่!! ชิมแล้วก็ติเล้วเราก็จะได้รู้กัน ว่าในแต่ละวัน ลูกค้าได้กินรสชาดแบบไหน แล้วก็โน้ตไว้ แล้วถ้าวันไหนยอดขายไม่ดีและไม่มีปัจจัยอื่นเราก็จะได้รู้แล้วก็ปรับปรุงสินค้าได้” กวินพูดพลางตักข้าวให้ทุกคน “ไม่เชิงหรอก แต่ก็เกือบใช่นะ ต่อไปพาปูเป้มาทานที่นี่ทุกมื้อ เท่าที่จะพามาได้นะ” กวินบอก พลางเลื่อนอาหารที่รสไม่จัดมาไว้ด้านหน้าปูเป้ “ปูเป้เดี๋ยวกินข้าวเสร็จกลับห้องไปเตรียมตัวไปทำงานกับพ่อนะลูก” สหชาติพูดกับลูกสาวที่ตอนนี้ทำท่าจะติดคุณอาเป็นอย่างมาก “หมวดเวลาพาปูเป้ไปทำงานปูเป้นอนที่ไหนน่ะ” กวินเอ่ยถาม “ก็มีผ้าปูนอนหลังโต๊ะครับ หรือไม่ก็ห้องนายเวรครับ” สหชาติตอบ “คุณไว้ใจผมหรือเปล่าหมวด” กวินพูดและสบตาสหชาติ “อืมครับ ในระดับนึง” สหชาติตอบพลางสงสัยในคำถาม “งั้นให้ปูเป้ค้างที่นี่ ไม่ต้องพาไปนอนหลังขดหลังแข็งที่สถานีตำรวจ” “ไม่ใช่ผมไม่ไว้ใจแต่ผมเกรงใจ แค่นี้ผมสองคนพ่อลูกก็ทำคุณลำบากมามากแล้ว” สหชาติพูดด้วยความเกรงใจ “อย่าพาแกไปลำบากเลยหมวด ที่นั่นบรรยากาศมันไม่ได้เหมาะกับการเรียบรู้ของเด็กวัยอย่างปูเป้หรอก ให้แกอยู่นี่แหละผมดูแลแกได้” “ปูเป้ว่าไงลูก” สหชาติหันกลับไปถามปูเป้ “ปูเป้จะอยู่กับคุณอาค่ะ ปูเป้สัญญาว่าปูเป้จะไม่ดื้อ” เด็กหญิงตอบด้วยดวงตาที่มีหวัง “แต่เดี๋ยวปูเป้ต้องกลับห้องกับคุณพ่อก่อนนะครับต้องไปเตรียมของใช้ของตัวเองเพื่อมาที่นี่ ไม่งั้นพ่อไม่ให้ค้างกับคุณอานะ” สหชาติยิ้มพลางเอามือขยี้หัวลูกสาวตัวเองด้วยความเอ็นดู “ค่ะ คุณพ่อ” “หมวด!!! คุณมือเปื้อนอาหารหรือเปล่าเอาไปจับหัวปูเป้แบบนั้น คุณนี่” กวินพูดขึ้น จนทำให้สหชาติรีบเอามือออกจากปูเป้ด้วยความรนราน “ดุจิง” สหชาติอมยิ้มบ่นพรึมพรำอยู่คนเดียวโดยมีกวินมองตาขวางอยู่ แต่บรรยากาศรอบๆมันทำให้ทุกคนมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก หลังจากสองพ่อลูกออกไปกวินก็กลับมานั่งคิดถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่าเขากำลังทำอะไรอยู่มันสมควรแล้วเหรอ ที่จะเอาตัวเองไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น แต่ก็ไม่เสียหายนี่เพราะเด็กคนนั้นน่าเอ็นดูที่ผ่านมาเขาเหมือนกับปิดตัวเองจนแทบไม่เปิดโอกาสให้คนรอบข้างเข้ามาสัมผัสชีวิตจริงของเขาเลย แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปชีวิตเขาคงไม่เหงาอีกต่อไปแล้วเพราะแต่นี้จะมี หนูน้อยตัวเล็กมาให้เขาเป็นห่วงอีกคนแล้ว “ฮัลโหล อุรา เหรอทำไร” การทักอย่างสนิทสนมนี้เกิดขึ้น อุราคือชื่อในวงการ เพราะชื่อจริง คือ อุรุพงษ์ “มีอะไรถึงโทรมาถึงได้ อยู่กับเพื่อนน่ะ” คำว่าเพื่อนของมันก็คือ “ผัว” “อ้อ งั้นขอสายภุชงค์หน่อยซิ” กวินไม่สนใจและพุ่งเป้าไปยังคนที่อยากคุยด้วยทันที “แรงนะยะ โทรหาเมียเพื่อจะขอสายผัวเขาเนี่ย” อุราคนในสาย แปลกใจที่สุดที่กวินโทรมาแต่ก็ไม่คิดอะไรเนื่องด้วยความสนิทอย่างแนบแน่นในความสัมพันธ์ระดับ “เพื่อนตาย” “จริงสิ มีเรื่องจะปรึกษามันน่ะ” “ยาใหญ่ สวัสดีครับ” เป็นคำทักทายติดปากระหว่างสามีเพื่อนกับกวิน เนื่องจากตอนที่รู้จักกันแรก ญาญ่า อรัสยา กำลังดัง สามีเพื่อนเลยตั้งฉายาให้กวินขึ้นมาแข่ง “ไหว้พระเถอะ อิปลวกภุชงค์ 555++” คือการทักทายแบบปกติที่ทั้งคู่มีให้กันทางโทรศัพท์ “พอดีจะโทรมาปรึกษา หลานอยากเรียนเปียโนน่ะ ว่างไหมช่วงนี้” กวินรีบตัดเข้าประเด็น “ไม่ค่อยว่างอาดิ แต่หาคนให้ได้นะอยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ” ภุชงค์เริ่มคิดหนักเนื่องด้วยตอนนี้ ตัวเองก็มีภาระและงานค่อนข้างเยอะ “น่าจะเป็นคำตอบที่รู้อยู่แล้วว่าต้องการแบบไหน 555++ แล้วก็ขอโสดแบบไม่มีพันธะด้วยนะ555++” คำตอบของกวินเรียกเสียงหัวให้กับทั้งสามคนได้ เพราะได้ยินเสียงหัวเราะของอุราในปลายสายแสดงว่า ภุชงค์กำลังเปิดลำโพงระหว่างการสนทนา “พรุ่งนี้เย็นแวะมาดูให้หน่อยนะจ๊ะ มากินข้าวด้วยกันทั้งสองคนเลยจะสั่งเมนูพิเศษเผื่อเจอกัน พรุ่งนี้เย็นนะ ขอบคุณมากๆ” ทั้งที่อีกฝ่ายบอกไม่ว่างแต่กวินก็ได้ลงมือหักคอบังคับอีกฝ่ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “อืม!! ได้ครับ” คู่สนทนาตอบตกลงอย่างปฏิเสธไม่ได้ “โอเคขอบคุณอีกครั้งพรุ่งนี้เจอกัน บาย” เป็นการกล่าวลาที่ทำให้คู่สนทนาสองสามีภรรยา รู้สึกว่าลำบากใจที่สุด อุราที่กวินกล่าวถึง เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเกือบ 10 ปี เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท และมีหุ้นถึง 1ใน5 ของบริษัท ทั้งคู่สนิทกันจนถึงขนาดที่กวินเป็นคนจ่ายเงินซื้อคอนโดนี้ให้ในชั้นถัดไป ในวันที่อุราถูกแฟนเก่าทิ้งเพื่อนที่จะได้อยู่ใกล้ๆกัน แต่ตอนนี้เมื่ออุรามีความรักครั้งใหม่ก็ได้ย้ายไปอยู่บ้านที่ซื้อใหม่ แฟนใหม่ของอุรา เป็นนักดนตรีบำบัดในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เขาเลยหวังไว้ในใจว่าจะได้ขอร้องแกมบังคับให้มาช่วยดูปูเป้เพื่อประเมินความพร้อมและจัดการเรียนการสอนให้เข้ากับปูเป้ หลังจากได้โทรหาครูที่จะมาสอนเปียโนให้ปูเป้แล้วกวินก็โทรศัพท์ไปสั่งเลขาฯให้หาคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสำหรับเด็กและแบบการเรียนรู้คอมพิวเตอร์สำหรับเด็กมาไว้ในห้อง สิ่งที่กวินทำไปทั้งหมดเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่แต่เหนือสิ่ง อื่นใดสิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันว่าที่ทำมาทั้งหมดคือสิ่งที่ถูกต้องคือ หัวใจที่พองโตและการเต้นอย่างรุณแรงอันเป็นเครื่องยืนยันว่าตนเองกำลังมีความสุข TBC
:o8: :-[ :impress2:
:L1: :L1: รวดเร็วได้ใจกับความรักครั้งใหม่
The Love – ความรักที่รอคอย ตอนที่ 4*27/05/2022 “ติ๊ง ต่อง ติ้ง ต่อง” เมื่อผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง หมวดสหชาติและปูเป้ก็กลับมาที่ห้องกวินพร้อมกระเป๋ใส่เสื้อผ้าของปูเป้และของใช่ส่วนตัวต่างๆ “คุณอาขา ปูเป้เอาหนังสือมาด้วยค่ะ” เด็กสาวพูดอย่างเอาใจกวินซึ่งตอนนี้กวินไม่รู้ว่าเด็กสาวได้ติดคุณอาคนนี้อย่างเหนียวแน่นไปเสียแล้ว “คุณผมฝากลูกด้วยนะครับเดี๋ยวสายๆพรุ่งนี้ผมแวะมารับกลับคุณออกไปทำงานกี่โมงครับ” สหชาติถามกวินเพราะกลัวว่าลูกสาวจะทำให้กวินต้องเสียงาน “อ้อไม่เป็นไร พรุ่งนี้คุณกลับมาก็นอนพักก่อนค่อยมารับแกก็ได้ เพราะคุณมารับแกกลับไปก็ต้องกลับไปนั่งดูคุณหลับอยู่ดี ปกติผมไม่ได้เข้าไปที่ทำงานหรอกถ้าไม่มีประชุมสำคัญก็นั่งทำงานอยู่ในห้องนี่แหละ อีกอย่างพรุ่งนี้เพื่อนผมจะมาดูทักษะเบื้องต้นทางดนตรีของปูเป้ด้วย เพราะแกบอกว่าอยากเรียนเปียโน คุณไม่ต้องห่วง” “อย่างไงก็ต้องขอบคุณ คุณมากเดี๋ยวผมไปทำงานก่อนนะ” “อ้อเดี๋ยวก่อนหมวด” กวินเรียกสหชาติแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน “อ่ะ!! นี่นามบัตรพร้อมเบอร์โทรที่บ้านนี่ แล้วก็มือถือ เผื่ออยากจะโทรหาปูเป้ เดี๋ยวเอาของคุณมาด้วยเผื่อมีอะไร” กวินยื่นนามบัตรพร้อมกับถามเบอร์โทรของสหชาติเอาไว้ เผื่อติดหากมีอะไรฉุกเฉิน “ปูเป้ พ่อไปแล้วนะลูกไหนมาหอมที” สหชาติบอกลาลูกสาว พลางจับเจ้าตัวดีมาหอมซ้ายขวา โดยมีเจ้าตัวน้อยหัวเราะคิกคักเพราะจั๊กจี้ “พ่อไปแหละอย่าดื้อกับคุณอานะลูก” สหชาติเตือนลูกสาวครั้งสุดท้าย “เอาน่าไปทำงานได้แล้วประชาชนรออยู่” กวินหมั่นไส้ในความพิรี้พิไรของนายตำรวจหนุ่ม “5555+++คุณนี่มันจริงๆเลย” สหชาติหัวเราะชอบใจ พร้อมยิ้มอย่างสบายใจและเดินออกจากห้องไป ระหว่างอยู่ในลิฟท์สหชาติจึงยกนามบัตรที่อยู่ในมือมาดู “กวินกร เวชยันต์วิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บ.เวชยันต์ ฟู๊ด จำกัด จุ๊จุ๊จุ๊ ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย มิน่าถึงได้ชอบทำอะไรแปลกๆ” สหชาติพูดกับตัวเองหลังจากอ่านนามบัตรนั่นแล้ว ส่วนตอนนี้สองอาหลานกำลังวุ่นวายกับการจัดของ กวินค่อยๆสอนปูเป้ทั้งเรื่องการเก็บของ การพับผ้า อย่างถูกวิธี ตลอดไปจนถึงการพับถุงพลาสติกเป็นรูปสามเหลี่ยมเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและประหยัดพื้นที่ “คุณอาขาทำไมเราต้องมาพับถุงด้วยล่ะคะ” ปูเป้ถามอย่างสงสัย “ปูเป้เห็นถุงที่เรายังไม่ได้พับไหมลูก แล้วปูเป้ลองดูถุงนี่ถุงที่เราพับแล้ว อันไหนเรียบร้อย อันไหนน่ามองมากกว่ากันคะ” “ถุงที่พับแล้วสิคะคุณอา” ปูเป้ตอบอย่างใสซื่อ “นั่นไงเห็นไหม ที่สำคัญเวลาเราจะหยิบใช้ก็ดูจากขนาดได้เลย หนูดูนี่นะลูก อันนี้ใหญ่ อันนี้กลาง อันนี้เล็ก ขนาดที่เราพับแตกต่างกันไหมคะ” “แตกต่างค่ะ” “แล้วปูเป้ปูเป้ลองมองถุงที่เรายังไม่ได้พับที่กองอยู่สิคะ มองออกไหมลูกว่าอันไหนขนาดเท่าไหร่” กวินยังคงอธิบายให้ปูเป้ได้เห็นภาพ “ไม่ค่ะ” ปูเป้ตอบพร้อมกับสนใจความรู้ใหม่ที่เขาได้รับ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกใหม่และน่าสนใจสำหรับเด็ก “น้องปูเป้เดี๋ยวพรุ่งนี้ จะมีครูมาสอนหนูเล่นเปียโนนะคะ ยังอยากเรียนอยู่หรือเปล่าลูก” กวินเอ่ยบอกขณะนั่งดูสารคดีเกี่ยวกับหมีขั่วโลกอยู่บนโซฟากับปูเป้ “อยากค่ะคุณอาปูเป้อยากเรียนค่ะ ปูเป้ขอบพระคุณ คุณอามากนะคะ” ปูเป้พูดพร้อมกับยกมือขึ้นกราบกวินที่ตักซึ่งกวินได้มองเด็กสาวด้วยความเอ็นดูพลางลูบหัวแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างงั้นต้องตั้งใจเรียน หมั่นซ้อมบ่อยๆและก็มาเล่นให้คุณอาฟังด้วยดีไหมคะ” “ค่ะ ปูเป้สัญญาจะเล่นให้คุณอาฟังทุกวันจนคุณอาเบื่อเลยค่ะ” “ฮ่าๆ แต่ตอนนี้เจ้าหญิงของคุณอาต้องเข้านอนแล้ว จะสามทุ่มครึ่งแล้วค่ะ” กวินตัดบทเพราะเห็นว่าเริ่มดึกเกินไปสำหรับเด็กแล้ว “ค่ะ คุณอาปูเป้ขอนอนกับคุณอานะคะ ปูเป้ไม่กล้านอนคนเดียวค่ะ” ปูเป้รับคำและพูดเสียงเบา “ได้เลยจ่ะเด็กดี” แว๊บนึงในความคิดกวินได้คิดถึงเรื่องความไม่เหมาะสมที่จะให้เด็กผู้หญิงที่พึ่งพบปะกันมาร่วมเตียง แต่เขาก็ได้สะบัดความคิดนั้นไปเมื่อเห็นใบหน้าที่น่าสงสารของปูเป้ และคืนนั้นก็เป็นอีกหนึ่งคืนในไม่กี่คืน ของรอบ 4 ปี ที่กวินเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม เพราะโดยปกติเขาชอบนั่งทำงานในช่วงกลางคืน ฝั่งของสหชาติ “วันนี้มีอะไรกันวะถึงได้มีแต่คนมีเรื่อง เดี๋ยวยิงกัน เดี๋ยวปล้นกัน เดี๋ยวลักทรัพย์ เต็มไปหมด” สหชาติบ่นกับ วัฒน์ หรือ ร้อยตำรวจโท วัฒนันท์ พัชรเวคินทร์ เพื่อนซี้ “เออร์ ข้าโคตรเหนื่อย ว่าแต่เรื่องของเอ็งกับเมษยา ไปถึงไหนแล้ววะชาติ” วัฒนันท์เป็นเพื่อนซี้ที่รู้ทุกเรื่อง ทุกมุมของสหชาติเป็นอย่างดี “จบแล้ว ทุกอย่างว่ะฝืนรั้งมันมานานแล้วปล่อยให้มันจบไปซะก็ดี ก่อนปัญหาทั้งหมดจะไปลงอยู่ที่ลูกกู มีคนบอกว่าให้กูเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนที่กูรักที่สุด” สหชาติพูดตอบเพื่อนซี้ ซึ่งคำตอบที่ได้ทำให้วัฒนันท์รู้สึกสัยขึ้นมาทันทีว่าคนที่บอกคือใคร “ใครวะ?? เด็กใหม่เอ็งเหรอ” วัฒนันท์ ถามพร้อมทำหน้าสงสัย “เปล่า ผู้ชายน่ะ 100เปอร์เซ็นหรือเปล่าถูกว่าไม่ แต่ตอนนี้กูไว้ใจเขาขนาดที่ปล่อยให้ลูกกูอยู่กับเขาสองคนเลยล่ะตอนนี้” “หา ขนาดนั้น ใครวะบอกซักทีสิ” วัฒนันท์พูดอย่างหงุดหงิด เพราะเพื่อนสนิทร่ายยาวแต่ก็ยังไม่บอกซักทีว่าใคร พูดเสร็จสหชาติก็ส่งนามบัตรออกจากกระเป๋าแล้วส่งให้ “กวินกร เวชยันต์วิวัฒน์ เห้ยยยยยย คุณกวิน” วัฒนันท์ร้องออกด้วยความตกใจแล้วก็ดีใจสุดๆในเวลาเดียวกัน “รู้จักเขา???” สหชาติพอจะสังเกตุท่าทางกระดี๋กระด๋าของเพื่อนจนรู้สึกหมั่นไส้ เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนเขาเป็นอะไรคนอย่างวัฒนันท์ผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ได้ แต่ตอนนี้โสดมาได้ซักระยะเพราะเจ้าตัวบอกว่าเบื่อที่จะเที่ยวสนุกแบบชั่วคราวและเจอคนที่คิดว่าใช่แล้วแต่พอถามว่าใครเจ้าตัวก็บอกเพียง “รอให้ถึงเวลา” “ข้าอ่ะรู้จักเขาดี แต่เขาน่ะจะจำข้าได้หรือเปล่าอันนี้ไม่มั่นใจ” วัฒนันท์ทำเสียงเศร้าๆ “ทำไมวะเล่าดิกูอยากรู้” สหชาติชักจะสนใจเพราะนอกจากจะอยากรู้ว่าคนที่เขาไว้ใจฝากลูกไว้ แล้วก็ทำให้เพื่อนรักของเขาเป็นแบบนี้ได้เป็นใครมาจากไหนกัน “เขาชื่อเล่นว่ากวิน” วัฒนันท์ตอบ “อันนี้กูรู้แล้ว” สหชาติตอบทำหน้าเซ็งๆ “555++ ใจร้อนว่ะชาติ” วัฒนันท์กระเซ้าเพื่อน “เอ็งจำไอ้ทศสมัยอยู่ ม.3 ได้เปล่าวะที่ตอนนี้มันเป็นวิศวกรให้บริษัทต่างชาติน่ะ” วัฒนันท์ถามสหชาติ “ได้ดิ กูเจอมันบ่อย เมียแมร่งโคตรสวยเลย” สหชาติตอบ “นั่นแหละ คุณกวินเขาเคยเป็นแฟนของไอ้ทศเมื่อตอน ม.ปลาย ครบกันเกือบสองปี ได้มั้งไอ้เหี้ยทศแมร่งก็เลวหลอกเขาทำร้ายเขาต่างๆนาๆ ข้าจะบอกให้คนอย่าง กวินกร เวชยันต์วิวัฒน์ น่ะไม่ธรรมดานะเว้ยหนักแน่นเป็นยอด ใจแข็งที่หนึ่ง ข้าจำได้ตอนที่รักกันนะคุณกวินน่ะ ดูใสๆไม่เป็นปะสีปะสาเหมือนจะยอมไอ้ทศตลอดเลยนะแต่ พอจับได้ว่าไอ้นี่มั่ว ทั้งหญิงทั้งชายลับหลังเขาเท่านั้นแหละ หน้าไอ้ทศเขายังไม่มองเลย ไอ้ทศมันทั้งตามง้อทั้งขอโทษ เคยไปคุกเข่าที่มหาวิทยาลัยของคุณกวินก็เคย แต่เขาก็เงียบเมินแล้วก็ไม่ใส่ใจด้วย ทำแบบเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ในโลกอย่างงั้นแหละ” วัฒนันท์พล่ามยาว “ขนาดนั้น???” สหชาติตั้งใจฟังพลางนึกสยองทันที ที่คิดว่าถ้าวันนึงกวินทำแบบนั้นกับตน กวินที่แสนใจดีแต่ใจเป็นน้ำแข็งจะมีท่าทางเป็นอย่างไร แต่ความเป็นไปได้ก็อาจจะมีอยู่เพราะบุคลิกของกวินที่เขาเคยเห็นตามงานหรือสัมผัสเป็นคนขรึมซะส่วนใหญ่ ส่วนเรื่องคำพูดเชือดเฉือนกับสายตาก็พอเดาออกได้ไม่ยาก “ข้าน่ะแอบชอบเขามานานแหละ จะว่าไปก่อนที่เขาจะตกลงคบกับไอ้ทศด้วยซ้ำ ถ้าตอนนั้นไม่เข้าเตรียมทหารนะ ก็คงได้จีบเขาอย่างจริงจังไปแล้ว น่าเสียดาย ข้าไม่เคยลืมเขาว่ะคนใสๆที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับคนที่รักราวกับว่า ไม่เหลือใครในโลกให้รักอีกแล้วอย่างงั้นแหละ “ วัฒนันท์พูดด้วยจังหวะที่ดูเศร้าลงพอจบก็พลางถอนหายใจและพูดต่อว่า “หลังจากเรียนจบก็กลับมาเจอเขาอีกครั้งแต่ในอีกรูปแบบนึงเลย เอ็งจำได้เปล่าเมื่อสองปีก่อนที่ผู้กำกับเราโดนย้ายไปน่ะนั่นแหละฝีมือคุณกวิน” วัฒนันท์พูดปรับน้ำเสียงด้วยความชื่นชม “หืม เกี่ยวอะไรวะ” สหชาติสงสัย “ก็ไอ้ดาบโบโซ่ดิ ไปตั้งด่านจับตรงสี่แยก คุณกวินเขาขับรถมาแล้วมันไฟเหลืองเบรกไม่ทัน ไอ้โบโซ่ไปโบกรถเขาซะอย่างงั้น คุณกวินเขาก็ไม่ยอมเพราะมันไฟเหลืองตามกฏหมายมันไปหรือหยุดก็ได้ยังไม่ไฟแดงเถียงกันไปมา คุณกวินยื่นกระเป๋าเงินให้แล้วบอกว่าไปเจอกันที่ สน. ซะงั้น มาถึงก็โวยวายไม่คุยกับใครเลยจะคุยแต่กับผู้กำกับ พอเจอหน้าผู้กำกับ แกคิดว่ายังเด็กเลยไม่คุยด้วยแถมไล่ให้ไปเสียค่าปรับ เขายิ่งเดือดนอกจากไม่เสียค่าปรับแล้วยังไปโวยวายที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ไปๆมาๆ เย็นวันนั้น ผู้กำกับโดนย้ายด่วนไปช่วยราชการซะอย่างงั้นแหละ เห็นว่าเขารู้จัก ผบ.ตร นะแต่ไม่รู้ว่าจริงไหม” “ขนาดนั้น เพาเวอร์ แรงดี” สหชาตินั่งฟังเพื่อนอย่างตั้งใจ “เออร์ดิ ที่เอ็งต้องแปลกใจอีกอย่างน่ะ คือ คุณกวินน่ะเขาเป็นเพื่อนกับแม่ข้า ข้าแหละโคตรเซอร์ไพร์ ตอนที่แม่ชวนไปกินข้าวที่ก๊วนเขาน่ะ เขาแนะนำให้ข้ารู้จัก คราวนี้ตาสว่างเลยจากเดิมที่เบื่อไม่อยากไปพอกับมาเห็นคนๆนี้อีกครั้ง เหมือนโดนพระเจ้าให้พรข้าเลย ให้ได้มารู้จักกันจริงๆผ่านแม่ข้าอีกครั้ง ก๊วนนี้เขาไปตะเวนทำบุญ ไปเที่ยวต่างประเทศกันบ่อย ไปกันแทบทุกเดือนแหละ นี่เห็นแม่ข้าบอกว่า คุณกวินมาปรึกษาเรื่องสร้างบ้านเห็นบอกอยากจะจ้างบริษัทที่บ้านข้าสร้างตามแบบที่เขาออกแบบหรืออย่างไงเนี่ยแหละ เห็นบอกไปซื้อที่ดินเปล่าไว้ นี่ข้าก็แอบไปดูแปลงข้างๆไว้แล้วเหมือนกันจะแอบไปซื้อไว้ เดี๋ยวพอคุณกวินปลูกบ้านเสร็จข้าก็จะได้ปลูกบ้างแล้วจะได้อยู่ข้างๆกัน เผื่อโชคเป็นของข้าจะได้ทุบกำแพงเป็นพื้นที่เดียวกัน555” วัฒนันท์พูดอย่างมีความหวัง “อืมคิดได้ดี แต่จะย้ายไปอยู่บ้านแล้วสินะ” พอฟังจบประโยชน์สหชาติก็พูดคนเดียวเงียบๆ และก็รู้สึกใจแป่วขึ้นมาทั้งๆที่รู้จักกันยังไม่ถึง 24 ชม.ด้วยซ้ำไปแต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียของสำคัญของชีวิตไป “จะทิ้งกันไปแล้วสินะ เดี๋ยวก็คงลืมผมกับปูเป้สินะ” สหชาติยังคงพรึมพรำ “อะไรวะชาติพูดดังๆสิข้าไม่ได้ยิน” วัฒนันท์โวยวายใส่เพราะพยายามจะฟังแต่อย่างก็ฟังไม่รู้เรื่อง “อ้อ ปะ เปล่า ไม่มีอะไรข้าแค่คิดว่าป่านี้ลูกข้าอยู่กับคุณกวินจะเป็นอย่างไงบ้าง” สหชาติพูดกลับเกลื่อน “เป็นอย่างไงเหรอ ลูกเอ็งก็จะกลายเป็นผู้หญิงสมบูรณ์แบบในอนาคต เพราะโดนกรอกหูทุกวันทุกคืนว่า เป็นผู้หญิงต้องทำอย่างงี้ เด็กดีต้องทำแบบนี้ น่ารักจัง แค่คิดก็มีความสุขแล้ว ถ้าอยู่ด้วยกันคงมีความสุขมากกว่านี้ว่ะ” วัฒนันท์พูดพลางอมยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อนึกถึงกวินคนที่เขาแอบชอบมาตั้งแต่สมัยมัธยมจนมาถึงตอนนี้เขาก็ยังเชื่อมั่นว่ากวินคนนี้นอกจากเป็นรักแรกที่เขาแอบชอบแล้วจะต้องเป็นคนที่เขาจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยจนลมหายใจสุดท้าย “อืมท่าจะจริงว่ะ เห็นมาเองกับตาแถมโดนสั่งมาเองกับหู หึหึหึ” สหชาติพูดกับตัวเองเบาๆอีกครั้ง พลางมองไปทางวัฒนันที่หน้าตายังคงอิ่มเอมมีความสุขกับความคิดของตัวเอง และสหชาติก็พูดกับตัวเองอีกครั้งว่า “อย่างหวังว่าจะปล่อยให้ ทิ้งผมกับลูกไป หึหึหึ” TBC
:o8: :-[ :impress2:
The Love – ความรักที่รอคอย ตอนที่ 5 “อย่าหวังว่าจะปล่อยให้ทิ้งผมกับลูกไป” หลังจากพูดไป 45 นาที เจ้าของคำพูดก็ยืนค้างนิ่ง หน้าห้อง 23018 ได้ซักครู่ด้วยไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเพราะอะไร เขาพยายามที่จะคิดเข้าข้างตัวเองว่า เพราะอยากให้ลูกได้อยู่ใกล้กับคนดีๆ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงเอามรดกที่ได้มาจากคุณแม่ของเขาซักก้อนจ้างให้มาอยู่กับตัวเองและก็ลูกเขาแล้ว แต่นี่คือ กวิน กวินกร เวชยันต์วิวัฒน์ เจ้าของธุรกิจอาหารมูลค่าหลายพันล้านที่หยิ่งทะยง และเยือกเย็น ทำให้เขาได้รู้อีกครั้งว่าเงินมากมายที่เขามี ไม่มีประโยชน์อะไรเลย คิดอยู่ไม่นาน สหชาติ ก็ถอยกลับไปตั้งหลักที่ห้องตัวเอง พอเข้ามาในห้องก็นึกขึ้นมาได้ว่า หลังนามบัตรมีเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวที่กวินเขียนไว้ให้ ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทดลองโทรออกไปหากวิน “ตื๊ดดดดดดดดดด ตรู๊ดดดดดดดดดดดดดดด” “ครับ สวัสดีครับ” เสียงหวินดูสลึมสลือ ทำให้สหชาติไม่รู้จะถามอะไรต่อ “หลับยัง ครับ” สหชาติเริ่มรนรานเพราะคิดคำถามไม่ออก “ก่อนน่านี้หลับ แต่พึ่งโดนคนปลุกซักครู่นี่แหละ” กวินพูดแต่ตายังคงหลับ “หึหึหึหึ ลูกผมหลับหรือยังครับ” สหชาติรู้สึกว่าโดนกวินประชดเลย เบี่ยงประเด็นไปถามถึงลูก “อืมมนะ เป็นเด็กควรนอนก่อน 4 ทุ่มนะจำไว้” กวินยังคงพูดน้ำเสียงงัวเงีย “ขอนอนด้วยคนได้ไหม ผมเครียดจัง รบกวนหรือเปล่าครับ” “หา อ่อ เอ่อออ ได้ แต่ไม่ทำงานเหรอ” ประโยคที่ได้ยินทำให้กวินตาสว่างในทันที ส่วนคนพูดเองก็ตกใจและไม่คิดว่าตัวเองจะพูดแบบนั้นออกไป “ทำไม่ไหวกลับมาอยู่ห้องซักพักแล้วครับ” สหชาติตอบ “อืม มาสิครับ เดี๋ยวไปเปิดประตูให้” กวินพูดแล้วตัดสายไป “เยสสสส!!!” หลังจากวางสายสหชาติดูกระดี๋กระด๋า เป็นพิเศษจนลืมไปสนิทว่าคนที่ตนเองพึ่งจะขอไปขอนอนกับเขาด้วยเป็นผู้ชาย ที่ผ่านมาแม้จะมีเพื่อนของเขาหลายคนที่จะมีสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันแต่เขาก็ไม่เคยและไม่เคยแม้แต่จะคิด จนมาถึงตอนนี้ “ขอโทษนะครับที่มารบกวนเวลานี้” สหชาติพูดทันทีที่เดินก้าวเข้ามาในห้องกวิน “ไม่เป็นไรปกติผมนอนเกือบสว่างเพราะชอบนั่งทำงานกลางคืนมากกว่า ว่าแต่หิวไหม” “นิดหน่อยครับ แต่ไม่รบกวนดีกว่า” สหชาติตอบไปด้วยความเกรงใจ “ไม่เป็นไรกินเถอะ มาม่าได้ไหม ใส่ไข่ใส่หมูสับ เหลือแค่นี้แหละไม่งั้นก็มีแต่แยม ขนมปัง เค้ก แล้วก็ขนม” กวินเสนอเมนู “ขอแค่มาม่าอย่างเดียวก็พอครับ” หลังจากฟังจบกวินก็เดินดุ่มๆเข้าไปในครัว ต้มน้ำ ลวกหมู ลวกไข่ แล้วก็ผักจากนั้นก็นำมาใส่มาม่า แล้วก็ยกเสริฟ โดยมีสหชาตินั่งแอบมองกวินจากโต๊ะอาหาร “เสร็จครับ เชิญทานได้” “ครับ อร่อยนะครับม่าธรรมดาทำให้อร่อยได้ไงเนี่ยย” สหชาติพูดชมแล้วยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยหลังงจากตักชิมมาม่าในชาม “อย่ามาเว่อร์ต้มน้ำเปล่า แล้วคุณมาฉีกเครื่องปรุงอีกทีเนี่ยนะ ฮ่าๆๆ” กวินดุแก้เขิล “แต่เสียอย่างนึงนะครับ” สหชาติพูดเสียงอ่อย “หืมมม????” กวินลุ้นให้สหชาติพูดประโยคต่อไป “เอ่อออออร์ น้อยไปหน่อยน่ะครับ ปกติผมกิน 3 ซอง” สหชาติพูดไม่เต็มปาก “หา 3 ห่ออออ 5555++ มั่นใจว่าคนกิน??? แล้วก็ไม่บอก รอแปบนะครับ” พูดจบกวินก็ลุกขึ้นไปในครัวอีกครั้ง ไม่นานก็เดินกลับมาที่โต๊ะอาหารเหมือนเดิม “เชิญทานได้ล่ะคราวนี้” กวินพูดและอมยิ้ม “งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ” “เอาเลยหมวด ว่าแต่คุณทานแบบนี้ทุกมื้อเลยเหรอ เห็นเมื่อบ่ายกับเมื่อเย็นทานซะน้อยเลย” “ผมประหม่าน่ะครับ ฮ่าๆปกติผมเน้นข้าวครับ เพราะต้องใช้แรงงานเยอะ” “ฮ่าๆๆๆ” กวินหัวเราะรื่น “อย่าหัวเราะผมดิครับ อายนะ” สหชาติก้มหน้ากินด้วยความอาย “อืมๆได้ ฮ่าๆ สงสัยใครได้ไปเป็นสามีจะเลี้ยงไม่ไหว” “ไม่ต้องเลี้ยงผมหรอก ผมเป็นสามีที่ดีต้องหาเลี้ยงภรรยา แต่คงเหนื่อยตอนทำกับข้าวให้ผมกินนี่แหละครับเพราะผมกินเยอะต้องทำเยอะ คุณสนใจเปล่าล่ะ” “ฮ่าๆๆๆ/ไอ้บ้า” คนพูดหัวเราะแต่คนที่รอฟังอาจจะอายแล้วก็เดินหนีไปตรงระเบียง “ยืนคิดอะไรน่ะครับ” กวินตกใจสะดุ้ง “เปล่าหรอก แค่รู้สึกว่ากรุงเทพฯตอนกลางคืนนี่สวยดี” “เหรอไหนผมขอดูด้วยคนสิ ผมไม่เคยมานั่งดูวิวแบบสบายนี้เลยนะ” สหชาติพูดพลางมองออกไปด้านนอก “ความจริงทุกอย่างมันสวยหมดแหละถ้าอารมณ์เรามันบอกว่าสวย แต่ถ้าใจเราปฏิเสธตั้งแต่แรกมันก็เปล่าประโยชน์ที่จะมอง เพราะมองอย่างไรมันก็ไม่สวย” กวินพูดตามที่ตัวเองคิด “ลูกผมรบกวนคุณมากเกินไปหรือเปล่าครับ” สหชาติพูดเสียงฟังดูแล้วจริงจัง “ไม่หรอกผมดีใจนะที่ได้รู้จักกับปูเป้ ผมกลัวว่าปูเป้จะถูกชักนำหรือถูกสังคมบีบบังคับหรือยัดเยียดสิ่งไม่ดีให้ สัญญาสิหมวดว่าจะไม่ทำรุณแรงหรือไม่ทำอะไรไม่ดีให้ลูกคุณเห็นถ้าไม่จำเป็น” กวินบอกสหชาติเสียงจริงจังเช่นกัน “ครับ ผมสัญญา แต่คุณก็ต้องสัญญานะว่าคุณจะช่วยผมดูแลปูเป้ตลอดไป” “ตลอดไปไม่มีหรอกหมวด สำหรับผมน่ะ แต่ผมจะทำจนกว่าปูเป้จะบอกให้หยุด” “ทำไมคุณถึงดีกับพวกเราขนาดนี้ล่ะครับ” สหชาติตัดสินใจถามกวินในที่อยากรู้ “เพราะผมกลัวไง กลัวว่าปูเป้จะเป็นเหมือนผมอย่างที่เคยบอกผมเกิดมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่หรอกแต่โชคดีที่คุณปู่คุณย่า ท่านเติมเต็มให้ผมจนไม่รู้สึกว่าขาดอะไรแต่มันก็ขาดอยู่ดีแหละจริงไหม แต่สิ่งที่ขาดไม่ใช่เรื่องพ่อแม่หรือว่าอะไรแต่ขาดการเอาใจใส่ ผมจำได้ตอนเด็กจนถึงตอนที่โตแล้วก็ตาม เมื่อก่อน คุณอาก็ชอบกระแหนะแหนสามีอาก็เอาเปรียบ ป้ากับลุงเขาก็มีลูกของเขา เขาก็กลัวว่าคุณปู่กับคุณย่าจะรักผมมากกว่าก็ รังแครังคัดสุดท้ายมันก็เป็นปมในใจที่ยังเหมือนต่อไม่สนิทซักที ก็ต้องปิดตัวเองพยายามทำตัวให้ดูเหมือนสูงส่งจะได้เข้าถึงไม่ได้ แต่อันที่จริงไม่ได้สูงส่งอย่างที่คนอื่นมองกันหรอก แต่กลับเตี้ยจนจมดินเพราะว่าไม่อยากเผชิญหน้ากับสังคม และไม่อยากถูกทำร้ายอีกต่อไปต่างหาก ผมถึงห่วงปูเป้ อย่างไงคุณก็ต้องเป็นหลักให้ลูกคุณให้ได้นะ” สหชาติฟังกวินเล่าเรื่องของตัวเองอย่างตั้งใจ “แล้วคุณไม่มีแฟนเหรอครับ ทำไมไม่หาแฟนซักคน” สหชาติรุกถาม “ผมเคยหามาแล้วยิ่งหามันยิ่งได้ของไม่ดี เลยหยุดหามันมาซักพักใหญ่ อีกอย่างช่วงนี้ทำงานอยู่บ้านวันๆไม่ได้ออกไปไหนเจอใครเขาหรอก” “อ้อๆ” สหชาตินั่งฟังพลางคิดตามอย่างสนใจ “คุณเองก็เถอะ จะหาแม่ใหม่ให้ปูเป้เลือกดีๆหน่อยแล้วกันจะได้ไม่เป็นปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยง555” พอกวินพูดจบสหชาติเบ้ปากทันที “ถ้าจะหาก็คงหาให้ได้อย่างคุณกวินนี่แหละครับ ดูแลลูกผมได้” “เน่าเฟะ น้ำเน่ามาก” “5555+++/555++” เสียงหัวเราะดังขึ้นที่ระเบียงถ้าใครคนอื่นสามารถมองขึ้นมาเห็นถึงชั้น 23 นี้ก็คงคิดว่าคู่รักคู่นี้ช่างน่าอิจฉาจริงๆ “ไปนอนกันดีกว่าครับ ดึกแล้วเดี๋ยวปูเป้ตื่นมาไม่เจอใครจะกลัวเอา” กวินพูดตัดบท ขณะกำลังเดินกลับเข้าไปข้างในสหชาติก็ตัดสินใจชวนกวินไปทานข้าวในวันพรุ่งนี้เช่นกัน “พรุ่งนี้วันหยุดผม ผมอยากพาคุณกับปูเป้ไปทานข้าวด้วยกันไปไหมครับ” สหชาติเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลกลัวโดนปฏิเสธ “อืมครับ ไปสิแต่เย็นๆปูเป้ต้องกลับมาฝึกทักษะดนตรีเบื้องต้นนะดูแกตั้งใจจะเรียนมากผมอยากให้คุณสนับสนุน” กวินตอบและบอกเหตุผล “ขอบคุณที่ทำให้ลูกผมขนาดนี้ผมสนับสนุนหมดกระเป๋าครับ” สหชาติตอบกวินด้วยความรู้สึกซาบซึ้งที่คนนี้มอบแต่สิ่งดีให้ครอบครัวของเขา “คุณนอนได้หรือเปล่า ถ้าอย่างไรคุณนอนกับปูเป้ก็ได้เดี๋ยวผมไปนอนอีกห้องนึงเอง” กวินพูดหลังจากที่ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องนอน “ไม่ต้องๆนอนได้ครับที่นอนคุณกว้างมากทำไมใหญ่แบบนี้ล่ะ” “ปกติผมชอบนอนที่นอนกว้างๆน่ะสบายดีไม่ต้องกลัวตก5555+” “อืมความคิดดี ไม่ต้องห่วงหรอกผมจะไม่ปล่อยให้คุณตก” “นะ” กวินหันมองสหชาติตาขวางพร้อมเบ๊ะปากใส่ แล้วทั้งคู่ก็เข้านอนโดยมีปูเป้นอนคั่นกลางพอหัวถึงหมอนกวินก็ชัตดาวน์ตัวเองโดยหลับไปทันที ส่วนสหชาติมองผ่านความมืดเห็นเงาเลือนรางของทั้ง ปูเป้และกวินพลางคิดถึงสิ่งต่างๆที่กวินได้มอบให้กับลูกสาวเขาและยังเผื่อแผ่มาถึงตัวเขาแม้แต่ตอนนี้ลูกสาวเขานอนโดยสวมถุงเท้าซึ่งพอถามก็ได้ความว่า เป็นหลักของแพทย์จีนที่เวลานอนหัวต้องเย็นเท้าต้องอุ่นเพื่อรักษาสมดุล เขาเห็นแต่กวินพยายามที่จะดูแลคนอื่นแต่ทำไมยอมดูแลตัวเองมั่งนะ คิดเพลินๆไปไม่นาน สหชาติก็หลับไปในที่สุด เช้าวันนี้กวินตื่นมาตอน 6 โมง ทันได้เจอคนนำเอกสารและอาหารมาส่งพอดี “สวัสดีค่ะนายวันนี้ตื่นเช้านะคะ” สุชาดา ผู้ช่วยเลขาฯของกวิน หนึ่งในไม่กี่คนที่ได้ถือกุญแจเข้าออกห้องนี้กล่าวทักทายเจ้านายตนเอง “อืม เมื่อคืนนอนเร็ว วันนี้มีเอกสารอะไรต้องเซ็นด่วนไหม” “ไม่มีค่ะ มีแต่เรื่องอนุมัติ เปิดสาขา แล้วก็อนุมัติเมนูอาทิตย์ประจำอาทิตย์หน้าค่ะ” สุชาดารายงานคร่าวๆ “อ้อๆงั้นพรุ่งนี้มารับเอกสารตามเดิมแล้วกัน แต่วันนี้สายๆหรือไม่ก็บ่ายๆจะเข้าไปคุยเรื่องโปรเจ็คใหม่ บอกให้คุณธีรศักดิ์รู้ตัวไว้ด้วยแต่เวลาไม่ชัวร์” กวินสั่งงาน “ค่ะทราบค่ะ ถ้านายไม่มีอะไรดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” “ขอบใจมากแอน” กวินพูดขอบใจ แอนหรือสุชาดา ทำงานให้เขามาตั้งแต่เริ่มต้น เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เขาไว้ใจและนำมาไว้ใกล้ตัว ซึ่งที่ผ่านมาสุชาดาดูแลเรื่องส่วนตัวเขาเป็นหลักใหญ่สามารถเข้านอกออกในที่พักเขาได้ ซึ่งกวินก็ตอบแทนความซื่อสัตย์ให้กับสุชาดาอย่างเต็มที่เช่นกัน เช่นเมื่อตรุษจีนที่ผ่านมากวินได้ให้โบนัสพิเศษเป็นตั๋วเครื่องบินพร้อมเงินติดตัวให้กับสุชาดาและสามีไปพักผ่อน หรือปีใหม่เมื่อสองปีก่อนเขาซื้อบ้านให้สุชาดาเพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงและเป็นเครื่องตอบแทนที่ฟันผ่าอุปสรรค์ในการเริ่มต้นบริษัทมาด้วยกัน “คุณอาขา อรุณสวัสดิ์ค่ะ ปูเป้ขอโทษนะคะปูเป้ตื่นสาย” ปูเป้ตื่นนอนอาบน้ำแล้วรีบออกมาหาคุณอากวินที่แสนดีของเขาทันที “ไม่เป็นไรลูก เก่งจังเลยตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเลยตามที่อาบอกด้วย” กวินเอามือลูบหัวปูเป้พลางเดินไปที่ตู้เย็น หยิบนมมาเทใส่แก้วแล้วส่งให้ปูเป้ซึ่งตอนนี้ขึ้นไปนั่งรอบนเก้าอี้กินข้าวเป็นที่เรียบร้อย “คุณอาขาคุณพ่อทำไมกลับมาจากที่ทำงานเร็วจังคะ” “คุณพ่อน้องปูเป้บอกว่าเหนื่อยเลยกลับมาหาปูเป้เร็วค่ะ เดี๋ยว ปูเป้ทานข้าวรองท้องก่อนนะลูกไม่รู้คุณพ่อจะตื่นกี่โมง เดี๋ยววันนี้คุณพ่อบอกว่าจะพาน้องไปเที่ยวนอกบ้านด้วยอยากไปหรือเปล่าคะ” “อยากค่ะ ปูเป้อยากไปค่ะ คุณอาไปด้วยกันนะคะ นะคะคุณอา” “ได้เลยคนเก่ง แต่เดี๋ยวอาต้องเข้าไปทำธุระที่บริษัทซักแปบนะคะ” “เย้เย้ ดีใจจังเลยปูเป้ไม่ได้ไปเที่ยวมานานแล้วค่ะ” “ปูเป้ทานข้าวรองท้องไปก่อนนะคะ” เด็กน้องกินข้าวเช้าอย่างสดชื่นพลางคิดว่าคุณอากวินใจดีที่สุดเลยเขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากคุณพ่อกับคุณอา ระหว่าที่ปูเป้ทานข้าวอยู่กวินก็เดินมานั่งทำงานที่โต๊ะและโทรศัพท์สั่งงานที่บริษัท “อ้าวคนเก่งของพ่อ อยากไปเที่ยวไหนวันนี้” สหชาติถามขึ้นเมื่อตืนแล้วเดินเข้ามาในครัว “เย้ คุณพ่อตื่นแล้วววว ปูเป้อยากไปทะเลค่ะ ปูเป้อยากทานอาหารทะเล” “งั้นเราไปบางแสนกันดีไหมครับคนเก่ง” “เย้ๆๆ แต่คุณอาบอกว่าต้องแวะเข้าไปที่บริษัทก่อนค่ะคุณพ่อ” “อ้อๆงั้นเราก็ต้องถามคุณอาอีกทีว่าจะว่างหรือเปล่า” สหชาติพูดพลางมองไปที่คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารบนโต๊ะอย่างไม่สนใจโลก “คุณอาขาปูเป้ทานข้าวเสร็จแล้วค่ะ” เด็กสาวพูดพลางวิ่งมาหาคุณอาที่โต๊ะทำงาน “ปูเป้อย่าวิ่งสิคะ เดี๋ยวล้มนะลูก แล้วพึ่งทานข้าวมาวิ่งเดี๋ยวจุกท้องนะคะไม่เอาไม่วิ่งพึ่งทานข้าวอิ่มๆ” กวินด้วยความเป็นห่วงว่าเด็กหญิงจะล้มไป “ค่ะคุณอาปูเป้ขอโทษค่ะ” เด็กน้อยหน้าจ๋อยเพราะโดนดุ “ทานข้าวเยอะหรือเปล่าลูก” “เยอะค่ะคุณอา อร่อยๆทั้งนั้นเลยแต่ว่าคุณอาขาปูเป้อยากไปทะเลค่ะ อยากทานอาหารทะเลด้วย แต่ถ้าคุณอาไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะคะ” เด็กหญิงพูดพลางทำเสียงเบาเพราะคิดว่ากวินจะไม่ว่างไปด้วยกัน “อ้อๆวันนี้เราไปแถวนี้กันดีไหมคะ แล้วเดี๋ยววันศุกร์ค่อยไปเที่ยวทะเลกัน ไปค้างยาวเลยศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ อีกอย่างวันนี้ตอนนี้ตอนเย็นปูเป้ต้องเรียนดนตรีด้วยนะคะลืมแล้วใช่ไหมคะเด็กดี” กวินพูดอธิบายเหตุผลให้ปูเป้ฟัง “จริงด้วยปูเป้ลืมไปสนิทเลย แต่คุณอาสัญญาแล้วนะคะว่าจะไปทะเลด้วยกัน เย้ๆ” “ค่ะคุณอาสัญญาค่ะ วันนี้เราไปสวนสัตว์ แล้วก็ไปเดอะมอลหาอะไรอร่อยๆทานกันดีกว่าดีไหมคะ” “ค่ะคุณอา” “เดี๋ยวหนูไปแต่งตัวแล้วอย่าลืมบอกคุณพ่อด้วยนะคะปูเป้” กวินบอกปูเป้เพื่อให้ไปบอกสหชาติ “ค่ะคุณอา คุณพ่อขา” เสียงตะโกนเรียกที่ไม่ดังมากกับเจ้าตัวที่ค่อยๆย่องไปในครัว เพื่อเรียกผู้เป็นพ่อ ทำให้กวินส่ายหัวกับตัวเองด้วยเห็นว่าน่าเอ็นดู หลังจากสหชาติขอตัวกลับห้องไปอาบน้ำไม่นานก็กลับมาพร้อมกับอุปกรณ์สำหรับไปเที่ยวสวนสัตว์ TBC
:katai4: :katai2-1:
The Love – ความรักที่รอคอย ตอนที่ 6 รถ BMW เคลื่อน ออกสู่ถนน มุ่งหน้าสู่ สำนักงานใหญ่ บริษัท เวชยันต์ ฟู๊ด ตามที่กวินบอกก่อนหน้าว่าจะเข้าไปทำธุระที่บริษัทก่อน วันนี้กวินอยู่ในชุดเสื้อยืดสีชมพูอ่อนกางเกงยีนต์เข้ารูปรองเท้าผ้าใบ รถ BMW เคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบริษัทอันเป็นที่จอดรถประจำของประธานบริษัท แต่รถที่แปลกตาทำให้ยามวิ่งเข้ามาเพื่อบอกให้ย้ายไปจอดที่อื่น “ขออภัยครับที่นี่จอดไม่....อ้าว!!! สวัสดีครับท่านผมไม่ทราบว่าเป็นท่านขออภัยด้วยครับ” ยามที่ตั้งใจมาบอกว่าบริเวณนี้ห้ามจอดต้องเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงเมื่อเห็นที่โดยสารมาด้านข้างคนขับ ซึ่งกวินพยักหน้าให้ “เดี๋ยวผมกับลูกรอคุณในรถนะครับ” สหชาติพูดกับกวินเพราะรู้สึกเกรงใจที่จะลงไปรบกวนการทำงานของกวิน “ไม่เป็นไรลงมาเถอะ อยู่ในรถก็ต้องสตาร์ทรถ โลกร้อนใช่ไหมคะปูเป้” กวินพูดพลางขอความคิดจากปูเป้ “จริงค่ะ คุณอาคุณครูก็บอกอย่างนั้นค่ะ” ปูเป้ตอบอย่างหน้าซื่อ “งั้นเราก็ลงกันไปดีกว่าลูก เดี๋ยวจะเสียเวลาคุณอาเขา ..ไปลูก” สหชาติประชดกวินแต่คิดในใจไว้ว่าระวังตัวไว้เถอะเดี๋ยวจะเอาคืนให้สาสมเลย แต่หารู้ไม่เพราะความคิดนี้แหละที่จะทำให้ตัวเองถูกเอาคืนจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว “สวัสดีค่ะนาย / สวัสดีครับนาย” ตลอดทางที่เดินผ่านเข้ามามีแต่คนยกมือไหว้ทักทายกวิน ที่จูงมือปูเป้เดินมาด้วยกัน และตามหลังด้วยสหชาติซึ่งวันนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดตำรวจสีดำกางเกงยีนต์เข้ารูปและรองเท้าผ้าใบ แต่มีเสื้อเชิ๊ตลายสก็อตไม่ติดกระดุมคลุมอีกที ซึ่งเป็นภาพที่น่ามองจนทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ตลอดทางที่เดินล้วนแต่เพ่งมองมาที่ นายตำรวจหนุ่ม กวินพาปูเป้กับสหชาติเข้ามาที่ห้องรับรองและสั่งให้คนดูแลหาน้ำและขนมให้กับปูเป้ หลังจากนั้นจึงปลีกตัวไปเครียร์งานที่ต้องทำในทันที ทางฝั่งสหชาติ หลังจากนั่งดูหนังรออยู่ซักพักใหญ่ ก็มีโทรศัพท์เข้า จาก ร้อยตำรวจโทวัฒนันท์ เพื่อนสนิทของเขา “เออร์ว่าไงวะวัฒน์” สหชาติทักทายอย่างอารมณ์ดี “อยู่ไหนวะชาติ งานการไม่ยอมทำนะเอ็ง” วัฒนันท์เอ่ยถามเพื่อนเนื่องจากเมื่อคืนสหชาติหนีงานกลับมาก่อนทำให้เขาต้องรับหน้าที่แทนจนพึ่งเลิก “อยู่บริษัท เวชยันต์ ฟู๊ด กับปูเป้ว่ะ” สหชาติตอบตามจริง “อ่อๆ...อะไรนะ อยู่ไหนนะ” วัฒนันท์ตอบรับแต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าเป็นบริษัทของกวินก็ตกใจ “บริษัทเวชยันต์ ฟู๊ด” สหชาติตอบย้ำอีกครั้ง “ไปทำไมวะ เอ็งไปบริษัทคุณกวินทำไมวะชาติ” วัฒนันท์ถามอย่างร้อนรนด้วยความอยากรู้ “กูมารอคุณกวินคนดีของมึงไง เดี๋ยวจะพาปูเป้ไปสวนสัตว์แล้วตอนบ่ายจะแวะไปซื้อของในห้างกัน แต่เขาขอมาเครียร์งานก่อน กูกับปูเป้เลยมานั่งรอ” “อะไรวะพึ่งรู้จักกันวันเดียวเองไม่ใช่เหรอ ทำไมยอมไปด้วยกันง่ายจังวะ ไม่รู้แหละข้าจะไปกับพวกเอ็งด้วย ข้าอยากไปเที่ยวสวนสัตว์ เจอกันที่เขาดินเลยแล้วกันนะเว้ย” วัฒนันท์พูดจบก็ตัดสายไปเลยทิ้งให้สหชาตินั่งส่ายหน้า “ปูเป้จะฟ้องคุณอาว่าคุณพ่อพูดไม่เพราะต่อหน้าปูเป้” เด็กสาวพูดขึ้นหลังจากผู้เป็นพ่อวางสาย “อะไรกันลูก เจอกันแค่วันเดียวเห็นคุณอาดีกว่าพ่อแล้วเหรอเนี่ย” “คุณอาบอกว่าห้ามพูดไม่เพราะถ้าพูดไม่เพราะคุณอาจะไม่รักค่ะ” “อ้อๆ แบบนี้นี่เอง งั้นถ้าปูเป้ยอมไม่บอกคุณอาว่าพ่อพูดไม่เพราะคุณพ่อจะซื้อตุ๊กตาให้ตัวนึงเลยดีไหม” สหชาติใช้วิธีหาแรงจูงใจใหม่ให้ปูเป้ “ไม่ค่ะ ปูเป้จะฟ้องคุณอาอีกว่าคุณพ่อจะติดสินบนปูเป้ เพื่อแลกกับการไม่ฟ้องคุณอาว่าคุณพ่อพูดไม่เพราะ” “หา...โห๊ะ..ยะ...อย่าๆ พ่อพูดเล่นครับ พ่อพูดเล่น” สหชาติทั้งตกใจและแปลกใจที่ในเวลา ไม่ถึง 24 ชม. กวินสอนลูกเขาได้เยอะขนาดนี้ พลางรู้สึกว่าทำได้อย่างไรกัน แต่เมื่อมองทบทวนเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาหรือใครก็ตาม กวินพยายามทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีและไม่มีเรื่องเสื่อมเสียให้เห็นเลย ทำให้เขารู้สึกว่ากวินนี่แหละคือคนที่เหมาะที่สุดที่เขาจะฝากลูกเอาไว้ เพราะเขาเชื่อว่าอย่างไรเสีย ถ้าปูเป้ได้อยู่กับกวิน กวินจะสามารถทำให้ลูกของเขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคมได้อย่างแน่นอน “ก๊อก ๆ ก๊อก” เสียงเปิดประตู และเดินเข้ามา “ปูเป้คุณอาเสร็จแล้วค่ะ ป่ะไปสวนสัตว์กันดีกว่า” หลังจากเวลาผ่านไป 1 ชม.กับอีก 10 นาที กวินก็กลับมา “เย้ๆ ไปค่ะ ปูเป้อยากไปสวนสัตว์” หลังจากนั้นทั้งสามคนก็เดินออกมาจากห้องรับรองลงลิฟท์จากชั้น 16 ลงมาข้างล่าง “นายขา สวัสดีค่ะ ลูกนายเหรอคะ ทำไมดิฉันไม่เคยทราบมาก่อนว่านายมีลูกด้วย” อนงค์ผู้จักการเขตระดับสูง เข้ามาทักกวินทันทีเมื่อเห็น “อ่อ ไม่ใช่หรอกครับนี่หลานสาวผม น้องปูเป้สวัสดีคุณป้าอนงค์เร็วลูก” “สวัสดีค่ะ คุณป้าอนงค์” “ต๊ายยย!! น่ารักน่าชังจังค่ะ ว่าแต่จะไปเที่ยวไหนกันคะเนี่ย” อนงค์ยิ้มรับไหว้และเดินไปจับแก้มปูเป้ “ว่าจะพาน้องปูเป้ไปสวนสัตว์น่ะครับ” “ค่ะงั้นอนงค์ไม่กวนแล้วค่ะนาย สวัสดีค่ะ” อนงค์กล่าวลา “สวัสดีค่ะคุณป้าอนงค์” ปูเป้เลยสวัสดีครับ “สวัสดีลูก มารยาทดีจังค่ะ น่ารักมากลูก / เอ๋..สวัสดีค่ะ” อนงค์รับไหว้พลางกล่าวชม แล้วเลยไปสวัสดีผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆกวินที่พึ่งสังเกตุเห็น ก็คือสหชาตินั่นเอง “สวัสดีครับ” สหชาติรับไหว้ หลักจากแยกจากอนงค์แล้วกวินก็จูงมือปูเป้มาสองคน แต่สหชาติก็ยังเดินอยู่ข้างๆกวิน “ปูเป้เห็นไหมลูกเราเป็นเด็กเวลาเจอผู้ใหญ่ต้องยกมือไหว้และกล่าวคำว่าสวัสดี และยังต้องพูดกับท่านแบบเพราะๆ ท่านจะได้เมตตาเอ็นดูเราแต่ถ้าเราพูดไม่เพราะ ไม่มีมารยาท ไม่มีสัมมาคารวะ ผู้ใหญ่ก็จะไม่ชอบไม่เอ็นดู เข้าใจไหมลูก” กวินสอนปูเป้ โดยมีสหชาติยืนมองและลอบยิ้มอย่างพอใจอยู่ข้างๆ แต่พอนึกขึ้นได้ถึงความผิดที่ตนได้ทำเมื่อตอนกวินไม่อยู่ ก็พลางเป็นกังวลและเหงือตกขึ้นมาดื้อๆ ก็ต้องลุ้นว่าปูเป้จะฟ้องกวินหรือเปล่า แต่ก็สายเกินไปเพราะ.... “คุณอาขา...ปูเป้มีเรื่องจะฟ้องค่ะ” “อะไรลูกปูเป้” กวินหยุดเดินแล้วหันมาหาปูเป้” “เมื่อครู่คุณพ่อพูดไม่เพราะตอนคุยโทรศัพท์ต่อหน้าปูเป้ด้วยค่ะ แต่พอปูเป้บอกว่าจะฟ้องคุณอา คุณพ่อก็จะติดสินบนปูเป้ บอกปูเป้ว่าถ้าไม่ฟ้องคุณอาคุณพ่อจะซื้อตุ๊กตาตัวใหม่ให้ค่ะ” พอปูเป้พูดจบกวินก็หรี่ตาแล้วหันไปหาสหชาติทันทีเพราะบัดนี้สหชาติยืนหน้าซีดด้วยหน้าสำนึกผิดทำตัวไม่ถูกอยู่ข้างๆกวินเรียบร้อยแล้ว “หึหึหึ / เอ่อออร์....พ่อขอโทษครับ ผมขอโทษนะคุณ” “คุณอาลงโทษคุณพ่อเลยค่ะ คุณอา” ปูเป้ยุกวิน “ไม่เป็นไรหรอกค่ะปูเป้อย่างไงเดี๋ยวคุณพ่อก็ต้องซื้อตุ๊กตาให้ปูเป้อยู่ดีแถมวันนี้ยังต้องเลี้ยงข้าวเราสองคนอีกอยู่ดีจริงไหมลูก.....จริงไหมคุณ” กวินพูดประชดแบบขำๆ “จริงค่ะคุณอา / จริงครับคุณ” สหชาติและปูเป้ตอบพร้อมกัน หลังจากนั่งรถออกมาได้ซักพักใหญ่ก็มาถึงสวนสัตว์ดุสิตหรือเขาดินวนา “เอ่อร์ !! คุณวิน” สหชาติเรียกชื่อกวินเพื่อที่จะบอกว่าจะมีเพื่อนมาด้วยกันอีก 1 คน “กวิน” กวินแก้คำให้เรียกชื่อให้ถูก “ครับ ครับ กวิน คือว่าพอดีเพื่อนผมจะขอมาเที่ยวด้วยอีก 1 คนน่ะครับ” “อ่อ!! ครับรับทราบ ว่าแต่เขาอยู่ที่ไหนล่ะครับ” กวินพูดและพยักหน้ารับรู้แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ ผิดกับสหชาติที่เป็นกังวลกลัวว่ากวินจะไม่พอใจเนื่องจากกลัวจะไม่เป็นส่วนตัว “น่าจะรออยู่ที่ด้านหน้าทางเข้าแล้วครับ” “ป่ะงั้นเราไปกันเลย ปูเป้ไปลูก” “ค่ะคุณอา” เมื่อเดินเข้ามาสหชาติก็เห็นวัฒนันท์ยืนอยู่ในชุดครึ่งท่อนกางเกงตำรวจรองเท้าหนังเสื้อยืดตำรวจสีขาว “เฮ้!!! วัฒน์รอนานไหม คุณกวินครับ นี่วัฒน์เพื่อนผมครับ” สหชาติทักทายวัฒน์และแนะนำให้กวินได้รู้จัก “อ้อคุณวัฒนันท์ สวัสดีครับสบายดีนะครับ” “สวัสดีครับที่แรกก็ไม่ค่อยสบายแต่ตอนนี้สบายดีแล้วครับ” คำตอบของ ร้อยตำรวจโทวัฒนันท์ทำให้กวินหรี่ตามองแบบงงๆ “คุณอาวัฒน์สวัสดีค่ะ” “สวัสดีเจ้าตัวเล็กไหนมาให้อาหอมหน่อยซิเร็วเลย ไม่เจอตั้งนานตัวใหญ่ขึ้นเยอะเลย” “คริ คริ คริ” ปูเป้ร้องอย่างจักจี้เพราะหนวดของหมวดวัฒน์โดนปูเป้ตอนที่หอมแก้ม “คุณกวินรอตรงนี้ซักครู่นะครับเดี๋ยวผมกับวัฒน์ไปซื้อบัตรเข้าชมก่อนครับ” “เอ็งก็ไปคนเดียวสิวะข้าจะได้อยู่เป็นเพื่อน น้องปูเป้กับคุณกวิน” วัฒนันท์โวยวาย “อะไรวะไปด้วยกันซิวะ” สหชาติก็โวยวายเหมือนกัน “งั้นคุณสองคนรอตรงนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมกับปูเป้ไปซื้อให้เองครับ” พูดจบกวินก็เดินจูงปูเป้ไปที่ช่องจำหน่ายบัตรเข้าชมทิ้งให้ 2 ผู้หมวดยืนอ้าปากค้างอยู่กับที่นั่นเอง “ได้แล้วครับ เด็ก 3 ผู้ใหญ่1 ไม่สิเด็ก1ผู้ใหญ่ 3 ต่างหาก 555++” กวินพูดติดตลกกึ่งประชด “แหมคุณกวินก็ จะไปโซนไหนก่อนดีครับ” สหชาติเอ่ยถาม “ปูเป้อยากไปโซนไหนลูก” แต่กวินก็หันไปถามปูเป้อีกที “ปูเป้อยากดูช้างค่ะ” “ป่ะงั้นเชิญคุณชาติกับคุณวัฒน์ช่วยเป็นไกด์ให้ทีครับ ผมไม่รู้เส้นทางเลย” “ได้เลยครับ” วัฒนันท์ตอบแบบเหงือตกเพราะว่าครั้งจะเรียกว่าเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เขามาเหยียบที่นี่ แต่ก็ต้องรับปากเพราะอยากเอาใจกวิน แล้วก็อยากอยู่ใกล้คนที่เขารัก “คุณอาขาปูเป้สนุกมากเลยค่ะ เห็นสัตว์แปลกๆเยอะเลยค่ะ” ปูเป้พูดแบบกระปี้กระเปร่าแม้ว่าตอนนี้แดดจะร้อนจนเหงือเต็มหน้าปูเป้ กวินก็ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กค่อยๆบรรจงเช็ด กวินเองก็ร้อนมากจนหน้าแดง เพราะตัวเขาเองไม่ค่อยได้ออกแดดทำให้ตอนนี้เจ้าตัวรู้สึกร้อนมาก “คุณกวินร้อนหรือเปล่าครับเดี๋ยวผมไปหาซื้อร่มมาให้ครับ” วัฒนันท์พยายามรอจังหวะจะหาโอกาสพูดคุยกับกวินให้มากที่สุด “กำลังคิดพอดีเลยครับคุณวัฒน์พอดีวันนี้ลืมหยิบร่มมาด้วย อย่างไงรบกวนคุณวัฒน์ด้วยนะครับ” กวินตอบตรงๆด้วยตอนนี้แดดร้อนจนแทบจะเดินต่อไม่ไหว “ปูเป้หิวน้ำไหมคะ ไหนขยับมาหาคุณอาหน่อยเดี๋ยวเช็ดหน้าก่อนนะคะ” กวินเอ่ยถามปูเป้ “เดี๋ยวผมไปซื้อเองก็ได้ครับ คุณกวินจะดื่มน้ำอะไรครับ” สหชาติอาสา “ขอแป็บซี่ดีกว่า อากาศแบบนี้ไม่ไหวเหมาะแก่การไปเล่นน้ำตกมากกว่าเดินสวนสัตว์คอนกรีตแบบนี้คุณว่าจริงไหมหมวด” กวินพูดยาวเพราะโดยส่วนตัวเขาไม่ชอบแดดเอามากๆ “เห็นด้วยอย่างจริงจังครับเอาไว้วันหลังเราไปด้วยกันนะครับ” พูดจบสหชาติก็ออกไปซื้อน้ำสำหรับคน 4 คน “คุณอาขาปูเป้ปวดขามากเลยค่ะ” “งั้นเดี๋ยวปูเป้ต้องบอกคุณพ่อนะคะ เดี๋ยวให้คุณพ่อให้ขี่หลังกลับนะลูก ปูเป้จำไว้นะลูกเวลามีปัญหาก่อนอื่นเนี่ยต้องบอกผู้ใหญ่ก่อนไม่ว่าปัญหาจะใหญ่หรือเล็กถ้าแก้ไม่ได้ก็ต้องบอกกับผู้ใหญ่ทันทีรู้ไหมคะ” กวินสอนปูเป้ “ค่ะ ถ้ามีปัญหาปูเป้จะบอกกับคุณพ่อหรือไม่ก็คุณอาทันทีเลยค่ะ” “คุณกวินครับร่มได้มาแล้วครับ 2 คันเลย” วัฒนันท์โชว์ร่มให้กวินดู “ครับท่าทางคุณวัฒน์จะร้อนมากนะครับเหงือเต็มเลย เดี๋ยวผมหยิบทิชชู่ให้ครับซักครู่นะครับ” กวินหยิบทิชชู่ให้วัฒนันท์ซึ่งพอรับมาได้ก็รีบเช็ดทำให้กระดาษยุ่ยและติดตามใบหน้าของวัฒนันท์ “คุณวัฒน์ทำไมเช็ดแบบนั้นล่ะครับกระดาษยุ่ยติดหน้าเต็มเลย มานี่ผมเอาออกให้ครับ” “ครับ” วัฒนันท์รับคำและยื่นหน้าไปหากวิน กวินหยิบทิชชู่ออกมาจากกระเป๋าและบรรจงเช็ดไปที่หน้าของวัฒน์นันท์เพื่อซับเหงือและเอาเศษทิชชู่ที่ยุ่ยติดหน้าเมื่อครั้งก่อนออก กวินที่คิดอย่างเดียวว่าจะเช็ดให้ ก็เช็ดแบบไม่ได้คิดอะไรแต่วัฒนันท์ตอนนี้ได้เข้าไปสู่ห้วงความรู้สึกที่แสนพิเศษแล้วเรียบร้อย สิ่งที่เขารอคอยมานับสิบปีตอนนี้มันใกล้มาแล้ว เขาได้รับการดูแลจากกวินมืออันเรียบเนียนนิ้วที่เรียวงามกำลังบรรจงเช็ดเหงือบนหน้าเขา เขากำลังมีความสุข วันนี้กลับบ้านไปเขาตัดสินใจจะเอาเรื่องทั้งหมดไปเล่าให้คุณหญิงสุจิตรา ผู้เป็นแม่ฟัง ถ้าแม่เขาผู้ที่กวินสนิทสนมด้วยเข้ามาช่วยในเรื่องนี้เขาย่อมมีโอกาสที่จะได้ครอบครองกวินอย่างแน่นอน “อ่ะ เรียบร้อยครับคุณวัฒน์” “ขอบคุณครับคุณกวิน คุณกวินนี่มือเบาจังครับถ้าบอกว่าเป็นหมอผมก็เชื่อนะครับ” “ฮ่าๆ พูดเอาใจใช่ไหมครับ ผมคงได้เป็นแค่หมอดูเท่านั้นล่ะครับ แบบนั่งลุ้นนั่งเดาว่าวันนี้หุ้นตัวไหนขึ้นหุ้นตัวไหนลง” “ฮ่าๆ ครับงั้นเอาไว้คุณกวินต้องไปหาคุณแม่ผมล่ะครับ เพราะรายนั้นก็คงเป็นหมอดูประเภทเดียวกันกับคุณกวินนั่นล่ะครับ” “นะ ว่าแต่คุณหญิงสุจิตรา สบายดีนะครับ เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเห็นท่านเปรยๆว่าปวดเข่า” กวินถามถึงคุณหญิงสุจิรา เพราะเมื่อสองอาทิตย์ก่อนตอนที่ไปพระปฐมเจดีย์ บ่นกับคณะที่ไปด้วยกันอยู่ตลอดว่าเดินไม่ไหวปวดหัวเข่าแม้เวลาจะผ่านไป 2 อาทิตย์ แต่ก็ยังไม่ได้โทรไปถามข่าวคราวของท่าน “อ้อ คุณแม่ผมท่านพึ่งไปผ่าเข่ามาครับ คงไปก๊วนไม่ได้อีกหลายเดือน” “อ้าวเหรอครับ ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับพักอยู่ที่บ้านหรือเปล่า” กวินถามด้วยใจที่เป็นห่วง “ครับ ก็ดีขึ้นมากครับ แต่คุณหมอยังไม่อนุญาตให้เดินครับ แต่ท่านก็บ่นถึงคุณกวินให้ผมได้ยินอยู่บ่อยๆนะครับ ถ้าไม่รังเกียจแวะไปเยี่ยมท่านไปคุยเป็นเพื่อนท่านบ้างจะดีไม่น้อยครับ” วัฒนันท์พูดพลางถือโอกาสเชิญกวินไปบ้านด้วยในทีเดียว “งั้นฝากกราบคุณหญิงด้วยนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะแวะเข้าไปกราบท่านตอนเย็นอีกที ฝากเรียนท่านด้วย” กวินมักนอบน้อมกับผู้มีอายุ หรือผู้อาวุโสกว่าเสมอ ไม่ว่าคนๆนั้นจะมีฐานะเท่าเทียมกันหรือต่ำกว่า “ครับผมจะเรียนท่านให้ครับ” “อ้าวคุณชาติมาพอดี” สหชาติเดินเข้ามาพร้อมน้ำดื่ม หลังจากนั้นทั้ง 4 คนก็นั่งกินน้ำโดยกวินใช้น้ำเปล่าเทใส่ผ้าขนหนูผืนเล็กแล้วเช็ดหน้าให้กับปูเป้ทำให้รู้สึกสดชื่น ส่วนสหชาติมองพลางยิ้มอย่างพอใจที่เห็นกวินเอาใจใส่ลูกเขา เมื่อเห็นแล้วก็รู้สึกมีความสุขที่สุดทั้งๆที่ผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาเมื่อวาน เขากลับไม่รู้สึกเป็นทุกข์เลย ส่วนวัฒนันท์ที่มองเหตุการณ์อยู่เช่นกันก็มีความคิดว่า กวินน่าจะรักเด็กสงสัยต้องหาเด็กมาเป็นตัวช่วยบ้างแล้วเขาจะได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกวินมากกว่านี้ หลังจากพักกันจนหายเหนื่อยก็ออกเดินทางต่อโดยปูเป้ขี่หลังสหชาติ กวินเลยเอากระเป๋าของมาถือแต่ก็ถูกวัฒนันท์แย่งไปถือซะเอง สหชาติให้ปูเป้ขี่หลังไปด้วยถือร่มไปด้วย กวินเดินกับวัฒนันท์โดยมีวัฒนันท์ถือร่มให้เช่นเดียวกัน เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของผู้ที่ลอบมองอย่างสหชาติที่รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างหาเหตุผลไม่ได้เช่นกัน “คุณกวินร้อนหรือเปล่าครับ” วัฒนันท์ถามกวินด้วยความเป็นห่วง “มากกกกกที่สุด เลยคุณวัฒน์” กวินตอบโดนไม่รู้ว่าทุกการกระทำมีสายตาลอบมองมาอย่างเป็นระยะ “น่ารักเกินไปแล้วนะ” วัฒนันท์คิดอยู่ในใจ “ปูเป้หนูร้อนหรือเปล่าลูก” กวินหันไปถามปูเป้ที่อยู่บนหลังของสหชาติ “มากกกกกก เหมือนกันค่ะคุณอา” ปูเป้ทำเสียงเลียนแบบกวินเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี “คุณชาติเดี๋ยวหยุดก่อน เช็ดเหงือให้ปูเป้ซักครู่ครับ” พูดเสร็จก็หยิบผ้ามาบรรจงซับเหงือให้ปูเป้ “คุณอาขาเช็ดให้คุณพ่อด้วยค่ะ เหงือคุณพ่อเปียกปูเป้หมดแล้วค่ะ” พอได้ยินดังนั้นกวินก็หยิบทิชชู่มาซับเหงือให้สหชาติทันที “เหงือออกทำไมเนี่ยคุณ เปียกน้องปูเป้หมดแล้วเห็นไหม” กวินแกล้งดุสหชาติ “อ้าวผิดซะงั้น” สหชาติพูดอย่างงงๆ แต่คนที่แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจนคือวัฒนันท์ที่ตอนนี้ยืนหน้าบึ้งเป็นยักษ์วัดแจ้งถือร่มให้กวินอยู่ “ปูเป้อยากดูอะไรอีกไหมลูก อากาศร้อนแบบนี้คุณอาว่าพอเถอะเดี๋ยวพาลจะไม่สบายขึ้นมาจะแย่เอา” “ไม่อยากดูอะไรแล้วค่ะ ความจริงปูเป้อยากดูหมีแพนด้า แต่ที่นี่คงไม่มีค่ะ” ปูเป้ตอบซื่อๆ “โอเคเอาไว้เราไปเชียงใหม่กันลูก อาสู้ตายเลยถ้าอากาศมันเย็นกว่านี้ซักนิดนึง” “ผมขอติดสอยห้องตามไปด้วยซักคนนะครับ คุณกวิน” วัฒนันท์ไม่ลืมที่จะขอติดไปด้วย “จัดไปครับแต่ตอนนี้ ถอยทัพไปหาอะไรรองท้องกันก่อนดีกว่าจะบ่ายโมงครึ่งแล้ว” กวินเอ่ยขึ้นมาด้วยรู้สึกหิว หลังจากออกจากสวนสัตว์แล้วทั้ง 4 ชีวิตก็พากันมาเดินอยู่ที่ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า “ปูเป้อยากทานอะไรลูก” กวินที่เดินจูงมือปูเป้เอ่ยถามเด็กสาว “เอ็มเคค่ะปูเป้อยากทานเอ็มเคค่ะคุณอา” “ป่ะ เอ็มเคก็เอ็มเค ว่าแต่เอ็มเคอยู่ตรงไหนเอ่ยอาไม่เคยมาทานที่นี่เลย” “ผมรู้ครับ / ผมรู้ครับ” สองนายตำรวจที่ดูเชิงกันอยู่ต่างแย่งกันตอบพร้อมกันจนกวินนึกแปลกใจจนต้องหันมามองทั้งคู่ก่อนจะพูดว่า “งั้นเชิญทั้งสองท่านนำเลยครับ ดีไหมคะปูเป้” กวินหันมาถามปูเป้ “ดีค่ะ คุณอา” บรรยากาศบนโต๊ะอาการมีแต่เสียงของปูเป้ที่ขยันหาคำถามมากมาย มาถามคุณของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งนายตำรวจหนุ่มทั้ง 2คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็จับตามองราวกับหลงไหลได้ปลื้มในตัวของกวิน ซึ่งตอนนี้แม้แต่สหชาติเองก็ชักไม่แน่ใจซะแล้วว่าเขารู้สึกอย่างไรกับกวิน อาจจะชอบหรือแค่เหงา หรือว่าเพราะกลัวว่ากวินจะหนีเขากับลูกไปเพราะตอนนี้แม้จะผ่านมาเพียงวันเดียวแต่เขากูรู้สึกว่าปูเป้ได้อะไรจากกวินมามากมายเหลือเกิน เขาเองก็มีความสุขและอยากจะรักษาสภาพนี้ไว้ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม ส่วนวัฒนันท์ที่เอาแต่ยิ้มแก้มปริและพยายามเอาใจกวินทุกอย่างไม่ว่าจะการชิงสั่งเป็ดย่างหรือหมูกรอบที่กวินชอบ และชาเขียวตลอดจนของโปรดต่างๆไม่ว่าจะเป็นสารพัดเห็ดหรือว่าผักกาดขาว มาให้จนทำให้กวินแปลกใจว่ารู้ได้อย่างไรว่าเขาชอบและก็พูดด้วยความเกรงใจไปว่า “สั่งมาเยอะเดี๋ยวทานไม่หมดนะครับ” แต่ก็ได้คำตอบเพียง “ผมแค่อยากเอาใจคุณกวินครับ” ทำให้กวินรู้สึกประหม่าจนแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ต้องคุยกับปูเป้เพื่อกลบเกลื่อนความเขิน เมื่อทานอาหารเสร็จทุกคนก็ตกลงว่าจะกลับบ้านเพราะปูเป้เหนื่อยและกวินเองก็อ่อนล้ากับแดดจนแทบจะหลับคารถแต่พยายามฝืนตัวเองเอาไว้ สหชาติเลยมาส่งกวินกับปูเป้ก่อนจึงย้อนไปส่งวัฒนันท์ที่โรงพัก “ฝากบอกคุณหญิงว่าหายเร็วๆนะครับ เรียนท่านด้วยว่าพรุ่งนี้ผมจะไปเยี่ยม” กวินพูดกับวัฒนันท์ที่ลงมาเปิดประตูรถให้ “ครับ คุณกวินไหวหรือเปล่าครับสีหน้าไม่ค่อยดีเลย ให้ผมไปส่งที่ห้องนะครับ” “เอ่อร์ อ่อ ครับแค่รู้สึกว่าแดดมันแรงไปน่ะครับ ไปปูเป้ขึ้นห้องกันลูก” “ค่ะคุณอา” “เฮ้ยชาติ ข้าถือของไปส่งคุณกวินแป็บนึงนะ สีหน้าเขาเหมือนจะเป็นลมอย่างงั้นแหละ” “เห้ยยย ไหนๆ เดี๋ยวข้าขึ้นไปด้วย” สหชาติเมื่อได้ยินวัฒนันท์พูดอย่างงั้นก็ร้อนใจด้วยความเป็นห่วงเลยออกจากรถเพื่อที่จะขึ้นไปด้วยเหมือนกัน “โห ไม่น่าลำบากเลยครับ” กวินกล่าวขึ้นอย่างเกรงใจ “ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ แต่ถ้าคุณกวินไม่ดีขึ้นรีบโทรบอกผมนะครับ ผมจะมารับไปหาหมอไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมเต็มใจครับ” วัฒนันท์กล่าวอาสาแสดงสีหน้าว่าเป็นห่วงกวิน ซึ่งกวินก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่อยู่ในแววตานั้นเป็นอย่างดี “ขอบคุณ ทั้งสองคนมากนะครับ ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ส่งแค่หน้าห้องก็พอนะครับ” กวินกล่าวตัดบทเพราะอยากจะพักเต็มที ก่อนเข้าห้องไป “คุณกวินครับพรุ่งนี้ผมจะมารับนะครับ แล้วก็เชิญคุณกวินอยู่ทานข้าวเย็นกับพวกเราด้วยนะครับ คุณแม่ท่านคงดีใจ” วัฒนันท์ใช้มารดามาเป็นข้ออ้างในการชวน “ครับ ขอบคุณครับ” “ไม่ต้องหรอกวัฒน์เดี๋ยวคุณกวินไปกับข้าก็ได้ เพราะข้าจะไปเยี่ยมแม่เอ็งด้วยเหมือนกัน” สหชาติรีบชิงบอกวัฒนันท์ทันที เรื่องอะไรจะปล่อยให้มาชิงตัวคุณกวินเอาไปไว้คนเดียว ไม่มีทางซะล่ะงานนี้แข่งกันหน่อยแล้ว ผมไม่มีวันปล่อยคุณไปไหนหรอกกวิน “คุณต้องอยู่กับผมตลอดไป” TBC
:serius2: :angry2: :fire:
The Love – ความรักที่รอคอย ตอนที่ 7 “คุณต้องอยู่กับผมและลูกตลอดไป” ความคิดนี้มันอยู่ในหัวของสหชาติมาตั้งแต่วัฒนันท์เปิดอกคุยกับเขาอย่างจริงจังตอนอยู่บนรถ “ไอ้ชาติ ทำไมเอ็งต้องขัดจังหวะตลอดเลยวะเวลาข้าเข้าใกล้คุณกวินน่ะ” วัฒนันท์เปิดฉากถามเพื่อนรักทันทีขึ้นรถ “เปล่านี่ทำไมมึงคิดอย่างงั้นวะ” สหชาติกล่าวปฏิเสธพลางหันไปสบตาเพื่อนเช่นกัน “ก็เห็นๆกันอยู่ เอ็งก็รู้แล้วนี่หว่าว่าข้ารอเวลานี้มาเป็น 10 ปี รอเวลาที่จะได้เข้าใกล้รอเวลาที่จะได้อยู่ใกล้ๆเขา” วัฒนันท์เริ่มพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “เออๆ กูรู้น่า” สหชาติรับปากเพื่อนเพื่อที่จะได้ตัดความรำคาน “”เฮ้ยยยยยยย!!! อย่าบอกนะว่าเว้ย ว่าเอ็งชอบคุณกวินเข้าให้แล้ว อย่านะชาติข้าเอาเอ็งตายนะเว้ย” “คงไม่ใช่ว่ะ มึงเป็นเพื่อนกูมาตั้งนานก็น่าจะรู้ว่ากูไม่ชอบแบบนี้ แต่ที่เห็นทุกวันนี้เพราะกูสงสารปูเป้ ลูกกูดูมีความสุขขึ้นมาเยอะเลยเวลาอยู่กับคุณกวิน แต่กูก็ไม่รู้ว่ากูควรจะไว้ใจคนที่พึ่งรู้จักกันอย่างจริงจังแค่ 2 วันได้แค่ไหนแต่ลึกๆของใจกู กูอยากให้ปูเป้อยู่กับคุณกวิน กูเชื่อว่าเขาจะดูแลลูกกูได้” “ยากอะไรเอ็งก็ดูซักพัก เวลาผ่านไปเอ็งก็มั่นใจแล้ว อย่างมากเอ็งก็ยกให้ปูเป้เป็นลูกบุญธรรมคุณกวินซะ คราวนี้แหละสนุกแน่แหละไอ้ชาติ ปูเป้มีพ่อทีเดียวตั้ง 3 คนเลยนะเว้ยเท่ห์จะตาย” วัฒนันท์พูดอย่างโล่งอกเพราะเขาคิดว่าถ้าสหชาติลงมาเล่นเกมส์แย่งกวินกับเขาด้วยคงได้แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ส่วนสหชาติตอนนี้ขับรถอยู่แต่ยังไม่เข้าใจที่วัฒนันท์พูด “ยังไงวะพ่อสามคนมาจากไหนอีกคนวะ” สหชาติเอ่ยปากถาม “เอ็ง คุณกวิน แล้วก็ข้าไง ข้าเป็นผัวคุณกวินเหมือนคนๆเดียวกันแหละ บอกปูเป้ซ้อมเรียกไว้ได้เลย พ่อวัฒน์ขา 555” “...วย ไอ้เพื่อนเหี้ย รีบลงไปเลยมึงประชาชนรออยู่” สหชาติด่าเพื่อนทันทีเมื่อฟังจบ “5555 หืมม ถ้าไม่ใช่คนดีพูดไม่ได้นะคำนี้เนี่ย” วัฒน์เลิกคิ้วสงสัยอย่างแปลกใจกับคำพูดแปลกใหม่ของเพื่อน “เปล่า!! ข้าพึ่งโดนคุณกวินด่ามาเมื่อวานเหมือนกัน” “5555/5555” เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังขึ้นก่อนวัฒนันท์จะปิดประตูรถแล้วเดินไป ทางฝั่งของกวินพอเข้าห้องได้ กวินก็ให้ปูเป้ไปอาบน้ำส่วนตัวเองก็ไปเตรียมของว่างไว้ให้ปูเป้ “ปูเป้ปวดหัวหรือเปล่าลูก ไหนมาให้คุณอาดูหน่อย ว่าตัวร้อนหรือเปล่า” กวินพูดพลางเอาทาบที่หน้าผากเด็กเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิของร่างกาย “ค่ะ คุณอา” “ปูเป้ ดื่มน้ำส้มเย็นๆก่อนนะคะ อยากกินขนมอะไรหรือเปล่าลูก” กวินถามปูเป้ “ปูเป้ไม่ทานแล้วค่ะคุณอา ปูเป้อิ่มมากเลยค่ะ” ปูเป้ส่ายหน้า “งั้นปูเป้ไปนอนพักก่อนนะคะเด็กดี เดี๋ยวเย็นๆถ้าคุณครูมาคุณอาจะปลุก หรือถ้าไม่อยากนอนจะดูการ์ตูนก็ได้นะลูก เดี๋ยวอาขอตัวไปอาบน้ำก่อน” “ค่ะ คุณอา” กวินเข้าห้องไปอาบน้ำ ด้วยความอ่อนล้ากับแดดตอนเที่ยง พอเสร็จแล้วออกมาก็พบว่าปูเป้ยังนั่งดูสารคดีสัตว์โลกน่ารู้อยู่ “ปูเป้ยังไม่ง่วงอีกเหรอลูก นอนพักซักหน่อยไหมคะ” “ปูเป้ไม่อยากนอนค่ะคุณอา ปูเป้กลัวนอนแล้วตื่นมาไม่ทันเรียนดนตรี” “โธ่ !! สาวน้อยของคุณอา งั้นปูเป้นอนดูทีวีก็ได้นะลูก จะได้เป็นการพักไปในตัว ถ้าจะหลับคุณอาก็ไม่ว่านะคะ” “ค่ะคุณอา ปูเป้รักคุณอาที่สุดในโลกเลยค่ะ” ปูเป้พูดพร้อมกระโดดมากอดแล้วหอมแก้มกวินอย่างดีใจ แต่พอเวลาผ่านไปคนที่เริ่มไม่ไหวก็คือกวินเอง ที่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวหาผ้าหน้าๆมาปูทับไปบนพรมอีกทีชั้นหนึ่งและขนหมอนผ้าห่มและอุปกรณ์เครื่องนอน ออกมาปูหน้าทีวีและเตรียมนอน “ปูเป้ง่วงก็นอนนะลูกอย่าฝืนเดี๋ยวไม่สบายคุณอาไม่ไหวแล้วเห็นทีต้องนอนซักงีบ ถ้าคุณพ่อมาเปิดประตูให้เข้ามาได้เลยนะคะลูก” “ค่ะคุณอา” หลังจากกวินนอนไม่นานสหชาติก็กลับมาจากส่งวัฒนันท์ซึ่งเจ้าตัวแวะอาบน้ำแต่งตัวอยู่ในชุดสบายๆแล้วเดินมาที่ห้องของกวิน “ติ๊ง ต่องงงง ติ๊งงง ต่องงงงงง” “รอซักครู่นะคะ” เสียงปูเป้ดังออกมาจากข้างใน “เจ้าหญิงตัวน้อยของคุณพ่อดื้อกับคุณอาหรือเปล่าลูก” สหชาติเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นปูเป้ที่อยู่ด้านหลังประตูที่เปิดออกพร้อมกับเอามือไปขยี้หัวลูกสาวด้วยความเอ็นดู “ไม่ดื้อเลยค่ะ คุณอาหลับไปแล้วค่ะคุณพ่อ” เมื่อสหชาติเดินเข้ามาในห้องก็เจอกับคนที่กำลังนอนหลับสบายจนไม่เหลือความเป็นประธานบริษัท ที่น่าเกรงขาม” “ท่าทางจะสบายแฮะ นอนได้น่ารักเหมือนเด็กๆเลย” สหชาติพูดคนเดียวพลางอมยิ้ม “คุณพ่อขาปูเป้ไม่ไหวแล้วค่ะ ทีแรกปูเป้ว่าจะรอเรียนดนตรีแต่ตอนนี้ปูเป้ท่าจะรอไม่ไหวแล้ว คุณพ่ออย่าลืมปลุกปูเป้ตอน 5 โมงครึ่งนะคะปูเป้จะเรียนดนตรี ปูเป้อยากเล่นดนตรีเก่งๆเหมือนคุณอาจะได้เล่นให้คุณพ่อกับคุณอาฟังทุกวันเลยค่ะ” “ครับเจ้าหญิงของพ่อนอนซะนะ เดี๋ยวพ่อปลุก ไหนหอมคุณพ่อแล้วหรือยังครับ” ปูเป้หอมแก้มสหชาติและเดินไปล้มตัวนอนข้างๆกวินและหลับทันทีด้วยความเพลีย “เด็กหนอเด็ก ว๊า มีเด็กตั้ง 2 คนแหนะ หึหึหึ” สหชาติสบัดหัวกับความคิดของตัวเองแต่ก็ยังยิ้มให้กับความน่ารักของลูกสาวตัวเองและคนที่นอนข้างๆกันจนเวลาผ่านไป 15 นาที ตามเมื่อยและเพลียก็ชนะ สหชาติตัดสินใจนอนลงข้างๆกวิน และพูดเบาๆกับตัวเองว่า “ขออนุญาตนอนด้วยคนนะครับ” และปิดตาลง เวลาผ่านไปคนที่ตื่นขึ้นมาก่อนคือสหชาติ เมื่อตื่นขึ้นมาก็ต้องแปลกใจเพราะตัวเองขยับไปกอดกวินตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ แถมตอนนี้ปูเป้ยังกอดคุณอาที่แสนดีจากอีกข้างนึงเช่นกัน กลายเป็นว่าตอนนี้กวินได้กลายเป็นหมอนข้างของทั้งสองพ่อลูกไปโดยปริยายแต่ความคิดของสหชาติตอนนี้เขามีความความอิ่มเอมใจ เหตุการณ์ที่พึ่งเกิดมันทำให้เขารู้สึกว่านี่แหละคือครอบครัวของเขา ทั้งๆที่เขาแต่งงานอยู่กินกับเมษยามาหลายปี แต่เขาก็ไม่รู้สึกอิ่มเอมใจและอบอุ่นเท่ากับครั้งนี้ “ช่างเป็นครอบครัวที่อบอุ่นจริงๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้วขออีกซักงีบแล้วกันขออนุญาตกอดนะครับ...คุณกวิน” สหชาติยังพูดติดตลกอยู่เงียบๆคนเดียว 17.20 น. คนที่ชนะจริงๆคือ กวิน ที่สามารถตื่นขึ้นมาหลังจากหลับสนิทมาตั้งแต่บ่าย เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองถูกพันธนาการไว้ “คนลูกนี่ไม่เท่าไหร่แต่ตัวพ่อนี่ทั้งแขนทั้งขาเลยนะ คิดว่าหนักไหมเนี่ย” กวินบ่นและพยายามแกะไอ้ตัวปลาหมึกทีแกะยากแกะเย็นออก จนปูเป้ตื่นเพราะแรงกระเทือน สลึมสลือลุกขึ้นมานั่งหัวเราะ “ฮ่าๆๆ คุณพ่อกับคุณอาเล่นอะไรกันคะ ปูเป้เล่นด้วยคนนะคะ” “คุณอาหนาวลูก ปูเป้มาช่วยพ่อกอดคุณอาให้หายหนาวเร็วเข้าลูก” สหชาติแกล้งกวินที่ตอนนี้แม้จะว่าจะดูนิ่งๆ แต่มือของกวินกำลังบิดเข้าที่ท้องของสหชาติเข้าอย่างจัง ฝ้ายปูเป้เด็กไร้เดียงสาก็ไม่รู้เรื่องคิดว่าคุณอาหนาวจริงๆก็เข้าไปกอดหมายจะให้ความอบอุ่นกับคุณอาที่รัก “คุณอาขา ปูเป้กอดคุณอาแล้ว คุณอาหายหนาวหรือเปล่าคะ” ปูเป้ถามด้วยความเป็นห่วง “หายแล้วค่ะ เด็กดี” “ปูเป้รักคุณอาที่สุดในโลกเลย” พูดจบปูเป้ก็โถมตัวเข้าไปหอมแก้มกวิน “ได้อย่างไงกัน ปูเป้หอมคุณอาคนเดียวได้ไงลูก พ่อต้องได้หอมด้วยสิ” ว่าแล้วสหชาติก็ขยับตัวเข้าไปหอมแก้มกวินทันที “ไอ้บ้า คุณมันบ้า” กวินถึงกับอึ้งจนทำอะไรไม่ถูกหน้าแดงกร่ำด้วยความอาย “โอ๊ยๆๆๆๆๆๆ” ไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อสหชาติก็ร้องเสียงหลง เพราะคราวนี้กวินไม่ได้บิดที่หน้าท้องแข็งๆของเขาอีกแล้ว แต่กวินเล็งตรงหัวนมแล้วบิดอย่างสุดแรง “คุณๆผมยอมแล้ว โอ๊ยปูเป้ช่วยพ่อด้วยลูกปูเป้” สหชาติร้องลั่น อยู่ใต้ผ้าห่ม “ฮ่าๆๆ คุณพ่อตลกจังค่ะ” เด็กน้อยกอดคุณอาของตัวเองพลางมองพ่อตัวเองร้องโดยที่ไม่รู้ว่าภายใต้ผ้าห่ม มือของคุณอาเขานั่นเองที่ทำให้พ่อเขาร้องด้วยความเจ็บปวดแบบนั้น “ใช่เลยลูก คุณพ่อของปูเป้น่ะเรียกร้องความสนใจตลอด ปูเป้หนูไปอาบน้ำไปลูก เดี๋ยวคุณครูจะมาแล้ว” “ค่ะคุณอา” แล้วปูเป้ก็วิ่งไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำจังหวะที่ปูเป้ปิดประตูห้องนั่นเองสหชาติก็พลิกตัวแล้วจับมือทั้งสองข้างของกวินกางไว้ และค่อมอยู่บนตัวของกวิน “ดื้อนักใช่ไหม ต้องถูกลงโทษ” สหชาติไม่พูดเปล่ากลับก้มหน้ามาฟัดที่แก้มของกวินอย่างเต็มแรงฝ่ายกวินที่กำลังเพลี้ยงพล้ำก็เอาแต่โวยวาย “ปล่อยนะหมวด ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ อยากเจ็บตัวใช่ไหม” กวินขู่ “คุณนี่ขู่เก่งเป็นงูเลยนะ หอมแก้มหน่อยก็ไม่ได้งกจริงๆ” “ของแบบนี้มันไม่งกกันได้ด้วยเหรอไง ไอ้บ้า” “ฮ่าๆ” สหชาติหัวเราะแต่ยังคงจับแขนกวินค้างไว้อย่างนั้น “คุณกวิน ผมขอบคุณ คุณมากปูเป้ดูมีความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ขอบคุณที่ทำให้ลูกผมมีความสุข เขารักคุณมากนะครับ และที่สำคัญผมเองก็มีความสุข มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันสามคนแบบนี้ ขอบคุณนะว่าแต่คุณมีความสุขบ้างหรือเปล่ากวิน” “มะ .. ไม่” กวินตอบอย่างลำบากและไม่มองตาคู่ที่กำลังจ้องมองตาเขาอยู่ “อ้าว..ทำไมล่ะครับ ทำไมคุณไม่มีความสุขที่ได้อยู่กับพวกผมเลยเหรอ” สหชาติหน้าเสีย “ปะ...เปล่า....ผะ...ผม...หนักลงไปได้แล้วตัวอย่างกับยักษ์ทับมาได้” “ฮ่าๆๆ คุณมันน่ารักจริงๆแบบนี้ต้องโดนลงโทษที่ทำให้ผมตกใจ” พูดจบสหชาติก็ก้มหน้าหมายจะหอมแก้มเพื่อยั่วเย้ากวิน แต่ยังไม่ทันจะก้มไปถึงก็ “ปึ๊ก!! อุ๊ก!! โอ๊ยยยยยยยย!!” TBC
:hao6: :hao7: