พิมพ์หน้านี้ - แบบฉบับหมายเหตุความรัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: cy17 ที่ 08-02-2022 16:12:45

หัวข้อ: แบบฉบับหมายเหตุความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: cy17 ที่ 08-02-2022 16:12:45
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: แบบฉบับหมายเหตุความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: cy17 ที่ 08-02-2022 16:16:46
แบบฉบับหมายเหตุความรัก

"ในสายตาของคนที่เฉียบคม ปราดเดียวที่เขามอง เขาก็จะรู้แล้วว่าชีวิตเขาจะดำเนินยังไงต่อไป การเดินทางของความรัก ไม่ได้มีบทที่ตายตัวว่าจะเป็นอย่างไร บางทีร้อยเรื่องพันราวแย่ๆ ในตัวคนๆ หนึ่ง อาจทำให้คนรอบๆ มองอีกรูปแบบหนึ่ง แต่กับคนที่ใช่ แค่เรื่องเล็กๆ เรื่องเดียวที่เขามีก็ทำให้ความรักออกเดินทางได้แล้ว"



นักเขียนเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยจิตเจตนามองโลกแห่งความรักทุกทิศทางคือความสวยงาม ไม่มีจิตเจตนาอื่นใดที่ไม่ดี และภาพนักแสดงเป็นแต่เพียงจินตนาการของผู้เขียนซึ่งเรื่องราวไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยความมือใหม่อาจมีสิ่งบกพร่องหรือน่ารำคาญใจต้องขอความรักใคร่ใจดีจากท่านผู้อ่านทุกท่านด้วย
หัวข้อ: Re: แบบฉบับหมายเหตุความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: cy17 ที่ 08-02-2022 16:18:25
บทที่ 1 แต่งแต้มร้อยยิ้ม

- แต่งแต้มร้อยยิ้ม -

"อาม่านั่งตรงนี้แหละครับ" เบลเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ริมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาให้อาม่าของตัวเองนั่ง

"เออๆ ขอบใจอาเบล" อาม่าแกก็ยิ้มกว้าง แกรักหลานของแก และหลานแกก็โคตรรักอาม่าเลย

"อาม่าจะกินอย่างเดิมมั้ยครับ"

"เอาไงดีเนี่ย ลื้อลองสั่งของลื้อก่อน"

"ก็ได้ครับ ผมคิดว่าปลาเก๋านึ่งมะนาว"

"เบลมันรู้ใจม่า 555"

"555 แน่นอน"

"ข้าวผัดปู ไม่ใส่หอม 555"

"ม่าก็รู้ใจเบลครับ"

"กุ้งอบวุ้นเส้นเนอะม่า"

"เอามาๆ ของโปรดอาไบร์ทมัน"

รอยยิ้มของอาม่า คือพลังใจของเบล จิรา อลิยา หนุ่มไฟแรงที่ขยันเรียนสุดๆ

"อาไบร์ทจะมาเมื่อไหร่"

"มันทำรายงาน คงมาช้าหน่อยแหละม่า"

"อาไบร์ทเนี่ย ขยันติดลื้อเลยนะ ม่าชอบ คนขยันนะ ไม่มีวันอดตายหรอก"

"อาม่าาาาาาาาา บ้ายมาแล้ว" เสียงไบร์ทตะโกนมา แอบเลียนเสียงอาม่าด้วย ไอ้นี่แสบจริงๆ

"555 มาเร็ว สั่งกับเร็ว ให้อีกแค่อย่างเดียวนะ เดี๋ยวกินไม่หมด"

"ออส่วนกระทะร้อนครับ"

แล้วเสียงหัวเราะของเราสามคนก็ดังภายใต้ร่มไม้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เคล้ากับแสงแดดอ่อนๆ ยามเย็น ออส่วนกระทะร้อนคืออาหารที่อาม่าชอบกินมากๆ เราทั้งสามต่างรู้ใจกันหมด และอาหารที่สั่งมาทั้งหมด ก็คือของโปรดของเราทั้งสามคนกับร้านประจำที่พวกผมชอบมากันตลอดเวลา ร้านแต่งแต้มร้อยยิ้มคือร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนนทบุรี อาหารอร่อย บรรยากาศดี

^_^

"มาแล้วครับ" หอบแทบตายเลยผม

"โอ้โห วิ่งมาเหงื่อท่วมเลย กินน้ำก่อนๆ"

"ขอบคุณครับๆ"

"หน้าที่ก็ง่ายๆ ไปก่อน เดี๋ยวคนจะเยอะแล้ว หนึ่งก็จดออเดอร์ สองเสิร์ฟ สามเก็บโต๊ะ ส่วนเก็บเงินเรียกเจ้างิ้มไปเก็บเงิน ไอ้คนนั้น ว่าแต่เราชื่อเล่นอะไรนะ พี่ลืมไปแล้ว" พี่หมู เจ้าของร้านอาหารขนาดไม่ใหญ่ชื่อร้านแต่งแต้มร้อยยิ้ม ผู้รับผมเข้าทำงานเมื่อวานนี้ แต่ลืมชื่อเล่นผมซะงั้น พูดแทบจะไม่หายใจเลย หนวดของพี่แกเสริมความน่ากลัวให้กับใบหน้าที่ขมึงทึงสุดๆ แต่เสียงพี่ดันแหลมเสียดฟ้ามาก จะหลุดขำก็ไม่ได้ โดนไล่ออกอาจจะขำไม่ออก

"จา ไงครับ แหะๆ"

"เออๆ รีบไป ลืมตลอด"

จา กัลย์ดิษฐ์ กัณณ์ดิษฐ์ ผมรักพ่อแม่ตัวเองมากๆ เขาไปสรรหาชื่อแบบนี้มาพ่วงกับนามสกุลได้ยังไง ชื่อแปลว่า พร่างพราว แวววับ นามสกุลแปลว่ากระจ่างชัดเจน ถามกี่รอบก็บอกพระฝรั่งที่นับถือตั้งให้ เอาเข้าไป สรุปคือมาจากพระ โอเคเลยครับ บ้านก็อยู่แถวนนทบุรี ใกล้ร้านนี้พอประมาณ แต่วันนี้ทำรายงานเพิ่งเสร็จเลยมาช้าไปหน่อย

"เงินเดือนผม 30,000 บาท จำได้ปะ ที่เราตกลงกันไว้อ่ะ"

"กวนตีนแต่แรกเจอเลยนะมึง"

"ฮ่าๆๆ อ่ะล้อเล่น"

"เออ ยิ้มดี ยิ้มเยอะๆ เรียกลูกค้า แต่เสียงหัวเราะอ่ะ ขอเหอะ ปลอมมาก"

"แหะๆ เสียงหัวเราะผมจริงๆ หลายคนก็บ่นเรื่องนี้ล่ะครับ"

"เออๆ ถ้าไม่รีบไป จะหักเงินนะ"

"ครับกระผม ! "

จาคนนี้ สมัยมัธยมต้น มีตีนเป็นเอนด์เครดิตบนหลังกลับบ้านแทบทุกวัน ใครไม่อยากประเคนให้ แสดงว่า ประสาทแข็งไม่เบา

"น้อง ! "

"ครับเพ่" จัดหนึ่งยิ้มไว้ก่อน ทุกคนสอนไว้ ไม่ว่าใครๆ ก็บอกผมว่าให้ผมยิ้มไว้ เกิดอะไรขึ้นมึงยิ้มไว้เลยจา มึงยิ้มดี

"พี่จะสั่งหมูกระทะได้ไหม"

"ได้ดิครับพี่"  ร้านชื่อโคตรหรู แต่ขายได้ทุกอย่าง จับฉ่ายดีมาก เรื่องความอร่อยคงไม่ขนาดระดับเทพ แต่บรรยากาศนี่ขอบอกเลยครับ เสริมรสชาติได้ดีจริงๆ

"กุ้งอบวุ้นเส้นอร่อยมากเลยอาเบล อาบ้าย"

เฮ้อ สรุปก็อร่อยแหละครับ เสียงคนยืนยันกันซะขนาดนั้น ลูกค้านี่มีทุกระดับเลยครับ รู้ได้ไงน่ะหรอ ผมมากินบ่อยครับ หมูกระทะกับเพื่อนๆ ไกลจากมหาวิทยาลัยหน่อย แต่เพื่อนๆ ชอบบรรยากาศ ตอนนี้ก็ได้เวลาเปลี่ยนจากลูกค้ามาทำงานหารายได้เสริมละครับ

"น้อง ! "

"คร๊าบบบบบบพี่"

"ล่ะ . . . เลิกยิ้มแล้วไปตามอาหารค่ะ บ้าจริง"

"แหะๆ"

"พี่หมูๆ"

"อะไร ! มีอะไรอีก ! อย่าเพิ่งกวน กูจัดออเดอร์อยู่"

"คือโต๊ะหกชักปืนออกมาแล้วพี่ อาหารเขาช้ามาก"

"ไอ้สัด ! กูก็มีปืน ไปบอกมัน"

"เอ้ยยย ! ผมล้อเล่น ฮ่าๆๆ"

"เออ ! กูรู้ แต่เกลียดเสียงหัวเราะมึง ปลอมชิบหาย"

"ผมบอกว่ามันเสียงจริง..."

"เอาไปเสิร์ฟ"

"คร๊าบบบบ แหะๆ"

วันแรกก็เหนื่อยสุดๆ ไปเลย

ปั่ก !!!

"โทษครับ ! "

"อืมมมม ! "

โห คนอะไรวะ ดูผู้ดี๊ผู้ดี แต่มารยาทนี่เหวมาก ต่างคนต่างก็ไม่มองทางปะวะ ชนกันก็ควรขอโทษดิ แบบผมอ่ะ นี่อืมใส่ เออผมผิดก็ได้ อยากหลังแหวนคนโว้ย นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกค้านะ จะขังมันไว้ในห้องน้ำนี่แหละ

"ขอให้โชคดีคร๊าบบบบบบคุณลูกค้าาาาา"

555 สะใจ ในห้องน้ำมีเขาคนเดียวครับ ผมเลยแหกปากหน้าห้องน้ำประชดไปซะเลย แต่ไม่ได้แหกปากเข้าไปในห้องน้ำนะ ไม่งั้นเดี๋ยวมีปะทะ ผมรีบวิ่งไปทำงานต่อ เอาเข้าจริง ผมก็เลวเหมือนกันนะ นี่ทำงานหาเงินวันแรกก็เอาความไม่พอใจไปเสี่ยงซะแล้ว เงินหายาก ท่องไว้

^_^

"ไบร์ท มึงเห็นคนตัวสูงประมาณนี้ ผิวขาวๆ มั้ย"

"ไม่เห็นนะเฮียเบล มีไรปะ"

"ไม่มีหรอก มีคนกวนรมณ์ทำเสียบรรยากาศนิดหน่อย"

"ใครช่างกล้าทำให้เฮียผมอารมณ์เสียได้เนี่ย 555 สงสารเลยโว้ย"

"อย่าไปมีเรื่องน่ะ อาเบล ลื้อเรียกเก็บเงินได้แล้ว"

"ม่าออกนะครับ"

"เอออยู่แล้วสิวะ ไอ้ปะเหลาะแดก"

"ไบร์ทขอเก็บเงินไว้แต่งงานก่อนละกันนะ 555"

"เฮอะๆๆๆ เออๆ ไปเรียกเก็บเงิน อาเบล"

"ครับม่า"

"น้องครับ"

"ครับ"

"คิดเงินครับ"

"โอเคครับ"

"ร้อย ร้อย ร้อยห้าสิบ ร้อย สามสิบ ยี่สิบ ห้าร้อย ทั้งหมด 500 บาท ครับ"

"อั๊วนะ ชอบที่สุดก็การคิดเงินร้านนี้แหละ มันคิดมั่วรึเปล่าไม่รู้หรอก 555"

"ไบร์ทเอากุญแจพาม่าไปขึ้นรถก่อน"

"ทำไมอ่ะเฮีย"

"เออน่ะ"

"โอเค ม่าครับ ไปกัน"

ผมมองบรรยากาศร้านไปรอบๆ ใจนึงก็ชอบบรรยากาศร้านมากจริงๆ แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ผุดขึ้นในใจก็คือ ใครคนหนึ่งที่ชนกันหน้าห้องน้ำ

^_^

"พี่หมู แจกเงินครับ จะกลับแล้ว"

"ได้ห่าเอ๊ย เหนื่อยมั้ยมึง"

"สามร้อย มาเร็ว พี่หมู"

"เออๆ พลังเหลือล้นจริงๆ เอาไป"

"นึกว่าจะติ๊บ"

"วันแรกก็จะเอาติ๊บแล้ว"

"ให้ปะล่ะ"

"ไอ้นี่ร้ายจริงๆ ยิ้มดิ๊"

ขายยิ้มละกู

"555 อ่ะเอาไป"

"ขอบใจคร๊าบบบบบบ"

"เหี้ยจริงๆ"

"ล้อเล่นคร๊าบบบบบ ฮ่าๆๆ ขอบคุณครับ ผมไปนะครับพี่หมู"

ผมเดินออกมาจากร้าน หันกลับไปมองป้ายร้าน แต่งแต้มร้อยยิ้ม ยิ่งมองก็ยิ่งยิ้ม บรรยากาศตอนยังไม่ปิดไฟมันสวยจริงๆ นะ พี่หมูเขาจ้างใครมาตกแต่งอยากถามจริงๆ เหมือนบ้านก็เหมือน บนต้นไม้ก็เหมือนมีหิ่งห้อยที่ก้นใหญ่เท่าลูกปิงปองเปล่งไฟสีวอร์ม เส้นทางหาเงินที่นี่ สุขใจสุดๆ

เรื่องบางเรื่องมันก็เป็นเรื่องของชีวิตคน ที่เดินทางด้วยการใช้ชีวิตรูปแบบหนึ่ง และใช้ชีวิตจนกระทั้งมามีโอกาสปฏิสัมพันธ์กัน จะรูปแบบไหนก็ดูน่าสนใจไปหมด จริงมั้ย
หัวข้อ: Re: แบบฉบับหมายเหตุความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: cy17 ที่ 08-02-2022 22:10:43
บทที่ 2 ดอกไม้…ใด

- แฟคคัลทิ -

"แรกเราพบกัน เราพบกัน เราพบกัน หัวใจฉันเริ่มหวั่นไหว คิดถึงเธอเรื่อยไป ใฝ่ฝันละเมอ…"

เสียงแหกปากร้องเพลงสันทนาการปะทะระหว่างน้องปีหนึ่งของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีกับคณะนิเทศศาสตร์กระหึ่มดังก้องใต้ตึกบัญชี ประเพณีสันทนาการปะทะมีมาตั้งแต่ผมเข้ามาแล้วครับ คณะต่างๆ ทั้งมหาวิทยาลัยจะส่งหัวหน้าปีสูงเข้าประชุมและเสี่ยงทายคู่สันฯ ปะทะ จากนั้นนายกสโมสรนิสิตจะให้นโยบายธีมสันฯ ปะทะ เพื่อให้แต่ละคณะไปทำการซ้อม และรอวันสันฯ ปะทะ 2 ครั้ง ผลัดกันเป็นทีมเหย้า ทีมเยือน เพื่อให้กิจกรรมรับน้องใหม่ เกิดการสานสัมพันธ์ทำความรู้จักกันทั้งในคณะและต่างคณะ ปีนี้พิเศษโดนใจปีสองอย่างพวกผมสุดๆ ตรงที่เราได้คู่ปะทะกับนิเทศฯ เหมือนปีที่แล้ว ทำให้เหมือนกับพวกเราได้กลับมาเจอเพื่อนที่เคยปะทะกันแหลกมาปีก่อน พี่ปีสองอย่างพวกผมเลยผสมโรงแหกปากหยอกล้อ แซวปีสองฝั้งนิเทศฯ กันไม่หยุด ส่วนนิเทศฯ ก็ปากปีจอไม่แพ้กัน สนุกมากจริงๆ ครับ

"บัญชี นั้นมีชีวิต ตรวจเลขไร้ลิมิต ไม่มีพิษมีภัย นิเทศฯ ล่ะ เธอทำอะไร เห็นเธอสดใส วันๆ ทำอะไรบ้างไหมเธอ..."

มาแล้วครับ เพลงบัญชีปากแจ๋ว น้องๆ ปีนี้ปากดีไม่แพ้รุ่นพี่จริงๆ น้องอาสา 10 คน กับท่าเต้นประกอบเพลงสุดยอดเอาใจไปเลย ท่าทางนี่อ้อนตีนสุดๆ นึกถึงผมปีที่แล้วเลย 555 หลังจากจบเพลงปากแจ๋วประกอบจินตลีลาของบัญชี น้องๆ กลับมานั่งที่ ก็เป็นนิเทศฯ บ้างละครับ

"แหมมมมมมมม ปีนี้ท่าเต้นบัญชีปากแจ๋วยังไม่ดึงดูดตีนเท่าจาน้อย ผัวขาของเดี๊ยนเลยเนอะว่ามั้ยเฮาะทุกคน" เทอร์โบ หนุ่มเหลือน้อยปากสีเทาเล่นผมอีกแล้ว

 "กรี๊ดดดดดดดดดดดดด" น้องคณะกรี๊ดสิครับ 555 ผมคนดังปีสองของคณะ เพื่อนๆ พวกผมรีบผลักทั้งหัว ผลักทั้งตัว ถีบตูดจนผมกระเด็นออกมาตรงกลางสนามปะทะ น้องๆ พี่ๆ ทั้งสองคณะแหกปากกรี๊ดกันใหญ่ ก็ได้แต่วาดมือมาใต้พุงแล้วก้มหน้าน้อมรับคำชมและถอยกลับเข้าที่พี่ปีสอง แถมด้วยการตบกะโหลกเพื่อนๆ ที่ไสหัวผมออกมาโชว์ตัว

"แต่เพลงปีนี้นี่มันเย้ายวนอารมณ์จริงๆ เอาล่ะฮ่อว์ นิเทศฯ เริงระบำ ปีนี้จะจีบบบบบบบบบบัญชีมาเป็นแฟนเสียให้เข็ด" สิ้นเสียงเทอร์โบคนตลก เสียงกรี๊ดของทุกคนก็สนั่นหวั่นไหว พร้อมด้วยเสียงกลองฝั่งนิเทศฯ ดังสนั่นเป็นจังหวะ น้องอาสาเข็นรถขนของแบบในแม็คโครออกมากลางลานปะทะ บนรถมีกล่องประดิษฐ์ทำมือขนาดใหญ่ทาสีดำสนิท ผูกโบว์ยักษ์สีขาว รถหยุด กลองก็หยุด จากนั้นน้องๆ กองเชียร์นิเทศฯ ก็ขับขานเสียงเพลงออกมา

"หนุ่มฟ้อวววววววววววววววววว..."

เด็กหนุ่มกำยำตัวสูงมาก 3 คน ไม่ใส่เสื้อโผล่ทะลุขึ้นมาจากกล่องดำใบนั้นเก๊กท่าหล่อสุดๆ ในชีวิตของพวกมัน แต่ที่ตลกคือตั้งแต่หัวตลอดจนลำตัวไม่มีส่วนไหนไม่ทาสีดำเลย เรียกได้ว่าขาวเดียวที่มองเห็นคือลูกตาของแต่ละคน

"หล่อเฟี้ยววววววววววววววววว..."

เด็กหนุ่มอีก 2 คน ลุกขึ้นมาจากกล่องเดียวกัน แต่รอบนี้ทาสีน้ำเงินเข้มทั้งตัว เก๊กท่าตลกให้ได้ขำจนปวดตับเล่น

"นิเทศฯ รักเดียว รูปหล่อจริงๆ นะเนี่ย เมื่อวานแว้นไปปากเกร็ด เมื่อวานแว้นไปปากเกร็ด เจอจาคนเด็ด รับรักนิเทศฯ ได้ไหมเนี่ย"

เอาละครับพวกมันเล่นผมแน่ๆ แล้ว ไอ้พวกเพื่อนเลวมันจับแขนจับขาผมที่กำลังจะเตรียมวิ่งหนี แต่ก็ไม่ทันแล้วครับ โดนยกทั้งยืนไปกลางลานปะทะ น้องๆ ก็กรี๊ดกันสนั่นอีกรอบ โอเค ทำใจได้เลยวันนี้

"คือมึงไม่ต้องจับกูขนาดนี้ก็ได้ครับไบร์ท ไผ่ มีน กูยอม"

"555 จา กูขอโทษ กูได้ค่าเหล้าจากเทอร์โบว่ะ"

"สัด เออ กูพูดอะไรไปก็ไม่รอดแล้วล่ะ"

"เอาล่ะฮ่อว์ น้องๆ เฮาะ ปีที่แล้วจาผัวขามันเต้นกวนตีนไปหน่อย ปีนี้สบโอกาส ก็ขอแกล้งลีดคณะบัญชีให้หนำใจหน่อยนะคะ ลงมือค่ะ"

คนแรกมันเอาแก้มมันมาถูแก้มผมสองข้าง สาวๆ ตอนนี้กรี๊ดกันสุดเสียงมาก อ่ะผมรู้ละว่าจะโดนอะไร มึงไม่คิดหน่อยหรอว่าคนซักเสื้อคือกูเอง คนที่สองเดินมาเอาหลังบั๊มหลังกับผม ชัดเจนโคตรๆ คนต่อไปกอดด้านหน้าไปเลยจ้า เบาๆ เดี๋ยวกระดูกแตก

"555 ขอโทษด้วยนะเฮาะจาผัวขา เก็บไว้แก้แค้นตอนช่วงค่ายอาสาแล้วกันนะเฮาะ วันนี้ฟินฮ่อว์"

ผมก็ได้แต่ทำท่าตุ้งติ้งๆ แล้ววิ่งไปไล่กอดเทอร์โบ 555 รู้จักกันน้อยไป

"ว๊ายยยยยย ไม่เอาฮ่อว์จาผัวขา ชุดนี้เทอร์โบเช่ามาฮ่อว์"

ผมก็วิ่งไล่กอดมันจนออกจากลานปะทะกันไป และจากนั้นสันฯ ปะทะระหว่างปีหนึ่งกับปีหนึ่งของสองคณะจึงเริ่มกันอย่างแท้จริง การแสดงน้ำจิ้มเมื่อกี้เรียกเสียงหัวเราะกันอย่างหนักรวมถึงเสียงกรี๊ดอย่างคับคั่งหลังจากผมวิ่งกันออกมา ดีนะครับ การมีเพื่อนต่างคณะกัน พอได้สนิทกันแล้วมันก็จะแกล้งกันแสบๆ คันๆ แบบนี้แหละครับ ผมไม่โกรธอะไรหรอก ดีใจด้วยซ้ำที่น้องๆ จะได้เห็นว่าการมีเพื่อนต่างคณะ มันก็ไม่ได้แย่เสมอไป เผลอๆ สนิทรักกันมากด้วยซ้ำ ว่าแล้วก็ชวนพวกสามสหายผู้ทรยศไปล้างหน้าดีกว่า

"ไบร์ท ไผ่ มีน ! "

พวกมันที่กำลังดูกิจกรรมอยู่หันมาพร้อมด่าผม หน้ามันก็เหวอสุดๆ เหมือนเจอผีทวงหนี้

"ไอ้สัดจาาาาาาาาา"

กูต้องแก้แค้นพวกมึงอยู่แล้ว ผมรีบวิ่งเอาหน้าไปซุกอกไอ้สามตัว แล้วรูดแก้มกับเสื้อพวกมันเอาให้เต็มที่ครับ

"ฮือๆๆๆๆๆๆ"

"สำออยมากครับเพื่อนไบร์ท"

"เชรี่ยจา แทนที่จะเลอะคนเดียวไปนะมึง"

"พวกมึงไปล้างหน้ากับกูเลย"

"พวกกูจะส่องสาวโว้ยยยยยยย"

"เหี้ยมากครับเพื่อน"

"เหี้ยมานานแล้ว 555"

ไอ้มีนไม่พูดเปล่า เอามือมันมาลูบหัวผมเหมือนสะใจที่ได้แกล้งหมา

"ฮ่าฮ่าฮ่า"

"มึงหัวเราะจริงหรือปลอมเนี่ย กูแยกไม่ออก"

"หัวเราะปลอมครับเพื่อนไผ่ เออ กูไปคนเดียวก็ได้"

และแล้วผมก็รีบวิ่งไปห้องน้ำใต้ตึกทันที

ปัก !!!

"โทษครับ"

"ครับ"

โอย โคตรเจ็บเลย นี่มามหาวิทยาลัยก็ยังมาชนคนหน้าห้องน้ำได้อีกหรอเนี่ย โคตรคูลเลยว่ะผมเนี่ย และก็ไม่ขอโทษผมคืน แต่ตอบรับครับ เจอแต่คนแบบนี้ ประสาทจะกิน ไปล้างหน้าดีกว่า

^_^

"ทำไมมาช้าวะเบล แล้วใส่เหี้ยอะไรมาเยอะแยะเนี่ย"

"กูไปหาข้อมูลเกี่ยวกับวิชาคำนวณสื่อมา"

"ให้อาจารย์เขาสั่งงานก่อนบ้างก็ได้ ขยันเกิ๊น"

"กูก็เลยทำงานเสร็จไว มีเวลาไปเที่ยวไง"

"กูน่ะ ทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วยได้"

"หรอ" ไอ้หม่อน เพื่อนซี้ปึ้กผม เห็นมันขี้เกียจแบบนี้ เกรดมันก็พังตามความขี้เกียจ ติดโปรไปหนึ่งรอบตอนปีหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมามันก็ไม่ประมาทอีกเลย แต่ก็ไม่ได้ขยันขนาดผม

"กรี๊ดดดดดดดดดด"

"ว้าววววววว พี่เบลมาคร่าาาาาาาาทุกท่าน"

"ขอช่วงเวลาของนิเทศฯ อีกนิดละกันนะคะ พี่เบลขา ขอสัมภาษณ์หน่อยค่ะ" ทุกคนดูจะเต็มใจเสียสละเวลานี้มาสัมภาษณ์ผมมากซะเหลือเกิน ตอนนี้ผมก็แทบจะทนเสียงกรี๊ดจากน้องๆ จากสองคณะไม่ไหวแล้วครับ เป็นงี้ทุกที ขนาดใส่แมส ใส่หมวกมาขนาดนี้ยังจำกันได้ ตอนนี้ก็คงต้องยอมน้องๆ เขาหน่อย เดี๋ยวเขาจะหาว่าพี่คณะเย่อหยิ่ง

"เป็นคำถามจากท่านผู้ชมที่อยู่ในห้องส่งนี้ค่ะ ทำไมพี่เบลคิดว่าการใส่หมวก ใส่แมส แล้วจะทำให้พวกเราจำพี่ไม่ได้คะ"

ทุกคนทั้งหัวเราะ ทั้งกรี๊ดสนั่นอีกครั้งกับคำถาม สรุปคือที่ทำมาไม่มีประโยชน์หรอเนี่ย

"พี่ชอบคนที่ตั้งใจมองพี่ มากกว่ามองแค่ปราดเดียวก็รู้ว่าพี่เป็นใคร"

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"

"คำตอบแรงมากคร่าาาาาาาาาาาาา หลงตั้งใจมองซะตั้งนาน นึกว่าใคร พอได้มั้ยคะพี่เบลขาาาา"

"รับไว้พิจารณาครับ" เล่นกับมอเตอร์ คู่ซี้เทอร์โบหน่อย

"เทอร์โบ มารับชั้นที ชั้นจะเป็นลมมมมมมม"

"พี่ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ"

"เชิญเลยคร่าาาาา สามีขา" โบกมือลาให้ทุกคนและก็รีบเดินไปเข้าห้องน้ำ

ปัก!!!

"โทษครับ"

"ครับ"

ใครวะ หน้าไปทำอะไรมาขนาดนั้นเนี่ย เดินไม่รู้จักระวังเลย เมื่อวานร้านอาหารก็โดนคนชนทีนึงละ
หัวข้อ: Re: แบบฉบับหมายเหตุความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: cy17 ที่ 09-02-2022 17:19:48
บทที่ 3 บันทึกรอยยิ้ม

- โฟโดคลับ -

ในรั้วมหาวิทยาลัย หากเราสามารถเอาชนะความกลัวที่จะเปิดชีวิตให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาเรียนรู้เรื่องราวของเราได้ เฉพาะคนภายในคณะคงไม่ใช่จุดที่เราควรจะหยุด ก้าวต่อไปคงหนีไม่พ้นการพาชีวิตของเราเข้าไปสถิตอยู่ในชมรมใดชมรมหนึ่ง เพื่อรับเฉดสีอันหลากหลายที่โลกของมหาวิทยาลัยเตรียมไว้ให้เราได้เปิดดวงตา เปิดรับคนใหม่ๆ ที่มีแนวคิด มีจักรวาลของพวกเขาที่เราไม่เคยได้ยิน หากได้ฟังเรื่องของพวกเขาแล้วเราก็จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างจากมุมของคนในคณะเดียวกัน เผลอๆ รูปแบบการที่พวกเขาเข้ามาวุ่นวายในชีวิตของเราอาจให้รสชาติที่จัดจ้านมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

“แอมป์ แกไปเป็นคนนั่งกับน้องๆ ที่มารอสัมภาษณ์หน้าห้องนะ”

“ทำไมต้องชั้นวะ !”

“แกสวย”

“ชั้นทำหน้าที่นี้ได้ดีแน่นอนว่ะเพื่อน”

“ซอง บีม ไปช่วยแอมป์ ถ้าคนมาเยอะจะได้แบ่งเป็นสองวง”

“เจน แกแจกบัตรคิวและบัตรประจำตัวสัมภาษณ์น้อง”

“ได้เลย”

“จา มึงกับกูสัมภาษณ์นะเว้ย”

“ได้มึง แต่ว่ากูอยู่ได้ชั่วโมงเดียวว่ะ ต้องรีบกลับไปทำงาน”

“นิว เดี๋ยวกูต่อไอ้จาเอง”

“ขอบคุณมากพี่ม้วน”

วันนี้เป็นวันสัมภาษณ์และทดสอบพื้นฐานการใช้กล้องเบื้องต้นเพื่อรับสมาชิกใหม่ของชมรมถ่ายภาพ ใช่แล้ว เห็นฮาๆ บ้าบิ่นๆ อย่างนี้ แต่ผมก็มีความคูลในระดับนึงเลยนะครับ ชมรมนี้มันเท่ครับ เดินช้าๆ ทำท่าเคร่งขรึมๆ ยกกล้องขึ้นมาถ่าย สาวๆ นี่กรี๊ดตลอด

ปัง!!!

“มึงกวนตีนกู!”

“ไอ้เชรี่ยจาาาาาาา! ใจเย็นดิเว้ย คูลไว้ๆ”

“คูลก็เชรี่ยละ มึงก็ได้ยินที่มันพูดว่า เข้ามาเพราะจะจีบกู”

“อ้าว เกียร์กูยังไม่ได้ให้ใครเลย ได้มึงเป็นเมีย เกียร์ก็เป็นของมึงไง”

“มึงหุบปากก่อนเลยตั้ม เข้าไปห้องทดสอบได้แล้ว”

“ปากหมานะมึง” นี่ถ้าไอ้นิวไม่กอดตัวผมรั้งไว้สุดชีวิตนะ ไอ้วิศวะปีสองนี่ต้องปากช้ำแน่นอน คิดจะมาลูบคมคนอย่างไอ้จา ดูซิเสียลุคคูลๆ หมด ใช่ครับ ตอนแรกที่ผมเข้ามาก็คิดแหละว่า กูเท่แน่นอน คุมโทน ใจเย็น ทำอะไรช้าๆ เอื่อยๆ ลุคในฝันเลย แต่เข้ามาอยู่จริงๆ โอ้โห บันเทิงสุดๆ งานแรกพวกรุ่นพี่สมาชิกสั่งให้ไปถ่ายงานฟุตบอลหมู่มวลจตุมิตร ภาพในหัวคือเดินเท่ๆ เก๊กๆ กลางสนามฟุตบอล ถ่ายรูปแสตนด์แปลอักษร ถึงจะดันอยู่ในดงชมผู้ แต่ก็เอาเถอะ คนเราต้องมีงานแรกไว้ก่อน ภาพตัดไปที่วันงาน ผมกับไอ้นิวต้องไปนั่งอยู่บนแสตนด์ตรงข้ามโรงเรียนเสื้อชมพูขาวฟ้าที่มีพวกพี่เก่าของโรงเรียนนี้นั่งดูการแปลอักษรของน้องๆ พวกมัน โอ้โห พวกผมนี่ต้องเจี๋ยมเจี้ยมไปเลย เพราะถ้ามัวคีพลุคคูลๆ เดินช้าๆ นั่งช้าๆ ยืนถ่ายรูป กบาลของพวกผมคงเละคามือพวกมันที่นั้งล้อมรอบผมสองคนไว้แน่ๆ สรุปคือเหมือนขโมยขโจรที่ไปลักลอบถ้ำมอง แอบถ่ายแสตนด์ออกมา และรูปที่ได้ออกมาก็ไม่ผิดหวัง ทุกคนเอารูปมาแชร์กันในชมรมและผลโหวตก็ให้ภาพผมเป็นอันดับหนึ่ง เป็นภาพที่โคตรบังเอิญที่เกิดหลังฟุตบอลกลิ้งเข้าประตู ไอ้พวกรุ่นพี่เก่าคนหนึ่งโคตรหล่อลุกขึ้นหันมาแหกปากดีใจกับเพื่อน และแบ็คกราวด์ด้านหลังก็เป็นแสตนด์โรงเรียนเก่าของมันแปลอักษรเป็นคำว่า โคตรคูล ที่ไอ้หล่อมันยืนบัง และตามด้วยคำว่า จองแล้ว ทุกคนเห็นดีเห็นงามในภาพความหล่อของไอ้นายแบบของผมที่มีคำว่า จองแล้ว ตามหลังมันและมองผมกันตาเป็นมันด้วยความกริ้มกรุ่ม จนผมต้องส่ายหน้าเลิกลั่กและอธิบายว่า ปีนี้พวกมันมีสติ๊กเกอร์แปะเสื้อด้วย คำนึงคือ โคตรคูล อีกคำคือ จองแล้ว แสตนด์มันแค่แปรอักษรโดยใช้การซ้ำคำเพื่อย้ำคอนเซปท์เฉยๆ ใช้แปรอักษรเวลาฟุตบอลพวกมันเข้าประตู แต่ไม่มีใครฟังเลยครับ ชื่นชมความหล่อกับภาพกันต่อไปพร้อมยิงสายตากริ้มกรุ่มใส่ผมมาเหมือนเดิม เสียเซลฟ์คนคูลหมด ผมไม่ได้จองใครทั้งนั้นโว้ย

“คนถัดไปเลยเจน มึงก็ใจเย็นๆ หน่อยสิวะจา คนคูลๆ เขาทำกันแบบนี้ที่ไหนล่ะ ไอ้ห่า วิศวะนะมึง ร้อยทั้งร้อยคือตีนทั้งนั้นนะ”

“มึงก็รู้ คนอย่างไอ้จา เอนด์เครดิต ต้องเป็นตีนที่หลังเท่านั้น”

“แต่รอบนี้ระวังเถอะ เอนด์เครดิตที่หลังจะเป็นคำว่า มีผัวเป็นนายช่าง”

“สัดนิว”

“กูชื่อสัตว”

“กูรักพ่อแม่มึงโคตรๆ”

“ควรรักกูมากกว่า ที่ไม่เปลี่ยนชื่อซักที”

“เฮ้ยยยยยย ห้ามเลยนะเว้ย”

“นิว น้องมาแล้ว” โอ้โหเฮะเลยครับ โคตรน่ารักเลยอ่ะครับ นี่คือสาวในฝันผมเลยนะครับ ผมยาวสีดำสนิท ตาโตประกายตาสดใส ทาปากอมส้มเบาๆ แก้มมีเลือดฝาดจัด รอยยิ้มเขินขวยนั้นคืออะไร

“สวัสดีครับ ผมชื่อจา บัญชี ปีสอง”

“จา ให้น้องแนะนำตัวก่อน”

“มึงจะรู้อะไร”

“เอ่ออออ หนูแนะนำตัวได้ยังคะ”

“ดะ…ดะ…ได้สิครับ”

“หนูชื่อฝ้าย เศรษฐศาสตร์ ปีหนึ่งค่ะ”

“พักอยู่ที่…”

“บ้านค่ะ”

“ไกลมั้ยครับ”

“ลาดพร้าวค่ะ แถวแฮปปี้แลนด์”

“วู้วววววววว ไกลอยู่น้าาาาาาา มีคนไปส่งรึเปล่าคร๊าบบบบบ”

“แม่ค่ะ” เพล้งงงงงง!!! สงสารไอ้นิวเลยครับ อิอิ นึกว่าเป็นผมล่ะสิ หน้าหม้อยังไงก็คงไม่รุกแรงเท่าไอ้นิวหรอกครับ 555

“ทำไมถึงชอบถ่ายภาพครับ”

“ชอบเล่นอินสตาแกรมค่ะ พอตามคนที่เขาถ่ายรูปเก่งๆ ลงรูปสวยๆ ก็อยากเรียนรู้ และคิดว่าชมรมถ่ายภาพน่าจะหากิจกรรมที่จะพัฒนาหนูได้ค่ะ”

“ก็ต้องขอลองดูภาพฝ้ายแล้วล่ะ ไอจีอะไรครับ” เนี่ย มันต้องเข้าเนียนๆ แบบผมครับ

“จาเมียผม พี่ข้างในให้มาเรียกคนถัดไปเข้าห้องครับ”

“สะ…เอ่อออออ น้องฝ้ายเข้าห้องทดสอบได้เลยครับ”

“อ้อ ค่ะ”

“อีกแล้วนะมึง รีบออกไปได้แล้ว”

“แล้วประกาศผลเมื่อไหร่ครับจา”

“14 กุมภา”

“เฮ้ย! วันเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเราเป็นวันวาเลนไทน์ว่ะ” ผมถอนหายใจแล้วชูนิ้วกลางให้มันไป

“น้องคนถัดไปเลยเจน”

“สวัสดีค่ะพี่จา จำหนูได้มั้ยคะ หนูน้องคณะพี่”

“เอ่อออออออ…จำได้ครับ จำได้ดิ” ใครวะ ซวยละกู

“ดีใจจังเลย หนูเป็นแฟนคลับรอยยิ้มพี่จาเลยนะคะเนี่ย”

“น้องแนะนำตัวเลยครับ” ไอ้นิวช่วยชีวิตไว้ได้ ไม่งั้นได้หน้าแตกแน่ๆ เดี๋ยวต้องไปสืบละว่ากรุ๊ปอะไร

“หนูชื่อแสนค่ะ บัญชีปีหนึ่ง…” ตอนนี้จะห้าโมงเย็นแล้ว ได้เวลาที่ผมต้องไปทำงานสักที

“พี่ม้วนครับ ผมต้องไปแล้ว ฝากพี่ด้วยครับ”

“เออๆ รีบไปเหอะ”

“ไว้เจอกันเพื่อนจา”

“เออ บาย”

^_^

วันนี้เพื่อนผมนัดมาสัมภาษณ์และทดสอบเข้าชมรมถ่ายภาพตอนห้าโมงเย็น ใจจริงก็ไม่ได้อย่างสุงสิงกับคนเยอะๆ สักเท่าไหร่ แต่ไอ้หม่อนมันบอกว่า

“กล้องมึงราคาเกือบแสน”

“ของอาม่ากู”

“อยู่ที่มือมึงแล้วเท่โคตร”

“อาม่ากูเป็นสาวเท่ๆ”

“มึงจะมีเสน่ห์เพิ่มขึ้น”

“สมัยอาม่าสมัยสาวๆ หนุ่มๆ ตามจีบตลอด”

“เลิกพูดเรื่องอาม่ามึง และตอบตกลงเข้าชมรมถ่ายภาพเป็นเพื่อนกู”

“แล้วทำไมเพิ่งมาเข้าตอนปีสามวะ”

“ของงี้ก็ต้องใช้เวลาศึกษาสิวะ ทำเงินได้ด้วยนะมึง แถมสาวๆ พริตตี้เรียกไปถ่าย นั่นล่ะสวรรค์ของกู”

“เอาไงก็เอา”

“นี่ใบสมัคร เขียนข้อมูลให้เรียบร้อยแล้วเดี๋ยวกูเอาไปส่งให้”

“เออ”

นั่นล่ะครับ เพื่อนอยากสมัคร ก็ตามใจเพื่อนหน่อย จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยได้ชอบความเท่ความคูลของการถือกล้องมาโชว์ใครหรอกครับ ปกติเอาไว้ไปถ่ายวิว สถานที่ท่องเที่ยวเวลาไปกับอาม่าและน้องชาย บังเอิญปีที่แล้วกู๋จิวขอให้ช่วยไปถ่ายแสตนด์งานฟุตบอลให้ลูกแกหน่อย และเราก็เป็นศิษย์เก่าด้วยเลยได้บัตรที่นั่งตรงข้ามแสตนด์พอดี ทำให้ถ่ายรูปได้ถนัด ไอ้หม่อนมันเห็นผมมีกล้องเลยถามนั่นถามนี่จนคลั่งการถ่ายภาพแล้วก็มาชวนผมเข้าชมรมถ่ายภาพนี่ล่ะครับ

“สวัสดีค่ะ อุ๊ย! พี่เบล”

“สวัสดีครับน้อง”

“นั่งรอสัมภาษณ์แถวนี้ใช่ไหมครับ”

“ชะ…ชะ…ใช่ค่ะ เอ่อออออ พี่อีกคนชื่อ…”

“พี่ชื่อหม่อนครับ มาสมัครเป็นเพื่อนไอ้เบลมัน”

ผมมองหน้าไอ้หม่อนมันตาขวาง

“หูยยยยยย ทำไมพี่ๆ เพิ่งมาสมัครตอนปีสามอ่ะคะ”

“อ้อไอ้เบลมันเพิ่งตัดสินใจได้ว่าอยากลงสนามกิจกรรมถ่ายภาพจริงๆ จังๆ แบบไปกับพี่ๆ น้องๆ ในชมรมอ่ะครับ พอมันมาปรึกษาพี่ ก็เลยแนะนำมันมาสมัครชมรมนี้ มันขอให้พี่สมัครเข้าไปเป็นเพื่อนมันด้วย”

แป๊ะ!!! เสียงตบกะโหลกเน้นๆ โดยฝ่ามือผมเอง ไอ้หม่อนกวนตีนเป็นอาชีพหลัก เรียน เล่นเป็นอาชีพเสริม

“555 ล้อเล่นครับน้อง สลับบทกันนิดหน่อย”

“อ่ออออออ 555 พี่ๆ นั่งรอตรงนี้ตามสบายนะคะ หนูชื่อแอมป์ รัฐศาสตร์ปีสอง เดี๋ยวถึงคิวแล้วหนูมาเรียกเข้าห้องสัมภาษณ์นะคะ ชิลๆ ค่ะ”

อืดดดดดดด!!! เสียงโทรศัพท์ผม อาม่าโทรมา

“ฮัลโหลครับอาม่า”

“อ้าวจา ไปแล้วหรอ”

“อืมๆ ไปแล้ว”

“งั้นไว้เจอกัน”

“บาย”

“วันนี้ผมมีสัมภาษณ์เข้าชมรมถ่ายภาพครับ อาม่ากินข้าวได้เลยครับ เดี๋ยวผมไปกินข้างนอก … ครับม่า โอเคครับ สวัสดีครับ”

“พี่เบลคะ แอมป์จะขอถ่ายรูปคู่หน่อยได้มั้ยคะ”

“เอ่ออออออ”

“มือถือมาเดี๋ยวพี่ถ่ายให้”

“ขอบคุณค่ะพี่หม่อน”

จัดแจงเสร็จสรรพครับไอ้หม่อน จริงๆ ผมชินแล้วครับ กับการที่หลายๆ คนขอถ่ายรูป

“ฮอตตลอดนะครับ พี่เบล”

“กูผ่าน มึงตก”

“พูดถึงอะไรวะ”

“สัมภาษณ์ชมรมไง”

“ไอ้เชี่ยเบลลลลลล กวนตีนกลับให้เป็นมงคลหน่อย ไอ้ห่า”

“น้องแอมป์ครับ พี่เข้าสัมภาษณ์ได้รึยังครับ”

“ใจเย็นนะคะพี่ๆ เพิ่งมากันเอง”

นั่งรอสิบกว่านาทีได้ น้องแอมป์ก็เรียกผมเข้าห้องสัมภาษณ์

"อ้าวพี่เบล สวัสดีครับ" ทุกคนก็คือรู้จักผมหมด แต่ผมเนี่ย ต้องรู้สึกไงวะ ไม่รู้จักใครเขาเลย

"สวัสดี"

"ผมชื่อนิว วิทยาปีสองครับ"

"เราม้วน วิทยาปีสาม เอาเป็นว่าเข้าคำถามเลยละกัน รู้จักอยู่แล้ว"

ก็ดีเหมือนกันนะครับ คนรู้จักอยู่แล้ว การแนะนำตัวก็ไม่ต้องมาก จะได้จบๆ ไป ข้อดีที่พอจะมองเห็นเวลาเป็นคนดัง

"ทำไมพี่ถึงเพิ่งมาสมัครเข้าชมรมตอนปีสามหรอครับ"

"เดี๋ยวรอถามอีกคนที่มาด้วยกันนะครับ"

"เอ่อออออออ"

"เบลถ่ายภาพเป็นมั้ย"

"อาม่าถ่ายภาพเก่งมาก สมัยก่อนถ่ายรูปหาเงินประจำ"

"อ่าาาาาาา พี่บ้านอยู่ไหนครับ"

"ไพรเวซี่ครับน้อง"

"นั่นไง เข้าไปห้องทดสอบได้เลย"

เสียงคนชื่อม้วนคงสะกดอารมณ์เต็มที่บอกให้ผมเข้าห้องทดสอบ การทดสอบก็ไม่ได้มีอะไรมาก ให้ลองกดถ่ายภาพแบบต่างๆ หน้าเบลอหลังชัด หลังชัดหน้าเบลอ พอเทรต ปรับค่า iso คงแค่เช็คระดับความรู้ความสามารถเบื้องต้นเพื่อจะได้เตรียมเทรนด์สำหรับคนที่ไม่ได้จริงๆ มั้งครับ

"ประกาศผล 14 กุมภา พี่สองคนอย่าลืมเช็คประกาศนะคะ"

"ทางไหนบ้างครับน้องแอมป์" ไอ้หม่อนคงจะเจอคนที่ใช่สำหรับมันแล้วแน่ๆ น้องแอมก็สวยจริงๆ นั่นแหละ ไอ้นี่กรุ้มกริ่มใส่ไม่หยุดเลยจริงๆ

"เว็บชมรม บอร์ดประกาศหน้าห้องชมรม และก็บอร์ดประกาศโรงอาหารกลางใต้ตึกนูนค่ะ"

"โอเค พี่ได้ใช่มั้ยคร๊าบบบบ"

"555 จุ๊ๆ ค่ะ พี่เบลได้แน่ๆ"

"โถ่เอ๊ยยยย พี่ถามถึงพี่"

"ล้อเล่นค่ะ รอประกาศนะคะ"

"คร๊าบบบบบบ"

"พอแล้วไอ้หูดำ แยกกันตรงนี้นะ กูจะกลับแล้ว"

"เออ ขอบใจเว้ยพวก"

การเจอสังคมใหม่ๆ ก็เป็นอะไรที่ทำให้เลือดสูบฉีดได้เหมือนกันนะครับ ถ้าวันๆ ผมเอาแต่ทำอะไรซ้ำเดิม คงเฉาตายได้เหมือนกัน คงต้องขอบคุณไอ้หม่อนมันจริงๆ นั่นแหละ แต่สิ่งหนึ่งที่เวลาทำอะไรซ้ำๆ แล้วยังคงทำให้ผมยิ้มได้เสมอ คงเป็นการไปกินข้าวที่ร้านแต่งแต้มร้อยยิ้มละมั้งครับ
หัวข้อ: Re: แบบฉบับหมายเหตุความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: cy17 ที่ 12-02-2022 00:08:24
บทที่ 4 แรกเรา . . . กัน

- ปูผัดผงกระหรี่ -

"หมู พี่มาแล้วน้อง"

"อั้ยเหี้ยเอ๊ยยยย มึงนี่ อ้อนตีนดีจริงๆ เลยว่ะ"

"ฮ่าฮ่าฮ่า สวัสดีครับพี่หมู ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง แหมจะเตะน้องเตะนุ่ง"

"เขาวุ่นกันจะตายห่าแล้ว รีบสวมกันเปื้อนแล้วไปทำงาน"

"แต่งแต้มร้อยยิ้ม จะเสิร์ฟอาหารดีๆ ให้พวกคุณ จนกว่าพวกคุณจะไปกินร้านอื่น"

ปัง !!!!

"ปายยยยยยล้าวววววววค่าบบบบบ"

"555 ไอ้แสบนี่มันน่ารักดีเนอะพี่หมู"

"เออ กวนตีนดีแท้ สมัยมาเป็นลูกค้านี่ก็โคตรกวนตีนแล้วนะ พอมาทำงานด้วยนี่สิบเท่าทวีคูณเลยว่ะ"

"ดีแล้ว พี่จะได้ไม่เครียดมากไง มีอะไรมาให้กระชุ่มกระชวยหน่อย"

"ความดันจะมาด้วยเนี่ยสิ 555 รีบทำเข้า เดี๋ยวลูกค้าก็ด่าอีก ไอ้อ๋อยมึงจัดเซ็ตหมูกระทะโต๊ะ 9 ด้วย"

กระหืดกระหอบมาจากมหาวิทยาลัย ผมก็มาเข้างานทันทีเลย ถึงจะเพิ่งรู้จักพี่หมูได้ไม่นานในฐานะเจ้านาย แต่พูดได้ว่าพี่แกกลับกลายเป็นพี่ที่ผมรักได้อย่างหมดใจคนหนึ่ง ลูกน้องคนอื่นก็ดูจะเป็นอย่างนั้นนะ แกไม่ถือตัวว่าเป็นเจ้านายอะไรเลย งานหลักแกรับออเดอร์ที่พวกพนักงานอย่างเราจดไปให้ แต่ถ้าถึงคราวลูกค้าเยอะ เสิร์ฟไม่ทัน แกก็แจ้นไปเสิร์ฟเองบ้างเหมือนกัน ที่สำคัญบางทีพูดคุยเล่นหัวกูมึงกับแกยังได้ เวลาแบบสนุกปากมากๆ จริงๆ

"พี่หมู ร้านมึงขายหลายอย่างไปว่ะครับพี่"

"สาระแนนักนะไอ้จา กูคิดแบบมึงมานานแล้ว"

"พี่มึงก็ไม่คิดเปลี่ยนเลยเนาะ"

"เอาแรงมึงไปคอยรับลูกค้าเหอะ เห่ามากอยู่ได้"

"มึงเรียกกูหมาเหอะพี่หมู"

"ไอ้หมาจา"

"บ๊อกๆ"

นั่นล่ะครับ พวกเราในร้านสนิทกันเร็วมากจริงๆ อัธยาศัยทุกคนในร้านไม่ต้องห่วง ฝนตกขี้หมูไหล คนซัลไลมาพบกัน การทำงานหาเงินที่นี่เลยเป็นความสบายใจของผมเป็นที่สุด

"สวัสดีครับคุณลูกค้า กี่ที่ครับ"

"..."

"เอ่ออออออ ลูกค้าครับ มากี่คนหรอครับ" จะเงียบทำซากอะไรวะ และจ้องตาเขม็งยังกับผมเพิ่งไปฉี่ใส่ล้อรถของคุณชายเขาเข้า ถ้าจะมากวนตีนละก็ บอกก่อนนะ พร้อมบวกมากเลย

"เท่าที่เห็นไง..."

โอ้โหหหหหหห จี๊ดเลยครับ ตอบยากมากหรือไง กับอีแค่พูดจำนวนคนว่ามาเท่าไหร่ กวนมากวนกลับไม่โกงโว้ย

"นั่งไหนดีครับ…" แหะๆ ไม่ได้ดิ ไปเหวี่ยงวีนกวนตีนลูกค้าพี่หมู เสียชื่อร้านแกหมด ว่าแต่ไอ้คุณชายนี่นอกจากไม่ตอบแล้วยังเดินปรี่ไปนั่งโต๊ะริมน้ำเลยครับ หน้าแตกมากๆ เสียหน้ามากๆ คือพี่ช่วยตอบผมบ้างสักนิดก็ยังดีครับ คำถามแรกพี่ตอบกวนตีนมา คำถามที่สองพี่เล่นทำเหมือนผมเป็นอากาศ เฮ้อออออ ผมรีบหยิบเมนูแล้ววิ่งตามไปที่โต๊ะทันที

"สั่งอะไรดีครับ" อ่ะแจกยิ้มไปหนึ่งที เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น

"หย่อนก้นปุ๊บผมต้องสั่งเลยหรอ…"

แควก !!!

"เอ่อ ! ขอโทษครับกระดาษจดจะร่วงครับ คุณผู้ชายค่อยๆ ละเมียดดูก็ได้นะครับ แหะๆ" สะกดอารมณ์ไม่อยู่ละครับ รอยยิ้มไม่ได้ช่วยอะไรเล๊ยจริงๆ แถมตาขวาของมันดันกระตุก ขวาร้าย เดี๋ยวมึงเจอศอกซ้ายกู แกล้งฉีกกระดาษจดออเดอร์มันซะเลย ขอโทษว่ะพี่หมู ไอ้ลูกค้าเปรตแบบนี้มันต้องเจอคนอย่างผม

"รอได้ใช่ไหม"

อื้อหืออออออออ ทำไมผมสัมผัสได้ว่ามันแกล้งผมแน่ๆ แล้วคราวนี้

"ด้ายยยยยย คร๊าบบบบบบบบ" ผมยืนรอมันสักสองนาทีได้ สองนาทีที่มันไม่พลิกเมนูไปหน้าอื่น ซึ่งคนก็เริ่มเข้าร้านมามากขึ้นแล้วด้วย ผมเลยคิดว่าไปต้อนรับคนอื่นก่อนดีกว่า

"เดี๋ยวผมมารับออเดอร์นะครับ" ขณะที่ผมกำลังจะเดินออกไปรับลูกค้าใหม่นั้น

"ข้าวราดปลากะพงผัดพริกสด"

"ครับ !!! " เอาล่ะ ผมมั่นใจละว่ามันกวนตีนผมแน่ๆ เลยถอยหลังกลับมาหาคุณชายตัวดีอีกครั้ง

"ผมสั่งข้าวราดปลากะพงผัดพริกสด คุณไม่ได้ยินจริงๆ หรอครับ"

"อ่อครับ แล้วอะไรอีกครับ"

"ผมต้องสั่งอะไรเพิ่มด้วยหรอครับ"

"โอเคครับ อย่างเดียวครับ ผมรับทราบครับ" ตอนนี้บทสวดไหนถึงจะช่วยให้ผมรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้ ช่วยด้วยครับ ผมหายใจไม่ออก อ่อกๆ มันแน่นอกมาก ได้แต่หวังว่ามันจะรีบกินแล้วรีบไถลหัวมันออกจากร้านไป

"เป็นไงวะ หน้ามุ่ยมาเชียว กูบอกให้ยิ้มไง"

"เซ็งอะดิพี่หมู เจอลูกค้ากวนตีน"

"กวนตีนหรอ ! แบบแห้งหรือแบบน้ำวะ"

"โถถถถถถ ไอ้พี่ มึงจะหัวแตกแทนลูกค้าเวรนั่นก็ตอนนี้แหละ"

"กูก็เผื่อมึงจะใจเย็น อ่ะรีบระบาย ลูกค้าเริ่มมาเยอะขึ้นแล้ว เดี๋ยวมึงจะเอาไปลงกับลูกค้าคนอื่น"

"ก็มันทำผมหน้าแตกไม่รู้กี่รอบเลยอ่ะ ถามอย่างตอบอย่าง ถามสอง ไม่ตอบ ทำผมเป็นอากาศไม่มีตัวตน ถามสาม ตอบเหมือนกับผมไปกดดันมันแบบพนักงานที่ไม่มีการอบรมจากเจ้าของร้าน"

"สัด ! มันอยู่ไหนวะ กูจะไปเอาเลือดหัวมันออก"

"เฮ้ยๆๆๆๆ ใจเย็นพี่หมู อันนี้ผมเติมเอง แหะๆ"

"ไอ้สัด ! "

"ขอบคุณครับ และที่โคตรโมโหสุดๆ เลยคือมันนั่งดูเมนูนานมากกกกกกกกกกกกก พอผมจะไปรับลูกค้าอื่นปุ๊บ มันสั่งปั๊บ แล้วก็เนี่ยครับ ออเดอร์มัน" พี่หมูรับกระดาษระบุเลขโต๊ะและลายมือขยุกขยุยของผมที่เขียนคำว่า

"ข้าวราดปลากะพงผัดพริกสด อย่างเดียวเองหรอวะ"

"ช่ายยยยยยยยย"

"เฮ้ออออออ เอาเถอะวะ ช่างมัน ลูกค้าคือพระเจ้า"

"อ้าวววววว พี่หมู โด่เอ๊ย นึกว่าจะแน่"

"เอางี้ กูให้มึงมีเรื่อง แต่ขอตัดเงินค่าจ้างนะ"

"ไปรับลูกค้าาาาาาาาาาดีกว่าโว้ยยยยย"

"ไอ้กระจอกหมาจา ไวเชียวนะมึงพอเรื่องเงินเรื่องทอง !!! "

เงินทองต้องมาก่อนสิครับทุกโคนนนนนนน เอาเข้าจริงๆ ก็แค่อยากระบายอารมณ์เท่านั้นล่ะครับ ไปมีเรื่องจริงก็เท่ากับทุบหม้อข้าวตัวเองชัดๆ เกิดมันอัดคลิปลงโซเชียล ถึงตอนนั้นร้านคงดังระเบิดแน่ๆ แต่ในแง่ลบนะ อดทนมันไปดีกว่า

"หมาจา"

"โฮ่ง"

"เสิร์ฟเมนูโปรดมึงดิ๊"

"โอมายก๊อดดดดด หอมจริงๆ"

"แล้วรีบกลับมารับเมนูเกลียดมึงไปเสิร์ฟล่ะ"

"เฮ้ยมีด้วยหรอวะพี่ ผมกินทุกอย่างนะ"

"555 เดี๋ยวรีบกลับมามึงก็รู้เอง"

เมนูสุดหอมกรุ่น ที่แค่ได้กลิ่นก็น้ำลายไหลในใจแล้วครับ ผมเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ถืออาหารผ่านโต๊ะไอ้คุณชายไปเสิร์ฟโต๊ะข้างๆ มัน มันก็มองผมถมึงทึงตลอดเวลาเช่นกัน ทำไม นายคิดว่าเราต้องอารมณ์เสียหรอ ขอโทษนะ หลุมนายลึกไม่พอ เราโดดออกเองได้เว้ย

"เมนูสุดอร่อยของแต่งแต้มร้อยยิ้มมาเสิร์ฟแล้วครับ ปูผัดผงกะหรี่"

"ขอบคุณมากเลยนะครับ ทำไมคุณถึงแนะนำเมนูนี้ล่ะครับ"

"นี่เป็นเมนูสุดโปรดของผมในร้านนี้เลยนะครับ คอนเฟิร์มว่าอร่อยมว๊ากกกก โดยเฉพาะน้ำจิ้มซีฟู๊ดนี่เลิศหรูเลยครับ ความเปรี้ยวหวานเค็มไปตัดความมันเค็มกับความหอมของเครื่องเทศในผงกะหรี่ เนื้อปูจุกๆ เชื่อผมครับ ฟินสุดๆ"

"ว้าวววววว คงต้องลองชิมซะแล้วล่ะ"

"อาหารครบแล้วใช่ไหมครับ"

"ครับ ขอบคุณมากเลย"

"มีอะไรให้บริการเรียกได้เลยนะครับ" ลูกค้าคือพระเจ้า เข้าใจปะไอ้คุณชายหน้าบึ้ง บริการโต๊ะนี้เสร็จ หันมาเจอหน้าไอ้คุณชายที่ส่งสายตาปั้นปึ่งส่งมาให้ผม ผมก็เลยยักคิ้วให้มันไปหนึ่งที อยากได้บริการดีก็ต้องทำตัวดีๆ ดิครับ

"จะยิ้มให้เวอร์ไปทำไมขนาดนั้น บริการดีได้แค่ยิ้มมั้ง"

ผมที่กำลังเดินผ่านโต๊ะไอ้คุณชายขี้เก๊กถึงกับต้องชะงักกึก เพราะได้ยินเสียงพึมพำของไอ้คุณชายลอยมาเบาๆ อารมณ์กรุ่นๆ พุ่งพรวดขึ้นมาอีกแล้ว หันกลับมาอยากจะจัดคำด่ามันสักที เพราะไม่ไหวกับคำพูดมันแล้ว แต่มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยซะก่อน

"สวัสดีครับอาม่า อ่าครับ เดี๋ยว..."

ผมเลยได้แต่ถอนหายใจ เดินลูบหูตัวเองไปเพราะตอนนี้ร้อนจี๋เลยครับ คาดว่าหูคงแดงเข้มแน่ๆ เดี๋ยวไอ้พี่หมูต้องแซวแน่ว่าไปปิ๊งปั๊งกับลูกค้ามา

"เฮ้ย ได้แล้ว เมนูเกลียดของมึง แล้วนี่ไปทำอะไรมาหูแดงขนาดนี้ อย่าบอกนะว่ามึงไปปิ๊งปั๊งกับลูกค้าน่ารักๆ คนไหนมา ไอ้นี่"

นั่นไงครับ แต่ไม่ใช่ปิ๊งปั๊งนะ แต่เป็นเปรี้ยงปร้างกลางร้านมึงล่ะพี่

"อือครับ"

"ไอ้ตัวร้าย"

"ไหนขอดูเมนูเกลียดผมหน่อย"

"ข้าวราดปลากะพงผัดพริกสด"

"ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้คุณชายยยยย" เฮ่อเฮ่อเฮ่อ คราวนี้ล่ะ มึงเสร็จแน่ เอาไงดีครับ โรยน้ำปลา เติมน้ำตาล ราดพริก เอาให้สาแก่ใจ ผมยืนมองอาหารจานนี้ด้วยสายตาพญามาร แต่น้ำตาตกใน ใครจะกล้าเอาอาหารไปทำร้ายคนล่ะครับ เฮ้อออออออออออ

"เดี๋ยวววววววว"

"อารายยยยอีกพี่"

"กูมั่นใจว่ามึงอ่ะโปรฯ พอ อย่าให้กูผิดหวังเชียวนะเว้ย"

"แหะๆ พี่หมูครับ รับรอง ผมไม่ทำอะไรเด็ดขาด อาหารไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ไอ้คนกินเนี่ยยยยยย"

"เออ ไอ้คนเก่ง กูรักมึงนะเว้ย"

"คร๊าบบบบบบ" แค่มองตาเราก็รู้ใจกันแล้วครับ ทำงานกันแค่ไม่กี่วันเกิดอะไรแบบนี้ได้นี่ปาฏิหาริย์จริงๆ แต่ผู้ใหญ่อย่างพี่หมูก็น่ารักเสมอ แกก็คงอยากย้ำให้แน่ใจอีกทีว่าผมจะไม่ทำอะไรแผลงๆ แม้ว่าแกจะมั่นใจอยู่แล้วก็เถอะ

ปั่ก !!! ขอกระแทกแรงสักหน่อยเท่านั้นพอ มันมองหน้าผมด้วยสายตาอาฆาตสุดๆ เลย แต่ขอโทษนะไอ้คุณชาย

"ขอโทษครับ ผมถือพลาดเกือบหลุดมือ ขอโทษจริงๆ ครับ" หึหึ ขอโทษ ขอโทษที่ทำเธอเสียใจ ฉันทำผิดไปแล้วจริงๆ ฉันทำพลาดไป ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้กลับมา ความรู้สึกของเธอ เจ็บเกินจะเยียวยา ฉันเองเป็นคนผิด ทำให้เสียน้ำตา 555 จัดให้หนึ่งบทเพลง

"ก็คงจะบริการดีแต่ยิ้มอย่างเดียว"

ผมหุบยิ้มทันที ดีใจได้แก้แค้นไม่เท่าไหร่ มันสวนผมทันทีเลย รอบนี้คงไม่ต้องไว้หน้าแล้ว

"คุณ...!!! "

"ผมขอสั่งเป็ดพะโล้และก็..."

สมองผมต้องปรับเปลี่ยนเร็วอย่างหนักมากๆ มือรีบล้วงกระดาษปากกาในกระเป๋าขึ้นมาจด ด้วยหน้าตาเอ๋อเหรอทันที

"ก็อะไรล่ะครับ ! " ลากก็ยาวเหลือเกิน

"ปูผัดผงกะหรี่"

"สั่งตอนนี้นานนะครับ กว่าอาหารจะมา"

"ผมไม่ได้รีบ แต่ขอเป็นสั่งกลับบ้าน แยกสองถุงนะครับ"

"โอเคครับ รับอะไรอีกมั้ยครับ"

"ถ้ามีผมก็คงสั่งไปแล้วล่ะ"

"คร๊าบบบบบบบบบบบ คุณชายยยยยยยย"

ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ครับ ผมว่ามีแต่เสียกับเสียถ้าขืนหลุดตัวกับคนแบบนี้

"พี่หมู เป็ดพะโล้กับปูผัดผงกะหรี่กลับบ้าน"

"ยิ้มออกแล้วหรอ"

"ยอมแพ้แล้วพี่หมู ยิ่งสู้เหมือนยิ่งโดน"

"555 สะใจโว้ย ไอ้หมาจายอมแพ้"

"เฮ้ยๆๆ พวกพี่อย่าเพิ่งรีบนับศพทหาร ของแบบนี้มันมีเรื่องวันพระเข้ามาเกี่ยวข้อง"

"555 กูโคตรชอบร้านตัวเองเลยโว้ยยยยย มีความสุข"

"ฮ่าฮ่าฮ่า ผมก็ชอบบบบบบบ"

"มึงหัวเราะปลอมอีกแล้ว"

"ก็บอกว่าจริงทุกรอบโว้ยยยยย" ถึงที่สุดแล้ว ชีวิตคน ถ้าเราได้มีโอกาสทำงานสักอย่าง จะถนัดหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าซื่อสัตย์ต่อหน้าที่นั้นๆ ความสุขก็วิ่งมาหาเราไม่ยาก

จะสามทุ่มแล้ว ร้านใกล้เวลาปิด ลูกค้าก็เริ่มซา และผมเดินเอาอาหารที่ไอ้คุณชายขี้เก๊กนั่นสั่งไปให้

"ของได้แล้วครับ"

"ทำไมไม่แยกถุงมาล่ะครับ"

"อุ๊ย ! ขอโทษจริงๆ ครับ ผมลืม เดี๋ยวไปเอาถุงมาให้"

"ไม่เป็นไร"

นี่ไงล่ะ มัวแต่เจ้าคิดเจ้าแค้นคนอื่น งานพลาดของจริงมาแล้ว

"เก็บเงินเลยมั้ยครับ เดี๋ยวผมเรียกพี่คนเก็บเงินมาให้" คุณชายเขาก็พยักหน้ารับ ใจผมไม่ดีเลย คือรู้สึกผิดจริงๆ อ่ะครับ คราวหน้าไม่เอาแล้ว ต้องตั้งสติมากกว่านี้

ผมคอยมองระหว่างที่ไอ้คุณชายเขาจ่ายเงินให้พี่งิ้ม พอมันลุกขึ้นจะกลับก็เลยเดินไปหาอีกครั้งเพื่อไปขอโทษและก็เดินไปส่ง

"ผมขอโทษจริงๆ นะครับ" คุณชายมันมองด้วยหางตาแวบหนึ่ง

"คราวหน้าก็มีสติเยอะๆ อย่ามัวแต่ยิ้มสะเหร่อไปทั่ว" เอาล่ะ ผมจะกลับมาวอร์กับมันต่อก็ตอนนี้แหละ

"ครับ" จ๋อยเลย

"อ่ะ"

"อะไรหรอครับ" อยู่ดีๆ ไอ้คุณชายก็ยื่นกล่องกับข้าวที่มันซื้อมาให้ผมกล่องหนึ่ง

"รับไว้ดิ"

"ฮะ คือรับอะไรครับ"

"ก็ชอบไม่ใช่หรอ ไปละ วันนี้ร้านนี้ดีกว่าเดิมขึ้นมาอีกแล้วสินะ"

อะไรของเค้าเนี่ย ผมงงไปหมดแล้ว คุณชายเดินขึ้นรถและก็ขับออกไป ทิ้งให้ผมยืนงงกับกล่องกับข้าว พอได้สติผมก็เปิดกล่องดู ของข้างในทำให้ผมยิ้มแทบหุบไม่ลงเลยจริงๆ ถึงวันนี้จะเป็นอีกวันที่วุ่นๆ และถึงจะเป็นวันที่หัวร้อนสุดๆ แต่เมื่อถึงวันฝนหยุดตก เราก็อิ่มใจกับสายรุ้งมันได้บ้างเหมือนกัน

"ไอ้หมาจา ไปยืนหูแดงอะไรตรงนั้น รีบกลับมาช่วยเก็บร้านเร็วๆ"

เสียงพี่หมูมาเรียกผมแล้ว นี่ผมหูแดงด้วยหรอ อืม แปลกดี การที่จะได้กินอาหารที่เราชอบมากๆ เนี่ย มันสร้างแรงกระเพื่อมให้หัวใจได้ดีจริงๆ



หัวข้อ: Re: แบบฉบับหมายเหตุความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: cy17 ที่ 26-02-2022 21:52:15
บทที่ 5 แกะโน้ตเพลงต่อ

 - ซอคเกอร์ห้าสถาบันต้องมีลีด -

"จา..."
"..."
"จา..."
"..."
"ไอ้จา !!! "
"เออออออออ เฮ้ยยยยย !!! มึงตะโกนไมเนี่ย หูแทบแตก" ไอ้ไผ่แหกปากตะโกนใส่ผม
"โหหหหหหหหหห"
"มึงตบหัวมันเลยไผ่" ไอ้มีนยุให้ไอ้ไผ่ตบหัวผม
"ไรวะไอ้มีน ทำไมพูดงี้ล่ะ"
"ไอ้ไผ่มันเรียกมึงสามสี่รอบแล้ว แต่มึงเหม่อเชรี่ยไรนักหนา"
"กูหลับ"
แป๊ะ !!!
"โอ้ยยยยยยยยย พวกมึงไม่เคยรักกู"
ไอ้มีนตบหัวผมครับทุกท่าน อยากงอน แต่ไม่มีใครง้อ เลยได้แต่หันไปจ้องหน้ามันแบบจะกินเลือดกินเนื้อ
"กวนตีนตลอดอย่างมึง ก็ต้องเลี้ยงด้วยหย่งชุนแบบนี้แหละ พี่ฟ้าให้มึงไปคัดลีดงานซอคฯ" ไอ้ไผ่พูดออกมา ทำให้ผมเซ็งหนักเข้าไปอีก
"มึงงงงงงง กูเหนื่อยมากเลยยยยยย"
"มึงก็ปฏิเสธพี่เขาไปดิ"
"อะไรจะตามมาล่ะครับคุณไผ่"
"พี่เขาก็จะได้หลอกล่อมึงทุกวิถีทางไง จนมึงต้องไปคัดลีดจนได้อยู่ดี 555 นึกถึงตอนนั้นกูยังขำไม่หายเลย ที่มึงเล่าว่าเขาโทรมาหามึงและบอกว่าพี่รหัสมึงโดนหมากัดที่ลานไอติม คอนเทนท์เหี้ยมาก"
"แต่ไอ้หมาจาเสือกเชื่อเว้ย 555"
"อ่านปากกูนะมีน กูรักพี่รหัสกูโว้ย"
"ก็นี่ไง มึงเลยโดนพี่ๆ ล้อมแล้วก็หว่านล้อม เขาแค่เลี้ยงลูกชิ้นมึงหนึ่งเดือน กูถามจริง"
"กูก็อยากรู้นะเพื่อนมีน ว่าใครเอาความลับเรื่องลูกชิ้นเพื่อนไปบอกพี่ๆ"
"ไบร์ทโว้ยยยยยย !!! "
ไอ้มีนมันเปลี่ยนเรื่องทันทีเลยครับ และตะโกนเรียกไอ้ไบร์ทที่เดินเอ๋อๆ ออกมาจากลิฟท์ใต้คณะ
"เออมึง !!! "
"เป็นไงบ้างวะ" ผมถามไบร์ทที่ตอนนี้ขนกองชีทเต็มไปหมดมาวางบนโต๊ะ
"กูเบื่อ stat"
"เฮ้ยยยยยย 555 ไม่ได้ปะ"
"อ่ะชีท stat"
"โอเค กูเกลียดด้วย" ต่อคนนี่กองสูงเท่า textbook สองเล่ม
"พวกมึงอย่าได้คิดโดดเจ๊วงจรปิดกันเชียวนะ"
"ไมวะ"
"มึงดูปกชีทที่ซีร็อกมาก็แล้วกัน"
'พี่เอฟ แต่ก็อยากถ่ายทอดให้น้อง'
ช็อคเลยครับ ผมไม่เข้าใจ
"หมายควายว่าไงวะ"
"เจ๋งปะล่ะมึง พี่เจ้าของชีทแกติดเอฟ ตอนซัมเมอร์แกก็เลยทำสรุปชีทนี้ไว้สำหรับวิชานี้ ซึ่งอาจารย์มาลาแกแนะนำว่าเป็นสรุปที่ดีมาก ตกทอดกันมา 10 ปี แล้วว่ะ แต่มงคลเหลือเกิน เอฟอยู่หน้าปกเลย"
"ไปกินข้าวกันเถอะว่ะ คุยเรื่องเรียนแล้วผมปวดหัวครับ"
"มึงเลือกเลยครับไผ่"
"ใต้ตึกไง"
พวกเราทุกคนเดินจากใต้ตึกเรียนไปตึกกินข้าว คนเยอะมาก แต่คนมันจะเจอยังไงก็เจอครับ
"น้องจาขาาาาาาาาาา"
"ครับพี่ฟ้า แหะๆ" ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ นี่แหละเจ้ากรรมนายเวรผมตัวจริงเสียงจริง
"พี่ฝากเพื่อนมาบอกจาเรื่องคัดลีดงานซ็อคฯ แล้ว ว่าไงจ๊ะ พรุ่งไปได้เนอะ"
ก็คือทางเลือกที่จะชิ่งริบหรี่ไปหมด
"แหมมมมม พรุ่งนี้ผมต้องรีบกลับไปทำงานที่..."
"ตกแต่งคาเฟ่อะไรนั่นใช่ไหม"
"แต่งแต้มร้อยยิ้มครับ"
"นั่นแหละ ลาให้พี่หน่อยนะคะ ไปลองหน่อย ได้โปรดดดดดดดดดด" แกเดินมากระตุกแขนเสื้อผมยิกๆ แล้วผมจะทำให้พี่แกผิดหวังได้ไง
"คร๊าบบบบบบบบ"
"อรั๊ย !!! สู้ๆ นะคะ"
"หวังว่าจะไม่ลืม..."
สายตาพี่ฟ้าควับมาที่ผมทันทีราวกับอยากจะรับประทานเลือดผมซะงั้น
"ไม่ลืมแน่นอนครับ"
"ดีค่ะ น้องไบร์ทขาาาาาา"
"ม่ายยยยยยครับพี่ฟ้า 555"
"อะเคร" พี่ฟ้ายอมเดินจากไปด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เพราะแกหลอกล่อไอ้ไบร์ทไม่สำเร็จตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ทำไมมาสำเร็จที่ผมวะ
"มึงโคตรเก่งเลยว่ะไบร์ท"
"ส่วนมึงมันง่าวไง"
"กูจิตใจดี"
"มึงมันง่าว !!! " พวกมันสามคนประสานเสียงด่าผม ผมก็เลยยิ้มใส่พวกมันซะเลย ในกลุ่มนี้ผมคือลำดับล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร ที่อื่นที่ไม่มีพวกมันผมยังพอกร่างได้ แต่เมื่อไหร่ที่ไอ้สามคนนี้รวมตัวกัน ร่างกายนี้ไม่ใช่ของข้า ไม่มีอะไรเป็นของข้า ทำทุกอย่างที่พวกมันทำได้ ตั้งแต่ยีหัวของผมที่หวีมาจนมันไม่เป็นทรง ผมเลยเลิกเซ็ตผมมานานแล้ว ล็อคตัวผมกรอกยาคูลท์ซึ่งพวกมันรู้ว่าผมกินนมไม่ได้ ถ้ายาคูลท์เข้าปากผมเมื่อไหร่ อึแตกสิครับ ไม่ได้ท้องเสียแต่การขับถ่ายจะมาไวกว่าปกติทันที แก้มผมก็คือจุดศูนย์รวมเชื้อโรคจากมือของพวกมันสามตัว บางทีนั่งอ่านหนังสืออยู่พวกมันก็จะจับเล่น คลึงๆ เหมือนพวกขาดความอบอุ่น แรกๆ ก็รำคาญ ตอนนี้ชินแล้วครับ แต่สิ่งที่ทำให้ผมยอมพวกมันก็คงเป็นเพราะความเป็นเพื่อนแท้ของพวกมันนี้แหละที่คอยช่วยเหลือกันทุกช่วงชีวิตของการเป็นเด็กบัญชี อย่างปีที่แล้วพอบอกว่าต้องไปเป็นลีดคณะ พวกมันรู้ปุ๊บก็ไม่เคยเดินเฉียดไปแถวลานไอติมอีกเลย นี่ล่ะครับเพื่อนแท้ของผม
"แล้วใครจะไปเป็นเพื่อนกูคัดลีดงานซ็อคฯ บ้าง"
"กูต้องไปกินข้าวกับอาม่า" ตัดไอ้ไบร์ทแล้วหนึ่ง
"กูเฝ้าบ้านฉีดยาปลวก" ตัดไอ้ไผ่แล้วสอง
"กู..."
"มึง...ต้องไป" ผมรีบขัดไอ้มีนทันที
"กูไปงานแต่งญาติ" ไอ้มีนก็ยังปฏิเสธหน้าตาเฉยอยู่ดี
"กูทนคบกับพวกมึงได้ไงวะเนี่ย"
"งั้นเย็นนี้พาไปเลี้ยงลูกชิ้นนะน้องนะ" ไอ้ไบร์ทมันรู้ครับว่าต้องทำยังไงผมถึงจะไม่งอน
"เออๆ แล้วพวกมึงก็เตรียมติวสอบให้กูด้วยละกัน ตัวกูจะแตกแล้วเนี่ย"
"ได้เสมอ แก้มเธอรอพวกพี่อยู่ !!! " พวกมันประสานเสียงอีกครั้ง มีเพื่อนแบบนี้ล่ะครับ ที่เรียกว่าเพื่อนแท้ 555
^_^
"แฮกๆ พี่ครับ ผมมาคัดลีด" เลิกเรียนสี่โมงเย็นผมก็ต้องวิ่งจากคณะมาสนามกีฬากลางของมหาวิทยาลัย ซึ่งไกลจากคณะมากถึงมากสุดขั้ว ถ้าให้นั่งรถโดยสารในมหาวิทยาลัยคิดว่าจนลูกบวชก็คงยังไม่ถึง
"โอเค ชื่ออะไรครับ"
"จา กัลย์ดิษฐ์ กัณณ์ดิษฐ์ บัญชี ปี 2 ครับ"
"โอเคครับ นี่ป้ายแปะที่อกนะครับ Acc09"
"ไม่ต้องมีชื่อหรอครับ"
"ใช่ครับ"
"อ่อครับ เอ่อห้องน้ำอยู่ไหนหรอครับ"
"เดินเข้าไปเลี้ยวขวาครับ"
"ขอบคุณครับ" เพื่อนสามบาปของผมจับผมกรอกยาคูลท์มาอีกแล้วครับ เลวไม่มีที่ติ
หลังจากที่ปลดปล่อยพลังงานอย่างหมดปลอกผมก็รีบเดินหมดเรี่ยวแรง ไปที่สนาม
ปัก !!! เขาว่าการเดินชนคนเนี่ยคือโอกาสที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความรักเลยนะ เพราะถ้าได้สบตาใครหลังชนกันแล้วเกิดสปาร์คเนี่ย ถือว่าโชคเข้าข้างเลยล่ะ แต่ผมเดินชนคนหลายครั้ง สายตาที่ได้กลับมาและกลับไปเหมือนจะเป็นบาดหมางซะมากกว่า ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น นอกจากจะไม่ใช่ลางแห่งความรักที่ควรจะเกิดขึ้นในช่วงใกล้เทศกาลวาเลนไทน์แบบนี้แล้ว อาจเป็นลางแห่งยมทูตด้วยซ้ำไป ไอ้คุณชายขี้เก๊กที่กวนเท้าผมไม่หยุดหย่อนที่ร้านแต่งแต้มร้อยยิ้ม
"คงยิ้มเป็นอย่างเดียวจริงๆ แหละ เดินชนคนอื่นถึงไม่ข้อโทษ"
อ้าว ไอ้นี่ ใช้สายตาดีๆ หน่อยเว้ย มันมองผมด้วยสายตาที่เหมือนผมใช้ตอนมองกองขยะที่เจ้าหน้าที่ยังไม่มาเก็บ คิดได้แบบนี้แล้วก็คงต้องหาเรื่องสักตั้ง ตอนนี้ผมไม่ใช่พนักงานที่ต้องรักษาภาพอยู่แล้ว
"ขอโทษครับ" เอาสิ ผมว่าผมหลุด นี่ไม่ใช่ผม แต่อย่างว่าแหละ คนเราสร้างศัตรูเยอะมากเกินไปก็ไม่ดี สายตาผมเลื่อนไปที่อกเสื้อของคุณชาย มีป้ายแบบผมแปะไว้ 'ComA09' เอาล่ะครับ เจอคู่แข่งเข้าแล้ว
"นายเรียนที่นี่หรอ" คุณชายถามผม
"ใช่ครับ แล้วคุณล่ะ" ผมถามกลับไปบ้าง
"ไม่ยากเกินไปใช่มั้ยที่จะลองดูชุดนิสิตผม"
เฮ่อเฮ่อเฮ่อ ไม่ยากจริงแหละ แต่ยากมากที่จะอดทนกับความยียวนกวนประสาทของมัน เลยเปลี่ยนเรื่องซะเลย จะได้ไม่โดนปั่น
"แล้วนี่มาคัดลีดเหมือนกันหรอครับ"
คุณชายมันเอามือจับที่ป้ายแปะอกของมันแล้วพูดว่า
"สังเกตสิ อย่าให้ผมสงสัยว่ามหา'ลัยเรานอกจากสอบเข้าแล้วมีวิธีอื่นเข้ามาเรียนได้อีก"
จึก จึก จึก !!! ถ้าคุยต่อไป ใจผมคงทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาต่อยคนหน้าประตูทางเข้าสนามแน่ๆ
"คร๊าบบบบบบบบ คุณผู้ชายผู้แสนฉลาด หล่อเท่เหมาะสมกับลีดงานซ็อคฯ มากเลยครับ คุณผู้ชายได้แน่ๆ เลยครับ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยครับ" อดทนไม่ไหว ใช้กำลังไปคงพ่ายแพ้ ก็ใช้วิธีแดกดันมันนั่นแหละครับ
"ก็คิดว่างั้น ส่วนนายถ้าไม่ได้ ก็ยิ้มไว้เหมือนเดิมล่ะ ดีแล้ว"
โอ้โห ความมั่นหน้าไม่เท่าไหร่ แต่ความใส่ใจที่จะตัดกำลังใจคู่ต่อสู้นี่ ฮันเดรดเปอร์เซ็นต์เอาไปเลย
"อย่ามั่นใจเกินไปนักครับ ถ้าสลับกันขึ้นมา ถึงตอนนั้น หน้าตาจะจืดๆ หน่อย"
"ถ้าผมติดล่ะ"
เอาไงดีวะ ยิ่งคุย ยิ่งพูด ยิ่งสู้ เหมือนยิ่งขี่หลังเสือขึ้นไปทุกที มันมีความฮึกเหิมที่จะได้เอาชนะแบบสะใจเล็กๆ แต่แค่นี้ชีวิตก็วุ่นวายเกินพอแล้ว อย่าไปสร้างเรื่องราวเพิ่มเลยดีกว่า
"ถ้าคุณติด ผมจะมาเป็นคนดูแลส่วนตัวให้ก็ได้ แต่ถ้าคุณไม่ติดผมขอแค่เลี้ยงลูกชิ้นสักสัปดาห์หนึ่งก็พอแล้ว" ปากหนอปาก ใจมันถอย แต่กายมันสู้ว่ะครับคุณ
"หึหึ ดีล ! "
เชรี่ยละ ขนลุกซู่เลยกับรอยยิ้มคุณชายมัน
"แล้วถ้านายติด ผมไม่ติดล่ะ"
"ก็เหมือนกันดิ" เอาล่ะ กำลังใจในการเป็นลีดงานซ็อคฯ มาเต็มแล้ว
"แล้วถ้าเราติดและไม่ติดทั้งคู่ล่ะ"
เออ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย ระหว่างที่ยังยืนง่าวคิดอยู่นั้น คุณชายก็พูดออกมาด้วยเสียงสบายๆ ว่า
"ถ้าติดทั้งคู่ เราก็แค่แลกกระเป๋ากันสะพายไง แต่ถ้าไม่ติดทั้งคู่ ผมก็เลี้ยงลูกชิ้นนายสัปดาห์หนึ่ง อีกสัปดาห์นายก็เลี้ยงผมกลับ ไม่เห็นจะยาก"
ไม่ยาก แต่ได้ฟีลแบบโลกใบนี้เป็นของเราสองคน เราและนาย 555 จั๊กจี้โคตร
"เอาดิ ดีล" เอาเป็นว่า ผมขอให้ไม่ติดทั้งคู่ครับ เพราะนั่นคงเป็นสวรรค์ของผมโคตรๆ สวรรค์ลูกชิ้น
"ไปสนามได้แล้ว"
"อะเคร" แล้วผมก็เพิ่งกลับมาคิดขึ้นได้ว่า อ่อย !!! ผมเพิ่งสูญเสียพลังงานสุดยอดไปถึงสองสาย ค่อยๆ เดินสะโหลสะเหลตามคุณชายเข้าสนาม
แต่เดี๋ยวก่อน ดีลเมื่อกี๊คือผมหวังให้ไม่ติดทั้งคู่ แต่คุณชายมันจะคิดแบบผมปะเนี่ย ซัลไลท์แล้วล่ะสิ
^_^
"ขึ้นมือ และค้างไว้ ! "
ผมเนี่ยยิ้มไม่หุบเลยล่ะครับ คนมาคัดเกือบร้อยคน ความหลากหลายทางชีวภาพถึงขั้นสุด รับหญิง 6 คน ชาย 6 คน ดีลผมปิดจ๊อบแล้ว 555
"งานซอคเกอร์ห้าสถาบัน ปีนี้มหาวิทยาลัยทางภาคเหนือเป็นเจ้าภาพ เมื่อ 2 ปีที่แล้วเราเป็นเจ้าภาพ เลยอดเที่ยว แต่ถ้าใครได้เป็นลีดปีนี้ก็จะสนุกหน่อยนะคะ ได้ไปโปรโมทและเที่ยวภาคเหนือก่อนที่เขาจะเริ่มงานจริงๆ ถึงจะรู้ว่าทุกคนที่มาในวันนี้จะไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับเลือก แต่อย่างน้อยก็ได้มาลอง มาร่วมตื่นเต้นกับกิจกรรมในครั้งนี้ สู้ๆ ค่ะ"
เอ๊อะ ! หรือจะให้ตัวเองติดแล้วไอ้คุณชายนั่นไม่ติด ผมได้ทั้งเบ๊และก็ได้เที่ยว โอ๊ยเลือกไม่ถูกเลย เอาไงดี
"ขีดชอล์ค Acc09 ค่ะ" เดี๋ยวก่อน อะไรอ่ะ ทำไม ทำดีหรือตัดคะแนน คืออะไร กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่เชียว
"ขีดชอล์ค Med02 ค่ะ"
หลังจากนั้นเสียงสั่งขีดชอล์คดังขึ้นกันเป็นว่าเล่นเลย แต่ผมไม่ได้ยิน ComA09 โดนเรียกเลย เริ่มใจไม่ดีแล้ว เพราะรู้สึกว่าคนที่โดนขีดชอล์คนี่จะมีข้อผิดพลาดมากกว่าทำดีแน่ๆ อย่างคนตรงหน้าผมการ์ดตก โดนขีดชอล์คเลยครับ เรี่ยวแรงผมก็เริ่มแผ่วลงทุกทีแล้วด้วย
ตอนนี้เริ่มให้เต้นเพลงประจำมหาวิทยาลัยแล้ว ผมภาวนาให้จบสักที เพราะดาวระยิบระยับเริ่มมาในคลองสายตาแล้ว
"เอาล่ะค่ะ จบการคัดลีดแล้วนะคะ เดี๋ยวทุกคนรอประกาศผลอีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ค่ะ ตอนนี้เข้าไปนั่งพักรอก่อนนะคะ"
เวลาที่ผมรอคอยสิ้นสุดลงแล้ว แต่มันก็ไม่ทันแล้วจริงๆ หน้าจอผมค่อยๆ มืดวูบลง เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือ
"Acc09 เป็นลม มาช่วยกันหน่อยค่ะ"
^_^
จากความมืดสู่แสงสว่าง จากแสงสว่างสู่รูปภาพ จากรูปภาพสู่สามัญสำนึกอีกครั้ง รูปภาพตรงหน้าไม่ใช่รูปภาพ แต่เป็นใบหน้าคน และใบหน้าคนๆ นี้ก็คือ ComA09 ผมเบิกตาโพลง
"เฮ้ย !!! " ผมพยายามจะลุกขึ้นแต่โดนไอ้คุณชายเอามือยันหน้าผากไม่ให้ลุกขึ้น
"ปล่อยผม !!! ผมเป็นอะไร แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้ไง"
"นายเป็นลม และผมมีน้ำใจ เลยอาสาดูแลนายให้" ผมสำรวจตัวอีกที ก็พบว่าตัวเองนอนหนุนตักคุณชายมันบนโซฟา แล้วทำไมไม่เอาผมไปนอนหนุนหมอนธรรมดาวะ
"โอเค ผมรู้แล้ว ตอนนี้ปล่อยผมก่อน ผมจะลุก"
"อย่าเพิ่ง"
"ทำไมอีกอ่ะ !!! "
"เหน็บกิน ค่อยๆ นะ"
"อ่ะๆ ลุกแล้วนะ"
"ซีส์ !!! "
"อ่ะ เดี๋ยวนวดให้"
"ไม่ต้องหรอก"
"แล้วนี่คนอื่นไปไหนกันหมดอ่ะ"
"ลีดเขาไปถ่ายรูปกันอยู่ ประกาศผลไปแล้ว"
"ฮะ หรอ"
สลดใจ อดเที่ยว แต่ไม่ติดทั้งคู่นี่หว่า 555 เวย์นี้ก็ไม่ได้แย่อะไร ผมหันไปมองไอ้คุณชายด้วยสายตาเป็นประกาย เอามือตบไหล่มัน
"ไม่เป็นไรนะ ยังไงซะดีลลูกชิ้นเราก็ไม่ล่ม แพ้ทั้งคู่ก็แค่ลูกชิ้นเอง จะเป็นไรไป" ผมปลอบคุณชาย แต่เหมือนหน้าตามันจะงงสุดขีด และก็เปลี่ยนมาเจ้าเล่ห์จนน่าใจหาย
"เอาเป็นว่าผมไม่ล่มดีลลูกชิ้นละกัน ส่วนดีลผู้ดูแลส่วนตัวก็ยังเหมือนเดิมถูกมั้ย"
"เฮ้ยยยย อย่าไปพูดถึงเลย ไม่ติดทั้งคู่ ไม่เหนื่อยด้วย"
"แต่เผอิญว่าผมติด"
ใจของผมร่วงไปที่ตาตุ่ม ไหนย้อนสมองกลับไปดิ๊ 'ถ้าคุณติด ผมจะมาเป็นคนดูแลส่วนตัวให้ก็ได้' เสียงผมก้องในโสตประสาท
"เดี๋ยว แล้วทำไมคุณไม่ไปถ่ายรูปลีดล่ะ" เสียงทำไมต้องสั่นๆ วะ
"ก็ถ้าผมเป็นลมแล้วหลับอยู่บนตักคุณ คุณก็จะลุกไปถ่ายรูปหรอครับ" พูดซะผมนี่หมาจาเลยครับ
"เอ่อออออ"
'ถ้าคุณติด ผมจะมาเป็นคนดูแลส่วนตัวให้ก็ได้'
เสียงคำมั่นสัญญาของผมยังก้องมาเรื่อยๆ เฮ้ย ยังเหลืออีกตัวเลือกนี่หว่า
"แล้วผมติดมั้ยอ่ะ"
"นายไปซักเสื้อเถอะ หลังนายมีชอล์คเต็มไปหมด"
"โอเค งั้นผมไปแล้วละกัน" ตอบธรรมดาโลกไม่จำ ต้องให้ผมใช้สมองคิดไตร่ตรอง ให้รู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จักคิดตลอดเวลา ไม่ติดก็ไม่ติด งั้นชิ่งดิ ยากอะไรอ่ะ แกล้งบ้าแล้วล่มดีลไปเลย แต่มันจับข้อมือผมไว้
"เดี๋ยว !!! นายยังไม่ได้เอาตารางซ้อมลีดของผมไป"
รอยยิ้มที่ส่งมาให้เนี่ย ถ้าเป็นความปรารถนาดีมันคงจะโคตรฟูลฟีลในหัวใจ แต่เวย์นี้ผมคือเบ๊มันชัดๆ
"แหะๆ ลืมเลย งั้นไปละนะ" ผมรับตารางซ้อมลีดของไอ้คุณชายแล้วก็รีบบอกลา แต่มันก็จับมือผมไว้อีกครั้ง
"ยังไม่มีอะไรไว้ติดต่อเลย"
คนเก่งมันก็จะต้องปิดประตูทุกจุดที่อาจเกิดข้อผิดพลาดได้ ตอนแรกก็คิดว่ารับปากมันไปมั่วๆ เดี๋ยวหนีหายไปมันก็ตามไม่เจอแล้ว ที่ไหนได้
"M h a J a" ผมสะกดทีละตัวให้มัน
"MhaJa อ่านว่าอะไร"
จะอยากรู้ไปทำไมวะเนี่ย เรื่องนี้โคตรอายที่สุดแล้วนะ คือตอนเริ่มสมัครไลน์ ผมก็ให้เพื่อน 3 ทรชนในกลุ่มช่วยนั่นแหละ ได้กลับมาอีกทีก็ได้ชื่อว่า 'MhaJa' หรือ 'หมาจา' ตอนนั้นโคตรโมโห แต่ทำอะไรพวกมันไม่ได้เพราะมันจับผมกรอกยาคูลท์ก่อนหน้า พอรู้ชื่อไอดีไลน์ความโกรธก็มาพร้อมความปวดอึ๊ ทุกสิ่งอย่างก็เลยตามเลยไปพร้อมกับการปลดปล่อยพลังคลื่นเต่าในห้องน้ำ ผมพยายามหาช่องทางเปลี่ยนก็ทำไม่ได้ เศร้าหนักเลยครับ
"มาช่า"
"เฮ้ย ! ชื่อผู้หญิงนี่นา"
"ล้อเล่นน่ะ อ่านว่า หม่าจา"
"ออกเสียงยาก ขอเรียก หมาจา นะ"
"อืมครับ ก็ตั้งใจรอแบบนั้นล่ะครับ" ก็ยอมรับมันไปเลย เถียงก็เหนื่อย หมดกันแล้วครับ คนอื่นเรียกไม่เท่าไหร่ แต่ศัตรูเรียกเนี่ยแล้วคึกคักส้นเท้ายังไงก็ไม่รู้
"ไม่มีอะไรแล้วใช่ปะ ผมไปละนะ"
"เดี๋ยว !!! "
ขอร้องเถอะ เลิกจับปล่อย จับปล่อยมือผมสักที
"เฮ้ยยยยย !!! คุณจะพาผมไปไหน" เอาล่ะสิ เลิกจับปล่อย จับปล่อย เปลี่ยนเป็นจับไม่ปล่อยแล้วจูงผมเข้าไปในสนาม
"เฉยๆ เหอะ"
"วันนี้ยังไม่นับนะเว้ย"
"จอมๆ ช่วยถ่ายรูปคู่เรากับคนดูแลลีดให้หน่อย"
"ได้เลยๆ อ้าว Acc09 วันนี้เราทำได้เยี่ยมมากเลยนะ เบอร์หนึ่งที่โดนขีดชอล์คเลยรู้ปะ"
"แหะๆ ครับพี่"
เฮ่อเฮ่อเฮ่อ ผมอภัยเพราะพี่น่ารัก
"เอายืนคู่กันเร็ว เสร็จแล้วแกก็ไปถ่ายรวมลีดด้วยล่ะ เขารออยู่"
"อือ"
"1 2 3 เอ่อออออออ" พี่เขาถ่ายเสร็จแล้ว แต่ทำหน้าช็อกอะไรบางอย่างไป ทำไมอ่ะ เกิดอะไรขึ้น ผมเลิ่กลั่ก ไอ้คุณชายก็รีบเอามือถือจากพี่จอมมาดู
"ไปได้แล้ว อย่าลืมหน้าที่ล่ะ"
"รูปเป็นไงบ้างอ่าครับ พี่จอมดูแปลกๆ มันไม่ดีหรอครับ"
พี่จอมหันไปจ้องตาไอ้คุณชายแล้วก็หันมาตอบว่า
"ไม่มีอะไรจ้า ดีมากๆ เลย"
"รีบไปได้แล้ว"
"อ่ะๆ ไปก็ได้" ผมหันหลังเดินออกจากสนาม
"กลับดีๆ นะ"
"ฮะ" หือ เสียงมันพึมพำอะไร
"ไม่มีอะไร"
ถ้ารู้ว่าจะต้องถ่อมาดูแลมันก็สู้เป็นลีดด้วยก็จบเรื่องแล้ว แถมได้ไปเที่ยวภาคเหนืออีก อยากไปเที่ยวจังเลย กลับบ้านๆ
หัวข้อ: Re: แบบฉบับหมายเหตุความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: cy17 ที่ 14-03-2022 20:41:57
บทที่ 6 สายสัมพันธ์

- สายรหัส -

"ร้องไห้ให้พอ" เสียงมีนพยายามปลอบผมที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะใต้ตึก

"กูง่วงมั้ยล่ะ"

"นี่กูกะว่ามึงได้เต็มที่เลยนะ" ไผ่เสริม

"ไม่ได้ก็ดีแล้ว กูก็ใช่ว่าจะว่าง กิจกรรมเยอะ"

"แต่พี่ไอ้ไบร์ทได้ว่ะ เห็นมันบอกอยู่"

"หรอ ดีแล้ว"

"เสียเซลฟ์ปะเนี่ย"

"นิดนึง"

"จริงปะเนี่ย โถถถถถ มาให้พี่กอดมา" ไผ่พยายามดึงผมเข้าไปกอด

"กูล้อเล่น ที่กูเคืองที่สุดอ่ะนะ ก็คือกูเป็นคนที่โดนขีดชอล์คตัดคะแนนเยอะสุด"

"ระดับมึง ยังโดนตัดคะแนนเยอะสุด โห มันยากขนาดนั้นเลยหรอวะ"

"ก็ไม่ยาก แต่กูไม่มีสมาธิ มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย เลยเต้นไม่เป็นทรง บวกกับเพื่อนเหี้ยๆ จับกูกรอกยาคูลท์ไง"

"เฮ้ยเดี๋ยว ! " ผมทำท่าจะตบกะโหลกไอ้สองคน แต่พวกมันก็ไหวตัวทันก่อน

"ไม่ดีรึไงล่ะไม่ติดอ่ะ เห็นวันนั้นทำหน้าเหม็นจะตาย"

ก็ดีสิ แต่ไม่ดีตรงที่...

"หวัดดีพวก วันนี้เปิดสายรหัสนะครับพวกมึง" ไบร์ทเข้ามานั่งร่วมวงพอดี

"มึงไปเลี้ยงที่ไหนกันบ้าง" ผมถามพวกมัน

"กูกับไผ่ไปพารากอน พี่รหัสกูทั้งคู่รวย 555"

"มึงอ่ะไบร์ท"

"ตอนแรกจะไปพารากอน แต่ป้ารหัสกูอยากกินร้านหมูกระทะ เลยจะไปอ้ายบุญเหลือ"

"เฮ้ย สายกูก็ไป เจอกันเว้ย"

"ไปซื้อของรับน้องเข้าสายยัง" มีนถาม

"ยังๆ กลางวันนี้ไปกันดิ" เงินในกระเป๋าตังค์มันสั่น

"เย็นนี้เขานัดที่ไหนนะมีน" ไบร์ทถาม

"หน้าห้องประชุมคณะ"

"วันนี้กูไปรอกับพวกมึงไม่ได้นะ ต้องเต้นลีดตอนร้องเพลง" ผมบอกให้พวกมันรับรู้ไว้ว่าเรามันคนละเกรด

"ครับหมาจา" ไบร์ทตอบกวนๆ กลับมา

"งั้นแยกตรงนี้เลยนะ กูต้องไปเรียนตึกรวม ไม่เข้าใจว่าเซคกูทำไมต้องไปไกล" ลงเรียนวิชาเดียวกันสี่คน แต่มีผมคนเดียวที่หลุด ต้องไปอยู่คนละเซคกับพวกมัน หลุดเซคไม่พอ หลุดไปคนละตึกอีก เหงาๆ เลย

"บายพวก เจอกันกลางวัน" ไผ่โบกอำลาด้วยการขยี้หัวผมจนเละเทะเช่นเคย

^_^

บรรยากาศในห้องประชุมคณะเคร่งเครียดอย่างมาก ภายใต้แสงไฟที่ถูกดิมไว้ให้สลัวๆ มีเพียงเสียงกลั้นสะอื้นของพี่วินัย

"พี่ของพวกคุณที่คอยสอนเรื่องราวต่างๆ ให้พวกคุณ แบกรับโทษแทนพวกคุณ พวกคุณไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ !!! " เสียงพี่หัวหน้าเชียร์ตะโกนด้วยอารมณ์ขึ้นสูงสุด

"ขออนุญาตครับ/ค่ะ" น้องๆ จำนวนหลายคนเริ่มยกมือแล้ว

"ยกมือทำไม !!! มันสายไปแล้ว เอามือลง !!! " หัวหน้าเชียร์ยังคงไม่ลดละที่จะกดดันต่อเนื่อง

"ขออนุญาตครับ พวกเราจะขอรับโทษแทนพี่วินัยครับ" โคตรคูลเลย เด็กมันกล้า ขอแอบดูหน้าหน่อยดีกว่า

"จา มึงอย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวตอนร้องเพลงคณะเราก็ออก เอาให้เต็มที่เลยตอนนั้นน่ะ" เพื่อนลีดดึงผมไว้ไม่ให้แย้มม่านออกไปดู

"นิดนึงๆ"

"มึงจะทำแผนเขาล่ม มานี่" แล้วผมก็โดนลากไปกักตัวไว้ที่เก้าอี้หลังเวที

วันนี้เป็นวันปิดเชียร์ ช่วงเวลาหลังจากนี้พี่เชียร์จะทำการรับรุ่น พี่ๆ ทั้งห้องประชุมร้องเพลงรับขวัญน้อง เพลงประจำคณะ ซึ่งลีดอย่างพวกผมก็จะออกไปเต้นประกอบเพลง รวมถึงประชาสัมพันธ์รับสมัครลีดคณะไปในตัว เสร็จแล้วก็จะเป็นกิจกรรมเปิดสายรหัส

"เราทุกคนยอมรับพวกคุณ ต่อไปนี้ไม่มีคำว่าผมกับคุณ จะมีแต่คำว่าพี่และน้องตลอดไป"

เอาแล้ว พี่เชียร์รับรุ่นแล้ว พวกผมรีบวิ่งออกไปหน้าเวที แต่ความมืดที่มีแสงเพียงสลัวๆ ก็สร้างปัญหาอย่างใหญ่ให้กับกิจกรรมที่กำลังจะสวยงาม ผมสะดุดขั้นบันไดขั้นสุดท้าย ฉลามนุกส์กระโดดลงสระยังไง ท่าทางของผมก็ทำได้ดีแบบนั้นเลยทีเดียว ผมหลับตาปี๋ หยุดหายใจไปแป๊บนึง ก็ค่อยๆ ลุกขึ้น ความเงียบและเสียงสะอื้นในห้องนั้นเกาะกุมหัวใจผมเป็นอย่างมาก ทุกสายตาส่องมาที่ผมเหมือนสปอร์ตไลท์ ตอนนี้ไฟได้สว่างขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้เห็นลีด ครับลีดที่ยังไม่ลุกไปรวมกับเพื่อนสักที คิดได้แบบนั้นผมก็รีบลุกและเดินก้มหน้ากะเพลกไปยืนตั้งการ์ดกับเพื่อนๆ

"พี่ๆ รักน้องๆ มากนะครับ ฝากคณะของเราด้วย เรามาร่วมขับร้องเพลงรั้วสีฟ้าของพวกเรากันครับ . . ."

"รั้วสีฟ้า พร้อม สาม สี่" เมื่อสิ้นสุดคำสั่งลีด ทุกคนในหอประชุมก็เริ่มขับร้องเพลงประจำคณะออกมา ผมก็เต้นไป ปวดขาไป แต่อย่างน้อยหัวหน้าเชียร์ก็แก้สถานการณ์การล้มของผมต่อหน้าประชาชีได้ดี โดยการรีบร้องเพลงประจำคณะทันที

"เอาล่ะครับ ต่อไปเป็นกิจกรรมเปิดสายรหัส ตอนเข้าห้องมา พี่ๆ เขาแจกผ้าสีฟ้าให้พันรอบข้อมือใช่ไหมครับ ให้น้องถอดออกมาแล้วพันปิดตาไว้ เดี๋ยวพี่ๆ เขาจะช่วยไลน์แถวน้องทยอยเดินออกจากห้องประชุม แล้วพี่รหัสเขาจะมารับไปจุดเปิดสายรหัส เข้าใจตรงกันนะครับ ขอให้วันนี้เป็นวันที่มีความสุขของน้องๆ แล้วเจอกันใหม่ครับ"

และแล้วความโกลาหลก็เกิดขึ้นจากการพูดคุยเรื่องสถานที่เปิดสายรหัส ตัวผมเองก็ใจขึ้นเต็มที่เพราะอยากที่จะเปิดตัวกับน้องจนตัวสั่น ทุกวันก็เฝ้าฝากเพื่อนให้ไปส่งของเทคให้น้องรหัส เทคขนม เทคชีท ฝากเพื่อนให้ไปแวะเวียนแกล้งบ้างตามสไตล์ แน่นอนว่าถ้าน้องรหัสรู้ว่าใครเป็นพี่รหัสคงต้องช็อกตาตั้งแน่ ลีดคณะเลยนะเว้ยน้อง 555

ตอนนี้อาการปวดขาไม่ได้หนักอย่างที่ใจหวัง น่าจะพิการไปสักสองเดือนไปเลย เสียดายจริงๆ ไหนๆ ก็หน้าแตกละเอียดขนาดนี้แล้ว เอาไปใช้ประโยชน์ต่อน่าจะดี

"จา เหม่ออะไร พี่นัดแนะอะไรนี่รู้เรื่องบ้างมั้ยเนี่ย"

พี่แก้ว พี่รหัสผมเอง เหม่อรึเปล่าไม่รู้ แต่มายืนอยู่ที่จุดเปิดสายของเราได้ไง เป็นไปได้ขนาดนั้นอ่ะครับ

"ฟังตลอดครับ" ขิงใส่พี่รหัสเลยจ้า

"งั้นพูดมาว่าพี่กับพี่เซมให้แกทำอะไร"

เอากับพี่แกสิ ก็รู้อยู่แล้วว่าผมแถ ยังมาเค้นอีก

"อ่ะๆ หยอกเล่น ตั้งใจฟัง"

"โอ๊ยๆๆ !!! ดึงหูผมทำไม" พี่แก้วดึงหูผมให้เข้าไปใกล้ๆ

"แกจะได้มีสติฟังไง"

"โอเคครับๆ"

"พวกเราจะทำเป็นยืนนิ่งๆ โหดๆ คีพลุคดุไว้ ห้ามหลุด ให้น้องตะโกนชื่อพวกเราสามคนเท่ารุ่นแล้วค่อยเปิดสายรหัส"

"แต่ผมล้มที่เวทีนะพี่ มันจะคีพลุคยังไงได้"

"เฮ้อออออ น้องรหัสชั้น หน้าตาดีซะเปล่า เอาไงดีพี่เซม"

"เอาเป็นว่าจาไปรับน้องเข้ามาละกัน แล้วบอกว่าพวกพี่ๆ ดุมาก ขู่เยอะๆ มันจะได้หงอ"

"แต่ผมเจ็บขานะพี่ ให้ผมเดินหรอ"

แป๊ะ !!!

"โอ๊ยยยย !!! ตีหัวผมทำไมเนี่ย"

"ไอ้นู่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็บ่น กูตัดสายซะเลย"

"โอเคครับ จบครับจบ" พี่เซม เป็นลุงรหัสผม อยู่ปีสี่ งานหลักของแกคือมาเปิดสาย และหายไปตลอดกาลจนกว่าวันเปิดสายจะมาอีกครั้ง ที่ดูแลกันอยู่ก็มีแต่พี่แก้วนี่แหละ น่ารักสุดแล้ว อาจเพราะแกภูมิใจที่น้องรหัสเป็นลีดด้วยนี่แหละ ทำให้แกคอยเทคแคร์ผมไม่ขาดสาย ผมก็เลยรู้สึกว่าต้องดูแลน้องของผมให้ดีเท่าพี่แก้วให้ได้

ผมเดินกลับไปรับน้องรหัสที่หน้าประตูหอประชุม

"จับมือพี่ไว้นะ เดี๋ยวพาเดินไป" ผมบอกน้องรหัสตัวเองที่ถูกปิดตาอยู่

"ครับ"

"รู้มั้ยว่าใครเป็นพี่รหัส"

"พี่ที่ล้มบนเวที"

'เพล้ง' หน้าชาเลยผม น้องมันรู้ได้ไงวะ ผมว่าผมเนียนสุดๆ เลยนะ ส่งของเทคนี่ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นเลยสักรอบ หรือไอ้พวกส่งของนี่จะทำตัวให้จับผิดได้วะ เลยหันไปถามมันเพื่อคลายสงสัย

"น้องรู้ได้ไงว่าเป็นพี่ มีใครบอกรึไง"

"ก็ไม่ยากนะครับ พี่ว่าพี่ไผ่ พี่มีน พี่ไบร์ท นี่วันๆ แกเดินอยู่กับใครหรอครับ ของเทคที่ได้มาก็มาจากพี่สามคนนี้ตลอด แถมสลับวันละคน แต่คนเดียวในกลุ่มกลับไม่เคยมาส่งของเทคเลย พี่ว่ามันเดายากขนาดนั้นเลยหรอ"

ล้ำลึก โคตรคูล ปราดเปรื่องมาก

"เปิดตาได้ยัง"

"เฮ้ยๆๆ ไม่ได้ เดินตามมา"

"ที่ปิดเพราะอยากให้เซอร์ไพรส์ไม่ใช่หรอ แต่ผมรู้แล้ว"

"อืมมมมมม เอาไงดีวะ เชี่ย !!! มึงแกะทำไมเนี่ย" ไม่น้งไม่น้องแล้ว ยังไม่ทันตัดสินใจ น้องรหัสผมมันก็แกะผ้าออก ผมโดนสายรหัสสวดยับแน่

"บอกไปแล้ว"

"กวนตีนได้โล่นะ"

"เดินต่อไปดิ"

"พูดมีคงมีครับหน่อย"

"ครับ"

"เออ ฮ่าฮ่าฮ่า"

"นี่หัวเราะปลอมหรือจริง"

"หัวเราะปลอม...ครับ"

"เดิน" ไม่มีความสำนึกสักนิด

"รู้แล้ว ปล่อยมือกูได้แล้ว มึงมองทางได้แล้วนี่"

"เดินไป"

"กูพี่มึงนะ"

"เดิน"

โอเค ยอมแพ้ครับ ผมเลยเดินต่อโดยมีน้องรหัสที่เปิดตาแต่เดินเกาะแขนผมไปจนถึงจุดที่แก๊งสายรหัสของผมรออยู่ มาแล้วครับ สายตามฤตยูทั้งสองคู่ ผิดหวังอะเด้ ใช่ ผมก็ด้วย อภัยผมเถอะครับ

"ไอ้จา !!! " พี่เซมตวาดลั่นก่อนเลย

"คร๊าบบบบบ" ตีหน้าเศร้าให้น่าสงสารที่สุด

"จาอ่ะ หมดกัน มาๆ ข้าวนึ่ง มานั่ง"

 ชื่อน้องรหัสของผมเองแหละครับ ข้าวนึ่ง เด็กหนุ่มทีมยอดเขาสูงแห่งเชียงใหม่ เตรียมส่งมันเข้าทีมบาสของคณะได้เลย ด้วยดีกรีหัวหน้าทีมบาสโรงเรียนจากข้อมูลในใบประวัติที่ได้มาตอนจับฉลากน้องรหัส อีกตำแหน่งที่จะส่งไปทำก็คงเป็นหน้าที่แบกรับรอยเท้าบนใบหน้าเพราะความกวนบนใบหน้าของมันบวกนิสัย

"แล้วทำไมไอ้จามันเปิดตาให้มึงวะน้อง" พี่เซมถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ

"ผมเดาถูกว่าพี่จาเป็นพี่รหัส เลยขอพี่เขาเปิดตาครับ"

"เฮ้อออออออ กูน่าจะรู้อยู่แล้ว บักง่าว พี่ชื่อเซมนะ อ่ะของรับเข้าสายรหัส" พี่เซมส่งหมวกฟักทองสีเทาให้ข้าวนึ่ง ก่อนที่พี่แกจะ

"วันนี้ดึกเกินไปละ อ่ะ นี่เงิน พี่ฝากด้วยนะแก้ว เอาไปเลี้ยงน้อง พี่กลับละ"

"โหพี่ นี่เพิ่งหนึ่งทุ่มเอง" ผมเง้างอด เผื่อพี่มันจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากปีที่แล้ว

"กูนอนไว บายทุกคน"

"นอนไว หรือแชมป์เหล้ากันแน่" ผมแซว

"เออ เด็กสายนมอย่างมึงไปกินกับพี่แก้วดีแล้ว บาย"

พี่เซมก็คือพี่เซม พี่แก้วก็ได้แต่ยิ้ม

"ไม่เครียดนะข้าวนึ่ง ปู่รหัสเราติสแตก พี่ชื่อแก้วนะ เป็นป้ารหัส แล้วของอันนี้รับน้องเข้าสายจ้า" พี่แก้วหยิบถุงใบใหญ่มาเปิดและหยิบสนูปปี้ตัวอย่างใหญ่ให้ข้าวนึ่ง มันรับด้วยหน้านิ่ง ดูไม่ทุกร้อน ไม่ยินดีกับอะไรเลยจริงๆ

"ตาพี่แล้ว อ่ะของรับน้องเข้าสาย" ผมหยิบเสื้อมัดย้อมสีฟ้าขาวออกมาจากถุงส่งให้มัน เห็นมันหยิบมาดูแล้วก็ยิ้มเยาะๆ อ้าวไอ้นี่ ของดีนะเว้ย อย่าดูถูก

"ขอบคุณพี่ทุกคนมากครับ ผมมีของคืนให้ด้วยครับ แต่ให้พี่เซมไม่ทัน ฝากพี่แก้วด้วยนะครับ" ข้าวนึ่งมันหยิบเสื้อมัดย้อมลายสีรุ้งออกมาสามตัวส่งให้ โอเค ผมก็ได้แต่นั่งคิดในหัวว่า ทำไมนะ ทำไมกูต้องพลาดแบบนี้ด้วย ทุกเรื่องไปสินะ

"วันนี้ไปเลี้ยงเปิดสายกันนะคะ ไปนั่งคุยละเอียดๆ กันที่ร้าน"

"ไปที่ไหนหรอครับ"

"ร้านหมูกระทะอ้ายบุญเหลือ พี่เซมให้ตังค์มาแล้ว สบายกระเป๋าจ้า" พี่แก้วตบกระเป๋าสะพายที่ยัดตังค์พี่เซมไว้

^_^

'ร้านหมูกระทะอ้ายบุญเหลือ'

"อ้าว ไบร์ท" ไบร์ทมากับสายรหัสของมัน

"เออ"

"มึงกินชั้นสองหรอ"

"น่าจะ กูไม่รู้พี่ๆ เขาจองโต๊ะตรงไหน"

"นึกว่าจะมานั่งใกล้ๆ กัน"

"มึงนั่งข้างล่างหรอ"

"เออ"

"เอาเหอะ กูไปละ พี่เรียก ได้ข้างบนว่ะ"

"เออๆ"

"หวัดดีครับพี่แก้ว ผมไปก่อนครับ"

"จ้าไบร์ท ไว้เจอกัน"

"สวัสดีครับพี่ไบร์ท" น้องรหัสผมทักไบร์ท ก็พูดครับได้นี่หว่า กับผมนี่ ตัดออกๆ เดี๋ยวเถอะมึง ผมจะตัดมันออกจากสายซะเลย

"ดีเว้ย ไว้เจอกัน"

"พี่แก้วครับ หมู" ข้าวนึ่งคีบหมูให้พี่แก้ว

"โหหหหหหหห จาดูไว้นะ เนี่ยหน้าที่น้องๆ ที่ต้องดูแลพี่ๆ"

"แหม่ ผมกลัวพี่จะน้ำหนักขึ้นหรอกน่ะ ข้าวนึ่ง มึงอย่าเอาเสิร์ฟคนแก่มาก เดี๋ยวน้ำหนักป้าแกขึ้นจะลำบากกู ต้องพาเขาไปวิ่งตามสวนสาธารณะ"

"จา ไอ้น้องนอกคอก"

แล้วพวกเราในโต๊ะก็หัวเราะกันตามประสาพี่ๆ น้องๆ ข้าวนึ่งเล่าว่า พักอยู่หอในเหนื่อยมาก มีเชียร์หอในด้วย มันสงสัยว่าทำไมมีห้องเชียร์เยอะเหลือเกิน ขาดอีกที่เดียวคือห้องเชียร์มหา'ลัย พี่แก้วถึงกับขำก๊ากออกมา ตอนนี้มีรุ่นพี่บาสในคณะมาติดต่อมันไปเล่นกีฬาเฟรชชี่อีก แต่ยังไม่อยากตอบรับ กลัวกิจกรรมเยอะจะทำให้เสียการเรียน

"เฮ้ย อย่าคิดงั้น ทำกิจกรรมเยอะๆ สนุกดี ดูพี่ดิ ลีด ชมรม เรียน เต็มไปหมด ว่าแต่สนใจเป็นลีดมั้ย ฮ่าฮ่าฮ่า"

"จา เปลี่ยนเสียงหัวเราะเหอะ มันดูปลอม"

"โถ่ ใครจะเปลี่ยนเสียงหัวเราะได้ล่ะครับ ผมก็เป็นแบบนี้แหละ ว่าไงข้าวนึ่ง"

"อย่ามาล่อลวงให้เหนื่อยเลย"

"ล่อลวงตรงไหน ต่อไปสายเราจะได้เป็นสายแห่งลีดไง"

"แหมๆๆ พูดงี้พี่เศร้าเลยนะ" พี่แก้วทำเป็นแกล้งหน้าเศร้า แต่ดูออกน่ะว่ายิ้มดีใจดี๊ด๋าเลยล่ะ

"ฮ่าฮ่าฮ่า โอ๋ๆๆๆ พี่แก้วอย่าน้อยใจเลยนะครับ"

"จะน้อยใจจริงๆ เพราะเสียงหัวเราะแกนี่แหละ เอาดีๆ ข้าวนึ่งก็เหมาะเป็นลีดนะ พี่เห็นด้วยกับจา ให้สาวๆ ได้กรี๊ดกร๊าดหน่อยน่ะ แต่ถ้าทั้งลีด ทั้งบาสจะไหวรึเปล่า อันนี้เราต้องเป็นคนตัดสินใจเองแล้ว"

"เลือกเอาสักอย่าง"

"เดี๋ยวผมเอาไปคิดดู"

"พี่แก้ว ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ"

"อืม"

ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ตอนนี้กินไปแค่ครึ่งกระเพาะ แต่อิ่มน้ำรีฟิลสุดๆ ไปปล่อยสักหน่อยจะได้เบา ระหว่างยืนฉี่ก็มีอีกคนเดินมายืนฉี่ข้างๆ ผม หันไปมองแว๊บหนึ่งใจตกไปอยู่ตะตุ่มเลย ไอ้คุณชายอีกแล้ว หรือหลอนหมูกระทะวะ เร่งฉี่เต็มที่ ล้างมือเสร็จแล้วกะว่าจะรีบกลับไปที่โต๊ะ แต่ก็โดนทักซะก่อน

"จะไม่ทักกันเลยรึไง"

"เฮ้ยยยยยยย ว่าไงคุณ มากินหมูกระทะหรอ"

"ไม่อ่ะ มาฉี่" ความกวนตีนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งไปเลย

"เอาเรื่องจริงดิ มาทำอะไร"

"มารอรับน้อง"

"อ้าวหรอ คุณ..."

"ผมชื่อเบล" เจอกันสองหนแล้ว แต่คุยกันได้เรื่อยเปื่อยโดยไม่รู้จักชื่อ เอาจริงๆ คือไม่อยากรู้จักมันครับ หมั่นไส้ แต่อนาคตหน้าที่ผมที่กำลังจะมาถึงในเร็ววัน จะทำเป็นไม่รู้จักกันก็คงไม่ได้ ผมเลยแนะนำตัว

"เอ่อ ผมชื่อจา ว่าแต่คุณนั่งไหนล่ะ"

"ไม่มีโต๊ะ มารออย่างเดียว"

"อ้าวแล้วกินอะไรรึยังเนี่ย"

"จะชวนไปนั่งด้วยหรอ ไปดิ" เอาความรู้สึกนี้มาจากไหนครับคุณ

"เฮ้ยยยยยย เดี๋ยวนะ มีประโยคไหนที่บ่งบอกว่าผมชวน อีกอย่างผมมาเลี้ยงสายรหัส"

"ก็แค่นั่งด้วยเฉยๆ ไม่ได้กิน ไม่คุย ซีเรียสหรอ !!! " มีคนที่แปลกสุดขั้วโลกแบบนี้ด้วยหรอ คือคุณจะไปนั่งเฉยๆ โดยไม่คุย ไม่กิน แต่อีกสามคนต้องนั่งปฏิสัมพันธ์กันโดยมีมันนั่งจ้องนิ่งๆ ครับไอ้คุณชาย คิดได้เนอะ แต่ก็คงใจร้ายเกินไปเหมือนกันนะ ถ้าจะทำตัวแล้งน้ำใจและปฏิเสธไม่ให้ไปนั่ง เขาพูดขนาดนี้แล้ว เอาไงดี

"อะๆๆ ก็ได้ แต่ช่วยออกเงินด้วย จะได้กินได้ไง ไปนั่งเฉยๆ ก็ประหลาดเกินไปแล้ว"

"ใช้มารยาทที่ควรมีตั้งแต่ต้นก็จบนานแล้ว"

โถ่โว้ยยยยยยย ผมจะหมดมารยาทกับมันก็ตอนนี้นี่แหละ ไม่ชวนก็รู้สึกแย่ ชวนก็ประสาทจะกิน เฮ้อ เลิกคิด แล้วไปฉ่ำกับหมูให้ฉ่ำใจดีกว่า

แต่พอถึงโต๊ะ ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นบอกพี่แก้วยังไง อยู่ดีๆ ก็พา เพื่อน ? ลูกค้าที่ร้าน ? ใคร ? มันเป็นใครสำหรับผม ระหว่างที่ขมวดคิ้วคิดคำพูด พี่แก้วก็ร้องทัก

"อ้าวจา มานั่งดิ ยืนทำไม แล้ว อุ้ย ! บะ บะ เบล ทำไมมาด้วยกันล่ะ" อ้าว รู้จักกันหรอเนี่ย

"เอ่ออออ บังเอิญเจอกันที่ห้องน้ำเมื่อกี้ครับ"

"อ้อ แล้วรู้จักกันหรอ" พี่แก้วทำหน้าตาตื่นเต้นเกินเบอร์ไปมาก พี่เถอะรู้จักมันได้ไง

 "รู้จักกันตอนไปคัดลีดงานซ็อคฯ ครับ ว่าแต่พี่แก้วรู้จักเบลหรอครับ" ผมตอบแค่นี้พอ รายละเอียดเรื่องที่เสียหน้าที่นั่นขอเก็บไว้ แต่ไอ้เบลนี่กวนเท้าจริงจังมาก มันไม่ตอบ ไม่พูดอะไรเลย

"รู้จักสิ เพจหนุ่มๆ ในมหา'ลัย ของมอเราไง แต่พี่เขาอยู่ปีสามนะจา ทำไมเรียกเบล"

เอ๊า ! ชิบหายของจริง ชื่อก็เพิ่งรู้จัก ชั้นปีก็เพิ่งมารับรู้ตอนนี้ โอ๊ยยยยยย ปวดหัวครับ

"อ่าครับ ผมปากไม่ดีพี่ก็รู้ พี่เขาไม่มีโต๊ะ เลยขอมานั่งกินด้วย"

"อ้อ นั่งเลยค่ะ"

"คุณ เอ้ย ! เบล เอ่อ ! พี่เบลนี่พี่แก้วพี่รหัสผม และนี่ข้าวนึ่งน้องรหัส"

"อืม" พี่เบลมันตอบคำเดียวและก็ยักหน้า นี่มันจะไม่พูดอะไรกับใครจริงๆ ใช่ไหม

"เอ่ออออ ตามสบายนะเบล เราปีสามเหมือนกัน จา เมื่อกี้พี่คุยกับข้าวนึ่ง เหมือนข้าวนึ่งจะอยากไปเล่นบาสมากกว่าลีดนะ" แหนะๆ พี่แก้วเสียดายล่ะสิ ผมก็เสียดายถ้ามันเลือกแบบนั้น ข้าวนึ่งหน้าตาดีอยู่นะ หุ่นก็นักกีฬา เหมาะเป็นหน้าเป็นตาให้กับคณะมาก แต่ก็ต้องแล้วแต่การตัดสินใจของน้องมันแล้วล่ะ

"จริงหรอ เสียดายว่ะข้าวนึ่ง แต่ก็แล้วแต่การตัดสินใจของแกแล้วกัน"

"คิดๆ อยู่"

"เอ่อ พี่แก้วครับ เดี๋ยวขอให้พี่เบลกินด้วยนะ เขาช่วยออก ฮ่าฮ่าฮ่า" พี่มึงทำบรรยากาศบนโต๊ะเสียมากๆ ผมเลยต้องเอี้ยวตัวไปกระซิบให้พี่มันกินและพูดคุยด้วย

"คุณกินและก็พูดคุยด้วยสิวะ อย่าทำบรรยากาศเสีย"

"อืม"

"ผมว่าผมเปลี่ยนใจไปเป็นลีดดีกว่า"

อยู่ดีๆ ข้าวนึ่งก็พูดขึ้นมา ใจผมนี่ฟูเลย สบายแล้ว ไม่ต้องไปควานหาเพชรอีกต่อไป เดี๋ยวพอตอนประชุมลีดรุ่นพี่จะได้เสนอชื่อข้าวนึ่งนี่แหละ

"ดีมาก ไอ้น้อง" ผมลุกไปบีบแก้มทั้งสองของข้าวนึ่ง พี่แก้วก็ยิ้มแก้มแทบปริ แต่ไอ้พี่เบลดันเอามือแทรกขึ้นมาปิ้งหมู ผมเลยต้องนั่งลงมองพี่มันด้วยสายตามันเขี้ยว

"แล้วพี่จะมาซ้อมให้ปะครับ" ข้าวนึ่งถาม อยู่ดีๆ ก็มีพี่ มีครับ นิสัยเปลี่ยนขึ้นมาได้ไงเนี่ย

"ก็..."

"กินให้หน่อย ปิ้งผิด ไม่กินเบค่อน น้องข้าวนึ่งจะเป็นลีดหรอครับ" มารยาททรามจริงๆ ไอ้พี่เบล ผมกำลังจะตอบข้าวนึ่ง มันก็พูดโพล่งกลางปล้องขัดผม แถมเอาเบค่อนที่มันปิ้งแต่ไม่กินมาให้ผมอีก คนอย่างมันนี่เชื่อเถอะ ต้องโดนตีนเข้าสักวันแน่ๆ

"ก็เพิ่งเริ่มจะอยากเป็นขึ้นมาอ่ะครับ"

"จากที่พี่เห็นฝีมือจามัน พี่ว่าให้คนอื่นซ้อมให้เถอะ" ไอ้พี่เหี้ย

"555 จริงข้าวนึ่ง พี่ขอคอนเฟิร์มอีกคน" อ้าว พี่แก้วครับ ผมน้องพี่นะครับ

"โอ้ยยยยยยยยย พอเลยๆ เอาเป็นว่าไปลองดูละกันนะข้าวนึ่ง"

"ครับ พี่เอานี่ไปกินครับ" พูดจาดีราวกับคนละคน ปิ้งหมูให้อีก เดี๋ยวของเทครอบหน้าจะหาพระเครื่องมาให้ ผีจะได้ออกจากตัว

"อยากกินพอดีเลย ไม่มีมัน ชิ้นนี้ขอนะ" ชีวิตผม ตอนนี้รู้สึกอลหม่านไปหมดแล้ว น้องรหัสก็ผีเข้าผีออก ไอ้พี่เบลก็เพิ่มดีกรีความกวนตีนแบบไม่หยุดยั้ง คงเหลือแต่พี่แก้วแล้วล่ะที่ปกติสุด แต่พอหันไปหาแก หน้าตาของพี่แกประหลาดสุดแล้ว เหมือนอยากกระชากหัวตัวเอง ฟันบนกัดริมฝีปากล่าง ใบหน้ากลั้นยิ้มจนแดงสุดชีวิต สรุปคือผมปกติสุดครับ

"ขอชิ้นนี้" พี่เบลมันแย่งหมูชิ้นที่ผมบรรจงปิ้งสุขได้ที่ไปอีกแล้ว

"แล้วทำไมพี่ไม่ปิ้งเองวะ"

"ก็ชิ้นที่ปิ้งมันไม่พอดี อ่ะนี่ เอาชิ้นนี้ไปแทน"

"แล้วผมจะได้กินที่ปิ้งเองมั้ย"

"ปิ้งเก่งก็ปิ้งให้หน่อยดิ นี่ปิ้งไม่เก่งยังปิ้งให้เลย"

"กวนโมโหเป็นนิสัยนะ"

"กวนตรงไหน อ่ะนี่ ปิ้งให้"

"แล้วจะต้องสลับกันทำไม ทำไมไม่ปิ้งกินของใครของมัน"

"เลิกบ่น แล้วก็กินไป เอาชิ้นนี้มา"

"แล้วไหนบอกไม่กินเบค่อน"

"ไม่กินที่ปิ้งไม่พอดี"

"ทุกชิ้นที่ส่งมาเนี่ย ปิ้งอร่อยกว่าผมอีกนะ"

"พูดมาก ระวังไม่คุ้มนะ"

ผมกับไอ้พี่เบลก็กระฟัดกระเฟียดกันไปตลอดการกินโดยมีพี่แก้วกับข้าวนึ่งนั่งปิ้งกินกันเงียบๆ แต่ส่งสายตาแปลกๆ มาที่พวกผมตลอด เข้าใจครับ คงเซ็งกันแหละที่อยู่ๆ เลี้ยงสายรหัสก็มีคนนอกเข้ามาทำลายบรรยากาศ

ตืดดดดดดดด !!! นั่งกินไปได้สักพักพี่เบลก็มีโทรศัพท์เข้า มันรีบรับ

"ฮัลโหล จะเสร็จแล้วหรอ โอเค ไปเจอที่ลานจอดรถนะ"

ผมเงยหน้ามองพี่เบล

"ต้องไปแล้ว"

"ไว้มากินด้วยกันอีกนะเบล เรากรี๊ดเธอมาตลอด" อ้าว ไหงเป็นงั้น สรุปคือที่มองแปลกๆ มาตลอดนี่คือไม่ได้เซ็งหรอ

"อืม"

"สวัสดีครับพี่เบล" ข้าวนึ่งไหว้ลา

"จ่ายเงินด้วย" เรื่องอื่นไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่เรื่องเงินอย่าหมายจะชิ่ง

"เดี๋ยวมา"

พี่เบลมันเดินไปจ่ายเงินแล้วเดินกลับมา

"จะกลับแล้ว"

"ก็ไปดิ"

"ตามไปส่งหน่อย"

"วันนี้ผมไม่ใช่พนักงานร้านอาหารนะครับคุณชาย"

"เร็วเข้า มีของจะให้"

"อะไรอ่ะ"

"ตามมาสิ"

"โอเคๆ พี่แก้ว ข้าวนึ่ง เดี๋ยวมานะครับ"

"ไปเถอะ เร็วๆ เลย" พี่แก้วบอกยิ้มๆ ส่วนข้าวนึ่งก็มองยิ้มแบบมีเลศนัย

ผมรีบเดินตามคุณชายขี้เก๊กไปที่ลานจอดรถ คุณชายมันเปิดประตูรถแล้วหยิบกระเป๋ากีฬาแบบ duffle ออกมา ที่กระเป๋าปักลายมิกกี้เมาส์และตัวอักษร 'เจ้าของผมคือคนถือ' ส่งยื่นมาให้ผม

"อ่ะ เอาไป"

"อะไรอ่ะ ให้ผมทำไม" ผมรับมาแบบงงๆ

"กระเป๋าผม"

"รู้แล้ว แล้วคุณเอามาให้ผมทำไม"

"วันซ้อมลีดเอามาด้วย" เข้าใจละ หน้าที่ดูแลไอ้คุณชายมันนี่เอง

"อ้อ แล้วนี่พกกระเป๋ามาทำไม เหมือนรู้ว่าจะเจอกัน สตอร์กเกอร์รึไง"

"ถ้าไม่เจอ ก็จะไลน์หาอยู่ดี" ไอ้คุณชายมันวางแผนเรื่องที่จะให้คนทำงานให้มันเป็นอย่างดี แต่ทำไมต้องเป็นผมที่ไปติดกับมันด้วย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

"กลับดีๆ นะคุณ"

"ชื่อผมอ่ะ มีคนตั้งใจตั้งให้นะ"

"กลับดีๆ ครับพี่เบล" กวนตีนจนหยดสุดท้ายของเวลาจริงๆ

"อือ ฝันดี"

"อืม เอ่ออออออ..." เอาสิ อยู่ดีๆ ก็บอกฝันดี เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลย จะไม่บอกกลับก็ดูไม่มีมารยาท มันจ้องตาผมเป็นมันเลย ผมได้แต่ขืนๆ พูดออกไปแบบเสียไม่ได้

"ฝะ...ฝันดีครับ" พูดไปแล้ว หายใจไม่ทั่วท้องเลย เสร็จแล้วผมก็รีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะมานั่งหอบเป็นหมาเลย

"ข้าวนึ่ง ดูพี่แกสิ วิ่งหน้าแดงมาเชียว"

"พี่จาหน้าแดงมานี่เพราะวิ่งมาใช่ไหมครับ"

"เอ่อออออ เออดิ"

"จา กูกลับแล้วนะ" ไบร์ทลงมาจากชั้นสองแวะมาลูบหัวผมอีกแล้ว มือมึงสะอาดปะเนี่ย

"มึงจะกลับก็กลับไป มายีหัวกูให้ยุ่งทำไม แล้วล้างมือรึยัง"

"ยังว่ะ 555 กลับแล้วครับพี่แก้ว"

"ดีจ้าไบร์ท"

"หวัดดีพี่ไบร์ท"

"บายเว้ยข้าวนึ่ง ต่อไปนี้ไม่ได้ไปวางของเทคแล้วนะ ให้ไอ้หมาจาให้เองแล้ว"

"555 ครับ"

"มึงไปได้แล้ว"

"เค บาย เจอกันหมา"

"อืม"

"เราก็ไปจ่ายเงินกันเถอะ" พี่แก้วพูด

"โอเคครับ"

"ยินดีต้อนรับเข้าสู่สายนะข้าวนึ่ง ดูแลกันดีๆ ล่ะ อย่าประมาทเรื่องเรียนนะ คอยดูแลพี่รหัสแกด้วย ต้องการคนดูแลมากกว่าใครๆ"

"ขอบคุณครับ แต่ผมว่าพี่รหัสผมคงมีคนดูแลแล้วล่ะ ท่าทางจะขี้หวงด้วย" ไอ้ข้าวนึ่งพูดจบก็หันไปยิ้มกับพี่แก้ว

"มีใครที่ไหนล่ะ มีแต่คนที่ให้พี่ดูแลเต็มไปหมด เหนื่อยจะตายแล้วเนี่ย เอาเหอะ ยินดีต้อนรับนะน้อง มีอะไรให้ช่วยเหลือบอกมาได้ตลอดเวลา" ข้าวนึ่งยักหน้ารับกวนๆ

"งั้นพี่ไปจ่ายเงินก่อนนะจ๊ะ" ระหว่างที่พี่แก้วเดินไปจ่ายเงิน ข้าวนึ่งก็ส่งสายตามาที่กระเป๋าใบใหม่ในมือผม

"ขอดูหน่อย" อ้าว คำพูดภาษาดอกไม้มึงหายไปไหนหมด ผมยื่นกระเป๋าของพี่เบลให้ข้าวนึ่งดู มันยิ้มเจ้าเล่แล้วก็พึมพำอะไรของมันก็ไม่รู้

"อ้ายฮักเมาอี่น้อง"

"บ่นอะไรวะ"

"เปล่า กระเป๋าสวยดี อ่ะคืน"

"จาาาาาาาาา เบลเขาจ่ายให้พวกเราหมดแล้ว อร๊ายยยยยยย สามีของชั้น" พี่แก้วกลับมาด้วยอาการที่เลิกเก็บกด คงอยากระเบิดเต็มที่ แต่ต่อหน้าไอ้พี่เบลคงรักษาภาพสุดๆ

"พี่ดูที่กระเป๋าที่พี่จาได้มาซะก่อนครับ" ข้าวนึ่งชี้ให้พี่แก้วดู ทำไมอ่ะ แปลกตรงไหน พี่แก้วมองมาที่กระเป๋าแล้วก็ทำตาโต

"คุณพระ !!! "

"กลับเถอะครับพี่" หลายเรื่องผมคงเอามาใส่หัวไม่ไหวแล้ว ทั้งอิ่ม ทั้งดึก พร้อมนอนครับทุกคน
หัวข้อ: Re: แบบฉบับหมายเหตุความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: cy17 ที่ 29-03-2022 19:13:15
บทที่ 7 วันแห่งความรัก

- วาเลนไทน์ เดย์ -



"พวกมึงว่ามีวันวาเลนไทน์ไปทำไมวะ" อยู่ๆ ไอ้มีนก็พูดขึ้นมาระหว่างนั่งเรียนวิชาการบัญชีชั้นกลางเซครวม

คนที่หนึ่ง เริ่ม

"มีไว้ให้มึงไปตามรอยคุณวาเลนไทน์ ถ่ายรูปสถานที่อยู่ของเขา กินอาหารในเมืองที่เขาเคยอยู่..."

"เดี๋ยว ! พอ ไอ้ไบร์ท คนถัดไป"

คนที่สอง ไอ้ไผ่

"มีไว้ให้มึงไม่ตั้งใจเรียนวิชานี้ไง"

"ตามึงแล้วไอ้จา"

คนที่สาม ตาผมแล้ว

"มีไว้เป็นวันที่ให้กูเอาใบประกาศสมาชิกใหม่ของชมรมไปแปะที่โรงอาหารกลาง"

"โอยยยยยยยย พวกมึงคือเพื่อนที่กูเลือกคบแล้วผิดหวังสุดๆ วันวาเลนไทน์ก็มีไว้สำหรับคนอย่างกูใช้ขิงพวกมึงที่ไม่มีแฟนไงล่ะ 555" ไอ้มีนพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจและก็หัวเราะเยาะเย้ยพวกผมสามคนอย่างมีความสุข

"เรียนได้แล้ว" ผมเบะปากใส่มันแล้วก็สั่งให้มันเรียน ตัวผมมือจดยิกๆ แต่ฟังอะไรไม่เข้าหัวเลย ในกลุ่มเรา คนที่เรียนเก่งที่สุดคือไบร์ท เจ้าพ่อแห่งการติวเพื่อนๆ เพียงแต่มันขอว่าให้พวกเราตั้งใจเรียนด้วย อย่างน้อยจดบ้าง ถ้าไม่แสดงความพยายามออกมาให้มันเห็นมันก็จะไม่ติว ในกลุ่มทุกคนเลยดูเหมือนขยันเป็นพิเศษ

"...วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้ค่ะ ในเมื่อนิสิตหลายคน เห็นว่าห้อง 1-109 เป็นห้องนอนซะขนาดนี้แล้ว สอบให้ผ่านมีนละกันนะคะ" อาจารย์สารภียอมเลิกคลาสก่อนเวลา 10 นาที เพราะนิสิตแต่ละคนแทบจะนอนกันยกห้อง แต่ผมชอบเรียนกับอาจารย์นะ แกเป็นคนเดียวที่ยังสอนโดยใช้แผ่นใส ตอนเข้าเรียนครั้งแรกคืออึ้งมาก วิชานี้ก็เลยเป็นวิชาเดียวที่ผมจดทันมากที่สุด

"พวกมึงไปจองโต๊ะกินข้าวก่อน เดี๋ยวกูเอาประกาศไปติดบอร์ดแล้วตามไป" ผมบอกเพื่อนทั้งสามคน

"เออๆ รีบตามมาละกัน" ไผ่ตอบ

"ส่วนกู วันนี้ขอตัวนะ ไปกินกับฟะละแฟนแฟนแฟน" วันนี้คงเป็นวันแห่งความอิ่มเอมใจของไอ้มีนสุดๆ แล้ว

"เออไปเหอะ กลุ่มเราจะได้เหลือคนน้อยลง" ผมพูดแหย่มันขำๆ ขอแหย่มันสักหน่อย

"สัด ! กูไปแล้ว"

"เออๆ" โบกมือบายแล้วไอ้มีนก็เดินเกาหัวจากไป ส่วนผมก็รีบเดินไปที่บอร์ดของโรงอาหารกลาง ที่นี่เป็นโรงอาหารใต้ตึก ยกสูงจากพื้นถนนเกือบเท่าตึกหนึ่งชั้น เพดานสูงเหมือนโบสถ์คริสต์ พื้นที่แนวกว้างไม่มากนัก แต่แนวยาวของตึกจากหัวจนถึงปลายตึกไกลจนแทบหมดความอดทน และใช่ครับผมต้องเดินจากหัวไปท้ายตึกเพื่อปิดประกาศ

ระหว่างที่ผมกำลังยืนแปะประกาศอยู่ ก็ได้ยินเสียงซุบซิบจากสาวๆ ข้างโต๊ะ และเสียงกล้องถ่ายรูปจากมือถือเบาๆ

"แกว่าเขาแฟนกันมั้ยอ่ะ " บีหนึ่งเริ่มพูด

"แต่พี่เบล..." บีสองพูดไม่ทันจบ เสียงในหัวผมก็จดจ่อกับคำว่าเบลทันที อย่านะ ขอให้ไอ้พี่เบลไม่ได้อยู่แถวนี้ แปะเสร็จก็รีบหันหลังกลับมาดูแล้วก็ชนจังๆ เข้ากับพี่เบล ผู้สร้างโลกลิขิตอะไรมาให้ผมเจอมันหนักหนา คิ้วกระตุกสองทีข้างซ้าย สงสัยจะเป็นลางดีได้ตั๊นหน้าคน

"อ้าว หวัดดีคุณ" ทักทายอย่างมรรยาทอันงดงาม

"..." สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบและสายตาโคตรน่าสะพรึง อะไรวะ หรือมันไม่อยากคุยกับผม

"ผมมีชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้" อ่ะ โอเค เข้าใจละ

"อ่ะ หวัดดีครับพี่เบล" มึงต้องพอใจได้แล้วนะไอ้พี่เบล

"มาทำอะไร"

"กินข้าว แล้วก็แปะประกาศรายชื่อสมาชิกใหม่ของชมรม"

"ชมรม ! ชมรมอะไร"

"ชมรมถ่ายภาพครับ"

"หรอ ! อืม"

แล้วก็เงียบ สายตามันก็จ้องผมให้เกิดความรู้สึกว่า ผมทำอะไรผิดอีกรึเปล่าเนี่ย

"กินข้าวยัง" มันเหลือบตาไปมองบอร์ดแป๊บนึงก่อนเอ่ยคำถามที่ฟังยังไงก็คงไม่ถามบอร์ดหรอก

"ย..." ไม่ต้องตอบด้วย อยู่ดีๆ ก็ดึงมือผมไปต่อคิวร้านข้าว

"กินอะไร"

"เฮ้ยยยย ดึงผมมาทำไมเนี่ย"

"กินข้าวไง"

"ฮะ ผมมากับเพื่อน เพื่อนจองโต๊ะไว้แล้ว"

มันหันมาจ้องหน้าผมแบบจริงจังมาก นี่คือวิธีของมันแน่ๆ อยากได้คำตอบ อยากได้อะไรที่มันต้องการ มันใช้จ้องดุๆ นิ่งๆ ใครเป็นแฟนพี่มึงผมว่าดิ้นไม่หลุดแน่ๆ

"ยังไงเดี๋ยวก็ต้องอยู่ด้วยกันบ่อยๆ สนิทกันไว้ดิ บอกเพื่อนว่ากินข้าวกับคนรู้จัก"

คนแบบนี้มันคือคนแบบไหนเนี่ย ไม่เคยชินเลยจริงๆ

"ม่ายยยยยยยยยย"

"สรุปจะกินข้าวกับเพื่อนให้ได้"

"ใช่สิครับ"

"เดี๋ยวกินเป็นเพื่อน"

"พี่ไม่เข้าใจที่ผมพูดอ่ะ"

"สั่งอาหารค่ะน้องๆ" แม่ค้าหย่าศึกเมื่อถึงคิวพวกผม

"กะเพราหมูสับ 1 จาน ครับ" พี่เบลสั่งอาหารจานเดียว อ้าวแล้วของผมล่ะ ไหนบอกจะให้กินข้าวกับมัน

"เหมือนกันครับ" พี่เบลมันมองผมทางหางตา

"..." เงียบ มองผมด้วยหางตาแว๊บนึงแล้วก็ไม่สนใจอีกเลย

"ก็....สั่งแล้วเดี๋ยวไปกินกับเพื่อน" พูดทำไมวะผม

"อืม..." ไม่รั้งเลยหรอ หน้าบูดเป็นตูดหมาเลยครับ เอาไงดีวะ เหมือนมีโซ่บางอย่างมาถ่วงใจให้หน่วงเบาๆ เซ็งเบาๆ ผมเลยรีบส่งแช็ตไปหาไบร์ทบอกว่าเจอคนรู้จักเลยกินข้าวกับเขา แยกกินกันเลย เงยหน้ามาอีกทีพี่เบลมันก็ไม่อยู่แล้ว เหลือจานข้าวผมไว้จานหนึ่ง ผมเลยรีบจ่ายเงินแล้วจะไปตามหาพี่มัน แต่พอหันหลังกลับจะเดินไปก็เห็นมันยืนรออยู่ งงสิครับ

"อ้าว...พี่รอผมหรอ"

"อืม"

"รอไมเนี่ย" ในใจผมไม่ได้คิดแบบนั้นแน่ๆ แปลกขึ้นทุกวันนะไอ้จา

"ก็เห็นบอกว่าจะกินข้าวกับเพื่อน นี่ก็บอกแล้วไงว่าจะกินเป็นเพื่อน เร็วเข้า"

แปลกดีแท้ที่อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าหน้าอกและใบหน้ามีแรงกดทับ มันตึงๆ แน่นๆ พาเอาเดินสะดุดไปหนึ่งหน รู้ตัวอีกทีก็นั่งกินข้าวกะเพราหมูสับตรงข้ามกับไอ้พี่เบลแล้ว ตาก็มองพี่มันละห้อยด้วยความมึนเบลอ

"ต้องการอะไร จะเอาให้" ผมสะดุ้งชะงัก ใครต้องการอะไร หันรีหันขวาก็ไม่มีใคร เลยถามกลับไปว่า

"ถามผมหรอ"

"..." โคตรเกลียดพี่มึงจริงๆ จะเงียบให้ได้อะไร

"เปล่า ไม่ได้ต้องการอะไร"

"เห็นมองนี่ตลอดเลย"

"มองอะไร ไม่มี ผมเหม่อ ว่าแต่พี่จะเรียกแทนตัวเองว่านี่ๆๆๆๆๆ หรอ จะเรียกแทนตัวเองว่าอะไรก็ได้ อย่าเครียด เอาที่พี่เป็นตัวของตัวเองไปเลย"

"กู"

"แค่กๆๆ"

"อ่ะ กินน้ำก่อน หรือใช้อย่างอื่นแทน"

สำลักเลยครับ มาไม่ทันตั้งตัวแบบนี้

"ตามบายพี่ 555"

"เบล" ผมตาเหลือก ความขนลุกพุ่งมาเต็ม เอาจริงปะเนี่ย ขอร้อง ไม่ไหวแล้ว

"วาเลนไทน์ปีนี้ พี่พาแฟนไปไหนเนี่ย" หน้าตาระดับพี่เบลนี่อยากเห็นแฟนที่มันจะควงเลย

"เซ็นทรัลเวิร์ลมั้ง"

"โหหหหห สายมูปะเนี่ย"

"ไม่อ่ะ"

"อยากเห็นเลยอ่ะ"

"แล้วจาล่ะ" ขนลุกอีกละ

"พี่เรียกมึงกูได้ปะ ยอมแล้ว ขนลุกตั้งแต่หน้าแข้งยันปลายผม" นี่พูดจริงนะเนี่ย

"ตามใจ วันนี้มึงพาแฟนไปไหน"

"ผมไม่มีแฟน วันนี้ต้องไปรับทิปดีๆ ที่ร้านแต่งแต้มร้อยยิ้มสิครับ" วันนี้คู่รักหลายๆ คนจะพากันไปร้านอาหารที่ผมทำงานอยู่เพราะมีโปรโมชั่น 'จ่ายให้แฟนคุณครึ่งนึง' ก็เป็นกิมมิกเล็กๆ ที่คู่รักหลายๆ คนไปกินอาหาร แล้วเวลาหารกันจ่าย ทางร้านก็จะออกให้แฟนครึ่งหนึ่ง ก็เหมือนลดราคา 25 เปอร์เซ็นต์ แต่พอประกาศโปรโมชั่นนี้ไป ร้านก็เลยบูมมากในวันวาเลนไทน์ หวังว่าพี่หมูจะทิปหนักๆ ให้ผมนะ

"มีเรียนต่อปะ" พี่เบลถามผม

"ไม่มีอ่ะ"

"ไปเซ็นทรัลเวิลด์ด้วยกันหน่อย"

"ฮะ ไปทำอะไรอ่ะ"

"คนเป็นลีดก็มีของต้องใช้ คนดูแลลีดก็ควรรู้จักของในกระเป๋านั้นนะ จะได้หยิบถูก" อ้อ พาไปปวาราณาตัวเป็นผู้รับใช้อย่างสมบูรณ์จริงๆ ที่เซ็นทรัลเวิร์ล

"เย็นนี้ผมต้องไปทำงานที่ร้านอาหาร อย่านานละกัน"

"อืม"

^_^

"คุณ..." ตึกๆ ใจสั่นริกริก ผมหันกลับไปมองหน้าพี่เบลซึ่งมองด้วยสายตายักษ์ใส่ คนเราก็มีลืมกันได้บ้าง ยังไม่ชินๆ

"เอ่ออออ พี่เบล ทำไมเราไม่ขึ้นแท็กซี่อ่ะ" คือผมเดินขาลากมากๆ คิดได้ไงวะ เดินไปเซ็นทรัลเวิร์ล

"เดี๋ยวก็ถึงแล้ว" ผมหน้ามุ่ยใส่แล้วหันกลับไปเดินต่อ พี่มันก็เดินตามอย่างสบายใจดีนะ บ่ายครึ่งแล้วยังไม่ถึงเลย ร้อนมาก

'แปะ' เดินอยู่ดีๆ ก็มีผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคอและหน้าผากผม

"ฮึ่ย ! ตกใจหมดพี่"

"เหงื่อเยอะ"

"ก็เออดิ บอกให้นั่งแท็กซี่ก็ไม่เอา ถ้าวันนี้ผมเป็นลมตอนทำงานนะ ชดใช้ด้วย"

"อืม ถึงละ ไปกินไอติมกัน"

"ฮะ ! พี่ไม่รีบซื้อของหรอ"

"เดินร้อน เดี๋ยวเลี้ยง"

"ตกลง นี่ไม่ได้เห็นแก่กินนะ แค่เห็นโปรโมชั่นดีๆ วาเลนไทน์หรอก"

พี่เบลเดินนำลิ่วหลังจากเดินตามมาตลอด เข้าไปนั่งรอที่โต๊ะ ผมก็รีบเดินตามเข้าไป แต่พนักงานเดินมาขวางทักไว้ก่อน

"กี่ที่ครับ"

"ผมมากับคนนั้นครับ" ผมชี้ไปที่พี่เบล

"อ้อครับ" ผมเดินไปนั่ง

"ช่วงนี้มีโปรโมชั่นวาเลนไทน์นะครับ ถ้ามากับคู่รัก แนะนำเฮอริเคนออฟเลิฟครับ"

"แค่กๆ" ผมสำลักน้ำลายและกำลังจะแก้ว่าไม่ใช่ แต่ไม่ทันพี่เบล

"เอาชุดนี้ครับ" หน้าผมขึ้นเห่อแดงแน่นอนเพราะหน้าร้อนไปหมด อายดิครับ ไอ้พี่เวร ตอนซ้อมลีดกูจะส่งยาพิษให้ แม่งเอ๊ย

"อ้อ โอเคครับ เฮอริเคนออฟเลิฟนะครับ"

"คะ..ครับ"

"มันคุ้มดีไง"

"เออ รู้น่ะ คือผมต้องสวมรอยเพื่อกินไอติมราคาน่ารักว่างั้น"

"ใช่"

"คราวหลังเตี๊ยมกันก่อน ให้เวลาทำใจกันบ้าง พี่ว่าเขาเชื่อมั้ย"

"ไม่"

"เอ๊า อะไรวะ"

"มึงไม่เนียน"

"ฮ่าฮ่าฮ่า ก็จริง"

"ไหนลองแสดงดิ"

"ฮ่าฮ่าฮ่า เออ เดี๋ยวลองดู"

"ไอศกรีมเฮอริเคนออฟเลิฟเสิร์ฟคู่รักแล้วครับ" อ้าวเชรี่ย ไหนพี่เบลบอกไม่เนียน พนักงานแม่งก็ปิดตามารับเมนูรึไงถึงนึกว่าผมกับพี่เบลนี่เป็นแฟนมากินไอติมวันวาเลนไทน์

"ช่วยถ่ายรูปคู่ให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ" โอ้ ว้าว ละครฉากที่หนึ่งเริ่มแล้ว พี่เบลส่งมือถือให้พนักงานช่วยถ่ายรูป

"ได้เลยครับ"

"รออะไรล่ะจา ยิ้มเร็ว" คนกำลังตะลึงอยู่โว้ย

"พร้อมนะครับ 1 2 3"

"ยิ้มน่ารักดี" ไม่พูดเปล่า ลูบหัวผมด้วย เอาสิครับ ชมผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ลูบหัวด้วยนี่ไปไม่ถูกแล้วกู

"เอ่อ ! รีบกินละกันนะ"

"เขินหรอ"

"เขินบ้าอะไรล่ะ"

"จะได้เนียนๆ ไง"

"เนียนทำไม เขาเชื่อแล้ว"

"หรอ นึกว่าไม่เชื่อ"

"ถึงเขาไม่เชื่อ ก็กินโปรฯ นี้ได้ กวนตีนนะพี่"

"หรอ เขาโปรฯ คู่รักนะ ไม่ใช่คู่รักแล้วไปสั่งก็น่าเกลียดดิ"

"รีบกิน !"

"เขินอะไรขนาดนั้น"

"อยากเนียนก็ป้อนเลยมั้ย" แม่งเอ๊ย ไม่ควรหาเรื่องอะไรให้ตัวเองซวยเลยจริงๆ พี่เบลมันตักไอติมมาจ่อปากผมละครับ ให้ผมหายใจบ้างก็ได้

"เร็ว"

"พี่บ้าปะเนี่ย"

"หันไปมองทางซ้ายดิ" พอผมหันไป พนักงานเสิร์ฟยังมองมาอยู่

"เขาคงไม่จ้องจับผิดหรอกมั้ง ประสาท"

"ก็คิดว่างั้นแหละ กินดิ" ยอมครับ ไม่งั้นไม่จบ ถ้าแฟนพี่มันมาเห็นเข้านะ พูดได้คำเดียว 555 บ้านมึงแตกแน่พี่เบล และถ้าบ้านแตกเมื่อไหร่นะ ผมจะไม่ยอมเป็นพยานแก้ให้มัน จะเข้าสวมบทบาทมือที่สามทันที

"ตอนมึงเป็นลีด พกอะไรในกระเป๋าบ้าง"

"ขนม"

"แล้ว ! "

"แค่นั้น"

"แค่นั้นหรอ ! "

"พูดว่าแค่นั้นก็ไม่ถูกนะ ผมต้องพกขนมโคตรเยอะ เพราะไอ้พวกเพื่อนลีดชอบมาแย่ง ไม่เข้าใจพวกมันจริงๆ" ขนมของคนอื่นก็ไม่กินกัน แต่พอหยุดซ้อมปุ๊บคือวิ่งไปที่กระเป๋าผมทันทีเลยครับ แทบจะฉีกกระชากจนขาดพัง แล้วก็ไม่ได้ขนมหรูหราอะไร เลย์ธรรมดานี่เอง

"ขนมอะไร"

"เลย์ บาร์บิคิว"

"แล้วพวกหูฟัง ชุดใหม่ อุปกรณ์อาบน้ำล่ะ"

"หูฟังเอามาทำไมอ่ะ อาบน้ำก็แกล้งลืมๆ ว่าเราเหม็น รีบกลับ"

"หึหึ เวลานั่งเหงาๆ ก็ฟังเพลงไง"

"พี่ว่าคนอย่างผมจะมีเวลาเหงาด้วยหรอ แก๊งลีดมันรุมแกล้งผมตลอดเวลา แล้วผมก็โดนพี่ลีดด่าทุกครั้งเพราะเวลาพักไม่ได้พัก เต้นเลยโรยแรงทุกรอบ"

"งั้นต่อไปพวกนั้นก็อดแกล้งแล้วล่ะ"

"ทำไมอ่ะ"

"มึงเปลี่ยนหน้าที่ไปเป็นคนดูแลลีดไง"

"ย้ำจัง พูดก็พูดเหอะ มองว่ามันเป็นเรื่องเล่นๆ ไม่ได้หรอพี่ ผมยิ่งยุ่งๆ อยู่"

"ถ้ามึงติดลีด มึงจะมองเป็นเรื่องเล่นๆ ปะ"

"เออ ก็จริง ผมก็ต้องรับใช้พี่อยู่ดี"

"อ่ะ กิน"

"คือจะป้อนเรื่อยๆ แบบนี้มันจะหวานเกินไปนะ ฮ่าฮ่าฮ่า" อาการร้อนหน้ามาอีกแล้ว ชักจะเบื่อพฤติกรรมพี่มันแล้วนะ ถ้าผมป่วยขึ้นมาจริงๆ ทำไง

"อันนี้หัวเราะจริงหรือแกล้ง"

"ฮ่าฮ่าฮ่า ผมหัวเราะจริง แต่ทุกคนชอบมองว่าผมหัวเราะปลอม ชินละ"

"ชอบ"

"ฮะ ! " หัวใจกระตุกแปลกๆ มาไม้ไหนวะไอ้พี่เบล แฟนมึงนี่ยังมีชีวิตอยู่ปะวะ

"เอกลักษณ์ดี"

"อ้อ เออ ฮ่าฮ่าฮ่า ช่ายยยยยย" ถึงกับต้องหลบตามันไปมองพนักงานที่แม้จะไปปฏิบัติหน้าที่โต๊ะนั้นโต๊ะนี้ แต่มึงไม่เคยลืมมองมาเช็คผมเลยนะครับน้อง

"คำสุดท้าย" พี่เบลตักคำสุดท้ายยื่นใส่หน้าผม

"โอเค" ผมยินยอมกิน

"รู้ปะว่าคำสุดท้ายแฟนหล่อ หึหึ ไปจ่ายเงินก่อนนะ"

กวนตีนได้โล่จริงๆ ว่าแต่พี่มันไปจ่ายเงินนี่ถือว่าเลี้ยงปะเนี่ย ดีใจนะโว้ย ของฟรีอ่ะ ชอบสุดๆ อยู่แล้ว ผมเดินตามไปหามัน

"พี่เลี้ยงปะเนี่ย โคตรดีเลยว่ะ ผมว่านะ พี่โคตรหล่อ ใจป๋ามาก ไม่รู้ว่าจะโชคดีแบบนี้ไปเรื่อยๆ มั้ยนะ"

"ร้อยยี่สิบห้า"

'เพล้ง' หน้าที่เคยแข็งแกร่งดังเขื่อนขุนด่านปราการชลพังทลายสิ้น ได้แต่ทำใจล้วงกระเป๋าตังค์ออกมาด้วยสีหน้าอมทุกข์

"เดี๋ยวค่อยจ่าย ไปซื้อช็อปกีฬากัน"

"เรี่ยวแรงมันน้อยเหลือเกินจริงๆ หมดแรงขึ้นมาซะงั้น"

"เลี้ยงไอติมเมื่อกี้"

"ตามมาดิ เร็ว"

คนเราต้องรีบคว้าทุกโอกาส อย่าปล่อยให้หลุดมือ ไม่งั้น เราอาจซวยต้องจ่ายเงินค่าไอติมก็ได้

เราเดินมาถึงช็อปสปอร์ต พี่เบลก็เริ่มเกมก่อกวนผมทันที

"เลือกสีเสื้อให้หน่อยดิ" พี่มันชี้ไปที่ราวแขวนเสื้อเว้าข้าง

"พี่ชอบสีอะไรอ่ะ"

"สีดำ"

"อ่ะ เอาสีดำไป"

"ขอบใจ พี่ครับ เอาสองตัว กางเกงสีดำด้วยดีมั้ยจา"

"มันก็ดำทั้งตัวดิพี่ เอาสีขาวดิ"

"ชอบสีนี้หรอ"

"ไม่อ่ะ แต่มันจะได้ไม่ดำทั้งตัวไง"

"แล้วมึงชอบสีอะไร"

"สีแดง"

"ไปตรงอื่นก่อนดีกว่า"

"อ้าว พี่ไม่ซื้อกางเกงแล้วหรอ"

"ตรงนี้ไม่มีกางเกงสีแดง"

ทุกท่าน เคยหน้าร้อน อกร้อน ใจเต้นตึกตักๆ เพราะโดนกวนตีนปะครับ ผมเนี่ยโดนอย่างหนักมากเลยวันนี้

พี่เบลพาผมเดินซื้อของตามช็อปต่างๆ ช็อปนั้นช็อปนี้จนคิดว่าตอนเดินมาจากมหา'ลัยนี่เบบี้ไปเลย เดินจนผมเริ่มเบลอๆ พี่มันก็พาเข้าร้านสตาร์บัค เอาล่ะครับรอบนี้ผมจะไม่เพรี่ยงพร้ำมันอีกแล้ว ได้ยินเสียงพี่เบลสั่งอะไรไม่รู้เป็นภาษาแปลกๆ แล้วก็หันกลับมาถามผม

"เอาอะไร"

"ไม่เอาครับ"

"กินกาแฟไม่เป็นหรอ"

"กินเป็นครับ แต่วันนี้ไม่กินดีกว่า"

"พี่ครับ เอา grande caramel frappuccino อีกแก้วครับ"

"พี่ ผมไม่เอา"

"สั่งไปแล้ว"

"ยกเลิกได้นะคะน้อง" พี่คนรับออเดอร์รีบพูด

"เอ่อ..."

"ไม่ยกเลิกครับ"

โอ๊ยยยยยยย พี่เบลนอกจากกวนตีนแล้ว ยังต่อกรด้วยยากมาก จะต้องเสียเงินกับกาแฟแก้วเป็นร้อยนี่ผมว่าธนบัตรในกระเป๋าผมร้องไห้กันแล้วนะ

"พี่ไม่เอา เงินไม่พอแล้วเนี่ย"

"ติดไว้ก่อนได้"

"แล้วทำไมผมต้องเสียเงินเรื่องที่ไม่อยากด้วยอ่ะ"

"ตาจะหลับแล้ว เติมคาเฟอีนหน่อย"

"มันแพง พี่เข้าใจมั้ย ที่บ้านไม่ได้มีเงินถุงเงินถังนะโว้ย" อารมณ์ผมเริ่มไม่ดีแล้วเนี่ย เงินทองไม่ใช่ว่าจะหามาได้ง่ายๆ ไอ้พี่เบลแม่งก็ยังมาทำให้รั่วไหลมั่วๆ ซั่วๆ อยู่ได้

"งั้นเดี๋ยวเลี้ยง แล้วไปอีกที่นึงด้วย"

"จะที่ไหนก็ยินดี คราวหลังอย่าพูดเหมือนขอร้องสิครับ เต็มใจโคตรๆ"

"หึหึ" พี่เบลยิ้มออกละ 555 ผมยังขำตัวเองเลย พี่มันไม่หลุดบ้างก็ให้รู้ไป

"แล้วจะไปไหนอีกอ่ะ"

"นั่งกินกาแฟก่อน"

"ได้ๆ"

"เคยมีแฟนมั้ย"

"ก็เคยมีนะ กาแฟแพงนี่โคตรดีเลยอ่ะ ขอบคุณที่พามาเปิดโลกครับ"

"แฟนนิสัยเป็นไง"

"ก็น่ารักดีนะ ใจเย็น ไม่ค่อยงอแง สรุปคือชอบมากแหละ"

"แล้วทำไมตอนนี้โสดล่ะ"

"ก็เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ นานเข้าความห่างกันมันก็ทำให้ต้องยอมแพ้ อยู่คนละฟากประเทศเลยนะพี่ จะได้กลับมารึเปล่าก็ไม่รู้ สุดท้ายเขาก็เลยบอกว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า ก็เลยโอเค เพื่อนกันก็เพื่อน"

"เสียใจมั้ย"

"นิดนึง เลิกกับแฟนทั้งคนเลยนะพี่"

"หรอ"

"พี่อ่ะ"

"ไปได้แล้ว เดี๋ยวเย็น"

"แหนะๆ ฮ่าฮ่าฮ่า  เขินอะเด้ ไม่เนียนๆ" พี่เบลรีบเดินนำลิ่วไปเลย แหม เรื่องคนอื่นชอบ เรื่องตัวเองเงียบเฉย

พี่เบลเดินนำผ่านร้านต่างๆ ออกไปที่ลานกลางแจ้งเซ็นทรัลเวิร์ล แดดบ่ายสามโมงครึ่งนี่ยังกับอยู่ทะเลทรายเลย ว่าแต่ออกมาตรงนี้ทำไมเนี่ย พระตรีมูรติ

"ไปซื้อดอกกุหลาบมาเร็ว" พี่เบลสั่งผม

"เอามาทำไม"

"กวาดถนน"

"กวนตลอดนะพี่อ่ะ"

"สองชุดนะ"

"เงินมา งานเดิน"

"มึงออกบ้าง"

"โว๊ะ" ผมเดินไปซื้อดอกกุหลาบมาสองกำ

"ป้าครับกุหลาบสองดอก"

"หนุ่ม วันนี้วันวาเลนไทน์ ไหว้ความรักต้อง 9 ดอก"

"งั้น 9 ดอก สองชุดครับ"

"มากับแฟนหรอ"

"เปล่าป้า มากับพี่อีกคน"

"อ๋อ นี่จ้า ร้อยแปดสิบ"

"นี่ครับป้า" โห ราคานี้นี่กำไรเท่าไหร่วะเนี่ย เลิกทำงานกับพี่หมูแล้วมาขายดอกไม้หน้าพระตรีฯ ดีมั้ยเนี่ย

"มาแล้วๆ"

"นาน"

"พี่ครับ ยังไม่ถึงห้านาทีเลย"

"เวลาเท่านี้กับแดดที่ส่องมาเนี่ย ควรบ่นปะ"

"อ่ะครับ เจ้าชาย รับดอกกุหลาบไปเลยครับสองชุด"

"ชุดเดียว"

"เฮ้ย แต่พี่สั่งผมสองชุดนะ เปลืองเงินนะเนี่ย"

"อีกชุดของมึงไง"

"ของผม ! "

"ขอพรได้แล้ว"

"เอ่ออออออ..."

"พูดตาม"

"พูดตาม ! ตามใคร ! "

"กูไง เร็ว ขอให้ข้าพเจ้าได้เจอ"

"กูไง เร็ว ขอให้ข้าพเจ้าได้เจอ" พี่มันมองแรงมาอีกแล้ว อารมณ์สวิงเหลือเกินนะคุณชาย

"ล้อเล่นคร๊าบบบบ ขอให้ข้าพเจ้า"

"ได้เป็นแฟนกับ"

"ได้เป็นแฟนกับ"

"คนที่รักข้าพเจ้า"

"คนที่รักข้าพเจ้า"

"และคนที่ข้าพเจ้ารัก"

"และคนที่ข้าพเจ้ารัก"

เหมือนต้องมนต์สายตาพี่มัน มองมาไม่หยุดเลยครับ เอาไง พอใจยัง นี่ตามใจทุกอย่างแล้วนะ

"พี่ผมต้องไปแล้ว"

"อืม"

'บางเวลาความสัมพันธ์ก็เดินเข้ามาทักทายให้หัวใจได้ทำงานแตกต่างจากทุกๆ วัน บางครั้งเรารู้สึกอยากจะคิดว่า เรื่องราวมันซับซ้อนถึงทำให้ใจเต้นผิดแปลกไปจากเดิม แต่บางครั้งมันก็แค่คิดง่ายๆ ว่า ประตูหนีบนิ้วยังทำใจเต้นได้เลย ความสัมพันธ์ประหลาดที่เข้ามาทำใจเต้นได้ ก็คงปกตินั่นแหละ'

^_^

'ร้านแต่งแต้มร้อยยิ้ม'

"พี่หมู ผมมาแล้วจ้ะ อยู่นี่แล้วน่ะ เขยิบมาใกล้ๆ" ที่นี่น่าจะเป็นที่ที่ผมยืนเหนือผู้อื่นได้ดีที่สุดแล้ว

"รีบใส่ยูนิฟอร์มเลยนะมึง วันนี้คนเยอะมากแน่นอน"

"ที่คาดผมรูปหัวใจเนี่ยนะยูนิฟอร์ม"

"เปิดไฟด้วย มีไฟกระพริบ"

"พี่หมู มึงเอาฮารึเปล่าเนี่ย"

"ไอ้น้อง รีบเลย"

วันนี้แสบๆ วูบหน้ากับไอ้พี่เบลมาทั้งวัน ผมต้องมาแสบหน้ากับการใส่ที่คาดผมหัวใจไฟกระพริบต้อนรับลูกค้าอีก 555 เอ้า สู้โว้ย

บรรยากาศร้านตกแต่งน่ารักมากครับ เหมาะกับคู่รักที่จะมาออกเดตสุดๆ ก็คือไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยนอกจากยูนิฟอร์มของไอ้พี่หมูที่ให้ลูกน้องทุกคนใส่ไม่เว้นแม้แต่มัน คือพี่มึงจะไม่ลงทุนอะไรหน่อยรึไง แค่โปรโมชั่นอย่างเดียวลูกค้าเศร้าใจกันพอดี แทนที่จะมีถ่ายรูปหวานๆ มุมนั้นมุมนี้

"น้องคะ พี่จะขอให้น้องนั่งหลบหลังพี่แป๊บนึงได้มั้ยคะ โผล่มาแต่ที่คาดผมนะคะ พี่อยากถ่ายรูปกับแฟนแบบมีรูปหัวใจเป็นพื้นหลัง"

ผมนี่ตื่นตาตื่นใจไอเดียพี่เขาเลย พี่หมูครับ มึงซวยแล้ว พนักงานมึงเสียเวลากับการเป็นพื้นหลังให้พวกลูกค้ากันแน่ๆ

หลังจากนั้นลูกค้าก็ทยอยเข้ามากันอย่างล้นหลาม และจริงตามคาดที่พนักงานก็ต้องสละเวลาไปถ่ายรูปเป็นพื้นหลังให้ บางคนเรียกไปท่าแปลกๆ แบบขอมีหัวใจบนหัวพนักงานติดไปก็พอ จริงๆ ก็เป็นไอเดียที่น่ารักดีเหมือนกันนะผมว่า ลงทุนไม่มาก เสียเวลาหน่อย แต่ได้รอยยิ้มให้ลูกค้าได้แบ่งปันความสดชื่น สดใส ให้กับพนักงานด้วยในวันวาเลนไทน์แบบนี้

แต่วันนี้ผมโคตรเหนื่อยเลย เพราะไอ้พี่เบลนี่แหละที่ให้ผมไปเซ็นทรัลเวิร์ลกับมัน แถมเดินไปอีก ลากผมไปร้านนั้นร้านนี้ สดใสไม่เต็มที่เลยผม

"น้องครับ 1 ที่ครับ"

"เฮ้ย !!!! " ผมแหกปากตกใจลั่นร้านเลย ก็ไอ้พี่เบลดิครับ อยู่ดีๆ ก็โผล่มาร้านนี้ แถมมาตอนใกล้ปิดร้านแล้วด้วย

"ได้ยินมั้ยเนี่ย"

"พี่มาได้ไงเนี่ย"

"เดิน"

"กวนตีน"

"หาที่นั่งให้ได้แล้ว"

"มาตอนร้านใกล้ปิดเนี่ยนะ"

"ปูผัดผงกะหรี่เป็นอย่างเดียวที่มึงชอบรึเปล่า"

"ไม่นะ หมูสะดุ้งมะนาว กระเฉดหมูกรอบ นี่ก็ชอบโคตรๆ เลยครับ เอาโต๊ะติดแม่น้ำละกันนะครับ"

"อืม สั่งอาหารให้หน่อย เอาปูผัดผงกะหรี่ หมูสะดุ้งมะนาว กระเฉดหมูกรอบ มาให้หน่อย"

ไอ้พี่เบลมันคือยอดมนุษย์ที่สุดยอดของความกวนตีนมาราธอนมากจริงๆ กวนตีนทำลายล้าง กวนตีนๆๆๆๆๆ มันสั่งอาหารตามที่ผมชอบมากินยั่วผมชัดๆ ตอนนี้เหนื่อยและหิว ยังมาโดนยั่วน้ำลายอีก

"ครับเพ่"

ผมเดินปึงปังไปสั่งอาหารที่พี่หมู แล้วก็บ่นกระปอดกระแปดกับพี่หมู

"มันมาอีกแล้วครับพี่"

"ใครวะ"

"ก็ไอ้คนที่กวนผมคราวนั้นไง แถมสั่งเซ็ตอาหารที่ผมชอบที่สุดในร้านพี่ด้วยนะ"

"มึงอย่าไปใส่ใจ ไปเตรียมรอเป็นพื้นหลังให้มันเถอะ 555"

"ขอไม่เสิร์ฟนะพี่ เหนื่อย"

"เออๆ"

ผมเดินไปเก็บโต๊ะนั้น โต๊ะนี่ เผลอหันไปมองพี่เบลมันนั่งเหงาๆ อยู่คนเดียว เลยสงสัยว่าแฟนมันไปไหน แล้วเห็นบอกจะไปเซ็นทรัลเวิร์ลแต่มาที่นี่ ยั้งไงกันนี่ ต่อมอยากรู้ดิ้นเป็นเพลง old town road เลย

"จา มึงไปเสิร์ฟโต๊ะเจ้ากรรมนายเวรมึงเลย และก็ไปบริการวาเลนไทน์ เดย์ให้เขาด้วย"

"ฮะ พี่หมู ไม่งี้ดิ ไอ้หมู ไอ้พี่ปลวก" เกมพลิก ไอ้พี่หมูวิ่งกลับเข้าห้องครัวอย่างไว แม่งเอ๊ย ไอ้พี่เบลนี่ก็อีก มันจะใช้งานผมทั้งวันแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย แต่เอ๊ะ ต่อมอยากรู้กลับมาทำงานแล้ว เอาก็เอา

ผมเดินเอาอาหารมาเสิร์ฟไอ้พี่เบล พอวางเสร็จก็กะจะเดินไปเก็บโต๊ะอื่นอย่างช้าๆ เผื่อมันทักอีกครั้งหนึ่งล่ะก็ ผมจะได้ใช้โอกาสถามไถ่เรื่องที่อยากรู้จนตัวสั่น

"จา" นั่น แนวนี้ล่ะ เข้าคำถามเลย

"มานั่งกินเป็นเพื่อนหน่อย" ยังไม่ทันที่ผมจะถามอะไร พี่เบลก็เรียกให้กินข้าวด้วย เกมพลิกในพลิกว่ะ ของฟรีทำลายทุกอย่างในสมองผมจริงๆ

"ผมทำงานอยู่"

"จาๆ ตอนนี้กูไล่มึงออกชั่วคราวนะ ลูกค้าคนนี้จ่ายเงินเมื่อไหร่มึงค่อยมาสมัครงานใหม่"

ไอ้พี่เหี้ยเอ๊ย ความพ่ายแพ้เริ่มย่างกรายมาที่ร้านนี้แล้วด้วยหรอ

"มานั่งกินเร็ว"

"เลี้ยงหรอ"

"เปล่า"

"อ้าว ไม่เอางี้ดิพี่เบล ฟรีเหอะ ไหนๆ โอกาสก็มาขนาดนี้แล้ว"

"กินได้แล้ว"

"ฟรี"

"อืม"

"อาริกาโตะ โกไซมัส"

"เหนื่อยมั้ย" มาอีกละ สัมภาษณ์งานระดับพรีเมียม

"เหนื่อยดิ วันนี้พี่พาผมทัวร์ cat walk แทบทั้งวัน นี่ผมมาทำงานเหนื่อยลมแทบจับเลยเนี่ย"

"กินเยอะๆ"

"ว่าแต่พาแฟนไปเซ็นทรัลเวิร์ลเป็นไงบ้าง"

"หึหึ"

"ยิ้มๆ มีความสุขอ่ะดิ"

"ก็ดีนะ บ่นเยอะดี แต่น่ารัก"

"หวานไปอีก แทนที่จะพามากินร้านนี้ วันนี้มีโปรโมชั่น จ่ายให้แฟนคุณครึ่งนึง ด้วยนะ ถือว่าลดไป 25 เปอร์เซ็นต์นั่นแหละ"

"หึหึ"

"เงินทอนนะครับ ลด 25 เปอร์เซ็นต์" พี่งิ้มมาจากไหนไม่รู้เอาเงินทอนมาให้แล้ว

"อ้าว พี่เรียกเก็บเงินแล้วหรอ"

"มีบริการถ่ายรูปกับพนักงานด้วยนะครับ" พี่งิ้มพูดต่อโดยไม่สนบทพูดของผม

"งั้นรบกวนด้วยครับ หันไปเร็ว" พี่เบลก็ไม่สนผมเช่นกัน

"เฮ้ย ! อะไรกันวะ"

"1 2 3" พี่งิ้มไม่รออะไรทั้งนั้น คว้ามือถือจากพี่เบลได้ก็รีบถ่ายเลย หน้าผมต้องเชรี่ยมากแน่ๆ

"ใช้ได้มั้ยครับ"

"ก็น่ารักดีครับ"

วาเลนไทน์ปีนี้เหนื่อยกับความผีเข้าผีออกของพี่เบลมันจริงๆ ขอทิปจากมันแทนพี่หมูดีมั้ยเนี่ย