พิมพ์หน้านี้ - หัวใจหิมะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: sahara_min ที่ 05-12-2021 00:02:54

หัวข้อ: หัวใจหิมะ
เริ่มหัวข้อโดย: sahara_min ที่ 05-12-2021 00:02:54
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: หัวใจหิมะ ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: sahara_min ที่ 05-12-2021 00:04:40
หัวใจหิมะ
   
         บรรยากาศที่แปลกใหม่ในสังคมที่แปลกใหม่ของฉันเริ่มที่นี่  หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศที่อยู่ทางภาคเหนือของเมืองไทย    ไม่สงบมากจนเกินไปนัก  แต่ก็ไม่จอแจวุ่นวายอย่างหนักเหมือนกรุงเทพฯ  และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันหลุดออกมาจากบ้านหลังใหญ่โต  ที่มันช่างขาดความอบอุ่นซะเหลือเกิน
   
          ดีมากที่ปีนี้เป็นปี  2021  ที่หลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างได้รับการยอมรับมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานะการเงิน  ความเหลื่อมล้ำ  ความเท่าเทียม  สื่อต่างๆ  รวมไปถึงความหลากหลายทางเพศ ก็ยอมรับมากยิ่งขึ้น   ฉันดีใจที่ครอบครัวของฉันรับได้ในการเป็นสาวประเภทสอง  ทั้งพ่อและแม่  ฉันรู้ว่าแม่รับได้อย่างเต็มที่ แต่พ่อก็ไม่เต็มใจนัก  แต่ด้วยความที่ฉันเป็นลูกคนเล็ก  และมีพี่ชายอยู่แล้วถึงสองคน   มันเลยไม่ทำให้สิ่งต่างๆ  ดูอึดอัดจนเกินไป  เมื่อพ่อของฉันตอนนี้ฝากความหวังของธุรกิจที่บ้านไว้ที่พี่ชายทั้งสองทั้งหมด  ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี  แต่พ่อฉันห้ามอยู่เรื่องเดียวเท่านั้น คือบางสิ่งบางอย่างที่ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้  แต่ก็อย่างว่านั้นแหละ กฎทุกกฎมีไว้ให้แหก  และฉันก็ไม่ใช่สาวประเภทสองที่เรียบร้อยอยู่กับบ้านซะทีเดียว
   การลงทะเบียนเรียนครั้งแรกในรั้วมหาวิทยาลัย  ทุกคนต่างมองมาที่ฉันเป็นตาเดียว  ไม่ใช่อะไรหรอก คงจะคุ้นจากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในทีวี เว็บไซด์  ซุบซิบสังคมชั้นสูง   เพจต่างๆ ในเฟสบุคที่ตีแผ่เรื่องของฉันหลายเรื่องจนงงไปหมดว่าเรื่องไหนจริงหรือเท็จ  รวมไปถึงเหล่าบรรดาเหยี่ยวข่าวจ้องจับเซเลปฯ ที่ขยันมาถ่ายรูปกับฉันตอนออกงานบ่อยๆ นั่นอีก   ถึงฉันจะอายุเพียงแค่  18  และไม่ใช่ดาราดัง   แต่ก็พ่วงทั้งคำนำหน้า  และนามสกุลที่พอเอ่ยใครๆ  ก็รู้จัก
   “มล. สวัสดิราช  สวัสพิสุทธิ์ นะคะ”    เสียงพูดอย่างอ่อนน้อม  และเรียบร้อยของรุ่นพี่คนหนึ่ง  ที่คงจะทั้งเกรง และกลัวๆ อยู่ในตัวทำให้ฉันต้องเอ่ยพูดกลับออกไป
   “ใช่ค่ะ รายงานตัวครั้งแรก โต๊ะนี่ใช่ไหมคะ”  ฉันยิ้มให้รุ่นพี่ผู้หญิงอย่างอ่อนน้อมกลับไป  ถึงแม้ครอบครัวของฉันอาจจะมีอิทธิพลบ้างในเมืองไทย  แต่ฉันก็ไม่เคยเบ่ง  หรือข่มคนอื่นด้วยเรื่องราวแบบนี้
   “เดี๋ยวรายงานตัวเสร็จ  รบกวนหม่อมหลวง เดินไปทางด้านข้างต่อนะคะ เพราะว่านักศึกษาปีหนึ่ง  ครั้งแรกจะต้องถูกบังคับให้อยู่หอใน”  สิ่งที่เค้าพูดไม่ได้ทำให้ฉันตกใจ  ที่บอกว่าจะต้องอยู่หอใน เพราะเรื่องนี้ฉันทราบมานานแล้ว  แต่ที่ขำ  คือนานๆ จะมีคนแทนชื่อตัวฉันเองว่าหม่อมหลวงนี่แหละ
   “รบกวนพี่ๆ  เรียกว่าเม  ก็ได้ค่ะ  ชื่อเล่น  ไม่ต้องเรียกอะไรยาวๆ แบบนั้นก็ได้ค่ะ”   ฉันพูดกลับไปพร้อมกลับเซ็นต์เอกสารต่างๆ  ที่อยู่ตรงหน้า  ก่อนจะยกมือไหว้พี่ๆ  พวกนั้น ทำให้ความเกร็งๆ ที่แต่ละคนมีให้กับฉันมันลดลงไปบ้าง   
   จริงอย่างที่บอกในครั้งแรก  ถึงแม้ฉันจะเป็นสาวประเภทสอง  รูปลักษณ์ภายนอกถูกปรุง แต่ง  เปลี่ยน  ทั้งฮอร์โมน ทุกสิ่งทุกอย่าง จนฉันไม่อยากจะชมตัวเองว่าฉันก็สวยติดอันดับต้นๆ ของสาวสองในเมืองไทย  ทุกคนรู้หมด  เพราะฉันไม่เคยปิด และสังคมก็ขุดทุกอย่างที่เป็นฉันออกมา  ไม่ว่าจะด้านดี  หรือด้านลบ หรือด้านที่พวกเค้าพยายามทำให้เป็นลบ ฉันก็โดน  แต่ฉันไม่ถือ  และไม่แคร์ใดๆ ทั้งสิ้น 
   คำเรียกของฉัน  ถูกหลายคนแปรเปลี่ยนในวงการ ไม่ว่าจะอยู่ในสังคมตรงไหน   ผู้ชายบางคนเรียกฉันว่า  “ราชินีจำแลง”  “นางหิมะ”   “ราชินีหิมะ”   แต่ละอย่าง ไม่ใช่จะดีทั้งนั้น  เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันเจอมา มันทำให้ฉันยิ้มน้อยลงไปทุกๆ วัน   จนฉันลืมไปแล้วว่าฉันยิ้มอย่างเต็มที่หรือหัวเราะล่าสุดเมื่อไหร่
   ดีที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เปิดกว้างเรื่องการแต่งกาย เลยทำให้ฉันแต่งชุดนักศึกษาหญิงได้อย่างสบายๆ  และมันเหมาะกับเพศสภาพของฉันมาก  แต่สิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้  หากจะเปลี่ยนจากคำว่าหม่อมหลวง  ฉันก็คือ “นาย สวัสดิราช  สวัสพิสุทธิ์”   นั้นเอง  และกฎทุกกฎ ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้  ฉันต้องถูกอยู่ในหอในของมหาวิทยาลัย เพราะนักศึกษาปีหนึ่งจะต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างและเน้นหนักมากเรื่องกิจกรรม   ต่อให้บ้านอยู่ในตัวจังหวัดเชียงใหม่หรือใกล้แค่ไหน ก็ต้องถูกบังคับให้อยู่หอในเช่นเดียวกัน จะออกจากมหาวิทยาลัยได้ก็เพียงแค่เสาร์อาทิตย์เท่านั้น  และถูกต้องแล้ว ฉันต้องอยู่ในหอในที่เป็นส่วนของ หอพักนักศึกษา  “ชาย”
   เพียงแค่ฉันก้าวเข้าไปสู่ตรงด้านหลังของตึก ที่จะเป็นส่วนของห้องพัก   มันก็คือเหมือนเดิมจนกลายเป็นความเคยชิน  ทุกคนมองมาที่ฉันเป็นสายตาเดียว  กลุ่มผู้หญิงสามสี่คน ที่ดูรื่นเริงอย่างมีความสุข ฉันก็รู้ว่าจริงๆ  แล้วคือแบบเดียวกันกับฉัน  แต่มันเคยชินซะมากกว่า  การปล่อยให้ถูกมองไป มันเลยทำให้ฉันไม่สนใจที่จะมองคนรอบข้าง  จนบางครั้ง ฉันโดนกล่าวหาว่าเป็นคนที่  “หยิ่ง ทะนง  และเอื้อมไม่ถึง”
   “มาเข้าพักที่หอ A2  ค่ะ  เห็นรุ่นพี่ข้างหน้าบอกว่าให้มารายงานตัวที่นี่”  ฉันพูดกับพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูลักษณะแล้วก็น่าจะเป็นรุ่นพี่ 
   “หม่อมหลวง สวัสดิราช นะครับ”  เหมือนเดิมเช่นเคย โดนเรียกชื่อเต็มๆ  จนฉันก็เอือมระอาเหมือนกัน  ฉันยกยิ้มให้เพียงนิดก่อนจะพยักหน้าลงเล็กน้อย เป็นการยอมรับชื่อนั้นอยู่ในที
   “เดี๋ยวรบกวนเซ็นเอกสารตรงนี้นะครับ  คุณได้อยู่ห้อง  303  นะครับ   ห้อง 3  ชั้น 3  มีของสัมภาระอะไรไหมครับ เดี๋ยวผมให้พวกน้องๆ ที่ว่างๆ ช่วย  ถ้าของเยอะกลัวจะยกขึ้นไม่ไหว”    การเป็นสาวประเภทสองบางทีถ้าเราเจอผู้ชายดีๆ   สุภาพ  มันก็ทำให้เราสบายไปหลายๆ  เรื่อง  แต่สำหรับเรื่องพวกนี้คงไม่จำเป็นหรือรบกวนอะไรใครมากนัก  เพราะคนที่บ้านส่งคนมาช่วยยกตรงนี้อยู่แล้ว  เลยไม่ต้องลำบากอะไร ใคร
   “ไม่ต้องคุณก็ได้ค่ะ  เรียกว่าน้อง  หรือเม  ก็ได้ค่ะ เหมือนที่พี่ๆ  เรียกคนอื่นๆ เมือกี้”  ถูกต้องเลย เมื่อซักครู่นี้ฉันได้ยินพี่เค้าเรียกคนอื่นไม่ว่าจะเป็นน้อง   เรียกชื่อเล่น หรือแม้แต่สรรพนามว่า มึง  จริงๆ ถ้ามันง่ายๆ  ฉันก็โอเคนะ ถ้าจะเรียกแบบนั้น
   “ได้เลยครับน้องเม  เดี๋ยวน้องเมเซ็นต์ตรงนี้นะครับ  เหมือนน้องเมจะได้อยู่ห้องเดียวกับไอ้โบ๊ทนะครับ  มันเพิ่งเซ็นต์เอกสารก่อนน้องเมแป๊บเดียวเอง”
   .......  ทำไมถึงสะดุดชื่อนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน   
   ฉันเซ็นต์เอกสารลงไป ในช่อง ห้อง 303  ห้องพักที่นี่ จะพักกัน 1 ห้อง ต่อนักศึกษา  2  คน  ห้องทุกห้องแบบเดียวกันหมด และดีตรงที่มีห้องน้ำส่วนตัว   ถึงฉันจะต้องพักอยู่กับคนแปลกหน้าเป็นเวลาถึง  1 ปีเต็ม  แต่อย่างน้อยก็โล่งใจได้ว่า เวลาฉันทำธุระส่วนตัว คงไม่มีปัญหาอะไร
   แต่สิ่งที่สะดุดใจบางอย่างอีกครั้ง  ก็คือนามสกุลของคนที่จะอยู่ด้วยกันกับฉันนั้น  ทำไมถึงคุ้นนัก  น่าจะเป็นนามสกุลของนักการเมืองคนใดคนหนึ่งที่ฉันคุ้นแน่นอน  และเค้าก็ได้เซ็นต์ชื่อก่อนหน้านี้ไปแล้ว   ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง  จริงๆ ก็รู้สึกห่วงความรู้สึกของคนที่จะมาอยู่กับฉันนะ  อาจจะโดนล้อ ว่าต้องมาพักอยู่ห้องเดียวกับกระเทย  อาจจะโดนแซวจากเพื่อน  อาจจะมีความรังเกียจในสาวประเภทสองก็ได้  จริงๆ  ถ้าเป็นไปได้เลย ฉันอยากพักอยู่ห้องเดียวกับคนที่เป็นแบบเดียวกันมากกว่า มันคงจะดีกว่ากันเยอะ  แต่ห้องพัก ในที่นี้ กฎอย่างหนึ่งคือ  ทุกคนจะต้องถูกจับฉลากจากรุ่นพี่ตั้งแต่ต้น และเมื่อจับแล้ว มันก็ไม่สามารถที่จะย้ายได้
   แต่ถ้าฉันคุยกับเค้าคนนั้นรู้เรื่อง อาจจะขอเปลี่ยนห้องโดยไม่ให้รุ่นพี่รู้ก็ได้  ถึงจะเป็นแบบนี้  แต่จริงๆ  ข้อเสียของฉันอีกอย่างก็คือ  เกรงใจและแคร์ความรู้สึกของคนอื่น  เพียงแต่มันไม่เคยแสดงมันออกมาเท่านั้น
   สายตาทุกคู่ยังจับจ้องมองฉันอยู่   มีหลายคนที่ทำท่าจะแซว  แต่ก็ต้องเงียบไป เมื่อโดนเพื่อนที่อยู่ข้างๆ  กระซิบบอก  ก็คงจะบอกว่าเป็นใครนั้นแหละ  เลยทำให้ไอ้พวกผู้ชายๆ ปากปีจอพวกนั้นหุบปากลงไปได้  เอาจริงๆ ควรขอบคุณนามสกุลของฉันนะ  อย่างน้อยมันก็คอยป้องกันสิ่งเหล่านี้ได้เหมือนกัน 
   รถจากทางบ้านเข้ามาจอดหน้าหอพักพอดี  หลังจากที่คนขับรถได้โทรเข้ามาถามเส้นทาง และแจ้งสถานที่ว่าหอนั้นอยู่ตรงไหน  ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง ก็คงจะมาดูดลาดเลาให้แม่นั้นแหละ  และคงกลับไปรายงานแม่แน่นอน แค่คิดฉันก็ส่ายหัวแต่ก็ยิ้มให้กับแม่ของตัวเอง  ปากบ่นๆ  ว่าอยากให้ออกมาเผชิญชีวิตอิสระบ้าง  แต่จนแล้วจนรอด ก็คอยให้คนมาสอดแนมตลอดเวลา   ตอนที่ฉันกำลังจะเดินขึ้นข้างบน ผู้ชายสามคนจากคนของคุณแม่  ก้าวลงมาจากรถทันที่เห็น  ข้าวของไม่มากนัก แต่มันก็พอที่จะอยู่ได้อย่างสบายๆ ในระยะเวลา 1  ปีหลังจากนี้   จะมีเยอะหน่อยก็คงเป็นเครื่องครัว  นี่แหละคงเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ฉันดูเป็นผู้หญิงมากขึ้นจากเพศสภาพที่มีอยู่เดิม  คือฉันชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็กๆ  ไม่ว่าจะเป็นของหวานหรือของคาว  ก็ทำได้เกือบทั้งหมด   
   “คุณหนู จะให้ผมเอาของขึ้นไปที่ชั้นไหนห้องไหนครับ”  พนักงานชายคนหนึ่งที่คุ้นๆ หน้าตอนไปหาคุณพ่อที่บริษัท  เดินเข้ามาถาม  เพื่อที่จะเอาของขึ้นข้างบน
   “ห้อง  3 ชั้น  3 ค่ะ    เดี๋ยวไม่แน่ใจว่าจะมีเมทอยู่ที่ห้องด้วยหรือเปล่านะคะ  ถ้ามีคนอยู่ในห้อง ก็รบกวนทางพี่ๆ บอกหน่อยแล้วกันค่ะ ว่าเป็นของเมทที่จะมาอยู่ด้วย   เดี๋ยวเมขอเช็คของใช้ส่วนตัวในรถอีกหน่อย  เดี๋ยวเมตามขึ้นไป”   
   “ครับ”   ผู้ชายทั้งสามคน  โค้งทำความเคารพที่เป็นเรื่องปกติที่ฉันเจอเกือบทุกวัน  แต่คนรอบข้างคงมองว่าไม่ปกติละมั้ง    แต่ก็นั้นแหละ  มันชินเสียแล้วกับสิ่งพวกนี้ และก็ไม่จำเป็นจะต้องทำ หรือต้องฝืนทำ ในสิ่งที่มันทำไม่ไหว เพียงเพราะสายตาใครต่อใครด้วย
   ซักพักใหญ่  กล่องสัมภาระทั้งหมด  5 กล่องใหญ่ๆ  ก็เข้ามาอยู่ในห้อง   รองเท้าหนังสีดำที่อยู่ข้างหน้า  แสดงว่าเมทของฉันก็อยู่ในนี้  แต่หาไม่เจอ  จนได้ยินเสียงน้ำไหลเบาๆ ที่อยู่ในห้องน้ำ  แสดงว่าเค้าอยู่ในห้องนั้น  มันเป็นครั้งแรกที่ฉันต้องมาพักกับคนแปลกหน้า   มันเลยทำให้ยังไม่กล้าที่จะปิดประตูใหญ่ที่อยู่หน้าห้องนั้น
   เตียงด้านใน ว่างเปล่า  ไม่มีผ้าห่ม หรือผ้าปูที่นอนใดๆ ทั้งสิ้น  ส่วนเตียงด้านนอกที่ติดกับประตูห้อง  มีข้าวของจนครบ  รวมไปถึงหนังสือ และมือถือที่วางเอาไว้อยู่บนเตียงนั้น  เลยทำให้รู้เลยว่าเตียงของฉันอยู่ตรงไหน   แต่เดินขึ้นมาสามชั้นนี่ก็เหนื่อยไม่เบา  จนต้องนั่งอยู่ตรงปลายเตียงนั้นซักพักใหญ่   โดยที่ยังไม่คิดจะเอาของที่อยู่ในกล่องออกมาเรียงหรือทำอะไรให้มันเป็นระเบียบ   ฉันนั่งอยู่นาน จนลืมไปว่าเสียงน้ำในห้องน้ำนั่นก็เงียบไปนานแล้วเช่นกัน  จนลืมที่จะสงสัยไป  กระทั่งใครบางคน เปิดประตูและโผล่หน้าออกมานั่นแหละ
   รูมเมทฉันคือรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่ง และถ้าจำไม่ผิด  คงจะชื่อเล่นว่า “โบ๊ท”  ที่รุ่นพี่คนดูแลด้านล่างได้บอกเอาไว้ เค้าโผล่มาแค่หน้าเท่านั้นจริงๆ และมองมาเหมือนอยากที่จะพูดอะไร
   ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีมากในสายตาของฉัน  แต่ก็นั้นแหละ  หล่ออย่างไง หรือดีแค่ไหน  เค้าก็คือผู้ชาย ผู้ชายที่ให้อย่างไงก็แล้วแต่  ก็คือต้องคู่กับผู้หญิง   ฉันมองกลับไปเหมือนจะตั้งคำถาม และรอคำถามจากเค้าเช่นกัน
   “เมท  ที่จะมาอยู่ด้วย  .......ใช่ไหมครับ  ....... เอ่อ  หม่อมหลวง....” 
   “เรียกว่า “เม”  ก็ได้ค่ะ”  ฉันยิ้มให้และพูดบอกชื่อออกไปก่อนที่เค้าจะเรียกชื่อเต็มฉันยาวเหยียดเหมือนคนอื่นๆ เรียกกัน
   ชายคนนี้เพียงแค่พยักหน้า แล้วถือวิสาสะ เดินออกมา  ทั้งเนื้อทั้งตัวเกาะพราวไปด้วยหยดน้ำ  ดีที่เปลือยเพียงท่อนบนเท่านั้น  ด้านล่างยังมีผ้าเช็ดตัวมัดอยู่อย่างไม่หนาแน่นนัก  ฉันรีบหันหนีโดยทันควัน  และก็เหมือนเค้าจะเห็นด้วย  แต่นั้นยังไม่สำคัญเท่ากับ เสียง “ฮึ”  ที่เล็ดลอดออกมาจากลำคอของเค้า 
   ไม่จำเป็นจะต้องคิดหรือพูดอะไรต่อ  เพราะเดาออกได้ทันที  ต่อให้อย่างไร  ผู้ชายก็คือผู้ชาย   คงจะไม่สบอารมณ์นัก  ที่จะมีคนประเภทฉัน เข้ามาอยู่ร่วมห้องด้วย  ฉันหันหลังให้เค้าอีกซักพักใหญ่ๆ   และคาดคะเนว่าเค้าคงจะแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะเสียงเงียบไปได้ซักพัก   จึงหันกลับไป
   แต่สภาพที่เห็น คือคนชื่อโบ๊ท อะไรนี่  นอนหลับสบาย  เล่นมือถือ และสวมเพียงกางเกงบอกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น   ....... ก็โอเค ไม่เป็นไร  เพราะคงเป็นเรืองปกติของผู้ชายที่จะอยู่ในห้อง  แต่นี่มันคือห้องส่วนรวม อย่างน้อยควรจะเกรงใจกันบ้าง  และสุดท้ายคือเป็นฉันนั้นแหละที่ทนไม่ไหว  เลยถามคำถามขึ้นมา
   “อึดอัดหรือเปล่าคะ   ที่จะอยู่ห้องเดียวกับ......”   ฉันเว้นคำพูดเอาไว้  เพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อดี
   “ปีหนึ่งเค้าห้ามย้ายห้อง    ถ้าคิดจะย้ายห้อง  ก็เลิกคิดเหอะครับ เพราะผมถามรุ่นพี่ข้างล่างเรียบร้อยแล้ว”  อ่อ  ที่แท้ก็มีความคิดแบบเดียวกันนี่เอง  ก็แน่ล่ะ  คงอยากย้ายแน่นอน   ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากพักกับกระเทยหรอก
   “ค่ะ  แต่ถ้าคิดจะย้ายหรือสามารถย้ายได้เมื่อไหร่ก็บอกนะคะ  ฉันจะได้ย้ายออก”  ก็คิดซ่ะว่าต่างคนต่างอยู่แล้วกัน
   “เรียกสั้นๆ ว่าโบ๊ทก็ได้  ไม่ต้องคุณ  ไม่ต้องผม  ชื่อเมไม่ใช่หรอ”     สิ่งที่เขาพูดทำให้ฉันก้มหน้าก่อนจะหันหน้าไปช้าๆ  และคิดในใจว่า  นั้นแหละคือผู้ชายทั่วๆ  ไป ไม่น่าจะเสวนา หรือคุยหรือแม้กระทั่งเป็นเพื่อนอะไรทั้งสิ้น แค่เพื่อนร่วมห้องก็พอแล้ว
   “ปกติชื่อเม  จะให้เฉพาะคนสนิทเรียกค่ะ  ถ้าไม่สนิท  ใช้ คุณ  ผม  ฉัน อย่างเดิมแหละค่ะดีแล้ว”   นี่คือสิ่งในใจ  และมันออกมาจากใจฉันจริงๆ  เลยทำให้ฉันพูดออกไป   ฉันไม่ใช่คนหยิ่ง  แต่บางครั้ง คำว่า  “ราชินีหิมะ” ที่ฉายาจากหลายๆ สื่อเค้าเรียกกัน  นั้นแหละมันคือตัวตนฉัน
   “หยิ่งซะด้วย”  น้ำเสียงเหมือนเย้ยๆ  พูดออกมา นี่  ตอนนี้ฉันก็เริ่มที่จะหงุดหงิดเหมือนกันนะ
   “อ่อ  !!!  ก็ไม่หยิ่งหรอกค่ะ  แต่เลือกคบคน  ถ้าเหนื่อยและลำบากมากนัก   เดี๋ยวจะย้ายห้องให้ค่ะ  ไม่ต้องกลัว”   นี่แหละ  คือตัวตนของฉันอีกคนหนึ่ง  ถ้าใครร้ายมาก็ร้ายกลับ ใครพูดไม่ดีมา ฉันก็พูดไม่ดีกลับ  ไม่จำเป็นจะต้องมานั่งรักษาน้ำใจอะไร  แค่พูดจบ ก็สาวท้าวออกไปที่ประตูห้อง  และเรื่องแค่นี้มันไม่เหนือบ่ากว่าแรงเลยที่จะทำ   อีกนิดเดียวก็ก้าวถึงประตูแล้ว ถ้าไม่มีใครมาขวางซะก่อน
   “ปากดีจัง  !!”   ตอนนี้คำสรรพนามที่มีอยู่ในใจมันเริ่มเปลี่ยนมาไรๆ จากเขา  ผู้ชายคนนั้น  สำหรับคนตรงหน้าตอนนี้ คงใช้คำว่า “มัน”  จะดูเหมาะกว่า และมันก็พูดพร้อมกับก้มหน้าลงมาจนเกือบจะชิดกับหน้าของฉันเอง  ซึ่งตอนยืนเพิ่งรู้ว่าไอ้นี่ก็ตัวสูงเหมือนกัน
   “ถอย”   ฉันพูดเพียงสั้นๆ  พร้อมกับเบี่ยงตัวที่จะหลบมันไป
   “ไปไหน !!!!”  มันยังคงยืนขวางอยู่ พร้อมกับท้าวแขนไปผนังอีกด้าน  ฉันยืนนิ่งโดยปราศจากความกลัวซักนิด   มองหน้าขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน  พูดพร้อมกับยิ้มใส่ไอ้คนข้างหน้าไป  แต่ถ้าจะให้เรียกถูกๆ  เรียกว่าแสยะยิ้มยังดีกว่า
   “ทำเรื่องย้ายห้องค่ะ   อย่างที่บอก มันคงไม่ยากอะไรหรอก  และอีกอย่าง  ฉันก็ไม่อยากอยู่กับผู้ชายที่หลงยุค มาทำท่ารังเกียจกระเทยด้วย”   
   “ไม่ได้รังเกียจซะหน่อย  แค่ตกใจเฉยๆ ว่ามีสาวสวยมาอยู่ห้องเดียวกันซะด้วย  ตอนกลางคืนคงสนุกพิลึก”     สิ่งที่มันพูดทำให้ฉันนับ 1 – 10  ในใจ  จริงๆ แล้ว กระเทยไม่เหมือนกันทุกคน  หรือมันผ่านอะไรที่มันได้มาง่ายๆ  ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ  และมันก็ยังไม่พูดจบเพียงแค่นั้น
   “อย่าไปเลยครับคุณหม่อมหลวง  ผมรู้ว่าคุณน่ะเส้นใหญ่  ทั้งพ่อ ทั้งแม่   แต่อย่าลืมซิ่ครับ  ว่าผมน่ะหลานใคร  ก่อนจะเข้ามาก็อ่านนามสกุลผมแล้วไม่ใช่หรอ”   อ่อ นึกขึ้นได้แล้วนี่เอง   ถ้าบอกว่าเป็นหลาน  มันก็คงจะหลานสายตรงของนักการเมืองคนใดคนหนึ่งที่คุ้นๆ นั้นเอง   
   “แล้วไงคะ” 
   “ก็ไม่แล้วไง   ตอนแรกก็อยากจะย้ายอยู่หรอกนะ  ที่รู้ว่าได้อยู่ร่วมห้องกับกระเทย  แต่พอเจอกระเทยสวยๆ  แบบนี้ก็อยู่ได้นะ  แต่ ก็  อ้อ ..... !!!!  ลืมไป   ได้ข่าวมาว่าพวกระเทยที่เข้ามาอยู่หอในและต้องพักหอชาย เป็นพวกยังไม่แปลงนี่นา หม่อมหลวงสวัสดิราชก็ยังมีไอ้นั่นอยู่ซินะครับ” 
   จริงๆ  ไม่ได้ตบใครมานาน   เพราะส่วนใหญ่ถ้ามีเรื่องกับใคร   ลูกน้องของพ่อก็จัดการให้ แต่ก็เพียงครั้งเดียวในชีวิต ที่เคยโดนไอ้รุ่นพี่ปากหมาจาก โรงเรียนเก่ามันคอยรังควาน   แต่นี่เห็นจะเป็นครั้งที่สองแล้ว  ที่อารมณ์เดิมๆ  แบบนั้นมันกลับมาอีกครั้ง
   ฉันง้างมือจนสุดแรง และไม่สนด้วยว่ามันจะเจ็บแค่ไหน  เป็นการพบกันครั้งแรกของรูมเมทที่น่าประทับใจจริงๆ   แรงตบที่ตบไปมันคงจะเจ็บพอกัน เพราะหลังจากตบ หน้ามันหันไปตามแรงนั้น  และรอยที่แก้มก็ประทับสีแดงๆ  ไปด้วยรอยนิ้วมือ   มันก็หันกลับมาทันควันเหมือนกันอีกเช่นเดิม  ถ้าใครหลายคนคิดว่า  นางเอกตบพระเอกเหมือนในหนัง แล้วพระเอกจะต้องหันมาจูบเพื่อแก้แค้น  บอกเลยค่ะว่าผิดถนัด   ฉันไม่ใช่นางเอก และไอ้คนตรงหน้าก็ไม่ใช่พระเอกด้วย   
   มันไม่หันกลับมาเปล่าๆ  แต่มืออีกข้างที่แข็งแรงไม่แพ้กัน  บัดนี้รวบไว้ที่คอของฉัน แล้วบีบอย่างแรง  จนแทบหายใจไม่ออก    คือใจจริงอยากสู้กับมันมาก  แต่ไม่รู้ว่านี่มันบีบคออยู่นั้น  เป็นมือหรือคีมเหล็กกันแน่  แกะอย่างไงก็แกะไม่ออก   จนมันเอามืออีกข้างแล้วชี้หน้ามาทางฉัน
   “ตบกูอีกครั้งเดียว  เจอกระทืบตายแน่  ตัวเล็กๆ  แบบนี้กระทืบทีเดียวก็ตายแล้ว  จำไว้นะ   คุณหม่อมหลวง  ต่อให้คุณใหญ่ขนาดไหน ก็อย่าคิดว่าผมใหญ่ไม่แพ้กัน   คุณทำเรื่องย้ายห้องได้  ผมก็ทำเรื่องห้ามได้  ถ้าจะให้เรื่องราวมันใหญ่โต ถึงพ่อถึงแม่ก็คอยดู  กูจัดให้ได้ มึงจะหยิ่งใส่ใครก็ทำไป  แต่อย่ามาหยิ่งกับกูจำไว้   เก่งนักก็อยู่กับกูนี่แหละ  กูไม่แคร์ด้วย   ทนเอาก็แล้วกันปีหนึ่งเต็มๆ  กูได้ยินมานานแล้วเรื่องที่มึงหยิ่งกับคนนั้นคนนี้ที อย่าคิดว่าความสวยของมึงจะทำให้กูยอมเหมือนผู้ชายคนอื่น  มึงมันก็แค่กระเทยมีเงิน แล้วคิดว่าตัวเองสูงส่งแค่นั้นแหละ”
   “สัตว์”   ในเมื่อทำอะไรมันไม่ได้เพราะแรงมันมากกว่า  ตอนนี้ก็ขอระบายหน่อยแล้วกัน
   “โอ้โห   ภาพลักษณ์ภายนอกดูผู้ดีมาก   เป็นหม่อมหลวง  ไหงด่าคนออกมาได้ง่ายๆ แบบนี้ล่ะ” 
   “เลว” 
   “ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นคนดีนี่นะ”   มันพูดเสร็จพร้อมกับปล่อยมือที่กุมคอเอาไว้ออก  ก่อนจะผลักให้กลับไปที่เตียงอีกครั้ง บอกเลยว่าไอ้คนนี้ในรอบหลายๆ ปี  มันทำให้ฉันโมโหมาก และเรื่องครั้งนี้ไม่จบง่ายๆ  แน่นอน
   “กลับไปที่นอน  ฝั่งนั้นเตียงของมึง  ฝั่งนี้ของกู   เอาเหอะ  ถึงมึงจะกระเทย  กูก็ไม่ใจดำให้มึงต้องนอนด้านนอกหรอก    แถวนี้แม่งมีแต่พวกหื่นๆ   เลวๆ  พอๆ กับกูนี่แหละ”   มันพูดอีกครั้งหลังจากที่ฉันอยู่บนเตียงแล้วเรียบร้อย  โอเค ครั้งนี้เป็นทีของมัน  อย่าให้ถึงเวลาเอาคืนบ้างแล้วกัน  ฉันนั่งสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะเริ่มเรียงข้าวของในห้อง  ห้องพักที่นี่ถือว่าเป็นห้องพักราคาแพงในราคาของนักศึกษามันเลยกว้างพอดู  ที่จะทำให้อยู่อย่างสบาย  ตอนนี้ไอ้เลวนั้นเหมือนมันจะหลับไปแล้ว  หลังจากที่ทะเลาะกัน    มันเป็นจริงอย่างที่สงสัยในครั้งแรก   ไอ้นี่น่าจะหลานของรัฐมนตรีเดช  เพราะถ้าลูกคงไม่ใช่แน่นอน  เพราะลูกของรัฐมนตรีคนนี้ก็เป็น สส. และครอบครัวของมันทั้งหมดก็อยู่ในสายของนักการเมืองทั้งสิ้น  ถ้าจำไม่ผิด  ตอนวันเกิดของปู่ เหมือนจะเคยเห็น สส. คนนี้ไปที่วังด้วยซ้ำ

   ฉันเลิกคิดที่จะนึกถึงเรื่องของมันและครอบครัวของมัน  แต่นับจากนี้ต่อไป    ถ้ามันทำอะไรมา ต่อไปนี้ก็คงจะทำกลับในเช่นเดียวกัน  ตาต่อตาฟันต่อฟันแล้วกัน
   

   

หัวข้อ: Re: หัวใจหิมะ
เริ่มหัวข้อโดย: sahara_min ที่ 05-12-2021 00:06:00
หัวใจหิมะ 2
   “โห !!! มึง  ตัวจริงสวยกว่าใน  IG  อีก  ถ้าไม่บอกว่าเป็นกระเทยกูไม่เชื่อนะเนี่ย   สวยกว่าเมียกูอีกมึง”   เสียงเพื่อนของผมที่มันทำหน้าที่คอยดูแลเรื่องการลงทะเบียน  รับน้องใหม่  ดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจคนรอบข้าง และคนที่พูดถึงก็คงจะไม่ได้ยินเพราะไกลพอดู  ถึงผมไม่ได้หันกลับไปดูว่าคนที่พวกมันพูดถึงกันเป็นใคร  ผมก็รู้ทันทีว่า ใครคนนั้นคือคนที่ผมก็กำลังคิดเหมือนกัน  และคงเป็นคนเดียวกันแน่ๆ
   ผ่านมาสี่ปีแล้ว  ผมยังจำได้ดี   เรื่องราวทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก   ผมเชื่อว่าโลกมันกลม  แต่เรื่องราวของคนที่มาเจอกันอีกครั้ง   มันเกิดจากทั้งความบังเอิญ และความตั้งใจให้เกิดขึ้นต่างหาก ไม่เกี่ยวกับโลกกลมอะไรทั้งสิ้นหรอก .......   คนที่สายตาหลายคู่จับจ้องอยู่นั้น  นับวันยิ่งสวยขึ้น  สวยจนแทบจะหาเค้าโครงเดิมไม่ได้   ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเกือบหมด  เว้นเสียแต่แววตาที่เฉยเมย และไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ  ทั้งสิ้น    ถ้าจะบอกว่าเปลี่ยนไป ก็คงจะเปลี่ยนตรงที่จากเด็กใสๆ  ที่ใครอยู่ด้วยรอบข้างก็ดูมีความสุขไปด้วย  กลายเป็นผู้หญิงสาวเต็มตัว ที่หลายคนเข้าไม่ถึง
   ความทรงจำในอดีตมันกลับเข้ามาเกือบทั้งหมดหลังจากที่ผมได้เห็น “เธอ” คนนั้นในชีวิตจริงอีกครั้ง  สิ่งที่ยังมีให้เหลือเป็นวัตถุชิ้นเดียวของผมก็คือ แหวนทองเกลี้ยงๆ วงหนึ่งที่ใส่อยู่ในนิ้วนางข้างซ้ายตลอดเวลา และผมก็ไม่เคยคิดจะถอดมันออกไปไหน
   การขอร้องบางสิ่งบางอย่าง ถูกส่งผ่านจากผู้ที่เป็นอาของผมเอง   อิทธิพลที่มีอยู่ ทำให้มันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ผมจะให้คนที่ชื่อ หม่อมหลวงสวัสดิราช  สวัสพิสุทธิ์  เข้ามาพักอยู่ในหอเดียวกัน  ห้องเดียวกันกับผมเอง ปกตินักศึกษาปี 2  สามารถอยู่ได้ทั้งในหอในหรือหอนอกก็ได้  ถ้าต้องการความเป็นอิสระ  แต่ที่ผมยังไม่ยอมย้ายไปไหน  ก็ทั้งงานและกิจกรรมในมหาลัยฯ ยังมีอยู่อีกเยอะด้วย   รวมถึงสาเหตุสำคัญก็เพราะรอคนคนนี้นี่แหละ   
   “เฮ้ย ไอ้โบ๊ท  !!!  น้องเค้าได้อยู่ห้องเดียวกับมึงด้วยว่ะ  สวยด้วยมึง  เปลี่ยนห้องกับกูไหม  เดี๋ยวกูไปอยู่กับน้องเค้าเอง”   เสียงของไอ้แชมป์จอมหื่น  เพื่อนสนิทในก๊วนยังคงพูดต่อ  และมองไปที่คนถูกกล่าวถึงอย่างไม่วางตา 
   “เออ   กูอยากทำเรื่องย้ายเหมือนกัน  ไม่อยากอยู่หรอกมึงกับกระเทยยังไม่แปลง   แต่ปีหนึ่งเค้าสั่งไม่ให้ย้ายไม่ใช่หรอวะ”
   “มึงปีสองไอ้สัส”    ไอ้แชมป์พูดต่อเหมือนรู้ทัน
   “แต่คนที่อยู่ด้วยกับกูคือปีหนึ่ง มึงก็โง่   เค้าไม่ให้ห้องที่มีพวกปี 1 อยู่ย้าย  เสี้ยนมากก็ไปชักว่าวไปมึง”  ผมพูดยิ้มๆ  กับส่ายหัวให้กับเพื่อนคนนี้   ในกลุ่มก็มีมันนี่แหละ เอาไม่เลือก  เห็นใครสวยๆ หน่อย จับทำเมียหมด และมันก็หล่อซะด้วย  ผู้หญิง  กระเทยหลายคนเลยยอมมันเป็นแถว
   เรื่องที่ผ่านมาเมื่อตอนบ่ายในห้อง ผมไม่ได้เล่าให้เพื่อนๆ  ฟัง  ว่าเจอกันครั้งแรกนั้นมันเป็นไปได้ถึงขนาดไหน   ผมเกลียดคนที่หยิ่ง  จองหอง และถือว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าคนอื่นมาก  ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ   และก็ไม่คิดจะหนีห่างด้วย   อย่างน้อยคนประเภทนี้ก็ควรได้รับบทเรียนซะบ้าง    เรื่องราวที่ได้รับรู้มาเกี่ยวกับเมทร่วมห้องของผม หรือ “เธอ” คนนี้  มันแทบจะไม่มีทางด้านไหนดีเลย ซึ่งครั้งแรก  ผมก็ไม่เชื่อ จนได้มาเจอและเห็นกับตาเมื่อช่วงบ่ายนี้นี่เอง   อารมณ์ที่เคยได้ยินมาว่าไม่ดีอยู่แล้ว  มันเลยคิดไปในทางลบเพิ่มขึ้นอีก
   ............  ไม่คิดว่าเธอจะเปลี่ยไปได้มากขนาดนี้   .............
   “สวยแต่รูป จูบไม่หอม  สวยซะเปล่า  นิสัยแย่มาก”    เสียงพึมพำ  พูดเบาๆ กับตัวเอง  แต่มันก็ไม่เบามากพอที่จะทำให้คนข้างๆ  พอได้ยินนิดหน่อย
   “มึงบ่นอะไรวะ”  ไอ้แชมป์คนเดิมครับ ถามกลับมา
   “เสือก”    ...... เป็นคำที่เหมาะกับมันมาก
   “ขอบคุณครับเพื่อน  แดกข้าวกัน   เดี๋ยวตรงแคนทีนหลังหอ เค้าจะรับน้องปี 1  ที่หอพักในกัน  มึงต้องไปช่วยกู   ไปเร็วไอ้เดือนมหาลัยฯ” 
   ใช่ครับ  ไอ้แชมป์มันพูดไม่ผิด  ผมเมื่อปีที่แล้วถูกผลักไสแถมโดนบังคับจากรุ่นพี่ปีสามและปีสี่ให้มาเป็นเดือนคณะวิทย์  จากสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา  จนแล้วจนรอดผมก็ไม่รู้ว่าได้ตำแหน่งเดือนมหาลัยปี  2019  มาได้อย่างไง  ทุกวันนี้ก็ยังงงๆ  อยู่   
   ดูเหมือนไอ้แชมป์จะกินข้าวไวกว่าปกติมาก   เพราะคงตื่นเต้นที่จะรีบไปดูน้องปีหนึ่งนั้นแหละ  แล้ว ณ ตอนนี้นอกจากจะมีไอ้แชมป์ ผม  ยังพ่วงไปด้วยไอ้เต้ย กับไอ้วินที่อยู่ทั้งหอนอกและคนละคณะกับผมอีกต่างหาก  หากแต่เราอยู่ชมรมฟุตบอลของมหาลัยฯ ด้วยกันก็เท่านั้น มันเลยทำให้พวกผมสี่คนสนิทกันไปโดยปริยาย
   “เค้ารับน้องหอในกัน มึงสองคนเสือกมาทำไม”  ผมถามตรงจุด  เพราะมันสองคนไม่เกี่ยว
   “กูมาดูน้องเม” 
   “สาวๆ เยอะแยะมึงดูทำไมกะเทย”    ที่ถามมัน เพราะไม่อยากให้มันสนใจกับคนที่มันพูดถึงมากนัก    เพราะเท่าที่รู้   คนคนนั้น มองผู้ชายเกือบทุกคนเหมือนตอไม้ข้างทางทั่วไปเท่านั้นแหละ
   “สวยสุดในปี 1 เลยมึง   ปีนี้คณะมนุษย์ของกูสวยๆ เพียบ  น้องเค้าอยู่คณะเดียวกับกูด้วย”   ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมมันถึงอยู่คณะมนุษย์    มันก็คงอยากฝันที่จะเรียนตามที่มันพูดไว้ตั้งแต่เด็กๆ นั้นแหละ   ผมยิ้มให้กับตัวเองขึ้นมานิดหนึ่ง เพียงนึกถึงเสี้ยวเวลาในอดีตบางอย่างที่มันผ่านมานานแล้ว
   “ถ้าแมคโตขึ้น แมคจะเรียน ประวัติศาสตร์นะพี่  แมคชอบ” 
   “ทำไมน้องแมคชอบประวัติศาสตร์ น่าเบื่อจะตาย  ไปเล่นกีฬากับพี่ดีกว่า” 
   “ฮึ  ๆ ไม่เอาอ่ะ  ร้อน เหนื่อย  แมคไม่อยากมีเหงื่อ” 
   “เอ้า   !!!!  ผู้ชายก็ต้องมีเหงื่อ  ต้องแข็งแรง  แมคไม่อยากแข็งแรงแบบพี่หรอ”
   “...........”
   “ไม่  .....  แมคอยากสวยเหมือนแม่มากกว่า” 

   แล้วก็จริงๆ ทุกวันนี้มันสวยขึ้นจริงๆ  สวยขึ้นมากกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า 
   “ เอกประวัติศาสตร์หรอ”   ผมถามต่อหลังจากรู้คณะแล้ว
   “อ้าวไอ้โบ๊ท  ไหนมึงบอกไม่ชอบกะเทย แล้วรู้ได้ไงว่าน้องเค้าอยู่เอกประวัติศาสตร์” 
   “กูเดาเอา”    ......... จริงๆ แล้วไม่ใช่  ผมรู้และคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก 
   “มึงเดาเก่งสัส   เออ เห็นไอ้แชมป์บอกกู ว่าน้องเค้าได้อยู่ห้องเดียวกับมึงในหอด้วยนี่หว่า  คราวนี้ กูขอไปห้องมึงทุกวันได้ป่ะ” 
   “เสือก”  ผมด่ามันไปอีกรอบ
   เรากินข้าวกันเสร็จไวมาก  และก็ไวกว่าที่ควรจะเป็น ดูเหมือนไอ้สามคนนั้นมันจะเร่งผมอย่างหนักให้รีบเข้าไปทำกิจกรรมก่อนวันรับน้องจริง   ปัจจุบัน การว๊ากไม่มีแล้ว หมดยุคไปนาน    ตอนนี้พวกเพื่อนผมบางคน ร่วมสันทนาการกับน้องๆ  ปีหนึ่งเกือบ 500  คนในส่วนของหอใน โซน A2  สายตาของเพื่อนผมทั้งสามคนที่มันเดินเข้าไป ร่วมจับจ้องมองไปทางกลุ่มที่ผมยาวสวยๆ  7 – 8 คน ที่อยู่ตรงมุมส่วนหนึ่งของแคนทีน   หอพักนี้เป็นหอพักชาย และกฎที่เป็นข้อบังคับมานาน  คนที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “นาย”  ทั้งหมดของปี 1  จะต้องพักในหอในชายเท่านั้น  รวมถึงกลุ่มสาวๆ ที่ผมจะขอเรียกเค้าว่าสาวๆ  แล้วกัน  ในที่นี้ด้วย   และหนึ่งในกลุ่มนั้น ผมก็มองเห็นแล้วว่าเมทของผมอยู่ตรงไหน    เมื่อบ่ายนี้หลังจากที่ผมตื่นมาอีกครั้งก็ไม่เห็นแล้ว  เราทะเลาะกันในครั้งแรกที่เจอกัน  ผมไม่แคร์อย่างที่บอกกับมันไป   ยิ่งเกลียดซิดี  จะทำให้เกลียดหนักกว่านี้ด้วยซ้ำ 
   “โอเคค่าๆๆๆ  น้องๆ  ทุกคนคะ  หอในโซน A2 ของเรา ก็พร้อมที่จะต้อนรับทุกๆ คนเข้ามาอยู่ในหอในกันนะคะ  ครั้งนี้ พี่จัดแบบใหม่ให้น้องๆ  ที่อยู่กัน คือหลายคนคงทราบเมทแต่ละห้องแล้วนะคะว่าได้อยู่ร่วมกันกับใครบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ปีนี้พี่จะจัดให้น้องๆ  ปีหนึ่งได้อยู่กับรุ่นพี่ปี 2 เนาะ  จะได้ทำความคุ้นเคย และมีพี่เลี้ยงไปในตัวด้วย   ....... ว้ายยยย  !!!!!  น้องๆ ทุกคนคะ  ปรบมือให้กับพี่โบ๊ทหน่อยจ้า  เดือนมหาลัยฯ ปี  2019  จ้า !!!!”   
ไม่ผิดหรอกครับ ลงท้ายด้วยคะทั้งหมด  แถมทิ้งท้ายก่อนมองหน้าผมด้วยเสียงว้ายจนแสบแก้วหูผ่านไมล์  เสียงพูดจากประธานหอ  ผมสั้น  สวย  เกย์สาวน่ารักๆ  ที่คนในหอเรียกกันว่า เจ๊หวี  ผมยิ้มให้กับเจ๊เค้าและยกมือไหว้  พร้อมหันไปโบกมือทักทายพวกน้องๆ ที่เข้ามาใหม่  และตอนโบกมือนี่แหละ  มันทำให้มีทั้งเสียงกรี๊ด จากเหล่าน้องๆ  เกย์ที่มองยังไงก็มองออกว่าเป็นเกย์แน่นอน  และเสียงจากระเทยกลุ่มนั้น  ที่ทุกคนก็กรี๊ดให้ผมทั้งหมด เว้นคนเดียวเท่านั้น ที่นิ่ง  เงียบ  ไม่อะไรทั้งสิ้น และที่สำคัญ  ไม่ได้หันมามองผมด้วยซ้ำไป   ผมยิ้มให้กับตัวเอง เหมือนจะรู้อยู่ก่อนแล้ว  และหันไปยืนเรียงแถวด้วยกันกับพวกเพื่อนๆ และพี่ๆ ปีสามบางคนที่ยังอยู่ในหอในนั้น
   “เอาล่ะค่ะทุกๆ คน  วันนี้พี่ก็มาให้ทุกคนทำความรู้จักกันก่อนเนาะ   พวกพี่ๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าๆ  น้องนี้นะคะ  คือพวกพี่ๆ  ปี 2  และปี 3  จำหน้าพี่ๆ  เค้าแต่ละคนไว้ได้เลยนะคะ   มีข้อสงสัยตรงไหนก็ถามพวกพี่ๆ เค้าได้ แต่ถ้าเรื่องสำคัญหน่อยก็ถามพี่สวนตัวก็ได้เลยค่ะ  หรือจะนี่เลย .........  สุดหล่อของเราเลยค่ะ  พี่โบ๊ท  คนนี้เป็นทั้งรองประธานหอ  แล้วก็หัวหน้าชมรมบาสของมหาลัยฯ เราด้วย  ทั้งหล่อทั้งเก่งเลยจ้า  !!!  .... อ่ะๆๆ ขอให้น้องโบ๊ท  ออกมาพูดอะไรกับน้องๆ ใหม่ของเราหน่อยนะคะ เชิญจ๊ะ”  เจ๊หวี  พูดซะยาวเหยียดก่อนจะยืนไมล์มาทางผม   เสียงปรบมือและเสียดกรีดร้องอย่างชื่นชมดังอีกครั้ง   ถึงแม้จะไม่ดังเท่าครั้งแรกแต่ก็ทำให้ผมยิ้มกับไมตรีดีๆ ที่น้องๆ  เค้าให้มา  ........ และมันก็เป็นเช่นเดิม   คนนั้นยังคงเงียบ และไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ ทั้งสิ้น
   “ก็  ก่อนอื่นต้องสวัสดีน้องๆ ทุกคนนะครับ   ก็อย่างทีเจ๊แกพูดไปหมดแล้ว สำหรับพี่ก็ไม่มีอะไรมาก ยินดีต้อนรับน้องๆ ทุกคนนะครับ  มีปัญหาตรงไหนภายในหอ ก็ถามพี่ได้เลย  แต่จะขอพูดอะไรอย่างงหนึ่งทิ้งท้ายไว้หน่อยแล้วกัน.......  สำหรับน้องปีหนึ่ง พี่ไม่อนุญาตให้น้องย้ายหรือเปลี่ยนห้องสลับห้องกันเด็ดขาดนะครับ  ถ้าพี่รู้หรือทราบ คงจะให้เรื่องนี้ถึงคณะของน้องๆ ทุกคนแน่นนอนนะครับ  คะแนนกิจกรรมคือคะแนนที่สำคัญเช่นกันที่จะทำให้น้องอยู่ต่อในมหาวิทยาลัยนี้ได้ เพราะฉะนั้น  อย่าให้พี่ลำบากใจนะครับ ........  อ้อ ....”  ผมทิ้งท้ายเอาไว้   ก่อนจะพูดใหม่อีกครั้งหนึ่ง
   “น้องคนที่เป็นเมทกับพี่ นั่งอยู่ตรงไหนครับ”  เสียงของแคนทีนในห้องเงียบกริบ  ต่างหันมองหน้ากันไปมา เพราะไม่มีใครทราบนอกจากรุ่นพี่บางคนและเพื่อนในกลุ่มผมเท่านั้น ว่าเมทของผมคือใคร  และก็เป็นไปตามนั้น ผ่านไปชั่วครู่แค่นั้นเอง  ใครที่หลายคนให้ความสนใจ  ก็ยกมือขึ้น แต่ลักษณะที่ยกมือขึ้น เหมือนไม่เต็มใจจะยกซักเท่าไหร่
   “อยู่นี่ค่ะ”   น้ำเสียงนั้นเรียบเฉย  แต่มองหน้าผมนิ่ง   หลายคนเกือบทั้งแคนทีนทำท่าเหมือนตกใจเมื่อรู้ว่าเมทของผมคือใคร  หันไปซุบซิบคุยกัน   และคงจะเป็นข่าวขึ้นในเพจของมหาลัยฯ แน่นอน ว่าเมทคนใหม่ของผมคือใคร   เหมือนกับปีทีแล้วที่จับผมไปเป็นคู่จิ้นกับฟ้าใส ดาวมหาลัยฯ ที่คู่กันกับผมปีที่แล้ว  จนเราคบกันพักนึง แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่ใช่
   “พี่วานเดินออกมาหาพี่หน่อยได้ไหมครับ”  ผมใช้สิทธิ์รุ่นพี่  และอยากลองอะไรบางอย่างกับมัน  เป็นไปตามคาด  มันเดินมาจริงๆ  แต่แค่ท่วงท่าที่เดินเข้ามานั้น มันสง่างามและก็แทบสะกดสายตาจากเกือบทุกคนที่อยู่ในแคนทีนนั้นอย่างชัดเจน  ผมยาวสลวยถูกดัดเป็นลอนใหญ่พริ้วไปตามแรงเดิน    มันไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาอย่างที่ผมเห็นในครั้งแรก  แต่ใส่ชุดเกาะอกสีชมพูสว่าง เผยให้เห็นช่วงไหล่ที่เนียนขาวสะอาดตา  คู่กับกระโปรงสีเทาจนกรอมเท้า  ด้านบนเปิดเผยให้เห็นผิวสวย แต่ด้านล่างปิดมิดจนมองไม่เห็นแม้แต่ปลายขา  มันดูไม่โป๊และน่าเกลียดเลยในสายตาของผม  แต่สวยไปอีกแบบในแบบฉบับของผู้หญิงที่แต่งตัวเป็น  แค่มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า  ก็ดูแล้วว่า ทั้งเสื้อผ้าที่สวมอยู่และเครื่องประดับนั้นแพงจนหาที่ติไม่ได้   สิ่งที่ขัดกันอย่างชัดเจนคือสายตาคู่นั้นมองผมด้วยความไม่เป็นมิตรเลย และผมเองก็ไม่แปลกใจเท่าใดนัก
   “มีอะไรคะ” มันยืนประจันหน้าผม จนหลายๆ คนเริ่มสงสัย  เพราะการคุยมันไม่เหมือนรุ่นพี่รุ่นน้องคุยกันเลย มันเหมือนหาเรื่องกันมากกว่า  ผมจงใจพูดใส่ไมล์เพื่อให้หลายคนได้ยิน  อย่างน้อย  ก็เพื่อให้เป็นจุดสนใจ เพื่อที่มันจะมาเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างไม่ได้ 
   “เห็นว่าอยากทำเรื่องย้ายห้องหรอครับ   พี่ไม่อนุญาตนะ”    มันมองหน้าผมก่อนจะยิ้มขึ้นเพียงนิดเดียวแววตาไม่สะทกสะท้านกับคำพูดอะไรทั้งสิ้น
   “พูดต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ ต้องการอะไรคะ”   มันถามตรงจุด และ ถ้าจะสังเกตให้ดี น้ำเสียงของมันนั้นเหมือนจะดังกว่าที่ควรจะเป็น เสมือนจงใจให้หลายคนในที่นั่นรับรู้   ตอนนี้หลายคนมองหน้ากันเลิกลั่กโดยเฉพาะเจ๊หวี  ที่พยายามเดินจะเข้ามาหาผมเหมือนจะห้ามอะไรบางอย่าง
   “ก็ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นครับ  แค่บอกไปตามกฎระเบียบขอหอพักนักศึกษาใน ว่าน้องมาใหม่ น้องก็ต้องทำตามกฎระเบียบของห้องพัก  ...  แค่นั้นเอง”    ผมพูดจบมันก็สวนทันควันมาเหมือนกัน
   “ทำไมไม่พูดกูมึงคะ  เหมือนที่คุยกันในห้อง”   ทั้งน้ำเสียงและสายตาของมันยังมองมาที่ผมแบบเดิม
   “เอ่อ ....  น้องเมคะ  น้องโบ๊ทคะ  พี่ว่าเดี๋ยวไปคุยกันวันหลังหรือที่อื่นดีกว่าไหมคะ  วันนี้พี่ขอน้องเมวันหนึ่งเนาะ”  เจ๊หวี เดินเข้ามาแล้วจับแขนของมันเบาๆ  มองหน้ามันที มองหน้าผมที สลับไปสลับมาเหมือนจะคอยห้ามทัพไม่ให้เกิดขึ้น  เจ๊เค้ารู้ครับว่าถ้าผมโมโหใครหนักๆ  ขึ้นมา  บางทีก็มือไม้ไปถึงก่อนความคิดเหมือนกัน
   “ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่หวี  เผอิญเมื่อตอนบ่ายเราทะเลาะกันน่ะค่ะ เมอยากทำเรื่องขอย้ายห้อง  เพราะไม่อยากอยู่กับคนใจคับแคบบางคน  เค้าพูดกูมึงกับเมด้วย   แถมตอนนี้ต่อหน้าทุกคนทำมาเป็นพูดเพราะ  เมไม่ชอบคนเสแสร้งน่ะค่ะ  ถ้าสามารถย้ายได้หรืออะไรก็แล้วแต่และไม่ทำให้พี่หวีลำบากใจ เมรบกวนด้วยนะคะ.....  แล้วถ้าวันนี้ไม่มีอะไร   เมขออนุญาตกลับก่อนค่ะ  เมปวดหัว”    ผมรู้และ มันทันความคิดของผม  และผมก็ทันความคิดของมันเช่นกันว่าคงจะเอาคืน ที่ผมทำให้มันอาย   แต่ก็ลองมาดูกันว่าใครจะเก่งกว่ากันแน่
   “กูไม่ให้ย้าย  แล้วยังไม่ต้องกลับไปด้วย  เพื่อนๆ คนอื่นยังอยู่ มึงก็ต้องอยู่  กลับไปนั่งที่เดิม”   ทันทีที่ผมพูดจบ มันก็หยุดเดินที่จะออกไปข้างนอกทันที  ไม่หันกลับมามองที่ผมพูดด้วยซ้ำ   มีเพียงเสียงที่ตอบรับกลับมาสั้นๆ  เท่านั้น  และมันก็ทำให้อารมณ์ผมขาดกระจุยได้เช่นกัน
   “ไม่สะดวกค่ะ” 
   “นิสียเสียชิบหาย  เอาแต่ใจ  ถือว่าตัวเองรวย”  ผมพูดใส่ไมล์ให้ทุกคนได้ยิน  นี่แหละ ที่ต้องการ  ตอนนี้ทั้งแคนทีนเงียบกริบ  ไอ้แชมป์กับไอ้เต้ย ทำที่เข้ามาห้าม  แต่ผมยั้งมือพวกมันไว้ก่อน ว่าเรื่องนี้ห้ามยุ่ง   ก่อนจะหันไปพูดกับเจ๊หวี  แต่ก็ยังพูดไมล์เช่นเดิมให้ไอ้คนที่มันเดินออกจากแคนทีนไปคนเดียวนั้นยังคงได้ยิน
   “เจ๊ครับ หักคะแนนกิจกรรม  หม่อมหลวงคนนั้นเค้าหน่อย  30  คะแนน  คราวหลังเค้าจะได้ไม่ทำอีก”   ผมรู้ว่ามันได้ยิน  แต่มันก็ยังเดินไปเรื่อยๆ  จนเกือบจะถึงรถของมันที่จอดอยู่  ทั้งรถทั้งคนสะดุดตาพอกัน  และรถคันนั้นก็หลักสิบล้าน  ที่ทั้งมหาลัยฯ  น่าจะมีมันคนเดียวเท่านั้นที่ขับรถราคานี้ มันเปิดประตูรถเหมือนจะเอาของซักครู่ก่อนจะเดินขึ้นหอพักไป   และทุกการกระทำนอกจากจะมีผม ก็ยังมีสายตาอีกเกือบทุกคู่ในแคนทีนที่มองมันอยู่    ผมคืนไมล์ให้เจ๊หวี  ก่อนจะวิ่งตามมันออกไป  นั้นแหละ  ข่าวดังแน่นอน  และพรุ่งนี้เพจซุบซิบของ มหาลัยฯ คงไม่พ้นข่าวผมกับมันแน่  เพราะตอนนี้เท่าที่ดู มือถือหลายเครื่องก็กำลังอัดคลิปผมกับมันอยู่ด้วยตั้งแต่ที่ผมให้มันออกมาข้างหน้าแคนทีนแล้ว  ....... และผมก็ไม่แคร์ด้วยว่าใครจะไปเขียนอย่างไง  ยิ่งเป็นข่าวซิดี   คนที่อึดอัดจะเป็นมันนั้นแหละ ไม่ใช่ผม 
   ผมทุบประตูเพราะรู้ว่ามันอยู่ในห้อง อารมณ์โมโหจนลืมไปว่ากุญแจก็อยู่ที่ผมอีกดอกหนึ่ง
   “ปัง ปัง ปัง  !!!!   เม !!!  เปิดประตู”  ผมทุบหลายครั้งจนดังมาก ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา  จนต้องล้วงเอากุญใจห้องในกระเป๋าด้านหลังออกมา แล้วไขเข้าไปในที่สุด
   “ทำไมไม่เปิดประตู”   มันยืนพิงหน้าต่าง  มือไพ่หลัง แล้วหันมามองผมแบบไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น
   “ไม่ได้ยิน”  ผมเคาะดังมาก  และก็รู้ด้วยว่ามันโกหก
   “เคาะดังขนาดนั้น หูหนวกหรือไง”  มันทำท่าแค่ยักไหล่ เหมือนยั่วโมโหผมหนักขึ้น  ทั้งๆ ที่ผมโมโหมันตั้งแต่ที่แคนทีนแล้ว    ยักไหล่แค่นั้นแล้วก็เดินสวนผมออกมาทันที    เหมือนจะออกไปข้างนอกห้อง
   “จะไปไหน”    ไม่พูดเปล่า ผมจับต้นแขนมันเอาไว้ด้วย เพราะอย่างไงก็ควรจะคุยกันให้รู้เรื่องก่อนที่มันจะออกไปข้างนอก 
   “จะไปไหน   ......  แล้วคุณเกี่ยวอะไร”   มันทั้งทวนคำพูด  พร้อมกับย้อนถามมา   มือที่จับต้นแขนมันอยู่ แขนมันเล็กมากกจริงๆ  ผมรู้ว่ามันเจ็บ  แต่ก็ไม่มีสีหน้าออกมาแสดงให้เห็นเลยแม้แต่น้อย 
   “อยากให้เกี่ยวแบบไหนดีล่ะ เพื่อนร่วมห้อง   เมท   รุ่นพี่ใน ม.  คู่นอนหรือว่าผัวเมียดี    ลองเลือกมาซักอย่างซิ่  สวยเหมือนกันนี่นา   ยิ่งมองใกล้ๆ ยิ่งสวย   ถึงว่าเข้ามาใหม่ๆ หนุ่มๆ พูดกันเป็นแถว”    สิ่งที่ผมพูดคือคุกคามมันไปเรื่อยๆ  มืออีกข้างจับต้นแขนมันไว้   แต่มันก็ไม่บิดหนี หรือพยายามแกะออกอย่างใด   ผมพูดขึ้นลักษณะมันกลัวจนเห็นได้ชัด  จนมันถอยหลังเซออกไป   มันยิ่งทำให้ผมบีบแขนมันหนักกว่าเดิม   มันจะได้รู้บ้างว่าใครอยู่เหนือกว่า  ........  แต่นั่นมันเป็นเพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น และทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
   “จะเอาแบบไหน ก็ได้หมดนะคะ  แต่ถ้าจะให้ดี  คู่นอนน่าจะดีกว่า  ผัวเมียไม่ค่อยดีหรอก  เพราะ  ...เม... เองก็อยากเปลี่ยนคู่นอนเรื่อยๆ  ยิ่งมาอยู่วันแรก  ได้คู่นอนเป็นเดือนมหาลัยฯ  มันก็ยิ่งดีไม่ใช่หรอ  .......  แต่ยังไม่ได้แปลงนะคะ  ถ้าจะเอาเม คงต้องข้างหลัง  สะดวกไหมล่ะ....”      แค่มันแทนตัวเองว่าเมครั้งแรก  ผมก็ตกใจแล้ว  และสิ่งที่มันพูดก็ไม่คิดว่ามันจะกล้าขนาดนี้  แถมมือข้างที่ว่าง  ก็ลูบต้นคอผมลงมาเรื่อยๆ  จนมาหยุดที่แผงอกก่อนจะทำท่าจะปลดกระดุมเม็ดบนสุดนั้น  ห้าปีที่ผ่านมา ผมได้ยินอะไรเกี่ยวกับมันเยอะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ 
   “ไม่เอา ...... ขยะแขยง”   นั่นคือสิ่งที่พูดออกไปโดยผมแทบไม่คิดด้วยซ้ำ  มันเปลี่ยนไปมากจริงๆ     ผมปล่อยมือมัน พร้อมกับผลักออกไปโดยไม่สนว่ามันจะเจ็บหรือไม่เจ็บ
   “ขยะแขยงก็ดี  ถ้าไม่ให้ย้ายออก ฉันไม่ย้ายออกก็ได้ ต่างคนต่างอยู่แล้วกัน ......  ถอย  จะเข้าห้องน้ำ”

   “ปัง !!!!”  มันปิดประตูห้องน้ำใส่หน้าอย่างดัง   สิ่งที่เกิดเมื่อชั่วครู่ทำให้ผมต้องกลับมานั่งคิดอีกครั้ง  หรือว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นมันทำให้เมเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยเชียวหรอ  ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้  เมจำทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้แล้วนี่  แม้กระทั่งชื่อ และนามสกุลของผมเองเมก็ยังจำไม่ได้เช่นกัน ไม่งั้นคงจะระแคะระคายอะไรบ้างแล้ว
      
   




   
    
   
   
      

   
    
หัวข้อ: Re: หัวใจหิมะ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 07-12-2021 15:16:28
 :pig4:
 :3123: