พิมพ์หน้านี้ - ชีวิตใหม่ ไกลจากบ้าน [ตอนที่ 1 - วันเปิดเรียน] (14/10/2564)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: tj_bklyn ที่ 14-10-2021 13:59:05

หัวข้อ: ชีวิตใหม่ ไกลจากบ้าน [ตอนที่ 1 - วันเปิดเรียน] (14/10/2564)
เริ่มหัวข้อโดย: tj_bklyn ที่ 14-10-2021 13:59:05
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: ชีวิตใหม่ ไกลจากบ้าน [ตอนที่ 1 - วันเปิดเรียน] (14/10/2564)
เริ่มหัวข้อโดย: tj_bklyn ที่ 14-10-2021 14:00:20
ตอนที่ 1:
วันเปิดเรียน



ปี 2018

ผมถูกส่งตัวจากประเทศไทยมายังประเทศแคนาดาเพื่อเรียนปีสุดท้ายของมัธยม และเป็นการเรียนปรับพื้นฐานสำหรับการเตรียมต่อเข้ามหาลัย


ของที่นี่เรียกแต่ละชั้นของมัธยมว่า เกรด ผมมาเข้าเรียนที่ เกรด 12


ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเราก็คือ เป็นเด็กใหม่ที่เข้ามาเรียนตอน มอ 6 ความรู้สึกผมตอนนั้นคือไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ เข้ามาไม่ได้กะที่จะหาเพื่อนสนิทหรือสังคมอะไรมากนัก เพราะว่าอยู่ด้วยกันแค่ปีเดียวก็แยกกันแล้ว


ถึงเรื่องภาษานั้นจะไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนัก การเข้ามาเรียนสำหรับเด็กต่างชาตินั้นทุกคนจะต้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อปรับพื้นฐาน โดยเฉพาะเรื่องการเรียนและการพูดต่างๆนาๆ


“วันนี้ไม่มีอารมณ์คุยกับใครเลยเว้ย” ผมนึกในใจระหว่างเดินเข้าห้องเรียนภาษา ในห้องมีการจัดเก้าอี้เป็นวงกลม บนพนังห้องมีการตกแต่งเต็มไปหมด ผมมองขึ้นไปบนเพดานแล้วก็เห็นป้ายใหญ่เบอเริ่ม


“ยินดีต้อนรับนักเรียนใหม่” ป้ายมันเขียนไว้ว่าอย่างงั้น


“เฮ้อออออ ชิบหายละกู” ผมคิดในใจ


“นี่กูต้องมานั่งทำความรู้จักกับนักเรียนที่เข้ามาใหม่ด้วยกันอีก นึกว่าจะได้นั่งฟังครูสอนชิวๆ” ผมนั่งพึมพำอยู่คนเดียวเป็นภาษาไทยระหว่างที่หาเก้าอี้นั่ง (ป้องกันคนอื่นเข้าใจว่าเราพูดอะไรไป 555)


ความนอยเริ่มมาจากการอดหลับอดนอนเพราะการเมาเครื่องบินกับความหนาว ตอนมาแรกๆนี่เสื้อผ้าเอาไม่อยู่เลย หนาวชิบหายขนาดอยู่ในตึก


ผมนั่งลงได้ไม่กี่นาทีก็มีครูเข้ามาแนะนำตัวเองและทำการเปิดการสอน โดยในคาร์สนี้นั้น นักเรียนจะพลัดกันแนะนำตัวเองในกลุ่มเล็กๆ สองสามคนเพื่อให้คนที่ขี้อายได้มีโอกาศคุยกับคนอื่นๆ


“เธอสามคนรู้ว่าต้องทำอะไรแล้วใช่ไหม? แนะนำตัวเองกันไป ถามอะไรสั้นๆสนุกๆ เช่นว่าเพื่อนๆเนี่ยมาจากที่ไหน ประเทศอะไร เดี๋ยวครูจะกลับมาอีกทีนะ” ครูผู้หญิงผมทองที่ค่อนข้างมีอายุเดินมาบอกผมที่นั่งอยู่กับนักเรียนใหม่อีกสองคนข้างๆ


ผมหันไปทางซ้าย มีผู้ชายคนนึงอายุน่าจะพอๆกันผม (ตอนนั้น ผมอายุ 18) หน้าตี๋ ผมเดาว่าคนจีนแน่นอน แต่ผมสังเกตตั้งแต่ตอนเข้ามาแล้วว่ามันก้มหน้าอยู่กับมือถือตลอด แม้แต่ตอนครูเดินมาหามันก็ยังไม่สนใจ


“เป็นคนเอเชียด้วยกันอย่างน้อยมันน่าจะคุยกันได้อยู่ละม้างงงง” ผมคิดก่อนจะทักทายมันไป


“เฮ้ย หวัดดี นายชื่อไรวะ? เราชื่อที”


มันไม่ตอบ ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา ผมเลยพูดดังขึ้น


“เฮ้ย ฮัลโหล? ได้ยินปะเนี่ย”


มันสะดุ้งตกใจแล้วก็หันมาหาผมพร้อมกับพูดภาษาจีนใส่เป็นชุด


“............โอเค๊?” ผมนี่แทบจะกุมสมับ เวรเอ้ย พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ละจะสื่อสารกันยังไงวะเนี่ย แม่งมีกันแค่สองคนเนี่ยที่เป็นคนเอเชีย นอกนั้นแม่งฝรั่งหมด


ผมเลยส่ายหน้าพร้อมกับบอกมันไปว่าผมพูดภาษาจีนไม่ได้แล้วก็หันไปอีกทางนึง


“เออ…...หวัดดี เราทีนะ มาจากประเทศไทย นายชื่อไรวะ?”


“นายก็ไม่อยากเข้ามาในคาร์สนี้ แต่โดนบังคับมาใช่ปะ?” ไอ้คนที่ผมคุยด้วยตอบมา


“เออดิ แม่งผลสอบไอเอลก็เอาให้ดูตั้งแต่ตอนสมัครเข้าเรียนมาละ ยังจะให้มาเรียนภาษาอีก พูดก็ได้แล้ว น่าเบื่อชิบหาย เสียเวลาเอาไปเรียนอย่างอื่นไม่ก็เอาไปงีบ” ผมตอบไปเป็นชุดพร้อมกับส่ายหัว


“55555 ไม่ต่างกัน เราอยู่ที่นี่มากจะครึ่งปีก่อนจะย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ แม่งจับนักเรียนที่ไม่ได้มาจากประเทศที่พูดอังกฤษเป็นหลักมาเรียนใหม่หมด” มันตอบมาด้วยสำเนียงที่ผมดูออกว่าอยู่ที่นี่มาแล้วซักพัก


แสดงว่าพูดจริงแหะ


“เออ เราชื่อ โบ ชื่อเต็ม โบแดน (Bodan)”


“เราเดาว่าชื่อ ที นายก็ไม่ใช่ชื่อเต็มๆใช่ไหมละ”


“ธีระวัตท์ อ่ะชื่อเต็ม ลองออกเสียงดูดิ๊” ผมตอบไปเพราะกับหัวเราะ


“ที…….ลา…….วะ?” โบพูดช้าๆเพื่อพยายามสะกดชื่อผม


“55555 ที ระ วัท……..วัทแบบเดียวกับว๊อทไง ไม่ยากหรอกน่า”


“พอ ไม่เอาละ อาย เรียกทีก็พอ ไม่แฟร์เลย ชื่อเราเรียกง่ายกว่าเยอะ” มันหัวเราะแห้งๆแล้วตอบกลับมา


หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรในห้องเรียนให้ทำมากมาย  พอจบคาร์สผมกับโบแดนก็เดินออกหามื้อเที่ยงกิน


โบเป็นคนยูเครนเนี่ยน (พ่อแม่มาจากประเทศยูเครน) ทางพ่อกับแม่นั้นพึ่งจะได้สิทธิ์พลเมืองเมื่อประมาณปีก่อนจึงย้ายครอบครัวมาอยู่ที่นี่ ตัวมันเองนั้นเรียนในโรงเรียนอินเตอร์มาตลอดเลยพูดอังกฤษได้คล่อง


มันเข้ากับคนได้ง่าย ชอบยิงมุขฝืด เป็นคนขี้เกียจแล้วก็ไม่ชอบงานเขียนมากกกกกกกก แต่แม่งเรียนโครตเก่ง อย่างอื่นทั้ง คณิต ฟีสิกส์ เคมี ชีวะ โปรแกรมมิ่งนี่เก่งแบบมีพรสวรรค์


มันสูงกว่าผมนิดหน่อย ตอนอยู่ไทยผมคิดว่าผมเป็นคนไม่เตี้ยแต่ก็ไม่ได้สูงมากกลางๆมาตลอด แต่พออยู่นี่กลายเป็นเตี้ยที่สุดในกลุ่มแทบจะตลอด ผมสูง 175 ส่วนโบนี่น่าจะ 180 กว่าๆ มันผิวขาวมากถึงขั้นซีด
ผมทองปนน้ำตาลเข้ม ตัวผอม แล้วก็ขี้ร้อนมาก (7-8 องศานี่คือร้อนสำหรับมัน ผมนี่หนาวแทบขาดใจ)


หลังจากกินมื้อเที่ยงกันเสร็จ มันก็บอกผมไปว่า จะกลับห้องไปนอนกลางวัน (โรงเรียนมีหอในให้นักเรียนพัก) เพราะมันไม่มีเรียนอย่างอื่นแล้ววันนี้ ผมก็เลยแยกกับมันแล้วไปหาที่นั่งชิวรอเรียนต่อตอนบ่าย


ระหว่างที่เดินผ่านโซนที่มีคนเล่นกีฬา ลูกบาสลอยผ่านหน้าผมไปแบบฉิวเฉียด ถ้าผมเดินเร็วกว่านั้นนิดเดียวนี่มีสิทธิ์หน้าสั่นได้


“เฮ้ย โทษทีๆ เป็นไรป่าววะ” คนที่เดินมาหาผมโบกไม้โบกมือขอโทษ ผมเลยมองตามเสียงไปหา


“ขอโทษจริงๆ เมื่อกี้ไม่โดนบอลใช่ปะ?” มันพูดพร้อมเดินเข้ามาใกล้ผมเพื่อจะไปเก็บบอล


ผมที่อยู่ใกล้กว่าก้มลงไปเก็บแล้วก็เลี้ยงบอลบนมือสองสามทีก่อนจะส่งกลับไปให้มัน


“เฮ้ย ส่งบอลอย่างงี้เล่นเป็นนี่หว่า อยากเล่นปะกำลังขาดคนพอดีเลย” มันพูดขณะที่กำลังเดินถอยกลับไปที่สนามบาส ชี้ไปทางที่มันเดินมา


“โอกาศหน้าละกัน รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ปวดๆหัว” ผมตอบไป


“โอเคๆ ว่าแต่มึงชื่อไร อยู่หอพักในปะ? ถ้าอยู่เดี๋ยวเล่นอีกทีจะไปถามหา”


“ชื่อที ถ้าเลิกเรียนเย็นนี้จะเล่นกันอีกเจอกูได้” ผมตะโกนกลับไป


“เออ มันต้องยังงี้ดิวะ หาคนฮู๊บด้วยมาตั้งแต่ปีที่แล้วไม่ค่อยมีเลย”
(ฮู๊บ = hoop เป็นคำศัพท์ที่ทางนี้ใช้เรียกการเล่นบาส)


“กูชื่อเจเลน (Jalen) อยู่เกรด 12 ถามหาได้ถ้าอยากเล่น ใครๆก็รู้จักกู” มันตะโกนตามหลังผมมา


ผมหันกลับไปหัวเราะพร้อมกับโบกมือให้มัน


ปล. ในบางบทสนทนาที่ผมคุยกับบางคน เช่นเวลาผมคุยกับเจเลนเนี่ยบริบทการพูดกับการใช้ศัพท์นั้นจะแตกต่างกันมากถ้าเทียบกับคนอื่น คำหยาบและคำสถบจะค่อนข้างเยอะ (Fuck, shit อะไรพวกนี้) ผมเลยพยายามเขียนและแปลให้มันได้อารมณ์เดียวกัน การแทนตัวเลยเปลี่ยนเป็น กู,มึง แทน


หลังจากเรียนเสร็จประมาณห้าโมงเย็น ผมก็เดินกลับไปทางสนามกีฬาอีกรอบแต่เอาตามตรงคือไม่มีความมั่นใจเลย 555 อารมณ์เดียวกัยกับความสูงคืออยู่ที่ไทยนี่ไม่เคยรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง แต่มาอยู่นี่คืออะไรๆก็เปลี่ยนไปหมด


พอผมมาถึงที่สนามบาสกลับดูไม่คึกคักเท่าตอนเที่ยง แต่ยังเห็นเจเลนยืนยิงลูกบาสอยู่คนเดียว มันหันหลังให้ผมอยู่


“อ่าว คนกลับกันหมดแล้วหรอวะ” ผมพูดถามพร้อมกับเดินเข้าไปหามันจากข้างหลัง


เจเลนสะดุ้งละก็หันมาหาผม


“เชี่ย มาตั้งแต่เมื่อไหร่ เลิกเรียนแล้วเหรอวะ” มันถามผม


“เออ พึ่งเลิกเลย ละตกลงจะได้เล่นปะเนี่ย คนไปไหนหมด” ผมถามมันกลับ


“ไม่รู้แม่ง โรงเรียนนี้แม่งมีแต่เด็กเนิร์ด หาคนเล่นด้วยยากละพวกที่เล่นแม่งก็รีบกลับบ้านกัน” มันบ่นต่อ


“จะ 1-1 กับกูปะละ……….กูสัญญาว่าจะไม่เอาจริง” มันพูดแบบหน้าตายก่อนจะโยนลูกบาสให้ผม


“โห มาเลยไอ้หนู ถ้ามึงคิดว่าความสูงอย่างเดียวจะชนะกูได้มึงคิดผิดละ” ผมเริ่มจะเข้าโหมดปากหมาเพื่อเตรียมเล่น ผมเลี้ยงบอลเพื่อวอร์มมือก่อนจะเดินไปข้างสนามเพื่อทิ้งกระเป๋าลง


“กูไม่ได้ฮู๊บมาซักพักละนะ นานอยู่เพราะงั้น……”


“ยังไม่ทันได้เล่นก็หาคำแก้ตัวไว้แล้วหรอวะ ว้า คิดว่าจะเจ๋งจริงซะอีก” มันขัดก่อนผมจะพูดจบ


“อ้าวไอ้เวร ปากหมานะมึงอะ” ผมพูดไปหัวเราะไปพร้อมกับเลี้ยงลูกบอลไปใกล้มัน


ผลที่ออก……...ผมแพ้ 1-3


“ความพยายามกูให้ A แต่ผลลัพท์ที่ออกนี่เอา D ไปพอ” เจเลนพูดพร้อมกับเดินมานั่งข้างๆผมบนที่นั่งข้างสนาม ผมได้แต่ส่ายหัวเบาๆแล้วก็หัวเราะ


“คือกูคิดผิดใช่ไหมที่เริ่มการดวลความปากหมาเนี่ย กูขอโทษก็ได้ พอเถ๊อะกูรู้กูกากกว่ามึง ไอ้เวร” ผมพูดก่อนจะเปิดขวดน้ำขึ้นมากิน


“เออ ก็ได้ เดี๋ยวมึงร้องไห้ กูหยุดพูดก็ได้” มันตอบก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมากินเหมือนกัน


ผมหันไปมองมันก่อนจะถอนหายใจแรงไปหนึ่งที


“พอจริงๆ พอจริงๆกูสัญญา 5555” มันบอกผมหลังจากเห็นสีหน้าที่ผมทำ


เจเลนอายุ 18 เท่ากันกับผมแต่ผมเกิดก่อนมัน 4 เดือน มันเป็นคนผิวสีดำเข้ม มาจากประเทศจาไมก้า ตัวโครตสูงประมาณ 190 ต้นๆได้ ตัวค่อนข้างหนา จัดว่าอยู่ระหว่างอวบกับมีกล้าม คือดูออกได้ว่าเล่นกีฬาเยอะแต่ก็แดกเยอะเหมือนกัน


หน้าทรงกลม คิ้วเข้ม ตอนนั้นมันไว้ผมทรง afro เลยดูหัวพองๆโตๆ ต้นแขนใหญ่กว่าต้นขาผมอีก ที่คางมีเครานิดๆ


“ก็ดี แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเล่นบาสกันละมึงพูดกับกูแบบนี้มึงจะโดนกำปั้นกูอะ” กูหันไปบอกมัน ทั้งๆที่รู้ในใจว่าถ้าโดนมันสวนมาหมัดเดียวนี้น่าจะจบที่โรงบาล


“มึงนี่ชอบความรุนแรงเนอะ” มันตอบมาโดยที่ยังกินน้ำอยู๋


“ชื่อเต็มๆมึงคืออะไร?” มันถามผมต่อ


“หะ?” ผมงงไปแป๊ปนึงเพราะผมจำได้ว่าบอกมันไปแค่ชื่อที


“ฟังจากสำเนียงแล้วมึงน่าจะพึ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน มาจากที่ไหนวะ?”


“ชื่อจริงกูคือ……..” ผมกำลังจะตอบมันก็ขัดมาอีกละ


“เดี๋ยวๆ เอาบัตรนักเรียนมึงมากูจะลองอ่านดู”


“อะไรของมึงอะ เออๆ”


ผมหยิบประเป๋าเป๋ขึ้นมาแล้วก็ส่งบัตรนักเรียนให้มันดู


“ที...ระ...วะ? ทีระวะ ใช่ปะ เห็นปะกูอ่านชื่อมึงได้”


“ที ระ วัท ลองพูดใหม่ช้าๆสิ๊”


“ทีระวะ ทีระวะ กูไม่เห็นจะรู้สึกถึงความแตกต่างเลย มันก็ออกเสียงเหมือนกันนิ”


“เหมือนตรงไหนวะ ไม่เหมือนนนน ไม่เหมือนซักนิด”


“ถึงจะไม่เหมือนแต่กูก็อ่านออกเสียงได้ละวะ เห็นปะกูเก่ง”


“เออ เออ พ่อคนเก่ง อยากลองเดาปะว่ากูว่าจากประเทศอะไร? เดาถูกกูเลี้ยงข้าวเย็น”


“ไม่ใช่จีน ไม่ใช่เกาหลีหรือญี่ปุ่นแน่นอน……” พูดจบมันเงียบแล้วก็หันมาจ้องผม


“จะสิงวิญญาณกูเลยไหมจ้องขนาดนี้”


“มาจากเอเชียแน่ๆ แต่ไม่ใช่เอเชียตะวันออกไกล (Far East)”


“ความรู้เยอะนี่หว่า” ผมตอบไป


“ตัวไม่ขาว ตาไม่ตี่ แต่ผิวออกเหลืองๆงี้ ไม่ฟิลิปปินส์ก็อินโดนีเซียแน่ๆ” มันตอบมาแบบมั่นใจมาก


“ผิด”


“งั้นเวียดนาม”


“ก็ยังผิดอยู่”


“เชี่ย งั้นประเทศไร”


“ไทยแลนด์”


“เอ๋อออ โอเค อะไรนะ ใต้หวัน?” มันตอบกลับมา


“โอเคกูกลับห้องละ บาย ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมได้แต่ถอนหายใจกับความกวนตีนของไอ้เวรนี่ ผมลุกขึ้นหยิบกระเป๋าแล้วเริ่มออกเดินกลับไปที่หอ กวนตีนมันกลับมั่ง


“55555 เออกูรู้จักอยู่ไทยแลนด์ อาหารอร่อย มีช้าง ทะเลสวย กูรู้แค่นี้พอไหม?” มันลุกขึ้นแล้วก็รีบเดินตามผมมา


“ก็รู้ดีกว่าคนขาวหลายๆคนละกัน 555” ผมตอบไป
(อยู่ที่นี่เวลาเรียกฝรั่งจะเรียกว่า white people = คนขาว กัน)


ระหว่างทางผมกับเจเลนก็ยังยิงมุขใส่กันไม่หยุดจนผมเริ่มจะปวดแก้มเพราะว่าไม่ได้หัวเราะเยอะขนาดนี้ในวันเดียวมาซักพักแล้ว แต่พอถึงหน้าหอมันกลับหยุดเดินแล้วก็ยืนมองผมเดินเข้าไปในตึก


“อ้าว ไม่เข้ามาหรอ…….รึมึงไม่ได้พักที่หอใน? แล้วทำไมอยู่ดึกขนาดนี้วะ?” ผมถามมันไป


“บ้านอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ถ้ารถบัสหมดก็เดินกลับ ไม่ซีเรียส” มันตอบกลับมาพร้อมกับหยิบสายประเป๋าขึ้นมาอีกข้างเพื่อสะพาย


“หนาวๆอย่างงี้เนี่ยนะ?” ตอนนั้นน่าจะ 12-13 องศาได้ ที่นี่เปิดเทอมแรกช่วงประมาณกันยา-ตุลา ซึ่งเป็นฤดูใบไม้ร่วง อากาศหนาวจะเริ่มมาแต่หิมะยังไม่ตก


“ชินแล้ว เกิดที่นี่ เรียนโรงเรียนนี้มา 4 ปีละ”


“อีกอย่าง ถ้าหิมะไม่ตกแม่งไม่มีผลอะไรกับกูหรอก…….หึหึหึ เตรียมรับฤดูหนาวได้เลย ที่นี่ไม่เหมือนที่ไหน รับรองว่าสนุก” มันพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆในคอ


“เฮ้ออออ แค่นี้กูก็หนาวชิบหายละ ละรอดไหมเนี่ยกู”


“เออ ถ้าหิมะใกล้มาแล้วเดี๋ยวกูพาไปซื้อเสื้อผ้ากันหนาว……….นี่มีเบอร์ของที่นี่ยัง? เอาเบอร์มาดิ๊”


“มีละ พึ่งซื้อไปที่สนามบินตอนลงจากเครื่อง”


“เชี่ย งั้นไม่เอาละ สิ้นเดือนแล้วไปยกเลิกเลยแม่งโกงเงินมึงชิบหายอะพวกค่ายมือถือพวกนั้น”


“.........โอเค๊ โอเคครับท่าน ให้กูไปยกเลิกแล้วแนะนำแบบถูกๆให้ด้วยละกัน”


“ได้ โอเค…..” มันพูดพร้อมกับก้มลงมองมือถือ


“กูต้องไปละรถบัสสายสุดท้ายกำลังจะมา โชคดี ยินดีต้อนรับสู่แคนาดา ไอ้หนู” มันพูดก่อนรีบเดินออกไป


“ขอบใจมากเว้ย เออ ไว้เล่นบาสด้วยกันอีก แล้วเจอกัน ไอ้หนู”


ผมบอกมันไปก่อนจะเดินเข้าตึกเพื่อหลบลมหนาวที่หนาวขึ้นเรื่อยๆเมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน
หัวข้อ: Re: ชีวิตใหม่ ไกลจากบ้าน [ตอนที่ 1 - วันเปิดเรียน] (14/10/2564)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 14-10-2021 19:55:19
 :pig4:
 :3123: