พิมพ์หน้านี้ - หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: sadvoice ที่ 12-10-2021 03:40:47

หัวข้อ: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 12-10-2021 03:40:47
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ




บทนำ

"เอ บี ซี ดี อินเดอะมอนิ่ง บรัช ยัว ทีธ...." (เพลง ABC Chant)

เสียงเจื้อยเเจ้วของเด็กชายตัวน้อยวัยสี่ขวบดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี สองเท้าน้อยๆเหวี่ยงไปมาในอากาศ มือทั้งสองข้างถือช้อนกับส้อมลายคุณหมีคู่ใจไว้เเน่นพลางเอียงตัวโยกย้ายไปมาสลับซ้ายขวาตามท่วงทำนองเพลงที่เจ้าตัวกำลังร้องอยู่

ชายหนุ่มร่างโปร่งที่กำลังจัดการคนข้าวต้มที่กำลังส่งกลิ่นหอมฟุ้งอยู่หน้าเตา หันมามองลูกชายตัวน้อยด้วยความเอ็นดูระคนอ่อนใจส่ายหัวเเละยิ้มน้อยๆให้กับเด็กอารมณ์ดีที่กำลังนั่งร้องเพลงรอทานข้าวเช้าก่อนไปโรงเรียนอยู่บนเก้าอี้นั่งสำหรับเด็กภายในห้องครัว

"ทำไมวันนี้น้องตุลย์ของหม่าม้าถึงได้อารมณ์ดีผิดปกตินะ"

"ก็วันนี้วันพุธงาย หม่าม้า วันพุธ"

"หืมวันพุธ มีอะไรเหรอครับ"

"ก็วันนี้ตูนตูน จะได้ข้าวกล่องไปโรงเรียนเป็นคุณหมีนอนหลับปุ๋ยงายหม่าม้า"

คนเป็นเเม่อมยิ้มน้อยๆเมื่อได้ยินคำสรรพนามเเทนตัวของเจ้าเด็กน้อย เขาตั้งชื่อเล่นให้เจ้าตัวน้อยว่า 'ตุลย์' เเต่เหมือนว่าเด็กชายจะยังคงติดปากเรียกตัวเองว่า 'ตูนตูน' เหมือนตอนที่ยังพูดไม่ค่อยชัด เเบบไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนง่ายๆ เขาคอยบอกคอยเตือนเเล้ว เเต่เหมือนเจ้าตัวยังไม่คิดที่จะเเก้ไข ทั้งคำพูดที่อาจจะมีพูดชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เเต่เอาเถอะเมื่อถึงเวลาเจ้าตัวคงจะเลิกเเทนตัวเองว่าตูนตูนเอง

"ถ้าน้องตุลย์ชอบขนาดนั้น หม่าม้าทำให้ทุกวันเลยดีไหมครับ"

"ม่ายดีคับ"

"ทำไมละครับ"

"ถ้าหม่ำเเต่คุณหมีนอนหลับปุ๋ยทุกวัน ก็เบื่อเเย่เลยซี่~ หม่าม้า"

ดูเอาเถอะเจ้าเด็กสี่ขวบ อะไรจะขนาดนั้น ได้ฟังคำตอบของคนเป็นลูก คนเป็นเเม่ก็อดใจไม่ไหวก้มลงไปหอมเเก้มนุ่มนิ่มเเรงๆหนึ่งที ให้เจ้าตัวพองเเก้มเล่นด้วยความขัดใจ เขาห่อข้าวให้ลูกชายไว้ทานเป็นมื้อเที่ยงที่โรงเรีบนทุกวัน ส่วนเจ้าตัวน้อยก็ชอบมากๆกับการลุ้นเปิดห่อข้าวในทุกๆวัน จะมีก็เเต่วันพุธที่เจ้าเด็กตรงหน้าเขาบอกว่า ขอเป็นข้าวกล่องคุณหมีหลับปุ๋ยเท่านั้น คนเป็นเเม่อย่างเขาก็จัดให้ตามคำขอเเบบไม่อิดออด เเม้ครั้งเเรกจะทุลักทุเลไปหน่อย เเต่ตอนนี้จะเเบบไหนก็มาเถอะ เเม่เเบบเขาสู้ไม่ถอยอยู่เเล้ว

"รีบทานข้าวครับ เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ"

"คับ หม่าม้า"

เมื่อถ้วยข้าวต้มมาวางตรงหน้า เด็กชายตัวน้อยจึงรีบใช้ช้อนที่อยู่ในมือคนเบาๆ ตามด้วยเป่าลมฟู่ฟู่ๆ เพื่อไล่ความร้อนออกไป คนเป็นเเม่ทำเพียงเเค่นั่งดูลูกน้อยเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปป้อนหรือช่วยเหลือเเต่อย่างใด อาจจะมีบ้างบางครั้ง ที่ต้องช่วยเช็ด ช่วยหั่น ช่วยจับ เเต่น้องตุลย์เป็นเด็กประเภทชอบทำอะไรด้วยตัวเอง ทำไม่ได้ก็จะพยายามทำจนกว่าจะทำได้ เรียกได้ว่าความชอบเอาชนะสูงพอตัว

เเก้มนุ่มนิ่มของเด็กชายพองกลมมากกว่าปกติ เนื่องจากมีข้าวอยู่เต็มปาก คนเป็นเเม่อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเจ้าเด็กน้อยลงโซเชียลที่มีคนติดตามอยู่ไม่ถึงสิบคน

เมื่อได้นั่งมองหน้าลูกก็อดที่จะนึกถึงคนเป็นพ่อของเด็กชายไม่ได้ เมื่อประมาณห้าปีที่เเล้วเขาบังเอิญไปเจอคนบาดเจ็บหนักคนนึง ด้วยความที่เป็นคนขี้สงสารจึงช่วยไว้ ผู้ชายคนนั้นก็ดูเหมือนไม่มีญาติที่ไหนเเถมยังตามติดเขาเเจ ห้าเดือนกว่าๆที่อยู่ด้วยกัน มันก่อเกิดสายใยบางๆจนไม่ทันตัว เเต่เเล้ววันนึงสายใยก็ขาดสะบั้นเมื่อใครคนนั้นเลือกที่ทิ้งเขาไปโดยไม่บอกกล่าวใดๆสักคำ

ตอนที่รู้ว่ามีเจ้าก้อนในท้องก็ตกใจจนเป็นลมล้มพับไปหลายครั้งเหมือนกัน กว่าจะตั้งสติได้ก็หลายวันอยู่ ตอนเเรกยังคงสองจิตสองใจว่าจะเก็บเขาไว้ดีหรือเปล่า เเต่จนเเล้วจนรอดก็ตัดสินใจทำร้ายเขาไม่ลง ก็เจ้าก้อนไม่ได้ผิดอะไรนี่น่า เเละตอนนั้นเจ้าก้อนก็เกิดจากความรักของเราทั้งคู่ ถึงเเม้ว่าคำรักนั้นมันอาจจะเป็นเพียงเเค่ลมปากของอีกคน แต่สำหรับเขาคือรักหมดใจ  จากนั้นคนเป็นเเม่เเบบเขาจึงเลือกที่จะทำทุกอย่างให้เจ้าก้อนที่กำลังจะลืมตาดูโลกในตอนนั้นมีความสุขที่สุด

"หม่าม้า อาคีย์ฉันญาว่าวันนี้จะเลี้ยงไอติมตูนตูนด้วย"

กำลังคิดอะไรเพลินๆเสียงเเจ้วๆของลูกชายก็ดังขึ้น

"หืม ไปสัญญาอะไรกันตอนไหนครับ ทำไมหม่าม้าไม่รู้เรื่องเลย"

"ตูนตูนม่ายบอก มันเป็นความลับนะหม่าม้า"

"ตัวเเค่นี้ความลับเยอะจริงๆ"

"คิคิ"

สบายใจเขาละที่ได้เเกล้งหม่าม้าเเบบนี้

คนเป็นเเม่มองสำรวจหน้าลูกชายตัวเองอีกครั้ง ตา จมูก เเละโครงหน้าเหมือนพ่อเขาไม่มีผิด ถ้าถามว่ามีส่วนไหนที่เหมือนแม่แบบเขาอาจจะตรงเส้นผมเเละสีผิว ที่ขาวมาทางเขา ต่างจากพ่อที่สีผิวจะออกแทนๆ

น้องตุลย์เคยถามถึงคนเป็นพ่ออยู่หลายครั้ง คนเป็นเเม่ก็ได้เเต่เก็บซ่อนความข่มขื่นไว้ภายใน ใจก็อดสงสารลูกไม่ได้ น้องตุลย์ถามจนตอนนี้เลิกถามไปแล้ว ทุกๆครั้งน้องตุลย์จะถามว่า...

'หม่าม้า ป๊าไปไหน ทำไมป๊ายังไม่กลับมา ตูนตูนไม่มีป๊าเหรอ'

เขาที่ไม่อยากโกหกหรือให้ความหวังลูกเพราะคิดว่าชาตินี้ยังไงก็ไม่มีทางได้เจอกันอีกเเน่นอน จึงบอกลูกไปว่า....

' น้องตุลย์มีป๊าครับ เเต่ตอนนี้ป๊าของน้องตุลย์เขาไม่อยู่เเล้ว'



-----------------------------------------

TBC.

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ

หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 1) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 12-10-2021 03:46:36
1

รสชาติของกาแฟ


"ตั้งใจเรียนนะครับ เดี๋ยวบ่ายสองครึ่งหม่าม้ามารับนะ ฟอด~ ฟอด~ "

เเก้มนุ่มนิ่มซ้ายขวาโดนคนเป็นเเม่ฝั่งจมูกเต็มๆเเรงสูดดมกลิ่นเเป้งเด็กเข้าจมูกเต็มๆปอด

"คับ สวัสดีคับหม่าม้า ฟอด~ ฟอด~ "

เด็กชายตุลย์ก็ไม่น้อยหน้า หอมเเก้มคนเป็นเเม่ฟอดใหญ่หลังจากยกมือไหว้เสร็จ


ภาพการล่ำลาของสองเเม่ลูกเป็นที่ชินตาของบรรดาคุณครูเเละผู้ปกครองคนอื่นๆไปเสียเเล้ว ทุกคนมองภาพน่ารักตรงหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม พร้อมกับชื่นชมให้กับความเข้มเเข็งของคุณเเม่อยู่ภายในใจ


เนื่องจากโรงเรียนเป็นโรงเรียนระดับกลางที่ไม่ใหญ่มากนัก ทำให้คุณครูเเละบรรดาผู้ปกครองใกล้ชิดสนิทกันเเทบทั้งหมด มีไลน์กลุ่มส่วนตัวของบรรดาผู้ปกครองกับคุณครูไว้รายงานความเคลื่อนไหวของเด็กๆให้ผู้ปกครองได้ดูระหว่างวัน จึงไม่ใช่เรื่องเเปลกหากผู้ปกครองหลายๆคนจะรู้เรื่องราวของคุณเเม่เลี้ยงเดี่ยวที่เเสนจะขยันเเละเข็มเเข็งคนนี้


ในยุคสมัยนี้การที่ผู้ชายจะท้องได้ไม่ใช่เรื่องเเปลก การคบหาเพศเดียวกันเป็นเรื่องปกติของคนในสังคม  เเต่สำหรับผู้ชายที่ท้องได้ก็ไม่ว่าจะหาเจอกันได้ง่ายๆ โอกาสที่จะเจอคือ 1 ในหนึ่งหมื่นคนเท่านั้น


 โบราณบอกว่า ผู้ชายท้องได้เป็นคนมีบุญวาสนา อยู่สบายไม่ตกอับ หากใครที่ได้ไปเป็นภรรยาก็จะมีเเต่ความโชคดีเข้ามา ครอบครัวพบเจอเเต่ความสุข เห็นทีคำกล่าวอ้างของโบราณกาลจะไม่เป็นจริงเสียเเล้ว ดูได้จากคนเเม่คนเก่งที่กำลังยืนคุยกับคุณครูในตอนนี้ เจ้าตัวห่างไกลจากคำว่าสุขสบายซะเหลือเกิน  นอกจากจะทำงานอยู่ร้านกาเเฟเเล้ว ยังขยันรับงานนอกหารายได้เสริมตัวเป็นเกรียว ทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของลูกน้อย ด้วยความเอ็นดูที่มีต่อคุณเเม่ทำให้ผู้ปกครองคนอื่นๆ คอยให้การสนับสนุนโดยหยิบยื่นงานเล็กๆน้อยให้คุณเเม่คนเก่งอยู่เสมอ ช่วยเหลือได้เท่าที่ช่วยไหว เพราะพวกเขาก็ไม่ได้รวยล้นฟ้ามาจากไหนเหมือนกัน


"ฝากน้องตุลย์ด้วยนะครับคุณครู"

"คุณนาทีไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทำงานด้วยความสบายใจได้เลยค่ะ" คุณครูพูดด้วยน้ำเสียงใจดี ยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อให้เด็กชายตัวน้อยจับไว้ มือป้อมๆของเด็กชายตุลย์ยื่นมาจับมือของคุณครูก่อนที่มืออีกข้างจะโบกไปมาเป็นการลาหม่าม้าของตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็วิ่งเข้าไปสมทบกับเพื่อนสองสามคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไป

"ขอบคุณครับคุณครู ผมขอตัวก่อนนะครับ" นาทีหรือที กล่าวขอบคุณคุณครูอีกครั้ง


นาทีเดินตรงไปยังมอเตอร์ไซค์มือสองคันเล็กที่จอดอยู่ริมถนน เจ้าตัวซื้อมอเตอร์ไซค์คันนี้มาเมื่อประมาณสองปีที่เเล้ว ครั้นจะให้เขาซื้อรถยนต์ก็คงไม่ไหว ไหนจะบ้านที่ยังต้องผ่อนอีก ตอนนี้คงได้เเค่มอเตอร์ไซค์ไปก่อน เขารู้ว่ามันอาจจะไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่สำหรับเด็กเล็ก เเต่ตอนนี้เขาสามารถหามาได้เท่านี้จริงๆ เเละถ้าเทียบกับการนั่งรถโดยสารประจำทางเเล้ว เขาว่ามอเตอร์ไซค์เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับเขาเเละน้องตุลย์



.......................................................


"คีย์ โทษทีที่มาช้า"

"ไอ้ที มึงมาพอดีเลย มึงชงกาแฟให้กูหน่อยเร็วๆเลย"

"หืม คีย์ดื่มกาแฟด้วยเหรอ เเต่เราชงกาเเฟไม่เก่งนะ"

"เออช่างเเม่งเหอะเป็นไม่เป็น เเละไม่ใช่กูหรอกที่จะกิน พอดีมีออเดอร์ด่วนเข้ามา"

"เเต่มันยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านเลยไม่ใช่เหรอ"

"คนนี้ลูกค้าวีวีวีวีวีวีไอพี มึงด่วนเลย เดี๋ยวกูไปหั่นเเซนด์วิชก่อน ด่วนๆเลยนะมึง"

คีย์ผู้เป็นเจ้าของร้านกาเเฟ 'keyword ca'fe' เเละเป็นเพื่อนสนิทของนาที สั่งงานจบก็รีบวิ่งไปหลังร้านทันทีโดยที่ทิ้งเพื่อนสนิทให้ยืนงงเเละสงสัยในท่าทางกระวนกระวายของอีกฝ่าย สงสัยคนที่สั่งจะเป็นวีไอพีมากๆเเน่ๆ ไม่งั้นคีย์คงไม่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เเบบนั้น


นาทีละทิ้งความสงสัยเอาไว้ตรงหน้าเคาน์เตอร์ เดินเข้าไปบริเวณบาร์ที่มีไว้สำหรับชงกาแฟ จัดการชงกาแฟตามที่คีย์ตะโกนบอกมาจากด้านใน ว่าลูกค้าต้องการกาแฟประเภทไหน รสชาติเเบบใด เขาชงไม่เก่งด่วยสิ หวังว่าลูกค้าจะชอบเเละไม่ปาทิ้งนะ


ร้านกาแฟของคีย์ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างสุดของบริษัทเเห่งหนึ่งที่มีระดับความสูง 25 ชั้น รายได้หลักๆคงพูดได้เต็มปากว่ามาจากบรรดาพนักงานออฟฟิศทั้งในตึกเเละบริเวณรอบๆตึก ฝีมือการชงกาเเฟของคีย์อร่อยไม่เเพ้ร้านกาเเฟดังๆ ขนมก็อร่อยจนเป็นที่เลื่องชื่อลือชา เเละคนที่ทำขนมคงเป็นใครไม่ได้นอกจากนาทีคนนี้นี่เอง จึงทำให้พนักงานที่นี่เเละรอบๆติดใจ คนที่เป็นโรคกาเเฟลิซึ่มก็หวังให้ร้าน keyword cafe เป็นผู้เยียวยาอาการป่วยของตัวเอง เเละบอกได้คำเดียวเลยว่า พนักงานออฟฟิศทานกาเเฟกันเก่งมาก   


นาทีนึกย้อนไปในตอนที่ชีวิตมีปัญหาถึงขีดสุด เขาก็ได้คีย์เพื่อนสนิทสมัยที่เรียนมหาลัยด้วยกันเป็นคนขุดฉุดกระชากเขาขึ้นมาจากความว่างเปล่า จากเด็กจบใหม่ที่ยังไม่ได้ทำงานเป็นหลักเเหล่ง จากคนที่มีบ้านอยู่อาศัยก็โดนเผาทิ้งเพราะดันไปยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง จากครอบครัวพร้อมหน้าก็ต้องเเยกจากกัน เเม่กลับไปอยู่กับพี่สาวที่บ้านเกิดทางภาคใต้ พ่อเสียชีวิตในกองเพลิง ส่วนเขาต้องหอบร่างกายเเละจิตใจที่บอบช้ำของตัวเองกับเจ้าก้อนที่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามี เข้ามาทำงานในเมื่องหลวงเเห่งนี้


คีย์เป็นคนอำนวยควาสะดวกหลายๆอย่างให้กับเขา จนวินาทีที่รู้ว่ามีเจ้าก้อนอยู่ภายในท้อง คีย์ก็เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาเสมอ ไม่เคยถามถึงพ่อของน้องตุลย์ ไม่เคยพูดอะไรให้เขารู้สึกเเย่ บ้านที่อยู่ตอนนี้ก็ได้คีย์เป็นคนหาให้ เป็นบ้านมือสองเก่าๆขนาดพื้นที่ 49 ตารางวา ที่มีคุณคนขายใจดีมากๆ นอกจากจะขายราคาถูกมากจนน่าตกใจเเล้ว ยังไม่เก็บมัดจำเขาอีก ไม่รู้ว่าชาตินี้เขาใช้เเต้มบุญที่มีอยู่หมดไปแล้วหรือยัง


"ไอ้ที มึงเอาไปส่งให้กูหน่อยดิ นะเพื่อนรัก เพื่อนเลิฟเพื่อนประเสริฐ"

"ทำไมคีย์ต้องทำท่าเหมือนกลัวขนาดนั้นล่ะ"

"มึงต้องเห็นไอ้ที ตอนที่เขามาเคาะประตูร้าน เเม่ง! หน้าตาโครตน่ากลัว กูคิดว่าจะมาทวงหนี้ใครเสียอีก พอเขาบอกว่าจะมาซื้อกาเเฟเท่านั้นเเหละ กูเลยบอกร้านยังไม่เปิด เขาเลยตอบกลับมาประโยคนึง กูนิ่งสนิทไปเลย"

"เขาพูดว่าอะไรเหรอ"

"เขาบอกกูว่า คุณจะชงกาเเฟ หรือจะย้ายร้านครับ เท่านั้นเเหละ กูนี่รีบบอกเลยขอ20 นาที  เขาตอบกลับกูมาว่า ให้ได้เเค่ 15 ครับ เพราะบอสไม่ชอบรอนาน คือเอาตรงๆเลยนะไอ้ที คือกูกลัว มึงต้องได้เห็นสีหน้านิ่งๆนั้น เเม่ง! ฮึ๊ย ขนลุก มึงไปแทนกูหน่อยนะ นะเพื่อนนะ นะ" คีย์ยกมือไหว้เพื่อนรักตรงหน้ารัวๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวกลัวเเละไม่อยากไปจริงๆ


นาทีที่เห็นท่าทางเเบบนั้นก็อดที่จะสงสารไม่ได้ จึงอาสาเอากาเเฟกับเเซนด์วิชไปส่งให้เอง เขาเองก็ไปส่งกาเเฟบ่อยๆเวลาที่ว่างจากทำขนม จึงไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร เพียงเเต่ว่าเขายังไม่เคยขึ้นไปถึงชั้น 25 เลย


มันเป็นชั้นที่ดูสูงมากสำหรับเขา


สูงจนเหมือนว่าเเตะต้องไม่ถึง.....



..................................................

"น้องที ทำไมวันนี้เปิดร้านเช้าจังเลยคะ"

ในระหว่างที่กำลังยืนรอลิฟต์ เสียงสดใสของใครบางคนก็ดังขึ้น เขาหันไปมองก่อนที่จะยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นลูกค้าประจำของที่ร้าน

"พี่บัวสวัสดีครับ ร้านยังเปิดเวลาปกติเลยครับ เพียงเเต่ว่าเเก้วนี้ เป็นออเดอร์วีไอพีครับ"

"หืม วีไอพีขนาดไหนเนี่ย ถึงขั้นสั่งได้เเม้กระทั่งเวลาร้านยังไม่เปิด"

นาทีหัวเราะน้อยๆเมื่อได้ยินคำพูดของพี่บัว นั้นนะสิต้องวีไอพีขนาดไหนนะถึงขนาดสั่งให้ชงกาเเฟได้เเม้กระทั่งเวลาที่ร้านยังไม่ถึงเวลาเปิด

"ก็คงวีไอพีขนาดเป็นเจ้าของตึกมั้งครับ" นาทีตั้งใจจะพูดหยอกเล่นๆเเต่เหมือนว่าคำพูดของเขาจะทำให้คนฟังไม่รู้สึกเล่นด้วย อีกฝ่ายกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นซีดนิดๆ

"น้องทีจะขึ้นไปยังชั้นบนสุดเหรอคะ"

"ครับ"

พี่บัวมองซ้ายมองขวาสองสามทีก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ผม ยกมือขึ้นบังปากของตัวเองไว้

"อย่าหาว่าพี่นินทาเจ้านายเลยนะคะ เเต่วันนี้มีข่าวว่าบอสคนใหม่มาประจำการที่นี้เป็นการชั่วคราว ข่าวหลุดออกมาว่าบอสน่ากลัวมาก สั่งฆ่าคนได้ง่ายๆเลยนะคะ บางคนก็บอกว่าบอสเป็นมาเฟีย กิจการที่นี่เเค่บังหน้า จริงๆพี่ก็ไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่ว่าบอร์ดบริหารชุดเก่าจะหายตัวลึกลับยกชุดจนถึงตอนนี้ยังหาตัวไม่เจอเลยค่ะ"


ตึ๊ง!

เสียงลิฟต์ดังขึ้นตามด้วยประตูที่เปิดออกหลังจากที่พี่บัวพูดจบ พี่บัวมีท่าทางตกใจเล็กน้อยตอนที่เสียงลิฟต์ดัง เเถมมีการมากระซิบข้างๆเขาอีกว่า เวลานินทาเจ้านายจะตกใจง่ายเป็นพิเศษ 


นาทีได้เเต่ส่ายหัวน้อยๆให้กับข่าวที่ได้ยินมา  ข่าวลือก็เป็นเเค่ข่าวลือเเหละนะ นาทีไม่ได้ตอบอะไรออกไปทำเพียงเเค่ยิ้มเล็กน้อย เเละถามชั้นที่พี่บัวจะไป พี่บัวเเยกไปยังชั้น 17 ส่วนเขาต้องไปต่อลิฟต์ตรงชั้น 18 เพื่อจะไปยังชั้น 25 เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะทำให้มันยุ่งยากทำไม จริงๆลิฟต์ที่ขึ้นตรงชั้น 25 ก็มีอยู่หรอกเพียงเเต่มีไม่มีกี่คนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ได้ก็เท่านั้น


นาทียืนหันซ้ายหันขวาอยู่ตรงหน้าประตูลิฟต์เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทางไหน คีย์บอกเเค่ว่าให้ขึ้นมาบนชั้น 25 จากนั้นก็เเจ้งคนที่นั่งอยู่หน้าห้องว่าเอากาแฟมาส่งครับ มันฟังดูเป็นเรื่องง่ายๆ เเต่โต๊ะหน้าห้องมันอยู่ตรงไหนกันนะ


นาทีตัดสินใจเดินตรงไปเรื่อยๆ เผลอตัวยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นโต๊ะตัวนึงที่มีผู้หญิงวัยกลางคนกำลังนั่งก้มๆเงยๆ เขียนอะไรบางอย่างอยู่


"เอ่อ ขอโทษนะครับ" นาทีเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงติดเกรงใจ เพราะเขาเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ยุ่งมากจริงๆ ดูจากเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะเเล้ว เขาปวดหัวเเทน

"คะ?"

"คือว่าผมมาส่งกาแฟครับ  พอดีมีคนสั่..."


เเกร๊ก!

ยังไม่ทันที่นาทีจะพูดจบประตูก็ถูกเปิดออกโดยผู้ชายคนนึงที่อยู่ในชุดสุดเนี๊ยบตั้งเเต่หัวจรดเท้า นาทีกลับมายืนตัวตรง ด้วยท่าทางนอบน้อมเพียงเพราะคิดว่าคุณคนนี้อาจจะเป็นบอสคนใหม่ของทีนี้ก็ได้ ก็เล่นทั้งสูง ขาว ร่างกายดูเป็นชายชาตรี เเต่งตัวดูดี มีราศี ทรงผมเซ็ตอย่างสมบูรณ์เเบบซะขนาดนี้ ให้คิดเป็นอื่นได้อย่างไร


ส่วนคนที่เปิดประตูออกมาเพื่อจะถามว่ากาแฟของบอสมาส่งหรือยัง ถึงกับชะงักไปเล็กน้อยตอนที่พนักงานส่งกาแฟคนนี้หันหน้ามาทางเขา


ใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ


"สวัสดีครับ พอดีว่าผมเอากาแฟมาส่งครับ ขอโทษที่มาช้านะครับคือผมไม่เคยมาชั้นนี้เลยไม่คุ้นทาง"

นาทีเอ่ยขอโทษพร้อมกับโค้งให้ลูกค้าวีไอพีของตัวเองที่ตอนนี้กำลังยืนทำหน้านิ่งชวนให้รู้สึกขนลุกซู่เเบบที่คีย์ว่าอยู่ ฝ่ายที่รู้ตัวว่าเสียมารยาท จ้องคนอื่นนานไปหน่อย ก็กระเเอมกระไอเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปรับกาแฟกับเเซนด์วิชที่คนตัวเล็กส่งมาให้

"ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณสำหรับกาแฟเเล้วก็ขอโทษด้วยนะครับ พอดีว่าบอสผมค่อนข้างเอาเเต่ใจ"

บอสเหรอ เขาคนนี้ไม่ใช่บอสเหรอ ตาโตๆของนาทีโตยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าคนที่ยืนตรงหน้าไม่ใช่บอสตัวจริง ในใจคิดเพียงเเค่ว่า ขนาดไม่ใช่บอสยังน่ากลัวขนาดนี้ เเล้วคนเป็นบอสจะน่ากลัวขนาดไหน หรือที่พี่บัวบอกว่าบอสคนใหม่เป็นมาเฟียจะเป็นเรื่องจริง ยิ่งคิดสีหน้าประหลาดๆของคนตัวเล็กก็หลุดออกมาให้เห็นทางสีหน้าโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวสักนิด

คนมองก็ได้เเต่มองด้วยความเอ็นดู คิดอยู่ภายในใจว่า ไม่ว่าจะผ่านไปนานเเค่ไหนก็ยังคงเป็นคนที่น่าเอ็นดูไม่เปลี่ยนแปลง

"ไมรีบเอาเข้าไป เดี๋ยวบอสก็ระเบิดลงอีกหรอกค่ะ"

เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่หน้าห้องดังขึ้น เรียกสติของนาทีให้กลับมา เขารีบเอ่ยคำลาเเละขอตัวกลับไปเตรียมเปิดร้านต่อ ทิ้งไว้เพียงชายคนหนึ่งที่มองตามไปสุดสายตา เขาก้มมองแก้วกาเเฟเเละเเซนด์วิชที่อยู่ในมืออีกครั้ง สงสัยวันนี้บอสของเขานอกจากจะกินกาเเฟจนหมดเเก้วเเล้ว ดูท่าถ้ากินเเก้วตามไปได้คงจะกินไปด้วยเช่นกัน เขาส่ายหัวน้อยๆให้กับความคิดของตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในห้องเพื่อนำอาหารเช้าไปให้คนเอาเเต่ใจที่นั่งรออยู่

"ช้า"



............................................

"เป็นไงมึง ส่งทันไหม ร้านกูจะยังคงอยู่รอดปลอดภัยใช่ไหม"

"ฮ่าๆๆ คีย์ใจเย็นๆ ส่งทันสิ เเต่ร้านเราจะอยู่รอดไหมอันนี้เราไม่เเน่ใจ"

"อ้าว ทำไมวะ กาเเฟไม่ถูกปาก หรือขนมไม่อร่อย"

"ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง  ที่เราพูดเราหมายถึง มันอาจจะอยู่ไม่รอดถ้าคีย์มัวเเต่กังวลเเล้วไม่ยอมเตรียมตัวเปิดร้าน"


คีย์รีบวิ่งไปจัดการยกเก้าอี้ลงทันทีเมื่อได้ยินคำเตือนสติของเพื่อนตัวเอง จริงอย่างที่นาทีว่ามัวเเต่กังวลเดี๋ยวร้านก็ไม่ทันเปิดกันพอดี เเต่เรื่องนี้มันก็น่ากังวลไม่ใช่เหรอวะ นั่นมันเจ้าของตึกเลยนะเว้ย เจ้าของตึกที่ต่อให้เขาฉีกสัญญาค่าเช่า เเละต้องชดเชยเงินให้ ขนหน้าเเข้งเขาก็คงไม่สะเทือนหรอก เเต่เป็นไอ้คีย์คนนี้นี่เเหละที่จะสะเทือนแทน โดนป๊าหัวเราะเยาะเเน่ๆ


หลังจากจัดการทุกอย่างภายในร้านเรียบร้อยเเล้ว นาทีจึงเดินไปยังประตูร้านเพื่อสลับบ้านหน้าร้านจาก 'close' เป็น 'open'

"ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีตลอดทั้งวันด้วยนะครับ"

กริ๊ง! กริ๊ง!

"keyword คาเฟ่ ยินดีต้อนรับครับ"



.................................................

ทางด้านชั้นบนสุดของตึก

"ช้า" เป็นคำเเรกที่คนเป็นบอสพูดออกมา ชายที่นั่งอยู่บนชั้นสูงสุดของตึกตอนนี้หงุดหงิดไม่ใช่ๆน้อย เเละลูกน้องคนสนิททั้งสองคนก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์นั้นของเจ้านายตัวเองเป็นอย่างดี

"กาเเฟครับบอส เเละก็เเซนด์วิชทูน่าที่บอสสั่งครับ"

"อืม"

คนเป็นบอสเอื้อมมือมาหยิบเเก้วกาเเฟไปถือไว้ในมือ ในขณะที่กำลังจะยกมันดื่ม สายตาก็เหลือบไปเห็นลูกน้องคนสนิทกำลังจ้องเเก้วกาเเฟของเขาไม่วางตา

"อยากกินทำไมไม่สั่งเอง"  ว่าจบก็กระดกกาเเฟดื่มเป็นการเยาะเย้ยคนที่ยืนอยู่ข้างๆ รสชาติของกาเเฟที่วิ่งผ่านลำคอลงไปทำให้บอสหนุ่มต้องเบ้หน้า เพราะรสชาติของมันห่วยเเตกสิ้นดี

"ขุน!" บอสหนุ่มตะโกนเรียกมือซ้ายที่ควบหน้าที่เลขาของตัวเองเสียงดัง เลขาที่กำลังพักสายตาเพราะเพลียจากการที่ไม่ได้นอนหลายคืนถึงกับสะดุ้งตกใจ

"เฮียลมตะโกนทำไมเนีย"

เฮียคือคำเรียกที่ไม่เป็นทางการของพวกเขาทั้งสามคน ขุนเป็นมือซ้ายที่คอยช่วยดูเเลธุรกิจทางด้านที่สว่าง ส่วนกรคนที่ไปรับกาเเฟมาให้เขาเป็นมือขวาที่คอยช่วยดูเเลธุรกิจด้านสีเทา ในยามที่ไม่มีลูกน้องคนอื่นทั้งสองคนจะเรียกเขาว่าเฮียซึ่งเขาเป็นคนอนุญาตเองเพราะพวกเราร่วมทุกข์ร่วมสุขมานานมันเกินคำว่าพเจ้านายกับลูกน้องไปแล้ว พวกเราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันซะมากกว่า 

"ดูใบสัญญาร้านกาเเฟด้านล่างว่าหมดสัญญาเมื่อไหร่ เเละไปยกเลิกสัญญาซะ"

"ห๋าาาา อะไรของเฮีย จู่ๆจะไปยกเลิกสัญญาเขาได้ไง" ขุนยังคงมีสีหน้างงงวยกับคนเป็นเจ้านายของตัวเอง ที่บทจะเอาเเต่ใจก็เอาเเต่ใจจนรับมือไม่ทัน

"รสชาติหมาไม่เเดก" ลม หรือที่ใครหลายๆคนเรียกว่าบอส ดันเเก้วกาแฟออกห่างจากตัวด้วยความหงุดหงิด

"เฮีย" ลมเงยหน้ามองกร ที่ถึงเเม้จะเรียกเขาเเต่สายตาของกรยังมองไปที่เเก้วกาเเฟไม่เลิก ถ้ามันอยากกินขนาดนั้นทำไมมันไม่สั่งมาเผื่อของตัวเองด้วยวะ

"กาแฟเเก้วนี้ คือของคนนั้น คนที่เฮียกำลังตามหา"

ทันทีที่กรหนุ่มมือขวาพูดจบ ความเงียบก็เข้าปกคลุมทั้งห้องทุกอย่างเหมือนโดนกดปุ่มหยุด ให้ทุกอย่างหยุดยืนอยู่ที่เดิม อารมณ์ที่กำลังคุกกรุ่นเพราะอะไรก็ไม่เป็นใจตั้งเเต่เหยียบเเผ่นดินไทย ความหวังที่จะดื่มกาเเฟอร่อยๆดับความหงุดหงิดก็หมดไปเพราะกาเเฟเเก้วนี้รสชาติมันเเย่ซะเหลือเกิน เเต่พอได้รู้อะไรบางอย่างจากปากลูกน้องของตัวเอง


ลมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรีบเอื้อมมือไปหยิบกาแฟเเก้วนั้นมาถือไว้ในมืออย่างรวดเร็ว เขาหมุนเเก้วกาเเฟในมือไปมาเบาๆคล้ายกลัวว่ามันจะเเตกสลายไป เเละค่อยๆจิบดื่มมันไปทีละนิดๆ


รสชาติกาเเฟเเก้วนี้ไม่มีความอร่อยเลยสักนิด เเต่มันก็ทำให้เขาไม่สามารถวางมันลงได้เลย


ร้านกาแฟเหรอ.....


อยู่ใกล้กันเเค่นี้เองสินะ........... นาที



.........................................................

TBC.

ขอให้มีความสุขกับอ่านนะคะ

ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 2) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 12-10-2021 03:50:14
2

กลับมาเจอกันอีกครั้ง

ภายในห้องทำงานชั้นบนสุดของตึกในเวลานี้ มีชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนั่งรอการกลับมาของเลขามือขวาของตัวเองอย่างใจจดใจจ่อ เเม้ว่าภายนอกเขาจะดูนิ่งขรึม เเต่ใครเล่าจะรู้ว่าภายในใจของเขามันกระวนกระวายเพียงใด

เขากลับมาที่นี่ก็เพื่อจะกลับมาตามหาใครบางคนอย่างจริงจัง หลังจากที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมามักพบกับความล้มเหลวในการตามหาเสมอ บวกกับอะไรหลายๆอย่างที่ยังไม่ลงตัวเเละฝ่ายตรงข้ามพยายามตามติด จ้องเล่นงาน เเละหาจุดอ่อนของเขาจนเเทบขยับตัวไปไหนไม่ได้ ทำให้เขาทุ่มเทกับการตามหาใครคนนั้นได้ไม่มากพอ เเต่ตอนนี้เขาพร้อมเเล้ว พร้อมตามหาหัวใจของเขาเเล้ว

บ้านของลมทำธุรกิจหลายอย่างทั้งสีขาวเเละสีเทา ประมาณห้าหกปีก่อนเกิดความวุ่นวายขึ้นระหว่างหุ้นส่วนธุรกิจฝั่งสีเทา ฝ่ายนั้นหวังให้พ่อของเขาเข้าร่วมธุรกิจสีดำ เเต่พ่อเขาไม่ยินยอมเเละท่าเรือที่พ่อเขาได้ครอบครองเป็นท่าเรือสำคัญที่ใช้ในการขนส่ง เมื่อการเจรจาไม่ลงตัวความบาดหมางจึงสะสมเรื่อยมา จนในที่สุดวันนึงครอบครัวของเขาก็ถูกลอบทำร้ายทั้งทางร่างกายเเละธุรกิจ

วันที่เขาได้รับบาดเจ็บปางตายคือวันที่เขากำลังเดินทางไปชลบุรีเพื่อดูธุรกิจที่เปิดสาขาที่นั่น ระหว่างทางเขาโดนลอบทำร้ายเเละในตอนนั้นข้างกายเขามีเพียงเเค่กรคนเดียวเท่านั้น ส่วนฝ่ายตรงข้ามขนกันมามากกว่ายี่สิบคน ถึงเเม้เขาจะหนีมาได้เเต่สภาพเรียกว่าปางตายก็ไม่ผิด

ในขณะที่กำลังหลบหนีอย่างสุดชีวิต เขาได้รับการช่วยชีวิตจากคนใจดีคนหนึ่ง เขาใช้เวลาพักฟื้นเป็นเวลาเกือบเดือน บวกกับพ่อของเขาส่งข่าวมาบอกให้เขากบดานอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆก่อน เพราะพ่อกำลังจัดการต้นตอเจ้าพวกตัวปัญหาอยู่

เขาเชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นพ่อด้วยการใช้ชีวิตอยู่เงียบๆที่นี่ คอยตามติดคนใจดีที่เขามารู้ชื่อทีหลังว่าเจ้าตัวชื่อ 'นาที' นาทีอาศัยอยู่กับพ่อเเม่ ตอนนั้นคนเป็นพ่อเเม่ก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่นาทีเก็บใครที่ไหนก็ไม่รู้มาไว้ในบ้าน เเต่พอเวลาผ่านไปคุณพ่อคุณพ่อก็ลดทิฐิที่มีต่อเขาลงจนเขาเเทบจะกลายเป็นคนในครอบครัวของนาทีไปอีกคน

อีกฝ่ายเคยถามถึงที่ไปที่มาของเขา เเต่เขาไม่สามารถตอบอีกฝ่ายได้ บอกได้เพียงเเค่ว่าเขาชื่อ 'ลม' เมื่อเขาบอกเเบบนั้นนาทีก็ไม่เซ้าซี้ถามเขาต่อ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเหมือนสายใยบางๆได้ก่อตัวขึ้น เขาไม่คิดเหมือนกันว่าเด็กหนุ่มธรรมดาคนนี้จะสามารถทำให้ใจเขาหวั่นไหวจนเผลอรักไปหมดใจ

เเต่เเล้วเวลาของความสุขก็อยู่กับเขาไม่นาน กรที่คอยดูเเลเขาอยู่ไกลๆ บอกให้เขารีบออกมาจากตรงนัั้น เเละให้เดินทางไปสมทบกับพ่อเเละพี่ชายที่อาศัยอยู่ต่างประเทศเป็นหลักโดยเร็ว เพราะฝ่ายตรงข้ามตรวจสอบรู้เเล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน เหตุผลที่อีกฝ่ายมุ่งโจมตีมาที่เขาเพราะในตอนนั้นเขาเป็นเพียงชายคนหนึ่งที่ไม่ได้สนใจไยดีอะไรกับธุรกิจของครอบครัว ออกมาใช้ชีวิตตามเเบบฉบับของตัวเองหรือจะพูดให้ถูกก็คือเขาคล้ายกับจะเป็นจุดอ่อนของครอบครัว เเต่ในเวลานี้ลมได้เปลี่ยนไปเเล้วจากคนที่เป็นจุดอ่อนก็พาตัวเองฝ่ามาเป็นคนหนึ่งที่เเข็งเเกร่งไม่เเพ้ใคร

ในวันที่เขาต้องจากลากับนาที เขาไม่มีเเม้โอกาสจะได้เอ่ยคำลาใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างมันรวดเร็วเเละวุ่นวายไปเสียหมด 

ความผิดพลาดเดียวในช่วงเวลานั้นคือเขาเเทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนาทีเเม้เเต่น้อย ไม่คิดที่จะถามแม้กระทั่งชื่อจริงๆของเจ้าตัว เขาให้คนกลับไปตามหานาทีที่เก่าที่เคยอยู่เเต่กลับพบว่าบ้านตรงนั้นโดนเผาทิ้งไปแล้ว มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะตามหาใครสักคนที่เราไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย จะมีก็เพียงเเต่รูปถ่ายใบเล็กๆที่ลมถือวิสาสะเเอบหยิบออกมาโดยที่ไม่ได้ขอนุญาตเจ้าตัวก่อนเพียงหนึ่งใบเท่านั้น

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

"บอสครับ"

"เข้ามา"

ลมละสายตาจากการเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มามองลูกน้องคนสนิทที่กำลังถือซองเอกสารสีน้ำตาลเข้ามาเเทน

"นี่ครับ ข้อมูลที่บอสต้องการ"

"ขอบใจ"

ลมเอื้อมมือไปหยิบซองเอกสารมาถือไว้ในมือ เปิดซองเอกสารดึงกระดาษสองสามเเผ่นที่อยู่ภายในซองขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด ประวัติของนาทีไม่มีอะไรมาก เเต่ก็มีบางจุดที่ทำให้เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

"กลับไปสืบเรื่องบ้านของนาทีที่โดนเผาให้ละเอียดอีกครั้ง"

"ครับ"

เมื่อเอ่ยสั่งเสร็จลมก็กลับมาอ่านต่อเอกสารต่อไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดเข้ากับประวัติส่วนหนึ่งที่ระบุว่า นาที มีลูกเเล้วเเละคนเป็นเเม่คือนาทีเอง เมื่อเห็นดังนั้นพลันสายตาก็เหลือบไปหาชื่อคนเป็นพ่อในทันที เเต่เเล้วก็พบกับความว่างเปล่า


ไม่มีชื่อของคนเป็นพ่อ....


ลมรีบหยิบรูปถ่ายที่เเนบมากับเอกสารมาดูทันที สองในห้ารูปคือรูปของนาทีกับเด็กชายตัวน้อย เเละมีรูปหนึ่งที่เห็นใบหน้าของเด็กชายอย่างชัดเจน เมื่ออ่านประวัติก็พบว่าเด็กชายคนนี้มีอายุสี่ขวบ

คำว่าสี่ขวบในตอนนี้ มันกระตุกใจของบอสหนุ่มไม่น้อย ไม่รู้ว่าทำไมตั้งเเต่เห็นใบหน้าของเด็กน้อย ใจเขาถึงรู้สึกกระตุกเเละสั่นเเรงเเบบเเปลกๆ

เขาพิจารณารูปเด็กน้อยไม่วางตา ก่อนจะวางมันลงกับโต๊ะ เคาะนิ้วลงบนรูป พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาถามเลขาคนสนิท

"เด็กคนนี้"

"จะรีบจัดการให้ครับ"

"ภายในวันนี้"

เมื่อได้รับคำสั่งเด็ดขาดจากคนเป็นนาย เลขาคนสนิทจึงขอตัวออกไปทำงานที่ได้รับมอบหมายทัน เหลือเพียงบอสหนุ่มที่กำลังนั่งดูรูปของนาทีกับเด็กชายตัวน้อยสลับกันไปมาอยู่อย่างนั้นจนเวลาพ้นผ่านไปหลายนาที


เด็กคนนี้......จะใช่เเบบที่เขาคิดหรือเปล่านะ


เด็กคนนี้คือลูกของเราใช่หรือเปล่า....... นาที



...................................................


กริ๊ง! กริ๊ง!

"อาคีย์!"

เสียงแจ้วๆของเด็กชายวัยสี่ขวบร้องออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในร้านเเล้วเจอคุณอาสุดที่รักกำลังยืนอยู่หน้าตู้เค้ก ฝ่ายคนเป็นอาเมื่อได้ยินเสียงเรียกของหลานรัก ก็รีบละสายตาจากตู้เค้ก ส่งยิ้มกว้างพร้อมย่อตัวลงนั่งคุกเข่าลงกับพื้น กางเเขนทั้งสองข้างออกเพื่อให้เด็กชายวิ่งเข้ามาสู่อ้อมกอดของเขา เด็กชายตุลย์เห็นเช่นนั้นก็ไม่รีรอ รีบวิ่งเข้าไปหาคุณอาสุดที่รักในทันที คนเป็นอาเเกล้งรัดเด็กชายเเน่นๆ โยกตัวไปมาซ้ายขวาด้วยความมันเขี้ยว คนเป็นเเม่ที่เดินตามมาทีหลังมองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าติดรอยยิ้ม อะไรจะคิดถึงกันขนาดนั้น เจอกันเเทบจะทุกวันเเท้ๆ

"หมูตุ้บของอา คิดถึงจังเลย" หมูตุ้บ คือคำเรียกชื่อที่คีย์ไว้ใช้เรียกหลานชายตัวน้อย  ก็หลานเขาตัวอ้วนตุ้บเหมือนหมูน้อย เขาเลยผสมคำใหม่เป็น 'หมูตุ้บ' ซะเลย จะได้ไม่ซ้ำกับคนอื่น

"ตูนตูนก็คิดถึงอาคีย์ คิดถึงมากๆเยย"

"คิดถึงอาคีย์ หรือคิดถึงไอติมกันเเน่ครับ"

"สองอย่างเยย"

"เจ้าอ้วนเอ้ย" คีย์ใช้มือข้างนึงยกขึ้นขยี้หัวของเด็กชายเบาๆ เอ็นดูในท่าทางที่ช่างออดอ้อนชวนใจเหลวของเจ้าตัว ส่วนคนเป็นอาเเบบเขาก็ไม่เคยเอาชนะท่าทางอ้อนๆนั้นได้สักครั้ง เเละเขาก็มักจะโดนเเม่ของเด็กชายตุลยืดุอยู่บ่อยๆเพราะตามใจหลานจนเกินเกินไป เเล้วจะให้เขาทำไงละ ก็หลานเขาออกจะน่ารักซะขนาดนี้ มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถอ่ะบอกเลย

นาทีที่ยืนมองสองอาหลานกอดกันอยู่นานก็ต้องส่ายหน้าให้กับบทสนทนาที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าไปสัญญาไอศกรีมกันตั้งเเต่เมื่อไหร่ เเละวันนี้คงจะเห็นคนตามใจหลานสั่งไอศกรีมมาเป็นลังอีกเเน่ๆ

คีย์เป็นคนที่ตามใจหลานมาก ตามใจจนบางครั้งมันทำให้นาทีต้องกุมขมับ ส่วนน้องตุลย์ก็เป็นเด็กฉลาด รู้ว่าต้องเลือกอ้อนใครถึงจะประสบความสำเร็จ คนนึงขยันอ้อน คนนึงขยันตามใจ คนเป็นเเม่เเบบนาทีก็ได้เเต่คอยห้ามปรามไม่ให้มันเลยเถิดไปไกล

"น้องตุลย์ สวัสดีอาคีย์หรือยังครับ"

"อาคีย์ สวัสดีคับ"

"พี่วุ้นกับพี่เปอร์ละครับ"

"พี่วุ้น พี่เปอร์ ตูนตูนสวัสดีคับ"

"ไงน้องตุลย์ วันนี้ไปโรงเรียนเป็นไงบ้าง สนุกป้าว" เปอร์ชายหนุ่มผู้ช่วยคนเก่งของร้านที่กำลังยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงินเอ่ยถามขึ้นพร้อมรอยยิ้มใจดี

"ซาหนุกคับ"

เปอร์และวุ้นเป็นลูกของคุณป้าเเม่บ้านที่บ้านของคีย์ ทั้งสองคนเข้ามาช่วยงานตั้งเเต่เริ่มก่อนตั้งร้าน ในช่วงเเรกๆคีย์จ้างทั้งสองคนมาเป็นพนักงานพาร์ทไทม์เพราะทั้งสองคนยังอยู่ในวัยเรียนมหาลัย เเต่ตอนนี้ทั้งสองคนเรียนจบเรียบร้อย คีย์เคยบอกให้ไปทำงานในเเบบที่ตัวเองชอบเเต่ทั้งสองคนบอกว่า ทำงานที่นี่ดีที่สุดเเล้ว สุดท้ายก็ได้เเต่ปล่อยเลยตามเลย เพราะเถียงสู้เด็กไม่ไหว จึงมอบตำเเหน่งพนักงานประจำ เงินเดือนดีๆ สวัสดิการสวยๆให้เป็นการตอบเเทน

เปอร์ใช้มือทั้งสองข้างดึงเเก้มนุ่มนิ่มของเด็กชายที่ตนเองรักเหมือนกับน้องชายแท้ๆอย่างเบามือ เขาเห็นน้องตุลย์มาตั้งเเต่ในท้องเเม่ สมัยเเบเบาะยังช่วยกันเลี้ยง ช่วยกันเปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนข้าวป้อนน้ำกันอยู่เลย เผลอเเป๊บเดียวน้องชายตัวน้อยของเขาก็โตเป็นหนุ่มน้อยวัยสี่ขวบเสียเเล้ว

"น้องตุลย์มาดื่มน้ำที่พี่วุ้นก่อนค่ะ มาเร็ว ตากเเดดมาร้อนๆ"

เด็กชายตุลย์ปล่อยขาของพี่เปอร์ไปยืนข้างๆพี่วุ้นที่กำลังนั่งยองๆรอเขาพร้อมกับเเก้วในมือ เด็กชายตุลย์รีบดื่มน้ำอึกใหญ่ๆอย่างรวดเร็ว คนเเป็นเเม่ที่เห็นเเบบนั้นจึงต้องรีบเอ่ยเตือนเพราะกลัวว่าจะสำลัก

"น้องตุลย์ค่อยๆดื่มครับ เดี๋ยวสำลักนะ"

เจ้าตัวน้อยเอียงหน้ามามองคนเป็นเเม่ ส่งมือข้างนึงเป็นสัญลักษณ์บอกว่าโอเคครับหม่าม้า พร้อมส่งรอยยิ้มหวานๆมาให้ทั้งที่ปากยังงับหลอดอยู่ จากนั้นก็กลับไปดื่มน้ำตามเดิมเพียงเเต่ไม่ได้รีบดูดจนเสี่ยงที่จะสำลักเหมือนก่อนหน้านี้เเล้ว

เมื่อเห็นว่าตอนนี้ลูกชายของเขามีคนดูเเลเเล้ว นาทีจึงเดินเข้าไปด้านหลังร้าน เพื่อนำกระเป๋าของน้องตุลย์ไปเก็บ พร้อมกับตรวจดูว่ามีการบ้านอะไรไหม ถ้ามีการบ้านเขาจะให้น้องตุลย์นั่งทำตั้งเเต่ที่ร้านเลย เพราะกว่าจะปิดร้านก็เย็นมากเเล้ว ถ้าไม่ทำตั้งเเต่ที่ร้านมีหวังลูกชายเขาคงได้นอนดึกทุกคืนเเน่ๆ

"น้องตุลย์ครับ วันนี้มีการบ้านไหมครับ"

"มีคับ คุณครูบอกให้ตูนตูนเขียนกอไก่ถึงงองูคับ"

"เก่งมากครับ" คนเป็นเเม่ลูบหัวลูกชายน้อยๆเป็นการชื่นชม เขาเปิดกระเป๋าของลูกชายดูเเล้ว เเละหยิบสมุดการบ้านติดมือมาให้ลูกชายเเล้ว ที่ถามออกไปก็เพื่อจะฟังคำตอบของเจ้าลูกชายว่าตอบออกมาอย่างไรก็เท่านั้น "มาหม่าม้าหยิบสมุดการบ้านมาให้เเล้วครับ น้องตุลย์นั่งทำการบ้านตรงนี้นะครับ หม่าม้าจะไปช่วยอาคีย์ก่อน เเล้วเดี๋ยวหม่าม้าจะมาช่วยตรวจการบ้านให้นะครับ"

"โอเคคับ หม่าม้า"


เวลา 17.00 น คือเวลาเลิกงานของพนักงานร้านกาเเฟ keyword cafe ตอนนี้ทุกคนกำลังจัดการเก็บกวาดร้านเพื่อที่จะได้กลับบ้านไปพักผ่อน ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็จัดการเสร็จเรียบร้อย ถึงเวลาปิดร้านสำหรับวันนี้อย่างเป็นทางการ หลังจากล่ำลากันเรียบร้อยก็ถึงเเยกย้ายกลับบ้านของเเต่ละคน

"ไปครับน้องตุลย์ กลับบ้านเรากัน"

"หม่าม้า วันนี้ตูนตูนกินไส้กรอกคุณปลาหมึกได้ไหม"

"ได้เเน่นอนอยู่เเล้ว"

"เย่ๆ ขอสามชิ้นใหญ่ๆเลยนะคับ"

สองเเม่ลูกจับมือกันเเน่น เดินตรงไปยังมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถ สองมือน้อยๆของเด็กชายตุลย์จับมือของคนเป็นเเม่เเกว่งไปมา เจ้าตัวเล็กในเวลานี้อารมณ์ดีมากๆ เพราะกลับบ้านไปจะได้กินไส้กรอกคุณปลาหมึกตั้งสามชิ้น

"หม่าม้า วันนี้ตูนตูนได้เล่นสไลเดอร์กับต้นหญ้าด้วย ต้นหญ้าไหลลงมา หน้าทิ่มดินเลย"

"เเล้วต้นหญ้าเจ็บมากไหมครับ"

"ต้นหญ้าบอกม่ายเจ็บ"

"น้องตุลย์ได้เข้าไปช่วยเพื่อนไหมครับ"

"ช่วยคับ ช่วยปัดๆ เเล้วเป่าเพี้ยงๆ"

"เก่งมากครับ"

บทสนทนาระหว่างเเม่ลูกยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดการเดินไปที่รถ โดยคนที่ผูกขาดการสนทนาดูเเล้วคงจะหนีไม่พ้นเด็กชายที่กำลังเล่าเรื่องราวที่พบเจอมาในวันนี้ที่โรงเรียนให้คนเป็นหม่าม้าฟัง

โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าในเวลานี้มีใครบางคนที่กำลังนั่งอยู่ในรถคันหรูกำลังนั่งมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ตีรวนอยู่ภายในอก เเต่ความรู้สึกนึงที่ชัดเจนกว่าความความรู้สึกไหนนั้นคือ

คิดถึง......

คิดถึงเหลือเกิน........



...................................................................


เช้าวันนี้อากาศค่อนข้างที่จะแปรปรวน เมฆฝนกำลังตั้งเค้า คาดว่าอีกไม่นานฝนคงจะตกลงมา นาทีบิดมอเตอร์ไซด์ให้เร็วขึ้นอีกนิดเพราะไม่อยากให้น้องตุลย์ต้องเปียกฝน ข้อเสียของมอเตอร์ไซด์อีกอย่างก็คงเป็นเรื่องนี้นี่เเหละ ฝนตกทีไรวุ่นวายทุกที

"ถ้าฝนตกน้องตุลย์อย่าตากฝนนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย"

"คับ หม่าม้าฉู้ฉู้นะคับ"

"ครับ เดี๋ยวบ่ายสองครึ่งหม่าม้ามารับนะครับ ฟอด"

"หม่าม้า บ๊ายบาย"

เมื่อลาลูกชายเสร็จนาทีก็รีบเดินไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ทันที วันนี้ไม่มีเวลามากพอให้เขาได้ฟัดลูกชายก่อนไปทำงาน เพราะเกรงว่าถ้ามัวเเต่ฟัดเจ้าหมูน้อย ฝนจะตกลงมาซะก่อน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาคงได้เล่นน้ำฝนก่อนเข้างานเเน่ๆ

เเต่วันนี้เหมือนโชคดีของเขาจะไม่ทำงาน ทั้งๆที่อีกนิดเดียวก็จะถึงร้านอยู่เเล้วเชียว จู่ๆฝนก็ตกหนักลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว นาทีฝืนขับรถฝ่าฝนมาจนถึงร้านกาแฟ เเละสภาพของเขาตอนนี้ไม่ต่างจากลูกเเมวที่เพิ่งตกน้ำมาเลย

นาทีรีบจอดรถ หยิบของที่ใส่อยู่หน้าตะกร้าอย่างเร่งรีบ ยกมือขึ้นบังหัวด้วยความเคยชิน ทั้งๆที่ตอนนี้ต่อให้กางร่มก็ไม่ทันเเล้ว ก็เล่นเปียกตั้งเเต่ขับรถมาเเล้วนี้นะ

ปึก!

เพราะมัวเเต่วิ่งไม่ทันได้มองทาง จึงทำให้นาทีชนเข้ากับใครสักคน นาทีเซถอยหลังเล็กน้อย มือใหญ่ของใครคนนั้นเอื้อมมาจับเเขนของเขาไว้ นาทีรู้สึกขอบคุณอยู่ในใจเพราะถ้าเขาไม่ยื่นมาจับเเขนไว้ มีหวังเขาคงได้ล้มลงไปนั่งเล่นน้ำฝนอยู่ตรงพื้นเเน่ๆ เเรงที่ชนกันใช่จะน้อยๆ เเถมเขาคนนั้นยังใจดีเผื่อเเผ่ร่มคันใหญ่มาบังฝนให้เขาด้วย

"ขอโทษครั...."

ทันทีที่เงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่รอบๆตัวหยุดนิ่งสนิท นาทีก้าวขาถอยหลังออกห่างจากร่มคันใหญ่ที่ช่วยบังฝนให้ราวกับคนละเมอ นัยยืตาสวยตอนนี้มันวูบไหวไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใจที่เคยสงบเรียบนิ่ง เต้นเเรงผิดจังหวะ อกข้างซ้ายของเขารู้สึกปวดหนึบราวกับว่ามีของเเข็งมาถ่วงไว้


เขาคนนั้น........


คนที่ทิ้งเขาไป.........


คนที่เขาเฝ้าคิดถึง.......


คนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอ........


เเละเป็นคนเดียวกันกับที่เขาไม่อยากเจอที่สุด........


ช่วยบอกเขาทีว่าตอนนี้เขาควรจะทำอย่างไรเพื่อที่จะไม่ให้น้ำตามันไหลออกมาหรือเขาควรจะปล่อยให้น้ำตามันไหลลงมาพร้อมกับสายฝนที่กำลังกนะหน่ำตกกระทบตัวเขาในเวลานี้ดี

"ไง"

"........."

"ไม่เจอกันนานเลยนะ"

"........"

"นาที"



..................................................................

TBC.

ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (บทนำ) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 12-10-2021 06:51:25
 :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 3) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 12-10-2021 14:54:57
3
คุณลุงชื่ออะไรครับ


"คีย์ ฮึก คีย์"

"ไอ้ที มึงเป็นไร ใครทำอะไรมึง มึงร้องไห้ทำไม เเล้วทำไมตัวเปียกเเบบนี้วะ ไอ้เหี้ย อย่าร้องๆ"

คีย์มีท่าทางลนลานอย่างเห็นได้ชัด ยามที่หันไปเห็นเพื่อนสนิทที่เปิดประตูร้านเข้ามาพร้อมสภาพเปียกปอนเเละความลนลานยิ่งเพิ่มขึ้นอีกทวีคูณเมื่อเห็นใบหน้าหวานๆของเพื่อนรัก ที่ในเวลานี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เพื่อนของเขาไปพบเจออะไรมา ทำไมถึงร้องไห้หนักเพียงนี้ คนที่เข้มเเข็งมาตลอด ทำไมเวลานี้กลับร้องไห้ออกมาอย่างง่ายดาย

"ฮึก ฮือ ฮึก คีย์"

"มึงยังมีกูนะ มึงยังมีกู ไม่เป็นไรนะคุณนาที กูยังอยู่ตรงนี้ ข้างๆมึงเสมอ"

คีย์เคลื่อนตัวเข้าไปกอดเพื่อนสนิทของตัวเองไว้เเน่น อยากจะจับหัวเพื่อนรักให้ซบตรงอกอยู่เหมือนกัน เเต่ติดอยู่ที่ว่าเขากับนาทีดันมีขนาดตัวที่เท่ากัน ตอนนี้จึงทำได้เพียงให้เพื่อนรักซบหัวลงกับไหล่เเละใช้ไหล่บางๆของเขาเป็นที่ซับน้ำตาให้แทน

"คีย์ ฮึก เรา ฮึก เรา"

"เออๆๆ ไม่ต้องพูดอะไรเเล้ว ไม่ต้องพูด รอให้มึงพร้อมเเล้วค่อยพูด กูมีเวลารอฟังมึงเล่าไปอีกนาน  เอ้า ตอนนี้ก็ร้องไห้ออกมาให้พอ ร้องอย่างเดียวนะมึงไม่ต้องเเถมน้ำมูกมาให้กู"

คีย์พูดพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวนาทีเบาๆเป็นการปลอบประโลม วินาทีนี้ถ้าใครมาเห็นภาพตรงหน้าคงคิดว่าเขากับนาทีกำลังเล่นบทรักเศร้าโศกอยู่เเน่ๆ เเต่ขอโทษนะครับผมชอบผู้ชายอันนี้ยอมรับ เข้าใจไหมครับ ผมชอบผู้ชายอันนี้ยอมรับ ครับทุกคน

ใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่ๆกว่าที่นาทีจะหยุดร้องไห้เเละตั้งสติกลับคืนมาได้ ในเวลานี้ดวงตากลมโตช้ำหนักและบวมเป่ง เนื่องจากเจ้าของดวงตาผ่านการร้องไห้อย่างหนักเป็นเวลานาน

นาทีนั่งอยู่ภายในห้องทำงานของคีย์ที่อยู่ทางด้านหลังร้าน เขาจัดการเปลี่ยนเสื้อที่เปียกชุ่มเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เเห้งสนิทเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว ปกติในเวลานี้ทั้งเขาเเละคีย์จะออกไปช่วยวุ้นกับเปอร์เตรียมความพร้อมภายในร้าน เเต่วันนี้ภายในร้านด้านนอกมีเพียงเเค่วุ้นกับเปอร์เท่านั้นที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดร้านในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า

"ดีขึ้นไหม" คีย์ถามพร้อมกับยื่นทิชชูที่ดึงออกมาจากกล่องให้นาทีอีกสี่ห้าแผ่น

"ฟืดดดดด! เราดีขึ้นมากเเล้ว ขอบคุณนะคีย์"

"เออดีขึ้นก็ดีเเล้ว กูหัวใจเเทบจะวายตายที่เห็นมึงร้องไห้หนักขนาดนั้น อีกนิดนี่กูจะร้องไห้ตามมึงเเล้วนะ"

นาทีหัวเราะออกมาเบาๆให้กับคำพูดของคีย์ เขารู้ดีว่าคีย์คงตกใจเเละเป็นห่วงเขามาก เเละคงจะไม่รู้ต้องปลอบยังไงเจ้าตัวจึงเข้ามากอดเขาไว้พร้อมดันหน้าให้ซบกับไหล่ของเจ้าตัว ยิ่งมองไปยังบริเวณไหล่ของคีย์นาทีก็ยิ่งรู้สึกผิด เพราะนอกจากจะมีคราบน้ำตาเป็นบริเวณกว้างเเล้ว มันยังมีคราบน้ำมูกเป็นของเเถมให้คีย์อีกด้วย

"ไม่ต้องมองตาแป๋วเลย กูอุตส่าห์บอกเเล้วเชียวว่าไม่รับของเเถมเป็นน้ำมูก"

"ขอโทษ เราห้ามไม่อยู่จริงๆ"

"ซักให้กูด้วยเลย"

"โอเค ไม่มีปัญหา"

สิ้นคำพูดของนาทีภายในห้องก็กลับมาเงียบอีกครั้ง บรรยากาศภายห้องดูมีความอึดอัดลอยละล่องอยู่บางๆ

คีย์ที่กำลังก้ำกึ่งว่าจะถามเรื่องที่เกิดขึ้นดีไหม ใจนึงก็อยากรู้ เเต่อีกใจก็เป็นห่วงสภาพจิตใจของเพื่อนกลัวจะไม่พร้อมเเละตัวเองจะเผลอไปจี้จุดเข้าอีกรอบ

ส่วนนาทีกำลังพยายามหาจุดเริ่มต้นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ว่าควรจะเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คีย์ฟังอย่างไรดี

ภาพที่ออกมาเลยกลายเป็นภาพเพื่อนสนิทสองคนที่กำลังดูว้าวุ่นใจ เดี๋ยวสลับกันขมวดคิ้ว เดี๋ยวสลับกันเเอบมองหน้า ถ้ามีใครผ่านมาเห็นคงคิดว่าพวกเขากำลังเล่นเกมอะไรกันสักอย่างอยู่เเน่ๆ

"เราเจอพ่อน้องตุลย์"

เงียบ ความเงียบคือคำเดียวที่สามารถบรรยายบรรยากาศภายในห้องได้ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากคีย์สักคำ คีย์ยังคงนั่งนิ่งเพื่อรอฟังในสิ่งที่เพื่อนจะพูดต่อ

"เรากับพ่อน้องตุลย์เจอกันเมื่อห้าปีก่อน ในตอนนั้น..............................."

เรื่องราวของนาทีกับชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของน้องตุลย์ ถูกบอกเล่าออกมาผ่านริมฝีปากบางของคนเป็นเเม่โดยคร่าวๆ

"เขามีชื่อว่าอะไรนะ" คีย์ถามถึงชื่อของพ่อน้องตุลย์อีกครั้งหลังจากฟังเรื่องราวที่เพื่อนเล่าจบเเล้ว เเละครั้งนี้ก็ถือเป็นครั้งเเรกที่เพื่อนของเขายอมปริปากเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนเป็นพ่อของน้องตุลย์ ตั้งเเต่รู้ว่าท้องน้องตุลย์เพื่อนของเขาก็ไม่เคยพูดถึงคนเป็นพ่อเลยสักครั้ง เเละเขาเองก็ไม่คิดที่จะถามออกไปให้เพื่อนรู้สึกเศร้าใจยามที่ต้องพูดถึง ได้เเต่คอยบอกเพื่อนว่า ไม่ต้องฝืน ถ้าอยากเล่าก็ค่อยเล่า

"เขาบอกว่าเขาชื่อ ลม "

"อืม แล้วมึงจะทำยังไงต่อ" นั่นคือคำถามเเรกที่คีย์อยากจะถามเพื่อนรัก เขาไม่อยากรู้ว่าเพื่อนเขายังรักผู้ชายคนนั้นไหม เขาไม่อยากรู้ว่าเพื่อนเขาคิดถึงผู้ชายคนนั้นขนาดไหน เขาอยากรู้เพียงเเค่ว่า เพื่อนของเขาจะทำอย่างไรต่อจากนี้ไปมากกว่า

สำหรับเขาเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคน ตัวเองเป็นคนนอกคงทำได้เพียงเเค่คอยให้คำเเนะนำ เเละเป็นที่ปรึกษา ต่อให้ต้องมาหอนในตอนหลังก็ช่างมันก่อน เเละจากที่ฟังมาเขาคาดว่าไอ้คุณลมอะไรนั่นก็ดูจะชอบพอเพื่อนเขาพอตัว เรื่องวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเเน่ๆ เเต่คนทำความผิดยังไงก็มีความผิดอยู่วันยังค่ำ ถึงเเม้จะมีเหตุผลมารองรับ เเต่ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่าสิ่งที่ไอ้คุณลมทำกับเพื่อนเขา มันสร้างความเจ็บปวดให้เพื่อนเขาหนักพอตัว ไหนจะยังของฝากที่ฝากมาในท้องอีก เจอหน้ากระโดดเตะสักทีดีไหมวะ เเม่ง!

"....................."

"เงียบเเบบนี้คือ?"

"เราก็ไม่รู้"

"มึงจะไม่รู้ไม่ได้เเล้วนะเว้ยนาที จากที่ไม่เจอมาตลอดหลายปี จู่ๆก็กลับมาเจอกันง่ายๆเเบบนี้ กูบอกเลยพรหมลิขิตไม่มีจริงหรอก เเละฟังจากที่มึงเล่าเขาตั้งใจเดินมาชนมึงชัดๆ นั่นหมายถึงเขาอยากให้มึงรับรู้ถึงการกลับมาของเขา"

"เอางี้ กูอาจจะถามคำถามมึงยากไป งั้นถามใหม่ คำถามพื้นฐานเลยนะ มึงยังรักเขาอยู่ไหม"

"รัก" นาทีตอบได้ในทันที เพราะเขารู้ตัวเองดีว่ายังรักคุณลมมาตลอด ไม่เปลี่ยนเเปลง เเละคำตอบของนาทีก็ตรงกับคำตอบที่คีย์เดาไว้ในใจไม่ผิดเพี้ยน เขาเลยไม่อยากจะถามคำถามนี้ออกไป เพราะคำตอบมันตายตัวอยู่เเล้ว ในเเววตาของเพื่อนเขามันไม่มีความเกลียดชังอยู่เเม้เเต่น้อย

"ถ้ายังรัก ก็ต้องดีใจสิที่วันนี้ได้เจอหน้าเขา เเล้วทำไมถึงร้องไห้ล่ะ" เขาพอจะรู้เหตุผลที่เพื่อนร้องไห้อยู่เเล้ว เพียงเเค่อยากถามให้เพื่อนได้ระบายความรู้สึกออกมาอีกสักนิด

เรื่องนี้ถ้าถามเขาที่เป็นมุมมองผู้ฟังก็คงรู้สึกเเค่ว่า ถ้าเป็นกู กูหาใหม่ไปนานเเล้ว ผู้ชายเเบบนั้นไม่รงไม่รักมันเเล้ว แต่มีคนเคยพูดไว้ว่า เรื่องบางอย่างไม่เจอกับตัวคงไม่เข้าใจ เขาจึงทำได้เพียงคอยอยู่ข้างๆเพื่อนก็เท่านั้น เพราะเรื่องนี้สำหรับนาทีเเล้ว คงเป็นเรื่องยากสำหรับมัน 

"เราบอกคีย์ไปแล้วว่าเราโดนคุณลมทิ้งไปโดยไม่บอกอะไรเราสักคำ มันเจ็บปวดมากเลยนะคีย์กับการที่เรารักเขาหมดใจ เเต่วันหนึ่งเขาเลือกจากเราไปโดยที่ไม่เเม้จะเอ่ยคำลา เราเฝ้าเเต่ถามตัวเองว่าเราผิดอะไร อย่างน้อยๆบอกออกมาว่าที่ทิ้งเราไปเพราะเราดีเกินไปยังดีเสียกว่าอีก อยากจะตามหาเพื่อถามถึงเหตุผล เเต่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด ในเวลานั้นทุกอย่างมันดูยากไปหมดจริงๆ  ความรู้สึกเราตอนที่เห็นหน้าคุณลม มันทั้งเจ็บ ทั้งตกใจ ดีใจ เสียใจ โกรธ น้อยใจ เเละคิดถึง ความรู้สึกมันตีรวนอยู่ในอก เเละกำเเพงที่เราสร้างมาป้องกันตัวเองก็พังไม่เป็นท่า เพียงเเค่ได้เห็นหน้าเเละได้ยินเขาเอ่ยคำทักทาย ส่วนหนึ่งที่ร้องไห้ออกมาก็เป็นเพราะเจ็บใจตัวเองที่พยายามเข้มเเข็งเเทบตาย สุดท้ายก็พังลงอย่างง่ายดาย"

"เเล้วตอนนี้มึงรู้สึกยังไง ยังโกรธเขาอยู่ไหม"

"โกรธสิ ทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ เเบบมากๆเลย เจ็บด้วย เจ็บที่ใจจี๊ดๆ"

"ถ้าเขากลับมาขอคืนดีมึงจะทำยังไง"

"เราไม่รู้"

"ถ้าเขามาง้อพร้อมบอกถึงเหตุผลที่ทิ้งมึงไป เเละเหตุผลมันดันฟังขึ้นด้วยล่ะ จะกลับไปไหม"

"เราก็......ไม่รู้เหมือนกัน"

"ตอบเสียงเบาหวิวขนาดนี้  เหอะ! กูก็ไม่น่าถามอะไรเเบบนั้นออกไปเลยเนอะ หยุดมองกูด้วยสายตาลูกเเมวเลยนะ! ไอ้นาที"

"เราเปล่า" นาทียกมือส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน

"เอออ ช่างมันไปก่อน มาง้อหรือไม่ง้อเดี๋ยวคงได้รู้กันเองเเหละ จะบังเอิญหรือตั้งใจเดี๋ยวคงได้รู้กัน มึงก็เตรียมรับมือไว้ให้ดีๆก็เเล้วกัน กูคาดว่าต่อจากนี้ได้เจอหน้ากันจนเบื่อขี้หน้าแน่ๆ"

"คีย์" น้ำเสียงจริงจังที่ติดสั่นๆดังขึ้น ทำให้เจ้าของชื่อหันกลับมามองหน้าคนเรียกอีกครั้งด้วยเเววตาติดสงสัย

"ที่ตรงนี้" นาทีก้มลงมองเเละยกมือขึ้นกำอกด้านซ้ายของตัวเองเบา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเเสนเศร้า "มันยังคงเจ็บเเละกลัว"


............................................................


"เฮียลมคิดอะไรอยู่เนี่ย เมื่อเช้าถึงได้ออกไปยืนตากฝนเเบบนั้น รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเป็นประเภทไม่ถูกกับฝน คนอะไรถึกทนชนะทุกอย่างเเต่โดนฝนนิดๆหน่อยๆไข้อ่อนๆก็ถามหาทันที เเถมยังไปนั่งตากแอร์หนาวๆในห้องประชุมอีกเป็นครึ่งค่อนวันอีก ไหนจะข้าวปลาที่ไม่ค่อยทานอีก อกหักเหรอเฮีย ผมจะทำยังไงกับเฮียดีวะเนี่ย"

ห้องทำงานชั้นบนสุดในเวลาบ่ายสามเช่นนี้ มีเสียงของลูกน้องคนสนิทของบอสหนุ่มนามว่าขุน กำลังบ่นเจ้านายของตัวเองที่ไปยืนตากฝนเล่นเมื่อตอนเช้าจนตัวเปียกไปหมด คิดอะไรของเขาอยู่นะ ในตอนที่เขาหาตัวบอสอยู่ ดันไปเจอบอสกำลังยืนมองไปยังร้านกาเเฟไม่วางตา ถึงเเม้จะพอรู้ว่ามีใครอยู่ในร้านกาเเฟ เเต่ที่เขาไม่เข้าใจคือบอสเขาจะทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวียืนตากฝนทำไมมากกว่า ทั้งๆที่ตัวเองยิ่งไม่ค่อยถูกกับฝนอยู่ด้วย

"เฮียกินยาอีกสักสองเม็ดนะ"

บอสหนุ่มเอื้อมมือไปรับยามาไว้ในมือ ก่อนจะโยนเข้าปาก ตามด้วยน้ำอุ่นๆอีกหนึ่งเเก้ว เพราะขี้เกียจฟังคำบ่นของคุณเลขามือซ้ายเต็มที ขี้บ่นเก่งไม่ปลี่ยนเลย

"กร มายัง"

"เฮียเพิ่งสั่งพี่กรไปไม่ถึงห้านาทีเองนะครับ"

"เฮ้ออออออออ!"

"เดี๋ยวพอพี่กรมา เฮียกลับบ้านเลยนะครับ งานส่วนที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการเอง วันนี้เฮียไปพักผ่อนนะ"

"ไม่"

"ห้ามปฏิเสธครับ นี่คือตารางงานที่คนเป็นเลขาเเบบผมจัดให้ครับ กรุณาเตรียมตัวกลับบ้านด้วยครับ"

ขุนกลับมาสวมบทเลขาอีกครั้ง เหตุที่เขาบังคับเพราะคิดว่าวันนี้เจ้านายเขาคงไม่มีสมาธิมากพอที่จะทำงานต่อ อีกใจก็อยากให้เจ้านายกลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ด้วย

พื้นฐานเดิมถึงเเม้ลมจะเป็นคนนิ่งๆ เเต่ภายในเป็นคนที่อ่อนโยน เป็นพวกรักอิสระ อยากทำอะไรพ่อกับพี่ชายจะคอยสนับสนุนเสมอ เเต่เพราะเหตุการณ์อะไรหลายๆมันบังคับให้ลมต้องเเข็งเเกร่งขึ้นเพื่อความอยู่รอด คนภายนอกที่รู้จักลมเพียงผิวเผินจะรู้จักเเค่คุณลมที่สุขุม มาดนิ่ง เข้าถึงยาก โหด มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ เป็นคนที่ยากจะต่อกรก็เท่านั้น

เเต่เหมือนว่าใครบางคนที่ลมเจอมาในวันนี้จะทำให้เขาหลุดมาดผู้ชายเเข็งเเกร่งไปเสียเเล้ว ปัญหานี้มันยากยิ่งกว่าปัญหาไหนๆที่เขาเจอ ผู้ชายมาดนิ่งเหรอ หึ! ตอนนี้ในใจเขาไม่นิ่งสักนิด เด็ดขาดในการตัดสินใจเหรอ เฮ้อ! ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะตัดสินใจทำอะไรต่อไป ตอนนี้เขาก็เป็นเพียงเเค่ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังโดนอุปสรรคของความรักเข้าเล่นงานก็เท่านั้น เเถมยังเป็นอุปสรรคที่สร้างขึ้นมาเองเสียด้วย

"ผมขอตัวก่อนนะครับ"

"อืม ไปเถอะ ขอบใจมาก"

หลังจากเลขาอย่างขุนเดินออกไป ห้องทั้งห้องที่มีเเค่ลมมันก็กลับมาเงียบจนชวนให้จิตใจหม่นหมองยิ่งกว่าเก่า ลมหมุนเก้าอี้ไปทางหน้าต่างกระจกบานใหญ่ สายตาของลมมองออกไปไกลสุดสายตา ไม่ได้โฟกัสจุดใดจุหนึ่งเป็นพิเศษ เขาทำเพียงเเค่มองมันไปอย่างไร้จุดหมาย พร้อมกับคิดถึงเหตุการณ์ที่เขาเจอกับนาทีในตอนเข้า


'ขอโทษครั......'

นาทีเงยหน้ามาเห็นเขา ถึงกับชะงักเเละเดินถอยหลังออกจากร่มที่เขากางให้เจ้าตัว เช้านี้เขามารอใครบางคนอยู่ใกล้ๆร้านกาเเฟ เเต่อีกคนก็มาปรากฏตัวด้วยสภาพเปียกปอนตั้งเเต่ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามา ในตอนนั้นเขาอยากจะไปทุบมอเตอร์ไซค์ทิ้งเเล้วซื้อรถยนต์คันใหม่ให้สักคน เขาไม่ได้อยากจะอวดว่าตัวเองรวยหรอกนะ เขาเพียงแค่ไม่อยากให้อีกคนต้องตากฝนจนเปียกปอนเเบบวันนี้อีกต่างหาก

'ไง'

'............'

'ไม่เจอกันนานเลยนะ'

'............'

'นาที'

นั่นคือบทสนทนาเเรกที่ลมเอ่ยออกไป เมื่อเห็นว่านาทียังไม่มีทีท่าจะเอ่ยคำใดๆออกมาสักคำ เขาจึงคิดว่าตัวเองควรเอ่ยอะไรสักอย่างก่อน เเต่เหมือนว่าสิ่งที่เขาเอ่ยออกไปจะไม่ใช่สิ่งที่ดีสักเท่าไหร่เพราะหลังจากสิ้นเสียงของลม น้ำตาของนาทีก็ไหลนองอาบเเก้มออกทันที เเม้สายฝนจะโปรยปรายลงมาหนักเเค่ไหน ก็ไม่สามารถบดบังน้ำตาของเจ้าตัวได้เลย

ลมขยับตัวเข้าไปใกล้นาทีอีกครั้ง หวังเพียงจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้คนตรงหน้า เเต่เป็นนาทีที่เบี่ยงตัวหลบสัมผัสของคนตัวโตอย่างตื่นตระหนก สองสายตายังคงสบกันนิ่ง เเละนานเป็นนาทีกว่าที่นาทีจะหาเสียงของตัวเองเจอเเละเค้นออกมาเป็นคำพูดได้

'ขอโทษนะครับที่ชนคุณ'

'.....................'

'ขอบคุณนะครับที่ช่วยจับผมไว้'

'....................'

'ขอโทานะครับที่ทำให้คุณต้องเปียกไปด้วย'

'..................'

'ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ'

พูดเพียงเท่านั้นนาทีก็วิ่งหนีลมเข้าไปภายในร้านกาเเฟอย่างเร็ว เเละด้วยความที่ร้านเป็นกระจกใส ลมจึงเห็นนาทีวิ่งเข้าไปกอดใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ภายในร้าน นาทีร้องไห้หนักจนไหล่ไหวสั่นจนน่ากลัว

เพราะเขาสินะที่ทำให้นาทีร้องไห้หนักขนาดนั้น มันจึงไม่แปลกเลยที่ภายนัยย์ตาของนาทีจะมีความรู้สึกหลากหลาย เเต่ก่อนที่นาทีจะวิ่งหนีไป นาทีได้ทิ้งเเววตาของความเจ็บปวดไว้ให้เขา เเววตาที่เขาไม่สามารถสลัดมันทิ้งออกไปได้เลย ดวงตาโตๆของนาทีมันเหมาะกับรอยยิ้มที่สุดเเล้ว ความเศร้าไม่เหมาะกับนาทีเลยสักนิด

มึงมันเเย่เป็นบ้า ไอ้ลม


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นเรียกสติของลมที่เตลิดไปไกลให้กลับเข้ามา ลมหมุนเก้าอี้มาทางประตูตามเดิมพร้อมกับเอ่ยอนุญาตให้คนที่เคาะประตูเปิดเข้ามาได้

"กาเเฟครับ"

"ใครชง"

"คุณนาทีครับ"

"ขอบใจ" ได้คำตอบที่พึงพอใจ มือก็เอื้อมไปหยิบเเก้วกาเเฟมาถือไว้ในมือทันที

"ขุนบอก ให้บอสกลับบ้านไปพักผ่อน"

"อืม ยังขี้บ่นเหมือนเดิมเลย ถ้าไม่ทำตามเดี๋ยวก็กลับมาบ่นอีก ดังนั้นกลับกันเถอะ"

"ก็บอสไปตากฝนทำไมล่ะครับ"

"โอเค เรื่องนี้กูผิดเอง เลิกบ่นนะ เเค่ไอ้ขุนคนเดียวก็ปวดหัวจะตายเเล้ว"

"บอส เมื่อกี้ตอนที่ผมไปซื้อกาเเฟ มีพนักงานในบริษัทเรา พาลูกมาที่ร้านกาเเฟ เเละมาขออนุญาตคุณนาที เพื่อพาคุณหนูตุลย์ไปเล่นกับลูกชายของเขา เเละตอนนี้คุณหนูตุลย์เล่นอยู่กับลูกชายของพนักงานคนนั้นอยู่บนชั้นพักผ่อนครับ"

มือที่กำลังเก็บของลงกระเป๋าชะงักลง เมื่อได้ยินเรื่องราวที่ลูกน้องบอก เขาอยากไปเจอเด็กชายตุลย์ เด็กชายที่เขามั่นใจว่าเป็นลูกชายของเขาเเน่ๆ ถ้าเขาเเอบไปเจอก่อน คนเป็นเเม่จะโกรธเขาไหม เเต่ถึงจะโกรธก็ค่อยง้อทีหลังละกัน ตอนนี้ขอไปดูหน้าลูกเเบบใกล้ๆก่อน

"บอสจะไปไหน" กรเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตัวเองจู่ๆก็รีบเดินตรงไปยังประตูโดยไม่บอกกล่าวใดๆสักคำ

"ไปหาลูก" พูดจบก็เปิดประตูออกไปโดยไม่รอลูกน้องเเม้เเต่น้อย

"บอสกลับเเล้วเหรอครับ อ้าว!" ขุนมีสีหน้างงงวยมองตามบอสหนุ่มที่เดินเร่งรีบออกไปโดยไม่ทันได้เอ่ยคำลาใดๆ

"บอสรีบไปไหนวะพี่กร"

"ไปดูลูก พี่ไปล่ะ เดี๋ยวจะพาบอสกลับเลย เจอกันพรุ่งนี้"  พูดจบกรก็รีบเดินตามบอสหนุ่มไปทันที เฮ้อ! อะไรจะใจร้อนขนาดนั้น ว่าที่ลูกชายจะยอมให้เข้าใกล้รึเปล่าก็ไม่รู้


...........................................................................

"ตุลย์รับนะ เดี๋ยวหญ้าโยนห้าย"

"หญ้าโยนเยย ตูนตูนรอรับ"

เสียงของสองหนุ่มน้อยดังขึ้นอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องพักผ่อน โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีพนักงานคนอื่นมาใช้บริการ มีเพียงเเค่สองหนุ่มน้อยที่กำลังเล่นโยนบอล กับคุณเเม่ของต้นหญ้าที่หอบงานมานั่งเฝ้าลูกชาย จึงทำให้สองเด็กน้อยสามารถเล่นกันได้เต็มที่

"หนึ่ง ฉอง ฉาม ฮึบ" เด็กชายต้นหญ้ากระโดดโยนลูกบอลมาทางเด็กชายตุลย์ เเต่เหมือนเเรงโยนเเละทิศทางการโยนจะผิดไปจากการคาดคะเนมากพอตัว บอลจึงเด้งไปในทิศทางอื่นเเทน

ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ!

เสียงบอลตกกระทบพื้นดังตุบๆ เด็กชายตุลย์วิ่งตามบอลไป มือน้อยๆก็หมายจะคว้าบอลเอาไว้ เเต่มือน้อยๆก็เอื้อมพลาดไปหลายที เพราะบอลยังคงกระดอนไปเรื่อยๆไม่หยุดอยู่กับที่ จึงเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กเเบบเขาที่จะวิ่งไล่จับมัน

ตุบ!

เด็กชายตุลย์ยิ้มดีใจเมื่อเห็นว่าบอลของตัวเองหยุดนิ่งเเล้วเพราะมีคนมาขวางทาง เเละนั่งลงเก็บฟุตบอลให้เขา ใครคนนั้นยื่นลูกบอลมาทางเด็กชายตุลย์พร้อมรอยยิ้มใจดี

"ขอบคุณคับ"

เด็กชายยกมือไหว้ขอบคุณคนที่ช่วยเก็บบอลให้ด้วยความนอบน้อม

ลมที่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกชายใกล้ๆเป็นครั้งเเรก มองเด็กชายด้วยความเอ็นดูที่มีเต็มเปี่ยม ภายในอกของลมตอนนี้มันรู้สึกดีจนเขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันเป็นอย่างไร หรือว่านี้คือความรู้สึกของคนเป็นพ่อ! ถ้าขอกอดสักครั้งลูกจะยอมไหมนะ

"หนูชื่ออะไรเหรอครับ"

เด็กชายตุลย์วางบอลไว้ข้างตัว ยกมือไหว้โค้งตัวงดงามพร้อมกับเอ่ยเเนะนำตัวเอง

"สวัสดีคับ ตูนตูนชื่อ เด็กชายตนุภัทร ปิญชาน์ ชื่อเล่นชื่อน้องตุลย์ เรียนอนุบาลหนึ่งห้องคุณฉิงโตคับ"

เด็กชายตัวน้อยกล่าวเเนะนำตัวกับคุณลุงใจดีตรงหน้าด้วยท่าทางน่าเอ็นดู เรียกรอยยิ้มเอ็นจากคนตรงหน้าได้อย่างง่ายดาย

"คุณลุงชื่ออะไรคับ"

คำว่าลุงที่ออกมาจากปากของเด็กชาย ทำให้ลมใจกระตุกจนเจ็บหน่วง รอยยิ้มขื่นๆปรากฏบนใบหน้า ก็นะ จะให้เขาทำยังไงได้ ตอนนี้เป็นเขาจะยอมเป็นคุณลุงไปก่อนก็เเล้วกัน

"ลุงชื่อ ลม ครับ"


..................................................................

TBC.

เจอกันตอนหน้านะคะ ต่อไปนี้จะค่อยๆเพิ่มดีกรีความน่ารักขึ้นเเน่นอนค่ะ

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (บทนำ) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 12-10-2021 15:13:52
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (บทนำ) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 12-10-2021 16:10:15
 :hao5: :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 4) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 12-10-2021 16:53:16
4
ตูนตูนกินไอติม

"ค่าโดยสาร 80 บาทจ้ะหนู"

"นี่ครับคุณลุง ขอบคุณนะครับ"

จ่ายเงินค่าแท็กซี่เสร็จสองเเม่ลูกก็ก้าวเท้าลงจากรถ คนเป็นแม่ยื่นมือไปจับมือของลูกชายไว้ ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูทางเข้าห้างทันทีเพราะอากาศด้านนอกในเวลาตอนเย็นเเบบนี้ยังคงร้อนอบอ้าวมาก ถ้าจะถามว่าร้อนขนาดไหน ก็ร้อนขนาดที่ว่าเพิ่งจากเเท็กซี่ได้ไม่นานลูกชายของเขาก็เเก้มเเดงระเรื่อเพราะความร้อนซะเเล้ว ไหนจะเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ผุดขึ้นตรงบริเวณขมับน้อยๆนั้นอีก น่าสงสารจริงๆเลยพ่อหนุ่มขี้ร้อน

ช่วงเย็นในวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดของคนเป็นเเม่ วันนี้เขามีนัดกับลูกชายตัวน้อยว่าจะไปซื้อของใช้ที่ใกล้จะหมดด้วยกันที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆบ้าน หนุ่มน้อยมีอาการตื่นเต้นจนเก็บไม่มิด ที่ตื่นเต้นเเบบนี้ไม่ใช่ว่าดีใจจะได้มาเดินซื้อของหรอกนะ เเต่เป็นเพราะว่า

"หม่าม้า เร็วๆคับ"

"ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ ร้านไม่หนีไปไหนหรอก"

"ก็วันนี้หม่าม้าใจดี ยอมห้ายตูนตูนกินติมตั้งฉองลูก"

นี่เเหละครับเหตุผลของการตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ของพ่อหนุ่มน้อย

"ครับๆๆ เเต่เราต้องไปทานข้าวกันก่อนนะ จากนั้นก็ไปกินไอติม เเล้วก็ไปซื้อของกัน ตกลงไหมครับ"

"ตกลงคับ"

เมื่อเดินผ่านประตูห้างเข้ามาด้านใน ความเย็นของเเอร์ตกกระทบเข้ากับร่างกาย ความเย็นที่ได้รับทำให้สองเเม่ลูกหันมายิ้มให้กันด้วยความสดชื่น คนเป็นเเม่จูงมือลูกชายหลบคนที่เดินผ่านไปมา จากนั้นก็นั่งลงชันเข่าเสมอตัวของลูกชาย หยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋ามาซับเหงื่อข้างขมับให้ลูกชายอย่างเบามือ

"ขอบคุณคับ หม่าม้า"

เด็กชายไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณหม่าม้าที่เช็ดเหงื่อให้ ทั้งยังมีของเเถมเป็นรอยยิ้มน่ารักๆให้คนเป็นเเม่อีกด้วย

"ไปครับ ทานข้าวกัน วันนี้น้องตุลย์อยากทานอะไรครับ"

"กินม่อนม่อนได้ม้ายหม่าม้า ม่อนม่อน"

"ปลาแซลม่อนเหรอครับ"

"คับ"

"ตกลงครับ งั้นเราไปตามล่าหาม่อนม่อนของน้องตุลย์กัน......ไปเล้ยยย"

"เย้ๆๆ ม่อน ม่อน ตูนตูนกินม่อน"

ใช้เวลาไม่นานทั้งสองคนก็มาหยุดอยู่หน้าร้านอาหารเเห่งหนึ่ง เมื่อเดินเข้าไปในร้านเเละได้โต๊ะนั่งเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว คนเป็นเเม่ก็จัดการสั่งอาหารทันที

รอไม่นานสเต๊กเเซลม่อนที่ส่งกลิ่นหอมฉุยก็มาวางอยู่ตรงหน้า เด็กชายตุลย์มีเเววตาประกายระยิบระยับทันทีที่เห็นเเซลม่อนชิ้นใหญ่ตรงหน้า

"มาครับ เดี๋ยวหม่าม้าหั่นให้ก่อนนะ"

"คับ"

เด็กชายตุลย์รับคำอย่างไม่อิดออด ยอมให้คุณเเม่หั่นปลาเเซลม่อนให้ โดยที่ตัวเองจ้องมองชิ้นเนื้อปลาที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆไม่วางตา

ในระหว่างที่คนเป็นเเม่กำลังหั่นปลาอยู่ อาหารอื่นๆก็ทยอยมาเสิร์ฟอีกสองอย่าง โดยที่มีข้าวสวยที่คนเป็นเเม่สั่งมาให้ลูกชายด้วย ทุกครั้งที่มีอาหารมาวางบนโต๊ะ เด็กชายตุลย์จะมองด้วยความตื่นเต้นเสมอ พร้อมมีเสียงอุทานว่า ว้าว เบาๆให้ได้ยินด้วย เรียกรอยยิ้มให้คนเป็นเเม่ได้อย่างง่ายดาย

"เรียบร้อยครับปลาเเซลม่อนของน้องตุลย์ ทานได้เเล้วครับ"

"คับ" มือน้อยๆ ใช้ส้อมจิ้มปลาเเซลม่อนชิ้นเล็กๆเข้าปาก เคี้ยวหนุบหนับๆ โยกตัวไปมาเบาๆอย่างอารมณ์ดี

"หม่าม้า กินด้วยกัน หย่อยนะ หม่าม้ากิน" เด็กชายตุลย์บอกอย่างใจดีเมื่อกลืนคำเเรกลงคอ เเล้วพบว่าปลาเเซลม่อนจานนี้มันอร่อยมาก เเละเพราะมันอร่อยมากเขาจึงอยากให้หม่าม้าได้ทานด้วย

"ขอบคุณครับ อร่อยมากๆเลย น้องตุลย์ทานต่อเลยครับ" คนเป็นเเม่ใช้ส้อมจิ้มปลาชิ้นเล็กๆเข้าปาก พร้อมกับบอกให้ลูกชายทานต่อได้เลย ส่วนตัวเองก็ทานข้าวไปด้วย คอยมองเจ้าตัวเล็กไปด้วยว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหม

ใช้เวลาในร้านอาหารไม่นาน ทั้งคู่ก็ออกจากร้านมายืนอยู่หน้าร้านไอศกรีมต่อ ในวันหยุดเเบบนี้คนค่อนข้างเยอะทำให้ที่นั่งภายในร้านไม่พอ นาทีกับเด็กชายตุลย์จึงต้องนั่งรอคิวกันก่อน โดยอีกประมาณสี่คิวก็ถึงจะเป็นคิวของพวกเขา

ในระหว่างที่รอ นาทีเห็นร้านขายหมวกลายน่ารักๆสำหรับเด็กตั้งอยู่บริเวณตรงกลางห้าง ใกล้ๆกับร้านขายไอศกรีม เห็นเเล้วก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดูสักหน่อย นาทีเดินจูงมือเด็กชายตุลย์มายังหน้าร้านขายหมวก เขาหยิบจับใบนู่นดูใบนี้ จนมีเสียงเล็กๆดังขึ้น

"หม่าม้า จะซื้อหมวกห้ายตูนตูนหรอคับ"

"ใช่ครับ น้องตุลย์อยากได้ไหมครับ"

"อยากคับ หม่าม้าตูนตูนซื้อหมวกคุณหมีได้ป้าว"

"เดี๋ยวหม่าม้าถามพี่คนขายให้นะครับว่าพี่เขามีขายไหม"

"คับ"

"ขอโทษนะครับ หมวกรูปสัตว์เเบบนี้มีลายหมีบ้างไหมครับ"

"มีค่ะ สักครู่นะคะ............นี่ค่ะ"

"ขอบคุณครับ อันนี้ผมขอลองสวมให้ลูกชายได้ไหมครับ"

"ได้ค่ะ ลองได้ตามสบายเลยค่ะคุณลูกค้า"

"ครับ........ ไหนน้องตุลย์ลองใส่ดูสิครับ หม่าม้าอยากรู้ว่าใส่เเล้วลูกชายหม่าม้าจะน่ารักเเค่ไหน"

ว่าจบนาทีก็นั่งคุกเข่าลงกับพื้น จัดการสวมหมวกลายคุณหมีลงบนศีรษะน้อยๆของลูกชาย ขยับหมวกซ้ายขวาเล็กน้อยเพื่อให้หมวกเข้าทรง จัดเสร็จนาทีก็ถอยตัวออกมานิดหน่อยเพื่อมองลูกชาย

"ตูนตูนหล่อไหม หม่าม้า" ไม่ถามเปล่าเด็กชายตุลย์ยังฉีกยิ้มกว้างให้คนเป็นเเม่ด้วย

"ที่สุดเลยครับ น้องตุลย์ชอบไหมครับ"

"ชอบคับ ตูนตูนชอบคุณหมี"

"งั้นถอดมาก่อนครับ เดี๋ยวหม่าม้าจ่ายเงินให้พี่เขาก่อนนะ"

ในขณะที่สองเเม่ลูกกำลังคุยกันอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆก็มีรถเข็นคันหนึ่งถูกเข็นมาด้วยความเร็วตรงมาทางพวกเขา คนเป็นเเม่กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่รถเข็นใกล้มาถึงตัวเต็มที ในตอนนั้นนาทีรีบดึงเด็กชายตุลย์เข้ามากอดไว้เเน่น พร้อมใช้เเผ่นหลังบางของตัวเองเป็นที่กำบังให้ลูกชาย

ในใจของนาทีตอนนั้นคิดว่าเดี๋ยวคงต้องรู้สึกเจ็บแผ่นหลังจากการโดนกระแทกเเน่ๆ เเต่ผ่านไปสักเเป็บก็ยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บเลยสักนิด นาทีค่อยๆคลายอ้อมกอดจากลูกชาย หันหลังกลับไปมองยังรถเข็นคันนั้น เขารู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่ารถเข็นหยุดทันเวลาก่อนที่จะมาถึงตัวเขาเเบบฉิวเฉียด โดยที่มีใครสักคนมายืนขวางมันไว้เเทน

"ลุงลม!"

เสียงของลูกชายทำให้เขารีบเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ยืนอยู่เเทบจะทันที


ผู้ชายคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร......


เเล้วทำไมลูกชายเขาถึงรู้จักผู้ชายคนนี้ ......


เเล้วใจเจ้ากรรมจะเต้นเเรงทำไมวะเนี่ย ......


"ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม" น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามคนที่ตอนนี้ตกใจค้างจนตาโตด้วยความเป็นห่วง เห็นเเล้วให้ความรู้สึกน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน

"มะ ไม่ครับ ขอบคุณครับ"

"ว๊ายตายเเล้ว ขอโทษนะคะดิฉันไม่ทันได้ระวัง" ผู้หญิงคนหนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางนาทีเเละลูกชายพร้อมเอ่ยขอโทษขอโพยเขาเสียยกใหญ่

นาทีเหลือบสายตาไปเห็นเด็กชายคนหนึ่งที่น่าจะอยู่ในวัยประถมเเล้วยืนอยู่ข้างๆคนเป็นเเม่ด้วยสีหน้าที่ใกล้จะร้องไห้อยู่เต็มที เนื่องจากตอนนี้กำลังโดนคนเป็นเเม่ดุเสียยกใหญ่

"ขอโทษน้าๆเขาเดี๋ยวนี้เลยนะ เเม่บอกเเล้วใช่ไหมว่าไม่ให้เล่นอะไรเเบบนี้ มันอันตราย"

"ขอโทษครับ"

เด็กชายยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ

"ไม่เป็น......."

"วันหลังก็ดูเเลลูกให้ดีกว่านี้หน่อย ไม่ใช่ตัวเองมัวเเต่เลือกซื้อของไม่สนใจไยดีลูก จนสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ดีเเค่ไหนที่วันนี้คนของผมไม่ได้เจ็บอะไร ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ใจดีด้วย"

นาทีที่กำลังจะตอบกลับถึงกับต้องชะงัก เมื่อโดนน้ำเสียงเรียบนิ่งของลมเอ่ยเเทรกขึ้นมาเสียก่อน เจ้าตัวพูดพร้อมกับเเผ่รังสีทะมึนออกมารอบๆตัวจะไม่ให้เขาเเผ่รังสีมืดได้ยังไงก็ในความละเลยของคนเป็นเเม่เกือบจะทำให้ลูกเมียเขาต้องเจ็บตัว ถ้าเขาไม่แอบตามนาทีกับลูกมา ป่านนี้ทั้งคู่คงได้รับบาดเจ็บเเน่ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเป็นบ้า ฝ่ายคู่กรณีที่เห็นท่าทางของลมก็หน้าถอดสีขึ้นทันที คนอะไรน่ากลัวเป็นบ้า

"เอ่อ ค่ะ ดิฉันขอโทษอีกครั้งนะคะ"

"ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจว่าเด็กวัยนี้กำลังซน เเต่อย่างไรคราวหน้าคุณเเม่ควรระวังให้มากกว่านี้นะครับ"

นาทีเลือกที่จะตอบรับเเทน เพราะถ้าเขาปล่อยให้คนข้างๆตอบอีกครั้งมีหวังเรื่องไม่จบง่ายๆเเน่ ดูจากสีหน้าก็รู้เเล้วว่าคุณลมกำลังหงุดหงิด

"ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ อย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ"

"ครับ"

นาทีส่งยิ้มกว้างให้คู่กรณี ลมที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเเละขัดใจยิ่งขึ้น จะยิ้มทำไมนะ ทีกับเขาไม่เห็นจะยิ้มให้บ้างเลย

"เอ่อ คุณลูกค้าโอเคนะคะ" เเม่ค้าร้านหมวกเอ่ยถามลูกค้า หลังจากที่เรื่องจบลง

"ครับ รบกวนใส่ถุงหมวกใบนี้ให้ด้วยนะครับ"

"ค่ะ"


"ลุงลม สวัสดีคับ"

"ไง เจ้าตัวเล็ก"

ในขณะที่คนเป็นเเม่พยายามทำเมินผู้ชายตรงหน้า ลูกชายตัวน้อยของเขาดันเรียกชื่อเเละกล่าวทักทายผู้ชายตัวโตตรงหน้าอย่างสนิทสนม ทำให้คนเป็นเเม่เริ่มกลับมาสงสัยอีกครั้งว่าทั้งสองคนไปรู้จักกันตอนไหน

"น้องตุลย์รู้จักคุณลุงด้วยเหรอครับ" คนเป็นเเม่เอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"คับ"

"น้องตุลย์รู้จักคุณลุงได้ยังไงครับ"

"ลุงลมใจดีมากเลยนะหม่าม้า ลุงลมช่วยเก็บบอลให้ตูนตูนเมื่อวันนู้นคับหม่าม้า อ้อ! ลุงลมให้ช็อคโกแล็ตตูนตูนด้วย "

"ใช่วันที่กลับบ้านมาเเล้วน้องตุลย์บอกว่าไม่หิว เเละทานข้าวไปไม่กี่คำหรือเปล่าครับ"

"หม่าม้า" น้ำเสียงอ้อนๆเเบบนี้ สิ่งที่เขาคิดคงไม่ผิดสินะ นาทีละสายตาจากคนเป็นลูกไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตาเขียวปั๊ด ลมที่ได้รับสายตาดุๆถึงกับสะดุ้ง ก็เขาไม่รู้นี่น่า วันนั้นมีโอกาสได้คุยกับเด็กชายตุลย์ต่ออีกพักใหญ่ เขาถามเด็กชายตุลย์ว่าอยากทานอะไรไหม พอเด็กชายบอกว่าอยากทานช็อกโกเเลตเขาก็ให้กรไปซื้อช็อกโกเเลตหลากหลายชนิดมา ตอนเเรกเขาก็กะว่าจะให้กินไม่กี่ชิ้น เเต่เจอลูกอ้อนของเด็กชายเข้าไป เขาก็เเทบจะเเกะเปลือกป้อนเข้าปากให้เด็กชายเองเสียด้วยซ้ำ


"คิวที่ 025 ค่ะ"

ยังไม่ทันที่จะเอ่ยดุอะไรออกไปเสียงของพนักงานร้านไอศกรีมก็ดังขึ้น เเละก็มันก็คือคิวของเขา ทำให้เขาต้องเก็บคำดุเอาไว้ก่อน ค่อยคิดบัญชีในภายหลัง

"หม่าม้าๆๆๆ" เด็กชายตุลย์ร้องเรียกม่าม้าของตัวเองรัวๆหวังเพียงเพื่อจะเบนความสนใจ เพราะตัวเองไม่อยากถูกหม้าม่าดุ เวลาหม่าม้าดุหน้ากลัวมากๆเลย

"ครับๆ รู้เเล้วครับ ไปกันครับ"

"จะไปไหนกันเหรอ"

คนที่ยืนเป็นอากาศธาตุอยู่นานเอ่ยถามขึ้น เขารู้อยู่เเล้วว่านาทีกับลูกชายจะไปทานไอศกรีมกัน เเต่ที่ถามไปก็เพราะหาเรื่องคุยก็เท่านั้นเอง

"ไปทานติมคับ หม่าม้าให้ตูนตูนทานได้สองลูกใหญ่ๆเยย" เด็กชายตุลย์รีบตอบคำถามอย่างกระตือรือร้น

"เหรอครับ ลุงขอไปทานด้วยได้ไหมครับ วันนี้ลุงมาคนเดียวไม่มีเพื่อนทานเลย รู้สึกเหงามากๆเลยครับ"

ได้เห็นสีหน้าเหงาๆกับน้ำเสียงหงอยๆของคนเป็นลุง เด็กชายตุลย์จึงเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นเเม่ตาใสเเป๋ว

"หม่าม้า ให้ลุงลมไปด้วยได้ม่าย สงสารลุงลม"

คนเป็นเเม่ได้ฟังเสียงอ้อนๆของลูกชายก็ใจเหลวเป็นน้ำ ครั้นพอเบี่ยงสายตาไปมองคนตัวโตก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ ไม่ได้อยากอยู่ใกล้ๆเลยสักนิด เเต่ก็เอาเถอะ เห็นเเก่ที่ช่วยเขากับลูกไว้

"ก็ได้ครับ"

"เย่ๆ ลุงลมไปกัน" มือน้อยๆของเด็กชายตุลย์เอื้อมไปจับมือของลมไว้ คนภายนอกมองมาคงคิดว่านี่มันภาพครอบครัวสุขสันต์ชัดๆ เเต่ใครเล่าจะรู้ถึงความรู้สึกภายในใจที่เเท้จริง หนึ่งเด็กน้อยที่อารมณ์ดี หนึ่งผู้ใหญ่ตัวเล็กที่กำลังรู้สึกกระวนกระวายใจทำตัวไม่ถูก เเละอีกหนึ่งผู้ใหญ่ที่กำลังยิ้มน้อยๆเพราะดีใจที่อย่างน้อยๆอีกคนก็ไม่ได้หนีเขาเหมือนวันนั้น

"หม่าม้า ตูนตูนกินอันนี้"

"อันนี้มันเยอะมากเลยนะครับ น้องตุลย์จะกินหมดเหรอครับ"

"อืมๆๆๆๆ" เด็กชายมีสีหน้าครุ่นคิดเเป๊บนึง ก่อนจะมองไปยังคนที่นั่งตรงข้าม "ลุงลมมมมมมมมม" เด็กชายตุลย์เรียกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

"ฮ่าๆ อยากให้ลุงช่วยเหรอตัวเล็ก"

"คับ" เด็กชายตุลย์ดีใจเมื่อลุงลมเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการ เขาอยากกินไอติมถ้วยนั้นมาก เเต่มันก็ใหญ่เกินไป ถ้าจะกินคนเดียวหม่าม้าไม่ยอมเเน่ๆ ถ้ามีลุงลมมาช่วยกันกิน หม่าม้าต้องยอมให้เขากินเเน่ๆ

"ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงกินกับน้องตุลย์เอง"

"หม่าม้า นี่งาย เเบ่งกัน กับลุงลม ไม่เยอะเเล้ว กินด้าย"

"เฮ้อ! ก็ได้ครับ ถ้ามีคนช่วยกิน หม่าม้าอนุญาตครับ"

"เย่ๆ"

คนเป็นเเม่จัดการสั่งไอศกรีมที่ลูกชายอยากกิน พร้อมกับถ้วยเล็กๆของตัวเองอีกถ้วย รอไม่นานไอศกรีมที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ ลูกชายของเขาที่ตอนเเรกนั่งข้างๆเขา ตอนนี้ขออนุญาตไปนั่งข้างลมเสียเเล้ว เขาที่ไม่รู้จะห้ามไปทำไมจึงเอ่ยอนุญาตออกไป ภาพที่เห็นตอนนี้คือ ลมกำลังช่วยตัดเเบ่งโอรีโอ้ให้ลูกชาย บางครั้งก็หยิบทิชชูมาเช็ดปากให้ นาทีที่นั่งมองภาพนั้นก็อดรู้สึกแปลกๆภายในใจไม่ได้


พ่อกับลูกได้เจอกันเเล้วสินะ...............


"คุณไม่น่าตามใจน้องตุลย์เลย ถ้าไม่ชอบจะบอกปฏิเสธก็ได้"

นาทีเอ่ยขึ้น เมื่อเขาเห็นว่าคุณลมเเทบจะไม่ได้กินไอศกรีมเลยสักนิด นั่งมองเด็กชายตุลย์ทานเพียงอย่างเดียว

"ไม่เป็นไร รอตัวเล็กทานเสร็จก่อนถ้าเหลือพี่ค่อยทานต่อเอง"

คำเเทนตัวเองว่าพี่พาลให้นาทีใจกระตุก เขาไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้ยินมันอีกครั้ง

"ป่วยไหมครับ"

"ครับ?"

จู่ๆนาทีก็พูดขึ้นมา เรียกสีหน้าสงสัยให้คนตรงข้ามไม่น้อย เเถมอีกฝ่ายยังพูดเบาจนเเทบจะไม่ได้ยิน

"ตากฝน ป่วยไหมครับ"

ลมยิ้มกว้างเเทบจะทันที ที่ได้ยินนาทีถาม น้องยังคงจำได้สินะว่าเขามักจะไม่ถูกกับฝน โดนฝนนิดๆหน่อยๆก็พาลจะป่วยเเล้ว อย่างนี้พอจะมีความหวังใช่ไหม

"นิดหน่อยครับ เเต่ตอนนี้หายเเล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงครับ"

"ไม่ได้เป็นห่วงสักหน่อย เเค่ไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนอื่นป่วย" นาทีตอบด้วยเสียงสะบัด

"ลุงลมป่วยเหรอ ตูนตูนเป่าเพี้ยงๆให้ หายเยย"

เด็กชายตุลย์ที่ฟังบทสนทนาของผู้ใหญ่เอ่ยขึ้นเมื่อจับใจความได้ว่าลุงลมของตัวเองไม่สบาย เเถมยังเเสดงความมีน้ำใจด้วยการเป่าลมเพี้ยงๆให้ลมอีกด้วย

"ขอบคุณครับ ลุงหายป่วยเพราะน้องตุลย์เลยนะเนีย เก่งจริงๆเลย"

"คิคิ ตูนตูนเก่ง"

ภาพของคนสองคนอยู่ในสายตานาทีตลอดเวลา จวบจนจบการทานไอศกรีม เเต่เเล้วก็ต้องมีปัญหาตามมาตอนถึงเวลาคิดเงิน เพราะลมจะจ่ายเอง เเต่นาทีไม่ยอม เถียงกันนิดหน่อยสุดท้ายก็เป็นลมที่ยกมือยอมเเพ้ให้กับการขู่ฟ่อๆที่เหมือนเเมวน้อยของคนเป็นเเม่ วันนี้จะยอมไปก่อนก็เเล้วกัน เพราะเขาก็ไม่อยากจะขัดใจให้คุณเเม่เกลียดขี้หน้าเขาเพิ่มขึ้นไปอีก

หลังจากทานไอศกรีมเสร็จนาทีคิดว่าเขาคงได้เเยกจากคุณลมแล้ว เเต่นั่นก็เป็นเพียงเเค่สิ่งที่เขาคิด เพราะตอนนี้คุณลมกำลังเข็นรถเข็นตามหลังเขาโดยที่มีเด็กชายตุลย์นั่งอยู่ในรถเข็นด้วย ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน น้องตุลย์ดูสนิทใจกับคุณลมเร็วมากจนเขาเองยังตกใจ เเต่ก็นะ ทั้งสองคนเป็นพ่อลูกกันนี่น่า จะสนิทใจกันเร็วขนาดนี้ก็คงไม่เเปลก สายใยของพ่อลูกคงเชื่อมพวกเขาถึงกัน

คิดมาถึงตรงนี้นาทีเองก็ได้เเต่ถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าคุณลมต้องการอะไรจากเขากันเเน่ เพราะเจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เเละเขาเองก็พยายามเลี่ยงการสนทนาจากคนตัวโตด้วย สงสัยที่คีย์เคยสันนิษฐานไว้จะเป็นจริงเเล้วละมั้ง ว่าต่อไปนี้คงจะได้เจอหน้ากันจนเหม็นเบื่อ ถ้าอย่างนั้นเขาควรจะกลับไปคิดวิธีรับมือกับคุณลมเเบบจริงๆจังๆเเล้วใช่ไหมนะ

ทั้งสามคนใช้เวลาเลือกซื้อของไม่นาน ของที่ต้องการก็ได้มาครบ ถึงเวลาก็ไปต่อเเถวจ่ายเงิน หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย คราวนี้ก็ถึงเวลาเเยกย้ายกันสักที

"หม่าม้า ให้ลุงลมไปฉ่งที่บ้านได้ม้ายคับ"

ตอนเเรกเขาเห็นทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันเเต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ที่เเท้ก็เป็นเรื่องนี้นี่เอง

"ไม่ได้หรอกครับ วันนี้ลุงลมเขามีธุระครับ"

"เเต่ลุงลมบอกว่า...."

"เชื่อหม่าม้านะครับ วันนี้ลุงลมเขาเดินกับเราเหนื่อยมากๆเเล้ว ให้ลุงเขากลับไปพักผ่อนเนอะ"

"พี่ไม่เหนื่อย พี่เต็มใจ พี่อยากไปส่งที"

"ขอบคุณครับ เเต่ผมกับลูกกลับกันเองได้"

"เเต่มันมืดเเล้วนะ นั่งเเท็กซี่มืดๆมันอันตราย"

"ผมกับลูกก็นั่งเป็นประจำนะครับ"

"เเต่ว่า...."

"ผมกับลูกกลับกันได้ครับ เราใช้ชีวิตเเบบนี้กันมาตลอดสองคนเเม่ลูก คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ....ไปครับน้องตุลย์กลับบ้านกัน สวัสดีคุณลุงก่อนครับ"

"สวัสดีครับคุณลุง ตูนตูนบ๊ายบายคับ"

"ครับ บ๊ายบายครับ"

ลมมองตามสองเเม่ลูกจนสุดสายตา เฮ้อ! ไอ้ลมเอ้ย สงสัยจะงานยากเสียเเล้ว เเต่ถึงจะยากเพียงใดเขาก็ไม่หวั่น จะต้องเอาเมียกับลูกกลับมาอยู่กับเขาให้ได้

"กร มารับหน้าห้าง"

อย่างน้อยขับรถตามไป ให้เห็นว่าทั้งคู่ถึงบ้านอย่างปลอดภัยก็ยังดี......



.........................................................................

TBC.

ใกล้กันอีกนิดนึงเเล้ว

ตูนตูนช่วยคุณป๊าง้อหม่าม้าด้วยนะลูก

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (บทนำ) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 12-10-2021 19:15:02
 :z6: :a5:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 5) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 12-10-2021 20:33:56
5
คิดถึงนะครับ

"กูบอกมึงเเล้ว กูบอกมึงเเล้วไอ้นาที มึงไม่เชื่อกู"

"คีย์เบาๆ เสียงดังเกินไปแล้ว" นาทีร้องเตือนเพื่อนที่พูดเสียงดังจนเกินไป ถึงเเม้ในเวลาบ่ายๆเเบบนี้จะมีลูกค้าอยู่ประปราย เเต่ก็อดเกรงใจลูกค้าไม่ได้อยู่ดี เสียงของคีย์เบาๆเสียที่ไหน

"เห็นไหมกูพูดไม่ทันขาดคำ ความบังองความบังเอิญสำหรับมึงกับผู้ชายคนนั้นมันไม่มีอยู่จริงหรอกไอ้ที"

หนึ่งเจ้านายหนึ่งลูกน้องที่ควบตำเเหน่งเพื่อนสนิท กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสอยู่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน เนื่องจากวันนี้ลูกค้าเยอะตั้งเเต่เช้า ไหนจะขนมที่ขายดีจนต้องให้นาทีทำเพิ่ม จึงทำให้ทั้งสองคนเพิ่งจะมีเวลาว่างให้มานั่งพูดคุยกัน

 คีย์ที่ตั้งใจฟังเรื่องเล่าที่เพื่อนไปพบเจอมาเมื่อวานก็ได้เเต่ เบ้ปากเเล้วเบ้ปากอีก เบ้จนมันจะไหลกันไปรวมอยู่ข้างหูเเล้ว เพื่อนของเขาก็มั่นใจจัง ว่าตัวเองไปบังเอิญเจอเขา ไอ้คีย์คนนี้ละอยากจะเเหม่ไปถึงดาวอังคาร ฟังจากดาวยูเรนัสยังรู้ว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญเเน่ๆ 

"มึงคิดว่าบังเอิญเจอกันจริงดิ"

"ก็.....ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเอง"

โอเค ไอ้คีย์คนนี้ขอเบ้ปากอีกรอบ

"น้องตุลย์ก็ได้เจอกับพ่อเขาเเล้ว มึงจะเอาไงต่อ จะบอกน้องตุลย์ไหมว่าคุณลมอะไรเนี่ยของมึง เป็นพ่อของแก"

"เราคิดว่า เอาไว้ถ้าน้องตุลย์ถามถึงพ่อเขาอีกครั้ง ถึงตอนนั้นเราจะคิดดูอีกที"

"เเล้วกับคุณลมล่ะ มึงจะบอกเขาไหมว่าน้องตุลย์เป็นลูกเขา"

"คีย์ว่าเราควรทำไงดี"

"ถ้าถามกู กูก็คงเเนะนำให้มึงบอก เพราะกูคิดว่าคุณลมของมึงก็น่าจะรู้เรื่องนี้เเล้ว"

"เเต่จู่ๆจะให้เดินเข้าไปบอกเขา มันจะไม่ดูแปลกๆไปหน่อยเหรอ"

"งั้นเอางี้ ถ้าเขาถามมึงก็บอก เขาไม่ถามก็ไม่ต้องบอก เป็นไง?"

"เราก็คิดเเบบนั้น"  ถึงจะบอกเพื่อนไปแบบนั้นเเต่สีหน้าของนาทีก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย ยังคงมีความกังวลปรากฏเด่นชัดอยู่บนใบหน้า

นาทีไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องลูกชายกับคนเป็นพ่อ นาทีไม่ได้เป็นคนใจร้ายขนาดนั้น คุณลมมีสิทธิ์ที่จะได้รู้ถ้าเขาอยากที่จะรู้ เเต่ถ้ารู้เเล้วเเละคิดจะมาเเย่งน้องตุลย์ไป นาทีเองก็ไม่ยอมเช่นกัน ส่วนคุณลมจะคิดเห็นอย่างไรอันนี้ก็สุดเเล้วเเต่เขา

นาทีไม่ได้ต้องการเรียกร้องให้อีกฝ่ายมารับผิดชอบอะไรเขากับลูกอยู่เเล้ว ส่วนเรื่องน้องตุลย์ถ้าอีกฝ่ายต้องการบอกให้น้องตุลย์รู้ว่าตัวเองมีฐานะเป็นพ่อ นาทีก็ไม่ขัดอะไร เพราะนาทีรู้ว่าลึกๆภายในใจเเล้วน้องตุลย์เองก็อยากมีพ่อเหมือนกับคนอื่นๆ เเต่ถ้าคุณลมไม่อยากเป็นพ่อ อยากให้น้องตุลย์รู้จักเขาเเค่ฐานะลุงเท่านั้น เขาก็เข้าใจ ต่อไปถ้าน้องตุลย์ถามถึงพ่ออีกครั้งเขาก็เเค่ตอบกลับไปเหมือนเดิมว่า 'น้องตุลย์มีป๊านะครับ เเต่ป๊าของน้องตุลย์ไม่อยู่เเล้ว'

"เอาน่ามึง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดดิว่ะ เตรียมตัวรับมือกับมันดีกว่า อย่ามัวเเต่ทำหน้าเเมวเศร้า"

"นั่นสินะ เดี๋ยวต้องไปรับน้องตุลย์อีก"

"เออ ทำหน้าสดชื่นๆไว้มึง เดี๋ยวหลานกูจะเศร้าไปด้วย ถ้าเห็นหน้าหงอยๆของหม่าม้าตัวเอง"


กริ๊ง! กริ๊ง!

" keyword ca'fe  ยินดีต้อนรับครั...... เหอะ"

รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าของคีย์ทันทีเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาภายในร้าน หลายวันมานี้เขาเจอคุณคนนี้มาสั่งกาเเฟที่ร้านตลอด เเละทุกครั้งที่มาจะมายืนทำหน้านิ่งๆ เเละสั่งกาเเฟเอาเเต่ใจมาก เพราะคนชงกาแฟต้องเป็นนาทีเพื่อนเขาเท่านั้น ครั้นพอเขาบอกว่าให้คนอื่นชงอาจจะอร่อยกว่า ก็ได้รับคำพูดเดิมๆคือคำว่า อยากย้ายร้านเหรอครับ เหอะ! เห็นคนอื่นไม่มีที่ไปหรือไงวะ เกลียดจริงๆคนเเบบนี้ เเต่จะว่าไปเขาก็ไม่อยากจะร้านจริงๆนั้นเเหละ กว่าร้านจะอยู่ตัวเเบบนี้มันสาหัสพอตัวเลยนะ จะให้ไปเริ่มใหม่ก็กระไรอยู่ เเค่ให้ไอ้ทีชงกาเเฟ คงไม่เป็นไรหรอก เเต่ความหมั่นไส้ต่อคนตรงหน้าก็อีกเรื่องหนึ่ง

"ไอ้ที ลูกค้ามึงมา มารับออเดอร์ด้วย" คีย์บอกเพื่อนที่ยืนอยู่หลังตู้เค้ก จากนั้นตัวเองก็สะบัดหน้าใส่คนที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ปกติเขาไม่ใช่คนนิสัยไม่ดีเเบบนี้หรอกนะ เเต่คนคนนี้กรณียกเว้น

นาทีเงยหน้าจากตู้เค้ก มองไปยังคนที่ยืนหน้าเคาน์เตอร์ เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ส่งยิ้มกว้างให้ทันที ก่อนจะรีบเดินมารับออร์เดอร์

"บ่ายๆเเบบนี้รับอะไรดีครับคุณกร"

น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามลูกค้าของตัวเอง ตั้งเเต่วันที่เขาไปส่งกาแฟวันนั้น หลังจากนั้นทุกๆวันคุณกรจะลงมาสั่งกาแฟที่ร้านให้บอสเขาตลอด โดยที่เน้นย้ำว่าคนที่ชงกาเเฟให้บอสของเขาต้องเป็นนาทีเท่านั้น นาทีคิดว่าตัวเองก็ไม่ใช่คนที่ชงกาเเฟอร่อยสักเท่าไหร่ เเต่ไม่รู้ทำไมบอสของคุณลมถึงได้ติดใจนัก นาทีเคยลองชงให้คีย์ดื่มอยู่ครั้งนึง เพราะคีย์สงสัยว่ามันอร่อยขนาดไหน บอสใหญ่ถึงได้ติดใจขนาดนั้น พอได้ลองชิม คีย์ก็วางเเก้วเเทบจะทันที นาทีเองก็ลองชิมบ้าง อืมมมม มันก็เเย่จริงๆนั้นเเหละถ้าเทียบกับเเก้วอื่นๆภายในร้าน

"ขอกาเเฟเหมือนเดิมอีกเเก้วครับคุณนาที"

"หืม วันนี้ดื่มทั้งเช้า บ่าย เลยเหรอครับ"

"พอดีวันนี้บอสหงุดหงิดนิดหน่อยหน่ะครับ เลยอยากได้กาแฟไปย้อมใจ"

"อ่อครับ ถ้าอย่างนั้นคุณกรรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมชงให้"

"คุณนาทีครับ ผมรบกวนอะไรหน่อยได้ไหมครับ" จากที่เงียบอยู่สักครู่ อยู่ๆเลขาหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมา

"ครับ?"

"คือผมรบกวนคุณนาทีขึ้นไปส่งกาแฟให้บอสหน่อยได้ไหมครับ พอดีว่าผมมีธุระต้องรีบไปทำต่อ"

"อ่อ ได้เลยครับ " นาทีตอบรับด้วยความใจดี

"ขอบคุณมากครับ คุณนาทีเข้าไปส่งในห้องบอสได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมบอกเลขาหน้าห้องไว้ให้"

"ครับ"

กรจัดการจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยก็รีบเดินออกจากร้านกาแฟทันที จริงๆเเล้วกรไม่ได้มีธุระด่วนที่ไหน เขาเพียงเเค่คิดว่าถ้าบอสได้เจอหน้าคุณนาทีในเวลานี้ พายุอารมณ์ที่โหมกระหน่ำอยู่รอบๆตัวบอสในเวลานี้อาจจะเบาบางลงบ้างสักนิดก็ยังดี

ฝากบอสผมด้วยนะครับคุณนาที.....



.................................................................


ภายในห้องทำงานใหญ่ชั้นบนสุดของบอสหนุ่ม ตอนนี้ลมกำลังนั่งใช้มือกุมขมับของตัวเองอย่างเคร่งเครียด การประชุมวันนี้มีปัญหาเยอะพอสมควร มันทำให้เขาทั้งหงุดหงิดเเละปวดหัว

เขาได้คำเขาสั่งจากคนเป็นพ่อให้มาดูเเลเเละเเก้ปัญหาของบริษัทนี้ที่เป็นบริษัทในเครือของครอบครัวเขา ที่มีปัญหาการฉ้อโกงจากบอร์ดบริหารชุดเก่า จนเเทบจะพังอยู่รอมร่อ

ตั้งเเต่กลับมาเหยียบเเผ่นดินไทย เเละเดินเข้ามาภายในบริษัท ลมก็มีปัญหาต่างๆให้คอยตามเเก้ ตามเช็ดไม่เว้นวัน เเต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเขาเต็มใจที่จะกลับมาเอง เเละที่พ่อยอมให้เขากลับมาเพราะคิดว่าเขาเข้มเเข็งเเละดูเเลตัวเองได้เเล้ว เเละเหตุผลอีกอย่างคือ อยากให้ลูกชายตัวเองกลับมาตามหาหัวใจของตัวเองเสียที หลังจากที่ลูกชายของเขาในทุกวันนี้เหมือนมีเเต่ตัว เเต่ไร้ซึ่งหัวใจ


ด้านนอกห้อง

"คุณกรให้ผมเอากาเเฟมาส่งให้คุณบอสครับ"

"คุณนาที!"

นาทีมีสีหน้าสงสัยทันที เมื่อชายหนุ่มที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ เรียกชื่อเขาพร้อมกับสีหน้าดีใจ ซึ่งนาทีมั่นใจว่าเขาไม่เคยเจอคนคนนี้มาก่อน

"รู้จักผมด้วยเหรอครับ"

"เอ่อ พอดีพี่กร โทรฯมาเเจ้งไว้ครับ ว่าจะมีคนมาส่งกาเเฟให้บอส"

"อ้อ" นาทีรับคำโดยที่ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรต่อ

"คุณนาทีเปิดประตูเข้าไปได้เลยครับ บอสกำลังรออยู่ครับ"

"ครับ"

"ไม่ต้องเคาะครับ ไม่ต้องเคาะ เปิดเข้าไปได้เลยครับ"

มือที่กำลังยกเพื่อเคาะประตู ชะงักลง นาทีหันกลับไปมองยังคนพูดด้วยความสงสัย

"เเหะๆ เปิดเข้าไปได้เลยครับ เปิดเลย"

นาทีพยักหน้ารับคำ ถึงเขาจะสงสัยเเต่ก็ไม่อยากถามออกไป เอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูเเละเดินเข้าไปภายในห้อง

"ทำไมไม่เคาะประตู!" น้ำเสียงดุๆที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดของคนที่อยู่ภายในห้องดังขึ้น ลมยังคงก้มหน้าอ่านเอกสารตรงหน้า ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เดินเข้ามาเเม้เเต่น้อย

"ขอโทษครับ คือ คุณคนด้านหน้าห้องบอกให้ผมเปิดเข้ามาได้เล....."

"ที!"

"คุณลม!"

ต่างคนต่างเรียกชื่อของกันเเละกันด้วยความตกใจ นาทีตกใจเพราะไม่คิดว่าคนเป็นบอสที่ใครๆต่างกลัวจะเป็นลม ส่วนลมตกใจก็เพราะไม่คิดว่านาทีจะเป็นคนมาส่งกาเเฟให้เขาเอง เเถมเมื่อกี้เขายังเผลอหงุดหงิดใส่อีกฝ่ายด้วย 

"ขะ ขอโทษครับ" เงียบกันอยู่ครู่นึง ก็เป็นนาทีที่เอ่ยออกมาก่อนเพื่อทำลายความเงียบ "ผมเอากาเเฟมาส่งครับ"

นาทีเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของลม วางเเก้วกาเเฟที่ถืออยู่ในมือไว้บนโต๊ะของลมเบาๆ

"ผมขอตัวนะครับ" นาทีโค้งตัวลาลม หันหลังกลับเพื่อจะเดินออกจากห้อง

ฟึบ!

ก้าวเท้าได้เเค่สองก้าว ข้อมือของนาทีก็โดนฝ่ามือหนาของลมจับเอาไว้ นาทีหันกลับมามองตามเเรงดึง ก้มมองข้อมือของตัวเองที่โดนอีกคนจับไว้เเน่น

"กรุณาปล่อยด้วยครับ" นาทีบิดข้อมือตัวให้หลุดพ้นจากการจับกุมของลม

"ขอโทษ" ลมปล่อยข้อมือจากนาทีอย่างเสียดาย "อยู่คุยกันหน่อยได้ไหม"

"ตอนนี้ผมไม่มีอะไรจะคุยครับ ขอตัวนะครับ" ว่าจบนาทีก็เดินตรงไปยังประตูอย่างรวดเร็ว นาทีรีบก้าวเร็วๆหวังเพียงเพื่อจะออกไปจากห้องนี้ให้เร็วสุด  ตอนนี้เขาไม่พร้อมที่จะคุยกับคุณลมจริงๆ มันอาจจะดูงี่เง่าไปสักหน่อย เเต่เขาขอเวลาทำใจอีกสักนิด อีกเเค่นิดเดียวจริงๆ

"พี่คิดถึงทีนะ"

มือที่กำลังเอื้อมเปิดประตูชะงักลง ใจของนาทีกระตุกวูบกับคำว่าคิดถึงที่อีกฝ่ายพูดออกมา


คิดถึงเหรอ.....


มันก็ฟังดู........ปวดใจดี


นาทีพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองอย่างสุดความสามารถ เอื้อมมือกระชากประตูให้เปิดออกอย่างเเรง เขาเดินผ่านคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าห้องอย่างรวดเร็ว โดยลืมมารยาทการกล่าวลาไปเสียสนิท เขาไม่ได้ตั้งใจจะไร้มารยาท เพียงเเต่ตอนนี้เขาอยากหนีไปจากที่ตรงนี้ให้เร็วที่สุดก็เท่านั้นเอง ......



........................................................


"คีย์ เราขอออกไปรับน้องตุลย์ก่อนนะ สายเเล้ว"

"มึงจะไปไงวะ ให้กูไปด้วยป้าว ฝนจะตกเเล้วเนี่ย"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราโบกเเท็กซี่ไปเอง คีย์รอขนมที่กำลังอบอยู่ในเตาเถอะ โรงเรียนน้องตุลย์อยู่ใกล้เเค่นี้เอง"

"เอางั้นเหรอ"

"อื้ม ตามนั้นเเหละ"

"เออๆๆ ตามใจมึง ไปดีมาดี อย่าให้หลานกูโดนฝนละ เดี๋ยวไม่สบาย"

"ทราบเเล้วครับ ทราบเเล้วๆ"

นาทีส่ายหน้าน้อยๆให้กับความเห่อหลานของคีย์ นาทีเดินไปหยิบร่มใส่กระเป๋าไว้ จากนั้นก็เดินไปยังป้ายรถเมล์หน้าตึกเพื่อโบกเเท็กซี่ไปรับน้องตุลย์ที่โรงเรียน

ปี๊บ! ปี๊บ!

นาทีสะดุ้งตกใจกับเสียงเเตรจนเกือบทำโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือหล่นลงถนน  นาทีมองรถคันหรูสีดำที่จอดอยู่ตรงหน้าอย่าง งงๆ เเต่ความงงก็อยู่กับเจ้าตัวไม่นาน เมื่อคนในรถเลื่อนกระจกลงมา

คุณลม!

"ขึ้นรถครับ"

".................."

"เร็วๆครับ รถข้างหลังรออยู่นะ"

".................."

ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ!

รถคันหลังบีบเเตรรัวๆ คนรอบๆข้างๆก็หันมามองนาทีเป็นตาเดียว จากตอนเเรกที่กำลังลังเล นาทีกลับต้องจำใจเดินไปเปิดประตูรถของลมด้วยความขัดใจ ฝ่ายลมก็ยิ้มหน้าบานที่อีกคนยอมนั่งรถของตัวเอง

"จะไปรับลูกใช่ไหมครับ"

"ครับ"  ตอบลมเสร็จนาทีก็หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่เเม้เเต่จะหันไปมองคนขับสักนิด

"น้องตุลย์"

"............"

"เขาเป็นลูกของพี่ใช่ไหม"

"คุณลมคิดว่าไงล่ะครับ" เเม้เขาจะบอกกับคีย์ว่าถ้าคุณลมถามถึงน้องตุลย์เขาจะบอกเเต่โดยดี เเต่ตอนนี้นาทีขอตอบเเบบอ้อมโลกหน่อยเถอะ รู้สึกหมั่นไส้คนข้างๆเเบบบอกไม่ถูก

"พี่คิดว่า.........เขาเป็นลูกของพี่ ลูกของเรา"

คำว่าลูกของเรา สะกิดให้ใจนาทีกระตุกอีกครั้ง วันนี้ใจเขากระตุกวูบไปกี่ครั้งเเล้วนะ ถ้าเป็นโรคหัวใจป่านนี้อาการเขาคงกำเริบไปเเล้ว

"มั่นใจจังนะครับ"

"ก็เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ครับ"

"อีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์เหลือไว้ทำไมละครับ"

"เหลือไว้รอให้เเม่ของลูกมาเติมเต็มให้ครบร้อยครับ"

"ก็อย่างที่คุณคิดเเหละครับ น้องตุลย์เป็นลูกชายของคุณ หรือคุณอยากตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะครับ"

"ไม่จำเป็นครับ"

"ครับ"


"คิดถึงจังครับ" เป็นอีกครั้งที่ลมพูดคำว่าคิดถึงออกมา

สิ้นคำของลมที่เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งรถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ตอนนี้มีเเค่เสียงฝนโปรยปรายตกกระทบรถเท่านั้น ที่ทำให้รถไม่เงียบจนเกินไป

นาทีหันกลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง พยายามที่จะไม่สนใจกับคำคิดถึงของลม ส่วนลมก็มองตรงไปยังข้างหน้า ตั้งใจขับรถต่อไปลมกำลังรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยๆ เขาก็ได้พูดคำว่าคิดถึงให้อีกคนฟังเเล้ว คิดถึง คือคำที่ลมอยากจะพูดให้นาทีรู้มาตลอดตั้งเเต่เจอกัน 


เอี๊ยด!

ใช้เวลาไม่นานรถยนต์สีดำคันหรูของลมก็มาจอดบริเวณหน้าโรงเรียนของเด็กชายตุลย์

"เดี๋ยวก่อน คุณรู้ได้ไงว่าลูกผมเรียนอยู่ที่นี่"  ในคราเเรกนาทียังไม่ทันฉุกคิด ว่าทำไมลมจึงไม่ถามถึงเส้นทางมาโรงเรียนของน้องตุลย์เลย เเต่มาตอนนี้เขาฉุกคิดได้เเล้ว ว่าเรื่องนี้มันน่าสงสัย

"เรื่องของลูกเมีย ก็ต้องใส่ใจหน่อยสิครับ"

"คุณลม!" นาทีเรียกชื่ออีกคนเสียงดัง เพื่อกลบเกลื่อนอาการใจเต้นเเรงของตัวเองยามที่ได้ยินลมพูดคำว่าลูกเมียออกมาหน้าตาเฉย ให้ตายเถอะพูดได้เต็มปากเต็มคำไม่อายบ้างเลย

"อย่าเพิ่งโกรธครับ เดี๋ยวพี่ลงไปรับลูกเองฝนตกเเล้ว เรารออยู่ในรถนี่เเหละ"

"แต่......."

"ไม่มีเเต่ครับ เดี๋ยวตอนเข้าไปรับลูกพี่จะโทรมาหาเรา ให้เรายืนยันกับคุณครู ดังนั้น พี่ขอเบอร์โทรศัพท์ของทีด้วยครับ"

"ผมไปเองดีกว่าครับ"

"นาทีครับ ไม่ดื้อกับพี่ลมนะ" น้ำเสียงอ่อนโยนของลมที่พูดออกมา ทำให้นาทีไม่อยากที่จะดื้อรั้นต่อ เพราะเขากลัวใจตัวเองเหลือเกิน ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ เขาก็เเพ้ผู้ชายคนนี้ตลอดเลย น่าเจ็บใจชะมัด

นาทีกลั้นใจให้เบอร์โทรศัพท์ของตัวเองกับลมไป อีกฝ่ายเมื่อได้เบอร์เขาเเล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ วิ่งกางร่มเข้าไปภายในโรงเรียนอย่างรวดเร็ว


"หม่าม้าาาาาาาาา~~ สวัสดีครับ"

ใช้เวลาไม่นานคุณลมก็กลับมาพร้อมน้องตุลย์ เมื่อเด็กชายตุลย์เห็นคนเป็นเเม่นั่งรออยู่ภายในรถ ก็เรียกเสียงออดอ้อนพร้อมกับกอดหม่าม้าทันที

"เป็นยังไงบ้างครับคนเก่ง วันนี้เรียนสนุกไหม ฟอด ฟอด"

"สนุกครับ วันนี้ตูนตูนได้ปั้นดินน้ำมันรูปคุณเเรบบิทด้วยนะหม่าม้า"

"เหรอครับ เเล้วน้องตุลย์ปั้นได้ไหมครับ"

"ได้ซีหม่าม้า คุณคูชมตูนตูนด้วยนะ ว่าตูนตูนปั้นเก่งมากเยย"  เด็กชายตุลย์บอกเล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจกับการปั้นกระต่ายของตัวเองมากๆ

"เก่งจริงๆเลย ตัวเเค่นี้ วันหลังปั้นให้หม่าม้าดูได้ไหมครับ"

"ได้เเน่นอนอยู่เเล้ว"

ยิ่งได้ฟังคำชมของคนเป็นเเม่ หนุ่มน้อยก็ยิ่งดีใจมากขึ้นไปอีก คิดว่าจะต้องปั้นคุณเเรบบิทตัวโตๆให้หม่าม้าสักหนึ่งตัว อืมอืม เอาเป็นคุณเเรบบิทสีม่วงดีไหมนะ

"ลุงลมขอดูด้วยได้ไหมครับ ว่าน้องตุลย์ปั้นเก่งเเค่ไหน" ลมที่นั่งเงียบมองดูสองเเม่ลูกคุยกันอยู่นานถามขึ้น

"ได้อยู่เเล้ว ตูนตูนจะปั้นให้ลุงลมด้วย ได้ม่ายหม่าม้า" เด็กชายตุลย์ละจากความคิดของตัวเองมาตอบคำถามของคนเป็นลุงเเทน

"หม่าม้าเเล้วเเต่น้องตุลย์เลยครับ"

"เย่ๆ ลุงลมรอน่า เดี๋ยวตูนตูนปั้นให้น้าาาา~"

"ครับ ลุงจะรอนะ เเต่ตอนนี้น้องตุลย์ต้องนั่งดีๆก่อนนะครับ ลุงลมจะออกรถเเล้ว ถ้านั่งไม่ดีอาจจะเจ็บตัวได้นะ"

"คับ"

เด็กชายตุลย์ขยับท่าทางนั่งลงบนตักของคนเป็นเเม่นิ่งๆ ให้คนเป็นเเม่โอบกอดไว้ เนื่องจากรถคันนี้ยังไม่มีคาร์ซีท นาทีจึงให้ลูกมานั่งด้วยกัน

"พรุ่งนี้พี่จะไปซื้อคาร์ซีทมาติดรถไว้"

"จะซื้อทำไมครับ"

"ก็เผื่อน้องตุลย์ต้องนั่งรถอีก"

"ไม่เเล้วครับ ผมขอรบกวนเเค่วันนี้ก็พอครับ"

"อืมม ต้องซื้อเเบบไหนดีนะ สงสัยต้องให้กรช่วยดู" ลมทำเมินไม่สนใจคำพูดของนาที พูดคุยอยู่กับตัวเองถึงการซื้อคาร์ซีท นาทีที่เห็นเช่นนั้นก็ได้เเต่ถอนหายใจ ผู้ชายคนนี้ดื้อไม่เปลี่ยนเลย

ใช้เวลาไม่นานทั้งสามคนก็กลับมาถึงบริษัทของลมที่มีร้านกาเเฟของคีย์อยู่ชั้นล่างอย่างปลอดภัย ลมเข้ามาจอดรถบริเวณชั้นจอดรถด้านบน ไม่อยากให้นาทีกับน้องตุลย์ลงหน้าบริษัท เพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนต้องโดนฝน เมื่อกี้เขากับน้องตุลย์ก็โดนละอองฝนกันมาคนละนิดคนละหน่อยเเล้ว

เเละในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น

"ฮัดชิ้ว!" "ฮัดชิ้ว!"

เสียงจามดังขึ้นพร้อมกันสองเสียง เรียกให้นาทีต้องหันกลับไปมอง ชายหนุ่มสองคนที่กำลังจูงมือกันอยู่ เมื่อเห็นเขาหันไปมองก็ส่งยิ้มกว้างมาให้เขาทั้งคู่ พร้อมกับยกมือขึ้นขยี้จมูกพร้อมๆกัน

นาทีถอนหายใจให้กับภาพตรงหน้า เเต่ภายในใจก็อดที่จะขำไม่ได้


พ่อกับลูกเหมือนกันไม่มีผิด............





.......................................................

TBC.

ได้บอกคิดถึงเเล้ว

ได้เบอร์โทรศัพท์น้องเเล้ว

ได้จามพร้อมลูกเเล้ว

ต่อไปได้อะไรอีกดี พี่ลม.......

ขอให้สนุกในการอ่านนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (บทนำ) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 12-10-2021 20:54:09
สนุกมากค่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 6) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 12-10-2021 21:08:32
6
ลุงลม...หม่าม้าตอนดุน่ากลัวนะ

บรรยากาศของร้าน Keyword ca'fe วันนี้ ดูจะวุ่นวายเเละไม่สงบสุขเหมือนดังเช่นทุกๆวันที่ผ่านมา เเละสิ่งที่ทำลายความสงบก็คือ ภาพของสองเพื่อนสนิทที่กำลังถกเถียงกันเสียงดังอย่างที่ไม่มีใครยอมใครอยู่ในขณะนี้

นาทีที่ปกติจะใจเย็น สบายๆอะไรก็ได้ กลับดื้อดึงไม่มีทีท่าว่าจะยอมง่ายๆ ส่วนคีย์ก็ดื้อดึงพยายามอ้อนวอนนาทีให้ยอมรับข้อเสนอของตัวเองทุกวิถีทาง เปอร์กับวุ้นที่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าก็ได้เเต่ส่ายหัวให้กับการเถียงกันของคนทั้งคู่ ก่อนจะเเยกย้ายกันไปเตรียมเปิดร้าน เพราะถ้ารอให้ทั้งสองคนเถียงกันเสร็จดูท่าวันนี้คงไม่ได้เปิดร้านเเน่ๆ 

"ไม่!"

"ไอ้ที เพื่อนร๊ากกกกกกก มึงช่วยกูหน่อยนะ กูไหว้ละ มึงงงงงงงงง"

"ไม่ คีย์ทำอะไรไม่ปรึกษาเราเลย"

"มึงจะให้กูเอาเวลาที่ไหนไปปรึกษามึ๊ง ไอ้หน้านิ่งนั่นขู่กูเอาๆ เเม่ง! คิดเเล้วอยากกระโดดกัดคอสักที"

คีย์นึกย้อนถึงเหตุกาณ์เมื่อตอนเช้าที่เขาเข้ามาเปิดร้าน เเล้วชวนให้หงุดหงิดเป็นบ้า ในตอนที่เขากำลังไขกุญเเจเข้าร้าน จู่ๆก็มีเงาตะคุ่มๆมายืนซ้อนด้านหลัง เมื่อหันไปมองก็เจอกับลูกค้าหน้านิ่งที่เพิ่งจะมาเป็นขาประจำของร้านเขาได้ไม่นาน มายืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงหน้า

จากนั้นก็ไม่รอช้า พ่อหนุ่มหน้านิ่งเริ่มพรรณนาสิ่งที่ต้องการมายาวเหยียด เเต่คีย์จับใจความได้เเค่ว่า บอสของคุณหน้านิ่งต้องการให้นาทีขึ้นไปส่งกาเเฟทุกวันในตอนเช้า โดยที่เน้นย้ำว่าต้องเป็นนาทีคนเดียวเท่านั้น ครั้นพอเขาเอ่ยปากคัดค้าน ก็โดนคำขู่ยกเลิกสัญญาร้านกลับมา เออ! ขู่มันเข้าไป ขู่ได้ขู่ดี ตอนนี้ขู่ได้ขู่ไป อย่าให้ถึงทีไอ้คีย์คนนี้บ้างนะ พ่อจะจัดหนักจัดเต็มเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งเเค้น ไอ้คีย์คนนี้กำหมัดรอเเล้ว

"คีย์รู้หรือเปล่าว่าบอสของคุณกรคือใคร"

"ก็เพราะกูรู้ไง กูเลยยอมตกลง ถ้าเป็นตาเเเก่เฒ่าหัวงูกูก็ไม่ยอมส่งเพื่อนรักไปสังเวยหรอก มึงกับเขาก็เจอกันทุกวันอยู่เเล้ว มึงน่าจะชินเเล้วมั้ง อีกอย่างกูมั่นใจว่ามึงเอาอยู่เเน่นอน นะนาทีเพื่อนรัก มึงเสียสละเสี้ยวเวลาของชีวิตเพื่อหมาน้อยเเบบกูหน่อยนะ อนาคตของร้านเลยนะมึง ไหนจะเปอร์กับวุ้นอีก กว่ากูจะยืนหยัดได้จนถึงวันนี้มึงก็รู้ ว่ามันลำบากตรากตรำแค่ไหน เหนื่อยเเละท้อ หมดเเรงสู้เดินมาตั้งเท่าไหร่ ...."

"ก็ได้ๆ เรายอมเเล้วๆ ไม่เห็นต้องดึงดราม่าหนักเลย"

"จริงเหรอเพื่อนนาที มึงยอมไปส่งกาเเฟเเล้วใช่ป้ะ อร๊าย เพื่อนคีย์รักเพื่อนทีที่สุด....... จะว่าก็ว่านะ ไม่อยากจะเชื่อว่ามึงได้ผัวรวยชิบหาย"

"คีตกานต์ รชณกร!" นาทีเรียกชื่อเพื่อนรักเต็มยศ เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่ค่อยจรรโลงใจจากคนเป็นเพื่อน

"นรธิป ปิญชาน์ ใจเย็นก่อน"

"ก็ดูคีย์พูดสิ"

"เออ กูผิดเองที่พูดจาไม่ทันคิดให้ดีซะก่อน" คีย์ยกมือสองข้างขึ้นมาเป็นการยอมเเพ้ นาทีที่เห็นว่าเพื่อนเหมือนจะสำนึกเเล้วก็พยักหน้าอย่างพอใจ เเต่ประโยคถัดมาของคีย์ มันทำให้เขาอยากจะจับเจ้าตัวเข้าเตาอบให้รู้เเล้วรู้รอด "ยังไม่ใช่ผัวนี่นะ ยังเป็นเเค่ว่าที่ผัวอยู่เลย"

"คีย์!"

"ไปละจ้า" ว่าจบคีย์ก็รีบวิ่งออกไปหน้าร้านทันที ทิ้งให้นาทียืนกระฟัดกระเฟียดด้วยความขัดใจอยู่หน้าเตาอบขนมเพียงลำพัง

ฝากไว้ก่อนเถอะคีตกานต์............



..................................................................


"คุณนาที สวัสดีครับ"

"เอ่อ ครับ สวัสดีครับ" นาทีกล่าวรับคำด้วยความประหม่าเล็กน้อย เขาจำหนุ่มร่างโปร่งผิวขาวคนนี้ได้ เพราะเคยเจอกันเมื่อวันก่อน เเต่ครั้งนั้นไม่มีโอกาสได้ถามชื่อ พอได้ยินอีกคนเรียกชื่อเขาเเล้ว มันชวนให้รู้สึกผิดอย่างไรชอบกลที่เขาไม่รู้จักชื่ออีกฝ่าย

"คราวก่อนเจอกันผมยังไม่ทันได้เเนะนำตัว ผมชื่อขุนพลครับ คุณนาทีจะเรียกผมว่าขุนเฉยๆก็ได้นะครับ ผมเป็นเลขาคนสนิทมือซ้ายของบอสครับ"

"มือซ้าย?"

"ฮ่าๆ ครับ ผมเป็นมือซ้ายของบอสครับ ส่วนคุณกรที่คุณนาทีเจอบ่อยๆคนนั้นคือมือขวาบอสครับ"

ครั้นพอได้ยินคำตอบจากคนตรงหน้า อยู่ๆคำพูดของพี่บัวที่เคยพูดไว้เมื่อครั้งก่อนก็ผุดขึ้นมาในทันที สรุปเเล้วที่พี่บัวพูดคือเรื่องจริงใช่ไหมเนี่ย มีทั้งมือซ้ายมือขวาเเบบนี้ คุณลมเป็นมาเฟียจอมโหดอย่างที่เขาล่ำลือกันจริงๆเหรอ

"อ่า เอ่อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณขุน" นาทีรู้สึกฝืดๆคอจนพูดติดๆขัด เขายังมีลูกต้องดูเเลนะ ถึงคนร่างโปร่งตรงหน้าจะดูเป็นมิตรเเละนิสัยดี เเต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยงหรอก ถ้าเกิดพูดขัดหูขึ้นมาเเล้วโดนยิงทิ้งทะเล เขาก็เเย่นะสิ

ฝ่ายคุณเลขามือซ้ายที่กำลังมองท่าทีของนาที ก็อมยิ้มเล็กน้อยเพราะพอจะเดาคำตอบที่ทำให้อีกฝ่ายเเสดงสีหน้าแปลกๆออกมาได้ สงสัยคงได้ยินข่าวลือแปลกๆจากคนในบริษัทมาสินะ

ถึงเเม้ว่าธุรกิจในครอบครัวของบอสจะมีทั้งสีขาวเเละสีเทา เเต่ไอ้ข่าวลือที่บอกว่าพวกเขาเป็นมาเฟียนั้นก็เกินจริงไปซะหน่อย ยิ่งไอ้ข่าวลือที่บอกว่าฆ่าคนอย่างเลือดเย็นไรนั่นอีก เฮ้อ! ขุนละปวดหัว ลือกันไปได้ยังไง ฆ่าคนนะเว้ยไม่ใช่ทุบหัวปลาหมอ ที่คิดจะฆ่าก็ฆ่าได้  เขาขอยืนยันอีกครั้งเลยว่าพวกเขาไม่ใช่มาเฟียใหญ่มาจากไหน ก็เเค่นักธุรกิจทั่วไปที่มีฐานอำนาจใหญ่เเละมั่นคง จนล้มได้ยากก็เท่านั้นเอง

"ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนาที เเต่จริงๆเเล้วคุณนาทีเรียกผมว่าขุนเฉยๆก็ได้นะครับ เราอายุเท่ากัน"

"ผมไม่ค่อยสะดวกใจที่จะเรียกเเบบนั้นสักเท่าไหร่ อย่างไรเเล้วขอผมเรียกว่าคุณขุนเหมือนเดิมนะครับ"

"เอาเเบบนั้นก็ได้ครับ...... เชิญคุณนาทีด้านในเลยครับ ผมชวนคุยซะนานเลย ป่านนี้คนในห้องคงรอจนนั่งไม่ติดเเล้วครับ"

"ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ"


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! แอ๊ด!

"ผมเอากาแฟมาส่งครับ"

"ขอบคุณครับ" ลมเงยหน้าจากเอกสาร มาส่งยิ้มให้คนมาใหม่ภายในห้อง

นับตั้งเเต่วันที่ไปรับน้องตุลย์ด้วยกันครั้งเเรก จนถึงวันนี้ ก็ผ่านมาหลายวันเเล้ว เเละช่วงที่ผ่านมาก็ยังคงเป็นลมเองที่ดื้อด้านมาดักรอนาทีเพื่อจะไปรับน้องตุลย์ด้วยกัน ถึงเเม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ เเต่ไม่เป็นไรหรอก เเค่นาทียอมให้เขาไปรับลูกด้วยกันก็เกินความคาดหมายเเล้ว ส่วนหน้าบึ้งๆของเเม่เเมว มองดูเพลินๆก็น่ารักไปอีกแบบ

การพูดคุยระหว่างนั่งรถไปรับลูกชาย ถึงเเม้ว่าเขาจะเป็นพูดคุยเสียส่วนใหญ่ เเต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้คือ นาทีไม่ได้พยายามทำตัวห่างเหินเขาเหมือนที่ผ่านมาเเล้ว

ถ้าให้กำเเพงของนาทีมีสิบชั้น ลมคาดว่าเขาน่าจะทำลายได้สักประมาณครึ่งชั้นเเล้ว เเม้มันจะดูน้อย เเต่มันก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆสำหรับเขา

"ชอบใช้อำนาจในทางมิชอบเหรอครับ" นาทีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกไป ก็ดูคุณลมสิ มีที่ไหนเอาความเป็นเจ้าของตึกมาขู่คีย์เพื่อให้เขาขึ้นมาส่งกาแฟให้ตัวเองทุกวัน มันน่าหยิกให้ช้ำจริงๆ

"เขาเรียกว่ารู้จักใช้อำนาจเป็นครับ"

"เหอะ" นาทียู่หน้าพร้อมส่งเสียงขึ้นจมูกให้คนตรงหน้าอย่างลืมตัว

"ทีทานข้าวเช้ายัง"

"ทานหรือไม่ทานก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับคุณลมนี่ครับ"

คำตอบของนาทีที่มาพร้อมสีหน้าเหวี่ยงนิดๆของเจ้าตัวทำให้ลมรู้สึกสะอึกอยู่ไม่น้อย จากหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม ก็พลันเปลี่ยนเป็นยิ้มฝืนๆเเทน นาทีที่เห็นใบหน้าของลมที่เปลี่ยนไปก็อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ เขาไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอารมณ์ต่อเนื่องจากบทสนทนาก่อนหน้า นาทีอยากจะเอ่ยขอโทษเเต่ปากเขาก็หนักเกินไป

"นั่นสินะ ทีชอบปวดท้อง พี่เเค่เป็นห่วง.......เเต่พี่หิวจังเลย ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลยครับ" ลมพูดออกมาเบาๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องพูดเพื่อปรับอารมณ์ของตัวเอง

"เป็นห่วงเเต่คนอื่น"

"ทีพูดว่าอะไรนะครับ"

เพราะนาทีพูดกับตัวเองเบาๆ ทำให้ลมที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานได้ยินไม่ชัด จึงต้องถามย้ำอีกครั้ง

"เปล่าครับ" นาทีเลือกที่จะตอบปฏิเสธออกไป "ผมไปทำงานเเล้วนะครับ ไม่อยากทิ้งคีย์ไว้คนเดียว"

"ครับ วันนี้รอไปรับลูกพร้อมกันนะ"

นาทีไม่ตอบอะไรออกมา ทำเพียงเเค่พยักหน้ารับ โค้งตัวเป็นการบอกลา ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่นาทีเดินออกจากห้องไป ลมก็เอื้อมไปหยิบแก้วกาเเฟมาไว้ในมือ เเต่เเล้วก็ต้องชะงักเมื่อวันนี้นอกจากกาเเฟเเล้วยังมีสิ่งเเปลกปลอมตั้งเคียงข้างกาเเฟไว้ด้วย ตอนเเรกเขาไม่เห็นมันเพราะเเก้วกาเเฟกับเอกสารบังอยู่ เเต่ตอนนี้เขาเห็นมันเเล้ว 'แซนด์วิชทูน่า'

ลมหยิบเเซนด์วิชมาถือไว้ในมือ ตาก็จ้องมองมันเเทบไม่กระพริบ เเละเเล้วรอยยิ้มกว้างก็ค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า ความรู้สึกหม่นๆก่อนหน้ามลายหายสิ้นไปในทันที

ก็น่ารักอย่างนี้ไง...........


สงสัยวันนี้คงอิ่มไปทั้งวันเเน่ๆ.......



.................................................................

"รับเถอะคีย์ คุณเจตเขาเป็นลูกค้าประจำกลุ่มเเรกๆของเราเลยนะ ถ้าทำตั้งเเต่ตอนนี้เราว่าน่าจะเสร็จทันนะ"

"เอางั้นเหรอวะ"

"อื้ม สงสารคุณเจต วันเกิดลูกสาวทั้งที"

"ก็ได้ ถ้ามึงตกลง กูก็ตกลง"

ว่าเสร็จคีย์ก็ขอตัวไปโทรฯหาคุณเจตที่เป็นลูกค้าประจำมาเนิ่นนาน ว่าออเดอร์เค้กเเบบเร่งด่วนสำหรับลูกสาวตัวน้อยที่คุณเจตสั่งมา พวกเขาจะรับทำให้


"ไอ้ที ถึงเวลาไปรับน้องตุลย์เเล้วนะเว้ย"

"จริงด้วย เราลืมดูเวลาไปเลย ทำไงดี เค้กยังไม่เสร็จเลย"  นาทีที่วุ่นวายอยู่กับการทำเค้กจนลืมเวลาละสายตาขึ้นมองนาฬิกาติดผนัง เเละก็จริงอย่างที่คีย์ว่า ถึงเวลาไปรับน้องตุลย์เเล้ว เเต่เค้กที่เขาต้องรีบทำก็ยังไม่เสร็จ

"กูก็ไปไม่ได้ด้วย เอางี้ดิ! ไหนๆมึงก็ไปพร้อมคุณลมอยู่เเล้วหนิ วันนี้มึงก็ให้เขาไปรับน้องตุลย์คนเดียวสิ"

"เเต่..."

"ไม่ตงไม่เเต่เเล้ว โทรฯเลยๆ เขาจะได้เตรียมตัว โทรฯสิครับเพื่อนที ทำหน้าเเมวงงอีก ต้องทำเค้กต่อนะเว้ย อย่าลีลาๆ"

"รู้เเล้วๆ ไม่เห็นต้องเร่งเลย"

นาทียู่หน้าใส่คีย์ จากนั้นก็เดินไปล้างมือก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรฯออกหาใครบางคนที่เขาไม่อยากจะโทรฯไปหาสักนิด เฮ้อ! เอาวะ โทรฯก็โทรฯ

'พี่ลม'   โทรฯออก


ฝ่ายลมตอนนี้กำลังเร่งเคลียร์งานช่วงบ่ายยังเร่งรีบ เพราะบ่ายสองครึ่งเขามีนัดกับนาทีเพื่อจะไปรับน้องตุลย์ด้วยกัน

ครืด~ ครืด~ ครืด~

ลมละหน้าจากเอกสาร มองไปยังโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคิ้วของลมก็เลิกขึ้นด้วยความสงสัย  นาทีโทรฯหาเขาเหรอ นาทีโทรฯมาจริงๆใช่ไหม ไม่รอช้าลมรีบคว้าโทรศัพท์มากดรับอย่างเร็วจี๋ พร้อมส่งเสียงทุ้มที่เจอปนความดีใจไปยังปลายสาย

"ครับ"

".............."

"ทีครับ"

".........."

"น้องที"

"ฮะ อื้ม อื้ม ฮัลโหล" ปลายสายส่งเสียงตอบรับเเบบติดขัดๆกลับมา "คือผมจะโทรฯมาบอกว่า วันนี้ฝากคุณลมไปรับน้องตุลย์หน่อยได้ไหมครับ พอดีผมรับออเดอร์ด่วนเข้ามา ไม่สามารถทิ้งตรงนี้ไปได้"

"อ่อ ได้ครับ เดี๋ยวพี่ไปรับลูกให้เอง ทีไม่ต้องเป็นห่วงนะ"

"ขะ ขอบคุณครับ................" ปลายสายเงียบไปเเป๊บนึงก่อนจะพูดต่อว่า "อย่าขับรถเร็วนะครับ"

ตู๊ดๆๆๆๆ

เเละสายก็ตัดไป


ให้ตายเถอะทำไมเมียเขาน่ารักอย่างนี้วะ.......


รีบๆเคลียร์งานดีกว่าไปรับลูกช้าเดี๋ยวเมียด่าอีก......



................................................................


"สวัสดีค่ะคุณลม น้องตุลย์กำลังเล่นอยู่ที่สนามเด็กเล่นค่ะ ให้ดิฉันไปตามให้ไหมคะ"

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเข้าไปรับเจ้าตัวเอง"

"ค่ะ"

ลมที่รู้ว่าตอนนี้ลูกชายของเขาอยู่ตรงไหนก็รีบเดินไปหาลูกชายทันที ทิ้งให้ครูสาวหัวใจเต้นโครมครามกับความหล่อกร้าวใจของตัวเอง


"หญ้าดูตูนตูนนะ เดี๋ยวตูนตูนไหลลงเยย"

"หญ้ารอรับ ตุลย์ลงมาเยย หญ้ารับ"

เสียงของลูกชายดังเเว่วๆมาให้ได้ยิน สายตาก็มองตรงไปยังลูกชาย ที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่บนสไลเดอร์ด้วยท่าทางค่อนข้างที่จะหมิ่นเหม่ว่าจะตกลงมา ถึงเเม้จะมีคุณครูคอยอยู่ดูเเลใกล้ๆ เเต่ตอนนี้ก็มีนักเรียนหลายคนจึงทำให้คุณครูไม่ทันสังเกตน้องตุลย์    ลมรีบก้าวเร็วๆไปหาลูกชายของตัวเองทันที

"ฮึบ หนึ่ง ฉอง โอ๊ะ!"

"ตุลย์!"

"ไงตัวเล็ก!"

"ลุงลม!"

"ตัวเเค่นี้ทำไมถึงซนจังเลยครับ"

ลมรู้สึกโล่งใจที่ตัวเองสามารถคว้าตัวเด็กชายตุลย์ได้ทันก่อนที่เด็กชายตุลย์จะตกลงมา ลมวางเด็กชายตุลย์ที่ตอนเเรกอยู่ในอ้อมกอดของเขาให้ยืนบนพื้นข้างๆกัน

"ขอบคุณครับลุงลม" เด็กชายตุลย์ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ขอบคุณลุงลมของเขาที่เข้ามาช่วยตัวเองไว้ ถ้าเกิดลุงลมมาไม่ทันเขาต้องเจ็บตัวจนร้องไห้ฮือๆเเล้วเเน่ๆ

"ขอโทษนะคะคุณพ่อ ที่ดิฉันไม่ทันได้ระวัง" คุณครูที่หันมาเห็นเหตุการณ์รีบเข้ามาขอโทษขอโพยลมเป็นการใหญ่

"ไม่เป็นครับ ผมเข้าใจ" ลมไม่อยากที่จะต่อว่าคุณครู เพราะเข้าใจว่าครูสองคน ที่คอยดูเเลเด็กวัยซนหลายๆคนไม่ใช่เรื่องง่าย คุณครูเองก็คงไม่อยากให้เหตุการณ์เเบบนี้เกิดขึ้น

"ดิฉันขอโทษอีกครั้งนะคะ"

ลมทำเพียงเเค่พยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้คุณครูเท่านั้น โดยที่ไม่รู้เลยว่า การยิ้มมุมปากของเขาทำให้ใจของครูสาวเต้นระรัวขึ้นมา

"ลุงลมมารับครับ ไปครับกลับบ้านกัน" ลมนั่งชันเข่าเสมอเด็กชาย พร้อมกับยื่นมือไปปาดเหงื่อตรงขมับให้เด็กชายอย่างเเผ่วเบา "วันหลังจะเล่นอะไรต้องระวังด้วยนะครับ ตกลงมาละเจ็บเเย่เลย" ลมเอ่ยบอกเจ้าตัวเล็กในขณะที่กำลังเช็ดเหงื่อให้  เช็ดเหงื่อให้เสร็จก็ไม่ลืมที่จะตบท้ายด้วยการเคาะจมูกน้อยๆของเด็กชายตุลย์อีกสองสามที

"ไปครับ" ลมยืนขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปให้เด็กชายตุลย์จับไว้ มือน้อยๆของเด็กชายเอื้อมไปจับมือคุณลุงคนโปรดของเขาอย่างไม่อิดออด

"ตูนตูนกลับก่อนนะหญ้า บ๊ายบาย"

"บ๊ายบาย"

เมื่อบอกลาเพื่อนๆเเละคุณครูเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองคนก็เดินตรงไปยังรถที่จอดอยู่ด้านหน้าโรงเรียน เเละระหว่างที่เดินอยู่ ก็มีเสียงน้อยๆของเด็กชายตุลย์ดังขึ้นตลอดทาง

"ลุงลมวันนี้หม่าม้าม่ายมาด้วยเหรอคับ"

"ครับ วันนี้หม่าม้าไม่ว่าง เลยให้ลุงมารับน้องตุลย์เเทน"

"คับ"

"วันนี้เรียนเรียนเป็นไงบ้างครับ สนุกไหม"

"สนุกครับ วันนี้ตูนตูนได้พับจาหรวดด้วยคับ"

"โห วันหลัง สอนลุงพับด้วยได้ไหมครับ"

"ด้ายคับ จาหรวดของตูนตูน บินไกเยย    โอ๊ะ! รถไอติมละลุงลม" เด็กชายตุลย์ที่กำลังพูดจ้ออยู่ ชี้นิ้วน้อยๆไปทางรถไอศกรีมที่จอดอยู่บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ พร้อมกับเงยหน้าส่งสายตาปริบๆให้คุณลุงคนโปรด

"ถ้าหม่าม้ารู้จะโดนดุนะครับ"

"จริงด้วย" เมื่อคิดได้ว่าจะโดนหม่าม้าดุ เด็กชายตุลย์ก็ทำหน้าหงอย พร้อมหันไปมองรถไอติมตาละห้อย

ลมเมื่อเห็นสีหน้าหงอยๆกับสายตาละห้อยของลูกชายก็ทนใจเเข็งไม่ไหว

"เเต่ถ้ากินเเท่งเล็กๆหม่าม้าคงไม่ดุหรอกเนอะ ไปครับ ไปซื้อไอติมเเท่งเล็กๆกัน"

"หม่าม้าเวลาดุน่ากัวนะลุงลม" เด็กน้อยยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย

"งั้นเรากินให้หมดตั้งเเต่อยู่ในรถดีไหมครับ เเค่นี้หม่าม้าก็ไม่รู้เเล้ว"

"จริงด้วย! ลุงลม ไปกินติมกานนนนน~~~"

เห็นท่าทางดีใจของลูกเเล้วก็พลอยให้เขารู้สึกดีไปด้วย หวังว่าถ้าคนเป็นเเม่มารู้ทีหลังจะไม่มาบีบคอเขาหรอกเนอะ ไอศกรีมเล็กๆเเท่งเดียวเอง



ใช้เวลาบนท้องถนนไม่นานสองพ่อลูกก็เดินทางมาถึงร้านกาเเฟที่คนเป็นเเม่ทำงานอยู่ เเละก่อนที่จะเปิดประตูเข้าร้านไป ลมก็คุกเข่าไปกระซิบกระซาบบางอย่างกับเด็กชายตุลย์

"ตัวเล็ก เดี๋ยวพอเปิดประตูร้านเข้าไป ตัวเล็ก #&$&&$*=&=&&=;"

"งืม งืม งืม " เด็กชายพยักหน้าน้อยๆระหว่างที่ฟังลมกระซิบ "โอเคเยยลุงลม"

"ถ้าอย่างนั้นก็ไปครับ ไปหาหม่าม้ากัน"

"คับ"

สองพ่อลูกจับมือกันเเน่น คนเป็นพ่อเอื้อมมือไปดันประตูให้เปิดออก ลูกชายตัวน้อยเดินนำเข้าร้านไปก่อน ตามด้วยคนเป็นพ่อ สองพ่อลูกยืนจับมือข้างๆกัน ส่งยิ้มกว้างให้คนเป็นเเม่ที่หันมามอง ยามได้ยินเสียงตะโกนของลูกชายตัวน้อย

"หม่าม้า เราสองคนกลับมาเเล้วค้าบบบบบบบ"




................................................................

TBC.

เดี๋ยวโดนหม่าม้าดุเเน่ๆ ทั้งพ่อทั้งลูกเลย 555

ขอให้สนุกในการอ่านนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (บทนำ) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 12-10-2021 21:14:23
 :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (บทนำ) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 12-10-2021 21:27:26
 :impress2: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 7) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 13-10-2021 10:47:08
7
ในวันที่ฝนฟ้าคะนอง

".....มาดูสภาพอากาศทางฝั่งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกันบ้างนะคะ ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุม ทำให้บริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานครเเละปริมณฑล ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง......."

"เฮ้อออออ!"

"หม่าม้าเป็นราย ถอนหายใจมัยคับ"

"ไม่มีอะไรครับ น้องตุลย์รีบทานข้าวเร็วครับ วันนี้ฝนตกด้วย เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสายนะ" นาทีบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบหัวน้อยๆของลูกชายเบาๆ

"คับ" เด็กชายตุลย์ส่งยิ้มรับคำหม่าม้า กลับไปตั้งใจทานข้าวกับต้มจืดเเสนอร่อยของหม่าม้าต่อ อาหารฝีมือหม่าม้าอร่อยที่สุดเลย

นาทีอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นท่าทางน่ารักๆของลูกชาย ก่อนจะละสายตาจากลูกชายมองออกไปนอกหน้าต่างที่ตอนนี้มีฝนเม็ดใหญ่กำลังกระหน่ำหล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่ง สิ่งที่ได้ยินจากการรายงานพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาในโทรทัศน์เมื่อสักครู่ ไม่มีตรงไหนที่ผิดเพี้ยนจากการรายงานเลยสักนิด

เฮ้อ! นาทียังคงไม่คิดตก ว่าวันนี้เขาจะไปส่งลูกชายที่โรงเรียนอย่างไรดีให้ลูกชายเปียกน้อยที่สุด ลำพังเเค่สวมเสื้อกันฝนมันก็พอจะช่วยได้อยู่เเต่ก็ช่วยได้ไม่มากพอ ถ้าตอนนี้มีใครมาถามว่าเขาไม่ชอบฤดูอะไรที่สุด เขาสามารถตอบได้โดยไม่ลังเลเลยว่า เขาไม่ชอบฤดูฝนที่สุด เขามีเพียงมอเตอร์ไซค์มือสองคันเก่าไว้ใช้งาน การไม่มีรถยนต์ใช้ในช่วงหน้าฝนเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอตัว ครั้นจะให้นั่งเเท็กซี่ตลอดเขาก็ไม่ไหว ลำพังเเค่ตัวนาทีเองขับรถฝ่าฝนไปทำงานไม่เท่าไหร่หรอก เเต่ลูกชายตัวน้อยที่นั่งทานข้าวเเก้มป่องอยู่นี่สิ.....

หม่าม้าจะพยายามกว่านี้เพื่อหนูนะ......


นาทีเอื้อมมือไปลูบหัวลูกชายอีกครั้ง เด็กชายตุลย์ที่กำลังเคี้ยวข้าวหนุบหนับ ส่งยิ้มให้คนเป็นหม่าม้าอย่างน่ารัก จากใจที่กำลังหม่นๆของนาที เพียงเเค่ได้รับรอยยิ้มจากลูกชายก็ทำให้หัวใจเขากลับมาพองฟูเเละมีกำลังใจสู้ต่อไปเเล้ว


ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง!

ในระหว่างที่สองเเม่ลูกกำลังนั่งทานข้าวและพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน อยู่ๆเสียงกริ่งหน้าประตูรั้วก็ดังขึ้น นาทีขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย วันนี้เขาไม่ได้นัดใครไว้ อีกอย่างตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่ ใครกันนะที่มาบ้านเขาในเวลาเช้าๆเเบบนี้

"คีย์เหรอ"  นาทีพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏออกมา นาทีคิดว่าคงเป็นคีย์ที่มาหาเขา เพราะมีหลายครั้งเวลาที่ฝนตกคีย์มักจะเเวะมารับเขากับลูกชายบ่อยๆ เหตุผลหลักๆเลยคือคุณอาคีย์เขากลัวหลานชายสุดที่รักจะไม่สบาย เมื่อคิดได้ดังนั้นคนเป็นเเม่ก็รีบลุกจากเก้าอี้ทันที

"น้องตุลย์ทานข้าวไปก่อนนะ เดี๋ยวหม่าม้าไปดูก่อนว่าใครมากดกริ่งหน้าบ้าน"

"คับ"


ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง!

"มาเเล้วครับ มาเเล้วครับ ใครครั..."

นาทีชะงักเท้าที่กำลังเดินอยู่ เมื่อมองเลยรั้วเตี้ยๆของบ้านตัวเอง ไปเจอกับหนุ่มร่างยักษ์ที่ยืนปักหลักอยู่หน้าบ้าน

"คุณลม"

"ขอเข้าไปหน่อยได้ไหมครับ ฮัดชิ้ว!"

"คุณมาที่นี่ได้ยัง....."  ทีหยุดคำถามที่จะถามคนตรงหน้าลงเสียดื้อๆ เพราะถ้าคิดดูๆเเล้วก็คงไม่ใช่เรื่องเเปลกอะไรที่อีกคนจะรู้ที่อยู่ของเขา ขนาดโรงเรียนลูกยังรู้ เวลาไปรับลูกชายก็รู้ ที่ทำงานของเขาคนตรงหน้าก็รู้ กับการที่จะสืบหาบ้านเขาคงไม่ยากเกินความสามารถของคุณลมหรอก

"ฮัดชิ้ว!"

นาทีที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะเปิดประตูให้อีกคนเข้ามาดีไหม ก็รีบละทิ้งความลังเลออกไปทันทียามที่ได้ยินอีกคนจามขึ้นมาอีกครั้ง นาทีจึงรีบเดินไปเปิดประตูรั้วบ้านของตัวเองให้ลมเข้ามา เหตุผลที่เขารีบเปิดประตูให้ไม่ใช่ว่าเพราะเป็นห่วงกลัวอีกคนป่วยหรอกนะ เเต่เขารู้ว่าคุณลมดื้อดึงขนาดไหน เขาไม่อยากยืนเถียงกับอีกคนจนตัวเองโดนสายฝนให้เปียกปอนก็เท่านั้นเอง

"ลุงลม!"

เด็กชายตุลย์ร้องเรียกด้วยความตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นว่าคุณลุงคนโปรดคนใหม่ของตัวเองเดินตามหลังหม่าม้าเข้ามาภายในบ้าน

"น้องตุลย์ ระวังครับ เดี๋ยวตกลงมาจะเจ็บนะครับ" เด็กชายตุลย์กลับมานั่งสงบเสงี่ยมอีกครั้ง เมื่อโดนคนเป็นเเม่ดุเบาๆ 

"ไงตัวเล็ก"

"ลุงลม ตูนตูนสวัสดีคับ" มือน้อยๆวางช้อนคุณหมีคู่โปรดลง ก่อนจะยกมือไหว้คุณลุงคนโปรดด้วยท่าทางที่น่าเอ็นดู

"สวัสดีครับ เช้านี้ลุงลมขอรบกวนด้วยนะครับ" เเม้ว่าคำพูดจะพูดกับลูกชาย เเต่สายตาของลมกลับมองไปยังคนเป็นเเม่แทน

"ได้เยย ลุงลมนั่ง นั่งเยย นั่งๆ"

ลมนั่งลงตามคำชวนของลูกชาย ที่นั่งของลมคือที่นั่งตรงข้ามกับนาที และมีเด็กชายตุลย์นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ

"ลุงลม หิวม่าย กินข้าวกาน" เด็กชายตุลย์เเสดงความมีน้ำใจด้วยการชวนลุงลมของเขาทานข้าวด้วยกัน ก็หม่าม้าสอนเขาเรื่องความมีน้ำใจเเละการเเบ่งปันอยู่เสมอ เด็กชายตัวน้อยจึงคิดว่าการชวนลุงลมทานข้าวด้วยเป็นสิ่งที่ถูกต้องเเล้ว  "หม่าม้าทำอาหร่อยนะลุงลม" เเถมด้วยการอวดฝีมือการทำอาหารของคนเป็นเเม่ด้วยอีกนิดหน่อย

"หิวครับ เเต่ไม่รู้ว่าหม่าม้าน้องตุลย์จะใจดียอมให้ลุงทานข้าวเช้าด้วยได้ไหม"

"ด้ายจิ หม่าม้าใจดีที่ฉุด ใช่ม่ายหม่าม้า เเบ่งกานเนอะ" เด็กชายตุลย์หันไปมองคนเป็นเเม่ตาเเป๋ว

"ครับ..... เดี๋ยวผมไปตักข้าวมาให้ รอสักครู่นะครับ"

นาทีถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะคำพูดและสายตาของลูกชายทำให้เขาต้องจำใจลุกไปตักข้าวมาให้คนตัวโตที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างช่วยไม่ได้

นาทีอยากจะถามลมใจเเทบขาดว่ามาทำอะไรที่นี้ ถ้าไม่มีธุระอะไรก็อยากจะเชิญอีกฝ่ายให้กลับไปอย่างรวดเร็ว เเต่ลูกชายของเขาดันเป็นเด็กดีเกินคาด เเสดงความมีน้ำใจด้วยการชวนลุงลมของตัวเองทานข้าวด้วยซะงั้น คนเป็นเเม่เเบบเขาก็ได้เเต่ปล่อยเลยตามเลย ไว้ค่อยถามทีหลังก็เเล้วกัน ช่วงเวลาทานข้าวก็ต้องทานข้าวสิเนอะ

ฝ่ายลมเองตอนนี้ก็กำลังสำรวจสิ่งต่างๆภายในบ้านด้วยสายตาอย่างคร่าวๆ บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้นที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก สภาพเก่าเเต่ไม่ถึงกับโทรม มีพื้นที่ไม่กว้างเท่าไหร่ ภายในบ้านไม่ได้มีการตกเเต่งอะไรที่หรูหรา สิ่งของอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต้องมีก็มีครบ มีโต๊ะทานข้าววางอยู่บริเวณห้องครัว เเม้จะไม่ใช่บ้านที่ใหญ่โตหรูหรา เเต่ความอบอุ่นที่ตลบอบอวลอยู่ภายในบ้านหลังนี้มันทำให้ลมรู้สึกอบอุ่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมา

"นี่ครับ" นาทีวางข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าลม "มันไม่ใช่กาเเฟ หวังว่าจะทานได้นะครับ"

"จะทานให้หมดเลยครับ"

"ลุงลม ต้มต้ม อาหร่อยน้าา"

"ตัวเล็กเเนะนำขนาดนี้ สงสัยลุงลมต้องตักเป็นอย่างเเรกเเล้วเเหละครับ" บนโต๊ะทานข้าวมีกับข้าวเพียงเเค่สองอย่าง คือไข่เจียวเหลืองกรอบน่ากินกับต้มจืดหมูสับ เเม้จะเป็นกับข้าวบ้านๆเพียงเเค่สองอย่าง เเต่สำหรับลมในตอนนี้มันเป็นกับข้าวที่น่ากินมากกว่าที่ไหนๆ

"ตักเยยๆ" เจ้าของบ้านตัวน้อยยังคงเชียร์ให้ลมชิมต้มจืดฝีมือหม่าม้าของตัวเองอย่างไม่ลดละ

ลมเอื้อมมือไปตักต้มจืดมาไว้ในช้อน ในขณะที่ลมกำลังจะตักต้มจืดเข้าปาก สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นเด็กชายตุลย์กำลังจ้องมาที่เขาตาไม่กะพริบ ราวกับว่าเจ้าตัวกำลังลุ้นว่าเขาจะพูดว่าอะไรหลังจากที่ได้ชิมคำเเรกไปเเล้ว

"อร่อยมากเลยครับ"

"เย้ เย้ ....... หม่าม้าลุงลมบอกว่าอาหร่อย" เด็กชายตุลย์ชูสองมือขึ้นพร้อมกับร้องดีใจออกมา เรียกรอยยิ้มให้กับคนเป็นพ่อเป็นเเม่ได้เป็นอย่างดี

"ครับๆ รีบทานข้าวครับ อีกนิดเดียวก็จะหมดเเล้ว"

"คับ" เด็กชายตุลย์จับช้อนคุณหมีคู่ใจขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่เขากำลังจะใช้ช้อนตัดหมูสับที่อยู่ในจานเป็นชิ้นเล็ก ความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นกับเด็กชายวัยสี่ขวบ

"ลุงลม ตูนตูนเเบ่ง" มือน้อยๆของเด็กชายตุลย์พยายามประคองหมูในช้อนตัวเองอย่างระมัดระวัง เเละวางมันไว้ในจานของลมได้สำเร็จ

ลมมองหมูในจานที่ลูกชายแบ่งให้ สลับกับมองหน้าลูกชายสองสามครั้ง ฝ่ามือหนาที่เเสนจะอบอุ่นยื่นไปลูบหัวลูกชายเบาๆพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ

"ขอบคุณครับ"

เด็กชายตุลย์ยิ้มรับให้กับคำขอบคุณ จากนั้นเจ้าตัวก็ตั้งใจทานข้าวในจานของตัวเองจนหมด ส่วนลมก็ยังคงตื้นตันอยู่กับหมูสับชิ้นน้อยของลูกชาย นาทีเองที่มองเหตุการณ์อยู่ตลอดก็รู้สึกร้อนๆกระบอกตาขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ


หลังจากเสร็จสิ้นมื้อเช้า ตอนนี้ลมกำลังนั่งใส่ถุงเท้าให้เด็กชายตุลย์อยู่บริเวณห้องรับเเขก ส่วนนาทีกำลังล้างจานอยู่ในครัว นาทีใช้เวลาล้างจานไม่นานก็ออกมาสมทบกับทั้งสองคน

"คุณลมครับ" นาทีเอ่ยเรียกลม ที่กำลังตั้งใจจัดชุดนักเรียนของเด็กชายตุลย์ให้เรียบร้อยอยู่

"ครับ?" ลมละสายตาจากชุดนักเรียนของลูกชายมาสบตานาทีเเป๊บนึง จากนั้นเจ้าตัวก็กลับไปสนใจชุดนักเรียนของลูกชายต่อ

"คุณลมมาทำอะไรที่นี่ครับ" นาทีถามคำถามที่อยากจะถามอีกคนตั้งเเต่ที่เห็นว่ายืนอยู่หน้าประตูรั้วเเล้ว

"พี่เห็นว่าวันนี้ฝนตก พี่เลยจะมารับทีกับน้องตุลย์ไปด้วยกัน" ลมตอบคำถามด้วยท่าทางสบายๆ

นาทีที่ได้รับคำตอบกลับมาก็เม้มปากเเน่น

"จริงๆ ผมกับลูกไปกันเองได้ครับ"

"พี่รู้ครับ" ลมเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับนาที "เเต่ถึงจะรู้พี่ก็ยังอยากที่จะมารับอยู่ดีครับ"

"ผม........." นาทีมีสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี

"ทีอาจจะอยากบอกพี่ว่า ก่อนหน้านี้ต่อให้ฝนตกเเค่ไหนผมกับลูกก็ไปกันเองได้ ไม่รบกวนพี่หรอกครับ เเต่นั่นมันก็ก่อนหน้านี้ ก่อนหน้าที่พี่จะเจอทีกับน้องตุลย์ ในเมื่อพี่หาทีจนเจอเเล้ว ก่อนหน้านี้เป็นยังไงพี่ไม่รู้ เเต่นับจากนี้ไป พี่จะดูเเลทีกับน้องตุลย์ให้ดีที่สุด ต่อให้ทีไม่เต็มใจก็ตาม เพราะฉะนั้นเเล้ว วันนี้ให้พี่ไปส่งนะครับ"

นาทีพยักหน้ารับคำอย่างง่ายดาย เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ราวกับว่ามีก้อนคำพูดมากมายจุกอยู่ในลำคอให้ไม่สามารถพูดออกมาได้ อีกอย่างนาทีไม่ได้คิดจะปฏิเสธการช่วยเหลือของลมในครั้งนี้อยู่เเล้ว เพราะเขาก็ไม่อยากให้ลูกชายต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ฝ่าฝนไปเหมือนกัน

"ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไปเตรียมตัวครับ สายเเล้วนะ" ลมที่พอจะรับรู้ได้ว่าอีกคนกำลังว้าวุ่นใจ ถือวิสาสะวางมือลงบนกลุ่มผมนิ่มของนาที ลูบเบาๆเป็นการปลอบโยนเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น

"ไปครับตัวเล็กไปโรงเรียนกัน"

"ปายกับลุงลมเหรอ"

"ครับ วันนี้ลุงลมมารับตัวเล็กไปโรงเรียน"

"เย้! เย้! ไปกาน ไปโรงเรียนกาน ไปเยยๆ หม่าม้าเร็วๆค้าบ ตูนตูนรอ"  เด็กชายตุลย์ตื่นเต้นดีใจที่วันนี้เขาจะมีทั้งหม้าม่าเเละคุณลุงคนโปรดไปส่งที่โรงเรียน เด็กชายตุลย์รู้สึกว่า เหมือนมีทั้งพ่อเเละเเม่ไปส่งเขาที่โรงเรียนเลย


ใช้เวลาไม่นานตอนนี้ทั้งสามคนเข้ามานั่งอยู่ภายในรถเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว เด็กชายตุลย์ที่อารมณ์ดี ส่งเสียงพูดจ้อไปตลอดทาง โดยที่ส่วนใหญ่เจ้าตัวเล็กจะถามคำถามกับคุณลุงคนโปรดซะมากกว่าซะมากกว่า ทิ้งให้หม่าม้าของตัวเองนั่งเหงาอยู่ด้านหน้า ก็นะ เด็กๆมักจะเห่อของใหม่ ไม่ใช่เรื่องเเปลกอะไร ส่วนลมก็ทำหน้าที่เป็นผู้ตอบคำถามที่ดี เเบบไม่มีทีท่าว่าจะหงุดหงิดเลยสักนิด อีกทั้งยังดูอารมณ์ดีมากกว่าปกติเสียด้วยซ้ำ

"หม่าม้า ลุงลม ตูนตูนบ๊ายบาย"

"ตั้งใจเรียนนะครับ เดี๋ยวหม่าม้ามารับนะ"

หลังจากกล่าวคำลาเเละส่งลูกชายสู่รั้วโรงเรียนเรียบร้อย ในรถตอนนี้มีเพียงเเค่นาทีกับลมเท่านั้น เมื่ออยู่กันสองคน ความเงียบมักมาเยี่ยมเยียนทั้งสองคนเสมอ

"ขอบคุณครับ" เเต่วันนี้ความเงียบภายในรถเกิดขึ้นได้ไม่นานก็โดนนาทีทำลายลง "ขอบคุณที่มารับน้องตุลย์ เพราะคุณน้องตุลย์จึงไม่ต้องเปียกฝนมาโรงเรียน" ถึงเเม้นาทีจะไม่อยากเจอหน้าลมขนาดไหน เเต่เขาก็ต้องยอมรับว่าวันนี้ลมช่วยเขาไว้ได้มากจริงๆ ถ้าวันนี้ไม่ได้ลมเขากับลูกชายคงต้องเปียกฝนเเน่ๆ ต่อให้เขาห่อเจ้าลูกชายด้วยเสื้อกันฝนดีขนาดไหน มันก็ต้องมีบางส่วนที่ชื้นๆเปียกๆเเน่นอน

"ไม่เป็นไร สำหรับทีเเละลูกพี่เต็มใจ"


ใช้เวลาสักพักใหญ่ๆกว่าที่ทั้งคู่จะเดินทางมาถึงที่ทำงาน เนื่องจากฝนที่ตกหนักทำให้การจราจรติดขัดจนน่าเบื่อ นาทีโทรฯมาบอกคีย์ล่วงหน้าเเล้วว่าอาจจะมาถึงร้านสาย คีย์เองก็เข้าใจไม่มีปัญหาอะไร เเต่ลมกลับไม่ใช่อย่างนั้น เพราะตอนนี้เลขาของเขานามว่าขุน กำลังของขึ้นเพราะว่าเขาไม่ยอมรับโทรศัพท์ เเละคาดว่าถ้าเขาเดินไปถึงห้องทำงาน คงโดนบ่นจนหูชาเเน่ๆ

"ที"

"......................"

"อีกสามวันพี่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ"

"คุณลมมาบอกผมทำไมล่ะครับ"

"พี่อยากบอกให้รู้ เพราะพี่ไม่อยากหายไปเฉยๆเหมือนครั้งก่อนอีก"

คำว่าหายไปเฉยๆเหมือนครั้งก่อน สะกิดไปโดนเเผลใจของนาทีจังๆ จนรู้สึกเจ็บจี๊ดภายในอก แผลที่พยายามรักษาให้หายสนิท โดนสะกิดจนเลือดซิบๆอีกจนได้

"คุณลมจะหายไปเฉยๆหรือไม่ได้หายไป ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมอยู่เเล้วนี่ครับ ผมไม่ได้มีความสำคัญกับคุณลมขนาดนั้น" เพราะโดนสะกิดเเผลใจ อารมณ์ของนาทีจึงไม่คงที่

"สำคัญสิ ทีสำคัญสำหรับพี่นะ ไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้หรือเเม้กระทั่งต่อจากนี้ไป"

"ฟังดูตลกจังเลยนะครับ สำคัญเหรอครับ ถ้าเป็นคนสำคัญเเล้วโดนทิ้งไปเเบบไม่ไยดี ผมขอเป็นคนธรรมดาเเทนได้ไหมครับ" ยิ่งพูดอารมณ์น้อยใจก็ยิ่งพลุ่งพล่าน สิ่งที่ไม่อยากจะพูดถึงก็พูดขึ้นมาอย่างง่ายดาย ดวงตาของนาทีตอนนี่เเดงก่ำ เพราะพยายามที่จะฝืนไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เขาร้องไห้มามากพอเเล้ว ไม่อยากร้องไห้อีกเเล้ว ไม่อยากเเล้วจริงๆ

"พี่ไม่ได้จะตั้งใจทิ้งทีไปนะ พี่ขอโอกาสอธิบายได้ไหม"

"ไม่ได้ตั้งใจเหรอครับ พูดออกมาง่ายจังเลยนะครับ ขอโอกาสเหรอครับ ทำไมคุณถึงคิดว่าผมจะให้ง่ายๆล่ะครับ ทั้งๆที่ตอนนั้นคุณเองก็ไม่ให้โอกาสอะไรผมเลย ฮึก!" เเย่ละสินาที นายมันอ่อนเเอชะมัด สุดท้ายน้ำตาที่ฝืนไว้ก็ไหลออกมาจนได้ ความรู้สึกที่อัดเน้นอยู่ภายใน ก็ระเบิดออกมาอย่างง่ายดาย

"ตั้งเเต่วันที่คุณทิ้งผมไป ผมคิดเข้าข้างตัวเองตลอดว่าคุณคงไม่ทิ้งผมไปไหน อีกไม่นานคุณจะกลับ ฮึก! กลับมา ผมรอคุณวันเเล้ววันเล่า ก็ไม่มี ฮึก! ไม่มีวี่เเววว่าคุณจะกลับมาเลยสักนิด ผมหวังจนหมดหวัง พี่ลม ฮึก! พี่ลมใจร้ายกับทีมากเกินไป ใจร้ายที่สุด ฮือ!"

ลมที่เห็นนาทีร้องไห้ก็รีบโน้มตัวไปดึงร่างบางเข้ามากอดไว้เเน่นแนบอก นาทีที่ตอนนี้กำลังเสียใจและสติที่ไม่อยู่กับตัว ก็ไม่คิดจะฝืนตัวเองไว้สักนิด ปล่อยให้ตัวเองไปอยู่ในอ้อมกอดลมอย่างง่ายดาย

อ้อมกอดที่ห่างหายไปเนิ่นนาน....


"พี่ขอโทษนะ น้องที..พี่ลมขอโทษนะครับ" ลมพร่ำบอกขอโทษพร้อมกับจูบขมับของนาทีเบาๆเพื่อปลอบประโลม

ปึก!  ปึก!

นาทีใช้ฝ่ามือน้อยๆของตัวเองตีหลังลมเเรงๆ เพื่อระบายอารมณ์ ลมเองก็ไม่คิดที่จะขัดขืน ปล่อยให้คนในอ้อมกอดได้ระบายอารมณ์ออกมาเต็มที่

"พี่ลมใจร้าย ทีเจ็บ ฮึก! ทีเจ็บมากๆ ถ้าพี่ลมจะทิ้งที หรือไม่รักทีเเล้วก็บอกกันดีๆก็ได้ อย่างน้อยๆ ฮึก! ฮือ~ อย่างน้อยๆบอกมาว่าทีดีเกิน ยังดีกว่าอีก"

" ไม่ที พี่รัก พี่ลมคนนี้ยังรักนาทีเสมอ ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ รัก พี่รักทีนะ"

"ฮือออออออออออออออออออออ~~ ทีโกรธพี่ลม ทีน้อยใจพี่ลม ทีไม่อยากเจอพี่ลมมากพอๆกับที่ทีอยากเจอพี่ลม ทีจะทำยังไงดี"

"ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ทีไม่ต้องทำอะไรทั้ง เดี๋ยวพี่จะง้อทีเองนะ ง้อจนกว่าทีจะหายโกรธเลยดีไหม ไม่ว่านานเเค่ไหนพี่ก็สู้  เเบบนี้ดีไหม ไม่ร้องเเล้วนะเด็กดีไม่ร้องเเล้วนะ"

ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากของที มีเเค่การพยักหน้าขึ้นลงอยู่ในอ้อมกอดของลมเท่านั้น

ลมใช้เวลาปลอบนาทีอยู่พักใหญ่ๆกว่าที่นาทีจะหยุดร้องไห้ เมื่อสติกลับคืนมาร้อยเปอร์เซ็นต์ นาทีก็อดที่จะรู้สึกอายไม่ได้ เขาไม่น่าสติหลุดจนเผลอทำเรื่องน่าอายไปเลย ไหนจะคำพูดต่างๆที่พูดออกไปอีก เเถมยังเรียกคุณลมว่าพี่ลมเหมือนเมื่อครั้งก่อนที่จะจากกันอีก โอ๊ย! ไอ้นาทีเอ้ย จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนวะเนี่ย

ถึงเเม้เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าจะน่าอายไปสักหน่อย เเต่มันก็มีความโล่งใจเกิดขึ้นอยู่ด้วย ราวกับว่าได้ยกหินที่ถ่วงอยู่ในอกให้ออกไปบ้างบางส่วนเเล้ว

"ขอโทษครับ" นาทีก้มหน้างุดเอ่ยขอโทษคนที่นั่งเบาะข้างๆด้วยเสียงที่เเผ่วเบา

ลมยิ้มเล็กน้อย เเววตาฉายเเววเอ็นดูคนข้างๆอย่างเห็นได้ชัด

"ไม่เป็นไรครับ............. เเต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน พี่ยังอยากที่จะอธิบายให้ทีฟังอยู่นะ ถึงเเม้ว่าทีจะไม่หายโกรธก็ไม่เป็นไร เเต่ขอให้พี่ได้อธิบายหน่อยได้ไหม"

"สายมากเเล้ว ผมว่าไปทำงานกันเถอะครับ" นาทีเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง กระชับกระเป๋าในมือเเน่น ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว

ลมถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางของนาที จากนั้นก็รีบลงจากรถเเล้วก้าวตามคนตัวเล็กไปยังหน้าลิฟต์ 

บริเวณลานจอดรถชั้นนี้มีลิฟต์สองตัว นาทีกดลิฟต์ตัวนึงสำหรับขึ้นไปด้านบน อีกตัวสำหรับลงด้านล่าง ลมที่เห็นเเบบนั้นก็ไม่อยากจะคัดค้านอะไรให้คนตัวเล็กต้องโกรธอีก ถึงเเม้เขาอยากจะเดินไปส่งจนใจเเทบขาดก็ตาม

รอไม่นานลิฟต์สำหรับลงด้านล่างก็เปิดออกก่อนที่จะเดินเข้าลิฟต์ไปนาทีหันมาพูดประโยคหนึ่งกับลม เเละประโยคนั้นทำให้ลมดีใจถึงกับยิ้มจนเเก้มเเทบปริ 

"ไว้คุณลมกลับมาจากต่างประเทศเมื่อไหร่ ค่อยมาอธิบายให้ผมฟังนะครับ ผมจะรอ"






...........................................................

TBC.

อธิบายดีๆนะพี่ลม เหตุผลไม่ดีระวังบ้านบึ้มนะเพ่

 ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (บทนำ) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 13-10-2021 13:02:13
  :bye2: o13
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (บทนำ) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 13-10-2021 23:11:36
สนุกมากกกกก
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 8) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 13-10-2021 23:29:25
8
คิดถึงเนอะหม่าม้า

" ~เหตุเกิดจากความเหง๊าที่ทำให้รู้เธอสำคัญเพียงใด ความห่างไกล๊มันทำให้ฉันคิดถึงเธออออออ~~.." (ขอบคุณเพลง เหตุเกิดจากความหงา - อีโมชั่น ทาวน์)

"อยากปิดร้านเเบบถาวรเหรอคีย์ ถึงได้ไล่ลูกค้าทางอ้อมเเบบนี้"

"ไอ้ที!"

"พี่คีย์ก็อย่าไปแหย่พี่ทีเขาสิครับ ช่วงนี้พี่ทีเขาอารมณ์ไม่คงที่เพราะว่า....จากปากช่องมา เจ้าลืมสัญญา สองเราเมื่อสายัณห์ ~... (ขอบคุณเพลง สัญญาเมื่อสายัณห์ - ไท ธนาวุฒิ)

"เพลงมึงโดดไปหน่อยไหมไอ้เปอร์"

"เอ้า! เหรอครับ ฮ่าๆๆๆ"

"เฮ้ออออ!" นาทีถอนหายใจหนักๆให้กับเจ้านายลูกน้องคู่ซี้ ที่ตอนนี้กำลังรวมตัวกันเเกล้งเขา จนเขาอยากจะส่งขนมปังชิ้นโตๆเข้าปากทั้งสองคนเพื่อที่ปากจะได้ไม่ว่างมานั่งร้องเพลงแซ็วเขาอยู่

"พี่คีย์กับพี่เปอร์ไปล้อพี่ทีเเบบนั้นได้ยังไงคะ นิสัยไม่ดีเลย เนอะพี่ทีเนอะ"

"ขอบคุณนะวุ้น" นาทีส่งยิ้มให้วุ้นเป็นการขอบคุณ ที่อย่างน้อยก็ยังมีวุ้นคนนึง ที่อยู่ข้างเขา

"ไม่เป็นไรค่ะพี่ทีวุ้นเข้าใจ เเต่วุ้นก็อยากจะบอกอะไรพี่ทีหน่อยนะคะว่า ... อยู่ห่างกันนิดนึง ให้ความคิดถึงได้ทำงาน ให้รักได้พักซะบ้างก่อนมันจางหาย~~ นะคะพี่ที" (ขอบคุณเพลง ให้ความคิดถึงได้ทำงาน -โบ สุนิตา)

"ฮ่าๆๆๆๆ" "ฮ่าๆๆๆๆๆๆ"  สิ้นเสียงร้องเพลงของวุ้น ทั้งคีย์เเละเปอร์ต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน

"วุ้น~~" นาทีเรียกชื่อวุ้นออกมาด้วยความอ่อนใจ ดูเอาเถอะคนในร้านนี้ มันน่าจับมาตีเรียงคนซะเหลือเกิน

เหตุการณ์เเบบนี้เกิดขึ้นติดต่อกันมาเป็นเวลากว่าสามวันเเล้วตั้งเเต่ที่คุณลมเดินทางไปต่างประเทศ

"คิดถึงก็บอกไป" คีย์

"ใจไม่ไหวก็อย่าฝืน นะครับพี่ที" เปอร์

"ไม่ได้คิดถึงสักหน่อย"

"หราาาาาาาาา!" ทั้งคีย์เเละเปอร์ต่างก็ส่งเสียงออกมาพร้อมกันอีกครั้งโดยไม่ได้นัดหมาย

"ไม่มีอะไรทำกันเหรอทั้งสองคน ถึงมายืนเเซ็วอยู่ได้ เปอร์ที่พี่บอกให้เราไปซื้อของเราไปซื้อหรือยัง มัวเเต่ยืนคุยอยู่ได้"

"โห ไล่กันทางอ้อมนี่น่าพี่ที...จะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เเหละค้าบ"

"ไม่ อย่ามองกู กูเจ้าของร้านกูจะเดินไปทางไหนก็ได้"

"เฮ้อ!"

"แล้วยังไงสรุป ได้เปิดใจคุยกันยัง" คีย์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆนาที ก่อนจะเอ่ยถามคำถามด้วยเสียงที่จริงจัง ไร้วี่เเววของความหยอกเล่นเหมือนก่อนหน้านี้

"ยังเลย"

"มึงรออะไรวะไอ้ที กูว่านะคุยให้มันจบๆไปเหอะ จะได้รู้ว่าควรทำยังไงต่อ ยืดยื้อไปก็มีเเต่บั่นทอนใจกันไปเปล่าๆ กูรู้ว่ามึงเจ็บหนักมาก่อน เเต่บางทีการพูดคุยกัน ถึงมันจะไม่ทำให้หายเจ็บเเต่มันก็อาจจะช่วยบรรเทาให้มันเกือบจะหายดีก็ได้นะมึง"

"เราก็คิดเเบบนั้น"

"อ้าว เเล้ว?"

"เราเลยบอกคุณลมว่า ไว้รอคุณลมกลับมาจากต่างประเทศก่อน เเล้วค่อยมาคุยเรื่องนี้กัน"

"อ่อ เออ ดีเเล้วๆ มึงทำถูกเเล้วนาที"

"ขอบคุณนะ"

คีย์เอื้อมมือไปตบบ่าเพื่อนเบาๆเพื่อเป็นกำลังใจให้ เขาอยากให้ทั้งสองคนได้พูดคุยกันสักที เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้นมาบ้าง เขาอยากให้เพื่อนรักมีความสุข เขามั่นใจว่าถ้าได้เปิดใจคุยกัน ทั้งคู่จะมีความสุขมากๆเเน่ๆ ก็ในสายตาของทั้งสองคนที่มองกัน มันยังคงมีความรักอยู่ในดวงตาเต็มเปี่ยม ดวงตามันโกหกกันไม่ได้หรอกนะ

ยิ่งช่วงเวลาสามสี่วันก่อนที่คุณลมต้องเดินทางไปต่างประเทศ คีย์เห็นว่าคุณลมตามติดเพื่อนของเขากับน้องตุลย์เเจเลย บางวันช่วงพักเที่ยงก็ลงมาหา ตอนเย็นก็รอรับเพื่อนเขากับหลานกลับบ้าน ตอนเช้าก็ไปรับ น้องตุลย์ก็ดูมีความสุขมากเวลาที่ได้อยู่กับคุณลม น้องตุลย์ยิ้มกว้างมากกว่าที่เคยเป็น ไอ้ทีเองก็เเอบยิ้มอยู่บ่อยๆ

ถึงเเม้ว่านาทีเองจะยังคงเจ็บเเละกลัว ไหนจะความน้อยใจที่ยังคงมีอยู่  เเต่คีย์เชื่อเหลือเกินว่า อีกไม่นานเพื่อนเขาจะต้องได้ครอบครัวที่อบอุ่นกลับคืนมาเเน่ๆ เวลาจะเป็นตัวช่วยเยียวยาพวกเขาเอง  ไหนจะพ่อคิวปิดตัวน้อยที่สุดเเสนจะน่ารักอย่างน้องตุลย์อีก ลูกคนที่สองไม่มาก็ไร้น้ำยาสุดๆเเล้วคุณลม เเต่ช่วงนี้ก็คงต้องปล่อยให้คนเป็นเเม่เล่นตัวต่ออีกสักนิด มันก็เจ็บของมันมาเยอะอ่ะเนอะว่าไม่ได้

"ว่าก็ว่านะ เเต่ว่าที่ผัวมึงนี่หล่อชิบหาย โอ๊ย! มึงตีกูทำไมเนีย"

"ก็คีย์พูดจาไม่น่าฟัง"

"อะไรวะ? กูก็พูดเรื่องจริงทั้งนั้น เออๆๆๆ ไม่พูดก็ได้" คีย์ต้องกล่าวยอมจำนนอย่างขัดใจ เมื่อเห็นฝ่ามือของนาทียกขึ้นเตรียมพร้อมที่จะฟาดลงมาที่เขา มันเห็นกูเป็นลูกมันหรือไงวะ

"แต่วันนั้นที่เจอคุณลมครั้งเเรกที่หน้าร้าน กูนี่ใจสั่นเลย เข้มๆ คมๆ ตัวสูง หุ่นดี ผู้ชายในอุดมคติกูชัดๆ ถ้าไม่ติดกับว่าเขาเป็นว่าที่ผัวเพื่อนรักกูนะ กูจีบไปเเล้ว"

"อยากจีบก็จีบไปสิ"

"โอ๊ะ เหมือนจะมีคนหวง"

"เราไม่ได้หวง"

"กูก็ยังไม่ได้เอ่ยชื่อมึงเลยนะที ร้อนตัวว่ะ"

นาทียู่หน้าใส่คีย์ด้วยความขัดใจ ไม่ว่าจะเถียงกันกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยจะชนะคีย์ได้เลยสักครั้ง มันน่าเจ็บใจจริงๆ

"หรือกูจะจีบคุณลมดี เมื่อกี้มึงก็อนุญาตเเล้วหนิ กูจำนะบอกก่อน เเละอย่างน้อยนะมึง ถ้าน้องตุลย์มีกูเป็นเเม่เลี้ยง มึงก็ตัดปัญหาเเม่เลี้ยงใจร้ายกับลูกเลี้ยงไปได้เลยนะเว้ย"

"ใครจะยกให้ เราไม่ยกให้คีย์หรอก"

"ไม่ยกให้นี่พ่อหรือลูก" คีย์เอียงคอ มองนาทีด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ พร้อมกับส่งรอยยิ้มล้อเลียนไปให้นาทีอีกด้วย

"มะ ไม่คุยด้วยเเล้ว" นาทีที่ไม่อยากเถียงต่อกับคีย์เพื่อให้ตัวเองต้องจนมุมไปมากกว่านี้ รีบลุกจากเก้าอี้ ก้าวเร็วๆเข้าไปหลังร้านทันที

"หน้ามึงเเดงมากนะไอ้ที หมายถึงพ่อก็บอกมาตรงๆดิว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ" คีย์ตะโกนตามหลังนาทีด้วยความชอบใจ ไอ้ทีเอ้ย! หวงก็บอกว่าหวงดิวะ ปากบอกไม่หวง เเต่สีหน้ากับเเววตามึงมันยิ่งกว่าหวงเสียอีก  คีย์ส่ายหัวน้อยๆให้กับพฤติกรรมความขัดเเย้งในตัวเองของเพื่อนรัก ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่เจ้าของร้านที่ดีต่อด้วยความอารมณ์ดี

ฝ่ายนาทีเองก็มายืนสงบสติอารมณ์อยู่หน้าเตาอบเค้ก เขายกมือทั้งสองข้างตบเเก้มตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมาหลังจากที่โดนคีย์เเหย่นิดๆ ก็ดันเเสดงอาการออกมาซะอย่างนั้น อายก็อาย  ไหนจะเเก้มที่ขึ้นสีเเดงระเรื่อ เพราะความเขินอายที่โดนคีย์เเซ็วอีก เขารู้ว่าคีย์เเค่พูดหยอกเขาเท่านั้นเอง เเต่มันก็อดที่จะรู้สึกไม่ได้ นาทีได้เเต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันหมายหัวคีย์ไว้ในใจ อย่าให้ถึงทีเขาบ้างนะ เขาจะเเหย่จนต้องร้องขอชีวิตเลย คีตกานต์!


ครืด!ครืด!   ครืด!ครืด!


ในขณะที่กำลังพูดคุยกับตัวเองอยู่ จู่ๆโทรศัพท์ที่เงียบสงบมาตั้งเเต่เช้า ก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา นาทีรีบคว้าโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรฯเข้ามา ก็เผลอเเสดงอาการดีใจออกมาโดยไม่รู้ตัว

"ครับ"

(ทีทำอะไรอยู่ครับ พี่โทรฯมากวนหรือเปล่า)

"ไม่ครับ คุยได้ ผมกำลังจะเก็บอุปกรณ์ทำขนมล้างครับ"

(วันนี้พี่ยุ่งทั้งวันเลยไม่ได้โทรฯหาเลย"

"........................"

(ที่นั่นฝนตกไหมครับ ที่นี่ฝนตกหนักเลยครับ"

"ไม่ตกครับ"

(ดีจังเลย ...... 'เฮียเสร็จยัง'  อืม ไปเดี๋ยวนี้เเหละ)

"คุณลมไปทำธุระให้เสร็จก่อนก็ได้ครับ เเล้วค่อยโทรฯมาใหม่" นาทีเอ่ยบอกลมออกไป เพราะเขาได้ยินเสียงคุณขุนลอดเข้ามาภายในโทรศัพท์ เเละเขาก็ได้ยินลมตอบกลับไปด้วย นาทีไม่อยากให้ลมเสียงานเสียการเพราะเขา

(ครับ จริงสิพี่เกือบลืมเลย พี่จะโทรฯมาบอกทีว่า วันนี้ตอนค่ำพี่อาจจะไม่ได้โทรฯหานะครับ)

เมื่อได้ยินคำว่าอาจจะไม่ได้โทรฯหา สีหน้าของนาทีก็หม่นลงทันที อยู่ๆหัวใจก็หน่วงๆ

(พี่ฝากบอกลูกด้วยนะครับ อ้อ! พี่ฝากทีหอมเเก้มลูกเเทนด้วยนะครับ เเล้วก็ ฝากบอกลูกว่าให้หอมเเก้มเเม่เเทนป๊าด้วย ไว้ถ้าป๊ากลับเเล้ว จะกลับไปหอมเองทั้งเเม่ทั้งลูกเลยครับ)

จากที่หม่นๆก่อนหน้านี้ ตอนนี้หน้าของนาทีกลับร้อนผ่าวด้วยความเขินอายเเทนเสียเเล้ว

"คะ ใครจะให้คุณหอมกัน"

(หว่า เศร้าใจจัง พี่ต้องไปแล้วนะครับ ทีดูเเลตัวเองดีๆนะครับ คิดถึงนะครับ)

(คุณลมก็อย่าป่วยนะ ไม่จำเป็นก็อย่าไปตากฝนเล่นอีกนะครับ ตั้งใจทำงานนะครับ)

(ครับผม)

ตู๊ดๆๆๆๆๆ สายตัดไปแล้ว

"เฮ้ออออออออออ! สงสัยจะคิดถึงเขาจริงๆเเหละเรา"



.................................................................


"สองทุ่มเเล้วนะครับ น้องตุลย์ของหม่าม้ายังไม่ง่วงนอนอีกเหรอครับ" นาทีก้มหน้าไปมองลูกชายตัวน้อยที่ตอนนี้กำลังนอนซบพุงเขาอยู่ เด็กชายตุลย์เองเมื่อได้ยินคำถามของหม่าม้าก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาที่ใสเเป๋ว

"ตูนตูนคิดถึงลุงลม"

คนเป็นเเม่เมื่อได้ยินคำตอบของลูกชาย ก็ยกมือขึ้นลูบหัวเด็กชายเบาๆเป็นการปลอบประโลม

"ลุงลมต้องไปทำงานครับ"

"ตูนตูนรู้ เเต่ตูนตูนก็ยางคิดถึง" เด็กชายตุลย์มองหน้าหม่าม้าของตัวเอง พร้อมกับสายตาอ้อนๆ

"เอาไว้พรุ่งนี้เช้า เราลองโทรฯหาลุงลมกันดีไหมครับ เผื่อลุงลมว่าง น้องตุลย์ก็จะได้คุยกับลุงลม"

"ดีเยยหม่าม้า ตูนตูนอยากคุย คุยกับลุงลม" จากที่กำลังนอนอยู่ เด็กชายตุลย์ลุกมานั่งเเทบจะทันทีที่ได้ยินคนเป็นเเม่บอกว่าพรุ่งนี้จะโทรฯหาคุณลุงคนโปรดให้ เขาคิดถึงลุงลมมากๆเลย ลุงลมใจดี ลุงลมเท่มากๆ ลุงลมเล่นด้วยก็สนุก อีกอย่างเวลาโดนลุงลมกอดตูนตูนชอบมากเลยเพราะมันอุ่น อุ่นเหมือนอ้อมกอดของหม่าม้าเลย

"เพิ่งรู้จักกับลุงลมได้ไม่นาน เเต่เหมือนว่าน้องตุลย์ของหม่าม้าจะรักลุงลมมากกว่าหม่าม้าซะเเล้วสิ"

"ม่าย ม่าย รักเท่ากัน ตูนตูนรักหม่าม้าที่สุด ฟอด ฟอด"  เด็กชายตุลย์รีบบอกรักหม่าม้าทันที เพราะกลัวว่าหม่าม้าจะน้อยใจ เเถมด้วยการขยับตัวเข้าไปหอมแก้มอีกสองฟอดใหญ่ๆเพื่อเป็นการยืนยันว่าตูนตูนรักหม่าม้าจริงๆนะ

"ครับ หม่าม้าเชื่อครับ ว่าน้องตุลย์รักหม่าม้าที่สุด ฟอด ฟอด " ในตอนเเรกนาทีเพียงเเค่ต้องการจะเเซ็วลูกชายเล่นก็เท่านั้นเอง เเต่เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายเเล้วอดจะรู้สึกผิดไม่ได้ ดูเจ้าลูกชายตัวน้อยจะตกใจมากพอดู นาทีจึงรับคำของเด็กชายตุลย์อย่างง่ายดาย พร้อมกับหอมเเก้มนิ่มเป็นการยืนยัน ว่าหม่าม้าเชื่อน้องตุลย์นะครับ

"คิคิ ตูนตูนรักหม่าม้า"

"เจ้าเด็กน่ารักเอ้ย" นาทียื่นมือไปขยี้หัวลูกน้อยเเรงๆด้วยความมันเขี้ยว ยิ่งรอยยิ้มหวานๆที่ส่งมาตอนบอกรัก มันยิ่งทำให้เขาอยากจับเจ้าตัวมาฟัดให้ช้ำเสียจริงๆ

"มาครับน้องตุลย์ มานอนกัน นอนดึกเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายนะ"

"นอน นอนเยย หม่าม้าปิดฟาย"

"หืม ทำไมตอนนี้ดูตื่นเต้นอยากจะนอนจังครับ เมื่อกี้ยังงอเเงไม่ยอมนอนอยู่เลย" นาทีเอ่ยถามลูกชายเมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของเจ้าตัว

"รีบนอน จะด้ายรีบตื่นมาคุยกับลุงลมงายหม่าม้า ตื่นสายอดคุยเยย"

นาทีมองลูกชายด้วยความเอ็นดู ดูท่าเเล้วลูกเขาคงจะคิดถึงคุณลมน่าดู ขนาดรู้จักกันได้ไม่นานก็ติดคุณลมมากขนาดนี้เเล้ว สายใยพ่อลูกไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

"น้องตุลย์ครับ"

"คับ"

"น้องตุลย์ชอบลุงลมไหมครับ"

"ชอบคับ ตูนตูนชอบลุงลม ลุงลมเท่ เเล้วก็ใจดีมากๆเยยหม่าม้า"

"ขนาดนั้นเลยเหรอครับ"

"คับ ลุงลมเลี้ยงไอติมตูนตูนทุกวัน โอ๊ะ! อุ๊บ!" เด็กชายตุลย์ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันที เมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอพูดความลับออกไปเสียเเล้ว หางตาเหลือบไปมองหม่าม้าที่นอนอยู่ข้างๆ ก็เห็นสายตาดุๆมองมาทางเขาอยู่ เด็กชายตุลย์ในตอนนี้กู่ร้องอยู่ภายในใจ ลุงลม เเย่เเล้วคับ

"หืม น้องตุลย์มีอะไรจะบอกหม่าม้าไหมครับ"

"มีคับ" เด็กชายตัวน้อยรับคำเสียงอ่อย ยอมปริปากเล่าให้หม่าม้าฟังว่าเวลาลุงลมไปรับที่โรงเรียนโดยที่หม่าม้าไม่ได้ไปด้วยเขาจะได้กินไอติมเสมอ หรือบางทีตอนที่เขาไปเล่นกับต้นหญ้าบนตึก ลุงลมจะเเวะมาหาเเล้วก็ซื้อไอติมมาให้เขาตลอดเลยด้วย

"ทานทุกวันเลยเหรอครับ"

"ม่ายทุกวันนะหม่าม้า เเต่บ่อยๆ"

"ทานได้หม่าม้าไม่ว่า เเต่เราต้องทานเเต่พอดีรู้ไหมครับ มันอร่อยก็จริง เเต่บางอย่างมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ หม่าม้าไม่ได้ดุน้องตุลย์นะ เเต่หม่าม้าเเค่อธิบายให้ฟัง น้องตุลย์เข้าใจใช่ไหมครับ บางสิ่งบางอย่างที่หม่าม้าห้ามหรือไม่ตามใจน้องตุลย์ เพราะว่าหม่าม้าเป็นห่วงน้องตุลย์มากๆ"

"คับ หม่าม้า ตูนตูนขอโทด" เด็กชายตุลย์ขยับศีรษะน้อยๆของตัวเองไปถูกับเเขนหม่าม้าด้วยความออดอ้อน คนเป็นเเม่เเบบนาทีจะทำไงได้ ยามได้เห็นท่าทางออดอ้อนของลูก ก็ทำได้เเค่ก้มลงหอมหัวเเรงๆไปหนึ่งทีก็เท่านั้น

"เเต่กับลุงลม หม่าม้าต้องดุหนักๆสักหน่อย"

"หม่าม้าเบาๆน้า เดี๋ยวลุงลมร้องห้าย"

"ห่วงจริงๆเลยนะ กับลุงลมเนี่ย ห๊ะ เจ้าเด็ก" นาทีใช้นิ้วจิ้มพุงน้อยๆของลูกชายอย่างหยอกล้อ

"คิคิ.......หม่าม้า"

"ครับ"

"ต้นหญ้าบอกว่า ลุงลมเป็นป๊าของตูนตูนด้วย"

นาทีรู้สึกตกใจไม่น้อยกับคำพูดของลูกชายที่พูดออกมา เขารู้สึกสงสัยขึ้นมาในทันทีว่าทำไมน้องต้นหญ้าที่เป็นเพื่อนกับลูกชายถึงพูดออกมาเเบบนั้น

"หืม ทำไมต้นหญ้าถึงบอกเเบบนั้นล่ะครับ" นาทีพยายามควบคุมเสียงตัวเองให้เป็นปกติที่สุด

"วันนั้นตูนตูนเล่น เเล้วเกือบหล่น เเต่ลุงลมมารับไว้ทัน ตูนตูนเลยไม่เจ็บ"

"เมื่อไหร่ครับ ทำไมหม่าม้าไม่รู้เลย" ตอนนี้นาทีไม่รู้เเล้วว่าเขาควรจะตกใจกับเรื่องไหนดี ดูเหมือนวันนี้จะมีเรื่องให้เขาตกใจมากเหลือเกิน

"วันที่หม่าม้ามารับม่ายด้าย ต้นหญ้าบอกคุณครูเรียกลุงลมว่าคุณพ่อ ต้นหญ้าบอกว่าลุงลมเท่เหมือนซูเปอร์เเมนเลย ต้นหญ้าบอกอยากห้ายคุณพ่อเท่เเบบพ่อของตูนตูนบ้าง พ่อของตูนตูนเท่มาก"

"เหรอครับ"

"คับ.... เพื่อนคนอื่นก็บอกว่าลุงลมเท่"

"เเล้วน้องตุลย์ล่ะครับ คิดว่าไง"

"ลุงลมของตูนตูนเท่ที่ฉุดเยยคับ.......หม่าม้า ตูนตูนไม่มีป๊าจริงๆเหรอคับ" น้ำเสียงเศร้าๆของเด็กชายตัวน้อยพาลทำให้คนเป็นเเม่น้ำตาเริ่มคลอ

"มีสิครับ" นาทีบอกกลับลูกชายด้วยความอ่อนโยน

"แต่หม่าม้าบอกป๊าม่ายอยู่เเล้ว"

"..............................."

"หม่าม้า ถ้าตูนตูนขอให้ลุงลมเป็นป๊าจะได้ป้าวคับ ตูนตูนรักลุงลม ตูนตูนมีความฉุกตอนอยู่กับลุงลม ตูนตูนชอบห้ายลุงลมกอด" เด็กชายมองหน้าคนเป็นเเม่อีกครั้งด้วยเเววตาประกายความหวัง ไม่ใช่ทุกคนที่เด็กชายตุลย์จะรู้สึกเเบบนี้ด้วย มีแค่ลุงลมของเขาคนเดียวท่านั้นที่เด็กชายตุลย์รู้สึกด้วย ยามที่ได้อยู่กับลุงลมเขาจะรู้สึกมีความสุข รู้สึกปลอดภัย เเละอุ่นใจมากๆ ไม่ต่างจากการได้อยู่กับหม่าม้าเลย

"ไว้ถ้าลุงลมกลับมา น้องตุลย์ลองถามลุงลมด้วยตัวเองดีไหมครับ" นาทีพูดบอกลูกชายพร้อมกับลูบศีรษะน้อยๆไปด้วย

"ลุงลมจะยอมมาเป็นป๊าห้ายตูนตูนม้ายนะ"

"หม่าม้าเชื่อว่าลุงลมก็รักน้องตุลย์มากๆ เเละลุงลมไม่ทำให้น้องตุลย์ผิดหวังเเน่นอนครับ"

"จริงหย๋อหม่าม้า หม่าม้าพูดจิงหย๋อ" ความตื่นเต้นทำให้เด็กชายตุลย์ถึงกับพูดออกมาไม่ชัด

"จริงครับ ไว้ลุงลมกลับมาเราไปถามลุงลมด้วยกันนะ เเต่วันนี้เด็กดีถึงเวลานอนเเล้วครับ หลับตานะครับ"

"คับ"

"ฝันดีนะครับ"

"หม่าม้าก็ฝันดีน้า~~"

นาทีก้มจูบหน้าผากลูกชายเบาๆ หวังให้คืนนี้ลูกชายของเขาฝันดีตลอดคืน

มันคงถึงเวลาเเล้วสินะ ที่คุณลมกับน้องตุลย์ จะได้เจอกันในสถานะพ่อกับลูกเสียที


น้องตุลย์จะมีป๊าเเล้วนะครับ หนูดีใจใช่ไหม


ต่อไปหนูคงจะยิ้มได้กว้างกว่าทุกๆวันที่ผ่านมาแน่นอนเลยใช่หรือเปล่าครับ..........


ฝันดีนะครับ คนดีของหม่าม้า.........




............................................................

TBC.

รีบเคลียร์เลยหม่าม้า ป๊ารอปั๊มคนที่สองอยู่นะ


ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ

ขอบคุณค่ะ 
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (บทนำ) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 14-10-2021 00:38:33
 :3125: o13
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (บทนำ) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 14-10-2021 03:57:46
พึ่งจะมาอ่านค่ะ...
อ่านไปยิ้มไปสนุกกับการอ่านจนกลัวเลยค่ะ...
กลัวว่าจะมีดราม่าเคล้าน้ำตา...
แอบสปอยนิดได้มัยคะว่าจะมีดราม่าประมาณไหน
จะได้เตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆอะคะ...  :hao5:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 9) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 14-10-2021 04:23:08
9
หม่าม้าอยู่ไหน

หลังจากที่ส่งลูกชายเข้านอนเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว คนเป็นเเม่อย่างนาทีก็เดินลงมาด้านล่างบริเวณห้องครัว เพื่อเตรียมของที่จะทำอาหารในวันพรุ่งนี้

พรุ่งนี้ลูกชายตัวน้อยของเขาบอกว่า อยากจะห่อข้าวผัดคุณหมีที่มีไส้กรอกคุณปลาหมึกไปกินที่โรงเรียน เเถมยังมีการเน้นย้ำส่งท้ายด้วยว่า หม่าม้า ตูนตูนขอบ็อก'ลี่กับมะเขือเทศเยอะๆด้วยนะหม่าม้า ทำให้ตอนนี้นาทีจึงต้องลงมาดูว่าของในตู้เย็นมีครบไหม จะใส่อะไรเพิ่มลงไปอีกบ้างเพื่อให้สารอาหารครบถ้วน เเละเมนูมื้อเช้าควรจะทำอะไรดี

ใช้เวลาเตรียมของไม่นานก็เสร็จสิ้น นาทีมักจะลงมาเตรียมของทำอาหารเเบบนี้เสมอหลังจากที่ส่งลูกชายเข้านอนเเล้ว ตอนเช้าจะได้ง่ายต่อการทำ เขาไม่อยากทำอาหารเเช่เย็นค้างคืนไว้ เขาอยากให้ลูกชายทานอาหารสดใหม่ทุกๆวัน เเม้ว่าจะต้องตื่นเช้าสักหน่อยก็ไม่เป็นไร ก็เขามีลูกชายที่สุดเเสนจะน่ารักกับเขาอยู่คนเดียวนี่น่า เพื่อลูกต่อให้เหนื่อยเเค่ไหนเขาก็เต็มใจ ยามที่ได้รับรอยยิ้มของลูกชายกลับมามันก็ทำให้เขารู้สึกสุขใจเเละหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเเล้ว


ตี๊ดตี๊ด! ตี๊ดตี๊ด! ตี๊ดตี๊ด!

เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาส่งเสียงดังลั่นบ้าน นาทีที่กำลังสำรวจความเรียบร้อยของหน้าต่างหลังบ้านรีบเดินตรงมายังห้องรับเเขกอย่างรวดเร็ว

"ใครโทรฯมาป่านนี้เนี่ย" นาทีบ่นกับตัวเองเบาๆ ระหว่างเดินไปรับโทรศัพท์

'พี่ลม'

คิ้วของนาทีขมวดเข้าหากัน เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เเล้วเห็นว่าใครเป็นคน โทรฯมา

"เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ.........ฮัลโหลครับ" บ่นกับตัวเองเสร็จนาทีก็กดรับสายทันที

(ทียังไม่นอนใช่ไหมครับ)

"ยังครับ เเต่ก็กำลังจะนอนเเล้ว คุณลมมีอะไรหรือเปล่าครับ"

"เอ่อ...คือว่า"

"ครับ?" คิ้วของนาทียิ่งขมวดกันเน้นกว่าเก่า เมื่อคนในสายมีท่าทีอึกอัก ไม่ยอมพูดออกมา

(พอดีว่าตอนนี้พี่อยู่หน้าบ้านของที ถ้าทีไม่ว่าอะไรคืนนี้พี่ขอรบกวนหน่อยได้ไหมครับ)

"ครับ? อยู่หน้าบ้าน? หน้าบ้านผมเหรอครับ" ทีรีบเดินไปเปิดม่านตรงหน้าต่าง ชะเง้อมองออกไปยังประตูรั้วบ้าน ก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับใครสักคนที่ยืนอยู่ คุณลมมาได้ไงเนี่ย

"รอสักครู่นะครับ ตู๊ดตู๊ด!" นาทีบอกลมเสร็จก็กดตัดสายทิ้งไป ส่วนตัวเองก็รีบเดินออกไปหน้าบ้านเพื่อเปิดประตูรั้วให้อีกคนเข้ามา ตอนนี้นาทีทั้งงงทั้งตกใจ เเละก็ดีใจไปพร้อมๆกัน

"คุณลมมาได้ยังไงครับ" นาทีเอ่ยถามคนตรงหน้าทันทีที่ประตูรั้วเปิดออก

"พี่นั่งรถมาครับ"

"คุณลม!" นาทีเอ็ดลมเสียงดุ ดูเอาเถอะคนเขาถามด้วยความเป็นห่วง เเต่ดูเจ้าตัวตอบมาสิ มันน่าตีจริงๆเลย

"อย่าดุสิครับ พี่หยอกเล่นเอง พี่ให้กรมาส่งครับ ลงเครื่องเเล้วตรงมาที่นี่เลย....เเต่พี่ว่าเราเข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีไหมครับ น้ำค้างลงเเล้วด้วยเดี๋ยวทีจะไม่สบาย"

"อ่า..ครับ เชิญครับ" นาทีเบี่ยงตัวหลบให้ลมเดินเข้ามาภายในบ้าน เมื่อลมเดินเข้ามาเรียบร้อยเเล้ว ก็จัดการล็อกประตูรั้ว ก่อนจะรีบเดินนำลมเข้าบ้านไป

"คุณลมนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้"

"ครับ"

นาทีเดินเข้าไปในครัวไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมกับเเก้วน้ำเย็นในมือ

"นี่ครับ" นาทีวางเเก้วน้ำลงบนโต๊ะตัวเล็กหน้าโซฟาตรงหน้าของลม จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆกัน เพราะโซฟาที่บ้านของนาทีไม่ได้ใหญ่มาก มันจึงทำให้พื้นที่ว่างระหว่างพวกเขาไม่ห่างกันเกินไป 

"ขอบคุณครับ" ลมหยิบเเก้วน้ำขึ้นมาดื่มจนเกือบหมดเเก้วในคราเดียว

"คุณลมกลับมาตั้งเเต่เมื่อไหร่ครับ" วันนี้เป็นนาทีเองที่เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาระหว่างพวกเขาสองคน

"เพิ่งกลับมาถึงเมื่อกี้เองครับ พอลงเครื่องปุ๊บพี่ก็ให้กรมาส่งที่นี่เลยครับ" ลมตอบนาทีออกไป

ระหว่างที่เคลียร์งานอยู่ที่ต่างประเทศ ลมหักโหมเคลียร์งานจนเเทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ขุนบ่นเขาเช้าเย็นว่าอาจจะตายก่อนได้กลับมาเจอหน้าลูกเมียก็ได้ เเต่จะให้เขาทำไงล่ะ ก็เขาคิดถึงลูกเมียใจเเทบขาด ไหนจะคำพูดก่อนจากมาของนาทีที่บอกว่าจะยอมฟังเขาอธิบายหลังที่เขากลับมาจากต่างประเทศอีก เขาใช้เวลาสี่วันในการเคลียร์งานก็ถือว่านานมากเลยทีเดียว เสร็จงานปุ๊บลมก็ไม่รอช้า รีบให้ขุนจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่เร็วที่สุดทันที ให้เขารอกลับพรุ่งนี้เช้าเขารอไม่ไหวหรอก

"จะกลับมาไม่เห็นบอกกันเลยครับ"

"พี่อยากมาเซอร์ไพรส์"

"แล้วทำไมถึงไม่พักก่อนล่ะครับ หน้าคุณลมมันบ่งบอกว่าเหนื่อยมากเลยนะครับ"

"ก็พี่คิดถึงทีคิดถึงลูก ได้มาเห็นหน้าทีหน้าลูก ความเหนื่อยที่มีก็หายไปหมดเเล้วครับ"

"............" นาทีเม้มปากเน้น พยายามบังคับตัวเองไม่ให้เขินไปกับคำพูดของลม เเต่เหมือนว่าเเก้มกับใบหูทั้งสองข้างของเขาจะไม่เข้าใจคำสั่งของสมองสักนิด ตอนนี้มันเห่อร้อน เเละแดงก่ำยิ่งกว่ามะเขือเทศสุกเสียอีก

"อีกอย่าง พี่มาทวงสัญญาที่ทีบอกว่า ถ้าพี่กลับมาจากต่างประเทศเเล้ว จะยอมฟังพี่อธิบาย....... ตอนนี้ ทีพร้อมที่จะฟังหรือยังครับ" ลมเอ่ยถามอีกคนด้วยน้ำเสียงที่เเสนจะอ่อนโยนเเละปนไปด้วยความเว้าวอนไปในตัว

".............." นาทียังคงเม้มปากเน้น เจ้าตัวกำลังใช้ความคิดเเละชั่งใจอยู่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากฟัง เขาพร้อมที่จะฟัง เเต่เขาก็เป็นห่วง อยากให้ลมได้พักผ่อนก่อน เพราะหน้าของลมมันบ่งบอกว่าเจ้าตัวล้าเพียงใด เเต่คนอย่างคุณลมก็ดื้อดึงไม่ใช่เล่นๆ

"ครับ ผมพร้อมเเล้ว" รู้ว่าขัดขืนไปคุณลมก็คงไม่ยอม งั้นก็คุยกันซะตอนนี้เเหละ ยิ่งประวิงเวลาก็ยิ่งเสียเวลาเปล่า พูดคุยกันให้เข้าใจเเล้วให้อีกคนได้รีบพักผ่อนคงจะดีกว่า

ลมพยักหน้ารับ ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวที่ผ่านมา

"ทีจำคราวเเรกที่เราเจอกันได้ใช่ไหมครับ"

"........." นาทีพยักหน้ารับ

"วันนั้นพี่โดนลอบทำร้าย พ่อของพี่ให้พี่ช่วยไปดูงานสาขาที่เปิดใหม่ที่ชลบุรี ตอนนั้นพี่ก็เเค่วัยรุ่นทั่วๆไป ที่สนใจการใช้ชีวิตในเเบบที่ตัวเองชอบ พี่ไม่เคยคิดที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัว ในขณะที่คนอื่นเเข็งเเกร่ง พี่กลับไม่ใช่ ศัตรูของพ่อจ้องเล่นงานพี่ เพราะรู้ว่าพี่เป็นจุดอ่อนของครอบครัว วันที่โดนลอบทำร้ายสภาพพี่ก็เป็นอย่างที่ทีเห็นเลย"

"ครับ ผมจำได้ วันนั้นพี่สะบักสะบอมจนน่ากลัว" นาทีหน้าหม่นเเสงลง เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงสภาพของลมตอนเจอกันคราวเเรก สภาพมันรุนเเรงมากจริงๆ

"ครับ" ลมส่งยิ้มน้อยๆให้นาที "วันนั้นทีคือคนที่มีพระคุณกับพี่มากเลยรู้ไหม ในตอนเเรกพี่คิดเเค่ว่าพักรักษาตัวให้หายดีเเล้วก็จะกลับบ้าน เเต่พ่อของพี่บอกว่า ให้พี่หลบอยู่ที่นั่นก่อนเพราะพ่อกับพี่ชายของพี่กำลังตามล่าคนพวกนั้นอยู่ โดยที่ให้พี่อยู่เงียบๆ ห้ามใช้เครื่องมือสื่อสาร ห้ามออกไปไหน เเล้วก็ห้ามบอกอะไรกับใครทั้งนั้น โดยที่ช่วงนั้น มีกรคอยดูเเล คอยส่งข่าวให้พี่อยู่ห่างๆ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พี่ตามติดเราเเจเพราะคิดว่าเราน่าจะเป็นคนซื่อๆที่ใจดี เเละหลอกง่าย"

"..........................."

"พี่บอกตรงๆว่าตอนนั้นพี่ไม่คิดเลยสักนิด ว่าพี่จะตกหลุมรักที ตอนนั้นยังคิดเลยว่า ผู้ชายคนนี้ขี้ใจอ่อนชะมัด เเถมยังบ่นเก่งที่หนึ่ง หน้าตาก็ดูซื่อๆ เวลาดุก็ดุได้น่ากลัวชะมัด เเต่ก็เป็นคนที่ทำอาหารอร่อยที่สุด ยิ้มก็สดใสที่สุด เป็นคนที่จิตใจดีที่สุด  จนสุดท้ายทีก็กลายมาเป็นคนที่พี่รักที่สุดโดยที่พี่ไม่รู้ตัวสักนิด มันเเปลกมากเลยครับ ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน เเต่ทีก็กุมหัวใจของพี่ไปทั้งดวงได้อย่างง่ายดาย" ดวงตาของลมเปล่งประกายเมื่อย้อนคิดไปถึงอดีตที่เคยใกล้ชิดกัน

"........................."

"เเต่เเล้ววันหนึ่งพี่ก็เข้าใจคำกล่าวที่ว่า ความสุขอยู่กับเราไม่ได้นานอย่างชัดเจน วันนั้นเป็นวันที่ทีออกไปจ่ายตลาดกับเเม่ กรเข้ามาหาพี่บอกว่าเราต้องรีบกลับไปสมทบกับพ่อของพี่ เพราะตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามรู้เเล้วว่าพี่อยู่ที่ไหน ถ้าพี่ยังอยู่ที่นี่ ทั้งทีเเละครอบครัวจะเดือดร้อนเพราะพี่ไปด้วย วันนั้นเป็นครั้งเเรกที่พี่รู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพชชะมัด ที่ดูเป็นคนอ่อนเเอจนต้องคอยให้คนอื่นปกป้อง เเละวันนั้นมันก็ไม่มีเวลามากพอที่จะกล่าวคำลาใดๆกับใครสักคำ เเม้แต่จดหมายก็ไม่มีโอกาสได้เขียน วันนั้นพี่ทำได้เพียงเเค่เเอบหยิบรูปของทีติดมือมาเพียงหนึ่งใบเท่านั้น"

"....................."

"ทีครับ พี่รู้ว่าทีเสียใจเเละเจ็บปวดเพราะพี่มามากขนาดไหน เเต่พี่อยากจะบอกให้ทีรู้ว่าพี่ก็เสียใจมากๆไม่ต่างกัน พี่อยากจะกลับมาหาทีใจเเทบขาดเเต่ก็ทำไม่ได้ พี่ให้คนมาตามหาทีเเต่กลับพบว่าทีไม่ได้อยู่ที่นั่นเเล้ว ความผิดพลาดของพี่คือชะล่าใจจนไม่เเม้กระทั่งจะถามชื่อของที"

"ฮึก"

"ทีครับ พี่รู้ว่าพี่ผิดที่ทิ้งทีไปเเบบใจร้ายมากๆ เเต่ตอนนี้พี่กลับมาเเล้ว ลมคนนี้กลับมาพร้อมกับความเเข็งเเกร่ง พร้อมที่จะปกป้องทีกับลูก พี่ไม่ใช่ลมคนเดิมคนที่คอยเเต่จะวิ่งหนี ทิ้งคนรักให้เจ็บปวดไว้ข้างหลัง เเละคอยเเต่ให้พ่อกางปีกปกป้องอีกต่อไป พี่ไม่ใช่คนนั้นอีกเเล้ว เพราะทีนะรู้ไหมที่ทำให้พี่อยากเเข็งเเกร่งขึ้น เเต่มีสิ่งหนึ่งที่ลมคนก่อนกับลมคนนี้มีเหมือนกันนั้นคือ การที่เขารักคนที่ชื่อนาทีมาตลอดไม่เคยเปลี่ยนเเปลง ไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้ พี่ลมยังคงรักนาทีเสมอมา "

"ฮึก ฮือออออออออ พี่ลม ฮืออออออ"

ฟึบ! ลมดึงนาทีเข้ามากอดไว้เเน่นยามที่เห็นคนที่ตัวเองรักกำลังร้องไห้อย่างหนัก

"ไม่ร้องนะครับ โอ๋ๆนะ" ลมโยกตัวไปมา ปลอบประโลมนาทีราวกับว่าเจ้าตัวเป็นเด็กๆ

"ฮึก ฮึก ฮือออออออออออ" ยิ่งลมปลอบเท่าไหร่ นาทีก็ยิ่งร้องไห้หนักมากขึ้นเท่านั้น

ลมดันนาทีออกจากอ้อมกอด เขาใช้มือทั้งสองข้างประคองเเก้มของนาทีไว้ ใช้หัวเเม่มือบรรจงเช็ดน้ำตาให้นาทีอย่างเเผ่วเบาเเละอ่อนโยน

"นาทีครับ" ลมเรียกชื่อนาทีพร้อมกับประคองใบหน้าของนาทีให้เงยขึ้นมาสบตากับตัวเอง "พี่ลมคนนี้จะขอมากไปไหมครับ ถ้าอยากจะขอให้นาทีให้โอกาสผู้ชายคนนี้อีกครั้งได้ไหมครับ ให้เขาได้กลับมาดูเเลหัวใจของตัวเองอีกสักครั้งได้หรือเปล่าครับ ขอโอกาสให้ผู้ชายที่เคยทำผิดพลาดคนนี้ได้เข้าไปอยู่ในครอบครัวของนาทีด้วยได้ไหมครับ ให้มันเป็นครอบครัวของเรา"

"พี่ลม" นาทีพุ่งตัวเข้าไปกอดลมไว้อย่างรวดเร็ว "พี่ยังรักทีใช่ไหม ฮึก! พี่ลมไม่ได้คิดจะทิ้งทีไปจริงๆใช่เหรือเปล่า ตอนนี้พี่ลมกลับมาเเล้วจริงๆใช่ไหม กลับมาเเล้วพี่ลมยังจะทิ้งทีกับลูกไปอีกหรือเปล่า ฮึก! ฮึก! ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ลมคิดถึงทีเหมือนที่ทีคิดถึงพี่ลมใช่ไหม พี่ลมรอทีเหมือนที่ทีรอพี่ลมหรือเปล่า ฮึก! ส่วนเรื่องลูกพี่ลมดีใจใช่ไหมที่เรามีลูกด้วยกัน พี่ลมไม่ผิดหวังใช่ไหม โฮ!! คำว่ารักที่พี่ลมพูดมาเมื่อตอนนั้นพี่ลมรู้สึกจริงๆใช่ไหม พี่ลม....."

"ใจเย็นครับๆ ค่อยๆถามก็ได้ ไม่ต้องรีบ พี่อยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน" ลมยกมือลูบศีรษะของนาทีเบาๆเพื่อให้เจ้าตัวผ่อนคลายจากความตึงเครียด ฟังจากคำถามที่ถามมารัวๆเป็นชุดเเล้ว คงเป็นคำถามที่นาทีเองก็คงฝังใจเจ็บมาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ลมเข้าใจ เเละพร้อมจะตอบคำถามของนาทีทุกคำถาม เพียงเเต่ตอนนี้ลมอยากให้เจ้าตัวผ่อนคลายมากกว่านี้สักหน่อย

"พี่ลม" นาทีดันตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของลม ก่อนจะจ้องมองเข้าไปยังดวงตาสีนิลของลม "ถ้าทีให้โอกาส พี่ลมจะไม่ทิ้งให้ทีต้องเจ็บปวดอีกเเล้วใช่ไหมครับ"

"ไม่ครับ พี่จะไม่ทำเเบบนั้นอีกเเล้ว พี่เคยพลาดมาเเล้วครั้งหนึ่ง พี่จะไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่สอง"

"ถ้าอย่างนั้น...............ทีให้โอกาสพี่ลม เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครั.."

ฟึบ!

"พี่ลม!" นาทีเรียกชื่อลมเสียงดังด้วยความตกใจ จู่ๆเขาก็โดนลมดึงเข้าไปกอดอย่างเเรง จนหน้าเขากระเเทกกับเเผ่นอกกว้างดังปั๊ก เนี่ย ไม่ทันไรก็ทำร้ายร่างกายกันซะเเล้ว

"ขอบคุณ ขอบคุณครับ พี่ขอบคุณจริงๆ" เสียงสั่นๆของลมที่พูดออกมา ทำให้นาทีที่กำลังดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในอ้อมกอดถึงกับหยุดชะงัก ก่อนจะใช้เเขนทั้งสองข้างของตัวเองกอดตอบกลับคนตัวโตที่กำลังสั่นไหว

"เราต่างคนต่างก็เจ็บหนักด้วยกันมาทั้งคู่ อาจจะเจ็บกันคนละเเบบเเต่ต่างก็เจ็บเหมือนกัน เรื่องเก่าไว้เป็นบทเรียน ต่อไปนี้มาใช้ชีวิตให้มีความสุขกันนะพี่ลม ความเจ็บปวดที่ยังคงมีอยู่ในใจ เราให้ความรักของเราเเละเวลาเป็นตัวช่วยเยียวยามันเนอะ"

"ครับ"

"ขอบคุณนะพี่ลมที่กลับมาหาที ทีคิดว่ายังไงชาตินี้ก็คงไม่ได้เจอพี่ลมอีกเเล้ว"

"พี่ก็ขอบคุณทีนะครับ ที่ทียอมให้โอกาสพี่ พี่ขอบคุณจริงๆ"

"เฮ้อ! ทำไงได้ครับ ก็ใจเรามันไม่ใช่ของเรามาตั้งนานเเล้วนี่น่า"

"พี่ลมรักนาทีนะครับ"

"นาทีก็รักพี่ลมครับ"

หลังสิ้นสุดคำบอกรักทั้งสองคนต่างกระชับอ้อมกอดของกันเเละกันให้เเน่นยิ่งขึ้น คล้ายกับกลัวว่าถ้ากอดไว้ไม่เเน่นพออีกคนอาจจะหายไปก็ได้

นาทีหวังว่าโอกาสที่มอบให้กับคนตรงหน้าเเละโอกาสที่มอบให้กับตัวเองมันจะไม่เสียเปล่านะ เขาอยากให้โอกาสเราทั้งคู่มีความสุขอีกครั้ง รวมทั้งเพื่อลูกชายตัวน้อยที่กำลังนอนหลับฝันดีอยู่บนห้องด้วย

โอกาส.....เพื่อครอบครัวของเรา



ทั้งสองคนใช้เวลาคุยกันต่ออีกสักพัก โดยที่ส่วนใหญ่เป็นนาทีซะมากกว่าที่เป็นคนถามคำถาม คำถามต่างๆที่นาทีสงสัยตลอดมาได้รับคำตอบจากลมแทบหมดสิ้น จนหัวใจที่รู้สึกหนักอึ้งมาหลายปีโล่งสบายเเบบที่ไม่เคยเป็นมา ลมยังรักนาทีเสมอมา ไม่เคยที่จะไม่รัก เฝ้าคิดถึง คะนึงหา พยายามตามหา เเถมยังมีการยืนยันด้วยการเปิดกระเป๋าสตางค์ให้นาทีดูด้วย ว่ามีรูปของนาทีจริงๆ เเละคำตอบสุดท้ายของลมยิ่งทำให้ใจนาทีพองฟู 'ลูกคือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับพี่ น้องตุลย์คือความรักไม่ใช่ความผิดพลาด' มันเป็นคำตอบที่ดีมากจริงๆ


"พี่ลมนอนที่ห้องนี้นะครับ"

"เเล้วทีจะไปนอนที่ไหน"

"ผมจะไปนอนกับลูกอีกห้องนึงครับ ไม่อยากให้ลูกนอนคนเดียว"

ตอนนี้ทั้งสองคนย้ายตัวเองมายังห้องนอนด้านบนเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว เนื่องจากนาทีคิดว่าวันนี้เขาทั้งสองคนควรที่จะพักผ่อนกันได้เเล้ว จากนี้เราทั้งคู่ยังคงมีเวลาอีกเยอะให้ได้พูดคุยกัน

นาทีเดินนำลมเข้ามาในห้องหนึ่งของบ้าน ที่เป็นห้องว่าง เเละเป็นห้องที่ใช้สำหรับให้เเขกที่มาเยี่ยมเยียนพัก

"ทีนอนด้วยกันกับพี่ไม่ได้เหรอครับ พี่อยากนอนกอดที"

"ไม่ได้ครับ เดี๋ยวลูกจะร้องไห้ถ้าตื่นมาไม่เจอที พี่ลมไม่ดื้อนะครับ"

"รู้สึกดีจังที่ทีเรียกพี่ว่า พี่ลม เเละเเทนตัวเองว่าที ดีกว่าคุณๆผมๆเยอะเลย"

"ถ้าพอใจเเล้วก็ไปอาบน้ำนอนได้เเล้วครับ เลยวันใหม่มาสองชั่วโมงเเล้วนะครับ เดี๋ยวทีต้องตื่นเเต่เช้ามาทำข้าวกล่องให้ลูกอีก"

"จะไม่นอนด้วยกันจริงๆเหรอครับ" ไม่ว่าเปล่า ลมขยับเข้าไปใกล้ที เเละถือวิสาสะดึงตัวของทีเข้ามาเเนบชิดตัวเองจนไร้ซึ่งช่องว่าง "จุ้บ"

"พี่ลม!" นาทีเรียกอีกคนเสียงดุ ยามที่โดนคนตัวโตฉวยโอกาส

"พี่คิดถึงที" น้ำเสียงอ้อนๆถูกเปล่งออกมา พร้อมกับลมที่โน้มตัวเอาคางตัวเองไปวางเกยไว้กับไหล่ของคนตัวเล็กกว่า

"อื้อ พี่ลม จะกอดก็กอดดีๆสิครับ จะมาดมซอกคอคนอื่นทำไม อื้อ"

"ก็พี่คิดถึง" ลมตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า จมูกก็ยังคงซุกซนอยู่บริเวณซอกคอหอมอย่างเพลิดเพลิน

"พี่ลม อุ๊บ"

ลมไม่ปล่อยให้นาทีได้พูดอะไรต่อ เขาก้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากนิ่มของนาทีอย่างนุ่มนวล ในคราวเเรกลมทำเพียงเเค่ประทับริมฝีปากไว้นิ่งๆ เพื่อดูดซับความคิดถึงของกันเเละกัน ผ่านไปสักพักริมฝีปากที่เคยอยู่นิ่งของลม ก็เริ่มขยับขบเม้ม จากที่เเผ่วเบาในคราวเเรกค่อยๆเม้มหนักขึ้นเเละหนักขึ้น

ลมหายใจของทั้งสองสอดประสาน ปากของลมเริ่มขยับ ลิ้นร้อนพยายามเเทรกผ่านรอยเเยก นาทียังคงปิดปากเน้นไม่ยอมให้ลิ้นร้อนเข้าผ่านเข้ามาได้ง่ายๆ ลมจึงเริ่มดูดดึงริมฝีปากล่างของนาทีก่อนจะใช้ฟันกัดริมฝีปากของนาทีเบาๆ จนนาทีเผลออ้าปากออก

ยามเมื่อสบโอกาสลิ้นร้อนของลมก็เเทรกเข้าไปภายในปากของนาทีอย่างรวดเร็ว จากจูบที่นุ่มนวล มันกลับรุนเเรงขึ้น จากที่ขัดขืนในตอนเเรกนาทีกลับคล้อยตามในที่สุด

ความคิดถึง ความโหยหา ถูกบอกผ่านจูบครั้งนี้ ลิ้นสองลิ้นเกี่ยวพันกันจนไม่สามารถเเยกได้ว่าของใครเป็นของใคร เสียงเฉอะเเฉะของน้ำลายที่ปะปนกันดังไปทั่วห้อง ลมดันนาทีไปยังเตียงนอนตรงกลางห้อง ค่อยๆประคองอีกคนให้นอนลงบนเตียงด้วยความนุ่มนวล

นาทีในตอนนี้นั้นสติของเขาเริ่มเตลิด มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หลังของเขาสัมผัสกับเตียงเสียเเล้ว

"พี่ลม" นาทีเอ่ยเรียกลมด้วยเสียงเเหบพร่า เเละดวงตาที่ฉ่ำน้ำ

"ชู่ววววว" ลมใช้นิ้วชี้เเตะไปที่ริมฝีปากของนาทีเพื่อห้ามไม่เจ้าตัวพูดอะไรออกมา จากนั้นก็จู่โจมนาทีอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองคนยังคงเเลกเปลี่ยนสัมผัสความวาบหวามกันอย่างดุเดือด นาทีใช้เเขนทั้งข้างคล้องคอของลมไว้ เอียงหน้าเล็กน้อยเพื่อให้จูบถนัดยิ่งขึ้น เสียงครางอื้ออึงในลำคอยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของทั้งคู่ให้ยิ่งเตลิด

"อื้อ" นาทีส่งเสียงครางเเผ่วเบา ยามที่ลมก้มหน้าลงไปซุกไซ้ซอกคอเเละขบเม้มเบาๆ

"พี่ลม อ๊ะ อื้อ" นาทีส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้งยามที่มือซุกซนของลมในตอนนี้ กำลังลูบวนอยู่ภายในเสื้อของเขา พร้อมกับการใช้นิ้วหยอกล้อกับยอดอกของนาทีจนชวนให้รู้สึกเสียวสะท้าน

"คนดี อืม "ลมละหน้าจากซอกคอของนาที มาประกบจูบนาทีอีกครั้ง "จุ้บ จุ้บ อืมมม"

เเละในขณะที่ทั้งลมเเละนาทีกำลังจูบกันอย่างดูดดื่มอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นสนั่นบ้าน ออกมาจากห้องข้างๆ ............


"แง้ เเง้ ฮึกๆ โฮๆๆๆๆ หม่าม้า ฮืออออออ หม่าม้า หม่าม้าหนายยย ฮือออออออ "

เสียงหวีดร้องของคนเป็นลูกทำให้นาทีได้สติ รีบผลักลมออกจากตัวทันที ตอนนี้สภาพของนาทีคือเสื้อนอนหลุดลุ่ยออกจากตัว ขอบกางเกงก็ดูหมิ่นเหม่เสียเหลือเกิน เมื่อเห็นสภาพตัวเองเเล้ว ใบหน้าของนาทีก็เกิดร้อนข่าวขึ้นมาทันที

"ทะ ทะ ทีไปดูลูกก่อน พี่ลมก็รีบพักผ่อนนะครับ" ว่าจบนาทีก็รีบเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเเก้มสีระเรื่อเเละเสื้อที่ยังไม่ได้ติดกระดุมเลยสักเม็ด

ส่วนลมก็ได้เเต่ถอนหายใจหนักๆ พร้อมกับก้มดูลมน้อยที่ไม่น้อย กำลังขยายตัวพร้อมรับศึกอย่างเต็มที่

เฮ้อ! สงสัยวันนี้คงต้องใช้บริการน้องนางทั้งห้าไปก่อนก็เเล้วกัน


ส่วนเจ้าตูนตูนตัวแสบของเขานั้น....ถึงเวลาที่จะต้องสอนให้นอนคนเดียวอย่างจริงจังเสียเเล้ว


ป๊ากำลังจะปั๊มน้องให้ตูนตูนอยู่เเล้วเชียว..........


ตูนตูนทำเเบบนี้กับป๊าได้ไง............




................................................................

TBC.

ป๊าใจเย็นๆก่อน ไปเคลียร์กับลูกก่อน

ตูนตูนเขาก็หวงหม่าม้าเขานะ เขาสัมผัสได้ถึงอันตราย


ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะทุกคน

เรื่องนี้ไม่มีดราม่าแน่นอนค่ะ จะมีก็แต่รอยยิ้มที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละตอนค้าบบบบ  อ่านด้วยความสบายใจได้เลยค่ะ

มายิ้มไปด้วยกันจนจบเรื่องเลยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

 
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 10) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 14-10-2021 04:30:55
วันนี้เราลงสองตอนคือตอนที่ 9 กับ 10 นะคะ หากยังไม่ได้อ่านตอนที่ 9 คุณรี้ดเลื่อนขึ้นไปอ่านตอนที่ 9 ก่อนนะคะ

10
ลุงลม = ป๊า ?

"ลุงลม!"

"ไงตัวเล็ก"

เด็กชายตุลย์ร้องเรียกลมเสียงดัง ยามเมื่อเขาเดินเข้ามาบริเวณห้องครัว เเล้วเจอกับคุณลุงคนโปรดกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร  ในตอนที่เขาตื่นนอนหม่าม้าบอกว่าให้รีบอาบน้ำเเปรงฟัน หม้าม่ามีเซอร์ไพรส์มาให้ เขาไม่รู้ว่าเซอร์ไพรส์ที่หม่าม้าบอกคืออะไร เเต่การที่ลงมาเเล้วเจอลุงลมของเขาเเบบนี้ เป็นเรื่องที่เขาดีใจมากๆเลย เจอตัวจริง ดีกว่าคุยกันทางโทรศัพท์เป็นไหนๆ

เด็กชายตุลย์รีบปล่อยมือจากคนเป็นเเม่ สองเท้าน้อยๆรีบวิ่งไปหาคุณลุงคนโปรด จนคนเป็นเเม่ต้องร้องเตือน

"น้องตุลย์ไม่วิ่งครับ เดี๋ยวล้มนะ"

ถึงคนเป็นเเม่จะร้องเตือนเสียงดังขนาดไหนก็ไม่ทันเสียเเล้ว ในเมื่อตอนนี้เด็กชายตุลย์วิ่งไปถึงคุณลุงคนโปรดเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว

"ลุงลม" เด็กชายตุลย์เรียกคุณลุงของเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน พร้อมกับกางเเขนสองข้างออกเพื่อให้ลุงลมอุ้มเขาหน่อย

ลมที่เห็นท่าทางออดอ้อนของลูกชายก็ไม่รอช้า รีบอุ้มลูกชายขึ้นมานั่งบนตักของตัวเองทันที

"ลุงลม ตูนตูนคิดถึง" พูดจบเด็กชายตุลย์ก็เอียงใบหน้าน้อยๆไปซบอกคุณลุงคนโปรด

"ลุงก็คิดถึงน้องตุลย์เหมือนกันครับ"

"ลุงลม หอม หอม" เด็กชายตุลย์ชี้นิ้วลงบนเเก้มซ้ายของตัวเอง ลมที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่รอช้า กดจมูกลงบนเเก้มนิ่มเเรงๆหนึ่งทีตามคำขอ

"ลุงลมนี่ด้วย" เเก้มซ้ายโดนหอมไปเเล้ว เเก้มขวาก็ตามมา

"ลุงลม นี่ด้วย" เเละตบท้ายด้วยการให้คุณลุงคนโปรดจุ้บหน้าผากเเรงๆไปอีกหนึ่งที

"คิคิ ตูนตูนหอมบ้าง ฟอด ฟอด" เมื่อโดนคนเป็นลูกขอหอมมีหรือที่คนเป็นพ่อจะรอช้า ลมรีบยื่นเเก้มซ้ายขวาให้ลูกชายได้หอมเขาฟอดใหญ่ๆกลับคืนทันที

นาทียืนกอดอกมองสองพ่อลูกหอมเเก้มกันไปมาด้วยความสุขใจ บ้านที่ปกติยามตื่นมามีเเค่เขากับลูกชายเพียงสองคน ตอนนี้มีอีกคนเพิ่มเข้ามาเเล้ว เเละเหมือนว่าความสุขก็เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะกับลูกชายของเขา

"ลุงลม ไปเที่ยวซาหนุกม่ายคับ"

"ไม่สนุกเลยครับ ลุงทำเเต่งานเหนื่อยมากเลยครับ"

"เหนื่อยเหรอ ลุงลมเหนื่อยเหรอ"

"ครับ"

"โอ๋ๆ กอด ตูนตูนกอด ลุงลมหายเหนื่อยนะ" สองมือน้อยๆของเด็กชายตุลย์พยายามโอบกอดลมอย่างสุดความสามารถ

"ทำไมถึงน่ารักอย่างนี้ครับ หม่าม้าให้กินอะไรเข้าไปเนี่ยห๊ะเจ้าเด็ก ไหนมาฟัดเเก้มอีกรอบสิ" ลมไม่สามารถอดทนกับความน่ารักของลูกชายตัวเองได้อีกต่อไป จับเจ้าเด็กตัวน้อยมาฟัดเเก้มซ้ายขวาด้วยความมันเขี้ยวหนักๆจนเเก้มลูกชายเเทบจะช้ำอยู่รอมร่อ

"คิคิ จี้ ลุงโลมม จี้ๆ คิคิ ม้ายๆ ฮ่าๆ"

ลมที่เห็นว่าลูกชายของตัวเองเหนื่อยหอบจากการหัวเราะ ก็หยุดเเกล้งลูกชายทันที ก่อนจะเอ่ยคุยกับเจ้าตัวน้อยที่อยู่บนตัก

"ลุงซื้อของฝากมาให้น้องตุลย์ด้วยนะครับ"

"จิงหรอคับ" เด็กชายตุลย์ตาโตเเวววับเป็นประกายยามได้ยินคำว่าของฝากจากคนเป็นลุง

"จริงครับ เเต่ต้องรอตอนเย็นนะครับ เดี๋ยวตอนเย็นลุงลมเอามาให้นะ"

"รอเยย ตูนตูนรอเยย ขอบคุณคับ"

"ทั้งสองคนหยุดเล่นกันก่อนครับ เดี๋ยวจะสายนะ น้องตุลย์มานั่งประจำที่ได้เเล้วครับ" นาทีที่ยืนมองสองพ่อลูกคุยเล่นกันอยู่นานเเล้วเอ่ยขัดขึ้น ถ้ามัวเเต่ปล่อยให้คุยกันมีหวังได้สายกันยกบ้านเเน่ๆ

"คับ หม่าม้า" เด็กชายตุลย์ตอบรับคำไม่อิดออด เช้านี้เขาอารมณ์ดีมาก หม่าม้าว่าอะไรเขาก็ว่าด้วยทั้งหมดเลย

"อู้ววววว! หม่าม้ากุ้งตัวหย่ายมากเยย" เด็กชายตุลย์ตาโตวาววับ เมื่อเห็นถ้วยโจ๊กกุ้งผักรวมที่หม่าม้าตักมาให้ มีกุ้งตัวใหญ่ๆตั้งสองตัว

"น้องตุลย์ชอบไหมครับ"

"ชอบคับ"

"ถ้าชอบก็ต้องทานให้หมดนะครับ"

"ได้เยยหม่าม้า ตูนตูนทานหมดเยย"

"เก่งมาก ลงมือทานได้ครับ"

เด็กชายตุลย์พยักหน้ารับคำ จากนั้นก็ใช้ช้อนคุณหมีคู่ใจตักโจ๊กกุ้งผักรวมคำโตๆมาเป่าฟู่ฟู่ เเล้วส่งมันเข้าปาก ยามได้ลิ้มลองรสชาติก็ยิ่งทำให้เด็กชายอารมณ์ดี

"อู้ววววว หร่อยๆ หม่าม้า อาหร่อย"

"อร่อยก็ทานเยอะๆครับ"

การทานข้าวเช้าในวันนี้เด็กชายตุลย์มีความสุขมากเป็นพิเศษ เพราะมีคุณลุงคนโปรดที่ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายวันมาร่วมโต๊ะด้วย ไหนจะโจ๊กเเสนอร่อยของหม่าม้าอีก กุ้งก็ตัวใหญ๊ใหญ่ สิ่งเหล่านี้ส่งผลทำให้เด็กชายตุลย์อารมณ์ดีจนเผลอร้องเพลงออกมา ในขณะที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่ จึงทำให้เจ้าตัวโดนหม่าม้าดุไปตามระเบียบ

"น้องตุลย์ เคี้ยวข้าวอยู่ไม่ร้องเพลงนะครับ มันจะทำให้อาหารติดคอเราได้นะครับ"

"ติดคอเหรอหม่าม้า"

"ครับ อาหารติดคอทรมานมากเลยนะ มันทำให้เราหายใจไม่ออกด้วย น้องตุลย์จำครั้งที่หม่าม้าลองให้น้องตุลย์กลั้นหายใจได้ไหมครับ"

"จำด้ายครับ"

"ตอนกลั้นหายใจเเล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ"

"ไม่ดีเยยหม่าม้า ตูนตูนเฮือกเฮือกเลย"

"ใช่ไหมครับ มันรู้สึกไม่ดีมากๆเลย เพราะฉะนั้นเเล้วเวลาทานข้าวไม่ร้องเพลงหรือคุยในขณะที่กำลังเคี้ยวนะครับ ถ้าเกิดติดคอมา น้องตุลย์ได้เฮือกเฮือกอีกเเน่ๆเลย"

"โอเคหม่าม้า จำเยย ตูนตูนจำเยย ตูนตูนไม่ร้องเพลง ไม่คุยตอนเคี้ยว เดี๋ยวเฮือกเฮือก"

"เป็นเด็กดีจริงๆเลยนะตัวเล็ก" ลมที่นั่งฟังสองเเม่ลูกคุยกันอยู่นานเอ่ยหยอกลูกชายขึ้นมาบ้าง

"คิคิ ตูนตูนเด็กดี"

จบคำพูดเเละเสียงหัวเราะชอบใจของเด็กชายตุลย์สมาชิกบนโต๊ะอาหารก็ก้มหน้าก้มตาทานมือเช้าของตัวเองกันต่อ ภายในห้องครัวของบ้านหลังเล็กในวันนี้ มันช่างตลบอบอวลไปด้วยความสุขเสียจริงๆ



...............................................................

"เฮ้ยไอ้................ที" คีย์ผ่อนเสียงลงจนเเทบจะไม่ได้ยินว่าเจ้าตัวเอ่ยเรียกชื่อนาทีออกไป

ตอนเเรกคีย์ก็ตั้งใจจะตะโกนทักทายเพื่อนตามปกติเฉกเช่นทุกวัน เเต่วันนี้เพื่อนเขามันดันไม่ปกติซะงั้น วันนี้เพื่อนนาทีของเพื่อนคีย์พกสามีมาด้วยจ้า เเล้วไอ้ไอละอองฟุ้งๆสีม่วงๆชมพูๆ รอบตัวของทั้งสองคนมันคืออะไรวะ เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆที่เมื่อวานไอ้ทียังหน้างอคอตกอยู่เลย เเล้วดูมัน ดูมันทำ ไม่คิดจะสนใจเพื่อนที่ยืนมองอยู่หน่อยเหรอวะ

"ไอ้เปอร์"

"ว่าไงพี่คีย์"

คู่หูเจ้านายลูกน้องสุดซี้ ยืนมองคนสองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ตรงประตูร้าน มันก็ดูเหมือนจะเป็นการคุยธรรมดาๆ เเต่ดูยังไงๆก็ไม่ธรรมดา

"มึงคิดเหมือนพี่ป้ะเปอร์"

"คิดครับ"

"คิดว่าสองคนนี้เขากลับมาคืนดีกันเเล้วเเน่ๆใช่ไหม"

"เปล่าครับ คิดว่าควรจะซื้ออาหารเม็ดเเบบไหนให้พี่คีย์ดี สงสัยอาจมีคนหอน"

"ไอ้เหี้ยเปอร์" ไม่ด่าเปล่า คีย์ยังใช้ขาเตะเข้าไปที่หน้าเเข้งของเปอร์เป็นของเเถมอีกด้วย

"โอ๊ยพี่คีย์ ผมหยอกเล่นเอง รุนเเรงชะมัด" เปอร์กระโดดโหยงๆใช้มือจับหน้าเเข้งตัวเอง หลังจากที่โดนคีย์ทำร้ายร่างกายเเบบไม่ออมเเรง

"รอบหน้าไม่จบที่หน้าแข้งนะ บอกก่อน" คีย์ยกก้ำปั้นขึ้นมาขู่ลูกน้องด้วยท่าทางเอาเรื่อง

"ครับๆๆ ไม่กล้าเเล้วครับ" เปอร์ยกมือขึ้นสองข้างเป็นการยอมเเพ้ " เเต่ผมเห็นด้วยกับพี่คีย์นะ ผมว่าท่าทางเเบบนี้ มัน.... หึ!" เปอร์ยกยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าร้ายๆ เเต่ทำออกมาได้ชวนให้น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด

"เป็นไร จะไปเข้าห้องน้ำก็ไป มายืนทำหน้าทุเรสอยู่ได้"

"โถ่ พี่คีย์ พี่ไม่ได้เกลียดอะไรผมใช่ป้ะ ถามจริง?"

"เกลียด" คีย์ตอบเสียงจริงจัง

"เชอะ ทีหลังอย่ามาตามหากำลังเสริมนะครับ ผมไม่มาให้หรอก" ว่าจบเปอร์ก็เดินงอนเข้าไปหลังร้านทันที คีย์ส่ายหัวให้กับท่าทางเล่นใหญ่ของลูกน้องตัวเอง ก่อนจะยืนกอดอกมองไปทางประตูอีกครั้ง

ในขณะที่กำลังจ้องมองคนสองคนคุยกันอยู่นั้น ลมที่เห็นว่าคีย์จ้องมองมาที่ตนอยู่ ก็ละสายตาจากนาที มาส่งยิ้มทักทายให้คีย์เล็กน้อย ฝ่ายคีย์ที่โดนจับได้ว่ากำลังเเอยมองอยู่ก็สะดุ้งตกใจ ส่งยิ้มเเห้งๆกลับไปเป็นการทักทาย


"โอ้โห กว่าจะลากันเสร็จ นี่กูกะว่าจะเซ็นใบลาให้มึงอยู่เเล้วเชียว" คีย์เอ่ยขึ้นหลังจากที่นาทีเเยกกับลมเเละเดินเข้ามาภายในร้านเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว

"คีย์ก็พูดเกินไป"

"เกินไปที่ไหน กูพูดจริงทั้งนั้น... มึงมานั่งนี่ก่อนเลยไอ้ที มาคุยกับกูก่อน" คีย์ลากเเขนนาทีให้เดินตามตัวเองมายังโต๊ะตัวนึงภายในร้าน "ไหนมันเกิดอะไรขึ้นวะ" คีย์รีบเปิดบทสนทนาทันทีที่นั่งลง

"ก็อย่างที่คีย์เห็น"

"เเหม่ ตอนมาปรึกษาพูดยาวอย่างกับกล่าวสุนทรพจน์  พอมาตอนนี้ พูดเเค่ว่า ก็อย่างที่เห็นเนียนะ เหอะ! " คีย์อดที่จะเบ้ปากใส่เพื่อนของตัวเองไม่ได้

"โธ่ คีย์อย่าเพิ่งน้อยใจสิ เราก็กำลังจะเล่าอยู่นี่ไง" นาทีจิ้มนิ้วจึกจึกลงบนเเขนของคีย์เป็นการง้อ

"เออๆๆ ไหนเล่ามา เล่าให้หมด ห้ามกั๊กนะเว้ย"

"โอเค.........เมื่อคืนเรากับคุณลมมีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกันเเล้ว ทุกๆอย่างที่ติดค้างกันอยู่ภายในใจของเราสองคนมันได้ปลดล็อคจนมันเบาบางลง ความเจ็บปวดของเราในอดีตที่เคยได้รับตอนนี้ก็ดีขึ้นมาก เเม้จะยังกลัวๆอยู่บ้างแต่มันก็โอเคเเล้ว"

เเละหลังจากนั้นนาทีก็เล่าเรื่องราวที่ลมต้องหายไป ให้กับคีย์ฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งเรื่องที่น้องตุลย์อยากให้คุณลมมาเป็นป๊าด้วย เรียกได้ว่ากว่าที่คีย์จะหมดข้อสงสัย นาทีก็ตอบคำถามเสียจนคอเเห้งเลยทีเดียว

"เฮ้ออออ! กูก็ไม่รู้จะพูดยังไง ต่างคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง เเต่ก็นะ ไหนๆก็ผ่านความเจ็บปวดมาเเล้วทั้งคู่ ต่อไปนี้ กูขอให้มึงกับคุณลมมีเเต่ความสุขในทุกๆวันนะเว้ย กูดีใจกับมึงด้วยจริงๆนะนาที ที่เห็นมึงความสุขจริงๆสักที หลานกูก็จะได้มีป๊ากับเขาเเล้ว หมูตุ้บของกูต้องมีความสุขมากเเน่ๆ"

"เราก็หวังให้เป็นเเบบนั้น"

"เเล้วจะบอกน้องตุลย์ตอนไหน เรื่องที่ว่า คุณลมเป็นพ่อ"

"เรากับคุณลมตกลงกันว่าจะบอกน้องตุลย์เย็นนี้ คุณลมเขาไม่อยากรอเเล้ว"

"อ่อ เอออ ก็ดีนะ น้องตุลย์ต้องเข้าใจเเละดีใจเเน่ๆ มึงเชื่อกู"

"อื้มมม เราก็คิดเเบบนั้นเหมือนกัน"

"ไปๆๆ เเยกย้ายไปทำงานเตรียมเปิดร้าน ได้ผัวรวยเเล้วมึงจะทิ้งงานทิ้งการไม่ได้นะเว้ยไอ้ที" คีย์รีบชวนเปลี่ยนเรื่องก่อนที่บรรยากาศมันจะชวนเครียดไปมากกว่านี้

"คีตกานต์!"

"ตลอด สู้ไม่ได้เเล้วเรียกชื่อจริงกูตลอด เเล้วยังไง วันนี้ต้องไปส่งกาเเฟให้สามีไหมครับ"

"เราจะฟ้องป๊าคีย์ ว่าคีย์เเกล้งเรา"

"เอ้าไอ้เหี้ย กูพูดเรื่องจริง กูผิดอะไร"

"เรื่องจริงที่ไหน คีย์มั่วตลอด"

"มั่วเชี่ยไร เด็กอ้วนๆที่วิ่งตุ๊บตั๊บนั่นไง หลักฐาน"

"ฮึ่ยยยย ! เราไม่เถียงด้วยเเล้ว"

"เอ้า งอนเฉยเลยเว้ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"

คีย์หัวเราะสะใจที่สามารถเเกล้งเพื่อนให้งอนได้ ก่อนจะมองตามเเผ่นหลังบางที่เดินหายเข้าไปทางหลังร้านด้วยรอยยิ้ม นาทีเพื่อนของเขามีความสุขเเล้ว ความสุขที่ไม่เเฝงความเจ็บปวดอยู่ในนั้น........


.................................................................

"น้องตุลย์ของหม่าม้ายังไม่ง่วงจริงๆเหรอครับ" นาทีเอ่ยถามลูกชายที่ตอนนี้กำลังอยู่บนพื้น มือก็ขีดๆเขียนๆสิ่งต่างๆตามจินตนาการของตัวเองลงบนกระดาษที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟา

"คับ ตูนตูนรอลุงลม ลุงลมบอกตอนเย็นเอาของฝากมาห้าย"

"ฮ่าๆ ที่รอลุงลมเพราะอยากได้ของฝากเหรอครับเนีย"

"ม้ายๆ ตูนตูนรอ คิดถึง เเต่ของฝากก็อยากด้าย" เด็กชายตอบด้วยท่าทางเอียงอาย

"ลุงลมได้ยินคงร้องไห้เเย่เลย"

"คิคิ"

"หม่าม้าให้น้องตุลย์รอได้ถึงสองทุ่มเท่านั้นนะครับ ถ้าสองทุ่มเเล้วลุงลมยังไม่มาน้องตุลย์ต้องขึ้นไปนอนกับหม่าม้านะครับ ของฝากไม่ได้หายไปไหน ไว้รอมาเปิดดูตอนเช้าก็ยังไม่สายนะครับ ตกลงไหมครับเด็กดี"

นาทียื่นข้อต่อรองกับคนเป็นลูกชาย เพราะเขาไม่เเน่ใจว่าลมจะกลับมาถึงบ้านตอนไหน ตอนนี้ก็เป็นเวลาทุ่มกว่าๆเเล้ว เขาไม่อยากให้ลูกชายต้องนอนดึกจนเกินไป

"โอเคเยย หม่าม้า"เด็กชายตุลย์รับคำอย่างว่าง่าย จากนั้นก็หันหน้ากลับไปวาดภาพต่อ

สองเเม่ลูกนั่งเล่นกันบริเวณห้องรับเเขกสักพักใหญ่ ก็มีเสียงกริ่งประตูดังขึ้น เด็กชายตุลย์เมื่อได้ยินเสียงรีบหันหน้าไปมองคนเป็นเเม่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

"ลุงลมมาเเย้ว เย่ๆ"

"ครับๆ เดี๋ยวหม่าม้าไปเปิดประตูให้ลุงลมก่อนะครับ น้องตุลย์รออยู่ตรงนี้นะครับ"

"คับ" เด็กชายตุลย์มองตามหลังของคนเป็นเเม่ไปจนสุดสายตา คอน้อยๆชะเง้อมองหาว่าเมื่อไหร่คุณลุงคนโปรดของเขาจะปรากฏตัว

"ลุงลม!" เสียงเล็กเอ่ยเรียกชื่อลมด้วยความดีใจทันทีที่เห็นลมเดินเข้ามาภายในบ้าน

ลมฉีกยิ้มกว้างให้กับลูกชาย พร้อมกับชูถุงของฝากจำนวนสองสามถุงให้ลูกชายดู เด็กชายตุลย์เมื่อเห็นถุงของฝากก็ตาลุกวาว ตบมือเปาะเเปะ ด้วยความชอบใจ

นาทีเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ก่อนจะบอกให้ลมไปนั่งตรงโซฟากับลูกก่อน เดี๋ยวเขาจะไปเอาน้ำมาให้

ลมล้มตัวลงนั่งบนพื้นข้างๆลูกชาย โดยที่ตั้งถุงของฝากไว้ข้างๆตัว เเต่ก่อนที่จะหันไปหยิบถุงของฝากมาเปิดให้คนเป็นลูกชาย สายตาของลมก็เหลือบไปเห็นภาพภาพหนึ่งที่มองเเทบไม่ออกว่าหมายถึงอะไร เเต่บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในรูปมันสะกิดใจ จนทำให้ลมต้องเอ่ยถามลูกชายออกไป

"น้องตุลย์วาดรูปอยู่เหรอครับ"

"ช่ายคับ ตูนตูนชอบวาดรูป ตูนตูนวาดรูปได้ห้าดาวด้วยน่าลุงลม" เด็กชายตัวน้อยอวดความสามารถของตัวเองเสียงดังฟังชัด ด้วยความภูมิใจ ก็คุณครูชมเขาตลอดเลยนี่น่า ว่าเขาวาดรูปเก่งมากๆ ถ้าไม่เชื่อเขาก็พร้อมที่จะเปิดสมุดวสดรูปให้ดูว่าตัวเองวาดรูปได้ห้าดาวตลอดเลย

"ตัวเเค่นี้เก่งจริงๆเลย..... ว่าเเต่รูปนี้น้องตุลย์วาดเป็นรูปอะไรเหรอครับ"

"รูปนี้หรอคับ"

"......... "ลมพยักหน้าให้ลูกชาย

"ตูนตูนวาดรูปคอบคัว อันนี้ตูนตูน ส่วนอันนี้หม่าม้า" เด็กชายตุลย์ไล่ชี้นิ้วไปทีละอัน เพื่อบอกให้ลุงลมของเขารู้ว่า ขีดตรงๆที่ดูไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างนั้นหมายถึงอะไร 

"มีเเค่น้องตุลย์กับหม่าม้าเหรอครับ"

"คับ"

"เเล้วป๊าของน้องตุลย์ล่ะครับ"

""หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่เเล้ว โอ๊ะ! ลุงลมอย่ากอดเเน่น ลุงโล๊มมมมมมม"

นาทีที่กำลังเดินถือเเก้วน้ำเข้ามาหยุดเดินกระทันหัน นาทีหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ กับทั้งสองคน เพราะไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะการพูดคุยของคนทั้งคู่

ลมคลายอ้อมกอดจากลูกชายเเละมองไปยังใบหน้าของลูกชายด้วยเเววตาที่เต็มไปด้วยความรักอย่างล้นเปี่ยม

"น้องตุลย์ครับ" ลมเอ่ยเสียงเรียกลูกชายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

"คับ"

"พื้นที่ว่างๆตรงนี้ของกระดาษ ลุงลมขอให้น้องตุลย์วาดเป็นลุงลมได้ไหมครับ" ลมชี้นิ้วไปยังพื้นที่ว่างข้างๆเด็กผู้ชายภายในภาพ

"วาดลุงลมหรอคับ" เด็กชายเอียงคอมองด้วยความสงสัย

"ครับ ขอให้ลุงลมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวน้องตุลย์ได้หรือเปล่าครับ

"คอบคัวหรอคับ"

"ใช่ครับ ครอบครัวที่มีพ่อเเม่ลูก วันนี้ลุงลมพูดหรืออธิบายอะไรไปน้องตุลย์อาจจะยังไม่เข้าใจเพราะยังเด็กอยู่มาก เเต่ลุงลมอยากบอกน้องตุลย์ว่า ป๊าของน้องตุลย์ยังอยู่นะครับ

"ป๊า ตูนตูนอยู่จิงๆหย๋อลุงลม" เด็กชายตุลย์รีบถามออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเเววตาที่ทอประกายความหวัง

ส่วนนาทีที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้เขาไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปแล้ว

"ครับ ป๊าของน้องตุลย์ยังอยู่ เเละตอนนี้ป๊าของน้องตุลย์ก็กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าน้องตุลย์นี่ไงครับ"

"........"

"ด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้ป๊าของน้องตุลย์มาหาน้องตุลย์ช้าไปหน่อย  เเต่ตอนนี้......."

".............."

"ป๊าลม กลับมาหาน้องตุลย์เเล้วนะครับ"

"ฮึก ฮึก ฮือออออ เเง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"




............................................................

TBC.

ตูนตูนหนูร้องเพราะดีใจหรือหนูงงกับคำพูดป๊าคะลูก

ป๊าลมใจเย็น ลูกเพิ่งสี่ขวบอย่าอธิบายให้ยากเซ่ เด็กคิดไม่ซับซ้อนหรอก พูดว่า ตัวเองเป็นพ่อก็จบเเล้วไหมเพ่

ตอนหน้าพ่อลูกสุขสันต์คงต้องมาเเล้วค่ะ ☺


ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะทุกๆคน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 14-10-2021 08:47:54
 :hao5: :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 14-10-2021 10:28:00
หนูตูนตูนน่ารักกกกกกกกอะ...
หนูมีป๊าแล้วอยากได้น้องน้องมัยเอ่ย
จะได้เป็นพี่ตูนตูนด้วยนะคะ... คิคิคิ...

ปล.คิดว่าน่าจะมี...
(มีคนยิ้มแล้วแอบคิดว่าจะฝึกตูนตูนนอนคนเดียวให้ไวๆได้ยังไง ×1)
(มีคนแก้มแดงแอบกอดตูนตูนแน่นๆซ่อนแก้มที่แดงๆไว้ ×1)

ปล.2 อ่านไปยิ้มไปทุกตอนค่ะ แต่ก็แอบพบว่า...
วันนี้สายแน่นอนจ้าาาาา ทำไมเมื่อคืนไม่เข้ามาดูก่อนนอนอีกทีนะเรา... ¥_¥ ...
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 11)โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 14-10-2021 11:37:25
11
ตูนตูนมีป๊าละนะ

"อาคีย์ ตูนตูนมีป๊าละนะ"

"พี่เปอร์ ตูนตูนมีป๊าละนะ"

"พี่วุ้น ตูนตูนมีป๊าเเล้วนะ"

เสียงสดใสที่บ่งบอกถึงความดีใจเเละความสุขของเด็กชายตุลย์ดังขึ้นไม่หยุดตั้งเเต่ที่เจ้าตัวกลับมาจากโรงเรียน เเละประโยคที่บอกว่าตัวเองมีป๊าเเล้วของเด็กชายตุลย์ดังขึ้นซ้ำๆจากริมฝีปากน้อยๆราวกับอัดเทปไว้ เเละถึงเเม้ว่าจะต้องฟังเป็นพันๆครั้งพวกเขาทั้งหมดก็เต็มที่จะฟังมัน เพราะตอนนี้เด็กชายตุลย์ผู้เป็นที่รักของทุกๆคนกำลังมีความสุขมากจริงๆ

"หมูตุ้บกูดูไม่เห่อเลยนะที่มีป๊า พูดมาจะสามพันรอบได้เเล้วมั้งเนี่ย" คีย์เอ่ยกับคนเป็นเเม่ของหลานขำๆ คีย์ไม่ได้รำคาญหลานหรอกนะที่พูดเเต่ประโยคเดิมๆ ออกจะเอ็นดูด้วยซ้ำ เขาเข้าใจว่าหลานของเขากำลังดีใจมากๆ เเต่คืนนี้เขากลัวหลานจะละเมอคำว่า 'ตูนตูนมีป๊าละนะ' ซะเหลือเกิน

"อืม น้องตุลย์ดีใจมากเลยนะที่มีป๊า เเละความดีใจยิ่งทวีคูนเมื่อรู้ว่าคนที่เป็นป๊าของตัวเองคือคุณลม"


นาทีนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อวานตอนค่ำก็อดที่จะขำเเละซึ้งไปพร้อมๆกันไม่ได้ ตอนที่คุณลมบอกลูกชายว่าตัวเองเป็นป๊า อยู่ๆคนป็นลูกชายร้องไห้ปล่อยโฮเสียยกใหญ่ ทั้งเขาเเละคุณลมตกใจมาก เราสองคนต่างก็กลัวว่าสิ่งที่พูดไปมันไปสะเทือนใจลูกหรือเปล่า หรือลูกเรายังไม่พร้อม เเต่ที่ไหนได้เจ้าหนูตูนตูนดันร้องไห้เพราะดีใจซะอย่างนั้น เมื่อคิดถึงท่าทางที่สะอึกสะอื้นไป คุยไปของลูกชายก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเอ็นดูลูกชายตัวเองเข้าไปกันใหญ่.......

'ฮึก ฮึก ลุงลม ลุงลมเป็นป๊าของตูนตูนจิงๆหย๋อ ฮึก"

'ครับ ลุงลมเป็นป๊าของน้องตุลย์จริงๆ"

'ม่ายหลอกน้า~ ฮึก!"

'ไม่ครับ ลุงไม่หลอกน้องตุลย์เเน่นอนครับ'

'หม่าม้า' ลูกชายหันมามองเขาด้วยเเววตาของคงามหวัง เพื่อจะให้เขายืนยันในสิ่งที่คุณลมพูดว่าเป็นเรื่องจริง

'ลุงลมพูดความจริงครับ ลุงลมเป็นป๊าของน้องตุลย์จริงๆครับ ตอนนี้ป๊าของน้องตุลย์กลับมาหาน้องตุลย์เเล้วนะครับ"

'ฮึก ฮืออออ! ป๊าลม'

เมื่อจบคำพูดของเขา น้องตุลย์ก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง  พร้อมกับโผเข้ากอดคุณลมเต็มๆเเรง คุณลมกางเเขนรับลูกชายเข้าสู่อ้อมกอดเเกร่งของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยกับลูกชายเบาๆ

'น้องตุลย์ลูกป๊า'

'ป๊าาาาา ฮึก ตูนตูนคิดถึง คิดถึงป๊า'

'ครับ'

'ตูนตูนดีใจ ลุงลมเป็นป๊า ตูนตูนอยากห้ายลุงลมเป็นป๊า ฮึกๆ  ป๊าลม ตูนตูนรักป๊าลม"

"ป๊าลมก็รักน้องตุลย์เหมือนกันครับ"

ในตอนนั้นทั้งเขาเเละคุณลมต่างก็มีหยาดน้ำตาไหลออกมาทั้งคู่  และน้องตุลย์ที่ร้องไห้หนักที่สุดก็หลับลงในอ้อมกอดของคนเป็นพ่อเนื่องจากร้องไห้จนเหนื่อยอ่อน

เขาไม่รู้ว่าเด็กวัยเดียวกันกับลูกชายของเขาจะเป็นเเบบน้องตุลย์บ้างหรือเปล่า เเต่ลูกชายของเขาเลือกที่จะเเสดงออกเเบบนี้ เขาไม่รู้ว่าภายในจิตใจ ภายในความคิดของเด็กชายเป็นอย่างไร เเต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้นั้นคือ การโหยหาความรักจากคนเป็นพ่อ ต่อให้เเสร้งว่าเข้าใจ เเสร้งว่าเข้มเเข็ง เเต่ลึกๆในจิตใจของน้องตุลย์ก็โหยหามันอยู่ไม่น้อย เมื่อได้รับการเติมเต็ม การร้องไห้จึงน่าจะเป็นการปลดล็อคให้กับเจ้าตัว มันเป็นการร้องไห้ที่มาพร้อมกับความดีใจ โล่งใจ เเละสุขใจ


"อาคีย์ ป๊าตูนตูนชื่อป๊าลม ป๊าหล่อน้าอาคีย์ หล่อเหมือนตูนตูนเยย"

นาทีสลัดความคิดเหตุการณ์เมื่อวานออก เมื่อลูกชายเดินมายืนข้างๆ เเละส่งเสียงอวดพ่อของตัวเองกับคีย์

"โอโห้ หล่อเหมือนหมูตุ้บเลยเหรอครับ"

"คับ"

"ไหนหมูตุ้บของอาคีย์หล่อขนาดไหนครับ ขอโพสท่าหล่อๆสักหนึ่งท่าสิครับ"

เด็กชายตุลย์ไม่รอช้ารีบจัดให้ตามคำขอ ยกนิ้วชี้กับนิ้วโป้งมาวางไว้ใต้คาง พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้กับคนเป็นอา เเถมด้วยการยักคิ้วจึ๊กจึ๊กให้ด้วย ท่านี้ทำเเล้วหล่อเด็กชายตุลย์มั่นใจ เพราะเขาทำท่านี้ทีไรต้นหญ้าจะชมเขาตลอดเลยว่าหล่อมากๆ

"กงยูก็กงยูเถอะ เจอตูนตูนเข้าไป สู้ไม่ไหวหรอก"

"หมายถึงกงยูสู้น้องตุลย์ไม่ไหวใช่ไหมคีย์" นาทีเอ่ยถาม

"หึ หมายถึงหมูตุ้บกูเนี่ยสู้กงยูไม่ไหวหรอก เเค่พุงก็กินขาดเเล้ว นี่เเหน่ะ นี่เเหน่ะ" ว่าจบคีย์ก็ไม่รอช้า ใช้นิ้วจิ้มพุงนุ่มนิ่มของเด็กชายตุลย์เล่นเป็นการยืนยัน

"คิคิ มีพุงก็หล่อ"

"หืม ใครบอกเราเนี่ยห๊ะหมูตุ้บ"

"ต้นหญ้าบอก ต้นหญ้าบอกตูนตูนมีพุงก็หล่อ"

"ฮ่าๆ ต้นหญ้าพูดอะไรก็เชื่อหมดเลยนะหมูตุ้บ"

"ก็ต้นหญ้าน่ารัก คิคิ" เด็กชายตุลย์ตอบด้วยท่าทางเขินอาย จนคีย์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยหยอกคนเป็นเเม่

"กูถือขันหมากรอเลย มึงก็อย่าลืมเตรียมสินสอด โอ๊ะ! ลืมไป ว่าที่ผัวมึงรว.. โอ๊ย! ไอ้ที หยิกทำไมเนีย เจ็บนะ"

"ก็เราหยิกให้เจ็บ ต่อไปจะได้ไม่พูดจาเพ้อเจ้ออีก.... น้องตุลย์ครับ" เมื่อดุเพื่อนเสร็จนาทีก็หันมาเรียกลูกชายที่ยืนมองตาเเป๋วเเทน

"คับหม่าม้า"

"เดี๋ยวหม่าม้าจะไปช่วยอาคีย์เก็บร้าน น้องตุลย์นั่งระบายสีรอหม่าม้าก่อนนะครับ เดี๋ยวป๊าจะมารับนะ"

"เคเยย หม่าม้า ตูนตูนเด็กดี นั่งรอนิ่งๆ ม่ายซนเยย"

"ครับๆ หม่าม้าเชื่อครับว่าน้องตุลย์ไม่ซนเลยสักนิด" เเม้ปากจะบอกว่าเชื่อ เเต่น้ำเสียงเเละท่าทางของนาทีช่างสวนทางกับคำพูดซะเหลือเกิน ก็ลูกชายเขาทั้งคน ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่าซนเเละเเสบแค่ไหน


กรุ้งกริ๊ง! กรุ้งกริ๊ง!

เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นเรียกสายตาของเด็กชายตุลย์ให้หันไปมองผู้มาใหม่ เเละเมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใคร เจ้าตัวก็ออกอาการตื่นเต้นดีใจจนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้

"ป๊า!"

"ตัวเล็กระวังครับ เดี๋ยวตกเก้าอี้นะ" ลมเดินตรงมาหาลูกชายที่ตอนนี้นั่งไม่นิ่งอยู่บนเก้าอี้

"ป๊า ตูนตูนคิดถึง"

"ฮ่าๆ เเต่เราเพิ่งเจอกันสองชั่วโมงก่อนเองนะครับ"

"ฉองชั่วโมงก๊ะคิดถึงด้าย" ว่าจบเด็กชายตุลย์ก็ส่งยิ้มหวานให้คนเป็นพ่อหัวใจละลายเล่นไปหนึ่งที

"น่ารักขนาดนี้ มาให้ป๊าหอมเเก้มซ้ายขวาซะดีๆ  ฟอด ฟอด" ลมหอมเเก้มลูกชายสองฟอดใหญ่ๆให้สมกับความน่ารักของเจ้าตัว

"คิคิ" เด็กชายตุลย์ยิ้มร่า ดีใจที่โดนพ่อหอมเเก้ม


"สองพ่อลูกคุยอะไรกันอยู่ครับ" นาทีที่เก็บร้านเสร็จเเล้วเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นสองพ่อลูกกำลังนั่งพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

"ทีเสร็จเเล้วเหรอ"

"ครับ"

"งั้นกลับบ้านเลยไหม"

"ครับ"

"คุณลมสวัสดีครับ" คีย์ที่เดินมาทีหลังเอ่ยทักขึ้น เมื่อเห็นว่ามีสามีของเพื่อนยืนอยู่ด้วย

"สวัสดีครับคุณคีย์"

"แหม่ คุณลมรับส่งเช้าเย็นขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเพื่อนผมจะยังจำวิธีขับมอเตอร์ไซค์ได้หรือเปล่า"

"ดีเเล้วครับ ผมไม่ค่อยอยากให้ทีขับสักเท่าไหร่ มันอันตราย"

"เป็นห่วงสินะครับ"

"เป็นห่วงมากครับ"

"ฮ่าๆ คุณลมอย่าพูดไปครับ เพื่อนผมเขินหน้าเเดงเเล้ว"

"เราไม่ได้เขินสักหน่อย" คนที่บอกว่าตัวเองไม่เขินนั้นตอนนี้หูกับหน้าเเดงพอๆกันเลย

"เเยกย้ายกันกลับบ้านดีกว่าครับเดี๋ยวจะมืดค่ำดึกดื่นซะก่อน....หมูตุ้บ ไว้เจอกันนะ"

"คับ ตูนตูนสวัสดีอาคีย์คับ"

เมื่อกล่าวลากันเรียบร้อย ก็ถึงเวลากลับบ้าน

"ไปครับกลับบ้านเรากัน" นาทีเอ่ยชวน

"บ้านเราๆ กลับบ้านกานนนนน"

"ครับ กลับบ้านเรากัน"

ทั้งสามคนเดินไปยังรถยนต์ของลมที่จอดอยู่ใกล้ๆด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มตลอดทาง


..................................................................

มื้อเย็นสิ้นสุด เวลานั่งเล่นของคนในครอบครัวก็หมดไป ตอนนี้ถึงเวลานอนของเด็กชายตัวน้อยเเล้ว

"น้องตุลย์ปล่อยป๊าก่อนครับ ตอนนี้น้องตุลย์ต้องไปเเปรงฟันก่อนครับถึงเวลานอนเเล้วนะ" นาทีเอ่ยบอกลูกชาย เมื่อเห็นว่าลูกชายของตัวเองเกาะคุณลมเเน่นไม่ยอมปล่อย ขนาดตอนอาบน้ำก็ขอไปอาบพร้อมกันกับคนเป็นพ่อด้วย

นาทีก็พอจะรู้ว่าลูกของเขาเห่อคุณป๊าของเขามาก เเต่ก็ไม่คิดว่าจะเห่อจนตามติดเป็นเงาขนาดนี้ ส่วนคุณลมก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้ลูกชายเกาะตัวเองอยู่อย่างอิสระ

"ป๊า แปงฟันกัน ป๊าแปงฟันห้ายตูนตูนนะ"

"ได้เลยครับ" คนเป็นพ่อตอบรับคำลูกชายไม่มีอิดออด

"เเต่น้องตุลย์แปรงฟันเองได้ไม่ใช่เหรอครับ" เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายนาทีก็อดที่จะเอ่ยเเซ็วออกไปไม่ได้

"แปงด้าย เเต่หม่าม้าบอกตูนตูนแปงไม่ฉะอาด ต้องช่วย ตูนตูนเด็กดี เชื่อหม่าม้า"

"หืม เเต่ปกติเวลาหม่าม้าจะช่วยเเปรงฟันให้ น้องตุลย์จะงอเเงบอกว่าไม่ต้อง สะอาดเเล้ว เเละบ่นว่าหม่าม้าแปรงนาน จนหม่าม้าต้องดุถึงจะยอมไม่ใช่เหรอครับ"

"ม่ายๆ ตูนตูนไม่ด้ายงอเเงนะหม่าม้า ตูนตูนไม่อยากให้หม่าม้าแปงเพราะวันนั้นตูนตูนมั่นจาย เเต่วันนี้ตูนตูนม่ายมั่นจาย"

"ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าเเสบเอ้ย" นาทีขยี้หัวลูกชายตัวเองจนฟูฟ่องด้วยความมันเขี้ยว

"ลูกใครเนี่ย ฉลาดจริงๆเลย" ลมเอ่ยเเหย่ลูกชายบ้าง

"ลูกป๊าลมกับหม่าม้านาทีคับ" เด็กชายตุลย์ตอบเสียงดังฟังชัด ด้วยความมั่นใจ ทำให้สองผู้ใหญ่พากันยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู

"ครับๆๆ ถ้าอย่างนั้นเด็กชายตุลย์ลูกป๊าลมกับหม่าม้านาที ไปแปรงฟันได้เเล้วครับ" ลมยืนขึ้น ยื่นมือหนาไปให้ลูกชายจับ

"คับ" เด็กชายยื่นมือไปจับมือคนเป็นพ่อไว้ ทั้งสองคนเดินไปยังห้องน้ำ โดยที่มีสายตาของนาทีมองตามไปสุดสายตา

เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ ดังขึ้นเป็นระยะๆออกมาจากห้องน้ำ เรียกรอยยิ้มให้นาทีได้ไม่น้อย ดูลูกชายเขาจะมีความสุขกับการเเปรงฟันซะเหลือเกิน ทั้งที่ปกติกว่าจะเเปรงฟันได้ มักจะอิดออดเสมอ เเต่ดูวันนี้สิ รับคำอย่างว่าง่ายเพราะอยากจะอ้อนป๊าของตัวเอง  เฮ้อ มันน่าน้อยใจจริงเลย

เวลาผ่านไปสักครู่เจ้าเด็กชุดนอนลายหมีสีน้ำตาลก็เดินออกมาพร้อมกับยิ้มเเฉ่งโชว์ฟันให้นาทีมาเเต่ไกล โดยที่มีคนเป็นเดินยิ้มตามหลังมา

"หม่าม้าฉะอาดเเล้ว ป๊าแปงเก่งมากเยย"

"แปรงเก่งกว่าหม่าม้าอีกเหรอครับ"

"คับ อุ๊บ!" เด็กชายตุลย์ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง พร้อมกับทำตาโตๆ "ม่ายๆ หม่าม้า แปงเก่งเท่ากาน" เด็กชายตุลย์รีบพูดเเก้ต่างให้ตัวเองทันทีเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเผลอตอบคำถามพลาดไป

"น่าน้อยใจจังเลยครับ" นาทีเเกล้งทำท่างอนลูกชายของตัวเอง

"เอาเเล้วไง ตัวเล็ก หม่าม้างอนเเล้วทำไงดีครับ"

"หม่าม้างอน ก็ต้อง ........ ฟอด ฟอด " เด็กชายตุลย์ปีนขึ้นไปบนเตียงที่หม่าม้านั่งอยู่ ยื่นหน้าไปหอมเเก้มหม่าม้าเพื่อเป็นง้อ "ป๊า มาเร็ว หอมเยยๆ หม่าม้าจาได้หายโกด" เด็กชายตุลย์กวักมือเรียกป๊าของตัวเองให้มาหอมเเก้มหม่าม้าด้วย เพราะคิดว่าป๊าก็โดนงอนเหมือนกัน

"ได้ครับ ฟอด ฟอด จุ้บ" ลมเดินมาหอมเเก้มนาทีโดยที่นาทีไม่ทันตั้งตัว นอกจากจะหอมเเก้มเเล้วยังมีการจุ้บปากเป็นของเเถมด้วย

"พี่ลม!"

"เหมือนหม่าม้าจะยังไม่หายงอน กันคงต้องหอมอีกรอบ" ว่าจบลมก็ก้มหน้าไปหาเเก้มนิ่มของนาทีอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เเต่ก็ยังช้ากว่านาทีที่เอามือมาบังเเก้มไว้

"พอเลยครับ ฉวยโอกาสตลอด"

"กับเมียเขาไม่เรียกว่าฉวยโอกาสครับ เขาเรียกว่าการเเสดงความรัก"

"เมียเมอ อะไรเล่า พูดมั่ว" นาทีอายหน้าเเดงก่ำกับคำพูดของลม

"มั่วที่ไหน ก็นี่เมียพี่จริงๆ"

"พอเลยครับ อายลูกบ้าง ลูกนั่งมองตาเเป๋วอยู่นะ" นาทีเอ็ดลมเสียงดุ

"ลูกไม่ว่าหรอกครับ....ใช่ไหมครับน้องตุลย์" พูดกับนาทีเสร็จ ลมก็หันไปถามลูกชายที่นั่งมองตาแป๋วอยู่

"ช่ายคับ หอมเยย หอมด้าย แก้มตูนตูนก็หอมด้าย"

"จริงเหรอครับ ไหนป๊าขอลองหน่อย"

"นี่เยยๆ" เด็กชายตุลย์ยื่นเเก้มให้คนเป็นพ่อหอม

"ฟอด หอมจริงๆด้วยครับ"

"คิคิ"

"หยุดเล่นก่อนครับทั้งสองคน เลยเวลานอนมามากเเล้วนะครับ น้องตุลย์มานอนครับ"

"หม่าม้าให้ป๊านอนกับตูนตูนด้วยด้ายม่าย" เด็กชายตุลย์ถามหม่าม้าด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เขาอยากให้ป๊าของเขานอนด้วย เขาอยากนอนกอดป๊า เมื่อวานเขามัวเเต่ร้องไห้จนเผลอหลับไปเลยไม่ได้กอดป๊าเลย

"ได้เเน่นอนอยู่เเล้วครับ" เตียงเขาเป็นเตียงขนาด6ฟุต เเม้มันจะไม่ใหญ่มาก เเต่มันก็ไม่ได้อึดอัดเกินไปสำหรับคนสามคน อีกอย่างลูกชายเขาคงอยากกอดป๊าเขาด้วย นาทีเข้าใจถึงความต้องการของลูกดี เขาเลยไม่อยากขัดความสุขของลูกชาย

"เย้ๆ ป๊า ป๊าเล่านิทานห้ายตูนตูนฟังนะคับ" เมื่ออ้อนคนเป็นเเม่เสร็จ เด็กชายตุลย์ก็หันไปอ้อนคนเป็นพ่อต่อ เมื่อวานเขาพลาดอะไรหลายๆอย่างไป คืนนี้เขาจึงต้องตามเก็บให้ครบ คิดเเล้วตูนตูนก็อดเจ็บใจตัวเองไม่ได้ เมื่อวานไม่น่าร้องไห้จนเผลอหลับไปเลย

"ได้เลยครับ ไหน น้องตุลย์อยากฟังเรื่องอะไรครับ"

"ลูกหมีฉามตัวครับ"

"โอเคจัดไปครับ น้องตุลย์มานอนตรงนี้ครับ"

"ครับ" เด็กชายตุลย์รีบล้มตัวนอนลงตรงตำเเหน่งหมอนของตัวเอง มีตุ๊กตาคุณหมีตัวเล็กสีน้ำตาลเเละเเขนของลมอยู่ในอ้อมกอด

"เริ่มนะครับ......กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลูกหมีสามตัวอาศัยอยู่ในถ้ำกลางป่ากับพ่อและแม่ของมันอย่างมีความสุข........................ และแล้วลูกหมีทั้งสามตัวก็ได้อยู่ร่วมกันในบ้านหลังเล็กที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขตลอดช่วงฤดูหนาว จบครับ" ลมพับเก็บหนังสือนิทานหันไปมองลูกชายก็พบว่าตอนนี้ลูกชายหลับสนิทเเล้ว

"หลับเเล้วครับ" นาทีเอ่ยบอก

"อืม หลับเเก้มยุ้ยเชียว" ลมใช้นิ้วสะกิดเเก้มยุ้ยๆของลูกชายเบา

"เป็นไงบ้างครับ สำหรับการเป็นพ่อคน" นาทีเอ่ยถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันเเรกที่คุณลมได้ทำหน้าที่พ่ออย่างเต็มตัว

"ดีมาก ดีกว่าการเป็นลุงเยอะเลย พี่มีความสุข"

"น้องตุลย์ก็มีความสุขครับ"

"นั่นคือสิ่งที่พี่ต้องการ พี่อยากให้ทั้งทีเเละน้องตุลย์มีความสุข"

"ผมก็มีความสุขครับ" ไม่ว่าเปล่านาทียังส่งยิ้มหวานให้ลมเป็นการยืนยันอีกด้วย


"พี่ลม! อืมมม" นาทีที่ไม่ทันตั้งตัว อยู่ๆก็โดนลมดึงเข้าไปหา พร้อมกับใช้มือข้างนึงจับใบหน้าเขาไว้ จากนั้นก็ประกบจูบลงมาอย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว

เมื่อตั้งสติได้ นาทีก็ไม่ได้ขัดขืนเเต่อย่างใด นาทีจูบตอบลมได้อย่างดีเยี่ยม ลมค่อยๆสอดลิ้นชื้นเข้ามาฉกชิมความหวานจากปากของนาที

"อืมมมม"  เสียงครางเบาๆในลำคอดังขึ้นอย่างพอใจกับรสจูบที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้เเก่กัน มันทั้งอ่อนโยน วาบหวาม ชวนให้ใจเต้น

"แฮ่กๆ พอก่อนครับ ลูกนอนอยู่นะ เดี๋ยวลูกตื่น" นาทีเป็นฝ่ายละหน้าออกมา เมื่อเขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองขาดอากาศหายใจ

"พี่ขอจูบอีกครั้งไม่ได้เหรอครับ" ลมส่งเสียงออดอ้อนออกไป

"ไม่ครับ จูบทีไรพี่ลมมักจะเลยเถิดตลอด ลูกก็นอนอยู่นะ"

"พี่ว่าเราต้องคุยกันจริงๆจังๆกับการเเยกห้องนอนของลูกเเล้วหล่ะ อีกอย่างลูกก็โตมากขึ้นทุกวัน เดี๋ยวจะฝึกยาก"

"เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกันครับ ตอนนี้พี่ลมนอนเป็นเพื่อนลูกก่อน ทีจะลงไปเตรียมของในครัวก่อน"

"พี่ไปด้วย"

"ไม่ต้องครับ ดูซะก่อนมีลูกลิงเกาะเเน่นขนาดนี้ จะไปยังไงครับ ทีไปแป๊บเดียว พี่ลมไม่ดื้อนะครับ อยู่เป็นเพื่อนลูกนะ"

"ครับ" เมียพูดขนาดนี้ใครจะไปกล้าขัดใจ ลมเลือกตอบตกลงโดยไม่ลังเลเเม้เเต่น้อย


นาทีเดินลงมาห้องครัวเพื่อจัดการเตรียมวัตถุดิบทำอาหารในตอนเช้า เขาใช้เวลาในครัวไม่นานก็จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ตรวจเช็คประตูหน้าต่างอีกนิดหน่อยก็เดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน เขาเปิดประตูเข้าไปยังห้องที่มีสองพ่อลูกนอนอยู่ เมื่อประตูห้องเปิดออกภาพที่เห็นอยู่บนเตียงทำให้นาทียิ้มกว้างไปทั้งใบหน้าเเละหัวใจ


สองพ่อลูกกอดกันเเน่นเลย.........




...................................................................

TBC.

ตอนนี้ขอพื้นที่ให้ตูนตูนอวดป๊าหน่อยครับ ตูนตูนกำลังเห่อป๊าเลย

ส่วนเพ่ลมก็ใจเย็นเพ่ จะเเยกห้องนอนลูกอย่างเดียวเลย


ขอบคุณค่ะ

ปล.เรื่องนี้เราแต่งจบเรียบร้อยแล้วค่ะเลยสามารถลงถี่ๆได้เลย หวังว่าทุกคนจะไม่เบื่อกันก่อนนะคะ

ประมาณ 2 ทุ่มจะมาลงเพิ่มอีก 2 ตอนนะคะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 14-10-2021 12:18:34
 :man1: o13
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 12) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 14-10-2021 19:26:54
12
รู้จักลมใช่ไหม


หลายวันมานี้อากาศค่อนข้างที่จะเปลี่ยนเเปลงบ่อย เดี๋ยวก็ฝน เดี๋ยวก็แดด เรียกได้ว่าปรับอารมณ์ตาม กันเเทบไม่ทัน สำหรับนาทีเองไม่ว่าจะฝนตกเเดดออกเขาก็สบายดี เเต่สำหรับสองหนุ่มที่กำลังนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่นั้นค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขาทั้งสองคนเลยทีเดียว

"ฮัดชิ้ว!"

"ฮัดชิ้ว ฟืดด"

"ฮัดชิ้ว!"

" ฮะ ฮะ ฮัดชิ้ว หม่าม้าาาาาา"

เนื่องจากเช้านี้อากาศชื้นเเละฝนก็ตกหนัก ทำให้สองพ่อลูกที่ไม่ค่อยถูกกับอากาศชื้นๆเเละเม็ดฝนที่โปรยปราย สลับกันจามคนละทีสองที จนนาทีเองก็อดที่จะสงสารไม่ได้ ไหนจะจมูกที่ขึ้นสีเเดงนิดๆเพราะใช้มือไปขยี้นั่นอีก มันทั้งน่าเอ็นดูเเละน่าสงสารในเวลาเดียวกันเลย

"ไหวไหมครับ ทั้งคุณป๊าเเละคุณลูก" นาทีเอ่ยถามทั้งสองคนออกไปด้วยความเป็นห่วง

เเม้จะรู้ว่าทั้งคู่ไม่ได้มีอาการหนักหรือร้ายเเรงอะไร อีกสักพักก็จะกลับมาหายเป็นปกติ เเต่นาทีเองก็อดที่จะกังวลเเละเป็นห่วงไม่ได้

"หวายหม่าม้า ตูนตูนหวาย ป๊าหวายป้าวคับ" เด็กชายตุลย์ตอบคนเป็นเเม่เสร็จ ก็ไม่ลืมที่จะหันไปถามคนเป็นพ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ

"ไหวครับ สบายมาก" ลมตอบลูกชายทั้งๆที่ตัวเองยังคงขยี้จมูกอยู่

"เก่ง เก่ง ป๊าเก่ง" เด็กชายตุลย์เอ่ยชมป๊าของตัวเอง

"น้องตุลย์ก็เก่งเหมือนกันครับ"

"คิคิ ตูนตูนเก่ง หม่าม้า ป๊าบอกตูนตูนเก่ง" เด็กชายตุลย์ยกยิ้มดีใจ รีบหันหน้าไปโม้กับคนเป็นเเม่เสียยกใหญ่ ที่เจ้าตัวโดนป๊าชม

"หืม น้องตุลย์หลอกชมป๊า เพราะอยากให้ป๊าชมตัวเองกลับใช่ไหมครับ บอกหม่าม้ามานะ" เมื่อเห็นท่าทางที่ดูดีอกดีใจเสียยกใหญ่ของลูกชาย นาทีก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยหยอกลูกชายตัวเองออกไป

"คิคิ"

"รีบทานข้าวครับ อย่ามัวเเต่ดีใจ เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ"

"คับ"

ลูกชายของเขาตั้งเเต่รู้ว่าตัวเองมีป๊า จนกระทั่งถึงตอนนี้ เเม้จะผ่านมาหลายวันเเล้ว เจ้าตัวก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะเลิกเห่อป๊าของตัวเองสักนิด ป๊าว่าไงตูนตูนว่าด้วย ป๊าไปไหนตูนตูนไปด้วย ป๊าทำไรตูนตูนก็ทำด้วย ยิ่งโดนป๊าชมก็ ยิ่งดีใจ จนคนเป็นเเม่อย่างนาที เริ่มชักจะน้อยใจขึ้นมานิดๆเเล้ว

แต่ยามได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของลูกชายเเล้ว คิดดูอีกทีต่อให้เขาตกกระป๋องก็ไม่เป็นไร ขอเเค่ให้ลูกชายของเขามีความสุขก็เพียงพอเเล้ว


และนาทีก็หวังว่าความสุขจะอยู่กับครอบครัวเขาไปนานๆ


......................................................................


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

"เข้ามา"

"พี่ลม ทีเอากาเเฟมาให้ครับ"

หลังจากส่งลูกชายที่โรงเรียนเสร็จนาทีกับลมก็เดินทางมาทำงานกันต่อเลย เเละเเม้ว่านาทีจะกลับมาคืนดีกับลมเเล้ว เเต่หน้าที่ส่งกาเเฟยามเช้าของนาทีก็ยังคงอยู่ ทุกๆเช้าเขาจะต้องมาส่งกาเเฟให้กับบอสหนุ่มเสมอ

"ขอบคุณครับ" ลมกล่าวยิ้มขอบคุณนาที "ทีมานี่หน่อยสิครับ" ลมกวักมือเรียกนาทีให้เดินไปหาตัวเอง

ฟึบ!

ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้ ลมก็ดึงเเขนของนาทีเเรงๆจนนาทีเซถลานั่งลงบนตักของลมเป็นที่เรียบร้อย

"พี่ลม! ปล่อยเลยครับ เดี๋ยวใครเข้ามาเห็น" นาทีเอ็ดลมเสียงดุ รีบหันหน้าไปมองทางประตูทันที ตอนเข้ามาเขาไม่ได้ล็อคห้อง ถ้าเกิดใครเปิดประตูมาเห็นเขาได้อายจนต้องมุดตึกหนีเเน่ๆ

"ไม่มีใครเข้ามาหรอกครับ ไม่ต้องห่วง" ไม่ว่าเปล่า ลมยังเกยคางตัวเองไว้ตรงบ่าเล็ก เเถมยังเเอบใช้จมูกสูดดมซอกคอหอมของนาทีอีกด้วย

"อื้อ พี่ลม พอเลยครับ" นาทีพยายามผลักลมให้ออกห่าง เเต่คนตัวโตก็เกาะเหนียวหนึบเสียยิ่งกว่าตุ๊กเเก 

"พี่ขอเพิ่มกำลังใจหน่อยครับ พี่ทำงานเหนื่อยมากๆเลย" ลมว่าด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

"ยังไม่ได้จะเริ่มทำงานเลย เหนื่อยเเล้วเหรอครับ" นาเอ่ยถามคนตัวโตที่กำลังทำหน้าตางอเเงอยู่

"เหนื่อยล่วงหน้าไว้ก่อนไงครับ พี่อยากอ้อนเมีย"

"เฮ้อ! จริงๆเลยนะ ปล่อยเลยครับ ทีต้องไปช่วยคีย์ดูร้าน ไหนจะขนมที่กำลังอบอยู่อีก"

"ฝากถามคีย์ให้หน่อยสิครับว่า ถ้าพี่จะขอพนักงานคนนี้มานั่งนิ่งๆให้พี่มองวันละสองชั่วโมงเเลกกับการไม่คิดค่าเช่าร้านกาเเฟ คีย์จะสนใจไหม"

"พอเลยครับ พอเลย ใครจะมานั่งนิ่งๆให้มองกันครับ เเล้วก็ปล่อยได้เเล้วครับ ถ้าพี่ลมยังดื้อทีจะตีเเล้วนะ"

"ใช้ปากตีปากได้ไหมครับ ถ้าได้พี่จะยอมให้ทีตีพี่ทั้งวันเลย"

"พี่ลม!"

ฝ่ายลมพูดออกมาหน้าตาย ส่วนคนฟังนั้นหน้าเเดงระเรื่อด้วยความเขินอายจนต้องพยายามเเสร้งตีหน้าดุอีกฝ่ายเพื่อกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง เเต่หารู้ไหมว่า ในสายตาลมหน้าตาที่เหมือนเเมวขู่เเบบนั้น มันสะกิดอารมณ์ความมันเขี้ยวได้ดีจริงๆเเบบนี้ต้อง.....

"ฟอด ฟอด" ลมกดจมูกลงกับเเก้มนิ่มที่หอมกลิ่นเเป้งเด็กสองฟอดใหญ่ๆ

"เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!" นาทีก็ไม่ยอมเเพ้ เมื่อโดนฉวยโอกาสก็จัดการตีไหล่หนาลงไปสองที เเต่เหมือนว่าคนโดนตีจะไม่สะทกสะท้านสักเท่าไหร่

"เคยได้ยินคำพูดที่ว่าตบจูบไหมครับ"

"ไม่ครับ เเล้วอีกอย่างทีเเค่ตี ไม่ได้ตบ"

"บ้านพี่จะตบหรือตี มันก็เหมือนกันครับ"

"พี่ลม อื้อออออ"

ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ลมยืดหน้าขึ้นประกบริมฝีปากนิ่มทันที สองแขนเเกร่งกระชับเอวของคนบนตักไว้เเน่นกว่าเดิมเพราะกลัวว่าอีกคนจะตกลงไป

บทจูบเร้าร้อนยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นาทีจูบกลับลมอย่างดุเดือดไม่เเพ้กัน ลมทั้งขบกัด ทั้งดูดดึงริมฝีปากของนาทีอย่างหนักหน่วง ลิ้นสองลิ้นสอดประสานกันอย่างลงตัว บรรยากาศในห้องทำงานที่เย็นสบายในตอนเเรก เวลานี้มันเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆเพราะบทรักจูบหอมหวานเเละเร้าร้อนของทั้งคู่

"อืมม อืมมม"

เสียงครางอื้ออึงในลำคอของคนทั้งคู่ที่บ่งบอกถึงความพอใจดังอยู่เป็นระยะ นาทียกเเขนทั้งสองข้างขึ้นคล้องคอของลม พร้อมกับปรับองศาหน้ารับจูบที่อีกฝ่ายมอบให้ ส่วนมือหนาของลมตอนนี้นั้นกำลังวนเวียนอยู่ตรงเเถวๆหน้าอกของนาที ลูบไล้มันผ่านเนื้อผ้า เเต่ก็เรียกเสียงครางเบาๆจากนาทีได้เป็นอย่างดี


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ดึงสติของนาทีให้กลับมา นาทีรีบกระโดดลุกจากตักของลมทันทีอย่างรวดเร็ว ก้มหน้ามองสภาพของตัวเองเเล้วอยากจะบ้าตาย สภาพผมที่ดูยุ่งนิดๆ กับกระดุมเสื้อสามเม็ดที่โดนปลดออก ให้ตายเถอะผู้ชายคนนี้ มือไวเป็นบ้า

นาทีมองค้อนลมเสียยกใหญ่ เเต่คิดหรอว่าคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จะสะทกสะท้าน

"ปากทีบวมหมดเลย พี่ดูดเเรงไปหน่อย เจ็บไหมครับ"

นาทีถลึงตาโตใส่ลมทันทีที่ลมพูดจบ  มีที่ไหนพูดจาเหมือนจะเป็นห่วง เเต่ท่าทางเเละเเววตานั้นเจ้าเล่เป็นที่สุด


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้นาทีเลิกสนใจที่จะเถียงกับคนบนเก้าอี้เเล้ว นาทีกล่าวลาลมเเละเดินตรงไปยังประตู เเต่ก่อนที่จะเปิดประตูออกนาทีได้หันกลับมาพูดกับลมหนึ่งประโยคที่ทำให้ลมถึงกับเเทบอยากจะลงไปนอนดิ้นกับพื้น

"คืนนี้ไปนอนอีกห้องเลยนะครับ ทีไม่อนุญาตให้พี่ลมนอนด้วย" ว่าจบนาทีก็ดึงประตูเเละเดินออกไปทันที โดยไม่สนใจเสียงร้องอ้อนวอนที่ดังตามหลังมาสักนิด

"ทีครับ~~~~"



นาทีลงลิฟต์จากชั้น 25 มายังชั้นล่างสุดที่ตัวเองทำงานอยู่ เดี๋ยวนี้เขาไม่ต้องไปต่อลิฟต์ที่ชั้น 18 เเล้วเพราะบอสใหญ่ของบริษัทให้บัตรสำหรับการใช้ลิฟต์ที่ขึ้นตรงไปยังชั้น 25 มาให้เขาหนึ่งใบ ซึ่งมันก็ง่ายดีต่อการขึ้นไปส่งกาเเฟ ไม่ต้องรอลิฟต์นาน ไม่ต้องเบียดเสียดกับใคร มันดีมากๆเลย

เเต่ในระหว่างที่นาทีกำลังเดินกลับร้านนั้น จู่ๆก็มีเสียงกระซิบพูดคุยดังขึ้นมาให้นาทีได้ยิน

"นี่ไงเเก คนนี้ไงที่เขาบอกว่าเป็นเด็กเลี้ยงของบอส"

"หน้าตาก็งั้นๆ ไม่รู้บอสชอบไปได้ยังไง"

"สงสัยจะลีลาดีมั้งเเก ถ้าไม่ดีจริงคงไม่ได้ใช้ลิฟต์ขึ้นตรงถึงบอสขนาดนั้น"

"คนนี้มีลูกด้วยนะ ไม่น่าเชื่อว่าบอสจะชอบคนมีลูกติด"

"เเต่ก็นะบอสออกจะรวย เป็นฉันฉันก็ไม่สนนะ สบายไปทั้งชาติ"

"เเต่ชั้นว่าไม่นานโดนบอสเขี่ยทิ้งเเน่"

เเละอีกสารพัดคำพูดที่ลอยเข้ามาให้นาทีได้ยิน เฮ้อ! อยู่ดีๆก็โดนนินทาซะงั้น นาทีเลือกที่จะไม่สนใจคำพูดเเละท่าทางของคนเหล่านั้นที่มองมา จากนั้นก็เดินกลับไปยังร้านกาเเฟเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป



.....................................................................

"เฮ้อ!"

"เฮ้อออออ"

"เฮ้ออออออออออออ"

"มึงจะถอนหายใจอะไรเยอะเเยะเนี่ยไอ้ที ถอนหายใจจนกูจะเครียดตามมึงอยู่เเล้ว มันเป็นอะไรวะ ถอนมาตั้งเเต่เช้ายันเย็นขนาดนี้"

คีย์เอ่ยถามเพื่อนรักออกไปด้วยความหงุดหงิด เขาเห็นมันถอนหายใจหนักๆมาตั้งเเต่เช้า จนตอนนี้ร้านใกล้จะปิดอยู่เเล้ว มันยังไม่เลิกถอนหายใจอีก ไหนจะหน้าตาที่คิดไม่ตกของมันอีก คนมองเเบบเขาเห็นเเล้วพลอยเครียดไปกับมันด้วยเลย

"คีย์"

"ว่า"

"เรามีเรื่องอยากปรึกษา"

"เออ! สักที พูดออกมาได้สักที กูรอมาทั้งวันเเล้วไอ้ประโยคนี้ของมึง ไหนมีไรพูดมา"

"ก็วันนี้ตอนที่เรากลับจากส่งกาเเฟให้พี่ลมเสร็จ..."

"เเหม่ ทุกวันนี้ พี่ลมเต็มปากเต็มคำ" คีย์ไม่วายขอเอ่ยเเซ็วเพื่อนรักสักนิด เห็นเเล้วมันอดที่จะปล่อยผ่านไปไม่ได้จริงๆ

"จะฟังต่อไหมเนีย"

"เออๆ ไม่ได้เลย หยอกไม่ได้เลย เอ้า! พูดต่อๆ"

"เราเดินผ่านพนักงานในตึก เเล้วพวกเขาก็เเบบ พูดกระซิบเสียงดังให้เราได้ยิน เเบบว่า เราจะไปจับพี่ลมบ้าง อยากรวยทางลัดบ้าง เราเป็นเด็กเลี้ยงพี่ลมบ้าง พอได้ยินเราก็ไม่ค่อยสบายใจ"

"ทำไมถึงไม่สบายใจวะ มึงคิดมากกับคำนินทาพวกนั้นเหรอ"

"เปล่า ใครจะนินทาหรือพูดอะไรเราไม่สนใจหรอก คำนินทาก็คือคำนินทา เราเป็นยังไงเรารู้ดีเเก่ใจ ถ้ามัวเเต่สนคำนินทาพวกนั้นเราได้เครียดตายพอดี "

"อ้าว เเล้วทำไม" คีย์ขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย

"เราเป็นห่วงพี่ลม พี่เขาเป็นถึงเจ้าของบริษัท เรากลัวพนักงานจะมองเขาไม่ดี เราไม่อยาหให้ภาพลักษณ์ของเขาเสียหาย อย่างเราอ่ะไม่เป็นไรหรอก เเต่พี่ลมนี่สิ"

"โอ๊ยยย! ไปห่วงอะไรพี่ลมมึง พี่ลมมึงอ่ะโครตไม่น่าเป็นห่วง ทำอย่างกับไม่รู้จักผัวตัวเอง ผัวมึงเคยสนใจใครที่ไหน นอกจากมึงกับน้องตุลย์เเล้ว กูยังไม่เคยเห็นจะสนใจใคร"

"..........."

"ถ้าไม่เชื่อกูนะ มึงลองเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพี่ลมมึงดู กูรับรองพรุ่งนี้บอร์ดด่านล่างแปะกระดาษรับสมัครพนักงานใหม่ล้นกระดาน"

"ทำไมล่ะ"

"ก็โดนผัวมึงไล่ออกไง โทษฐานทำให้เมียตัวเองต้องมานั่งเครียด"

"คีย์ก็พูดเกินไป" เเม้จะรู้ว่าคีย์พูดเล่น เเต่นาทีก็อดที่จะเขินไม่ได้

"พนันกับกูไหมล่ะ กูทุ่มเงินหมดบัญชีเลย"

นาทีหัวเราะเเละส่ายหัวเล็กน้อยให้กับท่าทางที่จริงจังของเจ้าตัว อะไรจะมั่นใจขนาดนั้น

"มีสองร้อยทำเป็นพูด"

"ไอ้ที มึงบูลลี่เงินในบัญชีกู"

"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ"

"ไอ้สัส..... เเต่กูก็อยากจะบอกมึงนะว่า มึงอย่าไปสนใจเลยที คนจะไม่ชอบยังไงก็ไม่ชอบ คนจะอิจฉายังไงก็อิจฉาอยู่วันยังค่ำ ต่อให้ไปนั่งบอกนั่งอธิบายถ้าใจคนมันอคติยังไงก็เหนื่อยเปล่า อย่าเก็บมาใส่ใจเลยมึง อุตส่าห์ได้ความสุขกลับคืนมาเเล้ว อย่าไปเสียเวลาให้กับคำพูดพวกนี้เลย หรือไม่นะมึงก็จับพี่ลมของมึงจูบกลางบริษัทเลย เอาให้อกเเตกตายให้หมด"

"บ้า! ใครจะไปทำอะไรอย่างนั้นกันเล่า!" นาทีหน้าเเดงระเรื่อเมื่อได้ยินคำเเนะนำของคีย์ ใครมันจะไปกล้าทำอะไรเเบบนั้น

"เเหม่ ใครจะกล้าทำอะไรอย่างนั้น เเต่วันนี้มาปากบวมเจ่อมาเลยนะ"

"คีย์ ห้ามเเซ็ว ห้ามพูดถึง"

"เออๆๆๆๆ..... เเล้ววันนี้หมูตุ้บกูไปไหนเนี่ย ยังไม่ได้เจอหน้าเลย"

"อยู่กับป๊าของเขา วันนี้เขาอ้อนป๊าขอขึ้นไปทำงานด้วย"

"ตั้งเเต่มีป๊า อาเเบบกูเริ่มชักน้อยใจ"

"หม่าม้าเเบบเราก็ด้วย"

"ฮ่าๆๆ"  "ฮ่าๆ"

สองเพื่อนรักหัวเราะออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาไม่ได้น้อยใจอะไรขนาดนั้น เพียงเเต่อดที่จะเเซ็วเด็กชายตัวน้อยไม่ได้ ก็ไอ้อาการเห่อป๊าจนตามติดเป็นเงาของเด็กชายตัวน้อย มันน่าจับมาดึงเเก้มให้เเก้มช้ำเสียจริงๆ



กริ๊ง! กริ๊ง!

"Keyword cafe ยินดีต้อนรับครับ"

นาทีละสายตาจากคีย์ มากล่าวต้อนรับลูกค้าที่เปิดประตูเข้ามาภายในร้าน

"ไอ้สัส อย่างหล่อ"

เสียงของคีย์อุทานออกมาเบาๆ เมื่อเจ้าตัวเงยหน้ามาเจอกับลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามา

"คาปูชิโน่เย็นเเก้วนึง" น้ำเสียงทุ้มกับใบหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ชวนให้คนมองอึดอัดเอ่ยสั่งเมนูที่ต้องการ "ไปเสิร์ฟที่โต๊ะให้ด้วย" เจ้าตัววางเงินไว้เเล้วเดินไปรอที่โต๊ะทันที ทิ้งให้สองเพื่อนรักยืนงงๆกับท่าทางของลูกค้าที่เพิ่งมาใหม่

"อะไรของเขากันวะ" คีย์ที่ยืนอยู่ข้างๆพูดขึ้นเบาๆ

"อย่ามัวเเต่สงสัย รีบไปชงกาเเฟได้เเล้ว ไปเร็ว!" นาทีรีบเตือนเพื่อนที่กำลังมองตามลูกค้าตาไม่กระพริบ

"เออๆๆ เสียดายหน้าตาชะมัด หน้าตาก็ดีเเต่ท่าทีไม่เป็นมิตรชิบหายเลย"  คีย์ก็ยังไม่วายที่จะบ่นเป็นการส่งท้าย ก่อนจะรีบเดินไปชงกาเเฟตามที่ลูกค้าสั่ง


"กาเเฟได้เเล้วครับ ส่วนอันนี้เงินทอนครับ" นาทีเป็นคนยกกาเเฟมาสิร์ฟ เพราะคนอื่นๆในร้านกำลังงานล้นมือ 

"ขอบใจ" เอ่ยจบร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องนาทีด้วยสายตาที่เย็นชา จนชวนให้นาทีรู้สึกขนลุกซู่เเบบบอกไม่ถูก "นาทีใช่ไหม"

คำถามที่ถามออกมา ทำให้นาทีรู้สึกตกใจไม่น้อยที่อยู่ๆคนคนนี้ก็เอ่ยชื่อของตนขึ้นมา เขาเเน่ใจว่าเขาไม่เคยรู้จักหรือพบเจอกับคนคนนี้มาก่อนเเน่ๆ

"ครับ"

"นั่งสิ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย"

"คือผมมีงานต้องทำ"

"ผมบอกให้นั่ง" เสียงสั่งที่เปร่งออกมามันดูน่ากลัวจนนาทีต้องรีบพาตัวเองไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกัน

"นายรู้จักคนที่ชื่อลมใช่ไหม"

หลังสิ้นคำถาม ตัวของนาทีก็รู้สึกเกร็งขึ้นมาฉับพลัน เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นตามขมับ มือทั้งสองข้างที่บีบกันเเน่น ชื้นไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความตื่นกลัว

คำถามเเบบนี้อีกเเล้ว.........

"มะ ไม่รู้จักครับ" นาทีเลือกที่จะโกหกคำโตออกไป เขาไม่รู้ว่าคนคนนี้เป็นใคร เเต่ดูท่าทางเเล้วไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่

"โกหก ผมถามดีๆคุณรู้จักคนที่ชื่อลมใช่ไหม" ชายตรงข้ามใช้น้ำเสียงเชิงข่มขู่เเละเเววตากดดันมองไปยังนาทีที่นั่งอยู่ตรงข้าม

นาทีที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนข่มขู่อีกเเล้ว ตัวก็เริ่มสั่น พร้อมกับใจที่เต้นระรัวจนเจ็บไปหมด จิตใจต่างคิดไปต่างๆนานา

จะโดนทำร้ายเหมือนครั้งนั้นอีกหรือเปล่า........

"ผมจะไม่พูดพร่ำให้เสียเวลา ที่มาวันนี้ผมเเค่ต้องการมาบอกคุณว่า"

"......................"

"หายไปจากชีวิตของลมซะ"




.................................................................

TBC

อะไรยังไง มันทำไม เกิดอะไรขึ้น คุณเขาเป็นใครกัน


ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 14-10-2021 19:27:10
ปกคิเจอแต่พ่อเห่อลูก แต่นี้ลูกเห่อพ่อ55555 ตูนคูนมีป๋าแย้ววววววว
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 14-10-2021 19:39:36
 :hao7: :sad4:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 13) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 14-10-2021 19:46:50
13
ตูนตูนไม่พูดด้วย


"หายไปจากชีวิตของลมซะ"

"เอ้าคุณ ทำไมพูดจาหมาๆงี้วะ"

"เฮียรุต!"

"หม่าม้าาาาาาา~"

ตอนนี้ในร้าน keyword cafe ค่อนข้างที่จะวุ่นวายพอดู เพราะจู่ๆก็มีสมาชิกไม่ได้รับเชิญมาปรากฏตัวเข้าร่วมบทสนทนาของนาทีกับผู้ชายเเปลกหน้าด้วย

คีย์คือคนเเรกที่ปรี่ตัวเข้ามาหานาทีในตอนที่ได้ยินประโยคชวนขัดหูนั่น เขาเเอบฟังบทสนทนาของทั้งคู่มาตั้งเเต่ต้น ผู้ชายคนนี้อยู่ๆก็ขู่เอาๆ คีย์พยายามเเล้วที่จะไม่เข้าไปยุ่ง เเต่ถ้าจะมาทำเรื่องเเย่ๆกับเพื่อนเขาเเบบนี้เขาไม่ยอม เพื่อนเขาเพิ่งมีความสุข จู่ๆจะมาเเยกได้ไง หล่อเเค่ไหนไอ้คีย์คนนี้ก็ไม่สน พ่อจะฟาดให้หน้าบุบเลยคอยดู

คนที่สองที่ส่งเสียงเรียกคือลม ลมมาทันประโยคสุดท้ายที่พี่ชายของตัวเองพูดกับคนรักพอดี ลมเเทบจะวิ่งเข้าไปกระชากคอพี่ชายตัวเอง เเล้วต่อยสักสามหมัดโทษฐานที่พูดอะไรไม่เข้าเรื่อง เเต่ติดที่เขามีลูกลิงตัวน้อยเกาะอยู่ เลยทำได้เเค่เดินด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับไปหาพี่ชาย ตอนที่กรมาบอกว่าพี่ชายเขามาที่นี่เขาคิดไว้เเล้วว่าเจ้าตัวจะต้องทำอะไรแปลกๆอีกเเน่ เเละมันก็เป็นจริงอย่างที่ลมคิด ก็ว่าอยู่ทำไมยังไม่ขึ้นไปหาเขาด้านบน เพราะมัวเเต่มาทำเรื่องบ้าบออยู่นี่เอง ไอ้เฮีย!

ส่วนเสียงเรียกสุดท้ายเป็นของลูกชายตัวน้อย ที่ตะโกนเรียกหม่าม้าของเขาด้วยเสียงสดใสเหมือนเช่นทุกวัน เเต่วันนี้หม่าม้าของเขาไม่มีรอยยิ้ม เเละสิ่งหนึ่งที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของหม่าม้าคือน้ำตา หม่าม้าของตูนตูนกำลังร้องไห้ เด็กชายตุลย์เมื่อเห็นเช่นนั้นใบหน้าเเละปากก็เริ่มเบะออกทันที

"แง้ๆๆๆ หม่าม้าาาาา หม่าร้องร้องห้ายมัย เเง้ๆๆ หาหม่าม้า ตูนตูนหาหม่าม้า"

เด็กชายตุลย์เขย่าตัวเองเเรงๆ หวังให้คนเป็นป๊าที่อุ้มอยู่ปล่อยตัวเองลง สองเเขนน้อยๆของเด็กชายกางออกให้หม่าม้ามารับตัวเขาไป

นาทีเมื่อเห็นท่าทางของลูกชายก็รีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้าลวกๆ ก่อนจะพยายามฝืนยิ้มให้ลูกชายได้คลายกังวล

ลมที่เห็นว่าคนรักของตัวเองร้องไห้ ก็รีบเดินเข้าไปโอบไหล่ของนาทีไว้หลวมๆ

"เฮีย ทำอะไรทีเนี่ย ทำไมน้องร้องไห้เเบบนี้" ลมเอ่ยถามพี่ชายตัวเองด้วยสีหน้าเอาเรื่องอย่างเต็มที่ มือก็ลูบเเผ่นหลังบางขึ้นลงเพื่อปลอบใจ

"มาเร็วดีนี่ โห! ไม่สนุกเลย" มารุตทิ้งมาดผู้ชายนิ่งขรึมเมื่อกี้ออกไป กลายมาเป็นผู้ชายขี้เล่น อารมณ์ดีเเทน

"สนุกอะไรของเฮียวะ เเล้วสรุปเฮียทำอะไรน้อง"

"ตอนเเรกก็เเค่อยากเข้ามาทักทาย เเต่พอเห็นหน้าก็อดเเกล้งไม่ได้ ก็เมียมึงดูน่าเเกล้ง เลยเเกล้งหยอกนิดเดียวเอง"

"นิดเดียวตรงไหนของเฮีย ถ้าว่างมากนักเฮียก็ไปแกล้งพ่อเฮียนู่นไป"

"ไอ้น้องเวร พ่อมึงพ่อกูก็พ่อเดียวกันไหม"

"ไม่ ผมไม่มีพี่ชายเเบบเฮีย เราตัดขาดกันเลยวันนี้ เฮียทำเมียผมร้องไห้"

"มึงเห็นเมียดีกว่าพี่ตัวเองเหรอวะ"

"เออ!"

ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้นาน ลมสามารถตอบกลับไปได้ในทันที ทิ้งให้พี่ชายยืนอ้าปากค้างกับการตัดสินใจอันรวดเร็วของน้องชายตัวเอง มันเห็นเมียดีกว่าพี่มันจริงดิ!

"เเง้ๆๆ ฮึกๆ โฮๆๆ หม่าม้า ฮึก หม่าม้า"

ก่อนที่สองพี่น้องจะเถียงกันไปมากกว่านี้ เสียงร้องไห้ของเด็กชายตุลย์ก็ดังเเทรกขึ้นมาเสียก่อน เด็กชายตุลย์ร้องไห้เสียงดัง เพราะยังขวัญเสียกับการที่เห็นหม่าม้าของตัวเองร้องไห้ตาเเดงก่ำ

"โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ น้องตุลย์คนเก่งไม่ร้องนะครับ หม่าม้าไม่ได้ร้องไห้เลย หม่าม้าเเค่เจ็บตาเฉยๆเอง น้องตุลย์ดูสิครับ เห็นไหม น้ำตาหม่าม้าไม่มีเเล้ว" นาทีพูดปลอบลูกชายที่อยู่ในอ้อมกอด

"ฮึก ฮึก ม่าย หม่าม้าร้อง ตูนตูน ฮึก เห็น หม่าม้าโดนเเก้ง" เขาได้ยินป๊าพูดว่าหม่าม้าโดนเเกล้ง เขาไม่อยากให้หม่าม้าโดนเเกล้ง เขาไม่อยากให้หม่าม้าร้องไห้ ไม่อยากเลยสักนิด

"ไม่มีใครเเกล้งอะไรหม่าม้าทั้งนั้นเเหละครับ หม่าม้ามีน้องตุลย์คอยปกป้องเลยนะ จะมีคนเเกล้งหม่าม้าได้ยังไง"

"ปกป้อง ฮึก ฮึก ตูนตูนปกป้องหม่าม้าเลย"

เจ้าหนูตูนตูนเเม้จะยังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เล็กน้อย เมื่อได้ยินคำของคนเป็นเเม่ เจ้าตัวก็ยังพยายามเเสดงความเข้มเเข็งให้คนเป็นเเม่เห็น ว่าตูนตูนจะปกป้องหม่าม้าเอง

"ไม่เเก้ง ไม่ห้ายใครเเก้ง" เด็กชายกระชับอ้อมกอดคนเป็นเเม่เเน่นขึ้น

"ครับ ไม่มีใครเเกล้งหม่าม้าได้เเน่นอนครับ ก็น้องตุลย์เก่งซะขนาดนี้ ไม่ร้องนะครับเด็กดี โอ๋ๆ"

"คับ"

เด็กชายตุลย์พยายามฮึบน้ำตาตัวเองอยู่สักครู่นึง ก็สามารถทำได้สำเร็จ ใบหน้าน้อยๆละออกจากอกคนเป็นเเม่ หันไปมองลุงเเปลกหน้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามตาแป๋ว

"ไง เด็กน้อย!" ชายเเปลกหน้าทักทายเด็กชายตุลย์ด้วยน้ำเสียงใจดี

"ม่ายคุยด้วย ตูนตูนม่ายคุย เเก้งหม่าม้า" เด็กชายตุลย์หันหน้าหนีคุณลุงใจร้ายทันที

"เวรเเล้วไง" มารุตอุทานกับตัวเองเบา

"สมน้ำหน้า" ลมรีบเยาะเย้ยพี่ชายทันที

"เอ่อ ขอโทษนะครับ คือมันก็จะงงๆกันอยู่สักหน่อย ขอใครสักคนอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ"

คีย์ที่ยืนไร้ตัวตนอยู่นานเอ่ยขึ้น จากบทสนทนาของคนตรงหน้ากับคุณลม คีย์คาดว่าทั้งคู่คงเป็นพี่น้องกัน เเต่ถึงจะเป็นพี่น้องคุณลมเเล้วไง จะมาขัดขวางความรักของน้องเหรอวะ บอกเลยถ้าเป็นงั้นจริง ก็ต้องข้ามศพไอ้คีย์ไปก่อน

"อ้อจริงด้วย! ไหนๆก็ไหนๆเเล้ว ผมขออนุญาตเเนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ สวัสดีครับ ผมชื่อมารุต เรียกผมว่ารุตเฉยๆก็ได้ครับ ผมเป็นพี่ชายของลม"

"เฮียรุตมาทำอะไรที่นี่" สิ้นคำเเนะนำตัวของพี่ชายลมผู้มีศักดิ์เป็นน้องก็เอ่ยถามขึ้น

"ก็มึงไม่ยอมพาหลานกับเมียมาให้เจอสักที กูว่าง กูก็เลยมาหาเองเเม่งเลย"

"ก็บอกเเล้วไงว่ายังไม่ว่าง ทำไมเฮียไม่รู้จักรอวะ"

"มัวเเต่รอมึงชาตินี้กูจะได้เจอไหม....คุณนาทีใช่ไหมครับ" ด่าน้องชายเสร็จ คนเป็นพี่ชายก็หันไปถามคนรักของน้องชายเเทน น้ำเสียงที่ถามในครั้งนี้ช่างเเตกต่างกับครั้งเเรกอย่างสิ้นเชิง

"ครับ"

"ผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้คุณตกใจจนร้องไห้ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมเเค่อยากเเกล้งหยอกเล่นเท่านั้นเอง เเต่คงจะเล่นเเรงไปหน่อย พอดีอยากลองเล่นบทพี่ชายใจร้ายบ้างเเค่นั้นเองครับ ไม่คิดจริงๆว่าคุณจะร้องไห้เเละตกใจกลัวขนาดนี้"

"ไม่หน่อยมั้งคุณพี่ชาย ... อ้อ! ผมชื่อคีย์ครับ เป็นเพื่อนสนิทของนาทีเเละเป็นเจ้าของร้านกาเเฟเเห่งนี้" คีย์เอ่ยเเนะนำตัวเมื่อเห็นท่าทางสงสัยของมารุต

"อ้อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

"ไม่อยากจะรู้จักสักนิด" คีย์บ่นออกมาเบาๆ เพราะท่าทางที่คุกคามนาทีในตอนเเรกของมารุต มันทำให้คีย์มีอคติกับชายตรงหน้าเล็กน้อย

"ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับคุณนาที"

"เรียกผมว่าทีก็พอครับ อีกอย่างไม่ต้องขอโทษเเล้วครับ ผมไม่ได้โกรธอะไร"

"เเต่เฮียรุตทำทีร้องไห้!"

"เเต่เขาทำมึงร้องไห้!"

ทั้งลมเเละคีย์พูดออกมาเเทบจะพร้อมกัน

"ทีไม่เป็นไรจริงๆ ที่ร้องไห้เพราะทีเเค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง"

สิ่งที่นาทีพูดคือเรื่องจริง เขาไม่ได้โกรธคุณรุตพี่ชายของคุณลม เเต่ที่เขาร้องไห้เพราะเขาตกใจกับท่าทางของคุณเขามากกว่า ท่าทางที่ดูคุกคาม ทำให้ทีคิดไปถึงอดีตที่ฝังใจเมื่อหลายปีที่เเล้วจนเผลอร้องไห้ออกมา

ส่วนเรื่องคำพูดของคุณรุตทีไม่ได้คิดมากอะไรอยู่เเล้ว เพราะต่อให้คุณรุตคิดจริงจังอย่างที่พูด ทีก็คงไม่หนีไปง่ายๆหรอก ก็อุตส่าห์ได้ครอบครัวกลับคืนมาเเล้ว ไม่ทิ้งไปง่ายๆหรอก

"ถึงเเม้ว่าน้องจะไม่ถือโทษโกรธเฮีย เเต่ผมไม่ยอมนะเว้ยบอกไว้ก่อน เฮียทำให้น้องร้องไห้ได้ยังไงวะ" ลมยังคงหัวเสียกับการที่พี่ชายตัวเองทำให้นาทีร้องไห้ไม่เลิก

"ก็กูผิดไปแล้วไง มึงให้อภัยกูได้ไหมละ"

"ผมรับคำขอโทษเป็นหุ้นบริษัทของเฮียเท่านั้นครับ อย่างอื่นผมไม่รับ "

"ก็เหี้ยละ มึงยังรวยไม่พอเหรอ"

"ผมจะเก็บไว้ให้ลูก น่า ถือว่ารับขวัญหลานด้วยไงเฮีย"

"คุณรุตไม่ต้องไปฟังพี่ลมนะครับ" นาทีรีบเอ่ยห้าม เพราะเขากลัวว่าคุณรุตจะบ้าจี้ทำตามคำพูดของคุณลมจริงๆ

"ไม่เป็นไรหรอกที ถือว่ารับขวัญหลาน..... ไงตัวเล็ก ยิ้มให้ลุงหน่อยเร็ว"

"ม่าย ม่ายคุย ตูนตูนม่ายคุย จายร้าย เเก้งหม่าม้า"

"ฮ่าๆๆๆๆ สมน้ำหน้า" คีย์หัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ

"น้องตุลย์ไม่โกรธคุณลุงนะครับ คุณลุงไม่ได้เเกล้งหม่าม้านะ ไหนสวัสดีคุณลุงก่อนครับคนเก่ง"

"ตูนตูนสวัสดีครับ" เเม้ว่าจะยังโกรธอยู่เเต่ตูนตูนก็ยังอยากเป็นเด็กดี เขายกมือไหว้คุณลุงตรงหน้า ไหว้เสร็จก็หันหน้าหนีซบอกคนเป็นเเม่ทันที ทิ้งให้คุณลุงต้องส่งยิ้มเก้อ

"หมดกัน ความตั้งใจจะมาหอมเเก้มหลาน เฮ้อ!"


..................................................................

มื้อเย็นวันนี้มีเเขกไม่คุ้นหน้ามาร่วมโต๊ะทานข้าวด้วยกันที่บ้าน นาทีจึงต้องทำอาหารเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย ระหว่างที่รอทำอาหาร นาทีได้บอกให้ลมไปนั่งคุยกับพี่ชายก่อน ส่วนลูกชายตัวน้อยที่ปกติจะติดป๊าอย่างกับอะไรดี วันนี้เจ้าตัวเลือกที่จะมานั่งกับนาทีในครัวเเทน ตัวก็เล็กเท่านี้ เเต่โกรธนานไม่ใช่เล่น


"เป็นไง มีความสุขดีสินะ" มารุตเอ่ยถามน้องชายตัวเองเมื่อเขาทั้งคู่นั่งลงบนโซฟาบริเวณห้องรับเเขก

"อืม"

"มึงมีความสุขดี พี่เเบบกูก็ดีใจ"

"ขอบคุณ"

"รักษาไว้ดีๆละ"

"ของมันเเน่นอนอยู่เเล้ว ไม่ให้ใครมาเเตะต้องหรอก รวมถึงเฮียด้วย"

"มึงก็ฝังใจเจ็บจังว่ะ"

"ก็เฮียมาทำน้องร้องไห้ทำไม"

"มึงพูดถึงเรื่องนี้ก็ดี กูว่านาทีไม่ได้ร้องไห้เพราะคำพูดกูหรอก เเต่ร้องไห้เพราะท่าทางของกูมากกว่า ยิ่งกูถามน้องว่ารู้จักลมใช่ไหม เมียมึงหน้าซีดเผือดเลย กูว่านาทีอาจจะมีอะไรฝังใจสักอย่างนะ  หลังจากที่มึงทิ้งนาทีไป กูว่าอาจจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ได้"

"อืม กำลังให้คนตามอยู่"

"มีอะไรให้ช่วยก็บอก"

"ไม่เป็นไร เเค่ผมคนเดียวก็พอ"

"นี่สินะเหตุผลที่อยากเเกร่งขึ้น ปกป้องคนสำคัญ"

"ครับ ไม่อยากทิ้งไว้ข้างหลังอีกเเล้ว"

"หัวอกคนเป็นพี่ชายเเบบกูที่เฝ้าโอ๋มึงมาทั้งชีวิต คิดเเล้วก็ใจหาย มีเมียมีลูกก่อนกูได้ไง"

"พอเลยทั้งพ่อ ทั้งเฮีย ผมจะสามสิบเเล้วนะเว้ย"

"ในสายตาพี่ชายเเบบกู มึงก็ยังเป็นเเค่ไอ้เด็กผู้ชายที่ชอบมัดผมจุกทรงน้ำพุไปโรงเรียนอยู่เหมือนเดิมนั้นเเหละ"

"ผมจะบ้าตาย" ลมทิ้งตัวพิงโซฟาอย่างเบื่อหน่าย

"ไอ้ลม ลูกมึงแอบมองกูอีกเเล้ว"

"คิดไปเอง"

"คิดไปเองเหี้ยไร เเต่ลูกมึงนี่เหมือนมึงเลยเนอะ กูอุตส่าห์ตั้งใจจะมากอดหลานเเล้วหอมเเก้มยุ้ยเเรงๆสักสิบที พร้อมกับถ่ายรูปไปอวดพ่อสักหน่อย เเต่มึงดูหลานทำกับกู"

"ก็เฮียไปแกล้งหม่าม้าเขาทำไมล่ะ"

"ลูกมึงชอบไรวะลม เผื่อกูจะได้ไปซื้อมาง้อหลาน"

"ลูกชอบอะไรไม่รู้ เเต่ที่ไม่ชอบอะรู้เเน่ๆ"

"ไม่ชอบไรวะ"

"ไม่ชอบเฮียไง  ฮ่าๆๆๆ"

"ไอ้น้องเวร" มารุตฟาดมือลงบนหัวลมเเรงๆหนึ่งที โทษฐานที่ทำตัวน่าหมั่นไส้


ลมกับพี่ชายนั่งคุยกันไปได้สักพักก็ถึงเวลาอาหารเย็น นาทีเรียกให้ทั้งสองคนมาทานข้าว เเละตอนนี้สมาชิกทั้งหมดของบ้านก็นั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่ในครัว

เด็กชายตุลย์เเม้จะยังโกรธมารุตอยู่ เเต่เจ้าตัวก็มีเเอบชำเลืองมองบ้างเป็นระยะ เขาเห็นคุณลุงคุยกับป๊าเเล้วดูน่าสนุก อีกอย่างคุณลุงก็ดูท่าทางจะใจดี เเต่คุณลุงก็เเกล้งหม่าม้าของเขาจนร้องไห้ เขายังเคืองคุณลุงอยู่ เเต่ก็เคืองอยู่นิดเดียวเเล้ว

"แอบมองคุณลุงขนาดนั้น คุณลุงก็เขินเเย่สิครับ" นาทีเอ่ยเเซ็วท่าทางของลูกชาย

"ม่าย ม่าย ตูนตูนม่ายด้ายมอง" เด็กชายตุลย์สะดุ้งตกใจเล็กน้อยที่ตัวเองโดนจับได้

"ไม่เป็นไรครับ ลุงรุตอนุญาตให้มองได้เต็มที่เลย เเต่ต้องหายโกรธลุงนะ"

"ง้าน ม่ายมอง"

"ลุงต้องทำยังไงน้องตุลย์ถึงจะหายโกรธลุงครับ... เอางี้ดีไหมครับ ถ้าน้องตุลย์หายโกรธลุง ลุงจะสร้างโรงงานผลิตไอติม รูปคุณหมีให้น้องตุลย์เลยดีไหมครับ มีไอติมเยอะๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่หมด"

นาทีที่ได้ยินคำพูดของคนเป็นลุงถึงกับอ้าปากหว๋อ ช่างเเตกต่างกับลูกชายที่หูผึ่ง หันมามองหน้าคุณลุงด้วยเเววตาเป็นประกาย ลืมหมดสิ้นเเล้วความโกรธก่อนหน้านี้

"ไอติมเหรอคับ คุณหมีด้วยเหรอ" เด็กชายตุลย์ถามออกไปด้วยความตื่นเต้น

มารุตที่เห็นท่าทางของเด็กชายตุลย์ก็ยกยิ้มดีใจ เขามาถูกทางเเล้วจริงๆ

"จริงสิครับ ลุงไม่โกหกอยู่เเล้ว"

"ง้านตูนตูนหายโกดก็ด้าย" รอยยิ้มกว้างถูกส่งไปให้คนเป็นลุงครั้งเเรก

"เดี๋ยวก่อนตัวเล็ก ทีอย่างนี้ทำไมหายโกรธง่ายจังครับ" ลมถามลูกชายด้วยน้ำเสียงขบขัน

"โกดนานๆม่ายดีนะป๊า เดี๋ยวลุงรุตร้องห้าย"

"สรุปคือ น้องตุลย์หายโกรธลุงรุตเเล้วใช่ไหมครับ" มารุตไม่ปล่อยให้โอกาสเสียเปล่า เขาถามย้ำกับหลานชายอีกครั้ง เพื่อความชัดเจน

"คับ เเต่ลุงรุตห้ามเเก้งอีกน่า เเก้งม่ายดี ถ้าเเก้งอีกต่อไปตูนตูน จะตีเพี๊ยะๆเยย เเก้งคนอื่นเป็นเด็กนิฉัยม่ายดี จะม่ายมีใครรัก ถ้าเเก้งอีกตูนตูนม่ายรักน้า~ " เด็กชายบอกคนเป็นลุงด้วยสีหน้าจริงจัง จนทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคน รู้สึกเอ็นดูจับหัวใจ

"ครับๆ ลุงรุตไม่เเกล้งเเล้วครับ ถ้าอย่างงั้น หลังจากทานข้าวเสร็จ ลุงรุตขอหอมเเก้มน้องตุลย์ได้ไหมครับ"

"ด้ายเยย หอมด้าย  เเต่ไอติมด้วยน้าลุงรุต" เด็กชายเอ่ยปากอนุญาต เเละไม่ลืมที่จะทวงไอติมจากคนเป็นลุง เขาชอบคุณหมี เขาชอบไอติม ถ้าทั้งสองอย่างมารวมกัน มันต้องดีมากเเน่ๆเลย อีกอย่างคุณลุงบอกว่าตูนตูนสามารถกินไอติมได้โดยไม่มีวันหมด นั่นมันเป็นเรื่องที่สุดยอดไปเลย

"ได้เลยครับ........ เดี๋ยวคงต้องหาดูที่ก่อนว่าจะสร้างที่ไหนดี" ตอบหลานชายเสร็จ ก็หันกลับมาพูดกับน้องชายตัวเอง

"คุณรุต~ ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ครับ"

"เเต่พี่รับปากหลานไปแล้ว ลูกผู้ชายผิดคำพูดไม่ได้" มารุตตอบกลับด้วยท่าทางจริงจัง สำหรับมารุตเเล้วลูกผู้ชายต้องคำไหนคำนั้น

"โถ่~ พี่ลมช่วยพูดหน่อยสิครับ" นาทีพูดน้ำเสียงอ่อนใจ

"ทีว่าพี่ดื้อไหม"

"..........." นาทีพยักหน้าตอบ

"เฮียหนักกว่าพี่สิบเท่า"

นาทีที่ได้ยินคำตอบของลมก็เริ่มท้อใจ เฮ้อ! มันไม่เล่นใหญ่ไปเหรอ ง้อหลานด้วยโรงงานไอศกรีมเนีย เห็นทีคงต้องเรียกพูดคุยให้เข้าใจก่อนที่จะเลยเถิดกันไปไกลกว่านี้

นอกจากคีย์ เเละคุณลม เขายังต้องมารับมือกับพี่ชายของคุณลมอีกคนเหรอเนี่ย เเค่ทุกวันนี้ มีคุณอาคีย์กับป๊าลม คอยตามใจ นาทีก็ปวดหัวจะเเย่อยู่เเล้ว มีเพิ่มมาอีกคน นาทีเเทบไม่อยากจะคิดถึงอนาคตเลย ว่าจะวุ่นวายขนาดไหน ถ้าลูกเขาเสียคนเพราะโดนตามใจเมื่อไหร่ เขาจะจับทั้งสามคนไปถ่วงทะเลเลยคอยดูเถอะ

"ลุงรุต ตูนตูนตักไข่เจียวห้าย"

ไม่มีเเล้วเด็กชายตุลย์ที่โกรธคุณลุงเพราะเเกล้งให้หม่าม้าร้องไห้ มีเเต่เด็กชายตุลย์ที่กำลังเอาใจคุณลุงคนใหม่เพราะไอติมคุณหมีเท่านั้น


หลังจากสิ้นสุดมื้อเย็น มารุตนั่งเล่นกับหลานชายต่ออีกนิดหน่อยก็ขอตัวกลับคอนโดก่อน  ก่อนจากไปก็มิวายเเซ็วน้องชายตัวเอง ที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง จนโดนคนเป็นน้องรีบไล่กลับ ปิดประตูใส่ดังปัง

เเละในเวลานี้ก็เป็นเวลาที่ดึกมากเเล้ว ถึงเวลาเข้านอนของทุกๆคนในบ้าน เด็กชายตุลย์หลับสนิท โดยที่เจ้าตัวกอดเเขนป๊ากับตุ๊กตาคุณหมีไว้เเน่น

"วันนี้ถ้าเรื่องที่เฮียรุตพูดเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่การเเกล้งเล่น ทีจะไปจากพี่ไหมครับ" ลมถามขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในห้องนอน

"ไม่ไปหรอกครับ" นาทีเอื้อมมือไปจับมือของลมที่ตั้งอยู่บนพุงลูกชายไว้ ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่นอนเตียงเดียวกันโดยที่โดนคั่นกลางด้วยลูกชายตัวน้อยของพวกเขา

"ทำไมล่ะครับ ถ้าเกิดเฮียรุตขู่ทำร้ายทีด้วยล่ะครับ"

"ผมรู้ว่ายังไงพี่ลมก็จะปกป้องผมได้ ก็พี่ลมพูดเองนี่ครับ ว่ากลับมาครั้งนี้ พี่ลมจะปกป้องทีกับลูก ทีเชื่อใจพี่ลม เเละอีกอย่าง ทีรู้ว่าการโดนทิ้งไว้ข้างหลังมันเจ็บปวดยังไง........พี่ลมไม่ต้องรู้สึกผิดมันผ่านไปแล้ว" นาทีเอ่ยปลอบลม เมื่อรู้สึกได้ว่าเเรงกระชับของมือมันหนักขึ้นจนเริ่มรู้สึกเจ็บ

"พี่ขอโทษ"

"ไม่เอาสิครับ ไม่เศร้านะ ตอนนี้ทีมีความสุข ลูกก็มีความสุข พี่ลมก็ต้องมีความสุขด้วยสิครับ"

"พี่มีความสุข มีความสุขมากๆ ที่มีทีกับลูกอยู่ข้างๆ"

"ครับ เเละครอบครัวของเราก็จะมีความสุขเเบบนี้ไปนานๆเลย ดีไหมครับ"

"พี่ชอบคำนี้.....ครอบครัวของเรา"


"ทีสนใจอยากจะมีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มไหมครับ น้องของตุ.... โอ๊ย! โอ๊ย! โอ๊ย! พี่ยอมเเล้วครับ ยอมเเล้วๆ"



.........................................................................

TBC.

ใครต้มน้ำรอ เสียใจด้วยครับ มาม่า ไม่มีค้าาา

ตอนก่อนเเค่อยากเปิดตัวพี่ชายเเบบยิ่งใหญ่สักหน่อย 555

พี่มารุตเขาน่ารักนะทุกคน อย่าเพิ่งปาเปลือกทุเรียนใส่พี่เขาน้า

ขอบคุณนะคะ
 
พรุ่งนี้เจอกันตอนเที่ยงนะคะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 14-10-2021 19:56:00
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 14-10-2021 21:50:05
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (วันสบายๆของเจ้าหนูตูนคูน)โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 15-10-2021 12:42:34
14
วันสบายๆของเจ้าหนูตูนตูน

"ป๊า ตรงนี้มีคุณหนอนด้วย"

"ไหนครับ"

"นี่งายๆ....."

"จริงด้วย มีตั้งสามตัว"

"งายคุณหนอน " เด็กชายตุลย์เอ่ยปากทักทายหนอนตัวอ้วนที่กำลังเเทะใบมะเขือเทศด้วยความเป็นมิตร

" ต้วม ต้วม เตี้ยม เตี้ยม ออกมาจากไข่  เจ้าหนอนตัวหย่ายลูกคัยกันหนอ กระดึ๊บๆปาย บนบายไม้อ่อน กัดๆกินๆ อิ่มเเล้วก็นอน เเล้วเจ้าหน๊อนก็ช๊ากใยหุ้มตัว คิคิ ~~~" (เพลง หนอนผีเสื้อ)   

จากนั้นก็ร้องเพลงที่ตัวเองเคยได้ยินมา พร้อมกับขยับตัวดุ๊กดิ๊กเต้นประกอบเพลงไปด้วยอย่างน่ารัก เเก้มยุ้ยๆที่ขึ้นสีเเดงระเรื่อเพราะเเดดอ่อนๆขยับขึ้นลงไปมา คนเป็นพ่อที่มองอยู่ก็อดที่จะยิ้มเอ็นดูให้กับความน่ารักสดใสของลูกชายไม่ได้

"ลูกใครเนีย ทำไมน่ารักอีกเเล้ว"

"ลูกป๊าลมงาย"

ในเวลาบ่ายๆที่เเดดร่มลมตก สองพ่อลูกในตอนนี้กำลังทำกิจกรรมร่วมกันอยู่บริเวณสวนเล็กๆด้านหน้าบ้าน

วันนี้เป็นวันหยุดที่ครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกันทั้งวัน เเละกิจกรรมในตอนบ่ายวันนี้นั่นคือการ ดูเเลสวนเล็กๆหน้าบ้านให้กลับมาสวยงามดังเดิม เนื่องจากหลายอาทิตย์ที่ผ่านมานาทีไม่มีเวลาได้จัดการกับสวนหน้าบ้านเลย ทำให้ใบไม้ ต้นหญ้า เต็มสวนเล็กๆไปเสียหมด

เด็กชายตุลย์ในตอนนี้เขาสวมเสื้อลายสก็อตสีเเดงสลับดำเนื้อบาง กางเกงวอมสีส้ม มีรองเท้าบูทสีเหลือง ตบท้ายด้วยหมวกสานปีกกว้างสำหรับเด็ก ในมือถืออาวุธคู่ใจเป็นพลั่วสีเขียวสำหรับเด็กหนึ่งอัน

ลมมองลูกชายที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าสีสันที่ขัดกันก็หัวเราะออกมาเบาๆ ใครกันหนอช่างทำร้ายลูกชายป๊าได้ลงคอ

"ป๊า นี่เลยๆ ต้นนี้ตูนตูนปูกเองน่า"

ไกด์ตัวน้อยทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีโดยการพาคนเป็นพ่อเดินทัวร์รอบสวนหน้าบ้านหลังจากที่ถอนหญ้า กวาดใบของต้นมะม่วงหน้าบ้านเสร็จเรียบร้อย

"ต้นนี้เขาเรียกว่าต้นอะไรเหรอครับ"

เเม้ว่าลมจะรู้อยู่เเล้วว่าต้นตรงหน้าคือต้นอะไร เเต่เพราะสายตาที่เเสนจะภาคภูมิใจ กับปากเล็กๆที่อยากจะพูดอวด ทำให้ลมเลือกที่จะเอ่ยถามออกไป ให้ลูกชายได้โชว์ความเก่งออกมาให้เต็มที่

"มะเขือเทศคับ อาหร่อยน้า ตูนตูนชอบที่ฉุดเยย"

"โอโห้ น้องตุลย์ปลูกเก่งจังเลยครับ ต้นมะเขือเทศมีลูกเเล้วด้วย"

"หม่าม้าสอนตูนตูนปูก ตูนตูนขุดดินเองด้วยน้า"

"เก่งที่สุดครับ..... ป๊าขอกินมะเขือเทศของน้องตุลย์ด้วยได้ไหมครับ"

"ได้คับ เเบ่งกาน เเต่ป๊าต้องรอน้า เขียวๆกินม่ายด้าย ต้องรอเเดงๆก่อน"

"ตกลงครับ ป๊าจะรอครับ มะเขื่อเทศของน้องตุลย์ต้องอร่อยมากๆเเน่เลย"

"หย่อยๆ ของตูนตูนหย่อยที่ฉุดเยย" เด็กชายตุลย์ยกนิ้วโป้งขึ้นเพื่อนเป็นการยืนยันว่ามะเขือเทศของเขาอร่อยจริงๆ


"แล้วต้นกุหลาบตรงนั้นใครปลูกครับ ใช่น้องตุลย์หรือเปล่า" ลมชี้ไปตรงบริเวณที่มีต้นกุหลาบสี่ห้าต้นที่กำลังออกดอกสวยงามอยู่

"ต้นนั้น หม่าม้าปูกคับ ป๊าอย่าโดนน้า มีหนาม โดนจิ้มจึ๊กๆเลือดไหลเยย"

"เเสดงว่าเคยโดนจิ้มจึ๊กๆใช่ไหมเรา"

"ช่าย หม่าม้าบอกตูนตูนห้ามจิ้ม เเต่ตูนตูนดื้อ จิ้มปุ๊ป เลือดไหล ร้องห้ายฮือๆเยย"

"ฮ่าๆๆ โดนหม่าม้าดุไหมครับ"

"โดนคับ"

"ฮ่าๆๆๆ เจ้าเด็กเอ้ย" ลมวางมือลงบนศรีษะน้อยๆของลูกชายด้วยความเอ็นดู

สองพ่อลูกยังคงพูดคุยกันถึงเรื่องต้นต่างๆที่มีอยู่ในสวนหน้าบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยที่มีเด็กชายตุลย์เป็นคนคอยบอกป๊าว่า ต้นนี้ใครปลูก ต้นนี้ต้นอะไร จนเวลาผ่านไปสักพัก นาทีที่เข้าบ้านไปก่อนเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวออกไปข้างนอกด้วยกัน ตะโกนเรียกทั้งสองคนเสียงดัง

"คุณป๊าเเละคุณลูกเข้าบ้านมาอาบน้ำได้เเล้วครับ"

"ค้าบบบบ" "ค้าบบบบบ"

สองพ่อลูกรับคำพร้อมกัน ลมจับมือลูกชายให้เดินเข้าบ้านไปพร้อมๆกัน

"เหนื่อยไหมครับ คุณคนสวนคนเก่ง" นาทีเอ่ยถามลูกชายพร้อมกับยื่นมือไปหยิบหมวกออก ใช้นิ้วโป้งไล่เช็ดเหงื่อตามขมับของลูกชายเบาๆ

"ม่ายเหนื่อยเยย หม่าม้า"

"ครับๆ ทานน้ำหน่อยนะครับ"

นาทียื่นเเก้วน้ำคุณหมีให้ลูกชาย เด็กชายรับเเก้วน้ำมาถือไว้ในมือ จากนั้นก็ค่อยๆกระดกดื่มช้าๆ เพราะหม่าม้าบอกว่ารีบๆดื่มจะทำให้สำลักได้

"พี่ลม น้ำครับ" ดูเเลลูกเเล้วนาทีก็ไม่ลืมที่จะดูเเลคนเป็นพ่อด้วย

"ขอบคุณครับ ฟอด"

"พี่ลม! เพี๊ยะ!"

ลมยื่นมือมารับเเก้วไปถือไว้ในมือ จากนั้นก็ก้มลงหอมเเก้มนิ่มเร็วๆเพื่อเเสดงความขอบคุณ เเต่เหมือนว่านาทีจะไม่ค่อยชอบวิธีการขอบคุณของเขาสักเท่าไหร่ เลยโดนฝ่ามือบางตีลงบนไหล่เขาจังๆหนึ่งทีเต็มๆ

"หม่าม้าร้อนเหรอ หน้าเเดงเยย หม่าม้าน้ำไหมคับ" เด็กชายตุลย์ดื่มน้ำเสร็จเเล้ว เขากำลังยื่นเเก้วน้ำคืนให้หม่าม้า เเต่สายตาเหลือบไปเห็นว่าเเก้มของหม่าม้ามีสีเเดง เด็กชายตุลย์คิดไปเองว่าหม่าม้าคงร้อนเหมือนเขา จึงเเสดงความมีน้ำใจด้วยการชวนหม่าม้าดื่มน้ำด้วยกัน 

"ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะครับ" นาทีก้มหน้าไปตอบลูกชาย

"พี่ลมพาลูกไปอาบน้ำเลยครับ เเล้วก็อย่ามัวเเต่เล่นกันนะครับ ต้องไปซื้อชองสำหรับมื้อเย็น เดี๋ยวจะไม่ทัน"

"รับทราบครับ......ไปเร็วตัวเล็กไปอาบน้ำกัน เดี๋ยวป๊าพาไปซื้อม่อนม่อน"

"เย้ๆ ตูนตูนกินม่อน ม่อนของตูนตูน เย้ๆๆ"

"น้องตุลย์เดินดีๆครับ ไม่เดินกระโดดเเบบนั้นนะครับ เดี๋ยวตกบันได"

"เคเยย หม่าม้า.......ม่อน ม้อน ม่อน"

นาทีอมยิ้มส่ายหัวให้กับลูกชายเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปเปิดทีวีดูฆ่าเวลาระหว่างที่รอสองพ่อลูกเขาไปอาบน้ำด้วยกัน



.......................................................................


"หม้าม่า บ็อค'ลี่ด้วยน้า บ็อค'ลี่"

เด็กชายตุลย์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นโดยที่มีคนเป็นพ่อเข็นอยู่เอ่ยบอกคนเป็นเเม่ที่ตอนนี้กำลังเลือกผักอยู่ พวกเขามาถึงห้างได้สักพักเเล้ว เเละตอนนี้พวกเขากำลังเลือกดูพวกของสดกันอยู่

"หม่าม้า เเคร์รอตเยอะๆเยย"

"ม้าย ม้าย หม่าม้า อันนั้นเอานิดเดียว มันม่ายหร่อย" เด็กชายตุลย์ยู่หน้าทันทีที่เห็นว่าหม่าม้าเขาหยิบผักโขมมาเสียเยอะเลย ถึงเขาจะไม่รุ้จักชื่อเเต่เขาจำมันได้ เขาไม่ชอบกิน มันไม่อร่อยเลย

"ไม่อร่อยก็ต้องทานครับ มันดีต่อสุขภาพ" นาทีหันมาบอกลูกชาย

เด็กชายมองถุงผักโขมที่คนเป็นเเม่เพิ่งเอามาวางใส่รถเข็นด้วยเเววตาเศร้าสร้อย เขาไม่อยากกินมันจริงๆนะ

"ปกติป๊าเห็นเรากินผักเก่งจะตาย ทำไมกับผักโขมถึงงอเเงละครับ" ลมเอ่ยถามด้วยความสงสัย ปกติลูกชายเขาเป็นคนที่กินผักเก่งระดับหนึ่งเลย

"อย่างนี้เเหละครับผักกินได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นผักใบเขียวที่เจ้าตัวไม่ค่อยชอบกินสักเท่าไหร่ น่าจะเพราะเคยกินโดนผักคะน้าขมๆหน่ะครับ เจ้าตัวเลยฝังใจ พาลไม่ค่อยชอบผักใบเขียวไปเสียหมด"  นาทีอธิบายไขข้อสงสัยให้เเก่ลม

"อ่อ อย่างนี้นี่เอง.......ตัวเล็กผักสีเขียวมีประโยชน์นะ ถ้าตัวเล็กอยากเเข็งเเรงต้องกินเยอะๆนะครับ รู้ไหม"

"เเข็งเเรงเท่าป๊าป้าวคับ"

"ตัวเล็กจะเเข็งเเรงกว่าป๊าอีกครับ"

"จิงหรอครับ ง้าน ตูนตูนจาฮึบฮึบ กินผักเยย จาได้เเข็งเเรงเหมือนป๊า" เด็กชายตุลย์พูดออกมาด้วยท่าทางจริงๆจังๆ

"ทำไมพอป๊าพูดเเล้วยอมง่ายจังครับ ตอนหม่าม้าบอกเเล้วงอเเงตลอดเลย"

"ม้าย ม้าย หม่าม้า ตูนตูนไม่งอเเง ตูนตูนกิน เเต่เขี่ยนิดนึง"

" ฮ่าๆ นี่เเนะ! นี่เเนะ! มาให้หม่าม้าบีบเเก้มเลยนะเจ้าเด็กเเสบ" นาทีบีบเเก้มลูกชายเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยวในคำตอบของลูกชาย


"อู้ว ชิ้นหย่ายเยย ป๊า ม่อนชินหย่าย" เด็กชายตุลย์ตาลุกวาวยามเมื่อเห็นคนเป็นเเม่หยิบเเซวม่อนชิ้นใหญ่ใส่ในรถเข็น

"ชอบไหมคับ"

"ชอบคับ ตูนตูนกินคนเดียวเยย"

"ไม่เเบ่งป๊าหน่อยเหรอครับ"

"ป๊ากินนิดเดียวได้ป้าว" เด็กชายเอียงคอมองคนเป็นพ่อตาเเป๋ว "ตูนตูนกำลางโต หม่าม้าบอกต้องกินเยอะๆ ป๊าโตเเล้ว" เด็กชายที่มักจะมีน้ำใจอยู่เสมอ เริ่มออกอาการหวงของนิดๆ ก็เเซวม่อนคือของโปรด เขาเเบ่งให้ได้นะ เเต่ให้ได้เเค่นิดเดียว

"ได้ยินอย่างนี้ป๊าไม่กล้าเเบ่งเลยครับ กลัวน้องตุลย์จะโตไม่ทัน" ลมเอ่ยหยอกลูกชายออกไป

"พี่ลมครับ เราเดินไปดูนมให้ลูกก่อนกลับได้ไหมครับ เหมือนนมใกล้จะหมดเเล้ว" นาทีที่ยืนอยู่ใกล้ๆเอ่ยขัดบทสนทนาของสองพ่อลูก

"ได้ครับ"


"บรื้น! บรื้น! บรื้น! "

เสียงบิดมอไซด์ดังออกมาจากปากเล็กๆของเด็กชายตุลย์เบาๆ ในยามที่ลมเคลื่อนตัวเข็นรถเข็น ก็จะมีเสียงเล็กๆของลูกชายดังออกมาเบาๆเสมอ พร้อมกับทำท่ากำมือสองข้างให้เหมือนกับว่าตัวเองกำลังขับมอเตอไซค์อยู่

"ตัวเเค่นี้ ซิ่งจังเลยนะครับ"

"คิคิ ตูนตูนบิดเยย บรื้น บรื้น"

"สองพ่อลูกรอตรงนี้ก่อนะครับเดี๋ยวหม้าม่ามานะ"

นาทีเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองลืมซื้อของบางอย่าง จึงหันมาบอกให้สองพ่อลูกรออยู่ตรงนี้ก่อน เขาจะวิ่งไปหยิบของมาเเป๊บเดียว

"ป๊าครับ"

เมื่อคนเป็นเเม่หายลับสายตาไปแล้ว เด็กชายตุลย์จึงหันมาเรียกคนเป็นพ่อด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

"ตูนตูนขอกินชอค'แลต ได้ม่ายคับ......น้าาาา นิดเดียว" เด็กชายตุลย์พยายามทำตาเเป๋วๆใส่คนเป็นพ่อ เพื่อหวังให้คนเป็นพ่อยอมซื้อช็อกโกเเลตให้ตัวเอง

"ถ้าหม่าม้ารู้เราสองคนโดนดุเเน่"

"ป๊าค้าบบบบ..... ตูนตูนกินอันเดียว อันเล็กเเค่นี้ น้าาาา~" เด็กชายตุลย์ชูปลายนิ้วชี้ที่ประกบกับปลายนิ้วโป้งให้คนเป็นพ่อดู ว่าเขาขอกินอันเล็กนิดเดียวจริงๆ

ฝ่ายลมตอนนี้กำลังคิดหนักน่าดู ถ้าซื้อให้ลูกเขาจะโดนเเม่เเมวมาข่วนหน้าทีหลังไหมนะ เเล้วไหนจะสายตาออดอ้อนของลูกเเมวที่กำลังมองเขาอยู่ตอนนี้อีก ให้ตายเถอะ! เกิดเป็นไอ้ลมทำไมมันเครียดอย่างนี้วะ...

"ตกลงครับ ชิ้นเดียวนะ" สุดท้ายลมก็เเพ้ให้กับลูกอ้อนของลูกชาย เเอบหยิบช็อกโกเเลตใส่รถเข็นเเบบเนียนๆ ไว้ตอนจ่ายเงิน ค่อยเเอบๆส่งให้พนักงานคิดเงินก็เเล้วกัน

เมียต้องเข้าใจนะ....... สามีเเพ้ลูกอ้อนของลูกชาย


....................................................................

หลังจากใช้เวลาเลือกซื้อของอยู่นานพอสมควร ตอนนี้ทั้งสามคนก็กลับมาถึงบ้านเเล้ว ทุกคนต่างช่วยกันหิ้วของเข้าบ้านอย่างล้นมือ ไม่เว้นเเม้กระทั่งเด็กชายตุลย์ที่ตอนนี้ในมือกำลังหิ้วถุงที่ใส่ใบกระเพราเเละโหระพาด้วยความตั้งใจ

"เอาของมาวางบนโต๊ะก่อนครับ เดี๋ยวหม่าม้ารื้อของออกจากถุงก่อน เเล้วเดี๋ยวเรามาช่วยกันทำอาหารเนอะ"

"คับ" "ครับ"

สองพ่อลูกตอบเสียงเเข็งขัน มองดูนาทีที่ตอนนี้กำลังรื้อของเก็บให้เข้าที่เข้าทางอยู่

"หืมมมมม นี่มัน"

"ซวยเเล้ว" ลมบ่นเบาๆกับตัวเอง ในตอนเเรกเขาตั้งใจจะเเอบหยิบช็อกโกเเลตของลูกชายใส่กระเป๋าไว้ก่อน เเต่ดันลืมไปเสียได้ เจ้าลูกชายก็ไม่เตือนเขาเลย

"อันนี้มาได้ยังไงครับเนีย"

"ป๊าซื้อคับ ป๊าบอกซื้อให้ตูนตูน" เด็กชายตุลย์พยายามเอาตัวรอดจากการโดนหม่าม้าดุอย่างรวดเร็ว

"พี่ลมครับ!"

"ก็ลูกอ้อน พี่ใจเเข็งไม่พอ เเต่พี่ซื้อมาเเค่อันเดียวจริงๆนะครับ ทีอย่าดุพี่นะ"

"อะไรกันครับพ่อลูก ทีไม่ได้จะว่าอะไรสักหน่อย เเค่จะบอกว่าเก็บไว้ให้ลูกหน่อย ก็เท่านั้นเอง" นาทีขำท่าทางของลม ที่ดูเหมือนว่าจะกลัวการโดนเขาดุมากพอตัว

"ช่าย ป๊า หม่าม้าจายดี ม่ายดุหรอก" เด็กชายตุลย์พูดเสร็จก็หันไปยิ้มเเฉ่งให้คนเป็นเเม่

"ทำไมเป็นงั้นไปได้ล่ะตัวเล็ก" ลมหันไปร้องโอดโอยกับลูกชาย ที่ย้ายฝั่งไปอยู่ฝั่งหม่าม้าอย่างรวดเร็ว

"คิคิ" 


"ป๊าดูตูนตูนนะ ตูนตูนทำห้ายดู"

หลังจากเก็บของเข้าที่เสร็จ ตอนนี้ถึงเวลาทำอาหารเย็น วันนี้นาทีมีลูกมือฝีมือดีมาช่วยเขาทำตั้งสองคน เเต่จากที่มองๆเเล้วไม่รู้ว่าจะมาช่วยให้ง่ายขึ้นหรือยากขึ้นกว่าเดิมกันเเน่

"นี่งายๆ ด้ายเเล้ว รูปหัวจาย" เด็กชายตุลย์โชว์เเครอทรูปหัวใจที่เขาเพิ่งใช้พิมพ์กดลงไป ให้คนเป็นพ่อดู

"โห น้องตุลย์ทำเก่งจนป๊าสู้ไม่ไหวเเล้วเนีย"

"ป๊าตั้งจายน้า ตูนตูนสอน ป๊าดูน้า" เเละเด็กชายตัวน้อยก็สอนคุณป๊าของเขาให้ใช้พิมพ์กดลงบนเเครอทอีกครั้ง

"แปะ!ๆๆ เก่งๆ ป๊าเก่ง" เด็กชายตุลย์เอ่ยชมเพื่อเป็นการให้กำลังใจป๊าของตัวเอง หลังจากที่เห็นว่าคนเป็นป๊ากดพิมพ์ลงบนเเครอทได้เเล้ว

"ขอบคุณครับ"



"มีอะไรให้พี่ช่วยอีกไหมครับ"

"เฮือก!"  นาทีสะดุ้งตกใจที่อยู่ๆก็โดนคนตัวโตที่เดินมาเงียบๆสวมกอดจากทางด้านหลัง

"พี่ลม ตกใจหมดเลย ทีบอกให้ไปนั่งเป็นเพื่อนลูกไงครับ"

ก่อนหน้านี้หลังจากที่น้องตุลย์กับคุณลมช่วยเขาเตรียมของเสร็จ เขาก็บอกให้ทั้งสองคนไปนั่งรอที่หน้าทีวีก่อน

"ลูกดูการ์ตูนอยู่ครับ ไม่ต้องห่วง"  ว่าจบลมก็วางคางตัวเองลงบนไหล่เล็กของนาที พร้อมกับสูดกลิ่นหอมๆของต้มจืดที่กำลังเดือดอยู่บนเตา  "หอม"

"หิวเเล้วเหรอครับ"

"ครับ หิวมานานเเล้วด้วย"

"รออีกแป๊บนะครับ เดี๋ยวก็ได้กินเเล้ว"

"ครับ พี่จะอดทนรอ ก็ทีบอกเองนี่เนอะ ว่าอีกแป๊บนึงก็จะได้กินเเล้ว"

"เดี๋ยวนะ!" นาทีเริ่มชะงักกับคำพูดลม ละหน้าจากเตา หันมาเผชิญหน้ากับคนตัวโต ทั้งๆที่ยังอยู่ในอ้อมเเขนเเกร่ง "ตอนนี้ทีกับพี่ลมกำลังพูดถึงเรื่องเดียวกันใช่ไหมครับ"

"ตอนนี้ทีกำลังพูดถึงเรื่องอะไรล่ะครับ"

"เรื่องอาหารเย็นครับ"

"ใช่ครับ พี่ก็ด้วย....เอ๋ หรือทีจะคิดถึงกินอย่างอื่น.....ทะลึ่งนะเรา" ลมมองนาทีด้วยเเววตาหยอกล้อ จนทำให้คนที่อยู่ในอ้อมกอด เเก้มขึ้นสีเเดงระเรื่อ

"พอเลยครับ เเล้วก็ปล่อยด้วย ทีทำกับข้าวอยู่ ไม่รู้หรือไง อยู่ในครัวเขาไม่ให้เล่นอะไรเเบบนี้มันอันตราย" เขินทีไรนาทีเป็นต้องดุกลบเกลื่อนตลอด 

"ขอโทษครับ"

"ไปเรียกลูกมาทานข้าวเลยครับ เดี๋ยวทีตั้งโต๊ะรอ"

"คร้าบๆๆๆ  ฟอด ฟอด จุ้บ"

"พี่ลม!"

ลมเดินออกไปตามลูกเเล้ว เหลือทิ้งไว้เเค่นาทีที่กำลังยืนหน้าเเดงก่ำเพียงลำพังภายในครัว ฮึ่ย! ผู้ชายคนนี้ฉวยโอกาสเก่งที่หนึ่งเลย.....


.....................................................................

"......จบเเล้วครับ"

ลมปิดหนังสือนิทานลงหลังจากที่อ่านจนจบเรื่อง ตอนนี้สมาชิกในบ้านทั้งสามคนกำลังนอนกันอยู่บนเตียง โดยลมทำหน้าที่เป็นคนเล่านิทานก่อนนอนให้ลูกชายฟัง ตั้งเเต่มีป๊าเข้ามา หน้าที่นี้ก็โดนคนเป็นป๊ายึดไปเป็นที่เรียบร้อย

"นิทานจบเเล้วเจ้าหนูตูนตูนนอนได้เเล้วนะครับ" ลมบอกกับลูกชายพร้อมกับลูบเส้นผมนิ่มเบาๆ

"คับ ป๊าหอม หอม"

"ฟอด ฟอด"

"หม่าม้าหอม หอม"

"ฟอดดดด ฟอดดดดด"

"หม่าม้ากับป๊าหอมเรียบร้อยเเล้ว น้องตุลย์นอนได้เเล้วนะครับ"

"คับ"

"ฝันดีนะครับน้องตุลย์ลูกป๊า" ลมบอกฝันดีลูกชายเบาๆ พร้อมกับลูบผมไปมา เพื่อกล่อมให้ลูกชายนอนหลับ

ใช้เวลาไม่นานเด็กชายตุลย์ก็หลับสนิท รอยยิ้มเล็กปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเด็กชาย ราวกับว่าเด็กชายตัวน้อยกำลังฝันดีอยู่


จะไม่ให้ตูนตูนฝันดีได้ยังไง ก็ในเมื่อวันนี้ ตูนตูนมีความสุขตลอดทั้งวันเลยนี่น่า....


วันสบายๆของหนูตูนตูน...........




.......................................................................

TBC.

ตอนนี้พาเจ้าหนูตูนตูน มาอ้อน พี่ๆ ป้าๆ น้าๆ อาๆ ลุงๆ เเม่ๆ ค่ะ


ขอให้ทุกๆคนสนุกในการอ่านนะคะ


ขอบคุณนะคะทุกคนนนนนนนนนนนน!!
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 15-10-2021 13:57:14
 :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 15-10-2021 15:34:21
อ่านจนถึงตอนนี้ก็คิดว่ายังคงต้องไปต้มน้ำอยู่ดีนะคะ...
แบบว่าต้องเอาน้ำอุ่นมาประคบแก้มสักนิด...
เพราะอ่านไปยิ้มจนคิดว่าน่าจะปวดแก้มได้... ^0^ ...

ปล. น้องตูนตูนน่ารักมากค่ะ หนูน่ารักขนาดนี้ไม่แปลกใจเลยที่จะตกสายเปย์ตัวเป้งได้แบบนี้ แค่น้องงอนยังง้อด้วยโรงงานไอติม ถ้าน้องไม่พูดด้วยจริงๆจะง้อด้วยอะไรเนี้ย คุณหม่าหม๊าเหนื่อยหน่อยนะคะ คุคุ...
ปล.2 คุณป๊าลมสู้ๆค่ะ เอาใจช่วยในโปรเจคเพิ่มสมาชิกครอบครัวนะคะ... 555...
ปล.3 โอ๋ๆหม่าม้านะคะ...  :กอด1:
ปล.4 เม้นนี้พิมตั้งแต่เมื่อคืนแต่ไม่ได้กดส่ง เพราะเผลอหลับไปก่อน นี้เข้ามาจะอ่านต่อเลยพึ่งเห็นว่ายังไม่ได้กดส่ง... >///< ...

ขอเพิ่มอีกนิด หลังจากอ่านตอนล่าสุดจบอะคะ...
กลางวันเป็นเวลาของน้องตูนตูน
กลางคืนก็ต้องเป็นเวลาของพี่ลมและน้องทีปะคะ... คุคุ...
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 15)โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 15-10-2021 18:35:38
15
ตูนตูนกับลุงรุตของเขา

"ลุงรุต!"

เด็กชายตุลย์ตะโกนเรียกชื่อคนเป็นลุงเสียงดังด้วยความดีใจ เมื่อเห็นว่าลุงรุต คุณลุงคนใหม่ของตัวเองเปิดประตูร้านเข้ามา ตอนนี้เขาอยู่กับหม่าม้าที่ร้านกาเเฟของอาคีย์ หม่าม้ากำลังทำงานอยู่กับพี่วุ้น ส่วนเขากำลังวาดรูปเล่นระหว่างนั่งรอ

"ไง สุดหล่อ"

"ลุงรุต ตูนตูนสวัสดีคับ"

"ครับผม" มารุตเดินมาลูบหัวน้อยๆของคนเป็นหลานด้วยความเอ็นดู

"ลุงรุต ไอติมๆ ไอติมคุณหมีของตูนตูนด้ายยางคับ" เด็กชายตุลย์ยังไม่ลืมคำพูดของคนเป็นลุง เมื่อได้เห็นหน้าก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงไอติมที่คุณลุงบอกจะทำให้

"เอ่อ พอดีว่า....." มารุตมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะตอบหลานว่ายังไง

หลังจากวันนั้นที่บอกหลานว่าจะสร้างโรงงานไอติมคุณหมีให้ วันถัดมาเขาก็โดนคุณเเม่ของเจ้าตัว จัดอบรมเสียชุดใหญ่เรื่องการตามใจหลานชาย นาทีเวลาดุก็น่ากลัวใช่ย่อย ถามว่าเขากลัวไหม เขาไม่ได้กลัวหรอก เเค่เกรงใจ ก็นั่นเเม่ของหลาน จะไปต่อต้านมากๆได้ยังไงกัน

"ไม่มีเหรอคับลุงรุต" เด็กชายตุลย์ถามออกไปเมื่อเห็นว่าคนเป็นลุงอึกอักไม่ยอมพูดสักที

"ไว้ครั้งหน้านะครับ ลุงไม่ได้ลืมไอติมน้องตุลย์นะ เเต่ไอติมยังทำไม่เสร็จเลย"

"..................."  เด็กชายตุลย์นิ่งเงียบไม่ได้ตอบโต้อะไรคนเป็นลุงออกไป เจ้าตัวก้มหน้าก้มตา ลงมือลากเส้นขีดๆเขียนๆลงบนกระดาษไปมาอย่างช้าๆ

"น้องตุลย์ครับ" มารุตเอ่ยเรียกหลานชายเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางของหลานชายที่ดูจะผิดหวังเสียเหลือเกิน

"..............."

"สุดหล่อครับ โกรธลุงเหรอครับ"

"ป้าวคับ ตูนตูนม่ายด้ายโกด... ลุงรุตม่ายต้องสนจาย ตูนตูนเเค่กำลังนั่งเสียจายเท่านั้นเอง"

คำพูดที่เด็กชายตุลย์ได้ยินพี่เปอร์พูดกับอาคีย์บ่อยๆ ถูกเจ้าตัวนำมาลอกเลียนเเบบโดยการใช้พูดกับลุงรุตของตัวเอง ฝ่ายมารุตที่ได้ยินคำพูดของหลานชายตัวน้อยก็ถึงกับไปไม่ถูกเลยทีเดียว ไอ้ท่าทางหน้างอๆเเก้มพองๆเเบบนั้นมันก็น่าเอ็นดูอยู่หรอก เเต่ตอนนี้เขาหนักใจซะมากกว่า.....

มารุตคนนี้ โดนหลานงอนอีกเเล้วเหรอวะ.....

"คุณรุตสวัสดีครับ เเวะมาหาคุณลมเหรอครับ"

ในขณะที่มารุตกำลังประมวณความคิด ว่าจะง้อหลานยังไงดี คนเป็นเเม่ของเด็กชายก็เดินเข้ามาทักทายพร้อมรอยยิ้ม

"ก็...ครับ เเต่ก็อยากจะเเวะมาหาหลานก่อน เเต่ดันโดนงอนอีกเเล้วครับ" มารุตบอกนาที พร้อมกับชี้นิ้วไปทางเด็กชายตุลย์ที่กำลังนั่งวาดรูปไม่สนใจเขาสักนิด

"หืม โดนเรื่องอะไรอีกครับเนีย" นาทีเอ่ยถามด้วยความขบขัน

"ไอติมคุณหมีครับ"

"อ่อครับ" นาทีพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปหาลูกชายของตัวเอง "ว่าไงครับคนเก่ง งอนลุงรุตอีกเเล้วเหรอครับ"

"ตูนตูนม่ายด้ายงอนนะหม่าม้า"

"ไม่ได้งอนเเล้วทำไมถึงไม่คุยกับลุงรุตล่ะครับ"

"ตูนตูนเเค่ขอเวลาทำจาย" เเละนี่ก็เป็นอีกประโยคหนึ่งของเปอร์ที่เด็กชายตุลย์จดจำมาเลียนเเบบ

"ก็ได้ครับ หม่าม้าจะให้เวลาน้องตุลย์ทำใจ เเต่อย่านานนะ เดี๋ยวลุงรุตจะร้องไห้ฮือๆ"

"ร้องห้ายเหรอคับ"

"ครับ ก็คนที่เรารัก ไม่ยอมคุยด้วย ก็จะต้องรู้สึกเสียใจมากๆเป็นเรื่องปกติครับ อืม....สมมุติถ้าน้องตุลย์ลืมทำอะไรบางอย่างให้หม่าม้าโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เเล้วหม่าม้างอนน้องตุลย์จนไม่ยอมพูดด้วยนานๆ น้องตุลย์จะเสียใจไหมครับ"

"คับ ตูนตูนรักหม่าม้า"

"เห็นไหมครับ ลุงรุตก็รักน้องตุลย์มากๆเหมือนกันนะครับ เเละลุงรุตก็ไม่ได้ตั้งใจผิดคำพูดนะครับ เรื่องไอติมของน้องตุลย์หม่าม้าบอกไปเเล้วไงครับ ว่าเดี๋ยวเราจะมาช่วยกันทำ เเบบให้มีคุณหมีล้นบ้านเลยดีไหมครับ"

"ดีคับ" เด็กชายตุลย์กลับมายิ้มกว้างอีกครั้ง ไอติมคุณหมีเเบบล้นบ้าน เเค่คิดเขาก็ว้าวเเล้ว

"ใช่ๆๆ เดี๋ยวลุงรุตเป็นเจ้ามือเอง เนอะๆๆ น้องตุลย์ไม่งอนลุงรุตนะ ดีกันนะๆๆ นะครับ" มารุตรีบเอ่ยสมทบคำพูดของนาทีทันที เมื่อเห็นว่าเด็กชายเริ่มหายงอนเเละเข้าใจเขาเเล้ว พร้อมยื่นนิ้วก้อยของตัวเองไปตรงหน้าของหลานชาย

"คับ" เด็กชายตุลย์ยื่นนิ้วของตัวเองไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของคนเป็นลุงเเน่น "ตูนตูนขอโทดน้าลุงรุต ตูนตูนม่ายอยากห้ายลุงรุตเสียจาย ลุงรุตม่ายร้องน้า ตูนตูนพูดด้วยเเล้วน้า"

"ไม่เป็นไรครับ เเค่น้องตุลย์ยอมกลับมาคุยกับลุง ลุงก็ดีใจเเล้วครับ........ไหนครับ น้องตุลย์กำลังทำอะไรอยู่เอ่ย ขอลุงดูหน่อยได้ไหมครับ"

"ได้คับ นี่เยยๆลุงรุต ตูนตูนวาดรูป" เด็กชายตุลย์รีบเปิดสมุดวาดรูปของตัวเองให้คนเป็นลุงดู "อันนี้ตูนตูนวาดเองน้า ฉวยไหมคับ"

"โอ้โห้ สวยมากเลยครับ น้องตุลย์วาดเก่งกว่าลุงอีก ลุงวาดสู้น้องตุลย์ไม่ได้เลย"

"สอนได้น้า ตูนตูนสอนได้น้า"

เด็กชายตุลย์รีบเสนอตัวช่วยเหลือด้วยความมีน้ำใจ ใครๆก็บอกว่าเขาวาดรูปสวย เเละเขาก็คิดว่าเขาวาดสวยจริงๆ ต้นหญ้าก็ชม ถ้าใครอยากให้เขาสอนเขาก็เต็มใจ

"สงสัยลุงต้องรบกวนน้องตุลย์ซะเเล้ว ฝากตัวด้วยนะครับ   เอ๊~  ลุงอยากวาดตัวนี้จังเลยครับ ตัวนี้เขาเรียกว่าอะไรครับ"

มารุตชี้ไปที่รูปรูปหนึ่งบนกระดาษ มันมีลักษณะเป็นรูปกลมๆเบี้ยวๆ มีหู มีขา ที่ดูไม่ค่อยเหมือนหู ขา สักเท่าไหร่ ใจเขาก็อยากจะทายอยู่หรอก เเต่ถ้าพลาดขึ้นมา หลานงอนอีกรอบละชิบหายเลย

"อันนี้ตูนตูนวาดคุณไทเกอร์คับ ส่วนตรงนี้เป็นคุณเเรบบิท นี่ๆลุงรุตตรงนี้มี คุณซาเเน็ก (สเน็ค = งู) ด้วย )

เด็กชายตุลย์ชี้ไปตามจุดต่างๆของกระดาษที่ตัวเองวาดบรรดาสัตว์นานาชนิดไว้ให้คนเป็นลุงดู จากนั้นก็ยื่นดินสอเเท่งนึงให้มารุตถือไว้ พร้อมกับบอกให้มารุตค่อยๆวาดตาม ส่วนคนเป็นลุงก็วาดตามอย่างตั้งใจ นาทีนี้หลานว่าไงมารุตว่าด้วย คะเเนนยิ่งติดลบอยู่ ต้องทำคะเเนน

"วาดน้า ลุงรุตวาดน้า ลากเฉ้นเเบบนี้น้า ดูเยยๆ......"

นาทีที่เห็นว่าสองลุงหลานเข้าใจกันดีเเล้วก็ขอตัวไปช่วยวุ้นดูเเลร้านก่อน ปล่อยให้น้องทำงานอยู่คนเดียวมานานเเล้ว ตอนนี้ในร้านมีเเค่เขากับวุ้นเเค่สองคน ส่วนคีย์กับเปอร์ออกไปข้างนอกได้สักพักใหญ่ๆเเล้ว อีกไม่นานก็คงกลับมา


กรื๊ง!  กริ๊ง!

เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้นเรียกสายตาของนาทีที่กำลังก้มดูรายการของอยู่ให้เงยหน้าขึ้นมามอง

"Keyword cafe ยินดีต้อนรับครั...... พี่ตฤณ!"

"ไง ไม่เจอกันนานเลย"  คนมาใหม่เอ่ยทักนาทีด้วยรอยยิ้ม

"ใครกันล่ะครับที่หนีไปทำงานต่างประเทศตั้งหลายเดือน"

"คิดถึงพี่สินะ นาทีคิดถึงพี่เเน่ๆ"

"คิดถึงสิครับ เเล้วพี่ตฤณกลับมาตั้งเเต่เมื่อไหร่ครับ"

"เพิ่งลงเครื่องเมื่อกี้เลยครับ ลงเครื่องเเล้วตรงมาที่นี่เลย คิดถึงคนเเถวนี้จนทนไม่ไหว อยากมาเจอหน้าเร็วๆ"

"ยังไม่เลิกจีบอีกเหรอครับ"

"ก็...... เผื่อจะมีหวังบ้าง"

นาทีส่ายหัวน้อยๆให้กับคำพูดของคนตรงหน้า ตฤณเป็นลูกค้าประจำของร้านกาเเฟเเห่งนี้ ในคราเเรกนาทีก็คิดว่าตฤณคงติดใจกาเเฟกับขนมของที่ร้านเหมือนกับคนอื่นๆ เเต่ที่ไหนได้ คุณตฤณดันมาจีบเขาซะงั้น เเต่เขาก็บอกอีกฝ่ายไปแล้วว่า มันไม่มีทางเป็นไปได้ เเต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ สำหรับนาที ตฤณเปรียบเสมือนพี่ชายที่เเสนดีเสียมากกว่า

"ลุงติน!"

ในขณะที่นาทีกำลังคุยกับตฤณอยู่นั้น อยู่ๆก็มีเสียงเล็กๆของเด็กชายตุลย์พูดขึ้น ก่อนหน้านี้เด็กชายตุลย์กำลังสอนลุงรุตวาดรูปอยู่ เเต่พอเขาหันหน้าไปมองหม่าม้าว่ากำลังทำอะไรอยู่ เขาก็เห็นว่าหม่าม้ากำลังคุยอยู่กับคุณลุงคนโปรดอีกคนขอเขา เขาไม่ได้เจอลุงตฤณนานมาก เลยรู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย รีบทิ้งลุงรุตมาหาลุงตฤณทันที

ส่วนมารุตตอนนี้กำลังนั่งกระพริบตาปริบๆมองหลานชายตัวน้อยที่ทิ้งเขาไป นี่เขาโดนหลานทิ้งอีกเเล้วเหรอ เเล้วผู้ชายคนนั้นมันใครวะ มาขัดจังหวะลุงหลานทำไม เดี๋ยวพ่อจับถ่วงทะเลเเม่งเลย...

"ไงตูนตูน มาหาตินตินหน่อยเร็ว"

เด็กชายตุลย์วิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของคนเป็นลุงที่กางเเขนรออยู่เเล้ว

"ตูนตูนคิดถึง"

"ตินตินก็คิดถึงตูนตูนเหมือนกัน ไม่เจอกันนานหล่อขึ้นไหมเนีย" ตฤณจับหลานชายหมุนซ้ายทีขวาที จนเด็กชายตุลย์หัวเราะคิกคัก

"คิคิ หล่อตูนตูนหล่อ"


มารุตยืนมองทั้งสามคนคุยกันอยู่สักพักก็พอจะรับรู้ได้ว่าผู้ชายคนนี้มาจีบน้องสะใภ้ของเขาเเน่ๆ ส่วนหลานชายตัวน้อยของเขาก็ดูจะชอบนายตฤณอะไรนี้ซะเหลือเกิน รู้สึกเสียหน้าชะมัด เดินเข้าขัดจังหวะเเม่งเลย

"น้องตุลย์ ลุงรุตจะขึ้นไปหาป๊า น้องตุลย์ไปด้วยกันไหมครับ"

ประโยคของมารุตที่พูดขึ้นหลังจากที่เดินมาหยุดใกล้ๆ ทำให้บทสนทนาของทั้งสามคนหยุดชะงัก เด็กชายตุลย์หันหน้ามามองมารุตด้วยเเววตาเปร่งประกาย

"ปายคับ ตูนตูนปาย หม่าม้าตูนตูนขอปายหาป๊ากับลุงรุตน้า"

"ได้ครับ เเต่น้องตุลย์ห้ามไปกวนการทำงานของป๊านะครับ"

"โอเคเยยหม่าม้า ปายคับลุงรุต ปายหาป๊ากาน"

"ป๊า?" ตฤณขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินคำว่าป๊าจากปากของเด็กชายตุลย์ ตั้งเเต่รู้จักกันมาเขายังไม่เคยได้ยินเด็กชายตุลย์พูดถึงป๊าเลยสักครั้ง ช่วงที่เขาไม่อยู่ มันเกิดอะไรขึ้นนะ

"ระวังไว้หน่อยก็ดี หมาเวลาหวงเจ้าของ มันดุมากนะ........... ไปครับน้องตุลย์"

เเล้วสองลุงหลานก็จูงมือกันเดินออกไปจากร้าน ทิ้งให้ตฤณมองตามด้วยความสงสัย



..........................................................................

"ป๊า ป๊า ป๊า ตูนตูนหาป๊า"

เด็กชายตุลย์กึ่งเดินกึ่งกระโดดจับมือลุงรุตด้วยความอารมณ์ดี เขาคิดถึงป๊า เขาดีใจจะได้ไปหาป๊า เเถมเขายังจะได้เจอกับอาขุนเเละอากรที่เเสนจะใจดีด้วย  วันนี้อาขุนจะมีช็อกโกแลตให้เขาไหมน้า ชวนอากรเล่นต่อสู้ด้วยกันอีกดีกว่า เย้! ยิ่งคิดก็ยิ่งอารมณ์ดี

"ลา ล๊า ลา ลัล ล้า ล้า ลา"

"ดีใจที่จะได้เจอป๊าขนาดนั้นเลยเหรอครับ" เห็นท่าทางดีใจจนออกนอกหน้าของหลานชายเเล้ว มารุตก็อดที่จะเอ่ยเเซ็วออกไปไม่ได้

"ครับ ตูนตูนคิดถึงป๊าม้ากมากเยย"


"แก ฉันได้ยินเด็กคนนั้นเรียกผู้ชายหล่อๆคนนั้นว่าป๊าด้วยนะ"

"นั่นมันลูกของพนักงานร้านกาเเฟคนนั้นไม่ใช่เหรอ"

"เเล้วบอสพวกเราละ บอสเป็นชู้คนอื่นเหรอ"

"ฉันว่าคนเป็นสามีจับได้เเน่ๆ วันนี้สงสัยมาเคลียร์กัน"

"ไม่น่าเลยเนอะ พนักงานร้านกาเเฟคนนั้นก็ดูนิสัยดีออก มีสามีอยู่เเล้วยังจะคบชู้อีก"

"กลิ่นเงินมันหอมหรือเปล่าเเก"

"สงสารก็เเต่เด็กตาดำๆ มีเเม่เเบบนี้ เเย่ๆๆ"


ในระหว่างที่กำลังรอลิฟต์อยู่มารุตก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นใกล้ๆ เเละดูเหมือนว่าบทสนทนาพวกนั้นจะมีเขาเข้าไปเกี่ยวข้องซะด้วย  เดินเข้าบริษัทนี้ครั้งเเรกก็โดนนินทาเรื่องชู้สาวเลยเหรอวะ ถ้าใครสักคนจะเป็นชู้ก็มารุตนี่เเหละครับ ส่วนบอสพวกคุณอ่ะผัวเขาครับ ว่าเเต่ไอ้ลมมันรู้เรื่องหรือยังวะ

มารุตเลิกสนใจคำนินทาเหล่านั้น กดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 18 เพื่อจะไปต่อลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 25 ชั้นที่น้องชายทำงานอยู่ ส่วนเรื่องคำพูดนินทาพวกนั้นก็ อืม............... หึหึ!

"อาขุน!"

ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะด้านหน้าห้องทำงานของคนเป็นพ่อ เด็กชายตุลย์ก็รีบเข้าไปทักทายคุณอาขุนผู้เเสนจะใจดีของเขาทันที

"ตูนตูน มาได้ไงครับ"

"อาขุน ตูนตูนสวัสดีคับ ตูนตูนมากับลุงรุตคับ" เด็กชายชี้ไปทางมารุตที่กำลังเดินตามมา

"อ้าว เฮียรุต มาไม่เห็นบอกเลยครับ บอสอยู่ด้านในครับ"

"อืม กรไม่อยู่เหรอ"

"พี่กรออกไปทำธุระให้บอสข้างนอกครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าบริษัทเท่าไหร่"

"อืม........ ไปครับน้องตุลย์ไปหาป๊ากันดีกว่า"

"คับ อาขุนเดี๋ยวตูนตูนมาน้า อาขุนรอน้า"

"ได้เลยครับผม มาหอมก่อนหนึ่งที เป็นการมัดจำ มาเร็ว ฟอด"

เมื่อคนเป็นอาของหอม เด็กชายตุลย์ก็ไม่อิดออด วิ่งเข้าไปหาขุน พร้อมกับยื่นเเก้มยุ้ยๆที่เเสนจะนุ่นนิ่ม ให้คนเป็นอาของเขาหอมหนึ่งทีเเรงๆ

"เบาหน่อย หลานกูเเก้มช้ำหมด"

"ขี้หวงว่ะเฮียรุต ลูกตัวเองก็ไม่ใช่" ขุนเบ้หน้าใส่พี่ชายบอสด้วยความหมั่นไส้

"เเต่หลานกูป้ะละ..... ไปครับน้องตุลย์"


"ป๊าาาาาาาา!"

"โอ๊ะโอ ใครมาหาป๊าครับเนี่ย" ลมละสายตาจากกองเอกสารขึ้นมองผู้มาใหม่ที่ไร้มารยาทที่ไม่คิดจะเคาะประตูก่อนเข้ามา ตอนเเรกก็ตั้งใจจะด่าออกไป เเต่พอได้ยินเสียงอันสดใสเท่านั้นเเหละ จากหน้าเหวี่ยงๆเปลี่ยนเป็นยิ้มเเทบไม่ทัน

"ตูนตูนเองคับ"

"มาให้กอดซะดีๆเลยตัวเล็ก"

เด็กชายตุลย์วิ่งเข้าไปกอดคนเป็นพ่อเเน่น เเก้มซ้ายขวาโดนคนเป็นพ่อหอมจนเเทบจะช้ำ 

ลมที่กำลังนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียด ยามได้กอดลูกชาย ความเครียดก็มลายหายไปเเทบหมดสิ้น เฮ้อ! ถ้าได้หอมเเก้มคนเป็นเเม่สักสิบทียี่สิบทีด้วย ความเหนื่อยคงหายไปจนไม่เหลือ

"มัวเเต่นั่งทำงานระวังเมียจะโดนคาบไปรับประทานนะครับ คุณน้องชาย"

เพราะมีหลานอยู่ด้วย มารุตจึงค่อนข้างที่จะระวังคำพูดมากพอตัว ครั้งก่อนที่เจอกันครั้งเเรกเผลอหยาบคายไปเต็มที่ เรื่องนี้เขาก็โดนนาทีอบรมมาเหมือนกัน

"มาถึง ก็พูดจาได้สุนัขไม่รับประทานเลยนะเฮีย"

"เอ้า กูพูดเรื่องจิง"

"เรื่องจริงอะไรของเฮีย"

"ก่อนกูขึ้นมา มีผู้ชายมาจีบเมียมึงด้วย ดูท่าทางเเล้วสนิทกันพอตัว"

ลมเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของพี่ชาย สีหน้าก็เเปรเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมทันที

"เฮียพูดจริง?"

"กูจะโกหกทำไม ไม่เชื่อก็ลองถามตูนตูนดูสิ ว่า รู้จักตินติน ไหม"

"ตินติน?" ลมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะชื่อนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

"อ่าฮะ"

"น้องตุลย์ครับ คนที่ชื่อตินตินคือใครเหรอครับ น้องตุลย์รู้จักหรือเปล่า" ลมก้มหน้าถามลูกชายของตัวเองที่นั่งอยู่บนตัก

"รู้จักคับ ลุงตินเป็นเพื่อนหม่าม้า ลุงตินจายดีนะป๊า พาปายเที่ยว เลี้ยงไอติม ชอบซื้อขนมมาฝากหม่าม้าทุกวันเยย"

เด็กชายตุลย์ตอบคำถามคนเป็นพ่อด้วยน้ำเสียงสดใน เเตกต่างจากคนเป็นพ่อที่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกสดใสเลยสักนิด

"น้องตุลย์ครับ เราลงไปหาหม่าม้ากันดีกว่าเนอะ ไปครับ"

"ไปเยยหรอคับ ตูนตูนเพิ่งมาเองน้า" อีกอย่างเขายังไม่ได้ช็อกโกเเลตจากอาขุนเลย

"ครับ ไปเลย ไปกันครับ"

ลมอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมเเขน ก่อนจะลุกจากเก้าอี้เเล้วเดินตรงไปยังประตู

"เดี๋ยว! งานการไม่คิดทำให้เสร็จก่อนหรือไง" มารุตเอ่ยเเหย่น้องชายของตัวเอง พอรู้ว่าเมียโดนจีบหน่อย ละรีบทิ้งทุกอย่างเลย น่าหมั่นไส้ชิบหาย

"งานทำเมื่อไหร่ก็ได้เฮีย เเต่เมียกำลังโดนจีบ ต้องรีบไปแสดงตัว" ลมบอกพี่ชายด้วยท่าทางจริงจังเเละเอาเรื่อง เมียโดนจีบอยู่นะเว้ย ใครจะมีสมาธิทำงาน

"เมียผม ผมหวงของผม ใครกล้าจีบก็ลองดู"




.....................................................................

TBC.

ลุงรุตเขาน่าสงสารนะคะ

ขอให้ทุกๆคนสนุกกับการอ่านนะคะ

เราขอบคุณทุกๆคนที่ติดตาม คอมเมนท์ เเละเป็นกำลังใจให้มากๆเลยนะคะ ใจฟูมากมาย

ทุกคนใครที่เล่นทวิตเตอร์มาเล่นเเท็ก

#ตูนตูนไม่มีพ่อ

กันได้นะคะ มาคุยกันได้นะ ผมนี่รีเฟรชทวิตรอรัวๆเลยครับ 555

ขอบคุณค่ะ

ตอน 20.30 เราจะมาลงให้อีกตอนนึงนะคะ :)

หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 15-10-2021 19:37:23
 :hao7: :z6:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 16)โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 15-10-2021 20:25:50
16
แมลงวัน?


"พี่ลม เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ น้องตุลย์วุ่นวายตอนทำงานเหรอครับ"

นาทีละสายตาจากการพูดคุยกับตฤณ ไปมองคนมาใหม่ที่เปิดประตูร้านเข้ามาเเละเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบลุกเดินเข้าไปหาพร้อมกับสอบถามทันที ก็หน้าของลมตอนนี้มันบึ้งตึงยิ่งกว่าหมีหิวน้ำผึ้งเสียอีก

"ไม่มีอะไรครับ ลูกไม่ได้กวนอะไรพี่เลย"  ลมตอบนาทีพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็ปล่อยลูกชายที่ตนอุ้มอยู่ในอ้อมเเขนให้ยืนบนพื้นเเทน อุ้มนานๆเเขนเขาก็เริ่มล้าเหมือนกัน

เด็กชายตุลย์เมื่อขาติดพื้นก็รีบวิ่งไปเกาะขาคนเป็นเเม่ทันที ก่อนจะเงยหน้ามองคนเป็นเเม่ กระพริบตาปริบๆเป็นเชิงออดอ้อน

"หม่าม้า ตูนตูนอยากกินนม ตูนตูนขอกินนมคุณหมีรสน้ำผึ้งด้ายป้าวคับ"

ฝ่ายนาทีที่เห็นท่าทางออดอ้อนน่ารักๆของคนเป็นลูกก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ยื่นมือไปลูบหัวลูกชายเบาๆ

"ได้ครับ น้องตุลย์ไปบอกพี่วุ้นให้ช่วยหยิบให้นะครับ เเต่หม่าม้าให้ดื่มได้เเค่กล่องเดียวเท่านั้นนะครับ ห้ามอ้อนพี่วุ้นขอกล่องที่สองเด็ดขาดนะเจ้าเด็กเเสบ"

"ม่ายเยยหม่าม้า ตูนตูนเด็กดี กล่องเดียวม่ายอ้อนเพิ่ม"

"ให้มันจริงเถอะ"

นาทีขยี้หัวลูกชายเบาๆด้วยความมันเขี้ยว เขาเผลอทีไรเจ้าลูกชายตัวเเสบของเขามักจะไปอ้อนพี่วุ้นเเละพี่เปอร์ของเขาเพื่อขอนมกล่องที่สองเพิ่มเสมอ ส่วนพี่ๆทั้งสองคนก็ไม่เคยเลยที่จะทนต่อลูกอ้อนของน้องชายได้ ถ้าเด็กชายตุลย์อ้อนขอกินยกลัง นาทีก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทั้งสองคนให้กินยกลังเเน่ๆ

"จิงเยยหม่าม้า เด็กดีม่ายโกหก" เด็กชายตุลย์ยังคงยืนยันหนักเเน่น ว่าเขาจะไม่ขอนมกล่องที่สองเพิ่มเเน่ๆ

"หม่าม้าเชื่อครับ ถ้าอย่างนั้นน้องตุลย์ไปหาพี่วุ้นที่หลังเคาน์เตอร์นะครับ"

"คับผม!" เด็กชายตุลย์ตอบรับเสียงหนักเเน่น ก่อนจะวิ่งไปหาวุ้นด้วยความอารมณ์ดี ไหนๆก็ไม่ได้ช็อกโกเเลตจากอาขุนเเล้ว เขาขอกินนมคุณหมีรสน้ำผึ้งให้ชื่นใจแทนก็ได้

นาทีมองตามลูกชายที่วิ่งหายไปยังหลังเคาน์เตอร์ ก่อนจะหัวเราะออกมาให้กับท่าทางที่อารมณ์ดีของลูกชาย จากนั้นก็กลับมาสนใจคนเป็นพ่อต่อ

"พี่ลมลงมาทำไมครับ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนี่ครับ"

"พี่ลงมาไล่เเมลงวัน" พูดตอบนาที เเต่สายตาของลมตอนนี้กลับมองไปยังตฤณที่ยืนอยู่ไม่ไกลกัน

ก่อนเปิดประตูร้านเข้ามา ลมเห็นว่านาทียืนคุยกับผู้ชายคนนั้นอย่างสนิทสนมเเถมยังหัวเราะเเละยิ้มกว้างอีกด้วย ภาพที่เห็นชวนให้ลมรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย เเต่จะให้มาพาลลงกับนาทีก็ไม่ใช่เรื่องอีก คนที่เขาควรจะจัดการคือผู้ชายคนนั้นต่างหาก

"แมลงวัน?"

"ใช่ครับ พี่ได้ข่าวมาว่าเเมลงวันมันเที่ยวมาบินว่อนอยู่ในร้าน"

"หืม เเต่ที่ร้านเราไม่มีเเมลงวันนะครั.....เดี๋ยวก่อนครับ" นาทีเริ่มชะงักกับคำว่าเเมลงวันของลม "ทีถามอีกครั้งนะครับ พี่ลมลงมาทำอะไรครับ" นาทียกมือขึ้นกอดอก ถามอีกฝ่ายเสียงเข้ม พร้อมกับหรี่ตามองอีกคนอย่างจับผิด

ตอนเเรกนาทีเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดเเค่ว่าลูกอาจจะไปกวนตอนที่อีกฝ่ายกำลังทำงาน จึงนำลูกกลับมาส่งคืน เเต่พออีกฝ่ายพูดถึงเรื่องเเมลงวัน พร้อมกับสายตาที่มองไปยังตฤณบ่อยๆ นาทีก็พอจะคาดเดาเรื่องราวได้ลางๆ เเละเรื่องนี้ต้องมีพี่ชายของอีกฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเเน่ๆ

ก่อนหน้านี้คุณมารุตเพิ่งจะพูดจาขมขู่ตฤณไป จากนั้นก็ชวนน้องตุลย์ขึ้นไปหาป๊า ต่อมาไม่นานคุณลมก็ลงมาหาเขาพร้อมสีหน้าบึ้งตึง เฮ้อ! คงโดนพี่ชายเป่าหูพูดจาแปลกๆใส่ จนทิ้งงานทิ้งการลงมาเเน่ๆ อย่างนี้ต้องโดนตีสักทีดีไหมนะ

"เอ่อ......ขอโทษนะครับ" ตฤณที่ยืนอยู่ไม่ไกล ขยับเดินเข้ามาใกล้คนสองคนที่กำลังยืนคุยกันอยู่

ตอนเเรกตฤณก็ไม่ได้สนใจอะไรคนมาใหม่ที่นาทีรีบวิ่งไปหา เเต่พอเขามองไปเเละสบตากับผู้ชายคนนั้น ตอนเเรกเขาก็ส่งยิ้มให้อยู่หรอก เเต่อีกฝ่ายดันส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาให้เขาเเทนซะงั้น ดูจากพฤติกรรมของชายคมเข้มร่างสูงคนนั้นเเล้ว เขาก็พอจะเดาอะไรบางอย่างได้ลางๆ เเต่เพื่อความเเน่ใจจึงพาตัวเองเข้าไปขัดขวางบทสนทนาของทั้งคู่ดู

"พี่ตฤณ ขอโทษนะครับผมลืมไปเลย พี่ตฤณจะกลับเเล้วใช่ไหมครับ" นาทีหันไปคุยกับตฤณที่เดินมาใกล้ๆ ก่อนหน้านี้ตฤณเอ่ยลาเพื่อขอตัวกลับไปพักผ่อน เเต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยลากันดีลมก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

"อืม ร่างกายพี่เริ่มประท้วงเเล้วหล่ะ ว่าอยากนอนมากๆ เเล้วนี่...." ตฤณพูดกับนาที ก่อนจะชี้ไปยังลมที่ยืนอยู่ เป็นเชิงถามว่าผู้ชายคนนี้คือใคร

"เอ่อคือ..." นาทีมีสีหน้าลังเลเล็กน้อยเพราะเขาไม่รู้ว่าควรตอบออกไปอย่างไรดี ถ้าจะให้เล่าเรื่องราวตั้งเเต่ต้นเรื่องมันก็ยาวเกินไป จะบอกว่าคุณลมเป็นพ่อของน้องตุลย์เเบบทื่อๆก็กลัวคุณตฤณจะตกใจจนช็อกไปเสียก่อน ก็รู้จักกันมาตั้งเเต่ลูกชายเขาแปดเดือนจนตอนนี้สี่ขวบเเล้ว ก็ยังไม่เคยมีวี่เเววของคนเป็นพ่อว่าจะโผล่มาเลยนี่น่า

"ผมลมครับ เป็นพ่อของน้องตุลย์เเละเป็นสามีของนาทีครับ" ลมเลือกที่จะเอ่ยเเนะนำตัวเองเเทนเมื่อเห็นสีหน้าของนาที

"อ้อ" ตฤณอุทานรับเบาๆ ก็ไม่ได้ผิดไปจากการคาดเดาของเขาสักเท่าไหร่ "ผมตฤณครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ไม่นึกเลยนะครับว่าอยู่ๆคนเป็นพ่อเเละสามีจะโผล่มาง่ายๆเเบบนี้ ทิ้งไปได้ตั้งหลายปี ผมคิดว่าชาตินี้จะไม่มีโอกาสได้เจอเเล้วเสียอีก" พูดจบรอยยิ้มของตฤณก็ถูกส่งไปให้ลม เเต่รอยยิ้มนั้นมันช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูประชดประชันเสียเหลือเกิน

"ครับ ผมก็รู้สึกเสียใจเหมือนกันที่กลับมาช้าไปหน่อย จนเหลือบลิ้นไรมันได้ใจ เเต่ตอนนี้ผมกลับมาทำหน้าที่พ่อเเละสามีเเล้วครับ ก็ได้เเต่หวังว่าเหลือบริ้นไรที่คอยตามไต่ จะหายไปนะครับ"  ลมยกยิ้มมุมปากให้คนตรงหน้า

สิ้นคำทักทาย ลมกับตฤณต่างก็ใช้สายตาฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ถ้าเป็นหนัง ป่านนี้คงมีสายฟ้าดังเปรี๊ยะๆออกมาให้ได้เห็นเเละได้ยินกันเเล้ว

"ทั้งสองคนพอก่อนครับ" นาทีที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่นานรีบเอ่ยห้ามขึ้น ก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้

"ก็ได้ครับ วันนี้พี่ขอตัวก่อนดีกว่า"

เเละก็เป็นตฤณที่ยอมละสายตาออกก่อน ทำให้ลมยกยิ้มอย่างพอใจกับชัยชนะที่ได้รับ

"พี่ตฤณกลับบ้านดีๆนะครับ"

"ครับ....อ้อจริงสิ!" ในตอนเเรกตฤณหันหลังเพื่อจะเดินไปยังประตูเเล้ว ก่อนที่จะหยุดชะงักเเล้วหันกลับมาพูดกับนาทีอีกครั้งราวกับเจ้าตัวเพิ่งนึกได้ว่าลืมพูดเรื่องสำคัญไป

"ข้าวกล่องคุณหมีนอนหลับปุ๋ยที่นาทีเคยสัญญาว่าจะทำให้พี่ชิม พี่ขอทวงสัญญานะครับ พรุ่งนี้ตอนเที่ยงพี่ขอรบกวนฝากท้องด้วยนะครับ ไว้เจอกันนะครับ" ตฤณส่งยิ้มหวานตบท้าย ก่อนจะเดินไปยังประตู พร้อมกับรอยยิ้มสะใจที่สามารถทำให้ลมหน้าตาบึ้งตึงได้ ส่วนกับนาทีเขาได้เเต่ขอโทษในใจที่หาเรื่องมาให้ เเต่เขามั่นใจว่านาทีต้องรับมือกับลมได้เเน่นอน

ถ้าจะถามความรู้สึกตฤณตอนนี้ว่ารู้สึกอย่างไร ก็คงจะตอบได้ว่าค่อนข้างที่จะตกใจ เเละหน่วงๆนิดหน่อยไม่ถึงกับเจ็บปวด เพราะไม่คิดว่าคนที่นาทีรักมาตลอดจะกลับมา

ตฤณต้องขอบคุณนาทีที่ไม่เคยให้ความหวังกับเขา เเถมยังขีดเส้นไว้ชัดเจน  เเต่เป็นเขาเสียเองที่ดื้อด้านสร้างความหวังเล็กๆไว้ในใจ เเต่วันนี้พอได้มาเห็นภาพครอบครัวสุขสันต์เเล้ว ความหวังเล็กๆที่มอบให้ตัวเอง เขาคงต้องกลับไปทำลายเสียเเล้ว เฮ้อ! เเวะซื้อเหล้าไปดื่มย้อมใจหน่อยก็เเล้วกัน


ปึก!

"ขอโทษครับ ผมไม่ทันมอง" เพราะมัวเเต่คิดอะไรเพลินๆเลยไม่ทันได้มอง ว่ามีคนเดินมาตรงประตูร้านเช่นกัน ทำให้ตฤณผลักไปกระเเทกหน้าเขาเต็มๆ

"ตอนเดินก็ดูทางไหม ไม่ใช่ดูนกดูไม้" ชายคนที่โดนตฤณผลักประตูมากระเเทกหน้า พูดออกมาอย่างหงุดหงิด พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเอง

"ขอโท........คุณ!" คำขอโทษถูกกลืนลงคอเมื่อตฤณเห็นหน้าชัดๆว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร

"อ้อ นึกว่าใคร ตินตินของตูนตูนนี่เอง ไงโดนหมาหวงเจ้าของกัดมาอ่ะดิ ถึงเดินลากกระเป๋าถอยทัพเเบบนี้"

"เรื่องของผม รบกวนหลีกทางด้วยครับ"

"เฮ้ๆๆ ใจเย็นก่อน อ่อนไหวง่ายไปหรือเปล่าคุณ พูดเเค่นี้ต้องโมโหด้วย"

"ต้องการอะไรครับ" ตฤณพยายามข่มอารมณ์ความหงุดหงิดไว้ภายใน เเละถามคนตรงหน้าออกไปดีๆ เเม้ใจอยากจะต่อยให้ดั้งหักสักสามทีก็ตามเถอะ ผู้ชายอะไรเเค่มองก็ชวนให้หงุดหงิดมากๆ ประสบการณ์การเจอกันครั้งเเรกก็ติดลบเเละไม่น่าคบหาเลยสักนิด

"เปิดประตูชนคนอื่นเเล้วจะไม่รับผิดชอบหน่อยเหรอครับคุณ"

"อยากให้ผมรับผิดชอบยังไงก็ว่ามา ผมจะรีบกลับไปนอน" ตฤณพยายามนับ 1 ถึง 10 ในใจ เพื่อให้ตัวเองใจเย็นพอจนไม่เผลอกระโดดถีบคนกวนอารมณ์ตรงหน้าไป

" อืม ไม่รู้ ตอนนี้ยังคิดไม่ออก" อีกฝ่ายยังคงมีท่าทางยียวนกวนอวัยวะเบื้องล่างไม่เลิก

"เฮ้อ!" ตฤณได้เเต่ถอนหาย วันนี้เขาก้าวขาขึ้นเครื่องบินกลับประเทศข้างไหนวะ ทำไมเจอเเต่เรื่องซวยๆ

"เอางี้ เอาเบอร์คุณมา ถ้าผมคิดออกเเล้วจะโทรฯไป"

"เพื่ออะไรครับคุณ หัวคุณก็ไม่ได้เเตก ผมก็ขอโทษไปแล้ว"

"เป็นคนไร้ความรับผิดชอบกว่าที่คิดนะคุณ นอกจากจะชอบจีบเมียชาวบ้านเเล้ว ยังไร้ความรับผิดชอบอีก"

"คุณจะหาเรื่องผมให้ได้เลยใช่ไหมครับ เฮ้อ! ผมไม่อยากจะเถียงกับคุณเเล้ว บอกเบอร์คุณมาเดี๋ยวผมโทรฯเข้าไป"

"099-000-0000"

ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด!

ชายตรงหน้าตฤณหยิบมือถือขึ้นมาดู เมื่อมันส่งเสียงดังขึ้น ก่อนจะยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ

"ไว้ผมจะติดต่อไปให้คุณรับผิดชอบนะครับ อ้อ! อย่าลืมบันทึกเบอร์ผมไว้ด้วยนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะตินติน ผมมารุตครับ"

เเนะนำตัวเสร็จมารุตก็เปิดประตูร้านเข้าไปหาน้องชายกับน้องสะใภ้ที่กำลังยืนเถียงกันอยู่ ทิ้งให้ตฤณที่ยืนอยู่นอกร้านมองตามด้วยความหงุดหงิด



............................................................................

วันถัดมา

"คุณนาที มาก็ดีเลยครับ ช่วยผมหน่อยเถอะครับ ไม่รู้ว่าวันนี้บอสไปทานรังเเตนมาจากไหน หงุดหงิดจนพนักงานเข้าหน้าไม่ติดเลยครับ เมื่อเช้าที่เข้าประชุม พนักงานเเทบจะสลายหายไปในอากาศ ถ้าประชุมช่วงบ่ายบอสยังหงุดหงิดอยู่เเบบนี้ มีหวังพนักงานคงกลัวจนวิญญาณหลุดจากร่างเเถมงานก็ไม่เดินหน้าเเน่ๆครับ"

เลขาหนุ่มอย่างขุนพูดออกมาเป็นชุดเมื่อเห็นนาที คนรักของบอสกำลังเดินมาพร้อมกับกล่องข้าวที่หิ้วติดมือมาด้วย

วันนี้ตั้งเเต่เช้าบอสของเขาดูหงุดหงิดจนผิดสังเกต ปกติเวลาเช้าๆบอสจะอารมณ์ดีมากถึงมากที่สุด เพราะก่อนมาทำงานจะมีช่วงเวลาครอบครัวสุขสันต์เติมกำลังใจให้กันก่อนเริ่มวันใหม่ เเต่วันนี้ไม่รู้เติมกำลังใจกันท่าไหน บอสถึงได้หงุดหงิดหนักขนาดนี้ คิดถึงไอ้รังสีที่พร้อมจะฆ่าคนตายภายในห้าทีเเล้วไอ้ขุนคนนี้เเทบกุมขมับ ลำพังเเค่เขาไม่เท่าไหร่หรอก สงสารก็เเต่พนักงานคนอื่นนี่สิ

ถามไปถามมาจนบอสยอมบอกเหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงหงุดหงิดขนาดนี้ ก็อยากจะวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าเเล้วตะโกนลงมา 'บอสโว้ยยยยยยยย' ให้ยาวๆจนหมดลมหายใจ ผู้ชายวัยจะสามสิบเวลาน้อยใจเมียเป็นเเบบนี้เหรอวะ ขุนไม่เข้าใจ

"คุณลมยังไม่เลิกหงุดหงิดอีกเหรอครับ"

"ยังเลยครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ผมรบกวนคุณทีช่วยทำให้บอสใจกลับมาอารมณ์ดีหน่อยนะครับ"

"ผมจะพยายามนะครับ"

"ขอบคุณมากครับ"

เมื่อพูดคุยกับขุนเสร็จนาทีก็เดินตรงไปยังประตูห้องของบอสหนุ่ม เเละไม่ลืมที่จะเคาะประตูก่อนเข้าไป

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

"เข้ามา"

เสียงห้วนๆของคนที่อยู่ในห้องเอ่ยอนุญาตให้เข้าไป นาทีที่ได้ยินน้ำเสียงก็หัวเราะเล็กน้อย ดูท่าจะขี้งอนเเละขี้น้อยใจกว่าที่เขาคิดนะเนี่ย

"ที" เสียงที่ห้วนจัดในตอนเเรกลงลดลงสองระดับจนเเทบจะเป็นเสียงปกติเมื่อเห็นว่าใครที่เปิดประตูเข้ามา

"ได้ข่าวว่ามีคนหงุดหงิดจนพาลลูกน้องเหรอครับ"นาทีเอ่ยถามพร้อมกับตั้งกล่องข้าวเที่ยงไว้บนโต๊ะ

"พี่ไม่ได้พาล ก็งานที่เขาเสนอมามันยังไม่โอเค"

"เหรอครับ อืม....ถ้าอย่างนั้นพี่ลมหายงอนทีหรือยังครับ"

"ใครงอนกันครับ พี่ไม่ได้งอนสักหน่อย" ปากบอกไม่งอน เเต่ก้มหน้าก้มตาสนใจกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าเเทน

"ว๊า น่าเสียดายจังอุตส่าห์ตั้งใจมาง้อ เพราะคิดว่าโดนคนเเถวนี้งอนอยู่ อดง้อเลย"

"พี่ไม่ได้งอนพี่เเค่น้อยใจนิดเดียว"

นาทีหลุดหัวเราะออกมาเบาๆกับคำพูดเเละท่าทางของคนตัวโตตรงหน้า นี่คนอายุสามสิบหรือสามขวบกันเเน่เนี่ย คนตัวโตงอนเขาตั้งเเต่เมื่อวานที่เขาดุเจ้าตัวไปว่าทำตัวไม่ดีเลยตอนคุยกับพี่ตฤณ พอตอนเช้ามาเห็นเขาทำข้าวกล่องให้พี่ตฤณก็ยิ่งงอนหนักเข้าไปใหญ่ อะไรจะงอนหนักขนาดนั้น

"ทีบอกเเล้วไงครับเรื่องข้าวกล่อง ว่าน้องตุลย์เขาไปโม้ไว้จนพี่ตฤณต้องขอชิมฝีมือสักครั้ง ตอนนั้นน้องตุลย์ก็อยู่ด้วย เจ้าตัวก็เห็นดีเห็นงามจนทีไม่สามารถปฏิเสธได้ พี่ตฤณเขาทวงสัญญา ทีก็ต้องรักษาสัญญาสิครับ" นาทีบอกเหตุผลกับคนขี้น้อยใจอีกครั้ง

"พี่รู้ เเต่มันก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ หน้าตาของนายตฤณตอนนั้นทีก็เห็น"

"พี่ตฤณเขาเเค่แกล้งเเหย่เองนะครับ พี่ลมดูก็น่าจะรู้"

"ทีเข้าข้างผู้ชายคนอื่นเหรอครับ"

"ไปกันใหญ่เเล้วครับ"

"ไม่รู้ล่ะ ถ้ามีครั้งต่อไป พี่เผาครัวทิ้งเเน่"

"ทีอยากจะบ้าตาย" นาทียกมือนวดขมับตัวเองเบาๆ พูดกับคนเอาเเต่ใจตรงหน้า ทำไมมันเหมือนโดนสูบพลังเยอะขนาดนี้นะ "พี่ลมจะมาเผาครัวบ้านทีได้ยังไงกันครับ"

"เผาเเล้วค่อยสร้างใหม่ พี่ไม่อยากให้มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นติดอยู่ที่บ้าน กล่องข้าวนั้นก็ให้เขาไปเลยนะครับไม่ต้องเอากลับคืนมา "

เฮ้อ! คนเอาเเต่ใจก็ยังคงพูดจาเอาเเต่ใจอยู่วันยังค่ำ

"โอเคครับทียอมเเพ้เเล้ว สรุปตอนนี้หายน้อยใจทีได้ยังครับ" นาทียกมือขึ้นเป็นเชิงยอมเเพ้ ขืนเถียงไปก็คงมีเเต่เหนื่อยเปล่า

"ยังครับ"

"ทำไมล่ะครับ ถ้าอย่างนั้นทีต้องทำยังไงพี่ลมถึงจะหายน้อยใจเเล้วกลับไปอารมณ์ดีครับ"

"ทีมานั่งตรงนี้ก่อนสิครับ" ลมขยับเก้าอี้ออกเล็กน้อย พร้อมกับตบลงบนตักของตัวเอง

"ถ้าทียอม พี่ลมจะหายน้อยใจใช่ไหมครับ"

"ก็ต้องลองมานั่งก่อนครับ"

นอกจากจะขี้น้อยใจเเล้ว ยังจะเจ้าเล่ห์อีกเหรอเนี่ย นาทีได้เเต่คิดในใจ ก่อนเดินไปนั่งลงบนตักของคนตัวโตตามคำเชิญชวน

ฝ่ายลม เมื่อนาทีนั่งลงบนตักก็จัดการกอดคนตัวเล็กเเน่น ใช้จมูกเเอบสูดดมความหอมของอีกฝ่ายด้วยความสบายใจ

"อื้อ พี่ลม ถ้าพอใจเเล้วก็ปล่อยได้เเล้วครับ"

"พี่ยังไม่หายน้อยใจเลยนะครับ ทีต้องหอมตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้ เเละตรงนี้ก่อน" ลมเงยหน้าขึ้นมองนาทีพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มไปตรง เเก้มซ้าย เเก้มขวา หน้าผาก เเละปิดท้ายด้วยปากตามลำดับ

"ฟอด ฟอด จุ้บ จุ้บ พอใจหรือยังครับ"

"ยังครับ พี่ขอเเบบเดิมอีกที"

"ฟอด ฟอด จุ้บ จุ้บ พอใจไหมครับ"

"ยังเลยครับ พี่ข...."

"ไม่พอใจก็เเล้วเเต่พี่ลมเลยครับ ทีไม่ง้อเเล้ว" นาทีพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนตัวโตยังคงเล่นไม่เลิก ได้ทีล่ะเอาเเต่ใจใหญ่  "ข้าวเที่ยงก็ไม่ต้องทานนะครับ ทีจะเอากลับไปทานกับคีย์ที่ร้าน " นาทีพูดพร้อมกับพยายามจะลุกออกจากตักของลม เเต่เขาก็โดนลมล็อคเอวไว้เสียเเน่น พยายามลุกเท่าไหร่ก็ลุกไม่ได้

"โอเคครับ พี่ไม่เเกล้งเเล้วก็ได้ อย่าเพิ่งหน้างอสิครับคนดี" ลมพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่บนตักตอนนี้เริ่มจะหมดความอดทน เเละหน้าตาก็บูดบึ้งพร้อมจะข่วนหน้าเขาเต็มที

"จริงๆถ้าทีอยากให้พี่หายน้อยใจ พี่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกนะครับ"

"หืม?" นาทีเอียงคอมองตาเเป๋วด้วยความสงสัย

"หนีลูกไปนอนด้วยกันสองคนที่อีกห้องนึงสิครับคืนนี้.....โอ๊ยทีครับ พี่เจ็บ"




..........................................................................

TBC.

มีช่องว่างไม่ได้เลย หาเรื่องเอาเปรียบน้องตลอดเลยนะเพ่



ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่คิดตาม คอมเมนท์ เป็นกำลังใจให้เรานะคะ

ขอบคุณค่ะ

16.10.21 เจอกันตอนเที่ยงนะคะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 15-10-2021 21:19:15
 :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 16-10-2021 05:22:36
คุคุคุ... บอกแล้วว่ากลางคืนนะมันต้องเป็นเวลาของพี่ลมกับน้องทีเท่านั้น...
ส่วนกลางวันก็ชวนน้องตูนตูนตบแมลงวันให้หมดแรง จะได้หลับสนิทๆตอนกลางคืนเนอะ... คิคิ...

ปล. เล่น Twitter ไม่เป็นอะคะ แอบเศร้าใจเล็ก...
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 17)โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 16-10-2021 11:32:20
17
เรื่องที่ให้ไปสืบ


"โว้ยยยยย! ร้อนขนาดนี้ คุณดวงอาทิตย์เผาไหม้ผมไปเลยเถอะครับ ได้โปรด!"

คีย์บ่นออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อเปิดประตูรถลงมา เเล้วเจอกับเเสงเเดดเปรี้ยงจ้า จนต้องยกมือขึ้นมาบังเเสงเเดดไว้เหนือใบหน้า

สมัยเรียนมัธยมเขาจำได้ว่า เคยเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับพวกดวงดาว ดวงอาทิตย์ การเรียนเรื่องพวกนี้สิ่งที่เขาจำได้เเม่นยำที่สุดนั่นก็คือ คุณครูบอกว่าโลกของเรากับดวงอาทิตย์อยู่ห่างไกลกันมาก โดยระยะห่างอยู่ที่ 149.6 ล้านกิโลเมตร หรือจะให้ตีเป็นเลขกลมๆก็ประมาณ 150 ล้านกิโลเมตรเลยทีเดียว ห่างกันตั้งขนาดนั้น แต่ทำไมเขายังรู้สึกเหมือนมีดวงอาทิตย์มาตั้งวางไว้หน้าบ้านว่ะ ร้อนโว้ยยยยยย!

"คีย์ เข้าบ้านมาก่อน เเล้วซื้ออะไรมาเยอะเเยะเนี่ย เราบอกเเล้วใช่ไหมว่าไม่ต้องซื้อมา"

นาทีเปิดประตูรั้วต้อนรับเเขกผู้มาเยือนอย่างคีย์ พร้อมกับเอื้อมมือไปช่วยถือของที่เจ้าตัวหอบหิ้วมาเต็มทั้งสองมือ

"เออๆ อย่าเพิ่งบ่น ตอนนี้มึงช่วยพากูไปพบเจอกับความเย็นก่อนได้ไหม กูจะละลายอยู่เเล้วเนี่ย" คีย์บอกพร้อมกับจับคอเสื้อกระพือไปมาเพื่อไล่ความร้อน

นาทีพยักหน้า เดินนำคีย์เข้าไปในบ้าน ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาภายในบ้าน คีย์ก็เจอกับหลานชายตัวน้อยที่ตอนนี้ยืนยิ้มเเฉ่ง พร้อมกับถือเเก้วน้ำไว้ในมือ

"อาคีย์ ตูนตูนสวัสดีคับ น้ำคับ"

เด็กชายตุลย์ยื่นเเก้วน้ำให้คนเป็นอา ตอนเเรกเขากับป๊านั่งกินแอปเปิ้ลเย็นฉ่ำกันอยู่ในครัว หม่าม้าเดินเข้ามาบอกว่าอาคีย์ถึงเเล้วจะเดินไปเปิดประตูให้ ป๊าบอกเขาว่าอากาศข้างนอกร้อนมาก ถ้าอาคีย์ได้ดื่มน้ำเย็นๆจะชื่นใจ ป๊าเลยบอกให้เขาถือเเก้วน้ำมารออาคีย์หน้าประตู ซึ่งที่ป๊าพูดไว้ก็ใช่จริงๆด้วย ตอนนี้อาคีย์ดูสดชื่นมากๆหลังจากได้ดื่มน้ำเย็นๆ เห็นเเบบนั้นเขาก็ดีใจ

"อ่าาาาาาาาา~ ชื่นใจมากเลยหมูตุ้บ ขอบคุณมากๆนะครับ"

"ส่งเเก้วมา เดี๋ยวเราเอาไปเก็บให้"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูเอาไปเก็บเอง ว่าจะไปเติมน้ำด้วย"

"ไปหมูตุ้บ ไปในครัวกันดีกว่า"

"คับ"


ทั้งสามคนช่วยกันหอบหิ้วของที่คีย์ซื้อมาเข้ามายังบริเวณห้องครัว เมื่อถึงห้องครัวคีย์ก็เจอกับลมที่กำลังนั่งอ่านอะไรบางอย่างในเเท็บเเลตราคาเเพงอยู่ตรงโต๊ะอาหาร

"คุณลมสวัสดีครับ"

"สวัสดีครับ" ลมละสายตาจากเครื่องเเท็บเเลตมาส่งยิ้มทักทายให้คีย์

"วันนี้ขอรบกวนด้วยนะครับ"

"อันนี้คงต้องบอกกับทีนะครับ เพราะทีเป็นเจ้าของบ้าน"

"เอ้าผมบอกผิดคนเหรอครับ"

"หวังว่าประโยคถัดไปจะไม่ใช่การด่าผมทางอ้อมนะครับ"

"ฮ่าๆๆๆ รู้ทันซะงั้น ขอโทษครับ"

ลมอมยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับความช่างพูดเเละท่าทางทะเล้นของคีย์ เขากับคีย์เจอกันบ่อย ได้พูดคุยกันมากขึ้น ความสนิทสนมก็มีเพิ่มขึ้น มันจึงทำให้บางครั้งคีย์ก็จะเอ่ยเเซ็วเขาไปตามประสาคนช่างพูด เเต่ก็ไม่ได้เป็นการเเซ็วที่รุนเเรงเกินไป จนถึงขั้นกระทบกระเทือนจิตใจ

จากการที่ได้พูดคุยกับคีย์ ลมคิดว่าคีย์เป็นคนหนึ่งที่นิสัยเเละจิตใจดี เเต่อาจจะติดที่ปากร้ายไปสักหน่อย เเละถ้าทำให้เจ้าตัวโกรธก็อาจจะวุ่นวายกันนิดหน่อย  ดูได้จากครั้งของพี่ชายเขาที่เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง เกือบโดนเข่าคู่ของคีย์ไปซะเเล้ว

"อาคีย์ ตูนตูนซื้อฉะตอเบอรี่ลูกโตๆมาด้วยน้า มีช็อก'แลตด้วย ช็อก'แลตอาหร่อยมากเยย"

"หืม น้องตุลย์รู้ได้ยังไงครับว่าช็อกโกเเลตที่ซื้อมาอร่อย แอบชิมเหรอครับ"  นาทีก้มหน้าลงถามลูกชาย

"อุ๊บ" เด็กชายตุลย์ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง พร้อมกับหันไปมองคนเป็นพ่อตาโต เเย่เเล้วป๊า หม่าม้ารู้เเน่ๆเลยว่าเราแอบกินช็อกโกเเลตกัน

"สารภาพมาซะดีๆครับ" นาทีนั่งคุกเข่าเสมอลูกชาย พร้อมกับเคาะจมูกรั้นๆไปสองสามที

"หม่าม้า~"  เด็กชายตุลย์เรียกคนเป็นเเม่ด้วยน้ำเสียงออดอ้อน พร้อมกับโถมตัวเข้าหา ให้คนเป็นเเม่รับเขาเข้าสู่อ้อมกอด

"ว่าไงครับ"

"ตูนตูนฮึบเเล้วนะหม่าม้า เเต่ก็ห้ามจายม่ายไหว  ป๊าบอกตูนตูนว่าชิมด้ายเยย "

"ตัวเล็ก! วนมาที่ป๊าได้ไงครับเนี่ย" ลมที่พยายามนั่งเงียบๆอยู่นานพูดขึ้น เขาอุตส่าห์นั่งให้เงียบที่สุดเเล้วนะ เเต่ลูกชายดันวนมาที่เขาจนได้

"พอกันเลยครับทั้งพ่อทั้งลูก พี่ลมอย่าตามใจลูกมากนักสิครับ ให้ทานเยอะๆมันไม่ดีนะครับ รออีกแป๊ปก็จะได้กินอยู่เเล้ว"

"ก็ลูกมาอ้อน" ลมบอกนาทีเสียงอ่อย

"คิกคิก ป๊าโดนดุ"

"ไม่ต้องขำป๊าเลยนะตัวเเสบ เราก็ด้วย ช็อกโกเเลตกินเยอะๆมันไม่ดีนะรู้ไหม ถ้าเกิดปวดท้องขึ้นมาโดนฉีดยาจึ๊กๆ เดี๋ยวก็ได้ร้องไห้จนไม่สบายอีกหรอกครับ"

"ม่ายร้องเเล้วหม่าม้า ตูนตูนเก่ง ฉีดยาเจ็บเหมือนมดกัด"

"ฮ่าๆๆๆ ใครบอกเรามาเนี่ยหมูตุ้บ ว่าฉีดยาเจ็บเหมือนมดกัด" คีย์ที่ยืนมองอยู่นานเอ่ยถามเด็กชายตุลย์ขึ้น

"ลุงหมอคับ ลุงหมอบอกตูนตูนม่ายร้องน้า เจ็บเหมือนมดกัน"

"เเสดงว่าตอนโดนฉีดยาหมูตุ้บก็ไม่ร้องไห้ใช่ไหม"

"ร้องจนหลับเยยคับ"

"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ เจ้าเเสบเอ้ย" คีย์มันเขี้ยวหลานจนอดใจไม่ไหว ใช้มือขยี้ผมของหลายชายจนผมยุ่งเหยิงจนไม่เป็นทรง

เหตุผลที่ทำให้คีย์ต้องมาที่บ้านของนาทีในวันหยุดเเบบนี้ เเทนที่จะได้นอนตีพุงพักผ่อนสบายๆที่คอนโด นั่นก็เพราะเขาได้รับคำเชิญชวนจากเด็กชายตุลย์ให้มาทำไอศกรีมคุณหมีด้วยกัน ตอนเเรกเขาก็อยากจะปฏิเสธอยู่หรอก เเต่เห็นสายตาเเละน้ำเสียงอ้อนๆของหลานเเล้ว คิดว่าไอ้คีย์คนนี้จะทนไหวเหรอ ถ้าทนไหวคงไม่มายืนอยู่อย่างนี้หรอก

"เสียดายจังเลยนะครับที่คุณรุตไม่อยู่" นาทีพูดกับลมพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ

"อืม เฮียก็บ่นเหมือนกัน เเต่งานก็ด่วนจริงๆเลยต้องบินกลับ ตอนนี้ยังบ่นไม่หยุดเลยว่ากลัวหลานจะงอน"

"ฝากบอกคุณรุตด้วยนะครับว่าไม่ต้องกลัว เพราะตอนนี้หลานงอนเป็นที่เรียบร้อยเเล้วครับ"

"เฮ้ยไอ้ที!"

เสียงเรียกของคีย์ ทำให้ลมกับนาทีที่กำลังคุยกันอยู่หันไปมองเจ้าตัวที่กำลังจะเดินออกจากห้องครัวพร้อมๆกัน

"เดี๋ยวกูออกไปดูต้นทานตะวันที่กูปลูกหลังบ้านก่อนนะ ไม่ได้มาดูเกือบเดือน ตายหมดยังวะ"

"จะตายได้ไงเราดูเเลให้ตลอด"

"เฮ้ยได้ไง กูบอกเเล้วไง เดี๋ยวกูดูเเลเอง"

"ถ้ารอให้คีย์มาดูเเลเองมันคงตายหมดทั้งห้าต้นนั่นละ เราก็เเค่ช่วยรดน้ำให้เอง น้องออกดอกได้สองวันเเล้วนะ รีบไปดูเลย"

"เออๆๆ เดี๋ยวกูมา มึงเตรียมของไปพลางๆก่อนนะเดี๋ยวกูกลับมาช่วย"

"อื้ม โอเค"

คีย์คุยกับนาทีเสร็จก็เดินออกจากห้องครัวไปทันที ที่หมายคือต้นทานตะวันห้าต้นบริเวณหลังบ้านที่เขาเป็นคนลงมือปลูกเอง

ฝ่ายนาทีเมื่อคีย์เดินลับสายตาไป ก็หันกลับมาจัดการพวกวัตถุดิบต่างๆที่วางอยู่บนโต๊ะ เเต่เอ๊ะ! เหมือนเขาจะลืมอะไรบางอย่างไปหรือเปล่านะ คงไม่หรอกมั้ง....



............................................................................

"เฮ้ย! คุณ! มาพ่นพิษใส่ต้นไม้ผมได้ไง เดี๋ยวมันก็ตา.. นายหน้านิ่ง!"

คนที่กำลังยืนสูบบุหรี่เพลินๆ หันไปมองผู้มาใหม่ที่กำลังส่งเสียงดังโวยวายด้วยสายตาเรียบนิ่ง เเละเมื่อเห็นว่าเป็นใครอาการเบื่อหน่ายก็เกิดขึ้นมาทันที เฮ้อ! ซวยชะมัด

กรทิ้งบุหรี่ที่คีบอยู่กับนิ้วลงพื้น จากนั้นก็ใช้เท้าขยี้จนไฟดับสนิท ก่อนจะก้มเก็บบุหรี่มาถือไว้ในมือ เพราะจะให้ทิ้งเพ่นพ่านบ้านคนอื่นก็ดูเสียมารยาทเกินไป

จริงๆเเล้ววันนี้กรเเค่จะเข้ามารายงายบอสถึงเรื่องที่บอสให้ไปสืบมา เเต่เขาโดนเด็กชายตุลย์อ้อนให้อยู่ช่วยกันทำไอศกรีมคุณหมีด้วยกันก่อน ไหนจะคุณนาทีที่บอกว่าไหนๆก็มาเเล้วให้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันเลย ตอนเเรกเขาก็จะปฏิเสธอยู่หรอก เเต่พอเจอสายตาอ้อนๆของเด็กชายตุลย์เข้าไปก็ใจเเข็งไม่พอ เลยตกปากรับคำออกไป ถ้าเขารู้ว่าอยู่ต่อเเล้วจะเจอกับคนพูดมากตรงหน้า เขาคงจะทำใจเเข็งเเละบอกปฏิเสธออกไปแน่นอน

"ต้นไม้ผมจะเป็นมะเร็งไหมเนี่ย"

คีย์ยังคงก้มมองสำรวจต้นทานตะวันที่ตัวเองปลูกเเละดูเเลมากับมืออย่างระมัดระวัง นายคนนี้ไม่รู้หรือไงว่าต้นทานตะวันไม่ใช่จะปลูกกันได้ง่ายๆ เขาทำมันตายไปตั้งเท่าไหร่ เเละกว่าจะเป็นดอกเเบบนี้ก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 60 วัน เเถมดอกน้องจะบานสวยเเบบนี้เเค่ 7 วันเท่านั้นเอง จากนั้นดอกก็จะค่อยๆเหี่ยวเเละโรยราลง ปล่อยให้น้องร่วงหล่นตามธรรมชาติไม่ได้หรือไงวะ

"เพ้อเจ้อ"

"เพ้อเจ้ออะไรของคุณ น้องเพิ่งบานเต็มๆดอกเเบบนี้ได้สองวันเองนะ เเล้วคุณจะมาทำร้ายน้องได้ยังไง"

"น้อง?"

"ก็ต้นทานตะวันนี่ไง"

"ไปกันใหญ่"

"ก็ผมรักของผม คุณเข้าไม่ถึงก็อยู่เงียบๆไปเลย"

"เฮ้อ" กรถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย กับท่าทางของคีย์ที่โวยวายใหญ่โตราวกับเขาไปเด็ดดอกไม้มาโยนทิ้ง ทั้งๆที่เขาเเค่ยืนสูบบุหรี่อยู่ใกล้ๆเอง เเล้วไอ้ที่กลัวต้นไม้เป็นมะเร็งมันคืออะไรวะ ยิ่งคิดก็ยิ่งต้องส่ายหัว เป็นเอามากจริงๆเเหละคนตรงหน้าเขาเนี่ย

"เเล้วมาทำอะไรที่นี่ไม่ทราบ" คีย์ที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองโวยวายหนักเกินไป หันมาถามกรที่ยืนอยู่ด้วยน้ำเสียงติดจะหาเรื่องนิดๆ

"ผมไม่จำเป็นต้องรายงานคุณมั้ง"

คีย์เบ้ปากให้กับคำพูดของคนตรงหน้า จะมองกี่ทีๆผู้ชายคนนี้ก็น่าหมั่นไส้จริงๆ

"อ้อ เหรอครับ เเต่วันหลังจะสูบบุหรี่ก็ระวังหน่อยนะครับ ที่บ้านนี้มีเด็กไม่เห็นหรือไง บุหรี่มือสองอ่ะรู้จักป้ะ"

"เพราะเห็นเเละรู้จักไงครับ ผมเลยออกมายืนสูบตรงนี้ เเต่ไม่คิดว่าจะเจอคน......" กรลากเสียงยาว พร้อมกับกวาดสายตามองคนตรงหน้า

"คนอะไร เเน่จริงพูดมาดิ" คีย์เชิดหน้าขึ้นมองกรอย่างท้าทาย

"ก็คนพูดมาก น่ารำคาญ เเต่........."

"เอ๊ะ! คุณว่าใครพูดมากน่ารำคาญ ตัวเองดีตายเเหละ นอกจากชอบข่มขู่คนอื่นเเล้ว ก็ได้เเต่ทำหน้านิ่งไปวันๆเท่านั้นเเหละ"

ใครจะว่าคีย์อคติกับกรก็ได้ เขายอมรับ เนื่องจากการพบกันครั้งเเรกมันไม่ค่อยน่ายินดีสักเท่าไหร่ ไหนจะการข่มขู่เรื่องร้าน เรื่องนาทีอีก  มันทำให้คีย์ฝั่งใจเจ็บเพราะรู้สึกว่าตัวเองพ่ายเเพ้ โดยไม่มีทางสู้ เเละก็ยังรอวันจะกระโดดกัดคอคนตรงหน้าระบายความเเค้นไม่เปลี่ยนเเปลง ดังนั้นอะไรนิดๆหน่อยๆที่พอจะหาเรื่องคนตรงหน้าได้ คีย์ไม่ปล่อยผ่านไปแน่นอน ขอด่าสักนิดให้จิตเเจ่มใส

"หึ!"

"หึ อะไรของคุณมิทราบ ไม่ดงไม่ดูมันละดอกไม้ เสียอารมณ์ ยืนอยู่ตรงนี้เลยนะคุณไม่ต้องเข้าไป เดี๋ยวไอศกรีมเสียรสชาติหมด" ว่าจบคีย์ก็เดินหันหลังกลับทางเดิมที่เดินมา ทิ้งไว้เเค่กรที่ยืนมองตามหลังคีย์จนลับสายตา

".....เเต่ก็น่ารักดี"



.............................................................................

ในที่สุดเวลาของกิจกรรมในครอบครัวก็มาถึง โดยวันนี้มีสมาชิกเพิ่มเติมสองคนคือกรกับคีย์ ที่ตอนนี้ทั้งคู่ใส่ผ้ากันเปื้อนเตรียมพร้อมเรียบร้อยเเล้ว

"น้องตุลย์พร้อมไหมครับ" นาทีเอ่ยถามลูกชาย

"พ้อมคับ" เด็กชายตุลย์ในชุดผ้ากันเปื้อนลายคุณหมีสีเหลืองตอบรับอย่างเเข็งขัน

"ถ้าพร้อมเเล้วก็....... เริ่มกันเล้ยยยยย"

"เย้ๆๆๆๆๆ"

วันนี้นาทีตั้งใจจะทำเมนูของหวานดับร้อนสองเมนู นั่นก็คือ ไอศกรีมช็อกโกเเลตกรีกโยเกิร์ตโดยจะใช้พิมพ์ไอศกรีมเป็นรูปคุณหมีเเบบที่น้องตุลย์ชอบ เเละอีกเมนูคือวุ้นโยเกิร์ตผลไม้นานาชนิด โดยวัตถุดิบทั้งหมดได้รับการสมนาคุณจากคุณมารุตพี่ชายของคุณลมนั่นเอง เพื่อเป็นการรักษาสัญญากับหลานชาย เเต่จนเเล้วจนรอดเจ้าตัวก็ผิดสัญญาให้หลานงอนอีกจนได้ เพราะมาเเต่ของตัวไม่อยู่ น้องตุลย์เขาไม่โอเค

ตอนนี้นาทีได้เเบ่งทีมกันทำ โดยมีเขา น้องตุลย์ เเละคุณลม ช่วยกันทำไอศกรีม ส่วนคีย์กับคุณกร นาทีให้ช่วยกันหั่นผลไม้เเละเคี่ยวผงวุ้น

"ขอช็อกโกเเลตชิบด้วยครับ"

"นี่เยยหม่าม้า นี่เยย"

"ขอบคุณครับ"

นาทีรับช็อกโกเเลตชิบจากลูกชายมาละลายด้วยไฟอ่อน

"น้องตุลย์ครับ"

"คับ"

"ในมือที่แอบไว้เม็ดนึง ช่วยโยนลงหม้อด้วยครับ"

"คับ" เด็กชายตุลย์ตอยรับเสียงอ่อย ก่อนจะตัดใจใส่ช็อกโกเเล็ตชิบเม็ดเล็กที่อยู่ในมือลงไปในหม้อ เเละประโยคกระซิบที่ไม่ค่อยเบาของเด็กชายตุลย์ในเวลาถัดมาก็เรียกเสียงหัวเราะให้กับนาทีได้ไม่น้อย  "หม่าม้าเห็นด้วยละป๊า"

 เมื่อช็อกโกเเลตละลายดีเเล้ว จากนั้นก็เติมนมลงไปเเละเพิ่มไฟเป็นไฟกลาง ตั้งไฟให้งวดลงเเละคนไปเรื่อยๆจากนั้นก็เอาลงจากเตามาพักไว้ให้เย็นประมาน 10 นาที เมื่อหน้าที่ของตัวเองเสร็จเเล้ว นาทีก็หันไปมองสองพ่อลูกที่เขามอบหมายให้ผสมกรีกโยเกิร์ตกับกลิ่นวนิลา เเล้วก็ให้ช่วยกันตีให้เนียนเข้ากัน เเละดูเหมือนสองพ่อลูกจะทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม เเม้จะเเอบชิมกันอยู่บ่อยๆก็ตาม


"รู้จักคำว่าหั่นเป็นลูกเต๋าป้ะคุณ"

เสียงของคีย์ที่ดังขึ้นเรียกสายตาของนาทีให้หันไปมอง ดูจากสีหน้าของคนสองคนที่เขาจับทีมให้อยู่ด้วยกันเเล้ว วันนี้จะรอดใช่ไหม คงไม่ใช้มีดเเทงกันก่อนใช่หรือเปล่า ยิ่งถือมีดคนล่ะเล่มไว้ในมือด้วย

"สุดท้ายก็เอาเข้าปากอยู่ดี" กรตอบเสียงนิ่ง

"หมด พังหมด ทำไม่เป็นก็อยู่เฉยๆไปเลย หรือไม่ก็ไปเคี่ยววุ้นให้ละลายสิ"

กรวางมีดในมือลงอย่างว่าง่าย เพราะดูๆเเล้วการเคี่ยวผงวุ้นให้ละลายน่าจะเป็นงานที่ง่ายกว่าการมานั่งหั่นผลไม้เป็นไหนๆ

นาทีที่เห็นว่าทั้งสองคนสงบศึกกันเเล้วก็กลับมาสนใจสองพ่อลูกต่อ เเละตอนนี้ดูเหมือนว่าช็อกโกเเลตจะเย็นเเล้ว นาทีหยิบกระชอนมาวางบนปากถ้วยโยเกิร์ต เเละเทช็อกโกเเลตผ่านไป เมื่อคนส่วนผสมจนเข้ากัน ก็ถึงเวลาเทลงใส่เเม่พิมพ์เเล้ว ไอศกรีมต้องเอาเเช่ฟรีซ 1 ชั่วโมงก่อน จากนั้นก็เอาออกมาเสียบไม้ เเละเเช่ต่ออีก 4-5 ชั่วโมง ก็เป็นอันว่าเสร็จ (อ้างอิงการทำจาก https://story.motherhood.co.th)


"ใส่สตอเบอรี่เเล้วใช่ไหม"

"อืม"

"น้ำตาลทรายละลายยัง"

"ไม่รู้"

"โอ๊ยเรื่องเเค่นี้ก็ไม่รู้ เก่งเรื่องอื่นให้ได้เหมือนตอนขู่คนอื่นบ้างคุณ" พูดเสร็จคีย์ก็ไปยืนเบียดกรอยู่หน้าเตา เพื่อจะดูว่าน้ำตาลละลายเเล้วหรือยัง "ละลายเเล้วๆ ใส่โยเกิร์ตเลย" คีย์หันกลับไปหยิบโยเกิร์ต ก่อนจะเทลงหม้อโดยที่มีกรคอยยืนคนอยู่

เมื่อวุ้นโยเกิร์ตเดือดเรียบร้อย กรก็ยกลงจากเตามาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นคีย์ก็ตักวุ้นโยเกิร์ตใส่ลงในถ้วยเเก้วที่เตรียมไว้  รอให้เซ็ทตัว เเล้วตกเเต่งด้วยหน้าด้วยผลไม้ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จ (อ้างอิงการทำจาก https://www.amarinbabyandkids.com/food-nutrition/sweet-and-cold-menu/)

"อู้ว! อาคีย์ หอมจังเยย"

"ไว้รอให้วุ้นเซ็ทตัวเเล้วเรามาตกเเต่งหน้าวุ้นกันนะหมูตุ้บ"

"เคเยยๆ ของตูนตูนเอาฉ้มเยอะๆเยย"

"จัดไปเลยค้าบบบบบบบ"


.............................................................................

กิจกรรมวันหยุดของครอบครัวเเละเวลาทานอาหารเย็นผ่านไปเร็วมาก แป๊ปๆนาฬิกาฝาผนังก็บอกเวลาว่าทุ่มนึงเเล้ว ตอนนี้นาที คีย์ เเละน้องตุลย์ กำลังนั่งทานวุ้นโยเกิร์ตเป็นของหวานตบท้ายหลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จอยู่ตรงโซฟาหน้าทีวี ส่วนคุณลมกับคุณกร เห็นบอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องพูดคุยกัน จึงมาขออนุญาตเขาใช้ห้องที่ว่างอีกห้องนึง ซึ่งเขาก็ไม่ได้หวงห้องหรืออะไรอยู่เเล้ว เลยปล่อยให้ทั้งสองคนใช้ห้องเเละใช้เวลาพูดคุยกันให้เต็มที่


ตัดภาพมาภายในห้องที่มีชายหนุ่มร่างสูงสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด บรรยากาศภายในห้องมันตลบอบอวลไปด้วยความเคร่งเครียด เเละความอึดอัด

"เหรอ?"

"ครับ คนของคุณบรรพตไปตามหาเฮียที่บ้านของคุณนาทีตามที่เรารับรู้ในตอนเเรกครับ"

บรรพตที่กรพูดถึงคืออาเเท้ๆของลม ที่ร่วมมือกับคนที่เป็นศรัตรูกับครอบครัวลมลอบทำร้ายลมเเละครอบครัวเมื่อหกปีก่อนเพื่อหวังฮุบสมบัติเเละอำนาจ เเละตอนนี้อาบรรพตกำลังหนีอยู่

"เเละก็อย่างที่เฮียรู้ คุณนาทีโดนทำร้ายร่างกายเพราะไม่ยอมพูดอะไรออกไป เพื่อหวังปกป้องเฮีย"

คำบอกเล่านี้ได้ยินกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มันก็ยิ่งซ้ำเติมให้ลมรู้สึกเกลียดตัวเองในอดีตมากยิ่งขึ้นไปอีก คนอ่อนเเอที่ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็คอยเเต่จะให้คนอื่นปกป้อง ขนาดคนที่เขารักยังต้องมาเจ็บตัวเพราะปกป้องเขา ตอนเเรกคิดว่าถ้าเขาจากไป นาทีจะไม่เป็นอันตราย เเต่มันคงเป็นเเค่ความคิดโง่ๆของเขาเท่านั้น อ่อนเเอเกินไป ขี้ขลาดเกินไป ปกป้องอะไรไม่ได้ ทิ้งคนรักให้ต่อสู้อยู่เพียงลำพัง คนอย่างเขาสมควรได้รับการให้อภัยจากนาทีจริงๆเหรอ

"ส่วนเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านของคุณนาที เมื่อได้ลองสืบลึกลงไปจริงๆเเล้ว มันไม่ใช่เหตุการณ์ไฟไหม้เพราะอุบัติเหตุอย่างที่ทุกคนพูดเเละเข้าใจครับ เเต่มันเป็นการวางเพลิง"

"วางเพลิง?"

"ครับ หลังจากที่คนของคุณบรรพตไปตามหาเฮียที่บ้านคุณนาที ผ่านไปไม่กี่วันบ้านของคุณนาทีก็เกิดไฟไหม้ จนเป็นเหตุให้คุณพ่อของคุณนาทีเสียชีวิตคากองเพลิง"

"............................"

"เเละคนที่วางเพลิงก็คือ.......คนของคุณบรรพตครับ"


............................................................................

TBC.

ตั้งหม้อรอเลยค่ะทุกคน จะต้มม่าม่า หรือ เเกง เดี๋ยวรู้เลย

ทุกคนเห็นคู่เเล้วใช่ไหมคะ

 
ขอบคุณค่ะ
 

หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (18)โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 16-10-2021 11:37:53
วันนี้แคนลงสองตอนนะคะ 17 กับ 18 ค่ะ

​18
รอยแผลเป็น

 

***คำเตือน: ตอนนี้มีฉาก NC นะคะ***

 

"มาครับ มาให้หม่าม้ากอดกับหอมแก้มก่อนเร็ว ฮึบ ฟอด ฟอด"

นาทีรับลูกชายที่โถมตัวมาหาเข้าสู่อ้อมกอด ตอนนี้พวกเขากำลังยืนกันอยู่บริเวณหน้าประตูห้องนอน ที่มีไว้สำหรับให้เเขกผู้มาเยือนได้พักผ่อน

กรกลับไปได้สักพักเเล้วหลังจากที่คุยกับลมเสร็จ ส่วนคีย์ตอนเเรกเจ้าตัวก็จะขับรถกลับคอนโดอยู่หรอก เเต่พอนั่งไปนั่งมาก็ดึกเสียเเล้ว เจ้าตัวจึงออกอาการขี้เกียจขับรถ เลยตัดสินใจนอนที่บ้านของนาทีเเทน จึงเป็นเหตุให้ตอนนี้พวกเขาทั้งหมด มายืนกันอยู่หน้าห้องนี้

"นอนกับอาคีย์อย่าดื้อ อย่าพากันซนนะครับ"

"คับ"

"ห้ามเล่นกันจนดึกดื่น พรุ่งนี้น้องตุลย์ต้องตื่นเเต่เช้าไปโรงเรียนนะคีย์" บอกกับคนเป็นลูกเสร็จ นาทีก็เงยหน้าบอกกับคนเป็นอาต่อ อยู่กันสองคนทีไร ไว้ใจไม่เคยจะได้สักที

"มึงก็ทำอย่างกับหมูตุ้บไม่เคยมานอนกับกูอย่างนั้นเเหละ"

"ก็เพราะเคยนอนไง เราถึงต้องย้ำเยอะๆ นอนกับคีย์ทีไรตื่นเช้ามาน้องตุลย์เป็นต้องงอเเงเพราะนอนไม่พอตลอด"

"ฮ่าๆ ก็นานๆอาหลานจะได้นอนด้วยกันเนอะหมูตุ้บเนอะ"

"หม่าม้าม่ายต้องห่วงน้า ตูนตูนเด็กดีนอนหลับปุ๋ยเยย"

"จริงเหรอครับ อืมมม..... ถ้าอย่างนั้นเอาเเบบนี้ดีกว่า ถ้าเกิดว่าพรุ่งนี้น้องตุลย์งอเเงเพราะนอนไม่พอ หม่าม้าจะถือว่าน้องตุลย์มัวเเต่เล่นจนดึกดื่น หม่าม้าจะทำโทษด้วยการเปลี่ยนผ้าห่มของคุณหมีหลับปุ๋ยจากไข่เจียวสีเหลือง เป็นผักโขมสีเขียวเเทนนะครับ"

"อู้ววว! " เด็กชายตุลย์ตาโต จากนั้นก็รีบหันหน้าไปมองคนเป็นอาทันที "เก็บเยยอาคีย์ หุ่นยนต์เก็บเยย ตูนตูนนอนเยย ม่ายเล่น" ถ้าต้องให้กินผักโขมใบเขียว เด็กชายตุลย์ยอมไม่เล่นหุ่นยนต์เเล้วเข้านอนเร็วๆดีกว่า ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบผักโขม เเต่ถ้าเลี่ยงได้เขาก็อยากจะเลี่ยง ก็มันไม่อร่อยเลยนี่น่า มะเขือเทศสีแดงอร่อยกว่าตั้งเยอะ

"อ้าวหมูตุ้บ พูดอย่างนี้หม่าม้าก็รู้หมดสิ" คีย์บอกกับหลานชายอย่างไม่จริงจังนัก

"จริงๆเลยนะทั้งอาทั้งหลาน.... คีย์ เราฝากน้องตุลย์ด้วยนะ"

"เออๆ กูมานอนกี่รอบมึงก็พูดทุกรอบ พูดจนกูจำขึ้นใจเเล้วเนี่ย ห้องก็อยู่ใกล้กันเเค่นี้ "

คีย์ส่ายหัวให้กับความเป็นห่วงของเพื่อนรัก ห้องก็อยู่ใกล้กันเเค่นี้ ถ้ามีอะไรวิ่งไม่ถึงสิบวินาทีก็มาถึง มานอนบ้านนาทีกี่รอบต่อกี่รอบ เขาก็จะได้รับคำอบรมก่อนนอนทุกรอบ

ก่อนหน้าที่คุณลมจะย้ายมาอยู่กับนาทีเเบบไม่มีกำหนดย้ายออก คีย์เองก็มานอนบ้านนาทีบ่อยๆ ครั้งเเรกที่มานอนก็นอนห้องเดียวกันอยู่หรอก เเต่หลังจากนอนได้คืนเดียว เขาก็ไม่ได้นอนห้องเดียวกับนาทีอีกเลย เพราะเตียงในห้องของนาทีมันไม่ได้ใหญ่ เเละเขาก็เป็นคนที่นอนเปลืองที่มาก จึงทำให้การนอนไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่ เตียงเเค่นั้นนอนกันสามคนก็คับเเคบเอาเรื่องอยู่  ถ้าจะนอนค้างคีย์ก็เลือกที่จะนอนห้องข้างๆที่ว่างดีกว่า

ทุกครั้งที่มานอนที่นี่เด็กชายตุลย์ก็จะมานอนกับคีย์ด้วยบ่อยๆ มีครั้งนึงสองอาหลานมัวเเต่เล่นกันจนดึกดื่น เช้านั้นหลานชายงอเเงเสียยกใหญ่ เเละก็เป็นไปตามคาดสองอาหลานโดนคนเป็นเเม่ดุจนหน้าซีดทั้งสองคน และตั้งเเต่นั้นมาถ้าสองอาหลานจะนอนด้วยกัน ก็ต้องได้รับการอบรมจากคนเป็นเเม่อย่างนาทีก่อนเสมอ

"ก็เราเป็นห่วง"

"ลูกมึงจะนอนดึก ก็เพราะมึงนี่เเหละ"

"น้องตุลย์ ไหนขอหม่าม้าหอมอีกรอบเร็ว ฟอด ฟอด"

"ตูนตูนหอมหม่าม้าด้วย ฟอด ฟอด" เด็กชายตุลย์ก็ไม่น้อยหน้าหอมหม่าม้าคืนสองฟอดใหญ่ๆเช่นกัน "ป๊าาา"

"ครับ"

"หอม หอม" เด็กชายตุลย์เอ่ยปากเรียกคนเป็นพ่อที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับชี้นิ้วลงบนเเก้มนิ่มทั้งสองข้างของตัวเอง เพื่อเป็นการบอกให้คนเป็นป๊าย่อตัวมาหอมเเก้มเขาซะดีๆ

"ฟอด ฟอด" คนเป็นพ่อก็ไม่รอช้า เมื่อได้รับคำเชิญชวนจากลูกชายก็ย่อตัวลง รับลูกชายเข้าสู่อ้อมกอด จากนั้นก็จัดการฟัดเเก้มนุ่มนิ่ม ไปสองฟอดใหญ่ๆเช่นกัน

"คิกคิก" เด็กชายตุลย์หัวเราะอารมณ์ดี ก่อนจะโน้มหน้าไปใกล้กับใบหูของคนเป็นพ่อ เเล้วกระซิบบางอย่างให้ได้ยินเพียงกันสองคน

"เอาจริงเหรอตัวเล็ก" ลมถามย้ำลูกชายด้วยน้ำเสียงขำๆ

"คับ"

"กระซิบอะไรกันครับสองพ่อลูก" นาทีที่ยืนมองอยู่ข้างๆรู้สึกไม่ค่อยวางใจในท่าทางของสองพ่อลูกสักเท่าไหร่ถามขึ้น

"ความลับนะหม่าม้า.... อาคีย์นอนกานดึกเเย้ว" ตอบคนเป็นเเม่เสร็จก็ยื่นมือไปหาคนเป็นอาทันที ส่วนคนเป็นแม่ก็ได้เเต่ยืนหน้างอเพราะรู้สึกน้อยใจเล็กๆที่ลูกชายมีความลับกับตัวเอง

"ครับ....คุณลมคืนนี้ตามสบายเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจผม"

"คีย์!"

ลมรับคำยิ้มๆ เเต่นาทีที่ยืนข้างๆกลับเรียกชื่อเพื่อนเสียงดุ เนื่องจากท่าทางที่ดูทะเล้นของคีย์ มันทำให้นาทีอดที่จะรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้าไม่ได้

"ผมไม่ขออะไรมาก ขอหลานอีกสักคนก็พอครับ"

"คีตกานต์ รชณกร!"

"หม่าม้าโกรธเเล้ว เรารีบเข้าห้องกันดีกว่าหมูตุ้บ"

คีย์รีบเปิดประตูเเละจูงมือหลานชายเข้าไปในห้อง เเต่ก็ยังไม่วาย หันมาขยิบตาให้ลมอีกครั้งนึงก่อนจะปิดประตูห้อง ทิ้งให้นาทียืนหน้าเเดงอยู่ข้างๆลม ลมที่หันไปมองคนข้างๆก็ได้เเต่อมยิ้มน้อยๆให้กับความขี้เขินของนาที ส่วนคำพูดของคีย์ก็น่าใจไม่น้อย

 

 

............................................................................

หลังจากบอกลาลูกชายเสร็จ ทั้งลมเเละนาทีก็กลับเข้ามาภายในห้องนอนของตัวเอง บรรยากาศในวันนี้ช่างเเตกต่างไปจากวันอื่นๆ ปกติในห้องจะมีเสียงพูดคุยของลูกชายให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ เเต่วันนี้บรรยากาศภายในห้องกลับเงียบสงบ

นาทียังคงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตู เเม้ว่าจะเคยนอนด้วยกันสองคนมาก่อน เเต่จากครั้งล่าสุดที่นอนด้วยกัน มันก็ผ่านมานานหลายปีเเล้ว จะไม่ให้เขารู้สึกประหม่าเลย มันเป็นไปไม่ได้หรอก

"ยืนทำอะไรตรงประตูครับ ไม่นอนเหรอครับ" ลมที่ตอนนี้กำลังนั่งพิงหัวเตียงอยู่ถามขึ้น

"นอนครับ"

"มาสิครับ" ลมตบเตียงที่ว่างข้างๆ "พี่ไม่ทำอะไรหรอกครับ ถ้าทีไม่ยอม......หรืออยากให้พี่ทำครับ"

"คะ ใครจะไปอยากกันเล่า" นาทีพยายามใช้เสียงดุกลบเกลื่อนอาการประหม่าของตัวเอง เเต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ นอกจากเสียงเขาจะสั่นเเล้ว ลมก็ไม่ได้มีทีท่าจะกลัวเลยสักนิด

"มานั่งเถอะครับ พี่มีเรื่องจะคุยกับทีด้วย"

"คุยเหรอครับ"

"ครับ

"เรื่องอะไรครับ"

"เรื่องหลังจากที่พี่หายไปครับ

นาทียกมือขึ้นจับหน้าอกด้านขวาของตัวเองทันทีที่ได้ยินลมพูดจบ หัวใจเต้นเเรงโครมคราม เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น

"ทีโอเคไหม" ลมเดินมาประชิดตัวนาทีอย่างรวดเร็ว

"ทีไม่เป็นไร"

"ไปนั่งก่อน" ลมประคองนาทีให้เดินไปนั่งยังเตียงนอนกลางห้อง "ถ้าทีไม่พร้อม เราค่อยคุยกันก็ได้ครับ" ลมบอกนาทีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"ไม่เป็นไรครับ"

"แน่ใจนะ" ลมหรี่ตามองคนตรงหน้า พร้อมกับถามย้ำเพื่อความเเน่ใจ

"ครับ" นาทีตอบกลับไปด้วยเสียงที่หนักเเน่น

ลมนั่งลงข้างๆนาที เอื้อมมือไปจับมือของนาทีมากุมไว้หลวมๆ พร้อมกับใช้นิ้วโป้งลูบไปมาตรงบริเวณหลังมือเพื่อปลอบโยนคนตรงหน้า

"พี่ลมจะถามอะไรเหรอครับ"

"พี่อยากรู้ว่าหลังจากที่พี่หายตัวไป มีคนมาถามหาพี่กับทีใช่ไหม"

"ใช่ครับ หลังจากพี่ลมหายไปได้สักสองสามวันก็มีกลุ่มคนน่ากลัวมาถามทีว่ารู้จักคนที่ชื่อลมไหม ตอนนั้นทีเห็นท่าทางไม่น่าไว้ใจเลยตอบปฏิเสธไป กลัวเขาจะตามมาทำร้ายพี่ลมอีก เเต่พวกเขาไม่เชื่อ" เล่ามาถึงตรงนี้ดวงตาของนาทีก็เริ่มสั่นไหว

"ไม่เป็นไรนะ เอาที่ทีไหว ไม่ไหวก็ไม่ต้องเล่าต่อ" ลมเอ่ยบอกเมื่อเห็นดวงตาที่วูบไหวของอีกฝ่าย

"หลังจากนั้นเขาก็เข้ามาจับตัวทีไว้"

"มีกี่คนทีจำได้ไหมครับ"

"ประมาณห้าหกคนครับ"

"เเล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นครับ"

"พอพวกเขาเข้ามาจับ ทีก็พยายามจะหนี เเต่โดนจับตัวไว้ ทีตะโกนขอความช่วยเหลือเเต่อีกคนก็เข้ามาตบหน้าทีพร้อมกับสั่งให้เงียบ ตอนนั้นมันน่ากลัวมากๆเลยครับ"

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ลมเปลี่ยนจากการจับมือมาสวมกอดนาทีเเทน ดวงตาของลมตอนนี้มันเเข็งกร้าวจนน่ากลัว

"เเล้วอยู่ๆเเม่ที่ไปจ่ายตลาดก็กลับมา พวกเขาเห็นเเม่ก็จับเเม่ไว้ด้วย พวกเขาถามย้ำๆให้ทีบอกถึงที่อยู่ของพี่ลม เเต่ทีไม่รู้ ไม่รู้เลย ในตอนนั้นทียังคงปลอบใจตัวเองอยู่เลย ว่าพี่ลมคงไม่ได้ไปไหนไกล พี่ลมไม่ได้ทิ้งทีไป อีกไม่นานพี่ลมคงกลับมา ฮึก!"

"....................."

"แต่เหมือนคนที่เป็นหัวหน้าจะอดทนไม่ไหว พวกเขาเอามีดออกมา ตอนเเรกทีคิดว่าพวกเขาอาจจะเเค่ขู่ เเต่ไม่ใช่ ฮึก" เพราะความหวาดกลัวยามที่หวนคิดถึงอดีตทำให้นาทีไม่อาจห้ามน้ำตาเอาไว้ได้ "พวกเขากรีดมันลงตรงนี้" นาทีใช้มือกำเข้าที่อกด้านขวาของตัวเอง "มีดเล่มนั้นมันค่อยๆกรีด เเละบาดลึกลงไปเรื่อยๆ พร้อมกับคำถามเดิมๆว่า พี่ลมไปอยู่ที่ไหน เเต่ทีตอบไม่ได้ ทีตอบไม่ได้จริงๆ เพราะทีไม่รู้ ฮึก! ทำไมพวกเขาไม่เชื่อ ตอนนั้นทีก็อยากรู้ว่าพี่ลมอยู่ที่ไหนไม่ต่างจากพวกเขาเลย ฮือ"

"พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ...." ลมพร่ำเอ่ยคำขอโทษ พร้อมจูบซับข้างขมับของนาที เขาผิดเอง เขาผิดที่ทิ้งน้องไว้ เขาผิดที่เลือกหนีไป เขาผิดที่คิดว่าถ้าเขาไม่อยู่น้องจะปลอดภัย ผิด ผิดทุกอย่าง ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรก็ผิดไปหมด เเย่ เขามันเเย่มากจริงๆ "ไม่ต้องเล่าเเล้ว ไม่ต้องเล่าเเล้วนะ พี่ขอโทษ ขอโทษ"

 

หลังจากที่ปล่อยให้นาทีร้องไห้อยู่นาน ในที่สุดเจ้าตัวก็สงบลงจนกลับมาเป็นปกติเเล้ว เเต่ดวงตากลมโตที่บอบช้ำ ก็ชวนให้คนมองรู้สึกสงสารจับใจ

"ตาช้ำหมดเเล้ว"

"ห้ามล้อครับ"

"พี่ไม่ได้ล้อสักหน่อย"

"ขอโทษนะครับ" นาทีเอ่ยเสียงเบา

"ขอโทษเรื่องอะไรครับ หื้ม" ลมลูบหัวนาทีเบาๆ

"ที่ร้องไห้" นาทีตอบเสียงอ่อย

"ไม่เห็นต้องขอโทษเลย พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษที"

"มันผ่านมาเเล้วครับ"

"พี่ขอดูรอยเเผลของทีหน่อยได้ไหมครับ"

"จะดูทำไมครับ"

"ก็พี่อยากเห็น นะครับ ขอพี่ดูหน่อยนะ" ลมใช้หน้าตาเเละน้ำเสียงออดอ้อน ส่วนนาทีที่โดนอ้อนก็พ่ายเเพ้ไปตามระเบียบ

"นะ นิดเดียวนะครับ"

"ครับ"

นาทีใช้มือทั้งสองข้างเเกะกระดุมเสื้อออกสามเม็ด ก่อนจะค่อยๆดึงเสื้อส่วนด้านขวาที่บดบังรอยเเผลเป็นไว้ให้หล่นไปตรงไหล่ เผยให้เห็นรอยแผลเป็นชัดเจน

ลมยื่นมือออกไปช้าๆ นิ้วของลมแตะที่เเผลของนาที เขาสัมผัสมันอย่างเเผ่วเบาราวกับกลัวว่าถ้าลงเเรงมากเกินไปอีกฝ่ายจะเจ็บขึ้นมา ลมไม่เคยคิดมาก่อนว่านาทีจะโดนทำร้ายจนมีเเผลเป็นเกิดขึ้นเเบบนี้เเละเเน่นอนคนที่ทำเรื่องเเบบนี้ ลมจะไม่เก็บมันเอาไว้เเน่ๆ

"เจ็บมากไหมครับ" ลมเอ่ยถามทั้งๆที่มือยังคงลูบรอยเเผลเป็นนั้นอยู่ สายตาของลมเเข็งกร้าวยามเมื่อเห็นรอยเเผล เเต่ไม่นานก็กลับมาอ่อนโยนดังเดิม

"ไม่ครับ ทีไม่เป็นไรเเล้ว"

"คนเก่ง"

เมื่อเอ่ยชมเสร็จลมโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้รอยเเผลเป็นนั้น ก่อนจะค่อยๆบรรจงประทับรอยจูบลงบนแผลเป็นนั้นอย่างอ่อนโยน  นาทีตัวเกร็งขึ้นทันทีที่ริมฝีกปากของลมสัมผัสกับผิวหนัง สัมผัสนั้นมันทำให้นาทีรู้สึกวาบหวามจนขนลุกซู่

"ทีเก่งเเละเข้มเเข็งมากจริงๆ ไม่เป็นไรเเล้วนะ ต่อไปนี้พี่จะเป็นคนปกป้องทีกับลูกเอง ขอให้พี่ได้ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ดีได้ไหมครับ"

"พี่ลม" นาทีเรียกลมเสียงแผ่ว

ในจังหวะที่นาทีช้อนตาขึ้นมอง ลมไม่อาจฝืนทนได้อีกต่อไป ลมใช้ริมฝีปากหนาของตัวเองจู่โจมริมฝากปากบางของคนตัวเล็กอย่างเร็ว นาทีเเม้จะตกใจเเต่ไม่นานเจ้าตัวก็โอนอ่อนตามการนำทางของลม

จากจูบที่นุ่มนวลเเละอ่อนโยนในตอนเเรก เวลานี้มันกลับดุดัน เเละเร้าร้อน ลมค่อยๆดันตัวของนาทีลงจนเเผ่นหลังเเนบชิดไปกับเตียง

ลมละริมฝีปากออกจากริมฝีปากบาง ก่อนจะตามไปคร่อมตัวของนาทีไว้ นาทีปรือตามองลมด้วยสายตายั่วยวนเเบบไม่ตั้งใจ

ลมที่เห็นสายตายั่วยวนก็อดใจไม่ไหว ก้มลงจูบนาทีอีกครั้งอย่างหนักหน่วง ลิ้นสองลิ้นพันเกี่ยวเเลกเปลี่ยนน้ำหวานภายในปากของกันเเละกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เเต่สุดท้ายก็เป็นนาทีที่ต้องขอเวลานอกเพราะตอนนี้ตัวเขาเองเเทบหมดลมหายใจเเล้ว

ลมละริมฝีปากออกเพื่อให้นาทีได้หายใจ ส่วนตัวเองก็เปลี่ยนเป้าหมายเป็นซอกคอหอมเเทน ลมใช้ลิ้นชื้นลากไล้ตั้งเเต่กกหูลงมาจนถึงไหปลาร้าสวยที่ดูเชิญชวนให้ลมก้มลงไปประทับรอยเอาไว้

มือที่ว่างของลมก็จัดการปลดเสื้อผ้าของนาทีเเละตนเองออกอย่างรวดเร็ว โดยที่ใบหน้ายังคงฝังอยู่กับซอกคอหอมไม่ไปไหน

"อื้อ พะ พี่ลม" นาทีเรียกลมเสียงกระเส่า อารมณ์ของนาทีในตอนนี้มันพุ่งสูงไม่เเพ้ลมเลยสักนิด

"ทีอนุญาตไหมครับ ถ้าทีตอบว่าไม่พี่ก็จะหยุด" เเม้ปากจะพูดเเบบนั้น เเต่ลมยังคงปลุกเร้าคนใต้ร่างไม่เลิก ลมขบกัดเบาๆลงบนติ่งหูของนาที ก่อนจะใช้ลิ้นชื้นค่อยๆเเหย่เข้าไปในรูหูและไล่เลียมันช้าๆ

"ทะ ที อื้อ" เสียงเฉอะเเฉะที่ดังอยู่บริเวณใบหูเรียกอารมณ์ของนาทีให้สูงยิ่งขึ้น

"ไม่ต้องกังวล พี่ตามใจทีอยู่เเล้ว พูดตามที่ใจทีคิดได้เลย"

"ทีไม่อยากให้หยุ...อือออ" เสียงของนาทีกลืนหายลงไปในลำคอ เพราะโดนลมปิดปากด้วยปากของตัวเอง

"คนดี อืมมม" ลมครางออกมาเสียงกระเส่า มือของลมค่อยๆลูบวนไปทั่วเรือนร่างของนาที เริ่มตั้งแต่ใบหู ซอกคอ ไหล่ หน้าอก ลงมาที่หน้าท้อง เเละเลื่อนต่อไปยังต้นขาโดยที่ลมตั้งใจเฉียดผ่านไปมากับส่วนนั้นของนาทีที่กำลังเเข็งตัว เรียกสายตาดุๆจากคนใต้ร่างได้ไม่น้อย ที่ลมไปยอมเเตะต้องมันสักที

"อ๊ะ อ่าาา"

ครั้นเมื่อได้รับสายตาดุๆจากคนใต้ร่าง ลมก็เอื้อมมือไปจับส่วนเเกนกายของนาทีไว้ ก่อนจะขยับขึ้นลงเบาๆ เเละเปลี่ยนจังหวะเป็นเร็วขึ้นจนนาทีเเทบจะปลดปล่อยออกมาเพราะความเสียว เรียกเสียงครางจากนาทีได้ไม่น้อย

"อื้ออออ....พี่ลม ยะ อย่าเเกล้ง"

เพราะโดนเเกล้งโดยการเดี๋ยวขยับ เดี๋ยวหยุด ไหนจะการที่เอานิ้วโป้งมากดส่วนปลายไว้อีก นาทีจึงดุอีกคนออกไปด้วยเสียงกระเส่า

"ใครเเกล้งน้องทีคะ"

นาทีตกใจตาโตกับคำพูดค่ะขาของลม ปกติก็ไม่เห็นจะเคยพูด เเล้วทำไมวันนี้ถึงพูดขึ้นมานะ เเละมันน่าเจ็บใจนักที่ตัวนาทีเองก็ชอบมันไม่ใช่น้อย เเม้มันจะทำให้เขินอายอยู่บ้างก็ตาม

เมื่อเเกล้งคนตรงหน้าจนพอใจเเล้ว ลมก็ผละตัวออกจากนาที เดินไปหยิบกล่องเล็กๆที่อยู่ด้านบนสุดของตู้เสื้อผ้า นาทีมองตามลมไป ทำให้เขาสามารถมองเห็นหุ่นของลมได้ชัดเจน พอได้เห็นหุ่นชัดๆหน้าของนาทีก็ขึ้นสีระเรื่อทันที คนอะไรหุ่นดีเป็นบ้า

ลมใช้เวลาไม่นานก็กลับมาพร้อมกับขวดอะไรบางอย่าง ยามเมื่อเห็นเต็มๆตามันก็ทำให้นาทีอดที่จะรู้สึกกระดากอายไม่ได้ ไปซื้อมาตอนไหนนะ ไอ้เจลหล่อลื่นเนี่ย เตรียมพร้อมดีจริงๆเลย

ลมบีบเจลหล่อลื่นลงบนมือตัวเอง สายตาก็จ้องมองคนที่ตอนนี้เขินจนตัวเเดง ยิ่งมองก็ยิ่งอยากขย้ำให้จมอยู่ใต้ร่างจริงๆ

ลมกลับมาคร่อมนาทีเเละป้อนจูบอีกครั้ง ใช้มือเเยกขาของนาทีออกจากกัน จากนั้นก็ค่อยๆป้ายเจลเย็นๆลงไปตรงรอยจีบของนาที ลมค่อยๆใช้นิ้วสอดเข้าไปอย่างช้าๆเพราะกลัวว่านาทีจะเจ็บเเถมทางรักของนาทีมันยังคับเเน่นมากอีกด้วย จากหนึ่งนิ้ว กลายเป็นสอง เเละนิ้วที่สามก็ตามมาในที่สุด

"อ๊ะ!" เพราะนิ้วของลมโดนจุดที่ทำให้รู้สึกดี นาทีจึงร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

"พี่ลม ตรงนั้น อืออออ"

ลมก็ยังเป็นลม ลมคนที่รู้ดีว่าจุดไหนที่สามารถทำให้นาทีรู้สึกดีได้

"ตรงไหนคะ" 

"อ๊ะ อ๊าา"

"ตรงนี้เหรอคะ.... ไม่เเกล้งเเล้วค่ะ หนูอย่าทำหน้างอเเบบนั้นสิคะ มันยิ่งทำให้พี่อยากขย้ำหนูนะ"

"อ๊า พี่ลม เข้ามาได้เเล้วคับ" ในตอนนี้นาทีทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาต้องการ ต้องการให้ลมใส่ของตัวเองเข้ามาภายในร่างกายของเขา เขาไม่อยากได้นิ้วของลมเเล้ว

"ชู่ววว เด็กดี พี่ต้องเตรียมความพร้อมให้หนูก่อนนะ ไม่อยากนั้นหนูจะเจ็บมาก หนูก็รู้"

"เเต่ทีอยากให้พี่ลมใส่เข้ามาเเล้ว"

"ก็ได้ค่ะ พี่ขออนุญาตเข้าไปนะคะ"

"มัวเเต่ถามอยู่ได้ รีบๆเข้ามาสักทีสิ อ๊าาาาาาาา"

ลมจับส่วนปลายของท่อนเอ็นลำโตของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆใส่มันเข้าไปยังช่องทางที่ได้รับการขยายมาพอสมควรเเล้ว ทางด้านหลังของนาทียังคงคับเเน่นจนทำให้ลมรู้สึกเสียวจับใจ ลมค่อยๆดันเเกนกายเข้าไปช้าๆ จนในที่สุดเเกนกายใหญ่โตก็โดนนาทีดูดกลืนเข้าไปจนสุดความยาว

"อืมมมม คนดี อย่ารัดพี่เเน่นสิค่ะ พี่ไม่อยากเเตกทั้งๆที่เพิ่งใส่เข้าไปหรอกนะ ผ่อนคลายหน่อยค่ะ"

เพราะด้านในของนาทีตอนนี้กำลังตอดรัดเเน่นเกินไป มันทำให้ลมเสียวจนน้ำเเทบเเตกเเม้ว่าจะยังไม่ได้ขยับก็ตาม เมื่อปล่อยเวลาให้ทั้งตัวเขาเองเเละนาทีเริ่มคุ้นชิน ลมก็ไม่รอช้า จัดการกระเเทกตัวตนของตัวเองเข้าใส่นาทีทันที ซ้ำเเล้วซ้ำเล่า จากบทรักช้าๆค่อยๆหนักหน่วงขึ้นตามเเรงอารมณ์ เสียงหยาบโลนเฉอะเเฉะดังไปทั่วทั้งห้อง ลมก้มมองตัวตนของเขาที่โดนนาทีดูดกลืนเข้าออกก็ได้เเต่ขบกรามเเน่น มันเป็นภาพที่ชวนให้อารมณ์ดิบเถื่อนในตัวเขาออกมาเสียจริงๆ

"อ๊ะ อ๊ะ พี่ลม ระ เเรง แรงอีก"

"หนูว่าอะไรนะคะ"

"ขอเเรงกว่านี้ อ๊ะ"

"ไม่ค่อยได้ยินเลย"

คนชอบเเกล้งยังไงก็ชอบเเกล้งอยู่วันยังค่ำ

"พี่ลม กระเเทกหนูเเรงๆหน่อยได้ไหมคะ หนูอยากเสร็จจนใจจะขาดแล้วค่ะ อ๊ะ  ของพี่ลมมันทำให้หนูรู้สึกดีเกินไป" นาทีช้อนตามองมาที่ลมอย่างยั่วยวน ในเมื่อชอบเเกล้งนักก็ขอเอาคืนสักหน่อย

"แม่ง! พรุ่งนี้จะลุกไม่ไหวเอานะที" ลมขบกรามเเน่น เมื่อเห็นท่าทางที่เเสนจะยั่วยวนชวนให้กระเเทกให้แหลกของคนใต้ร่าง

"คีย์ทำข้าวกล่องให้ลูกได้ครับ"

"จะมาโกรธพี่ทีหลังไม่ได้นะ เพราะหนูยั่วพี่เอง"

ตอนนี้สติของลมขาดหายไปหมดเเล้ว ลมย้ำซ้ำย้ำกระเเทกจนร่างของนาทีโยกไหวอย่างรุนเเรงอยู่ภายใต้ร่างของลม เสียงกระทบกันของหน้าขาลมกับก้นพีชนุ่มของนาทีดังไปทั่วห้อง ยิ่งใกล้ถึงจุดสุดยอด ลมยิ่งกระเเทกนาทีรัวๆเร็วๆ ตอกลึกทุกการเข้าออก ส่วนนาทีเองในเวลานี้เขาเองก็ไม่ไหวเเล้วเช่นกัน

"สะ เสร็จ ทีจะเสร็จ"

"เสร็จได้เลยค่ะที่รัก"

"อ๊ะ อ่าาาาาาาาาาาาาาา" หยาดน้ำสีขาวข้นพุ่งออกมาจนเลอะหน้าท้อง เเละมีบางส่วนกระเด็นขึ้นไปจนถึงคางของนาทีอีกด้วย

"อืมม ซี๊ดดดด หนูรัดเเน่นเกินไปแล้ว"

หลังจากที่นาทีปลดปล่อยไป ลมก็กระเเทกนาทีต่ออีกแป๊ป ไม่นานก็ปลดปล่อยออกมาเช่นกัน

"อ่า ซี้ดดด เเม่ง!" ลมครางออกมาเบาๆ ตอนที่ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเข้าไปภายในช่องทางของนาที ลมโน้มตัวลงไปหานาที ใช้ลิ้นชื้นลากน้ำข้นสีขาวของนาทีที่ติดอยู่ตรงปลายคางของเจ้าตัวมายังปาก ก่อนจะป้อนจูบอันเเสนหวานที่ผสมน้ำรักให้นาทีอีกครั้ง พร้อมกับร่างกายของลมที่กระตุกเกร็งเป็นระยะ เพราะน้ำของลมที่ปล่อยออกมานั้นมันช่างมากเสียเหลือเกิน

"พี่ลมปล่อยในเหรอครับ" เพราะความรู้สึกอุ่นวาบที่เกิดขึ้นภายในช่องท้อง ทำให้นาทีเอ่ยถามขึ้น

"ก็พี่ไม่มีถุงยาง" ลมตอบเสียงอ่อย

"เเต่พี่มีเจลหล่อลื่น?"

"น้องตุลย์บอกพี่ว่าอยากมีน้อง พี่อยากทำอะไรเพื่อลูกบ้าง"

"เรื่องอื่นมีให้ทำตั้งเยอะเเยะนะครับ งับ!" นาทียื่นหน้าขึ้นมางับซอกคอของลมเป็นการลงโทษ เเต่เหมือนสิ่งที่นาทีทำจะเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์

ฟันที่ขบกัดลงมาทำให้ลมรู้สึกจี๊ดๆเหมือนโดนลูกเเมวที่กำลังคันฟันกัด ลิ้นชื้นที่ตวัดมาโดนซอกคอทำให้เกิดความรู้สึกวาบหวาม ไหนจะลมหายใจร้อนๆที่รดซอกคอในตอนนี้ มันทำให้ส่วนกลางกายของลมที่นิ่งสนิทเมื่อครู่กลับมาผงาดอีกครั้ง

"อืมมม ซี๊ด ถ้าทีจะลงโทษพี่เเบบนี้...."

"อ๊ะ พี่ลมจะทำอะไรครับ ทำไมมันเเข็งอีกเเล้วล่ะ" นาทีตกใจจนเผลอร้องออกมาเสียงดัง

"หนูจะโทษพี่ไม่ได้นะคะ ครั้งนี้หนูเป็นคนเริ่ม มาทำน้องให้น้องตุลย์กันอีกรอบดีกว่าค่ะ"

"พี่ลม อ๊าาาาาาาา"

เเละค่ำคืนนี้การปั๊มน้องให้น้องตุลย์ก็จบลงที่รอบที่สาม นาทีไม่รู้จริงๆว่าอีกคนอัดอั้นมานานขนาดไหน เเต่จากที่ได้สัมผัส เเละใส่เขาไม่ยั้ง คุณลมคงอดกลั้นมากจริงๆ เเถมยังเล่นซะเขาไม่มีเรี่ยวเเรงเหลือเเม้เเต่จะขยับเเขนขาเลย เเต่สำหรับอีกคนกลับดูสบายๆ อารมณ์ดี จนนาทีอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้

"เหนื่อยก็นอนได้เลยนะครับ เดี๋ยวที่เหลือพี่จัดการให้เอง จุ้บ!" ลมบอกนาทีพร้อมกับก้มไปจูบหน้าผากคนที่นอนหมดเเรงอยู่บนเตียงเบาๆ

นาทีพยักหน้าตอบรับสองสามที ก่อนจะค่อยๆปิดตาลงเเละจมสู่ห่วงนิทราในที่สุด

หลังจากที่ลมจัดการเก็บกวาดห้องเเละทำความสะอาดตัวให้นาทีเสร็จ ก็เดินมานั่งลงบนเตียงข้างๆกับนาที

ลมเอื้อมมือปัดเส้นผมที่หล่นปรกหน้านาทีออกเบาๆอย่างอ่อนโยน นิ้วยาวลูบไล้ใบหน้าเนียนลงมาตามกรอบใบหน้า ลมมองคนที่นอนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความหลงใหล เเต่เมื่อย้อนคิดไปถึงสิ่งที่คนตรงหน้าเล่าให้ฟังว่าเคยเผชิญอะไรมา ดวงตาที่อ่อนโยนกลับเเข็งกร้าวขึ้นมาทันที

ลมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นก็กดสายโทรฯหากร รอไม่นานปลายสายก็กดรับ

"ครับ"

"เวลาหมดเเล้ว ไปจัดการซะ"

"ครับ"

"ใครที่เกี่ยวข้องกับการจับตัวทีในวันนั้นลากตัวมันมาให้หมด ..."

".............."

"ที่สำคัญ มีคนกรีดมีดลงบนอกของนาทีจนเกิดรอยแผลเป็น รู้ใช่ไหมต้องทำยังไง"

"ทราบครับ"

"ขอบใจมาก ดูเเลตัวเองด้วย"

"ครับ"

เมื่อวางสายจากกร ลมก็ล้มตัวลงนอนข้างๆนาทีเเละดึงนาทีเข้าสู่อ้อมกอดของตัวเอง ในคราเเรกนาทีก็ออกอาการต่อต้านนิดหน่อย เเต่พอได้ท่าที่สบายเเละอ้อมกอดอุ่นๆที่คุ้นเคย เจ้าตัวก็หลับต่ออย่างสบายใจ

"คนที่มันทำร้ายที พี่ไม่ปล่อยมันไปง่ายๆเเน่ มันต้องเจ็บยิ่งกว่าที่ทีเคยเจ็บ มันจะต้องกลัวยิ่งกว่าที่ทีเคยกลัว" ยิ่งนึกถึง ความโกรธก็ยิ่งวิ่งพล่านในใจ เเม้ตัวเองจะมีส่วนที่ทำให้นาทีต้องเจ็บตัว เเต่การทำร้ายคนที่เขารักเเบบนี้ใครจะไปยอมกันง่ายๆ

ลมผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อระงับอารมณ์ของตัวให้กลับมาเป็นปกติ เมื่ออารมณ์กลับมาเป็นปกติลมก็เอี้ยวตัวหันกลับไปปิดโคมไฟตรงหัวเตียงจนทุกอย่างเข้าสู่ความมืด ลมก้มหน้าจูบหน้าผากของนาทีเบาๆ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำรักออกมา

"พี่ลมรักน้องทีนะครับ "

ลมกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้กระชับยิ่งขึ้น

 

ในที่สุดก็ได้กอดเเล้ว.........

 

กอดที่ลมโหยหามันมาตลอดหลายปี.......

 

มันรู้สึกดีมากจริงๆ..........

 

.........................................................................

TBC.

ทุกโคนนนนนนนนนนน  เพ่ลมผิดผีน้องเเล้ว เเต่จะว่าไปก็ผิดมานานเเล้วนี่น่า 5555

 

ก่อนอื่นขอสารภาพก่อนเลยค่ะ ว่านี่คือการเขียนฉาก NC ครั้งเเรกในชีวิตของเราจริงๆ เราเขียนๆลบๆ ลบๆ เขียนๆ หลายรอบมาก เพราะได้ลองอ่านเเล้วมันไม่โอเค ขนาดเราเองยังไม่ค่อยโอเค ถ้าลงไปคนอ่านก็คงไม่โอเคด้วย

เเต่ไม่ว่าจะเขียนกี่รอบต่อกี่รอบ ตอนนี้เราเขียนได้เเค่นี้จริงๆค่ะทุกคน  หากการเขียน NC ครั้งนี้ผิดพลาดประการใด ได้โปรดให้อภัยด้วยนะคะ เราจะพยายามให้มากขึ้นในตอนต่อๆไปค่ะ


ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและคอยคอมเมนต์นะคะ

ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ

ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 16-10-2021 13:38:41
 :oo1: :haun4:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 16-10-2021 15:11:33
 :m31: :m31: :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 17-10-2021 00:37:14
คือดี
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 17-10-2021 04:15:24
อ่านตอนที่ 17 จบก็คิดเหมือนกันค่ะว่าต้มน้ำรอดีมั้ย
แต่ตาเหลือบไปเห็นคำเตือนของตอนที่ 18 แล้วต้องรีบวางหม้อลงเลย
คิดว่าเปลี่ยนเป็นเตรียมผ้าเช็ดหน้าแทนน่าจะดีกว่า
ซับได้ทั้งน้ำตาหรือน้ำลายก็คงพอได้... คิคิคิ... :z1: ...

ปล. โอ๊ะๆๆ เหมือนจะเห็นโลกสีม่วงๆอีกใบใช่มัยเอ่ย...
น้องทีใจดี เพื่อนจะขอเลียนแบบสร้างโลกสีม่วงบ้างก็คงไม่ว่าเนอะ... คุคุคุ...
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 19) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 17-10-2021 10:01:13
19
คีย์ครับ

(กร + คีย์)

ตึก!....

ตึก!....

เสียงอะไร!!!!

ตึก!....

ตึก!....

ใครวะ?!!!

ตึก!

ตึก!

เหี้ย!!!!! ใครเดินตาม?

ตึก!

ตึก!

ผีป้ะเนี่ย? !!!!

เท้าของคีย์หยุดอยู่บริเวณหน้าร้านกาเเฟของตัวเอง มือทั้งสองข้างช่วยกันควานหากุญเเจที่อยู่ภายในกระเป๋าสะพาย สายตาก็มองซ้ายทีขวาทีอย่างกระวนกระวาย

เมื่อคืนเขาเพิ่งดูหนังผีที่สุดเเสนจะสยองพองขนมาด้วยสิ บรรยากาศเเบบนี้เลย เงียบๆวังเวงๆ ผีเดินตามเเล้ววิ่งมาโผล่ตรงหน้า ฮึ๋ย~~ เเค่คิดก็น่ากลัวเเล้ว ยิ่งบรรยากาศอันเงียบเชียบในช่วงเวลาหกโมงเช้าภายในบริษัทใหญ่ เป็นอะไรที่ชวนให้รู้สึกวังเวงโครตๆ

ในวันที่ต้องเปิดร้านกาเเฟ เป็นปกติที่คีย์จะมาเตรียมของภายในร้านให้พร้อมสำหรับการขายตลอดทั้งวันในช่วงเวลา 6 โมงเช้าเเบบนี้ เเม้ว่าภายในบริษัทจะมีพนักงานบางส่วนที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ หรือจะเป็นพี่ยามที่ประจำตามจุดต่างๆอีกหลายคน เเต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกครั้งที่คีย์มาที่นี่ในตอนเช้า การเดินมาร้านตั้งเเต่ลานจอดรถยันถึงร้าน มันทำให้คีย์รู้สึกเสียวสันหลังได้ไม่น้อย

ตึก! ตึก!

กุญเเจอยู่ไหน? !! อยู่ไหนๆๆๆ กุญเเจ ออกมาสิโว้ย

คีย์ควานหากุญเเจอย่างรีบร้อน ของในกระเป๋าตอนนี้กระจัดกระจายปะปนกันไปเสียหมด ยิ่งรีบก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งหาไม่เจอ

ตึก! ตึก!

มาเเล้ว มันมาเเล้ว!!!!

"คุณ"

"เหี้ย!! ไม่มีบุญให้หรอกนะ หักลบกลบบาปของตัวเองบุญก็ยังติดลบอยู่เหมือนกัน ไปหาที่อื่นเถอะนะ สาธุๆ" คีย์ยกมือพนมเหนือหัวไหว้ปลกๆ ปากก็พูดรัวๆเร็วๆจนเเทบจะฟังไม่ทัน

"คุณ"

"ฮือ อย่ามาหลอกอย่ามาหลอน อย่ามาตามรังควาญกันเลยนะ นี่ก็คนบาปเหมือนกัน มาหลอกเพื่อขอบุญก็เสียเวลาเปล่..."

"คุณ! ลืมตาก่อน" คนที่เดินตามคีย์มาจับไหล่ของคีย์เเน่น พร้อมกับเขย่าเรียกสติของคีย์ที่ตอนนี้เตลิดไปไกล

จากที่สติเเตกในคราเเรก คีย์กลับมานิ่งสนิทอีกครั้ง เมื่อรู้สึกถึงเเรงเขย่าเเรงๆ

คนสินะ!

เขย่าเเบบนี้คนเเน่นอน

แต่เพื่อความมั่นใจ คีย์ค่อยๆลดมือที่ไหว้อยู่เหนือศีรษะลงและค้างไว้ตรงริมฝีปาก ตาข้างซ้ายก็ค่อยๆเเง้มเปิดออกทีละนิดๆ ปากตอนนี้บิดเบี้ยวเพราะความลุ้นระทึก เเต่เมื่อตาข้างซ้ายเปิดจนเต็มตาเเละเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร คีย์ก็เเทบจะกระโดดกัดคอให้ฟันจม

"นายหน้านิ่ง! มาแบบปกติเหมือนคนอื่นไม่ได้เหรอคุณ คนอื่นเขาจะหัวใจวายตายเอา"

"ผมก็มาปกติ เเต่คุณเองหรือเปล่าที่ไม่ปกติ"

โอ้โห! เถียงคำไม่ตกฟาก ดูท่าไม่นานจะโดนฟากฟาดปากแน่ๆ

ปกติลักษณะของคนหน้านิ่ง ยิ้มยาก ต้องดูเป็นคนพูดน้อย ตอบอือ อา อ้าปากพูดไม่เกินสองพยางค์หรือเปล่าวะ เเต่นายคนนี้เหมือนจะหลุดจากลักษณะนั้นไปพอสมควร หน้านิ่งดูเข้าถึงยากตรงส่วนนี้ไอ้คีย์คนนี้ไม่ขอเถียง เเต่เรื่องการพูดจาเนี่ย ต่อปากต่อคำเก่งโครตๆ

"เหอะ" คีย์ส่งเสียงขึ้นจมูก เบ้ปากชายตามองคนตรงหน้าเล็กน้อย "มีธุระอะไรกับผมมิทราบ หรือจะมาขู่อะไรกันอีก"

"เห็นผมเป็นคนยังไง"

"เป็นคนนิสัยเสียคนนึง"

"หึ"

"หึอะไรของคุณ"

"เปิดประตูร้านสิคุณ ขอเข้าไปหน่อย"  กรไม่สนใจท่าทีคุกคามของคีย์สักนิด เเถมยังมีการเร่งให้คีย์รีบๆเปิดประตูอีกด้วย

"เอ๊ะ เป็นใครมาสั่ง"

"เป็นคนที่ถือสัญญาเช่าร้านของคุณอยู่ไง"

"ตกลงมาขู่กันจริงๆใช่ไหม"

"ถ้าไม่อยากให้ขู่ ก็ยอมไขประตูให้ผมเข้าไปดีๆ"

"คุณจะเข้ามาในร้านผมทำไม"

"หากาเเฟกิน"

"ร้านผมยังไม่เปิด ถ้าอยากกินกาเเฟก็ไปกินที่อื่น"

"ขอพักรบก่อนได้ไหมคุณ ผมไม่ได้นอนมาสองวัน ร่างกายจะดับเต็มทีเเล้ว ขอกาเเฟให้ผมสักเเก้ว เเล้วค่อยเถียงกันต่อได้ไหมคุณ"

ตอนนี้ร่างกายของกรอ่อนล้าเต็มที เเรงที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคนตรงหน้าก็เเทบจะไม่มีเหลือ  เหตุผลที่ทำให้ร่างกายเขาเป็นเเบบนี้ก็เพราะเมื่อคืนวันอาทิตย์ ในขณะที่เขากำลังนั่งดื่มด่ำรสชาติของเเอลกอฮอล์อยู่กับเจ้าขุน อยู่ๆคนเป็นบอสก็โทรฯเข้ามาสั่งธุระด่วนให้เขาไปจัดการ ไอ้เราก็อุตส่าห์รีบจัดการตามที่บอสสั่งจนเเทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนมามาสองวันเต็ม พอเมื่อเช้าโทรฯไปรายงานว่าทุกอย่างเรียบร้อยเเล้ว บอสดันตอบกลับมาว่า 'รอก่อน ตอนนี้เมียป่วยเเละกำลังงอนอยู่' เฮ้อ! เเม้จะอยากเดินไปจับคอบอสเขย่าขนาดไหน เเต่คนเป็นลูกน้องเเบบเขาก็ทำได้เเค่ตอบคำว่า 'ครับ' เพียงเท่านั้น

ในตอนเเรกกรตั้งใจจะเดินไปชงกาเเฟบนชั้นที่เขาทำงานอยู่เเละตั้งใจจะงีบหลับที่นั่นเลย เพื่อรอรายงานรายละเอียดต่อบอสอีกครั้ง ให้ไป-กลับคอนโดเขาขี้เกียจเกินไป เเต่ระหว่างที่เดินอยู่สายตาก็เหลือบไปเห็นคุณเจ้าของร้านกาเเฟพอดี จึงตัดสินใจเดินตามมา ตั้งใจจะมาขอกาเเฟเข้มๆรสชาติอร่อยๆสักเเก้ว เเต่หมือนการมาเจอคุณเจ้าของร้านกาเเฟจะทำให้เขาเสียพลังเยอะพอสมควร ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดกันเเน่ที่ตัดสินใจตามมา

"จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ก็ควรพูดให้มันเพราะๆหน่อยไหมคุณ ไม่ใช่มาถึงก็ขู่เอาๆ" คีย์เอ่ยบอกคนตรงหน้า

ขอเล่นตัวสักหน่อยเถอะ กี่ครั้งเเล้วที่โดนขู่เเต่ไอ้คีย์คนนี้ทำอะไรไม่ได้

"ไหนลองพูดเพราะๆหน่อยสิ เเบบ คีย์ครับ ช่วยผมหน่อยนะครับ ผมอยากดื่มกาเเฟที่คุณชงเพราะมันอร่อยที่สุดในโลก" คีย์มองกรด้วยสายตาท้ายทาย เชิดหน้าขึ้นสูงราวกับตัวเองเป็นผู้ชนะ

เเต่สำหรับกรเเล้วเรื่องเเค่นี้ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าเเรงเลยสักนิด กรจึงพูดมันออกไปอย่างง่ายดาย

"คีย์ครับ ชงกาแฟให้กรหน่อยได้ไหมครับ กรเหนื่อยมา...."

"พะ พอ! พอเลย อะแฮ่ม หยุดพูดเลยนะ ยะอยากเข้าก็เข้ามา"

คีย์รีบหันหน้าเข้าหาประตูร้าน มือที่จับกุญเเจก็เสียบผิดๆถูก ให้ตายเถอะ! ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองเเพ้อีกเเล้วล่ะ เเล้วไอ้น้ำเสียงอ่อนโยนติดอ้อนนิดๆนั่นมันอะไรวะ เเล้วใจจะสั่นทำไมเนี่ย

กึกๆ เเก๊กๆ กึก เเก๊ก

ทำไมวันนี้ประตูมันไขยากจังเลยวะเนี่ย

"ไขเเบบนั้นชาตินี้จะได้เข้าร้านไหมคุณ"

เฮือก!

กรที่ยืนอยู่ด้านหลังขยับตัวเข้ามาใกล้กับคีย์พร้อมกับโน้มใบหน้ามาพูดข้างๆหูของคีย์ ทำให้คีย์สะดุ้งตกใจกับลมหายใจร้อนๆที่มาสัมผัสเเถวๆเเก้มเเละต้นคอ ใจที่สั่นอยู่เเล้วยิ่งสั่นเข้าไปอีก

เป็นบ้าอะไรของมึงเนี่ยไอ้คีย์!

แกร๊ก!

เมื่อไขประตูได้เเล้ว คีย์ก็รีบเดินเข้ามาในร้านทันที กรที่เห็นท่าทางของคีย์ก็ได้เเต่เดินตามเข้ามาเเบบงงๆ

"เป็นอะไรของเขา" กรบ่นออกมาเบาๆให้กับท่าทางของคีย์

"คุณจะดื่มกาเเฟใช่ไหม"

"ครับ"

"จะครับทำไมวะคุณ ใครให้ครับ ถ้าอยากให้ชงกาแฟให้ก็อย่า 'ครับ' เเล้วไปนั่งรอตรงโต๊ะเลย เดี๋ยวเอาไปให้"

พูดจบคีย์ก็เดินตรงไปยังบาร์สำหรับชงกาเเฟทันที ทิ้งให้กรยืนงงมากขึ้นกว่าเก่ากับท่าทางของคีย์

เมื่อกี้คุณเจ้าของร้านเข้าพูดเองไม่ใช่เหรอวะ ว่าให้เขาพูดเพราะๆ เขาพูดครับมันไม่เพราะตรงไหน?

"อะไรของเขาวะ"

บ่นเพียงเท่านั้นกรก็เดินไปนั่งรอที่โต๊ะตามคำสั่งของคุณเจ้าของร้าน กรยกมือทั้งสองข้างกอดอก เหยียดขาตรงๆ เเละดวงตาทั้งสองข้างก็ค่อยๆปิดลงจนทุกอย่างมืดสนิท กรตั้งใจจะพักสายตาสักหน่อยระหว่างรอกาเเฟ 


"คุณ คุณ"

คีย์ที่เดินเอากาเเฟมาให้เรียกกรเบาๆเเต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆจากกรทั้งสิ้น คีย์ตัดสินใจวางกาแฟที่ชงเสร็จเเล้วไว้บนโต๊ะด้านหน้าของกร กลิ่นกาแฟเเก้วพิเศษ หอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ

เมื่อเห็นว่ากรไม่มีทีท่าว่าจะตื่น คีย์จึงถือวิสาสะเเอบมองสำรวจหน้าของกรเเบบใกล้ๆ มองผ่านๆก็ว่าดูดีเเล้ว มาดูใกล้ๆต่อให้อคติเเค่ไหนก็ต้องยอมรับเเหละนะว่านายหน้านิ่งดูดีจริงๆ

 คีย์ไล่มองตั้งแต่ทรงผมที่ตอนนี้ไม่ได้เซ็ททำให้อีกคนดูดีไปอีกเเบบ คิ้วหนาเข้ม ขนตาเรียงสวย จมูกก็โด่ง กรามชัดเป็นสัน อืมมมม....ปากก็สวย เเต่ก็มีรอยคล้ำบางๆจากการสูบบุหรี่

คีย์ยังคงจ้องมองใบหน้าของกรไปเรื่อยๆ จนกรที่รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาทนไม่ไหวต้องลืมตาขึ้นมามองบ้าง เเต่เหมือนจังหวะจะผิดไปสักหน่อย เพราะตอนนี้ใบหน้าของกรกับคีย์อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ คีย์ตกใจจนตาโตจ้องมองดวงตาของกรนิ่ง ส่วนกรก็ไม่พูดอะไรเขาทำเพียงเเค่มองตาคีย์นิ่งๆเช่นกัน


"จะลักหลับผมเหรอคุณ" สุดท้ายเเล้วก็เป็นกรที่ส่งเสียงทำลายความเงียบก่อน

"หลงตัวเอง" คีย์เด้งตัวออกห่างจากกร กลับมายืนตัวตรงเเทน "กาแฟได้เเล้ว จ่ายตังมาด้วย ของซื้อของขาย"

"เท่าไหร่"

"ห้าร้อย"

".............."

"มองด้วยหน้านิ่งๆเเบบนั้นทำไม ก็ของซื้อของขาย เเถมยังเป็นเเก้วพิเศษอีก ไหนจะค่าบริการเพิ่มเติมนู่นนี่นั่น ห้าร้อยพอดี"

"ตั้งใจว่าขายผมเเก้วเดียวเเล้วจะปิดร้านเลยเหรอคุณ"

"ยังไง? จะไม่จ่าย? ได้.....งั้นก็ไม่ต้องกิน"

หมับ!

มือของคีย์ที่ตั้งใจจะเอื้อมไปหยิบเเก้วกาเเฟคืนชะงักกลางอากาศ เมื่อโดนมือของกรคว้าหมับเข้าที่ข้อมือ

"นี่ ห้าร้อย"

"ขอบคุณ" คีย์สะบัดข้อมือให้หลุดจากการจับกุมของกร จากนั้นก็ยื่นมือไปหยิบธนบัตรใบละห้าร้อยมาถือไว้ในมือ "ได้กาเเฟเเล้วก็กลับไปได้เเล้วคุณ ผมจะเตรียมเปิดร้าน"

"คุณก็เตรียมไปสิ ผมจ่ายไปตั้งห้าร้อย ขอนั่งอีกสักพักก็เเล้วกัน"

"คุณ!"

เมื่อเห็นว่าคีย์กำลังจะพ่นคำด่าใส่อีกครั้ง กรจึงเลือกที่จะปิดตาลงเพื่อตัดขาดบทสนทนาจากอีกฝ่าย เเละเหมือนจะได้ผล นอกจากเสียงบ่นเบาๆของคุณเจ้าของร้าน กรก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย

ส่วนคีย์ที่เห็นท่าทางของกรก็ได้เเต่บ่นกระปอดกระเเปดเบาๆ ก่อนจะเดินไปจัดการเตรียมร้านของตัวเอง โดยทำทุกอย่างให้เสียงเบาที่สุด เพราะไม่อยากรบกวนคนที่นั่งพักสายตาอยู่ ก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรหรอกนะ แค่เห็นหน้าล้าๆกับขอบตาหมีเเพนด้าเเล้ว กลัวว่าจะมาช็อกตายคาร้านเขาเสียก่อนเท่านั้นเอง



กริ๊ง! กริ๊ง!

"คีย์.......อ้าวคุณกรอยู่ด้วยเหรอครับ"

เสียงกระดิ่งที่กระทบกับประตูยามโดนผลักออก เรียกให้คนที่หลับตาอยู่ลืมตาขึ้นไปมอง ไม่ต่างจากคีย์ที่ละสายตาจากตู้เค้กไปมองยังประตูเช่นกัน

"บอส คุณนาที สวัสดีครับ" กรเอ่ยทักทายผู้มาใหม่พร้อมกับเดินไปใกล้ๆทั้งสองคน

"สวัสดีครับ" นาทีตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มเเย้ม เเตกต่างจากลมที่ทำเพียงเเค่พยักหน้าให้เท่านั้น  "คุณกรมาทำอะไรเเต่เช้าเลยครับ"

"พอดีผมอยากดื่มกาเเฟ เลยมารบกวนคุณคีย์ให้ช่วยชงให้ครับ"

"อ่อ ครับ"

"ถ้ายังไงแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ"

"พี่ลม ก็ไปพร้อมคุณกรเลยสิครับ"

"ทีไล่พี่เหรอครับ ยังโกรธพี่อยู่เหรอครับ"

"ทีไม่ได้ไล่สักหน่อยเเละก็ไม่ได้โกรธพี่ลมด้วยครับ"

"นี่ไง น้ำเสียงทีมันบ่งบอกว่าทีโกรธพี่อยู่ชัดๆ"

"ทีจะพูดอีกครั้งนะครับ ว่าทีไม่ได้โกรธ เเต่ถ้าพี่ลมยังดื้ออยู่เเบบนี้ ทีจะโกรธจริงๆแล้วนะครับ"

"ทีครับ~~"

กรในตอนนี้คล้ายเป็นเพียงเเค่อากาศที่กำลังยืนมองคู่รักกำลังพลอดรักกันอยู่ เขาอยากให้ขุนได้มาเห็นสภาพบอสในตอนนี้จริงๆ ถ้าขุนมาเห็นคงได้หัวเราะจนปวดท้องเเน่ๆ ไหนล่ะคุณลมคนขรึมที่ใครๆต่างเกรงใจ ตอนนี้กรเห็นเพียงเเค่คุณลมที่หูลู่หางตกเพราะกลัวเมียโกรธก็เท่านั้น

"ไปได้เเล้วครับ เดี๋ยวทีเอากาแฟไปส่งให้"

"ถ้าทีรู้สึกไม่ดีต้องโทรฯ มาหาบอกพี่ทันทีนะเข้าใจไหม"

"ครับๆๆ.....คุณกรครับ ผมฝากด้วยนะครับ"

"ครับ ผมไปก่อนนะครับ" กรโค้งตัวให้นาทีเล็กน้อยเป็นการกล่าวลา

"เดี๋ยวคุณ!" คีย์ที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่หลังเคาน์เตอร์ตะโกนเรียกกรไว้

กรที่กำลังเดินตามหลังลมหยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับไปมองทางด้านหลัง ก็เห็นเป็นคุณเจ้าของร้านกาแฟกำลังเดินเร็วๆมาหาเขา

"นี่" คีย์ยื่นกล่องอะไรบางอย่างให้กร เเม้มือจะยื่นให้เเต่สายตากลับไม่ได้มองกรสักนิด

"คือ?"

"รับๆไปเถอะน่า ถามมาก"

คีย์ที่เห็นว่ากรไม่รับสักที จึงถือวิสาสะยัดกล่องใส่มือของกรเอง จากนั้นก็เดินออกมาทันที ทิ้งให้กรยืนงง พร้อมๆกับลมเเละนาทีที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ด้วยเช่นกัน

เมื่อถึงชั้น 25 กรก็โดนลมสั่งให้เจ้าตัวไปนอนพักเอาเเรงที่ห้องประชุมเล็กก่อนสักสองสามชั่วโมง ซึ่งกรเองก็พร้อมทำตามคำสั่งด้วยความเต็มใจ

กรวางกล่องที่คีย์ให้มาไว้บนโต๊ะใกล้ๆกับเเก้วกาเเฟ จากนั้นก็ค่อยๆเเกะฝากล่องออก เมื่อเห็นของที่อยู่ด้านใน รอยยิ้มเล็กๆของกรก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ข้างในกล่องที่คีย์ให้มาเป็นเเซนด์วิชจำนวนสามชิ้น พร้อมกับกระดาษที่เขียนข้อความไว้

'กินเเซนด์วิช นั่งให้ย่อย เเล้วไปนอนซะ เห็นสภาพเเล้วรำคาญลูกตา" พร้อมกับวาดรูปอีโมจิใบหน้าเบ้ปากกับใบหน้าเเลบลิ้นมาให้ด้วย

หึ! น่ารักดี.............


........................................................................

ทางด้านร้าน keyword cafe


"อืมมมมมมมมมมมม"

"............"

"อื่มมมมมมมมมมม"

"..........."

"อื้มมมมมมมมมมม"

"อย่าลืม อื๊ม อื๋ม ด้วยละ จะได้ผันวรรณยุกต์ครบทุกเสียง" คีย์ถลึงตาโตใส่นาทีที่ยืนอมยิ้มอยู่ใกล้ๆ "มึงข้องใจอะไรถามมาเลยดีกว่าไอ้ที มัวเเต่ดึงท่าอยู่ได้

คีย์ที่เห็นท่าทางกรุ้มกริ่มยามที่นาทีมองมาที่เขาเเล้วมันรู้สึกชวนให้หงิดหงุดซะจริงๆ ยิ่งไอ้น้ำเสียงอืมยาวๆนั่นอีก

"เปล๊า เราไม่ได้ข้องใจอะไร"

"เเต่สีหน้ามึงไม่ได้บอกเเบบนั้น"

"หน้าเราก็ปกติ เเต่จะว่าไปก็น่าเเปลกเหมือนกันนะเนี่ย ปกติคีย์ดูไม่ชอบหน้าคุณกรจะตายไป ทำไมวันนี้ถึงชงกาเเฟให้ล่ะ"

"กะ ก็โดนขู่เหมือนเดิมนั่นเเหละ กูไม่อยากเถียงด้วย เลยทำๆไป"

"อ่อ เเซนด์วิชที่ให้ไปก็โดนขู่เหมือนกันสินะ"

"ก็ใช่ไง มึงมัวเเต่สงสัยอะไรเนี่ย ไปเตรียมของเตรียมเปิดร้านได้เเล้ว" คีย์เเสร้งทำเป็นไล่นาที เพราะไม่อยากให้นาทีถามอะไรต่อ

"เราก็เเค่ถามเอง ไม่เห็นจะต้องไล่เลย"

"งอเเงเก่งนะมึงตั้งเเต่ได้ลาหยุดไปสองวัน จะว่าไปผัวมึงก็โหดเหมือนกันนะ"

"คีย์!" นาทีหน้าเเดงก่ำเมื่อโดนคีย์เอ่ยเเซวถึงสาเหตุที่ทำให้ตัวเขาต้องหยุดงานไปสองวัน เเละในตอนเช้าของวันจันทร์ที่ผ่านมาข้าวกล่องของน้องตุลย์ก็ได้คีย์เป็นคนทำให้จริงๆด้วย น่าอายชะมัด

"ทีอย่างนี้ละทำเป็นอาย ทีคืนนั้นบ้านเเทบพังไม่เห็นจะอายอะไร"

"คีตกานต์! เราไม่คุยด้วยเเล้ว ไปกวาดร้านดีกว่า"

นาทีรีบเดินหนีคีย์ไปด้านหลังร้านอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าคีย์เเซวเล่นต้องการให้เขาอาย เเละมันก็ได้ผลดีซะด้วย คิดว่าวันนี้จะชนะคีย์ได้เเล้วเเท้ๆ ตอนเเรกก็เหมือนจะชนะอยู่หรอก ทำไมสุดท้ายถึงเเพ้คีย์อีกเเล้วเนี่ย เอาว่ะ! รอบหน้ายังมี นาทีมั่นใจว่าระหว่างคีย์กับคุณกรมันต้องได้ไปต่อเเน่ๆ เขาสัมผัสได้......เตรียมคำเเซวรอได้เลยนาที

ฝ่ายคีย์เองหลังจากที่ยืนเถียงกับเพื่อนรักจนเพื่อนรักยอมเเพ้เดินหนีหายไปหลังร้านเเล้ว เจ้าตัวก็ออกมาจัดการเก็บพวกอุปกรณ์ทำเเซนด์วิชที่ยังคงตั้งเกะกะให้กลับไปอยู่ที่เดิม

คีย์ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทำเเซนด์วิชให้คนที่ตัวเองไม่ชอบหน้าโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้เอ่ยขอด้วย เเต่พอเห็นหน้าที่ดูโทรมๆล้าๆนั่งดื่มเเต่กาเเฟเเก้วเดียวเเล้วมันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ เเละถ้าให้เขาเดาผู้ชายคนนั้นก็คงไม่คิดจะหาข้าวเช้ากินเเน่ๆ เขาไม่ได้เป็นห่วงผู้ชายหน้านิ่งคนนั้นหรอกนะ เเค่ไม่อยากให้มาช็อกตายคาบริษัทก็เท่านั้นเอง ก็เขากลัวผียิ่งกว่าอะไรดี ถ้านายคนนั้นตายไปต้องเฮี้ยนมากเเน่ๆ เห็นไหมว่าที่เขาทำไปก็เพื่อตัวเขาเองทั้งนั้น

"เฮ้อ~ เเต่ทำไมถึงสลัดไอ้น้ำเสียงอ้อนๆที่มาพร้อมกับคำว่า 'ครับ' ของนายคนนั้นไม่หลุดเลยวะ.......ออกไปนะ ออกไป ป้าบๆ!" คีย์สะบัดหัวตัวเองพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างตบเเก้มตัวเองเเรงๆเพื่อเรียกสติตัวเองกลับคืนมา

บ้า......

บ้าเเน่ๆๆๆ......

มึงบ้าไปแล้วเเน่ๆไอ้คีย์.....


กริ๊ง! กริ๊ง!

ในขณะที่คีย์กำลังทะเลาะกับตัวเอง ประตูร้านก็เปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับเปอร์ที่เดินยิ้มหน้าระรื่นเข้ามาภายในร้าน

"คีย์ครับ"

"ครับอะไรของมึง เเล้วไหนคำว่าพี่นำหน้า"

"ผมผิดอะไรเนี่ยพี่คีย์ ทุกเช้าก็หยอกเเบบนี้ตลอด"

"ผิดตรงมึงพูดครับไง ห้ามครับ ถ้ามึงพูดครับอีก กูจะหักเงินเดือนมึง" ว่าจบคีย์ก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้เปอร์ยืนเกาหัวตัวเองด้วยความงง

"อะไรของเขา เขาเป็นอะไร ใครก็ได้บอกเปอร์ที"




.......................................................................

TBC.

ตอนนี้ขอพื้นที่ให้เรือกรคีย์ วิ่งหน่อยค้าบบบบบ

ฝากเอ็นดูคู่นี้ด้วยนะคะ นานๆน้องๆจะมีแอร์ไทม์ 555 (กระซิบๆ ตอนเเทรกเต็มๆของน้องๆมีประมาณห้าหกตอนค่ะ)

ส่วนตอนหน้าไปเจอกับคนนิสัยไม่ดีที่ทำร้ายน้องทีกันค่ะ


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ติดตาม คอมเมนท์ เป็นกำลังใจให้เรานะคะ

ขอบคุณค่ะ

ขอให้ทุกๆคนสนุกกับการอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-10-2021 11:59:01
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 17-10-2021 13:24:17
 :hao6: :laugh:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 17-10-2021 14:25:41
เรือจะแล่นไวถ้ากัปตันเรือเป็นคนแล่นเอง...
คุณต้นหนเรือรีบวางแผนการเดินเรือเร็วๆนะคะ
รอลุ้นค่ะ...

ส่วนอีกคู่ทำไมน้องงอนอะ ต้องมี behind the scenes แน่ๆเลย... คุคุ...
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 20) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 17-10-2021 14:37:36
20
เมื่อแตะต้องคนสำคัญ

"คุณคือคัยกาน หนูคือตูนตู๊น ตูนตู๊นเด็กน้อยนิฉัยดีน่าร๊าก คิกคิก~~"

ประโยคการพูดที่มีการใส่จังหวะทำนอง ที่ดูจะไม่ค่อยลงจังหวะสักเท่าไหร่ของเด็กชายตุลย์ดังขึ้นเป็นระยะๆ

นาทียืนกอดอกมองลูกชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวสูงหลังเคาน์เตอร์คิดเงินภายในร้านกาแฟด้วยใบหน้าขบขัน วันนี้เป็นวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดเรียนของลูกชาย เเละเป็นปกติที่นาทีจะพาเด็กชายตุลย์มาทำงานด้วยในวันหยุดเเบบนี้เสมอ เนื่องจากบริษัทนี้ทำงานตั้งเเต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ ร้านของคีย์จึงต้องเปิดตั้งเเต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์เช่นกัน

ส่วนเรื่องประโยคติดปากของเด็กชายตุลย์ในเวลานี้ นาทีก็ไม่เเน่ใจเหมือนกันว่าลูกชายไปได้ยินประโยคนี้มาจากที่ไหน ถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นจากการ์ตูนสักเรื่อง หรือไม่ก็จากที่โรงเรียน เเต่นาทีคิดว่าน่าจะมาจากที่โรงเรียนมากกว่า เพราะครั้งเเรกที่ได้ยินลูกชายร้องก็เป็นตอนที่นั่งรถกลับจากโรงเรียนเมื่อวาน

"นิสัยดีน่ารักจริงๆเหรอหมูตุ้บ" คีย์ที่ได้ยินหลานชายฮึมฮัมประโยคนี้ตั้งเเต่เมื่อวานตอนเย็นมาจนถึงตอนนี้เอ่ยเย้าขึ้น

"จิงที่ฉุดเยยคับ" เด็กชายตุลย์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักเเน่น

"ฮ่าๆๆ ครับๆๆ อาคีย์เชื่อครับ ว่าหมูตุ้บของอาคีย์นิสัยดีน่ารักที่หนึ่งเลย"

"คิกคิก ที่หนึ่งเยย" เมื่อได้รับการยอมรับเเละคำชม เด็กชายตุลย์ก็ยิ้มร่าโชว์ฟันน้ำนมซี่สวยให้คนเป็นอาทันที

" น้องตุลย์ได้ยินประโยคเหล่านี้มาจากที่ไหนเหรอครับ" นาทีเอ่ยถามลูกชายด้วยความสงสัย

"ต้นหญ้าคับ ต้นหญ้าฉอน ต้นหญ้าบอกตูนตูนน่ารัก" ตอบคนเป็นเเม่ไปเด็กชายตุลย์ก็เขินอายม้วนต้วนไป

ภาพเขินอายของเด็กชายเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนเป็นเเม่เเละคนเป็นอาได้เป็นอย่างดี

"โดนต้นหญ้าชมว่าน่ารัก ถึงกับเขินตัวบิดเลยเหรอหมูตุ้บ" คีย์ที่เห็นท่าทางของหลานชายก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเเซ็ว

"คับ แฟนกาน" เด็กชายตุลย์พูดด้วยความขวยเขิน

"ฮ่าๆๆๆ หมูตุ้บเอ้ย" คีย์ที่ทนความน่ารักของหลานไม่ไหว เดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับยกมือขยี้ผมของหลานแรงๆด้วยความมันเขี้ยว จนผมของเด็กชายตุลย์ชี้โด่ชี้เด่ไม่เป็นทรง


กริ๊ง! กริ๊ง!

เสียงกระดิ่งที่กระทบกับประตูร้านดังขึ้นเรียกสายตาของทั้งสามคนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ให้หันไปมอง ยามเมื่อเห็นว่าใครที่เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าของทั้งสามคนก็ยกยิ้มกว้าง เเต่เหมือนว่าเด็กชายตุลย์ดูจะยิ้มกว้างเเละดีอกดีใจยิ่งกว่าใครๆ

"ลุงตินๆๆๆๆๆ"

"น้องตุลย์ไม่เขย่าตัวเเบบนั้นนะครับ" นาทีเอ่ยดุลูกชายเบาๆ เมื่อเห็นว่าเด็กชายตุลย์เขย่าตัวเองเเรงๆด้วยความดีใจ จนเก้าอี้สั่นไหวดูน่าหวาดเสียว

"ตูนตูนดีจาย ที่เจอลุงติน" เมื่อโดนดุเด็กชายตุลย์ก็หันไปบอกเหตุผลให้คนเป็นเเม่ฟังด้วยสายตาออดอ้อน

"ดีใจได้ครับหม่าม้าไม่ว่า เเต่น้องตุลย์ก็ต้องระวังด้วยนะครับเพราะตอนนี้น้องตุลย์นั่งอยู่บนเก้าอี้สูง ถ้าตกลงมาน้องตุลย์อาจจะเจ็บโอ๊ยๆได้นะครับ"

"เจ็บโอ๊ยๆเยยหรอหม่าม้า"

"ใช่ครับ เจ็บโอ๊ยๆเลย"

"งั้นระวังเยย ตูนตูนระวังเยย ตูนตูนไม่อยากเจ็บโอ๊ยๆ"

"เก่งมากครับ" นาทียื่นมือไปลูบหัวลูกชายเบาๆ

"ไงตูนตูน โดนหม่าม้าดุอีกเเล้วเหรอครับ" ตฤณที่ยืนมองสองเเม่ลูกคุยกันถามเด็กชายขึ้น เมื่อเห็นว่าสองเเม่ลูกคุยกันเสร็จเเล้ว

"ลุงติน ตูนตูนสวัสดีคับ ม่ายด้ายดุน้าลุงติน หม่าม้าเป็นห่วง"

คำตอบที่เเสนน่ารักของเด็กชายตุลย์ทำให้นาทีเอ็นดูจับใจ จนต้องก้มลงหอมหัวของลูกชายแรงๆ

"ไงพี่ตฤณ หายหน้าหายตาเลยนะ ลืมหมดเเล้วมั้งน้องนุ่งเนี่ย"

"ใครจะลืมคุณคีย์คนที่ชงกาแฟอร่อยที่สุดในโลกได้ละครับ"

"พูดเเบบนี้ผมให้กินฟรีหมดร้านเลยครับ"

"ไม่ค่อยจะบ้ายอเลยนะคีย์" นาทีที่เห็นท่าทางเชิดๆกับการยักคิ้วหลิ่วตาของเพื่อนก็อดที่จะพูดแซะออกมาไม่ได้

"ก็มันเรื่องจริง"

"ครับๆ... พี่ตฤณรับอะไรดีครับวันนี้" นาทีรับคำคีย์แบบผ่านๆ จากนั้นก็หันไปคุยกับตฤณเเทน

"ลุงตินรับอารายดีคับ"  เด็กชายตุลย์ที่วันนี้ได้รับหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นบ้างหลังจากที่ได้ยินคนเป็นเเม่ถามขึ้น

"ตินตินขอรับตูนตูนไปไว้ที่บ้านได้ไหมครับ"

"ม่ายด้ายคับ"

"ทำไมละครับ"

"เดี๋ยวหม่าม้าม่ายมีคนดูเเลคับ"

"เเต่ที่บ้านตินตินมีไอติมคุณหมีด้วยนะ ตูนตูนไม่สนใจเหรอครับ" ตฤณเลือกใช้ไอติมของโปรดของเด็กชายตุลย์มาล่อ เเละรอดูท่าทางว่าเจ้าตัวเล็กจะทำอย่างไร

"ไอติมคุณหมีหรอลุงติน" น้ำเสียงที่ส่งมาบ่งบอกได้ชัดเจนว่าตอนนี้เด็กชายตุลย์เกิดอาการลังเลขึ้นเสียเเล้ว

"ฮ่าๆ หมูตุ้บ จะใจง่ายเพราะไอติมคุณหมีไม่ได้นะ เราต้องหนักเเน่น"

"แต่นั่นมันไอติมคุณหมีเลยน้าอาคีย์" เด็กชายตุลย์หันไปมองหน้าคนเป็นอาตาเเป๋ว

ผู้ใหญ่ทั้งสามคนหัวเราะออกมาพร้อมๆกันให้กับท่าทางของเด็กชาย ก่อนที่นาทีจะหันไปถามตุลย์อีกครั้งว่าจะทานอะไร เมื่อได้รับออเดอร์จากตฤณ คีย์ก็ขอเเยกตัวไปชงกาเเฟให้ตฤณก่อน นาทียังคงยืนคุยกับตฤณอยู่ที่เดิม ส่วนเด็กชายตุลย์ก็โดนเปอร์มาขโมยตัวไปเรียบร้อยเเล้ว

"ไปนานเลยเหรอครับรอบนี้" นาทีเอ่ยถามขึ้นเมื่อได้ยินตฤณบอกว่าที่มาวันนี้ก็เพราะจะมาบอกว่าตัวเองจะต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ

"ก็อาจจะหกเดือน หรือไม่ก็ปีนึง ช่วงนี้ที่พี่ไม่ค่อยได้มาที่ร้านเลยเพราะงานยุ่งมากๆ รู้ตัวอีกทีอาทิตย์หน้าก็ต้องบินเเล้ว วันนี้ว่างพี่เลยเเวะมาหา กลัวว่าหลังจากนี้จะไม่ว่างมา"

"โห ไปนานมากเลยนะครับ อย่างนี้น้องตุลย์คงคิดถึงลุงตินของเขาเเย่เลย"

"เเล้วหม่าม้าของตูนตูนไม่คิดถึงตินตินบ้างเหรอครับ"

"ไม่คิดครับ!"

"พี่ลม!"

"เฮ้อ!"

ลมเดินหน้าทะมึนทึงมาหานาที เขาเข้ามาในร้านเเล้วได้ยินประโยคชวนหงุดหงิดนั่นพอดี ก็ว่าทำไมตอนเขาเปิดประตูเข้ามาถึงไม่มีรอยยิ้มต้อนรับให้เห็นเหมือนทุกวัน เพราะมีคนมาวุ่นวายอยู่กับคนของเขานี่เอง

นาทีเองมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยที่ลมมาที่ร้าน สายตาที่มองลมหรี่ลงอย่างจับผิด เมื่อคิดว่ามีใครไปบอกอะไรลมอีกหรือเปล่าถึงได้มาเวลาเหมาะเจาะพอดีขนาดนี้

ส่วนตฤณเองทำเพียงเเค่นั่งอยู่บนเก้าอี้สูงหน้าเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าเบื่อๆที่โดนหมาหวงเจ้าของจ้องมองกดดันเขาไม่เลิก ไอ้ประโยคที่พูดเมื่อกี้เขาก็เเค่พูดหยอกเล่นๆ นาทีเองก็รู้ดี เเต่เหมือนหมาตัวโตของนาทีนั้นจะไม่ยอมรับรู้ด้วย เเต่ก็นะ..เคยมีทีท่าจีบเมียเขามาก่อน จะโดนเขม่นก็ไม่ใช่เรื่องเเปลกอะไร

"คุณนาทีสวัสดีครับ"

เสียงคุ้นหูที่เอ่ยเรียกนาที ทำให้นาทีรีบหันหน้าไปมอง ก็พบกับขุนที่ยืนยิ้มแป้น เเละกรที่ก้มตัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทาย ยิ่งนาทีเห็นว่าลมมาพร้อมกับคนสนิทเเบบครบทีมก็ยิ่งขมวดคิ้วสงสัยหนัก จนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป...

"จะไปไหนกันเหรอครับ"

"พอดีว่าพวกเราต้องไปทำธุระข้างนอกครับ เเต่บอสอยากเเวะมาหาคุณนาทีกับน้องตุลย์ก่อน ส่วนผมอยากจะมาหากาเเฟติดมือสักเเก้วเลยตามมาด้วย" ขุนเป็นคนตอบคำถามของนาที "ส่วนพี่กร เอ่อ....ผมไม่ทราบครับ" เขาไม่รู้จริงๆว่าพี่กรตามเข้ามาด้วยทำไม ปกติพี่กรมักจะรอบอสอยู่ด้านนอกร้านเสมอ

"อ่อ ครับ"

"พี่ตฤณกาแฟกับขนมได้เเล้ว........ครับ" เสียงของคีย์เบาลงในตอนท้าย พร้อมกับสีหน้ามึนงงชวนสงสัยว่าผู้ชายพวกนี้มายืนทำอะไรกันเต็มหน้าเคาน์เตอร์ไปเสียหมด เเถมยังมีบางคนเดินมาด้านหลังเคาน์เตอร์เเล้วกอดเอวเพื่อนรักเขาไว้ด้วยความหวงเเหนอย่างออกนอกหน้านอกตาอีกด้วย เเล้วไอ้บรรยากาศจะวางมวยกันเเบบนี้มันคืออะไรวะ เเค่หลบไปหลังร้านเเป๊บเดียว เหมือนพลาดอะไรสำคัญไปเลย เเล้วนายหน้านิ่งเป็นอะไรมากหรือเปล่า จ้องเขาอยู่ได้ เห็นเเล้วอยากเดินไปจิ้มตาชะมัด

"ขอบคุณมากคีย์" ตฤณยื่นมือไปรับเเก้วกาเเฟจากคีย์มาไว้ในมือ "เเต่ขนมพี่ไม่ได้สั่งนะ"

"ผมเเถมให้" คีย์เลิกสนใจคนมาใหม่ แล้วกลับมาสนใจคุยกับตฤณเเทน " ผมจำได้ว่าพี่ชอบ พอดีผมให้ไอ้ทีอบให้กิน เเล้วไอ้ทีดันทำซะเยอะเลย ผมเลยเอามาเเบ่ง"

"ทำไมวันนี้ใจดี"

"ผมก็ใจดีตลอดเเหละ"

"แต่วันนี้ถุงใหญ่กว่าปกตินะ"

"ก็เเถมให้ เนื่องในโอกาสที่พี่ชมว่าผมชงกาเเฟอร่อยที่สุดในโลกไง"

"บ้ายอเเบบที่นาทีว่าจริงๆด้วยนะเราอ่ะ" ตฤณยื่นมือไปขยี้หัวคีย์ที่เขาเอ็นดูเหมือนน้องชายด้วยความมันเขี้ยว

"อะ แฮ่ม! แฮ่ม"

"กระดูกติดคอเหรอคุณ" คีย์ละสายตาจากตฤณ มาถลึงตามองกรที่ยืนกระเเอมกระไออยู่ใกล้ๆเเทน

"คงงั้น ว่าเเต่เจ้าของร้านนี้คงรวยมากเลยนะครับ ดูไม่ค่อยสนใจลูกค้าเลย ขนาดลูกค้ามายืนรอก็มัวเเต่คุยเล่น"

"เอ๊ะคุณ! หาเรื่องเหรอ"

"คีย์ใจเย็น" นาทีจับเเขนทีไว้ เมื่อเห็นท่าทางชวนมีเรื่องของคีย์

"หึ!"

ตฤณยืนมองท่าทางระหว่างกรกับคีย์ก็ได้เเต่สงสัย ตัวของคีย์เขาไม่ค่อยสงสัยเท่าไหร่หรอก เเต่ไอ้คนที่ชื่อกรอะไรเนี่ย ดูน่าสงสัย เเววตาเสี้ยวนึงที่มองมาที่เขาก่อนจะเเปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเหมือนเดิม มันชวนให้เขารู้สึกว่าตัวเองอาจจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนโดยไม่ได้ตั้งใจ  เฮ้อ! เวรกรรมอะไรของไอ้ตฤณวะเนี่ย

"เฮ้อ พี่กลับก่อนดีกว่า ไว้ก่อนเดินทางถ้าพี่ว่างจะแวะมาหาใหม่นะ"

"อ้าวกลับเเล้วเหรอพี่ตฤณ " คีย์ที่เห็นว่าตฤณกำลังเก็บของเเละลุกออกจากเก้าอี้ถามขึ้น

"อืม หมาบ้าสองตัวพี่สู้ไม่ไหวหรอก ไว้เจอกันใหม่นะนาที คีย์"

"ไม่ต้องเจอกันอีกจะดีมากครั...โอ๊ย ที~ พี่เจ็บครับ" ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคลมก็โดนนาทีหยิกเข้าที่หน้าท้องจนเผลอร้องเสียงดังออกมา หมดกันภาพพี่ลมคนขรึม โดนเมียหยิกที เสียภาพลักษณ์หมดเลย

"ครับ ถ้าว่างก็เเวะมานะครับ น้องตุลย์ยังไม่ได้กอดลุงตฤณของเขาเลย"

"ได้สิ"

"พี่จะไปต่างประเทศอีกเเล้วเหรอ เพิ่งกลับมาเอง อย่างนี้ผมก็คิดถึงเเย่เลยสิครับ พี่ต้องติดต่อผมมาบ้างนะ ผมคิดถึง"

"เลิกพูดคำว่าคิดถึงเถอะคีย์" เขาก็รู้สึกดีใจเเหละที่น้องนุ่งมันคิดถึงกัน เเต่เขาอยากให้คีย์หันไปปรึกษาคนที่ยืนหน้านิ่งอยู่สักนิด เขาโดนสายตาของนายกรอะไรนั้นมองทิ่มเเทงจนเเทบจะพรุนอยู่เเล้ว

"ก็ผมคิดถึงจริงๆ"

"ครับๆๆ พี่ไปแล้วนะสองคน ถ้ายังอยู่ต่อมีหวังคงโดนฆ่าหมกร้านเเน่ๆ ไปนะ เจอกัน ผมไปก่อนนะครับ"บอกลาบรรดาน้องชายเสร็จ ก็ไม่ลืมหันไปบอกลาชายหนุ่มสามคนที่ยืนอยู่ข้างๆด้วย "อ้อ! เเล้วพวกคุณสองคนก็เลิกมองผมเหมือนจะฆ่าผมสักที ผมไม่ได้มาจีบใครทั้งนั้นเเหละ!" ว่าจบตฤณก็เดินออกจากร้านทันที ตอนเเรกเขาคิดว่าจะไม่พูดเเล้วนะ เเต่สองคนนั้นดันมองเขาไม่เลิกเอง


"พี่ลมทำตัวไม่น่ารักอีกเเล้วนะครับ" คล้อยหลังของตฤณ นาทีก็หันมาดุลมเบาๆที่พูดจาไม่ค่อยดีกับตฤณออกไป

"ก็เขามาจีบเมียพี่ พี่ก็ต้องไม่พอใจเป็นธรรมดา ก็พี่รัก พี่หวง ของพี่นี่น่า"

"พี่ตฤณเขามาลาเพราะต้องไปทำงานต่างประเทศนานเเค่นั้นเองครับ อีกอย่างทีบอกกี่ครั้งเเล้วครับว่าทีกับพี่ตฤณเราเป็นพี่น้องกัน ถ้ารอบหน้ายังพูดจาไม่น่ารักอีก ทีจะไม่คุยด้วยเเล้วนะครับ"

"ไม่เห็นต้องมาลาเลย อยากไปก็ไปสิ ใครอยากรู้ เเล้วเนี่ยเห็นไหม ขนาดตอนนี้ทียังดุพี่เพราะผู้ชายคนนั้นเลย"

"พี่ลม~ ทีจะทำยังไงกับพี่ดีนะ" นาทีบ่นออกมาด้วยเสียงอ่อนใจให้กับความดื้อดึงของคนตัวโต เเล้วดูสิ ลูกน้องก็อยู่ตรงหน้า ไม่คิดจะรักษาภาพลักษณ์เลยหรือไงกัน


"บอสมองผู้ชายคนนั้นตาขวางผมไม่ติดใจ เเต่พี่กร พี่ไปมองเขาตาขวางด้วยทำไม ผมยังไม่เห็นเขาจะทำอะไรให้พี่เลย"

ขุนละสายตาจากบทสนทนาของคนเป็นเจ้านาย มาถามคนที่ยืนข้างๆเขาเเทน เเต่ดูเหมือนสายตาของคนที่ยืนข้างๆเขา จะมองตรงไปยังคุณเจ้าของร้านกาเเฟอย่างไม่วางตาแทน  เดี๋ยวก่อนนะ! บรรยากาศเเบบนี้คืออะไร เเล้วทำไมอยู่ๆถึงได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินไปได้เนี่ย

"เปล่า ก็มองปกติ"

ขุนที่ไม่อยากจะเซ้าซี้อะไรให้มากความ ด้วยกลัวจะเสียเวลามากไปกว่านี้ จึงหันไปเอ่ยเตือนคนเป็นเจ้านายเเทน เอ่ยเตือนสร็จเจ้าตัวก็หันไปสั่งกาเเฟที่ต้องการกับคีย์ต่อ

ส่วนลมที่โดนเอ่ยเตือนก็เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองมาทำอะไร ลมเอ่ยบอกกับนาทีว่าวันนี้อาจจะไม่ได้กลับบ้านพร้อมกันเพราะมีธุระต้องออกไปจัดการ เเต่จะกลับไปทานข้าวเย็นด้วยเเน่นอน เมื่อบอกกล่าวเสร็จก็ไม่ลืมที่จะถามถึงลูกชายสุดที่รักของตัวเอง นาทีจึงบอกให้ลมรออยู่ก่อน ส่วนตัวเองจะเข้าไปตามลูกชายมาให้


"ป๊า" เด็กชายตุลย์ร้องเรียกคนเป็นพ่อด้วยความดีใจ

"ไงตัวเล็ก หายไปไหนมาครับ" ลมโน้มตัวลงยกลูกชายขึ้นมาอุ้มไว้

"ตูนตูนช่วยพี่เปอร์พับกาดาดอยู่คับ"

"เก่งจริงๆเลยนะตัวแค่นี้"

"คิกคิก ตูนตูนเก่ง" ได้ยินคำชมว่าเก่งทีไร เด็กชายตุลย์เป็นต้องยิ้มกว้างทุกที

"ครับ เก่งมาก เเล้ววันนี้คนเก่งของป๊ากับบ้านกับหม่าม้าสองคนได้ไหมครับ"

"ป๊าปายหนาย" รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กชายหายไปในทันที เมื่อได้ยินว่าวันนี้ป๊าไม่ได้กลับบ้านด้วยกัน

"ป๊าต้องไปทำงานข้างนอกครับ อาจจะกลับมาไม่ทัน เเต่ป๊ากลับไปทานมื้อเย็นกับอ่านนิทานให้ตัวเล็กฟัง ทันเเน่นอนครับ"

"ป๊าพูดจิงน้า"

"จริงครับ"

"ป๊าฉันยาก่อน" นิ้วก้อยเล็กๆของเด็กชายตุลย์ถูกยื่นไปตรงหน้าลม

"สัญญาครับ ตัวเล็กทำกับข้าวอร่อยๆไว้รอป๊าได้เลยครับ" ลมเกี่ยวกับสัญญากับลูกชายแน่น

"คับ"

ในตอนเเรกเด็กชายตุลย์ก็เกือบจะงอเเงอยู่เหมือนกันที่จะไม่ได้กลับพร้อมคนเป็นพ่อของตัวเอง เเต่เมื่อคนเป็นพ่อบอกว่าต้องออกไปทำงาน และจะกลับบ้านไปทานข้าวเย็นด้วยกัน เด็กชายตุลย์จึงไม่งอเเงเเละรับฟังอย่างว่าง่าย ก็ป๊าต้องไปทำงานเขาเข้าใจ หม่าม้ามักบอกว่า คนเราทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบ เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่หรอก เเต่คิดว่าการที่ป๊าทำงานก็คงเหมือนกับการที่เขาต้องไปโรงเรียนล่ะมั้ง หยุดเรียนตามใจตัวเองไม่ได้ เดี๋ยวจะเรียนตามเพื่อนๆไม่ทัน


"ถ้าอย่างนั้นป๊าไปนะครับ อาขุนกับอากรรออยู่ เจอกันที่บ้านนะตัวเล็ก"

"คับ"

ลมกอดลูกชายเเน่นอีกครั้งพร้อมกับหอมเเก้มซ้ายขวาไปอีกสามสี่ที ก่อนจะปล่อยให้ลูกชายวิ่งไปทักทายอาขุนกับอากรของเขาที่ยืนอยู่

"เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถมารับนะครับ"

"ทีนั่งเเท็กซี่กลับกับลูกก็ได้ครับ"

"ไม่ได้ครับ พี่เป็นห่วง"

"ครับๆ ไม่เห็นต้องทำหน้าดุเลย"

"ก็ทีดื้อ"

"ไปได้เเล้วครับ เดี๋ยวสายนะครับ"

"ครับ เจอกันที่บ้านตอนเย็นนะครับ"

"ครับ... น้องตุลย์มาบ๊ายบายป๊าก่อนครับ ป๊าจะไปแล้ว"

"ป๊า บ๊ายบาย จุ้บจุ้บ" นอกจากจะยกมือบ๊ายบายเเล้วยังมีการส่งยิ้มเป็นของเเถมเรียกร้อยยิ้มจากคนเป็นพ่ออีกด้วย


.......................................................................


"อาบรรพตอยู่กับพ่อเเล้วใช่ไหม"

ลมถามขึ้นเมื่อออกมาจากร้านเเละเข้ามานั่งเบาะข้างหลังภายในรถเรียบร้อยเเล้ว

"ครับ บอสใหญ่จะเป็นคนจัดการเอง" กรบอกออกไป

"อืม พ่อบอกเเล้ว"

"จริงสิเฮีย วันหลังถ้าเฮียไม่รีบก็บอกกันบ้างนะครับ ผมกับพี่กรตามตัวมาได้ตั้งเเต่วันพุธ เเต่เฮียเพิ่งว่างมาจัดการวันเสาร์ วันนั้นพวกผมทิ้งขวดเหล้าเพื่อเฮียเลยนะ เเถมยังต้องให้ข้าวให้น้ำพวกมันอีก เปลืองชะมัด" ขุนบ่นออกมายาวๆอย่างอัดอั้น ก็วันนั้นน้ำเสียงของเฮียมันบ่งบอกจะเอาให้ได้เสียตั้งเเต่ตอนนั้น พอจัดการมาให้ได้ ตัวเองก็ทำตัวสบายๆซะงั้น สงสารก็เเต่พี่กร เเทบไม่ได้หลับไม้ได้นอนสภาพราวกับซอมบี้ ส่วนตัวเองมัวเเต่ง้อเมียอยู่ มันใช่เรื่องซะที่ไหน

"เดี๋ยวเหมาโรงงานเหล้าให้เลย" ลมพูดออกไปเพื่อตัดความรำคาญ เเต่เหมือนว่าคนฟังจะคิดจริงจังไปเสียเเล้ว

"พูดเเล้วนะเฮีย"

"เออ!"

"หวานหมูเเล้วพี่กร"

ขุนหันไปพูดกับกรที่กำลังขับรถด้วยความอารมณ์ดี กรที่เห็นท่าทางเช่นนั้นก็ได้เเต่ส่ายหัวด้วยความระอาใจ สงสัยรอบนี้คงมีคนเมาจนลืมเลขที่บ้านจริงๆแน่

"ว่าเเต่ร้านคุณคีย์มีเเซนด์วิชเเบบนี้ขายด้วยเหรอพี่กร ทำไมเมื่อกี้ผมไม่เห็นล่ะ"

"นายพิเศษไม่พอไงละ"

"ห๊ะ!" ขุน

"หึ!" ลม

กรไม่ได้พูดอธิบายอะไรต่อ เขาหันหน้ากลับไปตั้งใจขับรถ ปล่อยให้ขุนงุนงงต่อไป ส่วนคนที่นั่งเบาะหลัง ดูจากสีหน้าก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรเเล้ว


ใช้เวลาบนท้องถนนไม่นานรถคันหรูสีดำเงาวับก็เดินทางมาถึงที่หมาย

ลมเปิดประตูรถลงไป พร้อมๆกับมีชายฉกรรจ์หลายคนวิ่งมาหาลม ทุกคนน้อมตัวลงทักทายลมด้วยความเคารพ ลมพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทาย ก่อนจะเดินตรงไปยังทางประตูทางเข้าของโกดัง โดยที่มีกรกับขุนเดินตามประกบซ้ายขวา

ลมเดินผ่านประตูโกดังที่มีคนรอเปิดไว้ให้  ตอนนี้สายตาของลมมองเห็นกลุ่มผู้ชายหกคนกำลังนั่งอยู่ ภายในโกดังมีกลิ่นอับเเละเหม็นสาบตลบอบอวนไปทั่วบริเวณ เนื่องจากโกดังเเห่งนี้เป็นโกดังที่ปิดมืดสนิท ช่องระบายอากาศก็มีเพียงช่องเล็กๆ พอให้อากาศผ่านไปและให้เเสงเเดดส่องเข้ามา

ลมเดินตรงไปนั่งยังเก้าอี้ตัวเดียวภายในห้องที่วางอยู่ตรงด้านหน้าชายหนุ่มพวกนั้น ลมปล่อยขาของตัวเองให้อยู่ในท่าสบายๆ แขนข้างนึงวางลงบนที่วางเเขนของเก้าอี้ มืออีกข้างก็ขยับเน็กไทเส้นสวยให้คลายออกเพื่อลดความอึดอัดให้ตัวเอง สายตามองตรงไปยังกลุ่มคนตรงหน้า ส่วนปากก็ขยับพูดด้วยน้าเสียงดุดัน จนคนที่ได้ฟังต่างก็รู้สึกกลัว

"ไง"

".........."

"เเตะต้องคนสำคัญของคนอื่น"

"........"

"พวกมึงคงเตรียมพร้อมรับผลกรรมเเล้วสินะ"



.......................................................................

TBC.

ตอนนี้มีคนหึงกี่คนคะ 55555

สงสารตินตินเขานะคะ อยู่ๆก็โดนเกลียดขี้หน้าเฉยเลย เเต่เราส่งตินตินไปต่างประเทศเเล้วค่ะ ไปต่างประเทศนะทุกคน  55555

ตอนนี้เอาเจ้าหนูตูนตูนมาเรียกคะเเนนความรักจากทุกๆคนด้วยค่ะ

ตอนก่อนบอกไว้ว่าจะเอาคนนิสัยไม่ดีที่ทำร้ายน้องทีมาให้ได้เจอกัน เราทำตามสัญญาเเล้วนะคะ พามาให้เจอเรียบร้อย


ขอให้ทุกๆคนสนุกกับการอ่านะคะ

ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาคอมเม้นต์กันนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg(ตอนที่ 21) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 17-10-2021 14:43:24
ก่อนหน้านี้แคนลงตอนที่ 20 แล้วนะคะ ถ้ายังไม่ได้อ่าน ย้อนขึ้นไปอ่านก่อนนะคะ เดี๋ยวจะ งง

21
เมื่อแตะต้องคนสำคัญ (2)

***คำเตือน : ตอนนี้มีฉากการใช้ความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน การใช้ความรุนเเรงของตัวละครไม่ควรลอกเลียนเเบบ ฉากความรุนแรง การเเก้เเค้น เขียนเพื่อเพิ่มอรรถรสในนิยายเท่านั้นค่ะ***



"ไง"

".........."

"เเตะต้องคนสำคัญของคนอื่น"

"........"

"พวกมึงคงเตรียมพร้อมรับผลกรรมเเล้วสินะ"

สิ้นคำพูดของลมบรรยากาศภายในโกดังยังคงตกอยู่ในความเงียบสงบ มีเพียงเสียงดังปริบๆที่เกิดจากการกระพริบของหลอดไฟด้านบนเท่านั้น เเละไม่นานภายในโกดังขนาดกลางที่เคยมืดสลัวก็สว่างวาบขึ้นทันที

กลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหกคนที่โดนจับมา ล้วนเเล้วเเต่รีบหลับตาลงทันทีที่เกิดเเสงสว่างขึ้น เนื่องจากพวกเขาอยู่กับความมืดมานาน พอพบเจอเเสง ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่คุ้นชินจนต้องหลับตาลงเพื่อปรับดวงตาให้คุ้นชินกับเเสงสว่างเสียก่อน

ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งชายฉกรรจ์ทั้งหกคนก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละคนสองคน พวกเขาใช้สายตากวาดมองสำรวจรอบๆห้อง ก่อนจะหยุดสายตากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงหน้าพวกเขา

ครั้นเมื่อได้เห็นชายหนุ่มตรงหน้าชัดๆ ดวงตาของพวกเขาทั้งหมดต่างก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ พวกเขาทั้งหมดจำผู้ชายคนนี้ได้

ผู้ชายคนนี้คือคนที่เคยโดนพวกเขาตามล่าเเละรุมทำร้ายจนมีสภาพปางตายเมื่อหลายปีก่อน

ผู้ชายคนนี้คือคนที่พวกเขาได้รับคำสั่งจากนายใหญ่ให้ตามหาตัวให้เจอ เเม้จะต้องพลิกเเผ่นดินหาก็ตาม

เเต่พวกเขาก็พลาด ความผิดพลาดครั้งแรกคือการปล่อยให้ผู้ชายคนนี้หนีรอดไปได้ ความผิดพลาดครั้งที่สองก็เกิดขึ้นอีกครั้งนั่นคือการที่พวกเขาไม่สามารถหาผู้ชายคนนี้เจอ เเละความผิดพลาดในครั้งนั้นส่งผลให้ตอนนี้กลับเป็นพวกเขาเองที่โดนตามล่า

ลูกชายคนเล็กของตระกูลเศรษฐ์ถิรคุณ ในเวลานี้ดูเปลี่ยนไปมากทีเดียว ไม่ว่าจะลักษณะท่าทาง การพูดการจา การวางตัว เเละไหนจะสายตาที่เรียบนิ่งสงบยากจะคาดเดานั่นอีก มันเป็นตัวบ่งบอกให้พวกเขารู้ว่า...

ลม ภูวิศ เศรษฐ์ถิรคุณ   ดูท่าจะไม่ใช่คุณชายไร้น้ำยาเหมือนเมื่อก่อนเเล้วจริงๆ

"มองกันเเบบนี้คงคุ้นเคยกันดีสินะ"  ลมยกยิ้มมุมปากให้กับกลุ่มคนตรงหน้า ดูจากท่าทางที่เเสดงออกมาเขาคิดว่าคนพวกนี้คงจะรู้จักเขาดีพอตัว

"อื้อๆๆ อือ อื้อ" หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ พยายามที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา เเต่เพราะปากที่โดนปิดสนิทด้วยผ้าสีดำอย่างเเน่นหนา ทำให้เสียงที่ดังออกมาจึงมีเเต่เสียงที่อื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์อยู่ภายในลำคอเท่านั้น

"ใจเย็นน่า ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวได้พูดเเน่" ลมเเสระยิ้มให้กับท่าทางที่ดูกลัวตายของชายคนนั้นด้วยความสมเพช ตอนทำคนอื่นสนุกสนาน พอตัวเองจะโดนบ้างถึงกับสนุกไม่ออก

ลมใช้สายตาไล่มองคนหกคนตรงหน้าทีละคนๆ จนสายตาไปหยุดลงตรงคนสุดท้ายที่ดูจะนิ่งสงบเเละกล้าสบตาเขาตรงๆไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่เพียงเเค่เขามองไปก็รีบก้มหน้าหลบสายตาทันที

ครั้นเมื่อได้เห็นหน้าชายคนนั้นเต็มๆตา เเววตาของลมก็ดูเเข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย ลมจำผู้ชายคนนี้ได้ ชายคนนี้คือหนึ่งในกลุ่มคนที่เคยลอบทำร้ายเขากับกรเมื่อหลายปีก่อน สาเหตุที่เขาจดจำใบหน้าของชายคนนี้ได้เพราะตอนที่กำลังหนีเอาชีวิตรอด เขาหันกลับไปมองยังด้านหลังก็เห็นชายคนนี้กำลังถอดหมวกกันน็อคออกเพื่อคุยโทรศัพท์อยู่พอดี

"คนคุ้นเคยกันจริงๆด้วย หึ!" ลมพูดด้วยท่าทางสบายๆ พิงหลังไปกับพนักพิงของเก้าอี้

ท่าทางสบายๆที่ดูสบายเกินเหตุของลมไม่ได้ช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นรู้สึกสบายตามไปด้วยสักนิด ท่าทางเเบบนั้นมันยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกหวาดระเเวงมากขึ้นอีกเท่าตัว ลมที่สงบๆในเวลานี้ ภายในอาจจะมีพายุกำลังก่อตัวอยู่ก็ได้ ถ้าเลือกได้ พวกเขาอยากให้ลมเป็นลมพายุเสียยังดีกว่า ดีกว่าเป็นลมที่นิ่งสงบนั่งมองดูพวกเขานิ่งๆเเบบนี้


ทางด้านของกรเเละขุนที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง

"เฮียเขาจะนั่งมองพวกนั้นนิ่งๆไปอีกนานเเค่ไหนเนี่ยพี่กร ผมละอึดอัดเเทน"

"ไม่รู้สิ"

"เฮ้อออออออออออ!"

"เป็นอะไร" กรที่ได้ยินเสียงถอนหายในยาวๆของรุ่นน้องเอ่ยถามขึ้น

"ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังผิดคำสาบาน"

"คำสาบาน?" กรถามขึ้นด้วยความสงสัย

"ก็ไอ้เรื่องข่าวลือที่บอกว่าบอสคนใหม่เป็นมาเฟีย ฆ่าคนได้ง่ายๆนั่นไง ไอ้ผมก็อุตส่าห์ไปแก้ข่าวกล่าวคำสาบาน ว่าพวกเราไม่ใช่มาเฟีย ข่าวลือที่ได้ยินมามั่วทั้งเพ ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบันตอนนี้ เฮ้ออออออ!" ขุนทำหน้าเซ็งๆยามเมื่อหันไปเห็นลมที่กำลังเล่นสงครามประสาทจ้องตากับกลุ่มคนตรงหน้า

"คิดมากน่า พวกเราก็ไม่ใช่มาเฟียจริงๆนะ นายไม่ผิดคำสาบานหรอก"

"พี่คิดอย่างนั้นจริงดิพี่กร คุณดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้เเละกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยครับ คุณคิรากร"

"ไม่ถึงกับตายหรอก อย่างมากก็เเค่ทรมาน"

"ให้จริงเถอะครับ"

"นายพูดอยู่บ่อยๆไม่ใช่เหรอ ว่าฆ่าคนไม่ได้ฆ่ากันง่ายๆเหมือนทุบหัวปลาหมอ ใช่คิดอยากจะฆ่าก็ฆ่าได้เลย"

"หึ พูดเเบบนี้ไม่ใช่ว่าเฮียกับพี่กรวางเเผนกันมาอย่างดีเเล้วเหรอครับ"

กรไม่ได้โต้ตอบคำพูดของขุน ทำเพียงเเค่ไหวไหล่เท่านั้น ขุนที่เห็นเเบบนั้นก็เบ้ปากเเล้วกลับไปสนใจเหตุการณ์ตรงหน้าต่อ


"เอาละ! หมดเวลาเล่นเกมจ้องตากันเเล้ว เรามาเคลียร์เรื่องราวให้มันจบๆไปดีกว่า โดยเริ่มจาก........."

ลมใช้สายตาไล่มองกลุ่มคนตรงหน้าทีละคนๆ เขาสังเกตเห็นว่าเเต่ละคนมีรอยฟกช้ำดำเขียวอยู่ไม่น้อย เเต่สภาพก็ไม่ได้สะบักสะบอมหนักจนดูเหมือนคนใกล้จะตาย ลมยกยิ้มอย่างพอใจ เเบบนี้ดีเเล้ว เล่นกับคนใกล้ตายจะไปสนุกอะไรละ จริงไหม?

"มึง!..... คือคนเเรก"

ชายหนุ่มคนเเรกที่ลมชี้ คือคนที่ลมจำหน้าได้ว่าเคยทำร้ายเขาเมื่อหลายปีก่อน

"ดีใจไหมที่ได้เจอกันอีกครั้ง ครั้งนั้นมึงพลาดเองที่ปล่อยให้กูรอด เเต่ครั้งนี้เสียใจด้วย ลำพังเเค่ทำร้ายกู กูพอจะปล่อยผ่านไปได้ เเต่มึงเสือกมาเเตะต้องคนสำคัญของกู มึงคิดว่าไง กูควรจะปล่อยให้มึงกลับไปเเบบครบสามสิบสองไหม"

"อื้อ อือ"

"แกะผ้าปิดปากมัน"

สิ้นเสียงคำสั่งของลม ลูกน้องที่อยู่ใกล้ชายคนนั้นที่สุดรีบเดินไปเเกะผ้าปิดปากของชายคนนั้นออกทันที

"ถุย" สิ่งเเรกที่ชายคนนั้นทำคือการถมน้ำลายลงพื้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเเสระยิ้มให้ลม "จะฆ่าก็รีบฆ่า อย่ามัวเเต่ลีลา"

"ใจเย็นน่า"

"หึ! หรือที่เเท้มึงก็ยังคงเป็นไอ้ไก่ก่อนที่คอยเเต่จะให้พ่อกับพี่ชายกางปีกปกป้อ.."

ผลั๊วะ! ไม่ปล่อยให้ชายคนนั้นได้พูดจบประโยค ลมปล่อยหมัดหนักๆเข้ากระเเทกใบหน้าชายคนนั้นจนมุมปากมีเลือดซึมออกมา

"รับความจริงไม่ได้เหรอ"

"หุบปาก" ลมกดเสียงต่ำ

"จับพวกกูเพราะอยากเเก้เเค้นให้คนสำคัญ คนสำคัญที่มึงทิ้งเขาไว้หนะเหรอ"

"กูบอกให้มึงหุบปาก!"  เสียงตวาดของลมดังก้องไปทั่วไปบริเวณ มือของลมกำเเน่นเข้าหากันยามเมื่อโดนอีกฝ่ายพูดเเทงใจดำ "มัดปากมันไว้ กูเปลี่ยนใจเเล้ว มึงจะเป็นคนสุดท้ายที่กูจะเล่นด้วย....... แก้มัดพวกที่เหลือ"

"ปล่อยผมไปเถอะครับ"

"ได้โปรดอย่าทำอะไรผมเลย"

"ผมเพียงเเค่ทำตามคำสั่งนาย"

"ได้โปรดนะครับ"

"ได้โปรดๆๆๆ"

ทันทีที่หลุดพ้นจากพันธนาการ ชายฉกรรจ์เหล่านั้นต่างก็อ้อนวอนขอความเห็นใจจากลมในทันที พวกเขามันเเค่พวกปลายเเถว เมื่อได้รับคำสั่งก็ต้องทำตาม ถ้าไม่ทำพวกเขาเองก็จะเดือดร้อน พวกเขาไม่มีทางเลือกจริงๆ

ในตอนที่โดนจับตัวมา พวกเขารู้เเค่ว่า เป็นเพราะพวกเขาไปทำร้ายคนสำคัญของคนตรงหน้า หลังจากนั้นก็โดนผู้ชายหน้านิ่งๆท่าทางน่ากลัวคนนึงมาเค้นถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น จนสามารถตามล่าหาตัวพวกเขามาได้ครบทั้งหมด

"เงียบ! ถ้าไม่อยากตายก็หุบปากซะ"

"..........." ทุกคนที่กำลังร้องขอเเละอ้อนวอน ปิดปากสนิท ไม่เเม้เเต่จะกล้าหายใจเสียงดัง

"ถ้าไม่อยากตายก็ตอบคำถามกูมา นายใหญ่ของพวกมึงอยู่ที่ไหน"

นายใหญ่ของพวกมันที่ลมพูดถึงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อาบรรพต นั่นเอง เเม้ลมจะรู้อยู่เเล้วว่าอาบรรพตอยู่ไหน เเต่เขาก็เลือกที่จะถามออกไปเพียงเพื่อต้องการให้คนพวกนี้ได้ลิ้มลองรสชาติที่นาทีเคยโดนกระทำก็เท่านั้นเอง

"พะ พวกผมไม่รู้ครับ" หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ตอบเสียงสั่น

"ตลกน่า จะไม่รู้ได้ไงในเมื่อเขาเป็นเจ้านายพวกมึง"

"พวกผมไม่รู้จริงๆครับ"

"ไม่รู้หรือพวกมึงไม่อยากบอก"

"ไม่รู้จริงๆครับ พวกผมไม่รู้จริงๆ ตั้งเเต่ที่โดนตลบหลังเอาคืน นายใหญ่ก็สั่งให้พวกเราเเยกย้ายกันหนี พวกผมไม่รู้จริงๆครับ ได้โปรดเชื่อผมนะครับ"

"หึ!.....จับตัวพวกมันไว้" ลมหันไปสั่งการกับลูกน้อง ก่อนจะลงไปนั่งยองๆตรงหน้าคนเหล่านั้น "กูจะถามอีกเเค่ครั้งเดียว ถ้าพวกมึงยังมัวเเต่ลีลาตอบว่าไม่รู้ กูไม่รู้ด้วยนะว่าพวกมึงจะเจอกับอะไรบ้าง"

"ได้โปรด ได้โปรดเชื่อพวกผมเถอะครับ พวกผมพูดความจริงนะครับ"

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

เสียงตบหน้าดังขึ้นรัวๆจำนวนห้าครั้ง ชายฉกรรจ์ห้าคนที่โดนจับให้นั่งคุกเข่า โดยที่มีลูกน้องของลมดึงหนังศีรษะให้ใบหน้าเงยขึ้นเพื่อรองรับฝ่ามือของลมที่ฟาดลงมา หันไปตามเเรงกระเเทก มุมปากเเต่ละคนต่างมีเลือดซึมออกมา

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

เสียงตบหน้าดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนโดนตบอีกฝั่งนึงของเเก้ม จนมุมปากอีกข้างก็มีเลือดไหลซึมออกมาเช่นกัน

"ได้! ถ้าพวกมึงไม่ยอมบอก งั้นกูจะง้างปากพวกมึงให้พูดเอง........กร ขุน"

"ครับ" "ครับ" ทั้งกรเเละก็ขุนต่างตอบรับเสียงเรียกของเจ้านายอย่างพร้อมเพรียงกัน

"คนของเรามีกี่คนตามมาให้หมด จากนั้นก็ให้คนของเราเวียนกันตบหน้าพวกมันคนละสิบที ห้ามออมเเรง ตบไปจนกว่าจะครบ ถ้าไม่ครบก็ห้ามหยุดเด็ดขาด ต่อให้ตายก็ห้ามหยุด ......อ้ออีกอย่าง หลังจากตบเสร็จเเล้วอย่าลืมกระทืบมือพวกมันคนละทีสองทีด้วยนะ โทษฐานที่บังอาจกล้าเอามือสกปรกๆมาเเตะต้องตัวนาที เข้าใจไหม"

"เข้าใจครับ!" "เข้าใจครับ"

"ไปจัดการได้"

"ครับ" "ครับ" เมื่อได้รับคำสั่งทั้งสองคนต่างก็เเยกย้ายไปจัดการตามทำสั่งของลมทันที

"เอาตัวพวกมันไปตรงนู้น อยู่ตรงนี้เกะกะ"

"รับทราบครับ" ลูกน้องของลมกระชากคนเหล่านั้นให้ลุกขึ้นตามมา เเต่ทั้งห้าคนไม่มีใครยอมไปง่ายๆ ต่างก็ทำทุกวิถีทางเพื่อยื้อยุดฉุดกระชากตัวเองไว้ บางคนถึงกับส่งสายตาเว้าวอนหมดคราบนักเลงโตกันเลยทีเดียว

ลมที่เห็นท่าทางของคนเหล่านั้นก็ยิ่งรู้สึกสมเพชมากขึ้นกว่าเก่า

"พวกผมไม่ทราบจริงๆครับว่านายใหญ่อยู่ที่ไหน ต่อให้โดนตบจนตายพวกผมก็บอกไม่ได้อยู่ดี"

"ครับ ได้โปรดเชื่อพวกเราเถอะครับ ได้โปรด"

"ได้โปรดเหรอ ขอร้องอย่างนั้นเหรอ คำพวกนี้ฟังดูคุ้นบ้างหรือเปล่า" ลมขบกรามเเน่นยามได้ยินคำพูดอ้อนวอนเหล่านี้

"มีคนกี่ร้อยคนที่พูดคำเหล่านี้กับพวกมึงเเต่พวกมึงก็ไม่สนใจต่อคำเหล่านั้น เเละหนึ่งในนั้นก็คือเมียกู และเเม่ของเมียกู ในตอนที่พวกเขาอ้อนวอนเเละขอให้พวกมึงเชื่อ ทำไมพวกมึงถึงไม่เชื่อ มิหนำซ้ำพวกมึงยังทำร้ายพวกเขาโดยการมัดเเละตบหน้าอีก"

มือเเกร่งของลมบีบกรามชายคนหนึ่งไว้อย่างเเรงจนใบหน้าของชายคนนั้นนั่นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เเต่บีบไม่นานลมก็สะบัดมือออกจนชายคนดังกล่าวหน้าหันตามเเรงสะบัดอย่างเเรง

"พวกมึงอาจจะบอกว่าเป็นคำสั่งนาย พวกมึงต้องทำตามเพื่อรักษาชีวิตตัวเองให้รอด ก็ยินดีด้วยที่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ เเต่วันนี้อาจจะไม่รอด ทำคนอื่นได้เเต่พอถึงเวลาโดนเอาคืนก็พยายามหาเหตุผลมาพูดให้ดูน่าเห็นใจ ตอนเเรกก็อยากจะรอให้กฎเเห่งกรรมได้ทำงาน เเต่กลัวกฎเเห่งกรรมจะทำงานไม่สะใจ กฎเเห่งกูเลยเลือกที่จะทำเองดีกว่า ดังนั้นเลิกอ้อนวอนเเล้วไปรับผลกรรมซะ........ทำยังไงก็ได้อย่าให้พวกมันพูดมากอีก"

เมื่อพูดกับคนเหล่านั้นเสร็จลมก็บอกลูกน้องให้จัดการปิดปากคนพวกนั้นด้วย เพราะเขารำคาญคำว่าได้โปรดของคนพวกนั้นเต็มทน


ทางด้านกรกับขุนที่กำลังยืนคุมคนอื่นๆอยู่

"เฮียเล่นเบากว่าที่คิดนะครับ"

"ก็บอกเเล้ว นายคิดมากไปเอง"

"เเต่กับอีกคนที่เหลือ ผมว่าไม่น่ารอด" ขุนเหลือบสายตาไปมองชายดังกล่าวที่นั่งโดดเด่นอยู่คนเดียว

"อืม"

"อยู่ดีไม่ว่าดีดันไปจี้จุดเจ็บเฮียซะได้ เเถมตัวเองยังเป็นคนที่เฮียหมายหัวไว้ด้วยสิ"

"นั่นสิ"

ขุนหันไปมองหน้าชายคนนั้นอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมาสนใจเหตุการณ์ตรงหน้าเเทน จะเรียกว่าโดนเบาๆดีไหมนะเเบบนี้ โดนคน 15 คน ตบคนละ 10 ที ฮึ๋ย! เเค่คิดก็เจ็บหน้าเเทนเเล้ว 


"คราวนี้ก็ถึงตามึงแล้ว" ลมกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง "มึงคือคนที่สร้างรอยเเผลไว้บนตัวเมียกูสินะ รู้ไหมว่าการกระทำของมึงสร้างทั้งเเผลกายเเละเเผลใจให้เขาขนาดไหน มึงคิดว่า.......กูควรจะทำยังไงให้สาสมกับสิ่งที่มึงทำดี"

"นะ เเน่จริงก็ฆ่ากูเลยสิ"

ก่อนหน้านี้ชายคนดังกล่าวจากที่เคยมีน้ำเสียงมั่นคง กล้าต่อล้อต่อเถียงกับลม ดูเหมือนการพูดครั้งนี้น้ำเสียงกลับดูสั่นเครือจนเห็นได้ชัด

ในตอนเเรกที่ชายคนนี้กล้าต่อปากกับลมราวกับไร้ซึ่งความกลัว เป็นเพราะเขายังคิดว่าลมยังไงก็คือลม เเม้จะพยายามทำตัวให้ดูน่าเกรงกลัวสักเท่าไหร่ คนเราที่โดยพื้นฐานมีจิตใจอ่อนโยน ก็ไม่น่าจะกล้าทำร้ายใครได้ เเต่เมื่อเห็นคำสั่งของลมที่อีกห้าคนโดน เขาก็ชักไม่เเน่ใจเหมือนกันว่าสิ่งที่เขาคิดเกี่ยวกับลมถูกต้องหรือไม่  หรือว่าลมที่เป็นจุดอ่อนของครอบครัวในวันนั้นจะเเปรเปลี่ยนเป็นจุดเเข็งไปแล้วจริงๆ

"ไม่ปากดีเเล้วเหรอ เสียงสั่นทำไมล่ะ" ปากพูดกับคนตรงหน้า เเต่กลับเอี้ยวตัวไปหยิบบางสิ่งจากด้านหลังมา

ในมือของลมตอนนี้กำลังถือมีดเล่มหนึ่งไว้ในมือ โดยมีฝักมีดลวดลายสายงามที่ทำจากไม้ห่อหุ้มมีดไว้อยู่

"มึงรู้ไหมว่ากูเอามีดมาทำไม"

".................." ถึงเเม้ชายคนดังกล่าวจะเงียบไม่ยอมพูด เเต่ในใจเขาตอนนี้รู้ดีว่าสิ่งที่ตนเองต้องพบเจอคืออะไร

"แล้วมึงรู้ไหมว่าประโยคไหนที่ช่วงนี้กูชอบมันมากเป็นพิเศษ......" ลมดึงมีดให้หลุดออกจากฝัก ใช้มือข้างนึงจับด้ามมีด ส่วนอีกข้างก็จับปลายมีดไว้ จากนั้นก็ยกมีดขึ้นสูงเหนือศีรษะ หมุนมีดไปมาซ้ายขวาราวกับกำลังให้มีดเต้นระบำหยอกล้อกับเเสงไฟด้านบน ความเเวววับของมีดยามล้อกับเเสงไฟช่างดูสวยงามเสียเหลือเกิน "...กูชอบประโยคที่ว่า 'ใครทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้น' ยังไงละ"

".................."

"กูบอกมึงเเล้วใช่ไหม ว่าลำพังเเค่มึงทำร้ายกู กูพอจะมองผ่านไปได้ เเต่เรื่องที่มึงทำร้ายเมียกู มึงต้องได้ชดใช้"

"ถ้ามึงไม่หนีไปแล้วทิ้งเมียมึงไว้ข้างหลัง วันนั้นเมียมึงก็คงไม่โดนเเบบนั้นหรอก เพราะมึงที่ขี้ขลาด เมียมึงถึงต้องมาเจ็บตัว ทำไมไม่โทษตัวเองบ้างว่ะ" ชายคนดังกล่าวอดใจไม่ไหวที่จะพูดออกไป เเละเหมือนสิ่งที่เขาพูดจะจี้ใจดำของลมเต็มๆ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกสะใจ

"ใช่! กูผิดที่หนีไป กูมันขี้ขลาดจนทิ้งเขาไว้ข้างหลัง กูพลาดที่คิดว่าพวกมึงคงไม่ทำร้ายคนที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย"

ลมลุกจากเก้าอี้เเละพุ่งตัวเข้าจู่โจมชายตรงหน้าอย่างรวดเร็ว มีดเเหลมคมในเวลานี้กำลังจ่ออยู่ที่คอของชายคนนั้น โดยที่มีลมเกาะกุมอยู่ทางด้านหลัง

"เเต่สุดท้ายพวกมึงก็ทำ"  น้ำเสียงยะเยือกของลมดังขึ้นข้างๆใบหูชายคนนั้น

ลมค่อยๆกดปลายมีดเเหลมลงทีละนิดๆ จนตอนนี้บริเวณคอของชายคนดังกล่าวเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมา

"อึก อึก " มีเพียงเเค่เสียงดังอึกอักออกมาจากปากชายคนนั้นเท่านั้น

"ส่วนความผิดของกูมึงไม่ต้องเสือกมายุ่ง" ยิ่งลมพูดเท่าไหร่เเรงกดของมีดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น

".............."

"มึงยุ่งเเต่ความผิดของตัวเองก็พอ!!"

"อ๊ากกกกกกกก!"

น้ำเสียงเยือกเย็นที่มาพร้อมกับการตวัดมีดอย่างเเรงไปยังบริเวณหน้า เรียกเสียงร้องจากชายคนนั้นได้เป็นอย่างดี

"ปาร์ตี้วันนี้ดูจะครื้นเครงกว่าครั้งไหนๆ มีทั้งเสียงร้อง เเละเสียงดนตรีเข้าจังหวะ" ลมหันไปมองยังที่มาของเสียงตบก็ได้เเต่ยกยิ้มด้วยความพอใจ ก็สภาพของเเต่ละคนดูหนักเอาการ

"จังหวะทำนองยังคงดังอยู่เลย ถ้าอย่างนั้นเสียงขับร้องก็อย่าเพิ่งเงียบสิ" ลมจี้มีดลงไปตรงอกด้านขวาของคนตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆกรีดมันลงไปช้าๆ ช้าๆ ให้คมมีดค่อยๆกัดกินผิวหนังไปทีละนิดๆจนผิวหนังด้านนอกเเยกออกจากกัน เลือดสีเเดงไหลออกมาพร้อมกลิ่นสนิมที่ลอยขึ้นมาเเตะจมูก "วันนั้นเมียกูก็โดนเเบบนี้สินะ"

"อึก อึก" ชายคนดังกล่าวกัดฟันเเน่น พยายามไม่เเสดงอาการเจ็บปวดออกมาให้ได้เห็น

ลมที่เห็นท่าทางเเบบนั้นก็ยกยิ้มพอใจ เเละยังคงใช้มีดกรีดไปตามร่างกายของชายตรงหน้าอีกหลายจุด จนตอนนี้เลือดของชายตรงหน้าไหลออกมาจนเเทบจะท่วมตัวอยู่รอมร่อ

"อ๊ากกกกกก! พอเเล้ว ได้โปรด หรือไม่ถ้าจะฆ่าก็ฆ่ากันเลย ได้โปรด" เขาพยายามอดทนมานานเเต่ตอนนี้ไม่ไหวเเล้ว การค่อยๆกดกรีดผิวหนังลงไปจนให้เนื้อค่อยๆปริออกจากกันมันทรมานไม่ใช่น้อยๆเลย

"พูดออกมาจนได้สินะคำนี้ หึ!"

เมื่อได้ฟังคำที่ต้องการเเล้ว ลมก็ปามีดทิ้งลงพื้น หยิบผ้าที่วางอยู่เเถวๆนั้นขึ้นมาเช็ดมือที่เปื้อนเลือดออก

ลมรู้ว่าการเเก้เเค้นเเบบนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ เเต่ถ้าเขาปล่อยให้เรื่องราวที่นาทีต้องเจอผ่านพ้นไปโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไร เขาก็สงบใจไม่ได้เช่นกัน

คนพวกนี้ทำร้ายคนอื่นมาก็เยอะ สมควรเเล้วที่จะโดนเอาคืนบ้าง ไม่งั้นก็คงเหิมเกริมทำร้ายคนอื่นเขาไปทั่วไม่จบไม่สิ้น เขาไม่ได้คิดอยากจะฆ่าคนพวกนี้ให้ตายตั้งเเต่เเรก เพียงเเค่อยากให้พวกมันได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติของการอ้อนวอนขอชีวิตบ้างก็เท่านั้นเอง


ครืด! ครืด! ครืด!

ในขณะที่ลมกำลังเช็ดมืออยู่นั้นโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้น เมื่อลมเห็นว่าใครเป็นคนโทรฯเข้ามาก็รีบกดรับสายทันที

"ครับ......ใกล้กลับเเล้วครับ ทีมีอะไรหรือเปล่า....อ่อได้ครับ ครับ .......ไงตัวเล็ก ทำกับข้าวไว้รอป๊ายัง .....จริงเหรอ.....ได้เลยครับ.....เดี๋ยวเจอกันครับ รักตัวเล็กนะครับ....บ๊ายบายครับ"

"กร ขุน" เสียงเข้มเอ่ยเรียกลูกน้องคนสนิทขึ้น

กรเเละขุนหันมาตามเสียงเรียก จากนั้นก็รีบวิ่งมาหาคนเป็นเจ้านายทันที เมื่อเห็นเจ้านายพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้วิ่งไปหา

"เรียบร้อยยัง"

"ก็ครับ หน้าพังไปทั้งเเถบ ส่วนมือก็ทั้งหัก ทั้งเเตก ไปตามระเบียบครับ" ขุนเอ่ยรายงานสถานการณ์ให้คนเป็นเจ้านายฟัง

"อืม....กร ฝากจัดการที่เหลือหน่อยนะ เคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย"

"ครับ"

"ส่วนนาย ขุน กลับกัน มีธุระด่วนต้องไปทำ"

"หือ?"

"อย่ามัวเเต่หือ ไปเตรียมตัวเลย คนยิ่งรีบๆอยู่"

"อ่าครับๆๆ"

ขุนรับคำอย่างงงๆ รีบวิ่งไปคว้าสัมภาระของตัวเองมาถือไว้ ก่อนจะรีบเดินตามลมไป

"อ้อกร!" ลมที่กำลังจะเดินออกจากประตูหันมาเรียกชื่อลูกน้องคนสนิทอีกครั้ง "นายคนนั้น" ลมชี้นิ้วไปยังชายคนที่โดนเขากรีดคนเลือดท่วมตัว "พูดมากชะมัด ตัดลิ้นทิ้งได้ตัดทิ้งซะ จะได้ไม่ต้องพูดมากอีก"

"ได้ครับ"

"ไม่! ไม่นะครับ ไม่! ได้โปรด อย่าตัดลิ้นผมนะ" ชายคนดังกล่าวกระวนกระวายรีบอ้อนวอนร้องขอความเห็นใจทันที เเต่มีหรือที่คนอย่างลมจะมีให้

"อ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เถอะ"

ว่าจบลมก็เดินออกจากโกดังทันที พร้อมกับเสียงร้องครวญครางที่ดังตามหลังมา


"ขุนเดี๋ยวเเวะอาบน้ำที่คอนโดก่อน" ลมเอ่ยบอกกับขุนที่ตอนนี้กำลังทำหน้าที่ขับรถแทนกรอยู่

"ได้ครับ ว่าเเต่ที่เฮียบอกว่ามีธุระด่วนนี่คืออะไรเหรอครับ ที่บริษัทงานมีปัญหาเหรอ เเต่มันก็เลยเวลาเลิกงานเเล้วนี่น่า"

"เปล่า น้องตุลย์อยากกินไข่ตุ๋นเเต่นาทีลืมซื้อไข่ไก่"

"เดี๋ยวนะ! ที่เฮียมีท่าทางรีบๆ นี่คือ?"

"อืม จะรีบไปซื้อไข่ไก่ให้เมีย"

เมื่อได้ฟังคำตอบจากคนเป็นเจ้านายชัดๆ เลขาหนุ่มมือซ้ายอย่างขุนแทบอยากจะกระโดดออกนอกรถเสียเหลือเกิน เเต่มันก็ได้เเค่อยาก ความเป็นจริงตอนนี้ขุนทำได้เพียงเเค่ร้องตะโกนอยู่ภายในใจเท่านั้น

โว้ยยยยยยยยยย!

เฮียโว้ยยยยยยยยยยยยย!!!!!!

ท่าทางรีบจะเป็นจะตายเพราะจะไปซื้อไข่ไก่ให้เมียเนี่ยนะ ขุนจะบ้าตาย!!!!!



.......................................................................

TBC.

พี่เเค่รีบไปซื้อไข่ไก่ให้เมีย พี่ผิดอัลไล 5555

หลังจากนี้เรามายิ้มเเก้มปริกันค่ะ


ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ


ปล.วันนี้พบกับช่วง ไรต์ขอ talk

ตอนนี้มีความกังวลหลายอย่างเลยค่ะ ตอนเเรกจะเขียนให้โหดกว่านี้ เเต่พอมาคิดอีกที นิยายเราไม่ใช่สายโหดนี่น่า เเต่พอเขียนเบาๆ เอ้าเบาไปอีก คราวนี้คิดหนักเลยค่ะ เเค่ไหนถึงเรียกพอดีครับเนี่ย บวกกับตัวเองไม่ถนัดเเนวบู้ๆทำร้ายร่างกาย คราวนี้ไปกันใหญ่เลยค่ะ ตอนวางพล็อตคิดเอามันส์ พอลงมือเขียน ม้ายย! ชั้นทำอะไรลงไป 5555

เรายอมรับเลยว่าตอนนี้สำหรับเรา เรากังวลมาก เเต่เราก็พยายามอย่างเต็มที่ค่ะ เพื่อให้ตอนนี้ออกมาดีที่สุดค่ะ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ

เจอกันพรุ่งนี้ 18.10.21 ตอนเที่ยงนะค้าบ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 17-10-2021 15:32:23
 :hao6: :laugh:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 17-10-2021 21:52:58
คุณภรรยาขอให้ช่วย สามีที่ดีก็ต้องรีบจัดการให้ไงขุน เข้าใจยากตรงไหน... คุคุคุ...

ส่วนตินตินที่โดนส่งออก"ต่างประเทศ" ไม่แน่ใจว่าไปทางเรือหรือป่าวคะ... แบบว่าคนจะชิปอยู่เฉยๆชิกๆเค้าก็ชิปกันได้นะคะ... ^0^ ...

ปล. สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ... :กอด1:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 18-10-2021 00:59:53
 :mew1:ตูนตูนน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg(ตอนที่ 22) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 18-10-2021 11:48:48
22
คุณปู่ของตูนตูน

"โอลด์แมคโดนัลด์ แฮด อะ ฟาร์ม"

"อี๊ อาย อี๊ อาย โอ"

"แอนด์ ออน แดต ฟาร์ม ฮี แฮด อะ แคท"

"อี๊ อาย อี๊ อาย โอ" (เพลง old macdonald had a farm)

ทุกครั้งที่ได้ร้องคำว่า อี๊ อาย อี๊ อาย โอ เด็กชายตุลย์ก็จะขยับตัวดุ๊กดิ๊กไปมาซ้ายขวาเต้นประกอบท่าทางเข้าจังหวะโชว์คนเป็นเเม่ด้วย ไหนจะเเก้มย้วยๆที่ขยับเด้งดึ๋งๆตามจังหวะการขยับตัวนั่นอีก ส่งผลให้เด็กชายตุลย์ยิ่งดูน่ารักน่าหยิกจนทำให้คนมองอยากจะฝังจมูกลงกับเเก้มนุ่มนิ่มสักสิบทีเเบบไม่หยุดพัก

ก่อนหน้านี้นาทีได้โทรฯไปวานให้ลมช่วยซื้อไข่ไก่มาให้ เพราะเด็กชายตุลย์อยากกินไข่ตุ๋นเเละนาทีเองก็ลืมไปเสียสนิทว่าไข่ไก่ที่บ้านหมด ในระหว่างที่รอการกลับมาของลมเเละไข่ไก่ สองเเม่ลูกจึงชักชวนกันร้องเพลง โดยนาทีทำหน้าที่เป็นนักร้องนำ ส่วนเด็กชายตุลย์ก็ทำหน้าที่เป็นคอรัสเเละนักเต้นประกอบจังหวะอยู่ใกล้ๆ

"แล้วน้องตุลย์รู้ไหมครับว่าน้องเเมวร้องยังไง"

เนื่องจากเพลงเด็กเพลงนี้มีช่วงจังหวะเว้นไว้สำหรับให้เด็กๆได้ทำเสียงเลียนเเบบสัตว์ต่างๆ นาทีเองจึงไม่ลืมที่จะเอ่ยถามลูกชายออกไป ถ้าเสียงไหนที่ลูกชายไม่รู้หรือไม่เเน่ใจ เขาก็จะได้สอนให้ลูกได้รู้

"รู้คับ ตูนตูนรู้"

"ไหนลองร้องให้หม่าม้าฟังหน่อยได้ไหมครับ"

"น้องเเมวต้องร้อง เมี้ยว เมี้ยว คับ คิกคิก!"

ร้องเองก็ส่งเสียงหัวเราะชอบใจเอง จนคนเป็นเเม่อดใจไม่ไหวต้องยื่นมือเข้าไปบีบเเก้มนุ่มนิ่มทั้งสองข้างของคนเป็นลูกชายด้วยความมันเขี้ยว เรียกเสียงหัวเราะเอิ๊กอ้ากชอบใจให้เด็กชายได้ไม่น้อย

"โอโห้ ลูกใครกันนี่เก่งสุดๆไปเลย"

"ลูกป๊าลมกับหม่าม้านาทีงายคับ"

"น่ารักอีกเเล้ว ฟอด~ ฟอด~" เห็นความน่ารักของลูกชายที่ขยันเเเสดงออกมา มีหรือที่คนเป็นเเม่เเบบนาทีจะห้ามใจไม่ให้ฟัดลูกชายไหว ถ้าเเก้มลูกชายไม่ช้ำก็อย่ามาเรียกเขาว่านาทีเลย

"คิกคิก! หม่าม้าร้องอีกๆ ต่อปายเอาคุณไทเกอร์นะหม่าม้า"

"รู้หรือไงเราว่าคุณไทเกอร์มีเสียงร้องยังไง"

"รู้คับ"

"ไหนลองร้องให้หม่าม้าฟังหน่อยสิครับ"

"คุณไทเกอร์ต้องร้อง โฮก~ โฮก~"

นอกจากจะเลียนเสียงเสือเเล้ว เด็กชายตุลย์ยังใช้มือทั้งสองข้างมาป้องปากของตัวเองเพื่อให้เสียงดังก้องกังวาลน่าเกรงขามเหมือนเสือที่ร้องคำรามอีกด้วย เเต่ลูกเสือน้อยตัวนี้จะรู้ไหมนะ ว่าท่าทางเหล่านั้นมันน่ารักมากกว่าน่ากลัวเสียอีก

"โอเคครับ งั้นเราพาคุณไทเกอร์ไปเที่ยวเล่นฟาร์มของคุณลุงเเมคกัน พร้อมไหมครับ"

"พ้อมคับ"

"ถ้าพร้อมเเล้วก็...... โอลด์แมคโดนัลด์.....~~"

เสียงร้องเพลงเเละเสียงปรบมือของสองเเม่ลูก ส่งเสียงดังไกลไปจนถึงประตูรั้วหน้าบ้าน ลมที่กำลังเปิดประตูรั้วเข้ามายกยิ้มอารมณ์ดียามที่ได้ยินเสียงของคนที่ตัวเองรักทั้งสองคน ยิ่งเสียงที่ดังอยู่นั้นเป็นเสียงที่บ่งบอกถึงความสุขของเจ้าของเสียง มันยิ่งทำให้ลมรู้สึกดีมากยิ่งขึ้นไปอีก 

"ไง พ่อเสือน้อย"

"ป๊าาาา!"

ทันทีที่เด็กชายตุลย์เห็นคนเป็นพ่อ เจ้าตัวก็รีบละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้า ทิ้งเเม้กระทั้งบทเพลงที่ตัวเองกำลังช่วยคนเเม่ร้องเพื่อวิ่งไปหาคนเป็นพ่อที่ยืนอยู่กลางบ้าน นาทีที่เห็นท่าทางของลูกชายก็ยกยิ้มอ่อนใจ ให้กับความติดพ่อของลูกชายที่นับวันยิ่งมีมากขึ้น

"ฮึบ! คิดถึงป๊าไหมครับ"

ลมย่อตัวลงอ้าเเขนรับลูกชายที่วิ่งมาหาเข้าสู่อ้อมกอด เด็กชายตุลย์เมื่อโดนคนเป็นพ่อกอดก็ออดอ้อนด้วยการเอนศีรษะซบลงบนอกเเกร่งทันที

"คิดถึง ตูนตูนคิดถึง"

"ไหนครับ เมื่อกี้ทำอะไรกันอยู่เอ่ย ป๊าได้ยินเสียงดังไปถึงข้างนอกเลย"

"ร้องเพลงคับ" เด็กชายตุลย์ละตัวออกจากอ้อมกอดของคนเป็นพ่อเปลี่ยนเป็นยืนพิงไหล่อยู่ในอ้อมเเขนเเทน

"เเต่ป๊าได้ยินเหมือนมีเสียงคำรามด้วยนะ"

"ตูนตูนคับ ตูนตูนคำราม โฮก โฮก" สองมือน้อยๆยกขึ้นมาทำท่าทางเหมือนเสือที่กำลังจะตะปบเหยื่อ "ตูนตูนน่ากลัวเหมือนคุณไทเกอร์เยย"

"น่ากลัวจริงๆด้วยนะเนี่ย ฟอด~ ฟอด~"  ท่าทางของลูกชายมันช่างน่ากลัวจนลมอดไม่ไหวก้มลงไปฟัดเเก้มยุ้ยๆให้หายมันเขี้ยว


"พี่ลมได้ซื้อไข่ไก่มาไหมครับ"

นาทีที่เห็นว่าบทสนทนาของสองพ่อลูกคงไม่จบลงง่ายๆ จึงเลือกที่จะเอ่ยเเทรกขึ้นเสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้นวันนี้เขาคงไม่ได้ไข่ไก่มาถือไว้ในมือ เเละลูกชายของเขาอาจจะต้องอดกินไข่ตุ๋นเพราะสองพ่อลูกมัวเเต่คุยกันเพลินเเน่ๆ

"ซื้อมาครับ" ลมปล่อยลูกชายที่อยู่ในอ้อมแขน จากนั้นก็ยืนขึ้นเเละยื่นถุงไข่ไก่ให้กับนาที

"ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ลมเล่นกับลูกไปก่อนนะครับ ทีจะไปทำไข่ตุ๋นให้ลูก เเล้วเดี๋ยวมาทานข้าวเย็นกัน"

"ครับ"

"หม่าม้าๆ ไข่ตุ๋นของตูนตูน วางคุณกุ้งตัวงอฉองตัวห้ายเป็นรูปหัวใจด้วยได้ม่ายคับ"

"ได้ครับ เดี๋ยวหม่าม้าจัดให้"

"ขอบคุณคับ"

"เอ๊ะ!" ในขณะที่กำลังจะเดินไปยังห้องครัว สายตาของนาทีสะดุดเข้ากับบางอย่างบนตัวของลมที่ดูเเปลกตาไป "ชุดนี้ มันคนละชุดกับเมื่อเช้าหนิครับ" นาทีจำชุดของลมได้ เขาเป็นคนเลือกให้ลมเองกับมือในตอนเช้า เเละชุดนี้เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อนด้วย

"ซวยเเล้ว" ลมบ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันไปอธิบายกับนาที "คือพอดีก่อนกลับมาที่นี่ พี่เเวะไปเอาของที่คอนโดมาครับ เเละอากาศข้างนอกก็ร้อนมากพี่รู้สึกไม่สบายตัวเลยอาบน้ำก่อนมา"

"หือ" นาทีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยยามได้ยินคำบอกกล่าวอันเเสนจะยาวเหยียดของลม

"จริงๆนะครับ พี่ไม่ได้ไปเหลวไหลที่ไหนเลย ที่อาบน้ำเพราะร้อนจริงๆไม่ได้ต้องการปกปิดอะไรเลย ไม่เชื่อทีถามกรหรือไม่ก็ขุนได้เลยนะ" คนมีชนักติดหลังเริ่มลนลานยามที่เห็นท่าทางของนาทีที่ดูเหมือนจะสงสัยในตัวเขายิ่งกว่าเก่า

"ตอนเเรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ เเต่พอเห็นคำอธิบายยาวเหยียดเเล้วเริ่มชักไม่เเน่ใจ"

"ทีค้าบบบบบบ~~"  ลมเรียกชื่อนาทีด้วยเสียงออดอ้อน พร้อมกับเดินเข้าไปกอดเอวนาทีไว้หลวมๆ

"เนี่ย ยิ่งทำเเบบนี้ พี่ลมยิ่งดูมีพิรุธนะครับ" นาทีเอ่ยหยอกคนตรงหน้า นาทีไม่ได้คิดมากอะไรกับเรื่องนี้ เขาเชื่อใจลม เเต่ที่เอ่ยถามออกไปเพียงเพราะสงสัยเท่านั้นเองว่าทำไมชุดถึงไม่ใช่ชุดเดิม เมื่อได้ฟังคำอธิบายเขาก็ไม่ติดใจอะไรอีก

"ทำอะไร พี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ กอดเมียก็ดูมีพิรุธเหรอครับ"

"เพี๊ยะ! ปล่อยเลยนะครับ ทีจะรีบไปทำไข่ตุ๋นให้ลูก" นาทีตีเเขนของลมเบาๆเพื่อให้ชายตัวโตที่กำลังกอดเขาเเน่นปล่อยเขาสักที ตอนเเรกลมก็ยืดยื้อไม่ยอมปล่อยง่ายๆ นาทีทั้งหยิกทั้งตีไปอีกหลายๆทีกว่าอีกคนจะยอมปล่อย จากนั้นลมก็เดินจูงมือลูกชายไปเล่นด้วยกันตรงหน้าทีวี ส่วนเขาก็ได้เวลาไปทำไข่ตุ๋นสักที



ครืดครืด~  ครืดครืด~ ครืดครืด~

โทรศัพท์ของลมที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้น บ่งบอกให้รู้ว่ามีคนกำลังโทรฯเข้ามา ลมละสายตาจากกองของเล่นของลูกชาย มองไปยังโทรศัพท์ที่หน้าจอสว่างอยู่ในขณะนี้ว่าใครกันเป็นคนโทรฯมา ลมขมวดคิ้วเล็กน้อยยามเมื่อได้เห็นชื่อที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มาไว้ในมือ

"น้องตุลย์เล่นไปก่อนนะครับ เดี๋ยวป๊าขอคุยโทรศัพท์แป๊ปนึงนะ"

"คับ"

ลมยื่นมือไปขยี้หัวลูกชายสองสามทีก่อนจะกดรับสาย

"ครับ"

(เป็นไง วันนี้ได้ข่าวว่าลมที่มักจะสงบนิ่ง กลับกลายเป็นพายุขนาดย่อมๆเหรอ)

"ที่โทรฯมาไม่ใช่เพราะว่ารู้อยู่เเล้วเหรอครับ"

(ก็พ่อเป็นห่วงน้องลม เลยอยากโทรฯมาถามด้วยตัวเอง เเต่ดูน้องลมพูดกับพ่อสิ)

"พ่อครับ~~" ลมเรียกพ่อขอตัวเองด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ "ผมจะสามสิบเเถมมีลูกมีเมียเเล้วนะ เมื่อไหร่พ่อจะเลิกเรียกผมว่าน้องลมสักทีครับ"

ลมบ่นโอดครวญกับคนเป็นพ่อของตัวเอง เขาโตจนอายุจะสามสิบเเต่ในสายตาของคนเป็นพ่อกลับมองเขาเป็นเเค่น้องลมวัยสามขวบเช่นเดิม

เขาไม่รู้สึกเเปลกใจเลยสักนิดที่เมื่อก่อนตัวเองเเทบเอาชีวิตไม่รอดตอนโดนทำร้าย ก็เขาโดนพ่อเเละพี่ชาย ทั้งโอ๋ ทั้งตามใจ ประคบประหงมซะขนาดนั้น

เเต่ก็ยังดีหน่อยที่คำเรียกสุดเเสนจะอ่อนโยนเช่นนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่ออยู่กับคนในครอบครัวเท่านั้น ยามออกไปพบปะผู้คนข้างนอกพวกเราต่างก็มีมิติตัวตนอีกตัวตนนึงที่เเสดงออกมา

(พ่อก็เรียกน้องลมเเบบนี้มาตั้งเเต่อยู่ในท้องเเม่ จู่ๆเราจะให้พ่อเลิกเรียก ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ)

"ตอนเด็กๆมันก็น่ารักอยู่หรอกครับ เเต่ตอนนี้สภาพผมเหมาะกับคำว่าน้องลมตรงไหนกันครับ ตัวสูงใหญ่ หน้าคมเข้ม มาดนักธุรกิจ ใส่สูท ผูกเน็กไท นั่งเซ็นเอกสารซะขนาดนี้ คนอื่นมาได้ยินอายเขาตาย"

(โอเคๆเปลี่ยนเรื่องๆ เเล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างเรียบร้อยดีนะ พี่รุตเขาก็บ่นเป็นห่วงลมเหมือนกัน)

"เรียบร้อยดีครับ"

(ดีเเล้ว)

"ฝั่งพ่อเป็นยังไงบ้างครับ"

(ฝั่งพ่อไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก)

"อาบรรพตล่ะครับ"

(ตอนนี้ยังสบายดี พ่อยังไม่ว่างพอไปเล่นด้วย เลยปล่อยให้อยู่ในห้องที่โดนขังไปก่อน เเต่พี่รุตมีเเวะไปเยี่ยมบ้างนะ ไปนั่งกินข้าวนิ่งๆเเล้วก็กลับ จนบรรพตเเทบจะเป็นบ้าอยู่เเล้ว เพราะไม่รู้ว่าเราต้องการอะไรกันเเน่)

"หึ! ครับ"

(เเล้วเรื่องที่บ้านน้องโดนเผา จัดการหรือยัง)

"ผมสั่งให้กรจัดการเเล้วครับ"

(อืม ลมรู้ใช่ไหมว่าเหตุการณ์นั้นไม่เกี่ยวอะไรกับลม มันเป็นเเค่ความบังเอิญ ที่กลุ่มคนวางเพลิงเป็นกลุ่มในเครือของบรรพตเท่านั้น)

"ทราบครับ"

(ดีเเล้ว ลมเลิกโทษตัวเองได้เเล้วนะ) น้ำเสียงห่วงใยที่ส่งมาตามสาย ทำให้ลมเผลอยกยิ้มอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัว

"ป๊า ยิ้มมัยคับ"

(หลานพ่ออยู่ด้วยเหรอ!! )

คนในสายส่งเสียงถามด้วยความตื่นเต้น เพราะเจ้าตัวเคยเห็นเด็กชายตุลย์ผ่านรูปถ่ายเเละคลิปวีดีโอที่ลมส่งมาให้ดูเท่านั้น เเถมลูกชายของเขายังหวงลูกกับเมียมาก ไม่ยอมให้คุย ไม่ยอมพามาเจอสักที จะบินกลับไปหาเอง เขาก็ไม่มีเวลาว่างมากพอ

(ขอพ่อคุยกับหลานบ้างสิ น้องลมจะหวงหลาน หวงเมีย กับพ่อไปอีกนานเเค่ไหน)

"เมื่อไหร่ที่พ่อเลิกเรียกผมว่าน้องลมผมจะเลิกหวงครับ"

(เดี๋ยวพ่อจะโทรฯเปิดกล้องไป ถ้าลมไม่รับเราได้มีเรื่องกันเเน่..ติ๊ด!)


ครืดครืด~ ครืดครืด~ ครืดครืด~

รอไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เเต่ครั้งนี้เป็นการโทรฯเปิดกล้องที่สามารถเห็นหน้ากันได้ ลมถอนหายใจหนักๆก่อนจะกดรับสาย

(พ่อขอคุยกับหลานหน่อย)

"น้องตุลย์ครับ ลุกมาหาป๊าหน่อยครับ ป๊ามีคนที่อยากให้น้องตุลย์รู้จัก"

"คัยเหรอคับ"

"พ่อของป๊าเองครับ"

"พ่อของป๊าเหรอ" เด็กชายเอียงคอสงสัย

"ครับ พ่อของป๊า ปู่ของน้องตุลย์"

"ปู่เหรอคับ" เด็กชายตุลย์ตาโต รีบลุกไปหาป๊าของตัวเองที่นั่งอยู่ใกล้ๆทันที

(น่ารักจังเลยหลานปู่) คนในสายอดที่จะเอ่ยชมความน่ารักของหลานชายตัวเองออกมาไม่ได้ ยามเมื่อได้เห็นหน้าหลานชัดๆ

"ปู่เหรอ ปู่ของตูนตูนเหรอคับ" เด็กชายตุลย์เงยหน้าถามคนเป็นพ่ออีกครั้ง

"ครับ น้องตุลย์สวัสดีคุณปู่สิครับ"

"คุณปู่ ตูนตูนสวัสดีครับ" เด็กชายตุลย์ยกมือไหว้คนเป็นปู่อย่างนอบน้อม เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนเป็นปู่ได้อย่างดี

"แนะนำตัวกับคุณปู่ด้วยสิครับ ไม่อย่างนั้นคุณปู่จะไม่รู้จักนะ" ลมเอ่ยบอกลูกชาย

"ตูนตูนชื่อ เด็กชายตนุภัทร ปิญชาน์คับ ชื่อเล่นชื่อน้องตุลย์ เรียนอนุบาลหนึ่งห้องคุณฉิงโตคับ..... คุณปู่ชื่ออารายคับ" เพราะไม่รู้ว่าคุณปู่ชื่ออะไร เด็กชายตุลย์จึงเอ่ยถามออกไปด้วยความไร้เดียงสา

"ฮ่าๆๆ สวัสดีครับ ปู่ชื่อ นภดล เศรษฐ์ถิรคุณ ชื่อเล่นชื่อ นภ ตอนนี้ทำงานเเล้วครับ"

คนเป็นปู่เเนะนำตัวเองเลียนเเบบหลานชาย จนลมที่ได้ยินถึงกับส่ายหัวให้กับความขี้เล่นของคนเป็นพ่อ หมดกันมาดนักธุรกิจใหญ่ผู้น่าเกรงขาม ลมละอยากให้คนอื่นๆมาเห็นจริงๆ จะได้รู้นักธุรกิจที่ทุกคนหวั่นเกรงนั้น ตอนอยู่กับครอบครัว อ่อนโยน อบอุ่น ใจดี ขี้เล่นขนาดไหน

"ปู่นภ~" เด็กชายตุลย์เอ่ยเรียกชื่อคนเป็นปู่เสียงหวาน จนเจ้าของชื่อเเทบใจละลาย

ถ้าหลานปู่จะน่ารักขนาดนี้ มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ มรดกปู่จะยกให้หลานหมดเลย

เเละหลังจากที่เเนะนำตัวกันเสร็จ สองปู่หลานที่เพิ่งมีโอกาสได้ทำความรู้จักกัน ก็คุยกันต่ออย่างสนุกสนานจนลืมเวลา

นาทีที่เดินเข้ามาตามสองคนพ่อลูกให้ไปทานข้าวเย็น ได้เเต่ขมวดคิ้วสงสัย เมื่อเห็นลูกชายของตัวเองกำลังถือโทรศัพท์คุยกับใครบางคนด้วยท่าทางเริงร่า

"หม่าม้า!" เด็กชายตุลย์ที่หันมาเห็นคนเป็นเเม่ตะโกนเสียงดัง ก่อนจะรีบวิ่งตุ๊บตั๊บพร้อมกับถือโทรศัพท์ไว้ในมือมาหาคนเป็นเเม่ "หม่าม้า ปู่ละ ปู่ของตูนตูน ปู่นภ" เด็กชายตุลย์ผู้ที่กำลังเห่อคุณปู่คนใหม่ที่เเสนจะใจดีรีบเเนะนำคุณปู่ให้คนเป็นเเม่ได้รู้จักด้วย

นาทีตกใจตาโต ทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ๆลูกชายก็หันหน้าจอโทรศัพท์มาทางเขาเเละเเนะนำว่าคนในโทรศัพท์เป็นใคร

ถ้าชายหนุ่มวัยกลางคนที่อยู่ในโทรศัพท์เป็นปู่ของน้องตุลย์ งั้นก็เเสดงว่า....พ่อของคุณลม!!!!

"สะ สวัสดีครับ" นาทีเอ่ยทักทายด้วยเสียงตะกุกตะกักเพราะความประหม่า

(สวัสดี ชื่อนาทีใช่ไหมเรา) นภดลเอ่ยถามชายหนุ่มที่กำลังยืนทำสีหน้าไม่ถูกด้วยน้ำเสียงใจดีเเละรอยยิ้ม

"คะ ครับ"

(ได้คุยและได้เจอกันสักทีนะ.........ลูกชายพ่อคงสร้างเรื่องให้เราเดือดร้อนเยอะเลยสินะ)

(ไม่ ไม่เลยครับ)

(คิดไว้ตลอดถ้าได้เจอกัน อยากจะบอกขอบคุณเเละขอโทษ...... ขอโทษนะที่ครอบครัวเราทำให้นาทีลำบากหลายเรื่องเลย เเละก็ขอบคุณนะที่วันนั้นช่วยเหลือลมไว้) นภดลเอ่ยทั้งหมดออกมาจากใจจริง เขาทั้งรู้สึกขอบคุณเเละอยากขอโทษนาที

"ไม่เป็นไรเลยครับคุณลุง"

(นาที) เสียงใจดีที่มีก่อนหน้าได้หายไป เหลือเพียงเสียงดุๆที่เอ่ยเรียกชื่อของนาที จนทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งตกใจ ไหนจะสีหน้าที่เเปรเปลี่ยนจากอ่อนโยนเป็นนิ่งขรึมนั้นอีก ทำให้นาทีรู้สึกหน้าซีดเพราะไม่รู้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรผิดลงไปหรือเปล่า

"คะ ครับ"

(เรียกลุงได้ยังไงกัน ต้องเรียกพ่อสิ ไหนลองเรียกใหม่สิ)

"เอ่อ...."

(..........)

"คุณพ่อ" นาทีเอ่ยเรียกเบาๆเพราะรู้สึกเขินอายเเบบบอกไม่ถูก

(เห็นไหม ดีกว่าคุณลุงตั้งเยอะ)

นาทีไม่คิดเลยว่าเขาจะได้คุยกับพ่อของลม เเต่จะว่าไปคุณลมก็หน้าเหมือนคุณพ่อเหมือนกันนะ อีกอย่างพ่อของคุณลมใจดีกว่าที่เขาคิดไว้มาก รอยยิ้มที่ยิ้มให้นาทีเองก็ดูอ่อนโยนเเละอบอุ่น คงจะเป็นคุณพ่อที่ดีมากเเน่ๆเลย ไม่เเปลกใจเลยทำไมคุณลมถึงเป็นคนอ่อนโยน เเละใจดี ได้คุณพ่อมาเต็มๆนี่เอง

นภดลพูดคุยกับหลานชายเเละลูกสะใภ้ต่ออีกนิดหน่อยก็ขอวางสาย เพราะตัวเองมีธุระต้องไปทำต่อ ส่วนครอบครัวของลูกชายก็ถึงเวลาอาหารเย็นเเล้ว

(ไว้ว่างๆให้ลมพามาเที่ยวบ้างนะ)

"ครับ"

(ถ้าอย่างนั้นพ่อขอตัวก่อนนะ คุยกันเสียนานเลย)

"ครับ... น้องตุลย์บอกลาคุณปู่ก่อนครับ"

"ปู่นภสวัสดีคับ ตูนตูนบ๊ายบาย"

(บ๊ายบายครับ)

"คุณพ่อดูเเลตัวเองด้วยนะครับ"

(ขอบใจมาก เราก็ด้วยนะ)

"ครับ"

ทั้งสามคนยิ้มให้กันอีกนิดหน่อยก่อนจะวางสาย ลมที่นั่งอยู่ข้างๆได้เเต่นั่งหน้าบึ้ง ก็ตั้งเเต่ที่ทั้งสามคนได้คุยกันเขาก็เเทบจะเป็นส่วนเกินในทันที


...................................................

ใช้เวลาไม่นานมื้อเย็นก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไข่ตุ๋นคุณกุ้งในมื้อนี้ก็ถูกเด็กชายตุลย์จัดการกินหมดจนเกลี้ยง คนทำเเละคนซื้อไข่ไก่ที่เห็นเเบบนั้นก็ยิ้มกันจนแก้มปริ


"ทีครับ~"

หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ สามคนพ่อเเม่ลูกก็นั่งเล่นกันต่ออีกสักพักใหญ่ๆ ก็ถึงเวลาเข้านอนของเด็กชายตุลย์ ตอนนี้เด็กชายตุลย์กำลังแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำ นาทีที่เดินออกมาหยิบกางเกงลายคุณหมีให้ลูกชายหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อจากคนตัวโต

ฟึบ!

ลมเดินเข้ามาสวมกอดนาทีเอาไว้หลวมๆ

"ฟอด ~ ฟอด~" เเก้มนิ่มทั้งสองข้างของนาทีโดนลมขโมยหอมอย่างไม่ทันตั้งตัว

"ทำไมวันนี้ดูอ้อนๆจังเลยครับ" นาทีที่เห็นท่าทางอ้อนๆของลมก็อดที่จะสงสัยเเละเอ่ยถามออกไปไม่ได้

"พี่ก็อ้อนปกตินะครับ จุ้บ!" ไม่พูดเปล่าลมยังมีการขโมยจุ้บจากนาทีอีกด้วย

"หืม ทีเริ่มชักหวั่นๆเเล้วนะครับ พี่ลมอยากได้อะไรครับ"

"พี่เสียใจนะเนี่ย เเค่อยากอ้อนเมียเเต่เมียไม่เข้าใจ" ลมเเกล้งทำสีหน้าเศร้าๆ " ตอนเเรกพี่ก็เเค่อยากอ้อนเฉยๆ เเต่พอทีถามว่าพี่อยากได้อะไร พี่ก็คิดขึ้นได้เลยครับ ว่าอยากได้อะไร"

"............" นาทีเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

"อยากให้น้องทีไปนอนด้วยกันกับพี่ลมที่ห้องข้างๆสักสามสี่ชั่วโมงจังเลยครั.....โอ๊ย พี่เจ็บนะครับ"

"ใครใช้ให้ทะลึ่งละครับ"

"ทะลึ่งตรงไหนกัน พี่ลมคิดถึงน้องทีไม่ได้เหรอคะ" เพราะรู้ดีว่าทำยังไงนาทีถึงจะใจอ่อน ลมจึงพยายามออดอ้อนนาทีอย่างเต็มที่ ตอนเเรกก็ตั้งใจว่าจะหยอกเล่นๆ เเต่ตอนนี้เเอบคิดจริงจังนิดๆ เเต่ก็นะ นาทีคงไม่ยอมเล่นด้วยง่ายๆ

"ที....."

"หม่าม้า!"

ยังไม่ทันที่นาทีจะได้ตอบคำถามของลม เจ้าตัวก็โดนลูกชายที่อยู่ในห้องน้ำตะโกนเรียกขัดจังหวะเสียก่อน

"จริงๆเลยน้า ตัวเล็ก" ลมบ่นออกมาอย่างจริงจังนัก พร้อมกับคลายอ้อมกอดออกเพื่อให้นาทีเดินไปหาลูกชาย

เมื่อลมคลายอ้อมกอดออก นาทีก็เดินตรงไปยังห้องน้ำ เเต่ก่อนที่จะเข้าไปด้านใน นาทีก็หันกลับมาส่งยิ้มและพูดบางอย่างกับลมก่อน

"หลังจากลูกหลับนะครับ" พูดจบนาทีก็รีบเดินหน้าเเดงเข้าไปหาลูกชายภายในห้องน้ำทันที


ฝ่ายลมในตอนนี้ได้เเต่ยืนนิ่งๆ สายตาจับจ้องไปยังทางห้องน้ำ พร้อมกับความคิดที่โลดเเล่นอยู่ภายในหัว

หลังจากลูกหลับ?.....


เมียตกลงเหรอ?.......


เฮ้ย!!! เมียตกลงด้วยว่ะ.......


เอาว่ะ......ฟิตร่างกายให้พร้อม นานๆทีเมียจะตกปากรับคำ คืนนี้ถ้าลูกคนที่สองไม่มา จะไปเปลี่ยนชื่อจาก 'ภูวิศ' เป็น 'ไอ้คนไร้น้ำยา' เลยคอยดู


ว่าเเล้วก็วิดพื้นวอร์มร่างกายสักหน่อย ฮึบ!.......


...............................................................

TBC.

ฝากทุกๆคนเอ็นดูเฉือน้อยตูนตูนด้วยนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวตูนตูนจะขู่ โฮก! โฮก! เยยนะ ☺


ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ


ขอบคุณมากๆนะคะ


ครอบครัวพี่ลมเป็นครอบครัวที่น่ารักนะคะ คุณพ่อคืออบอุ่นมาก

 คำเรียกว่าน้องลมของคนเป็นพ่อ เราไม่เเน่ใจว่าตรงนี้หลายๆคนจะติดขัดหรือเปล่า ถ้าติดขัดเราต้องขอโทษด้วยนะคะ เเต่เราก็ตั้งใจที่จะเขียนออกมาเเบบนี้ค่ะ คือเราอยากให้ตัวละคร ไม่ว่านอกบ้านจะนิ่งขรึม เหี้ยมโหดปานใด เเต่เวลาอยู่กับคนในครอบครัวหรืออยู่ที่บ้านอยากให้เขาเป็นคนที่น่ารัก เป็นตัวของตัวเองโดยธรรมชาติค่ะ


ตอน 18.00 แคนจะมาลงเพิ่มอีก 2 ตอนนะคะ


แอบขายของนิดนึงนะคะ จริงๆตอนนี้เจ้าหนูตูนตูนมีเปิดพรีออร์เดอร์อยู่นะคะ หากใครสนใจแอดไลน์ @050zmsmj มาสอบถามได้นะคะ แคนอยากจะแทรกรูปให้ดูแต่แทรกไม่เป็นค่ะ แง้  :mew6: ฝากทุกคนเอ็นดูเจ้าหมูตุ้บด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 18-10-2021 13:06:05
น้องลมอาจจะต้องเปลี่ยนชื่อนะคะ ถ้าน้องตูนตูนไม่ยอมนอน... คุคุคุ...

ปล. อยากแซวมากอะคะ แซวให้เขินกันไปข้างเลยอะ...
"น้องลมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม"
555... น่ารักค่ะ... ^0^ ...
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 18-10-2021 13:41:52
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 23) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 18-10-2021 17:57:04
23
เป็นห่วงเป็นใย...


(กร + คีย์)


"ซี้ดดดดด....."

"............"

"เบาหน่อยคุณ"

".............."

"โอ๊ย! เจ็บนะคุณ"

"สมน้ำหน้า ร้องเอะอะโวยวายดีนัก"

คีย์ได้เเต่นั่งทำหน้าเหม็นเบื่อผู้ชายตรงหน้าที่ทำท่าทางเจ็บปวดปางตายจนหน้าหมั่นไส้ ทั้งๆที่ตอนเเรกเเทบไม่เเยเเสต่อบาดเเผลของตัวเองเลยสักนิด

"เเรงคนหรือเเรงควายเนี่ยคุณ กดลงมาได้ เจ็บชะมัด"

"โหย เเล้วนี่ปากคนหรือปากหมาเนี่ยคุณ พูดจาได้หมาชะมัด"

คีย์ชักจะเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองคิดผิดมหันต์ที่ใจอ่อนยอมให้อีกคนมาที่ห้องของตัวเองเพื่อจะได้ทำเเผลให้ ตอนนั้นเขาน่าจะมีสติกว่านี้ ปล่อยให้คนตรงหน้าเลือดไหลหมดตัวให้เเผลติดเชื้อตายไปเลยยังจะดีกว่า

"ทำหน้าเเบบนั้นคิดจะฆาตกรรมผมอยู่หรือเปล่า"

ยิ่งได้ยินคำพูดของคนตรงหน้า คีย์ก็ได้เเต่ถอนหายใจเงียบๆ มือก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการทำแผลบริเวณไหล่ให้กรต่อไป

เฮ้อ! ไม่น่าเลยไอ้คีย์ ไม่น่าอยากกินมาม่าเลย เพราะว่าของบางอย่างหมดบวกกับอยากกินมาม่าเเท้ๆ ทำให้เขาต้องมานั่งชดใช้กรรมอยู่เเบบนี้



เหตุการณ์ก่อนหน้า.........

"...ของคุณลูกค้าทั้งหมด 1,037บาท 25 สตางค์ ค่ะ"

"นี่ครับ"

"รับเงินสดมาทั้งหมด 1,100 บาท นะคะ"

"ครับ"

"เงินทอนทั้งหมด 62 บาท 75 สตางค์ค่ะ คุณลูกค้ามีส่วนลดท้ายใบเสร็จ สามารถนำมาใช้ได้ในครั้งถัดไปนะคะ ขอบคุณค่ะ"

"ครับ ขอบคุณครับ"

หลังจากที่รับเงินทอน คีย์ก็กวาดของทุกอย่างใส่ลงในกระเป๋าผ้าที่เตรียมมา ก่อนจะเดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดอยู่ด้านล่างคอนโดเพื่อกลับขึ้นไปยังห้องพักด้านบน

เหตุผลที่คีย์ตัดสินใจซื้อคอนโดเเห่งนี้ นอกจากความสะดวกสบายในด้านของอาหารการกินเเล้ว ยังสะดวกเรื่องของการเดินทางไปทำงานอีกด้วย ระยะทางจากคอนโดไปร้านกาเเฟใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีเพียงเท่านั้น

หากจะถามหาข้อเสีย สำหรับคีย์ก็คงมีอย่างหนึ่งที่พอจะมองเห็น นั่นก็คือขนาดห้องที่กว้างเเละใหญ่เกินไป อาจจะมีหลายคนตั้งคำถามว่า ห้องกว้างใหญ่มันไม่ดีตรงไหน จะว่าดีมันก็ดีครับ เเต่บางครั้งการอยู่ห้องที่กว้างใหญ่เพียงคนเดียว มันก็ทำให้คนโสดๆเเบบคีตกานต์คนนี้ เหงาจับหัวใจเช่นกัน พูดเเล้วอยากจะปาดน้ำตา หันมองเพื่อนมีลูกมีสามีกันหมด ตัดภาพมาที่ตัวเองยังเดินถือถุงมาม่าเดินโดดเดี่ยวเลี้ยวมารอลิฟต์เพื่อไปต้มมาม่าเเล้วนั่งกินคนเดียวบนห้องอยู่เลย เฮ้อ!!

สวรรค์ไม่เข้าใจ! สวรรค์ไม่เข้าใจคีย์!!!!

ได้โปรดส่งเเฟนหล่อๆนิสัยดีมาให้คีตกานต์คนนี้สักคนเถอะครับ

"คุณจริงๆด้วย"

"เฮ้ย!!" คีย์หันขวับมองตามเสียงทักทายที่คุ้นหูพร้อมกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ยามที่ได้เห็นใบหน้าของผู้มาใหม่ชัดๆ

เเม่ง! สวรรค์ไม่มีจริง จริงๆด้วย!! นอกจากจะไม่ส่งเเฟนมาให้เเล้ว ยังส่งมารผจญมาให้อีก

คีย์ได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ สวรรค์จะส่งไอ้คุณกรจอมหน้านิ่ง ผู้กวนอวัยวะเบื้องล่างหน้าตายมาให้เขาทำไมเนี่ย!

"คุณมาได้ไง ตามผมมาเหรอ" คีย์เอ่ยถามด้วยสีหน้าท่าทางที่หวาดระเเวงเล็กน้อย

"คุณมีอะไรให้น่าตามขนาดนั้น" กรหันไปมองคีย์แป๊ปนึงก่อนจะหันไปมองลิฟต์ตามเดิม

"ก็มีดีพอตัว" คีย์ไหวไหล่ เชิดหน้า เถียงตอบคนข้างๆอย่างไม่ยอมเเพ้

ถ้ามองเเบบไม่อคตินายหน้านิ่งก็หน้าตาดีเหมาะเเก่การจีบมาเป็นเเฟนอยู่หรอก เเต่เรื่องปากเเละทักษะการกวนโมโหชาวบ้านให้เลือดพุ่งสูงอันนี้ไม่ไหว คีย์คิดว่าเขาขอปัดผ่านดีกว่า

"หึ! ผมไม่ได้ตามคุณมาหรอกสบายใจได้"

"จะบอกว่าบังเอิญคุณก็อยู่ที่นี่เหมือนกันว่างั้น"

"ใช่"

"เหอะ ช่างป็นความบังเอิญที่ซวยสุดๆ"

คีย์พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมนายหน้านิ่งถึงเลือกคอนโดแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยไว้หลับนอน เพราะมันใกล้บริษัทการเดินทางก็สะดวก เเต่คอนโดอื่นก็มีเป็นร้อยเป็นพันทำไมถึงไม่เลือก เฮ้อ! ปกติก็ไม่เคยเจอกัน ทำไมบทจะเจอก็เจอกันบ่อยเหลือเกินวะ จะว่าพรหมลิขิตก็ไม่น่าใช่ หรือจะเป็นบทนิยายที่ใครสักคนเขียนขึ้นมา ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงได้โปรดเปลี่ยนบทให้เขาด้วยเถอะ

"ผมหล่อจนต้องมองตาค้างเลยเหรอคุณ"

"หลงตัวเอง" คีย์มองค้อนกรทันทีเมื่อได้ยินประโยคชวนเเสลงหูจากอีกฝ่าย

"หรือว่าดีใจจนทำอะไรไม่ถูกที่รู้ว่าได้อยู่คอนโดเดียวกับผม"

"ดีใจบ้านคุณสิ"

"หึ!"

ส่วนกร ยามที่ได้เห็นท่าทางหงุดหงิด อารมณ์ไม่ดีของคีย์ กรก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเเหย่อีกคนให้หงุดหงิดมากยิ่งขึ้นไปอีก คนอะไรเวลาหงุดหงิดเเล้วชอบขู่ฟู่ฟู่ อย่างกับลูกเเมว ไหนจะปากยื่นๆนั่นอีก น่าบีบชะมัด

คอนโดแห่งนี้กรเองก็เพิ่งซื้อได้ไม่นาน ซึ่งนอกจากเขาเเล้ว ทั้งบอสเเละขุนก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน พวกเขาซื้อห้องกันคนละห้อง เพราะทำเลตรงนี้ดี ใกล้บริษัท ไม่ต้องเดินทางให้เหนื่อย

ปกติเเล้วกรจะขับรถขึ้นไปจอดยังลานจอดรถเเล้วกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นที่ตัวเองอยู่เลย เเทบจะไม่เคยใช้ลิฟต์ด้านล่างตัวนี้ เเต่วันนี้หลังจากกลับมาจากทำธุระให้เจ้านายเสร็จเขาก็ได้โทรให้ขุนมารับ และโดนขุนนำมาทิ้งไว้ตรงหน้าคอนโดเพราะเจ้าตัวรีบไปสังสรรค์ต่อ จนเป็นเหตุให้เขาได้มาเจอกับคุณเจ้าของร้านกาเเฟอย่างที่เห็น

ติ๊ง!

เสียงลิฟต์ที่ดังขึ้นเปรียบเสมือนระฆังที่ส่งเสียงบ่งบอกให้รู้ว่าการต่อสู้ของรอบนี้ได้จบลงเเล้ว

คีย์สะบัดหน้าใส่กรเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขาเข้าไปในลิฟต์ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่กรเองก็ก้าวขาเข้าลิฟต์ด้วยเช่นกัน

ต่างฝ่ายต่างก็หันมามองหน้ากันเเละกัน เเต่เป็นคีย์ที่ยู่หน้าเล็กน้อยเเละเดินกระเเทกไหล่ของกรเข้าไปในลิฟต์ก่อน

"อึก!" กรที่ไม่ทันตั้งตัวเผลอนิ่วหน้าออกมาเพราะรู้สึกเจ็บ ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์และกดชั้นของตัวเอง

"โดนนิดๆหน่อยๆทำเป็นเจ็บ" คีย์พูดออกมาเบาๆคล้ายกับกำลังพูดกับตัวเอง

พรึบ!

กรไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไป เขาทำเพียงเเค่ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก

"เฮ้ยๆๆๆ คุณ ถอดเสื้อทำไมอะ"

"..........."

"ผมสู้คนนะบอกก่อน.......เฮ้ยคุณ! ไปทำอะไรมา ผมกระเเทกไหล่เเรงจนเลือดไหลเลยเหรอ ฉิบหายเเล้วไอ้คีย์" จากที่ตอนเเรกที่คีย์ตั้งท่าจะโวยวาย ตอนนี้สีหน้าคีย์แปรเปลี่ยนเป็นตกใจเเละลนลานเเทนยามที่เห็นเลือดสีเเดงๆซึมทะลุเสื้อเชิ้ตสีขาวของกรออกมา

"คุณ ใจเย็นๆ"

"เย็นได้ไง เลือดเลยนะคุณ"

เเม้คีย์จะไม่ชอบหน้ากรมากเพียงใด เเต่การที่เห็นอีกคนมีเลือดเเบบนี้เขาก็อยู่เฉยไม่ได้ ยิ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากเขาด้วยแล้ว เขายิ่งอยู่เฉยไม่ได้เข้าไปใหญ่

"ผมไม่เป็น........โอะ โอ๊ย เจ็บชะมัดเลย คุณกระแทกไหล่ผมจนเเผลปริเลย" จากตอนเเรกที่จะเอ่ยบอกอีกคนว่าไม่เป็นไร เเต่กรกลับเปลี่ยนใจร้องโอดโอยออกมาเเทน

"เจ็บเหรอ คุณเจ็บเหรอ ผมไม่รู้ ผมขอโทษนะ"

เมื่อได้ยินเสียงร้องโอดโอยของกร คีย์ก็รีบพุ่งตัวไปหากรทันทีอย่างลืมตัวด้วยความเป็นห่วง จนตัวเเทบชิดติดกัน ส่วนกรที่เห็นท่าทางของอีกคนที่เป็นห่วงเขาก็แอบยกยิ้มมุมปากนิดๆให้กับความน่ารักของคนตรงหน้า การร้องโอดโอยไปก่อนหน้านี้ ก็เเค่สำออยเท่านั้นเเหละ

"คุณไปโรงพยาบาลทำแผลก่อนไหม เดี๋ยวเลือดไหลหมดตัวนะ"

"นั่นสินะ เเต่ผมไม่อยากไปโรงพยาบาลด้วยสิ จะทำแผลเองก็ไม่ถนัด งั้นปล่อยไว้เเบบนี้เเหละ เดี๋ยวเลือดคงหยุดไหลเเละเเผลคงหายเอง" กรพูดด้วยท่าทางเเละใบหน้านิ่งๆที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

"............." ใบหน้าของคีย์ตอนนี้คิ้วขมวดกันเเน่นราวกับคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนักก่อนจะพูดบางอย่างออกมาที่ทำให้กรลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

"ถ้าอย่างนั้นคุณไปที่ห้องผมก่อน เดี๋ยวผมทำแผลให้เอง"



และนั่นก็คือเรื่องราวก่อนหน้าที่ทำให้คีย์ต้องมานั่งทำแผลให้กรอยู่ภายในห้องของตัวเอง

"เสร็จเเล้ว อีกอย่างถ้าพูดหรือคิดอะไรดีๆไม่ได้ อย่างน้อยๆพูดคำว่าขอบคุณออกมายังจะดีกว่านะ"

"ขอบคุณครับ" กรเอ่ยขอบคุณคีย์ด้วยเสียงน้ำเสียงนุ่มทุ้ม

"อะอืม อื้ม ว่าเเต่จะไม่บอกจริงๆใช่ไหมว่าไปทำอีท่าไหนถึงโดนคนอื่นเอามีดมาปาดไหล่เล่นเเบบนี้" คีย์ถามกรเรื่องนี้หลายครั้งเเล้วเเต่กรบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบตลอด คีย์ไม่ได้ถามเพราะต้องการยุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของกร คีย์ถามด้วยความเป็นห่วงจริงๆ จะมีใครที่อยู่ๆก็โดนมีดเชือดมาเเบบนี้บ้าง ไม่มีหรอก

"ผมบอกเเล้วว่าไม่มีอะไรหรอก คุณอย่าใส่ใจเลย"

"เหอะ ไม่ยุ่งด้วยก็ได้ ทำแผลเสร็จเเล้วก็กลับห้องคุณไปได้เเล้ว" คีย์เบ้ปากด้วยความขัดใจ ก้มหน้าก้มตาเก็บอุปกรณ์ทำแผลใส่กล่องไว้เหมือนเดิม

"งอนเหรอ" กรที่เห็นท่าทางของคีย์ก็อดที่จะถามออกไปไม่ได้

"ใครงอนคุณ"

"คุณไง"

"ผมจะงอนคุณทำไมไม่ทราบ"

"ที่ผมบอกว่าอย่าใส่ใจเลย เพราะเรื่องราวมันไม่มีอะไรเลย ผมเเค่บังเอิญไปเจออันธพาลกลุ่มหนึ่งเเละพลาดท่าโดนพวกมันเล่นทีเผลอจนได้แผล มาหนึ่งเเผลอย่างที่คุณเห็นนี่เเหละ"

สิ่งที่กรบอกคีย์ไปคือเรื่องจริง เขาไปจัดการบางอย่างให้บอส เเละด้วยความที่ไม่ทันระวังตัว เขาโดนฝั่งตรงข้ามเล่นทีเผลอจนได้เเผลที่หัวไหล่มาหนึ่งเเผล ซึ่งมันเป็นเเผลที่กรมองว่าเล็กน้อยมาก แผลใหญ่เเละสาหัสกว่านี้เขาก็เคยได้รับมาเเล้ว เเต่สำหรับคีย์ดูเเล้วคงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ก็เจ้าตัวดูกังวลกับเเผลที่ไหล่ของเขามาก

"บอกทำไมใครอยากรู้" เเม้ปากจะพูดเหมือนไม่สนใจ เเต่ในใจจากที่ขุ่นมัวของคีย์กลับรู้สึกดีขึ้น "กลับห้องคุณไปได้เเล้ว เเล้วก็ระวังอย่าให้เเผลโดนน้ำละ กินข้าวเเล้วกินยาดักไว้ด้วยก็ดีนะคุณ"คนปากร้ายเเต่ใจดีก็ยังคงบ่นกรไปเรื่อยๆ ด้วยความเป็นห่วงด้วย ความลืมตัว

"........."

"นั่งหน้านิ่งอะไรของคุณ กลับไปสิ ผมหิวเเล้ว จะต้มมาม่ากินสักหน่อย"

"ไม่ชวนผมอยู่กินด้วยเหรอ"

"ทำไมต้องชวน กลับไปกินห้องคุณสิ ที่ห้องไม่มีข้าวกินหรือไง"

"ไม่มี"

"อย่ามาตีเนียน"

"จริงๆนะคุณ"

".........."

"คีย์ครับ"

"ก็ได้ๆ!!! พูดมากอีกเเล้ว"พูดเสร็จคีย์ก็สะบัดหน้าที่ขึ้นสีเเดงระเรื่อใส่กร เเละรีบสาวเท้าเข้าไปในครัวพร้อมหูที่ขึ้นสีเเดงจัดทันที

กรได้เเต่นั่งยิ้มขำให้กับท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูกของคีย์ ตอนเเรกเขาตั้งใจจะต่อปากต่อคำกับคีย์ต่อ เเต่มาคิดๆดูเเล้วถ้ายังไม่เลิกเถียงเขาคงโดนเตะออกจากห้องจริงๆเเน่

เเละจากที่เขาสังเกต ถ้าคิดไม่ผิดเหมือนคีย์จะเเพ้เสมอเวลาที่เขาพูดคำว่าครับ ดังนั้นกรจึงเลือกที่จะพูดมันออกไปผสมกับเสียงอ้อนหน่อยๆ ซึ่งมันก็ได้ผลตามที่กรคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด



คีย์ใช้เวลาในการต้มมาม่าไม่นานก็เสร็จพร้อมทาน กลิ่นมาม่าหอมๆลอยฟุ้งชวนให้รู้สึกหิวยิ่งกว่าเดิม ทั้งสองคนนั่งกินกันเงียบๆโดยไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆทั้งสิ้นบนโต๊ะอาหาร ใช้เวลาไม่นานมาม่าเครื่องเเน่นที่หน้าตาน่ากินก็โดนทั้งสองคนกินเรียบไม่มีเหลือ

"ไม่น่าเชื่อว่าจะอร่อย" กรพูดขึ้นหลังจากวางเเก้วน้ำลงบนโต๊ะ

"ถ้าอย่างนั้นก็เชื่อซะนะ" คีย์พูดไปพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบจานของกรมาซ้อนถ้วยของตัวเองเพื่อนำไปล้าง

"ถึงจะไม่อยากเชื่อ ผมก็คงต้องเชื่อ"

"คนมันเก่งอะนะ" คีย์เชิดหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจในฝีมือการต้มมาม่าของตัวเอง

"ผมล้างเอง คุณทำอาหารเเล้ว" กรเอ่ยอาสาเมื่อเห็นว่าคีย์กำลังจะลุกขึ้นเอาจานไปล้าง

"ไม่ต้องเลย เจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอคุณ ผมไม่อยากใช้งานคนพิการ" พูดจบคีย์ก็เดินเอาจานไปล้างทันที



"กลับห้องคุณไปได้เเล้ว" คีย์ที่เพิ่งล้างจานเสร็จหันมาไล่กรที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะทานข้าวเหมือนเดิม ไม่ยอมกลับห้องของตัวเองไปสักที

"ขยันไล่จังเลยคุณ"

"แต่คุณก็ยังหน้าด้านอยู่"

"โอเคครับๆ ผมยอมเเพ้" กรยกมือขึ้นสองข้างเป็นสัญลักลักษณ์ว่าตัวเองยอมเเพ้เเล้ว

กรลุกจากเก้าอี้ในครัว ไปหยิบเสื้อคลุมของตัวเองที่วางพาดอยู่บนโซฟา จากนั้นก็เดินไปสวมรองเท้าหน้าประตู โดยทุกๆการก้าวเดินเเละทุกๆการกระทำ จะมีคุณเจ้าของห้องคอยตามติด ราวกับกลัวว่าเขาจะขโมยของกลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น

ถ้าจะให้หยิบของกลับห้องเขาไม่หยิบหรอก เเต่ถ้าให้หยิบเจ้าของห้องกลับไปด้วย อันนี้ก็น่าคิด

"ผมไปก่อนนะ"

"น่าจะไปได้ตั้งนาน"

"ขอบคุณสำหรับการช่วยทำแผลเเละมาม่านะคุณ"

"ทำบุญทำทาน สร้างบุญให้ตัวเอง"

"เหรอ งั้นตอนนี้บุญคงล้นตัวคุณแน่ๆ" กรเอ่ยหยอกล้อคีย์จนโดนคีย์มองค้อนใส่วงโต

"ไปสักทีเถอะ"

"ไว้เจอกันนะคุณ สำหรับคืนนี้..."

กรก้มหน้าลงมาจนหน้าของกรอยู่ระดับเดียวกับคีย์

"ฝันดีนะครับ"

คำพูดของกรว่าหวานละมุนเเล้ว เเต่รอยยิ้มของคนหน้านิ่งนั้นละมุนยิ่งกว่า

ปัง!

คีย์ที่เจอรอยยิ้มของกรเข้าไปถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้เเต่รีบปิดประตูใส่หน้ากรอย่างเเรง ส่วนตัวเองก็ยกมือขึ้นขยำเสื้อบริเวณหน้าอกที่ตอนนี้หัวใจกำลังเต้นเเรงจนเเทบจะทะลุออกมาด้านนอก ไหนจะใบหน้าที่เห่อร้อนอีกนี่อีก......

ฮือออออ!!! ไหวไหมคีตกานต์?...................


...............................................................

วันถัดมา ณ ร้าน Keyword ca'fe

"ง่วงนอนฉิบหายเลย"

"เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอพี่คีย์ ผมเห็นพี่หาวทั้งวันเลย"

"นั่นสิ คีย์ไม่สบายหรือเปล่า เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ"

"ฮั่นเเน่ เเอบคุยกับเเฟนจนดึกดื่นเเน่ๆเลยใช่ไหมคะพี่คีย์"

"ถ้ามีแฟนก็ดีนะสิวุ้น ตอนนี้มีเเต่มารที่โผล่มา เเฟนไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน"

"มาร? ใครเหรอ" นาทีถามคีย์ด้วยความสงสัย

"ช่างเถอะ มึงอย่าไปใส่ใจเลยทีเพื่อนรัก"

คีย์ขี้เกียจเกินจะอธิบายอะไรออกไปให้นาทีฟัง เลยเลือกที่จะบอกปัดไป อีกอย่างต้นเหตุที่ทำให้วันนี้เขาหาวทั้งวันก็เพราะมารตนนี้นี่เเหละ เพราะไอ้รอยยิ้มกับเสียงละมุนยามบอกฝันดีครับเเท้ๆ ที่ทำให้เขาเเทบนอนไม่หลับ มันน่าเจ็บใจชะมัด!!

"ง่วงเหรอ อาคีย์ง่วงหรอคับ" เด็กชายตุลย์ที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่บนโต๊ะถามขึ้น

"อาคีย์ง่วงนิดหน่อยครับ ไม่ง่วงเยอะ" คีย์ก้มลงมองเด็กชายตัวน้อยที่กำลังเงยหน้ามองเขาตาแป๋ว

"อาคีย์อดทนน้า เดี๋ยวก็ได้นอนเเย้ว" เด็กชายตุลย์เอ่ยปลอบคนเป็นอา เขารู้ดีว่าเวลาง่วงนอนเเล้วไม่ได้นอนหรือนอนไม่เต็มอิ่มมันรู้สึกไม่ดีมากๆเลย เเต่อาคีย์ยังต้องทำงานเขาเลยได้เเต่บอกให้อาคีย์ของเขาอดทน

"โอเคครับ อาคีย์จะอดทน ฮึบฮึบเลยครับ หมูตุ้บไม่ต้องเป็นห่วงนะ"

"เก่ง อาคีย์เก่ง" เด็กชายตุลย์เอ่ยชมคนเป็นอาเพื่อให้กำลังใจ

"ไอ้ที ว่าเเต่ตอนที่มึงไปรับน้องตุลย์มาจากคุณลม มึงเจอหน้าผู้ช่วยหน้านิ่งของคุณลมบ้างป้ะ"

"คุณกรเหรอ"

"เออ"

"ไม่เจอนะ คีย์มีอะไรหรือเปล่า"

"เปล๊า"

"เหรออออออออออออออ" นาทีลากเสียงยาวๆพร้อมกับหรี่ตามองเพื่อนของตัวเองเพื่อจับพิรุธ

"พี่คีย์เขาเป็นห่วงพี่กรครับ"

"ไอ้เปอร์" คีย์หันไปมองเปอร์ตาเขียวปั๊ด

"ผมพูดเรื่องจริง" เปอร์ยังคงเถียงตาใส

"เงียบปากเลยนะ" คีย์พูดกับเปอร์เสียงลอดไรฟัน เเต่มีหรือที่เปอร์จะกลัว เมื่อได้โอกาสเราก็ไม่ควรปล่อยผ่าน งานเผาเจ้านายต้องมาเเล้วในนาทีนี้

"คืออย่างนี้นะพี่ที เมื่อเช้าผมเห็นพี่คีย์มาพร้อมพี่กร เเล้วเหมือนพี่กรอะ จะไม่สบาย ผมได้ยินพี่คีย์บอกให้พี่กรทานยา ทานข้าว และให้ระวังแผล คุยกันเสร็จพี่กรก็บอกพี่คีย์ว่าอาจจะมาหาตอนเที่ยง เเต่ตั้งเเต่เช้าจนถึงตอนนี้ที่ร้านใกล้จะปิดเเล้วพี่กรยังไม่โผล่หน้ามาเลย พี่คีย์เขาเลยเป็นห่วง กระวนกระวายตั้งเเต่สายๆเเล้ว ทั้งๆที่พี่กรก็บอกเเล้วเเท้ๆว่า'อาจจะ' เเต่คนทางนี้ดูท่าเฝ้ารอคอยจังเลย" เปอร์ยกยิ้มด้วยความสะใจที่สามารถทำให้คีย์เสียอาการได้

"ไม่ได้เป็นห่วงเว้ย!! " คีย์ปฏิเสธเสียงเเข็งยามเห็นสายตากรุ้มกริ่มจากนาที "ส่วนมึง แอบฟังเจ้านายเหรอไอ้เปอร์"

"เรายังไม่ได้ว่าอะไรเลย" นาทีพูดติดขำให้กับท่าทางของคีย์

"ผมเปล๊าแอบฟังน้า....... น่าพี่คีย์อย่าปฏิเสธเลยครับ พี่ดูเป็นห่วงเป็นใยเขาจะตาย ผมถามจริง เป็นห่วงเป็นใยเขา เป็นอะไรกับเขาก่อน"

"เป็นคนรู้จัก" คีย์ตอบกลับเปอร์ออกไปทันทีตามประสาคนปากไว

"โอ๊ะ ยอมรับว่าเเล้วเหรอครับว่าเป็นห่วง" เปอร์ยกยิ้มด้วยความทะเล้น

"ไอ้เหี้ยเปอร์!!!" คีย์ยื่นมือไปปิดหูเด็กชายตุลย์ที่นั่งอยู่ข้างๆไว้ ก่อนที่ตัวเองจะตะโกนคำหยาบคายออกมา

กริ๊ง! กริ๊ง!

เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นเรียกสายตาของคนในร้าน ที่เหลือเพียงเจ้าของร้านกับพนักงานให้หันมองพร้อมๆกันเป็นตาเดียว

"ผมมาขัดจังหวะอะไรไปหรือเปล่าครับ" คนมาใหม่เอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นท่าทางชะงักของนาที เปอร์ วุ้นเเละคีย์ที่มองมายังเขา

"อากร!" เด็กชายตุลย์ตะโกนดีใจ เมื่อเห็นคุณอาครโปรดเดินเข้ามาในร้าน

"ไงสุดหล่อ"

"อากรหายไปไหนมาคับ"

"หืม ไม่ได้หายไปไหนนะครับ"

"จิงหรอคับ เเต่อาคีย์เป็นห่วง อากรหายปาย" เด็กชายตุลย์ที่นั่งทำการบ้านเเละฟังผู้ใหญ่คุยกันเงียบๆเอ่ยถามกรขึ้น เขาไม่รูู้เรื่องราวตั้งเเต่ต้น เเต่พี่เปอร์บอกว่าอากรหายไปทั้งวันจนอาคีย์เป็นห่วงเเละไม่สบายใจ

"เฮ้ย!!" คีย์ที่ได้ยินหลานชายพูดก็ตะโกนตกใจเสียงดัง "หมูตุ้บบบบบบบบ~~" ก่อนจะผ่อนเสียงลงเบาๆเเละเรียกหลานชายด้วยความอ่อนใจ ส่วนเปอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความชอบใจ

กรละสายตาจากเด็กชายตุลย์ มองไปยังคีย์ที่ยืนทำท่าทางเลิ่กลั่ก ก่อนจะเอ่ยหยอกอีกคนให้เสียอาการเล่น


"คีย์เป็นห่วงผมเหรอครับ ขอโทษนะครับที่หายไปโดยไม่ได้บอก ไม่โกรธกันนะครับ"


โว้ยยยยยยยยยยยย!!! พูดอย่างเดียวก็ได้ทำไมต้องยิ้ม


เเค่ 'ครับ' ก็ใจกระตุกพอเเล้ว


ยิ้มเเบบนี้ สงสัยต้องไปทำประกันโรคหัวใจไว้เเล้วมั้ง ใจคีย์ตอนนี้เต้นเเรงชะมัด


พ่อจ๋าเเม่จ๋าช่วยคีย์ด้วยยยยยยยยยย!!!!!


ใครไหวไปก่อนเลย ตอนนี้คีย์เริ่มไม่ไหว..........

...................................................................

TBC.

ตอนนี้เหมือนจะพบคนเสียอาการนะคะ 555555


ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ

เราขอขอบคุณทุกๆคอมเมนต์ (เราอ่านของทุกๆคนเลย) ทุกๆกำลังใจนะคะ

ส่วนพวกคำผิดหรือประโยคชวนงงเราจะทยอยเเก้ให้ในภายหลังนะคะ

ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่24) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 18-10-2021 18:02:09
ตอนเย็นแคนลงสองตอนนะคะ คือ 23 กับ 24  ค่ะ

24
เริ่มเกมได้...


"หม่าม้าๆ ม่ายมีแคร์รอตหรอคับ ฉุกี้ต้องมีแคร์รอตด้วยน้า"

  ช่วงบ่ายๆของวันเสาร์ที่อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว ในวันนี้ที่บ้านของนาทีจะมีการจัดปาร์ตี้เล็กๆเพื่อฉลองวันเกิดย้อนหลังให้กับเปอร์หนุ่มหล่อสุดกวนประจำร้าน Keyword ca'fe

ในเวลานี้นาทีเเละเด็กชายตุลย์กำลังช่วยกันเตรียมของอย่างขมักเขม้นอยู่ภายในครัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฉลองที่จะเกิดขึ้นในตอนเย็น เเละเมนูหลักในวันนี้ที่เจ้าของวันเกิดอย่างเปอร์ขอมานั่นก็คือสุกี้หม้อร้อนนั่นเอง

"จริงด้วย หม่าม้าลืมซะสนิทเลย"

ครั้นได้ยินเสียงของลูกชายที่กำลังรื้อถุงผักเพื่อนำไปล้างถามขึ้น นาทีก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาพลาดเสียเเล้วที่ลืมหยิบผักชนิดโปรดของลูกชายมาด้วย

"ม่ายมีหรอคับ"

นั่นไงมาเเล้ว! เเววตาเศร้าๆกับน้ำเสียงหงอยๆของลูกชายที่คนเป็นเเม่เเบบนาทีมักจะเเพ้เสมอ เเล้วไหนจะท่าทางเขี่ยถุงผักไปมาเบาๆนั่นอีก ลูกชายใครหนอ ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ

"หม่าม้าขอโทษนะครับที่ลืมซื้อมา"

"หม่าม้าตูนตูนอยากใฉ่แคร์รอตในหม้อฉุกี้ด้วยจังเยยคับ" เด็กชายตุลย์เอ่ยบอกความต้องการกับคนเป็นเเม่ด้วยเเววตาเว้าวอนเเละน้ำเสียงที่ออดอ้อน

"ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ดีไหมครับ เดี๋ยวน้องตุลย์ช่วยหม่าม้าเตรียมของให้เสร็จ พอเสร็จเเล้วเราขับมอเตอร์ไซค์ไปซื้อแคร์รอตที่ร้านคุณยายหน้าหมู่บ้านกัน"

"ดีคับ ช่วยๆ ตูนตูนช่วยหม่าม้า เย่~ ฉุกี้กับแคร์รอต อาหร่อยเยย...... แคร์รอตๆ ฉุกี้ๆ ตูนตูนกินฉุกี้ใฉ่แคร์รอต" เมื่อรู้ว่าในหม้อสุกี้จะมีเเคร์รอตเเล้ว จากที่มีสีหน้าหงอยๆตอนนี้เด็กชายตุลย์กลับมาอารมณ์ดีเเถมยังมีการใส่จังหวะให้กับประโยคของตัวเองอีกด้วย

เมื่อตกลงกันเสร็จสรรพ สองเเม่ลูกก็ช่วยกันเตรียมของอย่างเเข็งขัน เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆของทั้งหมดก็พร้อมสำหรับการฉลองในค่ำคืนนี้เเล้ว

"น้องตุลย์ขึ้นไปบอกป๊านะครับว่าหม่าม้ากับน้องตุลย์จะออกไปซื้อของหน้าหมู่บ้านแป๊ปนึง" นาทีที่กำลังรวบอุปกรณ์ต่างๆไปล้างเอ่ยบอกกับลูกชาย

"ได้เยยหม่าม้า" เด็กชายตุลย์รับคำเเละวิ่งตุ๊บตั๊บออกจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว

วันเสาร์แบบนี้ ว่ากันตามจริงเเล้วเวลานี้นาทีควรจะอยู่ที่ร้านกาแฟและลมควรจะอยู่ที่บริษัทมากกว่า เเต่งานปาร์ตี้ที่จะเกิดขึ้นในตอนเย็น ทำให้วันนี้นาทีได้รับสิทธิพิเศษจากคีย์ให้หยุดงานได้หนึ่งวันเต็มๆ ในตอนเเรกคีย์ตั้งใจจะปิดร้าน เเต่เป็นเปอร์ที่ไม่ยอมเพราะไม่อยากให้คีย์เสียรายได้ กว่าจะเถียงกันเสร็จเเละได้ข้อสรุปที่ลงตัว เรียกได้ว่าร้านเเทบเเตกกันเลยทีเดียว

ส่วนลมที่นั่งทำงานอยู่บนห้องนอน วันนี้ก็เกิดอาการงอเเงไม่ยอมไปทำงาน ลำบากขุนที่ต้องหอบหิ้วเอกสารมาให้เจ้านายจอมเอาเเต่ใจเซ็นถึงบ้านและเเน่นอนว่า ทันทีที่ขุนเจอหน้าเจ้านายของตัวเอง มหกรรมการบ่นเจ้านายก็ได้เริ่มต้นขึ้น นาทีที่ได้ยินเเบบผ่านๆยังรู้สึกหูชาเเทนลมเลย  เเต่ก่อนที่ขุนจะกลับนาทีก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยชวนขุนให้มาฉลองด้วยกันในตอนเย็นเเละขุนก็ตอบตกลงบอกว่าตอนเย็นเจอกัน


"ก๊อก ก๊อก ก๊อก ป๊า ตูนตูนเข้าปายได้ม่ายคับ" เด็กชายตุลย์ที่ยืนอยู่หน้าห้องตะโกนถามคนที่อยู่ด้านในอย่างมีมารยาท ก็หม่าม้าบอกเขาว่าถ้าเราจะเข้าห้องใครต้องขออนุญาตก่อน บางทีเจ้าของห้องต้องการความเป็นส่วนตัว คิกคิก! ตูนตูนเก่ง 

แกร๊ก!

"ว่าไงครับตัวเล็ก ฮึบ!" เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับลมที่ย่อตัวอุ้มลูกชาย

"หม่าม้าให้ตูนตูนมาหาป๊า"

"หืม มาหาป๊าทำไมครับ ฟอด~" ถามเสร็จลมก็ก้มหน้าลงไปหอมเเก้มย้วยๆหนึ่งฟอดใหญ่ๆเพื่อเติมพลังให้ตัวเอง

"อื้อ ป๊ามีหนวด ม่ายห้ายหอม ตูนตูนจี้" เด็กชายตุลย์พยายามดันหน้าคนเป็นพ่อออก เขาไม่ชอบเวลาที่ป๊ามีหนวดมันเหมือนมีอะไรมาจิ้มๆให้รู้สึกเจ็บเเละจั๊กจี้

"หยิ่งเหรอตัวเล็ก ไม่ให้หอมเหรอ ฟอด ฟอด ฟอด"

"อ๊ายยยย ป๊า ม่ายๆๆ ฮ่าๆๆ"

ลมที่เห็นท่าทางของลูกชายที่พยายามดันหน้าเขาออก ก็อดไม่ได้ที่จะเเกล้งลูกชายที่อยู่ในอ้อมเเขน ด้วยการหอมลงไปบนแก้มลูกชายรัวๆ

เสียงของสองพ่อลูกดังให้ได้ยินตั้งเเต่ทางขึ้นบันได นาทีที่เห็นว่าลูกชายหายไปนานจึงตั้งใจจะขึ้นมาตามเพราะกลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย เเต่ภาพที่เห็นดันเป็นภาพของสองคนพ่อลูกที่กำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน  เฮ้อ! นี่ถ้าเขาไม่ขึ้นมาตาม วันนี้เขากับลูกชายคงจะไม่ได้ไปซื้อของกันใช่ไหมเนี่ย

"พี่ลม น้องตุลย์"

"หม่าม้าช่วยด้วย ตูนตูนโดนป๊าเเก้ง" เด็กชายตุลย์รีบเอ่ยฟ้องคนเป็นเเม่ทันทีเมื่อเห็นคนเป็นเเม่เดินมาใกล้ๆ

"ฟ้องเหรอตัวเล็ก ฟ้องหม่าม้าเหรอ อย่างนี้ต้องโดนลงโทษ"

"ฮ่าๆ ป๊า ม่ายเอาหอมแก้ม ม่าย ฮ่าๆ"

"เลิกเล่นได้เเล้วครับทั้งสองคน"

"....." "......."

น้ำเสียงดุๆของคนเป็นเเม่ที่พูดออกมา ทำให้คนเป็นพ่อเเละลูกชายที่กำลังหยอกล้อกันถึงกับหยุดชะงักพร้อมกับหันหน้ามามองนาทีตาปริบๆทั้งสองคน

"หม่าม้าดุอีกเเย้ว" เด็กชายตุลย์กระซิบกับคนเป็นพ่อเบาๆ

"ตัวเล็ก จุ๊ๆ"

"อุ๊ปส์!" เด็กชายตุลย์ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปากของตัวเอง

นาทีที่เห็นท่าทางของสองพ่อลูกก็ได้แต่ส่ายหัวเบาๆ ไอ้ท่าทางที่เเสดงออกว่ากลัวเขาของสองพ่อลูกไม่จริงอย่างที่แสดงออกเลยสักนิด สองคนนี้เคยกลัวเขากันซะที่ไหน น่าจับมาตีทั้งคู่เลยจริงๆ

"น้องตุลย์ หม่าม้าให้มาทำอะไรครับ"

"โอ๊ะ" เด็กชายตุลย์ตกใจตาโต เมื่อคิดได้ว่าตัวเองลืมเรื่องสำคัญไปเสียเเล้ว "ตูนตูนลืมเยย....ป๊า ตูนตูนจะปายซื้อแคร์รอตกับหม่าม้านะ"

"ซื้อแคร์รอตเหรอครับ" ลมหันหน้าไปถามนาที

"พอดีทีลืมซื้อมาน่ะครับ ลูกอยากกิน เลยจะขับมอไซค์ไปซื้อร้านคุณยายหน้าหมู่บ้าน"

"ถ้าอย่างนั้นพี่ไปด้วย"

"ไม่เป็นไรครับ ทีไปกับลูกได้ พี่ลมต้องทำงานนะครับ"

"ไม่เป็นไรพี่ไปได้"

"แต่ว่า..."

"นะครับ"

"เฮ้อ! ก็ได้ครับ" สุดท้ายนาทีก็เเพ้ท่าทางออดอ้อนของลมอีกตามเคย

"ไปครับตัวเล็กไปซื้อแคร์รอตกัน" ลมวางลูกชายให้ยืนกับพื้น เปลี่ยนจากอุ้มเป็นจับมือเเทน

"เย่~ ปายกานๆๆ"

สองพ่อลูกยังคงจับมือคุยกันกระหนุงกระหนิงระหว่างที่เดินลงบันได ทิ้งให้คนเป็นเเม่เดินหน้ามุ่ยตามหลังอยู่คนเดียว นาทีได้เเต่คิดอยู่ในใจว่าหม่าม้าอย่างเขาโดนลูกลืมเเล้วจริงๆใช่ไหมเนี่ย

ลมที่หันมาเห็นคนตัวเล็กเดินหน้าง้ำงอก็อมยิ้มนิดๆก่อนจะก้มลงกระซิบบอกลูกชายให้กระทำการบางอย่าง

"หม่าม้า จับมือกาน จับมือเดินไปด้วยกานนะ" เด็กชายตุลย์ยื่นมือน้อยๆของตัวเองไปจับมือคนเป็นเเม่ไว้เเน่น พร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้ด้วย

"ครับ จับมือเดินไปด้วยกัน"

นาทียิ้มอ่อนโยนให้กับลูกชาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้กับลมที่ส่งยิ้มมาให้เขาก่อนอยู่เเล้ว ฃ

ตอนเเรกนาทีก็อยากจะน้อยใจอยู่หรอก เเต่เจอการง้อเเบบนี้ เขาไม่น้อยใจเเล้วก็ได้


.........................................................................


"พี่ที พี่ทีคร้าบบบบบบบบ"

เสียงมาก่อนตัวเเบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร นาทีที่ยืนอยู่ในครัว อมยิ้มเเละส่ายหัวน้อยๆให้กับเปอร์ ที่นับวันนาทียิ่งรู้สึกว่าเปอร์เหมือนลูกชายของเขาอีกคนเข้าไปทุกที

"พี่ทีครับ เค้กของผมล่ะครับ พี่ได้ทำตามเเบบที่ผมบอกไหมครับ" เปอร์ถามนาทีด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขาคิดไว้เเล้วว่าพี่ทีของเขาต้องทำเค้กให้เขาเเน่ๆ เขาจึงบอกสิ่งที่เขาต้องการไปเสียเลย ว่าอยากให้เค้กของเขามีอะไรบ้างเเละเป็นเเบบไหน

"เอะอะโวยวายจริงๆเลยมึง เกรงใจเจ้าของบ้านบ้าง" คีย์ที่เดินตามมาทีหลังว่าขึ้น

"โหยพี่คีย์ บ้านพี่ทีก็เหมือนบ้านเรา เนอะพี่ทีเนอะ"

"เมื่อก่อนอาจจะใช่ เเต่ตอนนี้มึงอย่าลืมว่าเขาอยู่กับผัวเขาเเล้ว"

"จริงด้วย!"

"ไม่เป็นไร ไม่ว่าเมื่อไหร่บ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านของทุกคนเสมอ" นาทีพูดออกจากใจจริง พวกเขาผ่านทุกข์สุขกันมาเยอะ บ้านหลังนี้ก็มีเรื่องราวของมันเกิดขึ้นมากมาย

"ทำไมกูรู้สึกอยากร้องไห้วะ"

"น้ำตาผมเกือบไหลเลย ดีนะผมห้ามทัน"

"วุ้นล่ะ" นาทีที่เห็นความเล่นใหญ่ของสองคู่ซี้เจ้านายลูกน้องก็เกิดอาการเอือมนิดๆ จึงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องโดยการถามหาสมาชิกอีกคนที่ควรจะมาพร้อมๆกับทั้งสองคนเเต่ตอนนี้เขายังไม่เห็นเลย

"ถ่ายรูปดอกไม้อยู่หน้าบ้าน เดี๋ยวคงตามมา"

นาทีพยักหน้ารับรู้  "เเล้วหิ้วอะไรกันมาเยอะเเยะเนี่ย อุตส่าห์บอกไปแล้วว่าไม่ต้องซื้ออะไรมาเพิ่ม"

"สิ่งนี้ไม่ซื้อไม่ได้นะทีเพื่อนรัก งานปาร์ตี้จะขาดสิ่งนี้ได้อย่างไรกัน"เมื่อคีย์พูดจบ ทั้งคีย์เเละเปอร์ต่างก็ชูถุงที่อยู่ในมือทั้งสองข้างของทั้งสองคนให้นาทีดู พร้อมกับยักคิ้วจึ๊กๆให้นาทีด้วย

"จริงๆเลย เดี๋ยวก็โดนโกรธอีกหรอก" นาทีเอ่ยขู่ออกไป น้องตุลย์ลูกชายของเขาไม่ชอบกลิ่นเหล้าเอาเสียมากๆ คีย์กับเปอร์เคยโดนน้องตุลย์งอนเป็นวันๆเพราะเหม็นกลิ่นเหล้ามาเเล้วด้วย

"ก็กินหลังจากที่หลานหลับเเล้วสิว่ะ" ว่าจบคีย์ก็เดินเอาของที่เตรียมมาไปแช่ไว้ในตู้เย็น

"พี่ที สรุปเค้กผมเป็นยังไงบ้างครับ"

"พี่ทำให้เเล้ว ตามที่เปอร์ต้องการเป๊ะๆ เค้กช็อกโกเเลตเเยมส้ม ครีมเค้กขอเป็นสีรุ้ง เขียนข้อความว่า 'สุขสันต์วันเกิดนะคุณเปอร์สุดหล่อที่หล่อที่สุดในโลก' ตกเเต่งด้วยสตอเบอรี่เเละส้มเยอะๆ เทียนตัวเลขไม่ต้อง ขอเทียนเล่มใหญ่ปักตรงกลางเล่มเดียวพอ "

"พี่ทีน่ารักที่สุด"

"เรื่องมากนักนะมึงอ่ะ"คีย์หันมาด่าเปอร์ ก่อนที่จะสอดส่ายสายตาเหมือนกับกำลังมองหาใครสักคน "ว่าเเต่สามีมึงไม่อยู่เหรอ เเล้วหลานกูอยู่ไหนเนี่ย อาสุดที่รักมาแล้ว ทำไมหลานไม่มาหากูสักที"

"คุณลมทำงานอยู่ด้านบนส่วนน้องตุลย์ก็อยู่กับป๊าเขาเหมือนเดิม"

"ยังติดป๊าหนึบ ไม่มีแผ่ว"

"พี่ที เรากินสุกี้กันได้ยังครับ ผมหิวมากๆเลย"

"นั่นสิ มากันครบเเล้วหนิ กินกันเลยป้ะ กูก็หิวเหมือนกัน"

"อืมมมม...กินกันเลยก็ได้ อีกแป๊ปนึงคุณกรกับคุณขุนคงมาถึงเเล้ว"

"ห๊ะ! นายหน้านิ่งมาด้วยเหรอ" คีย์ตีหน้ายุ่งขึ้นทันที

"พี่ขุนมาด้วยเหรอพี่ที"

"ใช่ เมื่อเช้าคุณขุนเอาเอกสารมาให้พี่ลมที่บ้าน พี่เลยชวนคุณขุนด้วย เปอร์ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม"

"ไม่มีครับ ผมก็ตั้งใจจะชวนพี่ขุนเหมือนกันเเต่ผมไม่เจอพี่ขุนเลย เจอเเต่พี่กรที่เดี๋ยวนี้มาร้านกาแฟทู๊กวัน ไม่รู้ติดใจกาแฟหรือติดใจอย่างอื่นกันแน่ เนอะพี่คีย์เนอะ" เปอร์อมยิ้มนิดๆ เหล่ตามองไปทางคีย์ที่ยืนข้างๆ

"อะไร ติดใจอะไร จะกินไม่กินสุกี้อ่ะ ช่วยกันขนของดิ" คีย์รีบหยิบตะกร้าผักที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมาถือไว้ เเละรีบก้าวเท้าเร็วๆออกจากห้องครัว นาทีกับเปอร์ที่มองตามหลังคีย์ได้เเต่หัวเราะด้วยความขบขันให้กับความเสียอาการของคีย์ที่สุดเเสนจะน่าเอ็นดู


............................................................................


"...... Happy Birthday to เปอร์"

"พี่เปอร์เป่าเยยๆ เป่าฟู่ๆ"

"ฟู่ ฟู่"

"เย้ๆ ได้กินเค้กเเย้ว"

"เดี๋ยวนะที่เราบอกให้พี่เปอร์รีบเป่าเพราะเราจะรีบกินเค้กใช่ไหมเนี่ย"

"ช่ายเเย้ว คิกคิก เค้กหม่าม้าอาหร่อย"

"ไม่ได้ครับ น้องตุลย์ต้องทานข้าวก่อนถึงจะกินเค้กได้นะครับ"

"อดเยย" น้ำเสียงหงอยๆกับสีหน้าเศร้าๆของเด็กชายตุลย์เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากผู้ใหญ่ที่ยืนมองอยู่ได้เป็นอย่างดี

หลังจากที่ทุกคนมากันครบเเล้ว เจ้าของวันเกิดอย่างเปอร์ก็เรียกร้องขอเป่าเค้กก่อนเป็นอันดับเเรก เมื่อถามว่าทำไมถึงรีบเป่าเค้ก เจ้าตัวก็ตอบกลับมาว่า 'ก็เป่าไว้ก่อนเลยดีกว่าครับ จะได้นั่งกินกันยาวๆเลย เผื่อใครเบื่อของคาวอยากกินของหวานก็จะได้กินเลยไม่ต้องรอเวลาเป่าเค้กให้ยุ่งยาก" ในเมื่อเจ้าของวันเกิดบอกมาเเบบนั้น มีหรือที่ใครจะกล้าขัด

"คุณทำไมต้องมานั่งตรงนี้ด้วย ที่นั่งก็มีเยอะเเยะ" เสียงของคีย์ที่ดังขึ้นเรียกสายตาของทุกคนที่กำลังหาที่นั่งให้ตัวเองหันไปมอง

"มันก็ไม่ได้เขียนป้ายติดไว้ว่าห้ามนั่งเสียหน่อย เเล้วทำไมผมจะนั่งไม่ได้" กรตอบออกมานิ่งๆ

"อยากนั่งก็นั่งไปเลยผมย้ายที่เองก็ได้"

ฟึบ!

"เสียใจด้วยนะพี่คีย์ผมนั่งตรงนี้เอง ส่วนที่ว่างตรงนั้นเป็นของพี่ลม พี่คงไม่ใจดำขนาดพรากพ่อเเม่ลูกเขาหรอกนะ"

คีย์ที่ได้ยินเปอร์พูดอย่างนั้นก็เกิดอาการขัดใจอย่างเห็นได้ชัด จะให้เป็นคนใจดำไปขัดขวางครอบครัวคนอื่นก็ไม่ได้อีก

"หึ!"

คีย์มองค้อนใส่กรทันทีที่ได้ยินเสียงหึในลำคอของอีกฝ่าย

"น่าๆ พี่คีย์นั่งตรงไหนก็เหมือนกันเเหละ"

"นั่นสิครับคุณคีย์ นั่งข้างๆพี่กรคุณคีย์ไม่ต้องกังวลนะครับ พี่กรเขาน่ารักนะ" พูดจบขุนก็แอบตีมือกับเปอร์เบาๆด้วยความชอบใจ

ลมที่เดินกลับมาจากการเอาเค้กไปไว้ในตู้เย็นหันไปมองนาทีพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากเขาเห็นคีย์นั่งขมวดคิ้วยุ่ง ส่วนคนที่เหลือก็นั่งอมยิ้มกันทุกคน นาทีส่ายหน้ากลับมาเป็นคำตอบ ลมจึงเลิกสนใจเเละหันไปสนใจลูกชายที่กำลังนั่งเคี้ยวเเคร์รอตจนเเก้มตุ่ยเเทน

บรรยากาศการปาร์ตี้ในวันนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เเม้จะมีเสียงโต้เถียงกันบ้าง เเต่สีหน้าของทุกคนก็ล้วนเเต่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าทั้งนั้น ไม่เว้นเเม้เเต่กรที่มักจะหน้านิ่งอยู่ตลอดเวลาก็มีรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าด้วยเช่นกัน


"น้องตุลย์ไปนอนกันไหมครับ หม่าม้าพาไปนอน"

นาทีเอ่ยถามลูกชายขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่นั้งโงนเงนไปมา ไหนจะตาปรือๆของลูกชายอีก นาทีเหลือบสายตาไปมองนาฬิกาบนฝาผนังก็เห็นว่าดึกมากเเล้วสำหรับเด็กวัยนี้ ไม่แปลกเลยที่ลูกชายของเขาจะออกอาการง่วงนอนเเบบนี้ เเต่เพราะความห่วงเล่นทำให้เจ้าตัวพยายามฝืนตัวเองไว้

"ม่าย หม่าม้า ตูนตูนยังไม่ง่วงเยยคับ"

"ไม่ง่วงที่ไหนกัน ตาจะปิดอยู่เเล้วนะเรา" นาทีลูบหัวลูกชายเบาๆ

"หวาย ตูนตูนหวาย" เด็กน้อยที่ยังห่วงเล่นพยายามยืนยันคำพูดกับคนเป็นเเม่ด้วยน้ำเสียงหนักเเน่น

"ไหวที่ไหนกันครับ ไปครับ ไปนอนกับหม่าม้าดีกว่านะ"

นาทีอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมเเขน เด็กชายตุลย์พอโดนอุ้มก็ซบหน้าลงกับไหล่ของคนเป็นเเม่ทันที สงสัยเขาต้องยอมรับกับหม่าม้าเเล้วเเหละว่าเขาไม่ไหวเเล้วจริงๆ

"ขอตัวพาน้องตุลย์ไปนอนก่อนนะครับ เดี๋ยวผมมา..... พี่ลมไม่ต้องไปครับ ทีไปแป๊บเดียว" นาทีบอกลมที่กำลังจะลุกตามเขามา ลมพยักหน้ายอมอย่างว่าง่าย



..............................................................

"ลูกหลับเเล้วเหรอครับ"

"ครับ" นาทีตอบลมเเต่สายตากลับมองไปยังขวดเหล้าที่โดนจัดการไปเกือบครึ่งขวดเเละดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีคนกรึ่มๆเเล้วด้วย

"พี่ทีมาพอดีเลย ไหนๆวันนี้ก็ฉลองกันทั้งที งั้นเรามาฉลองให้กับมิตรภาพใหม่ด้วยดีไหมครับ"

"มิตรภาพใหม่?" นาทีทวนคำด้วยความสงสัย

"ก็พวกพี่ลม พี่กร พี่ขุนไงพี่ที ปกติมีเเต่พวกเราที่ฉลองกันเอง ปีนี้มีคนที่พวกพี่รักเพิ่มขึ้นมาด้วย เราก็ต้องฉลองให้พวกเขาด้วยสิครับ ผมก็รักพวกพี่ๆเขาเหมือนกันนะครับ"

"วุ้นก็รักด้วยค่ะ" วุ้นที่มักจะเป็นผู้ฟังที่ดี ยกมือเห็นด้วยกับเปอร์

"ใครจะอยากฉลองด้วย ไม่ได้รักสักหน่อย" คีย์เบ้ปากออกให้กับคำว่ารักที่ออกมาจากปากของเปอร์

"ไม่ได้รักจริงเหรอ" กรกระซิบถามคีย์เบาๆข้างๆหู

"ตรงนั้นอย่าเพิ่งจีบกันสิครับ ฟังที่ผมพูดก่อนสิครับ" เปอร์งอเเงเมื่อเห็นคนที่เพิ่งหัดจีบกันไม่ยอมฟังสิ่งที่ตัวเองจะพูด

"ไม่ได้จีบเว้ย"

ตอนนี้พบคนเสียอาการเเละหน้าเเดงหนึ่งอัตราครับท่าน

"ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของวันเกิด วันนี้เรามาเล่นเกมกันดีไหมครับ มากระชับความสัมพันธ์เเละทำความรู้จักกันสักหน่อย"

"........."

"เกมที่ผมจะนำเสนอในวันนี้ นั่นก็คือเกมที่มีชื่อว่า 'ฉันไม่เคย.......'

"กูไม่เล่น!" คีย์ส่ายหน้าปฏิเสธทันทีเมื่อได้ยินชื่อเกมของเปอร์

"เดี๋ยวสิครับพี่คีย์ ยังไม่ทันจะได้อธิบายอะไรเลย ปฏิเสธซะเเล้ว"

"ไม่รู้อ่ะ เเค่เป็นเกมที่มาจากความคิดมึงมันก็ไม่ปลอดภัยเเล้ว"

"เชื่อผมเถอะน่า ผมบอกก่อนเลยว่า เกมนี้ผมขอให้ทุกคนตอบทุกอย่างด้วยความสัจจริง ห้ามโกหกนะครับ การเล่นคือ ให้ทุกคนสลับวนกันพูดว่า 'ฉันไม่เคย ตื๊ดตื๊ดตื๊ด' ผมขอยกตัวอย่างนะครับ เช่นผมพูดว่า 'ฉันไม่เคยไปทะเล' ถ้าคนไหนที่ไม่เคยไปทะเลก็ปล่อยผ่านได้เลยครับ เเต่ถ้าใครที่เคยไปทะเล ก็ให้ยกเหล้าซดหนึ่งช็อตเเละตามด้วยการเล่าประสบการณ์เเบบคร่าวๆให้ทุกๆคนฟังก็เท่านั้นเอง ง่ายๆ"

"น่าสนุกดีว่ะ พี่เอาด้วยเปอร์" ขุนเป็นคนเเรกที่เห็นด้วย

"วุ้นด้วยๆ วุ้นเล่นด้วยค่ะ"

"คนอื่นๆล่ะครับ" เปอร์ถามคนที่เหลือ

"พี่กร เล่นสิครับ ผมอยากเล่นนะ เฮียก็เล่นด้วยกันนะ นานๆจะได้เล่นอะไรเเบบนี้สักที"

ลมกับกรพยักหน้าเป็นการตอบรับ ทำให้คีย์กับนาทีหมดสิทธิ์ที่จะปฏิเสธไปโดยปริยาย

นาทีมองคนนั้นทีคนนู่นที ก็ได้เเต่คิดในใจว่าวันนี้คงมีคนเมาจนหน้าทิ่มพื้นหรือไม่ก็อาจจะมีใครสักคนที่ต้องนอนกอดโถเเน่ๆ เกมในวงเหล้าเป็นอะไรที่น่ากลัวสุดๆ

"ผมบอกไว้ก่อนนะครับ อันนี้เป็นเเค่เกม ต้องคิด วิเคราะห์ เเยกเเยะนะครับ เเละคำถามที่จะถามหวังว่าทุกคนคงจะรู้นะครับว่าควรถามเเบบไหนให้วงเหล้ามันครึกครื้น" เปอร์พูดพร้อมกับมองสบตาของทุกๆคน

"..............."

"ถ้าทุกคนพร้อมเเล้ว........... เริ่มเกมได้ครับ!"


........................................................................

TBC.

การเล่นเกมครั้งนี้ มันยังไงนะ มันยังไงกัน

ตอนหน้ารบกวนทุกๆคนเตรียมมงไว้ให้พี่เปอร์มือพายอันดับหนึ่งของเราด้วยนะคะ


ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ


ขอบคุณค่ะ


เจอกันตอนหน้านะคะ
 

หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 18-10-2021 19:50:34
 :jul3: :laugh:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 19-10-2021 02:45:00
มันจะน่ากลัวตรงที่ย้ำว่า "เป็นเเค่เกม ต้องเเยกเเยะ เเละควรถามเเบบไหนให้ครึกครื้น..."
หึหึหึ... ส่วนใครจะครึกครื้นก็อีกเรื่องนึงเนอะ...  :oo1: ...
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg(ฉันไม่เคย...) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 19-10-2021 11:47:30
25
ฉันไม่เคย...


 "พี่คีย์ ยังไงเนี่ย พี่ไหวไหมครับ"

"พูดอะไรของมึงวะไอ้เปอร์ ระดับนี้แล้ว หวายดิว่ะ!"

ดีกรีเเก้วเเล้วเเก้วเล่าที่คนอื่นๆในวงยกดื่ม ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าคีย์ ที่ยกดื่มเพียงไม่กี่เเก้วก็เริ่มมีอาการเมาแสดงออกมาให้เห็นเสียเเล้ว คนอะไรเมาเเล้วตาหวานเยิ้มเชียว คนมองอย่างเปอร์ได้เเต่ตั้งคำถามในใจว่าคีย์จะไหวแน่ๆตามที่ปากพูดใช่หรือเปล่า

 ทางด้านนาทีที่ดื่มน้ำเปล่าแทนเหล้าเพราะสามีไม่ยอมให้ดื่ม รายนั้นไม่น่าเป็นห่วงสักเท่าไหร่ กระดกดื่มอีกร้อยแก้วก็คงไม่มีทางเมาได้ แต่คืนนี้นาทีอาจจะต้องลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยสักหน่อย อ๊า! เเค่เห็นยังรู้สึกจุกท้องเเทน

เปอร์มองคีย์ก็ได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่คิดจริงๆว่าเจ้านายของเขาจะคออ่อนมากขนาดนี้ ผิดกับคนอื่นๆที่ถึงเเม้จะดื่มไปหลายเเก้วเเต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเมาเลยสักนิด แม้กระทั่งวุ้นเองที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวก็ยังคอแข็งกว่า

เกมที่เปอร์เป็นตัวตั้งตัวตีในการเล่น วนรอบหลายรอบจนเกิดคำถามหลายคำถามให้ทุกๆคนได้ตอบ บางเรื่องก็ชวนฮา บางเรื่องก็ชวนเศร้า เรื่อง 18+ 20+ ก็มีมาบ้างประปราย ยิ่งดึก บรรยากาศก็ยิ่งคึก คำถามก็ยิ่งลงลึกจนบางคนถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ

ในครั้งนี้รอบการพูดวนมาที่เปอร์อีกครั้ง รอบนี้เปอร์ตั้งใจเเล้วว่าจะพูดสิ่งที่ตั้งใจมาตั้งเเต่ต้นเพราะมันอาจจะเป็นรอบสุดท้ายของเกมเกมนี้เเล้วก็ได้ พี่ทีไม่เท่าไหร่ เเต่พี่คีย์ของเขาจะไหวอีกสักแค่ไหนกันเชียว

เปอร์กับกำลังชั่งใจในประโยคที่จะพูดและในที่สุดเปอร์ก็ตัดสินใจเบี่ยงสายตาไปมองนาทีอีกหน ก่อนจะถามคำถามออกมา

"ถ้าพี่คีย์ยังไหว งั้นก็เล่นเกมกันต่อนะครับ ต่อไปตาผมนะ รอบนี้ผมจะไม่เคยอะไรดีน้า~ อ้อ! รู้เเล้ว รอบนี้เอาเป็นฉันไม่เคย.....มีแฟนมาก่อน! อ๊ะ! เดี่ยวก่อนครับทุกคน"

เปอร์ยกมือขึ้นห้ามทุกๆคนที่กำลังจะหยิบเเก้วขึ้นมาดื่ม การกระทำนั้นเรียกสีหน้าสงสัยจากทุกๆคนได้ไม่น้อย

"ขอผมอธิบายก่อนนะ แฟนในที่นี่ของผม ผมหมายถึง ไม่เขาก็เราโดนขอเป็นเเฟนอย่างเป็นจริงเป็นจัง มีคำขอเเบบเป็นกิจลักษณะให้รับรู้ถึงสถานะชัดเจน ไม่ใช่เเอบรัก แอบคุย กุ๊กกิ๊กกัน รักกันปานจะกลืนกิน ทุกคนรอบข้างรับรู้ เเต่ไม่เคยโดนขอเป็นเเฟนอย่างเป็นจริงเป็นจัง ไม่เคยมีการพูดคุยถึงสถานะที่ชัดเจน เเบบนั้นไม่นับนะครับ....ถ้าทุกคนเข้าใจเเล้ว ยกดื่มได้ครับ!"

ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!

"อ๊าาาาส์....เอ้า! พี่ทีไม่ดื่มเหรอครับ" เปอร์ถามนาทีเมื่อหันไปเห็นว่าน้ำเปล่าในแก้วของนาทียังอยู่เต็มแก้วเหมือนเดิม

"เอ่อ คือ"

"หืม ทำไมเหรอครับ พี่ทีไม่เคยมีเเฟนเหรอครับ"

"คือ ว่า คือ" นาทีเหลือบสายตามองลมเล็กน้อย เเละในตอนนั้นเองที่นาทีเห็นว่าลมเองก็มองมาทางเขาด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออกเช่นกัน

"คืออะไรเหรอครับ" เปอร์ถามด้วยเเววตาใสซื่อ

"ถ้าการเป็นแฟนเเบบที่เปอร์บอกมา พี่ไม่เคยมี พี่ยังไม่เคยโดนใครพูดอะไรทำนองนั้นด้วยเลย" นาทีพูดออกมาเสียงเบาๆ ทุกคนที่นั่งอยู่ก็พลอยเงียบสนิทไปด้วยเช่นกัน

แม้ลมจะเรียกนาทีว่าเมียหลายต่อหลายครั้ง เเต่ก็เป็นคำเรียกเย้าเเหย่หรือหยอกล้อเสียมากกว่า การพูดในลักษณะที่เปอร์บอกมานาทียังไม่เคยมีประสบการณ์จริงๆ

 เเม้เขาจะเคยชวนลมมาเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน เเต่มันก็คือการเริ่มต้น ไม่ได้ระบุอะไรที่ชัดเจนสักเท่าไหร่

แม้สุดท้าย แม้ลมจะเคยเเนะนำตัวเองว่าเป็นสามีของเขากับตฤณ เเต่นั่นก็เป็นการพูดเองเออเองของลมเพียงคนเดียว ถึงเเม้ในใจนาทีจะยอมรับเเต่เเบบนี้ก็คงไม่นับใช่หรือเปล่า

"จริงเหรอครับ! พี่ลมก็ไม่เคยขอพี่ทีเหรอครับ เเต่พวกพี่มีลูกด้วยกันเเล้วนะครับ" เเม้ว่าจะดูใจร้ายไปสักหน่อย เเต่เปอร์ก็เลือกที่จะถามคำถามนี้ออกไป

"อื้ม ยังไม่เคย"

"อ่าเหรอครับ แย่จังเลย ผมขอโทษนะครับพี่ที ผมคงทำพี่ทีรู้สึกเเย่เเน่ๆเลย"

"ไม่ ไม่เป็นไร พี่โอเค" นาทียิ้มบางๆให้เปอร์ รวมทั้งคนอื่นๆด้วย

"จริงๆ เเม้บทบาทที่มีทำให้เรารู้ว่าเราอยู่ในสถานะไหน เเต่การพูดคุยกันให้ชัดเจนก็ดีไปอีกเเบบเนอะว่าไหมครับ อย่างน้อยเวลาใครถามถึงสถานะความสัมพันธ์ของเรา เราก็สามารถตอบออกมาได้เต็มปาก เดี๋ยวนี้สถานะเยอะเเยะจะตายไป มีอะไรกันทุกวันสุดท้ายเป็นได้เเค่พี่น้องก็มีให้เห็นกันเยอะเเยะ ฮ่าๆๆ ผมพูดเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย...รอบนี้ทุกคนไม่ต้องเล่าประสบการณ์การมีแฟนก็เเล้วกันเนอะ เพราะพี่ทีดันเล่าประสบการณ์การไม่มีเเฟนไปซะแล้ว" เปอร์พยายามพูดติดตลก เเต่ท่าทางของคนอื่นๆในวง เหมือนว่าจะตลกไม่ค่อยออก

บรรยากาศในวงเหล้าตอนนี้คล้ายๆกับมีก้อนของความกดดันเเละความอึดอัดลอยตลบอบอวลอยู่เหนือทุกๆคน ก็คุณลมของทุกๆคนดันนั่งทำหน้าขรึมราวกับกำลังวางเเผนฆาตกรรมใครสักคนอยู่อย่างไรอย่างนั้น ไม่รู้สึกกดดันก็เเข็งเเกร่งเกินไปแล้ว

เปอร์เองก็ได้เเต่กล่าวขอโทษนาทีเเละคนอื่นๆอยู่ภายในใจ เเม้เขาอยากจะนั่งดื่มต่ออีกยาวๆด้วยความสนุกสนาน เเต่ถ้ารอนานกว่านี้กลัวอีกคนจะน็อคไปเสียก่อน เพราะเปอร์ยังต้องจัดการคีย์อีกหนึ่งคน

เปอร์ละสายตาจากนาทีหันไปมองคีย์ที่นั่งตาเยิ้ม ก่อนจะละสายตาไปทางวุ้นเเละพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงบอกให้วุ้นเริ่มได้

"มาค่ะๆๆ ตาต่อไปตาวุ้นนะคะ เราไม่ควรเว้นว่างให้วงเงียบนะคะ ตานี้วุ้นจะไม่เคยอะไรดีน้า" วุ้นทำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย

"นึกออกเเล้วค่ะ ของวุ้นเอาเป็น ฉันไม่เคย....ถูกแฟนนอกใจ"

"อึก"

หลังสิ้นเสียงของวุ้น คีย์ที่นั่งตาเยิ้มก็สะอึกออกมาเสียงดัง จนทุกคนที่นั่งอยู่ต้องหันไปมอง

"นอกใจเหรอ หึ! ฟึบ" คีย์ยกเเก้วเหล้ากระดกดื่มทีเดียวจนหมด "ไอ้เปอร์ ขออีกเเก้ว" และยังไม่วายหันไปตะคอกเปอร์ให้เทเหล้าเพิ่มให้ตัวเองอีกด้วย

ครั้นได้ยินเสียงตะคอกของเจ้านายเปอร์ก็ไม่รอช้ารีบเทเหล้าใส่เเก้วให้อย่างรวดเร็ว พลางคิดในใจ 'เมาหนักๆ เเล้วพูดมาให้หมดเลยนะพี่คีย์'

"อึก อึก ปัง" คีย์ยกเหล้ากระดกดื่มให้ความขมของแอลกอฮอล์ไหล่ลงสู่ลำคอ ก่อนจะวางเเก้วเหล้าลงอย่างเเรง เมื่อนึกถึงอดีตที่ฝังใจ

กรที่เห็นท่าทางของคนที่นั่งข้างๆกัน ก็หันมองด้วยความเป็นห่วงระคนสงสัยให้กับท่าทางของคีย์  เเละดูเหมือนรอบนี้จะมีเเค่คีย์คนเดียวที่ยกเเก้วเหล้าดื่ม

"พี่คีย์เอ่อ..สะดวกใจจะเล่าไหมคะ ถ้าไม่ ก็ไม่ต้องเล่าก็ได้นะคะ"วุ้นถามเจ้านายของตัวเองด้วยน้ำเสียงติดเกรงใจ

"เล่าได้! เล่าได้สิ ตามกติกาต้องเล่าไม่ใช่เหรอ"

"ก็....ใช่ค่ะ"

"คีย์"นาทีเรียกคีย์ด้วยความเป็นห่วง

"ไม่เป็นไรน่า" คีย์ยิ้มฝืดให้นาทีก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของตัวเอง "เมื่อก่อนผมมีแฟนอยู่คนนึงเเละเป็นเเฟนคนเดียวที่เคยมีด้วย มันน่าตลกตรงที่ผมรักเขาฉิบหายยอมเเม้กระทั่งเป็นควายให้เขาหลอก วันที่ผมจับได้คาหนังคาเขา ตอนนั้นเขากำลังมีอะไรอยู่กับผู้ชายคนอื่น ผมถามเขาทั้งน้ำตาว่าทำเเบบนี้กับผมทำไม หึ!.มันน่าสมเพชมากตอนที่เขาตอบกลับมาว่า ไม่เคยรักผมเลย ที่ตามจีบผม ขอผมเป็นเเฟนก็เพียงเพราะบ้านผมรวย เพียงเพราะผมหน้าตาดี เพียงเพราะคบกับผมทำให้เขาดูดีไปด้วย เเละเป็นเพราะผมที่ให้ในสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้ นั่นก็คือ เซ็กส์ เเม้จะเคยจับจูบลูบคลำ เเต่นั่นมันไม่พอสำหรับเขา ข้อหลังผมอาจจะมีส่วนผิดผมเข้าใจ เเต่เเล้วไงวะ รอกันหน่อยไม่ได้หรือไง! อ้อ! ผมถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ชายงี่เง่า น่ารำคาญ เเละจืดชืดด้วยนะครับ ฮ่าฮ่า" คีย์หัวเราะเย้ยหยันตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนอื่นๆ กวาดสายตาไปรอบวงพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่เป็นห่วงเขาของเเต่ละคน

"เหตุการณ์นั้นค่อนข้างมีอิทธิพลกับผมมากเลยครับ แม้ผมจะร่ำร้องอยากมีแฟน เเต่พอเอาเข้าจริงก็ทั้งกลัวเเละหวาดระเเวง กลัวว่าเขาจะรักเราจริงๆไหม เขาเข้ามาหาเราเพราะเหตุผลแอบแฝงหรือเปล่า ถ้าวันใดวันหนึ่งเราให้บางสิ่งบางอย่างกับเขาไม่ได้เขาจะผิดหวัง ทำร้ายจิตใจเรา เเละไปจากเราไหม คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัว  ถ้ามีใครสักคนเข้ามา ผมอยากให้เขารักที่ผมเป็นผม หรือมีอะไรให้พูดคุยกัน ให้ปรับเปลี่ยนตรงไหนขอเเค่บอก ผมขออย่างเดียวอย่าหักหลังด้วยการนอกใจกันเลย แค่มาบอกเลิกผมตรงๆผมก็เข้าใจเเล้ว" คีย์ยิ้มเศร้าๆออกมาเมื่อพูดจบ

รอยยิ้มเศร้าๆของคีย์ทำให้ใจคนมองอย่างกรที่มองคีย์อยู่ตลอดตั้งเเต่คีย์ยกเเก้วเหล้าดื่ม รู้สึกกระตุกหน่วงเเบบเเปลกๆ อยากให้รอยยิ้มเศร้าๆบนใบหน้าของคุณเจ้าของร้านกาแฟหายไปชะมัด

"โหยพี่คีย์ อย่าเศร้าไปเลยนะ  ผ่านมาเเล้วก็ผ่านไป พี่คีย์ทั้งเก่งเเละเข้มเเข็งมากๆเลยนะครับที่ผ่านมาได้"

"นั่นสิครับคุณคีย์ คุณคีย์ออกจะน่ารัก ไอ้ผู้ชายคนนั้นตาถั่วเองมากกว่า"

คีย์ขำออกมาเล็กน้อยเมื่อสิ้นคำพูดของขุน

"จริงค่ะ พี่คีย์ของวุ้นทั้งน่ารักทั้งนิสัยดี ดีเเล้วค่ะที่เลิกกันไป พี่คีย์ของวุ้นควรได้พบใครสักคนที่ดีกว่า"

"นั่นสิครับ พี่คีย์ของผมถ้าไม่นับเรื่องปากร้ายปากจัด ก็เป็นคนที่น่ารักเเละนิสัยดีมากๆ ที่พี่คีย์มีท่าทียึกยักๆเวลาที่เหมือนมีใครมาสนใจตัวเองเพราะเเบบนี้สินะครับ กางปีกปกป้องหัวใจตัวเองสินะ แต่ผมเชื่อนะพี่คีย์ว่าสักวันพี่คีย์จะเจอคนที่ดี คนที่พร้อมจะรักพี่คีย์ที่เป็นพี่คีย์ เนอะพี่กรเนอะ" พูดกับคีย์เสร็จเปอร์ก็หันหน้าไปพยักเพยิดกับกรที่มองคีย์อยู่ตลอด

"อืม"

กรตอบรับเเบบนิ่งๆเเต่มันก็มากพอที่จะทำให้เปอร์ยิ้มกว้างออกมา เเละมากพอที่จะทำให้คีย์รู้สึกร้อนผ่าวบริเวณเเก้มของตนเอง เเต่ก็พยายามหลอกตัวเองว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป

"เอาละครับพักเรื่องเครียดๆไว้ก่อนดีกว่า มาครับมาเล่นกันต่อ ตาผมบ้างนะ"

"มาเลยพี่ขุนๆ ไอ้เปอร์คนนี้พร้อมเเล้ว"

"หึ! ถ้าอย่างนั้นของผมเอาเป็น  ฉันไม่เคย...มีเซ็กส์แบบโลดโผนมาก่อน"

พรูดดดดดด เปอร์ที่กำลังดื่มน้ำเปล่าเพื่อล้างคอถึงกับพ่นน้ำออกมาทันที

"คำถามอะไรของพี่เนี่ยพี่ขุน"

"ทำไมอะ พี่ถามไม่ได้เหรอ ว่าเเต่ในวงนี้ไม่มีใครเคยเลยเหรอ"

"ใครมันจะไปเคยว่ะพี่" เปอร์ยังคงโวยวายไม่หยุด

"ไม่เคยเลยจริงอะ โห ไอ้เราก็อุตส่าห์คิดว่าจะได้ฟังประสบการณ์จากผู้รู้สักหน่อย ผิดหวังชะมัด"

"อยากสอบถามผู้รู้เเบบนี้ พี่ขุนจะไปลองเองเหรอคะ" วุ้นถามขุนอย่างเย้าเเหย่

"ก็ประมาณนั้น" เเต่คนโดนเเหย่ดันตอบออกมาด้วยความจริงจังซะอย่างนั้น วุ้นที่คิดภาพตามก็ได้เเต่นั่งยิ้มหน้าเเดง

เกมในวงเหล้าดำเนินมาเรื่อยๆจนตอนนี้เลยวันใหม่มาได้ครึ่งชั่วโมงเเล้ว ทุกคนจึงมีความเห็นตรงกันว่าเกมควรยุติ การฉลองควรจบลงเเละเเยกย้ายกันไปนอนได้เเล้ว เเต่ก่อนจะจบก็ควรมีการส่งท้ายกันก่อน

"เอาละครับไหนๆงานเลี้ยงก็กำลังจะเลิก งั้นก่อนเลิกเกม ผมขอพูดอีกสักหนึ่งครั้งเพื่อปิดงานอย่างเป็นทางการนะครับ เเละประโยคไม่เคยของผมก็คือ........ฉันไม่เคย..... ชอบใครในวงเหล้านี้เลย อ๊ะ! เเม้ว่าตอนนี้จะยังชอบอยู่ก็นับนะครับ"

ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ ในครั้งนี้มีคนยกเเก้วขึ้นดื่มสี่คนได้แก่ ลม นาที คีย์และกร

"เดี๋ยวก่อนนะ พี่ทีกับพี่ลมยกเเก้วขึ้นดื่มผมไม่เเปลกใจ เเต่พี่คีย์กับพี่กรนี่ยังไงครับ เฮ้ยหรือพี่คีย์ชอบผม"

"ไปตายซะเปอร์" ไม่ว่าเปล่าคีย์ยังปาเข้าเกรียบใส่หน้าเปอร์ด้วย

"คีย์อย่าเอาของกินมาปาเล่นนะ" นาทีที่เห็นการปาของกินเเบบนั้นก็อดที่จะเอ่ยดุออกไปไม่ได้ มีที่ไหนเอาของกินมาปาเล่น ไม่น่ารักเลย

"โทษครับเเม่"

"อ่ะๆ ผมไม่ถามพี่คีย์ก็ได้ ผมถามพี่กรดีกว่า ยังไงครับพี่กร แอบชอบคนในวงเหล้าเหรอครับ"

"อืม"

"ใช่คนที่ผมคิดหรือเปล่าน้า~"

"......." กรไม่ตอบอะไร ทำเพียงเเค่ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

"เฮ้ย! พี่เเม่งโครตคนจริง ผมตกใจนะเนี่ย" ท่าทางที่เเสร้งทำของเปอร์น่าหมั่นไส้จนกรและคนอื่นต้องส่ายหน้า  "แต่พี่กรพูดตรงเเบบนี้ เดี๋ยวใครบางคนเขาจะเขินจนตัวเเตกตายเอานะครับ"

"ไอ้เหี้ยเปอร์"

"อะไรครับพี่คีย์ ผมไม่ได้พูดชื่อพี่เลยสักคำนะ พี่มาด่าผมทำไมเนี่ย ฮ่าๆๆ " เปอร์หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ

ส่วนคีย์ตอนนี้ทั้งหน้า ใบหู ลามไปจนถึงลำคอ เเดงไปหมดด้วยความเขินอายกับการกระทำของตัวเองเเละคำพูดตอบกลับของเปอร์

"ผมเอาใจช่วยนะพี่กร ขอให้สำเร็จนะครับ"

เปอร์พูดส่งท้ายเเละในที่สุดงานเลี้ยงก็ถึงคราวเลิกราสักที คีย์ที่ตอนเเรกยังคงนั่งนิ่งพอได้ลุกขึ้นยืนเท่านั้นเเหละถึงขั้นเซจนเกือบล้ม เเต่โชคดีมีกรที่ยืนอยู่ข้างๆเข้ามาประคองเอวบางไว้ได้ทันก่อนที่คีย์จะล้มลงไปจูบกับพื้น

เปอร์ที่ตอนเเรกไม่เมาเท่าไหร่ก็มาตายในตอนจบ ก่อนที่จะเเยกย้ายเจ้าตัวเห็นเหล้าเหลืออยู่ในขวดนิดหน่อย จึงขอกระดกทิ้งท้าย สภาพจึงเมาเป๋ให้ขุนกับวุ้นต้องหิ้วปีกกันคนละข้าง


หน้าบ้านของนาทีตอนนี้มีเเท็กซี่จอดอยู่สองคันเพราะทั้งหมดยืนยันที่จะกลับบ้าน โดยคันเเรกมีขุน เปอร์เเละวุ้น  ขุนที่เห็นสภาพของเปอร์เเล้วดูท่าว่าวุ้นจะไม่ไหว เลยเสนอให้ไปนอนคอนโดของเขาก่อนเพราะมีสองห้อง ห้องนึงให้วุ้นนอนส่วนอีกห้องขุนจะนอนกับเปอร์เอง ซึ่งวุ้นก็เห็นด้วยเพราะถ้ากลับบ้านสภาพนี้เปอร์โดนเเม่ของเจ้าตัวฟาดยับเเน่ๆ เเละวุ้นก็คิดว่าเขาไว้ใจขุนได้ ส่วนจะถามว่าทำไมไม่นอนบ้านนาทีเหมือนปีก่อนๆ ก็ไอ้คนเจ้าแผนการที่เมาเเอ๋บอกมานะสิ ว่าไม่ว่าจะเมาเเค่ไหนก็ห้ามค้างบ้านพี่ที

ส่วนกรกับคีย์กลับเเท็กซี่อีกคันด้วยกัน ในตอนเเรกนาทีค่อนข้างที่จะกังวลเเละเป็นห่วงคีย์ เเต่คุณกรก็รับปากว่าจะดูเเลคีย์อย่างดีถึงห้องปลอดภัย เเละลมเองก็เอ่ยปากยืนยันว่ากรไว้ใจได้ นาทีจึงยอมให้กรพาคีย์กลับไปและภายในใจก็ได้เเต่ภาวนาว่าให้ทุกคนปลอดภัย ไม่มีเรื่องปั่นป่วนอะไรให้ต้องมานั่งกุมขมับกันทีหลัง



"เราเข้าบ้านกันดีกว่าครับ" ลมเอ่ยชวนนาทีที่ยังคงชะเง้อคอมองรถเเท็กซี่ที่กำลังขับออกไป

"ครับ"นาทีรับคำเเละทำตามอย่างว่าง่าย "พี่ลมจะอาบน้ำเลยไหมครับ" นาทีเอ่ยถามลมในขณะที่กำลังเดินเข้าบ้าน

"เดี๋ยวพี่ช่วยทีเก็บของก่อนดีกว่าครับเเล้วค่อยอาบ"

"ไม่เป็นไรครับ ทีเก็บคนเดียวก็ได้"

ของที่ลมพูดถึงหมายถึงพวกจานชามแก้วที่มีไม่เยอะเท่าไหร่กับพวกเปลือกถั่ว เศษขนมที่ต้องกวาด โต๊ะที่ต้องเช็ด ตอนเเรกทุกคนก็อาสาจะช่วยกันเก็บเเต่เป็นนาทีเองที่บอกว่าไม่เป็นไรเเละให้ทุกคนกลับไปพักผ่อน จะให้คนเมามาทำเรื่องพวกนี้นาทีกลัวว่ามันจะเละเทะมากกว่าเดิมนะสิ

"ไม่เป็นไรครับพี่ช่วย อีกอย่างพี่มีเรื่องจะคุยกับทีด้วย"

"คุยกับทีเหรอครับ"

"ครับ คุยกับที"

"เรื่องอะไรเหรอครับ"

"เรื่องของเราครับ"


......................................................................

บนเเท็กซี่ที่มีวุ้น เปอร์ และขุน

ในตอนนี้วุ้นกำลังนั่งคิ้วขมวดเมื่อนึกถึงคำถามที่ถามออกไป หวังว่าสิ่งที่เขาเเละเปอร์พยายามทำลงไปจะมีอะไรคืบหน้ากันบ้างนะ คิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้วุ้นนึกไปถึงเหตุการณ์ประมานสามสี่วันก่อนจะถึงงานฉลองวันเกิดของเปอร์

ในวันนั้นเปอร์บังเอิญได้ยินคีย์กับนาทีนั่งพูดคุยกัน ถ้าฟังผ่านๆเหมือนพูดคุยเรื่องทั่วๆไป แต่พอตั้งใจฟังดีๆ เรื่องที่พวกเขาพูดคุยกันเปอร์ไม่สามารถมองข้ามไปได้เลยจริงๆ


'เอาจริงดิ คุณลมไม่เคยขอมึงเป็นเเฟนเลยเหรอ'

'อืม'

'แล้วเเบบขอเป็นเมีย ขอเเต่งงาน ขออะไรก็ตามเเต่ละ'

'ยังเหมือนกัน'

'ไอ้เหี้ย นี่สินะพอพี่บัวถามว่ามึงเป็นอะไรกับคุณลมมึงเลยตอบไม่ถูก'

'ก็ประมาณนั้น เราไม่ค่อยมั่นใจว่าต้องตอบเเบบไหนถึงจะดี จะตอบว่าสามีก็ยังไม่ได้เเต่งงาน จะบอกว่าพ่อของลูกก็อาจจะมีคำถามเยอะเเยะตามมาอีก'

'กูเข้าใจมึงนะที บางทีการพูดสถานะออกมาให้ชัดเจนก็ดี  บางคนไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเมียก็มี ถึงเเม้จะเป็นเเม่ของลูกเขาก็ตาม ไหนจะคำพูดพร่ำพรรณนาบรรยายรักที่ใครๆก็พูดได้อีก ส่วนคุณลมกูว่าเขาอาจจะคิดว่าแค่เรารักกันเท่านั้นก็พอ จนอาจมองข้ามเรื่องเล็กๆเเบบนี้ไปก็ได้'

'พักเรื่องของเราไว้ก่อนดีกว่า มาที่เรื่องของคีย์ดีกว่า'

'อะไร เรื่องของกูมันทำไม'

'ก็คุณกรไง คีย์น่ะรู้สึกดีกับเขาใช่ไหมละ'

'รู้สึกดีเเล้วไงวะ เขาอาจจะไม่ได้ชอบกูก็ได้ กูปากมาก น่ารำคาญ งี่เง่า เเถมยังจืดชืด บางทีเขาเเค่นึกสนุกก็ได้ แบบเจอของเเปลกงี้'

'คีย์ไม่ว่าตัวเองเเบบนั้นสิ'

'กูว่าที่ไหน คนอื่นเขาว่ามา มึงก็รู้"

'ลืมๆไปได้เเล้วผู้ชายนิสัยเเย่คนนั้น คีย์ของทีน่ารักจะตาย'

'พอๆ แยกๆ ไปทำงานๆ อู้นะมึงอะ'

 สุดท้ายเเล้วสองเพื่อนรักก็เเยกย้ายกันไปทำงาน ทิ้งไว้เเต่หนุ่มหล่อสุดเท่อย่างเปอร์ที่ยังยืนอยู่ที่เดิมเเละเเผนการแปลกๆก็ได้เริ่มขึ้นภายในหัว งานนี้ต้องหาเเนวร่วม คิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งไปหาวุ้นที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ทันที

'วุ้นนนนนนนนนนนนนนนนน'

......................................................................

 TBC.

พี่เปอร์ของเรา คือตัวเอกของเรื่องฮะ 555

คนอื่นๆเราให้เป็นได้เเค่ตัวประกอบ ว่าซ่านน

จริงๆอยากเล่น ฉันไม่เคย...ให้เยอะกว่านี้ค่ะ เเต่กลัวว่าจะน่าเบื่อไป เลยจัดเน้นๆเนื้อๆมาเลยค่ะ ตัดน้ำทิ้งให้หมด


ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ

ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตาม ขอบคุณทุกๆคอมเมนต์ที่มีให้กันนะคะ

ขอบคุณนะคะ
   
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 19-10-2021 13:21:10
 o22 :a5:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 19-10-2021 13:25:30
เลือกไม่ถูกเลยค่ะว่าจะตามไปทางไหนดี...
ในบ้านก็อยากรู้ บนรถคันนั้นก็อยากตามไป
ส่วนรถอีกคันไว้ใจได้ชิมิ ไม่ต้องตามแน่ๆใช่มะ...
เลือกยากจัง...
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 26)โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 19-10-2021 19:29:51
26
สถานะ

***คำเตือน ตอนนี้มีฉาก NC นะคะ ***


"อื้อ พี่ลมเดี๋ยวก่อนสิครับ"

"อืม ครับ"

"อ๊ะ ครับแล้ว มือก็หยุดเลื้อยด้วยสิครับ"

นาทีพยายามห้ามลมที่ตอนนี้กำลังซุกซนใช้จมูกโด่งๆของตัวเองซุกไซ้ซอกคอของเขาอยู่

สายน้ำเย็นจากฝักบัวที่ไหลผ่านตัวของพวกเขา ไม่ได้ทำให้อารมณ์ที่ร้อนระอุของลมเย็นลงได้เลยแม้แต่น้อย

หลังจากจัดการทำความสะอาดทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย นาทีก็โดนลมพามาที่ห้องข้างๆทันทีเนื่องจากลมบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยนาทีไม่คิดติดใจอะไร ตอนนี้สิ่งที่เขาติดใจมีอยู่อย่างเดียวคือ เรื่องที่จะคุยด้วยอยู่ไหน ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นกิจกรรมสุดร้อนแรงภายในห้องไปน้ำระหว่างเขากับคุณลมไปได้ล่ะเนี่ย

"ก็ทีนุ่มนิ่มไปทั้งตัว นุ่มนิ่มจนพี่อยากจะจับทีปั้นเป็นก้อนแล้วกลืนลงท้องเลยละครับ" ลมพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า จมูกก็ยังคงทำหน้าที่ของมันในการดอมดมได้อย่างดีเยี่ยม มือทั้งสองข้างของลมขยำลงบนก้นลูกพีชนุ่มนิ่มด้วยความมันเขี้ยว

"บ้า! กลืนอะไรกันล่ะครับ อือ~ ทีกินได้ซะที่ไหนล่ะ อ๊ะ"นาทีร้องออกมาเบาๆเมื่อรู้สึกจี๊ดๆจากการที่โดนลมขบเม้มสร้างรอยรักไว้ตรงบริเวณไหล่บาง

"อยากให้พี่กินให้ดูไหมครับ " ว่าจบลมก็ไม่รอช้าจัดการก้มหน้าไปงับเม็ดทับทิมสีสวยตรงหน้าอกของนาทีทันที เรียกเสียงร้องสุดสยิวจากนาทีได้เป็นอย่างดี

"อ๊า~ อือ" มือข้างนึงของนาทีบีบไหล่ของลมแน่น ส่วนอีกข้างก็กำลังทึ้งผมของลมเบาๆเพื่อระบายความเสียวซ่านที่ได้รับจากการที่เรียวลิ้นร้อนตวัดชิมเม็ดทับทิมสีสวยของเขาอย่างกระหาย

"พะ พี่ลม ไหนบอกว่า อือ มีเรื่อง มีเรื่องจะคุยกันไงครับ อ๊า"

"ตอนนี้ก็กำลังคุยอยู่นี่ไงครับ จุ้บ" ลมยื่นหน้ามาจุ้บริมฝีปากบางเบาๆ

"แบบนี้เขาเรียกว่าคุยซะที่ไหนล่ะครับ" นาทีบอกอีกคนด้วยน้ำเสียงเคืองๆ

"ก็คุยกันด้วยภาษากายก่อนไงครับ ตอนนี้พี่ก็กำลังจะใช้ร่างกายบอกรักทีอยู่"

พูดจบ ลมก็ยื่นหน้าไปประกบริมฝีปากบางของนาทีทันที ก่อนจะใช้ฟันหน้าของตัวเองงับริมฝีปากล่างของนาทีเบาๆ ก่อนจะค่อยๆบดเบียดจูบลงไปหนักๆจนนาทีต้องเผยอปากขึ้น ซึ่งลมก็ใช้ช่วงจังหวะนั้นสอดเเทรกลิ้นชื้นของตัวเองเข้าไปในโพรงปากอุ่นของอีกฝ่ายทันที

ลิ้นร้อนชื้นของทั้งสองคนในเวลานี้ต่างก็โรมรันเกี่ยวพันกันอย่างดุเดือด แลกเปลี่ยนความหวานและความวาบหวามให้กันและกัน นาทีใช้สองแขนของตัวเองคล้องคอลมไว้แน่น ลมเองก็จับแผ่นเอวบางของนาทีไว้ แน่นขยับตัวเข้าเบียดชิดอีกฝ่ายจนไร้ซึ่งช่องว่างระหว่างกัน

ในเวลานี้ดูเหมือนว่าอารมณ์ของทั้งสองคนจะพุ่งสู่จุดสูงสุดด้วยกันทั้งคู่

"อืออ" นาทีส่งเสียงครางกระเส่า สายตาปรือปรอยหวานฉ่ำมองลมที่อยู่ๆก็ถอนจูบออกไป นาทีรู้สึกขัดใจนิดๆเพราะเขายังรู้สึกว่าตัวเองยังจูบลมไม่อิ่มเลย "พี่ลม" นาทีเรียกลมเสียงอ้อนๆ พร้อมส่งแววตายั่วยวนไปให้อีกฝ่าย ขยับตัวเข้าไปชิดลมอีกนิด ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้น เชิดหน้าสูงจนริมฝีปากสัมผัสโดนคางสาก "จูบ ทีอยากให้พี่ลมจูบทีอีก นะ นะครั...อืมมม"

ไม่ต้องรอให้จบประโยคลมก็จัดให้ตามคำขอของอีกฝ่ายทันที จูบเร้าร้อนในห้องน้ำภายใต้ฝักบัวที่มีน้ำเย็นไหลผ่านมันช่างรู้สึกซาบซ่าซะเหลือเกิน

"อ๊ะ!" นาทีเผลอร้องออกมา ยามที่รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ที่วนเวียนอยู่บริเวณช่องทางด้านหลังของตัวเอง ก่อนจะสอดเข้ามาภายใน "อ๊า อือ "

"ชู่ว! คนดี ใจเย็นๆ" ลมเอ่ยห้ามนาทีที่กำลังร้องเสียงกระเส่าอยู่ข้างๆหูของตัวเอง ส่วนคำว่าใจเย็นๆนอกจากจะปลอบนาทีแล้ว ลมยังพูดเพื่อเตือนสติตัวเองว่าให้ใจเย็นๆด้วยเช่นกัน

"ก็มัน อื้อ มันอึดอัดและเสียว อ๊ะ อ๊ะ"

"ทีครับ ทีรู้ใช่ไหมว่าพี่ต้องเตรียมพร้อมให้ทีก่อนเพราะไม่อยากให้ทีเจ็บ แต่ถ้าทียังครางเสียงหวานข้างๆหูพี่อยู่แบบนี้ ทีอาจจะเจ็บตัวได้นะครับ" ลมกัดฟันพูดบอกนาทีออกไป เพราะเสียงครางกระเส่าของนาทีที่ดังข้างๆหูทำให้อะไรต่อมิอะไรของเขามันแข็งตัวจนปวดหนึบ อยากจะสอดใส่และกระแทกอีกคนให้จมอก แต่เพราะรักมาก ไม่อยากให้อีกคนต้องเจ็บตัว เขาจึงได้แต่ข่มใจตัวเองเอาไว้ แต่เหมือนว่าอีกคนจะไม่ให้ความร่วมมือกับเขาเอาเสียเลย

"ก็นิ้วพี่ลมทำให้ทีเสียวนี่น่า"

"ฮึ่มมมม!" ลมถึงกับคำรามในใจกับการยั่วตาใสของคนอ้อมกอดที่เงยหน้าขึ้นมามองกันตาใสแจ๋ว กะจะให้เขาความอดทนขาดผึงจริงๆใช่ไหม

ลมตัดสินใจก้มลงป้อนจูบให้คนช่างยั่วอีกครั้งเพื่อหวังจะกลืนกินเสียงครางหวานของอีกคนไว้ไม่ให้หลุดลอดออกมายั่วยวนอารมณ์เขาไปมากว่านี้

ใช้เวลาไม่นานช่องทางด้านหลังของนาทีก็พร้อมสำหรับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ลมดันแผ่นหลังของนาทีไปชิดกับกำแพงเบาๆ ก่อนจะถอดถอนริมฝีปากออก ใช้นิ้วโป้งปาดน้ำลายใสที่ไหลออกมาตรงมุมปากออกให้นาทีและส่งมันเข้าปากของตัวเองแทน นาทีที่เห็นภาพนั้นก็รู้สึกหน้าเห่อร้อนจนแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ

ส่วนลมเองก็ไม่ปล่อยให้ช่วงอารมณ์ขาดห้วงนาน ลมเดินเข้าประชิดตัวนาทีพร้อมกับใช้มือยกขาด้านขวาของนาทีขึ้นมาพาดเอวสอบของตัวเองไว้ การกระทำของลมสร้างความผวาให้นาทีไม่น้อยจนเผลอยกแขนทั้งสองข้างคล้องคอลมไว้แน่น

"อ๊ะ อือ" นาทีส่งเสียงร้องพร้อมกับบิดเร่ายามที่ส่วนแข็งขื่นของลมค่อยๆเข้ามาภายในตัวของตัวเอง

"ซี้ดส์ แน่นชะมัด" ลมขบกรามแน่นให้กับความแน่นและการบีบรัดของช่องทางที่ทำให้เขาเสียวกระสันจนแทบจะปลดปล่อย

"ผ่อนคลายหน่อยครับคนดี" ลมจูบลงบนขมับของนาทีเบาๆเป็นการปลอบโยน

"ก็มันเสียว แถมท่าก็น่าอายจะตายไป"

"ไม่เห็นจะน่าอายเลยครับ แต่ถ้าเป็นน่าอย่างอื่นพี่เห็นด้วย" ลมพูดพร้อมกับยิ้มกรุ่มกริ่มให้นาที จนนาทีอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้

"ถ้าผมลื่นล้มจนหัวร้างข้างเเตกขึ้นมาละน่าดู" นาทีเอ่ยขู่อีกคน

"ด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลยค่ะ ถ้าน้องทีลื่นล้มหัวแตก พี่ลมจะพาไปโรงพยาบาลเองค่ะ" แต่เหมือนว่าอีกคนจะไม่สลดเลยสักนิด "แต่ถ้าหมอถามว่าไปทำอะไรมา อันนี้พี่คงต้องให้น้องทีเป็นคนตอบนะคะ"

"พี่ลม! อ๊ะ!"นาทีร้องออกมาเสียงดังยามที่ลมใส่ส่วนนั้นเข้ามาจนสุดทางในทีเดียว "เบาหน่อยครับ ทำเบาๆ"

"ครับ"

ลมทำตามคำสั่งของอีกคนอย่างว่าง่าย บทเพลงรักจังหวะเนิบช้ายังคงดำเนินมาเรื่อยๆโดยที่ลมไม่คิดจะปรับเปลี่ยนจังหวะสักนิด จนคนที่ร้องขอให้ทำเบาๆถึงกับกัดปากแน่นกับความอึดอัดที่อัดแน่นอยู่ภายใน

อยากได้แรงกว่านี้........

"ดีไหมคะ เบาๆแบบนี้น้องทีชอบไหมคะ" คนขี้แกล้งยังไงก็เป็นคนขี้แกล้งอยู่วันยังค่ำ ลมเองก็อึดอัดไม่น้อยกับความเนิบช้าแบบนี้ แต่เขาแค่อยากแกล้งหยอกเจ้าแมวน้อยของเขาก็เท่านั้นเอง

"มะ อ๊ะ ไม่ดี อือ ไม่ดีเลยครับ"

"ถ้าอย่างนั้นน้องทีต้องการแบบไหนเหรอคะ อืม.."

"แรงๆ พี่ลมช่วยรักทีแรงๆได้ไหมครับ" นาทีเอี้ยวหน้ามามองลมด้วยสายตาออดอ้อน

"ตามที่คนดีบัญชาเลยค่ะ จุ้บ"

ลมก้มหน้าไปจุ้บริมฝีปากบางหนึ่งที ก่อนจะกลับมาตั้งใจรักคนในอ้อมกอดแรงๆตามที่เจ้าตัวต้องการ

เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงเฉอะแฉะน่าอายที่ดังขึ้นก้องกังวาลทั่วห้องน้ำ ไม่สามารถสร้างความเขินอายให้กับคนทั้งคูู่ได้แม้แต่น้อย มีแต่จะสร้างอารมร์ความต้องการที่รุนแรงให้เพิ่มขึ้นมากว่าเก่า

"อ๊ะ อ๊ะ ไม่ไหว อ๊ะ ทีจะเสร็จ อ๊ะ อื้อออออ~"

ลมปรับเปลี่ยนท่าให้ร่างบางและกระแทกกระทั้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนในที่สุดร่างบางก็ปลดปล่อยออกมา เมื่อร่างบางปลดปล่อยเสร็จลมก็ไม่รอช้า รีบเร่งความเร็วถี่ยิบปลดปล่อยตามร่างบางไปติดๆ

"อืม ซี้ดส์ อืม ที~ อ่าาาาาาา"

ลมกระตุกตัวเกร็งสามสี่ทียามที่ปลดปล่อยน้ำขุ่นขาวเข้าไปภายในตัวนาที ก่อนจะก้มลงจูบซับไหล่บางของนาที และกระซิบคำวหวานข้างๆหู

"พี่ลมรักน้องทีนะครับ"

นาทีที่ได้ยินคำบอกรักก็ยิ้มกว้าง ใช้มือทั้งสองข้างกอบกุมใบหน้าของลมไว้ ใช้จมูกของตัวเองถูไถกับจมูกโด่งๆของลมเบาๆ พร้อมกับเอ่ยคำรักออกมาเช่นกัน

"ทีก็รักพี่ลมนะครับ รักมากๆเลยครับ"  พูดจบก็ส่งยิ้มสวยชวนใจละลายให้คนตรงหน้าเป็นของแถมด้วย

แต่ดูเหมือนว่ารอยยิ้มที่นาทีตั้งใจจะยิ้มให้ลมจะกลายเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์ไปเสียแล้ว ก็ในเมื่อตอนนี้พ่อเสือตัวโต กำลังช้อนตัวเขาไว้แนบอก พร้อมกับรีบก้าวยาวๆออกจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

"ยิ้มของทีทำพี่ใจสั่น เราไปต่อที่เตียงกันดีกว่าค่ะ"

 ..................................................................



กว่าบทเพลงรักของนาทีกับลมจะสงบเรียกได้ว่าเกือบจะฟ้าสางกันเลยทีเดียว

หลังจากที่จัดการอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จ ตอนนี้นาทีกับลมกำลังนอนกันอยู่บนเตียง โดยที่นาทีกำลังนอนซบอยู่บนอกของลม

"ทีคิดเห็นยังไงกับคำถามของเปอร์วันนี้ครับ" ลมถามขึ้นพร้อมกับใช้มือสางผมนาทีเล่น

"คำถามไหนเหรอครับ" นาทีไม่ได้จะยอกย้อนลม แต่เพราะวันนี้มีคำถามเยอะแยะมากมายจนจำแทบไม่ไหว

"ไม่เคยมีแฟน"

"อ่อ เรื่องนี้ พี่ลมคิดมากเหรอครับ"

"พี่รู้สึกผิดมากกว่า ทีลุกแป๊บนึงได้ไหมครับ"

ลมประคองนาทีให้ลุกขึ้นนั่งแทน อีกคนก็ลุกนั่งอย่างว่าง่าย

"จากที่เปอร์พูดวันนี้ทำให้พี่ฉุกคิดอะไรได้หลายๆอย่าง" ลมเอื้อมมือไปจับมือของนาทีแน่น พร้อมกับใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ "พี่รู้สึกว่าพี่เป็นคนที่แย่มากๆในหลายเรื่องๆ ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนที่อยู่ด้วยกัน ตอนนั้นพี่พยายามไม่เข้าไปยุ่งกับชีวิตของทีจนเกินไป แต่สุดท้ายใจพี่ก็ทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว กว่าจะพูดคำรักออกมาได้ก็แทบจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน" ลมยิ้มบางเบาให้กับนาทีที่นั่งมองเขาตาแป๋ว

"กลับมาเจอกันครั้งนี้พี่ก็ยังไม่พูดอะไรให้มันชัดเจน คิดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียวว่าแค่การกระทำของพี่ที่แสดงออกว่ารักทีมาก กับคำว่ารักที่พี่พร่ำบอกทีไปมันคงจะเพียงพอแล้ว แต่พี่ก็ดันมองข้ามเรื่องสำคัญไปอีกจนได้"

"................"

"การพูดสถานะให้ชัดเจนเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอครับ ถ้าอย่างนั้น...นาทีครับ" ลมเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

"............." นาทีทำเพียงแค่นั่งมองตาลมนิ่งๆ รอฟังสิ่งที่อีกคนจะพูดอย่างตั้งใจ

"พี่รักทีนะ เป็นแฟนกับพี่ได้หรือเปล่า" ลมใช้มือข้างนึงลูบไล้แก้มเนียนขาวที่ตอนนี้แดงนิดๆอย่างทะนุถนอม

"แต่เรามีลูกกันแล้วนะครับ" นาทีที่มึนงงอยู่ครู่นึงเอ่ยหยอกคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ยามที่ตั้งสติได้

"ไม่เป็นไรครับ มีลูกก็ขอเป็นแฟนได้ ก็พี่ยังไม่เคยขอทีเป็นแฟนเลยนี่ครับ คิดแล้วเจ็บใจตัวเองชะมัด อยากจะย้อนกลับไปต่อยหน้าตัวเองแรงๆสักสิบที ให้สมกับความโง่ของตัวเอง"

นาทีนั่งอมยิ้มให้กับท่าท่างกระฟัดกระเฟียดของคนตัวโต

"ไม่เป็นไรนะครับ" นาทียื่นมือไปลูบแขนลมเบาๆเพื่อปลอบโยน

"ทีครับ"ลมกลับมาเรียกนาทีเสียงอ้อนอีกครั้ง "ทียังไม่ตอบพี่เลย ว่าทีเป็นแฟนกับพี่ได้ไหมครับ"

"ได้สิครับ ได้แน่นอน ก็รักมากขนาดนี้ ไม่ตกลงก็บ้าแล้ว"

"ขอบคุณ ขอบคุณครับ" ลมโผตัวเข้ากอดนาทีแน่น โดยนาทีก็ไม่ลืมที่จะกอดตอบอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน

"ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้เวลาใครถามว่าทีเป็นอะไรกับพี่ลม ทีก็สามารถตอบได้เลยใช่ไหมครับว่าทีเป็นแฟนของพี่ลม"

"ไม่ได้ครับ!"

"ทำไมละครับ"

"ห้ามตอบว่าเป็นแฟนครับ ให้ตอบว่าเป็นสามี ตอบไปชัดๆเลยครับว่าคุณลมคือสามีของผมเองครับ หรือถ้ามีคนมาจีบก็ตะโกนใส่หน้าไปเลยครับว่า มีผัวแล้ว ผัวหวงมาก"

เพี๊ยะ!

"โอ๊ย! ทีตีพี่ทำไมครับ"

"ก็ดูพี่ลมพูดสิครับ ทำเป็นเล่นไปได้"

"พี่ไม่ได้พูดเล่นสักหน่อย ใจจริงพี่ก็อยากจะขอทีแต่งงานเลยนะ แต่อะไรก็ไม่พร้อมสักอย่าง แหวนก็ไม่มี"

"ไม่มีก็ขอได้ครับ"

"ไม่ได้ครับ ทีรู้ใช่ไหมครับว่าถึงแม้วันนี้พี่จะขอทีเป็นแฟน แต่สถานะที่พี่มอบให้ไม่ใช่แฟนแน่นอน พี่ขอโทษนะที่ทำตัวไม่ให้เกียรติทีในการกล่าวขอและพูดถึงสถานะที่ชัดเจน พี่ไม่รู้ว่ามาพูดตอนนี้จะสายเกินไปหรือเปล่า"

"ไม่ครับ ไม่สายเกินไป"

"รอพี่ไปทำแหวนก่อนนะ แล้วพี่จะมาขอเราแต่งงาน เตรียมตัวไว้ให้พร้อมเลย"

"ครับ ทีจะรอนะ"

"ครับ คราวนี้เวลามีใครถามถึงสถานะของเราก็ตอบไปชัดๆเลยนะครับ "

"ตอบว่าเป็นคนที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันได้ไหมครับ" นาทีเอ่ยหยอกคนตรงหน้า

"ไม่ดีครับ แต่ถ้าบอกว่า พี่เป็นทาสรักของทีอันนี้พี่โอเคครับ"

คิดจะแกล้งหยอกเขา แต่ดันโดนเขาหยอกกลับมาจนได้

"มะ ไม่คุยด้วยแล้ว นอนดีกว่า ฮัดชิ้ว!"

"หืม ทีจะป่วยหรือเปล่า" ลมรีบยื่นมือไปแตะหน้าผากนาทีทันที ความร้อนที่มากกว่าปกตินิดๆของร่างกายทำให้ลมขมวดคิ้วมุ่น

"ก็ใครกันล่ะครับ ที่เปิดน้ำรดตัวนานขนาดนั้น"

"แต่ทีก็ชอบไม่ใช่เหรอ"

"พอเลยครับ! ถ้าค่าน้ำขึ้นนะ ผมเอาเรื่องพี่แน่ๆ"

"ครับๆๆ แต่ก่อนอื่นคนเก่งนอนได้แล้วครับ" ลมหัวเราะน้อยๆให้กับคำขู่ของนาที คนอะไรขู่ได้น่ารักชะมัด

"พี่ลมอย่าลืมไปดูลูกนะครับ ลูกตื่นมาไม่เจอใครอาจจะร้องไห้โยเย"

"ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่ดูแลให้เอง ทีพักผ่อนก่อนนะ หลับฝันดีนะครับคนดี จุ้บ!" ลมดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้นาที ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากนาทีให้เจ้าตัวหลับฝันดี

"ครับ พี่ลมก็ฝันดีนะครับ"

นาทีรู้สึกล้าเต็มที ไหนจะอาการปวดหัวตุบๆนั่นอีก เมื่อบอกฝันดีลมเสร็จเจ้าตัวก็หลับไปอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่รู้เลยว่า ช่วงหัวรุ่งของวันนั้นเจ้าตัวจะไข้ขึ้นจนลมถึงกับวิ่งวุ่นคอยป้อนยาเช็ดตัวให้ตลอดแทบไม่ได้นอนเลย



.......................................................................

"ป๊า หม่าม้าไม่ฉะบายเยอะเยยหรอคับ"

เด็กชายตุลย์ที่กำลังถือถ้วยพลาสติกขนาดกลางไว้ในมือเงยหน้าขึ้นถามคนเป็นพ่อด้วยความสงสัย

วันนี้เขาตื่นนอนมาไม่เจอหม่าม้าอย่างเช่นทุกวัน ในตอนที่กำลังเบะปากร้องไห้ป๊าของเขาก็เดินเข้ามา กอดปลอบพร้อมกับบอกว่าหม่าม้าไม่สบายนอนอยู่อีกห้องนึง ป๊าบอกให้เขารีบอาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวกัน จากนั้นจะได้ช่วยกันทำข้าวต้มให้หม่าม้าที่นอนป่วยอยู่ทาน

วันนี้ป๊าของตูนตูนเป็นคนทำอาหารเช้า เมนูก็คือข้าวผัดไข่ธรรมดา ที่เขาอยากจะบอกป๊าซะเหลือเกินว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าทำอีกเลยรสชาติไม่แย่แต่ถ้าเทียบกับฝีมือของหม่าม้าแล้วต่างกันลิบลับ เด็กชายตุลย์มองป๊าของเขาที่กำลังคนข้าวต้มอยู่ ก็ได้แต่คิดในใจ ว่าหม่าม้าของเขาจะทานได้ไม่เป็นอันตรายจริงๆใช่ไหม

"ครับ หม่าม้าไม่สบายเยอะเลย"

"แล้วหม่าม้าต้องกินยาด้วยป้าวคับ"

"กินครับ ถ้าไม่กินยาหม่าม้าก็จะไม่หาย"

"ป๊า~" เด็กชายตุลย์เดินเข้าไปกอดขาคนเป็นพ่อแน่นพร้อมกับเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

"ว่าไงครับ" ลมย่อตัวลงนั่งเสมอลูกชาย

"ตูนตูนม่ายอยากให้หม่าม้าป่วยเยย ตูนตูนเป็นห่วง ยาก็ม่ายอาหย่อยเยย ฉงฉานหม่าม้าต้องกินยาขมๆ" เด็กชายตุลย์พูดอธิบายเหตุผลออกมาตามความรู้สึกของตัวเอง จนคนเป็นพ่ออดไม่ไหวต้องยื่นจมูกไปหอมแก้มยุ้ยๆของลูกชายฟอดใหญ่ๆไปหนึ่งฟอด

"หม่าม้า ม่ายป่วยไม่ด้ายหรอคับ"

"คนเราป่วยได้ไม่ใช่เรื่องที่แปลกครับ ที่เราป่วยอาจจะเพราะเราพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำงานหนักเกินไป ไม่ดูแลตัวเอง กินอาหารไม่มีประโยชน์ ไม่กินผัก และอีกหลายๆอย่างเลยครับที่ทำให้เราป่วยได้ ดังนั้นเราจึงควรดูแลตัวเองให้ดี กินอาหารที่ดีๆไงครับ"

"หม่าม้ากินอาหารไม่ดีหรอคับ ดุเยย ตูนตูนต้องดุ หรือหม่าม้าแอบกินช็อก'แลต เยอะเกินไปคับ"

"ฮ่าๆๆๆ ตัวเล็กเอ้ย! เรานี่มันจริงๆเลยนะ" ลมขยี้หัวลูกชายด้วยความมันเขี้ยวจนผมยุ่งเหยิงเสียทรง

"ป๊าต้องพักผ่อนนะ ทำงานหนักจะป่วย หม่าม้าบอกป๊าทำงานหนัก ตูนตูนม่ายอยากห้ายป๊าป่วย" เด็กชายตุลย์ซบหน้าลงกับบ่าแกร่งพร้อมกับใช้หัวทุยๆของตัวเองถูกไถไปมาด้วยความออดอ้อน

"ครับ ป๊าจะพักผ่อนเยอะๆ จะไม่ป่วยโอเคไหมครับ"

"โอเคคับ"

"แต่วันนี้เราต้องช่วยกันดูแลหม่าม้าก่อนนะครับ"

"คับดูแลเยย ตูนตูนดูแล"

"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวตัวเล็กถือกระปุกยาตามป๊ามานะ แต่เดี๋ยวป๊าขอตักข้าวต้มให้หม่าม้าก่อน"

"คับ"

ลมยืนขึ้นตักข้าวต้มร้อนๆใส่ถ้วย และไม่ลืมที่จะหยิบน้ำเปล่าติดมือมาด้วย ก่อนจะหันไปมองลูกชายที่ยืนใส่ผ้าปิดจมูก ในมือถือกระปุกยาเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว

"พร้อมไหมตัวเล็ก"

"พ้อมคับ"

"ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันครับ ไปดูแลคนที่เรารักกัน"

"คับ ปายดูแลคนที่เรารักกาน"

และวันนั้นทั้งวันสองคนพ่อลูกก็ช่วยกันดูแลคนเป็นแม่อย่างดีจนคนเป็นแม่แทบจะหายไข้เป็นปลิดทิ้ง

.....................................................................

TBC.

พี่ลมเขาไม่แผ่วเลยนะคะ  5555

แต่ง NC ทีไร เหมือนโดนกระชากวิญญาณทุกทีเลยค่ะ ถ้าฉาก NC ขัดๆ ต้องขออภัยด้วยนะคะ

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 27)โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 19-10-2021 19:33:29
แคนลง สองตอน 26 27 นะคะ

27
จีบคืออะไรครับ

(กร + คีย์)


"คีย์"

"......"

"คีย์!"

"......"

"คีตกานต์"

"......"

"คีตกานต์ รชณกร!"

"โอ้ยยยย..ไอ้ที มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย ยืนห่างกันหนึ่งวา ตะโกนหาเหมือนห่างกัน 500 เมตร"

คีย์ยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างของตัวเองพร้อมกับตวัดสายตาอาฆาตมองไปยังนาทีที่ตะโกนเรียกชื่อเขาเสียงดังจนแก้วหูสั่นสะเทือน

"ก็เราเรียกคีย์ตั้งหลายครั้ง แต่คีย์ก็มัวแต่เหม่อ ไม่ยอมตอบสักที เป็นอะไรหรือเปล่า"

"เปล๊า"

"แน่ใจนะ"

"แน่ดิว่ะ กูก็ปกติทุกอย่าง แขนขาอยู่ครบ"

"แต่เราสังเกตมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ เราว่าคีย์ดูเหม่อๆจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย"นาทียืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์มองไปยังเพื่อนรักของตัวเองอย่างจับผิด "หรือว่าวันที่กินเหล้า..."

"ไอ้เปอร์มันไปส่งกาแฟถึงไหนเนี่ย มัวแต่ไปจีบสาวแน่ๆเลย เดี๋ยวกูโทรตามแป๊บ ไอ้นี่ ขยันอู้จริงๆ"

ไม่ทันที่นาทีจะพูดจบ คีย์ก็รีบพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะทำท่าทำทางจิ้มโทรศัพท์เหมือนกำลังจะโทรหาเปอร์ และถือโอกาสในจังหวะนี้เดินหนีนาทีไปยังด้านหลังร้านแทน ทิ้งให้นาทีมองตามด้วยสายตาสงสัยระคนเป็นห่วง

หรือว่าคืนนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับคีย์จริงๆหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน

ทางด้านคีย์เมื่อปลีกตัวหนีมาจากการจับผิดของนาทีได้แล้ว ก็ยกมือขึ้นทาบอกพร้อมระบายลมหายใจออกมายาวๆอย่างโล่งใจ โทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็จัดการเก็บมันไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม

"ก็ว่าทำตัวปกติแล้วนะ เพราะนายหน้านิ่งคนเดียวเลย โว้ยยยยย!! อายตัวเองฉิบหายเลย"

คีย์ยกมือทึ้งผมตัวเองแรงๆพร้อมกับใบหน้าที่ร้อนผ่าวยามเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเปอร์จบลง




'คุณ เดินดีๆ'

'ก็เดินดีๆอยู่นี่งาย แต่พื้นมานเอียงอะ รับงานมาด้ายงายว่ะ ตอนตรวจไม่เห็นหรืองายว่าพื้นมันเอียง! เดินยากชะมัด'

'พื้นมันเอียงที่ไหนล่ะ คุณเมาต่างหาก'

'เฮ้ย! ว่าคายเมาวะ อ่อ เข้าข้าง คุณเข้าข้างพื้นเหรอ คุณอยากเป็นศัตรูกับผมช่าย...ป้ะ'

กรได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจให้กับท่าทีคุกคามของคนเมา ปกติก็ชอบชวนหาเรื่องทะเลาะอยู่แล้ว ยิ่งเมายิ่งชวนหาเรื่องทะเลาะเก่งขึ้นเป็นสิบเท่า คนคนนี้รอดมาถึงทุกวันนี้ได้ยังไงว่ะ

กรประคองคนเมามาเรื่อยๆจนถึงห้องของเขาเอง ในตอนแรกกรตั้งใจจะไปส่งอีกคนที่ห้องของเจ้าตัวเอง แต่อีกคนดันทิ้งกุญแจไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ ถามอะไรก็ไม่รู้สักอย่าง สุดท้ายกรเลยตัดสินใจพาคนเมาไปนอนที่ห้องของเขาก่อน รอให้สร่างเมาแล้วค่อยว่ากันอีกที

'ถึงแล้วคุณ นั่งรอที่โซฟาก่อน เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้'

คีย์ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างว่าง่ายเพราะรู้สึกว่าตอนนี้หัวของเขามันหนักมากๆเหมือนพร้อมที่จะทิ่มลงพื้นอยู่ตลอดเวลาเลย

'ดื่มน้ำสักหน่อย จะได้รู้สึกดีขึ้น'

คีย์เงยหน้าขึ้นมองกรที่ยืนยื่นน้ำมาให้เขาตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำมาถือไว้และยกกระดกดื่มหมดภายในทีเดียว

กรเห็นท่าทางอีกคนที่ดูนิ่งๆ จึงคิดเอาเองว่าอีกคนอาจจะเริ่มสร่างเมาแล้ว จึงตัดสินใจนั่งลงบนโซฟาข้างๆกัน เพื่อจะถามอีกคนว่าคืนนี้จะเอายังไง นอนที่นี่ไหม หรืออยากกลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง แต่ถ้าอยากกลับไปนอนห้องของตัวเอง ก็คงต้องถามก่อนละนะว่ากุญแจอยู่ที่ไหน แต่เหมือนว่าสิ่งที่กรคิดจะผิดไปสักหน่อย คนอื่นดื่มน้ำแล้วพอจะสร่างบ้าง แต่สำหรับคีย์บอกเลยว่า'ไม่' เมาอย่างไรก็เมาอย่างนั้น

'คุณ"

ฟึบ!

กรชะงักเล็กน้อยยามที่เขากำลังหันหน้าไปถามคนข้างๆ เพราะมันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนเมาอย่างคีย์ขยับเข้ามาประชิดตัวเขาอย่างเร็วจนหน้าเกือบชนกัน

ฟึบ! มือทั้งสองข้างของคีย์ยกขึ้นมาตะปบแก้มซ้ายขวาของกรไว้ จากนั้นก็จับหมุนซ้ายหมุนขวาไปมา ราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่างด้วยความสงสัย

'หล่อนักเหรอเราอะ' น้ำเสียงชวนหาเรื่องของคนเมา ทำให้กรรู้สึกเอ็นดูอยู่ลึกๆ

'ก็พอตัว' ไม่มีหรอกความถ่อมตัว ก็นะ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ปฏิเสธไปก็เหนื่อยเปล่าๆ

'เหอะ! แต่เสียอย่างเดียว หน้านิ่งไปหน่อย'

'......'

'นี่!' คีย์ละมือทั้งสองข้างออกจากแก้มของกร เปลี่ยนมาเป็นใช้นิ้วจิ้มจึ๊กๆตรงต้นแขนแทน 'ยิ้มหน่อยสิ'

'ทำไมผมต้องยิ้ม'

'อยากเห็น ม่ายได้หรืองาย แค่ยิ้มเอง อย่างกดิ' จากเสียงที่ออดอ้อนในคราแรก แปรเปลี่ยนเป็นคุกคามทันทีเมื่อโดนขัดใจ

'ก็มันไม่มีเรื่องอะไรให้ผมต้องยิ้ม อยู่ๆจะให้ผมยิ้มได้ไง'

'ถ้าแบบนี้ล่ะ' คีย์ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาตะปบแก้มตัวเอง พร้อมกับอมลมไว้ในปากนิดๆ กระพริบตาโตๆปริบๆ ก่อนจะพูดออกมา 'คีย์น่ารักไหม'

'.........'

'คีย์ม่ายน่ารักเหรอกร'

'..........'

'คีย์ม่ายน่ารักเหรอครับ'

'น่ารักครับ' กรตอบออกไปราวกับคนละเมอ นี่เขาโดนคนเมาใช้ความน่ารักโจมตีเหรอวะเนี่ย

แล้วไอ้ท่าทางเหมือนแมวแบบนั้นใครสั่งใครสอนให้ทำกัน ไหนจะคำแทนตัวที่แสนจะน่ารักนั่นอีก ตายแน่มึงไอ้กร!

กรละอยากรู้จริงๆว่ายามที่อีกคนสร่างเมาจะรู้สึกอย่างไรกับวีรกรรมของตัวเอง แต่ก่อนอื่น คุณเจ้าของร้านกาแฟช่วยเลิกทำแก้มป่องก่อนได้ไหม ไม่รู้ตัวบ้างเลยใช่ไหมว่าแก้มป่องๆแบบนั้นมันชวนให้รู้สึกอยากฝังจมูกลงไปหนักๆสักร้อยที

'คีย์น่ารักแล้วทำมายกรไม่ยิ้มล่ะ' คีย์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดงอนนิดๆ

กรที่เห็นท่าทางของคนเมาช่างงอน ก็อมยิ้มนิดๆพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปจับหน้าของอีกคนให้หันมามองกัน

รอยยิ้มกว้างสวยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกรให้คีย์ได้เห็นพร้อมกับสายตาที่มองไปยังคีย์ด้วยความอ่อนโยนและเอ็นดู

'กรยิ้มแล้วครับ คีย์ไม่งอนกรนะ'

'อะ อื้อ อื้อ' คีย์พยักหน้ารับรัวๆ

คนเมาในเวลานี้คล้ายกับว่าจะสร่างเมาเต็มที ยามที่ได้เห็นรอยยิ้มสวยของกรเป็นครั้งแรก หัวใจของคีย์ก็เต้นแรงมากจนแทบจะกระเด็นออกมาด้านนอก

ไม่อ่อนโยนเลย...

ไม่อ่อนโยนต่อใจเลยสักนิด...

ชอบ ชอบไปแล้วจริงๆด้วย...

อยากเห็นรอยยิ้มนั่นอีกจังเลย...

'นี่'

'ครับ'

'แล้วทำมายถึงชอบพูดจาไม่ดีละ' คนเมาอย่างคีย์ยังคงมีข้อสงสัยมากมายที่อยากจะถามออกมา ถ้าเป็นในเวลาปกติคีย์คงไม่มานั่งถามกรแบบนี้ และกรคงไม่ตอบเขากลับมาดีๆแน่

'ผมแย่มากเลยเหรอ'

'อื้อ' คีย์พยักหน้าแรงๆเป็นการยืนยัน 'ชื่อคิรากรม่ายใช่เหรอ คิรากรที่แปลว่าพูดดี พูดน่ารักน่าฟัง แต่ทำมายเวลาพูดไม่เห็นน่าฟังเลย หนายลองพูดอะไรที่มันน่าฟังหรือดีต่อจายให้ฟังหน่อย'

'จะให้ผมพูดอะไร'

'อะรายก็ได้ ที่ฟังแล้วใจฟู น้า~ กรพูดห้ายคีย์ฟังหน่อยได้ไหม'

'อืม'

'.......' เมื่อกรตกลง คีย์ก็นั่งเงียบๆ รอลุ้นในสิ่งที่กรจะพูด

'ชอบ'

'........'

'ผมชอบคุณ'

'........'

'กรพูดน่าฟังพอจะให้คีย์ใจฟูได้ไหมครับ'

'อื้อ ใจฟูมากเลย' คีย์ตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างมากกว่าครั้งไหนๆ

คีย์เคยได้ยินใครต่อใครพูดกันว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มันจะทำให้เราขาดสติและกล้าทำในสิ่งต่างๆได้มากขึ้น ซึ่งวันนี้คีย์คิดว่าสิ่งที่คนเหล่านั้นพูดเป็นความจริงไม่มีผิดเพี้ยน

คีย์ไม่อาจละสายตาของตัวเองไปจากดวงตาอันอ่อนโยนของกรที่มองมายังตัวเองได้

และในตอนนี้ความกล้าของคีย์ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนกำลังวิ่งพล่านอยู่ภายในตัวเขา คีย์ค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้ๆกรอีกนิด ก่อนจะนั่งคุกเข่าบนโซฟา ยืดตัวขึ้นจนใบหน้าอยู่สูงกว่าใบหน้ากรนิดหน่อย คีย์ยื่นมือออกไปประคองใบหน้าของกรให้เชิดขึ้นมามองตัวเอง ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าของตัวเองลงไป โดยที่เป้าหมายของคีย์คือริมฝีปากหนาที่มีรอยคล้ำนิดๆจากการดูดบุหรี่นั่นเอง

คีย์วางทาบริมฝีปากของตัวเองกับของกรเบาๆ ยามที่ริมฝีปากสัมผัสกันความรู้สึกบางอย่างแล่นปรี๊ดเข้าสู่หัวใจอย่างจัง คีย์ขบเม้มริมฝีปากของกรเบาๆก่อนจะค่อยๆผละใบหน้าออก แต่ในจังหวะนั้นเป็นกรเองที่ไม่ยอม ในตอนที่คีย์กำลังผละออก กรใช้มือของตัวเองกดท้ายทอยของคีย์ไว้แน่น และเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปจูบคีย์เอง

จูบครั้งนี้ช่างแตกต่างจากครั้งแรกนัก ความนุ่มนวลในคราแรกที่ริมฝีปากสัมผัสกัน เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความวาบหวามและดุดันขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีใครยอมใคร

คีย์ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าไหร่ที่เราสองคนจูบกัน เพราะอยู่ๆสติของคีย์ก็ดับวูบลง มารู้ตัวอีกทีก็เป็นช่วงสายของอีกวันที่เขานอนอยู่บนเตียงโดยที่มีกรกอดเขาไว้แน่น





"โว้ย! โว้ยย! โว้ยยย! ไอ้คีย์นะไอ้คีย์ มึงทำอะไรลงไปเนี่ย" ยิ่งคิดถึงเรื่องราวของค่ำคืนนั้นยิ่งทำให้คีย์รู้สึกอายจนทำอะไรไม่ถูก สิ่งที่ทำได้ก็คงเป็นการตบตีตัวเองเพื่อระบายความอับอายออกมา

"เลิก เลิกเลย ต่อไปนี้จะไม่กินเหล้าแล้ว.....ฮือออ มึงไปจูบเขาก่อนได้ไงวะ อ๊ากกก!

ในระหว่างที่คีย์กำลังสติแตกกับเรื่องน่าอายของตนเองอยู่นั้น คีย์ไม่รู้เลยว่าในเวลานั้นนาทีที่ตั้งใจจะเข้ามาตาม ได้ยินทุกอย่างที่คีย์พูดอย่างชัดเจน

...................................................................


"คีย์ วันนี้คีย์ไปรับน้องตุลย์ที่โรงเรียนแทนเราได้ไหม เดี๋ยวเราโทรไปบอกคุณครูไว้" นาทีเอ่ยถามคีย์ที่กำลังยืนเช็ดแก้วอยู่

"มึงจะไปไหนอะ แล้วป๊าเขาล่ะ" คีย์ถามนาทีด้วยความสงสัย

"วันนี้คุณลมเขาติดประชุม เขาบอกเราไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว ส่วนเราเมื่อกี้คุณจอยติดต่อมา บอกว่าจะขอเข้ามาคุยเรื่องรายละเอียดของขนมที่จะให้ทำในวันงานเลี้ยงของบริษัทป๊าคีย์หน่ะ"

"อ่อ จะถึงงานเลี้ยงบริษัทพ่อกูอีกแล้วเหรอวะ"

"เราไม่แปลกใจเลยจริงๆ ที่ป๊างอนคีย์บ่อยๆ"

"เออน่าๆ บ่นเป็นแม่กูเลย เดี๋ยวกูไปรับหมูตุ้บให้เอง ส่วนมึงคิดราคาแพงๆเลยนะ เรียกค่าจ้างเป็นหุ้นบริษัทป๊าทั้งหมดเลยก็ได้"

นาทีได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทางของเพื่อนรักตัวเอง ก่อนจะขอแยกตัวออกไปเตรียมรายชื่อขนมและรายละเอียดต่างๆด้านในห้องทำงานหลังร้านก่อน ปล่อยให้คีย์ยืนรับลูกค้าหน้าร้านแทน



กริ๊ง! กริ๊ง!

"Keyword ca'fe ยินดีต้อนรับครั.... เคร้ง! โอ๊ะ"

"หึ!" คนมาใหม่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆให้กับท่าทางลนลานของคนที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์

แค่เจอหน้าเขา ถึงขั้นทำช้อนตักผงชาเขียวหลุดมือเลยเหรอ

"คุณกรมาซื้อกาแฟเหรอครับ" นาทีที่เห็นท่าทางลนลานของเพื่อนก็พอจะเดาได้ว่าเพราะอะไร ไหนจะแก้มแดงๆนั่นอีก คงเขินมากสินะ นาทีจึงเลือกที่จะเอ่ยทักทายกรแทน

"เปล่าครับ พอดีบอสให้ผมมาขับรถให้คุณนาทีครับ"

"ขับรถให้ผม?"

"ครับ ไปรับน้องตุลย์"

"จริงสิ! ถึงเวลาแล้วนี่น่า" นาทีหันไปมองนาฬิกาแป๊บนึง ก่อนจะหันกลับมาคุยกับกรต่อ "แต่วันนี้ผมติดธุระ เลยจะให้คีย์ไปแทน ถ้าไม่เป็นการรบกวน คุณกรไปเป็นเพื่อนคีย์หน่อยได้ไหมครับ"

"ไอ้ที้~" คีย์ที่ยืนฟังบทสนทนาระหว่างนาทีกับกรเงียบๆถึงกับตะโกนเรียกชื่อเพื่อนเสียงหลง และมิวายด่าเพื่อนรักอยู่ภายในใจ มึงมองหน้ากูก่อนไหมวะเพื่อนรัก ว่าหน้ากูอยากไปกับเขาไหม ไอ้เพื่อนเวร

"ได้ครับ" กรตอบรับนาที ก่อนจะหันไปมองคุณเจ้าของร้านที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างๆนาที

กรค่อนข้างมั่นใจว่าอีกคนจำเรื่องราวของคืนนั้นได้เป็นอย่างดีแน่ๆ ไม่อย่างนั้นวันสองวันมานี้อีกคนไม่พยายามหลบหน้าเขาแบบนี้หรอก

เขินหรืออายกันแน่ครับคุณเจ้าของร้าน...

..............................................................



"ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอคุณ เดี๋ยวขาดใจตายนะ"

กรเอ่ยหยอกคนข้างๆที่ตั้งแต่นั่งรถออกมาด้วยกัน คุณเจ้าของร้านก็ยังไม่ปริปากพูดสักคำ ถ้าเป็นปกติป่านนี้คงด่าเขาหูดับไปแล้ว

"ก็คนไม่อยากพูด อยากนั่งนิ่งๆบ้างไม่ได้หรือไง"

"คนอื่นก็คงได้ แต่กับคุณมัน......" กรลากเสียงยาว ละสายตาจากถนนมามองคีย์เสี้ยวนึง พร้อมรอยยิ้มมุมปากที่ทำให้คนมองรู้สึกเลือดร้อนขึ้นฉับพลัน

"ทำไม ผมมันทำไม มีปัญหาอะไรเคลียร์มาเลยดีกว่า"

ท่าทางของคีย์ตอนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพยายามชวนหาเรื่องเพื่อกลบเกลื่อนความเขินของตัวเองขนาดไหน

"ทำไมเกรี้ยวกราดจังเลยคุณ"

"ผมก็ปกติ"

"จะว่าไป ไม่แทนตัวเองว่ากรกับคีย์แล้วเหรอครับ หึ!"

คีย์อ้าปากหวอยามที่โดนกรจี้จุดจังๆ ความอายและความเขินทำหน้าที่ของตัวเองจนแก้มทั้งสองข้างของคีย์ถึงกับร้อนผ่าวและแดงก่ำ มือทั้งสองข้างรีบยกขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที

กรที่เห็นปฏิกิริยาตอบกลับของคนข้างๆก็รู้สึกเอ็นดูจับใจ อยากจะหยิบแก้มนิ่มๆสักสองทีให้หายมันเขี้ยว

"คุณหลบหน้าผมเหรอ" กรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติราวกับกำลังคุยเรื่องธรรมดาทั่วไปหลังจากที่ปล่อยให้ในรถไร้บทสนทนาอยู่ครู่หนึ่ง

"ทำไมผมต้องหลบหน้าคุณด้วย"

"ก็เรื่องคืนนั้น"

"ผมไม่รู้ ผมจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ และผมก็ไม่ได้หลบหน้าคุณด้วย"

"เหรอ แต่ผมจำได้นะ... ทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งการที่คุณจู่โจมผมก่อน"

"คุณ!!!!!" คีย์ตะโกนเรียกอีกคนด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขินอาย

และหลังจากนั้นภายในรถของกรก็เกิดสงครามน้ำลายขนาดย่อมๆมาตลอดทางจนถึงโรงเรียนของเด็กชายตุลย์

"จะลงไปด้วยกันไหม" คีย์ถามกรเสียงสะบัดเพราะยังเคืองกรเรื่องที่กรมากวนโมโหตัวเองอยู่

"ไปสิ"

"เดินตามมาเอง" ว่าจบคีย์ก็ลงจากรถแล้วก้าวเข้าไปในโรงเรียนทันที


"อาคีย์!"

"หมูตุ้บ อาคีย์มารับแล้ว มากอดหน่อยเร็ว ฮึบ!" คีย์ย่อตัวลงรับหลานชายเข้ามากอดไว้แน่น

"เรียนเป็นยังไงบ้างครับวันนี้"

"ซาหนุกคับ วันนี้ตูนตูนได้ปั้นคุณหมีด้วยนะอาคีย์"เด็กชายตุลย์ที่ยืนพิงไหล่บางอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นอาเอ่ยเล่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำในวันนี้ให้อาของเขาฟังอย่างตั้งใจ

"โห มันต้องสวยมากแน่ๆเลยใช่ไหม"

"ตูนตูนได้ฉิบดาวเลยคับ"

"เก่งสุดยอดเลยหลานอาคีย์"

"คิกคิก"

"สวัสดีครับสุดหล่อ"

"โอ๊ะ อากร อากร" เด็กชายตุลย์กระโดดโลดเต้นดีใจยามที่เห็นคุณอาคนโปรดอีกคนมารับเขาด้วย "อากร ตูนตูนสวัสดีครับ"

"ครับ" กรยื่นมือไปลูบผมหลานชายเบาๆ

"ไหนกระเป๋าล่ะหมูตุ้บ ไปหยิบกระเป๋าเร็ว จะได้กลับบ้านกัน หม่าม้ากับป๊าของหมูตุ้บรออยู่นะ"

"คับ อาคีย์รอก่อนน้า รอน้า ตูนตูนไปหยิบกระเป๋าแป๊บเดียว" เด็กชายตุลย์บอกกระชับคนเป็นอา ก่อนจะรีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าของตัวเองและไม่ลืมที่จะเอ่ยลาเพื่อนๆและคุณครูด้วย

"ต้นหญ้า ตูนตูนกลับก่อนนะ"

"พุ่งนี้เจอกันนะตุลย์ บ๊ายบาย"

"บ๊ายบาย จุ้บ!"

"เฮ้ย!" คีย์ร้องลั่นยามที่เห็นหลานชายตัวดีของตัวเองแอบขโมยหอมแก้มลูกชายชาวบ้านเขา ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดอะไรบางอย่างทันที

"ทำอะไรคุณ" กรที่เห็นท่าทางคิ้วขมวดของคีย์ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

"ดูเงินในบัญชี"

"ดูทำไม"

"ก็หลานไปผิดผีลูกชายคนอื่น เผื่อต้องไปสู่ขอ ต้องดูก่อนว่าเงินพอไหม"

"คุณลืมไปหรือเปล่าว่าพ่อของหลานคุณรวยมาก"

"เออวะ" คีย์ที่ได้ยินอย่างนั้นก็อดที่จะเห็นด้วยไม่ได้

คีย์เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะยื่นมือไปให้หลานชายตัวดีที่ยิ้มหน้าบานจับ

เฮ้อ! หม่าม้าของหลานรู้ไหมเนี่ย ว่าลูกชายตัวเองไปหอมแก้มลูกชายชาวบ้านเขา



"หมูตุ้บ แอบหอมแก้มต้นหญ้าเหรอ อาคีย์เห็นนะ"

เมื่อรถเริ่มออกตัว คีย์ก็เริ่มบทสนทนากับเด็กชายตุลย์ที่นั่งอยู่บนคาร์ซีทด้านหลังทันที

"ม่ายได้แอบนะอาคีย์ ตูนตูนหอมเยย"

"เราไปหอมแก้มลูกเขาได้ไง ลูกเขามีพ่อมีแม่นะ"

"หอมด้าย"

"ใครบอกครับว่าหอมได้" คีย์หันหน้าไปมองหลานชายที่นั่งทำตาแป๋วมองมาทางเขา

"ป๊าคับ"

"หือ ป๊าบอกว่าไงครับ"

"หอมแก้ม ฉะแดง(แสดง)ความรัก ตูนตูนรักต้นหญ้า ก็เยยหอม"

"โอ๊ย! ให้ตายเถอะ"

"หึหึ"

ผู้ใหญ่สองคนภายในรถมีท่าทีที่แตกต่างกันออกไป คีย์แทบจะลมจับยามได้ยินคำตอบหลาน ส่วนกรทำเพียงแค่หัวเราะน้อยๆให้กับความช่างพูดของลูกชายเจ้านายตัวเอง

"ไปหอมแก้มต้นหญ้าแบบนั้น ขอต้นหญ้าหรือยังครับ"

"ขอแย้วคับ ต้นหญ้าบอกหอมด้าย แฟนกาน"

"โอ๊ย ยอมแพ้" คีย์บ่นกับตัวเองเบาๆ "ตัวแค่นี้จีบเป็นแล้วเหรอเราอะ" สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวต้องขอแซวหลานสักหน่อย

"จีบคืออารายคับ"

"อ้าว" คีย์อ้าปากหวอเมื่อเจอคำถามของหลานไป

"อากร จีบคืออาลายคับ" เมื่อเห็นว่าคีย์ยังไม่พร้อมตอบ เด็กชายตุลย์ที่เกิดอาการใจร้อนอยากรู้คำตอบเร็วๆ จึงเลือกที่จะถามกรแทน

"จีบ คือ เวลาที่เราชอบใครมากๆจนอยากได้มาเป็นแฟน เราก็ต้องเข้าไปจีบเขาก่อนครับ เพื่อให้เขาชอบเรากลับมา"

"ง้าน ตูนตูนม่ายต้องจีบแล้ว ต้นหญ้าบอกชอบตูนตูนทุกวันเลย คิกคิก"

"สุดหล่อเก่งกว่าอากรอีกนะครับ"

อยู่ๆกรก็เอ่ยชมเด็กชายตุลย์ออกมาเสียดื้อๆ จนคีย์ได้แต่หันไปมองด้วยความงงๆ

"อากรจีบอยู่หรอคับ" เด็กชายตุลย์ถามออกไปด้วยความใสซื่อ

"ยังไม่ได้จีบครับ แต่คิดว่าจะจีบอยู่ครับ สุดหล่อพอจะช่วยอากรหน่อยได้ไหมครับ"

"ด้ายคับ ช่วยเยย ตูนตูนช่วย ตูนตูนจีบเก่ง คิก!" เด็กชายตุลย์บอกออกมาด้วยความมั่นใจ ถ้าเขาจีบไม่เก่งต้นหญ้าไม่บอกชอบเขาหรอก เพราะฉะนั้นอากรไว้ใจตูนตูนได้เลย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าต้องจีบยังไงและเขาเผลอไปจีบต้นหญ้าตอนไหน แต่เขามั่นใจว่าเขาจะช่วยอากรได้แน่ๆ ขนาดจีบแบบไม่รู้ เขายังจีบต้นหญ้าสำเร็จเลยนี่น่า

"ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้สุดหล่อช่วยอากรจีบอาคีย์ได้ไหมครับ"

"อืมมมม.....อากรชอบอาคีย์หรอคับ"เด็กชายตุลย์มีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะถามออกมา ก็อากรบอกว่าเพราะชอบจึงจีบ ถ้าอากรจะจีบอาคีย์ อากรก็ต้องชอบอาคีย์สิ

"ครับ"

"โอ้! ได้เยย ตูนตูนช่วยจีบอาคีย์เยย"เด็กชายตุลย์ชูนิ้วโป้งสองนิ้วเป็นการยืนยันให้กับกร ก่อนจะหันไปคุยกับคีย์ต่อ "อาคีย์ อากรชอบอาคีย์ละ อากรจะจีบอาคีย์ด้วย เดี๋ยวตูนตูนช่วยอากรจีบอาคีย์เองคับ"

"........"

คีย์ในตอนนี้คล้ายกับคนที่สติหลุดลอยไปเสียแล้ว ประสาทรับรู้ของคีย์มันดับไปตั้งแต่ที่กรบอกว่าจะจีบเขาแล้ว

กรลอบมองสีหน้าของคนข้างๆก็ได้แต่ขำในใจให้กับท่าทางที่เดี๋ยวก็อ้าปากคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็หุบลงตามเดิมราวกับไม่กล้าพูดมันออกมา ไหนจะสีหน้างงๆระคนไม่เข้าใจนั่นอีก แววตาที่มองมาที่เขาก็เต็มไปด้วยคำถามมากมายจนกรต้องพูดย้ำกับคีย์อีกครั้งว่าเขาไม่ได้พูดเล่น มันเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้สักพักแล้ว ตอนแรกกะจะหาโอกาสดีๆบอกกับอีกคน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้แหละจะเป็นโอกาสดีๆของเขาแล้ว แถมมีพยายานเป็นเด็กชายตัวน้อยที่แสนฉลาดและช่างจำด้วย

"ผมไม่ได้พูดเล่นนะคุณ... ชอบคีย์มาก กรขอจีบคีย์นะครับ"



ใช้เวลาไม่นานทั้งสามคนก็เดินทางมาถึงร้านกาแฟ Keyword ca'fe คีย์ที่ยังเบลอๆ เดินไปเปิดประตูแบบงงๆ และทันทีที่ประตูร้านเปิดเด็กชายตุลย์ก็รีบวิ่งไปหาแม่ของตัวเองพร้อมกับตะโกนพูดบางอย่างเสียงดังลั่นร้านจนทุกคนที่อยู่ภายในร้านหันมามองคีย์เป็นตาเดียว


"หม่าม้า อากรชอบอาคีย์ อากรบอกจะจีบอาคีย์คับ"


เฮ้ย! หมูตุ้บบบบบบบบบบบบบบบบบ  // คีย์

ทำดีมากสุดหล่อ หึ! // กร


...................................................................

TBC.

ไม่แผ่วกันเลยจริงๆค่ะ

ไม่มีแผ่วกันเลยสักคน


ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ


เราขอขอบคุณทุกๆคอมเมนต์ ทุกๆกำลังใจมากๆนะคะ


ตอนหน้ากันพรุ่งนี้ 20.10.21 ตอนเที่ยงนะคะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 19-10-2021 20:03:05
 :jul3: :laugh:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 20-10-2021 03:24:49
ให้ 3 คำ กับเรือลำนี้... น่ารักอะ...
แต่น่ารักที่สุดยังยกให้น้องตูนตูนนะคะ (เดี๋ยวน้องจะน้อยใจ... คิคิ...) :mew1:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg(ตอนที่ 28) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 20-10-2021 12:02:02
28
สัญญาณบ่งบอก


"อาทิตย์หน้าก็จะปิดเทอมแล้ว ดีใจไหมครับตัวเล็ก"

"ม่ายดีจายเลยครับ"

"ทำไมล่ะครับ ปิดเทอมได้อยู่บ้าน ไม่ต้องตื่นเช้าๆไปโรงเรียน ได้นอนดูการ์ตูนสบายใจเลยนะ"

"ตูนตูนม่ายอยากดูการ์ตูน ตูนตูนอยากเจอต้นหญ้า ปิดเทอมม่ายได้เจอต้นหญ้า ตูนตูนเฉ้าจาย"

"โธ่เอ้ยตัวเล็ก ที่แท้ก็คิดถึงแฟนนี่เอง"

"คิกคิก! แฟนกานๆ"

บทสนทนาของสองพ่อลูกที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทานอาหารในครัวดังขึ้นระหว่างที่รอคนเป็นแม่อย่างนาทีทำอาหารเช้าอยู่

สองพ่อลูกคุยกันได้ไม่นาน ข้าวต้มกุ้งร้อนๆที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนชวนให้ท้องร้องก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟ

"ข้าวต้มของหม่าม้า ห๊อมหอม ท้องของตูนตูนร้องจ๊อกจ๊อกเยย จายเย็นน้าคุณท้อง เดี๋ยวก็ได้กินแย้ว" เด็กน้อยก้มหน้าพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างมาลูบพุงน้อยๆของตัวเองไปมา ไหนจะคำพูดจำจาที่สุดแสนจะน่ารักยามที่พูดกับพุงน้อยๆนั่นอีก เรียกรอยยิ้มจากคนเป็นพ่อแม่ได้เป็นอย่างดี

"ใช่ไหมตัวเล็ก ป๊าเห็นด้วยเลย อาหารของหม่าม้าอร่อยที่สุด ไม่มีที่ไหนอร่อยเท่าเลย"

"ช่ายคับ"

นาทีหัวเราะน้อยๆให้กับสองพ่อลูกที่ชมเขาเสียยกใหญ่ ถ้าเกิดเขาเป็นคนบ้ายอสักหน่อย ป่านนี้คงได้ตัวลอยติดเพดานห้องครัวไปแล้ว

"พี่ลมเที่ยงนี้กินอะไรดีครับ" นาทีที่นั่งลงบนเก้าอี้หลังจากที่ตักข้าวต้มให้ทุกคนเสร็จเอ่ยถามลมขึ้น

ช่วงนี้ลมติดฝีมือการทำกับข้าวของนาทีหนักมาก นาทีก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม พอถามเจ้าตัวก็ได้คำตอบกลับมาว่า 'อาหารตามร้านทำไม่อร่อย มันมีกลิ่นเหม็นๆ พี่กินไม่ลงเลย พอกินก็อยากจะอ้วกออกมา แต่พอเป็นอาหารของทีกินเท่าไหร่ก็ไม่พอ อร่อยจนต้องขอเพิ่มเลยครับ' นาทีที่ได้ยินคำตอบก็ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ทำกับข้าว เช้า เที่ยง เย็น ให้คนตัวโตแทน

"พี่อยากกินกะเพราเผ็ดๆแบบพริกสักร้อยเม็ดครับ"

"เกินไปครับ กินพริกขนาดนั้นเดี๋ยวก็ปวดท้องกันพอดี สิบเม็ดก็พอแล้วครับ" นาทีบอกอีกคนเสียงดุ

"ครับ" คนโดนดุก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงอยๆ

"โอ้โห! ป๊ากินพิกได้ร้อยเม็ดเลยหรอคับ ว้าว เก่ง ป๊าเก่ง ตูนตูนปบมือเยย ป๊าฉุดยอด" เด็กชายตุลย์วางช้อนคุณหมีคู่ใจที่ถืออยู่ลง จากนั้นก็ปรบมือเปาะแปะให้กับความเก่งของป๊าตัวเอง

"สองร้อยเม็ดก็ไหวนะตัวเล็ก"

"อู้ว" เด็กชายตุลย์ตกใจจนตาโต

ลมที่เห็นท่าทางของลูกชายก็หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู

"เลิกเล่นได้แล้วครับสองพ่อลูก ทานข้าวครับ เดี๋ยวสายนะ" นาทีรีบเอ่ยเตือนทั้งสองคนเมื่อเห็นว่าบทสนทนาของสองพ่อลูกชักจะไปกันใหญ่ ถ้าไม่รีบห้ามมีหวังคุยกันไม่จบแน่ๆ


ใช้เวลาไม่นานทุกคนก็จัดการหน้าที่ของตัวเองยามเช้าเสร็จเรียบร้อย ถึงเวลาของการออกไปทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว

"น้องตุลย์หม่าม้าใส่นมคุณหมีไว้ในนี้นะครับ" นาทีเอ่ยบอกลูกชายในขณะที่กำลังเดินออกจากบ้านเพื่อไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน

"หม่าม้า มีของต้นหญ้าม้ายคับ ตูนตูนบอกต้นหญ้าจะเอานมคุณหมีมาฝาก"

"มีครับ หม่าม้าใส่ไว้สองกล่องแล้วครับ" นาทีบอกกับลูกชายด้วยน้ำเสียงใจดี จะว่าไปเขาคงไม่มีทางลืมนมคุณหมีอีกกล่องได้หรอก ก็เจ้าลูกชายตัวแสบของเขาคอยย้ำเขาแทบทุกชั่วโมง เฮ้อ! ไม่ทันไรก็รู้จักเปย์เสียแล้ว

"เย้! ขอบคุณคับ" เด็กชายตุลย์ยกมือไหว้ขอบคุณนาทีอย่างสวยงาม

"ด้วยความยินดีครับ" นาทียิ้มอ่อนโยนให้ลูกชายที่เงยหน้าขึ้นมามองกัน

"มาเร็วตัวเล็กป๊าอุ้มขึ้นรถ ฮึบ" ลมอุ้มลูกชายขึ้นนั่งบนคาร์ซีทก่อนจะรัดเข็มขัดแน่นเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย "อ้วนขึ้นหรือเปล่าเรา ป๊าแขนแทบหัก ฟอด" ลมพูดหยอกลูกชายพร้อมกับก้มหน้าหอมแก้มยุ้ยๆไปหนึ่งที

"ม่ายๆ ม่ายอ้วน ตูนตูนแค่กำลางโต"

"ครับ กำลังโตก็กำลังโตครับ" ลมบอกกับลูกชายก่อนจะปิดประตู และเดินกลับไปทำหน้าที่คนขับรถเฉกเช่นทุกวัน

"น้องตุลย์ครับ"

"คับ"

"ยังแอบหอมแก้มต้นหญ้าอยู่หรือเปล่าครับ" นาทีเอ่ยถามลูกชายในขณะที่รถกำลังวิ่งไปตามท้องถนน

เมื่อไม่นานมานี้คีย์มาบอกเขาว่าลูกชายตัวแสบของเขาหอมแก้มต้นหญ้าดังฟอดใหญ่ ครั้นได้ยินเขาถึงขั้นยกมือกุมขมับ พอถามเจ้าลูกชาย เจ้าตัวก็ตอบกลับมาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ จนคนเป็นแม่แบบเขาต้องอธิบายให้ลูกชายฟังเล็กๆน้อยเท่าที่ลูกชายพอจะเข้าใจ ถึงความเป็นลูกผู้ชายและการให้เกียรติผู้อื่น

"ม่ายแอบนะหม่าม้า ตูนตูนทำตามที่หม่าม้าบอกเยย ตูนตูนต้องถามความฉะหมักจายต้นหญ้าด้วย"

"ดีมากครับ"

"พอตูนตูนถามต้นหญ้าก็บอก ตูนตูนหอมได้เยย กับตูนตูนต้นหญ้าเต็มจาย"

นาทีแทบจะสำลักอากาศยามที่ได้ยินคำบอกกล่าวของลูกชาย เฮ้อ! ทุกวันนี้โลกมันหมุนเร็วจริงๆ คนเป็นแม่แบบนาทีตามแทบไม่ทัน

"พี่ว่าเร็วๆนี้พี่น่าจะได้ลูกสะใภ้" ลมหันหน้ามาคุยกับนาทีด้วยน้ำเสียงติดขบขัน

"ผมคงต้องทำงานให้หนักกว่านี้ จะได้มีเงินไปสู่ขอลูกชายเขา"

"ฮ่าๆๆๆๆ" ลมหัวเราะเสียงดังให้กับคำพูดของนาทีและสีหน้าที่คิดไม่ตกของเจ้าตัว


ใช้เวลาไม่นานทั้งสามคนก็เดินทางมาถึงโรงเรียนของเด็กชายตุลย์

เด็กชายแก้มยุ้ยจับมือพ่อแม่ซ้ายขวาเดินกระโดดด้วยความอารมณ์ดีไปยังประตูทางเข้าโรงเรียน ก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับคนในใจ จนรีบปล่อยมือแล้ววิ่งไปหาใครคนนั้นทันที

"หญ้า ตูนตูนมาแย้ว ป้ามล ตูนตูนสวัสดีครับ" ทักทายแฟนแล้ว เด็กชายตุลย์ก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้แม่ของแฟนด้วย

"ครับ สวัสดีครับ"

"สวัสดีครับพี่มล" นาทีเอ่ยทักทายแม่ของเพื่อนลูกชายอย่างสนิทสนม

"สวัสดีค่ะ เอ่อ บอส สวัสดีค่ะ" ธัญมลมีอาการประหม่าเล็กน้อยยามที่เห็นบอสของเธอยืนอยู่ข้างๆนาทีด้วย ธัญมลพอจะได้ยินข่าวลือมาบ้างในเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองคน แต่ก็ไม่เคยคิดถามหรือเข้าไปยุ่งเพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่พอมาเจอบอสจังๆแบบนี้ก็อดที่จะประหม่าไม่ได้

"ทำตัวตามสบายเลยครับคุณธัญมล เวลานี้เป็นเวลาของพ่อแม่ครับ ไม่ใช่เวลางาน ไม่ต้องเกร็งครับ"

เหตุที่ลมบอกออกไปเช่นนั้นเพราะว่าลมไม่อยากให้การมาของเขาต้องทำให้ความสัมพันธ์ต่างๆของนาทีกับคนรอบข้างต้องเปลี่ยนไป เพียงเพราะความเกรงใจที่มีต่อเขา ส่วนในเวลางานก็อีกเรื่องนึง

"ขอบคุณค่ะ" ธัญมลมีสีหน้าที่ดีขึ้นยามที่ได้ยินคำบอกกล่าวของบอสตัวเอง แม้ท่าทางจะติดนิ่งๆ แต่ไอความดุที่มักจะแผ่ออกมาแทบไม่มีให้รู้สึก

"คุณลุงครับ สวัสดีครับ" เด็กชายต้นหญ้าสะกิดขาของลมพร้อมกับเอ่ยคำทักทาย เขาชอบพ่อของตุลย์มาก ทั้งหล่อและเท่ ตอนที่มาช่วยตุลย์ครั้งนั้นก็เหมือนคุณซูเปอร์แมนเลย

"สวัสดีครับลูกสะใภ้" ลมตอบกลับด้วยท่าทางใจดีและคำพูดหยอกล้อ เขาไม่เคยติดขัดที่เด็กชายตัวน้อยเรียกเขาว่าลุง แม้เขาจะอ่อนกว่าเเม่ของเจ้าตัวก็ตาม

"ลูกสะใภ้เหรอครับ" เด็กชายต้นหญ้าถามกลับมาด้วยสีหน้างงๆ

"พี่ลมครับ!" นาทีเอ่ยเรียกลมเสียงดุๆ "ขอโทษนะครับพี่มล" ก่อนจะหันไปขอโทษแม่ของเด็กชายต้นหญ้าด้วยสีหน้าเจื่อนๆ

"ไม่เป็นไรที น่ารักดีออก ต้นหญ้าเองก็บอกพี่ตลอดว่าเป็นแฟนกับน้องตุลย์ ตุลย์น่ารักอย่างนั้น ตุลย์น่ารักอย่างนี้ พี่ฟังก็ได้แต่ขำ คิดว่าตัวเองโชคดีนะเนี่ยที่ได้ลูกเขยเร็วขนาดนี้"ธัญมลพูดออกมาติดตลก "ขอบคุณนะคะบอสที่เอ็นดูลูกชายดิฉัน" ธัญมลหันไปบอกเจ้านายตัวเองเธอรู้สึกซาบซึ้งมากๆที่เจ้านายเอ็นดูลูกชายของเธอ

"ลูกชายคุณเป็นเด็กน่ารักมากครับ" ลมชมออกมาจากใจจริง

"หญ้าๆ ตูนตูนเอานมมาฝากหญ้าด้วยน้า~ หม่าม้าใฉ่มาห้ายในกระเป๋า"

ในระหว่างที่ผู้ใหญ่กำลังคุยกันเสียงเล็กๆของเด็กชายตุลย์ก็ดังขึ้น เรียกสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสามให้หันไปมอง และเงียบเพื่อตั้งใจฟังบทสนทนาของทั้งคู่

"จริงเหรอ ตุลย์น่ารักที่สุดเลย นมหมีของตุลย์อร่อยมากๆเลย เราชอบ"

"จิงฉิ ตูนตูนเอานมมาฝากแย้ว หญ้าต้องรักษาฉันยานะ"

"อื้อๆ เราไม่ลืมๆ"

"วันนี้หญ้าต้องห้ายตูนตูนหอมฉองทีน้า~"

ครั้นจบประโยคของลูกชายนาทีถึงขั้นกับต้องยกมือขึ้นกุมขมับอีกรอบ

ตัวแสบ... นี่สินะเหตุผลที่ย้ำเขานักย้ำเขาหนาเรื่องเอานมมาฝากต้นหญ้า เพราะแบบนี้เองสินะ มันน่าจับมาดึงแก้มสักสิบที

.............................................................



วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดเรียนของเด็กชายตุลย์และในอาทิตย์หน้าเด็กชายตุลย์ไปโรงเรียนอีกแค่สามวันก็จะได้ปิดเทอมแล้ว

วันนี้เด็กชายตุลย์มาทำงานกับคนเป็นแม่ตามปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติเห็นทีจะเป็นป๊าของเขาที่มีท่าทางไม่สบายจนเขาและหม่าม้าต้องรีบขึ้นมาหา

"ฮึก ฮึก หม่าม้า ป๊าป่วยเหรอ ฮึก" เด็กชายตุลย์ร้องไห้สะอึกสะอื้นยามที่เห็นป๊าของตัวเองนอนอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าซีดเซียว เขาไม่เคยเห็นป๊าป่วย พอเห็นครั้งแรกก็อดที่จะตกใจจนร้องไห้ไม่ได้

"ป๊าไม่เป็นไรตัวเล็ก แค่พักแป๊บเดียวก็หายแล้วครับ" ลมยิ้มให้ลูกชายเพื่อให้ลูกชายคลายกังวล

"พี่ลมไปหาหมอไหมครับ ช่วงสองสามวันมานี้พี่ลมเวียนหัวบ่อยนะครับ ไปให้หมอตรวจสักหน่อย"

"พี่ไม่เป็นไรครับ อาจจะเพราะช่วงนี้พี่โหมงานหนักไปหน่อย"

"เฮ้อ! งานเยอะมากเลยเหรอครับ ถึงต้องฝืนตัวเองขนาดนี้" นาทีเองก็เบะปากออกเตรียมจะร้องไห้ออกมาเต็มที ช่วงนี้เขาก็อารมณ์อ่อนไหวง่ายแปลกๆ

"ป๊า ปายหาลุงหมอนะ ปายหาลุงหมอกาน ฉีดยาเจ็บเหมือนมดกัด ป๊าม่ายดื้อน้า ถ้าดื้อจะม่ายหาย ตอนที่ป๊าฉีดยา ตูนตูนจะจับมือป๊า ป๊าจะได้ม่ายกัว" เด็กชายตุลย์บอกคนเป็นพ่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับเอื้อมมือน้อยๆไปจับมือของคนเป็นพ่อแน่น

"ตกลงครับ แต่ป๊าขอทำงานให้เสร็จก่อนนะ แล้วตอนเย็นเราไปหาหมอกัน" ลมที่เห็นท่าทางเป็นห่วงของลูกเมียก็ยอมแพ้และยอมไปหาหมอแต่โดยดี

"ไปหาหมอตอนนี้เลยไม่ได้เหรอครับ"

"ขอโทษครับ แต่พี่ทิ้งการประชุมครั้งนี้ไม่ได้จริงๆ ทีไม่โกรธพี่นะครับ"

"ก็ได้ครับ แต่พอเสร็จงานแล้ว พี่ลมต้องไปหาหมอนะครับ ห้ามงอแง"

"รับทราบครับ"

"แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ ดีขึ้นไหม"

"พอได้กอดทีพี่ก็รู้สึกดีขึ้นจนหายเป็นปกติเลยครับ" ลมเอื้อมมือไปดึงนาทีมายืนตรงหน้าก่อนจะกอดเอวบางไว้หลวมๆ ใบหน้าก็ซุกอยู่กับหน้าท้องของนาที สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวนาทีเข้าเต็มปอดจนชื่นใจ

"ยังจะพูดเล่นอีกเหรอครับ"

"พี่พูดจริงๆนะครับ ไม่ได้พูดเล่น"

ถ้าจะพูดมาขนาดนี้ก็คงต้องยืนนิ่งๆให้คนตัวโตกอดจนกว่าจะพอใจละนะ

นาทีกับเด็กชายตุลย์ใช้เวลาอยู่กับลมต่ออีกสักพัก ก็ถึงเวลาที่ลมต้องเข้าประชุมแล้ว นาทีจึงขอตัวกลับไปรอที่ร้านกาแฟด้านล่างแทน



ร้าน Keyword ca'fe

"เฮ้ยที คุณลมเป็นไงบ้างวะ" คีย์เอ่ยถามทันทีที่เห็นเพื่อนของตัวเองกลับลงมาแล้ว

ในตอนที่ขุนลงมาตามนาทีด้วยสีหน้าร้อนรน คีย์เองก็ตกใจไม่แพ้นาทีเลย

"ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ยังไงตอนเย็นก็ต้องพาไปหาหมออีกที"

"แล้วทำไมอยู่ๆถึงจะเป็นลมได้วะ"

"น่าจะเป็นเพราะทำงานหนักหน่ะ"

"อ่อ เออ ก็ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรมาก ตอนเย็นก็ลองไปให้หมอตรวจดู"

"อื้อ"

"ไอ้ผมก็คิดว่าแพ้ท้องแทนเมีย"

".........."

"........."

เปอร์ที่เล่นอยู่กับเด็กชายตุลย์พูดขึ้นมาลอยๆราวกับไม่ได้คิดอะไร แต่ในขณะนี้เพื่อนรักสองคนกำลังยืนตัวแข็งค้างมองหน้ากันและกันไม่วางตา

"อะ ไอ้ที"

"ระ เราก็ไม่รู้"

"เฮ้ยพวกพี่ใจเย็นๆ ผมแค่พูดขึ้นเฉยๆ ก็เห็นพี่ทีชอบบ่นว่าพี่ลมเหม็นอาหาร กินได้เฉพาะอาหารที่พี่ทำเท่านั้น ไหนจะเรื่องที่เป็นลมง่ายๆทั้งๆที่แข็งแรงขนาดนั้น ผมเลยเดาไปเองเท่านั้นเอง"

"แต่ไอ้การเดาของมึงโครตจะใช่ แถมช่วงนี้กูก็ทักมึงออกบ่อยๆนะไอ้ที ว่าผัวเลี้ยงดีจนดูมีน้ำมีนวลขึ้น"

นาทีถึงกับตาโตให้กับคำพูดของคีย์ คีย์ทักนาทีว่าดูมีน้ำมีนวลขึ้นคือเรื่องจริง และเรื่องนี้นาทีก็รู้ตัวเองดีว่าเขาอ้วนขึ้นจากเดิม

"เฮ้ย จริงดิพี่คีย์!"

"ไหนๆวันนี้มึงก็ไปโรงพยาบาลแล้ว ลองตรวจดูก็ไม่เสียหายนะเว้ย เผื่อมึงจะท้องจริง"

นาทีขมวดคิ้วยุ่งกับข้อสันนิษฐานข้างต้น เนื่องจากนาทีไม่มีอาการอะไรเลยที่เป็นตัวบ่งบอกว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ ไม่หน้ามืด ไม่เวียนหัว ส่วนเรื่องการแพ้ท้องแทนกันนาทีก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะมีจริงๆและจะเกิดขึ้นกับตัวเอง นาทีจึงคิดว่าอาการของลมเกิดจากความเครียดและพักผ่อนน้อยเท่านั้น

ในนี้จะมีเจ้าตัวเล็กอยู่จริงๆไหมนะ นาทียกมือขึ้นมาลูบท้องตัวเองอย่างแผ่วเบา

"ท้องคืออาลายหรอคับ"

เสียงของเด็กชายตุลย์ทำให้นาทีหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง

"ท้องก็คือ...." นาทีย่อตัวลงนั่งคุกเข่าเสมอลูกชาย "ที่ในนี้...." นาทีเอื้อมมือไปจับมือของเด็กชายตุลย์มาวางทาบบนหน้าท้องของตัวเอง "อาจจะมีน้องของน้องตุลย์อยู่ด้านในไงครับ"

"น้องหรอคับ"

"ใช่ครับ น้องของน้องตุลย์" นาทียิ้มให้ลูกชายด้วยความอ่อนโยน "ถ้าในนี้มีน้องของน้องตุลย์จริงๆ น้องตุลย์จะดีใจไหมครับ"

"ดีจายคับ ตูนตูนดีจาย ตูนตูนอยากมีน้อง อาคีย์บอกว่าถ้าตูนตูนมีน้อง ตูนตูนจะได้เป็นพี่ชาย"

"ใช่ครับ น้องตุลย์ก็จะได้เป็นพี่ตุลย์ไงครับ"

"จริงหรอคับ เป็นพี่เท่เยย"

"แต่ก่อนอื่นน้องตุลย์รับปากกับหม่าม้าได้ไหมครับ ว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ จะไม่บอกป๊า เพราะหม่าม้าอยากเก็บเรื่องนี้ไว้เซอร์ไพรส์ป๊า ได้ไหมครับ"

"ได้เยยคับ ความลับจุ๊จุ๊ ตูนตูนม่ายพูด ฉันยาเยย" เด็กชายตุลย์ยื่นนิ้วก้อยน้อยๆไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของคนเป็นแม่แน่น เรื่องเก็บรักษาความลับ ไว้ใจตูนตูนได้เลย

"เก่งมากครับ" นาทีลูบชายเบาๆเป็นการชมเชย

"หมูตุ้บอยากได้น้องผู้หญิงหรือผู้ชายครับ"

"ตูนตูนอยากได้น้องผู้ชาย จะได้เย่นมวยป้ำกาน"

"ฮ่าๆๆ นี่คือเหตุผลของการอยากมีน้องเหรอเรา"

"ช่ายคับ คิกคิก!"

"ถ้ามีน้อง น้องตุลย์อยากให้น้องชื่ออะไรครับ" เปอร์ถามขึ้นบ้าง

"อืม.... พี่ชื่อตูนตูน น้องก็ต้องชื่อ...ตุ๊ต๊ะ"

"เอ่อ มีชื่ออื่นไหมครับ"

"ต้วมเตี้ยม"

"......."

"ง้านเป็น ต๋องแต๋ง ก็ได้น้าพี่เปอร์"

"ฮะ ฮาๆ ฮะ เรื่องชื่อไว้ค่อยคิดดีกว่าเนอะ มีเวลาอีกเยอะ"  ยามที่ได้ยินชื่อที่เด็กชายตุลย์เสนอมาเปอร์ก็ได้แต่ยิ้มฝืดๆ ถ้าเกิดพี่ทีท้องจริงๆแล้วหลานเขาต้องชื่อต๋องแต๋ง เฮ้อ แค่คิดก็สงสารหลานล่วงหน้าแล้ว

"หมูตุ้บ"

"คับ"

"แล้วหมูตุ้บรู้หรือเปล่าถ้าเป็นพี่แล้ว จะชื่อตูนตูนไม่ได้แล้วนะ มันไม่เท่"

"0_0"

"ถ้ามีน้อง ต่อไปเราต้องแทนตัวเองว่าพี่ตุลย์แล้วนะรู้ป้าว" คีย์เอ่ยเย้าหลานชายที่กำลังยืนตาโตอยู่ข้างๆคนเป็นแม่

"หม่าม้าๆ จิงหรอ มีน้องแล้ว จะตูนตูนไม่ได้แล้วหรอครับ"

"ตูนตูนได้ครับ"

เด็กชายตุลย์ยิ้มแฉ่งยามได้ฟังคำตอบจากคนเป็นแม่

"แต่มันก็จะดูไม่เท่ครับ ถ้าเรียกแทนตัวเองว่าพี่ตูนตูนจะฟังดูน่ารักครับ น้องตุลย์อยากเป็นพี่ชายสุดเท่ไม่ใช่เหรอครับ"

ในตอนนี้เด็กชายตุลย์กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ความเครียดแวะมาเยี่ยมเยือนจนคิ้วของเขาขมวดกันแน่น พี่ชายสุดเท่ก็อยากเป็น แต่ก็ยังอยากเรียกแทนตัวเองว่าตูนตูนอยู่ดี

"มันเครียดขนาดนั้นเลยเหรอหมูตุ้บ" คีย์หัวเราะน้อยๆด้วยความเอ็นดูให้กับท่าทางคิ้วขมวดของหลานชาย ดูเหมือนว่าคำบอกกล่าวของเขาจะทำให้เด็กชายคิดมากเสียแล้วสิ ฝากด้วยนะทีเพื่อนรัก

"หม่าม้าๆ หม่าม้าบอกน้องรอก่อนได้ม้าย ตูนตูนอยากขอเวลาทำจาย" เด็กชายตุลย์บอกคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เขารู้ว่าสักวันเขาต้องแทนตัวเองว่าตุลย์ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ได้ไหมนะ

"โธ่ลูกชายใครเนี่ยน่าเอ็นดูจริงๆ มาให้หม่าม้ากอดหน่อยครับ ฮึบ!" นาทีรับลูกชายเข้ามากอดแนบอก ก่อนจะกดจูบกระหม่อมลูกชายรัวๆ "จะพี่ตุลย์หรือพี่ตูนตูนก็ได้หมดครับ หม่าม้าเชื่อว่าไม่ว่าจะแบบไหนน้องก็จะรักพี่ชายของเขาแน่ๆครับ เพราะพี่ชายของเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีและรักเขามากไงครับ"

"รัก ตูนตูนรักน้อง"

"ยังไม่รู้เลยว่ามีน้องแน่ๆไหม ก็บอกรักแล้วเหรอหมูตุ้บ"

"คับ เป็นน้องตูนตูน มาตอนหนายก็ได้ ตูนตูนรักหมดเยยคับ"

"น้องตุลย์ของหม่าม้าเก่งที่สุดเลยครับ"นาทีโอบกอดลูกชายอีกครั้งอย่างเต็มรัก "หม่าม้ารักน้องตุลย์นะครับ"

"ตูนตูนก็รักหม่าม้าที่ฉุดในโลกเยยคับ"




ทางด้านชั้นบนสุดของตึก

หลังจากที่ประชุมเสร็จ ตอนนี้ลมกำลังนั่งพักอยู่ภายในห้องทำงานโดยที่มีกรและขุนนั่งอยู่ด้วย

"งานหนักกว่านี้ก็ผ่านมาแล้ว ทำไมจู่ๆถึงเป็นงี้ได้อะเฮีย" ขุนถามขึ้นอย่างสงสัย ช่วงนี้ร่างกายของเจ้านายเขาอ่อนแอจนน่าเป็นห่วง "ไม่แก่ขึ้นก็แพ้ท้องแทนเมียอะผมว่า"

กึก! ลมที่กำลังเซ็นเอกสารแผ่นสุดท้ายอยู่ถึงกับต้องชะงักเมื่อประโยคของขุนจบลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนสนิททั้งสองคนนิ่งๆ

"......."

"......"

"......."

ในเวลานี้ทั้งสามคนมองหน้ากันนิ่งโดยที่ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาแม้แต่คำเดียว ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสนิท

ขุนแค่พูดสุ่มเดาออกไปมั่วๆ อารมณ์ประมาณคำพูดติดปากเวลาจะแซะคนมีเมีย แต่พอมาคิดย้อนถึงอาการของเจ้านายตัวเองแล้ว...


เฮ้ย! เฮียยยยย...


แพ้ท้องแทนเมียจริงดิ....


.............................................................

TBC.

ตอนนี้กราบเรียนเชิญคุณอากรมาดูทักษะการจีบจากหลานชายด้วยค่ะ 5555

ทุกคนเตรียมรับขวัญหลานกันหรือยังคะ


ตอนนี้เอาเจ้าหนูตูนตูนมาโปรยเสน่ห์ใส่ทุกๆคนค่ะ

หวังว่าหลานจะสามารถสร้างร้อยยิ้มให้กับทุกๆคนได้นะคะ

ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านค่ะ

เราขอขอบคุณทุกๆคอมเมนต์ ทุกๆกำลังใจ นะคะ

ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 20-10-2021 13:05:36
 :serius2: :hao7:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 20-10-2021 18:58:13
 o13 :mew1:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg(ตอนที่ 29) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 20-10-2021 20:44:16
29
ตูนตูนเป็นพี่ชายแล้วนะครับ


"คุณหมอว่ายังไงบ้างครับ"

นาทีที่นั่งอยู่กับลูกชายด้านนอกห้องตรวจเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นลมเปิดประตูออกมาจากห้องตรวจ

หลังจากที่ลมประชุมเสร็จ นาทีก็ขอเลิกงานก่อนเวลาเพื่อพาลมมาหาหมอ ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนจึงอยู่กันที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทของลม

แม้ข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ที่นาทีได้พูดคุยกับคีย์และเปอร์จะฟังดูเข้าท่าและคาดว่าลมไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง แต่การมาตรวจดูให้แน่ใจ มันก็ทำให้นาทีรู้สึกสบายใจมากกว่า

"ป๊า โดนฉีดยาป้าวคับ" เด็กชายตุลย์ก็ไม่รอช้ารีบถามป๊าของตัวเองเช่นกัน

"ป๊าไม่ต้องฉีดยาครับ แค่กินยาสองสามเม็ดก็หายแล้ว"

"จิงน้า ไม่หลอกน้า กินยาฉามเม็ดแย้วป๊าจะแข็งแรงเหมือนเดิมจิงๆน้า" เด็กชายตุลย์เดินเข้าไปกอดขาคนเป็นพ่อไว้แน่น พร้อมกับช้อนตาใสขึ้นมองลมด้วยความเป็นห่วง

"ป๊าไม่หลอกตัวเล็กอยู่แล้วครับ ตอนนี้ให้ป๊าอุ้มตัวเล็กเดินกลับบ้านยังไหวเลย" ลมลูบหัวลูกชายเบาๆ

"ม่ายๆๆ ม่ายอุ้ม ป๊าม่ายฉะบาย ตูนตูนตัวหนัก ตูนตูนจับมือป๊าเดินเอง" เด็กชายตุลย์เปลี่ยนจากการเกาะขาคนเป็นพ่อมาจับมือหนาไว้แทน

"เจอแบบนี้พี่ไม่ไหว ถ้าลูกอยากได้ดาวอังคารพี่ก็จะหามาให้"

เมื่อได้ยินประโยคของลมที่หันมาพูดกับตัวเอง นาทีก็ขำออกมาเล็กน้อย เขาเข้าใจดีว่าเวลาเจอความน่ารักของลูกเข้าโจมตีมันรู้สึกยังไง ความรู้สึกตอนนั้นคือ มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ ทุ่มหมดตัวเพื่อลูกได้ทุกอย่าง

"สรุปแล้วหมอว่าไงบ้างครับ พี่ลมยังไม่ตอบทีเลย"

"หมอบอกว่าอาจจะเป็นเพราะเครียดสะสม และพักผ่อนไม่เพียงพอครับ ร่างกายเลยส่งสัญญาณเป็นการประท้วงให้พี่พักบ้าง"

"อ่อ ครับ ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วครับ หมอบอกมาแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้พี่ลมห้ามแอบหนีไปนั่งทำงานกลางดึกแล้วนะครับ เข้าใจไหม!" นาทีบอกลมเสียงดุ

"ก็พี่..."

"ไม่เถียงนะครับ"

"ครับ จะพักผ่อนมากๆ ไม่แอบหนีไปทำงานแล้วครับ" ลมรับคำหงอยๆพลางคิดในใจเมียใครดุจังเลย

แต่จะว่าไป... ช่วงนี้เขาชักจะอารมณ์อ่อนไหวง่ายชะมัด

นาทีที่เห็นท่าทางของหงอยๆของคนตัวโตก็ลอบยิ้มออกมา ก่อนจะถามอีกคนต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "แล้วคุณหมอให้ยามาทานไหมครับ"

"ให้ครับ เดี๋ยวเราไปรอรับยากัน"

"ครับ น้องตุลย์ไปครับ ไปรอรับยาป๊ากัน" นาทียื่นมือไปหาลูกชาย แต่เด็กชายตัวน้อยกลับไม่ยื่นมือออกมาจับตอบ

"หม่าม้า ตูนตูนขอจับมือป๊าได้ม้าย จับสองมือจะได้แน่นๆ ป๊าจะได้ม่ายล้มอีก"

"ได้ครับ มีน้องตุลย์คอยดูแลป๊าแบบนี้หม่าม้าก็หายห่วง ฝากดูแลป๊าด้วยนะครับ" ในเมื่อลูกชายมีความตั้งใจที่จะดูแลป๊าของเขามากขนาดนั้น นาทีจะกล้าปฏิเสธความตั้งใจของลูกชายได้อย่างไรกัน

"คับ ตูนตูนดูแล ป๊าม่ายต้องห่วงน้า"

"ขอบคุณมากๆนะครับตัวเล็กของป๊า"

จากนั้นทั้งสามคนก็เดินออกจากบริเวณหน้าห้องตรวจเพื่อไปรอรับยา ใช้เวลาไม่นานทั้งสามคนก็เสร็จสิ้นภารกิจมาพบคุณหมอของลมและเดินทางกลับบ้านกันทันที



"พี่ลมครับ พรุ่งนี้เป็นวันหยุด พี่ลมมีธุระที่ไหนต้องไปทำหรือเปล่าครับ"

"พรุ่งนี้เหรอครับ อืม...ไม่มีนะครับ ทีมีอะไรหรือเปล่า" ลมถามกลับพร้อมกับเอื้อมมือไปรับจานผลไม้ที่นาทีถือมาจากในครัววางลงบนโต๊ะหน้าโซฟา

หลังจากอาหารมื้อเย็นจบลง ก็เป็นประจำที่ทั้งลม นาที และเด็กชายตุลย์จะมานั่งเล่นผ่อนคลาย รอเวลาอาหารย่อยและใช้เวลาของครอบครัวในการทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันตรงส่วนของห้องรับแขก

"พอดีว่าพรุ่งนี้ทีมีนัดต้องไปที่ที่นึง พี่ลมไปเป็นเพื่อนทีหน่อยไหมครับ"

"ทีจะไปที่ไหนเหรอครับ"

"ความลับครับ"

"อู้ว หม่าม้า ความลับหรอ" เด็กชายตุลย์ที่กำลังนั่งต่อเลโก้อยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมามองนาทีตาโต ยามที่ได้ยินคำว่าความลับจากนาที "ตูนตูนรู้ จุ๊จุ๊เลย ม่ายบอกป๊าตูนตูนจะมีน้อ..."

"น้องตุลย์กินองุ่นไหมครับ!" นาทีรีบเอ่ยแทรกลูกชายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ลูกชายของเขาจะเผลอพูดคำต้องห้ามออกมา

ตัวแสบเอ้ย!...จะเก็บความลับรอดไปถึงวันพรุ่งนี้ไหมเนี่ย

"กินค้าบ"

"มาครับหม่าม้าป้อน" นาทีพยายามยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือลูกชายในการกินองุ่น เพราะอยากหลีกเลี่ยงสายตาสงสัยของลมที่มองมายังตัวเอง

"ทีจะไปกี่โมงครับ" ลมเลิกที่จะสงสัยและเลือกที่จะถามนาทีถึงเรื่องเวลาแทน ถ้านาทียังไม่พร้อมบอกเขาก็ไม่อยากที่จะคาดคั้นอะไรให้อีกฝ่ายอึดอัด อย่างไรเสียพรุ่งนี้เขาก็ได้รู้ความลับของเจ้าตัวอยู่แล้ว

"10 โมงครับ...เอ่อ พี่ลมไม่โกรธทีใช่ไหม ที่ทีไม่ยอมบอกว่าเราจะไปที่ไหนกัน" นาทีพูดเสียงแผ่วเบาพร้อมกับช้อนตาที่เริ่มมีน้ำตาเอ่อออกมาไปยังลมที่มองมาทางตัวเองอยู่

"เดี๋ยวก่อนครับ ทีจะร้องไห้ทำไม พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะครับ" ลมตกใจไม่น้อยที่อยู่ๆนาทีก็น้ำตาเอ่อคลอ พร้อมที่จะร้องไห้อยู่รอมร่อ

"ทีก็ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ๆน้ำตาก็เอ่อขึ้นมาเอง แค่คิดว่าพี่ลมจะโกรธก็อยากจะร้องไห้ออกมาแล้ว" นาทีก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมอ่อนไหวได้ง่ายถึงขนาดนี้ หรือจะเป็นอารมณ์ของคนที่กำลังตั้งท้องจริงๆนะ ในท้องของเขามีเจ้าตัวเล็กจริงๆใช่ไหม

"มาให้พี่กอดมา" ลมกางเเขนออกกว้างรับคนขี้แยเข้าสู่อ้อมกอด "พี่ไม่ได้โกรธจริงๆครับ ไม่ต้องคิดมากนะ ถึงยังไงพรุ่งนี้พี่ก็จะได้รู้แล้วไม่ใช่เหรอ"

นาทีพยักหน้ารับอยู่ในอ้อมกอดของลม

"ไม่ต้องคิดมากนะครับ"ลมเอ่ยปลอบคนในอ้อมกอด ที่ดูเหมือนว่าช่วงนี่จะอ่อนไหวง่ายแปลกๆ หรือที่ขุนสันนิษฐานจะเป็นจริง พรุ่งนี้หลังจากกลับมาจากทำธุระ คงต้องมานั่งจับเข่าคุยกันสักหน่อยแล้ว

"หม่าม้า!" เด็กชายตุลย์ร้องเรียกคนเป็นแม่เสียงดัง เมื่อเห็นคนเป็นแม่ของตัวเองดวงตามีสีแดงหน่อยๆเหมือนจะร้องไห้ ไหนจะมือที่ยกขึ้นมาเช็ดตานั่นอีก "หม่าม้าร้องไห้หรอคับ" เด็กชายตุลย์รีบวิ่งมาหานาทีทันที

"เปล่าครับ หม่าม้าแค่รู้สึกเคืองๆตานิดหน่อยครับ"

"จิงน้า~ หม่าม้าม่ายได้โกหกน้า ป๊าม่ายได้แก้งหม่าม้าใช่ไหมคับ"

"เดี๋ยวก่อนตัวเล็ก ป๊ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ"

"จิงน้า ป๊าอย่าแก้งน้า แก้งไม่ดี ถ้าแก้งตูนตูนจะเพี๊ยะที่แขนเยยนะ" เด็กชายบอกคนเป็นพ่อพร้อมกับพยายามเก๊กท่าดุเข้าไว้

"ทำไมดุอย่างนี้นะ ลูกชายใครเนี่ย"

"ลูกป๊างาย"

"ไหนลูกป๊า มาให้ป๊ากอดหน่อยเร็ว"

เด็กชายตุลย์ไม่รอช้าจบคำพูดของคนเป็นพ่อก็พุ่งตัวเข้าไปสวมกอดทันที

"ป๊ารักหม่าม้าของตัวเล็กจะตาย ไม่กล้าแกล้งหรอกครับ ป๊าก็ไม่ชอบเวลาที่เห็นหม่าม้าร้องไห้เหมือนกันครับ"

นาทีที่นั่งสบตากับลมในตอนที่ลมกำลังพูดอยู่ ถึงกับรีบพุ่งตัวเข้าไปกอดลมด้วยอีกคน แววตาอ่อนโยนที่แสดงออกว่ารักของลม มันทำให้นาทีรู้สึกดีมากจนอยากจะร้องไห้ออกมาอีกรอบด้วยความซึ้งใจ

อ่อนไหวเกินไปแล้วนาที...

"ป๊าๆ แน่นๆ ตูนตูนหายใจม่ายออก" เด็กชายตุลย์ที่อยู่ตรงกลางระหว่างพ่อกับแม่ส่งเสียงร้องประท้วงออกมาเพราะเจ้าตัวโดนกอดแน่นมากจนแทบหายใจไม่ออก

นาทีผละออกจากสองคนพ่อลูก ยื่นมือไปลูบหัวลูกชายเบาๆพลางคิดในใจ...

หม่าม้าขอฉากซึ้งสักสองนาทีไม่ได้เลยใช่ไหมตัวแสบ



.................................................................


"หม่าม้าเร็วค้าบ"

"ครับๆ มาแล้วครับ...ไปกันครับ"

นาทียื่นมือออกไปจับมือลูกชายที่ยื่นมือส่งมา ก่อนจะจับจูงกันเดินออกไปยังหน้าบ้านที่มีคนเป็นพ่ออย่างลมยืนรออยู่ก่อนแล้ว

"ตื่นเต้นเกินไปไหมเนี่ยตัวเล็ก" ลมเอ่ยแซวลูกชายที่ดูจะตื่นเต้นอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษกับการออกไปทำธุระครั้งนี้

"จุ๊เยย จุ๊จุ๊"

ให้มันได้อย่างนี้สิน่า ตัวแค่นี้ก็เริ่มมีความลับกับคนเป็นพ่อแบบเขาแล้ว โตไปจะแสบขนาดไหนกันนะ แล้วไอ้ท่าทางที่โชว์เหนือนั่นมันอะไรกันล่ะนั่น อยากจะดึงแก้มย้วยๆให้ยืดเสียจริงๆเชียว

ใช้เวลาบนท้องถนนไม่นานตอนนี้ทั้งสามคนเดินทางมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่มีตัวตึกเป็นอาคารสีขาว มีผู้คนเดินเข้าออกขวักไขว่ ผู้ให้บริการใส่ชุดสีขาวสะอาด

"โรงพยาบาลหรอครับ" ลมถามในขณะที่กำลังเลี้ยวรถเข้าสู่โรงพยาบาล

"ใช่ครับ"

"ใครป่วยเหรอครับ"

"ไม่มีครับ"

"แล้ว..."

"โอ๊ะพี่ลม เลี้ยวไปจอดในตึกตรงนั้นเลยครับ" นาทีรีบเอ่ยตัดบทสนทนาของลมก่อนที่ลมจะได้ถามคำถามที่ตัวเองสงสัยออกมา

วันนี้เป็นวันที่นาทีเองก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ความหวังเล็กๆที่เกิดจากข้อสันนิษฐานเมื่อวาน ทำให้เมื่อคืนเขานอนแทบไม่หลับ

ในตอนแรกนาทีตั้งจะไปหาหมอเพื่อตรวจให้แน่ใจตั้งแต่เมื่อวาน แต่ติดที่ว่าคุณหมอที่ทำหน้าที่ดูแลเขาเมื่อตอนตั้งครรภ์แรกและยังเป็นญาติของคีย์ไม่ว่างเพราะติดนัดกับคนไข้เยอะมาก คุณอาหมอเลยบอกให้นาทีมาวันนี้แทน

ในใจของนาทีเองก็อยากจะบอกลมให้รับรู้เรื่องราวและสิ่งที่ตั้งใจจะทำตั้งแต่เมื่อวานเช่นกัน ถ้าไม่ติดเสียว่าถ้าเขาบอกไปเจ้าตัวจะต้องนั่งไม่ติด นอนไม่สุข อยู่ไม่ถูก เป็นแน่ ดังนั้นการมาบอกในเวลากระชั้นชิดแบบนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วในเวลานี้

"พี่ลมครับ" นาทีเอ่ยเรียกลม ในตอนที่รถเข้าจอดตรงช่องจอดเรียบร้อยแล้ว

"ครับ?"

"ที่มาโรงพยาบาลวันนี้ไม่มีใครป่วยทั้งนั้นครับ แต่เป็นทีเองที่อยากจะมาหาคุณหมอ"

"ทีป่วยเหรอครับ ทำไมไม่บอกพี่ ไม่สบายตรงไหนครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" ลมลนลานยื่นมือไปจับตัวนาทีพลิกไปพลิกมาด้วยความกังวล

"ใจเย็นๆก่อนครับ" นาทีแกะมือลมที่เกาะอยู่ตรงบ่ามากุมไว้แทน "ก่อนจะไปหาหมอผมมีบางอย่างอยากจะบอกพี่ลมก่อน แต่พี่ลมห้ามลนลานนะครับ สัญญามาก่อนครับ" ก่อนที่จะไปหาหมอเพื่อตรวจร่างกาย นาทีอยากจะทำความเข้าใจกับคนข้างๆ เสียก่อน

"ครับ"

"ผมสันนิษฐานว่าในนี้" นาทีจับมือลมมาวางไว้บนหน้าท้องตัวเอง "อาจจะมีลูก..."

"ที" ลมเอ่ยเรียกคนตัวเล็กเสียงแผ่ว

"แต่มันก็เป็นแค่ข้อสันนิษฐานนะครับ อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ วันนี้ทีเลยจะมาตรวจดู"

"......" ลมในตอนนี้คล้ายกับสติหลุดลอยไปเสียแล้ว

"พี่ลมครับ"

"ครับ"

"ถ้าเกิดวันนี้มัน..."

"ไม่เป็นไรครับ ถ้าเกิดวันนี้ยังไม่มี พี่ก็จะพยายามให้มากกว่าเดิม จะพยายามจนกว่าลูกจะมาอยู่กับเรา"

"พี่ลมจะไม่ผิดหวังใช่ไหมครับ"

"ถ้าให้ตอบจากใจอาจจะมีใจแป้วนิดหน่อยครับ แต่ก็อย่างที่พี่บอกทีไป วันนี้ลูกยังไม่มา พรุ่งนี้ลูกอาจจะมาก็ได้ครับ ทีไม่ต้องคิดมากหรือรู้สึกผิดนะครับ"

"พี่ลม"

"อย่าร้องไห้สิครับ เดี๋ยวน้องตุลย์ก็คิดว่าป๊าแกล้งหม่าม้าของเขาอีก"

"ป๊าแก้งหม่าม้าหรอคับ"

"นั่นไงไม่ทันขาดคำเลย...หวงจริงๆเลยนะตัวเล็กกับหม่าม้าเนี่ย"

"ตูนตูนฉันยาไว้ว่าจะปกป้องหม่าม้าคับ"

โธ่ลูก...จะน่ารักไปถึงไหนนะตัวเล็ก



"อาหมอสวัสดีครับ"

"ลุงหมอ ตูนตูนสวัสดีคับ"

"สวัสดีที สวัสดีครับตูนตูน ไม่เจอกันนานโตขึ้นหรือเปล่าเนี่ยเรา"

"ตูนตูนโตแย้ว มีแฟนแย้วด้วยนะลุงหมอ"

"ฮ่าๆๆ ตัวแค่นี้ไม่ธรรมดาเลยนะเรา" หมอชลธีหรือหมอชล ยื่นมือมาลูบหัวเด็กชายตุลย์เบาๆด้วยความเอ็นดู "แล้วนั่น..." หมอชลมองไปทางลมที่ยืนอยู่ด้านหลังนาที

"คุณลมครับ เป็นพ่อของน้องตุลย์"

"อ่อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณลม" หมอชลยิ้มรับด้วยความใจดี เขาพอจะรู้เรื่องของนาทีมาบ้างจากคีย์และจากตัวของนาทีที่พูดออกมาเอง แต่ถ้านาทีมีพ่อของลูกมายืนอยู่ข้างๆแบบนี้ แสดงว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่คงกลับมาดีกันแล้ว ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆเลยทีเดียว

"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ คุณหมอ"

"แล้วยังไงเรา มาหาอาวันนี้ มีน้องให้ตูนตูนแล้วเหรอ"

รอยยิ้มและคำพูดเอ่ยแซวของหมอชล ทำให้นาทีรู้สึกเขินจนหน้าแดงระเรื่อ

"มะ ไม่แน่ใจครับ จึงอยากลองมาตรวจดูครับ"

"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวทีตามนางพยาบาลไปนะ เขาจะบอกเราเองว่าให้เราทำอะไรบ้าง ส่วนคุณพ่อนั่งรอก่อนนะครับ ตูนตูนนั่งรอหม่าม้าก่อนนะ"

"ครับ ตูนตูนนั่งเล่นนิ่งๆ ม่ายซนเยย "

ในระหว่างที่รอนาทีลมก็พูดคุยกับคุณหมอนิดๆหน่อยๆโดยที่มีเด็กชายตุลย์เข้าร่วมบทสนทนาด้วยเช่นกัน

คุยเล่นกันสักครู่นาทีก็เดินกลับมาพร้อมกับคุณพยาบาลที่ถือแฟ้มเอกสารไว้ในมือ ก่อนที่จะยื่นให้คุณหมอชลดู

"อืม อืมมม อืมมม" หมอชลอ่านไปพยักหน้าไป รอยยิ้มก็ค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า

"ยินดีด้วยนะครับทั้งสองคน นาทีกำลังตั้งครรภ์ครับ จากการซักประวัติและตรวจปัสสาวะหมอว่าน่าจะประมาณ 11-12 สับปดาห์ แต่เพื่อความแน่ใจจะอัลตราซาวน์ดูไหม"

"0_0" ลม

"จริงหรอครับอาหมอ" นาทีถามพร้อมกับหัวใจที่กำลังเต้นรัว

"จริงแท้แน่นอน เตรียมตัวเป็นคุณแม่ลูกสองได้เลยนะนาที" หมอชลเอ่ยบอกนาทียิ้มๆ "ตูนตูน ได้เป็นพี่ชายแล้วนะเรา ดีใจไหม"

"น้องหรอคับ น้องหรอ ในนี้ของหม่าม้ามีน้องหรอคับ" เด็กชายตุลย์รีบยื่นมือไปจับท้องนาทีทันที

"ใช่แล้วครับ"

"น้องหล่ะ ตูนตูนมีน้องหล่ะ จะได้เป็นพี่ตูนตูนแย้ว เอ๊ะ! หรือจะเป็นพี่ตุลย์ดี  แง้ ตูนตูนเริ่มเคียดอีกแย้ว"

นาทีมองท่าทางเด็กชายตุลย์ที่กำลังจะกลายเป็นพี่ชายด้วยสายตาเอ็นดูจับใจ ก่อนจะยกมือขึ้นมาวางบนหน้าท้องตัวเองก่อนจะลูบเบาๆราวกับกำลังทักทายกับเจ้าเด็กน้อยที่กำลังนอนหลับอยู่ด้านในว่าคนเป็นแม่อย่างเขารับรู้แล้วนะว่ามีเขาอยู่ในนี้

"ยินดีต้อนรับนะครับ" นาทีเอ่ยบอกกับเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องเบาๆ "พี่ลมครับ" นาทีหันไปเรียกลมที่นั่งอยู่ข้างๆ เพราะเห็นว่าเจ้าตัวเงียบนานเกินไปแล้ว

"....."

"พี่ลม"

"....."

"พี่ลมครับ!"

"ฮะ ฮะ ครับ ครับ"

"พี่ลมโอเคไหมครับ" นาทีที่เห็นท่าทางของลมก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ดูท่าคุณพ่อจะสติหลุดลอยไปเสียแล้ว

"ครับ โอเคครับ พี่โอเค พี่แค่ดีใจจนพูดไม่ออก ทีท้องแล้ว ลูกของเรา ลูกมาอยู่กับเราแล้ว" ลมพูดออกมาเสียงสั่น

"ครับ ลูกมาอยู่เราแล้ว" นาทียิ้มกว้างจนเต็มปาก

"ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆนะครับ พี่รักทีนะ พี่รักที" ลมพุ่งตัวเข้าไปกอดนาทีแน่นพร้อมกับพร่ำบอกขอบคุณและรักไม่ขาดปาก

"กอดด้วย ป๊า ตูนตูนกอดด้วย กอดกาน" เด็กชายตุลย์ที่เห็นพ่อแม่กอดกันก็อยากที่จะมีส่วนร่วมด้วย รีบวิ่งเข้าไปเกาะขาคนเป็นพ่อแน่น จนคนเป็นพ่อต้องผละออกจากอ้อมกอดคนเป็นแม่ เพื่อมาอุ้มลูกชายแทน

"ครับ กอดกันครับ"


"อะแฮ่ม! อาขอขัดจังหวะหน่อยนะ ทีจะอัลตราซาวด์ดูลูกหน่อยไหม"

"อัลตราซาวน์ได้แล้วเหรอครับอาหมอ" นาทีถามออกไปด้วยความตื่นเต้น เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าอายุครรภ์เท่านี้จะสามารถอัลตราซาวด์ได้ เนื่องจากตอนที่ท้องน้องตุลย์กว่าจะรู้ตัวก็ปาเข้าไปสัปดาห์ที่ 17 แล้ว

"ได้สิ ถ้าอายุครรภ์ประมาณสัปดาห์ที่ 11-12 แล้ว ทารกในช่วงนี้ อวัยวะพัฒนาสมบูรณ์ มีดวงตา จมูก ปาก หน้าผาก ใบหู แขนขา นิ้วมือนิ้วเท้า เล็บมือเล็บเท้า สามารถขยับแขนขากำมือ เหยียดมือ อ้าปากได้แล้วนะ ส่วนขนาดตัว ทารกจะมีขนาดตัวยาวประมาณ 10-12 เซนติเมตรแล้วนะ แต่ถ้าเรื่องเพศคงต้องรออีกหน่อย"

"ถ้าอย่างนั้นอัลตราซาวด์เลยครับคุณหมอ"ลมเอ่ยบอกคุณหมอ ก่อนจะหันไปทำสายตาออดอ้อนให้นาที "นะครับ พี่อยากเห็นว่าลูกของเราเป็นยังไงบ้าง"

"ตูนตูนด้วย ตูนตูนอยากเห็นน้อง"

"ตกลงครับ"

จากนั้นทั้งหมดก็ย้ายไปเตียงนอนข้างๆเพื่อทำการอัลตราซาวน์ทารกน้อยในครรภ์ของนาที ระหว่างที่หมอกำลังอธิบายลมก็ตั้งใจฟังทุกคำพูด ยามที่ได้เห็นก้อนเนื้อขนาดเล็กๆในท้องของนาทีดวงตาของลมก็เริ่มแดงก่ำ น้ำตาลูกผู้ชายแทบจะไหลออกมาเต็มที

มันเป็นความรู้สึกที่โครตจะรู้สึกดี มากจริงๆ...



.................................................................

"พ่อ น้องกำลังตั้งท้องครับ ผมกำลังจะมีลูกอีกคนครับ จริงสิครับ"

"คุณปู่คุณปู่ ตูนตูนกำลังจะเป็นพี่แย้วครับ หม่าม้ามีน้องอยู่ในท้อง"

"พ่อครับ เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะครับ ผมโทรหาเฮียรุตก่อน ครับ ไว้ผมจะโทรหานะครับ"

"คุณปู่ ตูนตูนบ๊ายบายครับ"

 นี่คือภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาล เมื่อสองคนพ่อลูกช่วยกันประคับประคองนาทีเข้ามาภายในบ้าน และบอกให้เขานั่งรอตรงโซฟา จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ดังที่เห็น

พ่อกับลูกขี้เห่อเหมือนกันไม่มีผิด...

"เฮียรุต ผมกำลังจะมีลูกอีกคนแล้วนะ จริงสิ เฮียเตรียมรับขวัญหลานเลยนะ"

"ลุงรุตๆ ตูนตูนเป็นพี่ชายแย้วน้า"

"เฮียไม่ต้องมาเป็ยห่วงเมียผมเลย ผมดูแลเองได้น่า แค่นี้นะ ผมโทรไปบอกแม่นมก่อน ตัวเล็กบอกลาลุงรุตหน่อยครับ"

"ลุงรุต คับ ตูนตูนก็คิดถึง ขอไอติมคุณหมีด้วยน้า คับ ตูนตูนบ๊ายบายคับ"

หลังจากนั้นสองคนพ่อลูกก็โทรหาคนนู่นทีคนนี้ที จนคนเป็นแม่แบบเขาชักจะเริ่มปวดหัวขึ้นมาซะแล้ว

"ป๊าๆ ยังม่ายได้บอกอาคีย์เยย ป๊าโทรหาอาคียได้ม้ายคับ ตูนตูนอยากจะบอกอาคีย์ ว่าตูนตูนได้เป็นพี่ชายจิงๆแย้ว"

"จัดไปเลยตัวเล็ก"

เฮ้อ! ไม่มีใครห้ามใครเลยจริงๆ

นาทีนั่งมองสองคนพ่อลูกที่กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยความสุขที่อัดแน่นอยู่ภายในอก

ครั้งแรกที่ท้องน้องตุลย์ ชีวิตของนาทีมันช่างเงียบเหงาเสียเหลือเกิน ต้องต่อสู้กับความเหงา ความอ้างว้างในจิตใจอยู่เพียงลำพังเพื่อลูกน้อยของตัวเอง จนในที่สุดเขาก็ได้ลูกชายที่แสนน่ารักอย่างน้องตุลย์มาเป็นแก้วตาดวงใจ

ส่วนครั้งนี้เนาทีมั่นใจว่าเขาจะไม่อ้างว้างและโดดเดี่ยวอย่างแน่นอน คงจะมีก็แต่ความวุ่นวายเกิดขึ้น จนเขาแทบไม่มีเวลาเหงาแน่ๆ

ก็ดูสองพ่อลูกสิ นี่แค่วันแรกนะ ยังวุ่นวายขนาดนี้ วันต่อๆไปจะวุ่นวายขนาดไหนกันนะ

แต่ถึงแม้ว่ามันจะวุ่นวายมากขนาดไหน นาทีก็เชื่อว่ามันจะเป็นความวุ่นวายที่เต็มไปด้วยความสุขอย่างแน่นอน

"ตัวเล็ก ตัวเล็กเป็นพี่ชายแล้วนะ แม้ว่าจะมีน้องมาอยู่ด้วย แต่ความรักของป๊าและหม่าม้าที่มีให้ตัวเล็กก็ไม่ได้ลดลงเลยนะ ตัวเล็กรู้ใช่ไหม"

"รู้คับ"

"เก่งมากครับ แล้วพี่ชายสุดเท่อย่างตัวเล็กจะช่วยป๊าดูแลและปกป้องหม่าม้ากับน้องในท้องของหม่าม้าด้วยได้ไหมครับ"

"ได้คับ ตูนตูนจะดูแลหม่าม้าและน้องอย่างดีเยย ม่ายให้ใครแก้ง"

"ขอบคุณนะครับ เรามาช่วยกันดูแลคนที่เรารักกันนะครับ ป๊าก็จะดูแลตัวเล็กด้วยเช่นกัน ป๊ารักตัวเล็กนะครับ" ลมก้มหน้าลงจูบขมับลูกชายเบาๆ

"ตูนตูนก็รักป๊าคับ"


"โอ๊ะ!" ในขณะที่สองพ่อลูกกำลังซึ้งกันอยู่นั้น นาทีที่ตั้งใจจะลุกไปกินน้ำ เสียหลักนิดหน่อยตอนที่กำลังจะลุก จึงเผลอร้องอุทานออกมาเบาๆ แต่คนหูดีทั้งสองคนก็ยังได้ยิน

"ทีครับ!"

"หม่าม้า!"

สองพ่อลูกรีบวิ่งเข้ามาหานาทีตาตื่นทันที

"ทีเป็นอะไรครับ"

"หม่าม้าน้องดื้อหรอ"

"ทีเจ็บตรงไหนหรือเปล่า"

"น้องไม่ดื้อกับหม่าม้าน้า~ ม่ายง้านพี่จะดุเยานะ"

นาทีที่เห็นท่าทางเล่นใหญ่ของสองพ่อลูกก็ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา

เฮ้อ! ช่างเป็นสองพ่อลูกที่วุ่นวายจริงๆ แต่ก็เป็นความวุ่นวายที่ทำให้อุ่นใจมากๆเช่นกัน....


.................................................................

TBC.

มีตรงไหนที่เขาไม่ใช่พ่อลูกกันคะ เอาปากกามาวงได้เลยค่ะ 555

*** เรื่องขั้นตอนการตรวจการตั้งครรภ์ เราเองก็ไม่แน่ใจว่ามีขั้นตอนยังไงบ้างเลยเลือกที่จะเขียนภาพรวมออกมากว้างๆ ถ้าเกิดผิดพลาดประการใด เราต้องขอโทษด้วยนะคะ ***

ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ


ขอบคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (30)โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 20-10-2021 20:46:05
แคนลง 29 30 นะคะ

30
ตัวละครใหม่


"มันเจิดจ้า มันเจิดจ้าเสียเหลือเกิน"

"อะไรเจิดจ้าเหรอคีย์"

นาทีเอียงคอถามด้วยความสงสัย กับคำพูดของเพื่อนที่อยู่ๆก็พูดโพล่งออกมา

"ก็ออร่าความเป็นพี่ชายของหมูตุ้บกูไง มันเจิดจ้าซะคนเป็นอาแบบกูแสบตาไปหมดแล้วเนี่ย"

"เรื่องนี้เราเห็นด้วย ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองจะได้เป็นพี่ชายนะ ไม่มีได้หยุดพักเลย วางมาดเป็นพี่ชายสุดเท่ตลอดเวลาเลย"

นาทีทอดสายตามองลูกชายที่กำลังนั่งเล่นดินน้ำมันอยู่กับเปอร์ด้วยความเอ็นดู

"แล้วคนเป็นพ่อล่ะ"

"รายนั้นน่าปวดหัวกว่าคนลูกเป็นสิบเท่า"

"ฮ่าๆๆ กูเข้าใจๆ จากสิ่งที่กูเห็นเมื่อตอนเช้า ดูท่าแล้วมึงจะวุ่นวายน่าดู น่าๆๆ จะได้ไม่เหงาไงมึง" คีย์ว่าอย่างขำๆยามที่เห็นสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจของเพื่อนตัวเอง

เหตุการณ์เมื่อเช้าที่คีย์เห็น คือการที่คุณลมประคองนาทีเข้าส่งภายในร้าน ตอนนั้นถ้าอุ้มได้ก็คงอุ้ม แล้วกว่าที่คุณลมจะยอมขึ้นไปทำงาน ก็พันแข้งพันขา จนคีย์กลัวเหลือเกินว่าเพื่อนรักของตัวเองจะล้มคมำหน้าคว่ำไปเสียก่อน ดูท่าแล้วคนเป็นพ่อจะวุ่นวายไม่น้อยเลย แต่จะทำอย่างไรได้...ก็เป็นครั้งแรกของคุณลมที่มีโอกาสได้ดูแลนาทีตอนท้องแบบนี้ แถมคุณลมเขาก็รัก ก็หวง ก็ห่วง ก็เห่อ ของเขาละนะ

"ไม่เหงา แต่มึนหัวมาก" แม้คำพูดจะพูดเหมือนเหนื่อยใจ แต่แววตาและสีหน้าของนาทีกลับสะท้อนความสุขออกมาอย่างปิดไม่มิดแม้แต่น้อย

"ก็ดีกว่าครั้งก่อนไม่ใช่เหรอ ครั้งที่ท้องน้องตุลย์ แล้วต้องอยู่ตัวคนเดียว"

"อื้ม ครั้งนี้มีทั้งพี่ชายสุดเท่ คุณพ่อสุดวุ่นวาย ไม่มีเวลาให้ได้เหงาเลย"

"กูดีใจด้วยนะที" คีย์มองสบตานาทีอย่างหนักแน่น เพื่อจะสื่อความหมายให้รู้ว่าเขารู้สึกดังที่พูดจริงๆ

"ขอบคุณมากนะคีย์" นาทีเองก็มองกลับคีย์ด้วยแววตาของความซาบซึ้งใจเช่นกัน เพื่อนคนนี้ของเขา ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยืนข้างๆเขาเสมอ

"พอเลยมึง พอเลย เลิกมองกูด้วยแววตาซาบซึ้งเดี๋ยวนี้ กูขนลุก ฮึ๋ย!" คีย์ยกมือทั้งสองข้างมาลูบแขนตัวเองเบาพร้อมเบ้ปากนิดๆ

"อะไร เราก็มองปกติ คีย์คิดมากไปเอง"

"เออ! กูคิดมากไปเอง เปลี่ยนเรื่องๆ ก่อนที่จะซึ้งน้ำตาแตกกันไปมากกว่านี้ อาการแพ้ทงแพ้ท้องของมึงล่ะ มีอาการอะไรบ้างไหม"

"เราไม่มีอาการอะไรเลย นอกจากกินเยอะขึ้นกว่าเดิม แต่พี่ลมค่อนข้างหนักอยู่" นาทีถอนหายใจเบาๆเพราะรู้สึกสงสารคนเป็นพ่อของลูกจับใจ ที่ต้องมาแพ้ท้องแทนตัวเองแบบนี้

"เออ...จะว่าไปก็ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ ว่าคุณลมแม่งจะแพ้ท้องแทนมึงจริงๆ"

"นั่นนะสิ เราไม่คิดเหมือนกันว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเอง เคยได้ยินแต่คนอื่นๆเขาพูดมา"

"ก็เขารักของเขามากอะเนอะ"

"ช่าย เราก็ว่าอย่างนั้นแหละ"

" เอาที่มึงสบายใจเลยจ้า" คีย์ว่าพร้อมทำหน้าเหม็นเบื่อให้กับความอวดสามีของเพื่อนตัวเอง "แล้วเรื่องแม่มึงล่ะ จะเอายังไง"

สิ้นคำถามของคีย์ เพื่อนรักทั้งสองคนต่างมีแค่การมองตากัน แล้วปล่อยให้ความเงียบทำงานอยู่รอบๆตัว

"มึงจะบอกแม่มึงเมื่อไหร่" เป็นคีย์ที่เลือกทำลายความเงียบลงโดยการถามคำถามกับนาทีอีกครั้ง

"เร็วๆนี้แหละ นาทีบอกเสียงแผ่ว

"ลองคุยกับแม่ดีๆ แม่มึงรักมึงมากนะไอ้ที เชื่อกูดิ ท่านต้องเข้าใจและยินดีกับมึงมากแน่ๆ ยินดีที่หมายถึงยินดีในทุกๆเรื่อง"

"คีย์คิดอย่างนั้นเหรอ"

"มึงน่าจะรู้จักแม่ตัวเองดีกว่ากูนะ"

"เรารู้ แต่เราก็กลัวใจแม่มากเหมือนกัน แม่โกรธพี่ลมมากเลยนะ"

สายตาละห้อยของนาทีที่มองมา มันทำให้คีย์อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบบ่าเพื่อนเบาๆเพื่อเป็นการปลอบประโลม

"ไม่ลองไม่รู้น่า หลานคนที่สองมาขนาดนี้แล้ว ไหนจะหมูตุ้บกูอีก ถ้าแม่มึงได้เห็นรอยยิ้มของมึงกับหลานแบบที่กูเห็น ต่อให้ใจแข็งแค่ไหน ไม่นานก็ใจอ่อน"

"ขอบคุณนะคีย์"

"ทำซึ้งกับกูอีกละ พอเลยๆ ยังไงมึงก็หาโอกาสคุยกับแม่ดู อย่าปล่อยไว้นาน เข้าใจไหม"

"เราเข้าใจ เราก็ตั้งใจไว้แล้วว่าเมื่อไรก็ตามที่อะไรๆเข้าที่เข้าทางเราจะคุยเรื่องพี่ลมกับแม่ สงสัยคงถึงเวลาแล้วจริงๆสินะ"

"ก็ตามนั้นละ นั่งคิดไปว่าจะทำยังไง แต่อย่าเครียดมากนะ เดี๋ยวหลานกูที่อยู่ในท้องมึงจะปวดหัว...กูไปละ ไปหาหมูตุ้บดีกว่า...หมูตุ้บ~~ " ว่าจบคีย์ก็เดินออกไปพร้อมกับตะโกนเรียกหลานรักเสียงดัง

ดีหน่อยที่ตอนนี้ภายในร้านไม่มีลูกค้าสักคน ไม่อย่างนั้นคงได้โดนลูกค้าแอบด่าในใจแน่ๆ โทษฐานที่เจ้าของร้านส่งเสียงดังรบกวน

ฝ่ายนาทีที่โดนทิ้งให้นั่งอยู่คนเดียว ได้แต่มองตามคีย์ที่เดินไปหาลูกชาย พร้อมกับความคิดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับแม่ตัวเองวิ่งวนอยู่ภายในหัว ไหนจะความกังวลที่แสดงออกทางสีหน้าจนสามารถเห็นได้ชัดในตอนนี้อีก

ตั้งแต่ที่นาทีเริ่มมีลมกลับเข้ามาในชีวิต เขาไม่เคยพูดเรื่องของลมกับแม่ของตัวเองสักครั้ง เพราะรู้ดีว่าแม่ของตัวเองโกรธลมมากแค่ไหน

ยามใดก็ตามที่คนเป็นแม่โทรมาหรือเป็นนาทีที่โทรไป นาทีต้องใช้พลังมากกว่าปกติในการเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าลูกชายตัวน้อยไม่ให้พูดถึงป๊าของตัวเอง แต่ก็มีหลายครั้งที่ลูกชายหลุดพูดออกไป นาทีก็ได้แต่หวังว่าแม่ของเขาจะไม่ทันสังเกตเห็น

แม่ของเขาไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้กันแน่นะ

นั่งกังวลแบบนี้ก็คงมีแต่ทำให้ทุกข์ใจเสียเปล่าๆ คงถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้าแล้วสินะ เฮ้อ! เอาน่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด นาทีได้แต่นั่งให้กำลังใจตัวเอง

นาทีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะเดินไปกอดและหอมแก้มลูกชายที่กำลังหัวเราะเสียงสดใสแทน

ยาวิเศษณ์ของจริงเลยเด็กน้อยคนนี้...แค่ได้กอดก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย



"ตัวเล็ก!"

"ป๊า โอ๊ะ!อากร อู้ว! อาขุน" เด็กชายตุลย์ที่กำลังยืนคุยกับเปอร์อยู่ร้องเรียกอย่างดีใจ เมื่อเห็นคนเป็นพ่อของตัวเองเปิดประตูเข้ามา

เด็กชายตุลย์วิ่งตรงตุ๊บตั๊บไปหาพ่อของตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่จะได้สัมผัสอ้อมกอดแกร่ง สายตาก็เหลือบไปเห็นคุณอาใจดีทั้งสองคนของตัวเองเสียก่อน และคนที่เรียกรอยยิ้มกว้างจากเด็กชายตุลย์ได้ดีที่สุดดูท่าแล้วจะเป็นอาขุนที่ถือช็อกโกแลตติดมือมาด้วย แบบนี้ทาสช็อกโกแลตแบบเขาจะต้านทานได้อย่างไร สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับอำนาจของช็อกโกแลต เอี้ยวตัวหลบจากอ้อมกอดของคนเป็นพ่อ ไปหาอาขุนแทน ทิ้งให้คนเป็นพ่อที่อ้าแขนรอรับเก้อเสียอย่างนั้น

"รักแท้แพ้ช็อกโกแลตนะครับ" นาทีบอกกับลมขำๆ 

"พี่จะตัดเงินเดือนขุนสักสามเดือน จะได้ไม่มีเงินไปซื้อช็อกโกแลตให้ลูกเรา"

"ขนาดนั้นเลยเหรอครับ"นาทียิ้มขำเมื่อเห็นสีหน้าง้ำงอของคนตัวโตที่กำลังงอแงเพราะโดนคนอื่นแย่งความรักจากลูกชายไป "พี่ลมเป็นยังไงบ้างครับ ยังเวียนหัวหรืออยากจะอ้วกอยู่ไหม" นาทีเลือกที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของว่าที่คุณพ่อลูกสองที่เดี๋ยวนี้อารมณ์อ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษโดยการถามไถ่ถึงอาการของเจ้าตัวแทน

"อืม... พี่ดีขึ้นมากแล้วครับ ทีไม่ต้องกังวลนะ...ว่าแต่ทีเถอะ..." ลมขยับเข้ามาประชิดตัวของนาทีพร้อมกอดเอวเล็กไว้หลวมๆ "วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ เวียนหัว หน้ามืดบ้างหรือเปล่า เราไม่ได้ยกของหนักๆเองใช่ไหม ยืนอยู่หน้าเตาอบทั้งวันหรือเปล่า ได้นั่งบ้างไหมครับ เดินเยอะเกินไปหรือเปล่า ของวงของว่างล่ะครับได้ทานไหม ไม่ได้ปล่อยให้ทั้งตัวทีเองและลูกในท้องหิวใช่ไหมครับ ของหวานๆทีอย่าทานเยอะนะครับ ออกแรงทำสิ่งต่างๆเยอะไหม..."

และอีกสารพัดคำถามที่ลมถามออกมายาวเหยียด จนนาทีต้องรีบยกมือห้ามปราม เพราะคำถามมันเยอะเกินไปจนเขาตอบไม่ทันสักคำถาม

"พี่ลมเวอร์ชะมัดเลยเนอะพี่คีย์" เปอร์ที่ยืนมองเหตุการณ์ถามตอบของคู่รักตรงหน้า กระซิบพูดข้างหูคีย์เบา

"เออ กูคิดว่ากำลังดูการเล่นเกมถามตอบชิงแชมป์โลก" คีย์พยักหน้าเห็นด้วย

"อย่างนี้แหละ ที่เขาบอก คนไม่มี ไม่มีทางเข้าใจหรอก เราก็ว่าเขาไม่ได้"

"ก็คงงั้นแหละ แต่เมื่อกี้มึงว่าพวกเขาอยู่นะ"

"พี่ก็ด้วยแหละครับ"

"อะแฮ่ม!"

หนึ่งเจ้านายหนึ่งลูกน้องที่ยืนกระซิบตัวติดกัน หันไปมองยังที่มาของเสียงกระแอมอย่างพร้อมเพรียงกัน ก็เจอกับหน้าดุๆของกรที่กำลังมองมายังคนทั้งคู่

"พี่คีย์ ผัวพี่จะฆ่าผมป้าว" เปอร์ที่เห็นหน้าดุๆของกร ก็ยังมิวายยื่นหน้ามากระซิบข้างหูคีย์อีกครั้ง

"ไอ้เหี้ยเปอร์!"

"โอ๊ย! พี่คีย์ ต่อยท้องผมทำไมเนี่ย" เปอร์ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองไปมาบริเวณที่โดนศอกของคีย์กระแทกลง

"ผัวพ่อมึงสิ" คีย์ด่าเปอร์พร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ เมื่อได้ยินคำว่า 'ผัวพี่' จากปากของเปอร์

ผัวอะไรเล่า แฟนยังไม่ได้เป็นด้วยซ้ำ...คำพูดคำจาน่าต่อยให้ปากแตกจริงๆ

"จะยืนกระซิบกันอีกนานไหมครับ" แม้คำถามจะดูสุภาพ แต่น้ำเสียงและแววตาของกรไม่ได้สุภาพเรียบนิ่งเลยสักนิด

"โธ่ พี่กร พี่มาหึงอะไรผมเนี่ย" เปอร์พูดด้วยเสียงอ่อนใจ

"ไม่ขยับ?" กรเลิกคิ้วถามหน้านิ่ง

"ค้าบๆๆ ขยับออกเดี๋ยวนี้เลยครับ" เปอร์ยกมือขึ้นยอมแพ้ ขยับตัวออกห่างจากคีย์สามก้าว "พอใจหรือยังครับพี่"

"อืม"

เปอร์หน้ายู่ให้กับคำตอบของกร ปากก็บ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อย "แค่จีบยังขนาดนี้ ถ้าเป็นแฟน เป็นสามี ผมจะไม่โดนยิงจนพรุนเลยเหรอครับ"

"สั่งเสียไว้เลยไหมล่ะ"

"โธ่ พี่กรค้าบ~"

"นี่คุณ! มัวแต่ยืนพูดจาเพ้อเจ้ออยู่นั้นละ จะมาช่วยเก็บร้านไม่ใช่เหรอ"

คีย์แสร้งดุกร เพื่อหวังให้กรกับเปอร์เลิกพูดบทสนทนาชวนเขินนี้สักที แต่คีย์คงไม่รู้เลยว่าการกระทำแบบนั้นของตัวเองมันน่ารักแค่ไหน การพยายามทำหน้าดุๆ ทั้งๆที่เขินจนแก้มขาวๆขึ้นสีแดงระเรื่อ มันชวนให้กรอยากฝั่งจมูกลงบนแก้มนิ่มนั้นสักสิบทีแบบไม่หยุดพัก

ให้ตายเถอะ... คุณเจ้าของร้านจะขยันน่ารักเกินไปแล้ว

"เพ้อเจ้อตรงไหนคุณ แม้จะยังจีบอยู่แต่ผมก็หึงเป็นนะ" ปกติก็ไม่ค่อยแสดงบุคลิกด้านนี้ให้คนอื่นเห็นหรอก ส่วนใหญ่จะนิ่งๆแล้วปล่อยผ่าน ไม่พูดจาให้มากความ แต่พอเป็นคุณเจ้าของร้านทุกอย่างก็มีการยกเว้นในทันที

"หึงบ้าหึงบออะไรละ นั่นมันน้องผมนะ"

"พ่อคุณผมก็หึง...โอ๊ย เจ็บนะคุณ ทำไมชอบทำร้ายร่างกายผมจังเลย" กรก้มหน้าลงมองเท้าตัวเองที่โดนคีย์เหยียบเข้าจังๆ รอยรองเท้าของอีกคนยังเด่นชัดอยู่บนรองเท้าหนังเงาวับของเขาอยู่เลย แสบนักนะ

"สมน้ำหน้า"

"คีย์ครับ"

"จะ จะไปซื้อไหมของเข้าห้องอะ ถ้าจะไปก็อย่ามัวแต่ยืนพูดมาก" คีย์เขินจนเผลอพูดตะกุกตะกักออกไป เขาละเกลียดจริงๆกับไอ้การเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้น ไม่ว่าได้ยินกี่ครั้งก็ไม่ชินสักที

"วี๊ดวิ้ว มีชวนกันไปซื้อของเข้าห้องด้วย แต่งเข้าบ้านกันแล้วเหรอครับ" เปอร์ที่เห็นท่าทางเขินจัดจนทำตัวไม่ถูกของคีย์ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวให้คีย์เขินยิ่งกว่าเก่า

"โว้ย ไปกันใหญ่แล้ว แยกย้ายไปเก็บของเลยไป้" คีย์แสร้งโวยวายเพื่อกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง และรีบก้าวเท้าเร็วๆไปยังด้านหลังร้านทันที

"ฮ่าๆๆ พี่คีย์น่าเอ็นดูชะมัด โวยวายกลบความเขินแหละ ผมดูออก"

"อ่ะ แฮ่ม!"

"เฮ้ยพี่กร ผมชมพี่คีย์ก็ไม่ได้เหรอครับ"

"ห้าม!" กรยักคิ้วให้เปอร์ แล้วเดินตามคีย์ไปด้านหลังร้านติดๆ

"อะไรวะ" เปอร์ยืนบ่นกับตัวเองเบาๆ

"ทำใจนะเปอร์ ผู้ชายบ้านนี้แม้ภายนอกจะดูน่ากลัว แต่ภายในก็บ้าๆบอๆแบบนี้แหละ  ฮ่าๆๆ"

"ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละพี่ขุน ฮ่าๆๆ"




.......................................................

"การที่คีย์เสียอาการแบบนั้น มันทำให้ทีอารมณ์ดีขนาดนี้เลยเหรอครับ"

"ปกติทีไม่ค่อยเห็นคีย์เสียอาการแบบนี้เลยครับ พอเห็นก็อดขำไม่ได้" นาทีว่าด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

บทสนทนาระหว่างการเดินทางกลับบ้านดังขึ้นในขณะที่รถกำลังจอดนิ่งเพราะติดไฟแดง ตอนเย็นหลังเลิกงานแบบนี้รถค่อนข้างที่จะหนาแน่น การพูดคุยกันของคนในรถสามารถช่วยให้หายเบื่อได้ไม่น้อย

วันนี้นาทีเดินทางกลับบ้านเร็วกว่าทุกๆวัน เนื่องจากมีคำสั่งตรงจากคนเป็นเจ้าของร้าน ให้เขางดอยู่ช่วยเก็บร้าน และรีบกลับบ้านไปพักผ่อน จนกว่าจะคลอดลูก ทำให้นาทีได้กลับบ้านเร็วกว่าปกติกว่าหนึ่งชั่วโมง

 "แต่ทีชอบคุณกรนะครับ...หยุดเลยครับ อย่าเพิ่งโวยวาย ฟังทีพูดให้จบก่อน" นาทียกมือห้ามลมที่กำลังจะอ้าปากโวยวายออกมา ดูจากท่าทางก็รู้แล้ว คุณพ่อจอมขี้หวงและเอาแต่ใจจะพูดอะไร

"พี่ไม่ได้จะโวยวายสักหน่อย"

"ครับ ไม่โวยวายก็ไม่โวยวาย" นาทียิ้มเอ็นดูให้กับคนข้างๆ ที่ตอนนี้ทำหน้าหงอยจนเขาอยากจะเข้าไปกอดปลอบเสียเหลือเกิน "ที่ทีบอกว่าชอบคุณกร คือ หมายถึงชอบการกระทำครับ ตั้งแต่คุณกรบอกชอบคีย์ บอกว่าจะจีบคีย์ คุณกรก็เสมอต้นเสมอปลายทำตัวดีมาตลอด เวลาที่คีย์พูดถึงคุณกรก็มีแต่เรื่องราวดีๆทั้งนั้น ไม่มีเรื่องให้คีย์ต้องปวดหัวหรือไม่มั่นใจเลย ทีอยากจะขอบคุณคุณกรด้วยซ้ำ ที่เข้าใจคีย์"

"เจ้านายกับลูกน้องก็งี้แหละครับ เหมือนกันไม่มีผิด"

"ใช่เหรอครับ"

"ใช่สิครับ"

"หม่าม้าๆ" เด็กชายตุลย์ที่นั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันอยู่บนที่นั่งคาร์ซีทด้านหลังรถเอ่ยเรียกคนเป็นแม่เสียงใสแจ๋ว

"ครับผม"

"เป็นแฟนกาน ม่ายต้องจีบแย้วคับ"

"หืม ใครเป็นแฟนใครครับ"

"ก็อากรกับอาคีย์งายหม่าม้า แฟนกาน"

"น้องตุลย์ไปเอามาจากไหนครับว่าอากรกับอาคีย์เป็นแฟนกัน ใครบอกเหรอคับ" นาทีเอี้ยวตัวไปมองลูกชายที่นั่งอยู่ทางด้านหลังด้วยความสงสัย

"ม่ายมีใครบอกคับ ตูนตูนรู้เอง"

"น้องตุลย์ รู้ได้ยังไงครับ บอกหม่าม้าได้หรือเปล่าครับ"

"ตูนตูนเห็นอากรหอมแก้มอาคีย์คับ วันนั้นอากรหอมแก้มอาคีย์ฟอดใหญ่ๆหลายฟอดเยย แล้วก็จุ๊บจุ๊บด้วยคับ ฉะแดงความรักงายหม่าม้า"

นาทีตาโตกับคำบอกเล่าของลูกชาย รีบหันหน้าไปหาลมทันที

"เอ่อ น้องตุลย์เห็นที่ไหนเหรอครับ" ลมที่เงียบฟังอยู่นานเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง

"ที่ร้านอาคีย์คับ พี่เปอร์พาตูนตูนปายหยิบนมคุณหมี พี่เปอร์เปิดประตูออก ก็เห็นเยย พี่เปอร์บอกจุ๊จุ๊น้าตูนตูน ตูนตูนก็จุ๊จุ๊เยยคับ"

"เอ่อ พี่ลมครับ..." นาทีหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากลม

"พี่ว่าปล่อยให้น้องตุลย์เข้าใจไปแบบนั้นดีไหมครับ ยิ่งอธิบายพี่ว่ายิ่งยาว ลูกเราฉลาดน้อยเสียที่ไหน ยังไงอีกไม่นานสองคนนั้นก็เป็นแฟนกันอยู่แล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆเราก็ค่อยๆอธิบายให้เขาเข้าใจ"

นาทีพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ลมพูด เขาได้แต่หวังว่าลูกชายเขาจะลืมมันไปเองเมื่อเวลาล่วงเลยไป แต่เพื่อความแน่ใจว่าลูกชายจะไม่พูดเรื่องนี้ที่ไหน เขาต้องย้ำเจ้าตัวอีกสักหน่อย

"น้องตุลย์ครับ เรื่องนี้น้องตุลย์รับปากหม่าม้าได้ไหมครับว่าจะไม่บอกใคร"

"ทำมายหรอคับ" เด็กชายตุลย์เอียงคอถามด้วยความสงสัย

"เอ่อ ถ้าน้องตุลย์บอกคนอื่น คนอื่นอาจจะล้ออาคีย์ แล้วทำให้อาคีย์อายได้ครับ น้องตุลย์ลองคิดดูสิครับ ถ้าเราโดนล้อจะรู้สึกยังไง รู้สึกไม่ดีใช่ไหมล่ะครับ"

"ใช่คับ ง้านตูนตูนรับปากเยย ม่ายบอกใคร ตูนตูนม่ายอยากห้ายอาคีย์รู้สึกม่ายดี"

"ขอบคุณครับ น้องตุลย์ของหม่าม้าเก่งที่สุดเลยครับ"

"หม่าม้าๆ แล้วทำมายจุ๊บจุ๊บเสดแล้วอาคีย์ต้องตีเพี๊ยะๆอากรด้วยคับ" วันนั้นเขาเห็นอาคีย์ตีอากรแรงมากๆจนเขายังรู้สึกเจ็บแทนเลย แต่อากรกลับยิ้มดีใจ ตูนตูนไม่เห็นจะเข้าใจเลย

"เอ่อ..."

"เพราะอากรกัดปากอาคีย์แน่ๆเยยช่ายม้ายคับ" และนี่คือเหตุผลเดียวที่เด็กชายตุลย์พอจะคิดออก

"..."

"ทำมายอากรต้องกัดปากอาคีย์ด้วยคับ เพราะอาคีย์ดื้อหรอคับ"

"อ่า คงอย่างนั้นแหละครับ"

"ถ้าดื้อแล้วต้องกัดปากหรอคับ ถ้ากัดปากแล้วจะม่ายดื้อหรอคับ"

"..."

"ง้านที่ป๊ากัดปากหม่าม้า เพราะหม่าม้าดื้อหรอคับ" เด็กชายตุลย์เอียงหน้ามองคนพ่อของตัวเอง รอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ

นาทีเองก็หันขวับมองค้อนวงโตใส่ลมทันทีที่จบคำถามของลูกชาย

"ครับ หม่าม้าของตัวเล็กดื้อ ป๊าเลยต้องลงโทษ"

ลมเคยคิดว่าการมีลูกช่างถามช่างสงสัยเป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้งการช่างสงสัยของลูกชายมักจะทำให้เขาปวดหัวอยู่ไม่น้อย

ฉลาดเกินวัยไปหรือเปล่าเนี่ยตัวเล็ก ป๊าจะโดนหม่าม้าฆ่าหมกรถอยู่แล้วนะครับ

"งืม งืม" เด็กชายตุลย์ใช้เวลาครุ่นคิดบางอย่างอยู่กับตัวเองครู่นึง ก่อนจะโพล่งประโยคที่ชวนให้พ่อและแม่กุมขมับออกมา "ง้านเวลาต้นหญ้าดื้อ ตูนตูนจะกัดปากเป็นการลงโทษเหมือนที่ป๊ากับอากรทำเยย"

"พี่ลม!"


กว่าจะพูดคุยทำความเข้าใจกับลูกชายได้สำเร็จ นาทีรู้สึกปวดหัวอยู่ไม่น้อย ความช่างจำ ช่างสงสัย ช่างถามของลูกชาย บางครั้งก็ทำให้คนเป็นแม่อย่างเขาต้องยกมือปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว นาทีหวังว่าลูกชายของเขาจะเข้าใจจริงๆ ไม่ไปลงโทษน้องต้นหญ้าแบบนั้นนะ ไม่อย่างนั้นละก็เขาคงได้เตรียมดอกไม้ไปขอขมาแม่น้องต้นหญ้าแน่ๆ

ส่วนของคนเป็นพ่อ คืนนี้คงต้องดุเสียให้เข็ด ชอบจริงๆกับทำอะไรแปลกๆให้ลูกเห็น รู้ทั้งรู้ว่าลูกอยู่ในวัยจดจำและเลียนแบบ ห้ามไม่เคยที่จะฟังเลย เฮ้อ!...

และที่ขาดไม่ได้ คือเจ้าเปอร์ คนนี้นาทีขอหมายหัวไว้จังๆ จดไว้ในกระดาษตัวโตๆเลย เปิดไปเห็นภาพแบบนั้นแทนที่จะรีบชวนน้องออกไปที่อื่น ดันชวนน้องแอบดู แถมยังบอกให้น้องเงียบๆอีก แม้จะแอบดูไม่นาน มันก็ไม่สมควรเลยจริงๆ น่าจับมาตีให้หลังลาย


....................................................................

"ทุกท่านคงทราบกันดีนะคะ เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้น เนื่องจาก..."

เสียงของผู้ประกาศข่าวภาคค่ำในทีวียังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับข่าวที่สลับหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ข่าวเบาสมองจนถึงเรื่องเครียดชวนปวดหัว

หลังจากมื้ออาหารเย็นจบลง สองคนพ่อลูกก็ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อน นาทีที่นั่งอยู่บริเวณห้องนั่งเล่นเพียงลำพัง เลือกที่จะเปิดทีวี เพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเหงาจนเกินไป ส่วนมือก็กำลังถือโทรสัพท์พิมพ์ข้อความคุยกับกลุ่มร้านกาแฟ ที่ตอนนี้มีเปอร์กับคีย์กำลังทะเลาะกันอย่างน่ารัก

"มากันที่ข่าวต่อไปนะคะ เกิดเหตุไฟไหม้โรงเลื่อยไม้ขนาดเล็กวอดยกหลัง เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าโรงเลื่อยไม้แห่งนี้มีการค้าขายไม้ต้องห้ามที่ผิดกฎหมาย และมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ในกองเพลิงจำนวนหนึ่งราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายคมสันต์ ประสาน อายุ 53 ปี เป็นเจ้าของโรงงาน..."

ในตอนที่ผู้ประกาศข่าวเอ่ยชื่อของคนที่เสียชีวิตออกมา นาทีที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับโทรศัพท์ ถึงกับหุบยิ้มฉับ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเซียว นาทีค่อยๆเงยหน้ามองหน้าจอทีวีด้วยดวงตาที่แดงก่ำและใจที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง

คมสันต์ ประสาน...

คือชื่อที่นาทีจำได้ไม่มีวันลืม


ครืดครืด~  ครืดครืด~ ครืดครืด~

ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากมาย โทรศัพท์ที่อยู่ในมือของนาทีก็สั่นขึ้น บ่งบอกให้รู้ว่ามีใครบางคนโทรเข้ามา และใครคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...

~~ แม่ ~~


................................................................

TBC.

เด็กอยู่ในวัยกำลังจดกำลังจำนะคุณป๊ากับอากร

ป๊ากับอา ต้องใจเย็นๆนะคะ

สำหรับเรา เปอร์คือสุดที่รักของเราเสมอค่ะ 555++


ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ


ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 20-10-2021 23:01:30
 :z6: :a5: o22
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 20-10-2021 23:49:48
เหมือนว่าจะต้องต้มน้ำรอยังไงก็มะรู้... - -" ...
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนพิเศษ) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 21-10-2021 11:02:52
ตอนพิเศษ

ความตั้งใจของคนที่จะเป็นพี่ชาย

(ขอคั่นกลาง ด้วยตอนพิเศษ 1 ตอนนะคะ)


"หมูตุ้บ นี่ครับค่าตอบแทนสำหรับวันนี้ 15 บาทครับ ส่วนอันนี้ อาคีย์แถมให้ครับ อีก 5 บาท รางวัลตอบแทนสำหรับคนขยัน"

"ตูนตูนขอบคุณคับ"

เด็กชายตุลย์ยกมือไหว้คนเป็นอาอย่างสวยงาม ยามที่คนเป็นอายื่นเงินมาให้

สองมือน้อยๆของเด็กชายตุลย์ยื่นไปรับเงินจากคีย์มาถือไว้ในมือ ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับเงินที่อยู่ในมือ

วันนี้เขาได้เงินเพิ่มมาอีกแล้ว...

"เก็บให้ดีๆนะหมูตุ้บ อย่าให้หายละ"

"คับ ตูนตูนเก็บใฉ่กะเป๋าอย่างดีเยย ม่ายให้หาย ถ้าหายคุณหมูจะหิว"

"น้องตุลย์ขยันทำงานเก็บเงินขนาดนี้ พี่เปอร์ว่า...ป่านนี้คุณหมูของน้องตุลย์น่าจะอิ่มจนท้องใกล้จะแตกแล้วนะครับ"

"ม่ายแตกฉิ คุณหมูต้องกินเยอะๆน้าพี่เปอร์"

"รู้สึกอิจฉาคุณหมูบ้านน้องตุลย์จังเลยครับ พี่เปอร์ฝากคุณหมูบ้านพี่เปอร์ไว้สักตัวได้ไหมครับ เพราะคุณหมูบ้านพี่เปอร์ผอมแห้งมากหยอดมาจะสิบปี ยังไม่เต็มสักกะที"

"พี่เปอร์ก๊ะอย่าแอบผ่าท้องคุณหมูฉิ ถ้าพี่เปอร์แอบผ่าท้องคุณหมู คุณหมูจะเต็มได้ยังงายละคับ"

เด็กชายตุลย์จำได้หม่าม้าบอกเขาว่าเราต้องหยอดเหรียญคุณหมูให้เต็มก่อนแล้วค่อยผ่าท้อง ถ้าหยอดไปผ่าท้องไป คุณหมูก็จะไม่เต็มสักที

"ฮ่าๆๆ ไปต่อไม่ถูกเลยเหรอวะไอ้คุณเปอร์" คีย์หัวเราะเสียงดังอย่างห้ามอยู่เมื่อเห็นหน้าตาปุเลี่ยนๆของลูกน้องจอมกวน ที่ไปไม่เป็นยามที่เจอประโยคพิฆาตของเด็กชายตุลย์เข้าไป

"ครับๆ กลับไปวันนี้พี่เปอร์จะจัดการทำแผลให้คุณหมู แบบเย็บปิดให้สนิทเลยดีไหมครับ"

"ดีคับ" เด็กชายตุลย์พยักหน้ารับหงึกๆ

"แล้วตอนนี้คุณหมูของน้องตุลย์ใกล้เต็มหรือยังคะ" วุ้นที่ฟังบทสนทนาเงียบๆอยู่นานเอ่ยถามขึ้น

"ตูนตูนก็ม่ายรู้เหมือนกันคับ แต่ป๊าบอกว่าใกล้เต็มแย้วคับ"

"น้องตุลย์เก่งจังเลยค่ะ พี่วุ้นขอให้น้องตุลย์เก็บเงินสำเร็จเร็วๆนะคะ" วุ้นยื่นมือไปบีบแก้มยุ้ยทั้งสองข้างของเด็กชายด้วยความเอ็นดู

"ช่าย พี่เปอร์ก็เป็นกำลังใจให้นะ สู้สู้" เปอร์กำมือทั้งสองข้าง แล้วชูขึ้นมาเพื่อบอกให้น้องชายของตัวเองสู้สู้

"ตั้งใจทำงานเก็บเงินนะหมูตุ้บ" คีย์ยื่นมือลูบหัวหลานชายเบาๆด้วยแววตาอ่อนแสง

ก่อนหน้านี้เด็กชายตุลย์มาขอทำงานที่ร้านของคีย์ด้วยในช่วงปิดเทอม ตอนแรกคีย์ก็งุนงงนิดหน่อย แต่พอได้ฟังเหตุผลของหลานชายแล้ว มีหรือที่คนเป็นอาอย่างคีย์จะปฏิเสธได้ ซึ่งใจจริงคีย์อยากจะยกเงินทั้งบัญชีให้หลานชายด้วยซ้ำ

ในตอนแรกคีย์ตั้งใจจะให้ค่าแรงหลานชายวันละสองร้อย แต่คนเป็นแม่แบบนาทีมาห้ามปรามไว้ และตกลงกันได้ที่วันละ 15 บาท มีทิปเล็กๆน้อยๆบ้างตามประสาคนรักหลาน

แต่จะว่าไป...เขาจะไม่โดนข้อหาใช้แรงงานเด็กใช่ไหม หน้าที่ของเด็กชายตุลย์คือวิ่งวุ่นรอบร้าน หิวก็กิน ง่วงก็นอน ชวนลูกค้าคุยบ้างประปรายเท่านั้นเอง คงไม่โดนหรอก(มั้ง)เนอะ


"ตัวเล็ก! ป๊ามารับกลับบ้านแล้วครับ"

"ป๊า" เด็กชายตุลย์รีบวิ่งเขาไปสวมกอดคนเป็นพ่อที่ย่อตัวลงนั่งและกางแขนรออย่างเต็มรัก

"ฟอด ฟอด วันนี้เป็นไงบ้างครับ ซนเยอะไหมเรา" ลมถามพร้อมกับลูบหัวลูกชายเบาๆ

"ม่ายๆ ตูนตูนม่ายซน ตูนตูนตั้งใจทำงานเยย"

"จริงเหรอครับ"

"จิงคับ นี่งายๆ วันนี้ตูนตูนได้เงินปายให้คุณหมูด้วยน้า~"

ด้วยความที่กลัวว่าคนเป็นพ่อจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูด เด็กชายตุลย์จึงรีบรูดซิบกระเป๋ากางเกง แล้วล้วงมือเข้าไปหยิบเหรียญมาให้คนเป็นพ่อดู

"เก่งมากครับ" ลมเอ่ยชมลูกชายด้วยความภูมิใจ

"พี่ลม มานานหรือยังครับ ขอโทษนะครับที่ให้รอ พอดีทีเพิ่งเก็บของเสร็จ" นาทีที่เปิดประตูหลังร้านออกมา เอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นลมกำลังยืนคุยกับลูกชายและคนอื่นๆภายในร้าน

"พี่เพิ่งมาถึงได้ไม่นานเองครับ เก็บของเสร็จแล้วเรากลับกันเลยไหมครับ"

"กลับเลยครับคุณลม รบกวนพาคุณแม่จอมดื้อไปพักผ่อนด้วยครับ ก่อนที่ผมจะไล่ออก วันนี้ดื้อทำขนมทั้งวัน ผมเบื่อที่จะบ่นแล้วครับ"

"คีย์ก็พูดเกินไป"

"เกินไปตรงไหน กูพูดเรื่องจริง กลับบ้านไปเลยมึงอะ...ฝากด้วยนะครับคุณลม" ด่าเพื่อนตัวเองเสร็จ ก็หันไปฝากฝังนาทีกับลมแทน

"ครับ"

จากนั้นทั้งหมดก็พูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อย ก่อนที่ลม นาทีและน้องตุลย์จะขอตัวแยกย้ายกลับบ้านก่อน



"หม่าม้าๆ วันนี้ตูนตูนได้เหยียนฉิบ หนึ่งเหยียน แล้วก็เหยียนห้าฉองเหยียนคับ"

เด็กชายตุลย์เอ่ยบอกคนเป็นแม่ในตอนที่กำลังยืนอยู่หน้ากระปุกอออมสินของตัวเอง

เวลานี้เป็นเวลานิทานและการนอนของเขาแล้ว แต่ก่อนนอนเขาไม่ลืมที่จะให้อาหารคุณหมูของตัวเองก่อน

"เก่งมากครับ" นาทีก้มหอมหัวลูกชายเบาๆ

"คุณหมูกินเยอะๆน้า จะได้โตวายวาย" พูดไปมือก็หยอดเหรียญลงไปจนครบสามเหรียญ ปิดท้ายด้วยรอยยิ้มสุขสดใสให้คุณหมูอีกหนึ่งที

"มาครับตัวเล็ก ให้อาหารคุณหมูเสร็จแล้วก็มานอนกันครับ" ลมที่นอนรอเล่านิทานให้ลูกชายฟังอยู่บนเตียงเอ่ยเรียกขึ้น

เด็กชายตุลย์ที่ได้ยินเสียงเรียกก็รีบปีนขึ้นเตียงไปหาคนเป็นคนพ่อ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนแขนแกร่ง ยื่นแขนน้อยๆโอบรัดคนเป็นพ่อไว้แน่น

ส่วนนาทีเองก็เดินตามมาล้มตัวลงนอนบนที่ว่างข้างๆลูกชายเช่นกัน

"วันนี้ฟังเรื่องอะไรดีครับ"

"ตูนตูนอยากฟังคุณหมีและฝูงคุณผึ้งคับ"

"จัดไปครับ"

น้ำเสียงทุ้มนุ่มของลมดังขึ้นเป็นจังหวะน่าฟัง จนชวนเพลิดเพลินให้ง่วงนอน ไม่ใช่แค่คนเป็นลูกที่เริ่มง่วงงุน แต่คนเป็นแม่และเด็กน้อยในท้องก็ดูจะง่วงงุนไม่แพ้กัน

"จบแล้วครับ นอนได้แล้วนะครับ"

"คับ น้องก็รีบๆนอนน้า นอนดึกเดี๋ยวม่ายฉะบาย ฝันดีน้าน้อง"

เป็นปกติทุกค่ำคืนที่เด็กชายตุลย์มักจะพูดคุยกับน้องที่อยู่ในท้องของหม่าม้าและเอ่ยคำบอกฝันดีน้องก่อนนอน

"หม่าม้าคับ"

"ครับ"

"น้องจะดีจายไหมคับ ถ้าได้ของขวัญจากตูนตูน"

"ดีใจสิครับ ไม่ใช่แค่ดีใจธรรมดานะ แต่น้องจะดีใจมากๆเลย"

"ป๊า จริงป้าวคับ" แม้จะรู้ว่าคนเป็นแม่ไม่มีทางโกหก แต่เด็กชายตุลย์ก็อยากได้ยินคำยืนยันจากคนเป็นพ่ออีกคน

"จริงครับ"

"น้องจะชอบและใส่ถุงเท้าที่ตูนตูนซื้อห้ายจิงๆนะ"

"จริงสิครับ" ลมตอบลูกชายพร้อมลูบหัวด้วยความอ่อนโยน

"พี่ชายของเขาอุตส่าห์ตั้งใจทำงานเก็บเงิน เพื่อน้องขนาดนี้ น้องต้องรับรู้ได้ และดีใจมากแน่ๆครับ" นาทีเอ่ยบอกลูกชาย

"ตูนตูนซื้อฉองคู่เยย" เด็กชายตุลย์ชูนิ้วให้คนเป็นแม่ดู

"ทำไมถึงซื้อสองคู่ละครับ"

"ม่ายรู้คับ ตูนตูนแค่อยากได้ฉองคู่"

"โอเคครับ สองคู่ก็สองคู่ แต่ตอนนี้เด็กดีถึงเวลานอนแล้วนะครับ"

"คับ ป๊าหอมหอม"

"ฟอด~ ฟอด~ ฝันดีนะตัวเล็ก"

"คิกคิก" เมื่อได้ดั่งใจเจ้าตัวก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หาท่าทางที่สบาย หลับตาพริ้ม ก่อนจะค่อยๆจมลงสู่ห้วงนิทราที่ฝันดีพร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า

เรื่องราวการทำงานของเด็กชายตุลย์เกิดขึ้นในตอนที่คนเป็นพ่ออย่างลมพูดถึงของขวัญที่จะซื้อรับขวัญลูก พูดไปพูดมากเจ้าเด็กน้อยที่ฉลาดเกินวัย ก็อยากที่จะซื้อของขวัญให้น้องของตัวเองบ้าง จึงโดนคนเป็นพ่อแซวว่ามีเงินหรือไง ถ้าไม่มีเงินก็ซื้อไม่ได้นะ จึงเป็นที่มาให้เด็กชายตุลย์ฮึกเหิมหาเงินมาซื้อของขวัญให้น้องของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่เด็กชายตุลย์อยากซื้อให้น้องนั่นก็คือ

ถุงเท้า...

ลมและนาทีไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมลูกชายคนโตของพวกเขาถึงอยากซื้อถุงเท้าให้น้อง แต่ทั้งลมและนาทีสาบานได้เลยว่า ถุงเท้าคู่แรกของลูกน้อยในท้องที่จะได้สวมใส่ลงบนเท้าเล็กๆต้องเป็นคู่ของลูกชายคนโตของพวกเขาเท่านั้น

ตูนตูนของพวกเขา เป็นทั้ง...

พี่ตุลย์สุดเท่

และ

พี่ตูนตูนสุดน่ารักเลย


......................................................

เป็นยังไงกันบ้างคะกับตอนพิเศษ 555

ตอนนี้เป็นตอนที่อยู่ๆก็วิ่งเข้ามา และอยากเขียนฉากนี้แยกออกมาโดยเฉพาะ จึงเกิดเป็นเรื่องราวของตอนพิเศษตอนนี้ค่ะ

ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่ก็ตั้งใจแต่งมากๆเลยค่ะ

หวังว่าทุกคนจะชอบ และมีรอยยิ้มกันนะคะ


ขอให้สนุกกับการอ่านะคะ


ขอบคุณค่ะ


ประมาณ 2 ทุ่ม จะมาลงตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 21-10-2021 11:49:37
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 21-10-2021 19:02:47
น้องแฝดหรอคะตูนตูน... คุคุคุ...
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 31)โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 21-10-2021 19:53:04
31
เรื่องราวที่ผ่านม


(คำเตือน : ตอนนี้มีการบรรยายเหตุการณ์ต่างๆค่อนข้างเยอะ คุณรี้ดท่านใดที่ไม่ชอบอ่านการบรรยายเยอะๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะ)



~~ แม่ ~~

"ครับแม่"

นาทีหลับตาเรียกสติของตัวเองอยู่ครู่นึง ก่อนจะตัดสินใจกดรับสายของผู้เป็นแม่ที่โทรเข้ามา

(ทีทำอะไรอยู่ลูก กินข้าวหรือยัง)

เสียงจากปลายสายเอ่ยถามตามปกติเฉกเช่นทุกๆครั้งที่ได้คุยกัน

ไม่บ่อยครั้งนักที่ดารินจะโทรหาลูกชายก่อน เพราะส่วนมากจะเป็นลูกชายของเขาที่โทรมาหาเขาเสียมากกว่า

"ทีไม่ได้ทำอะไรครับ ส่วนข้าวทีกินแล้ว แม่ล่ะครับ กินอะไรหรือยัง วันนี้ทำอะไรกินครับ"

บทสนทนารูปแบบเดิมถูกถามกลับไปยังปลายสาย แม้นาทีจะพยายามทำเสียงของตัวเองให้ปกติเช่นไร ก็ไม่สามารถห้ามน้ำเสียงสั่นๆของตัวเองได้เลย

ยิ่งได้ยินเสียงของคนเป็นแม่ในเวลานี้ น้ำตาของเขาก็พาลจะไหลลงมาเสียให้ได้

ข่าวที่ผ่านไปเมื่อกี้...กับชื่อของบุคคลที่นาทีจำไม่เคยลืม

(แม่กินแล้วลูก วันนี้ป้านาแกได้ยอดมะพร้าวมา แม่เลยทำต้มกะทิใบเหลียงใส่กุ้งใส่สะตอ แล้วก็มีน้ำพริกกะปิไว้จิ้มผักสดริมรั้วด้วย)

"เมนูน่ากินจังเลยครับ ทีคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่จังเลย"

(คิดถึงก็กลับมาหาแม่บ้างสิ)

"คือว่าตอนนี้ที..."

(เมื่อพร้อมก็มานะ แม่จะทำกับข้าวไว้รอ) ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน อยากจะสื่อให้ลูกรู้ ว่าแม่ยังอยู่ตรงนี้ ไม่ว่ามีเรื่องอะไร แม่พร้อมรับฟังและพร้อมอยู่เคียงข้างลูกเสมอ

"ครับ" นาทีตอบกลับเสียงแผ่ว ก้อนความจุกตีตื้นขึ้นมาอยู่บริเวณลำคอ

บทสนทนาระหว่างทั้งสองคนเงียบไปชั่วขณะ และเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างมีเรื่องที่อยากจะพูดออกมา จึงได้เปร่งเสียงเรียกคู่สนทนาของตัวเองออกมาพร้อมๆกัน

(นาที)

"แม่ครับ"

"แม่พูดก่อนเลยครับ" นาทีรีบเอ่ยบอกคนเป็นแม่

(เฮ้อ!) คำแรกที่ออกจากคนเป็นแม่ เมื่อลูกบอกให้เริ่มพูดเรื่องที่ตัวเองอยากจะพูดก่อนคือเสียงถอนหายใจเบาๆที่ระคนมาด้วยความหนักใจ (ก่อนหน้านี้ทีได้เปิดทีวีดูข่าวบ้างไหมลูก)

"ครับ ถ้าแม่จะพูดถึงข่าวไฟไหม้โรงงานเลื่อยไม้ ทีเห็นแล้วครับ"

(ตอนที่เห็นข่าวครั้งแรก แม่แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันคือเรื่องจริง สิ่งเดียวที่แม่คิดได้ในตอนนั้นคือรีบโทหาที)

"..."

(ในที่สุดเวรกรรมก็ตามเขาทันแล้วนะลูก)

"ครับ ฮึก!" น้ำตาที่นาทีอุตส่าห์ห้ามไว้ ในเวลานี้ไม่สามารถห้ามได้อีกต่อไป ดวงตาแดงก่ำจากการพยายามฝืนห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา มันดูน่ากลัวแต่ก็บ่งบอกถึงความเจ็บปวดของคนนึงได้เป็นอย่างดี

ร้องไห้...แบบไม่มีเสียง

มันเป็นความรู้สึกที่แม้แต่เจ้าของมันเองยังไม่สามารถบอกได้ว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร

เสียใจ?

เศร้าใจ?

ดีใจ?

หรือ...สะใจ?

คมสันต์ ประสาน หรือที่นาทีเรียกเขาว่า 'ลุงสันต์' ลุงสันต์เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของพ่อ ที่พ่อรักและไว้ใจมาก ทั้งสองคนต่างเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาแทบทุกช่วงของชีวิต พ่อไม่ได้เห็นลุงสันต์เป็นแค่เพื่อน แต่ลุงสันต์สำหรับพ่อคือคนในครอบครัว

ยามพ่อมีปัญหาลุงสันต์พร้อมช่วยเหลือ ยามลุงสันต์มีปัญหาพ่อก็พร้อมช่วยเหลือ มีอยู่วันนึงลุงสันต์มาชวนพ่อไปร่วมหุ้นทำธุรกิจด้วยกัน นั่นก็คือธุรกิจค้าไม้แปรรูป เพราะลุงสันต์เขาทำงานทางด้านนี้อยู่แล้ว และอยากจะเปิดโรงงานเป็นเรื่องเป็นราว จนวันนึงกิจการมันรุ่งเรือง มีเม็ดเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องก็ได้ขาดสะบั้น ยามที่ความโลภเข้าครอบงำภายในจิตใจ จากที่ตกลงจะแบ่ง ก็ไม่อยากจะเจียดให้แม้แต่สตางค์เดียว

ก่อนที่พ่อของเขาจะเสียชีวิต ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า ลุงสันต์สนิทกับผู้มีอิทธิพลในระแวกนั้น และได้รับคำยั่วยุให้ฮุบเอาโรงงานนั้นมาเป็นของตัวเองคนเดียว โดยที่มีมาเฟียกลุ่มนั้นคอยช่วยเหลือ และมีข้อแม้ว่า ต้องคอยรับไม้ที่เป็นไม้ผิดกฏหมายของพวกมันมาแปรรูปให้ด้วย ซึ่งตรงนี้พ่อเองก็คัดค้านมาตลอด

นาทีไม่แน่ใจว่าลุงสันต์ใช้วิธีสกปรกขนาดไหน เขารู้เพียงว่า สุดท้ายเงินลงทุนที่พ่อเขาลงทุนไปกลับสูญเปล่า ไม่ได้อะไรตอบแทนมาสักแดงเดียว และมันเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่พ่อยอมทุ่มใส่ เพราะหวังว่าครอบครัวจะได้สบายกว่าที่เคย สุดท้ายแล้วกลับไม่ใช่ดังที่พ่อหวังสักอย่าง นาทีและแม่ไม่เคยกล่าวโทษพ่อเลยสักครั้งในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ คนโกงไม่มีทางเจริญ พวกเราค่อยๆทำงาน ค่อยๆเก็บใหม่ก็ได้ นั่นคือคำที่นาทีเอ่ยบอกกับคนเป็นพ่อ

แต่เหมือนพ่อของนาทีจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นาทีพูด พ่อย้ำคิดย้ำทำย้ำรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนสติหลุดไปหลายครั้ง และครั้งหนักสุดคงจะเป็นในตอนที่พ่อกลับบ้านมา แล้วเพื่อนบ้านบอกว่านาทีกับแม่โดนทำร้ายร่างกายจากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งจนต้องเข้าโรงพยาบาล

พ่อของนาทีตามไปโวยวายกับลุงสันต์เพราะคิดว่าเป็นพวกของลุงสันต์ที่มาทำร้ายเขา พ่อป่าวประกาศถึงความชั่วที่ลุงสันต์ทำไว้จนลุงสันต์โมโหนำพาให้มีเรื่องมีราวกัน

ครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่ทะเลาะกันคือตอนที่พ่อเขาไปหาลุงสันต์เพื่อพูดคุยขอทุนคืนสักครึ่งหนึ่งก็ยังดี แต่ลุงสันต์ไม่ยอมบวกกับตอนนั้นลุงสันต์พึ่งกลับจากการดื่มเหล้า ด้วยความมีโทสะจึงบอกว่าจะจัดการเผาบ้านของพวกเขาให้สิ้นซาก จะได้ไม่มีที่ซุกหัวนอนจนต้องไปอยู่ที่อื่นให้พ้นๆหน้าเสียที

นาทีไม่คิดว่าลุงสันต์จะทำจริงๆ ค่ำวันนั้นบ้านโดนวางเพลิง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝีมือใคร ตำรวจมาทำคดีก็เหมือนไม่อยากทำ มาเดินสองสามรอบก็กลับไป นาทีแจ้งความว่าเห็นตัวคนร้ายตำรวจก็บอกว่าไม่มีหลักฐาน การพูดลอยๆอาจจะโดนฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทได้ ไม่ว่าจะทำทางไหนก็ไม่มีวี่แววจะชนะได้สักทาง คนธรรมดาเดินดิน กับคนรวยที่มีคนใหญ่คนโตคุ้มกะลาหัว คุณค่ามันช่างต่างกันเสียจริงๆ

(แม่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นมันทำให้ทีเจ็บแค้น แต่อโหสิได้ก็อโหสิให้แก่กันนะลูก ตอนนี้เขาก็รับกรรมไปแล้ว จะได้ไม่ต้องจองเวรจองกรรมกันต่อในชาติหน้า คนบางคนเจอแค่ชาติเดียวก็เกินพอแล้ว) ดารินรู้ดีว่าลูกชายของเขาฝังใจเจ็บเพียงใด (แถมวันนั้นก็เป็นพ่อเราเองที่เลือกจะวิ่งเข้าไปในกองไฟด้วยนะ) มันคือเรื่องจริงที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะคนของเราเองก็เลือกที่จะวิ่งเขาสู่ความตายเองเช่นกัน

"แต่ถ้าวันนั้น ฮึก! ถ้าวันนั้นลุงสันต์ไม่เผาบ้าน พ่อก็คงไม่ ฮือ ~ พ่อก็คงไม่ต้องตาย แม่บอกทีได้ไหม ของที่พ่อบอกว่าสำคัญจนต้องวิ่งเข้าไปคืออะไร ฮึก! บอกทีได้หรือเปล่า มันสำคัญ ฮือ~ สำคัญขนาดต้องทิ้งทีแล้ววิ่งเข้าไปในกองไฟทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองอาจจะต้องตายเลยเหรอ ฮือ~"

(แม่บอกทีไม่ได้หรอก เพราะแม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮึก! ) ไม่จริง ดารินกำลังโกหก เขารู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งสำคัญที่สามีเขาพูดถึงคืออะไร แต่ที่เขาไม่อยากจะบอกลูกชายออกไป เพราะไม่อยากจะให้ลูกชายต้องโทษตัวเอง

นาทีเคยบอกว่ามีความฝันอยากเปิดร้านทำขนมเล็กๆสักร้านหนึ่ง คนเป็นสามีได้ยินดังนั้นก็เอ่ยคำสัญญากับลูกออกไปทันที ว่าเรียนจบเมื่อไหร่จะเป็นป๋าลงทุนทำร้านให้เองกับมือ

สามีของเขาขยันทำงาน เก็บเงิน หนักเอาเบาสู้ และไม่ลืมเก็บเงินในส่วนของลูกไว้ด้วย จนวันที่นาทีเรียนจบ พวกเขาช่วยกันนับเงินที่หยอดกระปุกไว้บวกกับเงินในบัญชีรวมกันประมาณแสนแปด วันนั้นจึงจับมือกันไปสองสามีภรรยาไปถอนเงินออกมาเพื่อเซอร์ไพรส์ลูกชาย แต่ลูกชายดันไปเก็บใครก็ไม่รู้เข้ามา ไหนจะปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากการร่วมหุ้นกับเพื่อนไปก่อนหน้านี้อีก ทำให้เงินที่ถอนมายังถูกเก็บไว้อย่างดี เพราะเจ้าของมัวแต่วุ่นวายกับเรื่องราวต่างๆจนไม่มีจังหวะจะเข้าไปจัดการกับมัน

ในวันที่ไฟไหม้บ้านแล้วสามีของเขาบอกว่ามีสิ่งสำคัญอยู่ในนั้นเขารู้ทันทีว่ามันคืออะไร พยายามรั้งสามีไว้แล้วแต่สามีเขาก็รั้นเกินไป และสุดท้ายสามีก็ไม่กลับออกมา จุดที่สามีเขานอนเสียชีวิตอยู่ก็คือบริเวณตู้เสื้อผ้าที่พวกเขาใส่เงินก้อนนั้นไว้

ฟังดูอาจจะเป็นการกระทำที่งี่เง่าของคนคนนึง ถ้าได้ไปเล่าให้ใครฟัง คงมีหลายๆคนอาจจะตอบกลับมาว่า โง่เง่าสิ้นดี ก็แค่เงิน ทำไมต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง ไม่ตายก็หาใหม่ได้ ลูกคงจะภูมิใจหรอกที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อต้องตาย ใช่...มันเป็นเรื่องจริงที่ดารินก็เถียงไม่ออกเช่นกัน

แต่...การที่คนมีสถานะเป็นสามีและพ่อคนนึงคิดว่าตัวเองล้มเหลวในฐานะหัวหน้าครอบครัวอยู่แทบตลอดเวลาหลังเกิดเรื่องวุ่นวาย แต่ก็ยังคงมีสิ่งหนึ่งที่ยังเหลือไว้ นั้นก็คือก้อนความฝันของลูกที่แม้ชีวิตขัดสน ดิ้นรนปานใด ก็ยังรักษาฝันก้อนนั้นไว้ไม่ให้หายไป ฝันที่แม้แต่ลูกเองละทิ้งเพราะรู้สถานะทางบ้านตัวเองดี แต่คนเป็นพ่อมิเคยลืมเลือน ทำตามสัญญาของตัวเองที่ให้ไว้ เพื่อหวังว่าจะเป็นใบเบิกทางให้ลูกได้เดินไปข้างหน้า สามีเขาดูเห็นแก่ตัวมากใช่ไหมที่เลือกทำแบบนั้นออกไป

ในห้วงเวลานั้น...ถ้าไม่ใช่เราที่ประสบพบเจอกับตัวเอง เราก็ไม่มีทางรู้เลยว่ามันรู้สึกอย่างไร

ดารินเคยโกรธคนเป็นสามีที่ทำอะไรสิ้นคิด แต่ตอนนี้เขาไม่โกรธแล้ว  อยากขอบคุณที่ทำหน้าที่พ่อจนนาทีสุดท้าย แม้จะปกป้องความฝันลูกไม่ได้ แต่คุณก็ทำมันเต็มที่แล้ว

และเรื่องนี้ดารินไม่มีทางบอกลูกชายแน่ๆ ไม่อย่างนั้นนาทีจะจมอยู่กับการโทษตัวเองจนบางทีอาจจะไม่ให้อภัยตัวเองเลยก็ได้ ดารินรู้นิสัยลูกชายดี ตรงส่วนนี้เหมือนพ่อเขาไม่มีผิด และดารินคิดว่าสามีเองก็คงจะเห็นด้วยกับเขาในข้อนี้ ก็ในเมื่อตลอดเวลา สามีของเขามักพูดเสมอ

'รอยยิ้มของลูกคือยาวิเศษณ์ของพี่ ยามที่ลูกมีน้ำตา คนเป็นพ่อแบบพี่ย่อมเจ็บปวดที่สุด'

'นาทีลูกชายของเราเหมาะกับรอยยิ้มที่สุดแล้ว...'

ดังนั้นเรื่องนี้ปล่อยให้มันตายไปกับคนเป็นแม่อย่างเขาก็แล้วกัน

"ทีไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกยังไง ทีจะดูเลวมากไหมถ้าทีรู้สึกดีใจที่ลุงสันต์ตายแบบเดียวกับที่พ่อตาย แต่แม่ก็บอกว่าเพราะพ่อวิ่งเข้าไปในกองเพลิงเอง ฮึก! แม่ แม่ครับ ฮือ"

(ทีไม่เป็นไรนะลูก ไม่ร้องนะ) แม้ตัวเองอยากจะร้องไห้ออกมาเพียงใด แต่ในยามนี้เขาเองต้องเป็นที่พึ่งให้ลูกชายที่กำลังอ่อนแอก่อน (ทีเก่งมากแล้วนะ ทีทำดีแล้ว)

"ไม่ ทีไม่เก่งเลย ทีทำไม่ดีด้วย ฮึก! ทำไมลุงสันต์ต้องโกงพ่อ เพราะลุงสันต์โกงพ่อ พ่อเลยนั่งโทษตัวเองตลอดเวลา พ่อไม่ผิดสักหน่อย หรืออาจจะผิดเพราะไว้ใจมากเกินไป แล้วทำไมลุงสันต์ต้องมาเผาบ้านเราจริงๆด้วย ไหนจะพวกตำรวจที่ไม่รับฟัง ไหนจะมาเฟียพวกนั้นที่คุกคามจนทำให้เราสองแม่ลูกต้องแยกย้ายกันมา ทีทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ไม่สักอย่างเดียว ฮืออออ~"


"ที! ทีเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ!"

เสียงตะโกนมาแต่ไกลของลมทำให้นาทีที่กำลังร้องไห้ สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ส่วนเราก็รีบก้าวเร็วๆมาหานาที ก่อนจะคว้าร่างบางมากอดซบอกตัวเองแน่น

"พี่ลม"นาทีเอ่ยเรียกชื่อลมเบาๆ "ฮึก! แม่ครับ" ก่อนจะเรียกแม่ตัวเองออกมา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าแม่ยังคงอยู่ในสาย

(ทีไม่ต้องพูดอะไรนะ ทีฟังแม่นะลูก นาทีลูกชายของแม่เก่งที่สุด ในทุกๆเรื่องลูกทำดีที่สุดแล้ว เรื่องพ่อก็อย่าไปโกรธพ่อเลยนะ ให้จดจำภาพพ่อแต่สิ่งดีๆที่พ่อทำเสมอมา ส่วนคนไม่ดีเขาก็ได้รับกรรมของเขาแล้ว นาทีของแม่เป็นแม่คนแล้วนะ มีครอบครัวที่ดีและอบอุ่น แม่อยากให้ทีค่อยๆปล่อยวางทุกอย่างลงนะลูก อยู่กับปัจจุบัน อย่าเอาอดีตที่เราแก้ไขไม่ได้ มาแย่งพื้นที่ความสุขในปัจจุบันของเราเลยนะ) น้ำเสียงใจดีเอ่ยบอกอย่างอ่อนโยน

"แม่ครับ"

(วันนี้ลูกชายของแม่คงจะเหนื่อยมากสินะ พักผ่อนนะ ส่วนเรื่องอื่นๆ แม่บอกแล้วไง เมื่อไหร่ที่ลูกพร้อม แม่รอได้เสมอ ไม่ต้องกังวล)

"ขอบคุณครับ" นาทีตอบกลับเสียงอู้อี้ เพราะจมูกเขาตอนนี้ฝังไปกับแผงอกของลมจนแทบจะหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว

(แม่ไปก่อนดีกว่า นี่ก็ดึกมาแล้ว ทีก็รีบๆนอนนะลูก ดูแลตัวเองนะ ฝากความคิดถึงให้เจ้าตูนตูนด้วย บอกว่าเดี๋ยวคุณยายจะโทรไปหาใหม่)

"ครับ แม่ครับ..." นาทีรั้งคนเป็นแม่ไว้ สูดหายใจลึกๆจนเต็มปอด "ทีจะพยายามนะ แม่รอทีอีกไม่นานนะ ทีสัญญา ขอบคุณมากนะครับแม่ ทีรักแม่นะครับ ดูแลสุขภาพด้วย"

(จ้ะ แม่จะรอนะ แม่ก็รักนาทีนะลูก แม่ไปนะ)

"ครับ"


"ทีร้องไห้ทำไมครับ มีเรื่องอะไรบอกพี่มาเลยครับ ใครทำอะไรที"

ทันทีที่นาทีบอกลาคนในสายเสร็จ ลมก็รีบยิงคำถามรัวๆใส่คนในอ้อมกอด

"เดี๋ยวก่อนครับ" นาทีดันตัวเองออกจากอ้อมกอดที่ในเวลานี้ชักจะแน่นเกินไปจนเขาเริ่มหายใจไม่ออกเสียแล้ว "พี่ลมลงมาคนเดียวแบบนี้ แล้วน้องตุลย์ล่ะครับ"

"พี่ให้ตัวเล็กรออยู่บนห้อง พี่บอกว่าจะมาตามหม่าม้าให้เอง ทีตอบคำถามพี่ก่อนสิครับ"

ลมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ยังค้างอยู่บริเวณหัวตาของนาทีออกเบาๆ การกระทำเช่นนั้นของลม กลับเรียกน้ำตาของนาทีให้เอ่อคลอเต็มดวงตาอีกครั้ง

นาทีพุ่งตัวเข้าไปสวมกอดลมแน่น พร้อมกับพลั่งพรูเรื่องราวต่างๆออกมาให้ลมฟัง ตั้งแต่เรื่องสมัยครั้งก่อน เรื่องข่าวที่ได้รับรู้ จนถึงเรื่องที่คุยกับแม่เมื่อสักครู่ น้ำตามากมายทะลักออกมาอย่างห้ามไม่ได้

"โอ๋ ไม่เป็นไรนะ น้องทีของพี่ลมไม่เป็นไรน้า~ พี่ลมอยู่ตรงนี้ ข้างๆน้องทีเสมอ" ลมลูบหัวปลอบโยนคนในอ้อมกอดเบาๆ

เรื่องราวของครอบครัวนาทีเขาก็รับรู้มาไม่น้อย เพราะได้ไปอาศัยบ้านนาทีอยู่ช่วงนึงและตอนนั้นลมเองก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเช่นกัน ทำได้แค่คอยช่วยทำงานตอบแทนความใจดีของครอบครัวนี้

"..."

"พี่ว่าที่แม่ทีบอกมาก็จริงนะ เรื่องราวมันผ่านมาแล้ว คนไม่ดีได้รับสิ่งที่ตัวเองทำแล้ว อีกอย่างถ้าคุณพ่อท่านรู้ว่าท่านเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทีไม่มีความสุขท่านคงเศร้าใจแย่"

"..."

"เพราะตอนที่พี่ไปอาศัยอยู่ที่บ้านของที พ่อของทีพูดกับพี่เสมอ ว่าความปรารถนาเดียวของท่านคือการที่เห็นคุณแม่และนาทีมีความสุข"

"พี่ลม"

"ไม่ร้องแล้วนะ" ลมดันตัวนาทีออก ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาทั้งสองข้างแก้มให้คุณแม่ขี้แย "ร้องหนักขนาดนี้เจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้อง คงตกใจแย่เลย ไหนจะตัวเล็กที่อยู่ด้านบนอีก ถ้าเห็นว่าหม่าม้าเขาร้องไห้ ไม่วายพี่ต้องโดนตัวเล็กเล่นงานแน่ๆ ฮึบนะครับฮึบ"

"ฮึบอะไรล่ะครับ ทีไม่ใช่น้องตุลย์นะ" นาทีหน้าง้ำงอทั้งที่ดวงตายังช้ำหนัก เพิ่มความน่าสงสารปนเอ็นดูได้ไม่น้อย

ลมยิ้มอ่อนโยนให้กับคนตรงหน้า มือก็ยื่นไปเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนแก้มใสเบาๆ

พอเขารู้สาเหตุการร้องไห้อย่างหนักของนาทีแล้ว ก็รู้สึกผิดอยู่ไม่ใช่น้อย มันเป็นเพราะลมเองที่อยากให้เรื่องนี้ออกข่าวดัง เพราะอยากให้นาทีรับรู้ถึงการตายของใครบางคน และความล่มสลายของใครบางกลุ่ม เพราะถ้าอยู่ๆเป็นลมที่เดินเข้าไปบอกเอง นาทีต้องสงสัยและซักไซร้เขาจนหมดตัวแน่ๆ เขาไม่อยากให้นาทีรับรู้ถึงด้านนี้ของตัวเองสักเท่าไหร่

แน่นอนว่าเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านของนายคมสันต์ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ในเมื่อเวรกรรมมาถึงชักช้าไม่ทันใจเพราะมัวแต่นั่งรถไฟสมัยร้อยปีที่แล้วมา เขาก็เลยเลือกที่จะนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาทำหน้าที่นั้นแทนเอง

ธุรกิจค้าไม้ที่เริ่มแย่ เงินทองที่เหลืออยู่น้อยนิดของนายคมสันต์คือตัวชี้นำอย่างดีให้นายคมสันต์เลือกทางของตัวเอง เขาสั่งให้เผาโรงงานก็จริง แต่ก็ไม่ใจดำพอที่จะเผาคนทั้งเป็น เขาเป็นคนใจดีพอ มีทางเลือกให้ผู้คนเสมอ เรื่องนี้เขาก็แค่ล่อนายคมสันต์ออกไป และจัดการเผาโรงงานซะ และแน่นอนโรงงานนั้นเป็นทั้งชีวิตของนายคมสันต์ ทรัพย์สิน และสมบัติที่เหลือไม่เยอะก็อยู่ในห้องทำงานที่โรงงาน เมื่อนายคมสันต์กลับมา เขามีสิทธิ์เลือกว่าจะวิ่งฝ่าเข้าไปหรือดูเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนเฉยๆ แน่นอนว่าคนที่โลภมาก หน้าเงิน แทบไร้ซึ่งทางไป ก็เลือกเสี่ยงที่จะวิ่งเข้าไปอยู่แล้ว จะว่าเขาใจโหดไม่ได้ ในเมื่อทางนั้นเลือกวิ่งเข้าไปเอง

ก็สมควรแล้ว...ทำอะไรไว้ก็รับผลกรรมแบบนั้น มันก็เหมาะสมดี

แต่สิ่งที่พลาดอาจจะเป็นแค่เรื่องที่เขาไม่ได้เย็บปากนายคมสันต์ก่อนตาย โทษฐานที่ปากสว่างบอกที่อยู่เขากับคนของอาบรรพตซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้กลุ่มมาเฟียประจำถิ่นที่คุ้มกะลาหัวนายคมสันต์อยู่

ลมอาจจะใช้เวลาในการจัดการนานไปเสียหน่อย เพราะหนึ่งเขาไม่ได้รีบร้อน สองเขาต้องการหลักฐานเด็ดๆที่พอจะทำให้พวกมันไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ไปอีกนาน ค้ายา ค้ามนุษย์ ลักลอบขนของเถื่อน สารพัดความชั่วที่พูดออกมาคงไม่หมด ความพลาดของกลุ่มนี้คงจะเป็นการที่คิดว่าตัวเองเก่งกว่าใครๆ หึ! ความมั่นใจอะไรผิดๆ ทำชีวิตฉิบหายมานักต่อนักแล้ว

ส่วนตำรวจที่รับใต้โต๊ะ แน่นอนว่าโดนกันเกือบทั้งโรงพัก ยื่นเรื่องอย่างมากก็โดนย้าย ศาลเตี้ยสักนิดหน่อยดีกว่า ถึงจะสาสม เสียดายที่เขาติดเมียมากไปหน่อยเลยไม่ได้ไปสนุกด้วยตัวเอง แต่ก็ฝากกรไปเรียบร้อยแล้ว และกรก็ทำหน้าที่ได้ดีเกินคาดตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง

โบนัสปีนี้เอาเป็นการ เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอคีย์ก็แล้วกัน...

"ขึ้นหาลูกกันไหมครับ ยาวิเศษณ์ของเราไง"

"ครับ ไปหาลูกกัน ทีอยากกอดลูก"

ลมจัดการเดินไปสำรวจประตูหน้าต่าง และปิดไฟด้านล่างทุกดวง ก่อนจะเดินมาจับจูงมือนาทีเดินไปหาลูกชายพร้อมกัน


"หม่าม้า!" เด็กชายตุลย์ที่นั่งเล่นตุ๊กตาครอบครัวคุณหมีอยู่บนที่นอนร้องเรียกด้วยความดีใจ เมื่อเห็นคนเป็นแม่เปิดประตูเข้ามา

"โอ๊ะ! หม่าม้าร้องห้ายหรอคับ ทำมายหม่าม้าตาแดง ป๊าแก้งหรอ ป๊าแก้งหม่าม้าหรอคับ" เมื่อเห็นดวงตาที่บอบช้ำของคนเป็นแม่ เด็กชายตุลย์ก็ละทิ้งของเล่นทุกอย่าง ลุกขึ้นยืนบนที่นอนยื่นแขนให้คนเป็นแม่ก้าวมาหา

"ป๊าไม่ได้แกล้งหม่าม้านะตัวเล็ก อย่ามองป๊าดุแบบนั้นสิ"

"พอดีว่าหม่าม้าดูละครมาครับ มันเศร้ามากเลย จึงเผลอร้องไห้ออกมา ตอนนี้หม่าม้าก็ยังเศร้าอยู่เลย น้องตุลย์ช่วยกอดหม่าม้าหน่อยได้ไหมครับ"

"ได้เยย ตูนตูนกอดเยย" เด็กชายเดินเข้าไปสวมกอดคนแม่ แขนทั้งสองข้างโอบคอคนเป็นแม่ไว้แน่น "โอ๋น้า ตูนตูนโอ๋หม่าม้าน้า หม่าม้าไม่เฉ้านะ ตูนตูนอยู่ตงนี้งาย"

ครั้นได้ยินคำพูดปลอบโยนของลูกชาย ก็พาลให้น้ำตาที่เหือดแห้งรื้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้นาทีสามารถกลั้นมันเอาไว้ได้

"โอ้โห กอดของน้องตุลย์เหมือนมีพลังวิเศษณ์เลยครับ กอดแล้วหม่าม้าหายเศร้าเลย"

"ง้านตูนตูนกอดให้แน่นกว่าเดิมเยย กอดกอด"

"ให้หม่าม้าไปอาบน้ำก่อนไหมตัวเล็ก แล้วค่อยมากอดกันใหม่ ดีไหมครับ ดึกมากแล้ว อาบน้ำดึกๆเดี๋ยวหม่าม้ากับน้องจะไม่สบายนะ" ลมยื่นมือมาลูบหัวลูกชายเบาๆ

"อู้ว จิงหรอคับ ง้านอาบน้ำเยย หม่าม้าอาบน้ำเยย อาบดึกม่ายดี น้องม่ายฉะบาย เดี๋ยวน้องโดนฉีดยาจึ๊กๆ แล้วน้องจะเจ็บ ตูนตูนม่ายอยากให้น้องเจ็บ"

คำพูดของลูกชายที่พ่วงตำแหน่งคุณพี่ชายทำเอาใจของคนเป็นพ่อแม่ละลายเหลวลงติดพื้น

ไม่เคยหลุดมาดพี่ชายเลยจริงๆ...

"โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นหม่าม้าขอเวลาไปอาบน้ำแป๊บนึง แล้วมานอนกันนะครับ"

"คับ"


นาทีใช้เวลาในห้องน้ำไม่นานก็จัดการตัวเองเสร็จสรรพพร้อมนอน เวลาแห่งการเล่านิทานของลมดำเนินไปเรื่อยๆ

วันนี้เป็นวันที่ความรู้สึกเกี่ยวพันกันยุ่งเหยิงจริงๆเลยนะ...

"หม่าม้าๆ นิทานจบแย้ว นอนกันคับ"

เสียงของลูกชายเรียกสติของนาทีที่กำลังเหม่อลอยกลับคืนมา

"ครับ นอนกัน"

"หม่าม้า นอนหลับตา พุ้งนี้ก๊ะเช้าแย้ว" เด็กชายตุลย์พูดตามคำบอกของคนเป็นพ่อ

"ตัวเล็กพูดถูก คืนนี้นอนหลับ พรุ่งนี้ตื่นมาก็เป็นเช้าวันใหม่แล้วนะครับ เป็นเช้าวันใหม่ที่ให้เราได้เริ่มต้นสิ่งใหม่ ทีว่าไหมครับ"

"ครับ" นาทีส่งยิ้มให้กับสองคนพ่อลูกที่มองมาที่เขาเป็นตาเดียว

ถึงเวลาปล่อยวางแล้วสินะ คงเป็นอย่างที่แม่บอก ความสุขก็อยู่ตรงหน้า จะดึงอดีตมาทำลายทำไมกัน

"จุ้บ จุ้บ ฝันดีครับ คุณหม่าม้า คุณลูก"  ลมยื่นหน้าไปจุ้บหน้าผากสองคนแม่ลูกคนละหนึ่งที

"ฟอด ฟอด ฝันดีครับคุณป๊า คุณลูก" นาทีหอมแก้มลมคืนและไม่ลืมที่จะหอมแก้มลูกชายด้วย

"หอมม้าง ตูนตูนหอมม้าง ฟอด ฟอด ฝันดีคับ คุณป๊า คุณหม่าม้า คิกคิก! ตูนตูนรักป๊า รักหม่าม้า รักน้อง ที่ฉุดในโลกเยย"


ตอนนี้ทีมีความสุขดีครับพ่อ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะ... ขอบคุณครับ สำหรับทุกอย่างที่ทำเพื่อที


ทีรักพ่อนะครับ...

.............................................................

TBC.

พายุฝนพัดผ่านไปแล้วค่ะ

ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ตอนต่อไปเจอกันตอน เที่ยงตรงนะค้าบ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 21-10-2021 20:14:36
 :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 21-10-2021 21:35:48
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg(ตอนที่ 32) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 22-10-2021 14:13:10
32
ใจผมมีแค่คุณ


(กร + คีย์)

ความวุ่นวายภายในร้าน keyword cafe เกิดขึ้นให้ได้เห็นกันทุกวันจนเป็นเรื่องชินตาของคนในร้าน ไม่ว่าจะจากเจ้าของร้าน พนักงาน หรือแม้แต่จากตัวลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเองก็ตาม

วันนี้เหตุของความวุ่นวายที่เกิดขึ้น มาจากการที่คุณเจ้าของร้านคนเก่งกำลังยืนโวยวายแสดงท่าทางที่เอาแต่ใจ ใส่เพื่อนรักที่ยืนอยู่ใกล้ๆกัน

ดีหน่อยที่ช่วงเวลานี้ไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการภายในร้าน ไม่อย่างนั้นคนเป็นเจ้าของร้านคงโดนเพื่อนรักที่พ่วงตำแหน่งพนักงานในร้านตีมือ  จนเป็นรอยช้ำแน่ๆ

"ไอ้ที รอบก่อนที่งานจัดเลี้ยงบริษัทป๊ากู มึงทำขนมอร่อยทำไมวะ" คีย์ตวัดสายตามองนาทีด้วยสายตาขุ่นเคืองเล็กน้อย

"เดี๋ยวก่อนนะ มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่เราทำขนมอร่อย คนอื่นจะได้ต่อว่าร้านของพวกเราและทีมงานของป๊าไม่ได้ไง"

"ไม่รู้อะ กูพาล" คนพาลหน้าง้ำงอด้วยความขัดใจจนจมูกกับปากแทบจะถึงกันอยู่แล้ว

"พาลเรา?" สีหน้าของนาทีในตอนนี้กำลังบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่เข้าใจในสิ่งที่คีย์กำลังโวยวายเลยสักนิด

"เออ เพราะมึงทำดี ป๊ากูเลยจ้างมึงตลอด แล้วเมื่อไหร่ที่ป๊าจ้างมึง กูก็ต้องไปช่วยมึงด้วย มันทำให้กูต้องไปงานเลี้ยงของบริษัทป๊าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"

"เอาละ ไหนว่ามาสิ ทำไมถึงงอแงขนาดนี้" นาทียืนกอดอกมองคีย์ที่ตอนนี้กำลังกลายร่างเป็นเด็กน้อยจอมเอาแต่ใจ

"มึงก็รู้กูไม่ชอบงานแบบนี้ ขนาดกูใส่ชุดยูนิฟอร์มของร้านไป ป๊ายังลากกูไปแนะนำกับคนนู้นที คนนี้ที กูไม่ชอบอะ"

"แต่ต่อไปคีย์อาจจะต้องกลับไปช่วยงานป๊า ซึ่งเรื่องการพบปะผู้คนมันเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ฝึกไว้ก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอ"

"ไม่! บริษัทป๊าให้เฮียคีตดูแลไปอะดีแล้ว กูไม่ไหวหรอก สมองกูบอบบาง"

คีตหรือคีตะที่คีย์พูดถึง คือพี่ชายแท้ๆของคีย์ที่อายุห่างกัน 4 ปี

"เริ่มเอาแต่ใจอีกแล้วนะคีตกานต์ ไหนบอกความต้องการมาสิว่าอยากได้อะไร คีย์อยากให้เราปฏิเสธคุณจอยใช่ไหม ถ้าเกิดว่าเขามาติดต่อเรื่องงานอีกครั้ง"

"ไม่ได้ดิ จะปฏิเสธลูกค้าด้วยเหตุผลส่วนตัวได้ยังไง อีกอย่างป๊ากระเป๋าหนักจะตาย แหล่งทำเงินของร้านเลยนะ"

"..." นาทีตวัดสายตามองคีย์นิ่งๆ

"มึงอย่ามองแบบนั้นดิ กูก็แค่ไม่ชอบเวลาต้องเจอผู้คนเยอะๆเอง อีกอย่างถ้าแนะนำปกติทั่วๆไปก็พอไหว แต่อันนี้อะไรจ้องแต่จะหาลูกเขยให้ตัวเองอยู่เรื่อย ถามลูกก่อนไหมว่าอยากได้ไหม"

"อ่อ สรุปไม่พอใจที่ป๊าเป็นพ่อสื่อหาสามีให้ เลยมางอแงกับเรา"

"มันก็ไม่ใช่แบบนั้น" คีย์เอ่ยออกมาเบาๆไม่เต็มเสียงนัก

"เรื่องนี้ทางแก้ปัญหาง่ายมาก"

"ทำไงวะ" คีย์สีหน้าตื่นด้วยความอยากรู้

"ถ้าคีย์ไม่อยากให้ป๊าหาสามีให้ คีย์ก็บอกป๊าไปเลย ว่าคนที่ป๊าแนะนำคีย์ไม่สนใจหรอก เพราะตอนนี้ในหัวใจของคีย์มีแค่คุณกรคนเดียว"

"ไอ้ที้~" 

"ฮ่าๆๆ" นาทีหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่สามารถแหย่คีย์ให้เขินได้

"มึงคิดว่าท้องอยู่ แล้วกูจะไม่กล้าทำอะไรเหรอ เดี๋ยวมึงเจอฝ่ามือพิฆาต นี่แนะ!"

"ฮ่าๆๆ คีย์เขินน่ารักจังเลย"

"มึง! กูจะหยิกมึงให้แก้มช้ำเลย มานี่!"

"พอแล้วคีย์ เราเจ็บนะ"

"เออ พอก็ได้ ถ้าไม่ติดว่ามึงท้องนะ โดนหนักแน่" คีย์ชี้นิ้วคาดโทษนาทีไว้ "ว่าแต่มึงเถอะ เป็นไงบ้าง ตอนนี้โอเคไหม โอเคไหมที่หมายถึงทุกๆเรื่อง" คีย์เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจังยามที่เอ่ยถามเพื่อนรักออกไป

หลายวันก่อนคีย์ได้รับรู้เรื่องราวของนาทีมาบ้างพอสมควร ถามว่าเป็นห่วงไหม คีย์ยอมรับเลยว่าเป็นห่วงมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากคอยมอง ให้กำลังใจและยืนอยู่ข้างๆ

คีย์คิดอยู่นานว่าจะถามเรื่องนี้กับนาทีดีไหม บางเรื่องคีย์เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากๆจะให้ถามแบบตรงๆห้วนๆก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดี ไม่รู้ต้องถามแบบไหนเพื่อไม่ให้ไปสะกิดใจคนฟังจนบอบช้ำอีกครั้ง แต่ถ้าไม่ถามและไม่ได้รับการยืนยันจากเพื่อนความป็นห่วงก็จะไม่ลดลง

คีย์ละเกลียดช่วงเวลาแบบนี้เป็นที่สุด เรื่องช่วงเวลาที่ไม่รู้ว่าจะหันซ้ายหรือหันขวาดี ใครบอกว่าสนิทกันแล้วจะพูดอะไรก็ได้ ไอ้คีย์คนนี้ขอเถียงขาดใจ ยิ่งสนิทยิ่งต้องรักษาน้ำใจ ถนอมน้ำใจ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะบางเรื่องราวไม่ใช่เรื่องที่จะเอาความสนิทมาตัดสินใจแทนกันได้

คีย์ได้แต่หวังว่า คำถาม น้ำเสียงและแววตาของเขาที่ส่งไปยังนาที นาทีจะสามารถรับรู้และเข้าใจได้ ว่าสิ่งที่เขาจะสื่อคือเรื่องไหน

"ตอนนี้เราโอเคมากๆ โอเคที่หมายถึงโอเคในทุกๆเรื่อง ขอบคุณนะคีย์"นาทียิ้มตอบพร้อมเอ่ยคำขอบคุณ "น้องคีย์ไม่ต้องกังวลน้า~"

"หมดกันอารมณ์ซึ้งของกู ขอบีบปากมึงหน่อยเถอะ กูหมั่นไส้มาก" 


กริ๊ง! กริ๊ง!

เสียงกระดิ่งดังขึ้นยามที่กระทบกับบานประตูเมื่อโดนเปิดออก เป็นสัญญาณบ่งบอกให้สองเพื่อนรักที่กำลังตบตีกันอยู่สงบศึกและหันมาต้อนรับลูกค้าที่เดินเข้ามาใช้บริการร้านกาแฟแทน

"สวัสดีครับพี่บัว ไม่เจอกันหลายวันสวยขึ้นหรือเปล่าครับเนี่ย" คีย์เอ่ยทักทายลูกค้าสาวรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันดีด้วยท่าทางทะเล้น

"เหมาหมดร้าน คิดเท่าไหร่คะ" บัวชมพูเอ่ยหยอกกลับด้วยความอารมณ์ดี

"โธ่พี่บัว ผมชมจริงๆนะครับ วันนี้สีลิปสติกสวยมากเลยครับ"

"ถ้าน้องคีย์จะพูดขนาดนี้ พี่ขอโทรหาบอสแป๊บนึงนะคะ"

"โทรทำไมครับ" คีย์ถามด้วยสีหน้างุนงง

"จะซื้อตึกไว้ให้น้องคีย์ขายกาแฟค่ะ แลกกับการให้น้องคีย์ชมพี่ทุกวัน"

"ฮ่าๆๆ" ทั้งสามคนหัวเราะออกมาพร้อมๆกันเมื่อจบประโยคชวนขำของบัวชมพู

"วันนี้รับอะไรดีครับพี่บัว" นาทีเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าบัวชมพูพูดหยอกล้อกับคีย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว

"พี่ขออเมริกาโน่เย็นแก้วนึงค่ะ"

"ครับ... คีย์ของพี่บัวอเมริกาโน่เย็นนะ" นาทีรับเมนูจากบัวชมพู ก่อนจะหันไปบอกคีย์ที่กำลังยืนรอออร์เดอร์อยู่หน้าเครื่องชงกาแฟ

"ดื่มกาแฟเวลานี้ คืนนี้จะนอนหลับเหรอครับพี่บัว" นาทีถามออกไปด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้ว

"กาแฟไม่มีผลต่อการนอนของพี่ค่ะน้องที แต่จะมีผลต่อพลังงานในร่างกายมากกว่า ถ้าวันไหนดื่มกาแฟไม่ถึงสองแก้ว พี่มีความรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีแม้แต่แรงจะเดินเลยค่ะ" บัวชมพูอธิบายแบบติดตลก ทำให้นาทีที่ยืนฟังเผลอขำออกมาเล็กน้อย

"แต่อะไรที่มากไปมันก็ไม่ดีทั้งนั้นนะครับ ยังไงพี่บัวต้องดูแลสุขภาพด้วยนะครับ... จะว่าไป ฟังดูเหมือนผมยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเลย ขอโทษนะครับ"

"ไม่เลยค่ะ น้องทีไม่ต้องขอโทษ พี่รู้ว่าน้องทีเตือนด้วยความเป็นห่วงจริงๆ ขอบคุณนะคะ นี่พี่ก็ลดลงแล้วนะ เมื่อก่อนอย่างต่ำต้องสามแก้วต่อวัน"

"ครับ"

"ว่าแต่เจ้าหมูน้อยตูนตูนไม่อยู่เหรอคะวันนี้ ไม่เห็นวิ่งดุ๊กดิ๊กอยู่ในร้านเลย" ในขณะที่ถามนาทีสายตาของบัวชมพูก็กวาดหาเด็กชายตุลย์ไปด้วยจนทั่วร้าน

"ไปเข้าห้องน้ำกับเปอร์ครับ เดี๋ยวก็คงมาแล้วครับ"

"อ่อ ค่ะ"

"ป้าบัว!"

บัวชมพูถามหายังไม่ทันขาดคำเสียงเล็กๆก็ตะโกนเรียกมาแต่ไกล

"ตูนตูน"

"ป้าบัว ตูนตูนสวัสดีครับ" เด็กชายตุลย์ยกมือไหว้คุณป้าอย่างสวยงามตามแบบฉบับที่โรงเรียนได้สอนไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

"สวัสดีครับ ขอป้าบัวกอดหน่อยได้ไหมครับ คิดถึงจังเลย"

"คับ" ไม่รอช้าเด็กชายตุลย์วิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของป้าบัวที่ย่อตัวรอรับอย่างเต็มแรง

เพราะรู้จักและเห็นหน้าค่าตากันมาตั้งแต่หนุ่มน้อยคนนี้ยังแบเบาะ บัวชมพูเทียวแวะมาเล่น เทียวซื้อของมาฝากให้ตลอดทุกครั้งที่มีโอกาส ความสนิทสนมของบัวชมพูและเด็กตุลย์จึงมีมากพอสมควร

"ป้าบัวคิดถึงตูนตูนจริงๆเลยน้า" บัวชมพูกอดเด็กชายแน่นโยกตัวไปมาสลับซ้ายขวา

"ตูนตูนก็คิดถึงป้าบัวจริงๆเลยน้า" เด็กชายตุลย์พูดตามคนเป็นป้าด้วยน้ำเสียงออดอ้อน โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำแบบนั้นมันยิ่งทำให้เด็กชายเองดูน่ารักและคนฟังก็ยิ่งหลงเข้าไปกันใหญ่

"โอ๊ยไม่ไหว น้องทีค่ะ พี่ขอขโมยกลับบ้านได้ไหมคะ"

"จะไหวเหรอพี่บัว ตัวแค่นี้แต่กินเก่งมากเลยนะ ผมบอกไว้ก่อน กลัวพี่หมดตัว" คีย์เอ่ยบอกในขณะกำลังวางแก้วกาแฟให้กับบัวชมพู " กาแฟได้แล้วนะครับ"

"ต่อให้หมดตัวพี่ก็ยอมค่ะ ไปอยู่กับป้าบัวไหมตูนตูน ไปไหมครับ"


"โอ๊ะ อากร"

ยังไม่ได้ทันที่จะได้ตอบคำถามของบัวชมพู เด็กชายตุลย์ก็โดนดึงความสนใจโดยชายผู้มาใหม่ที่เดินหน้านิ่งเข้ามาภายในร้าน ทิ้งให้ป้าบัวของเจ้าตัวยืนหน้าเศร้าอยู่คนเดียว เพราะยังเล่นกับหลานไม่สมใจเลย

"สวัสดีครับสุดหล่อ" กรเอ่ยทักทายเด็กชายตุลย์ที่ยืนยิ้มแป้นแล้นมองมาทางเขาอยู่ ก่อนจะยื่นมือไปขยี้หัวเด็กชายเบาๆด้วยความเอ็นดู

"ตูนตูนสวัสดีคับ... อากรป๊าม่ายมาด้วยหรอคับ"

"ป๊าของน้องตุลย์กำลังประชุมอยู่กับอาขุนครับ อีกสักพักถึงจะมานะ"

"อีกสักพักหรอคับ"

"ครับ อีกสักพัก"

เด็กชายตุลย์พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะรีบวิ่งไปหาหม่าม้าของตัวเองที่ยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์

"หม่าม้า อีกสักพักนานเท่าไหนคับ เท่าอีกสักแป๊บหรือป้าวคับ อากรบอกว่าอีกสักพักป๊าจะมา ตูนตูนจะได้รู้ว่าต้องทนคิดถึงป๊าอีกนานหรือป้าว"

"โอ๊ย! หมูตุ้บ อย่าพูดจาน่ารักอย่างนี้ดิ อาคีย์ใจไม่แข็งแกร่งพอหรอกนะ"

คีย์ที่ได้ยินคำพูดคำจาที่แสนจะน่ารักของหลานชายถึงกับทนไม่ไหวต้องร้องโอดครวญขึ้นมา ซึ่งไม่ต่างจากผู้ใหญ่คนอื่นๆที่ตอนนี้กำลังอมยิ้มให้กับความน่ารักช่างถามของเด็กชายตุลย์ ไม่เว้นแม้กระทั่งพ่อหนุ่มหน้านิ่งอย่างกร ที่ตอนนี้ก็ยืนอมยิ้มน้อยๆให้กับความน่ารักของหลานชายเช่นกัน


"เลิกงาานแล้วเหรอคุณ" คีย์เอ่ยทักเมื่อเห็นว่ากรกำลังเดินมาหาตน

"ใช่"

"คุณหาอย่างอื่นทำก่อนไหมอีกตั้งสองสามชั่วโมงกว่าร้านจะปิด"

"ไม่เป็นไร ผมตั้งใจมาหาคุณอยู่แล้ว... ไหนมีอะไรให้ช่วยบ้าง" กรพับแขนเสื้อตัวเองขึ้นจนถึงศอก มองหางานภายในร้านว่ามีอะไรที่ตัวเองพอจะช่วยได้บ้าง

"พี่กรกับพี่คีย์มีนัดกันเหรอครับ" เปอร์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลและได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่เอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้

"ไม่ยุ่งสักเรื่องมึงจะตายไหม"

"คีย์มีนัดกับคุณกรเหรอวันนี้"

"ก็ประมาณนั้น"

การตอบคำถามที่แตกต่างกันของคีย์ ทำให้เปอร์ที่ได้ยินถึงกับหน้าง้ำงอเลยทีเดียว แบบนี้เขาเรียกว่าสองมาตราฐานชัดๆ

"ถ้าอย่างนั้นคีย์กลับบ้านก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวที่เหลือเรากับคนอื่นๆจัดการเอง คุณกรมารอแล้วด้วย ถ้ารอปิดร้านอีกนานเลย"

"เฮ้ย! ทำแบบนั้นได้ไง"

"ได้สิค่ะพี่คีย์ นานๆทีเลิกงานเร็วบ้างไม่เป็นไรหรอกค่ะ"

"นั่นดิพี่คีย์ ไม่ต้องห่วงร้านหรอก เดี๋ยวพวกผมช่วยดูแลเอง พี่ไปเดตกับพี่กรด้วยความสบายใจได้เลย"

"เดตบ้านมึงสิไอ้เปอร์"

"งั้นเอาใหม่ พี่ไปซื้อของเข้าเรือนหอได้ตามสบายเลย"

"ไอ้เหี้ยเปอร์" ไม่ด่าเปล่า ผ้าเช็ดโต๊ะที่ก่อนหน้านี้อยู่ในมือของคีย์ ตอนนี้ได้ปลิวไปปะทะกับหน้าของเปอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"เขินทีไรรุนแรงกับน้องตลอด ถ้าหน้าหล่อๆของผมเป็นสิวขึ้นมาพี่จะรับผิดชอบยังไงไหว" เปอร์หยิบผ้าเช็ดโต๊ะที่คาอยู่บนหน้าของตัวเองออก แล้วโยนทิ้งไว้ตรงโต๊ะข้างๆ

"ขอให้ฝีขึ้นหน้ามึงแทนสิว"

"พอเลยทั้งสองคน" นาทีที่เห็นว่าศึกระหว่างเจ้านายและลูกน้องคงไม่จบลงง่ายๆ จึงรีบเข้าห้ามก่อนที่มันจะลามไปมากกว่านี้ "เถียงอะไรเกรงใจพี่บัวบ้าง"

"ไม่เป็นไรค่ะน้องที ตามสบายเลย" บัวชมพูอมยิ้มพร้อมผายมือเป็นเชิงบอกให้ทุกๆคนทำตัวตามสบายได้เลย

"เห็นไหมพี่บัวไม่ถือ" คีย์หันหน้ามาบอกนาที โดยที่มีเปอร์ยืนพยักหน้าช่วยยืนยันคำพูดคีย์อีกแรง

"เดี๋ยวเถอะทั้งสองคน" นาทีว่าเสียงดุ ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ เมื่อกี้ละเถียงกันจะเป็นอย่างตาย ทีอย่างนี้ละเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย "เลิกทำหน้าทะเล้น แล้วไปเก็บของเลย คุณกรรอนานแล้ว"

"ไม่เป็นไรครับคุณนาที ผมตั้งใจมารออยู่แล้ว" กรบอกกับนาทีด้วยความสุภาพ เพื่อจะบอกให้รู้ว่าเขารอได้จริงๆ

"ผมรู้ครับว่าคุณกรรอได้ แต่ผมก็อยากให้คีย์เลิกงานก่อนเวลา แล้วไปผ่อนคลายตัวเองบ้าง เพราะตั้งแต่เปิดร้านมา ผมยังไม่เห็นคีย์เลิกงานก่อนเวลาเลย ... ยังไม่ไปเก็บของอีกเหรอ" คุยกับกรเสร็จ นาทีก็หันกลับมาดุเพื่อนรักของตัวเองที่ยังยืนหน้างออยู่ที่เดิมอีกครั้ง

"เออๆ ก็ได้ ร้านนี้ใครเป็นเจ้าของกันแน่วะแม่ง ถ้ากูไม่เห็นว่ามึงเปรียบเสมือนแม่กูนะไอ้ที กูไม่ยอมหรอก" บ่นเสร็จคีย์ก็รีบเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อเก็บของทันที

"ฝากพาคีย์ไปทานอาหารอร่อยๆด้วยนะครับคุณกร" นาทีขยิบตาให้กรหนึ่งที ก่อนจะพูดต่อ "เดตให้สนุกนะครับ"

"ขอบคุณครับ"


ใช้เวลาเก็บของไม่นานคีย์ก็เดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้ของตัวเอง จากนั้นก็สั่งงานคนนู้นนิด คนนี้หน่อย ก็เดินออกประตูไป แต่ระหว่างที่กำลังเดินไปยังประตู คีย์ก็ได้ยินบทสนทนาแว่วๆลอยเข้ามาในหู

"น้องทีค่ะ จะว่าพี่ขี้เสือกก็ได้นะคะ แบบว่าคุณกรกับน้องคีย์เขาเป็น แบบ... เอิ่ม... เป็น..." บัวชมพูมีอาการพูดไม่ออก เพราะไม่รู้ว่าต้องถามแบบไหนดีให้ดูไม่หยาบคายและสอดรู้สอดเห็นจนเกินไป

"เป็นแฟนกาน อากรกับอาคีย์เป็นแฟนกานคับ"

ไม่ต้องถามให้หนักใจ ไม่ต้องลุ้นในคำตอบ เพราะ ณ เวลานี้เด็กชายตุลย์ได้ทำหน้าที่กระจายข่าวสารให้อาคีย์ของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนคนเป็นอาอย่างคีย์ก็ได้แต่กู่ร้องอยู่ภายในใจ...

หมูตุ้บบบบบ! เล่นอาคีย์อีกแล้วเหรอ...


.............................................

"คุณซื้อเนื้อไปด้วยสิ ผมอยากกินผัดกะเพราเนื้ออะ"

คีย์พยักหน้ารับ เอื้อมมือไปหยิบเนื้อมาไว้ในรถเข็นที่มีกรคอยเข็นอยู่จำนวนสองแพ็ก

ในตอนแรกกรตั้งใจที่จะพาคีย์ไปกินอาหารอร่อยๆตามที่นาทีแนะนำ แต่เป็นคีย์ที่บอกว่าไหนๆก็เลิกงานเร็วแล้ว อยากที่จะกลับไปทำกับข้าวกินที่ห้องมากกว่า ซึ่งกรก็ไม่ขัดใจอยู่แล้ว ว่าที่เมียว่าไง เขาว่าตาม เดินตามเมีย เขาว่าจะเจริญ

"คุณ ทำกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาด้วยได้ไหม"

"พูดมาขนาดนี้ ถ้าผมไม่ทำให้คงดูใจร้ายน่าดู" แม้ว่าปากจะบ่นเหมือนไม่พอใจ แต่มือก็กำลังเลือกหยิบกะหล่ำปลีเพื่อนำไปผัดให้กรอย่างตั้งใจ

"คุณกรจริงๆด้วย"

เสียงของคนมาใหม่ทำให้กรและคีย์ที่กำลังเลือกกระหล่ำปลีต้องหันไปมอง

"ผมเห็นคุณกรมาแต่ไกลเลย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่คุณกรไหม พอมาใกล้ๆจึงเห็นชัดว่าใช่จริงๆด้วย ดีใจมากๆเลยครับที่ได้เจอกันอีก"

"อ่าครับ คุณเทียน มาคนเดียวเหรอครับ" เพราะว่าเป็นคู่ค้าคนสำคัญของบอส ทำให้กรต้องรักษามารยาทเอาไว้

"ครับ พอดีผมมาซื้อของ แล้วคุณกรล่ะครับ มาคนเดียวเหมือนกันเหรอครับ"

"เปล่าครับ พอดีว่าผม..."

"อ่อ มากับเพื่อนนี่เอง สวัสดีครับ ผมเทียนครับ" เทียนเอ่ยทักทายคีย์ด้วยสีหน้าเป็นมิตร

"ครับ ผมคีย์ครับ" คีย์ทักทายพร้อมยิ้มตอบกลับไปตามมายาทที่ควรจะทำ

"ครับ ... คุณกรทานข้าวหรือยังครับ ถ้าไม่รังเกียจเราไปทานข้าวด้วยกันไหมครับ"

"กรจะกินผัดกะเพราใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคีย์ไปดูใบกระเพราตรงนู้นก่อนนะ" ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดแทรก แต่พอได้ยินคำชวนแบบนั้นมันรู้สึกแสลงหูของคีย์ยังไงชอบกล จนเผลอทำนิสัยไม่ดีออกมา "ถ้ากรคุยเสร็จแล้วเดินตามมานะ จะได้ไม่เสียเวลาซื้อของ เดี๋ยวต้องกลับไปทำกับข้าวอีก มัวแต่ชักช้าได้ทานข้าวเย็นค่ำกันพอดี... ยังไงแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ เชิญคุยกันตามสบายเลย"

"เดี๋ยวก่อนคุณ" กรยื่นมือไปคว้าข้อมือของคีย์ไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไป " ผมต้องขอโทษคุณเทียนด้วยนะครับ พอดีว่าผมมีนัดทานข้าวกับแฟนแล้ว"

"แฟนเหรอครับ" เทียนถามออกไปด้วยสีหน้าจืดเจื่อน ยามเมื่อรู่ว่าคนที่ตัวเองชอบตั้งแต่แรกเจอมีแฟนแล้ว 

"ครับ คีย์เขาเป็นแฟนผมครับ เมื่อกี้ยังไม่ทันแนะนำให้รู้จักเพราะคุณเทียนแทรกขึ้นมาเสียก่อน ถ้ายังไงแล้ว ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ แฟนผมเขาชอบโมโหหิว ผมไม่อยากโดนงอน ไว้เจอกันนะครับ"

กรโน้มตัวลงเล็กน้อยเป็นการขอตัวลา ก่อนจะประสานมือของตัวเองเข้ากับมือของคีย์แน่น จากนั้นก็จับจูงกันไปเลือกซื้อใบกะเพราะที่วางขายอยู่ไม่ไกล ทิ้งให้เทียนมองตามตาละห้อย ด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบในอก

ยังไม่ทันจะได้เริ่ม ก็อกหักซะแล้วเรา ไอ้เราก็ไม่ใช่ประเภทชอบแย่งของใครด้วยสิ นัดเจรจากันครั้งหน้า คงไม่ต้องเลือกชุดให้เหนื่อยแล้วสินะ  เฮ้ออออ...



...............................................................

"เลิกหึงผมได้แล้วคุณ"

"ใครหึงคุณไม่ทราบ หลงตัวเอง"

"แล้วไอ้ที่หน้าบึ้งมาตั้งแต่ที่ห้างจนถึงห้องแบบนี้ หมายความว่าไงครับ"

"ผมแค่หิวเหอะ" คีย์ตอบเสียงขึ้นจมูก คนไม่ยอมรับความจริงยังคงเถียงอย่างไม่ลดละ

"โอเค ไม่หึงก็หึง ไหนคนไม่หึงมานั่งตรงนี้แป๊บนึงสิ"

กรดึงของที่อยู่ในมือคีย์ออกมาตั้งไว้บนโต๊ะภายในครัวแทน จากนั้นก็จูงมืออีกคนให้เดินตามมา แม้ตอนแรกคีย์จะมีอาการอิดออดบ้างตอนที่โดนดึงมือไปเดินตามไป แต่สุดท้ายคีย์ก็ยอมเดินตามไปแต่โดยดี

"ไหนเป็นอะไรบอกผมหน่อย หรือมีอะไรจะถามผมไหม"

"ถามได้?"

"ทุกอย่างที่คุณต้องการรู้"

"ดี! คุณเทียนคนนั้นเป็นใคร แล้วรู้จักกันได้ยังไง เจอกันบ่อยไหม แล้วที่สำคัญ คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณเทียนอะไรนั่นเขาชอบคุณ" คีย์ก็ไม่ได้อยากที่จะงี่เง่า แต่ยามที่เห็นสายตาของคุณเทียนเวลาที่มองมายังกร มันทำให้ใจมันคันยุบยิบ รู้สึกหวงคนตรงหน้าจนอยากจะประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่า ไอ้คนหน้านิ่งๆคนนี้ เป็นคีตกานต์คนนี้คนเดียว

"มาเป็นชุดเลยนะคุณ"

"จะไม่ตอบ?" คีย์เลิกคิ้วถามอย่างเอาเรื่อง

"ใจเย็นสิคุณ ผมก็จะตอบอยู่นี่ไง คุณเทียนเขาเป็นคู่ค้าคนสำคัญของบอส ผมเจอเขาตอนที่ไปคุยงานกับบอส ถามว่าเจอบ่อยไหม ก็บ่อยอยู่นะ...ฟังก่อนสิคุณ อย่าเพิ่งแยกเขี้ยว" กรเอ่ยปรามคีย์ที่กำลังขู่ฟ่อๆเหมือนลูกแมวฝึกหัดอยู่ข้างๆ

"..."

"ผมจะบอกว่าเจอกันเฉพาะเวลามีนัดคุยกันเท่านั้น ไม่เคยเจอนอกเวลางานเลยสักครั้ง มีแค่วันนี้ที่บังเอิญเจอกัน ส่วนเรื่องที่เขาชอบผมนั้น ผมไม่ได้สนใจหรอก ชอบไม่ชอบก็เรื่องของเขา"

"..."

"รู้แค่ว่าผมไม่ได้ชอบเขาก็พอแล้ว และไม่มีวันที่จะชอบเขาด้วย"

"ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย" เมื่อได้รับคำตอบที่น่าพอใจ อารมณ์ครุกกรุ่นในตอนแรกก็เบาบางลงจนอารมณ์กลับมาเป็นปกติดังเดิม

"เลิกหึงผมได้แล้วนะคุณ"

"ก็บอกว่าไม่ได้หึงไงเล่า"

"ไม่หึงเลยเนอะ ก่อนหน้านี้ใครกันนะที่แทนตัวเองว่าคีย์ เรียกผมว่ากร ใครกันน้า~"

"หยุดเลยนะ ห้ามแซว"

"ผมไม่ได้จะแซวสักหน่อย แค่จะบอกว่าน่ารักดี ผมชอบนะเวลาที่คุณหึง" กรขยับหน้าเข้ามาใกล้คีย์ จนปลายจมูกเกือบจะชนกัน

"ถอยออกไปเลยนะ" คีย์เบี่ยงหน้าหลบ พยายามใช้มือดันหน้าของกรให้ถอยห่างออกไป แต่เหมือนว่ามันจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ "อย่าหาเรื่องฉวยโอกาสนะคุณ ตอนที่คุณโมเมว่าผมเป็นแฟนคุณ ผมยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะ"

"โมเมที่ไหนกันคุณ ผมพูดเรื่องจริง"

"เรื่องจริงอะไรใครแฟนคุณไม่ทราบ"

"ตอนนี้ไม่ อีกไม่นานก็เป็น ผมขอเบิกสิทธิ์ล่วงหน้าก่อนไง ขนาดเงินเดือนยังเบิกล่วงหน้าได้เลยนะคุณ"

"ฮึ๋ย คุณนี่มันจริงๆเลย เพี๊ยะ" ด้วยความหมั่นไส้บวกกับตัวเองทำอะไรอีกคนไม่ได้ จึงเลือกที่จะตีต้นแขนอีกคนหนักๆ เพื่อระบายความอัดอั้นลงไป

"โอ๊ย! เจ็บนะคุณ คุณเป็นพวกเขินแล้วชอบใช้ความรุนแรงจริงๆสินะ"

"พูดมาก จะกินไหมข้าวอะ ถ้ากินก็มาช่วยกันทำ"

"เดี๋ยวคุณ ผมยังพูดไม่จบ"

คีย์ที่กำลังลุกยืน โดนกรดึงข้อมือโดยไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้คีย์เซถลาไปนั่งลงบนตักกรพอดิบพอดีเหมือนจับวาง

"ปล่อยนะคุณ" คีย์รู้สึกหน้าร้อนผ่าวอย่างไม่บอกไม่ถูก เมื่อเห็นท่านั่งชวนอายของตัวเอง

"อย่าดิ้นสิคุณ ผมแค่มีเรื่องจะพูดด้วย...เรื่องที่ผมโมเมว่าคุณเป็นแฟนในวันนี้ผมขอโทษ"

"..."

"มันอาจจะทำให้คุณไม่ชอบใจ"

"ก็ไม่ได้ไม่ชอบใจ" คีย์ก้มหน้าพูดออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

"ขอบคุณครับ" กรยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูให้กับท่าทางของคีย์ "แต่ผมอยากจะบอกว่า ไม่ว่ายังไงผมก็จะขอคุณมาเป็นแฟนให้ได้ คุณบอกให้ผมรอผมก็จะรอ"

"..."

"เรื่องที่คุณหึงผมวันนี้ผมดีใจนะ ที่อย่างน้อยๆมันก็ทำให้ผมรู้ว่าคุณก็มีความรู้สึกดีๆให้ผมเหมือนกัน"

"..."

"และผมอยากจะบอกให้คุณรู้ไว้นะ... ไม่ว่าใครกี่คนที่เข้ามาหาผม ผมก็ไม่สนใจหรอก เพราะใจของผมตอนนี้มันเป็นของคุณไปทั้งหมดแล้ว"

"..."

"กรชอบคีย์นะครับ" น้ำเสียงทุ้มห้าวน่าฟังกระซิบอ่อนโยนใกล้ๆกับหูของคีย์ ชวนให้ใจคนฟังในเวลานี้เต้นตึกตักอย่างควบคุมไม่อยู่

"..."

"ไม่สิ ต้องบอกว่า กรรักคีย์นะครับ ถึงจะถูก...กรรักคีย์นะครับ"

คีย์ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับกรแม้แต่น้อย ทำได้แค่เพียงพยักหน้าบอกให้อีกคนรู้ว่าตัวเองรับรู้สิ่งที่อีกคนต้องการที่จะบอกแล้ว และในตอนนี้คีย์รู้สึกว่าตัวเองกำลังเขินกรอย่างหนักจนตัวแทบจะระเบิดกับคำบอกรักของกรที่อยู่ๆก็พูดมันขึ้นมาจนแทบตั้งตัวไม่ทัน

คีย์ใช้เวลารวบรวมความกล้าและสติของตัวเองอยู่ครู่นึงก่อนจะพูดบางอย่างออกมาจนทำให้กรถึงกับหูอื้อไปชั่วขณะ

"ชอบ"

"อะไรนะคุณ" เพราะเสียงที่เบาเกินไปของคีย์ทำให้กรต้องถามย้ำอีกครั้ง

"ชอบกร"

"..."

"คีย์ชอบกร"

"0_0"

"ไม่สิ ต้องบอกว่า คีย์รักกร ถึงจะถูก..."

เพราะคำพูดก่อนหน้าของกรที่บ่งบอกถึงความไม่มั่นใจ เนื่องจากคีย์ไม่เคยเอ่ยคำว่าชอบ ไม่พูดถึงคำว่ารัก ไม่มีการหารือเรื่องสถานะ ปล่อยให้เรื่องมันลื่นไหลไปตามทางของมัน จึงเป็นธรรมดาที่ฝ่ายวิ่งตามจะเหนื่อยล้าและไม่มั่นใจ

ช่วงเวลาที่ผ่านมา กรดีกับเขาเสมอ ดูแลเอาใจใส่  พวกเราต่างเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันมากขึ้น  กรให้เกียรติเขาเสมอ ไม่เคยรีบเร่งจนทำให้เขาอึดอัด

คีย์รู้ตัวเองว่าเขาชอบกร ไม่สิ ต้องบอกว่าหลงรักกรเข้าเต็มๆ แต่ก็ยังทำเป็นปากแข็งไม่ยอมพูดมันออกไป มันเป็นเพราะความกลัวที่มีความเห็นแก่ตัวเล็กๆเข้ามาเป็นส่วนเกี่ยวข้อง

วันนี้คีย์ยังโชคดีที่กรยังเลือกเขาและมั่นคงกับเขาไม่เปลี่ยนแปลง แต่ภายภาคหน้าใครจะรู้ ถ้าเขายังคงปากแข็งและมัวแต่กลัว เขาอาจจะต้องเสียสิ่งดีๆในชีวิตไปจริงๆก็ได้ เพราะใครๆก็อยากได้ความชัดและความมั่นใจ ไม่ใช่ความหวังริบหรี่ที่สร้างขึ้นมาปลอบประโลมตัวเองแต่มองไม่เห็นปลายทาง

เหตุกาณ์ของคุณเทียนในวันนี้อาจจะไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่ทำให้เรื่องราวระหว่างเรามันเปลี่ยนแปลงไป แต่เหตุการณ์เล็กๆเหตุการณ์นี้มันนำพาให้เราทั้งคู่ได้เปิดอกคุยกันและเข้าใจกันมากขึ้น

มันคงถึงเวลาแล้วสินะที่เขาจะต้องตอบแทนความรัก ความทุ่มเท สิ่งที่ดีๆที่กรมอบให้เขามาตลอด

คีย์ยื่นมือทั้งสองข้างไปประคองใบหน้าของกรไว้ เพื่อที่ทั้งตัวคีย์และกร จะได้มองเห็นกันและกันชัดเจน

"คีย์ก็รักกรเหมือนกัน"

จบคำพูดของคีย์ ริมฝีปากบางของคีย์ก็โดนริมฝีปากหนาของกรเข้าครอบครองทันที ไม่เว้นช่องว่างไว้ให้ได้หายใจ แม้จะเคยจูบกันมาแล้วหลายครั้ง แต่จูบครั้งนี้มันช่างมีความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป

ความรู้สึกดีใจ โล่งใจ มีความสุข รักใคร่ ทะนุถนอม ความครอบครอง ทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปเต็มเสียหมด จูบครั้งนี้จึงมีทั้งจังหวะนุ่มนวลชวนเคลิบเคลิ้ม จังหวะเนิบช้าที่ชวนให้หลงใหล หรือจะเป็นบางจังหวะที่ดุดันจน ร้อนแรง จนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว

จุ้บ!

เสียงน่าอายดังขึ้นยามที่ริมฝีปากทั้งสองแยกออกจากกัน

"กรรักคีย์" กรกระซิบบอกคำรักกับคีย์อีกครั้ง ในขณะที่ริมฝีปากยังคงแนบชิดกันอยู่ไม่ห่างไปไหน

"คีย์ก็รักกร"

สิ้นเสียงบอกคำรักของคีย์ ทั้งสองคนเหมือนเป็นแม่เหล็กที่ดูดเข้าหากัน ต่างฝ่ายต่างมอบจูบสุดลึกล้ำให้แก่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร

อ่า~ ดูเหมือนว่าวันนี้เมนูผัดกะเพราคงต้องยกเลิกไปก่อน ปากแตกและบวมเจ่อขนาดนี้ ถ้าจะให้กินผัดกะเพราคงไม่ไหว...ข้าวต้มไปก่อนก็แล้วกัน



..................................................

TBC.

พี่กร ให้น้องไปทำกับข้าวก๊อน เดี๋ยวผักเหี่ยวหมด

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg(ตอนที่ 33) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 22-10-2021 14:16:05
แคนลงตอน 32 33 สองตอนเลยนะคะ ไถ่โทษที่มาผิดเวลาไปสองชั่วโมงกว่าเลย

33
ข่าวลือที่ไม่สิ้นสุด

"แฮ่กๆ ไม่ไหว วิ่งต่อไม่ไหวแล้วจริงๆ"

คีย์ที่วิ่งหนีมาเป็นระยะเวลานาน หยุดวิ่งลงกระทันหัน ก้มตัวใช้มือทั้งสองยันเข่าไว้ ปากอ้าออกกว้างเพื่อที่จะกอบโกยอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

"พี่คีย์ แฮ่กๆ ต้องไหวดิพี่ ไปเร็ว เราต้องรีบหนีกันต่อ ไม่อย่างนั้นพวกเราไม่รอดแน่ๆ"

เปอร์ที่เหนื่อยหอบไม่แพ้กัน เอื้อมมือไปพยุงคีย์ไว้เพื่อไม่ให้คีย์ล้มลงไป ก่อนจะออกแรงดึงเบาๆให้คีย์ออกตัววิ่งต่อ หลังจากที่พักเหนื่อยได้ประมาณสิบวินาที

"ไม่! เปอร์มึงปล่อยกูไว้เถอะ แฮ่ก! ปล่อยให้กูตายตรงนี้ กูไม่ไหวแล้วจริงๆ"

"พี่พูดอะไรของพี่วะพี่คีย์ พี่จะให้ผมปล่อยพี่ให้ตายตรงนี้ได้ยังไง พี่เห็นผมเป็นคนยังไงวะ" เปอร์มีสีหน้ายุ่งยากด้วยความไม่ชอบใจในคำพูดของคนเป็นเจ้านาย

"เปอร์" ได้ยินคำพูดสุดซึ้งจากลูกน้องสุดที่รักที่มักจะกวนตีนอยู่เสมอ คนเป็นเจ้านายแบบคีย์น้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมาจนแทบจะไหลลงอาบแก้ม แววตาที่มองไปยังคงตรงหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งใจ

"ผมไม่ยอมให้พี่โดนจับปรับแพ้ แล้วตีเนียนไปนั่งออดอ้อนพี่กรสบายใจอยู่ภายในบ้านคนเดียวหรอกนะ"

"ไอ้เปอร์!"


วันนี้เป็นวันหยุดที่สมาชิกร้าน keyword cafe ยกขบวนกันมาป่วนที่บ้านของนาที รวมถึงกรกับขุนที่มีงานด่วนที่ต้องคุยกับลมก็หอบเอาเอกสารมาคุยกันที่นี่ด้วยเช่นกัน

บ้านที่เมื่อก่อนเคยดูกว้างสำหรับสองแม่ลูก ตอนนี้กลับดูคับแคบไปถนัดตา

ในช่วงบ่ายที่แดดร่มลมตก หลานชายตัวน้อยของบ้านเกิดอาการงอแงอยากเล่นการละเล่นแบบใหม่ที่ตัวเองเพิ่งเห็นมาจากในทีวี บรรดาอาๆพี่ๆที่ทนทานลูกอ้อนไม่ไหวก็ตามอกตามใจไปตามระเบียบ ทำให้ในตอนนี้บริเวณรอบๆบ้านมีการวิ่งวนและตะโกนกันไปมาไปขาดสาย พื้นที่บ้านก็มีอยู่นิดหน่อย แต่วิ่งเล่นกันเหมือนกับบ้านมีพื้นที่เป็นสิบไร่ก็มิปาน

การเล่นที่บุคคลด้านนอกกำลังเล่นกันอยู่นั่นก็คือ การเล่นตำรวจจับโจร การเล่นไม่มีอะไรซับซ้อนยุ่งยาก ฝ่ายหนึ่งเป็นโจร ฝ่ายหนึ่งเป็นตำรวจ  แบ่งทีมกันง่ายๆโดยวิธีการที่สุดแสนจะคลาสสิกอย่างการโอน้อยออก จากนั้นก็เริ่มวิ่งไล่จับกันได้

ฝั่งโจรในวันนี้ประกอบไปด้วย คีย์ เปอร์ และ...

"หมูตุ้บ ชู่ว์ๆ" คีย์หันไปบอกหลานชายที่ขยับตัวยุกยิกจนเกิดเสียงดังอยู่ข้างๆ ในเวลาที่หลบซ่อนแบบนี้ เราต้องอยู่ให้เงียบที่สุด

"คับ! ชู่ว์เยย ตูนตูนชู่ว์เยย ไม่ฉ่งเฉียงดัง"

เด็กชายที่กำลังส่งเสียงเจื้อยแจ้วบอกคนเป็นอาว่าจะไม่ส่งเสียงดัง ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ตอนนี้เสียงของตัวเองนั้นดังขนาดที่คนเป็นพ่อแม่ที่อยู่ภายในบ้านยังได้ยิน


ส่วนฝั่งตำรวจในตอนนี้ก็กำลังทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมไม่ขาดตกบกพร่อง โดยในทีมประกอบไปด้วยขุนกับวุ้นเพียงสองคน

"สารวัตรค่ะ ดิฉันคิดว่าโจรกลุ่มนั้นต้องหนีไปทางนี้แน่นอนค่ะ ดูจากรอยเท้าแล้ว" ใช่แล้วทุกคนฟังผิด แทนที่จะมีแต่รอยรองเท้า แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยเท้า เพราะผู้เล่นไม่มีใครสวมรองเท้ากันสักคน

"ดีมาก ไปกันเถอะหมวด ก่อนที่พวกนั้นจะหนีไปไกลว่านี้"

"รับทราบค่ะ"

จะเล่นทั้งทีธรรมดาได้ไง ไหนๆก็ไหนๆแล้วทั้งขุนและวุ้นต่างก็ขอแต่งตั้งยศและตำแหน่งให้ตัวเองเสียด้วยเลยจะได้ดูสมจริงมากยิ่งขึ้น

สมบทบาทขนาดนี้หอแต๋วแตกภาค 20 ต้องมาทาบทามแล้วนะ


"รอยเท้าหายไปแล้วค่ะ" วุ้นรายงานด้วยสีหน้าที่สุดแสนจะจริงจัง ในขณะที่หยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากจุดที่กองกำลังโจรที่มีหัวหน้ากองโจรเป็นเด็กสี่ขวบหลบซ่อนอยู่

"อืม แย่หน่อยนะ โอ๊ะ!" ขุนเผลอร้องอุทานออกมาเมื่อล้วงเข้าไปในกางเกงและเจอกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ข้างในนั้น "มีช็อกโกแลตอัลมอนด์ติดกระเป๋ามาห้าชิ้นด้วยเหรอเนี่ย"

"อู้ว ช็อกโกแลต" เด็กชายตุลย์ที่แอบอยู่ใกล้ตกใจตาโตกับช็อกโกแลตห้าชิ้นของขุน จนเผลอส่งเสียงร้องออกมา

"หมูตุ๊บ" คีย์หันขวับเรียกหลานเสียงหลง

"โอ๊ะ!" เด็กชายตุลย์ยกมือปิดปาก ตาโต

"น้องตุลย์ อย่าให้ช็อกโกแลตมาล่อลวงเราได้นะครับ ฮึบไว้ก่อนครับ" เปอร์หันมาบอกเด็กชายตุลย์ด้วยสีหน้าจริงจัง

"คับ!"

เสียงดังไม่มีแผ่วเลยจริงๆโจรน้อยคนนี้...


"หมวด ผมว่าเราไปทางนู้นกันดีกว่า สงสัยทางนี้จะไม่มีคนอยู่แล้ว" ขุนหัวเราะเบาๆให้กับโจรตัวน้อยที่โดนล่อลวงได้อย่างง่ายดายด้วยช็อกโกแลต ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางการเดินไปอีกทางหนึ่ง

"รับทราบค่ะ"

ไม่ต้องถามหาเหตุผลว่าทำไมตำรวจถึงยังจับโจรไม่ได้สักที ก็ในเมื่อตำรวจเห็นเท้าของโจรแล้ว แต่ยังทำเมิน วันนี้ทั้งวันก็ไม่มีทางจับได้ ก็หลานชายของพวกเขายังสนุกอยู่เลยนี่น่า ต่อเวลาอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร ถึงแม้คนเป็นอาๆและพี่ๆแทบจะเป็นลมล้มตึงกันแล้วก็ตาม



ทางด้านห้องครัว

"ทำอะไรอยู่ครับ"

"อ๊ะ! พี่ลม ตกใจหมดเลยครับ"

"พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ แค่กอดเอง"

ลมโอบกอดนาทีที่กำลังยืนล้างผักจากทางด้านหลังแน่น จมูกของคนตัวโตก็ซุกซนขยับเข้ามาสูดดมกลิ่นหอมบริเวณซอกคอของคนในอ้อมกอดราวกับกลิ่นหอมนั้นเป็นสิ่งเสพติด

"ก็มาไม่ให้สุ้มให้เสียงไงครับ ทีตกใจหมดเลย ลูกก็ตกใจด้วยนะครับ "

"โอ๋ๆ ไม่ตกใจนะครับ ป๊าขอโทษนะครับ วันหลังป๊าจะเป็นเด็กดีนะ ฟอด!" ลมลูบท้องของนาทีที่ยื่นนูนออกมาเล็กน้อยเบาๆเป็นการง้อลูกที่อยู่ในท้อง ส่วนคนเป็นแม่ก็ง้อด้วยการหอมแก้มนิ่มแรงๆด้วยความมันเขี้ยวไปหนึ่งที

"พรุ่งนี้หมอนัดใช่ไหมครับ" ลมพูดในขณะที่ยังกอดนาทีไม่ยอมปล่อย คางคมเกยลงกับไหล่บาง

"ครับ"

"นัด 9 โมงใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นส่งลูกเสร็จก็ไปหาคุณหมอกันนะครับ"

"ครับ"

"พี่ตื่นเต้นจัง ที่คุณหมอบอกว่านัดครั้งนี้จะสามารถบอกได้แล้วว่าลูกของเราเพศอะไร"

"พี่ลมมีไว้ในใจไหมครับ ว่าอยากได้หญิงหรือชาย"

"ไม่มีนะครับ จะเพศไหนพี่ก็รักหมดเลย แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็ดีนะ พี่อยากถักเปียให้ลูกตอนไปโรงเรียนวันแรก เจ้าหญิงน้อยของป๊า"

"แล้วถ้าเป็นผู้ชายล่ะครับ"

"พี่ก็จะมัดจุกทรงน้ำพุให้ลูกในวันที่ไปโรงเรียนวันแรกเหมือนที่พี่ชอบมัดตอนเด็กๆครับ พี่ว่ามันเท่มากเลยนะ"

"ฮ่า ฮ่า เป็นคุณป๊าที่น่ารักจังเลยนะครับ" นาทีละมือจากการล้างผักมาลูบแขนของลมเบาๆ นาทีรู้สึกอบอุ่นใจกับคำพูดของลมเมื่อกี้จนอยากจะร้องไห้โฮออกมาเลยทีเดียว


ตั้งแต่เหตุการณ์ร้ายๆผ่านไป ก็ประมาณสองเดือนแล้วเห็นจะได้ อายุครรภ์ของนาทีตอนนี้คือ 20 สัปดาห์ เรียกได้ว่าเดินทางกันมาถึงครึ่งทางแล้ว อาการแพ้ท้องของนาทีมาเยือนช่วงประมาณตอนที่อายุครรภ์ย่างเข้าเดือนที่ 4 เหมือนกับว่าพอรู้ว่าท้องแล้วจิตใจสั่งให้แพ้ท้องอย่างไรอย่างนั้น


ในช่วงที่แพ้ท้องจมูกของนาทีจะมีความไวต่อกลิ่นบางชนิด เสพติดของหวานจนโดนคุณหมอและคุณป๊าของเจ้าตัวน้อยดุ เขาร้องไห้ออกมาเพราะอารมณ์อ่อนไหวทั้งๆที่เป็นการโดนดุที่เบามาก แต่สุดท้ายเขาก็พยายามลดของหวานลง เพราะรู้ดีว่ามันอาจจะเสี่ยงเป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์และจะเกิดอันตรายได้ แต่เพราะคำว่า 'อีกคำนึง' แท้ๆ ที่ทำให้เขามีปัญหาอยู่เรื่อย สุดท้ายก็โดนคุณป๊าของเจ้าตัวน้อยควบคุมเรื่องการกินอย่างเคร่งครัดจนได้


นาทีคิดว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีในเรื่องของการแพ้ท้องมาก ตั้งแต่ครั้งที่ท้องน้องตุลย์แล้วที่เขาจะแพ้ท้องน้อยมาก หรือถ้าแพ้จริงๆก็จะแพ้ไม่นาน แป๊บๆอาการก็จะค่อยๆดีขึ้น อาการอ้วกยามเช้าก็มีจนนับครั้งได้เลย อยากจะขอบคุณเจ้าตัวน้อยสักร้อยครั้งพันครั้งที่เป็นเด็กดีเสียเหลือเกิน อ้อ! ไม่นับสภาพของคุณป๊าตอนแพ้ท้องแทนนะ ตอนนั้นสภาพดูไม่จืดเลย


ส่วนน้องตุลย์ก็กลับไปเรียนตามปกติ เพราะโรงเรียนได้เปิดเทอมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


เรื่องราวอดีตที่อยู่ในใจของนาที ในตอนนี้นาทีปล่อยวางเรื่องราวในอดีตได้มากขึ้นจนแทบไม่รู้สึกอะไรกับเหตุการณ์เหล่านั้นแล้ว นาทีเบี่ยงจุดสนใจมาที่ครอบครัวและปัจจุบันทั้งหมด รวมทั้งกำลังหาช่วงจังหวะดีๆในการบอกเรื่องราวของตัวเองกับลมให้แม่ได้รับรู้ พูดถึงเรื่องนี้ก็อดที่จะกังวลไม่ได้ หลายครั้งเคยคิดไว้ว่าคลอดก่อน แล้วค่อยพาหลานไปหายายดีไหม เผื่อยายเห็นหลานแล้วจะใจอ่อนไม่ฆ่าพ่อของหลาน แต่มันคงเป็นความที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่


ส่วนลมเองก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย มีถามถึงแม่ของเขาบ้างบางครั้งว่าแม่สบายดีไหม ได้โทรหาแม่บ้างหรือยังอาทิตย์นี้ แต่ไม่มีสักครั้งที่จะถามว่าเรื่องของเราควรบอกแม่ไหม ไปหาแม่กันหรือเปล่า เฮ้อ! รู้สึกจะมีเรื่องอ่อนไหวเข้ามาในใจอีกแล้ว

"ทีถอนหายใจทำไมครับ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า" ลมชะโงกหน้าผ่านไหล่เล็กเพื่อจะได้เห็นสีหน้าของนาทีชัดๆ

"เปล่าครับ ทีแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วเผลอถอนหายใจออกมา" นาทียิ้มน้อยๆให้กับสีหน้าที่ดูตื่นตะหนกจนเกินเหตุของลม

"แต่หน้าทีไม่ได้บอกแบบนั้นนะครับ มีเรื่องอะไรคุยกันนะครับ อย่าเก็บไปคิดมากอยู่คนเดียว พี่เป็นห่วง"

นาทีหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับคุณพ่อขี้กังวล วางมือทั้งสองทาบอกหนาเบาๆ จากนั้นก็เขย่งปลายเท้าเล็กน้อย

"จุ้บ! จุ้บ!" จุ้บแรกที่ปลายคาง จุ้บที่สองตรงริมฝีปากหนา "ทีไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับ ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจจริงๆทีจะบอกพี่ลมทันที ตกลงไหมครับคุณป๊า" รอยยิ้มอ่อนหวานถูกส่งให้คนตรงหน้า ยามที่เอ่ยจบ

"ทีทำให้พี่อยากจูบที"

"ก็ไม่ได้ห้ามนะครั...อื้ม"

ริมฝีปากหนาฉกชิมริมฝีปากบางอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่รอให้คนในอ้อมกอดได้พูดจบประโยค

ลมขบเม้มริมฝีปากล่างของนาทีเบาๆ ก่อนจะค่อยๆบดเบียดมันลงไปหนักขึ้น ลมละริมฝีปากออกมาเพียงชั่วพริบตา นาทีอาศัยจังหวะนั้นในการอ้าปากออกเพื่อที่จะกอบโกยอากาศเข้าปอด แต่ไม่ทันไรก็โดนคนตัวโตประกบปากลงมาอีกครั้ง และครั้งนี้ความร้อนแรงและความหนักหน่วงก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ลิ้นร้อนสองลิ้นเกี่ยวพันหยอกล้อกันอย่างรู้งาน ฝ่ายนึงรุก ฝ่ายนึงรับไม่มีขาดตกบกพร่อง น้ำหวานใสปะปนกัน ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าของใครเป็นของใคร ลมกระชับอ้อมกอดนาทีแน่นขึ้น องศาของใบหน้าปรับเปลี่ยนไปตามจังหวะจูบของคนทั้งคู่

"ผมให้จูบเบาๆนะครับ ไม่ใช่หนักหน่วงแบบนี้" นาทีบ่นหน้ายู่ ยามที่ปากของเขาเป็นอิสระ

"กับทีพี่เบาไม่ไหวหรอก ขออีกนิดนะครับ"

"ดะ...อื้ม"

ยังไม่ทันจะพูดคำว่าเดี๋ยวจบ คุณป๊าตัวร้ายก็จัดการปิดปากของนาทีอีกครั้ง แล้วอย่างนี้นาทีจะทำอะไรได้ นอกจากปล่อยเลยตามเลย ยืนให้เขาจูบจนกว่าจะพอใจด้วยความเต็มใจ


"ผมหิวน้ำชะมัดเลยพี่คีย์"

"เออ วิ่งเหนื่อยฉิบหายเลย เหี้ย!"

หนึ่งเจ้านายหนึ่งลูกน้องที่เพิ่งเล่นเสร็จ ต่างต้องตกใจจนตาโตเพราะไม่คิดฝันว่าแค่การที่จะเข้ามาเอาน้ำดื่มจะทำให้เจอฉากเด็ดฉากดีแบบนี้

นาทีที่ได้ยินเสียงของคนมาใหม่ก็รีบผละออกจากลมอย่างรวดเร็ว ยกมื่อขึ้นเช็ดปากของตัวเองที่เปื้อนน้ำลายอย่างลนๆ ส่วนใบหน้าตอนนี้ก็แดงยิ่งกว่ามะเขือเทศสุกเสียอีก

"ละ เล่นกันเสร็จแล้วเหรอ"

"เออ เล่นเสร็จแล้ว เลยกะจะมากินน้ำ แต่ไม่คิดไม่ฝันว่า..."

"หยิบเลย น้ำอยู่ในตู้เย็น คีย์หยิบได้เลย"

"กูรู้ว่าน้ำอยู่ในตู้เย็น มึงไม่ต้องบอกกูก็ได้นะ กูหยิบกินออกจะบ่อย อย่าเขินจนลนดิเพื่อนที" ยิ่งเห็นเพื่อนอาย เราต้องยิ่งซ้ำให้ตัวมันระเบิด นั่นคือสิ่งที่คีย์กำลังคิดอยู่ในตอนนี้

"นั่นสิครับพี่ที เรื่องแบบนี้เรื่องธรรมดา ผมจะทำเป็นมองไม่เห็นนะครับ เชิญเลยครับ เชิญต่อกันตามสบายเลยครับ ผมได้น้ำแล้ว ไม่รบกวนแล้วครับ ขอโทษที่มารบกวนนะครับ"

เปอร์พูดด้วยท่าทางทะเล้นจนคนฟังรู้สึกเขินอายมากกว่าเก่า ไหนจะท่าทางกวนๆอย่างการชูขวดน้ำขึ้นมาแล้วกระตุกยิ้มมุมปากกับการโค้งตัวลงขอโทษนั้นอีก วันนี้อาหารทุกจานเขาจะใส่แคร์รอตลงไปให้หมด

"ฮ่าๆ กูก็ไม่อยู่กวนละ" คีย์ส่งสายตาแซวแกมหยอกให้นาที ก่อนจะหันไปพูดกับลมต่อ "จะทำอะไรเชิญต่อได้ตามสบายเลยนะครับคุณลม ขออย่างเดียว ให้ไอ้ทีมันทำอาหารให้เสร็จก่อนนะครับ พวกผมหิว" ว่าจบคีย์ก็รีบวิ่งออกจากห้องครัวทันที

"พี่ลม!" นาทีที่เห็นว่าคนอื่นๆออกไปหมดแล้ว เอ่ยเรียกชื่อลมเสียงเข้มพร้อมกับส่งสายตาคาดโทษไปให้

"พี่ขอโทษ ก็เมียพี่น่ารักเกินไป ใจพี่ต้านไม่ไหวหรอกนะครับ"

"พี่ลม~" นาทีเรียกคนที่ยืนทำหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมด้วยความอ่อนใจ"ไปอาบน้ำให้ลูกเลยครับ ทีจะทำข้าวเย็น"

"ครับ" ลมรับคำอย่างง่ายดาย

เมียกำลังเพ่งเล็ง ดังนั้นแล้วเราต้องเป็นเด็กดี...



บรรยากาศมื้อเย็นของวันนี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ ห้องครัวที่เคยกว้างก็ดูคับแคบจนแทบจะแออัด เพราะจำนวนแขกที่มากเกินไป แต่ทุกคนก็ไม่ได้ปริปากบ่นอะไรออกมา เพราะการได้ทานข้าวร่วมกัน มันเป็นช่วงเวลาดีๆที่สามารถมองข้ามเรื่องพวกนั้นไปได้

หลังจากทานอาหารเสร็จทุกคนก็มารวมตัวกันนั่งทานผลไม้อยู่ตรงบริเวณส่วนของห้องรับแขก ดีหน่อยที่ตรงส่วนนี้มีพื้นที่มากพอ การรวมตัวของกลุ่มคนเยอะๆจึงดูไม่อึดอัดเหมือนตอนที่นั่งทานข้าวในครัว

ในเวลานี้เด็กชายตุลย์ วุ้น และเปอร์กำลังช่วยกันต่อตัวต่อเลโก้อย่างขมักเขม้นอยู่ตรงบริเวณมุมหนึ่งของห้องรับแขก ส่วน ลม นาที กร คีย์และขุน กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ใกล้ๆ

"คุณดูพุงผมดิ ยื่นออกมาเยอะมาก ผมไม่น่ากินเยอะเลย อ้วนแล้วเนี่ย"

"ไม่เห็นจะอ้วนเลย น่ารักจะตาย" กรยื่นมือไปลูบแก้มคีย์เบา

"ถ้าผมอ้วนแล้วคุณยังจะรักผมอยู่หรือเปล่า" คีย์จับมือกรที่ลูบแก้มของตัวเองไว้ แนบแก้มของตัวเองกับฝ่ามือหนาจนแก้มล้น ปากยู่ พร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนให้กับคนตรงหน้า

"ทั้งชีวิตอุทิศให้เธอ"

"โอ๊ย ขอโทษเถอะครับคุณคิรากร คุณคีตกานต์ พวกคุณทั้งสองไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ เกรงใจอาหารเย็นที่เพิ่งกินไปด้วยครับ"

ขุนที่อดทนฟังวาจาชวนเลี่ยนไม่ไหวถึงกับต้องรีบเอ่ยขัดขึ้นมา ก่อนที่บทสนทนาของคู่รักระหว่าง คุณเจ้าของร้านกาแฟปากร้ายกับนายหน้านิ่ง จะเลยเถิดไปมากกว่านี้

"คนรักกันไม่อิจฉานะครับคุณขุน" ไม่มีแล้วนะครับ คีตการต์ผู้ปากแข็ง ตอนนี้มีแต่คีตกานต์ผู้คลั่งรักเพียงเท่านั้น

"ไม่ปากแข็งแล้วเหรอคีย์"

"โดนจูบทุกวันเอาอะไรมาเแข็งวะเพื่อนที ถ้าเจ่อก็ว่าไปอย่าง เหมือนมึงตอนนี้ไง"

อยากจะแซวเขาแต่ทำไมเหมือนตัวเองโดนเล่นงานกลับซะงั้น แล้วดูคำพูดคำจา ไม่มีคำว่าอายเลยจริงๆสินะ มันน่าจับมาตีปากสักสองที

"อ้อ! จริงสิครับ ผมว่าจะพูดเรื่องนี้ตั้งหลายครั้ง แต่ลืมตลอดเลย"

"เรื่องอะไรเหรอครับ"

"คือผมได้ยินข่าวลือแว่วๆผ่านหูมาบ้างน่ะครับ เรื่องที่คุณทีท้อง"

"ทีท้องแล้วทำไม" น้ำเสียงเข้มๆของลมถามขึ้น

"โธ่ เฮีย คนอื่นเขาพูดกันให้ทั่วว่าคุณทียอมปล่อยตัวปล่อยใจให้ท้องเพื่อหวังจะจับเฮีย เป็นหนูที่ตกถังข้าวสาร"

"พี่ลมทีไม่เป็นไร" นาทีลูบแขนลมเบาๆ เมื่อสัมผัสได้ว่าวงแขนที่กอดเขาอยู่มันกระชับแน่นขึ้นจนรู้สึกอึดอัด "ใครจะพูดอะไรก็เรื่องของเขานะ เดี๋ยวเขาเหนื่อยเขาก็หยุดพูดไปเอง"

"แหม่ พ่อคนดี ดีเหลือเกิน ประเสริฐกว่ามึงไม่มีอีกแล้วไอ้ที ตั้งแต่ครั้งก่อนแล้วแม่ง! พูดแล้วหงุดหงิด มีเพื่อนเป็นคนดีแม่งลำบากใจ"

"คีย์ไม่เคยได้ยินพุทธพจน์ที่ว่า 'นัตถิ โลเก อนินทิ โต คนที่ไม่ถูกด่า ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก'เหรอ เพราะฉะนั้นปล่อยไปเถอะ เก็บมาใส่ใจก็เครียดเปล่าๆ "

"แต่บางครั้งมึงก็ควรออกมาพูดอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องตัวเองบ้างนะ"

"ใช่ครับ เฮียก็ด้วย" ขุนเอ่ยสบับสนุนความคิดของคีย์

"ก็เราอยากอยู่เงียบๆนี่น่า ตราบใดที่พวกเขายังไม่ล้ำเส้นเข้ามา เราก็ไม่อยากทำอะไรให้มันยุ่งยาก ต่างคนต่างความคิด ต่างคนต่างจิตใจ อีกอย่างเราก็ยังไม่เคยได้ยินใครมาว่าเราแบบจังๆเลย อยู่ๆให้ไปแก้ตัวมันจะดูแปลกๆไหม ส่วนที่พี่ลมเงียบเพราะผมเป็นคนบอกให้พี่ลมอยู่เฉยๆเองครับคุณขุน "

"แปลกเหี้ยอะไร! ไอ้ที มึงสนใจบวชสักพรรษาไหมกูเป็นเจ้าภาพให้เอง โอ๊ย! มึงปาหมอนมาทำไมเนี่ย"

"เราไม่พูดกับคีย์แล้ว ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะครับ พี่ลมปล่อยก่อนครับทีจะไปเข้าห้องน้ำ"

"ให้พี่ไปด้วยไหม"

"ห้องน้ำอยู่ตรงนี้เองครับ"

"ไม่ต้องล็อกประตูนะครับ เผื่อมีอะไรพี่จะได้เข้าไปช่วยทัน"

"ครับ"


"เฮียจะอยู่เฉยจริงดิ"

คล้อยหลังนาที ขุนก็ยิงคำถามใส่ลมทันที

"แค่เฮียบอกมา" กรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแววตาของลมที่บ่งบอกว่าตอนนี้มีแผนการบางอย่างเกิดขึ้นแล้วภายในใจ

"ขอบใจ" ลมพยักหน้ากับกรอย่างรู้กัน

ครั้งก่อนที่ลมรู้เรื่องว่ามีคนพูดถึงนาทีในทางที่ไม่ดี ลมก็ตั้งใจที่จะป่าวประกาศถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนาที แต่นาทีก็มาห้ามไว้ บอกให้ปล่อยไป เดี๋ยวคนก็เบื่อที่จะพูดไปเอง แต่ถ้าใครมาถามเราก็ค่อยบอกไป ลมเลือกที่จะตามใจนาทีและแสดงออกผ่านการกระทำของตัวเองแทน ไม่มีปิดบัง เปิดเผย ให้เกียรติ ใครถามเขาก็จะบอกเสมอว่านาทีและน้องตุลย์คือภรรยาและลูกของเขา ซึ่งมันก็จริงอย่างที่นาทีพูด เมื่อเวลาผ่านไปคนก็เบื่อที่จะพูดกันไปเอง

ส่วนครั้งนี้คงเป็นเพราะนาทีท้องขึ้นมาและสถานะความสัมพันธ์ของเขากับนาทียังไม่ได้รับการยืนยันจากปากเขาโดยตรง บางคนรู้เพียงเพราะได้ยินคนอื่นๆพูดต่อๆกันมา  จึงทำให้เกิดประเด็นต่างๆขึ้นมาอีกครั้ง ลมรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบนินทาและสอดรู้สอดเห็น แต่เราก็ต้องยอมรับว่าคนชอบนินทาและสอดรู้สอดเห็นก็มีไม่น้อยเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นตอนนี้คงเป็นจังหวะดีที่จะประกาศให้คนอื่นได้รู้กันแล้วสินะ

แต่ถ้าประกาศกันโต้งๆอาจจะโดนเมียด่า

ถ้าอย่างนั้นก็... อืม เอาแบบนั้นละกัน



..........................................................

TBC.

อย่าเพิ่งเบ้ปากใส่พวกคลั่งรักนะคะ

ตอนนี้ก็จะเรื่อยๆนิดนึงนะคะ

หวังว่าทุกคนจะมีรอยยิ้มจากตอนนี้นะคะ
 ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 22-10-2021 16:15:41
 :z6: :a5: o22
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 22-10-2021 18:03:50
 :mew1: o13 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 22-10-2021 21:38:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 22-10-2021 22:54:26
 :hao5:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 34)โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 23-10-2021 17:20:52
34
ประกาศให้ทราบโดนทั่วกัน


วันเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว ตั้งแต่วันที่ขุนบอกกับนาทีว่าตอนนี้มีข่าวลือแปลกๆระหว่างเขากับคุณลม ในตอนที่ไม่รู้นาทีก็ไม่ได้สนใจรอบข้างสักเท่าไหร่ แต่พอได้รับรู้เรื่องราวแล้ว ความใส่ใจและสังเกตสิ่งรอบข้างมีมากขึ้นกว่าเดิม จึงทำให้พอจะรับรู้ได้ว่ามีเรื่องราวแบบนั้นเกิดขึ้นจริงๆ

อาจจะมีบ้างบางคนที่มองมา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้นาทีรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด ส่วนมากสายตาที่มองมาเป็นสายตาของความอยากรู้อยากเห็นเสียมากกว่า ไม่ใช่สายตาของความเหยียดหยามหรือดูหมิ่น นาทีจึงเลือกที่จะมองผ่านเรื่องพวกนี้ไป

ก่อนหน้านี้ชีวิตของเขาพบเจอปัญหามากมาย แต่ในเวลานี้เขามีความสุขดีในทุกๆเรื่อง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แต่ความคิดแบบนั้นมันก็เป็นความรู้สึกนึกคิดของเขาในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใช่ความรู้สึกในวันนี้ ที่เขารู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกไปกว่าเก่าจนเขาสัมผัสได้และเริ่มไม่สบายใจกับบรรยากาศเหล่านี้

"คีย์ว่า...วันนี้บรรยากาศมันแปลกๆหรือเปล่า" นาทีเอ่ยถามคีย์เมื่อลูกค้าคนล่าสุดเดินจากไปแล้ว

"แปลกยังไงวะ" คีย์ถามในขณะที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการตีฟองนมและชงกาแฟ

"ก็ลูกค้าในร้านเยอะจนผิดปกติ"

นาทีกวาดสายตามองลูกค้าที่นั่งอยู่ภายในร้านอีกครั้ง เขารู้สึกว่าวันนี้ลูกค้าเยอะจริงๆนะ พนักงานบริษัทนี้เขาไม่ทำงานกันหรือไงนะ ทั้งๆที่อีก 5 นาทีก็ถึงเวลาเข้างานคาบบ่ายแล้วแท้ๆ ไหนจะลูกค้าที่กำลังยืนรออยู่อีก จะว่าที่ร้านมีโปรโมชัน 1 แถม 1 ก็ไม่ใช่

"ลูกค้าเยอะๆดีแล้วค่ะพี่ที โบนัสปลายปีจะได้เยอะๆ"

"เท่าเดิมไม่มีปรับเพิ่มนะจ้ะ"

"พี่คีย์ใจร้าย"

"ทั้งสองคนฟังก่อน คือยังไงดี คือพี่รู้สึกว่ามีคนแอบมองมาที่พี่ตลอดเลย พอพี่เงยหน้าไปสบตาบางคนก็หลบสายตา บางคนก็ส่งยิ้มให้ บางคนก็ทักทายพี่เหมือนรู้จักกันมานาน แต่พี่ไม่รู้จักเขาเลยนะ"

"เออ ก็จริงอย่างที่มึงว่านะ เอาจริงๆกูก็รับรู้ได้นะว่าวันนี้มันแปลกๆ หรือผัวมึงใจดีแจกรางวัลเอาใจลูกน้องให้ขยันทำงาน โดยการเลี้ยงกาแฟที่ร้านกูว่ะ"

"หรือว่าพี่คีย์แอบไปเมาที่ไหนมา แล้วเผลอไปทำอะไรแปลกๆมาหรือเปล่าคะ แบบมีคลิปหลุดออกมาให้ดูในยูทูป"

"เฮ้ย ไม่มีทาง พี่ไม่ได้ไปเมาที่ไหนเลยนะช่วงนี้" ปากบอกไม่อย่างหนักแน่นแต่มือรีบเอื้อมไปหยิยโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกดอะไรสักอย่างยุกยิกไปมา

"ทำอะไรคะพี่คีย์" วุ้นชะโงกหน้าดูด้วยความสนใจ

"ถึงพี่จะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรแปลกๆแน่นอน แต่ขอดูเพื่อความสบายใจหน่อยก็แล้วกัน"

"ฮ่าๆ พี่คีย์ วุ้นแค่แซวเล่นเองนะคะ"

"ถ้าพี่บัวมาก็คงดี" จู่ๆนาทีก็เอ่ยถึงบัวชมพูขึ้นมาเสียดื้อๆ

"เกี่ยวอะไรกับพี่บัววะ"

"บางทีเราอาจจะรู้อะไรสักเล็กน้อยเกี่ยวกับความแปลกประหลาดนี้ก็ได้"


กริ๊ง! กริ๊ง!

"พี่ที พี่ที้ พี่ทีๆๆๆๆๆๆๆๆ"

เสียงกระดิ่งดังขึ้น พร้อมกับเสียงเอะอะโวยวายของเปอร์ที่ตะโกนเรียกชื่อของนาทีมาแต่ไกล ทำให้บทสนทนาก่อนหน้าของนาทีหยุดชะงักเพราะต้องหันไปมองคนที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาภายในร้านแทน คีย์เองก็ถือโทรศัพท์ค้างนิ่งไว้ในมือเพราะตกใจกับท่าทางรีบร้อนของเปอร์เช่นกัน

"พี่ที แฮ่กๆ พี่ที"

"มึงจะเรียกพี่ทีๆอะไรหนักหนา แล้วแหกปากตะโกนมาแต่ไกล มึงเกรงใจลูกค้าที่นั่งกันอยู่เต็มร้านบ้าง"

"อ่า ขอโทษนะครับ" เปอร์ยิ้มเจื่อนรีบก้มตัวขอโทษลูกค้าที่นั่งอยู่ภายในร้านทันทีเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเผลอทำตัวเสียมารยาทไปเสียแล้ว

"เปอร์มีอะไรหรือเปล่า กาแฟกับขนมที่ขึ้นไปส่งมีปัญหาเหรอ" นาทีรีบถามด้วยความเป็นห่วง

"กาแฟกับขนมเรียบร้อยดีครับ แต่พี่รู้อะไรไหมพี่ที ตอนที่ผมกำลังกลับจากส่งกาแฟ ผมได้ยินข่าวเด็ดมาด้วยแหละ แป๊บนะครับ"

เปอร์รีบเดินไปยังตู้ที่มีพวกนิตยสาร หนังสือ หนังสือพิมพ์วางอยู่ เมื่อเห็นหนังสือเล่มที่ต้องการ เปอร์ก็เผยรอยยิ้มกว้างรีบหยิบมันขึ้นมาแล้ววิ่งกลับมาหานาทีทันที

"พี่เปอร์อ่านหนังสือธุรกิจแบบนี้ด้วยเหรอคะ ปกติวุ้นเห็นอ่านแต่นิตยสารที่เขาให้ทายอักษรย่อ"

"จิ๊!"

"มาจงมาจิ๊ ไหนเรื่องตื่นเต้นของมึง ถ้าไม่เด็ดพอนะ พ่อจะตัดเงินเดือนให้"

"ผมกลัวว่าพี่คีย์จะต้องเพิ่มเงินเดือนให้ผมแทนมากกว่านะ"

"มันเด็ดขนาดนั้นเลยเหรอวะ"

"โอ๊ะ! เจอแล้ว" เปอร์กางหน้าหนังสือลงบนเคาน์เตอร์เพื่อให้ทุกๆคนมองได้ถนัด

นาที คีย์ และวุ้น ต่างก็ชะโงกหน้าเข้ามาดู ก่อนที่จะทั้งสามคนจะตาเบิกกว้างกับสิ่งที่เห็นในหน้าหนังสือ

"นี่มันพี่ลมหนิคะ" วุ้นจิ้มนิ้วลงไปบนรูปของลมที่อยู่ตรงมุมของหน้าหนังสือ

"รูปพี่ลมไม่ต้องไปสนใจหรอก เพราะความเด็ดมันอยู่ตรงส่วนนี้ต่างหาก" เปอร์ชี้ลงบนบทสัมภาษณ์หนึ่งของลม

ตรงส่วนที่เปอร์ชี้เป็นส่วนของบทสัมภาษณ์บทหนึ่งที่ถามถึงเรื่องราวความรักของลม โดยคำถามก็เป็นคำถามทั่วๆไป หัวใจตอนนี้เป็นอย่างไร มีคนในใจแล้วหรือยัง เรื่องราวจะไม่มีอะไรเลย ถ้าลมจะตอบคำถามแบบธรรมดา อย่างเช่น ครับ ผมมีแฟนแล้ว แต่ครั้งนี้ลมเล่นพูดหมดเปลือกว่ามีภรรยาและลูกแล้ว ลมยังเล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่ต้องห่างกันจนได้กลับมาเจอกันอีกครั้งอีกด้วย แต่เป็นการเล่าถึงอย่างผิวเผินไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมากมาย ทำให้คนอ่านสามารถอมยิ้มตามได้ ยิ่งอ่านไปจนถึงตอนท้ายๆของบทสัมภาษณ์นาทีก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมวันนี้ร้านกาแฟคนถึงเยอะและความรู้สึกแปลกๆนั้น เขาไม่ได้คิดไปเองจริงๆ

"...ภรรยาของผมชอบทำขนมมากเลยครับ ตอนนี้เขาก็กำลังสนุกกับการทำงานในร้านกาแฟที่ชื่อ keyword cafe ทั้งๆที่ตัวเองกำลังตั้งครรภ์อยู่แต่ก็ไม่ยอมหยุดงานเลยครับ เป็นหม่าม้าที่ดื้อมากทั้งๆที่ป๊าอย่างผมก็ออกจะรวยขนาดนี้ (หัวเราะ) ทุกคนกำลังคิดว่าผมอวดภรรยาอยู่ใช่ไหมครับ ผมยอมรับก็ได้ครับว่ากำลังอวดอยู่จริงๆ หากใครอยากลองชิมว่าขนมฝีมือภรรยาผมอร่อยจริงไหม สามารถไปแวะชิมได้นะครับ ร้านตั้งอยู่ตรงชั้น 1 ของบริษัทผมเองครับ แต่ช่วงนี้เขาอาจจะขยับตัวลำบากสักหน่อย ถ้าภรรยาของผมทำอะไรได้ไม่รวดเร็วทันใจ ได้โปรดเห็นใจและอ่อนโยนกับเขาด้วยนะครับ ผมรักภรรยาของผมมาก ถ้าหากเขาโดนรังแก ผมไม่อยู่เฉยแน่นอน หวังว่าจะรับทราบโดยทั่วถึงกันนะครับ"

" กรี๊ด พี่ที วุ้นเขินแทนเลยค่ะ" วุ้นยืนบิดตัวไปมาในตอนที่กำลังคีย์กำลังอ่านบทสัมภาษณ์ของลม ก่อนจะกรี๊ดออกมาเบาๆเพราะทนความเขินไม่ไหว

"โว้ย อิจฉาจริงๆเลยเว้ย ผัวมึงนี่เล่นใหญ่ไม่ธรรมดาเหมือนกันน้า" คีย์กระแซะไหล่ตัวเองกับนาทีเบาๆ "นี่ไงที่มา ว่าทำไมวันนี้ร้านกูคนถึงเยอะจนล้นร้าน เขาอยากมาดูหน้าภรรยาของคุณบอสนี่เอง กิ้วๆ"

"ไม่พูดมากให้เมื่อยปาก พูดครั้งเดียวแต่เคลียร์ชัดทุกประเด็น ที่สำคัญคือรู้เลยว่าพี่ลมรักเมียมาก มีการแอบขายของให้เมียและอวดเมียนิดๆด้วย แต่เหมือนเพื่อนเมียจะได้อานิสงค์ไปเต็มๆ จ่ายค่าโฆษณาให้เขาด้วยนะพี่คีย์"

"หักจากเงินเดือนมึงไง อีกอย่างมึงอ่านดีๆเขาอวดเมียนิดๆที่ไหน พูดเยอะกว่านี้อีกนิดก็จะเกิดการอวยยศเแล้วนะ เหม็นเบื่อพวกคลั่งรักจริงๆเลยเว้ย"

"พี่เหม็นตัวเองด้วยเหรอพี่คีย์"

"ไอ้เชี่ยเปอร์!"

นาทีรู้สึกเขินจนหน้าร้อนผ่าว หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาบดบังหน้าตาของตัวเอง พร้อมกับอ่านบทสัมภาษณ์ของลมซ้ำอีกครั้ง ยิ่งอ่านก็ยิ่งเขิน ยิ่งเขินก็ยิ่งหน้าแดง ไม่ไหว ใจของนาทีไม่ไหวแล้วจริงๆ ใจเต้นแรงจนเจ็บไปหมด

"ว่าแต่พนักงานบริษัทนี้เขาอ่านนิตยสารพวกนี้กันทุกคนเลยเหรอวะ เจ๋งว่ะ"

"เจ๋งอะไรละพี่คีย์ ก็ปากต่อปากส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็คือ พี่จำได้ป้ะตรงทางเข้ามันจะมีบอร์ดไว้ให้พนักงานหรือใครก็ตามแต่ที่มาใช้บริการที่นี่ เขียนระบายสิ่งต่างๆแล้วแปะกระดาษลงไปบนกระดาน ตรงนั้นละ มีบทความของพี่ลมแปะอยู่ตรงกลางเลย ใครไม่เห็นก็บ้าแล้ว" 

"โอ๊ย เหม็นกลิ่นคนคลั่งรัก อะ เขิน เขินเข้าไป กำหนังสือซะแน่นขนาดนั้นมึงไม่ขอหนังสือเล่มนี้กูกลับบ้านด้วยเลยละที"

"ขอบคุณนะคีย์ ใจดีจริงๆเลยน้าน้องคีย์เนี่ย" ลูบหัวเพื่อนรักเสร็จ นาทีก็กลับหลังหันเดินไปยังห้องพักด้านหลังร้านทันที

"ไอ้เหี้ยที กูประชด"



...........................................................

"พี่ลมครับ นี่อะไรครับ"

นาทีกางหน้านิตยสารที่มีบทสัมภาษณ์ของลมให้ลมดู หลังจากที่พวกเขาทั้งหมดกลับมาถึงบ้านและจัดการมื้อเย็นกันเรียบร้อยแล้ว

"อ่อ บทสัมภาษณ์ครับ"

"ทีรู้ครับ แต่ที่ทีถามคือตรงนี้" นาทีชี้ลงตรงจุดที่เป็นสัมภาษณ์เรื่องความรักของลม

"ทีอย่าเพิ่งงอนนะ ฟังพี่ก่อน คือทางนิตยสารเล่มนี้เขาติดต่อพี่มาหลายครั้งแล้ว แล้วช่วงนี้งานพี่ก็ไม่ได้ยุ่งมากก็เลยตอบตกลงไป ส่วนคำถามทีมงานเขาถามมา พี่ก็ตอบไปตามจริง ตอนแรกก็จะตอบสั้นๆ แต่ทีมงานถามว่าลงรายละเอียดอีกนิดหน่อยได้ไหมจะได้ไม่ห้วนเกินไป มันก็เลยออกมาเป็นอย่างที่ทีเห็นครับ พี่ไม่ได้โกหกนะ ทีก็รู้ว่าพี่โกหกไม่เก่ง"

คนโกหกไม่เก่งพยายามทำสีหน้าออดอ้อนจนสุดความสามารถ เพื่อกลบเกลื่อนคำโกหกที่เพิ่งพูดออกไปเมื่อสักครู่ ทางนิตยสารติดต่อมาคือเรื่องจริงแต่มันก็เมื่อนานมากๆแล้ว ส่วนครั้งนี้ลมเป็นคนให้กรไปจัดการเรื่องนี้เอง ส่วนเรื่องคำถามทีมงงทีมงานตั้งคำถามและขอร้องอะไรกัน มีแต่เขาเองนี่แหละที่ย้ำกรนักย้ำกรหนาว่าให้กำชับทีมงานให้ดีเรื่องการถามคำถามและการเขียนบทสัมภาษณ์ลงไป อย่าให้เนื้อหาขาดหายหรือเกินไปเด็ดขาด

ลมไม่ใช่บุคคลที่จะพูดเรื่องส่วนตัวของตัวเองพร่ำเพรื่อ แต่ถ้าได้อวดเมีย เรื่องนี้เขาสู้ตาย

"เดี๋ยวก่อนครับ"

ร่างของคุณแม่ที่ตอนนี้มีพุงยื่นออกมาให้พอสังเกตเห็น เดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆลมเนื่องจากยืนอยู่นานจนรู้สึกเมื่อยขา โดยที่มีสองมือของลมช่วยประคองรองรับ ช่วยจัดท่านั่งให้คุณแม่เสร็จสรรพ

"ทีไม่ได้จะว่าอะไรพี่ลมสักหน่อย เห็นทีเป็นคนยังไงครับเนี่ย"

"ก็พี่เห็นทียืนเท้าสะเอว คิ้วขมวดมองพี่อยู่นี่น่า"

"ทีไม่ได้เท้าสะเอวสักหน่อย ทีแค่ใช้มือประคองหลัง และที่คิ้วขมวดเพราะทีรู้สึกเมื่อยนิดหน่อยครับ"

"ทีเมื่อยเหรอครับ ไหนครับ เมื่อยตรงไหน เดี๋ยวพี่นวดให้" 

"หยุดก่อนครับ" มือของลมจับสะเปะสะปะไปมาจนนาทีต้องจับไว้เพื่อให้มันอยู่นิ่งๆ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เขาจะพูดวันนี้ คงจะไม่ได้พูด "ฟังทีพูดก่อนครับ"

"ครับ"

"ที่ทีถาม ทีไม่ได้จะต่อว่าพี่ลมสักหน่อย ทีแค่อยากจะขอบคุณ"

"ขอบคุณ?"

"ครับ ทีรู้นะว่าพี่ลมไม่ใช่คนประเภทที่จะพูดเรื่องส่วนตัวของตัวเองแบบนี้ แต่ครั้งนี้ที่พี่ลมทำไปก็เพื่อทีใช่ไหมครับ เรื่องที่คุณขุนพูดไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน"

"ก็...ครับ" ลมยอมรับออกมาอย่างจำนน

"ขอบคุณนะครับ" นาทีกุมมือลมไว้แน่น ดวงตาจ้องมองลมแน่วแน่อย่างมีความหมาย "ขอบคุณที่พี่ลมปกป้องที ปกป้องลูก และปกป้องครอบครัวของเรา ขอบคุณที่ทำเพื่อทีขนาดนี้นะครับ ทีอาจจะเห็นแก่ตัวไปบ้างในเรื่องที่บอกให้ทุกคนอยู่เงียบๆเพราะตัวเองไม่อยากวุ่นวาย แถมยังไปบังคับพี่ลมให้อยู่เงียบๆด้วยอีก โดยลืมคิดไปว่าบางครั้งการจัดการปัญหาของแต่ละคนนั่นย่อมต่างกัน ทีขอโทษนะครับ"

"ไม่เป็นไรครับ พี่เข้าใจทีนะ และพร้อมจะเชื่อฟังทีเสมอ ขอแค่ทีบอกมา" ลมใช้มือข้างที่ว่างจากการจับกุม ลูบแก้มของนาทีเบาๆ

"ขอบคุณมากนะครับ"

"ไม่ต้องขอบคุณแล้วครับ เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นตรงนี้ดีกว่าครับ" ลมเอียงแก้มสากให้นาทีพร้อมกับจิ้มแก้มตัวเองซ้ำๆเพื่อบ่งบอกให้นาทีรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร

นาทีหลุดขำออกมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด " ฟอด ฟอด จุ้บ" นอกจากหอมแก้มแล้ว ยังมีการแถมจุ้บตรงริมฝีปากให้คุณป๊าของเจ้าตัวน้อยยิ้มแก้มแตกไปอีกหนึ่งที

"ชื่นใจจังเลยครับ"

"ยิ้มกว้างไปแล้วครับ...จริงสิ พี่ลมรู้ไหมครับ ตอนที่ทีได้อ่านบทสัมภาษณ์ของพี่ลมนะ บอกตามตรงเลยว่าตอนนั้นรู้สึกเขินมากเลยครับ ทียิ้มจนแก้มแทบแตกเลย"

"ฮ่า ฮ่า ขนาดนั้นเลยเหรอครับ"

"ทีพูดจริงๆนะครับ พี่ลมไม่เชื่อทีเหรอ"

"โอ๋ๆ หม่าม้าอย่าทำหน้ายู่สิครับ ป๊าเชื่อสิ ไม่เชื่อหม่าม้าจะให้ป๊าไปเชื่อใคร"

"พี่ลมไม่ต้องมาพูดดีเลย"

"ไหนยิ้มให้พี่ดูหน่อยสิครับ ว่าตอนนั้นทียิ้มกว้างขนาดไหน มันต้องน่ารักมากแน่ๆเลย"

"พอเลยครับ ใครจะไปยิ้มได้กัน อารมณ์ ณ ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันสักหน่อย"

"ถ้าอย่างนั้นให้พี่พูดให้ฟังใหม่ไหมครับ เอาแบบกระซิบเสียงหวานๆข้างๆหู" ลมขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหูของนาที ก่อนที่จะกระซิบเสียงพร่า

"พอเลยครับ ขยับออกไปเลยทีจั๊กจี้" เพราะลมหายใจร้อนผ่าวของลมที่ตกกระทบลงบนใบหู ทำให้นาทีรู้สึกจั๊กจี้จนต้องรีบดันใบหน้าของคนข้างๆให้ถอยออกไป "อื้อพี่ลม อย่าหอม ทีจั๊กจี้"


"ป๊า ป๊า ป๊าคับ"

เสียงเล็กๆของลูกชายดังมาแต่ไกล ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเล็กบอกว่าจะไปหยิบอะไรบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋าโรงเรียนมาให้ดู และตอนนี้ในมือของเจ้าตัวเล็กกำลังถือหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ คุณป๊ากับคุณหม่าม้าที่กำลังสวีตกันเมื่อสักครู่ ต้องรีบผละออกจากกัน เมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา

"น้องตุลย์ไม่วิ่งครับ เดี๋ยวล้ม" นาทีดุลูกชายที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาเบาๆ

"ว่าไงตัวเล็ก"

"ป๊า นี่ป๊าๆ ป๊าอยู่ในนี้" เด็กชายตุลย์ใช้นิ้วป้อมๆของตัวเองชี้ลงไปบนรูปของลมที่ถ่ายลงไว้ในนิตยสารตรงมุมด้านบน

"ใช่ครับ"

"ป๊าหล่อ รูปนี้ป๊าหล่อเหมือนตูนตูนเยย คิกคิก" เด็กชายตุลย์หัวเราะชอบใจให้กับคำพูดของตัวเอง

"เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ลูกชายป๊าหล่อที่สุด ฟอด" ลมอดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงไปหอมแก้มยุ้ยแรงๆหนึ่งที

"น้องตุลย์เอาหนังสือเล่มนี้มาจากไหนเหรอครับ"

"พี่เปอร์กับอาคีย์ให้มาคับ"

"อ่อ"

"อาคีย์บอกว่า ให้ตูนตูนเก็บไว้ดีๆ เอาไว้อ่านตอนโตคับ พี่เปอร์บอกว่าป๊าของตูนตูนเล่นใหญ่ บอกรักหม่าม้าให้คนทั้งประเทศรู้เยย"

"เอ่อ..."

"อาคีย์เลยบอกว่า เก็บไว้น้าตูนตูน เก็บไว้ โตมาจะได้รู้ว่าพวกคั่งรักเป็นยางงาย"

"ทีจะแอบเอาหนังสือเล่มนี้ไปซ่อน" นาทีเอียงตัวมากระซิบเบาๆข้างหูลม ลมที่ได้ยินคำพูดของนาทีก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

"ป๊าขำอารายคับ"

"ไม่มีอะไรครับ"

"หม่าม้าๆ พุ้งนี้ตูนตูนเอาหนังฉือเล่มนี้ไปโรงเรียนด้วยได้ม้ายคับ"

"น้องตุลย์จะเอาไปทำไมครับ"

"เอาปายอวดต้นหญ้ากับเพื่อนๆคับ ว่าป๊าของตูนตูนได้ปายอยู่ในหนังฉือด้วย นะคับ น้า~"

"ก็ได้ครับ"

"เย้~"

ตอนแรกนาทีก็อยากจะเอ่ยห้ามอยู่หรอก แต่พอเห็นท่าทางออดอ้อนกับแววตาที่แสนจะภาคภูมิใจที่ป๊าของตัวเองมีรูปในหนังสือแล้ว มันทำให้นาทีปฏิเสธคำขอนั้นไม่ลง ตอบตกลงไปในที่สุด

"อ้อจริงสิ อาทิตย์หน้าพวกพี่ กร และคีย์ นัดกันไว้ว่าจะมาจัดงานเลี้ยงกันที่นี่ ทีมีความเห็นยังไงบ้างครับ"

"งานเลี้ยงเหรอครับ... อืม จัดได้อยู่แล้วครับไม่มีปัญหา"

"แต่อาจจะมีคนมาเพิ่มคนสองคนนะครับ"

"เพื่อนพี่ลมเหรอครับ"

"จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ"

"ได้ครับทีไม่มีปัญหาอะไร อยากให้ทีทำอาหารอะไรเป็นพิเศษไหมครับ"

"เรื่องอาหารเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีครับ"

"ถ้ายังไงพี่ลมบอกทีล่วงหน้านะ จะได้ไปซื้อของกัน"

"ครับ ขอบคุณมากครับ... แล้วที่บอกว่ารู้สึกเมื่อยตอนนี้ยังเมื่อยอยู่หรือเปล่าครับ"

"ก็นิดหน่อยครับ แต่ทีเมื่อยขา เมื่อยเท้าซะมากกว่า"

"อู้ว เมื่อยเหรอ หม่าม้าเมื่อยหรอ ถ้าเมื่อยต้องบีบๆ ตงไหน หม่าม้าเมื่อยตงไหนคับ" เด็กชายตุลย์เลิกสนใจหนังสือที่มีคุณป๊าอยู่ด้านใน มาสนใจหม่าม้าที่บ่นว่าปวดเมื่อยแทน

"หม่าม้าเมื่อยตรงแก้มมากเลยครับ ถ้าได้น้องตุลย์มาหอมแก้มหม่าม้าสักสิบทีคงจะหายเมื่อย"

"หม่าม้าเอาแก้มมาเยย ตูนตูนหอมหอม ฟอด..."

"อื้อ ชื่นใจ หม่าม้าหายเมื่อยเลยครับ อ๊ะ พี่ลม"

นาทีเผลอร้องด้วยความตกใจ เพราะในขณะที่กำลังหยอกล้อกับลูกชาย ขาของเขาก็โดนลมยกขึ้นไปวางไว้บนตักของลมแทน

"พี่นวดให้ครับ"

"พี่ลมไม่เป็นไรครับ" นาทีพยายามดึงขาตัวเองกลับมา

"หม่าม้าไม่ดื้อนะครับ ปล่อยการนวดให้เป็นหน้าที่ของคุณป๊า ส่วนหม่าม้ามีหน้าที่แค่ผ่อนคลายก็พอครับ"

"ขอบคุณนะครับ"

"ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ"




...............................................................

วันเวลาผ่านไป วันนี้บ้านของนาทีก็มีงานเลี้ยงฉลองขึ้นมาอีกครั้งตามที่ลมเคยบอกไว้ งานเลี้ยงที่จนถึงตอนนี้นาทีก็ยังไม่รู้ว่าจัดขึ้นเนื่องในโอกาสอะไร

ในตอนนี้มีเด็กชายตุลย์และคีย์ที่ช่วยกันประดับตกแต่งห้องรับแขกอย่างขยันขันแข็ง ลูกโป่งก็ถูกประดับตกแต่งไปทั่วห้อง

นี่มันงานเลี้ยงอะไรกันเนี่ย ทำไมถึงได้ดูจริงจังกว่าครั้งไหนๆ

"หมูตุ้บ หยิบลูกโป่งสีขาวให้อาคีย์หน่อยครับ"

"สีขาวหรออาคีย์"

"ครับ สีขาว"

"อาคีย์เอากี่อันคับ"

"อาคีย์ขอ 5 ลูกคับ"

"หนึ่ง ฉอง ฉาม ฉี่ โอ๊ะ อาคีย์ตูนตูนถือห้าอันม่ายไหว ฉี่อันได้ป้าวคับ" เด็กชายตุลย์ที่ยืนหอบหิ้วลูกโป่งสีขาวเต็มแขน ยืนมองหน้าคนเป็นอาอย่างขอความคิดเห็น

"ฮ่า ฮ่า หมูตุ้บเอ้ย สี่ลูกก่อนก็ได้ครับ ขอบคุณนะครับ มาครับมาช่วยอาคีย์ตกแต่งลูกโป่งตรงนี้"

"คับ!"

เด็กชายตุลย์ช่วยอาของตัวเองตกแต่งลูกโป่งบริเวณห้องรับแขกอย่างขยันขันแข็ง อาคีย์บอกให้ทำอะไรเด็กชายตุลย์ก็ทำตามอย่างว่าง่าย มีบ้างที่สมาธิหลุดหรือเผลอทำอะไรตามใจตัวเองไปบ้าง แต่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่ดีแต่อย่างใด เสร็จจากตรงนี้ก็วิ่งไปตรงนู้น จนตอนนี้เด็กชายตุลย์เหงื่อซกเต็มตัว แก้มยุ้ยๆก็แดงก่ำเพราะความร้อนและเหนื่อยหอบจากการวิ่งไปมา


"พี่ที ของที่ให้ไปซื้อมาแล้วครับ" เปอร์ชูถุงที่หิ้วอยู่เต็มสองมือให้นาทีดูพร้อมกับเดินยิ้มร่าเข้ามาหานาที

"ซื้อมาครบตามที่พี่เขียนไปหรือเปล่า"

"พี่ที ระดับผมแล้ว"

"ครบแน่นอน?"

"ไม่แน่ใจครับ"

"..."

"ผมล้อเล่นครับ ครบแน่นอน"

ครั้นเมื่อเห็นท่าทางลิงหลอกเจ้าของเปอร์นาทีก็แทบจะเดินไปเด็ดก้านมะยมมาตีน่องสักที

"คุณนาทีครับ ของพวกนี้ผมเอาไปเก็บในครัวเลยนะครับ"

"ขอบคุณมากครับคุณขุน"

ขุนยิ้มรับแล้วขอตัวเดินเอาของไปไว้ในห้องครัว โดยที่มีเปอร์เดินตามไปติดๆ

"พี่ทีเดี๋ยววันนี้วุ้นเป็นลูกมือให้เองนะคะ"

"ขอบคุณนะวุ้น"

"ไม่เป็นไรค่ะ ไปค่ะ ไปในครัวกัน แล้วพี่ลมกับพี่กรยังไม่กลับกันมาหรอครับ"

"อื้อ แต่อีกเดี๋ยวก็คงจะมากันแล้วหล่ะ เมื่อกี้โทรมาบอกพี่ว่าเพื่อนลงจากเครื่องแล้ว "

"อ่อค่ะ"

 ลมกับกรในเวลานี้ไม่ได้อยู่ช่วยเตรียมของด้วยกัน เนื่องจากทั้งสองคนต้องไปรับเพื่อนที่สนามบิน นาทีจึงคิดเองเออเองว่างานเลี้ยงที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่วันนี้ คงจัดขึ้นเพื่อเป็นการเลี้ยงต้อนรับเพื่อนของลมแน่ๆ สงสัยคงจะเป็นเพื่อนคนที่สำคัญมาก


อ๊อด! อ๊อด!

"ไอ้ที ใครมากดออดหน้าบ้านมึงอ่ะ ออกไปดูดิ"

"พี่ลมหรือเปล่า"

"ผัวมึงจะกดออดทำไมล่ะ"

"คีย์ออกไปดูให้หน่อยได้หรือป้าว เราล้างผักอยู่"

"กูไม่ว่างอะดิ มึงก็ให้ไอ้เปอร์ล้างไปดิ"


อ๊อด! อ๊อด!

"ไปเร็ว เขารอนานแล้ว"

"ก็ได้" นาทีละมือจากการล้างผัก ถอดผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่ออก ก่อนจะรีบเช็ดมือให้แห้งแล้วรีบเดินออกไปด้านนอกอย่างเร่งรีบ

"หม่าม้า ปายไหนคับ" เด็กชายตุลย์ที่เห็นหม่าม้าของตัวเองกำลังเดินอย่างเร่งรีบออกไปหน้าบ้านเอ่ยถามขึ้น

"หม่าม้าจะออกไปดูข้างนอกครับ ว่าใครมา"

"ตูนตูนปายด้วย" เด็กชายตุลย์รีบวิ่งมาจับมือคนเป็นแม่ไว้ "ตูนตูนพาปายคับ หม่าม้าจับมือตูนตูนไว้ดีๆน้า ม่ายต้องรีบๆ เดี๋ยวล้ม ป๊าบอกว่าให้ตูนตูนดูแลหม่าม้าดีๆ"

"ขอบคุณครับ" นาทีมองลูกชายที่ทำหน้าที่แทนคุณป๊าได้อย่างดีเยี่ยมด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจ


อ๊อด! อ๊อด!

"มาแล้วครับๆ"

นาทีส่งเสียงบอกคนด้านนอกก่อนจะเปิดประตูรั้วออกกว้าง ยามที่ได้สบสายตากับแขกที่กำลังยืนส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ นาทีก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

"แม่!"

"อู้ว ปู่นภ! คุณยาย!"




..........................................

TBC

จุนปู่กับจุนยาย มาแล้วจ้า ทั้งสองคนมาทำอะไรกันน้า

ส่วนป๊าลมก็...ไม่มีแผ่วจริงๆ เขารักของเขาอ่ะเนอะ

หวังว่าตอนนี้จะสร้างรอยยิ้มให้กับทุกๆคนได้นะคะ


ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ

น้องมี 37 ตอน นะคะ

หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 23-10-2021 18:02:55
 :bye2: o13
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 23-10-2021 21:34:04
 o13 :mew1:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 24-10-2021 00:37:49
 :hao4:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 24-10-2021 15:21:19
ว้าวๆๆๆๆ เค้าจะจัดงานอะไรกันหรอ ใช่อย่างที่คิดป่าวนะ... คุคุคุ...
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg (ตอนที่ 35) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 24-10-2021 23:02:06
35
หนึ่งวันที่มีความสุข


นี่มันเรื่องอะไรกัน!

นาทีได้แต่นั่งมึนงงอยู่ในดงกลุ่มคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส โดยเฉพาะลูกชายตัวน้อยของเขาที่ดูจะมีความสุขเกินใคร

ในตอนที่เปิดประตูรั้วแล้วเจอกับแม่ของตัวเองที่กำลังยืนส่งยิ้มมาให้ พาลพาใจนาทีแทบหล่น แต่ในจังหวะที่ลูกชายของเขาเรียกชื่อใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆกันกับแม่ เป็นในตอนนั้นเองที่ใจของนาทีได้หล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คิดถึงตอนนั้นแล้วใจยังสั่นไม่หาย

แต่คงจะมีแค่เขาคนเดียวสินะที่ตกใจจนขวัญหนีหาย ส่วนคนอื่นๆนั้น...

"ตูนตูนได้ขึ้นปายเต้นบนเวทีด้วยน้า เดี๋ยวตูนตูนจะเต้นให้ดู ดูน้า ปู่นภดูน้า คุณยายก็ดูด้วยน้า"

"แล้วอาคีย์ดูด้วยได้ป้าวหมูตุ้บ" คีย์เอ่ยแซวหลานชายจอมเห่อที่ขยันโชว์นู่นโชว์นี่ให้คุณปู่กับคุณยายของตัวเองดูไม่หยุด

"ได้คับ ตูนตูนจะเต้นแย้วน้า"

"เจ้ากะต่ายๆ โดดทางขวา เจ้ากะต่ายๆ โดดไปมา เจ้ากะต่ายๆ เต้นสุดมันส์ เจ้ากะต่ายๆ ไปโด้ยก๊านนนน"

เด็กชายตุลย์กระโดดไปมาซ้ายขวา ส่ายสะโพกดุ๊กดิ๊ก เป็นที่เอ็นดูของผู้ใหญ่ทุกคนที่กำลังนั่งมองการแสดงของเด็กชายตัวน้อยอยู่

"...เพงพวกเรานั้นฉะหนุกจัง ดูตูนตูนฉิเต้นเก่งกว่าใคร หนึ่ง ฉอง ฉาม เฮ้ เฮ้ เฮ้ ฉี่ ห้า หก เอ๊ะ กะต่ายตัวที่หกหายเยย" เด็กชายตุลย์ทำท่าเมียงมองหากระต่ายซ้ายขวา "โอ๊ะ นั่นงาย" ก่อนจะปิดการแสดงด้วยการกระโดดแล้วพูดคำว่า "ฮูเร่"

แปะ! แปะ! แปะ!

เสียงปรบมือดังเกรียวกราวราวกับฟ้าถล่ม เปอร์ยกมือขึ้นแสร้งเช็ดน้ำตาของตัวเองเมื่อการแสดงของเด็กชายตุลย์จบลง ราวกับว่าการแสดงชุดนี้เป็นการแสดงสุดยิ่งใหญ่ที่สุดแสนประทับใจจนต้องร้องไห้ออกมา ส่วนคนเป็นปู่เป็นยายก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชื่นชมประทับใจในความช่างพูดและกล้าแสดงออกของหลานชาย


เฮ้อ!... นี่มันเรื่องอะไรกันนะ ไม่มีใครคิดจะอธิบายอะไรเขาสักคน เจอหน้าแม่ นาทีก็ได้แค่พูดคุยกันนิดหน่อย พอจะชวนไปนั่งคุยกันแม่ก็บ่ายเบี่ยงบอกอยากจะคุยกับหลานก่อน ส่วนคุณพ่อของลมนาทีก็ได้แต่กล่าวทักทายยินดีต้อนรับกับพูดคุยด้วยนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น จากนั้นท่านก็ขอตัวไปเล่นกับหลานเช่นกัน ผู้ใหญ่ทั้งสองคนดูสบายๆ ราวกับว่าการมาของตัวเองเป็นเรื่องปกติที่พบเจอได้ในทุกๆ วัน ด้านของลมก็เหมือนจะธุระรัดตัวจนนาทีไม่มีโอกาสได้ถาม เหมือนทุกๆ คนพยายามหลบเลี่ยงเขาเพราะไม่อยากตอบคำถามเลย


ทั้งหมดนั่งพูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อยจากนั้นก็ต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง แม่ของนาที น้องตุลย์ คีย์ วุ้นและเปอร์แยกไปทางฝั่งของห้องครัว คุณพ่อของลม กร และขุนแยกตัวไปนั่งพูดคุยกันยังบริเวณหน้าบ้านที่มีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ ลมแยกตัวขึ้นไปด้านบนได้สักพักแล้ว ส่วนตัวของนาทีนั้นกำลังนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขก เนื่องจากโดนคนเป็นแม่สั่งไว้ว่าห้ามเข้าไปยุ่งวุ่นวายในครัวเด็ดขาด

"มานั่งทำอะไรเงียบๆ คนเดียวตรงนี้ครับ"

"พี่ลม" นาทีเรียกชื่อลมเบาๆ พร้อมกับช้อนตาขึ้นมองลมที่มาหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้าตัวเอง

"ว่าไงครับ" ลมหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆ นาที

"ทีโดนแม่ไล่ให้มานั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนี้ครับ โดนสั่งห้ามเข้าไปช่วยในครัวเด็ดขาดเลย" ได้โอกาสนาทีก็รีบฟ้องลมด้วยสีหน้าง้ำงอยกใหญ่

"คุณแม่เขาเป็นห่วงทีไง เลยอยากให้ทีมานั่งสบายๆ ตรงนี้ ไม่ดีเหรอครับ"

"ไม่เห็นจะดีเลย ทีอยากไปช่วยแม่ทำกับข้าวมากกว่า"

"ถ้าอย่างนั้นถือซะว่านั่งเป็นเพื่อนพี่ได้ไหมครับ"

"พี่ลมไม่ออกไปหาคุณพ่อเหรอครับ"

"ตอนนี้พี่อยากอยู่กับทีมากกว่า"

"ว่าแต่พี่ลมไม่คิดจะบอกอะไรทีหน่อยเหรอครับ ว่าทำไมท่านทั้งสองถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่ครับ ทีงงไปหมดแล้ว"

"อืม...จะว่ายังไงดี พี่เป็นคนบอกให้พ่อของพี่ไปรับแม่ของทีมาที่นี่เองครับ"

"รับแม่ของทีมาที่นี่?"

"ครับ"

"ทำไม?" น้ำเสียงแผ่วเบาของนาทีเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัย

"ก็จะขอลูกชายเขาทั้งทีก็ต้องให้ผู้ใหญ่มาคุยให้ก็ถูกแล้วนี่ครับ"

"หือ?... โอ๊ะ! พี่ลมลงไปนั่งทำอะไรที่พื้นครับ" นาทีที่กำลังงงกับประโยคของลม ถึงกับตกใจเมื่อจู่ๆลมก็ลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นตรงด้านหน้าของตัวเอง

"ทีครับ เรื่องพ่อของพี่กับแม่ของทีพี่จะอธิบายให้ฟังทีหลัง แต่ตอนนี้ทีช่วยฟังสิ่งที่พี่จะพูดหน่อยได้ไหมครับ"

นาทีพยักหน้ารับช้าๆพร้อมกับใจที่กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง

"พี่รู้ว่าพี่อาจจะไม่ใช่คนที่ดีเลิศ ความเห็นแก่ตัวก็มี เอาแต่ใจก็เยอะ ไหนจะเรื่องราวในอดีตที่พี่ได้สร้างบาดแผลไว้ให้ทีอีก"

"พี่ลมไม่เอาครับ ไม่พูดถึงมันแล้วนะ" นาทียื่นมือไปจับหน้าลมเบาๆ

"การที่ทียอมกลับมาคืนดีกับพี่ มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมากเลยครับ ทั้งๆที่พี่ทิ้งทีไปตั้งนานแต่ทีก็ยังให้โอกาส ในตอนที่พี่รู้ว่าน้องตุลย์คือลูกของพี่ ในความรู้สึกคือ พี่ทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน พี่ดีใจที่มีลูกชายน่ารักๆอย่างน้องตุลย์ แต่พี่ก็เสียใจที่ตลอดระยะเวลาที่พี่ทิ้งทีไว้ข้างหลัง ทีต้องลำบากมากขนาดไหนกับการที่ต้องเลี้ยงดูลูกเพียงลำพัง"

"..."

"ขอบคุณมากนะครับที่ดูแลตัวเองและน้องตุลย์มาอย่างดี ทีเป็นหม่าม้าที่เก่งและเข้มแข็งมากเลยรู้ไหมครับ"

"พี่ลม" นาทีเรียกชื่อลมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ดวงตาฉ่ำไปด้วยน้ำตาที่พร้อมจะไหลลงมาเต็มที

"แต่ต่อจากนี้ไปขอให้พี่เป็นคนดูแลที ดูแลน้องตุลย์ รวมทั้งเจ้าแฝดทั้งสองหน่อที่อยู่ในท้องด้วย ได้ไหมครับ"

ลมจ้องมองไปยังหน้าท้องของนาทีที่ป่องออกมาเพราะมีลูกของเขาสองคนอยู่ด้านในนั้น ในตอนที่ไปหาคุณหมอตามนัดและคุณหมอบอกว่าเขาได้ลูกแฝด ช่วงเวลานั้นมันเป็นอะไรที่พูดไม่ออกจริงๆ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งจากคุณพ่อลูกหนึ่งมาเป็นคุณพ่อลูกสามได้เร็วขนาดนี้

"น้องทีครับ" ลมมองสบดวงตาของนาทีด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง

"..."

"น้องทีแต่งงานกับพี่ลมนะครับ"

กล่องกำมะหยีสีแดงถูกยื่นมาตรงหน้าของนาที ภายในบรรจุแหวนเงินเรียบๆ มีเพชรเม็ดเล็กๆตรงกลางอย่างสวยงามสองวง

"พี่ลม~"

"ว่าไงครับ น้องทีจะให้เกียรติมาแต่งงานกับพี่ลมได้ไหมครับ" ลมถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มพร้อมกับส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้นาทีได้ใจสั่นเล่น

"ให้เกียรติอะไรกันละครับ พี่ลมนี่จริงๆเลย" นาทีเขินหน้าแดงจัดพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมา เขาจะไม่ยอมให้ภาพตรงหน้ามันพร่าเบลอเพราะน้ำตาแน่ๆ เขาอยากเห็นหน้าของลมชัดๆ

"หม่าม้าอย่าเพิ่งร้องไห้ ตอบป๊าก่อนสิครับ แหวนของป๊ารอหม่าม้าอยู่นะ"

นาทีโน้มใบหน้าลงไปใกล้ๆกับใบหน้าของลม มือสองข้างโอบแก้มสากไว้ ก่อนจะส่งยิ้มหวานเยิ้ม ดวงตาสุกใสให้คนตรงหน้า

"แต่งครับ น้องทีตกลงแต่งงานกับพี่ลมครับ"


ปุ้ง! ปุ้ง! ปุ้ง!

"เย่! เย่! เย่!"

สิ้นเสียงตอบรับของนาที บุคคลทั้งหมดที่อยู่ภายในบ้านก็รวมตัวกันเดินมายังบริเวณที่ลมและนาทีนั่งอยู่ โดยที่ในมือถือพลุกระดาษกันคนละอัน ก่อนจะดึงจุกออกจนเกิดเสียงดังพร้อมกับกระดาษที่ปลิวว่อนกระจุยกระจายและตามมาด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของทุกๆคน

"ไอ้ทีเอ้ย! กว่าจะตกลงได้นะมึง"

"พี่ทีจะมีผะ...เอ้ย จะมีสามีอย่างเป็นทางการแล้ว"

"วุ้นดีใจด้วยนะคะพี่ที"

"ผมดีใจด้วยนะเฮียลม ขอบคุณนะครับคุณนาทีที่ยอมแต่งงานกับเฮียของผม"

"ยินดีด้วยนะครับทั้งสองคน"

"พ่อยินดีต้อนรับลูกสะใภ้อย่างเป็นทางการนะ"

"มาเป็นลูกชายแม่อีกคนนะลม"

ลมพยักหน้ารับคำพูดของคุณแม่นาที ก่อนจะหลุดขำให้กับท่าทางที่ตื่นเต้นจนเกินไปของคนอื่นๆแทน ส่วนนาทีนั้น น้ำตาได้เอ่อคลอเต็มดวงตาอีกครั้งด้วยความซึ้งใจ

"อู้ว แหวนฉวยจัง แหวนป๊าหรอคับ" เด็กชายตุลย์เดินเข้าไปหาคนเป็นพ่อ พร้อมกับก้มดูแหวนด้วยความสนใจ

"ครับ แหวนป๊าเอง ป๊าซื้อมาให้หม่าม้าของน้องตุลย์ครับ"

"หนายๆ มีของตูนตูนม่ายคับ"

"เอ่อ..."

"ม่ายมีหรอคับ ป๊าซื้อให้หม่าม้าคนเดียวหรอ" เด็กชายตุลย์หน้าเศร้าลงทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีแหวนแบบที่คนเป็นแม่มี

"พรุ่งนี้นะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ป๊าพาไปซื้อนะครับ วันนี้ให้หม่าม้าก่อนเนอะ"

"ป๊าซื้อให้น้องด้วยได้ป้าวคับ"

"ได้ครับ ซื้อให้น้องด้วย ของน้องตุลย์และของน้องๆ รวมสามวง โอเคไหมครับ"

"โอเคคับ" เด็กชายตุลย์กลับมายิ้มหน้าบานอีกครั้งเมื่อรู้ว่าตัวเองและน้องๆทั้งสองในท้องของหม่าม้าจะได้แหวนสวยๆเช่นกัน

"ลมสวมแหวนให้น้องสิลูก" แม่ของนาทีที่เห็นว่าลมต่อรองกับลูกชายเรียบร้อยแล้วเอ่ยขึ้น

"ครับแม่...พี่ขอมือข้างซ้ายด้วยครับ"

นาทียื่นมือข้างซ้ายให้ลมอย่าว่าง่าย

"พี่ขอใช้แหวนจองไว้ก่อนนะครับ ไว้เจ้าสองแสบคลอดออกมาเมื่อไหร่เรามาจัดงานแต่งกันนะครับ"

ลมบรรจงสวมแหวนให้นาทีอย่างตั้งใจ เมื่อสวมเสร็จก็ไม่ลืมที่จะก้มลงประทับจูบแหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของนาทีอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เป็นนาทีที่สวมแหวนลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของลมบ้าง และก่อนที่บรรยากาศจะหวานไปมากกว่านี้ เสียงประท้วงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น

"จ๊อก~ จ๊อก~ "

"หมูตุ้บ!" คีย์หันมามองหลานชายพร้อมกับเรียกด้วยความเอ็นดู

"แฮะ ตูนตูนหิ๊ว หิว" เด็กชายตุลย์บอกด้วยท่าทีเขินอาย ซึ่งท่าทีนั้นสร้างความเอ็นดูให้กับคนมองได้เป็นอย่างดี



"จริงเหรอครับป้าดา พี่ลมถึงขั้นคุกเข่าเลยเหรอครับ"

เปอร์ถามด้วยความตื่นเต้น ยามที่ฟังเรื่องเล่าที่แม่ของนาทีเล่าให้ฟัง

"มึงช่วยกลืนข้าวให้หมดแล้วค่อยตกใจได้ไหมเปอร์" คีย์ส่ายหน้าด้วยความระอา มือก็ดึงทิชชู่ส่งให้เปอร์ได้เช็ดปาก

ดารินนั่งมองหนึ่งเจ้านายหนึ่งลูกน้องที่แม้จะเถียงกันทุกคำแต่ก็ดูแลกันตลอดด้วยความเอ็นดู

ในตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันอยู่บริเวณกลางบ้าน ของกินมากมายถูกวางลงบนพื้นที่มีเสื่อผืนหนารองรับอยู่ การทานข้าวมื้อนี้ของพวกเขานั้นเป็นการล้อมวงกันนั่งลงบนพื้น เนื่องจากบ้านของนาทีไม่มีโต๊ะใหญ่พอสำหรับรองรับคนหลายคนขนาดนี้ การนั่งทานบนพื้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ไม่เว้นแม้แต่คนแก่อย่างนภดลและดารินเอง ถึงจะมีปวดหลังไปบ้าง แต่ถ้าเทียบกับความอบอุ่นที่เกิดขึ้น ต่อให้เป็นตะคริวรอบที่ล้านก็ไม่เป็นไร ในส่วนของคนท้องอย่างนาทีนั้น ก็ดื้อรั้นที่จะนั่งบนพื้นด้วยเช่นกัน ในตอนนี้ลมจึงกลายเป็นที่พิงหลังให้กับคนท้องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"จริงสิ เรื่องนี้ลุงเป็นพยานได้ น้องลม เอ้ย! ลมไปคุกเข่าอ้อนวอนมาจริงๆ" นภดลเป็นคนตอบคำถามของเปอร์แทนดาริน

"โธ่ พ่อครับ อย่าหลุดเรียกน้องลมสิครับ หมดกันภาพลักษณ์น่าเกรงขามของผม" ลมโอดพ่อตัวเองเล็กน้อย

"โทษทีๆ บรรยากาศพาพ่อไป" นภดลหัวเราะด้วยความชอบใจ

"ป้าดาครับ แล้วทำไมป้าดาถึงหายโกรธพี่ลมล่ะครับ" เปอร์ยังคงถามต่อ

"อืม... แววตาและความพยายามของลมจ้ะ... แววตาที่มุ่งมั่น จริงใจ ความพยายามที่จะขอโทษและแก้ไขในสิ่งที่ผิด อ้อ ความเสมอต้นเสมอปลายของลมด้วยที่ทำให้ป้าใจอ่อน แต่สิ่งที่เป็นตัวแปรสำคัญคือนาที"

"ทีเหรอครับ" นาทีที่นั่งฟังเงียบๆอยู่นานถามขึ้น

"ใช่ หากเปรียบความสุขของทีเป็นหัวใจที่มีสี่ห้อง หนึ่งห้องทียกให้แม่ สองห้องทีอาจจะให้น้องตุลย์ และแม่มั่นใจว่าส่วนที่ขาดไปห้องนั้นคือลม ถึงทีจะมีความสุขในห้องที่หนึ่งถึงสาม แต่ห้องที่สี่ในบางเวลาอาจทำให้ทีเศร้า แม่ไม่อยากให้ทีเศร้า แม่อยากให้ทีมีความสุขเต็มหัวใจ"

"แม่" นาทีไม่รู้แล้วว่าวันนี้เขาอยากจะร้องไห้ออกมากี่ครั้งแล้ว

"เพราะแบบนั้น แม่เลยบอกกับลมว่า ไปง้อลูกแม่ให้สำเร็จแล้วค่อยกลับมาหาแม่อีกที สุดท้ายลมก็ทำสำเร็จจริงๆด้วย ก็นะ จะไม่สำเร็จได้ยังไงก็ในเมื่อลูกชายเรารักเขามากซะขนาดนั้น เฮ้อ!"

"แล้วที่บอกว่าคุณลุงก็คุกเข่าขอโทษด้วยอันนี้จริงไหมคะ"

"ฮ่า ฮ่า" ดารินหลุดขำออกมา ดวงตาเป็นประกาย "เล่าดีไหมค่ะคุณนภ" ก่อนจะหันไปถามความเห็นจากนภดล

"ฮ่า ฮ่า เรื่องจริงสิ ไม่ใช่แค่ลุงนะที่คุกเข่า ทั้งลุง พี่ชายของลม และลม ต่างก็คุกเข่ากันทุกคน ลุงไม่ได้คิดว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการเสียศักดิ์ศรีแต่อย่างใด ที่ลุงทำไปเพราะรู้สึกอยากจะขอโทษและขอบคุณด้วยความจริงใจเท่านั้นเอง ถ้าไม่ได้คุณดากับครอบครัวช่วยลมไว้ในวันนั้น อาจจะไม่มีลมในวันนี้ก็ได้"

"ในตอนนั้นนะ ป้าหัวใจแทบวาย ลำพังแค่ลมกับพี่ชายเขามาคุกเข่าขอโทษน่ะไม่เท่าไหร่ นี่คนเป็นพ่อเล่นมาคุกเข่าด้วย ป้าคุกเข่าตามแทบไม่ทัน" ดารินเล่าไปขำไปเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น

"เพราะแบบนี้ใช่ไหม แม่เลยไม่สงสัยหรือถามอะไรออกมาในตอนที่น้องตุลย์หลุดพูดถึงป๊าของตัวเอง"

ดารินไม่ได้พูดอะไรออกไป ทำเพียงแค่ยิ้มให้ลูกชายเท่านั้น เพียงเท่านี้นาทีก็เข้าใจแล้ว

"ไม่เห็นมีใครบอกทีสักคน พี่ลมก็ด้วย ปล่อยให้ทีเครียดอยู่ตั้งนาน" นาทีมุ่ยหน้าพูดออกมาด้วยความน้อยใจ

"อย่าโกรธพี่เขาเลย แม่เป็นคนบอกให้พี่เขาเก็บไว้เป็นความลับเองแหละ ก็แม่อยากรู้ว่าลูกชายแม่จะทำอย่างไร จะบอกแม่ตอนไหน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่บอกสักที ขนาดมีหลานแม่ในท้องตั้งสองคนก็ไม่คิดจะบอกแม่สักคำ"

"คือที..."

"ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อยเลยนะ"

"คุณยายอย่าดุหม่าม้าน้า เดี๋ยวน้องตกจาย" เด็กชายตุลย์ที่เห็นว่าคนเป็นแม่โดนดุก็ออกโรงปกป้องทันที

"ค้าบๆๆ ยายไม่ดุแล้วครับ"

เมื่อเห็นว่าหม่าม้าของตัวเองไม่โดนดุแล้วเด็กชายตัวน้อยก็ยิ้มแฉ่งก่อนจะกลับไปสนใจไก่ทอดที่อยู่ในจานต่อ

"แล้วแม่นั่งเครื่องมาคนเดียวไม่กลัวเหรอ"

"คนเดียวอะไรละ แม่มาพร้อมคุณนภ"

"ใช่แล้ว ก่อนหน้าที่ลมจะขอนาทีแต่งงาน พ่อก็ไปสู่ขอนาทีจากคุณดามาเรียบร้อยแล้ว จะทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาผู้ใหญ่ไม่ได้ ต้องคุยกันให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นก็เดินทางมาที่นี่ด้วยกัน อ้อ! ทั้งหมดเป็นแผนของเจ้าลมนะ ถ้าจะด่า ด่าเจ้าลมคนเดียวเลย คนอื่นๆโดนเจ้าลมบังคับกันทั้งนั้น"

นาทีหันขวับไปมองคนเจ้าแผนการอย่างเร็วจนคอแทบเคล็ด

"พ่อครับ" ลมที่เห็นสายตาของนาทีที่มองมาก็อดที่จะโอดครวญใส่คนเป็นพ่อไม่ได้ มีอย่างที่ไหน หาเรื่องให้ลูกโดนเมียด่าอยู่เรื่อย

"แล้วพี่ลมเหนื่อยไหมครับตอนนั้น เทียวไปเทียวมา ง้อทั้งพี่ที ง้อทั้งคุณป้า" เปอร์ยังคงทำหน้าที่เป็นพิธีกรได้อย่างดีเยี่ยม

"ถ้าให้พูดตามจริงก็เหนื่อยนะแต่เป็นเหนื่อยกายเพราะพี่มีงานต้องทำเยอะมาก บางทีแทบไม่ได้นอนเลย ส่วนเหนื่อยใจพี่ไม่เคยเหนื่อยเลย ไม่เคยคิดท้อหรือยอมแพ้ด้วย"

"พี่ลมรักพี่ทีมากเลยนะคะ"

"เพราะพี่ทีและหลานๆของวุ้น คือดวงใจของพี่"

"พี่ลม อย่าพูดอย่างนี้วุ้นเขินไม่ไหว ขอภาพผู้ชายนิ่งขรึมกลับคืนมาเถอะค่ะ วุ้นแพ้แบบนี้"

ในเวลานี้ไม่ได้มีแค่วุ้นที่แพ้ลมเพียงคนเดียวหรอก นาทีเองก็เขินแก้มแตกไม่ต่างกัน

"กินดีๆสิคุณ เลอะหมดแล้ว"

"เลอะตรงไหนอ่ะคุณ เช็ดให้หน่อย" คีย์รีบยื่นหน้าไปให้กรเช็ดให้

"คู่นั้นยังไงดี ไปขอเลยไหมกร ไหนๆอาก็อยู่นี่พอดี" นภดลเอ่ยหยอกคู่รักอีกคู่ที่ดูจะหวานแหววไม่แพ้กัน

"ครับ รบกวนด้วยนะครับ"

"แค่กๆๆๆ" คีย์สำลักน้ำต้มยำไอหน้าดำหน้าแดง จนกรต้องคอยลูบหลังและส่งน้ำให้ ซึ่งท่าทางของคีย์เรียกร้อยยิ้มจากผู้ชายหน้านิ่งได้ง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ

"จริงสิพ่อ ผมอยากจดทะเบียนกับน้องก่อน ส่วนงานแต่งค่อยจัดตามทีหลัง พ่อว่าผมไปจดวันไหนดี"

"ไปจดวันที่เขาทำงานสิ ไปเสาร์อาทิตย์เขาไม่ทำงานกัน จะได้จดไหมล่ะ ถามอะไรแปลกๆนะน้องลม"

ลมนั่งอึ้งให้กับคำตอบของพ่อตัวเอง ซึ่งต่างจากคนอื่นๆที่หลุดขำออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

และจากนั้นทุกคนก็ต่างพูดคุยกันต่อชนิดที่ว่าไม่มีเหนื่อยเลยสักนิด เด็กชายตุลย์หลังจากที่กินอิ่มก็เขยิบตัวเองมานั่งใกล้ๆ คุณปู่คอยออดอ้อนจนคนเป็นปู่ใจเหลวเป็นน้ำ อยากที่จะยกมรดกให้หลานทั้งหมดมันเสียเดี๋ยวนี้



"พี่ลมครับ" นาทีที่เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วเอ่ยรั้งลมเอาไว้ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเดินกลับไปร่วมวงกับคนอื่นๆต่อ

"ครับ"

"ก่อนจะกลับไปหาคนอื่นๆ ขอทีพูดอะไรหน่อยได้ไหมครับ"

"ได้ครับ"

"ทีขอบคุณนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง ทีไม่รู้จะขอบคุณพี่ลมยังไงให้สมกับสิ่งที่พี่ลมทำให้เลย"

ทั้งเรื่องของแม่ที่นาทีเครียดมาตลอดและมีแอบน้อยใจว่าลมมองข้ามไป แต่ทุกอย่างดันผิดคาด ลมให้เกียรติเขา ให้เกียรติแม่ของเขามาก ไหนจะการที่คอยดูแลทั้งเขาและลูก ไหนจะความพยายามในเรื่องต่างๆอีก มันทำให้นาทีรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ

"ทีไม่ต้องขอบคุณพี่ครับ ทุกๆอย่างพี่ตั้งใจทำและทำมันด้วยความเต็มใจ ทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อครอบครัวของเรา"

"พี่ลม"

เพราะความรู้สึกที่อัดแน่นกันมากเกินไปทำให้น้ำเม็ดใสไหลออกจากตาของนาทีอย่างง่ายดาย นาทีพยายามแล้ว พยายามที่จะไม่ร้องไห้ออกมา แต่วันนี้มันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน น้ำตาที่ไหลอยู่นี้ก็เป็นน้ำตาของความสุขไม่ใช่ความทุกข์แต่อย่างใด

"นาทีไม่ร้องครับ" ลมเช็ดน้ำตาที่อาบสองแก้มแผ่วเบา

"ทีตื้นตันใจจนห้ามมันไม่อยู่แล้วครับ"

"โอ๋ มา พี่กอดนะ ไม่ร้องนะหม่าม้า ป่านนี้ตัวแสบกับตัวซนคงตกใจแย่แล้ว โอ๋ๆ ยิ่งถ้าตัวเล็กมาเห็นทีร้องไห้แบบนี้พี่ต้องโดนดุแน่ๆเลย ไม่ร้องนะครับ"

"พี่ลมก็อย่าโอ๋สิครับ ยิ่งโอ๋ทียิ่งร้องไห้นะ" นาทีบอกเสียงอู้อี้

"งั้นถ้าอย่างนี้ล่ะครับ"

"ยังไ... อุ๊ปส์"

ลมทาบริมฝีปากลงบนริมฝีบางของนาที ก่อนจะขบเม้มเบาๆเป็นการปลอบโยน นาทีที่ตั้งสติได้ก็ปล่อยให้ลมทำตามใจ รสจูบครั้งนี้ของคนทั้งคู่เป็นรสจูบที่หวานปนเค็มแต่เต็มไปด้วยความรักและความสุข มันรู้สึกดีจนทำให้หัวใจพองโต



"เขาสองคนคิดว่าพวกเราจะไม่เห็นพวกเขาจริงๆเหรอครับ" เปอร์กระซิบถามคนอื่นๆในวง

"หมูตุ้บอย่าดูนะ" คีย์ยกมือขึ้นปิดตาของหลานชายไว้ "บัดสีบัดเถลิงจริงๆเลยนะเชียว

"อ่า ไว้ผมจะสั่งสอนลูกชายผมให้ดีกว่านี้นะครับ" นภดลหันไปบอกกับดาริน

"ฮ่า ฮ่า ขอโทษที่ลูกดิฉันยั่วตาใสนะคะ"

จบคำพูดของดาริน เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นพร้อมๆกันอีกครั้ง




.......................................................

"มายืนทำอะไรมืดๆคนเดียวตรงนี้เนี่ยคุณ"

เสียงของผู้มาใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ ทำให้กรต้องรีบโยนบุหรี่ที่คีบอยู่ในมือลงพื้นทันที ก่อนจะใช้เท้าขยี้จนควันและไฟดับมอดจนหมดสิ้น หลังจากกินข้าวเสร็จกรก็ผละตัวออกมายืนสูบบุหรี่อยู่บริเวณหลังบ้าน

"แอบมาพ่นควันใส่ต้นทานตะวันผมอีกแล้วเหรอ น้องจะป่วยอีกหรือเปล่าเนี่ย" คีย์เดินหน้ายู่เข้ามาจับต้นทานตะวันของตัวเองที่ลงปลูกใหม่และกำลังจะเบ่งบานในอีกไม่นานด้วยความเป็นห่วง

กรหัวเราะในลำคอเบาๆให้กับประโยคคำพูดของคีย์ มันทำให้เขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่เราทั้งสองคนยังชอบหาเรื่องทะเลาะกัน โดยในวันนั้นกรโดนคีย์โวยวายใส่เสียยกใหญ่เพราะกลัวว่าควันบุหรี่ของเขาจะไปทำให้เจ้าดอกทานตะวันของตัวเองเป็นมะเร็ง

"ผมไม่ได้พ่นใส่สักหน่อย ลมต่างหากที่พัดพามันไป"

"ยังจะเถียงอีก" คีย์ใช้จมูกดมฟุตฟิตเพื่อพิสูจน์ดูว่ามีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่หรือเปล่า หากใครมาเห็นเขาตอนนี้คงคิดว่าเขาบ้าแน่ๆ แต่จะให้ทำไงล่ะ เขาเป็นคนที่หล่อเลี้ยงน้องให้เติบโตขึ้นมาเลยนะ มันก็ต้องรักเป็นธรรมดา

"เลิกสนใจต้นทานตะวัน แล้วมาสนใจผมดีกว่าไหมคุณ"

"คุณมีอะไรให้น่าสนใจกัน"

"อยากรู้ไหมล่ะ ถ้าอยากรู้คืนนี้ก็ไปนอนค้างที่ห้องผมสิ"

คีย์ยืนหน้าแดงแจ๋ยามที่ได้ยินเสียงทุ้มกระซิบแหบพร่าที่ข้างๆหู ฮึ่ย! คิดดีไม่ได้เลยจริงๆ

"ทะ ทำไมต้องไปนอนห้องคุณด้วยเล่า!"

"ก็...ของที่ต้องใช้มันอยู่ที่ห้องผม"

"นี่คุณ! คิดอะไรทะลึ่งอยู่ใช่ไหม"

"ทะลึ่งอะไรของคุณ ผมหมายถึงผมจะโชว์ฝีมือทอดไข่เจียวให้คุณชิมต่างหาก ผมฝึกฝีมือมาแล้วนะ รับรองอร่อยแน่นอน น่าสนใจไหมล่ะ แต่ถ้า...คุณอย่างลองชิมอย่างอื่น ผมก็ไม่ขัดนะ"

"เลิกซะนะไอ้สายตาเจ้าชู้แบบนี้ ไม่เหมาะกับหน้านิ่งๆของคุณสักนิด"

"แต่ก็ทำให้ใครบางคนแถวนี้หน้าแดงได้"

"ผมร้อนเถอะ" คีย์แยกเขี้ยวขู่กรไปหนึ่งที โทษฐานที่ทำตัวน่าหมั่นไส้จนเกินไป

"แล้วคุณออกมาทำอะไร เดี๋ยวยุงก็กัดหรอก"

"แค่ออกมาสูดอากาศข้างนอกแป๊ปนึง อีกอย่างคืนนี้พระจันทร์ก็สวยด้วย ผมอยากออกมาดูสักหน่อย" คีย์แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เวลานี้มีดวงจันทร์สีนวลงามตากำลังส่องแสงสว่างอยู่

"วันนี้ช่างเป็นวันที่สวยงามจริงๆเลยนะ"

"นั่นสินะ" กรแหงนหน้ามองดวงจันทร์บ้าง ก่อนจะละสายตาจากพระจันทร์ดวงโตที่ส่องสว่างอยู่ตรงหน้า มามองคนที่เปร่งประกายข้างๆแทน

"คุณ" ท่ามกลางความเงียบสงบและสายลมที่พัดผ่าน กรเอ่ยเรียกคีย์ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน

"อื้อ" คีย์รับคำทั้งๆที่ดวงหน้ายังคงมองดวงจันทร์เช่นเดิม

"เป็นแฟนกับผมนะ"

"0.0"

"ผมขอโทษ ที่ผมปล่อยเวลาให้มันผ่านมาเนิ่นนานกว่าที่จะได้พูดประโยคนี้กับคุณ แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมคิดว่าคุณเป็นแฟนผมเสมอมา คิดมาตั้งแต่ที่ผมเริ่มจีบคุณด้วยซ้ำ คีย์ครับ มันไม่สายไปใช่ไหมที่ผมจะพูดประโยคนี้กับคุณ"

"ไม่ ไม่เลย ไม่สาย ไหนคุณถามผมใหม่อีกครั้งสิ"

"คีย์ครับ เป็นแฟนกับกรนะครับ"

"แต่ง! แต่งครับ"

"เดี๋ยวคุณ ผมขอคุณเป็นแฟนนะ" กรหลุดขำให้กับประโยคตอบรับที่สุดแสนจะน่ารักของแฟนตัวเอง

"ไม่เป็นไร ต่อไปก็ต้องขอแต่งอยู่แล้ว ผมตอบตกลงไว้เลย ในหัวผมมีแผนเรื่องการแต่งงานตั้งแต่บอกรักคุณแล้วนะ ผมคิดไว้แล้วว่าไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่ๆ อาจจะไม่ได้แต่งเร็วๆนี้ แต่ยังไงคนที่ผมจะแต่งด้วยต้องเป็นคุณเท่านั้น"

"..."

"จริงสิ สัปดาห์หน้าคุณว่างใช่ไหม เราไปหาป๊าของผมกันนะ" คีย์ทอดสายตามองกรด้วยแววตาออดอ้อนและประกายความหวัง

"ตกลงครับ" กรตอบรับอย่างไร้ความลังเล "สัปดาห์หน้าเราไปหาป๊าของคุณกัน อยากได้ลูกชายเขามาเป็นเมียก็ควรจะเข้าไปพูดคุยกับผู้ใหญ่ให้ถูกต้องสินะ"

"เมียเมออะไรกันเล่า" คีย์เขินใบหน้าแดงก่ำจนลามไปถึงใบหู

"ไม่อยากเป็นเหรอ คีย์ไม่อยากเป็นเมียกรเหรอครับ"

"ก็ ก็ คืนนี้ขอไปนอนห้องคุณด้วยได้หรือเปล่า" คีย์เลือกที่จะไม่ตอบคำถามของกรแต่เปลี่ยนเป็นถามกรเสียงมุบมิบในลำคอแทน แม้มันจะเป็นเสียงที่บางเบาแต่กรก็ได้ยินมันชัดเจน

"ได้สิครับ"กรยิ้มขำให้กับคนตรงหน้าที่ปากกล้าแต่ใจบาง "แต่ก่อนที่จะไปค้างที่ห้องผม คุณช่วยตอบตกลงเป็นแฟนกับผมก่อนเถอะ ได้โปรด"

"เป็นสิ เป็นแน่นอนอยู่แล้ว" คีย์วาดแขนทั้งสองข้างโอบรอบคอของกรไว้ ก่อนจะออกแรงดันเบาๆให้ใบหน้าของกรโน้มลงมาใกล้ๆจนปลายจมูกสัมผัสกัน ส่วนเอวบางของคีย์ก็โดนกรกอดประคองไว้หลวมๆ "นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ผมขอประกาศว่า คีตกานต์ได้เป็นแฟนของคิรากรอย่างสมบูรณ์แบบแล้วครับ"

"ขอบคุณครับ"

ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องแสงสว่างไปทั่วท้องฟ้า ในเวลานี้มีคู่รักคู่หนึ่งกำลังมอบจูบรสหวานซึ้งให้กันและกันท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาอย่างดูดดื่ม โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า เวลานี้มีคนขี้อิจฉาสามคนกำลังเฝ้ามองพวกเขาทั้งคู่อยู่


"อ่า ผมรู้สึกอยากมีแฟนชะมัด"

"นั่นนะสิ ทำไมพี่ถึงยังโสดอยู่นะ"

"วุ้นจะมีโอกาสได้เจอรักดีๆแบบนี้บ้างไหมนะ"

"เฮ้อ!" เปอร์ ขุน และวุ้น หันมาสบตากันเงียบๆ ก่อนจะมองออกไปยังคู่รักที่ยังคงยืนจูบกันอยู่ แล้วถอนหายใจออกมาพร้อมๆกัน

"ลุงก็โสดนะ"

"ป้าก็โสดจ้ะ แต่อยู่คนเดียวก็สบายใจดีนะ"

"เฮ้ย!" สามเสียงร้องประสานพร้อมกันด้วยความตกใจเพราะผู้มาใหม่มาแบบเงียบๆ

"แต่ตูนตูนม่ายโฉดแย้วน้า ตูนตูนมีแฟนแย้ว แฟนตูนตูนชื่อต้นหญ้าคับ"

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

จบประโยคของเด็กชายตุลย์ผู้ใหญ่ทั้งหมดที่ยืนอยู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมๆกัน

ให้ตายเถอะ... นี่พวกเขาแพ้เด็กสี่ขวบจริงๆเหรอเนี่ย... น่าอายชะมัดเลย



.......................................................

TBC.

คนมีคู่ก็หวานกันไป ส่วนแก้งคนโสดก็อิจฉาเขาต่อไปเช่นกันจ้า 555++

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ 

ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 25-10-2021 01:29:11
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg(ตอนที่ 36) โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 25-10-2021 11:49:54
36
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! พวกเราพร้อมแล้วฮะ



"ผ้าอ้อม ผ้าห่อตัว เสื้อผ้า โลชั่น แอลกอฮอล์และสำลี อืม... เหมือนจะยังขาดอะไรอีกสักอย่าง"

"ป๊าๆ ถุงเท้างาย ถุงเท้า ป๊าใฉ่ถุงเท้าปายยังคับ"

"จริงด้วย ป๊าเกือบลืมเลย"

"ป๊าอย่าลืมฉิ อานนี้ตูนตูนซื้อให้น้อง"

"ครับๆๆ จะใส่กระเป๋าให้เดี๋ยวนี้เลยครับ" ลมลูบหัวลูกชายเบาๆ "อืมม...ของใช้ของคุณหม่าม้า ไหนดูสิ เอาชุดไปเพิ่มอีกสักสองชุดน่าจะดี แชมพู สบู่ ยาสระผม ส่วนเอกสารต่างๆครบ สมุดฝากครรภ์ "

"ป๊าๆ ป๊าอย่าลืมชุดคุณหมีของตูนตูนน้า ตูนตูนจะใฉ่ให้น้องดู"

"ป๊าใส่กระเป๋าไว้เรียบร้อยแล้วครับ"

"เย่ ขอบคุณครับ"

นาทีนั่งมองสองพ่อลูกจอมเห่อที่กำลังช่วยกันเตรียมของใช้จำเป็นสำหรับการคลอดลูกอย่างขยันขันแข็งอยู่ตรงบริเวณหน้าตู้เสื้อผ้าก็ได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจ

"พอเลยครับทั้งสองคน เก็บกระเป๋าไว้ที่เดิมแล้วเตรียมตัวนอนได้แล้วครับ"

"แต่พี่ยังจัดของไม่เสร็จเลย"

"พี่ลมจัดมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ ยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ"

"พี่อยากตรวจดูอีกรอบว่าลืมอะไรไปหรือเปล่า"

"วันนี้พอก่อนครับ ดึกแล้ว ถึงเวลานอนของน้องตุลย์แล้วครับ" นาทีบอกเสียงดุ พร้อมกับชี้นาฬิกาบนผนังให้ลมดูว่าตอนนี้มันดึกมากแล้วจริงๆ

"ครับ" ลมที่เห็นว่าดึกมากแล้วจริงๆยอมรูดซิปกระเป๋าแล้วยกไปเก็บที่เดิมแต่โดยดี

"ตัวเล็กไปเร็ว ไปนอนกัน" ลมตะโกนเรียกลูกชายที่กำลังนอนกลิ้งไปมาบนเตียง

เด็กชายตุลย์เมื่อเห็นคนเป็นพ่อยืนรออยู่ตรงหน้าประตูก็รีบลงจากเตียงวิ่งมาจับมือคนเป็นพ่อตัวเองทันที

ตอนนี้เด็กชายตุลย์ได้แยกห้องนอนกับคนเป็นพ่อแม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แรกๆที่ต้องแยกห้องนอนอาจจะมีอาการงอแงบ้าง แต่ตอนนี้เด็กชายตุลย์สามารถนอนคนเดียวได้แล้ว ก็ในเมื่อตอนนี้ตูนตูนเป็นพี่ชายแล้ว พี่ชายต้องเข้มแข็งจะได้ดูแลน้องได้ ดังนั้นการนอนคนเดียวสำหรับตูนตูนแล้ว สบายมาก แค่ก่อนนอนขอให้ป๊าเล่านิทานให้ฟังและให้หม่าม้าจุ้บหน้าผากของเขาก็พอ

"ทีรอที่ห้องนะครับ เดี๋ยวพี่พาลูกไปนอนเอง" ลมหันหน้ามาบอกนาทีที่กำลังเดินตามหลังตัวเองมา

"ไม่ครับ ทีไปด้วย ทีอยากพาลูกเข้านอน"

"แต่..."

"นะครับ พี่ลม น้า" นาทีส่งยิ้มสวยพร้อมกับสายตาที่ออดอ้อนให้กับลม

"เฮ้อ!" แล้วมีหรือที่คนอย่างลมจะต้านทานได้ "เดินดีๆนะครับ"

"ห้องลูกอยู่ตรงข้ามห้องเราเองนะครับ เป็นคุณป๊าที่ขี้กังวลจริงๆ" นาทีบ่นติดขำให้กับความขี้ห่วงของลม

"ก็พี่เป็นห่วง"

"ครับๆๆ ทีรู้ครับ ทีจะเดินระวังๆ จับมือพี่ลมไม่ปล่อยเลยดีไหมครับ" นาทียื่นมือไปจับมือลมข้างที่ว่างจากการกุมมือลูกชายมากุมไว้แน่น

"เก่งมากครับ" ลมยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจให้กับการกระทำของนาที

"จับด้วย ตูนตูนจับหม่าม้าด้วย" เด็กชายตุลย์รีบปล่อยมือจากป๊า มาจับมือของหม่าม้าแทน "หม่าม้าจับแน่นๆเลยน้า ระวังน้า" เด็กชายตุลย์ตีหน้าเข้มบอกคนเป็นแม่

นาทีหลุดขำออกมาด้วยความเอ็นดูให้กับท่าทางของลูกชาย จากตอนแรกที่มีลมอยู่ตรงกลาง ตอนนี้กลายเป็นเขาที่อยู่ตรงกลางแทนโดยที่มีคุณป๊ากับคุณลูกจับมือเขาซ้ายขวาแทน

"ครับ จับแน่นๆเลยครับ ไปครับไปนอนกัน"

นาทีอมยิ้มน้อยๆ เขารู้สึกขบขันกับเหตุการณ์ตอนนี้เสียเหลือเกิน แค่การเดินไปส่งลูกเข้านอน ทำไมมันถึงได้ดูวุ่นวายขนาดนี้นะ นาทีไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าเจ้าตัวเล็กสองคนในท้องลืมตาออกมาดูโลก คุณป๊าอย่างลมและคุณพี่ชายอย่างน้องตุลย์จะเป็นอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่นาทีพอจะคาดเดาได้ นั่นก็คือ ความวุ่นวายที่เพิ่มมากขึ้นเป็นอีกเท่าตัว แต่ก็นะ...ที่ทั้งสองคนทำอยู่ตอนนี้ก็เพราะรักเขากับเจ้าตัวเล็กทั้งนั้น ความวุ่นวายของสองพ่อลูกจึงแปรเปลี่ยนเป็นความน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของนาทีแทน



"ทีเมื่อยเหรอครับ"

เมื่อกลับมาจากส่งลูกเข้านอนเสร็จ นาทีก็มุ่งตรงลงไปนั่งบนเตียงนอนพร้อมกับใช้มือของตัวเองทั้งข้างทุบขาเบาๆ

"นิดหน่อยครับ นิดเดียว" นาทีพูดเสียงอ่อยพร้อมกับประกบนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เข้าหากันเป็นเชิงบอกว่าเขาเมื่อยนิดเดียวจริงๆ แต่ก็มิวายโดยสายตาดุๆของลมมองมาอีกจนได้

"พี่ควรต้องดุคุณหม่าม้าจอมดื้อสักทีดีไหมครับ" ลมว่าพร้อมกับนั่งลงบนพื้นตรงหน้านาที

"พี่ลมไม่ดุซี่"

"ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อนเลยครับ ไหนครับเมื่อยตรงไหน พี่นวดให้" ลมยกเท้าของนาทีขึ้นมาพร้อมกับบีบนวดให้นาทีอย่างตั้งใจ

"พี่ลม ขอบคุณนะครับ" นาทีรู้สึกของคุณลมเสมอที่คอยดูแลเขาดีขนาดนี้

"ทีขอบคุณพี่อีกแล้ว"

"ก็ทีรู้สึกขอบคุณจริงๆนี่ครับ"

"มันเป็นสิ่งที่ทีควรได้รับครับ ทีเสียสละตัวเองตั้งหลายอย่างเพื่อลูกของเรา ดังนั้นการได้รับการดูแลที่ดีจากสามีคือสิ่งที่ทีควรได้รับมันอยู่แล้วครับ พี่บอกแล้วไง ปล่อยให้สามีได้ดูแลภรรยาเถอะนะครับ ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือเกรงใจ ทุกๆอย่างที่พี่ทำลงไปมันคือความเต็มใจและเป็นสิ่งที่พี่อยากจะทำให้ที พี่อยากให้ทีรู้ว่าทีไม่ได้อยู่คนเดียว ทียังมีพี่ที่คอยอยู่ข้างๆนะ"

"พี่ลม" นาทีเรียกชื่อลมด้วยเสียงที่สั่นพร่า พร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นมาจนเต็มดวง

"หม่าม้าจะร้องไห้อีกแล้ว ไม่ร้องสิครับ เดี๋ยวลูกก็ขี้แยพอดี อีกอย่างถ้าทีร้องไห้ตอนนี้พี่เช็ดน้ำตาให้ไม่ได้นะ เพราะนวดเท้าอยู่ เพราะฉะนั้นฮึบไว้นะครับ"

"ครับ ฮึบ ทีจะฮึบไว้" นาทีพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน ทำตามที่ลมบอกอย่างว่าง่าย

"พี่ว่าเล็บเท้าของทียาวอีกแล้วนะ" ลมที่กำลังนวดฝ่าเท้าให้นาทีอยู่บ่นออกมาเบาๆ

"ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวทีค่อยตัดก็ได้ ตอนนี้ยังไม่ยาวเท่าไหร่เลย"

"ไม่ได้ครับ ทีรอพี่แป๊บนะ" ลมบอกพร้อมกับหยัดตัวยืนขึ้น

"พี่ลมจะไปไหนครับ"

"พี่จะไปหยิบกรรไกรตัดเล็บครับ"

"ไม่ต้องหรอกครับพี่ลม" นาทีบอกออกมาด้วยความเกรงใจ

"ทำไมคุณหม่าม้าถึงดื้อจังเลยครับ"

"ก็เล็บเท้ามันสกปรก ทีเกรงใ..."

"ถ้ายังพูดคำว่าเกรงใจออกมาอีกคำเดียวพี่จะลงโทษทีแล้วนะครับ"

"พี่ลมอย่าดุทีนะ" คุณหม่าม้าจอมดื้อหน้ายู่ขึ้นมาทันทีเมื่อโดนคุณป๊าเอ่ยดุ

"ถ้าไม่ดื้อก็จะไม่ดุครับ เพราะฉะนั้น คุณหม่าม้านั่งรอนิ่งๆ ห้ามซนนะครับ"

"ทีไม่ใช่น้องตุลย์สักหน่อย"

"ใช่ ทีไม่ใช่น้องตุลย์ เพราะน้องตุลย์ไม่ได้ดื้อเหมือนกับที"

"พี่ลม!"

ลมหัวเราะให้กับท่าทางขู่ฟ่อๆนาที ก่อนจะเดินไปหยิบกรรไกรตัดเล็บและกลับมานั่งที่พื้นตามเดิม

"อยู่นิ่งๆครับ เดี๋ยวจะเจ็บนะ"

"ฮึก ฮือ ฮึก"

"ทีร้องไห้ทำไมครับ" ลมถามด้วยความตกใจ "พี่ตัดโดนเนื้อเหรอครับ ไหน ขอพี่ดูหน่อย"

"ไม่ ฮึก ทีไม่ได้ร้องไห้เพราะเจ็บ"

"ถ้าอย่างนั้นทีร้องไห้ทำไมครับ"

"ก็พี่ลมดุที วันนี้พี่ลมดุทีหลายครั้งแล้วนะ" เพราะอารมณ์คนท้องที่ค่อนข้างจะอ่อนไหว นาทีที่โดนลมดุหลายๆครั้งก็อดที่จะน้อยใจและร้องไห้ออกมาไม่ได้

"พี่ไม่ได้ดุเลยนะ พี่แค่เห็นว่าเท้าของทีอยู่ไม่นิ่ง เลยกลัวว่าอาจจะพลาดตัดไปโดนเนื้อของทีจนทีเจ็บเท่านั้นเอง"

"ไม่ ฮือ พี่ลมดุที"

"ครับ ดุก็ดุ โอ๋ ไม่ร้องนะครับ ไม่ร้อง ไม่ดุแล้วครับไม่ดุแล้ว พี่ขอโทษ"

"ไม่ พี่ลมไม่ต้องขอโทษ ทีผิดเอง ทีดื้อเอง พี่ลมทำถูกแล้ว ที ฮึก!  ทีไม่ร้องไห้แล้ว ทีเข้าใจ พี่ลมเป็นห่วง แต่มัน มันร้องไห้ออกมาเอง"

ลมยิ้มเอ็นดูให้กับคนตรงหน้า อยากจะยกมือขึ้นลูบหัวคนท้องที่อ่อนไหวเพื่อปลอบโยนแต่ติดตรงที่เขายังไม่ได้ล้างมือ ตอนนี้จึงทำได้เพียงเข้าไปสวมกอดคนท้องไว้หลวมๆพร้อมกับโยกตัวไปมาเบาๆเป็นการปลอบโยนแทน

"เหลือเล็บเท้าอีกข้างนึง ให้พี่ตัดให้เสร็จนะคนดี แล้วเราเข้านอนกัน ทีนั่งนานแล้ว เดี๋ยวจะปวดหลัง นะครับ" ลมผละตัวออกมามองหน้านาทีที่ตอนนี้ดวงตาบวมแดงจากการร้องไห้ พร้อมกับใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดบอกกับคนอารมณ์อ่อนไหวตรงหน้า

นาทีพยักหน้ารับ อนุญาตให้ลมตัดเล็บเท้าของเขาต่อได้ เพราะเขาเองก็เริ่มรู้สึกปวดๆหลังอย่างที่ลมว่าแล้วเช่นกัน



"ไหนเจ้าสองหน่อ วันนี้ไม่บอกฝันดีป๊าเหรอครับ""

ลมที่กลับมาจากการล้างมือและปิดไฟเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่งลงบนเตียงก่อนจะแนบใบหน้าลงกับหน้าท้องของนาทีที่ตอนนี้มันดูโตจนกลัวว่าจะแตกเข้าสักวัน และตั้งแต่ที่ลูกเริ่มดิ้น การพูดคุยกันก่อนนอนระหว่างพ่อกับลูกก็เกิดขึ้นเป็นประจำทุกค่ำคืน

ปึก! ปึก!

"อึก!" แรงถีบของเด็กน้อยที่อยู่ในท้องทำเอานาทีถึงกับต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บและจุก

"เบาๆหน่อยสิครับ หม่าม้าเขาเจ็บนะรู้เปล่า" ลมบอกลูกชายเสียงดุ "ทีเจ็บมากไหมครับ"

"ไม่ครับ"

"ดิ้นกันเบาๆเข้าใจไหมครับ เป็นเด็กดี ห้ามดื้อห้ามซน ห้ามทำหม่าม้าเจ็บนะ เข้าใจไหมเจ้าสองหน่อ"

ปึก! ปึก!

เด็กน้อยราวกับรับรู้คำบอกกล่าวของคนเป็นพ่อ เพราะยามที่คนเป็นพ่อพูดจบ ท้องของนาทีก็โดนถีบจากด้านในสองทีจุกๆเลยทีเดียว

"อึก!"

"ดื้ออีกแล้ว"

"พอแล้วครับ ถ้าพี่ลมยังชวนลูกคุย วันนี้ทีคงโดนลูกเตะจนจุกแน่ๆ เด็กดีทั้งสองคนก็นอนกันได้แล้วนะครับ " ดุคนเป็นพ่อเสร็จ ก็หันมาคุยกับลูกน้อยในท้องต่อ มือเล็กๆของนาทีลูบหน้าท้องของตัวเองเบาๆส่งต่อความอบอุ่นผ่านฝ่ามือของตัวเองและหวังว่าความอบอุ่นจากฝ่ามือจะส่งไปถึงลูกน้อยที่อยู่ในท้อง ให้ทั้งสองคนนอนหลับฝันดี

"ครับ ฝันดีนะเจ้าสองหน่อของป๊า จุ้บ จุ้บ" ลมก้มลงจูบหน้าท้องของนาที และปิดท้ายด้วยการจูบหน้าผากคนเป็นหม่าม้า เพื่ออวยพรให้ทั้งสามคนหลับฝันดีตลอดคืน

แต่การอวยพรของลมดูจะไม่ค่อยศักดิ์สิทธิ์สักเท่าไหร่ เพราะนาทีมักจะตื่นขึ้นมาในตอนกลางดึกตลอดเนื่องจากมีอาการปวดเมื่อย หรือบางครั้งก็เป็นตะคริวจนนอนไม่หลับ ลมรู้สึกสงสารนาทีจับใจ เขาทำได้เพียงคอยดูแลและอยู่ข้างๆเท่านั้น ตั้งแต่วันแรกที่นาทีท้องจนมาถึงตอนนี้ที่ใกล้จะคลอดแล้ว ลมยอมรับเลยว่า...

นาทีของเขาเป็นคุณหม่าม้าที่เก่งมากจริงๆ...




............................................................


"คุณลมไปทำงานด้วยความสบายใจได้เลยครับ ทางนี้เดี๋ยวผมดูแลให้เป็นอย่างดี แบบยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ผมจะตามเฝ้ายันในห้องน้ำเลยครับ"

วันนี้คีย์หยุดงานเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนนาทีที่บ้าน เนื่องจากลมที่หอบงานมาทำที่บ้านตลอดตั้งแต่ที่นาทีเข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ดันมีประชุมสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ครั้นจะให้นาทีเดินทางไปที่บริษัทหรือร้านกาแฟก็คงไม่สะดวก คีย์จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของลม และคีย์เองก็เต็มใจทำหน้าที่เป็นอย่างมาก ซึ่งกว่าจะได้หน้าที่นี้มา คีย์ต้องตบตีกับเปอร์อยู่เป็นเวลานานเลยทีเดียว เพราะเปอร์เองก็อยากทำหน้าที่นี้เช่นกัน

"พี่ลมไปทำงานได้แล้วครับ คุณกรรอนานแล้วนะครับ" นาทีบอกกับคนตัวโตที่ตอนนี้กำลังทำตัวงอแงราวกับเด็กๆ

"แต่พี่เป็นห่วงที" ลมยังคงตัดใจไปทำงานไม่ได้

"ทีรู้ครับ แต่พี่ลมก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบนะครับ คุณป๊าไม่ดื้อสิครับ เดี๋ยวไม่มีเงินเลี้ยงลูกๆนะ"

"ไม่เป็นไรครับ ปู่ของลูกเรารวยมาก"

"แบบนี้ก็ได้เหรอครับ"

"พี่ล้อเล่นครับ ทั้งเมีย ทั้งลูก พี่เลี้ยงได้สบายมาก เกิดอีกสักสิบคนก็ยังเลี้ยงไหว" ลมโอ้อวดตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ

"ครับๆ ทีเชื่อครับ แต่ตอนนี้เลิกงอแง แล้วไปทำงานนะครับ แล้วก็อย่าลืมไปรับน้องตุลย์ด้วยนะครับ"

"ครับ พี่ไปทำงานก่อนนะครับ ถ้าทีรู้สึกไม่ดี แม้จะเป็นความรู้สึกที่น้อยนิด ทีก็ต้องรีบโทรหาพี่เลยนะครับ เข้าใจไหม"

"เข้าใจแล้วครับ" ทีใช้มือประคองหน้าคนตรงหน้า ก่อนจะจับมันส่ายไปมาด้วยความมันเขี้ยว เรียกรอยยิ้มอารมณ์ดีให้กับลมได้เป็นอย่างดี

"ขอกำลังใจหน่อยครับ" ว่าจบก็ยื่นแก้มให้นาทีทันที

"ฟอด ฟอด ตั้งใจทำงานครับ เป็นไงครับกำลังใจเต็มหรือยังครับ"

"เต็มจนล้นเลยครับ ฟอด ฟอด พี่ไปแล้วนะ" ลมผละอ้อมกอดออกจากนาทีด้วยเสียดาย ถึงแม้ลมจะไม่อยากไปทำงานสักนิด แต่ก็ต้องฝืนใจทำ รีบไปรีบประชุมให้เสร็จ แล้วรีบกลับบ้านดีกว่า "กร ไปกัน!" คิดได้ดังนั้นก็หันไปสั่งกรเสียงเข้มทันที

"ครับ... ผมไปแล้วนะคุณ ตอนเย็นเดี๋ยวมารับ อย่าดื้อ อย่าซน ดูแลตัวเองและคุณนาทีให้ดี มีอะไรให้รีบโทรหาผมทันทีเข้าใจไหม"

"เข้าใจแล้วน่า บ่นเป็นตาแก่ไปได้"

"ผมเป็นห่วง" แม้กรจะพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วงจริงๆ

"ครับๆ เข้าใจแล้วครับ คุณก็ตั้งใจทำงานนะครับ เจอกันตอนเย็น"

"ครับ จุ้บ! เจอกันตอนเย็น" กรจูบหน้าผากคีย์เสียงดังจุ้บโดยที่คีย์ไม่ทันได้ตั้งตัว กว่าจะได้สติว่าต้องอ้าปากด่า กรก็เดินห่างไปไกลแล้ว หันไปมองนาทีที่ยืนข้างๆก็ได้รับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มกลับมาชวนให้คีย์รู้สึกเขินเป็นที่สุด

"ยิ้มไรของมึง จะยืนอีกนานไหม เดี๋ยวก็เมื่อยอีกหรอก ไปๆๆ เข้าบ้าน"

"คีย์เป็นประเภทเขินแล้วชอบใช้ความรุนแรงแบบที่เปอร์บอกจริงๆด้วย"

"มึงก็ไปเชื่อไอ้เปอร์มัน"

"ว้าว น้องคีย์เขินน่ารักจัง"

"ไอ้เหี้ยที" คีย์เรียกเพื่อนรักเสียงอ่อน

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า"


วันนี้ทั้งวันว่าที่คุณแม่ลูกสามและเพื่อนรักของเขา ต่างใช้เวลาได้อย่างเรื่อยเปื่อยและเหงาหงอยเป็นที่สุด จะมีช่วงคึกคักก็คงเป็นตอนที่ถึงเวลาการทำอาหารเย็นสำหรับทุกๆคน โดยที่วันนี้คีย์เป็นคนลงมือทำอาหารเอง และมื้อนี้คีย์จะฝากท้องไว้ที่นี่ด้วยเช่นกัน


"หม่าม้าๆ หม่าม้าอยู่หนายคับ หม่าม้าตูนตูนกลับมาจากโรงเรียนแย้วน้า"

เสียงลูกชายที่มาก่อนตัวเรียกร้อยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคนเป็นแม่อย่างนาทีได้เป็นอย่างดี นาทีตั้งใจที่จะประคองตัวเองที่มีท้องโตๆให้ลุกขึ้น แต่เสียงเด็กชายตุลย์ที่อยู่ไกลๆก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

"หม่าม้า ม่ายต้องลุกออกมาน้า เดี๋ยวตูนตูนเดินไปหาหม่าม้าเอง โอ๊ะ! หม่าม้า ตูนตูนเจออาคีย์ในครัวละ หม่าม้ารอก่อนน้า ตูนตูนขออยู่กับอาคีย์ก่อน"

จบคำพูดของลูกชายนาทีก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ลมเดินมาพอดี

"หืม วันนี้ทำไหมคุณหม่าม้าอารมณ์ดีจังเลยครับ"

"ขำลูกหน่ะครับ พี่ลมเป็นไงบ้างครับ วันนี้เหนื่อยไหม" ว่าจบนาทีก็กางแขนออก เพียงเท่านี้ลมก็รู้แล้วว่านาทีต้องการอะไร ลมพุ่งตัวเข้าสวมกอดนาทีทันที

"กลับบ้านมาเจอแบบนี้ก็หายเหนื่อยแล้วครับ ว่าแต่ทีเป็นไงบ้างครับวันนี้"

"วันนี้ปกติดีครับ คีย์ดูแลทีดีมาก แต่ตอนนี้พี่ลมไปดูแลน้องตุลย์ก่อนนะครับ ดูการบ้านลูกด้วยนะว่ามีไหม ถ้ามีให้ลูกทำก่อนเลยนะ ระหว่างที่รอคีย์ทำอาหารเย็น"

"รับทราบครับ เดี๋ยวพี่มานะครับ ฟอด"

"ครับ"



"หมูตุ้บ วันนี้ไปโรงเรียนเป็นไงบ้าง สนุกไหมครับ"

คีย์เอ่ยถามหลานชายในขณะที่พวกเขากำลังนั่งทานมื้อเย็นด้วยกัน

"ฉะหนุกครับ"

"สนุกสิ ต้องพูดว่าสนุก ไหนลองพูดสิ สนุก

"ฉะหนุก"

"สนุก"

"ฉะหนุก"

"โอเคฉะหนุกก็ฉะหนุก"

"คับ สนุกก็สนุก"

"หมูตุ้บ เอาจริงดิ" คีย์ถึงกับร้องโอดครวญเมื่อโดนหลานชายตัวแสบเล่นเข้าให้แล้ว

"คิกคิก"  เด็กชายตุลย์หัวเราะชอบใจที่สามารถแกล้งคนเป็นอาได้

"โดนเด็กเล่นเข้าให้แล้วไหมล่ะคุณ" กรหันไปพูดกับคีย์ที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมกับหัวเราะเยาะออกมา

"เงียบเลยนะคุณ" คีย์มองค้อนกรตาเขียวปั๊ด

"อาคีย์ ตูนตูนหยอกน้า ม่ายโกดน้า ตูนตูนรักงาย เพาะรักจึงหยอก ตูนตูนรักอาคีย์น้า"

"หืม ไปจำคำพวกนี้มาจากไหนเนี่ยหมูตุ้บ"

"พี่เปอร์คับ พี่เปอร์ฉอน" เด็กชายตุลย์บอกด้วยความภาคภูมิใจในตัวพี่ชายของตัวเอง ก็พี่เปอร์ของเขาเก่ง สอนอะไรเขาตั้งหลายอย่าง

"กูบอกมึงแล้วไอ้ที อย่าให้หมูตุ้บกูอยู่กับไอ้เปอร์มาก เป็นไงล่ะ ได้ไอ้เปอร์มาเต็มๆ" คีย์ป้องปากพูดกับนาทีเบาๆ

"น้องตุลย์จะได้เป็นเด็กขี้เล่นไง ไม่ดีเหรอคีย์" นาทีว่าขำๆ

"อ่ะจ้า แล้วแต่เลยจ้า"


"ทีอิ่มแล้วเหรอครับ" ลมที่เห็นว่านาทีวางช้อนแล้วเอ่ยถามขึ้น เขาอยากให้นาทีกินเพิ่มอีกสักหน่อย เพราะข้าวในจานของนาทีแทบไม่ลดลงเลย

"คือที อึก!"

"ทีเป็นอะไรครับ" ลมรีบวางช้อนทิ้ง แล้วขยับตัวเข้าหานาทีโดยเร็ว

"คือที อึก ที ปะ ปวดท้อง เหมือนจะคลอด ฮึก พี่ลม" นาทีช้อนตามองลมด้วยดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตา

เคร้ง!

หลังจากจบประโยคของนาที ความโกลาหลก็เกิดขึ้นทันที

ฟึบ!

"ทีอดทนไว้นะ พี่จะพาไปโรงพยาบาล" ลมรีบอุ้มนาทีขึ้นมาทันที "คีย์ผมฝากคุณขึ้นไปเอาเอกสารต่างๆมาให้หน่อยได้ไหม มันอยู่ในกระเป๋าสีดำที่อยู่ตรงโต๊ะข้างหัวเตียง คีย์ คีย์!"

"ฮะ ห๊ะ เอกสาร เอกสารสินะ เดี่ยวผมไปเอาให้"

"กรไปเตรียมรถเร็ว"

"ครับ" กรรีบคว้ากุญแจรถแล้ววิ่งออกไปทันที

"ตัวเล็กเดินตามป๊ามานะ"

"ฮือ ฮึก ป๊า หม่าม้าเป็นอะราย" เด็กชายตุลย์วิ่งตามคนเป็นพ่อที่กำลังอุ้มแม่ของตัวเองมาติดๆ "หม่าม้าเจ็บหรอ ฮึก น้องดื้อหรอ ฮือ โฮๆ ป๊าพาหม่าม้าปายโรง'บาลเร็วๆ ฮือ หม่าม้าเจ็บ"

"น้องไม่ได้ดื้อครับ น้องแค่อยากออกมาเล่นกับพี่ชายแล้วครับ เดี๋ยวพอน้องออกมาหม่าม้าก็ไม่เจ็บแล้วครับ" ลมพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติที่สุดในการอธิบายให้ลูกชายฟัง ทั้งๆที่ตัวเองก็กลัวและเป็นห่วงนาทีมากไม่ต่างกัน ยิ่งเห็นนาทีเจ็บปวดแบบนี้ ใจของลมยิ่งปวดหนึบ

"อดทนไว้นะคนดี" ลมพูดในขณะที่วางนาทีลงบนเบาะรถ

"คุณลม ผมเอาเอกสารมาให้แล้ว แฮ่กๆ คุณไปก่อนเลยเดี๋ยวที่เหลือผมขับรถตามไปให้เอง หมูตุ้บมากับอาคีย์ครับ ให้หม่าม้าไปโรงพยาบาลก่อน แล้วเดี๋ยวเราขับรถตามไปทีหลังนะครับ"

"ตูนตูนจะปายกับหม่าม้า" เด็กชายตุลย์มีอาการดื้อดึงไม่ยอมง่ายๆ

"ตัวเล็ก ป๊ายังไม่ได้เอาถุงเท้าของน้องมาเลย ตัวเล็กไปหยิบถุงเท้าของน้องกับอาคีย์ แล้วตามเอาไปให้ป๊าที่โรงพยาบาลได้ไหมครับ ถ้าน้องไม่ได้ใส่ถุงเท้าน้องจะหนาวมากๆเลย"

ลมเองก็ไม่อยากทิ้งลูกชายคนโตไว้ข้างหลังเช่นกัน แต่ถ้าน้องตุลย์ไปด้วย ลมอาจจะดูแลได้ไม่ดีพอและอาจจะทำสิ่งต่างๆไม่สะดวกนักเพราะมัวแต่ห่วงหน้าพะวงหลัง การที่น้องตุลย์อยู่กับคีย์ไม่ใช่การผลักไส แต่เขาเชื่อใจคีย์ว่าคีย์จะสามารถช่วยดูแลและปลอบโยนลูกชายของเขาในเวลานี้ได้ แค่ขอให้พานาทีไปถึงมือหมอ แล้วหลังจากนั้นเมื่อน้องตุลย์ตามไปที่โรงพยาล ลมจะกอดปลอบลูกชายเอง

"ฮึก ถุงเท้าน้องเหรอ"

"ครับ"

"คับ ฮึก ตูนตูนจะเอาถุงเท้าปายให้น้อง"

"เก่งมากครับ ฟอด" ลมก้มลงหอมหัวลูกชาย ก่อนจะส่งยิ้มให้และปิดประตูรถอย่างแรงโดยที่ไม่สนใจสักนิดว่าประตูรถจะพังหรือเปล่า

"กร เหยียบให้จม แต่ต้องถึงโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย"

"ครับ"


"อึก พี่ลม"

"ปวดมากไหมครับ ทนหน่อยนะคนดี เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว" ลมก้มลงจูบขมับที่ชื้นไปด้วยเหงื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า วงแขนที่กอดนาทีไว้ ก็แน่นขึ้นตามความกังวลของลมเช่นกัน



เจ้าสองหน่อของป๊า อย่าแกล้งหม่าม้าให้เจ็บขนาดนี้สิ ป๊าใจจะขาดตายอยู่แล้ว...


................................................

TBC.

ตอนนี้ก็คือ นั่งมองคนเขาดูแลกันค้า

ทุกคน ผ้าอ้อมพร้อมไหม ขวดนมพร้อมหรือเปล่า หลานๆกำลังจะมาเซไฮ แล้วนะคะ

พี่กรเหยียบให้ไวเลยยยยยย...


ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนะคะ

ขอบคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 25-10-2021 13:40:45
 :z6: :a5:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 25-10-2021 14:29:25
น้องๆ!!!... พี่ตูนตูนจะได้เจอน้องแล้ว...

ปล. น้องจะชื่ออะไรเอ่ย แอบอยากรู้จัง... คุคุ...
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 25-10-2021 19:06:19
 :mew2: :hao7: :hao5:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว(ตอนที่ 37 ตอนจบ) mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 25-10-2021 21:31:59
37
ของขวัญที่แสนวิเศษและคำขอบคุณ


"หม่าม้าๆ น้องโดนห่อเหมือนคุณดักแด้เลย ต่อปายน้องจะกลายเป็นคุณผีเฉื้อหรือป้าวคับ ผมน้องก็มีอยู่นิดเดียวเอง หม่าม้าๆ ผมน้องจะยาวหรือป้าวคับ ทำไมจมูกน้องเล็กจัง ฮัลโหลๆ น้องเห็นพี่ม่าย ทำไมไม่ลืมตามองกันเลย ฮัลโหลๆ"

พี่ชายคนโตอย่างเด็กชายตุลย์พยายามโบกมือทักทายน้องน้อยสองคนที่ตอนนี้หลับตาพริ้มอย่างไม่ลดละ ก็เขาอยากให้น้องลืมตามามองกันบ้างนี่น่า แต่น้องเล่นหลับตาเสียสนิท ไม่ยอมมองกันเลย

"เป็นเด็กดีต้องม่ายนอนตื่นสายนะรู้ป้าว ถ้าตื่นสายแล้วโดนหม่าม้าดุ พี่ม่ายช่วยจิงๆนะ" ความพยายามของเด็กชายตุลย์ยังคงมีอยู่ เขาพยายามพูดโน้มน้าวน้องชายตัวน้อยที่โดนห่อด้วยผ้าเหมือนดักแด้ให้ลืมตาตื่นขึ้นมามองกันโดยเอาความดุของคนเป็นแม่มาขู่

นาทีที่ได้ยินเสียงสดใสพูดคุยกับน้องๆและคำขู่ของลูกชายคนโตก็หลุดขำออกมาด้วยความเอ็นดู แม้ว่าการขำจะสะเทือนแผลบ้าง แต่เขาก็อดที่จะขำไม่ได้จริงๆ ก็ดูสิ...ไม่ทันไรพี่ชายสุดเท่ ก็ขู่น้องๆเสียแล้ว

นาทีพักฟื้นหลังการผ่าคลอดเป็นวันที่สามแล้ว และคาดว่าอีกไม่นานก็คงได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน ส่วนการคลอด นาทีเลือกวิธีการผ่าคลอดแบบบล็อกหลัง เพราะการผ่าคลอดแบบนี้ทำให้เขาสามารถเห็นหน้าลูกได้ทันทีและยังสามารถได้ยินเสียงร้องของเจ้าสองแฝดครั้งแรกอีกด้วย

แม้จะเป็นท้องที่สอง แต่นาทีก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ในตอนที่ได้ยินเสียงลูกร้องจ้าทั้งเจ้าคนพี่และคนน้อง ในวินาทีนั้นมันรู้สึกตื้นตันจนไม่สามารถห้ามน้ำตาได้เลย แต่คนที่ดูจะตื้นตันกว่าใครคงหนีไม่พ้นคนเป็นพ่ออย่างลม ในตอนที่คุณหมอผ่าคลอดและใกล้จะนำตัวเด็กออกมา คุณหมอบอกให้คุณพยาบาลตามคุณพ่อเข้ามาได้ ในตอนที่เดินเข้ามาภายในห้องคลอดสีหน้าของลมเหลอหลาเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก ซึ่งเป็นท่าทางที่ชวนให้น่าเอ็นดูเป็นที่สุด

"ป๊า!"

"ชู่ว ไม่ตะโกนนะครับ เดี๋ยวน้องตกใจนะ" ลมที่เปิดประตูกลับเข้าห้องพักมา ปรามเด็กชายตุลย์เบาๆ ก่อนหน้านี้เด็กชายตุลย์งอแงนิดหน่อยเพราะอยากกินนมคุณหมี ลมจึงต้องเดินลงไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อด้านล่างโรงพยาบาลมาให้ พร้อมกับขนมและของกินต่างๆ อีกนิดหน่อย

"อุ๊บ! ตูนตูนลืมเยย พี่ขอโทษน้า น้องม่ายตกใจน้า" เด็กชายตุลย์รีบชะโงกหน้ามองน้องๆทั้งสองคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงรถเข็นที่พี่ๆพยาบาลเข็นมาไว้ข้างๆเตียงของหม่าม้าและถือว่าเป็นโชคดีที่น้องๆไม่ตกใจอย่างที่คนเป็นพ่อบอก

"ลูกหลับไปนานหรือยังครับ" ลมชะโงกหน้าดูเจ้าสองแฝดน้อยที่กำลังหลับพริ้มด้วยสายตาที่อ่อนแสงลง

"หลังจากที่พี่ลมออกไปแป๊บนึงครับ กินนมอิ่มก็หลับปุ๋ยเลยครับ" นาทีบอกลมพร้อมรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

แม้การเอาลูกเข้าเต้าจะดูวุ่นวายไปเสียหน่อย แต่เจ้าสองแฝดก็เป็นเด็กดีเกินคาด ไม่ร้องไห้โยเยขอกินนมพร้อมๆกัน ไม่อย่างนั้นนาทีคงปวดหัวไม่น้อย

"ป๊าๆ นมคุณหมีรสน้ำผึ้งมีม้ายคับ"

"มีสิครับ เดี๋ยวป๊าเจาะให้นะ"

"ขอบคุณครับ" เด็กชายตุลย์รับนมมาจากคนเป็นพ่อ และก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยคำขอบคุณด้วย "จิงฉิ! ป๊าๆ ป๊าซื้อมาฉามก่องหรือเปล่า หนายๆ ฉามก่องไหม" เด็กชายตุลย์ที่นั่งคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ พยายามชะโงกหน้าดูว่าในถุงที่ลมถืออยู่มีอะไรบ้าง

"ครับ ป๊าซื้อมาสามกล่องตามที่ตัวเล็กบอกเลย"

"เก็บเยย ป๊าเก็บเยย"

"ครับ ตัวเล็กจะเก็บไว้กินวันหลังใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นป๊าเอาไปแช่ตู้เย็นให้นะ"

"ม่ายๆ ของน้อง ตูนตูนแบ่งน้อง นมหมีอร่อย ตูนตูนอยากให้น้องกินนมอร่อยๆ"

"ฮ่า ฮ่า ตัวเล็ก น้องยังกินนมคุณหมีไม่ได้นะครับ" ลมยื่นมือมาลูบหัวลูหชายคนตัวเบาๆด้วยความเอ็นดูจับใจ

"0.0 จิงหรอหม่าม้า" เด็กตุลย์หันหน้าไปถามคนเป็นแม่ที่นอนอยู่บนเตียงตาโต

"จริงครับ ตอนนี้น้องกินได้แค่นมของหม่าม้ากับนมผงที่เหมาะกับน้องเท่านั้นครับ"

"แล้วน้องจะกินได้ตอนหนายคับ"

"ต้องรอให้น้องโตก่อนนะครับ"

"อืม ต้องโตก่อนสินะ ... รีบๆโตน้า น้องรีบโตน้า เดี๋ยวพี่ซื้อนมคุณหมีให้กินคนละฉองก่องเยย" เมื่อเข้าใจสิ่งที่คนเป็นแม่บอก เด็กชายตุลย์ก็รีบหันหน้าไปคุยกับน้องๆทั้งสองคนที่กำลังหลับอยู่ด้วยน้ำเสียงที่เป็นจริงเป็นจัง ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูเสียจริงๆ

"ทีเป็นไงบ้างครับ ยังเจ็บอยู่ไหมครับ ฟอด" ลมเอ่ยถามถึงอาการปวดแผลของนาทีด้วยความเป็นห่วง

"ยังปวดๆแผลอยู่ครับ แต่ไม่ได้ปวดอะไรมากมาย"

"ถ้าปวดมากๆ หรือรู้สึกไม่ดี ทีต้องรีบบอกพี่ทันทีเลยนะครับ ห้ามอดทน ห้ามเก็บเงียบ เข้าใจไหมครับ"

"ครับๆๆ เข้าใจแล้วครับ"

"เข้าใจแล้วรบกวนปฏิบัติตามด้วยนะครับ"

"คร้าบๆๆๆๆ"

"เก่งมากครับ...สวัสดีเจ้าสองหน่อของป๊า วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ นอนกันเก่งจริงๆเลยนะ"ลมหันไปพูดคุยกับเจ้าสองแฝดที่กำลังหลับอยู่เบาๆ น้ำเสียงที่ใช้ก็ช่างอ่อนโยนนัก

ในตอนที่นาทีปวดท้อง เขายังจำความรู้สึกของตัวเองได้ดี ตอนนั้นทั้งความกลัว ความกังวล และอีกสารพัดความรู้สึกที่วิ่งถาโถมเข้าใส่ อยากที่จะเจ็บปวดแทนคนรักที่หน้าซีดเซียวเหงื่อท่วมตัว ไหนจะความรู้สึกตอนที่ได้เข้าไปในห้องคลอดอีก บอกตามตรงว่าตอนนั้นเขาทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ตรงไหน มือไม้ก็วางไม่ถูก มันเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นและประหม่ามากๆ

ในวินาทีที่ได้ยินเสียงลูกน้อยร้องไห้จ้าออกมา ความรู้สึกของลมในตอนนั้นมันตื้นตันมาก มันเป็นความสุขที่จุกอกอยู่ภายในใจ ไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้ ลมจำได้ว่าเขาจับมือนาทีแน่นมาก พร้อมกับพรมจูบลงบนขมับและพร่ำบอกคำว่ารักและคำว่าขอบคุณแก่นาทีซ้ำๆอยู่อย่างนั้นเป็นสิบๆครั้ง

ส่วนความรู้สึกครั้งแรกที่เห็นเจ้าสองหน่อนั้น สิ่งแรกที่เขาคิดคือ อ่า นี่สินะเจ้าสองหน่อตัวแสบกับตัวซนของป๊า ช่างน่าเกลียดน่าชังเสียเหลือเกิน จากนั้นกระบอกตาของเขาก็ร้อนผ่าว น้ำตาไหลออกมาตอนไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่นาทีเอ่ยแซวเขาพร้อมสายตาล้อเลียนจนเขาต้องรีบยกมือปาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็วเพราะรู้สึกขัดเขินกับสายตาของทุกๆคนที่มองมานิดหน่อย

คิดไปคิดมาก็อดคิดถึงลูกชายคนโตขึ้นมาไม่ได้ ลมรู้สึกเสียใจไม่น้อยที่ไม่ได้มีโอกาสอยู่เคียงข้างนาทีในตอนที่เจ็บปวดขนาดนี้ ไม่ได้มีโอกาสได้เห็นเด็กชายตุลย์ตัวน้อยที่ตัวแดงแจ๋ แผดเสียงจ้าน่าเอ็นดู แต่ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นอดีตและเขาไม่สามารถกลับไปแก้ไขมันได้ ในตอนนี้ลมจะทำหน้าที่สามีและคุณป๊าให้ดีที่สุด

จะคอยรัก คอยดูแลและปกป้องดวงใจทั้งสามให้ดีที่สุด...

"ป๊าดูฉิ น้องขี้เกียจมากเยย กินเสร็จก็นอนเยย น้องม่าย รอเล่นกับตูนตูนเยย พูดด้วยก็ม่ายพูดด้วย"

เสียงบ่นเล็กๆที่มาพร้อมกับหน้ายู่ๆทำให้ลมที่คิดอะไรเพลินๆหลุดออกจากภวังค์ หันมามองลูกชายคนโตแทน

"ว่าไปเถอะตัวเล็ก เดี๋ยวพอน้องพูดเก่ง วิ่งได้ เราก็เบื่อที่จะเล่นกับน้อง" ลมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยหยอกลูกชายคนโตออกไป

"ม่ายๆ ม่ายเบื่อ ตูนตูนม่ายเบื่อคับ"

"จริงเร้อ"

"จริงคับ!"

"แล้วตอนนี้พี่ชายสุดเท่จำได้ไหมครับ ว่าคนไหนชื่ออะไรกันบ้าง"

"จำได้คับ น้องของตูนตูน ตูนตูนจำได้"

"ถ้าจำได้จริง ไหนลองบอกป๊าหน่อยสิครับ ใครเป็นใคร"

"คนนั้นชื่อ น้องธัน เด็กชายธันวา เศรษฐิ์ถิรคุณ เป็นน้องของตูนตูน"

เด็กชายตุลย์ชี้ไปทางขวามือที่มีเด็กชายตัวอ้วนกลมหน้าตาละม้ายคล้ายกับลมนอนหลับอยู่

"ส่วนคนนี้ชื่อ น้องวิน เด็กชายธาวิน เศรษฐฐ์ถิรคุณ เป็นน้องของตูนตูนกับน้องธัน"

เด็กชายตุลย์ชี้ไปทางซ้ายมือที่มีเด็กชายตัวน้อยที่รูปร่างผอมกว่าคนพี่และมีหน้าตาค่อนไปทางนาทีเสียมากกว่านอนหลับอยู่

เจ้าหนูธันวากับธาวินเป็นแฝดคนละฝา หน้าตาจึงไม่ค่อยจะเหมือนกันสักเท่าไหร่ และดูเหมือนว่าต่อไปในอนาคต ทั้งคุณป๊า พี่ชายคนโตและลูกชายคนกลาง ได้ตามหวงน้องน้อยอย่างเจ้าธาวินแน่ๆ ก็น้องน้อยของพวกเขาช่างน่าเอ็นดูน่าปกป้องเสียเหลือเกิน

"เก่งมากครับ แล้วคนนี้ล่ะครับชื่ออะไร" ลมเอ่ยถามพร้อมกับจิ้มนิ้มลงบนแก้มยุ้ยๆของลูกชายคนโตเบาๆ

"คนนี้ชื่อ พี่ตุลย์ เด็กชายตนุภัทร เศรษฐิ์ถิรคุณ คับ"

"เก่งที่สุดครับ ฟอด" ลมก้มหน้าลงหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่ "แล้วคนนี้ล่ะครับชื่ออะไร"ลมเปลี่ยนมาถามนาทีบ้าง

"ไม่ต้องมาถามทีเลย ทีไม่ตอบหรอก"

"อะไรกันจำชื่อตัวเองไม่ได้เหรอ"

"ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอครับ ที่ทีใช้นามสกุลพี่ลมด้วย"

"ดีใจมากครับ ถือเป็นเกียรติแก่วงส์ตระกูลเลย" ก่อนหน้านี้เด็กชายตุลย์และนาทียังคงใช้นามสกุลของนาทีอยู่ แต่ตอนนี้ทั้งนาทีและเด็กชายตุลย์ได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของลมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"เป็นเกียรติอะไรกันล่ะครับ พูดแบบนี้ป่านนี้คุณทวด คุณตาคุณยายพี่ลมร้องไห้แล้ว"

"ไม่เถียงครับ พวกเขาคงร้องไห้ดีใจที่พี่หาภรรยาและแม่ของลูกได้ดีและเก่งขนาดนี้ ผมภูมิใจของผมครับ"

"พอเลยครับ พอเลยๆ"

"ฮ่า ฮ่า โอเคครับ ทีนอนพักผ่อนนะ เดี๋ยวต้องให้นมเจ้าสองหน่ออีก ไปตัวเล็ก ไปนั่งกับป๊าตรงนู้น ให้หม่าม้ากับน้องพักผ่อนเยอะๆ จะได้กลับบ้านกันเร็ว ไปครับ ฮึบ" ลมอุ้มเด็กชายตุลย์ไว้ในอ้อมแขน

"เดี๋ยวป๊า เดี๋ยวก่อน ตูนตูนหอมหม่าม้าก่อน"

"โอเคครับ" ลมขยับเข้าไปใกล้ๆเตียง เพื่อให้เด็กชายตุลย์หอมหม่าม้าตามคำขอ

"ฟอด หม่าม้าพักผ่อนน้า"

"กำลังใจเต็มเปี่ยมเลยครับ ฟอด" นาทีหอมแก้มลูกชายกลับ

"ทำไมหอมกันสองคนล่ะครับ พี่หอมด้วย ฟอด ฟอด"

"ป๊า ทำไมหอมเยอะกว่าล่ะ หม่าม้า หอมใหม่ๆ ตูนตูนหอมใหม่ ฟอด ฟอด ฟอด"

"งั้นป๊าหอมใหม่ด้วย"

"พอเลยครับทั้งสองคน ถ้ามัวแต่แย่งกันหอมแบบนี้ทีไม่ได้พักผ่อนแน่ๆ"

"โอเคครับ ทีพักผ่อนนะ"

"หม่าม้าพักผ่อนน้า น้องรีบตื่นมาเล่นกันน้า พี่รออยู่น้า บ๊ายบาย" เด็กชายตุลย์บอกคนเป็นแม่เสร็จก็ไม่ลืมที่จะหันไปคุยกับน้องๆอีกครั้ง

จากนั้นในห้องพักผู้ป่วยก็ตกอยู่ในความเงียบสงบที่ตลบอบอวลไปด้วยความอบอุ่น มีเด็กชายตัวน้อยสองคนที่กำลังนอนหลับ หนึ่งคุณแม่ที่กำลังพักผ่อนเอาแรงไว้ต่อสู้กับสองแฝดที่ต้องกินนมทุกๆ 3-4 ชั่วโมง มีคุณพี่ชายที่นั่งกินช็อกโกแลตสบายใจเพราะคนเป็นแม่หลับอยู่ ส่วนคุณป๊าอย่างลมในตอนนี้ ก็ทำเพียงนั่งมองดวงใจของตัวเองทั้งสามคนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขจนล้นใจ



<< มีต่อ>>
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว(ตอนที่ 37 ตอนจบ ต่อ) mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: sadvoice ที่ 25-10-2021 21:33:45
ต่อ ตอนที่ 37


11 เดือนต่อมา

"อั๊ย แอ้ อื้อ บูว บู้"

"ได้สิเล่นกันๆ น้องธันอยากเล่นกับพี่ใช่ไหมครับ"

"ดูว บา บะ แอะ "

"น้องวินก็จะเล่นด้วยใช่ไหมครับ"

"อือ อื้อ"

"โอ๊ย หม่าม้า น้องธันกัดตุลย์อีกแล้วครับ"

เด็กชายตุลย์ที่โดนเด็กน้อยผู้คันเหงือกอย่างเจ้าหนูธันวางับที่แขน ถึงกับร้องโอดโอยหันไปฟ้องคนเป็นแม่เสียยกใหญ่ แม้จะไม่เจ็บก็เถอะ แต่เขาโดนน้องธันกัดและเคี้ยวจนพรุนไปหมดแล้ว

"น้องธัน ไม่กัดพี่ตุลย์นะครับ พี่เขาเจ็บนะ นี่ครับ น้องธันกัดอันนี้นะ" นาทีบอกเด็กชายธันวาเสียงนุ่ม ก่อนจะยื่นยางกัดให้เด็กชายธันวาถือไว้

"อร๊าย ง่ำๆ งื้อ" เด็กชายธันวารับยางกัดมาถือไว้ในมือก่อนจะกัดลงซ้ำๆจนน้ำลายชุ่ม

"ปู๊ดดดด"

"โอ๊ะ หม่าม้าน้องวินปู๊ดใส่ตุลย์ด้วยละ หม่าม้าน้องวินแกล้งตุลย์อีกแล้วครับ"

นาทีมองความปั่นป่วนตรงหน้า ก็อยากจะยกมือขึ้นกุมขมับตัวเอง คนน้องก็ช่างแกล้งพี่ คนพี่ก็ช่างอ่อนไหวเสียเหลือเกิน แต่ไม่ว่าจะโดนน้องแกล้งแค่ไหนพี่ตุลย์ของน้องๆก็ยังใจดีและอ่อนโยนกับน้องๆเสมอ

การเลี้ยงเจ้าสองแฝดไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนหน้านี้ลมได้จ้างพี่เลี้ยงเด็กมาช่วยนาทีเลี้ยงเจ้าสองแฝดแบบเช้าไปเย็นกลับ แต่เนื่องจากแม่ของพี่เลี้ยงที่จ้างมาเกิดป่วยกะทันหันทำให้ต้องหยุดงานเพื่อไปดูแลประมาณ 2 สัปดาห์ แม้ตอนแรกคุณพี่เลี้ยงจะเกรงใจ แต่นาทีก็เข้าใจและอนุญาตให้ลาได้ ทำให้ตอนนี้นาทีค่อนข้างที่จะหัวหมุนไม่น้อยในการที่จะต้องเลี้ยงเจ้าแฝดเพียงคนเดียวในช่วงกลางวัน ส่วนช่วงตอนเย็นกับกลางคืนหรือในวันหยุดอย่างวันนี้จะมีคุณป๊ากับคุณพี่ชายมาช่วยเลี้ยงเจ้าสองแฝดด้วย ไหนจะพี่ๆอาๆ อีกเป็นขบวนที่แวะมาเยี่ยมเยียนหลานๆกันไม่หยุดหย่อน

เห่อหลานกันจริงๆเลย...



"เจ้าหนูธัน หนูวินของอาคีย์"

"น้องธัน น้องวิน พี่เปอร์มาหาแล้วครับ"

นั่นไง นาทีพูดยังไม่ทันขาดคำ หนึ่งเจ้านายหนึ่งลูกน้องร้าน keyword cafe ก็ส่งเสียงดังมาก่อนตัวแล้ว

"อาคีย์ พี่เปอร์ สวัสดีครับ"

"สวัสดีครับพี่ตุลย์สุดหล่อ"

"ไง หมูตุ้บ เลี้ยงน้องเหนื่อยป้าว"

"ม่ายหมูตุ้บฉิ อาคีย์ ตุลย์เป็นพี่ตุลย์สุดเท่แล้วน้า หมูตุ้บไม่เท่เลย"

พัฒนาการอีกอย่างของเด็กชายตุลย์ที่เปลี่ยนแปลงไปจนเห็นได้ชัดก็น่าจะเป็นเรื่องการพูดที่ชัดถ้อยชัดคำขึ้น อาจจะมีบ้างที่หลุดพูดไม่ชัดในเวลาที่ต้องพูดประโยคยาวๆเร็วๆ และก็การแทนตัวเองที่เปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้เจ้าตัวเลิกแทนตัวเองว่า ตูนตูน แล้ว เปลี่ยนมาแทนตัวเองว่าตุลย์เวลาพูกับคนอื่นๆแทน ส่วนกับน้องๆจะแทนตัวเองว่าพี่หรือไม่ก็พี่ตุลย์ ส่วนนาทีกับลมก็เปลี่ยนมาเรียกเด็กชายตุลย์ว่า พี่ตุลย์ เช่นกัน

"โอเคไม่เรียกหมูตุ้บแล้วเนอะ เจ้าหนูตูนตูน" คีย์เอ่ยแหย่หลานชายคนโตให้หน้าบึ้งเล่น

"ตูนตูนก็ไม่ได้น้า" เด็กชายตุลย์บอกคนเป็นอาด้วยท่าทางที่จริงจัง

"ตูนตูนก็ไม่ได้เหรอครับ เสียดายเลย ตูนตูนออกจะน่ารัก"

"ม่ายๆ ม่ายเอาน่ารัก เอาเท่ๆครับ พี่ตุลย์คนเท่นะอาคีย์"

"โอเคครับ เท่ก็เท่เนอะ ทั้งหล่อทั้งเท่"

"คับ" เด็กชายตุลย์ยิ้มกว้าง เมื่อเจรจากับคนเป็นอาได้สำเร็จ

"ไหน แล้วหลานอาคีย์อีกสองคนให้อาคีย์เรียกว่าอะไรดีครับ" คีย์ก้าวเข้าไปในคอกกั้นคอกใหญ่เพื่อเล่นกับหลานชายตัวน้อยที่นอนพ่นน้ำลายเล่นอย่างสนุกสนาน

"แล้วผัวมึงไม่อยู่เหรอ วันนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอ ไม่มาช่วยเลี้ยงลูกหรือไง"

"พี่ลมทำงานอยู่ข้างบน พอดีมีงานด่วนเข้ามา เพิ่งขึ้นไปได้สักพักเอง"

"เออ จริงด้วย กรก็มาคุยงานด้วยนี่หว่า" คีย์พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปหาหลานๆแทน "ไหนเจ้าธันวา มาให้อาคีย์กอดหน่อยสิ"

"บูว บู้ มะ มะ อ๊าย"

"โอ๊ะ ตื่นเต้นอยากให้อาคีย์กอดขนาดนั้นเลย"

"โครตเข้าข้างตัวเองเลยพี่คีย์ ไม่เห็นเหรอว่าหลานดิ้นขนาดไหน เนอะน้องวินเนอะ นี่ต้องแบบผมนี่น้องวินอยู่นิ่งๆไม่มีดิ้นออก" เปอร์พูดด้วยท่าทางที่เหนือกว่า

"สัส" คีย์ถลึงตาส่งเสียงด่าเปอร์อยู่ในลำคอ

"พี่ที สวัสดีค่ะ"

"ไปไหนมาเหรอวุ้น"

"พอดีวุ้นเข้าห้องน้ำมาน่ะค่ะ สวัสดีค่ะเจ้าหนูตูนตูน"

"สวัสดีครับพี่วุ้น พี่วุ้นไม่ตูนตูนแล้วน้า" เด็กชายตุลย์ไม่เข้าเลยจริงๆเมื่อก่อนแทบไม่มีใครเรียกเขาว่าตูนตูนเลย พอเขาเริ่มเรียกชื่อเล่นตัวเองจริงๆ กลับมีคนชอบเรียกเขาว่าตูนตูนอยู่เรื่องเลย

"พี่วุ้นขอโทษค่ะ ก็ตูนตูนมันดูน่ารักดีนี่ค่ะ" วุ้นอมยิ้มน้อยๆให้กับท่าทางที่ขัดใจเล็กๆของเด็กชายตุลย์

"ไม่ลืมน้า ครั้งหน้าพี่วุ้นไม่ลืมน้า"

"รับทราบค่ะ...ไหนเจ้าสองแฝด มาให้พี่วุ้นฟัดพุงหน่อยสิ"

จากคอกกว้างขวางมีพื้นที่เหลือเยอะแยะในตอนแรก กลับดูเล็กและคับแคบลงทันตา เมื่อผู้ใหญ่สามสี่คนมาเบียดกันอยู่ข้างใน

"เออ เมื่อวันก่อนพี่ตฤณมาที่ร้านด้วยนะ" คีย์ที่ฟัดหลานจนหนำใจแล้วก็หันมาคุยกับนาทีแทน "หมูตุ้บมากอดหน่อยเร็ว" จากนั้นก็กวักมือเรียกหลานคนโตมากอดบ้าง

"จริงเหรอ พี่ตฤณกลับมาแล้วเหรอ ไม่เจอพี่ตฤณนานเลย"

"เออ เห็นบอกว่าอยากมาเยี่ยมมึงด้วย"

"ดีเลย เราอยากให้สองแฝดรู้จักพี่ตฤณเหมือนกัน"

"ก่อนจะรู้จักหลาน กูว่าพี่ตฤณโดนพ่อของหลานกระทืบก่อนมั้ง"

"คีย์ก็พูดไป ลูกสามขนาดนี้ พี่ลมคงไม่หึงแล้วมั้ง"

"น้อยไปสิ... โอ๊ะ คุณ มานี้เร็ว มาอุ้มหลานหน่อย หลานคิดถึงคุณแหนะ" คีย์ที่เห็นกรเดินมาทางตัวเองก็รีบกวักมือเรียกยิกๆให้กรเดินมาหา

"หลานหรือคุณกันแน่ที่คิดถึงผม"

คีย์ที่อุ้มเด็กชายธาวินไว้ในอ้อมแขนถึงกับชะงัก ท่าทางหยอกล้อกับหลานหายไปในพริบตา เมื่อเจอคำพูดนิ่งๆชวนสยิวใจของกรเข้าไป

"หลานสิ ผมจะคิดถึงคุณทำไม เพิ่งแยกกันตรงหน้าประตูเข้าบ้านเอง" สิ่งที่คีย์พูดเป็นเรื่องจริง เขามาบ้านนาทีพร้อมกับกรมีลูกพ่วงเป็นเปอร์กับวุ้น มีรถของขุนขับตามมา ก่อนที่กรและขุนจะขอแยกตัวไปหาลมในตอนที่เดินผ่านประตูเข้าบ้านมา

"เหรอ แต่ผมคิดถึงคุณนะ ไม่เจอหน้าแค่หนึ่งวิ ก็จะขาดใจตายแล้ว"

"โอ๊ย ถ้าจะจีบกันก็เอาหนูวินมาให้ผมเถอะ แล้วพี่จะเขินอะไรขนาดนั้นเนี่ยพี่คีย์"

"ใครเขิน บ้า ไม่มี้"

"จ้า ไม่เขินเลยจ้า หน้าเหน่อนี่แดงไปหมด... น้องวินมาหาพี่เปอร์ดีกว่ามาครับ อย่าไปสนใจพวกจีบกันเลยครับ"

เปอร์ยื่นมือออกไปหาเด็กชายตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของคีย์ และเหมือนเด็กชายธาวินจะเห็นด้วยกับสิ่งที่เปอร์พูด เจ้าตัวน้อยรีบโถมตัวเข้าหาพี่เปอร์ทันที

"อื้อ อ๊าโวดู ยูว บู้" และปิดท้ายด้วยกันบ่นคุณอาคีย์ไปอีกหนึ่งยก

"เนี่ย เห็นไหม น้องวินยังเห็นด้วยกับผมเลย พี่กรครับ เชิญจีบกันต่อได้เลยครับ"

"เอาไงดีคุณ เรามาจีบกันต่อไหม"

"คุณ! ไปนั่งตรงนู้นเลยนะ" ให้ตายเถอะนายหน้านิ่งคนนี้ อายคนอื่นเขาบ้างเถอะ แล้วทำไมเราถึงไม่หยุดยิ้มสักทีเนี่ย ไอ้คีย์เอ้ย

"น้องธัน ทำไมไม่มองหน้าพี่วุ้นเลยล่ะคะ" วุ้นพยายามพูดคุยกับน้องน้อยที่คลานไปมุดตักคนเป็นแม่ แถมยังมีการโก่งก้นใส่หน้าอีกด้วย

"อร๊าย คิกคิก" เด็กชายธันวาเขินอายในยามที่วุ้นขยับหน้ามาใกล้ๆ รีบหลบหน้าลงกับตักแม่เสียยกใหญ่

"เขินวุ้นแน่ๆเลย น้องธันเขินพี่วุ้นเหรอครับ แพ้คนน่ารักๆเหรอเรา" นาทีเอ่ยแซวลูกชายที่กำลังเขินอายมุดตักเขาไม่เลิก

"อี๊ คิกคิก แอ๊ะ"

"มึงเตรียมตัวเลยไอ้ที โตไปเจ้าธันคงแสบน่าดู"

"ฮ่า ฮ่า นั่นสินะ ตัวแค่นี้รู้จักเขินคนน่ารักๆเสียแล้ว" นาทีก้มมองลูกชายด้วยความเอ็นดู

"อากร อากรคับ"

"ว่าไงครับสุดหล่อ"

"อาขุนมาด้วยป้าวครับ"

"มะ..."

"น้องตุลย์คิดถึงอาขุนเหรอคับ"

"อาขุน!" เด็กชายตุลย์ร้องด้วยความดีใจที่เห็นอาขุนกำลังเดินมาหา

"ที่ดีใจขนาดนี้เพราะคิดถึงอาขุนหรือคิดถึงช็อกโกแลตกันแน่ครับ"

"อาขุน ชู่วๆ" เด็กชายตุลย์รีบยกนิ้วทาบปากตัวเองเป็นสัญญาณบอกว่าไม่ให้อาขุนพูดเสียงดังไป เดี๋ยวหม่าม้าที่กำลังเล่นกับน้องจะได้ยิน แต่ในจังหวะที่เด็กชายตุลย์เหลียวหลังไปมองหม่าม้า เขาก็เจอกับสายตาดุๆกำลังมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว

"อ่า อาขุนว่า... เหมือนจะไม่ทันแล้วนะครับ"

"นิดเดียวหม้าม่า ตุลย์กินนิดเดียวครับ" เด็กชายตุลย์หน้าจ๋อยบอกคนเป็นแม่เสียงอ่อย

"ไม่ได้ครับ ช่วงนี้น้องตุลย์กินเยอะเกินไปแล้วนะครับ คุณขุนครับ ขอช็อกโกแลตทั้งหมดมาให้ผมด้วยนะครับ"

"อ่าครับ... ไว้รอบหลังนะครับ เดี๋ยวอาขุนซื้อให้ใหม่" ตอบรับคนเป็นแม่เสร็จ ขุนก็ก้มมากระซิบกับหลานตัวเองอีกที

"โอเคคับ" เด็กชายตุลย์ยิ้มร่าในตอนที่ได้ยินคำกระซิบชวนให้อารมณ์ดีจากคนเป็นอา

"ว่ายังไงคุณพี่ชาย โดนหม่าม้าดุอีกแล้วเหรอคับ" ลมที่กำลังเดินมารวมตัวกับทุกๆคนเอ่ยถามขึ้น ตอนที่เขากำลังเดินมาเขาได้ยินเจ้าตัวเล็กของเขากำลังโดนคุณหม่าม้าดุอยู่พอดี

"ป๊า!"

เด็กชายตุลย์ที่เห็นคนเป็นพ่อเดินมา ก็รีบปีนคอกอย่างรวดเร็วทันที ดูเป็นที่น่าหวาดเสียวของบรรดาผู้ใหญ่ ลมจึงรีบวิ่งเข้ามาอุ้มลูกชายไว้

"ระวังครับ"

"ป๊า" เด็กชายตุลย์เรียกคนเป็นพ่อเสียงอ้อน

"อ้อนแบบนี้จะเอาอะไรครับ"

"ป๊า หม่าม้าไม่ให้ตูนตูนกินช็อกโกแลตละ ตูนตูนขอกินได้ม่ายคับ" ในเวลาที่ต้องการออดอ้อนสรรพนามการแทนตัวเองว่า ตูนตูน ถูกนำมาใช้อีกครั้ง และในเมื่อลูกน่ารักแบบนี้คนเป็นพ่ออย่างลมมีหรือที่จะทนได้

"ไว้รอหม่าม้าเผลอ เดี๋ยวป๊าให้กินนะครั..."

"พี่ลม!"

"อ่า พี่ตุลย์กินเยอะแล้วนะครับ ไว้วันหลังดีกว่าเนอะ" ไม่ต้องพูดมากให้เหนื่อย เพียงแค่เมียเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงดุๆลมก็ไม่กล้าขยับตัวแล้ว

"พี่ลม พี่กลัวเมียขนาดนี้เลยเหรอ"

"หมดกันเฮีย ไอดอลของผม... พี่กร ไม่แซวเฮียหน่อยเหรอ" ขุนหันไปถามพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ

"ไม่วะ พี่ทีมเดียวกับเฮียลม"

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

จบคำพูดของกร เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน ไม่เว้นแม้แต่เจ้าเด็กแฝดที่หัวเราะเอิ๊ก อ๊าก ราวกับเข้าใจในเรื่องที่ผู้ใหญ่กำลังพูดคุยกัน



และนาทีหวังว่าทุกๆคนจะมีความสุขแบบนี้ไปตลอด





........................................................

"ลูกๆหลับกันหมดแล้วเหรอครับ" ลมเอ่ยถามนาทีที่กำลังนั่งแกว่งขาไปมาอยู่บริเวณปลายเตียง

"ครับ หลับสนิททั้งสามคนเลย สงสัยวันนี้เล่นเยอะไปหน่อย"

"เหนื่อยไหมครับคนดี" ลมถามพร้อมกับล้มตัวนอนลงบนตักของนาที

"ไม่เหนื่อยเลยครับ ทีมีความสุข"

"พี่ก็มีความสุข" ลมจับมือของนาทีมากุมไว้แน่น ก่อนจะพลั่งพรูความในใจออกมา "พี่ขอบคุณทีมากนะครับ ขอบคุณทีในทุกๆเรื่อง ขอบคุณที่ทีดูแลตัวเองและน้องตุลย์มาอย่างดี ขอบคุณที่ยอมให้โอกาสคนไม่เอาไหนแบบพี่ ขอบคุณที่มอบลูกที่น่ารักๆให้พี่อีกสองคน ขอบคุณที่ทีเลือกวางหัวใจไว้ให้พี่ดูแลพี่สัญญาว่าจะดูมันอย่างดี พี่จะไม่ทำให้หัวใจของทีต้องเสียใจหรือเจ็บช้ำแน่นอน พี่จะไม่สาบานแต่พี่จะทำให้ทีเห็นเอง พี่รู้ว่าทีไม่อยากจะพูดถึงอดีต แต่ยังไงพี่ก็อยากขอโทษถึงสิ่งที่พี่ทำพลาดไปในอดีตอีกครั้งนึง ขอโทษที่ทิ้งทีไป ขอโทษที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีลูกชายที่น่ารักๆอย่างน้องตุลย์ พี่ขอโทษนะครับ และพี่อยากบอกว่าน้องตุลย์ไม่ใช่ความผิดพลาด ทั้งตัวของทีเอง น้องตุลย์ เจ้าธัน เจ้าวิน ทั้งหมดคือของขวัญที่สุดแสนวิเศษของพี่ คือแก้วตา คือดวงใจ คือสิ่งที่มีค่ามากๆในชีวิตพี่ อดีตที่ผิดพลาดพี่กลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่มันเป็นบทเรียนที่สำคัญของพี่ว่าปัจจุบันควรใช้ชีวิตอย่างไร อนาคตควรไปในทิศทางไหน พี่จะรัก จะปกป้อง จะดูแล ครอบครัวของเราให้ดีที่สุดนะครับ พี่รักทีและเจ้าลูกหมูทั้งสามมากๆนะครับ"

"ฮึก พี่ลม ฮือ"

"คุณหม่าม้าร้องไห้อีกแล้ว" ลมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้คุณหม่าม้าจอมขี้แยที่ตอนนี้กำลังร้องไห้น้ำตานองหน้า แถมตอนนี้น้ำตาก็หล่นใส่หน้าของเขาด้วย

"ที ฮึก ทีก็ขอบคุณพี่ลม ฮึก ขอบคุณที่กลับมาหากัน แม้มันจะนานจนทีคิดว่าเราจะไม่มีทางได้เจอกันแล้ว แต่ทีก็อยากขอบคุณ ฮือ ขอบคุณนะครับ ทีกับลูกก็รักพี่ลมมากๆเหมือนกันนะครับ ฮึก มามีความสุขไปด้วยกันนะครับ ไม่ใช่แค่ทีกับลูกที่มีความสุข แต่พี่ลมก็ต้องมีความสุขด้วยนะครับ"

"แค่เห็นทีกับลูกมีความสุข พี่ก็มีความสุขแล้วครับ"

"ฮึก พี่ลม ครอบครัว ครอบครัวเดียวกัน"

"ครับ ครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวของเรา ครอบครัวที่มีพี่เป็นคุณป๊า มีทีเป็นคุณหม่าม้า มีพี่ชายสุดเท่อย่างน้องตุลย์ มีลูกชายคนกลางจอมแสบอย่างเจ้าธัน และมีน้องเล็กสุดเรียบร้อยอย่างเจ้าวิน ดีไหมครับ"

"ครับ ดีครับ"

"น่าเอ็นดูจริงๆเลยน้า คุณหม่าม้า อย่างนี้ต้องให้รางวัล" ลมดีดตัวขึ้นนั่งข้างนาทีอย่างรวดเร็ว

"รางวัล อะ อื้อ อืม"

ลมแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของนาทีอย่างรวดเร็ว ขบเม้มริมฝีปากบางช้าๆ ส่วนลิ้นร้อนก็ค่อยๆเลาะเล็มช้าๆจนสามารถเข้าไปสำรวจในโพรงปากหวานได้สำเร็จ จูบครั้งนี้เป็นจูบที่รับรู้ได้ถึงความอบอุ่น ละมุน และหอมหวานที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้แก่กัน จูบที่เปรียบเสมือนคำขอบคุณและคำบอกรัก และแน่นอนว่าจูบครั้งนี้ลมไม่คิดที่จะหยุดที่จูบแน่นอน ถ้าไม่ติดที่ว่าลูกชายจอมแสบร้องไห้จ้าขึ้นมาเสียก่อน

"แง้ ฮือ แง้ แง้ ฮือ"

ให้มันได้อย่างนี้สิน่า เจ้าธันจอมแสบ...





.....................................................

" ล้า ลัล ล้า ล้า ลั้ล ล้า ลั้ล ลา"

"ทำไมวันนี้น้องตุลย์ของหม่าม้าถึงอารมณ์ดีจังเลยครับ" นาทีที่กำลังเตรียมอาหารสำหรับเจ้าสองแฝดเอ่ยถามคุณพี่ชายที่วันนี้อารมณ์ดีเสียเหลือเกิน

"ก็วันนี้มีแซลมอนด้วย ตุลย์ชอบแซลม่อนที่สุดเล้ยยยย"

"แอ้"

"แอ้"

เมื่อเห็นพี่ชายของตัวเองร้องดีใจ ชูมือขึ้นสูง เจ้าสองแฝดก็ไม่รอช้ารีบเลียนแบบคุณพี่ชายทันที

"โอ๊ะ หม่าม้า น้องทำตามตุลย์ละ ฮ่า ฮ่า น้องน่ารักเนอะหม่าม้าเนอะ" เด็กชายตุลย์หันไปบอกคนเป็นแม่ และแววตาที่มองเหล่าน้องชายก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน

"ครับ"

"หม่าม้าๆ ป๊าไปไหนครับ ทำไมป๊ายังไม่มาครับ วันนี้ป๊าไม่อยู่เหรอครับ"

"ป๊าอยู่ข้างบนครับ เดี๋ยวก็ลงมานะ"

"ใครคิดถึงป๊าครับ"

"ป๊า"

"ปะ"

"ปา"

"ไงเจ้าลูกหมูสามตัว คิดถึงป๊ากันเหรอครับ ฟอด ฟอด ฟอด" ลมเอ่ยทักทายเจ้าลูกหมูทั้งหลาย ก่อนจะก้มลงหอมแก้มเจ้าก้อนนุ่มนิ่มทั้งสามคน

"พี่ลม ทานข้าวกันครับ"

"ครับ ถ้วยไหนของเจ้าธันครับ วันนี้พี่ป้อนให้เจ้าธันเอง น้องตุลย์ทานเองได้ใช่ไหมครับวันนี้"

"ได้ครับ"

"เก่งมากครับ"

"พี่ลมทานข้าวดีกว่าครับ เดี๋ยวไปทำงานสาย เจ้าสองแฝดเดี๋ยวทีป้อนเอง"

"ไม่เป็นไรครับพี่ช่วย... ไหนเจ้าธันจอมแสบ อ้าปากเร็ว"

"อือ อื้อ" เด็กชายธันวาใช้มือปัดมือคนเป็นพ่อทิ้ง พยายามใช้มือน้อยๆของตัวเองแย่งช้อนมาถือเอง

"อยากกินเองเหรอคับ แต่เสียใจด้วยนะ เราคงต้องให้ป๊าป้อนไปก่อนนะ ไว้รอโตกว่านี้แล้วค่อยกินเองนะ อ้ามเร็ว ดูน้องวินสิ กินจะหมดถ้วยแล้วนะ"

"ปา อือ แอะ อือ บู้ บู ย้ะ"

"ครับๆ ป๊ารู้แล้วครับว่าเราอยากกินเอง ไว้วันหลังนะ วันนี้ให้ป๊าป้อนก่อน เก่งมาก"

ครั้งนี้เด็กชายธันวายอมอ้าปากรับอาหารเช้าเข้าปากแต่โดยดี แต่เจ้าตัวน้อยก็ยังมิวายส่งเสียงอ้อแอ้บ่นคนเป็นพ่อไม่หยุด

"พี่ว่า น้องธันขี้บ่นมากเลย"

"นั่นสิครับ บ่นเก่งที่หนึ่งเลย ส่วนน้องวินก็เรียบร้อยมากเลยครับ บางครั้งทีก็อยากให้น้องวินซนเหมือนน้องธันบ้าง อีกคำนะครับน้องวิน เก่งมากเลย"

"อื้อ อื้อ มะ "

"ครับ น้องวินเก่งมากๆเลย"

"ปะ บู้ บู้ แอะ อือ อือ"

"ขอโทษครับๆ ป๊าป้อนช้าใช่ไหม ทำไมบ่นเก่งจังเลยเนี่ยห๊ะ เจ้าแสบ"

"ป๊า อย่าดุน้อง น้องหิว ป๊าป้อนช้า น้องไม่ผิดนะครับ"

คุณพี่ชายสุดเท่ผู้ปกป้องน้องตลอดเวลา ออกโรงปกป้องน้องอีกแล้ว ถ้าจะมีใครให้ท้ายเจ้าสองแฝดที่สุดในบ้าน เห็นทีคงจะไม่พ้นพี่ตุลย์ของน้องๆนี่แหละ

"เอ้า ป๊าผิดซะอย่างงั้น" ลมพูดติดขำ

"ครับ ป๊าอย่าดุน้องนะ"

"ครับๆ ไม่ดุแล้วครับ"

"ป๊า อ้ามๆ" เด็กชายตุลย์จ่อช้อนของตัวไปตรงปากของลม

"หืม ป้อนป๊าเหรอครับ" ลมถามด้วยความแปลกใจ

"ครับ ก็ป๊าป้อนแต่น้อง ป๊ายังไม่ได้กินข้าวสักคำเลย ตุลย์ป้อนครับ"

"ตัวเล็กของป๊า ทีครับ พี่ฝากป้อนเจ้าธันต่อที ไม่ไหว ตัวเล็กทำพี่ใจเหลว ขอฟัดตัวเล็กสักหนึ่งที"

นาทียิ้มขำรับถ้วยข้าวของน้องธันมาถือไว้ในมือ

"ไหนตัวเล็ก ขอป๊ากอดหน่อย น่ารักไม่ไหว ขอฟัดแก้มด้วยนะ ฟอด ฟอด"

"ฮ่า ฮ่า ป๊า ป๊า ตูนตูนจี้ ตูนตูนจี้ ป๊าอย่าทำ คิกคิก"

"แอร๊ย อ๊าย ปา ปา ปา มะ"

เจ้าสองแฝดส่งเสียงเจี้ยวจ้าว หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ยามที่เห็นพี่ชายของตัวเองหัวเราะเสียงดังเพราะโดนป๊าจับฟัดแก้มจนแทบช้ำ

"ตูน ตูน"

ภายในห้องครัวเวลานี้เงียบสนิท แม้จะได้ยินไม่ได้ชัดมากในคำที่เจ้าสองแฝดพูด แต่นาทีแน่ใจว่าคำนั้นมันคล้ายๆกับคำว่าตุลย์มาก ในขณะที่ลมเองก็ได้ยินเช่นนั้นเหมือนกัน ส่วนเจ้าของชื่ออย่างเด็กชายตุลย์ในตอนนี้นั้น...

"หม่าม้า ฮือออ น้องเรียกชื่อตุลย์ครับ ฮือ น้องเรียกชื่อตุลย์ด้วย ฮืออออ"

แม้จะไม่ชัดมาก แต่เด็กชายตุลย์ก็มั่นใจว่าเมื่อกี้น้องชายทั้งสองคนของเขาเรียกชื่อเขาแน่ๆ ดีใจ เขารู้สึกดีใจมาก มากจนต้องร้องไห้ออกมา

"แง้ ฮึก แง้ แง้" เมื่อเห็นพี่ชายของตัวเองร้องไห้ เจ้าสองแฝดที่ยิ้มร่าเมื่อสักครู่ก็แผดเสียงร้องไห้จ้าตามพี่ชายไปด้วย ใครทำอะไรพี่ชายของพวกเขา ทำไมพี่ตุลย์ของพวกเขาถึงร้องไห้นะ พี่ตุลย์อย่าร้อง ถ้าพี่ตุลย์ร้องพวกเขาก็จะร้องไห้เป็นเพื่อนพี่ตุลย์เอง

"แง้ แง้ แง้ ฮือ"

ลมกับนาทีหันมาสบตากันนิ่ง ก่อนที่ทั้งคู่จะหลุดขำออกมา เจ้าลูกหมูทั้งสามของพวกเขา ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริงๆ

"พี่ลมครับ" จู่ๆนาทีก็เอ่ยเรียกชื่อลมขึ้นมาเสียดื้อๆ

"ครับ"

"ทีรักพี่ลมนะครับ"

"พี่ก็รักทีครับ" แม้จะตกใจอยู่บ้างแต่ลมก็ยิ้มรับและบอกรักกลับทันที

"รักด้วย ตุลย์รักด้วยครับ รักทั้งป๊า ทั้งหม่าม้า แล้วก็น้องธันน้องวินด้วย ตุลย์รักหมดเลย"

"แอ้"

"แอ้"

"ฮ่า ฮ่า รู้เรื่องกับเขาด้วยเหรอเจ้าแฝด"

"แอ๊"

"อร๊าย"



ทั้งลมและนาทีต่างก็ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร จะมีเรื่องราวดีร้ายแค่ไหนที่แวะมาทักทายครอบครัวของพวกเขา แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองคนคิดเหมือนกันคือ ต่อให้เรื่องราวดีร้ายแค่ไหนที่แวะมาทักทาย พวกเขาก็จะคอยดูแล คอยปกป้องและอยู่เคียงข้างทุกๆคนที่รักตลอดไปตราบนานเท่านาน



'ตูนตูนมีป๊าแล้วนะครับ'
[/b]



END



.........................................................

ฮือ จบแล้วค่ะทุกคน เจ้าหนูตูนตูนจบแล้วค่ะ

รู้สึกใจหายมากๆเลย

เรื่องนี้เป็นเรื่องของเราค่ะ ผิดพลาดตรงไหรประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ตรงนี้นะคะ

หวังว่าตอนจบของเรื่องจะสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับทุกๆคนได้นะคะ
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันจนจบเรื่องนะคะ


ขอแจ้งข่าวสักนิดนนะคะ ตอนนี้เจ้าหนูตูนตูนมีเปิดให้พรีออเดอร์อยู่นะคะ ใครสนใจสามารถสอบถามได้ที่ line @050zmsmj  ได้เลยนะคะ

ราคา 690 บาทรวมส่ง เปิดพรีตั้งแต่วันนี้ -16 พย.64 ค่ะ
มีเนื้อเรื่องหลัก 37ตอน  ตอนพิเศษ 7 ตอนค่ะ
ตอนพิเศษประกอบด้วย ลมกับนาที 2 ตอน กรกับคีย์ 2 ตอน  เจ้าหนูตูนตูน 1 ตอน เรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นฟันน้ำนม 1 ตอน และสุด้ทาย แก้งป่วนก๊วนครอบครัวใหญ่อีก 1 ตอนค่ะ

หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-10-2021 23:03:55
 :pig4:
 :L2:
 o13
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 26-10-2021 00:46:48
 o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 26-10-2021 01:25:25
 :mew1: :mew1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 27-10-2021 12:14:07
อ่านไปยิ้มไปตลอดจริงๆค่ะ...
ขอบคุณสำหรับนิยายที่ทำให้ยิ้มได้ตลอดๆนะคะ... ^_^ ...
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 03-11-2021 12:21:15
ลงให้อ่านแบบสะใจมากเลยครับ แปบเดียวจบเลย สนุกมากครับ แต่ละตอนไม่ค่อยยืดเยื้อดี อยากให้กรกับคีย์มีลูกด้วยอะ
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 05-11-2021 20:36:02
น่ารักจัง :L2:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-11-2021 23:38:28
รวดเดียวจบ ขอบคุณที่ต่อจนจบนะครัว
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 24-06-2022 10:21:50
อ้า อ่านจบละใจฟูมั๊กๆ อยากให้มีภาคต่อจังเลยค่า :monkeysad:
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 01-08-2022 22:49:55
สนุกมากครับอ่านรวดเดียวจบชอบๆ o13
หัวข้อ: Re: หม่าม้าบอกว่า ป๊าไม่อยู่แล้ว mpreg โดย sadvoice
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 11-03-2023 09:21:41
ตูนตูน น่ารักที่สุดเลยยยย