พิมพ์หน้านี้ - Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ [จบแล้ว]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Namm12141 ที่ 05-08-2021 13:39:53

หัวข้อ: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 05-08-2021 13:39:53
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


อินโทร ฮัลโหล เทส เทส (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4058919#msg4058919)
Episode 1 มหา'ลัย ให้อะไรเรา 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4058920#msg4058920)
Episode 1 มหา'ลัย ให้อะไรเรา 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4058921#msg4058921)
Episode 2 บัดดี้ผมเป็นคนดี ดีจริงๆ 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059046#msg4059046)
Episode 2 บัดดี้ผมเป็นคนดี ดีจริงๆ 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059047#msg4059047)
Episode 3 เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059185#msg4059185)
Episode 3 เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059186#msg4059186)
Episode 4 โอ๊ย โอ๊ย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059309#msg4059309)
Episode 5 ทำไมหัวใจต้องเต้นแรง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059446#msg4059446)
Episode 6 มึงชอบมัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059568#msg4059568)
Episode 7 กว่าจะรู้หัวใจตัวเอง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059680#msg4059680)
Episode 8 ต้องทำอะไรสักอย่าง 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059789#msg4059789)
Episode 8 ต้องทำอะไรสักอย่าง 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059790#msg4059790)
Episode 9 กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ ห้าไห้ ห้าไห้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059899#msg4059899)
Episode 10 นอนจับมือกันครั้งแรก 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059990#msg4059990)
Episode 10 นอนจับมือกันครั้งแรก 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059991#msg4059991)
Episode 11 เพราะรักมันไม่มีรูปแบบตายตัว 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060106#msg4060106)
Episode 11 เพราะรักมันไม่มีรูปแบบตายตัว 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060107#msg4060107)
Episode 12 Neng Day (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060339#msg4060339)
Episode 13 รักก็คือรัก 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060356#msg4060356)
Episode 13 รักก็คือรัก 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060357#msg4060357)
Episode 14 ในเมื่อใจตรงกันแล้ว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060417#msg4060417)
Episode 15 คนเป็นแฟนกัน เค้าทำอะไรกันบ้าง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060493#msg4060493)
Episode 16 อาจจะขี้หึงจนเกินไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4062508#msg4062508)
Episode 17 ไฟนอล นรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4065848#msg4065848)
Episode 18 หวาน หวาน หัวใจชื่นบาน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4065850#msg4065850)
Episode 19 หวาน หวาน หัวใจชื่นบาน 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4065851#msg4065851)
Episode 19 หวาน หวาน หัวใจชื่นบาน 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4065852#msg4065852)
Episode 20 วันนี้...ฉันมีเธอ End (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4065854#msg4065854)


อินโทร ฮัลโหล เทส เทส



สวัสดีครับ ผมชื่อ น้ำ ครับ ชื่อจริงชื่อ นายนัทนที เกียรติพิบูลย์ หน้าตาหล่อเหลาเอาการระดับ 10 ดาวเลยก็ว่าได้ คริคริ(ขอชมตัวเองซักนิดนะครับ)

ส่วนสูงของผมก็ตามมาตรฐานชายไทยครับ 180 พอดีเป๊ะไม่ขาดไม่เกิน ซึ่งคิดว่าปีหน้าอาจจะสูงเพิ่มอีกซัก 1-2 เซน และตอนนี้ผมก็อายุ 18 ปีแล้วกำลังก้าวเท้าเข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัว รู้สึกตื่นเต้นมากครับกับการอายุ 18 ครั้งแรก พอผ่านไปได้ซักวันสองวันทุกอย่างก็ปกติดี เด็ก 18


....มันก็ไม่ได้ต่างจากอายุ 17 เลยแล้วกูจะตื่นเต้นเพื่อ!!! ผมเป็นลูกชายคนเล็กสุดของบ้านครับ มีพี่ชาย 2 คน ซึ่งหน้าตานี่ถอดกันมาอย่างกับคนคนเดียวกัน แต่อาจจะต่างกันตรงที่ช่วงวัย และแน่นอนว่าที่ถอดกันมาเนี่ยมาจากพ่อด้วยครับ หล่อกระชากใจกันทั้งบ้าน แบบผู้ชายในฝันของสาวๆหลายคน ที่มีทั้งความหล่อ สูงยาว ขาวโอโม่ สันจมูกที่พุ่งปรี๊ดอย่างกับยอดภูเขาไฟฟูจิ แต่ไอ้ความขาวโอโม่นี่แหละที่ผมเกลียดมาก คือผมเป็นคนที่ขาวที่สุดในบ้าน ขาวจัดๆชนิดที่ว่าสีเดียวกับกระดาษเอสี่เลยก็ว่าได้ เลยทำให้มักจะมีปัญหาเวลาถ่ายรูปรวมไม่ว่าจะกับเพื่อน หรือครอบครัว เพราะรูปที่ได้มันไม่เคยลงตัวเลยไง ถ้าปรับให้คนอื่นสว่างก็จะมองไม่เห็นผมแต่ถ้าปรับให้มืดลงก็จะมองไม่เห็นคนอื่นอีก มันเป็นปัญหาระดับชาติจริงๆ



‘มึงแมร่ง บดบังออร่าความหล่อกูตลอดดด’

‘มึงแดกผงซักฟอกเป็นอาหารรึไง’

‘น้ำ นี่ต่อให้เดินห่างกันสิบโลก็ยังรู้เลยว่าเป็นน้ำ’

‘ความขาวมึงนี่แบ่งให้กูบ้างได้มั้ยเหี้ยน้ำ’



ครับ...

ซึ่งคำพูดพวกนี้มักจะกระแทกกรอกหูผมตั้งแต่เด็กจนโตเป็นหนุ่มเต็มตัว ซึ่งผมก็ไม่ซีเรียสหรอกครับเพราะมันก็ไม่รู้จะซีเรียสทำไม คริคริ ซึ่งพ่อบอกว่ามันคงเป็นเพราะผมเป็นลูกรักแม่เลยได้ความขาวจากแม่มาเต็มๆ ใช่ครับแม่ผมขาวมากแล้วก็สวยมากมาก ดีนะครับที่ผมเลือกเอาหน้าตาพ่อมาไม่งั้นผมคงจะเป็นไอ้หนุ่มหน้าหวานสันดานไพร่แน่ ฮ่าๆ พูดถึงตัวเองมานานจนลืมแนะนำบรรดาพี่ชายสุดที่รักที่รักกันสุดตรีนนน

พี่ชายคนโตของผมชื่อ น่าน ครับ ชื่อจริง นายน่านนที เกียรติพิบูลย์ ตอนนี้มันเรียนจบแล้วครับ พึ่งขึ้นทะเบียนบัณฑิตไปหมาดๆปีนี้นี่แหละครับ พี่น่านมันเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เอกโยธาครับ ซึ่งตอนนี้มันก็มาช่วยงานที่บริษัทของพ่อกลายเป็นหนุ่มวิศวกรเต็มตัวแล้วล่ะมั้ง

ส่วนพี่ชายคนรองของผมชื่อ นนท์ ครับ ชื่อจริง นายนนนที เกียรติพิบูลย์ ตอนนี้มันยังเรียนอยู่ ปีนี้มันขึ้นปี 3 แล้วครับ เรียนคณะเดียวเอกเดียวกับไอ้พี่น่านมันครับ เรียกว่ามันจ้องจะถอดแบบพี่น่านทุกอนุรูขุมขนเลยก็ว่าได้

ก็อย่างที่บอกว่าหน้าตาพวกผมสามพี่น้องนี่ถอดกันมาเป๊ะๆ ความหล่อไม่ต้องพูดถึง พี่มันสองคนนี่ดีกรีเดือนมหาลัยเลยครับแถมพ่วงด้วยขวัญใจมหาชนสโมสรฟุตบอลมหาลัยอีก ตำแหน่งความหล่อต่างๆที่ได้มานี่ ซื้อเอาทั้งนั้น ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่นครับ พี่มันสองคนเป็นที่เข้ากับคนง่ายครับอัธยาศัยดีๆที่เรียกว่ากวนตรีนครับนอกจากจะเรียกความสนใจจากสาวๆแล้วยังจะเรียกตีนจากคนอื่นๆได้อีก

แล้วพี่มันสองคนมักจะชอบมีปัญหาถกเถียงกันเรื่องความสูงตลอด คือพี่นนท์มันสูง 189 ส่วนพี่น่านมันสูง 188 ซึ่งมันต่างกันแค่เซนเดียวแต่มันก็ชอบทำให้เป็นปัญหาระดับชาติเพราะที่ผ่านมาพี่น่านมันสูงกว่าพี่นนท์ไง แล้วพี่นนท์มันเสือกไปวัดมายังไงไม่รู้มันจนสูงกว่าพี่น่านมันเซนนึงที่นี้ก็มานั่งเถียงกันคอเป็นเอ็นสามวันสามคืน เดือดร้อนหมอที่โรงบาลที่ต้องมาปวดหัววัดความสูงให้พวกพี่มันเพราะแมร่งบอกว่ามีแต่หมอเท่านั่นจะให้ความมาตรฐานที่สุดสำหรับพวกพี่มัน แล้วผมกับพ่อก็ต้องตามใจพวกพี่มัน เพราะรำคาญ คำเดียวสั้นๆ สรุปหมอวัดออกมาแล้ว พี่นนท์มันสูง 189 จริง ส่วนพี่น่านก็ 188 คือถ้ามองตาเปล่ามันก็เท่ากันป้ะ แล้วพี่มึงจะอะไรกันหนักหนาหันมาดูกูนี่ไม่เคยเดือดร้อนอะไรกับความสูง 180 กูเลย ใช่ครับ...ผมเตี้ยสุดในบ้าน แต่ยังไงปีหน้าผมคาดว่าจะสูงเพิ่มขึ้นแน่นนอน แต่ถึงไม่เพิ่มขึ้นก็ไม่ซีเรียสอะไรครับเพราะผมมาตรฐานแล้วพวกพี่มันต่างหากที่ทะโหล่โถ่เถ่เกินมาตรฐาน

จะเห็นแต่ว่าผมพูดถึงแต่พ่อกับเหล่าพี่ชายแม่ผมคงน้อยใจแน่ๆ แม่ผมไม่น้อยใจหรอกครับหรือน้อยใจรึป่าวก็ไม่รู้สิเพราะต่อให้ผมถามแม่ก็ไม่ตอบหรอก เพราะแม่ของผมเธอจากไปนานแล้วครับตอนนี้คงเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์แล้วเธอจากไปตั้งแต่ผมอายุแค่12 เองครับ แต่ผมก็รับรู้นะครับว่าเธอรักพวกเรามาก เท่านี้ก็พอแล้วครับเดี๋ยวจะพากันดราม่า


   


“น้ำมึงตัดสินใจยังวะ ว่าจะเรียนต่อที่ไหน” เสียงจากไอ้เหน่งเพื่อนรักผมเองครับ คบกันมานานมากตั้งแต่สมัยอนุบาลสนิทกันที่สุดในบรรดาเพื่อนๆเพราะว่าบ้านอยู่ใกล้กันแล้วพ่อแม่ยังมาเป็นเพื่อนกันอีก มันรู้ใจผมทุกเรื่อง รู้จักผมดีกว่าผมรู้จักตัวเองอีก หน้ามันอ่ะหรอก็จัดอยู่ในหมวดหมู่พวกหล่อมากๆแหละครับ แถมความสูงมันก็ยังจะสลอนหน้าสลอนตาสูงกว่าผมอีก 7 เซน แต่ผมไม่ซีเรียสครับเพราะผมสูงตามมาตรฐานแล้ว!!!
“เอ้า เงียบไม่ตอบ หยิ่งหรอมึง” เอาสันหนังสือฟาดที่หัวผมเบาๆเพื่อเรียกร้องให้สนใจมัน
“กูสมัครม.เชียงใหม่ไปแล้ว” หยิบหนังสือเล่มที่มันฟาดผมเมื่อกี้ฟาดมันคืน มันทำหน้าทำเสียงฮึดฮัดอ้อนมืออ้อนตีน
“แล้วไม่บอกกูวะ! คิดว่ามึงจะเรียนที่เดียวกับพี่มึงซะอีก แล้วจะไปทำหอกอะไรไกลถึงเชียงใหม่พ่อมึงอยู่นั่นแง้ะ” ตอนแรกมันทำหน้าสงสัยแต่ตอนนี้ทำกวนส้นตีนแล้วครับ
“กูโตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้ว กูก็อยากไปเผชิญโลกกว้างบ้างอยู่กับพวกพี่มันแมร่งมาสิบแปดปีแล้วให้กูห่างกันบ้างเห้อะ”

ผมถอนหายใจอย่างปลงตกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ไร้สาระที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่พี่มันเถียงกัน แหย่กันอย่างห้ำหั่นแล้วผมต้องเป็นฝ่ายยุติทุกครั้ง แล้วไอ้ที่ผมอยากไปเรียนไกลๆนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับผมแค่อยากไปใช้ชีวิตเท่ห์ๆคนเดียวในที่เงียบๆไกลๆไม่มีคนรู้จักไม่มีความวุ่นวาย แต่ยังงัยผมก็ยังคงเลือกเรียนคณะวิศวกรรมเจริญรอยตามพวกพี่มัน แต่เอกที่ผมเลือกเรียนนี่คงเป็นไฟฟ้าตามรอยพ่อมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไปแล้วไปลับไม่กลับมานะผมก็แค่อยากไปทำอะไรใหม่ๆในที่ใหม่ๆก็แค่นั้นยังไงซะก็ต้องกลับมาหาทุกเดือนอยู่แล้ว แหม่พูดเหมือนกับว่าจะสอบติดพรุ่งนี้ยังงั้น ฮ่าๆ

“เออ แล้วพ่อกับพี่มึงรู้ยัง” มันทำหน้าแบบหมาสงสัย
“กูบอกพวกเค้าแล้ว ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร” ผมหันกลับมาสนใจสมุดการบ้านที่กำลังทำต่อ
“หรอวะ ก็ดีแล้ว แต่มึงไปสอบเป็นเพื่อนกูหน่อยดิสอบที่ม.เดียวกับพี่มึงอ่ะ นะ นะนะ” ไอ้เหน่งทำหน้าตาดัดจริตเสียงเล็กเสียงน้อยเห็นแล้วน่ายกตีนขึ้นมาถีบ ผมพอจะรู้ไอ้ห่าเหน่งมันไปหยอดไปจีบสาวต่างห้องไว้ ซึ่งสาวคนนั้นก็ดันเลือกที่จะเรียนต่อมหาลัยที่พี่ผมเรียน แล้วไอ้นี่ก็บ้ากะจะตามไปจีบเค้ายันมหาลัย กูล่ะยอมมึง
“ไม่” ผมยังคงสนใจแต่การบ้านต่อไป
“แต่กูเป็นเพื่อนที่รักมึงที่สุดนะน้ำ มึงจำได้มั้ยตั้งแต่อนุบาลแล้วที่เราสัญญากันไว้ตอนที่ร่วมกระบวนการขโมยยางลบสาวอนุบาลห้องข้างๆแล้วโดนคุณครูจับได้ไง ว่าเราจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดไป มึงจำได้มั้ย” แล้วมันก็ตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องเดิมๆในอดีต เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ผมปฏิเสธมัน มันจะต้องหาเหตุผลในความทรงจำมาอ้างทุกครั้งแล้วผมก็ต้องจำนนต่อเหตุผลของมันทุกครั้ง เพราะว่ามันคือเพื่อนที่รักผมสุดตรีนนน
“เออ!!! ร่ำไรฉิบหาย แต่กูแค่ไปสอบเป็นเพื่อนนะติดหรือไม่ติดกูก็ไม่เรียนที่นั่นบอกไว้ก่อนเลย” ผมทำการตลกลงกับมันเสร็จสับมันก็ไม่ร่ำไรอะไรกับผมอีก



จนถึงวันสอบ



วันสอบผ่านไปด้วยดี



ผลออกมาว่าสอบผ่านกันทั้งคู่ รวมถึงสาวที่มันไปจีบไว้ด้วยติดเหมือนกันแต่คนละคณะ ผมกับไอ้เหน่งเลือกคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้า ตามรอยคุณประณต พ่อผมเองครับ

ซึ่งวันสอบสัมภาษณ์ ไอ้ห่าเหน่งมันก็ลากผมมาด้วยพร้อมเหตุผลที่ความเป็นเพื่อนรักสุดตรีนนนน ยกมาอ้างสารพัดเหตุผลแล้วผมก็ต้องตามมันมาเหมือนเดิม เห็นหน้าระรี้ระริกของมันแล้วอยากกระโดดขาคู่ถีบหน้ามัน ไอ้สันขวานนนน
ส่วนวันประกาศสอบสัมภาษณ์เค้าบอกจะแจ้งผ่านเว็บไซต์มหาลัย




“เชี่ยยย ตื่นเต้นว่ะ มึงว่าเราจะผ่านมั้ยวะ” เสียงระรี้ระริกอ้อนตีนตั้งแต่เมื่อว่านตอนหกโมงเย็น มันถามผมอย่างนี้ทุกครึ่งชั่วโมงตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ใช่ครับ มันมานอนบ้านผมพร้อมกับอ้างว่าอยากมาลุ้นด้วยกัน ซึ่งผมควรจะตื่นเต้นกับมันเหรอ เหอะ เหอะ เหอะ กูไม่ได้อยากเรียนที่นี่ วอทททท มีแต่มึงกับสาวสวยในดวงใจมึงแล้วกูจะต้องมาตื่นเต้นกับมึงเพื่อ!!! มันแหกขี้ตาปลุกผมตั้งแต่ตีสี่ครับ มารอผลประกาศที่เค้าจะประกาศตอน 10.00 น. เอิ่มมึง ไอ้ห่าราก ไอ้สันขวาน ไอ้ส้นตีน



...10.00 น. เวลาที่ตื่นเต้นระทึกใจของมัน ที่ไม่ใช่ของผม



พร้อมกับพ่อของผม และพี่ชายทั้งสองที่นั่งหน้าสลอนกันมาตั้งแต่ตีห้า ตีห้า ตีห้า ครับ!!!
ตื่นเต้นราวกับว่าผมไปแข่งบอลโลกรอบชิงแชมป์โลก

มือซ้ายของผมเลื่อนเมาส์ไปที่ช่องตรวจสอบสถานะการสมัครเรียน

นายนันทภัณฑ์ เหลี่ยมศิลา รหัสประจำตัวผู้สมัครสอบxxxxxx
กำลังดาวน์โหลด...

คุณผ่านการสอบสัมภาษณ์

“โอ้วว เย่” เสียงแห่งความภาคภูมิใจของตัวมันที่ดังลั่นห้องผม แถมด้วยท่าเต้นกระเด้าอากาศแสดงความดีใจแบบสุดชีวิตของมัน
“ย่ะ ย่ะ คุณนันทภัณฑ์ ยินดีต้อนรับสู่รั้วมหาลัยxxxx ของเรา แปะ แปะ” ไอ้พี่นนท์มันปรบมือให้ไอ้เหน่งอย่างภาคภูมิใจมันคงหาทายาทอสูรที่จะคายตะขาบเรื่องระยำตำบอนให้ได้แล้วสินะ ส่วนผมก็ได้แต่ส่ายหัวเนือยๆ
“น้ำ ไม่ตรวจสอบชื่อของเราบ้างล่ะ” เสียงจากคุณประณต ที่มาพร้อมกับสายตาเป็นเชิงบังคับว่า มึงตรวจสอบของมึงเดี๋ยวนี้
“รู้แล้วน่ะพ่อ จะตรวจอยู่นี่ แต่บอกก่อนเลยนะติดรึไม่ติดผมก็ไม่เรียนที่นี่แน่นอน” ผมหันไปบอกทุกคนอย่างจริงจัง ก่อนที่พี่น่านมันจะเอ่ยปากขึ้นว่า
“ลีลาฉิบหาย” พร้อมทำหน้าหงุดหงิดเป็นหมาหิวข้าว

มือขวาผมกรอกรหัสบัตรประชาชน ส่วนมือซ้ายก็เลื่อนเมาส์มาคลิกช่องตรวจสอบสถานะการสมัครเรียน



นายนัทนที เกียรติพิบูลย์ รหัสประจำตัวผู้สมัครสอบxxxxxx
กำลังดาวน์โหลด [หมุนติ้ว ติ้ว ติ้ว อยู่อย่างนั้น ราวกับว่าบ้านลืมจ่ายค่าอินเตอร์เน็ตวายฟาย]



คุณผ่านการสอบสัมภาษณ์
รายละเอียดวันรายงานตัวพร้อมเอกสารดังนี้
Xxxxxxxxxxxxxx


แล้วไง ใครแคร์ ไม่มี บอกเลย

แต่หน้าพ่อกู

บอกว่า

มึงต้องแคร์

“ยินดีด้วยคุณนัทนที ขอต้อนรับสู่อ้อมอกอ้อมใจของรั้วมหาลัยxxxx แปะ แปะ” ไอ้พี่นนท์มันใช้น้ำเสียงเดิมพร้อมกับการตบมือแบบเดิมที่เห็นแล้วอยากลุกไปกระโดดถีบมันเหมือนเดิม
“พ่อ...” น้ำเสียงเสียงเว้าวอนจากหนุ่มน้อยตาใส ที่กำลังจะเอ่ยออกไปแต่ถูกขัดจังหวะด้วยไอ้ชายใหญ่ของบ้านเกียรติพิบูลย์
“มันต้องแบบนี้สิวะ สมกับที่กูแหกตาตื่นตั้งแต่ตีห้ามารอฝังผลกับมึงตอน 10 โมงเนี่ย” ตบบ่าผมเบาๆพร้อมดึงเข้าไปกอดเหมือนกับว่ากูได้เหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ จังหวะนี้แหละผมต้องรีบออกตัวแล้ว!!
“ใครบอกว่ากูจะเรียนที่นี่พี่น่าน” ทำเสียงทุ้มๆแบบหนุ่มใหญ่พร้อมกับสีหน้าจริงจังที่แอบหวั่นใจกับสีหน้าที่บอกนัยๆของพ่อว่ากูไงที่จะบอกให้มึงเรียนที่นี่ แล้วผมก็ต้องหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับคำพูดที่พ่อพ่นออกมา
“พ่อให้เลือกระหว่างจะเรียนที่เดียวกับเหน่ง รึจะเรียนที่เดียวกับนนท์” สีหน้าจริงจังแต่คำพูดคือเล่นมุข แต่ไม่มุข ใช่ แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม
“แล้วเหน่งกับไอ้พี่นนท์นี่มันเรียนคนละม.กันมั้ง ไหนคุยกันแล้วไงพ่อ พ่อก็โอเคแล้วนี่” กูต้องทำหน้าเหรอหราเรียกร้องความสนใจก่อน
“ใครบอกโอเค พ่อไม่เคยพูดอะไรเลยนะ” ทำคิ้วขมวด ย่นหน้าผาก บอกให้รู้ว่าครุ่นคิดอยู่
“ก็ตอนถามพ่อบอก อือ ไง” กูจะไม่ยอมแพ้ขยั้นขยอต่อไป
“หรอพ่อพูดงั้นหรอ น่านวันนี้เรามีประชุมบ่ายนี่หว่า ป่ะๆไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้าบริษัทกัน เอ้อน้ำเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปหาซื้อชุดนักศึกษากันนะลูก พ่อว่างพอดี” ตัดสวาทแบบขาดเยื้อใย แบบไม่ให้โอกาสตอบโต้อะไรเลย ทำเหมือนกับว่าไม่เคยรับรู้เรื่องที่ผมขอไปเรียนเชียงใหม่ ผมได้แต่นั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่แบบยาวๆ แล้วมองไปที่ไอ้พี่ชายตัวดีกับเพื่อนตัวเหี้ยที่นั่งดิ้นนอนดิ้นหัวเราะระริกระรี้ถูกใจกับสิ่งที่พ่อทำกับผม
“ไอ้สันขวาน” สั้นๆเพราะไม่รู้จะด่าอะไร



แล้วความฝันที่คาดหวังว่าจะได้ชีวิตแบบหนุ่มโตเต็มวัยหัวใจไกลบ้านก็ดับลงทันที ซึ่งผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากก้มหน้ายอมรับเพราะคนส่งเรียนคือพ่อ แล้วพ่อก็ให้เหตุผลว่า’ไม่อยากให้อยู่ไกลหูไกลตาพ่อ อีกอย่างแม่ชอบมาเข้าฝันพ่อว่าอยากให้ลูกทุกคนอยู่ใกล้ๆครอบครัวจะได้อบอุ่นครึกครื้น’เหอะ อบอุ่นครึกครื้นสุดๆไปเลย พออ้างถึงแม่ผมก็ต้องยอม อีกอย่างเพราะพ่อห่วงผมด้วยแหละเพราะผมตั้งแต่เกิดมานอกจากเรียนก็ทำห่าเหวอะไรไม่เป็นซักอย่างต้องมีคนทำให้ตลอดเลยกลัวผมลำบาก ส่วนไอ้พี่ชายทั้งสองมันก็มาช่วยย้ำเหตุผลอีกว่า’เวลามึงไปซัดใครแล้วเค้าสวนกลับกูจะได้ไปช่วยทัน’ใช่ครับวัยรุ่นเลือดมันร้อนตอนมัธยมนี่ผมเคยมีเรื่องกับเพื่อนต่างโรงเรียน ไอ้เหน่งกลัวผมจะสู้เค้าไม่ได้เลยโทรไปบอกพวกพี่ผม ไม่เกิน 20 นาที่ มันมาถึงที่ เรียกว่ารักน้องสุดตรีนกันจริงๆ ‘เวลามีสาวเข้ามากูจะได้ช่วยแสกนง่ายๆไง’อ่ะในเมื่อผู้เชี่ยวชาญเรื่องสาวๆเค้ายืนยันผมก็ไม่ขัดศรัทธา และหวังว่าชีวิตในรั้วมหาลัยของผมคงไม่มีอะไรที่ระยำตำบอกหรอกนะ สาธุรอเลยครับ
 


หลังจากรายงานตัวมอบตัวที่มหาลัย ที่ไม่ใช่คุกนะครับ



ผมก็เตรียมขนข้าวของมาอยู่คอนโดใกล้มหาลัยเพื่อที่จะสะดวกในการเดินทาง ถามว่าบ้านไกลมหาลัยหรอ ก็ป่าว แต่อยากสลอนหน้าออกมาอยู่นอกบ้านไงไกลบ้านนิดหน่อยแต่ก็ถือว่ายังไกล ไกลบ้านแต่ไม่ไกลไอ้พี่นนท์ แล้วก็ไอ้เหน่งด้วย ซึ่งคนโดที่ผมอยู่มันเป็นของพี่น่านตอนนี้พี่น่านมันทำงานเลยย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านกับพ่อที่นี่เลยตกเป็นของผมอย่างชอบธรรม และพ่วงมาด้วยพี่ชายสุดที่รักที่รักกันสุดตรีนอย่างพี่นนท์ที่พำนักพิงอยู่ห้องฝั่งตรงข้าม ตามมาด้วยไอ้เหน่งที่ใช้เส้นใช้สายพ่อมันซื้อคอนโดให้ได้อยู่ข้างๆห้องผม ซึ่งนับวันมันยิ่งทำเหมือนไอ้พี่นนท์กับพี่น่านขึ้นทุกวัน ใจคอพวกมึงจะไม่แยกจากกูกันเลยรึง๊ายยยย
นี่แหละครับจุดเริ่มต้นความระยำตำบอน ที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อผมย่างเท้าก้าวเข้าไปในมหาลัยในฐานะเด็กปีหนึ่ง



โดย อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 1.1
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 05-08-2021 13:54:42
Episode 1 มหา’ลัย ให้อะไรเรา (1/2)



ถ้าถามผมว่ามหาลัย ให้อะไรเรา



ผมคงตอบว่า



ให้ไอ้พวกพี่ห่ารากมาแหกปากด่านั่น ด่านี่ สั่งนั่น สั่งนี่ ตามใจพวกพี่มันนั่นแหละ ส่วนผมผู้น้องโต้แย้งใดๆไม่ได้ไม่งั้นจะโดนส้นตีนบวกกับไม่ผ่านกิจกรรม บนหน้าผมตอนนี้คงมีแต่คำว่า เซ็ง


“ปีหนึ่งครับ พวกมึงช่วยหุบปากกันซัก10นาทีได้มั้ยครับ” เสียงจากยมทูตแห่งขุมนรกที่ห้า แค่น้ำเสียงทุ้มเข้มที่น่าเกรงกลัวไม่พอ ใบหน้าพี่มันต้องเหี้ยมด้วยเหมือนไอ้พวกตัวร้ายในละครบู้ล้างผลาญด้วยครับ ต้องเถื่อน ตามฉบับหนุ่มวิศวกรรมคนเหี้ย(ม)
ซึ่งวันนี้ตั้งแต่ผมก้าวเท้าเขามาในคณะผมยังไม่เจออะไรที่จรรโลงใจเลยครับ เจอแต่อะไรที่ก็ไม่รู้ เห้อออ


“มึงงง อิ้งค์ที่อยู่เอกเคมีแม่งโครตน่ารักเลยว่ะ” เสียงไอ้ห่าเหน่งครับ มันกำลังส่องสาวๆในคณะโดยใช้สายตาแรดๆสอดส่องไปทั่ว มันคงจะลืมสาวที่มันไปขายขนมจีบไว้แล้วล่ะ เพราะตั้งแต่เข้าคณะมามันนี่ทำความรู้จักผู้หญิงในคณะแทบทั้งคณะแล้ว เผลอๆนี่คงทำความรู้จักข้ามคณะไปแล้วมั้ง
“อิ้งค์ไหนอีกว่ะ” ผมถามมันด้วยความสงสัยแบบแกล้งสงสัย หรือว่าสงสัยจริงๆวะ มันก็สะกิดแขนผมพร้อมกับชี้ไปยังเป้าหมาย
“นั่นไงๆ มึงเห็นป้ะ คนที่น่ารักๆกำลังหัวเราะคิกคักกับเพื่อนที่อวบๆน่ะ” พูดไปยิ้มไปราวกับเจอลิซ่าแบกพริก เอ้ย แบล็คพลิงค์ อิอิอิ อิงค์เธอน่ารักจริงคับ ตัวเล็กๆหน้าเล็ก ปากนิด จมูกหน่อย ปล่อยผมยาวถึงกลางหลัง ผิวขาวเหลืองตามฉบับสาวหมวย น่ารักกก แต่ไม่ใช่สเป็คผมครับ
“สเป็คมึง” ผมหันไปถามไอ้เหน่ง ไอ้นี่ก็หน้ายิ้มกริ่มตลอดเวลา”กูรู้สึกว่าตั้งแต่ก้าวตีนเข้ามาที่นี่สเป็คมึงทั้งคณะแล้วป้ะ”ผมได้แต่ทำหน้ากวนส้นตีนใส่มันไป
“แล้วสเป็คมึงล่ะแบบไหนวะ” เสียงไอ้เทมส์ ไอ้นี่ผมพึ่งรู้จักมันเมื่อเช้านี้ครับตอนเจอกันหน้าคณะ มันทำหน้าเหรอหราเดินเข้ามาทักผมกับไอ้เหน่ง บอกว่ามันตัวคนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบอยากจะขอเป็นเพื่อนด้วย แล้วก็ทำเสียงกระซิก กระซิก ดราม่า ไอ้ห่านี่ก็เล่นซะใหญ่เลย ไอ้เทมส์มันเป็นคนหน้าตาดี จัดอยู่ในหมวดหมู่หล่อแต่ไม่ลากไส้ มันน่าจะเป็นประเภทหล่อไร้สาระพกแต่ความสาระแนมากกว่า พอมันนั่งตัวตรงๆความสูงมันนี่เบียดๆไอ้เหน่งเลยแต่ดูจะสูงกว่าซัก 187-188 มั้ง นั่นแหละครับมีแต่ผมที่คาบเส้นมาตรฐานชายไทยอยู่ แต่ก็ช่างเหอะ ไม่ซีเรียส มั้ง

“สเป็คไอ้น้ำอ่ะ มันชอบแบบสายฝอเว้ย แบบอาริน่า แกรนด์เด เว้ย” ไอ้เหน่งชะโงกออกมาตอบไอ้เทมส์พร้อมกับเลิกคิ้ว ซึ่งผมยังไม่เคยบอกสเป็คมันเลยว่าชอบแบบไหน คือถ้าผมบอกว่าผู้หญิงคนไหนสวยไอ้เหน่งก็ฟันธงว่าสเป็คผมหมด ไอ้ห่ารากนี่มันชอบยัดเยียดให้ผมชอบคนนั้นคนนี้ไปทั่วตลอด
“แล้วกูไปบอกมึงตอนไหนเรื่องสเป็คของกู” ผมหันไปถามไอ้เหน่ง มันเลิกคิ้วใส่ผม
“ก็วันนั้นที่กูเปิดMVเพลงของอาริน่าให้มึงดู มึงบอกคนนี้สวย” นั่นไงกูว่าแล้วไอ้ห่า ถ้ากูชมคนว่าสวยทั้งคณะนี่มึงไม่เดาว่าสเป็คกูทั้งคณะเลยหรอ
“รึว่าคนนี้สเป็คมึงวะ” เสียงไอ้เทมส์ที่ทำเป็นเสียงตื่นเต้นบวกกับสายตาเจ้าเล่ห์พร้อมชี้ไปที่เป้าหมาย
“ใครวะ”

ผมกับไอ้เหน่งมองตามนิ้วชี้ของไอ้เทมส์ที่ชี้ไปยัง ผู้ชาย ผู้ชาย ใช่ครับมันชี้ไปยังผู้ชาย ซึ่งไอ้ผู้ชายคนนี้มันน่าจะเรียนคนละเอกกับผมเพราะดูจากแถวที่ห่างไกลกัน หน้าตามันเข้าอยู่หมวดหมู่พวกหล่อ หล่อแบบหล่อฉิบหายวาดวอด หล่อแบบไม่เผื่อไม่แผ่ใคร หล่อจนผมคิดว่าเทพเจ้านี่คงตั้งใจปั้นมึงมาแน่ๆ ดูจากการนั่งตัวตรงวัดระดับความสูงกับเพื่อนๆมัน มันดูสูงมากกกก ใบหน้าและสันกรามของมันนี่ตามฉบับหนุ่มอปป้าเกาหลีเลย คิ้วก็หนาเข้ม ตาเรียวรีแต่มองไม่เห็นแววตาเพราะอยู่ไกลกัน สันจะมูกมันนี่พุ่งเป็นสันเขื่อน ปากสีแดงอ่อนๆแบบธรรมชาติ ผมสีน้ำตาลเข้มที่ขับผิวหน้ากับผิวตัวมันให้ดูสว่างไสว รวมๆดูแล้ว มันหล่อครับ หล่อจนผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ แล้วก็ถูกเรียกสติให้กลับมา

“ไง ถูกใจ ตาไม่กระพริบเลยมึง” ไอ้เทมส์มันเอามือหยาบกร้านของมันดึงใบหน้าผมกลับมามองมัน แล้วทำยักคิ้วหลิ่วตา เป็นบอกว่า กูรู้ว่ามึงสนใจ แต่ ห๊ะ!!!

ไอ้ส้นตีน อะไรที่ทำให้มึงคิดแบบน้านนน

“กูผู้ชายทั้งแท่ง” ย้ำให้มันมั่นใจด้วยน้ำเสียงนุ่มสุขุม รึป่าว
“เออกูรู้.. กูก็แซวไปงั้นแหละเห็นมันแมร่งอย่างหล่อชิบหาย ส่วนมึงก็หล่อเหี้ยๆ ถ้ากูเป็นผู้หญิงนี่กูคงเลือกลำบากว่ะ ฮิฮิ” หัวเราะอย่างมีความสุขนะมึง
“กูว่านะเชี้ยน้ำกับไอ้หล่อนั่นอ่ะต้องเป็นคนเลือก ไม่ใช่มึงไอ้ห่าเทมส์” ถูกแล้วเหน่งเพื่อนรัก ทำดีๆ แล้วมันก็เอื้อมมือควายๆมาผลักหัวไอ้เทมส์ด้วยแรงควายๆของมัน
“น้องๆคะ เดี๋ยววันนี้พี่จะปล่อยกลับที่พักเลยนะคะ แล้วพรุ่งนี้มาเจอกันตอนบ่ายโมง ห้ามเลทกันนะ เพราะว่าเราจะมีกิจกรรมจับสายรหัสกัน โอเคตามนี้นะทุกคน บรัยยย” เสียงจากยมทูตจากนรกอีกขุมแต่นุ่มนวลกว่าขุมที่แล้วเยอะ



“ไงไอ้รูปหล่อ จะกลับแล้วหรอวะ” เสียงแรดๆจากคนแรดๆอย่างไอ้แคมป์ครับ ผมพึ่งรู้จักกับมันตอนทำกิจกรรมรับน้องนี่แหละครับ ไอ้นี่มันอัธยาศัยดี ดีมาก บางทีผมก็คิดว่ามากเกิน เกินมนุษย์มะนา แต่แปลกนะครับที่วิศวกรรม ปีผมนี่มีแต่พวกหน้าตาดีเหมือนกับว่าใช้หน่วยคัดกรองคัดตัวมาโดยเฉพาะ คุณคงคิดว่าผมพูดดูเวอร์ ใช่ครับผมว่าผมก็เวอร์จริงๆ แต่ไอ้แคมป์เนี่ยมันก็หล่อเวอร์ๆจริงๆนะครับ หน้ามันนี่อย่างกับพระเอกซีรี่ย์เกาหลี ส่วนความสูงมันก็ฟาดไป 186 ละ มันนี่ดูเพอร์เฟ็คมากไม่ใช่แค่ในสายตาผมแต่เป็นสายตาทุกคน

“ยังว่ะ กูกับไอ้เหน่งไอ้เทมส์ว่าจะไปโฉบหาอะไรกินแถวๆหน้าม. ขี้เกียจรีบกลับห้องกัน” ผมหันไปตอบมัน พร้อมกับทำหน้าสงสัยใส่มันไปว่ามึงมีอะไรกับกูรึป่าว
“ก็ไอ้แคมป์มันจะมาชวนพวกมึงไปร้านนมหน้าม.อ่ะดิ” เสียงเข้มของไอ้โชคที่อะเลิทอะลาทลากเท้าวิ่งมากอดคอไอ้แคมป์ ไอ้โชคเพื่อนร่วมเอกไฟฟ้าอีกคนที่รู้จักกันที่หน้าคณะเมื่อตอนเช้านี่แหละครับ ไอ้นี่มันหล่อ หล่อแบบแบดๆแล้วมันก็ยังพกความสูงมาด้วย 185 เซน ซึ่งทั้งกลุ่มที่ยืนห้อมล้อมผมอยู่ 180 อัพทุกคน มันเลยทำให้ผมรู้สึกตัวเล็กตัวน้อยทันที เหมือนอยู่ท่ามกลางเสาไฟฟ้าทั้งๆที่สูงห่างกันไม่ถึงสิบเซน
“ใจคอไม่คิดจะรอกูกันเลยพวกเหี้ย” เสียงนิ่งเรียบของไอ้ไม้ที่เดินเข้ามารั้งคอผมไว้ แล้วไอ้ไม้นี่แหละครับคือเพื่อนรักของผมเพราะมันดันพกความสูงมา 180 เป๊ะๆเท่ากับผมพอดี แต่มันอาจจะดูสูงเหลื่อมๆผมหน่อยเพราะทรงผมที่ชี้โด่ชี้เด่ของมัน ไอ้ไม้มันเป็นคนนิ่งๆพูดน้อยๆเรียบๆนิ่งๆ หน้ามันก็หล่อแบบนิ่งๆ มันเหมือนพวกพระเอกมาดนิ่งสุขุมไม่สุงสิงกับชาวโลกประมาณนั้น แต่อย่าให้ไอ้นี่มันได้ด่าใครเชียวเพราะคำด่าของมันนี่บาดทะลุถึงขั้วใจเลยก็ว่าได้
“มึงแม่งลีลากว่าจะย่างตีนมาได้แต่ละก้าว มัวแต่ย่างหนอ ยกหนอ เดินหนออยู่นั่นแหละห่า” ไอ้โชคมันบ่นโวยวายใส่ไอ้ไม้พร้อมกับผลักมันไปเบาๆ แต่เหมือนจะไม่เบา
“มัวแต่ร่ำไรกันอยู่นี่แหละพวกพวกมึง ไป” เสียงไอ้เหน่งยุติความร่ำไรของพวกเรา ดูจากอาการแล้วมันคงจะหิวมาก มากจนแดกหัวพวกผมได้ พวกเราก็เลยพากันปรี่มาที่โรงจอดรถกันทันที



“น้ำ” เสียงตะโกนดังลั่นโรงจอดรถ มันเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคย คุ้นหูมาสิบแปดปี
“อะไร” ผมตะโกนกับไปหาไอ้พี่ชายตัวดี พลางคิดว่ามันมีอะไรอีก ยังไงมึงกับกูก็ต้องเจอกันที่คนโดอยู่แล้วมึงจะสลอนหน้ามา

ทำเพื่อ!!!

“เพื่อนผู้หญิงเอกเดียวกับกูเค้าฝากของมาให้” มันยื่นถุงกระดาษในมือประมาณ 4-5 ถุงมาให้ผม แล้วก็เลิกคิ้วทำหน้ากวนส้นตีนใส่ผม จนผมอยากเอาตีนขึ้นไปสะกิดคิ้วพี่มันมาก
“พี่ หวัดดีพี่” พวกเพื่อนผมก็พร้อมหน้าพร้อมยกมือหวัดดีพี่มัน ส่วนพี่มันก็ยกมือรับไว้พร้อมกับเตรียมหมุนส้นตีนกลับหลุมเดิมไป แต่ก็ต้องหันมาตอบคำถามผมที่ง้างปากรอยิงคำถามอยู่
“เนื่องในโอกาสอะไรวะ” ใช่ให้มาเนื่องในโอกาสอะไรวันเกิดก็ไม่ใช่ วาเลนไทน์ก็ไม่ใช่ เชงเม้งหรอ ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ผมขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่แวบนึง พี่มันก็ง้างปากตอบมา
“ต้อนรับสู่อ้อมอกอ้อมใจสาวๆชาววิศวะ ไง” น้ำเสียงทุ้มแต่ทำท่าทางดัดจริตซึ่งไม่เข้ากับมึงเลย นึกดูนะครับผู้ชายร่างควายๆแต่ทำท่าทางเหมือนสาวน้อยวัยแรกแย้มที่พึ่งสารภาพรักกับชายหนุ่มเพื่อนร่วมห้องไป
“ได้หรอวะพี่” ไอ้เหน่งมันได้พูดในสิ่งที่ผมคิดมาแล้ว ใช่มันได้หรอวะพี่มึง
“ได้ดิวะ มึงไม่รู้อะไร ตั้งแต่น้ำมันย่างส้นตีนก้าวเข้ามาในมหาลัย ทำเอาบรรดาสาวๆ ทั้งสาวจริง สาวเทียม กรี๊ด หวีด วิ๊ดว๊ายกันไปหมด มึงนี่มันฮอตสมกับที่กูถ่ายทอดความหล่อเหลาเอาเรื่องไปให้จริงๆ” พูดอย่างโอเวอร์เลยนะพี่มึง แล้วก็มองหน้าผมอย่างภาคภูมิใจราวกับผมเป็นลูกที่มันเบ่งออกมาเอง ไม่พอมันเอามือสากๆของมันมาตบที่บ่าเป็นการบอกผมว่าภูมิใจจริงๆ ส่วนผมก็ได้แต่ทำหน้า อิหยังวะ

แล้วพี่มันก็หมุนส้นตีน วิ่งระรี้ระริกกลับหลุมมันไป ทิ้งไว้แต่คำว่า อิหยังวะ บนใบหน้าผม



พอแยกจากไอ้พี่นนท์พวกผมก็พากันมานั่งหน้าสลอนอยู่ร้านนมหน้ามหาลัย โดยมีสาวน้อยมัธยมปลายยืนฉีกยิ้มหวานหยาดเยิ้มรับบทเป็นเด็กเสิร์ฟรอรับออเดอร์อยู่

“เอ่อ พี่เอาโอริโอ้ปั่น 2 โกโก้ปั่น 3 ช็อกโกแลตปั่น 1 แล้วก็ขนมปังปิ้งรวมมิตร 2 ชุด ครับ” ไอ้แคมป์รัวออเดอร์ใส่น้องเด็กเสิร์ฟไปหนึ่งยกครับ พร้อมกับรอยยิ้มกระชากใจของมันโดยไม่สนใจเสียง คุก คุก คุก ที่ลอยอยู่รอบตัวมันเลย ไอ้ห่า
“มึงดูๆ ผู้หญิงโต๊ะนั้นมองมาโต๊ะเราพักใหญ่แล้วว่ะ” เสียงตื่นเต้นๆของไอ้เทมส์ที่เหมือนว่าชาตินี้ทั้งชาติมันไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ทั้งที่มันเจอมาอยู่ทุกวัน
“เค้ามีใจ!! กูต้องรีบไปสร้างสัมพันธ์ที่ดีก่อน” พูดจบไอ้เหน่งก็ทำหน้ากระดี้กระด้าจะลุกไปโต๊ะนั้นแต่ก็ต้องหยุดเพราะฝ่ามือพิฆาตของไอ้ไม้

ผลัวะ!

“เชี้ยยยยไม้” ไอ้เหน่งร้องด้วยความโอดครวญ ครวญคางเป็นหมาตกท่อ

 (เสียงเรียกเข้า)

“พี่น่านหรอวะ” ตัวเสือกที่หนึ่งครับ เสือกทุกเรื่องในชีวิตผม ถ้ามึงจะชะโงกหน้ามาดูที่จอโทรศัพท์กูจนรู้แล้วว่าใคร มึงยังจะถามทำเพื่อ!!! ไอ้ห่าเหน่ง
“เออ เดี๋ยวกูออกไปคุยกะพี่มันก่อน ข้างในแม่งเสียงดัง” มันพยักหน้าบอกผมเป็นนัยๆว่า ไปเหอะมึง


[เย็นนี้พ่อจะไปรับมึงกับนนท์ไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน]
“เนื่องในโอกาส?”
[ก็เลี้ยงฉลองการย่างตีนเข้าสู่รั้วมหาลัยของชายเล็กไง]
คำพูดพี่มึงคือพอตละครมาก
“เพื่อ!!!”
[เพื่อคุณประณต พ่อมึงไง]

พ่อกูกับพ่อพี่มึงก็คนเดียวกันป้ะ จากนั้นผมก็ปล่อยให้พี่น่านมันพล่ามต่อยาวๆโดยไม่สนใจอะไรมันอีก

เพราะผมเลือกที่จะสนใจ...

ไอ้หล่อที่ไอ้เทมส์มันชี้ให้ผมดูเมื่อตอนบ่ายซึ่งมันกำลังเดินหน้าเรียบพุ่งตรงมาหาผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่เคยสั่นไหว ทั้งที่เท้าก็ยังคงก้าวเรื่อยๆ แต่กลับเป็นผมเองที่สั่นไหว ไม่ใช่สั่นไหวแบบสาวน้อยที่กำลังถูกใจชายหนุ่มนะ แต่ดูหน้ามันตอนนี้สิ สีหน้าไม่บอกความรู้สึกอะไรทั้งนั้น ทำให้ผมกังวลว่ามันจะปรี่มาซัดหน้าผมรึป่าว

มันเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ

ใกล้จน

มาหยุดอยู่ตรงหน้า

ตุบ ตุบ ตุบ ‘หัวใจที่สั่นระรัวเป็นเสียงจังหวะกลอง’

ถึงมึงจะสูงกว่ากู ตัวหนากว่ากู แต่ใช่ว่ากูจะกลัวมึงนะ ซัดมากูซัดกลับอ่ะ มาดิ มาดิ

แล้วมันก็..

หยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลออกมาจากเป้ที่สะพายอยู่

ยื่นมาให้ผม มันยื่นถุงกระดาษมาให้ผม ห๊ะ!! อะไรของมัน

“ของมึง” ยื่นมาให้ผมพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นบอกว่ามึงรับไปเดี๋ยวนี้ แล้วคือกูต้องรับรึยังไงแล้วมึงให้กูทำไม กูงง งงในงง
“ของกู” ผมเอานิ้วชี้ ชี้มาที่หน้าตัวเอง แล้วทำหน้าเชิงสงสัยว่า อิหยังวะ

[ประมาณทุ่มนึงเดี๋ยวกูไปรับ เคนะ] ไอ้ห่าพี่น่านกูคิดว่าวางไปแล้ว นี่คงพล่ามจนน้ำลายแห้งสินะถึงวางได้ พอพี่น่านมันวางสายไปผมก็ต้องหันกลับมาสนใจคนตรงหน้าต่อ

“มันวางอยู่บนเป้กู” ผมมองมันแล้วขมวดคิ้ว ยังไงก็ไม่เข้าใจว่าเป็นของกูได้ยังไง เหมือนมันจะอ่านความคิดผมออก มันล้วงมือไปในถุงกระดาษหยิบโพทอิทสีเหลืองอ๋อยยื่นมาให้ผม ในโพทอิทนั้นมันมีข้อความที่เขียนด้วยตัวบรรจงว่า ‘ให้ น้ำ ปี 1 วิศวะ เอกไฟฟ้า พร้อมหัวใจยึกยือสองจึก’ ครับเอกไฟฟ้าปีหนึ่งก็มีผมคนเดียวนี่แหละที่ชื่อน้ำ แล้วมันรู้จักชื่อผมได้ไง ว่าแล้วก็ต้องง้างปากถามซักหน่อย
“มึงคิดว่ากูชื่อน้ำ”
“เออ” สั้นๆแต่ไม่ได้ใจความ ไม่ได้เหี้ยอะไรเลย ห่ามึง
“มึงไม่คิดจะอธิบาย?” ผมขมวดคิ้วถามมันโดยทำสีหน้าที่แสดงออกให้มันรับรู้ว่ากูต้องการคำตอบที่ยาวกว่านี้ คือมึงจะประหยัดคำพูดไปไหน รึว่าเวลามึงง้างปากพูดมันเหมือนมีอะไรมาแทงคอหอยมึงให้รู้สึกเจ็บปวดเลยต้องประหยัดคำพูด ใช่หรอวะ
มันถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วมองหน้าผมเหมือนจ้องจะซัดหน้า กูเริ่มจะกลัวมึงละ ไอ้ความหล่อที่มึงได้มานี่มึงจับฉลากมาหรอ หล่อแต่อัธยาศัยมึงนี่แทบจะไม่มีเลย
“กูเห็นพวกผู้หญิงในคณะเอาแต่กรี๊ดกร๊าดให้ความสนใจคนชื่อน้ำที่อยู่เอกไฟฟ้า กูก็ไม่รู้หรอกนะว่าแค่คนคนเดียวมันจะอะไรกันนักหนา แต่ไอ้พวกเพื่อนกูอ่ะมันก็ดันเสือกให้ความสนใจคนชื่อน้ำเหมือนกัน เอาแต่ชี้หาคนชื่อน้ำให้กูดูว่าหล่อยังงั้นยังงี้ อิจฉาหน้าเค้าผิวเค้าบ้าง แม่งไร้สาระ” นี่คงเป็นการพูดที่ยาวที่สุดในชีวิตมึงเลยสินะ มันได้แต่ส่ายหัวทำหน้าเหม็นเบื่อ เป็นการบอกว่ากูอธิบายแล้วพอใจยัง
“ความจริงมึงไม่ต้องลำบากเอามาให้กูก็ได้นะ ของใครก็ไม่รู้มันคงไม่ได้จำเป็นกับกูขนาดนั้นหรอก” อีกอย่างเกรงใจมันด้วยที่ไม่รู้ว่าถ้าวันนี้มันไม่มาเจอผมที่นี่มันจะต้องเก็บของชิ้นเอาไว้อีกนานเท่าไหร่
“แล้วความรู้สึกของเค้าล่ะ” เอ้าไอ้ห่ามาดราม่าเฉย เหี้ยยยของใครก็ไม่รู้ใครเป็นคนให้กูก็ไม่รู้ แล้วกูจะไปรู้สึกอะไรได้ล่ะ มึงคิดออกมาได้ยังไง๊
“เอาจริงป่ะกูไม่เคยคิดจะรับของจากคนที่กูไม่รู้จัก คนที่กูไม่เคยเห็นหน้า เกิดเค้าคิดไม่ดีกับกู เอาอะไรที่มันอันตรายต่อชีวิตกูมาให้ จะทำไงวะ”
“ดูหนังมาก” มึงจะว่ากูเพ้อเจ้อ แล้วมันก็หยิบไอ้ของที่อยู่ในถุงกระดาษออกมา มันเป็นลูกแก้วไขลานครับ ซึ่งข้างในลูกแก้วมันเป็นตุ๊กตาผู้ชายใส่สูทสีขาวมือดีดกีตาร์อยู่ มันมองมาที่ผมเลิกคิ้วใส่หนึ่งทีเป็นการบอกนี่นะอันตราย พอผมทำหน้าไม่เชื่อ มันก็จัดการไขลานโชว์ผม เพื่อเป็นการย้ำอีกทีว่าไม่มีระเบิด

เออจ้ามันไม่อันตรายเลยจ้า คือกูต้องรับใช่มั้ย ใช่ สายตามึงบอกว่าถ้ามึงไม่รีบรับไปกูจะกระทืบมึง แล้วกูจะทำอะไรได้ล่ะ

“เออ ขอบใจ”สุดท้ายผมก็ต้องยื่นมือไปรับลูกแก้วกลมๆลูกนั้นมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ มันมองหน้าผมพร้อมกระตุกคิ้วทีนึงอย่างกวนส้นตีน กวนส้นตีนซะจนตีนผมกระตุก ดิก ดิก
“เชี่ยยยยน้ำ มาคุยโทรศัพท์นานจังวะ ถ้าไม่ติดว่ามีไอ้เหน่งเป็นตัวประกันนะกูคิดว่ามึงหนีกลับไปแล้ว” เสียงทุ้มเข้มแต่ท่าทางดัดจริตของไอ้แคมป์ที่ลากตีนดิ่งๆเข้ามากอดคอผม
“กู...” ยังไม่ทันได้ง้างปากพูดอะไร ไอ้เพื่อนสันดานโจรอย่างไอ้เหน่งก็คว้าลูกแก้วกลมๆที่อยู่ในมือผมไปหมุนเล่นอย่างชอบใจ
“อะไรของมึงวะนะ” นอกจากทำสันดานโจรแล้วมันยังทำตัวขี้สงสัยอีก มึงก็เห็นอยู่ว่ามันคืออะไรยังจะถาม ควาย

ผลัวะ

เสียงฝ่ามือหยาบกร้านของไอ้โชคที่ตกลงบนหัวไอ้เหน่ง

“สาบานว่ามึงไม่รู้ว่ามันคืออะไร” ใช่ครับเพื่อนโชคมึงรีบง้างเอาหมาข้างในปากมึงออกมากัดมันเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นจะเป็นกูที่ง้างปากแดกหัวมันเอง

ผมปล่อยให้พวกเพื่อนห่ารากมันยื้อแย่งชุดกระชากของเล่นชิ้นนั้นกันอย่างสนุกมือพวกมัน แล้วหันมาสนใจไอ้หล่อที่ยืนหน้าเรียบเหมือนถูกกาวตาช้างสตราฟหน้ามันไว้

มองหน้าผมแล้วก็เลิกคิ้วกวนส้นตีนแบบที่มันชอบทำ เพื่อเป็นการบอกว่ากูไปละ แล้วมันก็หมุนส้นตีนเดินกลับไปยังที่ที่มันจากมา



โดย อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 1.2
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 05-08-2021 13:58:26
Episode 1 มหา’ลัย ให้อะไรเรา(2/2)



หนึ่งทุ่มตรงพี่น่านกับพ่อก็ตรงดิ่งมาจอดรถรอหน้าคอนโดเพื่อรับผมกับพี่นนท์ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน หรือว่าข้าวค่ำวะ ซึ่งผมก็ลากเอาเหน่งเพื่อนรักไปด้วยเพราะกลัวจะมันเหงา พอพากันกินข้าวเสร็จพี่น่านมันก็ทำโอเวอร์แอ็คติ้งเล่นใหญ่รัชดาลัยว่ามีเซอร์ไพร์สแบบซุบเปอร์เซอร์ไพร์สให้พวกผม



แล้วรถของพวกผมก็มาจอดนิ่งอยู่ที่ลานจอดรถสถานเริงรมย์อะโรคาปาร์ตี้ ดูแล้วคงจะเป็นบาร์กึ่งเรสเตอร์รอง ซึ่งผมกำลังจะอ้าปากยิงคำถามใส่พี่มัน แต่ไม่ทันครับ



“ยินดีต้อนรับสู่ ชนกัน คลับ ครับผม” พี่น่านมันทำท่าผายมือเรียนเชิญให้ย่างตีนเข้าไปข้างใน สีหน้ามันนี่ภูมิใจนำเสนอสุดๆ พวกเราก็พากันเดินเข้ามาในร้านก็สำรวจภายในร้านกันไปเรื่อยๆ ร้านนี้ตกแต่งแบบสไตล์ยุค 90 อารมณ์แบบวินเทจ ไฟแสงสีข้างในร้านส่วนใหญ่จะเน้นสีเหลืองอุ่นๆ ให้ความรู้สึกสบายตายสบายอารมณ์ดี ประกอบกับบริเวณรอบตัวร้านส่วนใหญ่เป็นกระจกใส ทำให้เห็นบรรยากาศนอกร้านที่เต็มไปไฟจากถนน รถที่แล่นผ่านไปผ่านมาแบบเมืองวุ่นวายแต่มันกลับดูเพลินตาดีครับ ผมรู้สึกว่าชอบบรรยากาศของร้านนี้มากครับมันดูวุ่นวายแบบไม่วุ่นวายดี



แล้วเราก็มาหยุดอยู่ตรงเคาท์เตอร์บาร์ที่มีชายหน้าตาเจ้าชู้เจ้าเล่ห์ ยืนเหยียดตัวตรงเพื่อโชว์ความสูงประมาณ 188 ของตัวเองพร้อมกับฉีกยิ้มหวานหยดย้อย เตรียมอ้าปากทักทายลูกค้าด้วยเสียงทุ้ม นุ่ม สุขุม

“สวัสดีครับคุณประณต” ทักทายกันอย่างสนิทสนมเชียว พี่แกชื่อแทนครับเป็นเพื่อนสนิทของพี่น่านมัน คบกันมาตั้งแต่สมัยประถมแล้ว สนิทกันชนิดที่ว่ารู้ไส้รู้พุงกันหมด สนิทกันสองคนไม่พอ พี่แทนแกยังเข้ามาตีสนิทกับคนทั้งบ้านรวมไปถึงไอ้เหน่งด้วย

แล้วพี่น่านมันก็ลากพวกผมมานั่งที่โต๊ะลูกค้าวีไอพีพร้อมกับนำเสนอเรื่องราวของร้านนี้อย่างกับมันกำลังพรีเซนต์โครงการที่บริษัท พี่มันบอกว่าร้านนี้เป็นร้านของมันที่หุ้นกับพี่แทน แล้วไอ้ร้านทีได้ชื่อว่า ชนกัน คลับ เนี่ย พี่มันบอกคิดออกตอนเมาเพราะมัวแต่สำมะเลเฮโลชนแก้วกัน เลยตั้งชื้อนี้มันซะเลย แล้วถ้าถามว่าทำไมพี่มันถึงเปิดร้านเหล้า คำตอบก็ง่ายๆครับ เพราะพวกพี่มันชอบกินเหล้า กินกันทีนี่เจ้าของร้านรวย กระดกกันเป็นน้ำเปล่าขนาดนั้นกินเท่าไหร่มันจะไปพอ แล้วนี่เสร่อมาเปิดร้านกันเองอีก ไม่ต้องถามหากำไรเลย รับรองเจ้าของร้านยัดห่ากันเองหมด เหอะ เหอะ 

เซอร์ไพรส์มั้ยล่ะครับ 

สำหรับผมเฉยๆครับ เพราะตั้งแต่พี่มันเรียนจบมาเนี่ย พี่มันก็หาทำนั่นทำนี่หุ้นกับเพื่อนไปทั่วทีปทั่วแดนจนผมชินแล้วล่ะ

“มาๆ คุณประณต มาเจิมร้านให้ลูกหน่อยซิ” ไอ้พี่น่านมันทำท่าทำทางเกาะแขนพ่อเหมือนสาวน้อยที่ออดอ้อนขอเงินจากเสี่ยเลี้ยงอยู่
“ไหนล่ะช็อก ไปเอามาจะเจิมให้” พ่อผมตอบแบบทีเล่นทีจริงกับพี่มัน
“เจิมแบบนั้นพระเค้าเจิมไปแล้ว อย่างพ่อต้องเจิมเป็นเงิน ฮ่าๆ” เสียงกับสีหน้านี่เจ้าเล่ห์เลยนะพี่แท๊นนนนน
“กูบอกเลยคืนนี้ถ้าไม่เมาจนคลานเข้าห้องน้ำ กูไม่กลับ” เสียงยืนยันนอนยันนั่งยันอย่างจริงจังของไอ้เหน่ง แต่สีหน้ามึงนี่ตื่นเหล้าเหมือนไม่เคยกิน ทั้งๆที่ตอนอยู่มันมัธยมนี่พากูแอบแดกห่าแทบทุกวันหลังเลิกเรียน
“ย่ะ ย่ะ นี่กูยังไม่ทันคายตะขาบให้มึงก็แผลงฤทธิ์แล้วหรอวะ” พี่นนท์มันพูดแล้วก็เอื้อมมือมาผลักหัวไอ้เหน่งเบาๆ แต่สีหน้าพี่มันนี่ภูมิใจในตัวไอ้เหน่งมาก คงสมใจล่ะสิก็พี่มันพาผมกับไอ้เหน่งยัดห่าสุราปลาปิ้งแต่อยู่ม.1นู้น ระยำมั้ยล่ะ
“ถ้าคืนนี้สภาพกูไม่เหมือนหมา กูให้เอาตีนเหยียบหน้าเลย” ก็ต้องเอากับเค้าบ้างสิ้ ทำหน้าทำตากวนส้นตีนใส่พวกพี่มันไป ไหนๆก็ได้เป็นน้องชายเจ้าของร้านเหล้าละ ต้องใช้สิทธิ์กินเหล้าฟรีซักหน่อย
“มันต้องงี้สิวะไอ้น้องรัก” พูดจบพี่แทนแกก็ลากตีนดิ่งๆมากอดคอผม ก่อนจะเดินออกไปเพื่อสั่งเหล้าเบียร์กับพนักงาน



“โต๊ะเรานี่มันฮอตเป็นพิเศษเลยว่ะ ไอ้น้ำมึงดู มึงดู มีแต่สาวๆให้ความสนใจมึงทั้งนั้น” พี่แทนแกพูดพล่ามพร้อมกับกอดคอผมชี้มือชี้ไม้ไปทั่ว ซึ่งตั้งแต่ผมเข้ามาในร้านก็มีแต่สายตากับรอยยิ้มจากสาวจริง หญิงเทียม คอยส่งความหวานหยาดเยิ้มมาให้ตลอด บ้างก็เข้ามาทักทายมาขอชนแก้ว บ้างก็มาขอสานความสัมพันธ์ ผมนี่มันฮอตเป็นบ้า ฮ่าๆ

“สงสัยกูต้องจ้างมันเป็นหน้าม้าคอยเรียกลูกค้าให้ร้านเราแล้วว่ะ” พี่น่านมันหันมามาพูดกับพี่แทน ซึ่งพี่มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นนางกวักทันที คงต้องซ้อมยกมือกวักแบบนางกวักแล้วล่ะ

“มึงดูไอ้นนท์น้องรักมึงนู้น เบาที่ไหนน่ะ ไปก้อร้อก้อติดผู้หญิงโต๊ะนั้นอยู่น่ะ” พี่แทนพูดขึ้นพร้อมชี้นิ้วไปยังโต๊ะที่พี่นนท์มันไปเต๊าะสาวอยู่

พี่นนท์มันก็งี้แหละครับหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ว่าไปก็อดเล่าไม่ได้เห็นพี่มันอย่างงี้มันไม่เคยมีแฟนนะครับ มันมีแต่เด็ก กิ๊ก คนคุย ซึ่งพี่มันไม่เคยจริงจังกับใครเลย ความสัมพันธ์ของมันมาไวไปไว โถ ไอ้หล่อเลือกได้ ที่มันเป็นแบบนี้เพราะมันไม่ชอบให้ใครมาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมันแหละ เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งรถไฟของพี่มันชนกัน ตู้มม ตีกันสนั่นเมือง กลางร้านกาแฟเลยครับ และเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่มันเลิกนิสัยเจ้าชู้ได้ เพราะมันคงฝังรากลึกในสันดานแล้วล่ะ ผมก็ทำได้แต่ส่ายหัวเอือมระอากับพี่มัน

“น้ำ มึงดูนั่นดิวะ” ไอ้เหน่งมันหันมาพูดกับผมหลังจากที่ยกเหล้าขึ้นซัดเป็นน้ำเปล่าไม่ต่ำกว่าสิบแก้ว มันชี้มือชี้ไม้ไปยังเป้าหมายให้ผมมองตาม ไอ้ห่าเหน่งอย่าบอกนะว่ามึงจะยุยงให้กูไปชอบใครอีก เป้าหมายที่มันบอกให้ผมดูคือผู้หญิงชุดเกาะอกสีแดงแป๊ดนั่งอยู่ถัดจากโต๊ะไปประมาณ 4-5 โต๊ะได้ พอเธอเห็นผมมองก็ยกแก้วเป็นการเชิญชวน ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มให้แล้วหันกลับมาสนใจไอ้เพื่อนตัวดี

“ทำไมวะ สเป็คมึง” ผมเลิกคิ้วถามมันอย่างสงสัย

ผลั๊วะ

มันตบมาที่หัวผมแบบไม่เบา

“กูให้มึงดูไอ้หล่อนู้น มันอยู่หน้าประตูร้านนู้น ควาย” มันบ่นอุบอิบ ก่อนจะชี้ไปยังเป้าหมายอีกที

หน้าประตูของร้านตอนนี้กำลังถูกสายตาของคนทั้งร้านจับจ้องอย่างสนใจ ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำปดกระดุมเม็ดบนสามเม็ดสวมทับด้วยกางเกงสแล็คทรงกระบอกสีดำขาเต่อ พร้อมกับรองเท้าผ้าใบสีขาวยี่ห้อดัง ใบหน้าเรียวรับกับทรงผมเปิดหน้าผาก เดินหน้าเรียบตรงเข้ามาที่โต๊ะของผม ใช่ครับมาที่โต๊ะของผม

ไอ้หล่อ

มันมาทำอะไรที่นี่วะ

“อ้าวไอ้แต็งค์ กว่าจะโผล่หัวมาได้นะมึง” พี่แทนทักมันอย่างสนิทสนมพร้อมเข้าไปกอดคอลากมันมานั่งที่โต๊ะ เดี๋ยวนะ พี่แทนพี่รู้จักมันด้วยหรอวะ คนประเภทพี่แม่งรู้จักคนไปทั่วเลยหรอวะ แต่ก็เหลือเชื่อคนที่จะง้างปากทีเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงอย่างมันจะรู้จักกับพี่แทนคนที่พูดมากพูดจนน้ำไหลไฟดับแถมอัธยาศรัยพี่แกนี่ยังสาธารณะอย่างกับสส.ขวัญใจประชาชน

“หวัดดีพี่” มันส่งเสียงทักทายพร้อมยกมือไหว้พวกอาวุโสในโต๊ะนี้ รวมถึงพ่อผมด้วยที่อาวุโสสูงสุดของโต๊ะ

“เออพวกมึง นี่ไอ้แต็งค์น้องกูแต่ไม่ใช่น้องแท้ๆนะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พ่อมันเป็นน้องแม่กู” พี่แทนแกก็จัดการแนะนำและลำดับญาติให้พร้อม แกคงเห็นเครื่องหมายเควสชั่นมาร์กบนหน้าผมมั้ง เลยรัวคำตอบมาซะกระจ่างโดยไม่ต้องเปลืองน้ำลายถาม แต่กลับเป็นพี่แกที่ยิงคำถามมา “พวกมึงเรียนอยู่คณะเดียวกันด้วยนี่ รู้จักกันบ้างยังวะ” คือจะบอกว่ายังงัยดีวะพี่เหมือนจะรู้จักแต่ก็ไม่รู้จักว่ะ แต่ยังไม่ทันได้ง้างปากตอบคำถาม เหน่งเพื่อนรักก็โผล่งตอบไปก่อน

“ไม่รู้จักหรอกพี่ แต่ก็เคยเห็นหน้ามันทีสองทีที่คณะ” ตอบเสร็จก็ทำหัวสัพงก มันคงเมาได้ที่แล้วล่ะ
“เห้ยไงวะโต๊ะนี้ แม่งเหมือนโต๊ะรวมคนหน้าดีเหี้ยๆเลยว่ะ” เสียงแรดๆของพี่นนท์พร้อมกับการลากตูดมันกับมานั่งที่เดิมหลังจากหนีไปเต๊าะหญิงมาซักพักใหญ่
“ไอ้แต็งค์ นี่ไอ้นนท์ นั่นไอ้น้ำ คงไม่ต้องบอกนะว่ามันน้องใครดูหน้ามึงคงจะรู้ ส่วนนี่ไอ้เหน่งเพื่อนรักเพื่อนทรหดของน้ำมัน นู้นก็คุณประณตพ่อของคุณชายทั้งสามเค้า” อ่ะ พี่แทนแกก็ไล่แนะนำทุกคนให้ไอ้แต็งค์มันรู้จัก ทั้งที่มันรู้จักผมอยู่แล้วหมายถึงรู้จักชื่อนะ แต่เดี๋ยวนะมันรู้จักกับพี่น่านด้วยหรอวะ เออมันต้องรู้จักสิเพื่อนสนิทพี่มัน กูเนี่ยเมื่อไหร่จะเลิกงงเป็นไก่ตาแตกซักที

“ไหว้พ่อเพื่อนพี่มึงเถอะ” นั่นไง คุณประณตจัดไปหนึ่งดอก ต้อนรับเด็กมันซักหน่อย ไม่ต้องถามครับว่านิสัยเรียกตีนพวกผมได้มาจากใคร จากพ่อผมนี่แหละครับ



จากนั้นทุกคนก็ไม่มีใครสนใจใคร สนใจแต่แก้วเหล้าของตัวเอง



“แดกเหล้าเป็นน้ำ” ผมนี่แทบจะบ้วนเหล้าที่กระดกไปเมื่อกี้คืนลงแก้วเลยครับ ไอ้แต็งค์มันพูดกับผม ใช่ครับมันพูดกับผม พูดแบบหน้าเรียบๆนิ่งๆตึงๆเหมือนคนพึ่งไปฉีดโบท็อกซ์มา

ซึ่งผมควรตอบมันว่ายังไง

แต่ไม่ทันได้ตอบ

พี่แทนแกเล่นยื่นเหล้าส่งให้ผมรัวๆหมดแล้วเติม วนลูปอยู่อย่างนั้น คงจะรีบมอมพวกผมให้เมาจะได้ปิดร้านกลับบ้านนอนน่ะสิ หรือว่าพี่แกจะอยากเห็นสภาพเหมือนหมาของพวกผมเต็มที



ภาพตัดครับ



เท่าที่จำได้ไอ้เหน่งนี่สภาพแย่กว่าหมาอีก ไอ้พี่นนท์กับพี่แทนนี่ถึงขั้นหามมันขึ้นรถ ส่วนพ่อกับพี่น่านสภาพดีสุดเพราะพรุ่งนี้เช้ามีประชุมเลยได้แค่จิบๆพอให้กลิ่นมันลงคอ

ผมอ่ะหรอ

เหอะ

เหอะ

หมาดีๆนี่แหละครับ นับว่าเป็นโชคดีของผมที่ไอ้แต็งค์มันช่วยแบกผมมาส่งที่รถแต่คงเป็นโชคร้ายของมันที่ต้องมาแบกผม นี่คงเป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมเป็นภาระมัน

เกรงใจนะครับแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าเมาเหมือนหมาจริงๆ

“ขอบใจมึง” ผมบอกมันไปแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะตอนนี้ภาวนาอย่างเดียวว่าขออย่าให้ตัวเองเสร่อสำลอกออกมา
“เออ” สั้นๆ แล้วก็ไม่ต้องไปถามหาใจความอะไรจากมัน ให้มันตอบแค่นี้แหละดีแล้ว

แล้วพวกเราก็แยกจากกันด้วยดี



“ไงมึง”

เสียงไอ้พี่นนท์ที่ยืนโพสท่าอยู่หน้าประตูห้องนอนของผมกับสภาพบ็อกเซอร์ตัวเดียวเพียวๆ เพียวๆไม่มีเสื้อเลย คือพี่มึงเดินออกจากห้องตัวเองข้ามฝั่งมาห้องกูด้วยสภาพนี้จริงดิ มึงไม่แคร์สายตากล้องวงจรปิดที่ติดอยู่หน้าห้องเลยหรอพี่มรึ๊งงง 

แล้วที่พี่มันเข้ามาในห้องผมได้เพราะมันมีคีย์การ์ดห้องผมครับ มันเอาไว้มาลักของในตู้เย็นผมกิน ส่วนผมก็มีของพี่มันเหมือนกันแต่ผมเอาไว้คอยไปสำรวจพี่มันดูว่าตายห่าหรือยัง เพราะพี่นนท์มันเป็นคนหลับลึกมากครับลึกถึงขนาดที่ว่าเอาทอระโข่งมาจ่อหูเรียกพี่มัน พี่มันก็ยังไม่ยอมตื่น นอกจากสาดน้ำใส่มันถึงจะยอมเสด็จลุกจากเตียง

พอผมไม่หือไม่อือ พี่นนท์มันก็เดินดิ่งมาหาผมที่เตียงพร้อมกับถ้วยไม่รู้ว่าโจ๊กรึข้าวต้ม

สันดานนน

มาเอามาแนบหน้าผมให้รู้ว่าร้อนนะ แล้วทำหน้าประมาณว่า ลุกมาแดก โชคดีนะครับที่วันนี้ไม่มีเรียน แถมเข้าม.อีกทีก็เที่ยงเพื่อที่จะไปทำกิจกรรมตอนบ่าย กิจกรรมที่โครตน่าเบื่อมากกกกกกก สำหรับผม



ตอนนี้ผมกับไอ้เหน่งเพื่อนรักก็ได้พากันลากสังขารมายังคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่รัก

เพื่อมาจับสายรหัส

แล้วยังจะมีเซอร์ไพร์สจากพวกรุ่นพี่ที่รักว่าจะมีการจับบัดดี้ จับบัดดี้

คือชีวิตต่อจากนี้ของผมจะถูกเพิ่มภาระขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้นคือบัดดี้ แค่ตัวผมเองผมยังดูแลไม่ได้ จะให้ไปดูแลคนอื่น เหอะ เหอะ
ถ้าถามว่า มหาลัยให้อะไรผม ผมคงตอบว่า

ให้อะไรก็ช่างมันเถอะ

ตอนนี้ขอหาอะไรกินแก้แฮงค์ก่อน



โดย อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 1.1
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 05-08-2021 14:20:15
Episode 1 มหา’ลัย ให้อะไรเรา (1/1)
ถ้าถามผมว่ามหาลัย ให้อะไรเรา
ผมคงตอบว่า
.
.
ให้ไอ้พวกพี่ห่ารากมาแหกปากด่านั่น ด่านี่ สั่งนั่น สั่งนี่ ตามใจพวกพี่มันนั่นแหละ ส่วนผมผู้น้องโต้แย้งใดๆไม่ได้ไม่งั้นจะโดนส้นตีนบวกกับไม่ผ่านกิจกรรม บนหน้าผมตอนนี้คงมีแต่คำว่า เซ็ง
“ปีหนึ่งครับ พวกมึงช่วยหุบปากกันซัก10นาทีได้มั้ยครับ”เสียงจากยมทูตแห่งขุมนรกที่ห้า แค่น้ำเสียงทุ้มเข้มที่น่าเกรงกลัวไม่พอ ใบหน้าพี่มันต้องเหี้ยมด้วยเหมือนไอ้พวกตัวร้ายในละครบู้ล้างผลาญด้วยครับ ต้องเถื่อน ตามฉบับหนุ่มวิศวกรรมคนเหี้ย(ม)
ซึ่งวันนี้ตั้งแต่ผมก้าวเท้าเขามาในคณะผมยังไม่เจออะไรที่จรรโลงใจเลยครับ เจอแต่อะไรที่ก็ไม่รู้ เห้อออ
“มึงงง อิ้งค์ที่อยู่เอกเคมีแม่งโครตน่ารักเลยว่ะ”เสียงไอ้ห่าเหน่งครับ มันกำลังส่องสาวๆในคณะโดยใช้สายตาแรดๆสอดส่องไปทั่ว มันคงจะลืมสาวที่มันไปขายขนมจีบไว้แล้วล่ะ เพราะตั้งแต่เข้าคณะมามันนี่ทำความรู้จักผู้หญิงในคณะแทบทั้งคณะแล้ว เผลอๆนี่คงทำความรู้จักข้ามคณะไปแล้วมั้ง
“อิ้งค์ไหนอีกว่ะ”ผมถามมันด้วยความสงสัยแบบแกล้งสงสัย หรือว่าสงสัยจริงๆวะ มันก็สะกิดแขนผมพร้อมกับชี้ไปยังเป้าหมาย
“นั่นไงๆ มึงเห็นป้ะ คนที่น่ารักๆกำลังหัวเราะคิกคักกับเพื่อนที่อวบๆน่ะ”พูดไปยิ้มไปราวกับเจอลิซ่าแบกพริก เอ้ย แบล็คพลิงค์ อิอิอิ อิงค์เธอน่ารักจริงคับ ตัวเล็กๆหน้าเล็ก ปากนิด จมูกหน่อย ปล่อยผมยาวถึงกลางหลัง ผิวขาวเหลืองตามฉบับสาวหมวย น่ารักกก แต่ไม่ใช่สเป็คผมครับ
“สเป็คมึง”ผมหันไปถามไอ้เหน่ง ไอ้นี่ก็หน้ายิ้มกริ่มตลอดเวลา”กูรู้สึกว่าตั้งแต่ก้าวตีนเข้ามาที่นี่สเป็คมึงทั้งคณะแล้วป้ะ”ผมได้แต่ทำหน้ากวนส้นตีนใส่มันไป
“แล้วสเป็คมึงล่ะแบบไหนวะ”เสียงไอ้เทมส์ ไอ้นี่ผมพึ่งรู้จักมันเมื่อเช้านี้ครับตอนเจอกันหน้าคณะ มันทำหน้าเหรอหราเดินเข้ามาทักผมกับไอ้เหน่ง บอกว่ามันตัวคนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบอยากจะขอเป็นเพื่อนด้วย แล้วก็ทำเสียงกระซิก กระซิก ดราม่า ไอ้ห่านี่ก็เล่นซะใหญ่เลย ไอ้เทมส์มันเป็นคนหน้าตาดี จัดอยู่ในหมวดหมู่หล่อแต่ไม่ลากไส้ มันน่าจะเป็นประเภทหล่อไร้สาระพกแต่ความสาระแนมากกว่า พอมันนั่งตัวตรงๆความสูงมันนี่เบียดๆไอ้เหน่งเลยแต่ดูจะสูงกว่าซัก 187-188 มั้ง นั่นแหละครับมีแต่ผมที่คาบเส้นมาตรฐานชายไทยอยู่ แต่ก็ช่างเหอะ ไม่ซีเรียส มั้ง
“สเป็คไอ้น้ำอ่ะ มันชอบแบบสายฝอเว้ย แบบอาริน่า แกรนด์เด เว้ย”ไอ้เหน่งชะโงกออกมาตอบไอ้เทมส์พร้อมกับเลิกคิ้ว ซึ่งผมยังไม่เคยบอกสเป็คมันเลยว่าชอบแบบไหน คือถ้าผมบอกว่าผู้หญิงคนไหนสวยไอ้เหน่งก็ฟันธงว่าสเป็คผมหมด ไอ้ห่ารากนี่มันชอบยัดเยียดให้ผมชอบคนนั้นคนนี้ไปทั่วตลอด
“แล้วกูไปบอกมึงตอนไหนเรื่องสเป็คของกู”ผมหันไปถามไอ้เหน่ง มันเลิกคิ้วใส่ผม
“ก็วันนั้นที่กูเปิดMVเพลงของอาริน่าให้มึงดู มึงบอกคนนี้สวย”นั่นไงกูว่าแล้วไอ้ห่า ถ้ากูชมคนว่าสวยทั้งคณะนี่มึงไม่เดาว่าสเป็คกูทั้งคณะเลยหรอ
“รึว่าคนนี้สเป็คมึงวะ”เสียงไอ้เทมส์ที่ทำเป็นเสียงตื่นเต้นบวกกับสายตาเจ้าเล่ห์พร้อมชี้ไปที่เป้าหมาย
“ใครวะ”ผมกับไอ้เหน่งมองตามนิ้วชี้ของไอ้เทมส์ที่ชี้ไปยัง ผู้ชาย ผู้ชาย ใช่ครับมันชี้ไปยังผู้ชาย ซึ่งไอ้ผู้ชายคนนี้มันน่าจะเรียนคนละเอกกับผมเพราะดูจากแถวที่ห่างไกลกัน หน้าตามันเข้าอยู่หมวดหมู่พวกหล่อ หล่อแบบหล่อฉิบหายวาดวอด หล่อแบบไม่เผื่อไม่แผ่ใคร หล่อจนผมคิดว่าเทพเจ้านี่คงตั้งใจปั้นมึงมาแน่ๆ ดูจากการนั่งตัวตรงวัดระดับความสูงกับเพื่อนๆมัน มันดูสูงมากกกก ใบหน้าและสันกรามของมันนี่ตามฉบับหนุ่มอปป้าเกาหลีเลย คิ้วก็หนาเข้ม ตาเรียวรีแต่มองไม่เห็นแววตาเพราะอยู่ไกลกัน สันจะมูกมันนี่พุ่งเป็นสันเขื่อน ปากสีแดงอ่อนๆแบบธรรมชาติ ผมสีน้ำตาลเข้มที่ขับผิวหน้ากับผิวตัวมันให้ดูสว่างไสว รวมๆดูแล้ว มันหล่อครับ หล่อจนผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ แล้วก็ถูกเรียกสติให้กลับมา
“ไง ถูกใจ ตาไม่กระพริบเลยมึง”ไอ้เทมส์มันเอามือหยาบกร้านของมันดึงใบหน้าผมกลับมามองมัน แล้วทำยักคิ้วหลิ่วตา เป็นบอกว่า กูรู้ว่ามึงสนใจ แต่ ห๊ะ!!!
ไอ้ส้นตีน อะไรที่ทำให้มึงคิดแบบน้านนน
“กูผู้ชายทั้งแท่ง”ย้ำให้มันมั่นใจด้วยน้ำเสียงนุ่มสุขุม รึป่าว
“เออกูรู้.. กูก็แซวไปงั้นแหละเห็นมันแมร่งอย่างหล่อชิบหาย ส่วนมึงก็หล่อเหี้ยๆ ถ้ากูเป็นผู้หญิงนี่กูคงเลือกลำบากว่ะ ฮิฮิ”หัวเราะอย่างมีความสุขนะมึง
“กูว่านะเชี้ยน้ำกับไอ้หล่อนั่นอ่ะต้องเป็นคนเลือก ไม่ใช่มึงไอ้ห่าเทมส์”ถูกแล้วเหน่งเพื่อนรัก ทำดีๆ แล้วมันก็เอื้อมมือควายๆมาผลักหัวไอ้เทมส์ด้วยแรงควายๆของมัน
“น้องๆคะ เดี๋ยววันนี้พี่จะปล่อยกลับที่พักเลยนะคะ แล้วพรุ่งนี้มาเจอกันตอนบ่ายโมง ห้ามเลทกันนะ เพราะว่าเราจะมีกิจกรรมจับสายรหัสกัน โอเคตามนี้นะทุกคน บรัยยย”เสียงจากยมทูตจากนรกอีกขุมแต่นุ่มนวลกว่าขุมที่แล้วเยอะ
.
.
“ไงไอ้รูปหล่อ จะกลับแล้วหรอวะ”เสียงแรดๆจากคนแรดๆอย่างไอ้แคมป์ครับ ผมพึ่งรู้จักกับมันตอนทำกิจกรรมรับน้องนี่แหละครับ ไอ้นี่มันอัธยาศัยดี ดีมาก บางทีผมก็คิดว่ามากเกิน เกินมนุษย์มะนา แต่แปลกนะครับที่วิศวกรรม ปีผมนี่มีแต่พวกหน้าตาดีเหมือนกับว่าใช้หน่วยคัดกรองคัดตัวมาโดยเฉพาะ คุณคงคิดว่าผมพูดดูเวอร์ ใช่ครับผมว่าผมก็เวอร์จริงๆ แต่ไอ้แคมป์เนี่ยมันก็หล่อเวอร์ๆจริงๆนะครับ หน้ามันนี่อย่างกับพระเอกซีรี่ย์เกาหลี ส่วนความสูงมันก็ฟาดไป 186 ละ มันนี่ดูเพอร์เฟ็คมากไม่ใช่แค่ในสายตาผมแต่เป็นสายตาทุกคน
“ยังว่ะ กูกับไอ้เหน่งไอ้เทมส์ว่าจะไปโฉบหาอะไรกินแถวๆหน้าม. ขี้เกียจรีบกลับห้องกัน”ผมหันไปตอบมัน พร้อมกับทำหน้าสงสัยใส่มันไปว่ามึงมีอะไรกับกูรึป่าว
“ก็ไอ้แคมป์มันจะมาชวนพวกมึงไปร้านนมหน้าม.อ่ะดิ”เสียงเข้มของไอ้โชคที่อะเลิทอะลาทลากเท้าวิ่งมากอดคอไอ้แคมป์ ไอ้โชคเพื่อนร่วมเอกไฟฟ้าอีกคนที่รู้จักกันที่หน้าคณะเมื่อตอนเช้านี่แหละครับ ไอ้นี่มันหล่อ หล่อแบบแบดๆแล้วมันก็ยังพกความสูงมาด้วย 185 เซน ซึ่งทั้งกลุ่มที่ยืนห้อมล้อมผมอยู่ 180 อัพทุกคน มันเลยทำให้ผมรู้สึกตัวเล็กตัวน้อยทันที เหมือนอยู่ท่ามกลางเสาไฟฟ้าทั้งๆที่สูงห่างกันไม่ถึงสิบเซน
“ใจคอไม่คิดจะรอกูกันเลยพวกเหี้ย”เสียงนิ่งเรียบของไอ้ไม้ที่เดินเข้ามารั้งคอผมไว้ แล้วไอ้ไม้นี่แหละครับคือเพื่อนรักของผมเพราะมันดันพกความสูงมา 180 เป๊ะๆเท่ากับผมพอดี แต่มันอาจจะดูสูงเหลื่อมๆผมหน่อยเพราะทรงผมที่ชี้โด่ชี้เด่ของมัน ไอ้ไม้มันเป็นคนนิ่งๆพูดน้อยๆเรียบๆนิ่งๆ หน้ามันก็หล่อแบบนิ่งๆ มันเหมือนพวกพระเอกมาดนิ่งสุขุมไม่สุงสิงกับชาวโลกประมาณนั้น แต่อย่าให้ไอ้นี่มันได้ด่าใครเชียวเพราะคำด่าของมันนี่บาดทะลุถึงขั้วใจเลยก็ว่าได้
“มึงแม่งลีลากว่าจะย่างตีนมาได้แต่ละก้าว มัวแต่ย่างหนอ ยกหนอ เดินหนออยู่นั่นแหละห่า”ไอ้โชคมันบ่นโวยวายใส่ไอ้ไม้พร้อมกับผลักมันไปเบาๆ แต่เหมือนจะไม่เบา
“มัวแต่ร่ำไรกันอยู่นี่แหละพวกพวกมึง ไป” เสียงไอ้เหน่งยุติความร่ำไรของพวกเรา ดูจากอาการแล้วมันคงจะหิวมาก มากจนแดกหัวพวกผมได้ พวกเราก็เลยพากันปรี่มาที่โรงจอดรถกันทันที
“น้ำ”เสียงตะโกนดังลั่นโรงจอดรถ มันเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคย คุ้นหูมาสิบแปดปี
“อะไร”ผมตะโกนกับไปหาไอ้พี่ชายตัวดี พลางคิดว่ามันมีอะไรอีก ยังไงมึงกับกูก็ต้องเจอกันที่คนโดอยู่แล้วมึงจะสลอนหน้ามาทำเพื่อ!!!
“เพื่อนผู้หญิงเอกเดียวกับกูเค้าฝากของมาให้”มันยื่นถุงกระดาษในมือประมาณ 4-5 ถุงมาให้ผม แล้วก็เลิกคิ้วทำหน้ากวนส้นใส่ผม จนผมอยากเอาตีนขึ้นไปสะกิดคิ้วพี่มันมาก
“พี่ หวัดดีพี่”พวกเพื่อนผมก็พร้อมหน้าพร้อมยกมือหวัดดีพี่มัน ส่วนพี่มันก็ยกมือรับไว้พร้อมกับเตรียมหมุนส้นตีนกลับหลุมเดิมไป แต่ก็ต้องหันมาตอบคำถามผมที่ง้างปากรอยิงคำถามอยู่
“เนื่องในโอกาสอะไรวะ”ใช่ให้มาเนื่องในโอกาสอะไรวันเกิดก็ไม่ใช่ วาเลนไทน์ก็ไม่ใช่ เชงเม้งหรอ ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ผมขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่แวบนึง พี่มันก็ง้างปากตอบมา
“ต้อนรับสู่อ้อมอกอ้อมใจสาวๆชาววิศวะ ไง”น้ำเสียงทุ้มแต่ทำท่าทางดัดจริตซึ่งไม่เข้ากับมึงเลย นึกดูนะครับผู้ชายร่างควายๆแต่ทำท่าทางเหมือนสาวน้อยวัยแรกแย้มที่พึ่งสารภาพรักกับชายหนุ่มเพื่อนร่วมห้องไป
“ได้หรอวะพี่”ไอ้เหน่งมันได้พูดในสิ่งที่ผมคิดมาแล้ว ใช่มันได้หรอวะพี่มึง
“ได้ดิวะ มึงไม่รู้อะไร ตั้งแต่น้ำมันย่างส้นตีนก้าวเข้ามาในมหาลัย ทำเอาบรรดาสาวๆ ทั้งสาวจริง สาวเทียม กรี๊ด หวีด วิ๊ดว๊ายกันไปหมด มึงนี่มันฮอตสมกับที่กูถ่ายทอดความหล่อเหลาเอาเรื่องไปให้จริงๆ”พูดอย่างโอเวอร์เลยนะพี่มึง แล้วก็มองหน้าผมอย่างภาคภูมิใจราวกับผมเป็นลูกที่มันเบ่งออกมาเอง ไม่พอมันเอามือสากๆของมันมาตบที่บ่าเป็นการบอกผมว่าภูมิใจจริงๆ ส่วนผมก็ได้แต่ทำหน้า อิหยังวะ
แล้วพี่มันก็หมุนส้นตีน วิ่งระรี้ระริกกลับหลุมมันไป ทิ้งไว้แต่คำว่า อิหยังวะ บนใบหน้าผม
.
.
พอแยกจากไอ้พี่นนท์พวกผมก็พากันมานั่งหน้าสลอนอยู่ร้านนมหน้ามหาลัย โดยมีสาวน้อยมัธยมปลายยืนฉีกยิ้มหวานหยาดเยิ้มรับบทเป็นเด็กเสิร์ฟรอรับออเดอร์อยู่
“เอ่อ พี่เอาโอริโอ้ปั่น 2 โกโก้ปั่น 3 ช็อกโกแลตปั่น 1 แล้วก็ขนมปังปิ้งรวมมิตร 2 ชุด ครับ”ไอ้แคมป์รัวออเดอร์ใส่น้องเด็กเสิร์ฟไปหนึ่งยกครับ พร้อมกับรอยยิ้มกระชากใจของมันโดยไม่สนใจเสียง คุก คุก คุก ที่ลอยอยู่รอบตัวมันเลย ไอ้ห่า
“มึงดูๆ ผู้หญิงโต๊ะนั้นมองมาโต๊ะเราพักใหญ่แล้วว่ะ”เสียงตื่นเต้นๆของไอ้เทมส์ที่เหมือนว่าชาตินี้ทั้งชาติมันไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ทั้งที่มันเจอมาอยู่ทุกวัน
“เค้ามีใจ!! กูต้องรีบไปสร้างสัมพันธ์ที่ดีก่อน”พูดจบไอ้เหน่งก็ทำหน้ากระดี้กระด้าจะลุกไปโต๊ะนั้นแต่ก็ต้องหยุดเพราะฝ่ามือพิฆาตของไอ้ไม้
ผลัวะ!
“เชี้ยยยยไม้”ไอ้เหน่งร้องด้วยความโอดครวญ ครวญคางเป็นหมาตกท่อ
 (เสียงเรียกเข้า)
“พี่น่านหรอวะ”ตัวเสือกที่หนึ่งครับ เสือกทุกเรื่องในชีวิตผม ถ้ามึงจะชะโงกหน้ามาดูที่จอโทรศัพท์กูจนรู้แล้วว่าใคร มึงยังจะถามทำเพื่อ!!! ไอ้ห่าเหน่ง
“เออ เดี๋ยวกูออกไปคุยกะพี่มันก่อน ข้างในแม่งเสียงดัง”มันพยักหน้าบอกผมเป็นนัยๆว่า ไปเหอะมึง
[เย็นนี้พ่อจะไปรับมึงกับนนท์ไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน]
“เนื่องในโอกาส?”
[ก็เลี้ยงฉลองการย่างตีนเข้าสู่รั้วมหาลัยของชายเล็กไง]
คำพูดพี่มึงคือพอตละครมาก
“เพื่อ!!!”
[เพื่อคุณประณต พ่อมึงไง]
พ่อกูกับพ่อพี่มึงก็คนเดียวกันป้ะ จากนั้นผมก็ปล่อยให้พี่น่านมันพล่ามต่อยาวๆโดยไม่สนใจอะไรมันอีก
เพราะผมเลือกที่จะสนใจ...
ไอ้หล่อที่ไอ้เทมส์มันชี้ให้ผมดูเมื่อตอนบ่ายซึ่งมันกำลังเดินหน้าเรียบพุ่งตรงมาหาผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่เคยสั่นไหว ทั้งที่เท้าก็ยังคงก้าวเรื่อยๆ แต่กลับเป็นผมเองที่สั่นไหว ไม่ใช่สั่นไหวแบบสาวน้อยที่กำลังถูกใจชายหนุ่มนะ แต่ดูหน้ามันตอนนี้สิ สีหน้าไม่บอกความรู้สึกอะไรทั้งนั้น ทำให้ผมกังวลว่ามันจะปรี่มาซัดหน้าผมรึป่าว
มันเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ
ใกล้จน
มาหยุดอยู่ตรงหน้า
ตุบ ตุบ ตุบ ‘หัวใจที่สั่นระรัวเป็นเสียงจังหวะกลอง’
ถึงมึงจะสูงกว่ากู ตัวหนากว่ากู แต่ใช่ว่ากูจะกลัวมึงนะ ซัดมากูซัดกลับอ่ะ มาดิ มาดิ
แล้วมันก็..
หยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลออกมาจากเป้ที่สะพายอยู่
ยื่นมาให้ผม มันยื่นถุงกระดาษมาให้ผม ห๊ะ!! อะไรของมัน
“ของมึง”ยื่นมาให้ผมพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นบอกว่ามึงรับไปเดี๋ยวนี้ แล้วคือกูต้องรับรึยังไงแล้วมึงให้กูทำไม กูงง งงในงง
“ของกู”ผมเอานิ้วชี้ ชี้มาที่หน้าตัวเอง แล้วทำหน้าเชิงสงสัยว่า อิหยังวะ
[ประมาณทุ่มนึงเดี๋ยวกูไปรับ เคนะ] ไอ้ห่าพี่น่านกูคิดว่าวางไปแล้ว นี่คงพล่ามจนน้ำลายแห้งสินะถึงวางได้ พอพี่น่านมันวางสายไปผมก็ต้องหันกลับมาสนใจคนตรงหน้าต่อ
“มันวางอยู่บนเป้กู”ผมมองมันแล้วขมวดคิ้ว ยังไงก็ไม่เข้าใจว่าเป็นของกูได้ยังไง เหมือนมันจะอ่านความคิดผมออก มันล้วงมือไปในถุงกระดาษหยิบโพทอิทสีเหลืองอ๋อยยื่นมาให้ผม ในโพทอิทนั้นมันมีข้อความที่เขียนด้วยตัวบรรจงว่า ‘ให้ น้ำ ปี 1 วิศวะ เอกไฟฟ้า พร้อมหัวใจยึกยือสองจึก’ ครับเอกไฟฟ้าปีหนึ่งก็มีผมคนเดียวนี่แหละที่ชื่อน้ำ แล้วมันรู้จักชื่อผมได้ไง ว่าแล้วก็ต้องง้างปากถามซักหน่อย
“มึงคิดว่ากูชื่อน้ำ”
“เออ”สั้นๆแต่ไม่ได้ใจความ ไม่ได้เหี้ยอะไรเลย ห่ามึง
“มึงไม่คิดจะอธิบาย?”ผมขมวดคิ้วถามมันโดยทำสีหน้าที่แสดงออกให้มันรับรู้ว่ากูต้องการคำตอบที่ยาวกว่านี้ คือมึงจะประหยัดคำพูดไปไหน รึว่าเวลามึงง้างปากพูดมันเหมือนมีอะไรมาแทงคอหอยมึงให้รู้สึกเจ็บปวดเลยต้องประหยัดคำพูด ใช่หรอวะ
มันถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วมองหน้าผมเหมือนจ้องจะซัดหน้า กูเริ่มจะกลัวมึงละ ไอ้ความหล่อที่มึงได้มานี่มึงจับฉลากมาหรอ หล่อแต่อัธยาศัยมึงนี่แทบจะไม่มีเลย
“กูเห็นพวกผู้หญิงในคณะเอาแต่กรี๊ดกร๊าดให้ความสนใจคนชื่อน้ำที่อยู่เอกไฟฟ้า กูก็ไม่รู้หรอกนะว่าแค่คนคนเดียวมันจะอะไรกันนักหนา แต่ไอ้พวกเพื่อนกูอ่ะมันก็ดันเสือกให้ความสนใจคนชื่อน้ำเหมือนกัน เอาแต่ชี้หาคนชื่อน้ำให้กูดูว่าหล่อยังงั้นยังงี้ อิจฉาหน้าเค้าผิวเค้าบ้าง แม่งไร้สาระ”นี่คงเป็นการพูดที่ยาวที่สุดในชีวิตมึงเลยสินะ มันได้แต่ส่ายหัวทำหน้าเหม็นเบื่อ เป็นการบอกว่ากูอธิบายแล้วพอใจยัง
“ความจริงมึงไม่ต้องลำบากเอามาให้กูก็ได้นะ ของใครก็ไม่รู้มันคงไม่ได้จำเป็นกับกูขนาดนั้นหรอก”อีกอย่างเกรงใจมันด้วยที่ไม่รู้ว่าถ้าวันนี้มันไม่มาเจอผมที่นี่มันจะต้องเก็บของชิ้นเอาไว้อีกนานเท่าไหร่
“แล้วความรู้สึกของเค้าล่ะ”เอ้าไอ้ห่ามาดราม่าเฉย เหี้ยยยของใครก็ไม่รู้ใครแป็นคนให้กูก็ไม่รู้ แล้วกูจะไปรู้สึกอะไรได้ล่ะ มึงคิดออกมาได้ยังไง๊
“เอาจริงป่ะกูไม่เคยคิดจะรับของจากคนที่กูไม่รู้จัก คนที่กูไม่เคยเห็นหน้า เกิดเค้าคิดไม่ดีกับกู เอาอะไรที่มันอันตรายต่อชีวิตกูมาให้ จะทำไงวะ”
“ดูหนังมาก”มึงจะว่ากูเพ้อเจ้อ แล้วมันก็หยิบไอ้ของที่อยู่ในถุงกระดาษออกมา มันเป็นลูกแก้วไขลานครับ ซึ่งข้างในลูกแก้วมันเป็นตุ๊กตาผู้ชายใส่สูทสีขาวมือดีดกีตาร์อยู่ มันมองมาที่ผมเลิกคิ้วใส่หนึ่งทีเป็นการบอกนี่นะอันตราย พอผมทำหน้าไม่เชื่อ มันก็จัดการไขลานโชว์ผม เพื่อเป็นการย้ำอีกทีว่าไม่มีระเบิด
เออจ้ามันไม่อันตรายเลยจ้า คือกูต้องรับใช่มั้ย ใช่ สายตามึงบอกว่าถ้ามึงไม่รีบรับไปกูจะกระทืบมึง แล้วกูจะทำอะไรได้ล่ะ
“เออ ขอบใจ”สุดท้ายผมก็ต้องยื่นมือไปรับลูกแก้วกลมๆลูกนั้นมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ มันมองหน้าผมพร้อมกระตุกคิ้วทีนึงอย่างกวนส้นตีน กวนส้นตีนซะจนตีนผมกระตุก ดิก ดิก
“เชี่ยยยยน้ำ มาคุยโทรศัพท์นานจังวะ ถ้าไม่ติดว่ามีไอ้เหน่งเป็นตัวประกันนะกูคิดว่ามึงหนีกลับไปแล้ว”เสียงทุ้มเข้มแต่ท่าทางดัดจริตของไอ้แคมป์ที่ลากตีนดิ่งๆเข้ามากอดคอผม
“กู...”ยังไม่ทันได้ง้างปากพูดอะไร ไอ้เพื่อนสันดานโจรอย่างไอ้เหน่งก็คว้าลูกแก้วกลมๆที่อยู่ในมือผมไปหมุนเล่นอย่างชอบใจ
“อะไรของมึงวะนะ”นอกจากทำสันดานโจรแล้วมันยังทำตัวขี้สงสัยอีก มึงก็เห็นอยู่ว่ามันคืออะไรยังจะถาม ควาย
ผลัวะ
เสียงฝ่ามือหยาบกร้านของไอ้โชคที่ตกกระลงบนหัวไอ้เหน่ง
“สาบานว่ามึงไม่รู้ว่ามันคืออะไร”ใช่ครับเพื่อนโชคมึงรีบง้างเอาหมาข้างในปากมึงออกมากัดมันเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นจะเป็นกูที่ง้างปากแดกหัวมันเอง
ผมปล่อยให้พวกเพื่อนห่ารากมันยื้อแย่งชุดกระชากของเล่นชิ้นนั้นกันอย่างสนุกมือพวกมัน แล้วหันมาสนใจไอ้หล่อที่ยืนหน้าเรียบเหมือนถูกกาวตาช้างสตราฟหน้ามันไว้
มองหน้าผมแล้วก็เลิกคิ้วกวนส้นตีนแบบที่มันชอบทำ เพื่อเป็นการบอกว่ากูไปละ แล้วมันก็หมุนส้นตีนเดินกลับไปยังที่ที่มันจากมา
.
.
โดย อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 05-08-2021 14:22:33
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


อินโทร ฮัลโหล เทส เทส (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4058919#msg4058919)
Episode 1 มหา'ลัย ให้อะไรเรา 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4058920#msg4058920)
Episode 1 มหา'ลัย ให้อะไรเรา 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4058921#msg4058921)
Episode 2 บัดดี้ผมเป็นคนดี ดีจริงๆ 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059046#msg4059046)
Episode 2 บัดดี้ผมเป็นคนดี ดีจริงๆ 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059047#msg4059047)
Episode 3 เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059185#msg4059185)
Episode 3 เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059186#msg4059186)
Episode 4 โอ๊ย โอ๊ย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059309#msg4059309)
Episode 5 ทำไมหัวใจต้องเต้นแรง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059446#msg4059446)
Episode 6 มึงชอบมัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059568#msg4059568)
Episode 7 กว่าจะรู้หัวใจตัวเอง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059680#msg4059680)
Episode 8 ต้องทำอะไรสักอย่าง 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059789#msg4059789)
Episode 8 ต้องทำอะไรสักอย่าง 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059790#msg4059790)
Episode 9 กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ ห้าไห้ ห้าไห้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059899#msg4059899)
Episode 10 นอนจับมือกันครั้งแรก 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059990#msg4059990)
Episode 10 นอนจับมือกันครั้งแรก 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4059991#msg4059991)
Episode 11 เพราะรักมันไม่มีรูปแบบตายตัว 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060106#msg4060106)
Episode 11 เพราะรักมันไม่มีรูปแบบตายตัว 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060107#msg4060107)
Episode 12 Neng Day (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060339#msg4060339)
Episode 13 รักก็คือรัก 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060356#msg4060356)
Episode 13 รักก็คือรัก 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060357#msg4060357)
Episode 14 ในเมื่อใจตรงกันแล้ว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060417#msg4060417)
Episode 15 คนเป็นแฟนกัน เค้าทำอะไรกันบ้าง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4060493#msg4060493)
Episode 16 อาจจะขี้หึงจนเกินไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4062508#msg4062508)
Episode 17 ไฟนอล นรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4065848#msg4065848)
Episode 18 หวาน หวาน หัวใจชื่นบาน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4065850#msg4065850)
Episode 19 หวาน หวาน หัวใจชื่นบาน 1.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4065851#msg4065851)
Episode 19 หวาน หวาน หัวใจชื่นบาน 1.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72848.msg4065852#msg4065852)


อินโทร ฮัลโหล เทส เทส


สวัสดีครับ ผมชื่อ น้ำ ครับ ชื่อจริงชื่อ นายนัทนที เกียรติพิบูลย์ หน้าตาหล่อเหลาเอาการระดับ 10 ดาวเลยก็ว่าได้ คริคริ(ขอชมตัวเองซักนิดนะครับ) ส่วนสูงของผมก็ตามมาตรฐานชายไทยครับ 180 พอดีเป๊ะไม่ขาดไม่เกิน ซึ่งคิดว่าปีหน้าอาจจะสูงเพิ่มอีกซัก 1-2 เซน และตอนนี้ผมก็อายุ 18 ปีแล้วกำลังก้าวเท้าเข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัว รู้สึกตื่นเต้นมากครับกับการอายุ 18 ครั้งแรก พอผ่านไปได้ซักวันสองวันทุกอย่างก็ปกติดี เด็ก 18 ....มันก็ไม่ได้ต่างจากอายุ 17 เลยแล้วกูจะตื่นเต้นเพื่อ!!! ผมเป็นลูกชายคนเล็กสุดของบ้านครับ มีพี่ชาย 2 คน ซึ่งหน้าตานี่ถอดกันมาอย่างกับคนคนเดียวกัน แต่อาจจะต่างกันตรงที่ช่วงวัย และแน่นอนว่าที่ถอดกันมาเนี่ยมาจากพ่อด้วยครับ หล่อกระชากใจกันทั้งบ้าน แบบผู้ชายในฝันของสาวๆหลายคน ที่มีทั้งความหล่อ สูงยาว ขาวโอโม่ สันจมูกที่พุ่งปรี๊ดอย่างกับยอดภูเขาไฟฟูจิ แต่ไอ้ความขาวโอโม่นี่แหละที่ผมเกลียดมาก คือผมเป็นคนที่ขาวที่สุดในบ้าน ขาวจัดๆชนิดที่ว่าสีเดียวกับกระดาษเอสี่เลยก็ว่าได้ เลยทำให้มักจะมีปัญหาเวลาถ่ายรูปรวมไม่ว่าจะกับเพื่อน หรือครอบครัว เพราะรูปที่ได้มันไม่เคยลงตัวเลยไง ถ้าปรับให้คนอื่นสว่างก็จะมองไม่เห็นผมแต่ถ้าปรับให้มืดลงก็จะมองไม่เห็นคนอื่นอีก มันเป็นปัญหาระดับชาติจริงๆ

‘มึงแมร่ง บดบังออร่าความหล่อกูตลอดดด’

‘มึงแดกผงซักฟอกเป็นอาหารรึไง’

‘น้ำ นี่ต่อให้เดินห่างกันสิบโลก็ยังรู้เลยว่าเป็นน้ำ’

‘ความขาวมึงนี่แบ่งให้กูบ้างได้มั้ยเหี้ยน้ำ’

ครับ...
ซึ่งคำพูดพวกนี้มักจะกระแทกกรอกหูผมตั้งแต่เด็กจนโตเป็นหนุ่มเต็มตัว ซึ่งผมก็ไม่ซีเรียสหลอกครับเพราะมันก็ไม่รู้จะซีเรียสทำไม คริคริ ซึ่งพ่อบอกว่ามันคงเป็นเพราะผมเป็นลูกรักแม่เลยได้ความขาวจากแม่มาเต็มๆ ใช่ครับแม่ผมขาวมากแล้วก็สวยมากมาก ดีนะครับที่ผมเลือกเอาหน้าตาพ่อมาไม่งั้นผมคงจะเป็นไอ้หนุ่มหน้าหวานสันดานไพร่แน่ ฮ่าๆ พูดถึงตัวเองมานานจนลืมแนะนำบรรดาพี่ชายสุดที่รักที่รักกันสุดตรีนนน พี่ชายคนโตของผมชื่อ น่าน ครับ ชื่อจริง นายน่านนที เกียรติพิบูลย์ ตอนนี้มันเรียนจบแล้วครับ พึ่งขึ้นทะเบียนบัณฑิตไปหมาดๆปีนี้นี่แหละครับ พี่น่านมันเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เอกโยธาครับ ซึ่งตอนนี้มันก็มาช่วยงานที่บริษัทของพ่อกลายเป็นหนุ่มวิศวกรเต็มตัวแล้วล่ะมั้ง ส่วนพี่ชายคนรองของผมชื่อ นนท์ ครับ ชื่อจริง นายนนนที เกียรติพิบูลย์ ตอนนี้มันยังเรียนอยู่ ปีนี้มันขึ้นปี 3 แล้วครับ เรียนคณะเดียวเอกเดียวกับไอ้พี่น่านมันครับ เรียกว่ามันจ้องจะถอดแบบพี่น่านทุกอนุรูขุมขนเลยก็ว่าได้ ก็อย่างที่บอกว่าหน้าตัวพวกผมสามพี่น้องนี่ถอดกันมาเป๊ะๆ ความหล่อไม่ต้องพูดถึง พี่มันสองคนนี่ดีกรีเดือนมหาลัยเลยครับแถมพ่วงด้วยขวัญใจมหาชนสโมสรฟุตบอลมหาลัยอีก ตำแหน่งความหล่อต่างๆที่ได้มานี่ ซื้อเอาทั้งนั้น ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่นครับ พี่มันสองคนเป็นที่เข้ากับคนง่ายครับอัธยาศัยดีๆที่เรียกว่ากวนตรีนครับนอกจากจะเรียกความสนใจจากสาวๆแล้วยังจะเรียกตีนจากคนอื่นๆได้อีก แล้วพี่มันสองคนมักจะชอบมีปัญหาถกเกียงกันเรื่องความสูงตลอด คือพี่นนท์มันสูง 189 ส่วนพี่น่านมันสูง 188 ซึ่งมันต่างกันแค่เซนเดียวแต่มันก็ชอบทำให้เป็นปัญหาระดับชาติเพราะที่ผ่านมาพี่น่านมันสูงกว่าพี่นนท์ไง แล้วพี่นนท์มันเสือกไปวัดมายังไงไม่รู้มันจนสูงกว่าพี่น่านมันเซนนึงที่นี้ก็มานั่งเถียงกันคอนเป็นเอ็นสามวันสามคืนเดือดร้อนหมอที่โรงบาลที่ต้องมาปวดหัววัดความสูงให้พวกพี่มันเพราะแมร่งบอกว่ามีแต่หมอเท่านั่นจะให้ความมาตรฐานที่สุดสำหรับพวกพี่มัน แล้วผมกับพ่อก็ต้องตามใจพวกพี่มัน เพราะรำคาน คำเดียวสั้นๆ สรุปหมอวัดออกมาแล้ว พี่นนท์มันสูง 189 จริง ส่วนพี่น่านก็ 188 คือถ้ามองตาเปล่ามันก็เท่ากันป้ะ แล้วพี่มึงจะอะไรกันหนักหนาหันมาดูกูนี่ไม่เคยเดือดร้อนอะไรกับความสูง 180 กูเลย ใช่ครับ...ผมเตี้ยสุดในบ้าน แต่ยังไงปีหน้าผมคาดว่าจะสูงเพิ่มขึ้นแน่นนอน แต่ถึงไม่เพิ่มขึ้นก็ไม่ซีเรียสอะไรครับเพราะผมมาตรฐานแล้วพวกพี่มันต่างหากที่ทะโหล่โถ่เถ่เกินมาตรฐาน จะเห็นแต่ว่าผมพูดถึงแต่พ่อกับเหล่าพี่ชายแม่ผมคงน้อยใจแน่ๆ แม่ผมไม่น้อยใจหรอกครับหรือน้อยใจรึป่าวก็ไม่รู้สิเพราะต่อให้ผมถามแม่ก็ไม่ตอบหรอก เพราะแม่ของผมเธอจากไปนานแล้วครับตอนนี้คงเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์แล้วเธอจากไปตั้งแต่ผมอายุแค่12 เองครับ แต่ผมก็รับรู้นะครับว่าเธอรักพวกเรามาก เท่านี้ก็พอแล้วครับเดี๋ยวจะพากันดราม่า

.   
.
“น้ำมึงตัดสินใจยังวะ ว่าจะเรียนต่อที่ไหน” เสียงจากไอ้เหน่งเพื่อนรักผมเองครับ คบกันมานานมากตั้งแต่สมัยอนุบาลสนิทกันที่สุดในบรรดาเพื่อนๆเพราะว่าบ้านอยู่ใกล้กันแล้วพ่อแม่ยังมาเป็นเพื่อนกันอีก มันรู้ใจผมทุกเรื่อง รู้จักผมดีกว่าผมรู้จักตัวเองอีก หน้ามันอ่ะหรอก็จัดอยู่ในหมวดหมู่พวกหล่อมากๆแหละครับ แถมความสูงมันก็ยังจะสลอนหน้าสลอนตาสูงกว่าผมอีก 7 เซน แต่ผมไม่ซีเรียสครับเพราะผมสูงตามมาตรฐานแล้ว!!!
“เอ้า เงียบไม่ตอบ หยิ่งหรอมึง” เอาสันหนังสือฟาดที่หัวผมเบาๆเพื่อเรียกร้องให้สนใจมัน
“กูสมัครม.เชียงใหม่ไปแล้ว” หยิบหนังสือเล่มที่มันฟาดผมเมื่อกี้ฟาดมันคืน มันทำหน้าทำเสียงฮึดฮัดอ้อนมืออ้อนตีน
“แล้วไม่บอกกูวะ! คิดว่ามึงจะเรียนที่เดียวกับพี่มึงซะอีก แล้วจะไปทำหอกอะไรไกลถึงเชียงใหม่พ่อมึงอยู่นั่นแง้ะ” ตอนแรกมันทำหน้าสงสัยแต่ตอนนี้ทำกวนส้นตีนแล้วครับ
“กูโตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้ว กูก็อยากไปเผชิญโลกกว้างบ้างอยู่กับพวกพี่มันแมร่งมาสิบแปดปีแล้วให้กูห่างกันบ้างเห้อะ” ผมถอนหายใจอย่างปลงตกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ไร้สาระที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่พี่มันเถียงกัน แหย่กันอย่างห้ำหั่นแล้วผมต้องเป็นฝ่ายยุติทุกครั้ง
แล้วไอ้ที่ผมอยากไปเรียนไกลๆนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับผมแค่อยากไปใช้ชีวิตเท่ห์ๆคนเดียวในที่เงียบๆไกลๆไม่มีคนรู้จักไม่มีความวุ่นวาย แต่ยังงัยผมก็ยังคงเลือกเรียนคณะวิศวกรรมเจริญรอยตามพวกพี่มัน แต่เอกที่ผมเลือกเรียนนี่คงเป็นไฟฟ้าตามรอยพ่อมากกว่า
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไปแล้วไปลับไม่กลับมานะผมก็แค่อยากไปทำอะไรใหม่ๆในที่ใหม่ๆก็แค่นั้นยังไงซะก็ต้องกลับมาหาทุกเดือนอยู่แล้ว แหม่พูดเหมือนกับว่าจะสอบติดพรุ่งนี้ยังงั้น ฮ่าๆ

“เออ แล้วพ่อกับพี่มึงรู้ยัง” มันทำหน้าแบบหมาสงสัย
“กูบอกพวกเค้าแล้ว ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร” ผมหันกลับมาสนใจสมุดการบ้านที่กำลังทำต่อ
“หรอวะ ก็ดีแล้ว แต่มึงไปสอบเป็นเพื่อนกูหน่อยดิสอบที่ม.เดียวกับพี่มึงอ่ะ นะ นะนะ” ไอ้เหน่งทำหน้าตาดัดจริตเสียงเล็กเสียงน้อยเห็นแล้วน่ายกตีนขึ้นมาถีบ ผมพอจะรู้ไอ้ห่าเหน่งมันไปหยอดไปจีบสาวต่างห้องไว้ซึ่งสาวคนนั้นก็ดันเลือกที่จะเรียนต่อมหาลัยที่พี่ผมเรียน แล้วไอ้นี่ก็บ้ากะจะตามไปจีบเค้ายันมหาลัย กูล่ะยอมมึง
“ไม่” ผมยังคงสนใจแต่การบ้านต่อไป
“แต่กูเป็นเพื่อนที่รักมึงที่สุดนะน้ำ มึงจำได้มั้ยตั้งแต่อนุบาลแล้วที่เราสัญญากันไว้ตอนที่ร่วมกระบวนการขโมยยางลบสาวอนุบาลห้องข้างๆแล้วโดนคุณครูจับได้ไง ว่าเราจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดไป มึงจำได้มั้ย” แล้วมันก็ตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องเดิมๆในอดีต เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ผมปฏิเสธมัน มันจะต้องหาเหตุผลในความทรงจำมาอ้างทุกครั้งแล้วผมก็ต้องจำนนต่อเหตุผลของมันทุกครั้ง เพราะว่ามันคือเพื่อนที่รักผมสุดตรีนนน
“เออ!!! ร่ำไรฉิบหาย แต่กูแค่ไปสอบเป็นเพื่อนนะติดหรือไม่ติดกูก็ไม่เรียนที่นั่นบอกไว้ก่อนเลย” ผมทำการตลกลงกับมันเสร็จสับมันก็ไม่ร่ำไรอะไรกับผมอีก

จนถึงวันสอบ

วันสอบผ่านไปด้วยดี

ผลออกมาว่าสอบผ่านกันทั้งคู่ รวมถึงสาวที่มันไปจีบไว้ด้วยติดเหมือนกันแต่คนละคณะ ผมกับไอ้เหน่งเลือกคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้า ตามรอยคุณประณต พ่อผมเองครับ

ซึ่ง   

วันสอบสัมภาษณ์
ไอ้ห่าเหน่งมันก็ลากผมมาด้วยพร้อมเหตุผลที่ความเป็นเพื่อนรักสุดตรีนนนน ยกมาอ้างสารพัดเหตุผลแล้วผมก็ต้องตามมันมาเหมือนเดิม เห็นหน้าระรี้ระริกของมันแล้วอยากกระโดดขาคู่ถีบหน้ามัน ไอ้สันขวานนนน
ส่วนวันประกาศสอบสัมภาษณ์เค้าบอกจะแจ้งผ่านเว็บไซต์มหาลัย

.
.
.
“เชี่ยยย ตื่นเต้นว่ะ มึงว่าเราจะผ่านมั้ยวะ”เสียงระรี้ระริกอ้อนตีนต้องแต่เมื่อว่านตอนหกโมงเย็น มันถามผมอย่างนี้ทุกครึ่งชั่วโมงตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ใช่ครับ มันมานอนบ้านผมพร้อมกับอ้างว่าอยากมาลุ้นด้วยกัน ซึ่งผมควรจะตื่นเต้นกับมันเหรอ เหอะ เหอะ เหอะ กูไม่ได้อยากเรียนที่นี่ วอทททท มีแต่มึงกับสาวสวยในดวงใจมึงแล้วกูจะต้องมาตื่นเต้นกับมึงเพื่อ!!! มันแหกขี้ตาปลุกผมตั้งแต่ตีสี่ครับ มารอผลประกาศที่เค้าจะประกาศตอน 10.00 น. เอิ่มมึง ไอ้ห่าราก ไอ้สันขวาน ไอ้ส้นตีน
...10.00 น. เวลาที่ตื่นเต้นระทึกใจของมัน ที่ไม่ใช่ของผม
พร้อมกับพ่อของผม และพี่ชายทั้งสองที่นั่งหน้าสลอนกันมาตั้งแต่ตีห้า ตีห้า ตีห้า ครับ!!!
ตื่นเต้นราวกับว่าผมไปแข่งบอลโลกรอบชิงแชมป์โลก
มือซ้ายของผมเลื่อนเมาส์ไปที่ช่องตรวจสอบสถานะการสมัครเรียน
นายนันทภัณฑ์ เหลี่ยมศิลา รหัสประจำตัวผู้สมัครสอบxxxxxx
กำลังดาวน์โหลด...
.
คุณผ่านการสอบสัมภาษณ์
“โอ้วว เย่”เสียงแห่งความภาคภูมิใจของตัวมันที่ดังลั่นห้องผม แถมด้วยท่าเต้นกระเด้าอากาศแสดงความดีใจแบบสุดชีวิตของมัน
“ย่ะ ย่ะ คุณนันทภัณฑ์ ยินดีต้อนรับสู่รั้วมหาลัยxxxx ของเรา แปะ แปะ”ไอ้พี่นนท์มันปรบมือให้ไอ้เหน่งอย่างภาคภูมิใจมันคงหาทายาทอสูรที่จะคายตะขาบเรื่องระยำตำบอนให้ได้แล้วสินะ ส่วนผมก็ได้แต่ส่ายหัวเนือยๆ
“น้ำ ไม่ตรวจสอบชื่อของเราบ้างล่ะ”เสียงจากคุณประณต ที่มาพร้อมกับสายตาเป็นเชิงบังคับว่า มึงตรวจสอบของมึงเดี๋ยวนี้
“รู้แล้วน่ะพ่อ จะตรวจอยู่นี่ แต่บอกก่อนเลยนะติดรึไม่ติดผมก็ไม่เรียนที่นี่แน่นอน”ผมหันไปบอกทุกคนอย่างจริงจัง ก่อนที่พี่น่านมันจะเอ่ยปากขึ้นว่า
“ลีลาฉิบหาย”พร้อมทำหน้าหงุดหงิดเป็นหมาหิวข้าว
มือขวาผมกรอกรหัสบัตรประชาชน ส่วนมือซ้ายก็เลื่อนเมาส์มาคลิกช่องตรวจสอบสถานะการสมัครเรียน
.
.
นายนัทนที เกียรติพิบูลย์ รหัสประจำตัวผู้สมัครสอบxxxxxx
กำลังดาวน์โหลด [หมุนติ้ว ติ้ว ติ้ว อยู่อย่างนั้น ราวกับว่าบ้านลืมจ่ายค่าอินเตอร์เน็ตวายฟาย]
.
.
คุณผ่านการสอบสัมภาษณ์
รายละเอียดวันรายงานตัวพร้อมเอกสารดังนี้
Xxxxxxxxxxxxxx

แล้วไง ใครแคร์ ไม่มี บอกเลย
แต่หน้าพ่อกู
บอกว่า
มึงต้องแคร์
“ยินดีด้วยคุณนัทนที ขอต้อนรับสู่อ้อมอกอ้อมใจของรั้วมหาลัยxxxx แปะ แปะ”ไอ้พี่นนท์มันใช้น้ำเสียงเดิมพร้อมกับการตบมือแบบเดิมที่เห็นแล้วอยากลุกไปกระโดดถีบมันเหมือนเดิม
“พ่อ...”น้ำเสียงเสียงเว้าวอนจากหนุ่มน้อยตาใส ที่กำลังจะเอ่ยออกไปแต่ถูกขัดจังหวะด้วยไอ้ชายใหญ่ของบ้านเกียรติพิบูลย์
“มันต้องแบบนี้สิวะ สมกับที่กูแหกตาตื่นตั้งแต่ตีห้ามารอฝังผลกับมึงตอน 10 โมงเนี่ย”ตบบ่าผมเบาๆพร้อมดึงเข้าไปกอดเหมือนกับว่ากูได้เหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ จังหวะนี้แหละผมต้องรีบออกตัวแล้ว!!
“ใครบอกว่ากูจะเรียนที่นี่พี่น่าน”ทำเสียงทุ้มๆแบบหนุ่มใหญ่พร้อมกับสีหน้าจริงจังที่แอบหวั่นใจกับสีหน้าที่บอกนัยๆของพ่อว่ากูไงที่จะบอกให้มึงเรียนที่นี่ แล้วผมก็ต้องหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับคำพูดที่พ่อพ่นออกมา
“พ่อให้เลือกระหว่างจะเรียนที่เดียวกับเหน่ง รึจะเรียนที่เดียวกับนนท์”สีหน้าจริงจังแต่คำพูดคือเล่นมุข แต่ไม่มุข ใช่ แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม
“แล้วเหน่งกับไอ้พี่นนท์นี่มันเรียนคนละม.กันมั้ง ไหนคุยกันแล้วไงพ่อ พ่อก็โอเคแล้วนี่”กูต้องทำหน้าเหรอหราเรียกร้องความสนใจก่อน
“ใครบอกโอเค พ่อไม่เคยพูดอะไรเลยนะ”ทำคิ้วขมวด ย่นหน้าผาก บอกให้รู้ว่าครุ่นคิดอยู่
“ก็ตอนถามพ่อบอก อือ ไง”กูจะไม่ยอมแพ้ขยั้นขยอต่อไป
“หรอพ่อพูดงั้นหรอ น่านวันนี้เรามีประชุมบ่ายนี่หว่า ป่ะๆไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้าบริษัทกัน เอ้อน้ำเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปหาซื้อชุดนักศึกษากันนะลูก พ่อว่างพอดี”ตัดสวาทแบบขาดเยื้อใย แบบไม่ให้โอกาสตอบโต้อะไรเลย ทำเหมือนกับว่าไม่เคยรับรู้เรื่องที่ผมขอไปเรียนเชียงใหม่ ผมได้แต่นั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่แบบยาวๆ แล้วมองไปที่ไอ้พี่ชายตัวดีกับเพื่อนตัวเหี้ยที่นั่งดิ้นนอนดิ้นหัวเราะระริกระรี้ถูกใจกับสิ่งที่พ่อทำกับผม
“ไอ้สันขวาน”สั้นๆเพราะไม่รู้จะด่าอะไร

.
.
แล้วความฝันที่คาดหวังว่าจะได้ชีวิตแบบหนุ่มโตเต็มวัยหัวใจไกลบ้านก็ดับลงทันที ซึ่งผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากก้มหน้ายอมรับเพราะคนส่งเรียนคือพ่อ แล้วพ่อก็ให้เหตุผลว่า’ไม่อยากให้อยู่ไกลหูไกลตาพ่อ อีกอย่างแม่ชอบมาเข้าฝันพ่อว่าอยากให้ลูกทุกคนอยู่ใกล้ๆครอบครัวจะได้อบอุ่นครึกครื้น’เหอะ อบอุ่นครึกครื้นสุดๆไปเลย พออ้างถึงแม่ผมก็ต้องยอม อีกอย่างเพราะพ่อห่วงผมด้วยแหละเพราะผมตั้งแต่เกิดมานอกจากเรียนก็ทำห่าเหวอะไรไม่เป็นซักอย่างต้องมีคนทำให้ตลอดเลยกลัวผมลำบาก ส่วนไอ้พี่ชายทั้งสองมันก็มาช่วยย้ำเหตุผลอีกว่า’เวลามึงไปซัดใครแล้วเค้าสวนกลับกูจะได้ไปช่วยทัน’ใช่ครับวัยรุ่นเลือดมันร้อนตอนมัธยมนี่ผมเคยมีเรื่องกับเพื่อนต่างโรงเรียน ไอ้เหน่งกลัวผมจะสู้เค้าไม่ได้เลยโทรไปบอกพวกพี่ผม ไม่เกิน 20 นาที่ มันมาถึงที่ เรียกว่ารักน้องสุดตรีนกันจริงๆ ‘เวลามีสาวเข้ามากูจะได้ช่วยแสกนง่ายๆไง’อ่ะในเมื่อผู้เชี่ยวชาญเรื่องสาวๆเค้ายืนยันผมก็ไม่ขัดศรัทธา และหวังว่าชีวิตในรั้วมหาลัยของผมคงไม่มีอะไรที่ระยำตำบอกหรอกนะ สาธุรอเลยครับ

.
.
หลังจากรายงานตัวมอบตัวที่มหาลัย ที่ไม่ใช่คุกนะครับ
ผมก็เตรียมขนข้าวของมาอยู่คอนโดใกล้มหาลัยเพื่อที่จะสะดวกในการเดินทาง ถามว่าบ้านไกลมหาลัยหรอ ก็ป่าว แต่อยากสลอนหน้าออกมาอยู่นอกบ้านไงไกลบ้านนิดหน่อยแต่ก็ถือว่ายังไกล ไกลบ้านแต่ไม่ไกลไอ้พี่นนท์ แล้วก็ไอ้เหน่งด้วย ซึ่งคนโดที่ผมอยู่มันเป็นของพี่น่านตอนนี้พี่น่านมันทำงานเลยย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านกับพ่อที่นี่เลยตกเป็นของผมอย่างชอบธรรม และพ่วงมาด้วยพี่ชายสุดที่รักที่รักกันสุดตรีนอย่างพี่นนท์ที่พำนักพิงอยู่ห้องฝั่งตรงข้าม ตามมาด้วยไอ้เหน่งที่ใช้เส้นใช้สายพ่อมันซื้อคอนโดให้ได้อยู่ข้างๆห้องผม ซึ่งนับวันมันยิ่งทำเหมือนไอ้พี่นนท์กับพี่น่านขึ้นทุกวัน ใจคอพวกมึงจะไม่แยกจากกูกันเลยรึง๊ายยยย
นี่แหละครับจุดเริ่มต้นความระยำตำบอน ที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อผมย่างเท้าก้าวเข้าไปในมหาลัยในฐานะเด็กปีหนึ่ง


โดย อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 05-08-2021 21:04:46
 :pig4:
 :3123:
ติดตามนะ สนุกดี
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 06-08-2021 09:34:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 2.1
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 12-08-2021 11:45:54
Episode 2 บัดดี้ผมเป็นคนดี ดีจริงๆ (1/2)



ตึ่ง ตึ่ง โป้ะ ตึ่ง  ตึง ตึ่ง โป้ะ ตึ่ง ตึ่ง



“น้องๆคะ วันนี้นอกจากจะมีการจับพี่รหัสแล้ว พี่ยังมีเซอร์ไพร์สสุดพิเศษมามอบให้อีกด้วยน๊า”

กรี๊ดดดดดด

วี้ดวิ้ววววว

วู้วววววว



เซอร์ไพร์สของพี่แกนี่เค้ารู้กันทั้งคณะแล้วมั้ง

ถามว่ารู้ได้ไงอ่ะหรอ

ก็พี่นนท์มันแอบกระซิบผมมาว่าจะมีการจับบัดดี้แบบนี้ทุกปีแล้วบัดดี้จะต้องดูแลเทคแคร์เอาใจใส่ชีวิตกันไปหนึ่งปีเต็มๆ

เหอะ

เหอะ

ซึ่งผมตกลงกับไอ้เหน่งไว้แล้วว่าต่อให้จับได้ใครผมจะไปหาแลกมาจนได้คู่กับมัน ไม่ใช่ผมพิศวาสอะไรมันหรอกนะครับ แต่ผมเป็นประเภทที่ไม่ชอบดูแลใครเพราะชีวิตผมไม่เคยทำอะไรให้ใคร แล้วก็ไม่คิดจะทำอะไรให้ใครด้วย อินดี้ใช่ป้ะ ฮ่าๆ

ความจริงคือผมทำห่าทำเหวอะไรไม่เป็นนอกจากเรียนกับเล่นกีต้าร์ ใช่ครับผมเล่นกีต้าร์ซึ่งน่าจะเป็นความสามารถหลักแต่รองลงมาจากเรื่องเรียน เพราะฉะนั้นผมจึงไม่สามารถที่จะดูแลใครได้หรอกกลัวจะไปเป็นภาระให้เค้าต้องมาดูแลอีกด้วย สู้อยู่กับไอ้เหน่งนี่แหละดีสุด ส่วนสายรหัสก็ไม่ได้สนใจหรอกครับว่าจะได้ใคร ใครก็ได้ที่ไม่ร่ำไรกับชีวิตผม ไม่ล้ำเส้นชีวิตผมก็พอ



เมื่อไหร่จับกันเสร็จซักทีโว้ยยยยยย กูจะกลับไปนอน



“มึงอยากได้ใครเป็นพี่รหัสวะ” เสียงไอ้โชคกับแคมป์มันคุยกัน มันคงหมายมั่นปั้นมือที่จะได้พี่รหัสเป็นผู้หญิงน่ะสิ คงเตรียมมุขไว้จีบเค้าเพียบ ถ้าไม่ได้นี่ ไอ้มุขที่เตรียมไว้คงต้องเอามาจีบกันเอง เหอะ เหอะ
“กูอยากได้พี่คนนั้นว่ะ ที่มัดผมหางม้า ปล่อยหน้ามาซีทรูอ่ะ” ไอ้เทมส์มันพูดไปชี้มือชี้ไม้ไป
“มึงล่ะน้ำ” ไอ้ไม้ที่มันปกติไม่ค่อยสนใจอะไรกับใครแต่วันนี้เสือกสนใจหันมาถามผม   
“กูได้ใครก็ได้ แค่ไม่ใช่สายเดียวกับพี่กูพอ” นั่นแหละครับที่ผมภาวนามาตลอดตั้งแต่รู้ว่าต้องมาเรียนที่นี่
“ต่อไปเป็นคิวของเอกไฟฟ้าครับ ลุกขึ้นมาเลยครับน้อง”



วินาทีระทึกของใครหลายคนกำลังเกิดขึ้น รวมถึงผมด้วยที่ภาวนาว่าอย่าเป็นสายของพี่ชายตัวเอง

คนอื่นเริ่มเรียงแถวเข้าไปจับฉลากที่อยู่ในไหที่ถูกแบกโดยผู้ชายตุ้ยนุ้ยที่ตุ้งติ้ง ตุ๊งติ๊ง ติ๊งตุ๊ง



“น้องประสิทธิโชค ได้พี่รหัสเกียร์ 0519” กรี๊ดดดดดดด

“น้องธราเขต ได้พี่รหัสเกียร์ 0498” วร๊ายยยย

“น้องนันทภัณฑ์ ได้พี่รหัสเกียร์ 0510”วู้ววววววว



และแล้ววินาทีเนื้อเต้นของผมก็มาถึง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเหล่านางฟ้าเทวดาฟังคำภาวนาผมรึป่าว



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย

วีดวิ้ววววววววววววววววววววว

ยังไม่ทันจับเลยครับ แต่ก็มีคนตื่นเต้นแทนผมแล้ว



“น้องนัทนที ได้พี่รหัสเกียร์ 0525”



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

พี่รหัสของผมอ่ะหรอ นั่นไงครับมาพร้อมพวงมาลัยที่เค้าใช้ไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่กัน

“กูล่ะยอม สายนี้แม่งมันลูกรักพระเจ้ารึป่าววะ”

“มรึงงง สายนี้มันรวมแต่พวกหน้าดีระดับสิบดาวไว้หรอวะ”

“สายนี้มีแต่เดือนกับดาวม.ทั้งนั้น อย่าลืมส่งน้องน้ำลงประกวดเดือนม.ด้วยนะจะได้ครบทุกชั้นปี อร๊ายยยย”

นั่นแหละครับเสียงแซงแซวให้ระงม ถ้าให้ผมเดาพี่รหัสผมแกคงเป็นเดือนมหาลัยสินะ เพราะดูจากโหงวเฮ้งความหล่อลากเลือดของพี่แกกับความสูงราว190เลยมั้ง ถามว่ารู้ได้ไงก็พอยืนใกล้ๆผมแกดูสูงกว่าผมไปหลายคืบเชียว อยากจะถามจริ๊งงง กินอะไรเป็นอาหารครับ

“กูชื่อ เม่น อยู่เอกโยธา เดี๋ยวเลิกจากนี่เจอกันหน้าคณะ” พี่แกใช้โทนเสียงเข้มๆแต่นุ่มนวลแนะนำตัวเอง ส่วนผมก็ได้แต่พยักหน้าตกลงไป แล้วพี่แกก็หมุนส้นตีนกลับไปที่เดิมของแกเหลือไว้แต่ผมกับพวงมาลัยศาลพระภูมิที่แกคล้องคอผมไว้ก่อนหน้า



หลังจากจับสายรหัสกันเสร็จสับ



“ต่อไปเราจะมาทำเรื่องเซอร์ไพร์สๆกัน อยากรู้ไม่คะว่าเซอร์ไพร์สของพี่คืออะไรเอ่ย”

“อยากรู้ววววว”ตื่นเต้นกันสุดๆไปเลยครับ เหอะ เหอะ

“เซอร์ไพร์สของพวกพี่คือออ” ลีลากันก่อน 3 นาที

“วันนี้เราจะมีการจับบัดดี้กันครับ”กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

อ่ะตื่นเต้น ตื่นเต้น

“ใครที่ได้เป็นบัดดี้กันต้องคอยดูแลกัน เทคกันไปตลอดหนึ่งปีเต็มๆ ถูกใจกันมั้ยครับ”

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ถูกใจใครไม่รู้ แต่ไม่ใช่กูแล้วหนึ่งคน

“เดี๋ยวเราจะให้พี่ๆเอาไหฉลากไปให้น้องๆได้จกกันถึงที่เลยนะครับ”

จากนั้นพวกเราชาววิศวะก็พากันจกไห

“ใครได้หมายเลขอะไรตรงกันจับคู่กันได้เลยครับ”

ตะเถร พี่มึงมีวิธีการแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้มั้ย แล้วกูจะไปหาคนที่เลขตรงกับไอ้เหน่งยังไง

วิ่งกันให้วุ่นสิครับ

จนพี่คนนึงแสดงความคิดเห็นมาว่า

“ใครที่ตัวเลขขึ้นด้วย 1 มาตรงนี้ 2 ไปตรงนั้น 3...”

แล้วพี่แกก็ไร่ตัวเลขไปเรื่อยๆ อ่า พี่แกค่อนข้างฉลาดดีครับ ขอชื่นชม

และแล้วก็ได้เวลาแผนการชั่วร้ายตามหาบัดดี้ตัวจริงของไอ้เหน่งกันครับ

ควับ!!!

ผมคว้ากระดาษฉลากไอ้เหน่งมาชื่นชมก่อนจะย่างตีนไปยังกลุ่มเป้าหมาย แล้วกำลังจะตะโกนแหกปากว่าใครได้หมายเลข 274

แต่...

“น้ำ”

ไม่ทัน

ครับ

ไม่ทันได้ง้างปากก็ต้องหมุนส้นตีนหันไปยังต้นเสียง

“ไอ้เหน่งบอกว่ามึงได้หมายเลข 148”

เวรตะไร

มึงจะพูดทำไมไอ้ห่าแต็งค์ งี้แผนกูก็พังสิมรึ๊งงงง ไอ้เหน่งมึงนี่ก็เลวบอกเค้าไปหมด แล้วมึงนี่มีอะไรกะกูอีกนักหนา หงุดหงิดโว้ยยย

“มึงมีอะไร”

กวนส้นตีน นอกจากมันไม่พูดแล้วยังจะเลิกคิ้วหลิ่วตาใส่ผมอีก จะซัดหน้ามันก็กลัวมันสวนกลับแล้วจะสู้ไม่ไหว
มันยื่นร่ำไรซักสามนาทีได้ ก่อนจะหยิบกระดาษที่คาดว่าเป็นฉลากออกมาโชว์ให้ผมดู

“148”

“ห๊ะ!!!”

“หา”

“ห๊ะ”

“ไม่ต้องห๊ะแล้ว”

“แล้วมึงจะหาทำไม”

“หามึง”มันพูดแบบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ส่วนผมหยิบกระดาษฉลากออกมาคลี่ดูอีกครั้ง มองไปที่กระดาษฉลากมันอีกครั้ง ทำอย่างงั้นวนลูปไป 148 148 148 ชัดเจน เจนชัดระดับHD

เอาน่าไอ้น้ำนี่อาจจะเป็นบัดดี้ที่ดีที่สุดในชีวิตมึงตลอดปีหนึ่งก็ได้วะ ดูแล้วมันก็เป็นคนไม่ค่อยสนใจใครส่วนตัวมึงเองก็ไม่เคยใส่ใจใคร นี่แหละลงตัว พากันลงเหวดี ต่างคนต่างสนแต่ของโลกตัวเอง จบ วิน วิน พึมพำกับตัวเองเสร็จก็ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆให้มัน

“ไง บัดดี้”
“ดีใจ”เสต็ปเดิมของมัน หน้าต้องนิ่ง คำพูดต้องประหยัด เดี๋ยวจะเปลืองพลังงานชีวิต
“อือ”
“เหอะ”
มันหัวเราะยั่วส้นตีนก่อนจะหมุนตัวย่างตีนกลับไปหาเพื่อนมัน ทิ้งไว้แต่ผมกับรอยยิ้มเจื่อนๆให้กับเพื่อนในคณะที่เดินเข้ามาถามว่าได้บัดดี้ยัง?

ได้แล้วครับ บัดดี้ของผม บัดดี้ผมเป็นคนดี แล้วในตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเราจะสร้างแต่เรื่องราวดีๆให้กัน

เหรออออออออออออออ



หลังจากแหวกว่ายออกมาจากฝูงชนผมก็ต้องปรี่มาหาไอ้เพื่อนตัวดีซักหน่อย

และก็ไม่ต้องแปลกใจทำไมไอ้ห่าเหน่งมันถึงบอกหมายเลขฉลากของผมกับไอ้แต็งค์ไป ก็ใช่สิ้บัดดี้มันเป็นผู้หญิงนี่ครับ แหนะๆยืนยิ้มปริ่มถูกใจกันอยู่สองคน ผมนี่อยากปรี่เข้าไปถีบยอดหน้ามัน



“เจอบัดดี้ยังวะ”แหม นอกจากเสียงจะตอแหลแล้วหน้ามึงก็ยังจะตอแหลอีกไอ้ควายเหน่ง
“สัด”สั้นๆ ไม่มีใจความ
“เอาน่ามึง ไอ้แต็งค์มันดูเหมาะกับมึงดี”ทำเป็นดึงกูไปปลอบไอ้เวร ได้หญิงแล้วสะบัดความสัมพันธ์ตั้งแต่อนุบาลของกูทิ้งเลยนะมึง แล้วที่บอกมันเหมาะกูนี่คือยังงัย เป็นพวกคร้านโลกเหมือนกันงี้หรอ เหอะ
“เออ”งอนมัน

พูดกับไอ้เหน่งได้ซักพักแก็งค์เพื่อนตัวเหี้ยกันพากันหน้าระรื่นมานั่งจุ้มปุ้กกระจุกกัน เพื่อรอแยกย้าย

ส่วนผมน่ะหรอ

ต้องรอพี่รหัสสุดที่รักสิครับ

และต้องรอสืบสาวราวเรื่องว่ามีใครในสายบ้างเพราะเห็นพูดกันว่าในสายมีแต่ดาวเดือน นี่สายรหัสนักศึกษาหรือสายอวกาศจักรวาลนาซ่า อะไรดาวๆเดือนๆ ไร้สาระ เหอะ

ผมก็ได้แต่กลัวหวยจะออกมาเป็นไอ้พี่นนท์สุดๆ หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่อยากอยู่ในสายเดียวกับพี่ชาย มันออกจะดีด้วยซ้ำ เหมือนได้สิทธิพิเศษกว่าชาวบ้านชาวเมือง เหอะ เหอะ

ผมขอบอกตรงๆแบบไม่มีกั๊กเลยครับว่าสำหรับคนอื่นมันอาจจะดี แต่สำหรับผม ตั้งแต่เล็กจนโตถึงพี่มันจะดูแลรักใคร่กลมเกลียวผมเป็นอย่างดีก็จริง แต่พี่มันก็ยังมีความสันขวานอยู่มาก ไม่ว่าจะกิจกรรมอะไรที่เป็นหน้าตาของโรงเรียนมันจะลากผมไปทำตลอด ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากทำเพราะมันทำให้ชีวิตผมวุ่นวาย ไอ้ผมก็ไม่อยากจะชมว่าตัวเองหล่อเหลาเอาการหรอกครับ(แอบอมยิ้มแบบตัวร้ายเล็กน้อย)

แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ฮี่ๆ

เพราะเมื่อไหร่ที่ผมทำตัวเป็นจุดสนใจมันมักจะมีเรื่องปวดหัวมาให้ผมเสมอ อย่างเช่น มันจะมีคนมาคอยดักเจอผมตามอาคารเรียน โรงอาหาร แม้แต่ห้องน้ำ มันทำให้ความเป็นส่วนตัวของผมถูกรบกวนตลอดเวลา และมันก็สาหัสมากขึ้นจนเกิดเรื่องร้ายกับผมขึ้น ผมจึงพยายามหลีกเลี่ยงการเป็นจุดสนใจมาตลอดแต่ก็ไม่เคยหนีได้

“รอนานมั้ยวะ” พี่เม่นแกย่างตีนดิ่งๆมาหาผมพร้อมกอดคออย่างสนิทสนม



ผมยังไม่ทันพร่ำพูดอะไรแกก็ลากผมมาขึ้นรถแกเพื่อพาไปเลี้ยงสายรหัส แกบอกว่าทุกคนในสายใจร้อนอยากเลี้ยงต้อนรับผมเร็วๆ ผมเองจะขัดก็ไม่มีโอกาสเพราะโดนพี่แกลากเหมือนเจ้าของหมาที่กำลังลากหมาตัวเองที่แอบหนีเที่ยวอยู่



แล้วพี่เม่นกับผมก็มาถึงร้านอาหารแถวๆมหาลัย พากันย่างเท้าไปยังโต๊ะหนึ่งที่มีผู้ชายหล่อเหลาเอาการระดับห้าดาวหนึ่งคนบวกด้วยหญิงสาวหน้าตาสะสวย สวยมากด้วยครับ อีกหนึ่งคน รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันทีที่ไม่มีไอ้พี่นนท์สลอนหน้ามาเป็นสายรหัสร่วมด้วย



“ไง น้ำ” สาวสวยหนึ่งเดียวของโต๊ะเอ่ยทักผมด้วยรอยยิ้มสดใส นี่แหละครับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามหาลัยนี้มานี่คงเป็นสิ่งเดียวสินะที่ทำให้ผมชื้นใจ สวยจนอยากจะบ้าตาย ตายแล้วตายอีกก็ขอเกิดมาเจอคุณ ง้อววววว

“นั่นพี่เป็ก เอกไฟฟ้าปีสี่ปู่รหัสมึง ที่สำคัญเสือกเป็นเดือนม.” ผมยกมือไหว้พี่แก พี่แกก็ส่งรอยยิ้มหล่อลากเลือดมาพร้อมกับพูดว่า

“อ่าๆ ไหว้พ่อมึง” อ่ะจัดให้กูแล้วหนึ่งดอก

“แล้วก็นี่พี่แพท เอกเคมีปีสาม สวยสะบั้นหั่นแหลกแถมป้าแกเป็นยังเป็นดาวม.อีกนะเว้ย” พี่แพทคนสวยเธอหันมาส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้ผมก่อนจะหันไปสบถคำด่าใส่พี่เม่นแกต่อ

“หมาในปากนี่แย่งกันออกมาวิ่งเล่นเลยนะไอ้น้องเม่น” นอกจากหน้าสวยแล้วเสียงยังเพราะจับใจอีก ไอ้บ้าเอ้ยยย

ระหว่างนี้เราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยคุยไปทั่วทีปทั่วแดน

จนกระทั่ง...

“พวกมึงรู้อะไรมั้ย ปีนี้พวกปีสี่แม่งพนันกันเอาเป็นเอาตายเรื่องเดือนมหาลัย” พี่เป็กแกพูดไป เขี่ยข้าวในจานไป
“ไม่ใช่แค่ปีสี่หรอกพี่ เค้าก็พนันกันทั้งม.แหละ” เสียงใสใสของพี่แพทที่ฟังกี่ทีก็ระรื่นหู
“จะพนันกันเพื่ออะไร ไงก็รู้กันอยู่แล้วว่าน้ำมันต้องได้” พี่เม่นแกพูดอย่างมั่นใจราวกับว่านั่งทางในไปสืบในอนาคตมาแล้ว

แต่เดี๋ยวก่อน

คนชื่อ น้ำ... นี่ใครวะ

คงไม่ใช่กูหรอกม้างงง

คนทั้งมหาลัยชื่อน้ำมีเป็นร้อย

“ก็พนันกันแดกตังกูนี่แหละ แม่งเสือกบอกกูว่าห้ามลงข้างหลานรหัสตัวเอง แต่พวกมันเสร่อลงข้างไอ้น้ำกันหมดรวมหัวแดกตังกูชัดๆ”

เดี๋ยวนะพี่เป็ก

มันตะหงิดๆว่ะ
 
หลานรหัสพี่แก...

ชื่อน้ำด้วย...

ชื่อเหมือนกูเลย

แต่เอ๊ะ

อ่ะ

ชัดเลย

กู

“เดี๋ยวก่อนพวกพี่ ที่พนันกันน่ะไม่เกี่ยวกับผมใช่ปะ” ถามเพื่อย้ำว่ากูไม่ได้คิดไปเอง
“ไม่เกี่ยวกับน้ำหรอก แต่เกี่ยวกับกระเป๋าตังค์พี่เป็กมันทั้งนั้น” พี่แพทพูดไปยิ้มไปแล้วเอื้อมมือมาตบบ่าผมเบาๆ ซึ่งผมก็ยังไม่เข้าใจอะไรอยู่ดี
“งงว่ะพี่”
“ไม่ต้องกลัวน้ำน้องรัก ใครๆก็รู้ว่ามึงอ่ะตัวเต็งเดือนม.ปีนี้”
“ห๊ะ!!”

กูบอกตอนไหนว่าจะประกวดพี่มรึ๊งงง “เดี๋ยวก่อนพี่ ผมยังไม่ได้บอกว่าจะ..”

เชี้ยยยย

ไม่มีใครฟังกู

ฟัคคคค

“พี่กลับก่อนนะน้ำ แฟนพี่มารอละ บรัยยย” พี่แพทสุดสวยของผมโบกมือบ๊ายบายแล้วก็ยกตีนวิ่งลิ่วไปหาแฟน และนี่ก็คืออีกเรื่องฟัคของผม กูยังไม่ทันจะได้เริ่มสร้างความสัมพันธ์ก็ถูกตัดสิทธิ์แล้ว ไอ้บ้าเอ้ยยย
“ป่ะๆกลับกัน”



แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันโดยที่ผมยังทันไม่ได้คัดค้านอะไร



ไม่มีโอกาสแม้แต่จะง้างปากพูด เพราะพี่เม่นแกลากผมขึ้นรถแล้วดิ่งไปส่งคอนโด ปากก็พล่ามแต่เรื่องห่าอะไรไม่รู้ ส่วนผมก็ได้แต่คิดหาวิธีหยุดความคิดเรื่องเอาผมไปประกวดเดือนของพวกพี่แก



โดย อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 2.2
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 12-08-2021 11:53:39
Episode 2 บัดดี้ผมเป็นคนดี ดีจริงๆ (2/2)



ก๊อก ก๊อก ก๊อก



“อะไรอีกวะ” ให้ผมทายดึกดื่นเที่ยงคืนแบบนี้มีอยู่ตัวเดียวที่จะถือวิสาสะมาเคาะห้องผม นับว่าเป็นดวงซวยของผมที่เสร่อตื่นมาหาน้ำกินในครัว ไอ้พี่นนท์แน่ๆนี่คงเมาเหมือนหมาหาทางเข้าห้องไม่ได้สิ หึ

แต่ผิดคาด

“แกเมา” เป็นไอ้แต็งค์ครับที่ถือวิสาสะมาเคาะห้องผม ไม่เคาะเปล่า มันลากสารร่างเละๆ เน่าๆ ของไอ้พี่นนท์มันมาด้วย
“หมายังดีกว่าสภาพมัน” ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆแล้วช่วยไอ้แต็งค์แบกพี่มันเข้ามาในห้องแล้วทิ้งพี่มันลงบนโซฟา “มึงไปเจอพี่มันที่ไหนวะ”
“ร้านเหล้า” มันคงเห็นเครื่องหมายเควสชั่นมาร์กบนหัวผม มันเลยพ่นออกมาอีกหนึ่งประโยคที่ทำผมต้องร้องออกมา “เป็นลุงรหัสกู”
“ห๊ะ!!!”
“เออ” มึงก็ยังคงคอนเซ็ปประหยัดคำเหมือนเดิม ไอ้ห่า
“เลี้ยงสายกันวันแรกก็พากันแดกเหล้าเลยหรอวะ”
“แกอยากเลี้ยง” พูดจบมันก็ยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลหนาๆมาให้ผม
“อะไร”
“เปิดดู”

ผมยืนมองถุงกระดาษแต่ไม่ยอมรับมา จนมันถอนหายใจออกมาเฮือกนึง แล้วหยิบสิ่งที่อยู่ในนั้นออกมา มันเป็นนมตราหมีรสน้ำผึ้งครับ

ใช่ครับนม ไม่ใช่นมธรรมดาแต่เป็นนมแพ็คนึงที่มีหกกล่องอ่ะครับ ยังไม่หมด มีขนมปังโฮมหวีด มีแยมรสสตอว์เบอรี่ด้วย

ให้กูเพื่อ!!!

แต่ยังไม่ทันได้ถามครับ

“ของเทค”

ห๊ะ

ห๊ะ

ห๊ะ

มันมีของเทคมาให้ผม เกินคาดว่ะมึง แต่มึงมาทงมาเทคกูตอนเที่ยงคืนเนี่ยนะ เอาแล้วไอ้น้ำมันมีของมาเทคมึงมึงก็ให้น้อยหน้านะเว้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ากูจะจัดเต็มเหมาเซเว่นให้มึงเองไอ้แต็งค์ เหอะ เหอะ

“ขอบใจ”
“กูไม่รู้จะเทคอะไรมึง แต่พอเห็นพี่นนท์บอกว่ามึงทำห่าเหวอะไรไม่เป็นเลยไม่ค่อยได้กินข้าวเช้า กูเลยหาของที่ทำกินง่ายๆมาให้ จะได้ไม่ต้องเสี่ยงโรคกระเพาะ” นี่คงเป็นครั้งที่สองที่มันพูดกับผมยาวๆแบบไม่ประหยัดคำ
“มึงก็พูดยาวๆได้นี่หว่า” มันเลิกคิ้วใส่ผม กวนตีนนิดหน่อยพอให้ตีนผมได้กระตุก
“กูกลับล่ะ”
“ฝันดีมึง” ผมเดินไปส่งมันหน้าประตู แต่ไม่ยังทันจะปิดประตู มันก็สลอนหน้าหันกลับมาเพื่อบอกบางอย่างกับผมว่า..

“ฝันดี”



ปัง(เสียงปิดประตูนะครับไม่ใช่เสียงใครยิงกัน)



เช้านี้คงเป็นเช้าทรหดของผมเพราะนอกจากจะมีเรียนเช้าแล้ว ผมยังต้องหอบหิ้วของเทคมาให้ไอ้แต็งค์อีกเต็มสองไม้สองมือเพื่อไม่ให้น้อยหน้ามันที่เมื่อคืนจัดของเทคแบบรักสุขภาพให้ผม

“หมดเซเว่นยัง” เสียงนรกๆของไอ้แคมป์ครับ ไอ้ห่านี่เริ่มทำตัวเป็นคนขี้เสือกแบบไอ้เหน่งขึ้นทุกวัน
“ถ้ามึงจะเทคมันขนาดนี้ มึงจัดบัตรเครดิตให้มันไปเลยจะได้ไม่ต้องลำบากหอบหิ้วมา ลำบากตัวเองไม่พอลำบากกูอีก” เสียงบ่นอุบอิบของไอ้เหน่งมันครับ แต่ผมไม่สนใจหรอกเพราะถือว่าเป็นการทำโทษมันที่มันเห็นผู้หญิงดีกว่าผม
“ถ้ากูให้มัน แล้วกูจะเอาอะไรแดก” เอาส้นตีนสะกิดตูดมันเบาๆ
“มึงเอามาขายหรอ” เสียงไอ้โชคที่ลากยาวมาตั้งแต่หน้าคณะ มาพร้อมกับไอ้เทมส์ ไอ้ไม้ ที่พากับหอบของเทคบัดดี้มาไม่ต่างจากผม
“เดี๋ยวกูมา เอาของเทคไปให้มันก่อน” ผมคว้าพวกของจากไอ้เหน่งมาถือแล้วก็ย่างตีนเดินดิ่งๆไปยังช็อปโยธา



แล้วก็ไม่มีอะไรต้องรำไร่ให้เดินหาทั่วช็อปเหมือนพล็อตละครไทยครับเพราะไอ้แต็งค์มันนั่งเสนอหน้าอยู่กับเพื่อนที่หน้าช็อปพอดี



“มาทำไรครับเพื่อนน้ำ” เสียงเย้ายวนยั่วส้นตีนของเพื่อนมัน ไม่รู้ว่าเพื่อนมันเป็นคนสุภาพ รึว่ากวนส้นตีน
“ไอ้แต็งค์” ผมเรียกมันแล้วยื่นของในมือทั้งหมดให้มัน มันก็เอาแต่ทำหน้านิ่งไม่บอกความรู้สึกใดแต่ก็ยังดีที่มันยังรีบรับของไปก่อนที่ผมจะเหวี่ยงให้มัน
“อะไร” ไอ้ห่าถามมาได้ มึงไม่แหกตาดูล่ะ ถุงที่สกรีนชื่อเซเว่นนี่มันไม่ทำให้มึงฉลาดรอบรู้เลยหรอวะ
“ของเทค”
“ต้องขนาดนี้เลยหรอวะ” พวกเพื่อนมันพูดแล้วก็ทำหน้าตกใจเหรอหรา ก็คงจะมีแต่ตัวมันแหละที่นิ่งเฉย ตอนมึงเกิดมานี่พกความรู้สึกมารึป่าววะ
“ขอบใจ” มันพูดไปพร้อมกับไล่เปิดดูในถุงว่ามีอะไรบ้าง ก่อนจะง้างปากพ่นคำพูดออกมาว่า “มึงไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้”ก็กูทำไปแล้วไง กูกลัวน้อยหน้ามึงเดี๋ยวจะหาว่าตัวเองโชคร้ายที่ได้กูเป็นบัดดี้
“กูเต็มใจ” พูดจบผมก็ย่างตีนออกมา โดยไม่ได้ฟังต่อว่ามีใครพูดอะไรบ้าง



“ไม่เคยแดกข้าวกันหรอวะ” ไอ้แคมป์มันบ่นอย่างหงุดหงิดเพราะโรงอาหารตอนนี้แน่นเอี๊ยดถึงขั้นเบียดเสียดจนไม่สามารถเอาตูดไปเบียดหาที่นั่งได้
“กูบอกแล้วว่าเที่ยงแล้วคนมันจะเยอะ เสือกมัวลีลากัน” ไอ้ไม้นี่หงุดหงิดกว่าใครพวก
“มึงนั่นแหละลีลาไอ้ห่า ห่วงแต่คุยกระหนุงกระหนิงกับบัดดี้” ไอ้โชคมันพูดจบก็เอาแขนมารัดคอไอ้ไม้อย่างเอาเป็นเอาตาย

พวกผมยืนเมื่อยตูดด่ากันเรื่องใครลีลากันซักพักก็ได้ยินเสียงใครบางคนที่ตะโกนเรียกชื่อผมดังลั่นโรงอาหาร

“น้ำ” ไม่เรียกเปล่ามันกวักมือให้ผมเดินไปหามัน “มานั่งนี่”เพื่อนไอ้แต็งค์ครับ มันเอ่ยชวนมานั่งด้วย
“พวกมึงมานี่” ผมเอ่ยเรียกแก็งค์เพื่อนให้เอาตูดมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน
“กูชื่อบิว” มันแนะนำตัวกับผม ผมก็พยักหน้าว่ารับรู้
“ไอ้แต็งค์ล่ะ”
“คิดถึงมันแง้ะ” ไอ้บิวมันยักคิ้วหลิ่วตา
“เออ” ซึ่งผมก็ตั้งใจตอบรับ เพื่อให้สมใจมันจะได้ไม่ต้องร่ำไรหาทางกวนตีนผม
“ประหยัดคำเป็นไอ้แต็งค์เลยนะมึง”
“ซื้อข้าวกัน” ไอ้เทมส์พูดขึ้นก่อนจะพากันยกตูดไปซื้อข้าวกิน
“มึงรออยู่นี่แหละ” แต่ไอ้บิวมันดันเสือกรั้งผมไว้ ผมไม่ได้พูดอะไรนอกจากทำหน้าว่า ทำไม ใส่มันไป

ส่วนมันกำลังง้างปากจะพูดแต่ไม่ทันได้พูดเพราะไอ้แต็งค์เดินเข้ามาก่อน พร้อมกับจานข้าวสองจาน แล้วยื่นให้ผมหนึ่งจาน

“ของมึง” ผมก็ยังคงทำหน้าว่า ทำไม ตามเดิม
“ไอ้แต็งค์มันเห็นกลุ่มพวกมึงยืนเมื่อยตูดอยู่เลยจัดการให้ไอ้บิวเรียกมา แล้วมันก็ดิ่งตีนไปซื้อข้าวเผื่อมึง มึงจะได้ไม่ต้องไปยืนรอข้าวให้เมื่อยตูดอีก” เป็นเพื่อนไอ้แต็งค์ที่อธิบายยาวๆเพื่อให้ผมเข้าใจที่มาของโต๊ะและข้าวจานนี้

รู้สึกซาบซึ่ง(ขมวดคิ้วผูกกันจนเป็นโบว์ไปด้วย)

“แล้วแม่งต้องไปยืนเบียดเสียดต่อคิวกับคนอีกเกือบร้อยเพื่อรอสั่งข้าวคะน้าหมูกรอบที่มึงชอบกินอ่ะ ทั้งๆที่ก่อนออกจากคลาสบอกกูว่าจะแดกก๋วยเตี๋ยวเพราะได้ไวดีขี้เกียจรอ” เพื่อนไอ้แต็งค์อีกคนมันบ่นพร่ำพรรณนายาวเหยียด

ผมหันไปมองไอ้แต็งค์ มันก็เลิกคิ้วกวนส้นตีนใส่ตามเดิม

พอพวกไอ้เหน่งกลับมา ไอ้บิวมันก็ทำการแนะนำเพื่อนมันอีกสองคนให้พวกผมรู้จัก

“นี่ไอ้โต้ง ส่วนนี่ไอ้อาร์ต” พวกผมก็พยักหน้าทำความเข้าใจ และผมก็ทำการแนะนำเพื่อนๆสุดที่รักของผมให้มันรู้จัก เวลามันกวนส้นตีนกันจะได้ด่าถูกตัว เพราะดูจากหนังหน้าแล้วเลเวลสกิลการกวนตีนของแต่ละคนมันดูสูสีห่ำหั่นกันสุดๆ

“นี่ไอ้เหน่ง นี่ก็ไอ้ไม้ นั่นไอ้เทมส์ ส่วนนั่นไอ้โชค แล้วก็นั่นไอ้แคมป์”

“ตอนบ่ายพวกมึงมีเรียนกันป้ะ” ไอ้แคมป์ถามเปิดประเด็น ซึ่งไม่รู้ว่ามันจะสรรหาประเด็นอะไรมาอีก

“มี ทำไมวะ” ไอ้บิวตอบไป ทำหน้าหมาสงสัยไป

“แดกเหล้ากันป้ะ” เปิดประเด็นตรงจุดไปอีกไอ้ห่าแคมป์

“ร้านไหนวะ”

“ร้านพี่ไอ้น้ำมันไง” ผมที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ต้องหันไปมองไอ้แคมป์เพื่อส่งสายตาที่บอกว่าทำไมต้องร้านพี่กู แล้วก็ตั้งท่าจะง้างปากถามแต่ไม่ทันไอ้เพื่อนรัก

“เอาดิวะ ไปอุดหนุนพี่มันกันหน่อยทุกวันนี้แม่งพากันแย่งลูกค้าแดกเองจนร้านจะเจ๊งแล้ว”

ผลั๊วะ!!

ผมได้ตัดสินใจนำฝ่ามือของตัวเองไปตกกระทบลงตรงท้าทอยไอ้เหน่ง

“เชี่ยยย น้ำ”

“มึงไปมั้ยไอ้แต็งค์” ไอ้อาร์ตหันไปถามมัน

“ไป”สั้นๆแบบประหยัดคำเหมือนเดิม

“สามทุ่มเจอกันเว้ย เดี๋ยวกูปักหมุดร้านให้” เรื่องเหล้านี่ให้ความสนใจจังนะมึง ไอ้ห่าเหน่ง



สามทุ่มตรง



พวกผมก็พากันย่างตีนมายังโต๊ะวีไอพีหลบมุมที่พี่แทนกับพี่น่านมันจัดการไว้ให้ เพื่อที่จะได้เมาเหมือนหมากันเต็มที่ แถมพี่แทนแกยังบอกจะคอยสแตนบายรอไปส่งผมกับไอ้เหน่งเองเพราะคงเห็นสภาพในวันนั้นของผมกับมันแล้วเกิดสมเพสเวทนา



“แม่งกูอุตส่าห์สบายใจที่พรุ่งนี้มีเรียนแค่เช้า แต่พวกรุ่นพี่แม่งเสือกนัดตอนบ่ายอีก” ไอ้ไม้มันบ่นอุบอิบ
“นัดทำไมอีกวะ” ไอ้โต้งเอ่ยถามแต่ปากนี่กระดกเหล้าไม่หยุด
“ก็จะคัดดาวเดือนคณะไง”

ไอ้เหน่งหันหน้ามามองผมอย่างรู้ว่าในใจผมคิดอะไรอยู่

“มึงคงไม่คิดจะโดด” นั่นไงรู้ดีเป็นที่หนึ่ง
“มึงไม่มีโอกาสโดดหรอก เดี๋ยวพวกพี่แม่งก็พากันประกบมึงตั้งแต่ย่างตีนเข้ารั้วม.อ่ะ” ไอ้เทมส์พูดก่อนจะเดินมาตบบ่าผมเบาๆ เบามาก ไอ้ห่าไหล่แทบหลุด

พวกมันพูดขนาดนี้ผมจะทำไรได้นอกจากกระดกเหล้ารัวๆรอรับชะตากรรมที่จะมาถึง พอจะยกแก้วต่อไปไอ้แต็งค์ก็เอามือมาขวางแก้วไว้พร้อมกับสีหน้าหงุดหงิด

หงุดหงิดส้นตีน

กูนี่ต้องหงุดหงิด

ผมเลยยื่นหน้าไปใกล้ๆหูมันแล้วพ่นคำพูดน่ารักๆออกไป

“เป็นพ่อง!!” ไม่ทันได้เอาหน้าออกมามันก็รั้งไว้แล้วหันมาพ่นคำพูดน่ารักๆใส่ผมคืน
“กูไม่ได้เป็นพ่อง แต่มึงกำลังจะเป็นภาระกู”
“งั้นดีเลยกูจะได้เมาให้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครไปส่งล้ะ”

ผมดึงหน้าออกมายกมือกระดกเหล้าแล้วเฮฮาปาร์ตี้กับพวกเพื่อนต่อ

“เหอะ”



สรุปคืนนี้เมากันเหมือนหมาเหมือนเดิมครับ

จนไอ้แต็งค์กับพี่แทนนี่ต้องลากสารร่างผมกับไอ้เหน่งมาขึ้นรถเพื่อไปส่งที่คอนโด โดยมีพี่แทนที่อาสาขับรถผมไปให้เพราะไม่อยากให้ทิ้งรถไว้เดี๋ยวตอนเช้าไม่มีขับไปเรียน

ส่วนผมกับไอ้เหน่งก็ถูกยัดเข้ามาในรถไอ้แต็งค์เหมือนขยะเปียกที่ไม่มีวันแห้ง ไอ้เหน่งมันนอนเหยียดยาวอยู่เบาะหลังส่วนผมอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ แต่ถูกเอนเบาะจนหัวไปชนกับส้นตีนไอ้เหน่งแต่ก็ไม่สามารถคัดค้านได้ เพราะเมา

“นี่เป็นครั้งที่สามแล้วป่ะ ที่กูเป็นภาระมึง” ผมพูดกับมันแต่มันก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมานอกจากโยนเสื้อกันหนาวที่เอามาจากไหนไม่รู้มาปิดหน้าผมไว้ไม่ให้โดนแอร์ ซึ่งผมก็ไม่ต้องการคำตอบอะไรจากมัน

มันไม่ตอบน่ะดีแล้ว...

แต่ผมกลับได้ยินเสียงถอนหายใจยาวเหยียดของมัน ก่อนจะพูดว่า

“กูเต็มใจให้มึงเป็นภาระของกู”



พอมาถึงคอนโดไอ้แต็งค์มันก็จัดการพาผมขึ้นมาที่ห้องอย่างทุลักทุเล กว่าจะเข้าห้องกันได้กินเวลาไปสิบนาทีเพราะมัวแต่ล้วงหาคีย์การ์ดห้องทั้งๆที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อแต่มันเสือกหาที่กระเป๋ากางเกง



“ไอ้เหน่งล่ะ” พอเข้าห้องได้ก็ต้องถามหาเพื่อนรักก่อนว่าเป็นตายร้ายดียังงัย
“พี่แทนจัดการแล้ว”
“จริงดิ” ไม่ได้นะเว้ยพี่แทนจะทำแบบนั้นไม่ได้ นี่เพื่อนรักกูต้องมาเสียตัวให้กับพี่ชายที่สนิทกันมาเป็นสิบๆปีหรอวะ
“คิดลึก” อ่ะ รู้ความคิดกูอีก
“ขอบใจนะมึง” แล้วก็ไม่มีคำพูดอะไรจากมันตอบกลับมา ผมก็ได้แต่หลับตาพริ้มเตรียมพร้อมจะเข้านิพพาน รู้สึกก็แต่เพียงถูกห่มผ้าขึ้นมาปิดยันคอ
“ฝันดี” คำพูดเรียบๆกับการกระทำที่ธรรมดาของมัน แต่กลับทำให้ผมใจเต้น

ตึก ตึก ตึก

“เออฝันดี”



ทุกอย่างเงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงแอร์...


แสดงว่ามันออกไปจากห้องผมแล้ว



ผมคิดว่าคืนนี้ผมคงนอนหลับสนิทเป็นพิเศษ...



เพราะ



เมา



หรือ...เพราะ



มัน



โดย อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 3.1
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 19-08-2021 14:04:36
Episode 3 เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ (1/2)



เช้าอันแสนสดใส


แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาเปรี้ยงปร้าง



เหมาะกับการลากสังขารมาเรียนในยามเช้าจริงๆ สารร่างของผมกับไอ้เหน่งตอนนี้คือซากศพเดินได้ดีๆนี่เอง

ถึงสภาพหน้าจะดีแค่ไหนแต่สังขารไม่ไหวก็คือไม่ไหวจริงๆ

ผมกับมันเดินมาหย่อนตูดอยู่โต๊ะหินอ่อนหน้าช็อปไฟฟ้าโดยมีฝูงเพื่อนอันเป็นที่รักนั่งหน้าสลด สารร่างไม่ต่างกันซักเท่าไหร่กำลังนั่งเสวยอาหารแก้แฮงก์กันอย่างละมุนละม่อมเพราะกลัวว่าไอ้ส่วนที่ยัดเข้าไปจะเสร่อสวนออกมา

ยังไม่ทันได้อ้าปากคุยกับใคร ใครบางคนก็เดินหน้านิ่งดิ่งตีนมาหาผมพร้อมกับเครื่องดื่มผสมเกลือแร่และคาดว่ายังมีของกินแก้แฮงก์อีกมากมาย มันมาถึงก็หย่อนตูดลงข้างๆผมพร้อมยื่นสารพัดของกินมากองไว้ตรงหน้า

“ทำไมบัดดี้กูไม่แสนดีแบบมึงบ้างวะไอ้แต็งค์” ไอ้โชคมันบ่นไป มือข้างนึงเขี่ยข้าว อีกข้างก็แย่งน้ำไอ้เทมส์มากิน

“แต็งค์กูขอเฟส ไลน์ ไอจี ทวิตเตอร์ เบอร์โทรรึอะไรก็ได้ที่เอาไว้ติดต่อมึงหน่อยดิ” ผมยื่นโทรศัพท์ของผมไปให้มัน

ไอ้แต็งค์มันก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากยื่นโทรศัพท์ผมกลับมาให้ ในจอโทรศัพท์ของผมมันขึ้นหน้าไทม์ไลน์ของมันที่บอกว่าให้ตอบรับคำขอเป็นเพื่อน แปลว่ามันแอดผมมาแล้ว แต่ทำไมผมไม่รู้วะ กำลังจะง้างปากถามแต่ก็ไม่ทัน

“เบอร์กูอ่ะ เมมไว้ให้แล้ว” พูดเสร็จแล้วมันก็ยกตูดเดินดิ่งๆกลับไป



Teetuch Thank คำขอได้รับการยอมรับแล้ว



บ่ายโมงตรง



ผมต้องมานั่งจุ้มปุ้กอยู่ใต้ตึกคณะ อุตส่าห์วางแผนการหนีเป็นอย่างดีแต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อย่างส้นตีนออกจากคลาสมาก็เจอพวกรุ่นพี่ตามประกบตูดเป็นสิบชีวิต



“น้องๆครับ หลายคนคงรู้กันแล้วใช่มั้ยว่าวันนี้จะมีการคัดเลือกดาวเดือนคณะ งั้นพี่ขอให้เลือกตัวแทนสาขาออกมาด้านหน้าเลยครับ”

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย

วิดวิ้ววววววววววววววววว

วิ้วพ่อง!!

แต่ละสาขาเริ่มส่งเหล่าบรรดาตัวแทนไปยืนหน้าด้านที่ด้านหน้ากันแล้ว ส่วนผมไอ้คนหน้าบางก็นั่งอิดออดหาทางหนีทีไล่อยู่ พอเหลือบลูกกะตาขึ้นไป มองเห็นพี่เม่นแกยืนหน้านิ่วคิ้วชนกันอยู่ ผมเลยแอบส่งสายตาเว้าวอน อ้อนวอน วิงวอน ไปหาพี่แก หวังว่าแกจะเห็น

นั่นไง!!

แกเห็นแล้วครับ เดินหน้านิ่วคิ้วชนกันมาหาผมทันที

“เป็นไรวะ”   
“พี่.. ผมไม่อยากประกวดว่ะ จริงๆนะ พี่อยากได้อะไร จะถูก จะแพง จะหายากแค่ไหนผมจะสรรหามาให้พี่เลย รึจะให้ผมเป็นเบ๊ติดตูดพี่ยันจบปีสี่ผมก็ทำให้ได้ แต่ขอร้องล่ะช่วยผมหลุดพ้นจากการประกวดด้วยพี่ นะ นะ นะ” ตีหน้าเศร้าแบบเศร้าที่สุดในชีวิตแล้วหวังว่าพี่แกจะเห็นใจกัน สุดท้าย... แกถอนหายใจออกมาเฮือกนึง
“น้ำ มึงทำเพื่อคณะไม่ได้หรอวะ” จัดซีนดราม่าให้กูซะงั้น ผมก็เลยต้องปล่อยให้พี่แกเล่นบทดราม่ารักคณะประหนึ่งพ่อแม่ที่ชุบเลี้ยงมา

แล้วผมก็หันไปเห็นบุคคลผู้ที่คิดว่าทรงอิทธิพลที่สุดกำลังย่างเท้าเข้ามายังใต้ตึกคณะด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม ควงคู่มากับสาวสวยขวัญใจผมเอง ใช่ครับพี่เป็กกับพี่แพทกำลังย่างตีนมา ผมเลยส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปหา แกสองคนเลยปรี่เข้ามาหาผมอย่างทันใจ

“มีอะไรกันเม่น” พี่แพทแกทำหน้าสงสัยแบบน่ารักๆ
“ก็น้ำอ่ะดิพี่ มันจะไม่ยอมประกวดเนี่ย”
“ทำไมวะ” ถ้าพี่เป็กแกถามมางี้ ผมคงต้องจัดเหตุผลเจ็บๆซักเหตุผลเพื่อขอความเห็นใจแล้วล่ะ
“ก็ผมไม่อยากประกวด”
“อ่า เหตุผลดี แต่ไม่อนุมัติว่ะ” อ้าวพี่ ก็รู้กันอยู่ว่ากูไม่เต็มใจจะเอาอะไรกันอี๊กกกก
“น้ำ” พี่แพทแกถอนหายใจยาวๆใส่ผม “ไหนลองบอกเหตุผลเด็ดๆมาซักข้อซิ” ได้เลยครับ พี่จะไม่ผิดหวังแน่นอน ฮึ่มม
“ผมไม่อยากเป็นจุดสนใจของใครอ่ะพี่ ผมไม่ต้องการให้ชีวิตส่วนตัวของผมวุ่นวาย”
“แล้วทุกวันนี้ยังไม่เป็นจุดสนใจ?”
“แต่ก็ไม่อยากเป็นมากกว่านี้แล้วไงพี่ ผมไม่อยากเสนอหน้าไปทำกิจกรรมมหาลัย ไม่อยากมีหน้าขึ้นบนปกแผ่นพับแนะนำอาคารเงี้ย ให้ผมอยู่สงบๆผลุบๆโผล่ๆตามตึกคณะเถอะพี่” แล้วพี่แกก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเรียกใครบางคนมา
“นนท์”

นั่นไง

ไอ้คนโดนเรียกก็ดิ่งตีนมาอย่างเร็ว

เร็ว แรง ทะลุ นรก

“เป็นไรกัน”
“น้ำดิ หาเหตุผลมาร้อยแปดเพื่อที่จะไม่ลงประกวดเนี่ย” อ้าวพี่แพททำไมบอกร้อยแปดล่ะ ผมบอกไปแค่ขอเดียวเด็ดๆตามที่ขอเองนะ

แล้วไอ้พี่นนท์มันก็ขำกาก เหมือนมันดูหนังตลกอยู่

“มีอยู่วิธีนึงที่มันจะยอม” อ้าวมึงพี่กูจริงมั้ยเนี่ย “ต้องให้คุณประณตจัดการ ต่อให้มันจะอยากคัดค้านแค่ไหนมันก็ขัดไม่ได้ ฮ่าๆๆ” แล้วมึงจะไปชี้ช่องทางให้เค้าทำไมพี่
“กูขอล่ะพี่นนท์” ผมนี่ยกมือจรดศีรษะขอร้องพี่มัน แต่พอเห็นหน้าพี่มันยิ้มกริ่มในใจผมก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมาทันที คนที่หล่อเหลาราวกับพระเจ้าตั้งใจปั้นมามัน “ไอ้แต็งค์ไงพี่”

ทุกคนขมวดคิ้วครุ่นคิด

เอาแล้วเว้ยยย

กูจะรอดพ้นแล้ว

“จะว่าไปแต็งค์กับน้ำ นี่ เรื่องหน้าตาพี่ว่าพอสูสีกันนะ” พี่มาถูกทางแล้วพี่แพท “แต่ถ้าเรื่องออร่าพี่ว่าน้ำชนะขาด” อ่าวไหงเป็นงั้นล่ะพี่
“แต่ไอ้แต็งค์มันฮอตมากเลยนะพี่ ผมเห็นนะแต่ละวันมันมีสาวเอานั่นเอานี่มาให้ไม่ต่ำกว่าสิบคนอ่ะ จริงๆนะ”
“มึงก็มีเหมือนกัน หัวกะไดคณะไม่เคยแห้ง กูล่ะไม่อยากจะพูด” พี่เม่นผู้ขัดกูทุกย่างก้าว
“ไม่เหมือนพี่ ไอ้แต็งค์มันมาดนิ่งสุขุมนุ่มลึกเหมือนพระเอกซีรี่ย์อ่ะพี่ เป็นที่ต้องการของตลาดเลยนะเว้ย” ตอนนี้ผมต้องทำทุกอย่างอวยมันทุกวิถีทางเพื่อที่ตัวเองจะได้รอดพ้น
“มึงจะให้มันมาแทนมึง?” พี่เป็กแกหันมาถามผม
“ประมาณนั้นแหละ” ผมนี่ยิ้มกรุ่มกริ่มเลยครับ พอเห็นสีหน้าเบิกทางของพี่เป็ก “พี่นนท์มึงเป็นลุงรหัสมันนี่ ไม่ลองคุยกับมันวะ”
“ทำไมกูจะไม่ลองคุยกับมัน กูคุยกับมันจนประสาทจะเสีย มันเสือกตอบกูแค่ว่า ‘ไม่’ จะพูดอะไรแต่ละอย่างกับมันกูนี่ต้องควบคุมสติสุดๆ” ฮ่าๆ สม คนอย่างพี่มึงต้องเจอคนอย่างมันอ่ะถูกแล้ว
“มึงเป็นบัดดี้มันนี่น้ำ ถ้าอยากให้มันมายืนจุดนี้แทนมึง มึงก็ต้องจัดการเอง” พี่เม่นมันเริ่มเบิกทางให้ผมแล้วครับ
“เอ้อ ถ้ามึงทำให้มันลงประกวดแทนมึงได้ กูจะไม่ยอมให้ใครมาบังคับมึงลงประกวดเลย”

แล้วกูจะไปทำยังไงกับมันได้ ขนาดพี่มึงเป็นลุงรหัส มันยังไม่ฟัง แล้วกูเป็นใคร วอททท มึงรู้ใช่มั้ยพี่นนท์ว่ากูต้องทำไม่ได้มึงเลยยื่นข้อเสนอนี้มา ห่าพี่มึง

“งั้นเอาตามที่นนท์บอกแล้วกัน” พี่แพทแกก็เห็นดีเห็นงามกับเค้า แล้วผมล่ะเหลือทางเลือกอะไรนอกจากแบกหน้าไปขอร้องอ้อนวอนมัน ไม่รู้จะได้ผลหรือได้ตีนไอ้แต็งค์เลย



เมื่อพี่เป็กแกให้เวลาผมจัดการโน้มน้าวไอ้แต็งค์ภายในหนึ่งชั่วโมงเพราะตัวแทนจากสาขาต่างๆเริ่มโวยวายแล้วที่ต้องไปยืนหน้าด้านข้างด้านหน้านานเกินไป ผมเลยต้องวิ่งแหวกตีนเพื่อนสาขาอื่นไปหาไอ้แต็งค์เพื่อทำภารกิจ



“แต็งค์”

มันหันมามองผมด้วยความสงสัย แล้วทำสีหน้าเป็นเชิงบอกว่า มีอะไรกับกู

“คือกู..” ขอเวลาสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อน “อยากให้มึงช่วยอะไรหน่อย” ตอนนี้ผมลุ้นกับสีหน้ามันมาก ลุ้นยิ่งกว่าตอนแกะซองอังเปาของปู่อีก
“ช่วย?” มันพูดสั้นๆขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มึงช่วยประกวดเดือนคณะได้มั้ยวะ” สีหน้ามันไม่แสดงความรู้สึกใดๆตามเดิม
“ประกวดแทนมึง” ไอ้ห่านี่ฉลาด รู้ทันกูอีก
“ใครบอก ความหล่อมึงทะลุตาพวกรุ่นพี่ไง เค้าเลยให้กูมาลองโน้มน้าวมึงเนี่ย” ตอนนี้ลูกกะตามันกำลังบอกผมว่า ไม่เชื่อ
“ปลอม” นั่นไง
“ช่วยกูหน่อยดิ้”
“ทำไมกูต้องช่วย” ถามมาแบบนี้ผมก็ต้องจัดเหตุผลแจ่มๆให้มันซักข้อ
“ก็เราเป็นบัดดี้กันไงมึง มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันไม่ใช่หรอวะ ถ้ามึงยอมลงประกวดนะ กูจะตามเป็นเบ๊มึงดูแลมึงอย่างดีทุกย่างก้าว จะตามติดมึงไม่ให้ห่างตูดจนกว่ามึงจะประกวดเสร็จเลยบัดดี้” น้ำเสียงกับสีหน้าผมตอนนี้บอกได้เลยว่าตอแหลกว่าตอนไอ้เหน่งมันว่าผมคือเพื่อนรักมันอีก
“เหอะ” สีหน้ามึงนี่ไม่ให้ความหวังกูเลย
“จริงๆนะเว้ย”
“ทำไมมึงไม่ประกวดเอง” มึงก็ขยันหาเหตุผลจากกูจัง
“กูไม่อยากเป็นจุดสนใจ ไม่อยากเป็นเป้าสายตาใคร ไม่อยากถูกคุกคามความเป็นส่วนตัว”
“เหมือนกัน” คำตอบของมันทำให้ผมอ้าปากเหวอครับ เพราะมันบ่งบอกเลยว่ามันจะไม่ช่วยผม แต่ผมก็เข้าใจครับ ทุกคนก็หวงความเป็นส่วนตัวกันทั้งนั้น ผมคงต้องแบกหน้าบางๆของตัวเองกลับไปรับชะตากรรมที่ไม่อาจเลี่ยงอีกตามเคย
“อือกูเข้าใจแล้ว” หงอยสิกู
“อือ”
“มันคงเป็นชะตากรรมของกู” เข้าซีนดราม่าละครไทยอีกกู “มันก็คงไม่แย่จากเดิมเท่าไหร่หรอกมั้ง กูอาจจะต้องถูกคุกคามพื้นที่ส่วนตัวมากกว่าเดิมนิดหน่อย อาจจะต้องทำตัวผลุบๆโผล่ๆมากกว่าเดิมขึ้น อาจจะต้องรับมือกับพวกที่แวะเวียนอยากจะมาสร้างความสัมพันธ์ที่มากกว่าคนรู้จัก ถ้าเป็นพวกผู้หญิงก็พอจะรับมือไหวอยู่ แต่ถ้าเป็นพวกผู้ชาย หนุ่มวายนี่กูไม่รู้จะรับมือยังไง แต่ก็ช่างเหอะกูเตรียมใจไว้แล้ว”

พูดจบผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ กำลังจะย้ายส้นตีนออกมา แต่ไม่ทันได้ออกไปไหน ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ยาวๆของอีกคน

“เดี๋ยวกูจะประกวดแทนมึงเอง”
“ห๊ะ!!” น่าระรื่นเลยครับ เหมือนสวรรค์มาโปรด
“ไม่พูดซ้ำ” จ้า พ่อคุณ
“กูขอบใจมึงมากเลยเว้ย ที่บอกว่ากูจะเป็นเบ๊มึงตลอดจนประกวดเสร็จกูพูดจริงนะกูจะดูแลมึงอย่างดี แบบมดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยว่ะบัดดี้สุดที่รักของกู” มันไม่พูดอะไรต่อนอกจากพยักหน้ายอมรับชะตาหายนะต่อจากผม คริคริคริ

แล้วผมก็ย่างตีนกลับมาหาพวกพี่ๆสุดที่รักที่รอคำตอบอยู่ ด้วยสีหน้ามีความสุขแบบสุดๆ

จากนั้นไอ้แต็งค์มันก็เดินลากตีนไปอยู่ด้านหน้าตรงที่เค้าจะทำการคัดเลือกดาวเดือนคณะ เพื่อเป็นตัวแทนของเอกโยธา เรียกเอาบรรดาเสียงกรี๊ดวีดว๊ายจากชาวคณะไปเพียบ

“มึงไปพ่นลมอะไรใส่มันวะ มันถึงยอม” พี่นนท์มันทำหน้าเป็นหมางงโชว์ผม
ผมได้แต่ยกไหล่ ยักคิ้วใส่พี่นนท์มัน
“แล้วเอกไฟฟ้าจะส่งใครล่ะพี่” รุ่นพี่ที่คอยดูแลเอกผมเดินเข้ามาถามพี่เป็กอย่างเร่งเอาคำตอบ ส่วนพี่เป็กก็หันมามองผมพร้อมกับส่งสายตาเป็นนัยๆว่าเอายังงัย ผมจะทำอะไรได้นอกจากยกไหล่กับยักคิ้วบอกแกเป็นนัยๆว่า ‘กูรอดแล้วอย่ามายุ่งกับกู’
“ไอ้เหน่ง มึงไป!!”
“ห๊ะ!!” ไอ้เหน่งมันทำหน้าเหวอได้ซักพัก พี่เป็กแกก็เอาตีนสะกิดตูดมันเบาๆให้มันลุกขึ้น คริคริคริ หวยเลยไปออกที่ไอ้เหน่งเพื่อนรักทันที



ใช้เวลายาวนานกันเกือบห้าชั่วโมงในการคัดเลือกดาวเดือนคณะ ไม่ยาวได้ไงล่ะก็รุ่นพี่แม่งมัวแต่พากันแซวโห่หิ้วว พวกที่ประกวดกัน กว่าได้แสดงความสามารถ กว่าจะได้คัดเลือกกันจริงๆ เห็นแล้วเหนื่อยแทนไอ้แต็งค์มันครับ นี่มันก็ยืนหน้านิ่งเป็นรูปปั้นหินปูนลากยาวมาตั้งแต่บ่ายสองจนเกือบห้าโมงเย็นแล้ว

สรุปก็มันนี่แหละ เสือกชนะ ได้เป็นตัวแทนคณะไปประกวดเดือนมหาลัยต่อ โดยที่ไม่ต้องแสดงความสามารถห่าเหวอะไรเลยแค่ยืนหน้านิ่งๆอยู่เฉยๆ ความหล่อของมันก็ชนะทุกคนที่ยืนเรียงรายกัน แม้กระทั้งไอ้เหน่งเพื่อนรักของผมก็ไม่มีโอกาสได้เกิด

ได้ตัวดาวเดือนคณะแล้ว พวกรุ่นพี่ก็ทำการถีบหัวส่งพวกปีหนึ่งทันที รอไรล่ะครับ ก็วิ่งสิ!!!

“น้ำ” อีกและ ผมที่ยังไม่ทันจะก้าวตีนออกจากคณะ ก็ต้องหมุนตูดไปหาต้นเสียง
“ไร”
“พรุ่งนี้”
“กูรู้แล้ว กูไม่ผิดคำพูดหรอก”
“ดี”คอนเซปประหยัดคำพูดของมันนี่ขอซื้อทิ้งได้มั้ยวะ

แล้วผมกับมันก็แยกย้ายกัน



22.30 น.



ตึ๊ง!!



Teetuch Thank
พรุ่งนี้ตอนเย็น กูมีถ่ายรูปโปรโมท
Nutnatee Keartphibun
เค
แล้วต้องให้กูไปรับมึงถึงหน้าช็อปเลยป้ะ?
Teetuch Thank
ได้ก็ดี
Nutnatee Keartphibun
กี่โมง
Teetuch Thank
16.00 น.
Nutnatee Keartphibun
OK



ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง ที่มันกำลังบอกเวลา 15.50 น.



“เดี๋ยวกูไปรับไอ้แต็งค์ก่อนนะ” ผมหันไปบอกไอ้เหน่งเพื่อนรักที่กำลังมุ่งมั่นกับการตอบแชทสาวๆอยู่
“มันไปเองไม่ได้หรอวะ” เป็นไอ้โชคที่วิ่งกระเสือกระสนมาเสือกเรื่องของผม
“ก็กูตกลงกับมันแล้ว ว่าจะคอยดูแลตามติดตูดมันยันจบการประกวด”
“เออ แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างมันจะยอมประกวดแทนมึง” ไอ้เหน่งเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมาถามผม
“แต่ก็ต้องเชื่อว่ะ กูไปล้ะ ฝากบอกไอ้สามตัวด้วย”



โดย อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 3.2
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 19-08-2021 14:19:10
Episode 3 เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ (2/2)



รถผมเคลื่อนมาจอดรอที่หน้าช็อปโยธา เพื่อมารอบัดดี้ผู้เสียสละรับหายนะแทนผม



ปึก (เสียงเปิดประตูรถ)



“กูขับเอง” อ่ะ ผมก็ต้องย้ายตูดไปนั่งเบาะข้างคนขับ ต้องตามใจมันครับ ขัดใจไม่ได้ เดี๋ยวมันจะจับผมลงประกวดแทนมัน
“มึงกินไรมายังวะ”
“ยัง”
“ดีเลย กูซื้อของมาไว้เทคมึงตอนถ่ายรูป เพียบ” แล้วผมก็เอื้อมมือไปหยิบแซนวิชไส้กรอกแฮมจากเบาะหลังมายื่นให้มัน
“มือไม่ว่าง” ผมเลยจัดการป้อนให้มันซะ ป้อนทั้งแซนวิช ป้อนทั้งน้ำ ดูแลประหนึ่งผมคลอดมันออกมา
“ถ่ายรูปใช้เวลานานป่าววะ”
“ไม่รู้” มันหันมามองหน้าผมแถมยังจะเลิกคิ้วกวนส้นตีนใส่ผมหนึ่งจึก “รอไม่ได้?”คำถามเชิงจิตวิทยา ให้ผมเดามันกำลังลองใจผมอยู่แน่ๆ ว่าผมเนี่ยจะทำตามที่พูดได้จริงมั้ย
“ถึงกูจะไม่เคยดูแลเทคแคร์ใคร แต่ถ้าเป็นมึงกูจะทำให้ดีที่สุด” พูดจบผมก็ยักคิ้วทำหน้ากวนส้นตีนใส่มัน บางทีก็อยากจากอ้วกกับคำพูดตัวเอง
“เหอะ” มันหันมาทำหน้าแบบ กูไม่เชื่อ ใส่ผม ใช่ ผมยังไม่เชื่อตัวเองเลย ฮ่าๆๆ



ผมกับมันพากันมาถึงสถานที่ ที่รุ่นพี่นัดไอ้แต็งค์มันมาถ่ายรูปโปรโมท ที่ถ่ายมีเยอะแยะเสือกนัดกันมาถ่ายตรงสะพานข้ามแม่น้ำ
เสี่ยงตกน้ำตายไม่พอ เสี่ยงโดนรถชนตายกันอีก เอาอะไรคิดกันวะน่ะ



“อร๊ายยย น้องน้ำมาด้วยหรอ” ตั้งแต่มาเสียงกรี๊ดวีดวิ้วนี่ไม่เคยหยุดระงม อยากจะถามมากอะไรกัดตูดกันรึไง แต่ทำไม่ได้
“มาเป็นเพื่อนแต็งค์มันครับ” ตอบเสร็จผมก็ส่งรอยยิ้มที่คิดว่าพิมพ์ใจไปให้คนถาม พลางหันไปมองไอ้แต็งค์ที่มันกำลังแอคอาร์ทสมาร์ทคอนเทนเป็นนายแบบอยู่ หน้ามันตอนนี้เหมือนพร้อมลาตายจากโลกสุดๆ

“แต็งค์ ยิ้มซักหน่อยดิวะ” เสียงตากล้องโหวกเหวกโวยวาย ในขณะที่รุ่นพี่หลายคนกำลังบังคับให้ไอ้แต็งค์มันยิ้ม เป็นภาพผมเห็นแล้ว...อดขำไม่ได้ เหมือนแม่กำลังบังคับลูกน้อยวัยหนึ่งขวบให้ส่งยิ้มหวานแจกคนนั้นทีคนนี้ที
“น้ำ ช่วยหน่อยดิ” รุ่นพี่คนหนึ่งเดินทำหน้าทำตาสุดแสนจะเซ็งเข้ามาหาผม
“ช่วยอะไรพี่”
“ทำให้แต็งค์มันยิ้มหน่อย ซักนิดก็ยังดี”
“ผม” ผมเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างขึ้นมาชี้หน้าตัวเอง
“ใช่ ขืนเป็นแบบนี้ต่อนะ ถ่ายยันสี่ทุ่มก็ไม่ได้รูปหรอก จะเอารูปหน้านิ่งๆไปทำรูปโปรโมทมันก็จะยังไงๆอยู่ นี่พี่แอบไปเห็นรูปโปรโมทคณะอื่นมา เห็นมีแต่แข่งกันแจกยิ้มโชว์เหงือกแห้งๆทั้งนั้น”
“พี่เป็นรุ่นพี่ มันยังไม่ฟังเลย ฮ่าๆ”
“พี่แค่รุ่นพี่ แต่น้ำเป็นเพื่อน ดูแล้วก็คงสนิทกันมากด้วย” หรอวะ ดูตรงไหน “ถ้าไม่สนิทคงไม่มาด้วยกันหรอกมั้ง”ใช่ครับผมจะไม่ไปไหนมาไหนกับคนที่ไม่รู้จัก แต่นี่ผมมีพันธะสัญญาเบาริงฉบับพิเศษกับมันไง จะอึกอักบอกว่าไม่สนิทออกไปเดี๋ยวพี่แกจะถามต่ออีกว่า แล้วมากับมันทำไม จะบอกความจริงก็กลัวจะโดนมองว่าไม่รักคณะอีก เลยต้องทำหน้าอือออ

กรรมเวรจริง
 
“ผมจะลองดูนะพี่”

พอผมรับปากพี่แกก็ลากผมไปยืนข้างๆตากล้องเพื่อเป็นเหยื่อล่อให้ไอ้แต็งค์มันยิ้ม ดูแล้วเหมือนไอ้แต็งค์เป็นหมา แล้วผมเป็นลูกบอลเล็กๆน่ารัก ที่เอาไว้หลอกล่อให้หมามันทำในสิ่งที่ต้องการยังไงก็ไม่รู้ แต่ช่างเถอะ ผมต้องทำให้มันยิ้มไม่งั้นผมต้องรอมันจนเฉาตายพอดี ไม่รู้ว่าชาตินี้ทั้งชาติมันเคยยิ้มออกมาบ้างมั้ย ยิ้มตอนไหน ตอนแปรงฟันรึป่าว หรือตอนที่ไปหาหมอฟันแล้วเค้าขอตรวจฟันมัน

“แต็งค์” มันหันมามองผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ดูก็รู้ว่ามันอยากกลับแล้ว
“ไร”
“มึงมองหน้ากูแล้วทำตามนะ”

พูดแล้วผมจัดการทำหน้ายิ้มหล่อ ยิ้มสดชื่น ยิ้มกระชากใจ สารพัดจะยิ้มให้มันทำตาม มันก็ทำตามนะครับ

แต่ส้นตีนเถอะ

กูทำหน้าทุเรศขนาดนั้นเลยหรอวะ

สีหน้าของมันที่แสดงออกมานี่ไม่ได้เกรงใจใบหน้าหล่อเหลาลูกรักพระเจ้าของมันเลย ยิ่งดูยิ่งอยากเอาหัวโหม่งสะพาน หรือไม่ก็ดิ่งลงน้ำไปเลย มึงยิ้มหรือมึงเบ่งตดวะ

“ไอ้แต็งมันเล่นตลกอะไรโชว์เราวะ คริคริ” พี่ตากล้องแกหันมากระซิบกระซาบกับผม กลัวพูดโต้งๆไปมันจะเตะก้านคอเอา
“ไอ้แต็งค์ มึงนี่เป็นห่าอะไรยิ้มยากยิ้มเย็นจัง แค่มึงยิ้มเนี่ยโบทอกซ์ที่หน้ามึงมันไม่บูดหรอก รึจะต้องให้กูเล่นตลกโชว์” ผมพูดบอกมันไปหน้าตาก็หงิกงอยู่ยี่รำคาญใจมันสุดๆ

ว่าแล้วเลยจัดหน้าแลบลิ้นปลิ้นตา ตาเข ตาเหล่ แลบลิ้น เหลือกตาใส่มัน

เอ้า

มันเสือก

...ยิ้ม

แชะ

แชะ แชะ แชะ

พี่ตากล้องก็เลยจัดการรัวชัตเตอร์ซะ คงจะเป็นร้อยรูปเลยล่ะ



ถ่ายรูปโปรโมทกันเสร็จ ไอ้แต็งมันก็จัดการถีบหัวส่งพวกรุ่นพี่เลยครับ บอกว่าหิวข้าวแล้วมันก็ลากผมดิ่งๆมาที่รถแล้วก็ขับรถดิ่งไปหาอะไรยัดห่ากัน ทั้งๆที่ขนมก็อยู่เต็มเบาะหลัง แต่เสือกเรื่องมากจะไปร้านข้าว



“หน้ามึง” มันเปิดประเด็นมาคงจะเพราะภาพติดตาการแลบลิ้นปลิ้นตาของผม ซึ่งเชื่อว่าคงติดตารุ่นพี่อีกหลายคนที่มาด้วย
“ก็มึงไม่ยิ้ม กูก็ต้องหาวิธีทำให้มึงยิ้ม ไม่งั้นถ่ายยันเที่ยงคืนก็ไม่ได้รูปหรอก”
“อือ” ผมหันไปมองมัน เห็นเพียงแค่ใบหน้าด้านข้างที่กำลังอมยิ้มเล็กน้อยคงเพราะภาพติดตายังไม่หาย

มันในตอนนี้ดูหล่อมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

หรือเป็นเพราะว่ารอยยิ้มนั้นของมันยังติดตาผมอยู่

ตุบ ตุบ ตุบ



หลังจากกินข้าวกันเสร็จก็ปาไปเกือบสามทุ่ม มันเลยต้องรีบบึ่งรถกลับมาที่มหาลัยเพราะรถมันจอดทิ้งไว้ที่นั่น



“ขับรถดีๆ” มันหันมาบอกผมแล้วก็ลงจากรถไป ส่วนผมก็พยักหน้ารับรู้ตอบมัน แล้วก็เคลื่อนย้ายตัวเองมาเบาะคนขับ
“ฝันดีมึง” ผมลดกระจกรถลงแล้วยื่นหน้าออกไปบอกมัน
“ฝันดี”



“หอบอะไรพะรุงพะรังกันแต่เช้าวะ” ไอ้เทมส์มันเดินเข้ามาทักผมกับไอ้เหน่ง มือก็พลางลูบๆคลำๆของที่ผมถือมา
“ของเทคไอ้แต็งค์”
“นี่มึงซื้อมาเทค รึมาถมมันวะ”
“จะเทครึถมก็ช่างหัวมันเถอะ มึงมาช่วยกูถือดิ้ แม่ง” ไอ้เหน่งมันบ่นอุบอิบแบบนี้มาตั้งแต่ยกตูดขึ้นรถผมมาล้ะ “เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะเอารถมาเอง ดูสิมันจะระยำมาใช้กูถืออีกป่าว”
“เพื่อนป้ะ” ยักคิ้วใส่มันสองจึ้ก ก่อนจะพากันย่างตีนไปหาไอ้แต็งค์



“ยกโขยงกันมาขนาดนี้ จะมาสู่ขอไอ้แต็งค์กัน?” ดูไอ้บิวมันทัก
“เออมีแต่ขันหมากนะ ส่วนสินสอดขอติดไว้ก่อน” คนอย่างไอ้บิวต้องเจอไอ้แคมป์ถึงจะกวนตีนกันสมน้ำสมเนื้อ

ผลั๊วะ!!

ฝ่ามือพิฆาตของผมถูกวางบนหัวไอ้แคมป์ทันทีที่มันพูดจบ

“ทำไรวะ” ผมเดินมาหย่อนตูดลงนั่งข้างๆไอ้แต็งค์เห็นมันกำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารอะไรก็ไม่รู้
“งาน” มันหันมามองผมที่ยื่นถุงขนมให้ มันรับไปวางไว้แล้วก็ทำงานต่ออย่างมุ่นมั่น

ไอ้แต็งค์ในเวลาที่ตั้งใจทำอะไรมันดูมีเสน่ห์มากๆเลยครับ ขนาดผมเป็นผู้ชายผมยังนั่งมองมันจนเพลินตา จนลืมเวลาเรียนไปเลย

“น้ำ เข้าเรียนกันได้แล้วไอ้ห่า”
“เออๆ” แล้วผมก็หันไปหาไอ้แต็งค์ “กูไปนะ” มันหันมาพยักหน้าตอบรับ จากนั้นผมก็ดิ่งตีนไปเรียนทันที



“แต็งค์ ข้าวมึง” ผมตะโกนเรียกไอ้แต็งค์ที่ยืนเสนอหน้าอยู่ทางเข้าโรงอาหารคณะ วันนี้ผมตั้งใจว่าจะทำหน้าที่บัดดี้ที่แสนดีให้มันบ้าง เลยจัดการหาข้าวหาน้ำมารอมันตั้งแต่นาฬิกาตีเวลาเที่ยงเป๊ะ มันเดินขมวดคิ้วมาหาผมแล้วก็หย่อนตูดลงก่อนจะหันไปบอกเพื่อนมันให้ไปหาข้าวกิน แล้วหันมาขมวดคิ้วหน้านิ่วใส่ผมต่อ

“เป็นไข้”มันเอามือมาวางไว้บนหน้าผากผม ผมเลยดึงมือมันออก

“ก็กูบอกว่าจะดูแลมึงอย่างดีไง ลืม?”

“มึงไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ เหอะๆ” ขนาดหัวเราะมึงยังประหยัดเสียง

“เออน่า กูเต็มใจ”



พอกินข้าวกันเสร็จผมกับมันก็แยกย้ายกัน



ตลอดเวลา 3 -4 วันที่ผ่านมา ผมทำหน้าที่ดูแลมันอย่างดี

ดีสำหรับผมนะเพราะผมไม่เคยทำให้ใครเลยไม่รู้ว่ามันดีรึป่าว

ผมคอยซื้อข้าว น้ำ ขนม ไปบริการมันตลอดเช้าเที่ยง หรือบ่ายถ้ามันมีเรียนถึงบ่าย มันไปซ้อมเดินประกวดเดือน ผมก็ตามตูดมันไปตลอดแม้กระทั้งเสาร์อาทิตย์ ตามไปเป็นเบ๊มันอย่างที่เคยพูดไว้

ผมคิดว่าการที่ได้ดูแลใครซักคนมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก มั้ง

และที่ตามมันต้อยๆเนี่ย...ก็หวังอยากรู้ว่ามันจะแสดงความสามารถอะไรโชว์ แต่ไอ้แต็งค์เหมือนมันจะรู้ว่าผมกำลังเสือกอยู่ เลยกั๊กไว้ บอกแค่ว่าซ้อมไว้แล้วให้ผมคอยดูพร้อมคนอื่นทีเดียว


 
จนกระทั้งวันประกวดดาวเดือนมหาลัยมาถึง



ผมก็ยังตามติดตูดดูแลมันอย่างเคย



บรรยากาศในห้องเตรียมตัวของผู้เข้าประกวดเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทุกคนงุ่นง่านอยู่กับการแต่งหน้าทำผม ซ้อมพูด ซ้อมเดิน ส่วนไอ้แต็งค์ก็ถูกเพื่อนๆสุดที่รักของมันจับล็อกคอแต่งหน้า มันก็งอแงเป็นเด็กไปเลยครับ อีกนิดคงจะยกตีนเตะก้านคอช่างแต่งหน้าแล้ว



“หล่อชิบหายไปเลยมึง” ไอ้บิวเอ่ยชมมัน แต่มันนี่หน้าตาบ่งเลยบอกว่าไม่พอใจกับการถูกแต่งหน้า
“ชิบหายนี่มันดีรึไม่ดีวะ” ไอ้โต้งเอ่ยทักท้วงก่อนที่จะโดนมือหยาบๆของไอ้อาร์ตโบกไปหนึ่งที มันก็นั่งเถียงกันพร้อมกับอวยไอ้แต็งค์ไป เพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้ไอ้แต็งค์

ส่วนผมก็ได้แต่นั่งมองใบหน้าหล่อๆของมัน ที่พอยิ่งแต่งหน้ายิ่งดูดีเข้าไปใหญ่ จนผมอยากเห็นแล้วว่ามันจะโชว์ความสามารถพิเศษอะไร

จนผู้เข้าประกวดของคณะต่างๆเริ่มทยอยขึ้นแนะนำตัวกัน เรียกเสียงกรี๊ดวีดว๊ายจากคนในหอประชุมมหาลัยเพียบ นี่ก็คงกรี๊ดกันจนคอแทบแตก

จนถึงคิวของการแสดงความสามารถพิเศษ

คนแล้ว

คนเล่าผ่านไป

จนมาถึงคิวของวิศวกรรม

ไอ้แต็งค์มันก็เดินลากตีนหน้านิ่งๆขึ้นไปบนเวที ชุดไม่เปลี่ยน อุปกรณ์ในการแสดงไม่มี แล้วมันจะโชว์อะไร

วอททท

พวกรุ่นพี่ก็พากันประสาทเสียเพราะไม่รู้ไอ้แต็งค์มันจะทำอะไร

จนพิธีกรเอ่ยถามมัน...
 
“น้องแต็งค์จะโชว์อะไรดีคะ”
“ร้องเพลงครับ” หน้านิ่งๆตึงโบท็อกซ์ไปอีก

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

สายสปอยของไอ้แต็งค์เริ่มพากันแหกปาก แหกคออีกระรอก

“เดี๋ยวสาวๆช่วยเงียบๆกันก่อนนะคะ น้องแต็งค์จะได้เริ่มร้องเพลง” พอพูดจบเธอก็ยิ้มหวานแจกลงมาหน้าเวทีแล้วหันไปถามไอ้แต็งค์ต่อ “น้องแต็งค์จะร้องเพลงอะไรคะ”

“เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ ครับ”

กรี๊ดดดดดดดดด

“ขอดนตรีค่ะ” พิธีกรหันไปบอกทางรุ่นพี่ที่ควบคุมระบบเสียง แต่ดนตรียังไม่ทันขึ้นไอ้แต็งค์มันก็เอ่ยขัดซะก่อน

“เดี๋ยวครับ” มันหันมามองผมที่ยืนอยู่กับเพื่อนมันตรงเสาริมหอประชุม “เพื่อนผมจะเป็นคนเล่นดนตรีให้ครับ”

กรี๊ดดดดดด

“ใครวะ มึงหรอ” ผมหันไปถามไอ้บิว ไอ้โต้ง ไอ้อาร์ต

“พวกกูเล่นห่าไรเป็นที่ไหนล่ะ” ไอ้อาร์ตมันเอ่ยตอบผม ผมเลยหันกับไปที่เวทีเหมือนเดิม ไอ้แต็งค์มันยังคงมองมาที่ผมอยู่

ก่อนที่มันจะพูดใส่ไมค์ว่า...

“น้ำ”

ชัดเลย

ไอ้ห่าแต็งค์

ผมได้แต่เอานิ้วชี้ทั้งสองข้างขึ้นมาชี้หน้าตัวเองเพื่อเป็นการบอกว่า กูหรอ

แต่ก็ได้คำตอบมาเป็นสายตาว่าใช่

จากนั้นสายตากดดันจากคนทั้งหอประชุมหันมาที่ผมแล้วก็...

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

จบงานต้องมีผ่าตัดกล่องเสียงกันบ้างล่ะ

“อ่ะ” เป็นลุงรหัสมันที่วิ่งหน้าแรดๆเอากีตาร์มายื่นให้ผม ไอ้ห่าต้องมึงแน่พี่นนท์ที่บอกมันว่ากูเล่นกีตาร์ได้ ไอ้นี่ก็ลงเหวคนเดียวไม่ได้ ต้องลากกูไปอีก หาเรื่องให้กูกันจริงๆ

พวกเลว

“กูไม่ประกวด ก็หาเรื่องให้กูยกตีนขึ้นเวทีกันจนได้” ผมหันไปบอกไอ้พี่ชายตัวดี มันก็ยืนยิ้มกริ่มยื่นมือมาดันหลังผมให้ออกไป

ผมอยากจะทุ่มกีตาร์ในมือทิ้ง อยากวิ่งหนีกลับคอนโดให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทำไม่ได้

เพราะนอกจากสายตากดดันของคนในหอประชุม ยังมีสายตากดดันของพวกรุ่นพี่ในคณะ รวมไปถึงพี่เม่น พี่แพท พี่เป็ก สายรหัสผมเอง ที่ร่วมวงกดดันกันกับเค้าด้วย

ผมทำอะไรไม่ได้เลย

นอกจากดิ่งตีน

ถือกีตาร์

เดินไปขึ้นเวทีท่ามกลางเสียง...

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

วีดวิ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววว

วิ้วพ่อง

พอขึ้นมาบนเวทีก็มีทีมงานจัดเตรียมเก้าอี้ไว้ให้พร้อม ผมก็หย่อนตูดลงปรับจูนกีตาร์อยู่ประมาณห้านาที แล้วหันไปหาไอ้ตัวดี ต้นเรื่องที่โชว์ยิ้มสแยะแบบตัวร้ายในละคร มึงนี่มัน!!!

“ประกวดเสร็จกูจะตัดสายบัดดี้มึง”
“เหอะ”



ผมเริ่มบรรเลงกีตาร์ ขึ้นอินโทรซักพัก แล้วหันไปมองไอ้แต็งค์ที่กำลังเอาไมค์จ่อปาก เตรียมเปล่งเสียงร้อง



ดาวนับล้านที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
จะมีไหมหนาที่ลอยอยู่เองเฉยเฉย
ไม่ยอมโคจรหมุนไปไหนเลย
ไม่เคย ไม่เห็นเลยสักดวง


มันหันมามองผม พร้อมกับรอยยิ้ม ยิ้มที่สดใส สว่างไสวเหมือนแสงแดด เป็นยิ้มที่ออกมาจากใจจริงๆ

ดาวของฉันเธอว่าห่างไกลลิบลิบ
แต่ดาวไหนไหนมันก็อยู่ไกลกันทั้งนั้น
ดาวของเธอฉันว่าก็เหมือนกัน
กี่ปีแสงนั้นอย่านับเลย


เสียงร้องของมันนุ่มละมุนกว่าเสียงพูดของมันมาก จนทำให้ผมตกอยู่ในภวังค์ แต่ก็ต้องเรียกสติกลับมาเพื่อสนใจคอร์ด

เมื่อดาวโคจรมาเจอะกัน
ฤดูก็เปลี่ยนผัน การหมุนก็ผันแปร
เมื่อเธอกับฉันมาเจอะกัน ชีวิตก็เปลี่ยนผัน
เปลี่ยนไปจากเดิม
เปลี่ยนจังหวะหมุนของหัวใจให้ใกล้กัน
เกิดอาการเธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ
แต่สองดาวก็ยังหมุนรอบตัวเอง
เธอดึงดูดฉัน ฉันดึงดูดเธอ
และสองดาวยังเปล่งแสงอันงดงามให้แก่กัน


ผมไม่รู้ว่ามันเลือกเพลงนี้เพราะอะไร เพราะมันร้องง่าย หรือเพราะคอร์ดมันง่าย ผมน่าจะเล่นให้มันได้

ดาวนับแสนที่มีวงแหวนนับร้อย
ทั้งดาวเคราะห์น้อย ดาวฤกษ์ลอยคว้างคว้าง
ดาวทุกดวงนั้นย่อมจะแตกต่าง
มีเส้นทางหมุนของตัวเอง
ปาดับปา ปาดับปา
เมื่อดาวโคจรมาเจอะกัน
ฤดูก็เปลี่ยนผัน การหมุนก็ผันแปร
เมื่อเธอกับฉันมาเจอะกัน ชีวิตก็เปลี่ยนผัน
เปลี่ยนไปจากเดิม…
เปลี่ยนจังหวะหมุนของหัวใจให้ใกล้กัน


ผมหันไปสบตามันอีกครั้ง ปากก็เผลอ พึมพำเพลงตามมัน

เกิดอาการเธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ
แต่สองดาวก็ยังหมุนรอบตัวเอง
เธอดึงดูดฉัน ฉันดึงดูดเธอ
และสองดาวยังเปล่งแสงอันงดงามให้แก่กัน


แล้วผมก็ยิ้ม ยิ้มแบบไม่รู้ตัว
 
ผมไม่เคยรู้สึกยินดีซักครั้งที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางสายตาคนเยอะๆแบบนี้

ไม่เคยชอบเลย...

หมุนรอบฉัน ฉันเธอหมุนรอบเธอ (ดาว ดาว)
แต่สองดาวก็ยังหมุนรอบตัวเอง (ดาว ดาว)
เธอดึงดูดฉัน ฉันดึงดูดเธอ (ดาว ดาว)
และสองดาวยังเปล่งแสงอันงดงามให้แก่กัน (ดาว ดาว)
ดาดาดา โอ้ (ดาว ดาว)
ลาลันลา ลาละลาลันลา (ดาว ดาว)
และสองดาวยังเปล่งแสงอันงดงามไปทั่วฟ้า (ดาว ดาว)


(ขอขอบคุณเพลง เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ - สครัป)



แต่วันนี้ผมกลับชอบ



ชอบความรู้สึกนี้ที่ได้นั่งอยู่ตรงนี้



ตรงท่ามกลางสายตาของคนหลายพันคน



เพราะอะไรอ่ะหรอ



ผมเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน



โดย อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 4
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 26-08-2021 10:50:34
Episode 4 โอ๊ย โอ๊ย



หมุนรอบฉัน ฉันเธอหมุนรอบเธอ (ดาว ดาว)
แต่สองดาวก็ยังหมุนรอบตัวเอง (ดาว ดาว)
เธอดึงดูดฉัน ฉันดึงดูดเธอ (ดาว ดาว)
และสองดาวยังเปล่งแสงอันงดงามให้แก่กัน (ดาว ดาว)
ดาดาดา โอ้ (ดาว ดาว)
ลาลันลา ลาละลาลันลา (ดาว ดาว)
และสองดาวยังเปล่งแสงอันงดงามไปทั่วฟ้า (ดาว ดาว)




กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



“ขอเสียงปรบมือให้กับน้องทั้งสองคนด้วยค่ะ”



แปะ แปะ แปะ



ขณะที่ผมกำลังจะเปิดตูดหนี



แต่พิธีกรสาวสวยกลับส่งเสียงรั้งผมไว้ก่อน



เวรละ



“เดี๋ยวค่ะน้องน้ำ” รั้งแค่เสียงไม่พอ เธอยังเดินมาฉุดแขนผมให้ไปยืนข้างไอ้แต็งค์ “ขอพี่สัมภาษณ์หน่อยนะคะ”พร้อมส่งสายตากดดันมาที่ผม



ตุบ ตุบ ตุบ



“ครับ” คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับชะตากรรม



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



“ช่วยเบาเสียงกันก่อนซักพักนะคะ” เธอพูดไปก็แจกยิ้มลงไปที่ด้านล่างเวที แล้วหันมาพูดกับไอ้แต็งค์และผมต่อ “ถ้าพี่เป็นรุ่นพี่ในคณะพี่คงลำบากใจมากเลยนะคะ ที่ต้องเลือกให้ใครเป็นตัวแทนคณะ ระหว่างน้องน้ำ กับ น้องแต็งค์ เนี่ย”

“ไม่อยากเลือกเลย อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน”

อ่ะ เสียงแซวกระหึ่มจากด้านล่างเวที

“งั้นพี่ขอถามเลยนะคะ” ให้เร็วเลยพี่ ผมรีบ “น้องน้ำกับน้องแต็งค์นี่เป็นเพื่อนกันจริงมั้ยคะ” ผมกับไอ้แต็งค์ขมวดคิ้วมองไปที่พี่แก ก่อนที่พี่แกจะพ่นออกมาอีกประโยค “ก็พี่เห็นสายตาที่น้องมองกันตอนร้องเพลงมันหวานหยาดเยิ้มมากเลยน่ะค่ะ”

อร๊ายยยยยยยยย

วอท

เดอะ

ฟัค

อะไรทำให้พี่คิดแบบน้านนน
 
“เพื่อนกันครับ” พูดจบผมหันไปขอความช่วยเหลือจากไอ้แต็งค์ ให้มันถีบหัวส่งผมลงเวทีซักที
“เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อรึป่าวคะ” เหี้ยยยย พี่พอเถอะ กูขอร้อง ปล่อยกูกลับหลุมกูไปซักที๊
“เพื่อนสนิท”

กรี๊ดดดดด

อ่ะไอ้แต็งค์

ไอ้นี่มันก็ไปหาต่อความกับเค้าอีก

“เอ่อ พี่ครับ ผมลงไปได้ยัง”
 
กรี๊ดดดดดดดดดดดด
 
นี่ก็อะไรกันนักหนา

จะกรี๊ดกันให้คอหอยพังเลยรึไง

“แหม น้องน้ำก็ งั้นขอเสียงกรี๊ดส่งท้ายสองหนุ่มของเราหน่อยค่ะ”

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



กว่าจะผ่านช่วงเวลาแห่งขุมนรกบนดินนั้นได้ เล่นเอาผมปาดเหงื่อจนตะคริวกินมือ

และผลการประกวดดาวเดือนในวันนั้นไอ้แต็งค์มันชนะครับ มันคว้าตำแหน่งเดือนมหาลัยมาอย่างงงๆ แต่ที่ไม่งงก็คงเป็นพวกรุ่นพี่ในคณะที่มื่นชื่นกันถ้วนหน้า

ว่าก็ว่าเถอะครับ สำหรับผมก็คิดว่าไอ้แต็งค์ยังไงมันก็ชนะ ก็ดูคะแนนความนิยมมันสิครับ เดินไปไหนก็เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดให้ระงมทุกหนทุกแห่ง ไม่รู้ว่าที่กรี๊ดๆกันเนี่ยเพราะมันหล่อกระชากใจ รึไปกระชากสร้อยเค้ามา เหอะ เหอะ
 


ตึ้ง (เสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นเฟชบุ้ค)



Nonnatee Keartphibun ได้แท็กคุณในรูปภาพ
เกิดอาการเธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ ฮิ้วววววว

Neng Nantapphan ฮิ้ววววววว

ฮิ้วพ่อง!!



งานประกวดดาวเดือนมหาลัยจบ แต่ที่ไม่จบก็คือรูปภาพ และรูปภาพส่วนใหญ่ที่เป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ไทม์ ก็คงต้องยกให้เป็นรูปที่ผมกับไอ้แต็งค์ร้องเพลงเล่นกีตาร์ส่งสายตาหยาดเยิ้มให้กันอยู่ รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆเลยครับ และรูปผมกับมันดันเสือกฮอตกระช่อนโซเชียลมากครับเรียกได้ว่าแฟนเพจแต่ละคณะของมหาลัยนี่ขยันไปหาขุดมาลงแข่งกันจริงๆ รูปที่ลงไปผมก็ไม่ได้อะไรหรอกครับเพราะคิดว่านานไปเดี๋ยวคนก็เลิกสนใจ

แต่...

ไอ้คอมเม้นต์นี่สิ

ผมล่ะอยากระเบิดตัวเองทิ้งทันที



Pan Pan ฟิลแฟน น่ารักกกกกกกก

Koyjai เพราะว่าสายตามันหรอกกันไม่ได้

สมหญิง ไม่ชอบวิ่งราว ชอบกันแหละ คนเค้าดูออก คริคริ

หวานตา หวานใจ หวานจัง ฟินเฟ่อ อั๊ยยย

“ฟินมากเลยครับ” ผมได้แต่กัดฟันกรอดๆ

Khon Men ถ้าเป็นปลากัด พวกมันคงท้องแล้วท้องอีก

“ไอ้เหี้ยพี่เม่น มึงนี่แม่ง”

Peg Ooh @Petty ไม่ได้เป็นเดือน แต่ได้เป็นผัวเดือนรึเมียเดือนดีวะ แต่เออก็ดี555

“สันขวานเหอะพี่มึง คิดได้ไง กูจะเลิกนับถือมึงเลยพี่ กูสาบาน”

Petty @Peg Ooh แซวน้อง!!

Nannatee Keartphibun ไหนบอกกูว่าให้ตายก็จะไม่มีวันทำอะไรแบบนี้ แล้วสลอนหน้าไปอยู่บนเวทีได้ไง

“กูเต็มใจที่ไหมล่ะพี่มึ๊งงง”

แทน แท่น แท๊นน @Teetuch Thank @Nutnatee Keartphibun เป็นเพราะคืนนั้นหรอวะ

“เหี้ยพี่แทน คืนนั้น คืนไหนวะ งี้คนเค้าจะเข้าใจผิดนะโว้ยยยย”

Moddang กรี๊ดดดดดด

รุ่งนภา ฉลาดเลิศ ปักเม้นต์รอจ้า

Nonnatee Keartphibun @แทน แท่น แท๊นน อุ๊ยๆเล่าหน่อยดิพี่

ไอ้โชค เพื่อนรัก @T E M S @แคมป์ ปัส @Neng Nantapphan @ไม้เมฆ สุขเจริญ คืนไหนไม่รู้ กูปักรอก่อน

“สัด”

โต้ง ทางตรงไม่ชอบ @Ak ART @Biw Biwwy เลิกลัก!!



คราวนี้ก็พากันแซวยาวเลยครับ

ซักพักเดี๋ยวคนก็พากันลืมเองแหละ

เหี้ยยยยยยยยยยยย

ซักพักนี่มันนานแค่ไหนวะ

ตั้งแต่ย่างส้นตีนเข้ามหาลัยมาชีวิตผมทำไมมันบัดซบขนาดนี้วะ

คิดแล้วเศร้า

เศร้าแล้ว

เศร้าอีก

ไม่มีแรงตอบโต้

จะตอบโต้อะไรได้ ในเมื่อตอนนี้ยอดคนกดไลค์ก็ปาไปเกือบล้าน ไหนจะคนแชร์อีกเป็นหมื่น คอมเม้นต์นี่ไม่ต้องพูดถึง ลากยาวไปเป็นล้านแล้วแต่ละเม้นต์นี่ดีๆทั้งนั้น

จากที่หนีการเป็นจุดสนใจแทบตาย คราวนี้หนักกว่าเดิมเลยครับ แทบจะมุดท่อระบายน้ำหนี



“น้ำๆ กรี๊ดดดดดดด”

อร๊ายยยยยยยยยยย

กรี๊ดดดดดดดดดดด

เอาเข้าไป ให้คอมันแตกไปข้าง

“ทำหน้าเหมือนอยากลาตายเลยมึง” ไอ้ไม้เพื่อนรักของผมวิ่งลากตีนมากอดคอเสือกแต่เช้าเลยครับ
“เธอหมุนรอบ ฉันหมุนรอบเธอ ฮู้ววว” ไอ้แคมป์มันร้องเพลงนี้กรอกหูผมมาตั้งแต่จากลงเวทีในวันนั้นมาจนถึงวันนี้ เป็นอาทิตย์แล้วครับ อยากถีบมัน

“สัด”

“เดี๋ยวนี้มีเลิกตามไปเทคไอ้แต็งค์มันแล้วหรอวะ”
“เออ กูตัดขาดความเป็นบัดดี้กับมันแล้ว”
“จริงดิ” ไอ้เหน่งมันแกล้งทำหน้าเหวอ แต่ดูก็รู้ว่ามันตอแหล
“น้ำ” มันมาอีกแล้วครับเสียงที่คุ้นเคย ไอ้ตัวต้นเรื่องทั้งหมด
“ไร”

มันก็ปิดปากเงียบไม่พูดไม่จาเหมือนที่มันชอบทำ แล้วก็ยื่นถุงของกินมาให้ผม

พอหลังจากวันประกวดเสร็จผมก็เลิกตามตูดมันแจ เพราะที่ว่าหมดหน้าที่แล้ว แต่ก็ยังเทคมันอยู่แต่แค่เฉพาะเรื่องสำคัญๆเท่านั้น

ส่วนมันน่ะหรอก็เทคปกติแหละครับเช้าสายบ่ายเย็นค่ำมืดดึกดื่นเหมือนเดิม เทคจนผมจะเป็นลูกมันแล้ว

ใครจะเชื่อว่าคนที่ไม่สนใจใครไปไหนผลุบๆโผล่ๆเหมือนผีจะพูดจะจาแต่ละทีก็กลัวดอกพิกุลล่วงแบบมัน จะมาคอยเทคแคร์เอาใจใส่ผมเป็นอย่างดีขนาดนี้ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ

ไอ้ห่าแต็งค์นี่มันคงอินกับคำว่าบัดดี้มากไปหน่อย

ไม่หน่อยละ

มากกกกกก เลยทีเดียว

“ขอบใจ”แล้วมันก็หมุนตูดหมุนตีนออกไปจากฝูงพวกผม
“แต่เหมือนมันยังไม่ตัดขาดความเป็นบัดดี้กับมึงนะ ฮ่าๆ” สัดเหน่ง
“เฮ้ยๆพวกมึง ตอนบ่ายพวกรุ่นพี่เรียกรวม รู้กันยังวะ” ไอ้เทมส์วิ่งหน้าแตกตื่นมาบอกข่าวร้ายพวกผม
“เรื่องอะไรอีกวะ” ไอ้โชคหันไปถามพร้อมถอนหายใจพลางๆ
“ก็กีฬาสีมหาลัยไงวะ”
“วันนี้คิ้วกูกระตุกแปลกๆว่ะ จะมีเรื่องนรกๆอะไรอีกป่าววะ” ไอ้เหน่งมันหันมาพูดแล้วก็ตบบ่าผม



ซึ่งผมก็คิดแบบมันว่าต้องมีเรื่องนรกๆเกิดขึ้นแน่ๆ



“น้องๆหลายคนคงจะรู้กันแล้วนะครับว่าพี่เรียกมารวมกันเรื่องอะไร” ใช่ครับรู้แล้วครับ พี่จะให้ทำห่าอะไรก็รีบสั่งมาเลย ถึงไม่อยากทำก็ต้องทำ

เพื่อคณะสุดที่รักกกก(แบะปากมองบน)

“ตะคิวแดกหน้ามึงหรอวะ”

“กูว่าสันนิบาดมากกว่า”

ผลั๊วะ

ผลั๊วะ

จัดไปคนละโบกให้ไอ้โชคกับไอ้แคมป์มันครับ

“เนื่องจากมหาลัยของเราจะมีการจัดกีฬาสีมหาลัยในเร็วๆนี้ พี่เลยเรียกมารวมกะทันหันไปหน่อย ต้องขอโทษน้องๆทุกคนด้วยครับ” พี่แกก็ทำหน้าทำเสียงรู้สึกผิดไปเรื่อยเหมือนซีนดราม่าในซีรี่ย์วัยรุ่น “เดี๋ยววันนี้พี่จะทำการคัดตัวนักกีฬา หลีด แล้วก็จะแบ่งหน้าที่ต่างๆให้นะครับ”

“กูจะลงกีฬา มึงลงป้ะ” ไอ้ไม้มันหันมาถามพวกผม พวกผมก็เออออไปเพราะชอบเล่นกีฬากันอยู่แล้ว แล้วแต่ละตัวก็ตัวเต็งจากโรงเรียนมัธยมกันทั้งน้านนนน

ไม่รู้เต็งแบบไหนนะครับ

เต็ง เตงเต่งเต๊งงง แบบระนาดรึป่าว

“น้ำ มึงตีกลองชุดได้” นี่แหละครับสายสปอยของผม มันมาละ ไอ้ห่าพี่นนท์มึงนี่หาเรื่องมาให้กูอีกแล้ว
“ทำไม”
“มึงไปช่วยตีกลองให้พวกเชียร์ดิ้ ถ้ามึงตีนะ พากันขึ้นเต็มแสตนแน่ พวกปีสูงจะได้ไม่เหนื่อยไล่บี้ปีหนึ่งขึ้นแสตน”
“ไม่เหนื่อยปีสูง แต่เหนื่อยกู” ผมบ่นมันไป หาข้ออ้างไม่ตีไป “กูจะลงบอลด้วยเนี่ย ไม่มีเวลาหรอก”
“บอลมันไม่ได้เตะทั้งวันไม่ใช่หรอวะ” ไอ้เหน่ง ไอ้เพื่อนเวร
“ระดับน้ำแล้ว ไม่มีไรทำไม่ได้หรอกว๊า..” ไอ้พี่เม่น เรื่องที่พี่มึงเม้นต์รูปนี่กูยังไม่หายเคืองเลยนะ
“นั่นดิ” แล้วไอ้พี่นนท์กับพี่เม่นมันก็เตรียมล่อซื้อผม
“กูเห็นพวกสภามหาลัยเค้าลงความเห็นกันว่าจะให้มึงเป็นคทากรมหาลัยกันอยู่”

น้านนนนน

“โครตเด่นเลยว่ะ น้องพี่อ่ะพี่นนท์” เด่นกับผีกูนี่
“จะเอาไงว่ามา” ผมหันไปถามพี่เม่นกับไอ้พี่นนท์อย่างปลงตก
“ก็ไม่เอาอะไร ก็แค่อยากให้มึงตีกลองชุดให้พวกเชียร์ ใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมงต่อวันหรอก” พี่ปิงเพื่อนไอ้พี่นนท์มัน แกพูดจบก็เดินมารัดคอไอ้พี่นนท์ซึ่งเป็นการบอกนัยๆว่าถ้าผมไม่ทำพี่นนท์มันตาย ซึ่งผมคงบอกไปว่าให้พี่มันตายๆไปเหอะ
“แล้วถ้าผมปฏิเสธ?”
“กูก็จับจับมึงใส่พานให้พวกสภามหาลัย” นั้นไงกูคิดไว้แล้ว พวกพี่มึงจะต้องหาเรื่องบีบบังคับกู
“ตกลงคราบบบ” ไม่ใช่ผมตอบครับ แต่เป็นไอ้ห่าเหน่งไอ้เพื่อนรักเพื่อนร้ายของผม

แล้วใครว่าผมจะยอมลงนรกคนเดียว

ผมเลยจัดการลากเพื่อนๆทุกตัวไปช่วยทีมเชียร์กันให้หมด

ส่วนไอ้เหน่งนี่พิเศษหน่อยครับเพราะถูกจับให้ตีกลองทอมบ้าแก้ขัดช่วงผมพัก ทีนี้เวลาผมไปตีกลองให้พวกเชียร์จะได้มีหน้าพวกมันเสนอมาให้ชื่นใจกันซักหน่อย คริคริคริ

“น้องๆคงได้หน้าที่กันครบแล้วนะครับ ใครรับผิดชอบอะไร ยังไง ก็ขอให้เต็มที่นะครับทุกคนเพื่อคณะของเรา และตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปขอให้เรามารวมกันที่ใต้ตึกคณะหลังเลิกเรียนกันด้วยนะครับ แยกย้ายได้”



“น้ำ คืนนี้เจอกันที่ชนกันสามทุ่มเว้ยย” ผมยังไม่ได้ง้างปากตกลงเลยกับมันเลย ไอ้บิวมันก็วิ่งลากตีนไปไหนก็ไม่รู้
“แดกกันแม่งแทบทุกวัน” ไอ้ไม้มันเดินมาบ่นกับผม ทำหน้ายู่ยี่เป็นหมากินข้าวไม่อิ่ม
“ไปเหอะน่า.. พี่น่านแกจะได้ได้กำไรบ้าง” ไอ้เหน่ง ไอ้เวร เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์นะมึง
“ได้กับผี”
“เออได้กับผี แม่งไปกันทีพี่แทนแกก็จัดหนักลดแลกแจกแถม เหมือนเจอกันปีละครั้ง ทั้งที่พากันนั่งแดกจนสนิทกับการ์ดในร้านทุกคนแล้ว” พูดอีกก็ถูกอีกไอ้ไม้ กูยกให้มึงเป็นเพื่อนรักอันดับหนึ่งของกูเลย
“บ่นๆ ไอ้ที่บ่นๆนี่ไปมั้ย” ไอ้โชคเดินมากอดคอซุกไซร้ไอ้ไม้

หวือออ

ขนลุกแทนเลยครับ

“โชคอย่า อ๊า อ๊ะ อ๊ะ” เอิ่มมม เอาซะเห็นภาพ

ผลั๊วะ

ผลั๊วะ

ไอ้เทมส์มันคงทนไม่ไหวเลยจัดการโบกไอ้ไม้กับไอ้โชคไปคนละที

“ไอ้แต็งค์ มึงจะไปไหนวะนั่น” แล้วผมกันหันไปตามเสียงของไอ้เหน่ง
“รถเสีย” มันหันมาตอบก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกนึงสั้นๆ “ว่าจะกลับแท็กซี่”
“เพื่อนมึงไม่ไปส่งวะ”
“เกรงใจมัน”
“น้ำ” ไอ้เหน่งมันหันมามองผมเป็นเชิงบอกว่าให้เอาไอ้แต็งค์กลับด้วย
“เออ” ผมเป็นบัดดี้มันยังไงก็ต้องช่วยมันอยุ่แล้ว “แต็งค์ เดี๋ยวมึงไปคอนโดกูก่อนยังไงคืนนี้พวกมันก็นัดกันไปร้านพี่น่านกับพี่แทนอยู่แล้ว แดกเสร็จเดี๋ยวกูไปส่ง”
“ใครส่งใคร” แหนะรู้ดีอีกมึง
“ดูท่าแล้วน้ำมันไม่แดกหรอก พรุ่งนี้มันต้องตีกลองชุดให้พวกซ้อมเชียร์” ไอ้เหน่งมันก็โพล่งขึ้นทุกเรื่อง
“หรอวะ” มันทำหน้าไม่เชื่อ ผมเลยส่งสายตาบอกมันว่ามึงไม่เชื่ออ่ะถูกแล้วเพราะคนอย่ากูถ้าไม่ถูกมัดมือชกไม่มีทางทำแน่
“เออดิวะ แล้วกีฬาสีมึงทำไร พวกสภาจองตัวแล้วดิ”
“แม่นแล้วคราบบ พวกสภามาจองตัวมันไว้ถือธงม.แต่เช้ามืดแล้ว” ไอ้อาร์ตเสนอหน้ามาตอบแทนมัน
“เหยดดด แล้วมึงไม่ปฏิเสธ?” ไอ้เหน่งมันยังคงเสือกต่อ
“ปฏิเสธแล้ว แต่ไม่สำเร็จว่ะ ก็พี่นนท์น่ะดิ้…” ไอ้อาร์ตมันก็หันมามองผมแล้วพูดต่ออีกว่า “แกบอกว่าถ้ามันปฏิเสธจะบังคับมึงใส่พานให้พวกสภาแทน แม่งเหมือนรู้จุดอ่อนไอ้แต็งค์ชิบหาย เท่านั่นแหละมันก็ตกลงถือให้สมใจทั้งสภา ทั้งพี่นนท์ลุงรหัสมันเลย”

ไอ้แต็งค์มันไม่ได้พูดอะไร

ผมก็ไม่ได้พูดอะไร

แล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อ

ผมได้แต่มองหน้ามันแล้วคิดในใจว่าผมเนี่ยนะจุดอ่อนของมัน อะไรคือเหตุผลจริงๆที่ทำให้มันเลือกที่จะถือธงให้กับพวกสภา

ผมไม่รู้หรอกแล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย รู้แค่ว่าผมหลุดพ้นจากพวกสภามหาลัยก็เป็นบุญแล้ว

และนี่คงเป็นอีกครั้งที่ไอ้แต็งค์มันทำเรื่องที่ตัวมันไม่ชอบแทนผม
 


ตุบ ตุบ ตุบ



รถยนต์ของผมเคลื่อนมาจอดใต้คอนโด ผม ไอ้เหน่ง และไอ้แต็งค์ก็พากันลากตีนขึ้นมาที่ห้อง

ไอ้เหน่งมันก็แล่นไปอาบน้ำเตรียมตัวอย่างเร็ว ส่วนผมก็เดินนำไอ้แต็งค์เข้าห้องแล้วรื้อหาผ้าเช็ดตัวผืนใหม่มายื่นให้มันพร้อมกับไล่ให้มันไปอาบน้ำ

จากนั้นก็จัดการถือวิสาสะเข้าไปห้องพี่นนท์เพื่อขโมยเสื้อผ้าพี่มันมาให้ไอ้แต็งค์ใส่เพราะเสื้อผ้าผมกลัวไอ้แต็งค์มันใส่แล้วจะรัดเกินไปเพราะตัวมันดันเสือกหนากว่าตัวผม

พอผมได้เสื้อผ้าแล้วก็ลากตีนกลับมาห้องตัวเองแต่ก็ต้องผงะ เพราะไอ้แต็งค์มันอาบน้ำสร็จพอดี

แล้วที่ผงะเนี่ยเพราะมันเสือกเปลือยท่อนบนเป็นนางเงือกเลยครับ

ทำให้เห็นหน้าท้องที่เป็นลอนๆ เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ หุ่นมันจัดว่าดีครับ ดีจนผมต้องกลืนน้ำลาอึกใหญ่ แล้วก้มพิจารณาหุ่นตัวเอง ที่มีเพียงหน้าท้องแบนราบ ไร้ซึ่งกล้ามเนื้อใดๆดั่งหนังหุ้มกระดูก

ไม่ได้การแล้ว

ผมต้องจัดการเข้าคอร์ดเพาะซิกแพคแล้ว

“มองไร” แล้วผมก็ต้องดึงสติกลับมา
“หุ่นดีเนาะ”
“ชอบ?” ไอ้ห่าแต็งค์
“เออกูก็อยากมีหุ่นเหมือนมึง”
“อยากมี..” มันหันมายิ้มให้ผมซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่แวววาวเจ้าเล่ห์เหมือนตอนไอ้พี่นนท์มันจะล่อซื้อให้ผมทำอะไรซักอย่างให้มัน “หรืออยากได้” สัดแต็งค์
“อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้นวะ” ผมถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่แบบใหญ่ที่สุดในชีวิต



มันก็ไม่พูดอะไรนอกจากทำหน้านิ่งๆแต่แววตามึงนี่ไม่เปลี่ยนเลยจากเมื่อกี้ มันเดินมาหยิบเสื้อผ้าจากมือผมไป ทำให้ตัวผมกับตัวมันที่เปลือยเปล่าท่อนบนอยู่ใกล้ชิดกันมาเกินไปจน



ตุบ ตุบ ตุบ

 

“กูไปอาบน้ำละ” ผมเลยต้องเบี่ยงตัวออกมาก่อนที่หัวใจจะวาย หัวใจจะวาย

ห๊ะ!!

กูหัวใจจะวายเรื่องอะไร

ตุบ ตุบ ตุบ

นี่ก็เต้นดีจัง

มึงตื่นเต้นอะไรของมึงห๊า



หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ ผม ไอ้เหน่ง และไอ้แต็งค์ก็พากันแรดๆไปที่ร้านชนกัน วันนี้ผมแทบจะไม่ได้แตะเหล้าเลยเพราะพรุ่งนี้ต้องไปตีกลองให้พวกเชียร์เลยต้องเบาแอลกอฮอล์ซักหน่อย

แต่คนที่ไม่เบาก็คงจะเป็นไอ้เหน่งเพราะมันอาสากินส่วนของผม เป็นไงเพื่อนรักของผมเสียสละสุดๆ เหอะ เหอะ

“น้ำ ชนหน่อย” ไอ้บิวมันยื่นแก้วเหล้ามาทำท่าจะชน แต่ไม่ทัน ไอ้แต็งค์มันคว้าแก้วในมือผมไปชนแล้วก็กิน ครับมันกินเหล้าแทนผม เดี๋ยวนี้มันเริ่มทำตัวเป็นพ่อผมแล้วครับ
 
“นอกจากจะมีไอ้เหน่งเพื่อนรักรับผิดชอบแดกให้แล้ว ยังจะมีบัดดี้สุดที่รักรับหน้าแดกแทนอีก” เสือกจริงไอ้ห่าแคมป์

ผมไม่ได้พูอะไรต่อกับมันเพราะมัวแต่นั่งพิจารณาสภาพไอ้เหน่งว่าจะเอามันกลับยังงัย



สภาพไอ้เหน่งตอนออกจากร้านนี่หนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาถึงขั้นหามขึ้นรถ ผมเลยต้องบังคับให้เพื่อนๆตัวดีทุกตัวลากสังขารมาช่วยผมแบกไอ้เหน่งกลับห้องมัน แล้วค่อยวนรถไปส่งไอ้แต็งค์อีกรอบ


 
“ขอบใจมึง” มันเลิกคิ้วมองผม
“เรื่อง?”
“ก็ทุกเรื่องในวันนี้แหละ”
“ไม่เป็นไร” มันหันหน้ามามองผมด้วยสาตาหยาดเยิ้ม คงจะเมาเต็มที่แล้ว ไม่เมาได้ไงซัดเหล้าหมดไปเป็นโอ่ง “กูเต็มใจ...”



ตุบ ตุบ ตุบ



กว่าจะส่งไอ้แต็งค์



กว่าจะได้หลับ ได้นอนก็ล่อไปตีสามครับ เหอะ



“อรุณสวัสดิ์ เช้าอันแสนสดใสครับเพื่อนๆ” ไอ้โต้งมันวิ่งลากเสียงแรดๆจากหน้าลานคณะมาถึงหน้าตึก
“อรุณพ่อง มันบ่ายแล้ว..” ไอ้เหน่งมันหันไปตอบไอ้โต้ง พร้อมกับส่ายหัวเนือยๆ บอกเลยสภาพมันตอนนี้เหมือนเตรียมลาตาย
“แรงอ่ะ”
“ไม่มีไรทำก็มาช่วยกูประกอบกลองชุดนี่” ไอ้เหน่งมันหันไปสั่งไอ้โต้ง ก่อนจะอ้าปากกว้างๆหาวแบบกินโลกได้ทั้งใบ
“น้ำ มึงร้องเพลงให้พวกกูฟังหน่อยดิ เห็นไอ้เหน่งมันบอกมึงร้องเพลงเพราะ” ไอ้ไม้มันยื่นกีตาร์มาให้ผม ก่อนจะนั่งหย่อนตูดเตรียมตัวฟังเพลงจากผมโดยที่ผมยังไม่ได้อ้าปากตอบตกลงจะร้อง
“นะมึง ให้เป็นบุญหูเพื่อนหน่อย” ไอ้โชคมันโผล่มาจากไหนไม่รู้ครับ มาถึงก็มาทำสายตาเว้าวอนใส่ ผมก็ทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกนึง
“เออๆ”



เออออจบผมหยิบกีตาร์ ขึ้นมาจับคอร์ดเตรียมบรรเลงเพลงให้ไอ้พวกเพื่อนตัวดีฟัง



ตั้งแต่วันที่ฉันได้คุยเพียงครู่สองคนกับเธอครั้งก่อน
กลับมานอนครวญครางละเมอคอยพร่ำหาเธอเหมือนจะอ้อนวอน
เกิดอะไรขึ้นมาละเออ มันอยากรู้นัก
เปลี่ยนฉันไปจากเดิม โอ๊ย


พวกมันก็พากันนั่งหน้าสลอนตั้งใจฟัง ตั้งใจยิ่งกว่าฟังอาจารย์สอนอีก

จะเป็นเพียงแววตาของเธอทั้งคู่ฉายมาสะกดรึเปล่า
อาจเป็นดาวดวงใดใช้เธอมาหลอกเล่นกลเป็นไปไม่ได้
ก็ตกลงคงเป็นเพราะเธอทำสับสน
โอ๊ยเดี๋ยวอยากรักเดี๋ยวอยากลืม
โอ๊ยโอ๊ย
ทุกสิ่งเปลี่ยนไปเพราะเธอ


แล้วอยู่ๆผมก็เหลือบตาไปมองที่หน้าตึก เห็นใครบางคนหอบถุงขนมพะรุงพะรัง เดินเข้ามา

เธอทำให้ฉันรักเธอก่อน
ไม่อาจถอน
หัวใจมันคอยแอบ ๆ มองแบบซึ้งซึ้ง
เธอทำให้ฉันหลงใจอ่อนนอนกอดหมอนทุกคืน
จะทนได้นานสักเท่าไหร่หากคิดถึง


เห็นหน้ามันทีไร ผมก็นึกถึงอะไรหลายๆอย่างที่มันทำให้ทุกที อดยิ้มไม่ได้ พอนึกถึง...

โอ๊ย โอย
อยากจะกินกลืนเธอทั้งตัวไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น
อยากได้ยินเพียงเสียงรักเธอเพรียกบอกรักเพ้อถึงฉันผู้เดียว
เกิดอารมณ์ทนไปไม่ไหวใจมันหวิววาบ
ไม่เจอคงขาดใจ
โอ๊ย โอ๊ย
โอ่ย โอ๊ย คิดถึงจังเธอ
                                                                               

 
                                                                                   (ขอบคุณ เพลง โอ๊ย โอ๊ย Cover ออม Pinto Chanel)
 


‘ไม่เป็นไร’
‘กูเต็มใจ’



โดย อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 26-08-2021 12:03:35
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 5
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 02-09-2021 13:34:54
Episode 5 ทำไมหัวใจต้องเต้นแรง



โอ่ย โอ๊ย คิดถึงจังเธอ



“ไอ้น้องรัก...”เสียงจากนรก
“อะไรพี่”
“ไป” เล่นเพลงไม่ทันจบดี นรกก็จะดึงผมลงขุมแล้วครับ “โชว์กลองหน่อย”

พูดไม่ทันจบไอ้เหน่งก็เลยจัดการยกกลองที่มันพึ่งตั้งเสร็จให้พี่เม่นแกดู

เลย...

ผลั๊วะ!!

“ก็พี่บอกให้โชว์กลอง”
“สาบานว่ามึงซื่อ” ไอ้เหน่งเลยส่งยิ้มแหยๆ เป็นคำตอบให้

ผมลุกขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่งตรงกลองชุด แล้วจัดการรัวกลองโชว์พี่เม่นแกไปหนึ่งชุดเล็กๆ เอาให้สมใจแก

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

“มึงนี่มันสุดยอด แปะ แปะ แปะ” สีหน้าพี่เม่นแกดูภูมิใจสุดๆ

แต่สีหน้าผมสุดๆของความเบื่อหน่าย

ที่เบื่อหน่ายเพราะตั้งแต่วันนี้ไปผมต้องแบ่งเวลามาตีกลองให้ทีมเชียร์หลังเลิกเรียนทุกวัน วันละสองชั่วโมง พอมีข่าวออกไปว่าผมรับหน้าที่ตีกลองชุดให้ทีมเชียร์ของคณะ

ก็พากันแห่มาชื่นชมกัน

ชีวิตผมเลยเริ่มวุ่นวายเพิ่มอีกหนึ่งเลเวล

“พี่ว่าเราเริ่มซ้อมกันเลยดีกว่า” พูดจบพี่คนที่เป็นประธานเชียร์เธอก็เรียกเพื่อนๆเธอมานั่งจุ้มปุ้กตรงหน้ากลองชุดกับพวกเพื่อนผม  “วันนี้ซ้อมกับพวกคุมเชียร์ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยไปซ้อมขึ้นแสตน”



ผมกับพวกรุ่นพี่เราใช้เวลาซ้อมกลองกับเพลงที่จะใช้เชียร์บนแสตนเป็นเวลาชั่วโมงกว่าๆ ร้องกันจนเจ็บคอ ที่เจ็บคอเพราะว่าต้องแหกปากแหกคอร้องแข่งกับเสียงกรี๊ด เดือดร้อนพวกไอ้เหน่งต้องหาซื้อลูกอมฮอลมาให้กินแก้เจ็บคอกัน ส่วนพี่รหัสที่แสนดีของผมแกคงเห็นว่าผมเริ่มปวดแขนเลยให้พักก่อนซักพัก


 
“ไอ้แต็งค์ พวกสภามาตามหามึงอ่ะ”
“มีไร”
“ไม่รู้ว่ะ” พูดจบไอ้บิวมันก็ชี้ไปยังเป้าหมายที่กำลังเดินเข้ามา
“น้องน้ำคะ”

ผล่าง!!

ไหงวกมาหากูได้วะ
 
“ครับพี่”

“คือ...ทางสภาม.เราตกลงกันว่าจะให้น้องน้ำช่วย เอ่อ... ช่วยเป็น...เป็นคทากรของงานกีฬาม.ปีนี้อ่ะค่ะ”

“ห๊ะ”

“ห๊า”

“หา”

ตะเถร!!

“เอ่อพี่... คือ... เอ่อ...” ผมอ้ำอึ้งยาวๆเลยเมื่อเห็นสายตากดดันของพวกสภามหาลัย “พี่เม่น พี่” วินาทีนี้ผมต้องหันหาที่พึ่งพาถึงจะไม่เคยพึ่งพาได้เลยก็เหอะ
“อะไรว๊า” เสียงใสแจ๋วเลยนะพี่มึง
“ไหนพี่บอกว่าถ้าผมตีกลองให้คณะ แล้วพวกสภาจะไม่มายุ่งกับผมไง” ผมหันไปกระซิบกระซาบ
“หรอ กูพูดแบบนั้นหรอ” อ้าวไอ้ห่าพี่ ไม่เหมือนที่คุยกันนี่หว่า

แล้วที่พึ่งพาที่พึ่งพาได้จริงๆก็มา

สายสปอยที่แท้ทรูของผม

“พี่เป็ก” ผมโบกไม้โบกมือเรียกแก ทั้งๆที่แกก็ดูเหมือนตั้งใจเดินมานี่อยู่แล้ว “พี่คุยกับเค้าให้หน่อยดิ”ผมชี้ไปทางกลุ่มก้อนของพวกสภามหาลัยที่ยืนรายเรืองกันสิบกว่าชีวิต
“เออกูคุยแล้ว”

นี่สิที่พึ่งพาตัวจริงของผม ฮ่า ฮ่า ฮ่า
 
“โอเค งั้นเริ่มซ้อมพรุ่งนี้ตอนเย็นเลย”

“ห๊ะ!!” ผมหันไปถามพี่คนที่พูด “ซ้อมอะไรพี่”

“ก็ซ้อมคทาไง”

เดี๋ยวนะ

พี่เป็กที่บอกคุยแล้วนี่คุยอะไรวะเนี่ย

พี่มึงทำอะไรไม่ปรึกษากูกันอีกแล้ว

“ไหนพี่บอกคุยแล้วไงพี่เป็ก” ผมหันไปถามพี่เป็กแกอย่างสงสัยด้วยสีหน้า อิหยังวะ

“ก็คุยว่ามึงตกลงไง”

วอทททททท

กูตกลงตอนน๊ายยยย

“ไอ้พี่นนท์!!!!” เป้าหมายต่อไปเลยพี่มึง มาเคลียร์เดี๋ยวนี้

“อะไรวะ”

“ไหนบอกกูตีกลองให้แล้วไม่ต้องเป็นคทากรไงวะ”

“หรอ กูพูดแบบนั้นหรอ” พี่มึงนี่ก็อปปี้คำตอบพี่เม่นมันมาหรอ

ส้นตีนนนน

เหรอหราเลยครับผม

ทำได้แค่นี้ครับ

“เอาน่าน้ำ ทำเพื่อมหาลัยของเรา” ของเรากับผีสิพี่เป็ก รู้ว่ากูไม่ชอบทำก็ขยันหามาให้กูทำกันจริงงงงง
“กูขอร้องล่ะ” สีหน้าพี่มึงนี่ยิ้มสะใจกูมากกว่าขอร้องอีก กูจะตัดขาดมึงออกจาการพี่น้องเลย ไอ้ห่าพี่นนท์
“ให้พวกพี่กราบกันเลยก็ได้นะน้ำ..” อ่าพากันโอเวอร์แอคติ้งใส่กูกันอีก

อะไรจะขนาดน๊าน

ผมยังไม่ทันพูดอะไรพวกสภาก็พากันนั่งพับเพรียบเรียบร้อยเตรียมจะกราบผม

แล้วพี่เป็กแกก็เอากับเค้าด้วย เหอะ เหอะ

แต่ เดี๋ยว

ไอ้ห่าเหน่งมึงจะนั่งพับเพรียบกับเค้าทำม๊าย!!!

โดนกดดันขนาดนี้

คือทั้งมหาลัยมีคนเยอะแยะไม่เลือก

เสือกมาเลือกกู เหอะ

แล้วผมจะทำอะได๊ นอกจาก...

“เออก็ได้พี่” ถอนหายใจสิครับ “ลุกๆกันเหอะ ผมอายเค้า”

เย๊ะ!!!!!!!

“งั้นพรุ่งนี้ตอนห้าโมงเย็นเจอกันที่สนามกลางนะ”

“น้องแต็งค์ก็ด้วยนะ”

ไอ้แต็งค์มันก็พยักหน้าหงึกๆไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ในขณะที่ผมแทบจะลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้น



ปะ โล่ง ปะ โล่ง โป่ง ฉึ่ง  ฉึ่ง ฉึ่ง โป๊ะ ฉึ่ง ฉึ่ง



“น้ำ” เสียงตะโกนแหกปากแหกคอลั่นแสตนของพี่รหัสตัวดีของผมเอง จะอะไรอีกล่ะ ก็ตอนนี้มันเป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้วไง เวลาที่ต้องลากสังขารไปลงนรกขุมที่ห้า
“เออรู้แล้วพี่”
“ให้เร็ว” เร่งกูอีก “เรียกไอ้แต็งค์ไปด้วย”
“เออ!!” ผมตะโกนกลับไปให้แกรู้ว่ารู้แล้ว
“กูพี่มึงนะ” แล้วแกก็หันมาทำหน้าเหวอใส่ผม ผมก็เลยหันไปไหวไหล่ยักคิ้วใส่แกสองจึ๊ก เป็นการกวนตีน
“ไอ้แต็งค์” มันหันมามองผม “ป่ะ”พยักหน้ารับ



สนามกีฬากลาง



“หวัดดีพี่” ผมกับไอ้แต็งค์ยกมือไหว้พวกรุ่นพี่ที่ยืนออกันเป็นกลุ่มก้อนเต็มสนามหญ้า   
“ดีๆ/ดีจ้า”
“เดี๋ยววันนี้พี่จะสอนน้ำควงไม้แบบง่ายๆทีละสเต็ปก่อนนะ”
“ครับ”
“ส่วนของแต็งค์ไม่มีไรต้องซ้อมมาก วันนี้พี่แค่ให้มาลองถือดูเฉยๆ วันต่อไปก็ไม่ต้องมาแล้ว รอมาวันงานจริงทีเดียว”
“ครับ”
“งั้นผมก็ต้องมาคนเดียวหรอพี่”
“จ้า”

นรกแล้วไงกู

“แต่ไม่ต้องกลัวเหงาหรอกน่า... เดี๋ยวพอคนรู้ว่าเรามาซ้อมที่นี่ก็พากันแห่มาดูเองแหละ” เหอะ เหอะ
“เดี๋ยวมาด้วย”

ห๊ะ!!

ไอ้แต็งค์มันหันมาบอกผมด้วยสีหน้าจริงจังมากกกก
 
“ไม่ต้องหรอกมึง” เกรงใจมันครับแค่ทุกวันนี้ที่ทำมันทำอยู่ก็มากพอสำหรับผมที่ไม่เคยดูแลใครแล้ว “เดี๋ยวกูลากไอ้เหน่งมาเป็นเพื่อนเอง”
“มันต้องช่วยคณะ”
“แต่กู...”

มันก็ไม่คิดจะฟังอะไรผม ทำหน้าตีมึนหยิบไม้ที่ผูกธงมาทำท่าโบกไปมาให้พวกรุ่นพี่ดู



“จะหกโมงอยู่แล้วมึงไม่คิดจะหุบบ้างหรอแดด” ผมได้แต่บ่นอุบอิบ ส่วนไอ้แต็งค์ที่ยืนดูผมซ้อมควงคทาอย่างใกล้ชิด มันก็มักจะยืนถือธงอีกมือก็ดึงผ้าที่ใช้ทำเป็นธงกลางออกบังแดดให้ผมแทบจะตลอดเวลาที่ซ้อม มึงนี่มันแสนดีจริงๆ
“ทำไร” ไอ้แต็งค์มันทิ้งธงลงกับพื้นทันทีแล้วทำหน้าหงุดหงิด เอามือมาดึงชายเสื้อซับที่ซ้อนอยู่กับเสื้อช็อปผมลง เพราะผมกำลังดึงชายเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่แตกซะๆเต็มหน้า อะไรของมึงอี๊กกก
“เหงื่อกูเต็มหน้า”

มันไม่พูดอะไรครับ แต่มันเสือกเลิกชายเสื้อช็อปของมันขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผม เหอะ เหอะ

จากที่เป็นเป้าสายตาอยู่แล้ว

คราวนี้หนักเลย

และก็คงหนักตรงที่ชายเสื้อที่มันเลิกขึ้นเนี่ยมันทำให้เห็นกล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนๆของมัน

ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ

ใจผมเต้นรัวเป็นกลองชุดเลยครับ

วอทททท

จะเต้นทำไม!!!

“ปรนนิบัติดีอย่างกับทาสในเรือนเบี้ยเลยนะมึง” เสียงแรดๆของไอ้เหน่งที่แหวดเข้ามาในหูผม ทำให้ผมต้องรีบดึงตัวเองออกห่างไอ้แต็งค์ทันที ผมรู้สึกร้อนที่หน้า ที่หู วูบวาบ ร้อนเพราะอะไรวะ
“หน้าแดง” ไอ้ห่าแต็งค์!!!
“อ่า น้องน้ำคะ เดี๋ยววันนี้พอก่อนเนาะ พรุ่งนี้ค่อยมาต่อ เวลาเดิมนะ” ดีที่รุ่นพี่แกมาตีระฆังเรียกสติผมไว้
“ครับ” ผมหันไปตอบรุ่นพี่ก่อนที่จะหันมาแค่นเสียงใส่ไอ้พวกเพื่อนตัวดี “มองห่าอะไร!! กลับ”
“เออๆ จะหงุดหงิด จะเขินเลือกซักอย่าง” ผมเลยยกตีนถีบไอ้ห่าเหน่งทันทีที่มันพูดจบ “เชี้ยยยยยน้ำ”
“มึงจะกลับมั้ย!!” ผมหันไปแค่นเสียงหงุดหงิดใส่ไอ้แต็งค์ ส่วนมันก็ทำหน้ามึนอมยิ้มกวนส้นตีนส่งกลับมาหาผม



“ไอ้เทมส์ มึงมาช่วยกูนี่เลย มาๆ” ไอ้เหน่งมันโบกมือเรียกไอ้เทมส์มาช่วยทำอุปกรณ์เชียร์

“ไอ้แคมป์ ไอ้ห่า” ไอ้ไม้กับไอ้แคมป์มันกำลังเอาพู่ของพวกเชียร์มาไล่ตีกันอย่างดุเดือด ซึ่งถ้าใครมาเห็นสภาพตอนนี้คงไม่มีใครคิดว่าพวกมันมาช่วยงาน น่าจะมาป่วนเค้ามากกว่า บรรยากาศมันช่างวุ่นวายชุลมุนที่สุด

“ไอ้โต้ง ไอ้แต็งค์ ทางนี้” ไอ้สองตัวก็ดิ่งตีนมาตามเสียงของไอ้โชคทันที

“อะไรวะ”

“มาช่วยกูยกลังนี่ดิ้”

“ทีเรื่องใช้กำลังนี่เรียกหากูเลยนะ” ไอ้โต้งกับไอ้โชคมันก็ยืนต่อปากต่อคำกันหลายนาทีกว่าจะพากันยกลังได้

“กินไรยัง” ไอ้แต็งค์มันเดินมาหย่อนตูดนั่งข้างผมแล้วยื่นถุงขนมถุงใหญ่มาให้ ตั้งแต่เป็นบัดดี้กันมามันก็คอยตามเทคผมด้วยของกินสารพัดไม่เคยขาดซักมื้อ จนผมเริ่มสงสัยแล้วว่าบ้านมันทำโรงงานผลิตขนมรึป่าว ทำไมมันซื้อได้ ซื้อดีจริง “ไม่ซ้อมกลอง?”

“ซ้อมไปแล้ว”

“ไม่ทัน..” มันมาไม่ทันได้ดู

“ก็มึงเพิ่งเลิกเรียน”

“อยากดู”

“พรุ่งนี้” มันก็หันมาทำคอตกหน้าเศร้า ที่ผมเห็นแล้วหน้าถีบมากกว่า “ห้าโมงแล้วกูต้องไปซ้อม ตรี คทา จักร สังข์”

“มึงเป็นสี่ยอดกุมารหรอวะ”

ผลั๊วะ!!

ผมเลยจัดไปหนึ่งโบกให้ไอ้เทมส์

“ป่ะ” ไอ้แต็งค์มันจัดการลุกขึ้นปัดตูดแล้วยื่นมือดึงผมลุกขึ้น
“มึงจะไปด้วย?” มันพยักหน้าหงึกๆ ผมเลยถอนหายใจโชว์มันซะเลย “เออๆ” คดีเก่ายังไม่เคลียร์เลยนะมึง

แต่ก็ขัดมันไม่ได้

ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

แต่ผมรู้สึกว่าอุ่นใจทุกครั้งที่มีมันอยู่ด้วยในตอนที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายๆคนเพราะมันทำให้ผมลืมสายตาของคนพวกนั้น

แต่กลับเลือกสนใจสายตาของมัน



ตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาไอ้แต็งค์มันตามติดตูดไปปรนนิบัติผมทุกที่

ไม่ว่าจะไปซ้อมคทา

ซ้อมกลอง

รวมถึงช่วยงานของคณะ

พอมันเรียนเสร็จมันก็ดิ่งตีนมาหาผมทันที

ดูแลผมประหนึ่งลูกน้อยวัยสามขวบ

จะกลับมืดกลับค่ำ

ฝนจะตก

ฟ้าจะร้อง

พายุจะเข้า

ไม่เคยบ่นให้ได้ยิน ผมล่ะสงสารมัน ช่วยงานที่เอกตัวเองได้รับผิดชอบแล้วยังต้องมาช่วยงานในส่วนของเอกผมอีก พอบอกว่าไม่ต้องช่วยมันก็มาชักสีหน้าหงุดหงิดใส่ บางทีก็อยากยกตีนขึ้นถีบหน้ามันแต่ก็ทำไม่ได้ กลัวมันสวนกลับแล้วจะสู้ไม่ไหว

วันนี้มันก็ยังคงตามติดตูดผมเหมือนเดิม

“น้ำพี่ว่าเราใช้คทาคล่องแล้ว เดี๋ยววันต่อๆไปมาแค่ซ้อมกับวงดุริยางค์ซักสองสามรอบพอเนาะ”
“ขอบคุณครับพี่”
“งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ บาย” เริ่มสบายขึ้นมาเลเวลนึง “บายจ้า แต็งค์” ส่วนคนที่ลำบากยังคงเป็นไอ้แต็งค์เหมือนเดิม
“แต็งค์ กูว่าจะไปกินข้าวข้างนอกแล้วค่อยกลับมาช่วยงานที่คณะ มึงไปกับกูป่ะ”
“อือ” มันพยักหน้ารับ

แล้วก็เดินนำผมไปอย่างเร็ว ไม่รู้ว่าหิว รึเบื่อสนามหญ้าเขียวๆที่เหยียบอยู่แล้ว ก็น่าเบื่ออยู่หรอกครับ มันตามมานั่งเฝ้าผมตั้งแต่ห้าโมงจนนี่ก็ทุ่มนึง นั่งเอาตีนเขี่ยดินเขี่ยหญ้ามาสองชั่วโมงแล้ว ซึ่งก็เป็นแบบนี้ทุกวัน แต่มันก็ยังเสือกตามผมมา



“กูเอาคะน้าหมูกรอบ ไข่เจียว” ผมหันไปมองมันเป็นเชิงบอกมึงจะแดกอะไร
“เหมือนมึง” ก็อปกูตลอด ตั้งแต่กินข้าวด้วยกันมาสิบกว่ามื้อกูไม่เห็นมื้อไหนมึงจะใช้ความคิดตัวเองบ้างเลยไอ้ห่า
“ป้าครับ เอาคะน้าหมูกรอบ ไข่เจียว 2”
“จ้า พ่อรูปหล่อ” ป้าแกก็หันมายิ้มหวานหยาดเยิ้มให้ผมกับมัน ดูแล้วรู้สึกชื่นใจ อืม ชื่นใจ
“แต็งค์กูว่ามึงไม่ต้องมาตามติดตูดกูแบบนี้ทุกวันก็ได้...”
“รำคาญ?” มันมองหน้าผมแล้วขมวดคิ้วยึกยือ
“ป่าว” ผมเลยต้องถอนหายใจโชว์ซักหนึ่งเฮือก “กูกลัวมึงเหนื่อย” แล้วก็อีกหนึ่งเฮือก “ทำนั่นนี่เสร็จแทนที่จะได้กลับบ้านแต่ต้องมารอกู...”
“ก็มึงสำคัญ”

ห๊ะ!!!
 
วอททททท

มึงว่าอะไรนะ...
 
ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ

“ข้าวได้แล้วจ้าสองหนุ่ม”



จากนั้นผมกับมันก็ไม่ได้พูดอะไรกันต่อ นอกจากต่างคนต่างโซ้ยคะน้าหมูกรอบกันอย่างเงียบๆ


 
พอกินเสร็จผมก็พามันมาเดินตลาดเปิดท้าย แหล่งรวบรวมสารพัดของกิน เป็นสถานที่ยอดฮิตสำหรับผมและเพื่อนรักทั้งห้าตัว

บรรยากาศที่นี่มันให้อารมณ์เรื่อยเปื่อยดีครับ หลอดไฟสีส้มออมเหลือง ห้อยเรียงรายต่องแต่งอยู่เหนือแผงร้านค้านับร้อย ผู้คนเดินสวนไปสวนมากันให้ขวักไขว่ ควันขมุยขุยโขงจากร้านปิ้งลูกชิ้นที่ลอยล่องไปทั่วสารทิศ มันดูธรรมดาๆแต่ในความธรรมดา มันกับพิเศษกว่าทุกครั้งที่ได้มา

ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน

“เดี๋ยวไปหาซื้อของกินให้พวกไอ้เหน่งกัน”

มันพยักหน้ารับผมแล้วเดินนำลิ่ว สรุปกูหรือมึงที่ตั้งใจมา

บอกตรงตรงตั้งแต่วันที่ได้พบเธอ
ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร
ใจข้างในก็ยอมแพ้
แม้เธอไม่เคยบอก


อยู่ๆก็มีเสียงเพลงลอยมากระทบหู ผมเลยมองหาต้นเสียง

พอมองๆแล้วก็เจอกลุ่มคนยืนมุงอะไรกันไม่รู้ กำลังจะเดินไป แต่..

“น้ำ” เจอเบรก “มาทางนี้” แล้วมันก็จัดการดึงมือผมให้เดินตามมันไปยังกลุ่มไทยมุงอีกกลุ่มหนึ่ง

ว่าเธอคิดกับฉันว่ายังไง

ผมเห็นกลุ่มนักเรียนม.ปลาย กำลังแสดงดนตรีสดกัน เห็นมีกล่องรับบริจาคอยู่กล่องหนึ่ง น่าจะทำโครงการจิตอาสากันอยู่

เป็นครั้งแรกที่มันรักใครไปโดยไม่ต้องคิด
เป็นครั้งแรกที่ไม่สนว่ามันจะถูกหรือผิด
แค่ได้รักเธอต่อไป เพราะทำอย่างไรก็ห้ามใจไว้ไม่ได้
เป็นครั้งแรกที่มันรักใครไปโดยไม่ต้องคิด
ไม่สนว่าตอนสุดท้ายผลมันจะถูกหรือผิด


ผมกับไอ้แต็งค์ยืนฟังเพลงกันซักพัก มือมันก็ยังคงจับมือผมไว้อยู่ ราวกับกลัวว่าผมจะหาย

เธอไม่รู้ไม่เป็นไร
ขอแค่ให้ใจได้แสดงความจริงข้างใน


พอเห็นกลุ่มนักเรียนม.ปลายร้องเพลงเล่นดนตรีกันอย่างสนุกสนาน

ทำให้นึกถึงตัวเองตอนอยู่ม.ปลายขึ้นมาทันที

ตอนนั้น...ที่ได้ทำอะไรแบบนี้มันสนุกมาก

และก็มีความสุขมาก
 
“แต็งค์” ผมเอี้ยวตัวไปพูดข้างๆหูมัน เพราะตอนนี้รอบตัวเสียงดังมากกลัวมันไม่ได้ยินที่ผมพูด “มึงเชื่อป้ะ ตอนกูอยู่มัธยมอ่ะ กูมาทำแบบเด็กพวกนี้โครตบ่อย”
“เชื่อ” มันเอี้ยวตัวมากระซิบที่ข้างหูผมคืน
“ตอนนั้นกูไม่เคยสนใจเลยว่ะ ว่าตัวเองจะตกเป็นเป้าสายตา ไม่เคยสนด้วยว่าวันต่อๆมาจะมีใครมาตามวุ่นวายในชีวิตกู”
“ทำไม” มันเลิกคิ้วสงสัย

แม้เธอไม่เคยบอก
ว่าเธอคิดกับฉันว่ายังไง


“กูใส่หมวกกันน็อคร้อง”

พรื้ดดด

นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเสียงหัวเราะของมัน

ที่เป็นเสียงหัวเราะจริงๆ

เป็นครั้งแรกที่มันรักใครไปโดยไม่ต้องคิด
เป็นครั้งแรกที่ไม่สนว่ามันจะถูกหรือผิด
แค่ได้รักเธอต่อไป เพราะทำอย่างไรก็ห้ามใจไว้ไม่ได้
เป็นครั้งแรกที่มันรักใครไปโดยไม่ต้องคิด
ไม่สนว่าตอนสุดท้ายผลมันจะถูกหรือผิด


มันเปลี่ยนจากจับมือผม เป็นเอามือทั้งสองข้างขึ้นมาจับที่ไหล่ แล้วดันผมให้เดินเข้าไปใกล้จุดที่พวกเด็กม.ปลาย กำลังร้องเพลงเล่นดนตรีสดอยู่

เธอไม่รู้ไม่เป็นไร
มันพาผมเข้ามาใกล้จนอยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่มคน
ขอแค่ให้ใจได้แสดงความจริงข้างใน
ที่ฉันมีต่อเธอ
                                                         
(ขอบคุณเพลง กะทันหัน - ฟิล์ม บงกช/ รุจ ศุภรุจ/LOWFAT)



“รออยู่นี่”



มันพูดจบก็หยิบธนบัตรออกจากระเป๋าตังค์มัน เดินดิ่งตีนไปหากล่องบริจาคแล้วหย่อนธนบัตรลง

แต่เดี๋ยวนะ

แบงค์พัน

แบงค์พัน!!!!

มันหย่อนธนบัตรฉบับหนึ่งพันบาทลงกล่องอย่างไม่ใยดี หล่อ รวย สปอร์ตมากมึ๊งงง

มันหันมายักคิ้วลิ่วตาใส่ผม แล้วหันไปกระซิบกระซาบกับน้องที่เป็นคนร้องเพลง

ก่อนจะหันกลับมามองผมอีกที แปลกๆว่ะ รู้สึกเหมือนได้รับไอนรกอยู่ใกล้ๆตัว

แล้วมันก็เดินออกมายืนอยู่ข้างผมตามเดิม

“ต่อไป...เรามาพบกับนักร้องรับเชิญสุดพิเศษของเราดีกว่าครับ”

กรี๊ดดดดดด

วี๊ดดดดดดดด

วู้ววววววววว

มีนักร้องรับเชิญด้วย ดีๆว่ะ ผมหันไปมองไอ้แต็งค์ที่มันยิ้มมุมปากหน่อยๆ

ก่อนมันจะหันมามองผม

สายตาแบบนี้

มึงคงไม่...

“เชิญครับพี่น้ำ”

เวร!!!

กูว่าแล้วไอ้ห่าแต็งค์ ไอ้ส้นตีน

แล้วพวกน้องก็พากันส่งสายตามากดดันผม

ไม่ใช่แค่พวกน้องสิ

พวกกลุ่มไทยมุงที่ยืนมุงกันอยู่ด้วยเนี่ย

เวรแล้วไงไอ้น้ำมึง

“ทำบุญ” มันหันมากระซิบข้างหูผม บุญกับผีมึงสิ หืมมมม
“มึงไม่ทำเองล่ะ”
“ทำแล้ว” จ้าๆ “ตั้งพันนึง” จ้าพ่อ ผมได้แต่เบะปากใส่มัน
“ขอเสียงให้พี่น้ำหน่อยครับ”

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

ไอ้นั่นก็กดดันจัง

ไอ้ห่านี่ก็น่าถีบจริง

จะปฏิเสธก็ไม่ได้ มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมคงทำได้แต่ชูนิ้วกลางน่ารักๆให้ไอ้แต็งค์มันไป แล้วเดินไปตรงตำแหน่งที่น้องๆใช้แสดงกัน

“ร้องเพลงไรดีพี่” ทักทายเหมือนสนิทกันมาสิบปี

ผมหันไปมองไอ้คนตรงหน้า ที่ทำหน้านิ่งๆเรียบๆ และแอบอมยิ้มสะใจกับการกระทำตัวเองอยู่

“บังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต” ทำไมผมถึงเลือกเพลงนี้วะ “ครับ”

ไม่ทันได้ตอบคำถามตัวเองในใจ อินโทรดนตรีก็ขึ้น

เป็นความต้องการจากฟ้า หรือความต้องการจากใคร
ที่มาทำให้สองเราได้มาเจอกัน
เธอเพียงแค่เดินผ่านพ้น ฉันเพียงแค่วนผ่านไป
แต่ทำไมหัวใจเราจึงผูกพัน


ทำไมผมถึงเลือกเพลงนี้อ่ะหรอ
 
หรือว่ามันคือพรหมลิขิต ที่ใครมาขีดไว้
แต่ก็ทำให้หัวใจ ได้ใช้รักใครสักคน


ไม่รู้สิครับ

บนโลกนี้ มีคนอยู่เป็นร้อยล้านคน
แต่วนมาได้พบเธอ ความบังเอิญ
เปลี่ยนชีวิตฉันไปแค่แรกเจอ
ที่พบเธอ ก็เหมือนเจอทุกสิ่งที่ฉันรอ


พอยิ่งได้ร้อง

ยิ่งได้ยินทำนองดนตรี

หลายๆอย่างในหัวผมมันก็ผลุดขึ้นมา

จะบินข้ามไปอีกฟ้า หรือว่าจะไปที่ใด
มันก็ยังไม่พ้น ให้เราต้องเจอกัน
ที่โลกมันกลมแบบนี้ คงมีเหตุผลของมัน
ที่ทำให้ฉันได้มาเจอเธอ
หรือว่ามันคือพรหมลิขิต ที่ใครมาขีดไว้
แต่ก็ทำให้หัวใจ ได้ใช้รักใครสักคน


สิ่งที่ผลุดขึ้นมา มีแต่ภาพของผมกับมัน

ภาพตั้งแต่ตอนที่ไอ้เทมส์ชี้ให้ผมมองมัน

ภาพที่มันวิ่งหอบของขวัญของใครก็ไม่รู้มาให้ผม

ภาพที่ผมต้องหน้าเหวอตอนที่รู้ว่าเป็นบัดดี้กับมัน

และอีกหลายๆภาพ มากมาย

บนโลกนี้ มีคนอยู่เป็นร้อยล้านคน
แต่วนมาได้พบเธอ ความบังเอิญ
เปลี่ยนชีวิตฉันไปแค่แรกเจอ
ที่พบเธอ ก็เหมือนเจอทุกสิ่งที่ฉันรอ


คิดแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ผมกับมัน จะมีภาพจำหลายภาพขนาดนี้

หรือว่ามันคือพรหมลิขิต ที่ใครมาขีดไว้
แต่ก็ทำให้หัวใจ ได้ใช้รักใครสักคน
บนโลกนี้ มีคนอยู่เป็นร้อยล้านคน
แต่วนมาได้พบเธอ ความบังเอิญ
เปลี่ยนชีวิตฉันไปแค่แรกเจอ
ที่พบเธอ ก็เหมือนเจอทุกสิ่ง
และเพราะเธอ คือสิ่งที่ฉันรอ

(ขอขอบคุณเพลง บังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต - โปเตโต้)



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด



“ขอบคุณครับ”



ร้องเสร็จผมก็วิ่งมาหาไอ้ตัวดีแล้วลากมันออกมาจากฝูงชน เพื่อหาซื้อของกินไปให้พวกไอ้เหน่ง ที่ป่านนี้คงนั่งหิวไส้กิ่วกันอยู่ที่ใต้ตึกคณะ



ปึง (เสียงปิดประตูรถ)



“มีความสุขจังนะมึง” ตั้งแต่ขึ้นรถมามันก็นั่งหน้านิ่งแต่แอบอมยิ้มอยู่ คงจะมีความสุขที่ได้กวนตีนผม
“อือ”
“กูจะตัดมึงออกจาการเป็นบัดดี้”
“เรื่อง?” มันถอนหายใจ “ถ้าเป็นเรื่องร้องเพลง” มันหันมามองผมแล้วก็หันกลับไปสนใจควงพวงมาลัยขับรถต่อ “มึงก็ดูมีความสุขดี”
“หน้ากูบอกแบบนั้นหรอวะ”
“อือ...” แล้วมันก็ง้างปากพูดต่ออีก “อะไรที่ทำแล้วมีความสุข ทำแล้วไม่ได้เดือดร้อนใคร ก็ไม่เห็นต้องไปแคร์คนอื่นเลยนี่วะ”
“มึงคิดงั้น?”
“กูรู้ว่ามึงไม่ชอบการตกเป็นเป้าสายตา กูเองก็ไม่ชอบ กูเข้าใจเรื่องนี้ดี” เข้าใจ แต่มึงแม่งก็ชอบหาเรื่องมาให้กู “ถ้าเราเอาแต่หนี เราไม่ต้องหนีกันไปตลอดชีวิตหรอ”

เหยดดดดด

พูดดี

“วันนี้ทำไมมึงอธิบายยาวๆได้วะ”

“ก็เพราะเป็นมึง...”

ตุบ ตุบ ตุบ

“มึงที่แม่งเข้าใจอะไรยากเย็นไง” ห่า เกือบจะหวั่นไหว
 
“เออๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนกูก็เอาแต่หนีอย่างที่มึงพูดแหละ” ผมถอนหายใจเบาๆ “ก็ไอ้เหน่งมันชอบสปอยกู ถ้ากูไม่โอเคมันก็หาทางหนีทีไล่ให้กูตลอด”

“ตอนนี้ก็ยังหนีอยู่”

“ก็หนีอยู่” มันหันมามองหน้าผม “แต่พอรู้ว่าตรงที่กูยืนอยู่มีมึงคอยมองอยู่กูก็ไม่คิดจะหนี” หันหน้าไปสบตามัน “ถึงจะคิดแค่แปปเดียวก็เหอะ”

“หึหึ” นี่คงเป็นการหัวเราะที่จริงใจที่สุดของมันผมรู้สึกได้

“ไอ้ห่าแต็งค์” มันมะเหงกมาที่หัวผมถึงจะเบาๆ แต่ก็อยากด่า



ตอนนี้ผมกับมันก็พากันแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ผ่านๆมาที่ต่างคนต่างพยายามหนีการเป็นจุดสนใจของคนอื่น

มันขับรถไปหัวเราะไป

ภาพไอ้แต็งค์ในตอนนี้มันไม่ได้หน้านิ่งๆไร้ความรู้สึกใดๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

หน้ามันมีแต่รอยยิ้ม

ยิ้มที่เป็นยิ้มจริงๆ

จนผมรู้สึก...อยากจะเก็บรอยยิ้มนี้ไว้มองเพียงคนเดียว



ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ



ทำไมหัวใจของผมต้องเต้นแรงขนาดนี้



โดย  อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 03-09-2021 19:49:11
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 6
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 09-09-2021 19:14:17
Episode 6 มึงชอบมัน



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



ปะ โล่ง ปะ โล่ง โป่ง ฉึ่ง ฉึ่ง ฉึ่ง โป่ง ฉึ่ง ฉึ่ง



อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย



“แต็งค์” ฉีกยิ้มหวานหยดย้อยแล้วยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลถุงใหญ่ให้ ซึ่งไม่รู้ในถุงมีอะไรเพราะมองไม่เห็น

หญิงสาวรายที่ 17 ของวันนี้ ที่เข้ามาหาไอ้แต็งค์พร้อมมีของติดไม้ติดมือมาให้ ถามว่ารู้ได้ไง เหอะ เหอะ

ผมไม่ได้จับตามองมันทั้งวันหรอก

แต่มันน่ะ

เสร่อมาอยู่ในสายตาผมทั้งวันเอง

“น้ำเหนื่อยมั้ยอ้ะ” หยิบทิชชู่มาเช็ดเหงื่อที่หน้าให้ “กินน้ำป้ะ เดี๋ยวเฟิร์นไปซื้อให้” ฉีกยิ้มหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า
“ไม่เป็นไรเฟิร์น ขอบใจนะ” ยิ้มน้อยๆส่งกลับไป คนที่ปรนนิบัติผมราวกับลูกน้อยในวันนี้คือเฟิร์นครับ

เฟิร์นเป็นดาวคณะของผมเอง อยู่เอกเดียวกับผมด้วยคือเอกไฟฟ้า ถามว่าสนิทกับเธอเหรอถึงได้มาคอยดูแลผม

ไม่

ใช่ครับ

ไม่สนิทกันเลย

แต่เฟิร์นจะชอบมาตามติดเกาะแข้งเกาะขาผมแบบนี้ประจำทุกทีที่มีโอกาส ชอบบอกต่อหน้าคนอื่นๆว่าชอบผมมากกกกกก

แต่เอาเข้าจริงผมว่าเธอไม่ได้ชอบผมแบบผู้หญิงชอบผู้ชายหรอก ดูเหมือนจะชอบแกล้งเย้าแหย่เพราะอยากสนิทมากกว่า

ผมเองก็ไม่ว่ารึทำท่าทางไม่ชอบใจอะไร เพราะคิดว่ายังไงก็เพื่อนกันยังต้องเจอหน้ากันทุกวันอยู่ดี เฟิร์นเป็นผู้หญิงจัดว่าสวยเลยแหละ สูงน่าจะประมาณ 165 แหละมั้งครับ ผิวขาวเหลือง ปากสีชมพูแดงๆโดยไม่ต้องทาลิปสติก เธอสวยแบบธรรมชาติเลยครับแบบไม่ใช้เครื่องสำอางเลยก็ว่าได้

“น้ำ เดี๋ยวพักก่อน” เสียงจากสวรรค์
“กว่าจะได้พัก” ถอนหายใจเฮือกนึง “ดูสิพี่เม่น น้ำตีกลองจนมือจะหักแล้ว”
“เป็นอะไร” ไอ้เหน่งหันไปถามเฟิร์น “เป็นห่วงเป็นใยแต่ไม่ได้เป็นแฟน”

ผลั๊วะ

เฟิร์นเลยจัดการศอกท้องไอ้เหน่งไปหนึ่งที

อืมทำดีๆ

“ไอ้แต็งค์นี่มันฮอตฮิตสไปร์ซี่ไม่เลิกเลยว่ะ” ไอ้แคมป์มันเดินมาพูดพร้อมส่ายหัวเบาๆข้างๆผม
“อิจฉา?”
“ถ้าอิจฉามัน กูอิจฉามึงไม่ดีกว่าหรอวะ ห้อมร้อมไปด้วยสาวแท้สาวเทียมยกโขยง”
“เหอะ เหอะ” ถึงกับต้องแค่นหัวเราะใส่หน้ามัน
“จะว่าไปเดี๋ยวนี้ไอ้แต็งมันอารมณ์ดีแปลกๆว่ะ” ไอ้บิวโพล่งขึ้นมา แล้วก็เสือกเสนอหน้ามากอดคอมผมพร้อมเป่าหูเบาๆ
“ไงว๊า” ไอ้เหน่งแว๊บกลับมาเสือกหลังตีกับเฟิร์นได้ซักพัก
“ก็ปกติแม่งจะหงุดหงิดเวลามีคนมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตมัน” ยัง ยังไม่เลิกเป่าลมใส่หูกูอีก “แต่เดี๋ยวนี้ใครเอาอะไรมาให้ก็รับของเค้าไปหมด ทั้งที่ทุกทีจะผลักกูไปรับหน้าแล้วตัวเองวิ่งหนีไป”
“จริงดิ”
“กูว่าแม่งกำลังเปิดใจ” หรอวะ “หรือไม่มันก็อาจจะกำลังหาแฟน”
“ย่ะ ย่ะ ไอ้แต็งค์ของเรา” ไอ้แคมป์มันส่ายหน้าแบบภูมิใจ ภูมิใจเหมือนไอ้แต็งค์เป็นลูกมัน
“มันจะหารึไม่หามึงจะจับมาเป็นประเด็นทำไม มาช่วยงานกูนี่” แล้วก็เป็นไอ้ไม้ที่มายุติความเสือกเรื่องไอ้แต็งค์ของพวกมัน
“เออมึงลากพวกมันไปเลย พูดแต่เรื่องไร้สาระ กูไม่มีสมาธิตีกลอง” สาบานว่าผมไม่ได้หงุดหงิด
“ทำไม หึงหรอ” ไอ้บิว ไอ้ส้นตีน ผมเลยจัดลูกถีบเบาๆใส่ตูดมันไป ข้อหาพูดมั่วซั่ว
“เอาน่า... ไม่หึงเนาะ ไอ้แต็งค์มันสนใจแต่มึง มึงก็รู้” สัดเหน่ง

ผลั๊วะ

แล้วไอ้ตัวดีที่เค้ากำลังนินทามันอยู่ก็วิ่งลากตีนหอบของพะรุงพะรังมา

คงจะเป็นของเซอร์วิสจากพวกสาวๆคนรักแต็งค์แหละครับ

สาบานอีกรอบว่าไม่ได้หงุดหงิดแค่รู้สึกว่าวันนี้อากาศมันร้อนกว่าทุกวัน

“อ่ะน้ำ” มันยื่นขวดน้ำมาให้ผม เหอะ
“เฟิร์น!!!” ผมตะโกนไปยังเป้าหมาย “หิวน้ำอ่ะ”
“มาแล้วค่า” รวดเร็วทันใจ พร้อมหยิบหลอดป้อนถึงปาก เซอร์วิสดีไปอีก ส่วนไอ้คนตรงหน้าก็ทำหน้านิ่งไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม และก็ยังยื่นขวดน้ำในมือมันยัดเยียดให้ผมเหมือนเดิม
“กูกินแล้ว” ยกขวดน้ำที่เฟิร์นเอามาให้โชว์
“เก็บไว้” มันก็ไม่ฟังอะไรเหมือนเดิม แล้วก็ยัดขวดน้ำใส่มือผม
“ไอ้แต็งค์ มึงมาช่วยทางนี้ดิ้” เสียงไอ้บิวเพื่อนรักมันเรียกตามตัวไปช่วยงาน
“ห้าโมงเจอกัน”

ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรมัน

พยักหน้าหงึกหงักไปสองที

ไม่อยากจะแสดงอารมณ์หงุดหงิดใส่มัน

แต่เดี๋ยว

ผมหงุดหงิดมันเรื่องอะไรเนี่ย



“แหม ใจคอจะไม่ยอมห่างกันเลยหรอ” แหม ใจคอก็จะทักแบบเดิมทุกวันเลยหรอ พี่ที่ซ้อมคทาให้ผมเองครับ ทักแบบนี้ทุกวัน ย้ำว่าทุกวัน ไม่เคยเปลี่ยนคอนเซปการทักเลย
“ครับ” ไอ้แต็งค์มันก็ครับแบบนี้ทุกวันเหมือนกัน โอเคคุยกับพี่แกได้
“งั้นเริ่มซ้อมกันเลยแล้วกัน ซักสามรอบพอ เสร็จจะได้กลับๆไว”
“ครับพี่”

ระหว่างที่ผมซ้อมอยู่ สายตาของผมไม่ได้สนใจไม้คทาที่ควงอยู่ หรือเสียงทำนองดนตรีที่วงดุริยางค์เล่น แม้กระทั่งพี่ที่คอยแหกปากบอกจังหวะบอกวงดุริยางค์

เพราะผมกลับเลือกสนใจ....

สนใจแต่บรรดาเหล่าสาวๆที่หอบหิ้วของน้อยใหญ่มาเซอร์วิสไอ้แต็งค์เนี่ย ไอ้นั่นก็นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อน เค้าให้อะไรก็รับไปหมด เห็นแล้วอยากขว้างไม้คทาเข้าไปกลางวงล้อมให้แตกกระเจิง

หงุดหงิดโว้ยยยยยย

แล้วกูจะหงุดหงิดทำไม

“เอ่อ... น้ำ”
“น้ำ”
“น้ำโว้ยยย”
“ห๊ะๆ พี่”
“วันนี้ดูไม่มีสมาธิเลย” ใช่ครับ

ทำไมไม่มีสมาธิเลย

หงุดหงิดตัวเอง

วันนี้ผมไม่มีสมาธิอะไรเลย

มัวแต่จดจ่ออยู่กับไอ้แต็งค์

“โทษครับพี่”
“อือๆไม่เป็นไร” แล้วแกก็ถอนหายใจใส่ผมเฮือกนึง “วันนี้พอก่อนแล้วกัน ป่ะๆแยกย้าย”
“หวัดดีพี่”
“วันนี้เลิกไว” เออถ้าเลิกช้ากูจะเดินออกมามั้ย
“อือ”
“เหนื่อย?”
“อือ”
“หิว?”
“อือ”
“หึง?”
“อือ” เดี๋ยวไอ้ห่าแต็งค์

ผลั๊วะ

“จริงป่ะ” ยังจะมาเลิกคิ้วใส่กูอีก
“จริงเรื่องอะไรล่ะ”
“ก็หึง” ยังไม่จบ
“กูจะไปหึงมึงเรื่องอะไร”
“หงุดหงิด?” ยัง มึงยังจะร่ำไรอีก
“ไอ้แต็งค์ มึงดูปากกูนะ กูเหนื่อย กูหิว กูอยากนอน!!”
“ไม่ช่วยงานคณะ?”
“ให้พวกไอ้เหน่งมันช่วยไป กูไม่ไปคนเดียวรุ่นพี่คงไม่พากันเผาคณะหรอก”
“รู้แล้วๆ” รู้ก็ดีร่ำไรกับกูอยู่นั่น “ไม่เห็นต้องหงุดหงิด”
“กูหงุดหงิด?” ผมหันไปมองมันแล้วเอานิ้วชี้หน้าตัวเอง
“อือ” คือหน้ากูดูหงุดหงิดหรอวะ แล้วมึงจะมาอมยิ้มเพื่อ!!
“กูหิวข้าว จะไปกินข้าว มึงกลับไปได้ละ”
“หมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง” มันบ่นหงุงหงิงเหมือนจะเบาแต่จงใจให้ผมได้ยิน ผมเลยต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้มันได้ยิน
“ถ้าจะไปด้วยก็รีบเดิน แล้วก็ไม่ต้องง้างปากพูด” ทีนี้มันเดินนำลิ่วเลยครับ ไม่รู้กลัวไม่ได้ไปรึว่าแกล้งประชด หืมอยากถีบ



ติ๊งงงงงงงงง (เสียงเรียกเข้า)



“แต็งค์ รับสายให้กูหน่อย”
[ไง๊]
“น้ำมันขับรถอยู่พี่นนท์”
[แล้วมึงใคร ถือวิสาสะมารับโทรศัพท์แทนน้องกู]
“แต็งค์ พี่” ถอนหายใจ
[เออๆ กูรู้แล้ว หยอกเล่นไปนั่นแหละ ฮ่าๆ]
“มึงเปิดสปีกเกอร์โฟนดิ”
“แปป”
“มีเรื่องห่าเหวไรพี่นนท์”
[คำทักคำทายมึง]
“อย่าลีลา”
[คืนนี้สามทุ่มเจอกัน ชนกัน แดกเหล้า]
“แดกเนื่องในโอกาส?”
[เออน่า แดกก็คือแดกไม่ต้องรอโอกาส… แต็งค์มึงมาด้วยนะ]

มันพยักหน้ารับโดยที่ไม่รู้ว่าพี่นนท์มันจะเห็นหรือไม่เห็น

[เอาไอ้สี่ห้าตัวนั่นมาด้วย เอ้อ เอาเพื่อนมึงมาด้วยนะไอ้แต็งค์ หลายๆคนครื้นเครงดี]
“ครื้นเครงกับผีน่ะสิ เวลาเมาเหมือนหมาทุกตัว”
“มึงก็ด้วย”ไอ้ห่าแต็งค์
[ตามนี้นะ ใครไม่มากูตามไปลากคอถึงที่แน่]
“ร่ำไร”
[จุ้บๆ] เสียงนี่แรดมากพี่มึง



23.30 น.



“อ้าว พัทยา” มุข??

“ชนไม่ใช่หรอวะ”

“กูเล่นมุข ไอ้ห่าไม้” เอาที่มึงสบายใจกันเลย

“ชนๆ ชนนนนนน”

กริ๊งงงง กริ๊ง

“น้องคะ พี่ขอชนแก้วด้วยได้มั้ยคะ”

กริ๊งงงงงง

ครับ

แต่ผมไม่ได้ชนครับ

ไอ้แต็งค์ไอ้ตัวดี

เสือกหน้ามาชนแทน

ผมล่ะอ่อนใจกับมัน นี่คงเป็นแก้วที่ 11 แล้วครับที่มันมาชนแทนผม

เห็นสาวๆอกตู้มหน่อยไม่ได้ ต้องเสนอหน้า เห็นแล้วหมั่นไส้

อยากจะยกถังน้ำแข็งทุบหัวมันให้สลบ

“ใช่น้ำป้ะ ชนแก้วหน่อยดิ”

กริ๊งงงงงง

“จำพี่ได้มั้ย พี่อยู่เอกเครื่องกล ที่เคยช่วยเรายกลังกระดาษ...”

ครับ กริ๊งงงงงง

“ชนแก้วหน่อยค่ะ”

กริ๊งงงงง

แต่ละกริ๊งที่เข้ามาชนแก้ว ไม่เคยถึงแก้วผมเลยครับ

ไอ้ห่าแต็งค์มันฟาดชนเรียบหมดทั้งชายและหญิง

แก้วเหล้าผมแทบจะเป็นหมัน

ถ้าไม่ได้ไอ้เหน่งกับโชคคอยหันมาชนด้วย คงเป็นหมันแน่

“หงุดหงิดอะไรวะ” ไอ้เหน่งมันหันมาคุยกับผม
“ไม่ได้หงุดหงิด”
“แต่หน้ามึงบอกว่าหงุดหงิด”
“กู ไม่ ได้ หงุด หงิด”
“หรอวะ” ก็เออสิวะ “มึงหงุดหงิดไอ้แต็งค์”
“ห๊ะ!!!”

วอทททท

“กูจะไปหงุดหงิดมันเรื่องอะไร?” ต้องถอนหายใจโชว์มันเลยจังหวะนี้
“หงุดหงิดที่มีแต่คนมาชนแก้วกับมันไง” เดี๋ยวนะไอ้เหน่งเค้ามาชนกลับกู แต่ไอ้ตัวเสือกนี่มันเสือกไปชนแทนกู
“เหอะ”
“มึงชอบมัน”
“ห๊ะ!!!” ไอ้เหน่ง มึงคิดได้ไง
“มึงชอบมัน”
“หา!!!”
“มึงชอบมัน” ไอ้ห่าเหน่ง มึงหยุดเดี๋ยวนี้เลย
“กูไม่ได้ชอบมัน”
“มึงชอบ!!! ที่ทำหน้าหงุดหงิดแบบนี้ เพราะมึงกำลังหึงมันอยู่”
“กู...”
“มึงหึงมัน” มึงจะไม่ให้โอกาสกูพูดเลยหรอไอ้เพื่อนเลว
“ใช่ มึงกำลังหึงมัน” เหอะๆ ไอ้บิวมันมารับบทเป็นตัวเสือกเพิ่มอีกตัว หงุดหงิดกับพวกแม่ง

“มึงๆ มาช่วยกูพยุงไอ้แต็งค์ที เละชิบหาย”

“แม่งเล่นชนแก้วกับเค้าไปทั่ว คอทองแดงแค่ไหนก็เละ ไอ้สันขวาน” ไอ้เทมส์มันพยุงไอ้แต็งค์แล้วเอามือผลักหัวเบาๆ

แต่ผมเห็นแล้วอยากเอาตีนผลักให้มากกว่า

หงุดหงิดโว้ยยยยยย

“มึงอยากรู้ป้ะ ว่ามึงชอบมันมั้ย” สายตาแบบนี้ ไอ้บิวมันต้องมีเรื่องเวรๆให้ผมแน่
“กูไม่อยากรู้” ผมยื่นมือไปช่วยไอ้เทมส์มันพยุงไอ้แต็งค์ ไอ้ห่านี่ก็ตัวหนักเหลือเกิน แดกได้แดกดี แดกเหมือนพรุ่งนี้จะไม่มีให้แดก
“มึงดูนี่สิ” ไอ้บิวมันดึงคอเสื้อไอ้แต็งค์ออกมาให้ผมดู



พึบ



ตุบ



“เฮ้ยไอ้แต็งค์”



ผมปล่อยมือที่พยุงไอ้แต็งค์ทันที ทำให้มันร่วงลงไปสิโรราบกับพื้นดัง...



ตุบ...



ไม่ปล่อยได้ไงล่ะ



ผมกำลังอึ้งอยู่



อึ้งกับอะไรน่ะหรอ



ก็ที่คอเสื้อมันไง!!



มีรอยลิปสติกสีแดงแป๊ด ประทับจูบอยู่



ทำไมผมรู้สึกหงุดหงิดได้ขนาดนี้



รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมีไอนรกแผ่รังสีอยู่รอบตัวเลย



“มีไรกันวะ” พี่นนท์มันเหลือบไปเห็นไอ้แต็งค์ที่นอนอยู่บนพื้นพอดี “โหไอ้แต็งค์มันโดนไปกี่ขนานวะน่ะ”
“เอ่อ... พี่นนท์พี่..” ผมหันไปมองไอ้อาร์ตที่มันอั้มอึ้งอยู่ ก่อนตวัดสายตาไล่มองเพื่อนที่รักทุกตัว ตั้งแต่ไอ้เหน่ง ไอ้โชค ไอ้ไม้ ไอ้แคมป์ ไอ้เทมส์ ไอ้โต้ง แล้วก็ไอ้บิว ไอ้ปากผีที่ยืนอมยิ้มชอบใจอยู่ ไม่รู้ว่าชอบใจอะไรของมัน
“กูกลับก่อนนะ”
“เออๆ เอาไอ้แต็งค์กลับไปด้วย”
“มึงก็เอามันกลับเองสิพี่นนท์ เป็นหลานรหัสมึงนี่พี่”
“แต่มึงก็เป็นบัดดี้มัน”
“กูเลิกเป็นแล้ว”
“ของแบบนี้มันเลิกกันได้หรอวะ” อยู่ๆไอ้ห่าเหน่งก็โพล่งขึ้นมา
“ทำให้มันแค่นี้ไม่ได้หรอวะ ทีมัน มันยังทำให้มึงตั้งเยอะแยะ” นี่กูน้องมึงจริงมั้ย
“เออ!!!” ผมไม่ได้หงุดหงิดเลยนะ “งั้นพวกมึงต้องกลับกับกูให้หมด ไปช่วยกันแบกไอ้แต็งค์ ไม่ต้องง้างปากถียง ใครเถียงกูจะเดินไปบอกพี่แทนให้สั่งการ์ดห้ามพวกมึงเข้าร้านนี้ตลอดชีวิต”
“หึงมันแล้วมาลงที่กู” ไอ้เหน่งมันบ่นอุบอิบเบาๆ เบาๆแต่ผมได้ยิน เลยหันไปถลึงตาใส่มันอย่างเครียดแค้น

ไอ้ผีเจาะปากมาพูด



คืนนี้พวกผมตกลงกันว่าจะให้ไอ้พวกตัวดีเกือบสิบชีวิตมานอนที่คอนโดผม สาเหตุมาจากไอ้ตัวดีที่เมาเหมือนหมามันงอแงจะไม่ยอมกลับคอนโดตัวเอง ถ้าถามว่าคนนิ่งๆหน้าไม่บอกบุญอย่างมันงอแงเป็นด้วยหรอ เวลางอแงจะเป็นยังไงหรอ บอกเลยครับว่า



นรกมาก



‘ไม่กลับ!! กูจะนอนกับมึง’ ตะคอก

‘กูจะนอนกับมึง’ โวยวายเสียงดัง

‘อย่ามาเตะตัวกู กูจะนอนกับมัน’ ถีบ ถอง ทุกคนที่เข้าใกล้

‘กูจะนอนกับมึงๆๆๆๆ’ รำคาน ที่สุด



สุดท้ายผมก็ต้องเสียสละเตียงนุ่มๆของตัวเองให้ไอ้ตัวเสือกที่เสนอหน้ารับชนแก้วกับคนอื่นไปทั่ว ชนจนคอพับไปข้าง ยิ่งเห็นรอยลิปสติกที่คอเสื้อมัน อารมณ์ฉุนเฉียวของผมก็เริ่มพุ่งพล่าน อยากเอาโคมไฟที่หัวเตียงทุ่มใส่หัวมัน แต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่นั่งกอดอกมองสภาพมันที่ครางหงิงๆเป็นหมา



“นี่กูชอบมึงจริงๆหรอวะ” ถอนหายใจซักพรวด



[บิว เพื่อนรัก]

เหอะ เหอะ

ผมได้แต่แอบลอบมองดูไอ้คนไม่รู้ใจตัวเองที่กำลังนั่งกอดอกหงุดหงิดงุ่นง่าน

ดู ดูมัน มันยังไม่รู้ตัวอีกว่าชอบไอ้แต็งค์

แล้วก็เสือกไม่รู้ตัวอีกว่าไอ้แต็งค์ก็ชอบมัน ชอบถึงขนาดที่กันทุกคนที่เข้ามาเต๊าะมัน

ยอมเสนอหน้าไปชนแก้วกับทุกคนที่เข้าหามัน ชนไปชนมา ชนจนคอแทบหัก เห้ออออ

มันสองคนอ่ะรู้สึกเหมือนกัน ใครๆก็ดูออก

มีแต่พวกมันแหละที่ดูไม่ออก

คนนึงก็เอาแต่ตามหวง หวงเป็นจงอางหวงไข่

ส่วนอีกคนก็เอาแต่หึง หึงจนเลือดขึ้นหน้า

“มึงว่าไอ้น้ำมันจะรู้ตัวบ้างมั้ยวะ” ผมหันไปถามไอ้เหน่งเพื่อนรักของไอ้คนไม่รู้ใจตัวเอง ซึ่งไอ้เหน่งมันก็คิดแบบที่ผมคิด ว่ามันสองตัวอ่ะรู้สึกตรงกันแต่คนนึงมันดันซึน อีกคนก็ดันไม่รู้ห่ารู้เหวอะไร เลยเป็นแบบเนี๊ย
“เดี๋ยวกูจะทำให้มันรู้เอง แต่มึงก็ต้องช่วยกู”
“จัดไปคราบโผม”
“นี่ถ้ากูไม่จับตาดูเจ๊คนที่จ้องจะลวนลามไอ้แต็งค์ไว้ตลอดเวลานะ หือ..ไม่อยากจะคิด” อยู่ๆไอ้โต้งก็โพล่งขึ้นมา ถึงจะเมาแต่ต่อมเสือกยังทำงานอยู่
“ทำไมวะ”
“ก็จากที่รอยลิปสติกที่อยู่บนคอเสื้อ มันจะย้ายมาอยู่ที่แก้มมันแทนไง” อ๋อออออ
“กูว่าถ้ามันมาอยู่บนแก้มไอ้แต็งค์นะ... ไอ้น้ำแม่งต้องเอาถังน้ำแข็งทุบหัวไอ้แต็งค์แน่ ฮ่าๆ” แล้วไอ้อาร์ตมันก็เค้ามาเสือกอีกตัว
“เออว่ะ กูสังเกตแววตาน้ำมันตอนที่เห็นรอยลิปสติกนะ แม่งอย่างกับมีไอดำๆแผ่รังสีอยู่รอบตัวมันเลย”ไอ้โต้งถึงเมาอยู่แต่สติครบถ้วน จำได้ทุกเหตุการณ์ สุดยอดจริงๆมึง
“กูไม่กล้าพูดอะไรเลย กลัวมันแดกหัวกู” ใช่ครับไอ้อาร์ตมันกลัวจริง ผมเห็น ผมเป็นพยานได้

หลังจากวันนี้ผมคงต้องเร่งปฏิปัติการลับฉบับรักของแต็งค์น้ำแล้วล่ะครับ เห็นสภาพวกมันสองตัวแล้วหงุดหงิดทุกที ถ้ายังเป็นยังงี้อยู่แล้วเมื่อไหร่จะได้รักกัน ไอ้ต้าวบ้า

[End]



“ดีพี่” ฉีกยิ้มซักหน่อย “แหม ใจคอจะไม่ยอมห่างกันเลยหรอ” ต้องรีบชิงพูดก่อนแก พี่แกจะได้เปลี่ยนรูปประโยคบ้าง
“แหม เล่นงี้เลยหรอน้ำ” แกก็เอื้อมมือมาตีไหล่ผมเบาๆ “งั้นไปซ้อมกันเลยป่ะ”

“แต็งค์!!!”

เสียงเรียกสดใส กับใบหน้าแสนสวยที่กำลังพุ่งตรงมายังเป้าหมาย “ตั้งแต่ประกวดดาวเดือนเสร็จ เรายังไม่ได้ถ่ายรูปลงเพจด้วยกันเลยนะ”

“ไม่ค่อยว่าง” มันยังคงคอนเซปประหยัดคำกับทุกคน

“เห็นพูดแบบนี้ตลอด” แล้วเธอก็ทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่ ดูน่ารักดีนะครับ

“น้ำ เร็ว!!!”

“อ้าว น้ำ” ปล่อยยืนหัวโด่อยู่ตั้งนาน เธอพึ่งจะมองเห็นผม “เราฝ้ายนะ”

ครับ

ฝ้าย ดาวมหาลัยปีนี้ เธอสวย หุ่นดี ผิวขาว ผมยาวสลวย ใบหน้ายิ้มแย้มร่าเริง บุคลิกค่อนข้างเป็นมิตร ดูเข้ากับคนง่าย และเธอก็
ดันเลือกเดินเข้ามาหาไอ้แต็งค์



ดาวมหาลัย กับ เดือนมหาลัย



ดูเข้ากันดีนะครับ



แต่



ทำไม



ใจโหวงเหวง แปลกๆ วะ



โดย อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 7
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 17-09-2021 15:13:28
Episode 7 กว่าจะรู้หัวใจตัวเอง



“เราฝ้ายนะ”

“อืม”

“น้ำโว้ยยยย รีบมาซ้อม”

“เออพี่!!!”



ทำไมวันนี้ยิ่งซ้อมยิ่งเหนื่อย ยิ่งซ้อมนานขึ้น ยิ่งอยากออกไปจากตรงนี้เร็วขึ้น

เพราะอะไร

หรือเพราะเหตุการณ์ตรงหน้า....



ฝ้ายเธอฉีกยิ้มหวานหยาดเยิ้มอยู่ตลอดเวลา ชวนไอ้แต็งค์คุยนั่นคุยนี่ ไอ้นั่นก็นั่งน่านิ่งให้เค้ากระซี้กระซิกเข้าหา เหอะ

มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าฝ้ายชอบไอ้แต็งค์

แล้วผมเป็นไรเนี่ย

เค้าชอบกันมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอวะ ผู้ชายกับผู้หญิง มันก็เป็นเรื่องปกตินี่วะ อีกอย่างสองคนนั้นก็ดูเหมาะสมกันดีทุกอย่าง จริงๆ

“น้ำวันนี้พอแค่นี้นะ”
“ครับ”
“วันนี้ดูเหนื่อยๆ มีไรรึป่าว”
“ป่าวพี่” หน้าผมแสดงออกขนาดนั้นเลยหรอ “เออพี่... ผมว่าผมซ้อมเป๊ะแล้ว ขอพักซักอาทิตย์นึงได้มั้ยครับ พอดีผมอยากไปช่วยงานที่คณะ สงสารพวกเพื่อนมันไม่ค่อยได้พักกัน”
“อืม เอาสิ พี่ก็สงสารน้ำ ไหนจะเรียน ไหนจะตีกลอง ไหนจะซ้อมคทา ไหนจะงานคณะอีก คงเหนื่อยน่าดู”
“ขอบคุณครับ”
“จ้า งั้นอาทิตย์หน้าเจอกัน”



ร่ำลากับพี่แกเสร็จ ผมก็ตั้งใจจะตรงไปคณะเลย กำลังจะไปเรียกไอ้แต็งค์ แต่พอเห็นมันกำลังงุ่นง่านคุยกับฝ้ายอยู่ เลยหมุนตูดเดินกลับออกมาคนเดียว ไม่อยากเข้าไปขัดมัน เผื่อมันจะยังอยากคุยกับฝ้ายต่ออีกซักพัก บางทีผมควรจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรคนเดียวบ้าง โดนตามสปอยจนเสียนิสัยนะมึงอ่ะไอ้น้ำ



“ไม่รอ” ไอ้ตัวดี กูอุตส่าห์เปิดโอกาสให้ มึงนี่มันโง่
“กูเห็นคุยกับฝ้ายอยู่”
“งาน”
“อือ”
“ไม่พอใจ?”
“กูจะไม่พอใจเรื่องไร” ผมถอนใจเบาๆ ก่อนจะอธิบาย “วันนี้กูเหนื่อยมาก กูอยากพัก ไม่มีอารมณ์มาต่อปากต่อคำ”
“ขี้หงุดหงิด” มันบ่นพึมพรำๆ แต่ผมก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร เพราะเหนื่อยจริงๆ “กินข้าวกัน”
“เอ้อ..กูลืมบอก วันนี้กูมีนัดกินข้าวที่บ้าน มึงไปชวนพวกไอ้บิวน่ะ มันยังอยู่ที่คณะแหละ”
“อือ”
“กูไปล่ะ” วันนี้ผมไม่มีอารมณ์ที่คุยกับมันจริงๆ ยังไม่อยากอยู่ใกล้กับมันตอนนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ทำไมหัวใจมันโหวงเหวงแปลกๆ



[ไง ผีเข้าหรอวะ]
“คิดถึงนี่แหละ”
[เงินหมดแล้วใช่มั้ย]
“หึหึ พี่น่าน”
[จะงอแงเอาอะไร]
“เย็นนี้มากินข้าวด้วยกันเหอะ”
[เป็นไร ใครทำไร เสียงทำไมไม่มีความสุขเลยวะ]
“เออน่า บอกให้มาก็มา ตั้งแต่มาเรียนมหาลัยเนี่ยไม่ค่อยได้เจอเลยคิดถึง”
[สาบานเลยว่ากูไม่เชื่อ]
“จะมามั้ย”
[เออๆ ให้ลากไอ้นนท์ไปด้วยมั้ย]
“อือ เอาพี่มันไปด้วย เดี๋ยวผมจะลากไอ้เหน่งไปด้วย”
[เคๆ งั้นเดี๋ยวกูไปรับที่คอนโด เดี๋ยวคืนนี้จะไปนอนด้วย คิดถึง]
“สาบานว่ากูไม่เชื่อพี่มึงเลย”
[ฮ่าๆ เจอกันจุ้บๆ] เหอะ



พอได้เวลาหนึ่งทุ่มตรง พี่น่านมันก็บึ่งรถมารับพวกผมสามน. น.น้ำ น.เหน่ง น.นนท์ ที่คอนโดทันที แล้วพี่มันก็ใส่ตีนผีพาผมมานั่งโซ้ยชาบูกันอย่างสบายใจเฉิบ ซึ่งผมก็สบายใจขึ้นจริงๆ



“ผีตัวไหนเข้าสิงมึงวะพี่น่านถึงพามาเลี้ยง”
“ตัวที่สิงน้องชายสุดที่รักมึงไงไอ้นนท์”
“ตัวไหนวะ” พี่นนท์มันหันมาถามผม แล้วยังจะเลิกคิ้วกวนตีนใส่
“แดกๆไปเหอะพี่มึง”
“กูนี่ใช่พี่มึงจริงป่าววะ” เออกูก็สงสัยเหมือนกัน
“พอๆเลย” ไอ้เหน่งมันเลยเสนอหน้ายุติฝีปากผมกับพี่ชายสุดที่รัก “แล้วคุณประณตไม่มาหรอพี่น่าน”
“ไม่ว่าง เห็นบอกว่ามีนัดก๊งเหล้ากับคุณอเนก เหลี่ยมศิลา”
“แหม เรียกพ่อผมซะเต็มยศเลยนะ”
“ฮ่าๆ”



Cutegirl&Cuteboy
น่ารัก!!! ดาว&เดือนปีนี้ เคมีเข้ากันสุดๆ
(แปะภาพแต็งค์กับฝ้ายนั่งคุยกันข้างสนามกลาง)

Pen Cree น่ารักอร๊า เหมาะสมกันจัง
ครับ เหมาะสมกันจัง
ดาวน้อย ไม่น้อย แอบกิ๊กกันชัวร์
Shyny ฉันอกหักดังเป๊าะ
Fon Fon ทำไมน้องแต็งค์ไม่เลือกพี่
รักนี้ หมี่เหลือง น่ารักทั้งคู่

น่ารักทั้งคู่จริงๆครับ ดูยังไงเค้าก็เหมาะสมกัน

Biw Biwwy @Teetuch Thank ยังไงๆ
F O E R N แบบนี้ก็ดี ตัดคู่แข่งออกไปได้ตั้งสองคน

เดี๋ยวนะเฟิร์น อะไรวะ งง งงหนักมาก

Neng Nantapphan @F O E R N ขายความที
F O E R N @Neng Nantapphan ขยายป้ะ?

“กูพามาแดก ไม่ใช่พามาเล่นโทรศัพท์”

ผลั๊วะ

ผลั๊วะ

“เชี้ยยยย พี่น่าน”
“กำลังเสือกเหมือนกันเลยดิ” ไอ้เหน่งมันเอี้ยวตัวมามองโทรศัพท์ผม
“อือ”
“โอ๋เอ๋ๆ อย่าหึงเลยนะ” กูเนี่ยนะหึง “ดูๆไป.. ไอ้แต็งค์กับฝ้ายก็เหมาะสมกันดีนะ มึงว่าป้ะ”
“เออ” กูรู้ว่าเค้าเหมาะสมกัน ไม่ต้องย้ำ ไอ้ห่า



“แต็งค์” ฝ้ายเธอมาอีกแล้วครับ เดินแจกรอยยิ้มสดใสมาแต่ไกล “เราซื้อขนมมาฝากเพียบเลย”
“ขอบคุณ”
“น้ำ กินด้วยได้นะ” แล้วเธอก็หันมาแจกยิ้มสดใสให้ผมอีกที
“อืม ขอบคุณ”
“น้ำๆ มึงมาช่วยกูทางนี้ดิ้” ตั้งแต่เลิกเรียนมา ไอ้เหน่งมันก็ทำการจิกหัวใช้ผมเยี่ยงทาสในเรือนเบี้ยของมัน
“เออๆ”
“ทำหน้าหงุดหงิดอีกแล้วมึง” กูหงุดหงิดอีกแล้วหรอวะ “ปล่อยให้ไอ้แต็งค์กับฝ้ายเค้าได้อยู่สองต่อสองกันบ้าง ความสัมพันธ์เค้าจะได้พัฒนากันซักที” คราบบบบบเพื่อนรัก

“น้ำ มึงมาตีกลองนี่”

“น้ำมาช่วยกูยกลังเหี้ยนี่ดิ หนักชิบหาย”

“ไอ้น้ำไปหยิบกระป๋องสีให้กูดิ้”

“น้ำเอาพู่กันให้หน่อยว่ะ เร็วๆ”

“น้ำมึงช่วย..”

“ชิบหาย!!! จะให้กูทำอะไรเลือกให้กูซักอย่าง กูมีแค่สองมือสองตีน จิกหัวใช้กูเป็นลูกทาสเลยนะพวกมึง!!!” บอกเลยตอนนี้ผมหงุดหงิดกับพวกเพื่อนส้นตีนมากกกก

“ฮ่าๆๆ หยอกๆน่า”

“น่าพ่อง”

“เป็นไรเสียงดังกันวะ” พี่เม่นแกคงกลัวผมจะพังงานคณะ เลยตีนปรี่มาอย่างไว “อารมณ์ทำไมไม่ดีเหมือนหน้าตาเลยวะ”
“ช่วงนี้อารมณ์มันพุ่งพล่านง่ายอ่ะพี่ กวนนิดกวนหน่อยไม่ได้เลย” หรอออไอ้แคมป์
“กวนนิดหน่อย?” ผมหันไปทำหน้าแหยใส่ไอ้พวกเพื่อนตัวดี “จิกหัวใช้กูตั้งแต่เลิกเรียนจนหัวไม่วาง หางไม่เว้น เนี่ยนะ”
“โห่เพื่อนรัก กูไม่อยากให้มึงว่างเดี๋ยวจะฟุ้งซ่าน” ฟุ้งซ่านห่าอะไรล่ะไอ้เหน่ง
“กูไม่ทำแม่งละ กูเหนื่อย กูจะกลับไปนอน” แล้วผมก็หมุนตีนออกมาจากวงสนทนา ก่อนจะเหลือบไปเห็นฝ้ายกับไอ้แต็งค์ที่ยังนั่งสนทนากันไม่หยุด คงจะชอบกันสินะ

ตุบ ตุบ ตุบ

“กลับไปนอนนะไม่ใช่กลับไปร้องไห้”

เหอะ เหอะ

กูจะร้องไห้เรื่องอะไรเนี่ย

ผมเลยหันไปชูนิ้วกลางน่ารักๆกราดใส่พวกเพื่อนตัวดีทุกตัว



[แดกข้าวยังวะ]
“แดกแล้ว”
[แดกกับใคร]
“คนเดียวดิ แล้วมึงกลับยัง”
[กำลังกลับ ใกล้จะถึงแล้ว]
“เออ กินไรมายัง”
[ยังว่ะ มึงหาไรไว้ให้กูกินหน่อยดิ]
“เออๆ ภาระชิบหาย”
[น้ำ....]
“ไร”
[มึงไม่สบายป่าววะ เสียงไม่ค่อยดี]
“กูพึ่งตื่น”
[มึงมีอะไร มึงบอกกูได้นะ กูเพื่อนรักมึงนะเว้ย ไม่สบายใจอะไรก็เล่า เก็บไว้คนเดียวอกแตกตายพอดี]
“ถ้ายังอยากให้กูหาอะไรให้แดกอยู่ ก็รีบกลับมา แล้วไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น รำคาญ”
[แหนะๆ หงุดหงิด เป็นเมนส์หรอ]
“สัดเหน่ง”
[กูอยู่กับมึงมานานนะน้ำ กูรู้มึงมีเรื่องไม่สบายใจ]
“มึงนั่งทางในมาเสือก?”
[ก็เพราะรักไงถึงเสือก]
“ซึ้งว่ะ”
[ฮ่าๆๆ กูจะถึงแล้ว หิวชิบหาย รีบหาของแดกไว้ให้กูเลยนะ ไปถึงไม่ใช่ให้กูรออีก กูจะแดกหัวมึงแทน]
“หัวนิ้วโป้งตีน?”
[โอเค รู้เรื่อง]



คงจะมีแต่ไอ้เหน่งมั้งครับที่มันรู้ว่าผมมีเรื่องไม่สบาย  ผมคิดอะไร รู้สึกอะไร ไอ้เหน่งมันรู้ดีไปหมด มันรู้จักผมดีกว่าผมรู้จักตัวเองอีก แล้วมันก็มักจะเป็นอีกคนที่พร้อมจะโอ๋ผมทุกครั้ง นอกจากพ่อ พี่น่าน พี่นนท์แล้ว ก็มันนี่แหละครับที่อยู่กับผมทุกช่วงชีวิตที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าเจออะไรมา ผมก็อุ่นใจขึ้นทุกครั้ง ถึงจะไม่มากแต่ก็ยังดีที่อย่างน้อยก็หันมาแล้วยังเจอมัน



“แต็งค์” ฝ้ายมาอีกแล้วครับ “วันนี้เราว่าง ขอมานั่งเล่นที่คณะหน่อยนะ”

ไอ้แต็งค์มันไม่พูดอะไร แต่ก็พยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ ช่วงสองสามวันมานี้ฝ้ายเธอตามติดประชิดตูดไอ้แต็งค์มันตลอด จนหลายคนคงคิดแล้วแหละว่าต้องแฟนกัน ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย คิดแล้วก็หน่วงๆในใจ เพื่อนมีความรักทำไมไม่ยินดีกับเค้าด้วยวะ ไอ้น้ำ

“น้ำจ๋า” ลากเสียงหวานเยิ้มมาแต่ไกลแบบนี้
“มีไรเฟิร์น”
“จะบ่ายแล้วเฟิร์นยังไม่กินข้าวเลย น้ำก็ยังไม่ได้กินไม่ใช่หรอ ไปด้วยกันป่ะ”
“ไป” ไม่ใช่ผมที่ตอบครับ แต่เป็นไอ้แต็งค์ เค้าชวนกู!!!
“งั้นฝ้ายไปด้วยดิ” ฝ้ายเธอจะไปทุกที่ ที่มีไอ้แต็งค์ไปด้วย แล้วที่ที่ไอ้แต็งค์ไปก็มักจะเป็นที่ที่ผมต้องไป เพื่ออะไรกันวะ
“ขนกันไปให้หมดนี่แหละ” อ่ะไอ้บิว ได้ข่าวว่ามึงพึ่งแดกไปเมื่อซักพักไม่ใช่หรอ “ไอ้เหน่ง ไอ้เทมส์ แดกข้าว เรียกพวกเพื่อนเหี้ยมึงไปด้วย” อืมมันจะขนกันไปหมดจริงๆ
“แล้วไอ้พวกเพื่อนตัวเหี้ยกว่าของมึงเอาไปมั้ย”
“เอาไปๆ”
“จิ๊ ใจคอกะจะไม่ให้สวีทกันเลยหรอ อุตส่าห์แอบมาชวนน้ำเงียบๆ” เฟิร์นเธอจิ๊ปากจิ๊คอไม่พอใจไอ้พวกเสือกทั้งหลาย ฮ่าๆ ถ้าผมชอบเฟิร์นขึ้นมาจริงเนี่ย....

จะมีใครบางคนรู้สึกโหวงเหวงในใจเหมือนผมมั้ย เฮ่อ

สลัดความคิดไร้สาระมึงออกเดี๋ยวนี้เลยไอ้คุณนัทนที



โรงอาหารคณะ



“กินไร” ไอ้แต็งค์มันหันมาถามผม แทนที่จะไปถามคนที่มันชอบ มันนี่โง่จริง
“ก๋วยเตี๋ยว”
“ไปด้วย” ยังจะเสือกตามอีก เดี๋ยวพากันตามยกฝูง
“กูจะไปกับเฟิร์น”
“กูไปด้วย” ผมล่ะอยากถีบหน้ามัน
“ฝ้ายไปด้วย” นั่นไง อีหรอบเดิม

ชีวิตกูหรือคุณชายหม่อมราชวงศ์วะ ไปไหนก็ต้องยกกันไปเป็นขบวน จะทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจากปล่อยเลยตามเลย

ระหว่างย่างตีนไปสั่งก๋วยเตี๋ยวกัน กลุ่มนักศึกษาก็พากันทำตัวเป็นไทยมุงแตกตื่นที่เห็นพวกผมสี่คนมาซื้อก๋วยเตี๋ยวกัน คงไม่ต้องถามหรอกนะครับว่าแตกตื่นเรื่องอะไร

“นี่มันรวมตัวพวกหน้าดีป่าววะ”

“วันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าแกคงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า”

“เค้ามากันเป็นคู่ๆอ่ะแก”

“อร๊ายยยยยยยยย”

“น้ำตัวจริงทำไมถึงหล่อบาดใจอีช้อยเยี่ยงนี้”

“น้ำๆๆ ช่วยรับแอดเราหน่อยดิ้”

“รับของพี่ด้วยสิ แอดมาตั้งแต่มัธยมแล้ว”

กรี๊ดดดดดดดดดดดด

เห้ออออ กว่าสั่งก๋วยเตี๋ยว กว่าจะได้ก๋วยเตี๋ยว กว่าจะฝ่าฝูงชนออกมา หูแทบจะแตกตาย ความจริงมันจะไม่วุ่นวายขนาดหรอกครับ ถ้าผมมาคนเดียว เพราะผมจะหาทางหนีทีไล่เร็วกว่าเดอะแฟลช แต่พอมีพวกหน้าตาดีมาด้วยอีกสามคนจะทิ้งเอาตัวรอดคนเดียวก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวจะหาว่าใจดำ ก็เลยต้องพาลงขุมนรกไปด้วยกันซะเลย

“น้ำ กินนี่หน่อยดิ” เฟิร์นเธอตักหมูแดงชินใหญ่ในชามเธอมาใส่ชามผม
“เฮ้ยเฟิร์น เดี๋ยวไม่อิ่ม”
“อ่ะ” ผมหันไปมองไอ้แต๊งค์ที่มันคีบลูกชิ้นใส่ชามผม
“ให้” เดี๋ยว!!! ฝ้ายทำอะไรเนี่ย ไม่ต้องทำตามพวกนี้ทุกอย่างก็ได้

โอ้ยยยยยย

ประสาทผมจะเสียกับทุกคน

“ขอบคุณครับ”
“น้ำไม่เห็นขอบคุณครับเราบ้างเลย” อ่าวเฟิร์น
“ขอบคุณครับเฟิร์น” ผมเลยฉีกยิ้มที่คิดว่าหวานสุดๆไปให้เธอ เอาใจซักหน่อย เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเฟิร์นนี่ก็สายสปอยผมพอๆกับไอ้เหน่งเลย แล้วเฟิร์นเธอเอามือนุ่มๆของเธอมาหยิกแก้มผม

ผมจะพยายามคิดว่ามันเป็นภาพที่น่ารัก เหอะ เหอะ

“น่ารักกกกกก” เอาที่เฟิร์นสบายใจเล้ยยยย
“แต็งค์ถ้าไม่กินเรากินนะ”
“เฮ่ย” แล้วผมก็หยุดสนใจเฟิร์น แล้วหันมาสนใจฝ้ายกับไอ้แต็งค์ที่ยื้อแย่งลูกชิ้นกัน ดูๆแล้วเหมือนคู่รักที่กำลังหยอกล้อกันเลยครับ เห็นแล้วจี๊ดๆในใจเหมือนโดนไฟช็อต
“มึงไปซื้อน้ำกับกูหน่อย” ไอ้เหน่งมันสะกิดผมให้ตื่นจากภวังค์พอดี ทำหน้าเหมือนมีอะไรอยากจะคุยด้วย
“เออๆ” แล้วผมก็ลุกตามตูดมันมา แต่มันไม่ได้ผมมาร้านน้ำ เสือกมาหลังโรงอาหาร ซึ่งเป็นที่ปลอดคนถ้าให้ผมเดามันคงจงใจเรียกผมมาคุยอะไรซักอย่างแน่ๆ
“เห็นแล้วหงุดหงิดว่ะ” มึงหงุดหงิอะไรของมึงห๊ะ
“หงุดหงิด?” มันถอนหายใจใส่ผมเฮือกใหญ่ๆ
“หงุดหงิดมึง”
“กู?” หงุดหงิดกูเรื่องอะไรของมึงอีก “เรื่องอะไร”
“มึงดูไม่ออกหรอวะ” ผมจ้องไอ้เหน่งด้วยความสงสัย “ว่าไอ้แต็งค์มันชอบ...”
“ชอบฝ้าย กูรู้...”
“จิ๊ มึงนี่แม่งโง่ โง่จริง” ด่ากูทำไมเนี่ย “เออไอ้แต็งค์มันชอบฝ้าย แล้วมึงล่ะ มึงชอบมันอ่ะรู้บ้างมั้ย” อ้าวไหงวนมาหากูล่ะ
“กู...”
“อย่าเถียงว่าไม่ได้ชอบ มึงดูตัวเองไม่ออกแต่กูดูออก กูเป็นเพื่อนรักมึงมาตั้งแต่อนุบาล รู้จักมึงดีกว่ามึงรู้จักตัวเองอีกน้ำ ไม่ชอบเหี้ยอะไรจะทำหน้าหงุดหงิดน้อยใจแบบนี้เวลาเค้าอยู่กับคนอื่นอ่ะ ใจโหวงเหวง หน่วงๆ หงอยๆ ซึมๆ เป็นหมาแบบเนี้ย” เอาซะยาวเลย ยาวไม่พอเสือกแทงทะลุอกกูอีก

เห้ออ

เออ กูชอบก็ได้!!

แล้วยังไงวะ

“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้ ชอบก็บอกกว่าชอบ บอกไปเลย”
“แต่กูเป็นผู้ชาย”
“เป็นผู้ชายแล้วไงวะ ผู้ชายชอบกับผู้ชายมีเยอะแยะ มึงจะแคร์ทำไม แคร์ความรู้สึกตัวเองนี่” มันเอานิ้วจิ้มมาที่หัวนมผม
“แต่ไอ้แต็งค์มันชอบฝ้าย” ถอนหายใจ “มันคงไม่มาชอบผู้ชายแบบกู คงไม่มารู้สึกเหมือนที่กูรู้สึก” ถอนหายใจอีกเฮือก “ฝ้ายเป็นผู้หญิง ไอ้แต็งค์ก็เป็นผู้ชาย มันถูกต้องเหมาะสมที่สุดแล้ว.. ให้กูรู้สึกคนเดียวแบบนี้ดีแล้วจะได้ไม่เสียเพื่อน หรือบางทีวันหนึ่งกูอาจจะเลิกชอบมันไปเอง” มั้ง
“มึงคิดแบบนี้?” ผมพยักหน้ารับ แต่มันเสือกผลักหัวผมอย่างขัดใจ “แล้วอย่ามาแอบน้ำตาตกในให้กูปลอบนะมึง”
“เหน่ง...” มันเอามือยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ไม่รู้หงุดหงิดอะไรนักหนา
“มึงแม่งโง่ โง่ชิบหาย” มันหันมามองหน้าผมถอนหายใจเฮือกนึงก่อนโวยวาย ผมเลยผลักหัวมันเบาๆ
“เหอะๆ กูเนี่ยที่สุดแห่งความฉลาด ฉลาดจนมึงต้องตามลอกการบ้านกูตั้งแต่อนุบาลยันปีหนึ่งเนี่ย มาด่ากูโง่ๆนี่สำเหนียกตัวเองบ้าง”
“เออเรื่องเรียนกูอาจจะโง่กว่ามึง แต่เรื่องความรู้สึกกูฉลาดกว่ามึงเป็นร้อยเท่า” มันโวยวายใส่ผมแล้วย่างตีนจะกลับไปในโรงอาหาร
“หรอว๊า” ผมตะโกนตามหลังมันไป
“เออ!!! ไอ้โง่”
“ถ้ากูโง่ ทีหลังอย่ามาลอกการบ้านกูนะ”
“มันคนละส่วนกันโว๊ยยยย”



วันนี้เป็นอีกวันที่ผมต้องกลับมืดค่ำ ปาไปสี่ทุ่มแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววของเพื่อนตัวไหนที่ชวนกันกลับเลยครับ รักคณะยิ่งชีพกันทุกตัว

ส่วนคนที่ไม่ได้อยู่คณะนี้แต่เหมือนจะรักคนที่อยู่คณะนี้ ก็ยังนั่งตาละห้อยเฝ้าไอ้แต็งค์อยู่ไม่ไปไหน เดี๋ยวชวนกันคุยบ้าง ชวนดูนั่นดูนี่บ้าง สวีทเชียว สวีทจนใจผมเจ็บจี๊ดๆ



“ฝ้าย ดึกแล้วกลับเหอะ” ไอ้ไม้มันเป็นห่วงเป็นใยเค้าเหลือเกิน
“ไม่เป็นไรเรารอกลับพร้อมทุกคนดีกว่า อยู่หลายๆคนสนุกดี” แล้วก็หันมาแจกยิ้ม
“อยู่หลายคนสนุกดี หรือว่าอยู่กับไอ้แต็งค์แล้วมีความสุขดีห๊า” ไอ้บิวมันเอ่ยแซวจนเจ้าตัวส่งยิ้มเขินมาให้ทุกคน
“ไอ้แต็งค์ มึงไม่ขอฝ้ายเป็นแฟนซักทีวะ” เจ็บจังใจกู
“นี่ยังไม่เป็นอีกหรอวะ กูคิดว่าเป็นนานแล้วนะเนี่ย” ปัก อีกหนึ่งดอกจุกๆ
“บิวอ่ะ” แล้วเธอก็เขิน ตีแขนไอ้บิวไปที ตีไอ้บิว แต่ทำไมผมเจ็บวะ นี่สินะอาการของคนแอบชอบ
“ไปไหน” ผมกำลังลุกขึ้นจะออกจากวงสนทนาเพื่อกลับคอนโด แต่ไอ้ตัวดีเสือกรั้งไว้
“กลับคอนโด” ผมเลิกคิ้วให้มัน
“ไม่รอไอ้เหน่ง?”
“กูว่าจะทิ้งรถไว้ให้มัน”
“งั้นกูไปส่ง”
“เดี๋ยวกูบอกพี่นนท์มารับ” มันขมวดคิ้วนิ่วหน้าใส่ผม “มึงอ่ะไปส่งฝ้าย ดึกแล้วกลับคนเดียวมันอันตราย” มันไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมเลยเดินออกมาจากคณะ จะไปที่โรงจอดรถ มือก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมโทรหาไอ้พี่นนท์ แต่..

“รอด้วยดิ” ไอ้ห่าแต็งค์ที่กูพูดไปนี่ไม่เข้าหูมึงเลยหรอ

“มึง...”

“กูให้ไอ้บิวกับไอ้อาร์ตไปส่งฝ้ายแล้ว” ระหว่างที่พูดมันก็เดินมากอดคอผม อัพเลเวลความสนิทหรอมึง

“แต่..”

“กูจะไปส่งมึง” ไม่ให้กูได้มีโอกาสพูดอะไรเลย
“เออ” ผมถอนหายอย่างปลงตกกับมัน เปิดโอกาสขนาดนี้ไม่ยอมคว้า มึงนี่มันโง่ โง่จริงๆ “มึงไม่ไปส่งเค้าเค้าไม่น้อยใจหรอวะ”
“น้อยใจ?” มันหันมาถอนหายใจใส่ผม
“ก็เค้าชอบมึง”
“แต่กูไม่ได้ชอบเค้า” หรอวะ ไม่ชอบห่าอะไร ตามกันกันขนาดนั้นแต่ไม่เคยปฎิเสธ
“ถ้าเค้าได้ยินเค้าคงจะเสียใจ”
“แล้วไง” มันหันมามองผมอย่างหงุดหงิด มึงจะหงุดหงิดอะไรของมึง “ไม่ได้สำคัญกับกู”
“ไอ้ห่าแต็งค์” ผมหันไปถลึงตาใส่มัน คำพูดมันนี่ไร้หัวใจจริงๆ แต่พอคิดอีกทีถ้าผมยืนอยู่จุดเดียวกับฝ้าย แล้วมันคิดแบบนี้กับผมบ้าง ผมจะเจ็บกว่านี้อีกซักเท่าไหร่
“ให้มึงสำคัญแค่คนเดียวพอ”

ห๊ะ!!!

“มึงพูดเชี้ยอะไรเนี่ย ขนลุกว่ะ” ขนลุกจนหน้าร้อน หูร้อนไปหมดเลยครับวินาทีนี้
“เขิน?” มันหันมาเลิกคิ้วกวนส้นตีนใส่ผม ใช่ผมเขิน เขินมากด้วย เถียงไม่ออกซักอย่าง
“พ่อง” เลยจัดการศอกท้องมันไปเบาๆ



ผมกับมันเดินตีข้างกันมาโดยไม่ได้พูดอะไรกันซักคำ บรรยากาศรอบตัวเราเงียบสนิท เงียบจนได้ยินแค่เสียงฝีเท้าของผมกับมัน ถึงจะเงียบขนาดนั้น แต่ประโยคสองประโยคยังคงดังก้องหูอยู่



‘กูไม่ได้ชอบเค้า’



‘ให้มึงสำคัญแค่คนเดียวพอ’



นอกจากจะรู้สึกดีแล้ว



ยังทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะอีก



คืนนี้ผมคงจะหลับไม่ลง



เพราะคงจะมัวแต่...



นั่งเขินอยู่



นี่ผมชอบมันจริงๆใช่มั้ย



ใช่ครับ



ผมชอบมัน



ชอบจริงๆ



โดย อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 17-09-2021 15:24:44
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 8.1
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 24-09-2021 17:10:27
Episode 8 ต้องทำอะไรสักอย่าง (1/2)



[Part Teetuch Thank]



“แต็งค์ มาทำไรแต่เช้าวะ”

“มารอฝ้ายหรอ”

ใช่ครับ วันนี้ผมต้องแหกตาตื่นแต่เช้ามารอฝ้าย แต่ไม่ได้มารอด้วยความพิศวาสอะไรหรอกครับ แต่ผมมารอเพื่อที่จะสะสางปัญหากับเธอ ปัญหาที่มันทำให้ผมกับไอ้คนโง่ๆที่มันไม่รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับมันต้องห่างเหินหมางเมินกัน

ซึ่งตั้งแต่ฝ้ายเข้ามาตามติดผมแจ น้ำมันก็ทำตัวห่างเหินกับผมมากขึ้น จะชวนไปไหนก็หาเรื่องปฏิเสธตลอด พอผมจะตามมันไปไหนด้วยก็ผลักไสไล่ส่งผมไปหาคนอื่น พอผมรั้นไปด้วยก็ทำท่าทีไม่พอใจ เดาอารมณ์มันแต่ละครั้งนี่ยิ่งกว่าลุ้นบอลโลกอีก

แต่ในใจลึกๆผมก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันคงไม่พอใจที่ฝ้ายเข้ามายุ่งวุ่นวายกับผม คิดๆไปแล้วก็ไม่อยากรีบสะสางซักเท่าไหร่ ก็ผมอยากจะรู้ว่าที่ผมคิดๆอยู่เนี่ยมันจะเป็นไปได้รึป่าว พอเห็นสีหน้าหงุดหงิดกับท่าทางหงุดหงิดของมันตอนที่มีสาวๆมาวุ่นวายกับผมก็ต้องอมยิ้มทุกครั้ง ผมว่ามันต้องหึงผมแน่ๆ หึหึ

“อ่าวแต็งค์ มาทำไรแต่เช้าเลย” มาแล้วครับเป้าหมายของผม ฉีกยิ้มร่าเริงสดใสมาแต่ไกลๆ
“เรามารอฝ้าย” ผมพูดจบเธอก็เบิกตาโตๆเหมือนไม่เชื่อ
“มีไรกับเราหรอ ถึงได้มารอแต่เช้าเนี่ย” แล้วเธอก็ยิ้มเล่นหูเล่นตาเหมือนที่เธอทำประจำ
“เรามีเรื่องจะคุยกับฝ้าย” ผมจ้องเข้าไปในแววตาเธอ
“อืม เราก็มีเรื่องจะคุยกับแต็งค์เหมือนกัน” เธอจ้องกลับมาในตาของผม แล้วดึงแขนผม “เราไปคุยกันตรงอื่นดีกว่า ตรงนี้คนเยอะ” แล้วเธอก็ฉุดกระชากลากผมมาตรงโต๊ะหินอ่อนข้างๆตึกคณะเธอ พอหันซ้ายหันขวาดูแล้วไม่มีใครเธอก็ปล่อยแขนผม

ผมเลยถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ เตรียมจะอ้าปากพูด

“จะให้เราพูดก่อน รึฝ้ายจะพูดก่อน”
“แต็งค์ก่อนเลย”
“คือเราไม่ได้ชอบฝ้าย” ผมพ่นลมหายใจแรงๆอีกครั้ง ไม่เคยลังเลเลยกับคำพูดที่พึ่งพ่นออกไป เพราะมันคือความรู้สึกจริงๆของผม

ผมไม่เคยชอบฝ้าย ไม่เคยชอบใคร ไม่แม้แต่จะคิดชอบใครด้วย จะเพราะอะไรอีกล่ะก็เพราะไอ้ตัวดีที่มันโง่เง่าดูไม่ออกว่าผมชอบมัน

ในขณะที่ผมกำลังจะพ่นประโยคออกไปอีกหนึ่งประโยค ว่าให้เธอเลิกยุ่ง เลิกตามผมซักที แต่ไม่ทันครับ เพราะโดนสวนกัชลับมาจังๆว่า

“เราก็ไม่ได้ชอบแต็งค์” เธอก็ยังคงแจกยิ้มสดใสกลับมาให้ผม เดี๋ยวนะ!! “เราชอบน้ำ”
“ห๊ะ!!”
“เราชอบน้ำ” พูดจบเธอก็ยิ้มเขินๆยืนตัวบิดไปบิดมา

น้าน!!!

ผมว่าแล้วไง ซื้อหวยมันทำไมไม่ถูกแบบนี้วะ ผมเอะใจแต่แรกแล้วว่าจริงๆแล้วฝ้ายเธอไม่ได้ชอบผมหรอก แต่ที่เธอพยายามเข้าหาผมพยายามมาเจอผมเนี่ย ก็คงเพราะไอ้ตัวดีนั่นแหละ ผมสังเกตตั้งแต่ตอนประกวดดาวเดือนเสร็จแล้วล่ะ

‘อ้าวแต็งค์ น้ำไปแล้วหรอ’
‘อืม’
‘ว่าจะขอถ่ายรูปด้วยซักหน่อย’ หน้าเศร้าคอตก ‘แล้วงี้จะเจอน้ำได้ที่ไหนอ่ะ’
‘มันก็ผลุบๆโผล่ๆอยู่แต่ในคณะนั่นแหละ’ ผมไม่ได้ตอบครับ แต่เป็นลุงรหัสตัวเวรของผม
‘อยากเจอมันหรอ’ ไอ้บิวผู้เสือกทุกเรื่อง ‘นี่ไง ไอ้แต็งค์กับน้ำมันสนิทกัน ตามติดตูดกันไม่เคยห่างเลย’
‘จริงดิ’ ฝ้ายเธอขมวดคิ้ว ‘ต้องตามแต็งค์หรอ’ เธอบ่นเบาๆ แต่ผมได้ยินนะแต่ก็ไม่ได้สนใจ



จากนั้นไม่นานฝ้ายก็พยายามเข้าหาผมพยายามมาเจอผม ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไรได้แต่เอะใจหน่อยๆ ไม่ได้มากมายเพราะเธอก็ไม่ได้เข้ามาวุ่นวายอะไร เลยปล่อยผ่าน

จนวันที่ข่าวเรื่องไอ้ตัวดีถูกดึงไปเป็นคทากรของมหาลัยแพร่กระจายออกไป ฝ้ายเธอก็เริ่มเข้ามาหาผมซึ่งเธอมักจะเลือกมาตอนที่ผมกับไอ้ตัวดีอยู่ด้วยกันตลอด ไม่พอเท่านั้นเธอยังชอบหอบหิ้วของกินสารพัดมาให้ผมและก็ไอ้ตัวดี

ส่วนใหญ่ของที่ซื้อมาให้ผมดูก็รู้ว่าแค่ซื้อผ่านๆแต่ของที่เผื่อไอ้ตัวดีนี่ซี้ มีแต่ของโปรดมันทั้งนั้น ราวกับลิสต์รายการไว้ แล้วเวลาที่เธอเข้ามาคุยกับผม สายตาเธอไม่ได้อยู่ที่ผมหรอกครับอยู่ที่ไอ้ตัวดีนู้น มองทุกการกระทำทุกย่างก้าว เหอะ เหอะ

ส่วนไอ้ตัวดีน่ะหรอ มันไม่เคยรู้ห่ารู้เหวอะไรกับใครเค้าหรอก ขนาดผมที่ทำทุกอย่างให้มันรู้ตัวว่ามันสำคัญกับผมมากกว่าคนอื่นมันยังไม่รู้

ตามไปกันท่าทุกคนที่พยายามจะเข้าใกล้มันทุกที่ ทุกสถานการณ์ มันก็ยังโง่ดูไม่ออก

และล่าสุดที่คิดว่าหนักสุดๆก็คงเหตุการณ์ที่ร้านชนกันแหละครับ ก็ไอ้ตัวนี่ก็ขยันมีเสน่ห์ดึงดูดจริงๆใครๆก็จ้องแต่จะเข้าหามันจนผมต้องยืนแยกเขี้ยวไม่ห่างตัวมัน คอยกันคนนี้ที คนนั้นที แต่มันยังมีหน้ามางอนงอดๆใส่ผมอีก มึงนี่ มันโง่จริงๆ

“เราต้องขอโทษแต็งค์ด้วยนะ เราไม่ได้อยากทำให้เข้าใจผิดจริงๆ” เธอพูดพร้อมทำสีหน้าสำนึกผิด เอิ่มมมม “เราชอบน้ำมาก ชอบมากจริงๆ แต่เราไม่รู้จะเข้าหาน้ำวิธีไหนดี คนเข้าหาน้ำเยอะมาก มากจนเรากลัวว่าจะแป้ว แล้วตัวน้ำเองยังหวงพื้นที่ส่วนตัวมากๆ เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ เราก็เลย....”
“เลือกเข้าหาเรา?”
“อื้มมม” เธอเม้มปากเล็กน้อย “แต่เราก็ตั้งใจจะบอกแต็งค์เรื่องนี้นานแล้วแต่ไม่มีโอกาสบอกจริงๆจังๆซักที” เธอถอนหายใจเบาๆแล้วพูดต่อ “แต่ต่อไปนี้เราคงไม่รบกวนแต็งค์แล้วล่ะ เพราะถ้าน้ำมัวแต่เข้าใจว่าเราชอบแต็งค์แบบนี้ เราคงไม่มีโอกาสได้ขยับเข้าใกล้ความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนกับน้ำแน่ๆ”
“อือ” เหมือนเธอกำลังจะประกาศตัวลงสนามแข่งกับผม ยังไงยังงั้น
“เราจะเดินหน้ารุกเข้าหาน้ำจริงๆจังๆด้วยตัวเองแล้ว ฮึด” น้าน ไงกูว่าแล้ว “ถึงแม้คู่แข่งจะเยอะก็ตาม” เหอะ เหอะ
“ใช่” คู่แข่งเยอะมาก “ฝ้ายคงต้องเตรียมใจหน่อยนะ นอกจากคู่แข่งจะเยอะแล้ว... ฝ้ายยังต้องเจอคู่แข่งที่โครตน่ากลัวอีกหนึ่งคน”
“ใครหรอ?”
“รู้แค่ว่าคนคนนี้รู้ใจน้ำมันทุกอย่างก็พอ” ผมไม่ได้ฟังฝ้ายพูดอะไรต่อ แต่เลือกที่จะเดินออกมาเพื่อไปเตรียมทำคะแนนกับไอ้ตัวดี

ฝ้ายเธอก็คงดูออกว่าผมคิดยังไงกับน้ำเธอถึงเลือกที่จะบอกความจริงว่าไม่ได้ชอบผม เอาจริงๆทุกคนดูออกหมดแหละว่าผมชอบมัน มีแต่มันที่โง่ ดูอะไรไม่เคยออกซักอย่าง



12.30 น.



โรงอาหารคณะ



“ขอนั่งด้วยคนนะ” ฉีกยิ้มหวานเยิ้ม
“โห ลมคิดถึงหอบมาหาไอ้แต็งค์หรอคราบบบบฝ้าย”
“โต้งอย่าพูดแบบนี้ดิ เรา..”
“อ้าว ไอ้ห่าแต็งค์ ทางนี้ๆ”
“ข้าว” ผมยื่นจานข้าวคะน้าหมูกรอบ เมนูโปรดของไอ้ตัวดีที่ทำหน้าหงุดหงิดยุ่งเหยิง ไม่ต้องเดาว่าหงุดหงิดเรื่องอะไร เพราะต้นเหตุเนี่ยนั่งหน้าสลอนอยู่ตรงข้ามกับมัน

ยัง ยังไม่รู้ตัวอีกว่าเค้าจ้องจะสีข้างมึงเนี่ย ผมเลยยัดเยียดตัวเองนั่งเบียดมันไปซะเลย

“ที่นั่งมีเยอะแยอะ” บ่นแต่ก็ยอมเขยิบให้นั่งด้วย
“ได้ข้าวว่าเมื่อเช้านี้ มึงมารอฝ้ายแต่เช้า จริงป่าววะ” ไอ้บิวมันเสนอหน้ามาเสือก สิ่งที่มันพ่นออกมาทำเอาไอ้คนนั่งข้างๆผมทำหน้าหงุดหงิดทันที ใจนึงก็รู้สึกดีนะครับที่แอบคิดมันคงหึงแน่ๆ แต่อีกใจก็เสียวสันหลังวาบ เหมือนนรกจะมาเยือน
“อือ กู..” ไม่ทันได้พูดจบ
“คบกันแล้วหรอวะ” ไอ้บิว ไอ้เพื่อนเหี้ย
“กู..” น้านนน

สายตานรกๆของไอ้น้ำที่มองมาที่ผม ทำผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ฉายแววกลัวเมียตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มขอเค้าเป็นเมีย เอ้ย เป็นแฟนเลยกู ไอ้ห่าบิวนี่ก็ขยันชง ทั้งที่ก็รู้ว่าผมชอบไอ้น้ำมัน

“ลีลา กั๊กหรอมึง” ไอ้เหน่ง มึงกับไอ้บิวนี่แหกขุมนรกมาเกิดกันหรอวะ
“เราไม่ได้คบกัน!!!” ฝ้ายคือผู้ยุติทุกความเสือกครับ ทำดีๆ
“ห๊ะ!!”
“จริงดิ๊!!”
“เราไม่ได้ชอบแต็งค์” ผมถอนหายใจไปเฮือก หวังว่าฝ้ายคงจะไม่รีบบอกชอบไอ้น้ำมัน
“กูก็ไม่ได้ชอบฝ้าย” ผมหันไปมองไอ้ตัวดีที่กำลังอมยิ้มกรุ่มกริ่มเหมือนถูกใจกับคำตอบที่ได้รับ เห็นมันยิ้มแบบนี้ผมคงต้องรีบทำคะแนนก่อนที่ฝ้ายจะรุกนำหน้าแล้วล่ะครับ
“อ่าว แล้วที่มาหาไอ้แต็งค์บ่อยๆนี่...”
“คือเรา... เราแค่อยากมีเพื่อนเป็นวิศวะบ้างอ่ะ เห็นเค้าบอกว่าเด็กวิศวะคุยสนุกเป็นกันเองดี ถึงจะถึกๆเถื่อนๆก็เหอะ” เธอถอนหายใจฟู้ววว
“เค้านี่ใครอ่ะ”

ผลั๊วะ!!

“เสือกเก่ง” หลังจากซัดกระบาลไอ้แคมป์เสร็จ น้ำมันก็นั่งยิ้มกรุ่มกริ่มเขี่ยข้าวไปมา คงจะมีความสุขไม่น้อยล่ะสิ้

แต่เดี๋ยวๆ

มึงชะเง้อมองฝ้ายแล้วยิ้มทำไม อย่าบอกนะว่าดีใจที่ฝ้ายไม่ได้ชอบกู

หรือว่า..... ที่ผ่านมา ไม่นะ!!!

ที่ผ่านมามึงจะมาหึงฝ้ายไม่ได้นะ กูไม่ยอมๆ คนที่มึงหึงต้องเป็นกูสิไอ้ตัวดี

กูไม่ย๊อมมมมมมม

“เป็นห่าอะไร” ไอ้บิวมันเอาแขนถองผมเบาๆ
“ป่าว”
“ฝ้ายชอบน้ำ?” ไอ้ห่าบิวมันกระซิบเบาๆ มึงนี่มันรู้ดีจริงๆ
“ดูออก?”
“กูดูออกตั้งแต่วันประกวดแล้วห่า” ใช่ครับเพื่อนรัก กูก็ดูออกพร้อมมึง
“น้ำกินนี่หน่อยนะ” เฟิร์นเธอพูดไปกระแซะไปหลังจากที่นั่งหนุงหนิง หงุงหงิงข้างไอ้น้ำมานาน นี่ก็คู่แข่งคนสำคัญอีกคน คนนี้รุกค่อนข้างหนักมากเพราะถืออภิสิทธิ์เรียนเอกเดียวกัน เลยสนิ๊ท สนิทกัน
“เฮ้ยเฟิร์น เดี๋ยวไม่อิ่ม” แค่เห็นหน้ามึงเค้าก็อิ่มอกอิ่มใจแล้ว แม่ง หงุดหงิดว่ะ
“น้ำเราว่ากินนี่ดีกว่า” เหอะ เหอะ คู่แข่งของผมกำลังทำคะแนนกันน่าดู ผมยอมไม่ได้
“เฮ้ย เราว่าฝ้ายกินเหอะ” แล้วยังจะไปส่งยิ้มพิมพ์ใจให้เค้าอีก งี้เค้าก็เข้าหามึงมากกว่าเดิมสิ ไอ้ตัวดี!!!
“ฝ้ายๆ” เจ้าของเสียงก็เดินย่างสามขุมมาอย่างไว
“มีไรอ่ะ”
“รุ่นพี่ให้มาตามไปซ้อมหลีดเนี่ย บอกด่วน!!” แล้วก็ฉุดดึงกัน
“เดี๋ยวดิ้ยังไม่ได้บอกลาน้ำเลย” เอ้าเข้าซีนละคร นางเอกบอกลาพระเอก ไม่ใช่!! ตัวประกอบบอกลานางเอก เพราะพระเอกนั่งหัวโด่อยู่นี่ คริคริ
“อย่าลีลาคุณเพื่อน พวกที่รออยู่จะโดนทำโทษด้วยเนี้ย” แล้วก็ยื้อยุดฉุดรั้งกันอีกรอบ
“น้ำ...” พยายามรั้งตัวเอง “เจอกันที่สนาม...” แล้วก็ถูกลากออกไปไกลลิบ
“ฝ้ายเป็นอะไรวะ” ไอ้ไม้มันโพล่งขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมต้องเจอไอ้น้ำที่สนามด้วยวะ”
“คงจะลงสนามอย่างจริงจังแล้วมั้ง” แล้วเฟิร์นเธอก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ ก่อนจะหันไปดึงแขนไอ้ตัวดี “น้ำไปซื้อผลไม้เป็นเพื่อนเฟิร์นหน่อยนะ นะ นะ ไม่อยากไปคนเดียวอ่ะกลัวโดนฉุด” พูดเสร็จเธอก็ทำตาเล็กตาน้อยปริบๆใส่ไอ้ตัวดีมัน
“ใครจะฉุดก็หันไปแยกเขี้ยวใส่เค้าดิ รับรองไม่มีใครกล้า”

ตุบ

แล้วไอ้เหน่งก็โดนฝ่ามืออรหันของเฟิร์นเข้าเต็มๆกลางหลัง

“หมาในปากหัดล่ามไว้บ้างก็ดี” ไอ้เหน่งกับเฟิร์นตีกันทีไรก็ตลกดีนะครับ ไม่ได้ตลกตรงที่เค้าตีกัน แต่ตลกตรงที่ไอ้พวกเพื่อนเนี่ยเชียร์ให้ตีกันเป็นสนามมวย



สนามกลาง



“หวัดดีพี่” ผมกับไอ้ตัวดียกมือไหว้พวกพี่สภามหาลัย
“จ้าๆ” แกหันมารับไหว้ “เดี๋ยววันนี้ซ้อมรอบเดียวพอเนาะ พอดีดุริยางค์เค้ามีสอบย่อยพรุ่งนี้กัน เลยว่าจะซ้อมที่จะสอบกัน”
“อ่อครับ”



สภาพผมตอนนี้เหมือนหมาเฝ้าเนื้อเลยครับ เฝ้ามองดูน้ำมันตาแทบไม่กระพริบ กลัวกระพริบแล้วจะไม่ทันเห็นรอยยิ้มของมันตอนที่ซ้อม น้ำมันดูมีความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่างที่มันทำนะครับ แต่ต้องใส่วงเล็บด้วยว่าแค่แปบเดียว

เพราะถ้ามันหันมาเห็นเหล่าบรรดาสาวกคนรักน้ำที่ยืนห้อมล้อมกรี๊ดกร๊าดอยู่รอบสนาม มันก็จะทำหน้าเซ็งเป็นคนที่พร้อมจะลาโลกทันที

บางครั้งผมก็อยากจะช่วยคลายปมเรื่องนี้ของมันให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่พอย้อนกลับมามองตัวเอง... ผมกับไอ้น้ำเรามีนิสัยที่คล้ายกันมากอย่างนึงคือหวงพื้นที่ส่วนตัวมาก

แต่ในพื้นที่ส่วนตัวของผมมักจะมีมันอยู่ด้วยเสมอ ซึ่งมันก็น่าจะคิดแบบเดียวกับผม เพราะไม่งั้นมันคงไม่ยอมให้ผมตามมันติดตูดแบบนี้ทุกวันหรอกครับ

“เสร็จแล้ว?” มันวิ่งมาทำหน้าเหนื่อยหน่ายมาด้วย เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ซ้อม
“อือ โครตหิว”
“ป่ะ” ผมยื่นมือให้มันช่วยดึงผมลุกขึ้นจากที่นั่งเอาตีนเขี่ยหญ้าไปมาเป็นชั่วโมง
“น้ำ!!!” มาแล้วครับเสียงจากคู่แข่งป้ายแดง ที่พึ่งประกาศตัวลงสนาม
“อ้าวฝ้าย” แล้วมันก็หันไปยิ้มให้เธอ ยิ้มหวานเจี๊ยบเลยนะไอ้ตัวดี
“อ่ะ เราซื้อเครปเค้กมาฝาก เจ้านี้อร่อยมากนะ” แล้วเธอก็ยื่นกล่องขนมน่ารักๆที่ผมเห็นแล้วน่าขว้างทิ้ง

ไอ้แต็งค์

นั่นผู้หญิง

มึงท่องไว้

ใจเย็น

ใจเย็น

“ขอบใจฝ้าย แต่เรา..” มันไม่ทันได้พูดอะไร ฝ้ายเธอยัดเยียดกล่องขนมแล้วฉีกยิ้มก่อนวิ่งออกไป
“เราไปซ้อมหลีดก่อนนะ บายยย”



ร่ำลากันเสร็จผมกับมันก็พากันเดินออกมายังที่จอดรถใกล้ๆสนาม เดินตีข้างขนานกันมาเรื่อยๆแต่ไม่ได้พูดอะไรกัน งอนมันครับ มันส่งยิ้มให้ฝ้าย ยิ้มซะหวานเห็นแล้วหงุดหงิด



“กินไรดีวะ” แหนะมีการง้อ เหมือนรู้ว่างอน
“แล้วแต่มึง”
“ชาบูป้ะ” แดกของหนักเลยนะมึง
“อือ”
“วันนี้มึงไปช่วยงานคณะป่ะ”
“มึงไปมั้ยล่ะ” มันถอนหายใจแล้วหันมามองผมด้วยอารมณ์หงุดหงิด จนผมต้องลืมความหงุดหงิดของตัวเองก่อนไอ้น้ำมันจะระเบิดลง
“แต็งค์...” มึงจ้องมาที่ผมอย่างเอือมระอา เอือมระอาอะไรล้าววว “มึงไม่เหนื่อยหรอวะที่เอาแต่ตามสปอยกู มึงไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้” มันพูดแบบนี้มาเป็นร้อยรอบแล้วครับ ผมเลยต้องตอบแบบเดิมๆอีกร้อยรอบ
“เหนื่อย” ถอนหายใจเบาๆซักหน่อย “แต่เต็มใจ” ง้อววววว

เป็นไงซัดลงกลางใจเต็มๆ

แหนะๆมีการแอบยิ้ม

ผมว่า...มันต้องชอบผมแน่ๆ คริคริ

“ยิ้มอะไร” ก็เห็นมึงยิ้มเลยยิ้มตามไง งั้นขอถามอะไรที่มันค้างคาใจเพื่อกระตุ้นใจซักหน่อย หวังว่าจะกระตุ้นให้เต้นตุบตับนะ ไม่ใช่ตกวาบ
“มึงชอบฝ้ายหรอวะ” อ้าววว มันหันมามองผมแล้วยิ้ม หมายความว่าไงวะ
“เออ” ไอ้น้ำ มึงแม่ง แล้วยังจะมายิ้มอีก

กูงอน

กูโกรธ

กูหงุดหงิด

แต่ทำอะไรไม่ได้...

“มึง....” แล้วมันก็หลุดหัวเราะ หัวเราะอะไร กูจะบ้าตายอยู่แล้ว แต่ก็ทำได้แค่หน้านิ่งๆ
“อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้นวะ” มันยังไม่หยุดหัวเราะอีก ผมล่ะหงุดหงิด
“ก็” ผมหันไปจ้องตามันให้มันรู้ว่าจะตอบอะไรออกมานึกถึงใจกูด้วย “ตอนฝ้ายบอกไม่ได้ชอบกู กูเห็นมึงยิ้ม แล้วตอนที่เจอฝ้ายเมื่อกี้มึงก็ยิ้ม มึงชอบเค้าจริงๆหรอ”
“ทำไมเดี๋ยวนี้พูดประโยคยาวๆได้วะ” ก็เพราะเป็นมึงไงเลยต้องพูดยาวๆ มันหันมามองผมแล้วยิ้ม “กูชอบฝ้าย” ยังจะย้ำอีก เจ็บว่ะ เจ็บหัวใจอุ้ยปุ้ย “แต่กูชอบที่เค้าเป็นคนสดใส เข้ากับคนง่าย ดูเป็นมิตรดี” เหอะๆ มิตรคนนั้นน่ะ เค้าจ้องจะงาบมึงอยู่ไอ้โง่ มึงดูไม่ออกหรอ ยิ่งฟังก็ยิ่งเจ็บ
“มึงชอบเค้า?”
“ทำไม มึงหึงเค้าหรอ” หึงมึงนี่แหละ ไอ้ตัวดี ยังจะมาทำหน้าหงุดหงิดใส่กูอีก กูนี่ต้องหงุดหงิด
“กูไม่ได้ชอบ!!” ทำหน้าจริงจังใส่มันซักหน่อย
“ที่กูบอกว่าชอบฝ้ายอ่ะ” มันหันมาสบตาผมอีกครั้ง “กูไม่ได้ชอบแบบผู้ชายชอบผู้หญิงหรือว่าชอบแบบอยากได้เป็นแฟน”
“อือ” ได้ยินก็โล่งใจแต่โล่งใจไม่สุดหรอกครับ
“กูจะชอบเค้าได้ไง ก็กูมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
“ห๊ะ” ผมดึงแขนมันให้หันมามองผม “เฟิร์นหรอวะ” จังหวะนี้ระแวงทุกคนแหละครับ

ทว่าคราวนี้มันหัวเราะหนักกว่าเดิม
 
มันไม่พูดไม่จาอะไรนอกจากเอามือที่ผมดึงแขนมันออก แล้วเปลี่ยนเป็นมันที่มาจับแขนผมแทน มันลากผมดิ่งๆมายังที่รถ หน้ามันนี่ยังไม่หุบยิ้มเลย หรือมันจะชอบเฟิร์นจริงๆ

ไม่นะ

ม๊ายยยยยยยยย

ผมต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว


 
ปึก (เสียงปิดประตูรถ)


 
“แต็งค์” ผมที่ควงพวงมาลัยรถอยู่ งอนแค่ไหน ก็ต้องหันไปสนใจมัน แล้วก็หันกลับมาสนใจถนนต่อ
“ไร”
“มึงได้ลงกีฬาป้ะ” ปากถามแต่มือเล่นเกมส์เอ็นจอยกับชีวิตจริง รู้บ้างมั้ยว่ากูงอน
“ลง” ไม่ลงได้ไง กูเนี่ยนักเตะแข้งทองเลย “มึงล่ะ” แกล้งสนใจมันซักหน่อย ทั้งที่ความจริงสนใจมันมาก
“ลงดิ กูลงบอล มึงอ่ะ ลงไร” น้าน ลงไปให้สาวกรี๊ดอีก นี่กูต้องหวงมึงมากกว่าเดิมอีกใช่มั้ย แค่ทุกวันนี้ก็หวงจะตายห่าแล้ว
“กูก็ลงบอล”
“จริงดิ” มันเลิกสนใจโทรศัพท์แล้วหันมาสนใจผม “ได้ซ้อมบ้างยังวะ”
“ก็ซ้อมทุกวัน”
“ทุกวันนี่ตอนไหนวะ ตัวติดกับกูเป็นตังเมเอาเวลาที่ไหนไปซ้อม”
“ตอนมึงเรียน”
“หรอวะ” มันหันมามองผมแล้วยิ้ม

ให้ตายเหอะ!!

อย่ายิ้มแบบนี้ ใจไอ้แต็งค์เหลวไปหมดแล้ว

ต่อให้ยิ้มแบบนี้มาเป็นร้อยรอบแล้วผมก็ไม่เคยชินซักที

“อือ” ทำน่านิ่งไปกลบเกลื่อนไปงั้น แต่ในใจเต้นตุบตับๆ
“เย็นพรุ่งนี้กูไม่ได้ซ้อม กูไปซ้อมบอลด้วยดิ”
“อือ”
“โหมดประหยัดพลังงานชีวิตหรอวะ” พูดจบมันก็ก้มลงไปสนใจเกมส์ที่มันเล่นต่อ

เห้อออ

วันพรุ่งนี้ผมจะต้องหวงมันมากขึ้นกว่าเดิม

หงุดหงิดเว้ยยยยย


[End part]



โดย อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 8.2
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 24-09-2021 17:14:14
Episode 8 ต้องทำอะไรสักอย่าง (2/2)



[Part Teetuch Thank]



“ไอ้แต็งค์ มึงทางนี้” เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของไอ้บิวมันครับ
“ไร”
“ไอ้น้ำอ่ะดิ มันให้กูไปจองสนามไว้ซ้อมบอล” มันพูดไปหอบไป “แล้วแม่งเสือกให้กูไปจองตั้งแต่ตอนเนี้ย แต่จะซ้อมกันเย็น”
“แล้ว?” ผมเลิกคิ้วแล้วถามมัน
“เที่ยงตรง” มันก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง “ใจคอมันจะให้กูนั่งนอนแดกหญ้าในสนามรอมันยันเย็นรึไง”
“บ่น?” มันทำหน้าแหยๆใส่ผม
“สปอยกันเข้าไป” แล้วมันก็เอื้อมมือมาผลักไหล่ผมเบาๆ “เอาอกเอาใจเค้าทุกเรื่อง” ผมไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไรกับมัน นอกจากเดินดิ่งๆไปยังสนามฟุตบอลเพื่อจองสนาม
“ไอ้แต็งค์ พวกไอ้น้ำมันลงบอลกันทั้งแก็งค์เลยว่ะ สนามแม่งคงแตก ฮ่าๆ”
“ที่แตกเพราะสาวกรี๊ด?”
“หึ พวกมันตีกันเอง ฮ่าๆ”
“มุข?”
“ถ้าขำก็มุข ถ้าไม่ขำก็ไม่มุข คริคริ” คริคริ พ่อง!!!
“นี่พวกเราต้องมานั่งเฝ้าสนามให้มันจริงๆหรอวะ” ไอ้บิวมันบ่นหงุงหงิงก่อนจะนั่งหย่อนตูดลงข้างๆผม
“เออ”
“มันเลิกเรียนกันตอนไหนวะ”
“บ่ายสาม”
“ห๊ะ”
“หา”
“ห๊า”
“สามชั่วโมง?”
“อือ” ผมหันไปมองพวกมันแล้วเลิกคิ้วใส่หนึ่งยึกยือ
“กูบอกพวกมึงแล้ว ไม่เชื่อกู” ไอ้บิวมันเอื้อมไปตบไหล่ไอ้สองตัวคนละแปะ ทำไมวะแค่สามชั่วโมงรอไม่ได้
“กูคิดว่าแม่งพูดเล่น” ไอ้โต้งมันหันมาทำหน้าหงุดหงิดใส่ผม แล้วไง
“แม่งกลัวสนามหายกันหรอวะ”
“เออน่า...”
“เออน่า เออน่า พ่องสิไอ้แต็งค์!! กูไม่ใช่มึงนะที่จะมานั่งเอาตีนเขี่ยดินเขี่ยหญ้ารอมันหลายๆชั่วโมงแบบมึงได้อ่ะ” ไอ้อาร์ตมันหันมาบ่นผม ผมจะไม่เถียงครับเพราะมันเรื่องจริง นั่งรอมันทั้งวันผมก็ทำมาแล้ว
“ไอ้อาร์ต มึงเห็นใจเพื่อนมึงหน่อยดิวะ” ไอ้โต้งมันเอี้ยวตัวไปกอดคอไอ้อาร์ตมัน “ก็มันรักของมัน เค้าให้รอมันก็ต้องรอ” อันนี้ผมก็จะไม่เถียงอีก แต่ขอเป็นยิ้มเบาๆพอ
“แล้วรอคนเดียวไม่ได้หรอวะ แม่งต้องลากพวกกูมารอด้วย เสียเวลาเต๊าะหญิงชิบหาย”

ผลั๊วะ

ไอ้บิวมันจัดให้ไอ้อาร์ตไปหนึ่งโบก
 
“นี่เพื่อนมึงนะ”

แล้วพวกมันสามตัวก็นั่งตีกันเป็นเด็กน้อย ส่วนผมก็ได้แต่นั่งอมยิ้มรอไอ้ตัวดีนี่แหละครับ ยิ้มไป ยิ้มมา ก็มาคิดถึงไอ้ตัวดี ทั้งเพื่อนมันเพื่อนผมต่างก็รู้กันหมดว่าผมชอบมัน เพียงแค่ไม่มีใครพูดเท่านั้น

แต่ไอ้ตัวดีเนี่ย มันเคยรู้ห่าอะไรบ้าง พูดแล้วก็อยากจับกดให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ถ้าทำขึ้นมาจริงๆมีหวัง พี่นนท์กับพี่น่านแกคงฆ่าผมตายแน่ๆ
 
“ชอบมันขนาดนั้น ทำไมไม่บอกตรงๆไปเลยวะ” ไอ้บิวมันเสนอหน้ามาเสือก
“การกระทำแม่งชัดเจนขนาดนี้ ยังต้องบอกอีกหรอวะ” ไอ้โต้งมันก็หันหน้ามาเสือกอีกตัว
“ก็มันโง่ ถ้ามึงไม่บอกตรงๆมันก็ไม่รู้หรอก” ใช่ ไอ้น้ำมันโง่
“เออ กูหาจังหวะอยู่” ผมพ่นลมหายใจเข้าออก พลางนึกว่าจะบอกมันยังไง ในใจก็กังวลไม่ใช่น้อย ผมเป็นผู้ชายส่วนมันก็ผู้ชาย แล้วที่สำคัญผู้ชายแมนๆกันทั้งคู่ เกิดพูดไปตรงๆแล้วมันไม่โอเคล่ะ มันจะหนีหรือตีตัวออกห่างรึป่าว
“แหนะๆ ทำหน้าตาคิดมาก” ไอ้บิวมันหันมาตบไหล่ผม “มึงเลิกกังวลเรื่องนั้นได้แล้ว ความรัก ความชอบ มันไม่จำเป็นต้องมาโฟกัสที่เพศหรอกเว้ย ชอบก็คือชอบ จะอะไรนักหนา สายตาคนอื่นก็ช่างแม่งมันไปเหอะ ก็มันชอบไปแล้วจะให้ทำไงวะ” เหยดดดด คารมคมคาย ไปก็อปมาจากทวิตเตอร์ป่าววะ
“แล้วถ้ามันไม่ได้ชอบกูล่ะ”

ผลั๊วะ

ไอ้ห่าบิวมึงจะเพ่งกระบาลกูทำห่าอะไร

“ว่าแต่มันโง่ มึงก็โง่ ดูไม่ออกหรอว่ามันก็ชอบมึง”
“ห๊ะ!! หรอวะ จริงดิ เฮ้ยยยย”

ผลั๊วะ

มันเพ่งกระบาลเรียกสติผมอีกรอบ ตอนนี้ผมเหมือนคนที่ลอยล่องไปในอวกาศแล้ว จริงดิไอ้บิว

ทำไมกูไม่รู้เลยวะ เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ยยยยยย

“คนเค้าดูออกกันหมดแหละว่าพวกมึงชอบกัน” พูดจบไอ้โต้งมันก็เอื้อมมือมาดีดหน้าผากผมดัง แปะ
“เออ ไอ้เหน่งมันยังช่วยยืนยันอีกตัว ว่าไอ้น้ำอ่ะมันชอบมึง” เฮ้ยจริงดิ้เพื่อนรัก “ไอ้น้ำเองมันก็ยอมรับกับไอ้เหน่งมาตรงๆแล้วว่าชอบมึง แต่ก็เสือกคิดแบบเดียวกับมึงอีกว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน ‘เกิดมันไม่ชอบขึ้นมาล่ะ’ นู่นนี่นั่น กูฟังแล้วอยากยกตีนขึ้นถีบแทนไอ้เหน่งเลย” จังหวะนี้ไม่อยากพูดอะไรเลยครับ ขอเขินก่อน ไอ้ต้าวบ้า
“อ่ะไม่ต้องมายิ้ม”ไอ้อาร์ตมันผลักหัวผมไม่เบา แต่ไม่ก็โกรธหรอกครับ กำลังอารมณ์ดี “มัวแต่ลีลาอิดออด ระวังหมาคาบไปแดกเหอะมึง” ลองคาบไปแดกสิ้ กูจะระเบิดหัวหมาให้กระจุย เป็นไงล่ะ โหดด้วยกู
“เออคู่แข่งยิ่งเยอะๆอยู่” เออเยอะชิบหาย



“รอกันนานมั้ยวะ”
“ไม่นานเลย แค่สามชั่วโมงเอง” ไอ้อาร์ตมันตอบไอ้น้ำด้วยน้ำเสียงประชดประชัน รอดไรฟันออกไป
“มึงไม่ให้พวกกูมาจองกันตั้งแต่เมื่อวานเลยวะ” ไอ้โต้งเสริมเข้าไปอีก
“ได้หรอวะ”
“สัด” ไอ้โต้งกับไอ้อาร์ตมันพร้อมใจกันประสานเสียงอย่างกะโอเปร่า ส่วนไอ้ตัวดีมันก็ยิ้มลอยหน้าลอยตากวนตีนพวกเพื่อนเลวๆของผมไป
“เปลี่ยนเสื้อ” พอผมพูดจบ ไอ้ตัวดีมันก็เดินดิ่งๆมาหาผมทันที
“รู้แล้วคราบบบ” พอวางกระเป๋าเป้ลงได้มันก็จัดการถอดเสื้อช็อปโยนมาให้ผม เหลือเพียงเสื้อยืดคอกลมสีดำที่ใส่ซับในไว้ ผมจ้องมองเสื้อยืดสีดำที่มันสวมใส่อยู่ตัดกับผิวขาวจั๊วะสีเดียวกับกระดาษของมัน

ทำให้มันดูเด่น

เด่นกว่าเดิมไปอีก

ไหนจะใบหน้าหล่อเหลาเอาการระดับสิบดาวของมัน

ไหนจะรอยยิ้มพิมพ์ใจของมัน

เห็นแล้วอยากตายครับ

ไอ้แต็งค์อยากตายยยยย

“เก็บอาการหน่อยมึง” ไอ้ห่าบิวมันมาเรียกผมให้ตื่นจากภวังค์ กำลังเคลิ้มๆเลย
“ไปซ้อม” ไอ้น้ำมันยื่นมือมาดึงผมให้ลุกขึ้นซ้อมบอล ถึงมือจะสัมผัสกันมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ใจเต้นทุกครั้ง ควบคุมไม่เคยได้ซักที



พวกผมทั้งสิบชีวิตใช้เวลาซ้อม เหอะ อย่าเรียกว่าซ้อมเลย เรียกว่าตีกันน่าจะเหมาะกว่า

ตีกันมาตั้งแต่บ่ายสามโมงครึ่งจนหกโมงเย็น จัดไปแบบมาราธอนเลยครับ เล่นกันไปเถียงกันไป เหนื่อยแต่ก็สนุกดี ผมพึ่งรู้นะครับว่าไอ้น้ำกับไอ้เหน่งเนี่ยมันเล่นบอลกันเก่งมาก มันสองคนนี่มีอะไรที่ทำกันไม่ได้บ้าง เล่นดนตรีก็เก่ง ร้องเพลงก็เพราะ ไหนจะกีฬาก็เทพอีก รู้สึกภูมิใจในตัวว่าที่แฟนเลย คริคริ

“เหนื่อย” ไอ้น้ำมันวิ่งมาหาผมที่แสตนข้างสนาม พร้อมยื่นมือมารับขวดน้ำไป
“เลิกยัง”
“กูอ่ะเลิกแล้ว” พูดแล้วมันก็บู้ยหน้าไปทางพวกเพื่อนมันกับผม “แต่พวกมันอ่ะไม่รู้จะเลิกชาติไหนกัน”
“หึๆ”

พอหันไปมองตามมัน ก็เจอภาพตลกๆของไอ้พวกเพื่อนตัวเวร ที่ทำอะไรพิเรนท์ๆกัน

ไอ้โต้งกับไอ้โชคที่ถอดเสื้อโชว์ซิคแพคที่ไม่แพ็คไล่ตีกันกลางสนาม

ไอ้ไม้ ไอ้บิว ไอ้แคมป์ ที่ยืนเถียงกันเรื่องท่ายิงลูกโทษว่าแบบไหนมันสวยกว่ากัน

ส่วนไอ้เหน่ง ไอ้อาร์ต ไอ้เทมส์ มันก็พากันเอาน้ำลาดหัวแล้วสะบัดโชว์ความหล่อเรียกเสียงวีดว๊ายจากสาวๆข้างสนาม สุดๆไปเลยพวกมัน

ผมหันกลับมามองไอ้ตัวดีที่นั่งแผ่อยู่ข้างๆ ดูสภาพแล้วหน้าหิ้วกลับคอนโดจริงๆ

“หิวแล้วว่ะ” คำยอดฮิตที่ใช้เป็นประจำของมัน
“เรียกพวกมันมั้ย”
“อย่าเลย ให้พวกมันตีกันที่นี่ให้เสร็จ จะได้ไม่ต้องไปตีกันที่ร้านข้าว” มันหันมามองผมแล้วก็หัวเราะจนตาหยี นี่สินะที่เรียกว่าความสุข สุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนที่เราชอบ
“ฟังเพลงมั้ย” มันพยักหน้ารับ “รอพวกมัน” ผมเลยยื่นหูฟังแอร์พอร์ตอีกข้างให้มันไป แล้วเลือกเพลงที่คิดว่าตรงกับใจที่สุดในตอนนี้



หัวใจเต้นแรง หน้าแดงทุกที
ใช่เธอหรือนี่ ที่คอยตลอดมา


“อารมณ์ไหนวะ” อารมณ์ก็ตามเพลงเลย

ควบคุมไม่อยู่ รู้เลยว่าตัวสั่น
แค่เจอไม่นาน ถูกใจฉันเหลือเกิน
เจอกันแล้ว อย่าผ่านเลยได้ไหม
ถ้าเสียเธอไปก็คง ชอกช้ำ


ใช่คงจะชอกช้ำแน่ๆ

ฉันต้องทำ ทำอะไร สักอย่างแล้ว
ให้เธอนี้ ไม่แคล้ว ไม่คลาดกัน
ให้เธอรู้ตัวว่า มีคน อย่างฉัน
แอบมองเธออยู่ตรงนี้
รอคอยเธอตรงนี้ ฉันนี้ไง


ต้องทำเช่นไร ให้เธอหันมา
ให้เธอรู้ว่า มีคนเขาสนใจ


ผมกับมันไม่ได้พูดอะไรกัน นอกจากต่างคนต่างฟังเพลงไปเรื่อยๆ

เจอกันแล้ว อย่าผ่านเลยได้ไหม
ถ้าเสียเธอไปก็คง ชอกช้ำ


แล้วอยู่ๆมันก็หันมามองผม แล้วเปล่งเสียงร้องเพลงออกมาตามเพลงที่กำลังฟังกันอยู่

“ฉันต้องทำ ทำอะไร สักอย่างแล้ว ให้เธอนี้ ไม่แคล้ว ไม่คลาดกัน”

เสียงของมันกับสายตาของมัน ทำให้ผมต้องหลุดยิ้มออกมา

นี่สินะอาการหลงรัก

ผมคงต้องทำอะไรสักอย่างจริงๆแล้ว โดยเริ่มจาก....

“ให้เธอรู้ตัวว่า มีคน อย่างฉัน แอบมองเธออยู่ตรงนี้ รอคอยเธอตรงนี้ ฉันนี้ไง”

ฉันต้องทำ ทำอะไร สักอย่างแล้ว
ให้เธอนี้ ไม่แคล้ว ไม่คลาดกัน
ให้เธอรู้ตัวว่า มีคน อย่างฉัน
แอบมองเธออยู่ตรงนี้
รอคอยเธอตรงนี้ ฉันนี้ไง
(ขอขอบคุณเพลง ต้องทำอไรสักอย่าง - ป้าง นครินทร์)



เมื่อไหร่มันจะรู้ตัวซักที สิ่งที่ผมทำมันยังไม่ชัดเจนพออีกหรอ หรือว่าผมต้องทำตามคำแนะนำของไอ้พวกเพื่อนเวร แล้วถ้าทำตามที่พวกมันบอก ผมต้องเริ่มจากตรงไหน เริ่มจากอะไร



“แต็งค์”
“ไร”
“มึงร้องเพลงเพราะ”
“อือ” ผมหันไปมองหน้ามันที่ยังเปื้อนรอยยิ้มอยู่ “เพราะเป็นมึง มันเลยเพราะ”



พรืดดดดดดด


 
“น้ำเน่าว่ะ ฮ่าๆ”



แล้วมันก็หัวเราะยาวเลยครับ กูพูดขนาดนี้ ทำให้ขนาดนี้ แสดงออกขนาดนี้ เห้ออออออ



ไอ้น้ำ มึงต้องให้กูลากมึงขึ้นไปปล้ำที่คอนโดเลยมั้ย ถึงจะรู้ว่ากูชอบ



ไอ้ตัวดี!!!!!!!



[End part]



โดย อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 24-09-2021 19:30:49
 :impress2: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 9
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 01-10-2021 15:55:21
Episode 9 กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ ห้าไห้ ห้าไห้



“ไอ้น้ำ!!! น้ำโว้ยยยยย ทางนี้ๆ” เสียงตะโกนโหวกเหวกของพี่รหัสผมเองครับ

“ไรพี่”

“เย็นนี้ไปลองชุดที่ห้องสภา” พูดจบแกก็ถอนหายใจเฮือกๆ “แม่งงานจะจัดพรุ่งนี้อยู่แล้วมันพึ่งหาชุดได้กันรึไง ลีลาต้องให้ไฟลนตูดกันทุกปี ฝากบอกไอ้แต็งค์ด้วย”

“แล้วพี่ไมไม่บอกมันเองอ่ะ เรียนก็เรียนเอกเดียวกัน ช็อปก็ใช้ช็อปเดียวกัน จะไม่เดินสวนกันเลยแง้ะ”

“สวน แต่อยากใช้มึง” แล้วแกก็ยื่นมือหยาบๆมาตบบ่าผม

“แบบนี้ก็ได้หรอวะ” แกไม่ได้ตอบอะไร นอกจากหมุนตีนกลับขุมนรกตัวเองไป

“ไอ้แต็งค์มันบอกชัดเจนแล้วว่าไม่ได้ชอบฝ้าย แล้วเมื่อไหร่มึงจะบอกชอบมันวะ” ไอ้ห่าเหน่งมันโพล่งขึ้นมา มึงนี่เสร่อจริ๊งงง
“กูไม่รู้จะเริ่มยังไง”
“ก็แค่พูดไอ้สิ่งที่มันอยู่ในนี้เนี่ย” มันจิ้มมาที่หัวนมผมสามจึก
“มึงก็พูดง่าย กูเป็นคนทำเนี่ยพูดยาก”
“คุยไรกันอยู่อ้ะ” เดินหอบของพะรุงพะรังแล้วก็ฉีกยิ้มมาแต่ไกล จะเป็นใครล่ะ ก็ฝ้ายไง

พักหลังมานี้ฝ้ายเธอมักจะมาปรากฏตัวให้ผมเห็นบ่อยๆ ไม่พอยังหอบของกินจากนู่นนี่นั่นสารพัดมาให้ ผมจะปฏิเสธก็มาทำตาปริบๆน่าสงสารๆใส่ผมอีก เหนื่อยใจ เหนื่อยใจกว่าตอนที่คิดว่าเธอชอบไอ้แต็งค์อีกครับ

“อ้าวฝ้าย หอบของมาเยอะแยะเลย มาให้ไอ้น้ำหรอ” ไอ้โชคมันวิ่งเข้ามาช่วยฝ้ายถือของ ในใจมันคงคิดสินะว่าลาภปากมันแน่ๆ
“อืม เดี๋ยวเราต้องไปซ้อมหลีดแล้วอ่ะ ใกล้วันงานล้ะ ไปแล้วนะน้ำ บาย” แล้วเธอก็โบกมือบ๊ายบาย พร้อมกับฉีกยิ้มหวานเยิ้มให้ผม
“กูบอกแล้วว่าฝ้ายเค้าชอบไอ้น้ำ ที่มาสีๆไอ้แต็งค์เนี่ยหวังใกล้ชิดไอ้น้ำมันไง”
“มึงดูออก?”
“เข้าก็ดูออกกันหมดแหละ” หรอวะ “มีแต่มึงแหนะที่มัวแต่หึงไอ้แต็งค์จนไม่สังเกตห่าอะไร”

ผลั๊วะ!!!

“พอเขินแล้วชอบลงไม้ลงมือกับกู”
“เป็นไรไอ้แต็งค์ หน้าหงิกเป็นหมอยไอ้โชคเลย” ดูมันทักกัน
“ไอ้นี่ก็อีกตัว เอาแต่หึงแต่ไม่ยอมพูดว่าชอบกัน”
“อะไรไอ้โชค” ไอ้โชคมันพูดอะไรไม่รู้หงุงหงิงๆเบาๆ ผมฟังไม่ทัน รู้แค่ว่ามันต้องพูดอะไรระยำๆแน่
“อ่ะ” ไอ้แต็งค์มันยื่นถุงของขนมที่หอบพะรุงพะรังมาให้ผม พอกันเลยทั้งมันทั้งฝ้าย นี่ไม่รวมพวกผู้หญิงสาวแท้สาวเทียมและบรรดาหนุ่มวายนะ ผมแทบจะเปิดเซ่เว่นได้ละ ทำอย่างกับกลัวกูอดตายกัน
“ให้มัน แต่ลำบากกูถือ” ไอ้เหน่งมันหันไปบ่นไอ้แต็งค์ขณะที่ผมกำลังผลักไสไล่ส่งถุงขนมไปให้มัน
“มึงกินไรมายัง” ผมหันไปถามไอ้แต็งค์ที่ยังไม่เลิกทำหน้าหงุดหงิด หงุดหงิดอะไรของมึงห๊ะ
“ยัง”
“ไปกับกู” พูดจบผมก็ลากมันมาที่โรงอาหาร แล้วเดินไปสั่งข้าว พอได้ข้าวแล้วก็เดินกลับมานั่งหย่อนตูดที่โต๊ะ “ปวดฟันหรอมึง หน้ายุ่งเป็นคนอมทุกข์”
“หงุดหงิด” กูรู้ว่าหงุดหงิด แต่มึงอ่ะหงุดหงิดเรื่องอะไร
“แดกเยอะๆเดี๋ยวก็หาย” ผมหยิบช้อนตักข้าวในจานมันยัดเข้าปากมัน ดูแลประหนึ่งลูกชายวัยสามขวบ
“เอาหมูด้วย”
“กินเอง”
“ป้อน” มันจ้องหน้าผมแล้วทำปากมุบมิบๆ ที่คิดว่าน่ารักแต่สำหรับผมคิดว่าน่าถีบ นี่คือการอ้อน? จนผมต้องหลุดหัวเราะออกมา
“สาบานว่านี่คือการอ้อน”
“ไร” ทำลอยหน้าลอยตาใส่ น่าถีบจริ๊งงง
“อ่ะๆ น้องแต็งค์ครับ หม่ำๆข้าวน๊า อ้าปากเร็ว อ้ามมมม” แล้วผมก็แกล้งแหย่มันไป จนไอ้เจ้าตัวหัวเราะออกมาจนลืมไปแล้วมั้งว่าเมื่อไม่กี่นาทีนี้มันยังหงุดหงิดหน้าเป็นส้นตีนอยู่
“หึๆ”
“เออเกือบลืม เย็นนี้มึงไปลองชุดที่ห้องสภาด้วยนะ”
“มึงไปมั้ย”
“ไป”
“ไปพร้อมกัน” ตามติดตูดกูแจเลยนะ แต่ก็ดี มีมันไปด้วยอุ่นใจดี มั้ง



“มากันแล้ว สองหนุ่มลูกรักพระเจ้า” นี่ก็อวยเกิน
“หวัดดีครับพี่”
“มาๆ มาดูชุดกันก่อน”

ชุดที่ผมลองอยู่เป็นชุดสไตล์เจ้าชายอังกฤษสีขาวแถบทอง ส่วนของไอ้แต็งค์ก็เรียบๆครับ ชุดวอร์มสีขาวอย่างกับพวกลงแข่งกีฬาโอลิมปิก แต่พออยู่บนตัวมันก็จัดว่าดูดี มีเสน่ห์ ดึงดูด โดยเฉพาะดึงดูดสายตาผมเนี่ย

“โอ้ยยย หล่อ ออร่าแสบตามากเลยค่ะน้องน้ำ” พี่แกก็เล่นใหญ่ไปอีก “จริงป้ะน้องแต็งค์”
“ครับ” สั้นๆ แต่สั่นสะท้านไปทั้งหัวใจ แล้วผมก็เผลอยิ้มออกมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
“เขิน?” มันเอี๊ยวตัวมากระซิบที่ข้างหูผมเบาๆ ใช่เขิน เขินมาก อยากจะระเบิดตัวเองทิ้ง
“ป่าว” แล้วก็ต้องแกล้งทำหน้านิ่ง เก็บอาการ ทั้งที่ในใจยิ้มแก้มแทบแตก
“อ่ะๆ หมดเวลาสวีทกันแล้ว ไปเปลี่ยนชุด!!” สวีทบ้าอะไรล่ะพี่!!
“น้ำ”
“อะไรอีกพี่”
“นั่นมันประตูทางออก ไม่ใช่ห้องเปลี่ยนชุด” อ้าวรึ
“ครับๆ” แหะๆเขินเพลินไปหน่อย “ยิ้มอะไร” ผมหันไปค้อนไอ้แต็งค์ต้นเหตุของความเขิน
“หน้าแดง”
“ไอ้แต็งค์!!” แล้วมันก็ลอยหน้าลอยตาทำไม่รู้ไม่ชี้ ไอ้สันขวาน
“พรุ่งนี้เดี๋ยวกูไปรับ”
“ทำไม”
“แต่งหน้าตอนตีสี่”
“กูมาเองได้”
“มาพร้อมกัน”
“เป็นพ่...”

พอเจอสายตาจริงจังของมันเข้า ผมจะทำอะไรได้นอกจากตามใจมัน ที่จริงก็อยากมากลับมันแหละครับ แต่อีกใจก็ไม่อยากมา กลัวว่าใกล้ชิดกับมันมากๆแล้วหัวใจจะวายตาย ยิ่งตอนนี้รู้ใจตัวเองแล้วว่าชอบมันมาก ยิ่งควบคุมอาการใจเต้นตุบตุบๆของตัวเองไม่ได้เลย มันจะรู้กับผมบ้างมั้ย



ขณะนี้เป็นเวลาตีสอง ใช่ครับตีสอง!!!

ไอ้แต็งค์มันถือวิสาสะมาลากผมลงจากคอนโดเพื่อไปมหาลัย ผมก็ต้องแหกตาตื่นอาบน้ำแปรงฟันแล้วหิ้วตัวเองไปกับมัน อยากโกรธ แต่โกรธไม่ลง คงเพราะเห็นหน้าตาสะลึมสะลือแต่มุ่งมั่นตั้งใจของมัน

ความจริงตัวมันเองอ่ะไปเจ็ดโมงก็ทันเพราะใส่แค่ชุดวอร์มเซ็ตหน้าเซ็ตผมนิดหน่อย ส่วนไอ้ตีสี่นี่มันเป็นของผมเพราะพวกพี่สภาแกบอกอยากจัดเต็มซึ่งผมก็ภาวนามาตลอดว่าอย่าให้ออกมาเป็นพระเอกลิเกแล้วกัน
 
“ง่วงก็นอน ถึงแล้วเดี๋ยวปลุก”
“อือ” อยากนั่งเป็นเพื่อนมันนะ แต่ลูกกะตาเจ้ากรรมมันไม่เห็นด้วยเลย “นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ววะ ที่กูทำตัวเป็นภาระมึง”
“แล้วกูบอกเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว” มันละมือจากพวงมาลัยรถมาเขกหัวผม “กูเต็มใจให้มึงเป็นภาระกู”

นั่นไง โดนซัดลงเต็มๆกลางใจ ก็เพราะมึงชอบทำแบบนี้ไงกูถึงได้ชอบมึง

แม่ง ถ้ามึงไม่ชอบกูกลับนะ กูจะวางระเบิดบ้านมึง คอยดู



มันใช้เวลาเหยียบคันเร่งไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงมหาลัย ไม่ได้ขับเร็วอะไรหรอกครับ แต่ถนนมันโล่ง ไม่โล่งได้ไงล่ะครับ เวลาตีสามกว่าๆใครมันจะแหกตาตื่นมาชะแวบชะวาบบนท้องถนนกัน มีแต่ผมกับมันนี่แหละ พอลงรถมาได้แทนที่จะได้พักก็ถูกต้อนให้ไปแต่งหน้าแต่งตัว สามชั่วโมง ย้ำว่าสามชั่วโมงที่ผมต้องนั่งเป็นหุ้นขี้ผึ้งให้พวกช่างแต่งหน้าทำผม ยื้อยุดฉุดรั้งหัวผมกันพักใหญ่ กว่าจะเสร็จ



“โอ้โห หล่อมากๆเลยค่า”

“หล่ออย่างกับนายแบบเกาหลี อปป้ามากกก”

เหอะๆ เสียงสาวสองสองสาวช่างแต่งหน้าที่กำลังวีดว๊ายกันอยู่ ผมแทบไม่อยากส่องกระจกเลยครับ กลัวความจริง เพราะที่โบกๆกันมาบนหนังหน้าผมเนี่ยรู้สึกว่ามันหนา หนากว่าถนนคอนกรีตอีก กลัวว่าส่องไปแล้วจะรับความจริงไม่ได้

“ทำหน้าไม่เชื่อ” อ่ะดูออกอีก
“เดี๋ยวๆออกไปเช็คเรทติงกันดูละกัน ไปค่ะ” แล้วพี่แกก็ลากผมเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
“ฮัลโหลๆ ทุกคนช่วยเบิกตามาทางนี้กันหน่อยค่า” ทุกคนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับงานของตัวเองก็ต้องหยุดชะงัก เพื่อหันมามองผมตามที่พี่ช่างแต่งหน้าเค้าเรียกร้อง

วู้วววววววววววววววววววววววววววววววว

โอ้ววววววววววววววววววววววววววววววว

ว้าววววววววววววววววววววววววววววววว

“นี่มันลูกรักพระเจ้าชัดๆ แปะ แปะ แปะ”

“หล่อลากดินมากอร๊า”

“มึงๆ ช่วยหยิกกูทีสิ้ กูฝันอยู่รึป่าววะ” ฉึบ “เชี้ยยยยยยย”

“เฮโล ไอ้น้ำมึงนี่มันหล่อลากเลือดจริงๆ” ผมจะพยายามคิดว่าไอ้เหน่งมันชมผมอย่างจริงใจ “คิดแบบกูป่าวไอ้แต็งค์”

“อือ” โหมดประหยัดพลังงานมึงนี่ไม่เคยหยุดทำงานจริงๆ “น่ารัก”เดี๋ยวนะ

“เค้าให้ชมว่าหล่อไม่ใช่น่ารัก” ไอ้บิวมันโผล่งขึ้นมาผลักหัวให้แต็งค์เบาๆ แต่ที่ไม่เบาคงเป็นใจของผมนี่แหละครับ


 
ตุบตับ ตุบตับ ตุบตับ



“ก็มันน่ารัก”



ตุบตับ ตุบตับ ตุบตับ



“เขินเก็บอาการหน่อย หน้าแดง หูแดงหมดแล้ว” ไอ้ห่าเหน่งมึงจะพูดออกมาทำไม
“มาๆถ่ายรูปกันหน่อยค่ะ” โชคดีที่พี่ช่างแต่งหน้าแกมาเคาะระฆังช่วยชีวิตผมไว้
“หนึ่ง สอง สาม แชะ!!!!”



“ขบวนจะเริ่มแล้ว น้ำพร้อมนะ”
“ครับพี่”
“ตื่นเต้น?” ไอ้แต็งค์มันหันมาถามผม นับว่าเป็นโชคดีอีกอย่างหนึ่งที่มันได้รับหน้าที่ให้ถือธงมหาลัย ซึ่งถูกจัดตำแหน่งให้ยืนอยู่ข้างหลังผมพอดี อย่างน้อยรู้ว่ามีมันอยู่ผมก็อุ่นใจ ลดความประหม่าทั้งหมดทันที
“ไม่แล้ว” รอยยิ้มของผมก็ถูกแสดงออกมาต่อหน้ามัน “พอมีมึงความกังวลทั้งหมดก็หายไปเลยว่ะ”
“ดีแล้ว หึๆ” นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ผมได้เห็นรอยยิ้มแบบยิ้มจริงๆของมัน ยิ้มที่ไม่เคยมีใครได้เห็นนอกจากผม
“ดุริยางค์พร้อม คฑากรพร้อม ทุกคนพร้อมนะ”



ตึ่ง ตึ่ง   ตึ่ง ตึ่ง



เสียงท่วงทำนองดนตรีของวงดุริยางค์ของมหาลัยก็ดังขึ้นอึกทึกฮีกเหิม เรียกความสนใจจากผู้คนทั่วไปให้แห่กันมาตั้งวงล้อมดูขบวนกีฬาสีมหาลัยกันอย่างคับคลั่ง

ผมในชุดเจ้าชายอังกฤษสีขาวแถบทอง แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์ของดิสนีย์ ที่ทำหน้าที่คฑากร นอกจากคอยควงไม้คฑาให้จังหวะพวกวงดุริยางค์แล้ว ยังต้องคอยแจกจ่ายยิ้มหวานเจี๊ยบให้กับผู้คนที่ห้อมล้อมเต็มสองฝั่งถนน

หนึ่งในนั้นก็มีพ่อผมกับพี่น่านด้วยที่ถือกล้องโปรแคนนอลตัวเบอเร่อกันคนละตัว รอจับภาพผมกับพี่นนท์และก็ไอ้แต็งค์ ซึ่งงานนี้พี่นนท์มันก็ได้รับหน้าที่เด่นไม่แพ้ผม เด่นยังไงอ่ะหรอ นู้นนนน

พี่มันเดินเสนอหน้าถือป้ายมหาลัยอยู่ด้านหน้าผมนู่น ซึ่งปกติหน้าที่มันปีแรกถือธง ปีสองคฑากร ปีนี้ถือป้ายมหาลัย ผมคาดว่าปีหน้าพี่มันคงจะขับรถนำหน้าขบวนแน่ๆ หน้าที่มันนี่เขยิบขึ้นหน้าทุกปี ใจจริงผมก็อยากถามพวกสภาว่ามองเห็นอะไรในตัวพี่มันนอกจากความหล่อ ถ้าบอกว่าบุคลิกดี ผมว่าควรตัดข้อนี้ทิ้งเลย ไอ้พี่นนท์ตอนมันอยู่มหาลัยมันคงสร้างภาพดีๆไว้เยอะ อยากให้คนอื่นเห็นสภาพมันตอนอยู่บ้านจริงๆอย่างกับผีตายซาก เน่าแล้ว เน่าอีก



“ไอ้น้ำ ไอ้นนท์ ทางนี้เว้ยยย” ผมหันไปมองที่กล้องของพ่อกับพี่น่านแล้วฉีกยิ้มหวานยั่วๆ ส่งให้

สายตาของพ่อกับพี่น่านที่มองมาที่ผมเหมือนภูมิใจมากๆที่ผมกล้าออกมาทำอะไรแบบนี้ และคงเพราะรอยยิ้มของผมที่มันแสดงออกไปว่าผมไม่ได้กังวลว่าตัวเองจะถูกคุกคามความเป็นส่วนตัวแล้ว เพราะอะไรอ่ะหรอ? ผมหันหลังไปมองไอ้คนที่ใส่ชุดวอร์มโอลิมปิกสีขาวล้วน ผมถูกเซ็ตเปิดหน้าผาก ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์อย่างบางเบา ที่ยืนถือธงทำหน้านิ่งๆ แต่โครตจะมีเสน่ห์เลย

“หล่ออ่ะดิ” พูดจบมันก็ยักคิ้วลิ่วตา เหอะๆ ใช่หล่อมาก หล่อจนกระชากใจกูขาดวิ้นหมดแล้ว ผมไม่ได้ตอบอะไรมันนอกจากหว่านรอยยิ้มยั่วๆให้มันไป

“แต็งค์ มองกล้องหน่อย”



หลังจากเดินขบวนกันเสร็จผมก็ถูกดึงให้ไปถ่ายรูปอย่างกับเป็นไอดอลเกาหลี ถ่ายกับคนนู้นที คนนี้ที ยิ้มจนปากจะเป็นตะคริว พอถ่ายกับคนอื่นๆเสร็จก็ต้องปีกตัวมาถ่ายกับครอบครัว

ไม่พอยังมีพี่แทนและพวกเพื่อนๆตัวดีที่เสนอหน้ามาถ่ายด้วย ต่อมาอีกซักพักก็เป็นช่วงเก็บคะแนนของการแข่งขันเชียร์ ซึ่งแต่ละคณะก็จัดหนักจัดเต็มกันแบบไม่มีใครยอมใคร กว่าจะแข่งกันเสร็จ ก็ปาไปเกือบครึ่งวัน จนมาถึงช่วงเวลาที่ผมรอคอยและลอยคอ เพราะผมจะได้ลงไปฟาดแข้งแล้ว ซึ่งทางวิศวะของผมได้จับฉลากฟาดแข้งกับเหล่านักเตะแข้งเหล็กอย่างสถาปัตย์ งานนี้บอกเลยนอกความมันส์แล้ว ยังสามารถเรียกบรรดาฝูงชนให้มาแออัดกันจนล้นขอบสนาม


 
“ไอ้เหน่ง ซ้ายๆ”

“ไอ้น้ำ”

“พี่นนท์ มึงขี้นหน้าไปดิ้”

“ไอ้แต็งค์มึงประกบ เบอร์แปดไว้”

“ไอ้โชค ให้กู”

“ไอ้น้ำ ไอ้เหี้ย” ผมหันไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ไอ้เพื่อนสถาปัตย์หลังจากที่แย่งบอลจากมันมา ไอ้นี่ก็เพื่อนสมัยมัธยมครับ ฟาดแข้งกันมาหลายหน ไม่ต้องกลัวว่าจะตีกัน เพราะกีฬาเค้าเน้นกระชับมิตร ไอ้พวกที่วิ่งๆในสนามกันอยู่เนี่ยก็เพื่อนพี่น้องกันทั้งนั้น
“ไอ้บิว มึงล้ำหน้าแล้วไอ้ห่า”
“ไอ้แต็งค์มึงจะมาคอยกันกูทำไม ไปอยู่กองหลังนู้น” ไอ้แต็งค์ขนาดในสนามฟุตบอลมันก็ยังตามประชิดติดตูดผม มึงห่วงกูให้ดูเวลาบ้าง ไอ้ห่า
“เดี๋ยวคนอื่นสกัดขามึง”
“เวลานี้มึงไม่ต้องมาห่วงกู มึงไปห่วงกองหลังก่อน”
“แต่มึง”
“ไอ้แต็งค์!!!”

ต้องให้ด่าถึงจะยอม ก็ดีใจอยู่นะครับที่มันห่วงผม แต่จะดีใจกว่านี้ถ้าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่ในสนามบอล



หลังจากจบการแข่งขัน ผลออกมาวิศวะชนะครับ ชนะสถาปัตย์ไป 2-1 ชนะแบบเกือบไม่ชนะ แต่โชคดีที่มีนักเตะแข้งพรีเมี่ยมอย่างผม คริคริ เลยชนะไปได้อย่างหวุดหวิด พากันหน้าระรื่นชื่นมื่นกันถ้วนหน้า พอเฮโล ไชโยกันจนพอใจแล้วก็พากันแยกย้ายสลายตัว แต่ไอ้พี่นนท์นี่สิ้ มันเสือกทิ้งท้าย



“คืนนี้สองทุ่มเจอกกันชนกันเว้ยย”
“หลองๆ”
“เมาแม่งให้ยับ” มึงก็ยับตลอดแหละไอ้ห่าเหน่ง
“กูไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ” ผมหันไปบอกไอ้เหน่งที่มันกำลังเป็นตัวตั้งตัวตีวางแผนกินเหล้ากันกับพี่นนท์มัน
“น้ำ” วิ่งกระหืดกระหอบมาในชุดหลีดสีทองอร่าม ฝ้ายเองครับ
“ไง”
“วันนี้น้ำเท่มากๆเลยอ่ะ เหมือนเจ้าชายจริงๆเลย” เธอเอ่ยชมผมไปปากก็ยิ้มงุ้งงิ้งๆไป
“ฮ่าๆ วันนี้ฝ้ายก็สวยมาก” เธอเผยรอยยิ้มออกมาอีกรอบ ผมกับเธอเดินตีข้างมาเรื่อยๆไม่ได้พูดอะไรกันมากมาย ถามคำตอบคำ สารทุกข์สุขดิบกันทั่วไป
“น้ำ” ฝ้ายเธอหยุดเดิน เลยทำให้ผมหยุดเดินแล้วหันไปมองหน้าเธอ หน้าของเธอกำลังบ่งบอกกับผมว่ามีเรื่องอยากจะพูดกับผม “เรา... มีอะไร เอ่อ....”
“บอกมาเลยฝ้าย” ผมหันไปมองเธอพร้อมกับเผยรอยยิ้มบางๆ “เรารอฟังอยู่”
“คือเรา...” เธอกำลังรวบรวมความกล้าที่จะพูดบางอย่าง บางอย่างที่ทุกคนรู้ และผมก็รู้ ถึงแม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยได้สังเกตก็ตาม “เราชอบน้ำ” แล้วเธอถอนหายใจเฮือกยาวๆ “เราชอบน้ำมาก ชอบตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันวันสอบสัมภาษณ์ ซึ่งน้ำอาจจะจำเราไม่ได้เพราะเราเจอกันแค่แวบเดียว จากวันนั้นเราก็ภาวนาตลอดขอให้เจอน้ำอีกครั้ง... แล้วก็เจอ” ผมหันไปมองหน้าเธออีกครั้งเพื่อบอกเป็นนัยๆว่ารอฟังอยู่ “เหมือนพรหมลิขิตเข้าข้างเราเลย เราได้เจอน้ำอีกครั้ง แต่ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จัก เราได้แต่เฝ้าแอบมองน้ำห่างๆ คอยมองหาอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ค่อยเจอหรอก ฮ่าๆ”
“เราเป็นพวกผลุบๆโผล่ๆอ่ะ หึๆ”
“เรารู้ว่ามีคนเข้าหาน้ำเยอะมาก น้ำเลยเป็นแบบนั้น” พูดแล้วฝ้ายก็ก้มหน้าลงมองพื้น “เรารู้ว่าการที่เข้าหาแต็งค์เพื่อให้ได้ใกล้ชิดน้ำ มันเป็นวิธีการที่ผิด” แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมอีกครั้ง “แต่เราชอบน้ำมากจริงๆนะ”
“เราก็ชอบฝ้าย” ผมหันไปมองเธอด้วยรอยยิ้ม จนเธอเบิกตาโตๆ “แต่เราชอบแบบเพื่อน”
“หืม”
“ขอโทษนะฝ้าย” ผมเผยรอยยิ้มบางๆให้เธออีกครั้ง “เราคิดกับฝ้ายแค่เพื่อนจริงๆ”
“ทำไมอ่ะน้ำ” ฝ้ายเธอหน้าเศร้าจ๋อยๆ
“ฝ้ายเป็นคนสวย เป็นคนน่ารัก แล้วก็สดใสมากๆ เชื่อเราดิยังมีใครอีกหลายคนที่ชอบฝ้ายและบางทีถ้าฝ้ายลองให้โอกาสเค้า ฝ้ายอาจจะชอบเค้าก็ได้”
“แล้วน้ำไม่ให้โอกาสเราบ้างหรอ”
“เราไม่ได้ชอบฝ้าย” เธอยังคงไม่เลิกทำหน้าเศร้าจนผมต้องจับไหล่เธอหันมาเผชิญหน้ากับผม “ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆนะฝ้าย อะไรที่มันไม่มีความหวัง เราก็...ไม่ให้ความหวัง” ผมจ้องเข้าไปในตาเธอ “แต่เราสามารถที่จะเป็นเพื่อนกับฝ้ายได้นะ ถ้าฝ้ายต้องการ”
“อื้ม เราเข้าใจแล้ว” จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม ยิ้มที่มาจากใจ “อย่างน้อยเป็นเพื่อนกันก็...ไม่มีวันเลิกกัน”
“อื้ม” ผมส่งยิ้มจริงใจไปให้เธอเพื่อแสดงถึงมิตรภาพ
“น้ำมีคนที่ชอบอยู่แล้วใช่ป้ะ”
“เอ่อ...”
“ก็เราไง” เฟิร์นครับ เธอวิ่งกระซิกๆมาในชุดหลีดสีดำ กระโจนเข้ามาเกาะแขนผม
“เฟิร์น...”
“ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว” เธอทำหน้ามุ้ยขมวดคิ้วใส่ผม
“น้ำชอบเฟิร์นหรอ”
“ใช่/ไม่”
“น้ำอ้ะ” เฟิร์นเธอตีแขนผมเบาๆ
“เราก็คิดกับเฟิร์นเหมือนที่คิดกับฝ้ายนี่แหละ” ผมดึงมือเฟิร์นออกจากแขน “ส่วนเฟิร์นเองก็คิดกับเราแค่เพื่อน”
“เห้อออ น้ำ” เฟิร์นหันไปมองฝ้ายแล้วส่งยิ้มบางๆให้ “ที่เห็นเราคอยเกาะแกะน้ำอ่ะ ก็แค่คอยช่วยกันท่าคนอื่นๆเท่านั้น เรารู้ว่าน้ำเป็นคนขี้หวงพื้นที่ส่วนตัวไม่ชอบให้ใครเข้าหา แต่เพราะเราเป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่น้ำค่อนข้างสนิทใจด้วย น้ำเลยปล่อยให้เราเกาะแกะ คริคริ”
“แล้วคนที่น้ำชอบ...”
“ไอ้แต็งค์ มายืนหลบมุมอะไรตรงนี้วะ” เสียงไอ้โชคมันแวดเข้ามาในโซนประสาทผม

ไอ้แต็งค์ ไอ้ตัวดีมันแอบตามผมมาตั้งแต่สนามแล้ว

คงจะได้ยินที่ผมพูดกับฝ้ายและเฟิร์นหมดแล้ว ทำเป็นหลบมันคิดว่าตัวเองเป็นเจมส์ บอน หรอ

ไอ้ห่า ผมเห็นมันตั้งแต่เดินตามมาจากสนามแล้วล่ะครับ

“งั้นเราไปก่อนนะน้ำ พรุ่งนี้เดี๋ยวมาเชียร์ใหม่ เอาแบบติดขอบสนามเลยนะเพื่อน” ฝ้ายเธอโบกมือบ๊ายบาย พร้อมกับส่งรอยยิ้มให้ผม ผมเลยพยักหน้าตอบแล้วส่งรอยยิ้มกลับไป
“เฟิร์นไปล้ะนะ จะไปเซลฟี่กับแก๊งค์” พูดจบก็หมุนตัววิ่งกระซิกๆกลับไป
“แอบฟัง?”
“ไม่ได้แอบ” พูดจบไอ้แต็งค์มันก็ก้มหน้าลงมองพื้น “แค่หลบ”
“หึๆ กวนตีน มันต่างกันตรงไหนห้ะ” ผมเอื้อมมือไปดึงผมมันเบาๆ
“ไม่เปลี่ยนเสื้อ?”
“ไม่ละ ค่อยไปเปลี่ยนที่คอนโดทีเดียว”
“อือ”



ผมกับมันกำลังพากันเดินออกมายังที่จอดรถ ระหว่างทางไม่ได้พูดอะไรกันเลย ทำเพียงแค่เดินเคียงคู่กันมาเรื่อยๆปล่อยให้หูได้ยินเสียงอื่นๆบ้าง จนเสียงๆนึงมันดังขึ้นมาย้ำให้หัวใจได้เต้นแรงอีกครั้ง



‘น้ำดูไม่ออกหรอ ว่าเค้าก็ชอบน้ำเหมือนกัน’

‘หื้อ อะไรทำให้เฟิร์นคิดแบบนั้นอ่ะ’

‘การกระทำมันยังไม่ชัดเจนพออีกหรอ’ ผมกรอกตาคิดตามที่เธอพูด ใช่เธออาจจะพูดถูก ทุกอย่างที่มันทำให้ผมมันชัดเจนขนาดนี้ ทำไมผมถึงดูไม่ออก คงเป็นเพราะเอาแต่ปิดกลั้น เอาแต่ยกเรื่องเพศมาอ้าง เอาแต่ห้ามหัวใจตัวเอง ผมเลยมองข้ามมันไป

‘ขอบใจนะเฟิร์น’

‘อื้ม ใครเค้าก็ดูออกกันหมดแหละ มีแต่น้ำแหละที่ไม่รู้ว่าดูไม่ออกรึแกล้งดูไม่ออก’

‘พูดเหมือนไอ้เหน่งเลย’

‘เหมือนคนอื่นที่ไม่ใช่เหน่งได้มั้ย ฮ่าๆ’

‘เฟิร์น’ ผมส่งยิ้มให้เธออย่างขอบคุณ ที่เธอทำให้ผมได้ฉุดคิดอะไรหลายๆอย่าง

‘ในเมื่อรู้ทั้งใจเค้าใจเราแล้ว ก็รีบพูดออกไปซะ อย่าให้เค้าต้องรอนาน’ พูดจบเธอก็ดันตัวผมให้เดินไปข้างหน้า



“น้ำ” เสียงเรียกของไอ้แต็งค์ฉุดความคิดผมให้กลับมาอยู่กับมันที่ลานจอดรถอีกครั้ง
“อะไร”
“กูขออาบน้ำที่คอนโดมึงนะ” ผมพยักหน้ารับมัน “หาเสื้อผ้าให้กูใส่ด้วย”
“เออเดี๋ยวกูจะไปขโมยของลุงรหัสมึงให้”
“เหอะ เหอะ”



สองทุ่มตรงเป๊ะ ที่ร้านชนกัน พวกเราชาววิศวะขนกันมาเกือบยกคณะ เพราะอยากฉลองที่แข่งบอลเข้ารอบ เหอะ เล่นใหญ่กันไว้ก่อน ถ้าชนะรอบชิงนี่ไม่อยากจะเดาเลย ไอ้พี่นนท์มันคงปิดร้านฉลอง ทีนี้ล่ะพี่น่านแกได้เจ๊งจริงๆแน่



“คืนนี้ใครไม่เมา กูจะลากไปขังไว้ในห้องน้ำแม่ง” พี่นนท์มันกำลังเริ่มกึ่มๆแล้วครับ เพราะพี่มันซัดโฮกมาตั้งแต่ยังไม่ออกจากมหาลัย กีฬาดี สุราเด่น คติประจำใจพี่มัน
“ไอ้เหน่งเบาๆหน่อยมึง” บอกไปก็เท่านั้น มันยกแก้วขึ้นกระดกรัวๆตามเคย
“แดก” ไอ้เหน่งมันยกแก้วผมแล้วยื่นให้ “เวลาเมาจะได้กล้าทำในสิ่งที่ใจเรียกร้องไง” มันยิ้มกรุ่มกริ่มให้ผม ส่วนตัวผมก็ ได้แต่ถอนหายใจ แล้วบ้าจี้ทำตามคำแนะนำของไอ้เพื่อนรักเพื่อนร้าย
“ซุบซิบไรกันวะ” ไอ้โต้งมันเสนอหน้ามาเสือก หลังจากเมื่อกี้ควงคู่กับไอ้แต็งค์ไปเข้าห้องน้ำกันมา
“เสือก มานี่เลยมึง” ไอ้เหน่งมันดึงไอ้โต้งไปล็อคคอไว้แล้วจัดการกรอกเหล้าใส่ปากไอ้โต้ง
“แดกเยอะ” ไอ้แต็งค์มันเอามือมารั้งมือผมที่กำลังยกแก้วขึ้น
“เออน่า” ผมดึงมือมันออกแล้วยกแก้วขึ้นกระดก “ไหนบอกเต็มใจให้กูเป็นภาระมึงไง” ว่าจบก็ยักคิ้วให้สองจึก

มันก็ไม่พูดอะไรต่อนอกจากปล่อยให้ผมซัดเหล้าเข้าปากอย่างเต็มที่ แล้วก็คอยกันคนนั้นคนนี้ที่จ้องจะมาชนแก้วด้วย ไม่พอมืออีกข้างเลื่อนมาประคองเอวผมไว้มันคงกลัวผมจะไหลลงไปกองกับพื้น ทำให้ใกล้ชิดกันเกินไป

เกินจน

ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ

เห็นมันทำแบบนี้...ก็ต้องอมยิ้มครับ

คนอะไร๊ มันจะใส่ใจกันขนาดนี้ คริคริ



ขณะนี้นาฬิกาตีเวลาบอกเที่ยงคืนเป๊ะ



สภาพแต่ละคนเรียกได้ว่าถ้าหากปล่อยไปเพ่นพล่านแถวไหนตำรวจคงได้จับไปยัดไว้ในห้องกรงแน่ๆ สภาพของผมเช่นกัน



ไอ้แต็งค์มันประคองผมออกมาจากร้านอย่างทุลักทุเล ผมมีสติครบถ้วน รู้สึกตัวดีทุกอย่าง จำได้หมดทุกเรื่องราว เพียงแต่ความสามารถที่จะยันสารร่างตัวเองให้ก้าวเดินนั้นไม่มี เลยต้องทำตัวเป็นภาระมันต่อไป ไหนๆมันก็เต็มใจทำให้แล้ว ผมกับมันเดินมายังไม่ทันถึงรถดี ผมก็รั้งแขนมันให้หยุดเดิน



จู่ๆสิ่งที่เฟิร์นพูดไว้มันก็ย้ำสมองผมว่า มันถึงเวลาแล้วไอ้น้ำ มึงต้องพูด



ความรู้สึกที่มันอดอั้นจนแทบจะล้นเอ่อในใจบวกกับฤทธิ์สุราเมระยะ ที่มันทำให้ใจผมร้อนผ่าว จนต้อง...



“แต็งค์” ผมรั้งตัวเองให้เงยหน้าขึ้นไปมองมัน

“อะไร” มันก็มองกลับเข้ามาในตาของผม

“กูชอบมึง” ผมจ้องเข้าไปในตาของมัน “กูแม่งโครตชอบมึง ชอบมากๆ มึงช่วยชอบกูกลับได้มั้ยวะ”



ผมไม่ได้อยู่รอฟังคำตอบหรอกครับ



เพราะสมองผมมันดันสั่งชัทดาวน์ตัวเอง รู้สึกแค่ว่าหน้าของผมซบลงบนไหล่ของมัน ได้ยินเสียงหัวเราะ หึๆ ในลำคอกับสัมผัสเบาบางจากฝ่ามือของมันที่ลูบอยู่กลางหลังของผม แค่นี้ก็พอ ยังไม่ต้องตอบอะไรทั้งนั้น ขอแค่ให้ผมได้พูดความรู้สึกในใจที่มีต่อมัน ก็พอ....



ส่วนมันอยากจะพูดตอนไหน ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของมัน



สำหรับผม



มันจริงอย่างที่เฟิร์นพูด



การกระทำของมันชัดเจนขนาดนี้



ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว



ต่อให้มันพูด หรือไม่พูด มันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง



เพราะสุดท้าย



ผมก็รับรู้ว่า…..



มันก็ชอบผม



โดย อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 01-10-2021 23:28:21
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 10.1
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 08-10-2021 15:57:16
Episode 10  นอนจับมือกันครั้งแรก (1/2)



หลังจากจบกีฬาสี ไปหมาดๆ ผลการแข่งขันฟุตบอลปีนี้ แชมป์ตกเป็นของพวกเราชาววิศวะครับ ก็ตามนั้น พากันซัดเหล้าสามวันติดๆฉลองกันเนิ่นๆตั้งแต่รอบเข้าชิง ยันรอบแชมป์ ส่วนแชมป์แสตนก็ยกให้พวกการจัดการไป จบกิจกรรมกีฬาสีก็มาต่อที่กิจกรรมของคณะวิศวะต่อ


“น้องๆหลายคนอาจจะทราบกันแล้วว่าเราจะมีการจัดประเพณีฟุตบอลวิศวะทุกปี โดยจะแบ่งทีมตามสาขา ถ้าน้องๆคนไหนสนใจ ก็ติดต่อลงชื่อกับพี่ๆประธานสาขาได้เลยครับ”

“โยธามาทางนี้โว้ยยยย”
“เครื่องกลทางนี้ๆ”

“โลจิสๆ”โบกมือหยอยๆ

“อิเล็กกับคอมมานี่ๆ”ให้ชุลมุนวุ่นวายกันไปหมด

“เคมีโว้ยยย”

“ไง” พี่เป็กแกเดินถือแผ่นกระดาษเอสี่มาทางผมอย่างหน้าระรื่น “โชว์ศักยภาพส้นตีนเพื่อเอกไฟฟ้าเราซักหน่อยดิวะ”
“เอาดิพี่” ไอ้โชคมันตอบหน้าระรื่น
“มาๆลงชื่อกันเลยทุกตัว”
“มึงลง?” ไอ้แต็งค์เดี๋ยวนี้มันหัดทำตัวเป็นคนขี้เสือกตามไอ้บิวแล้วล่ะครับ หลังจากเหตุการณ์สารภาพความในใจของผมผ่านไป มันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยซักนิด ผมกับมันยังทำตัวตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คงจะเป็นเรื่องที่มันตามประคบประหงมผมราวกับไข่ในหินหนักกว่านี่แหละครับ เนียนมาหาผมตลอดเวลาที่พวกเพื่อนมันเผลอ

“ย้ายเอกเลยมั้ยมึง เห็นวิ่งไปวิ่งมา สงสารว่ะ” ไอ้แคมป์มันโผล่งขึ้นมาแซว
“ได้?” อ่ะ ไอ้ห่านี่ก็บ้าจี้ไปกับมัน
“ไอ้แต็งค์!!!” เสียงตะโกนโหวกเหวกของพี่เม่น ตามมาด้วยไอ้พี่นนท์
“มึงกลับมาเอกเดี๋ยวนี้เลย”
“พวกมึงดูแลเด็กเอกมึงด้วย” พี่เป็กแกตะโกนกลับไป “เดี๋ยวแม่งจะมาล้วงข้อมูลนักเตะทีมกู”
“ล้วงข้อมูลไม่กลัวหรอก กลัวมันจะล้วงอย่างอื่น” ไอ้เทมส์มันหันมามองผมแล้วยิ้มกริ่ม ผลั๊วะ จัดไปหนึ่งโบกเน้นๆให้มัน ไอ้ปากระยำตำบอน “กูหมายถึงล้วงกระเป๋า แม่ง หัวกูหลุดแล้วมั้ง”
“ถ้ามึงยังไม่หยุดพูดมาก หัวมึงจะได้หลุดจริงๆ” ผมพูดรอดไรฟัน เข่นเขี้ยวใส่มันไป
“เดี๋ยวนี้มันเฝ้ามึงติดตูดยิ่งกว่าอะไร มึงทำของใส่มันหรอวะ” ทำของห่าอะไรของมึงไอ้เหน่ง มึงเอาอะไรคิด!!
“กูว่าชัวร์” อ่ะ เสริมกันเข้าไป




“งานมันจัดวันไหนพี่” ผมเลยต้องเปลี่ยนเรื่องหันไปหาพี่เป็ก ก่อนที่จะเสียประสาทไปมากกว่านี้
“มะรืนนี้” แกถอนหายใจ “ความจริง แม่ง จะแข่งกันพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ”
“ใจคอจะไม่ให้พักกันเลยหรอวะ”
“เออกูโวยไปแบบนี้พวกแม่งถึงยอมเลื่อนให้”
“คารวะเลยวะพี่ รู้เลยใครใหญ่”
“เหอะ เหอะ” พี่เป็กแกหัวเราะอย่างภาคภูมิใจในอำนาจของตัวเอง ผมเลยถือโอกาสสกัดดาวรุ่ง
“ไม่ใช่ไปยัดเงินปิดปากประธานรุ่นเค้าหรอ”
“สัดน้ำ กูปู่รหัสมึงนะเนี่ย”
“อ่ะ หยอกๆ เห็นรวย ก็เลยคิดว่าจะเอาเงินไปเปย์คณะ”
“เปย์ตีนกูนี่” แกยกส้นตีนที่สวมรองเท้าผ้าใบยี่ห้อไนกี้ ขึ้นมาโชว์ผม
“ตีนสวย”
“จะสวยมาก ถ้าได้เลือดบนปากมึงมาประดับ” แกหันไปพูดกับไอ้เทมส์พร้อมกับยักคิ้ว ไอ้เทมส์มันเลยยิ้มแห้งๆโชว์




“ทำห่าอะไรกันวะ” ไอ้เหน่งมันทักทายพวกไอ้แต็งค์ที่นั่งสุมหัวกัน โดยมีกองหนังสือพะเนินเทินทึกรายรอบพวกมันอยู่
“รายงาน” ไอ้อาร์ตมันเงยหน้าขึ้นมาตอบแล้วก็มุ่นหน้าลงต่อ
“รายงานตัวร้ายกับควายสี่ตัวหรอวะ” ไอ้เหน่งกับผมพากันหย่อนตูดนั่งลงข้างๆพวกมัน
“สัดเหน่ง”
“ว่าง?” ผมหันไปพยักหน้าให้ไอ้แต็งค์เป็นคำตอบ
“เยอะมั้ย”
“เยอะ”
“รีบส่งป่ะ”
“ไม่” ไอ้แต็งค์มันเงยหน้าขึ้นมา “ส่งหลังงานฟุตบอลวิศวะ”
“งั้นเดี๋ยวกูช่วย”
“กู..”
“ไม่ต้องเสือกมาปฏิเสธ”
“ก็ได้”
“ไปกินข้าวก่อนค่อยมาทำ” ผมดึงแขนมันให้ลุกขึ้น “กูหิวจะตายห่าแล้ว”
“หึๆ” ยังจะมีหน้ามาหัวเราะกวนส้นตีนอีก






“น้ำจ๋า” ร้องเรียกกันอย่างหวานเจี๊ยบ ให้ทายว่าใคร
“จ๋า” ไม่ใช่ผมที่ขานรับหรอก แต่เป็นไอ้ห่าแคมป์
“เสือก”
“อุ้ยแรงส์อ้ะ” ไอ้แคมป์มันมุ้ยหน้าเป็นส้นตีนใส่ไอ้พี่นนท์ ใช่ครับ ไอ้พี่นนท์ ผีอะไรเข้าสิงมันไม่รู้ ถ้าให้เดาคงเป็นไอ้ผีที่จ้องจะล่อซื้ออะไรผมแน่ๆ
“น้ำน้องรัก” พี่นนท์มันกระซี้กระซิกมากอดผม อ่ะหอมแก้มด้วย ขนลุก
“มีอะไร” ผมหันไปถามพี่มันแล้วเอามืออีกข้างดันหน้ามันให้ออกห่าง นอกจากจะขนลุกแล้ว ยังอายสายตาคนทั้งโรงอาหารอีก ไอ้ห่าพี่มึง!!!
“น้ำจ๋า เย็นนี้พี่ชายคนนี้ติดธุระต้องกลับค่ำมืดดึกดื่น แล้ว...”
“แล้ว?”   
“ช่วยไปเอาของที่โรงเรียนมัธยมเราหน่อยดิ น๊า น๊า น๊า” ทำตาปริบๆน่าสงสารๆ แต่เห็นแล้วน่าถีบ
“ของอะไร” ผมถอนหายใจ เพื่อเป็นสัญญาณว่า กูต้องไปใช่มั้ย
“ของฝากจากเพื่อนสมัยมัธยม มันกลับมาจากเชียงใหม่มันเลยนัดเจอ แต่พี่ชายไม่ว่างไง” ผมเลิกคิ้วเป็นคำถามว่าแล้วไงต่อ “น้องรัก จำไอ้อาร์มที่เป็นเพื่อนตอนมัธยมของพี่ชายคนนี้ได้มั้ย คนที่..”
“คนที่แอบชอบไอ้น้ำอ่ะหรอ” สัดเหน่ง ใช่ครับพี่คนชื่ออาร์มแกเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลายของไอ้พี่นนท์มัน ความจริงแกไม่ได้แอบชอบผมหรอก คือแกชอบเลย แกบอกว่าชอบตรงๆเลยไม่มีกั๊ก แต่ความชอบของแกไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดหรอกครับ เพราะแกไม่ได้มาวุ่นวาย มาตามตื้อ หรือทำอะไรที่บ่งบอกว่าชอบ แกก็แค่บอกว่าชอบซึ่งไม่รู้พูดจริงพูดเล่น แต่ไอ้เหน่งเนี่ยมันดันเอามาเล่นเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ไทม์ ของตอนนี้ ไอ้ห่า


“เฮ้ยยยยยยยย” คราวนี้ส่งพากันส่งเสียงเห่าหอนกันหน้าระรื่น ส่วนที่ไม่ระรื่นกับใครก็ไอ้ตัวที่นั่งหน้าหงิกอยู่ข้างๆนี่แหละครับ ผมเลยต้องโบกกระบาลไอ้เหน่งไปที โทษฐานปากระยำตำบอน
“แล้วพี่มึงจะให้กูไปคนเดียว?” ผมหันไปมองพี่นนท์ แล้วเลิกคิ้วถามมัน
“เย็นนี้กูไม่ว่าง มึงไปแทนหน่อยมันอยากเจอมึง เดี๋ยวมันติดต่อทางกู กูบอกมันแล้วว่าไม่ต้องทักเฟสทักไอจีมึง กูไปละ กูรีบ บาย บาย” พี่มันรัวคำพูดเสร็จ ก็หมุนส้นตีนวิ่งดิ่งๆไป ทิ้งไว้แต่ผมที่ทำหน้า อิหยังวะ พอหันไปมองไอ้ตัวข้างๆก็เจอกับหน้านิ่งๆแต่ก็รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตลอยรอบตัวมันอยู่ เลยต้องหันไปมองแก็งค์เพื่อน แต่พวกมัน ดันทำหน้าเหมือนเห็นผีพร้อมกันง้างปากปฏิเสธทันที
“กูปวดเยี่ยวว่ะ ไปละ”
“กูก็ปวดเยี่ยว ไอ้ไม้รอกูด้วย” วิ่งหางจุกตูดไปอีกตัว
“หาวๆ อากาศน่านอนจัง ฟุบ” ไอ้สันดาน!!
“กูต้องไปส่งงาน” ใส่ตีนหมาหนีไปอีกตัว
“ฮัลโหลสั่งแก๊สหรอครับ ครับๆ” แก๊สพ่องสิไอ้ห่าเหน่ง
“อ้าวไอ้แต็งค์ทิ้งเพื่อนทิ้ง...” ไอ้บิวมันพูดไม่ทันจบ พอเห็นหน้าไอ้แต็งค์มันก็ต้องหมุนส้นตีนออกไปจากรังสีอำมหิตทันที
“เดี๋ยวกูไปด้วย” กดเสียงต่ำแสดงความไม่พอใจขนาดนี้ ถ้าปฏิเสธมันคงหยิบมีดมากระซวกไส้ผมแน่นอน สายตามันบอกแบบนั้น





“น้ำ ทางนี้!!” ผู้ชายหน้าตาดี ดีมากกก สูงประมาณร้อยแปดสิบปลายๆ ขายาว ผิวขาวเหลืองตามแบบฉบับคนเชื้อสายจีน ตัดผมทรงอันเดอร์คัท เพิ่มความหล่อออร่ากระฉูด ยืนโบกมือไหวๆอยู่ริมสนามหญ้า โดยมีโต๊ะหินอ่อนตั้งตะหง่านอยู่ด้านหลัง หลายชุด

“หวัดดีพี่อาร์ม” แกพยักหน้ารับอย่างหน้าระรื่น
“ไม่เจอกันนาน เป็นหนุ่มแล้วนี่หว่า” แล้วพี่แกก็พุ่งมากอดผมทันที แล้วไอ้ตัวที่ยืนข้างๆผมก็หน้าหงิกหนักกว่าเดิมทันที เห้ออ
“เออพี่ก็หล่อจนจำไม่ได้” ว่าจบก็ดันแกออกจากตัว
“เขินว่ะ” แกเอื้อมมือมาขยี้หัวผม ก่อนจะเบี่ยงสายตาไปมองไอ้ข้างๆที่ทำหน้านิ่งๆแต่แผ่รังสีอำมหิตไว้รอบตัว “แล้วนี่..”
“บัดดี้” ตามนั้น “สนิทมาก” เค้ายังไม่ได้ถาม พูดอย่างเดียวไม่พอมันเอื้อมมือมาโอบไหล่ผมเพื่อตอกย้ำความสนิท เหอะ เหอะ
“ครับ บัดดี้ สนิทกันมากกกก” กูเห็นนะว่ามึงแอบยิ้มเยาะพี่แกอ่ะ
“เออ เคๆ แล้วเป็นไงบ้าง” พี่แกยื่นถุงของฝากที่หอบมาเต็มไม้เต็มมือให้ผม ก่อนจะหย่อนตูดลงนั่งเก้าอี้ไม้หินอ่อน ผมรับมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหย่อนตูดลงนั่ง แล้วก็ดึงไอ้ตัวข้างๆนั่งลงตามด้วย “ไหนบอกว่าจะไปเรียนเชียงใหม่ไง พี่ก็หลงดีใจว่าจะได้อยู่ใกล้ๆกัน ถึงขั้นเตรียมหาที่พักใกล้ๆม.ไว้รอเลยนะเว้ย” พูดเสร็จพี่แกก็ส่งยิ้มหยาดเยิ้มมาให้ผม จอนผมต้องถอนหายใจเฮือกๆในใจเป็นร้อยรอบ
“หรอ” ไม่ใช่ผมที่พูด แต่เป็นหน้าหงิกที่นั่งข้างๆ จนผมต้องแอบเหยียบตีนมันเบาๆ จนมันทำหน้าหงิกหน้างอหนักกว่าเก่า หืม ไอ้แต็งค์ มึงนี่มันเจ้าอารมณ์จริ๊ง
“สบายดีพี่” ผมหันไปตอบพี่แก “ตอนแรกก็กะจะไปเรียนเชียงใหม่นั่นแหละ แต่พ่ออ่ะดิมัดมือชกให้เรียนนี่ ทุกวันนี้ยังแอบสงสัยไอ้เหน่งมันอยู่เลยที่มันให้ไปสอบเป็นเพื่อนเฉยๆเนี่ยมันอ่ะมีส่วนรู้เห็นกับสามหนุ่มเนื้อทองเค้ารึป่าว”
“ฮ่าๆ เออน่าคิด” พี่อาร์มแกก็หัวเราะร่าเริงมีความสุข ซึ่งต่างจากไอ้ตัวข้างๆที่นั่งอมทุกข์อึมครึมอยู่

ตึ๊ง ตึ่ง ตึง ตึ๊ง (เสียงเรียกเข้า)

“ขอรับโทรศัพท์แปปนะพี่” กดรับสายได้ผมก็ยกตูดออกมาจากโต๊ะ ทิ้งให้มนุษย์ร่าเริงกับมนุษย์อึมครึมนั่งสบตากันอยู่ที่โต๊ะ ซึ่งไม่รู้ว่าจะชักมีดออกมากระซวกไส้กันเมื่อไหร่ ผมได้แต่ถอนหายใจและคอยแอบมองอยู่ห่างๆ

[กลับยังวะ]
“ยัง”
[ไอ้แต็งค์แม่งไม่หักคอพี่อาร์มตายห่าแล้วหรอวะ]
“เออกูก็กลัวอยู่”
[ฮ่าๆ มึงก็รู้ว่ามันหวง ยังจะเอามันไปด้วย]
“ถ้ากูไม่ให้มา เดี๋ยวแม่งก็งอนกู”
[แคร์?]
“เออ ก็กูชอบมัน กูก็ต้องแคร์..”
[แคร์ แต่ก็ไม่ทำอะไรๆให้มันชัดเจน]
“อะไรที่ว่านี่คืออะไรวะ”
[มึงนี่มันโง่จริงๆ]
“สัดเหน่ง” ไอ้เหน่งมันถอนหายใจเฮือกๆผ่านโทรศัพท์
[สิ่งที่ไอ้แต็งค์มันทำให้มึงอ่ะ ชัดเจนทุกอย่าง ชัดเจนจนใครๆมองก็รู้ว่ามันรู้สึกยังไง แต่สิ่งที่มึงทำอ่ะ แม่งก็ธรรมดาๆใครที่ไม่ใช่พวกกูที่ใกล้ชิดสนิทตูดมึงมองมาก็คิดว่ามึงให้สถานะมันแค่เพื่อน]
“หรอวะ” ผมกรอกตาแล้วคิดตามที่ไอ้เหน่งมันพูด
[เออ!!]มันเสียงดังใส่ผม [ถ้ามึงชอบมันจริงๆมึงต้องตัดโอกาสของทุกคนออก ทำให้ไอ้แต็งค์มันรู้ว่ามันสำคัญที่สุดสำหรับมึง]ผมหันกลับไปมองยังโต๊ะที่มีไอ้แต็งค์กับพี่อาร์มนั่งจ้องหน้ากันแล้วก็คุยอะไรกันซักอย่าง
“เออๆ”
[หัดเอาอกเอาใจมันบ้าง ไม่ใช่จ้องจะเอาแต่อย่างอื่น คริคริ]
“สัด!!”

ตุด ตุด ตุด รีบวางสายเลยนะไอ้เพื่อนเวร

“น้ำ พี่กลับแล้วนะ พอดีต้องขึ้นเครื่องตอนสองทุ่ม ว่าจะกลับไปกินข้าวบ้านกับป๊าม๊าก่อน”
“อื้ม เดินทางปลอดภัยพี่” พูดจบผมก็ยกมือโบกลาแก
“คิดถึงเมื่อไหร่เดี๋ยวมาหาอีก” เวรแล้วไง
“โชคดีพี่” หา!! ผมหันมองไอ้แต็งค์ ไม่รู้ว่าโชคดีของมันนี่จริงใจแค่ไหน มันคงไม่ได้แช่งให้เครื่องบินเค้าตกหรอกมั้ง
หลังจากที่ผม ไอ้แต็งค์ และพี่อาร์มแยกกัน สีหน้าไอ้แต็งค์ยังคงเรียบนิ่งเหมือนเดิม แต่ผมพอจะรู้ตัวอยู่ว่าการมาเจอพี่อาร์มครั้งนี้มันทำให้ไอ้แต็งค์ไม่พอใจ ผมต้องทำอะไรซักอย่างแล้วล่ะ เริ่มจาก...

“แต็งค์ กูปวดขาว่ะ”การละครไปอีก ว่าแล้วก็หยุดเดินแล้วนั่งจุ้มปุ้กกับพื้น
“แกล้ง?”
“เออแกล้ง!!” มันถอนหายใจใส่ผมแต่ก็ยังมีหน้าหย่อนตูดนั่งยองๆข้างๆ
“ขึ้นมา” ผมหันหน้าไปมองมัน ห๊า “เร็ว!!”ดุกูอีก
“เอาจริงดิ” มันหันมาพยักหน้าหงึกๆให้ผม ผมเลยจัดให้ตามคำขอ คริคริ

ผมยกตัวเองขึ้นขี่หลังมัน พร้อมกับวาดแขนทั้งสองข้างคล้องคอมันไว้ ส่วนมันก็เอาแขนมาช้อนขาทั้งสองข้างผมไว้ ความจริงตัวผมไม่ได้เล็กบอบบางเลยด้วยซ้ำ ผมเป็นผู้ชาย ตัวค่อนข้างสูงสำหรับคนอื่น แต่ถ้าเป็นไอ้แต็งค์ แก๊งค์เพื่อน พี่น่านพี่นนท์ ผมดันสูงน้อยกว่าคนพวกนี้ไง แต่เอาจริงๆผมก็สูงตามมาตรฐานนี่แหละครับ ร้อยเปิดสิบเซนติเมตรเป๊ะๆ แต่พวกมันนั่นแหละที่ทะโหล่สูงกันเกินมาตรฐานเอง

 
การแกล้งทำสำออยครั้งนี้ผมไม่ได้คาดหวังว่ามันจำเป็นต้องให้ผมขี่หลัง แค่เพียงต้องการให้มันหยุดเดินแล้วนั่งคุยกันซักพักเพื่อผมจะได้ง้อมัน เอาอกเอาใจมันบ้าง แต่ดันเกินคาดซะงั้น


“หนัก” มันบ่นแต่หน้ามันก็อมยิ้มมีความสุข ซึ่งผมเองก็มือความสุขที่ได้ใกล้กันมากขึ้น
“ทำบ่น แบกกูกลับคอนโดมาก็หลายครั้ง ยังไม่ชิน?” พูดจบ ผมก็วางคางตัวเองไว้บนบ่ามันเบาๆแล้วแหงนหน้ามองหน้ามัน พอได้เห็นหน้ามันใกล้ๆก็ไม่อยากจะละสายตาออก หน้าของมันจะสมบูรณ์แบบอะไรได้ขนาดนี้ ที่เคยบอกว่าพระเจ้าตั้งใจปั้นมันมานี่ผมไม่เคยพูดเล่นเลยนะ
“หล่อ?” มันหันมามองผมแล้วเลิกคิ้วกวนตีนใส่ จนผมต้องละมือมาผลักหัวมันเบาๆ
“แต็งค์”
“ไร”
“กูไม่ได้ชอบพี่อาร์ม” มันหันมามองหน้าผมแล้วอมยิ้มหน่อยๆเหมือนพอใจกับสิ่งที่ผมพูด “แล้วที่กูจะไปเรียนเชียงใหม่ก็ไม่เกี่ยวกับพี่แก” ผมยังคงจ้องใบหน้ามันอยู่ ส่วนมันก็เดินไปเรื่อยๆช้าๆ “กูแค่อยากไปใช้ชีวิตโลดโผนคนเดียว คือกูแค่อยากลองทำอะไรด้วยตัวคนเดียว กู...”
“กูรู้แล้ว” มันหันมามองผมแล้วเอื้อมมาบีบจมูกผมเบาๆ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
“จริง?” มันพักหน้าหงึกๆเป็นคำตอบ จนผมต้องหลุดยิ้มกับอาการกลั้นยิ้มของมัน แหม จะยิ้มก็ยิ้มมึงจะเก๊กหน้านิ่งเพื่อ!!
ผมกับมันไม่ได้พูดอะไรกันต่อ มันเดินแบกผมไปเรื่อยๆช้าๆ ส่วนผมก็เอาคางเกยบ่ามันไว้เหมือนเดิม ปล่อยให้ความรู้สึกมันดำเนินไปกับระยะทางข้างหน้า ปล่อยให้หัวใจได้ทำในสิ่งที่ต้องการบ้าง

 

โดย อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 10.2
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 08-10-2021 16:00:47
Episode 10  นอนจับมือกันครั้งแรก (2/2)




“คุณสุรศักดิ์ครับ บอลคู่ต่อไปนี่เรียกได้ว่าค่อนข้างดุเดือดน่าดูเลยครับสำหรับงานประเพณีฟุตบอลวิศวะของเราเนี่ย”
“ยังไงครับ คุณประกิต”
“ก็ไม่ยังไงหรอกครับ”
“อ้าวววว ไอ้กิตมึงตัวตัวกับกูมั้ย” ครับ บอลยังไม่ทันได้เตะ แต่ดูท่าคนพากย์น่าจะเตะกันก่อน
“อ้าวหยอกๆน่า” พี่สุรศักดิ์แกเลยชูนิ้วกลาง ปิ้วๆ ใส่พี่ประกิตแกไป
“แน่นอน ก็ต้องดุเดือดสิครับ เพราะว่าคู่ที่จับฉลากได้คู่ต่อไปเนี่ยเป็นคู่ของไฟฟ้ากับโยธาไงคุณกิตติ”
“กูประกิต”
“ฮ่าๆ หยอกๆ” หยอกกันไปหยอกกันมา ถ้าหยอกอีกทีผมว่าอาจจะมีมวยแทนบอล ดูจากหน้าพี่ประกิตแกนะ
“เดือดแน่ๆครับ เพราะนอกจะเป็นศึกสายรหัสแล้ว ยังเป็นศึกสายเลือดด้วย เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ยยยย”
“เอ้าเร่เข้ามา เร่เข้ามา มากันจนล้นสนามเลยคราบบบ” ระหว่างที่พวกโฆษกนักพากย์พากันพ่นน้ำลายอยู่ พวกผมชาวนักเตะแข้งพรีเมี่ยมก็พากันอุ่นแข้งอุ่นเครื่องกัน

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

“น้ำ สู้ๆ” พี่แพทเธอยืนโบกไม้โบกมือให้กำลังใจผม บอกว่างานนี้ต้องมาเชียร์หลานรหัสอย่างผมให้ติดขอบสนามเพื่อไถ่โทษที่หายหน้าหายตาไปติดหนึบแฟนสาวตัวเองอยู่นาน ใช่ครับแฟนสาว โลกเราสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ความรักความชอบมันไม่จำเป็นต้องมาแบ่งกฎเกณฑ์หรือโฟกัสเรื่องเพศกันแล้วครับ อะไรที่ทำแล้วมีความสุขทำแล้วไม่ได้เดือดร้อนใครก็อย่าได้แคร์สายตาใครแคร์แค่ความรู้สึกของคนที่เรารักและเค้าก็รักเราพอ

“น้ำ กรี๊ดๆๆ” นี่ก็อีกหนึ่งกำลังใจสำคัญ จะใครล่ะครับ ก็คนที่ช่วยตอกย้ำความรู้สึกให้ผมได้รู้ตัวว่าชอบไอ้แต็งค์ ฝ้ายเองครับเธอยืนโบกไม้โบกมือยิ้มแฉ่งอยู่กับแก็งค์เพื่อนข้างๆสนาม ตามมาด้วยคนนี้

“เหน่งอย่าแย่งผ้าเย็นน้ำนะเว้ย” เธอพูดจบก็ผลักหัวไอ้เหน่งไปที
“โห่เฟิร์นทีหลังก็เขียนชื่อติดไว้ดิวะ” มันทำหน้าเซ็งๆ ก่อนเฟิร์นเธอจะยกกระติกที่บรรจุผ้าเย็นมาให้ไอ้เหน่งดูชัดๆอีกที ‘น้ำ ไฟฟ้า’
“แหกตาดู” ไอ้เหน่งถึงกับเถียงไม่ออก นอกจากยิ้มแห้งๆโชว์เฟิร์นเธอไป
“แต็งค์ เราเอาผ้าเย็นมาให้” ยิ้มหวานๆ
“แต็งค์อ่ะ น้ำเย็นๆ” เหอะ เหอะ
“แต็งค์ สู้ๆนะ” จ้า
“แต็งค์ อร๊ายยย” เอาที่สบายใจ หงุดหงิดโว้ยยยยยยยย
“หน้าเป็นส้นตีน”
“หน้ากูอ่ะเป็นส้นตีน แต่หน้ามึงอ่ะจะโดนส้นตีน” ผมยกตีนถีบตูดไอ้เหน่งไปทีนึง
“เชี้ยยยน้ำ หึงมันแล้วมาลงทีกูประจำ” โอดครวญเข้าไป
“ไปๆจะลงสนามแล้วพวกมึง” พี่เป็กที่มาในชุดฟุตบอลเต็มยศ มายืนโบกมือหยอยๆเรียกพวกผมลงสนาม
“เอาล่ะครับ มาถึงเวลาที่เรารอคอยกันแล้ว”

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด

“ขอกราบเรียนเชิญนักฟุตบอลทั้งสองทีมลงสนามด้วยครับ เร็วๆเลยครับพวกมึง”

อร๊ายยยยยยยยยยยยยย

“ปรี๊ดดดดดด เชิญฟาดแข้งกันเลยคราบบบ”
“ไอ้พี่นนท์ ไอ้ส้นตีน!!” ไอ้พี่นนท์มันเล่นสกัดขาไอ้เหน่งจนเกือบหน้าแหก ส่วนไอ้พี่นนท์มันก็ยิ้มหน้าระรื่นชอบใจตัวเองอยู่ จังหวะนี้ไม่มีใครเคารพใครแล้วล่ะ  ฮ่าๆ
“พี่เป็ก กูหลานรหัสมึงนะพี่”
“ไม่ใช่พ่อกู” นี่ก็อีกคู่พี่เป็กกับพี่เม่น ผลัดกันเบียดผลัดกันผลัก อีกซักพักน่าจะซัดกัน
“ไอ้บิว ไอ้เลว” ไอ้โชคมันด่าจบ ไอ้บิวก็หันมาแลบลิ้นปลิ้นใส่มัน

ในสนามตอนนี้ดุเดือดกันน่าดูเพราะเกมส์นี้ไม่มีใครยอมใคร ต่างฝ่ายต่างผลัดกันนำ พอผมจะทำประตูได้ฝั่งโยธาก็ดันเหนียว พอฝั่งโยธาบุกบ้างฝั่งผมก็ฝีตีนดีที่สกัดได้ จนลูกนี้ที่บอลถูกลำเลียงโดยผมมายังหน้าประตูแล้ว....

เฮ!!!!!

กรี๊ดดดดดด

“ไฟฟ้านำโยธาไปแล้วครับคุณกิตติ หนึ่งต่อศูนย์ อู๋น อู๋น อู๋น ”ผลั๊วะ
“ประกิต ชื่อกูมันเรียกยากตรงไหน!!”

ฝั่งไฟฟ้าตอนนี้ครึกครื้นหน้าระรื่นกันเป็นพิเศษ เพราะตีตั๋วนำโยธาไปแล้วหนึ่งลูก ผมเลยถูกห้อมล้อมด้วยฝูงนักเตะในทีมเพราะว่าเป็นคนทำประตูลูกแรกให้ทีม

“กูจะจูบประทับตีนมึงเลยน้องรัก” พี่เป็กแกก้มลงกอดขาผมทำท่าทำทางไปงั้น
“เพื่อนกูนี่มันสุดยอดจริงๆวะ” ไอ้โชคมันถลามากอดผมอย่างภาคภูมิใจ เล่นใหญ่กันทุกตัว นี่คือแค่ลูกแรก แล้วไม่รู้จะเป็นแค่ลูกเดียวรึป่าว ถ้าแพ้กันขึ้นมานี่เตรียมเอาหน้าซุกตูดกันได้เลย
“น้ำแม่งเจ๋งว่ะ”
“เดี๋ยวๆมึงอยู่คนละทีมกับกู” พี่ในทีมผมกันพี่เขตออก พี่เขตแกเป็นเพื่อนกับไอ้พี่นนท์มัน อยู่ๆก็วิ่งข้ามฝั่งถลาไถลมากอดผม ไอ้ผมก็ถึงงงเป็นไก่ตาแตก
“น้องมันน่ารัก” เหอะ เหอะ ผมเหลือบไปเห็นไอ้แต็งค์ที่กำลังทำหน้านิ่งๆแต่พ่นรังสีอำมหิตอยู่ มีหวังงานนี้มันคงทำหน้าหงิกตลอดเกมส์

ปี๊ดดดดดดด

“หงุดหงิดกลัวแพ้?” ผมวิ่งเข้าไปใกล้ๆไอ้แต็งค์แล้วเลิกคิ้วถามกวนตีนไอ้แต็งค์มันไป
“มึงสนิทกับพี่มัน?” นั่นไงตอบคำถามกูด้วยคำถามซะงั้น
“เออก็เพื่อนพี่นนท์มัน” มันยังไม่เลิกทำหน้าหงุดหงิด
“ไม่เห็นต้องสนิท” มันทำหน้าหงอย ผมได้แต่ถอนหายใจฮืดๆ แล้วตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป เผื่อมันจะอารมณ์มันจะเลิกยั่วตีนกันบ้าง
“แต็งค์”
“ไร”
“คืนนี้กูไปนอนด้วยนะ”
“ห๊ะ!!”
“ก็รายงานมึงจะส่งหลังจบงานนี้ ที่กูบอกไว้ว่าจะช่วยไง จำไม่ได้หรอ”
“แล้ว..”
“จะช่วยให้เสร็จไปเลย กว่าจะเสร็จก็คงดึก.. ขี้เกียจขับรถกลับ” มันก็ยังคงทำหน้านิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดเหมือนเคย ที่พูดออกไปเนี่ยอย่ามาคิดว่าผมอ่อยมันนะ แต่ก็เอออ่อยก็ได้ คริคริ ยังไงคืนนี้ก็ต้องทำอะไรๆให้มันชัดเจนอย่างที่ไอ้เหน่งมันเคยบอก ‘หัดเอาอกเอาใจมันบ้าง’เผื่อจะช่วยลดความขี้หึงทั้งของมันแล้วก็ของตัวผมเอง

“ไอ้แต็งค์ เหี้ย มึงปล่อยให้มันแย่งลูกทำไม”
“ไอ้แต็งค์ นั่นประตูทีมมึง”
“ไอ้แต็งค์มึงงงกับชีวิตมึงอยู่หรอ ไอ้ห่า”
“ไอ้แต็งค์ ไอ้สันขวาน!!!”
ผมไม่รู้ว่าไอ้แต็งค์มันเป็นอะไรของมัน ดูมันไม่มีสมาธิ ไม่มีกระจิตกระใจจะเล่นยังไงยังงั้น

ปี๊ดดดดดดดด

“ไฟฟ้าเอาไปรับประทานอีกแล้วแล้วคราบท่านผู้ชม”
กรี๊ดดดดดดด

“ทำประตูลูกที่สองโดยน้องนัทนทีคนดีคนเดิม ครับ กริ้วๆ”

อร๊ายยยยย

เอิ่มมมม

“ฝีตีนไม่ตกเลยนะมึง” พี่นนท์มันวิ่งกระซิกๆมากระแทกไหล่ผม “แล้วมึงไปพ่นลมอะไรใส่ไอ้แต็งค์มันอีก แม่งเล่นไม่ออก ยืนทื่อเป็นคนไร้วิญญาณ”
“ป้าววว” พูดจบผมก็ยักไหล่ใส่พี่มัน
“อย่าให้กู้นะว่าไปล่อซื้ออะไร เดี๋ยวมึงๆ” พี่นนท์มันชี้หน้าคาดโทษผมก่อนจะหันไปหาไอ้แต็งค์ที่ยืนไร้วิญญาณอยู่ในสนาม “ ไอ้แต็งค์ มึงลืมพกวิญญาณมาหรือไง ไอ้ห่า”
“ไอ้แต็งค์!!”
“ไอ้เวรแต็งค์!!”
“ห๊ะ” กว่ามันจะได้สติพี่เม่นกับพี่นนท์มันแทบจะกราบตีนเรียกมัน ผมเลยสงยิ้มย้อยๆกดสติมันกลับไปอีกที

ปี๊ดดดด

เสียงสัญญาณนกหวีดบอกหมดเวลา สรุปว่าเอกไฟฟ้าชนะโยธาไปสองศูนย์ และไม่ใช่แค่ชนะเอกโยธาเท่านั้น เพราะระดับแข้งพรีเมี่ยมอย่างพวกผมนั้นดันคว้าแชมป์ของประเพณีฟุตบอลวิศวะปีนี้ ชนะแบบขาดลอย เรียกว่าสร้างหน้าสร้างตาให้สาขาไปได้เยอะ พี่เป็กนี่ถึงกลับยืดคอไม่ยอมหด ส่วนพี่เม่นกับพี่นนท์ก็พากันเนียนๆมาก๊งเหล้ากับพวกเด็กไฟฟ้าด้วย แต่ตัวผมเลือกที่จะปฏิเสธกิจกรรมก๊งเหล้าคืนนี้ไป เพราะมีกิจกรรมยิ่งใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบ




19.00 น.

“ทางนี้!!” ไอ้แต็งมันโบกมือหยอยๆเรียกผมอยู่ตรงหน้าลอบบี้คอนโดมัน
“กูบอกว่าไม่ต้องลงมารอไง”
“เดี๋ยวมึงหลง”
“กูเนี่ยนะจะหลง เลขห้องมึงก็บอกกูมาแล้ว ถ้าหาไม่เจอเดี๋ยวกูก็โทรหามึงเอง”
“เออน่า” ว่าจบมันก็ดึงมือผมให้ตามตูดมันเดินขึ้นลิฟต์มา พอออกจากลิฟต์ก็พากันเดินมายังห้องมัน
ห้องของไอ้แต็งค์ คือแบบ แบบว่า เป็นห้องที่ไม่มีห่าอะไรเลย ไม่มีอะไรเลยแบบไม่มีจริงๆ ผมอยากจะถามมันมากว่ามันไม่คิดจะซื้ออะไรเข้าห้องเลยรึไง ยังดีที่มีโซฟากับโทรทัศน์อยู่ ไม่งั้นห้องมันคงเรียกได้ว่าโล่งแบบโล่งของจริง พอมองไปโซนห้องครัว ทุกอย่างในครัวมันยังคงเอี่ยมใหม่กริ๊งเหมือนไม่เคยได้ใช้งาน
“แต็งค์” มันหันมามองผมเป็นเชิงบอกว่ามีอะไร “นี่ใช่ห้องมึงจริงป่าววะ”
“ทำไม”
“ก็มันโล่งแทบจะไม่มีอะไรเลย ยิ่งในครัวยิ่งแล้วใหญ่เหมือนไม่เคยได้ใช้งาน...” ผมเหลือบตาไปมองมัน เห็นมันแอบ ไม่สิมันถอนหายใจเลย
“ก็มึงบอกจะมานอนด้วยกูเลยให้แม่บ้านมาทำความสะอาด” ผมหันไปมองหน้ามัน แล้วทำหน้าแสดงความรู้สึกว่าใช่หรอวะ มันพยักหน้าหงึกๆทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ง้างปากถาม “ความจริงห้องกูรกกว่านี้เป็นสิบเท่า พอมึงจะมาก็เลยจัดการเอาของที่คิดว่าเกะกะที่ที่สุดไปทิ้งให้หมด” อืมหมดจริงๆ เกือบหมดห้อง
“ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ ฮ่าๆ”
“เดี๋ยวมึงไม่ประทับใจ” ซัดลงกลางใจมาอีกดอก โต้ตอบอะไรไม่ได้นอกจากกลั้นยิ้ม
“ไปๆทำรายงานเหอะ เดี๋ยวแม่งไม่เสร็จ”
“เขิน?” ไอ้แต็งค์ ไอ้ห่า ผลั๊วะ เลยต้องระบายความเขินกับแขนมันไปแรงๆทีนึง
“จะทำตรงไหน”
“ห้องนอน” มันเลิกคิ้วไปทางห้องนอน แหมเลือกสถานที่สุ่มเสี่ยงเลยนะมึง “คิดลึก”
“กูยังไม่ได้คิดอะไรเลย” ผมขมวดคิ้วนิ่วหน้าใส่มัน
“แต่หน้ามึงบอกว่าคิด” แต่มันเนี่ยเสือกอมยิ้มกรุ่มกริ่ม ไอ้แต็งค์ ไอ้สันขวาน!!
“โว้ะ มึงจะทำมั้ยรายงาน” ผมโวยวายใส่มัน กลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง

มันก็ไม่ตอบอะไรนอกจากอมยิ้มกรุ่มกริ่มเหมือนเดิม แล้วเดินนำผมไปยังห้องนอนมัน ในห้องนอนของมันก็ไม่ได้แตกต่างจากข้างนอกเท่าไหร่ โล่งๆเหมือนกัน แต่ยังดีที่มีเตียง มีโซฟาและก็ยังมีโทรทัศน์อยู่ คงจะขนไปทิ้งหมด พอผมเหลือบตาไปที่หัวเตียงก็เจอรูปที่ผมกับมันถูกถ่ายไว้ตอนที่ขึ้นร้องเพลงวันที่มันประกวดเดือนใส่กรอบรูปตั้งหัวเตียงอย่างดี จากที่เขินอยู่แล้วคราวนี้เขินหนักกว่าเดิมเป็นเท่าทวีคูณ

“รูปสวย?”
“ไปทำรายงาน” ผมดันตัวมันให้ไปนั่งตรงโซฟาเพื่อทำรายงาน และอีกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้มันหาเรื่องทำให้ผมเขิน ไม่รู้ว่าคืนนี้ผมยังจะต้องเขินเพราะมันอีกกี่ร้อยรอบ


ผมกับมันนั่งทำรายงานกันลากยาวตั้งแต่ทุ่มครึ่งจนตอนนี้ห้าทุ่มแล้ว ดีที่ซื้อของกินมาไว้เพียบเลยไม่ต้องเสียเวลาวุ่นวายกับของกินแต่มาวุ่นวายกับรายงานเจ้ากรรมแทน ทำไปหาวไป ง่วงก็ง่วง แต่นอนไม่ได้ เพราะไม่อยากทิ้งให้มันทำคนเดียวอุตส่าห์ตั้งใจไว้แล้วว่าจะช่วยจนเสร็จ เอาอกเอาใจมันบ้างอย่างที่ไอ้เหน่งมันบอก เหอะ เหอะ


“เสร็จซักทีโว้ยยยยยยยยยยย”
“นอนเลยมั้ย” ผมพยักหน้าหงึกๆตอบมันไป จังหวะนี้ลูกกะตาเจ้ากรรมมันพร้อมจะปิดเต็มทีแล้ว ผมเดินลากตูดตัวเองขึ้นมาทิ้งตัวลงบนเตียงของมันแล้วหลับตาพริ้มลงทันที ส่วนมันก็เดินลากสารร่างมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆผม ต่างคนต่างนอนเงียบๆไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ได้ยินเพียงเสียงหายใจของกันและกัน ทั้งๆที่หลับตา ทั้งๆที่ง่วงแทบตาย แต่ผมกลับไม่หลับ ซะงั้น
ไอ้แต็งค์มันนอนพลิกตัวไปมาอยู่เป็นชั่วโมง จนมาจบที่ท่านอนตะแขงหันหน้าเข้าหาผม
“น้ำ หลับยัง”
“ยัง มีไร” ผมเลยต้องตะแคงตัวหันไปหามัน
“นอนไม่หลับ?”
“หมายถึงมึงหรือกู” มันมองหน้าผมนิ่งๆเหมือนกำลังต้องการคำตอบอีก “ถ้าเป็นกู กูอ่ะง่วงชิบหาย แต่แม่งพอจะหลับเสือกไม่หลับ”
“อือ.. กูก็เหมือนกัน” ลอกกูตลอด “น้ำ....”
“อะไร”
“กูชอบมึง”
“ห๊ะ”
“กูชอบมึง”
“ห๊ะ”
“กูชอบมึง” ยังไม่ทันได้ ห๊ะ “ห๊ะอีกรอบกูจูบมึงนะ”ผมเลยต้องรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปากตัวเอง
“ยิ้มอะไร”
“ดีใจ” มึงเอื้อมมือมาดึงมือผมที่ปิดปากออก “ที่ได้ชอบมึง” แล้วมันเอามืออีกข้างมากุมมือผมไว้ “มึงรู้มั้ยว่ากูแม่งโครตชอบมึง ชอบมาก ชอบชิบหาย ชอบจนทำใจไม่ได้ถ้ามึงจะไปชอบคนอื่น หึงแม่งทุกคนที่เข้าใกล้มึง หึงจนอยากจะบีบคอทุกคนที่คิดจะเข้ามาชอบมึง ฮ่าๆ”อ่ะ กูเริ่มจะกลัวมึงแล้ว ผมเลยบีบมือมันเบาๆเพื่อย้ำให้มันรู้ผมก็รู้สึกไม่ต่างจากมัน
“พูดยาวว่ะ” ผมคลี่ยิ้มออกมาบางๆ “กูก็หึงไม่ต่างจากมึงหรอก ฮ่าๆ” ผมกับมันต่างหัวเราะให้กับความขี้หึงของตัวเอง
“ขอจับมือได้ป่าว” ผมกระชับมือผมกับมันให้แน่นขึ้น “ขอกอดได้ป่าว” ผมเขยิบตัวเองเข้าไปใกล้มัน ส่วนมันก็ปล่อยมือที่จับกันอยู่เปลี่ยนมาเป็นวาดแขนกอดรอบตัวผมไว้ “ขอจูบได้ป่าว” ผลั๊วะ “โอ๊ะ”
“มึงนอนจับมือกูเฉยๆเลย” ไอ้ห่าแต็งค์ ได้คืบจะเอาศอก ผมต้องรีบถอยตัวหนีออกมาจากอ้อมแขนมัน เหลือเพียงมือไว้ให้จับพอ ส่วนมันก็ยิ้มกรุ่มกริ่มชอบใจที่แกล้งให้ผมเขินได้

“หน้าแดง”
“เดี๋ยวหน้ามึงก็แดง” ผมพูดรอดไรฟันใส่มัน “แต่แดงเพราะตีนกู”
“เขินๆ” มันเอามืออีกข้างเอื้อมมาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ แล้วผมก็ต้องเขินเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มพึ่งหัดมีความรัก “จูบไม่ได้จริงๆหรอ”
“นอน!!” ผมปัดมือมันข้างที่เกลี่ยแก้มออกแล้วดึงมาจับไว้แทน จากนั้นก็แกล้งหลับหนีมันเพื่อปกปิดอาการเขิน ใจเย็นไว้ไอ้น้ำ ชู่ว ชู่วว
“น้ำ.....”
“นอน”
“น้ำ...”
“ถ้ามึงยังไม่ยอมนอน มึงก็ไปนอนข้างนอก!!”
“ฮ่าๆ” ขำหาพ่อง!! ถนัดจังเรื่องกวนตีนกูเนี่ย “คืนนี้เราได้นอนจับมือกันครั้งแรก โครตมีความสุขเลยว่ะ” อือ โครตมีความสุขเลย มีความสุขจนอยากจะหยุดเวลาไว้ที่คืนนี้นานๆ
“ฝันดี”
“มึงไม่ต้องหึงกูหรอก เลิกหึงไปเลย เพราะกูไม่มีวันชอบใคร ไม่มีวันที่คิดจะชอบใคร นอกจากมึง” หน้าแดงสิทีนี้ เขินตัวจะแตกแค่ไหนก็ต้องเก็บอาการ ต้องกลั้นยิ้มเอาไว้ไอ้น้ำ พอมันพูดจบผมก็รู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่มาจรดลงตรงหน้าผากของผมอย่างเบาบาง แต่ที่ไม่เบาบางคือใจของผมที่เต้น ตุบตับ อย่างรุนแรง จนแทบจะกระเด้งทะลุออกมา “ฝันดี”
“อื้ม” สุดท้ายก็ไม่อาจกลั้นยิ้มต่อไปได้ นี่มันจะทำให้ผมเขินไปถึงไหน   


ผมกับมันต่างคนต่างนอนจับมือกันไว้อย่างนั้น จับมือแล้วกระชับให้แน่น

เพื่อให้อีกคนรู้สึกว่าความรู้สึกของเรามันไม่ได้ต่างกัน

ผมก็ชอบได้แค่มัน

ไม่มีวันชอบใคร
 
แล้วก็ไม่คิดจะชอบใคร



โดย อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 08-10-2021 22:56:44
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 11.1
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 15-10-2021 14:25:11
Episode 11  เพราะรักมันไม่มีรูปแบบตายตัว (1/2)




[Part Teetuch Thank]



สามปีก่อนหน้า



“หวัดดีครับแม่”
“อ้าว กลับมาแล้วหรอลูก” หญิงวัยสี่สิบห้าปี ยืนยิ้มแย้มใจดี อยู่ที่หน้าประตูบ้าน
“ครับ” ผมยิ้มแย้มตอบรับอย่างมีความสุข แล้วรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านซึ่งมีห้องนอนของผมอยู่บนนั้น รีบเข้าไปในที่ที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุด เพราะมันเป็นที่ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของใครคนนึง คนที่ผมแอบเฝ้ามองตลอดมา

ปัง!! (เสียงปิดประตู)

“นี่มันอะไรแต็งค์” ชายวัยสี่สิบหกปี ยืนหน้าเคร่งเครียดบอกอารมณ์หงุดหงิดถึงขีดสุดพร้อมกับยื่นกรอบรูปขนาดกลางที่มีรูปเด็กผู้ชายในชุดมัธยมปลายกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน กำลังนั่งดีดกีต้าร์ร้องเพลงอยู่บนเก้าอี้ไม้กลางเวทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข ซึ่งคนในรูปนั้นไม่ใช่ผม “พ่อถามว่านี่มันคืออะไร” กดเสียงให้ต่ำลงเพื่อย้ำว่าไม่พอใจ
“รูปไง”
“รู้ว่ารูป”พ่อจ้องเข้ามาในตาผมเพื่อต้องการคำตอบที่ดีกว่านี้ “แต่คนในรูปคือใคร” พูดจบพ่อก็เบี่ยงตัวออกจากประตูห้อง แล้วชี้ไปยังรูปทั้งหมดที่ติดอยู่บนผนังห้องนอน บนหัวเตียง และโต๊ะทำการบ้าน
“คนที่ผมชอบ”

เพี๊ยะ!!

ฝ่ามือแกร่งทิ้งน้ำหนักลงที่ใบหน้าของผมอย่างไม่ลังเล

“แกพูดอะไรออกมา” พ่อยังกดเสียงต่ำทั้งที่ในใจคงอยากจะตะโกนมันออกมาให้ดังลั่นบ้าน “นั่นมันผู้ชาย!!”
“ผมชอบไปแล้ว” ผมไม่แสดงสีหน้าหรือความรู้สึกใดๆออกไป ความสุข รอยยิ้มเมื่อครู่มันหายไปทันทีตั้งแต่เห็นพ่อเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าแบบนี้ มันทำให้ผมรู้ทันทีว่าพ่อไม่พอใจ จนอาจจะถึงขั้นไม่ยอมรับที่ผมชอบผู้ชาย
“แกพูดออกมาได้ยังไง”

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

ฝ่ามือกระหน่ำลงมาที่หน้า ที่หัว และก็ที่ตัวของผม ไม่ยอมหยุด จากครั้งแรกที่รู้สึกเจ็บ ครั้งต่อๆมากลายเป็นว่าไม่รู้สึกอะไรเลย คงเพราะชาไปแล้วทั้งตัว ผมยังคงยืนอยู่เฉยด้วยสีหน้าเรียบนิ่งปล่อยให้พ่อกระหน่ำฝ่ามือลงมาเพื่อระบายความโกรธ หวังว่ามันจะทำให้พ่อหายโกรธลงบ้าง

“ว๊าย คุณตั้ม คุณตีลูกทำไม หยุดนะ หยุด!!” หญิงใจดีที่เข้ามาช่วยเอาตัวเองบังผมไว้ไม่ถูกพ่อลงโทษ
“คุณกิ่ง คุณดูลูกคุณสิ ดูมันทำ คุณดู!!” น้ำเสียงสั่นเครือนั้นทำให้ผมนึกสะอึกอยู่ในใจ รู้สึกเสียใจที่ทำให้พ่อโกรธ พ่อชี้ไปยังรูปภาพที่อยู่ทั่วห้องของผมให้แม่ดู “ถ้าวันนี้ผมไม่คิดจะเข้ามายืมของในห้องมัน ผมคงไม่ได้รู้ว่าลูกเรามันวิปริตผิดเพศ!!” คำพูดของพ่อยิ่งตอกย้ำลึกลงไปในใจผม จนอยากจะปล่อยให้น้ำตาล่วงหล่นลงมาแต่ไม่กล้า ได้แต่กลั้นมันไว้
“คุณอย่าพูดแบบนี้กลับลูก” แม่กดเสียงต่ำลงใส่พ่อเพื่อแสดงความไม่พอใจ แต่ในแววตาของแม่ที่มองมาที่ผมกลับฉายชัดถึงความรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่เห็น “ไหนแต็งค์บอกแม่มาสิลูก ว่ามันเป็นยังไง ระหว่างอยู่ที่โรงเรียนมีความกดดันอะไรหรือป่าว เราถึงได้..” แม่พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมกับเอื้อมมือมาลูบหัวผม
“ผมไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชาย” แม่ผมเธอคลี่ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ “แต่ผมชอบเค้า เค้าเป็นผู้ชายคนเดียว แล้วก็เป็นแค่คนคนเดียวที่ผมจะชอบ” สีหน้าของแม่กลับมาฉายความรู้สึกผิดหวังอีกครั้ง
“แต็งค์ลูก..”
“เหอะ แล้วมันต่างจากเกย์ตรงไหน ในเมื่อคนที่แกยืนยันว่าชอบมันเป็นผู้ชาย”
“คุณตั้ม!!” แม่หันไปตวาดเสียงดังใส่พ่อ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้ยินแม่ใช้เสียงโทนนี้ “แต็งค์เลิกชอบเค้าได้มั้ยลูก”

แม่หันมาทำสีหน้าขอร้องกับผม ส่วนพ่อก็เอาแต่เบี่ยงหน้าหนี เหตุการณ์ในวันนี้มันทำให้ผมรู้สึกอ้างว้างข้างในใจเป็นอย่างมาก บ้านที่เคยคิดว่าเป็นเซฟโซนที่ดีที่สุด คิดว่าเป็นที่ที่มีแต่คนรักและเข้าใจเราที่สุด แต่ในวันนี้มันกลับไม่ใช่เลย ไม่มีใครเข้าใจเลย

“ผมเสียใจที่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง” ผมก้มลงกราบเท้าพ่อกับแม่ พอได้ยินเสียงสะอื้นที่บ่งบอกถึงความผิดหวังของแม่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเสียใจมากกว่าเดิม แต่ผม... “ผมขอโทษ ผมเลิกชอบเค้าไม่ได้จริงๆ”
“ไอ้แต็งค์!!” พ่อถลาเข้ามาคงจะตีผมแต่โชคดีที่แม่คอยกันไว้ “แกจะเอาอย่างนี้ใช่มั้ย”พอพูดจบ พ่อก็ปรี่เข้าไปดึงกระชากรูปภาพตามจุดต่างๆในห้องของผมทิ้งลงถังขยะ
“พ่ออย่า อย่า!!” สิ่งที่พ่อทำมันมากเกินไปสำหรับผม ผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป จึงวิ่งเข้าไปแย่งถังขยะแล้วดันพ่อกับแม่ออกจากห้องไป แล้วล็อคประตูห้องทันที
“ไอ้แต็งค์ เปิดประตู”


ปัง! ปัง!


“แต็งค์ เปิดประตูให้แม่หน่อยลูก”


ผมไม่ได้ส่งเสียงตอบรับอะไรออกไป ปล่อยให้ท่านส่งเสียงเรียกอยู่แบบนั้น ผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอะไรทั้งนั้น จนเวลาเลยผ่านไปหลายชั่วโมงเสียงที่หน้าประตูห้องนอนก็เงียบลงไป ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนว่าความมืดกำลังเคลื่อนที่เข้าปกคลุมห้องผม ทั้งเงียบ ทั้งมืด ทั้งอ้างว้าง ราวกับว่าผมอยู่ตัวคนเดียวบนโลกนี้ ผมตัวคนเดียวจริงๆ ผมผิดหรอ ที่คนที่ผมชอบเป็นผู้ชาย ผมผิดหรอ ที่ผมพยายามแล้วแต่ก็หยุดชอบเค้าไม่ได้ ผมชอบเค้าไปแล้ว ชอบมากจนไม่สามารถจะชอบใครได้อีกแล้ว สิ่งที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ มันผิดจริงๆหรอ ผมได้แต่เอามือยีหัวตัวเองให้คิด คิดสิ คิดหาทางออกสิไอ้แต็งค์


“ปู่ครับ”
[ว่าไงหลานชาย โทรมาดึกๆมีเรื่องอะไรรึป่าว น้ำเสียงฟังแล้วไม่ค่อยดี]
“ผมขอไปอยู่กับปู่ได้มั้ย”
[เป็นอะไร เล่าให้ปูฟังได้มั้ยคนเก่ง]
“ผม....” ผมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้และก็ก่อนหน้าที่ผมเจอคนคนนั้น คนที่ผมชอบ ผมเล่าให้ปู่ฟังจนหมด ไม่มีปิดบังอะไรทั้งนั้น ผมกับปู่เราทั้งคู่สนิทกันมาก สนิทกันจนเหมือนเพื่อนซี๊ต่างวัย ทุกครั้งที่ผมมีปัญหาอะไรผมมักจะปรึกษาปู่เสมอเพราะปูเป็นคนที่รับฟังผมอย่างจริงใจ ปู่จะเปิดโอกาสให้ผมแสดงความคิดออกมา ปู่ชอบทำหน้าที่เป็นสายซัพพอร์ตให้ผมในทุกๆเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็เช่นกัน

[ไม่เป็นไรนะลูก บางทีโลกมันอาจจะหมุนเร็วเกินไปจนพ่อกับแม่เราตามไม่ทัน เราลองเปิดใจคุยกับเค้าทั้งสองทีละนิดๆให้เค้าได้มีเวลาได้คิดกันบ้าง เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาลูก]
“ครับ”
[ส่วนเรื่องที่อยากมาอยู่กับปู่ ปู่ไม่ห้ามแต็งค์นะลูก อยู่ที่นั่นถ้ามันทำให้เราอึดอัดก็หนีมาพักใจซักพัก รออะไรๆดีขึ้นแล้วค่อยกลับ]
“ขอบคุณครับ”


ปู่เป็นคนที่รับฟังผมเสมอ แม้ว่าเรื่องนั้นมันจะเข้าใจยากแค่ไหนก็ตามแต่ปู่ก็เลือกที่คอยอ้าแขนรับผมทุกครั้ง ผมตัดสินใจเก็บรูปภาพของคนคนนั้นทั้งหมด เก็บใส่กล่องลังสีน้ำตาลเตรียมย้ายไปไว้ที่บ้านของปู่


ผมหนีมาอยู่บ้านปู่ได้สองอาทิตย์แล้ว ไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้ติดต่อใครไป แรกๆก็มีแม่โทรมาหาปู่ หลังๆก็ไม่มีใครโทรมาแล้วคงคิดว่าอยู่กับปู่แล้วเลยไม่มีอะไรน่าห่วงรึอาจจะไม่ห่วงเลยก็ได้


“ปู่ ผมว่าวันนี้เลิกเรียนแล้วจะกลับไปที่บ้านพ่อแม่ครับ”
“ดีแล้วลูกกลับไปปรับความเข้าใจกัน ตอนนี้พ่อเราคงใจเย็นบ้างแล้ว”
“ผมคงไม่ได้กลับไปเลย แค่ไปๆมาๆ”
“ทำไมล่ะลูก”
“ถ้าไปแล้วมันอึดอัด” ผมถอนหายใจ “ผมคงไม่มีกำลังใจที่จะทำอะไร”
“เอางั้นก็ได้ ยังไงปู่ก็ทีมแต็งค์อยู่แล้ว”
“หื้มมม ปู่ใครทำไมวัยรุ่นจัง ฮ่าๆ” ผมเอี้ยวตัวเข้าไปโอบกอดปู่ไว้ ปู่ก็กอดตอบผมแล้วก็ลูบที่หลังผมเบาๆ

“หวัดดีครับพ่อ แม่”
“โหพี่แต็งค์ กว่าจะกลับมาได้” เสียงแตงกวาน้องสาวผม เราอายุห่างกันสองปี แตงกวาเป็นเด็กหน้าตาน่ารัก นิสัยร่าเริงช่างพูดช่างเจรจา ต่างจากผมที่มักจะพูดน้อย ทำหน้านิ่ง ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกใดใด และในวันนี้ที่เธอทักผมด้วยเสียงสดใสร่าเริงกว่าปกติ ผมเชื่อว่าตอนนี้เธอเองก็น่าจะพอรู้สถานการณ์ของบ้านดี ถึงได้ทำหน้าแป้นแล้นกลบเกลื่อนความอึมครึมของบ้าน

“มาๆกินข้าวก่อนลูก เดี๋ยวแม่ตักข้าวให้” แม่เดินเข้าโอบไหล่ผมแล้วดันให้นั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามกับพ่อ
“คิดว่าจะไม่กลับมาแล้วซะอีก”
“คุณตั้ม ลูกกินข้าวอยู่” พ่อผมเบี่ยงหน้าหนีทันทีที่แม่พูดจบ
“ผมแค่กลับมาเอาของ”
“อวดดี”
“คุณตั้ม”
“ก็มันจริง ลูกของคุณนอกจากมันจะวิปริตผิดเพศแล้วมันยังอวดดี”
“คุณตั้ม!!” ผมเอื้อมมือไปกุมมือแม่แล้วบีบกระชับเพื่อบอกว่าผมไม่เป็นไร
“ครับ ผมขอโทษที่วิปริตผิเพศ”
“ไอ้แต็งค์!!”
“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวขึ้นไปเอาของก่อนนะครับ” ผมไม่ได้หันไปมองหรือฟังอะไรที่พ่อพูดต่อ ผมรู้แค่ว่าผมต้องเอาตัวเองออกมาจากจุดนั้น ออกมาจากความอึดอัด ออกมาจากความผิดหวังของพวกเค้า



เวลาเลยผ่านมาถึงสามปี ผมใช้เวลาอยู่กลับปู่มากกว่าพ่อกับแม่ จะกลับบ้านก็แค่ช่วงวันอาทิตย์ของสัปดาห์ ผมไม่เคยได้พูดคุยหรือปรับความเข้าใจอะไรกับพ่อเลย เจอกันก็แค่ยกมือไหว้ คุยกันคำสองคำเท่านั้น เพราะถ้ามากกว่านั้นพ่อก็จะหยิบเอาเรื่องเดิมๆของผมมาพูด แล้วมันก็มักจะเสียดแทงใจให้ผมรู้สึกอ้างว้างทุกครั้ง เพราะพ่อไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้ ซึ่งต่างจากแม่ที่ค่อยๆทำความเข้าใจผมทีละนิด อาจจะยังไม่ถึงขั้นยอมรับร้อยเปอร์เซ็นแต่ท่านก็ไม่เคยกดดันเรื่องนี้

ผมลอบมองไอ้คนที่นอนหลับตาพริ้มที่ผมจับมือมันอยู่ ใบหน้าเรียวได้รูปรับกับสันจมูกที่พุ่งโด่ง ปากสีแดงอมชมพูที่ขยับมุบมิบเหมือนกำลังกินอะไรซักอย่าง สงสัยจะฝันเห็นของกิน ผมเคลื่อนริมฝีปากไปทับริมฝีปากบางของอีกคนอย่างแผ่วเบา คนตรงหน้าคนนี้คงเป็นความสุขเดียวของผม ที่ทำให้ความอ้างว้างในอดีตของผมหายไป


 [End Part]


โดย อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep11.2
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 15-10-2021 14:40:16
Episode 11  เพราะรักมันไม่มีรูปแบบตายตัว (2/2)



“แต็งค์” ผมหันไปมองหน้าไอ้คนที่มือข้างนึงกำลังยัดขนมปังแซนวิชเข้าปากนั่งหน้ารื่นอยู่บนโซฟาข้างๆผมอย่างสบายใจเฉิบ
“ไร”
“พี่แทนบอกกูว่ามึงไม่ค่อยได้กลับบ้าน”
“อือ” มันเลิกคิ้วเป็นการถามผมว่าแล้วไงต่อ
“ไม่คิดถึงบ้าน?”
“หึ” แล้วมันก็อมยิ้มกรุ่มกริ่ม “มีมึงแล้วจะให้คิดถึงอะไรอีก”ไอ้ ไอ้.. ขยันจริ๊งเรื่องทำให้กูเขินเนี่ย “เขินๆ” มันเอื้อมมือเอานิ้วชี้มาเขี่ยหลังมือผมเบาๆ
“กวนตีน”
“หึๆ”
“พรุ่งนี้ไปบ้านกูมั้ย”
“จะพาไปเปิดตัว?”
 
ผลั๊วะ!!

ผมตีไปที่แขนมันแรงๆ ส่วนมันก็ลอยหน้าลอยตากวนส้นตีนต่อ

“เปิดตัวห่าอะไรล่ะ ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน” อ่ะ แล้วก็มาทำหน้าหงุดหงิดใส่กูอีก
“แล้วเรื่องเมื่อคืน...” มันก้มหน้างุดๆ เอานิ้วชี้สองข้างจิ้มกัน ทำตัวเป็นสาวน้อยพึ่งเคยเสียตัวครั้งแรก ทั้งๆที่เมื่อคืนแค่นอนจับมือกัน

ผลั๊วะ!

เลยจัดไปให้อีกโบกเต็มๆแขนมัน “โอ๊ะ”
“แค่จับมือกันมั้ย”
“กอดด้วย”
“แปปเดียวไม่นับ”
“เหอะ เหอะ”
“สรุปจะไปมั้ย”
“ไป”

ที่ผมชวนมันไปก็เพราะว่าเห็นมันไม่ค่อยได้กลับบ้าน ไม่รู้ว่ามันมีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึป่าว แต่ก็ไม่กล้าถามเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของมันต่อให้สนิทกันแค่ไหนผมก็ไม่คิดที่จะก้าวก่ายเรื่องของมันเอาไว้มันอยากเล่าเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เลยตั้งใจชวนมันไปบ้านผมไปปาร์ตี้ผ่อนคลายซักหน่อย ซึ่งไม่รู้จะได้ผ่อนคลายรึป่าว ความจริงที่ผมกลับบ้านครั้งนี้ ผมตั้งใจจะบอกพ่อเกี่ยวกับเรื่องที่ผมชอบผู้ชาย แต่คงยังไม่ได้บอกว่าชอบไอ้แต็งค์หรอกเผื่อว่าผลมันออกมาไม่ดีมันจะได้ไม่ต้องอึดอัด ให้ผมอึดอัดคนเดียวพอ อยากจะบอกพ่อให้รู้แล้วรู้รอดไปผลมันจะออกมายังไงก็คงต้องยอมรับ ถามว่ากังวลมั้ย ผมกังวลมาก มากที่สุด แต่ผมชอบมันไปแล้ว ฮ่าๆ นี่จริงจังถึงขนาดพาเค้าไปบ้านเนี่ย มันเรียกเปิดตัวได้มั้ย เอาจริงๆที่ชวนมันไปเนี่ยเพราะคิดว่าถ้าผลตอบรับกลับมาไม่ดีอย่างน้อยมีมันคอยอยู่ข้างๆก็น่าจะอุ่นใจมากกว่าอยู่คนเดียว



“แต็งค์” ผมเลื่อนมือไปกุมมือมันไว้ “กูชอบมึงจริงๆนะ” แล้วบีบกระชับ ย้ำให้มันมั่นใจว่าที่พูดคือชอบจริงๆ มันหันมามองหน้าผมแล้วคลี่ยิ้มออกมา ยิ้มแบบที่มีแค่ผมเท่านั้นที่ได้เห็น
“จูบได้มั้ย” ในหัวมึงนี่จ้องอยู่เรื่องเดียว ผมไม่ตอบอะไรมันเลยปล่อยให้มันเอี้ยวตัวแล้วเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้หน้าผมเรื่อยๆ จน... แปะ “โอ๊ะ” ฝ่ามือผมเนี่ยมันไม่รักดีกระตุกไปเต็มๆปากมันทีนึงเบา เบา คริคริ
“ถ้าพูดอีก จากมือจะเป็นตีนแทน”
“โหดจัง หึๆ” มันเปลี่ยนเป็นดึงมือผมไปกอดไปหอมแทน เพิ่มระดับความเขินให้ผมอีก เห้ออ เมื่อไหร่ใจจะมีภูมิต้านทานกับมันบ้าง ก็ไม่ได้เล่นตัวหรอกครับ แต่ก็อยากให้เรื่องของผมกับมันค่อยๆเป็นค่อยๆไปไม่หวือหวา อยากให้มันเรื่อยๆแต่มั่นคง แต่กว่าจะเป็นแบบนั้นไม่รู้ว่าผมกับมันต้องฝ่าอุปสรรคอะไรบ้าง อย่างน้อยที่รู้ๆคงเป็นเรื่องการยอมรับจากครอบครัวแล้วหนึ่ง




ผมพาไอ้แต็งค์ขับรถเข้ามายังบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ เคลื่อนรถมาเรื่อยๆยังบริเวณโรงรถ ที่มีรถยนต์เรียงรายอยู่เต็มโรงจอดรถ จากนั้นก็พากันเดินมายังสนามหญ้าหน้าบ้านที่มีผู้ชายวัยกลางคนยืนหันหลังผิวปากมือข้างหนึ่งถือสายยางรดน้ำต้นไม้ ส่วนอีกข้างสายยางอีกทอดไว้


“พ่อ หวัดดีครับ” ผมกับไอ้แต็งค์ยกมือไหว้คุณประณตพ่อผมเอง แล้วก็วิ่งถลาไปกอด
“โตเป็นหนุ่มแล้ว ไอ้น้ำของพ่อ” พ่อกอดตอบผม แล้วหอมที่หน้าผากไปหนึ่งฟอด
“ได้ข่าวว่าเจอกันทุกอาทิตย์ มันจะเป็นหนุ่มเร็วขนาดนั้นเลยหรอพ่อ” พี่น่านมันเสนอหน้ามาผลักหัวผมเบาๆ
“ขี้อิจฉาว่ะ” พี่น่านมันไม่ได้พูดอะไร นอกจากเบะปากใส่ผม
“อ้าว ไอ้หลานรหัส มึงมาเสนอหน้าอะไรถึงที่นี่” ดูพี่นนท์มันทัก
“หวัดดีพี่” มันยกมือขึ้นไหว้ “น้ำชวนมา”
“มาเปิดตัว?” ผมถึงกับต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่กับคำแซวของพี่น่าน พ่อเลยเตะพี่น่านไปเบาๆทีนึง
“ไปๆ เข้าไปในบ้านกันก่อน” พ่อผมดันตัวของผมให้เดินเข้าในบ้าน

บ้านของผมเป็นบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ เรียกว่าใหญ่มากสมฐานะ ที่สมฐานะเนี่ยเพราะว่าบ้านของผมทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งรับต่อกันมาเป็นรุ่นๆแล้ว ชั้นล่างของบ้านส่วนใหญ่จะใช้รับแขก ห้องครัว แล้วก็เอาไว้โชว์นั่นนี่ อย่างเช่น เกียรติบัตร ถ้วยรางวัล และก็เหรียญรางวัล ของพวกผม พี่นนท์ และพี่น่าน  ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องทำงานแล้วก็ห้องนอน

“เดี๋ยวพอให้แม่บ้านเอาพวกของว่าง พวกขนมมาให้ นั่งคุยนั่งเล่นกันไปก่อนนะ” พูดจบพ่อผมก็เดินกลับไปรดน้ำที่สนามหญ้าหน้าบ้านต่อ
“แต็งค์ มึงคุยกับพี่น่านพี่นนท์ไปก่อนนะ เดี๋ยวกูมา” มันพยักหน้าหงึกหงัก

เอาวะ!!!

ไม่ว่าบอกตอนนี้หรือตอนไหน ก็ต้องบอกอยู่ดี ฮึบ

ผมเดินลากตูดมาอย่างเงียบๆ แอบมองดูแผ่นหลังของผู้ชายวัยกลางคนอยู่ห่างๆ ยังคงกล้าๆกลัวๆที่จะเดินเข้าไป นี่ผมตัดสินใจถูกแล้วหรือป่าวที่จะพูดตอนนี้ แต่ถ้าไม่พูดตอนนี้แล้วจะพูดตอนไหน จะพูดตอนนี้ก็กลัวรับไม่ไหว แล้วถ้ารอพูดตอนอื่น จะต้องแบกเรื่องนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ ถ้าพ่อรับไม่ได้ แน่นอนมันคงเป็นเรื่องที่ยากจะรับได้ ใจผมจะเป็นยังงัยต่อ แล้วไอ้แต็งค์ล่ะ ถ้ามันรู้ว่าพ่อผมไม่โอเค มันจะเจ็บปวดมั้ย โอ้ยยยยยย กลุ้ม

“มีไรน้ำ” พ่อหันมาเรียกผม ทำให้ผมต้องสะดุ้งเล็กน้อย เพราะเรื่องที่ตีกันอยู่ในหัว “ว่าไง มีอะไร” พ่อถามผมด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ
“คือ...” ผมยังคงลังเลระหว่างที่จะก้าวเท้าเข้าไปหาพ่อ หรือจะวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน แต่ไม่ทันได้เลือกซักอย่าง พ่อก็ก้าวเท้าเข้ามาหาผมพร้อมกับดึงแขนผมมานั่งอยู่ตรงโต๊ะใต้ร่มไม้ข้างๆบ้าน
“ว่าไง” ผมพ่นลมหายใจ รวบรวมความกล้าทั้งหมด แล้ว
“พ่อครับ” พ่อเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร “ไม่มีอะไรละ” ผมเตรียมจะยกตูดหนี แต่ก็

ผลั๊วะ!

ไม่ทัน ฝ่ามือของพ่อประทับลงที่หัวของผมอย่าง ไม่ เบา

“จะพูดก็พูด อย่าร่ำไร” เหอะ เหอะ ผมได้แต่มองหน้าพ่อผู้บังเกิดเกล้า ไหล่สั่นเล็กน้อย
“พ่อ” ผมรบรวมความกล้าอีกครั้ง “ผมมีคนที่ชอบแล้ว..”
“อืม ก็ดีแล้ว เป็นวัยรุ่นเป็นเรื่องธรรมชาติ” พ่อมองหน้าผมเหมือนถามว่าแล้วไงต่อ
“แต่ผม.. เอ่อ ผม ผม”

ผลั๊วะ!

บ้านผมเลี้ยงกันแบบฮาร์ดคอ และ อีกไม่นานก็น่าจะก้านคอ

“อย่าลีลา น้องมอนสเตอร่ารอกินน้ำอยู่” เอ้าพ่อ นี่ลูกนะ จะมาเห็นต้นไม้ดีกว่าลูก โอ้วให้ตายเหอะ ผมได้แต่ทำหน้าเหรอหราใส่พ่อไป
“นี่ลูกนะ”

ผลั๊วะ!

ตีเป็นกลองเลยเอ้า เอาที่สบายใจ ถ้ามีอีกทีจะถอดหัวให้เอาไว้ไว้ตีในห้องนอนเลยอ่ะ

“จะพูดอะไรก็รีบพูด” พ่อใช้น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายกับผม เหอะ เหอะ ผมกลับมารวบรวมความกล้าอีกครั้ง แล้วพูดสิ่งที่ท่องจำมาตลอดระหว่างเดินทางกลับมาบ้าน
“ผมชอบผู้ชาย” คำสุดท้ายแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“อะไรนะ” พ่อถามย้ำเสียงดังเพื่อให้ผมพูดดังกว่านี้
“ผมชอบผู้ชาย ผม..” ผมมองหน้าพ่อเพื่อสังเกตสีหน้า แต่

ผลั๊วะ!

“ผีอะไรเข้าสิงมา” พ่อเอามือมาจับหน้าผม พลิกไปพลิกมา สำรวจรอบๆตัว
“ผมชอบผู้ชายจริงๆ”

กริบ...

ไม่มีสีหน้าแสดงความรู้สึกใดๆจากพ่อ พ่อนั่งนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ผมจ้องมองไปในแววตาของพ่อ แววตาที่มีแต่ความว่างเปล่า จนทำให้หัวใจของผมหล่นตุบ ผมกลัวเหลือเกินกลัวในสิ่งที่พ่อจะพูดออกมาเหลือเกิน

แต่แล้วพ่อก็เอื้อมมือมาเตะไหล่ผมเบาๆแล้วดึงตัวผมไปพิงไว้บนไหล่ของพ่อ ไหล่ที่แข็งแกร่ง ไหล่ที่เคยใช้แบกผม ไหล่ที่กว้างที่สุดที่สามารถแบกผมขึ้นขี่ตั้งแต่เล็กจนโตขนาดนี้ ก็ยังได้แบกผมขึ้นขี่บนไหล่ได้อยู่เหมือนเดิม

“แล้วยังไง” ผมเอามือขึ้นมาลูบที่หัวผมอย่างแผ่วเบา ผมรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของฝ่ามือพ่อ พ่อยังคงอบอุ่นไม่เคยเปลี่ยน แม้ในสิ่งที่ผมพูดไปมันอาจจะยากเข้าใจ “จะชอบผู้หญิงผู้ชายแล้วมันมีอะไรเปลี่ยนไปห้ะ” พ่อหันมามองหน้าผม ก่อนจะหันกลับไปแล้วถอนหายใจเบาๆ “ยังไงเราก็ยังเป็นลูกพ่อเหมือนเดิม”
“ผมขอโทษ” ผมหันหน้าไปมุ่นไหล่ของพ่อเพื่อปิดบังน้ำตาที่กำลังจะไหลเอ่อออกมา “ผมทำให้พ่อผิดหวัง ที่”
“ที่เราชอบผู้ชาย?”
“ครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก อารมณ์ตอนนี้ทุกอย่างมันจุกแน่นไปหมด ตั้งแต่เล็กจนโตผมไม่เคยทำให้พ่อผิดหวังในตัวผมซักเรื่อง แต่เรื่องนี้...

“น้ำ” พ่อจับไหล่ผมทั้งสองข้างให้หันมาเผชิญหน้า “ฟังพ่อนะ พ่อรู้ว่าเรื่องที่เราพูดมามันยากเกินที่พ่อจะเข้าใจ มันเกินที่พ่อจะรับไหว” นั่นไง พ่อรับไม่ได้จริงๆ แล้วน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลเอ่อมากมาทันที “แต่แล้วยังไง” ผมเงยหน้าขึ้นมองพ่อทั้งที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตา “สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ ต่อให้ลูกเป็นอะไร ลูกก็คือลูกอยู่ดีไม่ใช่หรอ”
“ครับ”
“ความรัก ความรู้สึกมันเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้อยู่แล้ว” พ่อผลักหัวผมเบาๆแล้วดึงมาพิงที่ไหล่ไว้เหมือนเดิม “ถ้าถามว่าพ่อรับได้มั้ย คงตอบว่าไม่” ผมเงยหน้าแล้วมองพ่อ “พ่อตอบแบบนั้นเราจะเสียใจมั้ย”
“เสียใจครับ”
“แล้วคิดว่าพ่อเสียใจมั้ยที่ทำให้เราเสียใจ” ผมส่ายหน้างุดๆแล้วเงยหน้าขึ้นมองพ่อ “น้ำ.. ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นลูกตัวเองเสียใจหรอก โดยเฉพาะเสียใจเพราะพ่อแม่เอง”
“พ่อ...” พ่อเอามือแกร่งของพ่อเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าผม
“รู้มั้ยอะไรคือความเสียใจที่สุดในชีวิตพ่อ”
“อะไรหรอครับ” เสียงของผมเริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ
“ความเสียใจที่สุดในชีวิตของพ่อ...” พ่อหันมามองผมด้วยสายตาที่แสนจะอบอุ่นเหมือนที่ผมเคยได้รับตลอดมา “คือการสูญเสียแม่ของเจ้าสามหน่อนอหนูไปไง” คำพูดของพ่อทำให้ผมกอดกระชับพ่อไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ “แล้วถ้าการที่พ่อจะไม่ยอมรับในสิ่งที่เราชอบแล้วมันจะทำให้สูญเสียเราไปอีกคน พ่อคงจะเสียใจมากและอาจจะมากกว่าการที่เสียแม่ไปอีก เพราะอะไรรู้มั้ย”ผมได้แต่ส่ายหน้างุดๆ “แม่ของเราเป็นเหมือนหัวใจครึ่งดวงของพ่อ แต่เราเป็นเหมือนหัวใจทั้งดวงของพ่อ” พ่อจูบลงมาที่หน้าผากของผม “พ่อรักเรานะน้ำ ไม่ว่าเราจะเป็นอะไรยังไงพ่อก็รักเรา” พ่อดึงผมเข้าไปกอดแล้วโยกตัวไปมา
“ขอบคุณครับพ่อ”
“ความรักมันไม่มีรูปแบบตายตัวหรอกนะไอ้น้ำ” ผมกับพ่อยังคงกอดกันอยู่ ยังคงกอดซึมซับความอบอุ่นจากคนคนนี้ คนที่คอยอยู่เคียงข้างผม คนที่เป็นที่พักพิงที่สบายที่สุดของผม “โลกทุกวันนี้มันหมุนเร็วจนคนเค้าเลิกจำกัดความรักของเพศเพศเดียวกันแล้ว” ผมเงยหน้าขึ้นมามองพ่อ ส่วนพ่อก็คลี่ยิ้มอย่างจริงใจให้ผม “รูปแบบของความรัก ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องคู่กับผู้ชาย บางทีอาจจะเป็นผู้หญิงคู่กับผู้หญิง หรือไม่ก็ผู้ชายคู่กับผู้ชายก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปยึดติดกับเรื่องเพศเลย เพราะความรัก เค้าโฟกัสกันตรงนี้” จิ้มมาที่อกผมหนึ่งที “ตรงที่ความรู้สึกของเรา” ผมคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจ
“ผมรักพ่อ”   
“พ่อก็รักเรา” ขอบคุณครับ ขอบคุณที่เข้าใจ “สุดท้ายแล้วสิ่งที่คนเป็นพ่อต้องการจากลูกมากที่สุดก็คือความสุขของลูก” พ่อผละออกจากผมแล้วเอามือขึ้นมาลูบหน้าผม “โตเป็นหนุ่มแล้ว มานั่งร้องไห้กลางวันแสกๆ เดี๋ยวไอ้เจ้านนท์เจ้าน่านมันเห็น มันก็เอาไปล้อ แล้วก็ตีกันบ้านแตกอีก หึๆ”
“ถ้าพวกพี่มันล้อ พ่อต้องช่วยผมจัดการพวกพี่มันนะ”
“ฮ่าๆ ไอ้น้ำของพ่อเอ๊ย”


หลังจากได้พูดคุยกับพ่อ สิ่งที่ผมแบกไว้ในใจก็ถูกวางลงทันที จากที่กังวลไว้สารพัด พ่อก็พังทลายทุกความกังวลของผมทิ้ง ความรักของพ่อมันยิ่งใหญ่มากจริงๆ ขอบคุณนะครับพ่อ ขอบคุณที่ยอมรับในตัวผม คนอื่นจะว่าอะไรยังไงมันไม่ได้มีผลกับผมเลย ขอแค่พ่อและคนในครอบครัวเข้าใจก็พอแล้ว


ทุกเย็นวันอาทิตย์ที่บ้านผมมักจะจัดปาร์ตี้ครอบครัวเล็กๆน้อยๆที่สวนหลังบ้านกันตลอด วันนี้ก็เหมือนเคย แต่พิเศษกว่าเคยเพราะดันมีแขกหน้านิ่งๆเป็นคนไร้ความรู้สึกมาด้วย

“พ่ออันนี้อร่อย” ผมตักปลาเผาใส่จานพ่อ เอาอกเอาใจคุณประณตแกซักหน่อย
“อ่ะ อันนี้ก็อร่อย” พ่อตักยำวุ้นเส้นใส่จานผม แล้วเอามือข้างที่ว่างขึ้นมาลูบหัวอย่างเอ็นดู
“แล้วผมล่ะ” ไอ้พี่นนท์ ไอ้ขี้อิจฉา พ่อทำท่าตักยำวุ้นเส้นใส่จานพี่นนท์มัน แต่ดันเลยไปใส่จานไอ้แต็งค์แทน หึๆ สมน้ำหน้า
“แต็งค์ เราก็กินเยอะๆ ทำตัวตามสบาย คิดว่าเป็นบ้านของเรา ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณครับ”
“โห่พ่อ ไหงเป็นงั้น นี่ลูกนะ” อืม ดูพี่มันทำหน้าทำเสียง น่ารักตายเลย
“ไอ้ขี้อิจฉา” พี่น่านมันพูดแทนใจผมแล้ว พี่นนท์มันก็ทำหน้าหงิกหน้างอแต่ก็ซัดข้าวเข้าปากต่อ

ระหว่างที่กินนั่นกินนี่กัน พ่อกับพี่นนท์แล้วก็พี่น่านก็พาคุยเรื่อยเปื่อย เรื่องเรียนบ้าง เรื่องงานบ้าง เรื่องระยำๆของพี่นนท์มันบ้าง ส่วนไอ้ตัวข้างๆก็เอาแต่อมยิ้มน้อยๆทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี
 
“กินบ้าง” ผมสะกิดไอ้แต็งค์ให้มันตักอาหารกินบ้าง เพราะมันมัวแต่นั่งฟังพี่น่าน พี่นนท์ฝอย
“ห่วง?” มันหันมาพูดเบาๆ แล้วก็ตักอาหารใส่จานผม
“อะไรงุ้งงิ้งๆกันอยู่สองคน” เอาอีกแล้วนะพี่น่าน พี่มึงนี่แอบมองกูทุกอากับกริยาเลยหรอ
“สู่รู้”
“ด่ากูเสือกเถอะ แบบนี้มันไพเราะไป” เหอะ เหอะ สนใจที่ไหนล่ะ ผมเลยหันมาตักนั่นตักนี่บริการไอ้แต็งค์ ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี
“ไม่เห็นตักให้พี่มึงบ้าง” อ่ะ นี่ก็ตัวเสือกอีกตัว
“มือมี?”   
“ไม่ใช่ไอ้แต็งค์ก็ต้องดูแลตัวเอง” ไม่เถียง เลยถลึงตาใส่พี่น่านไปที ไอ้ผีเจาะปากมาพูด วันนี้หลายรอบแล้วนะพี่มึง
“ไอ้ห่าแต็งค์ นี่มึงคิดจะเคลมน้องกูหรอ”
“ครับ”
“ไอ้แต็งค์!!” เอาเข้าไป ไอ้พี่นนท์มันทำท่าจะลุกมาหาไอ้แต็งค์ ส่วนพี่น่านมันก็เล่นใหญ่ทำเป็นห้าม เห้ออออ
“ถ้าจะมาเป็นเขยบ้านนี้ ต้องอดทนนะ”
“พ่อ!!”
“ก็เป็นแฟนกันแล้วไม่ใช่หรอ พามาบ้านขนาดนี้”
“ยังพี่น่าน!!”
“อ๋อแปลว่ากำลังดูๆกันอยู่” เหอะ เหอะ แล้วพ่อก็เอื้อมมือมาแตะบ่าไอ้แต็งค์ “แต็งค์เราต้องเหนื่อยหน่อยนะ น้ำมันทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง แค่ต้มมาม่าให้อร่อยยังทำไม่ได้” พ่อ!!!!
“ผมทำกับข้าวเก่ง” จบกันชีวิตกู มันอะไรกันเนี่ย

วอททททททท

“พ่ออย่าไปยอมให้มันง่ายๆดิ” พี่นนท์พี่มึงก็อีกตัว

กู กู กู หื้มมมม

ทำอะไรไม่ได้เลยครับ ตอนนี้หน้าแดงแป๊ดไม่รู้ว่าเพราะอากาศมันร้อน หรือเพราะโมโหพวกมือชง แต่ที่แน่ๆอ่ะ เขิน เขินล้วนๆ หลังจากที่ทุกคนสุมหัวกันรุมทำให้ผมเขินจนพอใจ ก็พากันแยกย้ายกลับ
 
“ยิ้มอะไร” ตั้งแต่ขับรถออกมาจากบ้าน ไอ้แต็งค์มันก็นั่งยิ้มไปควงพวงมาลัยรถไป เหมือนคนบ้า
“มีความสุข” เหอะ เหอะ สุขกับผี!!
“สุขมากเลย” ผมเลยทำเสียงกระแนะกระแหนมัน
“มากสิ” มันหันหน้ามามองผมแล้วยิ้ม ยิ้มซะโลกสดใสเลยมึง “ก็พ่อแฟนยอมรับทั้งที” เดี๋ยวนะ
“ใครแฟนมึง” ผมถลึงตาใส่มัน ส่วนมันก็หันไปสนใจถนนต่อ
“ว่าที่แฟนก็ได้” เอาที่มึงสบายใจ แต่เดี๋ยวนะ
“มึงแอบฟังกูคุยกับพ่อ?” มันหันมาพยักหน้าหงึกๆ “ไอ้แต็งค์!!”

ผลั๊วะ!

ซัดไปที่แขนมันหนึ่งที มึงนี่มัน!!

“โอ๊ะ” ยังจะมาหัวเราะชอบใจอีก ไอ้สันขวาน “พี่น่าน พี่นนท์ก็แอบฟัง ไปตีเค้าบ้างดิ” น่านไง กูว่าแล้ว หืมมม พวกมึง
“แต่กูไม่ได้บอกพ่อว่ากูชอบใคร”
“แต่ทุกคนรู้ว่ากูชอบมึง”

ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ

“พ่อกูรู้...”
“กูชัดเจนขนาดนั้น ใครก็ดูออก พ่อมึงก็ต้องดูออก”
“แต็งค์..”
“กูรู้ที่ผ่านมามึงกังวลมาก กูก็กังวลไม่ต่างกัน กลัวสารพัด กลัวพ่อกลัวพี่มึงไม่ยอมรับกู กลัว...” ผมยกมือขึ้นไปปิดปากมัน
“ตอนนี้ก็เลิกกลัวได้แล้ว” ผมเอามือออกจากปากมัน แล้วเลื่อนมากุมมือมันไว้แทน
“อืม” มันหันมามองผมแล้วส่งยิ้มบางๆให้ “คิดว่าจะต้องพาหนีซะแล้ว”
“ไอ้แต็งค์!!”

ผลั๊วะ!

“โอ้ย หึๆ” ยังจะมีหน้ามาหัวเราะ “น้ำ”
“ไร”
“พ่อกูเค้าไม่ยอมรับเรื่องที่กูชอบผู้ชาย” มันหันมามองผมอีกครั้ง แววตาของมันเศร้าสร้อยและดูกังวล จนผมต้องบีบกระชับมือมัน บอกให้มันรู้ว่าผมยังอยู่ตรงนี้
“เดี๋ยวกูจะพาหนีเอง” สาบานว่าผมทำหน้าและเสียงจริงจัง
“หึๆ” ยังจะมาหัวเราะอีก
“แต็งค์” ผมยกมือที่จับไว้อยู่ขึ้นมาวางไว้บนตักแล้วบีบกระชับย้ำๆ  “กูจะอยู่ตรงนี้ ข้างๆมึงตลอด ขอแค่มึงพูดว่าต้องการ”
“กูต้องการ” ผมคลี่ยิ้มบางๆส่งไปให้มัน
“งั้นก็อย่าใจเสาะ อย่ามาทำหน้าหงอยเป็นหมาโดนยาเบื่อ”
“คราบบบ” ลากเสียงยาวจบมันก็ขยี้หัวผมจนฟูฟ่อง “ก็ชอบมึงไปแล้ว จะให้มาเลิกชอบกูคงไม่ยอมหรอก ต่อให้เค้าจะไม่ยอมรับอีกซักพันรอบ กูก็ยังยืนยันที่จะชอบมึงอยู่ดี” แล้วมันก็หาเรื่องทำให้ผมเขินอีกเหมือนเดิม
“ลองเลิกชอบกูดิ” ผมออกแรงบีบมือมันมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย “กูจะให้ไอ้พี่นนท์มันมาสะกำมึง”
ไอ้แต็งค์มันไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากนั่งหัวเราะหึๆตามองถนนไป ส่วนผมก็นั่งหน้าแดงเป็นลูกตำลึงต่อ ไม่รู้ว่าจะเขินเรื่องไหนดีเลย

 
วันนี้คงเป็นอีกหนึ่งวันที่ดีสำหรับผม วันที่หัวใจของผมได้พองโตขึ้นมาอีกหน่อย เพราะความกังวลที่ผมแบกเอาไว้มันถูกพ่อหยิบออกมาด้วยความเข้าใจ ขอบคุณที่พ่อไม่เคยคิดที่จะปล่อยมือผม ขอบคุณที่รักผมและเลือกความรู้สึกผมมาเป็นอันดับแรก ต้องขอบคุณพ่อจริงๆ


ผมลอบมองไอ้คนที่ทำตัวเป็นสารถีดีเด่นในวันนี้ รู้ว่าการพามันมาบ้านผมวันนี้อาจจะทำให้มันโล่งใจกับอุปสรรคหัวใจของผมกับมันไปได้เปาะนีง และยังคงเหลืออีกหลายเปาะ และเปาะใหญ่ๆเลยคงต้องเป็นเรื่องการยอมรับของครอบครัวมัน พอนึกถึงที่มันบอกผมว่า ‘พ่อกูเค้าไม่ยอมรับเรื่องที่กูชอบผู้ชาย’ ผมได้แต่บีบกระชับมือมันให้แน่นขึ้น ไม่ว่ายังงัยผมกับมันจะต้องผ่านด่านนี้ไปด้วยกันให้ได้


ผมจะอยู่ข้างๆมันเหมือนที่มันอยู่ข้างๆผม


ทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี



โดย อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-10-2021 16:55:02
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 12
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 28-10-2021 08:24:06
Episode 12  Neng Day



[เหน่ง เพื่อนรัก]


สวัสดีครับ ผม นายนันทภัณฑ์ เหลี่ยมศิลา หรือ ไอ้เหน่ง เพื่อนรักของไอ้น้ำมัน ไอ้คนที่เกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบ แบบโครตๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาที่หล่อเหลาเอาเรื่อง หรือจะเป็นฐานะทางบ้านที่จัดอยู่ในประเภทพวกบ้านรวย แม้กระทั้งความสามารถทั้งด้านการเรียน กีฬา ดนตรี มันก็มัดรวมเอาความเก่งทุกด้านไว้กับตัวมันคนเดียว ไอ้เนี่ยมันเป็นลูกรักพระเจ้าชัดๆ และที่สำคัญมันยังเป็นพวกฮอตปรอทแตกอีก เหอะ เหอะ เหอะ และความฮอตของมันเนี่ย!!! ดันไปเตะตาไอ้หนุ่มเบ้าหน้าฟ้าประทานดีกรีเดือนมหาลัยเข้าจังๆ มันสองคนอ่ะใจตรงกัน ใครๆก็ดูออก แต่กว่าพวกมันจะดูกันเองออกก็เล่นเอาพวกเพื่อนรักอย่างผมถึงกับต้องปาดเหงื่อ คนนึงก็ซึนไม่รู้ห่ารู้เหวอะไรซักอย่าง อีกคนก็ชัดเจนสักแต่จะแสดงออกแต่ไม่ง้างปากพูด ไงล่ะ ต้องมีตัวละครเพิ่มเข้ามาให้จี๊ดใจเล่นกันก่อนถึงพูดความรู้สึกตัวเองได้ เหอะ ขอขำไหล่สั่น นึกถึงก็เสนอกันมาแล้ว ช่วงนี้หลังจากที่ไอ้น้ำกับแต็งค์มันสารภาพความในใจกันแล้วมันก็ดูเหมือนจะถึงเนื้อถึงตัวกันเกินไปแล้ว ผมในฐานะเพื่อนรักไอ้น้ำมันต้องคอยห้ามปามเป็นคนคั่นกลางตามที่พี่นนท์แกบอกมาว่าอย่าให้พวกมันใกล้ชิดกันเกินไป ป้องกันการชิงสุกก่อนห่าม ผมเลยต้องทำตัวเป็นคุณพ่อจอมโหดคอยหวงลูกสาววัยแรกรุ่นซะงั้น ผมเลยต้องเดินปรี่ไปแทรกกลางพวกมัน


“มึงสองตัวอ่ะ ห่างๆกันบ้าง”
“เป็นห่าอะไร” แหนะมาหงุดหงิดใส่กูอีก แหมขัดนิดหน่อยไม่ได้เลยไอ้เพื่อนรัก
“ไอ้แต็งค์ มึงไม่มีเรียนบ้างรึไง กูเห็นวันๆเอาแต่เสนอหน้ามาหาแต่ไอ้น้ำทั้งวัน”
“พึ่งมา” พูดจบมันก็ถอนหายใจฟุดฟิดใส่ผม
“ทำตัวเป็นพ่อตาหวงลูกสาวไปได้”

ผลั๊วะ!

“โอ้ย” ผมไม่ต้องจัดการเองครับ เพราะไอ้น้ำมันจัดการให้แล้ว หนึ่งทีเน้นๆให้ไอ้บิว
“มึงลากมันไปหาอ่านหนังสือด้วยเลยไป จะสอบอยู่แล้ว มัวแต่มาเดินเตะลมเล่น” ไอ้น้ำมันหันไปบ่นไอ้แต็งค์กับไอ้บิว
“เตะมึงแทนลม..” ไอ้บิวมันยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ต้องรีบหุบปากทันทีที่เจอไอ้แต็งค์กระซวกมีดใส่ด้วยสายตา “ป่ะๆ อ่านหนังสือกันเถอะเพื่อนแต็งค์ กูไปก่อนนะเพื่อนน้ำเพื่อนเหน่ง”ว่าจบมันกอดไหล่ไอ้แต็งค์แล้วพากันเดินหมุนตีนออกไปจากตรงนี้ทันที แต่ไอ้แต็งค์มันยังคงหันมาอาลัยอาวรณ์ไอ้น้ำต่อ
“เลิกเรียนกูมารับ” แหมมมมม อยากจะแหมให้ถึงดาวอังคาร
“มันจะกลับกะกู!!” ไม่รอให้ใครได้ตอบอะไร ผมก็ลากไอ้เพื่อนรักออกมา แหนะๆยังหันไปมองตาอาลัยอาวรณ์กันอีก อย่างกับซีนหนังรักที่พระเอกนางเอกถูกที่บ้านกีดกันไม่ให้รักกันยังงัยยังงั้น



ผมกับไอ้น้ำ และก็ไอ้สี่ตัว พากันมานั่งติวหนังสือเตรียมสอบมิดเทอมกันอยู่ที่ใต้ตึกคณะ สภาพแต่ละคนในตอนนี้เรียกได้ว่าอย่างกะซากซอมบี้ที่ไม่พร้อมรับอะไรเข้าสมองกันแล้ว จะมีก็แต่ไอ้น้ำนี่แหละที่มันยังคงนั่งหน้าด้านยัดเยียดความรู้ให้พวกผมไม่หยุดหย่อน ไอ้นี่มันฉลาดครับ และยังชอบเผื่อแผ่ความฉลาดของมันด้วยการกระชากหัวพวกผมให้ลุกมาตั้งหน้าตั้งตาติวต่อ ไอ้ตัวผมเองน่ะชินแล้ว เพราะถูกมันบังคับติวแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ส่วนไอ้สี่ตัวที่นอนสลบไสลกันอยู่เนี่ย ก็ได้แต่โอดครวญให้มันได้พักสมองบ้าง สมน้ำหน้าพวกมัน แล้วก็สมน้ำหน้าตัวเองด้วย

“น้ำมึงก่อนพอเหอะ กูกราบล่ะ” ไอ้โชคมันค่ำครวญอ้อนวอนอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“เออๆ” มันพ่นลมหายใจอย่างหนักหน่วง “กูให้พวกมึงพักชั่วโมงนึง แล้วค่อยมาต่อ” เหมือนสวรรค์มาโปรด
“ขอบคุณคราบบบบ”
“ใครจะแดกอะไรไลน์ทิ้งไว้นะ ”ไอ้ไม้มันยกตูดขึ้นเตรียมตัวจะไปหาของกินแน่นอน
“กูไปด้วยๆ” แล้วมันก็พากันยกโขยงไป เหลือแต่ผมกับไอ้น้ำที่ยังนั่งมุ่นกองชีทกองหนังสือกันอยู่
“สภาพเหมือนอยากลาตาย” แหนะ มีการหันมาเหน็บแนม
“กูบอกเลย เรื่องเรียนนี่ไม่ใช่ทางกูจริงๆ”
“กูก็เห็นมึงบอกไม่ใช่ทางมึงทุกเรื่องแหละ”
“สัดน้ำ”
“เหอะ เหอะ” หน้ามันตอนนี้ยียวนยั่วตีนผมเหลือเกิน ผมเลยถอนหายใจพรวด ไหนๆก็ยังไม่ได้ติวขอชะแวบสอดส่องความคืบหน้าความสัมพันธ์ของมันกับไอ้แต็งค์ซักหน่อย
“น้ำ”
“อะไร”
“มึงกับไอ้แต็งค์ไปถึงไหนกันแล้ววะ”
“ถึงไหน?” มันหันมาเลิกคิ้วสงสัย สงสัยห่าอะไร
“แบบว่า..” มันจ้องหน้าผมนิ่งๆ “แบบ แบบ”
“มึงจะลีลาอีกนานมั้ย” หยอกนิดหยอกหน่อยไม่ได้เลย
“เออๆ มึงเป็นแฟนกันยัง”
“ยัง”
“ขนาดนี้แล้ว ยังลีลาอยู่อีก”
“กูไม่ได้ลีลา” มันถอนหายใจพรืด วางหนังสือในมือลง “แต่ก็ไม่ได้เร่งรัด” มันจ้องมาที่หน้าผม แล้วถอนหายใจอีกพรืด “ยังไงกูก็ตั้งใจว่าจะต้องขอมันเป็นแฟนอยู่แล้ว แต่ยังไม่ใช้ตอนนี้”
“ทำไมวะ”
“พ่อไอ้แต็งค์เค้ารับไม่ได้เรื่องที่มันชอบผู้ชาย”


ผมลุกจากที่ไปนั่งข้างมันเอาแขนข้างนึงกอดคอมันไว้หลวมๆ เป็นการบอกให้มันรู้ว่าผมยังคงอยู่ข้างๆมัน นี่คงน่าจะเป็นเหตุผลหลักๆของมันสินะ ที่ทำให้มันสองคนยังไม่เลื่อนสถานะเป็นแฟนกัน ผมมองแววตาไอ้เพื่อนรักมันเจือปนไปด้วยความกังวล จนอดคิดไม่ได้ ในขณะที่ผมเอาแต่สนับสนุนให้มันทำตามความรู้สึกตัวเอง เอาแต่หาเรื่องมาสะกิดให้มันรู้ใจตัวเอง โดยไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยว่าครอบครัวมัน ครอบครัวไอ้แต็งค์มันจะโอเคมั้ย ผมรู้เพียงแค่เรื่องที่พี่นนท์รู้ว่ามันชอบกันเท่านั้น แต่ไม่เคยถามมันเลยว่าเป็นยังไง ที่ผ่านมามันกังวลเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน

“แล้วทางพ่อมึงล่ะ”
“พ่อกูไฟเขียว”
“คุณประณต แม่งเจ๋งว่ะ”
“หึๆ” ต่อให้พ่อมันไฟเขียว แต่ดูก็รู้ว่ามันยังคงกังวลอยู่
“เอาน่า… ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนที่จะรับเรื่องนี้ได้ในทันทีหรอก มึงให้เวลาเค้าหน่อย” แขนของผมที่กอดคอมันไว้หลวมๆก็กระชับขึ้นเล็กน้อย “มึงมันหล่อออร่ากระฉูดขนาดนี้ ถ้าเค้าไม่รับมึงเป็นสะใภ้นี่แม่งโครตตาถั่วอ่ะ” ไงสกิลการอวยเพื่อนของผม มันไม่พูดอะไรต่อนอกจากหันมาหัวเราะใส่ผม ซักพักไอ้สี่ตัวก็พากันลากตีนกลับมา
“มาๆ พวกมึงมาเตรียมติวต่อเลย” นรกกำลังมาเยือนอีกแล้วครับ ต่อให้มันเครียดแค่ไหน เรื่องเรียนก็ยังคงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับมันอยู่


เหอะ เหอะ เหอะ


“โห่ ไรว๊า”
“กูยังไม่ทันได้หย่อนตูดเลย”
“หู้ว!!!”

หลังจากที่พวกผมนั่งติวนอนติวกันอย่างบ้าระห่ำมาสามวันติด วันสอบมิดเทอมวันแรกก็เดินทางมาถึง ระหว่างที่นั่งรอเวลาเข้าห้องสอบกันอยู่ ก็มีไอ้ตัวหน้าสลอนที่เดินเสนอหน้ามาพร้อมเสียงกรีดร้องจากสาวๆเอกผม

“น้ำ?” มาถึงก็บอกจุดประสงค์โดยไม่ต้องถาม อยากจะแหม
“เข้าห้องสอบไปแล้ว”
“แต็งค์ มึงมาทำไมเนี่ย ไม่สอบรึไง” แหนะกูพึ่งบอกว่าเข้าห้องสอบไปหยกๆ เสนอหน้าออกมาต้อนรับเค้าทำไม ไอ้เพื่อนรัก
“กินไรมารึยัง”
“กินมาแล้ว”
“น้ำ...”
“เครียดรึป่าว”
“ไอ้แต็งค์...”
“ไม่ มึงล่ะ”
“ไม่ หิวไรอีกป่าว”

โว้ะ!!

พวกมึงสองตัวสนใจกูกันบ้าง ผมได้แต่อ้าปากพะงาบ พะงาบ ไม่มีโอกาสได้พูดอะไร ได้แต่จ้องมองไอ้สองตัวมันคุยกันงุ้งงิ้งๆ เห็นแล้วก็อดเหลือบลูกกะตามองบนไม่ได้ แต่เดี๋ยวไอ้แต็งค์มันกำลังยกมือจะลูบหัวลูกสาวผม ไม่ได้ ผมต้องขัดขวาง ต้องทำตัวเป็นพ่อตากีดกันมันสองตัวก่อน ต้องป้องกันหนทางชักจูงไปสู่การชิงสุกก่อนห่าม ผมเลยชะแวบตัวเองไปแทรกกลางระหว่างพวกมันแล้วจักการลากตัวนังลูกสาวตัวดีที่ปล่อยให้ชายมายืนลูบหัวลูบหางอย่างว่าง่าย

“เข้าห้องสอบ!!”
“เป็นห่าอะไรของมึง”
“น้ำ”
“แต็งค์” แหม มึงยังจะมาซีนละครกันอีก แหมมมมมมมมมมมมมมม





หลังจากสัปดาห์สอบมิดเทอมผ่านไป ก็เหมือนได้โผล่ออกมาจากนรก ผมเลยมานั่งกระดิกตีนอยู่บนโซฟาห้องไอ้น้ำมัน กะว่าพรุ่งนี้จะชวนไปทำบุญวันเกิดตัวเองซักหน่อย เห็นมันบอกว่าอาทิตย์นี้จะไม่กลับบ้าน ก็เลยจะชวนปาร์ตี้วันเกิดที่นี่ซะเลย แต่ก็แปลกนะครับปกติใกล้ถึงวันเกิดผม มันต้องมาเซาะแซะถามแล้วว่าจะจัดที่ไหนยังไง แต่นี่เงียบกริบ ทำใจผมหล่นตุบทันที หรือมันจะลืม ใช่มันน่าจะลืม เพราะช่วงนี้มันตัวติดกับไอ้แต็งค์เป็นตังเม มีแต่เวลาคิดแต่เรื่องของไอ้แต็งค์ คิดๆแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยๆแค่ไปทำบุญด้วยกันก็ยังดี

“น้ำ พรุ่งนี้เช้ามึง..”

ตึง ตึ่ง ตึง ตึ๊ง (เสียงเรียกเข้า)

“แปปนะมึง” ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคมันก็ยกตูดออกไปคุยโทรศัพท์ “ฮัลโหล”
[…]
“เออๆแต่พรุ่งนี้ตอนเช้ามึงต้องไปกับกู” น่านไง ไม่ต้องถามเลย มันไม่ว่าง แป้วไปอีกครับ ได้แต่หงอเลยทีนี้ มันคุยโทรศัพท์อยู่พักนึงแล้วก็เดินกลับมานั่งโซฟา
“เมื่อกี้มึงพูดอะไรนะ”
“ไม่มีอะไรแล้ว” ผมทำท่าทางหันไปสนใจโทรทัศน์ “พรุ่งนี้มึงจะไปไหนหรอวะ”
“กูให้ไอ้แต็งค์พาไปซื้อของอ่ะ” มันหันหน้ามาเลิกคิ้วใส่ผม คงจะบอกว่า มึงมีอะไรสินะ เห้อ ไอ้แต็งค์อีกแล้ว อะไรๆก็ไอ้แต็งค์ นังลูกสาวใจง่าย หลงผู้ชายหัวปักหัวปำ
“หรอวะ” ตอบได้แค่นี่แหละ มันพยักหน้าหงึกๆใส่แล้วก็ไม่ได้สนใจผมเลย ไอ้เพื่อนเลว มึงเพื่อนกูจริงมั้ยเนี่ย ไอ้เวรน้ำ
พอกลับจากห้องไอ้น้ำมาห้องตัวเอง ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะโทรหาไอ้สี่ตัว ในเมื่อไอ้น้ำมันไม่ว่างก็ชวนพวกมันนี่แหละ


“ไอ้เทมส์ พรุ่งนี้เช้ามึงว่างมั้ย”
[กูไม่ว่าง พาไอ้ไม้มาเอาของพี่บ้านเนี่ยน่าจะกลับวันจันทร์กัน มึงมีไร]
[ใครวะ ไอ้เหน่งหรอ]อ่ะ ไอ้สองตัวนี้ตัดออกจากช้อยท์ไปเลย
“เออๆ ไม่มีไร”

ว่าแล้วก็เปลี่ยนเป้าหมายทันที

“ฮัลโหล แคมป์พรุ่งเช้ามึง...”
[กูไม่ว่าง มีนัดกับพี่รหัส บาย] ไอ้ห่าแคมป์ตัดสวาทกูอย่างขาดเยื่อใยเลยนะมึง ไอ้เลว

แล้วก็เหลือความหวังสุดท้าย ผมกำลังกดโทรหาไอ้โชคเพื่อนรัก แต่...

[บริการฝากหมาเลขโทรกลับ The ……] ไอ้เวร ถึงกับปิดเครื่อง เหอะ เหอะ นอกจากจะไม่มีใครว่างไปกับผมแล้ว ยังไม่มีใครเอะใจหรือนึกขึ้นได้เลยว่าพรุ่งนี้มันเกิดผ๊มมมมม





เช้าอันแสนสดใส เหน่งเดย์ของผม ที่ดูจะเหี่ยวเฉากว่าทุกปี ผมต้องลากสารร่างอันโดดเดี่ยวเดียวดายมาทำบุญถวายสังฆทานเพียงลำพัง คิดแล้วก็เศร้า เศร้าแล้วก็เศร้า เศร้าแล้ว เศร้าอีก เห้อ วันนี้ผมเลยตั้งใจว่าจะอยู่เตร็ดเตร่ที่วัดมันทั้งวันนี่แหละ กลับไปก็ต้องไปอยู่เหงาๆเซ็งๆคนเดียว สู้อยู่เตะหมา แย่งอาหารปลาที่วัดดีกว่า พอฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นมืดครึ้ม ผมก็เดินทางกลับคอนโด แต่ก่อนจะถึงคอนโดก็แวะซื้อของกินมาเรียบร้อยเพราะคิดว่าไอ้น้ำมันน่าจะไม่อยู่ห้องคงจะไปลั้นลาลั้นลากับไอ้แต็งค์ยันค่ำมืด ดึกดื่น เหอะเหอะเหอะ พอลากตีนขึ้นมายังหน้าห้องตัวเองได้ ก็เตรียมจะปรี่ตีนเข้าไปเอนกาย แต่....



“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทูยู แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทูยู แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทูยู…”
รอบตัวของผมตอนนี้ มีไอ้ไม้ ไอ้โชค ไอ้เทมส์ ไอ้แคมป์ และยังจะมีไอ้แต็ง ไอ้โต้ง ไอ้อาร์ต ไอ้บิว เสนอหน้ามายืนร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลย คงจะเป็นไอ้คนที่ยืนหล่อลากไส้ถือเค้กอยู่นี่แหละครับ คนที่อยู่กับผมทุกช่วงชีวิตเลยก็ว่าได้ ผมกับมันต่างผ่านทุกช่วงเวลาสำคัญของกันและกันมาทุกช่วงเวลา ไอ้น้ำมันก็ยังคงเป็นไอ้น้ำ เป็นเพื่อนที่รักผมที่สุด และมันก็เป็นเพื่อนที่ผมรักที่สุดเหมือนกัน

“เป่าซักทีกูร้อน!!” ที่ผมบอกเมื่อกี้ลืมมันไปซะ ผมจะไม่เป็นเพื่อนรักมันแล้ว
“อธิษฐานๆ” อธิษฐานจบผมก็ทำการเป่าเทียนที่ปักเรียงรายอยู่ทันทีก่อนที่ไอ้เพื่อนตัวดีมันจะร้อนไปกว่านี้
“มึงไปอยู่ไหนมาทั้งวัน พวกกูมารอกันแต่เช้าแล้ว รอจนแห้งเหี่ยวติดโซฟาห้องมึงแล้วเนี่ย”แต่เช้าเลยหรอวะ นี่ผมพลาดหรอ โว้ยยย ถ้าไม่รีบออกไปแต่เช้า คงได้ไปทำบุญกับพวกมันหมดนี่แล้ว ไอ้เหน่งเอ๊ยยย
“กูไปวัดไปทำบุญมา”
“อ๋อ ที่โทรหากูนี่คือจะชวนไปวัด” ก็เออน่ะสิ
“แล้วมึงอยู่ทั้งวันเลยหรอวะ”
“ได้ไปแย่งข้าวหมากินรึป่าว”
“ไม่ใช่ไปหาลักตกปลานะมึง มันบาปนะ”
แต่ละคนดีๆ กันทั้งนั้น ผมไม่ได้ตอบอะไรมันหรอกนอกจากนั่งลงเอนกายทำตัวเป็นคุณชายรอรับการปรนนิบัติจากพวกมัน
“ไอ้เหน่งมึงมาช่วยกูเวฟของกินดิ้” หวังว่าจะได้เป็นคนชายไม่เกินสามนาที ไอ้น้ำมันก็เตรียมจิกหัวใช้ผมทันที
“เออๆ”ผมช่วยมันเอาอาหารที่ใส่จานไว้เข้าไมโครเวฟ ส่วนมันก็นั่งสบายเป็นคุณชายอยู่บนเคาท์เตอร์ห้องครัว
“ไง คิดว่ากูลืมวันเกิดมึงอ่ะดิ”
“เออดิ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันแล้วหัวเราะเบาๆ “คิดว่าจะติดไอ้แต็งค์จนลืมวันเกิดกูไปแล้ว”
“กูจะลืมได้ไง กูอวยพรวันเกิดมึงมาตั้งแต่อนุบาลแล้วนะเว้ย” มันเอื้อมมือมาแตะบ่าผม แถมยังทำหน้าจริงจังอีก ฮ่าๆ “เหน่ง” ยัง ยังจริงจังอยู่ “ต่อให้กูจะชอบไอ้แต็งค์แค่ไหน ใส่ใจมัน สนใจมันมากแค่ไหนก็ตาม แต่กูไม่เคยลืมมึงเลยนะเว้ย กูนึกถึงมึงตลอด มึงเป็นเหมือนคนในครอบครัวของกู เป็นเพื่อนที่กูรักมากที่สุด”ทำซะซึ้งเลย
“เออรู้แล้วน่า” ผมเลยเอื้อมมือไปตบบ่ามันเบาๆบ้าง
“เหน่ง” มันทำหน้าจริงจังอีกแล้วครับ
“อะไร”
“ชอบใจนะเว้ย”
“เรื่องอะไรวะ”
“เรื่อง...” อ่ะ อ้ำๆอึ้งๆ อยู่นั่น “ที่มึงไม่รังเกียจที่กูชอบผู้ชาย”
“ไอ้น้ำ” ผมยกตูดขึ้นไปนั่งบนเคาท์เตอร์กับมัน เอาแขนกอดคอมันไว้หลวมๆเหมือนที่ชอบทำ “กูคือคนที่อยู่กับมึงมากทุกช่วงชีวิต ทุกเหตุการณ์สำคัญของมึง ถ้ากูรับไม่ได้ในความชอบของมึง กูคงไม่กล้าไปเป็นเพื่อนกับใครหรอกว่ะ” ผมหันไปมองหน้าที่ตอนนี้แสดงแววตาอ่อนโยนของมัน “คำว่าเพื่อนสำหรับกู มันคือการเข้าใจ มันคือการที่เราเลือกที่จะอยู่ข้างๆคนคนนั้นในทุกสถานการณ์ ถึงจะเป็นเพื่อนกันแต่กูก็ไม่มีสิทธ์ไปชี้ ไปบังคับว่าตัวมึงควรเป็นแบบไหนควรทำแบบไหน กูมีสิทธิ์แค่คอยอยู่ข้างๆมึงคอยเป็นที่ปรึกษาให้มึงในเรื่องที่มึงไม่อาจเข้าใจ คอยช่วยแก้ปัญหาในเรื่องที่มึงแก้เองลำพังไม่ได้” ผมกอดคอมันโยกไปโยกมา หันไปมองมันที่กำลังจะง้างปากพูดไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจะพูดอะไร “แล้วมึงไม่ต้องห่วงว่าไอ้สี่ตัวมันจะรับไม่ได้ กูกับพวกมันคุยกันเรื่องมึงตลอด พวกมันทุกคนอ่ะก็คิดไม่ต่างจากกู อะไรที่มันเป็นความสุขของมึง ถ้ามันไม่ได้เดือดร้อนใคร มึงก็ทำไปเหอะ ยังไงพวกกูก็ยังเป็นเพื่อนมึงเสมอ แล้วมันก็จะเป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง”
“ใช่ๆ เราจะเป็นเพื่อนกันไปแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง” ไอ้ไม้มันวิ่งถลามากอดผมกับไอ้น้ำ
“กูรักพวกมึง”
“รักกันๆ”
“ไอ้พวกเพื่อนรัก”
“ขอบใจพวกมึงทุกคนเว้ย” ตอนนี้พวกผมห้าหกตัวยืนกอดกันกลมอยู่ตรงเคาท์เตอร์ครัว หันไปมองพวกไอ้แต็งค์ที่มันยืนหัวเราะชอบใจกับท่าทางของพวกผม แต่มันก็น่าตลกอยู่หรอกครับ ถึงจะชอบเถียงกัน ตีกันแค่ไหน สุดท้ายพวกเราก็มักจะอยู่ข้างกันเสมอ ยังคงยิ้มและหัวเราะให้กันแบบนี้เสมอๆ และผมเชื่อว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเราจะยังคงอยู่ข้างๆกันแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง
“ขอบใจพวกมึงทุกคนนะ ที่ไม่ลืมวันเกิดกู”
“ใครจะลืมลง” ไอ้โชคมันเอามือสากๆขึ้นมาลูบหลังผม “ก็มึงบอกไว้ว่าจะเลี้ยงเหล้าพวกกู”

ไอ้พวกเวร เห็นแก่เหล้า หืมมมมมม

[End Part]





วันนี้เป็นวันเกิดไอ้เหน่งมันครับ พวกผมเนี่ยพามานั่งรอนอนรอเซอร์ไพร์สมันตั้งแต่เช้า พอเห็นมันออกจากห้องปุ๊บก็พากันมาสุมหัวรออยู่ในห้องมันปั๊บคิดว่ามันคงไปหาอะไรกินเฉยๆเดี๋ยวก็กลับมา แต่มันดันเสือกหายหัวไปทั้งวัน พวกผมก็เลยต้องนั่งรอหงำเหงือกกันยันค่ำมืด แล้วไม่ต้องถามว่าพวกผมเข้าห้องมันได้ไง พอดีมันทำคีย์การ์ดไว้สองอันมันเลยให้ผมอันนึงเอาไว้มาปลุกมันเผื่อวันไหนมันหลับเตลิดจะได้มาเช็กดูว่ามันตายรึยัง

“ชนๆ ช๊นนนน”

กริ๊ง!!!
 
เรื่องสุราปลาปิ้งอย่าให้ขาด

“กูยังไม่เมา กูยังไม่กลับ ฮึม..” เรื่องของมึง
“เหน่งเดย์เว้ยเฮ้ยยย”
“ไอ้อาร์ต มึงรีบชงเลย เร็วๆ”
“เร่งกูจัง!!”
“ไม้จ๋า ขอน้ำแข็งหน่อยจ้ะ” ไอ้โชค มันกำลังวิงวอนกับไอ้ไม้อย่างหวานเชียบ พอเมากันแล้ว รั่ว เละ เลอะเทอะกันทุกตัว
“ไม่กิน?” ไอ้แต็งค์นี่ก็อีกตัว ผมล่ะอยากจะรู้จริงว่าคอมันทำด้วยอะไร กินเท่าไหร่ก็ไม่เมา กินล้างกินผลาญ กินกับมันนี่เปลืองเหล้าสุดๆ
“หึ กูรอเก็บซากพวกมัน” ผมหันไปมองไอ้พวกเพื่อนเวรที่ชนแก้วเฮโลโอเยกัน “ถ้าให้กูเมาอีกคน มึงจะลำบาก”
“กูเต็มใจลำบากทุกเรื่องที่เป็นมึง” หืม.....


ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ


ใจนี่มึงก็เต้นดีจัง ไอ้นี่ก็ขยันหยอดดีจัง
“เลี่ยน”
“เขิน?” เออกูเขิน เขินมากจนต้องเอามือไปผลักหัวมันทีนึง
“อยู่ใกล้กันเกินไปละมึงสองตัว” ไอ้เหน่งมันลุกจากที่มาหย่อนตูดนั่งแทรกกลางระหว่างผมกับแต็งค์ นี่ให้ผมเดา ไอ้พี่นนท์คงไปเป่าหูอะไรมันมาแน่ มันถึงมาทำตัวเป็นพ่อตาหวงลูกสาวอย่างนี้
“เมา?”
“กูยังไม่เมา” ไอ้เหน่งมันหันไปคุยกับไอ้แต็งค์ “แค่ไม่เหมือนเดิม”
“นั่นและเค้าเรียกว่าเมา” มันหันมาจิ๊ปากใส่ผมแล้วก็หันไปสนใจไอ้แต็งค์ต่อ
“อย่าให้กูรู้นะว่ามึงคิดจะชิงสุกก่อนห่ามไอ้น้ำมัน” วอททททท อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้นไอ้เหน่ง
“ไอ้เหน่ง!!”
“หยุด มึงไม่ต้องพูด” มันหันมาชี้หน้าผม ซึ่งไม่ได้ชี้ที่หน้า แต่เป็นที่ตีน เมาถึงขั้นทรงตัวไม่อยู่ ดีนะที่เมาอยู่ที่ห้องมันเลยไม่ต้องกังวลเรื่องลากสังขารมันกลับถือว่าเป็นโชคดีของผมไป “ปล่อยเนื้อปล่อยตัวนะมึง นังลูกใจง่าย” อื้ม เอาให้เต็มที่ ทำตัวเป็นพ่อกูแล้วไง ไอ้เวร “ส่วนมึง” มันหันไปชี้หน้าไอ้แต็งค์ “มาซัดเหล้ากับกูให้เมากันไปข้าง จะได้ไม่ต้องมีเวลาไปแต๊ะอั๋งไอ้น้ำมัน”
“น้ำมันเต็มใจ”
“ไอ้แต็งค์!!” ไอ้ห่า พูดซะกูดูใจง่าย
“หึๆ”
“มึงแดกเหล้าไปเลย” ว่าจบผมก็ยกแก้วเหล้ามันกระแทกปากมันไป
“กูนั่งหัวโด่อยู่นี่ไม่ได้มีความหมายเลยใช่มั้ย”
“มึงก็แดกไป!!” ผมผลักหัวไอ้เหน่งไปทีนึง ส่วนมันก็หัวทิ่มหัวตำ แต่ก็โงหัวมากินต่อ เลือดมันคงผสมไปด้วยเหล้าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ หรือไม่ก็อาจจะเกินร้อย


นั่งกินกันไปกันมา พวกเพื่อนสุดที่รักแต่ละตัวก็พากันนอนกองออเยาะอยู่เต็มพื้นห้องรับแขกของไอ้เหน่งมัน สภาพแบบไม่สามารถที่จะขุดซากพวกมันเอาไปส่งได้ ผมกับไอ้แต็งค์เลยตัดสินใจให้พวกมันนอนรวมกันอยู่อย่างนั้น พอเก็บของทำความสะอาดเสร็จผมก็เตรียมจะหมุนตีนกลับห้อง


“คืนนี้กูนอนด้วย”
“มึงไม่ได้เมาไม่ใช่หรอวะ”
“ดึกแล้วกูง่วง” ผมไม่มีโอกาสได้ตอบอะไร ไอ้แต็งค์มันก็ลากผมกลับมาห้องของผมทันที มึงนี่มัน!!!
“จะกินอะไรมั้ย”
“น้ำ”
“ในตู้เย็น”
“เอาให้หน่อย”
“ใช้กู?” มันก็เอาแต่พยักหน้าหงึกๆ “ห้องกูก็ยอมให้นอนด้วย ยังจะมาใช้กู” พูดจบก็ยกตูดเดินเข้าไปในโซนครัวทันที บ่นมันไปงั้นแหละครับ สุดท้ายก็ทำให้มันอยู่ดี ระหว่างที่กำลังหยิบแก้วน้ำบนเคาท์เตอร์ครัว ไอ้แต็งค์มันก็เดินมาซ้อนหลังผม ไม่พอ มันยังเอาคางหนักๆของมันทิ้งแหมะไว้บนไหล่ผม มือไม้ทั้งสองข้างของมันก็เคลื่อนมากอดรอบเอวผมไว้หลวมๆ ตัวผมเองก็เลือกที่จะยืนอยู่นิ่งๆแบบนั้น เพราะสิ่งที่มันทำอยู่มันทำให้รู้สึกดีไม่ใช่น้อย “เมา?”
“ไม่ได้เมา” พูดจบมันก็มุ่นหน้าซุกที่ไหล่ผม “แค่ทำตามหัวใจตัวเอง”

ตุบ ตุบ ตุบ

“หัวใจมึงนี่มันโครตเจ้าเล่ห์”
“หึๆ” ยังจะมีหน้ามาหัวเราะ “น้ำ”
“ไร”
“อาทิตย์หน้ากูจะกลับบ้าน”
“ก็ดีแล้ว หัดกลับบ้าง ป่านนี้เค้าลืมหน้ามึงกันหมดแล้วมั้ง” พูดจบผมก็พลิกตัวหันไปเผชิญหน้ากับมัน แต่ก็ยังคงอยู่ในอ้อมแขนของมันอยู่
“ไปกับกูนะ”
“จะพาไปเปิดตัว?”
“อื้มมม” ได้ยินแบบนั้นผมก็หัวเราะออกมาเบาๆใส่หน้าไอ้คนที่กำลังเลิกคิ้วลิ่วตากวนตีนอยู่
“จะกินมั้ยน้ำ” ผมผละออกจากตัวมัน แล้วรินน้ำใส่แก้วยื่นให้มัน ก่อนจะพากันมานั่งโซฟาตรงโซนรับแขกกลางห้อง ตอนนี้มันยังไม่ดึกมากผมไม่ค่อยง่วงเลยเปิดโทรทัศน์ดูเปื่อยๆให้หนังตามันเคลิ้ม ส่วนไอ้คนที่บ่นว่าง่วงตอนนี้มันกลับนั่งตาแป๋วดูโทรทัศน์อยู่ข้างๆผม




“โอ๊ะ” ผมหันไปมองไอ้แต็งค์ที่เอามือปิดตาไว้ข้างนึง ใบหน้าของมันตอนนี้แสดงความเจ็บปวดออกมามาก จนผมอดห่วงไม่ได้ เลยขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ
“เอามือออก” ผมเอื้อมมือไปดึงมือที่มันใช้ปิดตาไว้ออก ใช้มือข้างนึงประคองใบหน้ามันไว้ ส่วนอีกข้างก็พยามยามแหวกหาสิ่งแปลกปลอมในตาของมันอย่างเบามือ “ยังเจ็บอยู่มั้ย” ผมที่เอาแต่สนใจหาสิ่งแปลกปลอมในตามัน จนลืมไปว่าในตอนนี้หน้าของผมกับมันนั้นอยู่ห่างกันเพียงแค่ปลายจมูกชนกัน พอลดระดับสายตาลงก็เห็นว่าตัวเองกำลังนั่งเกยมันอยู่ ส่วนมือทั้งสองข้างของมันกอดรั้งเอวผมไว้อยู่ เป็นท่าที่สุ่มเสี่ยงมากจริงๆ แต่พอเลือกที่จะดึงสายตากลับก็พบว่ามันกำลังจ้องตาผมอยู่ในแววตาของมันที่ผมเห็นมันเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมมากมาย จนฉุดคิดได้ว่า “มึงแกล้ง..” พูดไม่ทันจบ มันก็เคลื่อนริมฝีปากของมันเข้ามาประกบจูบริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบา และเริ่มหนักหน่วงขึ้น จนผมเผยอปากตอบรับให้ลิ้นร้อนของมันเคลื่อนผ่านเข้ามาสำรวจโพลงปาก ลิ้นของผมกับมันเกี่ยวรัดตวัดไปมา ลิ้มลองรสชาติความหวานของหยดน้ำใสๆในปากของกันและกัน วงแขนที่กอดรัดเอวผมอยู่ก็กระชับแน่นขึ้น ร่างกายของเราบดเบียดเข้าหากันมากขึ้น ในขณะที่ริมฝีปากของเราทั้งสองยังคงลิ้มลองรสชาติอันแสนหอมหวานอยู่อย่างนั้น ผมปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวตอบรับรสจูบของมันไปตามความรู้สึกของผมที่มีต่อมันอย่างไม่อาจปฏิเสธ ผมยกแขนทั้งสองข้างขึ้นไปคล้องคอของมันไว้ ขยับกายเข้าหากันจนแนบชิดมากว่าเดิม เราต่างยังคงมอบสัมผัสที่ทำให้หัวใจวูบวาบไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จน....



ปัง ปัง ปัง



เสียงรัวเคาะประตูอย่างกับเสียงตีกลองร้องบอกว่ากำลังมีข้าศึก

ผมเลยต้องผละตัวออกจากไอ้แต็งค์ทันที สีหน้าของมันตอนนี้หงุดหงิดถึงขั้นสุด มองดูแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมา มันคงจะหงุดหงิดที่มีคนมาขัดจังหวะ ผมเลยยกมือขึ้นไปเช็ดหยดน้ำใสๆที่ไหลเยิ้มอยู่ตรงมุมปากของมันเพื่อเป็นการปลอบใจ จากนั้นก็ลุกเดินออกไปเปิดประตู

“กูจะมานอนด้วย!!”
“ห๊ะ!!” ไม่ใช่ผมแต่เป็นไอ้แต็งค์  ผมมองดูไอ้พี่นนท์มันลากไอ้เหน่งที่สภาพเมาเหมือนหมามายืนหน้าดุอยู่หน้าห้องผม
“มึงสองคนจะอยู่กันสองต่อสองไม่ได้!!” ทำเสียงจริงจังใส่เสร็จ พี่มันก็ลากไอ้เหน่งเข้ามาแล้วพากันเดินดิ่งๆไปในห้องนอนผม
“น้ำ..” หน้าไอ้แต็งค์ตอนนี้มันแสดงความผิดหวังออกมาอย่างเปิดเผย จนผมอดกลั้นขำไม่ได้
“ไร”
“ไปนอนคอนโดกู”
“แต็งค์” ผมถอนหายใจหนึ่งเฮือกเบาๆ
“น้ำ” เรียกอยู่นั่นแหละ เรียกจริงเรียกจัง เห้ออ ตั้งแต่รู้จักกับมัน นี่เป็นครั้งแรกของผมเลยที่ได้เห็นมันทำสีหน้าอ้อนวอน
“ไปนอน” ผมดึงแขนมันให้ลุกจากโซฟาแล้วเดินมายังห้องนอน ก็พบว่าพี่นนท์กับไอ้เหน่งมันพากันนอนตีพุงอยู่บนฟูกข้างเตียงที่ไม่รู้ว่ามันไปรื้อหามาจากส่วนไหนของห้องผม
“ไอ้แต็งค์ มึงมานอนนี่” พี่นนท์มันตบฟูกเบาๆเรียกไอ้แต็งค์ให้ไปนอนระหว่างกลางพี่มันกับไอ้เหน่ง ถึงขั้นต้องประกบเลยหรอพี่มึง ผมได้แต่ส่ายหัวเนือยๆ
“กูไม่เปิดโอกาสให้มึงได้ชิงสุกก่อนห่ามไอ้น้ำมันหรอก”
“ห๊ะ!!” อันนี้เป็นผมเอง ยกมือขึ้นกุมขมับทันทีที่ได้ยินคำพูดพึมพรำของไอ้ที่คนเมาเหมือนหมา
“มึงรีบขึ้นไปนอนเลย” ไอ้พี่นนท์มันหันมาสั่งผม เหอะ ผมหันไปมองไอ้แต็งค์แล้วพยักหน้าให้มันเป็นเชิงบอกว่านอนเถอะ ซึ่งไอ้แต็งค์มันก็ยังแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมาอย่างเปิดเผยเหมือนเดิม ฮ่าๆๆ
“น้ำ..”
“นอน!!” ไอ้พี่นนท์มันหันไปขึ้นเสียงใส่ไอ้แต็งค์ทันที

เห้อออออออออออ

ไม่รู้จะสงสารไอ้เหน่งที่ถูกลากมาทรมารทรกรรมด้วยสภาพเมาๆ หรือจะสงสารไอ้แต็งค์ที่ผิดหวังจาการที่คิดว่าจะได้อยู่สองต่อสองกับผม แต่ที่แน่ๆสงสารตัวเองก่อนเลยครับที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางรังสีอำมหิตของพี่ชายตัวเองที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วห้อง นี่พี่มันจะเล่นบทพ่อตาหวงลูกสาวตามไอ้เหน่งอีกคนใช่มั้ย



ผมนอนพลิกตัวไปมาในหัวตอนนี้มีแต่ภาพเหตุการณ์ตอนจูบกับไอ้แต็งค์ลอยขึ้นมาเต็มไปหมด พอนึกถึงก็ทำเอาหน้าร้อนวูบวาบ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ


เกือบไปแล้วไอ้น้ำ เกือบจะเลยเถิดไปไหนต่อไหนแล้ว

ถ้าไอ้พี่นนท์ไม่เสนอหน้ามาคงได้ชิงสุกก่อนห่ามอย่างที่ไอ้เหน่งมันว่าไว้แน่  เกือบแล้ว ฟู่วววววว

อยากจะขอบคุณพี่มันอยู่ แต่ก็แอบเห็นใจไอ้แต็งค์อุตส่าห์ตั้งใจจะอยู่กันสองต่อสอง สรุปใจผมจะเอายังไงกันแน่เนี่ย ห๊ะ!!


โดย อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ 13.1
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 29-10-2021 14:31:08
Episode 13  รักก็คือรัก (1/2)




สวัสดีวันอาทิตย์ที่แสนสดใส สดใสแค่ตอนนี้นะครับ วันนี้ไอ้แต็งค์มันบึ่งรถจากคอนโดมันมารับผมที่คอนโดตั้งแต่แปดโมงเช้าเพื่อที่จะไปบ้านมัน ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ไกลอะไร แต่เสือกแหกหูแหกตามารับแต่เช้า จะด่ามันก็ไม่ได้ พอเห็นสีหน้าจริงจังที่เจือปนความกังวลของมันก็เลยต้องทำเป็นลูบหัวลูบหางให้อารมณ์มันได้ผ่อนคลาย ส่วนมันพอเห็นผมยอมให้จับมือจับมือก็เสือกดึงมือผมไปกอบกุมไว้ตลอดระยะทาง มือข้างนึงขับรถ อีกข้างก็กอบกุมบีบกระชับมือผมอยู่อย่างงั้น เห็นยอมหน่อยก็เอาใหญ่เลยนะมึง ตอนนี้รถของมันกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่โรงจอดรถในบ้านของมันอย่างเรียบร้อย ผมมองสำรวจไปรอบๆบ้าน บ้านมันเป็นบ้านสองชั้นขนาดใหญ่สไตล์โมเดิร์น ตกแต่งแบบตะวันตกผสมจีนหน่อยๆ ผมแอบรู้มาว่าบ้านมันทำธุรกิจผลิตวัสดุก่อสร้าง พอดีก่อนจะมาไปแอบถามพี่แทนแกมา อยากรู้ซอกแซกเกี่ยวกับบ้านมันบ้างจะได้วางตัวหาทางหนีทีไล่ถูก
 
“น้ำ นั่นแม่กู” มันชี้มือไปทางหญิงวัยกลางคนที่ยืนจัดแต่งกิ่งดอกไม้ตรงสวนหน้าบ้าน
“แม่ หวัดดีครับ” แล้วมันก็พยักหน้ามาทางผม “นี่น้ำ”
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้แล้วฉีกยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดไปให้แม่มัน แม่ของมันก็คลี่ยิ้มหวานๆส่งกลับมา
“ดีจ้ะ” แม่ของไอ้แต็งค์วางกรรไกรลง แล้วเดินเข้ามาจับตัวผมสำรวจพลิกไปพลิกมาเหมือนกำลังหาจุดสึกหรออะไรแบบนั้น “โห ตัวจริงหล่อกว่าในรูปอีกนะเนี่ย” ผมเลยต้องคลี่ยิ้มยอมรับในความหล่อตัวเอง คริคริ “เข้าบ้านกันก่อนลูก ข้างนอกมันร้อน”
“ครับ”พอพากันเข้ามายังในบ้าน ก็พบกับการตกแต่งที่ต้องอ้าปากค้าง เพราะทุกอย่างที่ประดับประดาอยู่ในบ้านมันเนี่ย อย่างกับยกสวนต้นไม้ขนาดย่อมมาตั้งในบ้าน เหมือนมันจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ มันเลยเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วยื่นหน้ามากระซิบ

“แม่กูชอบต้นไม้” เออดูก็รู้ ถ้าไม่ชอบคงไม่ยกมาไว้ในบ้านเยอะขนาดนี้
“เหมือนพ่อกูเลย แต่ไม่ถึงขั้นนี้ว่ะ”
“หึๆ”
“พี่แต็งค์!!” หญิงสาววัยใสที่หน้าละม้ายคล้ายไอ้แต็งค์ วิ่งลากเสียงสดใสมาแต่ไกล แต่ก็ต้องหยุดชะงัก “พี่น้ำ!!” เธอทำหน้าตาตื่นเต้นเหมือนได้เจอสิ่งมหัศจรรย์ แล้วก็ปรี่ตัวมาแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้แต็งค์ทันที ไม่พอยังเอามือทั้งสองข้างขึ้นมาเกาะแขนผม “หนูชื่อแตงกวาเป็นน้องสาวพี่แต็งค์ค่ะ หนูเป็นแฟนคลับพี่ด้วยนะคะ” พูดจบเธอก็ดึงแขนผมมานั่งตรงโซฟาห้องรับแขก
“ครับ?”
“ก็พวกเพจ cute boy ของโรงเรียนแตงกวาชอบเอารูปพี่มาลงบ่อยๆ แตงกวาเลยสถาปนาตัวเองเป็นแฟนคลับพี่ซะเลย แล้วก็เป็นมาหลายปีแล้วด้วย” พูดไปเธอก็ทำตาปริบๆ แล้วลุกวาวขึ้น “พี่น้ำตัวจริงนี่หล่อออร่ากระฉูดมากเลยอ่ะ”
“แตงกวา” ไอ้แต็งมันคงเห็นแตงกวาเกาะแกะผมมากเกินไปมันเลยดึงมือน้องมันออกแล้วแทรกตัวมานั่งอยู่ระหว่างผมกับน้องมัน
“ขี้หวง”
“แตงกวา อย่าไปเกาะแกะพี่เค้าสิลูก” แม่ของไอ้แต็งค์หันมาดุน้องสาวมัน แต่ดุแบบไม่ได้จริงจังอะไร “เข้าไปบอกแม่บ้านให้เอาของว่างมาให้พี่เค้ากันหน่อยสิลูก”
“พี่น้ำอยากกินอะไรคะ ”เธอหันมาทำตาลุกวาวใส่ผม
“อะไรก็ไปเอามา” แล้วไอ้พี่ชายตัวดีก็เอื้อมมือไปผลักหัวน้องสาวเบาๆ ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ด้วยกัน เรานั่งคุยนั่งถามสารทุกข์สุกดิบ เรื่องเรียน เรื่องชีวิตประจำวันกัน แม่ของไอ้แต็งค์ไม่ได้มีท่าทีกดดันรึไม่พอใจอะไร ตรงกันข้ามเธอมีแต่ท่าทีที่ผ่อนคลายและเป็นกันเอง


ครืด ครืด


“แม่ขอไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะ” เธอหันมายิ้มอ่อนโยนให้ผม แล้วลุกออกจากโซฟาไป
“แต็งค์” เหมือนมันจะรู้ว่าผมจะพูดอะไร มันเลยยื่นมือมากุมมือผมไว้
“แม่กูรู้เรื่องมึงกับกูนานแล้ว” มันบีบกระชับมือผม “แต่เค้ารับได้” มันดึงมือผมไปวางไว้บนตักมัน “ตอนแรกเค้าก็ไม่ได้รับได้ในทันทีหรอก แต่พอกูไม่ค่อยกลับบ้าน เอาแต่หนีไปคลุกตัวอยู่บ้านปู่ แม่กูก็เริ่มเปิดใจมากขึ้น คงเป็นเพราะเค้ากลัวว่ากูจะหนีจากเค้าไปตลอดชีวิต เค้าเลยพยายามทำความเข้าใจกับเรื่องของกูทีละนิดๆจนเริ่มยอมรับได้อย่างที่เห็น” มันหันมายิ้มบาง “ตอนนี้ดูเหมือนจะหลงมึงแล้ว ทั้งแม่ทั้งน้อง กูคงตกกระป๋องแล้วล่ะ”
“เวอร์” ผมหันไปคลี่ยิ้มให้ไอ้คนที่ทำเป็นพูดน้อยใจแต่สีหน้าตรงกันข้ามกับคำพูดสุดๆ
“พี่แต็งค์!!” แตงกวาเธอวิ่งลากเสียงมาจากหน้าบ้าน “ทายสิใครมา?” ผมกับไอ้แต็งค์หันไปมองที่ประตูหน้าบ้าน พบชายสูงวัยที่ยังดูแข็งแรงเดินเข้ามาตรงที่ผมนั่งกันอยู่
“ปู่” ไอ้แต็งค์มันรีบลุกจากโซฟาทันที แล้วเดินเข้าไปกอดปู่มันไว้ ดูเหมือนมันจะสนิทกับปู่มากเป็นพิเศษ ผมยกมือขึ้นไหว้ปู่มัน ส่วนปูมันก็ส่งรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นกลับมาให้ แล้วไอ้แต็งค์มันก็ผละตัวออกทันทีเมื่อเห็นชายวัยกลางคน เดินดุ่มๆมาหยุดอยู่ตรงที่เราอยู่กัน

“หวัดดีครับพ่อ” นี่พ่อมัน ผมได้แต่อ้าปากพูดอะไรไม่ออกเมื่อพ่อของมันหันมามองผม สายตาสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า
“สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้และส่งเสียงอย่างแผ่วเบา ทำตัวไม่ถูกเมื่อเจอสายตากดดันแบบนั้น ชายวัยกลางคนที่ดูท่าทางจะใจดีแต่ใบหน้าและแววตากลับดูเคร่งขรึมน่ากลัวเมื่อเห็นไอ้แต็งค์มันเดินกลับมานั่งข้างๆผม บรรยากาศในตอนนี้อึมครึมและอึดอัดมาก ผมแทบอยากจะร้องไห้ขอตัวกลับบ้านทันที

“อ้าว คุณตั้มกลับมาแล้วหรอคะ” กลายเป็นคุณแม่ที่แสนดีเข้ามาทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ “สวัสดีค่ะคุณพ่อ”ปู่ของไอ้แต็งค์หันมาพยักหน้าหงึกหงักแล้วส่งยิ้มให้
“พ่ออยู่คุยกับแตงกวาไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปดูสวนหลังบ้านซักหน่อย” อ่ะ นั่งหัวโด่กันอยู่สองสามคน ให้นั่งคุยกับแตงกวาคนเดียว เห้อออ ผมจะผ่านด่านนี้ไปได้อย่างไร ยังมองไม่เห็นหนทาง แม่ของไอ้แต็งค์คงเห็นสีหน้าหงอยเหงาของผมเธอเลยเดินเข้ามาโอบไหล่ผมไว้หลวมๆ แล้วหันไปพยักหน้าให้ไอ้แต็งค์ นี่คงเป็นการบอกว่า ไม่เป็นไรไม่ต้องกังวล ใช่รึป่าว
“แตงกวา เดี๋ยวเราไปช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารกับแม่”
“โอเคค่ะ” แตงกวาเธอหันมามองผมด้วยสีหน้าอ้อนวอน ก่อนจะหันบอกทำหน้าจริงจังใส่พี่ชายตัวเอง “ห้ามพาพี่น้ำหนีกลับนะ!!”
“เยอะ” ไอ้แต็งค์มันก็ยื่นมือไปดันหน้าน้องมันให้หันไปทางที่แม่พึ่งเดินไป “ไม่เป็นไร”มันหันกลับมามองผมแล้วดึงมือผมไปบีบเบาๆ
“อ่ะ แฮ่ม” เอ่อ เกือบลืมไปเลย ว่ามีปู่มันนั่งอยู่ด้วย เลยต้องส่งยิ้มเขินๆให้ปู่มันไปแล้วดึงมืออกจากมือมันทันที “ไม่เป็นไร อยู่กับปู่ทำตัวตามสบายกันเถอะ ฮ่าๆ” ปู่แกหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้อยู่กับคุณประณตยังไงยังงั้น “หล่อเหลาเอาเรื่องแบบนี้นี่เองเจ้าแต็งค์ถึงได้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น”ผมที่กำลังกินน้ำอยู่ถึงกับสำลักทันที หันไปมองหน้าไอ้คนข้างๆก็ลอยหน้าลอยตา น่าถีบ

“เอ่อ คือ..”
“ไม่ต้องเกร็ง ความรักความชอบมันเป็นเรื่องธรรมชาติ เรื่องของความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้หรอก” พูดจบปู่แกก็เดินมานั่งแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้แต็งค์พร้อมทั้งยกแขนทั้งสองข้างขี้นโอบไหล่ผมไว้ข้างไหล่ไอ้แต็งค์ไว้ข้าง “ความรักมันไม่มีผิดไม่มีถูก รักมันก็คือรัก” ปู่กอดผมสองคนโยกไปมาเบาๆ “เราทั้งสองคนต้องจับมือกันแน่นๆแล้วช่วยกันพิสูจน์ให้ไอ้คนหัวรั้นอย่างลูกชายปู่มันได้เห็นว่า ความรักมันไม่ได้มีกำหนดกฎเกณฑ์ให้แค่ผู้ชายกับผู้หญิงเท่านั้นที่คู่กัน แต่ความรักมันคือการที่คนสองคนมีความรู้สึกตรงกัน ประคับประคองกันไป อยู่เคียงข้างกันไป ผ่านวันผ่านเวลาที่ทั้งทุกข์ทั้งสุขไปด้วยกัน”
“ขอบคุณครับ” ผมยกแขนทั้งสองข้างกอดปู่แกไว้หลวมๆเพื่อซึมซับความอบอุ่นนี้ไว้ ส่วนไอ้แต็งค์มันก็เอื้อมมือมาเขกหัวผม
“นี่ปู่กู”
“ทำไมหวงรึไง” ปู่หันไปปามไอ้แต็งค์ “เรากอดมาบ่อยแล้วให้น้ำได้กอดบ้าง”
“ปู่”
“นี่คงจะหวงน้ำไม่ใช่หวงปู่หรอก” พูดจบปู่ก็หัวเราะเบาๆ แต่ผมเนี่ยดันเขินไม่เบา “มาเป็นหลานปู่อีกคนนะ”
“ครับ” ผมคลี่ยิ้มอย่างจริงใจ
“แต็งค์ไปช่วยปู่เลือกต้นไม้ตรงหน้าบ้านหน่อย ”ปู่ละแขนทั้งสองข้างออกจากตัวผมกับมัน “ปู่เอาต้นไม้มาเยอะแยะเลย ว่าจะเอาไปให้พ่อเราปลูกตรงสวนหลังบ้าน”
“ให้ผมช่วยด้วยมั้ยครับ”
“งั้นเราไปรออยู่ที่สวนหลังบ้านแล้วกัน”
“ครับ”
“แต่ ปู่..” ไอ้แต็งค์มันหันทำสีหน้ากังวลใส่ปู่ ส่วนปูก็ได้แต่ยิ้มอ่อนโยน แล้วยกมือขึ้นมาลูบหัวผม
“มันคือสิ่งที่เราต้องเผชิญ” คำพูดของปู่ผมเข้าใจความหมายดี ใช่ครับ ในเมื่อผมเลือกที่จะชอบมันแล้ว ผมก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ผมต้องเผชิญกับทุกอุปสรรคเพื่อที่จะหาหนทางผ่านด่านมันไปให้ได้ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวผมเอง แต่เพื่อตัวไอ้แต็งค์มันด้วย ผมจะไม่มีวันปล่อยมันต้องเผชิญกับอุปสรรคเพียงคนเดียวเด็ดขาด


ผมเดินลากตีนมายังสวนหลังบ้านเดินไปสำรวจไป แล้วก็แอบมองหาพ่อไอ้แต็งค์ไป จะได้ตั้งตัวทันถ้าต้องเผชิญหน้ากันอีกรอบ แต่เดินมาจนถึงสวนแล้วแทบจะทะลุสวนออกยังรั้วบ้านแล้วก็ยังไม่เห็นใคร สงสัยพ่อมันจะเข้าไปข้างในบ้านแล้วมั้ง
“มาทำอะไร!”ผมสะดุ้งโหยงหลังจากได้ยินน้ำเสียงเข้มขรึม หันหลังกลับไปก็สบตากับดวงตาคู่เกรี้ยวกราดของชายวัยกลางคนที่รับบทบาทเป็นพ่อของไอ้แต็งค์ กำลังยืนถือกรรไกรตัดแต่งต้นไม้อยู่


“เอ่อ คือ..” ระหว่างที่อ้ำอึ้งอยู่ พ่อไอ้แต็งค์ก็ส่งสายตามากดดันผมอีกระรอก “ปู่”แล้วกูจะอำอึ้งติดอ่างทำไม ไอ้ปากไม่รักดี “ปู่ให้ผมมารอหลังบ้านครับ เห็นบอกว่าจะเอาต้นไม้มาลงที่สวน”ปลายเสียงค่อนข้างแผ่วเบา พ่อไอ้แต็งค์ไม่ได้ตอบอะไรผม นอกจากพยักหน้า ส่วนสีหน้าและแววตายังคงเคร่งขรึมอยู่เหมือนเดิม ผมเลยตัดสินใจทำลายความอึดอัดด้วยการ “ให้ผมช่วยไหมครับ”
“ทำเป็น?” พ่อแกหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ไม่เป็นครับ”แล้วแกก็หันมาขมวอดผูกโบว์ใส่ผม ให้เดาคงหาว่าผมกวนตีนอยู่แน่ๆ ผมเลยต้องปัดฝุ่นความคิดพ่อแกออก “แต่ถ้าพ่อช่วยสอนผมก็น่าจะทำได้ครับ”
“เหอะๆ” เสียงหัวเราะแบบตัวร้ายในละครไทยเลยครับ “จะมาช่วยรึมาเป็นภาระ” นั่นไง

หนึ่งดอก ชาๆอย่างกับโดนฉีดยาชาที่หน้า ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร เหลือบตาไปเห็นกรรไกรอีกด้ามเลยรีบหยิบขึ้นมา แล้วสังเกตการกระทำทุกย่างก้าวของพ่อแกแล้วทำตาม ตลอดเวลาที่ผมช่วยตัดแต่งต้นไม้ ผมกับพ่อไอ้แต็งค์เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย นอกจากตั้งหน้าตั้งตาเอากรรไกรละเลงต้นไม้ ผมพยายามชะโงกหน้ามองหาปู่กับไอ้แต็งค์ที่ไม่ยอมมากันซักที ชะโงกไปชะโงกมาก็ต้องหันกลับมาสนใจต้นไม้ต่อเพราะเจอสายตาดุๆของคนตรงหน้าไป เดี๋ยวจะหาว่าไม่ใส่ใจเลยต้องกลับมาละเลงต้นไม้ต่อ

เราสองคนงุ่นง่านอยู่นานสองนานจนตัดแต่งเสร็จเรียบร้อยตามวัตถุประสงค์ของพ่อแก เห็นท่าทีของพ่อแล้วผมเลยเดินไปหยิบขวดน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ใกล้ๆตัวมาให้แกดื่ม “คิดยังไงกับแต็งค์”เปิดประเด็นมาอย่างตรงเผลง จนผมต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ดวงตาที่จ้องเขม็งมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน จะตอบยังไงดีๆ ถ้าตอบตรงๆจะโดนหักคอมั้ย ถ้าตอบอ้อมๆล่ะ

“คือ..”
“รู้ตัวอยู่ใช่ไหมว่ามันชอบ”
“ครับ..”
“เหอะ” พอแกได้คำตอบก็เบี่ยงหน้าออกไปอีกทาง “พ่อแม่รู้รึป่าวว่าเป็นแบบนี้”
“รู้ครับ”
“เค้ารับได้?”
“พ่อผมรับได้ครับ” ผมตอบด้วยเสียงค่อนข้างแผ่วเบา
“แล้วแม่ล่ะ”
“แม่ผมเสียไปนานแล้วครับ” คำตอบของผมทำให้คนตรงหน้าชะงักเล็กน้อย พ่อไอ้แต็งค์หันมามองหน้าผมแล้วก็หันกลับไป แววตายังคงเกี้ยวกราดไม่เปลี่ยน “ผมอยู่กับพ่อแล้วก็พี่ชายอีกสองคนครับ”
“แปลก” แกหันมามองผม แล้วเดินไปนั่งตรงโต๊ะไม้ใกล้ๆผมก็ต้องลากตีนเดินตามไปหย่อนตูดด้วย “ทั้งๆที่บ้านมีแต่ผู้ชาย แต่..”
“แต่ทำไมผมถึงชอบผู้ชายใช่มั้ยครับ”

ผมรู้ว่าสิ่งที่พูดออกไปมันอาจจะทำให้พ่อแกรู้สึกไม่ดี แต่การที่ผมไม่พูดหรือไม่ตอบโต้อะไรเลยมันอาจจะทำทุกอย่างแย่ลงก็ได้ เพราะดูแล้วพ่อแกคงจะเอาแต่คิดเองเออเองเป็นส่วนใหญ่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมระหว่างแกกับไอ้แต็งค์ถึงห่างเหินกันเพราะเรื่องนี้ คนนึงก็เอาแต่ยึดติดกับความคิดตัวเองส่วนอีกคนก็ไม่ชอบอธิบายอะไร มันคงต้องเป็นหน้าที่ผมแล้วแหละที่ต้องช่วยประสานรอยร้าวของสองพ่อลูก

“ความจริงบ้านผมก็เลี้ยงผมมาแบบผู้ชาย ส่วนผมเองก็โตมาแบบเด็กผู้ชายทั่วไป มีเกเรบ้าง ชกต่อยบ้าง ไม่เคยมีท่าทีเบี่ยงเบนอะไรจนถึงตอนนี้ก็ไม่มี ผมยังคงเตะบอลกับเพื่อน ยังคงทำอะไรๆในแบบที่ผู้ชายเค้าทำ”ผมลอบมองใบหน้าของพ่อแกที่ยังบึ้งตึงอยู่ “ผมไม่เคยชอบผู้ชาย แล้วก็ไม่คิดที่จะชอบชาย จน..”
“จนมาเจอไอ้เจ้าแต็งค์” แกหันหน้ามาเลิกคิ้ว ทำตาเขม็งกับผม
“ตอนแรกผมก็ไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าชอบมันตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ชอบมันไปแล้ว”
“พวกนายยังเด็ก มันอาจเกิดขึ้นเพียงเพราะแค่ถูกใจ ในอนาคตหากเจอใครที่ถูกใจกว่า พวกนายก็จะลืมความรู้สึกทั้งหมดในตอนนี้”
“สำหรับผมมันไม่ใช่ความถูกใจครับพ่อ” ผมหันหน้าไปคลี่ยิ้มบางๆ “ตัวเราเองมักจะรู้ใจเราดีที่สุดว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่มันเรียกว่าอะไร ผมไม่เคยกังวลเลยว่าในอนาคตมันจะเป็นยังไง เพราะผมเลือกมองแค่ตอนนี้ ตอนที่มีมันอยู่”
“นายอยากให้ฉันยอมรับ?”
“ใช่ครับ” แล้วพ่อแกก็หันมาจ้องตาเกรี้ยวกราดใส่ผมอีกรอบ จนผมต้องรวบรวมความกล้าเพื่อจะง้างปากพูดต่อ “ผมทราบดีว่าสำหรับพ่อแม่บางคนมันเกินที่จะรับได้”
“ใช่นายก็รู้”
“ครับ” ผมยังคงยิ้มบางๆเพื่อกดความรู้สึกกังวลของตัวเอง “พ่อผมก็เช่นกัน ผมรู้ว่าท่านไม่สามารถรับได้ในทันทีหรอกครับ แต่ท่านก็เลือกที่จะรับฟัง และก็เลือกที่จะอยู่ข้างผม”พอคิดถึงพ่อผมก็รู้สึกตื้นตันในความอบอุ่นของคุณประณตทันที “ท่านบอกกับผมว่าความเสียใจที่สุดในชีวิตของท่านคือการสูญเสียแม่ไป เพราะแม่คือหัวใจครึ่งดวงของท่าน ส่วนผมเป็นเหมือนหัวใจทั้งดวงของท่าน” ผมลอบมองหน้าพ่อไอ้แต็งค์ที่เอาแต่จ้องมองไปยังต้นไม้ที่พึ่งตัดแต่งเสร็จ “หากต้องสูญเสียผมไปอีกคนเพียงเพราะไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่ผมชอบได้ ท่านคงจะเสียใจมากว่าตอนที่เสียแม่ไปอีก”
“ในขณะที่คนเป็นพ่อแม่กลัวการสูญเสียลูกไป แล้วคนเป็นลูกล่ะเคยคิดอะไรบ้าง” พูดจบก็เหยียดยิ้มเป็นตัวร้ายโชว์ผม ไอ้ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งกับประโยคตอกกลับของแก
“คิดสิครับ ทั้งคิด ทั้งกังวล ทั้งเสียใจที่ไม่ได้เป็นไปอย่างที่พ่อหวัง แต่กลับเป็นพ่อผมที่มาพังทลายความคิดทั้งหมด ด้วยประโยคที่ว่าผมคือลูกของท่านต่อให้ผมจะชอบผู้หญิงหรือผู้ชายผมก็ยังคงเป็นลูกของท่าน” ผมเอนกายพิงพนักผ่อนคลายตัวเองซักพัก “มีคนคนนึงบอกผมว่าความรักมันไม่มีผิดไม่มีถูก รักมันก็คือรัก ขอแค่คนสองคนมีความรู้สึกตรงกัน ประคับประคองกันไป อยู่เคียงข้างกันไป ผ่านวันผ่านเวลาที่ทั้งทุกข์ทั้งสุขไปด้วยกัน”
“เหอะ” ตอบรับแค่นั้นแหละครับ แกก็เดินกลับเข้าบ้านไป ทิ้งไว้แต่ผมกับหัวใจเหี่ยวๆที่ไม่รู้ว่าพูดอะไรไปต้องหลายอย่างเนี่ยมันช่วยให้แกใจอ่อนบ้างได้ไหม เห้ออออออออ
   


และแล้วเวลาอาหารเย็นก็มาถึง ผมแอบดีใจนิดๆที่จะได้หลุดพ้นจากบรรยากาศที่น่าอึดอัดซักที ตั้งใจว่าจะรีบกิน รีบอิ่ม จะได้รีบกลับ

“เราสองคนจะนอนนี่รึป่าวลูก” หญิงใจดีหันมาถามผมกับไอ้แต็งค์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“นอนคอนโดครับ” อันนี้ไอ้แต็งค์มันตอบ
“ไม่คิดจะนอนบ้านบ้างหรอ แตงกวายังมีเรื่องอยากจะถามพี่น้ำเยอะแยะไปหมด”
“งั้นถามปู่แทนมั้ยลูก ปู่ว่าจะที่นี่นะ”
“ปู่อ่ะ มันไม่เหมือนกัน”
“อยู่นี่มันคงอึดอัด” พ่อไอ้แต็งค์ปรายตามามองผมกับมัน “มันคงทำอะไรๆไม่สะดวกเหมือนที่คอนโดสินะ” ไอ้แต็งค์มันคว้ามือผมไปจับแล้วบีบกระชับ “แต่ก็ดีแล้ว เพราะฉันคงรับไม่ได้ที่ผู้ชายสองคนจะมาทำบัดสีในบ้านหลังนี้”
“ผมกลับแล้วนะครับแม่ ปู่” พูดจบมันก็ดึงผมออกมาจากเก้าอี้ทันที แล้วดิ่งตีนมายังโรงจอดรถอย่างเร็ว โดยไม่ได้สนท่าทีตกใจของคนอื่น ส่วนผมก็ได้แต่หันหลังกลับผงกหัวหงึกหงักเป็นกล่าวลา
“คุณตั้ม คุณพูดอะไรออกมา ทำไม่นึกถึงความรู้สึกลูกบ้าง”
“แล้วมันล่ะ เคยนึกถึงความรู้สึกผมมั้ย” เสียงพ่อกับแม่ไอ้แต็งค์เถียงกันออกมาลั่นบ้าน จนผม...
“กูไม่น่าพามึงมาอึดอัดด้วยเลย” มันหันมากอดกระชับตัวผมไว้ ใบหน้าซุกลงมุ่นอยู่บนบ่าของผม “ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร” ผมลูบหลังมันเบาๆเพื่อให้มันรู้สึกว่าผมไม่เป็นอะไรจริงๆ
“ต่อไปเราจะไม่มาที่นี่อีก กูจะพาไปบ้านปู่แทน”
“แต็งค์ มันคือสิ่งที่เราต้องเผชิญ” ผมหยุดลูบหลังมันแล้วเปลี่ยนเป็นกระชับกอดแทน “ไม่ว่ามันจะเลวร้ายแค่ไหน กูจะยังอยู่ตรงนี้ ข้างๆมึง”
“จูบได้มั้ย”
“ไอ้แต็งค์!! ”หน้าร้อนวูบวาบทันทีที่นึกถึงตอนที่จูบแบบสูบวิญญาณกับมันครั้งแรก
“ไม่ได้หรอ”
“มึงรีบออกรถเดี๋ยวนี้เลย” นอกจากมันจะไม่รีบแล้วยังมีหน้ามาหัวเราะผมอีก ดีนะที่อยู่บนรถเลยลดความสุ่มเสี่ยงที่คนอื่นจะได้ยิน
“หน้าแดง” เพราะใครล่ะ เพราะมึงทั้งนั้นเลยไอ้ตัวดี ว่าแล้วก็ถลึงตาใส่มันไป ทำได้แค่นี้จริงๆ



โดย อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ 13.2
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 29-10-2021 14:47:04
Episode 13 รักก็คือรัก (2/2)



[พ่อตั้ม]

หลังจากเหตุการณ์วันที่ไอ้เจ้าแต็งค์พาคนที่ชอบมาบ้านผ่านไปได้อาทิตย์นึง ทั้งๆที่มันผ่านไปแล้วแต่ทำไมมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวผม คงเป็นเพราะความรู้สึกผิดกับคำพูดของตัวเอง ผมพูดแรงกับลูกต่อหน้าคนที่ลูกชอบ

‘คุณตั้ม คุณพูดอะไรออกมา ทำไม่นึกถึงความรู้สึกลูกบ้าง’

ใช่ผมไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของลูกเลย มันเองก็เช่นกันไม่เคยนึกถึงความรู้สึกผมเหมือนกัน

‘คุณรับได้รึไง ที่มันวิปริตผิดเพศ’

‘ฉับรับไม่ได้’ ใบหน้าสวยเริ่มเปื้อนหยาดน้ำตา ‘ฉันไม่สามารถรับเรื่องนี้ได้ และไม่มีวันรับได้เลย แต่ลูกก็คือลูก ไม่ว่าเค้าจะเป็นยังไงเค้าก็คือลูก’หยาดน้ำตาเริ่มพลั่งพลูออกมาไม่หยุด ‘ฉันทำใจไม่ได้หรอกนะที่ต้องเห็นลูกห่างเหินออกไปทุกที’ใช่ ลูกกำลังห่างเหินออกไปจากผมเรื่อยๆ ‘ฉันรักลูก รักเค้ามาก และฉันก็เชื่อว่าลูกก็รักฉันมากเหมือนกัน แล้วก็เชื่อว่าเพราะเค้านึกถึงความรู้สึกของเราไงเค้าถึงไม่กลับบ้าน เค้ารู้ว่ากลับมาแล้วมันจะตอกย้ำให้เราผิดหวังที่เค้าไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวัง’เธอยื่นมือมาโอบเอวผมไว้ แล้วเอาหัวพิงมาที่ไหล่ของผม ‘เปิดใจให้ลูกบ้างคุณตั้ม ความรักความรู้สึกมันเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ เราเป็นพ่อเป็นแม่ควรที่จะคอยโอบประคองเค้าและก้าวเดินไปพร้อมกับเค้าในทางที่เค้าเลือก ไม่ใช่ไปเดินนำเค้าแล้วเลือกเส้นทางให้เค้า’

‘แต่ผม...’ ผมอิงหัวตัวเองไว้กับหัวของเธอ

‘ฉันรู้ ฉันก็รับไม่ได้ในทันทีหรอก ฉันก็เริ่มจากการพยายามทำความเข้าใจทีละนิดทีละหน่อย พยายามจนรู้ว่าทุกอย่างมันไม่ได้มีอะไรเลวร้ายเลย ถ้ามันเป็นความสุขของลูกฉันก็มีความสุขด้วย ลูกรักใครชอบใครฉันก็รักก็ชอบกับลูกด้วย อะไรที่ลูกเลือกแล้วฉันจะไม่ห้ามเค้า แต่ฉันจะทำหน้าที่ยืนเป็นโค้ชให้เค้า สำหรับแม่อย่างฉันขอแค่อยู่ตรงนี้ตรงที่เค้าจะหันมาเมื่อไหร่ก็เจอ ก็เพียงพอแล้ว’

‘คุณเป็นแม่ที่ดี’ ผมยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดเธอไว้หลวมๆ ‘เด็กคนนั้นบอกผมว่า พ่อของเขาก็ไม่สามารถรับได้ในทันทีหรอก แต่พ่อของเค้าก็เลือกที่จะรับฟัง และก็เลือกที่จะอยู่ข้างเค้า สำหรับผม พ่อของเค้าเป็นพ่อที่ดี’
 
‘คุณก็เป็นพ่อที่ดี’ ผมกอดเธอแล้วโยกไปมาเบาๆ
 
‘เด็กนั่นช่างพูด ช่างคิด จนผมเกือบใจอ่อน หึ’ คิดไปก็แอบยิ้มไป นึกถึงหน้าเจ้าเด็กนั้นตอนพยายามหาเรื่องคุยกับผม ดูก็รู้ว่าเป็นคนไม่ชอบเค้าหาใครก่อน แต่ก็เลือกที่จะพยายามเพื่อลูกชายของผม

‘หลงเสน่ห์ว่าที่ลูกสะใภ้แล้วสิ’ เธอหันมายิ้มอ่อนโยนให้ผม

‘คงยังงั้น’ อีกไม่นานผมคงจะหลงเจ้าเด็กนั่นหัวปักหัวปำไม่ต่างจากทุกคนในบ้าน แต่คงไม่ได้หลงเพราะหน้าตาที่หล่อสมบูรณ์แบบของเค้า แต่น่าจะเป็นหลงเพราะกริยาท่าทาง รอยยิ้ม และการพยายามเอาอกเอาใจของเด็กนั่นมากกว่า


“ลมอะไรหอบเจ้าลูกชายหัวรั้นของฉันมาถึงนี่ได้” คนสูงวัยที่ดูแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกัน เดินยิ้มแย้มมาจากสวนหลังบ้าน
“ผมคิดถึงพ่อน่ะสิ” พ่อหันมาทำหน้าไม่เชื่อใส่ผม
“จริงๆเลย คงจะมาดักรอเจ้าแต็งค์ที่นี่สินะ”
“ครับ เห็นกิ่งบอกว่าวันนี้ลูกจะมาเอาของที่นี่ ผมอยากคุยกับลูก”
“ทำใจได้แล้ว?”
“ก็ยังหรอกครับ”
“ตั้มเอ้ย” พ่อนั่งลงข้างๆผม พร้อมโอบไหล่ผมไว้ “สำหรับลูกแล้วพ่อแม่เป็นเหมือนที่พักพิงที่ดีที่สุดสำหรับเค้า เมื่อเค้าทุกข์ใจ ไม่สบายใจ เค้าก็อยากหันมาพึ่งพิงเรา แต่ถ้าความทุกข์ใจความไม่สบายใจของเค้ามันเกิดจากเรา แล้วลูกจะหันไปพึ่งพิงใครล่ะ” พ่อผมพ่นลมหายใจเบาๆ “อะไรที่มันเป็นความสุขของเค้า เค้าทำแล้วมันไม่ได้ทำให้ใครได้รับความเดือดร้อน เราก็ควรจะปล่อยเค้า ชีวิตมันเป็นของเค้าไม่ใช่ของเรา เค้ามีสิทธิ์ที่จะเลือกมันเอง เราทำได้แค่คอยเป็นกำลังเสริมให้เค้าเท่านั่นก็พอ”
“ครับพ่อ” ผมยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดกระชับตัวพ่อ
 “ไม่ต้องมาทำซึ้ง” พ่อดึงผมให้ลุกขึ้น “ฉันมีอะไรจะให้แก รีบๆตามมา”
“ครับ”
“เร็วๆ ก่อนเจ้าแต็งค์จะมา”
พ่อยื่นกล่องสีน้ำตาลใบใหญ่มาให้ผม พอสังเกตที่กล่องดูดีๆกล่องใบนี้มันคุ้นตามากคับคล้ายคับคลายว่าเคยเห็นมาก่อน
“กล่องอะไรหรอครับพ่อ”
“ลองเปิดดูสิ” สิ้นคำพูดของพ่อผมก็เปิดฝากล่องใบนี้ออกทันที ข้างในกล่องเต็มไปด้วยรูปของเด็กผู้ชายคนนึงคนที่ผมคุ้นหน้าเป็นอย่างดี คนที่ทำให้ลูกชายของผมตกหลุมรักเมื่อสามปีที่แล้ว “เด็กคนนี้ ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป เค้าก็ยังคงทำให้หลานชายของฉันตกหลุมรักได้ซ้ำๆ และดูเหมือนจะปีนขึ้นจากหลุมไม่ได้แล้ว หึๆๆ” พ่อหันมาตบบ่าผมเบาๆ “สามปีที่ผ่านมาเจ้าแต็งค์น่าจะพิสูจน์ให้เราได้เห็นแล้วนะว่ามันคือความรักจริงๆ” ครับ ผมได้เห็นแล้วว่ามันคือความรักจริงๆ เห็นจากการที่เด็กสองคนนี้พยายามปกป้องความรู้สึกของกันและกัน “และต่อจากนี้ก็ให้เค้าทั้งสองได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าเค้ารักกันและสามารถประคับประครองซึ่งกันและกันได้จนตลอดรอดฝั่ง” พ่อถอนหายใจเบา “เปิดใจให้ลูกได้แล้ว”
“ผมเปิดใจแล้วครับ ผมถึงได้มารอลูกถึงที่นี่ ผมไม่อยากทำพลาดอีกแล้ว ไม่อยากทำให้ลูกต้องห่างเหินออกไป” ผมโอบกอดพ่อไว้ด้วยความขอบคุณ ขอบคุณจริงๆที่คอยเป็นที่พักพิงให้ลูกชายของผมในตอนที่ผมไม่สามารถเป็นให้เค้าได้ ผู้ชายคนนี้ทำหน้าที่พ่อและปู่ได้ดีที่สุดสำหรับผม “ขอบคุณนะครับที่อยู่ข้างเจ้าแต็งค์มาตลอด” พ่อยกมือขึ้นลูบที่หลังผมเบาๆ
“ไม่เป็นไรๆ ต่อไปนี้เริ่มต้นกันใหม่นะ” เราโอบกอดกันแล้วโยกไปมาเบาๆ




ผมนั่งถือกล่องสีน้ำตาลใบใหญ่อยู่ตรงโต๊ะไม้หน้าบ้านของพ่อเพื่อรอเจ้าลูกชายตัวดี รอที่จะปรับความเข้าใจกัน ว่าแล้วก็เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้ามาคว้ากล่องใบนี้ออกไปจากตักผมทันทีโดยไม่เอ่ยคำทักทายใดๆ มันคงกลัวผมจะเอาไปเผาน่ะสิ มันจะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลกเพราะสิ่งที่ผมทำเมื่อสามปีที่แล้วมันทำร้ายความรู้สึกของคนเป็นลูกไม่ใช่น้อย กว่าจะมาคิดได้ทุกอย่างก็แทบจะสายเกินไป พอได้ของแล้วเจ้าลูกชายของผมก็ทำท่าจะเดินกลับไปยังที่รถ

“จะไม่คุยกับพ่อซักหน่อยรึไง” คำพูดของผมทำให้เจ้าลูกชายหยุดชะงัก แล้วก็แอบถอนหายใจ แต่ก็ยังคงเดินกลับมานั่งลงข้างๆผม
“มีอะไรครับ” นำเสียง สีหน้าและท่าทีที่เริ่มห่างเหินออกไปทุกที
“ช่วงนี้เป็นไงบ้าง”
“เรื่องไหนหรอครับ”
“ก็เรื่องเรียน เรื่องความเป็นอยู่ แล้วก็เรื่องคนคนนั้น..” ปลายเสียงของผมค่อนข้างแผ่วเบาลง เพราะไม่สามารถเดาอารมณ์จากหน้านิ่งๆของคนที่นั่งข้างกันได้เลย
“ก็ดีครับ ดีทุกเรื่อง”
“งั้นก็ดีแล้ว” ผมหันไปมองหน้าลูกชายที่เอะใจเล็กน้อย “วันอาทิตย์หน้ามากินข้าวที่บ้านด้วยกันสิ” และคงจะไม่คิดว่าผมจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา “ชวนเจ้าน้ำมาด้วยสิ”
“พ่อ..” ลูกชายของผมยังคงขมวดคิ้วยุ่งอยู่ไม่ยอมคลายออก ผมเลยเอื้อมมือไปที่บ่าของมันแล้วตบเบาๆ
“ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนหรอกนะที่จะเข้มแข็งกับเรื่องของลูกได้ทุกเรื่อง และพ่อก็เป็นหนึ่งในนั้น” ผมถอนหายใจออกเบาๆ “พ่อเอาแต่กลัว เอาแต่กังวลว่าคนอื่นเค้าจะมองลูกว่าเป็นตัวประหลาด กลัวว่าเค้าจะรังเกียจในสิ่งลูกชอบ กลัวว่าลูกจะต้องมาเจ็บปวดกับคำนินทาว่าร้ายจากคนอื่น กลัวหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง กลัวจนเอาความกลัวเหล่านั้นมาทำร้ายลูกซะเอง เพราะเอาแต่กลัวทั้งที่มันยังไม่ทันได้เกิดขึ้น”
“ผมขอโทษ”
“เรื่องอะไร”
“ผมทำให้พ่อผิดหวัง”
“แต็งค์” มือของผมเริ่มเคลื่อนไปโอบกระชับไหล่ของคนข้างๆ “จำเอาไว้นะ พ่อไม่เคยผิดหวังที่มีเราเป็นลูก ไม่เคยคิดว่าผิดหวังเลยซักครั้ง” ผมโอบกอดไอ้ลูกชายแล้วโยกไปมาให้มันได้ผ่อนคลาย “เรามาเริ่มกันใหม่ลูก” มือทั้งสองของของเจ้าคนอายุน้อยกว่าโอบกอดผมตอบ
“ครับพ่อ”
“พ่อขอโทษนะลูก ขอโทษที่ให้รอมาถึงสามปี ขอโทษที่พ่อเอาแต่แคร์สายตาคนอื่น จนลืมแคร์ความรู้สึกของลูก พ่อขอโทษจริงๆ”

น้ำตาของผมพลั่งพลูออกมาเพราะรู้สึกผิดต่อลูกจริงๆ เจ้าลูกชายไม่ได้ตอบอะไรผมและผมก็ไม่ได้ต้องการให้เค้าตอบอะไร แต่ผมก็รับรู้ได้จาการกอดตอบกลับของเค้าว่าเค้ารู้สึกดีใจกับทุกประโยคที่ผมพูดออกไป ผมต้องการเพียงแค่ให้เค้ารับรู้ว่าผมเปิดใจให้เค้าแล้ว และต่อจากนี้ไม่ว่าอนาคตของเค้าจะเป็นยังไง มันจะดีขึ้นหรือว่าแย่ลง ผมก็จะอยู่ข้างๆเค้า เป็นที่พึ่งพิงที่ดีที่สุดให้เค้า ผมผละออกจากลูกชายแล้วลุกขึ้น เตรียมจะเดินไปยังรถตัวเอง “แกกับเจ้าน้ำไปถึงขั้นไหนกันแล้ว”

“ยังไง” มันเลิกคิ้วถามผม
“เป็นแฟนกันรึยัง”
“ยังเลย”
“ยัง?” ผมหันหลังให้เจ้าลูกชายตัวดี แล้วก็อดคิดไม่ได้พาเค้าไปเปิดตัวขนาดนั้นแต่ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน ไก่อ่อนจริงๆ “แกนี่มันไม่ได้พ่อไปซักนิดเลย”
“ยังไงอีก?”
“ไก่อ่อน” พูดจบผมก็ทิ้งให้มันนั่งหน้าไก่อ่อนอยู่คนเดียว จนมันตะโกนกลับมา
“พ่อก็สอนผมหน่อยสิ” หึๆ ไอ้ลูกชายตัวดี
“อาทิตย์หน้าจะสอนให้” ผมตะโกนกลับไป ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆของไอ้เจ้าลูกชาย มันคงมีจะความสุข และผมเองก็มีความสุขที่เได้เปิดใจ ได้ยอมรับมันจากใจจริงๆ

ผมหวังว่าการเปิดใจระหว่างผมกับมันครั้งนี้มันจะทำเราเข้าใจกันมากขึ้น และกลับมาสนิทกันมากกว่าเดิม และก็ต้องขอบคุณพ่อของผม ภรรยาของผม ที่ช่วยพูดดึงสติของผม และต้องขอบคุณเจ้าเด็กอีกหนึ่งคน คนที่ทำให้ผมรู้ว่า รักมันก็คือรัก แค่คนสองคนรักกันมันก็เพียงพอแล้ว

[End Part]



วันนี้ผมพาไอ้ตัวดีกลับมาที่บ้านอีกครั้ง ตอนแรกมันก็ทำท่าเหมือนว่าไม่อยากจะมา แต่พอผมเล่าถึงเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่ผมกับพ่อได้คุยเปิดใจกัน มันถึงยอมมาด้วย แต่ผมก็ยังเห็นสีหน้าเป็นกังวลของมันอยู่ เลยต้องยื่นมือไปบีบกระชับมือมันเผื่อจะช่วยคลายกังวลได้บ้าง

“จะไม่ลงรถ?” มันหันมามองหน้าผม แล้วมองมือผมที่ยังจับมือมันอยู่
“ก็ปล่อยมือดิ” แล้วก็ต้องหันมาทำหน้าหงุดหงิดใส่กันก่อนลงจากรถ
“ปล่อยแค่มือ” ผมปล่อยมือมันแล้วลงจากรถ เดินอ้อมไปหามันที่พึ่งลงมาจากฝั่งข้างคนขับ “แต่ไม่ปล่อยให้ไปเป็นของคนอื่นแน่นอน”
“เดี๋ยวนี้พูดยาวๆได้” เขินจนหน้าแดงหูแดงไม่พอ มันก็เลยเอามือมาตีที่แขนผม ระบายความเขินอีกที
“มากันแล้วหรอลูก” แม่ของผมเธอเดินมาต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้อย่างอารมณ์ดี
“หวัดดีครับแม่”
“สวัสดีครับ” พูดจบมันก็ลอยหน้าลอยตาเดินเข้าไปโอบกอดแม่ผม เหอะ “เป็นไร” จะให้เป็นอะไรล่ะ
“มึงกอดคนอื่น” มันทำหน้าระอาใส่ผม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันระอาอะไรของมัน ก็มันกอดคนอื่นจริงๆ และก็กอดต่อหน้าผมด้วย
“นั่นแม่มึง” กับแม่ก็ไม่ได้ กูหวง
“ไปข้างในกันได้แล้ว” แม่เอามืออีกข้างมาจูงผมเข้าไปในบ้าน ส่วนอีกข้างก็จูงไอ้ตัวดี
“พี่น้ำ” เสียงเจือยแจ้วของยัยเด็กวัยใสที่ดีใจออกนอกหน้านอกตาวิ่งมาเกาะแขนไอ้น้ำไปนั่งโซฟาที่มีปู่นั่งอยู่ด้วย จากนั้นก็พากันคุยยาวเลยครับ ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกันนักหนา เดี๋ยวก็พากันไปดูนั่นดูนี่บ้าง กินนั่นกินนี่บ้าง ส่วนผมก็ถูกแยกตัวออกมาช่วยปู่เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่จะตกแต่งบ้านใหม่ วันนี้ทั้งวันผมกับไอ้น้ำแทบไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเลยครับ คิดแล้วก็เซ็งอยากจะพามันกลับคอนโดทันที แต่ก็ไม่ได้เพราะถูกพ่อขีดเส้นตายว่าต้องอยู่รอกินข้าวเย็นด้วยกัน ว่าแล้วก็มาพอดีเลย หอบของกินมาพะรุงพะรัง
“หวัดดีครับ”
“ดีๆ” แล้วพ่อก็หันไปทักทายปู่ “ทำอะไรกันอยู่หรอครับปู่หลานคู่นี้”
“เลือกของตกแต่งห้องกันอยู่” ปู่ตอบไปแต่ไม่ได้สนใจคนถามเพราะมัวแต่สนใจสิ่งที่อยู่ในไอแพด
“น้ำไม่มา?” แล้วพ่อก็หันมาเลิกคิ้วถามผม
“อยู่ในครัวกับแม่กับน้องครับ” พูดจบก็พากันเดินถือจานอาหารออกมาทันที
“สวัสดีครับ” มันผงกหัวทักทายพ่อผมด้วยความเกร็งๆ ไม่รู้ว่าเกร็งเพราะถือจานอาหารอยู่ หรือว่าเกร็งเพราะพ่อผมเลย
“ไปๆช่วยกันตั้งโต๊ะเลย พ่อหิวแล้ว” พ่อผมหันไปพูดกับมัน คงหวังว่าจะให้มันคลายความเกร็งลง แต่ป่าวเลย มันยังคงทำหน้าหวาดระแวงอยู่ มันนี่ยังไม่วางใจจริงๆ

พอช่วยกันจัดโต๊ะอาหารเสร็จ พวกเราก็พากันทานอาหารทันที กินไปก็คุยกันไป ถามถึงสารทุกข์สุกดิบชีวิตประจำวันไป พ่อผมก็พยายามชวนไอ้น้ำมันคุย ถามนั่นถามนี่มัน จนมันเริ่มพูดคุยแบบสบายๆขึ้น ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสได้เห็นภาพเหล่านี้ ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆทีเข้าใจผมและยอมรับผมกับมัน วันนี้คงเป็นวันที่ผมมีความสุขมากที่สุดในชีวิต และหวังว่าทุกๆวันของผมต่อจากนี้จะมีความสุขแบบวันนี้

“กินเยอะๆนะน้ำ อันนี้อร่อยมาก ร้านประจำพ่อเลย พ่อตั้งใจซื้อมาให้เราลองเผื่อถูกใจรอบหน้ามาบ้านจะได้ซื้อมากอีก” พ่อผมตักอาหารที่ตัวเองชื่นชมว่าอร่อยนักอร่อยหนาใส่จานให้ไอ้น้ำมันไป ส่วนมันก็เอาแต่ผงกหัวขอบคุณครับ
“ถ้าอร่อยถูกใจ คงต้องให้แต็งค์พามากินข้าวที่บ้านบ่อยๆแล้วล่ะ” แม่ผมคลี่ยิ้มส่งมาให้ไอ้น้ำ ทุกคนตอนนี้เอาแต่ตักนั่นตักนี่ให้ไอ้น้ำอย่างเดียว ดูท่าจะพากันหลงมันเข้าแล้ว ผมคงกลายเป็นหมาหัวเน่าเต็มตัวแล้ว
“คืนนี้พากันนอนที่นี่นะ” พ่อหันมามองผมแล้วขยิบตาให้ “พ่อไม่ได้ดูหนังกับเจ้าแต็งค์มานานแล้ว กว่าจะดูจบมันก็น่าจะดึก ขับรถกลับดึกมันอันตราย เรานอนนี่ได้มั้ย” พ่อผมหันไปคุยกับไอ้น้ำ “ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เอาไว้รอบหน้าก็...”
“ได้ครับ” พอได้คำตอบพ่อผมก็หันมาขยิบตาใส่ผมอีก พ่อจะบอกอะไรผม


หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็พากันมานั่งดูหนังกองกันที่โซฟาห้องรับแขก พอดูไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพ่อก็ทำท่าเป็นหาวแล้วหันมากระซิบข้างๆหูผม

“คืนนี้แกก็ขอเจ้าน้ำเป็นแฟนเลย พ่อจัดการสถานที่ให้แล้ว” พ่อหันมายักคิ้วให้ผม จนผมต้องอ๋อ ที่ขยิบตายุบยิบชวนไอ้น้ำนอนนี่คือต้องการให้ผมขอมันเป็นแฟน ฮ่าๆ ผมเลยต้องยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พ่อแล้วเอี้ยวตัวไปกระซิบข้างหู
“ขอบคุณครับพ่อ” พ่อเอื้อมมือมาตบบ่าผมแล้วส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากผมกลับมา
“พ่อง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ พวกเราก็พากันขึ้นไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเรียนกัน ไปแตงกวาไปนอนได้แล้ว” พูดจบพ่อก็เอามือปิดปากหาวเดินขึ้นชั้นไป แต่ก็ยังมามาขยิบตาให้ผม จนผมต้องขยิบตาส่งกลับ เป็นอันว่ารับรู้กัน
“ไปนอนกัน” ผมทำท่าปิดปากหาวตามพ่อ แล้วดึงไอ้น้ำขึ้นตามมาบนห้องนอน ผมเดินเข้าไปหาผ้าเช็ดตัวผืนใหม่กับเสื้อผ้าในห้องแต่งตัวแล้วเอามายื่นให้มัน “จะอาบก่อนรึอาบพร้อมกัน”
“ไอ้แต็งค์!!” มันหันมาถลึงตาใส่ผม ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าจากมือผมแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ระหว่างรอมันอาบน้ำ ผมก็เดินออกมานอกระเบียงห้อง แล้วพบว่า ระเบียงห้องของผมวางเรียงรายไปด้วยเทียนหอมเต็มราวระเบียง แถมยังมีช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่อยู่บนโต๊ะไม้ริมระเบียง ผมเลยเดินเข้ามาหยิบไฟแช็คแล้วเดินกลับไปยังระเบียงเพื่อจุดเทียน พอมองไปรอบๆแล้วให้บรรยากาศเหมือนจะขอมันแต่งงานยังงัยยังงั้น พ่อผมนี่โรแมนติกจริงๆ พอได้ยินเสียงมันเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมก็รีบดึงตัวมันออกมาที่นอกระเบียงห้องทันที

“มึงจะเผาบ้าน?” มึงเอาอะไรคิด ผมเลยถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับการขัดความโรแมนติกของมัน
“กู..”


ตึง ตึ่ง ตึง ตึ้ง


ไม่ทันต้องพูดอะไร สายเรียกเข้าของมันก็ดังระงมจนมันต้องเดินเข้าไปรับโทรศัพท์ ซักพักมันก็เดินออกมา
“ไอ้เหน่งกับพี่นนท์มันพากันบ่นกูหูแทบแตก บอกว่าตามหากูกันให้วุ่น แล้วนี่ยังจะมาตามกูที่บ้านมึงอีก วุ่นวายกันชิบหายหึๆ” มันหันมามองหน้าผมแล้วหัวเราะ
“ทำตัวเป็นพ่อตาหวงลูกสาว” ผมหันไปเลิกคิ้วใส่มัน
“เหอะ เหอะ” มันหันมามองหน้าผมแล้วหันกลับไปยิ้ม

ผมลอบมองหน้าคนข้างๆด้วยความอ่อนโยน ใบหน้าของมันตอนนี้ดูมีความสุขและผ่อนคลายมาก รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของมัน มันช่างดึงดูดให้ผมหลงใหลเหลือเกิน ไม่ว่าจะได้เห็นมันยิ้มแบบนี้มาแล้วกี่ครั้งผมก็ยังคงหลงมันแบบโงหัวไม่ขึ้นอยู่ดี ผมเอื้อมมือไปหยิบช่อดอกกุหลาบมาถือไว้ในมือ

“น้ำ”
“เราผ่านด่านนี้กันแล้วใช่มั้ย ”มันหันมายิ้มให้ผม ส่วนผมก็พยักหน้ารับให้มันรู้ว่าผมกับมันผ่านด่านนี้ของพ่อผมแล้วจริงๆ
“น้ำ..”

ผมที่พยายามจะพูดขอมันเป็นแฟน แต่ไม่ทันได้พูดอะไร ไอ้น้ำมันก็เคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้แล้วประทับริมฝีปากบางสีแดงอมชมพูของมันลงมาที่ริมฝีปากผม จากนั้นก็ผละออก ความอุ่นร้อนที่ได้รับมันยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากผม ทำให้ผมโหยหาสัมผัสนั้นอีก ผมเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าของมัน แล้วประกบจูบกลับอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะดูดดึงริมฝีปากล่างของมัน พยายามที่จะสอดลิ้นเข้าไปในช่องปาก มันเผยอปากเพื่อต้องการหายใจผมเลยใช้โอกาสนี้สอดลิ้นเข้าไปในปากของมัน ผมใช้ลิ้นร้อนของผมสำรวจไปทั่วปากของมัน จนลิ้นของอีกคนเริ่มเข้ามาพันพัวเกี่ยวตวัดกันไปมา ผมดึงมือทั้งสองข้างของมันมาคล้องคอผมไว้ จากนั้นก็เลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นมาโอบรอบเอวมัน เบียดกายเข้าหากันจนแนบชิด ภายใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยแสงรำไร และกลิ่นหอมอ่อนๆจากเทียน พร้อมทั้งรสชาติหอมหวานภายในปากของเราทั้งสอง ทุกอย่างตอนนี้มันดีมากจริงๆ ดีจนลืมในสิ่งที่กำลังจะพูดออกไปเลย เอาไว้หาจังหวะใหม่แล้วกัน ตอนนี้ขอกอบโกยความสุขตรงหน้าไว้ก่อนแล้วกัน


ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะทำแบบนี้ไปทั้งคืน หรือว่าจะทำมากกว่านี้ดี


ไม่ได้ ไม่ได้ ไอ้แต็งค์ ใจเย็นๆ มึงต้องขอเค้าเป็นแฟนก่อน


ใจเย็นไว้ไอ้เสือ ชู้ว ชู้วว


โดย อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-10-2021 15:39:02
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 14
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 05-11-2021 18:47:38
Episode 14  ในเมื่อใจตรงกันแล้ว




หลังจากเรื่องเครียดๆทุกอย่างผ่านไป ชีวิตของผมก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คงจะเป็นไอ้พี่ชายตัวดีกับเพื่อนตัวเวร ที่พากันมาจ้องหน้าผมเขม็งตั้งแต่กลับจากบ้านไอ้แต็งค์จนมามหาลัย สองคนมันก็ยังเอาแต่ตามติดตูดมาจ้องหน้าผมราวกับว่าผมไปทำอะไรผิดมา


“ทำไมเมื่อคืนมึงถึงไม่กลับมานอนคอนโด” ไอ้พี่นนท์มันเปิดประเด็นมาด้วยคำถามเดิมๆ รอบนี้น่าจะรอบที่สิบแปดแล้ว
“ก็พ่อไอ้แต็งค์เค้าชวนให้นอนนั่น” แล้วผมก็ตอบแบบเดิมเป็นรอบที่สิบแปดแล้วเหมือนกัน
“ใจง่าย!!” ผลั๊วะ ไอ้เหน่งไอ้ปากขยะเปียก “เชี้ยยยย น้ำ”
“มึงไปถึงขั้นไหนกันแล้ว” ไอ้พี่นนท์มันยังไม่เลิกจ้องหน้าผม ส่วนผมก็ไม่ได้ตอบอะไรพี่มัน นอกจากหยิบขวดน้ำขึ้นมากระดกกิน
“นี่มึงเสียตัวให้มันแล้วหรอ”

พรวดดด

น้ำที่อยู่ในปากผมยังไม่ทันจะได้ไหลลงคอก็พุ่งกระจายเต็มหน้าพวกมันสองคนทันทีที่ได้ยินประโยคๆนี้ของไอ้เหน่ง

“จริงๆหรอวะ” ไอ้พี่นนท์กูยังไม่ได้ตอบอะไรเลยนะ  “ให้ตายเหอะ กูอุตส่าห์เฝ้าประคบประหงม เฝ้าอบรมฟูมฟักมึงมาอ้อนแต่ออก มึงทำอย่างนี้ได้ยังไง นังลูกไม่รักดี นังใจง่าย นังใช้ร่างกายเปลือง” เอาเข้าไปพี่มึง กูล่ะอยากจะบ้าตาย
“มึงได้ป้องกันรึป่าว!” อ่ะ ไอ้นี่ก็อีกตัว จนผมต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาห้ามพวกมันสองคนก่อนที่มันจะพากันคิดเลยเถิดไปมากกว่านี้
“หยุดเลย หยุดทั้งคู่” ผมจ้องหน้าพวกมัน “ดูปากกูนะ กูกับไอ้แต็งค์ ยัง ไม่ ได้ มี อะ ไร กัน” แล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือก
“ยังไม่ได้ แปลว่าต่อไปต้องได้?” ไอ้เวรเทมส์ อยู่ดีๆมันก็ทะเล่อทะล่ามาเสือก ผมได้แต่เอามือกุมขมับพร้อมส่ายหัวอย่างระอา ยิ่งพูดอะไรออกไปยิ่งเหมือนเปิดประเด็นให้พวกมันมโนกันไปเรื่อย
“กูยังไม่ได้เป็นแฟนกันจะคิดเรื่องแบบนั้นได้ไง” ปลายประโยคเสียงผมเริ่มแผ่วเบาลง จะว่าไงดีล่ะ คือยังไม่ได้เป็นแฟนกันแต่ก็แอบจูบกันไปสองทีแล้ว และที่สำคัญแบบดูดดื่มด้วย ถ้าไอ้พี่นนท์กับไอ้เหน่งมันรู้คงพากันกร่นด่าว่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบที่พวกมันชอบด่ากันจนผมหูไหม้แน่
“กูเห็นหิ้วกันไปนู่นไปนี่จนเป็นเทอม มึงยังไม่เป็นแฟนกันอีกหรอ” ไอ้ตัวเสือกหน้าใหม่ที่พึ่งเสนอหน้าเข้ามา เป็นไอ้แคมป์เองแหละครับ
“เออ ก็รอ…”
“ถ้ามึงรอมันขอนะ ชาติหน้าคงได้เป็นแฟนกัน มึงก็รู้ ไอ้แต็งค์มันเป็นพวกชอบทำมากกว่าพูด”ไอ้เหน่งมันหันมาพูดกับผม หลังจากที่ซักไซ้เรื่องไร้สาระไปพักใหญ่ “แต่ถ้ามึงจะบอกว่ารอเวลา มึงจะรอเวลาไหนอีก ปัญหาหนักใจหลักๆก็เคลียร์กันไปหมดแล้ว”
“มึงจะบ่นอะไรยาวๆนักหนาเนี่ย”
“จะรีบทำอะไรก็รีบทำซะ กูขี้เกียจตามหวงมึงเป็นพ่อตาหวงลูกสาวแล้ว” ไอ้เหน่งมันเอื้อมมือมาผลักหัวผมเบาๆ พอไอ้พี่นนท์มันได้ยินไอ้เหน่งพูดแบบนั้น พี่มันก็
“มึงจะแปลพักหรอไอ้เหน่ง” พูดจบพี่มันก็จัดการล็อกคอไอ้เหน่งทันที

“โอ๊ยๆ พี่ขัดขวางความรักคนอื่นมันบาปนะพี่” แล้วมันสองตัวก็ตีกันทันที

“คิดยังจะขอมันเป็นแฟนยังไง” ไอ้เทมส์มันทำหน้าทำเสียงระริกระรี้ถามผม
“ให้กูช่วยคิดป่ะ”

แล้วไอ้แคมป์มันก็เสนอหน้ามาอีกตัว ซึ่งผมเองก็ต้องยอมรับเลยว่า ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีความรัก เลยไม่รู้ว่าจะขอยังไง จะพูดยังไง เริ่มอะไรยังไงบ้าง สงสัยคงต้องพึ่งพวกมันจริงๆ ผมเลยพยักหน้าตอบรับพวกมันอย่างขัดไม่ได้
 
“มึงคิดถูกแล้วที่ให้พวกกูช่วย หึๆ” สีหน้ามึงนี่ไว้ใจไม่ได้เลยไอ้ห่า ไอ้เทมส์มันลุกจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามมานั่งหย่อนตูดข้างๆผมแล้วเอาแขนข้างหนึ่งกอดคอผมไว้ “จะขอใครซักคนคบทั้งทีมันต้องเอาให้โรแมนติกและแอ๊ดวานซ์สุดๆเว้ย” แล้วมันก็ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผม “เริ่มจาก... มึงต้องหาสถานที่โรแมนติกๆ”
“เรือสำราญไง กูเห็นเคยเห็นในหนัง” ผลั๊วะ ไอ้เหน่งมันวิ่งมาแสกกระบาลไอ้แคมป์หลังจากที่มันไล่พี่นนท์กลับไปเรียนได้ซักที “เชี้ยเหน่ง ตบกูทำไมเนี่ย”
“ตบเรียกสติมึงไงไอ้ห่า คิดออกมาได้” พูดจบไอ้เหน่งมักก็ผลักหัวไอ้แคมป์ต่ออีกที
“ทำไม เรือสำราญไม่ดีตรงไหนวะ”
“ดี!!”ไอ้เหน่งมันโวยวายใส่ไอ้แคมป์ “แต่มันจะเอาปัญญาที่ไหนไปหามา ทุกวันนี้ยังเกาะพ่อมันแดกอยู่เลย” ใช่ครับ ทุกวันนี้กูยังเกาะพ่อแดกอยู่ เพราะฉะนั้นอะไรที่มันหรูหราตัดทิ้งออกให้หมดเลย
“พอๆ เลยมึงสองตัว กูคิดออกแล้ว” ไอ้เทมส์มันยกมีขึ้นปัดป่ายให้ไอ้สองคนมันเลิกต่อปากต่อคำกัน แล้วก็หันมามองผมพร้อมกับส่งยิ้มระรื่นมา “มึงกับมันชอบไปกินข้าวเย็นบ่อยๆด้วยกันใช่มั้ย” ผมพยักหน้ารับ “งั้นเย็นนี้มึงก็เลือกร้านที่มันบรรยากาศดีๆ ไม่ต้องหรูหรามาก เอาสมวัยพวกมึงอ่ะ แล้วก็จัดการขอมันคบเลย”
“โอเค วิธีไอ้เทมส์กูว่าเวิร์ค” ไอ้เหน่งมันหันมาพยักพเยิดหน้าเห็นด้วย
“กูช่วยเลือกร้านมั้ย”
“ไม่ต้องเสือกเลยมึง”
“โห่”




ขณะนี้ผมกับไอ้แต็งค์ได้ขับรถแล้วเข้ามาจอดหน้าร้านอาหารร้านหนึ่ง ร้านนี้เป็นร้านอาหารริมแม่น้ำ ไอ้เหน่งมันแนะนำมา บอกว่าร้านนี้บรรยากาศค่อนข้างดี ซึ่งมันก็ดีจริงๆ มีแสงไฟนวลๆสีส้มจากหลอดไฟดวงเล็กๆที่ติดเรียงรายห้อยต่องแต่งเต็มร้าน ผมพามันเดินตรงเข้ามาในร้านมายังส่วนที่อยู่ริมน้ำที่ได้ทำการจองโต๊ะไว้แล้ว และคนจองก็เป็นพวกเพื่อนตัวดีของผมเองที่มีส่วนร่วมด้วยช่วยกันสนับสนุนภารกิจครั้งนี้ แค่นั้นไม่พอ พวกมันยังแอบมารอกันอยู่ที่ร้านแล้ว แอบมารอชื่นชมผลงานของพวกมันทั้งห้าตัว

“ทำไมถึงชวนมาร้านนี้”
“เรียนมาเหนื่อยๆก็อยากให้ผ่อนคลายบ้าง”
“จริง?”
“เออน่า”

ผมไม่ปล่อยให้มันเซ้าซี้อะไรมากมาย เลยจัดการสั่งอาหารเครื่องดื่ม เตรียมเริ่มแผนการตามที่ไอ้สี่ห้าตัวมันช่วยวางไว้ ส่วนพวกมันก็พากันนั่งสังเกตุการณ์สลอนหน้าอยู่ใกล้ๆ ถามว่าไอ้แต็งค์มันรู้ตัวมั้ยว่ามีไอ้พวกเพื่อนรักผมอยู่ด้วย บอกเลยว่ารู้ครับ เอิ่มมม ไอ้แต็งค์จำพวกมันได้ตั้งแต่เดินลงรถมาแล้วแหละครับ แค่ใส่หมวกใส่แว่นตาเนี่ยมันไม่ได้ช่วยอะไรได้หรอกหน้าพวกมันเด่นหรามาแต่ไกลแล้ว ดูหนังกันมากพวกมันอ่ะ พออาหารมาเสิร์ฟผมกับมันก็ต่างคนต่างละเลียดอาหารลงกระเพาะอย่างสบายอารมณ์ใต้เสียงไฟนวลและเสียงเพลงคลอเบาๆ ฟินสุดๆ บรรยากาศได้แล้วอารมณ์ก็ได้แล้ว ผมจึงต้องรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อเปล่งเสียงจากความรู้สึกแล้วเอื้อนเอ่ย

“แต็งค์” มันเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารแล้วสบตากับผม “คือกู...” มันจ้องเข้ามาในตาผมลึกเข้ามา ลึกเข้ามา ทำให้ผมเกิดความประหม่าจนต้องกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่ พอเหลือบไปมองเห็นพวกเพื่อนรักที่พากันนั่งลุ้นระทึกไม่ติดเก้าอี้ก็ยิ่งประหม่าเข้าไปใหญ่
“กู...” กูล่ะอยากตีปากตัวเอง มึงเป็นห่าอะไร ไอ้ปากเวร “เชี่ย แต็งค์” ผมตกใจสุดขีดรีบลุกจากที่นั่งไปคว้าแขนมันไว้เพราะพนักงานเสิร์ฟที่ดันทะเล่อทะล่าทำน้ำจากหม้อไฟหกใส่แขนมัน ยังไม่ทันได้พูดสิ่งที่อยากจะพูดเลย ต้องหยุดความคิดแล้วหันมาสนใจที่แขนมันแทน “เป็นอะไรมากมั้ย”

“ไม่เป็นไร”
“แน่ใจ?” ผมถามมันด้วยความห่วงใยกลัวว่ามันจะเจ็บจะแสบร้อน ส่วนมันก็อมยิ้มกรุ่มกริ่มสบายใจทั้งๆที่เจ็บตัวอยู่ ไอ้เวร “ไปล้างแขนก่อนมั้ย”มันพยักหน้าเสร็จผมก็ดึงมันไปจัดการล้างแขนที่ห้องน้ำทันที
ภารกิจขอมันเป็นแฟนครั้งนี้ ล้มเหลวครับ




 
แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้หรอก ต้องแก้มือใหม่ ยังไงก็ต้องขอมันคบให้เป็นเรื่องเป็นราวให้ได้ ไอ้ไม้มันเดินมาตบบ่าผมแล้วทำสีหน้าระเหี่ยใจกับความล้มเหลวของเหตุการณ์เมื่อวานตอนเย็น

“กูคิดแผนใหม่มาให้มึงแล้ว”
“แผนอะไรวะ”
“ถ้าร้านอาหารมันไม่เวิร์ค” มันหันมาทำหน้ามุ่งมั่นใส่ผม “ก็สนามบอลไปเลย คลาสสิกใสๆ”
“มึงจะให้มันไปตะโกนขอไอ้แต็งค์เป็นแฟนกลางสนามหรอ” ห๊ะ!! ถ้าจะให้คนหน้าบางแบบผมไปทำอะไรแบบนั้น บอกเลยว่าพัง พังตั้งแต่คิดแล้ว เหอะ เหอะ
 
“ใครบอก” ไอ้ไม้มันหันมาผลักหัวไอ้โชคเบาๆ “กูแค่ให้มันเอาสิ่งที่มันชอบทำและชอบไปกันในชีวิตประจำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เว้ย เรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่อัดเต็มเหนี่ยวไปที่หัวใจ จึกๆ” ขอเกลียดคำว่าจึกๆของมึงหน่อย
“ยังไง” ไอ้โชคมันเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย ส่วนไอ้ไม้มันก็เอาแต่ยิ้มกรุ่มกริ่ม เตรียมนำเสนอแผนการ
“กูขอตั้งชื่อภารกิจนี้ว่า” มันทำตาวิบวับเป็นประกาย “เตะบอลแมนๆเป็นแฟนกันนะ อิอิอิ”
“อิอิอิ”
“อิอิอิ” อิอิอิ พ่อง!! ผมล่ะไม่อยากจะคาดคิดกับสิ่งที่พวกมันเสนอมาเลย จะรอดรึจะล่วง คิดหนัก



สนามฟุตบอล

“ไอ้แต็งค์ขวาๆ”
“ไอ้น้ำ ไอ้เวร!!”
“มึงสิไอ้โต้ง ไอ้กาก”

ฟุบ

เฮ้!!!!

“หนึ่งศูนย์ แมนๆคราบบบ”
“ฝากไว้ก่อนห่า เดี๋ยวๆมึงเจอกู”
“น้ำ” ไอ้ไม้มันวิ่งดิ่งตีนดิกๆ มาหาผมที่กำลังเลี้ยงลูกบอลอยู่ “มึงเริ่มแผนได้เลย กูเคลียร์ทางให้แล้ว”ผมพยักหน้ารับมันอย่างเข้าใจ และแผนที่ว่านี่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการบานตะไทอะไรหรอก มันก็แค่วางแผนให้ผมเลี้ยงลูกบอลไปหาไอ้แต็งค์จากนั้นก็แกล้งทำเป็นถูกมันฟาดแข้งล้มบาดเจ็บเรียกร้องความสนใจพอมันหันมากระวนกระวายสนใจก็ให้ทำหน้าตาน่าสงสารแล้วพูดว่า ‘มึงต้องรับผิดชอบโดยการเป็นแฟนกู’ตามที่ไอ้ไม้มันให้สคริปไว้ จะวอดรึวายมาเอาใจช่วยผมกันด้วยนะครับ เหอะ เหอะ
“น้ำทางนี้ๆ”ไอ้โชคมันเรียกผมให้เลี้ยงลูกบอลไปยังมันโดยที่มีไอ้แต็งค์ประกบหลังมันอยู่ ผมไม่รีรอร่ำไรอะไรทั้งนั้นรีบเลี้ยงลูกกลมๆสีขาวดำไปยังเป้าหมาย แล้ว....


“เชี้ยยยยยย”

ผิดคิวครับ!!

เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นบ่อยในละคร เหอะ เหอะ ไอ้บิว ไอ้เลว อยู่ๆนึกจะโผล่มาก็โผล่ จากที่จะต้องแกล้งเจ็บคราวนี้เป็นเจ็บจริงเลยไอ้ห่า น้ำตาผมแทบไหลทันที จะอะไรล่ะ ก็ไอ้บิวมันเล่นพุ่งมาสกัดบอลจนเกิดเหตุหน้าคว่ำคมำกอดกันกลมเกลียวประหนึ่งคนๆเดียวกันทั้งผม ทั้งไอ้โชค แล้วก็ไอ้บิว

ภารกิจครั้งนี้ล้มเหลวครับ เพราะมึงตัวเดียว ไอ้บิว ไอ้นรกส่งมาเกิด!!!
ผมได้แต่หันไปมองรอยยิ้มแหยๆจากไอ้ไม้ แล้วกร่นด่าไอ้บิวในใจ แผนไม่สำเร็จไม่พอยังต้องมาเจ็บตัวอีก




“เอาน่ามึง เดี๋ยวกูช่วยคิดแผนใหม่” ไอ้เหน่งมันมานั่งกอดคอปลอบผมอยู่ที่ห้องตั้งแต่กลับจากสนามบอลมา “โรงหนังสื่อรักเป็นไง?”
“ยังไง?”
“มึงก็เลือกดูหนังรักโรแมนติก ซึ้งๆ ซักเรื่อง”
“แล้วไงต่อวะ” มันหันมาถอนหายใจใส่ผม
“มึงก็ใช้จังหวะที่กำลังเคลิ้มๆกับหนังขอมันคบเลย จบ ง่ายๆแต่ตราตรึงใจ เชื่อกู” พูดจบมันก็ส่งรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องมาให้ผม และผมก็หวังว่าแผนของไอ้เหน่งเพื่อนรักเนี่ย มันคงจะไม่ล้มเหลวเหมือนครั้งที่ผ่านมา



“นึกไงชวนมาดูหนัง”
“อยากดู”
“อยากดู?” มันเลิกคิ้วหันมาถามผมด้วยความสงสัย ผมก็ได้แต่พยักหน้าน้อยๆแล้วหันไปสนใจโปรมแกรมหนังที่จะฉาย ซึ่ง
ดูแล้วไม่มีรอบหนังรักโรแมนติกซักเรื่อง เวรแล้วไง ผมเลยหันซ้ายหันขวามองหาไอ้เหน่งที่แอบตามมาหลบอยู่แถวซอกมุม แล้วส่งสัญญาณบอกมันว่าเอาไงดี ส่วนมันก็ชี้นิ้วไปยังโปสเตอร์หนังเรื่องหนึ่ง


หนังผี

หนังผีสยองขวัญสั่นประสาทซะด้วย ตาย กูตายแน่ๆ จากที่กลัวผีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งานนี้จะรอดมั้ยยยย

“เรื่องไร?”ไอ้แต็งค์มันชี้ไปที่โปรแกรมเพื่อถามว่าจะดูเรื่องอะไร ผมเลยชี้ไปที่โปสเตอร์หนังผี “หนังผื”ผมพยักหน้าหงึกๆตอบรับมัน

 
บรรยากาศในโรงหนังตอนนี้ทั้งมืด ทั้งเงียบ และโหวงเหวงจนทำให้หนังสยองขวัญนั้นสยองขวัญสั่นประสาทมากขึ้นเป็นเท่าตัว

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

ผีโผล่ออกมาที คนที่มาดูก็กรี๊ดที ส่วนผมถึงจะไม่กรี๊ดแต่เหงื่อแตกซะเต็มหน้าเต็มมือ บอกเลยตรงนี้ ไม่มีกระจิตกะใจจะพูดอะไรกับไอ้แต็งค์เลยนอกจากเอามือข้างนึงปิดตาไว้ส่วนอีกข้างก็ขยำกล่องป็อปคอร์นจนแทบจะเละคามือ ส่วนไอ้แต็งค์นะหรอ เหอะ เหอะ มันก็นั่งขำไอ้อาการกลัวผีของผมตั้งแต่หนังเริ่มฉายยันหนังจบ สรุปการมาดูหนังครั้งนี้ของผม นอกจากจะไม่ได้ทำตามแผนที่จะขอมันคบแล้ว ยังจะดูหนังไม่รู้เรื่องอีก เวร เวรมาก

“กลัว?”
“ใครกลัว” ยัง ยังจะมาหัวเราะกูอีก แล้วมือนี่ก็อยู่ไม่เคยสุขเอะอะขยี้หัว ลูบหัวอยู่นั่นแหละ
“หงุดหงิดอีก” หงุดหงิดสิ แผนที่วางมาตั้งกี่แผนล้มเหลวไม่เป็นท่าซักแผน เห้ออออออ หรือว่าจะต้องพูดโผล่งตรงๆไปเลยดีวะ ฮึบบ ผมรวบรวมความกล้าอีกครั้งเพื่อที่จะ..
“แต็งค์”

ตึ่ง ตึง ตึ๊ง ตึ่ง ตึง ตึ๊ง

โทรศัพท์เวร ใครมันโทรมา ถ้าไม่มีสาระนะกูจะแดกหัวให้ ฮึ่มมมม
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าสายที่เรียกเข้ามานั้นเป็นสายคุณประณตนั่นเอง เลยรีรอไม่ได้ต้องสะบัดไล่ความคิดทุกอย่างแล้วกดรับสาย พอคุยสารทุกข์สุขดิบเสร็จ ก็หันไปหาไอ้แต็งค์ที่ยืนเล็มป็อปคอร์นที่เหลืออยู่ ดูสภาพแล้วมันคงหิวมากเพราะว่าเรียนเสร็จผมก็ลากมันมาดูหนังทันทีเลยไม่ได้ยัดห่าอะไรกันก่อนมา ผมจึงต้องลากมันไปหาอะไรกินก่อนที่มันจะรับประทานกล่องป็อปคอร์นเข้าไป


สรุปภารกิจครั้งนี้ ก็ล้มเหลวอีกเช่นเคย เฮ้ออออออออออ



“ไม่ต้องเศร้าไป เดี๋ยวกูคิดแผนให้ใหม่” ไอ้เหน่งมันมานั่งกอดคอปลอบใจผมที่ห้องเหมือนเดิม ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจปลงตกเหมือนเดิม
“กูว่าบางทีที่กูกับมันเป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็เหมือนเป็นแฟนกันแล้วป่าววะ จะขอรึไม่ขอมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป กูก็ยังคงสำคัญกับมัน แล้วมันก็ยังสำคัญกับกูเหมือนเดิม”
“มึงคิดงั้น?” ผมพยักหน้าตอบ
“แต่ไม่ใช่ว่ากูจะไม่ขอมันคบ แค่อาจจะรอจังหวะเหมาะๆที่ไม่ต้องใช้แผนการ ปล่อยให้มันเป็นไปแบบธรรมชาติๆ”
“อือแบบนั้นก็ดีอยู่” มันกระชับแขนที่กอดคอผมให้แน่นกว่าเดิมเล็กน้อย “ปล่อยให้มันเป็นไปแบบธรรมชาติๆ แต่ขอเป็นในชาตินี้นะ ถ้าชาติหน้ากูขี้เกียจตามไปเสือก ฮ่าๆ” ไอ้เพื่อนเวร




“เย็นนี้ว่างกันไหมคราบบบ” เสียงแรดๆของไอ้บิวมันวิ่งแสดเข้ามาในหูผมจนต้องหยุดชะงักมือที่กำลังหยิบช้อนจ้วงข้าวเข้าปากทันที
“มีอะไรคราบ” แล้วก็เป็นไอ้เหน่งที่ตอบมันด้วยแสงแรดๆไม่ต่างกัน
“แดกเหล้า!!” อ่ะ หูผึ่งกันทุกตัว
“ที่ไหน?”
“ชนกัน”
“ดีๆเลย ไปช่วยอุดหนุนพี่มันกัน ป่านนี้แดกกันเองจนร้านเจ๊งแล้วมั้ง” ผล๊วะ โทษฐานพูดไม่เข้าท่า นั่นน่ะแหล่งกู้ยืมเพื่อการศึกษากูเลยนะไอ้ห่าเหน่ง “ระบายอารมณ์กับหัวกูซะให้พอใจ” มันทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่ผม มันนี่น่าถีบจริงๆ
“ห้ามปฏิเสธ!!” ไอ้บิวมันชี้หน้าห้ามไอ้ไม้ที่กำลังจะง้างปากพูด “สามทุ่มเจอกัน กูไปล้ะ บรั๊ยยย” แล้วมันก็ลากตีนกลับไปยังที่ของมัน
“ไอ้ห่าบิวใจคอมันจะไม่พักตับบ้างหรอวะ แดกมันแม่งทุกวัน” ไอ้ไม้มันบนหงุงหงิงๆให้ไอ้โชคฟัง
“บ่น แต่ก็ไปทุกรอบ” ผมเลยหันไปกระแนะกระแหนมัน เห็นมันทำบ่นๆแบบนี้ พอเหล้าเข้าปากเท่านั้นแหละครับ งอแงชักดิ้นชักงอจะไม่ยอมกลับบ้าน ไอ้เพื่อนระยำ





21.00 น. ณ ชนกัน คลับ ครับผม

“กว่าจะเสด็จกันมาได้นะมึง” ไอ้บิวมันเอ่ยทัก “อ้าว พี่นนท์ มากับเค้าด้วย มาคุมน้องหรอ” ใครบอก มันมารีดไถพี่น่านมันต่างหาก ช่วงนี้พี่มันเอาเงินไปถลุงกับโปรเจ็กหมด เลยต้องมาเกาะพี่น่านกิน
“เออ” พูดยังไม่ทันจบพี่มันก็มายืนขั้นกลางระหว่างผมกับไอ้แต็งค์ทันที อะไรของมึงอีกไอ้พี่นนท์ “มึงอยู่ห่างๆน้องกูเลย”
“นี่พี่ยังไม่เลิกเล่นบทพ่อตาหวงลูกสาวอีกหรอวะ” ผลั๊วะ จัดไปหนึ่งโบกจากพี่นนท์ให้ไอ้โต้ง
“อย่าพากันแดกล้างแดกผลาญกันมากล่ะ กูขี้เกียจหามไปส่ง” พี่แทนแกเดินมาผลักหัวทักทายไอ้พี่นนท์มัน
“แหมมมมม นานๆทีพี่”
“นานพ่อง กูเห็นไอ้เทมส์ลงสตอรี่ไอจีว่าแดกกันทุกเย็น” แล้วพี่น่านแกก็เดินเข้ามาสะกิดหัวไอ้แคมป์ด้วยฝ่ามือเบา เบา
“สีสันชีวิตน่า”
“เหรออออ”
“กินไรมายัง” ผมหันไปถามไอ้แต็งค์ที่ยืนหน้านิ่งแผ่รังสีอัมหิตอยู่ข้างๆพี่นนท์ ถ้าไอ้พี่นนท์มันไม่ใช่พี่ผมมันคงแดกหัวไปแล้ว ดูจากสายตาเอานะครับ
“ยัง” ว่าจบก็ทำหน้าทำตางอดๆจะเดินมาข้างๆผม แต่ไอ้พี่นนท์มันเอาส้นตีนกันไว้ก่อน ผมล่ะเหนื่อยหน่ายกับพี่มัน
“กูยืนหัวโด่อยู่เนี่ย เกรงใจกันบ้าง”
“เหอะ เหอะ” เกรงใจห่าอะไรแค่จะมายืนข้างๆกันนี่มันจะอะไรนักหนา ไอ้เจ้ากรรมนายเวร ไอ้มารความรัก ไอ้ ไอ้ ฮึมมม
“แต็งค์” อยู่ๆไอ้บิวมันก็เดินมากอดคอไอ้แต็งค์ แล้วก็ลากกันไปไหนไม่รู้ แต่ก็ดีไปนานๆหน่อยจะได้ถือโอกาสนี้กระดกเหล้าลงคอซักหน่อย จะกินตอนมันอยู่ก็ไม่ได้จ้องแต่จะขัดคอขัดใจ น่ากระทืบ
“เห็นเด็กในร้านบอกกูว่าคืนนี้มีเซอร์ไพร์สว่ะ” พี่แทนแกโผล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“เซอร์ไพร์สอะไรวะ” พี่น่านมันหันไปถามพี่แทน แต่พี่แทนแกก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมานอกจากยิ้มกรุ่มกริ่มแล้วบุ้ยหน้าไปทางเวทีที่พวกนักดนตรีของร้านกำลังทำการแสดงอยู่ แล้วพี่มันสองคนก็สบตากัน ยักคิ้วหลิ่วตาใส่กันพักนึงก่อนจะหันมามองผม
“อะไรกัน” พี่มันพากันบุ้ยหน้าไปทางเวที ผมเลยเลยหันมองตามพวกพี่มัน แล้วก็เห็น....



ไอ้แต็งค์มันกำลังยืนเสนอหน้าจับไมค์อยู่บนเวที ตาทั้งสองข้างของมันกำลังมองมาที่ผม

เสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลงท่วงทำนองจังหวะรื่นหูขึ้น

ก็ไม่รู้ว่าคุณทำบุญด้วยอะไร ถึงดูดีอย่างนี้
ก็ไม่รู้ว่าคุณทาครีมอะไร ผิวคุณจึงดีแบบนี้
ก็ไม่รู้ว่าคุณน่ะมากับใคร ขอเข้าไปจอยได้มั้ย
แต่ที่รู้คือคุณได้ใจไปหมดแล้ว


ไหนบอกไม่ชอบเป็นเป้าสายตาไง แล้วที่ทำอยู่นี่มันคืออะไร ไอ้ตัวดี

ไม่อยากเชื่อ (ไม่อยากเชื่อ) ว่าสายตา (ว่าสายตา)
จะได้พบคนที่กำลังตามหา
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้คนนี้เป็นแฟนก็ดี
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้เธอนั้นเป็นแฟนก็ดี
ผมบอกกับคุณเลยนะ อย่างคุณน่ะเต็มสิบ
เพราะแค่คุณนั้นเดินเข้ามานะ ทำทุกคนน่ะเงียบกริบ
อยากรู้คุณชื่ออะไรฮะ รู้มั้ยคุณทำผมหวั่นไหว
เฮ่ อย่าเพิ่งเดินไปไกล มารับผิดชอบด้วยสิ


ผมแทบจะไม่ได้ฟังเพลงที่มันร้องเลยด้วยซ้ำ ไม่ได้จับใจความ รึตั้งใจฟังความหมายอะไรมันเลย

ก็ที่ผมให้คุณเต็มสิบ เหมือนตัดสินโอลิมปิก
ถ้าผมได้คุณเป็นแฟน จะคอยดูแลคุณอย่างดี
จะหยุดคุยกับทุกคนในทันที ผมสัญญาว่าต่อจากนี้
จะมีแค่คุณเพียงคนเดียว จะยอมปรับตัวเป็นคนดี
เห็นผมเงียบ ๆ แบบเนี้ย ผมก็รักเป็น
จะไปรับ จะไปส่ง จะไม่เถียง จะไม่บ่น ผมไม่ได้ล้อเล่น
จะรับโทรศัพท์ทุกเวลา
จะพิมพ์ตอบเธอ ไม่มีเบื่อค่า
และต่อจากนี้ขอสัญญา จะอยู่กับเธอเป็นคู่เหมือนลิปตา


เพราะผมในตอนนี้ เหมือนถูกดูดเข้าไปอยู่ในวังวนสายตาที่หวานเยิ้มของมัน

คุณอาจจะเคยเจอคนไม่ดี หรือคนที่เจ้าชู้
แค่อยากให้รู้ว่า อย่าเอาคนเดียวมาตัดสิน
แค่อยากให้คุณเปิดหัวใจ
รักรักกันไป เดี๋ยวก็ชิน
รับรู้ได้ว่ามันกำลังจะสื่ออะไร
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้คนนี้เป็นแฟนก็ดี
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้เธอนั้นเป็นแฟนก็ดี
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้เธอนั้นเป็นแฟนก็ดี
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้เธอนั้นเป็นแฟนก็ดี




ตอนนี้ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองแสดงสีหน้าหรือท่าทางแบบไหนออกไป รู้แค่ว่า

“น้ำ” ผมคลี่ยิ้มออกอย่างกว้าง กว้างที่สุดเท่าที่เคยยิ้มมา “เป็นแฟนกันนะ”

ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววว

“เป็นเลย เป็นเลย เป็นเลย”

เสียงเชียร์ที่ดังสนั่นจากคนทั่วทั้งร้าน ยังไม่ทำให้ใจผมสั่นได้เท่าเสียงของคนคนนี้

“จะเป็นแฟนกูได้ยัง” หึ หึ ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมพยายามที่จะพูดประโยคนี้กับมันแต่ดันล้มเหลวทุกครั้ง แล้วกลับกลายเป็นมันที่เป็นฝ่ายพูดแทน ทั้งๆที่ผมไม่เคยคาดคิดเลยว่ามันจะต้องเป็นฝ่ายขอ

ผมทำได้เพียงพยักหน้าตกลง เพราะจะให้ทำอะไรนอกเหนือจากนี้คงทำไม่ได้แล้ว แค่นี้ก็เขินจนจะระเบิดตัวทิ้งแล้ว

“ได้ไงวะไอ้แต็งค์!!”
“มานี่เลยพี่อ่ะ”

พูดจบไอ้เหน่งมันก็จัดการลากคอไอ้พี่นนท์ไปไหนก็ไม่รู้ แต่ถ้าให้เดาคงจะไปหาซัดเหล้าลงคอกันแน่นอน ส่วนผมอ่ะหรอ ตอนนี้ก็ยืนจ้องตากับไอ้คนที่มันพึ่งจะเอ่ยขอผมเป็นแฟนเมื่อซักครู่นี่แหละ จ้องกันได้ซักพักมันก็ฉุดกระชากลากผมออกมาตรงโซนเอาท์ดอร์ของร้าน โซนเอาท์ดอร์ในตอนนี้ไร้ซึ่งผู้คนเพราะทุกคนมัวแต่เข้าไปออกันอยู่ด้านหน้าเวทีตามเสียงเพลงจังหวะคึกครื้น จึงมีแค่ผมกับมันที่ยืนตากลมกันท่ามกลางแสงไฟสลัวๆจากหลอดไฟกลมๆที่ห้อยต่องแต่งอยู่ทั่วบริเวณ ทำให้บรรยากาศชวนใจเต้นแรงขึ้นมาทันที

“ยังไม่เลิกเขิน?”
“ใครเขิน” ผมที่คิดว่าตัวเองเก็บอาการเก่งมาตลอด พอเจอสายตาหวานเยิ้มในตอนนี้ของมัน ใจก็อ่อนยวบแล้วอ่อนยวบอีก
“หน้าแดง” ใช่หน้าแดง และดูเหมือนว่าจะแดงทั้งตัวแล้ว และก็อาจจะแดงมากขึ้นอีกเมื่อมันเลื่อนใบหน้าฟ้าประทานมาของมันเข้ามาใกล้ ใกล้ ใกล้มาก จนใจผมแทบหยุดเต้น
“หยุดเลยมึง” ผมเอามือดันหน้ามันให้ออกห่าง กลัวว่าถ้าใกล้กันกว่านี้ ได้หัวใจวายตายแน่ๆ
“จูบไม่ได้หรอ” ไอ้แต็งค์!! ใจคอมึงจะทำให้กูเขินไปถึงไหน แค่นี้ตัวกูก็แดงเป็นมะเขือเทศแล้ว “เป็นแฟนกันแล้วนะ” แล้วผมจะต้องทำยังไงต่อ บอกตามตรง ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เจอไอ้แต็งค์ในเวอร์ชั่นอ้อนๆแบบนี้ 

แพ้ แพ้ราบคาบ

ปล่อยให้ในใจคร่ำครวญอยู่ได้ซักพัก ไอ้แต็งค์มันก็เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆ ใกล้จนปลายจมูกของผมกับมันชนกัน หัวใจของผมในตอนนี้สั่งว่าห้ามขยับหนีมันไปไหน ไม่ใช่แค่หัวใจ แต่เป็นตัวผมเองด้วย ผมยังคงยืนอยู่นิ่งๆเพื่อรอรับสัมผัสจากมัน แต่สุดท้ายก็รอไม่ไหว ผมจึงเป็นฝ่ายเลื่อนริมฝากของตัวเองเข้าไปประกบปากมันซักพักแล้วผละออก
 
“ไปข้างในกัน หายออกมานานแล้ว เดี๋ยวเหล้าหมด”
“ไม่ได้อยากกินเหล้า”

พูดจบมันก็ดึงผมเข้าไปชิดตัวมัน จากนั้นก็ประกบปากของมันลงที่ปากของผม ดูดดึงริมฝีปากล่างด้วยความนุ่มนวลและอ่อนโยน จนผมเคลิ้มไปกับรสจูบของมัน ผมเผยอปากออกเพื่อให้มันได้สอดลิ้นเข้ามาภายในปาก ลิ้นของเราทั้งสองคนเกี่ยวตวัดผลัดกันลิ้มลองรสชาติความหวานของกันและกันอยู่นานเนิ่น ไม่อาจผละออกจากกันกันได้ จูบครั้งนี้มันไม่ได้แค่หวานอย่างเดียว แต่มันให้ความรู้สึกที่แสนจะสุข สุขล้นหัวใจ สุขจนร่างกายของผมเริ่มร้อนระอุ แขนทั้งสองข้างต้องหาที่เกาะเกี่ยวเพื่อพยุงร่างกายที่อ่อนระทวยของตัวเองไว้ ผมเลื่อนแขนทั้งสองข้างขึ้นมาคล้องคอคนตรงหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟน ทำให้ร่างกายของเราแนบชิดกันมากขึ้น มือหนาของคนเป็นแฟนก็เลือนมาโอบรัดช่วงเอวไว้ เราทั้งสองต่างมอบจูบที่แสนจะหวานฉ่ำให้กันอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดที่จะหยุดมัน ทุกอย่างมันกำลังดำเนินไปด้วยดี และดีมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้า....


“ไอ้แต็งค์!! ไอ้น้ำ!!” ไอ้เวร ผมรีบผละออกจากไอ้แต็งค์ทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกของไอ้บิว
“ไร!!” ไอ้แต็งค์มันขานรับด้วยความหงุดหงิด หน้านี่ยุ่งเชียว จนผมอดหัวเราะไม่ได้ ก็ดูมันสิทำหน้าเป็นหมาโดนขัดใจ ผมเลยต้องเลื่อนมือไปแตะแขนมันเบาๆกลัวมันจะปรี่ไปกระทืบไอ้บิวเอา
“เข้ามาข้างในกันได้แล้ว มาแดกเหล้า” ไอ้แต็งค์มันหันมามองหน้าผมแล้วส่งสายตาอ้อนวอน
“คืนนี้ไปนอนคอนโดกู” ผลั๊วะ ผมเลยฟาดไปที่แขนมันแรงๆหนึ่งที ได้คืบจะเอาศอก พอเห็นมันทำหน้ากระเง้ากระงอด ก็ต้องขำออกมา เนี่ยนะหรอ ไอ้คนที่ชอบทำหน้านิ่งๆไม่บอกบุญกับใคร ตอนนี้ทำไมมีหลายสีหน้าเหลือเกิน
“ไปข้างใน” ผมพูดไปหัวเราะไป แล้วดึงแขนคุณแฟนป้ายแดงกลับไปโซนข้างใน โดยไม่สนว่ามันทำสีหน้ายังงัย กลัวว่าถ้าสนแล้วจะต้องได้ใจอ่อนยอมไปนอนคอนโดกับมันแน่




ไม่ได้ไอ้น้ำ ถ้าไป ได้ถลำลึกกว่านี้แน่


ไม่ได้ ไม่ได้ ตอนนี้มึงยังไม่พร้อม


ต้องไปศึกษามาให้ดีก่อน
.
.


โดย อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 05-11-2021 19:18:53
 :pig4:
 o13
มาอย่างยาวเลย ขอบคุณมากค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 15
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 12-11-2021 16:27:07
Episode 15 คนเป็นแฟนกัน เค้าทำอะไรกันบ้าง


[Part Teetuch Thank]


‘เป็นแฟนกันยัง’
‘ยังพี่’
‘ลีลาว่ะ เดี๋ยวหมาก็คาบไปแดกหรอก’
‘ถ้ามีหมาตัวไหนมันกล้า ก็ลองดู’
‘ทำโหด หึหึ’
‘พี่แทน..’
‘ไม่รู้จะขอมันคบยังไงใช่มั้ย’ผมพยักหน้ารับ ‘อ่อน’
‘ก็...’
‘ให้กูช่วยมั้ย’พี่น่านแกเดินมาตบบ่าผม
‘พี่อยู่คนละทีมกับพี่นนท์หรอ’ไอ้บิวมันเสนอหน้าเสนอตัวมาถามพี่น่านแก
‘สู่รู้’แกดันหัวไอ้บิวที่บังหน้าผมอยู่ออกไปไกลๆ ‘ว่าไงมึง’
‘ช่วยมันหน่อย’พี่แทนแกพูดกับพี่น่านจบก็เดินมากอดคอผม
‘ถ้าให้กูช่วย มึงจะต้องยอมหน้าหนาหน่อยนะเว้ย’
‘ยังไงพี่’
‘จะขอน้องกูเป็นแฟนทั้งที มันต้องพิเศษและน่าจดจำเว้ย’
‘แห่ขันหมากไปขอเลยดีมั้ย’ผลั๊วะ พี่แทนแกง้างฝ่ามือแสกกระบาลไอ้บิวไปหนึ่งที
‘ให้ผมทำอะไรผมก็ยอม ขอแค่มันยอมตกลงเป็นแฟนกับผมพอ’
‘ให้มันได้อย่างนี้ดิวะ ไอ้น้องเขย’
จากนั้นพี่แทน พี่น่าน ไอ้บิว ไอ้โต้ง และก็ไอ้อาร์ตก็พากันรวมหัวคิดแผนเซอร์ไพร์สขอไอ้น้ำเป็นแฟนให้ผม ตบตีความคิดกันอยู่เป็นอาทิตย์ จนท้ายที่สุดพี่น่านแกก็เสนอว่าให้ผมร้องเพลงขอไอ้น้ำมันเป็นแฟน แกบอกว่าวิธีนี้มันโครตจะโรแมนติก และยังแสดงออกให้เห็นว่าเพื่อมันแล้ว ผมสามารถยอมทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิดจะทำเลยในชีวิตได้
พี่น่านกับพี่แทนแกเลยจัดการเป็นด่านหน้าเตี๊ยมกับวงดนตรีพร้อมกับจัดการเคลียร์พื้นที่ให้ผมเสร็จสับ ส่วนเพลงที่ใช้นั้นก็เป็นผมที่เลือกเอง ผมเลือกเพลงที่ตรงกับใจตัวเองที่สุดและสามารถสื่อสารให้มันรับรู้ได้ชัดเจนที่สุด
ผลตอบรับออกมาก็ดีที่สุดเหมือนกัน เพราะนอกจากจะทำให้ไอ้น้ำมันเขินจนตัวแดงเป็นลูกตำลึงแล้ว ยังเป็นการประกาศให้ใครหลายๆคนได้รู้ว่ามันกับผมเป็นแฟนกันอย่างสมบูรณ์ คนอื่นๆที่จ้องจะเข้าหามันจะได้ล้มเลิกความคิดซักที แต่ถ้ายัง ผมคงต้องจัดการเรียกคุยเป็นรายๆไปให้มันรู้ไปเลย ว่าคนนี้ผมทั้งรักทั้งหวงมาก หึหึ
“ยะ ยะ ตั้งแต่เค้าตกลงปลงใจให้ใช้สถานะแฟนนี่ ดูมีประกายวิ๊งวับๆรอบตัวเลยว่ะ”
“ราศรีความรักเด่นหราเต็มน่าเลย”
“แล้ววันนี้แฟนไม่มากินข้าวด้วยหรอวะ”
“มันกินกับเพื่อนมันแล้ว”
“อ๋อ...”แล้วไอ้บิวมันก็ทำตาระยิบระยับเป็นเชิงแซวผม “แล้วมึงจะย้ายไปอยู่ด้วยกันตอนไหนวะ”
พรวดดดด
น้ำที่อยู่ในปากผมก็พุ่งกระจายเต็มหน้าไอ้พวกเพื่อนเวรทันที
“เหี้ยอะไรเนี่ยไอ้แต็งค์!”
“โทษๆ”ผมพูดไปหัวเราะไป
“ว่าไงวะ ที่กูถามอ่ะ”
“กู”ผมพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายกับพวกมัน “ยังไม่ได้คุยเรื่องนั้นกับมัน”
“ช้าว่ะ”
“กูอยากค่อยๆเป็น ค่อยๆไป”
“แต่การกระทำมึงนี่ตรงข้ามกับที่พูดมากกก”
“เทียวไปเฝ้าเค้าเช้าเย็น ตามเกาะติดเป็นปิงควายขนาดนี้ สาบานว่ามึงคิดแบบที่พูดจริงๆ”
“เออ”ผมปัดมือไอ้บิวที่เกาะไหล่ผมอยู่ “กูก็อยากอยู่ใกล้ชิดมันตลอดเวลาแหละ อยากนอนหลับไปพร้อมกับมัน แล้วก็อยากตื่นมาเจอมันเป็นคนแรก อยากทำอะไรหลายๆอย่างด้วยกัน”
“เช่นเรื่องอย่างว่า...”ผลั๊วะ!! คิดออกมาได้ไอ้ห่าบิว “กูพูดผิดตรงไหนเนี่ย”ยัง มันยังไม่รู้ตัว
“สาบานว่าไม่คิด”อ่ะ ไอ้โต้งมันเอาตัวเข้ามาเสือกอีกตัว ไอ้คิดมันก็คิดแหละครับ พออยู่ใกล้มันทีไรก็อยากสัมผัส อยากกอด อยากจูบ อยากทำไปหมด แต่ก็ยังอยากให้เวลามัน ให้มันให้ด้วยความเต็มใจ
“เสือก”
“เอาน่า”ไอ้บิวมันเอื้อมมือมากอดคอผมไว้ แล้วหันมองหน้าผม “จะคิดไม่คิดก็หัดศึกษาไว้ก่อน เกิดอยู่ๆมีอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมามึงจะได้ไม่ทำให้ไอ้น้ำมันเจ็บ”ผลั๊วะ!! “ตบกูอีกแล้ว ตบจนหัวกูจะเป็นลูกวอลเล่แล้วไอ้ห่า”
ก็ตบมันไปงั้นแหละครับ ในหัวก็คิดตามที่มันพูดทุกอย่าง จริงของมัน ผมต้องหัดศึกษาไว้บ้าง เพราะมั่นใจเลยว่าครั้งแรกไอ้น้ำมันต้องเจ็บมากแน่ๆเพราะเคยไปแอบเสิร์ชกูเกิ้ลมาบ้างแล้วนิดหน่อย


วันนี้ไอ้น้ำมันเลิกเรียนช้ากว่าผม ผมเลยต้องมานั่งหน้าละห้อยรอมันอยู่ใต้ตึกคณะคนเดียว เพราะพวกเพื่อนตัวเวรมันรีบดิ่งตีนกลับกันก่อน ที่รีบๆเนี่ยไม่ได้กลับไปพักผ่อนกันหรอกครับ มันรีบกลับไปก๊งเหล้ากัน เป็นแบบนี้ทุกวัน ส่วนตัวผมไม่ค่อยจะได้ไปกับพวกมันหรอกนอกจากจะมีไอ้น้ำไปด้วยถึงจะเสนอหน้าไป แล้วไม่ต้องถามนะครับว่าทำไมเพราะคำตอบก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ว่าติดเมียมาก ติดตั้งแต่ยังไม่ทันบอกชอบเค้าเลยด้วยซ้ำ เป็นไงล่ะคลั่งรักเค้าสุดๆไปเลย รออยู่ได้ซักพักฝนก็เริ่มเทลงมาเบาๆ เบาๆ จนเริ่มหนักขึ้น แล้วก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหยุดเลย สงสัยผมกับไอ้น้ำต้องได้วิ่งตากฝนกันไปโรงจอดรถแน่นอน พูดถึง ก็เดินแผ่ออร่ามาแต่ไกลเลย ให้ตายเถอะ แฟนใครเนี่ยทำไมมันถึงน่ารักน่ากอดน่าหอมแบบนี้
“รอนานมั้ย”นาน นานมาก นานจนตะคริวแดกตีนไปสิบรอบแล้วครับ แต่ก็ต้องบอกว่า..
“ไม่นาน”
“ต่อให้นานก็ต้องบอกว่าไม่นานป่าววะ”ไอ้แคมป์โผล่หัวมากอดคอผมหลังจากที่มันวิ่งมาจากซอกมุมไหนของโลกไม่รู้
“เทียวรับเทียวส่ง เสมอต้นเสมอปลายแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว”
“อิจฉาจรุมมม”
“เหม็นๆความรัก”แล้วไอ้พวกเพื่อนรักของไอ้น้ำมันก็พากันแซว พากันกระแนะกระแหนผมกับมันอยู่ซักพักใหญ่ๆ
“ไปเหอะ หิวข้าวแล้ว”ไอ้น้ำมันหันมาทำมุ้ยใส่ผม มุ้ยแค่ไหนก็น่ารักกก
“ฝนตก”ผมเลยชี้ไปที่สายฝนกำลังกระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน
“ฝ่าไปแปบเดียว”
“แน่ใจ?”มันพยักหน้างึกๆตอบผม
ผมเลยต้องพามันวิ่งฝ่าฝนที่กระหน่ำลงมาไปยังที่รถ กว่าจะมาถึง เปียกโชกไปยันกางเกงใน ส่วนมันก็นั่งสั่นงักๆอยู่บนรถ ผมเลยต้องปิดแอร์รถแล้วเอี้ยวตัวไปเบาะหลังเพื่อหยิบเสื้อคลุมแขนยาวที่ชอบพกติดรถไว้ มาให้มันห่มคลายหนาว

พอมาถึงคอนโดมัน มันก็ไล่ให้ผมไปอาบน้ำทันที บอกว่าเดี๋ยวจะไม่สบาย ส่วนตัวมันแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็มานอนแผ่หราอยู่บนโซฟา
“รีบไปอาบ หิวแล้ว”มันพูดจบ ผมก็เดินเข้าไปหามันที่โซฟาแล้วคร่อมตัวมันไว้ จากนั้นก็ประกบปากจูบมันไปโดยไม่ได้รุกล้ำเข้าไปด้านใน ซักพักก็ผละออกแล้วมองมันด้วยสายตาหวานเยิ้ม จนหน้ามันขึ้นสีแดงระเรื่อ
“หิวเหมือนกัน”
“หิวข้าว”มันก็เอามือเรียวของมันดันตัวผมออกด้วยความเขิน ดูก็รู้ว่าเขินมาก
“หิวอย่างอื่น”
“ไอ้แต็ง!!”พอได้ยินแบบนั้นไอ้น้ำมันก็กระเด้งตัวลุกขึ้นทันที เตรียมจะฟาดผม ผมเลยต้องยื่นจมูกไปสูดดมที่แก้มขาวๆของมันที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงแล้ว หนึ่งฟอดดด แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนมันเพื่อใช้ห้องน้ำที่อยู่ด้านใน

อาบน้ำเสร็จผมก็พันผ้าเช็ดตัวคาดเอวไว้ลวกๆ เอาไว้อ่อยไอ้น้ำมัน เดินโฉบออกมาจากห้องนอนมาดูลาดลาวว่าไอ้คนที่นอนแผ่หราตรงโซฟาเมื่อก่อนหน้านี้มันยังอยู่ที่เดิมรึป่าว
มันยังคงนอนแผ่หราอยู่ที่เดิม นอนหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ ผมเลยก้าวเท้าฉับๆเตรียมจู่โจมเป้าหมายในทันที

ฟุบ!!

“หนัก...”

ผมที่ในตอนนี้ล้มตัวลงทบตัวมันไว้อยู่ ก็ผงกหัวขึ้นมาแล้วจู่โจมที่แก้มซ้าย แก้มขวา หน้าผาก จมูก และปากของมัน อย่างหมั่นเขี้ยว ทั้งรักทั้งหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว

“หอม”
“ยังไม่ได้อาบน้ำ มันจะหอมตรงไหน”

ไอ้น้ำมันพูดด้วยเสียงงัวเงีย ก่อนจะดันตัวผมให้ออกห่าง ทำท่าทำทางโงนเงน ลุกออกจากโซฟาไป พอเห็นอย่างนั้นผมก็ลุกเดินตามประกบเดินคลอเคลียมันไปด้วย จนมันหันหน้ากลับมาสบตากับผม และยกมือทั้งสองข้างยื่นมาจับหน้าผมเข้าไปใกล้ จนริมฝีปากของเราแนบชิดกัน แล้ว...

จุ๊บ

“ขออาบน้ำก่อน .....แล้วจะทำอะไรต่อค่อยว่ากันอีกที”

ได้ยินแบบนั้นหัวใจของผมมันก็เต้นลิงโลดทันที ช่วงเวลาแห่งความหวาบหวามกำลังเดินทางเข้ามาหามึงแล้วไอ้แต็งค์ ผมรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนแล้วฉีดน้ำยาปรับอากาศทั่วทั้งห้อง แล้วปรับอุณหภูมิแอร์ให้เย็นฉ่ำกว่าปกติ หยิบจับทุกอย่างเปรียบเสมือนเป็นห้องตัวเอง จัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมก็ย่างสามขุมไปยังกระเป๋าเป้ของตัวเอง และหยิบหัวใจสำคัญของช่วงเวลาอันแสนพิเศษออกมา

แทแด๊นนนนนน

ถุงยางอนามัย และเจลหล่อลื่นสูดพิเศษ ที่ลื่นปื๊ด ลื่นปี๊ด อย่างกับน้ำมันหล่อลื่น

หึ หึ หึ แต็งค์น้อยหนูพร้อมรึยังลูก ส่วนพ่อพร้อมแล้วน๊า
 
พูดจบก็ยิ้มแบบเสี้ยวพระจันทร์แล้วเหลือกตามองบน มีความสุขจริงๆ โว้ยยยย

แกร็กกกกกกก

เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกช้าๆ ผมเลยรีบกระเด้งขึ้นเตียงตัวแล้วนอนตะแครงข้างหันเพื่อมองคุณแฟนที่สุดแสนจะรักสุดแสนจะหวงย่างกายออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมอาบน้ำที่ผูกเชือกไว้หลวมๆจนเผยให้เห็นอกขาวนวลเนียนและลอนกล้ามหน้าท้องนิดๆ ฮึ่ยยยย นี่มันจงใจยั่วกันชัดๆ

ฟุบบบบ

ผมดึงคนที่เอาแต่ยืนเช็ดผมอยู่ปลายเตียงลงมานอนกกกอดและจัดการฟัดที่แก้มทั้งสองข้างของมันรัวๆจนมันหัวเราะร่า

“จงใจยั่วหรอ หึมม”

ฟอดดดด

“แล้วยั่วขึ้นป้ะ?”
“ขึ้นแล้ว... จะดูไหม”

ไอ้คนปกติมักจะเขินหน้าแดงหูแดงทุกครั้งเวลาเจอหยอด ตอนนี้ก็ยังคงเขินเหมือนเดิม แต่ก็ยังทำใจกล้ายั่วกันต่อ หึมมมมมม
ไอ้ตัวดีเคลื่อนใบหน้าของมันเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ แล้วเอ่ย

“ให้ดูอย่างเดียวเองหรอ?”

ยั่วกันเข้าไป ให้มันตายกันไปข้าง

และแล้วก็เป็นผมเองที่ทนความยั่วของคนตรงหน้าไม่ไหวเลยจัดการพลิกตัวเองขึ้นไปคร่อมทับร่างของคนขี้ยั่วเอาไว้

“เตรียมตัวสลบคาเตียงได้เลย”

พูดจบผมก็เคลื่อนริมฝีปากลงไปบดเบียดริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยน ค่อยๆดูดดึงริมฝีปากล่างเบาๆและขบกัดเล็กน้อย ใช้เวลานัวเนียอยู่ที่ริมฝีปากได้ไม่นานคนขี้ยั่วของผมก็ยอมเปิดริมฝีปากให้เข้าไปฉกชิมความหวานในโพรงปาก ลิ้นของเราสองคนหยอกล้อกันอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน มือของผมข้างหนึ่งยกขึ้นมาประคองใบหน้าของคนใต้ร่างเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็ลูบไล้ไปตามผิวกายที่ขาวซีดและนุ่มนิ่มน่าสัมผัสไปหมด ผมผละริมฝีปากออก แล้วสบเข้าไปในดวงตาของคนใต้ร่าง

“น้ำ... แต็งค์รักน้ำนะ ที่บอกไม่ใช่เพราะออดอ้อนในเรื่องที่จะทำ”

ผมจับมือมันมาสัมผัสที่หน้าออกข้างซ้ายของผมที่มีจังหวะการเต้นของหัวใจที่มั่นคงและสม่ำเสมอ

“สัมผัสที่หัวใจแล้วลองจ้องเข้ามาในตาของแต็งค์ น้ำจะได้เห็นว่าแต็งค์รักน้ำมากแค่ไหน”
“รู้แล้วว่ารักมาก... น้ำก็รักแต็งค์เหมือนกัน”

จุ๊บ

ผมผละตัวออก และจัดการปลดผ้าคลุมอาบน้ำของคนตรงหน้าออกอย่างเชื่องช้า สายตาก็สบกับดวงตาคู่แวววาวของคนรักตลอดทุกๆการกระทำ พอคนตรงหน้าเปลือยเปล่าไร้สิ่งบดบังสายตาแล้ว ใจผมก็เต้นระรัวเป็นกลองเพล ไม่ว่าจะจ้องมองไปตรงส่วนไหนของร่างกายคนตรงหน้า มันชั่งดูสวยงามไปหมด ผิวที่ขาวซีดนวลเนียนตัดกับสีของผ้าคลุมเตียงสีเทาได้อย่างชัดเจน  มันชั่งเพิ่มเสน่ห์ให้คนใต้ร่างของผมเหลือเกิน อดทนชื่นชมร่างกายของคนรักได้ไม่นาน ก็ต้องโน้มตัวลงไปพรมจูบ ทั่วใบหน้า ลำคอ ไล่ลงมาที่เนินออก และตุ่มไตสีชม และลงมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้องที่มีลอนกล้ามเล็กน้อย ลงมาเรื่อย เรื่อย เรื่อย จนถึงแกนกลางกายสีชมพูอ่อนของคนขาวจัด
 
ผมใช้ลิ้นเลียตวัดปัดป่ายลงบนหัวหยักของแกนกลางกายอย่างช้าๆ ไล่เลียขึ้นตามแนวเส้นเลือดที่กำลังปูดนูนจากการขยายใหญ่ของแกนกลางกาย ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่หลับตาพริ้มด้วยความเสียวซ่าน แล้วกลับมาสนใจเจ้าแท่งสีชมพูที่อยู่ตรงหน้าต่อ ใช้ลิ้นเลาะเล็มได้ซักพัก ผมก็ใช้ปากครอบเจ้าแท่งสีชมพูนี้ไปจนสุดแท่งแล้วรูดเข้าออกช้าๆ ทำตามในคลิปที่แอบไปศึกษามา ฮี่ๆๆ

“อ๊ะ...”

คนใต้ร่างที่ตอนนี้เริ่มเปล่งเสียง พร้อมกับสวนสะโพกเข้ามาในโพรงปากของผมอย่างอดไม่ได้

“แต็งค์...”
“หืมมม”
“จะแตกแล้ว...”
“อึ่มมม ...ปล่อยมาเลย”

ทันทีที่สิ้นเสียงตอบรับของผม เจ้าตัวก็ปลดปล่อยน้ำหวานกลิ่นหอมเข้ามาเต็มโพรงปากของผมจนไหลเยิ้มออกมาจากริมฝีปาก ด้วยความเสียดายผมเลยใช้ลิ้นเลียตวัดเก็บเกี่ยวทุกหยาดหยดเข้าไปในปากแล้วกลืนลงคอ ผมผละออกจากเจ้าแท่งสีชมพูตรงหน้าเพื่อขึ้นมาสบตากับคนรัก คนใต้ร่างที่นอนมองตาผมหวานเยิ้ม วาดแขนทั้งสองข้างโอบรอบคอผมไว้ แล้วดึงให้ลงมาประกบฝีปาก แล้วเล่นสงครามลิ้นกันอีกรอบ

ระหว่างที่เรามอบจูบดูดวิญญาณให้กันอยู่ มือของผมทั้งสองข้างก็ลูบไล้และบีบเค้นไปทั่วเรือนร่างของคนใต้ร่าง จนไปถึงสะโพก สาละวนอยู่แถวนั้นเป็นพักใหญ่ ก็ผละจูบออกมาสบตากัน
“น้ำ...”
“...พร้อมแล้ว”

จุ้บ

พอได้รับคำตอบหัวใจของผมก็พองโตแทบระเบิด ทั้งน้ำเสียง ทั้งสายตา ยั่วอารมณ์ไอ้แต็งค์สุดๆ เมื่อเค้าเปิดทางให้แล้ว เราก็เตรียมเบิกได้เลย ผมเอื้อมไปหยิบขวดเจลหล่อลื่นที่วางอยู่บนหัวเตียงมาใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้ ผมเทเจลหล่อลื่นใส่มือแล้วป้ายลงไปที่ช่องทางสีแดงสดด้านหลังของคนข้างใต้ ใช้นิ้วหัวแม่มือกดคลึงแล้วลูบไล้ช่องทางเบาๆเรื่อยๆช้าๆ แล้วก็เงยหน้ามองคนรักเพื่อสังเกตการณ์ด้วย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเราทั้งคู่ ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องเจ็บมากแบบไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ผมตั้งใจว่าหากน้ำมันบอกว่าไม่ไหวผมก็พร้อมจะหยุดทันที ต่อให้อารมณ์ในตอนนี้จะหยุดไม่อยู่แล้ว แต่ถ้าหากมันทำให้คนที่รักเจ็บผมคงจะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต ระหว่างที่คิดอยู่ คนใต้ร่างก็เอื้อมมือมาจับมือผมไว้แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว

“แต็งค์ ...ไม่เป็นไร มันจะไม่เป็นไรแค่แต็งค์กอดน้ำไว้”

สิ้นเสียงพูดของคนตรงหน้าผมก็เผยรอยยิ้มน้อยๆออกมา คนที่รู้ตัวว่าตัวเองจะเจ็บแต่กลับไม่มีความกลัวอยู่เลย เพราะน้ำมันเชื่อใจ เชื่อว่าผมจะทำทุกอย่างด้วยความรัก ซึ่งผมก็ทำแบบนั้นจริงๆ ผมก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบาแล้วบดเบียดริมฝีปากกันอีกครั้ง

นิ้วที่ลูบคลึงอยู่ช่องทางด้านหลังก็เปลี่ยนเป็นสอดใส่เข้าไป ผมหมุนควงนิ้วอยู่ในช่องทางด้านหลังของคนรักอย่างนุ่มนวล ค่อยๆชักเข้าออกด้วยจังหวะเนิบนาบ พอเราสาละวนกันอยู่กับรสจูบผมก็ใช้จังหวะนี้เพิ่มนิ้วเข้าไปอีกหนึ่งนิ้ว แต่เหมือนคนใต้ร่างจะชะงักด้วยความจุก แต่สักพักก็กลับมาจูบกันอย่างดูดดื่มต่อ ยิ่งผมเพิ่มจังหวะการชักเข้าออกของนิ้วมากเท่าไร รสจูบของคนใต้ร่างผมก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนผมเพิ่มนิ้วที่สาม มันให้ความรู้สึกอึดอัดไปหมด เพราะแกนกลางกายของผมที่มันขยายตัวมานานเนิ่นตั้งแต่ตอนที่น้ำมันออกมาจากห้องน้ำแล้ว ในตอนนี้ผมเริ่มปวดหนึบที่กลางกายจนทนแทบไม่ไหว และเหมือนคนใต้ร่างจะสัมผัสได้ถึงได้เอ่ยออกมา

“แต็งค์ ...ไม่ต้องอดทนแล้ว”

จุ้บ

“ขอบคุณครับ..”
หลังจากตอบรับแล้วผมก็สะบัดผ้าเช็ดตัวที่ผูกเอวไว้อยู่ออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นแกนกลางกายอันใหญ่โตมโหฬารที่กำลังผงาดหัวชูชันชี้หน้าคนรักอยู่ คนใต้ร่างผมใต้แต่กลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่
 
หึ หึ หึ

เป็นไงเจอแต็งค์น้อยที่ไม่น้อยเข้าไปถึงกับเครื่องค้างเลย

รอช้าไม่ได้แล้ว ผมรีบโถมตัวเองเข้าใส่คนใต้ร่างแล้วจัดการคลุกวงในนัวเนียกันอีกรอบจนคนใต้ร่างเริ่มเคลิบเคลิ้ม ผมนำเอาเจ้าแต็งค์น้อยที่ไม่น้อยของผมค่อยๆสอดใส่เข้าไปในช่องทางด้านหลังของคนรักอย่างนุ่มนวลที่สุด ผมค่อยๆขยับขเยื่อนดันหัวเข้าไป แต่ภายในของน้ำมันทั้งตอด ทั้งบีบ และรัดแน่นเกินไป ทำให้ผมเคลื่อนเจ้าแต็งค์น้อยเข้าไปได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น คนใต้ร่างผมก็เริ่มหน้าถอดสีจนผมต้องผละออกมาพรมจูบไปทั่วใบหน้า และลำคอ แล้วก็กลับไปประจบริมฝีปากเพื่อมอบจูบดึงความสนใจออกจากช่องทางด้านหลัง จากนั้นผมก็ค่อยๆดันแกนกลางกายเข้าไปจนสุด แช่ไว้ซักพักแล้วเริ่มขยับด้วยจังหวะเนิบนาบ
คนใต้ร่างที่ถูกความเจ็บปวดเล่นงานก็จิกเล็บมือลงที่หลังผมจนเลือดซิบ ผมค่อยๆขยับเข้าออกช้าๆและออกมาจูบซอกไซร้ที่ลำคอเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และเหมือนจะได้ผล ความเจ็บปวดในคราแรกคงเปลี่ยนเป็นเสียวซ่าน คนใต้ร่างของผมถึงได้หลับตาพริ้มและเริ่มส่งเสียงครางแผ่วเบา เป็นเสียงที่ออกมาจากความสุข

“อ๊ะ......”
“อึ่มมม”

ผับ ผับ ผับ

“อื้ออออออ”
“อึ่มมมม”
“ซีดดดดด”

จุ้บ

จังหวะรักของเราทั้งสองดำเนินไปเรื่อยๆ จากนุ่มนวล เริ่มเพิ่มระดับขึ้น

ผับ ผับ ผับ

เพิ่มขึ้นจนถึงระดับรุนแรง

ผับ ผับ ผับ ผับ ผับ

เมื่อผมรู้สึกว่าเองเริ่มถึงปลายทาง คนใต้ร่างผมก็ปลดปล่อยออกมาเป็นรอบที่สอง จนทำให้ด้านในของน้ำมันบีบรัดแต็งค์น้อยของผมแน่นจนผมสั่นสะท้านไปทั้งตัว ท้ายที่สุดผมก็ปลดปล่อยออกมาจนเต็มช่องทางด้านหลังของคนรัก ไหลเยิ้ม หยดลงบนเตียงเป็นดวงๆ เสียงหอบหายใจของเราทั้งสองดังคลอเคล้ากันไปทั่วห้อง

จุ้บ

ผมจูบลงที่ริมฝีปากบางแล้วผละออกมาสบตากับคนรัก มองดวงตาคูหวานชื่นที่มักจะทำให้ผมตกหลุมรักทุกครั้งที่ได้สบดวงตาคู่นั้น

“ลืมใส่ถุงยาง”

“…”

“งั้น.. ขอแก้ตัวอีกรอบ..”

“ไอ้คนหื่น”

จุ้บ

จุ้บ

จุ้บ

จุ้บๆๆๆๆ


“คืนนี้อย่าหวังว่าจะได้นอน”
“แต็งค์!!!”


สิ้นเสียงร้องด้วยความตกใจ ผมก็โถมตัวเข้าใส่เพื่อเริ่มบทรักบทต่อไป

“แต็งค์ อ๊ะ..”
“อึ้มม”

ผับ ผับ ผับ

“ฮ๊า...”
“ซีดดด”

ผับ ผับ ผับ ผับ


หึ หึ หึ คืนนี้ยังอีกยาวไกล

โดย อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-11-2021 16:12:38
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 16
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 08-07-2022 14:24:13
Episode 16 อาจจะขี้หึงจนเกินไป

[Part Teetuch Thank]


แสงดวงอาทิตย์ยามเที่ยงที่สาดส่องเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ตกกระทบลงกับผิวหน้าของร่างขาวซีดผิวนุ่มนิ่มที่ผมตะกองกอดทั้งคืน ทำให้คนในอ้อมกอดยิ่งมากไปด้วยเสน่ห์เข้าไปใหญ่ ยิ่งมองก็ยิ่งหลง
“อื้อออ”
จุ้บ...
คนในอ้อมกอดผมที่เหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วก็ขยับยุกยิกไปมาหลบหนีการก่อกวนจากผม หืม...มันน่าจับฟัดอีกรอบ แต่ก็ทำไมไม่ได้เพราะสงสารไอ้ตัวดีมัน กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า ไม่รู้ว่าจะป่วยรึป่าว ผมลองเอามือแตะๆที่หน้าผาก อุณหภูมิร่างกายทุกอย่างดูเหมือนจะปกติดี แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เลยว่าจะปลุกให้ลุกมากินข้าวแล้วกินยาดักไว้น่าจะดี
จุ้บ...
“ตื่นได้รึยัง...” จุ้บ...
“เมื่อยอ่ะ... ปวดไปทั้งตัวเลย”
“น่าสงสารจัง หึหึ”
“เพราะใครล่ะ ไม่ต้องมาขำเลย”
“ขอโทษครับ เดี๋ยวนวดให้” ผมเอื้อมมือไปบีบนวดช่วงต้นขาและสะโพกให้แฟนสุดที่รักของตัวเองเบาๆวนซ้ำไปมาหวังช่วยคลายเมื่อยได้
จุ้บ...
“ให้รางวัล”ไอ้ตัวดีเอี้ยวตัวขึ้นมาจุ้บที่ริมฝีปากของผมเบาๆแล้วส่งยิ้มบางๆให้ เพื่อเป็นรางวัล ซึ่งก็เป็นรางวัลที่ผมชื่นชอบมากเลยทีเดียว จากที่หลงอยู่แล้วก็หลงหนักเข้าไปอีก
จุ้บ...
จุ้บ...
จุ้บๆๆๆๆๆ
แล้วผมการกระทำการฟัดคนในอ้อมกอดไปอีกหลายๆที จากนั้นก็เอื้อมมือไปแตะเบาๆที่หน้าผากของแฟนสุดที่รักอีกครั้ง
“รู้สึกไม่สบายตัวรึป่าว จะป่วยไหม มีอาการที่เหมือนจะเป็นไข้รึป่าว แล้วมี-”
“แต็งค์”ผมพูดยังไม่ทันจบประโยคดีน้ำมันก็ยื่นมือมาปิดปากผม
“...”
“ปกติดี เกือบจะสบายมากเลย ถ้าไม่ติดว่ารู้สึกเมื่อยๆขัดๆช่วงล่าง” พูดจบมันก็ส่งยิ้มบางๆเป็นเชิงบอกว่าสบายใจได้มาให้พร้อมกับมือทั้งสองข้างที่บีบแก้มผมเล่นไปด้วย
“งั้นไปอาบน้ำกัน จะได้กินข้าวกินยา” ผมผละกอดออกแล้วลุกขึ้นนั่งเตรียมจะดึงอีกคนให้ลุกตาม
“อะไร”
“ไปอาบน้ำไง”
“ก็ไปสิ”
“ไปอาบด้วยกัน”
“ไม่” ไอ้น้ำที่ที่ตั้งท่ากำลังจะลุกหนีผมเต็มที่ แต่ไม่ทันผมที่คว้าตัวเอาไว้ก่อน แล้วจัดการอุ้มไอ้ตัวดีไปทางห้องน้ำทันที
“หึหึ”
“แต็งค์...”
“...”
“ทำไมไม่อาบคนเดียวเล่า”
“เขินรึไง”
“ไอ้แต็งค์!!!”
ปึก!!
“โอ้ย! น้ำ... เจ็บ... โอ้ยย”
“ฮ่าๆๆ”
แล้วก็เกิดสงครามขนาดย่อมระหว่างที่เรากำลังอาบน้ำกัน


วิดวิ้ววววววววว
ฮิ้ววววววววววว
หูววววววววววว

เสียงไอ้พวกเพื่อนเวรที่พากันร้องโห่แซวลั่นโรงอาหารคณะทันทีผมกับน้ำพากันมานั่งโต๊ะพวกมันที่กินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่วายยังพากันส่งสายตากรุ่มกริ่มแซวน้ำมันอีก
“พวกเวร” อ่ะ แล้วพวกมันก็โดนน้ำมันกันไปอีกหนึ่งกรุบ แล้วถามว่าพวกมันสะทกสะท้านอะไรไหม ก็ไม่
“แซวนิดแซวหน่อยเองเพื่อนน้ำ” ไม่ว่าป่าว ไอ้โต้งมันก็เอาแขนทื่อๆกับมืออันหยาบกร้านของมันขึ้นมาคล้องคอน้ำไว้ จนผมต้องหันไปมองมันด้วยสายตาดุๆ พร้อมจะจับมันหักคอจิ้มน้ำจิ้มทันที
พลั๊วะ!!
“เชี้ยโต้ง..” แล้วก็ฝ่ามืออรหันต์ของไอ้บิวเป็นการตักเตือนไป “มึงเห็นตาไอ้แต็งค์มันไหม มันพร้อมจะแดกหัวมึงแล้วน่ะ”
“ใจเย็นเพื่อนแต็งค์ นี่เพื่อนๆมึงนะเว้ย ฮ่าๆ” ไอ้อาร์ตที่นั่งเหงือกอยู่นานก็มีบทบาทกับเค้าขึ้นมา
“ขอโทษคราบบบบ เพื่อนแต็งค์”
“เออ”
“โหดซะด้วย”
“พวกมึงรู้ว่ามันหวง ก็ยังหาเรื่องเสี่ยงตายกัน”
“หยอกๆนะ”
“อิอิ”
“...” ผมได้แต่กลอกตาไปมากับความกวนส้นตีนของพวกมันก่อนที่เสียงๆหนึ่งจะเรียกความสนใจของผมไปทั้งหมด
“น้ำ กินข้าวยังวะ”
“ทำไมมาสายจังวะ”
“หน้าตาสดใสจังว๊า”
เสียงจากกลุ่มฝูงเพื่อนของน้ำที่พากันหลั่งไหลเข้ามาทักทายพร้อมทั้งหาที่แทรกนั่งเบียดเสียดภายในโต๊ะๆเดียวกันอีก แต่ก็ไม่ทำให้ผมละความสนใจเท่าไอ้แคมป์ที่มันกำลังจะ...
“อะไรติดผมอยู่วะน่ะ” ว่าจบมันเอื้อมมือมันจะไปจับบางสิ่งบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรออกจากหัวของแฟนผม แต่เหมือนไอ้แคมป์มันจะรับรู้ได้ว่าผมกำลังแผ่รังสีความหงุดหงิด งุ่นง่าน ความโมโห ความหวง ความหึง ใช่ผมกำลังหึงน้ำ กับไอ้แคมป์ และหึงมากเพราะไม่อยากให้มาถูกเนื้อตัวของไอ้ตัวดีที่นั่งข้างๆกันแต่กลับไม่รู้อะไรกับเขาเลย
“...”
“แหะๆ ใจเย็นไอ้แต็งค์ นี่กูเพื่อนแฟนมึงนะ”
“...”
“ไม่ต้องทำหน้าเหมือนพร้อมเอามีดมากระซวกไส้ได้ไหม”
“เป็นอะระ?” น้ำที่มือข้างนึงรับแก้วน้ำหวานแก้วใหญ่จากไอ้เหน่งเพื่อนรักของมันมาดูด มืออีกข้างก็ลูบหลังมือผมเป็นการอ้อนกัน จนอดไม่ได้ที่ผมที่ยกมือบีบปากมันขณะดูดน้ำอย่างหยอกล้อ
“หึหึ”
“ไอ้แอ้ง อาแอ้งอันอำไอ”
“น่ารัก”
“อื้อออ”
หิ้วววววววววววว
“หวานกันไม่เกรงใจน้ำหวานในแก้วเลยนะมึง” ไอ้เหน่งที่มันทำหน้าเหนื่อยก็บ่นอย่างเหนื่อยของมันไปทั่ว “เอาซะกูขมขื่นเลย”
“บราโวว” แปะๆๆ ไอ้อาร์ตอยู่ๆมันก็ลุกขึ้นยืนปรบมืออย่างไม่อายสายตาที่ต่างพากันมองมาที่โต๊ะพวกเรา
“ไอ้แต็งค์ในโหมดคลั่งรักว่ะ”
“โหมดขี้หวงด้วยว่ะ”
“อะฮิๆ”



“ว่าไงน้องรัก ช่วงนี้ติดแฟนไม่ยอมเจอพี่เจอน้องเลยหรอวะ” พี่นนท์ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนวิ่งชาร์จเข้าคล้องคอน้ำมันระหว่างที่เรากำลังจะแยกย้ายกันไปเรียน
“ได้ข่าวว่าเราพึ่งเจอกันล่าสุดเมื่อเช้าก่อนออกจากคอนโดนะไอ้พี่นนท์” และมันก็ถลึงตาใส่พี่ชายมันไปหนึ่งที
“อ้าวเรอะ แหะๆ”
“...”
“อ่ะ ไอ้แต็งค์คนที่ใช้สายตาแบบนั้นควรเป็นกูนะ กูนี่พี่แฟนมึงนะ” ไม่ว่าป่าวแกก็กระชับแขนที่กอดคอน้ำมันไว้แน่นกว่าเดิม จนมันแทบหายใจไม่ออก
“โอ้ย ไอ้พี่นนท์ หายใจไม่ออก แค่กๆ”
“มึงดูตาแฟนมึงดิ”
“...”
“ถ้ามันมันมีมีดมันแทงกูแล้ว”
“ไร้สาระจริงพี่มึง” แล้วสองพี่น้องที่รักกันปานจะกลืนกินก็ตีกันอีกระรอกใหญ่
“สายตากูแสดงออกแบบนั้นหรอวะ”
“เออ/เออ/เออ!!” ทั้งไอ้บิว ไอ้โต้ง ไอ้อาร์ต มันพากันเปล่งเสียงประสานขึ้นมา
“เออให้มันเบาๆหน่อยมึง”
“จริง!! ทั้งเพื่อนมึง เพื่อนเค้า พี่เค้า มันคือข้อยกเว้นป้ะวะ”
“พวกมึงต้องมาเป็นกู...”
“...”
“ต่อให้เป็นแค่แมลงกูแม่งยังหวงเค้าเลย”
หิ้ววววววววววววววว
“คลั่งรักจัด”
“เพื่อนเรานี่มันพ่อหนุ่มนักรัก”


“น้ำ...”
“ครับ”
“ที่พี่ขอแรงไว้ พรุ่งนี้โอเคนะ”
แล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วกับไอ้รุ่นพี่ที่มันเดินแหวกอากาศมาจากตรงไหนของโลกใบนี้ก็ไม่รู้ นี่คงจะอยากมาคอนเฟิร์มเรื่องที่ไอ้น้ำจะขึ้นไปร้องเพลงเปิดงานคณะพี่มันให้ ส่วนแฟนผมมันก็แสนดีไปตกลงรับปากเค้าเฉย ทั้งๆที่บอกไม่ชอบคนเยอะ ไม่ชอบคนมารุมมอง อืม ผมได้แต่ทดไว้ในใจ ทดไอ้รุ่นพี่นะ เพราะกับแฟนที่ทั้งรักทั้งหลงไม่กล้าหรอก
“ครับพี่ เจอกันพรุ่งนี้” แล้วไอ้รุ่นพี่มันส่งยิ้มหวานเชื่อมกันจะโบกมือหยอยๆลาออกไปดดยไม่สนสายตาหงุดหงิดของผม
“...”
“ทำหน้าอะไรแบบนั้น”
“หึง”
“ฮ่าๆ” แล้วน้ำมันก็เอามือทั้งสองข้างของมันขึ้นมาบีบแก้มผมแล้วยืดออกเล่นอยู่แบบนั้น
“...”
“ก็เคยบอกแล้วไงว่าที่ยอมตกลงไปร้องเพลงให้พี่เค้าอ่ะ เพราะว่าเฟิร์นน่ะชอบคนในคณะนั้น เลยใช้วิธีนี้ติดสินบน” ใช่ เคยบอกแล้วรอบนี้เป็นรอบที่สิบแล้ว ถามว่าเข้าใจไหม ก็อยากจะไม่ แต่ก็ต้องเข้าใจ
“อือ... ทำไมต้อ-”
“ก็เฟิร์นคือเพื่อน แล้วยังเป็นคนที่ช่วยให้กูได้รู้ใจตัวเองอีก” พูดพร้อมยิ้มบางๆมาให้ ผมก็ต้องใจอ่อนยอมพยักหน้ารับอย่างหมาเชื่องๆ
“...”
“แล้วไม่ใช่แค่เฟิร์นนะ แต่เป็นทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเราสองคนอ่ะ กูก็พร้อมจะช่วยอยู่แล้ว ถ้าไม่มีคนพวกนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราสองคนจะใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าจะยอมง้างปากพูดความในใจกัน”
“...”
“แค่ไปร้องเพลงแค่นี้มันก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรอยู่แล้ว”
“...”
“ต่อให้มีคนมากมายหลากหลายสายตาคอยจับจ้อง.. กูก็ไม่ได้สนใจสายตาใคร”
“...”
“เพราะสายตาของกูมันเลือกที่จะโฟกัสอยู่ที่คนคนเดียว”
“...”
“คนที่ชื่อแต็งค์ แฟนกูไง”
“หึหึ”
พอได้ยินน้ำมันพูดแบบนี้ ทำสายตาแบบนี้ ไอ้ผมมันก็ใจฟูเป็นก้อนเมฆทันที เห้อออ ไอ้แต็งค์ในโหมดคลั่งรักนี่มันยอมเค้าไปหมดยอมเค้าแบบง่ายๆได้เลยว่ะ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ขอบคุณสำหรับเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือครับ”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“...”
“แล้วขอบคุณ น้องน้ำ วิศวะ ไฟฟ้า ปีหนึ่งด้วยครับ”
หิ้ววววววววววววววววววววววววววว
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ครับ” ตอบรับเสร็จ ก็ส่งรอยยิ้มบางๆลงมาด้านล่างเวที แต่เหมือนว่ารอยยิ้มที่ถูกส่งมานั้นจะส่งมาถึงแค่เพียงคนๆเดียว คนที่ชื่อ แต็งค์ ธีทัช คนนี้คนเดียว
“เอ้า ไอ้แต็งค์มันไปไหนวะ”
“นู้น ไปรับแฟนมันกลับบ้านแล้ว”
“หวงจริง หวงจัด”
“เออแม่ง ร้องเสร็จพากลับบ้านแม่งเลย”
“รูปเริบนี่ไม่ต้องถ่าย”
“เคยหวงยังไงแม่งก็ยังหวงอย่างงั้น”
“กูว่ามากว่าเมื่อก่อนอีก”
“เออว่ะ ฮ่าๆ”

“แต็งค์... จะรีบไปไหน”
“หวง”
“...”
“ไม่อยากให้ใครมองนาน”
“ขนาดนั้นเลย”
จุ้บ...
“ขนาดนั้น”
“ฉวยโอกาส” ว่าจบก็หย่นจมูกใส่อย่างหน้ารัก จนผมอดไม่ได้ที่จะ
จุ้บ...
จุ้บๆๆๆ
“พอแล้ว ขับรถ!” พูดไปแก้มก็แดงไป น่ามันเขี้ยวจริงๆ
หลังจากที่ฟัดน้ำมันจนพอใจแล้วผมก็มาจับพวงมาลัยรถ เตรียมตัวออกรถเพื่อเดินทางกลับคอนโดกัน เพื่อให้น้ำได้พักผ่อนเพราะวันนี้ตื่นมาเตรียมตัวร้องเพลงแต่เช้า วันนี้ทั้งวันมันแทบไม่ได้พักเลย ระหว่างที่ผมขับรถอยู่ น้ำมันก็เปิดเพลงฟังวนไปเรื่อยๆ จนมาถึงเพลงนี้
เป็นไปด้วยรัก แต่อาจจะขี้หึงเกินไป
แต่ใจทั้งใจมีแต่เธอคนเดียว
รักเธอคนเดียว ไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนไป
ช่างเป็นเพลงที่ตรงกับใจผมโครตๆเลย
“เป็นไปด้วยรัก แต่อาจจะขี้หึงเกินไป
แต่ใจทั้งใจมีแต่เธอคนเดียว
รักเธอคนเดียว ไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนไป”
“นี่มันนิสัยใครก็ไม่รู้”
จุ้บ...
“ก็รักไง”
“...”
“ถึงหวงขนาดนี้”
ปัก!!
“โอ้ย น้ำ...”
“ขับรถไปเลย!”
หลังจากทำร้ายร่างกายกันกลบเกลื่อนอาการเขินเสร็จน้ำมันก็เอาแต่หันหน้าออกไปนอกหน้าต่างไม่ยอมพูดจาอะไรทั้งนั้น แก้มแดง หูแดงนั่น น่าจับฟัดจริงๆ

ฟอดดดดดด
“ชื่นใจ”
ฟอดดดดดด
“หอม”
ฟอดดดดดด
“แต็งค์ พอแล้ว อย่าพึ่งกวน”
“ไม่ได้กวน”
“ไม่ได้กวนก็ปล่อย จะไปอาบน้ำ”
พรึบ!!
“ทำอะไร!!” ไอ้น้ำที่ตกใจเหลอหลา ก็โวยวายทันทีที่ผมอุ้มมันขึ้นเตรียมตัวจะพาเข้าห้องน้ำ
“อาบน้ำไง”
“อาบใครอาบมันสิ”
“อยากอาบด้วย”
“แต็งค์...”
“นะ...”
ผมที่ใช้สายตาอ้อนวอนสุดชีวิเพื่อออดอ้อนขออาบน้ำกับแฟน ทำหน้าหงอยๆเป็นหมาเชื่องเข้าไว้หวังว่าน้ำมันจะใจอ่อนยอมให้อาบด้วย สุดท้ายแล้วน้ำมันก็ถอนหายใจแบบเลี่ยงไม่ได้ และก็ทำให้ผมหน้าระรื่นทันทีกับคำตอบ
“แค่อาบน้ำนะ ห้าม- อื้ออออ”
ยังไม่ทันได้พูดจบผมก็ก้มลงไปดูดดึงริมฝีปากคนในอ้อมแขนอย่างรักใคร่ ขบเม้มเบาๆที่ริมฝีปากล่างจนเกิดเสียง จุ้บ…
“อย่าน่ารักได้ไหม..”
“...”
“หวงจนจะบ้าแล้ว”
จุ้บ...
“อื้ออออ”
ผมอุ้มน้ำมาวางบนเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าอย่างนุ่มนวล แล้วจับแขนทั้งสองข้างของน้ำมันขึ้นมาดอบรอบลำคอผมไว้ ริมฝีปากก็คลอเคลียไม่ห่างกัน ซักพักก็ดึงดูดกันด้วยความหลงใหลและมัวเมาในอารมณ์รักใคร่ มือของผมก็เริ่มปดกระดุมเสื้อของคนในอ้อมกอดและของตัวเองออกอย่างช้าๆ ส่วนปากของผมก็คลอเคลียเล็มเลียอยู่แถวใบหน้าของน้ำมันอย่างอ้อยอิ่งค่อยๆเป็นค่อยๆไป สร้างสัมผัสอันหวาบหวามให้ทั้งตัวเองและคนรัก และจากนนั้นก็ไล่มือลงมาปลดกางเกงของเราทั้งสองคนออก จนร่างกายของเราทั้งคู่เปลือยเปล่า ผมผละออกมามองหน้าคนที่ผิวเคยขาวซีดเป็นกระดาษ แต่ในตอนนี้กับแดงไปทั้งตัว
จุ้บ...
“น่ารัก...”
“แต็งค์... ไอ้หื่น”
“หึหึ”
จุ้บ...
ผมก้มลงไปดึงดูดริมฝีปากของคนในอ้อมกอดอีกครั้ง ซักพักน้ำมันก็เผยอเปิดปากออกเพื่อตอบรับจูบของผม เราสองคนต่างพากันจูบแลกลิ้นเปลี่ยนรสชาติและกวาดต้อนความรู้สึกของกันและกันอยู่ในโพงปากไปเรื่อยๆ มือก็ลูบไล้ตามสีข้างไล้ไปตามแนวกระดูกสันหลังบ้าง จนคนในอ้อมกอดเริ่มกระตุกสั่นหน่อยๆ ผมเลยเอื้อมมือไปหยิบขวดเจลหล่อที่แอบเอามาวางไว้แต่ครั้งก่อนมาใช้ชโลมนิ้วและช่องทางด้านหลังของคนรัก และทำการเตรียมช่องทาง ระหว่างที่เราจูบกัน ผมก็เตรีมช่องทางให้คนในอ้อมกอดเพื่อลดความสนใจ พอคิดว่าช่องทางอ่อนนุ่มจนพร้อมแล้ว พร้อมก็ชักรูดแกนกายของตัวเองสองสามครั้ง แล้วจ่อเข้าช่องทางรักของในอ้อมกอดอย่าเบาที่สุด เนื่องจากช่วงนี้เรามีอะไรกันค่อนข้างบ่อย เลยทำให้น้ำมันชิน และลดความเกร็งได้ค่อนข้างเร็ว ทำให้แกนกายของผมเข้าไปได้จนสุดในเวลาไม่นาน แช่ทิ้งไว้สักพักผมก็เริ่มขยับสาวแกนกายเข้าออกช้าๆล้าผละจูบออกมามองน้ำมันที่ทำสายตาหวานเยิ้มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
จุ้บ...
ผมจูบลงที่ขมับของน้ำมันอย่างหลงใหล อ้อมแขนก็ตะกองกอดไว้อย่างหวงแหน
ผับๆๆๆๆ
“อ่า....”
“อื้อออ เบาหน่อย”
ผับๆๆๆๆๆ
เหมือนคำขอของน้ำจะไม่เป็นผล เพราะยิ่งได้ยินเสียงมันเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มอารมณ์กระสันอยากให้ผม
“แต็งค์... อ๊ะ”
“อืม...”
ผับๆๆๆๆๆๆ
“อ๊า”
“อ่า”
ใช้เวลาซักพักใหญ่เราทั้งสองก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน น้ำที่กระชับแขนที่โอบรอบคอผมไว้แน่นพร้อมกับหอบหายใจเหนื่อยอย่างน่าสงสาร ส่วนผมก็กระชับกอดน้ำมันไว้แน่นเช่นกัน พรมจูบไปทั่วขมัยและใบหน้า
“เหวอออ” แล้วมันก็ตกใจสุดขีดทที่ผมอุ้มมันพรวดราดทั้งๆที่แกนกายผมยังคาอยู่ในช่างทางรักของน้ำมัน จากเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้ามายังอ่างอาบน้ำพร้อมเริ่มกิจกรรมรักกันต่ออีกรอบ
“แต็งค์... เหนื่อยแล้ว”
“เดี๋ยวดูแลเอง”
“....”
“นะ...” ผมสอบตาอ้อนวอนขอทำต่อกับคนที่ใบหน้าแดงจัดที่ไม่รู้ว่าแดงจากการเขินอาย หรือว่าแดงจากแรงอารมณ์ แต่ช่างมันเหอะไม่ว่าจะแดงจากอะไรแต่ในเวลานี้ช่างดูน่ารักแกและน่าทนุถนอมพร้อมๆกัน
“เบาให้หน่อยนะ พรุ่งมีเรียนเช้า.. อื้ออ”
และคำตอบที่ได้รับก็ทำให้ผมดีดดิ้นลิงโลดที่สุดชีวิต ก็มีแฟนตามใจอะนะ
จุ้บ...
“ขอบคุณครับ”
“อ๊ะ อื้ออออ”
ผับๆๆๆ
“อ่า...”
“อ๊า”
“อืม...”
จากนั้นก็มีแต่เพียงเสียงหอบครางปนกับเสียงเนื้อกะทบกันดังลั่นห้องน้ำ วนซ้ำไปซ้ำมาเหมือนว่ากิจกรรมรักนั้นจะไม่จบง่ายๆภายในเร็วๆนี้
เพราะว่ายิ่งได้สัมผัสเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่พอ
ก็คนมันทั้งรักทั้งหลงเค้าขนาดนี้ พอโดนตามใจเข้าหน่อย มันก็ยิ่งหลงเค้าเข้าไปใหญ่
เห้ออออ ไอ้แต็งค์ในโหมดคลั่งรักนี่...
มันเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยว่ะ


โดย อีช้อย...
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 08-07-2022 17:09:20
 :katai4: :katai5:
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 17-07-2022 19:48:23
เมื่อยตัวแทนน้ำเลอ เอาใหญ่เลยนะไปคนคลั่งรัก :-[
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 17
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 09-04-2024 09:51:19
Episode 17 ไฟนอล นรก


ฟิ้วววววววววว
เสียงสายลมพัดเอื่อยๆ สลับกับเสียงแผ่นกระดาษที่เปิดสลับกันไปมาอย่างกับจังหวะฉิ่งฉาบในคลาสเรียนดนตรีไทย

หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในรั้วมหาลัยมาได้เกือบปีเต็ม ก็เดินทางมาถึงสัปดาห์นรกของหนุ่มหล่อหน้าใสที่ตอนนี้เริ่มไม่ใสแล้ว เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการทบทวนเนื้อหาบทเรียนอย่างหนัก หนักหน่วง และหนักมากกกกก 
“นี่มันสัปดาห์นรกของกูชิบหายยยยยย โห้วววว เมื่อย” เสียงบ่นไปเรื่อย พร้อมกับลุกขึ้นบิดตัวไปมาของไอ้ไม้ ไอ้ตัวขี้เกียจ
“ทั้งหูทั้งตากูจะไหลมารวมกันอยู่แล้ว” ไอ้โชคไอ้ตัวขี้เกียจเบอร์สองมันพูดไปก็ส่ายหน้าเนือยๆไป
“หรอวะ” ไอ้เทมส์ที่ไม่รู้โผล่มาจากซอกไหนของโลกมานั่งแทรกกลางกวนประสาทไอ้สองตัวที่พร้อมจะลาตายตรงหน้าผม
ตุบ
โพล๊ะ
นี่คือการตอบรับที่มันน่าจะต้องการ มิชชั่นคอมพลีทไหมล่ะมึง
“มึงก็ไปกวนพวกมัน มันกำลังตั้งใจกันอยู่” ไอ้แคมป์หันไปฉอดไอ้เทมส์หนึ่งยก แล้วก็กลับมาฉอดไอ้สองตัวต่อ “ไอ้ควายสองตัวนี่ก็อีก ตอนเรียนเสือกไม่ตั้งใจ”
“เอ้า/อ้าว”
“ไอ้นี่ก็แดกรังแตนมาจากไหนอีก ด่าหมดไม่สนลูกใคร” เสียงไอ้เหน่งมันบ่นพึมพำ แต่ลูกกะตายังไม่ละออกจากชีทเรียนเล่มหนาตึ้บ
“พรุ่งนี้ก็สอบแล้ว” ผมปิดหนังสือเล่มหนาตึ้บ แล้วเปลี่ยนมาจดโน้ตสรุปเนื้อหาเป็นแบบแผนผังลงในไอเพด เอาไว้ให้ไอ้พวกเพื่อนเวรไปอ่านกันต่อคืนนี้ “เตรียมตัวลาตายกันได้เลยไอ้พวกเวร”
“เป็นพรที่ประเสริฐมากเลยว่ะ” ไอ้เทมส์มันนั่งพนมมือ แล้วยิ้มแหยๆกับคำอวยพรของผม
พลั๊วะ
“ส่วนมึงไปอ่านหนังสือไอ้ควาย” หลังจากทุบหลังไอ้เทมส์เสร็จ ไอ้เหน่งก็สวดมันต่อ
“ไอ้นี่ก็ตีกูเป็นลูกเลย ไอ้ห่า”
“น้ำ กูไปอ่านหนังสือคอนโดมึงได้ป้ะวะ” ไอ้ไม้มันนั่งโอดครวญ
“กูไปด้วย!!” แล้วไอ้พวกที่เหลือก็รวมตัวกันเปล่งประสานเสียงในประโยคที่มันออกจะ---
“กูไม่ให้ไป” นั่นไง เสียงเรียบเย็นจากยมทูตประจำตัวผม
“แรงมาก” ทำเอาพวกมันคอตกไปพร้อมๆกัน
“เอาน่าพวกมึง” ไอ้บิวที่วิ่งเป็นตัวแถมมาจากไหนไม่รู้มากอดคอปลอบใจไอ้ไม้ “พวกมึงก็รู้นี่หว่า ว่าช่วงนี้ไอ้แต็งค์กะน้ำมันไม่ค่อยได้สวีท”
“ก็เล่นเอาเวลาทั้งหมดมาติวให้พวกมึง มึง แล้วมึงเนี่ย” ไอ้โต้งโผล่มาผสมโรงอีกตัว
“จริง” ไอ้อาร์ทที่ขอมีบทบ้างหลังจากนั่งพยักหน้าอยู่นาน
ผมเลยได้แต่ถอนหายใจใส่หน้าพวกมันดังๆไปหนึ่งเฮือกกกกกกกกกกก
“จะไปก็ไป!!!” แล้วไอ้คนที่น่าจะไม่ถูกใจกับสิ่งนี้ก็หันมาขมวดคิ้วหน้ายุ่งใส่ผม “แต็งค์ ให้พวกมันไปเถอะ สงสารสมองอันโง่เง่าของพวกมัน แล้วอีกอย่างจะได้ให้มึงช่วยติวให้พวกมันด้วยไง โอเคนะแฟน”
“ครับ”
ฮิ้วววววววววว
ดูก็รู้ว่าชอบใจที่ผมเรียกมันว่าแฟนต่อหน้าคนอื่น ถึงจะตอบแค่ครับแต่ปากนี่กลั้นยิ้มสุดแรง ตาก็หวานเยิ้มจนมดจะขึ้น จริงๆเลยคุณแฟน 
“ป่ะ กลับกันเถอะ” มันแหวกอากาศมาเก็บข้าวของทุกอย่างให้ผม พร้อมจูงมือลากผมมาที่โรงจอดรถ จุ้บ... “ถูกใจ... แฟนพูดถูกใจ” จุ้บบบ “เดี๋ยวคืนนี้อาบน้ำให้นะ”
ตุบ
“ไอ้แต็งค์ ได้คืบเอาศอกนะ” ผมก็บ่นงุบงิบไปงั้น ส่วนมันก็ลอยหน้าลอยตายัดผมเข้ารถ


22.30 น.
บรรยากาศการติวที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆตามช่วงเวลา ยิ่งดึก แทนที่จะยิ่งเงียบสงบ แต่กลับ......
“ไอ้เทมส์!!” เสียงไอ้อาร์ทมันกำลังเทศนา “มึงจบคณิตพื้นฐาน ม.6 มายังไงของมึงไอ้ห่า กูล่ะหัวจะปวดกับมึง มึงบวกลบเลขยกกำลังผิดกูยังให้อภัยได้ แต่นี่แม่งเลขจำนวนเต็มพื้นฐานมึงผิดได้ไง ตั้งสติเพื่อน มึงตั้งสติไอ้เทมส์!”
“โหยยย ไอ้อาร์ทกูติวจนกูเบลอหมดแล้วมึง” ไอ้เทมส์ที่เตรียมตัวจะลุกออกจากโต๊ะที่นั่งติว แต่ไม่ทันไอ้อาร์ทมันหรอก
“จะไปไหน มึงมาทำโจทย์ข้อนี้ต่อเลยยยยย” โดนรัดคอให้นั่งลงทันที
“ไอ้บิว ไอ้โต้ง มึงเข้าใจที่กูสรุปให้ฟังเมื่อกี้ไหมวะเนี่ย” ไอ้บิว ไอ้โต้งที่ทำสายตาล่องลอยกับคำถามของไอ้เหน่ง
“เอาห่าอะไรมาเข้าใจวะ พ่อกูคนไทย แม่กูก็คนไทย” ไอ้บิวมันโอดครวญเสียงเนือยๆแบบเหนื่อยสุดๆ แต่หน้าจะเป็นไอ้เหน่งนะที่เหนื่อยสุด เพราะรับผิดชอบติววิชาภาษาอังกฤษให้พวกมัน
“มีวุ้นแปลภาษาให้กูไหมวะไอ้เหน่ง แม่งกูจะอ้วกเป็นคำนาม พหุพจน์ของมึงแล้ว” แล้วไอ้เหน่งก็ยื่นมือหยาบๆของมันไปยัดปากไอ้โต้ง
“ไร้สาระ ติวต่อ!!!”
“ไอ้แต็งค์ กูว่ามึงไปเป็นอาจารย์สอนแทนดิเรกเถอะว่ะ” ไอ้โชคมันแสดงสีหน้าภูมิใจในตัวแฟนของผมอย่างกับว่าเจอเทวดามาโปรดมันยังไงยังงั้นแหละ “กูเรียนมาทั้งเทอมยังไม่เข้าใจเท่ามาให้มึงติวให้เลย มึงนี่มันเทพมาโปรดสัตว์สุดๆ” ไม่วายตบมือเปาะแปะอีกมึง
“มึงไม่ตั้งใจเรียนเอง” ไงล่ะ ช็อตฟิลเก่งขนาดนี้ แฟนกูเองแหละ
คึ คึ คึ คึ คึ
“ขำหอกอะไร ไอ้ไม้” ไอ้โชคมันหันมาล็อคคอไอ้ไม้เตรียมทำสงครามขนาดย่อมกัน “มึงอ่ะติวไปถึงไหนแล้ว”
 “โอ้ย โอ้ะๆ ไอ้โชคไอ้หอกหัก ปล่อยกู” ไอ้ไม้มันก็ดิ้นขลุกขลักเป็นปลาขาดน้ำ “กูนั่งติวกับไอ้น้ำ ไอ้แคมป์จนเข้าใจแจ่มแจ้งทุกเนื้อหาแล้วไอ้เวร” ไอ้แคมป์ก็ใจดีช่วยมันจนหลุดรอดออกมาจากไอ้โชคได้มันทำก็สีหน้าเหนือกว่าใส่ทันที “คนฉลาดๆแบบกูอ่ะ ขอตัวไปนอนก่อนนะ บรัยยยย” พูดเสร็จมันก็สะบัดตูดหนีไปนอนหน้าทีวีทันที
“ได้ข่าวว่าเมื่อตอนบ่ายมันยังงอแงว่างงเนื้อหานั่นนี่อยู่เลยไม่ใช่หรอวะ” ไอ้โชคสงสัย
“เออน่า มันเป็นคนฉลาดแล้ว” ไอ้แคมป์พูดเสร็จ แล้วหันหน้าไปถามไอ้โชคกลับ “แล้วมึงจะฉลาดได้รึยัง”
“แหววววว ไอ้แคมป์ ขารวยนะมึง”
“คึคึคึ”มันไม่สะทกสะท้านหรอก “น้ำ เดี๋ยวกูไปช่วยไอ้อาร์ทติวให้ไอ้เทมส์ก่อนนะ แม่งจะฆ่ากันตายแล้ว”
“อือ เดี๋ยวกูจะไปดูไอ้โต้งไอ้บิวด้วย” ผมหันไปมองทางพวกมันอย่างละเหี่ยใจ สงสารไอ้เหน่งเป็นที่สุด
“ไอ้บิว! มึงวงคำศัพท์ตามกูด้วย” แล้วมันก็หันไปฉอดไอ้โต้งต่อ “ไอ้โต้งมึงเข้าใจแล้วรึไง นั่งเล่นโทรศัพท์น่ะ”
เสียงสงครามขนาดย่อมยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เรื่อย เรื่อย จน…


02.00 น.
“แต็งค์ นอนเถอะ ปล่อยไว้งี้แหละตอนเช้าค่อยมาเก็บ” หาวววววว ไอ้แต็งค์มันพยักหน้ารับ ผมก็จูงมือมันเข้ามาในห้องนอน พากันล้มลงนอนทันที “ขอบคุณนะ” ฟอดดดด พร้อมกับกอดแบบแน่นสุดๆ
“พวกมันคือเพื่อน...”
“ใช่ พวกมันทุกคนคือเพื่อน เพื่อนของเรา”
“ขอบคุณครับ” จุ้บบบ “ขอบคุณที่ยอมเข้ามาในโลกของแต็งค์ แล้วก็ขอบคุณที่ยอมให้แต็งค์เข้าไปในโลกของน้ำ”
“รักจัง”
“รักเหมือนกันครับ” ฟอดดดดดด




“สอบเสร็จซักทีโว้ยยยยยย”
“จบสิ้นซักที ไฟนอลนรก แหวดดดดด”
“ในที่สุดดดด” เสียงมุ่งมั่น พร้อมชูกำปั้นขึ้นเหนือหัวดำของมัน “กูจะได้เป็นรุ่นพี่ปีสองซักที วี้ดดดดด”
โพล้ะ
“มึงรอเกรดออกก่อนเถอะ ไอ้โชคคคค” เสียงขัดมูดของไม้ที่แหวกอากาศมา
 “ช็อตฟิลกูมากเลย ไอ้ไม้ ไอ้นรก” แล้วมันก็วิ่งไล่ตีกันจนทั่วลานคณะ
“สอบเสร็จแล้ว ต้องฉลองว่ะ” ไอ้เทมส์มันวิ่งแดรดแด๋มากอดคอผมกับไอ้เหน่ง “ร้านพี่มึงกัน ไม่ได้ไปนานแล้ว”
“เออ ไม่ไปนาน เจ๊เล้งเทคโอเวอร์ไปแล้วมั้ง”
พลั๊วะ
“ไอ้เหน่ง ไอ้ปากเห็บหมา”
“อ่ะ ล้อเล่งน่า” พร้อมหมุนมือกับเดาะลิ้นเลียนเสียงแบบคนจีนที่หัดพูดไทย
“ป่ะๆ กูอยากกินเหล้า” ไอ้แคมป์ไอ้นี่แอบเงี่ยหูฟังอยู่นานแล้วสินะมึง
“อ่ะ กูไปล่วยยยยย” ไอ้โต่งก็วิ่งเสนอหน้ามาเหมือนมีใครจุดธูปเชิญมันมา
“เอ๊... ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าใครจะไปกินเหล้าน๊า” อันนี้ไอ้บิวตัวเสนอหน้าตัวที่สอง
“กูนี่แหละ มึงจะทำไม”
“จะไปๆ ขอไอ้แต็งค์ยังอ่ะ” นี่ตัวเสนอหน้าตัวที่สาม ไอ้อาร์ท
“กูคุยกันมาตั้งแต่ก่อนสอบแล้ว” ไม่ใช่ผมตอบ แต่เป็นแฟนสุดที่รักสุดที่แสนจะโปรดปรานตอบ
“เพราะงั้นใครจะไป เจอกันหน้าร้านก่อนสี่ทุ่ม” ผมหันไปนัดแนะเวลากับพวกมัน
“เค แล้วไอ้โชคกะไอ้ไม้ล่ะ” ไอ้โต้งที่ยังมีกะจิตกะใจสนใจไอ้สองตัว
“วิ่งไล่แดกสมองกันอยู่นู้น” ไอ้แคมป์ชี้ไปทางพวกมันสองคนที่แกล้งกันเสร็จก็หันไปแกล้งคนอื่นๆในคณะต่อ สร้างเสียงหัวเราะและสีสันให้คนอื่นๆไม่น้อย คงเป็นเพราะเสร็จสิ้นสัปดาห์สอบกันซักที ทุกคนเลยเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก พวกผมทุกคนไม่มีใครมีงานค้างหรืองานแก้อะไร เลยไม่ได้พวงค์อะไร ส่วนเรื่องสอบ แต่ละวิชาก็ออกตามที่อาจารย์แกสอนกันมาทั้งนั้น ทุกคนเลยมั่นใจว่าทำได้ ส่วนจะได้คะแนนมากหรือน้อยคงอยู่ที่ความตั้งใจในแต่ละวิชานั้นๆที่เรามีกัน
“สอบได้ไหม” ไอ้แต็งค์เอื้อมมือมาถือกระเป๋าให้ พร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ได้ชื่นใจ หายเหนื่อยเลย ฮึบบบ
“ต้องสอบได้อยู่แล้วป้ะ” ผมส่งยิ้มพร้อมขยิบตากับไป “นี่แฟนใครดูด้วย”
“หึๆ” แล้วก็วาดแขนโอบไหล่ผมไว้ “ปากหวาน”
“ก็เคยชิมแล้วนี่”
“เดี๋ยวจะโดน...”
“ไม่กลัวว” ฟอดดดดดดด
“แต็งค์!!”
โหยยยยยยยยยยย
งุ้ยยยยยยยยยยยยย
ฮิ้ววววววววววววว
“ให้มันน้อยๆหน่อยคู่นั้นอ่ะ เพื่อนอิจฉานะโว้ย” เสียงโห่แซวจากพวกเพื่อน แล้วก็เสียงโอดควรญจากคนขี้อิจฉาอย่างไอ้บิว
“ตายไหมล่ะ” แล้วนี่ก็เสียงมรณะจากยมทูตข้างตัวผม คิคิ
“ไอ้แต็งค์ ไอ้เวร กูเพื่อนมึงนะ”
“ไอ้ควาย สมน้ำหน้า”
“ไอ้เทมส์ มึงงง”
แล้วพวกมันก็พากันหยอกล้อกันต่ออย่างมีความสุข ก็แหงสิทำข้อสอบกันได้ทุกตัวนี่ เห้ออออ สมกับความตั้งใจอดสวีทกับแฟนเพื่อช่วยติวให้พวกมันจริงๆ ติวเตอร์น้ำคนนี้ภูมิใจยิ่งนัก

“’งายยยยยยยย พวกเด็กเล็ก” เสียงพี่แทนหุ้นส่วนใหญ่ของร้านที่เสนอหน้ามารินเหล้าให้ถึงที่ “หายหัวกันไปนานเลยนะ”
“ไม่หายได้ไงล่ะ สัปดาห์นรกเลยนะนั่น” ไอ้เหน่งหันไปตอบพร้อมกระดกเหล้าอย่างตายอดตายอยากมา
“เอออ” แล้วพี่แทนแกก็หันมาถามผมต่อ “เป็นไง สอบได้กันป่ะวะ” ผมเลยยกไหล่กับเลิกคิ้วเป็นคำตอบ ระดับนี้แล้ว “เจ๋งง”
“เกือบเอาตัวไม่รอด” และนี่คือไอ้แต็งค์ที่เบรกผมเกือบหัวทิ่ม
“เออจริง” ไอ้เทมส์ที่ทาสมทบอีกตัว “แม่งงานก็เยอะ เรียนก็เยอะ ยากอีก ใครบอกพวกวิดวะชิล กูดักตีแม่ง”
“หึๆ ขนาดแค่ปีหนึ่งมึงยังบ่นขนาดนี้” พี่น่านปากมันก็พูดมืออีกข้างก็ผลักหัวทักทายไอ้ไม้ที่นั่งซัดเอ็นไก่ทอดอยู่ “ปีสอง ปีสาม ปีสี่ พวกมึงไม่พากันลาตายเลยหรอวะ”
“เออ มึงดูกู” พี่นนท์มึงโผล่มาจากไหนเนี่ย “งานเยอะ เรียนหนัก แล้วไง” แหวกฝูงชนมาแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้แต็งค์แล้วก็เอื้อมแขนมากอดคอผม ถึงแม้จะได้รับสายตาหงุดหงิดจากไอ้แต็งค์แต่พี่มันที่ไหนล่ะ “แดกเหล้าไม่เคยพัก” ภูมิใจในตัวเองมากมึง “เรียนเท่าที่ไหว ไม่ไหวก็ลากออก”
“เชรดดดด แรกๆเหมือนจะดีว่ะ” ไอ้เหน่งหันมาต่อบทกับพี่นนท์มัน “หลังๆไม่มีห่าไรเลย”
“ไอ้กูก็รอปรัชญา” ไอ้ไม้ที่เตรียมถ้าหยิบทิชชู่ขึ้นมาทำท่าจะจดอะไรซักอย่าง “กูเตรียมจดไปโพสเฟชบุ้คเลยนะเนี่ย”
“มันแม่งเลยมีสาระให้พวกมึงด้วยหรอ” พี่น่านมันพูดจบก็ขว้างก้อนน้ำแข็งใส่พี่นนท์ทันที
“หยอกๆน่า คึคึคึ” พูดแล้วก็แย่งไอ้ไม้แดกเอ็นไก่ต่อ
“พอๆ เลยมึงสองพี่น้องเลอะเทอะไปหมด” พี่แทนแกว่า “งี้ก็ปิดเทอมกันแล้วอ่ะดิ”
“ก็เหมือนปิด แต่ก็รอเกรดออกอีก” ผมหันไปตอบแก
“เกรดออกแล้วไปเที่ยวกันป้ะ” ไอ้โต้งเสนอขึ้นมา
“ดี/ไป” แล้วพวกมันก็พร้อมใจกันตอบโดยอัตโนมัติ
“แต็งค์ ไปเที่ยวไหนกันดีอ่ะ” ผมหันไปถามไอ้แต็งค์ที่นั่งเงียบฟังคนนั้นพูดทีคนนี้พูดที พร้อมกับเอี้ยวตัวไปคล้องแขนเอาแก้มเบียดๆที่ต้นแขน ขออ้อนนิดนึงนะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีโมเม้นต์หวานๆกันเลย และแน่นอนตัวอย่างไอ้พี่นนท์มันก็ดังผมกับไปล็อคคอทันที
“ให้มันน้อยๆหน่อย” พร้อมดีดหน้าผากผมไปหนึ่งที “พี่มึงนั่งหัวโด่อยู่ตั้งสองหัว” แล้วก็หันไปแวดไอ้แต็งค์ต่อ “มึงก็เหมือนกันเกรงใจกูบ้าง จะมาแตะเนื้อต้องตัว”
“แตะอย่างอื่นมันก็แตะกันมาแล้ว”
“ไอ้เหน่ง ไอ้สันขวาน”
“อุ้ย โทดที”
“เค้าเป็นแฟนกันแล้ว” พี่น่านพูดไปส่ายหัวเนือยๆไป “มึงอ่ะ มันแค่พี่ชายที่เค้าเก็บมาจากถังขยะ ให้มันน้อยๆหน่อย”
“เจ็บจี๊ดดด”
“เรื่องจริงหรอพี่” ไอ้แคมป์มันทำหน้าตาเหลือเชื่อแต่ดูก็รู้ว่ากวนตีนอยู่
“งั้นที่ไอ้เหน่งเคยบอกว่าพี่นนท์แกไปทำหน้ามาให้เหมือนพี่กะไอ้น้ำก็เรื่องจริงดิ” ไอ้โชคเค้ามาสมทบอีกตัว
“ก็เออน่ะสิ มึงดูสันเดือนเหมือนพี่น่านไหมก็ไม่” ไอ้บิวที่ร่วมผสมโรงอีกตัว หันไปส่งไม้ต่อให้ไอ้เทมส์
“จะบอกว่าสันดาดเหมือนไอ้น้ำ ก็คนละเรื่องกันเลย”
“กูว่าแล้วทำไมน้ำมันเกลียดชังพี่นนท์ยิ่งนัก ฮ่าๆๆ” อ่ะไอ้อาร์ทเติมสีเข้าไปอีก ไอ้โต้งกับไอ้ไม้ก็พยักหน้างึกๆไปกับมัน
“กูคิดเหมือนไอ้--” ไอ้ไม้พูดไม่ทันจบหรอก โดนซะก่อน
โพล้ะ พลั้วะ โพล๊ะ โพล๊ะ
โดนทุตัว อย่างถ้วนหน้า
“ทำงานกันเป็นทีมนะพวกมึง”
ฮ่าๆๆๆๆๆ
แล้วก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะลั่นโต๊ะ
 ผมปล่อยให้พวกมันและพวกพี่มันตีกันต่อไปอีกยาวๆเลย แล้วหันมาสนใจคนที่นั่งเงียบๆข้างๆ แม้จะนั่งไม่มีบทพูดอะไรแต่แต็งค์มันก็ไม่ได้ดูเหงาหรือดูเบื่ออะไร มีบางครั้งก็อมยิ้มน้อยๆเวลาพวกนั้นด่ากันเถียงกัน นี่แหละแต็งค์เน้นฟังเก็บรายละเอียดอย่างเดียว
“เราจะไปเที่ยวไหนกันดีน๊า” แล้วผมก็เอนตัวไปพิงมันอีกครั้ง จับมือมันขึ้นมาบีบนวดอย่างเอาใจ
“อยากไปไหน” มันเอี้ยวตัวลงมากระซิบข้างหู
“ไปไหนก็ได้แค่มีแต็งค์” จุ้บ จุ้บตรงที่ต้นมันไปที
“อ้อน”
“ไม่ได้หรอ”
“เดี๋ยวจะไม่ได้นอน”
“น่ากลัวจัง”
“กลัวให้จริง” ฟอดดด หอมหัวเน่าๆของผมไปอีกหนึ่งที “ไปเทศกาลดนตรีไหม”
“ไปสิๆ” ผมพยักหน้าตอบอย่างตื่นเต้น “เอาไอ้พวกเวรนี่ไปด้วยนะ”
“อือ เอาไปทุกคน”
“ต้องสนุกแน่ๆ” ไอ้โต้งที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน จากนั้นก็....
“ไปด้วยๆ”
“ให้กูไปด้วย”
“เอากูไปด้วยนะ”
“กูจะไป/ไปโด้ยย/ไปไป..”
“เออ!! ก็ไปกันทุกตัวนั่นแหละ” ผมหันไปแหวใส่พวกมันทันที ไอ้พวกขี้โวยวาย
“ใครจะไปก็เคลียร์ตัวเองด้วยอย่าให้ลำบากแฟนกู” งุ้ยยแฟนกูว่ะ พูดประโยคยาวๆได้แล้วนะเนี่ย “กูว่าจะไปโซนเหนือๆแต่ขับรถไปกันเอง เอาบรรยากาศ”
“ดี//ดี/ดี”
“พวกพี่จะไปกันไหม”
“ไปสิ กูต้องต้องไปดูแลน้องกู” พี่นนท์มันพูดจบก็แล่นมากอดคอรั้งผมไว้ จนพี่น่านต้องมาลากคอพี่มัน
“มาดูแลกูนี่มึงอ่ะ” พี่แทนพูดพร้อมตบหน้าผากมันไปที
“งั้นเดี๋ยวเรื่องเครื่องดื่มกูจัดการเอง” พี่น่านเอ่ยขึ้นพร้อมยกมือเป็นปรางค์กห้ามญาติไม่ให้ไอ้แต็งค์กับผมค้าน “กูเป็นพี่กูมีเงินเดือน กูรวย จบนะ พวกมึงอ่ะไม่ต้องคิดมาก”
“รวยจริงอ่ะ งั้นขอแสนนึงสิ” ผมทำท่าแบมือขอตังพี่มันเลยตีมือผมมาแทน “อะระ แค่นี้ก็ให้ไม่ได้”
“ไปขอพ่อมึง”
“พ่อกูรวยมากมั้ง”
“ได้ข่าวว่าพ่อมึงพึ่งไปถอยเฟอรารี่มาไม่ใช่หรอ” เสียงไอ้พี่นนท์ลอยข้ามอากาศมา
“จริงดิ” ตาผมตอนนี้คงโตเป็นไข่ห่าน
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
เรานั่งกินกันไป คุยกันไป เถียงกันไป ได้อีกพักใหญ่ๆก็พากันแยกย้ายกลับ ถ้าถามว่ากลับสภาพไหน ถามหน่อยมาร้านนี้เคยกลับสภาพดีกันไหม ก็ไม่ เพราะฉะนั้น เละ เหมียนหมาทุกรอบ
โอกกกกกกก อ้วกกกก แอวะ
“ไหวไหม”
“ม่ายยยยย”
“มาล้างหน้า อาบน้ำก่อน”
ฮึบบบบ
คุณแฟนคนดีของผมจัดการถอดเสื้อ ถอดกางเกง ลอกคราบผมจนเปลือยเปล่า เพราะตัวผมเองเละเทะจนต้องจับชำระล้าง ถามว่าทำไมไม่ทำเอง ก็คนมันมีแฟนอ่ะ แล้วแฟนก็รักมากด้วย จะทำเองไมกันนนนน  คิคิคิ
แต่
เดี๋ยว
นะ
นี่มันไม่ใช่แค่อาบน้ำแล้วไง
“แต็ง!!!”
“อืมมมม”
“ไหนบอกจะอาบน้ำ”
“อืมม กำลังอาบนี่ไง..” เสียงกระเส่าเชียวมึง
“มันไม่ใช่แล้ว อึก--”
“ใช่สิ ถอดขนาดนี้” เสียงจะแหบไปหนายยย “ทดมาหลายคืนแล้ว... บอกแล้วว่าคืนนี้ไม่ต้องนอน”
“แต่--”…. “อืมมม”
“อ่า”
“อื้อ”
“อืมม”
ดูแล้วน่าจะไม่ได้นอนจริงๆแหละ พรุ่งนี้จะตื่นไหมเนี่ย เห้อออออออออออ คนมีแฟนมันก็แบบนี้แหละ แล้วแฟนก็ยิ่งคลั่งรักๆด้วย อย่าได้พักเชียว คึคึ
อดทนหน่อยนะ ไอ้พวกไม่มีแฟน

“อื้อออ แต็งค์…”
“ขออีกรอบนะ” ฟอดดด
จุ้บ

คึคึคึ


โดย  อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 18 หวาน หวาน หัวใจชื่นบาน
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 09-04-2024 11:42:57
 Episode 18 หวาน หวาน หัวใจชื่นบาน


ฤดูกาล
เมฆฝนที่คอยซัดเข้ามา
ค่ำคืนเดือนมิถุนา คิดถึงวันคืนผ่านมา
ดวงดาว
ส่องแสงลงมาตั้งไกล
ใจฉันยังคงหวั่นไหว คิดถึงวันคืนผ่านมา


“ถึงซักที ตะคริวแดกตูดกูหมดแล้ว”
“ไอ้เหน่ง มึงอ่ะแค่ตะคริวแดกตูด ส่วนรถกูอ่ะไอ้อาร์ทกับไอ้เทมส์แดกเบียร์หมดจะสองลังแล้ว ไอ้พวกชั่ว” เสียงบ่นโวยวายของไอ้ไม้ลอยลงตามมันมาจากรถ

เธอคือภาพฝันในจักรวาลของฉัน
ดวงดาวส่องวับวาวเมื่อพบเธอ


“พี่น่านๆ”
“ไร”
“พี่มึงมาช่วยพี่แทนยกของก่อน กูจะไปดูที่จอดรถให้พวกเพื่อน” พูดจบก็กุลีกุจอออกไปที่ลานจอดรถของงาน
“แม่งขนกันมาทั้งคณะเลยหรอวะไอ้น่าน” แทนหันมาถามเชิงสงสัย
“ทั้งคณะไหมกูไม่รู้” หันมาทำหน้ายียวนตอบ “กูรู้แค่ว่าคนที่มันเทียวไปไล่ขายขนมจีบเช้าถึงเย็นถึง ตามเอาใจอย่างนู้นอย่างนี้อ่ะมาด้วยว่ะ”
“ฮ่าๆ เอาจริงดิ” น่านไม่ได้ตอบอะไรแค่ส่ายหัวแล้วยิ้มน้อยๆ “เสือร้ายอย่างไอ้นนท์อ่ะนะ ขนาดมึงที่เป็นพี่มันกับน้ำที่เป็นน้องมันที่มันบอกรักพวกมึงนักรักพวกมึงหนา กูยังไม่เห็นว่ามันจะใส่ใจเลยว่าพวกมึงจะมีที่จอดรถไหม จะกางเต็นท์กันตรงไหน แม่งเหลือจะเชื่อ-”
“เชื่อเถอะพี่แทน คนนี้อ่ะเอาพี่นนท์มันอยู่หมัด” น้ำเดินมาร่วมผสมโรงอีกคน

เธอคือภาพฝันในจักรวาลของฉัน
ดวงดาวส่องวับวาวเมื่อพบเธอ
งดงามไปหมด

(เพลง ภาพฝันในจักรวาล  โดยเขียนไขและวานิช)
“เอาว่ะ เสือร้ายอย่างไอ้นนท์กับหมาป่าเดียวดายอย่างไอ้น่าน” แทนพูดไปหัวเราะไปอย่างชอบใจ “เห็นทีจะมีแต่มึงแล้วไอ้น่าน ที่ยังบูชาเวอร์จิ้นไม่เลิก ฮ่าๆๆ”
“ไอ้แทน ไอ้ห่าราก” ด่าพร้อมกับถีบไปกลางหลังแทนเบาๆ


“ไอ้แคมป์มีงมาช่วยกูกางเต็นท์ซิไอ้หอกหัก ยืนแอคอาร์ทอยู่นั่นแหละ” นั่นไอ้อาร์ทมันแหกปากขอความช่วยเหลืออยู่
“ไอ้บิวมึงถ่ายกูหล่อๆนะเว้ย กูจะ-”
“กูจะตายแล้วไอ้โชค ไอ้บิว แม่งมาช่วยกูตอกเสาเต็นท์ซักทีโว้ยยยย” นี่ไอ้ไม้ที่โวยวายตั้งแต่ขึ้น ลงรถ กางเต็นท์ และคิดว่าน่าจะยันกลับด้วย
“ไอ้เทมส์โว้ย ไปซื้อน้ำแข็งกับกูหน่อยใครแม่งแดกหมด มันกำลังคิดว่าตัวเองเป็นเอลซ่ารึไง” และก็นี่ไอ้โต่งกำลังทำตัวเป็นคนขี้โวยวาย
“ไอ้อาร์ท ไอ้ควายมึงกางเต็นท์ยังไงของมึงเนี่ย”
“มึงสิควายไอ้แคมป์ กูก็กางตามยูทูปเนี่ย”
“ไอ้ไม้ๆ มึงจะตอกมือกูรึไง”
“มึงก็อย่าโง่ให้กูตอกสิไอ้โชค”
“ไอ้หอกหัก--”
“วุ่นวายกันทุกตัว” ไอ้เหน่งที่เดินหน้าละเหี่ยมาตบไหล่ผมเบาๆ
“เออ วุ่นวายกันได้ทุกที่จริงๆพวกมัน” ผมบ่นไปหัวเราะไปกับความวายป่วงตรงหน้า “แต็งค์ เต็นท์แล้วเสร็จแล้วหรอ”
“เรียบร้อย”
“ไม่ต้องไปช่วยพวกมันนะ ปล่อยให้วุ่นวายกันให้ตาย คิคิ”
“ไม่ช่วยพวกมันก็หันมาช่วยกูนี่ไอ้แต็งค์” ไอ้เหน่งบ่นอุบอิบ “กูกางเสร็จจะนอนแม่งคนเดียวไอ้เวรตัวไหนอย่าได้เสือกเชียว” มันพูดไปส่ายหน้าไป

เห้ออออออ

ผมหันไปมองภาพความวุ่นวายตรงหน้า นี่นับเป็นครั้งแรกที่พวกเรามาเที่ยวด้วยกันไกลขนาดนี้ ระหว่างทางก็มีเรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องขำขัน เรื่องน่าหงุดหงิด มีน่าเบื่อบ้างเล็กน้อย แต่พวกเราก็ไม่ละทิ้งความตั้งใจที่จะมางานเทศกาลดนตรีด้วยกัน ถึงเพื่อนบางคนจะพึ่งเข้ามาในชีวิตผม แต่ความจริงใจ ความเป็นกันเองของพวกมันทำให้ผมรู้สึกว่า ผมและพวกมันจะสามารถเป็นเพื่อนกันแบบนี้ไปได้อีกนานเลยครับ
“คิดไรอยู่” ผมส่งยิ้มเบาบางไปให้แต็งค์
“คิดว่าถ้าได้ใช้เวลาด้วยกันแบบนี้บ่อยๆก็ดีนะ” แต็งค์มันอมยิ้มน้อยๆแล้วเอาแขนขึ้นมารั้งคอผมให้พิงไปบนบ่าของมัน
“คงจะวุ่นวายน่าดู”
“แต่มันก็มีความสุขไง” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนที่ทำให้รักมากขึ้นทุกวันตั้งแต่รู้ใจตัวเองว่ารู้สึกยังไง “ได้ใช้เวลาสบายๆฟังเพลงเพราะๆในบรรยากาศที่ชอบ ได้อยู่กับเพื่อน อยู่กับแฟน แล้วก็พี่ๆของตัวเอง” หันไปมองทางพี่น่านและพี่แทนที่ล็อคคอพี่นนท์น่าจะคาดคั้นเรื่องคนสำคัญของพี่มันอยู่  “มันมีความสุขมากๆเลยนะ” ฟอดดดดดด
“ครับ มีความสุขมากๆ”

ฮิ้ววววววววววว

“ให้มันเบาๆกันหน่อย” เสียงหมั่นไส้จากพี่นนท์มัน แล้วพี่มันก็โดนพี่น่านกับพี่แทนบีบปากล็อคคอพี่มันต่อ
“สงสารหัวใจหนุ่มโสดแบบกูบ้าง” แล้วก็ตามด้วยเสียงคร่ำครวญของไอ้โชค ถามว่าสนใจพวกมันไหม ก็ไม่ คิคิ



เสียงเพลงฟังสบายๆ กับบรรยากาศยามค่ำ บวกด้วยเบียร์เย็นๆ ก็ทำเอาสุขใจเหมือนกัน ผมหันไปมองแก๊งค์เพื่อนที่พากันซัดเบียร์อย่างเอาเป็นเอาตายไม่พอ ยังพากันแหกปากประสานเสียงร้องเพลงตามนักร้องที่เค้ากำลังทำการแสดงอยู่บนเวทีไกลๆนู้น ผมได้แต่ส่ายหน้าระอากับพวกมัน
“เห้ยๆ เพลงนี้กูชอบ!!”
“ไอ้ไม้มึงอย่าแหกปาก!” ไอ้เหน่งพูดไปก็จัดการเอาเบียร์หยัดปากมันไปพร้อม
“อึก มึงแม่ง”
“ไอ้แคมป์ๆ ถ่ายกูแบบเหม่อๆนะ”
“ไอ้แต็งค์ มึงมาชนๆ” นับว่าเป็นครั้งแรกที่แต็งค์มันทำตามใจไอ้บิวมัน ชนกันเสร็จก็เอนตัวให้ผมพิงเหมือนเดิม ส่วนตัวผมก็อดไม่ได้ที่จะเอาหัวเน่าๆของตัวเองถูไถกับอกมันไปเรื่อยเปื่อย
“อ้อน”
“ก็อ้อนไง” ฟอดดดด แล้วก็หอมหัวผมไปหนึ่งที ไม่วายพึมพำออกมาเป็นเพลงตามนักร้องที่กำลังร้องอยู่

คือความประทับใจเมื่อสบตากัน
อบอุ่นเหลือเกิน ข้างในรอยยิ้ม
มีการก้มลงมาสบตาอีกนะคนเรา
จะบอกให้รู้รักมากๆเลย
จะบอกไม่รักได้ไงโธ่เอ๋ย
รอยยิ้มแบบนี้... ทำให้ผมตายได้จริงๆนะ
โอ้ Baby น่ารักมากๆเลย
แบบชุบแป้งทอดไปเลย


ผมที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเขิน เลยเอื้อมมือไปบีบจมูกมันด้วยความหมั่นไส้แทน

มอบเพลงนี้เป็นสื่อแทนใจ ยกให้เธอ
(เพลง น่ารักชุบแป้งทอด โดย ชีวิน ขวัญใจคนเดิม)
“เขิน” ใช่เขินมาก จุ้บบบ
“อ่ะ ให้รางวัล”
“มากกว่านี้ไม่ได้หรอ”
“แล้วจะเอาอะไรดีน๊า”
“เอาตีนกูนี่” อ่ะ ไอ้พี่นนท์ชาติที่แล้วมันทำงานโรงไฟฟ้ารึไง ขยันช็อตฟิลจริง
“เสือกอะไรอีกเนี่ยพี่นนท์”
“อ้าว นี่กูพี่มึงนะ”
“พี่ก็แค่พี่ชายที่มันเก็บมาเลี้ยง ฟู่วว” ไอ้เทมส์ที่โผล่มาเป่าหูพร้อมทำปากขมุบขมิบใส่พี่มัน เห้อออ
“มาลู่ลี่แต่กับน้องเนี่ย ปัณณ์นี่ให้คนอื่นดูแลไปแล้วรึไง” พอผมพูดขึ้นพี่มันก็หรี่ตาชี้นิ้วใส่ผมทันที
“ปัณณ์ไหนวะพี่” ไอ้เหน่งมันเลยวิ่งสี่คูณร้อยมาเสือกทันที
“คือใคร คือปัณณ์วะ” แล้วก็ไอ้แคมป์ที่มาร่วมวงเสือกด้วย
“นั่นสิๆ ปัณณ์คื-” ไอ้ไม้ที่ยังไม่ทันได้เสือกก็โดนพี่มันลูกชิ้นอุดปากซะก่อน
“ไม่เสือกนะเด็กๆ” พร้อมยกมือโบกไปมา แต่ลูกกะตาพี่มันนี่เลิกลักมาก จนผมอดหัวเราะไม่ได้ คึคึ
“ไอ้นนท์ ปัณณ์เมาอ้วกไปแล้วว่ะ ทำไ-” พี่น่านมันยังพูดไม่จบพี่นนท์มันก็ใส่ตีนหมารีบไปทันที ผมได้แต่ส่ายหัวเนือยๆ
“เสือร้าย ได้เป็นหมาแน่ๆเลยว่ะไอ้เหน่ง ฮึๆ”
“อะระ เสือร้ายอะระ” ไม่วายความขี้เสือกของมันยังคงเซ้าซี้ผมต่อเรื่อยๆ “แล้วปัณณ์คือใครวะ”
“เออนั่นสิ”
“คนไหนปัณณ์วะ”
“หาววว ง่วงจังเลยแต็งค์” ผมที่ตัดบทพวกมันเหมือนไม่มีตัวตนแล้วหันมาสนใจคนที่ทำตัวเป็นเสาหลักให้พิงอยู่เนิ่นนาน “กินเยอะไปรึป่าว” ผมเหลือบตาลงมองกองขวดเบียร์ที่ไม่ใช่น้อยๆ “กินเยอะแบบนี้ต้องเจอหยิก”
“หยิกตรงไหนดีล่ะ” มันก้มหน้าลงมาพูด แล้วคลอเคลียร์อยู่แถวๆหูแถวๆคอผม จนผ-
“โห้ย มึงแม่งไม่ให้ความร่วมมือกูเลย” ไอ้ไม้ที่นั่งรอคำตอบจากผมอยู่นานเลยโวยวายขึ้น “กูไปเสือกเองก็ได้”
“กูไปด้วยๆ”
“เห่ หลังจากที่พี่มันเสือกเรื่องคนอื่นมานาน” ไอ้เหน่งพูดขึ้นและทำตาเจ้าเล่ห์ “ได้เวลาเสือกเรื่องพี่มันคืนแล้วว่ะ หึหึ”
“ก๊ากกก หึหึ”
“กู หึหึด้วย” แล้วพวกมันก็พากันยกโขยงไปเสือกเรื่องของพี่นนท์กัน
“ไม่ไปกับพวกมัน”
“ไม่อ่ะ อยากอยู่กับแฟน” ฟอดดดด
“อ้อน” ฟอดดดด
“คิคิ”
แล้วเราก็นั่งหยอกล้อกันท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ กับเพลงที่เพราะขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน

เธอคือนางฟ้า อยู่บนนภา
เพียงก้าวลงมา มาให้ถูกรักใช่ไหม
เธอมาเพื่อสอนให้ดวงตา ได้เห็นว่าอะไร
รู้ความใน ปิดไว้ไม่กล้าจะบอกสักที


ว่าแก่จนป่านนี้ มันคงไม่มีอะไร
จะสู้หนุ่มขาว ก็คงจะมีแต่ใจ
จะสุข จะหวาน ก็คงต้องคานออกไป
บอกใจว่าสังขารไม่ดี


เราเองจะเอาอย่างไร
ไอ้ความเก๋านั้นแต่ตัวแต่ใจ
จะเด็ดดอกฟ้าก็คงไม่ผ่านกระได
ดันสูงและขาก็ไม่ดี


มีใจต้องทำอย่างไร
คนอย่างเขาก็คงไม่ทันอะไร
แก่จนป่านนี้คงเป็นไอ้ต้าวต่อไป
วอนขอเพียงเธอแค่หางตา มอง

                           
  (เพลง แก่จนป่านนี้คงเป็นไอ้ต้าวต่อไปวอนขอเพียงเธอแค่หางตา โดย ดวงดาว เดียวดาย)


“หาววววว โหยยยยย กูคิดว่ากูจะหนาวตายไปแล้ว”
“หนาวตายห่าอะไรไอ้บิว กูเห็นเมื่อคืนมึงถอดเสื้อ บ่นว่ามึงร้อนๆ” เสียงไอ้โชคมันแย้งขึ้น
“เออ ไอ้เวรบิวเมาแล้วชอบถอดเสื้อ โชว์ขี้โพ้รึไงมึง” ไอ้เทมส์เดินเข้ามาผสมโรงด้วยอีกคน
“ทำไม กูโชว์ความฟิตปั๋งไม่ได้รึไง”
“ถุย/ถุย/ถุย”
“แหวะ ไอ้บิว มือมึงไปจับอะไรมาเนี่ย” แล้วก็เป็นไอ้ไม้ที่ซวยเพราะโดนมือไอ้บิวยัดปากไป
“เห้ย พวกมึงเก็บของกันเสร็จยัง” พี่นนท์มันตะโกนถามขึ้น
“เรียบร้อยแล้วลวกเพ่” แล้วก็เป็นไอ้แคมป์ที่ตอบกลับไปอย่ากวนตีน
“ไอ้ไม้ มันสกปรก”
“ก็มึงแกล้งกูก่อน”
“ไอ้พวกชิบหาย โดนกู”
“โทดๆ”
“มึงตายยยยย”
“โอ้ยๆ พี่น่านช่วยผมด้วย”
“ไอ้แทนนนนน”
“ไอ้พวกเวร!!”
“ไอ้โต้ง ไอ้อาร์ทมึงจับมันไว้”
“เดี๋ยวมึ-”

เห้ออออออออ ผมบอกแล้วว่าวุ่นวายกันยันกลับ แล้วคอยดูนะ มันต้องไปวุ่นวายกันต่อที่มอแน่นอน ไหวไหนที่สงบสุขคงเป็นวันที่ผมอยู่บ้านแหละ ไม่ใช่พวกมันสงบสุขนะ แต่น่าจะเป็นผมที่สงบสุขมากกว่า ถอนหายใจยาวๆอีกรอบ

“ลืมอะไรไหม”
“ไม่อ่ะ” ผมหันไปมองคุณแฟนที่สุดแสนจะประเสริฐหอบของพะรุงรังอยู่ ตั้งแต่มาจนกลับแต็งค์มันไม่เคยปล่อยให้ผมได้ลำบากเลย จะทำอะไรมันก็คอยทำให้ เดี๋ยวทำนั่นทำนี่ให้โดยไม่ต้องร้องขอ วาสนาจริงๆ “รักแฟนจัง”
“หึหึ” ผมเอามือไปคล้องแขนมันไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ช่วยถือของไปด้วย “อาทิตย์หน้าไปบ้านกัน พ่อกับแม่ถามหาแล้ว”
“กลายเป็นลูกรักไปแล้วหรอเนี่ย” จุ้บ แต็งค์มันก้มหน้ามาจุ้บเบาตรงๆหน้าผากของผม
“เป็นที่รักของคนทั้งบ้านไปแล้ว”
“คิคิ” ผมสบตากับแต็งค์ มองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นก็รับรู้ได้ทันทีว่าแต็งค์มันมีความสุขมากแค่ที่ไหน สำหรับเราผมรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะมาถึงจุดนี้ได้ แต่ก็เพราะเราต่างคนต่างพยายามที่จะเข้ามาในโลกของกันและกัน ซึ่งในโลกของเราก็ไม่ได้มีแค่ผมกับแต็งค์ แต่มีเพื่อน มีพี่ๆ มีครอบครัว ถึงแต็งค์จะไม่ใช่คนชอบพูดชอบอธิบายอะไร แต่ผมรู้ว่ามันก็พยายามอย่างมาเหมือนกันเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ได้รับกการยอมรับจากทั้งโลกของผม และโลกของมัน ไม่ใช่แค่เพื่อรักกัน แต่เพื่อปกป้องความรู้สึกของกันและกัน และก็เพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน แรกๆมันอาจจะยากและดูน่าถอดใจไปหมด แต่เพราะว่าอยากมีกันอยู่ในชีวิตจริงๆ เราเลยผ่านมาได้ และผมก็เชื่อว่าเราสองคนจะผ่านมันไปอย่างดีขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ ไปซัก 10 ปี 50 ปี หรือซัก 100 ป-

“ไอ้น้ำโว้ยยยย แวะไหนอีกป่าววะ” เหอะ พี่น่านขัดมูดกูมากเลย
“จะแวะไหนก็แวะ!!” ผมตะโกนกลับไปอย่างเหลืออด
“หึหึ” ไอ้แต็งค์ที่คงรู้ว่าผมหงุดหงิดเอามือมาลูบหัวลูบหลังปลอบใจ “พี่แกไม่ได้ตั้งใจ”
“พี่มันตั้งใจ...” ผมหรี่ตาไปทางพี่น่านอย่างจับผิด ส่วนพี่มันก็ตีหน้ามึงไม่รู้ไม่ชี้
“น้ำ ถ่ายรูปรวมกันดีไหมวะ”
“ดีๆ” พี่นนท์ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้มาเสนอหน้าตอบมา มาพร้อมกับ
“หวัดดีครับพี่ปัณณ์/หวัดดีครับ/พี่ปัณณณณณณ” ผม แต็งค์และไอ้เหน่ง เอ่ยทักคนที่เดินมาพร้อมกับพี่นนท์ด้วยรอยยิ้มเชิงแซว
“หวัดดีครับ” ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มและเสียงนุ่มอ่อนโยน
“เมื่อวานเห็นแวปๆแต่ก็ไม่ได้เข้าไปทัก มัวแต่วุ่นวายกับไอ้พวกนี้” ผมบุ้ยปากไปทางพวกเพื่อนที่กำลังแกล้งกันอย่างสนุกสนาน
“ไม่เป็นไรๆ” พี่แกโบกมือไปมา พร้อมหัวเราะน้อยๆ “เมื่อวานพี่ก็เละมาก ดีแล้วจะไม่เห็นพี่สภาพนั้น”
“เละอะระ ออกจะน่ารั-” พี่นนท์
“พี่ปัณณณณณณณ” มาแล้วไอ้พวกตัวเสือก เตรียมวุ่นวายเลยมึงไอ้พี่นนท์
“พี่ปัณณ์ กินอะไรยังครับ”
“พี่ปัณณ์หิวน้ำไหม”
“พี่จะกลับรถใครอะ” ผมเสมองพี่นนท์ที่มันเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิดใจ ก็อดขำไม่ได้ ไงมัน แกล้งคนไว้เยอะ โดนซะบ้าง
“กลับกับผมได้น-”
“เค้ากลับกะกู ไอ้พวกเวร!!!” พูดจบพี่มันก็ดึงแขนพี่ปัณณ์มาอยู่ใกล้ๆพร้อมชี้หน้าคาดโทษไอ้พวกเพื่อนตัวดีของผมทุกตัว
“โห้ย ขี้หวง” เสียงไอ้ไม้บ่นอุบ
“เดี๋ยวมึงจะโดนอีกตัวไอ้ไม้” แล้วพี่มันก็ผลักหัวไอ้ไม้ไปอย่างไม่จริงจังทีนึง ทำเอาเรียกเสียงหัวเราะจากพี่ปัณณ์ และจากทุกคน โดยเฉพาะพี่น่านกับพี่แทนที่ดูจะสะใจสุดๆ
“ดูท่าแล้ว น้องมึงได้เป็นหมาอย่างสมบูรณ์แล้วว่ะไอ้น่าน”
“เออ” พี่น่านมันตอบแค่นั้น แล้วก็ส่ายหัวพร้อมอมยิ้ม ก็แหงแหละเห็นพี่นนท์มันแดรดแด๋แบบนั้น มันเคยคบใครที่ไหน คุยกับใครแปบๆ มันก็เขี่ยเค้าทิ้งแล้ว ส่วนคนนี้ผมบอกเลยว่าของจริง ได้เป็นหมาสมใจพี่แทนกับพี่น่านแล้วแหละมึงไอ้พี่นนท์
“มาๆ มาถ่ายรูปรวมกันไว้เป็นที่ระทึกหน่อย” เสียงไอ้เหน่งตบมือเปาะเรียกทุกคน
“ที่ระทึกก็มาว่ะ”

โพล๊ะ

“มึงอ่ะรีบมาเลยไอ้ห่าอาร์ท” ประเคนฝ่ามือจบมันก็ดึงไอ้อาร์ทมันจัดแจงเตรียมตัวยืนถ่ายรูป
การถ่ายรูปรวมครั้งนี้ค่อนข้างจะวุ่นวายเหมือนเดิม เหมือนเดิมจริงๆ จนอดหัวเราะเบาๆไม่ได้ ผมหันมองภาพความวุ่นวายตรงหน้า ที่ไอ้ไม้พยายามจะไปยืนข้างๆพี่ปัณณ์ส่วนพี่นนท์มันก็ทั้งผลักทั้งเอาตีนเขี่ยไอ้ไม้ให้ออกไปไกลๆพี่ปัณณ์จนไอ้เหน่งต้องเป็นคนรับจบดึงไอ้ไม้มาล็อคคอไว้อยู่ข้างตัว แล้วก็ไอ้แคมป์ ไอ้เทมส์ ไอ้บิว ที่ยืนยิ้มแฉ่งอุ้มไอ้โชคในท่านอนหงาย หันมาทางไอ้อาร์ทกับไอ้โต้งที่โพสท่ากวนๆแบบยอดมนุษย์เตรียมออกบิน แล้วมองเลยไปที่พี่นานกับพี่แทนที่ทำท่าแอคอาร์ทกอดอีกอย่างหนุ่มวัยรุ่นปลดเกษียณ ส่วนผมกับแต็งค์อ่ะหรอ
“ไอ้แต็งค์!! มึงกอดเอวน้องกูทำไม” นั่นไงทำตัวเป็นคนขี้โวยวายแล้วหนึ่ง
“แฟนผม”
“แต่น้องกูไง!”
“พี่นนท์ พี่ก็เลิกลู่ลี่มันซักที” ไอ้ไม้ที่พูดไปขำไป ส่ายหน้าไปด้วยอีก
“วุ่นวายกว่าใครพวกเลยมึง” พี่น่านบ่นแบบไม่จริงจัง อมยิ้มนิดๆ
“คิดผิดจริงๆที่เอามันมา” ผมก็ร่วมผสมโรงด้วยอีกคน จนพี่นนท์มันโวยวายอีกยกใหญ่
“พี่น่าน นี่กูน้องมึงนะ” แล้วก็หันมาทางผม “น้ำนี่กูพี่มึงมึงนะ”

ฮ่าๆๆ

ก๊ากกกกกก

แล้วพวกเราก็พากันหัวเราะเฮโลครั้งใหญ่ที่พากันรวมหัวแกล้งพี่นนท์มันได้

“เอาละนะ 1   2   3” เสียงรุ่นพี่ที่เราขอแรงให้มาช่วยถ่ายรูปให้ตะโกนบอก

แชะ

แชะ

แชะ

แล้วก็อีกหลาย แชะ

ก่อนลา ก่อนจะผ่านคืนนี้
แค่ได้มีความสุข แค่นี้ก็มีแรงใจ
เอ่ยแค่เพียงคำลา สักวันจะกลับมา
ไม่ว่ายังไง เรายังจะกลับมาพบกัน
ก่อนลา เราเป็นเพื่อนกันแล้ว
ไม่ว่านานเท่าไร ยังไงก็เป็นเพื่อนกัน
เอ่ยแค่เพียงคำลา พ้นข้ามคืนนิทรา
ไม่ว่ายังไง เรายังจะกลับมาพบกัน

(เพลง ก่อนลา โดย วสันต์17)
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 19.1
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 09-04-2024 13:18:42
Episode 19 เธอทั้งนั้น (1/2)

[Part Teetuch Thank]


“สวัสดีครับแม่”
“ครับมาพอดีเลย ขอกอดหน่อย” ไอ้ตัวดีมาถึงก็ได้รับความรักจากแม่ผมทันที
“พี่น้ำ!! ขอกอดด้วย” จากน้องสาวผมด้วย “คิดถึงจังเลยอ่ะ”
“คิดถึงแม่ กับแตงกวาเหมือนกัน”
“หวัดดีครับแม่”
“เอาอะไรมาเยอะแยะน่ะแต็งค์” และพึ่งจะหันมาสนใจผม
“น้ำซื้อมา” ผมวางของที่พะรุงพะรังไว้ที่โต๊ะไม้ในครัว “เห็นบอกว่าอร่อยอยากให้ทุกคนได้กิน”
“พี่น้ำนี่น่ารักที่สุด”
“ขี้อวย” พร้อมกับดีดหน้าผากน้องสาวตัวเองไปที
“ขี้อิจฉา” ส่วนตัวต้นเรื่องก็แอบมาเหน็บแนมผมต่อ “พ่อไปไหนหรอครับ”
“เห็นชวนปู่ไปหาซื้อพวกอาหารทะเลมาไว้ปิ้งย่างตอนเย็นน่ะจ้ะ” แม่ผมตอบไปมือก็พลางจัดขนมที่ซื้อมาใส่จาน
“เดี๋ยวผมช่วยครับแม่”
“ไม่เป็นไรๆ” แม่ผมโบกมือไปมาเป็นการบอกว่าไม่ต้องช่วย “เดี๋ยวน้ำไปช่วยแต็งค์ด้านบนดีกว่าลูก เดี๋ยวทางนี้ให้แตงกวาช่วย เรื่องขนมนี่งานถนัดเค้าเลย”
“ครับ” น้ำมันพยักหน้าตอบรับแม่ผม แล้วก็หันมาหรี่ตาใส่ผมอย่างเอาเรื่อง “ทำไมต้องไปข้างบน ข้างบนมีอะระ”
“มีเตียง”
“แต็งค์!!” นอกจากจะถลึงตาใส่แล้วมันยังแอบหยิกผมอีก แต่ผมก็ยอมเค้าแต่โดยดี “ไม่ต้องมาขำ”
“ข้างบนมีเตาย่างไฟฟ้า” พูดจบผมเอื้อมมือไปลูบหัวคนขี้โวยวายให้หายหงุดหงิด “แตงกวาแอบทำปิ้งย่างคนเดียวบนห้องไม่ยอมเอาลงมา” พอรู้ว่าต้องไปทำอะไรข้างบนจริงๆคนตรงหน้าผมก็หน้าโล่งอกจนผมอดขำอีกรอบไม่ได้
“ขำไร” ถลึงตาใส่อีกรอบ
“หึหึ”
“เดี๋ยวจะโดน” พร้อมชี้นิ้วคาดโทษ

ผมจูงมือน้ำขึ้นมาบนชั้นสองของบ้าน เพื่อมาเอาเตาปิ้งย่างในห้องแตงกวา แต่ความจริงผมมีจุดประสงค์มากกว่านั้น ที่ชวนน้ำมาบ้านครั้งนี้ผมตั้งใจว่าจะให้เค้าได้รู้อะไรบางอย่างที่ผมเก็บงำมานานพอสมควร ผมเลยจูงมือน้ำเข้ามาในห้องนอนของผมทำทีเป็นหาของ แล้วก็ให้น้ำมันช่วยหา

“อาจจะอยู่ในกล่อง”
“กล่องไหนอ่ะ”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้แล้วจะหาเจอไหมเนี่ย” น้ำที่เริ่มจะหงุดหงิดกับหาของที่ไม่รู้ว่าอะไร หน้านี่ยุ่งเป็นแมวอารมณ์เสียเลย แต่จะให้หงุดหงิดแค่ไหน มันก็ยังก้มๆเงยๆหาของอยู่จน...

ปึก

พรึบ

ฝากล่องสี่เหลี่ยมใบใหญ่ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว แต่กว่าจะวางฝากล่องได้มันช่างเชื่องช้าเหลือเกิน ราวกับว่ามือคนที่ถือฝากล่องนั้นถูกทากาวติดไว้ จังหวะการหายใจติดขัดไปชั่วขณะกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า รูปถ่ายมากมายในกล่อง เป็นรูปของชายหนุ่มวัยใสเพียงคนเดียวทุกรูป แต่กับถูกถ่ายในอิริยาบถต่างๆ ในช่วงเวลา ในสถานที่ ในความรู้สึกที่ไม่ซ้ำกัน ชายหนุ่มที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับในรูป นั่งจับรูปถ่ายแต่ละใบออกมาดูด้วยความรู้สึกที่อีกคนข้างกายก็เดาไม่ได้เหมือนกันว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ เขาจึงทำได้เพียงแอบสังเกตอาการของคนรักอยู่ใกล้ หากเกิดอยากถามอะไร เขาก็พร้อมจะตอบในทุกคำถามของคนรัก

“รูปใบนี้…” ดวงตาคู่สุกใสจ้องมองคนในรูปที่ยิ้มร่าอย่างมีความสุข มือข้างหนึ่งถือไมค์โครโฟน ส่วนมืออีกข้างยกโบกไปมา ไม่ต้องเดาให้ยากเย็นก็รู้ว่ากำลังขับร้องเพลงใดซักเพลงอยู่ หากเป็นคนอื่นเพียงเห็นแค่ภาพก็คงไม่รู้อาจรู้หรอกว่าคนในรูปขับร้องเพลงอะไร คงจะมีแค่คนที่อยู่ในรูปนั่นแหละที่จำได้ว่า “เป็นครั้งแรกที่กูยอมขึ้นไปร้องเพลงบนเวที” และคงจำความรู้สึกนั้นได้ดี “กูตื่นเต้นมาก” ทางฝั่งคนรักที่เฝ้าสังเกตอาการมาสักพักไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร เพราะปล่อยให้อีกคนได้จมจ่อมอยู่กับรูปภาพเหล่านั้น เขาทำแค่เคลื่อนกลายเข้าไปใกล้ชิด วางคางไว้บนบ่าราวกับออดอ้อนเจ้าของบ่าว่าอย่าถือโทษโกรธเขาที่แอบถ่ายรูปภาพต่างๆของเจ้าตัวเก็บไว้เยอะมากมายขนาดนี้ “เพลงแรกที่ขึ้นไปร้องอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ”
“เธอทั้งนั้น...”
“คิคิ ทำไมจำได้” ถึงจะพูดไปหัวเราะไป แต่ในแววตากับเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา แต่มันเป็นน้ำของความดีใจที่มีใครซักคนจดจำเรื่องราวของเราได้แม้มันว่าจะผ่านมาจนบางทีตัวเองก็เกือบจะลืมไปแล้วถ้าไม่ได้เห็นรูปภาพรูปนี้เสียก่อน
“มันเป็นวันแรกที่เราเจอกัน” เจ้าของประโยคพูดไป มือก็รวบกอดคนที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนเขาแล้ว “ไม่สิ ตอนนั้นน้ำไม่เห็นแต็งค์” พูดไปก็หวนนึกถึงเรื่องราวในความทรงจำไป “มีแค่แต็งค์ที่คอยมองหาน้ำ”

รู้ไหมว่ามันดียังไง และรู้ไหมว่าสุขใจเพียงใด
รู้ไหมว่าชีวิตเก่าๆ ของฉันนั้นเปลี่ยนไปเท่าไหร่


คนที่ตื่นกลัวเวที คนที่ไม่ชอบทำอะไรต่อหน้าคนเยอะแยะ ตอนนี้ต้องมายืนยิ้มแฉ่งอยู่ต่อหน้าคนเป็นพันๆคน

รู้ไหมว่าก่อนจะเจอเธอ รู้ไหมฉันเคยเป็นยังไง
รู้ไหมการที่ได้เจอเธอ นั้นช่างยิ่งใหญ่สักเท่าไหร่


ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงวิ่งหนีลงเวทีไปแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่

เธอ... เธอทั้งนั้น ที่ทำ.ให้ช่วงชีวิตของฉันน่าจดจำ
ตั้งแต่ได้เจอเธอ


เพราะมันคือสิ่งเขาชอบ และทำให้เขามีความสุข

โลกที่เคยมองดูซึมเซา โลกที่มีแต่ความว่างเปล่า
ฟ้าทึมๆ และวันเศร้าๆ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ได้


มีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มที่แตกต่างของคนที่มาฟังเสียงร้องของเขา เสียงท่วงทำนองดนตรีที่เพื่อนเขาบรรเลง

ขอบคุณสรวงสวรรค์ ให้เราได้เจอะกัน
ขอบคุณคนบนนั้น ที่ทำให้ฉันได้พบเธอ
ขอบคุณทุกเรื่องราว
ต้นเหตุที่ในวันนี้ฉันนั้นได้เจอ เธอ (สุดที่รัก)


โดยรอยยิ้มทั้งหมดด้านหน้าเวทีเขาเห็นเพียงแค่ภาพรวมเท่านั้น ไม่ได้เห็นเจาะจงจนครบทุกรอยยิ้ม เขาไม่รู้หรอกว่าตัวเขานั้นพลาดที่จะได้เห็นรอยยิ้มจากคนที่ร้อยวันพันปีไม่คิดแย้มมันออกมาให้ใคร แม้แต่ครอบครัว คนที่มักจะตีหน้านิ่งขรึมไม่พูดไม่สนทนากับใคร แต่วันนี้กับยิ้มออกมาราวกับว่ามีความสุขนักหนา แม้จะเป็นรอยยิ้มน้อยๆที่แทบจะสังเกตไม่เห็นก็ตาม แต่เชื่อไหมว่าเจ้าตัวกับรับรู้ได้ว่า เพียงแค่เห็นชายหนุ่มที่ขับร้องเพลงอยู่บนเวทีด้วยรอยยิ้มที่แสนเจิดจ้า เขากับมีความสุขและอยากจะยิ้มตามไปด้วยเสมอ ทำไมหัวใจของเขาถึงได้เต้นแรงจนน่ากลัวขนาดนี้กันนะ

แชะ

“ไอ้แต็งค์ๆๆ จะมาดูดนตรีไม่บอกกันบ้างวะ”
“เออ พวกกูตามหากันให้ทั่ว”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
“น้ำแม่ง เพอร์เฟ็คแมนชิบหาย” เพื่อนคนนี้ยกแขนขึ้นมาคล้องคอเขาอย่างถือวิสาสะ หากเป็นคนอื่นเขาคงได้สะบัดทิ้งแล้วเดินหนีไปแล้ว ด้วยนิสัยโลกส่วนตัวสูงและไม่ค่อยชอบให้ใครมาถูกเนื้อถูกตัวเกินความจำเป็น แต่นี่มันคือเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กและมันค่อนข้างรู้นิสัย รู้ใจเขาดี เขาเลยเลือกที่จะปล่อยผ่าน
“หน้าตาดี บ้านรวย เรียนก็เก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง ยังจะเสือกร้องเพลงเพราะอีก” เพื่อนอีกคนก็ร่วมวงสนทนาด้วย
“พวกมึงรู้จักหรอ” เขาเอ่ยถามอย่างสนใจ
“เอ้า ใครจะไม่รู้จัก”
“นั่นคนดังในโซเชียลเลยนะเว้ยไอ้แต็งค์” ไม่พูดป่าวยังผลักหัวเขาราวกับหงุดหงิดที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร “มึงไปอยู่ไหนมาวะเนี่ย”
“มึงก็รู้ว่ามันไม่เล่นโซเชียล วันๆอ่านแต่หนังสือกับเรียนพิเศษ อ่ะ กูแถมเตะบอลให้อีกหนึ่ง”
“วิถีลูกผู้ดี สัดๆ” ว่าจบก็ยกโทรศัพท์มือถือที่เปิดหน้าโซเชียลหน้าหนึ่งไว้  พร้อมกับสาธยายไปเรื่อยเปื่อยให้เขาฟัง “เนี่ยคนนี้อ่ะ เค้าชื่อน้ำ เรียนรุ่นเดียวกับเรา อยู่โรงเรียน@#$%^&*()_+” และเรื่องราวอีกมากมายเกี่ยวกับคนๆนั้นที่เค้าไม่เคยรู้จักมาก่อน หูก็ฟังเก็บข้อมูลที่เพื่อนเล่า ส่วนตาก็มองจ้องบนเวทีที่มีคนๆนั้นกำลังขับร้องเพลงและหยอกล้อกับเพื่อนที่เล่นดนตรี



ร่างสูงขาวนอนแผ่หราอยู่กลางเตียง ใบหน้าเต็มไปด้วยเรื่องราวที่คิดไม่ตกมากมาย ในมือถือโทรศัพท์เปิดหน้าโซเชียลหน้านึงไว้ คล้ายตัดสินใจอะไรบ้างอย่างอยู่แต่ตัดสินใจไม่ได้สักที แต่แล้ว.... 

- ส่งคำร้องขอเป็นเพื่อนเรียบร้อย –


จากนั้นเขาก็เฝ้าติดตามคนๆนี้เรื่อยมา บางครั้งก็คิดว่าตัวเองทำตัวน่ากลัวเหมือนพวกสตอล์คเกอร์ที่คอยตามแอบถ่ายรูปคนๆนั้น แต่พอจะให้เข้าไปทักทายทำความรู้จัก ตัวเขาเองก็ไม่กล้า เพราะเขาพูดไม่เก่ง เข้าหาคนไม่เป็น ไม่ใช่ว่าเขาไม่พยายามนะ เขาเคยลองแล้ว แต่มัน...

“หวัดด-”
“ไอ้น้ำ พี่น่านมารับแล้วมึง”


“น้ำ คือเร-”
“วันนี้พ่อป่วย ต้องรีบไปโรงบาล”


“เราชื่อแ-”
“น้ำ แดกข้าวกัน หิวชิบหาย”



และอีกหลายๆครั้งที่เราได้เจอกัน เกือบจะได้รู้จักกัน แต่ไม่เป็นผล เพราะมีแค่เขาที่เห็นน้ำอยู่ฝ่ายเดียว แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ยังคงติดตามน้ำไปเรื่อยๆ และยังเชื่อว่าซักวันจะได้เข้าไปทำความรู้จักกัน แค่เพียงได้รู้จักกันเขาก็พอใจแล้ว





โดย  อีช้อย
หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 19.2
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 09-04-2024 13:26:56
Episode 19 เธอทั้งนั้น (2/2)

[Part Teetuch Thank]


2 ปีผ่านไป


“น้ำ มันจะไปสอบเข้ามอ@#$^%^&&*(*  ตามพี่ชายมันว่ะ เห็นไอ้เหน่งมันว่า”
“มอนั้นแม่งสอบเข้ายากชิบหายเลยนะ”
“มึงไม่ต้องไปซีเรียสแทนเค้าหรอก มาซีเรียสที่เรียนตัวเองนี่”
เขาที่ผ่านไปได้ยินบทสนทนาของพวกเพื่อนที่โรงเรียนน้ำพอดี เลยมาเสิร์ชหาข้อมูลของมหาลัยที่คนๆนั้นจะไปเรียนต่อ นี่อาจจะเป็นโอกาสที่เขาจะได้เข้าไปทำความรู้จักกัน



“แทนกินไรมายังลูก”
“เรียบร้อยแล้วครับน้ากิ่ง” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เอ่ยตอบ ตาก็พลางมองไปรอบๆ “แต็งค์ยังไม่กลับบ้านหรอครับ”
“รายนั้นน่ะ ค่ำทุกวัน” พูดจบก็วางจานขนมลงบนโต๊ะรับแขก “ช่วงนี่เรียนพิเศษหนัก เห็นคุณปู่บอกว่าเจ้าตัวเค้ามุ่งมั่นจะเข้ามหาลัยนั้นให้ได้”
“แอบหัวแข็งเหมือนกันนะครับ” ว่าแบบไม่จริงจังนัก
“แต็งค์น่ะ ถ้าตั้งใจทำอะไรแล้ว เค้าเต็มที่ตลอด” พูดไปก็หัวเราะน้อยๆไปด้วย “นั่นไง มาพอดีเลย”
“ไง ไอ้แต็งค์ หนักนะเนี่ย” เอ่ยทักอย่างสนิทสนม
“มาทำไม”
“อ่าว นี่กูพี่มึงนะ” พูดพร้อมหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของอีกฝ่ายอยู่แล้ว ด้วยรู้นิสัยกันดี และรู้ดีว่าอีกฝ่ายเจออะไรมาบ้าง ถึงได้ไม่สน ไม่แคร์ใคร ขึ้นเรื่อยๆถึงขนาดนี้ จะมีสนก็คงแค่คนๆนั้นคนเดียวแหละที่เขาพอรู้
“เดี๋ยวแม่ไปในครัว นั่งคุยกันไปนะ”
“เรื่องน้ำ...” ถ้าเป็นเรื่องของน้องชายคนนี้ เขามั่นใจว่าเขารู้ทุกเรื่อง แม้เจ้าตัวจะไม่ได้บอกเล่าเองแต่คนเป็นแม่ที่มีศักดิ์เป็นน้าเขานั้นช่างห่วงลูกชายยิ่งเสียกว่าอะไร เลยยอมเปิดปากเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังเพื่อจะได้เป็นอีกคนที่ลูกชายนั้นกล้าจะพูดคุยและปรึกษาเรื่องหัวใจได้นอกจากปู่ เพราะตัวของผู้เป็นพ่อนั้นยังต้องใช้เวลาเรียนรู้อีกสักพัก ส่วนตัวของคนเป็นแม่นั้นพร้อมที่จะเข้าใจลูกเสมอเพียงแต่ว่าช่วงสองปีก่อนหน้าเธอได้ทำพลาดครั้งใหญ่ที่คว้ามือลูกชายไว้ไม่ทัน จนลูกชายไม่แม้แต่จะพูดถึงเรื่องนี้กับเธอเลย กลายเป็นปมก้อนใหญ่ทั้งในใจเธอ สามี และลูกชายมาตลอด เธอจึงขอความช่วยเหลือจากพี่ชายคนนี้จะได้ช่วยให้ลูกชายสมหวัง ไม่ใช่เพื่อเป็นการไถ่โทษแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเธอนั้นเลือกที่อยู่ข้างลูกชายและเลือกความสุขของลูกชายเป็นที่ตั้ง
“เดี๋ยวพ่อมา ก็บ้านแตกอีก”
“คนอย่างมึงเนี่ยนะกลัว” เลิกคิ้วไม่ได้สงสัยแต่ยียวนกวนประสาท “กูบอกแล้วว่าเดี๋ยวกูจัดการให้ ก็ไม่เอา”
“อยากรู้จักเค้าด้วยตัวเองมากกว่า”
“มึงเป็นพระเอกนิยายรึไง”
“ถ้าให้พี่ช่วยขนาดนั้น” เค้านึกถึงใบหน้าของคนที่อยู่ในใจเขามาตลอด “กลัวเขาจะอึดอัด”
“ชอบขนาดนั้นเลยหรอวะ” เขาไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้ารับ “งั้นกูบอกล่วงหน้าไว้เลย งานนี้ไม่ง่าย”
“ทำไม”
“ก็คนชอบน้ำมันตั้งเยอะป่าววะ” พูดพร้อมถอนหายใจออกมา “ถึงมึงจะหล่อ ขาว สูง แค่ไหน แต่มึงอย่าลืมว่าน้ำมันก็เป็นผู้ชายเหมือนมึง” ทันทีที่เห็นน้องชายทำหน้าเศร้า นี่เขาอาจจะใช้รูปประโยคที่รุนแรงจนไปสะกิดแผลเก่าของน้องชาย “กูไม่ได้ว่าการที่มึงชอบผู้ชายมันเป็นเรื่องผิดหรือเรื่องร้ายแรงนะไอ้แต็งค์” เขาลุกจากที่นั่งที่เดิมเพื่อไปนั่งข้างน้องชายและกอดคอมันไว้หลวมๆ “แต่กูเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายเค้า เห็นเค้ามาตั้งแต่เล็กเหมือนที่เห็นมึงมา เค้าเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาๆ ที่ออกจะดื้อเลยด้วยซ้ำ แล้วเค้าก็ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีความรัก นี่อาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับเค้า ที่กูดึงดันจะช่วยมากกว่าให้มึงหาวิธีเองก็เพราะเรื่องนี้ กูไม่อยากให้มึงเสียใจ รึว่ามีอะไรไปกรีดซ้ำแผลมึงเพิ่ม กูเป็นพี่มึงนะแล้วก็เป็นเหมือนพี่เค้าอีกคน อย่างน้อยความสัมพันธ์ของพวกมึงอาจจะไม่ถึงขั้นคบกัน แต่มึงอาจจะเป็นเพื่อนที่เจอหน้ากัน ทักทายกัน ยิ้มให้กัน รึนานทีปีหนไปกินข้าวด้วยกัน ก็ยังดีไม่ใช่หรอวะ” ว่าแล้วเขาก็ถอนหายใจยาวๆอีกรอบ “มึงมันเข้าหาคนไม่เป็น แล้วเสือกเป็นประเภทปากตรงกับใจเกินไป หน้าก็ไม่รับแขกอีก ยังไม่ทันรู้จักหรอก แค่มึงเข้าทำท่าทำทางเลิกลั่กใส่เขา ไอ้นนท์ ไอ้น่านมันได้ดีดมึงออกจากวงโครจรแน่ๆ” ส่ายหัวไปพลางๆ
“แล้วต้องทำยังไง”
“อย่างน้อยก็ต้องบอกไอ้น่าน” เมื่อได้ยินประโยคนั้นอีกฝ่ายก็เลิกตาโต และมีอาการลุกลี้ลุกลนไปหมด ราวกับคนที่กำลังทำความผิดแล้วเจอจับได้ซะงั้น
“แล้วพี่เค้า..”
“ไอ้น่านมันเป็นคนมีเหตุผล” เขาตบบ่าน้องชายเบาๆ “แล้วอีกอย่างกูก็จะบอกมันแค่ว่ามึงไว้ใจได้ ที่เหลือมึงลุยเอง”ไม่วายตบท้ายอีกประโยคยาวๆ “ลุยในที่นี้มึงก็ต้องสังเกตเค้าด้วย ถ้าเค้าโอเคกับสิ่งที่มึงทำมึงก็ค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ ถ้าเค้าไม่ มึงก็ต้องถอย มึงต้องเข้าใจเค้าให้มากๆ มึงคิดว่าไง”
“สำหรับผม” เขาก้มลงมองมือตัวเองที่วางประสานกันด้วยท่าทีประหม่าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “แค่ได้รู้จักกันก็เกินความคาดหวังแล้ว”
“มักน้อยว่ะ” ใช่ เขามันมักน้อย จะให้โลภมากได้ยังไง ในเมื่อแค่เข้าไปทำความรู้จักกันเขายังปล่อยให้เวลามันเลยผ่านมาสามปี จะให้หวังมากกว่านั้นมันก็เกินตัวไปไหม




“นี่ไง ไอ้แต็งค์ น้องกูที่เคยเล่าให้ฟัง”
“เออ หน้าดีใช้ได้” เอ่ยพร้อมมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วจ้องเข้าไปในดวงตา “มึงคิดผิดแล้วที่ชอบน้องกู”
“ไม่ผิดครับ”
“เหอะ น้ำอ่ะทักษะการใช้ชีวิตมันติดลบเลยนะ” มองหน้าแบบลองเชิงอีกฝ่าย
“ไอ้น่าน น้องกูมึง” ผู้เป็นพี่เอ่ยปรามเพื่อนอย่างหวาดหวั่น นี่หากมีมีดมันคงเอาออกมาแทงกันตรงหน้าเขาแล้ว
“บอกตามตรง กูไม่ได้เป็นพวกปิดกั้นเรื่องเพศ เพื่อนกู คนที่กูรู้จัก ก็มีหลากหลายเหมือนกัน กูพอจะรู้เรื่องความหลากหลายทางเพศมาไม่น้อย เพราะงั้นตอนไอ้แทนเล่ากูก็ไม่ได้ถึงขั้นไม่โอเค กูยอมรับได้ แต่กูก็รักน้องกูมาก” เขารู้ว่าเพื่อนเขาเป็นมีเหตุผลเสมอ และรู้ว่าทั้งหมดที่พูดมาก็เป็นการชี้แนะน้องชายเขาไปในตัวว่าควรไปยังไงต่อกับน้องชายเจ้าตัว “น้องกูมันไม่มีประสบการณ์เรื่องความรัก”
“ผมก็ไม่มี” เขาเอ่ยพร้อมกับจ้องไปในดวงตาของอีกฝ่ายเพื่อแสดงความจริงใจออกไป “แต่ผม...ถ้าตั้งใจทำอะไรผมทำมันออกมาได้อย่างดีทุกครั้ง แล้วอะไรที่ผมไม่มั่นใจผมจะไม่มีวันพูดออกมา” แทนพยักหน้าส่งสัญญาณเป็นนัยบอกเพื่อนว่า น้องชายเขาไม่มีทางพูดอะไรออกไปพล่อยๆ
“กูจะไม่ขวาง แต่มึงก็ต้องเข้าใจน้องกูให้มากๆ ถ้ามันไม่โอเค มึงต้องถอย”
“ครับ สำหรับผมแค่ได้เป็นที่เขารู้จัก เจอหน้ากันแล้วจำชื่อผมได้ ผมว่ามันเกินความคาดหวังของผมแล้ว”
“เออๆ งั้นมึงก็พยายามเอาเองแล้วกัน” พูดจบเขาก็โบกมือไปมาคล้ายไม่ใส่ใจ แต่ในใจกับคิดว่าไอ้เด็กนี่แววตาท่าทางมันดูจริงใจดี แล้วยิ่งเพื่อนเขาเอาหัวตัวมันเป็นประกันแทนน้องชายมันแล้ว เขาที่คบกับมันมาตั้งแต่ประถมเขารู้จักเพื่อนเขาดี และเขาก็เชื่อใจมันมาก แต่ถ้าเกิดน้องเขาเสียใจหรือไม่สบายใจเพราะน้องชายของมันเมื่อไหร่ เขาเอามันตายทั้งพี่ทั้งน้องแน่
“ไม่ช่วยซักหน่อยหรอวะ” แทนเอ่ยถามเชิงหยอกเพื่อนตัวเอง
“กูไม่ช่วย ไม่มีทาง”
“ครับ”
“ไอ้แทน น้องมึงกวนตีนกู”
“เห้ย ไม่ใชอย่างนั้นๆ”
“ครับ ผมแ-”
“นั่นไง มันเอาอีกแล้ว”
“ไอ้น่าน มึงใจเย็น”



“ไหนบอกไม่ช่วยไงวะ” เขาคลี่กระดาษที่เพื่อนให้มา ในนั้นเขียนอะไรมาไม่รู้ยึกๆยือๆ แต่พออ่านจับใจความได้ว่า “วิศวะ เอกไฟฟ้า” จนเขาถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมากับความปากไม่ตรงกับใจเพื่อนเขาที่บอกว่าไม่มีทางช่วย แต่ก็แอบส่งข่าวคราวให้ตลอด
“กูแค่สงสาร” เขาได้แต่แอบกลั้นขำ
“ขอบคุณครับ”
“เออๆ กูเห็นไอ้แทนบอกว่าจะสอบเข้ามอเดียวกัน กูเลยไม่อยากให้ไปงมหาเอง”
“หรา”
“เออ” เอาขนมขว้างใส่เพื่อนเสร็จก็หันมาสนใจอีกคนต่อ “แล้วมึงจะเรียนอะไร”
“อ่า ที่ตั้งใจไว้ ก็วิศวะ เอกโยธา ครับ จะได้มาช่วยงานที่บ้านด้วย”
“ดีๆ รู้จักคิดแต่เด็ก ไม่เหมือนพี่มึง”
“อ่าว ไหงแว้งมาโดนกูล่ะ”
“ไป กลับบ้านไปตั้งใจอ่านหนังสือสอบเถอะมึง”
“เรียนคณะเดียวกันงี้  ให้มาติวด้วยกันเลยดิ”
พลั๊วะ
“เสือก” เขาตบหน้าผากเพื่อนเสร็จ ก็ลุกจากโต๊ะไปที่อื่นทันที



คนที่ปากบอกจะไม่ช่วยอะไร แต่กับเป็นหูเป็นตาเป็นทุกอย่าง บอกคนที่มาแอบชอบน้องชายตัวเองไปทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องกิจกรรมที่ชอบทำ อาหารที่ชอบกิน แม้กระทั่งสิ่งที่ชอบเป็นพิเศษ ที่ยอมช่วยขนาดนี้ อาจเป็นเพราะความจริงใจ ความมุ่งมั่นของเด็กคนนี้มันเอาชนะใจเขาอย่างขาดลอย จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าน้องชายเขาชอบมันกลับ ถ้ามันได้สมหวังมันจะดีแค่ไหน แต่ถึงแม้มันจะไม่ได้ไปไกลถึงขั้นตกลงปลงใจคบกัน เขาก็เชื่อว่า ไม่ว่าในความสัมพันธ์ไหนเด็กผู้ชายคนนี้จะไม่มีวันทำร้าย หรือทำให้น้องชายเขาเสียใจอย่างแน่นอน เขามั่นใจว่าเขามองคนไม่ผิด



ชายหนุ่มวัยใสที่ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มมหาลัยเต็มตัวแล้ว ยืนเหม่อมองป้ายคณะด้วยความเรียบเฉยแล้วก้มลงมองถุงกระดาษสีน้ำตาลในมือที่ด้านในมีของขวัญที่เขาตั้งใจเลือกเป็นพิเศษและคิดว่าเหมาะกับคนรับแน่นอน แต่ที่ไม่มั่นใจนั่นคือจะนำของสิ่งนี้ไปให้ผู้รับอย่างไรโดยที่คนรับไม่ตื่นกลัว หรืองุนงง
 
คิดได้ดังนั้นจึงแอบเนียนว่าเป็นคนอื่นเอามาให้


“(ไอ้แต็งค์!! วันนี้เปิดร้านวันแรก)”
“(น้องกูมา)”
ไม่ต้องคิดหาคำพูดสนทนาใดๆต่อ เขาก็รีบวางสายและไปเตรียมตัวเพื่อจะไปเจอคนคนนั้นทันที



“ใครที่ได้ตัวเลขขึ้นด้วย 1 มาตรงนี้ 2 ไปตรงนั้น 3....” เสียงรุ่นพี่เอ่ยจัดแจงถึงสลากที่จับบัดดี้กัน หากใครที่ได้หมายเลขเดียวกันก็ต้องมาเป็นบัดดี้กัน คอยดูแลกันตลอดปีหนึ่ง
เขาคลี่มวนสลากหมายเลขออก แล้วมองไปทางคนนั้นที่ดูเหมือนจะเป็นที่สนใจของใครๆหลายคนเหลือเกิน ไม่ได้เขาจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้ เลยนึกถึงแผนการที่พี่ชายและพี่น่านช่วยคิด ทั้งสองบอกเขาว่าให้ไปหาเพื่อนสนิทของคนๆนั้นที่ชื่อเหน่ง เพราะสองคนนั้นสนิทกันมากและบอกกันทุกเรื่อง พี่น่านเองก็มั่นใจว่าน้องชายเจ้าตัวต้องไม่ยอมเป็นบัดดี้กับคนอื่นนอกจากเพื่อนสนิทแน่ๆ แต่พี่น่านก็ได้กำชับกับเพื่อนคนชื่อเหน่งไว้แล้วว่าเขาไว้ใจได้ แล้วถ้าพี่น่านเป็นคนเอ่ยขนาดนั้นแล้วเหน่งจะโต้แย้งได้อย่างไร ถึงจะกังวลและห่วงเพื่อนสนิทที่ทักษะการใช้ชีวิตไม่ได้เรื่องมากก็เถอะ แต่ก็ถือซะว่าให้เพื่อนได้สนิทกับคนอื่นๆบ้างมันจะได้ไปสร้างเรื่องปวดหัวให้คนอื่นนอกจากเขาบ้าง ถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยง
 “เหน่ง” เจ้าของชื่อหันไปมองด้วยรู้ถึงเหตุผลของการมาอย่างดีเพราะพี่ชายเพื่อนสนิทได้บอกเขาย้ำๆมาร้อยรอบแล้ว
“148 ของมัน”เขาพูดเสียงเรียบพร้อมสำรวจคนตรงหน้าไปด้วย “แต่มันหน้าจะอยู่ตรงพวกที่ได้สองร้อยกว่าๆ” จากที่รู้จากพี่น่านมาวันนี้เขาได้มาเห็นสีหน้าแววตาของไอ้คนชื่อแต็งค์แบบชัดๆ เขาก็เริ่มเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง มันคงพยายามมาอย่างมากเลยสินะ ถือซะว่าเห็นแก่ความพยายามของมันเขาจะช่วยแค่นิดๆหน่อยๆพอ “ที่เหลือมึงก็คิดเอาว่าต้องทำไง” พร้อมตบบ่ามันไปเบาๆ



พอได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทของน้ำแล้ว เขาก็รีบไปทำตามแผนการทันที เขารีบตามหาเพื่อนอีกคนที่ได้สลากหมายเลขเดียวกับน้ำ ยอมลงทุนใช้เงินในทางที่ผิดเพื่อให้ได้มา ได้แต่ทดไว้ในใจว่าหากมีโอกาสได้รู้จักกันแบบจริงๆจังๆแล้วเขาจะต้องบอกเรื่องนี้กับเจ้าตัวในซักวัน
“น้ำ” เขาเอ่ยเรียกคนที่กำลังมุ่งมั่นตามหาคนที่จับสลากหมาเลขเดีวกับเพื่อนสนิท “ไอ้เหน่งบอกว่า มึงได้หมายเลข 148”
“มึงมีอะไร” เจ้าตัวเอ่ยอย่างหงุดหงิดที่เขาคงทำให้เสียเวลากับภารกิจอยู่ เขาจึงยกกระดาษที่ม้วนยับๆยู่ยี่ที่แอบไปซื้อมาจากเจ้าของกระดาษสลากตัวจริงขึ้นโชว์
“148”



หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่เขาและพี่ๆ(ยกเว้นพี่นนท์)รวมถึงเพื่อนสนิทของเจ้าตัวที่ช่วยกันลิขิต  เขาและน้ำก็ได้รู้จักกันมากขึ้น เขาได้เห็นเจ้าตัวในมุมมองที่ใกล้ชิดขึ้น ได้รับรู้ความคิด ความเป็นตัวเองของเจ้าตัว และได้อยู่ในสายตาของน้ำอย่างที่คาดหวัง แม้ช่วงแรกๆอาจจะทุลักทุเลไปบ้าง แต่เพราะความช่วยเหลือจากทุกคน ทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและคนๆนี้ก็มาไกลจน.... เกินความคาดหวังไปเยอะเลย



“แล้วก็รูปนี้” คนที่ยังคงมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่ทุกครั้งที่เห็นรูปถ่ายตัวเองในอิริยาบถต่างๆ ยังคงหยิบรูปนั้นรูปนี้ขึ้นมาดูแล้วนึกถึงช่วงวัยนั้นของตัวเองโดยที่มีคนรักซบอิงอยู่ที่บ่าไม่ห่าง “ตอนนี้จบม.6แล้ว”
“หึหึ ทำหน้าภูมิใจอะไรขนาดนั้น”
“ก็พึ่งเคยจบม.6 ป้ะ” เขาไม่ตอบกลับอะไร ได้แต่เอาคางเกยบ่า แขนทั้งสองข้างก็โอบกระชับรอบเอวอยู่อย่างนั้น ยังคงฟังเจ้าตัวดูรูปไปบ่นไปเรื่อยๆ บางครั้งก็มีโต้ตอบกลับไปบ้างอย่างเช่น ตอนนี้ที่เจ้าตัวหยิบรูปถ่ายตอนวันจับบัดดี้ที่คณะขึ้นมา
“ตอนนั้น.. แต็งค์เอาเงินเก็บไปซื้อหมายเลขบัดดี้” เมื่อจบประโยคอีกฝ่ายเลิกตาโตอย่างตกตะลึง
“ทำขนาดนั้นเลย”
“ก็อยากอยู่ในสายตาไง”
“เดี๋ยวนะ” เหมือนเจ้าตัวจะนึกอะไรบางอย่างได้ “แล้วรู้ได้ไงว่าจับได้เบอร์อะไรอ่ะ” สายตาคาดคั้นที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยได้เห็นมาก่อน แต่พอมาเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะฟัดแก้มนุ่มๆนั่นไปหนึ่งที “เล่ามาให้หมดเลย” พูดไปก็เบะปากน้อยๆไป
“คือ... จะเริ่มยังไงดี อ่า  ตอนนั้นแต็งค์อยู่ ม.4..” เขาเริ่มกอดกระชับคนรักมากขึ้นแล้วเริ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นทั้งหมดให้คนที่รักฟัง เพราะเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะบอกให้น้ำรู้ทุกเรื่องโดยไม่ปิดบัง แต่ต้องเป็นในวันที่น้ำรักเขาแล้วเพราะเขาไม่อยากให้เจ้าตัวรู้สึกผิดหรือรู้สึกสงสารเขา เขาแค่อยากให้เจ้าตัวรู้ว่า เจ้านั้นคือความตั้งใจของเขา เขาตั้งใจที่จะมีคนๆนี้เป็นคนรักคนเดียวไปตลอดชีวิต


“ขอบคุณนะ” เอ่ยพร้อมหันหน้าเข้ามากอดอีกฝ่ายกลับอย่างแนบแน่น “ขอบคุณที่พยายามขนาดนี้”
“ต้องพยายามสิ” เขากอดคนรักไปพลางโยกเบาๆคล้ายปลอบโยนคนที่ตอนนี้กำลังอ่อนไหวกับเรื่องราวของเขา “จะได้มีน้ำอยู่ในชีวิตไง”
“แล้วถ้า...” เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาทั้งๆที่น้ำตายังคลออยู่ “ถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นแฟนกัน...” พูดออกมาด้วยเสียงคล้ายกลัวว่าคำพูดของเจ้าตัวจะทำให้คนรักเสียใจ
“มันไม่เป็นไรเลย” เขาตอบกลับประโยคของคนรักอย่างอ่อนโยน “สำหรับแต็งค์ ขอเป็นอะไรก็ได้ที่ได้อยู่ในชีวิตน้ำ ได้เป็นคนที่น้ำรู้จัก อาจจะเป็นเพื่อนในคณะ เป็นน้องของเพื่อนสนิทพี่ชาย หรือเป็นบัดดี้ที่เคยดูแลกันตอนปีหนึ่ง..” มือข้างหนึ่งยกขึ้นเกลี่ยน้ำตาที่คงกลั้นไม่อยู่ของคนรักอย่างเบาบาง “เป็นใครก็ได้ ที่น้ำบังเอิญเจอหน้าแล้วจำชื่อได้” จบประโยคนี้คนที่กลั้นน้ำตาอยู่นานก็ไม่อาจกลั้นไหว เจ้าตัวปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเป็นสายโดยไม่อดกลั้น ความรู้สึกของเขาไม่ได้รู้สึกผิด หรือรู้สึกสงสาร แต่มันกลับรู้สึกสุขใจที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนตรงหน้ายังคงอยากมีเค้าอยู่ในชีวิต “ไม่ร้องนะ” พูดเสร็จก็กดจูบลงที่กลางหน้าผาก ที่ข้างขมับ และปลายจมูก ส่งต่อความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งหวงแหน “ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ไหนๆ แต็งค์ก็ยินดีทั้งนั้น” คนๆนี้ช่างมักน้อยเสียจริง เขาทั้งร้องไห้ทั้งอมยิ้มจนอดคิดไม่ได้ว่าภาพเขาตอนนี้มันจะน่าเกลียดขนาดไหนกันนะ
“ความสัมพันธ์ไหนๆ ยินดีบ้าบออะไรเล่า” ว่าไปมือก็ทุบที่อกคนรักไปเบาๆอย่างกลัวคนรักเจ็บ “ตอนนี้เป็นแฟนแล้วไม่ให้เป็นอย่างอื่นแล้ว” ว่าจบก็กดจูบไปทั่วไปหน้า แล้วมาจบที่ริมฝีปาก ดึงดูดความนุ่มหยุ่นราวกับเยลลี่ แล้วค่อยๆผละออก
“ครับเมีย”

ตุบ

“โอ้ย”
“สมน้ำหน้า” ฟอดดดดดดด จุ้บ จุ้บ จุ้บ  เสียงหยอกล้อกันของคู่รักดังลั่นห้อง บ่งบอกถึงความสุขที่มันเอ่อล้นมากแค่ไหน
“ขอบคุณที่หันมานะครับ”
“คิคิ” เพราะโดนระดมจูบทั่วใบหน้าอยู่เลยตอบกลับอะไรไม่ได้
“ขอบคุณที่ให้แต็งค์ได้รักนะครับ”
“คิคิคิ” และก็เหมือนเดิมที่ไม่สามารถตอบกลับอะไรได้เพราะโดนระดมจูบทั่วไปทั้งตัวแล้ว
“มีวันนี้ได้” หยุดพักให้คนในอ้อมแขนได้หายใจหายคอพร้อมจับที่คางอย่างนิ่มนวลเพื่อให้หันมาสบตากันแล้วเอ่ย “เพราะเธอทั้งนั้นเลย”

ขอบคุณสรวงสวรรค์ ให้เราได้เจอะกัน
ขอบคุณคนบนนั้น ที่ทำให้ฉันได้พบเธอ
ขอบคุณทุกเรื่องราว
ต้นเหตุที่ในวันนี้ฉันนั้นได้เจอ เธอ (สุดที่รัก)

(เพลง เธอทั้งนั้น โดย กรู๊ฟไรเดอร์ส)

เสียงหัวเราะและหยอกล้อกันอย่างสุขใจดังลั่นชั้นสองของบ้าน ผู้เป็นแม่และน้องสาวก็สุขใจตามไปด้วย เธอเองได้แต่แอบขอบคุณตัวเองและสามี ที่เลือกความสุขของลูกเป็นหลัก แม้อาจจะใช้เวลานานไปบ้างที่กว่าจะเข้าใจกันได้ขนาดนี้ แต่สุดท้ายความเป็นพ่อแม่ลูกนั้นก็ทำให้เราเข้าใจกันในที่สุด ทุกวันนี้เธอและสามีได้แต่อวยพรให้ความรักของลูกชายนั้นมีความสุขยั่งยืนอย่างนี้ตลอดไป

“น้ำ อันนี้อร่อยนะลูก กินเยอะๆ”
“ขอบคุณครับพ่อ”
“วันหลังเราลองชวนพ่อ กับพวกพี่ๆมากินข้าวด้วยกันสิ”
“ครับปู่ เดี๋ยวผมจะลองชวนดู”
“พี่น้ำอันนี้อร่อยนะ”
“น้ำ แม่ว่าจานนี้มันเผ็ด กินได้ไหมลูก”

และอีกหลายประโยคสนทนาบนโต๊ะอาหาร เขาได้แต่นั่งกินข้าวไปเงียบๆมีพูดคุยกับคนอื่นๆบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่เขาเลือกที่ฟัง และมองรอยยิ้มของทุกคนตรงหน้า วันนี้ช่างเป็นวันที่เขามีความสุขมากอีกวัน ต้องขอบคุณครอบครัวที่เข้าใจและยอมรับในตัวเขากับคนรัก  ขอบคุณพี่ๆ และพวกเพื่อน ขอบคุณทุกคนจริงๆ



“แต็งค์ นอนได้ยัง”
“อีกแปบ”
“อีกแปปก็เบาเสียงหน่อย จะนอน”
“คู่นี้จบนอน”
“เบาเสียง!!”
“ครับบบบ”

จุ้บ

จุ้บ

“อื้อ”
“อ่า”
“จะนอน...”
“ก็นอน..”
“อื้อ จะนอนยังไงเล่า”
“หึหึ อืมมม”
“อ๊ะ”
“อ่า”

เหมือนจะไม่ได้นอน

เห้ออออออออออออ


โดย  อีช้อย

หัวข้อ: Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 20 (End)
เริ่มหัวข้อโดย: Namm12141 ที่ 09-04-2024 15:00:20
Episode 20 วันนี้.....ฉันมีเธอ End



“ไอ้น้ำโว้ยยย”
“อะไรพี่เม่น แหกปากแต่หัววัน”
“โอ่โห ทักทายได้ศรัทธากูมาก”
“ลู่ลี่ว่ะ” ว่าจบผมก็หันไปสนใจคนอื่นต่อ “ไอ้ไม้ มึงเตรียมพวกป้ายชื่อให้น้องยัง”
“เรียบร้อย อยู่กะไอ้สันขวานเหน่ง”
“เอ่า สนใจกูหน่อย” ไม่ว่าป่าวส่งขาหน้ามาสะกิดแขนผมยิกๆ
“อะระ” ผมว่าแล้วเลิกคิ้วยียวน
“ดาวเดือนคณะปีนี้ มึงเล็งใคร”
“เกี่ยวไรกะผม”
“ก็มึงเป็นแฟนประธานรุ่น เลยอยากถามความคิดเห็น” ใช่ครับ ไอ้แต็งค์แฟนผมได้เป็นประธานรุ่น ได้เป็นเพราะโดนบังคับแทนผม สเต็ปเดิม เพราะพวกเพื่อนจัญรี้จัญไรที่มันเสือกเสนอชื่อผมไง แล้วคนอย่างผม.... ก็โยนให้แฟนสุดที่รักไป เหมือนเคย ถามว่ายอมไหม ก็ต้องยอมสิก็รู้ๆกันอยู่ว่ามันน่ะรักผมจะตาย วาสนาจริงๆ “น้ำๆ มึงว่าไง”
“ก็น้องรหัสมันไง ไอ้ที่หล่อๆอ่ะ” ไอ้เหน่งที่โผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง เอ่ยตอบแทน
“ไหวหรอวะ” ไอ้โชคที่เสนอหน้ามาเสือกอีกตัว “ไอ้นี่แม่งดูไม่เอาใครหนักกว่าไอ้แต็งค์อีก”
“จริง” ไอ้ไม้ที่ยืนฟังอยู่นานก็พยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้โชค
“ไม่รู้”
“อ่าว/เอ้า/เอ่า”
“ใครจะประกวดไม่ประกูไม่รู้แล้ว แล้วกูก็จะไม่ไปบังคับใครให้ทำด้วย”


“ซิม” ผมเอ่ยเรียกผู้ชายตัวสูงๆที่นั่งผูกเชือกรองเท้าตัวเองอยู่
“ครับ”
“พี่จะไม่บังคับมึงหรอกนะ” ผมพูดพร้อมมองหน้าน้องรหัสตัวเองอย่างจริงจัง “ถ้ามึงจะไม่ประกวด” น้องมันมองหน้าผมด้วยอารมณ์เฉยชาประมาณว่าพูดเสร็จหรือยัง “แต่มึงก็คิดเอา คนทั้งคณะเค้าฝากความหวังไว้ที่มึง ถ้าเค้าไม่เชื่อในตัวมึงเค้าคงไม่เลือกมึงหรอก”
“ครับ”
“ครับนี่ประกวดหรือไม่ประกวดวะ”
“ทีตัวเองยังไม่ประกวดเองเลย แล้วจะมาบังคับคนอื่น ถนัดจริงเรื่องบังคับคนอื่น” เดินบ่นมาแต่ไกลเลย จะใครล่ะก็แฟนสุดประเสริฐของผมเอง
“เดี๋ยวนี้บ่นยาวๆเป็นด้วย ทึ่งมาก” ว่าแล้วก็เดินมาล็อคคอผมเชิงหยอกล้อ อืม ก็แฟนเค้าหยอกกันอ่ะครับ
“ซิม” ไอ้แต็งค์หันไปพูดน้องรหัสผม “มึงไม่ประกวดก็ไม่มีใครฆ่ามึงหรอก”
“แต่ไอ้พี่เม่นมันฆ่ากูแน่ๆ” ไอ้ไม้ที่โผล่มาเหมือนจุดธูปเรียก โอดครวญอย่าน่าเห็นใจ “ไอ้น้องซิ้มกูไหว้ล่ะ”
“ผมชื่อซิมไม่ใช่ซิ้ม” น้องมันว่าด้วยอารมณ์ที่น่าจะหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ แต่พอเห็นหน้าไอ้ไม้ก็เปลี่ยนสีหน้าทันทีคล้ายลืมตัว
“แหะๆ โทดที” ไอ้ไม้มันว่าพร้อมชำกลบเกลื่อนความเด๋อด๋าของตัวเอง “สรุปประกวดไหมอ่ะ”
“ครับ”
“ครับคืออออ”
“ประกวด”
“เหยดดดดด”
“เหลือเชื่อ” ใช่ กูก็เหลือเชื่อเหมือนมึงเลยไอ้แต็งค์ กูตื้อมาเป็นอาทิตย์ ไอ้ห่าไม้มาตีหน้าเศร้าไม่ถึงห้านาทีเลยด้วยซ้ำ แลงมากกกก
“วู้หู้วววว ไอ้ไม้มิชชั่นคอมพลีทว่ะ” ไอ้เหน่งที่น่าจะยืนแอบฟังมานาน ย่างขามากอดคอไอ้ไม้ แล้วก็ตามด้วยพวกเพื่อนเวรของพวกเรา
“สวดยอดเพี่ยน” ไอ้เทสม์ที่ตามมายกนิ้วโป้งชื่นชมมันใกล้ๆ พร้อมพากนเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกอย่างไม่อายผีสาง
“งั้นกูไม่กวนแล้ว ไปเข้ากิจกรรมเถอะ” ผมพยักหน้าบอกน้องมันให้ไปไกลๆจากไอ้พวกบ้านี่ เดี๋ยวจะติดเชื้อบ้า
“สุดยอดเลยไอ้ไม้”
“มึงคือความหวัง”
“มึงคือพลัง”
“มึงคือที่พึงพาของคณะ”
“มึงไปแอบสักสาริกามารึป่าววะ”
“ไหนๆแลบลิ้นมาดู”
“โอ้ยๆ ไอ้เอ่งอูเอ็บไอ้เอน”
“ห้ะ อะไรนะ”
“มึงๆ ล็อคคอมันไว้กูจะมุดเค้าไปในปากมัน”
“ไอ้อวกเอน”
“คึคึคึ”
และอีกหลายบทสนทนาที่สรรหามาอวยไอ้ไม้รึแกล้งไอ้ไม้มันกันแน่ ผมกับแต็งได้แต่มองหน้ากันแล้วหัวเราะให้กับความวุ่นวายเวิ่นเวอของเพื่อนแต่ละตัว


“น้องๆครับ!!” เสียงเฮดปีสามที่ตะโกนแหกปากแข่งกับเสียงคุยของรุ่นพี่กับรุ่นน้องปีหนึ่ง “น้องเชื่อกันไหมว่าคณะวิศวะของเรานั้นมีตำนาน....” และค่อยๆจริงจังขึ้นเรื่อยๆ
“พี่เม่นมันจะขายชีวประวัติอะไรอีกวะ” ไอ้เหน่งมันยกกระขึ้นปิดปากเพื่อบ่นอุบอิบพี่เม่นให้ผมฟัง
“ที่ใต้ถุนลานคณะเราแห่งนี้...”
“กูจะรู้ไหมเนี่ย” ผมพูดปนหัวเราะไป เพราะตั้งรับน้องมาแกก็มีเรื่องเล่าให้ฟังไม่ซ้ำในแต่ละวันจริงๆ
“เคยมีรุ่นพี่ของเราพบรักกันที่นี่...” ผมฟังไปก็ส่ายหัวไปเบาๆ “ที่ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความรักของคนคู่หนึ่ง...” พอได้ตั้งใจฟังพี่แกพรรณณาก็อดคิดถึงเรื่องของตัวเองไม่ได้ ผมกับแต็งค์เราเริ่มต้นทำความรู้จักกันจากที่ตรงนี้จริงๆ ถ้าเราไม่ได้มาเจอกันที่นี่ ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะได้เจอกันที่ไหนได้อีก แล้วจะได้เริ่มต้นความสัมพันธ์กันแบบตอนนั้นรึป่าว แล้วจะมีวันนี้กันได้ไหม ผมหันไปมองชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเจ้าปั้นแต่ง ร่างสูงและหนากำยำ กำลังย่างกายมาหาอย่างสุขุม และอดที่จะส่งยิ้มให้อย่างห้ามไม่อยู่ ไม่ใช่แค่ผมที่ได้เจอกับแต็งค์ แต่เป็นผมที่ได้เจอกับเพื่อนๆ พี่ๆ และคนอื่นๆอีกมากมาย ถึงแม้จะผมจะมาเรียนแบบผลุบๆโผล่ๆก็เถอะ
“พี่เม่นน่าจะเล่าเรื่องของเรา” พูดจบก็ยกแขนขึ้นมาคล้องคอไว้หลวมๆ
“รู้ได้ไง” ผมเงยหน้าขึนไปถาม
“ลองฟัง”

“ทั้งสองเริ่มจากการเป็นบัดดี้…” พี่แกก็เล่าต่อไปเหมือนกับว่าได้ซื้อเวลาพักผ่อนของพวกน้องปีหนึงไว้อย่างนั้นแหละ “…จนต่อมาก็บังคับอีกคนให้ไปประกวดเดือนมหาลัยแทน ส่วนอีกคนก็ยอมเค้าไปซะทุกอย่าง จะว่าไป คอยไปรับไปส่งตามประคบประงมกันอยู่นาน คนทั้งคณะก็ลุ้นกันจนเยี่ยวเหนียวว่ามันจะลงกันเมื่อไหร่...”
“เรื่องของเราจริงๆด้วย” พูดจบผมก็เอนหลังไปพิงอกของแฟนตัวเอง
“กว่าจะคบกันได้” พี่แกพูดและหน้ามามองทางผมกับไอ้แต็งค์ “กูแดกเหล้าจนตับจะแข็งตายอยู่แล้ว” จากนั้นก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้นยกใหญ่ดังไปทั่วลานคณะ คงจะมีก็แต่รุ่นน้องที่ไม่รู้ว่านี่คือเรื่องของผมกับแต็งค์ ส่วนพวกที่รู้ก็ส่งทั้งเสียงทั้งสายตาแซวกันใหญ่ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรก็ได้แต่พยักหน้ารับยิ้มๆกับทุกคน ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเขินอายจนหนีกับบ้านไปแล้ว แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้จะอายไปเพื่ออะไร เพราะยังไงผมก็เลือกโฟกัสแค่คนที่ยืนเป็นเสาให้พิงมากกว่าอยู่แล้ว ก็อย่างที่พี่เม่นแกบอกแหละครับ กว่าจะคบกันได้ เราผ่านเรื่องราวกันมาตั้งเยอะ เกือบจะพลาดโอกาสกันก็หลายหน เพราะฉะนั้นขอแค่มีกันอยู่ในทุกๆวันนี่ก็คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมแล้ว

“รักแฟนจัง” อะไรที่ทำให้เขามีความสุขผมก็จะทำ เพราะความสุขของเขาก็คือความสุขของผม
“รักมากครับ” ฟอดดดดด พร้อมยืนยันคำพูดด้วยการกดหอมที่แก้มของผมเน้นๆ
ฮิ้ววววววววววววว
“โอ้ยตากูจะบอดไหมเนี่ย” เสียงไอ้บิวโอดครวญ
“เบาหวานขึ้นตากูเลย” และก็เสียงพี่เม่น ที่เสือกพูดออกไมค์อีก
“แม่ง ไม่สงสารคนโสดที่หัวใจเหี่ยวๆแบบกูบ้าง” ไอ้ไม้ก็นั่งบ่นอุบอิบไปกับเค้า
“โอ่ยย ทำไมเสื้อมึงเป็นสีชมพูวะไอ้โชค นั่นผมมึงอีก กางเกงก็เป็น”
“มึงตาบอดสีกันรึไง” แล้วก็เป็นไอ้เหน่งที่มารับจบสถานการณ์ทุกที “ไปปล่อยน้อง จะได้กลับ กูหิวข้าว”
“โห่ยไอ้เหน่ง”

ฮ่าๆๆๆๆๆๆ



“ขอบคุณครับพ่อ”
“เป็นไงบ้าง น้ำใช้งานหนักไหม”
“อ่ะ คุณประณตนี่ลูกนะ”
“ก็ลูกไง” ว่าจบก็ตักหมูสะดุ้งชิ้นใหญ่ให้ลูกชายคนใหม่ทันที “กินเยอะๆจะได้มีแรงไปสู้รบกับน้ำ”
“สู้รบอะระ” ผมว่าตาก็หันไปมองไอ้ตัวนั่งข้างๆที่กลั้นยิ้มอยู่ “เป็นผมที่ยอมตลอด”
“ไอ้แต็งค์น่ะสิยอม”
“เงียบไปเลยพี่น่าน”
“ล่าสุดไอ้แทนบอกผมว่าลูกชายคนเล็กของพ่ออ่ะ ใช้ไอ้แต็งค์ซักผ้า”
“เห้ออออ เวรกรรมของเราแล้วแต็งค์” พ่อพูดพร้อมส่ายหน้าน้อยๆ
“ผมเต็มใจทำให้ครับ”
“เนี่ยเห็นไหมมีแต่ไอ้แต็งค์ที่ยอม”
“สรุปเป็นพี่ใครกันแน่” ผมเอาส้อมจิ้มแตงกวาแล้วยัดเข้าปากพี่น่านมันทันที แต่นั่งกินข้าวกันมาตั้งนาน ไม่ยักได้ยินเสียงกวนประสาทของพี่นนท์มัน อ๋อ ก็นั่งยิ้มระรื่นจิ้มๆกดๆโทรศัพท์อยู่นี่ไง ผมเลยหันไปสบตาพี่น่านพร้อมโจมตีเป้าหมาย
“ไอ้นนท์”
“พี่นนท์”
“ไอ้นนท์!!” พี่มันสะดุ้งเล็กน้อย ตาละจากโทรศัพท์ มามองผมสองพี่น้อง
“ไร”
“กินข้าว”
“กินอยู่”
“กินไร กูเห็นมึงจิ้มๆแต่โทรศัพท์”
“ยุ่งน่า” พี่น่านมันเลยจัดการจิ้มแตงกวาที่ชิ้นใหญ่มากยัดเข้าปากพี่นนท์มันทันที
“อุก พ่ออออ”
“ขี้ฟ้อง”
“ขี้ฟ้องหรอ มานี่” พี่นนท์มันพูจบมันก็เริ่มทำสงครามขนาดย่อมกับผมด้วยการแบกผมไปทิ้งกลางสนามห่างจากตรงที่กินข้าวนิดนึง
“พี่น่านนนนน” ผมร้องเรียกพี่ชายอีกคนให้มาช่วย
“มึงแกล้งน้อง” ทำเหมือนจะมาช่วยผม แต่ความจริงคือมาช่วยกันแกล้งผมมากกว่าจนผมต้องวิ่งไหนีไปที่ก๊อกน้ำแล้วคว้าสายยางเปิดน้ำไล้ฉีดพวกพี่มันสองคนทันที เปียก เละเทะกันไปหมด แต่ก็สนุกนะครับที่ได้อยู่ด้วยพร้อมหน้าแบบนี้ ส่วนพ่อกับแต็งค์ก็นั่งกินข้าวกันไปพากันหัวเราะเราสามคนพี่น้องไป และนี่คงเป็นวันแห่งความสุขอีกวันของผม



“ชนนนนนนนน”
“ชนจ้า”
“ชนกันเปิดมาปีกว่าแล้วว่ะ”
“เออ กูภาวนาว่าอย่าให้เจ๊เล้งเทคโอเวอร์ทุกวัน”
“ไอ้แทน ไอ้เวร”
“มาๆแดกๆ ไอ้แต็งค์ไอ้น้ำ โชนนนนนนน”
“กูยังไม่เมา กูยังไม่กลับ”
เฮ้ววววววววววววว
นี่ก็เป็นอีกสถานที่แห่งความทรงจำหนึ่งปีที่ผ่านมาของเราเหมือนกัน มาเมาอ้วกเหมือนหมาที่นี่ก็บ่อย มาหลอกกินเหล้าฟรีจากพี่น่านพี่แทนก็บ่อย คิดย้อนไปก็ตลกนะครับ เละเทะเป็นหมาให้เจ้าของร้านไปส่งแทบทุกรอบ และอีกหนึ่งความทรงจำที่สำคัญคงเป็น ผมกับแต็งค์เราคบกันเป็นแฟนที่นี่



“แต็งค์ ซักผ้าให้หน่อยนะ หาววว”
“ครับ”

“แต็งค์ หิวข้าวแล้ว”
“เดี๋ยวทำให้”

“แต็งค์!! ยาสีฟันหมดอ่ะ”
“อยู่ในตู้ข้างอ่างล้างหน้า”

“แต็งค์ แปบซี่ไม่มีแล้ว”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อมาเติมให้ครับ”
“แต็งค์... หนาว”
“มากอด”



“ไอ้โชค ไอ้หอกหัก”
“โอ้ย ไอ้ไม้”
“แม่งตีกันทุกวัน”



“ไอ้เหน่งไปแดกข้าว”



“ไอ้แคมป์กูจะตายแล้วติวกูให้กูฉลาดที”
“ไอ้ควายเทมส์ ตอนเรียนมึงเสือกเหม่อ”



“ไอ้บิว คืนนี้แดกเหล้า”
“จัดไปเพื่อนเหน่ง”



“ไอ้อาร์ท ไอ้โต้งไปซ้อมบอล”
“โหยยย ไอ้แต็งค์มึงไปฟิตมาจากไหน เมียไล่ออกจากคอนโดรึไง”
“สัด”



“พี่นนท์พี่ได้ข่าวว่าฝึกงานหนักเลย”
“เออพี่น่านแม่งใช้กูเป็นทาสเลย”
“เวรก๊ามมมมมม”



“อะไรอีกพี่เม่น”
“กูคิดถุง เลยมาชวนแดกข้าว”
“เมียผม”



“พี่เป็ก พี่แพม หวัดดีพี่”
“สบายดีป่าววะ”
“ดีพี่”



“ไอ้น้ำๆ หมูทะ”
“เดี๋ยวชวนแต็งค์ก่อน”
“ไป”
“ตัวติดกันเป็นแฝดเลยมึง”



และเรื่องราวอีกมากมายในช่วงวัยมหาลัยของพวกเรา มีทั้งสนุก มีทั้งตรึงเครียด หัวเราะบ้าง เครียดบ้าง เศร้าบ้าง แต่เราก็ผ่านกันมาได้ อาจจะดีบ้าง ทุลักทุเลบ้าง แต่ก็สนุกดีครับ ผมที่ตอนมัธยมเคยเฝ้าถามหาชีวิตมหาลัยทุกวี่ทุกวัน พอเอาเข้าจริงก็แทบจะลากเลือด แต่จะว่าไปช่วงวัยนี้มันก็ทำให้เราเติบโตขึ้นไปก้าวนึงนะครับ ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่อะไรมากมายหรอก แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นวัยผู้ใหญ่เหมือนกัน ได้ฝึกความรับผิดชอบ ฝึกการเข้าสังคม และอีกหลายๆอย่าง ส่วนผมแถมให้อีกหนึ่งอย่างคือได้แฟนมาคนนึง....

“ยังไม่นอน” ผมหันไปยิ้มแทนคำตอบให้กับคนที่กำลังเดินเข้ามาสวมกอดกันจากด้านหลัง ภาพวิวยามค่ำคืนที่ประกอบแสงไฟจากท้องถนนและตึกรามบ้านช่อง กระแสลมเอื่อยๆที่พัดมากระทบผิวของผมและคนรักที่กำลังชื่นชมอยู่ริมระเบียงคอนโดนั้น ผมรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย “เครียดอะไรรึป่าว”
“ป่าว” ผมหันไปมองหน้าแต็งค์อีกครั้ง “แค่คิดอะไรเพลินๆ” เจ้าตัวที่กำลังวอแวอยู่แถวหัวไหล่ผมก็เงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วใส่ด้วยความฉงน
“หืม”
“คิคิ” ผมหัวเราะให้กับใบหน้าประหลาดๆที่นานๆจะได้เห็นเจ้าตัวทำ แต็งค์มักจะทำใบหน้าแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่งุนงงกับอะไรซักอย่าง “กำลังคิดว่า...” ผมยื่นมาไปจับใบหน้าของแต็งค์ให้เคลื่อนมาอยู่ใกล้ๆหน้าผม “ตัวเองโชคดีจัง ที่มีแฟนหล่อขนาดนี้ ทำงานบ้านก็เก่ง ทำอาหารก็อร่อย” จุ้บ ผมกดจุ้บไวๆตรงที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย
“เดี๋ยวนี้อ้อนเก่ง”
“ก็อยากให้รัก ให้หลงมากๆไง”
“นี่ก็หลงจะตายอยู่แล้ว”
“ไม่ ต้องหลงอีกเยอะๆ”
“หึหึ เยอะๆ เลยเหรอ” ฟอดดดด พูดพร้อมกดหอมที่แก้มผมแรงๆ
“ขอบคุณนะแต็งค์ ขอบคุณที่ทำให้ทุกวันเป็นวันดีๆ อยากให้มันเป็นแบบนี้ไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุดเลย”
“ครับ เราจะเป็นกันแบบนี้ไปทุกวัน มันจะไม่มีวันสิ้นสุด”
“รักนะ”
“รักน้ำ”

จบประโยคคำพูดก็ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยคำใดอีก นอกจากมองหน้าแล้วส่งยิ้มให้กัน จากนั้นต่างฝ่ายต่างมอบจูบอันแสนหวานชื่นเป็นดั่งคำสัญญาว่า เขาทั้งสองจะรัก จะดูแล และคอยเติมเต็มกันและกันไปแบบนี้ในทุกวัน จนตราบจนวันสุดท้ายที่ยังหายใจอยู่…..

ก็ไม่รู้ว่าอะไร ทำให้เราได้พบกัน
ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้
เธอก็มีโลกของเธอ ต่างกับฉันมากมาย
เหมือนไม่มีอะไรเลยที่คล้ายกัน
ถามว่าชอบเธอไหม
สบตาแล้วถูกใจไหม
ก็ตอบว่าใช่เป็นอย่างนั้น
จะเป็นลิขิตจากฟ้า หรือว่าปาฏิหารย์
อะไรยังไงก็คงไม่สำคัญ
เท่ากับวันนี้ฉันมีเธอ
เธอไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด
เธอไม่ใช่คนที่ฉันฝัน
แต่เธอเป็นมากกว่านั้น
เธอคือคนที่ฉันรัก
ก็ไม่รู้ว่าอะไร ทำให้เราได้พบกัน
ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้
เธอก็มีโลกของเธอ ต่างกับฉันมากมาย
เหมือนไม่มีอะไรเลยที่คล้ายกัน
แต่ถามว่าชอบเธอไหม
สบตาแล้วถูกใจไหม
ก็ตอบว่าใช่เป็นอย่างนั้น
จะเป็นลิขิตจากฟ้า หรือว่าปาฏิหารย์
ฉันเองก็ไม่เคยเข้าใจ
ถามว่าชอบเธอไหม
สบตาแล้วถูกใจไหม
ก็ตอบว่าใช่เป็นอย่างนั้น
จะเป็นลิขิตจากฟ้า หรือว่าปาฏิหารย์
อะไรยังไงก็คงไม่สำคัญ
เท่ากับวันนี้ฉันมีเธอ
เท่ากับวันนี้ฉันมีเธอ
และจะขอมีเธอ อยู่อย่างนี้


(เพลง วันนี้...ฉันมีเธอ โดย  สุเมธแอนด์เดอะปั๋ง)


ขอให้ทุกวันของเราเป็นวันที่ดี แม้วันนั้นท้องฟ้าจะไม่สดใส มีแต่ก้อนเมฆมืดมิดขมุกขมัวก็ตาม ขอให้คนในครอบครัวของเราสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใส อยู่ทานข้าวเย็นสุดสัปดาห์ด้วยกันไปนานๆ ขอให้เพื่อนพ้องของเรายังคงมีรอยยิ้ม ยังคงหัวเราะได้ ในวันที่เจอเรื่องแย่ๆจนอยากจะร้องไห้ และสุดท้ายนี้ ขอให้ทุกมิตรภาพในทุกช่วงวัยของเรายังอยู่เป็นภาพความทรงจำที่แสนจะพิเศษตลอดไป

ขอบคุณที่วันนี้ฉันมีเธอ

- End -


โดย  อีช้อย