01 ดลจิตอิเหนาให้เขามารักข้า
มองกระจกเงาเห็นใบหน้าเราใจสะอื้น คิดยิ่งข่มขืนกล้ำกลืนแต่น้ำตา
ขี้ริ้วขี้เหร่ไม่เรี่ยมเร้โสภา
เพลง ฝนซาฟ้าใส ผู้ร้อง ยุพิณ แพรทอง ผู้แต่ง ครูไพบูลย์ บุตรขัน
ไม่นานนักเสียงเพลงก็ดับลงโดยฝีมือของบอส
“มึงฟังเพลงอะไรของมึงเนี่ยไอ้มิน” เสียงมันบ่นผม..พี่จริงบอสมันก็ห้ามผมไม่ให้ฟังเพลงแนวแบบนี้เท่าไหร่มันเป็นการบั่นทอนกำลังใจตัวเองแต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะฟัง
“ก็กูเห็นว่าเพลงนี้มันเข้ากับกูนี่นา”
“โอ๊ยไอ้มิน…มึงดูปากกูนะเพลงและไม่ได้เข้ากับหน้าของมึงเลยหน้ามึงมันไม่ได้เหมือนในเพลงพี่เขาบอก..มึงเชื่อกูมึงเลิกฟังเพลงแนวแบบดราม่าเคล้าน้ำตานี้สักที”
“กูก็พยายามอยู่แต่มันก็อดไม่ได้อ่ะ” พยายามมาเยอะแล้วแต่สุดท้ายก็กลับมาฟังอยู่ดี..เวลาไปส่องรูปพี่จินแล้วเจอคนมาเม้นที่หน้าตาดี แล้วผมจะเอาอะไรไปสู้เขาล่ะครับ
“เอาเถอะเดี๋ยวกูจะพยายามทำให้มึงมีความมั่นใจขึ้นมาเอง”
“hello เพื่อนบอสและสวัสดีเพื่อนมิน….กำลังสนทนาอะไรกันอยู่หรอ” อยากจะตอบมันไปว่าเสือกแต่ไอ้บอสก็ดันไปบอกก่อนแล้ว
“ก็เพื่อนมินมึงน่ะสิ..ฟังเพลงบั่นทอนกำลังใจตัวเองอีกแล้ว” ไอ้บอสบอกมันทำไมยังไม่หายหนวกหูจากคำบ่นไอ้บอสไม่นานคำบ่นจากไอ้มิกก็เพิ่มเข้ามา
“อีกแล้วหรอวะมึงนี่มันจริงๆเลยนะไอ้มินกูบอกกูสอนมึงกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปฟังเพลงแบบนั้น..มันจะทำให้มึงเศร้าแล้วก็ไม่มีอารมณ์ที่จะทำสิ่งที่ชอบ…”
“เออกูจะพยายาม”
“มึงก็เหมือนกันทำไมต้องไปว่าเพื่อนกลุ่มนั้นมันเป็นความคิดในหัวของเพื่อนความคิดคนเรามันห้ามกันไม่ได้หรอกมึงรู้ไหม…ฮึก…ฮือ..มันต้องเสียใจขนาดไหนที่โดนมึงด่า” มันลากดราม่าแล้วและเป็นไปตามคาดไม่นานฝ่ามีอรหันต์ของไอ้บอสก็ตบลงกลางหัวไอ้มิกอย่างจัง
ผั๊วะ
“ไอ้ห่ากูรู้อยู่ว่ามึงอยู่คณะนิเทศศาสตร์แต่มึงก็ไม่ต้องแสดงเลยขนาดนั้นก็ได้”
“กูก็แค่ล้อเล่นเอง…ดูมึงตบซะระบบสมองกูพังหมดแล้วมั้ง” เป็นธรรมดาของพวกมันครับมันจะทะเลาะกันอย่างนี้บางวันทะเลาะกันทั้งวันจนผมรำคาญ
“ดีจะได้จำ….แล้วมึงก็จริงจังได้สักทีเรากำลังเคลียร์เรื่องของเพื่อนอยู่นะเว้ย”
“เออกูรู้ว่าแต่ไอ้เรื่องวรรณคดีที่มึงจะช่วยมันอ่ะ…มึงจะช่วยยังไงวะ”
“ง่ายมาก…วันนี้กูเตรียมวรรณคดีเรื่องแรกที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางความรักระหว่างไอ้มินและพี่จิน” บางครั้งผมก็งงเหมือนกันว่ามันจะวรรณคดีอะไรมาให้ผมเนี่ย…แล้วมันจะสมหวังกับความรักจริงหรือเปล่า..แต่อะไรที่เรายังไม่เคยลองก็ต้องลองดูบ้างล่ะ
“เรื่องอะไรวะไอ้บอส…มึงอย่าบอกนะว่ามึงจะเอาเรื่องสามก๊กมาให้ไม่เอานะมึงกูขี้เกียจไปรบราฆ่าฟันกับใคร”
“สามก๊กบ้านมึงสิ…ไม่เอาเรื่องนั้นหรอกโว้ย…มันต้องเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักสิ” ค่อยโล่งใจหน่อยนึกว่ามันจะเอาสามก๊กทางที่ไอ้มิกบอก…แค่คิดภาพก็เสียวสันหลังแล้ว
“อ้าวแล้วมึงจะเอาเรื่องอะไรล่ะ” ไอ้มิกถามอย่างไม่ลดละสรุปผมหรือมันกันแน่ที่แอบรักพี่จิน…
“มึงรู้จักบุษบาเสี่ยงเทียนป่ะ”
“บุษบาเสี่ยงเทียนหรอวะอ๋อใช่รู้จักๆ..ที่เป็นลูกคางคกใช่ป่ะ” อยากรู้เหมือนกันว่าครูภาษาไทยให้มันเกรด4ได้ไงตอนมันอยู่มัธยมปลาย
“ไม่ใช่….ไอ้เวรนั่นมันอุทัยเทวี”
“หรอสงสัยกูจะจำผิด…แล้วบุษบาเสี่ยงเทียนที่มึงพูดมาจะช่วยสานความรักของไอ้มินกับพี่จินเขายังไงได้” ประเด็นนี้ก็น่าสนจะช่วยยังไงได้
“มึงไม่รู้เนื้อเรื่องของบุษบาเสี่ยงเทียนหรอวะมากูจะเล่าให้ฟังเอง…เรื่องราวมันย้อนไปเมื่อ 65 ล้านปีก่อนในยุคครีเทเชียส”
“เดี๋ยวไอ้บอส…ยุคครีเทเชียสมันยุคไดโนเสาร์กูจะฟังเรื่องบุษบามึงไปเล่าเรื่องไดโนเสาร์ทำบ้าอะไร”
“ขอโทษกูลืมตัว” สรุปวันนี้จะได้เรื่องไหมเนี่ย…
“ก็คือบุษบาเสี่ยงเทียนเป็นตอนหนึ่งในวรรณคดีเรื่องอิเหนา…ซึ่งบุษบาขึ้นไปเสี่ยงเทียนโดยจุดเทียนประมาณน่าจะ 3 เล่มมั้งถ้ากูจำไม่ผิดนะ..เล่มนึงอ่ะเป็นของระตูจรกาอีกเล่มเป็นของอิเหนาและตรงกลางเป็นของบุษบา อันนี้คือเหมือนบุษบาอธิษฐานและวัตถุจะได้คู่กับระตูจรกาก็ขอให้เทียนของอิเหนาดับอะไรแบบนี้..ทีนี้อิเหนาก็โกงโดยแกล้งพูดหลังพระพุทธรูปทำให้บุษบาตกใจตะลึงว่าทำไมพระพุทธรูปพูดได้แล้วก็ให้ลูกน้องไปดับเทียนของจรกา.ทีนี้ก็ไล่ค้างคาวให้มันบินออกมาดับเทียนหมดเลย 3 เล่มแล้วก็แอบมากอดบุษบามะเดหวีอยู่ด้วยก็จุดเทียนขึ้นก็โกรธใหญ่เลยทำไมอิเหนาถึงมากอดบุษบา..ก็เอาแค่นี้ก่อนเพราะว่าเรื่องราวมันเป็นแบบนี้แต่เราก็จะไม่ได้ทำเหมือนวรรณคดีซะทุกอย่าง”
ครอกฟี้….
“ไอ้มิก..ไอ้เวร…กูเล่าตั้งนานมึงตั้งใจฟังหน่อยสินอนหลับเฉยเลย”
“โทษทีมึงมึงเล่าเหมือนอาจารย์สอนเลยว่ะกูง่วงชิบหาย” อย่าว่าแต่มึงเลยมิกกูก็ง่วงแต่กูหลับไม่ได้เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงถึงพี่จิน
“ทีหลังก็ตั้งใจฟังด้วยกูเล่าตั้งนานมึงนอนเฉยเลยแล้วไอ้มินมึงเข้าใจที่กูพูดไหมเนี่ย”
“เนื้อเรื่องมึงเล่ากูพอรู้อยู่แต่กูอยากรู้ว่ามันจะสานสัมพันธ์ความรักให้กูยังไง”
“มันไม่ใช่เรื่องยากเลยเพื่อนมึงจำตอนแรกของเรื่องอิเหนาได้ไหมที่เขาให้อิเหนาหมั้นกับบุษบาแต่อิเหนากับถอนหมั้นเพราะมีคนที่ชอบอยู่แล้วแต่พ่อไม่เห็นหน้าบุษบาอิเหนาก็เสียดายที่ไม่รับหมั้นบุษบาเพราะบุษบาสวยมาก…..
มันก็เหมือนกับพี่จินในตอนนี้ที่พี่เขายังไม่ได้เห็นหน้าของมึงอ่ะไม่แน่นะถ้าพี่เขาเห็นน่ามึงเขาอาจจะชอบหรือหลงรักมึงแบบอิเหนาหลงรักบุษบาก็ได้”
“อะไรจะขนาดนั้นมันไม่ได้เป็นแบบวรรณคดีสักหน่อยชีวิตจริงคนเราแตกต่างกันลิบลับเลยนะ”
“เออแล้วมึงจะต้องขอบคุณกูทีหลังที่เลือกวรรณคดีเรื่องนี้มาสานสัมพันธ์รักของมึงเป็นเรื่องแรก”
“เออแล้วไงต่อล่ะทีนี้”
“อันดับแรก…พี่จินต้องได้เห็นหน้ามึงก่อนให้เหมือนกับอิเหนาที่ได้ประสบพบพักตร์กับบุษบาในตอนแรก” นี่มึงลอกวรรณคดีมาทั้งเรื่องเลยหรือไงเนี่ยถ้าสวยเหมือนบุษบาก็จะเดินเชิดหน้าไปหาพี่เขาอย่างเร็วเลยล่ะแต่นี่กูไม่มั่นใจเลย
“ในฐานะที่กูนั่งเงียบฟังพวกมึงสองคนคุยกันเนิ่นนานแล้วเนี่ยกูอยากจะทราบว่าพี่จินที่อยู่คณะวิศวะจะมาเจอหน้าไอ้มินที่อยู่นิเทศศาสตร์ได้อย่างไรคณะเราก็ไกลโพ้นกันขนาดนั้น…ดุจดังสุริยาที่มาเมื่อไหร่จันทราก็หนีตลอดไม่เจอกันสักที” ไอ้มิกทีเงียบอยู่นานพูดขึ้น
“ภาษามึงเนี่ยนะโบราณกาลมากเลย”
“กูเห็นมึงเอาวรรณคดีโบราณมากูก็ใช้ภาษาให้มันเข้ากับวรรณคดีหน่อยจะได้เหมือนอยู่ในวรรณคดีเรื่องนั้น”
“เออดีแล้วส่วนเรื่องที่มึงถามว่าไอ้มินกับพี่จินจะเจอกันยังไงเนี่ยนะไม่ยากเลยเว้ยพวกเราทั้งสามคนก็จะเสนอหน้าของพวกเราไปที่คณะวิศวะในเวลาตอนเที่ยงซึ่งพี่เขาต้องลงมากินข้าวอย่างแน่นอน”
“ความคิดมึงดีเลิศประเสริฐศรีรัดฉวีวัลย์มากเลย”
“แต่พวกมึงกูก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่าจะเจอหน้าพี่เขาไหมอ่ะวิศวะก็ตั้งกว้างแล้วถ้าพี่เขาไม่ลงมากินข้าวล่ะ”
“ไอ้มินมึงไม่เคยฟังเพลงบุพเพสันนิวาสเหรอวะ…ของศรคีรี ศรีประจวบที่เขาร้องว่า เนื้อคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันไปได้ถ้าเคยทำบุญร่วมไว้ถึงจะยังไงก็ต้องเจอะกัน” กูว่ากูฟังเพลงโบราณคนเดียวแล้วนะมึงก็ไม่ต่างจากกูเลยนะไอ้บอส
“เอาเหอะมึงจะเจอไม่เจอยังไงก็เก็บไว้ก่อนตอนนี้มึงขึ้นเรียนก่อนไหมก่อนที่เนื้อคู่มึงจะเป็นอาจารย์” อีก 5 นาทีถึงเวลาเรียนแล้วนี่หว่า รออะไรล่ะครับวิ่ง 4 x 100 เมตรไปสิ
ช่วงเวลาพักเที่ยง
“โอยกูเกือบหลับเพราะทฤษฎีอาจารย์โชคดีนะที่ยุงช่วยไว้ถ้ามันไม่มากัดแขนกูนะกูเผลอหลับไปแล้ว” เสียงไอ้มิกบ่นด้วยความอ่อนแรงที่จริงวิชาไหนมันก็หลับนะไอ้คนเนี้ย
“พูดมากเรามีนัดที่คณะวิศวะตอนนี้มุ่งหน้าสู่วิศวะไปกัน” ไอ้บอสรีบนำทางไปอย่างรวดเร็วสรุปกูหรือมึงกันแน่ที่ชอบพี่จิน
“ไอ้บอสมึงรู้สึกแปลกๆป่ะกูว่ามีแต่คนมองไอ้มินนะเนี่ย”
“อย่าว่าแต่มึงเลยกูก็ว่าแปลกเหมือนกัน..แต่แทนที่ผู้หญิงจะมองมันมีแต่ผู้ชายที่มอง”
“แล้วมันไม่มั่นใจในหน้าตัวเองได้ไงวะ”
“นั่นสิกูถึงได้บอกไงให้มันมั่นใจในตัวเองบ้างนะชอบไม่มั่นใจแล้วก็พี่จินอยู่สูงเราอยู่ต่ำไปเทียบอะไรนู่นนี่นั่นกูล่ะปวดหัวจริงๆ”
“สาบานว่าพวกมึงนินทากูได้ยินทุกประโยคเลยนะ”
“เขาไม่ได้เรียกนินทาเว้ยเขาเรียกพูดลับหลังแต่คนฟังดันได้ยิน”
“เอาล่ะทุกคนยินดีต้อนรับท่านสมาชิกทุกท่านเข้าสู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ภารกิจวันนี้จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีถ้าหากพี่จินได้สบตากับไอ้มินมันจะต้องเกิดรักแรกพบอย่างแน่นอน” มั่นใจในข้อสอบให้ศูนย์มั่นใจในเรื่องแบบนี้ให้ 10 เลยนะมึง…อะไรจะมั่นใจขนาดนั้น
ผ่านมาเนิ่นนานนับ10นาที
“ไอ้บอสนี่เราก็นั่งรอกันตั้งแต่แดดส่องหัวกูจนตอนนี้แดดออกจากหัวไปหมดแล้วเนี่ยกูยังไม่เห็นพี่จินของมึงเดินมาเลยนะ”
“เออน่าอดทนหน่อยสิไอ้มิกไม่นานพี่เขาก็ต้องมารออีกหน่อยไม่เกิน 5 วิหรอก”
“มึงรู้ได้ไงว่าไม่เกิน 5 วิ”
“มึงดูนั่นสิเห็นอะไรไหม” ผมมองไปตามที่ไอ้บอสบอก…สิ่งที่เห็นคือบุคคลที่พวกผมสามคนมาตามหาในวันนี้พี่จินครับ…ให้ตายสิไม่คิดเลยว่าเห็นตัวจริงแล้วหัวใจจะเต้นแรงขนาดนี้นี่สินะอาการของคนแอบชอบเวลาเห็นคนที่ตัวเองชอบเดินมาใกล้ๆ….จะไม่ใกล้มากก็เถอะ
“หล่อวัวตายควายล้มชิบหาย”
“เทพบุตรชัดๆ”
“…..” ผมได้แต่เงียบไม่กล้าพูดอะไรตอนนี้พี่เขานั่งลงกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนพี่เค้าแล้วครับซึ่งจากระยะโต๊ะที่พี่เขานั่งพี่เขาก็หันหน้ามาทางตรงที่ผมนั่งพอดี..โครตเขินอะบอกเลย
“ทำไงต่อไอ้บอสพี่เขานั่งอยู่ข้างหน้าเราเลยเนี่ย”
“ไม่ยากเราต้องทำให้พี่จินกับไอ้มินมองหน้ากันให้ได้”
“พี่เขาหันมามองมันก็ไม่ยากหรอกแต่มันจะกล้ามองหน้าพี่เขาไหมดูสิขนาดเขายังไม่ทันหันมามองเลยเพื่อนมึงก็ก้มหน้าก้มตาแล้ว” กูเขินอ่ะไอ้พวกบ้ามึงลองแอบชอบใครแล้วคนที่แอบชอบมานั่งอยู่ใกล้ๆดิ
“ไอ้มินเงยหน้าขึ้นสิวะก้มหน้าแบบนี้แล้วเมื่อไหร่มึงจะได้สบตาเนี่ย”
“ไม่เอามึงกูไม่กล้า” แค่ส่องรูปพี่เขาหัวใจก็จะหยุดเต้นแล้วขืนสบตากันหัวใจคงวายพอดี
“มึงท่องไว้เพื่อความรักของมึง ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยนะเว้ยแล้วดึงความกล้ามึงออกมา” เอาวะลองดูสักตั้ง
ค่อยๆเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปด้านหน้าผลปรากฏว่าพี่เขาก็ก้มหน้าเหมือนเดิม
“ไหนไอ้บอสกูมองไปแล้วเขาไม่เห็นมองมาเลย” อุตส่าห์กล้าแล้วนะเนี่ย
“มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่นอนกูมั่นใจ ตามความคิดกูพี่เขาต้องมองมาที่ตามึงแล้วนะตอนนี้”
“เดี๋ยวกูไปกินก๋วยเตี๋ยวรอนะไอ้บอสไอ้มินพวกมึงสองคนก็พยายามเข้านะเพื่อน” ไอ้มิกทิ้งกันเลยนะมึง
“มึงจะไปไหนไอ้มิกยังไม่เสร็จสิ้นภารกิจอย่าเพิ่งไป”
“กุรอนานซะขนาดนี้ใครจะรอไหววะกูก็หิวเป็นเหมือนกันนะ”
“มึงหิวหรอได้งั้นมึงเอาโปรตีนกูไปแดกก่อน” พูดเสร็จไอ้บอสก็ถีบไอ้มิก
ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นเห็นแล้วโคตรน่าสงสารแต่ความขำมันมากกว่า
“มึงถีบกูทำไมไอ้บอสเจ็บนะเว้ย”
“เจ็บแล้วจำว่าทำภารกิจให้เสร็จก่อนค่อยไป”
ดูว่ามันเถียงกันก็ตลกอยู่แต่พอมองไปทางด้านบุคคลที่ผมแอบชอบเท่านั้นแหละได้แต่อุทานว่าโอ้มายก๊อด…สายตาของผมกับพี่จินสบกันอย่างจังหัวใจแทบร่วงหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม…ตั้งสติได้ก็รีบหันหน้าหนีทันที
“ดูเหมือนว่าภารกิจวันนี้คงจะสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้วสินะสบตากันสักที” บอสมึงรู้ได้ไงไม่น่าเชื่อมึงมันพระเจ้า
“เอาล่ะตอนนี้อิเหนากับบุษบาสบตากันแล้วกลับคณะได้”
“นั่นแหละสิ่งที่กูรอคอยก๋วยเตี๋ยวจ๋า”
“มึงโอเคนะไอ้มิน”
“OK…แค่เขินนิดหน่อย” เป็นใครก็เขินอ่ะคนที่ชอบมามองตาเรา
“ดีละแต่กูลืมบอกมึงไปอย่างนึง”
“อะไรวะ”
“ตอนมึงหันหน้าหนีพี่เขาน่ะกูเห็นพี่เขายิ้มด้วยนะ” ฆ่าฉันให้ตายเสียยังดีกว่า…ฮื่ออออ…กูจะเข้าข้างตัวเองแล้วนะ
หลังจากกลับจากคณะวิศวะพวกเราก็มานั่งกินอาหารกันที่โรงอาหารคณะนิเทศศาสตร์ซึ่งแน่นอนผมก็นั่งยิ้มอยู่อย่างนั้นแหละเมื่อนึกถึงเรื่องที่
ไอ้บอสมันเล่า
“อ้าวยิ้ม…ยิ้มเข้าไป…ยิ้มให้แมลงวันบินเขเาปากมึงเลย”
“เพื่อนบอสก็มันก็ต้องมีเขินไหมล่ะคนที่ตัวเองชอบยิ้มให้อะไรแบบนี้”
“พวกมึงอย่าแซว” ชอบแซวผมอยู่เรื่อยเลยไอ้พวกนี้ยิ่งเห็นเราเขินหน่อยก็ยิ่งแซว
“เออช่างเรื่องไอ้มินก่อนแล้วมึงจะทำยังไงต่อไปวะไอ้บอสในเมื่อตอนนี้เขาสบตากันแล้ว”
“มันไม่ได้ยากเลยไอ้มิกมันมีวิธีทำต่อไปซึ่งเราต้องทำในวันนี้”
“มึงจะทำอะไรกันน่ะ” ยิ่งไอ้บอสพูดผมยิ่งสงสัยอุตส่าห์นั่งเงียบอยู่นานแต่ก็อดถามมันไม่ได้
“อย่างที่กูบอกเพื่อนมิน…เราต้องใช้วิธีการที่มีชื่อว่าดลจิตอิเหนาให้เขามารักข้า” อะไรของมันเนี่ยดลจิตอิเหนาอะไรของมัน
“กูไม่เข้าใจ”
“ถ้าอย่างนั้นไอ้มิกเป็นลูกคู่ให้กูหน่อย”
“ไม่มีปัญหาว่ามาเลย”
“คนเราไม่ได้ด้วยเล่ห์”
“ต้องเอาด้วยกล”
“ไม่ได้ด้วยมนต์”
“เอาด้วยคาถา”
“ไม่ได้หมา”
“เอาแมว”
“ไม่ได้มันแกว”
“เอามันสําปะหลัง” หลังจากพวกมันสลับกันพูดเสร็จก็ตบมือกันด้วยความดีใจกูอยากจะรู้ว่าที่พวกมึงพูดมาได้ประโยชน์อะไรแก่ตัวกูบ้าง
“สรุปคือกูต้องเอามันสำปะหลังใช่ไหม”
“มันสําปะหลังบ้านมึงสิไม่ใช่โว้ย” แล้วพวกมึงจะพูดกันเพื่อ
“แล้วกูต้องทำยังไง”
“มึงเคยฟังเพลงบุษบาเสี่ยงเทียนป่ะ..”
“บุษบาเสี่ยงเทียนเคยฟังอยู่….ทำไมอ่ะ”
“มันจะมีท่อนนึงที่บอกว่าดลจิตอิเหนาให้เขามารักข้า”
“แล้วไงต่อ”
“มึงก็ไปเสี่ยงเทียนไงแล้วก็อธิษฐานให้พี่เขารักมึงอะไรแบบนี้”
“มันจะได้ผลหรอวะ…ไม่น่าจะทำได้นะ”
“เดี๋ยวกูตบเลยไอ้มิก…มึงนี่ชอบบั่นทอนกำลังใจเพื่อนอยู่เรื่อย”
“คือจากการที่กูฟังมึงพูดมา…คือมึงจะให้กูจุดเทียนและอธิษฐานขอให้พี่เขารักกูแบบนี้หรอ”
“ก็เป็นไปในลักษณะที่มึงพูดแต่ว่าของเราเนี่ยมึงควรอธิษฐานเกี่ยวกับถ้าพี่เขาชอบมึงก็ให้เทียนดับเลยแบบนี้น่าจะดีนะกูว่า” เป็นความคิดที่ดีเลิศประเสริฐศรีมากดีใจจังที่เพื่อนเราค้นหาวิธีการแบบนี้มาให้…ถุ้ย…มันจะสำเร็จไหมเนี่ยความรักกู
“ลองเสี่ยงดูก็ได้เป็นไงเป็นกัน”
“เยี่ยมยอดเพื่อนอย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าเพื่อนกูเริ่มวันนี้เลยนะเที่ยงคืนเจอกันบ้านกูที่ห้องพระ” เที่ยงคืนมึงจะพากูไปล่าท้าผีหรอไอ้เวร
“คือกูต้องออกไปเที่ยงคืนเป๊ะเลยใช่ไหม”
“ไม่เที่ยงคืนน่ะกูจะให้ไอ้มินมันอธิษฐานเสี่ยงทายกับพระแสดงว่าเราต้องออกมาก่อนเที่ยงคืนเพื่อที่จะเตรียมการ”
“แต่ตอนนี้กูสงสัยอย่างนึงหน้าอย่างมึงเนี่ยนะมีห้องพระอยู่ที่บ้าน”
“ดูถูกกูไอ้มิก….มึงนี่นะเห็นกูเป็นคนอย่างนี้นะเว้ยกูก็เป็นคนดีนะขอบอก”
“แสดงว่าห้องพระนั้นทำขึ้นเพื่อให้มึงนั่งสมาธิ”
“เปล่าห้องพระแม่กูเอง”
“ถุ้ย…ไอ้เวรกูนึกว่าแต่มึงจะนั่งสมาธิในห้องนั้น” เห็นมันสองคนเถียงกันผมล่ะเบื่อหน่ายจริงๆ…ไอ้บอสกับไอ้มิกก็เป็นอย่างนี้แหละทะเลาะกันอยู่เรื่อยแต่ก็ไม่ถึงขั้นตีกันนะแต่มันจะทะเลาะแบบหยอกกันมากกว่า
“ก่อนอื่นกูว่าเราขึ้นเรียนก่อนไหม…ก่อนที่เราสามคนจะได้ไปนั่งเสี่ยงเทียนหน้าห้องเรียน”
“ไอ้มินพูดมีเหตุผลไปกันเถอะมิก”
“มาฟังสิ่งที่เราจะทำในวันนี้กันเดี๋ยวกูจะแบ่งงานพวกมึงให้” ไอ้บอสผู้เปรียบเสมือนประธานในพิธีกล่าวขึ้น
“ว่ามาเลยใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร” ไอ้มิกผู้เปรียบเสมือนเลขากล่าวขึ้น
“คือวันนี้เจอกันที่บ้านกูประมาณ 23:30 น. นะแล้วไอ้มิกมึงเตรียมเทียนมาด้วย”
“บ้านมึงไม่มีเทียนเหรอมีห้องพระก็น่าจะมีเทียน”
“ก็มีนั่นแหละแต่กูไม่อยากใช้เทียนบ้านกูไงกูเลยให้มึงไปซื้อ”
“กูรักมึงมากเพื่อนบอสมึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกเลย…ไอ้เวรขนาดเทียนยังหวง”
“แล้วกูทำอะไรอ่ะ” หลังจากฟังมันชมกันเสร็จผมก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย…คือมันก็อดสงสัยไม่ได้ไงไอ้มิกก็ไปซื้อเทียนส่วนไอ้บอสก็เตรียมสถานที่แล้วผมทำอะไร
“มึงมาบ้านกูให้ตรงเวลาที่กูนัดก็พอแค่นั้นเองจบ” ทำไมมันง่ายจังทำ…ตามมันก็ได้อาจจะได้ผลดี
“ถ้าทุกคนรู้หน้าที่ตัวเองแล้ว..เอ้าทุกคนแยกย้าย”
มิน
แค่นึกถึงเรื่องที่สบตากับพี่จินวันนี้ก็ไม่กล้าไปสบตากับเขาอีกเลยสายตาพี่เขามันละมุนละไมไปหมด…ขืนได้มองนานๆมีหวังหัวใจวายตายพอดี
ว่าแล้วก็รีบคว้าโทรศัพท์มาเปิดเข้าไปส่องไอจีของบุคคลที่ผมสบตาในวันนี้
ส่วนใหญ่พี่จินจะไม่ค่อยลงรูปแบบโชว์หุ่นอะไรเท่าไหร่พี่แกก็จะลงรูปนั่งทำหน้าธรรมดานี่แหละไม่ยิ้มไม่อะไรสักอย่างแต่ก็หล่อมากด้วยสาวนี่กดไลค์เป็นพันเป็นหมื่นคนเลยล่ะ
ว่าแล้วก็ท้อใจอีกละจะเอาอะไรไปสู้แต่พอนึกถึงคำไอ้บอสก็เริ่มมีกำลังใจ…เราต้องสู้ดูสักตั้ง
เลื่อนไปเลื่อนมาก็ไปเจอรูปที่พี่แกเพิ่งลงไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี่มันรูปสถานที่ที่พวกเรานั่งสบตากันตอนกลางวันนี่นา…จะคิดเข้าข้างตัวเองก็พี่เขาอาจจะสื่อถึงเราแต่ก็คงไม่เพราะว่ามันมีดอกไม้สวยๆอยู่ด้านหลังหรือว่าพี่แกจะถ่ายดอกไม้แต่ว่าก็ไม่มีดอกไม้นะมีแต่ต้นหญ้าคิดไปคิดมาก็งงแล้วก็ปวดหัวอีกสรุปคือเข้าข้างตัวเองเลยแล้วกัน
มิก
ไอ้บอสนะไอ้บอส…เทียนบ้านมึงก็มีกูอยากจะรู้ว่ามึงให้กูมาหาซื้อทำไมเนี่ยมองดูเทียนเอาเทียนอะไรดีวะเนี่ยประเด็นคือมันไม่บอกว่าเอาเทียนอะไร…คือให้กูตัดสินใจเองว่างั้น…อ้าว..เจอแล้วนี่สินะสิ่งที่เราต้องการป้าครับผมเอาอันนี้ครับ
ตัดภาพไปที่บอส
“แม่คือวันนี้เพื่อนผมจะมาที่ห้องพระนะครับตอนประมาณ 23:30 น.”
“มาทำอะไรกันที่ห้องพระดึกๆดื่นๆปกติพวกแกกับเพื่อนไม่ค่อยเข้าห้องพระกันเท่าไหร่นะหรือว่าผีสิงลูกฉัน”
“โห่ไม่ใช่แบบนั้นแม่….พอดีพวกผมจะสวดมนต์ข้ามปีกันไง”
“โอ้ดีเลยนะเนี่ยรู้จักสวดมนต์ข้ามปีกันด้วยผมก็เป็นลูกแม่จริงๆแต่แม่อยากรู้ว่ามันผ่านปีใหม่มาหลายเดือนแล้วนะ…จะสวดข้ามปีคะส่วนประมาณ 7-8 เดือนเลยนะ” แผนแตกอีก
“ไม่ใช่สวดมนต์ข้ามปีพูดผิดพอดีอาจารย์น่ะให้มาทำมาถ่ายคลิปการสวดมนต์ในรายวิชาพระพุทธศาสนาไงครับ”
“แกเรียนนิเทศศาสตร์ไม่ใช่เหรอทำไมมีพระพุทธศาสนาเข้ามาด้วย”
“อ๋อคือว่ามันเป็นการฝึกซ้อมการแสดงไงครับเผื่อไปอยู่ในฉากที่เขาสวดมนตอย่าซนกันล่ะแล้งงั้นแม่ฝากดูบ้านหน่อยนะเพราะว่าแม่จะต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดกับพ่อ…อย่าซนกันล่ะ”
“ผมอยู่ปี 1 แล้วนะผมจะซนได้ไง”
“สำหรับแม่แกไม่ต่างอะไรจากอนุบาล 1 เลย”
“เข้าใจแล้วครับจะพยายามไม่ซน”
“OK พ่อโทรมาละเดี๋ยวแม่ไปก่อนนะ”
“ครับ” สำเร็จลุล่วง
23.30 น.
“ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่บ้านของกระผม”
“มึงไม่ต้องเป็นทางการมากก็ได้ไอ้บอสกูหนักเทียนหมดแล้วเนี่ย”
“เทียนบ้านมึงสิหนัก”
“ก็มันหนักจริงนี่หว่าเนี่ยเมื่อยแขนหมดแล้วกู”
“โอ้โหเพื่อนมิก…กูชื่นชมในการเลือกเทียนของมึงมากเลยเพื่อนแต่กูสงสัยนิดนึงว่ามึงจะเอาไปถวายวัดไหน…ไอ้เวรกูให้มึงซื้อเทียนเล่มน้อยๆมึงไปซื้อเทียนพรรษามาทำพระแสงอะไร”
“มึงนี่ไม่รู้อะไรเลยนะไอ้บอส…”
“เออกูไม่รู้ไงว่ามึงซื้อมาทำไมมึงอธิบายขยายความให้กูฟังหน่อยสิ”
“คือความรักของหลายๆคนที่มีต่อพี่จริงอ่ะเปรียบเสมือนเทียนเล่มเล็กที่จุดไฟก็จะมีไฟริบหรี่นิดเดียวเท่านั้น…แต่ความรักของไอ้มินที่มีให้พี่เขามันยิ่งใหญ่มากดุจดั่งเทียนที่กูซื้อมาเลยวันนี้นี่แหละจะส่งผลต่อความรักของไอ้มินไปตลอดชั่วกาลนานเทอญ”
ต่อด้านล่าง