บทส่งท้ายของเรื่องราววัยเยาว์
“พยากรณ์อากาศวันนี้ จะมีลมเย็นพัดผ่านตอนเหนือและตอนกลางของประเทศ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าหิมะแรกของปีจะมาภายในช่วงสองถึงสามวันนี้ อุณหภูมิในสัปดาห์หน้าอาจลดต่ำถึงสององศาเซลเซียส ขอให้ทุกคนเตรียมเครื่องนุ่งห่มพร้อมรับมือกับอุณหภูมิที่ลดลงค่ะ ต่อไปเป็นข่าวกีฬา...”
“ไปก่อนนะ” มาฮิโตะคว้ากระเป๋าเอกสาร เตรียมออกจากบ้านไปทำงาน
“ไปดีมาดีนะคะ” วันนี้ก็เช่นเคยที่ภรรยาจะมาส่งเขาที่หน้าประตูบ้าน เธอจัดชุดสูทของเขาให้เข้าที่ ก่อนจะยื่นกล่องข้าวกลางวันให้พร้อมกับมอบรอยยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
ชายหนุ่มหลุบตาต่ำ “วันนี้... ผมน่าจะกลับมืดสักหน่อยนะ” เอ่ยบอกภรรยาเป็นนัยว่าไม่ต้องรอเขากินข้าวเย็น เธอชะงักไปครู่หนึ่งแต่ก็ยังคงรอยยิ้มอ่อนโยนไว้เหมือนเดิม
ใช้เวลาไม่นานในการเดินทางจากบ้านมาถึงบริษัทที่มาฮิโตะทำงานอยู่ เขาแวะทักทายเพื่อนร่วมงานเล็กน้อยระหว่างเดินเข้าห้องทำงานส่วนตัวอันเป็นห้องของหัวหน้าแผนก เคลียร์งานเอกสารทั้งวันจนใกล้เวลาเลิกงานประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะโดยคนในทีมที่คุ้นเคย
“หัวหน้าครับ วันนี้พวกผมว่าจะไปเลี้ยงฉลองสละโสดให้คิริซากะกัน หัวหน้าสนใจไปด้วยกันไหมครับ” เพื่อนร่วมงานคนสนิทเอ่ยชวน
“วันนี้ตอนเย็นผมมีธุระนิดหน่อย อาจจะอยู่ได้ไม่นานมากนะ” ชายหนุ่มตอบ
“โธ่ ฉลองสละโสดก็ต้องเมาหัวทิ่มกันหน่อยสิครับ นาน ๆ ทีคนในแผนกเราจะขายออก” หลังจากเอ่ยปฏิเสธไปถึงได้เห็นว่าสมาชิกในทีมคนอื่นก็แอบฟังอยู่หลังบานประตู
“หัวหน้าจะรีบกลับไปหาภรรยาที่บ้านล่ะสิ ถ้าผมเป็นหัวหน้าก็คงไม่อยากไปกับพวกนี้หรอก กลับบ้านไปกอดภรรยาดีกว่าเยอะเลย”
“หัวหน้าน่ะจะน่าอิจฉาเกินไปแล้วนะครับ ได้กินข้าวกล่องจากภรรยาสุดน่ารักทุกวัน เห็นใจคนโสดแบบพวกผมหน่อยสิ”
“ใช่ ๆ เพราะหัวหน้านั่นแหละพวกผมเลยขายไม่ออก สาว ๆ แผนกอื่นมาก็โดนออร่าความหล่อหัวหน้าดูดสายตาไปหมด ไม่เหลือบมองพวกผมเลย”
“ใช่เลย ขนาดรู้ว่าแต่งงานแล้วก็ยังไม่เลิกมอง หัวหน้าจะน่าอิจฉาเกินไปแล้ว!”
“พวกนายก็พูดเกินไป ชีวิตฉันไม่ได้น่าอิจฉาขนาดนั้นหรอก”
“น่าอิจฉามากเลยครับ!!”
“หน้าตา หน้าที่การงานก็ดี ภรรยาก็สวยสุด ๆ”
“นอกจากสวยแล้วยังทำอาหารอร่อยอีกต่างหาก”
หลังจากเผลอลืมเอกสารสำคัญไว้ที่บ้านจนต้องลำบากภรรยาให้นำมาให้ พวกคนในทีมก็พูดชมภรรยาของเขาไม่ขาดสายจนเขาเบื่อจะบ่น ได้แต่ทำหน้าเอือมระอาใส่ ไล่พวกตัววุ่นวายให้กลับไปทำงานให้ครบตามเวลางาน
----
เสียงร้องเพลงไม่ค่อยจะตรงจังหวะดังก้องห้องอาหารส่วนตัว แต่ไม่มีเสียงทักท้วงจากเพื่อนร่วมงานที่คอยนั่งฟังสักคนเพราะทั้งคนร้องและคนฟังต่างก็ดื่มกันจนสติเลือนราง
“ข้างนอกหิมะตก อากาศหนาวสุด ๆ เลย” หนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่กลับมาจากข้างนอกบ่นกับเพื่อน
“ผมขอกลับก่อนนะ” เมื่อเห็นว่าพอจะเหลือมนุษย์ที่มีสติอยู่บ้างชายหนุ่มก็ขอตัวกลับก่อน เขาทิ้งเงินไว้ให้ผู้มาใหม่จำนวนหนึ่ง ปลายทางไม่ใช่บ้านของเขาเหมือนที่พวกเพื่อนร่วมงานแซว แต่เป็นพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่งที่ห่างจากบ้านเขาไปสองซอย
หิมะแรกของปีโปรยปราย เขายืนมองพื้นที่ว่างเปล่า ในมือถือผ้าพันคอที่เตรียมมาจากบ้าน ยืนนิ่งอยู่พักใหญ่จนคนที่เดินผ่านมองอย่างสงสัย
เหมียว~~~
ปลายเท้าที่เบี่ยงเตรียมเดินกลับบ้านชะงักเมื่อหางตาเหลือบเห็นเงาสีขาวเดินออกมาจากมุมมืด ชายหนุ่มฉีกซองขนมแมวเลียที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ ย่อตัวยื่นมือออกไปข้างหน้ารอให้เจ้าแมวตัวน้อยเดินเข้ามาหา
เจ้าตัวน้อยหรี่ตามอง จ้องหน้ากันอยู่พักใหญ่ก็ยอมเดินเข้ามาดมกลิ่นอาหารใกล้ ๆ ทำจมูกฟุดฟิดอยู่สามรอบลิ้นน้อย ๆ ก็ตวัดเลียอาหารเข้าปาก มาฮิโตะทำใจกล้ายื่นอีกมือที่ว่างไปลูบขนเจ้าแมวขาวตัวน้อย มันทำหน้ารำคาญเขานิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เบี่ยงตัวหนี
เขาหลุดยิ้มออกมา นิสัยเจ้าตัวน้อยช่างเหมือนใครบางคนที่เขาเคยรู้จัก
ฉับพลันภาพที่มองเห็นด้วยสายตาเกิดการบิดเบี้ยว พื้นที่รกร้างกลายเป็นบ้านไม้ทรงเก่าขึ้นมาแทนที่ ไม่ต้องรอให้เห็นชัด เขาก็เดินเข้าไปในตัวบ้าน เดินเข้าไปในห้องรับแขกตามทางที่คุ้นเคยในความทรงจำ
“ว่าแล้วว่าต้องเป็นนาย” ชายหนุ่มเจ้าของบ้านเอ่ยทักเขาแม้ยังไม่เงยหน้าขึ้นมอง “ไม่เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะ”
“สามปีแล้ว งานทางนั้นยุ่งมากเลยเหรอ”
“อืม ค่อนข้างวุ่นวายเลยล่ะ เพิ่งจะได้พักหายใจนี่แหละ” เจ้าของบ้านบิดกายอย่างเกียจคร้าน ลุกขึ้นยืนเดินนำผู้มาเยือนไปยังชานเรือนด้านหลัง
“ฉันได้รับจดหมายเชิญไปงานแต่งของนายนะ แต่ช่วงนั้นมีธุระต้องจัดการเยอะมากเลยล่ะ จริงสิ เดี๋ยวฉันไปหยิบของขวัญแต่งงานมาให้นะ ถึงจะช้าไปเป็นปีแต่ยินดีด้วยนะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ปล่อยให้เจ้าของบ้านเดินไปหยิบของขวัญตามที่เจ้าตัวกล่าว เหม่อมองทิวทัศน์คุ้นตา เขาทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม เหมือนที่เคยทำเป็นประจำในอดีต
“เธอตอนสวมชุดแต่งงานต้องสวยมากแน่เลย นายนี่โชคดีชะมัดที่ได้แต่งกับคุณมิวะ อ่า... ต้องเป็นคุณนายคุโรเบะแทนแล้วสินะ” เจ้าของบ้านกลับมาพร้อมขวดสุราในมือขวา มืออีกข้างถือแก้วมาด้วยอีกสองใบ
“นายยังชอบเธออยู่หรือเปล่า” มาฮิโตะถามเข้าประเด็น ในเมื่อเจ้าตัวเปิดเรื่องแต่งงานของเขามาเอง เขาก็คงมีสิทธิที่จะถาม
“ฉันจะไปชอบภรรยาของเพื่อนได้ยังไงกันเล่า” มือเรียวเทสุราลงใส่แก้วทั้งสอง ยื่นแก้วหนึ่งให้เพื่อนอีกแก้วถือไว้กับตัวเอง
“แต่นายเคยบอกว่านายรักเธอนี่” มาฮิโตะรับแก้วมาจากอีกฝ่าย ชนแก้วกันเป็นพิธีก่อนยกขึ้นดื่ม รสชาติสุราแสบร้อนแต่ก็ทิ้งกลิ่นหอมและรสหวานติดปลายลิ้นไว้ในปาก
“อา ก็อย่างที่นายรู้ เธอเป็นรักแรกของฉัน แต่เธอแต่งงานกับเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ฉันมั่นใจว่านายจะดูแลเธออย่างดี ทางนี้เองก็มีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมาก ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นแล้วล่ะ”
“นายจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน” มาฮิโตะหยิบขวดสุราขึ้นมาเติมให้ตัวเองและชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนของเขา
“ประมาณสองสัปดาห์มั้ง ฉันโดนลูกน้องยัดวันหยุดมาให้น่ะ ที่จริงพวกนั้นให้ฉันหยุดเดือนหนึ่ง แต่พวกนั้นทำงานแทนฉันทั้งเดือนไม่ไหวหรอก ก็น่าจะกลับก่อนวันหยุดหมดละนะ” อีกฝ่ายว่าจบก็หัวเราะในลำคอเสียงเบา ในหัวคงนึกไปถึงลูกน้องที่พูดถึง
มาฮิโตะพิจารณาเพื่อนตรงหน้า อีกฝ่ายยังคงมีรูปร่างหน้าตาแบบเดิม ดวงตาเรียวสวยที่ปลายหางตายกขึ้นเล็กน้อย จมูกเชิดรั้นเหมือนนิสัยดื้อดึงของเจ้าของ มุมปากที่คอยยกยิ้มอยู่ตลอดเวลา ต่างไปเพียงบรรยากาศรอบตัวที่ดูจะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาไปเจออะไรมาบ้าง
ชายหนุ่มทั้งสองคุยย้อนความหลังถึงวันวาน ถึงเรื่องราวในอดีตตั้งแต่ตอนที่บังเอิญพบกันครั้งแรก บังเอิญว่ามาฮิโตะสามารถมองเห็นเขาได้ทั้งที่ยังติดอุปกรณ์พรางตัวอยู่ และบังเอิญอีกว่าภารกิจมีปัญหาจึงต้องรั้งรออยู่ที่โลกมนุษย์เป็นเวลานาน โชคดีที่มีมาฮิโตะ มนุษย์ที่มีพลังเหมือนกับคนในโลกฝั่งเขาและมิวะ เพื่อนวัยเด็กของมาฮิโตะคอยช่วยเหลือ เรื่องบังเอิญและเรื่องโชคดีทั้งหลายที่เกิดขึ้นรวมกันเป็นความทรงจำวัยรุ่นที่น่าประทับใจ คนทั้งสามเคยวิ่งวุ่นปราบปีศาจไปด้วยกัน ใช้ชีวิตท่องเที่ยวพักผ่อน สืบหาคนร้ายที่หวังจะสร้างความวุ่นวายให้โลกทั้งสองฝั่ง
เรื่องราวจบลงด้วยดีเหมือนในภาพยนตร์ คนร้ายได้รับการลงโทษ โลกทั้งสองฝั่งได้รับการช่วยเหลือและคงอยู่อย่างสงบสุข และในท้ายที่สุดตัวเอกก็ต้องเดินทางกลับโลกที่ตัวเองเคยอยู่ มาฮิโตะและมิวะเป็นคนของโลกฝั่งนี้ ส่วนเขาเป็นเกิดและเติบโตที่โลกอีกด้าน ยังมีครอบครัว ภาระหน้าที่การงานอีกมากที่ต่างฝ่ายต่างต้องรับผิดชอบ การลาจากจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“น่าเสียดายเหมือนกันนะ ถ้ามิวะยังจำฉันได้ฉันคงเอาของขวัญแต่งงานไปให้นายถึงที่บ้านแล้วล่ะ” ชายหนุ่มเจ้าของบ้านเอ่ย ยื่นมือออกไปรองหิมะนอกหลังคา “ที่จริงน่าแปลกใจมากกว่าที่นายยังไม่ลืมฉัน” เขาหัวเราะ แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าตัวเองแอบดีใจที่อย่างน้อยการกลับมาพักร้อนยังมีคนรอคอยเขาอยู่
“ต่อให้นายลบความทรงจำฉัน ฉันก็จะยังคงจำนายได้อยู่ดี” มาฮิโตะตอบอย่างมั่นใจ
“เหลวไหลน่า ฉันมีอำนาจไปลบความทรงจำใครที่ไหน อย่างมากก็เหมือนกับที่เคยทำกับนายแล้วก็มิวะ เอาความทรงจำที่เกี่ยวกับฉันไปซ่อนไว้ให้ลึกที่สุด” ชายหนุ่มยู่ปาก ท่าทางเหมือนตอนยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่จริงก็ยังคงคาใจไม่หาย ทั้งที่ตั้งใจว่าพอซ่อนความทรงจำเกี่ยวกับเขาเสร็จจะหนีกลับไปที่โลกอีกฝั่งแต่วันกลับดันเจอคนตรงหน้ามาดักรอตั้งแต่เช้า
“ดึกแล้ว นายกลับเถอะ ปล่อยให้ภรรยาคนสวยรอนานไม่ดีนะ” เอ่ยไล่ผู้มาเยือน หิมะสีขาวเต็มพื้นสนามจนมองไม่เห็นสีของหญ้าด้านล่าง แม้จะรู้สึกเหงานิดหน่อยแต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
“อืม แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่” เจ้าของบ้านหลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ยิน ลุกขึ้นเดินไปส่งอีกฝ่ายถึงหน้าบ้าน
“บาย ดูแลคุณมิวะให้ดี ๆ ด้วยนะ” มาฮิโตะส่ายหน้าระอา ปากบอกไม่ได้ชอบแล้วแต่ก็ยังคงเอ่ยถึงภรรยาของเขาอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อเท้าพ้นเขตรั้วบ้านภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เหมียว~~~
เจ้าแมวขาวตัวเดิมร้องเรียกเขา เขายื่นผ้าพันคอให้เจ้าตัวน้อยตามที่ตั้งใจ
“ขอโทษนะ หายไปนานเลย” เอ่ยขอโทษเจ้าตัวขาว หยิบซองขนมแมวเลียที่ว่างเปล่าขึ้นมาเพื่อนำไปทิ้งถังขยะ แมวน้อยร้องครางในลำคอ ปากคาบผ้าพันคอของเขาแล้ววิ่งหนีหายไปในมุมมืด
มาฮิโตะหันกลับไปมองด้านหลังที่เปลี่ยนกลับจากบ้านไม้เป็นพื้นที่รกร้างตามเดิม
“ฉันสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดี”
เพราะเธอเป็นคนที่นายรัก
————————————
จบแล้วค่ะ
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่หานิยายเรื่องนี้เจอนะคะ
ขอบคุณมาก ๆ เลยที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ ติชมกันได้เต็มที่นะคะ
ตอนนี้ที่จริงจะว่าเป็น One Shot จบแล้วก็ได้ แต่ก็เคยวางพล็อตให้เป็นบทนำของเรื่องยาวล่ะ ถ้าวางพล็อตจนจบแล้วมีไฟเขียนต่อจะมาปั่นต่อให้อ่านกันนะ!