พิมพ์หน้านี้ - (จบแล้ว) บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: -Piagpun- ที่ 29-03-2021 23:03:41

หัวข้อ: (จบแล้ว) บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 29-03-2021 23:03:41
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

********************************************
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] แนะนำเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 29-03-2021 23:33:38
บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]

 

‘คิดถึงโซ่จังเลย อยากเห็นหน้าชะมัด’

 

     มุมปากกระตุกยิ้มเมื่อสัมผัสได้ว่าเหยื่อกำลังติดกับเข้าแล้ว

 

     ผมเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เปิดมันออกแล้วหยิบของบางอย่างออกมา มันคือ วิกผม...

 

     ลิปสติกสีหวานถูกทาลงริมฝีปากบาง ๆ ลงแป้งอีกหน่อยก่อนจะสวมวิกผมสีดำตรงยาว หยิบมือถือขึ้นมาเลือกฟิลเตอร์สีละมุนกดถ่ายสักสอง สามรูปและเลือกรูปที่ดูเนียนที่สุดส่งไป

 

*ส่งรูป*

‘คิดถึงเหมือนกัน เจอกันในเกมตอนเย็นนะคะ’

 

 

     ผมชื่อโซ่ ผมตกงานเพราะมีเรื่องกับหัวหน้า เอาจริงผมไม่ผิดนะ ผมแค่บังเอิญตีหัวเขาแตกเย็บสิบเข็มเองก็เท่านั้น ก็ทำยังไงได้ก็ผมมันเลือดร้อนนี่

 

     ชีวิตต้องกินต้องใช้ ผมจึงเลือกทางเดินผิดๆ ด้วยการทำตัวเป็นมิจ...เออ มิจฉาชีพนั่นแหละ

 

     ความสามารถพิเศษของผมคือการหลอกล่อพวกผู้ชายด้วยคำพูดหวานหว่านล้อม เมื่อเขาติดกับผมจะหลอกให้คนพวกนั้นเติมเกม แล้วนำตัวเกมเหล่านั้นไปขาย วงการเกมบางเกมรู้ดีครับว่ามันสามารถขายได้

 

     และการเล่นเกมคืองานอดิเรกของผม แต่ตอนนี้มันกลายเป็นงานหลักไปซะแล้ว แต่เรื่องมันเริ่มที่...

 

     'ธนู' ผู้ชายคนหนึ่งที่กระเป๋าหนักทุ่มให้ผมไม่อั้น เรารู้จักกันได้สามเดือน ไม่เคยเห็นหน้ากัน มีเพียงแค่รูปที่ผมแต่หญิงเท่านั้นที่เขาได้เห็น

 

     ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาหลงอะไรผมหนักหนา จนในท้ายที่สุดเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ 'เขาอยากเจอผม'

 

 




"ธรรมชาติของนิยาย เป็นเพียงแค่เรื่องที่แต่ขึ้นเท่านั้น ตัวละครและบทบาททั้งหมดเกิดจากจินตนาการของนักเขียน"



TW : https://twitter.com/peepun98
ทวิตสำหรับ Update นิยายใหม่

::คำเตือน::
นิยายเรื่องนี้เกี่ยวกับความรักเพศเดียวกัน(Boylove) หากไม่ชอบแนวนี้แนะนำให้กดข้ามจ้า
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -0- Intro
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 29-03-2021 23:45:11

"โดยธรรมชาติของนิยาย เป็นเพียงแค่เรื่องที่แต่ขึ้นเท่านั้น ตัวละครและบทบาททั้งหมดเกิดจากจินตนาการของนักเขียน ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องสมมุติ"

 

-Intro-

00

 


     สายโซ่ คิมูจิ (20 นาทีที่แล้ว)

     ขออนุญาตขายตัวเกมผู้หญิง มีของ1 แรร์ไอเทม ช่วงกิจกรรมปีใหม่ และช่วงวันวาเลนไทน์ ตามรูป ราคา 12,xxx บาท คุยกันก่อนได้ครับ ให้สิทธิ์คนโอนจองก่อนครับ

 
*แนบรูป 20+*
ถูกใจ 120 แสดงความคิดเห็น 25 แชร์


     หลังจากผมโพสต์ไปเพียง 20 นาที ข้อความก็เริ่มทักเข้ามามากมาย ผมเลือกตอบจากข้อความล่างสุด และก็อย่างที่ผมคิดเอาไว้ ไม่นานนักก็มีข้อความเด้งเข้ามา หน้าจอโทรศัพท์ที่เคยดับสนิทก็สว่างวาบ

 

     รายการเงินเข้า

     บัญชี xxx-x-x000-x จำนวนเงิน 12,990 บาท

 

     เป็นอันสิ้นสุดการขาย ผมก็ต้องแสดงความเห็นบนโพสต์ของตัวเอง

 

     สายโซ่ คิมูจิ : XXปิดการขายแล้วครับXX

 

     ทั้งหมดที่ผมทำอยู่เป็นการซื้อขายตัวเกม คนในแวดวงการเกมเมอร์มีหลายคนที่ทำแบบผม การที่เราจะขายตัวเกมให้ได้ราคาแจ่มแมวนั้นก็ค่อนข้างต้องใช้เงินมากหน่อย เพราะกิจกรรมที่เราจะได้ของแรร์ไอเทมต้องใช้เงิน ในแต่ละครั้งเป็นจำนวนมาพอสมควร

 

     ผมชื่อ สายโซ่ อายุ 22 ปี สถานะเด็กวิศวกรรมโยธาจบใหม่ไฟแรง

     แรงแค่ไหนก็ตีกับหัวหน้างาน จนหัวแตกเย็บไปสิบเข็ม แม่ง! ชอบหาเรื่องผม สายโซ่เป็นคนคิดบวก ก็ไม่มีรีรอบวกแม่งเลยไอ้สัด!!!

     ตัดภาพมาที่ผมนั่งอยู่ในโรงพักเสียค่าปรับวุ่นวาย นอนคุกอีกสองคืน เพราะน้องชายตัวดีอย่าง ‘กุญแจ’ สั่งให้ตำรวจขังผมเอาไว้ มันบอกว่าถ้ายังไม่เลิกสันดานเลือดร้อนก็นอนสำนึกอยู่ในนั้นไปก่อน

     เรามีกันสองคนพี่น้อง เพราะพ่อกับแม่ผมแยกทางกัน โตจนดูแลตัวเองได้ แม่ก็ซื้อบ้านให้หนึ่งหลังใจกลางเมือง และให้เงินใช้ทุกเดือนกับพ่อคนละครึ่ง ก่อนจะเนรเทศตัวเองไปอยู่กับสามีใหม่ตาน้ำข้าว ทิ้งให้ผมกับกุญแจอยู่ด้วยกันสองคน

     แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหา ดีซะด้วยซ้ำเพราะพวกผมได้อิสระเต็มร้อย อยากไปไหนก็ไป กินเหล้าเมาหัวทิ่มยันเช้าก็ไม่มีใครบ่น

     จะบอกว่าไม่มีใครบ่นก็คงไม่ถูก เพราะตั้งแต่ที่กุญแจน้องชายบังเกิดเกล้าเข้าสู่ช่วงมหา’ลัย มันก็บ่นเก่งประหนึ่งเป็นแม่คนที่สองของผมไปแล้ว

     หลังจากผมเรียนจบ ผมก็ถูกแม่กับพ่อลดเงินเดือนเหลือครึ่งหนึ่ ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมจบแล้วต้องมีการงานมีงานทำ และเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ผมว่าพ่อกับแม่คงประเมินผมสูงไปหน่อย เพราะตอนนี้ผมตกงาน

     แต่ระดับสายโซ่แล้วไม่อดตายหรอกครับ ก็แหม...ผมขายตัวเกมที ได้เทียบเท่ากับเงินเดือนของเพื่อนบางคนซะอีก แค่เล่นเกมปั๊ม 2 Level เติมเกมเข้าร่วมทุกกิจกรรมที่แจกของแรร์ไอเทมสักสองสามเดือนผมก็ได้เงินไว้ใช้แล้ว

     แต่อย่างที่บอก การจะร่วมกิจกรรมแต่ละครั้งต้องใช้เงินพอสมควร เพราะการเติมเงินแต่ละครั้งไม่ได้หมายความว่าจะได้ของแรร์ไอเทม ยังต้องเข้าไปสุ่ม3 กาชา เพื่อลุ้นว่าจะได้ของแรร์หรือไม่ และคนตกงานอย่างผมกับการหาเงินเติมเกมนั้นง่ายนิดเดียว

     ติ้ง~

     เสียงข้อความปริศนาดังขึ้นปรากฏข้อความจากใครบางคน

 

‘คิดถึงโซ่จังเลย อยากเห็นหน้าชะมัด’

 

     มุมปากกระตุกยิ้มเมื่อสัมผัสได้ว่าเหยื่อกำลังติดกับเข้าแล้ว

     ผมเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เปิดมันออกแล้วหยิบของบางอย่างออกมา มันคือ วิกผม...

     ลิปสติกสีหวานถูกทาลงริมฝีปากบาง ๆ ลงแป้งอีกหน่อยก่อนจะสวมวิกผมสีดำตรงยาว หยิบมือถือขึ้นมาเลือกฟิลเตอร์สีละมุนกดถ่ายสักสอง สามรูปและเลือกรูปที่ดูเนียนที่สุดส่งไป

 

*ส่งรูป*

‘คิดถึงเหมือนกัน เจอกันในเกมตอนเย็นนะคะ’

 

นั่นแหละครับเป็นวิธีที่ผมใช้เติมเกม ผมใช้ตัวเกมผู้หญิงเพื่อหลอกล่อให้ผู้ชายในเกมเติมเกมและทำกิจกรรมร่วมกัน มีบางครั้งที่ต้องแลกไลน์ เพื่อติดต่อกัน

     ใครก็อยากเห็นหน้าคนที่คบกันในเกมอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ วิธีแต่งหญิงจะยิ่งทำให้เราดูหน้าเชื่อถือขึ้นอีกระดับ ผมไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ผมทำมันดีนะ แต่มันก็เป็นวิธีที่ผมจะได้เงินมาง่าย ๆ ไม่ต้องเหนื่อย แถมยังได้เล่นเกมที่ตัวเองชอบอีก

     จะว่าไปสิ่งที่ผมทำมันก็ไม่ต่างจากมิจเท่าไหร่...เออ 'มิจฉาชีพ' นั่นแหละ

 

     ติ้ง~

     เป็นอีกครั้งที่ข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้น

 

Tn

     หนูคะ

 

     คราวนี้เป็นข้อความจากคนที่ผมกำลังเต๊าะอยู่ รายนี้กระเป๋าหนักมาก คงจะเป็นพวกเงินเหลือใช้นั่นแหละ ผมเจอเขาตอนที่สมัครตัวเกมใหม่ Level ของเขาสูงพอสมควร แต่แต่งตัวได้เห่ยบรม

     ผมไม่ได้ตั้งใจจะตีสนิทอะไรหรอก เพราะดูจากการแต่งตัวแล้วคงจะจน แถมชุดที่ใส่ก็เป็นเงินเหรียญจากการเข้าเกมรายวัน

     แต่ช่วงเวลานั้นไม่มีคนพาผมลง4 ดันเจี้ยน และเขาก็กำลังรอคนเช่นกัน ผมจึงถือโอกาสชวนเขาเล่น และได้รู้ว่าเขาเก่งมากๆ หลังจากนั้นเราก็เริ่มเล่นเกมด้วยกันบ่อยๆ ขึ้น ผมลองเชิงว่าชอบชุดหนึ่งในร้านค้าในเกม และวันต่อมาผมก็ได้ของขวัญจากเขา

     ปกติเมื่อผมได้ของที่ต้องการแล้ว ผมจะทำการบล็อกทุกคน และลงทุนเติมเงินเพื่อเปลี่ยนชื่อตัวเกม แล้วจึงเอาไปประกาศขาย

     แต่กับเขาคนนี้ผมเลือกเก็บเขาไว้ก่อน เพราะเขาเปย์หนักมาก ตัวเกมตัวนี้คงได้ราคาสูงมากแน่ เผลอ ๆ ราคาอาจจะถึง สองหมื่นเพราะของแรร์จากกิจกรรมที่ได้มาล้วนหายาก บางชิ้นยังเป็นถึงซุปเปอร์แรร์ไอเทมระดับSS+ แต่เขาก็หามาให้ผมจนได้

     ทุกครั้งที่ตัวเกมผมหยิบของที่มีในกระเป๋ามาใส่ ทุกตัวในเกมมักอิจฉากันเป็นแถว ผมจึงเลือกเก็บเขาไว้ก่อน เพราะผลประโยชน์ในภายภาคหน้า

     เขาชื่อว่า ‘ธนู’

 

SaySo

ว่าไงคะ พี่ธนู

 

ผมตอบกลับข้อความเขาในเวลาต่อมา คนสวยก็ต้องเล่นตัวหน่อยอะนะ

 

Tn

     พี่มีอะไรจะให้

SaySo

งื้อ~

อะไรคะ?

Tn

     เข้าเกมสิ

 

     ผมรีบกดเข้าเกมทันที

 

เราคือเบล ล็อกอินแล้ว

 

     การแจ้งเตือนของขวัญถูกส่งเข้ามายังกระเป๋า ผมรีบเลื่อนเมาส์กดเข้าไปอย่างไวว่อง มันเป็นชุดกับปีก รองเท้า ทรงผม ครบชุด

     “Oh Shit!!!” ผมอุทานออกมาเสียงดัง เพราะของที่ถูกส่งมาเรียกได้ว่าสุ่มแต่ละครั้งต้องใช้เงินจริงประมาณห้าร้อยบาทไทย ฟังดูไม่เท่าไหร่ แต่ใช่ว่าการสุ่มหนึ่งครั้งจะได้เลย ยิ่งได้ทั้งชุด ปีก รองเท้า และทรงผม ครบชุดแบบนี้แล้วด้วย อย่างต่ำก็ต้องเติม สี่ถึงห้าหมื่น

     ผมกดออกจากเกมแล้วทักหาธนูทันที

SaySo

พี่ให้หนูเหรอคะ
ทำไงดีหนูเกรงใจ

 

ฮุฮุ อย่างน้อยตัวเกมนี้คงขายได้หลายหมื่นเลยทีเดียวล่ะ สบายแล้วไอ้โซ่

 

Tn

     ไม่ต้องเกรงใจพี่ตั้งใจให้

SaySo

หนูถามได้ไหมพี่เติมไปเท่าไหร่น่ะ

คือของมันได้มายากมากเลยนะ

Tn

     เท่าไหร่ช่างมันเถอะค่ะ

     เอาเป็นว่าพี่หาให้หนูได้ทุกอย่าง

 

     ลูกคนรวยมันดีจริงๆ คิดไปคิดมา เริ่มรู้สึกอิจฉาเมียในอนาคตของไอ้นี่จริง ๆ คงสบายไปทั้งชาติ

SaySo

หนูเกรงใจจัง
หนูจะตอบแทนพี่ยังไงดี

Tn

     งั้นพี่ขออะไรหนูได้ไหม

     ถ้าหนูอยากตอบแทนพี่จริงๆ

SaySo
...?

Tn

     เราก็รู้จักกันมาสามเดือนแล้ว

     พี่ชอบโซ่นะ พี่ว่าโซ่ก็คงรู้

     เรามาเจอกันได้ไหม

 

     ฉิบหายแล้ว!!!

     หลังจากที่ผมอ่านข้อความจบ ผมก็รู้ได้ทันทีเลยว่าหายนะเลิฟเวอร์กำลังเริ่มขึ้น และชีวิตผมกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดการ...

 

 

 

 

 

1 ไอเทม หายาก

2 Level ระดับ

3 กาชา สุ่มตัวละคร ไอเทม

4 ดันเจี้ยน พื้นที่ที่พิเศษสำหรับทำภารกิจ โดยมีรางวัลเป็นไอเทมต่างๆ

 



หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 31-03-2021 09:13:05
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -1- ขุดหลุม
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 31-03-2021 22:40:07

-1-

ขุดหลุม

 

3 เดือนก่อน

Rrrr…


     “ครับ…จะออกไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”

     ผมลุกจากเก้าอี้เกมเมอร์สีชมพูสุดคิ้วท์ ออกไปยังหน้าบ้าน เพราะเมื่อสักครู่ผมได้นัดกับบุรุษท่านหนึ่ง นามว่าเคอรี่ นั้นไม่ใช่ชื่อจริงของเขา

     เคอรี่ไม่ใช่คน แต่เป็น...

     “ส่งของค่าบบบบบ”

     “มาแล้วจ้า” งู้ย~ หนังสือการ์ตูนกับโมเดลคุณกบเคโรโระที่สั่งมาแล้ว แท้จริงแล้วเคอรี่คนนี้ชื่อว่าพี่สมรักษ์ แกส่งของอยู่โซนแถวบ้านผมนี่แหละ ส่งจนผมกับพี่แกซี้กันสุด ๆ

     “รอบนี้สั่งเยอะนะน้องโซ่” พี่สมรักษ์ว่า พลางยกกล่องออกมาอีกสามกล่องใหญ่

     “ก็ผมไม่ชอบออกจากบ้านนี่”

     “ว่าแต่วันนี้ทำไม่ใสวิกออกมารับของล่ะ” อ่า ผมลืมถอดออกซะสนิท ก่อนออกมาผมกำลังถ่ายรูปตุ๋นเอาไว้ส่งให้คนในเกม จะได้ไม่ต้องถ่ายบ่อย ๆ

     “ผมทำงานน่ะ ลืมถอด”

     “แต่แบบนี้ก็น่ารักดีนะ...พี่ชอบ”

     “แฮ่ะๆ ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้มแหยๆ ก่อนจะรีบยกกล่องทั้งสามใบเข้าบ้าน

     พี่สมรักษ์เป็นผู้ชายหน้าตาจัดว่าอยู่ในระดับดี พี่แกตามจีบผมตั้งแต่ผมยังเรียนอยู่ปีสอง จนตอนนี้ผมจบมาจนตกงานพี่แกก็ยังไม่เลิกวอแวกับผม

     เอาจริงผมก็ไม่ได้รังเกียจที่เขาเป็นผู้ชายหรอก ผมเองก็คบทั้งผู้หญิง ผู้ชาย แต่ผมน่ะโพผัว ที่ผมไม่สนใจพี่สมรักษ์ก็แค่มันยังไม่ใช่เท่านั้น

แกร๊ก!

     เสียงประตูห้องของใครบางคนกำลังเปิดออก มันคือซอมบี้...

     “ไอ้เหี้ย...แจอย่างกับผีไอ้สัด” ผมสบถคำหยาบออกมาเมื่อเห็นน้องชายสุดเนิร์ดเดินออกมาด้วยสภาพซอมบี้

     “ไอ้เหี้ยพี่โซ่ มึงสั่งของอีกแล้วนะ”

     “อะไรของมึ๊งงงงง!” แค่เห็นหน้าก็รู้ว่าเตรียมบ่น

     “ตกงานแต่เสือกมีเงินใช้ มึงนี้ยังไง อย่าบอกนะว่าไปหลอกเงินผู้ชายมาเติมเกมขายอีกแล้ว”

     “บ้า...ไม๊ได้ท่ามมมม” ผมเปล่ามีพิรุธนะ

     “เชื่อก็เหี้ยแล้ว สักวันหนึ่งเถอะมึงเขาจะตามาตีมึงถึงบ้าน”

     ผมไม่ได้ตอบกลับอะไรน้องชาย ใครจะตามมาถูกไม่มีทางผมเซฟตัวเองดีพอ ผมหอบของมาวางไว้กลางบ้านก่อนจะเริ่มลงมือแกะของออกมาอย่างไม่ถนอมนัก

     “...กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าใส่วิกออกนอกบ้าน!” เป็นอีกครั้งที่น้องชายของผมเริ่มบ่น

     “ทำไมกูสวยล่ะซี้” พูดจบผมก็ดึงเสื้อยืดลงให้เห็นหัวไหล่ ก่อนจะจือปากแซ่บๆ หนึ่งที

     “เมื่อวานแม่โทรมา ป้าข้างบ้านบอกแม่ว่า กูเอาเมียมาอยู่ที่บ้าน ไอ้ห่าโดนด่ายับกลัวกูไปทำลูกเขาท้อง”

     “กูก็นึกว่าเรื่องอะไรเดี๋ยวกูจัดการให้” ผมวางมือจากการแกะกล่องพัสดุ เดินตรงเข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง หยิบลำโพงบลูทูธเดินไปยังหน้าบ้าน

     กดเชื่อมต่อเสร็จสรรพ กดเพิ่มเสียงจนสุด แล้วกดเล่นเสียงที่ดาวน์โหลดเอาไว้จากแอปฯ Tiktok

 

     ‘ไม่ได้ส่งเสีย อย่าเสือกสงสัย เข้าใจม่ายยยยยยป้าข้างบ้าน’

 

     สิ้นสุดเสียงจากคลิปผมก็เดินกลับเข้ามาในบ้านที่มีน้องชายยืนเท้าสะเอวมอง

     “มึงทำเหี้ยไรเนี่ย”

     “จัดการให้มึงไง”

     “กูทำบุญมาน้อยสินะมีพี่อย่างมึงเนี่ย”

     “พูดมากไม่มีกูมึงเสียรายได้หลักน้า” พูดจบผมก็กดโอนเงินเข้าบัญชีน้องชายห้าร้อยบาท “ล้างจานด้วยกูโอนเงินไปแล้ว”

     “ขอบคุณครับพี่ชายสุดที่รัก” เมื่อกี้ยังเรียกว่าไอ้เหี้ยพี่โซ่อยู่เลยไอ้น้องเวร

     ผมหอบหนังสือกับโมเดลคุณสิบตรีเคโรโระเข้ามายังห้องรูหนูของตัวเอง ผมนัดกับเพื่อนเอาไว้ วันเสาร์ช่วงค่ำจะมากินหมูกระทะกันที่บ้าน เพราะวันศุกร์ผมนัดลูกค้าโอนค่าตัวเกมที่ติดจองสองตัว

     รวมๆ ก็หลายหมื่นอยู่เพราะขายไปสองตัว ที่จริงแล้วผมก็มีตัวเกมหลายตัวอยู่พอสมควร สต๊อกเอาไว้จะได้ทันขาย ช่วงไหนร้อนเงินก็เอาตัวที่ไม่สวยขายถูกๆ ไปก่อน

     ถ้าไม่ติดว่าต้องจ่ายค่าน้องแว๊นผมจะไม่ซีเรียสเลย เหลืออีกแค่สามงวดเราก็จะเป็นของกันและกันแล้วนะลูก

     น้องแว๊นคือมอ’ไซส์เอ็มสแลซสีดำแดงที่ผมขอให้แม่ออกให้และผ่อนเอง กว่าจะหมดเล่นเอารากเลือดอยู่เหมือนกัน อีกนิดผมก็จะหมดภาระแล้ว เงินที่หามาได้ผมก็จะใช้แบบสบาย ๆ

     ว่าแล้วก็ปั๊มเลเวลสักหน่อยดีกว่า ผมเพิ่งจะเริ่มเล่นได้สองอาทิตย์ของอะไรก็ยังไม่ค่อยมี เผื่อเจอเหยื่อเพิ่มอีกสักราย

     ผมวางมือจากหนังสือ หันมาเปิดคอมพิวเตอร์ที่ถูกแต่งให้เหมาะสำหรับการเล่นเกมแบบจัดเต็ม กดเข้าไปยังเกมและใส่ User และ Password

 

ลูลู่กัม ล็อกอินแล้ว

 

     ชื่อตัวละครผมเองแหละน่ารักไหม ลูลู่กัม เป็นตัวละครสายเวร ผมยาวสีชมพู ใส่ชุดโลลิต้าสีดำแดง ทรวดทรงองเอวบอกเลยว่าแซ่บลืม

     นั่งเล่นจนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงตีสาม ผมตั้งใจว่าจะทำภารกิจนี้เป็นภารกิจสุดท้ายแล้วจะไปนอน แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีใครมาลงดันเจี้ยนกับผม ในจังหวะที่ผมกำลังจะตัดใจก็มีตัวละครผู้ชายโผล่มา

'หวัดดีเบล'

     ชื่อตัวเกมอะไรของมันวะ แต่งตัวอย่างกาก แต่เลเวลสูงแฮะให้อภัยแล้วกัน ผมตัดสินใจกดเข้าไปที่ตัวละครและกดส่งข้อความหาอีกฝ่ายทันที

     ลูลู่กัม : เธอลงดันเจี้ยนด้วยกันไหม

     หวัดดีเบล : ไม่

     หยิ่งสัด! จะเอาแบบนี้ใช่ไหมไอ้เกรียน
 
     ลูลู่กัม : ช่วยหน่อยสิเราเล่นคนเดียวตั้งหลายครั้งไม่ผ่านสักที

     ผมกดส่งข้อความไปแต่ทว่าไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด หล่อมากหรือไงฟะ เล่นตัวฉิบหาย

     ลูลู่กัม : นะคะพี่

     ลูลู่กัม : นะนะนะนะนะนะนะ

     ลูลู่กัม : พลีส พี่สุดหล่อ >///<

     หวัดดีเบล : ก็ได้...

     โธ่ บ้ายอนี่เอง ต้องเป็นคนยังไงวะ

     ผมเดินตามเข้าไปในเกมและได้รู้ว่า ไอ้หวัดดีเบลแม่งโคตรเก่ง ผมแทบไม่ต้องทำอะไรเลยแค่เขาคนเดียวจัดการบอสในเกมได้ไม่เหลือ ข้าน้อยขอคารวะ

     หลังจากจบเกมผมก็ขอแอดตัวเกมเอาไว้ ดูท่าแล้วคงจะมีประโยชน์อีกเยอะ

 

 

 

     กลิ่นหมูที่กำลังย่างได้ที่กำลังลอยไปทั่วบริเวรบ้าน ผมตอกไข่ลงไปในหม้อที่กำลังเดือดปุด ปุด!

     วันนี้ผมนัดเพื่อนที่ไม่เจอหลังจากที่เรียนจบมากินหมูกระทะที่บ้านไงล่ะ เพื่อนผมมีทั้งหมดสามคน ประกอบไปด้วย ชีส ดัมมี่ กระทิง รวมกันเป็นแก๊งโคตรกาก

     “ไอ้โซ่มึงขาวขึ้นหรือเปล่าวะ” ไอ้ชีสพูดขึ้น

     “เออไม่ได้ออกไปไหนเลยวะอยู่แต่บ้านมาสามสี่เดือนล่ะ” ผมว่า “แล้วมึงเป็นไงบ้างทำงานแล้วนิได้ข่าว” ผมหันไปถามกระทิง

     “เหนื่อยฉิบหายหัวหน้าแม่งก็กวนส้นตีนสัด”

     “มึงไม่ทำแบบไอ้โซ่ล่ะ” คราวนี้ดัมมี่ว่า

     “ไอ้ฉิบหาย ไปตีหัวเขาอะนะสุดสัด กูละยอมใจ” กระทิงตอบ

     “เลือดมันร้อนอย่าห้ามพี่ไอ้น้อง” ผมพูดพลางคีบหมูเข้าปาก

     “เออพวกมึงกูมีเรื่องจะบอก” ทุกคนหันกลับมาสนใจที่ไอ้ชีสอีกครั้ง “คืออีกสองเดือนกูจะแต่งงานกับแยมแล้วนะ”

     “เหยดเข้! สุดจัดปลัดไม่ได้บอกแต่มี่บอกเอง”

      “ลูกคนที่สองแล้วยังแต่งอีกเหรอวะ” แหมจะแต่งงาน ไอ้สัดทำเขาท้องตั้งแต่ปีสาม จนลูกคนที่สองเพิ่งคลองไปเมื่อต้นปี ถึงเพิ่งรู้ว่าต้องแต่งงาน

     “เออ ก็แยมเคยบอกกูไว้ว่าจะแต่งงานหลังจากมีลูก แยมอยากให้ลูกอยู่ในงานแต่งด้วยน่ะ”

     “โรแมนติกสาดดดดด” ไอ้กระทิงว่า

     “แล้วพวกมึงมีแฟนกันยัง” คำถามของไอ้ชีสทำเอาผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ

     “กูมีคุยๆ” ดัมมี่ตอบ

     “กูก็มีดูๆ อยู่” ตามด้วยกระทิงตอบ

     “มึงละไอ้โซ่” ผมอมตะเกียบแล้วหยุดคิด จะเอาเวลาไหนหาแฟนวะ บ้านก็แทบไม่ออก เจอบ่อยสุดก็คงเป็นน้องขิมเด็กเซเว่นเดลี่หน้าปากซอย พี่สมรักษ์คนส่งเคอรี่ น้องแจ๊บเด็กแกร๊บฟู๊ด ป้าแจ่มโภชนาข้างบ้าน

     “ไม่อะกูไม่อยากมี” ผมตอบตามจริง

     “มีความรักมันดีจริงๆ นะเว้ย”

     “กูแฮปปี้ๆ ดีเพื่อนไม่ต้องห่วง” ผมว่า

     นั่งกินกันอยู่สักพักบุคคลที่โลกไม่อาจลืมก็โผล่มา

     “ไอ้เหี้ยพี่โซทำไมไม่แดกข้างนอกวะ” น้องผมเองแหละ

     “ยุงเยอะ”

     “แล้วมึงดูสิกลิ่นเต็มบ้าน แล้วเพื่อนเถื่อนๆ นี่มึงยังไม่เลิกคบอีกเหรอวะ เดินไปไหนกูคิดว่าจะไปดักปล้นเขา”

     “มึงบ่นหมดตู้เสื้อผ้ายัง” ผมว่า
 
     “อะไรของมึงวะโซ่” กระทิงถาม

     “มาเป็นชุด” ผมตอบก่อนจะหลุดหัวเราะขำกันอย่างบ้าคลั่ง

      โทรศัพท์ถูกหยิบขึ้นก่อนที่น้องชายผมกำลังจะอ้าปากบ่นต่อ ผมรีบกดเข้าแอปฯ ธนาคาร กดโอนเงินสองพันเข้าบัญชีน้องชาย “ค่าล้างจาน กับเก็บบ้าน ฝากซื้อน้ำยาดับกลิ่นด้วย”

     “มึงนี่มันจริงๆ” กุญแจบ่นอุบอิบ สาวเท้าเข้าไปในห้องของตัวเอง

     ผมบอกแล้วว่าขาดผมไปน้องชายผมจะขาดรายได้ บ้านเรามีระบบนายจ้างลูกจ้างตั้งแต่สมัยผมยังเด็กกันแล้ว ทุกวันผมจะจ้างน้องผมรีดชุดนักเรียนตัวละสิบบาท โดยผมจะแบ่งเอาเงินที่แม่ให้ไปโรงเรียนมาแบ่งให้กุญแจเป็นค่าจ้าง

     เป็นไงผมจีเนียสไหม...

     กุญแจเป็นเด็กขยันตั้งแต่ไหนแต่ไร อยู่โรงเรียนก็รับจ้างทำรายงานตั้งแต่เด็ก นั้นคงเป็นสาเหตุที่น้องชายผมเรียนเก่งจนกลายเป็นเด็กเนิร์ด

     และนั้นทำให้น้องผมสอบติดคณะแพทย์ เป็นความภาคภูมิใจของที่บ้าน ต่างจากผมที่สอบเข้าวิศวะได้ด้วยแรงอธิษฐาน ผมก็ไม่รู้ว่าเจ้าพ่อวัดไหนถีบผมเข้าไป เนื่องจากไปขอหลายที่จัด

 

     หลังจากที่เพื่อนๆ ผมกลับไปกันหมด ผมก็เดินไปอาบน้ำเพื่อชำระกลิ่นหมูที่อยู่บนหัว แล้วกลับมาทิ้งตัวหน้าคอม กดเข้าเกมเหมือนอย่างเคย วันนี้เล่นตัวไหนดีนะ...

 

ลูลู่กัม ล็อคอินแล้ว

 

     ผมเลือกเข้าตัวลูลู่กัมเพื่อสานต่อภารกิจที่ค้างเอาไว้

 

หวัดดีเบล เข้าสู่ระบบ

 

     แจ้งเตือนด้านบนแจ้งว่าคนที่ผมเล่นด้วยเมื่อวานเข้าสู่เกม ผมไม่รีรอรีบทักไปทันที

     ลูลู่กัม : หวัดดีเบล

     หวัดดีเบล : ...?

     ลูลู่กัม : งื้อ~ ลืมกันแล้วเหรอ คนที่เล่นด้วยกันเมื่อวานไง

     หวัดดีเบล : อ่อ มีอะไร

     ลูลู่กัม : วันนี้เล่นด้วยกันไหมคะ คือพี่เก่งมากเลย พาเล่นหน่อยสิเราเพิ่งเล่นอะ

 

     แน่นอนว่าผมตอแหล ヽ (´ー`) ┌

 

     หวัดดีเบล : อืม ก็ได้

 

     เพียงแค่เขาตอบตกลง ผมก็วาบไปหาเขาในทันที เราเล่นด้วยกันจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน รู้แค่ว่าไม่ว่าจะภารกิจไหนเขาก็พาผมผ่านไปอย่างง่ายดาย

     เขาจัดว่าเก่งมาก ทักษะการใช้สกิลคล่องแคล่ว การเคลื่อนไหวจัดว่ายอดเยี่ยมไร้ที่ติ ช่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์อะไรขนาดนั้น เสียดายที่ตัวเกมแต่งตัวได้กระจอกมาก

 

     หลังจากจบภารกิจรายวัน เราก็พากันออกมาตรงจุดที่เรียกว่าไทม์สแควร์ เป็นศูนย์รวมผู้คน ร้านค้า กาชาปอง และมินิเกม

     ลูลู่กัม : ว่าแต่พี่ชื่ออะไรคะ เล่นเกมด้วยกันมาตั้งนาน

     หวัดดีเบล : ธนู

     ลูลู่กัม : อ่อ พี่ธนู หนูชื่อโซ่นะ หนูเรียกพี่...จะเป็นไรไหมคะ

     หวัดดีเบล : แล้วอายุเท่าไหร่

     ลูลู่กัม : 22 แล้วค่ะ

     หวัดดีเบล : อืม งั้นเรียกพี่นั่นแหละ

 

     หลังจากนั้นเราก็คุยกันมาหลายเรื่อง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องเกม ภารกิจต่างๆ ที่พี่เขาจะช่วย

     จู่ๆ ผมก็นึกอยากลองขุดหลุมเพื่อดักเหยื่อ ตอนนี้เราเริ่มคุยกันแบบเป็นกันเองมากขึ้นแล้ว ผมคงต้องเอาหญ้ากับกิ่งไม้ปิดหลุมเอาไว้เพื่อให้ดูเนียนแล้วปล่อยให้เหยื่อตกลงไป

 

     ลูลู่กัม : พี่คะ พี่ว่าถ้าโซ่ใส่ชุดนี้จะน่ารักไหมคะ

 

     ผมสวมชุดว่ายน้ำทูพีชสีชมพูนมลายสตอเบอรี่ ใส่รองเท้าแตะรูปกระต่ายสุดแบ๊ว เลือกทรงผมมัดแกะสีฟ้า เป็นคอลเลคชั่นใช่วงซัมเมอร์

 

     หวัดดีเบล : น่ารักมากเลยล่ะ

     ลูลู่กัม : จริงเหรอคะ งั้นเดี๋ยวโซ่เก็บเงินเติมเกมดีกว่าถ้าพี่ธนูชอบ

 

     ผมเริ่มหลอกล่อให้เหยื่อเดินตามด้วยถ้อยคำหวานหู

 

หวัดดีเบล ออฟไลน์

 

     อ้าวอิหยั่งวะออกจากเกมไปเลย เหยื่อตื่นจนได้ เฮ้อ!

‘มีจดหมายเจ้าคะ’

     ผมกดเข้าไปยังกล่องข้อความ คุณได้รับของขวัญจาก หวัดดีเบล

     หืมมมมมม! ผมรีบกดเข้าไปดูทันทีว่าธนูส่งอะไรมา

     โอ เอ็ม จี!!!! คอลเลคชั่นชุดว่ายน้ำช่วงซัมเมอร์ครบเซท ทุกสีทุกแบบ รวมๆ แล้วถ้าจะซื้อขนาดนี้ได้ต้องใช้เงินห้าพันอัพเชียวนะ

     หึหึ! วอหนึ่ง เรียกหลุมที่ขุดไว้ เหยื่อมายืนที่ปากหลุมแล้ว ทราบแล้วเปลี่ยน...

 

 

 

 

 

 


หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -2- ติดกับ I
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 31-03-2021 22:56:24

-2-

ติดกับ I

 

     หลังจากวันที่ธนูส่งของขวัญมาให้ เขาก็ไม่ออนเกมมาเป็นอาทิตย์แล้ว หรือว่าเขาจะไหวตัวทัน

     ผมยังคงเดินวนเวียนอยู่ในไทม์สแควร์ นั่งเล่นอะไรเพลินๆ รอว่าธนูอาจจะออน เวลาผ่านไปล่วงเลยจนตีหนึ่ง ผมตัดสินใจลงดันเจี้ยนคนเดียว วันนี้ก็คงไม่มาอีกสินะ...

     ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ผมเล่นเกม หลังจากกลับลงดันเจี้ยนผมก็เห็นข้อความปรากฏอยู่มุมบน

     หวัดดีเบล : ขอโทษนะที่ไม่ได้เข้ามาเล่นด้วยเลย

 

     เป็นข้อความจากคนที่หายไปเป็นอาทิตย์

     ลูลู่กัม : ไม่เป็นไรค่ะ หนูก็คิดว่าพี่ไม่อยากเล่นกับหนูซะอีก

 

     ไม่นานข้อความจากอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา เอ้ายังอยู่ในเกมวะ

     ผมก็วาบไปหาธนูทันที

     หวัดดีเบล : อ้าวทำไมไม่ใส่ชุดที่พี่ซื้อให้ล่ะ

     ลูลู่กัม : งื้อหนูเขินนิ แต่ขอบคุณมากเลยนะคะ เกรงใจพี่จังคือแบบว่ามันแพงมาก

     หวัดดีเบล : เปลี่ยนจากขอบคุณมาใส่ชุดที่พี่ซื้อให้เถอะ

 

     เห็นดังนั้นผมก็รีบกดเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ธนูซื้อให้ทันที จังหวะที่เหยื่อกำลังยืนอยู่ปากบ่อเราก็ต้องถีบเหยื่อลงไปสักหน่อย

     หวัดดีเบล : ชุดที่พี่ซื้อให้น่ะ ใส่เฉพาะตอนที่อยู่กับพี่เท่านั้นนะ

     ลูลู่กัม : โอเค ว่าแต่ถามได้ไหมว่าพี่หายไปไหนมา

     หวัดดีเบล : ที่บริษัทมีปัญหานิดหน่อยน่ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว

 

     อ่อ...ทำงานแล้ว ถึงว่ามีเงินเติมเกมให้ผม

 

     ลูลู่กัม : งื้อออ แบบนี้นี่เอง หนูไม่รู้หรอกนะคะว่ามีปัญหาอะไร แต่สู้ๆ นะ พี่เก่งยังไงพี่ก็จัดการปัญหาได้แน่ๆ โซ่เชื่อส่าพี่ทำได้

     หวัดดีเบล : ขอบคุณมากนะ รู้สึกดีจัง

     หวัดดีเบล : จะเป็นอะไรไหมถ้าพี่จะขอช่องทางติดต่อเรา ไลน์ ไอจี เฟซบุ๊คอะไรก็ได้

     ลูลู่กัม : งั้นเป็นไลน์แล้วกันคะ หนูเล่นแค่อย่างเดียว

 

     หลังจากนั้นเราก็แรกไลน์กัน เราคุยกันทุกวัน วันไหนที่ธนูไม่ได้เข้าเกม ผมก็เอาตัวอื่นเข้าไปเล่นแทน

     นับวันเวลาผันผ่านค่างวดรถก็กลับมาจ่อก้นผมอีกครั้ง ผมตัดสินใจขายตัวเกมที่ใช่เล่นกับธนู จัดการบล็อกตัวเกมของธนูแล้วเปลี่ยนชื่อตัวเกม

     ด้วยความที่ตัวเกมมีของเยอะ จึงขายได้ราคาดีพอสมควร ราคาดีจนกระทั่งผมสามารถปิดบัญชีผ่อนรถได้ โล่งไปแล้วหนึ่งเปาะ

 

ติ้ง~

     เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น หน้าจอสว่างวาบในความมืดภายในห้อง

     ธนู...

 

Tn

      หนูบล็อกตัวเกมพี่เหรอ

     ทำไมพี่หาหนูไม่เจอ

 

     เชี่ย! ลืมบล็อกไลน์

 

Sayso

ฮือ พี่ธนู

โซ่เข้าตัวเกมไม่ได้ ไม่รู้ทำไม

เหมือนโดนแฮกเลยค่ะ

 

     ผมรีบหาข้ออ้าง ก่อนจะปิ้งไอเดีย

 

Tn

     อ้าวเหรอคะ

     พี่ก็นึกว่าเราบล็อกพี่ซะแล้ว

SaySo

หนูจะบล็อกพี่ทำไมล่ะ

หนูเสียใจอะพี่ธนู

พี่อุสาส่งของขวัญให้หนูเยอะมากเลย

หมดเงินไปก็ตั้งเยอะด้วย

Tn

     แค่นั้นเองเหรอ

SaySo

มันมีความทรงจำระหว่างหนูกับพี่ด้วยนี่

หนูเสียใจ

Tn

     ไม่เป็นไรนะคะ

     เอางี้เดียวพี่สมัครตัวใหม่ให้หนูดีกว่า

     เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่ทักไป

 

     แล้วธนูก็หายไปหลายชั่วโมง โผล่มาอีกทีก็เกือบค่ำ ส่งรหัสเข้าเกมตัวใหม่มาให้ และให้ผมลองเข้าไปดู

 

     เราคือเบล ล็อคอินแล้ว

 

     ให้ตายชื่อเกมอะไรของเขาวะ...

     ผมกดเข้ามายังหน้าเกมและพบว่าตัวเกมที่ธนูสมัครให้เติมเงินเอาไว้ให้ผมจำนวนหนึ่ง ตีเป็นเงินจริงก็ประมาณเกือบสองหมื่น

     นี่ไม่ใช่แค่รวยแล้ว เรียกว่ามหาเศรษฐีเถอะให้ตาย

 

     หวัดดีเบล : ถูกใจไหมคะ

     เราคือเบล : งื้อ พี่มันเยอะไปหนูรับไว้ไม่ได้ >///<

     หวัดดีเบล : พี่เต็มใจให้แค่นี้ขนหน้าแข้งพี่ไม่ล่วงหรอกค่ะ

     เราคือเบล : ฮือ หนูไม่รู้จะตอบแทนพี่ยังไงเลย

     หวัดดีเบล : แต่งงานกับพี่ในเกมสิ

 

     ธนูใจเอ็งมันได้ มุมปากผมกระตุกยิ้มอย่างพอใจ หากแต่งงานในเกมจะได้รางวัลพิเศษสำหรับคู่แต่งงานใหม่ แน่นอนว่าใครก็อยากได้

     ผมตัดสินใจตอบตกลงแต่งงานกันในเกม ธนูออกจากเกมไปสักพักก็กลับมาพร้อมกับแหวนแต่งงานระดับSS+ ไฮโซสัดคนในเกมต้องอิจฉาผม หึหึ

     แหวนระดับSS+ไม่ได้กันมาง่าย ๆ นะครับต้องสุ่มกาชา บางคนหมดไปหมื่นสองหมื่นยังไม่ได้เลย เพราะมันคือซูเปอร์แรร์ไอเทม

 

     เราคือเบล : พี่ไปสุ่มมาเท่าไหร่เนี่ยมันแพงมากเลยนะ

 
     หวัดดีเบล : ก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แค่เศษเงินใช้ขึ้นทางด่วน

 

     โธ่ไอ้รวย เออเชื่อแล้วว่ารวยจริง ทางด่วนไปดาวอังคารหรือไงฟะแพงขนาดนั้น

     และผมกับธนูก็แต่งงานกันในเกม ผมตั้งใจว่าจะขายตัวเกมหลายครั้ง แต่ทุกครั้งธนูก็ยังคอยส่งของขวัญมาให้ตลอด ไม่ว่าจะกิจกรรมไหนธนูก็เอามาให้ผมจนได้ ช่างเป็นคนที่จิตใจกว้างขวางจริง ๆ

     เวลาล่วงเลยไป เรารู้จักกันมาสามเดือนของในเกมผมก็มีเยอะ อาวุธยุทโธปกรณ์เยอะอย่างกับคลังแสง มีบ้างที่ผมแอบส่งของจากตัวที่เล่นออกไปให้ตัวละครอื่น

     มันอาจไม่ได้เยอะมาก แต่มันส่งกระจายได้หลายตัว แถมไม่ต้องไปหลอกคนอื่นเพิ่มอีกด้วย ค่างวดรถผมก็ไม่ต้องจ่ายแล้ว แน่นอนว่าเงินผมพอใช้จ่ายไม่ติดขัด
 
     แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้คือ ธนูติดผมหนักมาก ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ นานวันเข้าความต้องการของธนูก็มากขึ้นจนกระทั่งสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ก็เกิดขึ้น

 

Tn

     เราก็รู้จักกันมาสามเดือนแล้ว

     พี่ชอบโซ่นะ พี่ว่าโซ่ก็คงรู้

     เรามาเจอกันได้ไหม

 

     ผมอ้าปากค้างหลังจากอ่านข้อความจบ เอายังไงดีวะ

 

SaySo
เอ่อพี่ หนูว่ามันเร็วไปไหม

Tn

     สามเดือนพี่ว่าไม่เร็วแล้วนะคะ

 

     ฉิบหายงานเข้าตูละ!!!

     โอ๊ยช่วงนี้นอนน้อย คิดคำแก้ตัวไม่ออกเว้ย ไม่ตอบไปก่อนแล้วกัน ผมตัดสินใจไม่สนใจข้อความของธนูอีก...

 

Tn

     ทำไมไม่ตอบพี่เลยเกมก็ไม่ออน

     ...

 

 

     ช่วงสองสามวันผมแทบไม่กดเข้าแชท ถึงธนูจะยังส่งข้อความมาทุกวันก็ตาม ให้ตายทำไมถึงได้ตามตื๊อขนาดนี้กันนะ

 

ติ้ง~

     เสียงข้อความดังเข้ามาอีกครั้งหลังจากที่หายเงียบไปตั้งแต่เช้า ผมเองก็สงสัยว่าธนูส่งข้อความอะไรมาอีก โชคดีที่โทรศัพท์สมัยนี้มี 3D Touch ผมกดค้างที่ข้อความแชทของธนูเพื่อดูข้อความที่ส่งมา

 

Tn

     ถ้าหนูยังไม่พร้อม เรายังไม่ต้องเจอกันก็ได้คะ

     แต่ช่วยตอบพี่หน่อยพี่ไม่โอเคเลยที่เราหายไปแบบนี้

     T.T

     ถ้าพูดง่ายๆ แบบนี้ตั้งแต่แรกผมก็ไม่หายไปแบบนี้หรอก ผมถอนหายใจทิ้งอย่างรู้สึกโล่งใจ ช่วงต้นเดือนหน้าเกมที่ผมเล่นอยู่จะจัดกิจกรรมคู่รัก มีการแจกของปีกซูเปอร์แรร์ไอเทมที่สามารถบินได้จริงในเกม ซึ่งแน่นอนว่าถ้าผมเลิกคุยกับธนูผมก็จะพลาดโอกาสนี้

 

     ผมตัดสินใจกดตอบข้อความของธนูทันที

SaySo

ก็ได้โซ่จะหายโกรธพี่

แต่พี่สัญญานะว่าจะไม่เร่งรัดเรื่องของเราอีก

Tn

     โซ่ตอบพี่แล้ว

     โอเคพี่จะไม่ทำแบบนี้อีก

     โซ่หายไปพี่คิดถึงโซ่มาก

SaySo

โซ่ก็คิดถึงพี่

 

 

     ช่วงเย็นวันนั้นเรากลับเข้าไปเล่นเกมด้วยกัน เหมือนทุกที ผมอ้อนให้ธนูซื้อของในเกมให้อีกอย่างสองสามอย่าง เรานัดกันเอาไว้ว่าต้นเดือนเราจะทำกิจกรรมด้วยกัน

     แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าหลังจากจบกิจกรรมผมจะบอกเลิกธนู แล้วจัดการขายตัวเกมทิ้งซะ นานวันเข้าธนูก็เริ่มติดผมหนักขึ้นเรื่อยๆ

     เขาเลิกขอเจอผมแล้ว แต่เขาขอวิดีโอคอลบ้าง ถึงหน้าผมจะหวานใส่วิกแล้วจะเหมือนผู้หญิง แต่เสียงผมก็ไม่สาวนะ ถ้าเกิดได้คุยมีอันต้องก็โป๊ะแตกแน่

     ผมเองก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เขาติดผมได้ขนาดนี้ ผมถึงต้องรีบจัดการเรื่องทั้งหมดให้จบก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะบานปลายไปมากกว่านี้...

 

 

     และแล้ววันที่เรานัดกันก็มาถึง ผมตื่นแต่เช้าเพื่อเข้าเกมมาทำกิจกรรม

SaySo
พร้อมหรือยังค่ะ
Tn

     พร้อมแล้วครับคนเก่ง

 

     ผมจดจ่อกับการทำเควสทั้งวัน โชคดีที่ฝีมือการเล่นของธนูเก่งมาก แบกผมได้จนเควสสุดท้าย ไม่นานนักทุกอย่างก็จบลง เราได้รับไอเทมคู่รักมาหลายอย่าง

     ตอนนี้ลำดับคะแนนของผมกับธนูขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของ1แรงค์เกม หากกิจกรรมสิ้นสุดลง อันดับของเราไม่ตกลงมา ไอเทมซูเปอร์แรร์ก็จะตกเป็นของคู่นั้น

     ดูจากคะแนนแล้วแน่นอนว่ายังไงก็ต้องตกเป็นของคู่เราแน่นอน

 

     หวัดดีเบล : สบายใจยังคะ //ธนูถาม

     เราคือเบล : สบายใจแล้วค่ะ พี่ธนูเก่งที่สุด

     หวัดดีเบล : มีรางวัลของคนเก่งไหมครับ

     เราคือเบล : อืม... งั้นเดี๋ยวโซ่ลองใช้ท่าคู่รักที่เพิ่งได้มาจากกิจกรรมดีกว่า

 

     ผมกดเข้าคลั่งเกมเพื่อดูท่าที่ใช้สำหรับคู่รักในเกม ปกติแล้วมีให้ซื้อ ไม่ว่าจะเป็นจับมือ จุ๊บแก้ม หรือกอดกัน แต่ถ้าเป็นท่าที่ได้จากกิจกรรมก็จะไม่มีขาย และเป็นท่าที่พิเศษกว่าปกติ

     กดติดตั้งท่าที่เพิ่งได้มาเสร็จสรรพ ผมก็กดวาบไปหาธนูที่ไทม์สแควร์ กดรหัสเข้าห้องที่ถูกธนูสร้างเอาไว้เป็นห้องแบบส่วนตัว

 

     เราคือเบล : รอนานไหม //ผมถาม

     หวัดดีเบล : ไม่เป็นไรค่ะ ไหนรางวัลคะ

 

     ผมกดที่ตัวละครของธนู แล้วเลือกใช้ท่าที่กดติดตั้งเอาไว้ เป็นท่าที่ผมเห็นแล้วก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

     เมื่ออยู่ๆ ก็มีเก้าอี้โผล่ออกมากลางห้องก่อนที่ตัวละครผู้หญิงจะผลักให้ตัวละครผู้ชายนั่งลงบนเก้าอี้ โดยที่ตัวละครผู้หญิงขึ้นไปนั่งคร่อมตัก หันหน้าเข้าหากัน แล้วจูบกันอย่างดูดดื่ม

 

     ฮู่ว์~ ขนอ่อนตามตัวพร้อมใจกันลุกซู่อย่างห้ามไม่ได้ เป็นท่าที่แซ่บใช่ย่อย

     หวัดดีเบล : ถ้าได้ทำแบบนี้จริงๆ ก็คงจะดี //ธนูว่า

     เราคือเบล : ทะลึ่ง!
 
     หวัดดีเบล : โซ่เราจะคุยกันแบบนี้อีกนานแค่ไหน

     เราคือเบล : พี่ธนูพูดแบบนี้อีกแล้วนะ

     หวัดดีเบล : ก็พี่อยากเจอโซ่แล้วนี่ โซ่ไม่อยากเจอพี่บ้างเลยเหรอ

     เราคือเบล : ก็อยากแต่โซ่ยังไม่พร้อม โซ่ไม่น่ารัก

     หวัดดีเบล : เรื่องนั้นพี่ไม่สนแล้ว เพราะพี่ชอบโซ่ โซ่จะเป็นยังไงพี่ก็ยังชอบโซ่อยู่ดี

 

     เราคือเบล : โซ่ถามจริงๆ ทำไมพี่ถึงชอบโซ่ขนาดนี้

 

     ผมถามตามจริงเพราะผมเองก็สงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ธนูถึงได้ชอบผมมากขนาดนี้

 

     หวัดดีเบล : ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ชอบก็คือชอบ ทุกอย่างที่เป็นเราพี่ก็ชอบ

 

     ผมเผลอยิ้มออกมากับคำตอบ มีแวบหนึ่งที่ผมแอบคิดว่าหรือผมจะบอกความจริงว่าผมเป็นผู้ชาย...

 

     เราคือเบล : พี่ธนูถ้าสมมุตินะ สมมุติว่า โซ่เป็นผู้ชายพี่จะทำไง

     หวัดดีเบล : ฆ่าทิ้ง ไม่ก็ถ่วงทะเล บังอาจมาหลอกให้พี่ชอบอยู่ได้ตั้งนาน

 

     ต้องถึงกับฆ่าแกงกันเลยหรือไงให้ตายเถอะ ความจริงที่คิดเอาไว้ว่าอยากบอกถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับอย่างที่ควรจะเป็น

     ไอ้โซ่นี่มึงคิดบ้าอะไรอยู่วะ...

 

     เราคือเบล : .......

     หวัดดีเบล : พี่ล้อเล่น ไม่รู้สิ พี่คิดไม่ออกก็โซ่เป็นผู้หญิง จะเป็นผู้ชายไปได้ไง

     เราคือเบล : อืม นั่นสิ

 

 

 

      เช้านี่ผมตื่นลืมตาขึ้นมา ก็รีบเข้าล็อกอินเกมเพื่อรับของจากกิจกรรม ไม่นานผมก็เห็นว่าไอดีของธนูก็ล็อกอินเข้ามา

     ผมรับของรางวัลเรียบร้อยปีกสีทองมีกลิตเตอร์ฟุ้งกระจาย พอสวมใส่แล้วตัวละครก็ลอยขึ้นมาเหมือนกับว่ากำลังบิน

 

     หวัดดีเบล : ว่าแล้วหนูต้องเข้าเกมมารับของแต่เช้า

     เราคือเบล : พี่ก็เข้ามารับของเหรอ

     หวัดดีเบล : เปล่าพี่คิดถึงโซ่แต่เช้า แล้วพี่ก็รู้ว่าจะหาเราได้จากที่ไหนต่างหากละ

 

     ทำไมหัวใจของผมถึงได้เต้นแรงอย่างนี้ล่ะ ตลอดเวลาสามเดือนกว่าที่เราเล่นเกมมาด้วยกัน ธนูเป็นคนที่ใส่ใจผมมาก เขาจะรู้ใจผมเสมอ

     มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมป่วยและไม่ได้เล่นเข้าเกมหลายวัน เขาก็คอยถามไถ่อยู่ตลอดว่าผมเป็นอย่างไร ธนูเอาแต่พร่ำบอกผมว่าหากเขาได้อยู่ใกล้ๆ เขาคงดูแลผมได้มากกว่านี้

     หลายครั้งที่ธนูพยายามขอที่อยู่เพื่อส่งยามาให้ผม แต่ผมก็ต้องบอกปัดไปเพื่อปกปิดตัวตนของตัวเอง หากว่าวันหนึ่งธนูรู้ว่า แท้จริงแล้วผมเป็นผู้ชายจะเป็นยังไงนะ

     เขาจะฆ่าผมทิ้ง หรือจับถ่วงทะเลอย่างที่เคยบอกหรือเปล่า จะว่าไปก็ไม่แน่นะ ธนูอาจจะโกรธผมมากที่ผมหลอกเขาก็ได้ และทำอย่างที่เคยบอกไว้ก็ได้

     จะว่าไปผมชักเริ่มอิจฉาแฟนตัวจริงของธนูซะแล้วสิ

 

     เราคือเบล : พี่คะ
 
     หวัดดีเบล : ขาว่าไงคะ

     เราคือเบล : โซ่ว่าเราเลิกกันเถอะ

 

 

 

 

1แรงค์ = การจัดอันดับ

 


หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -3- ติดกับ II
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 31-03-2021 23:04:56

-3-

ติดกับ II


     ผมบอกเลิกธนูอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ เรื่องทั้งหมดจะได้จบลงสักที ลาก่อนนะธนู ขอให้นายเจอคนดีๆ อย่าโดนใครหลอกอีกล่ะ

คุณต้องการหย่า

ใช่          ไม่ใช่

 

     ผมกดใช่ แล้วกดบล็อกธนูทันที จัดการเปลี่ยนชื่อตัวเกมเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้เตรียมโพสต์ขายในกลุ่ม ครั้งนี้ผมตั้งใจว่าจะเปิดเป็นประมูล เพราะของที่เป็นแรร์ไอเทมเยอะมาก มีของหายากและของที่หาได้ทั่วไป ทั้งเลเวลยังสูงมากอีกด้วย

     ธนูส่งข้อความมาทางไลน์ทันทีเมื่อผมจัดการทุกอย่างในเกมจนเรียบร้อย

     ผมจดจ่อกับหน้าจอโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด ปกติแล้วผมไม่เคยลังเลที่จะบล็อกใครสักคน แต่กับธนูผมกับไม่มีความกล้าพอมันซะอย่างนั้น

 

Tn

     โซ่พี่ทำอะไรผิดงั้นเหรอ

      ทำไมอยู่ๆ ถึงทำแบบนี้

     ขอร้องล่ะ ช่วยตอบพี่หน่อย

 

     ให้ตายเถอะ ยิ่งผมอ่านข้อความของธนูยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้น

     ผมขอโทษ...

      ใจผมไม่กล้าพอที่จะกดบล็อกเขา เลยตัดสินใจกดปุ่มปิดเครื่องแทน ผมขอหายไปสักพัก ขอเวลาอีกสักหน่อย สบายใจแล้ว ผมจะกลับมาบล็อกและลบเขาออกจากชีวิตทันที

     ช่วงนี้ผมก็คงต้องเดินออกไปกินข้าวร้านป้าแจ่มข้างบ้าน ห่างกันสักพักนะครับพี่สมรักษ์ผมคงไม่ได้สั่งของสักพัก เจอกันเมื่อชาติต้องการนะครับน้องแจ๊บแกร๊บฟู้ด ส่วนน้องขิมเด็กเซเว่นเราไปเจอกันที่ร้านเอานะช่วงนี้พี่คงไม่ได้สั่งให้มาส่งของที่บ้านสักระยะ

     ลาก่อย...

 

 

 

     เมื่อสองวันก่อนผมเปิดประมูลตัวเกมไปแล้ว และวันนี้เป็นวันที่ผมกำลังจะปิดประมูล คอมพิวเตอร์ขึ้นมาเพื่อกดเข้าไปเช็กว่ายอดประมูลล่าสุดอยู่ที่เท่าไหร่แล้ว

     ขนมชั้น ขนมเธอ : 30,900 ครับ

     เป็นตัวเลขที่น่าสนใจทีเดียว

     สายโซ่ คิมูจิ : ปิดประมูลอีกยี่สิบนาทีนะครับ

 

     ผมพิมพ์คอมเมนต์ทิ้งเอาไว้ รอเวลาอีกสักหน่อยเพื่อให้คนเข้ามาประมูล

     สองนาทีสุดท้ายมีคนเข้ามาประมูลที่ราคา 45,000 บาท ผมถึงกับตาโต

     คุณพระ! ถ้าเทียบกับของที่เติมไปบอกเลยว่าไม่คุ้ม แต่ในกรณีที่ไม่ได้เติมเองแบบผม บอกเลยว่าโคตรพ่อ โคตรแม่คุ้ม

 

     สายโซ่ คิมูจิ : ผมจะปิดประมูลแล้วนะครับ อีกหนึ่งนาที

     Joss Jee : 200,000 ครับ พร้อมโอน

 

     ไอ้เหี้ย! แม่เจ้าโว้ยขนลุก ผมล่ะอย่างชอบคนจริง พร้อมโอนแบบนี้ ผมก็พร้อมฟาดเลขบัญชีนะ ว่าไป~

 

     สายโซ่ คิมูจิ : ปิดประมูลที่ 200,000 @Joss Jee ครับ

 

     ในที่สุดก็ถึงเวลาปิดประมูล ผมรีบทักหาคนที่ชนะการประมูลทันที

 

     สายโซ่ คิมูจิ

     สวัสดีครับ

     คุณคือคนที่ชนะประมูลใช่ไหมครับ

Joss Jee

     ครับ

สายโซ่ คิมูจิ

พร้อมเพย์นะครับ 080-0010-001

นายกฤษณา เจริญปันผล

โอนแล้วแปะสลิปไว้

เดี๋ยวผมส่งรหัสเข้าเกม คุณก็เอาไปเปลี่ยนรหัสเองนะครับ
Joss Jee

     ก่อนโอน ผมขอถามอะไรหน่อนะครับ

     ตัวเกมที่คุณนำมาประมูลเป็นตัวเกมของคุณเองหรือเปล่าครับ

สายโซ่ คิมูจิ

ใช่ครับเป็นของผมเอง

Joss Jee

     แสดงว่าคุณชื่อโซ่?

สายโซ่ คิมูจิ

ก็ใช่สิครับ

 

     ข้อความขึ้นอ่าน แต่ทว่าไม่มีการตอบกลับอะไร เฮ้ย! จะเทกันไม่ได้นะเว้ย แล้วถามอะไรเยอะแยะวะ!

     หายไปนานสักพัก ข้อความก็แจ้งเตือน

 

Joss Jee

     *แนบรูป*

     เรียบร้อยนะครับ

 

     ผมดูสลิปที่ถูกแปะเอาไว้ ก่อนจะรีบเปิดโทรศัพท์เพื่อเช็กยอดเงินว่าเข้ามาจริงหรือเปล่า

     บิงโก!!!

 

     รายการเงินเข้า

     บัญชี xxx-x-x000-x จำนวนเงิน 200,000 บาท

    คงเหลือ 200,000.15 บาท

 

     อนาถกับเศษสตางค์ในบัญชีฉิบหาย แต่เอาเถอะตอนนั้นผมจน ตอนนี้ใครเรียกโซ่ผมตบปากแตก ต้องเฮียเท่านั้น!

     หลังจากเช็กยอดเงินเรียบร้อย ผมจัดการส่งรหัสทั้งหมดให้กับผู้ซื้อ ก่อนจะกล่าวขอบคุณ เป็นไปได้ผมอยากตีลังกาสามตลบแล้วก้มกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์เลยด้วยซ้ำไป

     โทรศัพท์ถูกเปิดเพียงไม่นาน อินเทอร์เน็ตก็เริ่มทำงานได้สักพักแล้ว ข้อความที่คั่งค้างก็เริ่มทยอยแจ้งเตือน ก็ผมปิดโทรศัพท์ไปหลายวันนี่นา

     ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!

     ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!

     ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!

     ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!

     ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!

     เฮ้ยเดี๋ยว! ผ่านไปไม่ถึงนาทีการแจ้งเตือนก็รั่วเป็นปืนกล

     ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!

     ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!

     ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!

     ไอ้สัดเครื่องค้างแล้ว!!!

 

     หลังจากที่เสียงมือถือสงบลง ผมก็เริ่มกดเข้าไปที่แอปฯ ไลน์ ข้อความทั้งหมดเป็นข้อความจากธนู ที่ส่งมาเป็นร้อยข้อความ จะว่าไปผมยังไม่ได้บล็อกธนูเลยนี่

     ผมชั่งใจอยู่ครู่ว่าจะกดดูดีไหม แต่ความอยากรู้อยากเห็นผมตัดสินใจกดดู อย่างน้อยก็ลองดูหน่อยแล้วกันว่าส่งอะไรมาบ้างก่อนที่จะบล็อก

     ข้อความไม่มีอะไรมาก ส่วนมากจะเรียกผม ถามว่าผมเป็นอะไร อ่านไปอ่านมาธนูก็ดูเหมือนคนเป็นไบโพล่าแฮะ ดูอย่างช่วงหนึ่งส่งมา
 
     ‘หนูโกรธพี่เหรอคะ’

     ‘พี่ขอโทษเราไม่ต้องเจอกันก็ได้’

     ‘พี่จะรอหนูพร้อม’

     ‘หนูจะไม่ตอบพี่จริงเหรอ’

 

     และช่วงหลังจะเป็นข้อความทำนองข่มขู่

 

     ‘อย่าให้พี่จับเราได้นะ พี่จะกินเราไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก’

     ‘จะว่าพี่ใจร้ายที่หลังไม่ได้นะ’

 

     และข้อความล่าสุดก็ทำให้ผมถึงกับรีบกดบล็อกไลน์ของพี่ธนูในทันที

 

     *แนบรูป*

     ‘แล้วเจอกันคะ’

 

     เชี่ยยยยยย!!!!!! มันเป็นรูปแผนที่บ้านจาก Goolge ดาวเทียม และมันถูกปักหมุดที่บ้านผม

 

     “ไอ้เหี้ยโซ่!”

     “เหี้ยๆ ๆ!” ผมสะดุ้งโหยง โทรศัพท์ที่ถืออยู่เกือบหล่นแต่ผมใช้วิชามือทศกัณฐ์คว้าเอาไว้ได้ทัน “เข้ามาไม่เคาะประตูวะ”

     “กูเคาะจนมือแตกแล้วสัด”

     “เออมีอะไรก็ว่ามากูไม่ว่าง”

     “แค่จะถามว่ามึงกับแก๊งกากไปสร้างเรื่องอะไรมาหรือเปล่า”

     “เปล่ามึงเห็นกูออกจากบ้านบ้างยังล่ะ มึงก็ถามแปลก” ผมว่าก่อนจะเลือนดูข้อความในมือต่อ

     “เอองั้นก็ดี เห็นคนในป้าข้างบ้านบอกช่วงนี้มีคนมาทำตัวลับๆ ล่อๆ ในซอยถ้าไม่ใช่พวกมึงไปก่อเรื่อง ก็แล้วไป”

     ปัง! เสียงประตูถูกปิดลงพร้อมกับความรู้สึก ‘มีคนมาทำลับๆ ล่อๆ ในซอย’ หรือว่าจะเป็น...

     ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไหลลงคอ

 

Rrrr…


     ว้ากกก!

     ไอ้สัด! อยู่ก็มีคนโทรเข้ามาในมือถือในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรอยู่เงียบๆ อารมณ์เหมือนกำลังดูหนังผีที่มีฉาก Jump Scare นี่ผมกลายเป็นคนขวัญอ่อนไปแล้วเหรอวะ

     หน้าจอโชว์เบอร์ที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้

     ใคร? ผมกดรับสายอย่างกล้าๆ กลัวๆ

 

     “...”

     [โหลๆ ไอ้สัดโซ่ได้ยินกูไหมเนี่ย]

     “ใคร?”

     [ไอ้ควายมึงจำเสียงเพื่อนมึงไม่ได้ไง] คุ้นๆ [ชีส กูจะโทรมาบอกธีมงานอาฟเตอร์ปาตี้งานแต่ง]

     “อ่อ แล้วมึงเอาเบอร์ใครโทรมา”

     [เบอร์เมียสิครับ โทรศัพท์กูแบตหมด] ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าจะเป็นคนที่ผมคิดซะอีก [ธีมงานเป็นเกาหลีย้อนยุคนะ]

     “ธีมเหี้ยอะไรเนี่ย ผีไทยก็ว่าไปอย่าง”

     [ไอ้สัด! เก็บไว้งานมึง] ชีสว่าพลางกลั้วหัวเราะ [เมียกูอยากไปเที่ยวเกาหลีกูเก็บเงินอยู่ว่าจะไปหลังแต่ง กูเลยกะว่าจะจำลองเกาหลีให้เมียกู]

     “...ตั้งแต่มึงมีเมีย มึงเปลี่ยนนะ”

     [เป็นคนดี?]

     “เหี้ยเหมือนเดิมฮ่าๆ” แล้วเราก็คุยกันอยู่พักใหญ่ แป๊บๆ ก็ผ่านไปเป็นชั่วโมง ก่อนเราจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง

     จะว่าไปมันก็เปลี่ยนไปจริงๆ นั่นแหละถึงแม้ว่าจะยังเหี้ยเหมือนเดิม แต่มันก็ไม่เคยนอกใจแยมเลยสักครั้ง เวลาที่พวกมันอยู่ด้วยกัน มันก็ไม่ต่างอะไรจากชีสที่ถูกความร้อนจนละลายเยิ้ม

     ผมก็หวังว่าสักวันจะมีใครสักคนที่เข้ามาทำให้ความรู้สึกแบบนั้นบ้าง...

 

Rrrr…

     เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้ คงจะเป็นไอ้ชีสอีกนั่นแหละ เพิ่งจะวางไปสักพักมีอะไรอีกวะ...

     “ไม่จบเหรอไอ้ห่า” ผมออกปากแซวเพื่อนรัก

     [นั่นใคร] เสียงเย็นเหยียบทำให้เอาผมถึงกับยกโทรศัพท์ออกจากหู เพื่อดูเบอร์อีกครั้ง

     “อ้าวแล้วโทรหาใครล่ะ” ผมถาม

     [ขอสายโซ่] หืม มันรู้จักผม...?

     “แล้วนั้นใครไม่ทราบครับ”

     [ผมชื่อธนู]

WTFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFF!!!!!!!!!


 

 



หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 31-03-2021 23:48:52
 :laugh: เจ้ากรรมนายเวรหาตัวเจอละ โซ่เอ๊ยยยยย
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -4- ระแวง
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 01-04-2021 11:13:12

-4-

ระแวง

 

     “หนู ตื่นได้แล้วค่ะ”
เสียงทุ้มของใครบางคนปลุกผมให้ลืมตาขึ้น

     ผมลุกขึ้นมองตามเสียงเรียก เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนหันหลังเท้าสะเอวหันหลังอยู่หน้าประตู

     “ใครวะปลุกกูแต่เช้าเลยไอ้สัด” ผมถามออกไปด้วยความโมโห แต่ทว่าคนตรงนั้นกลับยืนนิ่งไม่ยอมขยับ “เฮ้ย! กูถามว่าใคร” คราวนี้ผมเปล่งเสียงออกมาดังอีกระดับ

     เขาหันหน้ากลับมาแต่ทว่าผมกลับมองไม่เห็นหน้าเขา

     “พี่เองธนู”

     “เหี้ยยยยยยยยยยย!!!!”

 

     ผมสะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ เสียงหายใจหอบแฮก พยายามกอบโกยอากาศเข้าสู่ปอด ก่อนจะลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง

     ฝัน แค่ฝันเว้ยโซ่...

     ช่วงนี้ฝันแบบนี้บ่อยสัด!

 

แกร๊ก!

     ประตูห้องผมถูกเปิดออก ผมมองอย่างใจจดจ่อว่าใครคือคนที่อยู่หลังประตูบานนั้น ผมได้ยินเสียงของกุญแจเหมือนว่ามันกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ข้างนอก

     “เป็นไรไอ้เหี้ยพี่โซ่ ฝันร้ายเหรอ?” กุญแจเดินเข้ามาถาม

     “เออ ดิน่ากลัวสัด”

     “ฝันไรเล่าได้ปะ จะเอาไปแทงหวย” กุญแจว่าพลางกลั้วหัวเราะ

     “ว่าแต่เมื่อกี้มึงคุยกับใคร”

     “อ่อ ลืมไปเลยเพื่อนพี่มึงมาหา” มึงเรียกสักอย่างสิไอ้ห่า เดี๋ยวพี่มึง เดี๋ยวไอ้เหี้ยพี่โซ่ ไม่รู้จะเจ็บคำไหนก่อนดี

     “เออ แล้วใครอะ พวกแก๊งกากเหรอ” ผมถาม

     “ไม่นะ...เขาบอกว่าเขาชื่อ 'ธนู'”

     “ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย”

 

แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก!

เพียะ!

     ครั้งนี้ผมตบหน้าตัวเองก่อนเป็นอย่างแรก...!!!

     “เจ็บ...ไอ้เหี้ย ไม่ได้ฝันอันนี้เรื่องจริง”

     เสียงลมหายใจผมหอบถี่ เหงื่อเม็ดโตเปียกชุ่มจนผมเปียก ไอ้เหี้ยฝันร้าย ฝันร้าย...

     ตั้งแต่ที่ผมได้รับสายจากธนูวันนั้นนี้ก็ผ่านไปสามวันพอดี

     ผมใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง ไม่กล้าแม้แต่จะเดินออกไปซื้อข้าว ต้องให้ไอ้กุญแจออกไปซื้อทิ้งไว้ให้ทุกเช้า มือถือผมก็ไม่กล้าเปิด เกมผมก็ไม่กล้าเข้า

     แค่ได้ยินเสียงประตูเปิดปิดผมก็รู้สึกผวาอยู่ตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะรูปแผนที่บ้านนั้นผมก็คงไม่รู้สึกระแวงขนาดนี้หรอก

     แม่ง! เครียดจนจะเป็นประสาท

     ถ้าเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากุญแจผมต้องโดนมันบ่นอีกแน่ เชี่ยแค่คิดเสียงกุญแจก็ลอยมาเลยวะ ‘สักวันหนึ่งเถอะมึงเขาจะตามาตีมึงถึงบ้าน’

 

     ผมลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแล้วเดินออกมาด้านนอก ในบ้านเงียบกริบเหมือนไม่มีใครอยู่

     โน้ตกระดาษถูกแปะเอาไว้หน้าห้องผม เป็นข้อความจากกุญแจ...

 

     
‘กูออกค่ายอาสาสามวัน กูโทรหามึงไม่ติด’

 

     ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้น้องชายสุดที่รักก็ยังมาทิ้งผมไปอีก แล้วบรรยากาศในบ้านเงียบมากไอ้เหี้ย เงียบจนขนลุก

 

กริ๊ง~

     เสียงอ๊อดหน้าบ้านดังขึ้น ทำเอาผมสะดุ้ง ผมย่องไปยังหน้าต่างค่อยๆ เปิดผ้าม่านออกให้เป็นช่องเล็กๆ เพื่อให้สายตาส่องออกไปยังหน้าบ้าน

     พี่สมรักษ์...

     ผมพรูดลมร้อนออกทางปากอย่างโล่งอก ก่อนจะเปิดประตูออกไปด้านนอก

     “ว่าไงพี่” ผมว่า

     “แจมันฝากพี่มาดูโซ่น่ะ เห็นมันบอกว่าช่วงนี้โซ่แปลกๆ” กุญแจทำไมกูรักมึงจังไอ้น้องบังเกิดเกล้า

     “ฮือ พี่มาอยู่เป็นเพื่อนผมจริงดิ”

     “โซ่เป็นอะไรหรือเปล่า”

     “เปล่าครับแค่รู้สึกกลัว”

     “ช่วงนี้ไม่ได้นอนเลยเหรอทำไมตาดำขนาดนี้” พี่สมรักษ์ว่าพลางใช้นิ้วค่อยๆ เกลี่ยใต้ตาผมเบาๆ

     ไม่ใช่แล้วป่ะ อย่างกับซีรีส์เกาหลี! ผมขยับตัวถอยออกมานิดหนึ่งเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียด ก่อนจะเปิดประตูให้เขามาในตัวบ้าน

     โชคดีที่วันนี้พี่สมรักษ์มาอยู่เป็นเพื่อนไม่งั้นผมต้องเป็นบ้าแน่ๆ

 

     เรานั่งดูหนังด้วยกันโดยที่ผมนั่งลงกับพื้นแล้วเอนหลังพิงโซฟา ส่วนพี่สมรักษ์ก็นั่งอยู่บนโซฟานั่นแหละ ปกติผมชอบนั่งแบบนี้อยู่แล้วเลยไม่ได้รู้สึกว่าแปลกอะไร

     นั่งดูหนังกันได้สักพักพี่สมรักษ์ก็นอนลงตามแนวยาวของโซฟา แต่ที่แปลกก็คือมือของพี่สมรักษ์เอาแต่เขี่ยหัวผมก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมาลูบติ่งหู

     มันไม่ใช่ ไอ้เหี้ย! ผมต้องกลัวอะไรก่อนดีวะ

 

     “ผมง่วงแล้วผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ พี่นอนห้องผมได้เลย” พี่สมรักษ์ฉีกยิ้มชวนสยอง “เดี๋ยวผมไปนอนห้องแจ” พูดจบผมก็เดินผละออกมา เข้าห้องกุญแจแล้วจัดการล็อกประตูเรียบร้อย

 

     คืนนี้ผมก็นอนไม่หลับอีกเช่นเคย พลิกซ้ายพลิกขวาอยู่พักใหญ่

     เวลายังคงเดินไปข้างหน้า รู้สึกว่าเหมือนเวลามันช้ายังไงก็ไม่รู้ ผมลุกขึ้นไปเปิดไฟเพื่อหาอะไรทำในห้องของกุญแจ

     เดินไปรอบๆ ในห้องไม่มีอะไรน่าสนใจอย่างที่คิด นอกจากหนังสือหมอ ก็เป็นหนังสือปลูกกล้วยไม้ นี่มึงสนใจกล้วยไม้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

     ผมเปิดตู้เสื้อผ้าของน้องชายแล้วพบว่าเรียบร้อยสัดๆ มันแบ่งแยกสีผ้าตามลำดับอย่างชัดเจน แต่เอ๊ะ! กล่องอะไรวะ เอาเก้าอี้เขียนหนังสือของมันมาเหยียบเพื่อขึ้นไปเอากล่องอะไรบางอย่างบนตู้

     กล่องสีดำสนิมเขียนข้อความเอาไว้หน้ากล่องว่า ‘กล่องดำ (อย่าเสือกนะไอ้เหี้ยโซ่) ’

     เหมือนมันรู้... แต่กูจะเสือกไง!

     สิ้นสุดความคิดผมก็เปิดกล่องออกแล้วพบว่านี้มันกล่องขุมทรัพย์

 

     ธนบัตรสีเทา สีม่วง สีแดงละลานตาถูกวางไว้เป็นปึกๆ น้องผมมันเก็บเงินเก่งนี่หว่า แต่ก็ไม่แปลกงกฉิบหาย ผมปิดกล่อง แล้วเอาวางไว้ที่เดิมเป๊ะ ผมเดินต่ออีกหน่อยก็เห็นนาฬิกาแสดงเวลา ฮะ! ตีห้า

     ผมรีบเดินไปปิดไฟ แล้วรีบล้มตัวลงนอนไม่นานผมก็ตกอยู่ในห้วงของความฝัน

 

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

     “โซ่” เสียงของใครบางคนกำลังเรียก ผมจำได้ว่านั้นคือเสียงของพี่สมรักษ์

     “อือออ” ผมร้องตะโกนออกไป

     “พี่มีงานพี่ไปก่อนนะ”

     “คร่าบบบ”

     แล้วผมก็ได้ยินเสียงพี่สมรักษ์เดินออกไป พร้อมกับเสียงประตูบ้านถูกปิด ผมจึงเดินออกมาด้านนอก

     ห่านจิก! เพิ่งเจ็ดมอง ผมเพิ่งจะได้นอนไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงเอง ขืนเป็นแบบนี้แย่แน่ร่างกายผม

 

โครก~

     เหนือสิ่งอื่นใดก็เสียงท้องร้องนี่แหละ

     ผมตัดสินใจเดินออกจากบ้านเป็นวันแรก หลังจากที่เก็บตัวมาสี่วัน ความหิวมันชนะทุกสิ่งจริงๆ ตั้งใจว่าจะเดินมาแค่ร้านข้าวป้าแจ่มแต่ร้านก็ดันปิดซะได้นี่ อยากจะบ้าตายรายวัน!

     ผมมองออกไปหน้าปากซอย เห็นป้ายเซเว่นอยู่ไกลๆ หันซ้ายหันขวาดูอย่างละเอียดว่ามีใครน่าสงสัยอยู่ไหม

     ไม่มี...

     ทางสะดวก

     ผมเริ่มเดินออกมาตามถนนที่ทอดยาว หลายอย่างเปลี่ยนไป มันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากหรอก แต่มันก็เปลี่ยน อย่างไอ้โบ้หมาป้าแมวตอนนี้กระเตงลูกมาตั้งห้าตัวแนะ ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นไอ้โบ้ยังตัวเท่าฝาหอยอยู่เลย

     “น้องครับ” ผมหันไปยังเสียงเรียก

     ผู้ชายสองคนใส่หมวกกันน็อคพร้อมรถบิ๊กไบค์คันโต ไอ้เหี้ยน่ากลัวหรือว่าจะเป็น...

     “อ้าวป้าแจ่ม” ผมพูดพลางชี้นิ้วไปยังบ้านป้าแจ่ม

     ผู้ชายสองคนมองตามมือขวับ และผมก็ออกตัววิ่งหนีเข้ามาในซอยเล็กๆ อย่างไม่คิดชีวิต เล่นกับใครไม่เล่น หึ หึ

 

     แฮ่ก! ผมเหนื่อยหอบอยู่สักพักในซอยแคบ ชีวิตของคนที่ไม่เคยทำอะไร พอออกมาวิ่งแค่นิดเดียวรู้เรื่องเลย เหนื่อยสัด! ผมชะโงกหน้าออกมาจากซอยเพื่อส่องดูว่าสองคนนั้นไปหรือยัง

     แต่ก็เหมือนโชคจะเข้าข้างเมื่อผมถูกใครบางคนดึงคอเสื้อกลับเข้าในซอย

     “อ๊ากกก ไม่รู้ ผมไม่รู้ครับ ผมไม่รู้จักโซ่”

     “เฮ้ย! น้องใจเย็น” ผมหลับตาแน่นไม่รับรู้อะไรแล้วสติแตกกระเจิง

     “ผมไม่รู้จักโซ่ครับ ผมขอโทษ ผมไม่รู้จริงๆ”

     “เฮ้ย!!!” เสียงตะคอกทำเอาผมหยุดชะงัก ค่อยๆ หรี่ตามาองคนตรงหน้า

     ฮืออออ~ ผู้ชายสองคนที่ผมเจอนี่

     “พี่ไม่ได้จะทำอะไรพี่แค่จะถามหาป้าแจ่มข้างบ้านน้อง”

     “อะ อ้าว'ไมพี่ไม่บอกอะ”

     “พี่จะบอกแล้วแต่น้องฟังพี่ไหมล่ะ”

     “แฮ่ๆ” ผมเกาแก้มตัวเองแก้เขิน “ว่าแต่พี่มีอะไรกับป้าแจ่มครับ”

     “ป้าแกกู้เงินพวกพี่ วันนี้นัดส่งเงินแต่ป้าแกไม่อยู่ พี่เห็นเราเดินออกมาจากข้างบ้านแก่ พี่เลยคิดว่าเราน่าจะรู้จัก” อ๋อ...พวกเงินกู้นี่เอง

     “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแกไปไหน ผมก็ตั้งใจเดินออกมาซื้อข้าวป้าแก”

     “เอาอย่างนี่ พี่ทิ้งนามบัตรไว้ให้ถ้าป้าแกกลับมาช่วยโทรหาพี่หน่อย”

     “ได้ครับๆ” ผมรับนามบัตรมาเก็บไว้ในกระเป๋า ยืนมองพี่สองคนขับรถออกไปจนลับสายตา

     แสดงว่าที่กุญแจเล่าให้ฟังเรื่องคนที่มาทำตัวน่าสงสัยในซอยคงจะเป็นพวกแก๊งเงินกู้สินะ ปล่อยให้นอนฝันร้ายอยู่ได้ทุกวัน

     ฮู่ว์~ ไอ้โซ่นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว ผมเดินรีบเดินไปเซเว่นเพื่อซื้อของตุ๋นเอาไว้จะได้ไม่ต้องออกจากบ้านบ่อยๆ ดูท่าแล้วป้าแจ่มคงหายไปอีกนาน

 

     ผมนอนเปิดแอร์เย็นฉ่ำ แกะขนมเอาไว้สองสามห่อ เปิดทีวีจอกว้างเพื่อเลื่อนหาหนังใน Netflix ดูอย่างสบายอารมณ์ ไม่นานผมก็ผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย

 

     “โซ่ครับ” ผมตื่นลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนตะโกนเรียกผมอยู่หน้าบ้าน

     อ๋อ...พี่สมรักษ์นี่เอง

     “อา...ว่าไงครับพี่” ผมว่า

     “พี่จะบอกว่าวันนี้พี่ไม่ได้มานอนเป็นเพื่อนนะ”

     “โอเคครับไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้แจก็กลับมาแล้ว”

     “ขอโทษทีนะ พี่ต้องสลับสายส่งของกับอีกคน”

     “ไม่เป็นไรพี่”

     เรายืนคุยกันอีกหน่อยก่อนจะต่างคนต่างแยกย้าย

 

     ผมเดินกลับเข้ามาตั้งใจว่าจะอาบน้ำให้สบายตัว แล้วก็นอนต่ออีกสักหน่อยเพราะช่วงนี้ผมนอนน้อยจนรู้สึกว่าร่างกายกำลังรับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

     โซฟาตัวยาวจุดเดิมที่ผมเลือกทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาว เพียงแค่หัวผมถึงหมอน ภาพทุกอย่างก็ตัดดับไปเหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่กำลังชัตดาวน์...

 
*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*



     “บอสครับผมเจอตัวคุณโซ่แล้ว”


     [อืม เอาตัวมาให้ได้]


     “ครับบอส”
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -5-ฝั่งตัวเอง
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 01-04-2021 11:22:38

-5-

ฝั่งตัวเอง

 

     กลิ่นหอมอ่อนๆ ยามเช้ามันช่างวิเศษ หลายวันที่ผ่านมาผมไม่ได้นอนหลับสนิทแบบนี้มานานแค่ไหนนะ

     ผมบิดขี้เกียจไปมา พลางขยี้ตาตัวเอง ไม่นานสายตาของผมก็เริ่มปรับโฟกัสได้ ห้องกว้างที่ผมไม่คุ้นตา ผ้าห่มสีขาวนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำมันหอมระเหยบนหัวเตียง เสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ แต่กลับเงียบสนิทไร้เสียงรบกวน มันทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

     นี่ไม่ใช้ห้องผม อย่าเรียกว่าห้องผมเลย ต้องเรียกว่าไม่ใช่บ้านผมเลยด้วยซ้ำ...

     แต่ทำไมผมถึงไม่ตกใจใช่ไหมล่ะ แหม~ มันจะมีอะไรอีกละห้องกว้างขนาดนี้ เตียงนุ่มขนาดนั้น ห้องห๊อมหอม ฝันแน่! ผมได้รับบทเรียนว่าการที่ผมพักผ่อนน้อยทำให้ผมฝันเป็นตุเป็นตะ

     นี่ก็คงจะเพราะผมกินเยอะมากเลยเอาแต่ฝันประหลาดแบบนี้

 

แกร๊ก!

     ประตูสีขาว ถูกแต่งแต้มสีทองประดับอยู่อย่างสวยงามถูกเปิดออก

     อา...

     ผู้ชาย? ลงล็อกเป๊ะ

     “คุณธนูสินะ” ผมถามออกไป ถ้าในเมื่อสมองผมชอบสั่งให้ฝันถึงเขาผมก็จะลองทำตามสมองตัวเองสักหน่อย

     เอ...ทำไมครั้งนี่มันแปลกตรงที่ผมเห็นใบหน้าของธนูชัดจังแฮะ ปกติทุกครั้งที่ผมฝันผมจะไม่เห็นหน้าของธนู บางครั้งภาพใบหน้าของเขามักจะไม่ชัด

     แต่ครั้งนี้ใบหน้าของธนูชัดระดับ 4D เลยทีเดียว อา...สมองผมคงสั่งการแบบนี้สินะ จะว่าไปจินตนาการของผมก็เจ๋งใช่ย่อยนะเนี้ย จินตนาการธนูออกมาได้หล่อโคตรเลยวะ อย่างกับประติมากรรมเทพเจ้ากรีก

     ดวงตาคมดุดัน

     จมูกโด่งเป็นสันเขื่อน

     ริมฝีปากบางหยักได้รูป

     ร่างกายสูงใหญ่กำยำ

     ขนาดใส่เสื้อยังมองออกเลยว่ากล้ามแน่นเวอร์ พระเจ้าช่างสรรค์สร้าง ไม่ใช่สิ จินตนาการผมต่างหากที่สร้างเขาขึ้นมา

     “คุณรู้?” ผู้ชายตัวสูงถามกลับ

     “รู้สิ จะเป็นใครไปได้ละก็ในเมื่อผมฝันเห็นคุณทุกวัน และทุกครั้งคุณก็บอกว่าคุณชื่อธนู”

     “ใช่ผมคือธนู” สีหน้าเรียบนิ่งของเขาทำเอาขนอ่อนตามร่างกายลุกชัน

     “โป๊ะเชะ! เก่งฉิบหายเลยไอ้โซ่”

     “คุณเรียกตัวเองว่าโซ่?”

     “ก็ผมคือโซ่ จะให้ผมเรียกตัวเองว่ากุญแจหรือไงล่ะ” ผมทำปากขมุบขมิบ อะไรของเขาเนี่ย “ว่าแต่ทำไมฝันครั้งนี้คุณถึงตอบผมเยอะจัง ปกติคุณจะตอบแค่ ‘ผมคือธนู’ แล้วก็ทำเสียงเข้มๆ ขี้เก๊กๆ หน่อย”

     มุมปากของคนตรงหน้าผมกระตุกยิ้ม ชวนให้คนมองรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก

     ฝันครั้งนี้ประหลาดมาก นอกจากจะสมจริงแล้ว ยังทำให้รู้สึกได้จริงอีก

     “งั้นคุณ ไม่สิ...หนูอยากตื่นหรือยังล่ะ?” หนูวะ? คิ้กค้าก ตอนที่ได้อ่านเป็นข้อความว่ารู้สึกคันๆ แล้ว พอมาได้ยินกับหูทำไมรู้สึกจักจี้ยังไงก็ไม่รู้

     ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม ธนูมโนภาพของผมก็วางแก้วกาแฟลง โธ่ แค่วางถ้วยกาแฟต้องดูเท่ขนาดนี้เลยเหรอวะให้ตายเถอะ

     บางจังหวะตอนธนูกำลังเดินเข้ามาผมเผลอสบตาคู่คม นัยน์ตาเขาฉายแววเย็นเยียบชวนขนลุก หัวใจของผมเต้นแรงอย่างตื่นกลัว

     เฮ้ย! ได้ไงทำไมรู้สึกกลัวเหมือนจริงมากเลยวะ?

     เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง น้ำหนักตัวทำเอาเตียงยุบฮวบ เขานั่งหันหน้ามาทางผม ก่อนจะใช้ฝ่ามือหนาช้อนปลายคางเอาไว้

     มืออุ่น?

     ใบหน้าคมขยับเลื่อนเข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย ผมได้กลิ่นหอมอ่อนจางๆ ก่อนจะหลับตาปี๋ และสัมผัสได้ถึงความอุ่นที่แผ่ซ่านที่ริมฝีปาก

     ชัดแล้วไอ้สัดไม่ใช่ฝัน!!!

     ผมพยายามขยับหน้าหนี้ แต่ไว้กว่าความคิดก็มือของอีกฝ่ายที่กดท้ายทอยผมเอาไว้ เพียงฝ่ามือเดียวของเขาก็สามารถจับแขนของผมให้หยุดดิ้นได้ เขาพยายามดันลิ้นเข้ามาล่วงล้ำอย่างถือวิสาสะ และตอนนี้ผมกำลังจะขาดอากาศ

     ผมยกมือขึ้นทุบแขนของเขาเมื่อเริ่มหายใจไม่ออก และเขาก็ผละริมฝีปากออกให้ผมได้หายใจหายคอ ก่อนจะกดจูบลงมาอีกครั้งอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

     เขาฉวยโอกาสตอนที่ผมไม่ได้ตั้งตัวสอดลิ้นร้อนเข้ามารุกล้ำอย่างหยาบโลน ผมถูกอีกฝ่ายโอบกอดเอาไว้จนแน่น ร่างกายผมเริ่มสั่นเทาเมื่อน้ำหนักของจูบหนักขึ้น ให้ตายเถอะไม่ใช่ว่าผมไม่เคยจูบกับผู้ชาย แต่เพราะผมไม่เคยเป็นฝ่ายถูกใครรุกแบบนี้มาก่อน สติผมกำลังจะแตกกระเจิง และพร่ามั่ว

     ริมฝีปากล่างผมเริ่มชาเมื่อถูกบดจูบดูดดึงอย่างรุนแรง กลิ่นเลือดคาวคละคลุ้งอยู่ภายในปาก เขามันคนเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ว่าผมจะพยายามดิ้นแค่ไหน ออกแรงทุบแรงแค่ไหน ก็ไม่มีท่าทีจะสะทกสะท้าน

     ในที่สุดเขาก็ยอมผละริมฝีปากออกอีกครั้ง ผมใช้จังหวะนี้ถอยหลัง ขยับตัวหนีไปอีกฝั่งของเตียงอย่างไวว่อง

     “คราวนี้ยังฝันอยู่อีกหรือเปล่าล่ะ” เขาถาม พลางเช็ดน้ำลายที่มุมปากก่อนจะเลียนิ้วโป้งของตัวเองที่ใช่เช็ดน้ำลาย “ตื่นหรือยังคะ เรายังมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีกเยอะเลย!” เขาตอบเสียงเรียบ แต่ใบหน้ายิ้มกริ่ม

     “...!?” ทอเต็มผืน ตื่นเต็มตาเลยกู

     ธนูแสยะยิ้มดั่งราชสีห์กระหายชัยชนะ และผมยกธงขาว ชนะไปเลยจ้า ยอมแพ้

     หลุมที่ผมขุดเริ่มทำงานแล้ว แต่มันดันผิดแผนไปหน่อยเพราะคนที่ตกหลุมไม่ใช่ธนู แต่เป็นผมเอง...

     นี่ผมขุดหลุมฝั่งตัวเองชัดๆ

 

*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*

 

[ธนู]


     เมื่อลูกน้องอุ้มผู้ชายคนหนึ่งกลับมา หลังจากที่รับคำสั่งจากผมให้ไปตามหาคนที่ผมอยากพบมากที่สุด และผมก็ได้เจอ

     ผมยืนมองคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงในบ้านของตัวเอง เขาดูสูงพอๆ กับผมไม่ก็อาจจะเตี้ยกว่าผมสักห้าเซนฯ ได้ แต่ร่างกายกลับผอมบาง เอวก็คอดกิ่วราวกับผู้หญิง

     ผิวขาวเนียน ยิ่งได้มองใกล้ๆ ยิ่งเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายแทบไม่มีรูขุมขนเลย แพขนตาก็งอนยาว จมูกไม่โด่งจนเกินไป ริมฝีปากกระจุมกระจิ๋มสีชมพู สีผมขับรับกับเครื่องหน้าอย่างลงตัว จัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่มีเครื่องหน้าใช้ได้เลยทีเดียว

     ผมสั่งให้ลูกน้องผมตามหา ‘โซ่’ คนที่ผมคุยด้วยทุกวันจนผมรู้สึกว่า ผมตกหลุมรักเข้าอย่างจัง แต่แล้วเขาก็พยายามหนีเพียงเพราะแค่ผมอยากเจอ

     หลังจากที่เจ้าตัวพยายามหนีอยู่เกือบอาทิตย์ ในที่สุดผมก็ได้เข้ามาอยู่ในกำมือ แต่ทว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เมื่อโซ่คนที่ผมคุยด้วยทุกวันเขาเป็นผู้ชาย

     เขาหลอกผมมาตลอด...

 

     ผมปล่อยให้โซ่นอนอยู่ในห้อง และเดินกลับเข้ามาอีกครั้งในตอนเช้า แล้วพบว่าเขาตื่นแล้ว

     “คุณธนูสินะ” ผมตกใจเล็กน้อยที่เขารู้จักผม นี่เขารู้มาตลอดสินะว่าผมคือธนู

     “คุณรู้?” ผมถามกลับ

     “รู้สิ จะเป็นใครไปได้ละก็ในเมื่อผมฝันเห็นคุณทุกวัน และทุกครั้งคุณก็บอกว่าคุณชื่อธนู” และผมก็ได้คำตอบ นี่เขาฝันถึงผมตลอดเลยงั้นเหรอ ทั้งที่เราไม่เคยพบกันมาก่อน

     นี่เขาก็รู้สึกดีกับผมสินะ ถึงได้ฝันถึงกันขนาดนี้...

     “ใช่ผมคือธนู” ผมตอบเสียงเรียบ

     “โป๊ะเชะ! เก่งฉิบหายเลยไอ้โซ่” โซ่! เขาเรียกตัวเองแบบนั้น นั่นหมายความว่าลูกน้องเอามาไม่ผิดคน

     “คุณเรียกตัวเองว่าโซ่?”

     “ก็ผมคือโซ่จะให้ผมเรียกตัวเองว่ากุญแจหรือไงล่ะ ว่าแต่ทำไมฝันครั้งนี้คุณถึงตอบผมเยอะจัง ปกติคุณจะตอบแค่ ‘ผมคือธนู’ แล้วก็ทำเสียงเข้มๆ ขี้เก๊กๆ หน่อย” นี่เขาคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือความฝันงั้นเหรอ?

     ทำไมผมถึงรู้สึกโมโหอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะโมโหที่เขาโกหกว่าเขาเป็นผู้หญิง หรือโมโหที่เขาเอาแต่เพ้อว่าเรื่องทั้งหมดตอนนี้คือความฝัน

     ผมกระตุกมุมปากยิ้มก่อนจะเดินเข้าหาอีกฝ่าย

     “งั้นคุณ...” ผมนึกขึ้นได้ว่าที่ผ่านมาผมไม่เคยเรียกเขาว่าคุณ จึงเปลี่ยนสพรรนามเรียกแทน “ไม่สิ...หนูอยากตื่นหรือยังล่ะ?” เจ้าตัวทำหน้างุนงง

     ผมไม่รอคำตอบ ก่อนจะกดริมฝีลงไปแช่ไว้ เขาพยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งดิ้นผมก็รู้สึกว่ามันยิ่งเร้าใจ

     ดิ้นเข้าไปสิ ดิ้นให้เหมือนหนูที่กำลังติดจั่น...

     ผมผละริมฝีปากออกเพื่อให้เขาได้หายใจ ก่อนจะใช้จังหวะที่เขาไม่ได้ตั้งตัว บดจูบลงไปอีกครั้ง ส่งลิ้นร้อนเข้าไปกวาดภายในช่องปากจนทั่ว และแน่นอนว่าเขาไม่ยอม

     ผมเพิ่มน้ำหนักบดจูบมากขึ้น และมากขึ้นอย่างเอาแต่ใจ ผมปล่อยให้ปีศาจในตัวทำหน้าที่ของมัน ขบเม้นดูดดึงจนได้รสคาวเลือดของอีกฝ่าย

     เพียงผมผละริมฝีปากออกคนตรงหน้าผมก็ถึงกับขยับตัวออกไปอีกฝั่งของเตียง เนื้อตัวสั่นเทา ยิ่งมองดูแล้วยิ่งอยากแกล้งมากขึ้น

     “คราวนี้ยังฝันอยู่อีกหรือเปล่าล่ะ” ผมถามพลางใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำลายที่มุมปาของตัวเอง “ตื่นหรือยังคะเรายังมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีกเยอะเลย!”

 

 

     ผมออกไปรอที่ห้องนั่งเล่น ปล่อยให้อิหนูของผมได้เตรียมตัวเตรียมใจสักหน่อยก่อนจะมารับโทษ เมื่อตัวเองเป็นคนก่อก็ต้องยอมรับผิดกับการกระทำของตัวเอง

 

แกร๊ก!

     ไม่นานจอสก็พาโซ่ผมมาส่งที่ห้องนั่งเล่น

     ผมพยักหน้าเป็นเชิงให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป ภายในห้องเหลือเพียงแค่ผมกับโซ่ เขายืนนิ่งไม่ขยับอยู่หน้าประตู ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นไปดึงมือให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา

 

     “นั่งสิคะ” ผมว่า

     “มีอะไรก็พูดมา ผมจะได้รีบกลับ” ปากคงหายเจ็บแล้วสินะ ถึงยังได้มายืนปากเก่งอยู่ตรงนี้

     ผมกระตุกแขนของอีกฝ่ายด้วยแรงจนเจ้าตัวเซ ก่อนผมจะคว้าเอวเอาไว้ให้มานั่งลงบนตักผมแทน

     จะบอกว่าผมใจร้ายไม่ได้นะในเมื่อผมพูดดีๆ แล้ว

     “ปล่อยนะเว้ย!” ดื้อชะมัด

     ฟอด! จมูกผมแนบลงกับพวงแก้มใส ขโมยหอมแก้มของอีกฝ่าย

     ถือว่าเป็นกำไรของผมแล้วกัน...

     “พี่คุยกับหนูดีๆ แล้วนะ แต่เรายังดื้อไงล่ะ”

     “โอเค ผมจะคุยกับคุณ แต่ช่วยปล่อยผมก่อนจะได้ไหม” โซ่หยุดดิ้น และเลือกใช้สันติวิธี

     ผมเองก็ไม่ได้ใจไม้ใส่ระกำขนาดนั้น คลายกอดออกให้เป็นอิสระ ก่อนที่โซ่จะรีบลุกขึ้นและทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับผม

     “หนูจะเอาเรื่องไหนก่อนดีคะ เรื่องที่โกหกว่าเป็นผู้หญิง หรือเรื่องที่หนูพยายามหนีก่อนดี”

     โซ่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอาแต่ก้มหน้าก้มตา

     “เรื่องที่ผมโกหกว่าเป็นผู้หญิงผมขอโทษ...” โซ่เงียบสักพักก่อนจะเริ่มพูดต่อ “ส่วนเรื่องที่ผมพยายามหนีนั่นก็เพราะว่าผมเป็นผู้ชายยังไงล่ะ”

     “อ๋อ...แบบนี้นี่เอง แล้วตัวเกมก่อนหน้าหนูเอาไปขายใช่ไหม?”

     “คุณก็รู้นี่...แล้วก็เลิกเรียกผมว่าหนูได้แล้ว”

     “ทำไมล่ะ ตอนอยู่ในเกมก็เรียกไม่เห็นจะเป็นไร”

     โซ่จิปากใส่อย่างอารมณ์เสีย “โอเค งั้นผมจะคืนเงินที่ขายตัวเกมได้ล่าสุดให้คุณ แล้วก็จบกันตรงนี้”

     “มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?”

     “...”

     “ก็ในเมื่อตัวก่อนหน้านั้นก็เอาไปขาย หนูก็ได้เงินไปแล้วนี่ ส่วนตัวปัจจุบัน ถ้าเราคืนเงินให้พี่ พี่ได้อะไรงั้นเหรอ? พี่เป็นนักธุรกิจนะ คงจะยอมขาดทุนไม่ได้”

     “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง เงินผมก็จะคืนให้ ส่วนตัวเกมผมขายไปแล้วผมคงเอาคืนให้ไม่ได้”

     “ได้ไงล่ะ ในเมื่อที่พี่เติมให้หนูมันเยอะกว่าที่ขายไปอีกนะ”

     “...” โซ่ไม่ตอบอะไร ใบหน้าเริ่มซีดเผือด แววตาดูกังวลคงจะกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

     “ต่อให้พี่จับหนูไปถ่วงทะเล ก็ไม่มีใครเอาผิดพี่ได้ เพราะในวงการนี้เส้นสายพี่ก็เยอะ อย่าให้พี่ต้องใช้ไม้แข็งกับหนูเลยนะ” ผมแกล้งขู่ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มตัวสั่น มือทั้งสองกำแน่น

     “เดี๋ยวครับ...” เขาเงยหน้าสบตา “ผมรู้ว่าที่คุณเติ-”

     “พี่!” ผมดุเสียงแข็งให้เขาเรียกผมใหม่

     “ครับ ผมรู้ว่าที่พี่เติมเกมให้ผมมันเยอะกว่าที่ผมขายไป ถ้าพี่อยากให้ผมชดใช้ก็ได้ครับ แต่ว่าผมขอผ่อนจ่ายได้ไหม” ผมหยุดคิดตามสิ่งที่โซ่พูด แน่นอนว่าผมไม่โอเค ถึงแม้ว่าจริงๆ ผมจะปล่อยผ่านไม่เอาความก็ได้เพราะเงินที่เสียไปผมไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

     แต่เขากล้ามากที่หลอกผม!

     เก่งมากที่ยืนเถียงผมได้ทั้งที่ตัวเองเป็นคนผิด!

     ความรู้สึกผมที่ผ่านมาใครจะรับผิดชอบ!!!

     “ไม่!” ผมตอบเสียงแข็ง

     ตั้งแต่มานั่งตรงนี้โซ่ถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน “แต่...” ผมพูดต่อ

     “...?” สายตาของโซ่จ้องมองอย่างมีความหวัง

     “พี่มีแค่สองทางเลือกให้หนูระหว่างไปดำน้ำดูปะการังตลอดกาล หรือจะยอมเข้ามาทำงานให้พี่ทุกวัน ทุกครั้งที่พี่เรียกหนูต้องมาในทันทีห้ามอิดออด”

     “แล้วผมเลือกอะไรได้งั้นเหรอ”

     “หึ!”

     “โอเคครับผมรับข้อเสนอ”

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-04-2021 05:03:53
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -6- ทาส
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 03-04-2021 13:05:43

-6-

ทาส

 


‘จงยอมรับผลที่มาจากการกระทำของตัวเอง’

     “โซ่...บอสเรียก” ผมเงยหน้าตามเสียงเรียกของผู้ชายใส่สูท ตรงหน้า

     พี่จอส...

     “ครับ”

     พี่จอสคือหัวหน้าบอดี้การ์ด ยังมีพี่ไม้ พี่คิม และพี่แมท ทุกคนที่นี่เรียกธนูว่าบอส รวมถึงผมด้วย

 

 

     “ครับ บอสเรียกผมมีอะไร” ผมเดินเข้ามาในห้องทั้งที่ยังสวมถุงยางมือสีส้มอยู่

     ก็แหม...! ผมกำลังล้างห้องน้ำอยู่นี่ ตอนนี้ผมกลายเป็นทาสเต็มตัว อยู่บ้านผมไม่เคยทำอะไรแท้ๆ ตอนนี้กลายเป็นแม่บ้านเต็มตัวซะแล้ว

     “กาแฟ”

     “แต่บอส...บอสกินกาแฟแก้วที่สามแล้วนะครับ” วันนี้ทั้งวันผมถูกธนูเรียกห้ารอบ ชงกาแฟไปแล้วสามรอบ

     วันทั้งวันไม่เป็นอันทำอะไร งานแม่บ้านนี่ ก็ไม่ได้สนุกเลยสักนิด!

     “ถอดถุงมือด้วยน่าเกลียดชะมัด”

     “คร้าบบบบ” ผมตอบเสียงยานก่อนจะถอดถุงมือวางไว้ แล้วเดินออกไปชงกาแฟให้คุณบอส!

 

 

     ไม่นานผมก็เดินมาพร้อมกับกาแฟ ใจอยากแอบเทเกลือลงไปแทนน้ำตาล แต่กลัวว่าตัวเองจะได้ไปนอนดูปะการังกับปลานีโม่

     แก้วกาแฟแก้วที่สี่ถูกวางเอาไว้ข้างๆ กับแก้วอีกสามใบ ซึ่งกาแฟทุกแก้มเต็มปริบ ธนูแทบไม่ยกขึ้นมาดื่มเลยสักแก้ว แบบนี้เขาเรียกแกล้งกันชัดๆ

     “เดี๋ยว!” ยังไม่ทันพ้นหน้าประตู ก็ถูกรั้งด้วยเสียงเข้ม

     “...?” ผมหยุดมอง เพื่อรอรับคำสั่ง

     “ไม่อร่อย” ไอ้สัด! อยากวิ่งเข้าไป แล้วสาดกาแฟใส่หน้า ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนใหญ่คนโตละก็โดนไปแล้ว!

     “ได้ไงครับ ผมก็ชงเหมือนเมื่อเช้านั่นแหละ” ผมเดินกลับเข้าไป หยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่ม “เนี่ย ก็รสชาติเดี๋ยวกับเมื่อเช้า”

     “ก็ตอนนี้ผมไม่อยากกินรสชาตินี้”

     “แบบนี้คุณจงใจแกล้งกันชัดๆ นี่!”

     “ไปชงใหม่” ทำไมเอาแต่ใจจังวะ!

     “ไม่!!!”

     “ไปชงใหม่!” ธนูกดเสียงต่ำลง ผมรู้สึกเย็นหลังวาบ

     “ไม่!!! สามแก้วที่วางไว้ คุณก็ไม่เห็นจะกินเลยนี่!” ผมยืนกราน เสียงแข็ง

     ได้ไงล่ะ ก็เป็นคนบอกให้ผมชงแบบนี้ สามแก้วแรกก็ไม่เห็นมีปัญหา แบบนี้เรียกว่าเอาแต่ใจชัดๆ

     “จอส” ธนูเรียก คนที่ยื่นอยู่ด้านหลัง เขาขยับเข้ามาใกล้ตัวธนูทันทีเมื่อถูกเรียก

     “ครับบอส” พี่จอสโค้งตัวเล็กน้อย

     “เกาะที่ผมซื้อเอาไว้เมื่อเดือนก่อน ทะเลลึกพอที่จะพาคนไปดำน้ำเล่นได้ไหม”

     “ช่วงนี้น้ำทะเลหนุนพอดีครับบอส” พี่จอสว่าอมยิ้ม

     ยิ้มบ้าอะไรฟะ!

     “หึ้ย! ครับเดี๋ยวผมไปชงให้ใหม่” ผมยกกาแฟในแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะสบตาคนเอาแต่ใจอย่างขุ่นเคือง

     พอไม่ได้ดั่งใจก็เอาแต่ขู่ว่าจะจับผมถ่วงทะเล เดี๋ยวก็เอาไปปล่อยที่ฟาร์มจระเข้ บ้านเมืองมีกฎหมายนะเว้ย!!! แต่กฎหมายจะคงใช้กับคนรวยๆ ไม่ได้สินะ ได้แต่ถอนหายใจทิ้งและยอมรับชะตากรรม

     ผมเอากาแฟเข้าไปวางไว้แล้วเดินออกมาล้างห้องน้ำต่อ

 

 

     ขัด! ขัด! ขัด! เข้าไปไอ้โซ่

     “อ้าวน้องโซ่” ผมเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะพบว่าเป็นพี่ไม้ บอดี้การ์ดอีกคนของธนูเป็นคนเรียกผม “เป็นอะไรครับเนี่ย หน้าหงิกเชียว” ผมวางมือจากการขัดๆ ถูๆ มาคุยกับพี่ไม้

     “ก็ปีศาจน่ะสิครับ”

     “ปีศาจ?”

     “ขอโทษครับ ผมหมายถึงบอสน่ะ” ถ้าพี่ไม้ไปบอกธนูผมอาจได้ไปดำน้ำจริงแน่คราวนี้

     “ฮ่าๆ โซ่นี่ก็ตลกดีนะ” หัวเราะบ้าอะไรเนี่ย เดี๋ยวก็เอาแปรงขัดส้วมเคาะหัวซะนี่ “โดนบอสแกล้งทุกวันเลยนะ”

     “ไอ้คนเลว!” ผมสบถอย่างหัวเสีย “ถ้าเจอหน้านะพี่ไม้ ผมจะเอาแปรงเนี้ยเคาะหัวเลยคอยดูสิ” พี่ไม้หลุดหัวเราะลั่น

     “เคาะใคร” เสียงเข้มแบบนี้ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร ธนู...

     “เอ่อ ไอ้โบ้ครับ หมาหน้าปากซอยบ้านผมเอง” ผมแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ส่วนพี่ไม้นอกจากไม่ช่วยผมแล้วยังหัวเราะคิกค้าอยู่ข้างหลัง “ผมล้างห้องน้ำเสร็จแล้วผมไปทำอย่างอื่นต่อนะครับ” พูดจบผมก็หมุนตัวเดินออกมา

 

 

     เมื่อสาม สี่วันก่อน ผมถูกอุ้มมาด้วยฝีมือของชายชุดดำสี่คน นามว่า จอส ไม้ คิม และแมท เรื่องถูกอุ้มคงเป็นเรื่องที่โง่ที่สุดในชีวิตผมแล้ว

     ธนูสั่งให้พี่จอสคอยติดตามตัวผมตั้งแต่วันที่ผมตัดสินใจปิดเครื่อง หลังจากที่ผมเปิดประมูลตัวเกม พี่จอสก็เป็นคนประมูลคนสุดท้าย ก็ไอ้คนที่ใช้ชื่อเฟซว่า Joss Jee นั่นแหละ ผมโดนต้มซะเปื่อยเลย

     ก็ว่าถามอะไรเยอะแยะ

     พี่จอสยังเล่าต่ออีกว่า ยาสลบกับเชือกที่เตรียมมาไว้เพื่อจับผม มันไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะผมถูกยกมาจากโซฟาอย่างง่ายดาย แล้วที่สำคัญคือประตูบ้านก็ไม่ได้ล็อก โง่ให้สุดไปเลยครับสายโซ่

     ตอนถูกยกออกมา ผมทำแค่บ่นพึมพำนิดหน่อย แล้วนอนต่อโดยไม่สนใจว่าตัวเองถูกหิ้วออกมายังไง เจริญจริงๆ

     แต่ก็อาจจะเป็นเพราะพักหลังๆ ผมนอนไม่นอนค่อยหลับ พอหลับก็เอาแต่ฝันบ้าๆ หลอนไปหมด ความอ่อนล้า เพลียจากการไม่ได้นอนเต็มอิ่ม ยิ่งทำให้ร่างกายไม่รับรู้อะไรดำดึงลึกจนรถมูลนิธิฯ ต้องจอดรอหน้าบ้านเผื่อว่าผมอาจจะใหลตายมากกว่าหลับ

     พักความโง่ของผมแล้วเข้าสู่โหมดงานเถอะ

     ผมทำงานที่นี่ได้สามวันแล้ว มองดูเผินๆ อย่างกับบริษัทเงินกู้ที่เต็มได้ด้วยพวกมาเฟียและบอดี้การ์ด แต่แท้จริงแล้วที่นี่เป็นเพียงบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ เท่าที่ผมรู้ก็คือที่ดินในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นของธนู นี่ยังไม่รวมต่างจังหวัดนะ

     ส่วนไอ้ตึกสูงๆ ที่ผมอยู่ชื่อตึกเจ มีหลายบริษัทเช่าอยู่ ส่วนชั้นที่เป็นบริษัทของธนูอยู่ คือตั้งแต่ชั้นสิบยี่สิบจนถึงสามสิบเก้า ส่วนชั้นสี่สิบชั้นบนสุด เป็นคอนโดฯ ที่ธนูใช้พักช่วงที่ทำงานหนักไม่ต้องกลับบ้าน

     ผมไม่เคยขึ้นไปหรอก วันนั้นที่ถูกอุ้ม ก็ถูกอุ้มไปบ้าน และที่แน่นอนว่าทั้งตึกนี่ก็เป็นของธนูด้วยเช่นกัน

 

 

     รู้สึกเกลียดความรวยของธนูยังไงไม่รู้ เงินที่เอามาเปย์ผมก็คงจะเป็นเงินขึ้นทางด่วนจริงๆ นั่นแหละ ส่วนผมก็ต้องมาชดใช้กรรมอยู่เนี่ย!!! ยิ่งกว่าทาสในเรือนเบี้ย อีเย็นในนางทาสมาเห็นยังต้องหลั่งน้ำตากับความเฮงซวยของชีวิตผม

     แต่ถ้าจะว่ากันตามตรงธนูก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอก ผมนี่แหละที่ไปหลอกเขา (ดราม่าแป๊บจะได้ดูน่าสงสาร) แถมยังไปเล่นกับความรู้สึกของธนูอีก เขาแกล้งผมแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ไม่ถูกจับถ่วงทะเลก็บุญหัวของไอ้โซ่แล้ว

 

     ฮู่ว์~ คิดแล้วก็เซ็ง

 

 

 

 

     เย็นวันนี้ผมเลือกนั่งรถเมล์แล้วเดินเข้าบ้าน ปกติแล้วผมจะเอาน้องแว๊นออกมากินลมด้วย ในวันที่มีเรื่องต้องคิด ผมมักจะเลือกวิธีเดินนี่แหละ เดินไปเรื่อยๆ ให้สมองได้คิด ปล่อยให้เวลาค่อยๆ พาเราก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

     รู้ตัวอีกทีผมก็เดินมาจนมาถึงหน้าปากซอยบ้านตัวเอง มองจากตรงนี้เห็นหน้าบ้านที่กำลังเปิดไฟรอผมอยู่

     กลับบ้านเรา รักรออยู่~~~

     ผมเดินฮัมเพลงเข้ามาจนกลางซอย ไฟที่เคยสว่างก็เริ่มสลัวลง

     ฉิบหาย! ไฟดวงนี้พังตั้งแต่ผมอยู่ปีหนึ่ง จนตอนนี้เรียนจบ จนตกงานรอบหนึ่งแล้วยังไม่มีใครเข้ามาซ่อมอีก เดินเข้ามาอีกเรื่อยๆ ผมก็เห็นแก๊งอันธพาลประจำซอย พวกมันคือเพื่อนไอ้โบ้

     คงเป็นเพราะผมไม่ได้ออกจากบ้านนาน จนไม่รู้ว่าปริมาณหมามันเยอะขึ้นพอๆ กับหมาในปากผมแล้ว

     ไอ้โบ้น่ะไม่เท่าไหร่ เพราะผมซี้กับมันตั้งแต่เล็ก แต่ที่เหลือผมไม่มั่นใจ หันมองซ้ายมองขวา มองกลับออกมายังหน้าปากซอย มีพี่วินสิบห้าจอดรอลูกค้าอยู่พอดี

     รอดแล้วหนึ่ง...

     ผมรีบสาวเท้าไปยังพี่สิบห้าอย่างเร็วรี่ ก่อนที่จะมีคุณป้าเดินมาตัดหน้าแล้วพูดว่าไปซอยสามจ้ะพ่อหนุ่ม

     O M G!!!

     ท่องไว้ป้าแก่แล้ว ป้าแก่แล้ว!!!

     แล้วผมก็มองป้ากับพี่สิบห้าขับรถออกไป ผมตัดสินใจยืนรออีกสักหน่อย แต่ก็ไร้วี่แววของพี่วิน เอาวะเดินก็เดิน หมาในซอยรึจะสู้หมาในปาก...

     อากาศถูกสูดเข้าไปจนเต็มปอด ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในซอย อย่างมาดแมนพร้อมร้องเพลง

     *รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง...

 

     เดินมายังจุดเดิม จุดที่แก๊งไอ้โบ้ประจำซอยยืนคุม และหนึ่งในนั้นก็มีขาโหดอย่างพี่เป๋ มันคือหมาพันธุ์บางแก้ว ขาเป๋ของมันเป็นเอกลักษณ์จึงถูกเอาไปตั้งเป็นชื่อ และมันไม่มีเจ้าของ

     ผมเดินผ่านไอ้โบ้มาได้อย่างสบายๆ แถมไอ้โบ้ยังกระดิกหางให้ผมอีกต่างหาก และผมก็ค่อยๆ เดินผ่านตัวอื่นๆ มาได้อีกสามสี่ตัว จนมาถึงด้านสุดท้าย

     พี่เป๋ขาโหดประจำซอย

ผมยืนประจันหน้ากันอย่างกับในหนังคาวบอยแบบตะวันตก จังหวะนี้ต้องมีเสียงดนตรีกับเสียงนกอินทรีแล้ว ผมตัดสินใจพูดบางอย่างออกไปเพื่อขู่ให้มันยอมถอยออกไป

     “หวัดดี...เบล”

     สิ้นสุดเสียงผมพี่เป๋ก็แสยะยิ้มหวานจนเห็นเขี้ยวขาวให้ผม ส่งเสียงอย่างน่าเอ็นดู

     แฮ่! แฮ่! แฮ่!

     แหม...เบลยิ้มหวานเลยน้า... ผมยิ้มสู้แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ

     โฮ่งๆ โฮ่งๆ โฮ้งๆ โฮ่งๆ

     จังหวะนี้ผมก็สับตีนแตกแล้ว อยู่ทำเหี้ยอะไรละ เบลไม่อ่อนโยนเลยไอ้สัด

     “กรี๊ดดดดดด” ผมวิ่งกรี๊ดเข้ามาในบ้านอย่างไม่คิดชีวิต เล่นเอาสาวแตกตั้งแต่กลางซอยจนถึงบ้าน

     “ไอ้เหี้ยพี่โซ่หนกหู มึงกรี๊ดทำไมเนี่ย!” น้องชายสุดที่รักของผมหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด เพราะมันกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะกินข้าว

     “กรี๊ดดดดดดด!”

     นั่นไม่ใช่เสียงกรี๊ดของผม “ไอ้เหี้ยพี่โซ่เลือด!!!”

     ฮ่อลลลล!!! เบลนายกัดมือเรา

 

 

     หลังจากเหตุการณ์น่องเลือดจบลงที่ผมถูกน้องชายหิ้วไปโรงพยาบาล จัดการทำแผล ฉีดยาอีกสองเข็ม เพราะหมาไม่มีเจ้าของ คุณหมอจึงแนะนำให้ฉีดยากันเอาไว้

     เวลาล่วงเลยไปจนเที่ยงคืนกว่า คุณหมอสุดหล่อจึงก็ปล่อยผมกลับบ้าน และจัดการทำนัดไว้ให้เรียบร้อยเพื่อฉีดยาให้ครบ

     “ไม่เห็นต้องไปโรง’บาลเลย มึงก็เป็นหมอไม่ใช่เหรอแจ” ผมหันไปคุยกับน้องชาย

     “กูยังเรียนไม่จบ มึงก็ประสาท”

     “แค่ฉีดยาจะไปยากอะไรว้า” ผมพูดติดตลก

     “เดี๋ยวกูฉีดให้” กุญแจทำหน้าจริงจัง “แต่เป็นยาตายนะ ฉีดไปจะได้จบๆ”

     “ไอ้สัด!”

     ผมกับน้องชายเราห่างกันสามปี แต่เราก็สนิทกันมากจนเหมือนเพื่อนกัน คงเป็นเพราะเราอยู่ด้วยกันตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรหรือไปไหน ผมก็มีมันนี่แหละที่อยู่ข้างๆ

 

 

     Rrrr…

     ผมหลับตั้งแต่มาถึงบ้าน มารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะเสียงของโทรศัพท์ แสงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบในห้อง ผมพยายามเมินเสียงที่ยังดังไม่หยุด แต่สุดท้ายผมก็ต้องกดรับมันเพราะทนไม่ไหว

     “อือออ” ผมครางในลำคอ

     [นอนแล้วเหรอ?] น้ำเสียงที่คุ้นเคย

     ผมดึงโทรศัพท์ออกจากหูเพื่อดูเวลา

     ตีสอง...

     “บอสมีอะไร โทรมาดึกไปไหม”

     [ฉันทำงานอยู่ และตอนนี้ก็อยากกินกาแฟ]

     “อือ แต่ผมนอนแล้วแค่นี้นะ” ผมตั้งท่าจะกดวางแต่เสียงปลายสายก็ทำเอาผมหยุดชะงัก

     [จอสอยู่หน้าบ้าน ซื้อกาแฟแล้วเอามาส่งให้ฉันเดี๋ยวนี้]

     ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด!

     เผด็จการ!

     ผมลุกจากเตียงอันอบอุ่น หยิบเสือแขนยาวสีดำขึ้นมาสวมทับเอาไว้ก่อนจะเดินออกมายังหน้าบ้าน พี่ไม้ในชุดนอนลายคุมะสีเหลืองโคตรคิ้วท์ยืนรออยู่ก่อนแล้ว

     เฮ้อ~ จะบ้านตายรายวัน

     “น้องโซ่มือไปโดนอะไรมา” พี่ไม้ถามทันทีเมื่อเห็นว่ามือผมถูกพันด้วยผ้าพันแผล จนม้วนกลมเหมือนมือโดเรม่อน

     “พี่เป๋ขาโหดน่ะครับไม่มีอะไร...แต่ชุดพี่จ๊าบมาก” ผมพูดพลางยกนิ้วโป้งให้

     “เป๋?”

     “เป็นหมาบางแก้วครับ ขามันเป๋ คนแถวนี้เลยเรียกแบบนั้น”

     “อ่อ...”

     “แต่ผมเรียกมันว่าเบล”

     “ทำไมต้องเบล”

     “ก็ตอนที่บอสเล่นเกม บอสใช่ชื่อตัวเกมว่าหวัดดีเบล แล้วพี่เป๋ก็โหดเหมือนบอส ผมเลยเรียกว่าเบล”

     “แสบเหมือนกันนะเรา พี่จะฟ้องบอส” พี่ไม้ว่า

     “ผมรู้ว่าพี่ไม้ไม่ทำแบบนั้นหรอก”

     “...?”

     “ก็พี่ไม้ดูเป็นคนดีไงล่ะครับ” ถึงเกรดที่จบมาจะไม่สวย แต่ทักษะการเอาตัวรอดผมเต็มนะฮ่ะทุกคน

     “ฉลาดพูดดีนี่” พี่ไม้พูดพลางกลั้วหัวเราะเบาๆ

     ผมเดินขึ้นรถตู้สีดำ ก็เห็นว่าพี่จอสนั่งประจำที่คนขับอยู่ก่อนแล้ว ชุดนอนพี่ไม้ว่าคิ้วท์แล้ว เจอของพี่จอสเข้าไปกรี๊ดสลบนั่นมันลิตเติ้ลโพนี่สีชมพู

     นี่มันหน้าโหดโหมดฟรุ้งฟริ้ง

 

     “เราจะไปซื้อกาแฟที่ไหนครับ” ผมถาม
     
     “พี่จอสซื้อมาแล้ว” พี่ไม้ว่า

     “อ้าวซื้อมาแล้ว แล้วจะให้ผมเอาไปส่งทำไม?” พี่ไม้กระตุกยิ้ม หันไปมองหน้าพี่จอส

     นี่ผมจิ้นแล้วนะ...

     “บอสคงไม่ได้อยากกินกาแฟจริงๆ ละมั้ง” พี่จอสว่า

     จะไม่อยากกินกาแฟบ้าอะไร ก็โทรมาบอกผมเองว่าให้ซื้อกาแฟไปให้

 

 

 

     ไม่นานพี่จอสก็พามาถึงตึกสูง ช่วงเวลากลางคืนกลับไม่นานกลัวอย่างที่คิดเพราะมีบางบริษัทยังเหลืออยู่ แต่เราก็ไม่ได้เดินขึ้นทางปกติ พี่ไม้พาเราเดินมายังลิฟต์ส่วนตัว

     เมื่อลิฟต์เปิดออกผมก็ได้เห็นทางเดินโล่งๆ กับประตูบานเดียว

     “เข้าไปได้เลยครับบอสไม่ได้ล็อก” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินถือกาแฟที่พี่จอสซื้อเอาไว้ติดมือไปด้วย

แกร๊ก!

 

 

 

สุดท้ายหมาในปากก็ไม่ช่วยอะไรโซ่สินะ

เฮ้อ~ เวท!

#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ


 

 

*เพลงเล่นของสูง – Big Add
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -7- ตัดสินใจ
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 03-04-2021 13:26:08

-7-

ตัดสินใจ



แกร๊ก!


     เพียงเสียงประตูถูกเปิดผมก็รู้ได้ทันทีเลยว่าคนที่กำลังเข้ามาคือใคร

     โซ่...

     เขาเดินเข้ามาพร้อมกับกาแฟในมือ ผมไม่ได้อย่าดื่มกาแฟ ผมแค่อยากเห็นหน้าของเขา... ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องอยากเจอขนาดนั้น ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมง ก็จะได้เวลาที่โซ่จะมาทำงานแล้ว แต่ก็อดใจรอไม่ไหว

     ครั้งแรกที่รู้ว่าโซ่เป็นผู้ชาย ผมก็รู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย เหมือนตัวเองถูกคนรักหักหลัง ผมจึงยื่นของเสนอบ้าๆ นั่น หวังจะเอาคืนที่กล้ามาเล่นกับความรู้สึกผม

 

     ช่วงที่เราเล่นเกม ในระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน ผมมอบความรู้สึกทั้งหมดให้คนคนนี้ไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะผิดหวังแค่ไหน แค่ได้เห็นหน้า รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของคนที่ชอบ ในใจผมก็เริ่มวูบไหว

     ผมไม่เคยคบกับผู้ชาย ความคิดนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดของผมเลยสักนิด

     ที่บ้านของผมสอนให้ทำตามกฎระเบียบ พี่ชายของผมมักจะเดินตามทางที่พ่อขีดเส้นเอาไว้ ส่วนผมถูกส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก ความคิดและการใช้ชีวิตอิสระทำให้ผมกลายเป็นคน กล้าได้กล้าเสีย กล้าตัดสินใจ และให้อิสระตัวเองทำในสิ่งที่อยากทำ

     เรื่องความรักก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยคิดที่จะคบกับผู้ชาย แต่ถ้าความรู้สึกมันบอกว่าใช่ ผมจะไม่รีรอ และทำตามที่ตัวเองต้องการทันที

     “กาแฟครับบอส” แก้วกาแฟที่ผมสั่งถูกวางลงตรงหน้า ใบหน้าของโซ่ติดหงุดหงิด “ผมกลับแล้วนะครับ” ไม่ทันรอคำตอบ เขาก็รีบหมุนตัวเตรียมเดินออกไปทันที

     “ใครให้กลับ” ผมรั้งด้วยเสียงเรียบ สายตายังคงมองแฟ้มงานที่อยู่ตรงหน้า

     “บอสครับ นี่มันนอกเวลางานนะ”

     “ฉันยังทำงานอยู่ นายก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น” มันฟังดูเอาแต่ใจ แต่มันถูกแล้ว เพราะผมเอาแต่ใจจริงๆ นั่นแหละ

     โซ่เดินกลับมายืนข้างโต๊ะทำงาน ยืนเงียบๆ ก่อนจะห้าวปากกว้าง

     เขายืนเงียบๆ แบบนี้อยู่หลายนาทีไม่ยอมพูดอะไร เงียบจนผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง

     “ทำอะไร?” ผมถามโซ่ที่กำลังยืนสัปหงก

     “ก็บอสไม่ให้กลับ ผมก็เลยยืนเฝ้าบอสนี่ไง” จังหวะที่โซ่ออกท่าออกทางตอนคุย ทำให้ผมสังเกตเห็นว่ามือขวาของเขาถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าก๊อซสีขาว

     ก่อนกลับบ้าน ผมยังเห็นว่าเขาปกติดีอยู่เลยนี่...

     “มือไปโดนอะไร?” ผมว่าเสียงเข้ม

     “บอสครับถ้าผมเล่าแล้วบอสอย่าตกใจนะ” ผมมองคนตรงหน้าอย่างกระหายใคร่รู้ “เนี่ยเป็นฝีมือของแก๊งอันธพาลแถวบ้านผมเอง มันมีกันทั้งหมด...” แล้วเจ้าตัวก็ทำท่านับนิ้ว “ประมาณสิบ ส่วนผมก็บุกเดี่ยวคนเดียว แต่ผมพลาดท่านิดหน่อยเบล ไม่สิพี่เป๋ขาโหดประจำซอยก็กระโจนเข้ามาตอนที่ผมเผลอ งับเข้านี่เลยครับ” พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นมาเพื่อโชว์ร่องรอยการต่อสู้

     พอได้ยินแบบนั้น เลือดในกายก็เริ่มร้อนเหมือนภูเขาไฟพร้อมปะทุ พยายามสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเองไว้...

     ไอ้เป๋มันเป็นใคร! กล้าดียังไง ทำให้คนของผมเจ็บตัว!

     ผมยกโทรศัพท์ กดโทรออกไปยังเบอร์ที่โทรออกบ่อยที่สุดทันที...

     จอส...

     [ครับบอส]

     “พรุ่งนี้ไปสืบมาว่าไอ้เป๋มันเป็นใคร”

     [เป๋? เป๋ไหนครับบอส]

     “ก็แก๊งอันธพาลที่มันทำโซ่เจ็บนั้นไง”

     [อ่อ...พี่เป๋] จอสรู้? [พี่เป๋เป็นหมาในซอยที่บ้านของโซ่ครับบอส]

     หมา?

     “โอเค” ผมยกมือลูบหน้าตัวเอง ให้ตายผมโดนโซ่หลอกอีกแล้ว ผมหันกลับไปมองคนที่ยืนก่อนกลั้นหัวเราะอย่างเอาความ

     [ให้ผมจัดการยังไงดีครับบอส]

     “ไม่ต้องทำอะไร เพราะคนที่ต้องโดนลงโทษอยู่ในห้องฉันแล้ว นายนอนไปเถอะ” ปลายนิ้วกดตัดสาย

     มือถือถูกวางคว่ำไว้ตามเดิม

     “มานี่” ผมเรียกคนที่กำลังยืนหัวเราะ

     “ไม่ครับ!”

     “มาในตอนที่ยังพูดดีๆ เถอะนะ” ผมว่า

     โซ่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้า

     “ครับ?”

     “นั่งลง” เก้าอี้ถูกขยับถอยหลังเล็กน้อย ตามด้วยผมตบขาตัวเองเบาๆ เป็นการบอกกลายๆ ว่าให้นั่งลงตรงนี้

     “บะ บ้าเหรอครับ ให้ตายยังไงผมก็ไม่นั่ง” ทำไมถึงได้เอาแต่ปฏิเสธขนาดนี้นะ

     ผมดึงคนแขนคนตรงหน้าให้นั่งลง อยู่ในท่าที่โซ่เอาหลังพิงกับหน้าอก วงแขนกอดกระชับดันให้เราแนบแน่นกันมากขึ้น

     ถ้าบอกดีๆ ไม่ฟังก็คงต้องใช้วิธีบังคับ...

     “ถ้ายังไม่หยุดดิ้น ฉันไม่รับรองความปลอดภัยนะ” ผมว่าเพราะคนบนตักขยับตัวไม่หยุด มีเพียงกางเกงเท่านั้นที่กั้นเราไว้ “กอด แค่กอดเท่านั้น” ผมแค่รู้สึกเหนื่อย และการที่ได้รับสัมผัสแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกดีไม่ใช่น้อย

     “...”

     ใบหน้าของผมซบลงที่ลาดไหลของคนตรงหน้า สูดดมเอากลิ่นกายที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนเข้าไปจนฉ่ำปอด กลิ่นหอมอ่อนๆ คือน้ำหอมหรือเปล่านะ

     ปลายจมูกลากผ่านจากลาดไหล่ ขยับขึ้นไปที่ซอกคอขาว ก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าเป็นน้ำหอมหรือเปล่า

     ไม่!

     มันไม่ใช่น้ำหอม...

     ...แต่เป็นกลิ่นกายของคนตรงหน้า

     น่ากินชะมัด...

     “โอ๊ย! ไหนบอกกอดชาร์จพลังเฉยๆ ไงครับ เป็นไอ้เป๋หรือไงกัดผมเนี่ย!!!” คนถูกกระทำบ่นอุบ ก่อนจะยกมือขึ้นทุบแขนที่กำลังโอบรัดอยู่

     “หึ! โทษฐานที่กล้าหลอกฉัน”

 

 

     เวลาล่วงเลยไปจนตีสี่ครึ่ง คนตัวบางยังคงอยู่ในอ้อมแขนผม ทว่าท่านั่งถูกเปลี่ยนจากที่ถูกซ้อนหลัง เป็นแนวขวางแทน ใบหน้าขาวที่กำลังผล็อยหลับซบลงกับแผงอก

     พอหลับแล้วก็หมดฤทธิ์ตามระเบียบ

     ผมจัดการปิดแล็ปท็อป และเก็บเอกสารทั้งหมดให้เข้าที ก่อนจะค่อยๆ ช้อนคนร่างโปร่งที่นอนอยู่บนตักไปวางไว้บนเตียงอย่างเบามือ เพราะเกรงว่าเขาจะตื่น

     รอยแดงสีกลีบกุหลาบถูกตีตราโดยผม ขึ้นริ้วเห็นเด่นชัด ใบหน้าขาวหลับตาพริ้มอย่างสบาย มุมปากของคนที่หลับกระตุกขึ้นเบาๆ กำลังฝันอยู่ใช่ไหม

     เขาจะฝันถึงผมอยู่หรือเปล่า...

     ยิ่งมองยิ่งรู้สึกอยากรังแกให้จมเตียง ไอ้บ้าเอ๊ย! ฟังดูโรคจิตชะมัด

     ผมเดินกลับมาอีกฝั่งเพื่อทิ้งตัวลงนอน ดึงคนที่หลับเข้ามาในอ้อมแขนแกร่ง และผล็อยหลับไปพร้อมกัน...

 

 

หลายวันถัดมา...

     “พี่จอสๆ นี่ดูสิครับ” โซ่วิ่งมาหน้าตาตื่น ในมือถือกระดาษอะไรบางอย่างเข้ามาด้วย “เมื่อวานผมลงไปซื้อของใต้ตึก แล้วคุณป้าเอาลอตเตอรี่มาขายให้ ผมสงสารเลยช่วยซื้อมาคู่หนึ่ง”

     “แล้ว?”

     “ฟังให้จบก่อนเส่ คืองี้ผมถูกสองตัวท้าย อี๊ดดดด~~”

     แค่เลขท้ายสองตัวมันจะเท่าไหร่กัน ไม่เห็นต้องดีใจอะไรขนาดนั้น ฉันให้นายได้มากกว่านี้อีก

     “ไหนๆ ไอ้โซ่ ขี้โม้เปล่า” แมทว่า

     “เอาไปดูให้เต็มตาเลยพี่แมท” โซ่ว่าพลางยื่นลอตเตอรี่ในมือ

     “เฮ้ย! จริงด้วยวะ แบบนี้ต้องฉลองงงง”
     
     “งั้นเดี๋ยวผมโทรชวนพี่ไม้กับพี่คิมด้วยดีกว่า” พูดจบเจ้าตัวก็รีบหยิบมือถือแล้วกดโทรออกทันที

     แล้วนี่เจ้าพวกนี้ไปมีเบอร์กันตอนไหน ทำไมผมไม่เห็นรู้!!!

     ผมนั่งมองโซ่คุยโทรศัพท์กับอีกคน “อ่า ฮัลโหลพี่ไม้...คืองี้ผมถูกหวยวันนี้จะชวนไปหมู'ทะ...ฮ่าๆ ...ใช่ครับ...ตกลงพี่มานะ...โอเคครับเจอกันเย็นนี้นะครับ...สวัสดีคร้าบบ” เสียงหัวเราะคิกคักทำให้ผมรู้สึกหัวเสีย ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มแพรวพราว

     เจ้าตัวคงไม่รู้ว่ากำลังทำให้ผมรู้สึกคลั่ง....!

     อย่ายิ้มแบบนั้นออกมาง่ายๆ แบบนี้!!!

     “ไม่มีงานมีการทำกันรึไง!” ผมว่าเสียงดัง ก่อนที่ทุกคนจะสะดุ้งโหยง

     “ขอโทษครับ/ขอโทษครับ” จอสกับแมทก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป โซ่เองก็เดินตามจอสกับแมท

     “โซ่นายมานี่” ผมเรียก

     “ครับ บอส”

     “มานั่งนี่” ผมตบหน้าขาตัวเอง

     “มะ ไม่เอาบอส...” ใบหน้าขาวเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีแดงระเรื่อ ล่ามไปจนถึงหู “...นี่มันที่ทำงานนะครับ”

     “แล้วยังไงล่ะ... บอก! ให้! มา!” ผมออกคำสั่ง แต่โซ่กลับยืนตัวแข็งเป็นก้อนหิน สุดท้ายก็เป็นผมที่ดึงโซ่เข้ามานั่งซ้อนหลัง แล้วกอดเอาไว้หลวมๆ

     “บอสครับ...เอ่อ ทำแบบนี้จะเรียกว่าทำงานได้ไง”

     “ทุกอย่างที่ฉันสั่ง คืองานที่นายต้องทำ”

     “เผด็จการชัดๆ” เจ้าตัวบ่นอุบอิบก่อนจะนั่งเงียบๆ

 

 

     วันนี้ผมมีประชุมทั้งช่วงเช้า พอออกมาจากห้องประชุมผมก็ให้จอสไปตามตัวโซ่มา แต่เจ้าตัวกลับไม่อยู่ โทรไปก็ไม่ยอมรับ ถามจอสแล้วสรุปได้ใจความว่าออกไปกินข้าวข้างนอกกับแมทตั้งแต่สิบเอ็ดโมงยังไม่กลับ

     โซ่มาทำงานที่นี่ได้สักพักแล้ว และสนิทกับทุกคนได้ภายในเวลารวดเร็ว ทุกคนต่างเอ็นดูในความน่ารักของโซ่ เขาเป็นเด็กที่ฉลาดพูด

     บางวันพวกเขานัดกันช่วงหลังเลิกงาน ไม่รู้ว่าไปทำอะไรกันนักหนา เจอกันที่ออฟฟิศอย่างเดียวไม่พอกันหรือยังไง เห็นทุกคนสนิทกันแบบนี้มันก็ดีอยู่หรอก แต่พักหลังเจ้าพวกนี้ชอบหยอกกันแบบถึงเนื้อถึงตัว โดยเฉพาะโซ่มักชอบเล่นเป็นเด็กๆ เสมอ

     และนั้นทำให้ผมไม่พอใจอย่างมาก!

     ไม่นานเสียงที่คุ้นหูก็ดังแววจากนอกห้องเล็ดลอดเข้ามา

     “คิกๆ จริงเหรอครับ”

แกร๊ก!

     ประตูเปิดออกเผยให้เห็นคนที่ผมคิดไว้ โซ่...

     เดี๋ยวนะแล้วเดินกลับมาพร้อมกันไม่เท่าไหร่ ทำไมต้องเดินกอดคอกันมาด้วย ผมมองหน้าแมทอย่างขุ่นเคือง...

     “อ้าว บอสออกจากห้องประชุมแล้วเหรอ” โซ่ถามเสียงใส

     “...” ผมเงียบไม่ตอบ ก่อนจะดึงหน้าตึง แต่เหมือนว่าโซ่จะดูไม่ออก มีเพียงแมทเท่านั้นที่รู้ว่าผมกำลังไม่พอใจ ก่อนจะโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการขออนุญาตออกจากห้อง

     “พี่แมทไปเลี้ยงข้าวผมมา อย่าโกรธพี่แมทเลยนะครับ” โซ่พูดพร้อมกับสาวเท้าเข้ามาหาผมที่โต๊ะ แล้วเอากาแฟวางไว้บนโต๊ะทำงาน

     ซึ่งผมไม่ได้สั่ง...

     “ผมซื้อมาฝากครับ กะไว้แล้วว่าบอสต้องออกมาจากห้องประชุมพอดี” รอยยิ้มเย็นของโซ่ทำให้อาการหัวร้อนเมื่อสักครู่หายไปครึ่งหนึ่ง "รีบดื่มนะครับ ผมตั้งใจซื้อมาให้" หัวใจผมสั่นไหวไปตามรอยยิ้มของคนตรงหน้า

     โซ่จะรู้ไหมว่าหัวใจผมทำงานหนักเพราะเขา

     ความรู้สึกหัวร้อนอีกครึ่งที่เหลืออยู่ก็หายไปทันที...

     หรือผมกำลังถูกเด็กคนนี้ปั่นหัวอยู่?

 

 

     ช่วงบ่ายแดดแก่โซ่ก็ขอตัวไปหาหมอเพื่อฉีดยาที่โดนหมากัด มันเป็นนัดสุดท้าย ผมก็อาสาพาเขาไปเอง...

     “ครบห้าเข็มแล้วนะครับน้องโซ่” คุณหมอหนุ่มว่า พลางฉีกยิ้มจนตาหยี ยิ้มอะไรนักหนา เดี๋ยวพ่อก็ทุบตาแตก!

     “คิดถึงแย่เลยครับ” โซ่ตอบ

     เฮ้ย! แล้วทำไมต้องไปคิดถึงมันด้วย!!!

     แล้วโซ่ยิ้มแบบนั้นหมายความว่ายังไง!!!

     ผมนั่งกำหมัดแน่น และภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำเอาสติผมขาดผึง เมื่อหมอหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบหัวของโซ่อย่างเอ็นดู

     ผมทำแบบนั้นได้คนเดียวเท่านั้น!!!

     “อะแฮ่ม!” ผมกระแอมเพื่อขัดจังหวะ “เสร็จแล้วใช่ไหมครับ”

     “ครับเรียบร้อยแล้ว”

     “งั้นก็ไปกันเถอะ” พูดจบผมก็ดึงมือโซ่ออกมา และสั่งให้จอสไปจัดการค่าใช้จ่าย

 

 

     ผมพาโซ่กลับเข้ามาที่รถตู้ก่อนจะสั่งคิมที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของคนขับ ลงไปเพราะผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับไอ้ตัวแสบ!

     “โอ๊ยบอสผมเจ็บ” โซ่เริ่มโวยวาย ผมจึงคลายมือที่จับอยู่ออกให้เป็นอิสระเมื่อเราเข้ามายังในรถ

     “ทำไมต้องบอกคิดถึงมันด้วย!” ผมถาม

     “เอ้า...ก็หมดนัดแล้ว เดี๋ยวผมก็ไม่เจอคุณหมอ บอกคิดถึงแล้วมันแปลกตรงไหน” แววตาดื้อรั้นของคนตรงหน้ากำลังปั่นประสาท และผมกำลังจะบ้า

     “ถ้าไม่อยากเห็นฉันบ้า ห้ามทำแบบนี้อีก”

     “เดี๋ยวนะบอสผมทำอะไร” คนตรงหน้านั่งกอดอกจ้องมองผมเพื่อเอาคำตอบ

    “ห้ามยิ้มให้ใคร! ”

     “...”
     
     “ห้ามหัวเราะกับคนอื่น! ”

     “...”

     “ห้ามคิดถึงใครนอกจากฉัน! ”

     “...”

    “อย่าต้องให้ฉัน ถึงกับซื้อหุ้นของโรงพยาบาลนี่ เพื่อไล่ไอ้หมอนั่นออก”

     “...”

     ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเด็กที่กำลังโดนพ่อบอกให้แบ่งของเล่นที่ผมหวงมากให้คนอื่นได้เชยชม แน่นอนว่าผมหวงของชิ้นนี้มาก และผมจะไม่ยอมแบ่งมันให้ใครทั้งนั้น

 

     ในครั้งแรกที่เจอโซ่ ความรู้สึกผมเหมือนถูกหักหลัง ถูกคนที่ไว้ใจหลอก ผมพยายามบอกตัวเองว่าโซ่คือคนที่หลอกผม แต่กลายเป็นว่าผมกำลังหลอกตัวเอง...

     ตลอดเวลาสามเดือนที่ได้รู้จักโซ่ในฐานะผู้หญิงโจมตีผมอย่างหนัก จนรู้สึกว่าต่อให้โซ่เป็นผู้ชาย ก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่มีกับเขาน้อยลง ผมกับรู้สึกหวงท่าทางเหล่านั้น อยากจับโซ่ขังเอาไว้ในห้องไม่ให้ออกไปเจอใคร อยากจะกลืนกินเขาไม่ให้เหลือแม่แต่กระดูก และวันนี้ผมตัดสินใจแล้วว่า ต่อให้โซ่จะเป็นผู้ชาย ผมจะไม่แคร์ เพราะเขาต้องเป็นของผม

     ของผมคนเดียวเท่านั้น...

 

 

 

 

บอส!!!! อย่ารุนแรงกับน้อน...

ถึงน้อนชุนจะเป็นคนหมาๆ แต่น้อนชุนก็บอบบางนะเออ

พบคนขี้หึงหนึ่งอัตราค่ะ คุณตำจวด

#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 03-04-2021 19:09:52
ตามมม
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 03-04-2021 21:21:36
 :hao6: หึงแรง 555
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -8- คำตอบ
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 05-04-2021 23:59:59
​ -8-

คำตอบ



​      ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง กับสิ่งที่ธนูพูดออกมา คำสั่งของเขามันช่างฟังดูไม่มีเหตุผล และโคตรจะงี่เง่า ผมก็มีสังคมนะเว้ย จะไม่ให้พูด ยิ้ม หรือหัวเราะกับใครเลยคงไม่ได้

​      แล้วไอ้ที่บอกว่าจะซื้อหุ้นของโรงพยาบาลแล้วไล่หมอออกนี่มันโคตรบ้า!

​      “ผมไม่ได้เป็นใบ้ จะให้ไม่พูดกับใครคงไม่ได้” ผมว่าไปตามจริง

​      “ต้องให้ฉันตัดลิ้นนายจริงๆ ใช่ไหม” อู๊ดอี๊ดดดดด ไอ้คนใจหมา...

​      “มะ มะ...ไม่ได้นะครับ”

​      “ถ้ายังไม่เลิกยิ้มแบบเมื่อกี้ ฉันจะเลาะฟันนายออกมาทำเป็นข้อมือเอาไว้ให้นายดูต่างหน้าดีไหมล่ะ” ผมได้แต่กรีดร้องในใจ คนอะไรน่ากลัวฉิบหาย ขาผมนี่สั่นพั่บๆ เหยี่ยวจะราดแล้วโวย

​      “บอสเป็นบ้าหรือไงเล่า ผมยังไม่ทำอะ--- อุ๊ป!” ยังไม่ทันได้พูด ผมก็โดนมือหนาคว้าท้ายทอยเข้ามาใกล้ ก่อนจะถูกคนเอาแต่ใจ กดริมฝีปากลงมา “อือ!”
​     
​      ผมเผลอหลับตาเมื่อตอนที่เห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้ น่าอายชะมัด ทำไมผมต้องหลับตาเหมือนเด็กสาวที่กำลังจะเสียจูบแรกยังไงอย่างงั้น

หัวใจเต้นเร็วจนเหมือนแทบจะเด้งออกทะลุออกมา

รุนแรง!

​      ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ริมฝีปาก ก่อนที่กลิ่นคาวเลือดจะคละคลุ้งอยู่ผ่านในช่องปาก สติผมถูกตีแตกกระเจิง เมื่อลิ้นร้อนกวาดต้อนทุกอย่างภายใน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมเองก็รู้สึกดี

​      ริมฝีปากของเขาทั้งนุ่ม และอุ่น แรงดูดดึงที่หนักหน่วงทำให้สมองผมเริ่มขาวโพลน ร่างกายเหมือนไร้แรงต่อต้าน น้ำลายใสไหลย้อนตามมุมปาก จนรู้สึกชื้น

​      ทุกหยดถูกคนเอาแต่ใจกวาดเก็บจนหมด เป็นภาพที่ดูหยาบโลน แต่มันก็เร้าอารมณ์ได้อย่างดี

​      เราจูบกันอยู่อย่างงั้นหลายนาที ก่อนที่ธนูจะยอมเป็นฝ่ายผละออก “จูบให้เก่งเหมือนตอนเถียงหน่อยสิ” เสียงกระซิบแหบพร่า ทำเอาขนอ่อนตามตัวลุกชันอย่างห้ามไม่ได้ นี่มันบ้าเกินไปแล้ว “ผมจะเสนอทางเลือกให้คุณใหม่ แต่วันนี้คุณกลับไปพักก่อน”

​      “ผมเลือกได้เหรอครับ”

​      “แน่นอน เป็นทางเลือกที่นายก็ห้ามปฏิเสธ”

​      ห้ามปฏิเสธ...แล้วเรียกว่าทางเลือกได้หรือไงฟะ! ไอ้คนเอาแต่ใจ

​      ธนูเคาะกระจกรถเพียงสองครั้ง ทุกคนก็เข้ามาในรถทันที

​      “ไปส่งโซ่ที่บ้าน” สิ้นสุดเสียง รถก็เคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาลมุ่งสู่ถนนกว้าง

 

​      ระหว่างทางเราไม่พูดคุยอะไรกันอีกเลย ผมลอบมองธนูที่กำลังนั่งไขว่ห้าง หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี...

​      ส่วนผมปากบวมอีกแล้ว กัดมาได้เฮงซวย!!

 

​      ไม่นานกว่าใจคิด รถก็ขับพาเราเข้ามาในซอยที่แสนจะคุ้นตา ไฟกลางซอยยังมืดสนิทเหมือนทุกวัน

​      “น้องโซ่...นั่นใช่พี่เป๋หรือเปล่า” พี่แมทบอดี้การ์ดที่กำลังขับรถอยู่ว่า

​      “อ่า...ใช่ครับตัวนี้แหละขาโหดประจำซอย”

​      “หืม หน้าโหดจริงๆ แบบนี้ไม่อันตรายเหรอครับถ้าเกิดมีพวกเด็กๆ วิ่งเล่นแล้วเกิดโดนมันกัดเข้าจะทำยังไง”

​      “ก็นั้นนะสิครับ แต่จะทำไงได้ล่ะครับในเมื่อไม่มีใครยอมรับเป็นเจ้าของ พวกเราก็แค่ต้องช่วยกันสอดส่อง และระวังกันมากขึ้น” ผมตอบ

​      “แมท พรุ่งนี้สั่งคนมาจัดการหมานั่นซะ” ธนูเอ่ยขึ้นเมื่อรถจอดนิ่งอยู่หน้าบ้าน

​      “ครับบอส” พี่แมทรับคำ

​      “หมายความว่ายังไงครับ”

​      “มันกล้ามาทำคนของฉัน! คิดว่าฉันจะปล่อยมันไว้งั้นเหรอ!”

​      'คนของฉัน'

​      ...?

​      เขาหมายความว่า ผมเป็นคนของเขางั้นเหรอ

​      อ๋อ...เข้าใจแล้ว เขาหมายถึง เป็นพนักงานของเขา ก็เลยเป็นห่วงผมสินะ

​      “เดี๋ยวสิครับบอส ผมไม่เป็นอะไรมากสักหน่อย แบบนั้นมันโหดร้ายเกินไป” ผมว่า

​      “ต้องรอให้มันกัดนายจนตายก่อนหรือไง”

​      “แต่ผมก็ยังไม่ตายนี่” ผมพยายามใจเย็นและอธิบายเหตุผล ผมไม่ได้ต้องการให้ถึงขั้นจัดการมันขนาดนั้นสักหน่อย “ไฟกลางซอยมันไม่ติด ผมเดินเข้าไปมืดๆ แบบนั้นมันก็คงกลัวไม่ต่างจากผม มันก็แค่ป้องกันตัว มันทำตามสัญชาตญาณของมันก็เท่านั้น ส่วนผมก็แค่ไม่ระวังให้ดี บอสอย่าทำอะไรพี่เป๋เลยนะครับ” ผมพูดไปตามจริง

​      ธนูพรูดลมออกทางปาก คงจะเหนื่อยกับผมไม่ใช่น้อยก็มาก...

​      “...อืม”

​      “บอสสส...” ผมเรียกอีกฝ่ายจนเสียงยาน เมื่อเห็นท่าทีเขาดูนิ่งไป “สัญญากับผมก่อนว่าบอสจะไม่ทำอะไรพี่เป๋” นิ้วก้อยข้างขวาถูกยกขึ้นตรงหน้าเพื่อบอกให้เขาทำสัญญา ถึงผมกับพี่เป๋จะไม่ถูกกันแต่ผมก็ไม่ได้อยากให้มันตายนี่

​      “โอเค” ธนูยกนิ้วก้อยขึ้นมาทำสัญญา จะว่าไปธนูก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะ “เปลี่ยนเป็นจูบสัญญาไม่ได้เหรอ แบบนี้เด็กเล็กชะมัด”

​      เฮ้อ~ ผมขอถอนคำพูดเมื่อกี้แล้วกัน...

​      ผมลงจากรถเดินเข้ามายังในเขตรั่วบ้านของตัวเอง ยืนมองดูรถตู้สีดำค่อยๆ ขับห่างออกไปจนลับสายตา ถึงเดินกลับเข้ามาในบ้าน

 

 

​      “คุณโซ่น่ารักดีนะครับ” แมทว่า

​      “อืม น่ารักจริงๆ” ไม่น่าเชื่อว่าโซ่จะทำให้คนอย่างผมใจเย็นลงได้เพียงแค่ผมสบตาเขา สิ่งที่เขาพูดมันดูโลกสวย แต่ก็ทำให้ผมเห็นโซ่ในอีกมุมที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น โซ่น่ารักจริงๆ แบบที่แมทว่านั่นแหละ

​      แค่ผมแกล้งขอเปลี่ยนเป็นจูบสัญญา ใบหน้าที่เคยซีดก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ผมอยากสัมผัสโซ่ให้มากกว่านี้ และมากขึ้นเรื่อยๆ

​      “พรุ่งนี้ให้คนจัดการเรื่องหมาด้วย” ผมว่า

​      “แต่...”

​      “ทำตามที่ฉันสั่ง”

​      “ครับบอส”

 

 

​      เมื่อเย็นกุญแจโทรมาบอกว่าคงกลับดึก เพราะต้องไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเตรียมสอบ ทั้งบ้านก็เลยเงียบอย่างกับป่าช้า ตั้งแต่ไปทำงาน กลับบ้านมาผมก็หลับเป็นตายแทบทุกวัน

​      แต่ช่วงหลังมานี้ผมไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ เพราะธนูใช้งานผมน้อยลง ส่วนมากจะใช้ผมทำแต่เรื่องประหลาด อย่างสั่งให้ผมนั่งบนตัก ทั้งที่พวกพี่ๆ บอดี้การ์ดยังอยู่ในห้อง หรือจะเป็นให้ผมกอดจนกว่าจะหายเหนื่อย

​      ถ้าแค่กอดธรรมดาผมก็พอให้ได้ ถือว่าเป็นการชาร์จพลัง แต่มือของธนูอย่างกับปลาหมึก ห้ามจับตรงนั้น ก็จับตนงนู้น พอยอมแล้วนับวันก็ยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เรื่องเอาแต่ใจยกให้เป็นที่หนึ่งเลย

​      คนบ้าอะไรสั่งห้ามพูด ห้ามยิ้ม กับคนอื่น

​      คิดแล้วก็อยากระเบิดตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด...

​      พอได้คิดถึงเรื่องของธนู ผมก็ขยี้หัวตัวเองจนฟู ก่อนที่จู่ๆ สมองจะคิดถึงเรื่องจูบ...

​      ปลายนิ้วลูบวนสัมผัสกับริมฝีปากตัวเองเบาๆ ผมยังจำความรู้สึก และสัมผัสริมฝีปากของธนูได้เป็นอย่างดี ทั้งจังหวะที่ริมฝีปากกำลังขยับ แรงขบเม้นที่หนักหน่วง ลิ้นร้อนที่ตวัดพันเกี่ยวกันไปมา เสียงลมหายใจที่ดังแผ่ว

​      อ้ากกกก! แค่คิดหน้าก็เริ่มเห่อร้อนขึ้นมาทันที 0///0

 

Rrrr…

​      แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดึงผมออกจากภวังค์ ผมคว้ามือถือบนหัวนอนขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าคนที่โทรเข้ามาคือธนู...

​      “ครับบอส”

​      [อืม...ฉันถึงแล้วนะ]

​      “ทำไมวันนี้กลับช้าจังครับ รถติดเหรอ”

​      [วันนี้ฉันกลับมาบ้านน่ะ]

​      “อ่อ...”

​      [...]

​      “...” อ้าวเงียบคู่

​      “เอ่อ...บอสมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามขึ้นเพราะเห็นว่าธนูไม่ยอมพูด

​      [จะนอนหรือยัง]

​      “เพิ่งสองทุ่มครึ่งเองนะบอส”

​      [อ่อ...นั่นสิ] นั่นสิอะไรของเขาฟะ!

​      “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมวางนะครับ” ผมพูดตัดบท

​      [เดี๋ยวสิ...] ผมเงียบฟังว่าอีกฝ่าย เมื่อกับว่ากำลังจะพูดต่อ [คือ...อยู่คุยเป็นเพื่อนฉันหน่อย...นะ] //0.0 เขาทำเสียงอ้อนวะ

​      ฮือ~ น่ารักไม่ไหว แค่คิดว่าเขาจะทำหน้ายังไงก็รู้สึกดี

​      “ได้ครับ” ผมตอบตกลงเพราะทนฟังเสียงฉ้อเลาะของธนูไม่ไหว “ผมจะคุยกับบอส...”

 

​      เมื่อคืนเราคุยกันอยู่นานสองนาน จนผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองผล็อยหลับไปตอนไหน ส่วนใหญ่ก็เป็นผมที่ชวนธนูคุย เพราะเจ้าตัวต้องนั่งทำงานไปด้วย ส่วนใหญ่เขาก็จะตอบ อืม อ๋อ จริงเหรอ ช่างเป็นการคุยที่สนุกสุดๆ ไม่รู้จะโทรมาทำไม

​      “อ้าว...โซ่วันนี้วันนี้มาสายนะ” พี่ไม้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูห้องถามทันทีเมื่อผมก้าวเท้าออกจากลิฟต์

​      จะไม่สายได้ไงเล่า คุยกับบอสทั้งคืน

​      “ครับ เมื่อคืนนอนดึก” ผมว่า

​      “อ๋อ...บอสเองก็เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เหมือนกัน”

​      อา...บอสก็มาสายสินะ .///.

​      “ครับ”

​      ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องที่คุ้นตา แผ่นหลังกว้างกำลังยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง

​      “สวัสดีครับบอส” ผมกล่าวทักทาย

​      “วันนี้ฉันมีออกไปคุยกับลูกค้า อยู่รอฉันที่นี่จนกว่าฉันจะกลับ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเองที่ทำอยู่ทุกวัน

​      งานแม่บ้านนั่นแหละ

​      ปัดๆ ถูๆ ช่วยพวกพี่ๆ หยิบโน่นทำนี่ เสร็จก็เดินเข้าไปนอนเล่นบนโซฟาในห้องทำงานของธนู ปกติเขาจะให้ผมนอนเล่นในห้องทำงานเป็นปกติอยู่แล้ว เผื่อว่าเขาต้องการเรียกใช้ จะได้ไม่ต้องให้พี่จอสออกไปตาม

​      วันนี้พี่จอสกับพี่คิมเป็นคนติดตามธนูไปด้วย ก็จะเหลือแค่ผมกับพี่ไม้ และพี่แมทที่อยู่ออฟฟิศ จะว่าไปธนูก็เป็นคนสบายๆ กับลูกน้องเขาไม่ถือตัวเลยสักนิด

​      “พี่ไม้ทำงานที่นี่นานหรือยังครับ” ผมถามหลังจากที่เราไม่มีอะไรทำ และนอนกลิ้งกันอยู่ที่โซฟา

​      “สามปีแล้ว” พี่ไม้ว่า

​      “แล้วพี่แมทล่ะ”

​      “ปีกว่า”

​      “โฮ้ พวกพี่ทนได้ไง บอสเอาแต่ใจจะตาย”

​      “เอ็งยังไม่รู้อะไร ที่พวกพี่มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะบอสนะ” ผมลุกขึ้นนั่งเพื่อฟังสิ่งที่พี่ไม้พูดอย่างสนใจ “เมื่อก่อนพี่เป็นแค่ลูกน้องหางแถวจากบริษัทคู่ค้าของที่นี่ พี่ถูกซ้อมปางตายเพราะพี่ช่วยบอสให้พ้นจากการถูกหักหลัง”

​      “อ้าวพี่ช่วยบอสก็เท่ากับว่าพี่ก็หักหลังบริษัทตัวเองน่ะสิ” ผมว่าไปตามจริง

​      “ก็ใช่ แต่สิ่งที่บริษัทนั้นทำมันก็สกปรกเกินกว่าพี่จะรับได้ เห็นหน้าพี่เถื่อนๆ แบบนี้ พี่ก็มีคุณธรรมนะเว้ย” ผมหลุดหัวเราะลั่นกับคำว่าหน้าเถื่อนของพี่ไม้ “จากนั้นบอสก็เก็บพี่มาเลี้ยง”

​      “เหมือนหมาเลยนะครับ”

​      “ไอ้โซ่!” พี่ไม้มองหน้าผมตาเขียวปั๊ด

​      “งุงิ ผมหยอกเล่นน้า” ผมว่าติดหัวเราะ “แล้วพี่คิมล่ะครับมาทำงานที่นี่ได้ไง” ผมถามต่อ

​      “ไอ้คิมนี่เหี้ยสุด” พี่ไม้เอ่ยพร้อมกับกลั้วหัวเราะ ผมได้แต่ทำหน้างงๆ

​      “ยังไงเหรอครับ”

​      “กูเล่าเอง พี่ไม้ชอบเล่าเวอร์” พี่คิมว่าก่อนจะหันหน้ามามองผม “กูตกงาน เงินเก็บที่มีอยู่ก็หมด กูเลยไปขโมยกระเป๋าเงินบอส” อันนี้เหี้ยจริง ขโมยใครไม่ขโมย รอดมาได้นี่เก่งมากเลยนะ

​      “แล้วเป็นยังไงครับ”

​      “นอนน่วมอยู่ที่โรง'บาล”

​      หู้ย~ แบบนี้คงนอนโรง’บาลหลายเดือนแหง่

​      “พี่ถึงกับเข้าโรง’บาลเลยเหรอครับ”

​      “เข้าโรง’บาลอะใช่ แต่ไม่ใช่พี่”

​      “อ้าว...”

​      “เป็นพี่แมทกับพี่ไม้ที่เข้าโรง’บาล" นั่นยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปอีก แล้วพี่ไม้ กับพี่แมทจะเข้าโรง'บาททำไม? "พี่เป็นนักมวย และยังเป็นลูกศิษย์นักมวยที่กำลังขึ้นชกทีมชาติปีนี้” คดีพลิกสัดๆ

​      “บอสเลยส่งพี่จอสติดต่อให้พี่มาทำงาน แลกกับการไม่เอาเรื่องที่ขโมยของ” อู้ว~ ผมประเมินพี่แมทต่ำไปสินะ ก็พี่แมทโคตรจะดูเป็นคนอบอุ๊น อบอุ่น

​      จะว่าไปธนูก็ฉลาดเลือกคนอยู่นะ อย่างพี่ไม้ที่เป็นคนซื่อสัตย์ ส่วนพี่แมทก็เป็นเก่ง เอ๊ะ! แล้วพี่จอสกับพี่คิมล่ะ

​      “แล้วพี่จอสกับพี่คิมล่ะครับ” ผมถามตามที่คิดเอาไว้

​      “จอสมันเป็นลูกของบอดี้การ์ดคนสนิทของท่านประธาน บอสกับจอสโตมาด้วยกัน และท่านประธานไว้ใจพ่อของจอสมาก เลยส่งจอสให้มาดูแลบอสอีกที ส่วนคิมเป็นลูกน้องของคุณศร ถูกบอสดึงตัวมา” ช่างเป็นความสัมพันธ์ซับซ้อนจริงๆ

​      มีตัวละครใหม่ขึ้นมาอีกสอง ท่านประธานคงจะหมายถึงพ่อ แล้วคุณศรนี่ใครกัน?

​      “พี่ไม้ครับแล้วคุณศรคือใคร?”

​      “คุณศรเป็--”

 

แกร๊ก!

​      ประตูไม้สีดำถูกเปิดออกกว้าง คนที่เดินนำหน้ามาเป็นพี่จอส และมีธนูเดินมาตามหลัง ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นยืนอัตโนมัติรวมถึงผมด้วย

​      “คุยอะไรกัน” ธนูว่าเสียงเข้ม ก่อนพี่คิมจะเป็นถอดเสื้อสูทของธนู

​      มือขวาของธนูขยับเนกไทสีแดงทับทิมออกมาอย่างหลวมๆ เป็นภาพที่ทำให้คนมองรู้สึกใจสั่นได้อย่างน่าประหลาด

​      “เปล่าครับ” พี่ไม้ว่าพลางก้มหัวเล็กน้อย

​      “เหนื่อยชะมัด” ธนูพูดขึ้น ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวยาว พี่จอสและพี่คิมยืนอยู่ขนาบด้านขวา ส่วนพี่ไม้กับพี่แมทก็ยืนขนาบด้านซ้าย

​      ผมเองก็เดินออกมาด้านนอก ก่อนจะรินน้ำเย็นใส่แก้วใสทรงสูง เพื่อยกมาให้ธนู

​      ก็เขาบ่นเหนื่อยนี่...

​      “น้ำเย็นครับบอส” ช่างเป็นงานที่มีเกียรติจริงๆ

​      “เปลี่ยนเป็นกอดชาร์จพลังไม่ได้รึไง” ธนูว่าสีหน้านิ่งก่อนจะกระตุกมุมปาก ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

​      “ไม่ดีกว่าครับ” ผมว่า แอบเห็นพี่ไม้ที่กำลังลอบยิ้มอยู่ ให้ตายใครจะไปทำเรื่องอย่างนั้น ทั้งที่มีคนอยู่เต็มห้องแบบนี้

​      “ฉันไม่ได้บอก ฉันสั่ง!” ไอ้นิสัยเอาแต่ใจนี่ขายไหมผมจะซื้อไปโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา

​      ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะโน้มตัวลงไปกอดคอธนูที่กำลังนั่งอยู่ที่โซฟา “หายเหนื่อยยังครับ” ผมถามพลางเอามือตบหลังปุๆ ไปสองที

​      ธนูไม่ตอบคำถามแต่กลับโอบเอวจนผมตัวลอยขึ้นไปนั่งคร่อมทับตักของธนู ท่านี้ไม่ได้!!

​      “เอ่อ...บอสครับผมว่าปล่อยผมก่อนดีกว่า” ผมว่าอย่างอายๆ แต่ธนูเองก็ดูไม่มีท่าทีจะยอมปล่อย ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุเพราะแขนแกร่งเริ่มรัดแน่นขึ้น

​      ไม่รู้ว่าพวกพี่ๆ ทำหน้ายังไงแต่ตอนนี้ผมหน้าร้อนไปหมด

​      ชาติที่แล้วเกิดเป็นงูหรือไงครับ!

​      “จำเรื่องเมื่อวานได้ไหม...เรื่องข้อเสนอใหม่”

​      “ครับ?” ผมหันมาสนใจเรื่องข้อเสนอแทน

​      “ฉันจะยกหนี้ทุกอย่าง” เยี่ยม!!! “แต่...” เนี่ยทำไมนะ ชีวิตไอ้โซ่จะสวยงามหน่อยไม่ได้หรือไง ทำไมต้องมีข้อแม้มันตลอด

​      “...”

​      “นายต้องมาเป็นแฟนฉัน”

​      “อ่อเป็นแฟน...” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะนึกทวนคำพูดของธนู “ฮ๊ะ!!! เป็นแฟน” มือทั้งสองดันอกคนตรงหน้าให้ห่างออก

​      สายตาของเขาเจ้าเล่ห์ราวกับหมาป่ากำลังออกล่าเหยื่อจนผมรู้สึกใจสั่น ไหนจะรอยยิ้มพรายที่ส่งมา สัญชาตญาณของผมมันบอกว่าผู้ชายคนนี้อันตราย

​      “ไม่แน่นอนครับ บอสไม่ได้ชอบผมเราจะเป็นแฟนกันได้ไง” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด

​      “ฉันบอกเหรอว่าไม่ชอบ อีกอย่างฉันยังไม่ได้บอกช้อยส์...” เป็นอีกครั้งที่ผมเพื่อเงียบฟังข้อเสนอของธนู “โอเค/ตกลง” อะไรวะอยู่ๆ เขาก็บอกผมว่าโอเค ตกลง

​      “ผมไม่เข้าใจ” ผมว่าไปตามจริง

​      “ช้อยส์มีแค่ โอเค หรือตกลง”

​      “บอสจะบ้าหรือไง” มันบ้ามาก ผมเลือกอะไรได้หรือไง

​      “โอเค หรือ ตกลง” ธนูถามซ้ำ

​      “บอกมันต่างกันตรงไหนเล่า”

​      “โอเค หรือ ตกลง” ธนูถามซ้ำราวกับว่าเขาเป็น 1NPC ในเกม

​      “บอสอย่าเอาแต่ใจแบบนี้”

​      “ฉันถามว่า โอเค หรือ ตกลง” น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้น สายตาก็ยังดุดัน ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกสายตาบีบรัดจนรู้สึกหายใจไม่ออก

​      “ผม...ไม่...เลือก!” สิ้นสุดคำพูดเด็ดขาด ผมก็ตั้งท่าจะลุกออกจากท่านั่งบ้าๆ นี่ ให้ตายทำไมถึงเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้

​      ทว่าธนูไวกว่า เขาใช้แขนทั้งสองรั้งให้ตัวผมนอนลงตามความยาวของโซฟา แขนทั้งสองถูกตรึงไว้บนหัว

​      เป็นภาพที่ดูน่าสมเพช ผู้ชายสองคนอยู่ในท่าที่กำลังคร่อมทับกันทั้งที่มีผู้ชายอีกสี่คนยืนดูอยู่

​      โอเคนัมเบอร์วัน!

​      “บอส!”

​      “ฉันถามว่านายจะเลือกอะไร ระหว่างโอเค หรือ ตกลง” ความเงียบเข้าจู่โจมเราทั้งสอง ใบหน้าคมกำลังค่อยๆ เลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้น

​      เขามันคนเจ้าเล่ห์...

​      “ตกลง ตกลงครับบอส”  ผมรีบตอบ เพราะธนูขยับเข้ามาใกล้จนจมูกเราชนกัน

​      ธนูลุกขึ้นนั่งเหยียดตัวตรง ก่อนจะเริ่มจัดทรงผมและเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย

​      ผมไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าพวกพี่ที่กำลังยืนอยู่ หน้าตอนนี้ร้อนอย่างกับคนมีไข้

​      ธนูลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะดึงให้ผมลุกขึ้นตาม

​      “จะไปไหนครับ?” ผมถาม

​      “ไปทำเรื่องที่คนเป็นแฟนเขาทำกัน” ตาทั้งสองเบิกโพลง หลังจากได้ยินคำว่าพูดของธนู เขามันผู้ชายอันตรายจริงๆ

​      ผมสะบัดมือธนูออก ก่อนจะกอดพี่ไม้ที่ยืนอยู่เอาไว้แน่น “ไม่...ผมไม่ไปไหนกับบอสทั้งนั้น”

​      “ฉันบอกให้ปล่อย อย่าให้ฉันต้องไล่ไม้ออก!”

​      ให้ตายยังไงก็ไม่ปล่อยหรอกโวย

​      “บอส...” พี่ไม้พูดพลางกอดผมเอาไว้

​      ฮือพี่ไม้...

​      “โซ่ไม่เป็นไรนะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่ไม้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ พี่ไม้พยักหน้าให้เป็นคำตอบ ก่อนผมจะถูกพี่ไม้กอดเอาไว้แล้วส่งตัวผมให้ธนู “พี่ขอโทษ เดี๋ยวพี่ตกงาน” อ้าวเฮ้ยไอ้เหี้ยพี่ไม้เล่นกูแล้ว พี่มึง!!!!

​      แล้วผมก็ถูกธนูหิ้วออกจากห้องทำงาน ภาพสุดท้ายที่เห็นคือพี่ไม้ยืนโบกมือ ก่อนที่ประตูไม้สีดำจะถูกปิดลง...

 





 

 

↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣

 

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

​      “เข้ามา” ผมว่าทั้งที่ตัวเองกำลังขลุกอยู่กับผู้หญิงบนโซฟาตัวยาว ที่ผมบังเอิญไปหิ้วเธอมาได้จากการไปเที่ยวผับกับแก๊งเพื่อนเมื่อสัปดาห์ก่อน “มีอะไร” ผมถามบอดี้การ์ดคนสนิท

​      “สายจากทางฝั่งนั้นบอกว่าคุณธนูมีแฟนแล้วครับ” มุมปากผมกระตุกยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

​      “เธอกลับไปก่อน” ผมสั่งผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่โซฟากลับไป เธอชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้อิดออดยอมกลับไปแต่โดยดี

​      “อาทิตย์หน้าเคลียร์งานให้ฉันด้วย...สงสัยต้องไปเยี่ยมน้องชายสุดที่รักสักหน่อยแล้ว”

​      “ได้ครับคุณศร”

 

 

 

 

​      1NPC คือตัวละครที่ไม่มีผู้เล่นควบคุม แสดงพฤติกรรมและสร้างบทสนทนาตอบโต้ที่แตกต่าง ตามแต่สคริปต์ที่ผู้พัฒนาเกมได้โปรแกรมไว้

 

 

ถ้าชุนเป็นโซ่ ชุนจะตอบธนูว่า แต่งค่ะ!

#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ


หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -9- แฟน
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 06-04-2021 21:24:19

-9-

แฟน


     เป็นแฟนกันต้องทำอะไรบ้าง?

     เดท?

     กินข้าว?

     ดูหนัง?

     ช้อปปิ้ง?

     เซ็กส์?

     สำหรับคนทั่วไป ขั้นตอนต่างๆ มักเริ่มจากพื้นฐานเบสิคอย่างเดท แต่สำหรับคนอย่างธนูแล้วเขาเริ่มจาก เซ็กส์...

 

     รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกพาขึ้นมาบนห้องชั้นบนสุดของตึก ตัวผมไม่ได้เล็กแต่ก็สู้แรงธนูไม่ได้ เพราะขนาดของร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดการเนื้อ บ่งบอกว่าเจ้าตัวออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ ต่างจากผมที่เป็นมนุษย์ห้อง ตื่นมาก็กิน นิ่งไปก็นอน แถมยังมีพุงนุ่มนิ่มให้บีบเล่นอีกต่างหาก

     ผมถูกคนตัวโตกว่าเหวี่ยงลงบนที่นอนนุ่ม ก่อนที่เจ้าตัวจะคลานขึ้นมา

     นี่มันอย่างกับในหนังเรทอาร์ชัดๆ

     ภาพตรงหน้าทำเอาคนมองอย่างผมแทบหยุดหายใจ เมื่อธนูยืดตัวตรง มือขวาที่กำลังรูดเนกไทสีแดงทับทิมให้คลายออกช้าๆ ก่อนจะปลดกระดุมด้วยมือข้างเดียว

     เซ็กซี่โว้ยยยยย... -,,-

     ไม่ได้โซ่ ไม่ได้...มึงจะถูกตีป้อมแล้วตกเป็นเมืองขึ้นแบบนี้ไม่ได้ สติก่อน!

     “บอสเดี๋ยวก่อน” ผมร้องห้าม “คือผมว่ามันยังไม่ใช่ตอนนี้...” เสียงผมแผ่วลงในประโยคท้าย

     ธนูไม่ฟังเสียงทัดทานของผม ก่อนจะโน้มหน้าลงมาซุกไซ้ซอกคอผมอย่าดุเดือดเลือดพล่าน “โอ๊ย!” ความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ต้นคอ มือร้อนสอดเข้ามาภายในเสื้อลูบไล้จนผมเริ่มรู้สึกขนลุก

     “บอส...ถ้าบอสไม่ฟังผม ผมจะไม่มาให้บอสเห็นหน้าอีก ผมจะหนีไปให้ไกลที่สุด!” ผมยื่นคำขาดก่อนที่สติผมจะเลือนหาย แล้วเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัส

     และมันได้ผล ธนูหยุดชะงักทันที

     “มีอะไรอีก” เขาถอนหายใจ แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตา

     “ผมยังไม่พร้อม เราเพิ่งตกลงเป็นแฟนกันเมื่อไม่กี่นาทีทำแบบนี้บอสว่ามันไม่เร็วเกินไปงั้นเหรอ” ผมว่า

     “ก็ไม่” ให้ตายเถอะ ธนูตอบได้หน้าตายจนผมเริ่มหมั่นไส้

     “บอสเคยมีแฟนหรือเปล่าถามจริง?”

     “หน้าตาแบบฉันดูเหมือนคนโสดไม่มีคนคบขนาดนั้นเชียว” มั่นหน้าแล้วหนึ่ง แต่ก็จริงอย่างเขาว่านั่นแหละ เพราะหน้าตาของเขาดีมาก

     “ไม่ใช่แบบนั้น เฮ้อ!” ผมถอนหายใจ “บอสครับ...ถ้าบอสคิดว่าจะเอาคืนที่ผมหลอกบอส ผมว่าบอสหยุดเถอะผมขอร้อง” ผมจ้องมองดวงตาสีดำหมึก ก่อนที่ธนูจะผินหน้าหนีแล้วลุกออกมาจากการกอดผมอยู่

     เขาไม่พูดอะไรนอกเสียจากลุกออกไป แล้วนั่งอยู่ปลายเตียง ความเงียบจู่โจมเราสองคน ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย

     “นายคิดว่าทั้งหมดฉันทำเพื่อเอาคืนงั้นเหรอ?” ธนูว่าหลังจากที่เงียบอยู่สักพัก

     “...”

     “ในขณะที่ฉันเอาแต่คิดเรื่องของนาย นายกลับบอกว่าสิ่งที่ฉันทำเป็นแค่การเอาคืนงั้นเหรอ หึ! ตลกชะมัด”

     “...” ผมได้แต่ฟังเงียบๆ ใจก็อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่หากว่านี้ไม่ใช่เรื่องจริง ผมเองที่จะเป็นคนเจ็บ “บอสครับ...บอสอยากเป็นแฟนผมจริงๆ เหรอ?” ผมถามสิ่งที่คิดในใจ

     “ฉันว่า...ฉันไม่ได้ชอบ” นั่นไงเจ็บจริงๆ ด้วย “ฉันบอกตัวเองแล้วว่าไม่ได้ชอบ แต่ยิ่งคิดแบบนั้น ยิ่งทำให้รู้สึกว่าฉันกำลังหลอกตัวเอง” ผมเงยหน้ามองแผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้า นี่ผมไม่ได้ฝันเหมือนทุกครั้งใช่ไหม เขากำลังบอกว่า'ชอบ'ผมจริงๆ

     “ตอนไหน...บอสชอบผมตั้งแต่ตอนไหน”

     “คงจะตั้งแต่ลูลู่กัมล่ะมั้ง”

     ...เขาชอบผมตั้งแต่ตอนที่เรายังเล่นเกมด้วยกันงั้นเหรอ .///.

     “แต่ผมเป็นผู้ชายนะ...” ผมถามต่อ

     “ฉันรู้ ถึงฉันจะไม่เคยคบผู้ชาย แต่ถ้าเป็นนายฉันโอเค”

     แอร๊ย...เขินตัวบิดเลยไอ้สัด! แต่เดี๋ยวนะไม่คบผู้ชาย แต่จะทำเรื่องอย่างว่ากับผมเนี่ยนะ!!!

     “บอสไม่เคยคบผู้ชายแล้วจะมาทำเรื่องอย่างว่ากับผมเนี่ยนะ”

     “ก็ไม่น่ายาก...” ธนูว่าพลางยกไหล่ ให้ตายเถอะ ถ้าเมื่อกี้ผมยอมธนู...ผมอาจตายหรือลุกไม่ได้อีกเป็นอาทิตย์แน่ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน

     ผมขยับตัวคลานไปนั่งอยู่ด้านหลังของธนู ก่อนจะโน้มหัวซบลงกับแผ่นหลังกว้าง “บอสครับ...จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้รังเกียจหรือไม่ชอบบอสนะครับ”

     “...” เขาไม่ตอบ แต่ตั้งท่าจะหันกลับมาที่ผม

     “อย่าเพิ่งหันมาครับ...!" ผมไม่อยากให้เขารู้ว่าผมเขินแค่ไหน ตอนนี้หน้าผมร้อนไปหมด หัวใจก็เต้นแรงจนเหนื่อย "...บอสสัญญาได้ไหม ว่าจะไม่ทำอะไรผม จนกว่าบอสจะทำให้ผมรู้สึกชอบบอสมากกว่านี้ ถึงตอนนั้น...ผมจะยอมทุกอย่างที่บอสอยากทำ” ผมไม่ปฏิเสธเลยว่าลึกๆ ก็แอบหวั่นไหวกับธนูเหมือนกัน  แต่... ถ้าความรู้สึกที่เขาบอกเป็นเพียงชั่วคราว คนที่เสียใจก็คงไม่พ้นผมอีกนั่นแหละ ผมขอเวลาดูอีกสักนิดก่อนแล้วกัน

     ธนูหันหน้ากลับมาก่อนจะใช้มือหนาทั้งสองข้างประคองหน้าผมเอาไว้ “ขอเป็นจูบสัญญานะ” ใบหน้าขาวเอียงปรับรับกับองศาอย่างพอดี ก่อนที่เปลือกตาปิดลงเพื่อรับสัมผัสร้อนที่ริมฝีปากนุ่ม

     เขาไม่ได้มอบจูบที่ล่วงล้ำ แต่เป็นจูบที่อ่อนโยน จนผมเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงของความหวาน ใจที่เต้นแรงอยู่แล้วก็ยิ่งกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ

     มุมหน้าขยับเบี่ยงซ้ายขวาอย่างเข้าจังหวะ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ใช้ลิ้นโลมเลียไรฟันเพื่อบอกเป็นเชิงขออนุญาต และผมก็เผยอปากเป็นการตอบรับ ลิ้นร้อนกดแทรกเข้ามากวาดเอาความหวานจนผมเริ่มอ่อนระทวยกับสัมผัส

     มันวูบวาบ จนช่องท้องรู้สึกปั่นป่วน เราจูบกันอยู่หลายนาที เป็นผมเองที่ต้องเบี่ยงหน้าหนี ไม่งั้นอาจเป็นผมเอง ที่ต้องการมันมากกว่านี้

     “แล้วนายเคยคบกับผู้ชายไหม” จู่ๆ ธนูก็ถาม

     “เอ่อ...ก็เคยครับ” ผมว่า พลางเกาแก้มแก้เขิน

     “แล้วเป็นยังไง”

     “...?”

     “สเปค”

     “อ๋อ...ส่วนใหญ่ผมคบแต่คนตัวเล็กๆ ดูนุ่มนิ่มน่ารักน่ะครับ ผมว่าคนตัวเล็กน่ารักออก บอสวะ...ว่า...” ผมต้องชะงักเมื่อถูกสายตาของธนูฟันผมขาดเป็นสองท่อน

     “ชักรู้สึกหึงซะแล้วสิ” งานเข้า! จะตายเพราะปากตัวเองไม่ได้นะไอ้โซ่

     “โธ่...บอสเรื่องมันผ่านมาแล้ว...เนอะ” ผมว่าพลางกอดแขนคนตัวโตกว่าอย่างออดอ้อน ก่อนริมฝีปากบางหยักจะกดลงมาที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา อา...อ่อนโยนก็เป็นเหมือนกันนี่

     “ลงไปรอฉันข้างล่าง...เดียววันนี้ฉันไปส่ง”

     “อ้าวบอสไม่ลงไปพร้อมกันเหรอครับ”

     “ฉันขอจัดการธุระของตัวเองก่อน” สิ้นสุดคำธนูก็ลุกขึ้นสาวเท้าไปยังห้องน้ำ ก่อนจะสังเกตเห็นว่า เป้าของเขามันตุง ว้าว... อย่างกับ*ประเทศชิลี “มองตามขนาดนั้น หรือว่าอยากช่วยฉันจัดการล่ะ” มุมปากของเขากระตุกยิ้ม มีวูบหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเขาน่ะอบอุ่น บางครั้งก็ใจดี แต่แท้จริงแล้วเขาน่ะ

     เจ้าเล่ห์ที่สุด...

 

 

     ผมอยู่ในรถตู้สีดำ กับแก๊งชายฉกรรจ์สี่คนที่มองๆ ดูแล้วหากจอดไว้ข้างโรงเรียนอาจถูกตำรวจเรียกไปสอบสวนเพราะอาจเกิดการเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแก๊งลักพาตัวเด็กก็เป็นได้

     “บอสครับ สิ้นเดือนหน้าผมจะขอลางานได้ไหม”

     “จะไปไหน?”

     “งานแต่งเพื่อนน่ะครับ”

     “จอสเดือนน่าเคลียร์งานให้ฉันด้วย”

     “บอสจะไปไหนเหรอครับ?”

     “ไปกับนาย” ผมกะพริบตาปริบๆ แต่ก็ไม่ได้แย้งอะไร เพราะต่อให้ผมห้ามยังไงเขาก็ไปอยู่ดี

 

     ผมเดินเข้ามาในบ้านเหมือนปกติ วันนี้น้องชายสุดที่รักผมอยู่บ้าน หลังจากช่วงสอบเพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นาน ตั้งแต่ผมทำงานกับธนู ผมกับกุญแจก็แทบไม่ได้เจอกัน

     “ยิ้มเหี้ยอะไร” นั่นคือประโยคแรกที่กุญแจเห็นหน้าผม

     “เสือก!” เอาไปหนึ่งดอก

     ผมเลิกสนใจน้องชาย และกุญแจก็ไม่ได้สนใจผม ก่อนเท้าก้าวสาวเข้าห้องไปเพื่ออาบน้ำอาบท่าแล้วออกมากินข้าว บ้านเราโชคดีที่มีกุญแจที่ชอบทำอาหาร ผมถึงได้มีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ ไม่งั้นก็คงจะเป็นมาม่าทุกมื้อ ไม่ก็ก็ร้านป้าแจ่ม

     “ทำงานเป็นยังไงบ้าง” บทสนทนาแรกหลังจากที่เรานั่งกินข้าวด้วยกัน เหมือนคุณแม่ที่กำลังเป็นห่วงลูกชายเลย ฮือ~ อบอุ่น

     “ก็ดี” ผมว่า

     “เออ...” เฮ้ย! สั้นจังวะ “มีแฟน?”

     “...!?” ผมไม่ตอบนอกจากมองหน้าน้องชายตัวเองอย่างงงๆ

     กุญแจใช้นิ้วชี้ที่คอของตัวเอง ผมถึงกับอ๋อ พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “คอมึงเป็น'ไร?”

     “ไอ้ควาย! คอมึง” รุนแรง มึงใจร้ายกับพี่มึงมาก

     “กูเกา” พูดจบผมก็ทำท่าเกาแกรกๆ กุญแจส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย มันรู้แหละว่าผมโกหก เพราะผมน่ะมีอะไรก็หลุดพูดหมด ก็ผมเป็นคนเปิดเผยนี่

     “มะรื่นนี่กูจะไปเที่ยวทะเลกับพวกไอ้เจมส์สามสี่วันนะ”

     “ไปด้วย!”

     “มึงจะไปทำไม กูไปกับเพื่อน” กุญแจวางช้อนลงก่อนจะจ้องเขม็ง

     “เออๆ” ผมว่า ก่อนจะทำหน้ามุ่ย เราเคยไปไหนด้วยกันตลอดนี่ ลืมสายใยพี่น้องของเราหมดสิ้นแล้วหรือ...

     หลังจากนั่งตัดพ้ออยู่พักใหญ่ เราก็นั่งกินข้าวต่อกันจนเสร็จ ตั้งแต่ผมออกไปทำงานกุญแจก็รับหน้าที่งานบ้าน ถึงส่วนใหญ่จะเป็นมันทำอยู่แล้วก็เถอะ

 

     สามสี่วันที่กุญแจไม่อยู่ทำอะไรดีน้า ผมเริ่มคิดแผนจะออกไปสังสรรค์กับแก๊งกาก หรือจัดปาร์ตี้เบาๆ กันที่บ้าน ไวเท่าความผมก็รีบหยิบมือถือทักหาแก๊งกากทันที

SaySo

ฮัลโหลเพื่อนๆ มีใครอยู่ไหม

สามีแห่งชาติ (แยม)

     ไม่ว่าง

SaySo

เฮ้ยยังไม่ถาม

พี่กระทิงพร้อมขวิด

     มี’ไรอย่าลีลา


มีมี่

     +1 ให้กระทิง

SaySo

พรุ่งนี้ปาร์ตี้กัน

สามีแห่งชาติ (แยม)

     กูยุ่งๆ เรื่องงานแต่ง


พี่กระทิงพร้อมขวิด

     กูก็ไม่สะดวก มีดูไซต์งานต่างจังหวัด

มีมี่

     กูก็ไปกับกระทิง

SaySo

พวกเหี้ยทิ้งกู

มีมี่

     มึงไม่ทำงานหรือไง

SaySo

หลังเลิกงานไง

ไอ้แจมันไปเที่ยวกับเพื่อน

พี่กระทิงพร้อมขวิด

     เป็นนิมิตหมายอันดีงาม

SaySo

ช้าง มา ลา

พี่กระทิงพร้อมขวิด

     ช้า ม้า ลา อะไรของมึง!
SaySo

ใช่ ไหม ละ

พี่กระทิงพร้อมขวิด

     ปัญญาอ่อน

     กูไม่ว่างไงจบแล้ว
SaySo

พวกมึงจะใจร้ายกับกูเกินไปแล้ว

โซ่เศร้า โซ่เสียจุ้ย~~

สามีแห่งชาติ (แยม)

     โซ่กูว่ามึงลองหาใครสักคนเชื่อกู

     เพื่อนเป็นทุกอย่าง ยกเว้นเมีย

     รีบๆ หาเมียซะ แล้วไปติดเมียเดี๋ยวนี้

SaySo

ไอ้กระทิง มีมี่ ใครสักคนเป็นเมียกูที

พี่กระทิงพร้อมขวิด

     หัวใจกูไม่ว่างแล้ว

มีมี่

     ไว้อยากได้ผัวค่อยทักกูมา

 

     ผมเลือกอ่านแล้วไม่ตอบพวกมัน

     เฮ้อ! ใจร้ายจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ ผมคิดว่าจะยังไม่บอกเรื่องของธนูกับพวกเพื่อน ที่ผ่านมาทุกความสัมพันธ์มันพังไม่เป็นท่าเสมอ แค่อยากมั่นใจกว่านี้ ไม่ได้ต้องการปกปิดอะไร

 

 

     ผมออกจากบ้านเช้ากว่าปกติ ไม่ใช่ว่าขยันแต่อย่างใด หากเป็นกุญแจปลุกผมแต่เช้า ก่อนจะสั่งๆ ๆ ผมจำได้แค่ว่า ปิดไฟก่อนออกจากบ้านให้เรียบร้อย มันไม่อยากกลับมาแล้วเห็นบ้านเหลือแต่ตอ

     เพราะวันนี้ออกมาเร็ว ผมเลยแวะไปตลาดดอกไม้ที่เป็นทางผ่าน ตั้งใจว่าจะซื้อดอกไม้ไปเปลี่ยนที่ห้องทำงานให้ธนู...

 

     ดอกดาวเรืองวานิลลาหนึ่งห่อใหญ่ถูกแบกมาที่ห้องทำงาน ก่อนจะจัดการเปลี่ยนให้ทั้งห้อง เต็มไปด้วยดอกไม้สีขาวครีม เสร็จจากการจัดดอกไม้ ก็เริ่มงานอย่างอื่นต่อ

     ฟู่ว~ ผมพรูดลมออกจากปาก ยืนชื่นชมผลงานตัวเองอย่างภาคภูมิใจ โต๊ะทำงานถูกขัดจนขึ้นเงา ฝุ่นตามชั้นอย่าหวังที่จะได้เกาะ ถ้าไม่จบวิศวะซะก่อน ผมอาจจะไปออกหนังสืองานแม่บ้านอะไรเทือกนั้นเป็นอาชีพ ใบจบวิศวะต้องหลั่งน้ำตา

     “ทำอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยเมื่อเปิดประตูเดินเข้ามายังในห้องพร้อมกับพวกพี่ๆ ทั้งสี่เหล่า

     ธนู...

     “เป็นแม่บ้าน...” ผมพูดติดตลก หลังจากที่เมื่อคืนไม่มีอะไรทำแล้วเขี่ย TikTok เจอคลิปของพี่ตุ๊กกี้

     “ต่อไปไม่ต้องทำ” อ้าวไม่ต้องทำหมายความว่าไง?

     “ทำไมล่ะ คุณจะไล่ผมออกเหรอ” ผมว่า ก่อนจะยืนเท้าสะเอวมองคนที่กำลังทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวประจำ

     “ต่อไปฉันจะให้เงินเดือนนาย แล้วทำงานเฉพาะที่ฉันสั่ง” แค่ได้ยินคำว่าเงินเดือนตาผมก็โต หลังจากที่มาทำงานไม่เคยได้เงินเดือนเพราะต้องใช้หนี้

     ใช้หนี้?

     แล้วผมก็นึกขึ้นได้เรื่องหนี้

     “แล้วหนี้?”

     “ช่างมัน ฉันไม่เคยบอกเหรอว่านั้นแค่เงินขึ้นทางด่วน” ไอ้รวย! ยอมแล้วพ่อ ผมไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้ารับ “งานแรกของนายคือ ฉันอยากกินกาแฟ”

     “พี่จะเอาอะไรกันไหมครับ ผมจะไปร้านกาแฟ” หลังจากจดเมนูของทุกคนเรียบร้อย ผมก็วิ่งตัวปลิวออกมาสั่งกาแฟด้านล่าง พักหลังธนูไม่ให้ผมชงเองเพราะหลังจากวันนั้นเขาท้องเสีย แอบรู้สึกผิดแต่ก็รู้สึกดีด้วย

 

     ผมหอบหิ้วของที่ทุกคนสั่งขึ้นมายังลิฟต์ตัวที่ปกติทุกคนในตึกใช้ เพราะลิฟต์ส่วนตัวต้องเดินไปอีกฝั่ง ซึ่งผมไม่ถ่อไปแน่นอน

     “รอด้วยครับ” เสียงของใครบางคนตะโกน ผมรีบกดปุ่มเปิดลิฟต์ทันที “ขอบคุณครับ” เขาว่าก่อนจะหันมาทักผมอีกรอบ “อ้าวโซ่จำเราได้ไหม”

     อ่า...ใครวะ?

     ผมยิ้มแห้งๆ ก่อนจะทำท่านึก

     “เราเข้มไง เพื่อนไอ้มินไง” อ๋อ... เพื่อนแฟนเก่านี่เอง เวรเถอะ!

     “อ๋อจำได้ๆ” ผมว่า

     ผมหันไปมองตัวเลขว่าถึงชั้นไหนแล้ว เพราะเริ่มรู้สึกอึดอัด ชั้น 23 เองเหรอวะ ใจผมอยู่ที่ชั้น 39 แล้ว

     ติ้ง~ แล้วเสียงลิฟต์ก็ดังขึ้น คนตรงหน้าผมคือธนู...

     “สวัสดีครับบอส” คนด้านข้างพูดขึ้น ธนูพยักหน้ารับ “มาคุยกับฝ่ายขายเหรอครับ”

     “ครับ โครงการใหม่” ธนูตอบ

     เฮอะ! ผมกลายเป็นอากาศธาตุ เหมือนตัวเองกำลังรีบแบนเหลืออยู่สองนิ้ว ยืนมองพวกเขาคุยกันในเรื่องที่ผมไม่รู้เลย โธ่! แน่จริงคุยเรื่องปรับโครงสร้างตึกกันสิวะ ไอ้โซ่คนนี้สู้ตาย

     “เอ่อ ว่าแต่โซ่มาทำอะไรที่นี่” แล้วเข้มก็หันมาสนใจผมอีกครั้ง “มาส่งกาแฟเหรอ” เข้มว่าพลางมองของในมือผม ก่อนจะไล่สายตาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

     แหม!!! ผมล่ะโคตรเกลียดโมเมนต์แบบนี้ ในวันที่เราไม่แต่งตัวมักจะเจอคนรู้จักแบบนี้เสมอ เป็นโมเมนต์ที่โคตรเหี้ย

     “เอ่อ...” คือไงต้องตอบว่าเป็นแม่บ้านไหมเนี่ย...

     “คุณโซ่เป็นแฟนผม” ธนูว่าขึ้นก่อนจะรวบเอวไปกอดเอาไว้หลวมๆ ส่วนเข้มยืนตาโตอย่างตกใจ

     ผมที่ยืนอึ้งก็เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า คำว่าแฟนมันทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี้ คันๆ ที่หัวใจไม่น้อยเลย

     ถึงวันนี้จะแต่งตัวไม่คลู แต่กูชนะจ้า!!!

     ผมส่งยิ้มอย่างมีชัย ก่อนจะมองเข้มตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แล้วส่งยิ้มเย็นกลับไป...

 

 


 


*ประเทศชิลีเป็นเจ้าของประเทศที่มีความยาวที่สุดในโลก โดยมีความยาวมากกว่า 4,300 กิโลเมตร แต่กว้างแค่เพียง 180 กิโลเมตรเท่านั้น

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 07-04-2021 11:12:06
 :mew1:
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -10- เดท I
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 10-04-2021 11:25:43
​-10-
เดท I





   ณ บ้านราศี (ธนู)

   หลังจากผมทำสัญญากับโซ่วันนั้น ผมก็เริ่มคิดหนัก การที่เขาบอกว่าไม่ได้ไม่ชอบ หรือรังเกียจนั้นแสดงว่าก็ชอบผมอยู่บ้าง แต่ปัญหาคือผมจะทำยังไงให้โซ่ชอบผมมากขึ้น

   ไม่สิต้องทำให้เขาคลั่งรัก จนโงหัวไม่ขึ้น...

   ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว มันไม่ยากเลยหากผมต้องการควงใครสักคน ระดับนางแบบผมก็ควงมาหมดแล้ว แต่กับโซ่ เขาเป็นคนค่อนข้างเปิดเผย แต่ก็ระมัดระวังตัว เป็นคนคิดยังไงก็พูดอย่างนั้น และค่อนข้างจะเป็นมีแบบแผน ทำทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

   อย่างตอนที่เขาเล่นเกม เขามีวิธีเข้าหาที่ธรรมดา วางกับดักเป็นขั้น และเพิ่มระดับความน่ารัก ผมที่คิดว่าจะแค่เล่นแก้เซ็ง และไม่คิดจะผูกมิตรกับใครยังตกหลุมพราง (ไม่หรอก เขาชมผม และผมบ้ายอ-.-)

   แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เพราะผมตัดสินใจแล้วว่ายังไงก็ต้องเป็นโซ่เท่านั้นที่จะอยู่ข้างผม ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม

   

   โซ่ค่อนข้างจะสนิทกับบอดี้การ์ดของผม ต่างจากผมที่คุยกันน้อย แต่ก็ไม่เคยเลยที่ผมจะมองพวกเขาเป็นแค่ลูกน้อง เขาเป็นทั้งเพื่อน และยังเป็นที่ปรึกษาในบางครั้ง และเรื่องของโซ่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมเลือกปรึกษา

   “ไม้...ฉันมีเรื่องจะปรึกษา” ผมว่า กับคนที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน

   “ทุกคนรหัสแดง”

   ไม้เรียกเพียงไม่ถึงนาทีทุกคนก็เดินเข้ามาในห้อง ให้ตายเถอะทำไมนายชอบเล่นใหญ่ตลอด!

   “มีอะไรครับบอส” จอสถาม

   จอสน่ะ แน่นอนเรื่องความรักตัดออกไปได้เลย ผมโตมาด้วยกันไม่เคยเห็นสักครั้งว่าเขาจะคุย หรือชอบใคร

   “จอสนายเคยมีแฟนไหม?” จอสใช้มือปิดปากตัวเอง ก่อนจะผินหน้าไปทางอื่น ใบหูที่แดงก่ำบอกได้ชัดว่ากำลังเขินกับสิ่งที่ผมพูด

   ขี้อายแบบนี้ไง ถึงได้ไม่มีแฟนสักที!!!

   “คิม...”

   “เคยครับ” มนุษย์นิ่งตอบเสียงเรียบ

   “นายทำยังไงแบบให้แฟนนายชอบนายมากขึ้น ไม่ๆ หลงนายมากๆ”

   “จับกด” น้ำเสียงราบเรียบทำให้ผมรู้สึกว่า ผมผิดเองที่ถามเขา

   "...!!!" ถ้าวิธีนี้มันได้ผล ผมคงเรียบร้อยกับโซ่ตั้งแต่วันที่ผมลากเขาขึ้นไปบนห้องแล้วล่ะ

   “แมทนายล่ะ” ผมหันไปสนใจแมทแทน

   “เอ่อ...เรื่องแบบนี้มันต้องทำตามความรู้สึกนะครับบอส”

   “ปัดโธ่! กว้างไป ถ้าจะให้ฉันทำตามความรู้สึกก็ย้อนกลับไปที่คิมได้เลย”

   จับกด...

   “ผมครับๆ ผมมีวิธี” ยังไม่ทันพูด ไม้ก็เสนอตัวขึ้นมาทันที ไม้นะเป็นคนที่ดูจะลิงโลดกว่าใครเพื่อน “แต่มีข้อแม้นะครับ บอสต้องเล่าเรื่องของบอสให้ละเอียดผมถึงจะให้คำปรึกษาได้”

   ผมตัดสินใจเล่าเรื่องจับกด และเรื่องสัญญาที่ทำเอาไว้กับโซ่ เรื่องที่ผมต้องทำให้โซ่ชอบผมมากกว่านี้แล้วเขาจะยอมผมทุกอย่าง

   ไม้ทำท่าคิดอยู่พักก่อนจะเสนอไอเดีย

   “ในฐานะที่ผมสนิทกับโซ่มากกว่าคนอื่น ผมพอจะมองออกอยู่บ้าง ว่าเขาก็ชอบบอส” ผมเริ่มสนใจกับคำพูดของไม้ “โซ่เป็นเด็กที่มีมุมมองโลกสวยอยู่นะครับ ถ้าเรื่องความรัก ผมว่าบอสลองเริ่มจากขั้นพื้นฐาน เริ่มจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ค่อยๆ ทำให้รู้สึกดีมากขึ้นเรื่อยๆ”

   “...?”

   “เริ่มจากชวนเดทเป็นไงครับ” เรื่องง่ายๆ อย่างเดททำไมผมถึงคิดไม่ได้นะ จะบ้าตาย “ตอนเล่นเกมโซ่ชอบอ้อนให้บอสซื้อของให้ แสดงว่าโซ่ชอบสายเปย์ร้อยเปอร์เซ็นต์”

   “นายนี้มันพึ่งได้จริงๆ” ผมฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะเตรียมวางแผนเดทในวันพรุ่งนี้

   ไม้นี่มันใจถึงพึ่งได้ตลอด...

   

 


 

   ผมสั่งให้จอสจองร้านอาหารที่อร่อยที่สุดโดยการเหมาร้าน ตามคำแนะนำของไม้ เดทครั้งแรกผมเองก็อยากให้เขาประทับใจที่สุด

   วันนี้ผมเข้าออฟฟิศช้ากว่าปกติ เพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ มันตื่นเต้น จนต้องลุกมาเปิดตู้เสื้อผ้าดูว่าจะใส่ชุดไหน รู้แบบนี้เมื่อวานสั่งตัดสูทใหม่ก็ดี

   สุดท้ายก็แต่ตัวปกติเหมือนทุกวัน เพราะกลัวโซ่จะจับได้ว่าแต่งตัวมากกว่าปกติ ให้ตายผมไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก

   “ทำอะไร” ผมถามเมื่อเดินเข้ามายังในห้องทำงานที่สะอาดเอี่ยมเหมือนทุกวัน

   “เป็นแม่บ้าน...” โซ่ทำเสียงเล็กเสียงน้อย ทำเอาสายตาคนมองชวนให้รู้สึกน่าเอ็นดู

   “ต่อไปไม่ต้องทำ” ไม้บอกว่าต้องเริ่มจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละเริ่มจากงานที่เขาไม่เคยได้เงินเดือน เพราะตอนแรกผมบังคับให้เขาทำงานเพื่อใช้หนี้

   “ทำไมล่ะ คุณจะไล่ผมออกเหรอ” แววตาใสจ้องมองผมอย่างไม่ลดละสายตา แต่สายตาคนมองอย่างผม กลับเห็นเขากวางเล็กๆ ที่งอกยื่นออกมาจากหัว จมูกกลมแดงๆ แววตาใส กับท่าทางน่ารัก

   ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ อดหน๋อ ทนหน๋อ...!!!

   “ต่อไปฉันจะให้เงินเดือนนาย แล้วทำงานเฉพาะที่ฉันสั่ง”

   “แล้วหนี้?” โซ่ทำตาโตอย่างตื่นเต้นเมื่อพูดถึงเงินเดือน ก่อนจะนึกถึงหนี้แล้วทำหน้าหงอยหูลู่ลงมา

   “ช่างมัน ฉันไม่เคบอกเหรอว่านั้นแค่เงินขึ้นทางด่วน” ไม้บอกโซ่ชอบให้เปย์ เป็นไงรวยพอยัง "งานแรกของนายคือ ฉันอยากกินกาแฟ"

   “พี่จะเอาอะไรกันไหมครับ ผมจะไปร้านกาแฟ” โซ่หันไปถามทุกคนด้วยท่าทางร่าเริง เป็นเช้าที่สดใสจริงๆ หลังจากที่ปกติทุกวัน ผมจะต้องเข้ามาทำงานพร้อมกับผู้ชายสีคนที่ดูจะไร้สีสัน ยกเว้นไม้ไว้คนแล้วกัน

   

   Rrrr…

   ผมกดรับสายจากฝ่ายขาย เมื่อเดือนก่อนเราคุยกันเรื่องโครงการใหม่ อีกสองเดือนข้างหน้ากำลังจะมีการประมูลที่ใจกลางเมือง ติดกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งแน่นอนว่าใครๆ ก็ต่างอยากได้ รวมถึงผม และถ้าผมอยากได้ต้องได้!

   “ครับ...เดี๋ยวผมลงไปดู” ผมกดตัดสาย ก่อนจะเดินลงไปคุยรายละเอียดต่างๆ ผมไม่ค่อยชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในห้องทำงานผมนัก

   “ไม่ต้องตาม...พวกนายอยู่นี่แหละ” ผมว่า

   

   ผมใช้เวลาคุยรายละเอียดต่างๆ ไม่นานนัก เน้นคุยสาระสำคัญ งานไหนที่ผ่านเลขาได้ก็ให้พวกเขาจัดการกันเอง

   "ที่เหลือผมฝากด้วย ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกเลขผมไว้" ผมว่า

   "ครับบอส"

   เท้าก้าวฉับๆ ออกมายังหน้าลิฟต์ แต่ลิฟต์ผู้บริหารถูกใช้ลงไปยังชั้นล่างสุด และผมก็ไม่ต้องการรอ จึงตัดสินใจเดินกลับมาใช้ลิฟต์ของพนักงาน

   ผมยังมีงานที่กองอยู่ที่โต๊ะ ต้องรีบกลับไปเคลียร์ให้เสร็จก่อนเลิกงาน จะได้ออกไปเดทอย่างสบายใจ

   

   ติ้ง~

   ประตูลิฟต์ถูกเปิดออกเผยให้เห็นคนคุ้นเคย

   โซ่... แต่เขากำลังคุยกับอีกคนที่อยู่ด้วย

   ใคร?

   คนในลิฟต์กล่าวทักทาย ก่อนผมจะสังเกตเห็นป้ายพนักงานที่ห้อยอยู่ อ๋อพนักงานในบริษัทนี้เอง แน่นอนว่าผมไม่รู้จักทุกคน แต่ผมก็มีมารยาทพอที่จะตอบกลับ

   “เอ่อ ว่าแต่โซ่มาทำอะไรที่นี่ มาส่งกาแฟเหรอ” เขาถามพลางใช้สายตามองโซ่อย่างดูแคลน ซึ่งผมไม่พอใจ

   “เอ่อ...” ดูสิลูกกวางน้อยหน้าซีดไปแล้ว กล้ามากที่ทำให้คนของผมหน้าซีดได้ขนาดนี้

   คนที่แกล้งโซ่ได้ต้องเป็นผมคนเดียวเท่านั้น!

   “คุณ! โซ่เป็นแฟนผม” ผมจงใจเน้นคำว่าคุณ! ก่อนจะดึงโซ่เข้ามากอดเอาไว้หลวมๆ โน้มหน้าลงกดจูบขมับเบาๆ

   โซ่ไม่ตอบอะไร นอกจากใช้สายตาที่ถูกมองอย่างเหยียดๆ นั้น มองกลับไป แฟนผมก็แอบร้ายใช่ย่อย

   ไม่นานลิฟต์ก็เปิดออกอีกครั้งเมื่อถึงชั้นที่บุคคลที่สามทำงานอยู่ ภายในลิฟต์เหลือเพียงแค่เราสองคนที่ยืนเงียบ

   “เย็นนี้” ผมถามทำลายความเงียบ ใจสั่นสุดๆ ไปเลยโวย!!!

   “ครับ?”

   “ว่างไหม”

   “ว่างครับ จะชวนผมไปไหนเหรอ” คนฟังกระดี๊กระด๊า

   “เดท”

   ฉ่า~ หน้าผมร้อนผ่าวตอนที่พูดคำว่าเดทออกไป หางตาเห็นคนด้านข้างกำลังยืนหน้าแดงไม่ต่างกับผม

   น่ารักเป็นบ้า ข้ามขั้นตอนไปจับกดเลยไม่ได้หรือไง!

   ผมกลับมานั่งทำงานที่ค้างต่อ จมจ่ออยู่อย่างนั้น ปล่อยให้โซ่กับพวกบอดี้การ์ดออกไปหาอะไรทำ ออกไปข้างนอกเพียงสักพักก็กลับเข้ามา ผมสั่งให้โซ่ขึ้นไปนอนเล่นชั้นบน แต่โซ่ก็ดื้อจะอยู่ข้างล่าง เลยต้องปล่อยให้เขานอนเล่นที่โซฟา ก่อนจะผล็อยหลับไป

   

   

   

   งานทั้งหมดเสร็จก่อนห้าโมงเย็นเรามีเวลาเตรียมตัวกันนิดหน่อย จอสส่งรายละเอียดร้านที่จองมาให้ดู เป็นร้านอาหารยุโรปแบบ Fine Dining ดูจากรูปก็รู้ว่าเขาต้องชอบมากแน่ๆ

   โซฟาตัวยาวที่คนตัวบางนอนอยู่คือจุดหมายที่ผมเดินเข้าไป ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งมองใบหน้าที่กำลังหลับตาพริ้ม จัดการเขี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าออกเพื่อให้เห็นใบหน้าชัด

   ผมชอบตอนที่โซ่หลับ เพราะตอนนั้นเขาไม่ดื้อ และไม่เถียง

   จุ๊บ~ ผมโน้มตัวกดริมฝีปากลงบนหน้าผากนูนอย่างเบา

   โซ่ไม่ตื่นแฮะ...

   จุ๊บ~ ผมค่อยลากจมูกลงมาที่พวงแก้มใส และจรดริมฝีปากลงไป

   กลิ่นตัวโซ่ช่างหอมเย้ายวนใจ จนผมรู้สึกว่าแค่นี้มันไม่พอ เลยแอบขโมยจุ๊บแก้มย้ำๆ อยู่อย่างนั้น

   อย่าเพิ่งรีบตื่นละ...

   “บอสทำอะไร” โซ่ถามขึ้น ขณะที่จมูกผมยังคลอเคลียกับพวงแก้ม

   “ปลุกคนหลับไงครับ” ผมจ้องมองดวงตาที่แดงก่ำจากการที่เพิ่งตื่นจากหลับใหล

   โซ่ชันตัวลุกขึ้นนั่ง มือทั้งสองเริ่มขยี้ตาตัวเอง “อย่าขยี้เดียวก็เจ็บตา!” ผมดุเสียงนิ่ง

   “ก็ผมคัน ขออีกนิดนาบอส” นี่ไงล่ะยามที่เขาตื่น ดื้อแล้วยังชอบเถียง น่าจับฟาดก้นให้ลาย

   โซ่สาวเท้าเข้าห้องน้ำทั้งที่ยังงัวเงีย ก่อนจะออกมาด้วยท่าทางสดชื่น

   

   

   เราออกเดินทางมายังร้านในเวลาต่อมา และไม่นานก็มาถึงร้านที่จองเอาไว้ ขึ้นมายังชั้นบนสุดของร้าน เลือกมุมที่ดีที่สุด แล้วพาลูกกวางน้อยที่บ่นหิวตลอดทางไปนั่ง

   “บอสครับ...ร้านนี้จะเจ๊งแล้วเหรอครับ ทำไมเงียบจังผมกลัว” มันน่ารักจนคนฟังอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู

   “ไม่ชอบเหรอครับ” ผมไม่ตอบแต่ถามกลับ

   “ก็ส่วนตัวดีครับแต่วังเวงไปหน่อย” เจ้าตัวว่าก่อนจะเปิดเมนูที่มีแต่ภาษาอังกฤษขึ้นมา และนั้นทำให้เขาตาโตยิ่งกว่าเดิม แล้วโน้มตัวลงมาใช้เมนูบังหน้าเพื่อให้เราได้คุยกันแค่สองคน “บอสมันแพงไป”

   โซ่เริ่มทำตัวไม่ถูก นั่งหันซ้ายทีขวาที ผมเลยจัดการสั่งมาหนึ่งคอร์ส และไวน์ที่เข้ากับรสชาติอาหาร

   เมื่อพนักงานหายกลับเข้าไป โซ่ก็เริ่มคลายความอึดอัดลง “บอสบอกก่อนนะ แพงขนาดนี้เงินเดือนผมไม่พอจ่ายหรอกนะ ผมก็มีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นที่ต้องใช้”

   “ไม่ต้องจ่ายหรอก เพราะฉันเหมาทั้งร้านแล้ว นายอยากได้อะไรสั่งได้เลย”

   “ห๊ะ!!!” โซ่อุทานเสียงดังก่อนจะเอามือปิดปากตัวเอง ตาทั้งสองเบิกโพลง “บอสเป็นบ้าเหรอ เรากลับกันเถอะ”

   “ใจเย็นก่อน นายไม่ต้องคิดอะไรมากแฟนคนเดียวฉันทำให้ได้”

   

   

   ไม่ต้องรอนานอาหารจานแรกก็มาเสิร์ฟ โซ่ดูตื่นตาตื่นใจ ราวกับเด็กน้อยไม่มีผิด “บอสผมถ่ายรูปได้ไหมครับ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนเจ้าตัวจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ทุกการกระทำของโซ่อยู่ในสายตาของผมตลอด

   “บอสครับมันสวยมาก ผมไม่กล้ากิน”

   “กินเข้าไป ถ้านายชอบฉันจะสั่งเพิ่ม” พูดพลางกลั้วหัวเราะเบาๆ ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะทำให้เขาคลั่งรัก หรือว่าตัวเองที่จะคลั่งซะก่อน

   เราใช้เวลาทานข้าวกันร่วมชั่วโมง ไวน์ในแก้วทรงสวยของโซ่แทบไม่ลดลงเลย ตั้งใจว่าถ้าโชคดี อาจจะปุบปับรับโชค พาเขากลับไปนอนเล่นที่ห้อง แต่เขาจิ๊บไปเพียงอึกเดียวก็บ่นว่าไม่อร่อย ทั้งเปรี้ยวแล้วยังเฝื่อนลิ้น

   “บอสครับ ผมออกไปเดินเล่นด้านนอกได้ไหม”

   “ได้สิ...ฉันเหมาร้านแล้วนายอยากทำอะไรก็ทำ”

   “ครับๆ รู้แล้วครับว่ารวย” เขาพูดเอินหยอก ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปรับลมด้านนอก

   โซ่เดินห่างผมออกไปทุกที และผมก็ไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ก่อนจะลุกตามออกไป

   ผมยืนมองโซ่ที่กำลังยื่นหน้ารับลมจากด้านหลัง แม้แผ่นหลังนั้นเล็ก แต่ผมกลับรู้สึกกว้างกว่าที่ตาเห็น เท้าสาวเข้าไปอย่างเชื่องช้า ไม่รีบร้อน ก่อนจะวางแขนคร่อมตัวโซ่เอาไว้อย่างหลวมๆ มองวิวที่อยู่ข้างหน้าทอดยาวออกไป

   แสงไฟล่อหลอกให้เราทั้งคู่หลงใหล ลมเย็นเอื่อยพัดสัมผัสผิวให้รู้สึกเย็นวาบ เราทั้งคู่เงียบกันอยู่พักใหญ่ก่อนที่โซ่จะเป็นคนเริ่มพูดทำลายความเงียบ

   “สวยดีนะครับ”

   “อยากได้ไหม” ผมถาม

   “ครับ?”

   “คอนโดฯ น่ะ เอาที่วิวสวยๆ แบบนี้ดีไหม หรือจะเอาสวยกว่านี้ฉันก็หาให้นายได้นะ” ผมขยับมือที่วางอยู่ที่ราวระเบียง เปลี่ยนมาเป็นดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดเอาไว้จนแผ่นหลังเขาแนบลงมากับแผ่นอก

   เมื่อโซ่ไม่ขัดขืนผมก็ขยับแขนให้แน่นขึ้น

   “ไม่เอาหรอกครับผมกลัวความสูง” โซ่ว่า หลุดขำเบาๆ ในลำคอ

   “มีฉันอยู่ทั้งคน นายจะกลัวทำไม”

   “ผมบอกเหรอครับว่าจะอยู่กับบอส” คราวนี้โซ่เงยหน้าขึ้นมองผมแทน เพราะความสูงของเราไล่เลี่ยกัน จมูกเขาเลยเฉียดแก้มผมไปมาทุกครั้งที่เขาเงยหน้ามอง “อีกอย่างนะครับ บอสน่ะ...น่ากลัวกว่าความสูงซะอีก”

   “ก็ไม่รู้สิครับ” ผมว่า ก่อนที่เราทั้งสองจะยืนมองวิวตรงหน้าต่อกันอีกสักพัก

   ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ความรู้สึกของเขามากขึ้นหรือเปล่า แต่วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขมาก บางครั้งการเริ่มต้นจากพื้นฐานอย่างเดทก็ไม่เลวร้ายอะไร กลับยิ่งทำให้เราใกล้กันมากขึ้น ได้สบตา และพูดคุย

   ถึงแม้จะทำได้แค่เพียงกอด แต่มันก็ฮีลใจที่เหนื่อยล้าจากงานให้หายเป็นปลิดทิ้งอย่างไม่น่าเชื่อ

   ยิ่งรู้จัก ผมก็ยิ่งชอบโซ่มากขึ้น และมันจะมากขึ้นกว่านี้อีกแน่นอน...



 

 
>///<

#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

 

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorrowkung ที่ 10-04-2021 22:16:22
 :hao3: โซ่เสร็จแน่นอน
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] อัพตอนที่ -11- เดทII
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 12-04-2021 10:09:58
​-11-

เดท II


     กลิ่นกาแฟคั่วหอมกรุ่น แค่ได้กลิ่นก็พลันทำให้ตาสว่าง แต่ผมดันไม่ใช่คนที่ชอบกินกาแฟนี่สิ แต่ถ้าหากเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ลเป็นส่วนผสม ผมก็ไม่หวั่น



     “กาแฟได้แล้วจ้า” พี่ครีมเจ้าของร้านว่า วางกาแฟไว้สามแก้ว “ถุงใส่พี่หมด น้องโซ่ถือได้ไหม ไม่ไหวเดียวให้กิ่งช่วยถือไป” ผมก้มมองดูแก้วกาแฟทั้งสาม พิจารณาแล้วก็ไม่ได้เกินความสามารถคนอย่างผมเท่าไหร่นักหรอก



     “ไหวครับพี่ครีม สบายมาก” มือทั้งสองรวบแก้วทั้งสามขึ้นมา ก่อนจะเดินออกไปยังประตู



     ผมเดินหันหลังใส่ประตู เพื่อใช้หลังดันแทนการใช้มือเปิด เพียงแค่ทิ้งน้ำหนักลงไปที่ประตู จังหวะนั้นผมก็รู้ได้ทันทีว่าตรงนั้นไม่มีประตู และหายนะเลิฟเวอร์ก็เริ่มทำงาน



     พลั่ก!



     เคร้ง!



     “น้องโซ่” เสียงพี่ครีมเจ้าของร้านร้องลั่นเมื่อเห็นแก้วกาแฟล่วงลงสู่พื้นอย่างสวยงาม



     ปัญหาไม่ใช่ที่แก้วกาแฟตก แต่มันอยู่ที่...



     “ขอโทษครับๆ” ผมว่าอย่างลนลาน มือก็ปัดป่ายเสื้อสูทสีเทาที่เลอะกาแฟลงมายันกางเกง



     “ไม่เป็นไรครับ” ใบหน้าขาวส่งยิ้มให้ ในแววตาไม่มีท่าทีขุ่นเคืองใจใดๆ



     “เสื้อพี่เลอะขนาดนี้ จะไม่เป็นไรได้ไงล่ะครับ” เขาใจเย็นจนใจหาย ถ้าเป็นผมคงวิ่งใส่เดี่ยวไปแล้ว



     “แค่เสื้อเลอะเดี๋ยวผมส่งซักก็ได้ครับ”



     “งั้นเดี๋ยวผมออกค่าซักให้” ผมแสดงรับผิดชอบ เพราะรู้สึกผิดจริง สูทเขาดูราคาแพง ถ้าหากส่งซักก็คงไม่ใช่น้อยๆ



     “ไม่เป็นอะไรจริงๆ ครับ เล็กน้อย” พ่อคุณ! จิตใจทำด้วยอะไรกัน ผมเหมือนเห็นแสงธรรมส่องชีวิตกระจายอยู่รอบตัวเขา มันจ้าเหลือเกิน~



     “ให้ผมจ่ายเถอะครับ ผมจะได้ไม่รู้สึกผิด”



     เขาทำท่าครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบตกลง



     “ก็ได้ครับ แต่ว่า...คุณต้องให้ผมเลี้ยงกาแฟ” บร๊ะ! มีที่ไหนกันโดนชนจนเสื้อเลอะ แล้วยังต้องมาเลี้ยงกาแฟที่หล่นอีก



     “ไม่เป็นไรครับ ผมทำเสื้อคุณเลอะ คุณยังจะซื้อกาแฟคืนผมอีก มันไม่ดูแปลกไปหน่อยเหรอครับ” ผมว่า



     “งั้นผมก็ไม่สบายใจเหมือนกัน” อะไรของเขาวะ “ผมก็มีส่วนผิด ที่ทำให้กาแฟคุณหลุดมือนี่”



     “อ๋อ...ครับ”



     “ถ้าคุณไม่ให้ผมซื้อคืน ผมก็คงรับค่าซักเสื้อไม่ได้เหมือนกัน”



     “เอางั้นก็ได้ครับ ถ้าคุณสบายใจ”



     “ผมศรครับ...คุณ...?”



     “สายโซ่ครับ เรียกโซ่เฉยๆ ก็ได้”



     หลังจากนั้นเราก็แลกเบอร์ติดต่อกันอีกนิดหน่อย เผื่อว่าเขาส่งเสื้อซักแล้วจะติดต่อเรื่องค่าใช้จ่าย เสร็จจากตรงนั้นผมก็หอบกาแฟสามแก้วขึ้นมายังห้องทำงานของธนู



     “ทำไมช้าจัง” เพียงแค่ก้าวเท้าเข้ามา ธนูก็เอ่ยปากถามทันที



     “คนเยอะครับ” ผมตอบปัดเพราะขี้เกียจอธิบายเหตุผล



     “มานี่สิ ขอชาร์จพลังหน่อย ฉันเหนื่อยมาก”



     “แค่กอดนะครับ” ผมว่าดักคอไว้ก่อน เพราะธนูนอกจากเจ้าเล่ห์แล้ว มือเขาก็หนุบหนับอย่างกับปลาหมึก



     คนฟังพยักหน้ารับ แล้วจึงอ้าขาออก เพื่อให้ผมแทรกตัวเข้าไปนั่งได้ แรกๆ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำอะไรแบบนี้ แต่พักหลังผมเริ่มชินกับการกอดชาร์จพลังของเขาซะแล้ว



     “หอมจัง” จมูกของเขาเริ่มซุกซน สูดดมกลิ่นกายตั้งแต่ลาดไหล่จนถึงซอกคอ



     “บอส...!” ฝ่ามือร้อนก็สอดเข้ามาใต้เสื้อของผมเป็นที่เรียบร้อย “อื้อออ... อย่าครับ” เสียงผมติดสั่นเล็กน้อย เมื่อมือเขาเริ่มลูบวนไปทั่วหน้าอก ทั้งลมหายใจร้อนยังรดต้นคอจนขนลุกชัน



     “นายก็รู้สึกดีนี่นา จะให้ฉันหยุดทำไม” เออก็ใช่แต่ไม่ใช่ตอนนี้ไงโวย



     “ไหนแค่กอดไง ผมจะลุกแล้วนะ”



     “ทำยังไงดี ฉันอยากกินนายแล้ว” น้ำลายอึกใหญ่ไหลลงคอ หลังฟังประโยคชวนสยอง


     
     “บอสพอก่อน เดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น อะ!” ผมเผลอหลุดร้องอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่พยายามลูบวนยอดอกจนขึ้นแข็งขึง



     “ไม่มีใครกล้าเข้ามา ถ้าฉันไม่ได้สั่ง” ธนูแสดงความต้องการออกมาอย่างชัดเจน เพราะจุดอ่อนไหวของเขามันดันก้นอยู่ด้านหลัง ผมรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้อารมณ์ของธนูพุ่งสูงจนเกินห้าม หากผมปล่อยให้เขาลวนลามต่อ ต้องตกเป็นเมืองขึ้นทั้งที่ยังไม่พร้อมแน่ๆ



     ผมยังไม่พร้อม และยังไม่ได้เตรียมใจที่จะถูกเขาจับกินหรอกนะ...



     สุดท้ายผมก็ตัดสินใจลุกขึ้นพรวดพลาด “บอสครับผมยังไม่พร้อม” หันไปประจันหน้ากับคนที่นั่งอยู่ ก่อนจะใช้หัวเข่าวางเอาไว้ระหว่างขา



     แล้วดันให้หน้าขาสัมผัสกับจุดอ่อนไหวไปมา จนคิ้วทั้งสองข้างของธนูก็เริ่มขมวดจนเป็นปม



     “แต่นายกำลังยั่วฉันอยู่นะ” ธนูว่า สีหน้าของเขาเริ่มทนไม่ไหว เมื่อผมใช้ขาบดเบียดแกนกลางแนบชิดขึ้น



     “ผมจะช่วยบอส แต่บอสห้ามทำจนถึงขั้นสุดท้ายตกลงไหม” ผมยื่นข้อเสนอเพื่อประวิงเวลาในการตกเป็นเมืองขึ้นออกไป ผมยังทำใจไม่ได้จริงๆ



     “โอเค” ทันทีที่ธนูตอบตกลง ผมก็จัดการปลดเข็มขัดออก ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้า



     เจ้าตัวไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไป รีบจัดการปลดกระดุมออก แล้วรูดซิปกางเกงลงเสียเอง ผมใช้ฝ่ามือบางควักเอาส่วนอ่อนไหวที่กำลังขยายตัวออกมาจากอันเดอร์แวร์



     นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นตัวตนของธนูแบบเต็มตา มันเอิ่ม... อลังการมากเจ้าโลก!



     ผมค่อยๆ ใช้ฝ่ามือประคองแกนกายเอาไว้ตรงหน้า กดริมฝีปากไล้สัมผัสกับแกนกายอย่างออดอ้อน ฝ่ามือก็ขยับเนิบนาบ ก่อนจะใช้ลิ้นร้อนหยอกล้อกับส่วนปลายเบาๆ ผมรู้ดีว่าจุดไหนทำให้รู้สึกดีได้ เพราะตัวผมเองก็เป็นผู้ชายย่อมรู้ดี



     “อื้อ...” เสียงครางต่ำหลุดออกมา ผมปรายตามองคนถูกกระทำ สีหน้าของเขาบอกได้ชัดว่าพอใจมาก โดยเฉพาะตอนที่ลิ้นร้อนสัมผัสกับส่วนของรอยแยกสีหวาน



     ริมฝีปากเผยอครอบส่วนปลาย ก่อนจะออกแรงดูดดึงระหว่างรอยแยกจนปริ่มน้ำใส กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วช่องปาก สายตาธนูบ่งบอกถึงอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูง และอยากให้ผมครอบครองลงมาทั้งหมด



     ผมเริ่มกดปากขึ้นลงอย่างเนิบนาบ แล้วจึงเริ่มเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ จากความยาวของแกนกาย ผมไม่สามารถใช้ปากเข้าไปจนสุดได้ จึงต้องใช้ฝ่ามือช่วยขยับตามจังหวะขึ้นลงของริมฝีปาก



     “อ๊ะ! ... อื้อ” เขาใช้ฝ่ามือจับประคองศีรษะที่กำลังขยับขึ้นลงเอาไว้ กดหัวลงไปบ้างเป็นครั้งคราว ก่อนจะสอดมือเข้ากับกลุ่มผมสีดำสนิท แล้วจิกกำอย่างเบามือ



     ริมฝีปากถูกผละออกจากแท่งร้อน เปลี่ยนมาเป็นใช้ลิ้นไล้โลมเลียจากโคนจนถึงส่วนปลายแทน เมื่อผมสูดเอาอากาศเข้าไปจนเต็มปอดแล้วจึงเผยอปากครอบลงมาอีกครั้ง



     มันอึดอัด เพราะขนาดของมันเหมือนจะใหญ่ขึ้นจากตอนแรก น้ำตาเม็ดใสไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว ยามที่ถูกสวนสะโพกเข้ามา ความรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ



     "แค่กๆ แค่ก อื้มมม...บ" ธนูปล่อยให้ผมนำอากาศเข้าสู่ปอดอีกครั้ง แต่ก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปนาน เขาใช้ก็ฝ่ามือกดหัวผมลง พร้อมกับสวนสะโพกเข้ามาจนลึกสุดโคน



     ผมรู้สึกได้ว่ามันถล้ำลึกลงไปในคอ ให้ตายเถอะ แม้กระทั่งตอนทำเรื่องอย่างว่าเขาก็ยังทำตามใจตัวเอง



     “หนู...จะไม่ไหวแล้ว อื้อ!” โอ้โฮ้! สรรพนามนี้ซื้อทิ้งได้ไหมอะ เขาไม่ได้ใช้เรียกผมมานานแล้วนะ



     ปากผมยังขยับขึ้นลงดูดดึง ผ่อนแรงหนักเบาอย่างเป็นจังหวะ ฝ่ามือก็รูดรั้งไปพร้อมกัน “ซี๊ดดดด...อ๊า~” ไม่นานของเหลวรสคาว ก็ทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว จนผมแทบสำลัก



     แต่เขาไม่ได้ปล่อยให้ผมขยับหน้าออก กลับกดศีรษะลงให้ลึกจนสุดความยาว แล้วแช่ค้างเอาไว้อย่างนั้น



     ธนูกระตุกเกร็งรีดเอาน้ำรักออกมาจนหมด “กลืนลงไป” ผมจ้องมองใบหน้าของคนเอาแต่ใจ "ถ้านายไม่กลืนฉันจะทำอีกครั้ง"



     ฮ๊ะ!!! ผมได้แต่ร้องเชี่ยในใจ จะถอยออกก็ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องกลืนลงคออย่างจำใจ เป็นการเอาตัวรอดที่เมื่อยปากสุดๆ



     แฮ่กๆ ผมรีบกอบโกยอากาศเข้าสู่ปอด เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เขามันคนเอาแต่ใจ และเสมอต้อนเสมอปลายแบบนี้มาตลอด!!!



     “เก่งมากเด็กดี” ธนูว่า ก่อนจะจัดการใช้ทิชชูเช็ดคราบน้ำลาย แล้วดึงผมขึ้นไปจูบกวาดเอารสคาวออกไปจนหมด แม้แต่ส่วนที่เปื้อนตรงบริเวณแก้มเขาก็ใช้ลิ้นไล้เลียจนเกลี้ยง



     “อื้อ...ไม่ต้องเลย บอสกดหัวผมด้วย” ผมว่าพลางถลึงตาใส่อย่างเอาความ



     “ก็ตอนนั้น หนูรักทำไมล่ะคะ” นี่ผมผิดใช่ไหมเนี่ย!!!



     “ผมขอล่ะ คำว่าหนูเนี่ยไม่เรียกได้ไหม”



     “งั้นจะให้เรียกว่าอะไรละ”



     “เรื่องของบอส แต่ผมไม่ชอบให้บอสเรียกแบบนั้น”



     “อีหนูเป็นไง” เชื่อเขาเลย ความหมายมันต่างกันตรงไหนฟะ



     “ผมไม่คุยกับบอสแล้ว ปล่อยสักที ผมจะไปเข้าห้องน้ำ”



     “ครับๆ อีหนูขอป๋า” โอ๊ย อยากกัดลิ้นตัวเองตายให้จบๆ



     หมดคำจะพูด สุดจะทนคนอย่างธนู “รีบมานะป๋ารออยู่” อร๊ากกก!!! ใครก็ได้เอาธนูไปเก็บที ผมจะเป็นบ้าแล้ว







     ผมเดินกลับเข้ามา ณ จุดเกิดเหตุ ก่อนจะทิ้งตัวนอนเล่นบนโซฟา ส่วนธนูก็นั่งทำงานต่อราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น สบายตัวไปเส่ ส่วนผมนอนปวดกราม จะมีแรงไปเคี้ยวหมูกระทะกับพวกแก๊ง



     จะว่าไปผมยังไม่ได้บอกธนูเลยนี่ว่าผมมีนัดกับเพื่อน ไวกว่าความคิดก็ปากผมนี่แหละ



     “บอสครับ วันนี้ผมขอกลับเร็วนะ”



     “จะไปไหน” ธนูตอบ แต่ก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมอง มือก็ยังคงเปิดเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ



     “ผมนัดเพื่อนเอาไว้”



     “อืม...” วันนี้ยอมง่ายจังวะ ปกติซักสะอาดยิ่งกว่าเครื่องซักผ้าที่บ้านซะอีก “ฉันจะไปด้วย” นั่นไงรอบนี้ไม่ซักไซ้ แต่ตามไปด้วยเลย



     “ผมจะไปร้านหมูกระทะ บอสจะไหวเหรอ ควันเยอะนะ กลิ่นติดหัวด้วย”



     “แล้วไง คิดซะว่าเป็นเดทก็ได้นี่”



     “ตามใจบอสนะ อย่ามางอแงที่หลังก็แล้วกัน” ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเดทกันที่ร้านหมูกระทะก็ไม่เลวแฮะ อย่างน้อยก็ได้ลองพาเขามาอยู่ในโลกของคนธรรมดาๆ อย่างผม



     เดทที่ผ่านมาผมตามใจยอมให้เขาลากผมไปตามที่ต่างๆ วันนี้ก็ลองมาเปลี่ยนบรรยากาศมากับผมดูล่ะกัน







     ในที่สุดเราก็มาร้านหมูกระทะด้วยกัน ผมเตือนเขาแล้วนะ ว่าร้านที่ผมมาเป็นร้านหมูกระทะ แน่นอนว่ามันไม่ได้บรรยากาศดี มีเพลงคลอเบาๆ เหมือนที่เขาชอบพาผมไปนั่ง



     “มาสิครับ” ผมเรียกคนใส่สูทที่ยังยืนงงอยู่หน้าร้าน



     เป็นภาพที่น่าขำดีเหมือนกันนะ ผู้ชายตัวโต หล่ออย่างกับนายแบบที่หลุดมาจากปกหนังสือนิตยสาร ใส่สูทเต็มยศมากินหมูกระทะ



     เพื่อนทั้งสามที่มาก่อนแล้วโบกมือไหวๆ เรียกให้เราไปยังโต๊ะ ก่อนที่พวกมันจะมองธนูกันเป็นตาเดียว ไม่มีใครพูดอะไร ก่อนไอ้ดัมมี่คนปากหมาที่สุดของกลุ่มจะเป็นคนเริ่มพูดเป็นคนแรก



     “จะใส่สูทจริงดิ?” ผมหันไปหัวเราะเบาๆ ในลำคอ



     ธนูยืนขึ้นเต็มความสูง ถอดเสื้อสูทออก ก่อนจะพับแขนเสื้อตัวในให้ขึ้นมาอยู่ที่ข้อศอก ชายเสื้อถูกดึงออกจากกางเกงอย่างลวกๆ มือคลายก็เนกไทออกกองเอาไว้ แล้วปลดกระดุมเสื้อลงมาสองเม็ด



     ภาพตรงหน้าทำให้ทุกคนอ้าปากค้างไปตามๆ กัน ยิ่งไอ้กระทิงอ้าปากหวอจนหมูในปากตกลงมาใส่จานตัวเอง



     “พี่ชื่อธนูนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ธนูแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ



     ทุกคนหนีปายยยย~ นั่นมันภาพลวงตา สิ่งที่ทุกคนเห็นคือภาพใบหน้าหล่อเหลา กำลังยิ้มเย็นอย่างเป็นมิตร แต่ผมกลับเห็นเงาปีศาจในรอยยิ้ม



     หลังจากนั้นเราก็เริ่มแนะนำตัวกันที่ละคนจนครบ ก่อนจะเริ่มปิ้งหมู พร้อมจิ๊บเบียร์วุ้นเย็นๆ คุยกันอย่างออกรสออกชาติ



     “ยังไง” ไอ้ชีสสะกิดแขนผมพลางกระซิบเบาๆ ให้เราได้ยินกันเพียงสองคน



     “...” ผมส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ พลางยกเบียร์ในแก้วขึ้นซดจนหมดรวดเดียว



     “บอสเอาอะไรไหม เดี๋ยวผมปิ้งให้” ผมว่า เพราะเขาไม่ค่อยกินเท่าไหร่



     “ไม่เป็นไรกินไปเถอะ”



     “พี่ธนูครับ” กระทิงพูดขึ้น ผมถึงกับจ้องเขม็งกลัวว่ามันจะพูดอะไรแปลกๆ “ทำไมโซ่เรียกพี่ว่าบอสล่ะ” ผมผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก



     “เขาเป็นหัวหน้ากู ในบริษัทใครก็เรียกแบบนี้เนอะ” ผมหันไปมองธนู แต่เหมือนว่าธนูจะไม่เล่นด้วย



     “อ๋อ พี่เขาเป็นเจ้านายมึงสินะ”



     “เฮอะๆ” เสียงหัวเราะเจื่อนๆ หลุดออกมาเป็นคำตอบ ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ



     ผมรู้ว่าธนูไม่พอใจ ที่ผมบอกว่าเขาเป็นแค่หัวหน้า เขาไม่พูดอะไร และไม่ยอมกินอะไรด้วย



     “กินเยอะๆ ผอมลงนะรู้ไหม” ขนาดเขากำลังโกรธผมอยู่ ก็ยังเป็นห่วงผมเลยอะ คีบหมูใส่จานจนไอ้สามตัวเริ่มมองหน้ากัน



     “ขอบคุณครับ” ผมว่า ก่อนจะคีบหมูใส่ปาก



     ผมควรทำยังไงดีวะ ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย หรือควรบอกเพื่อนไปเลยดีไหมว่าธนูเป็นแฟน แล้วถ้าสุดท้ายเราไปกันไม่รอด มันก็จะต้องกลายเป็น อีกแล้วเหรอว่ะ ไหนบอกคนนี้ใช่ แล้วทำไมถึงยังเจ็บซ้ำๆ



     ผมกลัว...



     “ไอ้โซ่มีอะไรก็พูด” คราวนี้ไอ้ชีสเป็นคนพูดขึ้น



     เชี่ย... มองออกด้วยเหรอวะ...เหมือนรู้ว่ากูกำลังฟุ้งซ่าน



     “พวกกูรู้แต่อยากฟังจากปากมึง” ดัมมี่เริ่มประสมโรง



     “พวกกูไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย มีอะไรก็พูดมา” ผมหันไปมองกระทิงที่เพิ่งพูดจบ



     ทุกสายตาจ้องมองมายังผม สลับกับธนู ผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนสายตาพวกมันบีบคอให้พูดสิ่งที่คิดออกมา



     นี่!!! พวกมึงนั่งทางในมาเสือกหรือไงวะ ไอ้พวกเหี้ย



     “...เอ่อกูกับธนูดูๆ กันอยู่” ผมยกมือขึ้นลูบหน้าที่กำลังเห่อร้อนป้อยๆ



     มีแวบหนึ่งที่ผมแอบเห็นธนูยิ้มอย่างพอใจ ถ้าเขาพอใจผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว



     "ดูใจอยู่ แล้วได้กันยังครับ" กระทิงถามอย่างเสียมารยาท



     "ยังครับ แค่เกือบ" เอ้า!!! นี่ก็ไปตอบเขาซะงั้น



     "บอส!!! " ผมหันไปขึงตา ให้กับคนตัวใหญ่



     “มึงเห็นนี่ไหม” ผมหันไปคุยกับเพื่อน ก่อนชี้ไปทางที่กระบวยที่ถืออยู่ “ใครล้อ เดี๋ยวกูฟาดให้ปากแตก”



     “ใครเขาจะไปล้อมึงงงง...” กระทิงว่าก่อนจะหันไปสบตาธนู “พี่ธนูครับพี่รู้ไหมว่าไอ้โซ่...” แล้วหลังจากนั้นมหกรรมการแฉ เรื่องของผมก็เริ่มขึ้น การเล่าวีรกรรมที่ผมก่อเอาไว้ เหมือนเป็นธรรมเนียมของกลุ่มเราไปแล้ว ที่ว่าถ้าเพื่อนคนไหนมีแฟน จะถูกเพื่อนที่เหลือแฉ วีรกรรมที่คัดมาเด็ดๆ ทั้งนั้น เหมือนเป็นการวัดใจ



     แต่เรื่องที่มันเอามาแฉก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหรอก ก็เขาว่ากันว่า หากไม่ได้ทำผิด จะกลัวอะไรเสียงหมา เสียงแมว



     ผมคนดีครับบอกเลย...














#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] อัพตอนที่ -12- เชื่อใจ
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 15-04-2021 17:02:26
       
-12-
เชื่อใจ



        “อืออ”

   ผมปรือตาตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกอึดอัด ก่อนจะพบว่าถูกแขนแกร่งของคนตัวใหญ่อย่างธนูโอบรัดอยู่

   ให้ตายเถอะผมมานอนที่ห้องธนูได้ยังไง แถมยังเป็นห้องที่อยู่ที่ทำงานอีก พอคิดนึกย้อนกลับไปก็บรรลุธรรมว่า นั่งยกเบียร์กับเพื่อนจนเมาหัวทิ่ม คงไม่พ้นโดนแบกมาแน่

   “ตื่นแล้วเหรอ” ผมหันขวับไปยังเสียงทุ้มที่คุ้นเคย

   “อืม...บอสก็ตื่นได้แล้ว” ผมว่าพลาง ขยับแขนธนูออก

   “ขออีกสิบนาที” เขาขยับวงแขนรัดแน่นกว่าเดิม

   “บอสจะนอนก็นอนไปสิ ผมจะลุกแล้ว”

   “ไม่มีมอนิ่งคิสเหรอ” ผมมองคนที่กำลังหลับตาพริม เสียงลมหายใจสม่ำเสมอ กลิ่นกายหอมอ่อนของเขากำลังล่อหลอกให้ผมหลงเคลิ้มไปกับมัน

   แปะ!

   “นี่ไงคิส ลุกเถอะครับไม่ใช่เด็กๆ” ผมว่า พร้อมกับเอามือตีปากธนูเบาๆ

   เจ้าตัวเบ้หน้าใส่ แต่ก็ยอมลุกแต่โดยดี

   ทุกการกระทำของธนูอยู่ในสายตาผมตลอดจนกระทั่งเขาเดินเข้าห้องน้ำไป ผมจึงหยิบมือถือขึ้นดูเวลา ในตายเถอะสิบโมงกว่า

   ผมนั่งเช็กข้อความจากแอปฯ ต่างๆ ก่อนจะเห็นว่ามีสายไม่ได้รับค้างเอาไว้สามสาย สายแรกเป็นของกระทิง คงจะโทรมาบอกว่าถึงบ้านแล้ว อีกสายเป็นของกุญแจ คงเพราะเป็นห่วงที่ผมไม่กลับบ้านนั่นแหละ สายล่าสุดตอนเก้าโมงเช้าเป็นของคุณศร คงจะเรื่องชุดที่ส่งสัก

   ผมตัดสินใจโทรกลับหาคุณศรเป็นสายแรก

   ไม่ต้องรอนานเขาก็กดรับสาย

   [เพิ่งตื่นเหรอครับ]

   “ขอโทษที่นะครับ ผมไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์”

   [ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมต่างหากที่รบกวนคุณโซ่]

   “ว่าแต่คุณศรมีอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าโทรมาเรื่องเสื้อ”

   [อ่าครับ...เที่ยงนี้เราออกมาเจอกันได้ไหมครับ]

   “ได้ครับ ที่ไหนคุณศรก็ส่งโลฯ มาให้ผมก็แล้วกัน”

   [โอเคครับ ผมไม่กวนคุณแล้วดีกว่า แล้วเจอกันครับ]

   “ครับ”

   หลังจากกดวางสาย ผมก็โทรหากุญแจเพื่อไม่ให้มันเป็นห่วง แล้วจึงกดโทรหากระทิงต่อ

   “ว่าไงเพื่อน” ผมกล่าวทักทายหลังจากเพื่อนรักผมรับสาย

   [อะไร...โอ๊ย!]

   [เชี่ยยยย!!!]

   “มึงเป็นอะไร...” ผมพยายามเงียบฟังเสียงของกระทิง หลังจากมันร้องลั่นก็มีเสียงกุกๆ กักๆ ดังอยู่

   [แค่นี้ก่อนนะ]

   ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด!

   อิหยังวะ มันเป็นอะไรของมัน ใจหนึ่งก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่อีกใจก็คิด เพื่อนผมน่ะถึกตายยาก

   “คุยกับใคร” ผมสะดุ้งโหยงเพราะเสียงจากคนที่ยื่นอยู่หน้าห้องน้ำ

   “โหยบอสผมตกใจหมด” ผมว่าเอามือทาบอก

   “ตกใจขนาดนั้น นายคุยกับใครอยู่กันแน่ หรือว่านายมีกิ๊ก”

   “กิ๊กบ้าอะไรล่ะครับ ผมคุยกับกุญแจ กับกระทิง” แล้วก็คุยกับคุณศร ผมไม่ได้โกหกนะผมแค่บอกในใจ

   “ก็แล้วไป นายก็รีบไปอาบน้ำได้แล้ว”

   “ครับบอส” ผมว่าพร้อมส่งยิ้มหวาน ก่อนจะสาวเท้าเข้าห้องน้ำพร้อมมือถือติดมือไปด้วย ถ้าพลาดถูกจับได้ขึ้นมาอธิบายยาวจะยิ่งวุ่นวายไปใหญ่ เคลียร์เรื่องเสื้อเสร็จผมก็จะลบเบอร์คุณศรออก ยังไงผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องติดต่อเขาอยู่แล้วนี่ จะได้ไม่เป็นปัญหาทีหลังด้วย

   ผมใช้เวลาสักพักกับการอาบน้ำ ออกมาผมก็ไม่เห็นธนูแล้ว บนเตียงมีชุดพับเอาไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมโน๊ตแผ่นเล็กเขียนเอาไว้ ‘ของนาย’

   ชุดบนเตียงถูกคลี่ออก เป็นเสื้อสเวตเตอร์สีคราม กับกางเกงขาสั้นใส่สบาย แต่กางเกงมันไม่สั้นไปหน่อยสำหรับคนตัวสูง 178 ใช่ไหม ลองเอากางเกงมาทาบกับตัวดูแล้วรู้สึกว่ามันจะสั้นเหนือเข่ามาประมาณคืบหนึ่ง

   แต่ก็เอาเถอะดีกว่าผมต้องใส่กางเกงเน่าๆ ที่ผ่านสงครามหมูกระทะมาเมื่อวาน

   หลังจากแต่งตัวเสร็จ ก็ตรวจเช็กความเรียบร้อยที่หน้ากระจก สังเกตได้ว่าเสื้อมีขนาดพอดีกับตัว รอบก่อนที่ผมมานอนห้องธนูผมก็ใส่เสื้อเขา ซึ่งมันก็จะหลวมๆ อยู่ดี

   ผมเดินกลับมายังห้องข้างๆ ห้องนอนมันเป็น Walk-in Closet ขนาดใหญ่ เสื้อผ้าแขวนเรียงอย่างเป็นระเบียบ แบ่งโซนอย่างชัดเจน ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าธนูซื้อเสื้อไซส์ของผมไว้หรอกนะ แต่ก็เดินเข้ามาดูให้หายคาใจ

   เดินเข้ามาอีกหน่อย ผมก็พบกับเสื้อผ้าขนาดพอดีตัวผมอีกเพียบ เฮ้ยเขาซื้อเอาไว้จริงด้วย ผมลองเปิดลิ้นชักข้างล่างดูปรากฏว่ามันเป็นอันเดอร์แวร์ พอกางออกมันก็ชัดเจนว่านั่นไม่ใช่ของธนูแน่นอน เดี๋ยวนะเขารู้ไซส์ผมได้ไง

   หลังจากเก็บของทั้งหมดไว้ที่เดิม ผมก็รีบลงมายังชั้นล่างทันที ประตูบานเดิมถูกเปิดออกเผยให้เห็นคนตัวโตสวมสูทสีเทานั่งทำงานอยู่

   “บอสคือ---” ยังไม่ทันพูดจบ ธนูก็พูดแทรกขึ้นมาราวกับว่าผมจะถามอะไร

   “กาแฟ”

   “อ้าวน้องโซ่ วันนี้แต่งตัวน่ารักจัง” ผมก้มมองตัวเองตามที่พี่ไม้ว่า ก็น่ารักจริงนั่นแหละ ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วจะหล่อเท่ และคลูมากก็ตาม งู้ย~ ลูกช่างอวย

   “ผมจะไปซื้อกาแฟพี่เอาอะไรไหม” ผมว่า

   “เหมือนเดิมแล้วกัน”

   “พี่จอสล่ะครับ”

   “จอสลา” อ่า...ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยเห็นพี่จอสลาเลยแฮะ

   “ลาไปไหนเหรอครับ” ผมถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

   “พี่ไม่รู้ พี่ไม่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน”

   “ว่าผมนี่ เชอะ” พูดจบ ผมก็สะบัดก้นออกมา ให้ตายเถอะพี่ไม้นะพี่ไม้ คอยดูมีอะไรจะไม่เอาไปเม้าท์ด้วยแล่ว!

   อ่ะ...! มัวแต่คุยกับพี่ไม้ ลืมถามธนูเรื่องชุดเลยดูสิเนี่ย

   ผมเดินบ่นตัวเองอยู่สักพัก ก่อนจะพาตัวเองมายังร้านกาแฟ

   “รับอะไรดีจ้ะน้องโซ่”

   “เอา Espresso macchiato เพิ่มช็อต แล้วก็เลม่อนโซดา ส่วนของผมเหมือนเดิมนะครับ”

   “ทั้งหมดสองร้อยยี่สิบห้าบาทจ้า” ธนบัตรถูกยื่นก่อนจะรับเงินทอนเสร็จ ผมก็เนรเทศตัวเองมานั่งรอกาแฟอยู่ที่ซอกหลืบลับตาผู้คน

   โชคดีที่วันนี้คนไม่เยอะมาก ผมก็เลยต้องรอเหมือนเดิมนั่นแหละ ไม่ได้เร็วกว่าทุกวันนักหรอก ก็ร้านพี่ครีมขายดี แถมใต้ตึกก็มีร้านเดียว

   “คุณโซ่” ผมหันไปสนใจเสียงของคนที่มาใหม่

   “สวัสดีครับคุณศร” มาไงวะ

   “บังเอิญจังนะครับ” ผมยิ้มแฮะๆ “มาซื้อกาแฟเหรอครับ”

   “ครับ คุณศรทำงานอยู่ตึกนี้เหรอครับ”

   “เปล่าหรอกครับ ผมแค่ชอบกินกาแฟร้านน่ะ”

   “อ๋อ...” ผมลากเสียงยานอย่างเข้าใจ

   “ตอนเที่ยงเจอกันนะครับ ผมไปก่อน”

   “อ๋อ ครับๆ” ศรว่าก่อนจะเดินออกไป แต่ก็ไม่ลืมหันมาโบกมือให้ผม

   “น้องโซ่ได้แล้วจ้ะ” ผมเดินไปหยิบของที่สั่ง รอบนี้มีถุงกระดาษพร้อมใส่ ไม่ต้องกังวลว่าจะทำหกอีก

   ผมเดินกลับขึ้นมายังชั้นบน ระหว่างทางก็คิดอยู่ว่าตอนกลางวันจะขอธนูออกไปยังไงให้ดูไม่มีพิรุธ เรื่องแสดงละครผมเนียนอยู่แล้ว แต่จะหาข้ออ้างอะไรนี้สิ

   จะบอกว่าออกไปกินข้าวก็คงไม่ได้ ปกติธนูก็สั่งให้เลขาเอามาให้ ของผมเองก็ด้วย จะบอกว่ากลับไปเอาของที่บ้านได้หรือเปล่านะ หรือว่าจะบอกว่านัดเพื่อนดี

   “นายคิดอะไร? ได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า” เสียงของธนูดึงผมออกจากความคิดหันมาเผชิญหน้ากับความจริง

   “ครับ?”

   “ฉันถามว่าได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า”

   “เอ่อ...”

   “ช่างมัน ฉันบอกว่าฉันมีประชุม นายกินข้าวคนเดียวไปก่อนนะ คงออกมาไม่ทัน” ในความเฮงซวยของชีวิต ฟ้าก็ยังมีตาสินะ วันนี้เป็นวันของผมจริงๆ

   “ครับบอส” ผมฉีกยิ้มกว้าง ความกังวลก่อนหน้าหายเป็นปลิดทิ้ง “ประชุมให้สนุกนะครับ”

   “อะไรของนาย” ธนูว่า พลางหยิบเสื้อสูทขึ้นมาสวม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

   ผมที่ตั้งท่ารอให้ธนูออกไปอยู่ก่อนแล้ว ก็รีบลุกไปขออนุญาตพี่ไม้อย่างเร็วรี่ ทีแรกพี่ไม้จะตามไปด้วย แต่ผมขอเอาไว้ โดยอ้างว่านัดกับเพื่อนจะนั่งวินไปเพราะใกล้ถึงเวลานัดแล้ว แถมยังให้สัญญาว่าจะกลับมาก่อนที่ธนูจะออกจาห้องประชุม

   ผมนั่งวินออกมายังจุดนัดหมายในเวลาต่อมา ก่อนจะพบว่าศรมารอก่อนแล้ว “ขอโทษครับผมช้า”

   “ไม่ครับผมมาเร็วกว่าต่างหาก” เขาว่ายิ้มๆ ทำไมช่างเป็นคนดีเสียเลยเกินพ่อ

   “เอ่อ...ร้านมันปิดนี่ครับ” ผมมองป้ายหน้าร้านที่ถูกเขียนเอาไว้ว่าหยุด ออกมาเสี่ยงตายแล้วยังเสียเวลาอีกเหรอวะเนี้ย

   “ผมกำลังจะโทรบอกคุณโซ่ว่าร้านปิด แต่คุณโซ่มาก่อนพอดี ผมขอโทษจริงๆ ครับ” เขาว่าก่อนจะทำหน้ารู้สึกผิด แล้วคนหน้าตาดีแบบผมจะโกรธเขาลงได้ไง

   “ไม่เป็นไรครับ คุณเองก็ไม่รู้เหมือนกันนี่นา”

   “ถ้าผมโทรเช็กก่อน คุณโซ่ก็ไม่ต้องมาเสียเที่ยวแบบนี้”

   “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาใหม่ก็ได้”

   “ครับ... งั้นไหนๆ ก็มาแล้วเราไปหาอะไรทานกันดีไหม” ถ้าไม่ไปจะเสียมารยาทเปล่าวะ แต่ก็ไม่ได้ไงสัญญากับพี่ไม้ว่าจะกลับมาก่อนธนูออกจากห้องประชุมด้วย “นะครับ”

   “เอ่อ...คือ...”

   “คุณโซ่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมหาอะไรกินแถวนี้คนเดี๋ยวก็ได้ครับ” อ้าวไงผมรู้สึกผิดล่ะงานนี้ “คุณโซ่ไม่ต้องคิดมากนะครับ”

   อร๊าก! อย่ากดดันกู

   ก้มมองดูเวลา คาดการว่าคงกลับไม่ทันแน่ พี่ไม้กับผมอาจจะตายอย่างเขียดโดนประตูหนีบ ยังไงก็ต้องปฏิเสธไปก่อน

   

   

   

   สิบนาทีต่อมา...

   “อันนี้อร่อยมากครับ คุณโซ่ลองทาน”

   เวร! สุดท้ายก็ทนไม่ได้ ใจอ่อนเดินตามมาซะนี่ ขอโทษนะครับพี่ไม้ ผมจะรีบยัดแล้วรีบกลับไปรับโทษ

   “คุณโซ่ชอบกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”

   “อื้มม...” ผมทำท่าคิดอยู่สักพัก เอาจริงของกินได้ผมก็ชอบหมดนั่นแหละ “หมูมั้งครับ แบบหมูต้ม หมูย่าง หมูทอด”

   “แล้วผลไม้ล่ะ”

   “สตอเบอร์รี่” ผมว่ามือก็ตักข้าวเข้าปากไปด้วย

   “ดอกไม้”

   “สีขาวทุกชนิด”

   “แล้วชอบสีอะไรครับ”

   “ก็สีขาวอีกนั่นแหละ”

   “นักร้องที่ชอบ”

   เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ ผมว่าคำถามมันแปลกๆ แล้วผมก็บ้าจี้ตอบไปซะเยอะเลย ไอ้โซ่!

   “เออ...ผมว่าเรารีบกินกันเถอะครับ”

   “บอกไม่ได้เหรอครับ” อย่ามองแบบนั้น ผมรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก เมื่อผมถูกคนตรงข้ามใช้สายตาสลด

   “ปะ เปล่าครับ ผมแค่มีงานน่ะต้องรีบกลับ”

   “อย่างนั้นเหรอครับ ไม่ใช่ว่ารีบกลับให้ทันใครหรอกเหรอครับ” ผมหันขวับทันที “ผมล้อเล่นน่ะ ไม่เห็นต้องมองผมอย่างนั่นเลย” ล้อเล่นได้เสียวสันหลังมากนะครับ เดี๋ยวพ่อตบหลังแอ่น

   “แฮะๆ เหรอครับ”

   “งั้นเรารีบกินกันเถอะเดี๋ยวผมไปส่ง”

   “ไม่เป็นไรผมเกรงใจ”

   “ทางผ่านครับไม่เป็นไร อีกอย่างผมเป็นคนทำให้คุณโซ่เสียเวลา ไม่ไปส่งผมรู้สึกผิดแย่” ไม่มีทางที่จะปฏิเสธเขาได้เลย ราวกับว่าเขารู้จุดอ่อนผมอย่างไงอย่างงั้นแหละ พอผมตั้งท่าจะปฏิเสธเขามักจะคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกผิดแทนตลอด

   ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้ร้านจะเปิด แล้วเราก็ไม่ต้องติดต่อกันอีก

   หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็เดินตามหลังคนตัวสูงออกมายังรถเบนซ์สีดำที่จอดอยู่โซนวีไอพี ก่อนผมจะแทรกตัวเข้าไปนั่งอยู่ข้างหน้า

   ศรยืนหน้าเข้ามาใกล้อย่างไม่ทันตั้งตัว ผมเองที่นั่งอยู่ถึงกับกลั้นหายใจอัตโนมัติ “คุณไม่คาดเข็มขัดนะ มันอันตรายนะครับ”

   “ขอโทษครับ” ผมว่าก่อนจะรับสายมาคาดเอง ใจหายหมดอยู่ๆ ก็เล่นเอาหน้ามาใกล้ซะจนแทบชนกัน

   ระหว่างไม่มีใครพูดอะไรกันอีก จนมาถึงตึกสูงที่คุ้นตาตั้งตระหง่าน

   “ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”

   “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ยังไงผมจะบอกเวลานัดอีกทีนะครับ”

   “ได้ครับ ยังไงก็ส่งข้อความมาก็ได้” พูดจบผมก็ลงจากรถ ยืนมองจนรถคันสีดำหายลับไปจนสุดสายตา ก่อนจะหมุนตัวขึ้นมายังห้องทำงานของธนู

   แค่คิดว่าเห็นธนูนั่งอยู่ในห้องแล้วใจก็สั่นอย่างบอกไม่ถูก อีกใจภาวนาให้เจ้าตัวยังไม่ออกมาจากห้องประชุม แต่ก็เป็นไปได้ยากเพราะตอนนี้ปาเข้าไปบ่ายสามแล้ว

   ผมหยุดยืนอยู่หน้าห้อง มองประตูบานใหญ่ พยายามส่งกระแสจิตมองเข้าไปสอดแนมดูว่าธนูอยู่ในนั้นหรือเปล่า แต่ก็ไม่เป็นผล ไม่ใช่ว่าผมมองไม่เห็น แต่ผมไม่มีพลังจิตไร้สาระ ถ้าหากอยากรู้มีทางเดียวคือต้องเข้าไป

   แกร๊ก!

   “ไปไหนมา” อู้ย~ ขนลุกสู่ ธนูว่าเสียงนิ่ง ขนาดเขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผมยังรู้สึกใจสั่นขนาดนี้

   นอกจากตำรวจแล้วก็มีธนูอีกคนที่ทำให้ผมใจสั่น

   “ปะ ปะ ไปกินข้าวมาครับ” ฉิบหายเสียงสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยกู

   “...” เขาใช้ความเงียบเข้าสู้ และผมยอมแพ้

   “บอสกินข้าวหรือยัง ให้ผมลงไปหาอะไรให้กินไหม”

   “...” เงียบบบบ

   “เหนื่อยไหมครับ” ผมว่า สาวเท้าเข้าไปประชิดตัวคนที่นั่งอยู่ “ผมชาร์จพลังให้” พูดจบผมก็เหวี่ยงแขนกออดคนตัวใหญ่จากด้านหลัง แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะตอบผมสักครั้ง

   เดาว่าคงจะงอนที่ผมหายไปนาน ไม่ก็ออกมาแล้วไม่เจอผมนั่นแหละ ตัวก็โต แต่ยังทำตัวเป็นเด็กไปได้

   “บอสงอนผมเหรอครับ” ผมถามออกไปตรงๆ ก่อนจะหอมแก้มธนูฟอดใหญ่ แอบเขินเหมือนกันนะปกติผมไม่ใช่คนทำอะไรแบบนี้

   “...” แต่ธนูก็ยังเงียบอยู่ จะไม่ง้อแล้วนะเว้ยเล่นตัวจังหึ้ย!

   “ผมขอโทษ ทำยังไงบอสถึงจะหายโกรธครับ บอกผมสิ ผมยอมคุณทุกอย่างแล้วนะ”

   “ทุกอย่างงั้นเหรอ” เสียววาบเลยกู พูดไม่ทันคิด

   “เอิ่ม...ก็เว้นเรื่องนั้นนะครับ ถ้าเรื่องอื่นทำได้ผมจะทำ”

   “มานั่งนี้” ธนูว่า ก่อนจะถอยเก้าอี้ออกให้ผมนั่งบนตัก ชิลๆ นั่งประจำ “จูบฉัน”

   ถึงจะเคยจูบกันมาก่อน แต่บอกให้ทำตรงๆ แบบนี้ก็รู้สึกหน้าร้อน เหมือนกันแฮะ

   ผมค่อยๆ ขยับหน้าเข้าไปใกล้จนใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ

   “ฉีดน้ำหอมเหรอ...”

   “เปล่านี่ครับ” ผมว่าก่อนจะกดริมฝีปากลงไป

   ริมฝีปากขยับรับจูบที่บดลงมาอย่างแผ่วเบาก่อนจะเร่งเร้าด้วยการขบเม้มริมฝีปากล่างบนสลับกัน มือหนาโอบรัดจนร่างกายเราใกล้ชิดกัน มีเพียงเสื้อผ้าที่กั้นเราไว้

   เขาผละริมฝีปากออก ก่อนจะจูบลงมาที่คาง จังหวะเดียวกันผมก็ต้องตกใจ เมื่อร่างกายถูกยกลอยวืด ผลักให้ล้มตัวนอนอยู่บนโต๊ะทำงาน แล้วธนูก็แทรกตัวเข้ามาระหว่างขา

   “บ บอสครับจะทำอะไร” ธนูไม่ตอบแต่กดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง เขาใช้ลิ้นร้อนลากผ่านลิ้มฝีปาก ก่อนจะสอดเข้ามาตวัดพันเกี่ยวจนน้ำลายใสไหลตามมุมปาก ปกติทุกครั้งเราต่างผลัดกันเป็นผู้นำผู้ตาม แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เขาไม่ยอมให้ผมเป็นผู้นำเลยสักครั้ง

   มือสากลูบไล้ต้นขาจนรู้สึกขนลุกทั่วทั้งตัว “อื้มม...” ยิ่งพยายามสะบัดหน้าหนีเขาก็ยิ่งสอดลิ้นเข้ามาลึกขึ้น แรงดึงดูดก็แรงขึ้นตาม

   ฝ่ามือลากขึ้นมาจนมาหยุดที่เป้ากางเกงก่อนจะลูบวนแกนกลางจนรู้สึกปวดหนึบ

   เขาผละริมฝีปาก โน้มตัวลงมากระซิบข้างหู “นายไปไหนมา” ไม่ถามเปล่ามือที่ลูบวนที่แกนกลางก็เริ่มลงน้ำหนักมากขึ้น “อึก! กิน...อ๊ะ...ข้าวมาครับ”

   “กับใคร” เขาถามต่อ ขยับมือขึ้น ใช้ปลายนิ้วลูบยอดอกอย่างเบามือ

   “บอส...ครับ อื้อ”

   “ฉันถามว่ากับใคร!” น้ำเสียงธนูนิ่งเรียบ ปลายนิ้วที่เคยลูบวนเบาๆ ก็เริ่มบี้ลงน้ำหนัก

   “บอส... กับเพื่อนครับ อึก! บอสผมเจ็บ!”

   ริมฝีปากลากไล้ตามกรอบหน้า พรมจูบตามสันกรามไล่ลงมาจนซอกคอ ความรู้สึกเจ็บแปล๊บแล่นผ่านเหมือนโดนกระแสไฟฟ้าช็อต

   มันทั้งรู้สึกเจ็บปนกับความรู้สึกเสียว ตีวนกันมั่วไปหมด

   “นายแน่ใจนะ” เขาถามซ้ำ

   “แน่ใจครับ”

   “ถ้านายยืนยันอย่างนั้น ฉันก็จะเชื่อใจนาย” ธนูผละออกแต่โดยดี ผมเองก็รีบลุกขึ้นนั่งทันที อารมณ์ที่เคยมีก็พลันหายไป

   มันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกผิดเพราะคำว่าเชื่อใจ...

   ถึงแม้ผมกับศรเราจะไม่ได้เป็นอะไรกันในเชิงชู้ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดที่โกหกธนู ในขณะที่ธนูเข้าประชุม ผมกลับไปนั่งกินข้าวกับอีกคน ทั้งยังโกหกว่าไปกับเพื่อนอีก

   ถ้าตอนนั้นผมใจแข็งกว่านี้แล้วปฏิเสธศรตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องมานั่งรู้สึกผิดอยู่แบบนี้ ผมขอโทษนะครับ ผมจะรีบจัดการทุกอย่างให้จบ แล้วผมจะไม่ติดต่อเขาอีก

 

 

 

 



 

#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

**กำลังทยอยแก้คำผิดนะฮ่าฟ

 



 

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -13- เดจาวู
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 18-04-2021 02:32:08
​-13-
เดจาวู



     ที่จริงเมื่อวานผมไม่ได้โกรธอะไรโซ่นักหรอก แค่อยากรู้ว่าตัวเองสำคัญพอที่เขาจะง้อหรือเปล่าก็เท่านั้น ฟังดูเด็กมากแต่ก็นั่นแหละ

     แต่พอเห็นโซ่เดินมาง้อใจผมก็อ่อนยวบเป็นขี้ผึ้งถูกไฟลนทันที

     ยิ่งเป็นการง้อด้วยการเดินเข้ามากอด ยิ่งทำให้น้ำที่เคยขุ่นกลับมาใสดังเดิม ตั้งใจว่าจะแกล้งต่ออีกสักหน่อย จมูกผมก็ดันได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ลอยมาแตะจมูก ผมรู้ได้ทันทีว่านั่นไม่ใช่กลิ่นที่โซ่ใช้เป็นประจำ

     มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด และต้องการคำอธิบาย

     ยิ่งแค้นถามก็ยิ่งรู้สึกว่าโซ่กำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ แต่เมื่อเขายืนยันหนักแน่นว่าไปกับเพื่อน ผมเองก็ต้องทำหน้าที่แฟนที่ดี ความเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญ ผมมอบให้เขา และหวังว่าเขาจะมอบมันให้กับผมเช่นกัน

 

     ช่วงนี้ใกล้วันประมูลที่ดิน งานก็ยิ่งเยอะขึ้นเป็นเท่าตัว ประชุมแทบทุกวัน จึงทำให้ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ออกไปไหนด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน

     พอออกจากห้องประชุม ผมก็ตรงมายังห้องทำงานทันที ตั้งใจว่าจะชวนออกไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันข้างนอก แต่ภายในห้องกลับว่างเปล่า

     มือถือถูกหยิบออกมา เพื่อโทรหาคนที่ผมกำลังรออยู่ แต่ทว่ากลับมีข้อความถูกทิ้งเอาไว้

 

SaySo

     ผมออกไปกินข้าวข้างนอกนะครับ

     เห็นบอสประชุมอยู่ผมไม่กล้าโทร

 

     ได้แต่ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ในเมื่อมันทำอะไรไม่ได้ก็คงทำได้แค่รอ ก็เขาออกไปแล้วนี่

     ผมตัดสินใจนั่งทำงานต่อ ไม่นานโซ่ก็กลับเข้ามา ท่าทีของโซ่ต่างไปจากทุกที ตั้งแต่เข้ามาเขาก็เอาแต่นั่งจ้องมือถือ สลับกับมองนาฬิกา ทำซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนผมเองก็อดสงสัยไม่ได้

     “โซ่...” ผมเรียกเขาเหมือนปกติ แต่เจ้าตัวกลับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ

     “ครับบอส?”

     “ช่วยมาดูแผนปรับโครงสร้างอาคารนี้ให้ฉันหน่อย ฉันอยากได้ความคิดเห็นจากนาย”

     โซ่ลุกขึ้นเต็มความสูง สาวเท้าเข้ามาใกล้ก่อนจะหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ เขาจ้องมองกระดาษที่ผมยื่นให้ พลิกดูแล้วดูอีก

     แววตาฉายชัดว่าเขาไม่มีสมาธิพอที่จะจดจ่ออยู่กับมัน

     “ว่ายังไง” ผมเร่งเพื่อเอาคำตอบ งานที่ผมยื่นไปนั้น เป็นงานที่เขาเคยดูมาแล้วรอบหนึ่ง ถ้าเขามีสมาธิมากพอเขาจะจำมันได้ และแย้งขึ้นทันทีตามนิสัยของเขา

     “ก็ดีนะครับ” เขาว่า ก่อนจะทำท่าคิด กวาดสายตาไปมา

     “โซ่... นายดูไม่มีสมาธินะ”

     “เหรอครับ แฮะๆ” โซ่ว่าพลางกลั้วหัวเราะเบาๆ

     “รู้หรือเปล่าว่างานที่ดูอยู่ นายเคยดูไปแล้วรอบหนึ่ง" คนฟังเบิกตาโพลง พลิกหน้ากระดาษในมือไปมา "ครั้งก่อนนายบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าตึกสูงขนาดนี้สร้างไม่ได้ในพื้นที่ชุมชน” คนฟังหน้าซีดทันที ผมไม่รู้ว่าเขามีอะไรปิดบังผมอยู่กันแน่ หากวันนี้ผมไม่รู้ความจริงจากปากเขา เราคงจะได้เห็นดีกัน

     “เอ่อ...คือ คือ ขอโทษครับบอส”

     “...” ผมใช่สายตาเพ่งมองโซ่อย่างคาดคั้น

     “ผมมีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ” โซ่ว่าก่อนจะงุดหน้าต่ำลง

     “ว่ามา ฉันรอฟังอยู่”

     “คือว่า... ช่วงนี้มีข่าวว่าพี่เป๋หายไปน่ะครับ ผมเลยคิดว่า บอสอาจจะ เอ่อ...” เขามองหน้าผม และผมก็รู้ได้ทันทีว่า เขาหมายความว่าอะไร

     “ใช่ ฉันสั่งเอง”

     “ได้ไงอะบอส! เราสัญญากันแล้วว่าจะไม่ทำอะไรมันนี่ครับ”

     “แล้วฉันบอกตอนไหน ว่าทำอะไรหมานั่น” ผมว่าเสียงเรียบ ไหวไหล่ไปมา

     “อ้าว...”

     “มันถูกส่งไปฝึก อีกไม่นานก็คงหาบ้านให้มันได้ นายไม่ต้องเป็นห่วง มันจะไม่ไปกัดใครอีก รวมทั้งนาย” ผมว่าก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ

     แค่นี้จริงๆ นะเหรอ แค่เรื่องหมาจริงๆ ใช่ไหม ที่ทำให้เขาคิดมาก

     “บอส...” ผมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียก ก่อนที่แก้มจะชนเข้ากับจมูกของอีกคน “ขอบคุณนะครับที่ไม่ทำอะไรมัน” ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ

     ผมจ้องลึกเข้าไปนัยน์ตาสีนิลที่กำลังส่องประกายระยิบระยับ ล่อหลอกให้ตกหลุมพราง ก่อนเขาจะผละหน้าออกไป ทิ้งให้คนมองอย่างผมหัวใจสั่น

 

ครืด ครืด ครืด

     โซ่หยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงตัวเองอย่างร้อนใจ ก่อนจะพิมพ์อะไรบางอย่าง แล้วจะหันมาทางผม

     ส่วนผมที่ลอบมองอยู่ก่อนแล้ว ก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ...

     “บอสครับผมจะไปร้านกาแฟ บอสจะเอาอะไรไหม” โซ่ถาม

     “ไม่ล่ะวันนี้ฉันไม่อยากกิน” โซ่เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรต่อ

     ผมมองแผ่นหลังบางเดินออกไปจากห้อง ได้ยินเพียงเสียงเล็กๆ เจื้อยแจ้วอยู่ข้างนอก ผมไม่รู้เลยว่าโซ่กำลังจะทำอะไร

 

     หลังจากเสียงของโซ่หายไปไม่ถึงห้านาที เสียงดังโหวกเหวกโวยวายจากด้านนอกก็ดังลอดเข้า

     “บอสไม่อยู่จริงๆ ครับ” สิ้นสุดเสียงของไม้ ประตูบานใหญ่ก็ถูกผลักด้วยแรง

ปัง!

     “หวัดดีน้องชาย”

     ในชีวิตมีไม่กี่คน ที่ผมไม่อยากเจอหน้าที่สุด หนึ่งในนั้นก็คือศร...

     พี่ชายของผมเอง...

     “อะไรกัน พี่ชายมาทั้งทีทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น”

     “มาทำไม!”

     “ดูถามเข้าสิ” มุมปากศรกระตุกยิ้มอย่างมีเลศนัย ผมไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “ได้ข่าวว่าได้ของเล่นชิ้นใหม่ ฉันเองก็อยากเห็น เลยตั้งใจว่าจะแวะมาดูสักหน่อย เห็นว่าไม่เคยหยิบของเล่นชิ้นไหนมานาน”

     ผมรู้ได้ทันที ของเล่นที่ศรว่าคงจะหมายถึงโซ่

     “ออกไป!” ผมว่าเสียงดัง

     “โธ่ๆ พี่เพิ่งจะมาถึงเอง จะรีบไล่กันไปถึงไหน”

     “จอส!” ผมเรียกบอดี้การ์ดให้เข้ามา และจอสก็ทำหน้าที่ตัวเองอย่างดี โดยที่ผมไม่ต้องเรียกซ้ำ “ส่งแขกด้วย วันนี้ฉันไม่ต้อนรับใคร” ผมว่าก่อนจะถอยออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ

     แต่ไวกว่าความคิดศรก็เดินเข้ามาประชิดตัวผม เรายืนประจันหน้ากันไม่ถึงวิฯ เขาก็พูดบางอย่างที่เราได้ยินกันเพียงแค่สองคน

     “กลัวงั้นเหรอ หึ! รู้อะไรไหมเธอยังเหมือนเดิม แววตาเธอไม่เคยโกหก”

     เราใกล้กันมากจนได้กลิ่นน้ำหอมของศร

     มันเป็นกลิ่นเดียวกันกับที่ผมได้กลิ่นจากตัวโซ่วันนั้น!

     ผมกัดฟันกรอด สองมือยังคงกำหมัดแน่น ใจอยากพุ่งเข้าใส่อย่างขาดสติ แต่ก็ต้องอดทนไว้ เพราะมันอาจทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิม

     ผมรู้ว่าเขาต้องการยั่วโมโห และผมก็ต้องไม่เล่นไปตามเกมของเขา

 

     ศรเดินผละออกไปไม่ไกลมากนัก ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นแล้วกดโทรออกหาใครบางคน

     “ผมใกล้ถึงแล้ว...ร้านกาแฟเหรอ...ได้สิครับ...แล้วเจอกัน”

     เมื่อประโยค ‘แล้วเจอกัน’ หลุดออกจากปากศร เขาก็มองหน้าผม สายตาเขาเหมือนคมดาบที่พร้อมฟาดให้ผมขาดเป็นสองท่อน

     ศรพูดถูกผมกำลังกลัว...

     ยิ่งได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวศร หัวใจผมสั่นสะท้านจนรู้สึกชาไปทั้งตัว ภาพอดีตฉายซ้ำทับซ้อนเหมือนเดจาวู

     สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือรสนิยมของศร เขาชอบได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง

     หวังว่าเขาจะไม่ทำแบบเดิมอย่างที่ผมคิด...

     เรื่องมันเริ่มจากแฟนคนแรก คนที่ผมพาไปแนะนำให้พี่ชายผมได้รู้จัก แล้วต่อจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้รู้ความจริงว่าเขาทั้งสองคนหักหลังผม

     มันเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่พี่ชายผมรู้สึกสนุกกับการได้แย่งคนรักไปจากผม และมันก็เกิดเหตุการณ์แบบเดิมซ้ำๆ เมื่อผมมีความรัก

     ศรเก่งเรื่องใช้คำพูดหวานหว่านล้อม ทั้งยังหล่อ และรวยกว่าผมเป็นเท่าตัว ผมไม่รู้เลยว่าเขาเสนออะไรให้กับเหล่าบรรดาแฟนๆ ของผม แต่ทุกคนที่ก้าวขาไปหาศร พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่เคยกลับมาหาผมอีกเลย

     ไม่ใช่แค่แฟนของผมทุกคนที่เลือกเขา แต่แม้กระทั่งพ่อแท้ๆ ของผมเองก็ยังตอกย้ำเสมอ ว่าผมไม่มีทางสู้พี่ชายได้ ต่อให้พยายามมากแค่ไหน ผมก็ไม่เคยมีตัวตน อยู่ในสายตาของพ่อ

     นั้นเป็นสาเหตุหลักที่ผมไม่เคยกลับบ้าน

     ส่วนบ้านหลังที่ผมอยู่ประจำ แท้จริงแล้วมันเคยเป็นเรือนหอ ครั้งหนึ่งผมเกือบจะได้มีครอบครัวอย่างที่ฝัน แต่สุดท้ายมันก็พังเพราะพี่ชายตัวดี

     ครั้งนั้นเป็นครั้งที่ผมเจ็บที่สุด เจ็บจนไม่กล้ารักใครอีก...

     จนกระทั่งได้มาเจอโซ่ คนที่ทำให้ยิ้ม และหัวเราะได้ในเวลาเดียวกัน

     “จอส” ผมเรียกบอดี้การ์ดอีกครั้ง “ฉันต้องการสร้อยที่...”

     ที่ผ่านมาผมอาจจะยอมพี่ชายมาตลอด แต่ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนเดิม

     ผมสั่งให้จอสหาของที่ต้องการโดยด่วน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้...

     โซ่คือคนเดียวที่ทำให้ผมลุกขึ้นยืนในวันที่ผมอ่อนแอที่สุด ทั้งที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเจออะไรมา แต่เขากับเชื่อมั่นในตัวผมอย่างหน้าประหลาด สิ่งที่เขาเคยบอกผมวันนั้น อาจจะเป็นแค่หลุมพราง หรือพูดส่งๆ เพื่อหลอกให้ผมติดกับ แต่มันก็ช่วยให้ผมหลุดพ้นจากความคิดที่ไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้

     ผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนเอาเขาไปจากผมได้เด็ดขาด

 

 

 

[สายโซ่]

 

     “ผมรอที่ร้านกาแฟนะครับ…ครับ...แล้วเจอกันครับ” ผมว่าก่อนตัดสายจากศร เขานัดให้ผมเอาเสื้อมาให้ แต่นี่ก็เลยเวลานัดมายี่สิบนาทีแล้ว

     เมื่อตอนกลางวันเขาไหว้วานให้ผมไปเอาชุดที่ร้านซักรีด โชคดีที่ธนูมีประชุมด่วนเข้ามา ผมจึงปลีกตัวออกมารับเสื้อที่ร้านได้

     พนักงานแจ้งว่าศรจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว คิดว่าคงจะมีอะไรเข้าใจผิด ตัดสินใจโทรถาม แต่ศรก็ดันไม่รับสาย ผมจึงปล่อยเบลอไปก่อน

     เสื้อสูทถูกเอามาฝากไว้กับพี่ครีม เจ้าของร้านกาแฟใต้ตึกนั่นแหละ ขืนเอาขึ้นไปด้วยต้องโดนธนูถามแน่

     ตั้งแต่ที่เขาถามเรื่องกลิ่นน้ำหอมเมื่อวาน เขาก็ดูจับตามองผมอยู่ ก่อนออกมาเขาก็ถามจนผมจนมุม ดีนะที่ผมเจอลุงหมายยืนเม้าท์กันอยู่หน้าบ้าน เรื่องที่พี่เป๋โดนจับไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ผมเลยยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดแทนตอนที่ธนูถาม

     “มารอนานหรือยังครับ” เสียงคนมาที่หลังกล่าวทักทาย

     “ไม่นานครับ” ผมส่งยิ้ม ไม่จริงอะ นี่นั่งรอจนรากงอกแล้วเนี่ย “เอ่อ...เมื่อเช้าผมไปรับเสื้อ เขาบอกว่าคุณศรจ่ายเงินไว้แล้ว”

     “อืม ใช้ผมจ่ายเงินไปแล้ว” ศรว่ายิ้มๆ

     “เท่าไหร่ครับเดี๋ยวผมโอนให้” ผมว่าก่อนจะกดเข้าแอปฯ ในมือถือ

     “ผมขอไม่รับไว้ดีกว่าครับ”

     “ได้ไงล่ะครับ วันนั้นกาแฟคุณก็ซื้อคืนผมแล้วนี่ครับ”

     “อื้ม... เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม” ศรว่า
     
     “ครับ?”

     “พรุ่งนี้ผมมีธุระแถวนี้...เอาเป็นว่าคุณโซ่เลี้ยงข้าวผมดีไหมครับ”

     “แพงมากผมไม่มีปัญญาเลี้ยงคุณหรอกนะครับ ผมบอกไว้ก่อน”

     “ธรรมดาก็พอครับ ผมไม่ค่อยชอบนั่งร้านหรูๆ เท่าไหร่”

     “จริงเหรอครับ ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน เพราะอะไรรู้ไหม”

     “...?” ศรเอียงคอมองอย่างสงสัย

     “เพราะมันได้น้อยยังไงล่ะครับ ฮ่าๆ”

     เราทั้งคู่หัวเราะ และพูดคุยกันเรื่องอื่นอีกสักพักก่อนจะขอตัวแยกย้าย

 

     “เออคุณโซ่ครับ เรื่องพรุ่งนี้สรุปว่า...”

     “ก็ถ้าคุณกินร้านธรรมดาได้ผมก็โอเค”

     “งั้นกินที่นี่ก็ได้ครับ ยังไงที่นี่ก็เป็น Cafe&Restuarant อยู่แล้วนี่”

     “เอางั้นก็ได้ครับ” พูดจบเราทั้งคู่ก็แยกย้ายกันตรงนั้น ผมเองก็รีบเช่นกันเพราะออกมานานแล้ว ธนูอาจสงสัยได้

 

 

     ผมเดินออกจากลิฟต์ ผ่านโต๊ะเลขาหน้าห้องทำงานของธนู สีหน้าเธอไม่สู้ดีนัก ส่วนพวกพี่ๆ ก็ไม่อยู่แล้ว ผมรู้สึกแปลกใจนิดๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรจนกระทั่งผมเข้ามาในห้องทำงาน

     แฟ้ม และข้าวของกระจัดกระจายไปทั่วทั้งห้อง แจกันที่เคยมีดอกไม้อยู่ก็หล่นลงมาแตกกระจาย ผมกวาดสายตามองหาธนูทันที

     “บอส!” ผมวิ่งเข้าไปหาธนูที่นั่งลงอยู่กับพื้น “เกิดอะไรขึ้นครับ” ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ดวงตาเขาล่องลอยเหมือนคนไร้สติ

     “โซ่...” เขาจ้องหน้าผมอยู่สักพักก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด “นายกลับมา”

     “ผมอยู่ตรงนี้แล้วครับ”  ผมว่าพลางกอดตอบกลับ ไม่ถามอะไรต่อ เพราะคนตรงหน้าดูไม่พร้อมที่จะพูด

     ผมพาธนูขึ้นมายังชั้นบนที่เป็นคอนโดฯ ปล่อยให้เขานอนอยู่บนเตียง ไม่นานก็ผล็อยหลับไป ไม่รู้ว่าระหว่างที่ผมไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมเขาถึงอยู่ในสภาพนี้

 

     ผมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ธนู แล้วเอาผ้าผื่นเล็กชุบน้ำเช็ดตัว โชคดีที่เขาไม่ได้ตัวร้อนหรือมีไข้ เพียงแค่ปวดหัว คงจะเครียดกับงานมากเกินไป

     ในครัวยังพอมีโจ๊กสำเร็จรูปกับเนื้อสัตว์ พอที่จะทำให้ธนูกิน เพื่อให้เขาจะได้กินยาแล้วนอนพัก

     ผมขลุกอยู่ในครัว ง่วนอยู่กับการทำโจ๊กง่ายๆ อยู่พักใหญ่ อาหาร และยาก็ถูกยกเข้ามาในห้อง ก่อนจะปลุกให้เขาลุกขึ้นมาทานข้าว แล้วทานยา สีหน้าเขาดูซีดเซียวไร้สีเลือด

     “บอสไปหาหมอไหม ผมจะพาบอสไปเอง” ผมว่าเพราะเห็นสีหน้าของธนูไม่สู้ดี

     “ไม่ล่ะ ฉันแค่เหนื่อยกับงาน”

     “จริงเหรอครับ” ผมถามย้ำ

     “อืม”

 

     โจ๊กในชามพร่องไปได้นิดเดียว เขาก็ไม่ทานต่อ ผมเองก็ไม่ได้บังคับอะไรนอกจากหยิบยาที่เตรียมมาให้เขา ก่อนจะจัดการห่มผ้าให้ แล้วเดินเอาของออกไปเก็บ

     “คืนนี้อยู่กับฉันได้ไหม” ธนูว่า

     “ได้สิครับ”

     ผมเดินหยิบจับทุกอย่างในห้องนี้อย่างคุ้นเคย ถึงแม้ว่าจะมาไม่กี่ครั้ง แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ยกเว้น เสื้อผ้าของผมที่ถูกมีเพิ่มเข้ามา ห้องน้ำที่เคยมีแปรงของธนูวางอยู่อันเดียว ตอนนี้ก็มีของผมวางอยู่ข้างๆ

     “บอสผมถามอะไรหน่อยสิ” ผมพูดขึ้นเพราะรู้ว่าเขายังไม่หลับ

     “อืม”

     “ทำไมถึงมีเสื้อผ้าไซซ์ผมอยู่ที่นี่ล่ะครับ” ผมถามสิ่งที่ค้างคาใจ
     “ฉันให้คนซื้อเอาไว้ เผื่อนายมานอนที่นี่ไง”

     “อ๋อ ครับ”

     “โซ่” ธนูเรียกชื่อผมก่อนจะเงียบไปสักพัก

     “ครับ?”

     “ย้ายมาอยู่กับฉันเถอะ”

 


หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -14- ผมให้ผ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 23-04-2021 18:22:02

-14-

ผมให้ผ่าน

 

     ตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอคนข้างๆ แล้ว เดาว่าเขาคงตื่นและอาจจะลงไปทำงาน แต่เสียงจากด้านนอกก็ทำให้รู้ว่า เขายังอยู่ภายในห้อง

     เมื่อคืนธนูชวนให้ผมย้ายมาอยู่ด้วยกัน แวบหนึ่งก็รู้สึกดีใจจนอยากตอบตกลงทันที แต่ก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะผมเป็นห่วงน้องชายบังเกิดเกล้า กุญแจยังเด็กไปสำหรับการอยู่คนเดียว

     จริงๆ ปีหนึ่งก็ไม่เด็กแล้ว แต่ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้

     ผมไม่ได้ปฏิเสธธนูซะทีเดียวหรอก เพียงแค่ตอบไปว่า จะไปๆ มาๆ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากยิ้ม

     “บอส ทำอะไรเหรอครับ” ผมกอดคนตัวโตจากด้านหลัง ก่อนจะเอาคางวางไว้บนราดไหล่

     “เลิกเรียกฉันว่าบอสได้แล้ว” ธนูว่า ก่อนยกมือขึ้นบีบจมูกผมเบาๆ

     “งั้นจะให้เรียกอะไรล่ะครับ”

     “อื้ม... ที่รักเป็นไง”

     “ไม่เอา!”

     “ทำไมล่ะ เป็นแฟนกันเรียกแบบนั้นไม่เห็นจะแปลก”

     “ไม่แปลกครับ แต่ผมเขิน” ลองคิดภาพตัวเองเรียกธนูว่าที่รัก ก็รู้สึกขนลุกแปลกๆ “ผมเรียกบอสว่าคุณแทนได้ไหม” ผมช้อนตามองคนด้านหน้า

     “แล้วแต่หนูเลยค่ะ” หนูอีกแล้ววววว!

     “ไม่เรียกหนู ไม่เอา ไม่ชอบ”

     “แต่ฉันชอบ น่ารักดีออก แต่ก่อนเราก็เรียกกันแบบนี้นี่”

     “ก็ตอนนั้นผมโกหกว่าเป็นผู้หญิง แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่ไง เรียกแบบนั้นมันแปลกๆ”

     “แล้วยังไงต่อ”

     อร๊ากกกก! ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าเขาไม่สน

     “ผมไปอาบน้ำแล่ว หึ้ย!!!” พูดจบผมก็ผละออกมา

     ปล่อยให้ธนูทำอาหารต่อ ส่วนผมก็เดินไปจัดการธุระของตัวเองแล้วออกมานั่งกินข้าวด้วยกัน ลงมาทำงานพร้อมกัน เป็นบรรยากาศที่ไม่คุ้นเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกดีมาก

     หากเราอยู่ด้วยกันจริงมันก็คงดี คงมีเรื่องที่ให้เราได้ทำด้วยกันอีกเยอะแยะ

 

 

     “คุณวันนี้ผมกลับเร็วหน่อยนะ” เรียกคุณรู้สึกไม่ชินเลยแฮะ

     ธนูวางปากกาลง มองหน้าผมเหมือนกำลังจะถามว่า ‘ไปไหน’

     “ผมจะไปรับกุญแจ วันนี้น้องชายผมกลับจากไปเที่ยว” ตามจริงมันควรกลับ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วละ แต่มันดันติดลมขอเที่ยวต่ออีกสองวัน

     “งั้นเราไปรับด้วยกันไหม จะได้แวะหาอะไรกินด้วยเลย”

     “เอางั้นเหรอครับ”

     “เอางั้นแหละ เพื่อนเธอฉันก็เจอมาแล้ว นั่นคนในครอบครัวเธอ จะไม่ให้ฉันเจอเลยเหรอ” เธอว้ะ คุณว่าไม่ชินแล้ว คำว่าเธอยิ่งไม่ชินเข้าไปใหญ่ แต่ก็ดีกว่าหนูละว้า

     “ครับ”

     วันนี้ผมมีนัดกับศร แต่เวลานี้คงยังไม่เหมาะที่จะเจอกันเท่าไหร่ ทำไมผมต้องทำเหมือนว่าศรเป็นชู้ ต้องหลบๆ ซ่อนยังไงก็ไม่รู้แฮะ 

ผมกดเข้าแอปฯ สีเขียวเพื่อส่งข้อความขอเลื่อนนัดวันนี้ออกไปก่อน

 

SaySo
คุณศรครับ นัดวันนี้คงต้องเลื่อนไปก่อน

พอดีผมต้องไปรับน้องชาย

แต่ถ้าคุณศรไม่สะดวก เดี๋ยวผมโอนค่าเสื้อให้

K.Sayson

     ไม่เป็นไรครับ
     
     วันนี้ผมติดประชุมพอดี

     ผมไม่อยากได้เงิน ผมแค่อยากกินข้าวกับคุณโซ่

 

 

     ผมกับธนูมารอรับน้องชายที่สถานีรถไฟ น้องผมก็ติสท์เหลือเกินนั่งรถไฟจากหัวหินมากรุงเทพฯ ให้เดาคงนั่งแบบธรรมดามาด้วย มันก็เก่งนั่งมาได้ร้อนก็ร้อน

     ถ้าการนั่งรถไฟแบบธรรมดาว่าสุดแล้ว ที่สุดกว่าคือมันชอบเที่ยวทะเลหน้าฝน มันให้เหตุผลว่าช่วงนั้นคนเที่ยวน้อย มันก็จริงอย่างที่มันว่า แต่ถ้าฝนตกก็คือต้องอดเล่นน้ำ วันไหนไม่มีฝนก็โชคดีไป เหมือนไปเสี่ยงดวงเอากุญแจว่างั้น

     น้องชายลากกระเป๋าเดินตรงเข้ามายังผมที่ยืนรออยู่ก่อนหน้า แต่ก็สะดุดตากับคนตัวโต กุญแจมองหน้าผมเหมือนกำลังจะถามว่า ‘ใคร?’

     “นี่ธนู...เป็นหัวหน้าพี่เอง” ผมบอกกุญแจ ก่อนจะหันไปบอกธนู “คุณ นี่กุญแจน้องชายผม” กุญแจจะยกมือไหว้

     “สวัสดีครับ” ธนูพยักหน้ารับ ก่อนจะฉีกยิ้มให้กุญแจ

     สายตาของกุญแจดูงงๆ ก่อนจะหันมาสบตากับผมแทน

     เป็นผมก็คงงงเหมือนกันนั่นแหละ หัวหน้าที่ไหนกันจะเป็นธุระพาลูกน้องมารับ น้องชายแบบนี้กันล่ะ

     “หิวกันหรือยัง ฉันสั่งอาหารไว้แล้ว ไปถึงจะได้กินกันเลยไม่ต้องรอ” 

     “งั้นไปกันเลยก็ได้ครับ”

     “ไม้...” ธนูว่า พลางมองไปที่กระเป๋าของกุญแจ เท่านั้น พี่ไม้ก็รีบตรงเข้าไปจัดการทันที

     กุญแจยังยืนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า พวกผมถูกเลี้ยงดูให้ช่วยเหลือตัวเองตลอด ไม่เคยมีหรอกคนหิวกระเป๋า หรือค่อยจัดการเรื่องต่างๆ ให้ แต่ผมน่ะชินกับการเล่นใหญ่ของธนูไปซะแล้ว เลยรู้สึกว่าที่เขาทำมันเป็นปกติ

 

 

     เรามาถึงร้านช้ากว่ากำหนดเกือบยี่สิบนาที เพราะรถติดเหี้ยๆ

     ร้านที่ธนูจองเอาไว้เป็นร้านอาหารจีน ผมเคยมากับเขาแล้วสอง สามครั้ง ธนูชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า จึงจองเป็นโซน VIP ดูได้จากตอนที่เราเดทกันครั้งแรก ถึงจะเป็นโรงแรม แต่ธนูก็เล่นเหมาร้านเพื่อให้เราได้ใช้เวลาด้วยกันสองคน ฟังดูเวอร์มาก แต่อย่างที่บอกว่าชินแล้ว

     นั่งกันอยู่ไม่นานอาหารมากมายก็ถูกยกมาเสิร์ฟจนแน่นโต๊ะ

     สั่งหมดเมนูเลยมั้ง...

     “กินเยอะๆ สิ” ธนูว่า คีบเผือกทอดใส่จาน

     “งดของทอดครับ...” ผมว่าก่อนจะเคี้ยวเป็ดปักกิ่งให้ละเอียดแล้วกลืนลงคอ “ช่วงนี้ผมไม่ได้ออกกำลังกายเลย ดูพุงผมสิ” มือก็บีบพุงให้ธนูดู

     “กินๆ ไปเถอะ เธอชอบนี่ รอบที่แล้วยังกินไปตั้งเยอะ” ผมหันไปจิปากใส่ธนู แล้วคีบหมูตุ๋นใส่ปากต่ออย่างไม่ใส่ใจ

     มันอร่อยจริงนั่นแหละ ครั้งที่แล้วผมกินไปตั้งห้าลูก แต่ตอนนี้อึดอัดตัวเองมาก ธนูชอบพาผมไปหาของอร่อยกินเกือบทุกเย็น รู้ตัวอีกทีก็เหมือนน้ำหนักจะขึ้นแล้ว ถ้างดของทอดได้ก็คงดี

     “ขอโทษนะครับ” ผมลืมไปเลยว่าน้องผมมาด้วย “แน่ใจเหรอครับ ว่าเป็นแค่หัวหน้า กับ ลูกน้อง” กุญแจจงใจเน้นคำว่าหัวหน้ากับลูกน้อง สายตาคาดคั้นจ้องผมสลับกับธนูไปมา

     “ก็โซ่บอกว่ายังไง ก็ต้องตามที่เขาว่านั่นแหละ ผมตามใจเขาอยู่แล้ว” ธนูว่า ก่อนจะหันมายิ้มให้ ผมละอยากเอาตะเกียบทิ่มตาจริงๆ

     “คิดดีแล้วเหรอครับมาชอบพี่ผม” เดี๋ยวๆ กุญแจพูดงี้หมายความว่าไง

     “กุญแจ!” ผมหันไปดุกุญแจ แต่เจ้าตัวดูไม่เดือดร้อนอะไร

     “ผมไม่ติดนะครับถ้าแฟนพี่ผมจะเป็นผู้ชายแต่...”

     “...?”

     “คุณโอเคเหรอ ไม่ว่าจะผิดหรือถูกมันเถียงไว้ก่อน”

     “ผมทราบ” ธนูว่า

     อยู่ๆ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เริ่มปกคลุมด้วยรังสีอะไรสักอย่าง ที่แผ่ออกมาจากตัวน้องชายผม

     กุญแจก็นิ่งหน้าตาย ส่วนธนูเดาไม่ได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่

     “คุณรับได้เหรอ โซ่เป็นคนใจร้อน”

     "ครับ”

     “มันปากหมา”

     “อ้าว ด่ากูนี่” ผมว่า ก่อนที่ทั้งสองจะมองหน้าผมประหนึ่งจะบอกว่า ‘หุบปาก’

     เฮ้ย! อย่างกับพาแฟนมาเปิดตัวกับผู้ปกครองแนะ ผมบรรลุนิติภาวะแล้วนะเว้ย ต้องขออนุญาตน้องชายก่อนหรือไง

     “ผมรู้” ธนูตอบ
     
     “คุณรู้ไหมว่ามันขี้เกียจมากๆ แค่ล้างจานมันยังต้องจ้างผมเลย”

     “...”

     “ผมเป็นน้องมัน ผมรู้ทุกอย่าง ข้อเสียของโซ่ที่คุณรู้ ยังไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ คุณมั่นใจแค่ไหนว่าจะไม่ทำให้พี่ผมเสียใจ” เอ้าเขินวะ น้องเป็นห่วงซีนซึ้งแล้ว

     “วันที่มันเมาเหมือนหมาเพราะโดนทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า วันนั้นผมเองที่เป็นคนนั่งข้างๆ มัน ผมรู้ว่ามันเสียใจแค่ไหน ผมไม่อยากให้มันต้องเป็นแบบนั้นอีก”

     คดีพลิก!

     จะร้องไห้ ไม่ได้ซึ้งนะ กูอาย พอเถอะกุญแจ กูจะมุดดินหนีแล้ว

     “...”

     “ถึงข้อเสียมันจะมีเยอะ แต่คุณรู้ไหมว่าพี่ผมเป็นคนที่รักคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอ ถ้าคุณจะเข้ามาเล่นๆ หรือเพื่อความสนุก ผมว่าคุณหยุดเถอะ” ประโยคยาวเหยียดของน้องชายทำเอาผมสะอึก ด้วยความที่น้องชายผมเป็นคนนิ่งๆ ผมเลยไม่คิดว่ามันจะมีมุมนี้

     “ครับ...” ธนูที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ เริ่มพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำให้โซ่ไม่เสียใจได้ไหม แต่ผมเชื่อว่า ผมทำให้เขาเป็นคนที่มีความสุขที่สุดได้ ผมไม่รู้จักโซ่ดีเท่าคุณหรอกเพราะเราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน...”

     “...”

     “แต่ผมมีเวลาทั้งชีวิตเพื่อจะเรียนรู้ข้อดีและข้อเสียของเขา”

     “...”

     “คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่คิดจะทำร้ายเขาเลย ที่ให้เขาไป ก็เป็นทั้งหมดที่ผมมีแล้วเหมือนกัน”

     กรี๊ดดดดด เขินโวย!!!

     นั่งตัวบิดเป็นเลขแปดกับประโยคบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักของธนู

     ผิดหวังกับความรักมาก็เยอะ ตอนแรกผมก็คิดว่าธนูคงแค่อยากเอาคืนที่ผมไปเล่นกับความรู้สึกเขา แต่ยิ่งมาเห็นเขาพูดแบบนี้ผมคงไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองใช่ไหม

     แววตาธนูตอนที่พูดทุกอย่างออกมา ทำให้ผมยิ่งเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ได้โกหกเลย

     ฮือ~ ไอ้ต้าวเหี้ย ทำผมหัวใจเต้นแรงไปหมด

     “ถ้าคุณพูดแบบนั้น ผมให้ผ่าน” กุญแจว่า “แต่ผมจะจับตาดูพฤติกรรมคุณ ถ้าคุณพลาดเมื่อไหร่ คุณจบเห่แน่” ดุเหมียนหมาเลยน้องชายผม

     รักน้อง >///<

 

 

     มือเย็นจบลงด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ เผือกทอดที่ว่าจะไม่กิน ผมก็ฟาดไปเจ็ดลูก ก็คนมีฟาร์มรักอะ...

     แอร๊ย~

     ธนูมาส่งผมกับกุญแจที่บ้านในเวลาต่อมา เราหยุดยืนคุยกันอยู่หน้าบ้านราวกับว่าต่างคนต่างไม่อยากแยกจากกัน แต่เวลาก็เป็นตัวที่ทำให้เราต้องโบกมือลากันแต่เพียงเท่านั้น

 

Rrrr…

     โวย...ใครโทรมานักหนาคนกำลังกรี๊ดอัดหมอ

     อะ! ศร ปลายนิ้วเรียวขยับกดรับสายทันที

     “ฮัลโหลครับ”

     [ขอโทษนะครับที่โทรมาซะดึกเลย]

     “ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่นอน ว่าแต่คุณศรมีอะไรหรือเปล่าครับ”

     [เรื่องกินข้าวน่ะ]

     “อ๋อ...คุณศรนัดวันมาเลย”

     [เป็นวันเสาร์แล้วกันนะครับ]

     “ได้ครับ เที่ยงเวลาเดิมนะครับ”

     [โอเคครับ งั้นผมไม่รบกวนคุณโซ่แล้ว ฝันดีนะครับ]

     “เช่นกันครับ”

     มือถือถูกวางคว่ำเอาไว้ที่เดิม ก่อนจะล้มตัวลงนอน แล้วคว้าเอาตุ๊กตาคุณสิบโทเคโรโระมาฟัด แล้วดื่มด่ำกับคำพูดของธนูต่อ

     น้อนนอนไม่หลับ หัวใจมันกระสับกระส่าย ~~

     เฮ้อ มีฟามสุจังโวยยยยยย

 

 

 

 

 

 


หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -15- ถ้าย้อนเวลากลับไปได้
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 23-04-2021 18:26:03

-15-

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้
 

     จากข้อความของศรวันนั้น ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ศรต้องอยากกินข้าวกับผมนักหนา ทั้งที่ให้โอนเงินคืนให้ก็จบเรื่องแล้ว

     ประโยคที่ศรบอกว่า ‘แค่ต้องการทานข้าวกับผม’ ก็ทำให้ผมฉุกคิด เราไม่ดูรู้จักกันมาก่อนนี่ แล้วทำไมต้องอยากทานข้าวกับผมด้วยล่ะคงไม่ได้คิดอะไรกับผมใช่ป่ะ

     แต่คงไม่ใช่หรอก ผมไม่เห็นจะรู้สึกว่าศรคิดแบบนั้น…

     แต่ตอนนี้ชีวิตผมโคตรรุงรัง... สุดท้ายผมก็มาตามนัดอยู่ดี หวังว่านี่ครั้งสุดท้ายที่เราต้องเจอกัน

     ร้านพี่ครีมเป็นจุดนัดพบระหว่างผมกับศร โชคดีที่ร้านนี้เป็น Cafe&Restuarant เราเลยไม่ต้องลำบากออกไปข้างนอก แถมราคาก็น่ารัก ไม่แพงจนเกินความสามารถของผม

     “รอนานไหมครับ” ผมส่ายหน้าหวืด ก่อนฉีกยิ้ม

     “ไม่นานครับ” คำพูดของผมกับความในใจมันช่างย้อนแย้งสุดๆ

     ผมว่าศรคงเป็นเทพแห่งการมาสาย สายทุกนัด สายจนอยากเอานาฬิกาให้ยืม...

     แต่...

     ไม่พูดดีกว่า...!

     “คุณสั่งอาหารเลย ผมสั่งแล้ว แต่ไม่รู้ว่าคุณจะทานอะไร ผมเลยรอให้คุณมาสั่งเอง” ผมว่าพลางยื่นเมนูให้คนที่มาที่หลัง

     “ขอโทษครับ ผมไม่ทันมอง” ศรว่า

     “ไม่เป็นไรครับ”

     ศรสั่งอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่าง ก่อนพนักงานจะเดินหายกลับเข้าไป

     ใช้เวลาไม่นานนักอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ

     ผมสั่งอาหารคลีนๆ มาสอง สามอย่าง อย่างเช่นคาโบนาร่าเส้นดำ พิซซ่าแซลม่อนรมควัน ตามมาด้วยผักโขมอบชีส หมายถึงแดกจนคลีนน่ะ

     ส่วนศรนั้น...

     ช่างแตกต่างกับผมอย่างสิ้นเชิง ยกตัวอย่างคาเปร์เซ่สลัด มันน่ากินตรงยังไงอะ ผมมองมะเขือเทศสีแดงสดในจานของศร ของทั้งหมดที่เขาสั่งมาล้วนแล้วแต่เป็นผักใบเขียว เขารู้หรือเปล่าว่าโลกนี้ยังมี หมู ไก่ และปลาที่กินได้

     จังหวะนี้ผมสนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าศรซะอีก

     “คุณโซ่หิวใช่ไหมครับเนี่ย” แรงมากแม่! ถามซะผมไม่กล้าตักอะไรกินต่อเลย

     “นิดหน่อยครับ” ผมว่ายิ้มๆ “เอ่อคุณศรครับ ผมมีเรื่องอยากถาม แต่ไม่รู้ว่าจะถามได้ไหม...”

     “ลองถามมาก่อนสิ” ศรว่า

     “ทำไมคุณต้องอยากกินข้าวกับผมด้วยล่ะ?” ผมถามสิ่งที่คิด ก่อนจะหรี่ตามองอย่างเคลือบแคลงใจ “คงไม่ใช่เพราะคุณคิดอะไรกับผมใช่ไหม ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ผมเสียมารยาทถามตรงๆ”

     “ถามตรงดีนี่ ถึงว่าล่ะ...”

     “ครับ?”

     “ถ้าฉันตอบใช่ คุณโซ่จะว่ายังไง”

     “ผมก็จะบอกคุณว่า ผมแค่ต้องการรับผิดชอบเรื่องเสื้อก็เท่านั้น”

     “แล้วถ้าผมตอบไม่”

     “ก็ดีแล้วนี่ครับ” ผมว่าพลางไหวไหล่ พิงตัวกับพนักเก้าอี้

     “แต่คำตอบของผมคือ อาจจะใช่หรือไม่” แถวบ้านแล้วกวนตีนครับ

     “อ๋อ...ครับ คำตอบคุณจะเป็นอะไรก็แล้วแต่... แต่ผมมีแฟนแล้ว" ศรไม่มีท่าทีตกใจ "แฟนผมน่ะ หล่อแล้วก็รวยมาก คุณสู้ไม่ได้หรอก” เป็นไงกูขิงแม่งเลย

     “เหรอครับ” ศรตอบสั้นๆ ก่อนจะกลั้วหัวเราะเบาๆ ในลำคอ

     ไม่รู้แหละผมถือว่าผมพูดชัดแล้วนะ…

     เรานั่งทานอาหารกันต่อสักพัก ศรก็มีสายเรียกเข้ามาก่อนจะขอตัวกลับ เพราะมีงานเร่งด่วน ส่วนผมก็นั่งฟาดจนเรียบ คลีนสมเป็นอาหารคลีน

     นั่งย่อยต่ออีกสิบนาที จึงค่อยเดินไปคิดเงินที่หน้าเคาน์เตอร์...

     “เท่าไหร่คร้าบบบ...พี่ครีม”

     “เขาไม่ได้บอกโซ่เหรอ? ... เมื่อกี้เขาจ่ายไปแล้วนะ” อ้าว ไหนบอกว่าให้ผมเลี้ยงวะ

     “อ๋อ...ครับ” ผมว่า ก่อนจะสาวเท้าออกจากร้านอย่างเซ็งๆ

     อะไรของเขาวะ ผมรู้สึกหงุดหงิด ปนความไม่เข้าใจกับการกระทำของศร

     ระหว่างเดินกลับมายังห้องทำงานของธนู ผมก็คิดอะไรเพลินๆ ไปเรื่อย ถ้าศรไม่ต้องการเงินค่าซักเสื้อ และไม่ต้องการให้ผมเลี้ยงข้าว มันก็ควรพอเท่านี้ ผมเองก็ขี้เกียจทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้แล้วเหมือนกัน

     “ออกไป!” เสียงธนูตะโกนลั่น ผมที่เพิ่งเดินออกจากลิฟต์ได้ยินชัดเจนจึงรีบวิ่งเข้ามาในห้องทันที

     ภาพตรงหน้าทำผมงุนงง ‘ศร’ กำลังโดนธนูกระชากคอเสื้ออยู่...!?

     เอ๊ะ! แล้วทำไมศรถึงมาอยู่ที่นี่ ไหนว่ามีธุระ...

     “คุณทำอะไรอ่ะ” ผมวิ่งเข้าไปกอดธนูเอาไว้ให้แยกออกจากศร

     “กูบอกให้มึงออกไป อย่ามาเหยียบที่นี่อีก มึงได้สิ่งที่มึงต้องการแล้ว มึงจะกลับมาที่นี่อีกทำไม” ธนูว่า แต่คนตรงหน้าดูไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนแต่อย่างใด

     นี่มันเรื่องอะไรวะเนี่ย ผมงงไปหมด

     “เดี๋ยวนี้เขาไล่พี่ชายกันด้วยวิธีนี้แล้วเหรอ?”

     พี่ชาย?

     อย่าบอกนะว่า...ศรคือพี่ชายของธนู!

     แต่จะว่าไป ก็เหมือนเคยได้ยินพี่ไม้พูดถึงคนชื่อศรอยู่บ้าง ทำไมผมไม่เอะใจนะ

     “ถ้ามึงกล้ามายุ่งกับคนของกู มึงได้เห็นดีกับกูแน่ กูจะไม่ยอมมึงอีกต่อไป” ผมสะดุ้งโหยงเพราะเสียงธนูตะโกน ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน นี่เป็นแรกที่เขาโกรธมาก

     ธนูพยายามข่มอารมณ์ตัวเอง กัดฟันดังกรอดจนกรามขบเข้าหากันขึ้นเป็นสันนูน ดวงตาเขาเข้มขึ้นจนดูน่ากลัว

     “ทำไมเหรอ ก็แค่ของเล่นอีกชิ้น แบ่งกันเล่นจะเป็นไรไป”

     “มึง!!!” ธนูเตรียมพุ่งเข้าหาศรอีกครั้ง ติดที่ผมยังรั้งเอาไว้อยู่

     แล้วเวลาแบบนี้พี่จอส กับพี่ไม้หายไปไหนเนี่ย...

     “คุณศร กลับไปก่อนเถอะครับ ผมขอร้อง” ผมว่าให้ศรกลับไปก่อนที่ผมจะรั้งธนูไว้ไม่อยู่

     “โซ่ขอไว้หรอกนะ วันนี้ฉันจะกลับก่อน แล้วเจอกันน้องชาย” ศรจงใจยั่วโมโหธนู แววตาใสที่ดูใจดี บัดนี้มันจางหายไปจากดวงตาคู่นั้น

     เหลือเพียงความว่างเปล่า...

     ศรยอมกลับออกไปแต่โดยดี ธนูเองมีสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นมาเกือบครึ่งชั่วโมง

     “คุณ---” ผมเป็นคนเริ่มพูดก่อน แต่ก็ถูกอีกฝ่ายพูดแทรก

     “เธอมีอะไรจะอธิบายไหม” เสียงทุ้มต่ำถามอย่างไม่สบอารมณ์ คนฟังอย่างผมรู้สึกหวั่นใจ มันวูบไหวไปทั้งช่องอก

     “คุณคงรู้เรื่องผมกับศรแล้วใช่ไหม ผมบอกไว้ก่อนนะครับ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด” ผมเริ่มเกริ่น เพราะเดาว่าธนูน่าจะรู้เรื่องที่ผมนัดเจอกับศรแล้ว “ผมอธิ---”

     เป็นอีกครั้งที่ธนูฟังผมไม่จบประโยค

     “เธอกลับไปก่อน”

     “แต่...”

     “ฉันขอร้องล่ะโซ่” ผมยืนมองหน้าธนูนิ่ง เขาไม่แม้แต่จะมองกลับมา “กลับไป...!” เขากัดฟันกรอด ทั้งมือสองข้างยังกำหมัดแน่น

     ผมตัดสินใจเดินออกจากห้องทำงานก่อนจะสวนกับ พี่จอส และพี่ไม้

     “พี่จอสครับ ผมฝากบอสด้วย” ผมว่าก่อนจะเดินผละออกมา ไม่มองกลับเข้าไป

     พวกพี่ๆ ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที...

 

 

     ผมพาตัวเองกลับมายังบ้านที่คุ้นตา ตอนนี้กุญแจยังไม่กลับมาจากมหา’ ลัย มีเพียงแค่ผมที่นั่งอยู่กลางบ้าน หลายครั้งที่ไม่มีใครอยู่ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมชอบมาก แต่วันนี้มันต่างออกไป ผมต้องการใครสักคนมานั่งรับฟังเรื่องราวที่ทำให้ผมปวดหัว

     ยาแก้ปวดสองเม็ดถูกแกะใส่มือ แล้วจัดการกลืนมันลงคอก่อนจะดื่มน้ำตาม

     ผมรู้สึกว่าหัวมันหนักอึ้งไปหมด ราวกับว่าสมองผมแบลงค์ไปแล้ว ความรู้สึกผิดก็พลันโถมใส่กลางใจ...

     ภาพที่ธนูกำลังขึ้งโกรธยังติดตาอยู่เลย เขาพยายามหักห้ามอารมณ์จนตัวเองจนกำหมัดแน่น ตอนที่แขนทั้งสองยังโอบกอดเขาไว้ ผมรู้ได้ทันที ว่าร่างกายเขากำลังตัวสั่นเทา

     ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด เรื่องทั้งหมดมันผิดที่ผมปิดบังเรื่องศรกับธนู ผมก็แค่อยากรับผิดชอบเรื่องเสื้อ ไม่ได้ต้องการให้เรื่องเป็นแบบนี้

     ผมปล่อยให้ตัวเองจมจ่อมกับความคิดไม่รู้จบ ไม่รู้เลยว่าตัวเองผล็อยหลับไปตอนไหน

     เครียดขนาดนี้ กูหลับลงได้ไงวะ...

 

 

 

     เช้านี้ผมแวะตลาดดอกไม้อย่างทุกที ตั้งใจว่าวันนี้จะเข้าไปเตรียมของเอาไว้ เผื่อว่าธนูจะอารมณ์ดีขึ้น ผมไม่อยากให้เราทะเลาะกันเพราะเรื่องเข้าใจผิดแบบนี้เลย

     ไม่รู้ว่าศรกับธนูมีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า ดูจากที่ธนูทำเมื่อวานแล้วคงไม่ใช่เรื่องเล็ก...

     ถึงเขาสองคนจะมีปัญหากันมาก่อน ยังไงผมก็รู้สึกผิดอยู่ดี เรื่องทั้งหมดจะไม่แย่ หากผมไม่ปิดบังธนู ผมต้องการคุยกับเขาให้รู้เรื่อง...

     ปกติแล้วผมต้องแวะซื้อกาแฟแล้วขึ้นมา แต่วันนี้ผมสาวเท้ายาวๆ ตรงมายังห้องทำงานของธนูโดยไม่แวะที่ไหน

     “อ้าวน้องโซ่วันนี้เข้ามาด้วยเหรอคะ” พี่เลขาหน้าห้องเอ่ยทักเมื่อเจอหน้าผม เธอกำลังจัดการเตรียมแฟ้มเอกสารบางอย่างอยู่

     “ครับ?” ผมเอียงคอมองกับคำถามของพี่เลขา

     ทำไมผมต้องไม่เข้ามาด้วยล่ะ ในเมื่อผมก็เข้ามาที่นี่ทุกวันเป็นปกติ

     “ก็วันนี้บอสไม่เข้าออฟฟิศไง แต่เห็นเราเข้ามาพี่เลยถามดู”

     “บอสไม่เข้า...?” ผมถามซ้ำ

     “ใช่จ้า เดี๋ยววันนี้พี่ต้องเข้าประชุมแทนบอส”

     “อ๋อ ครับ งั้นเดี๋ยวผมกลับเลยก็ได้ครับ” ผมว่าก่อนหมุนตัวเดินออกมาพร้อมกับความรู้สึกหน่วง ดอกไม้สีขาวในมือถูกกอดเอาไว้ในอ้อมอก หัวตาเต้นตุบๆ จนร้อนผ่าวไปหมด

     ผมพยายามที่จะสะกดกลั้นความรู้สึกตัวเองเอาไว้ ไม่ให้พรั่งพรูออกมาเป็นน้ำตา

     บ้าเอ๊ย! มึงกำลังคิดอะไรอยู่ว่ะโซ่ มึงทำกับเขาขนาดนั้น คิดว่าเขายังอยากเจอหน้ามึงอีกหรือไง...

 

 

 

     ผมพาตัวเองกลับมาที่บ้านตามเดิม ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนในห้องอย่างหมดอาลัยตายอยาก ธนูไม่ยอมเจอผม...ไม่สิ...เขาไม่อยากเจอผมเลยมากกว่า แผนที่เตรียมเอาไว้ว่าจะคุยให้รู้เรื่องก็เป็นอันต้องวางลงก่อน

     ครั้งสุดท้ายที่ผมเจอกับธนู เขาไม่แม้มองหน้าผมเลยด้วยซ้ำ แล้วถ้านั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นหน้าเขาล่ะ

     เฮ้อ~ ลมร้อนถูกพรูดออกทางปาก นับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งคิดก็ยิ่งหวั่นใจ ได้แต่ตีอกชกหัวให้กับความโง่ของตัวเอง

     ความรู้สึกฟุ้งซ่านยังคอยกัดกินผมอยู่ตลอดเวลา...

     วันนี้ผมได้เข้าใจคำว่า ‘ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...’ อย่างถ่องแท้

     ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...ผมจะพูดทุกอย่างเพื่อไม่ให้ธนูเข้าใจผิด

     ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ธนูฟัง

     ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...ผมจะทำใจแข็งยัดเงินใสมือศรแล้วเดินออกมา

     แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จริงๆ ...ผมสัญญาจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

     ผมรู้สึกว่าตัวเองแม่งโคตรโง่เง่า ทำอะไรสิ้นคิด เสียงของธนูที่ไล่ผมออกมา ยังดังก้องอยู่ในโสตประสาท น้ำเสียงของเขาเย็นเหยียบซึมลึกเข้ามาในหัวใจจนรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งร่างกาย

     น้ำตาเม็ดใสไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว หัวใจของผมเหมือนกำลังถูกบีบรัดจนแหลกคามือ ผมไม่ต้องการให้มันจบแบบนี้ ยิ่งถามตัวเองซ้ำๆ คำตอบก็ยิ่งตอกย้ำว่า ผมรักธนู

     และผมไม่ต้องการเสียเขาไป...

     ไวกว่าความคิด ผมก็รีบหยิบมือถือกดโทรออก มันเป็นเบอร์ที่อยู่บนสุดเสมอ

     ผมต่อสายหาธนู รอจนสายตัดก็ไม่มีท่าทีว่าเขาจะรับ แต่ผมเองก็ไม่ถอดใจ กดโทรออกอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ จนรู้ได้เองว่าควรพอ

     เขาไม่รับสายไม่เป็นไร ผมตัดสินใจโทรหาพี่ไม้ทันที รออยู่สักพักพี่ไม้ก็กดรับสาย

     [เดี๋ยวพี่โทรกลับ ตอนนี้ไม่สะดวกจริงๆ] ยังไม่ทันได้พูดอะไร พี่ไม้ก็กดตัดสาย

     ผมกำลังจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไงต่อดี

     ติ้ง ติ้ง ติ้ง~

     เสียงข้อความดังเข้ามาถี่ๆ ผมรีบคว้ามือถือ กดเปิดเข้าไปดูอย่างไวว่อง เป็นข้อความจากคนที่ผมเพิ่งกดโทรออกไปเมื่อสักครู่

 

ไม้เอก

     จะโทรมาถามเรื่องบอสใช่มั้ย

     ไม่ต้องเป็นห่วงบอสสบายดี

     แต่ขอเวลาอีกนิดนะ

Sayso

ผมฝากบอสด้วยนะครับ

 

 

     ผมฝากข้อความทิ้งเอาไว้สั้นๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนที่นอนว่างเปล่า ลองนึกเล่นๆ ว่าถ้าตอนนี้ผมไม่รู้จักกับธนู ผมจะกำลังทำอะไรอยู่

     กำลังหลอกให้ใครสักคนเติมเกมให้อยู่หรือเปล่า

     หรือกำลังแกะพัสดุที่เพิ่งมาส่ง

     นอนดู Netflix ทั้งวันทั้งคืน

     พอคิดแบบนั้น ความรู้สึกวูบโหวงก็เข้าแทรก หากหลังจากนี้ผมไม่มีธนู ผมจะกลับไปใช่ชีวิตแบบเดิมได้ไหม ชีวิตที่คิดว่าจะไม่ใช้หัวใจกับใครอีก เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน นอนๆ นั่งๆ โดยไม่ต้องคิดอะไร หายใจทิ้งไปวันๆ

     ให้ตายเถอะ ผมไม่ได้ร้องไห้หนักแบบนี้มานานแค่ไหนกัน

     ผมทิ้งให้ตัวเองจมจ่อมอยู่กับความคิดภายในห้องเล็กๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลแบบนอนสต็อป เอาให้มันทั่วโลกไปเลย

     ฮืออ~

     ธนูต้องได้รู้ว่าผมเสียใจมากแค่ไหนที่ไม่มีเขาอยู่ตรงนี้...

 

 

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]​ -16- ไม่มีอะไรที่โซ่ทำไม่ได้
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 23-04-2021 18:31:29

-16-

ไม่มีอะไรที่โซ่ทำไม่ได้


     ความเจ็บปวดที่ไม่ได้พานพบมาเนิ่น หวนกลับมาให้ได้รู้สึกอีกครั้ง...

     สามวันแล้วที่ผมเข้าออฟฟิศทุกเช้า แต่ก็ยังไร้วี่แววของธนู ถามจากพี่ไม้ก็เอาแต่บอกว่าให้รอก่อน ให้อดทนอีกหน่อย

     ให้ตายเถอะ!

     ใจคนรอมันทนไม่ไหวแล้วไง นี่ก็ร้องจนน้ำตาเหือดแห้งไปหลายตาน้ำแล้วนะ อยู่บ้านก็รู้สึกเหมือนจะคลั่งตาย สุดท้ายวันนี้ผมก็หอบร่างอิดโรยมายังออฟฟิศอีกเช่นเคย ทั้งที่รู้ว่ายังไงธนูก็คงไม่มา

     ฮ่อลลลล~

     ผมก้าวเท้าออกจากลิฟต์ด้วยสภาพจิตใจห่อเหี่ยว แต่ภาพตรงหน้ามันต่างออกไปจากเดิม หัวใจผมกระตุกวูบเมื่อเห็นพี่คิมกับพี่แมทยืนอยู่หน้าประตู

     ธนูเข้าออฟฟิศเหรอ?

     ผมวิ่งหน้าตั้งด้วยความดีใจ “พี่คิม ฮือ...” ผมเรียกชื่อคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า ก่อนจะใช้สองแขนโอบรัดจนแน่น

     “โซ่...พี่หายใจไม่ออก”

     “อุ้ย!” ผมคลายแขนออก ก่อนจะมองหน้าพี่คิมกับพี่แมทสลับกัน “พี่จอสกับพี่ไม้ละครับ” ผมว่า

     “อยู่ข้างใน”

     ธนูมาจริงๆ ด้วย...

     “ผมอยากเข้าไป ผมเข้าไปได้ไหม” ผมว่า จู่ๆ น้ำตาก็รื้นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

     ผมคิดถึงธนูมาก สามวันที่ผ่านมาผมแทบไม่ได้ทำอะไร นอกจากนอนโง่ๆ แล้วปล่อยให้ความคิดกัดกินความรู้สึก

     พี่แมทถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดบางอย่าง

     “พี่ขอโทษ แต่บอสสั่งไว้ว่า---” ผมรู้ว่าพี่แมทจะพูดอะไรต่อ และผมเองก็ทนฟังไม่ได้ก่อนจะรีบพูดแทรกอย่างเสียมารยาท

     “ผมอยากเจอธนู ได้โปรด...ฮึก!” ผมไม่เคยรู้สึกสมเพชตัวเองเท่านี้มาก่อน แต่ผมก็ยอมไม่ได้ ที่จะให้มันจบทั้งที่เรายังไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน

     “โซ่...อย่าทำให้พี่รู้สึกลำบากใจเลยนะ” พี่คิมว่า

     น้ำตาเม็ดใสไหลลงมาไม่ขาด ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร

     “แต่...”

     แกร๊ก!

     เสียงประตูถูกเปิดออกเผยให้เห็นคนด้านใน...

     น้ำตาที่เอ่อคลอทำให้วิสัยทัศน์พล่าเลือน ผมใช่มือปาดน้ำตาตัวเองออกจนแห้งเหือด เพื่อจะได้มองคนที่ผมคิดถึงอยู่ตลอด

     “โซ่...เธอกลับไปเถอะ ฉันยังไม่พร้อมจะคุยตอนนี้” เราสบตากันครู่หนึ่ง หัวใจผมเจ็บแปล๊บยามเมื่อเขาเบือนหน้าหนี

     “ผมอยากคุยกับคุณ คุณฟังผมหน่อยไม่ได้เหรอครับ”

     “แต่ฉันไม่มีอะไรจะพูด”

     “อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ช่วยฟังผมก่อน...นะครับ” น้ำตาที่เหือดแห้งไหลทะลักออกมาอีกครั้ง เขาดูไม่แคร์ผมเลยสักนิด แม้แต่หน้าเขาก็ยังไม่มอง

     “แมท...” ธนูพูดเพียงสั้นๆ ก่อนจะหันไปมองพี่แมท

     พี่แมทเองก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ มีเพียงผมที่ยืนมองสถานการณ์อย่างุนงง

     ปัง!

     ประตูถูกปิดลง อย่างไม่สนใจว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้จะรู้สึกยังไง คำพูดเย็นชาของธนูเสียดแทงเจ็บลึกจนถึงกระดูกผมปล่อยให้ความรู้สึกโหวงหวิวเกาะกุมหัวใจตัวเอง

     “โซ่เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พี่แมทว่า

     “ไม่เป็นไรครับ” ผมระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยกมุมปากยิ้มขึ้นเป็นรอยยิ้มขมๆ “ผมโอเค”

 

     ผมเดินเข้ามาในบ้านทั้งน้ำตา ตาผมบวมแทบปิดเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่าหนัก กุญแจที่นั่งกินข้าวอยู่ก่อนแล้วมองผมด้วยท่าทีตกใจ

     “ใครทำมึง”

     “...” ผมเงียบ

     “ธนูเหรอ”

     “ไม่ใช่!” ผมรีบเงยหน้าตอบน้องชาย

     “เหรอ?” กุญแจไม่ว่าอะไรต่อ ปล่อยให้ผมเดินกลับเข้ามาในห้องเงียบๆ

     ผมกลับเข้ามาตั้งหลักที่ห้อง นั่งคิด นอนคิด ว่าจะเอายังต่อ แน่นอนว่าผมไม่คิดจะยอมแพ้ มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมถอยไม่ได้!

     ผมถือคติที่ว่า พยายามแล้วไม่สำเร็จ ยังดีกว่าไม่พยายาม...

     มือบางปาดน้ำตาออกจนแห้งสนิท ก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตา แล้วออกมาคิดว่าจะเอายังไงต่อ ผมไม่อยากให้มันจบแบบนี้ ความผิดที่ผมทำมันอยากเกินกว่าจะให้อภัย แต่อย่างน้อยผมก็อยากให้เขาฟังสิ่งที่ผมจะพูด แล้วค่อยตัดสิน ว่ามันควรจะพอ หรือไปต่อ

     หลังจากนอนนิ่งสักพัก ผมก็คิดได้ว่ามันถึงเวลาแล้วที่ผมต้องเดินเกมบุก!!!

คิดได้ดังนั้นผมก็เตรียมแผนการต่อไป ถ้าเข้าไปคุยดีๆ ไม่ได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใคร ว่าไหม...

 

     22.00 น.

     “ไอ้โซ่ดึกขนาดนี้ มึงจะออกไปไหน” กุญแจทักเมื่อเห็นผมหิ้วกระเป๋าผ้าออกมาจากห้อง “แต่งตัวอย่างกับจะไปปล้นบ้านใคร” ไอ้สัดนี้! มึงเรียนหมอดู หรือหมอรักษาคน

     “กูไม่ใช่โจรป่ะ” ผมว่าพลางไหวไหล่

     “ก็เหมือนอยู่ดี” ว่าจบมันก็หันไปสนใจทีวีต่อ “อย่าสร้างความเดือดร้อนให้กูก็พอ จะทำอะไรก็คิดดีๆ กูขี้เกียจไปประกันตัว” กุญแจถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย

     “ครับพ่อ!”

     ผมเดินออกจากบ้านด้วยความมั่นหน้า หยิบมือถือขึ้นมาเพื่อกดส่งข้อความหาใครบางคน

 

Sayso

พี่ไม้

บอสกลับบ้านหรือยังครับ


พี่ไม้ไม่ปล่อยให้รอนานก็ตอบกลับมาอย่างเร็วรี่

 

ไม้เอก

     กลับมาแล้ว

     ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขก

     ไม่ต้องเป็นห่วงบอสหรอก

     เป็นห่วงตัวเองก่อน

Sayso

ครับพี่

 

     ผมหยิบสมุดเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าที่เตรียมเอาไว้ เปิดไปหน้าที่แรกที่จดบันทึกแผนการที่เตรียมมาทั้งวัน มันถูกแบ่งเป็นข้อๆ

     -เป้าหมายถึงที่พัก / (สำเร็จ)

     -สำรวจเส้นทาง

     -เข้ากระชับพื้นที่

     -ประชิดตัว แล้วจบงาน

 

     อ่านแล้วเหมือนผมกำลังวางแผนปีนเข้าบ้านธนูไม่มีผิด... ใช่! ไม่ผิดหรอก

     ผมขับน้องแว๊นออกมายังบ้านหลังใหญ่ จัดการสำรวจเส้นทางตามแผนที่สอง มีบอดี้การ์ดยืนอยู่หน้าประตูบ้านประมาณสี่คน แน่นอนว่ามันไม่ใช่ทางเข้าที่ผมเลือก

     ข้างๆ มีบ้านหลังใหญ่ติดกันอยู่ ผมลองขับรถสำรวจดูก่อน ไม่ได้กลัวว่าจะถูกจับได้หรอก กลัวหมามากกว่า มันฝังใจ ฮึก~

     โชคยังพอเข้าข้างผมอยู่บ้าง บ้านข้างๆ ไม่มีหมา แถมยังมีต้นไม้ใหญ่ยื่นเข้าไปฝั่งบ้านของธนู มันไม่ได้ทำให้ผมปีนเข้าได้เลยทันที แต่มันพอจะส่งตัวผมไปยังหน้าระเบียงได้

     -สำรวจเส้นทาง (สำเร็จ)

     เห็นช่องทางดังนั้น ผมจึงขับหามุมอับจอดน้องแว๊น

     เข้าบ้านธนูได้ แต่ลูกรักผมจะถูกขโมยไม่ได้!

     ผมจัดการปีนกำแพงบ้านเข้าไปตามแผนที่วางไว้ แล้วแอบตามพุ่มไม้ มองหาลู่ทางไปยังต้นไม้ใหญ่ที่เล็งเอาไว้

     ไม่นานผมก็มายังต้นไม้ตามคาด จัดการปีนขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว ไฟในห้องนอนของธนูปิดอยู่ คงจะยังไม่ออกจากห้องนั่งเล่น แต่แล้ว...

     เชี้ย!!!

     แคว๊ก! แคว๊ก! แคว๊ก! แคว๊ก!

     ไม่ใช่หมาแต่เป็นห่าน ไอ้สัดตัวใหญ่กว่าหมา นี่มึงกินหญ้าหรือมึงกินยุง...

     ห่านตัวใหญ่สีขาวอยู่บนต้นไม้ โชคดีที่อยู่คนละกิ่งกับผม มึงขึ้นมายังง๊ายยยย ไอ้เหี้ยนี้ก็เสือกร้องไม่หยุด กระพือปีกขู่กูพับๆ กูขอหมาแทนได้ไหมตอนนี้

     ไฟในบ้านสว่างวาบ คงเป็นเพราะเสียงห่านร้อง เจ้าของบ้านเลยเตรียมออกมาดู ผมมองไปที่ระเบียงห้องของธนู แล้วหันกลับมามองที่ห่านอีกครั้ง

     มันตั้งท่าเหมือนจะหาทางมายังกิ่งที่ผมอยู่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วไปหมด เสียงคนในบ้านดังขึ้น เหมือนกำลังออกมา ผมตัดสินใจกระโดดเกาะราวระเบียงห้องของธนูเพื่อเอาตัวรอดจากตรงนั้น

     นาทีชีวิตสัดๆ ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยว้า...

     อนาถฉิบหายเลยไอ้เหี้ยยย!!!

     ในที่สุดผมก็ปีนขึ้นห้องธนู จากทางระเบียงได้ สกิลความเป็นมิจ... ผมพกมาเต็มร้อย ไม่เคยภูมิใจตัวเองเท่านี้มาก่อนจริงๆ

     รอดจากตรงนั้นได้ ผมก็ดำเนินการขั้นต่อไป เข้ากระชับพื้นที่...

     ประตูระเบียงเป็นประตูบานเลื่อน แน่นอนว่ามันต้องล็อก แต่ไม่มีอะไรที่โซ่ทำไม่ได้

     ผมเคยมีประสบการณ์ปีนเข้าบ้านบ่อยครั้ง เพราะลืมกุญแจ เพียงแค่ยกขึ้นเบาๆ แล้วก็... ผมขอไม่บอกวิธีต่อนะครับ มันจะดูเป็นการชี้โพรงให้กระรอก เด็กๆ ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง

     แกร๊ก!

     เป็นอันเรียบร้อย ผมค่อยๆ เลื่อนประตูออกช้า แล้วพบว่า...
     
     ฉิบหาย!!! มีเหล็กดัดอีกชั้น ไปต่อก็ติดประตู ถอยกลับก็เจอห่าน ผมลองเขย่าประตูเหล็กดัดเบาๆ ก่อนจะรู้ว่ามันไม่ได้ล็อก

     -เข้ากระชับพื้นที่ (สำเร็จ)

     โธ่ คุณธนูครับ คุณเลิกจากบอดี้การ์ดเถอะ บ้านคุณผมเข้ามาได้อย่างชิลล์ๆ ยกเว้นเรื่องห่านอะนะ

     บอกแล้วว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนอย่างไอ้โซ่ ผมจัดการหาที่ซ่อนตัว เพื่อรอให้อีกคนเข้ามาแล้วจะเริ่มเข้าแผนสุดท้าย

     ประชิดตัว และจบงาน...

 

[ธนู]

     ภาพที่โซ่ยืนร้องไห้ทำเอาหัวใจคนมองแหลกสลาย ภาพในอดีตฉายซ้ำทับซ้อนจนผมรู้สึกกลัว ผมดูขี้ขลาดมากเลยใช่ไหมที่ไม่ฟังสิ่งที่เขาพูด

     หลังจากที่โซ่กลับออกไป ผมตั้งใจจะนั่งทำงานต่อ แต่ทว่าคำถามมากมายกลับทำลายสมาธิ จนผมไม่เป็นอันอะไร ได้แต่นั่งทบทวนกับตัวเอง แล้วตั้งคำถามว่าจะเอายังไงต่อ

     ผมไม่รู้ว่าทำไมโซ่ต้องโกหกเรื่องศร...

     เขาโกหกผมมานานแค่ไหน...

     ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นไอ้โง่ที่โดนเขาหลอก...

     คำถามถูกเก็บเอาไว้ ถึงผมถามออกไปเขาก็อาจจะโกหกผมอีกก็ได้นี่

 

     ดอกไม้สีขาวในแจกันเริ่มเหี่ยวเมื่อคนที่คอยเปลี่ยนทุกวันไม่อยู่แล้ว โลกของผมกำลังกลับไปเป็นสีเทา เสียงหัวเราะ และความสดใสหายไป

     ผมมองออกไปยังโซฟาตัวยาวที่เคยมีคนร่างบางนอนเล่นอยู่ ภาพมันเหมือนจะเลือนราง แต่กลับชัดเจนในหัวใจ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะยังอยู่ในม่านความทรงจำ

 

     ปัง!

     ประตูเปิดออกเสียงดัง เพราะถูกถีบออกด้วยเท้าของใครบางคน

     “อย่าเข้าไปครับ” คิมว่าเสียงดัง “บอสครับผมพยายามห้ามเขาแล้วแต่...”

     ผมมองหน้าคนที่เข้ามาใหม่ เขาไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นกุญแจน้องชายของโซ่นั้นเอง

     “เดียวฉันจัดการเอง” คิมโค้งหัวลงเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้กุญแจเดินเข้ามา แล้วจึงปิดประตู

     กุญแจไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเสียเปล่าสาวเท้ายาวไม่กี่เก้าก็ถึงโต๊ะทำงานผม

     ตึ้ง! เสียงฝ่ามือทั้งสองกระแทกลงบนโต๊ะทำงานผมอย่างแรง

     “คุณทำอะไรโซ่!” นัยน์ตาใสกระจ่างจ้องมองผมอย่างเอาเรื่อง

     “ฉัน...” ผมพูดไม่ออก มันจุดอยู่ที่อก จะบอกว่าผมไม่ได้ทำอะไรก็ไม่ได้ จะบอกว่าทำก็ไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหน

     “ถ้าพูดไม่ออกก็ฟังเงียบๆ ฟังเป็นไหม? หรือว่าพูดเป็นอย่างเดียว” เสียงทุ้มต่ำถามอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหรี่ตามอง มุมปากกระตุกยิ้มบางๆ “จำที่ตัวเองพูดได้บ้างหรือเปล่า ยังไม่ทันไรคุณก็ทำพี่ผมเสียใจซะแล้ว”

     “...” ผมกลายเป็นคนน้ำท่วมปาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่เงียบฟังแล้วยอมรับความจริง

     “คุณมันก็ดีแต่พูด ผมนึกแล้วว่าคุณมันเฮงซวย!” กุญแจไม่มีท่าทีว่าจะใช้กำลัง แต่สายตาเขาเข่นฆ่าคนให้ตายได้ภายในทันที

     “ฉันขอโทษ” ผมว่า

     “คุณพูดได้แค่นี้เหรอ หึ!” มุมปากกุญแจกระตุกยิ้มออกมาชวนสยอง “ผมจะบอกให้โซ่เลิกยุ่งกับคนอย่างคุณ!” พูดจบเขาก็เดินกระแทกเท้า กลับออกไป โดยไม่สนใจผมอีก

     ผมมองคนตัวเล็กเดินห่างออกไป จนในที่สุดเขาก็ปิดประตู

     ความเงียบเข้าจู่โจมให้อารมณ์มากมายแทรกเข้ามา ผมพยายามข่มกลั้นความหวาดกลัวเจ็บปวดในใจ ความเสียใจพลุ่งพล่านขึ้นอย่างรุนแรง

     กุญแจเหมือนพยามัจจุราชกระชากวิญญาณผมออกจากร่าง ตอนที่เขาบอกว่าจะให้โซ่เลิกยุ่งกับผม คำตอบมันชัดเจนอยู่ในนั้น

     คำพูดของกุญแจวนเวียนอยู่ในหัวจนผมรู้สึกเสียความเป็นตัวเอง

     ‘ฟังเป็นไหม’

     ‘คุณมันดีแต่พูด’

     ‘ผมจะบอกให้โซ่เลิกยุ่งกับคนอย่างคุณ’

     ผมควรทำยังไง...

 

     สุดท้ายผมก็สั่งให้จอสพาผมมายังบ้านของโซ่ ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ มันทั้งกลัว และสับสนไปหมด

     ความโชคดีคือโซ่อยู่ที่บ้าน แต่ความโชคร้ายคือ...

     “คุณมาทำไม” กุญแจที่กำลังเดินเอาขยะออกมาทิ้งถามเสียงแข็ง

     “ฉันมาหาโซ่” ผมว่า

     “คุณกลับไปซะเถอะ” ไม่พูดเปล่า กุญแจดันประตูหน้าบ้านปิดใส่ต่อหน้าต่อตา

     เป็นอีกครั้งที่ผมมองคนตัวเล็กเดินห่างออกไป

     “กุญแจ” ผมรั้งกุญแจเอาไว้ด้วยเสียงนุ่ม “ฉันขอร้องล่ะ”

     “ถ้าคุณไม่กลับไป ผมจะเรียกตำรวจ!” ไม่ว่าเปล่า กุญแจหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะกดโทรออก “สวัสดีครับ...ผมต้องการแจ้งความ...ครับ”

     “โอเค ฉันกลับก็ได้” ผมว่า กุญแจมองหน้าผมนิ่ง แต่ก็ยังไม่กดตัดสาย

     “ขอบคุณมากครับ เขายอมออกไปแล้ว” สายถูกตัด คนตัวเล็กสาวเท้าเข้ามาใกล้ “กลับไปเถอะ ถ้าพี่ผมอยากเจอ มันคงไปเองนั่นแหละ” กุญแจว่าก่อนจะผละตัวออก

     คิดว่าโซ่ยังจะมาเจอผมอีกงั้นเหรอ ผมไล่เขา ทั้งยังเย็นชาใส่ขนาดนั้น...

 

     ผมกลับเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ มันเงียบเหมือนทุกวัน แต่วันนี้มันต่างออกไป มันวูบโหวงไปหมด ความอึดอัดที่ไม่รู้จะเล่าออกมายังไง ตีวนอยู่ในหัว

     ผมขังตัวเองในห้องนั่งเล่นตั้งแต่กลับมาจากข้างนอก ในนั้นเต็มไปด้วยวิสกี้ และบรั่นดีที่ผมสะสมไว้ เครื่องดื่มรสขมที่ซ่อมกลิ่นหอมของเปลือกส้มกลายเป็นยานอนหลับชั้นดี มันทำให้ผมหลับสนิท ไม่ต้องทนฝันซ้ำๆ มองดูคนที่ตัวเองรักเดินจากไปกับพี่ชาย

     “บอสครับ ผมว่าวันนี้คุณดื่มหนักไปแล้วนะ” จอสว่า หลังจากผมนั่งดื่มตั้งแต่กลับมาจากบ้านโซ่
     
     “ฉันควรทำยังไง” ผมถาม
     
     “...”

     “จอสฉันสับสน” ความเงียบเกาะกุมหัวใจจนผมรู้สึกชา

     “ผมว่าบอกคุยกับน้องเถอะครับ”

     “หึ!” ผมกระตุกยิ้ม ก่อนจะยกเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นดื่มจนหมดแก้ว “เพื่ออะไร สุดท้ายเขาก็โกหกฉันอยู่ดี”

     “บอสก็แค่กลัว...” ผมสะอึกกับคำที่จอสว่า

     “ฉันไม่กล้าให้โอกาสโซ่แล้ว”

     “ผมเข้าใจ แต่คุณอย่าลืมนะว่าทุกคนไม่ได้เหมือนกัน สิ่งที่คุณเจอมามันเป็นเพียงอดีต”

     เพียงแค่จอสพูดขึ้น ภาพอดีตอันขมขื่นก็กลับมาฉาย คนรักที่โกหกผมซ้ำแล้วซ้ำอีก ทุกครั้งที่ผมให้อภัยและยกโทษ ผมจะกลายเป็นแค่ไอ้โง่ที่หลงเชื่อคำพูดจอมปลอม

     ภาพสุดท้ายที่ผมจำได้คือ เธอนอนกับพี่ชายผม บนเตียงของเรา...

 

[จบบรรยายธนู]

 

 

 

 



#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

ป.ล.ช่วงนี้ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคร้าบ ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน กลับมาก็อย่าลืมล้างมือกันด้วยน้า เป็นห่วง เพราะระลอกนี้ โควิดหายใจรดต้นคอเรามากจริงๆ

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -17- การพนันเป็นสิ่งไม่ดี
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 24-04-2021 07:25:13

-17-

การพนันเป็นสิ่งไม่ดี

 


     เวลาเดินช้าเสมอ เมื่อมีหนึ่งคนกำลังคิดไม่ตก หรือกำลังรออะไรสักอย่าง...

     สำหรับผมจัดอยู่ในฝั่งของคนกำลังรอ

     ไม่รู้ว่าตอนนี้ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วที่ผมยืนแอบอยู่หลังประตู ธนูก็ยังไม่มาสักที ในห้องทั้งมืด และหนาวเพราะเครื่องปรับอากาศถูกเปิดทิ้งเอาไว้

     ความเงียบ ความมืด และอากาศเย็น เป็นตัวกระตุ้นในร่างกายโหยหาที่นอน ซุกตัวเข้าไปอยู่ในผ้าห่มหนานุ่มเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย

     ผมได้ยินเสียงพี่เบิร์ด ธงไชย ดังมาแว่วๆ

     ฉันมาทำอะไรที่นี่... ฉันมาทำอะไรที่นี่... ที่ที่เธอกับฉันวันนี้เรานัดก๊านนนน...

     โชว์เสียงสูงตึกสิบแปดชั้นไปเลยเป็นไงล่ะ

     แกร๊ก!

     ผมแทบกรี๊ดแตก รีบเอามืออุดปากตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด

     คนตัวโตเดินเข้ามาทั้งที่ไฟในห้องยังไม่ถูกเปิด ความมืดทำให้ผมมองเห็นธนูรางๆ นาทีที่กำลังยืนลังเลอยู่ว่า จะเปิดไฟ หรือพุ่งเข้าใส่เลยดี ผมก็ได้กลิ่นแปลกๆ

     มันเป็นกลิ่นของเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์...

     เขาต้องดื่มมันไปมากขนาดไหน ถึงได้มีกลิ่นติดตัวขนาดนี้

     จังหวะนั้นผมตัดสินใจประชิดตัวเป้าหมาย โดยการกระโดดขึ้นขี่หลัง เป็นความกล้าหาญที่ต้องถูกจารึก

     หมับ!

     “เฮ้ย! อุบ---” เสียงธนูร้องลั่น เมื่อผมตัดสินใจกระโดดขึ้นขี่หลัง ก่อนจะเอามืออุดปากเพื่อไม่ให้เจ้าตัวส่งเสียงดัง

     ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น...เพราะผมคือลูกพระเจ้าตาก

     “ผมเองครับ...” ผมว่า

     จังหวะนั้นผมก็สัมผัสได้ว่า ฝ่ามือหนาของอีกฝ่ายกำลังจับแขนผมจนแน่น ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อย จากนั้นร่างผมก็ถูกเหวี่ยงลงกับพื้นอย่างง่ายดาย

     ตุบ! จุกสัด ตับกูแตกแล้วมั้ง ทำไมธนูไม่อ่อนโยน

     ผมนอนจุกจนอยากจะงอตัว แต่ก็โดนรั้งมือขึ้นเอาไว้เหนือหัวซะก่อน

     “ธนู ผมเอง ผมโซ่!” ผมรีบร้องห้ามก่อนที่ตัวเองจะโดนศอกสับ เขาชะงักไปเหมือนกับว่าเริ่มได้สติ

     “โซ่?”

     “ครับผมเอง” ผมรีบยืนยันตัวตนอีกครั้ง

     “เธอเข้ามาได้ยังไง”

     “แฮะๆ ผมแอบปีนเข้ามา” ผมว่าจบ เขาก็ดึงผมให้ลุกขึ้น ก่อนเขาจะเดินผละออกไปเพื่อเปิดไฟ

     เมื่อไฟในห้องถูกเปิด ทั้งห้องก็พลันสว่างวาบ สายตาที่อยู่ในความมืดมาเนิ่นนาน ก็พยายามปรับโฟกัสจนเห็นใบหน้าของธนูเต็มตา

     “คุณเมาเหรอ” ผมถามออกไป เพราะใบหน้าของธนูขึ้นสีแดงระเรื่อ

     “มาถึงที่นี่เพื่อถามแค่นี้งั้นเหรอ” คำถามของธนู ทำให้ผมฉุกคิดได้ว่าตัวเองมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อะไร

     “เปล่าครับ ผมอยากเจอคุณ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

     “ผมก็บอกไปแล้วนี่ ว่าไม่มีอะไรจะคุย” ผมโดนธนูยิงด้วยคำพูดเข้าอย่างจัง...

     เหมือนเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่เคยฟังเมื่อนานมาแล้ว เหมือนธนูมันพุ่งใส่ ปิดใจไว้ไม่ทันเลยต้องเปิด แต่มันผิดตรงที่เป็นธนูอาบยาพิษ หลบไม่ทันเลยโดนปักลงกลางหัวอย่างไม่ทันตั้งตัว...เจ็บไปถึงลิ้นปี่... ฮึก~

     ในนามลูกพระเจ้าตาก ผมจะไม่ยอมแพ้ เพราะคำพูดแค่นี้หรอก!!!

     “คุณไม่มีอะไรจะพูดก็เรื่องของคุณ แต่ผมมี!” ผมว่าเสียงแข็ง ก่อนจะยืนหน้าเข้าไปใกล้

     ธนูยืนเงียบอยู่สักพัก ก่อนจะกระตุกยิ้มพรายออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีหมึกส่องประกายแพรวพราวระยิบระยับจนรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

     “เรามาลองพนันกันดูไหม?” ธนูว่า

     “คุณยื่นข้อเสนอเก่งมากเลยนะ” และทุกข้อเสนอผมมักจะเสียเปรียบเสมอ “งั้นคุณก็ลองว่ามา” ผมไม่ได้มีทางเลือกมากนัก การที่เขายอมยืนคุยกับผมอยู่อย่างนี่ก็นับว่าดีเท่าไหร่แล้ว

     “ฉันจะให้โอกาสเธอได้พูด” แค่ได้ยินว่าธนูจะยอมให้ผมพูด ผมก็รู้สึกได้ทันทีว่าตัวเองดีใจจนเนื้อเต้นตุบๆ ไปทั้งตัว “แต่...”

     นั้นไง มันต้องมีแต่ตลอดสินะ คนอย่างผมจะได้อะไรมาง่ายๆ ไม่ได้เลยหรือไง

     “...”

     “ฉันให้โอกาสเธอได้พูดสิ่งที่อยากพูด” ธนูพลิกแขนมองนาฬิกาข้อมือ “ตอนนี้ตีหนึ่ง เธอมีเวลาถึงตีหนึ่งของวันพรุ่งนี้เท่านั้น หลังจากนั้นฉันไม่ฟัง”

     “แค่นั้นก็มากพอแล้วครับ” ผมว่า เวลาเท่านั้นเหลือเฟือ

     “ฉันเดิมพันว่าเธอทำไม่ได้” มุมปากคนพูดยกยิ้มอย่างอวดดี

     “ผม ทำ ได้!” ผมจงใจเน้นชัด พร้อมกับความมั่นใจที่มีเต็มร้อย แต่ผมให้ล้าน

     ผมไม่ได้มีตัวเลือกมากพอที่จะไม่รับข้อเสนอของธนู ตอนนี้ผมมีโอกาสแล้ว ถึงมันจะน้อยนิดแต่ผมก็ต้องรีบคว้าเอาไว้

     “คุณช่วงฟังสิ่งที่ผมพูดหน่อยได้ไหม”

     “...” ธนูไม่ตอบ แต่เดินผละออกไป ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ทำงานตัวใหญ่แทน

     กล้าดียังไงถึงเมินผม!

     ผมสาวเท้าเข้าไปใกล้ยังคนที่นั่งอยู่ ก่อนจะทำอะไรที่คิดว่าชาตินี้จะไม่ทำแน่นอน เอาว่ะ! ด้านได้อายอด... ผมหมุนเก้าอี้ตัวใหญ่ให้หันเข้ามาประจำหน้า

     “พี่... ช่วยฟังที่หนูพูดก่อนได้ไหม หนูอธิบายเรื่องทั้งหมดได้” ผมเลือกใช้สรรพนามที่เขาชอบนักชอบหนา เป็นการเชื้อเชิญให้เหยื่อตายใจ ก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ จนเราห่างกันไม่ถึงคืบ

     กลิ่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกพ่นออกมาทางจมูก ชวนให้คนได้กลิ่นรู้สึกมึนเมาตามไปด้วย

     ธนูมองริมฝีปากผมอย่างกระหาย เหยื่อกำลังจะติดกับแล้ว... จังหวะที่ธนูขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ ผมก็ผละออก

     “...!” ท่าทางเขาดูหงุดหงิดมาก

     “ฟังที่ผมจะพูดก่อนสิครับ” ผมจงใจยั่วเขา และเอาเรื่องนี้เข้ามาต่อรอง ยังไงซะไพ่ผมก็เหนือกว่า ถ้าผมไม่ยอมสักอย่าง

     สงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว...

     “หึ!” ธนูผินหน้าหนี ระบายยิ้มออกมาบางๆ “ก็ได้งั้นก็พูดให้ได้แล้วกันฉันจะฟัง...” เขาหันมาเลิกคิ้วใส่ แล้วใช้จังหวะที่ผมไม่ทันตั้งตัว คว้าท้ายทอยผมเข้าไปใกล้ ก่อนจะกดริมฝีปากงับลงมา

     “อื้อ...!!!” ผมครางในลำคออย่างตกใจ

     ยิ่งพยายามใช้ฝ่ามือดันออกเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโอบรัดแน่นขึ้น

     ริมฝีปากบดจูบอย่างรุนแรง จนแทบสูบวิญญาณผมออกจากร่าง เขาใช้ลิ้นโลมเลียไร้ฟันก่อนจะสอดลิ้นเข้ามาจนลึก แล้วเอาทุกสิ่งทุกอย่างออกไป

     ปลายลิ้นสัมผัสรสขม กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้ง ทำให้รู้สึกเคลิ้มไปกับมัน

     ไม่นานรสขมปลายลิ้นก็ถูกดูดกลืนจนจืดสนิท ผมพยายามเรียกสติของตัวเอง แล้วหาจังหวะเบี่ยงหน้าหลบ

     “ไม่พูดละ ฉันรอฟังอยู่นะ” ผมที่คิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่ากำลังรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบอยู่มาก

     “คุณมันขี้โกง” ผมว่า

     “เธอเลือกใช้วิธีนี้ก่อนนะ” ธนูว่าพลางกลั้วหัวเราะอย่างผู้ชนะ ก่อนร่างผมจะถูกคนตัวโตกว่ายกลอยขึ้นจากพื้น

     “คุณจะทำอะไรอ่ะ!”

     “ก็... ตรงนี้มันคับแคบไปสำหรับการนั่งฟัง เราเปลี่ยนไปนอนฟังบนที่นอนนุ่มๆ กันเถอะ” พูดจบผมก็ถูกว่าเหวี่ยงลงบนเตียง ที่อยู่ไม่ห่างจากโต๊ะทำงานมากนัก อย่างไม่เบามือ

     ธนูถอดเสื้อตัวเองออก ก่อนจะรีบคลานตามขึ้นมาคร่อมทับร่างผมเอาไว้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

     เรายื้อแย่งเสื้อผ้ากันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เสื้อของผมจะปลิวลงไปกองกับเสื้อของธนู

     “ผมว่าคุณเมามากแล้วแน่ๆ เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถอะ” ผมรีบพูดเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์สุ่มเสี่ยง

     “ก็ได้” เฮ้อ~ โล่งใจ “เดี๋ยวเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ ส่วนตอนนี้ฉันทนไม่ไหวแล้ว!”

     ฉิบหาย!!!

     “ไม่ ไม่ ไม่ คุณเดี๋ยวก่อน อ๊ะ!” คมเขี้ยวกัดลงที่หัวไหล่ จนขึ้นรอยฟัน ความรู้สึกเจ็บแปล๊บแล่นพล่านเหมือนถูกกระแสไฟอ่อนๆ ช๊อต

     ธนูใช้ปลายจมูกสูดกลิ่นไล้ขึ้นจากลาดไหล่มายังซอกคอ ก่อนจะเผยอปากขบเม้น แล้วออกแรงดูดดึงจนขึ้นรอยแดงสีกุหลาบ “ผมเจ็บนะ...อื้ออ!” ในช่องท้องรู้สึกวาบหวิว และปั่นป่วนราวกับว่ามีผีเสื้อบินอยู่เต็มท้อง

     “คุณ ผมยังไม่พร้อม ให้ผมใช้ปากช่วย แบบครั้งก่อนได้ไหม” ผมเริ่มยื่นข้อเสนอก่อนตัวเองจะอ่อนไปตามแรงอารมณ์

     “ไม่... วันนี้ฉันอยากเข้าไปในตัวเธอ” ธนูเงยหน้าขึ้นพูด ในขณะที่สบตาผมไปด้วยอย่างจริงจัง “ให้ฉันเถอะนะ...”

     “ถ้าผมยอม... คุณจะฟังผมใช่ไหม”

     “ก็ลองดู” สิ้นสุดเสียงของธนู เขาก็กดริมฝีปากลงมาบดเบียดจนน้ำลายใสไหลย้อยออกมาตามมุมปาก เสียงริมฝีปากบดเบียดกันจนเกิดเสียงลามกน่าอาย ธนูจูบเก่งมากจนผมทำได้แค่เป็นผู้ตาม แล้วปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเอง

     มือสากขยับลูบวนจนทั่วแผ่นอกกว้าง ตุ่มไตถูกปลายนิ้วบดคลึงจนขึ้นแข็งขึง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใช้ลิ้นร้อนสัมผัสโลมเลียอย่างกระหาย

     “อื้ม...” ลิ้นตวัดสลับกับดูดดึง ขบเม้มเบาๆ ให้ได้รู้สึกเสียวซ่านจนขนลุกชัน

     ผมไม่เคยถูกกระทำแบบนี้มากก่อน มันทำให้ผมรู้สึกกลัว แต่มันก็รู้สึกดีไปพร้อมกัน

     ฝ่ามือหนายังคงทำหน้าที่ของมันได้ดี ก่อนจะเลื่อนขยับไปที่ขอบกางเกง ใบหน้าผมร้อนผ่าวเมื่อรู้ว่าปราการด้านสุดท้ายกำลังจะหลุดออก

     ผมรีบหุบขา งอเข่าเข้าหาตัวทันทีเมื่อท่อนล่างว่างเปล่า ผมยอมรับตรงๆ ว่าอาย... ธนูไม่เร่งรัด แต่โน้มตัวลงมากดจูบจนทั่วใบหน้า แล้วค่อยๆ แทรกกายเข้ามาอย่างแนบเนียน

     “คุณ...ผมกลัว” ผมว่าเสียงสั่น

     “ไม่มีอะไรต้องกลัว ฉันอยู่ตรงนี้” ธนูว่า มือหนาก็คอยลูบหัวอย่างอ่อนโยน

     “มันเป็นครั้งแรกของผม ช่วยอ่อนโยนกับผม...” ผมว่าพลางเอามือปิดหน้าตัวเองเอาไว้ด้วยความขวยเขิน

     “มันเป็นครั้งแรกของฉันเหมือนกัน” ผมเข้าใจทันทีว่าครั้งแรกของธนูไม่ได้หมายถึงเซ็กซ์ครั้งแรก แต่เป็นการที่เขามีอะไรกับผู้ชายครั้งแรก “ให้ฉันนะ” ธนูว่าเป็นการขออนุญาต และผมก็พยักหน้ารับ

     เมื่อได้รับอนุญาต ธนูก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปแม้แต่นาทีเดียว เขารีบถอดกางเกงของตัวเองออก แล้วแทรกตัวกลับเข้ามาที่เดิม

     ธนูยืดตัวตรง ก่อนจะลูบไล้ไปจนทั่วตัว ซุกหน้าลงมาที่ซอกคอ ฝ่ามือบีบก้นกลมจนขึ้นรอยมือ “โซ่ ฉัน---” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู

     ผมไม่รู้หรอกว่าธนูจะพูดอะไร แต่ผมก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “ห้ามบอกรักผมนะ” ผมว่า ธนูเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย “อย่าบอกรักผมตอนที่เรากำลังมีเซ็กซ์ ผมไม่ต้องการใช้มันเพื่อแลกกับคำว่ารัก” ผมอาจจะเป็นคนดูเยอะ แต่ผมแค่ไม่อยากรู้สึกแบบนั้น

     “อืม” ธนูว่า ก่อนจะกดริมฝีปากลงหน้าผากหนึ่งครั้ง แล้วระบายยิ้มออกมาบางๆ

 

 

     เขายกขาข้างหนึ่งขึ้นก่อนจะใช้ริมฝีปากไล้เบาๆ ตามความยาว มันเป็นสัมผัสที่วาบหวิวจนหน้าท้องรู้สึกหดเกร็งเป็นจังหวั

     ต้นขาด้านในถูกตีตราจนทั่ว ก่อนที่เขาจะเผยอปากดูดเม้มส่วนปลายของแกนกลางลำตัว ผมไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้อย่างไม่นึกรังเกียจ

     ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปาก ก่อนจะสอดนิ้วเข้ามา สองนิ้ว ผมใช้ลิ้นหยอกล้อกับปลายนิ้วที่เพิ่งเข้ามาในช่องปาก

     “อือ...” ธนูกดริมฝีปากลงไปจนสูด แล้วออกแรงดูดเบาๆ พร้อมกับขยับขึ้น

     นิ้วที่เคยอยู่ในปากถูกชักออกมาจนน้ำลายยืดออกมาเป็นทาง “ทนเจ็บนิดนึงนะ” คำพูดสั้นๆ ที่ผมยังไม่ทันเตรียมใจอะไร ธนูก็ดันนิ้วที่ชุ่มน้ำลายเข้าไปที่ช่องทางด้านหลังรวดเดียว

     “อ๊ะ! ผมเจ็บ” น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลลงมาจนรู้สึกอุ่น ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั้งตัว “อึก...อย่าขยับ ขอร้อง” ผมว่าเสียงสั่น ตัวสั่น เมื่อธนูเริ่มขยับนิ้ว เป็นระยะสั้นๆ

     “ทนอีกนิดหน่อยนะ” นิ้วกลางที่อยู่ด้านใน กำลังควานหาอะไรบางอย่าง ผมรู้สึกเจ็บจนตัวชาไป

     “อ๊า...” จู่ๆ เสียงร้องครางก็หลุดออกมาอย่างห้ามไม่ได้

     “ตรงนี้สินะ” ว่าจบเขาก็ขยับนิ้วกระแทกซ้ำเข้าไปย้ำจุดเดิม

     “อื้อ...อะ...อ๊า” ความรู้สึกสับสนตีวนไปหมด ทั้งอึดอัด ทั้งรู้สึกปั่นป่วน “ธนูผมรู้สึกแปลกๆ อื้อ...” ร่างกายเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง ตอนที่โดนกระแทกเข้ามายังจุดเดิม

     “แค่แปลกเองเหรอ” ธนูว่าก่อนจะสวนนิ้วเข้ามาเน้นๆ

     แกนกลางปวดหนึบ จนรู้สึกอยากจะปลดปล่อยทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัส “อึก ดี ผมรู้สึกดีอ๊ะ!” สองมือจิกกำผ้าปูที่นอนจนยับยู่

     “ผมไม่ไหว” ร่างกายบิดเร้าไปมา แกนกายปริ่มน้ำใสทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัส “อ๊ะ...ผม...”

     “ปล่อยออกมาเลย” สิ้นสุดเสียงของธนู ความเบาวูบก็เข้าปะทะร่างกาย ของเหลวสีขาวไหลเยิ้มออกมาจนเต็มหน้าท้อง ฝ่ามือร้อนขยับรีดเอาของเหลวออกมาจนหมดทุกหยุด

     ผมนอนหอบหายใจอย่างหมดแรง ก่อนจะถูกกดจูบลงที่ขมับ แล้วตามมาด้วยความรู้สึกเจ็บ

     “อ๊ะ…!” ผมมองลงไปยังช่วงล่างตามความรู้สึก ก่อนจะเห็นว่า ธนูใช้มือกวาดเอาของเหลวที่เลอะอยู่ที่หน้าท้อง ป้ายช่องทางหลัง เพื่อใช้แทนเจลฯ แล้วดันนิ้วชี้กับนิ้วกลางเข้ามา

     “ทนอีกนิดนะ ถ้าไม่เปิดทางให้ดี เธอจะเจ็บกว่านี้”

     พูดไม่ออกบอกไม่ถูกมันจุกอยู่ที่คอหอย ผมได้แต่นอนให้ธนูขยับนิ้วรั่วๆ จนตัวโยก ก่อนนิ้วจะถูกเพิ่มเข้ามา ร่างกายชาดิกไปทั้งตัว

     “คุณจะไม่อ่อนโยนหน่อยเหรอ” ผมว่า

     ธนูถอนนิ้วออก ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามากดจูบ “ฉันอ่อนโยนสุดๆ แล้วนะ” เสียงกระซิบบอกก่อนจะบดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง

     แก่นกายร้อนถูกจับจ่อที่ช่องทางอ่อนนุ่ม ก่อนจะใช้มันวนลูบไปมาจนรู้สึกผ่อนคลาย และพร้อมรับตัวตน ธนูจึงค่อยๆ ดันเข้ามาอย่างเชื่องช้า

     “ฮึก... เจ็บ” น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วกลับมาไหลอีกครั้ง มันแตกต่างจากนิ้วมืออย่างมาก ผมรู้สึกอึดอัดจนขยับตัวหนี แต่ก็ถูกมือหนาจับล็อกรั้งเอาไว้

     “อย่าขยับเดี๋ยวเลือดออก” ธูนว่า

     “ฮือ...ผมเจ็บ ผมทนไม่ไหว” ไม่ทงไม่ทนแล้ว เจ็บสัดๆ

     “อึก อย่าเกร็ง ฉันก็เจ็บเหมือนกัน” ธนูโน้มตัวลงมาโลมเลียตุ่มไตให้แข็งขึง แล้วค่อยๆ ขบเบาๆ ร่างกายตอบสนองออกมาด้วยเสียงครางหวาน อย่างห้ามไม่อยู่

     ความเกร็งเครียดลดลง ธนูก็เริ่มขยับอีกครั้ง “อ๊ะ! ...ธนู” ผมมองหน้าคนตัวโตอย่างอาวรณ์ “มันใหญ่เกินไป มันเข้าไม่ได้” ผมว่าพลางส่ายหัวไปมา

     “เข้าไม่ได้ตรงไหน ฉันเข้ามาครึ่งหนึ่งแล้ว”

     “ผมเจ็บ มันเจ็บมาก ผมอึดอัด” ความเจ็บปวดยาว จนคิดว่ามันเข้ามาจนหมด ทั้งที่ความเป็นจริงเพิ่งเข้ามาได้แค่ครึ่งทาง

     “ให้ฉันเอาออกก่อนไหม”

     “ไม่ มันเจ็บ ถ้าคุณเอาออกผมจะไม่ยอมให้คุณเข้ามาอีกแน่” ผมว่า “คุณเข้ามาทีเดียวเลยได้ไหม ผมทนไม่ไหวแล้ว”

     “แต่ว่า...ถ้าเธอ...”

     “เข้ามาเถอะผมโอเค” ว่าจบผมก็กัดริมฝีปากตัวเองแน่น ก่อนธนูจะตอกสะโพกเข้ามารวดเดียว “อึก...!” เขาแช่ค้างเอาไว้อย่างนั้น ไม่ยอมขยับ

     น้ำตาผมก็ไหลไม่หยุด มันจุกไปหมด เหมือนมีอะไรขยายอยู่ในท้อง

     สีหน้าของธนูบอกได้ชัดว่ากำลังอึดอัดเต็มทน “คุณจะขยับเลยก็ได้นะ”

     “ไม่เป็นไร ฉันรอได้ เดียวเธอจะเจ็บกว่านี้”

     “ผมทนได้ คุณขยับเถอะ”

     ธนูค่อยๆ ขยับออกอย่างจนเกือบสุด แล้วขยับเข้าอย่างเชื่องช้าจนมิด ทำอยู่อย่างนั้นสักพักผมก็รู้สึกผ่อนคลาย แล้วจึงเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น

     มือหนาจับลำตัวเอาไว้เพื่อรับแรงกระแทกกระทั้นที่ถูกส่งเข้ามา หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้สัมผัสกับความเชื่องช้า หรือเนิบนาบอีก

     เสียงผิวเนื้อกระทบกันจนเกิดเสียงหยาบโลนดังก้องไปทั้งห้อง มันลามก แต่ก็ปลุกเร้าให้อารมณ์ได้พุ่งสูง "คุณ...อ๊า อา" ผมพยายามดันหน้าท้องแกร่ง เพื่อให้เขาขยับช้าลง แต่ก็ไม่เป็นผล

     “อืมมมม” ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นพาดไหล่ของธนู ก่อนจะกดให้ขาอีกข้างอยู่ในระนาบเดียวกับที่นอน ลำตัวอยู่ในท่านอนตะแคง

     ธนูค่อยๆ ขยับออก แล้วตอกเข้าด้วยน้ำหนักที่หนักหน่วง เสียงร้องคางด้วยความเจ็บปวดถูกแทนที่ด้วยความหรรษา

     “อ๊า...คุณลึกไป อ๊ะ” ท่านี้ทำให้แกนกายขยับเข้ามาได้ลึกกว่าคราวแรก ผมรู้สึกจุกจนเหมือนท้องจะทะลุ “อา...อ๊า...”

     “ไม่ชอบเหรอ”

     “ผมจุก” ผมว่า “แต่ก็รู้สึกดีมาก” ผมไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน หรือขัดขืน ได้แต่ปล่อยให้ร่างกายขับเคลื่อนไปด้วยแรงอารมณ์

     ฝ่ามือร้อนบีบแค้นสะโพกกลมจนขึ้นรอยแดง เขายังบีบขย้ำไปทั่วทั้งตัว ผมรู้สึกดีมาก หรือว่าผมจะชอบความชอบแบบนี้งั้นเหรอ

     “คุณผมจะไม่ไหว” ผมว่าเพราะรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งตัว “อ๊ะ คุณ”

     “ธนู... เรียกชื่อฉัน” ธนูว่า

     “ธนู ผมจะเสร็จอ๊า...อา” เอวสอบกระชั้นถี่ ความรู้สึกมันมีมากจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่ “อา...อ๊า...อ๊ะ ธนูผม ผม...อ๊า!” ของเหลวสีขาวทะลักออกมาอีกครั้ง แต่ทว่าคนตัวโตยังไม่หยุดขยับช่วงล่าง

     แต่เพียงไม่นาน ธนูก็เริ่มตอกสะโพกเข้ามาช้าลง และลึกว่าเดิม “อื้มมม” ร่างกายกระตุกเกร็ง ก่อนจะสัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่ถูกฉีดอยู่ภายใน

     “คุณไม่ใส่ถุงยางเหรอ” ผมว่าอย่างอารมณ์เสีย

     ธนูขยับถอนแกนกายออกอย่างเชื่องช้า ปล่อยให้ของเหลวสีขาวก็ไหลทะลักออกมาจนเหนียวเหนอะหนะ

     “คุณจะไม่ท้องใช่ไหม”

     “ถามแบบนี้อยากตายหรือไง”

     “ผมขอโทษ... รอบต่อไปผมจะใส่นะ” พูดจบเจ้าตัวก็เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักเอาบางอย่างออกมา

     “ใครบอกว่าจะให้ทำต่อ!”

     “ผมไม่ได้ขออนุญาต ผมแค่แจ้งเพื่อทราบ”

     “ไม่ ไม่ คุณเดี๋ยวก่อน อ๊ะ!”

     เรื่องมันมาจบที่เตียง ตั้งแต่ที่ผมเลือกตามเกมของธนู สุดท้ายผมก็พลาด คิดว่าเขาจะตกหลุมพลางของผม กลับกลายเป็นว่าผมเองที่ดันขุดหลุมฝั่นตัวเองเป็นรอบที่สอง

     การพนันไม่ทำให้ใครรวย แต่ทำให้เจ็บไปทั้งตัว และช่วงล่าง...

     แต่ต่อให้ไพ่ที่อยู่ในมือผมเหนือกว่า ผมก็ยอมธนูอยู่ดี

     ผมเอาตัวเองเข้ามาเดิมพันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ลึกๆ ก็แอบกลัวว่าจะเสียใจ แต่เมื่อผมเลือกแล้ว ผมก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา...

 

 



ป.ล.NC สำหรับเราถือว่าหินที่สุดสำหรับการเขียนนิยาย พร้อมยินดีรับฟังคำติชมเพื่อนำไปพัฒนาต่อไปครับ

ฝากด้วยนะค่าบ

**กำลังทยอยแก้ไขคำผิด**

#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-04-2021 09:55:09
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 12-05-2021 00:37:29
 :mew3:
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -18- Made my day
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 16-05-2021 12:06:05

-18-

Made my day


  รู้สึกตัวอีกที ผมก็อยู่ในชุดนอนตัวใหม่ แถมยังถูกจับไปอาบน้ำจนตัวสะอาด ไม่รู้ว่าเมื่อวานผมเผลอหลับไปตอนไหน ตื่นมาก็เหลือเพียงร่องรอยฟันที่ถูกตีตรา กับเตียงที่ว่างเปล่า

  แค่ขยับก็รู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว แต่ผมก็ไม่มีเวลาพอที่จะนอนพักให้สบายได้ เพราะเมื่อวานผมเสียเวลาไปกับการเอ่อ...

  ข้ามไป!

  ผมตัดสินใจหอบร่างโรยแรง กัดฟันลุกจากเตียง เพื่อออกไปข้างนอก แต่ทุกการกระทำต้องหยุดชะงัก เมื่อชายแปลกหน้าที่ไม่คุ้นตาเอาซะเลย ยืนกั้นหน้าประตูไว้

  “หลบครับ!” ผมว่า

  “บอสสั่งไว้ว่าห้ามให้คุณออกไปไหน”

  “ผมไม่สน”

  “อย่าให้พวกผมต้องจับคุณมัดเลยครับ คุณกลับเข้าห้องไปดีๆ เถอะ”

  พูดไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ผมยอมถอยออกมาง่ายๆ โดยไม่อิดออด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมแพ้

  ผมเดินกลับมายังจุดที่พาตัวเองขึ้นมาเมื่อคืน แต่ทุกสิ่งที่คิดจะทำ ก็ต้องหยุดเอาไว้ก่อน เพราะบริเวณโดยรอบมีบอดี้การ์ด ยืนคุมอยู่นับสิบคน

  เขาทำแบบนี้กับผมได้ไง!

  ผมคว้ามือถือกดต่อสายหาธนูทันที แต่ไม่ว่าจะกี่สาย ก็ไม่มีท่าทีว่าเขาจะรับ ตอนนี้ผมรู้สึกทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจ แถมยังเจ็บตัว เวลาที่เดิมพันก็น้อยลงทุกที

  ในเมื่อธนูไม่รับสาย ผมเลยตัดสินใจส่งข้อความหาพี่ไม้ เดาว่าเขาคงอยู่ด้วยกันที่ออฟฟิศนั่นแหละ

 

Sayso

  พี่ไม้อยู่กับคุณธนูหรือเปล่าครับ

  รบกวนบอกให้เขาโทรหาผมภายในห้านาที

  ถ้าช้ากว่านี้ ผมจะกระโดดลงจากระเบียงเพื่อออกไปหาเขาเดี๋ยวนี้

 

  ผมไม่คิดขู่ธนู เพราะผมจะทำจริง

 

Rrrr…

  มันได้ผล ธนูโทรกลับมาทันทีหลังจากข้อความถูกอ่านไม่ถึงสิบวิฯ

  “รบกวนบอกบอดี้การ์ดคุณให้หลบด้วย ผมจะออกไปหาคุณ” ผมเปิดประเด็นตรงๆ หลังรับสาย

  [ไม่ต้องมาเดี๋ยวฉันมีประชุม เลิกงานฉันเข้าไป]

  “ไม่ ผมต้องการพบคุณตอนนี้ ถ้าคุณยังปฏิเสธ ผมจะออกไปทางที่เข้ามาเมื่อคืน ผมไม่ได้ขู่แต่ผมทำจริง!” ผมว่า เสียงธนูถอนหายใจเฮือกใหญ่

  [เธอรออยู่ที่นั่น เดี๋ยวฉันให้ไม้เข้าไปรับ]

  “ครับ” ผมว่าก่อนจะตัดสายทันที

  ผมไม่รู้ว่าธนูจะมาไม้ไหนอีกหลังจากนี้ เมื่อวานผมพลาดที่ยอมให้ง่ายๆ เพียงแค่ธนูพูดว่าให้ลองดู ผมก็เผลอไผลให้กับอารมณ์ที่ควบคุมไม่อยู่ แต่วันนี้ผมจะไม่ให้มันเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง

  ไม่นานเสียงประตูก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณของคนมาใหม่ และเขาก็ไม่ใช่ใคร

  พี่ไม้...

  “มองอะไรครับ” พี่ไม้เล่นมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า มองขึ้นลงซ้ำไปซ้ำมา

  “จะไปชุดนี้เหรอ”

  “อือ... ผมหาชุดไม่เจอ ไปชุดนี้แหละ” ผมว่า ก้มมองตัวเองที่อยู่ในชุดนอนผ้ามันสีเทาเข้ม

  “หนักเอาเรื่อง” มือถูกยกขึ้นปิดคอตัวเองอย่างเขินๆ เมื่อสายตาพี่ไม้จ้องมาที่รอยช้ำบริเวณคอ

  “พี่ไม้! อย่าแซวรีบพาผมไปเลย” ผมหันไปแหวใส่ และปล่อบพี่ไม้เดินนำหน้า พาผมไปที่รถ ตอนเดินรู้สึกขัดๆ นิดหน่อย จะมาลำบากก็ตอนนั่งนี้แหละ เจ็บร้าวไปทั้งตัว

 

  ตลอดทางที่มาออฟฟิศไม่เงียบเลย เพราะเราทั้งสองคุยกันไม่หยุด คงจะเพราะเรามีนิสัยที่คล้ายกัน

  “นี่ โซ่รู้ไหมบอสสั่งฝึกบอดี้การ์ดยกชุดเลยนะ”
 
  “ทำไมล่ะครับ” ผมว่า

  “ก็เพราะเราไปก่อเรื่องอะไรมาล่ะ” พี่ไม้ว่าพลางกลั้วหัวเราะ “แล้วนี่ เราปีนเข้ามาทางไหน ทำไมไม่มีใครเห็น”
 
  “ผมปีนจากต้นไม้บ้านข้างๆ มีห่านด้วยนะพี่เกือบตายอยู่เหมือนกัน”

  “แสบจังนะ หึ!”

  “พี่ไม้ว่า บอสจะหายโกรธผมไหม” ผมว่า

  “ไม่รู้สิ แต่รู้ไหมหลังจากวันนั้น มีดอกไม้จากคุณศรมาส่งตอนเช้าไม่ขาด บอสหงุดหงิดทุกวัน”

  “ดอกไม้?”

  “ก็ใช่น่ะสิ คุณศรคงจะถูกใจโซ่น่าดู”

  “ไม่หรอกครับ ผมว่าเขาแค่อยากเอาชนะกันมากกว่า” ผมว่าไปตามจริง เพราะศรเองก็ไม่ได้มีท่าทีถูกใจผมเลยสักนิด

  “ก็จริง คุณศรทำแบบนี้ประจำ”

  “หมายความว่ายังไงครับ”

  “ก็พอบอสสนใจอะไร คุณศรก็จะสนใจด้วย พอบอสมีแฟน คุณศรก็เขามาตีสนิทกับแฟนบอสทุกคน แต่ก็แปลกนะ ทุกรายเลือกคุณศรหมดเลย”

  “...”

  “แล้วบ้านหลังที่บอสอยู่ จริงๆ มันเคยเป็นเรือนหอของบอสกับคุณแคทเธอรีนมาก่อน สองคนนี้รักกันมากจนถึงขั้นจะแต่งงานกันเลยล่ะ แต่ไม่รู้ว่าคุณศรไปทำอีท่าไหน คุณแคทเธอถึงได้ยอมทิ้งทุกอย่าง แล้วเลือกคุณศร”

  “...” ผมไม่รู้จะสะอึกตรงไหนก่อนดี ก็พอเข้าใจแล้วว่าที่ธนูโกรธผมขนาดนั้นเพราะอะไร

  แต่อีกใจก็รู้สึกเจ็บแปล๊บ ที่รู้ว่าเขาเคยรักกับใครมากถึงขั้นจะแต่งงานกันมาก่อน แถมบ้านที่ผมเข้าๆ ออกๆ ก็ยังเป็นเรือนหออีกด้วย
 
  “พี่ไม่สมควรพูดเรื่องนี้เลย พี่ขอโทษ” พี่ไม้ว่าพลางเอามือตีปากตัวเอง

  “ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค” ใบหน้าปรากฏยิ้มกว้าง แต่ในใจกลับรู้สึกหน่วงไปหมด

  “แต่หลังจากนั้นบอสก็ไม่มีใครอีกเลยนะ จนมาเจอโซ่นี้แหละ” พี่ไม้ว่าต่อ เมื่อเห็นผมเอาแต่นั่งเงียบ

  หลังจากสิ้นสุดประโยคนั้น เราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลยจนมาถึงจุดหมาย

 

  ผมสาวเท้ายาวๆ ออกมาจากลิฟต์ จนมาหยุดที่ประตูบานใหญ่คุ้นตา ผมไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเสียเปล่า เปิดมันออกแล้วเดินเข้าไปทันที

  ธนูนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเดิม เพิ่มเติมคือดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ในทั้งขยะ คงจะจริงอย่างที่พี่ไม้ว่า ศรส่งดอกไม้มาให้ผมทุกวัน

  “ของเธอนั่นแหละ พี่ชายฉันส่งมา”

  “ครับ” ผมตอบสั้นๆ เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะสนทนา “เข้าเรื่องเลยดีกว่า เราเสียเวลากันมามากพอแล้ว”

  “เอาสิ แล้วเธอจะยืนอีกนานไหม”

  ผมมองเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ ใจก็อยากนั่งแต่ไม่ได้ไง ตอนอยู่บนรถกัดฟันอดทนมาถึงนี้ได้ก็เก่งมากแล้ว

  “ผมไม่อยากนั่ง คุณไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง”

  “...” เมื่อธนูไม่พูดอะไร ผมก็เป็นฝ่ายเริ่มทันที

  “เรื่องผมกับศรคุณกำลังเข้าใจผิด”

  “แล้วจะให้ฉันเข้าใจยังไง... ที่เธอโกหก แล้วแอบไปเจอกันบ่อยๆ จะให้ฉันเชื่อว่ามันไม่มีอะไรงั้นเหรอ?”

  “...” แดกจุด “ผมขอโทษเรื่องที่โกหก ผมผิดผมยอมรับทุกอย่าง แต่เรื่องมันก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”

  “...”

  “อีกอย่างผมก็บอกเขาว่าผมมีแฟนแล้วด้วย”

  “...” ธนูเอาแต่เงียบ จนผมชักรู้สึกโมโห

  “คุณช่วยพูดอะไรหน่อยได้ไหม เอาแต่เงียบแบบนี้ผมทนไม่ไหว”

  “เธอไม่เห็นจำเป็นต้องสนใจฉันก็ได้นี่ ยังไงซะเธอก็เลือกพี่ชายฉันอยู่ดี” ถ้าผมไม่รู้เรื่องมาจากพี่ไม้ ผมคงโกรธเขามากที่พูดจาแบบนี้กับผม

  “ทำไมผมต้องเลือกคุณศร ผมไม่ได้รักเขา”

  “เธอจะบอกว่าเลือกฉัน เพราะเธอรักฉันงั้นเหรอ?”

  “มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วนี่ครับ ก็คุณเป็นแฟนผมนะ!”

  “หึ! แฟน?” มุมปากธนูกระตุกยิ้ม นัยน์ตาเขากำลังว่างเปล่า “เธออาจจะคิดไปเองว่ารู้สึกดีก็ได้ เพราะตอนที่ขอเธอเป็นแฟน ฉันก็บังคับให้ตอบตกลงนี่ จะชอบฉันได้ไง จริงไหม?” ผมชะงักไปนิด มันมีทั้งจริงและไม่จริงอยู่ในประโยคที่ธนูว่า

  ใช่...เขาบังคับให้ผมตอบตกลงในวันนั้น แต่ความรู้สึกที่ผมมีในวันนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะผมคิดไปเองแน่ๆ

  “เหรอครับ” ผมว่า ก่อนจะคว้าเอาเนกไทสีน้ำเงินเข้ม ให้ใบหน้าธนูขยับเข้ามาใกล้ “งั้นผมถือว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” แววตาของเขาวูบไหวกับคำพูดของผม

  “...”

  “จะเป็นอะไรไหม หากว่าตอนนี้ผมต้องการขอให้คุณมาเป็นแฟนผม เพราะผมถูกใจคุณมาก”

  “โซ่! เธออย่ามาล้อเล่นกับฉันแบบนี้นะ” ธนูว่าเสียงเข้ม

  “มาถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังคิดว่าผมล้อเล่นอีกงั้นเหรอ” ผมว่า ก่อนจะกดริมฝีปากทาบทับลงไปแช่เอาไว้ไม่ขยับ ดวงตาทั้งสองปิดลงแน่น ธนูเองก็ไม่มีท่าทีขัดขืน

  ผมสัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสอง

  ผมรักเขา... และไม่อยากเสียเขาไป...

  ผมค่อยๆ ผละริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า จ้องมองดวงตาสีดำหมึกอย่างไม่ละสายตา “ผมรักคุณ ผมขอโทษที่โกหก และทำลายความเชื่อใจที่คุณมอบให้ แต่สาบานได้ผมไม่ได้คิดอะไรกับศรเลยแม้แต่น้อย” ผมยังหวังว่าเขาจะเชื่อสิ่งที่ผมพูด

  “...”

  “ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้คิดไปเอง มันเกิดจากความรู้สึกที่คุณให้ผม”

  “...”

  “มันอาจฟังดูงี่เง่า แต่ขอโอกาสได้ไหม ให้ผมได้พิสูจน์ว่าผมรักคุณ...” ผมกำลังร้องขอสิ่งที่อาจเป็นไปได้ หรืออาจจะเป็นไปไม่ได้ “ผมจะหลับตาอยู่ตรงนี้ ถ้าคุณมอบโอกาสนั้น ได้โปรดมอบจูบของคุณให้กับผม แต่ถ้าคุณยังยืนยันว่าไม่ คุณก็แค่เดินออกไป แล้วทิ้งผมไว้ตรงนี้”

  ผมยืนตัวตรง ก่อนจะหลับตาลงปิดสนิท หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ลึกๆ ผมก็แอบหวังว่าเขาจะให้โอกาส แต่ถ้าไม่ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ

  ความเงียบเกาะกุมหัวใจ มันเงียบจนผมกลัว ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาอยู่หรือออกด้านนอกไปแล้ว ความรู้สึกมากมายประเดประดังเข้ามาให้ได้คิดฟุ้งซ่าน

  ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงของเก้าอี้ขยับ และเสียงฝีเท้าของเขากำลังเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่จะหยุดลงตรงหน้า

  “โซ่...” หัวใจของผมกำลังจะหยุดเต้น เมื่อถูกเรียกชื่อ “ฉันขอโทษ” ผมรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว หัวใจกำลังล่วงลงสู่พื้น

  ผมรู้ได้ทันทีว่าคำตอบของธนูคืออะไรเมื่อเขากล่าวขอโทษ ผมไม่ได้ไปต่อใช่ไหม...

  ปลายมือปลายเท้าผมรู้สึกเย็นเหมือนถูกน้ำแข็งเกาะ ผมทำทุกอย่างพัง น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วก็พลันไหลลงมาอีกครั้งอย่างไม่ขาดสาย

  มันจบแล้วจริงๆ ใช่ไหม

  ในขณะที่ผมกำลังปล่อยให้ความรู้สึกทั้งหมดมันฟุ้งกระจาย ผมก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่กดลงมาที่ริมฝีปาก ความคิดทั้งหมดถูกตีแตกกระเจิง

  ผมรีบแกว่งแขนกอดรอบคอของธนูเอาไว้ โอบรัดจนแน่น เพราะกลัวว่าเขาจะหนีหายไปไหน...

  ริมฝีปากเริ่มขยับดูดเม้มอย่างเชื่องช้า มันเป็นจูบรสเค็มปร่าของน้ำตา แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ยากเกินจะบรรยาย

  เราจูบกันอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะผละริมฝีปากออก เปลือกตาบางขยับเปิด เผยให้เห็นคนตรงหน้าที่กำลังยืนยิ้ม มือหนาค่อยเกลี่ยน้ำตาที่แก้มออกอย่างช้าๆ

  "ผมขอโทษที่ทำให้คุณร้องไห้" ผมพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยออกมา

  “ขอบคุณนะครับ”

  “สัญญาได้ไหมว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันเสียใจ”

  “ด้วยชีวิตครับ” ผมยิ้มกว้างจนแทบเห็นฟันทุกซี่

  มันจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะผมรักธนู...

  เขามอบความเชื่อใจให้อีกครั้ง และผมสัญญาว่าจะไม่ทำลายมันด้วยมือของตัวเองแน่นอน ผมจะอยู่เคียงข้างเขาจนกว่าเขาจะบอกให้ผมไป

  วันนั้นผมอาจจะเสียใจมาก แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะวันนี้ผมเลือกแล้ว...

  “ยังเจ็บอยู่ไหม” ธนูว่า ขยับมือลงลูบสะโพกกลมเบาๆ

  “นิดหน่อยครับ...” ผมเบ้ปาก ทำหน้าอ้อน “ถ้าซ้ำอีกสักครั้งสองครั้งก็คงชิน” ผมว่ายิ้มๆ ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง

  “อืมมม... เราไปข้างบนกันดีไหม”

  “เดี๋ยวคุณมีประชุมนี่นา” ธนูทำหน้ามุ่ย ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ หยิบมือถือแล้วกดโทรออกหาใครบางคน

  “จอส เลื่อนประชุมออกไปสองชั่วโมง” ธนูว่ามองหน้าผม สายตาเขาพร้อมที่จะออกล่า “เป็นสามชั่วโมงดีกว่าเผื่อเอาไว้...อืม” เขามันหมาป่าเจ้าเล่ห์

  ดวงตาคมบอกเป็นนัยๆ ว่าพร้อมแล้ว

  ธนูเดินเข้ามารวบตัวผมเอาไว้จนแน่น กดจมูกลงมาจนจมพวงแก้ม สูดหายใจเข้าจนฉ่ำปอด

  ฟอดดดดดด~

  “บอสสสสส...อ๊ะ!!! อยากกัดผม” ผมร้องเสียงหลง เมื่อถูกเขางับลงที่ซอกคอ

  “ก็เธออร่อยนี่ ฉันชอบกินของอร่อยนะ รู้ไหม...”
 

 

 
ไม่รับรู้ /(-,,-)

ดีกันสักทีนะพ่อ

**กำลังทยอยแก้ไขคำผิด**

#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -19- ปฐมบทของหายนะ
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 16-05-2021 12:15:35

-19-

ปฐมบทของหายนะ

 
  ผมกำลังยืนทำอาหารเช้าอยู่ดีๆ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ครั้งหนึ่งในชีวิต ผมได้เจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน บ้านทั้งหลังกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง

  แผ่นดินไหว…

  แรงสั่นขนาดนี้คาดเดาว่า ขนาดของแผ่นดินไหวคงไม่ต่ำกว่า 4-5 ริกเตอร์แน่ๆ

  ผมวางทุกอย่างที่ทำอยู่ แล้วก้มลงต่ำคลานเข้าไปหลบใต้โต๊ะ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าธนูยังคงหลับอยู่ในห้อง ผมรีบพาตัวเดินซวนเซกลับเข้าในห้อง นอน มองดูร่างเปลือยเปล่าหลับสบายอย่างไม่รู้สึกรู้สา

  นี่เขาไม่รับรู้อะไรเลยใช่ไหมเนี้ย!

  “คุณตื่นก่อน เราต้องหาที่หลบเดี๋ยวนี้” ผมว่า เขย่าธนูจนตัวโยก

  ธนูปรือตามอง ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้ แล้วดันตัวผมให้นอนอยู่ใต้ล่าง

  “คุณ...จะทำอะไร มันไม่ใช่เวลา!”

  “ตอนนี้แหละ”

  “อ๊ะ!” ความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ช่วงล่างแล่นปราดไปทั้งตัว

  เจ็บ... ดี... เจ็บ... ดี... เจ็บ... ดี... ดี...ดี... โวยไอ้สัด!

 

  ร่างกายสะดุ้งเฮือก เปลือกตาทั้งสองเบิกโพลงเมื่อรู้สึกว่า ความเจ็บมันสมจริงเกินกว่าฝัน

  “ตื่นแล้วเหรอ”

  แผ่นดินไหวจริงเหรอว่ะ ทำไมบ้านมัน...

  “อ๊า...!” เสียงครางหวานหลุดออกมา อย่างห้ามไม่ได้ เมื่อร่างกายถูกกระตุ้นด้วยตัวตนของคนที่อยู่ด้านบน “คุณทำอะไรของคุณเนี่ย” ผมว่าเสียงแข็ง ก่อนจะใช้เท้ายันหน้าอกแกร่งเพื่อให้ธนูหยุดขยับ

  “Morning Sex ยังไงล่ะ” เขาว่าก่อนจะจับฝ่าเท้าขึ้นมาจูบเบาๆ

  อห. ที่ไม่ได้แปลว่า โอ้โห้ ชีวิตรักที่ข้ามขั้น Morning Kiss

  “...” หมดคำจะพูด ได้แต่นอนให้ธนูตอกเสาเข็ม จนร่างชาดิกไปทั้งตัว

  อา...มึงโยกเข้าไป เอาให้สุด “อ๊ะ!” ไอ้สัด เหมือนรู้ความในใจกูยังไงอย่างนั้นแหละ แต่คือประชดไง!!!

  ผมปล่อยให้ธนูทำตามใจจนเราถึงปลายทางพร้อมกัน หลังจากที่เราคืนดีกันเมื่อหลายวันก่อน ชีวิตผมก็กลับมาเป็นปกติ ตื่นเช้าไปทำงาน เลิกงานเราก็ออกไปทานข้าวด้วยกัน

  ถ้าวันไหนค้างที่บ้านของธนูก็จะมีกิจกรรมออกกำลังกาย (บนเตียง) หลังทานอาหารเพิ่มเข้ามา ธนูบอกว่าเราต้องเบิร์นออกให้มากกว่าที่กิน ฟังดูยังไงผมก็เสียเปรียบ

  แต่ก็นั่นแหละ ผมยอมเสียเปรียบเพราะผมเองก็ชอบเหมือนกัน...

  “ผมจะลุกไปอาบน้ำแล้ว” ผมว่า เมื่อเห็นท่าทีของธนูต้องการจะต่อรอบสอง

  “ฉันหิว...”

  “หิวก็รีบลุก จะได้ลงไปหาอะไรทาน คุณไม่ไปทำงานหรือไง”

  “ฉันลาออกดีไหม อยากนอนกอดเธอแบบนี้ทุกวันมากกว่า”

  ทุกวัน...!

  ผมคงไม่ได้แก่ตาย

  “ไม่ทำงานแล้วจะเอาอะไรกินล่ะครับ ผมทำงานเลี้ยงคุณไม่ไหวหรอกนะ คุณใช้เงินเก่งขนาดนี้”

  “เงินเก็บฉันเยอะพอจะเลี้ยงเธอได้ทั้งชีวิต เผื่อเธอไม่รู้”

  “ครับๆ แต่ตอนนี้หยุดงอแงแล้วลุกไปอาบน้ำได้แล้ว” ผมว่าพลางตีแขนเบาๆ ให้เขาปล่อย แต่ธนูกลับกอดผมแน่นกว่าเดิม “เอาแบบนี้ไหม เราไปอาบน้ำด้วยกัน เดี๋ยววันนี้ผมขัดหลังให้คุณ” ผมยื่นข้อเสนอ และมันก็ได้ผลเสมอ

  “เดี๋ยวนี้เธอเก่งนะ” ธนูว่าก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง ช้อนตัวผมขึ้นจากที่นอน แล้วตรงเข้าไปยังห้องน้ำทันที

  แน่นอนว่ามันไม่จบแค่ที่อาบน้ำแน่ แต่วิธีนี้ก็ทำให้ธนูยอมลุกจากเตียงขึ้นมาได้ มันกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

  รู้แค่ว่าผมมีความสุขสุดๆ ...

 

 

  “ดอกไม้มาส่งคุณโซ่ครับ”

  ผมยืนมองคนส่งดอกไม้ตาปริบๆ ถึงผมจะไม่ได้เจอศรเลยในช่วงหลัง แต่เขาก็ยังส่งดอกไม้มาให้ผมทุกวันไม่ขาด นั้นทำให้ผมต้องหาวิธีดับไฟในตัวของธนู

  “เขาจ้างคุณมาเท่าไหร่ ผมจ้างสองเท่า รบกวนส่งกลับคืนเจ้าของด้วยครับ” ธนูว่าก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

  “ผมขอโทษ” อยู่ๆ ผมก็รู้สึกผิดมันซะอย่างนั้น

  “เธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่”

  “ครับ” ผมว่า ก้มทำงานต่อ

  หลังจากที่เรากลับมาหวานชื่น ผมก็ขอให้ธนูสอนงานอย่างอื่นทำบ้าง โดยการขู่ว่า ถ้าเขาไม่สอนงานผมจะออกไปหางานทำ

  ผลก็เป็นอย่างที่เห็น ธนูไม่ยอมปล่อยให้ผมไปหางานทำแน่ งานส่วนใหญ่ที่ทำจะเป็นโครงการง่ายๆ ที่พอทำได้ งานไม่เยอะ แต่ก็ดีกว่านอนเฉยๆ แล้วรับเงินเดือน

  อันที่จริงแล้ว ผมแค่อยากช่วยแบ่งเบาธนูมากกว่า ช่วงนี้เขาดูเครียดๆ เรื่องงานประมูลที่กำลังจะมาถึง เห็นว่ามีบริษัทคู่แข่งที่ยอมทุ่มหมดหน้าตักเพื่อที่ดินผืนนั้น

  “เธอชอบเหรอ” ธนูว่า หลังจากที่เรานั่งเงียบกันมาสักพัก

  “ครับ?”

  “ดอกไม้น่ะ”

  “ก็ชอบนะครับ ห้องทำงานคุณมีแต่สีดำ มีดอกไม้ก็ช่วยให้สบายตาขึ้นมาบ้าง”

  “อืม”

  อะไรของเขา…

  ถามจบก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อเงียบๆ ที่น่ากลัวอย่างหนึ่งคือความเงียบของธนูนี่แหละ เพราะผมไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

  “ว่าแต่เที่ยงนี้คุณทานอะไรดีครับ ผมจะออกไปซูเปอร์ฯ”

  “ฉัน---”

  “ไม่ต้องคิดจะตามเลยครับ ผมแค่จะไปซื้อของ” ผมดักคอเอาไว้ก่อน

  ตั้งแต่ที่ผมทำลายความเชื่อใจพังลงกับมือ ธนูก็แทบจะติดจีพีเอสที่คอ ตัวติดกันจนปาท่องโก๋ยังอาย ค้างสายจนเช้าราวกับเด็กสาววัยขบเผาะ

  ก็พอเข้าใจเขานะ เป็นธรรมดาที่เขาจะยังรู้สึกไม่ไว้ใจผม คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก ทุกอย่างคงจะดีขึ้น...

  “ถ้าคุณคิดไม่ออก เดี๋ยวผมทำให้คุณกินดีไหม”

  “ทำหน้าที่เมียเหรอ” ธนูว่า

  “คุณ!!!” เขาอายเป็นบ้างไหมเนี้ย “ผมไม่คุยกับคุณแล้ว” ผมว่าก่อนจะหยิบกระเป๋าผ้าเดินออกมา

 

  ยังไม่ทันก้าวเท้าออกจากตึก รถตู้สีดำคุ้นตาก็จอดรออยู่ด้านหน้า พี่ไม้บอดี้การ์ดยืนหล่อเท่ที่ประตูรถ ไม่ต้องเดาก็พอจะดูออกว่าธนูสั่งมา

  “บอส---”

  “ครับผมพอเดาออก แต่มันไม่เวอร์ไปเหรอพี่ ผมแค่จะไปซื้อของ” สายตาหลายคู่จับจ้องมายังผม

  ไม่มองก็บ้าแล้ว ทำอย่างกับผมเป็นผู้บริหาร ที่มีคนคอยรับคอยส่ง
 
  “ไม่ชิน?”

  “ครับๆ” ผมว่าก่อนจะเดินขึ้นรถ ไม่ชินก็แปลก ธนูก็เล่นใหญ่เป็นปกติ

  ระยะทางจากออฟฟิศไปซูเปอร์ฯ ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก แต่เราใช้เวลาบนถนนเกือบครึ่งชั่วโมง เพราะรถติดหนักมาก

  เดินทางในกรุงเทพฯ ใช้เวลาพอๆ กับขับรถออกต่างจังหวัดได้เลย ผมชอบขับมอไซค์ฯ เพราะมันสะดวกรวดเร็วกว่า ถึงความปลอดภัยจะน้อยนิด แต่ผมก็รู้สึกไม่เสียเวลาชีวิตขนาดนี้

  “พี่ไม้รอผมในรถก็ได้” ผมว่าเมื่อเรามาถึงซูเปอร์ฯ

  “บ้าหรือไง ร้อนจะตายชัก”

  “ฮ่าๆ ครับ”

  เราเดินเลือกของกันอยู่พักก็ได้ของที่ต้องการครบ ผมตั้งใจจะทำสปาเกตตีให้ธนูกิน อันที่จริงผมทำไม่เป็นหรอกแต่ก็ไม่น่าอยาก เคยดูในยูทูปมาบ้าง ง่ายๆ รับรองปัง!

  “พี่ไม้เดี๋ยวผมขอแวะซื้อผลไม้อีกนิดนะครับ”

  “ครับซ้อ...”

  “ซ้อบ้าอะไรล่ะพี่!” ผมหันไปแหวใส่พี่ไม้ที่กำลังยืนหัวเราะชอบใจ

  ทุกคนพอจะมองออกแหละว่าผมกับธนู...

  มันก็ดูไม่ยากเท่าไหร่นัก ก็คอผมฝีมือธนูทั้งนั้น กัดเก่งยิ่งกว่าหมาซะอีก พูดแล้วก็เริ่มมีน้ำโห บ่นไปล้านครั้งว่าอย่ากัด แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ

  “ขอโทษครับ” ผมว่าหลังจากเผลอหยิบกล่องสตรอว์เบอร์รีกล่องเดียวกันกับใครบางคน

  จังหวะนรกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เมื่อผมเงยหน้ามาแล้วพบว่า เป็นเจ้ากรรมนายเวรของผมเอง “คุณศร!”

  “นึกว่าใคร คุณโซ่นี่เอง”

  “ขอตัวก่อนนะครับ” ผมว่า ตั้งท่าเดินออกมาทันที

  ผมภาวะนาให้ตัวเองอยู่ห่างกับเขาให้มากที่สุด แต่บุญที่สั่งสมมามันหมดแล้วหรือไง ทำไมต้องมาเจอเขาเวลานี้ด้วยวะ

  “เดี๋ยวครับ” ไวกว่าความคิดศรก็คว้าข้อมือผมไว้ “คุณไม่ชอบดอกไม้ที่ผมส่งไปงั้นเหรอ” ผมหันไปมองพี่ไม้เพื่อขอความช่วยเหลือ และพี่ไม้ก็เหมือนจะรู้ได้ทันที

  “คุณศรปล่อยเถอะครับผมว่ามันไม่เหมาะ” พี่ไม้ว่า คว้ามือศรเอาไว้แน่น

  ศรยอมปล่อยมือผมแต่โดยดี แต่ไหนๆ โชคชะตา เวรกรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ผมได้เจอศร ขอปฏิเสธแบบเด็ดขาดไปเลยก็แล้วกัน

  “ครับ...ไม่ชอบ แล้วคุณก็เลิกทำแบบนี้ได้แล้ว” ดวงตาจ้องลึกลงไปยังนัยน์ที่ว่างเปล่า “ผมไม่รู้ว่าคุณคิดจะทำอะไร แต่คุณหยุดเถอะครับ ผมไม่ยอมให้คุณทำอะไรธนูแน่!” ว่าจบก็เดินออกมาโดยไม่สนว่าเขาจะพูดอะไรต่อ

  ดูจากรอยยิ้ม ผมว่าเขาไม่หยุดแค่นั้นแน่

 

 

  เราเอาของทั้งหมดไปคิดเงิน ก่อนจะแบกเอามาเก็บไว้ที่รถ โชคดีที่พี่ไม้มาด้วย คิดไม่ออกเลยว่าถ้ามาคนเดียวจะเอาของทั้งหมดกลับยังไง

  ไม่นานเราก็ออกจากซูเปอร์ฯ ในเวลาต่อมา

  “พี่ไม้ครับ พี่ว่าผมควรบอกธนูเรื่องที่เราเจอคุณศรไหม” ผมว่าหลังจากที่นั่งคิดคนเดียวเงียบๆ มาพักใหญ่

  “โซ่ว่าไงล่ะ”

  “อ้าว... นี่ผมถามพี่ ไม่ได้ให้ถามกลับนะครับ”

  “พี่ไม่รู้ ไม่รู้” พี่ไม้กลอกตาไปมา

  ผมเสหน้ามองออกไปยังนอกหน้าต่าง ปล่อยให้ตัวเองขบคิดอยู่อย่างนั้นจนถึงออฟฟิศ ของทั้งหมดถูกยกขึ้นมาไว้ชั้นบนสุดที่เป็นห้องพัก ของบางส่วนถูกแบ่งเก็บไว้ในตู้เย็น และบางส่วนก็ถูกแยกออกมาเพื่อลงมือทำสปาเกตตี

  “โซ่ทำเป็นเหรอ” พี่ไม่ว่า

  “ไม่ครับ ผมดูในยูทูป”

  “ปัง! ไม่ไหว” พี่ไม้ว่าหน้าตื่น

  “แน่ล่ะครับระดับผมแล้ว”

  “ปังปินาศ!!”
 
  โห้... พี่ไม้ไม่เชื่อใจผมอะ ค่อยดูเถอะ!

  ผมเริ่มเปิดคลิปดู แล้วจัดการทำตามเป๊ะทุกขั้นตอน ผลที่ได้คือ มันออกมาดีจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือผม

  "พี่ลองชิม” ผมว่า ยื่นส้อมให้

  “พี่จะไม่ตายใช่ไหม”

  “จะตายเพราะกิน หรือตายตอนนี้เลยดีครับ” พี่ไม้ยืนหัวเราะ ก่อนจะซัดเอาเส้นสปาเกตตีเข้าปาก

  “อืม...” ผมมองด้วยความหวัง “จองคิวหมอไตให้พี่ด้วย”

  ปังปินาศของจริง...

  "ขนาดนั้นเลยเหรอพี่” หน้าเริ่มจ๋อย ผมไม่เคยทำอาหารเลยนะ แต่ก็อยากทำให้ธนูกิน...

  “ไม่ขนาดนั้นพี่แซวเล่น ทำหน้างอซะพี่รู้สึกผิดเลย”

  “เราเอาเส้นไปล้างน้ำแล้วผัดใหม่ดีไหมครับ” ผมว่า

  “พี่ว่าไม่ดีนะ...” พี่ไม้ร้องห้าม “พี่แค่แซวเล่น มันอร่อยแล้วเชื่อสิ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะจัดทุกอย่างลงจาน ไม่ลืมที่จะหยิบสตรอว์เบอร์รีที่ซื้อมาจัดใส่จานแยกเอาไว้ ตั้งใจว่าถ้าสปาเกตตีไม่รอด ก็เอาไว้กินล้างปาก

 

 

 

  “อร่อยดี” ผมยิ้มกว้าง เมื่อธนูตักเข้าปากคำแรก แล้วบอกว่าอร่อย

  ภูมิใจ...

  “เหรอครับ” ผมว่าเขินๆ

  “บอสคะ...ดอกไม้มาส่ง” ผมหันไปสนใจคนที่เข้ามาใหม่

  เลขาของธนูกำลังถือดอกไม้สีขาวช่อใหญ่กว่าเมื่อเช้าเป็นเท่าตัว อย่าบอกนะว่าศรไม่ยอมจบง่ายๆ

  “เอาเข้ามา” ผมหันกลับไปมองธนู เมื่อเช้าเขายังให้เอาส่งกลับคืนอยู่เลย “ของเธอ..” เขาว่าก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ในมือให้

  “ของผม?” ดอกไม้ช่อโตถูกย้ายมาอยู่ในอ้อมกอดผมแทน “คุณให้ผมเนื่องในโอกาสอะไรครับ”

  “อยากให้”

  อ่า... จบล่ะ ถ้าธนูตอบแบบนั้น ไม่ต้องถามอะไรต่อเลย เพราะผมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ

  ผมรับดอกไม้ช่อโตมาก่อนจะค่อยๆ แยกร่างออกแล้วจัดใส่แจกันเอาไว้

  พอจัดดอกไม้ผมก็ฉุกคิดถึงเรื่องที่เจอศร ผมควรบอกธนูหรือเปล่านะ พี่ไม้ที่พอจะเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวได้ก็ดันไม่ช่วยอะไรซะนี่ แต่พอคิดถึงวันที่ผมตามง้อธนูก็ทำให้รู้สึกขนลุก

  “คุณ...” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมอง “ตอนผมไปซื้อของ ผมเจอคุณศรด้วยล่ะ”

  “...” ธนูเงียบ เขาไม่ตอบเอาแต่จ้องผมนิ่ง

  “แต่ผมไม่ได้เป็นคนนัดเขานะ เราแค่บังเอิญเจอกัน” เพราะธนูเงียบ ยิ่งทำให้ผมร้อนรน

  “มานี่” เท้าสาวเข้าไปจนใกล้ ธนูตบหน้าขาตัวเองเบาๆ ผมก็รู้ได้ทันทีว่าเขาต้องการให้นั่งลง

  “ครับ?”

  ธนูยังคงนิ่งเงียบ เขาไม่พูดอะไรก่อนจะเปิดลิ้นชักหยิบเอากล่องกำมะหยี่สีดำขึ้นมา

  “สำหรับศร ไม่มีคำว่าบังเอิญ” พูดจบเขาก็เปิดกล่องสีดำ ในนั้นมีสร้อยสีเงิน ประดับด้วยจี้เป็นวงรี ใหญ่กว่าเหรียญสองบาทนิดหน่อย ตรงกลางขึ้นรูปเซนทอร์ยิงธนู ซึ่งนั่นเป็นสัญลักษณ์ของราศีธนู “ฉันตั้งใจจะให้เธอนานแล้ว ใส่เอาไว้ห้ามถอด”

  “ครับ” ผมรู้สึกได้ว่าธนูกำลังกลัว “ผมรักคุณนะ” ผมว่า

  “...” เขาไม่ตอบอะไรนอกจากทิ้งหัวพิงลงมาที่ลาดไหล่

  “ผมไม่ได้พูดเพราะคุณให้ของพวกนี้กับผม แต่เพราะผมอยากให้คุณมั่นใจว่า ผมจะไม่เลือกใครนอกจากคุณ” พูดจบผมก็หันไปกดริมฝีปากลงที่ขมับ

  ธนูเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะขยับหน้าเข้ามาใกล้...

 

  ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...

  ให้ตาย!!! คนกำลังเข้าได้เข้าเข็ม อยากจะโรแมนซ์แบบหนังรัก แต่ก็ตกม้าตายแบบหนังตลก ฮ่อลลล!

  “เข้ามา” ธนูว่า

  “เดี๋ยวสิคุณ ผมยังไม่ลุกเลย” ผมตั้งท่าลุกจากตัก แต่กลับโดนธนูรั้งเอาไว้ให้นั่งลงตามเดิม

  “ขอโทษค่ะ มีของมาส่ง...” สายตาผมมองพี่เลขาที่เดินเข้ามา “ของคุณโซ่ค่ะ”

  “ผมไม่ได้สั่งนะ” ผมหันไปบอกธนู

  “เอาเข้ามา” ธนูว่า

  ชายวัยกลางคนเดินยกกล่องสีขาวตีตราตัวใหญ่ว่า ‘สตรอว์เบอร์รีสดจากสวน’ ดวงตาเบิกโพลงเมื่อมันถูกยกเข้ามากล่องแล้วกล่องเล่า

  “เซ็นรับด้วยครับ” ผมรับปากกามาอย่างงุนงง เซ็นชื่อรับแล้วตรวจสอบกล่องสตรอว์เบอร์รีจำนวนสิบกล่อง มีโน้ตแปะเอาไว้ที่กล่องสุดท้าย

  มันถูกหยิบขึ้นมา แต่ก่อนอ่านผมหันไปมองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ธนูย่นคิ้วจนแทบผูกกันเป็นปม รังสีบางอย่างกำลังออกมาจากตัวเขา

 

 
‘เจ้านี้อร่อยกว่าที่คุณซื้อมาเมื่อกลางวันอีกนะครับ ทานให้อร่อย’

                                    -ศร-

 

  ฝีมือศร...

  ผมไปทำเวรทำกรรมอะไรกับเขาหนักหนา ทำไมเขาถึงได้ตามเกาะติดขนาดนี้

  “จอส” แล้วเสียงของธนูก็ดึงความสนใจให้ผมหันกลับไปมอง “ที่ญี่ปุ่นช่วงนี้สตรอว์เบอร์รีพันธุ์ไหนกำลังออก...” มันจะไม่ใช่อย่างที่คิดใช่ไหม

  มือผมเริ่มสั่นเมื่อได้ยินธนู กำลังสนทนาเรื่องสตรอว์เบอร์รีกับพี่จอสทางโทรศัพท์

  “ดี... นายช่วยซื้อยกไร่ให้ฉันที...ไม่ดีกว่า ช้าไป นายช่วยเตรียมไพรเวทเจ็ทให้ฉันที ฉันจะพาโซ่ไปกินที่สวนเอง”

  ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!

  นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันฟ่ะ...

  ถ้านี้เป็นฝัน ใครก็ได้ช่วยตบให้ผมตื่นที ผมกำลังจะขาดอากาศหายใจ

 

 

 

 

 

#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

**กำลังทยอยแก้คำผิดนะฮ่าฟ**

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -20- บททวิของหายนะ
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 16-05-2021 12:20:28

-20-

บททวิของหายนะ

 
  ว่าด้วยเรื่องสตรอว์เบอร์รี เกือบได้ไปกินไกลถึงญี่ปุ่นแล้วไหมล่ะ ถามว่าอยากไปไหม ใครก็อยากไปทั้งนั้นแหละ ผมก็อยากไป แต่มันดูบ้าไปหน่อย

  กว่าจะเคลียร์กันลงตัวได้ เล่นเอาดึกดื่นเที่ยงคืน ถามว่ามันจบแค่นี้จริงๆ เหรอ?

  “คุณโซ่ครับ มีดอกไม้มาส่ง”

  เฮ้อ~

  สำหรับสองพี่น้องตระกูลนี้บอกเลยว่ายาก!!!

  ผมยืนมองดอกกุหลาบสีขาวสองช่อ มองดูก็พอรู้ว่าช่อใหญ่นี้ของศร ส่วนช่อที่เหมือนเหมาทั้งสวนนี้ของธนู นี่ผมกำลังเจออะไรอยู่กันแน่วะ โชคชะตากำลังฝึกความอดทนของผมอยู่เหรอ

  “ผมไม่รับครับ รบกวนด้วย”

  “เอ่อ... คือ” พนักยืนอ้ำอึ้ง

  “ไม่รับทั้งสอง” ผมย้ำก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวยาว

  มันเริ่มจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ทั้งศรและธนู ไม่มีใครคิดบ้างเลยหรือไงว่าผมจะรู้สึกยังไง สิ่งที่พวกเขาทั้งสองทำมันไม่ต่างอะไรกับการเอาชนะกัน

  เมื่อตอนพักเที่ยงก็มีเดลิเวอรี่มาส่ง เป็นเมนูหมู หมูกรอบ คอหมูย่าง หมูสามชั้นทอดกระเทียม บลาๆ มันมาจากศร เพราะผมเคยหลุดปากบอกไปว่าผมชอบกินหมู เขาก็จัดมาทั้งคอก

  ธนูเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกทนไม่ได้ จัดการสั่งมาบ้าง จัดหนักจัดเต็มแทบอ้วก ชาตินี้สาบานเลยว่าจะเลิกกินหมูตลอดชีวิต ไม่มีใครคิดจะถามความสมัครใจของผมสักนิด ผมจะรู้สึกยังไงก็ไม่เห็นว่าจะมีใครสน

  ความอดทนของคนก็มีขีดจำกัดนะเว้ย!

ก่อนที่เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่กว่านี้ ผมตัดสินใจปลดบล็อกไลน์ของศร เพื่อทักไปเคลียร์ให้จบ ไม่งั้นผมเองที่จะต้องเป็นบ้าก่อนแน่...

 

Sayso

  ผมต้องการให้คุณหยุดส่งทุกอย่าง

  ถ้าแค่ต้องการเอาชนะธนู คุณก็ไปคุยกันเอง

  อย่างดึงผมเข้าไปเกี่ยวผมเบื่อ!!!

  รำคาญ...

 

  ยอมรับเลยว่าที่พิมพ์ไปทั้งหมด เพราะรู้สึกโมโห...

  ผมรอข้อความตอบกลับอยู่นาน แต่เขายังไม่อ่านข้อความผมด้วยซ้ำ หรือเขาจะบล็อกผมไปแล้ววะ

 

  วันนี้ทั้งวันผมแทบไม่คุยกับธนู เลิกงานผมก็ขอตัวกลับเลย

  “ไงมึง... จำทางกลับบ้านได้ด้วยเหรอ” กุญแจว่าเมื่อเห็นผมก้าวเท้าเข้าบ้าน

  แต่ก็ไม่แปลกเพราะพักหลัง ผมค้างที่คอนโดธนูบ่อยขึ้น จากเมื่อก่อนสามวันต่ออาทิตย์ เดี๋ยวนี้ห้าถึงหกวัน เล่นเอาน้องชายลืมหน้าตาผมไปเลย

  “เออ ว่าแต่ทำ’ไรอยู่” ผมว่าก่อนจะเดินไปทิ้งสะโพกลงนั่งข้างๆ

  “ไม่ต้องถามกู มึงเถอะทำหน้าเป็นตูดทะเลาะกับพี่ธนู?”

  “ทำไมมึงรู้ดีจังวะ”

  “ควาย... อ่านง่ายขนาดนี้ แล้วถ้าไม่ทะเลาะกัน คนอย่างมึงไม่กลับบ้านมาง่ายๆ แบบนี้หรอก” นี่ผมกลับมาให้น้องตัวเองด่าซ้ำเหรอวะ

  “ตามนั้น” ผมว่าก่อนจะลุกขึ้น ใครจะไปยอมให้มันนั่งด่าฟรี กลับเข้าห้องตัวเองดีกว่า

  “มึงจะไม่เล่าจริงดิ”

  “เดี๋ยวนี้ขี้เสือกเหรอ” ผมว่า

  “ไม่เล่าก็ไปๆ กูจะดูหนังต่อ”

  “เล่าๆ” นอกจากเก็บความรู้สึกไม่เก่งแล้ว ยังเก็บความลับไม่เก่งอีกต่างหาก

  ผมใช้เวลาหลายนาทีเพื่อเล่าเรื่องราวของศรกับธนูให้น้องชายฟัง นอกจากมันเงียบอย่างเดียวแล้ว มันก็ไม่คิดจะออกความเห็นอะไรเลยระหว่างที่ผมเล่า

  “มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอวะ”

  “จะให้กูพูดอะไร” กุญแจว่า

  “ก็แบบ กูผิด หรือธนูผิดอะไรก็ได้อะ” กุญแจเงียบก่อนจะทำท่าคิด

  “มึงคิดว่าพี่เขาทำแบบนั้นไปทำไม”

  “จะมีอะไรล่ะ คงจะแค่อยากเอาชนะกันตามประสาพี่น้อง”

  “มึงไม่มองจุดประสงค์ที่พี่ธนูทำเลยเหรอ” กุญแจยังคงพูดต่อ แต่ก็ไม่ละสายตาจากจอทีวี “เขาทำแบบนี้เพราะกลัวมึงชอบคุณศรมากกว่าหรือเปล่า”

  เออวะ ทำไมคิดไม่ได้วะ...

  “แต่เขาก็ควรจะถามความรู้สึกกูหน่อยไหมล่ะ”

  “กูว่าเรื่องนี้มันแก้ไม่ยากหรอก”

  “ยังไงวะ”

  “มึงคุยเรื่องความรู้สึกกับธนูแล้วหรือยัง” ตอบ ‘ยัง’ จะโดนมันด่าอีกหรือเปล่าวะ “ถ้าพี่ธนูไม่ถาม มึงก็เป็นคนเริ่มพูดก่อนเลย จะรอทำไม ยังไงตอนนี้ธนูก็ใช้อารมณ์ล้วนๆ เขาไม่ได้มีสติพอจะมาถามมึงหรอก แฟนมึง มึงต้องรู้นิสัยเขาป่ะ”

  เชี่ย... จริงของกุญแจวะ ผมรออะไรอยู่ว่ะ

  “แจ มึงแอบมีแฟนใช่ป่ะ” ผมถามเพราะเห็นว่าน้องชายให้คำปรึกษาดี มันต้องแอบมีแฟนแล้วไม่บอกผมแน่ๆ

  “ไม่” กุญแจว่าหน้านิ่ง

  “แอบมีแฟนไม่บอกกูหรือเปล่ากิ้วๆ” ปลายนิ้วชี้จิ้มแก้มกุญแจเบาๆ เป็นการหยอกล้อ
 
  “กูไม่อยากมี กลัวได้แฟนแบบมึง”

  “หล่อ?”

  “หึ! โง่!!!” จึก มันเจ็บจี๊ด แต่ไม่แคร์เพราะผมหน้าด้าน

  “ไอ้แจ!!!”

 

  ติ้ง~ แล้วเสียงแจ้งเตือนก็ช่วยชีวิตน้องชายผมไว้ ไม่งั้นผมคงทุบกุญแจตายคามือ

  มันเป็นแจ้งเตือนจากคนที่ผมรอมาทั้งวัน

 

K.Sayson

  ออกมาหาผมที่ร้านxx ตอนสองทุ่ม แล้วผมจะไม่ยุ่งกับธนูและคุณอีก

 

  ผมมองนาฬิกา ตอนนี้หนึ่งทุ่มยี่สิบ ลังเลใจอยู่สักพักหลังจากได้ข้อความของศร แต่เขาบอกว่าจะเลิกยุ่งกับเราสองคน ถ้าลองไปฟังสิ่งที่เขาว่าดูก็คงไม่เสียหาย ไม่คุ้มผมก็แค่กลับ

 

Sayso

  โอเค

 

  ผมไม่ลืมที่จะบอกเรื่องนี้กับธนู คิดว่าเขาคงจะทำงานอยู่ที่ออฟฟิศนั่นแหละ ผมกดโทรออกหาธนูอยู่หลายสาย แต่เขาก็ไม่ยอมรับ ผมเลยตัดสินใจทิ้งข้อความเอาไว้

 

Sayso

  คุณผมออกมาพบศรที่ร้านxx ตอนสองทุ่ม

  ผมส่งข้อความบอกคุณไว้ไม่ได้จะให้คุณโกรธ

  แต่หลังจากจบเรื่องแล้วผมจะรีบไปหาคุณทันที

 

  ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ ผมก็พยายามต่อสายหาธนู ข้อความก็ยังไม่ถูกเปิดอ่าน แบตเตอรี่ที่มีอยู่ก็เหลือแค่ห้าเปอร์เซ็นต์ นี่มันพล็อตหนังชัดๆ

ผมตัดสินใจฝากข้อความไว้อีกครั้ง


Sayso

  แบตผมกำลังจะหมด

  ช่วยรอผมที่ออฟฟิศก่อนนะครับ

  ผมอยากให้คุณเชื่อใจผมนะ

  ผมรักคุณ

*แนบรูป*

 

  ผมส่งแคปภาพหน้าจอมือถือ ส่งให้ธนูดู ว่าแบตเตอรี่เหลือเพียงห้าเปอร์เซ็นต์...

 

  ไม่นานผมก็มาถึงร้านxx สายไปสิบห้านาที แต่ก็ช่างเถอะผมมาเพื่อต้องการคุยให้จบ และก็หวังว่าเขาจะทำตามที่พูดเอาไว้

  “คิดว่าจะไม่มาซะแล้ว ผมโทรไปไม่ติด”

  “ครับ... คุณรีบพูดเถอะ ผมเหนื่อยกับเรื่องของคุณมามากพอแล้ว” ผมว่า

  “รีบจังเลยนะครับเชิญนั่งก่อน”

  ผมลอบสังเกตภายในห้อง มีบอดี้การ์ดจำนวนห้าคน “กลัวเหรอครับ” ศรว่า

  “ผมไม่จำเป็นต้องกลัว” พูดจบผมก็เอนกายพิงกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย “รีบคุยเถอะครับผมมีธุระต่อ”

  “แต่ผมไม่รีบ” ศรไหวไหล่ นี่เขากำลังเล่นเกมความอดทนกับผมอยู่ใช่ไหม

  “งั้น... เอาเป็นว่าผมกลับก่อนแล้วกัน ถ้าคุณไม่รีบก็เรื่องของคุณ” ผมลุกขึ้นเต็มความสูง หมุนตัวเดินออกมา ยังไม่ทันเปิดประตูออก เสียงของศรก็ดึงให้ผมหยุดฟัง

  “ยังไม่ดื่มอะไรเลยคุณรีบกลับแล้วเหรอ” ผมหันไปสบตาคนที่นั่งอยู่

  “ในเมื่อคุณไม่มีอะไรจะพูด ผมก็ไม่จำเป็นต้องอยู่นี่ครับ”

  “คุณกลัวผมขนาดนั้นเลยเหรอ อย่างน้อยก็ดื่มไวน์กันสักแก้วจะเป็นไรไป” ผมมองกลับไปที่แก้วเปล่า มันยังไม่ถูกเติม “ทำไม...คุณกลัวผมจะวางยางั้นเหรอ” เขาว่าพลางเลิกคิ้วมอง

  ขวดไวน์ทรงสวยถูกยกขึ้นรินใส่แก้วใสของศร แล้วรินใส่แก้วเปล่าฝั่งผม ศรยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องรินไวน์เพิ่ม

  “เห็นไหมฉันไม่เห็นจะเป็นอะไร”

  “ถ้าผมดื่มมันจะจบใช่ไหม” ผมว่า

  “ก็คงงั้น เห็นเธอรักน้องชายฉันขนาดนี้ คงไม่มีพื้นที่ตรงกลางให้ฉันแทรกหรอก...จริงไหม”

  ผมมองแก้วไวน์ที่ตั้งอยู่พักใหญ่ สังเกตอาการศรแล้วก็ไม่มีท่าทีว่าเขาจะแปลกไปหลังจากที่ดื่ม สุดท้ายผมก็ตัดสินใจยกไวน์ดื่มจนหมดรวดเดียว

  “หมดแล้ว ผมกลับแล้วนะครับ” ผมว่าก่อนจะเดินกลับออกมา

  จังหวะที่จับลูกบิดผมก็รู้สึกได้ว่า โลกทั้งใบกำลังหมุนจนอยากจะอ้วก ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นโดยอัตโนมัติ ดวงตาทั้งสองเริ่มพร่าเบลอ

  “นี่คุณ...ใส่อะไรให้ผมกิน” ศรกำลังเดินเข้าประชิดตัวผม พร้อมแก้วไวน์

  “ผมไม่ได้ใส่อะไรลงไปทั้งนั้นแหละครับ”

  ภาพศรที่กำลังมองแก้วไวน์ทำให้ผมรู้ได้ทันที ในไวน์ไม่มียาแต่มันอยู่ที่แก้ว ผมมันโง่สิ้นดี ที่หลงเชื่อคนอย่างเขา ในใจก็หวังว่าธนูจะเปิดเข้ามาเพื่อช่วยผม

  แต่เรื่องมันไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อภาพทุกอย่างมันตัดดับไปในความมืด...

 

 

[ธนู]

 

  หัวใจแทบร่วงลงพื้นเมื่อเห็นข้อความที่โซ่ทิ้งเอาไว้ ที่แย่กว่านั้นคือตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว แต่โซ่ยังไม่มา โทรไปก็ไม่ติดคงจะแบตเตอรี่หมดอย่างเขาว่า

  มือถือถูกเปิดเข้าแอปพลิเคชันที่ถูกติดตั้งไว้ มันคือระบบจีพีเอสติดตามตัวที่ลิงค์กับสร้อยที่ผมให้โซ่ไปเมื่อวานก่อนนั่นแหละ

  อย่างที่บอก คนอย่างศรไม่มีคำว่าบังเอิญ และผมก็รู้ว่ามันจะไม่หยุดแค่นั้นแน่ ผมตัดสินใจกดโทรออกหาคนที่คิดว่าชาตินี้ผมจะไม่ติดต่อมันไปเด็ดขาด

  ศรกดรับสายอย่างไวว่อง ราวกับว่าเขากำลังรอสายจากผมอยู่...

  “กำลังจะพาโซ่ไปไหน!” ผมว่า

  [อะไรกัน คำแรกไม่คิดจะถามถึงพี่ชายหน่อยเหรอ] ศรยังคงเก่งเรื่องยั่วโมโห

  “ฉันถามว่า จะพาโซ่ไปไหน!”

  [ไม่น่าอยากนี่ สร้อยที่โซ่ใส่ก็คงจะบอกตำแหน่งได้ดี หึ!] ศรว่าพลางกลั้วหัวเราะ [กับคนนี้คงหวงมากเลยสินะ ไม่งั้นคงไม่ทำขนาดนี้]

  “ถ้ามึงแตะต้องตัวโซ่แม้แต่นิดเดียว ได้เห็นดีกันแน่!”

  [เอาแบบนี้ เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่านะ]

  “ไม่จำเป็น คนอย่างมึงเชื่อได้แค่ไหนกันเชียว”

  [เรามันนักธุรกิจนาธนู ทุกอย่างล้วนมีความเสี่ยงในตัวอยู่แล้ว กล้าๆ หน่อย]

  “อย่ามาเล่นลิ้นนะศร ต้องการอะไรก็ว่ามา”

  [เดิมพันด้วยโซ่เป็นไงยังล่ะ] แน่นอนว่าผมไม่เห็นด้วย

  “อย่ามาตลก โซ่ไม่ใช่สิ่งของ แล้วอีกอย่างนะ ถ้าไม่อยากผิดหวัง หยุดทุกสิ่งที่คิดจะทำซะ!”

  [ถ้ามั่นใจขนาดนั้นแล้ว ยังต้องกลัวอะไรอีก หรือแค่หลอกตัวเอง]

  “...” ผมยอมรับตรงๆ ว่าหวั่นใจอยู่บ้าง

  กลัวว่าถ้าโซ่ไม่เลือกผมอย่างที่ศรคิดล่ะ

  ยิ่งคิดภาพของโซ่ก็ยิ่งปรากฏชัดในความรู้สึก อดีตที่เคยหวาดกลัวถูกแทนที่ และถูกเติมเต็ม...

  เสียงเล็กๆ ยังดังก้องในโสตประสาท ปากกระจับที่กำลังขยับบอกกับผมในวันนั้น...

  ‘ผมเลือกคุณ’

  ‘เชื่อใจผมนะ’

  “โอเค” ผมสลัดทิ้งทุกความกลัว เหลือเอาไว้เพียงแค่คำว่าไว้ใจ และเชื่อใจ “แต่...”
 
  [...]

  “ถ้าโซ่เลือกฉัน หลังจากนี้เลิกยุ่งวุ่นวายกับโซ่อีกเด็ดขาด”

  [ก็ได้ ห้าวัน นั้นคือสิ่งที่ฉันต้องการ]

  “ตกลง”

 

 

 

 

#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

**กำลังทยอยแก้คำผิดนะฮ่าฟ

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -21- ปัจฉิมบทของหายนะ
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 16-05-2021 12:25:14

-21-

ปัจฉิมบทของหายนะ

 



 

  หลังจากวันที่ผมโดนจับมา นี่ก็สองวันแล้ว ศรแทบจะไม่คุยอะไรกับผมด้วยซ้ำ ผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่

  ถ้ามองดีๆ ชีวิตผมก็ไม่ต่างอะไรกับพล็อตละครหลังข่าวสักเท่าไหร่ เพียงแค่ไม่มีฉากตบจูบ

  แต่ที่ผมสงสัยคือ...

  ไม่มีใครจะตามหาผมเลยหรือไงฟะ!

  “คุณศรผมอยากออกไปเดินเล่น” ผมว่า

  “เอาสิ” ศรไม่ปฏิเสธ

  เรานั่งกินอาหารเย็นกันอยู่พักใหญ่ ในบ้านมีบอดี้การ์ดอยู่สามคน ไม่ต้องคิดเรื่องหนี เพราะที่นี่คือเกาะส่วนตัวของตระกูล ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่ทะเล

  จะให้ผมว่ายน้ำหนีก็คงไม่น่าถึงห้าสิบเมตรก็จมน้ำตายก่อน

  เสียงคลื่นลมซัดกระทบชายฝั่ง กลิ่นเค็มเป็นเอกลักษณ์ของทะเลโชยขึ้นมาแตะจมูก ผมออกมาเดินคิดอะไรเงียบๆ โดยมีศรอยู่ด้วย

  ศรให้สัญญากับผมว่า เขาจะไม่แตะต้องตัวผมแม้แต่ปลายเล็บ นอกซะจากผมยินยอม ถ้าจะออกไปไหนต้องบอกเขาเสมอ และต้องมีเขาไปด้วยทุกที่

  “เธออยากได้เท่าไหร่” ศรว่าท่ามกลางเสียงคลื่น แต่ทว่าคำถามกลับทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ

  “ครับ?”

  “เธอรู้มาก่อนหรือเปล่าว่าน้องชายฉันไม่เคยคบผู้ชาย”

  “ผมทราบ”

  “ฉันขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน น้องฉันให้เธอเท่าไหร่ ถ้าเธออยากได้มากกว่าฉันยินดี” ผมกำลังรู้สึกฉุนกับคำพูดของศร เขากำลังตีค่าความรู้สึกของผมด้วยจำนวนเงิน

  “พร้อมจ่ายเหรอครับ” ผมหันไปยิ้ม มองใบหน้าของคนตัวสูง “ผมยินดีรับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะเลือกคุณ” ผมว่าก่อนจะถอยห่างออกมา

  ผมรักธนู ต่อให้วันนี้เขาเหลือเพียงตัวเปล่า ผมก็ยังยืนยันว่าผมเลือกเขา...

  “เดี๋ยว” ข้อมือผมถูกคว้าเอาไว้ “หรือว่าเธออยากได้มากกว่าเงิน” เขาว่าก่อนจะกระตุกแขนผมเข้าไปใกล้ แล้วออกแรงกำข้อมือแน่นขึ้น

  “ปล่อยครับ เราสัญญากันแล้วนี่ ว่าจะไม่แตะต้องตัวผม ให้ผมเชื่อคุณได้สักอย่างเถอะนะครับ” เขาปล่อยมือผมทันที เมื่อเริ่มรู้ตัวว่ากำลังบีบข้อมือแน่นขึ้น “ถ้าคุณจะหมายถึงเซ็กส์ ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมให้ได้แค่กับคนรักเท่านั้น” ว่าจบผมก็ผละตัวออกมา ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปทางเข้าบ้าน

  “เธอจะบอกว่า เธอรักน้องชายฉันงั้นสิ”

  เท้าที่กำลังก้าวหยุดชะงักเพื่อฟังสิ่งที่ศรว่า ก่อนจะหันตัวกลับมาตอบ

  “นั้นไม่ใช่เรื่องของคุณ” ผมว่า

  “จะไม่ใช่ได้ยังไง ในเมื่อธนูคือครอบครัวของฉัน”

  ครอบครัว?

  “ครอบครัวเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกครับ ผมขอตัว” ศรชะงักไปนิดก่อนจะผินหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา ผมเดินกลับเข้ามาในบ้านโดยที่ไม่สนใจอะไรอีก

  ผมไม่เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดเท่าไหร่ ครั้งแรกที่ศรว่าผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนดูถูก แต่ยิ่งคุยก็ยิ่งสับสนในสิ่งที่เขาพูด

  คำว่าครอบครัวหมายความว่ายังไง ถ้าธนูเป็นคนในครอบครัวอย่างที่ศรว่า แล้วทำไมเขาต้องวุ่นวายกับคนเก่าๆ ของธนู รวมถึงตัวผมด้วย

  จะบอกว่าศรชอบผมก็คงไม่ใช่ เพราะเขาไม่มีท่าทีว่าจะพิศวาสผมเลยสักนิดเดียว ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ การที่ได้มาอยู่ตรงนี้ อาจทำให้ผมรู้อะไรมากขึ้น

 

 

 

  วันที่สี่ของการอยู่บนเกาะเฮงซวย ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้คุยกับศรอีกเลย เขาส่งแม่บ้านหนึ่งคนเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนผม ส่วนตัวเขาเองก็ขลุกอยู่ในห้องที่ห่างออกไปเพียงสามห้องเท่านั้น

  ผมเดินออกมายังพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน มันเงียบราวกับว่าไม่มีใครอยู่ บอดี้การ์ดที่เคยยืนอยู่หน้าประตูก็ไม่อยู่แล้ว ผมตัดสินใจว่าจะออกไปเดินเล่นสูดอากาศ อุดอู้อยู่ในห้องก็ไม่มีอะไรทำ

  บรรยากาศยามเย็นทำให้รู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง พระอาทิตย์ที่อยู่ไกล มองจากตรงนี้ยังรู้สึกได้ถึงความใหญ่โต มันสาดสะท้อนลงมาย้อมทะเลสีคราม ให้กลายเป็นสีส้มแดง

  ถ้าธนูอยู่ตรงนี้ด้วยก็คงจะดีไม่น้อย...

  ตรงนั้นจะคิดถึงผมไหม หรือออกตามหาผมกันบ้างหรือเปล่า ตอนนี้ผมเป็นห่วงก็แต่น้องชาย ไม่รู้ว่าปานนี้กุญแจจะทำอะไรอยู่ มือถือผมก็ไม่มี

  ใต้ร่มไม้มุมหนึ่งถูกเลือกให้เป็นที่นั่งพัก ผมนั่งเหม่อมองดูดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้าลงอย่างช้าๆ ก่อนที่ท้องฟ้าที่เคยสว่างจะถูกแทนที่ด้วยความมืด

  มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ กับไฟรอบหาดที่ยังพอทำให้ท้องทะเลสว่างได้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทำให้ภาพตรงหน้าสวยน้อยลงเลยแม้แต่น้อย

  ภาพที่ทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวนับล้าน...

  “โซ่!” ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นเสียงใคร เพราะทั้งเกาะมีเพียงผมกับศร

  “ผมอยู่ตรงนี้” ผมว่า โบกมือเป็นสัญญาณ

  “จะออกมาทำไมไม่บอก ฉันออกมาไม่เห็นเธอตกใจแทบแย่”

  “ขอโทษครับ” ผมว่า “แต่ผมขอนั่งต่ออีกสักพักได้ไหม”

  “อืม” ศรตอบก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

  เราทั้งสองต่างเงียบใส่กัน ทั้งที่เมื่อสองวันก่อนเราเพิ่งจะเถียงกันไปแท้ๆ แต่วันนี้เรากลับไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกันซะอย่างนั้น

  “คุณศรครับ” ความเงียบทำให้ผมนึกคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ “ผมขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม”

  “ก็ลองว่ามา”

  เมื่อศรอนุญาตผมก็ถามสิ่งที่คิดออกไปตรงๆ

  “คุณบอกว่าธนูเป็นครอบครัว แต่สิ่งที่คุณทำมันย้อนแย้งนะครับ”

  “หึ! คงจะเพราะ...” ศรเงียบเว้นระยะ ก่อนจะได้ยินเสียงลมหายใจพรูดออกทางปาก “ฉันมันก็แค่คนขี้อิจฉาเท่านั้น”

  “ยังไงครับ”

  “เธออาจจะมองว่าฉันได้ทุกอย่าง ทั้งสังคมเงินทอง ผู้คนนับถือ เป็นที่ยอมของครอบครัว มันฟังดูสวยใช่ไหมล่ะ”

  “...”

  “แต่เธอรู้ไหมไม่เคยมีใครถามฉันว่า ‘เหนื่อยหรือเปล่า’ บางทีฉันอาจจะไม่ได้มีความสุขอย่างที่เธอเห็นก็ได้”

  “แต่การที่คุณเข้ามาวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของธนู มันทำให้คุณมีความสุขงั้นเหรอ?” ผมว่า

  “ฉันผิดเอง... ฉันแค่อิจฉาที่น้องชายฉันไม่ต้องอยู่ในกรอบ ไม่ต้องคอยรับคำสั่งจากใคร”

  “ผมพอจะเข้าใจ แต่คุณไม่คิดบ้างเหรอครับ ว่าธนูเองก็มีสิ่งที่เขาต้องการไม่ต่างจากคุณ”

  “...” ศรเอียงคอมองด้วยความสงสัย

  “ความรักจากครอบครัวไงล่ะครับ เท่าที่ผมรู้ว่า ธนูทะเลาะกับพ่อบ่อยๆ เขามีเพียงแค่คุณที่ยังเป็นครอบครัว สิ่งที่คุณต้องการมันสร้างได้จากตัวคุณ ต่อให้คุณเข้ามาวุ่นวายในชีวิตธนูทุกครั้ง คุณก็ไม่ได้สิ่งที่ต้องการ” ผมหวังว่าคำพูดยาวเหยียดของผมจะทำให้ศรคิดได้บ้าง

  “ฉันชักชอบเธอจริงๆ ซะแล้วสิ” ศรว่า

  “เฮอะๆ ผมไม่ได้ชอบคุณ” อาจจะตรงไปสักหน่อย แต่มันก็คือความจริงที่เขาต้องยอมรับ

  “เจ็บดี ฉันไม่เคยถูกปฏิเสธแรงขนาดนี้เลยแฮะ น้องชายฉันมันน่าอิจฉาจริงๆ”

  “ผมก็เคยอิจฉาน้องชายนะ”

  “เธอมีน้องชายด้วยเหรอ”

  “ครับ น้องผมทำอะไรก็รุ่งไปหมด ส่วนผมก็รุ่งริ่ง” ผมว่าพลางกลัวหัวเราะ “ผมเคยพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเหมือนน้องชาย เพื่อให้ได้รับคำชมจากป้าข้างบ้าน ให้พ่อกับแม่ยิ้มหน้าบาน แต่สุดท้ายผมก็ได้คำตอบจากความพยายาม คำตอบมันง่ายมาก”

  “...”

  “ผมก็คือผม บนโลกนี้มีผมแค่คนเดียว ผมเหมือนน้องชายไม่ได้ น้องชายผมก็เช่นกัน”

  “อ่า...นั้นสิเนอะ”

  “ผมว่าคุณลองคุยกับธนูเถอะครับ ยังไงคุณก็เป็นพี่ชายทำผิดก็ต้องกล้ายอมรับ ถ้าอะไรที่ผมพอช่วยได้ผมจะช่วย”

  “ฉันจะลองดูแล้วกัน” ศรว่าก่อนจะกระตุกยิ้มพราว “ว่าแต่น้องชายเธอมีแฟนหรือยัง”

  “หยุดความคิดคุณซะ! ถ้าคุณกล้ายุ่งกับน้องชายผม รับรองว่าผมไม่ยอมแน่”

  “อะไรกัน ฉันเป็นคนดีนะ”

  “ผมไม่เชื่อ”

  “ก็ได้ๆ ฉันแค่ล้อเล่นหรอกนา”

  พอได้มาลองคุยกับศรแบบจริงจัง ผมก็ได้รู้ว่า แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ร้ายอย่างที่คิด ถึงแม้ว่าเรื่องที่เขาว่ามาทั้งหมดอาจจะเป็นเรื่องโกหก หรือเรื่องจริงก็ตาม

  แต่ถ้าหากเป็นเรื่องจริง ผมว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งที่น่าเห็นใจ

  ทุกคนล้วนมีปมใจ และสร้างปีศาจเป็นของตัวเอง มันขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะมีวิธีจัดการยังไง กับศรเขากลับผูกปมเพิ่มขึ้นจนพันกันยุ่งเหยิง การได้มีใครสักคนคุยกับเขาก็พอจะช่วยบรรเทาความรู้สึกได้บ้าง

  เรานั่งคุยกันต่ออยู่อย่างนั้นจนดึกกว่าจะพากันกลับเข้ามาในบ้าน ผมได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับศร ชีวิตที่ถูกทุกคนคาดหวัง ภาระที่ต้องแบกเอาไว้หนักเกินกว่าจะรับไหว

  พ่อดูจะถูกใจศรมากกว่าธนู เพียงเพราะศรทำทุกอย่างที่พ่อต้องการ และศรกำลังหนักใจเรื่องที่พ่อจะให้ขึ้นเป็นประธานเต็มตัว ซึ่งศรเองไม่ต้องการ

  ผมเลยแนะนำให้เขาลองพูดตรงๆ กับพ่อดูน่าจะดีกว่าก้มหน้าตาทำในสิ่งที่ตัวเองต้องฝืน พอฟังเรื่องของศรแล้วผมก็รู้สึกว่า ธนูโชคดีจริงๆ ที่ได้อิสระทุกอย่าง

  แต่ทุกอย่างก็มีราคาที่ต้องแลก...

 

 

  “อื้อ...”

  เมื่อคืนผมนอนดึกไปหน่อย เช้านี้ผมเลยรู้สึกไม่ค่อยอยากลุกจากที่นอน แต่ก็รู้สึกว่าร่างกายกำลังตอบสนองอะไรบางอย่าง

  ขนอ่อนตามตัวลุกชันอย่างห้ามไม่ได้...

  ช่องท้องกำลังรู้สึกปั่นป่วน หดเกร็งเป็นจังหวะ ขาทั้งสองถูกแยกออกกว้าง ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความอุ่นนุ่มที่แกนกาย

  ผมฝันเปียกเหรอ?

  แต่ก็ไม่แปลก ก็ผมไม่ได้เจอธนูมาตั้งกี่วันแล้ว อยากจะปลดปล่อยบ้างก็เป็นเรื่องธรรมชาติ

  “อ๊า... ซี๊ดดดด” ความเสียวซ่านแล่นปะทะอย่างจัง เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงดูดดึงคล้ายว่าริมฝีปากกำลังครอบลงมา

  เดี๋ยวนะ...

  ริม...ริม...ริมฝีปากงั้นเหรอ!!!

  ผมลืมตาขึ้นทันทีที่ได้สติ ภาพตรงหน้ายิ่งกว่าฝัน หรือว่าฝันว่ะ ลังเลอีกไอ้สัด!

  ธนูอยู่ตรงหน้าผม กำลัง... กินไอติม!

  “คุณ อ๊ะ!!!” เสียงครางหลุดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แรงดูดดึงทำเอาเสียววาบไปทั้งช่องท้อง “เลิกปลุกผมด้วยวิธีนี้สักที!” ผมว่า

  “...” ธนูยังคงไม่ตอบ และจดจ่อกับการใช้ริมฝีปากรูดรั้งตามความยาวของแกนกาย ก่อนจะใช้ลิ้นร้อนหยอกล้อกับส่วนปลายปริ่มน้ำใส ดูดเม้มผ่อนหนัก ผ่อนเบาตามจังหวะ

  “อ๊ะ...อา...อะ” จังหวะกดริมฝีปากเข้า แล้วดึงออกเริ่มกระชั้นถี่ เร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ จนผมเริ่มทนไม่ไหว “เอาออกผมจะไม่แล้ว อื้มมมม...”

  “อ๊ะ...อ๊า...อะ” สิ้นสุดเสียง ความเบาวูบก็แล่นปะทะจนร่างกายวูบไหว หน้าท้องกระตุกเกร็งบิดเร้าไปมากับที่นอนกว้างด้วยความเสียวซ่าน สมองขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออก เมื่อของเหลวสีขาวถูกปลดปล่อยจนหมดทุกหยด

  ไม่รู้ว่าผมเผลอไปจิกหัวของธนูตอนไหน แต่...

  เชี่ยยยย! เต็มแก้มธนูเลย
 
  “ผมขอโทษ” ผมว่า ก่อนจะเอานิ้วโป้งเกลี่ยของเหลวสีขาวขุ่นที่เลอะแก้มธนูออก แต่ก็ถูกมือหนารั้งเอาไว้

  “เสียดายออก” ว่าจบ ธนูก็ยื่นลิ้นโลมเลียนิ้วจนสะอาด

  “คุณจะบ้าเหรอ!” ผมว่าเสียงดุ “แล้วก็เลิกปลุกผมด้วยวิธีนี้ได้แล้วครับ”

  “ก็ฉันเห็นมันแข็งอยู่นี่ คิดว่าเธอคงจะกำลังฝันถึงฉันอยู่ นี่ฉันช่วยเธออยู่นะ” เขามันคนหน้าไม่อาย คุยเรื่องลามกได้หน้าตาเฉย

  “เฮอะๆ มันก็ยืนตรงทุกเช้าเป็นปกติไม่ใช่เหรอครับ”

  “...” ธนูไหวไหล่ ไม่สนใจที่ผมกำลังบ่น

  “ช่างหัวเรื่องนั้นก่อนครับ คุณหาผมเจอได้ยังไง ทำไมเพิ่งมาเอาปานนี้รู้ไหมผม... ผม...คิดถึงคุณ” ผมว่าเสียงเบาลงในประโยคสุดท้าย

  “ฉันขอโทษนะ แต่หลังจากนี้ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ฉันจะรีบไปหาในทันที”

  “ไม่รู้แหละครับผมโกรธคุณ”

  “งั้นเดี๋ยวฉันพาไปหาอะไรอร่อยๆ กินดีไหม”

  “อย่าเอาของกินมาล่อ ผมไม่ติดกับคุณหรอก” ผมว่า หันหน้าหนีไปอีกทาง

  “ก็ได้” ประโยคสั้นๆ ถูกพ่นออกมา ผมรู้สึกประหลาดใจอยู่นิดหน่อย ‘ก็ได้’ อะไรของเขาวะ

  แต่ภายในไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็เข้าใจว่า ‘ก็ได้’ ของเขาคืออะไร เมื่อผมถูกดึงตัวเข้าไปนั่งช้อนหลัง ฝ่ามือข้างหนึ่งสอดเข้ามาในเสื้อเชิ้ตตัวบาง

  ปลายนิ้วสัมผัสกับตุ่มไตจนขึ้นแข็งขึง “คุณจะทำอะไร”

  “ก็ง้อเธอไง” พูดไปมืออีกข้างก็ค่อยๆ ปลดกระดุมลงมา เพียงไม่กี่อึดใจกระดุมก็หลุดออกหมด

  “ไม่เช้าไปสำหรับทำเรื่องอย่างว่าเหรอครับ”

  “ทำอย่างกับไม่เคย” พูดจบเสื้อสีขาวก็ถูกรั้งลงมาเผยให้เห็นลาดไหล่ แล้วจึงค่อยกดริมฝีปากตะโบมจูบอย่างเชื่องช้า

  ผมไม่ปฏิเสธทุกการกระทำของธนู ถึงแม้ว่าจะเพิ่งเสร็จไปเมื่อสักครู่ แต่แค่ข้างหน้ามันยังไม่พอสำหรับความต้องการของผม

  “คุณศรล่ะครับ”

  “ไม่อยู่แล้ว” ธนูว่า ก่อนจะออกแรงผลักให้ผมนอนคว่ำหน้ากับหมอนอย่างไม่เบามือ

  “ผมเจ็บนะครับ”

  “โทษฐานที่เธอคิดถึงคนอื่นตอนที่อยู่กับฉัน เธอต้องถูกลงโทษ”

  ยังไม่ทันได้ร้องห้าม ความรู้สึกเจ็บแปล๊บก็แล่นปราดไปทั้งตัว คมฟันกัดลงมาที่สะโพกจนจมเขี้ยว “อ๊ะ... ผมเจ็บ”

  “เจ็บจริงเหรอ” มุมปากแสยะยิ้มร้าย ผมรู้ได้ทันทีว่าเขาชอบ “เธอดูมีอารมณ์ขนาดนี้” ผมไม่ปฏิเสธว่ามันเจ็บ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีมาก

  มือหนาบีบคลึงทั้งตัวจนขึ้นรอยแดงระเรือ สะโพกถูกยกขึ้นสูงจนเห็นรอบจีบสีหวานเด่นชัด เป็นภาพที่ลามก หยาบโลนสุดๆ แต่ก็ทำให้อารมณ์ดิบเถื่อนพุ่งสูงอย่างห้ามไม่อยู่ ผมชอบทุกอย่างที่ธนูปฏิบัติกับผม

  เหมือนตัวเองถูกดึงสัญชาตญาณดิบ และอารมณ์ที่ถูกซ่อนไว้อยู่ภายในให้เผยออกมา ผมได้เป็นตัวของตัวเอง และเขาคือคนเดียวที่ได้เห็นผมในมุมนี้...

 

 

 

#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

**กำลังทยอยแก้คำผิดนะฮ่าฟ

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -22- ธนู
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 16-05-2021 12:31:03

-22-

ธนู

  ครั้งแรกที่ได้พบ

  “ไม้... นายเคยรู้สึกเบื่อกับชีวิตบางไหม” ผมว่าก่อนยกเท้าขึ้นบนโต๊ะทำงานตัวเอง

  “ก็มีบ้างนะครับบอส” ไม้ว่า

  “แล้วนายทำยังไง”

  “ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม นอน” ไม้กลอกตาขึ้นพลางคิดหาสิ่งที่ทำแก้เบื่อ

  ช่วงนี้ผมรู้สึกเบื่ออย่างบอกไม่ถูก จุดหนึ่งของชีวิต ผมจะรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรฉุดขาผมเอาไว้ มันเหนื่อยหน่ายทุกสิ่งอย่าง

  “เกมงั้นเหรอ น่าสนใจดีนี่”

  “บอสอยากเล่นเหรอครับ”

  “แค่บอกว่าน่าสนใจ จะว่าไปก็ไม่ได้เล่นนานแล้ว ช่วงนี้มีเกมอะไรฮิตๆ บ้าง”

  “บอสถามถูกคนแล้วครับ” ไม้ว่าก่อนจะจัดการติดตั้งเกมลงคอมพิวเตอร์

  มาคิดดูเล่นเกมครั้งสุดท้ายก็ตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง กลับมาเล่นอีกครั้งก็ไม่น่ามีอะไรยาก เกมก็เดิมๆ เปลี่ยนแค่เนื้อเรื่อง

  “เรียบร้อยครับบอส”

  “...” หน้าจอปรากฏเกมที่ไม่คุ้นตา แต่ก็พอมองออกว่าเป็นเกมเก็บเลเวลทั่วไป

  ไม้จัดการสมัครไอดีเกมให้เสร็จสรรพ แต่ทว่ายิ่งเล่นก็ยิ่งเบื่อ...

  ก็แน่ละสิ เกมตัวใหม่ เลเวลก็ต่ำกว่าจะเก็บได้เยอะๆ ต้องใช้เวลา จะไปสนุกอะไรกัน

  “ฉันไม่เล่นแล้ว เลเวลก็น้อยทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ” ผมบ่นอุบอย่างหัวเสีย

  “บอสเอาตัวผมไปเล่นก่อนไหมครับ ตัวผมเลเวลตันแล้ว”

  “ก็ลองดู” ไม้จัดการเข้ารหัสเกมของตัวเอง ตัวเกมของไม้เลเวลสูงมาก แต่แต่งตัวห่วยชะมัด

  “แต่งตัวเฉยสุดๆ สมกับเป็นนายจริงๆ” ผมว่า

  “โธ่บอสก็ผมไม่เติมนี่ครับ”

  “แล้วชื่อนี่ยังไง ‘หวัดดีเบล’ ใครคือเบล”

  “มันมาจากเพลงครับบอสลองไปฟังดู”

  “ส่งรหัสมาให้ฉันแล้วกันเดียวกลับบ้านจะลองเล่น”

  “ได้ครับ”

  ไม้จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยภายในไม่กี่นาทีต่อมา ส่วนผมก็ต้องกลับมาอยู่ในโลกของความจริง โลกที่มีแต่งานกองรออยู่

 

  เผลอตัวอีกทีมองดูเวลาก็ล่วงเลยไปจนตีสองกว่า ผมมักจะทำงานจนลืมเวลาอยู่เป็นประจำ...

  สายตาเหลือบเห็นกระดาษสีขาวถูกเขียนไอดีเกมเอาวางอยู่บนโต๊ะ ผมตัดสินใจเข้าเกมเพื่อลองเล่นเผื่อว่าจะช่วยทำให้ผมหายเบื่อได้บ้าง

 

หวัดดีเบล ล็อกอินแล้ว

 

  ชื่อตลกชะมัด...

  ผมลองหัดเล่นอยู่สักพักก็เริ่มเข้ามือมากขึ้น ไม่ได้ยากอย่างที่คิด คนอย่างธนูไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ผมเป็นคนทำอะไรจะทุ่มเทสุดๆ

  นั่งเล่นเกมอยู่ไม่นานเวลาก็หมุนเร็วขึ้นราวกับว่ามีเครื่องช่วงเร่งเวลา ผมรับเควสรายวันเพื่อทำกิจกรรมในเกม แต่เงื่อนไขของเควสคือต้องลงดันเจี้ยนกับเพื่อนอย่างน้อยหนึ่งคน

  ผมมารออยู่หน้าประตูทางเข้าสักพักใหญ่ แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีใครหลงเข้ามาทำเควสด้วยกัน

  ตีสาม...

  ใครจะมาทำเควสกันเวลานี้

  แต่แล้วก็มีคนหลุดมา ตัวเกมเธอน่ารักมาก เป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่หน้าอก หน้าใจใหญ่อลังการ ตัวเกมสมัยนี้มันช่าง...

 

‘ข้อความขอรับ’

 

  เสียงข้อความในเกมดังขึ้น เมาส์ขยับลากไปยังกล่องข้อความ ก่อนจะเห็นว่าเป็นเธอที่ยืนอยู่ข้างๆ ทักมา

  ลูลู่กัม : เธอลงดันเจี้ยนด้วยกันไหม

  ผมตอบกลับไปว่า ‘ตกลง’ แต่ก็ต้องลบทิ้ง เล่นตัวหน่อยก็ดี เดี๋ยวจะหาว่าง่าย

  หวัดดีเบล : ไม่

  ลูลู่กัม : ช่วยหน่อยสิเราเล่นคนเดียวตั้งหลายครั้งไม่ผ่านสักที

  ลูลู่กัม : นะคะพี่

  ลูลู่กัม : นะนะนะนะนะนะนะ

  ลูลู่กัม : พลีส พี่สุดหล่อ >///<

  เห็นแก่ความพยายามก็แล้วกัน ไม่ได้เกี่ยวกับหล่อหรืออะไรเลยนะ

  หวัดดีเบล : ก็ได้...

ข้อความวันนั้นทำให้ผมได้รู้จักกับเธอ ‘สายโซ่’

 

 

  “บอสครับท่านประธานเรียกพบ”

  ท่านประธานที่จอสว่าคือพ่อผมเอง...

  ชายดูมีอายุนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่ เขานั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาว พร้อมกับบอดี้การ์ดอีกหลายคน บริษัทที่ผมอยู่เป็นเพียงบริษัทลูก ไม่ได้ใหญ่โตมากนักแต่ที่ผ่านมาผมก็ทำกำไรไม่ใช่น้อย

  “สวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทาย

  “ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยนิดหน่อย แกสะดวกใช่ไหม”
 
  “ครับ”

  “ได้ข่าวว่าจะมีงานประมูลที่ดิน ยังจำที่ที่ฉันเคยบอกได้ไหม”

  “จำได้ครับ”
 
  “ฉันต้องการให้แกไปประมูล ทำยังไงก็ได้ให้ได้มา ศรมีโปรเจคที่น่าสนใจ ตอนนี้คณะกรรมการก็เข้าประชุมแล้ว อีกไม่กี่วันก็คงได้คำตอบ”

  ศร...

  ศรอีกแล้วเหรอ

  “คงไม่ได้หรอกครับ ผมเองก็ต้องการที่ตรงนั้นเหมือนกัน ถ้าพ่ออยากได้ก็ให้ศรไปประมูลเอง”

  ปัง! เสียงฝ่ามือกระแทกโต๊ะดังสนั่น

  “นี่แกกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ!” พ่อว่าขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ “หึ! ถ้าไม่มีเงินฉัน แกคิดว่าแกจะไปรอดงั้นเหรอ”

  “พ่อคิดว่าผมทำงานทุกวันนี้ รอเงินเดือนจากบริษัทเล็กๆ นี่งั้นเหรอ คุณคิดผิดแล้ว”

  “แก!!!” พ่อจ้องเขม็งอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของผม

  คราวนี้ผมเป็นฝ่ายกระตุกยิ้มออกมา รู้ว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันผิด แต่ผมรู้สึกแค่อยากเอาชนะคนเป็นพ่อเท่านั้น

  “แกหัดว่าง่ายๆ เหมือนศรพี่แกซะบ้าง ทำตัวให้มันดีๆ ถ้าคิดไม่ออกว่าเป็นยังก็หันไปดูพี่แก ไม่งั้นแม้แต่ไอ้บริษัทเล็กๆ นี่ แกก็ไม่มีสิทธิ์” เขาโกรธจนตัวสั่น นัยน์ตาสีดำสนิทอัดแน่นไปด้วยโทสะ

  “เหรอครับ” ผมว่า “ถ้าพ่อจะมาพูดแค่นี้ ผมขอตัวงานผมเยอะ” ว่าจบผมก็ลุกขึ้นเต็มความสูง หมุนตัวออกมาจากตรงนั้น

  ผมคิดเอาไว้แล้วว่าต้องเจอกับอะไร สิ่งเดียวที่ผมเกลียดที่สุดคือการที่พ่อพูดว่า ให้ผมดูพี่ชายเป็นตัวอย่าง เพราะพี่ชายผมทุ่มเทกับงานอย่างเหน็ดเหนื่อยไม่เคยบ่น

  แล้วผมล่ะ...

 คนที่ถูกลืมเอาไว้ข้างหลัง คนที่ทำดีให้ตายยังไงก็ไม่เคยอยู่ในสายตา ผมเกลียดพี่ชายที่เอาแต่พูดให้ตัวเองดูดี เกลียดที่มันพยายามห้ามพ่อให้หยุดว่าผม ทุกอย่างที่มันทำ ยิ่งตอกย้ำว่าผมแตกต่าง

  ผมไม่ได้แตกต่าง ผมแค่ไม่เคยอยู่ในสายตา...

 

  ผมกลับมายังบ้านหลังใหญ่ นั่งกระดกวอดก้าอยู่เงียบๆ ภายในห้องรับแขก เครื่องดื่มทำให้ผมตกอยู่ในห้วงความคิด ผมไม่ได้เมา ผมมีสติทุกอย่าง

  คำพูดของพ่อยังดังก้องอยู่ในโสตประสาท ทั้งที่พยายามสะบัดมันออกไปแล้ว แต่มันก็ยังวนเวียนไม่ยอมไปไหน

  หากคำเหล่านั้นหลุดออกมาจากคนนอก ผมจะไม่ให้ค่ามันเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อมันหลุดออกจากปากของคนในครอบครัว มันกลับเจ็บในอก ราวกับถูกคมมีดนับพันเสียบแทงลงมา

  “ถ้าศรดีขนาดนั้น ผมก็ไม่จำเป็นใช่ไหมครับพ่อ” ผมบ่นพึมพำคนเดียว มุมปากกระตุกยิ้มออกมา

  ผมคิดจะทำสิ่งที่ไม่ควร มันไม่ใช่เพราะเมา แต่เป็นเพราะความขาดสติยั้งคิดของตัวเอง แอลกอฮอล์ที่ไหลเวียนอยู่ในกายเริ่มทำงานกับความคิด

  ความหม่นหมองในใจทำให้เริ่มควานหากระปุกยานอนหลับในลิ้นชัก แต่ก็เหมือนกรรมเก่าที่ยังรั้งผมเอาไว้ กระดาษสีขาวที่ไม้เขียนไอดีเกมเอาไว้ก็กลิ้งออกมาจากด้านใน

  มันทำให้ผมนึกถึงเพื่อนหนึ่งเดียวที่อยู่ในโลกออนไลน์ของผม

  สายโซ่...

  ผมกดเข้าเกมตั้งใจว่าจะบอกลา แต่ก็มีประโยคแสนธรรมดาที่ฮีลใจ และฉุดรั้งผมเอาไว้

 

  ลูลู่กัม : งื้อออ แบบนี้นี่เอง หนูไม่รู้หรอกนะคะว่ามีปัญหาอะไร แต่สู้ๆ นะ พี่เก่งยังไงพี่ก็จัดการปัญหาได้แน่ๆ โซ่เชื่อว่าพี่ทำได้

  หวัดดีเบล : ขอบคุณมากนะ รู้สึกดีจัง

 

  ผมตอบเธอกลับไป เพราะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

  คนนอกที่ผมไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ไม่เคยพบเจอ

  คำพูดที่ถูกพิมพ์ออกมาเป็นคำธรรมดา เขาอาจจะแค่พิมพ์ออกมาส่งๆ แต่ผมก็เชื่อหมดใจ

  เชื่อว่าผมทำได้...

  หลังจากวันนั้นผมก็รู้เลยว่า ต่อให้ต้องพลิกฟ้า พลิกแผ่นดินหา ผมจะคว้าเธอมาอยู่ข้างผมให้ได้ และตอนนี้เธอก็มาอยู่ข้างผมแล้วจริงๆ

  อยู่ในอ้อมกอด...

  “ทำไมคุณเพิ่งออกตามหาผม” โซ่ว่า

  “...ฉันขอโทษที่มาหาเธอช้าไป”

  “ผมคิดว่าคุณจะทิ้งผมไปซะแล้ว”

  “รู้สึกผิดจัง” แขนแกร่งขยับโอบกอดกระชับขึ้น “ให้ฉันไถ่โทษอีกสักรอบดีไหมนะ”

  “พอเถอะครับ อีกรอบผมต้องตายแน่” โซ่ว่า

  ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักโซ่ ชีวิตผมก็ได้รู้จักคำว่าความสุข ระหว่างทางอาจไม่ได้สวยเสมอ แต่ผมก็พร้อมที่จะจับมือผ่านไปด้วยกัน

  “โซ่”

  "ครับ?”

  “ถ้าวันหนึ่งฉันหมดตัวเธอยังจะอยู่กับฉันไหม”

  “นี่ คุณคิดว่าผมอยู่กับคุณเพราะเรื่องแค่นี้เหรอครับ”

  “...” ผมไม่มีคำตอบ

  “คุณไม่คิดว่าตัวเองมีข้อดีมากกว่ารวยเลยงั้นเหรอ”

  “นั่นเป็นข้อดีข้อแรกของฉันเลยล่ะ”

  “ตลก...” โซ่เงียบเว้นวรรคก่อนจะเริ่มพูดต่อ “คุณยังมีข้อดีอีกหลายข้อ”

  “เธอก็ว่ามาสิ”

  “คุณหล่อมาก” ว่าจบเสียงหัวเราะในลำคอก็หลุดออกมา

  “ฉันเห็นด้วยนะ” ผมว่า

  ผมในตอนนี้มันดีจริงๆ ตอนที่เรานอนกอดกันแล้วคุยเรื่องไร้สาระหลังจากมีเซ็กส์ ตอนที่เสียงหัวเราะของเราดังก้องไปทั่วห้อง ตอนที่ผมมีโซ่อยู่ข้างๆ แบบนี้

  “แล้วข้ออื่นล่ะ” ผมว่าต่อ

  “ผมไม่บอกคุณหรอก เดี๋ยวคุณเหลิง คุณลองหาข้อดีด้วยตัวคุณเองสิ”

  “ฉันคิดได้เป็นร้อยข้อ เธออยากฟังไหม”

  “เอามาสักห้าข้อก็ได้ครับ”

  “...ข้อหนึ่ง ฉันรักเธอ”

  “...”

  “ข้อสองฉันรักเธอ”

  “...”

  “ข้อสามฉันรักเธอ”

  “เดี๋ยวนะครับคุณจะพูดจนครบหนึ่งร้อยเลยหรือไง”

  “ใช่ แล้วเธอก็รู้เอาไว้ว่าข้อที่หนึ่งร้อยก็จะยังเป็น ฉันรักเธอ”

  “บ้าบอ ผมไม่ฟังคุณแล้ว ออกไปหาอะไรกินดีกว่าผมหิว” โซ่ว่าก่อนจะลุกชันตัวขึ้นนั่ง

  โซ่ไม่ยอมหันหน้ากลับมามองผม แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าเขินมากแค่ไหน ดูได้จากผิวสีขาวที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อตั้งแต่ใบหูจนถึงคอ

  ท่าทีน่ารักทำให้ผมอยากจะแกล้งจนจมเตียง หลังจากนี้ชีวิตผมจะกลับมาสงบสุขอย่างที่มันควรจะเป็น ได้แต่ภาวนาว่าศรจะทำอยากที่ตกลงกันไว้

  ผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำลายความสุขที่อยู่ตรงหน้าเด็ดขาด...

  คุณความรักของผม...

  “โซ่ฉันรักเธอมากเลยนะ อยากให้รู้ไว้”

  “ผมก็...รักคุณครับ ธนู”

 

 

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -23- คำขอโทษแรกจากปากพี่ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 16-05-2021 12:38:45

-23-

คำขอโทษแรกจากปากพี่ชาย

 
  “มัสแตงสีแดง!”

  “ใช่”

  “น้องพริก... อี๊ดดดด คุณให้ผมเอาคันนี้ไปจริงเหรอ”

  “เธอจะใส่ชุดฮันบกขับน้องแว้นไปหรือไง” ผมมองคนตัวเล็กกว่าสวมชุดฮันบกสีฟ้าอ่อน ยืนทำตาแป๋ว

  ไม่อยากให้ไปเลย อยากทำอย่างอื่นมากกว่า

  วันนี้โซ่ไปงานแต่งของชีสตั้งแต่เช้า แต่ดันลืมชุดงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้เลยต้องกลับมาเปลี่ยนที่บ้าน ส่วนผมก็ดันติดงานสำคัญ

  งานประมูลที่ดินถูกเลื่อนกะทันหัน ดันตรงกับวันงานของเพื่อนโซ่พอดิบพอดี เราทั้งคู่จึงต้องแยกกันไป

  “ให้พี่ไม้ไปส่งผมก็ได้นะ” โซ่ว่า

  “เดี๋ยวฉันไปรับเธอเอง”

  “แต่ว่า...” โซ่ก้มหน้างุดต่ำลง “ถ้าผมทำรถคุณชนโน้นชนนี้เข้าจะทำยังไง”

  “ไม่เป็นไร แค่นี้เองฉันมีเงิน”

  “งั้น...ผมขับรถชนเสาไฟได้ไหมครับ”

  “ไม่ได้!” ผมหันไปดุเสียงแข็ง แล้วเขาจะขับรถชนเสาไฟฟ้าทำไม?

  “อ้าวไหนคุณบอกว่าไม่เป็น'ไร โกหกกันนี่”

  “ไม่ได้หวงรถ ฉันหวงเธอนั่นแหละ” มือยกขึ้นจับหัวคนตัวเล็กกว่าโยกไปมาเบาๆ “แล้วอีกอย่างนะ เธอสติไม่ดีหรือไงทำไมต้องขับรถชนเสาไฟฟ้า”

  “คุณว่าผม” โซ่ยืนเท้าสะเอวมองอย่างเอาเรื่อง

  ไอ้ดื้อเอ๊ย! ถ้ายังไม่หยุดเถียงเราทั้งคู่คงไม่ได้ไปไหนกันแน่...
 
  “หึ ไม่รีบไปแล้วหรือไง เมื่อกี้ยังวิ่งวุ่นไปทั่วห้อง”

  “เฮ้ย!!! จริงด้วย”

  จุ๊บ~

  ปลายเท้าเขย่งขึ้นเพียงนิดเดียว ริมฝีปากบางนุ่มหยุ่นก็กดลงที่แก้ม ผมรู้สึกได้ถึงไอความร้อนที่แผ่ทั่วใบหน้า

  “ผมไปก่อนนะครับ คุณก็รีบตามมาด้วย”

  “ครับ” ผมว่าสั้น มองแผ่นหลังเดินหายออกจากห้องไป

  นานวันโซ่ก็ยิ่งเผยมุมน่ารักให้ผมเห็นออกมาเรื่อยๆ รู้สึกโชคดีที่มีเขาอยู่ข้างๆ และผมก็อยากทำทุกอย่างเพื่อให้เขารู้สึกแบบเดียวกันกับผม

  “บอสครับรถพร้อมแล้ว”

  “อืม...”

 

 

  ในงานมีคนมากหน้าหลายตา ทั้งคุ้นเคย และเคยเห็นผ่านๆ โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบออกงานสังคมเท่าไหร่ แต่เพราะการเป็นที่รู้จักกับคนเยอะ ก็ส่งผลดีต่องานในอนาคต
 
  “คุณธนูมาด้วยเหรอครับ” ผมหันไปมองคนที่เข้าทัก

  “ต้องมาอยู่แล้วสิครับคุณมานพ”

  “ว่าแต่คงจะไม่ได้เล็งที่ดินตรงรัชดาฯ ใช่ไหมครับเนี่ย ไม่งั้นผมคงสู้คุณธนูไม่ไหว”

  “ผมมาเพราะไฮไลท์ของงานอย่างเดียวเลยครับ สบายใจได้” ผมยอมรับตรงๆ ว่าผมตั้งใจมางานนี้เพราะที่ดินผืนที่พ่อผมต้องการโดยเฉพาะ

  ส่วนหนึ่งเพราะที่ตรงนั้นทำเลดีมาก แต่ประเด็นหลักผมแค่ต้องการเอาชนะพ่อ

  “เราเข้าไปในงานกันเถอะครับ ใกล้ได้เวลาแล้ว”

  “ครับ คุณมานพเข้าไปก่อนเลย ผมขอจัดการธุระอีกสักหน่อย”

  “เจอกันข้างในครับ” มานพว่า

 

  “จอส”

  “ครับบอส”

  “นายเห็นพี่ชายฉันบางไหม”

  “เมื่อสักครู่คุณศรเพิ่งเดินเข้าไปในงาน” ตามคาดศรมาจริง คงจะขัดใจพ่อไม่ได้อีกนั่นแหละ

  ผมเดินเข้าไปเพื่อรอเวลางานเริ่ม ไม่นานพิธีกรก็ขึ้นมากล่าวเปิดพิธี แต่แล้วข้อความของคนรักก็เด้งขึ้นมา คงจะถึงงานแล้ว ผมเองก็ไม่รีรอกดเปิดอ่านอย่างไวว่อง

 

Sayso

ผมถึงแล้วนะครับ

ปลอดภัยรถไม่มีรอย

Tn

  ดีมาก

  ดูแลตัวเองด้วย

  ใครเข้ามาจีบบอกไปเลยนะว่าแฟนดุ

Sayso

ใครจะมาจีบผม

Tn

  ฉันไง

Sayso

คุณอาจจะพลาดก็ได้

Tn

  โชคดีมากกว่า

  เธอรู้ไหมของแปลกเดี๋ยวนี้หายากนะ

Sayso

คุณธนู!!!!!!

Tn

  5555+

  เสร็จงานตรงนี้ฉันจะรีบไป

  แล้วเจอกันครับ

  ที่รัก

  ❤

 

  “คุณธนูยิ้มอะไรครับ” จอสว่ายิ้มๆ

  “เปล่า! ฉันยิ้มเหรอ” ผมว่าก่อนจะดึงหน้ากลับมาปกติ

  จอสรู้ว่าทำไมผมถึงยิ้ม แต่ก็ยังเอ่ยถามหวังแซว

  การประมูลดำเนินมาเรื่อยๆ ผมเองก็รออย่างใจจดใจจ่อ ไม่นานก็ถึงไฮไลท์ของงาน

  “ไฮไลท์ของงานวันนี้แล้วนะคะ ที่ดินใจกลางเมือง ติดห้างสรรพสินค้า ห่างรถไฟฟ้าหนึ่งร้อยเมตร เนื้อที่ยี่สิบห้าไร่ เริ่มต้นที่สี่ร้อยล้านบาท เพิ่มราคาครั้งละห้าสิบล้านบาท ท่านใดเพิ่มราคาสูงกว่านี้ยกป้ายได้เลยค่ะ”

  คนเริ่มยกป้ายขึ้น ราคาก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่เสียเวลายกสู้ให้เมื่อยมือ รอเวลานับผมถึงจะเริ่มยก และสู้กับคนที่กล้าสู้กับผมเท่านั้น

  แวบหนึ่งผมลอบมองไปยังที่ศรนั่งอยู่ เขาก็คงจะใช้วิธีเดียวกันกับผม

  “หมายเลขศูนย์เก้าสี่ยกหนึ่งครั้งนับห้าสิบล้าน เป็นเก้าร้อยล้านนะคะ หมายเลขสองศูนย์สี่ยกหนึ่งครั้งนับห้าสิบล้าน เป็นเก้าร้อยห้าสิบล้าน”

  พิธีกรยังคงดำเนินต่อ การแข่งขันเป็นไปอย่าสูสี ที่ดินตรงนี้สวยมาก จึงเป็นที่ต้องการจากหลายบริษัท

  “สองพันสามร้อยห้าสิบล้านบาทนะคะ มีใครให้มากกว่านี้ไหมคะ หากไม่มีหมายเลขหนึ่งหนึ่งศูนย์ผูกพันราคาที่สองพันสามร้อยห้าสิบล้านบาทนะคะ” พิธีกรพูดย้ำ เริ่มนับถอยหลัง ในจังหวะนี้ผมยกป้ายตัวเองขึ้นทันที

  “หมายเลขศูนย์เก้าสองยกหนึ่งครั้งนับห้าสิบล้าน เป็นสองพันสี่ร้อยล้านบาท”

  “หมายเลขศูนย์เก้าสามยกหนึ่งครั้งนับห้าสิบล้าน เป็นสองพันสี่ร้อยห้าสิบล้านบาท” ผมหันไปมองหมายเลขศูนย์เก้าสาม เขาคือศร

  ศรมองกลับมายังผม สายตาเราประสานกัน แววตาเขาดูอ่อนลง แต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจเขาอยู่ดี ผมยกป้ายขึ้นอีกครั้ง มีคนอื่นยกขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าช่วงแรก เราแข่งขันกันจนราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ หลายคนก็ยอมถอยออกไปยกเว้นผม

  “หมายเลขศูนย์เก้าสองยกหนึ่งครั้งนับห้าสิบล้าน เป็นห้าพันห้าร้อยล้านบาท มีใครให้มากกว่านี้ยกป้ายขึ้นได้เลยค่ะ”

  ผมยกป้ายขึ้นอีกครั้ง เสียงพิธีการประกาศซ้ำ และยังไม่มีใครยก ผมมองไปยังศร หากเป็นเมื่อก่อนเขาจะยกจนกว่าผมจะยอมแพ้ แม้ต้องเสียเงินมากเท่าไหร่เขาก็ไม่แคร์ขอแค่ได้เอาชนะผม

  “หมายเลขสองสองหนึ่งยกหนึ่งครั้งนับห้าสิบล้าน เป็นห้าพันห้าร้อยห้าสิบล้านบาท ...หมายเลขศูนย์เก้าสามยกหนึ่งครั้งนับห้าสิบล้าน เป็นห้าพันหกร้อยล้านบาท มีใครให้มากกว่านี้ยกป้ายขึ้นได้เลยค่ะ” หมายเลขสองสองหนึ่งยกป้ายขึ้นผมหันกลับไปมอง เขาคือเกสรคู่ค้าเก่าที่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เขามาที่งานด้วยและยกป้ายขึ้นสู้กับผม

  ศรเองก็รีบยกตามทันที ผมยังไม่คิดยอมแพ้ยกป้ายขึ้นต่อ

  “หมายเลขศูนย์เก้าสองหนึ่งยกหนึ่งครั้งนับห้าสิบล้าน เป็นห้าพันหกร้อยห้าสิบล้านบาท”

  ผมชักจะเบื่อเกมบ้านี้เต็มทน เกสรก็ตั้งท่าจะยกป้ายอีก ผมตัดสินใจยกป้ายซ้ำอีกห้าครั้งรวด ทุกคนในงานไม่มีใครกล้ายกป้าย พิธีกรจึงประกาศซ้ำ และศรเองก็ไม่ยอมยกเช่นกัน

  “ห้าพันเก้าร้อยล้านบาทนะคะ มีใครให้มากกว่านี้ไหมคะ หากไม่มีหมายเลขศูนย์เก้าสองผูกพันราคาที่ห้าพันเก้าร้อยล้านบาทนะคะ”

  “ห้าพันเก้าร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง...”

  “ห้าพันเก้าร้อยล้านครั้งที่สอง...”

  “ห้าพันเก้าร้อยล้านครั้งที่สาม...”

  “ขายให้หมายเลขศูนย์เก้าสองหนึ่งเรียบร้อยค่ะ” มุมปากผมกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ผมไม่สนใจว่าจะเสียเงินไปมากเท่าไหร่ แค่เอาชนะพี่ชายตัวเองได้ ผมก็พอใจเป็นอย่างมาก

  หลังจากงานประมูลจบ ผมก็สั่งให้จอสจัดการต่อ ทุกอย่างถูกจัดการภายในไม่กี่นาทีต่อมา

  “คุณธนูยินดีด้วยนะครับ”

  “ขอบคุณครับคุณเกสร” ผมหันไปยกมือไหว้เกสร

  ไม้ก็เคยทำงานกับเกสรมาก่อน แต่เพราะความไม่สื่อตรงของเกสร ทำให้ไม้รู้สึกไม่สบายใจที่จะทำงานด้วย จึงตัดสินใจเอาเรื่องทั้งหมดมาบอกผม หลังจากวันนั้น ผมก็รับไม้เข้ามาทำงาน

  วันที่ไม้เข้ามาทำงานวันแรก ผมยังจำคำของเขาได้ดี ‘หากวันไหนผมไม่ซื่อตรง คดโกงกับคนอื่นเขาก็พร้อมจะออกมาจากผมและหักหลังผมได้ทุกเมื่อ’ ไม้ไม่ชอบการทำงานแบบสกปรก แน่นอนว่านั่นก็ไม่ใช่ทางของผม

  “นี่สนลูกชายลุงเอง เราเก่งมากเลยนะไว้ให้ลูกชายลุงไปฝึกงานกับเราหน่อยก็ดี มันไม่เอาไหนเลยวันๆ มีแต่เที่ยวเล่น วันนี้ให้มาดูงานก็ยังไม่ได้เรื่อง”

  “ได้เสมอครับ” ผมหันไปมองลูกชายที่ดูจะไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก

  “นี่ไปไหนต่อ ไปทานอะไรด้วยกันสักหน่อยไหม”

  “ผมมีธุระเอาครั้งหน้านะครับ ผมขอตัว” ว่าจบผมก็ยกมือไหว้อีกครั้ง ก่อนจะหมุดตัวเดินผละออกมา

  จอสขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ผมจึงออกมารอที่รถก่อน

  ลานจอดรถเงียบสนิท ผมเดินมายังรถของตัวเอง ก่อนจะเห็นว่ามีใครบางคนยืนรออยู่ก่อนแล้ว

  ศร...

  ผมหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในงาน แต่ทว่าศรดันเห็นผมเสียก่อน

  “ธนู...” เท้าทั้งสองหยุดชะงัก ตั้งแต่วันที่ผมกลับจากเกาะวันนั้นผมก็ไม่เจอศรอีกเลย

  “...”

  “พี่มีเรื่องอยากจะคุย”

  “นี่ลืมที่เราตกลงกันไปแล้วงั้นเหรอ” ผมว่า เพราะเราตกลงกันเอาไว้ ว่าถ้าหาโซ่เลือกผม ศรจะต้องเลิกยุ่งกับพวกเราสองคน

  “พี่รู้ แต่ช่วยฟังกันก่อนได้ไหม”

  “ก็ลองว่ามา แต่ผมมีเวลาไม่มาก”

  “คือ...” ศรเงียบครู่หนึ่ง “พี่อยากขอโทษ”

  “เรื่อง?” ผมตอบสั้น หันกลับไปมองหน้าศร

  “ทุกเรื่อง ให้อภัยพี่ได้ไหม อะไรที่จะทำเพื่อไถ่โทษได้---”

  “พอเถอะศร” ผมว่าไม่รอให้ศรพูดจบ “มันไม่มีอะไรที่ไถ่โทษได้ทั้งนั้น วันนี้ผมให้อภัยพี่ได้ แต่อย่ามาวุ่นวายกับโซ่แค่นั้นก็พอ”

  “แต่เรายังเจอกันอีกได้ใช่ไหม พี่อยากให้เราเหมือนเมื่อก่อน”

  “อย่าเลยดีกว่าครับ ผมไม่ไว้ใจ”

  “...”

  “สิ่งที่ผมต้องเจอมันหนักหนามาก แต่วันนี้ พี่แค่เดินเข้ามา แล้วบอกว่าขอโทษ อยากให้เราเป็นเหมือนเมื่อก่อน มันไม่ง่ายเกินไปหน่อยเหรอ คำขอโทษกับสิ่งที่ผมต้องเจอ”

  “โอเค” คำตอบสั้นๆ ที่ศรพูดออกมา ผมไม่รู้เลยว่ามันหมายความว่าอะไร เขาจะหยุดแค่นั้น หรือเขาอาจจะคิดทำอะไรอยู่ก็เป็นไปได้

  ผมยืนมองศรเดินหายไปในรถของตัวเอง ก่อนรถเขาจะเคลื่อนตัวออกไป เป็นจังหวะเดียวกันกับที่จอสเข้ามาพอดี

  “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

  “ไม่มี รีบไปเถอะโซ่รออยู่” ผมว่าก่อนจะเดินขึ้นรถตัวเอง

  ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถออกสู่ถนนกว้าง ระหว่างทางทำให้ผมมีเวลาได้คิดอะไรมากมาย ผมไม่เคยเห็นสายตาศรเป็นแบบนี้มาก่อน จะว่าไปตอนประมูลที่ศรก็ไม่ได้มีท่าทีจะสู้ผมแต่อย่างใด หรือว่าเขาจะสำนึกจริง แต่อีกใจก็รู้สึกว่าทั้งหมดนี้อาจเป็นแค่เพียงการแสดง คนอย่างศรผมจะไปเชื่ออะไรเขาได้ แค่ข้อตกลงที่ห้ามมาวุ่นวาย วันนี้เขายังมาดักรอผมที่ลานจอดรถเลย

  “บอส!”

  ผมสะดุ้งโหยงหลุดออกจากภวังค์เมื่อถูกเสียงทุ้มเรียกเสียงดัง

  “จะเสียงดังทำไมเนี่ย”

  “ก็ผมเรียกหลายครั้งแล้ว”

  “เหรอ... อืมแล้วมีอะไร”

  “ถึงแล้วครับ” หันออกไปมอง ก็เห็นว่ารถจอดดับสนิท เป็นลานจอดรถที่เปลี่ยนมาอยู่ใต้โรงแรม ผมเดินเข้ามาตามที่โซ่ส่งข้อมูลทิ้งเอาไว้ก่อนเจ้าตัวจะหายเงียบไปหลายชั่วโมง

 

  ผมหยุดยืนมองหน้าประตูทางเข้า ก่อนจะผลักเข้าไป

  โฮ้... อย่างกับหลุดมาอีกมิติ ทุกคนในงานสวมชุดฮันบก เพลงเกาหลีอีดีเอ็มกระหึ่มจัดเต็ม ประหนึ่งว่านี้เป็นผับในยุคของแดจังกึม คนในงานมีไม่มากอย่างที่คิด คงเชิญแค่เพื่อนที่รู้จักมางานเท่านั้น

  “อ้าว... ปี้ตะนู” ร่างซวนเซของใครบางคนว่า ในแสงไฟสลัว ผมพอมองออกว่านั้นคือกระทิงเพื่อนของโซ่

  “กระทิง โซ่อยู่ไหน”

  “ตามปมมา” ผมเดินตามกระทิงไปยังโต๊ะที่พวกเขานั่ง ทุกคนล้มฟุบกับโต๊ะ รวมถึงโซ่ด้วย นี้คงจะกินกันหนักมาก

  “อ้าย...โซ่ผัวมึงมา” กระทิงว่าเขย่าโซ่จนร่างแทบร่วง

  “อ้าว... กว่าจะมานะคุณ” โซ่ว่า ส่งยิ้มเยิ้มกลับมา

  “เธอเมามากแล้วนะ กลับได้แล้ว” ผมว่า

  “ม่ายยยย... เพื่อนผมจะกลับยังไง ผมต้องไปส่งพวกมัน”

  “พี่ธนูครับ” ผมหันกลับไปยังเสียงเรียกของคนที่เพิ่งมาใหม่ ชีส... เจ้าบ่าวที่ดูแล้วน่าจะเป็นคนเดียวที่มีสติครบที่สุด

  “พี่พาโซ่กลับก่อนนะ”

  “ครับพี่”

  "ยินดีด้วยล่ะพี่ฝากเช็คเงินสดมาให้เป็นของขวัญแล้ว เราได้หรือยัง" ผมถามชีสซ้ำเพราะเกรงว่าโซ่เมามากเผื่อจะไปทำหล่นหายที่ไหน

  "เห็นแล้วครับ ผมว่ามันเยอะไป"

  "รับไปเถอะ มีความสุขมากๆ นะ"

  "ขอบคุณครับพี่"

  “ไม่กูไม่กลับ กูต้องไปส่งเพื่อนก่อน” โซ่ว่าเสียงดัง เริ่มอยู่ไม่สุข ดิ้นไปดิ้นมาจนผมต้องหิ้วเอาไว้

  “เป็นห่วงตัวเองก่อนไหม ดูสภาพตัวเองสิเนี้ย”

  “พี่ธนูพาโซ่กลับเถอะครับ พอดีผมเปิดห้องกับทางโรงแรมไว้ เดียวลากที่เหลือขึ้นไปเองครับ พวกมันเป็นแบบนี้แหละผมชินแล้ว”

  “เอางั้นก็ได้ มีอะไรโทรหาพี่ได้เลยนะ”

  “ไม่เอากูจะกลับบ้านกู กูไม่นอนโรงแรม” คราวนี้เป็นกระทิงที่งอแง

  “มึงเมามากแล้วจะกลับยังไง รถก็ไม่เอามา” ชีสว่า

  “ไม่เอากูกลัวผี ฮือ กูไม่นอนที่นี่ ฮึก...” อ้าวเมื่อกี้ยังยิ้มร่าอยู่เลย ตอนนี้กระทิงร้องไห้จนผมตกใจ

  “เอาอีกแล้วนะมึง เมาแล้วเอาแต่ใจฉิบหาย”

  “งั้นเดี๋ยวให้จอสไปส่งบ้านก็ได้” ผมว่า

  “ไม่เป็น’ไรครับรบกวนพี่เปล่าๆ บ้านคนละทางจะได้ไม่ต้องวนไปวนกลับ”

  “ไม่เป็นไร พี่ให้โซ่เอารถมา เดี๋ยวพี่ขับอีกคันกลับ”

  “งั้นผมรบกวนหน่อยนะครับ ไอ้กระทิงถ้าได้เมาแล้วเอาแต่ใจสุดๆ”

  “ไม่เป็นไร” ผมว่า “จอสฝากจัดการให้ที” ผมหันไปสั่งจอส แล้วเดินหิ้วตัวโซ่ออกมาจากงาน

  “เฮ้ย ธนูนี่หว่า ว่าไงพวกเพิ่งมาอ๋อ...”

  “เมาแล้วเก่งจังนะ” ผมว่าก่อนจะบีบจมูกโซ่เบาๆ

  “มึงซ่าเหรอไอ้สัด! ไม่ใช่โซดาอย่าซ่าไอ้น้อง”

  “พูดจาแบบนี้กลับไป จะโดนไม่ใช่น้อยนะ”

  “ก็มาดิคร้าบบบ คนอย่างไอ้โซ่ไม่กลัวอยู่แล้ว”

  “หึ หึ” เสียงกลั้วหัวเราะหลุดออกจากลำคอเบาๆ ผมใช่มือข้างหนึ่งฟาดลงไปที่ก้นของโซ่ไม่แรงไม่เบา ไม่ได้ต้องการให้เขาเจ็บ แต่เพราะรู้สึกเอ็นดูในความห้าวด่องของโซ่

  บ้านผมที่มีคนคุ้มกันในระดับหนึ่ง โซ่ก็ยังแอบปีนขึ้นมา ถ้าไม่ได้มาอยู่กับผม เขาอาจจะต้องเป็นมิจฉาชีพที่มีฝีมืองัดแงะอยู่บ้านหลังไหนก็หลังหนึ่งแน่

  "อ้าว... ธนูเองเหรอ คุณมาตอนไหน" โซ่วนกลับมาถามคำเดิมซ้ำๆ ตลอดทางที่ผมหิ้วเขาออกมา

  ผมเริ่มปวดหัวกับคนเมาซะแล้วสิ...

 

 
#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

**กำลังทยอยแก้คำผิดนะฮ่าฟ**
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-05-2021 19:23:13
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 16-05-2021 23:23:04
 :hao5:
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -24- แขกไม่ได้รับเชิญ
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 18-05-2021 22:10:00

-24-

แขกไม่ได้รับเชิญ


  หลังจากดวลวอสก้ากับกระทิงผมก็แทบน็อค รู้ตัวอีกทีก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย แอลกอฮอล์ในกายทำให้เลือดสูบฉีด หัวใจเต้นเร็ว มันไม่ถึงกับหลับไป แต่ยังพอมีสติพูดคุยได้อยู่

  “อ้าวธนูมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

  “เธอถามฉันรอบที่ห้าได้แล้วนะ”

  ผมปรือตามองธนูที่กำลังดึงเข็มขัดคาดให้ เราอยู่บนรถ...

  “เราจะไปไหนกันครับ” ผมว่า

  “กลับบ้าน เธอเมาขนาดนี้จะให้ไปไหน”

  ผมไม่อยากกลับบ้านธนู เหตุผลมันไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแค่พี่ไม้เคยบอกว่าบ้านหลังนั้นเคยเป็นเรือนหอมาก่อน จู่ๆ ผมก็รู้สึกอยากงอแงมันซะอย่างนั้น
 
  “ไม่กลับบ้านได้ไหมครับ” มือขวากระตุกเนกไทคนตัวใหญ่ขยับเข้ามาใกล้ กดจูบที่ริมฝีปากบางอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะผละออกอย่างเชื่องช้า

  “ไม่กลับบ้านแล้วจะไปไหนคะ” มุมปากธนูกระตุกยิ้ม

  “ที่ไหนก็ได้ครับที่ไม่ใช่บ้านคุณ” ธนูผละตัวออก แล้วเดินไปฝั่งคนขับ

  รถทะยานออกจากลานจอดสู่ถนนกว้าง ความเงียบเกาะกุมหัวใจให้รู้สึกหนาวสะท้าน ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าขนาดนี้กัน หรือเป็นเพราะฤทธิ์ของเครื่องดื่มที่เพิ่งดื่มไป

  “ธนู...”

  “หืม” ธนูขานรับแต่สายตายังคงจดจ่อกับถนน

  “คุณเคยอยากแต่งงานไหม” ผมกำลังถามเรื่องงี่เง่าอยู่หรือเปล่า

  “...” แวบหนึ่งธนูหันมามองก่อนจะหันไปสนใจถนนต่อ “ต้องเคยสิ เธอถามทำไม มีอะไรหรือเปล่า”

  “เปล่าครับ วันนี้ชีสดูมีความสุขมากเลยครับ ผมเห็นมันยิ้มไม่หุบเลยเคยคิดว่าคุณจะเคยคิดเรื่องพวกนี้บางหรือเปล่า” ผมว่ายิ้มๆ

  “แล้วเธอล่ะ ไม่อยากแต่งงานบ้างเหรอ”

  “ก็เคยคิดนะครับ แต่ผมทุกครั้งที่มีแฟน ผมก็จะกลายเป็นคนโง่เสมอ”

  “เธอไม่ได้โง่เธอแค่ยังไม่เจอคนดีๆ” ความอบอุ่นจากมือหนาสัมผัสที่หัวผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ “แต่ตอนนี้เธอเจอแล้วนี่”

  “ครับ?”

  “ก็คนดีๆ ไง”

  “...?” ผมทำหน้างง

  “ก็ฉันไง”

  “แหวะ! ผมจะอ้วก”

  “เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย” ธนูว่า

  “ผมไม่ได้พูดเล่น อุ๊บ! ผมจะอ้วก”

  เชี่ย! อ้วกตีขึ้นคอ

  “โซ่เธอใจเย็นก่อนนะ ข้างหน้ามีปั๊ม”

  “แฮะๆ ไม่เป็นไรครับ ผมกลืนไปแล้ว”

  “เธอนอนไปเลย ถึงแล้วเดี๋ยวฉันปลุก” ธนูว่า

  “ครับ” เบาะถูกปรับให้นอนสบายขึ้น เพียงแค่หลับตาลงไม่นาน ผมก็จมลงสู่ภวังค์ไปอย่างง่ายดาย

 

  รู้สึกตัวอีกทีผมก็อยู่ในห้องแล้ว มันไม่ใช่ที่บ้านแต่เป็นคอนโดฯ มองออกไปรอบห้องไม่มีใครอยู่ สังเกตเห็นเพียงแสงไฟที่สาดออกมาจากกระจกใสในห้องน้ำ

  ผมลุกขึ้นพาตัวเองเดินเข้าไปในห้องน้ำ เสียงสายน้ำจากเรนชาวเวอร์กระทบพื้นดังก้อง คนตัวสูงกำลังยืนสระหัวอยู่

  “ตื่นแล้วเหรอ ฉันเห็นเธอหลับเลยอุ้มขึ้นมา” ธนูว่า

  “...” ผมยืนมอง ไม่ตอบอะไร หันมาปลดสายชุดฮันบกสีฟ้าออกไปกองไว้กับพื้น ก่อนจะค่อยๆ รั้งกางเกงซับในตัวบาง ออกไปพร้อมกับอันเดอร์แวร์ แล้วเดินตรงเข้าไปอยู่ใต้เรนชาวเวอร์ด้วยกัน

  “สระผมอยู่เหรอครับ ผมช่วยนะ” ผมว่า พร้อมกับยกมือขึ้นสัมผัสเส้นผมที่เต็มไปด้วยฟองสีขาว ผมกำลังคิดฟุ้งเรื่องบ้านของธนู พยายามแล้วที่จะบอกตัวเองว่ามันเป็นเพียงแค่อดีต

  “เธอมีอะไรหรือเปล่า”

  “เปล่านี่ครับ” ผมค่อยๆ ปล่อยให้สายน้ำล้างฟองสีขาวออกจากหัวของธนูจนหมด

  “เธอคิดมากเรื่องบ้านฉันใช่ไหม” เขาถามเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว

  “...คุณรู้?”

  “ตาเธออ่านง่าย”

  “แย่จังเลยนะครับ ผมดูงี่เง่ามากเลยใช่ไหม”

  “ไม่หรอก ฉันชอบนะที่เธองอแง”

  “ผมเปล่าสักหน่อย” ว่าจบผมก็ตั้งท่าเดินออกมา ไวกว่าความคิด ธนูก็คว้าตัวผมเข้าไปกอดจากด้านหลัง สายน้ำที่ยังคงเปิดอยู่สาดกระทบผิวเนื้อจนเย็นฉ่ำ

  “บ้านหลังนั้นเคยเป็นเรือนหอ แต่ถ้าเธอไม่ชอบฉันจะขายทิ้ง”

  “ได้ไงครับ บ้านไม่ได้หลังละพันสองพัน”

  “ฉันไม่สน อะไรที่ทำให้เธอสบายใจ ฉันทำได้ทุกอย่าง” ผมหลุดยิ้มออกมาเพียงเพราะคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกดี

  “ไม่ต้องขายหรอกครับ แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าคุณทำเพื่อผม”

  “ว่าแต่ใครบอกเธอเรื่องบ้านฉัน”

  “พี่ไม้ครับ”

  “ไม้นี่เอง สงสัยต้องโดนสักที”

  “คุณจะทำอะไรพี่ไม้ เขาไม่ได้ผิดอะไรนะครับ” ผมว่า

  “เธอไม่ต้องเป็นห่วงไม้หรอก เป็นห่วงตัวเองก่อนเพราะเธอกำลังจะโดนลงโทษ” ธนูว่าลากมือลงต่ำ ของแข็งดุดันอยู่ข้างหลังบอกได้อย่างดีว่าอารมณ์เขาพุ่งสูงแค่ไหน

  “ผมยังไม่ทำอะไรเลยนี่ครับ”

  “ตอนอยู่ที่งานเธอพูดมึงกูกับใครละ” ฝ่ามือหนากอบกุมแกนกายเอาไว้ก่อนจะขยับมือชักรูดขึ้นลงอย่างเชื่องช้า

  “อึก! ผะ...ผมเปล่านะครับ” ผมถูกดันให้หันหน้าเข้ากำแพง ธนูใช้ขาแทรกเข้ามาระหว่างตัวจนต้องขยับขาออก

  “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” ธนูว่า ดึงหน้าผมเข้าจูบอย่างรุนแรง ฝ่ามือยังคงขยับขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ

  “อ๊ะ! ...” เขาใช้ปลายนิ้วลูบวนส่วนปลายระหว่างรอยแยกที่กำลังปริ่มน้ำใส ก่อนจะขยับตัวออกห่าง แล้วใช้แท่งร้อนถูกับรอยจีบด้านหลังไปมา สายน้ำช่วยทำให้ความฝืดเคลื่อนตัวง่ายขึ้น สัมผัสที่ได้รับทำให้สมองขาวโพลน

  มันรู้สึกดี แต่ก็รู้สึกทรมานเมื่อเขาทำอยู่อย่างนั้น และไม่ยอมใส่เข้ามาสักที

  “คุณจงใจแกล้งผมใช่ไหม” ผมว่าเสียงแข็ง เมื่อความต้องการพุ่งสูง

  “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย จะแกล้งได้ยังไง” ธนูว่า พลางกลั้วหัวเราะในลำคอ

  “ก็คุณไม่ยอมใส่เข้ามาสักที”
 
  “ใจร้อนจัง ลองอ้อนฉันสิ” มือที่ขยับก็พลันหยุดชะงักลง ความรู้สึกอึดอัดต้องการปลดปล่อยมีมากกว่าความเขินอาย ผมไม่ไหวจึงพยายามใช้มือช่วยตัวเอง แต่ก็ถูกธนูรั้งตัวเอาไว้ “อ้อนฉันก่อน ฉันจะทำให้” เสียงกระซิบแหบพร่าบอกก่อนจะงับติ่งหูเล่น

  “คุณมันเจ้าเล่ห์ที่สุด”

  “ว่ายังไงนะ เสียงน้ำดังฉันไม่ได้ยิน” มุมปากกระตุกยิ้ม ดวงตาแพรวพราวของเขาทำผมแพ้

  ผมแพ้เขาอีกแล้ว...

  “อ๊า!” เขาใช้นิ้วโป้งขยี้เน้นย้ำส่วนปลาย “ธนู อื้ออ... ผมไม่ไหวแล้วคุณช่วยใส่ของคุณเข้ามาในตัวผมได้ไหมครับ” ให้ตายเถอะ ผมแทบไม่เชื่อหู ว่าตัวเองจะพูดลามกได้ขนาดนี้ แต่ผมก็พูดออกไปแล้ว

  ใบหน้าผมร้อนผ่าวกับประโยคที่เพิ่งพูดออกไป...

  “หึ หึ” เสียงหัวเราะสั้นๆ เป็นคำตอบ ฝ่ามือเริ่มชักรูดอีกครั้ง ก่อนธนูจะเริ่มดันตัวตนเข้ามาอย่างเชื่องช้า

  ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่น รับรู้ได้ถึงส่วนที่แข็งขึงกำลังเคลื่อนตัวเข้ามา ขนอ่อนตามตัวลุกชัน ของเหลวสีขาวพุ่งพรวดออกมาอย่างห้ามอยู่ เพียงเพราะเขาดันส่วนแข็งเข้ามาจนสุด

  ผมอาย แต่ผมก็อดทนต่อไปอีกไม่ไหวเช่นกัน

  “แค่ใส่เข้าไปเธอก็เสร็จเลยเหรอ” ธนูว่า

  “คุณหยุดพูด แล้วรีบทำต่อเถอะครับ”

  “ใจร้อนจัง”

  “อ๊ะ!” เสียงครางหลุดออกมา เมื่อเขาถอนแกนกายออกแล้วสอดเข้ามาจนสุดรวดเดียว “เบา... เบาหน่อยครับ อ๊า...” แต่ยิ่งห้าม ก็เหมือนยิ่งยุ

  มือหนาจับล็อกสะโพกเอาไว้แน่นเพื่อรับแรงกระแทกที่ถูกส่งเข้ามากระชั้นถี่ เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังก้องในห้องน้ำอย่างหยาบโลน เขาช่วงชิงจูบผมจนนับครั้งไม่ถ้วน จูบย้ำๆ จนริมฝีปากเริ่มช้ำ และบวมเจ่อ

  “อา...อะ!” ความเสียวซ่านแล่นปราดเมื่อเขาเน้นย้ำจุดเร้นลับข้างใน

  ธนูคว้าตัวผมเข้าไปกอดเอาไว้จนตัวเราแนบชิดกัน ขาทั้งสองเริ่มสั่นแทบทรงตัวไม่อยู่ “ซี๊ดดดด” เสียงครางต่ำของธนูบอกได้ชัดว่ารู้สึกดีไม่ต่างกัน

  เขากัดไหล่ผมจนขึ้นรอยฟัน มันเจ็บแต่ความรู้สึกดีที่กำลังได้รับ ทำให้ผมลืมความเจ็บปวดตรงนั้นไป

  “ผมไม่ไหวแล้ว อื้ม... จะเสร็จแล้ว อ๊ะ!” ผมบอกธนูด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาเม็ดใสเอ่อคล้อจนภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอ

  เขาใช้ฝ่ามือกอบกุมแกนกายเอาไว้เต็มมือ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วปิดส่วนปลาย “รอฉันก่อนสิ” ธนูว่า

  เขาสวนสะโพกตอกเข้ามาหนักๆ และลึกกว่าเดิม ขยับออกจนสุดแล้วดันเข้ามาเน้นๆ ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนร่างผมบิดเร้า “อ๊ะ ผมไม่ไหวแล้ว”

  “ปล่อยออกมาเลย” ธนูว่าปล่อยปลายมือออก แล้วชักรูดแกนกายถี่ ช่องท้องรู้สึกหดเกร็ง วูบวาบ ปลายเท้าจิกพื้นแน่น ลมหายใจเริ่มหอบถี่

  ไม่รู้เลยว่าจะรู้สึกดีจากทางด้านหน้าหรือด้านหลังก่อนดี ไม่นานความเบาวูบก็แล่นปะทะร่างกาย หยาดน้ำสีขาวขุ่นก็พวยพุงออกมาเต็มมือ

  ธนูควงคว้านในตัวผมอีกเพียงไม่กี่ที่ เขาก็เริ่มกระตุกเกร็ง ขยับเข้าออกช้าลงก่อนจะรู้สึกได้ถึงของเหลวที่ไหลอยู่ในช่องท้องอุ่นๆ

  เขายังคงฝั่งตัวตนอยู่ข้างใน รีดเค้นเอาทุกหยาดหยดออกมาทุกหมด ก่อนจะค่อยๆ ถอนแกนกายออก

  หลังเสียงดังพล็อกจากการถอนแกนกายออก ทำให้ของเหลวที่อยู่ภายในไหลออกมาเป็นทางจนเปรอะลงมาที่ขาอ่อน ภาพตรงหน้าทำให้ธนูมีอารมณ์อีกครั้ง

  “ไปต่อกันที่เตียงเถอะ” ธนูกระซิบบอกก่อนจะใช้นิ้วกวาดเอาของเหลวออกจากช่องทางด้านหลัง

  “อื้ออออ...” ไม่ใช่แค่ธนูที่เริ่มมีอารมณ์อีกครั้ง

  ผมถูกอุ้มออกมาจากห้องน้ำหลังทำความสะอาดเสร็จ ไม่นานแผ่นหลังก็ได้สัมผัสความนุ่มจากเตียง ร่างกายแนบชิดกันจนแทบเป็นอันหนึ่งอันเดียว เราแลกเปลี่ยนความหวานผ่านน้ำลายที่หยาดเยิ้ม ลิ้นร้อนไล่ต้อนจนผมจนมุม ทุกอย่างที่เขาได้ไปคือทั้งหมดที่ผมมี

  “เดี๋ยวสิครับ” ผมว่า “ผมอยากทำให้คุณบ้าง” ไม่รู้ว่า เพราะความต้องการของตัวเอง หรือเพราะฤทธิ์ของเครื่องดื่มที่เพิ่งดื่มมาทำให้ผมพูดออกไปอย่างนั้น แต่ท้ายที่สุด ผมก็ได้คำตอบว่า ผมแค่อยากให้เขามีความสุขเหมือนผม

  “เอาสิ” ธนูว่า หยิบเจลฯ บนหัวนอนออกมาป้ายที่ช่องทางหลัง หมอนถูกวางพิงหัวเตียงก่อนที่ธนูจะทิ้งตัวลงไปกึ่งนั่งกึ่งนอน แล้วดึงผมขึ้นไปนั่งคร่อมบนตัก

  ผมกำแกนกายที่แข็งขึงเปียกชุ่มไปด้วยเจลฯ แล้วกดสะโพกลงช้าๆ จนแกนกายชนเข้ากับรอยจีบ มันค่อยๆ แทรกตัวเข้ามาข้างในทีละนิด ทีละนิดตามแรงกดสะโพก

  ธนูหลับตาพริมอย่างสบอารมณ์ ผมยังกดสะโพกลงไปเรื่อยๆ จนสุดโคนแล้วแช่ทิ้งเอาไว้อย่างนั้น

  “ธนู ผมไม่กล้าขยับ” ผมว่า เพราะมันรู้สึกแปลกกว่าที่เคย

  “เจ็บเหรอ”

  “เปล่าครับ... มันรู้สึกแปลกๆ” ธนูกระตุกยิ้มออกมา ช่องท้องผมรู้สึกเสียววูบ “คือ... ผมจุก มันเข้ามาถึงตรงนี้เลย” ผมจับมือของธนูขึ้นมาลูบที่ท้องของตัวเอง ก่อนจะซุกหน้าลงกับแผ่นอกแกร่งของเขา มันทั้งลึกและอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

  “ฉันก็ไม่ไหวแล้ว ข้างในตัวเธอทั้งร้อน ทั้งตอดรัดของฉันจนแน่นไปหมด”

  “คุณพูดบ้าอะไรเนี่ย!” ผมว่าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแหวใส่ธนู เขาพูดออกมาได้อย่างไม่รู้สึกอาย

  “ฉันพูดความจริงนี่” พูดจบเขาก็หยัดตัวตรง โน้มหน้าลงมาดูดกลืนยอดอกอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาใช้ลิ้นร้อนตวัดสัมผัสกับยอดอกจนขึ้นแข็งขึง

  ธนูใช้นิ้วล้วงเข้ามาในปาก ขยับเข้าออกหยอกล้อกับลิ้นที่ตวัดอยู่ภายใน ก่อนจะดึงออกแล้วใช้ปลายนิ้วที่ชุ่มน้ำลาย บดคลึงที่ยอดอกอีกข้าง ร่างกายร้อนผ่าวกับสัมผัสที่ได้รับ

  “ธนู อื้อออ” ความเสียวซ่านทำให้ร่างกายเริ่มขยับขึ้นลงอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกมันต่างออกไปจากทุกครั้ง เมื่อผมเป็นคนคุมเกมเอง
“อา...อะ...อ๊ะ!” จังหวะที่สะโพกกดลงต่ำ ธนูก็สวนสะโพกเข้ามาพร้อมกัน มันรู้สึกดีจนเหมือนจะขาดใจ ผมมอบจูบรสหวานให้กับเขา พร้อมกับขยับสะโพกขึ้นลงเป็นจังหวะ

  แกนกายสัมผัสหน้าท้องแกร่งจนรู้สึกปวดหนึบ รอการปลดปล่อย “ผม...จะเสร็จแล้ว” ผมว่าพร้อมขยับช่วงล่างที่เชื่อมกันอยู่ถี่ขึ้น ไม่นานของเหลวสีขาวก็พุ่งออกมาอีกครั้ง “อื้อออ...” หน้าท้องแกร่งเต็มไปด้วยหยาดน้ำอุ่นเพิ่งปลดปล่อยออกมา

  ผมซบหน้าลงกับแผ่นอกของธนู เสียงลมหายใจหอบเหนื่อยจากการปลดปล่อยครั้งที่สอง หัวใจเต้นเร็วจนไม่เป็นจังหวะ แต่ก็ยังไม่ทันได้พัก ผมก็ถูกผลักให้นอนจมลงกับเตียง

  ขาทั้งสองถูจับรวบเข้าหากันแล้วถูกยกขึ้น “ผมเพิ่งเสร็จไปเองนะ” ผมว่าเพราะรู้สึกเหนื่อย

  “แต่ฉันยังไม่เสร็จเลยนี่” ธนูก็คือธนู เขายังคงเป็นคนที่เอาแต่ใจคนเดิม

  “งั้นผมขอพัก” ธนูไม่ฟังเสียงทัดทาน ตอกสะโพกเข้ามาหนักหน่วงจนลึกสุดโคน “อ๊ะ... ผมขอห้านาทีก็ยังดี” ผมลองต่อรองอีกครั้ง ถึงแม้จะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้วก็ตาม

  “เธออยากพักจริงเหรอ ช่วงล่างเธอตอบรับขนาดนี้แล้ว”

  “อะ...อ๊ะ...อ๊า! คนเลว” รอยยิ้มของธนู ทำให้ผมก่นด่าภายในใจอีกหลายคำ เพราะผมแทบไม่เหลือเถียงกับเขาแล้ว

  ยิ่งนานเข้าเจลที่ใส่เอาไว้ก็เริ่มแห้ง ผมเริ่มรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัว

  “ธนู อึก... ผมเจ็บ” ธนูคว้าเจลฯ ที่อยู่ใกล้ตัวขึ้นมาบีบใส่ ร่างกระตุกเบาๆ เมื่อสัมผัสกับความเย็นจากเจลฯ

  ความฝืดที่มีก่อนหน้าถูกแทนที่ด้วยความคล่องตัว ธนูยังคงโหมโรมรันเข้ามาไม่ขาดช่วง เสียงครางต่ำหลุดออกมาเป็นระยะ ร่างกายเคลื่อนไหวตามแรงโหมขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ เสียงความฉ่ำแฉะจากเจลฯ ที่เพิ่งใส่เข้าไปกระทบกับผิวเนื้อดังไปทั้งห้อง ภาพทั้งหมดดูลามก และหยาบโลน แต่ก็เต็มไปด้วยความสุข

  ธนูถอนแกนกายออกช้าๆ ก่อนจะจับผมพลิกให้นอนคว่ำหน้าลงกับหมอน แล้วยกสะโพกลอยขึ้นสูง แกนกายร้อนถูกดันกลับเข้ามาอีกครั้ง “อื้ออออ อื้มมมม อ๊ะ! ธนู” ผมร้องเรียกชื่ออีกฝ่าย ทุกครั้งที่แกนกายครูดกับผนังด้านในรู้สึกวูบหวิว

  สองมือจิกกำผ้าปูจนมุมที่นอนหลุดลุ่ย เอวสอบกระชั้นถี่ ความรู้สึกเหมือนต้องการปลดปล่อย แต่เหมือนว่ามันยังไม่ถูกจุด

  “คุณจงใจใช่ไหม” ผมว่า

  “อะไรกัน” ว่าจบเขาก็โหมแรงอีกครั้งจนผมพูดไม่ออก

  “ผมอยากปล่อย คุณช่วยผมหน่อย”

  “เธออ้อนขนาดนี้ ใครจะไปใจร้ายได้ลงคอกัน”

  ไม่มีใครใจร้ายเท่าคุณอีกแล้วล่ะธนู...

  ธนูสอบสะโพกเข้ามาย้ำจุดเร้นลับถี่ ร่างกายบิดเร้าไปมาด้วยแรงอารมณ์ที่เก็บเอาไว้ไม่อยู่ “ธนู ผมไม่ไหวแล้วอื้มมม” ผมร้องครางเสียงแหบพร่า “อ๊า...อ๊ะ...อะ! ธนู”

“ครับ”

  “ผม...จะ...อึก...” ของเหลวสีขาวพุ่งออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างกายกระตุกเกร็ง มือยังคงจิกกำผ้าปูจนยับยู่ ภาพตรงหน้าพร่าเบอลไปหมด เรี่ยวแรงที่มีกำลังจะหมด ความรู้สึกสุดท้ายคือ หยาดน้ำอุ่นภายในช่องท้องที่ถูกฉีดพุ่งเข้ามา ก่อนภาพทุกอย่างจะตัดดับไป

 

 

  ผมรู้สึกตัวอีกทีในตอนเช้าด้วยอาการร่างแหลก ระบมไปทุกสัดส่วน โชคดีที่เนื้อตัวถูกทำความสะอาดจนรู้สึกสบายตัว ธนูยังใจดีสวมชุดนอนให้เรียบร้อย พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนใบหน้าก็เริ่มร้อนผ่าว นี้ผมทำขนาดนั้นได้ไงวะเนี่ย

  “ตื่นแล้วเหรอ” ผมสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงของธนูที่เดินเข้ามา เขาสวมกางเกงนอนขายาวสีน้ำเงิน ท่อนบนเปลือยเปล่า

  “คุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเข้ามา” ที่ผมว่าเขา เพราะเผลอมองมัดกล้ามเนื้อสวยอย่างละสายตาไม่ได้

  “ก็เสื้อผมเอาให้คุณใส่ไปแล้ว”

  ผมนั่งทวนคำของธนู เสื้อผมเอามาใส่งั้นเหรอ...

  ดวงตาทั้งสองเบิกโพลงเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก ผ้าห่มถูกเปิดออก และมันก็เป็นอย่างที่คิด ผมใส่เสื้อตัวเดียวนอน ยังดีที่ท่องล่างยังสวมอันเดอร์แวร์ให้อยู่

  “อะไรของคุณเนี่ย ทำไมไม่ใสกางเกงให้ผม”

  “ชุดคู่ไง” ให้ตายเถอะ เขาพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย และไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร “ฉันซื้อข้าวเช้ามาให้ออกไปกินกันเถอะ” พูดจบเขาก็ยกผมลอยขึ้นจากเตียง

  “ปล่อย ผมเดินเองได้”

  “เดินไม่ไหวหรอก เมื่อคืนเธอสลบไปขนาดนั้น ฉันตกใจมากเลยนะรู้ไหม”

  ฉ่าา~ .///.

  หน้าผมร้อนเหมือนคนมีไข้สูงกับสิ่งที่เขาพูด สุดท้ายผมก็ต้องยอมให้เขาอุ้มออกมา เพราะลองยืนแล้วปรากฏว่าขาสั่นเป็นผีเข้า

  อาหารถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยอยู่ก่อนแล้ว เขาวางผมเอาไว้แล้วเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม เรานั่งทานอาหารและพูดคุยกันไปเรื่อยๆ จนอาหารเริ่มพร่อง

  “ยังเจ็บอยู่ไหม ฉันขอโทษนะ เห็นเธอสลบไปแบบนั้นฉันรู้สึกแย่มาก”
 
  “ไม่ครับ...” ผมว่า “คุณไม่มีความสุขเหรอ”

  “มีความสุขอยู่แล้ว ทำไมถึงถามแบบนั้น”

  “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต้องขอโทษครับ แค่คุณมีความสุขผมก็โอเค”

  “ที่ฉันมีความสุขเพราะว่าเป็นเธอหรอกนะ ไม่ใช่เพราะเซ็กซ์”

  “งั้นเรางดมีเซ็กซ์สักเดือนดีไหมครับ” ผมว่า

  "เธอทนไม่ได้หรอก ฉันรู้"

  "ครับๆ ไม่มีใครรู้ดีเท่าคุณอยู่แล้วนี่" ผมว่าเอินหยอก "ธนู..." ผมเรียกเขาเสียงแผ่ว วางช้อนที่ถืออยู่ลง

  "ครับ?"

  "ถ้าคุณมีความสุข คุณก็ไม่ต้องขอโทษ เพราะผมก็มีความสุขไม่ต่างจากคุณ"

  ธนูยิ้มกว้าง มือหนาลูบพวงแก้มอย่างแผ่วเบา เขาน่ะทั้งอบอุ่น และใจดี ถึงแม้บางทีเขาจะเจ้าเล่ห์ และเอาแต่ใจตัวเองอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกทั้งหมดที่ผมได้รับมันหักล้างกันแล้ว ทุกอย่างมันลงตัว

  เขาทำอย่างที่เคยพูดเอาไว้ เขาทำให้ผมกลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุดได้จริงๆ...

 

 

  วันนี้ธนูไม่ได้ลงไปทำงาน เราเลยนอนกอดกันทั้งวัน ผมชอบเวลาที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองคน เขามักจะขี้อ้อนมากกว่าปกติ เดี๋ยวกอด เดี๋ยวหอมจนแก้มผมช้ำไปหมด

  ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก


  เสียงประตูดังขึ้นในขณะที่เรากำลังนั่งดูหนัง ธนูลุกขึ้นสาวเท้าออกไปยังหน้าประตู ผมหันไปมองตามหลังก่อนจะหันกลับมาสนใจหนังต่อ คงจะเป็นพี่ไม้ ไม่ก็พี่จอสนั่นแหละ อาจจะมีงานด่วน

  “พ่อ!” ธนูว่าเสียงดังจนผมต้องหันกลับไปมอง

  ชายดูมีอายุเดินเข้ามาภายในห้อง ผมเองก็ลุกขึ้นยืนอัตโนมัติ ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้

  “สวัสดีครับ” สายตาของเขาจ้องมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

  “นี่มันอะไรกันธนู!”

  “พ่อพูดเรื่องที่จะพูดเถอะ จะได้รีบกลับ” ธนูว่า

  พ่อ?

  ผมเบิกตาโพลงมองธนูสลับกับผู้ชายที่เดินเข้ามาใกล้ผมทุกที

  “นี่แกคบกับผู้ชายงั้นเหรอ!” พ่อของธนูตะคอกเสียงดังจนผมสะดุ้งโหยง

  “พ่อไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องส่วนตัวของผม” ธนูเดินเข้ามากุมมือผมเอาไว้จนแน่น ยิ่งทำให้พ่อของธนูโมโหเข้าไปใหญ่

  เพียะ!

  เสียงฝ่ามือของคนเป็นพ่อ ฟาดลงที่แก้มของธนูจนหน้าหัน ใบหน้าขาวขึ้นรอยมือเป็นสีแดงระเรื่อ

  “ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ งานที่แกทำ ห้องที่แกซุกหัวนอนอยู่ มันก็เป็นของฉันทั้งนั้น!!!”

  “...”

  “ฉันสั่งให้แกสองคนเลิกกันซะ!”

 

 

 

 

อีกสามตอนจะจบแล้วทุกคน //กระซิก TT^TT

 

#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

**กำลังทยอยแก้คำผิดนะฮ่าฟ

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 18-05-2021 23:41:10
คุณพ่อใจร้าย :hao5:
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -25- แขกไม่ได้รับเชิญคูณสอง
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 23-05-2021 19:14:19

-25-

แขกไม่ได้รับเชิญคูณสอง

 

  “ฉันสั่งให้แกสองคนเลิกกันซะ!”

  “พ่อไม่มีสิทธิ์สั่งให้ผมคบหรือเลิกกับใครทั้งนั้น”

  บรรยากาศภายในห้องปกคลุมไปด้วยเงามืด ผมที่ยืนอึ้งอยู่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนเหม่อ

  “ถ้าคนนอกรู้ว่าแกคบกับผู้ชายความน่าเชื่อก็ลดลง สังคมจะมองยังไง ลูกเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่คบกับผู้ชาย มันคุ้มแล้วเหรอห๊ะ!”

   “ผมไม่สนใครน่าไหนทั้งนั้น...”

  “หึ! ฉันจะอ้วก เธอเองก็คงหิวเงินลูกชายฉันล่ะสิ อยากได้เท่าไหร่บอกฉัน แล้วรีบออกไปจากชีวิตลูกฉันซะ”

  โอ้โฮ~ ชีวิตผมเหมือนหลุดมาจากละครหลังข่าว ไหนจะโดนพี่ชายแฟนจับไป พ่อผัวไม่ปลื้ม ใช้เงินฟาดหัว เงินนะซื้อผมได้ แต่ซื้อความรักจากผมไม่ได้หรอกนะ ฟังแล้วมันจี๊ด

  “ขอโทษนะครับ จะพันล้าน หรือหมื่นล้านผมก็ไม่สน ขอตัวนะครับ สวัสดีครับ” ว่าจบผมก็ยกมือไหว้ ถ้าหากว่านี้ไม่ใช่พ่อของธนูผมคงฟาดด้วยคำพูดแรงๆ 

  ผมคว้ามือธนูเดินออกมาพร้อมกัน ยังไม่ทันพ้นประตู เสียงของคนเป็นพ่อก็ดังขึ้นอีกครั้ง

  “ถ้าแกกล้าก้าวออกไปจากห้องนี้ ก็อย่ามาเหยียบที่นี่อีก” ธนูชะงักเท้า ก่อนจะมองผม ถ้าธนูจะเลือกพ่อก็ไม่ผิดหรอก ผมเข้าใจทุกอย่างดี

  “ขอโทษนะโซ่” ธนูว่าก่อนฉีกยิ้ม เขาทิ้งให้ผมยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าเขาเลือกแล้วผมก็แค่ยอมรับความจริง นั้นพ่อเขานะเว้ย ส่วนผมก็แค่แฟน เป็นแค่คนนอก

  “พ่อครับผมขอโทษ” ธนูว่าก่อนยกมือขึ้นไหว้ คนเป็นพ่อกระตุกยิ้มวูบหนึ่งก่อนจะหันมามองผม “ผมขอลาออก ทุกอย่างที่เป็นของพ่อ และบริษัทผมคืนให้ทั้งหมด” สิ้นสุดประโยค ธนูหมุนตัวเดินออกมา

  “ไอ้ธนู แกมันไม่ได้เรื่อง ทำไมแกถึงไม่ได้สักครึ่งหนึ่งของศร” คำพูดของคนเป็นพ่อเหมือนดังน้ำมัน ที่ลาดบนไฟที่กำลังจะมอดดับให้ลุกโชนขึ้นมา

  ธนูหันกลับไปมองคนเป็นพ่อนิ่ง มือทั้งสองกำหมัดแน่น “ครับ ต่อให้ผมทำดีแค่ไหน ผมก็ดีไม่เท่าศรอยู่แล้ว” น้ำตาเม็ดใสไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้

  เขาคว้ามือผม ก่อนจะเดินออกมาทั้งน้ำตา ความเงียบเข้าปกคลุม ผมไม่รู้เลยว่าธนูกำลังคิดอะไรอยู่ ในตาเขาดูหม่นลง คำพูดจากคนในครอบครัวมักมีอิทธิพลทางความรู้สึกมากกว่าสิ่งใดคือเรื่องจริง

 

  ผมพาธนูนั่งรถแท็กซี่กลับมายังบ้านของตัวเอง เพราะไม่กล้าถามว่าเขาจะไปไหน จะเอายังไงต่อ ธนูยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร นอกจากเดินตามเข้ามาในบ้าน

  “นี่ห้องนอนผม เตียงมันเล็กไปหน่อย เดี๋ยวคุณนอนข้างบนก็ได้ผมจะออกไปเอาที่นอนเสริม”

  “ไม่เป็นไร ฉันนอนพื้นเอง” ธนูว่า

  “ได้ไงละคุณเป็นแขกนะ”

  “ตามใจเธอแล้วกัน”

  ผมเดินออกไปนอกห้อง จัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนที่จะมืดไปกว่านี้

  “บ้านผมเล็กหน่อยนะครับ คุณอยู่ได้ใช่ไหม หรือว่าคุณอยากไปนอนที่โรงแรมบอกผมได้นะ” ผมนั่งชันเข่ากับพื้นมองคนที่นั่งอยู่

  เขานั่งนิ่งๆ แบบนี้มาจะยี่สิบนาทีได้แล้ว

  “โซ่...” เสียงเรียกสั่นเครือ ผมโผเข้ากอดธนูแน่น “ฉันแย่มากเลยใช่ไหม” เสียงสะอื้นดังในลำคอ ลาดไหล่สัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่ไหลลงมา

  “...”

  “ต้องดีขนาดไหน พ่อถึงจะเห็นฉันสายตา”

  “...”

  “อะไรศรก็ถูกหมด ไม่ว่ามันจะทำอะไรก็ดีไปซะทุกอย่าง ต่างจากฉัน...”

  “อันดับแรกคุณไม่ได้แย่หรอกครับ สิ่งที่คุณทำ สิ่งที่คุณเป็น ใครไม่เห็นแต่ผมเห็น ส่วนเรื่องคุณศร คุณคงยังไม่ได้คุยกันสินะครับ” ผมผละตัวออกจากกัน ก่อนจะเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา

  “โซ่... ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรแล้วเธอยังจะรักฉันอยู่ไหม”

  “ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่เรายังไม่ได้เจอกัน ผมยอมรับว่าผมแค่รักเงินคุณ”

  “แล้วตอนนี้ละ”
 
  “ก็ไม่รู้สิครับ คิดเอาเอง”

  “ขี้โกงชะมัด” ธนูว่า “ว่าแต่เรื่องศรที่เธอว่าคืออะไรยังไง ทำไมฉันไม่เห็นรู้”

  “ผมได้คุยกับเขาวันที่อยู่ที่เกาะนั่นแหละครับ ไม่มีอะไรหรอก” ธนูมองหน้าผมอย่างไม่เชื่อ “ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ”

  “โซ่” ธนูว่ากดเสียงต่ำ ทำเอาคนฟังเสียวสันหลังวาบ

  “เฮ้อคุณนี่จริงๆ เลย” ผมบ่นอุบอิบ “คุณเชื่อหรือเปล่าว่าทุกคนมีปมอยู่ภายในใจ เราต่างก็ต้องได้อย่างเสียอย่างกันทั้งนั้น คุณศรเองก็ไม่ต่างกันหรอกครับ”

  “...”

  “ผมจะไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ มันเป็นเรื่องของคุณสองคน”

  “...”

  “ผมว่าคุณลองคุยกับศรหน่อยก็ดี จริงๆ แล้วถ้าคุณสองคนลองคุยกัน อาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้”

  “ฉันขอคิดดูก่อนแล้วกัน”

  “คุณก็แบบนี้ตลอด ไปอาบน้ำเถอะครับ จะได้ออกไปกินข้าว” ผมว่าหยิบเช็ดตัวผื่นใหม่ออกจากตู้ส่งให้ธนู ก่อนจะเดินออกมาสั่งข้าว

  หลังจากที่ไม่ได้สั่งพี่แกร๊บมานาน วันนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดีสั่ง ไม่นานนักอาหารก็มาส่ง ผมจัดการเตรียมโต๊ะอาหารเอาไว้ ก่อนจะโทรไปถามกุญแจว่ากลับบ้านกี่โมง

  ผมเดินกลับเข้ามายังในห้องนอนเพื่อตามธนูออกไปด้านนอก สายตาผมก็ต้องสะดุดกับชุดที่เขาสวม มันฟิตมาก กางเกงขายาวก็ลอยขึ้นเหนือตาตุ่ม ภาพตรงหน้าทำคนมองอย่างผมหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

  “ถ้าเธอไม่หยุดหัวเราะฉันจับเธอกด ให้เดินไม่ไหวเลยดีไหม”

  “ครับๆ ก็มันตลกจริงๆ นี่”

  ติ้งน่อง~

  เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ผมเดินออกมาดูก็พบกับพี่ไม้ และพี่แมทยืนอยู่

  “พี่ไม้กับพี่แมทมาน่ะครับ”

  “ฉันโทรเรียกมาเองแหละ”

  เราทั้งคู่เดินออกไปหน้าบ้านพร้อมกัน ยังไม่ทันถามไถ่พี่ไม้ก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง

  “บอสแต่งตัวอะไรเนี่ย”

  “ตลกใช่ไหมพี่" ผมว่า

  “ถ้าเธอสองคนยังไม่หยุดหัวเราะได้โดนดีแน่” ธนูหันกลับมาดุเสียงเข้ม “เธอก่อนเลยโซ่”

  “ผมเกี่ยวอะไรอ่า~”

  “ของที่สั่งครับ” พี่ไม้ยื่นกระเป๋าส่งให้ธนูพร้อมกับกุญแจอะไรบางอย่าง

  “ขอบใจมาก”

  “บอสจะไม่กลับไปจริงเหรอครับ” พี่ไม้ว่า

  “เดี๋ยวค่อยว่ากัน พวกนายกลับกันได้แล้วมันจะดึก”

  “ครับบอส” พี่ไม้ก้มหัวลงเล็กน้อยก็จะเดินจากไป

  เมื่อรถตู้เคลื่อนตัวออกไปก็เผยให้เห็นมัสแตงสีแดงจอดอยู่ กุญแจที่พี่ไม้ให้คงเป็นกุญแจรถนั่นแหละ ธนูเดินกลับไปยังรถ ก่อนจะขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเพื่อให้เป็นกิจจะลักษณะ

  ส่วนกระเป๋าใบนั้นก็เต็มไปด้วยเสื้อผ้า ธนูเดินกลับเข้าไปเพื่อเปลี่ยนชุดใหม่ ไม่นานนักบุคคลที่สามก็โผล่มา

  กุญแจเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางซอมบี้เหมือนอย่างเคย

  “รถใครวะจอดหน้าบ้าน”

  “รถธนูว่าแต่มึงเถอะทำไมกลับบ้านค่ำขนาดนี้”

  “มึงไม่กลับบ้านกูยังไม่บ่นเลย”

  “...” ผมยืนนิ่งเพราะเถียงไม่ออก พักหลังแทบไม่กลับบ้านเพราะขลุกอยู่กับธนูทุกวัน

  กุญแจเดินกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นาน เราก็ออกมานั่งทานอาหารกันที่โต๊ะ บรรยากาศไม่ได้เงียบอย่างที่คิด เพราะธนูเข้ากับน้องผมได้ดีกว่าผมซะอีก

  “แล้วพี่จะมาอยู่กี่วัน” กุญแจว่า

  “ไม่รู้สิ”

  “อยู่กี่วันก็ได้ผมไม่ว่า ขอแค่อย่าทำอะไรกันเสียงดังก็พอ” 

  “เสียงดังอะไร กูนอนพื้น มึงก็พูดไปเรื่อย” ผมว่า

  “กูหมายถึงส่งเสียงในบ้าน มึงคิดเหี้ยอะไรเนี่ย”

  “ไม่ต้องห่วงนะแจ พวกพี่จะเก็บเสียงให้เงียบที่สุด” ธนูพูดประสมโรงอย่างหน้าชื่นตาบาน

  “ธนู!” ผมหันไปแหวสองคนทันที ผมไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ แค่เริ่มก็รู้สึกปวดหัวตุบๆ ยาพาราต้องเข้าสปอนเซอร์แล้วนะ

 

 

  หลังจากทานข้าวกันเสร็จ ธนูก็อาสาล้างจาน กุญแจเลยขอตัวเข้าห้องนอน เราสองคนช่วยกัน ก่อนจะเข้าห้องของตัวเองบ้าง

  “คุณผมปิดไฟเลยนะ” ผมถามธนูที่นอนอยู่บนเตียง

  “อืม”

  ในห้องมืดสนิท ผมเดินกลับมาโดยไม่สะดุดอะไร ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนเสริมที่เตรียมเอาไว้ หลับตาลงสักพักก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังเบียดเสียดอยู่ข้างหลัง

  เฮ้ย!

  “ธนู คุณลงมาเบียดผมทำไมเนี่ย”

  “ไม่รู้แหละฉันจะนอนกับเธอ”

  “ทำไมคุณดื้อจังวะ”

  “พูดวะเหรอ!”

  “โอ๊ยๆ เปล่าครับ เปล่าผมไม่ได้พูด” ผมร้องโอดครวญเมื่อถูกคมฟันที่ซอกคออย่างแรง

  “ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันนอนพื้น เธอก็ขึ้นไปนอนกับฉันข้างบนสิ” ผมเงียบคิดอยู่สักพัก ธนูเลยถามย้ำ “นะ ไปนอนด้วยกัน”

  “ก็ได้ แต่คุณห้ามทำอะไรแปลกๆ นะ” ผมว่าดักคอ

  “มีอะไรกันนี่ไม่แปลกนะ”

  “ธนู!”

  “ฉันหยอกเล่น หรือว่าเราจะทำกันข้างล่างก่อนดีจะได้ไม่เสียงดัง”

  “พอเลยครับ พักบ้าง ผมไม่ได้อึดขนาดนั้น” ว่าจบผมก็ลุกขึ้นไปนอนบนเตียง ก่อนธนูจะกระโดดตามขึ้นมา

  เรานอนกอดกันในความมืด ในพื้นที่สามจุดห้าฟุต ผมไม่รู้ว่าธนูจะอยู่แบบนี้ได้นานอีกเท่าไหร่ ที่ที่ผมอยู่มันไม่ได้สะดวกสบายอย่างที่เขาเคยอยู่

  แต่ในพื้นที่เล็กๆ นี้ผมสัมผัสได้ถึงคำว่าเรา...

   

 

  [ธนู]

 

  ผมมาอยู่ที่บ้านของโซ่มาเกือบอาทิตย์แล้ว ที่จริงผมสั่งให้จอสจัดการเรื่องคอนโดไว้แล้ว มันเป็นหนึ่งในโครงการของบริษัทพ่อผมนั่นแหละ ซึ่งจอสก็จัดการเรียบร้อย เหลือเพียงแค่เก็บกระเป๋าเข้าไป

  แต่การได้อยู่ในบ้านหลังเล็กๆ กลับทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและสบายใจมากกว่าที่เคย

  หลังจากที่ผมประกาศกร้าวลาออกจากบริษัท พ่อก็ให้ศรเข้ามาคุมงานควบ ผมไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ใครจะเอาอะไรก็เชิญตามสบาย 

  พักหลังที่ผมทำงานหนักขึ้นก็เพราะว่า ได้จัดเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง ยิ่งพอได้โซ่เข้ามาอยู่ในชีวิต ความคิดที่จะทำสิ่งต่างๆ ก็ชัดเจน ผมคิดไว้แล้วว่าสักวันผมจะต้องมีปัญหากับพ่อ และมันก็จริง 

  “คุณกินอะไรผมจะสั่งข้าว”

  “เธอสั่งมาเลย" ผมว่า

  ไม่นานอาหารที่สั่งก็มาส่งหน้าบ้าน เรานั่งทานอาหารด้วยกันทุกมื้อ มีมื้อเย็นที่จะมีกุญแจร่วมโต๊ะด้วย หากวันไหนกุญแจกลับดึกหน่อยโซ่ก็จะสั่งอาหารวางไว้บนโต๊ะ

  กิจวัตรประจำวันไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่เราจะสั่งอาหารจากข้างนอกมากิน กลางวันเราก็นอนดูหนังด้วยกันที่โซฟา ตกเย็นก็เข้านอน

  เข้านอนอย่างเดียวมาหลายวันแล้วด้วย ผมดันเป็นผู้ชายที่มีความต้องการมากพอสมควร การห่างหายจากเซ็กซ์เป็นเวลานานก็ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดและไม่สบายตัว

  “คุณ!”

  “ครับ?” ผมว่าหน้านิ่ง

  “มือ...เอาออกเลย” ผมขยับมือออกจากใต้เสื้อของโซ่อย่างเชื่องช้าก่อนจะทำหน้าเซ็งๆ นี่ผมใช่มือช่วยในห้องน้ำทุกวัน มันก็ไม่เหมือนที่ทำกับแฟนหรอกนะ

  ไม่รู้ล่ะวันนี้ผมต้องได้!

  “เธอ ฉันง่วงแล้ว”

  “อื้อออ ก็เข้าไปนอนสิครับ ผมดูหนังอีกแป๊บ”

  “ไม่มีเธอฉันนอนไม่หลับนี่” ผมว่าพลางกอดแขนโซ่อย่างออดอ้อน ก่อนจะขโมบหอมแก้มอีกหลายฟอด

  “ทำอะไรเนี่ยคุณ เดี๋ยวแจออกมาเห็น”

  “แค่นี้เอง ไม่เป็นอะไรหรอก”

  “เฮ้อ!” โซ่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สุดท้ายก็ยอมปิดทีวีแล้วเดินเข้ามาในห้อง

  โซ่ทำอย่างนี้ทุกวัน เขาจะให้ผมเดินไปรออยู่ที่เตียง ส่วนเขาจะยืนรอปิดไฟอยู่ข้างประตู เมื่อผมล้มตัวลงนอนเรียบร้อยเขาถึงจะเดินกลับเข้ามานอนข้าง

  ภายในเตียงนอนเล็กๆ เรานอนเบียดจนแทบเป็นคนคนเดียวกัน

  “คุณจะทำอะไร!” โซ่ว่าเมื่อผมเริ่มลุกโดยการสอดมือเข้าไปใต้เสื้อลูบไล้ขึ้นมา ก่อนจะสะกิดเบาๆ จนตุ่มไตจนขึ้นแข็งขึง

  “เราไม่ได้มีอะไรกันนานแล้วนะ โซ่...”

  “ไม่ได้ครับ เกิดแจได้ยินจะทำไง ผมก็อายนะคุณ” ผมไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ รีบกดริมฝีปากลงที่ซอกคอขาว ขบเม้นอย่างเชื่องช้า ปล่อยลมหายใจอุ่นๆ กระทบผิวเนื้อ

  “เธอก็อย่าเสียงดังสิ” พูดจบผมก็ใช้ลิ้นโลมเลียติ่งหูก่อนจะพ่นลมร้อนออกทางจมูกให้ตกกระทบกับใบหูอย่างแผ่วเบา "เธอไม่อยากบ้างหรือไง หรือเบื่อฉันแล้วเหรอ"

  "ก็อยากครับ แต่มันไม่ได้ไง แจอยู่ห้องข้างๆ"

  "งั้นเราทำกันเงียบๆ ก็ได้นี่" 

  “คุณ...อึก! หยุดก่อนครับ” กางเกงขาสั้นตัวบางถูกรั้งลงต่ำจะเห็นสะโพกขาวกลม

  “ที่ห้องเธอมีเจลหล่อลื่นไหม”

  “มีครับอยู่ในลิ้นชักบนหัวนอน แต่ผมว่าเราไว้ทำกันวันอื่นไหม”

  “ทำไมละ” ผมว่า

  “เดี๋ยวผ้าปูเปื้อน ผืนสำรองผมยังไม่ได้ซักเลย” สิ้นสุดประโยค ไฟดวงเล็กบนหัวนอนก็สว่างขึ้น

  ลิ้นชักถูกเปิดออก ในนั้นมีเจลหล่อลื่น และถุงยางอนามัยอีกหนึ่งกล่อง ผมหยิบถุงยางออกมา มันไม่ใช่ของผมแต่เป็นของโซ่

  ผมแกะถุงยางออกแล้วสวมให้โซ่ใส่เอาไว้ แล้วจึงหยิบถุงยางที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาสวมให้ตัวเอง

  “คุณใส่ให้ผมทำไม”

  “จะได้ไม่เละไง”

  “คุณจะร้ายเกินไปแล้วนะ”

  “ร้ายแค่ไหนก็ผัวเธอนั่นแหละ” เจลสีใส่ถูกชโลมที่ช่องทางหลังจนชุ่ม “กัดเอาไว้ เธอจะได้ไม่ต้องเสียงดัง” ผมดึงชายเสื้อของโซ่ขึ้นให้เขากัดเอาไว้

  ดวงไฟดวงเล็กส่องสว่างไม่มากนัก แต่ก็พอทำให้ผมเห็นร่างบางที่นอนอยู่ แก่นกายถูกจับจ่อที่ช่องทางอ่อนนุ่ม ค่อยๆ ดันเข้าไปช้าๆ จนสุดความยาว แล้วเริ่มขยับออกจนเกือบสุด แล้วดันเข้าอย่างเชื่องช้าเพื่อไล่อากาศข้างใน

  ใบหน้าขาวขมวดคิ้วแน่น ปากก็ยังคงคาบชายเสื้อเอาไว้

  ฝ่ามือของเราประสานกันอย่างอบอุ่น ยอดอกสีหวานกำลังหลอกล่อให้ผมก้มลงไปดูดเม้ม “อื้อออ” เสียงครางแผ่วเบาหลุดออกมาจากลำคอ โซ่คงกลัวว่าเสียงจะดังลอดออกไป จึงรีบยกมือขึ้นปิดปาก

  เหงื่อเม็ดโตผุดซึมออกมาตามกรอบหน้า แรงโหมโรมรันทำให้คนใต้ร่างโยกขึ้นลงตามแรง ฝ่ามือปัดป่ายไปทั่วแผ่นหลัง ทั้งจิก ทั้งข่วนเพื่อระบายอารมณ์

  “อา...อ๊ะ!” โซ่พยายามกลั้นเสียง มองแล้วคงจะอึดอัดหน้าดูที่ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ตามอำเภอใจ

  แต่ผมก็หยุดไม่ได้ เพราะภาพตรงหน้ามันปลุกเร้าอารมณ์ให้พลุ่งพล่าน

  ขยับเอวสอดลึกเข้าไปเพียงไม่กี่ครั้งความเบาวูบแล่นปะทะร่างกาย ของเหลวสีขาวขุ่นที่อยู่ปลายถุงยางบอกได้ชัดว่าโซ่ถึงฝั่งแล้ว

  ผมจงใจไม่ขยับตัวออก แล้วแนบกายเราให้ชิดกันยิ่งกว่าเดิม

  “รอบเดียวพอแล้ว” เสียงหอบหายใจ สั่งด้วยเสียงสั่นเครือ

  “เสียดายจัง งั้นนอนแบบนี้เลยได้ไหม”

  “คุณจะบ้าหรือไง เอาออกไปได้แล้ว” ผมค่อยๆ ถอนแกนกายออกจนเกือบสุด แล้วสวนกลับเข้าไปโดยที่โซ่ไม่ทันตั้งตัว

  “อ๊ะ! ธนู...” ร่างบางบิดเร้ากับที่นอน ยิ่งเห็นใบหน้าที่กำลังบิดเบ้ด้วยแรงอารมณ์ ผมก็ยิ่งอยากแกล้งเขาซ้ำๆ เวลาที่ผ่านมาโซ่เองก็คงมีความต้องการไม่ต่างกันกับผมมากไม่ต่างกัน

  เราต่อรอบสองกันที่เตียง ก่อนจะเข้าไปต่อรอบสามในห้องน้ำ แล้วกลับมานอนกอดกันบนเตียงเล็กๆ แลกเปลี่ยนไออุ่นให้กันและกัน

  ผมมีความสุขมากกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าเพราะโซ่...

 

  ทุกวันโซ่จะตื่นขึ้นมาก่อน เพื่อสั่งอาหารเช้ารอผม แล้วจึงเข้ามาปลุกให้ออกไปทานข้าว วันนี้ก็เช่นกัน

  “คุณผมวันนี้ผมไม่ได้สั่งกาแฟไว้นะ”

  “ทำไมล่ะ อากาศดีแบบนี้ต้องดื่มกาแฟสิ”

  “คุณไม่ได้ทำงานแล้ว จะดื่มทำไมทุกวัน มันไม่ดีต่อสุขภาพ”

  “ครับๆ แฟนใครครับเนี่ย”

  “ไม่รู้สิครับ” ผมคว้าตัวโซ่เอาไว้จากด้านหลัง ดึงให้เขานั่งลงกับเตียง

  “ฉันมีความสุขจัง”

  “ผมก็มีความสุขครับ”

  ฟอด~

  ผมขโมยหมอแก้มฟอดใหญ่อย่างชื่นใจ

  ติ้งน่อง~

  โซ่มองออกไปยังหน้าประตู ก่อนจะแกะมือผมให้หลุดออกจากตัว

  “คุณไปล้างหน้าก่อน อาหารคงมาส่ง เดี๋ยวผมออกไปจัดโต๊ะรอ” ว่าจบโซ่ก็เดินออกไป

  ผมหย่อนปลายเท้าลงจากเตียง ก่อนจะจัดการธุระทุกอย่าง แล้วเดินออกไปข้างนอกห้อง ภายในบ้านเงียบสนิท ราวกับว่าไม่มีใครอยู่

  “โซ่...” ผมตะโกนเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ

  ผมตัดสินใจเดินออกไปหน้าบ้าน แต่ก็ว่างเปล่า มีเพียงกระดาษหนึ่งแผ่นที่เหน็บเอาไว้ที่ประตู ความรู้สึกบอกผมว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

  กระดาษสีขาวถูกคลี่ออกอ่าน ใจความในนั้นบอกเพียงว่า ให้ผมเอาโฉนดที่ดินที่เพิ่งประมูลได้ไปแลกกับตัวโซ่ และแนบที่อยู่ที่ไว้ มันต้องการภายในเย็นวันนี้ ซึ่งผมมีเวลาคิดแผนไม่มาก ในกระดาษไม่ได้บอกเอาไว้ว่ามันเป็นใคร

  หากว่าครั้งนี้เป็นฝีมือศรอีก ผมว่าเราก็คงญาติดีกันไม่ได้อีกต่อไป

  ผมวิ่งกลับเข้ามาในบ้าน กดโทรออกหาใครบางคน

  “จอส เตรียมคนให้ฉัน ฉันมีเรื่องให้ช่วย... อืมขอบใจ เดี๋ยวฉันโทรกลับ”

 

  หลังจากวางสาย ผมก็เปิดแอปฯ ที่เคยติดตั้งไว้ในมือถือ เพื่อเช็กดูว่าโซ่อยู่ที่ไหน โชคดีที่โซ่ไม่เคยถอดสร้อยที่ผมซื้อให้ จีพีเอสยังคงทำงานได้ดี มันระบุที่ตั้งเอาไว้ตรงตามที่ในกระดาษบอก ผมรีบจัดการแต่งตัว แล้วคว้ากุญแจรถออกไปยังบริษัท เพื่อกลับไปเอาโฉนดที่ดินที่เก็บเอาไว้

 

  ไม่นานนักผมก็มาถึงบริษัท ภาพตรงหน้าทำเอาหัวใจผมหล่นวูบ เมื่อเห็นว่าศรกำลังนั่งทำงาน ในใจเริ่มนึกคิดว่าคนที่ส่งจดหมายคือใคร

  “ศรมึงเอาโซ่ไปไว้ที่ไหน” ผมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

  “อะไร ฉันไม่รู้เรื่อง” ศรว่า ผมรู้ว่ามันไม่ได้โกหก “เกิดอะไรขึ้น”

  “ผมไม่มีเวลาอธิบาย” พูดจบผมก็ไขกุญแจตู้เซฟที่อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน หยิบเอาของที่ต้องการ ก่อนจะสั่งให้จอสเดินตามออกมา

  ศรเองก็เดินตามออกมาด้วยเช่นกัน ผมไม่มีเวลามากพอที่จะอธิบายอะไร ศรเองก็ไม่ถามเซ้าซี้ตามผมมาอย่างเงียบๆ

  ผมเริ่มว่างแผนกับจอสอย่างแนบเนียน แล้วรีบออกเดินทางไปยังจุดนัดหมาย จีพีเอสก็พาเรามาถึงโกดังร้างนอกชานเมือง ผมสั่งกระจายคนพร้อมอาวุธ

  “ศรมึงไม่ต้องเข้าไป อยู่กับจอสตรงนี้ มันบอกให้กูไปคนเดียว”

  “ระวังตัวด้วย พี่เป็นห่วง” ผมมองหน้าศรนิ่งเมื่อได้ยินประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน แต่เราไม่มีเวลามากพอที่จะทำซึ้งในตอนนี้

  ผมเดินเข้าไปอย่างระวัง ภายในโกดังมีบอดี้การ์ดอยู่จำนวนหนึ่ง มันไม่ได้เยอะอย่างที่คิด เดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็พบกับผู้ชายที่กำลังยืนหันหลังพ่นควันบุหรี่อย่างสบายใจ

  “นายครับ คุณธนูมาแล้ว” บุหรี่ถูกคว้างทิ้งลงพื้นก่อนจะใช้ปลายเท้าขยี้จนไฟสีส้มมอดดับไป

  ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างเมื่อคนที่กำลังหันมาไม่ใช่ใคร มันคือท๊อปลูกชายของคุณเกสรที่เจอกันในวันงานประมูลที่ดินครั้งก่อน

  “หึ! มาไวนี่ครับคุณธนู”

 

 

 

 

 

#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

**กำลังทยอยแก้คำผิดนะฮ่าฟ
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -26- แล้วทุกอย่างก็ผ่านไป
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 23-05-2021 19:22:23


-26-

แล้วทุกอย่างก็ผ่านไป


สวัสดีครับ ผมชื่อสายโซ่ หรืออีกชื่อหนึ่งในวงการคือ เจ้าหญิงแห่งวงการลักพาตัว ออกจากเกาะยังไม่ทันครบเดือน ผมก็ถูกจับมัดกับเก้าอี้ในโกดังร้าง โดยมีพวกบอดี้การ์ดยืนคุมอีกเป็นสิบ

ให้ตายเถอะ ชีวิตผมมีสีสันตั้งแต่ได้รู้จักกับธนู

“นายบอกให้เอาตัวมันออกไป” บอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินเข้ามาบอก พวกที่เหลือจึงจัดการแก้มัด พร้อมกับเอาปลายกระบอกปืนจี้ที่เอวผมเอาไว้

โลกนี้คือละคร อะไรที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้เจอก็เจอ มันมาถึงจุดนี้ได้ไงวะ คิดแล้วหัวตาก็ร้อนผ่าว แม่ย้อยกูร้องไห้ ฮืออออ หนูกลัว...

ผมเดินตามที่พวกมันสั่งทั้งน้ำตา อย่างว่าง่าย ไม่ง่ายก็กลัวปืนลั่น ระยะทางไม่ไกลผมก็มาถึงจุดที่พวกมันสั่ง สายตาเห็นใครบางคนที่คุ้นเคยกำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น ใบหน้าบวมช้ำ มุมปากมีเลือดออก

“ธนู!” ผมพยายามวิ่งเข้าไปหาธนู แต่ก็ถูกบอดี้การ์ดคุมตัวไว้ น้ำตาที่เหมือนจะแห้งเหือดไปพลันไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“ได้ของที่ต้องการแล้วก็ปล่อยตัวโซ่ซะ!” ธนูว่าก่อนจะถ่มน้ำลายผสมเลือดลงพื้น

“รักกันมากเลยสินะ” ใครอีกคนว่า ผมไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน “ปล่อยตัวมัน” สิ้นคำสั่งผมก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ

ผมพุ่งตัวเข้าหาธนูทันที “คุณเจ็บไหม ฮึก...”

“ฉันไม่เป็นไร อย่างร้องแบบนี้ฉันใจไม่ดี” ธนูว่าพลางเอามือเกลี่ยน้ำตาที่ไหลออกมา “วิ่งออกไปห้ามหันกลับมา”

“ไม่ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น”

“วิ่งออกไป” ธนูจ้องตาผมนิ่ง “ฉันไม่เป็นอะไร ฉันสัญญา”

“คุณสัญญาแล้วนะ” เขาพยักหน้ารับ

ผมลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่หันกลับตามที่ธนูบอก ได้ยินเพียงเสียงของธนูกำลังพูดอะไรบางอย่าง หูทั้งสองผมอื้ออึ้ง ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้

แต่แล้วภาพที่ผมเห็นเมื่อออกมาจากโกดังก็ทำให้ผมเนื้อเต้น “คุณศร...” ผมโผเข้ากอดศร น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด “ช่วยด้วยครับ ช่วยธนูด้วย”

“ไม่ต้องห่วง ฉันเรียกคนของฉันมาเพิ่มแล้ว เธอรออยู่ตรงนี้ก่อน” ศรว่าก่อนจะเดินหายเข้าไป พี่จอสกับพี่ไม้ก็อยู่ด้วย ผมก็เริ่มใจชื้น

ปัง!

ผมได้ยินเสียงคล้ายปืนดังขึ้น พี่จอสรีบตามเข้าไปสมทบทันที เหลือเพียงผมที่นั่งรออยู่ในรถ ผมเริ่มนั่งไม่นิ่งเมื่อได้ยินเสียงปืนนัดที่สอง ผมตัดสินใจลงจากรถทันที

รีบวิ่งเข้ามาข้างในโกดังตามทางที่เดินออกมา แต่ทว่ารองเท้าหูคีบที่ผมใส่มาด้วยดันไปเตะเข้ากับท่อนเหล็กจนล้ม หัวผมกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง มันเจ็บมากจนผมทนไม่ไหว

“ศร!”

ปัง!

แต่แล้วเสียงจากข้างในก็ทำให้ความเจ็บจางลง เมื่อผมได้ยินเสียงของธนูตามมาด้วยเสียงปืนอีกนัด

ผมลุกขึ้นวิ่งเข้าไปข้างในอย่างเร็วรี่ สถานการณ์ตอนนี้ทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้น ธนูถูกยิงที่แขนซ้าย เลือดไหลซึมออกมาผ่านเสื้อสีขาว

“ธนู...” ผมวิ่งเข้าไปกอดธนูเอาไว้ ภาพทุกอย่างที่ผมเห็นดูชุลมุนไปหมด พี่จอสที่กำลังวิ่งเข้ามา พี่แมทกำลังจับคนที่ผมไม่รู้จักกดลงกับพื้น “ฮือ... คุณเจ็บไหม คุณโดนยิง ไหนคุณบอกวว่าจะไม่เป็นไรไง คุณหลอกผม ฮือ... คุณ...” คำพูดมากมายพรั่งพรูออกมาตามความคิด

“ฉันโดนแค่ถากๆ ไม่เจ็บ”

“ไม่จริงเลือดคุณออก”

“จริงๆ ฉันไม่เจ็บเลย” บรรยากาศในโกดังร้อนมาก ร้อนจนเหงื่อออกท่วมตัว เหงื่อที่หัวก็ไหลย้อยหยดลงมาใส่เสื้อของธนู

เฮ้ย! เหงื่อสีแดง!!!

เลือด!!!

“ใครทำอะไรเธอ!” ธนูว่าทำหน้าตื่น ดันไหล่ทั้งออกเพื่อมองหน้าเอาคำตอบ

“แฮะๆ ผมล้ม” ผมว่าอย่างอายๆ แม่งเอ๊ยยิงกันดังสนั่น ผมดันล้มหัวฟาดอะไรก็ไม่รู้จนหัวแตก น่าอายฉิบหาย

“ทำไมแฟนฉันถึงได้โก๊ะขนาดนี้นะ” ธนูว่า หัวเราะออกมาเสียงดัง



หลังจากเคลียร์ทุกอย่างเสร็จ ศรก็เป็นคนพาผมกับธนูมายังโรงพยาบาล ธนูไม่เป็นอะไรมา ส่วนผมโดนไปเจ็ดเข็ม แผลแห่งความอัปยศ โดนยิงอาจจะเท่กว่าก็ได้นะผมว่า

“พี่ขอบใจมากนะ” ศรว่า

“ไม่เป็นไร” ธนูตอบเสียงเรียบ

“ผมออกไปหาอะไรกินกับพี่ไม้ก่อนนะครับ” ผมขอตัวออกมาเพื่อให้พี่น้องได้อยู่ตามลำพัง พี่ไม้เล่าว่า ธนูช่วยบังกระสุนแทนศร แฟนผมโคตรเท่เลยอะ

ส่วนสาเหตุที่ท๊อปทำแบบนี้ก็เพราะพ่อของเขาไม่พอใจที่ท๊อปเอาแต่เที่ยวเล่นไม่สนใจงาน อีกทั้งยังได้ที่ดินผื่นนั้นมาก แต่ก็ถูกธนูตัดหน้า ท๊อปต้องการเอาที่ผื่นนั้นไปให้พ่อ แต่ด้วยความคิดน้อยไปหน่อย จึงทำอะไรสิ้นคิด

พ่อของท๊อปเข้ามาคุยกับธนูแล้ว จ่ายค่าเสียหายอีกหลายหลักเพื่อรักษาความสัมพันธ์เรื่องธุรกิจที่ยังจับมือกันอยู่

“เป็นไงบ้าง” พี่ไม้ว่า

“ไม่เป็นไงอะ”

“ไปทำอีท่าไหนถึงได้หัวแตก คุณศรก็บอกให้อยู่ในรถไม่ใช่เหรอ”

“ก็ผมได้ยินเสียงปืน ผมเป็นห่วงธนู” พี่ไม้พ่นลมออกทางปากเบาๆ

“แล้วพี่เป็นไงบ้างไม่ได้เจอกันตั้งนาน”

“ก็ดี คุณศรเข้ามาดูบริษัทแทนบอส”

“คิดว่าจะบอกคิดถึงผมซะอีก”

“คิดถึงหมูกระทะมากกว่า” ให้ตายเถอะไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไม่มีคิดถึงกันบ้างเลย

“งั้นธนูออกจากโรง'บาล ไปกินที่บ้านผมกัน”

“บอสยัง...”

“ครับ?”

“เปล่าๆ”

เรานั่งคุยกันอยู่สักพักใหญ่ ก็ตัดสินใจเดินกลับขึ้นไป คิดว่าคงนานพอที่จะทำให้ศรกับธนูคุยกันเรียบร้อยแล้ว ประตูห้องถูกเปิดเข้าไป ภายในห้องคนแน่นขนัดตา คนหรือผีวะเยอะจัง สายตาเหลือบไปเห็นชายมีอายุที่ยืนอยู่ข้างเตียง เขาคือพ่อของธนู

“สวัสดีครับท่านประธาน” พี่ไม้ว่า โค้งตัวลงเล็กน้อย พ่อธนูก็พยักหน้ารับ

“พวกเธอออกไปกันก่อน ฉันมีเรื่องจะคุย” สิ้นสุดประโยคคำสั่ง ทุกคนก็เดินออกไปจากห้องรวมถึงผมด้วย

“เธอคนนั้น...” ผมหยุดชะงัก มองดูว่าหมายถึงใคร “เธอนั่นแหละเข้ามานี่ก่อน” ผมมองซ้ายมองขวา พี่ไม้พยักหน้าให้ผมเดินกลับเข้าไป

ในห้องเหลือเพียงแค่ผม ศร ธนู และพ่อของสองคน

“ธนู... ฉันอนุญาตให้แกคบกับเด็กนี่ก็ได้” ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างอึ้งๆ “แล้วก็กลับมาทำงานเหมือนเดิมเถอะ” นี่พ่อเขาไปกินอะไรมาผิดสำแดงปะวะ วันก่อนยังแยกเขี้ยวใส่อยู่แท้ๆ

“ขอบคุณครับ แต่เรื่องบริษัทผมคงรับไว้ไม่ได้” ธนูว่า

“ถ้าอยากขอบคุณ ขอบคุณศรเถอะ ส่วนเรื่องบริษัทก็ตามใจแก ได้ข่าวว่าแกเตรียมไว้แล้วนี่” เตรียม'ไรวะ ทำไมผมดูไม่รู้เรื่องอะไรอยู่คนเดียว

“ครับ”

“ส่วนเธอ” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อพ่อธนูหันหน้ามาทางผม “ถ้าเธอทำลูกชายฉันเสียใจ เธอได้ไปนอนดูปะการังที่เกาะส่วนตัวฉันแน่!” เป็นคนขู่ที่คุ้นหู นี้สินะที่เขาบอกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

“ครับคุณลุง”

“ลุง เลิง อะไรกัน เรียกพ่อสิ” ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อฝ่ามือของเขาแตะที่ไหล่ นึกว่าจะง้างมือตบซะอีก

“ค...ครับคุณพ่อ”

“จะบ้าตาย ถ้าลูกชายฉันกล้าเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงขนาดนั้น เธอคงไม่ใช่คนธรรมดาสินะ” ผมฉีกยิ้มกว้าง อยากจะบอกว่าผมนี่โคตรธรรมดาเลยครับ ไม่อยากให้รู้เลยว่าผมมาเจอกับธนูได้ยังไง ไม่งั้นผมอาจได้ไปนอนดูปะการังวันนี้เลย

“ฉันกลับล่ะอยู่โรงพยาบาลนานๆ รู้สึกไม่ดี” ชายมีอายุบอก ก่อนจะหันไปมองศร “ศรอย่าลืมที่ตกลงกันไว้ด้วยล่ะ”

“ครับพ่อ”

ผมมองพ่อของทั้งสองเดินออกไปจนลับสายตา ผมยัง งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ มันจบง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน เมื่อหลายวันก่อน เขายังสั่งให้ผมเลิกกับธนูอยู่เลย มาวันนี้ให้คบกันไม่พอ ยังให้ผมเรียกพ่ออีก ขนลุกล่าวว...

“พี่คุยอะไรกับพ่อ ทำไมพ่อถึง...” เออนั้นสิผมเองก็สงสัย รีบเสนอหน้าตั้งใจฟัง

“ไม่มีอะไร นายก็พักเถอะจะได้หายไวๆ”

“นั้นสิ คุณนอนพักก่อน” ผมพูดประสมโรงกับศรทันที

“ฉันอยากกลับบ้าน” ธนูว่า คว้ามือผมขึ้นมาถูแก้มตัวเองอย่างออดอ้อน

“เกรงใจคนโสดหน่อยก็ดี” ศรว่า

“พี่ก็รีบหาแฟนสิครับ”

“พูดมากรีบนอนเถอะ เดี๋ยวโซ่ฉันดูแลให้เอง”

“ศร!” ธนูจ้องเขม็ง สายตาเขาพร้อมจะฟาดพี่ชายตัวเอง

“ฉันล้อเล่นหนา”

ผมจัดการห่มผ้าให้ธนูเพื่อให้เขาได้พัก นั่งรอจนธนูหลับ จึงชวนศรออกมาด้านนอก

“โซ่เธอกินอะไรหรือยัง”

“กินขนมกับพี่ไม้แล้ว”

“ดีเลย งั้นไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันที”

อ้าว... ถามแบบนี้ไม่ต้องถามก็ได้มั้ง

อะไรของเขาวะ ผมเดินตามศรไปยังร้านอาหารภายในโรงพยาบาล สั่งอาหารมาสามสี่อย่าง แล้วนั่งกินราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ทุกอย่างดูปกติไปหมด

“ทำไมพ่อคุณถึงยอมให้ธนูคบกับผมง่ายจัง” ผมถามลองเชิง มันง่ายจริงๆ น่ะเหรอ ผมว่าศรต้องรู้อะไรมาบ้างแหละ

“พ่ออาจจะรู้ก็ได้ว่าธนูรักเธอจริงๆ”

“เหรอครับ แล้วพ่อคุณบอกว่าอย่าลืมที่สัญญานี่คืออะไร” ผมไล่ต้อนศรต่อ

“เรื่องงาน ไม่มีอะไร”

“แล้วที่พ่อบอกให้ธนูขอบคุณ คุณศรล่ะ”

“เธอจะเอาคำตอบให้ได้เลยใช่ไหม” ศรว่า

“คุณบอกมาตั้งแต่แรกก็จบแล้ว”

“เธอนี่นะ” ศรส่ายหัวไปมา “พอรู้ว่าธนูลาออก ฉันก็แค่เข้าไปคุยกับพ่อไม่มีอะไรหรอก”

“ผมไม่เชื่อว่ามีแค่นั้น”

“เธอจะแสนรู้เกินไปแล้วนะ”

“แสนรู้นั่นมันหมาครับ คุณไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเล่ามา” ผมว่าตั้งหน้าตั้งตาเสือกต่อ

“พ่อเคยอยากให้ฉันรับช่วงต่อธุรกิจทั้งหมด แต่ตอนนั้นฉันยังไม่พร้อม เลยลองเอาเรื่องนี้ต่อรองกับพ่อดู”

“แล้วคุณอยากทำหรือเปล่า” ศรวางช้อนลงก่อนจะยกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม

“ช่างมันเถอะ คิดซะว่าฉันได้ไถ่โทษเรื่องเธอก็พอ”

“แล้วเรื่องคุณกับธนู...”

“มันอาจจะไม่เหมือนเดิม แต่ธนูก็เปิดใจกับฉันกว่าเมื่อก่อน คงต้องใช้เวลา”

“แล้วธนูรู้เรื่องนี้หรือยังครับ”

“ยัง เธอก็ไม่ต้องไปบอกล่ะ”

“ครับท่านประธาน” ผมว่าเอินหยอก

“ประธานบ้าอะไรยังไม่ใช่ตอนนี้”

“เดี๋ยวก็เป็นแล้วนี่ครับ”

เรานั่งทานข้าวกันต่อหลังจากบทสนทนาจบลง การที่ศรยอมทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ต้องการเพื่อธนูขนาดนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่าเขารู้สึกผิดในสิ่งที่เคยทำไว้ มันอาจจะลบภาพจำเหล่านั้นออกไปไม่ได้ แต่มันก็คือสิ่งที่เขาเลือกแล้ว

หลังจากนี้ไป ผมเองก็หวังว่าทุกอย่างจะจบลงจริงๆ...





[เดี่ยวศร]



หลังจากวันที่ผมได้รู้ว่าธนูลาออกจากบริษัทผมก็เข้าไปคุยกับพ่อ แต่ดูเหมือนว่าพ่อจะไม่ยินดีกับสิ่งที่ธนูเลือก ธนูไม่ได้เหมือนผม เขามีอิสระ เขากล้าที่จะตัดสินใจ ต่างจากผมที่นอกจากจะไม่กล้าแล้วยังได้แต่ทำตามที่พ่อสั่ง

ผมยอมพ่อทุกอย่างเพื่อแลกกับอิสระของธนู ผมเชื่อว่าถ้าผมไม่ยอมรับตำแหน่ง ไม่ว่าธนูจะทำอะไร พ่อต้องคอยขัดขวางแน่ ยิ่งพักหลังคิมส่งข่าวว่าธนูกำลังจะทำบริษัทใหม่แล้วด้วย ขืนพ่อยังเป็นประธานอยู่ บริษัทใหม่ของธนูคงโดนถล่มยับ

คุณอาจจะมองก็ดีนี่เป็นถึงประธานบริษัท แต่สำหรับผมมันคือความรับผิดชอบที่หนักพอตัว ผมต้องแบกความหวังคนทั้งบริษัท ผมไม่มั่นใจตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่เพื่อไถ่บาปให้กับความผิดที่ผมทำเอาไว้กับธนู ผมยอม

Rrrr…

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่ผมกำลังนั่งทานข้าว มันไม่ใช่ของผมหรอก แต่เป็นของโซ่

“ว่า...พี่ไม่เป็นไรแค่หัวแตก...ห๊ะ!! ...เออๆ เดี๋ยวออกไป” ว่าจบโซ่ก็กดวางแล้วหันมาคุยกับผม

“คุณศรเดี๋ยวผมมานะ น้องชายผมมาหา พอดีผมบอกมันว่าอยู่โรงพยาบาล”

“เราคิดเงินเลยก็ได้ ฉันอิ่มแล้ว”

“อิ่มบ้าอะไรข้าวเต็มจาน เดี๋ยวผมมาแป๊บเดียว”

“อืม” ผมรับคำก่อนจะมองดูโซ่เดินออกไปจากร้าน

ผมนั่งทานข้าวอยู่คนเดียวพักใหญ่ เลยตัดสินใจเรียกพนักงานคิดเงินเพราะโซ่ออกไปเกือบครึ่งชั่วโมง เขาคงอยู่บนห้องกับธนูแล้วนั่นแหละ

ยืนรอลิฟต์อยู่ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ผมรอให้คนออกมาจนหมดแล้วจึงค่อยเดินเข้าไป

ติ้ง~

เสียงลิฟต์ตัวข้างๆ เปิดออกกว้าง ผมไม่ได้สนใจอะไรเดินเข้าไปในลิฟต์ จังหวะที่ประตูกำลังจะปิดลง แวบหนึ่งผมเห็นโซ่เดินอยู่กับใครบางคน ตัวเล็กกว่าโซ่ ผมสีน้ำตาลอ่อน แต่ก็เห็นแค่แผ่นหลัง

ผมเดินกลับเข้ามาในห้องเห็นธนูกำลังนอนดูทีวีอย่างสบายใจ

“โซ่ละ” ผมว่า

“ถามหาเมียกูทำไม”

“ก็เห็นหายไป นี้ก็หวงจัง”

“ลงไปส่งกุญแจ”

“กุญแจ?”

“น้องเขา มึงถามไรเยอะแยะเนี่ยจะดูหนัง”

“คนตัวเล็กๆ ปะ”

“มึงถามทำไม อย่าแม้แต่จะคิดนะมึง”

“หวงน้องชายแทนเมียด้วย ทั้งผัวทั้งเมียเลยนะ”

“ก็มึงเหี้ย”

“เออรู้แล้วหนา เห็นเดินอยู่ข้างล่าง คิดว่าเดินกับกิ๊ก”

“กิ๊กหน้ามึงสิ เงียบเลยกูดูหนังไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย” ธนูว่า ขมวดคิ้วแน่น ตั้งใจดูหนังมากกว่าตั้งใจจะตอบผมซะอีก

ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับธนูจะดีขึ้นเรื่อยๆ หรือเปล่า แต่ผมก็หวังว่ามันจะดีกว่าเมื่อก่อน ความผิดที่ผมทำกับน้องชายที่ผ่านมามันมากพอที่จะทำให้ชาตินี้เราจะไม่กลับมาคุยกันอีก

แต่โซ่ก็เข้ามาทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น...

“น้องกลับแล้วเหรอ” ธนูว่าเมื่อเห็นโซ่เดินเข้ามา

“ครับ คุณดูอะไรอยู่”

“ขึ้นมานอนด้วยกันสิ”

“จะบ้าเหรอเตียงคนป่วย”

“ก็ลองพิสูจน์ดูไงว่าเตียงโรงพยาบาลแข็งแรงหรือเปล่า”

“ตลกเหรอครับ เดี๋ยวผมก็บอกให้หมอฉีดยาให้คุณตายซะนี่”

ผมมองสองคนคุยกันราวกับว่าทั้งโลกมีเพียงพวกเขาสองคน ภาพตรงหน้าตอกย้ำได้ดีว่าน้องชายผมโคตรโชคดีแค่ไหน  ถึงแม้ที่ผ่านมาคนที่น้องชายผมเลือก มักเดินเข้าหาผมเพียงเพราะผมให้ได้มากกว่า

แต่กับโซ่ เขาไม่คิดแม้แต่จะมองผมเลยด้วยซ้ำ

ผมเองก็หวังว่าสักวันจะได้เจอคนที่อยู่ด้วยกันในทุกๆ วันแบบนี้...

[จบเดี่ยวศร]









#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ

**กำลังทยอยแก้คำผิดนะฮ่าฟ

หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -27- แด๊ดดี้จำเป็น
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 23-05-2021 19:27:31


-27-

แด๊ดดี้จำเป็น



หลังจากเรื่องราวต่างๆ ผ่านไป ผมกับธนูก็กลับมาใช้ชีวิตตามเดิม เป็นความสงบสุขอย่างแท้จริง ซึ่งผมไม่ได้รับมันมานานตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา จนกระทั่งวันนี้ ความสงบสุขที่ว่ากำลังจะโดนพราก



“นะ โซ่กูไหว้ล่ะ” ไอ้ชีสเพื่อนผมที่เพิ่งแต่งงานใหม่ได้ไม่นาน เพิ่งได้ฤกษ์ออกฮันนีมูนที่เกาหลีตามที่แยมฝันเอาไว้ แต่ปัญหามันติดที่ทั้งสองคนมีลูก น้องพาย กับน้องขนมปังต้องการคนดูแล



น้องพายไม่เท่าไหร่ เพราะโตแล้วเลยต้องอยู่กับป้า เช้าออกไปเรียน ตกเย็นป้าเลิกงานก็ไปรับได้ แต่น้องขนมปังที่เพิ่งจะอายุได้เพียงหนึ่งขวบนี่สิ ต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลเป็นพิเศษ



“มึงไม่ฝากที่บ้านแยมล่ะ”



“เขาอยู่ต่างจังหวัด”



“แม่มึง?”



“จำศีลอยู่ที่ป่าไหนสักทีแหละกูก็จำไม่ได้”



“เครื่องออกกี่โมง”



“สองทุ่ม”



“ฉิบหายนี่เที่ยงแล้วนะมึงไม่รีบไปวะ”



“ก็นี่ไง” มันก้มมองลูกตัวเองในคาร์ซีทเพื่อเป็นการสื่อว่ายังไปไม่ได้



“มัดมือชกฉิบหาย”



“เพื่อนคนอื่นมีงานมีการทำหมด เหลือมึงนี่แหละ”



“ไอ้สัด! เหมือนถูกด่า” ผมทำที่เล่นตัวอีกสักนิด เพื่อจะได้อะไรมากกว่าเด็กตัวน้อยที่ต้องเลี้ยงสองคืนสามวัน



“เออช่วยกูหน่อย เดี๋ยวกูซื้อของมาฝาก”



“จะดีเหรอ...” ผมทำท่าคิด



“กูจะกวาดฟิกเกอร์มาให้มึงเอง อยากได้อะไรว่ามาเลยเพื่อน”



“เออๆ นี่เห็นแก่เด็กหรอกนะ” ว่าจบผมก็รับคาร์ซีทไว้ ก่อนจะรับตะกร้าของใช้เด็กอ่อน



“กูไปก่อนนะขอบใจมึงมาก”



“เออ”



“มีอะไรไลน์มา”



“เออ รีบไปเถอะรำคาญ”



ผมมองรถครอบครัวสัญชาติญี่ปุ่นถอยหายออกไปจากซอย เหลือเพียงเด็กน้อยตาแป๋ว “ปังปัง อยู่กับพี่โซ่นะครับ” ผมว่าก่อนจะเคี้ยวปากตาม



ธนูที่กำลังนอนดูหนังอยู่บนโซฟาตัวยาวลุกชันตัวนั่งเมื่อเห็นผมถือของเข้ามา ใช่ ธนูยังอยู่ที่บ้านผม ตอนนี้ธนูไม่ได้ทำงานที่บริษัทแล้ว แต่กำลังทำบริษัทของตัวเอง เหลือเพียงตบแต่งภายใน กับวันเปิดตัวเท่านั้น คาดว่าไม่ปลายเดือนนี้ ก็กลางเดือนหน้า



ศรก็เป็นคนดูแลบริษัทต่อจากธนู ตอนนี้ศรยังไม่ได้รับตำแหน่งคงจะปลายปีนี้ล่ะมั้งได้ข่าวมาว่าอย่างนั้น



“เธอไปขโมยเด็กในซอยมาเหรอ” ดูปากแฟนผม ไปติดนิสัยปากหมามาจากใครเนี่ย



“ก็บ้าแล้วคุณ ลูกไอ้ชีสมันฝากเลี้ยงสามวัน”



“อ๋อ แล้วชีสไปไหนอะ” ธนูว่าพลางหยอกกับเด็กน้อยในคาร์ซีท



“มันไปฮันนีมูนกับแยม”



“เจ้าหนูชื่ออะไรครับ ยัมๆ” ยัมๆ อะไรของเขาวะ “เธอน่ารักมากเลย ฉันสั่งชุดเด็กดีกว่า”



“เดี๋ยววววววว!”



เฮอะ! ผ่านไปสองชั่วโมงหลังจากที่ผมร้องห้ามเสียงยาน ชุดเด็กก็มาส่งถึงหน้าบ้าน ส่วนผมนั้น ได้กลายเป็นหมาหัวเน่าแล้ว



“เธอ อันนี้ของเธอ” ธนูว่ายื่นชุดส่งมาให้ “เปลี่ยนเลย”



“ยังไม่อาบน้ำเลยนะ” หู้ยย~ ธนูยังไม่ทันตอบอะไรธนูก็ถอดเสื้อตัวเองโชว์มัดกล้ามลายสวย ก่อนจะสวมเสื้อแล้วดึงฮู้ดขึ้นมาสวมที่หัว



เพนกวิน?



ผมคลี่เสื้อตัวเองออกดู มันคือเพนกวินเช่นเดียวกัน ต่างกันตรงที่ ฮู้ดผมมีโบว์สีแดง ผมเงยหน้าขึ้นมองธนูที่สวมชุดให้น้องขนมปัง



โอ๊ยยยยยยยยยย! เพนกวินน้อย น่ารักฉิบหาย ผมหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพหลายช็อต ส่งไปให้ไอ้ชีสดูความเห่อหลานของธนู



“เธอไปเปลี่ยนชุดสิถ่ายรูปกัน” ธนูว่า



ผมเดินกลับเข้ามาในห้องก่อนจะเปลี่ยนชุดตามที่ธนูบอก ผมไม่กล้าเดินออกไปเพราะรู้สึกเขินที่ต้องทำอะไรแบบนี้ ผมไม่ได้อาย แต่แค่รู้สึกแปลกๆ



ธนูอุ้มขนมปังเข้ามาในห้องเพราะเห็นว่าผมไม่ออกไปสักที



“เธอทำอะไร” เขาใช้สายตากวาดมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “น่ารัก...”



“อะไรของคุณ” ผมว่า ก่อนจะอุ้มหลานเอาไว้



ธนูใช้มือปิดตาขนมปัง ก่อนจะคว้าท้ายทอยผมเข้าไปใกล้แล้วกดจูบลงมาอย่างแผ่วเบา ใบหน้าของผมร้อนผ่าว ไม่บอกก็พอรู้ว่ามันต้องขึ้นแดงจัดแค่ไหน



“เสียดายจังมีหลานอยู่ด้วย” ธนูว่า



“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมทำผมสองคนสะดุ้งหันกลับไปมองที่ประตู “แต่งตัวอะไรกัน ปาร์ตี้สวนสัตว์เหรอ” กุญแจว่า เชี่ยเข้ามาตอนไหนวะ



“กวิน กวิน” เสียงเด็กตัวน้อยว่า



“โซ่มึงไปขโมยเด็กที่ไหนมาวะ”



เวรเถอะ!



“ลูกเพื่อนกูมันฝากเลี้ยง”



“เออ ไม่มีอะไร กูแค่จะแวะมาบอกว่า จะไม่อยู่บ้านสามสี่วัน มีสอบพวกกูนัดกันอ่านหนังสือ”



“เออๆ”



“จะออกไปไหนก็ล็อกบ้านด้วย ดูไฟ---”



“เออ รู้แล้วววว” ผมร้องห้าม ทุกครั้งที่มันจะออกไปไหน มันจะย้ำแบบนี้เสมอ



“ก็ดี กูไปล่ะ” ว่าจบมันก็เดินผละออกไป



“แดด แดด” น้องขนมปังเอื้อมมือส่งให้ธนู “ดี้ ดี้ มะ มะ” ธนูอุ้มเด็กตัวน้อยเอาไว้ในอ้อมกอด



“คุณสอนเด็กเหรอ”



“แด๊ดดี้ เรียกใหม่สิครับ”



“แดด แดด อั่มๆ” ผมยืนมองธนูคุยกับขนมปัง ท่าทางเขาดูมีความสุขมากตอนที่ได้อยู่กับเด็ก แต่ใจผมกลับรู้สึกหน่วงอย่างบอกไม่ถูก



ผมไม่ได้อิจฉาเด็ก หรือหึงหรอกนะ ผมแค่รู้สึกว่าถ้าผมเป็นผู้หญิง มีลูกให้ธนูได้ มันคงจะดีกว่านี้ พ่อของเขาก็ไม่ต้องสั่งให้เราเลิกกันตั้งแต่แรก



ผมเก็บความรู้สึกทั้งหมดเก็บเอาไว้เพียงคนเดียว เพราะไม่ต้องการให้ธนูรู้สึกอึดอัด และไม่อยากทำตัวงี่เง่าให้เขากังวลใจ เราช่วยกันเลี้ยงขนมปังจนกระทั่งช่วงสองทุ่ม เราก็พาเด็กตัวน้อยเข้านอน



“เลี้ยงเด็กก็เหนื่อยเหมือนกันนะ”



“นั่นสิครับ” ผมว่า



“วันนี้แจไม่อยู่ เราไปอาบน้ำแล้วรีบออกมาทำลูกกันเถอะ” ลมหายใจเขารดที่ต้นคอจนรู้เสียววาบ ฝ่ามือร้อนยังคงล่วงเข้ามาในเสื้อ



“ผมท้องไม่ได้” ผมว่าเสียงเรียบก่อนจะลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ





ผมใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าปกติ เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลิน พอผมออกจากห้องน้ำธนูก็ใช้ต่อทันที ผมทอดกายลงบนที่นอน พยายามสะบัดความคิดฟุ้งซ่านให้หายไป ไม่นานธนูก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินตรงมายังที่นอนทันที เขาเองก็คงจะพอดูออกว่าผมกำลังรู้สึกอย่างไร



“โกรธเหรอ ฉันขอโทษ”



“ไม่ได้โกรธครับ”



“ไม่จริง เธอกำลังคิดมากใช่ไหม”



“...”



“ฉันชอบเด็ก ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากมีลูกสักหน่อยนี่”



“ผมรู้สึกแย่ที่ยังไงไม่รู้ ถ้าผมเป็นผู้หญิง คุณอาจจะมีความสุขมากกว่านี้ก็ได้” ผมว่าตามที่คิด



“มองหน้าฉัน” ธนูว่า ผมหันหน้ามานอนหงาย เพื่อมองหน้าของธนูให้เต็มตา “แค่มีเธอฉันก็มีความสุข ชีวิตฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”



“จริงเหรอครับ”



“การที่ฉันอยู่ตรงนี้เป็นคำตอบได้ดีกว่าคำพูดอีกนะ” สิ้นสุดประโยค ริมฝีปากนุ่มก็กดลงมาก่อนที่ธนูจะใช้ลิ้นร้อนเพื่อเปิดปากผมออก แล้วสอดลิ้นเข้ามาตวัดพันเกี่ยว



เสียงความฉ่ำแฉะทำให้เกิดเสียงจ๊วบจ๊าบหยาบโลน เสื้อถูกถกขึ้น ฝ่ามือหนาลูบไล้จนทั่ว ก่อนที่สมองจะเริ่มขาวโพลน ช่องท้องวูบหวิวเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่



“แง้~~~~~~~~” ร่างกายกระตุกเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเด็กน้อยร้อง



ผมรีบลุกจากเตียง ช้อนตัวน้องขนมปังขึ้นกอดเอาไว้ เสียงร้องดังอยู่ตลอดไม่หยุด ผมตัดสินใจเอาผ้าคลุมหัวน้องขนมปัง แล้วพาออกมาเดินเล่นหน้าบ้าน ธนูเองก็ออกมาเป็นเพื่อน



หลังจากที่ผมโดนจับครั้งนั้น ธนูก็ไม่เคยปล่อยให้ผมออกไปไหนคนเดียวอีกเลย



“น้องหลับแล้ว” ธนูก้มมองนาฬิกา “เที่ยงคืนแล้วเราเองก็นอนกันเถอะ” ผมพยักหน้ารับ



หลังจากส่งน้องขนมปังเข้านอน ผมก็พาตัวเองกลับมาที่ห้อง ไม่มีการสานต่อเรื่องที่ทำค้างไว้ เพราะต่างคนต่างง่วงงุน นี้ขนาดเพิ่งผ่านไปคืนแรกแท้ๆ ผมกับธนูก็ร่างแทบแหลก





“แง้~~ ฮือออ...” เสียงน้องขนมปังดังขึ้นมาผมลุกจากเตียงด้วยความงัวเงีย



“ร้องทำไมครับ” ผมว่าทั้งที่ยังไม่ลืมตา



“แง้~~ ฮือออ...”



“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ” อุ้มเด็กตัวน้อยขึ้นมากอดเอาไว้ สายตากำลังพยายามปรับโฟกัส นาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาหกโมงเช้า!



ชีวิตไม่เคยต้องตื่นเช้า ให้ตายเถอะ ผมเดินกลับเข้าไปในครัวชงนมให้ขนมปังกิน แล้วจึงอุ้มขึ้นตบหลังเบาๆ ไม่นานธนูก็ตื่นขึ้น



“เธอตื่นเช้าจัง”



“น้องร้องน่ะ กลัวคุณตื่นเลยลุกมาดู เดี๋ยวสักพักผมจะเอาน้องไปอาบน้ำ” ผมว่า



“งั้นเดี๋ยวฉันเตรียมน้ำอุ่นให้”



“ขอบคุณครับ”



ผมพาน้องขนมปังเดินเล่นอยู่หน้าบ้าน น้องเก่งมาก เริ่มพูดได้แล้วแต่เป็นคำสั้นๆ



“น้ำอุ่นได้แล้วนะ” ธนูเดินออกมาตาม



ผมเดินกลับเข้าไปในบ้าน ก่อนจะจัดการถอดเสื้อผ้าของน้องขนมปังออก แล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ ธนูกำลังเอาเป็ดสีเหลืองลอยจนเต็มอ่าง



“คุณสั่งมาด้วยเหรอ”



“อืม น่ารักไหม” ว่าจบธนูก็บีบเป็ดจนเสียงดัง น้องขนมปังหัวเราะอย่างชอบใจ



“เหมือนพ่อแม่ลูกเลยเนอะ” ผมว่า



“นั้นสิ” ธนูว่า หันหน้าไปคุยกับขนมปัง “ขนมปังครับ คนนี้ใคร” ธนูชี้นิ้วเข้าตัวเอง



“แดด แดด”



“แล้วคนนี้ละ” ธนูชี้นิ้วมาทางผม



“มี มี”



“น่ารักจังเลยอยากได้อะไรบอกแด๊ดสิ”



“กวิน กวิน”



“แล้วมี้ละอยากได้อะไร” เขาหันมาถามผม



“แด๊ดดี้ไงครับ” ผมตอบสั้นๆ เพราะรู้ว่าธนูทำอะไรผมไม่ได้



“เอาน้องไปฝากไว้กับศรได้ไหมน้า อยากกินมี้จังครับ”



ผมหัวเราะในลำคอ เพราะสีหน้าของธนูไม่ได้พูดเล่น เราอาบน้ำให้น้องขนมปังเสร็จในเวลาต่อมา วันนี้ธนูชวนออกไปซื้อของเข้าบ้านด้วย ผมเองก็ไม่ได้ขัดอะไร





ช่วงเที่ยงเราออกมาซื้อของโชคดีที่ในตะกร้าที่ชีสให้มา มีกระเป๋าอุ้มเด็กติดมาด้วย ธนูอาสาอุ้ม ผมก็ตามใจเข้าเหมือนอย่างเคย



“เธอเอาอันนี้ด้วยสิ ฉันอยากกิน” ธนูว่า



“ครับบอส” ไม่ได้เรียกเขาว่าบอสนานแค่ไหนแล้วนะ



เขายิ้มรับ ก่อนจะเดินเลือกของอย่างอื่นต่อ



“โซ่” ผมหันหน้าไปตามเสียงเรียก



พี่สมรักษ์...



“อ้าวพี่ ไม่เจอกันนานเลย”



“นั่นสิ พี่ไปหาที่บ้าน กุญแจก็บอกว่าโซ่ไม่ได้อยู่บ้านแล้ว พี่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้”



“ผมสบายดีครับ” ผมว่า คุยกันอยู่สักพัก ผมก็รู้สึกหนักที่ไหล่ แขนแกร่งของธนูที่กำลังพาดลงมาจนรู้สึกได้



“ขอโทษทีนะครับ ผมขอตัวโซ่ก่อน” ธนูว่า



“คุณเป็นใคร!?” พี่สมรักษ์ขมวดคิ้วเข้าหากัน จ้องธนูไม่ละสายตา



เกิดมาหน้าตาดีก็เหนื่อยหน่อย เฮ้อ~



“แดด มี มี” เสียงเด็กตัวน้อยในที่อยู่กับธนูว่าขึ้น ยื่นมือราวกับต้องการให้ผมอุ้ม



“...”



“...”



เชี่ยย! เดดแอร์



“พี่สมรักษ์ นี่ธนูครับ” ธนูจ้องผมเขม็ง “แฟนผมเอง” ผมว่าต่อ ธนูฉีกยิ้มกว้างอย่างผู้ชนะ



“แฟน?”



“เอ่อ ครับ”



“อ๋อ พี่เข้าใจแล้ว” พี่สมรักษ์พยักหน้ารับ “งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ”



“ไว้เจอกันใหม่ครับ”



หลังจากพี่สมรักษ์เดินห่างออกไป ธนูก็เตรียมแยกเขี้ยวใส่ผม โชคดีที่ขนมปังช่วยชีวิตไว้ เราใช่เวลาเดินกันต่อไม่นานก็พากันกลับมายังบ้าน



ผมปล่อยให้ธนูจัดการดูขนมปัง ส่วนผมก็จัดการเก็บของเข้าตู้ ก่อนจะเริ่มทำอาหาร วันทั้งวันธนูง่วนอยู่กับน้องขนมปัง ส่วนผมก็เข้ามานอนเพราะเมื่อเช้าตื่นเร็วกว่าที่เคย



การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งได้ไม่ง่ายเลย เหนื่อยมาก ร่างแทบพัง ช่วงดึกน้องขนมปังก็ร้องหนึ่งรอบ กว่าจะนอนก็เกือบตีสอง ไม่ต้องสืบธนูนอนตายก่อนผมเพราะทั้งวันเขาอยู่กับเด็ก



นับถือเลยไอ้ชีสกับแยมเก่งมาก เลี้ยงลูกทั้งที่ตัวเองก็มีงานทั้งวัน ขนาดผมต้องเลี้ยงแค่สองวันยังแทบร่างแหลก เหนื่อยสายตัวแทบขาด นอนดึกตื่นเช้า อะไรที่ไม่เคยทำก็ได้เคย



อดทนอีกนิดพรุ่งนี้ชีสก็กลับมาแล้ว เราจะได้อิสระคืนมา...













**กำลังทยอยแก้คำผิดนะฮ่าฟ
หัวข้อ: Re: บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi] -28- บทส่งท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: -Piagpun- ที่ 23-05-2021 20:28:44


-28-

บทส่งท้าย




“บ๊ายบายพี่โซ่กับลุงธนูก่อนเร็วลูก”



“แดด มี้ มี้” เด็กตัวน้อยโบกมือไปมา ยิ้มจนเห็นฟันกระต่าย ส่วนพ่อยืนงงเพราะลูกมันเรียกผมกับธนูว่า แดด มี้



“ขอบคุณมานะมึง”



“เออกลับกันดีๆ”



ผมเดินออกมาส่งน้องขนมปังที่หน้าบ้านกับธนู วันนี้ชีสมารับช่วงค่ำ หลังจากที่ชีสพาลูกกลับไป ผมก็สังเกตเห็นว่าธนูน้ำตาซึม



“คุณเป็นอะไร” ผมว่า



“เปล่า...”



“ผมเห็นนะว่าคุณน้ำตาซึม”



“ฉันแค่...” เขาก้มหน้างุดต่ำลง



“เดี๋ยวว่างๆ ผมพาไปเล่นกับน้องใหม่เนอะแด๊ดดี้~” ผมว่าลากเสียงยาว



“ฉันไม่ได้เศร้าที่น้องกลับ ฉันดีใจ” อ้าวคดีพลิก! “โคตรเหนื่อยเลยเธอ ฮือออ” โธ่ น้ำตาลูกผู้ชาย ผมได้แต่กอดปลอบธนู



ไอ้เราก็นึกว่าคิดถึง ที่แท้ดีใจ แต่มันก็เหนื่อยจริงๆ นั่นแหละ แค่ได้ลองเลี้ยงไม่กี่วัน ผมก็อยากวิ่งไปกราบเท้าพ่อกับแม่เลย รู้ซึ้งถึงสชาติความเป็นพ่อเป็นแม่คน



“วันนี้เรานอนกันเร็วหน่อยนะ พรุ่งนี้เช้าฉันให้จอสมารับ”



“จะไปไหนเหรอครับ”



“ถึงก็รู้เอง” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะสาวเท้าเข้าห้องน้ำจัดการธุระของตัวเองจนเสร็จ ธนูเองก็ใช้ต่อทันที ไม่นานเขาก็ออกมา จัดการเดินไล่ปิดไฟในห้องเอง แล้วกลับมานอน เขาทำทุกอย่างเหมือนเมื่อก่อนที่ผมทำ ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากเจ้าของบ้าน ทุกซอกทุกมุม หลับตาเดินยังได้



คืนนี้ไม่มีอะไรมากเกินกว่าจูบฝันดีที่ธนูทำเป็นประจำ แล้วก็นอนกอดกันใต้ผ้าห่ม



“ธนูคุณหลับหรือยัง” ผมว่าท่ากลางความมืด



“ยัง เธออยากทำเหรอ”



“คุณก็วกเข้าเรื่องทะลึ่งตลอด”



“ฮ่าๆ ก็เผื่อได้ไง” เอาจริงผมไม่ติดนะ นี่ก็สามวันแล้วที่เราไม่ได้จู๋จี๋กัน แต่เดี๋ยวก่อนโซ่นั้นไม่ใช่ประเด็น



“คือผมแค่จะถามว่า คุณจะอยู่ที่นี่อีกนานไหม”



“ทำไม อยากให้ฉันรีบย้ายออกเหรอ”



“เปล่า ผมแค่สงสัยเห็นคุณมาอยู่ที่นี่นาน”



“ไม่รู้สิ อาจจะเร็วๆ นี้มั้ง”



“อืม” ผมไม่กล้าถามต่อ ใจอยากให้เขาออกปากชวน ถ้าพูดออกไปเอง จะดูเสนอตัวไปหรือเปล่านะ



“เธอรีบนอนเถอะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจไม่นอนแล้วทำอย่างอื่นแทน”



“ครับ” ผมรีบรับคำเพราะธนูไม่เคยพูดเล่น ยิ่งถ้าเรื่องอย่างว่าแล้วด้วย เครื่องฟิต สตาร์ทติดง่าย



หลังจากที่เหน็ดเหนื่อย นอนดึกตื่นเช้ากันมาหลายวัน ใช้เวลาไม่นานเราทั้งคู่ก็เข้าสู่ภวังค์หลับใหล ในอ้อมกอดอุ่นๆ





นาฬิกาปลุกบอกเวลา แต่เมื่อลุกขึ้นมากลับไม่เป็นอย่างที่คิด เชี่ยเกือบเที่ยง แล้วเสียงนาฬิกาปลุกที่ว่าก็เป็นพี่จอสที่โทรมาเป็นสิบสาย



ผมกดรับสายทันที



“ครับพี่”



[ยังไม่ตื่นเหรอ นี่พี่กำลังจะปีนบ้านเข้าไปกันอยู่แล้ว]



“ขอโทษครับเดี๋ยวผมปลุกธนู แล้วจะรีบออกไป”



[โอเค]



ผมกดตัดสายทันที ก่อนจะหันไปปลุกธนูที่กำลังหลับอย่างสบายใจ



“คุณตื่นได้แล้ว ไหนบอกว่าวันนี้ตื่นเช้าไง”



“ฉันขออีกห้านาที” ตั้งแต่ที่ธนูไม่ต้องไปทำงาน เขาก็ขี้เซาขึ้นเป็นกอง



“คุณจะพาผมไปไหนจำไม่ได้หรือไง สรุปไม่ไปใช่ไหมผมจะได้ออกไปบอกพี่จอส” ผมว่าติดอารมณ์เสีย



ดวงตาทั้งสองเบิกโพลง ดีดตัวลุกขึ้นอัตโนมัติ “กี่โมงนะ!”



“จะเที่ยงแล้วครับ พี่จอสมารอแล้ว”



“งั้นฉันอาบน้ำก่อน”



“อาบพร้อมกันเลยก็ได้ครับ” ผมว่า



“ฮันแน่~” จะบ้าตายรีบขนาดนี้ยังจะมีอารมณ์มาเล่นอีก



ผมหันไปขึงตาใส่ จนเขารีบลุกจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำทันที



ผมเลือกเสื้อผ้าเรียบง่ายอย่างเสื้อยืดสีพื้น กับกางเกงขาสั้น ต่างจากธนู ที่เขาเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กับกางเกงสแล็ค หรือผมควรเปลี่ยนดีวะ



“คุณแต่งตัวเวอร์ไปปะ”



“ก็ไม่นะ”



“แล้วผมต้องเปลี่ยนชุดหรือเปล่าครับ จะได้เข้ากับคุณ”



“ชุดนี้ก็ได้น่ารักแล้ว” น่ารักตรงไหนฟะ โคตรธรรมดาเลย คนทั่วไปก็ใส่กัน



เราออกมายังหน้าบ้านที่มีรถตู้จอดรออยู่ก่อนแล้ว พี่จอสหนีบพี่ไม้มาด้วย ผมแทรกตัวเข้าไปในรถ ไม่รู้ว่าธนูจะพาผมไปไหน คงจะไม่ได้หลอกผมไปถ่วงทะเลหรอกใช่ไหม



“เราจะไปไหนกันครับ” ผมว่า ก็รู้แหละว่าธนูคงไม่บอก แต่ผมก็เลือกที่จะถาม



“ถึงแล้วเธอก็เห็นเองนั่นแหละ”



หลังจากจบประโยคเราก็ไม่ได้คุยไรกันอีก ผมเผลอหลับไปนิดหน่อยช่วงที่รถติด ธนูเองก็เขี่ยไอเพดดูหุ้นหรืออะไรสักอย่างนั่นแหละ ตัวเลขเต็มไปหมด ผมไม่รู้เรื่องกับเขาหรอก



ไม่นานรถตู้ก็จอดเทียบในลานจอดรถในโซนวีไอพีของคอนโดฯ เดาว่าคงมาตรวจโครงการเหมือนอย่างเคย เดินเข้ามาแค่ล็อบบี้ก็สัมผัสถึงกลิ่นอายคนรวย หรูหรามาเห่าตั้งแต่ทางเข้า พื้นกระเบื้องสีขาวใสจนเห็นเงาตัวเอง



“เรามาหาใครเหรอครับ”



“อดทนอีกหน่อยใกล้ถึงแล้ว”



ใกล้กับผีนะซิ ผมเห็นพี่จอสใช้คีย์การ์ดแตะลิฟต์ ตัวเลขขึ้นว่าชั้นสี่สิบ ผมไม่ถามต่อเพราะถามไปก็คงไม่ได้คำตอบอะไร



ไม่นานลิฟต์ตัวใหญ่ก็หยุดเมื่อถึงชั้นที่ต้องการ เท้าก้าวออกมาจากตัวลิฟต์สิ่งแรกที่เห็นเด่นสะดุดตาเลยคือพรมสีแดงสดปูเป็นทาง ทอดยาวออกไป ทั้งชั้นมีเพียงแค่ห้องเดียว



ธนูหยิบคีย์การ์ดออกจากกระเป๋าสตางค์ เพื่อใช้แตะเปิดประตู



ทันทีที่ประตูเปิดออก สายผมกวาดมองรอบห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มันกว้างจนรู้สึกหวิวไปหมด ม่านบางสีขาวปลิวลมเพราะเปิดหน้าต่างไว้ ทำให้เห็นว่าเราอยู่บนชั้นบนสุด เท้าสาวออกไปยังจุดที่ลมพัดเข้ามา สระว่ายน้ำขนาดกลางบนชั้นลอย มีเก้าอี้ไม้อยู่สองตัวตั้งอยู่ มีสวนเล็กๆ อยู่ถัดมา สายตาถอดมองออกไปมองเห็นกรุงเทพฯ แทบทั้งเมืองเลยละมั้ง



ผมเดินกลับเข้ามาห้อง ธนูยืนรออยู่ก่อนแล้ว



“คืออะไรครับ?”



“ห้องของเราสองคนไง” ผมอึ้งไปนิดหน่อย มันคงจะแพงมากแน่ๆ “สวยไหม”



“สวยครับ สวยมากเลยแต่ว่า...”



“...”



“มันต้องแพงมากเลยใช่ไหม ผมไม่มีเงินช่วยคุณออกขนาดนั้นหรอกนะ”



“ฉันขายบ้านหลังนั้นแล้ว”



“...” ผมนิ่งเงียบเพราะไม่คิดว่าธนูจะยอมขายบ้านที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นความทรงจำของเขา



“ฉันไม่ให้เธอจ่ายด้วยเงินเธอหรอกนะ”



“แล้วคุณอยากได้อะไร ผมงั้นเหรอ?” ผมว่าก่อนดักมุขของธนู



“เธอฉันได้แล้ว แต่มีอีกอย่างที่ฉันอยากได้”



“...?” เอียงคอมองด้วยความสงสัย ที่ให้ไปก็ทั้งหมดของผมแล้ว



“ฉันอยากได้ทั้งชีวิตของเธอ อยู่กับฉันนะ”



“...” ผมนิ่งเงียบกับคำตอบของธนู หัวใจเต้นเร็วจนรู้สึกเหนื่อย มันเหนือกว่าคำที่เขาบอกว่ารัก สิ่งที่เขาพูดออกมามันไม่ต่างอะไรจากการขอแต่งงานด้วยซ้ำ



“เธออย่าเงียบสิ ฉันใจคอไม่ดีนะ” ธนูว่า กลั้วหัวเราะในลำคอเบาๆ



ผมฉีกยิ้มกว้างมองคนตรงหน้านิ่ง ใบหน้าของเขา น้ำเสียงของเขาไม่ต่างจากวันแรกที่ผมเจอ วันที่เขาบังคับให้ผมตอบตกลงเป็นแฟน เป็นวันที่ผมรู้สึกอีหยังวะกับตัวเองมาตลอด แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าผมตัดสินใจไม่ผิดเลย



ผมรู้แล้วว่าทั้งชีวิตผมควรยกให้ใคร...



“ผมยกให้คุณทั้งหมดนั่นแหละครับ” เขย่งปลายเท้าเพียงนิดเดียวริมฝีปากเราก็ประกบกัน



เป็นจูบสัมผัสเบาๆ เขาอยู่ตรงนี้แล้ว เจ้าของหัวใจของผม...



“เราเดินดูบ้านกันเถอะ” ธนูว่า



ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินสำรวจบ้านจนทั่ว มันกว้างมาก โชคดีที่ธนูจ้างแม่บ้าน ไม่อยากคิดถึงตอนที่ตัวเองต้องทำความสะอาดบ้าน น้ำหนักคงลดวันละกิโลฯ



ผมชอบห้องนอนที่สุดเพราะมันมีโซนที่ธนูทำเอาไว้ให้ผม มันเป็นมุมที่เต็มไปด้วย ชุดอุปกรณ์เกมเมอร์ทั้งเซทใหญ่ ทั้งคอมพิวเตอร์สเปคเทพ เก้าอี้ โต๊ะ แป้น เมาส์ หูฟังฯ ผมล่ะช๊อบชอบบบ ถูกใจฝุดๆ



“วันมะรื่น เป็นงานเปิดตัวบริษัทใหม่ ผมอยากให้คุณไปนะ”



“ผมต้องไปอยู่แล้ว ผมจะอยู่กับคุณทุกช่วงเวลาเลยล่ะ”



“จนแก่เลยนะ” ธนูว่า



“ได้สิครับ จนแก่ไปเลย” ผมชอบคำว่าจนแก่ของเขาจัง มันเหมือนเขากำลังจะบอกว่าหลังจากนี้จะมีแค่เราสองคน เวลาต่อจากนี้ไปจะเป็นของผมคนเดียว



“เรามาฉลองห้องใหม่กันเถอะ” ธนูลากปลายนิ้วเรียวที่หลังมืออย่างแผ่วเบา แค่มองตาผมก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ผมชันตัวขึ้นโน้มหน้าเข้าไปกดจูบที่ริมฝีปากบางหยัก แล้วนั่งคร่อมลงบนตัก



“อย่าให้ห้องใหม่เลอะนะครับ” ผมว่ายิ้มๆ ก่อนจะทิ้งสะโพกลงตรงจุดแข็งขึงดุดันกางเกงออกมา



“ไม่รู้สิ อยากรู้เหมือนกันว่าเตียงใหม่จะแข็งแรงหรือเปล่า” สิ้นสุดประโยค ผมก็ถูกอุ้มขึ้นจนลอยวืดจากโซฟา ตรงเข้าไปยังห้องนอน



คงไม่ต้องเล่าต่อว่าจะเกิดอะไรต่อจากนี้ เพราะมันคือบทรักที่กำลังเริ่ม และไม่รู้ว่าจะจบตอนไหน...





“ยินดีด้วยนะครับ” ผมได้ยินคำนี้ประมาณล้านรอบได้แล้วมั้ง งานเปิดตัวบริษัทใหม่ของธนูเป็นไปอย่างราบรื่น หนึ่งในนั้นก็มีบริษัทของศรเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย นักข่าวก็มาร่วมทำข่าวกันอย่างแน่นขนัดตา กดชัตเตอร์กันรัวๆ จนตาผมแทบบอด



แต่แล้วทุกคนก็ต้องหันไปมอง เมื่อผู้ชายดูมีอายุคุ้นตาเดินเข้ามาพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ พ่อของธนูมาร่วมงานด้วย นักข่าวต่างกดชัตเตอร์รัวกระหน่ำกว่าเดิม



“ยินดีด้วยนะธนู” พ่อว่ายื่นช่อดอกไม้ให้ ธนูรับก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง “แกโตขึ้นมากเลยนะ ฉันภูมิใจในตัวแกที่สุด” คราวนี้เป็นผมเองที่ยิ้มออกมา ผมรู้ว่าธนูรอฟังคำนี้มานานแค่ไหน



วันนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่เขาพยายามทำมาทั้งหมดไม่สูญเปล่า...



“ต้องขอบคุณโซ่มากกว่า ทั้งหมดที่ผมทำก็เพราะมีเขาคอยให้กำลังใจ” เราประสานสายตาให้กัน ก่อนจะหลุดยิ้มออกมา แขนแกร่งถูกเหวี่ยงขึ้นมาโอบไหล่ผมไว้



“ขอบคุณนะที่รักลูกพ่อ”



“ขอบคุณนะครับ ที่ให้เรารักกัน” ผมว่า



“คุยอะไรกัน” ศรที่เพิ่งให้สัมภาษณ์เสร็จเดินเข้ามาทัก



“ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ” ยังไม่ทันได้ตอบศร ช่างภาพก็เดินเข้ามาขัดจังหวะ แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธหรือหงุดหงิด ยืนหันหน้าเรียงกันเพื่อถ่ายภาพ ในนั้นมีผมร่วมอยู่ในเฟรมด้วย ผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้มาอยู่ในจุดนี้







งานจบลงในเวลาต่อมา วันนี้เล่นเอาเหนื่อยจนร่างแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ที่พังแน่ๆ คือตาผมนี้แหละ รับแสงแฟลชสาดจนตาแทบบอดอยู่รอมร่อ



“ธนู ฉันกับพ่อจะไปฉลองไปด้วยกันไหม” ศรว่า



“ไม่ล่ะ ฉันมีธุระต่อ” ว่าจบเราก็แยกย้ายกันตรงลานจอดรถ



เราตรงกลับมายังคอนโดฯ ทันที ธนูเลือกคอนโดที่ไม่ห่างจากบริษัทมากนัก และคอนโดฯ ก็ยังเป็นโครงการของบริษัทพ่อเขา



“ท่านประธานครับ เราจะไม่ไปฉลองกับพ่อเหรอ” ผมว่า



“ไม่ล่ะ ฉันสั่งไม้เตรียมไวน์ฉลองกับเธอที่ห้องแล้ว”



“จะไม่น่าเกลียดเหรอครับ หนีมาฉลองกันสองคน”



“ไว้ครั้งหน้าค่อยฉลองก็ได้นี่ วันนี้ฉันอยากอยู่กับเธอ”



“ครับๆ”



ระหว่างทางที่รถติด ผมหยิบมือถือขึ้นมาเขี่ยเล่นเพื่อฆ่าเวลา ข่าวงานเปิดตัวบริษัทของศรเต็มฟีดไปหมด ผมอ่านไปยิ้มไปด้วยความภาคภูมิใจ



กดเลื่อนอ่านเรื่อยๆ ก็เห็นหน้าตัวเองแปะอยู่ในนั้น ทำไมผมดูเตี้ยที่สุดเลยวะ



ติ้ง!



และเสียงแจ้งเตือนจากกลุ่มเพื่อนก็ดังขึ้น ผมรีบกดเข้าไปดูอย่างไวว่อง



สามีแห่งชาติ (แยม)

ยังไงครับเปิดตัวเหรอ

*ลิงค์ข่าวบันเทิง*



เปิดตัวอะไรวะ ผมกดเข้าไปที่ลิงค์ข่าวที่เพื่อนผมส่งมา พาดหัวข่าวทำผมหลุดหันไปมองธนูที่กำลังนั่งเช็คหุ้นอยู่...



สาวๆ เกียมใจพังหนุ่มใหญ่เปิดตัวมีคนรู้ใจ ที่สำคัญเป็นผู้ชายด้วยค่าเพื่อนสาว เจ้าตัวไม่บอกว่าเป็นใคร แต่ชาวเราก็คาดเดากันไปต่างๆ นานา แต่วันนี้ไม่ต้องสืบให้ใจเจ็บ เพราะวันนี้เราไปตามเก็บภาพบรรยากาศมาให้ชม



 ทายสิใครไม่เข้าพวก... เดาว่าคงเป็นคนของใจของหนุ่มธนูไม่ผิดแน่ เพราะเมื่อนักข่าวขอถ่ายรูปครอบครับ คุณธนูสุดหล่อของชาวเรา ก็คว้าตัวเขาคนนี้มายืนใกล้ พร้อมกับโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของ ไม่ไหวแล้วแม่...



ผมเลื่อนลงมาเลื่อยๆ ในนั้นมีรูปผมกับธนูตอนที่อยู่ด้วยกันเต็มไปหมด



"คุณ..."



"หืมมม" ธนูขานรับแต่ก็ยังไม่ละสายตาจากไอเพด



"คุณให้สัมฯ เรื่องแฟนด้วยเหรอ"



"ใช่ ทำไม"



"คุณไม่กลัวคนรู้เหรอครับ ว่าคบผู้ชาย"



"ฉันไม่สน เธอไม่โอเคเหรอ"



"..."



"ฉันไม่ได้บอกว่าเป็นใคร เผื่อเธออยากได้ความเป็นส่วนตัว"



"ผมเปล่าไม่โอเค แต่ผมโอเคมากๆ เลยต่างหาก" ว่าจบ ธนูก็ดึงหัวผมเข้าไปจูบ



ผมไม่คิดว่าเขาจะกล้าป่าวประกาศว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย เพราะฟังจากที่พ่อธนูว่าวันนั้นก็พอเข้าใจ มันเป็นเรื่องของความหน้าเชื่อถือ ธนูเองก็มีหน้ามีตาทางสังคม แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามผมจะเป็นตัวเลือกแรกของธนูเสมอ





ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที รถก็มาถึงคอนโดฯ เราตรงขึ้นมายังห้องทันที พี่ไม้กำลังจัดโต๊ะทานอาหารไว้ข้างนอก มีไฟประดับอย่างสวยงาม



“เธอไปรอฉันที่โต๊ะก่อน เดี๋ยวฉันตามไป”



“ครับ”



ผมเดินออกมาด้านนอก ที่ริมสระน้ำ สายตามองทอดยาวออกไป บรรยากาศมันคุ้น ยามเมื่อลมพัดเอื่อยๆ กระทบผิวหน้า ทำให้หวนนึกถึงวันที่ผมเดทกับธนูครั้งแรก เขาเคยถามผมว่า อยากได้คอนโดที่เห็นวิวแบบนั้นไหม และวันนี้เขาก็ทำอย่างที่พูดไว้



“มองอะไรอยู่คะ” เสียงจากด้านหลังทำให้ผมหันกลับไปมอง ธนูเดินมาพร้อมกับแก้วไวน์ทรงสวย “ของเธอเป็นน้ำผลไม้” เขารู้ว่าผมไม่ชอบดื่มไวน์



“ขอบคุณครับ” ผมรับแก้วไว้ในมือ



“แล้วมองอะไร ยังไม่ตอบฉันเลยนะ”



“คุณก็ลองมองดูสิครับ มันสวยมาก” ผมว่า หันหลังกลับไปดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้าต่อ



“สวยนะ แต่ก็ไม่เท่าดวงตาคู่นี้หรอก”



“เลียนมากครับทาประธาน”



“ฉันมีความสุขที่สุดเลย เธอรู้ไหม” ธนูว่าพลางเอาคางวางลงที่ลาดไหล่ แขนข้างหนึ่งกอดเอวเอาไว้หลวมๆ



“ผมก็มีความสุขครับ”



“วันนี้เล่นเกมด้วยกันไหม เราไม่ได้เล่นนานแล้วนะ”



“คุณไม่อยากพักหรือไง ผมเหนื่อยจะแย่” ธนูหยัดตัวขึ้น ริมฝีปากเขากดลงมาที่ศีรษะไม่แรงไม่เบา



“เล่นแค่แป๊บเดี๋ยว”



“ก็ได้ครับ” ผมรับคำ



เราเดินกลับมานั่งทานอาหารที่ถูกเตรียมเอาไว้จนอิ่ม ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้อง ผมเปิดคอมพิวเตอร์ฯ ของตัวเอง ธนูก็เช่นกัน ในคอมพิวเตอร์ถูกติดตั้งเกมเอาไว้แล้ว



ผมกดใส่พาสเวิร์ดอย่างเคยชิน



เราคือเบล ล็อกอินแล้ว



ภาพวันเก่าไหลเข้ามาเมื่อผมกดเข้ามาในเกม ชื่อประหลาดๆ ที่ธนูตั้งเอาไว้คู่กัน ผมรอสักพักก็ยังไม่เห็นชื่อของ หวัดดีเบล เข้าเกมสักที



“คุณเข้าเกมหรือยัง” ผมถามเพราะตอนนี้ก็เริ่มดึกมากแล้ว



“ฉันสมัครตัวใหม่น่ะ ตัวนั้นจำรหัสไม่ได้ รับแอดด้วย ฉันกำลังขอไป”



“ครับ” ผมตอบรับ



นั่งรอสักพัก การแจ้งเตือนก็เด้งเข้ามาที่หน้าจอ ผมกดเข้าไปช่องเพิ่มเพื่อน แต่สิ่งที่ผมเห็นก็ทำให้หัวใจผมสั่นสะท้าน แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง



“ถ้าเธอตอบว่าไม่ ฉันคงเสียใจไปทั้งชีวิต” ผมมัวแต่ตะลึงจนไม่รู้ว่าธนูมายืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่



จู่ๆ น้ำตาเม็ดใสก็ร่วงลงมาอย่างห้ามอยู่ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันนี้ ไม่เคยคาดหวังว่าคนคนนั้นจะเป็นธนู คำว่า 'จนแก่' ของเขาในวันนั้น คือความจริง



ผมเลื่อนเมาส์กดรับเพื่อนที่เพิ่งแอดเข้ามาอย่างไม่ลังเล





เราคือเบล  เพิ่ม  แต่งงานกันนะ  เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ

.

.

.

THE END



#สายโซ่

#บอสครับผมเป็นมิจ








**กำลังทยอยแก้คำผิดนะฮ่าฟ

หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 31-05-2021 23:34:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: Vergintomza ที่ 09-06-2021 23:02:41
รักบอส บอสจ๋า
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: Ggthait ที่ 13-06-2021 17:50:37
อ่านจบภายในสองวัน สนุกมากเลยครับ ขอบคุณนะครับสำหรับการแต่งรื่องที่ฟีลกู้ดอย่างนี้ :o8:  :o8:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 26-06-2021 11:16:43
น่ารักดี
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 27-06-2021 22:24:20
 :: :mew1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 15-07-2021 17:10:27
เฮ้ยยยยยย เรื่องนี้สนุกมาก เขียนดีด้วย ชอบๆๆๆ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 16-07-2021 10:19:00
เมื่อคืนอ่านไป 8 ตอน (Ep0-7) บอกเลยว่าอ่านเพลินมากๆๆๆ // บทสนุก (บทให้ 8.5) // มุกตลก-ความคอมมาดี้คือดีมาก (มุกตลกให้ 9.7) // ไหลลื่น // ไม่มีจุดให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจซักเท่าไหร่ (คือก็มีบ้างแหละแต่น้อยมากๆ ด้วยความที่เรื่องมันสนุกมากๆด้วยเลยทำให้สามารถมองข้ามไปได้เลย) // ทุกตัวละครตั้งแต่พระเอก-นายเอกไปจนถึงตัวประกอบทุกตัวทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก มีความเหมาะสม ไม่ขาดไม่เกิน ในแง่ของคาแรกเตอร์นะ (แต่ในส่วนของความบ้าบอนั้น...โดยเฉพาะนายเอก ถือว่าเกินค่ามารตรฐานไปเยอะอยู่ ฮ่าๆๆๆ ทั้งรั่ว ทั้งเมากาว แต่ก็ทำได้ดีทีเดียว) // ตัวละครพระเอก-นายเอกมีเหตุผลรองรับว่าที่ทำไปแบบนั้นทำไปเพราะอะไร ทำไมถึงทำ ทำให้คนอ่านเข้าใจและอินไปกับเรื่องได้ ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีอีก // ชอบความบทในบางฉากบางตอน(เช่นฉากฝันซ้อนฝัน ฉากแก๊งเงินกู้)ที่หลอกคนอ่านให้ตอนแรกเข้าใจว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆแต่อีกซักแป๊บก็กลับลำหักมุมไปซะอย่างงั้น อันนี้ก็ถือว่าดีเลย // ฉากจำ-ฉากในตำนานมีเยอะมาก แบบที่อ่านตั้งแต่เมื่อคืนแต่พอลองมานึกย้อนตอนนี้ก็ยังนึกออกได้อีกเป็นฉากๆ และก็ทำให้ยิ้ม-หัวเราะตามได้เลย แบบนี้แหละเรียกว่า...สุดยอด!


มาถึงส่วนที่ชอบและไม่ชอบบ้าง

ส่วนที่ชอบ

=> ชอบความเปิดเรื่องมาพบว่านายเอกเป็นสายห้าว-หัวร้อน แมนๆเตะบอลครัช แต่คุณมรึงดันหยิบลิปติกมาทาปาก หยิบวิกมาสวม เพื่อเหตุผลอะไรบางอย่าง คือถือว่าเป็นฉากเปิดเรื่องที่ดีมาก เป็นภาพจำ เปิดเรื่องมาก็มีฉากในตำนานแล้ว อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้คนเขียนครับ เยี่ยมมาก! เก่งมาก!

=> ชอบการเป็นมิจ-ปิดการขายไอเทม+ตัวเกมของนายเอก คือถึงโดยส่วนตัวผมจะไม่เคยเล่นเกมออนไลน์ แต่ฉากพวกนี้คนเขียนก็บรรยายออกมาได้ดีนะทำให้คนอ่านอย่างผมนึกภาพตามได้ และรู้สึกสนุกไปกับควาแสบสันต์ของตัวนายเอกได้ ที่ชอบอีกอย่างคือนายเอกเป็นมิจ..คือการที่นายเอกทำแบบนั้นก็ไม่ใช่คนดีซักเท่าไหร่อ่ะแหละในชีวิตจริง แต่ด้วยความที่นายเอกมันคิดอะไรตื้นๆและเป็นคนต๊องๆไงและเรื่องมันก็คอมมาดี้ด้วย และคนเขียนก็บรรยายเหตุผลที่ฟังขึ้นว่านายเอกทำแบบนั้นทำไปเพื่ออะไร เลยทำให้คนอ่านจากที่ควรจะเกลียดการเป็นคนเห็นแก่ตัว-เห็นแก่ได้ของตัวละครตัวนี้ กลับกลายเป็นหลงรักและลุ้นไปด้วยกันเฉยว่าเออแล้วจะยังไงต่อ แล้วแผนการล่อลวงแต่ละครั้งของอีตาน้องโซ่นี้จะสำเร็จลุล่วงไหม-จะถูกจับได้เมื่อไหร่ คือคนเขียนเกลาตัวละครตัวนี้ให้ออกมามีเสน่ห์มากๆๆอย่างไม่น่าเชื่ออ่ะ

=> ชอบการเล่าย้อนว่าก่อนนายเอกจะมาเป็นมิจ... นายเอกเคยทำงาน และดันไปมีเรื่องกับหัวหน้าจนต้องเข้าโรงพัก ฉากนี้แม้จะเล่าย้อนแค่ 2 บรรทัด แทบไม่มีรายละเอียดมากเลย แต่ในความไม่มีรายละเอียดกลับมีรายละเอียดอยู่ครบถ้วน(ใคร+ทำอะไร+ที่ไหน+อย่างไร)ทำให้คนอ่านนึกภาพตามได้เหมือนฉากตลกในซีรีย์เกาหลีซักเรื่องอ่ะ (ส่วนตัวทำให้ผมนึกไปถึงบาทหลวงหัวร้อนในเรื่อง The Fiery Priest ที่ไปไฝว้กับนักเลงจนถูกลากไปโรงพัก)

=> ชอบการรักน้องแต่จ้างน้องทำงานของนายเอก (มีฉากจำหลายฉาก)

=> ชอบความอ่อยยังไงให้(พี่ธนู)รู้ว่าอ่อย(ในเกม) (มีฉากจำหลายฉากเช่นกัน และดีมากๆทุกฉาก)

=> ชอบความพี่ธนูสายเปย์ตกหลุม(พลาง)ในตอนแรก แต่สุดท้ายกลายเป็นอีกคนที่ดันตกหลุม(พลาง)เองซะงั้นด้วยความเอ๋อ ฮ่าๆๆๆ

=> ชอบฉากนายเอกไฝว้กับหมา แล้วบรรยายฉากเป็นหนังคาวบอยยุค 60-70 (อันนี้ให้เต็ม 10 ถ้าได้ทำเป็นซีรีย์และทำถึงน่าจะโคตรฮา)

=> ชอบแก๊งลูกน้องบอส พี่จอจ พี่ไม้ ชอบความเมื่อได้สนิทกับใครแล้วนายเอกจะแผ่รังสีความสดใส มีออร่าความสว่างจ้าออกมา ทั้งในรอยยิ้มและแววตา แบบที่ไม่แปลกใจเลยถ้าทุกคนรอบตัวจะตกหลุมรักน้องสายโซ่ได้มากขนาดนี้...โดยเฉพาะบอสของเรา

=> ชอบความเวลาพระเอกเรียกนายเอกว่าหนู (อันนี้ดี)

=> ชอบพี่เคอรี่ ชอบคุณหมอ ชอบยัยป้าข้างบ้าน แม้จะรับเชิญให้มาเล่นแค่คนละนิดละหน่อยแค่ฉากสองฉาก แต่ทุกคนทำหน้าที่ได้ดี จ้างร้อยเล่นล้าน มาทำให้เรื่องยิ่งสนุกยิ่งสมบูรณ์ขึ้น

จริงๆมีอีกเยอะมาก แต่ขี้เกียจพิมพ์แล้วอ่า แหะๆ


ส่วนที่ไม่ชอบ

=> จนถึง 8 ตอนนี้ยังไม่เจอส่วนที่ไม่ชอบอ่ะ (อย่างที่บอกครับว่าภาพรวมคนเขียนเขียนออกมาได้ค่อนข้างดี แม้แต่คาแรกเตอร์ของกุญแจ ที่ผมเคยบอกว่าไม่ชอบน้องเลยยยยยในเรื่องโน้นนน (ณ ขณะที่รัก) แต่เรื่องนี้น้องเอาอยู่ว่ะแกร น้องออกมาฉากไหนคือได้ คือมีเสน่ห์พอสมควรเลย)


โอเค อันนี้คือย่อๆ นะครับ ทั้งหมดก็จะประมาณนี้ สรุปเลยละกัน เอาเป็นว่ารวม 8 ตอนที่อ่านมา ผมให้ผ่าน และไม่ใช่ให้ผ่านแบบธรรมดาด้วยนะ ยกให้เป็นอีก 1 เรื่องติดอันดับ 1 ใน 5 เรื่องที่ประทับใจของปีนี้ไปเลยคุณ!! ถามว่าชอบขนาดไหน...ก็ถึงขนาดคิดอยากลุ้นให้ GMM ได้มาซื้อลิขสิทธิ์ไปทำเป็นซีรีย์อ่ะ สาธุ!! ลุ้นๆ อยากดู

ปล. ผมว่าคนเขียนเหมาะกับการเขียนแนวคอมมาดี้แหละ ถ้าบอกว่านี่คืองานเขียนเรื่องแรก คือก็ต้องยกนิ้วให้เลย ถือว่าเรื่องแรกก็ปังแล้ว ประสบความสำเร็จ ทำได้ดีมากๆๆๆเลยครับ  :katai2-1: o13 :L2:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: brave on better ที่ 18-07-2021 22:16:20
เปนนิยายที่ฟีลกู๊ดมากกก เรื่องราวไม่ซับซ้อนเกินไป อ่านแล้วผ่อนคลายสมองมากจ้าาา  เปิดเรื่องมาโคตรดีทำให้อยากติดตามตอนต่อไปเลย นี่อ่านต่อเนื่อง 2 วันจบ
ขอบคุณนักเขียนทีาแชร์เรื่องดีแบบนี้ให้อ่านกันนะคะ
 :-[ :mew1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmiku ที่ 20-07-2021 00:22:25
น่ารัก สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) บอสครับผมเป็นมิจ... #สายโซ่ [Yaoi]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 31-07-2021 21:39:44
 :pig4: :pig4: :pig4: