ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17
เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
----------
ความลับในม่านหมอก
ข้อมูลเบื้องต้น
‘ม่านฟ้า’ ชายหนุ่มที่ต้องการเพียงใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างเรียบง่ายและประหยัดพลังงาน กลับต้องมาพบกับความลับบางอย่างของน้องชายอย่าง ‘ภูหมอก’ โดยที่ไม่รู้ว่าความลับครั้งนี้จะนำพาเรื่องดีหรือเรื่องร้ายมาสู่ชีวิตเขากันแน่
และที่สำคัญเพราะความลับของน้องชายกลับทำให้ 'ความลับ' ของเขาที่เก็บซ่อนมานานเริ่มสั่นคลอนไปด้วย
เครื่องสำอางและเสื้อผ้าผู้หญิงที่พบในห้องนอนของน้องชายทำให้เขาคิดว่าเจ้าตัวคงพาแฟนสาวมานอนค้างที่ห้อง แต่ความรู้สึกคาใจพร้อมลางสังหรณ์แปลกๆ นี่มันอะไรกัน
'ทำไมเสื้อแฟนมันตัวใหญ่จังว่ะ'
'ความลับในม่านหมอก' เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งและสองพี่น้องที่ช่วยกันผ่านเรื่องราวต่างๆ พร้อมกับผู้ช่วยเหลือคนสำคัญ ซึ่งบอสใหญ่ของเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือพ่อบังเกิดเกล้าของพวกเขานี้แหละ
สารบัญ
บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4042663#msg4042663)
บทที่ 1 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4043081#msg4043081) บทที่ 2 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4043468#msg4043468) บทที่ 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4044161#msg4044161)
บทที่ 4 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4044438#msg4044438) บทที่ 5 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4044677#msg4044677) บทที่ 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4045209#msg4045209)
บทที่ 7 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4045682#msg4045682) บทที่ 8 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4046125#msg4046125) บทที่ 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4046989#msg4046989)
บทที่ 8.5 (Special) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4046563#msg4046563)
บทที่ 10 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4047450#msg4047450) บทที่ 11 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4047854#msg4047854) บทที่ 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4048240#msg4048240)
บทที่ 13 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4048547#msg4048547) บทที่ 14 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4048879#msg4048879) บทที่ 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4049177#msg4049177)
บทที่ 16 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4049473#msg4049473) บทที่ 17 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4049758#msg4049758) บทที่ 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4050036#msg4050036)
ตอนพิเศษ (Minispecial) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4050336#msg4050336)
ภาคความจริง : บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4050515#msg4050515)
บทที่ 1 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4050713#msg4050713) บทที่ 2 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4051016#msg4051016) บทที่ 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4051280#msg4051280)
บทที่ 4 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4051598#msg4051598) บทที่ 5 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4051956#msg4051956) บทที่ 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4052210#msg4052210)
บทที่ 7 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4052445#msg4052445) บทที่ 8 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4052670#msg4052670) บทที่ 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4058297#msg4058297)
บทที่ 8.5 (Special) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4052918#msg4052918)
บทที่ 10 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4058440#msg4058440) บทที่ 11 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4058603#msg4058603) บทที่ 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4058725#msg4058725)
บทที่ 13 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4058846#msg4058846) บทที่ 14 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4058989#msg4058989) บทที่ 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4059103#msg4059103)
บทที่ 16 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4059272#msg4059272) บทที่ 17 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4059384#msg4059384) บทที่ 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4059516#msg4059516)
บทที่ 19 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4059613#msg4059613) บทที่ 20 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4059709#msg4059709) บทที่ 21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4059825#msg4059825)
บทที่ 22 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4059937#msg4059937) บทที่ 23 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4060017#msg4060017) บทที่ 24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4060150#msg4060150)
บทที่ 25 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4060380#msg4060380) บทที่ 26 l (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4060434#msg4060434) บทที่ 27 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4060534#msg4060534)
บทส่งท้าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72117.msg4060622#msg4060622)
----------
นิยายเรื่องนี้จั่วหัวว่าเป็นนิยายวาย (ชายรักชาย) ก็จริง แต่ขอเตือนว่าอย่าคาดหวังถึงความหวานของคู่พระนายมากนัก
เนื้อเรื่องหลักจะเป็นชีวิตสบายๆ ผสมวุ่นวายของสองพี่น้อง จะมีดราม่าเสียดสีสังคมที่เกี่ยวข้องกับเพศที่สามบ้าง ส่วนเรื่องพระนายนั้น เจอใครก็จับจิ้นไปก่อนนะ แล้วเรามาลุ้นกันอีกที ว่าจะตรงกับที่ทุกคนลุ้นกันไว้ไหม
บทที่ 1
‘กูจะทำยังไงดีว่ะ’
คำถามนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของม่านฟ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่ออกจากห้องนอนมายืนสติแตก แล้วเคลื่อนกายมารอภูหมอกอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น จนเวลานี้ที่ร่างสูงลงมานั่งอยู่ข้างกัน
บางครั้งเขาก็เกลียดลางสังหรณ์ของตัวเองนัก เมื่อคำถามที่ค้างคาใจเกิดขึ้นในหัว คำตอบที่ลงล็อกได้ทุกอย่างก็ผุดขึ้นมาตามกัน
‘ถ้าไม่ใช่ของแฟน แต่เป็นของหมอกเองล่ะ’
เพราะเขาโดนแม่ล้างสมองเรื่องกลัวน้องชายพาสาวเข้าบ้าน พอเห็นของต่างๆ ก็ชักจูงเขาไปในทาง ‘ของของแฟนหมอก’ มากกว่า ‘ของของหมอก’
พอกลับมานั่งคิดดีๆ ม่านฟ้าอยู่กับน้องมา เขารู้อยู่ว่าเพลย์บอยเป็นคำที่ห่างไกลจากภูหมอกมาก หมอกเป็นเด็กค่อนข้างเรียบร้อย ถึงช่วงหลังจะไม่ได้เจอน้องบ่อยอย่างสมัยที่ยังอยู่บ้าน แต่ก็ไม่คิดว่าน้องจะเปลี่ยนไปมากนัก
สมองของเขายังคงสับสนกับสิ่งที่เจอซึ่งกลับตาลปัตรจากที่เตรียมใจไว้มาก จากความคิดที่ว่าน้องชาย ‘เป็นเพลย์บอยพาสาวเข้าบ้าน’ สู่เป็นความจริงที่ว่าน้องชาย ‘กำลังจะกลายเป็นสาว’ มันต่างกันราวฟ้ากับเหว หลายทางเลือกที่จะใช้คุยกับน้องชายผุดขึ้นมาในหัว แต่เข้าจำเป็นที่จะต้องคิดให้ดีก่อน ม่านฟ้าบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่าคำพูดจะกลายเป็นนายเราเมื่อพูดออกไป
ม่านฟ้าพยายามคิดในมุมมองของพ่อแม่ หากมาเจอสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะทำอย่างไร
‘ด่า’ สิ่งนี้เป็นความคิดแรกที่โผล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วเมื่อคิดถึงพ่อ แต่ก็ถูกม่านฟ้าปัดตกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน การด่าไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เรื่องพวกนี้เขารู้ดี ใช่ว่าภูหมอกจะอยากเป็นอย่างนี้ ถึงด่ามันจนร้องห่มร้องไห้ก็ใช่ว่าจะทำให้น้องกลับมาเป็นผู้ชายได้ ภูหมอกถูกบังคับให้เป็น ‘ผู้ชาย’ โดยเพศสภาพทันทีที่เกิดมา ขณะที่ความจริงจากการยอมรับตัวเองบอกว่าหัวใจของภูหมอกเป็น ‘ผู้หญิง’ และผลสุดท้ายสังคมได้ตัดสินสิ่งเหล่านี้เป็น ‘สิ่งที่ผิด’ หรือ ‘การเบี่ยงเบนทางเพศ’ น้องของเขาเป็นแค่เหยื่อที่ไร้ทางเลือกในเส้นทางนี้เท่านั้น
‘ปลอบ’ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจหากเป็นแม่ แต่ไม่ใช่สำหรับเขา จะให้มานั่งปลอบน้องชายตัวโตๆ แค่คิดก็ขนพองสยองเกล้าแล้ว ทางเลือกสุดท้ายจึงเหลือเพียง ‘นิ่งไว้’ คือทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แสดงออกเหมือนเข้าใจผิดคิดว่าน้องเป็นเพลย์บอยอย่างที่แม่คิด รอเวลาจนถึงวันที่น้องพร้อมบอกเรื่องเหล่านี้กับครอบครัวด้วยปากของตัวเอง
ทั้งที่ทางเลือกที่สามน่าจะเป็นคำตอบสุดท้าย แต่เขาก็ยังอดห่วงไม่ได้ ภูหมอกเป็นเด็กเรียนเก่ง แต่ซื่อบื้อ นิยามที่เป็นตัวน้องมากที่สุดสำหรับเขาคือ ‘ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่ค่อยจะรอด’ ถ้าเขาปล่อยไปแล้วทำเฉย สักวันหนึ่งพ่อคงรู้เข้าจนบ้านแตกแน่ จากความไม่ระวังตัวระดับนี้เขาให้ไม่เกินปีหรอก อีกอย่างถึงพ่อไม่รู้เขาก็ไม่แน่ใจว่าการเป็นแบบนี้จะทำให้น้องต้องเจอกับอะไรบ้าง
เขาเห็นข่าวมาไม่น้อยสำหรับคนที่ถูกหลอกไปกินกลูต้า เทคฮอร์โมน ไปจนถึงผ่าตัดเนื้อเน่า หลายครั้งที่เห็นก็มีความรู้สึกนะว่าทำไมถึงได้โดนหลอกได้ มันดูไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย แต่พอมองกลับมาที่น้องชายก็เห็นความเป็นไปได้ที่จะเชื่ออะไรอย่างซื่อๆ นั้นเหมือนกัน
การบอกถึงสิ่งที่เขารู้วันนี้อาจทำให้น้องยังอยู่ในสายตาของเขา ช่วยกันแก้ปัญหาให้คำแนะนำเท่าที่คนอย่างเขาจะทำได้ น่าจะดีกว่าการปล่อยให้น้องเตลิดไปไหนเองโดยที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ดังนั้นทางเลือกพิเศษสำหรับเขาในตอนนี้ คือการบอกถึงการรับรู้ของเขาและ ‘เก็บข้อมูล’ ให้ได้มากที่สุด
“เป็นมานานแค่ไหนแล้ว” คือคำถามแรกจากปากของม่านฟ้า แต่เพราะถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จึงไม่แปลกใจที่จะได้รับสายตางุนงงตอบกลับมา
“กูหมายถึงสิ่งที่มึงซ่อนไว้น่ะ” ม่านฟ้าอธิบายเพิ่มเติม แต่กลับเรียกสีหน้ากระอักกระอ่วนให้กับน้องชายแทน
“เออ.. ก็ไม่นานนี้เอง แล้ว.. เออ หมอกก็ป้องกันตลอดนะ พี่เมฆไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
คำตอบรับอ้อมแอ้มกับสายตาที่ไม่ยอมมองสบกับเขา ทำให้ม่านฟ้าถอนหายใจ คิดเอาไว้แล้วว่าน้องคงไม่อยากให้ใครรู้ความจริง แต่ในเมื่อตัดสินใจว่าจะคุยกันให้เรียบร้อย เขาจึงวัดดวงกับลางสังหรณ์ของตัวเอง แล้วหลอกให้พูดความจริงออกมา
“ลืมเรื่องที่กูพูดบนห้องไปเหอะ แล้วบอกความจริงกูมาให้หมด”
“... พี่เมฆหมายถึงอะไร”
“ก็หมายถึงเรื่องที่ผู้หญิงที่มึงพามาบ้าน ไม่ใช่แฟน แต่เป็น ‘เพื่อนสาว’ และไอเครื่องสำอางกับเสื้อผ้าในห้องก็ไม่ใช่ของแฟนมึงที่มาค้างอย่างที่กูคิด แต่เป็น ‘ของมึงเอง’ น่ะสิ”
“!!!” สีหน้าของภูหมอกซีดลงทันตา ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองพี่ชายด้วยอาการตระหนก “พี่.. พี่พูดอะไร สะ เสื้อผ้านั่น เป็นของแฟนหมอก เขาเอามาฝากไว้เฉยๆ”
“เหรอ เสื้อผ้าไซส์ใหญ่แบบนั้นเนี่ยนะ”
“แฟนหมอกเป็นคนตัวใหญ่”
“ชุดนั้นใหญ่กว่าตัวกูอีกมั้ง กูก็สูง 170 กว่าแล้วนะ แฟนมึงสูง 180 เหรอว่ะ”
เมื่อเถียงต่อไปไม่รอด ทางเลือกของภูหมอกคือการเงียบ แต่ม่านฟ้าไม่ยอมปล่อยให้น้องเงียบได้นาน ในเมื่อการจี้ถามด้วยไม้แข็งไม่ได้ผล การใช้ไม้อ่อนอย่างการเกลี้ยกล่อมจึงเป็นวิธีถัดไป
“หมอก กูเป็นพี่มึงนะเว้ย กูถาม.. ไม่ได้จะเอาไปมึงแบล็คเมล์ กูอยากรู้เรื่องของมึง อยากช่วยอะไรมึงได้บ้างเผื่อมึงมีปัญหา กูอาจจะไม่ใช่พี่ที่ดีอะไร เรื่องเรียนมึง เรื่องเหี้ยอะไรมึง บางทีกูอาจจะช่วยไม่ได้ แต่นี่มันเรื่องใหญ่ กูไม่อยากให้มึงเก็บไว้คนเดียว มึงไม่อึดอัดเหรอว่ะ ถึงมึงจะมีเพื่อนที่เข้าใจมึง แต่การมีคนในครอบครัวสักคนที่เข้าใจมึงเพิ่มมาด้วยมันไม่ดีกว่าเหรอ”
ประโยคยาวๆ ถูกส่งจากพี่สู่น้อง ภูหมอกนิ่งไปอย่างใช้ความคิด ไม่ใช่เพราะสิ่งที่ม่านฟ้าพูดมาไม่เป็นความจริง แต่มันจริงทุกอย่างเลยต่างหาก เขาอึดอัด ทั้งจากการหลบซ่อนและความกดดันจากสังคมที่มองเขาเหมือนตัวประหลาด แม้สังคมนี้จะบอกว่ายอมรับได้ แต่มันก็แค่เปลือกเท่านั้นแหละ ในใจลึกๆ ของหลายคนก็ยังมองว่ามันคือ ‘ความผิดปกติ’ หลายครั้งที่อยากจะบอกคนในครอบครัวให้รู้ แต่แค่ปฏิกิริยาของพ่อต่อเพศที่สามก็ทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
ร่างสูงเหลือบมองหน้าพี่ชายตัวเองที่กำลังทำหน้าตาจริงจัง สำหรับเขาพี่เมฆเป็นคน ‘อินดี้’ อยากทำอะไรก็ทำ ถึงจะไม่ค่อยสนใจใคร แถมทะเลาะหาเรื่องกันเป็นประจำ แต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกว่า ‘พี่ชายคนนี้’ จะเป็นที่พึ่งให้กับเขาได้
“สองสามปีก่อน” คำพูดลอยๆ ถูกเอ่ยขึ้นมาจากปากน้องชาย ม่านฟ้าเพิ่งมาเข้าใจว่านั่นคือคำตอบของคำถามแรกที่เขาถามออกไปเมื่อเจ้าตัวเริ่มเล่าต่อ
“หมอกเริ่มรู้สึกชอบมองเวลาแม่แต่งหน้า ชอบมองผมยาวๆ ของเพื่อนที่ทำทรงนั้นทรงนี้ กระโปรงสั้นๆ ชุดน่ารักๆ ตอนแรกก็คิดว่าคงเพราะเราเป็นผู้ชายที่รู้สึกชอบผู้หญิง แต่พอนานเข้าก็รู้ว่าไม่ใช่ หมอกไม่ได้ชอบในฐานะผู้ชาย แต่อยากที่จะแต่งตัวแบบเขามากกว่า”
เมื่อเห็นว่าพี่ชายไม่ได้แสดงท่าทางรังเกียจจากอาการเกร็งในทีแรกก็เริ่มผ่อนคลายขึ้น เหมือนคนที่ได้ระบายออกมาแล้วก็หยุดไม่อยู่ คำพูดต่างๆ พรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงปนความน้อยใจ
ภูหมอกเริ่มรู้สึกสนิทใจเวลาคุยกับเพื่อนผู้หญิงมากกว่าเพื่อนผู้ชาย รู้ตัวอีกทีน้องชายของเขาก็เริ่มแอบซื้อครีมบำรุงผิว ลิปมัน ลิปสติก กิ๊บติดผม เริ่มจากของเล็กๆ ที่พอซ่อนได้ ถ้าใหญ่หน่อยก็ฝากเพื่อนไว้ จนเขาไปอยู่หอภูหมอกถึงได้เอาของกลับมา แอบแต่งตัวอยู่ในห้อง ส่องกระจกเสร็จก็ลบออก กลับไปเป็น ‘นายภูหมอก’ อีกครั้ง วนถามตัวเองซ้ำๆ ว่าทำอะไรผิด ถึงต้องซ่อนแต่ก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักที รู้แค่ว่า... ก็คงต้องซ่อนไว้ตลอดไป
ม่านฟ้านั่งฟังเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงตัวเองจากน้องชายสู่น้องสาวของภูหมอกไปเรื่อยๆ ทั้งความสนุกที่ได้เลือกซื้อเครื่องสำอางที่ชอบ ความตื่นเต้นของการวิ่งหนีครูฝ่ายปกครองที่จับได้ว่าแอบแต่งหน้า จนถึงความรู้สึกที่เหมือนโลกถล่มเมื่อตื่นเช้ามาแล้วหน้าพังเพราะแพ้เครื่องสำอางราคาถูก เขาตั้งใจฟังบ้าง เคลิ้มหลับบ้างสลับกันไป แต่ก็ไม่คิดจะขัด ปล่อยให้น้องได้เล่าไปยิ้มไปแบบนี้น่าจะดีกว่า
“จะเรียนอักษรฯ เรียนภาษาไปแล้วแกจะทำงานอะไร! ชอบก็ส่วนชอบแต่จะเอามาเป็นอาชีพแบบนี้มันไม่ใช่ ฉันเห็นแกเข้าสายวิทย์ก็โล่งใจ คิดว่าจะกลับมามีความคิดเป็นผู้เป็นคนเหมือนคนอื่นเขา นี่อะไร! จะเอ็นทรานซ์เข้าอักษรฯ”
เสียงตะโกนของหัวหน้าครอบครัวดังขึ้นในเย็นวันหนึ่งหลังจากที่ลูกชายคนโตที่อยู่ม.6 บอกความต้องการของตัวเองในการเรียนต่อ
“เมฆเข้าสายวิทย์ก็เพราะพ่อขอไว้ บอกว่ามีทางเลือกมากกว่าเผื่อเปลี่ยนใจ ทั้งที่เมฆก็บอกแล้วว่าเมฆอยากเรียนภาษา แต่เลือกคณะมันเป็นอนาคตของเมฆจริงๆ แล้วไง เมฆก็ต้องเลือกที่ชอบไหมอ่ะพ่อ”
“ชอบแล้วมันมีอนาคตหรือเปล่า พ่อถึงถามไง ว่าเรียนแล้วจะทำงานอะไร ไปเป็นนักเขียน นักแปล ล่าม ไกด์อย่างงั้นเหรอ อาชีพมันไม่มีความมั่นคงสักนิด หรือแกจะไปเป็นสจ๊วตที่ดูเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วแบบนั้นเหรอ ทุเรศ!!”
“สายงานด้านอื่นมันก็มีพ่อ แล้วก็ใช่ว่างานพวกนี้มันจะไม่มั่นคงเสียหน่อย จบวิศวะ จบบัญชีไปก็ตกงานได้เหมือนกันนั่นแหละ พ่ออคติไปเองมากกว่า!!” จากที่พยายามอดทนคุยกับพ่ออย่างใจเย็นพอโดนตะโกนใส่มากเข้า อารมณ์โมโหของม่านฟ้าก็แล่นริ้วใส่อารมณ์กลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
“แกนั่นแหละที่เพ้อฝัน เอาแต่ความชอบไร้สาระของตัวเองเป็นหลัก ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องแบบนี้ก็ขึ้นห้องนอนไปเลย ไป!!!” ม่านฟ้าหันตัววิ่งขึ้นบันไดเข้าห้องไปทันที ใช่ว่าเขาเองจะอยากมายืนเถียงอยู่กับพ่อแบบนี้ พ่อไม่มีเหตุผล ยึดติดเกินไป เขาไม่ใช่เด็กดีอย่างภูหมอกที่พ่อบอกให้ทำอะไรก็ทำตามโดยไม่เถียง เขามีความชอบ มีความฝันที่อยากทำ และจะไม่ให้พ่อมาบังคับเขาได้
เสียงปิดประตูปังดังมาจากชั้นสองที่เป็นห้องนอนทำให้ภูหมอกเงยหน้ามองอย่างกังวล แอบห่วงความรู้สึกของพี่ชายที่ทะเลาะเรื่องนี้กับพ่อครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ดูท่าจะไม่สามารถหาข้อสรุปที่สวยงามสำหรับทั้งคู่ได้
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูห้องนอนพร้อมหัวทุยของน้องชายโผล่เข้ามาก่อน ภูหมอกที่ปีนี้อยู่เพียงแค่ม.3 แต่กำลังจะสูงแซงหน้าพี่ชายไปในไม่ช้าเอ่ยออกมา “พี่เมฆ โอเคมั้ย”
“ไม่” เสียงห้วนตอบกลับมาสั้นๆ
“ให้หมอกลองช่วยคุยกับพ่อให้ป่ะ”
“ไม่ต้องหรอก พ่อไม่ฟังใครอยู่แล้วนอกจากความคิดตัวเอง แกไปพูดจะโดนด่ากลับมาอีกคน”
“...”
“หมอกลงไปดูแม่เหอะ มีเรื่องทะเลาะกันแบบนี้ เดี๋ยวแม่ก็ไม่กินข้าวอีก ขอบใจมากเว้ยที่เป็นห่วง”
ม่านฟ้าพูดขอบคุณจากใจจริง แต่เวลานี้เขายังไม่อยากคุยกับใคร รู้ดีว่าตัวเองกำลังอารมณ์ไม่ดี พูดกับใครไปตอนนี้คงไม่พ้นใส่อารมณ์ด้วยเป็นแน่ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเข้าไปในไลน์กลุ่มเพื่อนสนิทที่รู้ปัญหาของเขากับที่บ้านเป็นอย่างดีแล้วบ่นให้เพื่อนฟัง
คิน : ‘เอาน่า มึงก็ใจเย็นหน่อย ลองค่อยๆ พูดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวพ่อมึงก็เข้าใจเอง’
พัฒน์ : 'ใช่ๆ หรือไม่ก็ชินไปเอง 555’
นัท : ‘แต่น้องมึงนี่ดีนะ มีค่อยห่วง ค่อยถามด้วย ถ้าเป็นไอเชี่ยนนท์น้องกูนะ แม่งหัวเราะใส่หน้ากูไปแล้วมั้ง’
พัฒน์ : ‘หืม? ปกติเวลามีปัญหาไรแพรวมันก็คอยช่วยกูนะ น้องมึงแม่งไม่รักมึงป่าว ไอนัท 5555’
นัท : ‘เห้ยย น้องมึงมันน้องสาว คนละมาตรฐานกันดิว่ะ เอามาเทียบกับน้องชายได้ไง’
'น้องกูก็น้องชาย แม่งก็ไม่เคยใจร้ายขนาดนั้นนะ': เมฆ
คิน : 'อ้าวๆๆ เจอคนน้องไม่รักอยู่แถวนี้คนนึงคร้าบบ น่าสงสารจังเลยย’
แล้วประเด็นการคุยก็เริ่มเปลี่ยนไปแซวเพื่อนจนเริ่มออกทะเลไร้สาระ จากคนอารมณ์เสียตอนแรกก็เปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีขึ้น เขาคิดไปถึงน้องชายที่กลายมาเป็นประเด็นให้เพื่อนโดนแซวก็รู้สึกโชคดีนิดๆ หมอกเป็นเด็กจิตใจดี ถึงจะขี้กลัวมากไปหน่อย แต่ก็คอยห่วงความรู้สึกคนในบ้านตลอด จนบางทีเขาก็รู้สึกเหมือนมีน้องสาวมากกว่าน้องชายเพราะอย่างน้อยมันก็ไม่ฮาร์ดคอร์กับพี่มันมากนักอย่างบ้านเพื่อนที่ชอบเอาน้องมาบ่นให้ฟัง
เสียงเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้อย่างออกอรรถรสของน้องชายกลับเข้ามาในภวังค์อีกครั้งหลังจากเขาปล่อยความคิดของตัวเองกลับไปสู่เรื่องในอดีต ข้อสงสัยในอดีตที่เคยคิดว่าบางทีหมอกก็เหมือนน้องสาวมากกว่าน้องชายเพิ่งจะได้รับการคลายปมก็วันนี้ เพราะความจริงเขาก็มี ‘น้องสาว’ จริงๆ นั่นแหละ หากนับกันที่หัวใจ ไม่ใช่เพศสภาพล่ะก็นะ
TBC
Achaya (Writer) :
ช่วงแรกของเรื่องจะเอื่อยๆ หน่อย ตามแฮชแท็กเรื่องนี้เป็นนิยายครอบครัวนะ อาจจะไม่ได้มีสืบสวนหาความลับมากมายอะไร หากใครคาดหวังไว้ขออภัยด้วย แต่อยากแสดงมุมมองที่เน้นด้านครอบครัวมากกว่าแค่มุมความรักของคนสองคนอย่างนิยายรัก
นิยายเรื่องนี้จะลงทุกวันเสาร์ (จะพยายามตรงต่อเวลานะ) หากสามารถลงวันอังคารเพิ่มมาได้อาทิตย์ใดก็ถือว่าโชคดีไป
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ภาคความจริง : บทที่ 21
“แล้วเลิกกี่โมง ให้พ่อมารับไหม”
ม่านฟ้าหันกลับมามองพ่อที่เปิดกระจกมาถามหลังส่งพวกเขาลงหน้ามหาวิทยาลัย “ไม่เป็นไรหรอกพ่อ ไม่น่าจะถึงเย็นหรอกมั้ง เดี๋ยวกลับเองก็ได้ครับ”
ชายวัยกลางคนดูลังเลนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้ารับเบาๆ เหลือบตาไปมองลูกชายอีกคนที่ไม่พูดอะไรทำเพียงยกยิ้มน้อยๆ มาตลอดทาง “งั้นก็กลับบ้านกันดีๆ ล่ะ เจอกันที่บ้าน”
ภูหมอกขยับยิ้มกว้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินคำนั้น ยกมือไหว้คนเป็นพ่ออีกทีก่อนรถสีดำจะเคลื่อนตัวออกไป ม่านฟ้าหันกลับมามองเด็กหนุ่มที่ยืนยิ้มเหมือนคนบ้าท่ามกลางแดดจ้าในยามเช้าแล้วก็ถอนหายใจ ผลักไหล่น้องชายให้เดินไปยังจุดนับพบของวันนี้
วันนี้ภูหมอกถูกเรียกตัวมาเป็นแบบสำหรับถ่ายรูปโปรโมทเฟรชชี่และตัวอย่างการใส่ชุดนิสิตที่ถูกระเบียบ เขาปล่อยน้องชายทิ้งไว้กับรุ่นเพื่อนรุ่นพี่ ฟังคำงอแงนิดหน่อยของน้องชายแล้วนั่งรถเวียนกลับไปที่หอใน เขารับปากกับรูมเมทไว้ว่าจะกลับมาช่วยเก็บของหลังจากเก็บไปบ้างแล้วบางส่วนตั้งแต่เมื่อวาน อยากจะรีบทำให้เสร็จก่อนน้องชายตัวดีจะงอแงขึ้นมาอีกรอบ
"แล้วแฟนมึงไปไหน ทำไมไม่มาช่วยกูเก็บของ"
คำถามของณัฐดนัยเรียกสายตาม่านฟ้าขึ้นมาจากชั้นเก็บของ พวกเขากำลังช่วยกันเก็บของครั้งใหญ่เพื่อให้ณัฐดนัยย้ายสำมะโนครัวไปอยู่กับคนรักโดยสมบูรณ์หลังเช่าหอไว้เป็นปีแต่แทบไม่ได้อยู่เลยสักวันเดียว
"แล้วมึงเป็นเมียน้อยมันเหรอ มันถึงต้องมาช่วยมึงเก็บอ่ะ"
คำถามง่ายๆ สไตล์มึนๆ ของม่านฟ้าเล่นเอาณัฐดนัยถึงกับหันขวับ
"แรงงง ปากร้ายมาก นี่มึงปากร้ายติดไอพีทมารึไง กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปี แค่มึงกล้าไล่กูออกจากหอกูก็เจ็บมากแล้ว มึงยังจะพูดจาทำร้ายจิตใจแถมใส่ความกูแบบนี้อีก"
ม่านฟ้าเก็บของพร้อมฟังเพื่อนดราม่าไปเรื่อยๆ แต่สมองกลับยังวนเวียนคิดถึงแต่เรื่องในวันนี้ จะว่าเหนือความคาดหมายก็ไม่แปลก จริงอยู่ที่เขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้เยอะแยะ แต่พอทุกอย่างมันจบลงได้แบบง่ายๆ เช่นนี้ก็เล่นเอาไปไม่ถูกเหมือนกัน
“กูแค่จะเตรียมเอาน้องมาอยู่ด้วย มีมึงเป็นรูมเมทตอนนี้ก็เหมือนไม่มี จะมาแชร์ค่าห้องกับกูทำไมตั้งหลายปี”
“ยังไงกูก็ยังอยากจะมีห้องเป็นของตัวเองบ้างนิหว่า ไม่ใช่ไปอยู่กับพี่เขาอย่างเดียวเลย” 'พี่' ที่ณัฐดนัยพูดก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากแฟนของเจ้าตัวนั่นแหละ แถมอายุยังห่างกันตั้งเจ็ดปีอีกต่างหาก
“แล้วตอนนี้? ” ม่านฟ้าหันไปเลิกคิ้วถามเพื่อนที่บทจะยอมย้ายก็ยอมง่ายๆ ทั้งที่ม่านฟ้าเคยบอกหลายต่อหลายรอบแล้วว่าจะย้ายก็ย้ายไป เขาหารูมเมทใหม่ได้
“พี่เขาบอกเดี๋ยวก็เรียนจบแล้ว ก็… เหมือนซ้อมไปอยู่ด้วยกันถาวรเลยดู”
"เออ ดีๆ ขอให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองนะมึง" ถึงตอนนี้จะเหมือนอยู่ด้วยกันถาวรแล้วก็เหอะ
"ไอxxx"
อ้าว โดนด่าอีก อุตส่าห์อวยพร
ม่านฟ้าส่ายหน้าขำๆ เมื่อเพื่อนรักสบถด่าออกมาเต็มคำ แต่ถึงจะแซวมันไปแบบนั้นแต่ก็ยินดีกับชีวิตดีๆ ของเพื่อนและคนรักที่ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรนอกจากงอนงุ้งงิ้งกันไปวันๆ
"เห้อ อีกเดี๋ยวก็ไฟนอลแล้ว เผลอแป๊บๆ เราจะจบปีสามกันแล้วนะไอเมฆ"
ม่านฟ้าพยักหน้าตอบรับคำเพื่อนแต่นึกได้ว่าต่างคนต่างก้มหน้าเก็บของจึงส่งเสียงตอบรับไปเบาๆ "อืม"
"ไอพวกที่ถ่ายรูปเฟรชชี่ของน้องมึงแม่งก็รีบ เรายังไม่ทันปิดเทอมแม่งเรียกเด็กมาถ่ายรูปล่ะ" ณัฐดนัยก็ยังเป็นณัฐดนัย เจ้าตัวสามารถพูดและเปลี่ยนเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปได้เรื่อยๆ แบบไม่มีหยุด
"เห็นบอกว่าพอปิดเทอม รุ่นพี่บางคนแม่งต้องไปค่ายหรือไม่ก็มีคนไปเวิร์ค เลยรีบๆ ถ่ายไปก่อนเลย" ม่านฟ้าคลายข้อสงสัยของเพื่อนก่อนจนถูกคำถามต่อไปยิงสวนมาอีก
"แล้วปิดเทอมนี้มึงไปไหนป่าว ต้องฝึกงานป่ะ ของกูก็ต้องไปฝึกงานเหมือนกัน แต่โคตรขี้เกียจ" ณัฐดนัยว่าแล้วเรียกม่านฟ้ามาช่วยยกลังที่เก็บของไว้จนเต็มไปไว้ที่หน้าห้อง
"ของกูไม่นะ กูยื่นฝึกไปตอนปีสี่เทอม 2 เลย กูอัดวิชาที่จำเป็นไว้แล้ว มีแต่ไอพีทอ่ะ ที่ต้องไปฝึกงาน"
"..."
"...อะไร" ม่านฟ้าถามกลับเมื่อโดนเพื่อนมองกลับมาด้วยสายตาเอือมระอาพร้อมเบะปากน้อยๆ
"ไม่ได้อยากรู้เรื่องแฟนมึง พูดเพื่อ" คนเตรียมย้ายออกทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงเมื่อมองซ้ายมองขวาก็เห็นว่าเก็บของทุกอย่างครบแล้ว
"อ้าว ก็เมื่อกี้มึงยังถามถึงผัวน้อยมึงอยู่เลย ทีแบบนี้ทำมาเป็นไม่อยากรู้" หนุ่มอักษรฯ ยักไหล่แล้วพูดขำๆ พิธานกับณัฐดนัยเป็นอีกคู่หนึ่งที่เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมากัน เจอหน้ากันทีไรต้องทะเลาะกันตลอดจนขนาดม่านฟ้ายังอดแซวไม่ได้
ทั้งๆ ที่อีกไม่นานก็จะดองกันอยู่แล้ว ยังจะกัดกันไม่เลิก
"โอ๊ยย รำคาญมึง" ณัฐดนัยบ่นขึ้นมาอีกหน่อยแล้วผลักหัวม่านฟ้าที่มานั่งอยู่บนพื้นเอาหลังพิงเตียงอยู่ข้างตัว "ว่าแต่เรื่องน้องมึง โอแล้วเหรอ"
"...อืม" ม่านฟ้าครางรับในลำคอเบาๆ ไหลตัวลงไปวางหัวกับที่นอนแล้วกล่าวต่อ "จบไปแบบงงๆ แต่ก็ดี"
"แต่น้องมึงนี่แม่งก็เก่งนะ หมอที่นี่คะแนนแม่งอย่างสูง น้องเพื่อนกู..."
เสียงของณัฐดนัยเริ่มเข้าสู่โสตประสาทของม่านฟ้าน้อยลงเรื่อยๆ ชายหนุ่มเห็นพระอินทร์กวักมือเรียกอยู่ไกลๆ แต่ก็พยายามคิดตามในสิ่งที่เพื่อนพูด แล้วก็เห็นจะจริง
หมอกมันเป็นเด็กเก่งจริงๆ นั่นแหละ
'เรียนให้เก่งเข้าไว้หรือทำงานหาเงินให้ได้เยอะๆ ประสบความสำเร็จในชีวิต แล้วคนก็จะยอมรับได้เอง'
'พ่อแม่พร้อมจะมองข้ามเรื่องเพศไปเสมอตราบใดที่คุณประสบความสำเร็จ'
ความคิดเห็นที่เคยอ่านจากกระทู้ในวันวานย้อนเข้ามาในหัวของเขา
ทุกคนก็คงคิดแบบนั้นสินะ
แล้วเขาล่ะ
'เพศที่สามเป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้เหรอ ทำไมใครๆ ต้องบอกให้เก่งเหนือคนอื่น การเป็นเพศที่สามไม่ใช่ปมด้อยที่จำเป็นต้องเอาข้อดีด้านอื่นมาปกปิดไม่ใช่เหรอ'
นั่นสิ ไม่ได้เหรอ เขาเป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้จริงๆ เหรอ
----
วันหนึ่ง
พีท : ‘วันนี้กลับบ้านไหม’
‘ไม่อ่ะ ขี้เกียจ’ : เมฆ
พีท : ‘โอเค วันนี้กูกลับบ้านนะ เฮียเรียกตัวไปกินข้าวด้วย’
‘เค ขับรถดีๆ ’ : เมฆ
วันหนึ่ง
พีท : ‘กลับบ้านป่าว’
‘ม่าย’ : เมฆ
พีท : ‘เค’
พีท : ‘กูไม่อยู่หอนะ วันนี้กลับบ้าน ลืมชีทไว้’
‘อาห่ะ’ : เมฆ
วันหนึ่ง
พีท : ‘มึงอยู่ไหน’
‘หอ’ : เมฆ
พีท : ‘กลับบ้านป่ะ’
‘ไม่’ : เมฆ
‘มึงจะกลับบ้านอีกแล้วเหรอ’ : เมฆ
‘ทำไมช่วงนี้กลับบ้านบ่อยจัง’ : เมฆ
พีท : ‘อ๋อ’
พีท : ‘เปล่าๆ วันนี้จะไปทำงานคอนโดไอซัน คงไม่กลับหอ’
พีท : ‘ถามดู เผื่อมึงกลับ จะได้ไปส่ง’
‘อ๋อ ไม่เป็นไร’ : เมฆ
‘ไม่กลับๆ ’ : เมฆ
ม่านฟ้าวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะกินข้าว เขากำลังทานข้าวอยู่ในโรงอาหารก็ถูกคนรักทักมาด้วย..เรื่องคล้ายๆ เดิม หลายวันแล้วที่พิธานทักมาด้วยประโยคคล้ายกัน แต่เนื้อความเดียวกันคือ ‘กลับบ้านไหม’ และทุกวันที่ทักมาก็ไม่ใช่วันศุกร์หรือวันที่ไม่มีเรียน แต่เป็นวันธรรมดาๆ เนี่ยแหละ
จะว่าแปลก แต่ก็ไม่รู้ว่าแปลกตรงไหน ก็แค่กลับบ้าน
ไม่ได้แอบไปมีกิ๊กซะหน่อย
ถึงการกลับบ้านของพิธานช่วงนี้จะทำให้ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้เขาคิดถึงหรืออาวรณ์อะไรกันขนาดนั้น ปกติก็ไม่ได้ตัวติดกันมากอยู่แล้ว (ถึงช่วงที่ผ่านมาจะมากไปหน่อยจริงๆ นั่นแหละ)
“ไอ้เมฆ ไงมึง”
เสียงทักที่ดังขึ้นทำให้ม่านฟ้าเงยหน้ามอง เห็นรูมเมทของคนรักอย่างกรณ์เดินมากับเพื่อนสนิทอีกคนก็พยักหน้าทักทายตอบ สองหนุ่มที่มาใหม่เดินมานั่งตรงข้ามกับม่านฟ้าพร้อมจานข้าว การเจอคนรู้จักในโรงอาหารหอในไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะอย่างไรก็วนเวียนกันอยู่แค่นี้ แต่ที่แปลกคือคำถามต่อมา
“ไม่ได้อยู่กับไอ้พีทเหรอ” ม่านฟ้าส่ายหน้าให้เล็กน้อยแล้วถามกลับไปแทน “นึกว่าไปทำงานด้วยกันหมด มันบอกไปทำงานหอซันนี่”
“...” สองคนมาใหม่เหลือบมองกันเล็กน้อยอย่างงุนงง แล้วส่ายหน้าเล็กน้อย ปฏิกิริยาของสองหนุ่มวิศวะตรงหน้าทำให้ม่านฟ้าเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ยักไหล่อย่างไม่คิดอะไรจนเมื่อประโยคต่อมาที่ทำเขาชะงักไปจริงๆ “ไอ้ซันมันลาทั้งอาทิตย์เพราะกลับบ้านต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอวะ”
อ้าว แล้วพีทไปไหน
คำถามจากสีหน้าของม่านฟ้าคงชัดเจนจนชายหนุ่มอีกสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะเริ่มนั่งไม่ติด สองหนุ่มมองหน้ากันแล้วก็ยิงคำถามกันทางสายตา ท่าทางเลิ่กลั่กเหมือนกลัวจะทำให้เพื่อนเดือดร้อนทำให้ม่านฟ้าถอนหายใจเบาๆ สองคนนี้คงไม่รู้เหมือนกันว่าพิธานไปไหน แต่เหมือนม่านฟ้าจะมีคำตอบที่ผุดขึ้นมาในใจ
กลับบ้านอีกแล้วเหรอ
แล้วทำไมต้องปิด หรือไม่อยากตอบคำถามที่เขาถามว่าทำไมถึงกลับบ้านบ่อย จริงๆ ถ้าพิธานจะกลับบ้านก็ไม่เห็นแปลก จะกลับไปโดยไม่บอกเขาก่อนเลยก็ได้ แต่นี่กลับถามเขาก่อนทุกครั้งว่าจะกลับบ้านไหม จนม่านฟ้าเหมือนจะเชื่อมโยงบางอย่างได้แต่ก็เหมือนจะไม่ได้
ช่างเถอะ
หนุ่มอักษรฯ คนเดียวในโต๊ะส่ายหน้าปัดความคิดออกไป ตัดสินใจว่าเจอหน้ากันค่อยถามก็ได้ ตลอดสี่ปีที่คบมาพิธานไม่เคยมีเรื่องให้เขาต้องกังวลอย่างการนอกใจ แม้แต่โกหกหรือปิดบังยังแทบจะไม่เคยด้วยซ้ำ หรือมี..แต่เขาไม่รู้ก็ถือว่าไม่มีแล้วกัน
“เออ แล้วเรื่องฝึกงาน มึงรู้ไหมว่าไอ้พีทต้องไปฝึกที่ไหน บริษัทที่มันได้เขาชอบส่งไปไซต์ต่างจังหวัด รุ่นพี่ที่ได้ปีที่แล้วแม่งต้องไปถึงหาดใหญ่เลยนะเว้ย” ม่านฟ้าดึงความคิดตัวเองออกมาเมื่อเจอคำถามต่อมาจากเพื่อนคนรัก
นั่นสิ เขายังไม่ได้ถามเลยว่าพิธานจะต้องไปที่ไหน
.
.
"ระยอง"
พิธานตอบคนรักพร้อมเอาตัวโตๆ มาแปะติดไว้กับหลังของม่านฟ้าในอีกสองวันต่อมา ม่านฟ้าขยับหัวหลบอีกคนที่เริ่มทำตัวไม่มีกระดูกแทนเขาแล้วเอาคางมาเกยอยู่ที่บ่า พิธานที่ยื่นเรื่องขอฝึกงานไปกับบริษัทหนึ่งกำลังจะถูกส่งตัวไปฝึกงานที่ระยองเป็นเวลาเกือบสองเดือนในช่วงปิดเทอมใหญ่ก่อนเข้าปีสี่
แท้จริงแล้วก็ใช่ว่าจะไปยาวไม่กลับตลอดสองเดือนหรอก แต่เพราะต้องทำงานหกวัน หยุดเพียงวันอาทิตย์วันเดียว พิธานจึงอาจจะกลับอาทิตย์เว้นอาทิตย์หรือแล้วแต่ความสะดวก โชคดีที่บริษัทมีบ้านพักสำหรับพนักงานอยู่ด้วย ไม่งั้นถ้าต้องจองโรงแรมหรือเทียวไปเทียวกลับคงแย่
“อย่าหงอยนะ คุณแฟนไม่อยู่เดี๋ยวทิ้งกางเกงในไว้ให้ดม”
‘คุณแฟน’ คนปากเสียที่ยังไม่ทิ้งลายเดิมโดนสบถด่าเข้าไปหนึ่งดอกจากคนรัก ม่านฟ้าส่ายหน้าระอากับคำพูดเพ้อเจ้อและความวอแวของเจ้าตัวที่ยังไม่เลิกนัวเนีย ไม่ได้คิดมากเท่าไหร่กับการที่ความรักของพวกเขาอาจจะต้องเป็นรักทางไกลกันสักพัก สำหรับคู่รักคู่อื่นอาจเป็นเรื่องใหญ่กับการต้องห่างกัน แต่พวกเขาเองก็ใช่ว่าจะตัวติดกันหรือหวานกันมากมายจนจะทนไม่ได้หากต้องจากกันสักระยะเช่นนี้
อืม ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะนะ
โอเค ยอมรับว่าแอบหงุดหงิดใจนิดหน่อย หงุดหงิดตัวเองที่เกิดความรู้สึกแปลกๆ นี่แหละ ม่านฟ้าไม่เคยคิดว่าการไปฝึกงานที่ต่างจังหวัดของคนรักจะเป็นปัญหาหรอก แต่เพราะช่วงนี้พิธานมักทำตัวติดกับเขามากเกินไป เผลอก็จับ เผลอก็กอด แถมบางทียังมีจูบให้งงๆ เขินๆ กันไปอีก...จนเขาเริ่มชิน
เริ่มติด
ติดไปกับสัมผัสอุ่นๆ ของคนคนนี้ เสียงทุ้มที่ได้ยิน ร่างสูงที่มักเห็นอยู่ในสายตา พร้อมทั้งความรู้สึกดีๆ ที่มีใครคอยคุยเล่น ปรึกษา ปรับทุกข์ ไปจนถึงหยอกล้อเรื่อยเปื่อยอยู่เกือบทุกวัน
เกลียดการมาทำให้ติดแล้วก็ทิ้งแบบนี้จังว่ะ
“กูไม่อยู่ก็อย่าคิดมากล่ะ... อนุญาตให้คิดได้อย่างเดียวคือคิดถึงเค้า เข้าใจไหมตัวเอง”
ม่านฟ้าถอนหายใจใส่อีกคนแถมด้วยการมองบนไปอีกหนึ่งดอก อารมณ์หงุดหงิดใจหายไปเปลี่ยนเป็นเหนื่อยใจกับคนที่กอดอยู่ด้านหลังแล้วทำเสียงเล็กเสียงน้อยแทน คำหยอดพวกนี้พวกเขาเคยมีกันที่ไหน ได้ยินทีไรขนลุกทุกที
“โอยๆๆ ล้อเล่นๆ แหม ก็อยากลองหยอดบ้าง เห็นคู่อื่นเขาก็หยอดกัน กะงุกะงิ” พิธานรีบรั้งเอวม่านฟ้าไว้เมื่อเห็นคนรักทำท่าจะขยับออกจากวงแขนจึงดึงมานั่งตรงหว่างขาเสียเลย คนถูกหยอดเหลือบตามองคนรักที่พูดภาษาแปลกๆ ออกมาแล้วส่ายหัว ยื่นมือออกไปอังหน้าผากคนรักให้มั่นใจว่าไม่ได้ป่วยจนเพี้ยนก่อนพยักหน้าตอบรับแกนๆ กลับไป “โอเคๆ เมฆจะคิดถึงพีทนะครับ”
ม่านฟ้าเผลอยิ้มพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นอีกคนมีเลือดฝาดขึ้นที่ข้างแก้มอย่างคนเขิน สายตาคนตัวโตเบนออกไปทางอื่นแล้วพึมพำออกมาเบาๆ “เห้ยย อย่าแทนตัวเองด้วยชื่องี้ดิ มันดาเมจจ”
คนสร้างความเสียหายให้ผู้อื่นเหมือนยังไม่สาแก่ใจหันกลับไปจูบเบาๆ ที่ปลายคางแล้วพลิกตัวมาซุกหน้าลงกับบ่ากว้าง คนตัวโตที่โดนดาเมจซ้ำๆ กอดคนรักไว้นิ่งเหมือนรอเวลาให้เลือดเต็มหลอดก่อนก้มลงสูดกลิ่นที่คุ้นเคยเข้าไปอีกครั้ง “กูรู้สึกเหมือนช่วงนี้กูติดมึงมากยังไงไม่รู้ ไอพวกเพื่อนแม่งก็บอกงั้น”
“อืม..” คนตัวเล็กกว่ายังซุกหน้านิ่งอยู่เช่นเดิม ไม่อยากบอกว่าเขาเองก็กำลังพยายามเก็บเกี่ยวความอบอุ่นของคนตรงหน้าไว้เหมือนกัน ทั้งเขินทั้งคันหัวใจแปลกๆ กับอาการราวกับข้าวใหม่ปลามันเช่นนี้ทั้งที่ก็คบกันมาหลายปีแล้ว แต่สุดท้ายก็ถูกอีกคนจี้ให้ตอบจนได้
“อืมอะไร”
“อืม…” ทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าเขาหมายความว่าอะไร ก็ยังจะเร่งให้เขาพูดมันออกมา “เหมือนกัน”
เมื่อได้คำตอบที่ถูกใจ พิธานก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบางๆ “แต่จะไปก็ยังอดห่วงมึงไม่ได้อยู่ดี” เขาขยับตัวม่านฟ้าออกมาเพื่อสบตากันตรงๆ เสยผมที่ปรกหน้าลงมาให้คนรักก่อนประคองแก้มอีกฝ่ายไว้ด้วยมือข้างเดียว “เมฆ”
“...” ม่านฟ้าได้แต่นิ่งรอฟังคำพูดของอีกคนที่เปลี่ยนท่าทางเป็นจริงจังมากขึ้น
“อย่าเพิ่งบอกอะไรกับพ่อทั้งนั้นตอนที่กูไม่อยู่ ไม่รู้ว่าพ่อจะโมโหขึ้นมาอีกไหม แต่ให้กูอยู่ใกล้ๆ มึงก่อน ไม่เอาตอนที่กูอยู่ไกลแบบนี้ รู้มั้ย” พิธานมองคนรักที่มองมาครู่หนึ่งก่อนหลุบตาหนีลงไป แล้วฝืนตัวเองเอนมาซบบ่าของเขาอีกครั้งอย่างเนียนๆ
“อย่าเงียบ รับปากกูมาก่อน เร็ว” ว่าที่นิสิตฝึกงานเขย่าตัวคนรักเบาๆ เป็นการเร่ง
"กูว่ากูลองคุยเองได้" ม่านฟ้าไม่ได้คิดจะจูงมือพิธานเข้าบ้านแล้วเดินไปสารภาพกับพ่ออย่าง 'พ่อครับ นี่แฟนผม' ให้ช็อกตาตั้งแบบนั้น ขืนทำเช่นนั้นจริงพิธานคงไม่พ้นโดนตะเพิดแถมโดนพ่อเกลียดขี้หน้าไปด้วยแน่นอน
"ไม่ดิ ไม่เกี่ยวกับให้กูไปด้วยไหม แต่หมายถึงให้กูสแตนด์บายอยู่ใกล้ๆ ก่อน ไม่ใช่เกิดเรื่องอะไรแล้วกูอยู่ถึงระยองโน่น" พิธานก็รู้ว่าม่านฟ้าคงไม่ยอมให้เขาเข้าไปคุยกับพ่อด้วย แต่ขออยู่ใกล้ไว้ก่อนอุ่นใจกว่า
"..." ม่านฟ้านิ่งเงียบเหมือนคนหลับอยู่ในอ้อมแขน
"มึงอยากให้กูขับรถเร็วๆ กลับมาหามึงเหรอ" แต่พิธานรู้ เจ้าตัวไม่ได้หลับหรอก
"..." พิธานชอบเรียกอาการนี้ว่าดื้อเงียบ แต่แท้จริงแล้วม่านฟ้ากำลังใช้ความคิดต่างหาก
"แล้วไม่ใช่คิดว่า แค่ยังไม่ต้องบอก แก้ปัญหาอะไรไปเอง รอกูกลับมาแล้วค่อยบอกนะ กูมารู้เรื่องอะไรทีหลังกูโกรธจริงๆ นะเมฆ" เมื่อซบก็แล้วนิ่งก็แล้วก็ยังไม่ได้ผล ม่านฟ้าก็เริ่มออกอาการเบะปากเล็กน้อย..แต่ไม่พ้นสายตาของคนตัวโต "เบะปากทำไม คิดจะทำใช่ไหม"
"..."
"..."
"พีท" หลังจากเงียบให้โดนบ่นมานาน ม่านฟ้าก็เริ่มออกปากบ้าง
"กูให้มึงเก็บเป็นความลับมาตลอด ทำให้มึงต้องอึดอัด แล้วพอถึงคราวที่จะบอกความจริง ก็ยังจะให้กูทำตัวเป็นภาระมึงอีกเหรอ" พอสิ้นคำของม่านฟ้าเสียงถอนหายใจแรงๆ ก็ดังมาจากอีกคน ก่อนจะถูกดันลงมานั่งข้างกัน ระดับความจริงจังเพิ่มขึ้นห้าระดับทันที
"นี่คิดแบบนี้เหรอ"
"ตอนนั้นที่มึงพากูไปหาป๊าม้าครั้งแรก" ม่านฟ้าไม่ได้ตอบคำถามของคนรักแต่เริ่มพูดในสิ่งที่คิดออกมา "เพราะมึงบอกท่านไว้แล้ว มึงจัดการความรู้สึกของคนในบ้านไว้หมดแล้ว ตอนกูไปครั้งนั้นมันเลย...ดีมาก ทั้งที่กูกลัวแทบตาย แต่ป๊าม้าเขาต้อนรับกูดีมากๆ เลย"
"กูก็แค่อยากทำให้ได้แบบนั้นบ้าง" ยิ่งพูดเสียงของม่านฟ้ายิ่งเบาลงเรื่อยๆ ใบหน้าก้มต่ำจนพิธานจับได้เพียงเสียงที่สั่นเล็กน้อย "แต่กูก็ไม่รู้จะทำยังไง"
"...อืม"
เพียงได้ยินคำตอบรับสั้นๆ ของพิธาน คนตัวเล็กกว่าก็เหลือบตาขึ้นมองอีกคน สายตาของม่านฟ้าแดงก่ำซึ่งก็แทบไม่ต่างจากคนที่ส่งเสียงดุออกมาตอนนี้ ม่านฟ้าหดคอลงไปเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะรู้ว่าตาแดงๆ ของพิธานก็เกิดขึ้นจากอารมณ์อ่อนไหวเช่นกัน
"..."
"มีอะไรอยากจะพูดอีกไหม" ม่านฟ้าเม้มปากอยากจะบอกว่าไม่ แต่ปากก็หลุดพูดสิ่งที่อยู่ในหัวออกไปก่อน
"เมื่อไหร่เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างแฮปปี้เอนดิ้งเสียทีว่ะ"
หน้าตาหงอยๆ ของคนรักทำให้พิธานหลุดยิ้มออกมาอย่างอาดูร ก้มหน้าลงไปชนหน้าผากกับคนรัก "นั่นสินะ"
มือหนาของพิธานเอื้อมลงจับมือเรียวของอีกคนไว้ เขาไล่นิ้วโป้งกับหลังมือเนียนช้าๆ อย่างใช้ความคิด...และกำลังเรียบเรียงความรู้สึกของตัวเอง
"แล้วมึงรู้ไหม กูรู้สึกยังไง"
"..."
"หรือมึงคิดว่ากูควรรู้สึกยังไง” พิธานหายใจเข้าลึกจนรู้สึกได้ถึงไหล่ที่กระเพื่อมขึ้นลง “คนที่ยอมรับเงื่อนไขของมึงตั้งแต่แรก แต่สุดท้ายก็ดิ้นรนจะทำลายเงื่อนไขนั้น ผลักให้มึงออกไปสู้กับพ่อของมึง เหมือนบังคับให้มึงออกไปสู้สิ ออกไปสู้เพื่อกู กูจะได้หายอึดอัด มึงคิดว่ากูต้องรู้สึกยังไง”
เสียงที่เริ่มสั่นของพิธานทำให้ม่านฟ้ากำมือของคนรักแน่นขึ้น “ถึงวันนั้นจะไม่ใช่เพราะพ่อรู้เรื่องของเรา แต่วันที่พ่อเข้าใจผิดแล้วมึงหนีออกจากบ้าน กูที่ต้องเห็นมึงร้องไห้อยู่กับอกกูเนี่ย ต้องเห็นตัวมึงเขียวมึงช้ำไปหมดเพราะโดนพ่อตี มึงคิดว่ากูต้องรู้สึกยังไงเมฆ”
ม่านฟ้านิ่งงันอย่างคนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นน้ำตาของคนรักร่วงลงมาบนตัก พิธานไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย เจ้าตัวเพียงปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเหมือนคนที่อัดอั้นกับความรู้สึก
“กูอยากจะบอกให้มึงพอ พอแล้ว ไม่ต้องบอกแล้ว เราอยู่กันอย่างงี้ก็ได้...แต่กูก็ยังเห็นแก่ตัว”
“กูดิ้นรน กูอยากทำอะไรได้บ้าง กูอยากจะเดินไปให้พ่อมึงต่อย พ่อมึงตบ ถ้าเรื่องมันจะจบลงได้อย่างงั้น แต่กูก็รู้ว่ามันไม่ใช่...กูถึงทำได้แค่อดทน” ม่านฟ้าพยายามปาดน้ำตาที่ไหลลงมาตามแก้มของคนรัก ปวดหนึบที่หัวใจเมื่อสบกับสายตาที่อัดอั้นและเจ็บปวดของคนรัก เข้าใจความรู้สึกของพิธานที่ต้องเห็นเขาร้องไห้ซ้ำๆ ก็เมื่อต้องมาเห็นน้ำตาของคนรักเช่นนี้
“เพราะงั้นแค่ให้กูได้อยู่ข้างๆ นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่กูจะทำให้มึงได้...มึงให้กูเถอะนะ”
เป็นม่านฟ้าที่สะอื้นขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว เขาพยักหน้าให้คนรักซ้ำๆ เหมือนยิ่งย้ำให้คนรักเชื่อ “ได้ๆ กูสัญญา กูจะบอกมึง กูจะรอมึงกลับมานะ ไม่ร้องแล้วนะพีท กูขอโทษ”
พิธานหายใจเข้าลึกอีกหน หลับตาลงครู่หนึ่งอย่างปรับอารมณ์ตัวเอง กุมมือของม่านฟ้าเอาไว้ก่อนดึงขึ้นมาจูบเบาๆ “มึงจะขอโทษทำไม กูไม่ได้โทษมึงเลย มึงก็อย่าร้องนะ ขี้แยที่สุด แฟนกูเนี่ย”
ม่านฟ้าพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี ขยับเข้าไปกอดพิธานเอาไว้แล้วลูบหลังอีกคนเหมือนปลอบเด็กร้องไห้ให้หยุดร้อง จนพิธานเผลอยิ้มและหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“แทนที่มึงจะส่งกูไปฝึกงานอย่างหวานๆ ทำไมมันถึงเต็มไปด้วยน้ำตาแบบนี้กันเนี่ย”
TBC
Achaya (Writer) :
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันและคอมเมนต์นะคะ