พิมพ์หน้านี้ - INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่7 ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ 20/05/63

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: DAIJANG ที่ 08-05-2020 18:32:22

หัวข้อ: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่7 ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ 20/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: DAIJANG ที่ 08-05-2020 18:32:22
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่1. ยินดีที่ได้รู้จัก
เริ่มหัวข้อโดย: DAIJANG ที่ 08-05-2020 19:01:05
ตอนที่1. ยินดีที่ได้รู้จัก

ช่วงชีวิตที่สนุกที่สุดคงจะเป็นช่วงเรียนมัธยมอย่างที่ใครๆเขาพูดกันจริงๆเพราะได้ใช้ชีวิต เล่น เรียน แล้วก็อยู่กับเพื่อนแบบไม่ต้องคิดอะไรมากเพราะพอเริ่มเข้ามหาลัยนั้นหมายถึงเราใกล้ที่จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว อะไรๆก็ต้องเปลี่ยนไปแต่มีสิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนไปไม่ว่าจะอยู่ในช่วงชีวิตในก็ตามและสิ่งนั้นก็คือ.....

ผมเองครับ

หลังจากใช้ความสามารถทางการวิ่งที่พอมีอยู่อันน้อยนิดของตัวเองวิ่งแบบสุดชีวิตมาถึงห้องเรียนได้ แต่มาถึงแล้วก็ต้องยืนตั้งสติอยู่หน้าห้องก่อน เอาหูไปแนบกับประตูฟังเสียงสถานการณ์ข้างในก่อนว่าโอเคไหมแล้วถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวหายใจเข้าพุธหายใจออกโธแล้วค่อยใช้สกิลการย่องที่มีอยู่ล้นตัวบิดลูกบิดประตูเบาๆแล้วเข้าไปนั่งแบบเนียนๆผมเข้าประตูหลังครับเลยไม่ค่อยเป็นจุดสนใจเพราะผมมักจะนั่งอยู่ท้ายๆห้องเด็กหลังห้องเอาง่ายๆ จารย์ผมแกไม่ค่อยสนใจเรื่องใครจะมาสายมาช้าขอแค่มึงมาเรียนก็พอประตูเลยจะถูกเปิดไว้ตลอดแต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะแสดงตัวโจ่งแจ้งว่ามาสายได้นะครับ ต้องรักษาภาพพจน์กันนิดหนึ่ง

นั่งลงแบบหอบๆเพราะมันเหนื่อยจริงๆกว่าจะมาถึงฝั่งฝันได้พอนั่งลงได้ผมก็หันไปถามเพื่อนสนิทสุดสวยของผมที่กำลังดูตั้งใจกับการเรียนอยู่

“ถึงไหนแล้ววะ”

“ถึงไหนอะไรละ จารย์แกพูดอย่างเดียวกูจับดินสอรอลงจนมือกูเป็นตะคริวแล้วเนี่ย”

“ปลาวาฬ”เพื่อนสนิทผู้หญิงเพียงคนเดียวของผมพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆแล้ววางดินสอลงบนแผ่นกระดาษดรออิ้งพร้อมกับยกมือขึ้นรวบกระโปรงยาวๆของมันมารวมไว้ตรงหว่างขาจนผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความไม่เป็นกุลสตรีของมันอย่างจนใจ

“ผลงานของเราจะเป็นยังไงก็อยู่ที่เราจะใส่จิตวิญญาณของเราลงไป งานของเราจะสื่อให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของเรา ใช้จิตเพ่งเล็งลงไป เพ่งเล็งลงไป ให้มันลึกที่สุดแล้วบ่งบอกความเป็นตัวตนของเราออกมา!”

เสียงที่อาจจะดังถึงหน้ามหาลัยยังไม่เท่ากับแอ็คติ้งของจารย์แกตอนนี้เล่นใหญ่ขนาดทุกคนต้องเงยหน้ามองตามมือที่จารย์แกกำลังผายออกอยู่ตอนนี้เลย

มองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นสมาชิกอีกคนของกลุ่มผมเลยหันไปถามปลาวาฬอีกรอบ

“แล้วไอ้แจอะ”

“ไม่รู้มัน ทักไปก็บอกเดี๋ยวมาจนป่านนี้ยังไม่เห็นหัวเลย เพื่อนกูแต่ละคนจะรอดถึงปีสี่ไหมเนี่ย”

ผมได้แต่ยิ้มแห้งให้ปลาวาฬไปอย่างไม่รู้จะแก้ตัวยังไงแล้วหันมาสนใจหยิบอุปกรณ์การเรียนออกมาพร้อมเรียนแต่...

“มึงยืมดินสอแท่งดิ กูลืม”

“โอ้ย นี่มึงพร้อมมาเรียนจริงไหมเนี่ยไอ้ติม!”

ปลาวาฬหันมาทำหน้ายักษ์ใส่ผมแล้วหันไปหยิบกระเป๋าดินสอที่ใหญ่กว่ากระเป๋าแต่งหน้าของมันมาโยนให้ ผมหยิบกระเป๋ามาเปิดหาดินสอแล้วพูดด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้านออกไป

“มึงไม่เคยได้ยินเพลงพี่ลำไยหรือไง”

“อะไรของมึง”

ปลาวาฬหันมาหน้ามุ่ยใส่ผมอย่างไม่เข้าใจ

“บ่ได้ขยันหมั่นเพียร ปากกาสิเขียนยังได้ยืมหมู่”

ผมร้องออกไปพร้อมกับสีหน้าติดตลกจนปลาวาฬมันถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่

นี่แหละครับชีวิตของผม ติดตลกไปนิด ติดขำไปหน่อย

ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยแล้วกันนะครับผมชื่อ”ติม”ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่คณะจิตกรรมชั้นปีที่1ชีวิตในมหาลัยก็มีเพื่อนสนิทอยู่แค่สองคนคือไอ้ปลาวาฬสาวสวยร่างอวบที่บางทีก็ดูจะแมนกว่าผมซะอีกกับไอ้แจหนุ่มหล่อหน้าตาดีที่โคตรจะติสท์แตกติสท์ขนาดที่ว่าแทบจะไม่เคยมาเรียนเลยขนาดพวกผมเป็นเพื่อนมันยังหาตัวมันโคตรจะยาก

“มึงไม่ต้องมาแล้ว เขาเลิกคลาสไปเป็นปีแล้วสัส”

ผมแหกปากใส่โทรศัพท์ที่ไอ้เพื่อนตัวดีกำลังคอลมาหาว่ายังมาเรียนทันไหม เป็นแบบนี้ทุกที

“อ้าว หรอวะเสียดายว่ะอดเลยงี้”

ไอ้แจพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเหมือนจะเสียใจอย่างสุดซึ้งที่มาเรียนไม่ทันสำหรับคนอื่นคงจะเชื่อว่ามันเสียดายจริงๆแต่สำหรับผมที่เป็นเพื่อนมันผมรู้ดีครับว่ามันกำลัง

“ตอแหล!”

ผมยังไม่ได้พูดสิ่งที่คิดออกไปเลยปลาวาฬที่เพิ่งกลับมาพร้อมของกินในมือได้แย่งโทรศัพท์ไปพูดแทนแล้วครับ

“ติดหญิงจนไม่มาเรียนนะมึงเดี๋ยวกูจะทักไปบอกน้องน้ำหวานของมึงว่ามึงแอบมีกิ๊กอยู่คณะบัญชี!”

“เฮ้ย ไม่ดะ...”

ยังไม่ทันที่ไอ้แจมันจะได้พูดจบปลาวาฬมันก็ตัดสายทิ้งไปเรียบร้อยแล้วยื่นโทรศัพท์คืนมาให้ผมพร้อมกับของกินที่ไปซื้อมา

“ขอบใจมึง แต่จริงๆกูไปซื้อเองก็ได้”

“นั่งๆไปเหอะมึงอะ รู้ตัวว่าไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนชาวบ้านเขายังจะชอบทำอะไรให้ตัวเองเหนื่อยอีกกูบอกแล้วใช่ไหมว่าจะสายก็ปล่อยให้สายไปไม่ต้องวิ่ง”

“คร๊าบ คุณแม่ รับทราบครับ”

ผมทำท่าวันทยหัตถ์พร้อมกับยิ้มหวานจนตาหยีให้ปลาวาฬ ไม่ใช่อะไรครับดีใจ ดีใจที่มีเพื่อนที่คอยห่วงผมขนาดนี้นอกจากครอบครัวก็มีปลาวาฬมันกับไอ้แจนี่แหละครับที่คอยเป็นห่วงผมพวกเราสามคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมจริงๆเราอยู่ต่างห้องกันแต่ได้มาเจอกันเพราะอยู่ชมรมศิลปะด้วยกันเมื่อตอนมอห้านี่เองจริงๆผมอยู่ชมรมฟุตบอลมาก่อนแต่เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ก็ไม่หน่อยแหละ เลยทำให้ต้องเปลี่ยนมาเข้าชมรมที่ไม่ต้องใช้แรงแทนเลยมาลงที่ชมรมศิลปะแต่ลึกๆผมก็เป็นคนชอบวาดรูปอยู่แล้วพอจะมีความสามารถทางด้านนี้อยู่บ้างไหนๆก็ไหนๆแล้วเลยเรียนต่อด้านนี้ซะเลยพอจะเข้ามหาลัยเราสามคนคุยๆกันว่าจะเข้าคณะจิตกรรมเหมือนกันก็เลยลองมาสอบด้วยกันแต่ก็ไม่คิดว่าจะติดด้วยกันทั้งสามคน

“อยู่นี้นี่เองพี่ตามหาตั้งนาน”

เสียงจากบุคคลปริศนาทำให้ผมที่กำลังกัดไก่ป๊อปค้างอยู่หันไปมอง

“น้องติมใช่ไหมจ๊ะ”

ผมกลืนไก่ป๊อปที่ค้างอยู่ในปากลงคอแล้วตอบออกไปแบบติดๆขัดๆ

“คะ..ครับ”

“คือพี่ชื่อพี่ส้มอยู่ปีสามนะ พี่เป็นตัวแทนจากฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะจิตกรรมของเรา”

พี่คนสวยแนะนำตัวเสร็จสรรพจนผมต้องหันไปหาปลาวาฬด้วยความสงสัยว่าแล้วมาแนะนำตัวกับกูทำไมวะ

“คืออีกสามอาทิตย์อย่างที่เราๆรู้ว่าจะมีงานกีฬาเฟรชชี่ใช่ไหม”

พี่แกเว้นระยะให้ผมได้จูลสมอง เมื่อเห็นว่าผมพยักหน้าเข้าใจแล้วแกถึงพูดต่อ

“พี่เลยมีหน้าที่หาคนที่พอจะเป็นหน้าเป็นตาให้คณะเราได้เอาง่ายๆก็คือหาคนหน้าตาดีไปเดินนำขบวนนะจ๊ะไปถือพวกธงพวกป้ายอะไรแบบนั้น”

“ครับ”

ผมตอบกลับไปแบบงงๆแบบแล้วยังไง

“น้องก็พอจะรู้ว่าคณะติสท์แตกอย่างพวกเราหาคนที่พอจะเป็นผู้เป็นคนมันก็แสนจะยาก แต่ดีนะที่มีน้องๆเขาส่งเข้ามาให้ในเพจประชาสัมพันธ์ว่ามีน้องที่น่ารักอยู่คนหนึ่งซ่อนตัวอยู่เงียบๆพี่เลยมาตามหาน้องจนเจอเนี่ยแหละ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน น้องติมไปถือธงคณะให้พี่หน่อยสิ”

“ผมเนี่ยนะครับถือธงคณะ!”

พี่เอาอะไรคิดครับพี่ช่วยดูสภาพผมตอนนี้ด้วยไก่ป๊อปเต็มทั้งสองแก้มที่อมไว้กับซอสมะเขือเทศที่ยังเลอะเต็มขอบปากผมอยู่ตอนนี้ มันจะไปเป็นหน้าเป็นตาให้คณะได้ยังไง

“ใช่จ้ะ”

พี่คนสวยแกยิ้มให้ผมอย่างมั่นใจไม่ใช่แค่พี่แกนะครับพี่อีกคนที่มาด้วยก็พยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างหลังหงึกๆ

“ผมว่าพี่ลองไปหาคนใหม่ดูเถอะครับ คือผมไม่ค่อยถนัดด้านนี้เท่าไร”

“ทำไมละจ้ะ น้องติมเหมาะที่สุดแล้วนะ”

พี่แกหน้าตกเสียงเศร้ามองผมทันที

“คือ ผม คือ...”

“ถือธงต้องเดินตากแดดกลางสนามเป็นวันๆใช่ไหมคะ”

ปลาวาฬที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นเบี่ยงเบนความสนใจจากพี่คนสวยสองคนที่กำลังจ้องผมอยู่ให้หันไปหามันได้

“ก็..นะจ๊ะ”

“คือติมมันไม่ค่อยแข็งแรงนะค่ะมันยืนกลางแดดนานๆกับอยู่ในที่คนเยอะๆไม่ได้”

ขอบคุณมึงปลาวาฬขอบคุณที่ช่วยชีวิตกู

“อ้าวหรอ”

พี่แกหันมามองผมด้วยสายตาตกใจแต่เสียงของปลาวาฬก็สามารถเรียกความสนใจของพี่แกไปอยู่ที่มันได้อีกรอบ

“แต่หนูมีคนหนึ่งจะนำเสนอนะคะ”

“ใครหรอจ๊ะ!”

หูตาพี่แกลุกวาวแล้วรีบถอยไปหาปลาวาฬมันทันที

“มันเป็นเพื่อนพวกหนูเองค่ะชื่อแจคนอาจจะไม่ค่อยเห็นมันเพราะมันไม่ค่อยมาเรียน แต่ความหล่อบอกได้คำเดียวว่าของดีของคณะเลยละไอ้ติมเนี่ยมันหล่อน่ารักออกจะไปทางน่ารักมากกว่าแต่ไอ้แจเนี่ยหล่อที่คือหล่ออะพี่เข้าใจไหมคะ ถ้าพี่ไม่ติดว่ามันออกจะเป็นเด็กเกเรไปหน่อยมันนี่แหละคะเริ่ด!”

“พี่ไม่ติดจ้ะ!”

พี่แกสวนกลับทันทีและไม่นาน...ผมก็กลายเป็นหมาหัวเน่าเพราะตอนนี้ปลาวาฬมันกำลังเอาไอจีไอ้แจพรีเซนต์พี่แกประหนึ่งว่าไอ้แจจ้างมันมารีวิวตัวมันเลยละ ผมหันมาสนใจกินไก่ป๊อปของผมต่อหลังจากที่ถูกขัดจังหวะไปนานไม่พอยังต่อด้วย ขนมจีบ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน เรื่องกินขอให้บอกกินจนแม่ร้องมาแล้ว

แต่มาคิดๆดูพี่แกบอกว่ามีคนส่งรูปผมไปให้ในเพจหรอ รูปไหนวะ รูปอะไร เพราะในไอจีผมก็ไม่เคยลงรูปตัวเองมีแต่รูป วิว ของกิน สถานที่ อะไรเทือกนั้นมากกว่า

“แล้วไอ้แจมันจะไม่ว่าหรอที่มึงไปโยนขี้ให้มันแบบนั้น”

ผมพูดขึ้นหลังจากที่ปลาวาฬจัดการพี่สาวสวยสองคนนั้นเสร็จจนเขายอมกลับไป ไม่ใช่อะไรคนอย่างไอ้แจมันก็ไม่ชอบทำอะไรแบบนี้เหมือนกันแค่จะมาเรียนมันยังทำยากเลยนับประสาอะไรกับมาทำงานส่วนรวมเพื่อคณะแบบนี้

“มันไม่ว่าอะไรหรอกทำเพื่อมึงมันทำหมดแหละ กินหมดก่อนกูแล้วมั้งมึงนะ”

ปลาวาฬว่าแล้วนั่งลงข้างๆผมหยิบถุงของกินมาเปิดๆดูผมมองเพื่อนตัวโตของตัวเองแล้วอดที่จะพูดออกไปไม่ได้

“ขอบใจนะวาฬ กูโชคดีจริงๆที่มีเพื่อนแบบมึงสองคน”

ปลาวาฬที่กำลังจะจิ้มชมพู่เข้าปากถึงกับต้องหันมาหาผมที่กำลังมองมันอยู่จนมันถอนหายใจออกมายาวเหยียด

“มีกันอยู่แค่สามหน่อ ไม่ให้รักกันจะให้ไปรักหมาที่ไหนวะ”

พูดจบก็ยื่นมือมาดันหน้าของผมออกห่าง

“โหย อุตส่าห์ทำซึ้งเอากูไปเทียบกับหมาเฉย”

ผมว่าด้วยหน้าบูดๆแล้วหันมาสนใจของกินตรงหน้าต่อแต่ก็ไม่ลืมถามสิ่งที่อยากรู้ออกไป

“ว่าแต่ใครเป็นคนส่งรูปกูไปในเพจวะ”

“กูก็อยากรู้เลยขอดูรูปที่คนส่งไปให้พี่แก”

พูดจบปลาวาฬมันก็เลียมือที่เปื้อนของกินเพื่อทำความสะอาดแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมากดๆแล้วยื่นมาให้ผมเป็นรูปแคปจากหน้าแชทข้อความของเพจ

มันเป็นรูปผมที่กำลังใช้ปากดึงลูกชิ้นปิ้งออกจากไม้ทั้งที่ดูเหมือนว่าในปากก็ยังมีลูกชิ้นคาอยู่จนแก้มป่องพร้อมกับมือข้างซ้ายที่ถือถุงลูกชิ้นปิ้งอยู่ ไม่ได้หล่อเหลาอะไรหรอกนะครับแค่ด้วยแสงสีส้มอุ่นๆที่น่าจะเป็นช่วงเวลาใกล้ค่ำที่ตกมากระทบกับหน้าผมจากทางด้านข้างมากกว่ามันเลยทำให้ภาพออกมาดูดีจนเกินความเป็นจริง


(ขอส่งคนนี้เข้าประกวดค่ะพี่ดาเมจความเป็นไอ้ต้าวแรงมากกกก แต่ชื่ออะไร ปีไหน ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะได้ภาพมาจากคนอื่นอีกที ลองสืบดูค่ะ)


อ่านข้อความประกอบแชทจบผมก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้ปลาวาฬ ใครจะถ่ายหรือเอารูปมาจากไหนผมก็ไม่ว่าหรอกแต่ช่วยถ่ายตอนที่ผมหล่อๆเท่ๆกว่านี้หน่อยได้ไหม ถ่ายตอนที่กินแบบนี้เขาก็รู้หมดว่าผมเป็นคนแดกเก่ง

“กูบอกแล้วว่ามึงอะน่ารัก เห็นไหมไม่ใช่แค่กูกับไอ้แจที่คิดคนอื่นเขาก็คิด”

ปลาวาฬพูดแล้วหันมาจับหน้าผมบีบเข้าหากันจนบี้

“ฉะนั้น มึงก็ช่วยทำตัวให้มันเหมาะสมกับที่ป๊ากับม๊ามึงออกมึงมาให้น่ารักขนาดนี้ให้มันคุ้มกับความเหนื่อยของเขาหน่อยไม่ใช่วันๆเอาแต่กิน กิน ทำตัวเหมือนเด็กแบบนี้แล้วอย่างนี้เมื่อไรจะมีแฟนกับเขาสักที”

“โอ้ย เลิกพูดว่ากูน่ารักสักทีได้ไหมทีไอ้แจมึงยังบอกว่ามันหล่อได้เลยกูก็เป็นผู้ชายเหมือนกันทำไมไม่ชมกูว่าหล่อเหมือนมันบ้าง”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆแล้วแกะมือปลาวาฬมันออกจากหน้า ก็มันจริงๆอะผมหลอนกับคำว่าน่ารักมาก

“ทำไมพี่ติมน่ารักจัง”

“น้องติมน่ารักมาก”

“ยิ้มแล้วน่ารักมากเลยติม”

“ติมน่ารักกว่าผู้หญิงอีก”

ผมเอียนกับประโยคพวกนี้มากเอาจริง ตั้งแต่เด็ก ประถม มัธยม จนตอนนี้มหาลัย มันยังจะตามมาหลอกหลอนผมอีกทำไมวะเกิดมาเป็นผู้ชายอกสามศอกทั้งทีก็อยากโดนชมว่าหล่อกับเขาบ้างไหม...ถึงบางทีจะส่องกระจกแล้วพูดกับตัวเองว่า

ผิวกูจะขาวไปไหนแล้วตามันจำเป็นจะต้องโตใสปิ๊งเวอร์วังขนาดนี้ไหมขนตาอีกมันจะงอนยาวดกดำอะไรขนาดนี้ไปทำไมกระพริบตาทีนึกว่าติดขนตาปลอมเบอร์ใหญ่สุดมายิ้มอีกยิ้มทีนี่คิดว่าพี่เต้ยจรินทร์พรสองกว้างจนแมลงวันแทบจะบินเข้าปากได้เคยเปลี่ยนมาลองทำตัวขรึมๆจะได้ดูเท่ๆก็ไปไม่รอด

มันมีคลอสสอนความเป็นชายไหม จะไปลงเรียนให้มันรู้แล้วรู้รอด

หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่2. อยู่ๆก็มีเรื่องราวให้นอนไม่หลับ
เริ่มหัวข้อโดย: DAIJANG ที่ 09-05-2020 12:22:35
ตอนที่2. อยู่ๆก็มีเรื่องราวให้นอนไม่หลับ

TONGPHON

ร้านข้าวมันไก่เฮียโต
(มีความสุขทุกครั้งที่ได้กินข้าวมันไก่ฝีมือป๊า)

ผมแชะภาพข้าวมันไก่ที่แสนจะธรรมดาแต่รสชาติไม่ธรรมดาที่กินมาตั้งแต่เกิดพร้อมกับแคปชั่นที่ถ้าป๊าเห็นต้องภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้กดอัปลงไอจี

“ติม ยานะลูก”
เสียงม๊าตะโกนมาจากหน้าร้านเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะกินข้าว

“เอามาแล้วครับ”

ผมตะโกนตอบกลับไปพร้อมกับวางโทรศัพท์ลงหันไปหยิบตลับยาที่ม๊าเตรียมไว้ให้เป็นชุดๆออกมาไว้พร้อมกินหลังอาหาร ยาส่วนมากก็เป็นยาพวกวิตามิน ธาตุเหล็ก ยาเสริมภูมิคุ้มกัน อะไรพวกนั้นแต่ก่อนผมเป็นคนร่างกายแข็งแรงนะพวกบ้ากำลังคนหนึ่งเลยแหละแต่พอเกิดอุบัติเหตุจากคนแข็งแรงก็กลายเป็นคนอ่อนแอขึ้นมาซะงั้นกลายเป็นคนเหนื่อยง่ายเวลาทำอะไรเร็วๆก็หายใจไม่ทันเลยต้องกินยาพวกนี้ตลอด

“เจ้จะมาเมื่อไรอะม๊า”

ผมถามถึงพี่สาวเพราะนี้จะเที่ยงแล้วยังไม่เห็นมาเลย วันนี้เป็นวันเสาร์ผมกับพี่จะกลับบ้านวันเสาร์และวันอาทิตย์มหาลัยที่ผมเรียนค่อนข้างอยู่ไกลจากบ้านมากเลยต้องย้ายไปอยู่หอจริงๆที่บ้านไม่มีใครอยากให้ผมไปอยู่ไกลหูไกลตาเพราะเป็นห่วงแต่จะให้เดินทางไปกลับทุกวันสิน่าเป็นห่วงกว่าอีกเลยยอมให้อยู่หอ ส่วนพี่สาวผมเรียนจบแล้วตอนนี้ทำงานเป็นสาวออฟฟิศทำหน้าที่เกี่ยวกับการเงินการบัญชีให้กับบริษัทที่ไม่ถึงกับใหญ่โตมากแต่ก็ไม่เล็ก เห็นแบบนี้เงินเดือนเจ้ไม่ธรรมดาเลยละไม่อยากจะโม้เพราะวันปกติลูกทั้งสองคนไม่ได้อยู่บ้านวันหยุดเลยต้องกลับมาให้ป๊ากับม๊าเห็นทุกอาทิตย์ถ้าไม่ติดอะไร

“เดี๋ยวก็มา จะทำอะไรพี่เขาอีกละเรานะ”

ม๊ากำลังคิดบัญชีเงินที่ขายของได้วันนี้พูดขึ้นทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผม ร้านข้าวมันไก่ของบ้านผมขายดีนะเปิดหกโมงเที่ยงก็หมดแล้วลูกค้าประจำเพียบ

“ติมอยากกินเค้กหน้าฝอยทอง”

“เพิ่งจะกินข้าวไปสองจานไหนจะน้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋อีกยังจะกินต่อได้อีกหรอติม”

คราวนี้ม๊าว่าแล้วเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกเพราะม๊ารู้ดีว่าผมเป็นคนกินเก่งขนาดไหนก็ตามประสาลูกหลานคนจีนอะยิ่งที่บ้านเปิดร้านขายของกินแบบนี้แถมบ้านยังอยู่ในย่านเยาวราชอีก จบเหตุครับ

ผมเบ้หน้าแล้วหันมาสนใจดูหนังในเน็ตฟิคที่ดูค้างไว้ในไอแพดต่อ

“ป๊าหวัดดีค่ะ”

เสียงที่ดังมาจากหน้าร้านทำให้ผมต้องหันไปมองเจ้เดินเข้าไปหาป๊าที่กำลังตัดแต่งต้นไม้หน้าร้านของรักสุดหวงอยู่ ผมเห็นแล้วรีบลุกจากเก้าอี้วิ่งออกไปหาทันที

“เจ้หวัดดี มีไรมากินบ้างอะ!”

เจ้หันมาหาผมที่กำลังมองถุงในมือตาเป็นประกายแล้วถาม

“แกไม่คิดจะทักเจ้ด้วยประโยคอื่นเลยหรอติม”

“มาติมช่วยถือ”

ผมไม่สนใจหรอกครับยื่นมือไปรับถุงในมือเจ้มาแล้วรีบเดินเข้าร้านทันที เจ้ได้แต่มองตามด้วยสายตาเอ็นดูในตัวน้องชายแล้วหันไปหาป๊าที่กำลังสนใจตัดใบไม้ที่ตายแล้วออกจากต้น

“ไปกินไก่ทอดกันป๊า ตูซื้อขนมเปี๊ยะไส้ไข่เค็มของโปรดป๊ามาให้ด้วยน๊า”

ลูกสาวคนโตว่าแล้วยื่นมือไปคล้องแขนผู้เป็นพ่อให้เดินเข้าบ้านพร้อมกัน

ของทุกอย่างที่ผู้เป็นพี่ซื้อพร้อมกับน้ำชาถูกจัดลงจานพร้อมทานอยู่บนโต๊ะทานข้าวกลางบ้านเป็นที่เรียบร้อยและนี้เป็นเวลาที่ทุกคนจะได้พูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันว่าทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง

“เห็นข่าวออกทีวีว่าเขาประท้วงแถวๆบริษัทตูไม่ใช่หรอลูก”

ป๊าพูดพร้อมกับหันหน้าไปหาพี่สาวคนโตด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรคะป๊าเขาประท้วงไกลอยู่แต่เจ้าของบริษัทตูเขาก็ให้ยามรักษาความปลอดภัยให้พนักงานเพิ่มขึ้น”

“จะไปไหนมาไหนก็ระวังตัวนะลูก”

ม๊าพูดเสริม มองเจ้ด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน

“ค่ะม๊า”

เจ้ยิ้มให้ม๊าแล้วหันมาสนใจกินไก่ทอดในจานต่อ

“เออ ได้ข่าวว่ามหาลัยจะมีงานกีฬาเฟรชชี่ไม่ใช่หรอติม”

เจ้หันมาพูดกับผมที่กำลังตั้งใจกัดไก่ทอดในมืออย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ผมเลยพยักหน้าตอบไปเพราะพูดไม่ได้ ผมกับเจ้เรียนมหาลัยเดียวกันครับ

“แล้วได้ทำอะไรกับเขาไหมละ”

ผมกลืนของลงคอแล้วตอบ

“มีรุ่นพี่จะมาเอาติมไปเป็นคนถือธงให้คณะด้วยแหละ”

“โอ้ว ออร่าออกตั้งแต่ปีหนึ่งเลยหรอเนี่ยไม่เสียชื่อน้องชายอดีตดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของมหาลัยอย่างเจ้จริงๆ”

“แต่ติมไม่เอาด้วยหรอก”

“เอ้า ทำไมอะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆนะคนอยากทำเยอะแยะ”

เจ้ถามผมด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสังสัย

“มันต้องเดินกลางแดด คนก็เยอะ ติมอยู่ไม่ได้หรอก”
เจ้นิ่งไปครู่หนึ่งไม่ใช่แค่เจ้นะที่นิ่งป๊ากับม๊าก็เหมือนกัน ทุกคนคงรู้ว่ากำลังจี้จุดผมอยู่
“ไม่เห็นต้องไปโชว์ความหล่อให้ใครเขาเห็นเลย ป๊าม๊าแล้วก็ตูรู้ว่าติมหล่อที่สุดก็พอแล้วนิ”
ป๊าพูดแล้วยื่นมือมาขยี้หัวผมโยกไปมาเหมือนที่ชอบทำประจำจนผมต้องยิ้มให้ทุกคน ผมขอบคุณตัวเองทุกครั้งที่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ดีแบบนี้ถึงจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมายแต่ก็ไม่เคยขาด ผมมีป๊าที่เคยสนับสนุนทุกเรื่องที่อยากทำ มีม๊าที่คอยทำของอร่อยๆให้กินตลอดขอแค่บอก มีเจ้ที่คอยเป็นห่วงและรับฟังทุกเรื่อง ว่าแล้วก็ขอเสริมหน่อยเจ้ผมอะสวยมากเลยนะ สวยสุดๆ เรียนก็เก่งเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยนะแตกต่างกับผมมาก เจ้เคยเป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของมหาลัยด้วยสวยขนาดในวันงานมหาลัยมีแมวมองมาติดต่อเจ้ให้ไปเป็นดาราเลยแหละแต่เจ้ไม่เอา แต่ไม่มีใครรู้นะครับว่าผมเป็นน้องชายของ (ตู ต้องตา) ดรัมเมเยอร์สาวสวยผู้เป็นตำนานของมหาลัยเพราะพอเจ้จบออกมาก็ไม่ได้กลับไปมหาลัยอีกเลยด้วยงานประจำที่รัดตัวและผมก็ไม่เคยแสดงตัวด้วยอีกอย่างถ้าไม่ดูนามสกุลเป็นคุณจะเชื่อไหมละว่าเด็กผู้ชายที่กินมูมมามตลอดเวลามาเรียนก็สายเป็นชีวิตจิตใจทำตัวเบ๊อะบ๊ะไปวันๆอย่างผมจะเป็นน้องชายอดีตดัมเมเยอร์ในตำนานของมหาลัย

ใช้ชีวิตทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยจนเกือบเย็นสิ่งที่ผมกับเจ้จะทำเป็นประจำเวลากลับบ้านคือไปเดินเล่นกันที่ซอยหลังบ้าน หน้าบ้านจะเป็นแหล่งขายของตามประสาถิ่นเยาวราชก็จริงแต่หลังบ้านพวกเราจะมีซอยที่มีเฉพาะเพื่อนบ้านเราที่ใช้ชีวิตตามประสาชาวบ้านมีอาม่า อากง อาแปะ ออกมานั่งคุยกัน เด็กๆก็วิ่งเล่นกันไปตามประสาเป็นบรรยากาศที่ผมชอบที่สุดเลยทำให้คิดถึงตอนเป็นเด็ก

“เจ๋งส่งมา!”

ผมตะโกนบอกเด็กชายวัยหกขวบลูกชายเฮียไก่ร้านน้ำเต้าหู้บ้านตรงข้ามให้ส่งบอลมาให้ พอน้องมันทำตามคำสั่งบอลมาหยุดอยู่ที่เท้าผมก็จัดการเลี่ยงหนีบรรดาคู่แข่งตัวจิ๋วทั้งหลายมุ่งไปประตูฝั่งตรงข้ามที่ทำจากรองเท้าแล้วเตะเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย

“โห้ ไรอะเข้าอีกละพี่ติมโกงเปล่าเนี่ย!”

ผิงเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกับเจ๋งที่อยู่คนละทีมกับผมพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้งจนผมอดที่จะอมยิ้มให้กับความเด็กน้อยไม่ได้ ไม่ได้โกงเว้ย ฝีมือล้วนๆเซียนบอลเก่าก็เงี่ยถึงจะป่วยแต่ฝีมือก็ยังเจ๋งอยู่ดีแหละ

“งั้นพวกเอ็งไปอยู่ทีมเดียวกันหมดก็ได้เดี๋ยวพี่อยู่คนเดียว เคไหม”

ผมพูดพร้อมกับดันตัวเจ๋งให้ไปอยู่ฝั่งตรงข้าม แหละดูเหมือนทุกฝ่ายจะพอใจผมเลยเลี่ยงบอลมาเพื่อเริ่มเกมส์ใหม่ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรแรงสั่นที่รัวยิ่งกว่าปืนกลในกระเป๋ากางเกงก็ทำให้ผมต้องหยุดทุกอย่างลงแล้วล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่ามันแจ้งเตือนอะไรหนักหนา ข้อความหรอ ก็ไม่ได้ไปสมัครอะไรไว้นิ ค่าเน็ตก็จ่ายทุกเดือน ที่คิดว่าเป็นข้อความไม่ใช่อะไรเพราะผมไม่ใช่คนติดโซเชี่ยลแล้วก็ไม่มีเพื่อนเยอะหรือเป็นคนดังที่จะมีการแจ้งเตือนเข้าโทรศัพท์เยอะอะไรขนาดนั้น โทรศัพท์ทุกวันนี้ซื้อมาไว้ตก เล่นเกมส์ คุยกับครอบครัว คุยกับเพื่อนสองหน่อนั้น แล้วก็เล่นไอจีช่องทางโซเชี่ยลที่ผมมีเพียงช่องทางเดียวซึ่งมีไว้อัฟรูปที่ถ่ายด้วยสกิลกากๆที่ไม่มีการแต่งใดๆก่อนลงซึ่งมีคนติดตามแค่ห้าร้อยกว่าคนมีแต่คนรู้จักจริงๆเท่านั้นด้วย แต่ความสงสัยของผมก็ได้รับคำตอบ เพราะการแจ้งเตือนปริศนามันมาจากไอจีของผม

“พี่ติมจะเล่นไหมเนี่ย”

เจ๋งมันตะโกนมาถามผมเลยเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นไปตอบ

“พวกเอ็งเล่นไปก่อนเลย พี่มีธุระนิดหน่อย”

พอเด็กๆได้คำตอบก็เริ่มกลับไปเล่นกันต่อ ส่วนผมก็หันมาสนใจโทรศัพท์ในมือ

ไอจีหรอ?

ผมหยุดข้อสงสัยทุกอย่างลงแล้วกดเข้าไปดูในไอจี

(หรือว่าเขาจะแอบคบกัน!!!)

(เห็นด้วยค่ะๆคงแอบคบกันแต่ไม่อยากให้ใครรู้เลยต้องคบแอบๆ)

เดี๋ยวๆ ใครแอบคบใคร อะไรยังไง?

ผมขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเห็นข้อความถึงกับต้องขยับโทรศัพท์เข้ามาใกล้ระดับสายตาให้มองได้ชัดขึ้น กดออกจากคอมเม้นต์ใต้รูปพวกนั้นเลื่อนขึ้นไปดูไอจีข้างบน ก็ไอจีกูนิ รูปก็รูปกู ชื่อก็ชื่อกู ยอดฟอลโล่ จำนวนรูปที่ลง ก็ของกูหมดอะ แต่เพื่อความชัวร์ผมกดออกจากไอจีแล้วปิดเครื่องดูเผื่อเครื่องมันจะเออเร่อ

ตั้งสติแปปหนึ่งถึงเปิดเครื่องอีกครั้ง แต่เมื่อกดเข้าไอจีก็ต้องตกใจตาโตเท่าไข่ห่าน ยอดฟอลโล่ของผมมันเพิ่มขึ้นจากห้าร้อยมาเป็นสี่พันในเวลาแค่ไม่กี่วินาทีที่ผมปิดเครื่องไป นี่มันอะไรกันเนี่ย หรืออาจจะตาฝาด ผมยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองแรงๆเรียกสติแล้วเพ็งไปที่โทรศัพท์อีกครั้งแต่จากสี่พันเมื่อกี้แค่เผลอขยี้ตาแม่งเพิ่มมาอีกห้าร้อยแบบงงๆ


ผู้ติดตาม

4520

เชี่ยยย บ้าไปแล้ว!

ผมตั้งสติแล้วหันมาสนใจหาต้นตอที่ทำให้เกิดทุกอย่างขึ้น เลื่อนอ่านตามใต้รูปเก่าๆของผมที่คนมาคอมเม้นต์และแท็กต่อๆกันอย่างตั้งใจ

(รูปนี้เลย ที่เหมือนว่าไปด้วยกันรูปแรก)

(ใช่ๆรูปโป๊ะแตก)

(รู้ตัวแล้วค่ะว่าใครคือเจ้าของไอจีนั้นตัวจริง (อาซาฮี จิตแพทย์ปีหนึ่ง) ค่ะตอนแรกเขาใช้ชื่อที่ไม่ใช่ชื่อตัวเองบวกกับที่ไม่เคยลงรูปตัวเองเลยไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของไอจีคือใครเราติดตามไอจีนี้เพราะชอบฝีมือการถ่ายรูปของเขาตั้งแต่คนตามแค่พันต้นๆจนตอนนี้ห้าหมื่นกว่าแล้วเราก็เพิ่งรู้ว่าเจ้าของไอจีคืออาซาฮีคณะจิตแพทย์เพราะเขาเพิ่งมาเปลี่ยนชื่อไอจีเป็นชื่อตัวเองแล้วก็เปลี่ยนรูปโปรจากรูปกล้องมาเป็นรูปตัวเองเมื่อสองวันก่อน)

คอมเม้นต์ยาวเหยียดที่เหมือนจะไขข้อสงสัยของทุกคนที่เข้ามาตามติดสถานการณ์ได้เป็นอย่างดีในเม้นต์เดียวจนเรียกยอดไลค์เม้นต์ไปถึงสองพันไลค์ซึ่งมากกว่ายอดไลค์รูปของตูทั้งปีอีก

แต่ยิ่งอ่านยิ่งไม่เข้าใจ แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับผมวะ!

(สองคนเป็นแฟนกันหรอคะ)

(คบกันมานานแล้วใช่ไหม ใช่แน่ๆเลย)

(เสียใจอ๊า อกหักเบาๆอุตส่าห์แอบรักน้องอาซาฮีมาตั้งแต่วันรับน้อง แต่ถ้าเป็นน้องคนนี้พี่ยอมก็ได้)

(ติมตัวจริงน่ารักมากกก นี่เคยเจออยู่ร้านหมูปิ้งหน้ามอหน้าอย่างใสเลย ยิ้มให้เราด้วยตอนนั้น ยังจำรอยยิ้มได้อยู่เลยตราตรึงใจมาก)

(สาววายอย่างอิฉันตายอย่างสงบศพสีชมพู สาธุ สาธุ ขอให้เขาคบกันจริงๆ)

(นี่เคยเจอทั้งสองคนตัวจริงมาแล้ว ฮาซาฮีตัวจริงหล่อมาก มากถึงมากที่สุด! เงียบ ขรึม หล่อ ดูดีมีชาติตระกูล เดินผ่านไม่กล้าหายใจดังเลยไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน ส่วนติมโคตรจะน่ารัก น่ารักจริงๆ ขาวมาก ตาโตขนตานี่อย่างยาว ยิ้มเก่งมากยิ้มทีโลกเปิดเลย ปล.อันนี้ไม่เกี่ยวกับที่ทุกคนอยากรู้แต่แค่อยากบอก)

เดี๋ยวๆ!!

ใครเป็นแฟนใคร ใครแอบคบกัน จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ไปเอาจากไหนกัน!

มันไม่ใช่ละ ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาด ทุกคนไปเอามาจากไหนว่าผมเป็นแฟนกับใครก็ไม่รู้ที่ตัวกูยังไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักเขาเลยได้ไง

ว่าคอมเม้นต์ข้างบนพีคสุดแล้วนะ เจอคอมเม้นต์นี้เข้าไปกระจ่างเลย กระจ่างจนตัวกูเองยังตกใจว่าคนเราคิดไปได้ขนาดนี้เลยหรอ

(สำหรับใครที่ไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้นนะคะเราจะไล่ไทม์ไลน์ทั้งหมดให้ฟัง

1.มีคนที่ติดตามไอจีของติมคณะจิตกรรมปีหนึ่งแล้วสังเกตเห็นว่ารูปหรือสตอรี่ที่ติมลงมันไปคล้ายกับไอจีที่ชื่อ(BYBIRU)ซึ่งเป็นไอจีแนวอาร์ตที่โด่งดังมากเรื่องการถ่ายรูปสวยๆลงไอจี

2.สิ่งที่ทำให้คนเริ่มสังเกตก็คือรูปนี้แหละ รูปที่ติมลง ลูกชิ้นมันถูกกินไปแล้วหนึ่งเหลือในไม้อยู่สองลูก แต่รูปของไอจี(BYBIRU)ลูกชิ้นมันถูกกินไปอีกหนึ่งลูกจนเหลือลูกเดียว ทั้งสี ทั้งองค์ประกอบของรูป และทั้งคู่ก็ลงวันเดียวกัน เวลาไล่เลี่ยกันอีก คนเลยคิดว่าทั้งคู่ไปด้วยกัน ไม่ใช่แค่รูปลูกชิ้นปิ้งที่ทำให้คิดว่าทั้งคู่คบกันแต่รูปในไอจีทั้งคู่ส่วนมากจะคล้ายและเหมือนว่าสื่อหากันมาก

3.สิ่งที่พีคสุดคือไอจี(BYBIRU)เคยลงสตอรี่ว่า(จิตอ่อน)ซึ่งเป็นเวลาไล่เลี่ยกันกับที่ติมลงสตอรี่ว่าชอบเพลงtalk me down ของtroye sivan มากฟังทีไรรู้สึกดาวน์ทุกครั้งแต่ชอบฟัง คนเลยคิดว่าคำว่า(จิตอ่อน)ของสตอรี่(BYBIRU)อาจจะสื่อถึงติมที่ฟังเพลงแล้วเศร้า)

4.คนเริ่มอยากรู้ว่าใครคือเจ้าของไอจี(BYBIRU)จึงเริ่มปะติดปะต่อ คำว่าBIRUคือเบียร์ในภาษาญี่ปุ่นจนรู้ว่าจริงๆแล้ว(อาซาฮี จิตแพทย์ปีหนึ่ง)คือเจ้าของไอจีเพราะอาซาฮีคือยี่ห้อเบียร์ของประเทศญี่ปุ่น แต่ทุกอย่างก็ถูกเฉลยว่าสิ่งที่ทุกคนคิดคือเรื่องจริงเพราะอยู่ดีๆอาซาฮีก็เปลี่ยนรูปโปรไอจีจากรูปกล้องมาเป็นรูปตัวเองและเปลี่ยนชื่อไอจีจากBYBIRUมาเป็นASAHIเมื่อสองวันก่อน ถ้าใครอยากรู้มากว่านี้ก็เข้าไปดูในไอจีของอาซาฮีได้ @ASAHI )


แม่เจ้าาาา

ขอถามคำเดียว แกทแพทเชื่อมโยงได้เต็มใช่ไหม ตัวผมยังไม่รู้ดีเท่าเจ้าของเม้นต์นี้เลยคนเราสามารถคิดเป็นตุเป็นตะไปได้ขนาดนี้เลยหรอ ไม่ต้องรอใครไหนเข้าไปดูหรอก ตัวกูที่เป็นคนถูกพลาดพิงเองนี้แหละที่จะเข้าไปดู ผมกดจิ้มไปที่ชื่อไอจีที่เจ้าของเม้นต์ทิ้งไว้ให้ไปยังหน้าไอจีดังกล่าวด้วยความอยากรู้

ASAHI
ผู้ติดตาม

59823

เชี่ยยยย คนติดตามเป็นหมื่นเลยหรอวะ!

แต่เดี๋ยว ป่า เขา หมา แมว บ้าน ห้องแถว ของกิน เสาไฟ ไหนวะคน ทำไมไม่เห็นมีรูปเจ้าของไอจีเลย จะมีก็แค่รูปโปรที่บอกให้รู้ว่าเขาเป็นคนแต่ก็ไม่เห็นหน้าเพราะมันเป็นแค่รูปใบหน้าคนที่กำลังก้มหน้า เหมือนจะถ่ายตอนกลางคืนด้วยเลยทำให้ความมืดปกปิดใบหน้าไป แต่ก็ยังพอมีแสงสีส้มๆที่เล่นแสงกับเงาในความมืดตกกระทบกับสันจมูกอันแสนจะโด่งที่พอจะทำให้รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูเหมือนจะหล่อเหลาเอาการเพราะขนาดถ่ายมืดๆเห็นแค่เงายังดูดีได้ขนาดนี้

ผมเลื่อนลงไปดูรูปต่างๆก็พอจะทำให้รู้ว่าคนๆนี้มีฝีมือการถ่ายรูปไม่ธรรมดาเพราะแต่ละรูปมันไม่ใช่ถ่ายแล้วแค่ลงๆไปเหมือนผม รูปแต่ละรูปของเขามันมีความหมายซ่อนอยู่ทั้งองค์ประกอบทั้งแสงทั้งสีมันลงตัวไปหมดเลย แต่ชื่นชมผลงานเขาได้ไม่เท่าไรก็ต้องหันมาเพ็งคอมเม้นต์ด้านล่างรูปที่เหมือนจะเกี่ยวกับสิ่งที่ผมอยากรู้อยู่ตอนนี้ทั้งที่รูปบางรูปถูกลงไว้สามสี่อาทิตย์หรือบางรูปเป็นเดือนแล้วก็ตาม ก็ยังมีคอมเม้นต์ที่เหมือนจะเพิ่งมาใหม่ตามไปคอมเม้นต์เพียบ ผมไล่อ่านคอมเม้นต์ที่หลากหลายความคิดเห็นจนตาลายไปหมด

ทำไมทุกคนถึงคิดโยงเอานู่นมาต่อนี่เอานี่ไปเชื่อมนู่นได้เป็นเรื่องราวขนาดนี้ ซึ่งที่จริงแล้วสิ่งที่ทุกคนคิดมันไม่จริงเลย ผมไม่รู้จักกับเจ้าของไอจีนี้แล้วเราก็ไม่ได้แอบคบกันด้วย รูปหรืออะไรที่คล้ายกันมันก็เป็นเรื่องบังเอิญซึ่งความบังเอิญมันเกิดขึ้นได้

แต่โดนพูดถึงขนาดนี้เจ้าของไอจียังไม่คิดจะออกมาแก้ข่าวอะไรหน่อยหรอทำไมถึงยังเงียบอยู่ได้ คิดได้ผมก็กดเข้าไปตรงข้อความไอจีพร้อมกับเขียนข้อความลงไป

“ผมคือคนที่กำลังถูกทุกคนพูดถึงกับคุณอยู่ตอนนี้นะครับในเมื่อเราต่างรู้ว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดเราควรออกมาช่วยกันแก้ข่าวไหมครับว่าสิ่งที่ทุกคนกำลังเข้าใจอยู่ตอนนี้มันผิด”

พิมพ์เสร็จผมก็พร้อมที่จะกดส่งข้อความออกไปด้วยความร้อนใจ แต่มือเจ้ากรรมก็ต้องหยุดชะงัก ไม่กล้าวะ ไม่รู้จักกันด้วย อยู่ดีๆจะไปชวนเขาทำอะไรบ้าบอแบบนี้เป็นผู้ชายทั้งคู่จะมาพูดเรื่องคนหาว่าคบกันมันก็แปลกๆไหม หรือว่าที่เขาเงียบเพราะจะรอให้ข่าวซาแล้วรอให้ทุกคนเลิกคิดไปเอง สงบสยบความเคลื่อนไหวอะไรแบบนั้นหรอ

แต่เฮ้ย คนเราโดนพูดถึงในเรื่องที่มันไม่จริงแบบนี้ก็ควรร้อนใจไหมวะขนาดกูยังนั่งไม่ติดเลยอย่างน้อยก็ควรทักมาหาวิธีแก้ไขไหมหรืออะไร

โอ้ยยย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ช่างแม่งเหอะรอให้มันหายไปเองแล้วกันคิดแล้วเครียดไปหาไรกินดีกว่า

“พี่กลับแล้วนะพวกเอ็งเล่นไปเลย!”

ผมหันไปตะโกนบอกลูกทีมตัวจิ๋วทั้งหลายแล้วเดินกลับบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองกับเรื่องป่วนประสาทในโทรศัพท์


หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-05-2020 15:25:32
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่3. ใจหายใจคว่ำ
เริ่มหัวข้อโดย: DAIJANG ที่ 10-05-2020 19:56:13
ตอนที่3. ใจหายใจคว่ำ

เวลาแห่งความสุขทำไมมันผ่านไปเร็วแบบนี้แปปๆก็ต้องกลับไปเรียนอีกแล้วจริงๆรัฐบาลควรเปลี่ยนให้จันทร์ถึงศุกร์เป็นวันหยุดแล้วเสาร์อาทิตย์เป็นวันเรียนนะ

“เอาของใส่กระเป๋ายังติม ของแจกับปลาวาฬด้วยนะอย่าลืม”

เสียงม๊าตะโกนมาจากหน้าร้านไม่ให้ลืมบรรดาของกินที่ม๊าทำเองเป็นแพ็คๆไว้ให้ผมไปกินที่หอมี หมูหวาน กุญเชียง ไก่ป๊อป หมูยอ และอีกมากมายชนิดที่ว่าอาทิตย์หนึ่งที่ไม่ได้กลับบ้านไม่ต้องกลัวอด กลับบ้านเสาร์อาทิตย์ทีไรขนของกลับไปนึกว่าจะไปอยู่เป็นปี

“หาเวลาไปเช็คสภาพรถบ้างนะตู”

“ค่ะป๊า เสร็จยังติม”

เจ้ที่ยืนคุยกับป๊าอยู่หน้าร้านหันมาเรียกผมที่กำลังวุ่นอยู่กับการเก็บของที่ยังไม่เสร็จสักที จนผมต้องรีบคว้าทุกอย่างวิ่งมาที่รถเจ้อย่างล้วกๆ

“เสร็จแล้วๆ”

“ติมไปแล้วนะม๊า หวัดดีครับ”

“ขับดีๆนะลูก”

ป๊าพูดแล้วยื่นมือไปลูบหัวเจ้และไม่ลืมหันมาขยี้หัวผมด้วย

“ค่ะ ตูไปนะคะ”

“ตูไปนะคะม๊า”

เจ้ยกมือไหว้ป๊าแล้วหันไปหาม๊าที่กำลังวุ่นกับการจัดของอยู่ เป็นประจำครับที่เจ้จะไปส่งผมที่หอก่อนทุกครั้งที่เรากลับบ้านเสาร์อาทิตย์

“เจ้แวะซื้อชาไข่มุกด้วยนะ ติมอยากกิน”

ผมพูดทันทีที่ตูดถึงเบาะ

“อย่างเดียวหรอ เอาไรอีกไหม”

เจ้พูดแบบไม่ได้มองหน้าเพราะกำลังตั้งใจเลี้ยวรถออกจากซอยบ้านผมซึ่งต้องอาศัยสกิลการขับรถที่เป็นเลิศมาก ไม่ใช่อะไรซอยมันทั้งเล็กและคับคั่งไปด้วยผู้คนเลยต้องระวัง

“ไม่อะ เดี๋ยวเย็นๆไอ้แจกับปลาวาฬจะมาเอาของฝากม๊าพวกมันจะมารับไปกินหมูกระทะด้วย”

เจ้พยักหน้าเข้าใจแล้วหันไปขับรถต่อ ไม่นานรถก็ถูกจอดลงยังห้างที่ผมมาประจำตั้งแต่เล็กข้างในห้างซ่อนร้านชาไข่มุกที่โคตรจะอร่อยไว้ละกินจนพนักงานจำหน้าและเมนูได้แต่คนเยอะมากต้องกดบัตรคิวแล้วคอยใครไม่อยากคอยก็ไปที่อื่นก่อนก็ได้ ส่วนผมสายขี้เกียจนั่งเล่นเกมส์คอยจะดีกว่า

“เดี๋ยวเจ้จะไปซื้อครีมนะ ถ้าเสร็จก่อนก็โทรตามเจ้”

ผมพยักหน้าให้เจ้แบบไม่ได้สนใจมากเพราะกำลังจดจ่อกับเกมส์ในมือถือมากกว่า

“ออเดอร์ที่ยี่สิบสามได้แล้วค่ะ”

เสียงพี่พนักงานเรียกคิวของตัวเองผมจึงลุกขึ้นไปที่เคาน์เตอร์เพื่อรับของเพราะห่วงแต่เล่นเกมส์เลยไม่สนใจที่จะเก็บเงินเหรียญที่เขาทอนมาตั้งแต่แรกใส่กระเป๋าผมกำมันไว้กับโทรศัพท์จนเผลอทำร่วง ผมเบ้หน้าให้กับความเบ๊อะบ๊ะของตัวเองแล้วย่อตัวลงเก็บเงินเหรียญที่มันพากันกลิ้งไปทั่วร้านด้วยความเซ็ง มีมือๆหนึ่งยื่นมาพร้อมกับเหรียญห้าในมือมาให้ผมโค้งหัวให้พร้อมกับกล่าวขอบคุณแบบไม่ได้เงยขึ้นไปมองหน้าแล้วรีบลุกขึ้นเดินออกจากร้านด้วยความอายคนที่มีอยู่เต็มร้าน

“อาซาฮีเร็ว”

เสียงเรียกทำให้ผมหยุดเท้าลงแล้วหันกลับไปมองโดยอัตโนมัติเพราะประโยคมันเรียกความสนใจของผมไปได้มาก

“ได้แล้วหรอติม ไปกันงั้น”

แต่แรงสะกิดที่แขนทำให้ผมต้องหันกลับไปแต่หันไปได้แปปเดียวผมก็หันกลับไปมองหาอีกครั้ง

“มีอะไรหรอ”

เจ้ถามด้วยสีหน้าสงสัยเมื่อเห็นผมเอาแต่มองหาอะไรจนทั่วร้าน ผมส่ายหน้าให้เจ้เอียงคอสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองแล้วเดินตามเจ้ออกไป



ใช้เวลาไม่นานรถเจ้ก็จอดลงที่หน้าหอผมเป็นที่เรียบร้อยผมจัดการขนของทั้งหมดลงแล้วโพกมือบ๊ายบายให้เจ้ยืนรอจนรถเจ้ขับออกไปจนลับสายตาถึงเดินเข้าหอ แต่เดินยังไม่ทันถึงห้องผมก็ต้องสงสัยว่าสาวๆกลุ่มนั้นเขามองผมแล้วยิ้มซุบซิบอะไรกัน หรือว่าวันนี้ผมแต่งตัวหล่อ

ก็อย่างว่าอะนะ คนมันหล่อซ่อนยังไงก็ไม่มิดหรอกหลักฐานมันทนโท่ ว่าแล้วก็ยิ้มมุมปากเก๊กหล่อเดินกันหน่อยดีกว่า

มาถึงห้องก็จัดแจงข้าวของเก็บเข้าที่จนเสร็จ กวาดห้อง ซักผ้า แล้วก็มานั่งดูเน็ตฟิครอสองคนมันมารับ แรงสั่นรั่วๆของโทรศัพท์ที่ผมทิ้งมันไว้ข้างตูดตั้งแต่มาทำให้ผมต้องหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความเซ็งที่มันขัดจังหวะหนังของผม ไม่ใช่ใครอื่นไกลครับไลน์ปลาวาฬมัน



Plawaan_n

มึงหัดมีความลับกับกูหรอไอ้ติม!!



TIMTITI

อะไรของมึงความลับอะไร?



ผมตอบกลับไปด้วยความสงสัยกับประโยคคำถามของปลาวาฬมัน ก็อยู่ดีๆมาถามว่าไปทำอะไรไว้กูจะได้ทำอะไรก็นั่งดูเน็ตฟิครอพวกมึงมารับอยู่นี่ไง



Plawaan_n

เดี๋ยวกูตบคว่ำ พูดมา!



TIMTITI

กูควรพูดกับมึงมากกว่าคำว่าพูดมานะ มึงเป็นอะไรของมึง



ผมพิมพ์กลับไปด้วยอารมณ์ที่เริ่มขึ้นจนต้องขยับท่านั่งคุยดีๆ



Plawaan_n

มึงไม่รู้จริงๆหรอว่ากูหมายถึงเรื่องอะไร



ผมจูลสมองคิดว่าปลาวาฬมันกำลังพูดถึงเรื่องอะไรคิดทบทวนว่าไปทำอะไรไว้ในช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ไม่ได้เจอมันหรือเปล่า ก็ไม่นิ ไม่มีเรื่องอะไรนอกจาก



ใช่! เรื่องวุ่นวายในไอจีนั้นไงลืมเล่าให้พวกมันฟังเลย!



TIMTITI

เรื่องที่เกิดขึ้นในไอจีใช่ไหมกูก็ว่าจะเล่าให้พวกมึงฟังอยู่แต่กูลืมมึงช่วยกูคิดหน่อยดิว่าจะทำยังไงดีคนแม่งเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว



ผมพิมพ์รั่วไม่ยั้ง ว่าแล้วก็ยังกังวลกับเรื่องนี้ไม่หาย



Plawaan_n

ไอจีอะไรของมึง กูหมายถึงว่าทำไมในทวิตเตอร์มันถึงมีชื่อมึงรูปมึงติดเทนด์อันดับหนึ่ง



“ทวิตเตอร์”

ผมอุทานกับตัวเองพร้อมกับลดโทรศัพท์ลงจากระดับสายตาเงยหน้าคิดสิ่งที่ปลาวาฬมันบอก ทวิตเตอร์อะไรอีกวะในไอจียังไม่ทันหายชื่อกูไปโผล่ในทวิตเตอร์อะไรนั้นอีกได้ไง



Plawaan_n

มึงลองเข้าไปดูดิถ้ามึงไม่เชื่อกู



TIMTITI

แต่กูไม่ได้เล่นทวิตเตอร์มึงก็รู้



Plawaan_n

โอ้ยยย กูเหนื่อยกับการมีเพื่อนแบบมึงจริงๆ ถึงมึงจะไม่มีแอคเค้าท์มึงก็เข้าไปดูได้แค่มึงพิมพ์ว่าทวิตเตอร์ในกูเกิ้ลแล้วกดเข้าอันที่สองที่มันขึ้นว่า #ทวิตเตอร์hashtag on Twitter อะคลิ๊กเข้าไป แล้วพิมพ์ในช่องค้นหาว่า #อาซาฮีติม มันก็จะขึ้นให้มึง



เดี๋ยวๆไอ้ที่ปลาวาฬมันด่าว่าผมโง่นะผมไม่อะไรหรอกนะเพราะผมชินแล้ว แต่ไอ้คำที่มันให้ผมค้นหานี่มันคุ้นๆนะ

ผมทำตามที่มันบอกด้วยความอยากรู้จนสามารถเข้าไปดูสิ่งที่ปลาวาฬมันอยากให้ผมเห็นได้แต่เข้าไปส่องแล้วก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นเพราะแฮทแท็กนี่มันเต็มไปด้วยชื่อผมชื่อไอ้คู่กรณี แล้วไหนจะรูปในไอจีผม รูปผมที่ถูกแอบถ่าย รูปไอจีไอ้คู่กรณีนั้นก็ด้วย และความคิดเห็นต่างๆนาๆที่คนเขากำลังพูดกันจนตามอ่านไม่หมด เมื่อวานก่อนมันก็มีอยู่แค่ในไอจีนี่หว่าทำไมวันนี้มันลามมาถึงทวิตเตอร์ได้วะ แต่สิ่งที่ผมสงสัยก็ถูกเฉลยเมื่อผมไปเจอแอคเค้าท์หนึ่งที่ได้รับการรีทวิตไปถึงสองหมื่นครั้งและยอดไลค์ถึงสามหมื่นไลค์



เปรี้ยวจี๊ด @somza01 •3ชม.

วันนี้เราไปซื้อชาไข่มุกแต่สิ่งที่ได้มากกว่าชาไข่มุกคือ...เห็นอาซาฮีกับติมอยู่ที่ร้านนั้น!!ถ่ายไม่ได้มากเพราะคนเยอะแต่นี่ว่าเขามาด้วยกันแน่ๆใครอยากรู้รายละเอียดเม้นต์ไว้เดียวมาตอบจ้า #อาซาฮีติม



เมย์วันวาน @174cm •1ชม.

กรี๊ดดดดด แน่ๆเขาไปด้วยกันแน่ๆใจบางหมดแล้ว



Pimples_a @pimpapa •53นาที.

ก็แฟนกันอะเนอะ แฟนไปไหนก็ต้องไปด้วย^-^



ฟ้าใส @AA12_got7 •42นาที.

นี่ว่าเขาต้องไปด้วยกันแน่ แต่อาจจะไม่อยากเป็นจุดสนใจเลยอยู่ห่างๆเข้าไว้เพราะช่วงนี้คนเริ่มสงสัย แต่ถึงยังไงก็ไม่รอดสายตาเลือดวายอย่างพวกเราไปได้ทีม #อาซาฮีติม ยื่นหนึ่งจ้า



เฮ้ย รูปผมที่ร้านชาไข่มุกเมื่อเช้าถูกแอบถ่ายมาสองรูปแบบไม่ค่อยชัดเหมือนถ่ายสั่นๆแต่อีกคนที่ถูกพูดถึงกลับถ่ายโดนแค่หลังลางๆแค่รูปเดียว แต่ไม่ใช่แค่ทุกคนที่อยากเห็นหน้าไอ้คนชื่ออาซาฮีหรอกนะ ผมก็อยากเห็นแม่งเหมือนกันตกลงแม่งเป็นใครกันแน่วะ



งั้นก็แสดงว่าที่ได้ยินคนเรียกชื่อนี้ที่ร้านชาไข่มุกก็คือไอ้คนนี้อย่างที่คิดจริงๆด้วย



ปัง!

เสียงคนจอแจที่ดังอยู่ในร้านหมูกระทะหน้ามอยังไม่สามารถกลบเสียงแก้วที่ถูกวางบนโต๊ะแรงจนโต๊ะสะเทือนได้ ไม่ใช่ใครที่ไหนทำหรอกผมเองนี่แหละ

“เบาหน่อยสัส นอกจากค่าหมูย่างมึงจะโดนค่าแก้วที่ทำของเขาแตกด้วยนะ”

ไอ้แจมันไม่พูดเปล่าครับแม่งยื่นมือมาตบหัวผมฉาดใหญ่

“ให้มันแตกไปเดี๋ยวกูจ่ายเอง!”

ผมตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นว่าผมไม่เล่นหรือโวยวายที่มันตบหัวเหมือนทุกครั้งแจมันเลยหันไปหาปลาวาฬที่นั่งอยู่

“มึงอะเอาแต่ติดหญิงจนไม่รู้เรื่องมันเลยอะดิ”

“เรื่องไรวะ”

แจมันเอ่ยถามปลาวาฬด้วยสีหน้าสงสัย ปลาวาฬมันถึงกับต้องกินน้ำให้ของที่กินไปลงคอแล้วจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังโดยที่ผมยังคงนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดมองไปทางอื่นอยู่

“มีคนหาว่ามันกำลังแอบคบกับเด็กคณะจิตแพทย์อยู่”

“เฮ้ย ซุ่มเงียบหรอมึงคบหมอเลยหรอวะ ว่าแต่ใครวะทำไมกูไม่รู้สวยปะวะ”

ไอ้แจมันหันมายิ้มเยาะใส่ผมด้วยสีหน้าแพรวพราว

“สวยเชี่ยไรละ แม่งเป็นผู้ชายอะดิ!”

ผมตอบแล้วหันหน้าหนีพร้อมกับยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นดื่ม

“ผู้ชาย”

แจมันอุทานด้วยสีหน้าไม่เข้าใจเมื่อเห็นว่าผมไม่พูดอะไรเพิ่มมันเลยหันไปหาปลาวาฬแทน

“ก็ไอจีมันกับไอจีคนนั้นมันมีอะไรคล้ายกันไปหมดจนคนเขาเอาไปลือว่ามันกับเขาแอบคบกันซึ่งอะไรทำให้คนคิดไปขนาดนั้นกูก็ไม่รู้แล้วไอ้เพื่อนที่กำลังนั่งหน้าเป็นตูดอยู่ตรงหน้ามึงตอนนี้มันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ปลาวาฬพูดจบก็เชิ่ดหน้ามาทางผมที่ยกเหล้าเข้าปากแบบไม่ยั้งด้วยความโมโห

“กูจะทำยังไงดีวะให้คนเขาเลิกคิดว่ากูเป็นแฟนกับไอ้นั้น มึงรู้ไหมตอนนี้ชีวิตกูไม่เป็นอิสระเลยจะทำอะไรไปไหนกูก็หลอนตลอดเวลาไอจีกูจากคนติดตามแค่ห้าร้อยมาเป็นปีแม่งขึ้นมาจะเป็นหมื่นแล้ว กูรู้สึกเหมือนโดนคุกคามสัสๆมีข่าวว่ากูคบกับผู้ชายด้วยกันแบบนี้คนก็คงคิดว่ากูเป็นเกย์กันหมดแล้ว แบบนี้สาวๆที่เขาแอบชอบกูอยู่เขาไม่เลิกชอบกูกันหมดแล้วหรอวะ กูจะทำยังไงดี”

ผมร่ายยาวไม่ให้ตัวเองได้หยุดหายใจและไม่ให้มันสองคนได้มีโอกาสแทรก พูดจบก็หันไปถามมันสองคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สองคนมันหันไปพยักหน้าใส่กันด้วยสีหน้าที่ว่า ผมคงเป็นหนักแล้วละ

“แล้วไอ้คนที่โดนว่าแอบคบกับมึงมันทำอะไรไหมละ”

ไอ้แจถามขึ้นหลังจากที่นั่งดูสภาพอันน่าอนาถของผมได้ครู่หนึ่ง

“ทำเหี้ยไรละ!แม่งเงียบอย่างกับหอยในรูมีแต่กูเนี่ยที่จะบ้าอยู่คนเดียว”

“แล้วในเมื่อมันเงียบแล้วทำไมมึงไม่เงียบแบบมันละ”

ผมหันไปหาไอ้แจทันทีเมื่อได้ยินประโยคของมัน

“มันอาจจะเอาความเงียบเข้าสู้ก็ได้นะเว้ย อะไรที่มันไม่จริงมันอยู่ไม่ได้นานหรอกไม่ว่าจะอะไรก็ตาม มึงไม่รอดูไปก่อนรอให้ข่าวมันเงียบไปเองแต่ถ้ามันไม่ดีขึ้นมึงก็ลองทักไปถามมันว่าเกิดข่าวแบบนี้ระหว่างกูกับมึงนะถ้ามึงไม่สบายใจเหมือนกูเรามาหาวิธีแก้ไขด้วยกันไหม อะไรแบบนั้น”

ที่ไอ้แจมันพูดมาก็มีเหตุผลแฮะ หรือว่าผมควรรอดูไปเรื่อยๆก่อน ใช่ทำแบบไอ้แจมันว่าดีกว่าเงียบสยบความเคลื่อนไหว



กินเสร็จก็ถึงเวลาแยกย้ายไอ้แจมันไปส่งปลาวาฬแล้วถึงมาส่งผมทั้งกินทั้งปลดทุกข์นานไม่นานก็จนร้านเขาปิดไล่อะคิดดู มันสองคนรู้ดีว่าถ้าแอลกอฮอล์ได้เข้าปากแล้วผมจะพูดไม่หยุดพูดจนไม่เว้นให้มันสองคนได้พูดเลยละ

“มึงโอเคเปล่าเนี่ยเชี่ยติม”

“เออ กูไม่ได้เมาขนาดนั้นไหมสัส”

“นี่ขนาดกินอยู่ร้านหมูกระทะมึงยังเมาได้ขนาดนี้กูไม่อยากจะคิดสภาพถ้าเป็นร้านเหล้าเลยจริงๆ”

ผมไม่ฟังที่มันพูดหรอกทำแค่ผายมือใส่มันไป

“รีบกลับไปมึงอะดึกแล้ว ขับดีๆด้วยละ”

ไอ้แจมันเหล่ตามองผมประมาณว่ามึงโอเคแน่นะแล้วทำตามคำบอกผมเดินกลับไปขึ้นรถก่อนจะไปมันยังอุตส่าห์ลดกระจกลงมาพูดกับผมอีก

“รีบขึ้นห้องไป”

“เออ”

ผมตอบกลับด้วยเสียงห้วนๆปัดรำคาญแล้วหันหลังเดินเข้าหอตอนแรกว่าจะยืนรอส่งมันแต่มันบอกให้รีบขึ้นห้องขนาดนี้ก็ไม่ควรขัดเพื่อนไหมครับ ไม่ใช่อะไรตากูจะหลับแล้ว หอบสังขารมาถึงหน้าห้องได้ก็ต้องมาเสียเวลากับการหากุญแจห้องในกระเป๋ากางเกงอีกก็บอกว่าไม่ได้เมาแค่ตึงๆสรุปคือไม่ได้หาเจอนะแต่ค้นทุกกระเป๋าจนมันหล่นเลยเจอ



ถึงจะนอนหลับตาอยู่แต่ความรู้สึกไม่สบายตัวก็ทำให้ผมดิ้นไปมาและทนไม่ไหวจนต้องลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ยังสะลึมสะลืออยู่ ตั้งแต่กลับมาผมวิ่งขี้นับครั้งไม่ถ้วนแล้วนะขี้จนไม่มีอะไรให้ออกแล้วแต่แม่งก็ยังปวดอยู่ผมลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำอีกครั้งและออกมานั่งที่เตียงกุมท้องตัวเองไว้ด้วยความปวดเมื่อคิดขึ้นได้ว่าม๊าเอายาสามัญประจำบ้านมาไว้ให้กล่องหนึ่งจึงลุกขึ้นไปรื้อแถวๆตู้จนเจอและก็โชคดีที่มีทั้งยาแก้ปวดท้องยาลดกรดผมไม่รู้ว่าต้องกินอันไหนถึงจะตรงตามอาการเลยกินมันทั้งหมดนี่แหละจะได้หายไว้ๆ กินยาแล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่งีบไปได้แปปเดียวอาการปวดมันก็มาอีกแล้วคราวนี้มันปวดกว่าตอนแรกจนผมรู้ตัวว่ามันไม่ได้ปวดท้องขี้ธรรมดาแล้วผมลุกขึ้นนั่งด้วยความเจ็บหันไปดูนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็พบว่าแม่งจะห้าทุ่มแล้วผมคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาไอ้แจ



ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...



แต่มันก็ไม่รับสายแม่งก็เมาเหมือนกันคงหลับไปแล้วเมื่อที่พึ่งอันแรกไม่ได้ผมจึงจะกดอีกเบอร์หนึ่งแต่ก็ต้องชะงักเมื่อคิดได้ว่าปลาวาฬมันเป็นผู้หญิงรถมันก็ไม่มีจะให้มันมาหาดึกๆแบบนี้มันไม่โอเควะ จะโทรให้เจ้มารับคอนโดเจ้ก็อยู่ไกลจากผมมากไม่อยากให้เจ้ลำบากด้วย เมื่อหนทางทุกอย่างมืดมนก็คงต้องพึ่งตัวเองแล้วแหละคิดแค่นั้นผมก็ยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงดันตัวเองลุกขึ้นไปคว้ากระเป๋าสตางค์กุญแจห้องแล้วลากสังขารออกจากห้อง เดินไปที่หน้าหอด้วยใจตุ๊มๆต่อมๆลุ้นว่าจะมีวินอยู่ไหมแต่เมื่อเห็นว่ายังมีอยู่ก็แทบจะกระโดดดีใจดีนะที่วินหน้าหอผมเขามีไว้สำหรับเด็กหอจริงๆเพราะพวกพี่แกจะอยู่เรื่อยๆจนกว่าคนจะหมด ผมรีบพาตัวเองไปให้ถึงพี่วินให้เร็วที่สุดแล้วพูดออกไปด้วยเสียงติดๆขัดๆ

“ไป โรงบาล ที่ใกล้ ที่สุดครับ”

พี่วินแกหันมาหาผมแล้วถามด้วยสีหน้าสงสัยเพราะผมเก็บอาการเจ็บของตัวเองไว้ไม่ไหวจริงๆ

“ไม่สบายหรอน้อง”

“ครับ”

ผมกลั้นใจตอบออกไปมือก็กุมท้องตัวเองไว้

“ใกล้สุดที่น้องว่าก็ไกลอยู่นะอาการน้องท่าจะหนักไปคลีนิคแทนไหมละไม่ไกลมาก”

“ครับ”

ไปที่ไหนก็ได้ที่มีหมออะ อย่าถามเยอะได้ไหมพี่ผมไม่ไหวแล้ว ได้แต่คิดในใจพูดออกไปคงไม่ได้ไปโรงบาลแต่อาจจะเป็นวัดแทน พี่วินแกลุกขึ้นไปค่อมรถมอไซค์ของแกแล้วหันมาพร้อมกับตบเบาะเรียกผม

“ขึ้นมาๆ”

ไม่รู้ว่าผมควรต้องกลัวตายจากอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ตอนนี้หรือต้องกลัวตายเพราะรถชนตายกันแน่ เพราะพี่แกขับอย่างกับอยู่ในเดอะฟาสขับเร็วชนิดที่ว่าผมต้องหลับตาเพราะความกลัวเลยแหละจนรถพี่แกจอดลงที่ไหนสักที่ทำให้ผมรู้ว่าผมยังไม่ตาย

“ถึงแล้วน้อง”

เสียงของพี่วินทำให้ผมลืมตาขึ้นมองกวาดสายตาไปรอบๆทำให้รู้ว่าอย่างน้อยมันก็ยังอยู่ในประเทศไทยและตรงหน้าผมคือคลีนิคผมรีบจ่ายเงินให้พี่แกแล้วพาร่างที่แทบจะเหลือแค่วิญญาณเดินเข้าไปในคลีนิค น่ากลัวมากไม่มีคนเลยสักคนแต่กระดิ่งที่แขวนไว้หน้าประตูดังเพราะประตูถูกเปิดเลยทำให้คนข้างในรู้ว่ามีคนมา ไม่นานก็มีพยาบาลในชุดไม่เต็มยศเดินออกมาพร้อมกระเป๋าสะพายข้างอย่าบอกนะว่า

“คลินิกปิดแล้วค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”

เชี่ยยยย ไม่ได้นะ ผมเบ้หน้าให้กับความซวยของตัวเอง

“คือ ผม ปวดท้องหนักมากเลยครับ”

พี่พยาบาลมองผมด้วยสีหน้ากังวลแต่ยังไม่ทันที่พี่พยาบาลจะได้พูดอะไรต่อเสียงบุคคลปริศนาก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัว

“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณทิพย์”

เป็นผู้ชายใส่แว่นแล้วเขาก็มองมาที่ผมด้วยสีหน้าแปลกใจประหนึ่งว่ามึงคือใคร

“คือน้องคนนี้เขาปวดท้องมาค่ะหมอ”

คนที่พี่พยาบาลเรียกว่าหมอได้ยินแค่นั้นก็หันมาทางผมพยักหน้าเข้าใจแล้วหันกลับไปหาพี่พยาบาล

“คุณทิพย์กลับไปเลยก็ได้ครับเดี๋ยวผมดูเอง”

คนที่เหมือนจะเป็นคุณหมอยิ้มอุ่นให้ พี่พยาบาลแกดูเหมือนจะกังวลในตอนแรกแต่ก็ยอมกลับตามคำบอกเมื่ออยู่กันแค่สองคนคุณหมอก็หันมาพูดกับผม

“เชิญด้านในครับ”

ผมเดินตามไปอย่างว่าง่ายเพราะตอนนี้เริ่มจะไม่ไหวแล้วให้ทำอะไรทำหมดไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเข้าไปคุณหมอก็ให้ผมนอนลงกับเตียงแล้วเริ่มสอบถามอาการ

“อธิบายอาการให้หมอฟังหน่อยครับว่าปวดแบบไหน”

“ผมไปกินหมูกระทะกับเพื่อนเมื่อตอนเย็นครับแล้วก็กินเหล้าไปด้วยกลับมาถึงห้องก็ท้องเสียแล้วก็ปวดแบบบิดๆอธิบายไม่ถูกครับรู้แค่ว่าปวดมาก”

ผมกลั้นใจอธิบายไปจนหมด คุณหมอพยักหน้าเข้าใจแล้วหันไปยกโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่ใกล้ตัวขึ้นแนบหู

“อาซาฮีลงมาช่วยหน่อย”

ถึงจะพูดไม่ดังมากแต่ชื่อที่ผมจำจนวันตายมันก็ดังเข้ามาในโซนประสาทจนผมถึงกับหูตั้งตาลุกวาว!!

หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: MayuYume ที่ 11-05-2020 14:32:04
ตอนหน้าเจอกันแล้วสินะคะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 11-05-2020 15:20:27
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: direkraj ที่ 11-05-2020 15:57:04
 :L2:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-05-2020 19:46:47
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 12-05-2020 02:08:31
เขาจะได้เจอหน้ากันแล้ว  :hao7:

มาต่อไวๆน๊าาาาา
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่4. เผชิญหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: DAIJANG ที่ 12-05-2020 13:32:03
ตอนที่4. เผชิญหน้า

นี่กูเมาจนหูฝาดเลยหรอ!

มาอาซาฮงอาซาฮีอะไรอีกกกกกก เลิกตามมาหลอกหลอนได้แล้ว มึงเมาติม มึงแค่เมา

ผมส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับเสียงพูดทำให้ผมกลับมาสู่โลกความเป็นจริง

“มีไร”

ผมหันไปมองแทบจะทันทีและภาพตรงหน้าก็ทำให้ผมถึงกับต้องหยุดนิ่ง

“ขอโทษไม่รู้ว่ามีคนไข้”

ผมมองคนมาใหม่อย่างไม่กระพริบตาคนๆนั้นละสายตาจากคุณหมอและมองมาทางผมเราต่างคนต่างจ้องหน้ากัน

ผู้ชาย ชุดนักศึกษา แสดงว่ากำลังเรียนอยู่ คนนั้นมันก็กำลังเรียนอยู่ แถมชื่อ ชื่อก็เหมือนกันกับคนนั้นอีก

หรือว่า...มันคืออาซาฮีคนเดียวกัน!

คิดแค่นั้นตาผมก็สว่างโร่จนแทบหายเมาและหายเจ็บ

“เตรียมสายน้ำเกลือให้หน่อย”

คุณหมอพูดแล้วหันไปหยิบถุงมือมาใส่ส่วนคนถูกสั่งก็ทำตามคำสั่งต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองมีแค่ผมนี่แหละที่นอนนิ่งเหงื่อแตกกำมือแน่นอยู่ใต้ผ้าห่ม

พวกคุณคงกำลังว่าผมใช่ไหมละว่าจะกลัวไปทำไมในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ผมกับไอ้แฟนมโนไม่ได้เป็นอะไรกันก็จริงแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ต้องมีรู้สึกกันบ้างปะ ถ้าไม่เข้าใจพวกคุณลองคิดภาพตามผมนะ สมมุติว่าอยู่ดีๆคุณถูกคนอื่นคิดว่าคุณกับใครก็ไม่รู้เป็นแฟนกันถูกเอาไปพูดในคำพูดที่มันหวานๆเลี่ยนๆไม่พอยังเอาไปแต่งเป็นนิยายอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด แต่ถึงอย่างงั้นไม่เจอกันมันก็ไม่อะไรใช่ไหมแต่ถ้าอยู่ดีๆได้มาเจอกัน เป็นคุณจะทำหน้าทำตัวยังไงถึงจะไม่อะไรแต่มันก็ต้องมีความกังวลความอึดอัดไหมวะ เอาง่ายๆทำตัวไม่ถูกโว้ยยยยย

ทั้งที่ผมเป็นคนกลัวหมอกลัวเข็มเป็นชีวิตจิตใจแต่ครั้งนี้หมอเจาะสายน้ำเกลือเข้าตอนไหนผมยังไม่รู้ตัวเลย

“หมอดูแล้วน่าจะเป็นเพราะคนไข้ทานอาหารที่ไม่สะอาดนะครับทำให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรงแถมยังดื่มแอลกอฮอล์อีกพอท้องเสียมากก็ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำด้วยเลยทำให้มีอาการปวดท้องบิดเพิ่มหมอเลยจะให้นอนให้น้ำเกลือจนกว่าจะหมดกระปุกนี้นะครับเพราะร่างกายคนไข้อ่อนเพลียแล้วก็เสียน้ำไปมาก”

“แต่คลีนิคปิดแล้วไม่ใช่หรอครับ”

ผมถามออกไปด้วยความสงสัย

“ปิดแล้วครับแต่นอนได้ไม่เป็นไร”

อย่าบอกนะว่าจะให้ผมนอนอยู่ที่นี่คนเดียวอะ ไม่เอานะ ผมกลัวผี ผมกลัวการนอนโรงพยาบาลถึงมันจะเป็นคลีนิคก็เถอะโทรหาไอ้แจให้มันมานอนด้วยทันไหมเนี่ย

“อย่าทับสายน้ำเกลือครับ”

แรงกระตุกที่แขนทำให้ผมเลิกคิดแล้วหันไปมองเป็นไอ้คนที่ทำให้ผมกำลังฟุ้งซ่านที่ยืนมองผมอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้านิ่งๆเหมือนไม่ค่อยพอใจผมเท่าไร อยากจะบอกว่า

กูก็ไม่พอใจคุณมึงเหมือนกันแหละครับ!ใช่ไม่ใช่ก็ไม่ชอบไว้ก่อนแหละ

ผมนอนดิ้นไปดิ้นมาด้วยความปวดตอนแรกก็ปวดนะแต่พอทนได้แต่ตอนนี้มันกลั้นไม่ไหวแล้วผมลุกขึ้นนั่งหย่อนขาลงแล้วมองหารองเท้าจะใส่แต่แม่งก็ไม่มีตอนมาก็ถอดไว้ข้างเตียงนิ นี่อย่าบอกนะว่ารองเท้าจะมาหายอีกอะ แค่นี้ชีวิตยังเหี้ยไม่พออีกหรอ ไม่มีก็ไม่ใส่ก็ได้วะปวดขี้เว้ย

ผมลุกขึ้นยืนจับเสาน้ำเกลือลากตามด้วยความทุลักทุเล

“จะไปไหนครับ”

“แม่มึง!”

ผมอุทานคำพูดติดปากออกไปด้วยความตกใจแล้วหันไปหาต้นตอเสียงเมื่อรู้ว่าเป็นใครก็ถึงกับอยากจะโบกหน้าไปสักที อีกแล้วครับคนนั้นอีกแล้ว แม่งมายืนทำหน้านิ่งใส่ผมอยู่ตอนนี้

“ปวดขี้ครับ จะไปห้องน้ำ”

ผมพูดออกไปเสียงแข็งคนตรงหน้ามันมองหน้าผมนิ่งๆตามสไตล์มันตั้งแต่เจอแหละครับแล้วเลื่อนสายตามองต่ำมาที่เท้าผมพร้อมกับวางรองเท้าใส่ในบ้านลง ผมมองรองเท้าข้างหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นถาม

“แล้วรองเท้ากู เอ้ย ผมละ”

เกือบจะหลุดความเป็นผู้ดีออกไปแล้วดีนะกลับลำทัน

“ที่นี่คลีนิคต้องการความสะอาดและปลอดเชื้อควรใส่รองเท้าที่คลีนิคเตรียมไว้ให้”

นี่คุณมึงกำลังจะบอกว่าคอนเวิร์สออสตาร์สีขาวของกูที่ไม่ได้ซักตั้งแต่ซื้อมามันสกปรกหรอ พูดงี้ตบหน้ากูเหอะ

“ห้องน้ำเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปครับ”

ผมมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าหมั่นไส้แล้วหันหลังให้ เดินไปตามที่เขาบอกเห็นป้ายห้องน้ำแล้วเหมือนเห็นสวรรค์เดินเข้าไปแบบไม่รีรอ ใช้เวลาแปปเดียวก็ออกมาเพราะไม่ต้องเบ่งแค่นั่งมันก็ออกมาละ แต่ออกมายังไม่ทันพ้นประตูก็ปวดอีกแล้วก็ต้องกลับเข้าไปใหม่ ผมเป็นแบบนี้วนอยู่หน้าห้องน้ำเกือบสามรอบ

“ไหวไหม”

เสียงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง คนเดิมครับยืนกอดอกมองมาด้วยสายตานิ่งๆอีกเช่นเคย ผมใช้มือเท้าเข่าดันตัวเองขึ้นมองหน้าคนตรงหน้าไม่อยากจะต่อปากต่อคำแล้วไม่มีแรง คนๆนั้นเดินเข้ามาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ยาวหน้าห้องน้ำด้วยท่ากอดอกไขว่ห้างแล้วหันมามองผมประมาณว่าให้มานั่งด้วยกัน ผมมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วยอมเดินเข้าไปนั่งด้วยแต่ไม่ได้นั่งติดกันนะผมทิ้งระยะห่างจากเขาสองเก้าอี้

ได้นั่งแล้วรู้สึกดีขึ้นมานิดหนึ่ง ผมหายใจแรงจนอกกระเพื่อมด้วยความเหนื่อยกับการเสียแรงขี้หนังสือนิตยสารถูกวางลงตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่จนผมหันไปมองแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่วางมันลงด้วยความสงสัย

อาการกูแย่ขนาดนี้ยังจะให้กูมีอารมณ์มานั่งอ่านหนังสืออีกหรอ

“เอาไปพัด เหงือเปียกเต็มหน้า”

เขาไขข้อสงสัยให้ผมแล้วหันไปมองข้างหน้าเหมือนเดิม ผมยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าตัวเองที่เปียกยันผมแล้วหยิบนิตยสารมาพัดตามคำบอกเขา ก็คนมันขี้แตกไหมวะ จะมีเหงือมันก็เรื่องปกติ

“เป็นหมอหรอ”

ผมพูดทำลายความเงียบที่มีแต่เสียงพัดจากนิตยสารในมือ

“เปล่า”

ผมหยุดพัดแล้วหันมองคนข้างๆด้วยสายตาเลิ่กลั่กทันทีที่ได้ยินคำตอบ

“ไม่ใช่หมอ แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่”

ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงแตกตื่น หรือว่าคืออาซาฮีคนเดียวกันจริงๆ เขาตามผมมาหรอ เขาตามผมไปทุกที่เหมือนที่คนอื่นคิด แล้วข่าวพวกนั้นเขาก็คงเป็นคนสร้างขึ้นมา

หรือว่า!

ที่ผมท้องเสีย ก็เพราะเขาแอบไปวางยาในหมูกระทะแล้วก็รู้เห็นกับพี่วินให้พาผมมาส่งที่นี่ โรคจิต โรคจิตแน่ๆ!

“ที่นี่คลีนิคของพี่ชายผม”

แต่คำตอบของเขาก็ทำให้ผมเลิกคิดทุกอย่างที่กำลังตีกันอยู่ในหัวแล้วหันกลับไปมองเขาด้วยความตกใจ

นี่คือเรื่องบังเอิญที่พีคที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมา!

“ผมมาช่วยงานที่นี่ประจำ แล้วที่มานั่งอยู่ตรงนี้ก็เพราะพี่ชายผมให้มาช่วยดูแลคนไข้ ในเวลาที่คลีนิคปิดและไม่มีใครอยู่แบบนี้”

พูดมาซะที่คิดไว้ใหญ่โตเมื่อกี้ในหัวดับวูบเลยพูดงี้กำลังด่าว่าผมมาผิดเวลาและทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรอ ใครมันจะไปเลือกเวลาเจ็บเวลาป่วยได้วะ

แต่คิดไปคิดมาก็ประสาทจะแดกอยู่คนเดียว ถามไปแม่งเลยดีกว่าว่าใช่ไม่ใช่คนเดียวกัน เริ่มยังไงละ เอาแบบนี้ละกัน

“ผมชื่อติมนะ”

ผมมองไปข้างหน้าไม่ขยับ มือข้างขวาที่มีสายน้ำเกลือติดอยู่กำเสาน้ำเกลือแน่นส่วนมือข้างซ้ายก็ถูกับเข่าตัวเองไปมาด้วยความประหม่า

“คุณชื่อ...อาซาฮีใช่ไหม”

ในเมื่อคนข้างๆเอาแต่เงียบผมเลยพูดออกไปอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ได้ความเงียบเป็นคำตอบเพราะเขาตอบกลับมา

“ใช่”

เหงื่อในมือผมเริ่มเปียก เอาไงต่ออะ ถามเลยไหม หรือพูดว่าอะไรดี เอาวะ ผมยกมือขยี้ผมตัวเองแล้วพูดออกไปในที่สุด

“คุณรู้จักผมปะเราคือคนที่กำลังเป็นข่าวว่าแอบคบกันใช่ไหม!”

ผมพูดเสียงดังมากดังจนมันก้องไปทั่วบริเวณ และความเงียบก็เข้ามาปกคลุม

“ใช่”

เขาตอบเสียงเรียบเฉยแล้วหันไปมองข้างหน้าด้วยท่ากอดอกไขว่ห้างเหมือนเดิมเหมือนว่าคำถามของผมเป็นคำถามปกติทั่วไป

“คุณเห็นสิ่งที่คนเขาพากันคิดเรื่องบ้าๆพวกนั้นไหม”

“เห็น”

“เห้ย คุณจะตอบแค่นี้ไม่ได้นะเว้ยเห็นแล้วทำไมถึงยังเงียบ”

“แล้วจะให้ทำอะไร”

เขาตอบมาหน้าตาเฉยเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร จนผมต้องพูดออกไปด้วยความโมโหอีกครั้ง

“ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คนเขาเลิกคิดแบบนั้น ถูกคนเอาไปพูดว่าคบกับคนที่ไม่รู้จักแถมยังเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก คนรอบข้าง เพื่อน ครอบครัว หรือแฟนคุณไม่ว่าหรือไง ชีวิตคุณไม่วุ่นวายบ้างหรอ”

“ขี้ไม่เหนื่อยหรอ”

คำพูดยาวเหยียดของผมได้รับการตอบกลับมาเพียงประโยคสั้นๆแต่โคตรจะเจ็บจนผมพูดไม่ออก

“ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไร แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปทำอะไรที่เหนื่อยแบบนั้นและคนรอบตัวผมเขาก็มีสติรู้ว่าอะไรคืออะไรถ้าคุณไม่อยากวุ่นวายก็อยู่เฉยๆอีกอย่างชีวิตผมมีเรื่องต้องทำเยอะเกินกว่าจะมาสนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้ส่วนคุณ...เอาเวลาไว้ขี้ดีกว่า”

ผมได้แต่อ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน มองตามคนที่ลุกขึ้นเดินไปด้วยความอึ้งจนเกินจะบรรยาย

“ไม่เคยขี้แตกหรือไงวะ!”

ผมตะโกนตามหลังหมอนั้นออกไปด้วยความโมโห พูดออกมาง่ายๆได้ไงว่าไม่ให้ทำอะไรแทนที่จะช่วยกันหาทางออกคิดว่าตัวเองเป็นใคร มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่เคยอ่านคอมเม้นต์ที่คนบอกว่ามันหล่อขรึมสุขุมอะไรพวกนั้น มันไม่จริงครับ ไอ้นี่คือคำนิยามของคำว่าไม่ตรงปกที่แท้จริง!



เสียงคนเดินทำให้ผมลืมตาแต่ก็ใช้เวลาจูลสมองอยู่พักใหญ่ถึงเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน

“ดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ”

ผมหันมองตามเสียงก็เจอกับพี่พยาบาลที่เจอเมื่อคืนแต่คราวนี้พี่แกมาในชุดเต็มยศไม่เหมือนกำลังจะกลับบ้านแบบเมื่อคืน

“ครับ”

ผมตอบออกไปด้วยเสียงแหบๆเอาจริงๆตั้งแต่เมื่อคืนน้ำยังไม่ตกถึงท้องเลย

“คุณหมอบอกว่าถ้าตื่นแล้วคนไข้ไม่เป็นอะไรให้กลับบ้านได้เลยน้ำเกลือจะหมดกระปุกพอดีเลย”

ผมพยักหน้าให้พี่พยาบาลแล้วหันไปดูกระปุกน้ำเกลือบนเสา คิดได้ก็หันไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาโทรออก

ผ่านไปสักพักคุณพยาบาลก็เข้ามาดูเมื่อเห็นว่าน้ำเกลือหมดกระปุกแล้วถึงถอดสายน้ำเกลือให้ ผมจัดการชำระร่างกายตัวเองด้วยการล้างหน้าล้างตาพอล้วกๆแล้วออกมานั่งรอจ่ายเงิน

“ขอบคุณครับ”

ผมรับใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณหันไปเห็นพี่พยาบาลคนเมื่อคืนกำลังเดินออกมายื่นเอกสารให้พยาบาลประจำเคาน์เตอร์เลยไม่ลืมที่จะฝากคำขอบคุณไปให้คุณหมอใจดีเมื่อคืน

“ฝากขอบคุณคุณหมอด้วยนะครับ ถ้าไม่ได้เขาเมื่อคืนผมคงแย่”

“ได้ค่ะ จะบอกให้นะคะ”

พี่พยาบาลคนนั้นหันมายิ้มให้ผมจึงยิ้มอ่อนกลับไปพยาบาลหน้าเคาน์เตอร์ได้แต่มองเราสองคนด้วยสีหน้าสงสัย ผมหันหลังเดินออกมาได้สองก้าวก็ต้องหยุดแล้วหันกลับไปใหม่

“ขอโทษนะครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

พยาบาลทั้งสองคนที่กำลังคุยงานกันหันมาหา ผมสบตากับพี่พยาบาลคนเมื่อคืนเลยทำให้พี่เขารู้ว่าผมจะคุยกับเขา

“ค่ะ”

“ผู้ชายที่อยู่กับคุณหมอที่นี่เมื่อคืนคือใครหรอครับ”

ถึงไอ้มนุษย์หินนั้นมันจะบอกว่าตัวเองเป็นน้องชายหมอเจ้าของคลีนิคแต่ผมก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดีอยากถามให้มั่นใจอีกครั้ง

“ผู้ชายที่อยู่กับคุณหมอเมื่อคืน”

พี่พยาบาลแกทวนคำถามผมแล้วทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งเล่นเอาซะผมลุ้นตาม

“อ๋อ คุณอาซาฮีน้องชายคุณหมออัตคะ”

แม่งเป็นน้องชายหมอจริงๆด้วย

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“เปล่าครับ ขอบคุณครับ”

ผมยิ้มแห้งให้พี่พยาบาลโค้งหัวให้ครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกจากคลีนิค

ปี้นนนนนน

เสียงแตรรถทำให้ผมหลุดจากภวังค์หันไปดูก็เห็นรถไอ้แจมันจอดเทียบท่าคอยแล้วผมเลยเดินเข้าไปที่รถแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่ง

“เป็นไงบ้างโอเคเปล่า”

“ไม่ต้องมาทำเป็นห่วง เมื่อคืนกูโทรหาไม่อยากจะรับ”

“แหม่ ก็มันตึงนิดหน่อยเลยหลับเป็นตายขอโทษได้ไหมละ”

ไอ้แจมันว่าพร้อมกับยิ้มแป้น ผมเห็นละถึงกับต้องส่ายหัวแล้วหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง

“เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงอยากกินไร”

“ไม่เอาอะ กูไม่หิวอยากกลับห้อง”

“คนอย่างมึงเนี่ยนะไม่หิวแปลกเว้ย”

ผมไม่ตอบอะไรเพราะขี้เกียจพูดได้แต่ยกแขนยันกับประตูรถเท้าหัวด้วยความเบื่อไอ้แจมันเป็นเพื่อนสนิทผมที่รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้วเห็นแบบนี้มันรู้เลยว่าผมกำลังมีเรื่องกลุ้มใจ

“เป็นห่าไรอีก”

มันถามตาเหล่มองผมทีมองทางที ผมถอนหายใจแล้วเล่าให้มันฟัง

“กูเจอไอ้คนที่ทุกคนคิดว่ากูกับมันเป็นแฟนกันแล้ว”

“จริงดิเจอที่ไหนวะ”

แจมันถามผมด้วยน้ำเสียงตกใจ

“คลีนิคนี่แหละ”

“เขาไม่สบายเหมือนกันหรอ หรือว่าแม่งตามมึงมา!”

เห็นไหม ขนาดไอ้แจมันยังคิดแบบนั้นเลยแล้วจะไม่ให้ผมคิดตอนแรกได้ไง

“เขาไม่ได้ตามกูมา คลีนิคอันนั้นเป็นของพี่ชายเขา”

“บังเอิญเชี่ยๆแล้วไงมึงได้คุยกับเขายัง”

“คุยแล้ว”

“แล้วเขาว่าไง”

“ว่าไงเชี่ยไรละ แม่งไม่เดือดร้อนอะไรเลยกูชวนหาทางแก้แม่งก็เฉยทำเก๊กหล่ออยู่นั้นแหละตอนแรกก็ไม่อยากจะอะไรหรอกนะแต่พอได้คุยแล้วกูโคตรไม่ชอบแม่งเลย”

พูดแล้วขึ้น จี๊ดเลยเนี่ยจี๊ดเลย แค่นึกถึงหน้าแม่งก็อารมณ์เสียละ

“แล้วมึงจะเอาไงต่อ”

“ไม่รู้ รอให้มันหายไปเองแล้วกัน”

ผมตอบแค่นั้นแล้วดึงเสื้อแขนยาวของไอ้แจที่พาดอยู่ที่เบาะมาปิดหน้าแล้วนอนลงกับเบาะ

“คนเรามันจะไม่เคยขี้แตกเลยก็ให้มันรู้ไป!”

แต่อยู่ดีๆผมก็โผล่ออกมาจากเสื้อแล้วตระโกนเสียงดังลั่นรถจนไอ้แจที่กำลังตั้งใจขับรถตกใจ

“เชี่ยยย เป็นบ้าอะไรของมึงกูตกใจหมด!”

หาได้สนใจไม่ครับได้ระบายแล้วโล่ง ผมมุดกลับเข้าไปในเสื้อแล้วนอนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: MayuYume ที่ 12-05-2020 14:13:19
อาซาฮีดูเป็นคนพูดน้อยแต่กวนทีนคิดซะว่าเขาเป็นห่วงละกันนะ  :-[
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-05-2020 22:29:10
 :laugh:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 13-05-2020 01:25:43
 :m20:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 14-05-2020 00:25:16
คนนึงแลดูเงียบๆพูดน้อย อีกคนดูขี้โวยวายสุด
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: DAIJANG ที่ 15-05-2020 14:41:23
ตอนที่5. เจอกันหน่อย

“เอาน้ำแดงแก้วหนึ่งแล้วก็โค้กสองแก้วครับ”

ผมยิ้มให้แม่ค้าระหว่างรอก็ดูขนมที่วางอยู่ไปด้วยเลิกเรียนแล้ววันนี้วันดีไอ้แจมาเรียนองค์ประชุมครบเราสามคนเลยพากันมากินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งหลังมอร้านมันติดกับกำแพงมอเลยนะเป็นร้านที่โคตรจะอันตรายเพราะนั่งกินไปก็ต้องระวังชีวิตจากรถที่วิ่งมาบนถนนด้วยแต่รสชาติทำให้มองข้ามได้ เพราะที่ร้านข้าวมีแต่น้ำเปล่าขายผมเลยอาสาเดินข้ามถนนมาอีกฝั่งหนึ่งเพื่อซื้อน้ำโดยให้มันสองคนนั่งรออยู่ที่ร้านข้าว

“คนนี้ปะติม”

เสียงซุบซิบไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้ผมเหล่มองแต่ไม่กล้าหันไปเต็มสายตา เป็นผู้หญิงในชุดนักศึกษาสองคนกำลังยืนมองผมสลับกับโทรศัพท์ในมือ

“ใช่คนเดียวกันแน่ๆ”

ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงคิดว่าที่สาวๆเขามองเพราะผมหล่อแต่ตอนนี้เซนส์ผมมันบอกว่าไม่ใช่แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ชั่งรู้แค่ว่าตอนนี้รู้สึกไม่ดีแล้ว

“ขอบคุณครับ”

ผมกล่าวขอบคุณแม่ค้ารับแก้วน้ำสามแก้วที่มีถุงหูจับมาแล้วรีบเดินหนีจากตรงนั้น

“ขอโทษนะคะ”

แต่เสียงพูดก็ทำให้ผมต้องหยุดเท้าลงแล้วหันไปมองแบบช้าๆเป็นผู้หญิงสองคนนั้นแหละที่เป็นคนเรียกผม

“ใช่ติมที่เรียนจิตกรรมไหมคะ”

ผมกระพริบตาปริบๆแล้วตอบออกไป

“ครับ”

“ใช่จริงๆด้วย”

เธอสองคนหันไปยิ้มแป้นใส่กันจับมือกันเขย่าๆแล้วขยับเข้ามาใกล้จนผมต้องถอยหนีด้วยสัญชาตญาณ

“ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ”

“ถ่ายรูป”

ผมทวนคำด้วยน้ำเสียงตกใจ อยู่ดีๆถูกคนมาขอถ่ายรูปทั้งที่ไม่เคยมีเป็นคนธรรมดาคนดังก็ไม่ใช่จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง

“ได้ไหมคะ”

หนึ่งในสองคนนั้นพูด ผมมองเธอสองคนที่กำลังทำหน้าเศร้ามองมาผมเลยพยักหน้าตอบตกลงไปแบบเลี่ยงไม่ได้

“ได้ครับ”

เธอสองคนหันไปยิ้มใส่กันด้วยความดีใจแล้วสลับกันเข้ามาถ่ายกับผมทีละคนและรูปรวมไปอีกหนึ่งถ่ายเสร็จแล้วก็หันมาขอบคุณผมยกใหญ่

“ขอบคุณนะคะ”

ผมยิ้มแห้งพร้อมกับโค้งหัวให้หน่อยๆด้วยความงง

“เราสองคนเป็นแฟนคลับติมกับอาซาฮีนะ รอวันไปรวมพลถ่ายรูปคู่อยู่นะคะ”

แต่ประโยคบอกลาของสองสาวก็ทำเอาผมถึงกับอึ้งแดกกำลังจะบอกว่าที่เข้าใจกันมันไม่ใช่ก็ไม่ทันเพราะเธอสองคนวิ่งไปแล้วทิ้งผมให้ยืนอ้าปากค้าอยู่กับน้ำในมือคนเดียว



“ทำไมช้าจังวะกินข้าวจนจะหมดแล้วน้ำยังไม่มาเลย”

ไม่พูดเปล่าแจยื่นมือมาดึงแก้วน้ำในมือผมไปดูดอึกใหญ่แบบไม่หยุดจนหายไปครึ่งแก้ว

“ติม”

“.........”

“ไอ้ติม”

“ห้ะ”

ผมหันไปมองทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกของเพื่อนชาย

“มึงเป็นไรเนี่ยกูเรียกตั้งนานไม่ตอบ”

“มึงไม่สบายหรอ หรือว่าเพราะเดินไปซื้อน้ำเมื่อกี้ กูบอกแล้วใช่ไหมว่าจะไปซื้อเอง”

ปลาวาฬถามด้วยน้ำเสียงตกใจพร้อมกับยื่นมือมาอังหน้าผากผม

“มึง”

ผมจับมือปลาวาฬไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมองจนปลาวาฬมันหันไปมองหน้ากับแจด้วยสีหน้าสงสัยว่าผมเป็นอะไร

“มีคนมาขอกูถ่ายรูป”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่ปลาวาฬกลับตอบมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“มีเพื่อนเป็นคนดังซะแล้วกู”

“ดังในทางไม่ดีนะสิ!”

ปลาวาฬกับแจมองหน้าผมด้วยความสงสัย

“มึงรู้ไหมคนที่มาถ่ายเขาพูดกับกูว่าไง เขาบอกว่าเป็นแฟนคลับกูกับไอ้แฟนมโนนั้น ไหนมึงบอกว่าอยู่เงียบๆแล้วมันจะดีเองไงแล้วนี่อะไร คนแม่งยังพากันคิดว่ากูกับไอ้คนนั้นคบกันอยู่เลย”

ผมร่ายยาวไม่หยุดหายใจจนแจมันยื่นแก้วน้ำมาให้

“น้ำก่อนเพื่อน”

“ไม่ขำแล้วนะเว้ย กูอึดอัดมึงเข้าใจไหม กูรู้สึกโดนคุกคาม กูรู้สึกไม่เป็นตัวเอง!”

“แล้วมึงจะทำยังไง”

แจมันสวนผมกลับทันทีแล้วแม่งเสือกเป็นคำถามที่ผมตอบมันไม่ได้ด้วยเพราะตอนนี้ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน

“ประกาศลงไอจีไปเลยไหมละว่ามึงกับคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรกันเอาให้จบให้เคลียร์ไปเลย”

ผมฟังแล้วคล้อยตามกับสิ่งที่ปลาวาฬเสนอมา ก็จริงเอาให้เคลียร์ๆกันไปเลย ว่าแล้วก็ทำเลยผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือค้างอยู่ในมือแล้วหันไปหาปลาวาฬอีกรอบด้วยใบหน้ายิ้มแห้ง

“มันเขียนข้อความตรงไหนวะไอจีนะ”

“โอ้ย กูก็คิดว่าทำเป็น เอามานี่”

ปลาวาฬมันว่าแล้วดึงโทรศัพท์ในมือผมไป มันกดออกจากไอจีเข้าไปในโน็ตโทรศัพท์แทน

“เอาไงดี”

ปลาวาฬมันหันมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าตอบ เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้ช่วยอะไรมันเลยทำท่าครุ่นคิดเองสักพักแล้วพิมพ์ลงไป



(สวัสดีครับผมติมนะครับ ผมอยากจะขอชี้แจงเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ว่าสิ่งที่ทุกคนกำลังเข้าใจเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ ผมกับเจ้าของไอจีดังกล่าวไม่ได้เป็นอะไรกัน และผมกับเขาก็ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว รูปและเรื่องราวทั้งหมดเป็นแค่เรื่องบังเอิญ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ ขอบคุณครับ)



ปลาวาฬยื่นโทรศัพท์มาให้ผมอ่านเพราะไม่รู้จะต้องทำยังไงผมเลยเอาแบบนั้นเลย ปลาวาฬมันแคปหน้าจอแล้วเอาไปโพสต์ลงไอจี

แต่เชื่อไหมลงไปแปปเดียวการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ก็เข้าอย่างกับปืนกลไม่ต้องดูผมก็รู้ว่าเพราะอะไร ผมส่ายหัวเบี้ยวหน้าด้วยความกลัวพร้อมกับเขี่ยโทรศัพท์ของตัวเองไปให้ปลาวาฬมันดูให้



(เฮ้ยยย จริงหรอดับฝันมาก)



(แต่นู๋ก็ยังเชื่ออยู่ดีว่าพี่สองคนเป็นแฟนกัน)



(ไอ้ต้าวติมล้มเรือเก่งมาก)



(ถึงตอนนี้จะไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน ทั้งสองคนก็ยังไม่มีแฟนทั้งคู่ ใครจะไปรู้เรื่องนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ก็ได้ มโนต่อไม่รอแล้วจ้าาา)



(แต่ยังไงนี่ก็ยังเชื่อว่าไอจีอาซาฮีต้องการสื่อถึงติมจริงๆเซ้นต์เรามันบอก)



และอีกมากมายที่อ่านทั้งวันก็ไม่จบเพราะมันมาทุกนาที

“กูอ่านไม่ทันแล้ว มึงเอาไปเลย”

ปลาวาฬส่ายหัวแล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้ แต่ผมก็โยนให้มันคืน

“ไรวะมึงเป็นคนพิมพ์ให้กูมึงก็ต้องรับผิดชอบดิ”

“แต่มันโทรศัพท์มึงนะ”

“แต่มึงเป็นคนลงนะ”

“ต่อให้โพสต์มากกว่านี้คนเขาก็ไม่เลิกคิดหรอก”

แจที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นจนพวกผมต้องหยุดสงครามขนาดย่อยลงแล้วหันไปมอง แจมันยื่นโทรศัพท์ของมันมาให้ผมมองหน้ามันแล้วรับมาแบบงงๆและสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอตอนนี้ก็ทำให้ผมถึงกับอ้าปากค้าง



(ติมออกมาบอกแล้วว่าติมกับอาซาฮีไม่ได้เป็นอะไรกันทางเราทำใจแล้ว แต่มีสิ่งที่อยากรู้อยู่อย่างหนึ่งคือ อาซาฮีกับติมเคยเจอกันไหมคะ)

(ขี้จนไม่มีแรงยังพูดจนลิงหลับ)



Tikku_kk และคนอื่นๆถูกใจ

Pimples26 พอติมออกมาพูดเราก็ค้างคาใจเลยทักไดเร็กไปหาอาซาฮีทักเสี่ยงดวงไปเฉยๆไม่ได้หวังว่าเขาจะตอบสรุป...อาซาฮีตอบโว้ยยยยยมือสั่นมากกก แล้วดูที่อาซาฮีตอบสิ ตอบแบบนี้คงไม่ต้องบอกแล้วว่าเคยเจอกันไหม หรือใครคิดว่ายังไงแสดงความคิดเห็นหน่อย



“ไอ้มนุษย์หินนนนนน”

ผมลุกขึ้นเด้งตะโกนจนสุดเสียง

“เดี๋ยวๆมึงจะไปไหน”

แจมันดึงแขนผมไว้จนผมต้องหันไปบอก

“กูจะไปจัดการแม่ง!”

“มึงใจเย็นดิวะ”

“ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว มันเอาเรื่องกูขี้แตกไปบอกคนอื่นได้ไงแม่งจะแกล้งกูชัดๆ!”

ผมพูดเสียงดังไม่หยุดจนปลาวาฬมันต้องเอามือมาปิดปากผมแล้วดันให้นั่งลงเพราะคนเริ่มมอง

“แล้วมึงจะไปจัดการเขายังไง”

ปลาวาฬถามด้วยความสงสัย

“กระทืบแม่ง!”

“มึงจะบ้าหรอ ทำแบบนั้นได้ไปนอนเล่นในคุกกันพอดีใจเย็นก่อนดิวะ”

ปลาวาฬพูดเสียงจริงจังมือก็กดตัวผมไว้ด้วย ผมนั่งกัดฟันตัวเองด้วยความโกรธจนไม่รู้จะทำยังไงไม่ได้โกรธที่มันไม่ช่วยปฏิเสธคนพวกนั้นนะแต่โกรธที่มันยังพูดเรื่องขี้ไม่จบโว้ยยยย

ว่าแล้วก็นึกอะไรออก ผมหยิบโทรศัพท์มากดเข้าแอปเจ้าปัญหาที่ทำให้ชีวิตผมวุ่นวายแล้วกดไปที่ไอจีของไอ้มนุษย์หิน

(ผมมีเรื่องจะคุยด้วย)

ผมพิมพ์ข้อความไดเร็กส่งไปแล้วคว่ำโทรศัพท์ลงกับโต๊ะเพราะไม่ได้หวังว่าไอ้เจ้าของไอจีนั้นมันจะตอบเร็ว แต่ผิดคาดเพราะไอ้มนุษย์หินตอบกลับไว้จนตกใจ

(เรื่อง?)

คุณดูที่มันตอบสิ แค่คำเดียวก็วอนส้นเท้าได้มากจริงๆ

(ผมไม่สะดวกพิมพ์ คุณว่างหรือเปล่า)

ผมพิมพ์กลับไปจ้องโทรศัพท์ไม่ละสายตา ปลาวาฬกับแจมองดูผมเงียบๆว่าผมกำลังทำอะไร

(ผมกำลังจะกลับบ้านเพราะฉะนั้น ไม่ว่างครับ)

ผมถลึงตาทันทีเมื่อเห็นข้อความ จะเล่นแบบนี้ใช่ไหมได้

(กำลังจะกลับแสดงว่ายังไม่ได้กลับ ตอนนี้อยู่ส่วนไหนของมอกรุณาบอกด้วยครับ)

ผมพิมพ์ส่งกลับไป อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วผมจะยอมง่ายๆนะ รู้จักผมน้อยไป

(ลานจอดรถคณะจิตแพทย์ผมให้เวลาสี่นาที เริ่ม)

ผมกัดฟันด้วยความโกรธอีกครั้งเมื่ออ่านสิ่งที่ไอ้มนุษย์หินส่งกลับมา

“กูมีธุระพวกมึงกลับไปก่อนเลยนะ”

ผมพูดบอกเพื่อนทั้งสองแล้วหันไปคว้ากระเป๋าและหนังสือลุกขึ้นวิ่ง

“แล้วมึงจะไปไหน”

“ไปจัดการปัญหาชีวิต”

ผมตะโกนตอบไอ้แจที่ตะโกนถามตามหลังมาแบบไม่ได้หันกลับไปมอง ผมตั้งใจวิ่งแบบสุดชีวิตกว่าจะกลับเข้าไปในมอแล้วคณะจิตแพทย์ก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ใกล้ๆให้เวลามาได้แค่สามนาที แล้วเวลาอยากได้ก็ไม่มีผ่านมาสักคันนะวินนะเวลาไม่อยากได้นี่วิ่งผ่านทีละสองคัน วิ่งมาได้ครึ่งทางผมก็ต้องหยุดเพราะเริ่มหายใจไม่ทันแล้วแต่หยุดได้แปปเดียวก็ต้องกัดฟันวิ่งต่อ

เกือบตายกว่าจะมาถึงมาแล้วก็ได้แต่ยืนงงว่าตอนนี้กำลังอยู่ส่วนไหนของคณะ แล้วลานจอดรถคณะนี้มันอยู่ตรงไหนได้เสียเวลาวิ่งอ้อมหาเข้าไปอีกจนถามคนแถวนั้นถึงรู้

มาถึงลานจอดรถผมก็ได้แต่ยืนมองไปรอบๆไหนไอ้มนุษย์หินบอกว่าอยู่ลานจอดรถไง แล้วไหนละ อย่าบอกนะว่าจะเล่นตลกอะไรอีกอะ เล่นแบบนี้มันเกินไปไหม มันเหนื่อยนะเว้ย

ผมในท่าย่อตัวมือเท้าเข่าตัวเองหอบในตอนแรกเปลี่ยนมาขยี้ผมตัวเองแรงๆด้วยความโกรธเมื่อคิดว่าตัวเองอาจจะโดนหลอก แต่เสียงปิดประตูรถที่ดังอยู่จุดไหนสักจุดในลานจอดรถก็ทำให้ผมหันไปมองและสิ่งที่เห็นก็คือ...คนที่กำลังทำให้ผมโกรธอยู่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างรถบีเอ็มสีดำวาววับที่เด่นสุดในลานจอดรถ

เราสองคนยืนจ้องหน้ากันอยู่ครู่ใหญ่และเป็นเจ้าของรถคันหรูที่เป็นฝ่ายเดินเสยผมเข้ามา ผมหนาดำสรวยที่ถูกเสยพลิ้วตามลมเด้งกลับไปเป็นเหมือนเดิม ตาที่คมเฉียบ คิ้วที่เข้มจนน่าอิจฉา และหน้าที่เนียนใสจนไร้ที่ติ กับเจ้าของความเพอร์เฟคทั้งหมดที่กล่าวมาในชุดนักศึกษาไม่ผูกไท ภาพตรงหน้าตอนนี้ดูดีและมีมนต์สะกดจนทำให้ลืมหายใจไปชั่วขณะ

“คุณมาช้าสองนาที มีอะไรจะพูดเชิญครับผมมีเวลาไม่มาก”

“........”

“คุณ”

ผมสะดุ้งแล้วรีบหายใจเอาอากาศเข้าปอดทันที ที่เคยอ่านมาว่ามีคนเจอเขาแล้วลืมหายใจแม่งเรื่องจริง ผมหันกลับไปก็เจอกับสายตาคนตรงหน้าที่กำลังมองมาด้วยสายตาสงสัยว่าผมเป็นอะไร ผมไอแก้เก้อแล้วหันไปเพื่อจะพูดด้วยตรงๆแต่พอนึกได้ว่าจะมาทำอะไรอารมณ์โกรธก็มาเลย

“ไม่ช่วยอะไรผมก็ไม่ว่า แต่คุณไปพูดแบบนั้นทำไมคนเขายิ่งพากันคิดไปใหญ่คุณรู้ไหม”

“ผมพูดอะไร”

คำพูดด้วยน้ำเสียงโมโหของผมถูกเขาตอบกลับมาด้วยเสียงไร้อารมณ์ร่วมจนผมต้องพูดออกไปด้วยความโมโหอีกครั้ง

“ก็ในไดเร็กนั้นไง”

เขาพยักหน้าแล้วตอบกลับมาสั้นๆ

“เรื่องขี้นะหรอ”

แต่โคตรจะเรียกน้ำโหจนผมต้องตะโกนใส่หน้าไป

“นี่คุณ! จบๆมันสักทีได้ไหมเรื่องขี้เนี่ย”

แต่แม่งไม่สะทกสะท้านอะไรเลยหนำซ้ำยังยิ้มมุมปากเหมือนแกล้งอีก

“คุณช่วยหน่อยไม่ได้หรอ”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงอย่างจนใจเมื่อเห็นว่าเขาไม่คิดจะช่วยอะไรเลยจนคนตรงหน้าหันมาผมจึงพูดออกไปอีก

“ผมขอร้อง”

เขาเสมองไปทางอื่นแปปหนึ่งแล้วหันกลับมามองผมด้วยสายตานิ่งๆ

“ถึงกับต้องขอร้องเลยหรอ เป็นแฟนกับผมนี่มันแย่ขนาดนั้นเลย”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเราต่างคนต่างอารมณ์ร้อนกันแล้วทั้งคู่

“ผมไม่ได้หมายถึงว่าคุณแย่ แต่เราเป็นผู้ชายทั้งคู่ไง มันไม่โอเคที่มีข่าวบ้าๆอะไรพวกนี้ ผมไม่ชอบคุณเข้าใจยัง!”

ผมพูดออกไปเสียงดังด้วยความโมโห แต่ไม่รู้เพราะกำลังโกรธหรือยังเหนื่อยจากการวิ่งเพราะอยู่ดีๆผมก็เริ่มหายใจไม่ทันขึ้นมาดื้อๆ ผมเซถอยหลังมาหนึ่งก้าวพยายามหายใจเอาอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด คนตรงหน้าเห็นอาการแปลกๆของผมก็ก้าวเข้ามาหาพร้อมกับเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

“คุณ”

เขาก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นพร้อมกับยื่นมือจะมาจับแต่ผมรีบยกมือขึ้นห้าม

“หยุดอยู่ตรงนั้น..อย่าเข้ามา..ห้าม..เข้ามา”

ผมพูดด้วยเสียงติดขัดเพราะหายใจไม่ทัน แต่เขาก็ยังไม่ฟังยังพยายามเข้ามาใกล้อีกพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“เป็นอะไร”

ผมเซไปข้างหลังเพราะเริ่มประคองตัวเองไม่อยู่ผมยกมือขึ้นจับหน้าอกตัวเองแล้วทุบแรงๆเพื่อหวังว่ามันจะช่วยให้อาการที่เป็นอยู่ตอนนี้มันดีขึ้นแต่เปล่าเลย กลับกันมันยิ่งเป็นเพิ่มขึ้นจนเริ่มหายใจไม่ออกและโลกก็วูบไป



หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-05-2020 17:07:02
 :katai1:



เอาอีกกกก เจอตอนเจ็บตัวทุกที
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 15-05-2020 23:05:32
น้องอย่าเป็นอะไรนะ :katai1: เดี๋ยวก็มีคนตาดีมาเห็นแอบเอาไปเม้าในกลุ่มอีกหรอก :hao3: :hao7:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 16-05-2020 09:07:42
ติดตามจ้า  :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่6. สับสนและวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: DAIJANG ที่ 18-05-2020 09:48:37
ตอนที่6. สับสนและวุ่นวาย

ผมค่อยๆลืมตาที่หนักอึ้งขึ้น เพดานสีขาวที่แปลกตาทำให้ต้องเหลือบมองไปรอบๆสายน้ำเกลือที่ฝ่ามือสิ่งแปลกปลอมที่อยู่บนหน้าทุกอย่างทำให้เริ่มรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ผมเป็นอะไรทำไมถึงมาอยู่โรงพยาบาลได้ผมจำได้ว่าก่อนหน้านั้นผมไปหาคนๆนั้นเพื่อเคลียร์ผมกับเขาคุยกันแล้วต่อจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้เลย

“ตื่นแล้วหรอครับ”

เสียงพูดทำให้ผมหันไปมองเป็นคุณหมอที่เพิ่งเข้ามาพร้อมกับพยาบาลทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงคุณหมอก้มหน้าเข้ามาใกล้แล้วพูด

“เวลาหายใจยังเหนื่อยอยู่ไหมครับ”

ผมส่ายหัวตอบช้าๆคุณหมอพยักหน้ารับรู้แล้วยื่นมือมาจับตรงหน้าอกข้างซ้ายของผมหันไปดูเครื่องช่วยหายใจข้างเตียงพร้อมไปด้วยแล้วเขียนอะไรไม่รู้ลงไปในแฟ้มเสร็จแล้วยื่นให้พยาบาลที่มาด้วยหมอตรวจนั่นนี่อยู่พักใหญ่ถึงออกไปเป็นเวลาให้ผมได้อยู่กับตัวเองผมนอนมองไปรอบๆห้องมันใหญ่จนทำให้รู้สึกหว้าเหว่มีใครรู้ไหมว่าตอนนี้ผมอยู่ที่นี่



เสียงเปิดประตูทำให้ผมหันไปมองอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจที่ได้เจอที่สุด

“ติม”

ปลาวาฬเรียกชื่อผมมาตั้งแต่หน้าประตูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เป็นไงบ้างมึงโอเคใช่ไหมเจ็บตรงไหน”

ปลาวาฬพูดด้วยน้ำเสียงแตกตื่นไม่หยุดพร้อมกับจับตัวผมดูไปด้วยจนแจต้องพูดห้าม

“มึงใจเย็นก่อนวาฬมันจะเจ็บเพิ่มเพราะมึงนี่แหละ”

“ก็กูเป็นห่วงมัน”

คนถูกว่าหันไปหน้ามุ่ยใส่คนพูดเมื่อเห็นว่าเพื่อนสองคนกำลังเถียงกันผมจึงพูดว่าอย่าทะเลาะกันออกไปทั้งที่มีเครื่องช่วยหายใจครอบอยู่แบบไม่มีเสียงจนทั้งคู่เลิกเถียงกันแล้วหันมามองผม แจมันถอนหายใจแล้วยื่นมือมาจับหัวผมขยี้เบาๆ

“มึงน๊ามึงไปทำอีท่าไหนถึงได้เป็นขนาดนี้วะ”

พูดไปก็เหมือนพูดคนเดียวเพราะผมรับรู้แต่ไม่สามารถตอบอะไรได้

“ว่าแต่คนนั้นอะทำไมใจร้ายจังวะอยู่กับมึงเป็นคนสุดท้ายมึงเป็นขนาดนี้ตัวเองก็มีส่วนยังไงก็ควรมาดูบ้างไหม”

คำพูดของปลาวาฬทำให้ผมอดคิดตามไม่ได้

“แต่ก็ยังดีที่มันพาไอ้ติมส่งโรงพยาบาลนะ ว่าแล้วก็แปลกโรงพยาบาลของมอก็มีทำไมมันถึงไม่พาไอ้ติมไปวะคณะมันก็ใกล้โรงพยาบาลมอจะตายทำไมต้องพามาถึงนี่”

แจพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิดปลาวาฬก็เหมือนจะคิดตามทั้งสองหันมาหาผมเหมือนหาคำตอบผมหันหน้าหนีพร้อมกับหลับตาทำให้รู้ว่าผมไม่อยากคุยแล้วมันสองคนเลยเดินไปนั่งที่โซฟาแทน



เลวร้ายจริงๆไอ้มนุษย์หินไม่มาดูก็ไม่ว่าแต่นี่พามาโรงพยาบาลเอกชนแพงๆนอนห้องวีไอพีหวังจะแกล้งให้จ่ายแพงๆใช่ไหมทำกันขนาดนี้เลยหรอ ได้ใครจะคิดอะไรทำอะไรยังไงก็ชั่งต่อไปนี้จะไม่ไปยุ่งไม่ไปขอความช่วยเหลืออะไรมันอีกเด็ดขาด



ผมตื่นมาอีกทีตอนเกือบจะหนึ่งทุ่มป๊าม๊าแล้วก็เจ้มากันครบพอดีแจกับปลาวาฬเลยกลับป๊ายังใส่แตะคีบคู่ประจำที่ใส่ในร้านมาอยู่เลยม๊ามาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าเจ้ที่มาทั้งชุดทำงาน ผมรู้สึกแย่ทุกครั้งที่ทำให้ครอบครัวเป็นห่วงและลำบากเป็นลูกชายของบ้านอายุก็ขนาดนี้ควรจะทำอะไรให้ครอบครัวบ้างแต่นี่อะไรสร้างแต่ปัญหา



เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นพยาบาลที่เดินเข้ามาป๊ากับม๊ารีบเดินเข้ามาดูไม่ห่าง

“ขอตรวจหน่อยนะคะ”

พยาบาลจับแขนผมยกขึ้นแล้วใส่ที่วัดความดันพร้อมกับหันไปดูเครื่องช่วยหายใจข้างๆด้วย

“อาการลูกดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ”

ม๊าถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดพยาบาลเงยหน้าจากแฟ้มในมือหันไปยิ้มให้ม๊า

“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะความดันก็ปกติคนไข้เริ่มหายใจเองได้แล้วพรุ่งนี้รอคุณหมอเจ้าของไข้เข้ามาตรวจอีกทีถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดคงได้ถอดเครื่องช่วยหายใจ”

ม๊ายิ้มออกทันทีที่ฟังจบหันไปยิ้มให้ป๊ากับเจ้แล้วหันมาหาผมที่นอนมองอยู่

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวก่อนค่ะ”

เจ้หันไปเรียกคุณพยาบาลจึงหยุดแล้วหันกลับมา

“ใครเป็นคนพาน้องชายดิฉันมาส่งที่นี่คะ ดิฉันอยากขอบคุณเขา”

ผมก็รู้คำตอบของสิ่งที่เจ้อยากรู้แต่ไม่รู้จะบอกเจ้ยังไงจะให้บอกว่าเขาคือคนที่คนกำลังพากันคิดว่าเป็นแฟนกับน้องชายตัวเองที่เป็นผู้ชายเหมือนกันก็ไม่ใช่จะบอกว่าเป็นเพื่อนที่มหาลัยก็กลัวเจ้จะไปขอบคุณแล้วจะต้องรู้จักกับไอ้คนใจร้ายนั้นผมไม่อยากให้ครอบครัวผมไปรู้จักกับคนแบบนั้น

“ไม่ใช่ญาติหรอคะที่ประสานงานให้ทางโรงพยาบาลไปรับตัวคนไข้จากโรงพยาบาลของมหาลัย”

ไม่ใช่แค่เจ้ที่ไม่เข้าใจกับสิ่งที่พยาบาลพูดเพราะผมก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ได้ยินจนต้องตั้งใจฟังเหมือนกัน

“ตอนแรกคนไข้ถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลของมหาลัยก่อนค่ะแต่ทางโรงพยาบาลของมหาลัยแจ้งมาที่เราว่าญาติของคนไข้มีความประสงค์ต้องการส่งตัวคนไข้มารักษาตัวที่นี่”

ยิ่งพยาบาลพูดเจ้ป๊าม๊าแล้วก็ผมยิ่งพากันไม่เข้าใจพวกเราต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความสงสัย

“เขาเป็นคนเลือกให้คนไข้พักที่ห้องวีไอพีของโรงพยาบาลแล้วก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดไว้แล้วด้วยนะคะบอกถ้ามีอะไรเพิ่มอีกให้ติดต่อหาเขาได้เลย”

“เขาจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดแล้วหรอคะ”

เจ้ถามด้วยน้ำเสียงตกใจ

“ใช่ค่ะ”

“เขาชื่ออะไรคะ ขอเบอร์ติดต่อได้ไหม”

“อันนี้ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะเรื่องนี้คงต้องสอบถามจากเจ้าหน้าที่ผู้รับเรื่องดิฉันทราบคราวๆเพียงเท่านี้”

เจ้พยักหน้าเข้าใจด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ”

เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่ถามอะไรต่อพยาบาลจึงพูดขึ้นแล้วเดินออกไปทุกคนได้แต่มองมาที่ผมด้วยสีหน้าครุ่นคิดคงรู้ว่าถามอะไรไปตอนนี้ผมก็ตอบไม่ได้เลยเงียบกัน



ผมตื่นมาในเช้าวันใหม่พร้อมกับเสียงทีวีที่คงเป็นม๊าเปิดไว้มองนาฬิกาก็ต้องตกใจเพราะสิบโมงแล้วนี่ผมนอนอะไรขนาดนั้นเสียงเปิดประตูทำให้หันไปมองเป็นม๊าที่เดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารอะไรไม่รู้ในมือ

“ตื่นแล้วหรอลูก”

ม๊าพูดพร้อมกับวางของไปด้วยเสร็จแล้วจึงเดินมาหาผมที่เตียง

“ตอนเที่ยงหมอเขาจะมาถอดเครื่องช่วยหายใจให้แล้วนะ”

ผมยิ้มอ่อนตอบม๊ายื่นมือมาจับหน้าผมพร้อมกับปัดผมที่หล่นมาละหน้าให้ไปอยู่ด้านข้างให้ผมยกมือขึ้นดึงหน้ากากช่วยหายใจออกจากหน้าจนม๊าต้องร้องห้ามด้วยความตกใจ

“ทำอะไรติมไม่ได้นะลูก”

ม๊าจะจับมาครอบหน้าให้เหมือนเดิมแต่ผมจับไว้

“ติมไม่เป็นอะไรแล้วม๊าติมหายใจเองได้แล้ว”

ผมยิ้มกว้างเป็นการยืนยันแต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าม๊าก็ยังกังวลไม่หายแต่ก็ยอมปล่อยผม

“ม๊า”

ม๊าหันมามองผมดีๆหลังจากถูกผมเรียก

“มีคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดแล้วจริงๆหรอ”

ผมถามสิ่งที่อยากรู้ออกไปเมื่อวานอาจจะมีอะไรเข้าใจผิดเลยอยากถามใหม่ให้แน่ใจอีกครั้ง

“ใช่ลูก”

แต่คำตอบของม๊าก็ทำให้ผมสับสนหนักกว่าเดิม

“ติมรู้จักเขาไหมลูกเราต้องคืนเงินให้เขานะที่นี่ค่ารักษาไม่ใช่ถูกๆแต่ละคืนแพงมากไหนจะค่าห้องอีกม๊าเกรงใจเขา”

ผมได้แต่เงียบไม่รู้จะตอบยังไงเพราะตอนนี้สมองผมก็ตามไม่ทันเหมือนกัน

“ใส่ไว้เหมือนเดิมเถอะติมรอหมอเขามาถอดให้ดีกว่า”

ม๊าจับหน้ากากช่วยหายใจกลับมาครอบหน้าให้ผมเหมือนเดิมซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะตอนนี้กำลังคิดอยู่เรื่องเดียว



มันคืออะไรกันแน่ ทำแบบนี้ทำไม ต้องการอะไร



หมอมาถอดเครื่องช่วยหายใจออกให้แล้วประวัติการรักษาบอกว่าผมเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรงแต่ผมก็ยังใช้ชีวิตแบบไม่ระวังทำในสิ่งที่เขาห้ามจนทำให้ต้องมานอนอยู่แบบนี้เลยถูกหมอตักเตือนมาไม่ใช่น้อยอยู่เหมือนกันหมอบอกไม่อยากให้นอนทั้งวันอยากให้ลุกขึ้นนั่งหรือไม่ก็ออกไปเดินบ้างช่วงบ่ายป๊ามาพอดีป๊าเลยพาผมออกไปเดินเล่น ผมไม่ได้อาการแย่ขนาดต้องนั่งรถเข็นเลยเลือกที่จะค่อยๆเดินเอาแบบที่หมอบอกผมกับป๊าเดินกันไปเรื่อยๆแวะดูนั่นดูนี่จนมาหยุดนั่งดูลานเต้นแอโรบิคที่เต็มไปด้วยเหล่าคนป่วยที่ออกมาเต้นกับหมอในยามเย็นดูแล้วก็เพลินไปอีกแบบ นั่งกันนานพอสมควรป๊าเห็นว่าออกมานานมากแล้วอากาศก็เริ่มเย็นเลยชวนผมกลับ

“เกือบลืมป๊าว่าจะแวะซื้อนมให้ม๊าหน่อยติมรอตรงนี้ก่อนนะ”

เดินมาถึงหน้าร้านสะดวกซื้อในตึกป๊าก็พูดขึ้นผมเลยนั่งคอยอยู่หน้าร้านระหว่างนั่งรอก็จับมือข้างที่ติดสายน้ำเกลือดูไปด้วยสงสัยเพราะไม่ระวังเลือดเลยเริ่มซึมเข้าสายน้ำเกลือม๊าเห็นมีหวังเป็นห่วงอีกแน่ ผมเงยหน้าจากมือตัวเองขึ้นมองดูป๊าแต่สายตาก็ดันไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างผมลุกขึ้นมองดูดีๆว่าสิ่งที่เห็นเมื่อกี้มันใช่อย่างที่คิดไหมแต่ก็ไม่ทันผมเลยเดินลากเสาน้ำเกลือตามพยายามเดินกึ่งวิ่งให้ทันคนที่กำลังจะเดินลับตาไปและด้วยความรีบและความทุลักทุเลจากการลากเสาน้ำเกลือจุดนั้นเป็นเนินต่างระดับที่สูงอยู่พอสมควรทำให้ผมล้มและกลิ้งไปตามทางจนคนที่เห็นเหตุการณ์พากันกรีดร้องด้วยความตกใจพากันวิ่งมาดูผมกันจ้าละหวั่นแต่สายตาผมก็ยังคงจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตามมาอย่างไม่สนใจคนที่เข้ามาช่วยคงจะเป็นเพราะเสียงดังจากผู้คนทำให้คนๆนั้นหยุดแล้วหันมาดู



แม้ในความอลเวงที่กำลังเกิดแต่เรากลับสบตากันค้างอยู่อย่างนั้นเหมือนตรงนี้มีแค่เราสองคนคนๆนั้นหมุนฝ่าเท้าวิ่งกลับมาแล้วแหวกฝูงชนเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

เขาถามผมด้วยสีหน้าและน้ำเสียงตกใจจับมือผมหงายดูพร้อมกับปัดๆจนผมตกใจกับปฏิกิริยาที่ได้เห็น

“ไม่เป็นไรแค่ล้มเฉยๆรีบวิ่งไปหน่อย”

“แล้วจะวิ่งทำไม!”

เสียงตะคอกดังไปทั่วบริเวณทำเอาผู้คนที่กำลังมุงดูเงียบกริบรวมทั้งผมด้วย ความเงียบทำให้เขาเงยหน้าขึ้นจนสบตากับผมที่ยังมองอึ้งอยู่เขาถอนหายใจแล้วหลับตาเหมือนสงบสติอารมณ์

“ขอโทษ”

เขาพูดแล้วพยุงผมลุกขึ้นผมเงียบไม่พูดอะไรบอกตามตรงยังตกใจกับสิ่งที่ได้เจอเมื่อกี้ไม่หายมนุษย์หินพาผมมานั่งเก้าอี้ที่ไม่ไกลจากตรงนั้นผมมองคนตรงหน้าที่กำลังนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย

“ทำไรอะ”

แล้วก็ต้องตกใจเพราะอยู่ดีๆมนุษย์หินก็ดึงมือผมไปพอผมจะดึงกลับก็เงยหน้ามองตาแข็งตะคอกใส่ผมอีก

“อยู่เฉยๆ”

ผมยอมอยู่เฉยๆตามคำสั่งก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรเขาดึงมือผมไปพลิกดูอีกรอบแต่ครั้งนี้ลามมาถึงแขนกับข้อศอกแล้วดึงผ้าเช็ดหน้าในกางเกงสแล็คแสนหรูของตัวเองออกมาเช็ดให้ผม

“เฮ้ยไม่ต้อง”

ผมร้องห้ามปัดมือเขาออกแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะนอกจากจะไม่ฟังแล้วยังเงยหน้ามามองผมตาเขม็งอีก

“บอกให้อยู่เฉยๆไง”

“ก็บอกว่าไม่ต้องไงไม่ได้เป็นอะไร”

ใครว่าผมจะยอมละเถียงกลับไปเหมือนกัน

“ไม่เป็นอะไรได้ไงเห็นๆอยู่ว่าเลือดออก”

ผมร้องจ๊ากด้วยความเจ็บเพราะถูกเช็ดโดนแผลเต็มๆเหมือนจงใจแกล้งและไอ้ตัวการก็กำลังแสยะยิ้มมองผมอยู่

“โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงยังวิ่งล้มให้มือแตกอยู่อีก”

“คุณเป็นคนพาผมมาส่งโรงพยาบาลหรอ”

คนตรงหน้าหยุดมือที่กำลังเช็ดลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองผมที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วเราสบตากันเงียบอยู่ครู่หนึ่งและเขาก็พยักหน้าในที่สุด

“ทำแบบนี้ทำไม”

“ทำอะไร”

“ก็ที่พาผมมารักษาโรงพยาบาลแพงๆให้นอนห้องวีไอพีแล้วไหนจะออกค่ารักษาทั้งหมดอีกทำแบบนี้ทำไมต้องการอะไรกันแน่”

“ทำไมผมจะต้องการอะไรด้วยก็วันนั้นอาการคุณดูแย่จนไม่น่ารอดผมเลยหาที่รักษาดีๆให้”

เขาพูดจบแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหมุนตัวเดินออกไปแบบไม่บอกไม่กล่าวจนผมต้องลุกขึ้นพูดตามหลัง

“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตแต่ผมไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณ”

เขาหยุดเท้าลงแล้วหันกลับมาเราสบตากันอีกครั้งและเป็นผมที่พูดต่อ

“ผมจะคืนเงินที่คุณจ่ายไปทั้งหมดให้”

เราต่างเงียบจ้องหน้ากันทั้งสองฝ่ายอย่างไม่มีใครหลบตา

“เงินแค่นี้เศษเงินผมไม่รับคืน”

น้ำเสียงนิ่งเฉยและใบหน้าแสนเย็นชาไม่แสดงความรู้สึกของเขาที่มองมาตอนนี้ทำให้ผมพูดอะไรไม่ออกปล่อยให้เขาหันกลับไปเดินต่ออย่างไม่ขัดอีก

“ติมมาทำอะไรอยู่นี่ป๊าตามหาตั้งนาน”

“แล้วเป็นอะไรทำไมเป็นแผลแบบนี้ลูก”

เสียงตื่นตระหนกของป๊าพร้อมกับมือที่ยื่นมาจับตัวผมดูไม่ได้ทำให้ผมหันมาสนใจและละสายตาหนีจากแผ่นหลังที่ห่างไปเรื่อยๆได้เลย



ผมคงคิดมากไป คงจริงอย่างที่เขาพูด ก็แค่หาที่รักษาดีๆให้ที่จ่ายให้ก็แค่เศษเงินไม่ได้เดือดร้อนอะไร แล้วที่เขามาโรงพยาบาลวันนี้ก็คงเป็นเรื่องบังเอิญเขาจะมาเยี่ยมผมทำไมในเมื่อ



เราไม่ได้รู้จักกัน...


หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: DAIJANG ที่ 18-05-2020 09:58:43
สวัสดีทุกคนเรา “DAIJANG” นะเราดีใจมากที่ทุกคนเข้ามาอ่านแล้วก็คอมเมนท์ร่วมสนุกไปกับนิยายของเรามันเป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมในการเขียนต่อของเรามากเป็นเรื่องแรกของเรามันอาจจะงงๆหรือไม่มูสตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะเราจะพยายามปรับปรุงต่อไปสุดท้ายนี้...รักนักอ่านทู้กกกกกคนเน้อ^_^
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-05-2020 19:06:57
 :pig2:
 :3123:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 18-05-2020 19:54:52
แอบชอบติมแล้วแต่ตีซึนละสิ :hao3:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 19-05-2020 02:18:56
สงสัยพระเอกค่าตัวแพง5555

เวลาลงตอนใหม่อยากให้ทำเหมือนกระทู้เรื่องอื่นๆครับ จะได้รู้ว่าลงตอนล่าสุดแล้ว
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-05-2020 03:15:28
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม)
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 19-05-2020 06:36:11
น่ารักดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่7. ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ 20/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: DAIJANG ที่ 19-05-2020 21:55:08
ตอนที่7. ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ

ผมได้แต่ซู๊ดปากเบาๆด้วยความแสบเมื่อพยาบาลจิ้มแอลกอฮอล์ล้างแผลมาเช็ดให้แสดงความอ่อนแอออกไปไม่ได้เยอะเดี๋ยวเขาจะว่าเอาได้แต่เหมือนคุณพยาบาลคนสวยจะรู้เลยอมยิ้มพูดกับผม

“ล้มไปกับพื้นโรงพยาบาลอย่างนั้นเชื้อโรคเยอะต้องล้างดีๆหน่อยนะคะ”

ผมได้แต่ยิ้มแห้งแก้เขินเมื่อถูกขับได้ทำแผลเสร็จคุณพยาบาลก็เก็บของออกไปผมเลยได้โอกาสยกมือไม้ตัวเองขึ้นมาดูขาวเป็นมัมมี่เลยตู

“เจ็บไหมละเรา มานอนโรงบาลทั้งทีเอาคุ้มเลยนะ”

ผมหันไปยู่หน้าให้ป๊าอ้อนๆจนป๊ากับม๊าถึงกับต้องส่ายหน้ายิ้มๆเห็นผมเล่นได้แบบนี้ก็คงรู้ว่าไม่เป็นอะไรแล้ว

“วัดความดันหน่อยนะคะ”

พยาบาลคนที่คอยมาตรวจประจำเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่ครั้งนี้คุณพยาบาลไม่ได้มาแค่แฟ้มและที่วัดความดันเหมือนทุกครั้งแต่มาพร้อมกับถุงกระดาษสีน้ำตาลในมือและวางมันลงบนเตียงที่ปลายเท้าผมจนผมต้องเงยหน้ามองคุณพยาบาลด้วยความสงสัย

“เมื่อตอนบ่ายมีคนมาเยี่ยมค่ะเขาฝากของไว้ให้ที่เคาน์เตอร์”

คุณพยาบาลไขข้อสงสัยให้แล้วลงมือวัดความดันที่แขนผมเอียงคอคิดว่าแจกับปลาวาฬหรอถ้าใช่แล้วทำไมพวกมันไม่เอาเข้ามาเลยจะไปฝากไว้ทำไมเมื่อคิดว่าไม่น่าใช่เพื่อนตัวเองผมเลยถามออกไปด้วยความอยากรู้

“ใครหรอครับ”

คุณพยาบาลแกะที่วัดความดันออกแล้วตอบพร้อมไปด้วย

“เจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์บอกว่าเป็นคนที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คนไข้ค่ะ”

“คนเดียวกันแน่หรอครับ”

ผมถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกจนคุณพยาบาลมองตาปริบๆตอบ

“ค่ะคนเดียวกัน เพราะวันนั้นเขาเป็นคนรับเรื่องเลยจำได้”

“น่าเสียดายที่ไม่เจอเขาน่าจะเข้ามาเยี่ยมในห้องจะได้ขอบคุณแล้วก็คุยเรื่องคืนเงินด้วย”

ม๊าพูดขึ้นแต่ผมไม่ได้ฟังเลยเพราะตอนนี้สมองกำลังคิดเรื่องที่ได้ยินเมื่อกี้เช่นกัน

ป๊ากลับไปนานแล้วส่วนม๊าก็หลับแล้วเช่นกันแต่ผมยังนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงคิดไม่ตกกับเรื่องที่เจอตกลงมนุษย์หินมาหาผมหรอแล้วมาทำไมถึงไม่เข้ามาหาเจอกันตอนนั้นทำไมถึงไม่บอกว่ามาเยี่ยมว่าแล้วสายตาก็หันไปเจอกับถุงกระดาษที่คุณพยาบาลเอามาให้ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงพอดีผมนอนมองมันในความมืดอยู่ครู่หนึ่งถึงตัดสินใจลุกขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปหยิบมันมาเบาๆเพราะกลัวม๊าจะตื่นพอเปิดแล้วหยิบของข้างในออกมาดูก็ทำให้รู้ว่ามันเป็นกระปุกยาประมาณสามสี่ประปุกซึ่งผมก็มองไม่เห็นว่ามันคืออะไรแต่พอขยับไปหาแสงไฟที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างที่มีอยู่น้อยนิดก็พอจะทำให้เห็นว่ามันเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยแต่น่าจะเป็นพวกยาบำรุงร่างกายจากที่เดาศัพท์ดูและนมแลคตาซอยกล่องสีฟ้าที่หลงมากล่องหนึ่ง

“อะไรของแม่งซื้อมากินเองแล้วทำหล่นมาในถุงหรือไง”

ผมบ่นกับกล่องนมในมือแล้วแกะหลอดข้างกล่องออกมาเจาะกล่องดูดพร้อมกับหันไปมองแสงจากไฟกลางคืนข้างนอกไปด้วยเอาจริงๆนานๆทีกินก็อร่อยเหมือนกันแฮะผมหุบยิ้มทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังยิ้มเรื่องของไอ้มนุษย์หินอยู่แบบไม่รู้ตัว

วันนี้จะได้กลับไปเรียนสักทีหลังจากหยุดไปเกือบหกวันช่วงนี้ชีวิตจะเป็นคุณชายอยู่หน่อยๆเพราะไอ้แจจะมารับไปเรียนทุกวันมันเป็นห่วงไม่อยากให้ผมเดินทางไปเองอีกสองวันจะถึงวันกีฬาเฟรชชี่แล้วแจมันเลยต้องไปซ้อมเดินขบวนตามที่ปลาวาฬไปสัญญากับพี่ส้มประชาสัมพันธ์ไว้ว่าจะให้มันเป็นคนถือธงแทนผมมันเลยต้องจำใจทำเพราะอยากช่วยผมเพราะสงสารที่มันต้องมาเดือดร้อนเพราะผมเรียนเสร็จผมเลยมาเป็นเพื่อนมันแจมันก็ลงไปซ้อมที่สนามส่วนผมก็นั่งกินลูกชิ้นปิ้งของโปรดอยู่บนอัฒจันทร์ชั้นสองข้างสนามรอ จุดศูนย์รวมคนหน้าตาดีของมหาลัยจริงๆวันนี้มองไปทางไหนของสนามก็เจอแต่คนหล่อคนสวยคนตามถ่ายรูปก็เยอะไหนจะแฟนคลับของบางคนที่ตามมาดูเห็นแล้วขอบายจะให้มาทำอะไรแบบนี้ไม่ใช่ทางจริงๆขออยู่ในมหาลัยแบบคนธรรมดาที่ไม่ต้องมีใครมารู้จักดีกว่า

นั่งกินจนจะหมดถุงถึงเริ่มรู้สึกถึงความเผ็ดแต่ไม่ได้ซื้อน้ำมาด้วยผมเลยต้องลงจากอัฒจันทร์เพื่อไปซื้อแต่เดินยังไม่ทันถึงไหนก็ต้องหยุดตาผมลุกวาวทันทีเมื่อเห็นว่าสิ่งที่ผมไม่อยากเจอที่สุดกำลังตรงมาทางนี้พร้อมกับคนเดินตามสองคนผมรีบเคี้ยวลูกชิ้นที่ยังกินคาอยู่ในปากกลืนลงคอมือไม้อยู่ไม่สุขแล้วใจมันยังไม่พร้อมสู้หน้าโว้ยทำตัวไม่ถูก

ผมรีบหันหลังจะเดินกลับแต่ก็ต้องหยุดเพราะมีคนกำลังพากันยกลังมาดักทางพอดีผมพยายามหาทางแหวกไปให้ได้แต่ก็ไม่ได้สักทีจนต้องหันกลับไปดูว่าไอ้คนที่ไม่อยากเจอมาถึงไหนแล้วแต่ก็ต้องตกใจเพราะแม่งยืนอยู่ไม่ไกลแล้วก็เหมือนว่ากำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาประมาณว่ากำลังทำอะไรเมื่อเห็นว่าเขาเห็นแล้วผมก็ได้แต่กัดฟันกรอดๆอย่างขัดใจแล้วยอมหันกลับไปทางนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ผมจำใจเดินต่อแต่ไม่เงยหน้าขึ้นมองจนเดินผ่านกันเราเดินจากกันไปพอตัวแล้วและเป็นผมเองที่หยุดเดินแล้วหันกลับไป

“ขอบคุณสำหรับของที่เอาไปให้ที่โรงพยาบาล”

ผมพูดกึ่งตะโกนออกไปเขาหยุดเดินแล้วหันไปพูดอะไรไม่รู้กับคนที่มาด้วยจนพวกเขาเดินไปก่อนถึงหันกลับมาพอถูกมองมาแบบนี้ก็ทำเอาผมทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

“คำขอบคุณนี่ลบล้างความผิดที่ด่าผมไว้เยอะได้หรือเปล่า”

“บ้าหรือเปล่า ใครด่าคุณ ไม่มีหรอกคิดไปเอง”

ผมรีบตอบเสียงสดใสแล้วยกมือขึ้นถูคอตัวเองแก้เก้อหลบสายตาที่จับจ้องมา

รู้ได้ไงว่าเราแอบด่าไว้เยอะ แต่จะโทษผมก็ไม่ได้นะใครใช้ให้ไม่มาให้เห็นหน้าละเป็นใครก็ต้องคิดว่าเป็นพวกใจจืดใจดำมีส่วนทำให้เขาป่วยแล้วไม่มาดูไหม

ผมเลิกคิดแล้วหันไปเผชิญหน้าพร้อมกับพูดออกไป

“เงินนะผมยังยืนยันว่าจะคืนให้นะ”

ตั้งใจหาเรื่องเปลี่ยนประเด็นแต่สายตาที่จับจ้องมาก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม

“แต่ผมขอทยอยคืนได้ไหมผมไม่อยากให้ครอบครัวต้องมาเดือดร้อนผมจะหามาคืนเอง”

ครอบครัวผมไม่ได้ยากจนขนาดไม่มีมาคืนหรอกแต่ผมอยากเป็นคนหามาคืนเองผมไม่อยากให้ป๊ากับม๊าต้องลำบากหาเงินมาคืนเงินตั้งสี่หมื่นถือว่าเยอะไม่น้อยพูดแล้วก็เป็นเซ็งนอนไม่กี่คืนทำไมแพงหูชีกขนาดนี้โรงพยาบาลหรือโรงแรมห้าดาวกันแน่

“ทำไงดีละผมรีบใช้เงินก้อนนั้นด้วยสิ”

ผมตาโพลงด้วยความตกใจรีบเดินเข้าไปหาเขาทันที

“ก็ไหนคุณบอกว่ามันเป็นแค่เศษเงินไง”

ผมถลึงตาใส่แต่คนตรงหน้ากลับทำแค่เลิกกอดอกในตอนแรกแล้วขยับเข้ามาใกล้

“พอดีว่าผมอยากใช้เศษเงินพอดี”

“แต่คุณ..”

ผมกำลังจะอ้าปากว่าต่อแต่ก็ต้องหยุดเมื่อหันไปดูรอบๆทำให้รู้ว่าตอนนี้เราสองคนกำลังตกเป็นเป้าสายตาอยู่

“อาซาฮีกับติมนิ”

“เขาอยู่ด้วยกันอะแกถ่ายเร็วๆ”

จากสองสามคนกลายเป็นกลุ่มใหญ่ที่กำลังพากันยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปผมมองไปรอบๆแล้วถอยออกห่างจากคนตรงหน้าทันทีเมื่อเห็นว่าผมทำท่าทีแปลกๆเขาเลยหันไปมองรอบๆเมื่อเห็นสถานการณ์ตอนนี้แล้วผมคิดว่าเขาจะทำแบบผมคือถอยห่างกันแต่เปล่าเลยเขากลับก้าวเข้ามาใกล้อีกจนผมต้องเงยหน้าที่กำลังมุดหลบผู้คนขึ้นมองตาแข็ง

“คุณจะเข้ามาใกล้ทำไมไม่เห็นหรอว่าคนเขามองอยู่”

ผมพูดไปก็หันมองรอบๆดูปฏิกิริยาผู้คนไปด้วยแต่พอได้ยินเสียงหึออกจากลำคอคนตรงหน้าก็ได้แต่อึ้งกับความไม่รู้ร้อนรู้หนาวของแม่ง

“เรื่องเงินให้คำตอบผมได้เมื่อไรก็บอกแล้วกันแต่อย่าให้นานนะเพราะผมเป็นคนมีความอดทนต่ำ”

“โอ้ย!”

ผมร้องเสียงหลงแล้วยกมือขึ้นจับหน้าผากตัวเองด้วยความเจ็บเมื่อถูกดีดเข้าอย่างจังจนต้องเงยหน้าจ้องคนทำด้วยความโกรธไอ้มนุษย์หินก้มหน้าเข้ามาใกล้จนผมผงะออกห่างด้วยความตกใจจนลืมคำด่า

“แล้วก็เลิกแคร์คนอื่นให้มันมากสักที แค่ที่เป็นอยู่ก็ไม่ค่อยปกติพออยู่แล้ว”

ผมได้แต่อ้าปากค้างทั้งที่ยังจับหน้าผากตัวเองค้างอยู่มองหน้าไอ้คนตรงหน้าที่พอพูดแล้วก็หมุนตัวเดินจากไป

“นี่คุณหาว่าผมบ้าหรอ!”

ผมตะโกนตามหลังด้วยความโกรธกำลังจะอ้าปากว่าต่อก็ต้องหยุดเพราะรอบข้างตอนนี้เต็มไปด้วยคนที่กำลังมองมาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ

“หู้ยยย เขาเล่นกันน่ารักมากเลยอะ”

“โคตรแฟนเลย งื้อออ”

“ถ่ายๆ”

เสียงซุบซิบกรี๊ดกร๊าดที่ได้ยินทำให้ผมถึงกับคอตกแล้วหมุนตัวกลับไปเดินต่อได้แต่เบ้ปากให้กับความซวยของตัวเองที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์บ้าบอนี

กว่าจะได้ซื้อน้ำก็แทบหายเผ็ดผมเดินดูดน้ำแดงในมือกลับมายังอัฒจันทร์เพื่อดูไอ้แจซ่อมต่อว่าแล้วก็มองหาไอ้แจมันแทบจะไม่เจอเพราะคนเยอะแยะไปหมดผมถอนหายใจแรงๆเพราะในหัวก็คิดเรื่องเงินที่จะหามาคืนไอ้มนุษย์หินไปด้วยจะให้ป๊ากับม๊าจ่ายเหมือนเดิมก็ไม่ได้ตั้งใจแล้วว่าจะไม่ให้ป๊ากับม๊าเดือดร้อนหรือจะยืมเจ้ก่อนดี เสียงกรี๊ดกร๊าดทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองทั้งที่ยังงับหลอดน้ำคาอยู่

“ธงมหาลัยยืนตรงนี้เลยค่ะ”

เสียงโทรโข่งดังจากคนที่ดูเหมือนจะเชี่ยวชาญกับงานนี้ซึ่งยืนอยู่หน้าขบวนพร้อมกับคนที่ดูเหมือนจะเป็นต้นเหตุของเสียงกรี๊ดกร๊าดไม่ใช่ใครที่ไหนไอ้มนุษย์หินนั้นเองที่เดินเข้าไปยืนในขบวนพร้อมกับธงมหาลัย

“ปีหนึ่งปีนี้งานดีเยอะเนอะว่าไหม”

ผมเหลือบมองตามเสียงเป็นสองสาวที่ยืนอยู่ด้านล่างอัฒจันทร์ที่กำลังมองไปในสนามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“โดยเฉพาะคนถือธงมหาลัยปีนี้หล่อมากอะ”

ผมได้แต่เบ้ปากให้กับสิ่งที่ได้ยินรู้กันไหมภายนอกแม่งดูหล่อก็จริงแต่นิสัยโคตรจะแย่เลือดเย็นนี่ที่หนึ่งหน้าก็เหมือนทำเป็นอยู่หน้าเดียวมนุษย์สัมพันธ์ก็แย่มองทีอย่างกับจะกินหัวผมส่ายหัวให้กับเรื่องนี้แล้วหันกลับไปมองในสนามทั้งที่ตั้งใจจะมองหาไอ้แจแต่สายตากลับไปหยุดอยู่ที่คนที่กำลังถือธงอยู่ด้านหน้าขบวนต่อให้ธงจะปลิวตามแรงลมมาปิดหน้าขนาดไหนก็ไม่สามารถปิดปังความหล่อของคนถือได้เลยถึงจะไม่ชอบขนาดไหนแต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้คนๆนั้นดูดีขนาดไหนต่อให้ในขบวนจะคัดที่สุดของแต่ละคณะมาแต่คนๆนั้นแม่งคือที่สุดของที่สุดไปอีกต่อให้ตรงนั้นจะมีแต่คนหน้าตาดีแต่คนๆนั้นก็สามารถทำให้คนมองไปที่เขาคนเดียวได้อย่างเหลือเชื่อผมสะดุ้งแล้วส่ายหัวเรียกสติเมื่อรู้ตัวว่ากำลังคิดอะไรบ้าๆอยู่

“แกว่าเขามีแฟนหรือยัง”

“หล่อๆแบบนี้จะเหลือหร๊อแถมหล่อแบบนี้แฟนต้องสวยมากแน่ๆไม่เน็ตไอดอลก็พวกคนรวยอะ”

ผมเหลือบมองคนพูดแล้วหันกลับมากลืนน้ำลายกระพริบตาปริบๆไม่รู้เหมือนกันแค่ได้ยินเขาพูดถึงแฟนไอ้มนุษย์หินแล้วทำไมตัวเองต้องรู้สึกแปลกๆ

“เขามีแฟนแล้วค่ะแล้วแฟนเขาก็ดีพร้อมเหมาะกับเขามากๆด้วย”

ผมหันมองตามเสียงแล้วก็ต้องตกใจเพราะเจ้าของเสียงนั้นนั่งอยู่ข้างๆผมนี่เองคงเพราะมัวแต่คิดฟุ้งซ่านเลยไม่รู้ว่าเขามานั่งตั้งแต่ตอนไหน

“แฟนเขาใครหรอ”

สองสาวเดินมาด้านหน้าอัฒจันทร์ด้วยสีหน้าเป็นประกายทั้งที่เขาสนทนากันอยู่แค่สามคนนะแต่ตอนนี้ตัวผมเนี่ยเริ่มนั่งไม่ติดละ

“ไม่รู้กันจริงๆหรอคะ”

คนข้างๆผมพูดแต่ตอนนี้ผมไม่รู้อะไรแล้วทั้งนั้นได้แต่นั่งตัวเกร็งกลืนน้ำลายอยู่คนเดียว

“ก็...”

แค่เธอเริ่มเอ่ยคำแรกออกมาผมก็หันมองทันทีลุ้นว่าเธอจะพูดอะไรต่อไป

“นู๋ก็ไม่รู้หรอกค่ะแค่เดาๆว่าหล่อแบบนี้คงไม่เหลือหรอก”

“พูดอย่างกับรู้เสียเวลารอฟังจริงๆเลย”

หนึ่งในสองสาวหน้าเปลี่ยนสีเหมือนจะไม่พอใจแล้วหันไปชวนเพื่อนอีกคนให้เดินตามผมมองตามสองคนที่เดินจากไปจนลับสายตาแล้วหันกลับมาพ่นลมหายใจออกจากปอดเฮือกใหญ่

“มาเฝ้าอาซาฮีหรอติม”

ผมหันมองแทบคอหักเมื่อได้ยินประโยคจากคนข้างๆ

“ไม่ใช่ผมจะมารอเขาทำไม”

ผมส่ายหัวปฏิเสธเสียงแข็งคนตรงหน้าพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่ดูจากสีหน้าและการอมยิ้มแล้วไม่น่าจะใช่

“ถ้าไม่ได้มาเฝ้าอาซาฮีแล้วติมมาทำอะไรที่นี่ละ”

“ผมมารอเพื่อน โน้นเพื่อนผมถือธงคณะจิตกรรมอยู่โน้น”

พูดชี้ไปทางสนามเธอหันไปมองตามแล้วหันกลับมาพูดแบบไม่มองหน้าผม

“เขินแหละเข้าใจ”

ผมเบ้หน้างอแงสุดทนกับการทำอะไรไม่ได้กำลังจะอ้าปากปฏิเสธก็โดนเธอพูดตัดหน้าก่อน

“เราไปแหละ..แต่นั่งเฝ้าขนาดนี้ก็อย่าให้ใครมาแทะเล็มแฟนตัวเองได้สิ”

ผมได้แต่มองเธอเดินจากไปด้วยปากที่อ้าค้างแล้วยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองแรงๆกรี๊ดในใจอย่างเหลืออดไปกันใหญ่แล้วใครแฟนมันนนนนนน

“มึงทำอะไรของมึงติม”

เสียงไอ้แจดังขึ้นพอผมเงยหน้าขึ้นมองก็เจอมันกำลังมองมาที่ผมด้วยสีหน้าสงสัย

“กูจะบ้าตายเพราะแม่งอยู่แล้ว!”

“อะไรแม่งไหน”

“จะทำยังไงกูจะทำยังไง”

หน้าผมตอนนี้จะร้องแล้วอะจริงโพสต์บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันขนาดนั้นแล้วคนแม่งยังไม่เชื่ออีกจะต้องทำยังไงถึงจะเลิกคิดว่าผมเป็นแฟนกับไอ้บ้านั้นสักที

เสียงคนพูดดังมาแต่ไกลแล้วก็ไม่ใช่อะไรมันเป็นเพราะคนเขากำลังพากันถ่ายรุมถ่ายรูปกับไอ้ตัวปัญหาที่กำลังทำให้ชีวิตผมวุ่นวายอยู่ตอนนี้ผมเอามือออกจากหัวแล้วมองคนในวงล้อมที่กำลังทำหน้านิ่งถ่ายรูปเหมือนไม่เต็มใจอยู่

“มึงกลับไปก่อนเลยนะ”

ผมพูดแบบไม่มองหน้าไอ้แจแล้วเดินลงตรงไปในสนาม

“แล้วมึงจะไปไหน ไอ้ติม!”

เสียงตะโกนของไอ้แจไม่ได้ทำให้ผมหันไปมองเพราะตอนนี้ผมก้าวจ้ำเอาๆเพื่อไปให้ถึงจุดมุงหมายของผมเมื่อเดินมาถึงผมก็ไม่รออะไรเดินแทรกเข้าไปกลางวงจนทุกคนเงียบแล้วมองมาที่ผมเป็นตาเดียวไม่เว้นแม้แต่ไอ้มนุษย์หินที่ก็มองมาที่ผมด้วยสีหน้าอึ้งๆเช่นกัน

“ติม ใช่ติมปะ”

เสียงคนพูดนำร่องหันไปพูดกับคนข้างๆทำให้เกิดเสียงอื้ออึงตามมา

“ขอโทษนะครับ ขอตัวเขาก่อน”

ผมพูดเสียงนิ่งแล้วยื่นมือไปจับข้อมือไอ้มนุษย์หินลากให้เดินตามออกมาจากตรงนั้นแบบไม่หันไปมองหน้าไอ้คนที่ผมลากมาด้วยซ้ำ

“เป็นอะไรอะมีเรื่องกันหรอ”

“นั้นสิ”

เสียงคุยกันซุบซิบดังตามหลังมาแต่ผมไม่สนใจลากไอ้มนุษย์หินให้เดินตามอย่างเดียวยังไงวันนี้ผมก็ต้องคุยกับมันให้รู้เรื่องให้ได้


หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่7 ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ 20/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 19-05-2020 23:47:07
ต้องมีหวั่นไหวบ้างล่ะน่า
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่7 ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ 20/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 20-05-2020 14:29:36
อาซาฮีคนซึน :hao7: :hao7: ชอบติมแหละดูออก :hao3: :hao6:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่7 ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ 20/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-05-2020 16:49:18
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่7 ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ 20/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-05-2020 13:51:57
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่7 ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ 20/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 23-06-2020 00:31:44
รอๆๆๆเมื่อไหร่จะมาน๊าาาาาาา
หัวข้อ: Re: INSTAGRAM...(ของคุณใช่ไหม) ตอนที่7 ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ 20/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 23-06-2020 02:25:09
 :pig4: