พิมพ์หน้านี้ - ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ จบแล้ว ... ย้ายได้ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 13-04-2020 13:11:52

หัวข้อ: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ จบแล้ว ... ย้ายได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 13-04-2020 13:11:52
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................               
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 13-04-2020 13:15:19
❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤



รักษ์ต้องเดินทางไกลมาใต้เพื่อเป็นพี่เลี้ยงเด็กแฝดที่ใครๆ ก็ว่าทั้งแสบ ทั้งซน แถมยังต้องเจอนายจ้างที่แสบไม่น้อยหน้าลูกๆ ทำให้เกิดเรื่องราวที่ทั้งแสบ มัน ฮา และอบอุ่นหัวใจ



☆ รักษ์ ☆

เด็กหนุ่มวัย 20 ปี ที่ต้องเดินทางไกลมาใต้เพื่อเป็นพี่เลี้ยงเด็กแฝดที่ใครๆ ก็ว่าทั้งแสบ ทั้งซน

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

☆ ลมเล ☆

คุณพ่อลูกสองที่เป็นถึงนายหัวแห่งสวนสายลมเรื่องอื่นยอมได้แต่เถียงลูกยอมไม่ได้

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

☆ ขุนอินทร์ ☆ ขุนจันทร ์

☆ เด็กแฝดที่มีทั้งความแสบ ซ่า ซน และความน่ารักในแบบฉบับของหนุ่มน้อยลูกคู่

#อนาคตอยากเป็นแฟนอารักษ์

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

"อารักษ์ดูๆ ลิงพ่อตัวใหญ๊ใหญ่"

"น้องจันทร์! "

"อารักษ์ทำไมหน้าแด๊งแดง"

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

"ทั้งแสบทั้งดื้อถามจริงอนาคตพวกเอ็งจะทำอะไรได้"

"เป็นแฟนอารักษ์! "

"ไม่ให้โวยยยยยย ไอ้ลูกพวกนี้"

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

เรื่องนี้บอกเลยค่ะแต่งสนองตัวเองล้วนๆ เพราะฉะนั้นจะไม่มีอะไรเลยเรื่อยๆ เฉื่อยๆ อิอิ เรื่องนี้ก็จะมาแบบแบ๊วๆ ที่ไร้อะไรเลย อิอิ ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ให้ในดวงใจคนอ่านด้วยนะคะ อาจจะไม่สนุกนั้นก็ต้องขอ อภัย ด้วยจริงๆ ค่ะแต่เรื่องนี้ตั้งใจมากค่ะเพราะเป็นแนวที่ชอบ

สุดท้ายนี้ รักนะคะคนอ่าน
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 1 (13/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 13-04-2020 13:20:34
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 1



        “ฉันตัดสินใจแล้ว”

        “รักษ์ แกไม่คิดดูอีกทีเหรอ” น้ำฟ้าถามย้ำการตัดสินใจของเพื่อนชาย​อีกครั้ง

        “ไม่ละฉันคิดดีแล้ว แกก็รู้ว่าที่บ้านฉันเป็นไง” รักษ์ตอบยืนยันไปหนักแน่น คิดไม่ตกมาตลอดจนสุดท้ายก็ตัดสินใจได้เพื่อครอบครัวรักษ์จำเป็นต้องเลือก

        “แกไม่เสียดายเวลาที่เรียนมาเหรอ” น้ำฟ้ายังคงเกลี้ยกล่อมเพื่อนชายตรงหน้า

        “ถึงเสียดายก็ทำอะไรไม่ได้ น้ำฟ้า แกก็รู้ว่าที่บ้านฉันกำลังลำบากจะให้ทำไง แก่อย่าห้ามฉันเลย” ใช่ว่ารักษ์อยากออกจากเรียนทั้งที่อุตส่าห์อยู่ปีสองแล้วแท้ๆ แต่ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร พ่อกับแม่ที่มีอาชีพขายพวงมาลัยในตลาดเงินที่ได้มามันไม่ได้มากมายพอที่จะส่งรักษ์เรียนต่อได้ถึงรักษ์จะทำงานพิเศษด้วยก็ตามมันก็ไม่พออยู่ดีไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารการกินของสามชีวิตในครอบครัว และที่สำคัญคือค่ารักษาพยาบาลของแม่ที่ต้องจ่ายทุกเดือนซึ่งเป็นเงินไม่ใช่น้อยๆ เพราะอย่างนี้รักษ์ถึงตัดสินใจออกจากเรียนและจะไปหางานทำคงช่วยจุนเจือค่าใช่จ่ายในครอบครัวได้บ้าง

        “แต่…ก็ได้ๆ มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน” ถึงอยากจะขัดแต่สุดท้ายน้ำฟ้าก็ต้องยอมเพราะสายตาละห้อยของรักษ์ รู้ดีว่าที่บ้านของรักษ์ค่อนข้างลำบากแต่ก็ไม่คิดว่าถึงกับต้องออกจากเรียน ในเมื่อห้ามไม่ได้น้ำฟ้าก็ได้แต่คอยช่วยเหลือเท่าที่ช่วยได้

        “ขอบคุณนะที่เข้าใจ งั้นช่วยไรอย่างดิ” รักษ์ตอบรับน้ำฟ้าอย่างดีใจพร้อมกับสายตาแพรวพราว

        “อะไรแกรักษ์ บอกปุบเรื่องมาปับ”

        “อิอิ ก็บอกเองว่ามีเรื่องไรให้ช่วยก็บอก”

        “เออ! ให้ช่วยไรบอกมา”

        “ช่วยหางานให้หน่อยสิ”

        “แกมีงานพิเศษที่ซุปเปอร์แล้วนี่” น้ำฟ้าบอกเพราะเป็นคนพารักษ์ไปสมัครเมื่อสามเดือนก่อน

        “ก็ใช่ แต่อยากได้งานประจำ ลำพังแค่งานพิเศษมันไม่พอ” งานพิเศษที่ทำอยู่ก็ดีแต่มันไม่พอเลยอยากหางานประจำทำมันเงินดีกว่า

        “ก็จริง เดี๋ยวจะช่วยหาให้ก็แล้วกัน แต่นี้แกตัดสินใจดีแล้วนะ” น้ำฟ้าตอบรับแต่ก็ไม่วายถามรักษ์เรื่องจะออกจากเรียนอีกครั้ง

        “ดีแล้ว ยังไงก็ขอบใจแกมาก” รักษ์ตอบ ทั้งสองต่างหยุดพูดถึงเรื่องนั้นหันมาคุยเรื่องอื่นแทน ตอนนี้รักษ์และน้ำฟ้าอยู่ในร้านกาแฟร้านหนึ่งที่มานี้เพราะรักษ์ต้องการบอกเรื่องที่จะออกจากเรียนให้น้ำฟ้ารู้ไม่ใช่ว่าไม่เคยพูดรักษ์เคยเกริ่นกับน้ำฟ้ามาแล้วหลายครั้งเพื่อนก็โวยใส่ตลอดก่อนมารักษ์ก็กังวลมาก ถึงแม้ทั้งสองจะพึ่งรู้จักกันได้แค่ปีกว่าๆแต่ทั้งสองก็สนิทกันมากเนื่องจากน้ำฟ้าเป็นเพื่อนคนแรกในมหาวิยาลัยใหญ่ในเมืองหลวงของประเทศ น้ำฟ้าเป็นคนสวย ตัวเล็ก ตาคมโต ขนตายาวและงอนมาก และมีผิวสีน้ำผึ่งที่บอกภูมิลำเนาที่อยู่ได้เป็นอย่างดี ใช่น้ำฟ้าเป็นเด็กใต้แต่ก็อยู่ตอนบนสุดที่ได้ชื่อว่าเป็นประตูภาคใต้อย่างจังหวัดชุมพร ต่างจากรักษ์ที่เป็นคนกรุงเทพรักษ์เลยเป็นหนุ่มที่ค่อนข้างขาว ติดจะขาวมากเลยทีเดียวละใบหน้าเล็กได้รูป จมูกที่ไม่โด่งมากเกินไป ปากสีแดงตามธรรมชาติแม้จะไม่เป็นกระจับแต่ก็ได้รูปสวยงาม ร่างบางที่สูงโปร่งตามมาตรฐานชายไทย นับว่าเป็นคนน่าตาดีคนหนึ่ง

        “จริงสิ” ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่เพลินๆอยู่ดีๆ น้ำฟ้าก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังเรียกสายตาคนในร้านให้หันมามองจนต้องรีบเอ่ยขอโทษ

        “พูดซะเสียดัง มีอะไรน้ำฟ้า” รักษ์ถามเพื่อนสาวตรงหน้าเพราะเสียงดังจนรักษ์ตกใจ

        “ก็หางานให้แกไง” น้ำฟ้าพูดขึ้นทั้งยกยิ้มดีใจ เธอพึ่งนึกออกว่ามีอยู่งานหนึ่งแต่ก็ไกลพอสมควร และอีกอย่างไม่รู้ว่าได้คนไปหรือยัง

        “แกพูดจริงเหรอ งานไรๆ” รักษ์ถามขึ้นอย่างตื่นเต้น เพื่อนสาวคนนี้ช่วยเขาได้เสมอ

        “งานไม่ยากแต่ว่าไกลหน่อยหนึ่ง” น้ำฟ้าบอก

        “ไกลไม่เป็นไรขอให้ได้งานพอ” รักษ์บอก ไม่สนใจว่าจะไกลแค่ไหนแค่ให้เป็นงานที่ทำแล้วได้เงินก็พอ แต่ก็เชื่อว่าน้ำฟ้าคงไม่หาไกลมากนักหรอก

        “แต่ฉันไม่แน่ใจว่าได้คนไปยัง” หญิงสาวบอกไม่เต็มเสียงนัก

        “อ้าว”

        “แต่เดียวฉันโทรถามก่อนแปบหนึ่ง” ว่าจบก็หันไปจับโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆมากดโทรหาใครคนหนึ่งรอสายครู่หนึ่งอีกฝ่ายก็รับ

        “ว่าไงตัวแสบ” เสียงทุ่มตอบรับมาเมื่อรับสาย

        “ไม่แสบสักหน่อย พี่ลมพี่ได้คนเลี้ยงแฝดยัง” น้ำฟ้าเถียงคนในสายก่อนจะถามเรื่องที่ตนอยากรู้ เหลือบมองเพื่อนชายตรงหน้าที่ดูสงสัยไม่น้อย

        “ยังเลย ถามทำไม” เสียงนิ่งตอบกลับมา

        “เหรอ งั้นพี่ห้ามรับใครนะ”

        “ทำไม” เสียงนิ่งถามขึ้นไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร

        “บอกห้ามรับก็ห้ามรับ ยกไว้ให้เพื่อนฟ้า” น้ำฟ้าโวยวายใส่คนในสาย รู้สึกเบื่อกับน้ำเสียงนิ่งๆของพี่ชายเหลือเกิน

        “ไว้ใจได้เหรอ” เสียงในสายถามขึ้น อยู่ๆมาบอกแบบนี้ก็อดกังวลไม่ได้

        “ได้สิเพื่อนฟ้านะ ยังไงก็เถอะห้ามรับใครนอกจากเพื่อนฟ้า แค่นี้นะพี่ลม” น้ำฟ้าว่าก่อนจะตัดสายโดยไม่ได้สนใจเสียงท้วงติงจากคนในสาย

        “งานอะไรนะฟ้า” รักษ์ถามขึ้นทันทีที่น้ำฟ้าวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ

        “เลี้ยงเด็ก” หญิงสาวตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม

        “ฮะ! ไม่…ไม่รับงานนี้” รักษ์ตกใจกับคำตอบ ก่อนจะปฏิเสธทันทีอย่างไม่ต้องคิด จะให้ไปเลี้ยงเด็กรักษ์คงทำไม่ได้เพราะไม่เคยเลี้ยงมาก่อน

        “แกทำได้อยู่แล้ว” น้ำฟ้าว่า เธอเชื่อตามที่พูดคนอยากรักษ์นะทำได้สบายออกจะนิสัยดีขนาดนี้ เรื่องในครัวก็เยี่ยม แค่ดูแลเด็กสองคนรักษ์ทำได้สบายน้ำฟ้าคิดอย่างนั้น

        “แกจะบ้าเหรอ ฉันไม่เคยเลี้ยงเด็ก” รักษ์ยังคงเถียง อะไรก็ทำได้ทั้งนั้นยกเว้นเรื่องนี้เลี้ยงเด็กมันไม่ใช่เรื่องง่าย

        “ก็จะได้เคยไง ไม่ต้องกังวลแฝดเลี้ยงง่าย” เธอว่า แล้วนึกถึงสองแฝดลูกของพี่ชายที่ถึงแม้จะซนแต่ก็ไม่ดื้อค่อนข้างเลี้ยงง่าย

        “อะไรคือแฝด แกอย่าบอกว่า…”

        “ใช่ เลี้ยงเด็กแฝดไง สองคนนะสองคน” น้ำฟ้าว่าพร้อมชูนิ้วสองมือ นึกหมั่นไส้เพื่อนชายที่ทำหน้าตกใจสะโอเวอร์

        “จะบ้าตายแค่คนเดียวก็ไม่รู้จะเลี้ยงยังไงนี้เล่นมาสองเลย” รักษ์ว่าทั้งยกมือขึ้นกุมขมับตัวเอง

        “จะกังวลทำไมแกทำได้อยู่แล้ว อีกอย่างเงินดีนะ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนชายกังวลไม่เลิกก็เลยเอาเงินมาล่อ

        “เงินเยอะแต่ต้องเลี้ยงเด็กนะ ถ้าฉันไปทำลูกเขาเป็นไรไปจะทำไง” เงินถึงอยากได้แต่ก็กังวลอยู่ดีเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายแถมมีถึงสองคนอีกยิ่งยากเข้าไปใหญ่

        “แกไม่ลองจะรู้ได้ไงว่าทำไม่ได้” น้ำฟ้ายังคงพูดกล่อม

        “แต่…”

        “เงินเดือนสองหมื่นนะ” หญิงสาวรีบพูดขัดเพื่อนชายทันที เชื่อสิว่าพอได้ยินเรื่องจำนวนเงินต้องเขวแน่

        “สะ…สองหมื่นเลยเหรอ” รักษ์ถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจเพราะเงินค่อนข้างเยอะสำหรับงานเลี้ยงเด็ก

        “ก็จริงนะสิฉันจะโกหกแกทำไม ว่าไงสนไหม” น้ำฟ้าว่า ความจริงเงินมันไม่ถึงสองหมื่นหรอกแค่หมื่นห้าเท่านั้นแต่อยากช่วยรักษ์อีกอย่างถ้ารักษ์รับงานนี้น้ำฟ้าก็ไว้ใจได้ว่าคนดูแลหลานชายนั้นเป็นดีแน่นอน และอีกอย่างเรื่องเงินพี่ชายคงไม่อะไรมากรวยขนาดนั้นถึงจะบ่นบ้างก็ตามเถอะ แต่ไม่เป็นไรเพื่อเพื่อนน้ำฟ้ายอม

        “เอ่อ…” รักษ์ไม่รู้จะตัดสินใจยังไงเงินเยอะน่าสนใจมากแต่ต้องไปดูแลเด็กรักษ์เลยคิดไม่ตก

        “แกลองคิดดูดีๆ นะรักษ์ เงินไม่ใช่น้อยๆ” น้ำฟ้าพยายามหว่านล้อม นึกหงุดหงิดกับเพื่อนคนนี้จะกังวลอะไรหนักหนากับแค่เลี้ยงเด็กทั้งที่มันเป็นงานที่สบายดีกว่าไปทำงานผับแล้วถูกลวนลามอีก พูดแล้วหญิงสาวก็นึกโมโหเพื่อนชายที่ห้ามไม่ฟังรั้นจะไปทำงานพิเศษในผับโดนไปสองวันถูกพวกลูกค้าลวนลามน้ำฟ้าต้องบังคับให้ไปลาออก

        “แต่มันต้องเลี้ยงเด็กนะ ฉัน…ฉันไม่รู้จะเข้าหาหรือว่าดูแลเขายังไง อีกอย่างถ้าเด็กไม่ชอบฉันล่ะจะทำไง” รักษ์พูดขึ้นอย่างกังวล น้ำฟ้าได้แต่ยกมือกุมขมับกับเพื่อนชายที่กังวลเกินไป

        “แกก็ไม่ต้องทำไง แค่เดินเข้าไปแล้วยิ้มให้แฝด แฝดก็แทบพุ่งหาแกแล้ว” น้ำฟ้าว่า และนั้นทำให้รักษ์นึกสงสัยขึ้นมา

        “ทำไมล่ะ”

        “แกไม่รู้เหรอว่าแกนะยิ้มแล้วสวยมาก ยิ้มที่หนึ่งทำคนอื่นยิ้มตามไปตั้งเท่าไรโลกนี้สดใสขึ้นมาทันที”

        “แกก็เวอร์” รักษ์ว่าที่เพื่อนสาวพูดเสียโอเวอร์ แต่ก็แปลกถ้าเป็นอย่างน้ำฟ้าพูดทำไมรักษ์ถึงไม่เคยรู้สึกเลย

        “ไม่เวอร์ทั้งนั้นแหละค่ะ ตกลงเอาไง”

        “ก็…”

        “แกจะคิดไรเยอะ รับๆไปเถอะ คิดไว้ว่าเงินๆๆๆ” ยุกับเรื่องอื่นไม่ขึ้นก็ใช่เรื่องเงินนี้แหละ

        “ก็…ก็ได้จะลองดู” ในที่สุดรักษ์ก็รับมันเพราะเงินล่อตาแท้ๆให้ตายเถอะ

        “ดีมากค่ะ” น้ำฟ้ายิ้มยกใหญ่ รักษ์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องดีใจขนาดนั้น

        “แล้วงานต้องไปทำที่ไหนละ ต้องค้างไหม” เมื่อตัดสินใจรับงานนี้รักษ์ก็ถามถึงลายละเอียดงานทันที

        “ต้องไปอยู่เลย” น้ำฟ้าบอก ซึ่งก็ไม่ผิดกับที่รักษ์คิดไว้มากนักก็เลี้ยงเด็กนี้ต้องอยู่กับเด็กตลอดอยู่แล้ว

        “แล้วงานที่ว่าอยู่ไหนล่ะ” รักษ์ถามขึ้นอีกเมื่อน้ำฟ้าไม่ได้ตอบในตอนแรก

        “ก็ไกลหน่อยหนึ่งนะ”

        “ไกลเหรอแล้วที่ไหนละคงไม่ไกลมากใช่ไหม”

        “ก็ไม่มากมั้ง ที่บ้านฉันนะ” น้ำฟ้าว่าอย่างไม่แน่ใจเพราะตนเองรู้สึกว่าจากกรุงเทพไปบ้านก็ไม่ไกลมากนักหรือเพราะนั่งไปกลับจนชินอันนี้ก็ไม่แน่

        “ฮะ! ไม่มากเลยแต่มันโคตรไกลมากๆ” รักษ์ว่าอย่างตกใจอดจะประชดไม่ได้พูดมาได้ไงว่าไม่ไกล ชุมพรเลยนะนั่งรถเป็นวันกว่าจะถึง

        “แกก็เวอร์” น้ำฟ้าแขวะ

        “เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหม” นึกอยากเปลี่ยนใจขึ้นมาทันทีถึงจะได้เงินดีแต่มันไกลบ้านมากรักษ์เป็นห่วงพ่อกับแม่

        “ไม่ทันแล้วค่ะ”

        “แต่ฉันเป็นห่วงพ่อกับแม่” รักษ์บอกไปตามใจคิด

        “แกไม่ต้องห่วงคุณลุงกับคุณป้าฉันดูให้เอง” ไม่ใช่แค่พูดให้เพื่อนชายรู้สึกดีแต่น้ำฟ้าตั้งใจจะทำจริงๆ

        “แต่…”

        “แกนี่ยังไงต้องมีเรื่องให้ขัดตลอด แกคิดดูนะไปอยู่โน้นบ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ แถมได้เงินอีกแกคิดดูไม่มีอะไรจะดีขนาดนี้แล้ว” น้ำฟ้าว่ามายึดยาวถ้าพูดถึงขนาดนี้รักษ์ยังลังเลอีกก็ไม่รู้จะว่าไง

        “เอ่อ…” รักษ์ยังคงรู้สึกลังเลไม่น้อย สายตาจ้องมองอย่างต้องการคำตอบของน้ำฟ้ายิ่งกดดัน “ก็ได้” และแล้วก็ตัดสินใจรับอีกตามเคยถึงแม้รักษ์จะยังรู้สึกกังวลแต่ถ้าไม่ลองดูก็ไม่รู้ อีกอย่างรักษ์จำเป็นต้องใช้เงิน

        “โอเค เดี๋ยวฉันบอกพี่อีกทีหนึ่งแล้วจะบอกแกนะว่าต้องไปเมื่อไร” น้ำฟ้ายิ้มหน้าบานเมื่อเพื่อนชายตอบรับอุตสาห์ยุไปเสียตั้งเยอะไม่ยอมรับนี้แย่ นึกถึงแฝดแล้วอดดีใจแทนสองแสบไม่ได้

        “แล้วพ่อกับแม่แกไม่ว่าใช่ไหมถ้าฉันจะไปอยู่บ้านท่านด้วย” รักษ์ถามเมื่อนึกถึงเรื่องต้องไปอยู่ใต้ รักษ์เคยเจอพ่อกับแม่ของน้ำฟ้ามาแล้วสองครั้งตอนที่ท่านขึ้นมาเยี่ยมน้ำฟ้า ท่านทั้งสองเป็นคนใจดีมากในความรู้สึกของรักษ์ อายุท่านก็พอๆกับพ่อและแม่ของรักษ์

        “ใครบอกแกจะไปอยู่บ้านพ่อกับแม่ฉัน” น้ำฟ้าถามขึ้นงงๆ

        “อ้าว ไม่ใช่เหรอก็แกบอกไปอยู่บ้านแก” รักษ์งงยิ่งกว่าน้ำฟ้าทั้งที่เป็นคนบอกเองแท้ๆ ว่าให้ไปอยู่บ้านตัวเอง

        “ก็ใช่บ้านฉันชุมพรไง แต่แกนะต้องไปอยู่บ้านพี่ฉันต่างหาก”

        “ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันหรอกเหรอ”

        “ก็ใช่ไง”

        “อืม”

        “ตอนนี้ห้ามเปลี่ยนใจแล้วนะเพราะฉันไลน์ไปบอกพี่เรียบร้อยแล้ว พ่อกับแม่ก็บอกแล้วพวกท่านดีใจมากที่แกจะไป” รักษ์มองอย่างข้องใจเอาเวลาตอนไหนไปคุยไลน์กันแต่รักษ์ก็ได้เพียงตอบรับกลับไป

        หลังจากพูดคุยกันเรื่องนี้จบรักษ์และน้ำฟ้าก็แยกย้ายกันกลับ รักษ์กลับมาบ้านเพื่อคุยเรื่องจะไปทำงานกับพ่อและแม่ซึ่งพวกท่านไม่เห็นด้วยแต่สุดท้ายก็ยอมให้รักษ์ไป รักษ์รู้ดีว่าพวกท่านเป็นห่วงแต่เพื่อครอบครัวรักษ์ต้องทำไม่อยากที่จะเห็นพ่อกับแม่ต้องเหนื่อยยิ่งแม่ไม่สบายแบบนี้

ผ่านมาหลายวันน้ำฟ้าก็โทรมาบอกว่าให้ลงไปวันอาทิตย์ที่จะถึงได้เลยซึ่งรักษ์ก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ที่ต้องไปอยู่ไกลบ้านแบบนี้นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่รักษ์จะต้องไปอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง

        รักษ์จัดการเก็บข้าวที่จำไปเป็นไม่ได้เอาไปมากนักเพราะลำบากตอนเดินทาง พรุ่งนี้แล้วที่รักษ์ต้องไปก็อดใจหายไม่ได้แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากสู้กับมัน “ถึงแล้วแกโทรบอกฉันด้วยนะ” รักษ์ฟังน้ำฟ้าพูดย้ำคำนี้ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไร

        วันนี้เป็นวันที่รักต้องเดินทางไปชุมพรโดยมีน้ำฟ้าส่งขึ้นรถที่ขนส่ง แต่เพื่อนสาวก็บอกเรื่องให้โทรหาตลอดระหว่างทางและตอนถึงก็ไม่เข้าใจว่าจะอะไรหนักหนาแต่เพราะรู้ว่าเป็นห่วงเลยไม่อยากจะขัดเพื่อนสาว

        “รู้แล้วแกบอกฉันรอบที่เท่าไรแล้วฮะ”

        “ก็ฉันเป็นห่วงแก” น้ำฟ้าว่าเสียงหง่อย รักษ์ทำเพียงยิ้มให้กับเพื่อนสาว

        “โอเคๆ ฉันจะโทรหาแกตลอดทางเลยตกลงไหม” ให้ตายเถอะยายเพื่อนคนนี้ยิ่งกว่าแม่เสียอีก

        “อย่าลืมนะ อ่อเดี๋ยวพี่ลมจะมารับที่ทางเข้าสวนนะเพราะรถจอดตรงนั้นพอดี” รักษ์พยักหน้ารับก็รู้มาบ้างว่าสวนของพี่น้ำฟ้าอยู่ติดกับถนนใหญ่เลยแต่ต้องนั่งรถเข้าไปอีกกว่าจะถึงบ้านเพราะบ้านอยู่กลางสวนพอดีและที่สำคัญน้ำฟ้าบอกว่าสวนพี่ชายกว้างมากถ้าเดินเข้าไปคงเป็นลมก่อน

        “งั้นฉันไปนะ” รักษ์บอกลาเพราะใกล้ถึงเวลารถออกแล้ว

        “อืมโชคดีนะ คุณลุงคุณป้าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันดูให้ แล้วจะลงไปหาบ่อยๆ” รักษ์พยักหน้ารับนึกหมั่นไส้ทำเป็นบอกจะลงไปหาบ่อยๆ หาเรื่องลงบ้านตัวเองมากกว่าเถอะ

        “ไปละแล้วจะโทรหา”รักษ์บอกก่อนจะก้าวขึ้นรถทัวร์ไป

หลังจากนั้นไม่นานตัวรถก็เคลื่อนออกไปพร้อมกับใจองรักษ์ที่เต้นรัว รักษ์นั่งรถมาหลายชั่วโมงมากกว่าจะเข้าจังหวัดชุมพรระหว่างทางน้ำฟ้าก็โทรมาตลอดทั้งที่เป็นคนบอกให้รักษ์โทรไป พูดถึงก็โทรมาอีกแล้วน้ำฟ้าถามทันทีว่าถึงไหนแล้วรักษ์เองก็บอกไม่ถูกพอมองป้ายข้างทางก็บอกว่าเขตอำเภอสวี น้ำฟ้าเลยบอกว่าใกล้ถึงแล้วและมันก็เป็นเช่นนั้นเมื่อรถที่รักษ์นั่งมาจอดนิ่งหน้าสวน สายลม

        “ถึงแล้ว” รักษ์เอ่ยบอกกับคนในสาย

        “ถึงแล้วเหรอ รอเดี๋ยวนะพี่ลมกำลังออกมา” ก่อนจะโทรหารักษ์น้ำฟ้าโทรหาพี่ชายก่อนแล้วเพราะคาดการไว้แล้วว่ารักคงใกล้จะถึง

        “อืม”

        “เป็นไงสวนพี่ฉัน”

        “มีแต่ต้นปาล์ม” รักษ์บอกเพราะมองไปก็เจอต้นปาล์มน้ำมันเต็มไปหมด

        “ฮาๆ ก็ทำสวนปาล์มนิ แต่เดี๋ยวเข้าไปข้างในก็เจอพวกผลไม้มีเยอะมากๆ” น้ำฟ้าบอกติดตลก ไม่แปลกหรอกที่รักษ์จะเจอต้นปาล์มเพราะครอบครัวเขาทำสวนกันไม่ใช่แค่ปาล์ม แต่ยังมียางพารา และผลไม้อีกเยอะมากทั้งทุเรียน เงาะ มังคุด ซึ่งส่งออกทั้งในประเทศและนอกประเทศ รวมๆแล้วมีสวนเป็นพันไร่ ทำกำไรปีๆหนึ่งก็มหาศาลมาก

        “อืม บรรยากาศดูน่าอยู่ดีมองไปเจอแต่ต้นไม้ทั้งนั้นผิดกับกรุงเทพเลย” รักษ์บอกไปตามที่รู้สึก สีเขียวของต้นไม้นานาชนิดถึงแม้จะเป็นพืชเศรษฐกิจแต่ก็ให้ความรู้สึกดี

        “ก็แน่ละ บ้านฉันมันชนบทนะ” น้ำฟ้าบอกอย่างขำๆ ก็บ้านเธออยู่ในจังหวัดที่ห่างไกลเมืองหลวงแถมห่างจากตัวจังหวัดอีกถึงมันจะดูชนบทแต่ก็น่าอยู่มากอากาศสดชื่นต่างจากเมืองหลวงลิบลับ “แล้วนี้พี่มารับยัง” น้ำฟ้าถามขึ้น

        “ยังไม่เห็นใครเลย” บอกไปตามจริงเพราะยังไม่เห็นใครมาเลย “ อะ! มีคนขับรถออกมาสงสัยเป็นพี่แก” รักษ์บอกเมื่อเห็นรถเลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนจะจอดรถตรงหน้ารักษ์ซึ้งรักษ์มองอย่างอึ้งๆ

        “ใช่เพื่อนของฟ้าไหม” ชายหนุ่มถามนิ่งๆ ทั้งยังนั่งอยู่บนรถ รักษ์ตอบอะไรไม่ถูกได้แต่พยักหน้ารับกลับไปเพราะใบหน้าของคนตรงหน้าช่างสะกดสายตาของรักษ์มากเหลือเกิน ร่างสูงหนาผิวเข้มตามแบบฉบับหนุ่มใต้ จมูกโด่ง ตาคมที่เหมือนน้ำฟ้า ยิ่งไรหนวดบางนั้นยิ่งขับให้คนตรงหน้าดูเท่มาก

        “รักษ์ รักษ์ ไอ้รักษ์” เสียงเรียกจากในสายทำให้รักษ์หลุดจากภวังค์

        “วะ…ว่าไง”

        “เรียกตั้งนาน เป็นไงอึ้งกับหน้าตาพี่ฉันละสิ” น้ำฟ้าเอ่ยแซ่ว รักษ์ยอมรับว่าอึ้งจริงๆ กับคนตรงหน้า “แล้วพี่มารับไง” น้ำฟ้าถามอีกทำให้รักษ์ต้องละสายตาจากคนที่นั่งคิ้วขมวดบนรถคงเพราะรักษ์จ้องนานเกินไปแน่ๆ รักษ์มองมายังพาหนะที่ชายหนุ่มนั่งมารักษ์ก็ต้องอึ้งอีกครั้งเพราะมันคือ

        “พะ…พ่วงข้าง”

        “ฮะ! พ่วงข้าง กรรมพี่ฉัน” น้ำฟ้าว่าอย่างตกใจอดโมโหพี่ชายไม่ได้ชอบทำตัวแบบนี้ไงถึงถูกทิ้ง

………………………….

        ดู่ดู๊ดูเธอทำ ทำไมถึงทำกับรักษ์ได้ แรกเจอก็จัดพ่วงข้างมาเลยยยย

เรื่องนี้บอกเลยค่ะแต่งสนองตัวเองล้วนเพราะฉะนั้นจะไม่มีอะไรเลยเรื่อยๆเฉื่อยๆ อิอิ ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ไว้ในดวงใจคนอ่านด้วยนะคะ อาจจะไม่สนุกก็ต้องขอ อภัย ด้วยจริงๆค่ะแต่เรื่องนี้ตั้งใจมากค่ะเพราะเป็นแนวที่ชอบ ผิดพลาดตรงไหนก็อย่ากลัวเคืองกันนะคะ สามารถแนะนำได้เต็มที่ค่ะจะเอาไปพัฒนา สุดท้ายนี้ รักนะคะคนอ่าน
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 2 (13/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 13-04-2020 13:25:19
ลูกคู่สื่อรัก 02



        ลมเลจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เอาแต่คุยโทรศัพท์ตั้งแต่เขามาถึง รักษ์ หรือพุฒิรักษ์ เพื่อนของน้องสาวและกำลังจะเป็นพี่เลี้ยงให้กับลูกชายฝาแฝดของเขาด้วย วันนี้เป็นวันที่รักษ์ลงมาเป็นพี่เลี้ยงให้แฝด ลมเลถึงต้องมารับที่ปากทางเข้าสวนแต่เมื่อมาถึงเจ้าตัวก็เอาแต่คุยโทรศัพท์และมองเขาไม่วางตา ลมเลก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องมองขนาดนั้น

        “พะ...พวงข้าง” ลมเลเลิกคิ้วขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงคนตรงหน้าก่อนจะก้มลงมองมอเตอร์ไซค์ที่ตนกำลังคร่อมอยู่แล้วมองหน้ารักษ์ที่ยืนปั้นหน้ายากอยู่ ‘อย่าบอกว่านั่งไม่ได้’ ลมเลนึกในใจ

        “น้ำฟ้าแค่นี้ก่อนนะ คุณลมรออยู่” รักษ์บอกกับคนในสายเมื่อนึกเกรงใจลมเลที่รออยู่

        “ช่างพี่ลมสิ กล้าดียังไงเอาพ่วงข้างมารับแก” น้ำฟ้านึกโมโหพี่ชายขึ้นมาอีกรอบ

        “ไม่เป็นไร งั้นแค่นี้นะ” รักษ์บอกลาอีกนิดหน่อยก็วางสายจากเพื่อนสาวหันมาสนใจชายร่างใหญ่ตรงหน้าก็พบว่าอีกคนไม่ได้สนใจอะไรรักษ์นั่งใช่มือแคะจมูกอยู่บนรถอย่างไม่ทุกข์ร้อน

ทางลมเลก็รู้ว่ารักษ์คุยอยู่กับน้ำฟ้าเลยไม่ได้ขัดอะไรเลยนั่งรออีกคนเงียบๆ ถึงในใจจะรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ก็ตาม

        “เอ่อ...สวัสดีครับ ผมรักษ์ครับ” รักษ์แนะนำตัวเอง

        “ฉันลมเล” พยักหน้ารับพร้อมกับบอกชื่อตัวเองออกไป รักษ์เองก็รู้มาบ้างว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือพี่ชายของน้ำฟ้าที่ชื่อลมแต่ก็ไม่คิดเลยว่ามันไม่ใช่ลมเฉยๆ แต่มันคือ ลมเล เป็นชื่อที่ค่อนข้างแปลกสำหรับรักษ์แต่มันก็เพราะดีเหมือนกันให้ความรู้สึกถึงถิ่นบ้านเกิดของเจ้าของชื่อได้เป็นอย่างดี

        “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณลม...คุณลมเล” เพราะเผลอเรียกชื่ออีกคนตามน้ำฟ้าพอนึกได้ว่าคนตรงหน้าคงจะไม่ชอบเลยต้องเรียกชื่อเต็มแต่ดูเหมือนชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรรักษ์เท่ากับการแคะจมูก ลมเลดูเป็นคนแปลกๆ ในสายตารักษ์มีที่ไหนมานั่งแคะจมูกต่อหน้าคนที่พึ่งเจอกันครั้งแรก

        “อ๊ะ อืม ไปกันยัง” ใช้มือที่แคะจมูกเช็ดกับเสื้อยืดสีซีดก่อนจะถามรักษ์ รักษ์ได้แต่ปั้นหน้ายิ้มให้กับการกระทำของลมเล

        “ครับ” ว่าแล้วก็ก้าวเดินมาหมายจะขึ้นบนพ่วงข้างแต่ก็ได้แต่ยืนมองเพราะไม่รู้จะขึ้นทางไหนดีมันมีแต่กรงเหล็กรอบไปหมด

        “ข้ามขึ้นมาเลย” ลมเลบอกทั้งสตาร์ทรถไปด้วย รักษ์ทำเพียงพยักหน้ารับแล้วทำตามที่อีกคนบอกใช้เวลาพอสมควรกับการขึ้นมาบนพ่วงข้าง มันก็ปกติสำหรับรักษ์เพราะเขาไม่เคยนั่งพ่วงข้างมาก่อนแต่ก็ไม่ใช่เพราะนึกรังเกียจอะไรแต่มันไม่มีให้ได้ลองนั่งก็เท่านั้น

        “ไปได้เลยครับ” ขึ้นมานั่งบนแผ่นเหล็กยาวที่ทำไว้สำหรับนั่งได้ก็บอกอีกคนให้ออกรถทันที

        “จับดีๆ” ว่าจบก็ออกรถทันทีไม่ได้ดูเลยว่าอีกคนจับเรียบร้อยแล้วหรือยัง

        “เฮ้ย!” ตกใจมากเมื่อรถออกตัว รักษ์ที่หาที่จับยังไม่ได้แทบพุ่งตกลงจากรถ

        “โทษทีๆ” บอกขอโทษรักษ์ไป ลมเลเองก็ลืมว่าอีกคนเป็นเด็กเมืองกรุงรถแบบนี้คงไม่เคยนั่ง

        “ไม่เป็นไรครับ” ว่าทั้งส่งยิ้มไปให้ รักษ์ก็แค่ตกใจที่อยู่ๆ รถก็ออกตัวทำให้ตัวเองที่หาที่จับไม่ได้เลื่อนไปตามแรกกระชากของรถ ก็นึกตลกตัวเองดีเหมือนกัน

        “ลงมานั่งข้างล่างก็ได้” เพราะกลัวเด็กหนุ่มจะตกไปจริงๆ เลยบอกให้รักษ์เปลี่ยนมานั่งพื้นของพ่วงข้างแทน

        “ได้เหรอครับ” รักษ์ถามอย่างไม่แน่ใจนักเพราะบนพื้นนั้นเต็มไปด้วยเศษใบไม้และดินนิดหน่อย ลมเลทำเพียงพยักหน้ารับรักษ์เลยเลื่อนตัวเองลงมานั่งอยู่บนพื้นพ่วงข้างแทนและไม่ลืมยกกระเป๋าเป้ใบไม่ใหญ่มากนักมานั่งกอดไว้

        ลมเลเห็นว่ารักษ์นั่งเรียบร้อยก็กระชากรถออกไปทันที ตลอดทางลมเลคอยหันมองรักษ์ตลอดไม่ใช่ว่าอยากมองแต่อาการที่หันมองซ้ายทีขวาทีพร้อมกับหน้าตายิ้มแย้มนี้มันทำให้ลมเลรู้สึกแปลกๆ จากที่เคยนั่งอยู่ตรงกลางตอนนี้รักษ์ขยับมานั่งติดกับราวเหล็กแล้วเรียบร้อยก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกต้นไม้นี้มันน่าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยหรือยังไง

        “นั้นต้นอะไรครับ” มือขาวยกขึ้นชี้ไปยังต้นไม้ที่มีใบสีเขียวออกน้ำตาล

        “ทุเรียน” ลมเลมองตามมือขาวก่อนจะตอบ แม้ลมเลจะพูดห้วนๆ แต่ไม่ได้ดูไม่พอใจอะไรเพียงแต่เขาเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว รักษ์เองก็ไม่ได้ติดใจอะไรถึงลมเลจะพูดจาดูไม่ค่อยน่าฟังแต่ในน้ำเสียงนั้นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกไม่ดี

        ลมเลขับรถไม่เร็วมากนักทำให้รักษ์ได้ชื่นชมกับบรรยากาศสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ระหว่างทางที่ผ่านมานั้นมีทั้งปาล์ม เงาะ มังคุด และที่เห็นอยู่สองข้างทางตอนนี้ก็คือต้นทุเรียนซึ่งเป็นสิ่งที่รักษ์ชอบกิน ปกติเคยเห็นแต่ลูกมันที่มีหนามแหลมๆไม่เคยเห็นต้นมันจริงๆ สักครั้ง พอได้มาเห็นเลยอดตื่นเต้นไม่ได้ ก็เพราะมันคือของที่ชอบ ยิ่งทุเรียนทอดรักษ์ชอบมากเป็นพิเศษจำได้ว่าเคยกินครั้งแรกตอนที่น้ำฟ้าเอามาฝาก ถึงจะชอบมากแต่ก็ไม่ได้กินบ่อยนานๆครั้งทีหนึ่งเพราะราคามันค่อนข้างแพงมาก

        “ผมชอบทุเรียน” หันมาบอกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง รักษ์ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะบอกทำไมแต่ปากมันไปเอง ลมเลก็ไม่ได้ตอบแค่พยักหน้ารับเพราะไม่รู้จะพูดอะไรและอีกอย่างรอยยิ้มของคนข้างๆมันทำให้พูดออกมาได้ยากเขารู้สึกคันหน้ายิบๆขึ้นมาแปลกๆ

พ่วงข้างขับเคลื่อนมาได้สักพักใหญ่ก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านสองชั้นที่ถูกสร้างจากไม้ทั้งหลังที่ดูก็รู้ว่าราคาคงแพงมากเลยทีเดียว บริเวณลานรอบบ้านถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าสีเขียวแต่มันไม่ใช่หญ้าญี่ปุ่นอย่างที่เห็นตามบ้านคนรวยในเมือง มันคือหญ้าอะไรรักษ์เองก็ไม่รู้จักแต่มันดูสวยดี ตามแนวกำแพงบ้านก็ปลูกต้นไม้เต็มไปหมด และพอมองไปข้างตัวบ้านก็จะเห็นซุ่มกล้วยไม้ที่อัดแน่นไปด้วยกล้วยไม้หลายชิดมันบอกได้เลยว่าเจ้าของบ้านคงชอบกล้วยไม้มาก รักษ์นึกยิ้มในใจก็เขานะชอบกล้วยไม้มากเหมือนกัน

        รักษ์จ้องมองรอบตัวบ้านอย่างถูกอกถูกใจมันคงเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับรักษ์ที่มองไปรอบตัวก็มักพบกับตึกราบ้านช่องเต็มไปหมดแต่ที่นี้มองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้มันดูสบายตาดีเหลือเกินและที่สำคัญอากาศสดชื่นมากไม่ได้เต็มไปด้วยฝุ่นควันอย่างในเมือง

        “ถึงแล้ว” เพราะเห็นว่าอีกคนยังไม่ลงมาสักทีทั้งที่มาถึงได้สักครู่แล้ว และนั้นก็ทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์ได้สติ

        “คะ...ครับ” รักษ์ตอบรับอย่างเงอะงะก่อนจะรีบก้าวลงจากพ่วงข้างแล้วรีบเดินตามอีกคน “ที่นี้น่าอยู่จังเลยนะครับ” ตามทันได้ก็บอกสิ่งที่คิดให้คนข้างๆ ฟังทันทีลมเลก็ทำเพียงพยักหน้าไม่แสดงท่าทีอะไรเช่นเคยเล่นเอารักษ์ต้องค่อยๆ หุบยิ้มลงเพราะคิดว่าคงกวนอีกคน ทางลมเลพอเห็นก็รู้สึกผิดขึ้นมาก็ไม่ได้ต้องการให้อีกคนรู้สึกไม่ดีแต่เพราะเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วเลยไม่ระวังว่าจะทำให้รักษ์รู้สึกไม่ดี

        “อารักษ์!” ทันทีที่เดินเข้ามาในตัวบ้านก็ได้ยินเสียงเรียกตนเองดังลั่นพร้อมกับแรงกอดรัดที่เอวจากเด็กตัวน้อยสองคน รักษ์ทั้งงงทั้งตกใจ เขาจำได้ว่าไม่เคยพบเด็กสองคนที่หน้าตาไม่แตกต่างกันมาก่อนแต่ทั้งสองทำราวกับรู้จักรักษ์เป็นอย่างดี รักษ์เองก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงเขาไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนและดูเหมือนเด็กหน้าเหมือนนี้คงจะเป็นเด็กที่เขาต้องมาดูแลเป็นแน่

        “เอ่อ...”

        “มาแล้วเหรอจ๊ะลูก” พยายามรับมือกับเด็กสองคนที่กอดเอวเขาแน่น ก็ได้ยินเสียงจากหญิงสาวที่พึ่งเดินเข้ามา รักษ์รู้ได้ทันทีว่าคือใครถึงแม้จะเคยเจอกันไม่กี่ครั้งก็ตามใช่ เธอคือแม่ของน้ำฟ้า รักษ์ยิ้มให้พร้อมกับรีบยกมือไว้ทั้งที่ยังมีเด็กแฝดกอดเอวเขาอยู่

        “ครับแม่” ลมเลตอบรับคนเป็นแม่ “ไอ้แสบมานี้เลยไปวุ่นไรเขารู้จักหรือไง” ลมเลหันมาว่าลูกทั้งสอง อดสงสัยไม่ได้ว่าไปรู้จักกันตอนไหน

        “อารักษ์แฟนพี่อินทร์นะ” เสียงเด็กชายคนหนึ่งตอบขึ้นมาทันที

        “อารักษ์แฟนของน้องจันทร์ต่างหาก” และเด็กชายอีกคนก็เถียงตามมาและมหากรรมการถกเถียงของสองแฝดก็เกิดขึ้น รักษ์นี้ถึงกับงงเขามีแฟนเป็นเด็กห้าขวบหรือ รักษ์นี้ไปต่อไม่ถูกอย่าว่าแต่รักษ์ลมเลเองก็ตกใจไม่น้อยไม่คิดว่าลูกตัวเองจะแก่แดดริอาจจะมีแฟนตั้งแต่ห้าขวบมันเหมือนใครกันสองแฝดนี้

        “หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้สองแสบ ใครสั่งใครสอนให้พวกเอ็งสองคนมีแฟนตั้งแต่ตัวเท่ากะเปี๊ยกวะ” ลมเลว่าลูกชายทั้งสอง ซึ่งคำพูดของลมเลทำให้รักษ์ตกใจนิดหน่อยนี้มันคือคำพูดของคนเป็นพ่อเวลาคุยกับลูกหรือ

        “ไม่เปี๊ยกสักหน่อย พี่อินทร์โตแล้ว” ขุนอินทร์ว่าค้านคนเป็นพ่อ

        “น้องจันทร์ก็โตแล้ว” เห็นแฝดพี่ว่าแฝดน้องก็ไม่ยอมเช่นกัน

        “โตมาก สูงยังไม่ถึงเอวพ่อเลยวะ” คนเป็นพ่อว่าลูก จากที่เคยเป็นศึกระหว่างสองแฝดตอนนี้กลายเป็นศึกสามพ่อลูก รักษ์ที่ยืนอยู่กลางระหว่างสามคนพ่อลูกได้แต่มองไปมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง มองหาตัวช่วยก็ได้รับแต่การส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ คงเพราะเป็นแบบนี้กันบ่อยสินะ

        “เอ่อ...ผมว่าหยุดกันเถอะครับ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ไม่เถียงคุณพ่อสิครับมันไม่ดีนะ” รักษ์พยายามพูดกับเด็กตัวเล็กทั้งสอง และเหมือนเสียงของรักษ์จะช่วยได้เพราะเด็กน้อยทั้งสองหยุดแล้วเดินเข้ามาจับมือรักษ์คนละข้างทันที

ลมเลมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตารักษ์พูดนิดเดียวสองแสบก็เชื่อฟังอย่างว่าง่ายทั้งที่ผ่านมาใครห้ามยอมฟังกันที่ไหนจนเขานี้ปวดหัวไม่รู้ไปเอานิสัยชอบดื้อมาจากที่ไหน

        “ลูกคู่พาอารักษ์ไปนั่งพักไปลูก มาเหนื่อยๆ สามคนพ่อลูกนี้ก็เหลือเกินจริงๆ” แม่ของลมเลเอ่ยบอกกับเด็กแฝดทั้งสองแต่ก็ไม่วายบ่นทั้งสามคน แต่ที่ติดใจรักษ์คงเป็นสรรพนามที่ท่านใช้เรียกเด็กแฝด ลูกคู่ แปลกแต่ก็เพราะดี

        “ก็ดูหลานแม่เถียงผมทุกคำ” ลมเลว่า

        “แล้วลูกจะไปต่อลูกมันทำไม ทำเป็นเด็กไปได้ อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ” หญิงสาวว่าลูกชายที่ชอบทำตัวไม่รู้จักโตเวลาอยู่กับครอบครัว แต่ถ้าลองได้ออกไปทำงานทุกคนจะไม่มีทางได้เห็นด้านนี้ของนายหัวลมเลอย่างแน่นอน

รักษ์ยิ้มให้กับคำพูดของแม่น้ำฟ้า มันจริงอย่างที่ว่า รักษ์รู้มาจากน้ำฟ้าว่าลมเลอายุใกล้เลขสามแล้วอีกแค่ปีเดียวเท่านั้น ทางลมเลเห็นรักษ์ยกยิ้มกับคำพูดของแม่ก็หันมองทันทีเล่นเอารักษ์หุบยิ้มแทบไม่ทันก็สายตาที่ส่งมามันน่ากลัว

        “พ่อห้ามมองอารักษ์นะ” เสียงขุนจันทร์ร้องห้ามพ่อตัวเองเพราะกลัวพ่อจะแย่งอารักษ์ไป ลมเลทำเพียงชักสีหน้าใส่ลูกชายก่อนจะเดินขึ้นชั้นสองไป

        “อารักษ์ไปกินขนมกันดีกว่า” ขุนอินทร์เอ่ยชวน ขุนจันทร์ก็พยักหน้าเสริมทันที และทั้งสามก็พากันมานั่งที่โซฟาหลังใหญ่กลางบ้านซึ่งมีแม่ของน้ำฟ้าหรือก็คือแม่ลมเลนั้นแหละนั่งอยู่ก่อนแล้ว

        “กินน้ำก่อนสิรักษ์มาเหนื่อยๆ” ว่าทั้งส่งแก้วน้ำส้มสีสวยมาให้ รักษ์รีบรับทันที

        “ขอบคุณครับ” และไม่ลืมกล่าวขอบคุณคนให้

        “อารักษ์ลองนี้ ย่าทำอร่อย” เสียงของขุนอินทร์ที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของรักษ์ว่าทั้งส่งชิ้นทุเรียนทอดมาให้ รักษ์ยิ้มก่อนจะรับทุเรียนทอดนั้นมาแต่เด็กชายกลับไม่ยอมให้แล้วยื่นมาที่ปากของรักษ์แทน รักษ์ก็รู้หน้าที่ปากสีสวยค่อยๆ งับทุเรียนทอดในมือเล็ก ขุนอินทร์ยิ้มกว้างทันที

        “ของน้องจันทร์” เสียงของขุนจันทร์ที่นั่งอยู่อีกข้างเรียก พร้อมกับทุเรียนทอดในมือรักษ์ยิ้มทันทีไม่ยอมน้อยหน้ากันเลยทีเดียวสองคนนี้

        “เข้ากันได้ดีแบบนี้ป้าก็ดีใจ ยังไงป้าฝากรักษ์ดูลูกคู่ด้วยนะ” เธอเชื่อว่ารักษ์ต้องดูแลหลานชายทั้งสองได้เป็นอย่างดีแน่นอน ขนาดพึ่งเจอกันครั้งแรกยังเชื่อฟังกันขนาดนี้ เธอเป็นย่าแท้ๆ แฝดยังไม่ค่อยจะฟังสักเท่าไรเลย แต่คงไม่แปลกเพราะแฝดชอบรักษ์มากคงต้องขอบคุณน้ำฟ้าที่คอยเล่าเรื่องของรักษ์ให้แฝดฟังบ่อยๆ พอรู้ว่าอารักษ์จะมาค่อยดูแลก็นั่งนับวันรอกันเลยทีเดียว

        “ครับคุณป้า” รักษ์ตอบรับก่อนจะจ้องมองเด็กแฝดที่นั่งอยู่ข้าง รักษ์แยกเด็กทั้งสองออกเพราะขุนจันทร์จะมีไฝเม็ดเล็กๆอยู่ที่ห่างตาล่างทางซ้าย ส่วนขุนอินทร์นั้นไม่มีทำให้รักษ์มองออกได้ทันทีว่าคนไหนขุนอินทร์คนไหนขุนจันทร์

รักษ์บอกไม่ได้ว่าจะสามารถดูแลเด็กทั้งสองได้ดีแค่ไหนแต่รักษ์จะพยายามเต็มที่ให้สมกับที่ทุกคนฝากให้เขาดูแล ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกกังวลไม่น้อยแต่พอมาเจอขุนอินทร์กับขุนจันทร์รักษ์รู้สึกว่าความกังวลนั้นมันค่อยๆ หายไป ตอนนี้รักษ์รู้สึกอยากดูแลเด็กทั้งสองแล้วละก็ขุนอินทร์และขุนจันทร์นะน่ารักรู้สึกโชคดีที่รับงานนี้หลังจากนี้คงต้องพยายามกันต่อไปรักษ์บอกกับตัวเอง

 ...

มาแล้วตอนที่ 2 ค่ะ ฝากลูกคู่ไว้ในดวงใจของทุกคนด้วยนะคะ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ มาแว้ววว ต่อจากนี้มาดูกันว่าลูกคู่เขาจะมีเรื่องป่วนอะไรมาให้กับรักษ์บ้าง และคุณพ่ออย่างนายหัวลมจะเป็นอย่างไรไว้มาติดตามกันนะคะ

 
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 3 (13/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 13-04-2020 13:27:47
ลูกคู่สื่อรัก 3

        หลังจากหยุดถกเถียงกับเจ้าแฝดลมเลก็ปลีกตัวขึ้นมาชั้นสองยังนึกหมั่นไส้ลูกตัวเองไม่หายแต่ก็ไม่ได้นึกโกรธหรือโมโหอะไรเจ้าแฝด มันเป็นปกติที่เขาชอบถกเถียงกับลูกทั้งมีสาระไม่มีสาระซึ่งเขาเองก็แค่แกล้งขัดใจลูกชายไปแค่นั้นไม่ได้จริงจังอะไร นอกเสียว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดและไม่ดีจริงๆลมเลถึงจะดุแบบจริงจัง

        ลมเลกวาดสายตามองรอบห้องนอนขนาดกลางเพื่อเช็คความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนที่จะให้พี่เลี้ยงของลูกชายมาอาศัย ห้องนี้อยู่ตรงข้ามกับห้องของเขาซึ่งถัดจากห้องนี้ไปก็จะเป็นห้องของแฝด เนื่องจากว่าบ้านมีสามห้องนอนและห้องนี้ก็จัดให้เป็นห้องนอนแขกซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคนในครัวครอบเขาเองที่บ่อยสุดก็คือน้ำฟ้า

        ลมเลมองรอบห้องอีกครั้งก่อนจะปิดประตูแล้วเดินลงไปชั้นล่างหมายจะไปที่โซนรับแขกที่ตอนนี้มีเสียงสองแฝดคุยกันเสียงดังไปหมดพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักซึ่งก็ไม่ใช่ใครมันคือเสียงของรักษ์ที่กำลังหัวเราะไปกับเรื่องเล่าของเจ้าแฝดที่แย่งกันเล่า มองไปแล้วก็รู้สึกอุ่นใจที่แฝดเข้ากับพี่เลี้ยงได้เพราะก่อนหน้านี้เปลี่ยนพี่เลี้ยงมาแล้วถึงห้าคนบ้างก็ทนกับแฝดไม่ได้ บ้างก็ไม่สนใจดูแลแฝด บางคนก็เข้าหาเขาจนเกินงามทำให้ต้องหาพี่เลี้ยงใหม่บ่อยๆ

        ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ นั้นห้าขวบแล้วตอนนี้ก็กำลังอยู่ชั้นอนุบาลแต่ความคิด ความอ่านดูเกินวัย ยิ่งความแสบนี้ไม่ต้องพูดถึงมีเรื่องให้คนเป็นพ่อปวดหัวได้ทุกวัน ที่ต้องจ้างพี่เลี้ยงก็เพราะแบบนี้ และอีกอย่างลมเลต้องทำงานค่อยดูแลสวนเลยไม่มีเวลาดูแลแฝดเต็มที่ถ้าวันเปิดเรียนก็ไม่เท่าไรเพราะกว่าแฝดจะเลิกเรียนก็เย็นและเป็นเวลาที่เขากลับจากสวนแต่ช่วงนี้แฝดปิดเทอมตอนกลางวันเลยไม่มีใครดูแลถึงจะมีป้าแม่บ้านแต่ก็ต้องคอยทำงานบ้านไม่ว่างมาดูแลแฝดได้ตลอดซึ่งตกเย็นแกก็กลับบ้าน ครั้นจะให้แม่เขามาดูแลก็กลัวแกจะเหนื่อยเพราะไล่จับเจ้าแฝด

        “อ้าว! ลมเรียบร้อยดีไหมได้ให้น้องขึ้นไปพักผ่อน” แม่เอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นลมเลเดินเข้ามา ลมเลทำเพียงพยักหน้าตอบแล้วมาพูดกับอีกคน

        “นายเอาของขึ้นไปเก็บก่อน” รักษ์หันมองคนบอกก่อนพยักหน้ารับ “ไอ้แสบพวกเองก็หยุดกวนอาเขาก่อนให้อาไปพักก่อนไป” ลมเลบอกกับลูกชายที่ยังชวนพี่เลี้ยงคุยไม่หยุด ขุนอินทร์ ขุนจันทร์นึกเคืองคนเป็นพ่อที่มาขัดทั้งที่ยังคุยกับอารักษ์ของพวกเขาอย่างสนุก

        “ลูกคู่พาอารักษ์ขึ้นไปพักบนห้องไปลูก” หญิงสาวบอกกับหลานชายทั้งสอง แฝดพยักหน้ารับ

        “อารักษ์ เดี๋ยวพี่อินทร์พาไปห้องนะ” ขุนอินทร์บอกกับอารักษ์คนสวยของเขา ก่อนจะรั้งมือรักษ์ให้ลุกขึ้น ทางขุนจันทร์เดินไปคว้ากระเป๋าเป้ข้างๆ แต่ด้วยความที่มันหนักบวกกับแรงเด็กกระเป๋าเลยแทบไม่ขยับ ลมเลมองลูกตัวเองอดแปลกใจไม่ได้ไอ้แฝดของเขาคงถูกใจพี่เลี้ยงคนนี้จริงๆ และนั้นก็เป็นเรื่องดีสำหรับลมเล

        “พ่อน้องจันทร์ยกไม่ได้หนัก” ขุนจันทร์บอกพ่ออย่างต้องการให้ช่วยแต่ไม่ยอมบอกตรงๆ

        “ก็เรื่องของเอ็ง” ลมเลว่าแกล้งลูกชายยิ้มๆ ขุนจันทร์แบะปากใส่พ่อตัวเองทันทีก่อนจะแลบลิ้นให้แล้วหันไปบอกให้ขุนอินทร์ช่วย แฝดพี่ก็ไม่รอช้ารีบไปช่วยแฝดน้องแต่ทั้งสองก็ยกขึ้นได้เพียงไม่นานก็ต้องวางเพราะหนัก

        “เดี๋ยวอายกเองนะครับ” รักษ์ยิ้มให้กับเด็กชายทั้งสองนึกชอบใจที่เห็นทั้งขุนอินทร์และขุนจัทร์ตั้งอกตั้งใจช่วยแม้ตัวจะเล็กรักษ์ยิ่งรู้สึกรักเด็กทั้งสองเพิ่มขึ้นไปอีก

        “ไม่เอาอารักษ์เหนื่อย เดี๋ยวน้องจันทร์กับอินทร์ยกให้” ขุนจันทร์บอก เด็กน้อยพูดตามที่คิด ก็อารักษ์เดินทางมาตั้งไกลคงจะเหนื่อยมากๆ จงไม่อยากให้ออกแรงเพราะกลัวอารักษ์จะยิ่งเหนื่อย

        รักษ์มองผู้ใหญ่สองคนอย่างต้องการความช่วยเหลือแต่ทั้งลมเล และญาดาแม่กลับส่งสายตามาว่าปล่อยไป รักษ์เลยคอยมองสองแฝดที่พยายามยกกระเป๋าเขาไปทีละนิดๆ จนถึงตีนบันได ก่อนจะนั่งลงพักเอาแรงที่ขั้นบันได ทั้งสองหอบน้อยๆ มีเหงื่อเม็ดเล็กพุดขึ้นตามใบหน้า แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายอะไร

        “หมดแรงกันแล้วหรือไงไอ้เปี๊ยก” ลมเลที่เดินตามมาเอ่ยแซ่วแกล้งลูกชาย สองแฝดพอได้ยินรีบหันหน้ามามองทันที

        “พี่อินทร์ยังไหว”

        “น้องจันทร์ก็ยังไหว”

        เสียงเล็กตอบกลับพ่อตัวเองทันทีทั้งยังหอบอยู่ ลมเลนึกชอบใจที่ได้แหย่ลูกชายทั้งสอง

        “เหรอวะ ก็เห็นนั่งหมดสภาพเลย” ยังคงแซ่วลูกชายต่ออย่างนึกสนุก

        “ใครบอกพี่อินทร์กับจันทร์กำลังนั่งปรึกษากันเฉยๆ” แฝดพี่บอกทั้งที่จริงแล้วเหนื่อย แต่ใครจะยอมรับเดี๋ยวพ่อก็ล้อพอดี รักษ์ยิ้มให้กับความไม่ยอมใครของทั้งสอง

        “ไม่ไหวก็บอก” ลมเลยังแกล้งยี่ยวนลูก สองแฝดพอได้ยินพ่อพูดก็รีบลุกขึ้นจับหูกระเป๋าคนละข้างพากันขึ้นบันไดกันอย่างทุลักทุเล ลมเลกับรักษ์คอยมองอย่างระวัง ลมเลอยากให้ลูกรู้จักทำอะไรบ้างถึงไม่ได้ห้าม ขนาดให้จับจอมขุดดินในสวนยังใช้มาแล้ว และยังมีงานอื่นๆอีก เขาอยากให้เด็กๆ รู้ว่าการทำอะไรมันไม่ได้ง่ายและการให้ทั้งสองเรียนรู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยตั้งแต่เด็กมันจะได้เป็นภูมิคุ้มกันในวัยโตเจอกับเรื่องอะไรจะได้ผ่านมันไปได้

        ขุนอินทร์และขุนจันทร์เป็นเด็กสอนง่ายถึงจะดื้อจะซนชอบเถียงก็เถอะแต่ก็ทำตามที่บอกแต่ขอให้ได้ขัดใจพ่อมันก่อน และที่สำคัญเด็กสองคนนี้นิสัยเหมือนลมเลมากฆ่าได้แต่หยามไม่ได้

        “ไอ้แสบเลยห้อง” ร้องบอกสองแสบที่เดินผ่านห้องที่เตรียมไว้ แต่มีหรือที่ลูกชายตัวดีทั้งสองจะสนใจเดินไปเปิดห้องตัวเองเฉย “มาทำไมห้องพวกเอ็งวะ”

        “อารักษ์ไปนอนกัน” ขุนจันทร์เดินมาจับมือรักษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตู ส่วนขุนอินทร์เอาหมอนจัดวางบนเตียงนอนแล้วตบเตียงแปะๆ อย่างบอกว่ามานอนตรงนี้ ลมเลมองการกระทำของลูกชายแล้วยกมือกุมขมับ ‘ไอ้แสบ'

        “อะไรของพวกเอ็ง จะให้อยู่ห้องนี้ได้ไง” ลมเเลบอก

        “น้องจันทร์จะให้อารักษ์อยู่นี้” ขุนจันทร์เถียงทั้งยังไม่ปล่อยมือรักษ์ซึ่งข้างๆมีลมเลยืนอยู่

        “จะอยู่ได้ไงแค่พวกเอ็งสองคนก็เต็มแล้ว”

        “พี่อินทร์กับจันทร์ตัวเล็กนิดเดียวไม่เต็มหรอก” ขุนอินทร์บอกพ่อแต่คำพูดของเด็กน้อยทำให้คนเป็นพ่อยกยิ้มทันที

        “ไหนโตแล้ว” ยืนกอดอกมองลูกสองคนอย่างเหนือกว่า

        “…” เด็กน้อยทั้งสองเงียบไม่รู้จะเถียงพ่อยังไงเพราะบอกไปเองว่าตัวเองโตแล้วแต่ตอนนี้บอกตัวเล็ก ขุนอินทร์วิ่งมาเกาะขาลมเลที่ยืนกอดอกทันทีก่อนจะยิ้มกว้าง ขุนจันทร์ก็ไม่รอช้าวิ่งไปเกาะขาพ่ออีกข้าง

        “พ่อครับให้อารักษ์นอนกับพี่อินทร์นะครับ”

        “กับน้องจันทร์ด้วยนะครับ”

        เด็กชายทั้งสองเอ่ยขอพ่อทำตาปริบๆ ลมเลรู้ทันว่าลูกนะกำลังทำดีอ้อนเขาแบบนี้ทุกทีพอเถียงไม่ได้ใช้ไม้นี้ตลอดแต่มีหรือที่ลมเลจะหลงกลเขาไม่ใช่พ่อกับแม่ที่หลานอ้อนทีแถบถวายทุกอย่างให้

        “ให้นอนแล้วพ่อได้ไร” ลมเลถามลูกอย่างเจ้าเล่ห์ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์มองหน้ากันก่อนจะตอบ

        “แล้วแต่พ่อครับ” เสียงเล็กบอกพร้อมกัน ลมเลยิ้มร่าทันที เสร็จแน่ไอ้สองแสบ

        “ไปขุดแปลงผักคนสองแปลงดิ” ลมเลว่าทั้งยิ้มชอบใจ

        “ง่า” เด็กชายทั้งสองโอดครวญทันที แต่รักษ์นี้ตกใจมากที่ลมเลบอกแบบนั้นขุนอินทร์ขุนจันทร์ยังเด็กมากให้ขุดแปลงผักเนี้ยนะ

        “ว่าไง ไม่ตกลงก็อด” ลมเลเร่งลูกชาย

        “แปลงเดียวไม่ได้เหรอ” ขุนจันทร์ต่อรอง ก็ขุดแปลกผักเหนื่อยจะตายเจ็บมือด้วยตั้งหลายวันกว่าจะเสร็จ

        เด็กน้อยนึกถึงวันที่เขาทำผิดเพราะทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนทั้งสองเลยถูกทำโทษให้ขุดแปลงผักข้างบ้านแปลงหนึ่งซึ่งจำได้ดีว่ามันเหนื่อยมากแค่ไหนแต่คราวนี้คนหนึ่งตั้งสองแปลงตายก่อนพอดี

        “ไม่ได้ พวกเอ็งไม่ยอมก็ให้อาเขาไปอยู่อีกห้อง” ลมเลว่าเชื่อเถอะไอ้สองแสบไม่ตกลงแน่

        “เก็บปาล์มร่วงแทนได้ไหมครับ” เห็นแฝดน้องต่อรองไม่ได้ผลแฝดพี่เลยเสนอวิธีอื่นแทน

        “พวกเอ็งก็ให้คนอื่นเก็บอยู่ดี พ่อไม่หลงกลพวกเอ็งหรอกนะ” ลมเลว่าอย่างรู้ทันก็พาไปทีไรเคยเก็บที่ไหน

        “งืออออ” สองแฝดทำหน้าสิ้นหวังอยากให้อารักษ์อยู่ห้องนี้ด้วยแต่ทั้งสองไม่อยากขุดแปลงผักในหัวน้อยคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดี

        “อาว่าไม่เป็นไรหรอกห้องเราอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง อีกอย่างอาก็อยู่กับเราทุกวันอยู่แล้ว” รักษ์นั่งลงตรงหน้าเด็กทั้งสองที่กอดขาพ่อตัวเอง

        “แต่…” ขุนจันทร์จะขัดแต่พอเห็นหน้ารักษ์ก็พูดไม่ออก หันขอความช่วยเหลือจากแฝดพี่ก็เห็นอีกคนยิ้มร่าขุนจันทร์งงทันทีไหนอยากให้อารักษ์อยู่ห้องนี้ แต่พอเห็นขุนอินทร์พยักหน้าให้ตกลงขุนจันทร์ก็ทำอะไรไม่ได้ได้แต่ยอมแพ้ไป

        “ก็ได้” ขุนจันทร์ว่าก่อนจะแหงนหน้ามองพ่อตัวเองที่ยิ้มอย่างผู้ชนะ

        “อ่อน” เสียงลมเลพูดขึ้นลอยๆ อีกสามคนรีบมองหน้าคนพูดทันทีรักษ์มองอีกคนอย่างงงอะไรคืออ่อน แต่สำหรับขุนอินทร์ ขุนจันทร์นี้เข้าใจดีและนั้นก็ทำให้นึกเคืองคนเป็นพ่อมาว่าพวกเขาอ่อน

        “อาว่าเราไปอีกห้องกันดีกว่า” รักษ์บอกก่อนจะก้าวไปหยิบกระเป้าเป๋ของตนที่วางอยู่ข้างเตียง

        ลมเลพารักษ์มายังอีกห้องที่อยู่ข้างกันโดยสองแฝดไม่ได้ตามมาก็นึกแปลกใจไม่ใช่ว่านอนร้องไห้อยู่ในห้องนะไอ้แสบ

        “อยู่ได้ไหม” ลมเลเอ่ยถามรักษ์เมื่อเดินเข้ามาในห้อง

        “เกินกว่าได้อีกครับ” รักษ์ตอบทั้งสำรวจรอบบริเวณห้องที่ถูกสร้างจากไม้อุปกรณ์ทุกอย่างในห้องก็ทำจากไม้ทั้งตู้ โต๊ะเครื่องแป้ง เตียงนอนที่ปูด้วยผ้าพื้นสีเขียวขาวอ่อนๆ หน้าต่างที่ปกปิดไปด้วยม่านสีเขียวอ่อนเช่นกันทำในห้องดูสบายตา

        “ขาดเหลืออะไรก็บอกนะ”

        “ขอบคุณมากเลยนะครับ” รักษ์นึกขอบคุณจากใจจริงก็ไม่ได้คิดว่าจะมาอยู่ในที่สบายแบบนี้นึกว่าจะมีห้องคนงานแยกไปต่างหาก

        “ฉันขอตัวก่อน”

        “ครับ”

        เมื่อบอกลาเรียบร้อยลมเลก็เดินออกจากห้องแต่เมื่อถึงประตูก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเด็กชายทั้งสองเดินมาพอดีและที่ทำให้ตกใจคือไอ้แสบทั้งสองสะพายกระเป๋าคนละใบและถือข้าวของพะรุงพะรังไปหมด

        “อะไรของพวกเอ็ง” ลมเลถามลูกเสียงดังแต่ก็ไม่ได้มากอะไรแต่มันดังพอที่รักษ์ได้ยินแล้วเดินมาดูตรงประตูที่สามพ่อลูกยืนอยู่ เด็กทั้งสองพอเห็นรักษ์ก็ยิ้มแป้นแต่รักษ์นี้งงกับข้าวของที่แฝดถือมากันเต็มไปหมด

        “มาอยู่กับอารักษ์ครับ” ขุนจันทร์ตอบเสียงเพราะพร้อมร้อยยิ้ม แต่ลมเลนี้ยกมือกุมขมับ

        “เล่นไรของพวกเอ็ง” ลมเลถามลูกเสียงเครียด

        “ก็พ่อไม่ให้อารักษ์อยู่กับพวกเรา เราเลยมาอยู่กับอารักษ์แทน” แฝดพี่บอก เล่นเอาลมเลไปไม่เป็น ‘ไอ้ลูกแสบ ใครสอนให้พวกเอ็งเป็นคนแบบนี้วะ’

..................................................................................

        มาแล้วตอนที่ 3 ค่ะ ใครทีมลูกคู่ ยกมือขึ้นแสดงตัวด่วนเลยค่ะ เด็กอะไรน่ารักไปหมดดดดดดดดดดดดดดด

      ลงกันแบบต่อเนื่องกันไปเลยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 3 (13/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-04-2020 16:34:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 3 (13/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Ninjokris ที่ 13-04-2020 17:12:34
สนุกดีชอบเนื่อเรื่องมากเลย
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 4 (14/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 14-04-2020 08:41:04
       
ลูกคู่สื่อรัก 4

        รักษ์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวันดูนาฬิกาก็บอกเวลาตีห้าถึงลมเลและญาดาบอกว่าไม่ต้องตื่นเช้ามากแต่ด้วยความเคยชินที่ตื่นเช้าเป็นประจำเพราะต้องช่วยพ่อกับแม่ไปวางร้านขายพวงมาลัยและดอกไม้ ลมเลบอกว่าให้ปลุกแฝดตอนเจ็ดโมงลุกขึ้นมาอาบน้ำ ถึงจะเป็นช่วงปิดเทอมแต่ลมเลก็ยังให้ลูกตื่นเช้ามันจะได้ติดเป็นนิสัย

        เมื่อวานสรุปแล้วขุนอินทร์กับขุนจันทร์ก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับรักษ์เพราะลมเลยื่นคำขาดว่าหากไม่ยอมจะให้รักษ์กลับสองแฝดงอแงไม่ยอมแต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะกลัวรักษ์กลับไปจริงๆ แต่ก่อนนอนรักษ์ก็อยู่อ่านนิทานให้ฟังจนสองแฝดหลับแล้วค่อยออกจากห้องเพราะสัญญาไว้

        หลังจากได้ดูแลสองแฝดไปเมื่อวานนิดหน่อยก็ทำให้รู้ว่าทั้งสองนั้นซนไม่น้อยแต่ยังดีที่ยังเชื่อฟังเขา รักษ์เลยไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่ออกจะสนุกเสียด้วยซ้ำไป รักษ์อาบน้ำอะไรเรียบร้อยแล้วก็ยังพึ่งจะตีห้าครึ่งไม่รู้จะทำอะไรดีเลยลงมาดูด้านล่างว่ามีอะไรพอที่จะช่วยได้บ้างเพราะเช้าๆ แบบนี้ป้าอุ่นที่เป็นแม่บ้านแกจะมาทำอาหารเช้า รักษ์รู้เพราะญาดาเป็นคนบอก ป้าอุ่นจะมาตอนตีห้าและกลับตอนหกโมงเย็น

        “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” รักษ์เอ่ยถามป้าอุ่นที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร

        “อ้าวคุณรักษ์ ทำไมรีบตื่นละจ๊ะ” น้ำเสียงลำเนียงใต้ถามกลับมา รักษ์ฟังออกว่าแกถามอะไรเพราะคนชุมพรพูดฟังง่ายแต่ก็มีบางคำที่ฟังแล้วไม่เข้าใจเหมือนกัน

        “มันชินนะครับ ป้าอุ่นมีอะไรให้ผมช่วยไหม”

        “ไม่เป็นไรๆ คุณรักษ์ไปพักเถอะจ๊ะ” ป้าอุ่นบอกทั้งรอยยิ้ม

        “ผมอยากช่วย"

        “งั้นก็ตามบายเลยจ๊ะ” เมื่อแกอนุญาตรักษ์ก็ยิ้มกว้างทันที

        “ป้าจะทำอะไรหรือครับ” รักษ์ถาม เห็นหญิงสาวกำลังแกะกุ้งตัวโตอยู่

        “ข้าวต้มกุ้งจ๊ะ” รักษ์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบกุ้งตัวโตขึ้นมา

        “ทำเป็นหรือจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยถามทันทีที่เห็นรักษ์หยิบกุ้งขึ้นมา เพราะเห็นว่ารักษ์เป็นชายเลยไม่แน่ใจว่าจะทำได้

        “ผมทำอาหารให้พ่อกับแม่ทานบ่อยครับ” รักษ์ตอบทั้งรอยยิ้ม ถึงจะบอกว่าบ่อยก็เถอะแต่จริงๆแล้วเรื่องกับข้าวที่บ้านรักษ์เป็นคนทำเกือบทุกมื้อเพราะพ่อกับแม่ต้องทำงาน ตอนเช้าต้องรีบไปตั้งร้านกว่าจะเก็บร้านก็มืดแม่เลยไม่มีเวลาทำอาหาร เลยเป็นรักษ์ที่จะต้องทำ ตอนเช้าไปช่วยพวกท่านเปิดร้านก็กลับมาทำอาหารแล้วค่อยไปเรียนซึ่งก่อนไปเรียนก็ไม่ลืมคดข้าวใส่ปิ่นโตไปให้พวกท่านไว้กินทั้งตอนเช้าและเที่ยง พอตกเย็นรักษ์ก็จะทำอาหารรอพ่อกับแม่กลับมา วันไหนมีทำงานพิเศษก็ทำไว้ก่อนแล้วค่อยไปทำงาน อาจจะมีบางวันที่แม่หยุดงานหรือรักษ์กลับดึกแม่ก็จะเป็นคนทำแต่มันก็ได้กินดึกเพราะกว่าจะมาถึงบ้านกว่าจะทำอาหารอีก เพราะอย่างนี้เรื่องทำอาหารเลยไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรักษ์

        “งั้นป้าฝากทำต่อทีนะ ขอไปดูข้าวก่อนจ๊ะ” แกว่าก่อนจะเดินไปยังหม้อที่ตั้งอยู่บนเตา รักษ์เองก็หันมาจัดการกับกุ้งตัวโตต่อ

        รักษ์อยู่ช่วยป้าอุ่นจนใกล้จะเจ็ดโมงก็ขอตัวไปปลูกเด็กแฝดขุนอินทร์ขุนจันทร์ที่พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องตกใจกับการนอนของเด็กทั้งสอง รักษ์จำได้ดีว่าเมื่อคืนก่อนออกจากห้องนอนสองแฝดก็นอนปกติดีผิดกับตอนนี้เพราะขุนจันทร์หัวตกลงมานอนบนที่นอนขาก็ก่ายอยู่บนท้องของขุนอินทร์ที่เปิดโชว์พุงขาวอยู่ ทางขุนอินทร์ก็ไม่ต่างจากขุนจันทร์หมอนที่เคยใช้หนุนกลับให้เท้าหนุนแทน รักษ์รู้สึกนึกโล่งใจที่ไม่ได้นอนร่วมเตียงกับสองแฝด เด็กอะไรตอนนอนยังซนเลย รักษ์มองแล้วอดยิ้มไม่ได้แฝดถึงจะซนแต่ก็น่ารัก

        “ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ ตื่นได้แล้วนะครับ” รักษ์นั่งลงข้างเตียงก่อนจะเอ่ยเรียกสองแสบ แต่ได้รับกลับมาเพียงเสียงเคี้ยวปากจับๆ และการเกาพุงขาวๆของขุนอินทร์

        “ตื่นได้แล้วครับสุดหล่อ” รักษ์เอ่ยเรียกทั้งเขย่าเด็กทั้งสองอยู่หลายครั้งจนในที่สุดสองแสบก็ตื่นขึ้นมา ทำให้รักษ์รู้อีกเรื่องหนึ่งของสองแฝดคือตื่นยากมากๆ

        “อารักษ์” ขุนจันทร์ที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนเอ่ยเรียกรักษ์ทั้งยังขยี้ตาอย่างงัวเงีย

        “น้องจันทร์ลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวอารักษ์ปลุกเด็กขี้เซาอีกคนหนึ่งก่อน” รักษ์บอกขุนจันทร์ก่อนจะเหล่ตามองเด็กแสบอีกคนที่ไม่ยอมลุกขึ้นอย่างรู้ทันเพราะเห็นว่าขุนอินทร์นะตื่นแล้วแต่ยังทำแกล้งหลับต่อ ขุนจันทร์พยักหน้าก่อนจะเดินลงจากเตียงไปทั้งตายังไม่เปิดดีรักษ์อดยิ้มให้กับความน่ารักของเด็กน้อยไม่ได้ เหลือเด็กแสบอีกหนึ่งคนที่ไม่ยอมตื่นไม่รู้จะแกล้งหลับไปถึงไหน รักษ์มองพุงขาวๆ แล้วยิ้มเพราะนึกวิธีปลุกเด็กแสบได้

        “พี่อินทร์ไม่ตื่นเหรอครับ” รักษ์ถามคนนอนหลับ นิ่งไม่มีอะไรตอบกลับมาแต่รักษ์เห็นนะว่าแอบยิ้มอยู่นะ

        “แย่จังพี่อินทร์ไม่ยอมตื่นแบบนี้น้องพุงคงน่าสงสาร” รักษ์พูดอีก มองหน้าเล็กๆ แล้วยิ้มขำเพราะคิ้วน้อยๆ กำลังพันกันยุ้ง แต่ก็ไม่ยอมตื่น

        “ไม่ตื่นจริงๆเหรอ งั้นอารักษ์ทานน้องพุงแล้วนะ” ว่าจบปากเล็กๆ ก็งับลงบนพุงขาวที่เปิดโชว์ทันที รักษ์บดขยี้หน้าลงบนท้องไปมาจนเจ้าของดิ้นพล่านหัวเราะเสียงดัง

        “ฮาๆๆ อารักษ์ ฮาๆๆ พี่อินทร์ ฮาๆๆ ตื่นแล้วครับ อิอิ” เสียงเล็กร้องบอกอาคนสวยเพราะรู้สึกจั๊กจี้ อุตส่าห์จะแกล้งอารักษ์กลับโดนแกล้งกลับซะอย่างนั้น

        “ตื่นแล้วเหรอครับ ถ้าไม่ตื่นอารักษ์จะกินพุงขาวๆ นี้ให้หมดเลยชอบโชว์ดีนัก” ว่าแล้วก็ฝังใบหน้าลงบนท้องขาวอีกรอบเรียกเสียงหัวเราะของเด็กแสบอีกครั้ง รักษ์หยอกกับขุนอินทร์จนขุนจันทร์อาบน้ำเสร็จก็ปล่อยให้เจ้าตัวไปอาบน้ำบ้างหันมาหาเสื้อผ้าให้แฝดน้องที่ห่มผ้าเช็ดตัวปิดหมดทั้งตัวเหมือนดักแด้ปากน้อยๆนั้นสั่นนิดๆบ่งบอกว่าหนาว

        รักษ์จัดการแต่งตัวให้สองแสบจนเสร็จก็พากันลงมาทานข้าวเช้า ลงถึงชั้นล่างได้สองแสบก็วิ่งตามกลิ่มหอมๆของข้าวต้มกุ้งไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารทันที รักษ์ทำเพียงเอ่ยเตือนเด็กทั้งสองไม่ให้วิ่งเพราะกลัวหกล้ม ส่วนตัวเองเดินแยกเข้ามาในครัวเพื่อช่วยป้าอุ่นยกข้าวต้มไปให้สามพ่อลูกที่นั่งรอกันอยู่ที่โต๊ะ

        “ข้าวต้มกุ้งตัวโตๆ มาแล้วครับ” รักษ์ที่เดินถือถาดข้าวต้มร้องบอกเด็กทั้งสอง

        “เย้ๆๆ กุ้งตัวใหญ่ๆ” เด็กแสบร้องดีใจกันใหญ่ที่รู้ว่าจะได้กินกุ้งตัวโต

        “นั่งดีๆ ครับเดี๋ยวอารักษ์เอาให้” บอกเด็กๆ ที่ยืนชูไม้ชูมืออยู่ข้างโต๊ะ “ของคุณลมครับ” ว่าพร้อมกับวางข้าวต้มชามโตให้คนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์นิ่ง ลมเลทำเพียงพยักหน้ารับแล้วพับหนังสือพิมพ์เก็บ “ส่วนนี้ของพี่อินทร์และน้องจันทร์นะครับ” ข้าวต้มชามโตถูกวางลงตรงหน้าสองแฝดได้ก็รีบยกช้อนตักขึ้นทันที

        “ค่อยๆ ครับระวังมันร้อน” รักษ์เอ่ยเตือนขุนอินทร์

        “ร้อนๆๆๆ” เอ่ยเตือนคนพี่ไปแปบๆ คนน้องก็โดนเสียแล้ว

        “อาบอกแล้วว่าให้ระวัง” รักษ์บอกทั้งดูปากเล็กที่ขึ้นสีแดงระเรืองเพราะความร้อน

        ลมเลที่กินข้าวต้มอยู่ก็เหลือบมองลูกและพี่เลี้ยงอยู่ตลอดตอนแรกกะจะดุลูกที่ไม่ระวังแต่ก็พูดไม่ทันพี่เลี้ยงเลยนั่งเงียบมองทั้งสามคนเท่านั้น

        “พี่อินทร์อย่ากินเร็วไปสิครับ ค่อยๆ กิน น้องจันทร์อย่าตักข้าวหก ปากเลอะครับกินดีๆ…” เสียงรักษ์เอ่ยบอกเด็กแสบทั้งสองไม่ขาดปาก ลมเลนั่งมองอยู่นานมากรักษ์แทบจะไม่ตักข้าวกินเลยเอาแต่ดูแลสองแฝด มันก็ดีที่เห็นรักษ์ดูแลสองแฝดดีขนาดนี้ คอยสอนคอยบอกคอยเตือนแต่ตัวเองเล่นไม่สนใจกินข้าวเลยทำให้ลมเลรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไร รักษ์ตัวก็ผอมข้าวยังไม่ค่อยจะกิน สองแสบนี้ก็จริงๆรู้หรอกว่าแกล้งทำให้อารักษ์เขาดูแลนะ ทำไมลูกเขาถึงเหลี่ยมเยอะจริงๆ ไปเอานิสัยนี้มาจากไหน

        “ใครตักข้าวหก ใครกินเลอะอีก ได้ไปขุดแปลงผักแน่” ลมเลเอ่ยบอกลูกตัวเอง ดูสิยังจะแกล้งออเซาะต่ออีกไหม “ส่วนนายกินข้าวเถอะอย่าไปสนใจไอ้แสบมันมาก พวกเอ็งก็นะอาเขาสอนหลายรอบไม่จำ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่” บอกรักษ์ก่อนจะต่อว่าลูกอย่างรู้ทัน ขุนอินทร์ ขุนจันทร์หน้ายู่ทันทีที่คนเป็นพ่อรู้ทัน ก็พวกเขาชอบให้อารักษ์เช็ดปากให้

        ลมเลสายหน้าให้ลูกตัวเองอย่างระอาก่อนจะตักข้าวต้มขึ้นกินอีกครั้งแต่สายตาดันไปสบเข้ากับรักษ์พอดีและรักษ์ก็ส่งยิ้มกลับมาให้ข้าวต้มที่ควรจะเข้าปากเลยหกลงบนพื้นโต๊ะเพราะตกใจกับรอยยิ้มของอีกคนพาลให้ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา

        “พ่อไปขุดแปลงผักเลยยยยย” ขุนอินทร์ร้องบอกเสียงดัง

        “พ่อกินหกๆๆๆ ไปเลยๆๆ” ขุนจันทร์เสริมทัพเข้าอีกที

        ลมเลมองลูกตัวเองทันที ไม่คิดว่าลูกจะเล่นงานตนด้วยคำพูดที่ใช้ขู่ลูก ไอ้แฝดนี้มันแสบจริงๆ หันมองรักษ์อีกคนก็เอาแต่อมยิ้มรู้หรอกว่าจะหัวเราะเขา

        หลังมื้อเช้าที่แสนวุ่นวายลมเลก็แยกเข้าไปดูคนงานในสวนเห็นว่าวันนี้มีตัดปาล์มน้ำมัน รักษ์เองก็อยากไปดูเพราะไม่เคยเห็นแต่ไม่ได้เขาต้องดูแลสองแฝด ลมเลบอกให้ช่วยสอนแฝดทบทวนเนื้อหาวิชาเรียนหน่อยเพราะกลัวว่าทั้งสองจะลืม ถ้าสองแฝดไม่ยอมก็ให้ขู่ไปซึ่งลมเลบอกมาเรียบร้อยว่าให้ขู่ว่าอะไร

        “เด็กๆ หยุดเล่นแล้วเอาภาษาอังกฤษมาอ่านกันดีกว่านะครับ” รักษ์ร้องบอกเด็กๆ ที่กำลังเล่นหุ่นยนตร์กันอยู่

        “พี่อินทร์ไม่อ่านได้ไหมครับ”

        “ไม่ได้ครับ”

        “น้องจันทร์ไม่ชอบเลย”

        “ไม่ชอบก็ต้องอ่านนะครับ จะได้เก่งๆ ไง” สองแสบไม่ยอมจริงๆ ด้วย

        “แต่น้องจันทร์ไม่ชอบภาษาปะกิด”

        “ภาษาอังกฤษครับ ดูสิขนาดพูดชื่อยังผิดเลย” รู้ว่าเด็กแสบนะแกล้งพูด

        “งืออออออ” ขุนจันทร์หน้ายู่ทันที ขุนอินทร์ก็เช่นกัน รักษ์เข้าใจดีเด็กๆ ก็แบบนี้พอพูดถึงเรื่องเรียนก็หน่ายทันทีแต่มันก็ปล่อยผ่านไปไม่ได้

        “เอาแบบนี้ดีไหมเราเรียนกันสองชั่วโมงแล้วก็มาทำบัวลอยไข่หวานกินกันตอนเที่ยงดีไหมครับ” สองแสบทำหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมตกลง แบบนี้คำขู่ของลมเลก็ไม่ต้องใช้สินะ

        ตลอดเช้ารักษ์สอนให้สองแสบท่องศัพท์ และเล่นเกมส์ทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษจากที่บอกว่าสองชั่วโมงเอาจริงๆ แล้วก็ปาไปสามชั่วโมงกว่าเพราะสองแสบสนุกกับเกมส์ทายคำศัพท์ยิ่งมีขนมกินไปด้วยยิ่งชอบกันใหญ่เลย และที่สนุกกว่านั้นคงจะเป็นศึกระหว่างพี่น้องที่แข่งกันทายคำศัพท์ใครแพ้ก็อดกินขนมงานนี้สองแฝดเลยสู้กันเต็มที่

        “เอาละอารักษ์ว่าพวกเราหยุดเล่นแล้วไปทำบัวลอยไข่หวานกันดีกว่า” รักบอกกับเด็กทั้งสอง เวลานี้ก็ใกล้สิบเอ็ดโมงแล้วถ้าไม่รีบก็กลัวว่าจะไม่ทันมื้อเที่ยง

        “เย้ๆๆ บัวลอย บัวลอย” เสียงเด็กๆ ร้องดีใจและพากันรีบลุกขึ้น

        “เก็บหนังสือให้เรียบร้อยก่อนนะครับ แล้วค่อยไปกัน” เห็นเด็กๆ เตรียมจะออกไปทั้งที่หนังสือยังวางอยู่เกลื่อนโต๊ะรักษ์เลยบอกให้เด็กๆ ช่วยกันเก็บให้เรียบร้อยเสียก่อนได้เป็นการฝึกระเบียบให้กับเด็กๆ ไปด้วย

        สองแสบพอได้ยินอารักษ์บอกก็ช่วยกันเก็บหนังสือไปจัดวางบนขั้น รักษ์เองก็ขอตัวเข้ามาเตรียมของในครัวแต่ไม่ลืมบอกสองแฝดให้ตามเข้ามาหลังจากเก็บหนังสือเรียบร้อยแล้ว

        เข้ามาในครัวก็เห็นป้าอุ่นกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร

        “ป้าอุ่นครับพอดีว่าผมจะทำบัวลอยไข่หวานพอจะมีของให้ทำไหมครับ” เอ่ยถามทั้งเดินดูข้าวของในครัวอย่างถือวิสาสะไม่ต้องกลัวป้าอุ่นว่าเพราะเมื่อเช้าแกอนุญาตให้ทำอะไรก็ได้ในครัวนี้

        “ในตู้ชั้นบนเลยจ๊ะหนูรักษ์” ป้าอุ่นบอกกลับมาทั้งไม่ได้หันมองยังคงง่วนกับหม้อแกงบนเตา รักษ์เองก็หันมาจัดเตรียมของสำหรับทำขนมต่อ

        “อารักษ์...” เสียงเรียกของเด็กทั้งสองทำให้รักษ์ต้องหยุดจากการนวดแป้งมามองเด็กแสบสองคนที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขา

        “อย่าวิ่งครับ” รักษ์บอกสองแสบก็ลดฝีเท้าลงทันที “ไปล้างมือเลยครับเดี๋ยวได้มาปั้นแป้งกัน” ร้องบอกอีกครั้งสองแสบก็เดินไปอ่างล้างจานทันที แต่ด้วยความที่เป็นเด็กตัวไม่ได้สูงมากเลยเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำไม่ถึงสองแสบหันยิ้มหวานให้อารักษ์ทันที รักษ์เองก็รู้ว่าสองแสบขอให้ช่วยเลยละจากการนวดแป้งหวังจะไปเปิดน้ำให้สองแสบแต่ป้าอุ่นอาสาเปิดให้เสียก่อน

        “คุณหนูเชื่อฟังหนูรักษ์ดีจังเลยนะจ๊ะ” ป้าอุ่นพูดขึ้นเมื่อเปิดน้ำให้สองแฝดเรียบร้อยแล้ว

        “ไม่หรอกครับ ก็มีดื้อบ้างตามประสาเด็กละครับ” สองแฝดเชื่อฟังเขาที่ไหนกันบทจะดื้อก็ดื้อแต่ถ้าพูดให้เข้าใจสองแสบก็เชื่อฟังแค่เลือกวิธีให้ถูกก็เท่านั้น

        “โชคดีจังที่ได้หนูรักษ์มาเป็นพี่เลี้ยงให้คุณหนู” ป้าอุ่นพูดขึ้นมาลอยๆ แล้วหันไปสนใจกับหม้อแกงบนเตาต่อ รักษ์เองก็อยากถามว่าทำไมถึงบอกว่าโชคดีทั้งที่ตัวรักษ์เองยังไม่รู้วิธีเลี้ยงเด็กเลยก็แค่ทำถามที่ตัวเองคิดว่าดีคิดว่าควรก็เท่านั้น แต่เพราะเกรงใจเลยหันมาสนใจนวดแป้งต่อ

        “น้องจันทร์จะปั้นน้องต่ายให้พ่อ” ขุนจันทร์บอกพร้อมกับขยำแป้งในมือให้เป็นก้อนกลมๆ

        “พี่อินทร์จะทำพี่ทุเรียน พ่อชอบทุเรียน” คำบอกของขุนอินทร์ทำให้รักษ์ต้องหยุดปั้นทันทีก็ไอ้กระต่ายของแฝดน้องเขายังพ่อนึกภาพออกแต่ทุเรียนของแฝดพี่นี้สิจะออกมาหน้าตาเป็นยังไงกัน ถึงจะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ห้ามปราบอะไรเพราะไม่อยากขัดความตั้งใจของเด็กๆ แต่ก็ปวดหัวไม่น้อยที่ก้อนบัวลอยรูปกระต่ายและทุเรียนลูกเกือบเท่ากับปั้น

        “ลูกใหญ่ขนาดนี้มันจะสุกไหมค่ะคุณหนู” ป้าอุ่นที่เดินมาดูเอ่ยแซวคุณหนูทั้งสองของเขาทันทีที่เห็น

        “อารักษ์” ขุนอินทร์ร้องเรียกทัน คงอยากจะถามสินะว่ามันจะสุกไหม

        “มันก็สุกนะถ้าเราต้มนานหน่อย” บอกเอาใจเด็กๆ ไป อุตส่าห์ตั้งใจทำ “แต่ต่อไปทำให้เล็กๆ แบบนี้ดีกว่า มันจะอร่อยมากกว่านะครับ” รักษ์บอกทั้งส่งแป้งก้อนกลมเล็กๆให้เด็กๆ ดู

        “อันนี้พี่อินทร์ทำพิเศษให้พ่อ” ขุนอินทร์บอกพร้อมทั้งโชว์ก้อนแป้งให้รักษ์ดูทำให้รักษ์ยิ้มทันทีกับรูปร่างของมัน ทุเรียนจริงๆนั้นแหละ

        “พ่อตัวใหญ่ต้องกินลูกใหญ่ๆ” ขุนจันทร์บอกทั้งหยิบแป้งปั้นเป็นลูกยาวๆ เล็กๆ แล้วแปะลงบนแป้งก้อนกลมลูกใหญ่อีกที คงเป็นหูกระต่ายสินะ

        ทั้งสามง่วนกับการปั้นแป้งอยู่นานดูเวลาก็พบว่าเกือบเที่ยงแล้วเลยรีบพาขนมไปต้มดีว่าป้าอุ่นทำบ้างส่วนไว้ให้แล้วรอแค่นำแป้งไปต้มให้สุกแล้วเอาไปต้มกับกะทิอีกทีก็เป็นอันเสร็จ

        “อารักษ์เมื่อไหร่มันจะสุกละครับ” ขุนจันทร์มองก้อนแป้งสองลูกที่อยู่ในหม้อ เด็กน้อยรอนานแล้วทั้งที่ลูกอื่นก็สุกไปหมดแล้วแท้ๆ เหลือแต่น้องต่ายกับพี่ทุเรียนเท่านั้น

        ”เดี๋ยวก็สุกครับมันลอยขึ้นมาก็สุกแล้ว พี่อินทร์ยืนดีๆ เดี๋ยวตก” รักษ์บอกกับขุนจันทร์ ก่อนจะเอ่ยเตือนขุนอินทร์ที่ยืนอยู่บนเก้าอี้ให้ระวังเพราะเจ้าตัวอยู่ไม่นิ่ง รักษ์รู้ว่ายืนบนเก้าอี้มันอันตรายแต่เด็กทั้งสองอยากดูผลงานของตัวเองแต่ร่างกายไม่อำนวยรักษ์เลยอนุญาตให้ยืนบนเก้าอี้ได้และค่อยระวังให้ทั้งสองแทน

        “ลอยแล้วๆๆๆๆ อารักษ์ ลอยแล้วๆๆๆ” เสียงของสองแสบดังไปทั่วครัวเมื่อเห็นแป้งของตนเองลอยขึ้น

        “ครับๆๆ หลบให้อารักษ์ยกขึ้นนะครับ” เด็กๆ ทำตามอย่างเชื่อฟังและเดินประกบอารักษ์ไม่ห่าง “ออกไปรอด้านนอกนะครับได้ทานข้าวเที่ยง พ่อก็คงมาแล้ว” รักษ์บอกกับเด็กทั้งสองเมื่อยกแป้งบัวลอยลงจากเตาเรียบร้อยแล้ว

        “หนูรักษ์ก็ไปกับคุณหนูเถอะจ๊ะที่เหลือป้าทำต่อให้ คุณลมแกก็มารออยู่ที่โต๊ะแล้ว” ป้าอุ่นที่พึ่งเดินเข้ามาจากจัดโต๊ะเอ่ยบอกกับรักษ์ รักษ์ก็กลัวว่าลมเลจะรอนานเลยไม่ได้ปฏิเสธคำป้าอุ่น

        “งั้นผมฝากด้วยนะครับ ไปเด็กๆ คุณพ่อรอทานข้าวอยู่”

        ทั้งสามพากันเดินออกมาจากครัวซึ่งก่อนมาก็ไม่ลืมให้สองแฝดล้างมือให้เรียบร้อยก่อนมาทานอาหาร มาที่โต๊ะก็เห็นลมเลนั่งรออยู่ก่อนแล้ว รักษ์รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันทีเพราะหน้าลมเลดูนิ่งมาก กลัวว่าจะไม่พอใจที่พาแฝดมาทานข้าวช้า

        “มัวทำอะไรกันอยู่ไอ้แสบ” ลมเลเอ่ยถามลูก นึกไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่รักษ์พาเด็กทั้งสองมาทานข้าวช้า

        “น้องจันทร์ทำบัวลอยไข่หวานให้พ่อ” ขุนจันทร์บอกพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ที่รักษ์ขยับให้

        “พี่อินทร์ก็ทำด้วย”

        “หืม” ลมเลทำเสียงอย่างสงสัย แฝดเนี้ยนะทำขนมให้เขา

        “พอดีวันนี้ทำบัวลอยไข่หวานกันนะครับ” รักษ์บอกลมเลอย่างหวั่นๆ

        “เลยช้า” ลมเลว่านิ่งๆ รักษ์ยิ่งรู้สึกหวั่นมากกว่าเดิม เพราะลมเลดูหน้ากลัว

        “เอ่อ..ครับ ขอโทษครับ” รักษ์บอกอย่างรู้สึกผิด

        “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร กินข้าวเถอะ” ปากบอกไม่ได้ว่าอะไรแต่สีหน้ามันไม่เข้ากันเลยรักษ์คิดแบบนั้น

        “วันนี้ได้ทบทวนหนังสือหรือเปล่าไอ้แสบ” อยู่ๆ ลมเลก็เอ่ยถามขึ้นมาขนาดทานข้าว

        “พี่อินทร์ท่องคำศัพท์ตั้งเยอะ”

        “น้องจันทร์ก็ท่องภาษาปะกิดนะ สนุกๆๆ ” สองแสบตอบพ่อทั้งรอยยิ้มเพราะสนุกจริงๆ ลมเลนี้ถึงกับตกใจกับคำพูดของลูกชายก็สองแสบชอบภาษาอังกฤษที่ไหนกันให้อ่านให้ท่องทีหนึ่งจะเป็นจะตายแต่นี้มาบอกว่าสนุกกันหน้าระรื่น

        “พวกเอ็งเนี้ยนะท่องศัพท์” ลมเลว่าลูกชายอย่างไม่ยอมเชื่อ

        “ไม่เชื่อพ่อถามอารักษ์ ภาษาปะกิดสนุกๆๆ” ขุนจันทร์บอกอย่างอารมณ์

        “อารักษ์บอกว่ายังไงครับน้องจันทร์” รักษ์เอ่ยทวงแฝดน้องทันทีที่ได้ยินคำที่เด็กน้อยพูดเป็นครั้งที่สอง

        “ไม่ให้พูดภาษาปะกิดครับ” ขุนจันทร์บอกทั้งยิ้มให้อย่างอ้อนๆ เผื่ออารักษ์จะไม่ทำโทษ

        “ไม่ต้องมายิ้มเลยครับ ขนมตอนบ่ายงดนะครับ” รักษ์บอกเด็กน้อย ลมเลได้แต่มองพี่เลี้ยงกับลูกตัวเองสลับกันอย่างงงๆ ว่าไปตกลงอะไรกันไว้

        “อารักษ์...น้องจันทร์จะไม่พูดแล้วให้กินขนมนะครับ” ขุนจันทร์ร้องอ้อน ขุนอินทร์เห็นขุนจันทร์โดนทำโทษก็ทำปากขมุบขมิบว่าสมน้ำน่าแฝดน้องทันที

        “ไม่ได้ครับสัญญาเป็นสัญญา ส่วนขุนอินทร์ลดขนมครึ่งหนึ่งนะครับ” บอกกับแฝดน้องแล้วค่อยบอกแฝดพี่ รักษ์เห็นนะว่าแฝดพี่ทำอะไร

        “งือออออ พี่อินทร์ไม่เกี่ยวสักหน่อย” ขุนอินทร์บอกหน้ายู่

        “เห็นนะครับว่าเมื่อกี้ทำอะไร” รักษ์ว่าก่อนจะหันมาทานข้าวต่อไม่สนใจเด็กทั้งสองที่เถียงกันเบาๆ อยู่ข้างๆ

        “สัญญาอะไรกัน” อยู่ๆ ลมเลก็ถามขึ้นมา นึกเคืองที่ทั้งสามทำอย่างกับว่าอยู่กันสามคน

        “เปล่าครับไม่มีอะไร” รักษ์ตอบ ลมเลก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะดูแล้วไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรและค่อนข้างจะโอเคเพราะแฝดดูไม่กล้าเถียงเลยลองเป็นเขาสิเถียงหัวชนฝา

        เมื่อไม่มีอะไรแล้วต่างคนก็ต่างจัดการกับอาหารตรงหน้าลมเลก็คอยเหลือบมองรักษ์ที่คอยตักอาหารให้สองแฝดตลอดดูแล้วรักษ์ดูแลสองแฝดได้ดีที่เดียว วันนี้ทานข้าวก็เงียบหูดีเพราะไม่มีเสียงแฝดเถียงกันเพราะแย่งอาหารเพราะเมื่อไหร่ที่เริ่มทะเลาะกันรักษ์ก็จะเข้ามาขัดทันทีและจัดการแบ่งอาหารให้เสร็จสรรพ

        “เดี๋ยวผมไปยกขนมมาให้นะครับ” รักษ์เอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าลมเลทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วตัวรักษ์นั้นทานเสร็จก่อนหน้านี้แล้ว แต่สองแฝดยังคงไม่อิ่มเลย

        รักษ์เดินเข้ามาตักขนมที่ป้าอุ่นทำไว้ในหม้อใส่ลงในถ้วยไม่ลืมตักน้องต่ายและพี่ทุเรียนของสองแฝดที่ตั้งใจทำให้คุณพ่อเขามาด้วย

        “ขนมๆๆๆ” เสียงของแฝดดังมาแต่ไกลทั้งที่รักษ์ยังยกไปไม่ถึงแท้ๆ

        “ขนมครับคุณลม” รักษ์บอกพร้อมกับยกถ้วยบัวลอยไข่หวานร้อนๆที่ส่งกลิ่นหอมให้ “นี้ของพี่อินทร์ และนี้ของน้องจันทร์ครับ" บอกพร้อมกับวางถ้วยขนมลงตรงหน้าเด็กน้อยก่อนจะมานั่งที่ตัวเอง

        “พ่อกินสิพี่อินทร์ทำเอง”

        “น้องจันทร์ก็ทำ”

        ลมเลมองลูกทั้งสองก่อนจะมองบัวลอยในชาม นึกแปลกใจไอ้ก้อนประหลาดว่ามันคืออะไรกัน ถ้าเขากินเข้าไปจะไม่ติดคอตายใช่ไหม

        “นี้บัวลอยอะไรของพวกเอ็ง” ลมเลว่าทั้งยกก้อนบัวลอยในช้อนขึ้นให้ลูกดู

        “น้องต่ายๆๆๆ ของน้องจันทร์” ขุนจันทร์ร้องบอกอย่างภาคภูมิ แต่คนเป็นพ่อกลับคิ้วขมวดพยายามมองก้อนเบี้ยวๆ ที่มีหน่อแหลมๆ สองหน่อยื่นออกมานิดหนึ่ง พยายามมองเท่าไหร่มันก็ไม่เป็นกระต่ายสักทีนี้เขาต้องให้ลูกไปหัดปั้นดินน้ำมันใหม่ไหม

        “กระต่ายอะไรของเอ็งมีหน่อแหลมแบบนี้ เขาควายเปล่าเนี้ย” ลมเลว่า

        “งืออออ นั้นมันหูน้องต่ายนะพ่อ” ขุนจันทร์บอกกลับคนเป็นพ่อ มาว่าหูน้องต่ายเขาเป็นเขาควายได้ยังไง

        “แล้วนี้อะไร ใจคอพวกเอ็งจะให้พ่อกินติดคอตายหรือไงลูกใหญ่เท่าบ้าน” ลมเลว่าก่อนจะเปลี่ยนมาตักบัวลอยลูกเบี้ยวๆที่เป็นปุ่มๆทั้งลูก ดูแล้วมันไม่มีความน่ากินอยู่เลย

        “นั้นของพี่อินทร์ พี่อินทร์ทำพี่ทุเรียนให้พ่อ” แฝดพี่บอกทั้งรอยยิ้มภูมิใจเช่นกัน แต่คนเป็นพ่อหน้ายุ้งไปหมด ทั้งน้องต่ายทั้งพี่ทุเรียนมันอะไรของลูกเขากัน หันมองพี่เลี้ยงของลูกก็เห็นว่านั่งอมยิ้มอยู่

        “ทานสิครับเด็กๆ อุตส่าห์ตั้งใจทำให้” รักษ์เอ่ยบอกลมเลทั้งรอยยิ้ม ที่ยิ้มเพราะอดตลกกับสีหน้าของลมเลไม่ได้ อยากจะหัวเราะออกมาก็กลัวลมเล

        “ใช่ๆๆ พ่อชิมๆๆ อร่อยๆๆ” ขุนจันทร์ช่วยเสริม

        “เอาว่ะ” ลมเลว่าพร้อมกับตักบัวลอยพี่ทุเรียนขึ้นมา เด็กๆ มองอย่างลุ้นๆ ทันที รักษ์เองก็เช่นกัน แต่ “นายเอาไปลูกหนึ่งเด็กๆ อุตส่าห์ทำคงอยากให้นายกินด้วย ใช่ไหมไอ้แสบ” ลมเลว่าแล้วก็หย่อนพี่ทุเรียนลงในชามของรักษ์แล้วยิ้มหน้าบานที่ได้แกล้งพี่เลี้ยง รู้นะว่าแอบขำเขาอยู่

        “อารักษ์กินด้วยๆๆ” ขุนอินทร์บอกเสียงดังจ้องมองอย่างมีความหวัง รักษ์ทำอะไรได้นอกจากตักบัวลอยพี่ทุเรียนขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาคาดโทษไปให้คนส่งมาที่นั่งกินบัวลอยหน้าระรื่น ทำให้วันนี้รักษ์รู้อีกหนึ่งเรื่องของลมเลคือ

        คนชอบแกล้ง

        ​

        ********************************************

        ตอนที่ 4 มาแล้ววว  วันนี้ความแสบน้อยๆๆๆแต่น่ารักกกกกกก อ๊ายยยยยยยย อ่านกันให้สนุกน่าาา

        รักคนอ่านนนนนน จุ๊ฟล้านครั้ง ลงวันละตอนน่าาาา
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 4 (14/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-04-2020 12:05:18
 :L2: :L1: :pig4:
เด็กๆน่ารัก เราชอบ
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 5 (14/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 14-04-2020 19:04:22


ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 5



        หลังจากจัดการกับข้าวเที่ยงและบัวลอยไข่หวานลูกโตของสองแสบไปบอกได้คำเดียวว่า…เกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะบัวลอยพี่ทุเรียนและน้องต่าย แม้ภายนอกมันดูสุกก็จริงแต่พอลองกินเข้าไปรู้เลยว่ามันหลอกลวงเพราะด้านในมันยังเป็นแป้งแข็งอยู่เลยแต่ก็ไม่มากนัก ซึ่งสุดท้ายแล้วทั้งพี่ทุเรียนและน้องต่ายก็ไม่ได้ถูกกินเข้าไปจนหมดสองแฝดดูซึมไปทันทีแต่นั้นก็แค่พักเดียวเด็กทั้งสองก็ร่าเริงขึ้นมาแถมจะมีการแก้มือใหม่ในครั้งหน้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตัวอะไรจะออกมาอีก

        “พี่อินทร์ น้องจันทร์ ใส่หมวกให้เรียบร้อยครับจะได้ไปกัน” รักษ์ร้องบอกเด็กทั้งสองที่กำลังร่าเริงเพราะลมเลยอมให้ไปเล่นในสวนปาส์มน้ำมันทีี่กำลังเก็บผลวันนี้

        “ถ้าช้าไม่ต้องไป” เสียงคนเป็นพ่อพูดขึ้นตามมาขู่ทำให้เด็กทั้งสองต่างรีบวิ่งไปให้อารักษ์ใส่หมวกให้ก่อนจะหยอกล้อกันไปขึ้นพ่วงข้างที่จอดอยู่หน้าบ้าน รักษ์อดยิ้มให้กับความน่ารักของสองแฝดไม่ได้

        “นายช่วยเตรียมของว่างไปให้พวกไอ้แสบด้วยนะ” ลมเลร้องบอกรักษ์ที่กำลังเดินเข้าไปในครัวซึ่งก็กำลังไปเอาของว่างพอดี

        “ผมเตรียมไว้แล้วละครับ” รักษ์บอกไปทั้งรอยยิ้มลมเลทำเพียงพยักก่อนจะหยิบหมวกปีกกว้างขึ้นมาใส่

        “ฉันออกไปรอข้างนอกนะ” บอกเสร็จก็เดินออกไปไม่ได้รอคำตอบรับจากรักษ์ หลังจากจัดของว่างเสร็จเรียบร้อยก็ลองเช็คดูอีกครั้งว่าลืมอะไรอีกหรือเปล่าดูจนแน่ใจว่าไม่ลืมอะไรรักษ์ก็รีบเดินออกไปหาสามหนุ่มที่รออยู่หน้าบ้าน รักษ์ยืนมองพ่วงข้างคันเดิมที่เคยนั่งเข้ามาวันแรกอย่างหวั่นๆเพราะยังไม่ชิน

        “อารักษ์มาแล้ว พ่อไปกันเลย” ขุนอินทร์เมื่อเห็นรักษ์เดินเข้ามาก็ร้องบอกทันที เพราะอยากไปเล่นเร็วๆ

        “เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ลมเลเอ่ยถาม รักษ์แค่พยักหน้าก่อนจะก้าวขึ้นพ่วงข้าง “งั้นไปละนะ” คนประจำคนขับว่าทั้งสตาร์ทรถ

        “ไปเลยครับ” หาที่ยึดได้ก็บอกให้อีกคนออกรถไป แต่ลมเลกลับปล่อยมือจากแฮนรถหันมามองหน้ารักษ์นิ่ง คนถูกมองก็อดตกใจไม่ได้ว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

        “ทำไมนายไม่ใส่หมวก” เสียงเอ่ยถามนิ่งๆแต่ดูดุถามขึ้น รักษ์ก็งงๆ อย่าบอกว่าที่จ้องเขานิ่งนี้เพราะเขาไม่ใส่หมวก

        “เอ่อ…ผมไม่มีนะครับ แต่ไม่เป็นอะไรหรอกมันไม่ค่อยร้อนเท่าไร” บอกไปทั้งที่ความจริงแล้วมันร้อนจนรู้สึกปวดหัว ลมเลมองคนตรงหน้านิ่งปากบอกไม่ค่อยร้อนแต่หน้านี้เหงื่อเต็มแถมแดงมาก นึกหงุดหงิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูกดูแลคนอื่นได้แต่ทำไมถึงไม่ค่อยดูแลตัวเอง

        “ใส่ไป” เสียงบอกพร้อมกับหมวกปีกกว้างที่ถูกใส่ลงบนศีรษะของรักษ์ รักษ์มองขึ้นอย่างงงๆ

        “เอ่อ…ไม่เป็นอะไรครับ คุณลมใส่ไปเถอะ” รักษ์ว่าขึ้นอย่างเกรงใจคนตัวสูงที่อุส่าห์สละหมวกให้แต่ด้วยสายตานิ่งที่มองมาทำให้มือที่เลื่อนหมายจะไปถอดหมวกคืนอีกคนกลับต้องจับหมวกนั้นไว้เฉยๆแทน

เมื่อเห็นว่ารักษ์ยอมใส่ดีๆลมเลก็จัดการขับพ่วงข้างไปตามแนวถนนที่ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ต่างๆ ที่เจ้าของสวนปลูกไว้ทำมาหากิน ตลอดทางนั้นไม่ได้ร้อนอะไรมากเพราะมีร่มไม้ค่อยให้ร่มเงา บรรยากาศธรรมดาๆที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

พ่วงข้างเล่นเข้ามาในสวนปาล์มน้ำมันที่สูงท่วมหัวใบของมันแผ่ปกคลุมให้ร่มเงาทำให้ไม่รู้สึกร้อนแต่กลับเย็นสบายเพราะมีสายลมพัดผ่านมาเป็นระรอกๆ พื้นที่ในสวนก็ไม่มีหญ้าขึ้นรกอย่างที่รักษ์เห็นระหว่างทางที่นั่งรถทัวร์มาที่สวนสายลม มันโล่งเตียนน่าอยู่มากเลยทีเดียวในความคิดของรักษ์

หลังจากดื่มด่ำอยู่กับบรรยกาศที่แปลกใหม่อยู่นานรถพ่วงข้างก็ได้หยุดลงสองแฝดก็ไม่รอช้ารีบกระโดนลงจากรถจนคนเป็นพ่อต้องดุ รักษ์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเด็กถูกดุ

        “นายหัวมาแล้วๆ ไปๆทำงาน” เสียงสำเนียงที่แปลกหูเอ่ยขึ้นทันทีที่รถมาถึง

        “ไอ้ทั่ว ไม่เห็นกูมึงไม่ทำซินะงาน” ลมเลว่า คนตัวผอมผิวคล้ำรีบเข้ามาประจบนายทันที

        “ไม่ใช่พันนั้นนะนายหัว ไอ้ทั่วนี้หยันสุดแล้วในสวน อิอิ” นายทั่วรีบแก้ตัวทันทีแค่พักหน่อยเดียวเอง ทางลมเลก็ไม่ได้โกรธอะไรเพราะชินกับลูกน้องคนนี้ถึงมันจะชอบกวนแต่มันก็ขยัน

        “ขยันกวนตีนกูนะซิ ไปๆทำงานๆ” ลมเลว่าอย่างไม่จริงจังนัก

        “อุ้ย” ทั่วตกใจเมื่อพึ่งสังเกตเห็นคนที่มากับนายตัวเอง รักษ์ทำเพียงส่งยิ้มให้

        “นายหัวใครนั้น” ก่อนจะไปก็ไม่วายอยากรู้ ลมเลทำเพียงมองหน้าทั่วอย่างต้องการบอกว่ามึงเสือกอะไร ไอ้ทั่วเลยได้แต่เกาหัวยิ้มแห้งแล้วเดินจากไปดูนายหัวจะหวงจังเลยคนนี้ รักษ์ได้แต่นึกตลกลูกน้องของลมเลในใจ ก่อนจะมองตามทั่วไปอย่างสนใจเพราะกำลังถือท่อนเหล็กยาวๆ และแทงบนทลายปาล์มที่อยู่สูงมาก บางต้นก็ใช้ตะขอเกี่ยว

        “คุณลมเขาทำอะไรกันนะครับ” รักษ์เอ่ยถามลมเลอย่างสงสัย

        “เก็บปาล์มไง” ลมเลบอกนิ่งแล้วมองดูคนงานตัดปาล์มกันต่อไป สองแสบก็วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ รักษ์ก็อยากถามต่อแต่ก็เกรงใจอีกคน

        “ไอ้แสบมานี้ๆ” ลมเลเอ่ยเรียกสองแสบทั้งกระดิกนิ้วอย่างกวนๆ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ หันมองแต่กลับไม่เข้าไปหาเพราะรู้ดีว่าพ่อเรียกทำไม เลยวิ่งเข้ามาเกาะรักษ์แทน รักษ์เองก็ออกจะงงๆ

        “พวกเอ็งคิดว่ารอด” ลมเลว่าติดตลก ที่เห็นลูกทั้งสองวิ่งไปเกาะรักษ์

        “พี่อินทร์ไม่เก็บนะ”

        “น้องจันทร์ก็ไม่เก็บ” เด็กทั้งสองว่าขึ้นพร้อมทั้งสายหน้าระรัวไม่น่าหลงเชื่อคำชวนพ่อเลย

        “อะไรกันหรือครับ” รักษ์ถามขึ้นอย่างสงสัย

        “พ่อจะให้พี่อินทร์เก็บปาล์มร่วง” ขุนอินทร์รีบฟ้องทันที ลมเลทำเพียงยืนแคะจมูกมองลูกชายทั้งสองนิ่งๆ

        “ปาล์มร่วง?”

        “ใช่ครับ อารักษ์บอกพ่อให้หน่อยน้องจันทร์ไม่เก็บ” ขุนจันทร์รีบอ้อนทันทีเพราะเด็กน้อยอยากวิ่งเล่นมากกว่า

        “มันฟังดูน่าสนุกดีนะอารักษ์ว่า” พูดไปตามประสาคนไม่เคยทำพอมีโอกาสก็อยากลอง ทางลมเลแสะยิ้มร้ายทันทีที่ได้ยินรักษ์พูด

        “งั้นลองเก็บดูไหมละ” ลมเลเช็ดมือที่แคะจมูกกับกางเกงแล้วเอ่ยถามขึ้น

        “แต่ผมทำไม่เป็น” รักษ์ว่า

        “ไม่ยากหรอกใช่ไหมไอ้แสบ” ลมเลถามความเห็นลูกชาย สองแสบก็สายหน้ารัวทันที “งั้นเอาไปคนละใบ” ว่าทั้งยื่นกระสอบใบเล็กๆให้ทั้งสาม รักษ์ถึงกับงงว่าลมเลไปหยิบมาตอนไหน

        “พี่อินทร์ น้องจันทร์ เอาไหมครับ” รักษ์ถามเด็กทั้งสองอย่างต้องการความเห็น

        “อารักษ์ทำพี่อินทร์ก็ทำ”

        “น้องจันทร์ทำด้วย” แล้วสองแฝดก็จับมือกันพาอารักษ์ไป ลมเลมองอย่างผู้ชนะทันที ชนะไอ้แฝดถือเป็นเรื่องใหญ่ ฮาๆๆ

รักษ์มองเด็กทั้งสองที่ค่อยแย่งกันเก็บปาล์มน้ำมันลูกสีส้มมันวาวกันอย่างสนุก นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่รักษ์ได้เห็นและสัมผัสกับปาล์มน้ำมันตัวเป็นๆแบบนี้ รักษ์พึ่งรู้ปาล์มร่วงก็คือผลปาล์มที่หลุดออกจากทลายใหญ่ๆที่มองดูแล้วคงหนักเป็นสิบกิโล แต่ละต้นก็ไม่ได้มีมากอะไรซึ่งสองแฝดบอกว่าเพราะมันยังไม่สุกมาก

แม้สองแฝดจะยังเด็กแต่ก็รอบรู้เรื่องในสวนคงเพราะคนเป็นพ่อคอยสอนตลอดถึงแม้การสอนของลมเลติดดูจะแปลกๆ แต่นั้นก็ทำไปเพื่อฝึกสองแฝด

        “โอ๊ย!” เพราะมองสองแสบจนเพลินเลยไม่ได้สนใจมือตัวเองที่กำลังเก็บผลปาล์มทำให้ถูกหนามที่อยู่ตรงทางปาล์มน้ำมันตำเอา

        “เป็นอะไร” เสียงลมเลถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงร้องของอีกคน “เปล่าครับแค่หนามตำนิดหน่อย” รักษ์บอกก่อนจะหันมาเก็บผลปาล์มต่อแต่ก็ต้องร้องซีดเพราะรู้สึกเจ็บแปลบที่ถูกหนามตำ ลมเลถอดหายใจเสียงดังทันที

        “เอามือมาดูหน่อย” ว่าทั้งนั่งลงใกล้ๆ กับรักษ์

        “เอ่อ…ไม่เป็นอะไรจริงๆครับ” รักษ์ยังคงยืนกราน ซึ่งคำตอบนั้นก็ทำให้ลมเลถอนหายขึ้นมาอีกครั้ง ทำไมถึงดื้อจังว่ะ

        “นายรู้ไหมหนามของปาล์มถ้าไม่เอามันออกมันจะเคลื่อนเข้าไปเรื่อยๆ จนทะลุนิ้วเลย นายไม่กลัว?” แม้คำพูดดูเหมือนขู่ให้กลัวแต่ความจริงมันคือเรื่องจริง ซึ่งคนทำสวนรู้กันดีก็มีแต่คนตรงหน้าที่ดื้อไม่รู้เรื่อง

รักษ์มองคนพูดแล้วอดนึกกลัวไม่ได้ไม่รู้หรอกว่าที่ลมเลบอกมันจริงหรือเปล่าแต่เขาก็กลัว มือเล็กที่เปื้อนฝุ่นเปื้อนดินเลยค่อยๆส่งไปตรงหน้าของอีกคน ลมเลยิ้มทันทีเพราะสีหน้าของอีกคนมันตลก ก็กลัวสินะ ลมเลคิด

        “มันมีหนามฝังอยู่คงจะต้องบ่งออก” ว่าทั้งใช้ปลายนิ้วโป้งของตนค่อยๆ เน้นและเค้นตรงบริเวณที่หนามฝังอยู่

        “โอ๊ย!” รักษ์รู้สึกเจ็บเลยชักมือกลับแต่มือใหญ่ของคนตรงหน้ารั้งไว้เสียก่อน

        “ทนหน่อยมันอยู่ไม่ลึกมากเดี๋ยวก็ออก” ถึงปากจะเอ่ยบอกอีกคนแต่มือก็ไม่ได้หยุดกระทำ รักษ์ทำได้เพียงมองอีกคนอยู่เงียบๆถึงจะรู้สึกเจ็บเวลามือใหญ่กดลงมาก็ตาม

        “อืม ออกแล้ว” ลมเลว่าขึ้นทั้งยิ้มให้คนตรงหน้า รักษ์ถึงกับรู้สึกใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมา

        “ขะ…ขอบคุณครับ” มือเล็กค่อยๆ เลื่อนออกจากมือใหญ่ก่อนจะหลบสายตาลมเลเพราะรู้สึกแปลกๆ ทางลมเลก็อดแปลกใจไม่ได้ที่รักกษ์มีท่าทีแปลกไปแต่ท่าทางนั้นของรักษ์มันดูน่ามองมากเหลือเกินในสายตาของลมเล ยิ่งแก้มขาวๆนั้นขึ้นสีแดงระเรืองก็ยิ่งน่ามอง

        “พ่อ!” เสียงร้องพร้อมกับแรงกระแทกจากสองแฝดทำให้ลมเลที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับเสียการทรงตัว สองขาที่นั่งยงยองเกิดล้มลงทำให้เอนไปทับอีกคนที่อยู่ตรงหน้า

        “เฮ้ย!” เพราะตกใจทั้งรักษ์และลมเลเผลออุทานออกมาเสียงดัง ทำให้คนงานบริเวณนั้นหันมองอย่างสงสัยทันทีและต้องตกใจกับภาพตรงหน้า

หัวใจสองดวงเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาข้างนอกเสียให้ได้ มันดังและแรงราวกับว่าทุกสิ่งบนโลกใบนี้มันหยุดเคลื่อนไหวมีเพียงหัวใจสองดวงที่กำลังทำงานอยู่เพียงเท่านั้น

        “พ่อกอดอารักษ์”

*****************************************

ตอนที่ 5 มาแล้วค่ะ ในวันฝนตกๆ ว่างๆ ก็มาลงนิยายกันนน เรื่องนี้แต่งใกล้จบแล้วฉะนั้นไม่มีดองนานแน่นอนจ้าาาาาาา

ใครรักใครหลงลูกคู่ขอเสียงหน่อยค่ะ รายงานตัวด่วนนนนน

เรื่องนี้้เนื้อเรื่องจะเรื่อยๆๆ ความแสบของลูกคู่จะมีมาให้เห็นเรื่อยๆๆนะคะ ความรักของนายหัวลมกะพี่เลี้ยงรักษ์ก็จะค่อยๆไปเรื่อยๆๆ อิอิ ฝากติดตาม ลูกคู่สื่อรัก ด้วยนะคะ

บันทึกและจดจำไว้ว่าฉันเริ่มลงนิยายในปีที่ไม่มีสงกรานต์ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคนนนนนน

 
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 5 (14/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 14-04-2020 20:18:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 5 (14/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-04-2020 20:42:36
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 5 (14/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-04-2020 21:00:57
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 6 (15/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 15-04-2020 14:14:02


ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 6

 

        “จะลงมาจริงๆ เหรอ” เสียงใสถามคนในสายอย่างดีใจ

        “ก็จริงฉันจะโกหกแกทำไมละรักษ์” คนในสายบอกมาทั้งเสียงขบขัน

        “น้ำฟ้าอย่าโกหกฉันนะ” ถามย้ำอีกครั้งเพราะกลัวจะถูกหลอกให้รอ น้ำฟ้าที่อยู่ในสายทำเพียงหัวเราะก่อนจะบอกลารักษ์

รักษ์มองโทรศัพท์ในมืออย่างปลงตกกับเพื่อนแสนซนคนนี้ ก็ดีใจอยู่หรอกที่น้ำฟ้าจะลงมาชุมพรแต่น้ำฟ้ามีเรียนซัมเมอร์จะมาได้ไงมันเลยทำให้รักษ์อดกังวลไม่ได้เพราะกลัวว่าเพื่อนตัวดีจะหลอกเอา แต่ก็นะเจ้าตัวบอกจะมาก็คงจะมาจริงๆถ้าอยากให้แน่ใจก็คงต้องให้ถึงสิ้นเดือนนี้ละนะเพราะเจ้าตัวบอกจะมาวันนั้น ถึงจะคิดอย่างนั้นก็อดกังวลไม่ได้เพราะเสียงหัวเราะของเพื่อนสาวทำให้รักษ์ไม่แน่ใจไม่รู้จะเล่นอะไรพิเรนอีกหรือเปล่าพอมาคิดก็กังวลไปเสียเปล่าเลยกลับเข้าไปช่วยป้าอุ่นเตรียมอาหารเช้าต่อพอได้เวลาเจ็ดโมงก็ขึ้นไปปลุกสองแฝดอย่างทุกวัน

        “น้องจันทร์หล่อกว่าพ่อยังครับอารรักษ์” ขุนจันทร์ที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมปะแป้งจนหน้าขาว ยืนเก๊กหล่อบนเตียงถามขึ้น รักษ์ยิ้มขึ้นทันทีก่อนจะนึกถึงคำถามของเด็กน้อย อยู่ๆ ภาพของลมเลที่ใส่เสื้อผ้ากลางเก่ากลางใหม่พร้อมกับเคาะจมูกลอยเข้ามาทำให้รักษ์ต้องสายหน้าระรัวเพื่อสลัดความคิดออกไป ‘คนแบบนี้หรือหล่อ’ แต่ถึงจะคิดแบบนั้นแต่จริงๆแล้วก็แค่ไม่อยากยอมรับก็เท่านั้นความคิดมันเลยชอบขัดแย้งกับความรู้สึกทุกครั้ง รักษ์ก็แค่นึกอิจฉาอีกคนก็เท่านั้นที่ดูดีได้แม้จะยืนเคาะจมูกนิ่งๆแต่แล้ว…อยู่ๆภาพเมื่อสองวันก่อนก็ฉายขึ้นมาเรียกให้หัวใจดวงน้อยๆต้องเต้นแรง ใบหน้าของลมเลที่ห่างไม่ถึงคืบนั้นสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกคนที่รดลงบนใบหน้าเขา อุบัติเหตุแสนน่าอายที่สวนปาล์มน้ำมันวันนั้นมันทำให้ต้องใจเต้นทุกครั้งที่พบหน้าลมเล

        “อารักษ์เป็นไรเหรอ ตกลงน้องจันทร์หล่อกว่าพ่อไหม” เสียงเจี้ยวจ้าวของเด็กแสบเรียกให้รักษ์ต้องหลุดจากความคิด

        “หล่อครับน้องจันทร์หล่อที่สุดเลยยยย” รักษ์บอกพร้อมกับจี้พุงกะทิอย่างเมามันจนเด็กนอนหอบตัวโยน แต่ยังคงหัวเราะเสียงดังไปทั่ว

        “อารักษ์” ขุนอินทร์ที่พึ่งออกจากห้องน้ำเรียกรักษ์เสียงดังพร้อมกับกระโดดกอดคอรักษ์แน่น

        “แล้วพี่อินทร์ล่ะหล่อกว่าพ่อกับจันทร์เปล่าาาา” จบคำรักษ์ยิ้มทันทีสองแฝดนี้ไม่ยอมน้อยหน้ากันจริงๆ

        “หล่อครับ พี่อินทร์ก็หล่อที่สุดเลย” ร้องบอกเด็กที่กำลังกอดคอก่อนจะยกตัวแสบคนพี่ให้มานั่งข้างๆตัวแสบคนน้องที่นอนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่

        “เป็นอะไรกันครับน้องจันทร์” รักษ์ถามขึ้นอย่างสงสัย

        “อารักษ์ไหนบอกน้องจันทร์หล่อสุดไง” เสียงเล็กๆ ของแฝดคนน้องถามขึ้น คนฟังอย่างรักษ์นี้ถึงบางอ้อเลย

        “ก็หล่อที่สุดทั้งสองคนเลยไงครับ” รักษ์บอกแก้ทั้งรอยยิ้ม

        “พี่อินทร์ต้องหล่อกว่า”

        “น้องจันทร์ต่างหาก อินทร์นะอย่ามามั่ว”

        “จันทร์นั้นแหละมั่วเกิดหลังเค้า เค้าก็ต้องหล่อกว่าสิ”

        “คนเกิดก่อนไม่หล่อ”

        “หล่อ”

        “ไม่หล่อ อารักษ์อินทร์กับจันทร์ใครหล่อกว่ากันนนน” พอเถียงกันไม่ได้ข้อสรุปต้องเป็นรักษ์ทุกครั้งที่ต้องค่อยตัดสิน รักษ์มองสองแสบสลับไปมาอย่างครุนคิดทั้งที่ไม่ต้องคิดอะไรมากแต่เพราะอยากแกล้งสองแฝดก็เท่านั้น ใครใช้ให้หน้าตอนรอคำตอบน่ารักขนาดนี้

        “อืมมมมม” ผ่านไปสักพักรักษ์ยังเงียบ สองแสบสีหน้าเริ่มคิดหนัก รักษ์ก็ไม่เข้าใจว่าทำมันต้องจริงจังขนาดนั้น แต่ก็อย่างที่บอกหน้าสองแฝดตอนนี้ทั้งตลกทั้งน่ารักจนรักษ์เก็บรอยยิ้มไม่อยู่

        “อารักษ์” สองเสียงเล็กร้องขึ้นทันที อารักษ์ชอบแกล้ง แฝดคิด

        “โอเคๆ ไม่แกล้งล่ะ อืม” บอกทั้งรอยยิ้มก่อนจะกลับมาครุนคิดอีกครั้ง สองแฝดเห็นก็หน้ายู้ทันทีเพราะคิดว่าอารักษ์จะแกล้งอีก

        “ตกลงน้องจันทร์หล่อที่สุดใช่ไหม” ขุนจันทร์บอกอย่างภูมิใจ

        “อย่ามามั่วนะจันทร์ ต้องพี่อินทร์สิ ก็บอกแล้วว่าเค้าเกิดก่อน” พอไม่ได้คำตอบสักที่ศึกฝีปากระหว่างพี่น้องก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง รักษ์คิดว่าคงต้องหยุดการแกล้งเพียงเท่านี้ เดี๋ยวประเด็ดเกิดก่อนเกิดหลังมันจะพุดขึ้นมาอีก ก็ไม่เข้าใจขุนอินทร์เหมือนกันว่ามันเกี่ยวอะไรกับเกิดก่อน

        “เอาล่ะๆๆ ไม่เถียงกันนะสรุปแล้วหล่อที่สุดทั้งสองคนเลย” รักษ์ห้ามศึกก่อนที่มันจะลากยาว

        “ไม่ได้ ๆ ต้องมีคนที่หล่อที่สุดคนเดียวน่าาาา” ขุนจันทร์ร้องทวงขึ้นมา

        “ใช่ๆๆๆๆๆ” ขุนอิทร์เสริมอีกแรง ถ้าสองแฝดจะไม่ยอมกันขนาดนี้เป็นรักษ์ก็หนักใจนะ เอาไงดีล่ะมองสองแสบไปก็นึกหาคำตอบเพื่อยุติคำถามนี้ แต่แล้วภาพของใครคนหนึ่งก็ฉายเข้ามาในความคิดรักษ์ยิ้มขึ้นมาทันทีหวังว่าจะเป็นคำตอบที่หยุดสองแฝดได้นะ

        “อารักษ์รู้แล้วว่าใครหล่อสุด” รักษ์บอกทั้งยิ้มกว้างสองแสบก็ตั้งตารอคำตอบอย่างจดจ่อ อยากรู้จริงเรื่องอื่นสนใจเท่านี้หรือเปล่า

        “คนที่หล่อที่สุดก็…พ่อของพี่อินทร์กับน้องจันทร์ไง”

        “ขอบคุณที่ชมผม จะลงไปกินข้าวกันได้หรือยัง”

        “พ่อ” ขุนอินทร์ขุนจันทร์เอ่ยเรียกอย่างตกใจ ผิดกับรักษ์ที่นั่งตัวนิ่งไม่กล้าขยับ ไม่รู้ว่าลมเลมาตอนไหนเพราะไม่ได้ยินเสียงประตู แล้วแบบนี้จะกล้ามองหน้าอีกคนได้ไงเรื่องเก่าไม่จบเรื่องใหม่ก็ดันมาให้ตายเถอะรักษ์

ทางลมเลก็ไม่คิดหรอกว่าจะมาได้ยินใครอีกคนกำลังชมเขาอยู่ก็แค่จะมาตามให้ไปกินข้าวเพราะถึงเวลามานานแล้วทั้งสามก็ยังไม่ยอมลงกันมาเสียที

        “เอ่อ…คือ…ขอโทษครับ” รักษ์เอ่ยบอกทั้งไม่ยอมมองหน้าอีกคน

        “เรียบร้อยแล้วก็ลงไป” ลมเลบอกสองแสบก็รีบลงจากเตียงลงไปด้านล่างทันที ยังเหลือก็แต่รักษ์ที่นั่งนิ่งๆ ไม่ยอมขยับ ก็หัวใจมันเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา ใบหน้านั้นก็รับรู้ได้ถึงแรงสูบฉีดของเลือดได้เป็นอย่างดีตอนนี้หน้าคงแดงไปหมด

        “ไม่ลงไปหรือไง” เพราะเห็นว่ารักษ์ยังนั่งนิ่งเลยร้องถามขึ้น

        “ปะ…ไปครับ คุณลงไปก่อนเลย” ถ้าไปตอนนี้มีหวังลมเลต้องเห็นหน้าแดงๆนี้แน่

        “ก็ไปพร้อมกันสิ” รักษ์อยากจะบอกเหลือเกินถ้าไม่มีอาการแปลกๆแบบนี้ก็อยากลงไปพร้อมกันอยู่หรอก แต่นี้ไม่ใช่

        “เอ่อ…”

        “ลีลาอยู่ได้เร็วๆ ฉันหิว” จะไปก่อนอีกคนก็ได้แต่เพราะเห็นท่าทางแปลกๆของรักษ์เลยไม่อยากทิ้งอีกคนไว้ ไม่รู้ว่าไม่สบายหรือเปล่าเพราะสังเกตเห็นใบหน้าของรักษ์แดงผิดปกติ

        “ครับ…งั้นไปกัน” รักษ์บอกพร้อมกับรีบลุกจากเตียงเดินมุ่งไปที่ประตูทันทีแต่พอจะก้าวเดินออกไปกลับมีท่อนแขนใหญ่ของลมเลมากั้นเอาไว้

        “ไม่สบายหรือเปล่า” ลมเลถาม รักษ์รีบสายหน้าทันที

        “แล้วทำไมต้องก้มหน้าขนาดนั้น”ถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะตั้งแต่เข้ามารักษ์เอาแต่ก้มหน้าตลอด คำตอบของอีกคนก็คือการสายหน้าอีกครั้ง ลมเลถอนหายใจเฮือกใหญ่มือหนาละจากขอบประตูมากอดอกจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง

        “ผมขอตัวนะครับ” บอกจบก็รีบก้าวเดินทันทีแต่ก็ต้องหยุดเพราะถูกรังมือไว้จากคนตัวใหญ่ข้างๆ ตอนนี้หัวใจของรักษ์ยิ่งเต้นเร็วมากนึกสงสัยตัวเองว่าเป็นอะไร คงจะต้องหาเวลาไปหาหมอแล้วล่ะทำไมพออยู่ใกล้ลมเลทีไรหัวใจถึงทำงานผิดปกติแบบนี้

        “ตัวก็ไม่ร้อน” ลมเลว่าพร้อมกับมือหนาที่เลื่อนออกห่างจากหน้าผากมนตอนไหนกันลมเลไปแตะตอนไหนกันพอมาคิดตอนนี้ใบหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงระเรืองอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นหัวใจก็เต้นรัว เป็นอะไร คำถามนี้ได้แต่วนไปวนมาในหัวของรักษ์

        “ทำไมหน้าแดงขนาดนั้นเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ถามด้วยความห่วงใยเห็นว่ารักษ์หน้าแดงมากขึ้น

        “ผมไม่เป็นอะไร ไปกันเถอะครับ” กว่าจะรวบรวมสติเพื่อตอบอีกคนไปก็นานพอดู ทางลมเลก็ไม่อยากเซ้าซี้อีกคนมากเลยปล่อยไป

รักษ์พอถูกปล่อยก็รีบลงมาด้านล่างทันทีแต่ที่หมายไม่ใช่โต๊ะทานข้าวแต่เป็นแปลงดอกไม้ข้างบ้านแทน

ระหว่างทางก็เจอป้าอุ่นแกเรียกให้ทานข้าวก็บอกปัดไปจะให้ไปทานพร้อมกับลมเลตอนนี้คงไม่ดีแน่ๆเลยหันมารดน้ำดอกไม้ที่ปลูกไว้ข้างบ้าน ทางลมเลลงมาก็ไม่พบอีกคนก็อดสงสัยไม่ได้

        “หนูรักษ์แกไปรดน้ำดอกไม้จ๊ะ เห็นบอกว่ายังไม่หิว” ป้าอุ่นไขข้อสงสัยให้เมื่อเห็นว่านายหัวลมของแกเที่ยวมองหาใครอีกคน ลมเลเพียงพยักหน้าแล้วหันมาจัดการข้าวเช้าที่อยู่ตรงหน้า

        “เล่นอะไรกันทำไมไม่ยอมลงกันมาไอ้แสบ” ลมเลเอ่ยถามลูกชายทั้งสองที่ตั้งหน้าตั้งตากินไม่ยอมพูดจา

        “แข่งกันว่าใครหล่อกว่ากัน พ่อว่าพี่อินทร์กับจันทร์ใครหล่อที่สุด” ขุนอินทร์บอกพร้อมคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบที่พอใจสักที

        “ก็พ่อไงหล่อสุด” ลมเลว่าพร้อมกับท่าเก๊กหล่อข่มลูกชาย

        “พ่อมั่ว อารักษ์ก็มั่ว น้องจันทร์สิหล่อสุด”ขุนจันทร์เถียงขึ้นอย่างไม่ยอม

        “ใครมั่วอะไร พวกเอ็งสิมั่ว เป็นเด็กเป็นเล็กจะรีบหล่อไปไหน” ลมเลว่า

        “ที่พ่อยังหล่อได้เลย” ขุนอินทร์

        “ใช่ๆๆๆ อารักษ์ยังบอกพ่อหล่อ” ขุนจันทร์เสริม

        “หึหึ” ลมเลทำเพียงยกยิ้มมุมปาก ที่บอกว่าเขาหล่อเพราะสองแสบสินะ ถึงไม่รู้ว่าทำไมรักษ์บอกสองแสบแบบนั้นแต่เรื่องนี้มันทำให้ลมเลหยุดยิ้มไม่ได้จริงๆ

ทั้งโต๊ะอาหารตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งคงมีก็แต่เสียงช้อนที่กระทบกับจานดังมาเป็นระยะๆ แต่แล้วการกินอาหารเช้านี้ก็ต้องจบลงเพราะเสียงร้องดังของคนที่ไม่ได้มาร่วมโต๊ะในวันนี้

ว๊ากกกกกกกกก

ลมเลรีบวางช้อนแล้วลุกไปตามเสียงร้องทันที ขุนอินทร์ขุนจันจันทร์ก็เช่นกันวิ่งตามหลังคนเป็นพ่อไปติดๆ

        “รักษ์ !” ลมเลเรียกเสียงดังอย่างตกใจก่อนจะรู้สึกถึงแรงกอดรัดที่คอแน่น หัวเล็กๆซุกที่ซอกคอจนลมเลรู้สึกจั๊กจี้

        “ว๊ากก คุณๆ มะ…มันมาๆๆๆ” เสียงเล็กบอกอย่างตื่นกลัวมือขาวก็ชี้ไปตรงข้างกระถางต้นไม้ ลมเลมองตามมือไปก็ต้องตกใจไม่ใช่ตกใจกับสิ่งที่เห็นแต่ตกใจกับอาการของคนที่กอดคอเขาแน่นกลัวตัวนี้หรือ

        “กิ้งกือ?” เสียงขุนอินทร์พูดขึ้นมาอย่างงงๆ มองสัตว์ตัวยาวสีดำที่มีขาเยอะเกินสัตว์ปกติกำลังเคลื่อนมาทางพวกเขา แต่แล้วสัตว์ตัวน้อยก็ต้องมวนกลมเพราะถูกไม้ในมือขุนจันทร์แหย่เอาก่อนจะเขี่ยก้อนกลมๆนั้นมาทางลมเลและรักษ์

        “ว๊ากกกกกกก” รักษ์ร้องเสียงดังเมื่อเห็นสัตว์ก้อนกลมนั้นกำลังมาทางนี้ เท้าน้อยๆเคลื่อนตัวอัตโนมัติขึ้นเกี่ยวตัวของลมเลแน่นราวกับลูกลิงเกาะแม่ลิง

        “ฮาๆๆๆ อารักษ์กลัวกิ้งกือ” ขุนจันทร์ร้องขึ้นอย่างขบขัน ขุนอินทร์ก็สมโรงด้วยเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ลมเลที่ยังขำอีกคน กลัวจนเกาะเขาแน่นเลย ทางรักษ์เพราะกลัวมากๆเลยไม่ได้สนใจว่าตัวเองอยู่สภาพไหนขอแค่ให้พ้นจากตัวน่าขนลุกนั้นได้ก็พอ

        “อะ…เอามันออกไปไกลๆ น้องจันทร์” รักษ์ร้องบอกทั้งยังไม่ยอมมองเอาแต่ซุกหน้ากับคอของลมเลแน่น ขาที่กำลังจะร่วงหล่นก็ยกไปขึ้นเกี่ยวอีกจนลมเลต้องช่วยจับไว้เพราะกลัวอีกคนตกถึงจะรู้สึกว่ามันจะแปลกๆก็เถอะ เหมือนมีลูกตัวโตๆเลยลมเลคิด

        “หึหึ ขุนจันทร์เอามันออกไป” เพราะเห็นใจเลยบอกให้ขุนจันทร์ช่วยเขี่ยไปไกลๆ ขุนจันทร์ก็ไม่รอช้ารีบเอาไม้เขี่ยไปจนก้อนสัตว์กลมๆนั้นออกไปไกลและมีขุนอินทร์วิ่งไปเขี่ยอีกทีจนมองไม่เห็นตัวนั้นอีก

        “อารักษ์มันไปแล้ว” ขุนอินทร์บอกทั้งรอยยิ้ม คนที่ซุกหน้าอยู่ขยับนิดหน่อยเพราะยังกลัวอยู่

        “ไม่มีแล้วจริงๆอารักษ์ ฮาๆๆ” ขุนจันทร์ช่วยเสริมอีกแรงแต่ก็อดขำอารักษ์ไม่ได้ กลัวสัตว์ตัวเล็กนิดเดียว

        “จะ…จริงเหรอ” เสียงเล็กที่ยังสั่นอยู่ถามออกมาเพื่อความแน่ใจก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่มีแล้วจริงๆ “เฮ้อออออ” ถอดหายใจเอย่างโล่งอกที่ไม่เห็นสัตว์น่าขนลุกนั้นแล้ว ไม่อยากจะบอกสิ่งที่กลัวที่สุดก็มันนี้แหละ

        “นายจะลงได้ยังฉันหนัก” อยู่ๆ เสียงนิ่งๆของลมเลก็เอ่ยดังอยู่ข้างหู รักษ์หันมองทันทีก่อนจะตกใจรีบปล่อยมือออกจากคอของลมเล ขาเล็กสองข้างก็เช่นกันทุกกอย่างถูกปล่อยออกอย่างไม่ระวังทำให้รักษ์เสียหลักลงไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้นอะไรมันจะน่าอายซ้ำซ้อนขนาดนี้พอคิดได้ใบหน้าขาวก็แดงขึ้นมาทันที

        “เอ่อ…ผะ…ผมขอโทษ” พูดไปทั้งไม่ยอมมองหน้าอีกคน

        “ก็ไม่ได้ว่าอะไร หึหึ” ลมเลว่า รักเหลือบมองทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะของอีกคน สองแฝดก็เช่นกันหัวเราะอยู่ได้ก็คนมันกลัวจะให้ทำไงได้ รักษ์รู้สึกอายจนแถบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ตกใจกลัวไม่พอยังไปกระโดดเกาะเขาอีกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันทีนี้

        “หึหึ ไม่ยักจะรู้ว่านายจะกลัวสัตว์ตัวนิดเดียวขนาดนี้ ตัวมันยาวๆออกจะน่ารัก หึหึ” ลมเลเอ่ยแซวอีกคนก็เข้าใจว่าคนเรามันต้องมีสิ่งที่กลัวแต่ไม่คิดว่ารักษ์จะกลัวจนสติหลุดขนาดนี้ ก็ตลกดี

        “ผมไม่ใช่แม่นาคนะที่จะพิษวาสมัน” ตัวอะไรน่าขนลุกชะมัดตัวก็ยาวขาก็เยอะยิ่งกว่าล้อรถไฟ

**********************************

ลูกคู่มาแล้ววววว

รักคนอ่านน่าาาาาาาา

 
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 6 (15/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-04-2020 21:22:24
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 6 (15/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-04-2020 04:29:26
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 7 (16/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 16-04-2020 11:14:07


ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 7



​“คุณย่าาาาาาา” เสียงสองแฝดร้องเสียงดังเมื่อรักษ์จอดรถอยู่หน้าบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ ก่อนจะรีบลงจากรถวิ่งเข้าไปหาคนเป็นย่าที่นั่งอยู่โต๊ะไม้หน้าบ้าน

“ว่าไงลูกคู่ มาให้ย่าหอมคนละที” ว่าจบก็รั้งเด็กทั้งสองที่เกาะอยู่ที่เอาไปหอมคนละที

“พี่อินทร์คิดถึงคุณย่า”

“น้องจันทร์ก็คิดถึงมาก”

สองพี่น้องพูดเสียงหวานเอาอกเอาใจคุณย่าทันที ซึ่งก็รู้ดีที่ว่าคิดถึงจริงๆนะไม่ใช่คนแก่อย่างเขาหรอกเป็นขนมซะมากกว่า

“คิดถึงย่าหรือขนมของย่ากันแน่ลูกคู่” เธออดที่จะเอ่ยแซวหลานชายตัวน้อยไม่ได้

“ก็คิดถึงทั้งสองอย่างครับ อิอิ” เป็นคนพี่ที่ตอบขึ้นมาแฝดคนน้องก็พยักหน้าช่วยเสริมอีกที

“สวัสดีครับคุณป้า” รักษ์ที่พึ่งเดินเข้ามาเอ่ยทักทาย

“สวัสดีจ๊ะลูก นั่งก่อนๆ” ญาดาทักทายกลับด้วยรอยยิ้ม มองหน้าเพื่อนสนิทของลูกสาวที่ตอนนี้มาเป็นพี่เลี้ยงของหลานเธอแล้วต้องยิ้มในใจทุกทีเด็กอะไรช่างน่ารัก เธอนึกถูกชะตากับรักษ์ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกยิ่งได้รู้นิสัยใจคอของอีกคน ญาดาแทบอยากจะได้มาเป็นลูกอีกคน

“ผมเอาขนมโคมาฝากครับ” ว่าทั้งวางถุงขนมให้ญาดาบนโต๊ะ

“น้องจันทร์ทำเองเลยน่าาาา”

“พี่อินทร์ก็ทำ อร่อย คุณย่าลองกินๆ"

“ลูกคู่ทำเองเลยเหรอแล้วย่าจะกินได้ไหม หึหึ” เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวหลานแฝด

“คุณย่าอ่าาาาาา” สองแสบหน้ายู่ทันที จนคนเป็นย่าหัวเราะเสียงดังเพราะได้แกล้งหลานชาย

“รักษ์ทำเหรอลูก” ละจากสองแฝดก็หันมาถามพี่เลี้ยงที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะนึกขันสองแสบ

“ครับ ไม่รู้ว่าจะพอได้ไหมคุณป้าลองชิมดูนะครับ” รักษ์บอกอย่างไม่มั่นใจเพราะพึ่งเคยทำครั้งแรกโดยมีป้าอุ่นคอยสอนเลยกลัวเรื่องรสชาติ

“พี่อินทร์แกะให้คุณย่าน่าาา” ว่าจบมือเล็กๆก็รั้งถุงขนมไปก่อนจะหยิบกล่องพลาสติกขนาดกลางมาเปิดออก เผยให้เห็นขนมก้อนกลมๆที่คลุกเคล้าไปด้วยมะพร้าวขูดที่ส่งกลิ่นหอม และเป็นขุนจันทร์ที่ตักขนมขึ้นมาป้อนให้ญาดา เธอยิ้มรับก่อนจะรับขนมสีขาวนั้นเข้าปาก

“อร่อยไหมครับคุณย่า” ขุนจันทร์ถามทันทีที่ญาดากินเข้าไป เด็กทำทั้งสองจhองมองญาดาอย่างลุ้นๆ รวมทั้งรักษ์เองด้วย

“อร่อยมากครับ” เธอบอกทั้งดึงแก้มสองแฝดคนละที

“เย้ๆๆๆๆ อารักษ์อร่อย” เด็กทั้งสองร้องเฮขึ้นทันทีที่ญาดาตอบ และไม่ลืมหันไปบอกอารักษ์ของเขาพร้อมกับยิ้มโชว์ฟันขาวสองแฝดภูมิใจมากที่ขนมออกมาอร่อยเพราะทั้งสองทั้งใจคลุกมะพร้าวขูดสุดฝีมือ รักษ์เองก็รู้สึกโล่งอกที่ขนมออกมาอร่อย

“ทำเก่งจังเลยรักษ์” ญาดาหันมาชมทั้งตักขนมเข้าปากอีก รสเค็ม ๆ มัน ๆ ของมะพร้าวขูดที่คลุกอยู่รอบนอกตัดกับความหวานของมะพร้าวที่ผัดกับน้ำตาลและความหนึบของแป้งได้เป็นอย่างดีพอกินไปแล้วก็รู้สึกอยากจะกินอีก ต้องยอมรับเลยว่ารักษ์ทำอร่อยมากจริงๆ

“ไม่เท่าไรหรอกครับผมพึ่งเคยทำครั้งแรกเอง แล้วคุณลุงไปไหนละครับ” รักษ์บอกอย่างถ่อมตัว ก่อนจะถามหา พายุ ซึ่งเป็นสามีของญาดาและนั้นก็หมายความว่าเป็นพ่อของยายน้ำฟ้ากับคุณลมนั้นเอง

“อยู่ที่ห้วยหลังบ้านนะลูก” เธอว่าทั้งกินขนมไปด้วย

“ห้วย?” รักษ์รู้สึกงงๆกับคำว่าห้วย มันคืออะไร

“ดูทำหน้าเข้าสิ” เธอนึกตลกสีหน้าของรักษ์

“พี่อินทร์ไปหาปู่ได้ไหมครับ” ขุนอินทร์ที่นั่งกินขนมอยู่ร้องถาม ทางขุนจันทร์ละจากขนมหันมาส่งสายตาขอด้วยอีกคน

“กินเยอะไปแล้วนะครับ ถ้าปวดท้องขึ้นมาไม่ต้องมาขอให้อารักษ์ช่วยเลย” ว่าทั้งมองขนมในกล่องใหญ่แล้วต้องกุมขมับก็สองแฝดกินไปตั้งเกือบครึ่งหนึ่งแล้วจะไม่อะไรเลยถ้าก่อนหน้านี้สองแฝดไม่ได้กินมาก่อน กินเยอะไปแล้วถ้าปวดท้องจะตีซ้ำเข้าให้ รักษ์คิด ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ยิ้มออดอ้อนทันทีเพราะรู้ว่าตัวเองผิดก็อารักษ์บอกไว้แล้ว แต่ขนมมันอร่อยจะให้อดใจไหวได้ไงละเด็กน้อยคิด

“เหนื่อยแย่เลยสิลูก” ถามรักษ์นึกกังวลก็หลานชายเขาเรียบร้อยซะที่ไหนกันถ้าคนเดียวว่าไปอย่าง พี่เลี้ยงคนก่อนๆ เลยอยู่ไม่ยึดสักคน

“ไม่หรอกครับขุนอินทร์ กับขุนจันทร์ไม่ได้ซนอะไรมากครับ” รักษ์บอกไปตามตรง ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ซนก็จริงแต่ก็ตามประสาเด็กเราก็แค่คอยดูคอยตักเตือนซึ่งรักษ์โชคดีที่สองแฝดค่อนข้างเชื่อฟังรักษ์ ก็อดสงสัยไม่ได้ที่ใครๆ ว่าสองแฝดแสบนักแสบหนามันใช่จริงหรือเปล่า

“น้อยไปสิลูกเมื่อก่อนใช่แบบนี้ที่ไหนกัน ก่อนรักษ์มาป้าปวดหัววันละสิบรอบ” เธอว่าทั้งยกมือกุมขมับเมื่อนึกถึงวีรกรรมของหลานวันหนึ่งมีเรื่องให้พี่เลี้ยงต้องฟ้องเป็นสิบเรื่อง

“ขนาดนั้นเลยหรือครับ”

“ใช่นะสิลูก ไม่เชื่อถามเจ้าตัวเขาสิ ใช่ไหมลูกคู่” เธอบอกทั้งเอ่ยถามหลานรักทั้งสอง

“พี่อินทร์ไม่ได้ซน”

“พี่จันทร์ก็ด้วย”

สองแสบร้องบอกทันทีก็พวกเขาแค่เล่นเฉยๆ เอง ใครใช้ให้พี่เลี้ยงมาตีพวกเขากันซึ่งเรื่องนี้สองแฝดไม่ได้บอกกับใคร และอีกอย่างสองแฝดไม่ชอบเลยที่พี่เลี้ยงชอบมายุ่งกับพ่อลมของเขาเลยแกล้งพี่เลี้ยงไปเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ร้ายแรงจริงๆ นะสองแฝดยืนยัน

“ครับๆๆ ไม่เลยแค่ทำพี่เลี้ยงอยู่ไม่ได้แค่นั้นเอง เนอะลูกคู่” ญาดาตอบรับแต่ก็ไม่วายเหน็บแนมหลายชายทั้งสอง

“อารักษ์น้องจันทร์ไม่ซนจริงๆ น่า” มาแล้วลูกหมาตัวที่หนึ่งเสียงอ้อนมาเลยแบบนี้จะเชื่อได้จริงๆหรือรักษ์คิด

“ใช่ๆๆๆ อินทร์กับจันทร์เป็นเด็กดี” ขุนอินทร์พูดเสริมขึ้นมาอีก สายตาไม่ต้องถามวิ้งๆ มาเชียว

“ครับๆๆ ไม่ซนก็ไม่ซน” รักษ์บอกไปสองแสบก็ร้องเย้เสียงดังดีใจที่อารักษ์เชื่อ กับอารักษ์ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ไม่ดื้ออยู่แล้วก็ในเมื่อพวกเขาชอบอารักษ์มากๆๆๆ

“จริงๆ เลยนะลูกคู่” ญาดาว่าอย่างหน่ายๆ แพ้ลูกอ้อนสองแสบกันไปซะหมดทุกคน “ดีจริงๆเลยที่รักษ์มาดูแลลูกคู่” ญาดาพูดตามที่รู้สึกจริงๆ เธอสัมผัสได้ว่ารักษ์ตั้งใจและเอาใจใส่สองแฝดมาก ลูกคู่ของเธอก็ดูจะเชื่อฟังรักษ์เป็นพิเศษและดูเหมือนเด็กทั้งสองรู้จักทำอะไรด้วยตัวเองได้ในหลายๆ เรื่อง ก็สองแสบตามติดอารักษ์แจอารักษ์ทำอะไรสองแฝดก็ทำด้วยเลยได้ฝึกอะไรหลายๆ อย่างไปในตัวซึ่งข้อนี้ญาดาก็พอรู้มาบ้าง “ย่าว่าไปหาปู่กันดีกว่า”

ญาดาพารักษ์และสองแฝดเดินมาตามทางเดินเล็กๆ หลังบ้าน บ้านหลังนี้ก็ไม่ต่างจากบ้านของลมเลเลยรอบๆ บ้านต้นไม้เต็มไปหมดและส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกผลไม้ทั้งนั่น มีทั้งมังคุด ทุเรียน ขนุน กล้วย เงาะ มะม่วง และต้นอื่นๆ ที่รักษ์ไม่รู้จักก็มี ทุกอย่างปลูกผสมกันไปอย่างละไม่กี่ต้นเท่านั้น ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าทุกอย่างออกพร้อมกันมันจะน่าตื่นเต้นแค่ไหนเป็นรักษ์คงจะเลือกกินไม่ถูกเป็นแน่

ทางเดินเล็กๆ ที่ตัดในสวนนั้นร่มรื่นมากคงเพราะมีต้นไม้คอยเป็นร่มกันแดดให้เลยไม่รู้สึกร้อนยิ่งเวลาที่สายลมพัดมาก็ให้ความรู้สึกเย็นสบาย รักษ์สูดลมเข้าไปจนเต็มปอดก่อนจะปล่อยมันออกมาช้าๆ อากาศที่ไร้ซึ่งฝุ่นควันนั้นมันสดชื่น รู้สึกโปร่งสบาย การอยู่ท่ามกลางต้นไม้นี้มันดีจริงๆ จนรักษ์อดนึกอิจฉาคนที่นี้ไม่ได้ที่มีอากาศบริสุทธิ์แบบให้สูดดม

“ถึงแล้วละลูก” เสียงของญาดาทำให้รักษ์ตกใจเพราะเอาแต่ชื่นชมอยู่กับบรรยากาศรอบๆ เลยไม่ได้สังเกตเลยว่ามาถึงแล้วพอมองไปก็เห็นสองแฝดวิ่งไปกระโดดเกาะคุณปู่ของเจ้าตัวเรียบร้อยแล้ว

“บรรยากาศดีจังเลยครับคุณป้า” รักษ์บอกพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ อีกครั้ง “คุณลุงสวัสดีครับ” รักษ์ร้องทักทายพ่อของน้ำฟ้าอย่างเป็นกันเองเพราะเคยเจอกันมาหลายครั้งแล้ว

“หวัดดีๆ ลูก” พายุบอกทั้งยังวุ่นวายกับสองแฝดที่แย่งกันเกาะหลัง “พวกเอ็งปล่อยปู่ก่อน” บอกกับลูกลิงสองตัวที่เที่ยวเกาะหน้าเกาะหลัง

“คิดถึงปู่” ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ ว่าอย่างจริงจังทำเอาคนเป็นปู่ยิ้มหน้าบาน ทั้งที่พึ่งเจอกันเมื่อวันก่อน

“รู้แล้วๆ แต่ปล่อยปู่ก่อนเกาะแบบนี้ปู่ทำงานไม่ได้” พายุบอกหลานทั้งสอง

“ทำอะไรหรือครับ” รักษ์ถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อมองไปก็เห็นสะพานไม้เล็กๆ ที่ทอดไปอีกฝั่งของลำน้ำเล็กๆ ที่เป็นสายยาว ญาดาเคยบอกว่าน้ำพวกนี้มาจากบนเขาสูงที่มองไปจากตรงนี้ก็เห็นภูเขาขนาดใหญ่สีเขียวขจี สายน้ำใสสะอาดค่อยๆ ไหลอย่างเชื่องช้ามีฝูงปลาตัวน้อยๆ วายไปมา

“ซ่อมสะพานนะลูก”

“พี่อินทร์ช่วย” ขุนอินทร์เสนอตัวช่วยขึ้นมาทันทีพอเห็นว่าปู่กำลังทำงาน

“น้องจันทร์ก็ช่วยด้วย” ขุนจันทร์ก็ไม่ยอมน้อยหน้าไปกว่ากัน ทำเอาคนเป็นปู่แปลกใจร้อยวันพันปีไม่เคยขอช่วยอะไรเล่นอย่างเดียวแท้ๆ

“จะช่วยหรือจะมาป่วนกันแน่ไอ้แสบ”พายุว่าแอบหลานชาย

“ช่วยจริงๆ ครับ” ขุนจันทร์ตอบ ขุนอินทร์พยักหน้าสมทบ รับส่งกันดีจริงๆแฝดคู่นี้

“ลูกคู่มานั่งกับย่าตรงนี้ดีกว่า” ญาดาเอ่ยเรียกเมื่อจัดการปูเสื่อผืนเล็กที่ถือติดมือมาด้วย

“แต่พี่อินทร์จะช่วย” แนะยังไม่ยอม ทำเอาปู่กับย่าต้องสายหน้า

“ไม่ได้ครับ พี่อินทร์กับน้องจันทร์ไปนั่งกับคุณย่านะครับ” รักษ์ช่วยพูดอีกแรง

“แต่…”

“เชื่ออารักษ์นะครับ” รักษ์พูดขัดสองแสบเด็กทั้งสองมีสีหน้าลังเลขึ้นมาทันที แต่พอรักษ์ยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ เป็นแกมขอร้องสองแสบก็ยอมเดินไปหาญาดาแต่โดยดีรักษ์ยิ้มให้สองแสบอีกครั้งอย่างชื่นชม จะมีก็แต่ญาดาและพายุที่ได้แต่แปลกใจก็เคยมีที่ไหนที่สองแสบจะยอมดีๆนะ

“ผมช่วยนะครับคุณลุง” ส่งยิ้มหวานให้สองแสบเรียบร้อยก็หันมาหาคนสูงวัย

“ไม่ต้องๆ ลูก อีกแค่นิดเดียวเอง” พายุบอกห้าม เขาทำตั้งแต่หลังกินข้าวเที่ยงตอนนี้ก็บ่ายสามแล้วงานที่ทำเลยเหลือแค่ตอกไม้ตรงหัวสะพานอีกฝั่งนิดเดียวเท่านั้น

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมช่วยยกไม้ไปให้” รักษ์บอกก่อนจะเดินไปยกแผ่นไม้ที่เหมือนกับพายุถืออยู่

“ตามใจๆ งั้นถือไปให้ลุงฝั่งนู้นทีนะ” เมื่อเห็นว่าอีกคนอยากช่วยก็ไม่ขัด แต่เอาจริงๆแล้วขัดไม่ได้เพราะรักษ์ยกไม้ไว้ในมือแล้วเรียบร้อย

“ได้ครับ” ตอบรับเสร็จก็เดินตามพายุไปบนสะพานไม้ทันที พอมาเดินบนสะพานที่ไร้ซึ่งรั้วกั้นก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ระยะทางไม่ได้ไกลมากนักเพราะลำน้ำกว้างแค่ประมาณสี่เมตรเท่านั้น

“อารักษ์ อารักษ์” เสียงขุนอินทร์ ขุนจันทร์ ร้องเรียกมาจากอีกฝั่งมือเล็กๆของเด็กทั้งสองโบกไปมาให้รักษ์ คนถูกเรียกยิ้มให้ก่อนจะโบกมือตอบ

“ไปเล่นกับลูกคู่เถอะ ตรงนี้เดี๋ยวลุงทำเอง” พายุบอกทั้งยิ้ม

“ก็ได้ครับ” ถึงอยากอยู่ช่วยแต่พอพายุบอกแบบนั้นก็ไม่อยากขัดรักษ์เลยเดินกลับมาหาสองแฝดและญาดาที่นั่งคุยกันอยู่บนเสื่อ

“คุยอะไรกันอยู่ครับ” นั่งลงข้างๆ ญาดา ก่อนจะเอ่ยถามสองแฝด

“น้องจันทร์อยากเล่นน้ำ คุณย่าให้เล่นได้ไหมครับ” เสียงเล็กตอบรักษ์แล้วให้ไปร้องขอคนเป็นย่า สายตาของเด็กทั้งสองนั้นดูออดอ้อนจนผู้ใหญ่ต้องยอมอนุญาต และไม่วายร้องเฮเสียงดัง

“อารักษ์ไปเล่นน้ำกับพี่อินทร์” ขุนอินทร์หันมาชวนรักษ์ทั้งที่มือกำลังถอดเสื้อผ้า ทางขุนจันทร์ก็เช่นกัน เพียงครู่เดียวบนร่างกายเด็กแฝดก็เหลือแต่กางเกงในสีขาวที่ติดอยู่

“เรื่องเล่นนี้เร็วเลยนะลูกคู่” ญาดาว่าแอบหลานโดยมือก็พับเสื้อผ้าของเด็กทั้งสองไปด้วย

“อารักษ์ไปกัน” ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ เข้ามารั้งมือรักษ์ให้ลุกขึ้น รักษ์เองก็นึกลังเลอยากจะเล่นแต่ก็ไม่อยากเปียกสักเท่าไหร่

“ไปเถอะลูก น้ำเย็นสบายมาเลยนะ” ญาดาเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของรักษ์ก็ช่วยพูดอีกแรง

“ใช่ๆๆ ไปเถอะนะอารักษ์” ขุนจันทร์ช่วยเสริม รักษ์มองสายน้ำใสสะอาดสลับกับสองแฝดสุดท้ายก็ต้องยอมเพราะทนสายตาอ้อนวอนของเด็กแสบทั้งสองไม่ได้

“เล่นก็เล่นครับ”

“เย้ๆๆๆๆๆ” พอได้ยินอารักษ์บอกจะเล่นด้วยก็ร้องเฮเสียงดัง

“ถอดเสื้อไว้ตรงนี้ก็ได้ลูกเดี๋ยวตอนกลับจะได้ไม่หนาว” ญาดาร้องบอกรักษ์ที่กำลังจะเดินตามสองแฝด รักษ์ทำเพียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะถอดเสื้อยืดสีอ่อนออกส่งให้ญาดาอย่างไรเสียรักษ์เองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งเลยไม่ได้นึกรู้สึกอายเวลาถอดเสื้ออยู่แล้ว “รักษ์ขาวมากเลยนะลูก ด้วยซิผิวเนียนมาก” เมื่อเห็นผิวได้สาปเสื้อนั้นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมรักษ์ทำเพียงยิ้มเขินส่งไปให้ก่อนจะขอตัวไปหาสองแฝดที่ยืนเล่นสายก้นไปมาอยู่ข้างลำน้ำ

“ไม่รออารักษ์เลยนะ” มาถึงก็แกล้งสองแฝดทันที เด็กทั้งสองพอได้ยินเสียงก็หันมอง ปากเล็กเล็กๆ ทั้งสองที่เปิดกว้างทันทีที่เห็นผิวขาวๆ ของรักษ์

“อารักษ์ข๊าวขาว”

“นุ๊มนุ่มด้วย”

ขุนอินทร์ ขุนจันทร์พูดทั้งมาเกาะเอวบางเอาหน้าถูไถไปมา จนรักษ์ตกใจทำไมถึงได้เร็วขนาดนี้

“ปล่อยอารักษ์ก่อนเร็วมันจั๊กจี้นะครับ” รักษ์ว่าทั้งหัวเราะเบาๆ

“มันนุ่มๆ พี่อินทร์ชอบ” ว่าแล้วก็ถูแก้มไปมาบนหน้าท้องรักษ์ อารักษ์ทั้งนุ่ม ทั้งหอมเลย น่ากินเหมือนขนมเลยแฝดคิด แต่สำหรับรักษ์ต้องคิดหนักนี้เขาอ้วนจนท้องนุ่มนิ่มเลยหรา แต่พอก้มมองดูท้องตัวเองมันก็แบนราบไม่ได้มีไขมันยื่นออกมาเลยแล้วมันจะนิ่มได้ไงกัน

“ปล่อยก่อนครับไม่เล่นน้ำแล้วหรือ” รักษ์พยายามแกะมือเล็กออกจากการเอวแต่เหมือนสองแฝดจะเกาะเขาแน่นเหลือเกิน

“ไอ้แสบไปเกาะอะไรอาเขาหนักหนา” เสียงของพายุที่อยู่อีกฝั่งตะโกนมาเพราะมองอยู่พักหนึ่งแล้ว

“อารักษ์นิ่ม” ขุนจันทร์หันไปตอบแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย

“นิ่มอะไรของพวกเอ็ง” ว่าทั้งยืนเท้าสะเอวมองหลานอย่างสงสัย

“ปล่อยอารักษ์ก่อนครับ” รักษ์บอก สองแสบก็สายหน้ารัว ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาดอารักษ์ตัวห๊อมหอม ผิวก็นิ่มเอาแก้มถูแล้วสบายยังไงก็ไม่ปล่อยสองแสบคิด

“ถ้าพวกเอ็งยังไม่ปล่อยก็ไม่ต้องเล่นน้ำนะ” พายุว่าขึ้นอีกครั้ง ดื้อกันจริงๆ ไอ้สองแสบ

“ก็ได้!” เสียงเล็กตอบมาพร้อมกัน ทำเอาคนเป็นปู่รู้สึกตากระตุก ไอ้แสบยอมง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ เล่นนะเล่นเรื่องเล่นเรื่องใหญ่ที่สุดของทั้งสองแท้ๆ

“อะไรของพวกเอ็ง” อยู่ๆ เสียงของอีกคนก็ดังขึ้นมา

“พ่อ!” ได้ยินเสียงเด็กชายเรียกพ่อของตัวเองรักษ์รู้สึกตัวเกร็งขึ้นมาทันที หัวใจที่เคยนิ่งกลับสั่นไหวเต้นแรงขึ้นมา ได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าหันกลับไปทางอีกคน

“มาก็ดีจัดการลูกเอ็งสิไอ้ลม” พายุบอกเพราะตัวเองก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้วกับเด็กแสบสองคน

“ทำอะไรกัน” ลมเลมองคนเป็นพ่อก่อนจะหันมาถามทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าที่สภาพดูไม่ค่อยได้เลย ไอ้แฝดทั้งตัวเหลือแต่กางเกงในสีขาวเพียงตัวเดียวส่วนคนได้ชื่อว่าพี่เลี้ยงก็ยืนโชว์แผ่นหลังขาวสว่างทีเห็นแล้วชวนให้หัวใจคนมองกระตุกนี้ซินะเขาว่าขาวเหมือนหยวกกล้วย

“พ่ออารักษ์นิ่มๆ” ขุนจันทร์บอกทั้งฝังหน้าลงบนหน้าท้องขาวเนียนของรักษ์

“ห๊อม หอมด้วย” ขุนอินทร์ก็ไม่ต่าง

ลมเลมองการกระทำของลูกตัวเองแล้วรู้สึกคิ้วกระตุกนึกหงุดหงิดที่เอาแต่เกาะรักษ์แน่น รักษ์เองก็เหมือนกันไม่เข้าใจว่าจะยืนให้ไอ้สองแฝดมันกอดมันถูอยู่ทำไมคิดแล้วก็หงุดหงิด

“พอเลยพวกเอ็ง นายมานี้” ว่าแล้วแกะมือเล็กออกแล้วดึงรักษ์เข้ามาหาตัวแต่ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้รักษ์เสียหลักใส่อกแกร่งของลมเลอย่างจัง

เวลาที่กายกระทบกันราวกับเวลานั้นหยุดนิ่งมีเพียงหัวใจสองดวงที่สั่นไหวรุนแรง รักษ์แทบไม่กล้าหายใจเพราะกลัวอีกคนจะได้ยินเสียงหัวใจที่มันเต้นแรง ทางลมเลเองก็ไม่ต่างกันนานเท่าไหร่แล้วที่หัวใจไม่เคยรู้สึกสั่นไหวแบบนี้ ตั้งแต่รักษ์มาที่นี้บอกไม่ได้เลยว่าคนตัวเล็กทำให้เขาหวั่นไหวไปกี่ครั้งแล้ว

กลิ่นหอมอ่อนที่ลอยมาจากอีกคนนั้นยิ่งทำให้ลมเลจิตใจหลุดลอยอยากจะลองสูดดมกลิ่นนี้ใกล้ๆแต่แล้วความคิดก็ต้องหลุดไปเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงผลักดันจากอีกคนและมันทำให้รู้ว่าใบหน้าของตัวเองนั้นแทบฝังลงบนซอกคอขาวๆ นั้นอย่างไม่รู้ตัว

“เอ่อ...” รักษ์ตกใจมากที่อยู่ๆใบหน้าคมนั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามามือเข้ากรรมเลยยกขึ้นดันอกอีกคนอัตโนมัติ

“โทษที เป็นอะไรหรือเปล่า” รีบปล่อยคนในอ้อมกอดก่อนจะถามทั้งมองสายตาไปทางอื่นแต่ก็ต้องไปพบกับสายตาของคนเป็นพ่อที่ส่งมาราวต้องการสื่อว่า 'ทำอะไรของมึง’ เลยเบนสายตาหลบ แต่ก็หันมาพบกับคนโชว์ตัวขาวสว่างที่เอาแต่ยืนก้มหน้านิ่งแขนสองข้างมีแฝดเกาะอยู่ไม่ปล่อย ลมเลคิ้วขมวดยุ่งอีกครั้งมองลูกตัวเองอย่างดุๆ แต่สองแสบก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรยังยิ้มโชว์ฟันขาวมาให้ ลมเลได้แต่ถอนหายใจ

“แก้ผ้ากันทำไม” ลมเลกอดอกถามนิ่ง

“เอ่อ...พอดีขุนอินทร์กับขุนจันทร์จะเล่นน้ำกันนะครับ” รักษ์พยายามรวบรวมสติตอบกลับอีกคน ใบหน้าที่เคยก้มอยู่ก็ยกขึ้นมาทำให้เห็นใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรืองเพราะตื่นเต้น ยิ่งลมเลมองมาตลอดก็รู้สึกอายขึ้นมาที่ตัวเองเปลือยท่อนบนทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันจะถอดเสื้อมันก็ไม่แปลกแต่รักษ์กลับมารู้สึกอายสายตาของอีกคน

ทางลมเลก็ได้ทีสำตรวจคนตัวขาวตรงหน้า ผิวขาวสว่างนั้นดูเนียนจนน่าสัมผัส ยอดอกที่เป็นสีชมพูนั้นก็ดูน่าหลงใหลมันเป็นเหมือนดอกไม้สีสวยที่ค่อยเชิญชวนให้อยากลิ้มลอง ซึ่งมันทำให้ลมเลรู้ว่าหัวนมสีชมพูมันเป็นยังไง

“เอ่อ...คือ...คุณลมจะมองนานไม่แล้วนะครับ” เพราะรู้สึกว่าคนตรงหน้ามองนานเกินไปเลยรวบรวมความกล้าบอกอีกคนทั้งที่ในใจมันเต้นแรงจนรู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย

“ฮะ! อะไร ฉันไปมองนายตอนไหน” รีบแก้ตัวทันที่ทั้งที่มันไม่ใช่ รักษ์รู้สึกว่าอีกคนมองอยู่จริงๆ จะบอกว่าไม่ได้มองได้ไงตาบ้า

“ก็มองอยู่เห็นๆ” รักษ์พรึมพรำเบาๆ

“นายว่าอะไรนะ”

“เปล่าครับ ผมชวนขุนอินทร์ ขุนจันทร์ไปเล่นน้ำนะครับ เด็กๆ ไปกันเถอะ” ว่าจบก็จูงมือกันลงน้ำไป

ลมเลมองตามร่างเล็กของพี่เลี้ยงไปไม่วางตาทั้งที่พยายามจะไม่มองแล้วแท้ๆ



...................................

มาแล้ววววว ลูกคู่มาแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไรเลยยยยย แต่หัวใจมันสั่น แฝดแก้ผ้าาาาา รักษ์ก็ด้วยยยย

รักคนอ่านเท่าออกซิเจน  จุ๊ฟฟฟฟฟฟฟ อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 8 (16/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 16-04-2020 21:16:39
        ​

        ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 8

        ​

        “ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะลูกกลับบ้านจะได้ไม่หนาว” ญาดาบอกกับพี่เลี้ยงของหลานชายที่ยืนตัวเปียกอย่างห่วงใย

        “รบกวนด้วยนะครับ” รักษ์บอกไปอย่างเกรงใจ

        “ไปเถอะลูกเดี๋ยวป้าให้พี่ลมเอาผ้าไปให้ นี้ไม่รู้พาลูกคู่อาบน้ำกันยังไงเสียงดังไปหมด” เธอว่าแล้วรีบเดินจากไปทำให้คนที่คิดจะพูดค้านได้แต่อ่าปากค้าง รักษ์ไม่อยากรบกวนลมเลถึงจะคิดแบบนั้นแต่จริงๆ แล้วรักษ์ไม่อยากเจอลมเลก็เท่านั้นวันนี้หัวใจเขาทำงานหนักมากพอแล้วหากต้องเจออะไรอีกคงได้ระเบิดออกมาเป็นแน่

        รักษ์พยายามเลิกคิดแล้วหันมาสนใจกับเรื่องอาบน้ำแทนเพราะรู้สึกหนาวมาก จัดการชำระร่างกายอยู่นานเพราะสายน้ำอุ่นๆ ทำให้รู้สึกสบายจนไม่อยากหยุดแต่ถ้าหากเขายังไม่หยุดมีหวังได้เป็นหวัดกันแน่ๆ ล้างตัวอีกนิดหน่อยก็ปิดฝักบัวมือเรียวเลื่อนไปหวังหยิบผ้าเช็ดตัวที่มักเอาผาดไว้ตรงราวแต่แล้วต้องตกใจ ซวยแล้วไหมละเขาไม่ได้เอาผ้าเช็คตัวมาก็ญาดาบอกจะให้ลมเลเอามาให้ด้วยความที่ยังไม่อยากเจอเลยรีบเข้าห้องน้ำมาก่อนโดยลืมเรื่องผ้าเช็ดตัวเสียสนิท ชุดที่เคยใส่มันก็เปียกจนมีน้ำหยดออกมาจะให้ใส่คงเป็นไปไม่ได้ แล้วเขาจะทำไงดี

        รักษ์ได้แต่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้จะทำยังไงยืนเปลือยนานๆ มันชักจะหวิวๆ ครั้นจะร้องเรียกคนด้านนอกก็เกรงใจเลยได้แต่ยืนกอดตัวเปล่าของตัวเอง ก็มันหนาวแถมยังโล่งๆ อีก ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ

        ทางลมเลเห็นว่าพี่เลี้ยงของลูกอาบน้ำนานผิดปกติก็อดเป็นห่วงไม่ได้เขาเดินมาห้องน้ำเป็นรอบที่สองแล้วแต่กองเสื้อผ้าก็ยังวางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิม ครั้นจะเดินกลับไปอีกรอบก็เป็นห่วงเพราะเกือบชั่วโมงแล้วที่อีกคนไม่ออกจากห้องน้ำ ใจของนายหัวแห่งสวนสายลมเริ่มไม่สู้ดีเมื่อในห้องน้ำนั้นเงียบสนิท

        ก๊อกๆๆๆๆ

        “นายอยู่ในนั้นหรือเปล่า” เร็วการความคิดก็การกระทำเขานี้แหละไม่รู้ว่ามือเจ้ากรรมยกขึ้นไปเคาะประตูตอนไหนในเมื่อเคาะไปแล้วก็ร้องเรียกไปด้วยเลยแล้วกัน แต่สิ่งที่ตอบกลับมาต้องทำให้ลมเลขมวดคิ้วแน่นก็มันเล่นเงียบสนิท ใจเขาเริ่มจะไม่ดีจริงๆ แล้วนะ มือใหญ่ยกขึ้นเคาะประตูรัวๆ ปากก็ร้องเรียกคนด้านในเสียงดัง จนคนด้านในสะดุ้ง

        “คะ คุณลม” เสียงสั่นตอบกลับไปด้วยความหนาวเพราะเนื้อตัวไร้ซึ่งอาภรณ์อยู่นานอาการปวดหัวก็เริ่มรุมเร้า อีกใจก็นึกดีใจที่ลมเลมาเรียกหา

        “อยู่ในนั้นใช่ไหม ทำไมยังไม่ออกมา หรือยังอาบน้ำไม่เสร็จ” เสียงถามอย่างสงสัยแถมมีดุตอนปลาย

        “สะ เสร็จแล้วครับ” รักษ์ตะโกนตอบกลับมา

        “เสร็จแล้วก็ออกมา เสื้อผ้าวางอยู่ด้านนอก ฉันไปรอหน้าบ้านนะ” ว่าจบก็รีบหันเดินออกไปแต่

        “เดี๋ยวครับคุณลม” เสียงเรียกจากรักษ์ดังจนลมเลตกใจ

        “อะไรของนายอีก” เสียงหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร

        “เอ่อ เอ่อ คือ”

        “ถ้าไม่พูดฉันไป”

        “เดี๋ยวครับๆๆๆ คือช่วยเอาผ้าเช็คตัวให้ผมหน่อย” บอกไปเสียงเบาแต่ก็ดังพอให้คนด้านนอกได้ยินก็เขาอายจะให้ทำไงได้

        “ผ้าเช็คตัว นายบ้าหรือไงเข้าไปอาบน้ำแต่ไม่เอาผ้าเช็ดตัวเข้าไป” มือใหญ่ยกขึ้นตบหน้าผากอย่างหน่ายใจเป็นเด็กหรือยังไงกัน อย่าบอกว่าที่หายอยู่ในห้องน้ำเกือบชั่วโมงเพราะไม่มีผ้าเช็คตัว ให้ตายเถอะเด็กบ้าไม่หนาวตายก็ดีเท่าไร

        “ผะ ผมรีบหนี...เอ่อ รีบมาอาบน้ำเลยลืมครับ ขอโทษที่รบกวนแต่ช่วยหยิบให้ผมหน่อยมันทั้งหนาวทั้งหวิว” เกือบจะหลุดว่าหนีแล้วเชียว ลมเลก็ลีลาอยู่ได้เขาหนาวจริงๆ นะ

        “เออๆ เปิดประตูมาเอาสิ” นึกเคืองคนด้านในแต่ก็อดตลกไม่ได้คงจะหวิวไม่น้อยหึหึ

        “คุณไหนผ้าเช็คตัวผมละ” เสียงร้องขอมาพร้อมกับมือขาวที่ยื่นออกมาจากบานประตูที่แง่มออกนิดหน่อย

        “เอาไปสิ” ว่าทั้งยื่นให้มือเล็กแต่มันไกลเกินกว่าจะหยิบถึง

        “คุณจะแกล้งอีกนานไหมผมหนาวนะครับ” ดวงตาคู่สวยที่โผล่จากบานประตูนั้นมองอย่างขุ่นเขือง นี้เขาหนาวจริงๆ นะยังจะแกล้งกันอยู่อีก

        “หึหึ” หัวเราะทั้งยื่นผ้าเช็ดตัวให้คนด้านในก่อนจะได้สายตาดุมาเป็นการตอบแทน อยากจะบอกเหลือเกินว่ามันไม่ได้น่ากลัวสักนิดอย่างกับแมวกำลังขู่อย่างนั้น

        ทางรักษ์ได้ผ้าเช็ดตัวก็รีบเอามาห่อหุ้มร่างกายทันที และทำให้เขาคิดได้ ‘แล้วเสื้อผ้าละ’ อยากจะด่าตัวเองสักล้านรอบในความซื่อบื้อ อีกคนก็เหมือนกันบอกให้หยิบผ้าเช็ดตัวก็แค่ผ้าเช็ดตัวจริงๆ ให้ตายเถอะ แล้วจะทำไงได้ละก็ต้องออกไปทั้งแบบนี้จะวานอีกคนก็คงไปแล้วเป็นแน่ ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเปิดประตูมาเอาเสื้อผ้าด้านนอกอย่างเซ็งๆ นึกโทษอีกคนเพราะลมเลแท้ๆ ที่ทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้

        “อ๊ะ!” เสียงร้องตกใจเพราะพอเปิดประตูสายตาก็สะดุดเข้ากับร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าทั้งๆ ที่คิดว่าไปแล้วเสียอีก เป็นแบบนี้ก็ทำหัวใจเจ้ากรรมขยันทำงานขึ้นมาทันที

        “อืม ขาวจริงๆ แหะ”

        “ฮะ! คุณว่าอะไรนะครับ” ถามไปเพราะเสียงอีกคนค่อนข้างเบา ใจก็นึกหวั่นกับสายตาของลมเลที่มองมาถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันเขาก็อายเป็น มองแทบจะทะลุร่างอยู่แล้ว

        “เอะ! เปล่าๆ ไม่มีอะไร” ว่าทั้งรีบเบนสายตาไปทางอื่นแต่ไอ้อกขาวๆ นั้นก็เรียกให้ต้องหันมอง ลมเลนึกแปลกใจตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่เอาแต่จะจ้องมองอกขาวๆ และยอดอกสีชมพูนั้นราวกับมันมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง

        “เอ่อ เสื้อผ้าผมละครับ” รักษ์ถามทั้งพยายามหลบซ่อนใบหน้าที่แดงเพราะเขินอาย ก็รู้สึกมาได้สักระยะแล้วว่าความรู้สึกที่มีต่อลมเลต่างไปจากเดิม

        “อยู่บนโต๊ะ” บกทั้งเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ใกล้ รักษ์เมื่อเห็นก็รีบหยิบแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทันทีทิ้งให้คนตัวใหญ่ยืนหัวเราะอย่างนึกสนุก “หึหึ ก็น่ารักดี” พูดขึ้นเองก็ตกใจเองมองว่าผู้ชายน่ารักได้ยังไงกันแต่รักษ์ก็น่ารักจริงๆ เออเอาเข้าไปเขาว่าเขาคงบ้าไปแล้วแน่ๆ มือใหญ่ยกขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิดแต่ปากหนากลับยกยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไร เหลือบมองประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทแล้วต้องถอดหายใหญ่เฮือกใหญ่ให้กับตัวเองก่อนจะเดินเกาหัวออกมาอย่างเซ็งๆ เพราะคิดไม่ตก

        “เป็นอะไรลมคันหัวหรือไงเกาใหญ่เลย แม่บอกกี่ครั้งว่าให้สระผมบ่อยๆ โตจนมีลูกแล้วยังซกมกไม่เลิก” ญาดาบ่นลูกชายที่พึ่งเดินออกมาขณะที่มือเล็กยังคงใช่ผ้าขนหนูเช็ดผมให้ขุนจันทร์อยู่ตรงข้ามกันก็มีพายุกำลังหวีผมให้ขุนอินทร์

        “อะไรละแม่ผมสระแล้วเถอะ” เถียงคนเป็นแม่กลับไปคิดว่าเขายังเด็กหรือยังไงกัน มาดุต่อหน้าไอ้แสบอีก

        “พ่อซกมกๆ” ขุนอินทร์ ขุนจันทร์รีบล้อพ่อตนเองทันที

        “เงียบไปเลยไอ้แสบ” ดุทั้งยังชี้หน้าเป็นการคาดโทษ แต่สองแสบก็ไม่ได้นึกกลัวกลับยิ้มหัวเราะเสียงดังก็พ่อนะดุไปงั้นแหละปากยังยิ้มอยู่เลย

        “รักษ์มาแล้วหรือลูก อยู่กินข้าวเย็นกันที่นี้เลยนะเดี๋ยวป้าไปทำกับข้าวแปบหนึ่ง” ญาดาร้องบอกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินมา ทั้งมองอย่างสำรวจเพราะกังวลว่ารักษ์จะใส่ชุดได้หรือไม่ก็ตัวของลูกชายเธอค่อนข้างใหญ่แต่จากที่ดูๆ ก็พอได้สินะถึงจะดูใหญ่เกินตัวไปหน่อยก็เถอะ

        “ครับ เดี๋ยวผมไปช่วยด้วยคนนะครับ” เสนอตัวช่วยไปยังไงเรื่องทำอาหารก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรักษ์

        “ไม่เป็นไรลูกพักเถอะ”

        “ให้ผมช่วยเถอะครับคุณป้าจะได้เสร็จเร็วๆ ไงครับ”

        “อย่างนั้นก็ตามใจเรา” เธอบอกไปก่อนจะเดินเข้ามาในครัวโดยมีรักษ์เดินตามมาติดๆ

        “คุณป้าจะทำอะไรหรือครับ” รักษ์ถามขึ้นเมื่อเห็นญาดาหยิบข้าวของออกจากตู้เย็นมาหลายอย่าง ญาดายิ้มรับก่อนจะตอบออกไป

        “ต้มจืดเต้าหู้ไข่ ผัดผักรวมมิตร คั่วกลิ้ง แล้วก็น้ำพริกนะลูก”

        “มีแต่เมนูน่าอร่อยทั้งนั้นเลย คุณป้าจะให้ช่วยอะไรบอกมาได้เลยครับ”

        “อย่างนั้นเอาผักพวกนี้ไปล้างแล้วหั่นให้ป้าทีนะ เดี๋ยวป้าขอสับหมูก่อน” ว่าทั้งยื่นตะกร้าที่มีผักอยู่หลายชนิดให้ รักษ์รับมาไปจัดการทันไม่นานผักทุกอย่างก็ถูกทำความสะอาดละหั่นเป็นชิ้นใส่จานไว้อย่างเรียบร้อย

        “เรียบร้อยแล้วครับ” บอกทั้งเบี่ยงตัวหลบให้ญาดาดูผลงาน

        “เร็วดีจังเลย” เธอเอ่ยชมทั้งรอยยิ้ม “รักษ์ผัดให้ป้าหน่อยได้ไหมป้ายังสับหมูไม่เสร็จเลย หมึกกับกุ้งป้าทำไว้แล้วรักษ์เอาไปทำได้เลยจ๊ะ” รักษ์ทำเพียงยิ้มและพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะหันไปเอากระทะตั้งเตาเพื่อทำอาหาร

        ทั้งสองวุ่นกับการทำอาหารอยู่นานและแล้วเมนูสุดท้ายก็ถูกยกลงจากเตา ญาดายอมรับเลยว่ารักษ์ทำอาหารเก่งมากจริงๆ จากที่พาอีกคนมาเป็นลูกมือเธอกลับมาเป็นลูกมือให้รักษ์เสียเอง ทางรักษ์ด้วยความเกรงใจก็อาสาทำเองทุกอย่างและที่ทำให้รักษ์ไม่มั่นใจที่สุดก็คือคั่วกลิ้งเพราะไม่เคยทำมาก่อนถ้าไม่ได้ญาดาช่วยบอกก็คงทำออกมาไม่ได้วันนี้รักษ์เลยได้เรียนรู้เมนูใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง

        “รักษ์ทำอาหารเก่งจังเลยลูก” เธอว่าชมตามที่เธอเห็น

        “ก็ไม่เท่าไรหรอกครับแค่ทำบ่อยเลยชินนะครับ คุณป้าต่างหากที่เก่งวันหลังผมขอมาเป็นลูกมืออีกนะครับ” รักษ์บอกไปตามใจคิด อยากให้ญาดาสอนทำอาหารที่เขาไม่เคยทำยิ่งอาหารใต้เขาทำแทบไม่เป็นถ้าได้ลองทำก็คงจะดีเพราะลมเลชอบทานอาหารใต้ โดยเฉพาะคั่วกลิ้ง กับน้ำพริก แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับความคิดของตัวเอง นี้เขาเป็นเอามากขนาดนี้เลยหรือ

        “ได้จ๊ะมาได้ตลอดเลยลูกมีคนช่วยก็ดีเหมือนกัน” เสียงของญาดาเรียกให้รักษ์ดึงตัวเองออกจากความคิดหลังต้องตบตีกับมันอย่างวุ่นวายใจ

        “ผมว่าเรายกออกไปเลยดีกว่าครับคงหิวกันแล้ว”

        อาหารถูกนำมาวางที่โต๊ะกินข้าวกลิ่นหอมๆ เรียกให้สองแสบที่กำลังเล่นมานั่งที่โต๊ะอยากไม่ต้องเอ่ยเรียกคงเพราะความหิวก็วันนี้เล่นกันน้อยเสียที่ไหน

        “ว้าววววววว เต้าหู้ๆๆๆ” ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ร้องขึ้นอย่างแข่งขันเมื่อเห็นเต้าหู้สีเหลืองอ่อนนุ่มในถ้วย จนอยากจะกินเสียเดี๋ยวนั้นแต่ก็ไม่ได้เพราะต้องรอคนอื่นๆ  ก่อน

        “หิวกันแล้วละสิสองแสบ” รักษ์ที่พึ่งเดินเข้ามาจากไปยกหม้อข้าวเอ่ยแซ่วสองแฝด

        “พี่อินทร์หิ๊วหิว กินอารักษ์ได้ทั้งตัวเลยน่า” รักษ์ถึงกับสะดุดเมื่อได้ยินขุนอินทร์ ดูพูดเข้า

        “อะไรไอ้แสบพูดมาก” ลมเลที่พึ่งเดินเข้ามาว่าขึ้น

        “ก็พี่อินทร์หิวจริงๆ หรือพ่อไม่หิว” ขุนอินทร์เถียง ผิดกับขุนจันทร์ที่นั่งมองมือรักษ์ที่ตักข้าวอย่างไม่ลดละน้ำลายแถบจะไหลออกมารอรับจานข้าวอย่างเต็มที่ แต่แล้วจานข้าวที่หมายปองกลับถูกยื่นส่งไปให้คนเป็นพ่อแทนราวกับฝันสลายแตกลงต่อหน้าพ่อคงหิวเหมือนขุนอินทร์สินะเมื่อคิดได้อย่างนั้นปากเล็กก็เอ่ยขึ้นทันที

        “พ่อก็หิ๊วหิวจนกินอารักษ์ได้ทั้งตัวเลยหรือ” มือที่กำลังรับจานข้าวหยุดชะงักลงอย่างทันที รักษ์เองก็ตาโตเพราะตกใจ พูดอะไรออกมานะน้องจันทร์

        “พูดมากไอ้แสบ” ว่าอย่างปัดๆ ตาคมช้อนขึ้นมองคู่กรณีอย่างดูท่าที ทางรักษ์ก็รีบก้มสบสายตาด้วยความอาย ลมเลยกยิ้มเมื่อเห็นแก้มใสนั้นขึ้นสีแดง

        “ทำไรกันลูกคู่” ญาดาที่เดินมาพร้อมกับพายุเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสองแสบนั่งมองพ่อและพี่เลี้ยงตาแป๋ว

        “พ่อจะกินอารักษ์” ขุนอินทร์รีบตอบขึ้นทันทีและคำตอบนั้นทำเอาทุกคนหยุดนิ่ง ญาดาหันมองลูกชายอย่างต้องการคำตอบมันหมายความว่ายังไง

        “ไม่มีอะไรแม่ไอ้แสบมันพูดเรื่อยเปื่อย” ลมเลตอบทั้งหลบสายตาคนเป็นแม่ ญาดายกยิ้มเมื่อเห็นอาการลูกชาย

        “เอ่อ ใช่ครับเข้าใจผิดนิดหน่อยนะครับ” รักษ์รีบตอบขึ้นมาเพราะกลัวญาดากับพายุจะเข้าใจผิด

        “จ๊ะ ป้าก็ไม่ได้ว่าอะไร” เธอพูดทั้งรอยยิ้มแต่สายตามองลูกชายอย่างจับผิด กับรักษ์นี้ไม่ต้องสงสัยดูออกง่ายเหลือเกินเจ้าตัวรู้ตัวบ้างหรือเปล่า

        “ปู่ว่าเรามากินข้าวกันดีกว่าสองแสบ” เสียงของพายุเรียกให้ทุกคนต้องมองก่อนจะละทิ้งประเด็นเมื่อกี้แล้วหันมามุ่งกับการกินข้าวแทน

        เสียงช้อนที่กระทบจานเบาๆ กับเสียงสองแสบที่โม้เรื่องต่างๆ ชวนให้บรรยากาศที่โต๊ะอาหารดูครึกครื้น และอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความรักที่มีให้กันภายในครอบครัว

        ...

        มาแล้วววววว

        รักนะงับ ^___^
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 8 (16/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-04-2020 21:22:12
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 8 (16/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-04-2020 22:00:40
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 9 (17/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 17-04-2020 10:51:25
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 9

        เช้านี้ก็เป็นอย่างเช่นทุกวันรักษ์มักตื่นแต่เช้ามืดมาช่วยป้าอุ่นทำอาหารและงานอื่นๆ ที่พอช่วยได้

        “ทำอะไรทานหรือครับป้าอุ่น” รักษ์ที่พึ่งเดินเข้าครัวมาเอ่ยถามขึ้นทั้งที่พอจะรู้คำตอบอยู่แล้วจากหม้อที่ตั้งอยู่บนเตา

        “ป้าจะทำโจ๊กหมูนะจ๊ะ” เธอบอกทั้งที่ง่วนอยู่กับหม้อบนเตา

        “ให้ผมช่วยอะไรไหมครับ” ร้องถามทั้งมองบนโต๊ะว่ามีอะไรพอจะช่วยได้บ้าง สายตาเรียวก็เหลือบไปเห็นจานหมูสับที่ยังไม่ได้ปั้นก็เลยเอ่ยขอทำ “ผมปั้นหมูให้นะครับป้า”

        “จ๊ะ เอาเลย ขอบใจมากนะจ๊ะคุณรักษ์” เธอบอกไปเพราะป่วยการที่จะห้ามยังไงรักษ์ก็ต้องดื้อดึงทำอยู่ดี ตั้งแต่มาอยู่จนถึงวันนี้รักษ์คอยช่วยเหลืองานเธอตลอดทำให้เธอเบาแรงไปเยอะมาก เกรงใจไม่ใช่ไม่เกรงใจ ไอ้ห้ามก็ห้ามแต่คุณรักษ์ของเธอไม่ยอมฟังเลยหลังๆ มาเลยปล่อยตามใจคุณเขาไป

        “คุณรักษ์ค่ะวันนี้ป้าจะซักผ้าเดี๋ยวคุณรักษ์ช่วยเตรียมผ้าที่จะซักไว้ให้ป้าทีนะจ๊ะ” บอกไปทั้งที่รู้ว่าอีกคนคงจะตอบแบบเดิมอย่างทุกครั้ง แต่ก็ถามเผื่อว่าคุณเขาจะเปลี่ยนใจบ้าง

        “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมซักเอง” นั้นไงผิดจากที่เธอคิดที่ไหนกัน

        “อีกแล้วนะจ๊ะ ให้ป้าทำหน้าที่ของป้าบ้างเถอะ”

        “ป้าก็ซักของคุณลม แล้วก็ของน้องอินทร์น้องจันทร์อยู่แล้วนะครับ ของผมไม่เป็นไรเดี๋ยวผมซักเอง”

        “ก็พูดกับป้าแบบนี้ทุกที่สุดท้ายคุณก็ช่วยป้าทำเกือบทั้งนั้น” เธอว่าอย่างหน่ายๆ ทำไมถึงเป็นเด็กดีได้ถึงขนาดนี้ เธออยากรู้จริงๆ ว่ารักษ์ถูกเลี้ยงมาแบบไหนจะได้เอาไปสอนลูกสอนหลานเธอบ้าง

        “หึหึ ก็ผมว่างนี้ครับ”

        “ว่างอะไรกันค่ะต้องดูแลคุณหนูทั้งสองแท้ๆ”

        “เอาเถอะครับป้าให้ผมทำเถอะ อีกอย่างผมอยากสอนให้น้องอินทร์น้องจันทร์ทำด้วย เขาจะได้ช่วยเหลือตัวเองเป็น” รักษ์บอกทั้งรอยยิ้ม ยามที่นึกถึงสองแสบรักษ์รู้สึกมีความสุข และสนุกที่ได้ดูแลเด็กทั้งสอง อยากสอนอะไรหลายๆ อย่างให้น้องอินทร์กับน้องจันทร์จะได้ไม่ลำบาก จากที่คอยกังวลมาตลอดว่าจะดูแลสองแสบไม่ได้ในวันนี้กลับเปลี่ยนไปมันเป็นเหมือนเรื่องท้าทายอย่างหนึ่ง พอนึกว่าจะให้สองแสบทำอะไร จะสอนอะไรสองแสบดีมันทำให้ตื่นเต้น ยิ่งเห็นสองแสบยิ้มอย่างมีความสุขรักษ์เองก็มีความสุขด้วยเช่นกัน

        “ขอบคุณนะจ๊ะคุณรักษ์ที่รักคุณหนูทั้งสอง” เธอเอ่ยขอบคุณจากใจจริงๆ แค่มองตาก็รู้ว่ารักษ์ให้ความสำคัญกับคุณหนูของเธอแค่ไหนมันไม่เหมือนกับพี่เลี้ยงคนอื่นๆที่ผ่านมา ที่คอยแต่จะทำดีคุณหนูเพราะหวังจะเอาหน้ากับคุณลม นับว่าโชคดีจริงๆ ที่ได้รักษ์มาเป็นพี้เลี้ยงให้คุณหนูที่เธอรักเหมือนลูกเหมือนหลาน

        “หึหึ ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็สองแสบออกจะน่ารัก หึหึ”

        “คุณรักษ์ก็พูดไป แสบอย่าบอกใครแบบนั้น” เธอเอ่ยแซ่วทั้งหัวเราะอย่างนึกเอ็นดู ก็คุณหนูของเธอแสบจริงๆ นั้นแหละแต่ว่าเป็นเมื่อก่อนตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะเลยความดีความชอบก็คงต้องยกให้คุณพี่เลี้ยงเขา

        เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะที่ดังจากทางครัวทำให้ลมเลที่พึ่งเดินลงมาจากชั้นสองต้องเดินไปดูแต่เมื่อได้ยินทั้งสองพูดถึงสองแสบก็ต้องหยุดเท้าลงเพราะอยากรู้ว่าทั้งสองจะพูดถึงลูกตนเองไปในทางไหน ไม่ใช่ไม่พอใจแต่แค่อย่างรู้ว่าพี่เลี้ยงรู้สึกยังไงกับลูกของเขาถึงจะรู้อยู่แล้วจากการสังเกตการกระทำของอีกคนแต่ก็ยังอยากฟังและคำพูดนั้นมันทำให้ลมเลต้องยกยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปเอ่ยทักคนทั้งสอง

        “ทำอะไรกันครับ” เสียงทักที่ดังขึ้นเรียกให้รักษ์และป้าอุ่นต้องหันมอง

        “อ้าวคุณลมตื่นแล้วหรือค่ะ” เป็นป้าอุ่นที่ทักไปรักษ์ทำเพียงยิ้มทักทายเท่านั้นก่อนจะหันมาสนใจปั้นหมูก้อนสุดท้าย

        “ครับ ผมขอกาแฟสักแก้วนะครับ” ลมเลว่าเสร็จก็เดินออกไปทันทีแต่ไม่ลืมที่จะเหลือบมองพี่เลี้ยงที่ตั้งใจปั้นหมูอย่างไม่สนใจเขาเลย

        “เดี๋ยวผมชงกาแฟไปให้คุณลมเองครับป้าจะได้อยู่ดูโจ๊ก” พออีกคนเดินไปรักษ์ก็ร้องบอกขึ้นทัน

        “ป้าฝากด้วยนะจ๊ะคุณรักษ์” เธอว่าก่อนจะหันไปสนใจหม้อที่ตั้งอยู่บนเตารักษ์ทำเพียงยกยิ้มแล้วจัดการชงกาแฟให้กับนายหัวแห่งไร่สายลม

        “กาแฟครับคุณลม” รักษ์ยกกาแฟมาให้ลมเลที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก็เหลือบมองดูนาฬิกาตรงผนังห้องพบว่าได้เวลาปลุกสองแสบแล้วเลยตั้งใจจะเดินขึ้นไปปลุกเด็กทั้งสองเสียงเรียกของลมเลดังขึ้นเสียก่อน

        “รักษ์” เสียงชื่อที่หลุดจากปากอีกคนไม่บ่อยนักที่รักษ์จะได้ยินเลยอดใจเต้นไม่ได้

        “คะ ครับ” รักษ์ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะเสียงสั่นทำไมแค่อีกคนเรียกชื่อแค่นั้นเอง

        “จะไปปลุกสองแสบเหรอ” ลมเลถามนิ่งๆ ทั้งยังอ่านหนังสือพิมพ์

        “ครับ” รักษ์ตอบไป ลมเลทำเพียงแค่พยักหน้ารักษ์เลยหมุนตัวจะเดินต่อแต่ต้องหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดของอีกคน

        “อาทิตย์หน้ายายน้ำฟ้าจะลงมา” เห็นว่าเป็นเพื่อนกันก็เลยตั้งใจจะบอก แต่สีหน้าของรักษ์ที่ได้ยินทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ หรือ จำเป็นต้องยิ้มหน้าบานขนาดนั้นไหมคิดแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมารู้นี้ไม่บอกเสียก็ดี ลมเลพับหนังสือพิมพ์เก็บอย่างหงุดหงิด รักษ์เองก็งงกับการกระทำของอีกคน เป็นอะไรของเขา รักษ์ได้แต่สงสัย และต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องของคนที่นั่งอยู่ ให้ตายเถอะกาแฟร้อนนะไม่ใช่เย็นทำไมไม่ระวังเลย

        “คุณเป็นอะไรมากไหม” รักษ์รีบเข้าไปถามไถ่ ลมเลทำเพียงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าไม่เป็นอะไรก่อนบอกให้รักษ์ไปปลุกสองแสบถ้าขืนให้อยู่ต่อมีหวังรักษ์ได้เห็นอะไรที่เขาไม่อยากให้เห็นแน่ๆ พอเห็นว่าอีกคนเดินไปแล้วลมเลก็ถอนหายใจออกมาเสียงดังนึกด่าทอตัวเองในใจที่ไม่รู้เป็นอะไรนับวันยิ่งอยู่ใกล้พี่เลี้ยงลูกยิ่งทำให้เขาไม่เป็นปกติไม่ใช่ไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่มันคืออะไรก็เขาไม่ได้ใสซื่อขนาดไม่รู้อะไรสักหน่อยแต่มันจะจริงแท้แค่ไหนก็ต้องรอดูกันไปก่อนเพราะเขาอาจแค่เข้าใจผิดไปเอง

        “แสบวันนี้พ่อจะเข้าไปสวนทุเรียนจะไปไหม” ลมเลเอ่ยถามลูกทั้งสองหลังจากกินข้าวเช้ากันเสร็จแล้วคำตอบที่ได้รับทำเอาคนเป็นพ่อตกใจ

        “ไม่ไป...ครับ” พูดจบก็หันยิ้มโชว์ฟันขาวให้อารักษ์อย่างออดอ้อนเพราะเกือบลืมสิ่งที่อารักษ์สอน

        “ครับ?” ลมเลพูดขึ้นอย่างงงๆ แต่ก็ไม่เท่ากับสีหน้าประหลาดใจที่แสดงออกมา สองแสบพูดมีหางเสียงเป็นครั้งแรกคนเป็นพ่อก็อดประหลาดใจไม่ได้

        “เอ่อ มีอะไรหรือครับคุณลม” รักษ์ถามเพราะรู้สึกไม่สู่ดีกับสีหน้าของเจ้านายนี้เขาสอนอะไรน้องอินทร์ น้องจันทร์ผิดไปหรือเปล่า

        “ไม่มีอะไรแค่แปลกใจนิดหน่อย ไงแสบพูดเพราะก็เป็นนิ” ลมเลตอบก่อนจะหันไปคุยกับเด็กทั้งสอง

        “อารักษ์บอกเป็นเด็กต้องพูดเพราะๆ ครับ” ขุนอินทร์ตอบ

        “ต้องมีครับด้วย งั้นไม่น่ารักครับ” ขุนจันทร์ว่าต่อ

        พอได้ยินลูกทั้งสองลมเลหันมองรักษ์ทันที ไม่ได้จะตำหนิอะไรแค่ขอบคุณทางสายตารักษ์เองก็รับรู้ เรื่องการพูดจาของลูกความผิดก็เป็นเขาที่ไม่ใส่ใจลูกเองต้องขอบคุณรักษ์จริงๆ ที่ใส่ใจลูกเขามากขนาดนี้ไม่เคยมีพี่เลี้ยงคนไหนที่ดูแลลูกเขาได้ดีแบบนี้มาก่อนคงต้องขอบคุณน้ำฟ้าซินะที่ส่งรักษ์มาให้ พอคิดแบบนี้ความรู้สึกที่คลุมเครือมันก็เริ่มชัดเจนขึ้นมาแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ชายสองคนจะรักกันได้ยิ่งเขาที่มีลูกอยู่แล้วไหนจะรักษ์ที่ไม่รู้ว่าคิดยังไงกับเขาอีก

        “เอาละพ่อไปทำงานดีกว่า ตกลงพวกเอ็งไม่ไปแน่นะ” ว่าทั้งยืนขึ้นเตรียมจะไป สองแสบรีบสายหน้าตอบกลับทันที “มีน้ำตกให้เล่นนะพวกเอ็ง” ลองล่อลวงอีกสักที สองแสบก็ยังสายหัว “อะไรของพวกเอ็งปกติมีแต่ตื้อจะไปด้วยไหนลองว่ามาสิทำไมพวกเอ็งถึงไม่ไป” เมื่อหมดความอดทนก็อดที่จะถามไม่ได้

        “น้องจันทร์จะช่วยอารักษ์ซักผ้าครับ” ขุนจันทร์ตอบทันทีทั้งยังยิ้มร่า

        “พี่อินทร์ก็ด้วยครับ” ก็วันนี้สัญญากับอารักษ์แล้วนี้น่าเด็กทั้งสองคิด

        “อย่างพวกเอ็งจะไปช่วยไรได้ มีแต่สร้างเรื่องสิไม่ว่า” ลมเลว่าทั้งยิ้มเย้ยลูกชาย รักษ์ถึงกับหลุดหัวเราะออกเสียงดังกับท่าทางของคุณพ่อลูกแฝดเล่นเอาลมเลต้องตวัดสายตามองรักษ์เลยต้องทำเป็นนิ่งทั้งที่ในใจอยากหัวเราะออกมาดังๆ ก็ผู้ชายตัวโตๆ มายืนเก๊กท่าแบบนี้มันเข้ากันที่ไหน

        ​

        ...

     

   
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 9 (17/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-04-2020 23:45:23
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 10 (18/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 18-04-2020 10:43:08
        ​

ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 10​​

        “อารักษ์ครับกางเกงๆๆๆ” เสียงร้องบอกพร้อมกับมือเล็กๆ ที่พยายามยกกางเกงขายาวตัวใหญ่สายไปมาเรียกรอยยิ้มให้คนมองอย่างเอ็นดู

        “เอาใส่ตะกร้านี้เลยครับน้องจันทร์” ว่าแล้วก็หยิบตะกร้าให้เด็กชายใส่แต่ด้วยความที่ตัวเล็กและกางเกงตัวใหญ่เลยยกชายกางเกงให้สูงลงตะกร้าไม่ได้ทั้งที่เขย่งแล้วเขย่งอีกเป็นเรื่องให้แฝดผู้พี่ต้องมาจับขากางเกงใส่ลงตะกร้าให้ก่อนจะปล่อยกางเกงทั้งตัวลงตะกร้า มองดูแล้วคงจะเหนื่อยไม่น้อยเพราะหน้าขาวๆ ของเด็กชายขึ้นสีแดงระเรือง คนมองเลยอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจับแก้มแดงๆ นั้น เรียกเสียงหัวเราะจากเด็กชายอย่างชอบใจเพราะรู้สึกจั๊กจี้

        “อารักษ์เสื้อตัวนี้ละครับ” คำถามของขุนอินทร์เรียกให้รักษ์ละจากแก้มแดงๆ หันมาสนใจสิ่งที่เด็กชายอีกคนถาม

        “เสื้อสีเอาใส่ตะกร้านี้นะครับ” บอกทั้งตบมือลงบนตะกร้าที่อยู่ข้างตัว ทำให้ขุนอินทร์ยกเสื้อลงมาใส่ทั้งยังหยิบตัวอื่นๆ ที่เป็นเสื้อสีใส่ลงไปด้วย แฝดน้องเมื่อเห็นแฝดพี่ทำก็อยากทำบ้างเลยตั้งใจมาช่วยแต่สายตาดวงน้อยก็เหลือบไปเห็นกางเกงชิ้นน้อยๆ สีขาวเลยหยิบขึ้นมาดูปรากฏว่า

        “อารักษ์ดูๆ ลิงพ่อตัวใหญ๊ใหญ่” ว่าทั้งยกกางออกให้ดูทำเอาคนเป็นพี่เลี้ยงตกใจ

        “น้องจันทร์!” มือขาวรีบไปแย่งจากมือของเด็กแสบทันที ให้ตายเถอะแค่เห็นสติของรักษ์ก็แถบจะหลุดลอยไปไกล หัวใจเต้นเร็วยิ่งกว่าไปวิ่งมาเสียอีกก็แค่ชั้นในของอีกคนทำไมเขาต้องใจเต้นขนาดนี้กันรู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ

        “อารักษ์ทำไมหน้าแด๊งแดงงงงงงง” ขุนอินทร์ว่าเสียงยาวเล่นเอาอารักษ์ของเขาสะดุ้งขึ้นมาอีกครั้งมือขาวยกขึ้นจับหน้าตัวเองอย่างลืมตัว สองพี่น้องฝาแฝดมองอารักษ์อย่างงงๆ อารักษ์ของเขาเป็นอะไรแล้วทำไมต้องเอาลิงพ่อไปแปะหน้าด้วยพี่อินทร์น้องจันทร์ไม่เข้าใจ

        “เฮ้ย!” เสียงร้องดังลั่นออกจากปากของรักษ์ทำเอาสองแสบที่มองอยู่สะดุ้งโหย่งแต่สายตาจับจ้องไปที่สิ่งของในมืออารักษ์ที่ถูกเจ้าตัวโยนออกไปไกลก่อนจะหันกลับมามองอารักษ์อีกครั้งมือเล็กๆ ยกขึ้นเกาหัวแกรกๆ ดวงตาเล็กสองดวงหันมาสบตากันเป็นอันรู้กัน

        อารักษ์คงเหม็นลิงพ่อ

        “เอ่อ เอ่อ...” กว่าจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ก็เล่นไปเสียหลายนาทีมองสองแสบแล้วต้องยกมือกุมขมับขุนอินทร์ขุนจันทร์จะคิดไงกัน

        “อารักษ์เป็นอะไรคร๊าบบบ” ขุนจันทร์ถามขึ้นมาอย่างสงสัย

        “เอ่อ อารักษ์ไม่ได้เป็นอะไรเรามาแยกผ้ากันต่อดีกว่าครับ” ตอบปัดไปแล้วหันมาช่วยเด็กทั้งสองแยกผ้ากันต่อ เขาไม่ได้บ้าพอที่จะบอกว่าสติหลุดเพราะเห็นชั้นในของพ่อเด็กทั้งสอง แถมยังเอามาแนบหน้าอีกถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะพอนึกแล้วอยากจะมุดดินหนีใครรู้นี้อายยันชาติหน้า ไอ้รักษ์นะไอ้รักษ์ทำไมแกมันประสาทขนาดนี้ ว่าแล้วก็อดยกมือมาทึ่งหัวตัวเองไม่ได้แต่เหมือนมันจะเป็นการกระทำที่ไม่ควรเพราะสองแสบยิ่งมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เข้าไปอีก พอๆๆ หลังจากพยายามสู้รบปรบมือกับความคิดตัวเองไปพักใหญ่ก็ดึงตัวเองกลับมาให้เป็นปกติถึงแม้ในใจจะยังปั่นป่วนอยู่ก็ตาม

        “ต่อไปก็เสื้อผ้าของพี่อินทร์กับน้องจันทร์เอามาแยกเลยครับ”

        ทั้งสามใช่เวลากับการแยกผ้าอยู่พักใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่ก็เสียเวลากับการเล่นของสองแสบรักษ์ไม่ได้ว่าอะไรทำไปเล่นไปดีแล้วสองแสบได้รู้สึกสนุกกับการทำงาน

        “เสร็จเรียบร้อยเราเอาผ้าไปซักกันดีกว่าครับปานี้ป้าอุ่นคงเตรียมน้ำไว้เรียบร้อยแล้ว” บอกทั้งหยิบตะกร้าผ้าขาวขึ้นมาถือไว้แล้วส่งตะกร้าชั้นในให้สองแสบถือเพราะตะกร้าเล็กกว่าเพื่อน รักษ์มองดูเด็กทั้งสองที่ช่วยถือตะกร้าคนละข้างแล้วอดยิ้มไม่ได้ช่วยประคองกันใหญ่เลยทั้งที่ตะกร้าใบเล็กนิดเดียว ก่อนลงบันไดรักษ์ไม่ลืมทีจะแย่งตะกร้าจากสองแสบมาเพราะกลัวว่าจะเดินลำบากดีไม่ดีพลาดท่าตกบันไดแล้วคงจะแย่

        “โอ๊ย!” เสียงร้องดังลั่นมาจากหลังบ้านทำให้รักษ์หยุดชะงักก่อนจะนึกได้ว่าเป็นป้าอุ่นเลยรีบวิ่งไปหลังบ้านทันทีสองแสบก็วิ่งตามอารักษ์เขามาติดๆ พอมาถึงได้ตะกร้าในมือรักษ์แทบหลุดลอยรีบวิ่งไปดูร่างของหญิงสาวที่นอนโอดครวญอยู่บนพื้นอย่างตกใจ

        “ป้าอุ่น!” รักษ์เรียกหญิงสาวอย่างตกก่อนจะรีบประคองร่างท่วมขึ้นแต่ทันทีที่จับเสียงร้องเจ็บปวดก็ดังขึ้นจนทำให้รักษ์ไม่กล้าจับกลัวว่าจะไปโดนจุดที่ป้าอุ่นบาดเจ็บ

        “ยายอุ่น!” สองแสบที่พึ่งเดินมาถึงก็รีบถลาเข้ามาดูอย่างตกใจ

        “ป้าอุ่นๆ เป็นยังไงบ้างครับเจ็บตรงไหน” รักษ์ถามขึ้นมาอย่างร้อนรนรู้สึกทำอะไรไม่ค่อยถูก

        “โอ๊ย ที่แขนกับขาค่ะคุณรักษ์ โอ๊ย” หญิงสาวบอกทั้งร้องโอดโอย

        “ปะ ป้า ลุกไหวไหมครับมารักษ์ช่วย” ว่าแล้วก็เข้าไปช่วยพยุงแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะป้าอุ่นเจ็บข้อเท้าแรงมากไหนจะที่แขนอีกแค่ขยับนิดก็เจ็บจนร้องเสียงดัง รักษ์รู้สึกวุ่นวายใจมากเป็นห่วงก็เป็นห่วงแต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เขาจะทำยังไงดีคิดไม่ตกจริงหันไปมองสองแสบก็เห็นนั่งดูยายอุ่นทั้งร้องไห้ไปด้วย

        “จริงสิ พี่อินทร์น้องจันทร์ดูป้าอุ่นไว้นะอารักษ์โทรบอกคุณพ่อก่อน” ว่าจบก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านหาโทรศัพท์ทันทีรนจนกดผิดกดถูกกว่าจะโทรออกได้ก็เสียเวลาเป็นนาที เสียงรอสายยิ่งทำให้รักษ์อยู่ไม่ติดทำไมไม่รับสักทีนะความกังวลทำให้น้ำตามันตีตื้นขึ้นมา รออยู่ครู่ใหญ่ปลายสายก็รับ

        “คุณลมๆ” รักษ์รีบกรอกเสียงเรียกทันทีทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ทันขานรับ

        “ว่าไง” เสียงตอบรับจากปลายสายแทรกขึ้นมา

        “ป้าอุ่นๆ ช่วยป้าอุ่นด้วย ฮึก” รักษ์ร้องบอกทั้งสะอื้นแค่อีกคนรับน้ำตาเขาก็ไหลจิตใจร้อนรนไปหมด

        “รักษ์ใจเย็นๆ มีเรื่องอะไร” ปลายสายบอกเมื่ออีกคนพูดไม่รู้เรื่อง

        “ป้าอุ่น ฮึก หกล่ม คุณรีบมาบ้านเร็ว กะ แกขยับไม่ค่อยได้เลย ฮึก” เสียงสั่นๆ ร้องบอกด้วยแรงสะอื้นแรงขึ้น

        “ห่ะ! ใจเย็นๆ เดี๋ยวฉันรีบไป”

        “คุณรีบมานะ ฮึก” ปลายสายตอบรับมานิดหน่อยก็วางไปรักษ์เลยรีบเดินกลับไปหลังบ้านอีกครั้งเพื่อดูป้าอุ่น

        “อารักษ์ยายอุ่นเจ็บ ฮึก” ขุนจันทร์บอกทั้งชี้ไปทางป้าอุ่นที่นอนอยู่บนพื้นทั้งน้ำตาข้างๆ มีขุนอินทร์ยืนร้องอยู่ด้วย

        “ครับๆ ยายอุ่นเจ็บ ไม่ร้องนะมาดูยายอุ่นดีกว่าเดี๋ยวคุณพ่อมานะครับ ป้าอุ่นเป็นยังไงบ้างครับอดทนอีกนิดนะครับคุณลมกำลังมา” ทั้งสามนั่งมองดูคนเจ็บอย่างสงสารรักษ์คอยพัดลมและส่งยาหอมให้ไม่ขาด ทำไมลมเลถึงไม่มาสักที

        “ป้าไม่เป็นอะไรมากค่ะ แค่เจ็บแขนกับขานิดหน่อยเอง” หญิงสาวร้องบอกเพราะไม่อยากให้ทั้งสามคนเป็นกังวลไปมากกว่านี้ถึงตนเองจะเจ็บมากก็ตามแค่เห็นทั้งสามพร้อมใจกันร้องไห้คนแก่อย่างเธออดเสียใจไม่ได้

        “ไม่ต้องมาหลอกผมเลย” รักษ์บอกเสียงงอนจนคนเจ็บถึงกับยิ้มออกมาทั้งยังเจ็บ

        “รักษ์” เสียงเรียกดังจนรักษ์ต้องมองก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดีใจ

        “คุณลม”

        “ป้าเป็นยังไงบ้างครับ ไปโรงบาลกันครับ” ว่าจบก็รีบช้อนตัวคนเจ็บขึ้นแต่ต้องชักเมื่อคนเจ็บร้องเสียเสียงดังทำให้รู้ว่าตรงไหนไม่ควรจับ ลมเลค่อยๆ อุ้มร่างท้วมอย่างระวังก่อนจะพาไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน รักษ์เองก็รู้งานเปิดประตูรถรอเรียบร้อยลมเลค่อยๆ วางร่างคนเจ็บลงบนเบาะหลังอย่างระวัง

        “อยู่นี้นะ” ลมเลบอกกับรักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ โดยมีสองแสบเกาะเอวอยู่คนละข้าง “ไม่ต้องเป็นห่วง” บอกทั้งยกมือลูบผมนิ่มรักษ์พยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น เมื่อเห็นว่าอีกคนโอเคลมเลก็รีบตรงไปโรงพยาบาลทันที

        ลมเลอยู่โรงพยาบาลนานหลายชั่วโมงกว่าจะเคลียร์ทุกอย่างเสร็จก็ปาไปเกือบเย็นก่อนจะขับรถกลับบ้านเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว พอเสร็จเรื่องก็ทำให้นึกถึงคนที่บ้านปานี้คงนั่งไม่ติดเลยรีบขับรถกลับ

        “คุณลม” เมื่อเดินเข้าบ้านมารักษ์ก็เรียกขึ้นรีบวิ่งมาทางเขาทันที “ป้าอุ่นเป็นยังไงบ้างครับ”

        “ปลอดภัยแล้ว” บอกทั้งเดินมานั่งที่โซฟาเพราะรู้สึกเพลีย รักษ์เมื่อเห็นอย่างนั้นก็รีบไปหาน้ำเย็นมาหาอีกคนได้รู้สึกดีขึ้น

        “แกเป็นอะไรมากไหมครับ” วางแก้วน้ำลงก็ถามไถ่ถึงอาการของหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง

        “แขนหัก ข้อเท้าแพลงนอกนั้นไม่เป็นอะไร” จิบน้ำไปอึกใหญ่ก่อนจะบอกความ

        “ขะ แขนหักเลยหรือครับ คงเจ็บหน้าดูเลย” รักษ์ว่าด้วยสีหน้าเป็นห่วง ป้าอุ่นอายุมากแล้วแขนหักแบบนี้กว่าจะหายคงต้องใช้เวลานานกว่าปกติคิดแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้

        “ก็นะ แต่ตอนนี้แกดีขึ้นแล้วเลิกทำหน้าแบบนั้นสักที” ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ได้ ให้ตายเถอะเขาไม่ชอบจริงๆที่รักษ์ทำหน้าแบบนี้มันทำให้รู้สึกเป็นห่วง

        “ครับ พรุ่งนี้ผมไปเยี่ยมแกได้ไหม”

        “ได้สิเดี๋ยวไปพร้อมกัน แล้วนี้สองแสบไปไหน” ถามหาลูกชายที่ตั้งแต่มาถึงยังไม่เห็นหน้า

        “อาบน้ำอยู่ข้างบนนะครับเดี๋ยวคงลงมา”

        “อืม” เกิดความเงียบขึ้นเมื่อไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไรอีกทั้งที่ทั้งสองต่างอยากคุยด้วยกันแท้ๆ แต่กลับไม่รู้ว่าจะชวนอีกฝ่ายคุยอะไรดีทำให้รู้สึกอึดอัดแปลกๆ

        “เอ่อ อย่างนั้นผมขอตัวไปทำอาหารเย็นก่อนนะครับ” ว่าจบก็รีบลุกขึ้นเดินทันทีและด้วยความรีบร้อนรักษ์สะดุดเท้าตัวเองจนเสียหลัก ตกใจจนต้องหลับตาสนิทยอมรับความเจ็บที่จะได้รับแต่ก่อนที่ร่างกายจะตกถึงพื้นก็มีมือหนารั้งไว้แล้วกระชากเข้าหาตัวแต่เหมือนจะออกแรงมากไปหน่อยทำให้รักษ์กระแทกเข้ากับอกอีกคนอย่างจังจนร่างสูงเสียหลักลงไปนั่งบนโซฟาโดยมีร่างของรักษ์ตามติดมาด้วย ยามที่สายตาทั้งสองสบกันราวกับทั้งโลกหยุดนิ่ง สัมผัสได้เพียงลมหายใจที่รดหน้าอยู่ในระยะประชิด ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างให้ทั้งสองต้องเลื่อนใบหน้าเข้าหาอย่างลืมตัว ความมัวเมาที่เกิดขึ้นส่งผลให้ทั้งสองตกอยู่ในห้วงของความรู้สึกและปล่อยให้มันนำพาไป ปากหนาค่อยๆ แตะลงบนปากอิ่มอย่างแผ่วเบาค่อยๆซึมซับความรู้สึก รสชาติที่ได้ลิ่มลองมันหอมหวานจนอดไม่ได้ที่อยากลิ่มลองมากว่านี้ ปากหนาค่อยๆ กดหนักขึ้นก่อนจะดูดรั้งกลีบปากอิ่มอย่างต้องการ ลิ้นร้อนไล่วนกลีบปากไปทั่วก่อนจะค่อยๆ แทรกผ่านกลีบปากอิ่มเข้ามา

        “พ่อ!” เสียงร้องเรียกปลุกให้ทั้งคู่ต้องหลุดจากภวังค์ลิ้นร้อนที่แทรกค้างไว้ถอยออกอย่างเสียดายพร้อมกับร่างของคนด้านบนดีดออกรวดเร็วราวกับโดนของร้อนสติที่หลุดลอยกับมาอีกครั้ง

        “อะไรของพวกเอ็ง เสียงดัง” ลมเลเอ็ดขึ้นเมื่อตั้งสติได้พยายามทำท่านิ่งทั้งที่ใจเต้นแรงไม่หยุด ต่างกับอีกคนที่ยืนตัวแข็งหน้าแดงแถมยังหลบหน้าเขาอีก

        “พ่อกัดปากอารักษ์ทำไม” ขุนอินทร์ว่าทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งใจที่เต้นแรงอยู่แล้วเหมือนยิ่งทำงานหนักขึ้นไปอีกอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่มันหาคำพูดไม่เจอ

        “พ่อนิสัยไม่ดีทำอารักษ์ ดูๆปากบวมเลย” ขุนจันทร์บ่นคนเป็นพ่อก่อนจะเดินเข้ามากอดอารักษ์ของเขา

        “เอ่อ เอ่อ” รักษ์พยายามจะพูดแต่ไม่รู้จะพูดอะไรมันตื้อไปหมด สติกลับมาสติ

        “หึหึ ใครว่าพ่อกัด” ลมเลพูดทั้งเหล่มองรักษ์อย่างเจ้าเล่ห์ “พ่อชิมต่างหาก หวานดี หึหึ” ว่าจบก็รีบลุกขึ้นเดินหนีมาทันทีเรื่องไรจะอยู่ให้อีกคนรู้ว่าเขาก็เขินเหมือนกันแค่นี้ก็เก๊กจะแย่อยู่แล้ว แต่มันก็หวานจริงๆนั้นแหละหอมมากด้วย หึหึ

        “คุณลม!”

        .........................................................................

          อ่านให้สนุกนะคะ รักทุกคนนนนนนนนนนนนนนนนน

        ตอนนี้ก็เรื่อยๆๆๆๆ หรือเปล่า ใครชอบโปรดบอกมาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 10 (18/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-04-2020 12:18:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 10 (18/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-04-2020 00:32:50
 :katai2-1:



แทะเล็มๆ
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 11 (19/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 19-04-2020 02:28:58
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 11

        ​

        “คุณลมเสร็จยังครับ สายแล้วนะครับ” รักษ์ร้องเรียกลมเลที่กำลังแต่งตัวอยู่ชั้นบนอย่างเร่งรีบเพราะเช้านี้พวกเขาตั้งใจจะไปเยี่ยมป้าอุ่น

        “นายจะรีบไปไหนนี้ยังไม่เก้าโมงเลย” ลมเลที่กำลังเดินลงบันไดตอบกลับมา

        “ก็ผมเป็นห่วงป้าอุ่นนี้ครับ รีบไปเถอะครับเดี๋ยวซุปเย็นหมด” ว่าจบก็จัดการพาสองแฝดขึ้นรถ “คุณลมเร็วๆ ครับ” ร้องเรียกอีกครั้งเมื่อเห็นว่าลมเลไม่ยอมเดินตามมา ลมเลสายหน้าอย่างระอาให้มันได้อย่างนี้สิตกลงใครเป็นนายจ้างกันแน่บางที่เขาก็ชักสงสัย

        “อารักษ์ยายอุ่นเป็นอะไรมากไหมครับ” ขุนจันทร์ที่อยู่เบาะหลังถามขึ้น สองแฝดเองก็เป็นห่วงยายอุ่น

        “ยายอุ่นต้องไม่เป็นอะไรมากอยู่แล้วครับเชื่ออารักษ์นะ” ถึงจะบอกเด็กๆ ไปแบบนั้นแต่ใจจริงรักษ์ก็เป็นห่วงป้าอุ่นไม่ต่างจากสองแสบเลย

        “เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองเลิกหงอยสักทีให้ตายเถอะทั้งลูกทั้งพี่เลี้ยงพอกันเลย” ลมเลพูดตัดบทแต่ไม่วายบ่นลูกชายและพี่เลี้ยงที่ดูจะกังวลมากเกินเหตุ

        ใช้เวลาไม่นานทั้งสี่ก็มาถึงโรงพยาบาลและรีบมุ่งตรงไปหาป้าอุ่นเลยเพราะลมเลรู้อยู่แล้วว่าอยู่ห้องไหน

        “ยายอุ่นนนนนน” ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาเสียงสองแสบร้องเรียกคนที่อยู่บนเตียงดังพร้อมกับวิ่งโร่เข้าไปหาจนรักษ์ต้องร้องห้ามเพราะกลัวจะเสียงดังกวนห้องข้างๆ

        “ป้าอุ่นสวัสดีครับเป็นยังไงบ้างครับ เจ็บมากไหม” รักษ์ยืนมองหญิงวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างห่วงใย ยิ่งเห็นแขนที่ปกคลุมไปด้วยเผือกนั้นแล้วก็ยิ่งเป็นห่วงป้าอุ่นคงเจ็บมาก

        “อย่างที่เห็นแหละจ๊ะ ป้าไม่เป็นอะไรมาก” เธอบอกกับรักษ์ ก่อนจะรับไหว้ลมเลที่เดินตามเข้ามาทีหลัง

        “ไม่มากที่ไหนกันละครับ รักษ์ทำซุปมาฝากครับกำลังอุ่นๆ เลย ป้าอุ่นทานเลยไหมครับ”

        “เอาไว้ก่อนก็ได้จ๊ะ ป้าพึ่งทานข้าวไปเอง ขอบคุณมากเลยนะจ้ะ” เธอตอบรับทั้งดีใจที่รักษ์อุส่าห์ทำซุปมาให้ รักษ์พูดคุยถามไถ่อาการอยู่สักพักใหญ่ๆ ก่อนจะขอตัวกลับเพราะจะได้ให้ป้าอุ่นพักผ่อน เพราะถ้าอยู่นานกว่านี้รักษ์ว่าป้าอุ่นคงอาการแย่กว่าเดิมก็สองแสบเล่นคุยจ้อไม่หยุดแถมยังกระโดดเล่นไปมากวนคนป่วยทั้งที่ตอนแรกยังกลัวป้าอุ่นเจ็บกันอยู่เลย

        “’งั้นรักษ์ขอตัวกลับก่อนนะครับป้าอุ่นได้พักผ่อน พี่อินทร์ น้องจันทร์ มาลายายอุ่นก่อนเร็วครับ เราจะกลับกันแล้ว” สองแสบพอได้ยินก็มายืนกันเรียบร้อยหน้าเตียงก่อนจะสวัสดียายอุ่นเสียสวยงามจนคนแก่อดชมไม่ได้

        “เดี๋ยววันหลังผมพามาเยี่ยมไหมนะครับ เรื่องค่ารักษาผมจัดการให้เองป้าไม่ต้องเป็นห่วง” ลมเลที่ยืนเงียบอยู่นานพูดขึ้นก่อนจะไหว้ลาหญิงสาว

        “ขอบคุณมากนะจ้ะคุณลม” เธอกล่าวขอบคุณจากใจจริงรู้สึกทราบซึ่งในน้ำใจของลมเลทั้งที่ลมเลไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้เพราะเหตุครั้งนี้เกิดจากการที่เธอไม่ระวังตัวเอง

        หลังจากกล่าวลากันเรียบร้อยก็ขอตัวกลับก่อนกลับบ้านลมเลแวะพาสองแสบกินไอศครีมก่อนเพราะแฝดเรียกร้อง ซึ่งตอนแรกก็กะจะไม่แวะแต่พอเห็นพี่เลี้ยงหน้าหงอยก็เลยต้องแวะจนได้

        “พี่อินทร์เอารสช็อคโกแลตครับ”

        “น้องจันทร์เอาสตอเบอรี่ครับ”

        นั่งปุบก็สั่งปับไม่ต้องรอเมนูกันเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ต่างจากรักษ์ที่ไม่ต้องดูเมนูก็สั่งได้เลยเพราะมีไอศครีมรสโปรดอยู่แล้ว

        “ของผมขอเป็นเรนโบว์ถ้วยใหญ่พิเศษครับ” รักษ์สั่งทั้งรอยยิ้มนึกถึงไอศกรีมแล้วน้ำลายจะไหล แต่คนฟังอย่างลมเลนี้หันมองแทบจะทันทีเพราะไม่คิดว่ารักษ์จะชอบมากถึงขนาดสั่งถ้วยใหญ่พิเศษ “คุณลมมีอะไรหรือครับ หรือจะเอาแบบผม” รักษ์ถามอย่างสื่อๆ ไม่ได้นึกแปลกใจเลยที่ลมเลมองนะคืออะไร

        “ไม่ละฉันไม่ชอบพวกหวานๆ เย็นๆ เท่าไหร่”ลมเลบอกไปตามจริง

        ระหว่างรอไอศกรีมสองแฝดก็ช่วยรักษ์คุยไม่หยุดรักษ์เองก็คุยสนุกกับเด็กๆ ไปด้วยก็มีแต่ลมเลที่นั่งฟังทั้งสามคนคุยกันอยู่เงียบแอบมีแซวสองแสบบ้างตอนโม้เสียเวอร์วัง ลูกใครก็ไม่รู้ช่างโม้เหลือ นี้ก็อีกคนเออออห่อหมกตามเด็กไปด้วยตกลงเขอยู่กับเด็กสองคนหรือสาคนกันแน่

        “ไอศกรีมช็อคโกแลต และสตอเบอรี่ค่ะ” สิ้นเสียงทั้งสามที่คุยกันออกรสก็พร้อมใจกันเงียบจ้องมองไอศกรีมตาโต

        “ว้าว มาแล้วๆๆๆ” เสียงขุนอินทร์ ขุนจันทร์ ร้องย่างตื่นเต้นยามที่ไอศกรีมถูกวางลงตรงหน้า

        “กินระวังๆ อย่าให้เลอะนะครับพี่อินทร์ น้องจันทร์” รักษ์บอกเตือนเด็กๆ ทั้งสอง

        “ไอศกรีมเรนโบว์ถ้วยใหญ่พิเศษมาแล้วค่ะ” ว่าจบไอศกรีมหลากสีถ้วยใหญ่ก็ถูกวางลงตรงหน้าของรักษ์ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ยิ้มหน้าบานทันรีบหยิบช้อนขึ้นตักเข้าจนลืมใครอีกคนที่อยู่ร่วมโต๊ะเสียสนิทถ้าไม่ได้ยินเสียงไอเบาๆ ดังขึ้นมา “เอ่อ คุณลมทานด้วยกันไหมครับ” รักษ์เอ่ยถามอย่างเนียมอายเพราะดันเผลอทำตัวเป็นเด็กๆ ให้อีกคนเห็น

        “มันอร่อยมากขนาดนั้นเลยหรือไง” ลมเลไม่ตอบแต่ถามรักษ์กลับแทน

        “ชอบมากเลยละครับ มันอร่อย” บอกทั้งรอยยิ้มกว้าง

        “ก็คงจะจริงงั้นไม่สั่งถ้วยเบ้อเร้อ” ลมเลอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่ารักษ์จะกินหมดจริงๆ หรือเปล่าเพราะไอศครีมถ้วยนั้นมันเทียบเท่าสามคนกินได้เลย

        “ก็ผมชอบ คุณลมไม่ต้องห่วงหรอกครับผมกินหมดแน่นอน” พูดจบก็ตักไอศกรีมคำโตเข้าปากก่อนส่งยิ้มให้ลมเล

        “ถ้าไม่หมดแหละน่าดูแน่” ว่าจบก็หยิบชาร้อนขึ้นจิบกลบความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นยามรักษ์ส่งรอยยิ้มมา

        “พี่อินทร์ปากเลอะหมดแล้วนะครับ ติดช็อคโกแลตดำเลย” รักษ์บอกขุนอินทร์ที่ตั้งหน้าตั้งตากินจนเลอะปากเต็มไปหมดก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดให้

        “ก็มันอร่อยยยยยย” บอกทั้งยิ้มโชว์ฟันที่ติดช็อคโกแลตจนดำทำเอารักษ์ยิ้ม ไม่เลอะแค่ปากฟันก็เต็มเลย

        “ครับรู้แล้วว่ามันอร่อย ทานกันต่อดีกว่าเนอะ” ว่าจบก็ตั้งไอศกรีมที่กินไปแล้วเกือบครึ่งถ้วยกินต่อแต่ก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงของอีกคน

        “กินเป็นเด็กๆ” ลมเลว่าขึ้นทำเอารักษ์งงว่าใครกินเหมือนเด็กหันมองพี่อินทร์น้องจันทร์ก็ไม่เลอะนี่น่า “นายนั้นแหละไม่ต้องมองคนอื่นเขา”

        “ผมไม่ได้กินเหมือนเด็กสักหน่อย” รักษ์ค้าน อยู่ๆ มาว่าเขกินเหมือนเด็กได้ไง

        “จะไม่เด็กได้ไงก็เล่นกินเลอะขนาด อร่อยมากเลยหรือยังไง” ว่าแล้วมือใหญ่ก็เลื่อนไปตรงหน้าของรักษ์ก่อนจะให้ปลายนิ้วโป้งเช็ดลงตรงมุมปากของรักษ์ รักษ์จะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าลมเลไม่เอามันไปกินต่อ “อืม ก็หวานดี หอมด้วย อร่อยดี หึหึ” จบคำรักษ์แทบไปไม่ถูกไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้หัวใจเขาเต้นแรกมาก หน้าก็ร้อนวูบวาบไปหมด ‘คุณลมคนบ้าทำอะไรของคุณบ้าที่สุด’ นึกต่อว่าอีกคนในใจเพราะทำอะไรไม่ได้ แต่แล้วเสียงสองแสบก็ช่วยให้รักษ์หลุดจากความรู้สึกนี้

        “ไหนๆ พี่อินทร์ขอชิมด้วยยยยย”

        “น้องจันทร์ด้วยยยยยย”

        สองแสบพอได้ยินคนเป็นพ่อบอกว่าอะไรก็นึกอย่างชิมไอศกรีมหลายๆ สีของอารักษ์บ้าง

        “เสียใจพ่อชิมอารักษ์ได้คนเดียว หึหึ”

        “คุณลม! ” รักษ์ร้องเรียกอย่างตกใจเพราะคำพูดของลมเลมันแปลกๆ ยังไงชอบกล ชิมเชิมอะไรกันเล่าเล่นเอาอาการที่ว่าหายไปก็ดันกลับมาอีกครั้ง

        “ทำไมหน้าแดงร้อนหรือไง หึหึ” ลมเลแกล้งถามรักษ์ทั้งที่รู้ดีว่าเพราะอะไร

        “คนบ้า” รักษ์ว่ากลับมาเบาๆ แต่มันก็ดังพอให้ลมเลได้ยิน ก็เลยได้รับเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์กลับมาอีกครั้ง รักษ์เงยหน้าไปจ้องมองอย่างคาดโทษก่อนจะหันมาสนใจกับไอศครีมตรงหน้าที่เริ่มสลายต่อ พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ทางลมเลก็นั่งมองท่าทางของรักษ์อย่างชอบใจก็มันน่ารักดีเวลารักษ์เขินอาย แบบนี้คงต้องแกล้งบ่อยๆ เสียแล้ว

        ...

        มาแล้วจ้าาาาาาาาาาาาาาาาา ลูกคู่มาแล้วจ้าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 11 (19/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-04-2020 10:09:24
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 11 (19/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-04-2020 22:39:59
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 11 (19/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 19-04-2020 23:40:59
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 12 (20/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 20-04-2020 09:07:32
ลูกคู่สื่อรัก 12



   วันนี้ก็ผ่านมาสี่วันแล้วหลังจากไปเยี่ยมป้าอุ่นที่โรงพยาบาล และวันนี้ก็เป็นวัที่ป้าอุ่นได้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่บ้าน ลมเลเลยต้องไปรับ รักษ์เองก็อยากไปด้วยเช่นกันแต่กลัวจะไปวุ่นวายเลยเลือกรออยู่บ้านกับสองแฝด

   "อารักษ์ พี่อินทร์หิวววว"

   "น้องจันทร์ก็หิวววว"

สองแสบร้องบอกขณะกำลังระบายสีภาพ รักษ์เลยมองดูนาฬิกาที่ผนังก็พบว่าใกล้เที่ยงพอดี

   "ถ้าหิวก็เก็บของให้เรียบร้อยนะครับ ไปล้างมือแล้วนั่งรออารักษ์ที่โต๊ะนะพี่อินทร์ น้องจันทร์" บอกสองแสบเรียบร้อบก็มุ่งหน้าเข้าครัวไปเตรียมอาหารทันที วันนี้รักทำหมูชุบแป้งทอดกับต้มจืดสาหร่าย และมีนำ้พริกกะปิของลมเลด้วย พอนึกถึงลมเลก็นึกขึ้นได้ว่าอีกคนไปรับป้าอุ่นและไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกลับมาตอนไหนเลยโทรถามลมเลทัน

   "ฮัลโหล คุณลม" กรอกเสียงลงไปทันทีเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

   "ว่าไง"

   "เอ่อ...ผมจะโทรมาถามว่ากลับกี่โมงครับ" ปลายสายเงียบไปครู่นึกจนรักแปลกใจจนต้องเสียงอีกคซำ้

   "มีอะไรหรือปลาย"ลมเลถามกลับเพราะอยากรอฟังก่อนว่าอีกคนมีธุระอะไรได้บอกถูก

   "คือผมเตรียมข้าวเที่ยงไว้ให้ เลยจะถามว่าจะกลับเข้ามากินข้าวบ้านไหมครับ" สิ้นคำถามคนปลายสายรีบตอบรับทันที ทั้งที่ลมเลเองยังจัดการเรื่องที่โรงพยาบาลไม่เรียบร้อยแต่ก็จะเคลียร์ให้เร็วที่สุดเลยบอกให้รักรอกินพร้อมกันถึงจะรู้สึกไม่ดีที่ต้องให้รักษ์หิ้วท้องรอแต่เพราะอยากกินข้าวพร้อมกันกับรักษ์จะให้ทำไงได้ รักษ์เมื่อคุยกับลมเลเสร็จก็จัดการเตรียมสำรับให้สองแฝดที่คุยดังร่าเริ่งมาแต่ไกล

   "วันนี้มีอะไรให้น้องจันทร์กินบ้างครับบบบ"ขุนจันทร์ทึ่เดินมาถึงโต๊ะอาหารก่อนร้องถาม แต่พอเห็นอาหารบนโต๊ะก็ตาโตทั้น

   "ต้มจืดสาหร่ายยยย น้องจันทร์ชอบๆ"

   "พี่ิอินทร์ก็ชอบบบบบ" เสียงดังร่าเริ่งมาเลยทั้งสองคนเจอของชอบไม่ได้เลย

   "ถ้าชอบก็กินเยอะๆนะครับรู้ไหม" รักษ์บอกอย่างเอ็นดู

   "พี่อินทร์จะกินให้หมดเลยยยยยย"

   "อิอิ ครับๆๆๆ"

รักษ์นั่งมองสองแฝดที่ตั้งอกตั้งใจกินแล้วอดดีใจไม่ได้ที่สองแสบชอบอาหารที่เขาทำ ทั้งแต่ป้าอุ่นเข้าโรงพยาบาลรักษ์ก็เป็นคนจัดการเรื่องอาหารในบ้าน ปกติกับข้าวป้าอุ่นจะเป็นคนซื้อเมื่อแกปวดก็กลายเป็นว่ารักษ์ต้องไปซื้อเองโดยมีลมเลคนพาไปตลาดตอนเย็น ไปครั้งหนึ่งก็ซื้อกับข้าวมาตุ้นไว้ใช้สักสองสามวัน เพราะจะให้ไปทุกวันคงไม่ไหว เพราะรักษ์และลมเลพาสองแสบไปด้วยถ้าไปบ่อยมีหวังตลาดแตกแน่ นึกแล้วก็อดหัวเราะในความซนของทั้งสองไม่ได้

   "อารักษ์หัวเราะอะไรครับ"ขุนอินทร์ละจากการกินข้าวถามขึ้นก็อยู่ๆ อารักษ์ก็หัวเราะขึ้นมา

   "ไม่มีอะไรครับ กินข้าวต่อเถอะครับ"

   "แล้วอารักษ์ไม่กินด้วยกันหรืออออออ" ขุนจันทร์ถามทั้งยังเคี้ยวข้าวเต็มปากเลยถูกสายตาดุจากรักษ์ไปหนึ่งทีเด็กยิ้มเป็นการกล่าวขอโทษ

   "เดี๋ยวอารักษ์รอกินพร้อมพ่อครับ" เพราะลมเลบอกให้รอรักษ์จะรอแต่ถึงไม่บอกรักษ์ก็ตั้งใจจะรออยู่ถ้ารู้ว่าจะมาตอนไหน

ตอนนี้สองแสบกินข้าวเสร็จแล้ว เรียนพิเศษเสร็จ จนตอนนี้ก็เข้านอนกลางวันกันแล้ว บ่ายสองแล้วลมเลยังไม่กลับมาเลย นึกเคืองอีกคนขึ้นมาทันทีไหนบอกอีกไม่นาน นี้ปาไปสองสามชั่วโมงแล้ว ปล่อยให้รอกินข้าวอยู่ได้ไม่ยอมมาเสียที แต่มาคิดดูรักษ์มีสิทธิ์อะไรเคืองลมเลกันนะ เขาอาจจะหงุดหงิดเพราะโมโหหิวก็ได้รักษ์คิด ทั้งที่ตอนนี้รักไม่ได้รู้สึกหิวเลย

รักษ์ไม่อยากวุ่นวายใจไปมากกว่านี้เลยหัดไปจัดการเก็บกวาด ทำความสะอาดบ้านแทน ครู่หนึ่งก็มีเสียงรถที่คุ้นเคยดังขึ้นรักษ์ยิ้มขึ้นมาทันทีรีบละมือจากงานบ้านมุ่งไปรับอีกคนที่หน้าบ้านทัน เห็นลมเลหิ้วข้าวของเต็มไม้เต็มมือก็รีบเข้าไปช่วย

               “มาครับผมช่วย ซ้ออะไรมาเยอะแยะครับ” ยื่นมือไปรับทั้งเอ่ยปากถาม

               “ก็พวกกับข้าวเย็นที่จะได้ไม่ต้องออกไป” ลมเลตอบทั้งพากันเดินเอาข้าวของไปจัดเก็บในครัว

               “ทานข้าวเลยไหมครับเลยเที่ยงมานานแล้ว” รักษ์ที่จัดของเข้าตู้เรียบร้อยหันมาถามลมเลที่ยืนอยู่ข้างๆ

               “กินเลย หิวมาก” ว่าทั้งเดินไปเปิดดูกับข้าวที่อยู่บนโต๊ะในครัว “นายกินข้าวหรือยัง”

               “ยังเลยครับ” รักษ์ตอบทั้งยกหม้อต้มจืดสาหร่ายมาอุ่น

               “รอฉันหรือ?” ลมเลถามอย่างสงสัยถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม

               “ก็ใครบอกให้ผมรอละครับ” รักษ์บอกทั้งมองค้อนอีกคน เพราะตอนนี้รักษ์รู้สึกหิวขึ้นมาอย่างมาทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้หิวแท้

               “ฮึฮึ ขอโทษที่มาช้าพอดีธุระมันช้ากว่าที่คิดนะ” ลมเลตอบทั้งรับจานข้าวจากรักษ์ นึกชอบใจสีหน้าของอีกคนน้อยครั้งที่จะได้เห็นรักษ์แสดงสีหน้าแบบนี้ ทั้งนี้รักษ์ทำหน้าดุใส่แต่ลมเลกลับยิ้มอย่างชอบใจ

               “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” เอ่ยแก้ตัวอย่างเบาๆ รู้สึกอายขึ้นมาแปลกๆ ที่ทำกิริยาแบบในใส่ลมเล แต่ยิ่งเห็นลมเลยิ้มระรื่นรักษ์ก็นึกเคืองอีกคนหน่อยๆ

               “หืม หอมมาก” ลมเลว่าขึ้นเมื่อต้มจืดสาหร่ายร้อนๆ ถูกนำมาวางตรงหน้า มันหอมและน่ากินมากๆ เหมือนคนยกมาเลย ลมเลคิด เขานึกตลกกับความคิดของตัวเอง นับวันยิ่งจะถลำลึกไปเรื่อยเป็นถึงขนาดนี้แล้วเขาจะยังพิสูจน์หาคำตอบอีกทำไมกันก็รู้อยู่แล้วว่าใจมันต้องการอะไร คงเพราะรักษ์เป็นชายทำให้ลมเลต้องคิดทบทวนหลายๆ อย่างว่าสิ่งที่ตนเองรู้สึกมันจริงแท้แค่ไหน แต่ตลอดหลายวันที่ผ่านมากนี้มันทำให้เขารู้คำตอบที่ชัดเจนแล้วว่า ลมเลชอบรักษ์จริง ต่อจากนี้คงต้องเดินหน้าให้สุดละนะ อันดับแรกคงต้องเอาสองแสบมาเป็นพวกให้ได้ยิ่งอย่างได้อารักษ์ไปเป็นแฟน เขาต้องสกัดลูกชายทั้งสองของเขาเสีย คิดแล้วก็นึกตลก

               รักษ์มองลมเลอย่างงงๆ กินข้าวอยู่ก็ยิ้มก็หัวเราะขึ้นมาเฉยๆ ลมเลเป็นอะไรไปหรือเปล่ารักษ์ทำได้แค่สงสัยแต่ไม่กล้าถามอะไรอีกคน

...

ตอนที่ 12 มาแล้วจ้าาา
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 12 (20/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 20-04-2020 09:52:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 12 (20/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-04-2020 21:18:43
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 13 (21/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 21-04-2020 17:04:47
ลูกคู่สื่อรัก 13

วันนี้ลมตื่นสายกว่าจะได้ลงมาจากชั้นสองก็เกือบเจ็ดโมงแล้ว เลยตั้งใจจะไปหากาแฟดื่มสักแก้วและตอนนี้รักษ์เองก็คงตื่นแล้วเป็นแน่คงจะอยู่ในครัวอย่างเคย ลมเลเลยมุ่งไปที่ห้องครัวทันที แต่เมื่อไปถึงก็ต้องตกใจเพราะพี่เลี้ยงของลูกเขายื่นอยู่บนราวบันไดสูงมือข้างหนึ่งถือหลอดไฟไว้อยู่

               “ทำอะไร” ถามเป็นทั้งที่พอจะเดาได้อยู่ก่อนแล้ว

               “อ่ะ! เปลี่ยนหลอดไฟนะครับ ดวงนี้มันไม่ติดแล้ว”  รักษ์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ก็มีเสียงเอ่ยขึ้น

รักษ์ไม่ได้สนใจลมเลต่อหันมาสนใจกับการใส่หลอดไฟแทนจับๆ หมุนๆ อยู่ครู่หนึ่งก็เรียบร้อยก่อนจะไต่ราวบันไดเหล็กลงมาแต่เมื่อถึงสองขั้นสุดท้ายดันก้าวพลาดจนร่างกายทรงตัวไม่อยู่เลยร่วงลงมา รักษ์ตกใจมากคิดว่าคงได้ตกไปนอนบนพื้นเย็นๆ อย่างงแน่นอน แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะลมเลที่อยู่ใกล้ๆ คว้าร่างของรักษ์ไว้ทันเลยรั้งร่างบางงมาแนบออกไว้

               “ซุ่มซ่าม” ลมเลดุคนในออมกอดเบาๆ ดีเท่าไหร่ที่เขารับไว้ทันไม่อย่างนั้นคงได้เจ็บตัวไปแล้ว

               “ผมเปล่าซูมซ่ามสักหน่อย แค่พลาดไปนิดเดียวเองครับ” รักษ์แหงนหน้าขึ้นไปเถียงอีกคน

               “ก็นั้นแหละซูมซ่าม” ลมเลเถียงต่อพร้อมกับกระชับเอวอีกคนเข้ามาใกล้

               “มะ ไม่ครับ” รักษ์ใจแกว่งขึ้นมาทันเมื่อลมเลรั้งเข้าไปจนชิดตัวขนาดนี้ แถมยังโน้มหน้าเข้ามาใกล้อีก พยายามดิ้นตัวให้หลุดแต่กลายเป็นว่าลมเลยิ่งโอบแน่นขึ้นแถมยังมาส่งยิ้มยียวนมาให้อีก แบบนี้แกล้งกันชัดๆ รักษ์

               “ปล่อยผมได้แล้วครับ” รักษ์บอกทั้งยังก้มหน้าเพราะไม่กล้ามองหน้าลมเลแค่นี้หัวใจก็ทำงานหนักมากแล้ว

               “แล้วถ้าฉันไม่ปล่อย หึหึ” ลมเลยังคงแกล้งอีกคนรู้สึกชอบใจไม่น้อยที่ได้เห็นใบหน้าขาวๆ นั้นขึ้นสีแดงระเรือง

               รักษ์พอได้ยินลมเลว่าแบบนั้นก็มองค้อนแก้มป่องใส่อีกคนทันทีอย่างให้รู้ว่าเขาเคืองจริงๆ นะ แต่ลมเลไม่ได้สะทกสะทานอะไรเลยยังคงยิ้มกวนประสาทและไม่ยอมปล่อยรักษ์ กลับชอบที่รักษ์แสดงอาการแบบนี้มันดูน่ารักราวกับเด็กโดนขัดใจ ซึ่งนานๆ จะได้เห็นรักษ์แสดงออกมา แต่ช่วงนี้ดูเหมือนจะเห็นบ่อยขึ้นเพราะมีหลายครั้งที่เขาแกล้งอีกคนจนต้องเป็นอย่างวันนี้

               ครู่หนึ่งลมเลก็ปล่อยรักษ์ให้เป็นอิสระและได้รับสายตาดุจากคนตัวขาวมาอีกครั้งและมันก็ไม่ได้ทำให้เขากลัวกลับหัวเราะอย่างชอบใจ ผิดกับรักษ์ที่ดูหัวเสียหน่อยๆ

               “จะเปลี่ยนหลอดไฟทำไมไม่บอกฉัน” ลมเลหาเรื่องมาคุยเพื่อแก้สถานการณ์

               “ผมเปลี่ยนได้ครับไม่ได้ยากอะไร” เรื่องแค่นี้รักษ์ทำได้สบาย

               “แต่มันอันตราย” ลมเลบอกอย่างนึกเป็นห่วงจริงๆ เมื่อกี้ถ้าเขาไม่รับไว้ก็เจ็บตัวไปแล้ว

   “ผมไม่เป็นอะไรครับ” รักษ์ยังเถียงทั้งเก็บบันไดไปวางมุมห้องครัว ลมเลได้แต่สายหัวกับความดื้อของอีกคนใครว่าลูกเขาดื้ออย่างเดียวละพี่เลี้ยงก็ดื้อด้วยเหมือนกัน 

               “เย็นนี้ไม่ต้องทำกับข้าวนะเดี๋ยวไปกินบ้านแม่” ร้องบอกรักษ์ที่กำลังจัดเตรียมอาหาร ก็นึกสงสารอีกคนเหมือนกันทั้งดูแลสองแสบ ทั้งทำงานต่างๆ ในบ้านแทนป้าอุ่นที่ป่วย ลมเลคุยกับรักษ์แล้วว่าจะจ้างคนอื่นมาทำแทนป้าอุ่นไปก่อนแต่รักษ์ก็ไม่ยอมยืนกรานว่าจะทำเอง ถึงรักษ์จะบอกว่ามันไม่ได้หนักหนาอะไรแต่เอาจริงๆ แล้วเขาคิดว่ามันก็ไม่เบาเลยนะเท่าแต่ดูแลสองแสบก็พอได้เหนื่อยยังงานบ้านสารพัด ความจริงเขาจะไม่ยอมฟังคำพูดของรักษ์ก็ได้แต่พอเห็นอีกคนตั้งอกตั้งใจทำแถมยังสอนให้สองแฝดได้สองทำงานต่างๆ ลมเลเลยหยุดความคิดที่จะจ้างคนอื่นมาทำ

               “ดีเลยครับ ไม่ได้ไปหาคุณป้าหลายวันแล้ว” รักษ์ตอบรับทั้งตักข้าวต้มหมูหอมๆ ใส่จาน

               “นายไปตามเจ้าแฝดเถอะ เดี๋ยวฉันตักให้เอง” ลมเลมักช่วยอะไรเล็กๆ น้อยนี้เสมอ

               “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวน้องอินทร์กับน้องจันทร์ลงมาเองครับ” รักษ์ขึ้นไปปลุกสองแฝดให้อาบน้ำแต่งตัวนานแล้วเดี๋ยวก็คงลงมา

               “เดี๋ยวก็มัวนอนไม่ยอมตื่น” พูดแล้วก็นึกถึงนิสัยขี้เซาของลูกๆ กว่าจะยอมตื่นยอมลงมาก็นานต้องไปตามตลอด

               “ตื่นอาบน้ำกันเสร็จแล้วละครับนี้ก็คงเสริมหล่อกันอยู่ละครับ” รักษ์นึกถึงสองแสบที่พอแต่งตัวเสร็จก็ชอบไปแย่งกันส่องกระจกหวีผมจัดผม แล้วคอยถามเขาว่าหล่อหรือยัง เพราะทำตัวน่ารักแบบนี้รักษ์ถึงหลงนัก

               “หรือ มาฉันยกไปเอง” ตอบรับก่อนอาสายกจานข้าวไปที่โต๊ะอาหาร รักษ์บอกขอบคุณเบาๆ ก่อนจะหยิบน้ำตามอีกคน

               “อารักษ์ครับบบบบบบ” เสียงสองแสบร้องเรียกดังมาแต่ไกลก่อนจะวิ่งเข้ามาหารักษ์จนต้องปราม

               “อย่าวิ่งครับเดี๋ยวล้ม” ว่าแต่ก็ยกมือรับเด็กทั้งสองที่เข้ามาเกาะเอว “ไหนให้อารักษ์ดูหน่อยครับแต่งตัวหล่อหรือยัง” พอได้ยินแบบนั้นเด็กทั้งสองรีบหมุนตัวโชว์ทันที รักษ์มองพิจารณาแล้วก็ต้องยิ้มเพราะสองแสบแต่งตัวเรียบร้อยดีไม่มีใส่กลับหน้ากลับหลังแล้ว

ลมเลมองการกระทำของทั้งสามแล้วรู้สึกคิ้วกระตุกแปลกๆ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารนี้ด้วยแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกไร้ตัวตนนัก ก่อนหน้าที่รักษ์จะมาอยู่สองแสบจะต้องตะโกนร้องเรียกเขาเข้ามาวุ่นวายจนต้องได้โต้ฝีปากแต่มาเดี๋ยวนี้เขากลายเป็นพ่อที่ไร้ตัวตนในสายตาลูกไปแล้วหรือ ทั้งที่นึกน้อยอกน้อยใจลูกตัวเองแต่กลับยกยิ้มอย่างพอใจที่สองแสบเข้ากับรักษ์ดีแบบนี้อะไรๆ มันก็ง่ายขึ้น

               “อะแฮ่ม มากินข้าวกันได้แล้ว” ร้องบอกทั้งสามที่เอาแต่คุยกัน

               “ไปครับกินข้าวกัน” รักษ์บอกสองแสบรีบเข้านั่งที่ประจำของตัวเองทันที

ข้าวเช้ามื้อนี้ก็อร่อยและสนุกเฮฮาอย่างเช่นทุกวันเพราะสองแสบมักเล่านู้นนี้นั้นให้ฟังตลอดทั้งที่บอกประจำว่าอย่าคุยตอนกินข้าวแต่สองแสบก็ไม่เคยทำได้สักครั้งเลยมักโดนดุเวลากินข้าวทุกครั้งไปแต่ก็ไม่เคยหลาบจำเลยจริงๆ

               ตอนนี้ก็สายแล้วรักษ์จัดการเตรียมข้าวของสำหรับพาสองแสบเข้าสวนใช่แล้วฟังไม่ผิดกัน เพราะวันนี้ลมเลเอ่ยชวนพวกเขาไปเที่ยวในสวน เห็นว่าวันนี้จะมีใส่ปุ๋ยปาล์มน้ำมัน รักเองก็อยากไปดูบ้างสองแสบที่ไม่อยากไปในตอนแรกก็รีบเสนอตัวทันทีเมื่อเห็นว่าอารักษ์ของตนอยากไป

               “อันนี้เอาไปด้วยหรือเปล่า” ลมเลร้องถามถึงตะกร้าใส่ขนมหลายๆ อย่าง รักษ์ทำเพียงพยักหน้ารับแล้วจัดการห่อข้าวเที่ยงต่อเพราะไม่อยากให้ลมเลรอนาน

               “เสร็จหรือยัง” หลังจากนำของไปใส่รถเรียบร้อยก็เดินเข้ามาหารักษ์ในครัวอีกครั้ง

               “ใกล้แล้วครับ คุณลมช่วยหยิบผักในกล่องที่อยู่ในตู้เย็นให้ผมหน่อย” บอกก่อนจะวานอีกคนให้ช่วยจะได้เสร็จเร็วๆ เมื่อก่อนรักษ์ก็ค่อนข้างเกรงใจลมเลเวลาจะให้ช่วยอะไรแต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้วอะไรที่ลมเลช่วยได้รักษ์ก็ให้ช่วยเพราะเจ้าตัวเป็นคนบอกเองว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอกกันไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม

               “น้ำแดงนี้เอาไปด้วยหรือเปล่า” ลมเลร้องถามอีกเมื่อเห็นขวดน้ำแดงในตู้เย็น

               “เอาไปครับผมเตรียมไว้ให้คุณนั้นแหละ ในสวนอากาศร้อนมีน้ำแดงกินน่าจะสดชื้นครับ” รักษ์บอกทั้งหันมายิ้มให้ พอดีกับที่ลมเลมองมาพอดี

               “ขอบใจ” ตอบรับทั้งรอยยิ้มทำให้คนมองต้องรู้สึกเขินอายกับรอยยิ้มนั้น

               “เสร็จแล้วไปกันเถอะครับ” รีบหันมาจัดการเอากล่องอาหารจัดใส่ตะกร้าแล้วร้องบอกอีกคนจากนั้นก็เดินออกมาโดยไม่รอคนที่ยืนยิ้มอยู่ ลมเลเห็นอาการของรักษ์แล้วชอบใจรักษ์มักเก็บอาการไม่เก่งเพราะแบบนี้เวลารู้สึกอะไรลมเลเลยรู้หมดไอ้อาการเขินอายจนต้องรีบเดินไปนั้นก็ด้วย ทำตัวน่ารักแบบนี้ไงเขาถึงได้เผลอตัวเผลอใจไปกับเด็กเมืองกรุงคนนี้

...

ตอนที่ 13 มาแล้วน่าาาา ก็ยังคงเรื่อยๆๆๆๆๆๆ แต่งไปยิ้มไปตลอดเลยยยยย รักลูกคู่ ใครรักลูกคู่เหมือนกันขอเสียงหน่อยจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 13 (21/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 22-04-2020 20:29:51
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 14 (22/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 22-04-2020 21:40:30
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 14

   "น้องอินทร์ น้องจันทร์ อย่าไปไกลอารักษ์นะครับ" รักษ์ร้องบอกเด็กทั้งสองที่วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ มือก็จับเม็ดปุ๋ยเล็กๆ หว่านไปตามโคนต้นปาล์มน้ำมัน

   "คุณรักษ์ครับเอามาให้ผมต่ะ เดี๋ยวนายหัวมาเห็นผมถูกด่า" เสียงสำเนียงใต้พูดบอกรักษ์รอบที่สิบได้แล้ว

   "ผมแค่ใส่ปุ๋ยเองคุณลมจะมาว่าทั้วทำไมละครับ" รักษ์บอกอีกคนที่เอาแต่เกาหัวไม่เลิก ไม่เข้าใจว่าทั้วจะกังวลอะไรขนาดนี้

   "แต่มันงานผมครับ"

   "ทั้วก็ไปเอากระถังอีกอันมาใส่ อันนู้นว่างอยู่นะ" รักษ์บอกทั้งชี้มือไปที่กระถังสีดำข้างกระสอบปุ๋ย

ทั้วยิ่งกุมขมับกว่าเดิมคิดในใจ 'ทำไมพี่เลี้ยงนายดื้อจังว่ะ'

   "คุณรักษ์ไปอยู่กับน้องแฝดเถอะครับ" ทั้วยังคะยั้นคะยอไม่เลิกเพราะกลัวนายหัวลมจะแพ่งกระบาลเอา

   "ไม่เป็นไรสองแสบอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เอง" รักษ์ยังเถียงต่อจนทั้วเหนื่อยจะพูด กังวลก็แต่นายหัวจะแพ่งกระบาลเพราะให้พี่เลี้ยงลูกแกมาทำงาน

   "อารักษ์น้องอินทร์ช่วย"

   "น้องจันทร์ช่วยด้วย"

สองแสบเลิกวิ่งเล่นหันมาสนใจอารักษ์ที่กำลังใส่ปุ๋ยปาล์มน้ำมันแทน เล่นกันสองคนก็สนุกดี แต่อยู่กับอารักษ์มีความสุขกว่า

   "ไม่เป็นไรครับน้องอินทร์น้องจันทร์ ตามอารักษ์มาเฉยๆ ก็พอเดี๋ยวเปื้อนครับ" รักษ์บอกสองแสบ มือก็หยิบเม็ดปุ๋ยเล็กๆ ใส่โคนต้น

ตั้งแต่มาถึงสวนลมเลก็หายไปเลยรักษ์ก็เลยมาขอทั้วลองใส่ปุ๋ยเพราะดูแล้วน่าจะสนุกดีและตอนนี้ก็ใส่ไปได้หลายต้นแล้วด้วย อากาศร้อน เหงื่อก็เริ่มออก มือที่จับเม็ดปุ๋ยก็เริ่มชื้นจนรู้สึกคันยุบยิบๆ ตามมือแต่รักษ์ก็ไม่ได้สนใจยังคงใส่ปุ๋ยต่อไปเรื่อยๆ โดยมีสองแฝดอยู่ข้างๆ ชวนคุยนู้นคุยนี้ หัวเราะบ้างเวลาแฝดทำท่าทางตลก ทั้วเองก็ใส่ปุ๋ยอยู่ต้นปาล์มแถวถัดไป คอยมองรักษ์อยู่ตลอดหน้าตากังวลเป็นอย่างมาก ปากก็บ่นอะไรขมุบขมิบไม่หยุดเห็นแล้วก็ตลกดี

   "หิวกันไหมครับ" รักษ์ร้องถามเด็กทั้งสอง

   "น้องจันทร์หิวววววว" มีเสียงขุนจันทร์ร้องกลับมาเสียงดังคงจะหิวมากๆ เพราะนี้ก็เดินมาไกลแล้ว

   "โอเคครับ เดี๋ยวเราเดินใส่ปุ๋ยวนกลับไปเนอะ แล้วไปกินของอร่อยกันนะครับ"

พอได้ยินแบบนั้นสองแสบก็ร้องเย้เสียงดัง รักษ์ชวนสองแสบคุยอะไรไปเรื่อยเพราะกลัวเด็กทั้งสองเบื่อ ดีมีทั้วคอยช่วยแกล้งสองแสบจนหัวเราะดังไปทั่วทั้งสวน

   "ทำอะไรกัน" เสียงของลมเลถามขึ้นเมื่อเดินมาอยู่ใกล้ๆ ต้นปาล์มที่รักษ์กำลังใส่ปุ๋ยอยู่

   "อุย! นายหัว" ทั้วร้องอย่างตกใจ เห็นสีหน้านายแล้วเสียวสันหลังแปลกๆ

   "เออฉันเอง แล้วนายทำอะไร" ตอบลูกน้องไปก่อนจะถามอีกคนที่ใส่ปุ๋ยอยู่อย่างไม่สนใจเขาที่เข้ามา ลูกเขาเองก็ไม่ได้สนใจพ่อมันเลย

   "ก็ใส่ปุ๋ยไงครับ" รักษ์บอกอย่างไม่มีอะไรทั้งยกถังปุ๋ยขึ้นโชว์อีกคน สองแสบก็เกาะเอวอยู่ซ้ายขวา

ลมเลเห็นแล้วคิ้วกระตุกทันที ก็มือขาวๆ นั้นแดงไปหมดคงเพราะโดนปุ๋ยกัด แล้วเจ้าตัวไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือยังไงกัน

   "ใครให้นายทำ"

   "ไม่มีครับ ผมทำเอง"

   "เห้อ ให้มันได้อย่างนี้สิ" ว่าแล้วก็ไปคว้ากระถังปุ๋ยจากมืออีกคนเอายัดใส่มือลูกน้องก่อนจะออกแรงรั้งให้รักษ์เดินตาม รักษ์เองก็เดินตามไปอย่างงงๆ เหลือไว้เพียงสองแสบและลูกน้องที่ยังงงกับเหตุการณ์ 'อะไรของนายหัว' ทั่วคิด

   "พี่ทั้วพ่อพาอารักษ์ไปไหน" ขุนอินทร์ถามทั้วขึ้นอย่างสงสัย ก็อยู่ๆ พ่อมาพาอารักษ์ไปเฉยเลย

   "พี่ก็ไม่รู้ครับ" ทั้วบอกทั้งเกาหัวแกรกๆ

   "พ่อทำหน้ายักษ์ด้วย" ขุนจันทร์ว่าทั้งยกนิ้วชี้สองข้างมาไว้ข้างปาก

สองแสบหันมองหน้าอย่างรู้กันว่าจะไม่ตามอารักษ์ไปเพราะพ่อของเด็กทั้งสองเล่นทำหน้ายักษ์ขนาดนั้นซึ่งสองแสบรู้ดีว่าควรอยู่ห่างๆ แต่ก็แอบเป็นห่วงอารักษ์กลัวพ่อจะดุ แต่ทั้งสองก็ห่วงชีวิตตัวเองเช่นกัน อิอิ

   "เราไปเล่นตรงนู้นรออารักษ์ดีกว่าพี่ทั้ว" ขุนจันทร์ร้องบอกทั้งกระโดดเกาะหลังทั้วจนตัวเซ

   "เออ พี่ก็ว่าเราไปตรงนู้นกันดีกว่า" ว่าทั้งรับขุนจันทร์ขึ้นหลังให้ดี เอากระถังปุ๋ยไปส่งให้คนงานใกล้ๆ แล้วตัวเองก็พาสองแสบไปเล่นเพราะยังรักชีวิตตัวเองถ้าไม่ไปมีหวังสองแสบแผลงฤทธิ์ ซึ่งทั้วรู้ดีว่ามันน่ากลัวขนาดไหน ร้ายพอกันทั้งพ่อทั้งลูก ก่อนไปทั้วหันไปมองทางที่รักษ์กับลมเลเดินจากไปก็ได้แต่สะท้อนในใจ 'โชคดีนะครับคุณรักษ์'



   ทางด้านลมเลนั้นพารักษ์มาที่ถังเก็บน้ำรีบจับมืออีกคนมาล้างเอาคราบปุ๋ยออก รักษ์มองการกระทำของอีกคนอย่างงงๆ จะขัดขึ้นก็กลัวเพราะลมเลมีสีหน้าไม่พอใจเอามากๆ เขาแค่ใส่ปุ๋ยทำไมต้องโกรธขนาดนี้

   "เอ่อ ผมล้างเองก็ได้ครับ" รักษ์บอกไปอย่างเกรงใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสายตาดุๆ จากอีกคน รักษ์เลยจำยอมอยู่เฉยๆ ให้ลมเลจัดการไปจนล้างมือสะอาด

   "ทีหลังอย่าไปใส่อีก" ลมเลร้องบอกเมื่อปล่อยมืออีกคนเป็นอิสระ

   "ทำไมละครับ ก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลยนะครับ ผมทำได้" รักษ์บอกทั้งสะบัดมือเอาน้ำออก รู้สึกคันมือจนต้องแอบเอามือลูบ

   "รู้ว่าทำได้แต่ดูมือเสียก่อนแดงไปหมด แล้วอย่าไปเกามัน" ว่าทั้งปัดมืออีกคนไม่ให้ลูบ

   "ก็ผมคัน" อุส่าห์แอบลูบยังรู้อีก

   "ก็เพราะนายดื้อไปทำไง ดูถูกปุ๋ยกัดจนแดงไม่หมด เดี๋ยวไปหายาทา" ว่าอีกคนที่ดื้อไม่เข้าเรื่อง

รักษ์มองการกระทำของลมเลแล้วรู้สึกอยากคิดเข้าข้างตัวเองเหลือเกินที่ลมเลเป็นห่วงเขาแบบนี้ ที่ทำหน้าไม่พอใจก็เพราะเห็นอาการไม่ดีที่มือของเขาสินะจนอดยิ้มขึ้นมาได้

   "ยังจะมายิ้มอยู่อีกไม่คันแล้วหรือไง" ลมเลว่า ทั้งหลบรอยยิ้มจากอีกคน ให้ตายเถอะ รอยยิ้มนี้มันกวนใจเขาจริงๆ

   "ขอบคุณครับ" รักษ์บอกขอบคุณทั้งรอยยิ้ม รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ลมเลก็น่ารักเหมือนกันรักษ์คิด

   "ไปที่เสื่อเถอะได้เอายาทา สองแสบทำไรกันอยู่ก็ไม่รู้" ลมเลนึกถึงลูกชายที่ไม่รู้จะไปเล่นซนอะไร เมื่อกี้เป็นห่วงรักษ์จนลืมดูสองแสบไปเลย อาการเขาท่าจะหนักลืมลูกได้ขนาดนี้

   "อ่ะ! จริงด้วยน้องอินทร์ น้องจันทร์อยู่ไหนกันแล้ว"

ทั้งสองตกใจก่อนจะรีบพากันเดินกลับมาแถวที่ปูเสื่อไว้ ไม่ได้กังวลว่าสองแสบจะหายไปไหนเพราะยังไงนี้ก็สวนของตนเอง ที่กังวลนะคือความป่วนไม่รู้ไปป่วนอะไรใครที่ไหนแล้วมันก็ไม่ได้ต่างจากที่ลมเลกังวลเลย

   "พวกเอ็งทำอะไรกัน!" ลมเลมองสองแสบที่กำลังใช้ปุ๋ยไม่ต่างกับกับดิน เพราะปุ๋ยที่ควรอยู่ในกระสอบดีๆ ตอนนี้มันกระจายเต็มพื่้นดินไปหมด มีเอามาก่อกองทรายเล่นด้วยเป็นเกือบสิบกอง คนเป็นพ่อถึงกับต้องยกมือกุมขมับ ไอ้แสบบบบบบบ

   "ว๊ากกกกกกกกกก" เสียงทั้วแหกปากดังลั่นเมื่อกลับมาถึงหลังจากลมเลแค่แปบเดียว นายน้อยสองแฝดเล่นไอ้ทั้วแล้วไหมละ แบกสอบปุ๋ยไปให้คนงานแปบเดียวกลับมาปุ๋ยทั้งกระสอบกระจายเต็มไปหมด ตายๆๆๆไอ้ทั้วตาย

รักษ์เห็นปฎิกิริยาของนายจ้างและลูกจ้างแล้วพูดไรไม่ออก ได้แต่เดินไปหาสองแสบที่นั่งหน้าสลดต่อหน้าผู้เป็นพ่อ

   "ขอโทษนะครับคุณลมเพราะผมไม่ดูน้องเอง" รักษ์บอกอย่างรู้สึกผิด ลมเลมองพี่เลี้ยงก่อนจะเอามือตบหน้าผากตัวเองอย่างปลงๆ มันไม่ใช่ความผิดของรักษ์ก็เขาเป็นคนลากรักษ์ไปเอง

   "พวกเอ็งมานี้เลย" ลมเลร้องเรียกสองแสบ เด็กทั้งสองสะดุ้งทันทีเพราะกลัวพ่อดุ

   "น้องจันทร์ขอโทษครับ"

   "พี่อินทร์ก็ขอโทษ" สองแสบยืนก้มหน้าสำนึกผิด พ่อต้องลงโทษพวกเขาแน่ๆ ในใจได้แต่คิดกลัว กลัวได้ขุดแปลงผักอีกกกกก

   "รู้ว่าผิดแล้วเล่นทำไม" ลมเลถามนิ่งๆ สองแสบก็ยืนนิ่งเช่นกัน รักษ์เองก็เข้ามาสำรวจร่างกายของเด็กทั้งสองอย่างเป็นห่วงเพราะกลัวจะโดนปุ๋ยกันเหมือนตน

   ลมเลมองการกระทำของรักษ์ก็ต้องถอนหายใจแรงๆ ไม่ใช่ว่าไม่พอใจแต่เพราะพอใจมากๆ ที่เห็นรักษ์ใส่ใจลูกเขาทั้งสองเป็นอย่างดี จากจะเอาเรื่องสองแสบเลยต้องยอมถอย เพราะลมเลเองก็ผิดที่ไปพาตัวพี่เลี้ยงมาแล้วทิ้งสองแสบไว้

   "ไปล้างเนื้อล้างตัวให้เรียบร้อยไปเลย ได้มากินข้าว" ว่าเสร็จก็เดินไปสั่งให้ทั้วจัดการเก็บซากปุ๋ยที่กระจายเต็มพื้นไปหมดก่อนจะไปนั่งรอที่เสื่อ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ และทั้วหายใจอย่างโลงอก รอดแล้วเราาาาาาา วันนี้พ่อใจดี ทางทั้วก็ว่านายหัวของมันใจดี

   หลังจากจัดการล้างเนื้อล้างตัวเรียบร้อยสองแสบก็ร่าเริงอย่างเดิมเพราะไม่ถูกพ่อดุ และตอนนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวอย่างอร่อยไม่สนใจอะไรเลย ลมเลมองลูกตัวเองแล้วได้แต่สายหัว ไปแฝดเอยยยยยยยย

   "ข้าวครับคุณลม" รักษ์ยื่นจานข้าวมาให้ มีหมูทอดส่งกลิ่นหอมชวนให้กิน รักษ์เป็นผู้ชายที่ทำกับข้าวอร่อยมากลมเลยืนยันได้เลย ถึงลมเลจะทำเป็นแต่ก็พอกินได้ไม่ได้อร่อยอะไรมากและทำเป็นเฉพาะพวกง่ายๆ แต่รักษ์ทำเป็นแทบทุกอย่าง ทำให้นึกถึงน้องสาวขึ้นมารายนั้นเจียวไข่ได้ก็ดีสุดแล้ว

   "แล้วของนาย" ถามขึ้นเมื่อเห็นอีกคนไม่ได้ตักข้าวของตัวเองเอาแต่ดูแฝด

   "ผมยังไม่หิวเลยครับ" รักษ์บอกทั้งรินน้ำแดงใส่แก้วส่งให้

   "ขอบคุณ ไม่หิวได้ไงนี้เที่ยงแล้วตักมาเลย" ลมเลว่าแกมดุ รักษ์เป็นคนตัวเล็กแถมยังกินน้อยอีก

   "แต่..."

   "ไม่ต้องมีแต่" ลมเลว่าจนรักษ์ต้องยอมตักข้าวมากินเพราะสายตาดุๆนั้น

   "เดี๋ยวบ่ายไปส่งบ้านแม่นะ ได้ให้สองแสบไปนอนด้วย"

   "ดีเลยครับผมได้ไปช่วยคุณป้าทำกับข้าว"เพราะวันนี้เย็นมีนัดกินข้าวกับพ่อแม่ของลมเลเลยไปช่วยน่าจะดีรักษ์คิด

   "ก็ตามใจนาย ขอน้ำพริกกับคั่วกลิ้งด้วยนะ" ว่าแล้วก็หันมาสนใจกินข้าวของตัวเองต่อ รักษ์ทำเพียงยิ้มรับก่อนจะคิดถึงเมนูอาหารที่อีกคนขอมาซึ่งมันคือเมนูโปรดของลมเลรักษ์รู้ดีถึงเจ้าตัวไม่ขอเขาก็ตั้งใจว่าจะทำให้อยู่แล้วละนะ ความจริงนั้นลมเลกินอะไรได้ทั้งนั้นเขาไม่เคยเก่ียงนี้คงเป็นครั้งแรกละมั้งที่ร้องขอสิ่งที่อยากกินจากใครสักคน

.............................................

มาแล้วจ้าาา ลูกคู่มาแล้วน่าาาาาา ฝากลูกคู่ด้วยนะจ้ะ. ลูกคู่รักคนอ่านทุกคนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 14 (22/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-04-2020 21:49:51
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 14 (22/04/63)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 23-04-2020 06:21:52
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 15 (02/05/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 02-05-2020 21:07:49
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 15

   “มากันแล้วหรือลูก” ญาดาร้องทักลูกชายที่เดินเข้าบ้านมาไม่พูดไม่จาเธอถามก็เดินพ้นไปราวกับไม่ได้ยินเสียง “อะไรของตาลม”

   “คุณย่า! สวัสดีครับบบบ” เสียงสองแสบร้องเรียกญาดามาแต่ไกลจนโดนรักษ์ดุเบาๆ

   “สวัสดีครับคุณป้า” รักษ์ที่เดินเข้ามาพร้อมสองแฝดเอ่ยทักทาย

   “สวัสดีจ้ะลูกคู่ หนูรักษ์” เอ่ยรับทั้งอ้าแขนรับเด็กแสบที่เข้ามาเกาะ “ลมเขาเป็นไรละลูกเดินมาไม่พูดไม่จาเลย” เธอถามรักษ์ถึงอาการแปลกๆ ของลูกชายไม่รู้ไปหงุดหงิดอะไรมาหรือเปล่าเธอคิดเพราะน้อยครั้งที่จะเห็นลมเลเป็นแบบนี้

   “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับเมื่อกี้ก็ปกติดีนะครับ” รักษ์บอกไปก่อนจะพากันไปนั่งคุยที่โซฟา

   “วันนี้ลูกคู่ของย่าไปไหนกันมาเอ่ย” ญาดาถามขณะลูบหัวสองแสบที่นั่งอยู่ขนาบข้างซ้ายขวา

   “น้องจันทร์ไปช่วยพ่อใส่ปุ๋ยยยย”

   “พี่อินทร์ก็ช่วยด้วยยยยย” เด็กทั้งสอบตอบอย่างแข่งขัน

   “ช่วยหว่านปุ๋ยทิ้งนะหรือพวกเอ็ง” ลมเลที่พึ่งเดินเข้ามาพูดแทรกขึ้น จนสองแสบหน้ายู่เพราะถูกพ่อเหน็บ รักษ์เองก็มีสะดุ้งเพราะเรื่องนี้รักษ์เองก็มีความผิดด้วยเหมือนกัน

   “แล้วนั้นอะไรตาลม” ญาดาถามถึงของในมือลูกชายแต่พอเห็นว่าคืออะไรก็ถามต่อ “ใครเป็นอะไร” ก่อนจะสำรวจสองแสบว่าเป็นแผลอะไรตรงไหนหรือเปล่า

   “เอามือมา” ลมเลไม่ได้ตอบคำถามญาดาแต่หันมาสนใจพี่เลี้ยงที่นั่งอยู่ข้างๆ แทน ทางญาดาหันมองตามทันที

   “อ้าว! รักษ์เป็นอะไรลูก” ญาดาร้องถามอย่างเป็นห่วง นึกถึงลูกชายที่เข้ามาไม่พูดไม่จาตอนแรกก็เข้าใจได้ทันทีว่าคงเป็นห่วงรักษ์มากน่าดูเธอเลยกังวลว่าจะเป็นอะไรร้ายแรง

   “ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ” รักษ์บอกก่อนจะหันมาทางลมเล “ผมไม่ได้เป็นอะไรมากครับ”

   “บอกให้เอามือมาจะดื้อทำไม” ลมเลว่า

   “ดูไปดุน้องเข้า น้องกลัวหมดแล้วตาลม” ญาดาว่าลูกชายที่ดุพี่เลี้ยงเสียจนทำตัวไม่ถูก “ให้พี่เขาดูหน่อยเถอะลูก อุส่าต์เดินหน้าเครียดไม่พูดไม่จาไปเอากล่องยามา” บอกกับรักษ์ทั้งไม่ลืมเหน็บลูกชายไปหนึ่งทีก่อนจะหันชวนสองแสบไปหาขนมกินกันในครัวปล่อยให้ทั้งสองอยู่กันลำพัง แต่ก็ไม่ลืมสังเกตอาการลูกชายที่เป็นห่วงอีกคนจนผิดปกติ

   “เอามือมาได้หรือยัง” ลมเลนั่งลงโซฟาข้างๆ แล้วร้องบอกกับคนที่ยังนั่งนิ่งอีกครั้ง รักษ์ขี้เกียจต้องมาเถียงกับอีกคนเลยยอมยื่นมือให้ ลมเลจับมือขาวมาพลิกดูก็พบว่าตอนนี้ขึ้นผืนแดงเล็กน้อย และคาดว่าต้องมีอาการคันด้วยเป็นแน่เพราะเห็นรอยแดงเป็นทางยาวเหมือนกับรอยเกา

               ลมเลหยิบยาขึ้นมาทาให้อย่างเบามือ ทั้งสองต่างไม่พูดไม่จาอะไรมีแต่ความเงียบที่ปกคลุมแต่ความรู้สึกห่วงใยกลับแพร่กระจายออกมาทางสายตาจนรักษ์หัวใจเต้นแรง

   “พ่อ!”

   “เฮ้ย!”

   สองแสบตะโกนร้องเรียกลมเลเสียงดังจนตกใจรีบละมือจากการทายาทันทีรู้สึกทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะเอาไม้เอามือไปวางตรงไหน สองแสบเห็นพ่อตกใจก็ชอบใจใหญ่โตหัวเราะลั่นบ้านกันเลยทีเดียว ส่วนญาดาได้แต่สายหน้าให้กับอาการลูกชายที่หลุดได้ถึงขนาดนี้หมดกันมาดนายหัวแห่งสวนสายลมเจ้าตัวจะรู้บ้างไหมว่าตัวเองเป็นเอามาก

   ลมเลเห็นท่าไม่ดีเลยรีบลุกหนีออกมาก่อนนับวันเขายิ่งไม่เป็นตัวของตัวเองเข้าไปทุกที ขนาดเดินออกมาไกลก็ยังได้ยินสองแสบหัวเราะเยาะเขาดังมาอยู่จนมีเสียงรักษ์ที่ร้องห้ามปราบให้ตายเถอะวันนี้เขาทำอะไรขายหน้าหลายอย่างเกินไปแล้ว

   ทางสองแสบพอถูกอารักษ์ห้ามก็รีบเก็บเสียงหัวเราะทันทีแต่ยังแอบยิ้มขำเบาๆอยู่ ญาดาเองก็เป็นกับหลานชายไปด้วยอีกคน จนรักษ์รู้สึกเก้กังไปหมด

   “พอแล้วลูกพ่อเขาไปนู้นแล้ว” ญาดาบอกสองแสบทั้งหันมามองรักษ์พร้อมยิ้มแปลกๆ ทำเอารักษ์หวั่นๆ แม้รอยยิ้มนั้นจะไม่ได้แสดงถึงความไม่พอใจก็ตาม

   “พ่อตลก”ขุนอินทร์ร้องบอก

   “ไม่เอาครับพอแล้ว ไหนมีขนมอะไรมาให้อารักษ์กินบ้างครับ” รักษ์ห้ามก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

   “กล้วยบวชชีครับ” ขุนจันทร์ยกถ้วยโชว์

   “น่าทานจังเลยครับ คุณป้าทำเองหรือครับ” กล้วยบวชชีสีขาวนวลในถ้วยนั้นน่ากินมากจริงๆ

   “ใช่จ้ะ รักษ์ลองทานดูสิลูก” บอกทั้งส่งถ้วยขนมที่ตักมาให้กับรักษ์

   ทั้งสี่นั่งกินขนมและพูดคุยกันไปอย่างสนุกสนานก่อนจะพากันเข้าครัวเพื่อช่วยกันเตรียมอาหารเย็น

   “วันนี้ทำอะไรกินกันดีเอ่ย” ญาดาร้องถามสองแสบ

   “น้องจันทร์อยากกินต้มจืดสาหร่ายยย” พูดขึ้นเสียงดังทั้งกระโดดชูมืออย่างต้องการเสนอเมนูโปรดของตัวเอง

   “พี่อินทร์อยากกินหมูทอด หมูทอด” แฝดพี่ก็รีบเสนอด้วยเช่นกัน

   “ได้เลยครับย่าจัดให้” ญาดาตอบรับทั้งหัวเราะอยากเอ็นดูหลานชายทั้งสอง “แล้วรักษ์ละลูกอยากกินอะไรไหม”

   “ผมว่าจะทำน้ำพริกกับคั่วกลิ้งให้คุณลมนะครับ เขาอยากกินอยู่” รักษ์ตอบทั้งหยิบจับของที่ต้องการออกจากตู้เย็น โดยไม่ได้สังเกตเห็นสายตาแปลกใจของญาดาเลยแม้แต่น้อย

   “ป้าหมายถึงรักษ์ไม่ได้ถามถึงพี่ลมเขา อะไรกันสองคนนี้” เธอว่าอย่างอ่อนใจ คนผ่านน้ำร้อนมาก่อนอย่างเธอมีหรือจะดูไม่ออกว่าเด็กทั้งสองมีใจให้กัน มีก็แต่เจ้าตัวนั้นแหละรู้ตัวกันบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

   “ผมกินอะไรก็ได้ครับ” รักษ์ตอบกลับมาอย่างรู้สึกขัดเขิน

   “จ้ะ ป้าก็ไม่ได้ว่าอะไร เรามาทำอาหารกันดีกว่า”

   รักษ์กับญาดาช่วยกันเตรียมอาหารกันคนละไม้ละมือโดยมีลูกมือเป็นสองแสบที่คอยจับนู้นหยิบนี้ให้ บ้างก็ช่วยล้างผัก ทำในส่วนที่เด็กตัวเล็กอย่างพวกเขาทั้งสองพอช่วยได้โดยไม่รู้สึกอิดออด สองแสบตั้งใจทำกันเป็นอย่างดีถึงจะวุ่นกันจนทำจานตกแตกไปหนึ่งใบก็ตาม

   “ลูกคู่ไปบอกพ่อให้เก็บใบมะกรูดให้ย่าหน่อยเร็ว” ญาดาที่ง่วนอยู่กับการตำเครื่องแกงคั่วกลิ้งร้องบอกเด็กทั้งสอง รักษ์เองที่กำลังสับหมูก็ละมือมาหยิบถ้วยใบเล็กส่งให้เด็กชาย ซึ่งพอรับได้ก็รีบวิ่งออกจากห้องครัวจนรักษ์ต้องร้องห้าม

   “อย่าวิ่งครับพี่อินทร์ น้องจันทร์”

   “ดูเข้าสนุกกันใหญ่ลูกคู่” ญาดาว่าทั้งสายหน้าด้วยรอยยิ้มเพราะเอ็นดูเด็กทั้งสอง ก่อนหน้านี้ไม่มีหรอกที่ลูกคู่ของเธอจะเข้ามาช่วยแบบนี้ มาที่ไรก็เอาแต่วิ่งเล่นให้ผู้ใหญ่ปวดหัว ตั้งแต่รักษ์มาเป็นพี่เลี้ยงหลานชายทั้งสองของเธอดูจะเอาการเอางานมากขึ้นไม่ห่วงแต่เล่นอย่างแต่ก่อน และที่สำคัญคือลูกคู่มีระเบียบมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

   “ใบมะกรูดใหญ่ๆ มาแล้วครับบบบบ” หายออกไปครู่หนึ่งก็มาพร้อมกับใบมะกรูดกิ่งงามหนึ่งกิ่งในมือของขุนอินทร์ ถ้วยที่รักษ์ให้ไปในมือขุนจันทร์นั้นว่างเปล่า

   “เอามาให้อารักษ์ครับ”

   “ดูตาลมหักทั้งกิ่งมาให้เลย ให้ตายเถอะลูกคนนี้” ญาดาบ่นลูกชายเบาๆ

   “ไม่เป็นไรหรอกครับถ้าเหลือเดี๋ยวเอาใส่ตู้เย็นไว้นะครับ” รักษ์บอกทั้งยิ้มอย่างนึกตลกเจ้านายตัวเองโตแล้วยังชอบทำตัวให้แม่บ่นอยู่ได้

   “ช่วยกันเข้าไป ชักจะยังไงแล้วนะป้าว่า” พูดอย่างต้องการดูท่าทีของชายหนุ่ม

   “มะ ไม่มีอะไรนะครับ” รักษ์รีบตอบอย่างร้อนใจ

   “ไม่มีก็ไม่มีจ้ะ” ญาดาว่าทั้งรอยยิ้ม ชัดเจนขนาดนี้เธอคงไม่ต้องถามอะไรมาก

   “อารักษ์หน้าแดงเลยยย” ขุนอินทร์ร้องบอก

   “อารักษ์สับหมูเหนื่อยหรือออออ” ขุนจันทร์ถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะอารักษ์ของเขาหน้าแดงตอนสับหมู คงจะเหนื่อยมากๆ แน่เลย

   “ลูกคู่ ฮาๆ” ญาดาร้องเรียกทั้งสองอย่างนึกเอ็นดูช่างคิดได้นะว่าอารักษ์เขาหน้าแดงเพราะสับหมู เด็กนี้ช่างใสซื่อจริงๆ พอหันมองทางรักษ์ก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสับหมูไม่พูดมาจาคงเพราะรู้สึกเขินอายก็หน้าแดงๆ นั้นเป็นตัวบอกเธอ

   เธอไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไรถ้าทั้งสองรักกันคนเป็นแม่อย่างเธอก็พร้อมยอมรับ ลมเลก็โตแล้วเธอเชื่อว่าลูกชายเธอคิดมาดีแล้วเป็นแน่ยิ่งเคยผ่านชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวมาแล้ว



...

ลูกคู่มาแล้วน่าาาาาาา ใครคิดถึงลูกคู่กันบ้างเอ่ยยยย ตอนนี้ก็เรื่อยๆๆๆๆ เหมือนเดิมจ้าาาาาาา







 
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 15 (02/05/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-05-2020 11:19:42
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 16 (08/05/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 08-05-2020 07:52:50
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 16

บนโต๊ะอาหารเย็นของบ้านนายหัวใหญ่แห่งไร่สายลมวันนี้ครึกครื้นไปด้วยเสียงของลูกคู่ที่เล่าเรื่องราวต่างๆ อย่างออกรส ทั้งที่ถูกเตือนอยู่หลายครั้งก็ไม่เชื่อฟังกันจนผู้ใหญ่อ่อนใจปล่อยให้คุยกันไปยังไงก็นานๆ ครั้งที่สองแสบจะคุยอย่างสนุกแบบนี้

    “พูดมากพวกเอ็ง” ลมเลว่าลูกชายทั้งสองที่วันนี้ไม่รู้อารมณ์ดีอะไรพูดได้ไม่หยุด สองแสบหมุ่ยหน้าใส่พ่อไปทีก่อนพูดต่อ

      “พี่อินทร์ช่วยอารักษ์ซักผ้าด้วยนะครับ”

      “น้องจันทร์ก็ช่วยด้วย ยังช่วยกวาดบ้านด้วยยย”

     “พี่อินทร์ก็กวาด”

     “จ้า ลูกคู่ของย่าเก่งที่สุดเลยช่วยอารักษ์เยอะแยะเลย” ญาดาชมหลานชายที่เที่ยวคุยอวดเรื่องช่วยงานพี่เลี้ยง ซึ่งตั้งแต่พูดมาก็แข่งกันอวดนี้แหละว่าใครช่วยงานอะไรอารักษ์กันบ้าง ไม่เคยมีสักครั้งที่ลูกคู่จะพูดคุยเรื่องราวทำนองนี้ที่ผ่านมามีแต่เล่าความแสบว่าวันๆ ไปป่วนอะไรกันมาบ้าง พอเห็นหลานชายเป็นแบบนี้ก็อดชื่นชมรักษ์ไม่ได้

     “น้องจันทร์ช่วยทำทุกอย่างเลยยย”

     “พี่อินทร์ก็ช่วยทุกอย่าง”

ยิ่งได้รับคำชมเด็กน้อยก็ยิ่งภาคภูมิใจอย่างโอ้อวดสิ่งที่ทำให้ผู้ใหญ่ได้รู้เพราะหวังจะได้รับคำชมมากขึ้นไปอีก

     “ขี้โม้” ลมเลพูดดักคอลูกชายทั้งที่ยังสนใจแต่จานข้าว ให้ได้ขัดลูกสักนิดคนเป็นพ่อก็สบายใจแล้ว คนอื่นบนโต๊ะอาหารถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกันเพราะสองแสบหันมองหน้าพ่ออย่างเซ็งๆ ราวกับต้องการบอกว่าพ่ออย่าขัด

     “อารักษ์ว่าเราตั้งใจทานข้าวก่อนดีกว่านะครับ พี่ต้มจืดกับพี่หมูทอดน้อยใจแล้วนะครับพี่อินทร์กับน้องจันทร์ไม่ตั้งใจทานเลย” รักษ์ร้องบอกสองแสบเพราะกลัวว่าจะเกิดศึกระหว่างพ่อลูกขึ้นมาก่อนได้ทานข้าวอิ่ม

     “โอ๋ๆ พี่ต้มจืดอย่าน้อยใจนะเดี๋ยวน้องจันทร์กินให้หมดเลยยยยย” ว่าจบก็รีบตั้งข้าวคำโตเข้าปากจนต้องเอามือมาช่วยดันเข้าไปจนแก้มฟองโตทำเอาผู้ใหญ่ต้องสายหน้า

    “กินได้แล้วดูแสบอยู่นั้นแหละ” เสียงบอกกล่าวที่มาพร้อมกับหมูทอดชิ้นโตวางลงในจานข้าวของรักษ์ ซึ่งการกระทำนี้เรียกให้รักษ์ และผู้ใหญ่อีกสองคนที่ร่วมโต๊ะอยู่ด้วยต้องหันมองลมเล เจ้าตัวพอถูกมองก็ทำเป็นไม่สนใจหันมาตักคั่วกลิ้งใส่จานตัวเองอย่างไม่มีอะไร แต่การกระทำนี้มันทำให้หนึ่งหัวใจนั้นสั่นไหว อีกสองใจนั้นใคร่สงสัย

     “ขอบคุณครับ” รักษ์เอ่ยขอบคุณเบาๆ ก่อนจะสนใจทานข้าวของตัวเองต่อแต่สายตายังคงแอบเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามพอเห็นอีกคนเอื้อมมือมาตักอาหารที่อยู่ไกลรักษ์ก็จะช่วยตักให้ทันที ขนาดน้ำพริกผักจุ่มก็ยังหมวดให้พอดีคำก่อนจะส่งให้คนด้านหน้า บางช่วงก็หันมาดูแลสองแสบ

     ทุกการกระทำของรักษ์และลมเลตกอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองท่านที่นั่งมองดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ จนนายหัวใหญ่อย่างคุณพายุต้องสงสัยสายตาใคร่สงสัยให้กับผู้เป็นภรรยา ซึ่งญาดาทำเพียงยิ้มรับราวกับต้องการบอกว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็กๆ เขา

     หลังจบมื้ออาหารรักษ์ออกปากช่วยล้างจานให้โดยมือสองแสบเป็นลูกมืออย่างเคยผลที่ได้ก็คือแก้วแตกไปหนึ่งใบเพราะสองแสบแย่งกันล้าง ไม่รู้ด้วยความขยันหรือแค่นึกเล่นสนุกกันซึ่งรักษ์ก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไรแค่เตือนให้สองแสบทำอย่างระมัดระวังเพราะกลัวจะได้รับบาด สองแสบก็เชื่อฟังอารักษ์เพราะแก้วจานหนึ่งใบก็ช่วยกันจับกันยกอย่างเบามือเพราะกลัวตกแตกอีก

     “เสร็จกันแล้วหรือลูก” ญาดาร้องถามขึ้นเมื่อเห็นทั้งสามเดินออกจากห้องครัว

     “เสร็จแล้วครับคุณย่า” ขุนจันทร์บอกทั้งวิ่งไปนั่งข้างๆ ขุนอินทร์ก็ตามมาติดๆ

     “ไปทำไรมาอีกละพวกเอ็ง” ลมเลเห็นอาการลูกชายที่วิ่งมาประจบญาดาก็ร้องถามทันที

     “พี่อินทร์เปล่าทำไรนะพ่อ” ขุนอินทร์รีบปฏิเสธทันควัน โดยมีขุนจันทร์ผยักหน้าช่วยยืนยัน

     “แล้วเสียงออะไรดังลั่นบ้าน” ลมเลถามนิ่งๆ เด็กน้อยทั้งสองรีบฉีกยิ้มกว้างก่อนตอบพร้อมกันว่า

      “แก้วกระโดดดดดด”

      “แล้วทำไมลูกคู่ไม่จับไว้ละลูก” ญาดาแกล้งถาม

      “น้องจันทร์จับไม่ทันครับ แก้วมันกระโดดเร็วมากเลย”

     “ใช่ๆ พี่อินทร์ก็ช่วยจับไม่ทันครับ”

เด็กแสบทั้งสองลงโรงช่วยกันจนผู้ใหญ่อดเอ็นดูไม่ได้เล่นใหญ่อะไรขนาดนี้

     “ลูกใครว่ะ” ลมเลว่าอย่างสายหน้า

     “ก็ลูกคุณลมไงครับ” รักษ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอบกลับด้วยรอยยิ้มแต่กลับได้รับสายตากรอกกลับมาจากนายจ้างจนรักษ์อดหัวเราะไม่ได้เลยได้รับสายตาดุจากลมเลกลับมาซึ่งมันก็ไม่ได้จริงจังอะไร

      “ได้พ่อมันมาลูกคู่นะ” เสียงทุ่มจากนายหัวใหญ่อย่างคุณพายุที่นั่งเงียบอยู่นานทำเอาลมเลร้องท้วงเสียงดัง

    “ผมใช่บ้าแบบไอ้สองแสบเถอะพ่อ”

    “อย่าเรียกลูกว่าไอ้ครับ” รักษ์ก็ดุดันทีที่ลมเลว่าจบแถมไม่ว่าเปล่ายังตีเบาๆ ที่แขนใหญ่ของลมเล คนถูกดุหันบอกอย่างตกใจไม่ได้โกรธแต่ใจมันกระตุกแปลกๆ กับการกระทำของรักษ์แบบนี้ไม่ได้รู้สึกแย่แต่กลับรู้สึกดีเพราะบนใบหน้าหล่อนั้นประดับไปด้วยรอยยิ้ม

     “ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกชายทั้งสองจะกลับบ้านได้หรือยังครับผม พูดแบบนี้ได้ไหมครับคุณพี่เลี้ยง”ลมเลล่อเลียนจนรักษ์รู้สึกหมั่นไส้ แต่การกระทำแบบนี้ของลมเลเป็นอะไรที่แปลกตาสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างพายุและญาดามากเหลือเกิน พวกเขาไม่เคยเห็นลูกชายทำตัวทะเล้นแบบนี้มาก่อนเลย

     “ล้อผมหรือครับ” รักษ์ว่าทั้งทำแก้มพองลมอย่างที่ทำประจำเมื่อถูกลมเลกวนใจ

      “ฉันเปล่าสักหน่อย แก้มจะแตกเอานั้น” ว่าแล้วก็ใช้มือใหญ่ตบลงบนแก้มทั้งสองข้างอย่างหยอกล้อโดยลืมไปว่าที่ตรงนี้ไม่ได้มีแค่เขาสองคน เหตุการณ์ตอนนี้เลยเงียบลงดื้อๆ มือใหญ่ค่อยๆ ปล่อยจากสองแก้มเมื่อลมเลหันไปสบสายตาของพายุและญาดาที่มองมาอย่างต้องการถามว่ามันคืออะไร ลมเลทำเพียงเกาท้ายทอยแล้วยิ้มให้ท่านทั้งสองแล้วตีเนียนทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางรักษ์ก็ดูเลอะละไม่รู้จะทำสีหน้ายังไงออกมาดี

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ลูกคู่มาแล้วนะคะ ไหนขอเสียงคนคิดถึงลูกคู่หน่อยจ้าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 16 (08/05/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-05-2020 08:25:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 17 (08/05/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 20-05-2020 20:34:18
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 17

   หลังจากวันที่ไปทานข้าวบ้านของญาดาและพายุนายหัวใหญ่ของสวนสายลมก็ผ่านมาสามวันแล้ว รักษ์ยังคงดูแลสองแสบและทำงานทุกอย่างในบ้านเองอาจจะเหนื่อยไปบ้างแต่รักษ์มีความสุขที่ได้ทำได้ดูแลและคอยสอนให้สองแสบทำงานต่างๆ อย่างวันนี้ก็เช่นกัน เห็นว่าตอนบ่ายแดดไม่แรงประกอบกับลมเลก็อยู่บ้านด้วยรักษ์และเอ่ยชวนสามพ่อลูกทำแปลงผักกันเพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนรักษ์แอบเพาะเมล็ดผักไว้ตอนสองแสบหลับ

   “พวกเอ็งมาเก็บหญ้าตรงนี้บ้าง” ลมเลร้องบอกลูกชายที่เอาแต่รอเก็บหญ้าจากที่รักษ์ดายออกมา ไม่มีมาเก็บฝั่งเขาบ้างเลย

   “พ่อก็เก็บเองสิ” ขุนอินทร์บอกทั้งเก็บหญ้าที่รักษ์ดายใส่ในถังขยะ

   “ใช่ๆ น้องจันทร์กับอินทร์ต้องช่วยอารักษ์” ขุนจันทร์ตอบ

   “เอาเข้าไปตกลงใครเป็นพ่อพวกเอ็ง” ลมเลยืนจับจอบพูดนิ่งๆ อย่างต้องการกวนลูกชาย

   “ก็พ่อไง” สองเสียงตอบพร้อมกัน

   “อ่อเหรอ นึกว่าลืมแล้วว่านี้เป็นพ่อ” ลมเลยังพูดลอยหน้าลอยตา

   “พ่องอนหรือ” ขุนจันทร์ถามหน้าสงสัยอย่างน่าเอ็นดูจนรักษ์อดยกมือลูบหัวไม่ได้ แต่ผิดกับคนพ่อพอได้ยินลูกพูดแบบนั้นก็หน้าง้อทันทีใครมันจะไปงอนกัน

   “ใครงอน รักษ์นายไม่ต้องดายแล้วเดี๋ยวฉันทำเอง ส่วนพวกเอ็งมาเก็บหญ้าตรงนี้ไปทิ้งเลย” ว่าจบก็ตั้งหน้าตั้งตาดายหญ้าต่อสองแสบก็ว่าง่ายมาช่วยเก็บหญ้ากันคนละไม้ละมือรักษ์ก็ช่วยเด็กทั้งสองด้วยเช่นกัน ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ แปลงผักก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างลมเลทำได้รวดเร็วมากเพราะทุนเดิมเป็นชาวสวนอยู่แล้ว

   “เฮ้ย!”

อยู่ๆ รักษ์ร้องเสียงดังลั่นก่อนจะวิ่งมาเกาะอยู่ด้านหลังของลมเลที่กำลังขุดแปลงผักอยู่ทำเอาตกใจตามไปด้วย สองแสบก็ตกใจจนเผลอกระโดดหลบตามมาเกาะรักษ์อยู่ข้างๆ

               “มีอะไร!” ลมเลถามขึ้นอย่างตกใจ

               “นั้น” มือขาวชี้ไปตรงแปลงผักด้านหน้าลมเลก็มองตาม สองแสบก็ชะโงกหน้าออกมามองคนละด้านและทั้งสามก็ร้องออกมาพร้อมกันอย่างสงสัย

               “กิ้งกือ”

               “แค่กิ้งกือเองเดี๋ยวพี่อินทร์จัดการให้” ขุนอิทร์หนุ่มน้อยใจกล้าก็ก้าวไปหยิบไม้มาเขี่ยๆ แต่ก็ต้องร้องลั่นวิ่งกลับมาเกาะรักษ์ที่เกาะแขนลมเลอยู่แน่นเพราะไอ้เจ้าตัวมากขานั้นมันดิ้นกลิ้งไปมาจนน่าขนลุกทำเอาลมเลหัวเราะลูกชายเสียงดัง

               “พวกเอ็งมันอ่อน” ว่าสมทบลูกชายไปทีก็เตรียมจะก้าวไปจัดการไอ้ตัวขามากที่เดินสบายอกสบายใจในแปลงผักเพราะรู้ดีว่ารักษ์กลัวเจ้ามากขาขึ้นสมองเขายังจำเหตุการณ์ครั้งก่อนได้ดี แต่พอก้าวเดินแขนกลับถูกแขนขาวๆ ของอีกคนเกี่ยวไว้แน่น “นายปล่อยก่อน เดี๋ยวฉันเอามันออกไปให้” ลมเลร้องบอกรักษ์ที่พึ่งรู้ตัวว่าเกาะแขนลมเลอยู่ก็รีบปล่อยอย่างตกใจรู้สึกอายขึ้นจนต้องยกมือมาเกาแก้มแก้เขิน

               “อารักษ์กลัวมากหรือ หน้าแดงเลยครับ” ขุนจันทร์ที่เกาะเอวรักษ์อยู่แหงนหน้าขึ้นถาม แถมลมเลยังมาแอบหัวเราะเยาะกันอีกรักษ์ยิ่งไปไม่เป็นเข้าไปอีก

               “เรียบร้อย” ลมเลว่าเมื่อใช่จอมตักเจ้ามากขาไปโยนทิ้งไกลๆ รักษ์รู้สึกโล่งอกขึ้นมาแต่ก็ยังแอบระแวงอยู่ตลอด

               “เราทำต่อกันเถอะครับเดี๋ยวเย็น” รักษ์เอ่ยชวนเพราะเวลาก็ลวงเลยมามากแล้วเดี๋ยวต้องไปเตรียมข้าวเย็นกันอีก

   ทั้งสี่ช่วยกันทำแปลงผักอยู่กันจนถึงบ่ายแก่ก่อนจะหยุดมือเพราะถึงเวลาต้องไปเตรียมข้าวเย็นถ้าช้ากว่านี้คงได้กินข้าวเย็นกันดึกแน่ๆ

               จัดการให้สองแสบไปอาบน้ำโดยมีคุณพ่อของทั้งสองช่วยดูแลให้ รักษ์เองก็มาจัดการเตรียมอาหารอยู่ในครัวมองของในตู้เย็นแล้วก็คิดเมนูที่จะทำขึ้นมามันก็เป็นอะไรที่สนุกไม่น้อยการได้คิดเมนูให้สามพ่อลูกกิน รักษ์ชอบมากเพราะไม่ว่ารักษ์จะทำเมนูไหนสองแสบก็จัดการจนหมดทุกครั้งเลยมีกำลังใจทำอาหาร ระหว่างหยิบจับวัตถุดิบอยู่ก็มีสายเข้ามาพอดีหยิบโทรศัพท์มาดูก็พบว่าเป็นน้ำฟ้าโทรเข้ามา

               “ว่าไงฟ้า” รักษ์กรอกเสียงไปเมื่อรับสาย

               “โทรหาเพื่อนต้องมีอะไรด้วยหรือค่ะ” เสียงกวนๆ ตอบกลับมา

               “กวนนะเรา” รักษ์ว่าเพื่อนทั้งหัวเราะไปด้วย

               “ทำอะไรอยู่แก” น้ำฟ้าถาม

               “กำลังทำอาหารเย็น”

               “ไม่เหนื่อยหรือไงทั้งดูแลสองแสบแล้วยังเรื่องงานในบ้านอีก” น้ำฟ้าถามอย่างเป็นห่วง เพราะตั้งแต่ป้าอุ่นประสบอุบัติเหตุรักษ์ก็จัดการทำเองหมดทุกอย่างเลยอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ พอพูดเรื่องนี้ก็นึกหงุดหงิดทุกทีกับความดื้อของรักษ์ทั้งที่พี่ชายเธอจะจ้างคนใหม่มาทำแทนป้าอุ่นแท้ๆ แต่รักษ์ก็ไม่ยอม พี่ชายเธอก็กะไรยอมรักษ์ไปเสียหมดไม่ว่ารักษ์จะพูดอะไร

               “ก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร สนุกดี” รักษ์ตอบไปทั้งท่าทีสบายเพราะรู้สึกดีที่ได้ดูแลสามพ่อลูกด้วยตัวเอง

               “ดื้อ มีใครเคยบอกแกไหมว่าแกดื้อมาก”

               “ก็ฟ้าไง ว่าเราประจำ” รักษ์ตอบกลับ คนในสายกรอกตาขึ้นอย่างระอากับคำตอบของเพื่อนชาย

               “ฉันไม่เถียงกับแกแล้วปวดหัว แค่จะโทรมาบอกว่าฉันกลับบ้านพรุ่งนี้นะ แกจะเอาอะไรไหม” น้ำฟ้าเบื่อจะเถียงเลยเปลี่ยนมาพูดถึงจุดประสงค์หลักที่ตั้งใจตั้งแต่แรก

               “ไม่รู้จะเอาอะไร อ่อฝากซื้อฝอยทองกับทองหยอดที่เพชรมาให้หน่อย” รักษ์นึกได้ว่าตอนนั่งรถทัวร์มารถจอดให้พักตรงช่วงเพชรบุรีพอดี

               “อยากกินหรือ” น้ำฟ้าถามอย่างสงสัย

               “เปล่านะ จะเอามาทำเค้กให้ขุนอินทร์กับขุนจันทร์ อ่อฝากซื้อหมึกหยองให้ด้วยนะ” จากที่ว่าไม่เอาอะไรกลับสั่งไปเสียหลายอย่างเลย

               “หมึกหยอง” น้ำฟ้าทวนถามขึ้นอย่างสงสัย

               “ใช่ๆ หมึกที่เขาทำเป็นเส้นๆ ไง” รักษ์อธิบาย

               “ฉันรู้ แต่ที่สงสัยคือเอาไปทำไมแกไม่ชอบกินสักหน่อย”

               “เอาให้คุณลม วันมาที่นี้ซื้อมาฝากเห็นชอบทานนะ” รักษ์บอกไปเมื่อนึกถึงวันที่มาจำได้ว่าหมึกหยองห่อใหญ่หมดตั้งแต่เที่ยงของอีกวันเพราะนายจ้างของเขาหยิบกินไม่ได้หยุด

               “อ่อ เออใช่พี่ลมชอบ เคๆ เดี๋ยวซื้อไปให้แล้วแกไม่เอาไรแน่นะ นึกถึงแต่คนอื่นตลอด แม่ฉันโทรมาบ่นอยู่นะว่าแกนะดูแลแต่ไอ้แสบไม่ค่อยดูแลตัวเองเลย”

               “ฉันไม่ได้เป็นอะไรไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรมาก” รักษ์ตอบกลับไปอย่างใจคิดเขาก็เป็นของเขามาแบบนี้

               “จ้าพ่อหนุ่มจิตใจงดงาม แล้วกับพี่ลมนี้ยังฉันรู้นะ” น้ำฟ้าเหน็บไปเบาๆ ก่อนจะมาจิกเรื่องพี่ชายเพราะได้คุยกับญาดามาว่าสองคนที่มีอะไรที่ดูจะแอบลึกซึ่งกัน

               “มะ ไม่มีอะไรสักหน่อย” รักษ์ตอบไปไม่เต็มเสียงนัก

               “อย่ามาโกหกค่ะ” น้ำฟ้าตอบกลับทั้งหัวเราะชอบใจที่เห็นเพื่อนอ่ำอึ่ง

               “ก็ไม่มีอะไรจริงๆ” จะให้บอกไปว่ารู้สึกมีใจให้กับพี่ชายเพื่อนใครมันจะกล้ากันละรักษ์คิด เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ยิ่งเขาเป็นผู้ชายแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งยากเข้าไปอีก ตอนนี้เลยทำได้แค่พยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้ถลำลึกไปมากกว่านี้

               “ไม่มีก็ไม่มี แต่ก็จำไว้นะว่าเพื่อนอย่างฉันพร้อมรับฟังแกเสมอ” น้ำฟ้าไม่อยากจะไปคาดคั้นอะไรเพื่อนมากไม่ใช่ยอมแพ้แต่เพราะเข้าใจรักษ์ดี ละอีกอย่างพรุ่งนี้เธอก็กลับบ้านค่อยมาเค้นเอาความจริงตัวต่อตัวเลยดีกว่า หึหึ

               “ขอบใจนะฟ้า” รักษ์รู้สึกขอบคุณที่เพื่อนเข้าใจกัน

               “เปล่าเดี๋ยวฉันไปเค้นแกที่นู้นเองดีกว่า ฮาๆๆ” ว่าจบน้ำฟ้าก็วางสายไปเสียดื้อๆ ปล่อยให้รักษ์หัวเสียอยู่คนเดียวรักษ์ก็อุตส่าห์หลงคิดดีใจ น้ำฟ้านี้ไว้ใจไม่ได้จริงๆ ถึงใจนึกต่อว่าเพื่อนแต่รักษ์กลับยิ้มออกมา

...



ลูกคู่มาต่อแล้วน่าาาาาาา  ฝากเป็นกำลังใจและติดตามลูกคู่ด้วยนะจ้าาาาา ลูกคู่รักทุกคนจ้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 17 (08/05/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 20-05-2020 20:53:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 17 (08/05/63)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 21-05-2020 09:12:31
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 18 (28/05/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 28-05-2020 20:09:35
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 18

   “นอนกันได้แล้วครับสุดหล่อของอารักษ์” รักษ์บอกทั้งยกผ้าห่มให้เด็กชายทั้งสอง “วันนี้จะฟังเรื่องอะไรดีครับ” จัดการห่มผ้าให้เรียบร้อยก็ถามถึงนิทานที่สองแสบอยากจะฟังก่อนนอน

   “น้องจันทร์ฟังอะไรก็ได้” ขุนจันทร์บอก

   “เรื่องอะไรก็ได้มีที่ไหน”

   “พ่อ!” ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ ร้องเสียงดังเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เปิดประตูเข้ามา

   “เสร็จแล้วหรือครับคุณลม” รักษ์ถามคนตัวโตที่มานั่งอีกด้านหนึ่งของเตียงตรงข้ามกับรักษ์ เพราะก่อนหน้านี้ลมเลจัดการเอกสารอยู่

   “อืม ไหนใครอยากฟังอะไรวันนี้พ่อเล่าให้ฟังเอง” ตอบรักษ์ทั้งรอยยิ้มก่อนจะหันไปถามลูกชาย

   “พี่อินทร์อยากฟังคุณยักษ์ใจดี” ขุนอินทร์เสนอ

   “แต่น้องจันทร์อยากฟังพี่สาวผมยาววววว”

เมื่อความต้องการไม่ตรงกันก็เกิดเหตุวุ่นขึ้นมาทันทีเพราะสองแสบต่างร้องขอกันไปคนละเรื่องจนคนเป็นพ่อปวดหัว แต่พี่เลี้ยงอย่างรักษ์กลับนั่งยิ้มขบขันกับอาการของสามพ่อลูก

               “พอๆ ไม่ต้องแย่งเดี๋ยวพ่อเลือกเอง ปวดหัวกับพวกเอ็งจริงๆ” ว่าจบก็รื้อหานิทานแต่พอหยิบเล่มไหนขึ้นมาสองแสบก็ทำหน้าเหม็นเบื่อจนลมเลรวบรวมนิทานส่งให้รักษ์เก็บ รักษ์เองก็งงๆ คิดว่าลมเลจะไม่เล่าเสียแล้ว

               “ไม่เล่าแล้วหรือครับ” รักษ์ถาม

               “ก็ดูสองแสบทำหน้าเบื่อแบบนั้นจะให้ฉันเล่ายังไง” ลมเลว่า รักษ์ยิ้มรับทันทีเพราะจริงอย่างลมเลว่า

               “ก็พี่อินทร์เคยฟังหมดแล้วนิพ่ออออออออออ” ขุนอินทร์ร้องบอก

               “เรื่องมากพวกเอ็ง ไม่ต้องฟังมันจบ นอนๆ” ลมเลว่าบ่นลูกชายอย่างไม่จริงจัง

               “แต่น้องจันทร์จะฟังงงง”

               “ก็พวกเอ็งเรื่องมาก” ลมเลว่ากลับ

               “มาครับเดี๋ยวผมเล่าให้ฟังเอง” รักษ์เห็นว่าสามพ่อลูกเถียงกันอยู่นาน กลัวว่าจะดึกไปมากกว่านี้เลยอาสาเล่าเอง

               “ไม่ต้องๆ เดี๋ยวฉันเล่าเองนึกออกพอดี เอ้าใครจะฟังก็นอนดีๆ” ลมเลร้องห้ามเพราะเขานึกเรื่องที่จะเล่าขึ้นมาได้พอดี ก่อนจะสั่งสองแสบให้นอนดีๆ พร้อมกับตัวเองเอนตัวนอนลงข้างๆ ขุนจันทร์และรักษ์เองก็นั่งพิงหัวเตียงข้างๆ ขุนอินทร์

               “พ่อเริ่มเล่าละนะ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...นาน...จนพ่อก็จำไม่ได้ว่ะ”

               “พ่อ!” สองแสบร้องเสียงดังเมื่อโดนคนเป็นพ่อแกล้งทั้งที่อุตส่าห์ตั้งใจฟัง

               “ฮาๆ พ่อแค่ลองดูว่าพวกเอ็งตั้งใจฟังหรือเปล่า ฮาๆ มาๆ เอาจริงแล้ว กาลครั้งหนึ่ง ณ อาณาจักรสายลม”

               “ชื่อเหมือนสวนบ้านเราเลยครับพ่อ” ขุนจันทร์ขัดขึ้นมา

               “เอ็งจะฟังไม่ฟัง ถ้าฟังอย่าขัด” ลมเลว่า เด็กน้อยก็รีบปิดปากนิ่งทันที ลมเลก็ได้ทีเล่าต่อ “ในอาณาจักรสายลมมีราชาผู้หล่อเหล่าที่ใครก็หล่อสู้ไม่ได้ และมีลูกชายเป็นเจ้าชายตัวน้อยสองคนมีชื่อว่า เจ้าชายอินทร์ เจ้าชายจันทร์” สองแสบฟังไปก็ตื่นเต้นไปยิ่งมีชื่อของตัวเองอยู่ด้วยก็ยิ่งชอบใจ เพราะเด็กน้อยได้เป็นเจ้าชายเลยตั้งใจฟังลมเลเล่าต่ออย่างตั้งใจ

               “เจ้าชายอินทร์และเจ้าชายจันทร์นั้นแสนซนมากทำให้ราชาสุดหล่อนั้นปวดหัวสารพัด”

               “พี่อินทร์กับจันทร์ไม่ได้ซนสักหน่อย”

               “ใช่ๆ พ่อนะมั่ว” สองแสบขัดขึ้นมาอีก

               “พวกเอ็งนิขัดจังว่ะ” ลมเลว่าทั้งเกาหัวแกรกๆ รักษ์ที่มองอยู่ก็ได้แต่นึกขำ

               “ก็พ่อว่า แล้วพี่อินทร์หล่อสุดไม่ใช่พ่อสักหน่อย” ขุนอินทร์ยังเถียงเพราะมั่นใจว่าตนเองหล่อสุดไม่ใช่คนเป็นพ่อ

               “เอ็งจะฟังไม่ฟัง” ลมเลถามอย่างกวนๆ ลูกชายช่างขัด

               “ฟังครับๆ น้องจันทร์ให้พ่อหล่อสุดก็ได้ พ่อเล่าต่อน่า” ขุนจันทร์พูดอย่างออดอ้อนยอมให้พ่อหล่อสุดเพราะอยากฟังนิทานต่อ ขุนอินทร์ก็พยักหน้าสมทบอย่างต้องการบอกว่ายอมก็ได้ รักษ์เลยยกมือไปลูบหัวเล็กอย่างเอ็นดู

               “นั้นก็เงียบๆ อย่าขัด ถึงไหนแล้ว อ่อ เจ้าชายทั้งสองโคตรซน โคตรดื้อ จนราชาสุดหล่อปวดหัวมาก แล้ววันหนึ่งราชาสุดหล่อก็ได้หาเจ้าหญิงเพื่อมาดูแลเจ้าชายทั้งสอง เจ้าหญิงคนนั้นใจดีมากๆ และน่ารักมากๆ” ลมเลเล่าไปก็เหลือบไปมองรักษ์ด้วยจนรักษ์รู้สึกเขินอาย แอบคิดว่าที่ลมเลเล่ามานั้นใช่ตนเองหรือเปล่า

   “ใช่ๆ อารักษ์เป็นเจ้าหญิงใจดีมากๆ ” ขุนจันทร์ว่า

   “เป็นเจ้าหญิงที่สวยมากๆ ด้วยครับ” ขุนอินทร์เสริม

   “อารักษ์ไม่ใช่เจ้าหญิงสักหน่อยครับ คุณลมเล่าต่อเถอะครับ” รักษ์บอกสองแสบก่อนจะบอกให้ลมเลเล่าต่อ รักษ์รู้สึกเขินอายที่ลมเลเอาแต่มองแล้วก็ยิ้มจนรักษ์ต้องหลบสายตาลมเลถึงจะยอมเล่าต่อ

   “ขัดได้ขัดดีจริงๆ นะพวกเอ็ง เจ้าหญิงต่างเป็นที่รักของทุกคนในอาณาจักร เจ้าชายทั้งสองรักเจ้าหญิงมากๆ เจ้าหญิงเองก็รักเจ้าชายมากๆ เช่นกัน”

   “ใช่ๆ น้องจันทร์รักอารักษ์”

   “พี่อินทร์ก็รักด้วยยย”

   “ถ้าพวกเอ็งขัดอีกทีพ่อไม่เล่านะ” ลมเลว่าอย่างหน่ายๆ กับลูกชายทั้งสอง วันนี้จะจบกันไหม

   “อารักษ์ก็รักเจ้าชายทั้งสองครับ ไม่เอาไม่ขัดพ่อแล้วนะครับวันนี้ไม่จบพอดี” รักษ์บอกเด็กทั้งสองด้วยรอยยิ้ม

   “พี่อินทร์จะฟังเงียบๆ”

   “น้องจันทร์ด้วย”

   “ให้มันจริงเถอะ” ลมเลว่า “มาๆ ต่อๆ ในอาณาจักรอยู่กันอย่างมีความสุขเพราะทุกคนรักกันรวมถึงราชาสุดหล่อเองก็รักเจ้าชายทั้งสอง และเจ้าหญิงก็รักราชาสุดหล่อด้วย”

   “ใครบอกว่าผมรักคุณกันละ” พอเล่ามาถึงนี้รักษ์พูดขัดขึ้นมาเพราะลมเลเริ่มจะเล่าเพ้อเจ้อไปเรื่อย ถึงจะจริงก็เถอะแต่เรื่องอะไรรักษ์จะยอมรับกัน

   “อารักษ์อย่าขัดพ่อเดี๋ยวพ่อไม่เล่านะครับ” ขุนอินทร์แหงนหน้าขึ้นบอก รักษ์เลยต้องนิ่งไปทั้งที่ใจยังคงเต้นแรง ยิ่งเห็นรอยยิ้มของลมเลที่มองมาอย่างยียวนยิ่งสั่นไหว

   “ฮาๆ พ่อเล่าต่อนะ เวลาดำเนินไปเรื่อยมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมายในอาณาจักรสายลม จนสุดท้ายราชาสุดหล่อก็ได้ครองรักกับเจ้าหญิงอย่างมีความสุขตลอดไป เอ้าจบนอนๆ”

   “พ่อ! เจ้าหญิงต้องคู่เจ้าชายสิ” ขุนอินทร์เถียงมีขุนจันทร์พยักหน้าเห็นด้วย ก็พ่อมัวมีที่ไหนตอนจบเจ้าหญิงคู่กับราชา นิทานพ่อก็สั้นนิดเดียวเอง

   “นิทานอะไรของคุณครับ” รักษ์ว่าทั้งใบหน้าแดงๆ ทำไมลมเลถึงชอบทำให้เขาหวั่นไหวได้ตลอดเลย ทำแบบนี้รักษ์กลัวเหลือเกินกลัวว่าจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าลมเลก็คิดเช่นเดียวกันกับตนเอง

   “ก็พอใจให้จบแบบนี้พวกเอ็งจะทำไม ก็ราชาสุดหล่อก็รักเจ้าหญิงด้วยนี้หว่า” ลมเลว่ากลับไปทั้งเตรียมลุกขึ้นจากเตียงนอนของลูกชาย แต่แล้วลมเลก็ต้องตกใจเมื่อเสียงของสองแสบดังขึ้นพร้อมกัน รักษ์เองก็สะดุ้ง

   “พ่อรักอารักษ์หรา”

ลมเลนิ่งนึกในใจเวรแล้วไหมละ หันไปมองทางรักษ์ก็เห็นนั่งมองเขานิ่งใบหน้าแดงไปหมด ลมเลรู้สึกว้าวุ่นมากไม่รู้จะแก้สถานการณ์นี้ยังไงดี สุดท้ายก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กลบเกลื่อนแล้วรีบเดินออกจากห้อง ก่อนออกมาก็แอบเห็นใบหน้าของรักษ์เศร้าลงจนรู้สึกใจคอไม่มีนึกเป็นห่วงอีกคนขึ้นมา ลมเลรู้ดีว่ารักษ์รู้สึกยังไงกับตนเพราะการกระทำและสีหน้าของรักษ์แสดงออกชัดเจนแต่เจ้าตัวไม่รู้หรอกว่าตนเองอ่านออกง่ายขนาดนั้น ลมเลเองก็คิดไม่ตกเขาจะปล่อยให้เรื่องนี้มันเป็นไปแบบนี้เรื่อยๆ ไม่ได้ หรือเขาควรจะจัดการมันให้ชัดเจนเสียที ลมเลได้แต่คิดทบทวนทั้งคืน



"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ลูกคู่มาแล้วจ้าาาาาา ฝากติดตามและให้กำลังใจลูกคู่กันเยอะๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 18 (28/05/63)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-05-2020 12:29:14
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 19 (05/06/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 05-06-2020 10:27:26

                                     ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 19                                 

 เช้านี้ลมเลตื่นมาในเวลาปกติตั้งใจว่าจะไปหากาแฟดื่มสักแก้วแต่เมื่อผ่านห้องครัวก็เห็นรักษ์กำลังทำอาหารเช้าอยู่ เป็นเรื่องปกติที่รักษ์จะตื่นแต่เช้ามาทำอาหารแบบนี้แต่วันนี้ลมเลกลับรู้สึกไม่ปกติตอนจะก้าวเท้าเข้าไปหาอีกคนเรื่องเมื่อคืนกลับย้อนขึ้นมากวนใจ ยอมรับเลยว่าลมเลว้าวุ่นใจมากที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำให้เขาวุ่นวายและกังวลใจได้มากขนาดนี้มาก่อนเลย ลมเลเองก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร

               “โอ๊ย!”

เสียงร้องที่ดังจากในครัวทำให้ลมเลต้องละทิ้งความคิดรีบเดินไปดูรักษ์ทันที และเมื่อไปถึงก็พบว่านิ้วขาวมีเลือดสีแดงไหลออกมาคงเพราะหั่นผักพลาดไปโดน

               “ไปล้างแผลก่อน”ลมเลจับมือที่เป็นแผลขึ้นดูก่อนจะพารักษ์ไปที่อ้างเปิดน้ำล้างแผลให้เสร็จก็เดินจูงมืออีกคนไปที่โซฟาโดยที่ไม่ให้โอกาสรักษ์ได้พูดค้านอะไรเลย แผลไม่ได้ใหญ่อะไรมากแท้ๆ รักษ์คิด

   “เดี๋ยวฉันไปเอากล่องพยาบาลแปบหนึ่ง”

   “เอ่อ” รักษ์จะเอ่ยค้านแต่อีกคนกลับไม่ฟังอะไรเลย รักษ์แค่จะบอกว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมากแท้ๆ แต่อีกคนกลับทำท่าทีเป็นห่วงเป็นใยทำอย่างกับเขาเจ็บสาหัสทั้งที่ก็แค่แผลมีดบาดเล็กนิดเดียว ซึ่งรักษ์รู้ดีว่าที่ตนเองได้แผลก็เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องลมเลทำให้ไม่มีสมาธิ

   “เอามือมาฉันทำแผลให้” รักษ์ก็ว่าง่ายทำตามที่ลมเลบอกทุกอย่างเพราะสีหน้าเป็นห่วงของลมเลนั้นทำให้รักษ์ไม่กล้าปฏิเสธมัน แต่จริงๆ แล้วรักษ์รู้ดีว่ามันเป็นเพราะใจของเขาเองที่ไม่อยากปฏิเสธยิ่งเห็นอีกคนเป็นห่วงรักษ์ก็ยิ่งอยากกอบโกยความรู้สึกดีนี้ไว้ให้มากที่สุด รักษ์ไม่รู้หรอกว่าที่ลมเลแสดงออกมานั้นเพราะอะไรกันแน่อาจจะเป็นแค่เจ้านายห่วงลูกน้องแต่รักษ์ก็เต็มใจจะยอมรับความห่วงใยนี้แม้จะไม่ใช่ความรู้สึกที่รักษ์หวังก็ตาม

   “ขอบคุณครับ” รักษ์บอกเบาๆ เมื่อลมเลแปะพลาสเตอร์ยาให้เสร็จ

               “ไม่เป็นไร ทีหลังก็ระวัง อย่าทำให้ฉันเป็นห่วง” ลมเลบอกไปด้วยสีหน้าห่วงใจจากใจจริงๆ ทำเอารักษ์รู้สึกสับสนไปหมดว่าตกลงแล้วลมเลคิดหรือรู้สึกยังไงกันแน่เพราะการกระทำบางครั้งมันก็ทำให้รักษ์แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าลมเลก็รู้สึกดีกับตนเอง แต่บางครั้งก็ทำราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร รักษ์อยากบอกลมเลเหลือเกิน ‘หากคุณไม่คิดอะไรอย่าทำให้ผมคิดไปไกลและหวังไปมากกว่านี้เลย’ แต่รักษ์ก็ทำได้แค่คิด

               “เอ่อ ผมขอไปทำอาหารต่อนะครับ” ว่าจบรักษ์ก็รีบลุกขึ้นทันทีไม่อยากอยู่ตรงนี้ให้รู้สึกว้าวุ่นใจไปมากกว่านี้

               “ที่บอกว่าเป็นห่วงฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ” ลมเลพูดขึ้นขณะรักษ์กำลังเดินออกไป รักษ์ทำเพียงหยุดฟังแล้วก็เดินต่อไปทำให้ลมเลไม่เห็นว่ารักษ์ทำสีหน้าอย่างไร ลมเลแค่ต้องการย้ำให้อีกคนรู้ว่าเขาเป็นห่วงจริงๆ ลมเลไม่สบายใจเลยที่เห็นรักษ์เอาแต่ทำหน้าหม่นหมองและยิ่งสาเหตุเป็นเพราะตัวเขาแล้วยิ่งไม่สบายใจเข้าไปใหญ่ ตอนนี้ก็มาคิดวุ่นวายอีกว่าจะตามเข้าไปช่วยรักษ์ในครัวดีหรือเปล่า ถ้าเข้าไปแล้วจะทำอะไรยังไงดี เห้ออออ ชีวิตไอ้ลมจะมีรักทั้งทีทำไมวุ่นจังว่ะ ลมเลคิด จนแล้วจนรอดก็ตัดสินใจเดินตามรักษ์เข้าครัวไปก็ในเมื่อ เมื่อคืนเขาตัดสินใจแล้วว่าจะรุกก็ต้องรุกให้มันสุดๆ

‘เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน’ บอกกับตัวเองก่อนจะเดินตามอีกคนไป

               เมื่อเข้ามาในครัวก็เห็นรักษ์กำลังจะเอาผักไปล้างก็อาสาไปทำแทนให้เพราะกลัวแผลอีกคนโดนน้ำ รักษ์ดูงงๆ ว่าอยู่ดีๆ ลมเลเข้ามาช่วยในครัวทำไมปกติเคยมีที่ไหนกัน

               “ผมทำเองได้ครับ” รักษ์บอก

               “ไม่ได้ มือนายเป็นแผลอยู่”

               “แผลแค่นี้เองครับ” รักษ์ยังคงเถียงต่อ

               “ไม่ได้คือไม่ได้ อย่าดื้อ” ลมเลาฃว่าอีก จนรักษ์ต้องยอมแพ้ หันไปทำอย่างอื่นต่อ

ทั้งสองช่วยกันทำอย่างเงียบๆ มีบ้างที่ลมเลร้องถามว่าต้องทำอะไรอย่างไร ซึ่งไม่ได้ทำให้ทั้งสองรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด รู้สึกดีเสียด้วยซ้ำที่ได้คอยแอบชำเลืองมองกันไปมา พอนึกแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน

               “ได้เวลาปลุกสองแสบแล้ว” รักษ์ร้องขึ้นเมื่อดูนาฬิกาข้อมือ และเตรียมจะไปปลุกเด็กชายทั้งสอง

               “เดี๋ยวฉันไปปลุกเองนายทำต่อเถอะ”

เมื่อได้ยินลมเลบอกแบบนั้นรักษ์ก็สนใจทำอาหารตรงหน้าต่อซึ่งใกล้จะเสร็จแล้ว ต้องขอบคุณลมเลที่อุตส่าห์มาช่วยทำให้เสร็จเร็วกว่าปกติเล็กน้อย รักษ์ก็พึ่งรู้วันนี้ว่าลมเลก็พอมีทักษะในการทำอาหารอยู่บ้างเพราะทำบ่อยตอนสมัยเรียน

               หลังเสร็จมื้อเช้ารักษ์ตั้งใจว่าสายๆ จะชวนสองแสบทำขนมไว้ให้น้ำฟ้าที่จะมาในวันนี้ สองแสบพอได้ยินก็ดีใจใหญ่เพราะคิดถึงอาฟ้าคนสวย

               “พี่อินทร์ทำคุณทุเรียนให้อาฟ้าได้ไหมครับ” ขุนอินทร์นึกถึงบัวลอยรูปทุเรียนที่เคยทำให้พ่อกิน เลยอยากทำให้อาฟ้าลองชิมดูบ้าง

               “น้องจันทร์ก็อยากลองทำคุณเต่าดูบ้าง” ครั้งก่อนคุณกระต่ายครั้งนี้จะเอาคุณเต่าเพราะขุนจันทร์เห็นคุณเต่าในทีวีมันน่ารักดี

               “พวกเอ็งช่วยสงสารคนกินหน่อยเถอะ” ลมเลว่าเขายังสยองคุณทุเรียนกับคุณกระต่ายไม่หายเลย

               “ต้องสงสารคุณเต่าสิพ่อ คุณเต่าถูกกินน่า” ขุนจันทร์ว่าอย่างใสซื่อ ทำเอาคนเป็นพ่อกรอกตาอย่างระอา

               “ถ้าอย่างนั้นเราทำเป็นอย่างอื่นดีกว่าไม่ครับ คุณเต่าไม่ถูกกินด้วย” รักษ์เสนอ

               “น้องจันทร์ไม่ทำคุณเต่าแล้วก็ได้ครับ”

               “แล้วคุณทุเรียนของพี่อินทร์ละ” ขุนอินทร์ยังอยากทำคุณทุเรียนอยู่เลย

               “ทำเม็ดทุเรียนพอเอ็งนะ” ลมเลร้องบอกลูกชาย

               “เม็ดทุเรียนกินไม่ได้นะพ่ออออ” ขุนอินทร์ท้วง

               “นั้นก็ไม่ต้องทำ” ลมเลรีบบอกเพราะกลัวได้กินบัวลอยดิบอีก

               “เอาไว้ค่อยทำคุณทุเรียนกับคุณเต่าวันหลังนะครับ วันนี้เราทำบัวลอยสีรุ้งสวยๆ กันดีกว่า ดีไหมครับ” รักษ์ว่าเป็นการสรุปทั้งบอกเมนูที่จะทำวันนี้

               “ดีครับบบบบบ” สองแสบร้องรับเสียงดัง คนเป็นพ่อต้องสายหน้าให้อย่างหน่ายๆ เบื่อลูกตัวเองผิดไหม

               “วันนี้คุณลมเข้าสวนไหมครับ” ละจากเด็กๆ หันมาถามคนเป็นพ่อ

               “ไม่” ลมเลบอก

               “ดีเลยครับได้อยู่ทำขนมด้วยกัน สองแสบคงดีใจ” รักษ์บอกทั้งยิ้มยินดีสองแสบคงมีความสุขถ้าได้ทำอะไรกับพ่อบ้าง และรักษ์เองก็ดีใจเช่นกัน

   ตอนสายรักษ์จัดเตรียมของสำหรับทำขนมโดยมีลูกมือเป็นสามพ่อลูก รักษ์ตั้งใจจะทำบัวลอยสีรุ้งฉะนั้นจึงต้องทำแป้งหลายๆ สี โดยเอาสีจากธรรมชาติแทนสีผสมอาหารซึ่งหาได้ง่ายจากรอบๆ บ้าน มีสีเขียวที่เอาจากใบเตย สีน้ำเงินจากอัญชัน สีแดงจากดอกเฟื้องฟ้า สีส้มจากแครอท และสีขาวคือสีของแป้งปกติ

   สองแสบสนุกและตื่นเต้นกับการคั่นน้ำจากพืชต่างๆ มาก มีขอลองทำเองรักษ์ก็ไม่ห้ามให้เด็กทั้งสองได้ลองทำดูถึงจะพลาดจนทำให้น้ำสีเขียวหกไปจนหมดก็ตาม เดือดร้อนให้ลมเลไปเก็บใบเตยมาทำใหม่อีกรอบ

   รักษ์นวดแป้งแบ่งแยกเป็นสีๆ ก่อนจะนำออกมาปั้นทีละสี สอนให้สองแสบปั้นเป็นก้อนเล็กๆ เท่าปลายนิ้ว สองแสบก็ทำอย่างตั้งใจคอยวัด คอยเทียบให้แต่ละลูกเท่าๆ กัน ลูกไหนไม่เท่าก็เอามาปั้นใหม่ ถึงจะเสียเวลาไปหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไรให้สองแสบได้ค่อยๆ เรียนรู้อย่างเต็มที

   “พวกเอ็งมานี้สิ” ลมเลเรียกลูกชายเบาๆ สองแสบหันมองแต่ก็หันไปสนใจปั้นต่อ รักษ์เองก็ตั้งหน้าตั้งตาปั้นไม่ได้สนใจอะไร

   “มานี้ก่อนเดี๋ยวเลี้ยงติม” ลมเลเอาของกินมาล่อ เพราะรู้ดีว่าสองแสบไม่ปฏิเสธแน่นอน ไม่เชื่อก็ดูตอนนี้สองแสบเสนอหน้ามาที่เขาเรียบร้อยแล้ว ลูกใครว่ะเห็นแก่กิน

   “พ่อทำไร” ขุนอินทร์ถาม

   “เอานี้ไปให้อารักษ์ บอกรับของพ่อไปด้วย” ลมเลวางสิ่งที่ตั้งใจทำไว้บนมือขุนจันทร์ เมื่อเด็กน้อยทั้งสองเห็นก็ตาวาวทันทีอยากทำแบบพ่อบ้าง

   “น้องจันทร์อยากทำบ้างงงง”

   “ไม่ได้ พ่อทำให้อารักษ์ได้คนเดียว ไปเลยรีบนั้นอดติม” ลมเลกระซิบบอกไม่วายขู่ลูกชายอีก สองแสบด้วยความกลัวว่าจะอดกินไอศกรีมก็ยอมทำแต่โดยดี เดินไปหารักษ์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว

   “อารักษ์” สองแสบร้องเรียก รักษ์เลยต้องหยุดมือหันมาสนใจเด็กทั้งสองแทน

   “ว่ายังไงครับ”

   “พ่อให้เอามาให้ครับ” ขุนจันทร์บอกทั้งแบมือให้เห็นสิ่งที่ถูกฝากมา ทำเอารักทำสีหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว

   “พ่อบอกว่ารับของพ่อไว้ด้วยครับบบ” ขุนอินทร์บอกเพิ่ม

   “หัวใจๆ หัวใจพ่อให้อารักษ์” ขุนจันทร์บอกทั้งรอยยิ้มยืนมือส่งไปให้รักษ์

รักษ์หยิบก้อนแป้งสีแดงเล็กๆ ที่ถูกปั้นเป็นรูปหัวใจเบี้ยวๆ ขึ้นมาก่อนหันไปมองลมเลอย่างสงสัยระคนแปลกใจ แต่กลับได้รอยยิ้มจากอีกคนกลับมาทำให้รักษ์รู้สึกเขินอายไม่น้อย นี้ลมเลกำลังจีบเขาอยู่หรือเปล่า รักษ์ไม่อยากคิดไปเองเลย แต่ไอ้ก้อนหัวใจเบี้ยวๆ นี้เป็นตัวยืนยันว่าลมเลกำลังจีบรักษ์แน่ๆ รักษ์ไม่ได้ซื่อขนาดดูไม่ออก ถึงมันจะเป็นความรู้สึกเหลือเชื่อแต่รักษ์ก็ยินดีรับมันก็รักษ์ชอบเหมือนกัน เลยหยิบแป้งสีขาวมาปั้นเป็นรูปหัวใจแล้วฝากเด็กน้อยทั้งสองนำไปให้คนเป็นพ่อพร้อมกับคำพูดที่ทำเอาลมเลเสียอาการอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

               “บอกพ่อว่าอารักษ์ให้แล้วไม่รับคืนนะครับ”

...

ลูกคู่มาต่อแล้วน่าาาาาาาาา แอบประชุมมาลงลูกคู่กันจ้าาาาาา ขอเสียงคนรักลูกคู่หน่อยจ้าาาาาาาาาา พ่อเขาจีบกันนนนนนน

   
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 19 (05/06/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-06-2020 14:45:48
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 19 (05/06/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 05-06-2020 22:38:27
เขาจีบกันน่ารักเชียว   :mew2:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 20 (08/06/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 08-06-2020 12:46:05
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 20

   “รักษ์ ยายฟ้าใกล้ถึงแล้ว เตรียมออกไปรับกันเลยนะ” ลมเลเดินเข้ามาบอกรักษ์ในครัว

   “เดี๋ยวผมตักบัวลอยแปบหนึ่งครับ” ร้องบอกรับลมเลทั้งรีบตักบัวลอยใส่กล่องให้น้ำฟ้า และพ่อแม่ของลมเล เพราะเดี๋ยวต้องเข้าไปส่งน้ำฟ้าที่บ้าน เตรียมของเรียบร้อยก็ออกมาดูสองแสบที่ลมเลจัดการให้เรียบร้อยแล้ว

   “เสร็จแล้วหรือ”

   “ครับ”

   “นั้นไปกัน”

ทั้งสี่มุ่งไปรับน้ำฟ้าที่หน้าถนน ซึ่งเป็นทางเข้าสวนพอดี ไปรออยู่ได้สักครู่หนึ่งรถทัวร์ก็มาจอดพร้อมกับร่างเล็กระหงเดินลงมารักษ์รีบเปิดประตูรถลงไปหาเพื่อนสาวทันทีรวดเร็วชนิดที่ว่าลมเลร้องทักไม่ทัน

      “ฟ้า” รักษ์ร้องเรียกเสียงดัง ก่อนจะเข้าไปช่วยถือของที่เต็มไม้เต็มมือไปหมด

      “รักษ์ คิดถึง” น้ำฟ้าร้องบอกอย่างดีใจ

      “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี้ย” รักษ์ถามเพราะของในมือเยอะมาก

      “ก็พวกของฝากนี้แหละ” คุยกันไปทั้งเดินไปที่รถที่จอดอยู่ใกล้ๆ โดยมีสองแสบและลมเลยืนรออยู่ สองแสบพอเห็นว่าอาฟ้าคนสวยเดินมาใกล้ถึงก็ร้องเรียกเสียงดัง

     “อาฟ้า!” เด็กชายทั้งสองวิ่งไปเกาะน้ำฟ้าทันที     

      “ว่าไงสองแสบมาให้อาหอมที” ว่าแล้วก็ก้มลงหอมแก้มใสๆ ไปคนละทีทำเอาสองแสบดีใจใหญ่

      “ให้มันน้อยๆหน่อยพวกเอ็งนะ” ลมเลที่ยืนนิ่งอยู่พูดขึ้น แต่ละคนไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรหนักหนา

      “ยืนเก๊กอยู่นั้นแหละคุณพ่อลูกสอง” น้ำฟ้าว่าเพราะรู้สึกหมั่นไส้พี่ชายตัวเองที่ชอบทำเป็นเก๊ก ถ้าถามว่าลมเลสนไหมก็ไม่ หันไปช่วยรักษ์ถือของแทน น้ำฟ้านี้รีบมองแรงทันทีอะไรคือไม่ช่วยเธอทั้งที่ของในมือเธอมากกว่ารักษ์อีก นายหัวลมนี้ชักจะยังไงๆ กับเพื่อนของเธอแล้วจริงๆ สินะ เลยแกล้งแซ่วไปนิดหน่อย

      “น้องนุ่งไม่คิดช่วยเลยนะ ได้สิเดี๋ยวนี้เขามีคนของใจแล้ว” แนะยังทำเป็นไม่สนใจอีกพี่ชายคนนี้ แล้วไอ้เพื่อนเขานี้อะไรเขินทำไม แกล้งอีกคนแต่อีกคนกลับมาหน้าแดงเขินอายแทนเออเอาเข้าไปดูไม่ออกเลยว่าชอบเขานะรักษ์ เพื่อนฉันให้มันได้แบบนี้ แล้วดูพี่ลมยังมีหน้าไปยิ้มแหย่รักษ์มันอีก หนักแล้วสองคนนี้ น้ำฟ้าไม่คิดเลยว่าทั้งสองจะเป็นเอามากขนากนี้

      ตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่กันบนรถโดยมีลมเลเป็นคนขับและมีรักษ์นั่งอยู่ข้างๆ ส่วนน้ำฟ้าและสองแสบนั่งอยู่ด้านหลัง น้ำฟ้าตอนแรกตั้งใจจะนั่งหน้าคู่กับลมเลแต่พี่ชายตัวดีนั้นใช้ให้เธอขึ้นไปนั่งด้านหลังกับสองแสบ น้ำฟ้าก็ไม่ได้อะไรเข้าใจดีว่าพี่ชายอยากอยู่ใกล้รักษ์มีหรือเธอจะขัด แต่ตอนนี้น้ำฟ้าขัดใจมาก เพราะเมื่อเธอจะคุยกับรักษ์ตามประสาเพื่อนที่รักและคิดถึงมากกลับโดนพี่ชายตัวดีของเธอขัดตลอด ได้พี่ลมได้จะเอากันแบบนี้ใช่ไหม น้ำฟ้าคิดหมายมั่นในใจ

      “รักษ์หยิบน้ำให้ฉันหน่อย” ลมเลที่ขับรถอยู่ร้องบอกคนนั่งข้างๆ

      “นี้ครับ” รักษ์หยิบน้ำยื่นไปให้ พร้อมเปิดฝาให้เรียบร้อย

      “อารักษ์น้องจันทร์กินด้วยครับ” ขุนจันทร์ยื่นหน้าเข้าไป รักษ์ยิ้มให้ก่อนจะรับน้ำจากลมเลมาส่งให้น้องจันทร์

      “พี่ลมวันนี้ฟ้าไปนอนบ้านด้วยนะ” น้ำฟ้าร้องบอกคนขับ

       “ห้องไม่ว่าง นอนบ้านนั้นแหละ” ลมเลร้องบอกเพราะยกห้องให้รักษ์ไปแล้ว

       “ฟ้านอนกับรักษ์ก็ได้ แกฉันนอนกับแกนะ”

       “ไม่ได้” ลมเลรีบร้องห้ามเสียงดังจนรักษ์สะดุ้ง

       “ทำไมละพี่ลม” น้ำฟ้าร้องถามอย่างสงสัย

       “เอ่อ ไม่ได้คือไม่ได้ไง” ลมเลยังยืนยันคำเดิม

       “ทำไมฟ้าจะนอนกับรักษ์ไม่ได้” น้ำฟ้ายังคงเถียงไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยนอนกับรักษ์สักหน่อย เคยมีอยู่ครั้งสองครั้งที่รักษ์ไปค้างที่ห้องเธอ จำได้ว่าบังคับให้เพื่อนชายมานอนบนเตียงด้วยตั้งนานสุดท้ายเพื่อนก็นอนข้างเตียงอยู่ดี

      “ไม่คือไม่ เอ่อ เออใช่ รักษ์เป็นผู้ชายแกจะนอนด้วยได้ไง ใช่ๆ แบบนั้นแหละ”

       “แบบนั้นแน่หรือพี่ลม ทำไมต้องรนขนาดนั้น” น้ำฟ้าว่าอย่างจับผิดพี่ชาย รักษ์เองก็ได้แต่นั่งมองสองพี่น้องเถียงกันเงียบๆ ยังไงรักษ์ก็ไม่ได้คิดจะนอนด้วยกันกับน้ำฟ้าอยู่แล้วเพราะกลัวจะดูไม่ดี

       “รนอะไรก็ปกติ” ลมเลว่าทั้งขับรถต่ออย่างไม่สนใจน้องสาว ขับรถมาอีกไม่นานก็มาถึงบ้านซึ่งพายุและญาดานั่งชะเง้อคอรออยู่ก่อนแล้วคงเพราะคิดถึงลูกสาว น้ำฟ้าเมื่อถึงบ้านก็รีบวิ่งไปกอดญาดาทันที

      “คิดถึงจังเลยค่ะคุณแม่” ว่าแล้วก็หอมแก้มคนเป็นแม่ไปสองที

      “เป็นยังไงบ้างลูกเหนื่อยไหม” เธอถามลูกสาว น้ำฟ้าทำเพียงสายหน้าตอบ

       “คุณลุง คุณป้า สวัสดีครับ” รักษ์สวัสดี

       “คุณปู่ คุณย่า สวัสดีครับ” สองแสบที่อยู่ข้างๆ รักษ์เอ่ย

       “แม่สวัสดีครับ” ลมเลเอ่ยตามมาทีหลังสุดเพราะมัวหยิบของลงมาด้วย

      “จ้ะลูก แล้วนั้นขนอะไรมาเยอะแยะ” ญาดาถามเพราะในมือลูกชายมีของเต็มไปหมด

      “ถามลูกสาวแม่นู้น ไม่รู้จะซื้อมาทำไมเยอะแยะ” ตอบคนเป็นแม่ไปแต่ก็ไม่วายบ่นน้องสาว

      “ก็ของคนแถวนี้แหละ” น้ำฟ้าว่าทั้งหันมองรักษ์ รักษ์ถึงกับทำหน้างง ถ้าจำไม่ผิดเขาฝากน้ำฟ้าซื้อไม่กี่อย่างเอง

       “แล้วไหนของที่พี่ฝากซื้อ” ลมเลไม่ได้สนใจหันมารื้อถุงข้าวของหาของที่ตนเองฝากซื้อ

       “ตอนแรกละทำบ่นทีนี้ละมาถามหาของนะพี่ลม” น้ำฟ้าว่า

       “เถียงกันเป็นเด็กๆ ไปได้สองพี่น้องนี้” ญาดาว่าลูกทั้งสองก่อนจะหันมาชวนรักษ์เข้าบ้าน “หนูรักษ์เข้าบ้านกับป้าดีกว่า เมื่อเที่ยงป้านึ่งมันไว้ ไปลูกคู่เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า” สองแสบพอได้ยินเรื่องของกินก็ดีใจใหญ่

       “เดี๋ยวครับผมไปหยิบบัวลอยก่อน พอดีวันนี้ชวนสามพ่อลูกเขาทำขนมกันนะครับ” รักษ์ว่าก่อนจะเดินไปหยิบกล่องบัวลอยในรถแล้วเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับญาดาและสองแสบ เสียงพูดคุยเรื่องทำอาหารไม่ขาดสายทิ้งให้อีกสามคนด้านหลังมองอย่างงวยงง พายุมองหน้าลูกสาวและลูกชายอย่างล้อเลียนก่อนจะเดินตามเข้าบ้านไป

       “อะไรคือเมินลูกสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน” น้ำฟ้าว่า เธอเองชักจะสงสัยตกลงพี่ชายหรือแม่เธอกันแน่ที่หลงรักษ์

       “คนไม่สำคัญก็งี้” ลมเลว่าแล้วเดินตามเข้าบ้านไปอีกคน น้ำฟ้าได้แต่มองบนเอาเข้าไปคนบ้านนี้ เธอไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรแต่เรื่องอะไรเธอจะยอมให้ยืดรักษ์ของเธอกัน หัวร้อนเสร็จก็รีบเดินเข้าบ้านตามคนอื่นๆ ไป

      “อาฟ้ามากินบัวลอยสีรุ้งครับ” ขุนอินทร์พอเห็นว่าอาฟ้าคนสวยเดินเข้าบ้านมาก็รีบชวนทันที

      “น้องจันทร์ทำเองเลยน่า อร๊อยอร่อยยยย” แฝดน้องก็ช่วยชงด้วยอีกแรง น้ำฟ้าเลยฟัดแก้มหลายชายไปคนละที

      “อาฟ้ากินแล้วจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับสุดหล่อทั้งสอง” แกล้งแหย่สองแสบไป

      “อาฟ้าอ่า อารักษ์ดูอาฟ้าสิครับ” สองแสบหันไปกระเง้ากระงอยรักษ์ทันทีที่ถูกแหย่กลายเป็นเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนสองแสบโหมดนี้ก็น่ารักกก

      “ฮาๆ อาฟ้าล้อเล่นไหนๆ เอามาให้อาฟ้าชิมหน่อยสิ ไหนใครทำสีอะไรบ้าง” น้ำฟ้าว่าทั้งรับชามขนมบัวลอยหลากสีตัดกับน้ำกะทิขาวชวนให้ลิมลอง

       “น้องจันทร์ทำสีเขียว สีฟ้าด้วย สีแดงก็ด้วย ทำทุกสีเลยครับ”

       “พี่อินทร์ก็ทำทุกสีเลยครับ” สองแสบต่างโอ้อวด

       “โอ้โห่สุดหล่อของอาฟ้าเก่งกันจริงๆ เลย” น้ำฟ้าเอ่ยชมเอาใจหลานชาย

       “ตอนแรกน้องจันทร์จะทำคุณเต่าให้อาฟ้าด้วยน่า”

      “พี่อินทร์ก็จะทำพี่ทุเรียนให้ด้วย” สองแสบยังคงคุยโวไม่หยุด

      “แล้วไหนละครับ ทำไมไม่ทำให้อาฟ้าละ” น้ำฟ้าถามอย่างสงสัย

      “พ่อไม่ให้ทำ” สองแสบพูดขึ้นพร้อมกันเสียงดังทุกสายตาเลยไปหยุดที่ลมเลที่เอาแต่ตักบัวลอยเข้าปากไม่สนใจอะไรจนต้องหยุดชะงัก

       “ทำไมพี่ลม หลานอุส่าห์จะทำให้ฟ้าพี่ห้ามทำไม” น้ำฟ้าแกล้งว่าพี่ชาย

       “เพราะฉันยังห่วงชีวิตแกไง” ลมเลว่าแล้วตักกินบัวลอยต่ออย่างไม่สนใจ ทุกคนต่างสงสัยคงมีแต่รักษ์ที่เข้าใจเรื่องนี้ดีก้อนแป้งโตๆ ยังหลอนเขาอยู่เลย

       “พ่อนะชอบห้ามแถมขี้หวงด้วยยย” ขุนอินทร์บ่นพ่อ

       “ใช่ๆ พ่อชอบห้าม อาฟ้ารู้ไหมวันนี้น้องจันทร์อยากทำบัวลอยรูปหัวใจให้อารักษ์เหมือนพ่อบ้าง พ่อก็ไม่ให้ทำ” ว่าจบคนเป็นพ่อถึงกับสำลักน้ำบัวลอย

      “ใช่ๆ หัวใจส๊วยสวยยย” สองแสบยังไม่จบยังคงพูดต่อลมเลอยากเคาะกระบาลลูกตัวเองเหลือเกินไว้หน้าพ่อบ้างเถอะพวกเอ็ง แต่ก็นะมันคงช้าไปเพราะทุกสายตาหันมองเขาอีกแล้ว

       “มุกจีบเห่ยไปนะไอ้ลูกชาย หึหึ” คำพูดของนายหัวใหญ่แห่งสวนสายลมทำเอาลูกชายหน้าขึ้นสีไปเลยยยยย



""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ลูกคู่มาลิ้วววววววววว



               
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 20 (08/06/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-06-2020 11:49:03
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 21 (26/06/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 26-06-2020 21:39:10
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 21

      หลังพูดคุยกันไปตามประสาครอบครัวสุขสันต์เพราะมีสองแสบเป็นสีสันของครอบครับก็ได้เวลาเตรียมอาหารเย็นซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากญาดากับรักษ์ที่เป็นผู้ทำหน้าที่นี้โดยมีลูกมือเป็นสองแสบเช่นเดิมเพิ่มเติมก็คงจะเป็นน้ำฟ้าที่มาช่วยเสริมอีกคน

      “ใครจะไปเก็บกระเพรากับอาฟ้าบ้างเอ่ย” น้ำฟ้าร้องถามสองแสบแต่กลับได้การสายหน้าเป็นคำตอบเอาแต่เกาะโต๊ะดูรักษ์แกะเปลือกกุ้ง “ไม่มีใครไปจริงๆ หรือ” น้ำฟ้าถามย้ำอีกครั้ง ซึ้งคำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิม น้ำฟ้ามองสองแสบอย่างสงสัยปกติแทบจะไม่ต้องชวนแท้ๆ

       “ลูกคู่ไม่ไปหรอกลูก ไปๆ รีบไปเก็บเร็วๆ เข้า” ญาดาร้องบอกเมื่อเห็นว่าลูกสาวยังรออยู่

       “ทำไมละแม่” เธอถามอย่างสงสัย

       “ก็ติดอารักษ์เขาจะตาย” ญาดาบอกทั้งรอยยิ้ม

      “ไม่ขนาดนั้นสักหน่อยครับคุณป้า”  รักษ์ค้านขึ้นมา

       “เกาะไม่ห่างขนาดนี้ไม่ใช่ได้ไง นี้ฉันกลายเป็นอาตกกระป๋องไปแล้วหรือ” น้ำฟ้าว่าทั้งทำหน้าน้อยใจที่ใครมองก็รู้ว่ามันไม่จริงสักนิด แต่กับสองแสบกลับคิดเป็นจริงเป็นจังว่าอาฟ้าคนสวยน้อยใจเลยรีบไปเกาะเอวซ้ายขวาประจบทันที

       “โอ๋ๆ ไม่น้อยใจน่าอาฟ้า น้องจันทร์ไปด้วยก็ได้”

       “พี่อินทร์ก็ไปด้วยน่า ไม่งอนน่า” สองแสบเอาใจใหญ่ ทำเอาผู้ใหญ่ยิ้มเอ็นดู

       “นั้นไปกัน ใครถึงสุดท้ายแพ้” น้ำฟ้าบอกแล้วรีบวิ่งออกจากครัว โดยมีสองแสบวิ่งตามหลัง ให้รักษ์ต้องร้องเตือนแต่คงไม่ทันเพราะวิ่งหายไปกันแล้ว

      “พอกันเลยทั้งอาทั้งหลาน” รักษ์บ่นเพื่อนสาวเธอนี้ไม่เปลี่ยนไปจริงๆ เล่นได้ตลอดแบบนี้จะไม่ให้หลานแสบได้ไงอาก็ใช่ย่อยแบบนี้

     “เพราะอาเป็นแบบนี้หลานถึงได้ซนนัก” ถึงคำพูดเหมือนจะบ่นแต่น้ำเสียงและรอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นก็ทำให้รู้ว่าญาดารักและเอ็นดูลูกสาวและหลานมาก

       “นั้นสิครับ” รักษ์ตอบทั้งรอยยิ้ม เพราะน้ำฟ้าและสองแสบร่าเริงแบบนี้เขาถึงได้มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆรักษ์หันมาตั้งใจแกะเปลือกกุ้งตรงหน้าต่อเพราะยังเหลืออีกหลายตัว

       “แม่ใบกระเพรา” เสียงลูกชายคนโตร้องบอกเมื่อเดินเข้ามา ญาดาเลยพยักหน้าไปทางรักษ์ เป็นอันรู้กันว่าให้เอาไปให้รักษ์เพราะเธอกำลังแกงกะทิอยู่ สองเท้าเลยก้าวเดินเข้าไปหาอีกคนก่อนจะเอาใบกระเพราวางไว้ให้ใกล้ๆ

      “ขอบคุณครับ แล้วฟ้าละครับ” ถามหาคนไปเอาที่ไม่รู้หายไปไหน ทำไมลมเลถึงเอามาให้แทน

      “อยู่เรือนกล้วยไม้กับพ่อนะ”

      “ดูลูกสาวคนนี้” พอได้ยินลมเลตอบญาดาก็บ่นขึ้นมาทันทีเพราะฟังอยู่ด้วย

      “ให้ช่วยพ่อถอนหญ้าดีแล้วแม่ มาในครัวเดี๋ยวครัวพัง” ลมเลว่า คนฟังยิ้มพยักหน้าเห็นด้วยกับลมเล ก็น้ำฟ้านะเห็นหน้าตาน่ารักแบบนั้นแต่เรื่องในครัวนี้ไม่ได้เลย

       “รักษ์หยิบน้ำตาลในตู้ให้ป้าหน่อย” ญาดาร้องบอกทั้งยังดูหม้อแกงไม่ห่าง รักษ์ทำท่าจะไปล้างมือเพราะแกะกุ้งอยู่ก็ถูกมือใหญ่แตะไหล่เสียก่อน

       “เดี๋ยวฉันหยิบเองแกะต่อเถอะ” บอกแล้วก็เดินเลี่ยงไปทางตู้ใส่ของ รักษ์ก็หันมาแกะกุ้งต่อก่อนจะต้องสะดุ้งเพราะเสียงของลมเลที่ร้องถามอยู่ใกล้ๆ

      “ให้ฉันช่วยอะไรไหม” ความจริงลมเลตั้งใจจะเดินออกไปแล้วแต่อีกใจก็อยากอยู่ต่อเลยมาหาอะไรทำคงจะดีกว่ายืนเฉยๆ

       “ทำหมึกเป็นไหมครับ” รักษ์ถาม ในเมื่ออยากช่วยรักษ์ก็ให้ช่วย เมื่อเห็นว่าลมเลพยักหน้ารักษ์ก็เดินไปหยิบหมึกตัวโตในตู้เย็นออกมาให้อีกคนทำ ลมเลก็รับไปทำโดยไม่ได้พูดอะไร มือใหญ่ค่อยๆ หยิบหมึกตัวขาวขึ้นมาอย่างเบามือก่อนจะดึงหัวหมึกออกเบาๆ แต่ก็ไม่ยอมหลุดเลยออกแรงมากขึ้นมือที่จับตัวหมึกอยู่ก็จับแน่นพอใช้แรงดึงเพิ่มขึ้นกลับกลายเป็นว่ามากเกินไปจนทำให้น้ำในตัวหมึกกระเด็นกระจายไปทั่วไม่เว้นแม้แต่ที่ตัวรักษ์

      “คุณลม!” รักษ์ร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นน้ำสีดำๆ กระเด็นมาเกาะตามแขน ต้องทำรุนแรงขนาดไหนถึงขี้หมึกแตกกระจายกระเด็นไปทั่วขนาดนี้

     “เอ่อ โทษทีดึงแรงไปหน่อยนะ” ลมเลบอกอย่างรู้สึกผิดทั้งในมือยังถือซากหมึกที่ตอนนี้ดำไปทั้งตัว

     “ไม่ต้องมายิ้มเลยครับ ไปล้างก่อนเลยเลอะหมดแล้ว” รักษ์บอกทั้งเดินไปที่อ้างแต่ลมเลกลับยืนนิ่งไม่ตามมาจนรักษ์ต้องร้องเรียกอีกครั้ง “มาล้างก่อนครับ ชอบหรือไงหน้าดำแบบนั้น”

       “หน้าดำ” ลมเลทวนอย่างงงๆ หน้าดำอะไร หน้าเขาหรือ ถามตัวเองอย่างสงสัยพร้อมทั้งก้มมองมือตัวเองที่เริ่มดำไปหมดเพราะขี้หมึก

       “ล้างเลยครับ” รักษ์หลบให้อีกคนเข้ามาล้างเมื่อตนเองล้างเสร็จเรียบร้อย ลมเลก็ไม่รอช้ารีบล้างมือที่มีคราบดำออก รักษ์เองก็ไปเคลียร์กับซากหมึกดำๆ ตัวนั้นเก็บเอาไปล้างก็ใช้ได้ แต่พอมาที่อ่างกลับเห็นลมเลยืนยิ้มอยู่ทั้งที่หน้ายังไม่ล้าง หรือไม่รู้กันว่าขี้หมึกติดอยู่ที่หน้า ทางญาดาหันมาเห็นก็ต้องสายหัวให้ลูกชายถึงจะหล่อแต่ขี้หมึกติดแบบนั้นก็ไม่ไหว

       รักษ์หยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาก่อนจะยื่นไปเช็ดหน้าให้ลมเลทำเอาคนตัวโตตกใจยืนนิ่ง รู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะ มือใหญ่ค่อยๆ ยกขึ้นมาจับมือเล็กที่กำลังเช็คหน้าเขาอยู่ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเบาๆทั้งรอยยิ้ม รักษ์พอเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาเพราะสายตาแพรวพราวจากคนตัวโต ลมเลเองก็เขินอายไม่ต่างกันแต่พยายามเก็บมันไว้

       “เมื่อกี้หน้าดำตอนนี้หน้าแดงแล้วไอ้ลูกชาย” ญาดาเอ่ยแทรกความเงียบขึ้นมาจนทั้งสองต้องหันมองก็เห็นว่าญาดากำลังถือกระบวยยืนยิ้มล้อเลียนอยู่ รักษ์เลยต้องเดินหลบไปแกะกุ้งต่อ ลมเลเองก็ยืนเกาหัวอย่างเก้อๆ แม่นะแม่

      “แกงไหม้หมดแล้วแม่” ลมเลหาเรื่องเปลี่ยน

       “หม้อแกงหรือใครกันที่ไหม้” ญาดาย้อนถามทั้งรอยยิ้ม

      “อะไรของแม่ไม่รู้” ลมเลว่าทั้งหันมาช่วยรักษ์ต่อ แต่ครั้งนี้เด็ดใบกระเพราแทนหลาบกับหมึก

จากที่วุ่นกันอยู่นานอาหารเย็นก็เสร็จรักษ์ยกมาจัดที่โต๊ะเรียบร้อยก่อนจะเดินไปตามสองแสบที่เรือนกล้วยไม้ข้างบ้าน ก็เห็นว่าพายุกำลังตัดแต่งกล้วยไม้ สองแสบก็ช่วยน้ำฟ้ารดน้ำอยู่ใกล้ๆ

      “ข้าวเย็นพร้อมแล้วนะครับ” รักษ์ร้องบอก สองแสบพอเห็นว่าเป็นอารักษ์ก็รีบวิ่งเข้ามากอดทันที น้ำฟ้าก็จัดการเก็บสายน้ำแล้วเดินมาที่รักษ์

      “อารักษ์น้องจันทร์ให้” รักษ์ก้มมองตามเสียงก็เห็นว่ามือเล็กๆ ยื่นดอกกล้วยไม้สีแดงมาให้ทั้งกิ่งจนรักษ์ตกใจเพราะรู้ดีว่าเจ้าของนั้นทั้งรักทั้งหวง

      “ไปเก็บของคุณปู่มาได้ไงครับ” รักษ์ร้องถาม แต่ขุนจันทร์กลับยิ้มเป็นคำตอบแล้วไอ้ยิ้มแบบนี้รู้เลยว่าต้องไปซนมาแน่ๆ

      “ทั้งลูกทั้งหลานซนพอกันเลย” พายุพูดแล้วชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ที่ทั้งสามหยอกล้อกันจนไปเกี่ยวกิ่งกล้วยไม้ที่ชูช่อสวยงามหักลงมา

      “พ่ออ่าฟ้าไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย” น้ำฟ้าว่าอย่างอ้อนๆ

      “แบบนี้น่าตีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เลยนะครับ” รักษ์พูดทั้งมองเพื่อนสาว

      “เพื่อนรักษ์อย่าทำอะไรเค้าเลยน่า” พูดอ้อนเพื่อนอีกคน สองแสบก็พยักหน้าช่วยอาฟ้าคนสวยอีกแรง

      “คนทำผิดต้องถูกลงโทษ ตอนออกมาก็วิ่งทีหนึ่งแล้ว” รักษ์บอกทั้งลูบหัวสองแสบ แต่ทำน้ำฟ้าหน้ายู่เมื่อได้ยินประโยคต่อมา “เย็นนี้ล้างจานเลยนะอาฟ้าคนสวย ฮาๆ” ว่าแล้วก็พาสองแสบไปล้างไม้ล้างมือกินข้าวและไม่ลืมย้ำสองแสบให้ไปช่วยน้ำฟ้าล้างจานหลังกินข้าวเสร็จเพราะมีส่วนผิดด้วยเช่นกัน

      “นี้แกกุ้งตัวโต ฉันรู้แกชอบ” น้ำฟ้าบอกด้วยน้ำเสียงประจบประแจงตักนู้นตักนี้ให้รักษ์ไม่หยุด รักษ์เองก็ไม่ได้สนใจเพราะรู้จุดประสงค์ของน้ำฟ้าดี แต่เสียใจด้วยนะเพื่อนวิธีนี้ไม่ได้ผลคนผิดก็ต้องโดนรับโทษ

       “พี่อินทร์น้องจันทร์ วันนี้ต้องกินผักเพิ่มนะครับ เพราะซนมาก” รักษ์บอกทั้งตักผักในต้มจืดให้สองแสบที่หน้ามุ่ยเมื่อเห็นผักแต่ต้องรีบยิ้มเมื่อรักษ์มองมา ถึงไม่อยากกินก็ต้องกินเพราะอารักษ์อยากให้กิน

       “แกเอาเต้าหู้” ว่าจบก็ตั้งใจวางเต้าหู้ไข่ลงบนจานข้าวรักษ์แต่ลมเลกลับเอาจานข้าวตัวเองมารับแทน

      “ขอบใจ” ลมเลบอกอย่างไม่สนใจว่าน้ำฟ้าจะทำหน้ายังไงแต่ลมเลรู้สึกขัดใจมากๆ ที่น้ำฟ้าเอาแต่ตักนู้นตักที่ให้รักษ์ไม่หยุด

       “พี่ลม” น้ำฟ้าว่า ลมเลก็ยังคงทำเป็นไม่สนใจ แต่พอน้ำฟ้าตักอะไรให้รักษ์ลมเลจะยื่นจานไปรับแทนตลอด แล้วตักใหม่ให้รักษ์เอง จนน้ำฟ้ารู้สึกหมั่นไส้นึกอยากแกล้งพี่ชายขึ้นมา

      “แกฉันอยากกินหมูทอด แกตักให้หน่อยฉันตักไม่ถึง” น้ำฟ้าร้องบอกรักษ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามให้ตักให้ รักษ์เองก็ทำให้อย่างไม่อิดออด พอหมูทอดชิ้นโตถูกวางลงบนจานน้ำฟ้าก็หันไปยักคิ้วอย่างผู้ชนะให้ลมเล ลมเลเองก็นึกหงุดหงิดขึ้นมาเขาก็อยากให้รักษ์ตักให้บ้าง

      “นายตักกุ้งให้ฉันหน่อย” ลมเลร้องบอกรักษ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ รักษ์เองก็หันมองลมเลก่อนจะหันมองจานผัดกระเพราทะเลที่อยู่ตรงหน้าลมเล ไม่เข้าใจอยู่ใกล้แค่นี้ทำไมต้องให้เขาตักให้ด้วย แต่รักษ์ใช่คนคิดอะไรมากก็เลยตักกุ้งตัวโตไปให้คนตัวโตที่นั่งอยู่ข้างๆ พอได้ก็ยิ้มเสียยกใหญ่ มันต้องดีใจขนาดนั้นเลยหรือรักษ์คิด แบบนี้คงต้องตักให้บ่อบๆ เพราะรักษ์ชอบเวลาลมเลยิ้มแบบนี้ที่สุด แต่ทางน้ำฟ้ามองบนอย่างระอากับพี่ชายตัวเอง ส่วนพายุและญาดาได้แต่สายหัวให้กับเด็กๆ ในร่างผู้ใหญ่ เล่นอะไรกันก็ไม่รู้

...

ลูกคู่มาลิ้วววววววววววววววววววววววว ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเช่นเดิมมม เรื่อยๆๆๆ อีกลิ้วววววววว อิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 21 (26/06/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-06-2020 14:25:11
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 21 (26/06/63)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-11-2020 19:07:37
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 22 (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:11:29

ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 22

               เมื่อวานกว่าจะกลับจากบ้านนายหัวใหญ่แห่งสวนสายลมก็ปาไปสามทุ่ม สองแสบงอแงจะนอนอย่างเดี๋ยวเลยต้องพากลับมานอน น้ำฟ้าไม่ได้ตามมานอนด้วยเพราะลมเลไปยอม แต่เดี๋ยวเย็นนี้นัดกันว่าจะไปเดินตลาดนัดที่ริมทะเล ซึ่งรักษ์ยังไม่เคยไป มาอยู่ก็พักหนึ่งแล้วยังไม่ค่อยได้ไปไหนเลย และเช้านี้อากาศสดชื่นดีมากหลังทานข้าวเช้าเสร็จรักษ์เลยชวนสองแสบมารดน้ำแปลงผัก ส่วนลมเลก็เข้าสวนไปตั้งแต่กินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยเห็นว่าวันนี้ต้องตัดแต่งกิ่งทุเรียนแต่จะกลับมาตอนบ่ายๆ

               “อารักษ์ผักกินได้ยังครับ” เสียงของขุนอินทร์ร้องถามทั้งถือสายยางรดน้ำสายไปมา

               “ยังครับ ต้องรอให้มันโตกว่านี้ก่อน”

   “ต้องให้โตๆ เท่านี้ก่อนหรือครับ” ขุนจันทร์บอกทั้งวาดแขนเป็นวงกว้าง

   “ใช่แล้วครับ ต้องโตๆ เท่านี้ก่อน” รักษ์บอกทั้งรอยยิ้มเอ็นดู ก่อนจะก้มลงถอดหญ้าตอนเล็กๆ ที่แซมขึ้นมา

   “จันทร์รดบ้าง” ขุนจันทร์บอกทั้งแย่งสายยางจากมือขุนอินทร์

               “ไม่ อินทร์จะรด” แฝดพี่แย่งกลับ

               “จันทร์อยากรดบ้าง” แฝดน้องว่าทั้งแย่งสายยางอีกรอบแต่แฝดพี่ไม่ยอมเลยต้องยื้อกันไปยื้อกันมาจนน้ำที่ออกจากสายกระจายไปถูกเด็กทั้งสองจนเปียก และไม่เพียงเท่านั้นพี่เลี้ยงอย่างรักษ์ที่อยู่ข้างๆ ก็พลอยเปียกไปด้วย รักษ์จ้องมองเด็กทั้งสองที่แย่งสายน้ำกันไปมาอย่างใจเย็นมีไม่บ่อยที่สองแสบจะแย่งอะไรกันแบบนี้

               “พี่อินทร์ น้องจันทร์” รักษ์เรียกเด็กทั้งสองนิ่ง แต่กลับไม่ได้รับการสนใจเลยต้องเรียกซ้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังและนิ่งกว่าเดิม ซึ่งมันได้ผลเพราะเด็กทั้งสองหยุดมือทันทีและหันมามองรักษ์อย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะเสียงอารักษ์นิ่งมาก สองแสบรู้ได้ทันทีเลยว่าทำอารักษ์โกรธเข้าให้แล้ว

               “เอ่อ อารักษ์” ขุนอินทร์เรียกทั้งยังถือสายยางรดน้ำอยู่ สายน้ำที่ไหลออกมารดโดนตัวจนเปียกไปหมด ขุนจันทร์เองก็ปล่อยมือจากสายน้ำมายืนข้างๆ ขุนอินทร์ ตอนนี้สองแสบหน้าตาสลดมากแทบจะร้องไห้เพราะรู้ดีว่าทำผิด แย่งสายน้ำกันไม่พอยังเปียกกันอีกแถมทำอารักษ์เปียกด้วย

               “เอ่อ น้องจันทร์ขอโทษครับ”

               “พี่อินทร์ก็ขอโทษครับ” สองแสนร้องบอกทั้งก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด รักษ์เองยังคงมองสองแสบนิ่งจนเด็กทั้งสองกลัวอารักษ์โกรธ ตั้งใจจะอ้อนสักหน่อยมือของรักษ์ก็ยื่นมาขอสายยางเสียก่อน ขุนอินทร์และขุนจันทร์มองมือขาวที่ยื่นมาทั้งยังทำหน้านิ่งด้วยความรู้สึกไหวเกรงเพราะอารักษ์น่านิ่งมากจนสองแสบแอบกลัว มือเล็กๆ เลยค่อยๆ ยื่นสายยางไปให้ แต่เมื่อรักษ์รับไปรักษ์ก็ยิ้มกว้างทำเอาสองแสบงงไปหมดแต่ก็ต้องตกใจเมื่อรักษ์ฉีดน้ำใส่

               “นี้แนะๆ ซนกันจริงๆ เลย ฮาๆ” รักษ์ฉีดน้ำใส่สองแสบอย่างต้องการแกล้ง ตอนเห็นสองแสบทำหน้าเหมือนจะร้องไห้รักษ์ต้องกลั่นไม่ให้หลุดขำออกมาแทบแย่

               “ฮาๆ อารักษ์” เด็กทั้งสองร้องเสียงดังหลบหยดน้ำที่ฉีดเข้าใส่กันให้วุ่น จากที่เคยรู้สึกสลดตอนนี้หัวเราะชอบใจกันดังลั่นไปหมด อารักษ์แกล้งงงงงง

               เล่นฉีดน้ำใส่กันจนหมดแรงทั้งสามก็พากันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากลายเป็นว่าเช้านี้อาบน้ำสองรอบกันไปเลยแถมผักก็ไม่ได้รดน้ำอีก

               “พี่อินทร์ น้องจันทร์มาเอาผ้าไปตากได้แล้วครับ” รักษ์ร้องบอกเด็กทั้งสองที่ยืนรออยู่ใกล้ๆ เครื่องสักผ้า เพราะเล่นน้ำจนเสื้อผ้าเปียกเลยต้องซัก และรักษ์ก็ต้องการให้สองแสบรู้จักจัดการกับข้าวของของตัวเองเลยให้ตากผ้าของตัวเอง สองแสบมีใจดีเอาของรักษ์ไปช่วยตากให้ด้วย รักษ์มองเด็กทั้งสองที่จับหูตะกร้ากันไปคนละข้างด้วยสายตาเอ็นดูไม่ว่าจะสอนอะไรสองแสบก็ตั้งใจทำและช่วยเหลือกันดีเสมอ ยกเว้นเมื่อเช้าที่แย่งสายน้ำกันละนะ

               “ต้องเอาด้านในออกมาไว้ด้านนอกก่อนครับ แล้วก็สะบัดๆ ก่อนเอาไปตากนะครับ”

               “แบบนี้ใช่ไหมครับ” ขุนอินทร์ทำให้รักษ์ดู

               “ใช่แล้วครับ เก่งมากๆๆ” พอได้คำชมเด็กน้อยก็ยิ้มหน้าบานเลย

               “แล้วลิงๆ นี้ละครับ” ขุนจันทร์ร้องถามทั้งโชว์กางเกงในสีขาวที่มีลายซุปเปอร์แมนให้รักษ์ดู รักษ์ยิ้มขำก่อนจะบอกให้เอาไปตากที่พวงไม้หนีบ ใช้เวลาไม่นานก็จัดการกับผ้าในตะกร้าจนหมดและพอดีกับมีเสียงมอเตอร์ไซต์วิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน สองแสบก็รีบวิ่งไปดูว่าเป็นใคร

               “อาฟ้า!” เมื่อเห็นว่าเป็นอาฟ้าคนสวยสองแสบก็รีบไปรับถึงมอเตอร์ไซต์กันเลยทีเดียว

               “ทำไรกันสุดหล่อ”

               “น้องจันทร์ไปตากผ้ามาครับ”

               “พี่อินทร์ก็ด้วย” สองแสบรีบโอ้อวด

               “เดี๋ยวนี้พัฒนาทำงานเองได้ด้วย” น้ำฟ้าแกล้งพูด

               “พี่อินทร์เก่ง”

               “น้องจันทร์ก็เก่ง” ชมตัวเองก็มา

               “จ้า หลานอาฟ้าเก่งที่สู๊ดดดดดด” ว่าทั้งรั้งแก้มเด็กทั้งสองเบาๆ

               “ไปเข้าบ้านกันก่อนครับ ตรงนี้ร้อน” รักษ์ที่เดินตามมาทีหลังร้องบอก เลยพากันเข้าบ้าน

               “เอานี้ของที่ฝากซื้อ” น้ำฟ้าวางของที่หิ้วมาไว้บนโต๊ะ

               “ขอบใจ เมื่อวานลืมเลย” รักษ์ร้องบอกทั้งเปิดของในถุงดู “ทำเค้กกันไหม” รักษ์เอ่ยถามน้ำฟ้าแต่กลายเป็นสองแสบที่ตอบแทนทำให้ตอนนี้ทุกคนเลยย้ายกันมาอยู่ในครัวเพื่อจะทำเค้กฝอยทองกัน ซึ่งแต่ละคนก็ช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง

               “พี่อินทร์ไม่เป่าแป้งเล่นสิครับ” รักษ์ร้องเตือนแฝดคนพี่ที่เอาแป้งเค้กใส่มือแล้วเป่าลมใส่ให้แป้งฟุ้งไปในอากาศ รักษ์เองก็ยุ่งอยู่กับการร่อนแป้ง

               “น้องจันทร์นั้นเขาเอาไว้ตีไข่ครับ จะเอาไปทำไม้คอมแฝกไม่ได้” หลุดจากคนพี่ก็คนน้อง

               “ย๊าก อักคีสาดแสง” ว่าทั้งทำท่าทางประกอบ ไม่ได้ฟังที่ห้ามกันเลยจนรักษ์ต้องบอกอีกครั้ง

               “ยังไม่หยุดเล่นนะครับน้องจันทร์” เพื่อให้สองแสบได้อยู่นิ่งรักษ์เลยต้องหางานให้ทำโดยการให้เช็ดพวกอุปกรณ์

   รักษ์ตั้งใจทำเค้กนึ่งง่ายๆ โดยใส่หน้าฝอยทองที่ฝากน้ำฟ้าซื้อจากเพชรบุรี ต้องบอกเลยว่าขนมเมืองเพชรอร่อยอย่าบอกใครเลย เพราะถ้าไม่อร่อยน้ำฟ้าคงไม่ตั้งหน้าตั้งตากินฝอยทองอยู่หรอกครับ

   “ฟ้า ฉันให้แกเอาฝอยทองมาใส่จานไม่ใช่ใส่ปาก”

   “แค่ชิมนิดเดียวเอง” บอกไปทั้งหยิบกินอีกคำโต รักษ์ได้แต่สายหน้าอย่างระอา

   “นี้แก ว่าจะถามสักหน่อย ตกลงอะไรยังไงกันแน่กับพี่ฉันนะ” อยู่ดีๆ น้ำฟ้าก็เลิกสนใจฝอยทองหันมาถามรักษ์เรื่องที่สงสัยอยู่ ทำเอารักษ์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะบอกปัดไป

   “อะ อะไร ไม่มีอะไรสักหน่อย”

   “อย่ามาโกหก ไม่มีแล้วจะเขินทำไม” น้ำฟ้าว่าเพราะเห็นรักษ์เขินจนหน้าแดง จะให้เชื่อได้ไงว่าไม่มีอะไร

   “ก็ไม่มีจริงๆ” รักษ์ยังยืนยันคำเดิมทั้งที่ในใจปั่นป่วนไปหมด

   “นั้นถามใหม่ แก่ชอบพี่ลืมหรือเปล่า” น้ำฟ้าถามทั้งรอยยิ้ม ยิ่งเห็นอาการอ้ำอึ้งของเพื่อนก็รู้ได้เลย

   “เอ่อ คือ” รักษ์ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี จะบอกออกไปยังใจคิดก็กลัวเกินกว่าจะพูดมันออกมา

   “ไหนแกว่าเราสองคนจะไม่มีอะไรปิดบังกันไง” น้ำฟ้าทวงสัญญาที่เคยพูดกันไว้เมื่อเห็นว่ารักษ์ไม่ยอมตอบสักที

   “คือฉัน เอ่อ ฟ้าคือฉันกลัว” รักษ์บอกออกมา

   “แกจะกลัวอะไรรักษ์”

   “ฉันกลัว ไม่อยากคิดเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้” ใช่รักษ์กลัวจริงๆ เพราะรู้ว่ามันคงเป็นไปได้ยากฉะนั้นอยู่แบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว กลัวว่าถ้าคิดมากไปกว่านี้จะกลายเป็นว่าเขาต้องเสียมันไป

   “แกรู้ได้ไงว่าเป็นไปไม่ได้”

   “เอ่อ คือ”

   “รักษ์ แกฟังฉันนะ ฉันรู้ว่าแกคิดอะไร แกรู้สึกยังไง แกไม่ต้องกลัวอะไรแกแค่ทำตามความรู้สึกของตัวเองจะกลัวไปทำไมเจ็บสุดก็แค่เสียใจ อกฉันว่างมาซบได้ฮาๆ”

   “ใครจะไปซบอกแกกัน” รักษ์บอก

   “ทำไมเดี๋ยวเถอะ อย่ามานอกเรื่องตกลงว่า”

   “คือฉัน” รักษ์ก็ยังคงไม่กล้าอยู่ดี

   “แค่บอกว่าชอบหรือไม่ชอบมันยากตรงไหนรักษ์” น้ำฟ้ากอดอกว่าอย่างกดดัน จนรักษ์ต้องหลบสายตา น้ำฟ้าไม่เข้าใจหรอกว่ามันตื่นเต้นแค่ไหนแค่คิดว่าเขาชอบลมเลเขาก็ตื่นเต้นจะแย่นี้ให้มาพูดอะไรแบบนี้รักษ์ก็อดคิดหนักไม่ได้

   “ช่างมันเถอะ ฟ้าจะอยากรู้ทำไมมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย” รักษ์ยังคงเลี่ยงที่จะตอบ

   “เพราะฉันเป็นเพื่อนแกไงฉันถึงอยากรู้ และนั้นก็พี่ชายฉันด้วยไง”

   “แกไม่ต้องกังวลหรอกฉันไม่พาพี่ชายแกมาตกต่ำหรอก” ใช่รักษ์ไม่ได้ต้องการให้ลมเลดูไม่ดีในสายตาใครๆ

   “ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนั้น ไม่ได้สนใจด้วยใครจะมองยังไงแต่ที่ฉันสนใจคือความรู้สึกของแก ฉันอยากให้แกมีความสุขถึงได้ถามไงละ อยากได้ยินจากปากแกเองไม่ใช่ฉันคิดไปเอง”

   “ถ้าฉันตอบไปแล้วไงละฟ้า ใช่ว่าคุณลมจะคิดเหมือนกันกับฉัน เก็บไว้คนเดียวแบบนี้ก็ดีแล้ว” รักษ์บอกทั้งใบหน้าหมองลงต่อให้หลายๆ ครั้งการกระทำของลมเลทำให้รักษ์คิดไปไกลแต่รักษ์ก็พยายามเตือนตัวเองเสมออย่าให้นึกฝันไปไกลเพราะถ้ามันไม่ใช่สุดท้ายก็รั้งแต่จะทำให้ตัวเองเสียใจ

   “อย่างน้อยแกก็มีเพื่อนคอยรับฟังแกไง แล้วแกแน่ใจได้ไงว่าพี่ลมไม่ได้ชอบแก ชอบคิดไปเอง” น้ำฟ้าว่าทั้งจิ้มนิ้วลงบนหน้าฝากของรักษ์เบาๆ

   “ก็ฉันเป็นผู้ชาย”

   “ผู้ชายแล้วไง พี่ลมก็ผู้ชายแกยังชอบได้” น้ำฟ้าว่า

   “ไม่เหมือนกันสักหน่อย แล้วฉันบอกตอนไหนว่าชอบ” รักษ์เถียง

   “หรือแกจะเถียงว่าไม่จริง ตกลงชอบไม่ชอบ ถ้าไม่ตอบนี้ขอให้ขึ้นคานตลอดชีวิตเลย” น้ำฟ้ากอดอกว่า

   “ถ้าฉันขึ้นคานฉันจะลากแกไปด้วย” รักษ์เถียงไม่ยอมตอบสักทีจนน้ำฟ้าต้องถลึงตาใส่อีกรอบ “เออๆ บอกก็ได ใช่ฉันชอบ ได้ยินไหมว่าฉันชอบ พอใจยัง” รักษ์ตะโกนบอกเสียงดัง น้ำฟ้าพยักหน้ารับอย่างพอใจ รักษ์เลยหันมาร่อนแป้งต่อแต่สายตาดันไปเห็นใครอีกคนที่เวลานี้ควรจะอยู่ในสวนกลับมายืนอยู่ตรงนี้

   “คุณลม” รักษ์เอ่ยเรียกเบาๆ น้ำฟ้าก็หันไปมองด้วยก็เห็นว่าเป็นพี่ชายทำหน้าสลดอยู่ ก่อนจะเดินออกไปดูก็รู้ว่าสีหน้านั้นผิดหวังมากแคไหน จนรักษ์เองทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยเห็นลมเลทำสีหน้าแบบนี้มาก่อนสีหน้าที่ราวกับโลกทั้งใบถล่มลงมาและนั้นมันทำให้รักษ์รู้สึกใจคอไม่ดีเลย

...

ลูกคู่มาต่ออีกแล้วน่าาาาาาาาา แสบน้อยๆๆๆ แต่อารักษ์ดูท่าจะงานเข้า 
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 23 (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:13:33
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 23

 

ตั้งแต่ช่วงสายลมเลก็ดูเงียบไปอย่างผิดปกติ มาเล่นตลาดนัดก็เว้นระยะห่างอย่างที่ไม่เคยเป็น ปกติมาตลาดลมเลมักถามรักษ์เสมอว่าจะซื้ออะไร เอานั้นนี้หรือเปล่า แต่วันนี้คนตัวโตเอาแต่เงียบจนรักษ์รู้สึกไม่ดี

“อารักษ์ พี่อินทร์อยากกินโตเกียวครับ” ขุนอินทร์ร้องบอกทั้งชี้ไปที่ร้านตรงหน้า รักษ์เลยต้องละสายตาจากคนตัวโตที่เดินเยื้องๆ กันอยู่

“ได้เลยครับ น้องจันทร์เอาด้วยไหม” พยายามตอบรับสองแสบให้เป็นปกติแต่รักษ์รู้ดีว่ากำลังฟืน

“น้องจันทร์อยากกินแพนเค้กครับ”

“นั้นอาฟ้าพาไปซื้อแพนเค้กนะครับ รักษ์แกพาขุนอินทร์ไปซื้อโตเกียวก็ได้ได้เสร็จเร็วๆ” น้ำฟ้าบอกก่อนจะจูงมือขุนจันทร์ไปอีกทาง แต่เมื่อเห็นว่าลมเลจะก้าวตามมาก็บอกให้อยู่เป็นเพื่อนรักษ์ “พี่จะตามมาทำไม ไปอยู่เพื่อนรักษ์มันนู้น” ว่าจบก็เดินกันไปอย่างไม่สนใจ ลมเลเลยกลับมายืนข้างรักษ์ ลมเลรู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูกเพราะเรื่องที่ได้ยินมามันรบกวนใจเขาเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าที่ตั้งใจจะรุกรรักษ์กลับต้องมาเจอตอใหญ่รวดเร็วเช่นนี้ และดูเหมือนเขาจะไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปได้อีก เพราะเขาคงไม่สามารถแย่งความรักของน้องสาวมาได้ นึกแล้วก็เจ็บไปทั้งใจ เขาไม่ทันนึกถึงเรื่องที่รักษ์ชอบน้องสาวเขามาก่อนเลย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมารักษ์ไม่ได้แสดงออกอะไร แล้วยังไอ้อาการที่แสดงออกกับเขาอีกมันหมายความว่าอะไรกันคิดแล้วก็ตื้อตันไปหมด

“ได้แล้วครับ” เสียงพ่อค้าร้องบอกมือใหญ่เลยเลื่อนไปรับ เพราะมัวแต่คิดเลยไม่ทันเห็นว่ารักษ์ยื่นมือมารับเช่นกันจนมือทั้งสองสัมผัสกันลมเลตกใจรีบชักมือกลับราวกับโดนของร้อน แต่ก็ไม่เท่ากับรักษ์ที่ใจเสียไปแล้วกว่าครึ่งเมื่อเห็นอาการของคนตัวโต แต่จะให้ทำไงได้นอกจากทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นหันมาสนใจขุนอินทร์และพากันเดินดูของต่อ แม้ภายนอกดูจะไม่มีอะไรแต่ในใจสองดวงกลับปั่นป่วนวุ่นวายไปหมดพาลให้บรรยากาศรอบตัวทั้งสองดูหมองลง จนเด็กชายตัวเล็กรู้สึกแปลกๆ ขุนอินทร์ไม่ชอบแบบนี้เลย อารักษ์ไม่ค่อยยิ้ม พ่อก็เงียบ

“พ่อ อารักษ์” เสียงเล็กเรียกผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะยื่นมือเล็กไปจับมือลมเลและรักษ์คนละข้างพร้อมกับยิ้มโชว์ฟัน เพราะเชื่อว่าถ้าตัวเองยิ้มพ่อกับอารักษ์ต้องยิ้มด้วยแน่ๆ และมันก็ได้ผลรักษ์ยิ้มให้เด็กน้อย คนเป็นพ่อก็ยกมือยี่หัวเล็ก ทั้งสองเลยได้รู้ตัวว่ากำลังทำให้เด็กน้อยกังวล

“รักษ์ พี่ลม” น้ำฟ้าที่เดินมาสมทบทีหลังร้องเรียก แอบยิ้มล้อทั้งสองนิดๆ ที่ดูขัดเขินกัน แม้บรรยากาศจะแปลกๆ ไปก็ตาม “แกฉันซื้อขนมไข่นกมาฝากเจ้านี้อร่อยมากบอกเลย” น้ำฟ้าร้องบอกอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามันเงียบผิดปกติ

“ขอบใจ” รักษ์บอกเบาๆ ก่อนจะรับขนมไป

“กลับกันเลยไหม” ลมเลร้องถาม เพราะนี้ก็เดินกันมานานมากจนเย็นแล้ว เมื่อเห็นว่าทุกคนพยักหน้าก็เลยพากันกลับ ระห่างทางกลับลมเล และรักษ์ยังคงต่างเงียบ น้ำฟ้ามองสองคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าแล้วกังวลใจ มันต้องมีอะไรแน่ๆ รักษ์เงียบนะไม่แปลกแต่ไอ้หน้าหงอยๆ เนี้ยแปลก ทางลมเลก็นิ่งเกินไปปกติต้องกวนๆ แต่ก็ทำได้แค่เฝ้าดูสถานการณ์

น้ำฟ้าอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนจะกลับและตั้งใจไว้ว่าพรุ่งนี้ค่อยมาคุยกับรักษ์อีกครั้งแต่เอาเข้าจริงๆ เธอกลับต้องเข้าเมืองพร้อมกับพายุและญาดาทำให้ไม่ได้มาที่บ้านของพี่ชาย ทักไปคุยกับรักษ์ก็รู้เลยว่าเพื่อนชายเธอกำลังรู้สึกไม่โอเคซึ้งน้ำฟ้าก็กังวลใจไม่น้อยเพราะรักษ์ดูแย่มากๆ เลยตั้งใจว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ เพราะทั้งรักษ์และลมเลต่างเงียบไม่ยอมจัดการอะไรเลย คนนอกอย่างน้ำฟ้าเห็นแล้วหงุดหงิดแปลกๆ

“เป็นอะไรลูก” ญาดาร้องถามลูกสาวที่นั่งหน้ายู่อยู่กับโทรศัพท์

“ก็พี่ลมกับไอ้รักษ์นะสิแม่เป็นไรกันไม่รู้ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” เธอพูดทั้งรู้สึกหงุดหงิด

“มันเรื่องของเขาสองคนลูกจะไปวุ่นวายทำไม” พายุที่นั่งอยู่ข้างๆ ญาดาร้องเตือนลูกสาว

“ก็มันขัดใจนิค่ะพ่อ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าชอบกันแท้ๆ แล้วอยู่ๆ พี่ลมก็มานิ่งใส่รักษ์มัน พี่ลมนะพี่ลม” น้ำฟ้านึกขุ่นเคืองพี่ชายตนเอง

“พี่เขาคงมีเหตุผลของเขา”

“มันต้องมีเรื่องสิจ้ะนั้นมันจะเกิดได้ไง” ญาดาบอกกับลูกสาว น้ำฟ้าเองก็เก็บคำพูดมาคิด ถ้าลองคิดย้อนดูดีๆ ที่ลมเลเป็นแบบนี้ก็ตั้งแต่ตอนที่กลับมาจากสวน แล้วตอนนั้น

“ใช่แล้ว!” น้ำฟ้าร้องขึ้นมาเสียงดังจนผู้ใหญ่ทั้งสองตกใจ ก็เธอพึ่งจะนึกออกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน นี้อย่าบอกนะว่าพี่ชายเธอกำลังเข้าใจอะไรผิดๆ

ทางรักษ์และลมเลยังคงปกคลุมไปด้วยความขมุกขมัวจนสองแสบหงอยลงเพราะอารักษ์ดูไม่สดใสร่าเริง ทางพ่อก็รีบออกไปเข้าสวนแต่เช้าไม่รอกินข้าวพร้อมกัน มืดแล้วก็ยังไม่กลับมา เด็กน้อยไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงแค่ว่าทั้งสองไม่ชอบเลยที่พ่อกับอารักษ์เอาแต่เงียบ ไม่พูดคุยสนุกเหมือนแต่ก่อน

“อารักษ์” เสียงเล็กๆ ของขุนจันทร์เอ่ยเรียกทั้งเกาะเอวของรักษ์ ขุนอินทร์ก็เดินมากาะเอวอีกข้าง

“ว่ายังไงครับคนเก่ง” รักษ์ถามทั้งลูบหัวเล็กๆ อย่างเอ็นดู แต่เด็กน้อยกลับไม่ตอบอะไรเอาแต่ถูหน้าไปกับเอวบางๆ สองวันมานี้ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ไม่สดใสเลยและรักษ์ก็รู้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไร

“ไปอาบน้ำกันดีกว่าครับวันนี้อารักษ์อ่านนิทานให้ฟังสองเรื่องเลยเอาไหม” พอบอกแบบนั้นสองแสบก็ยิ้มขึ้นรีบพากันไปอาบน้ำ รักษ์ตั้งสติกับตัวเองครู่หนึ่งก่อนจะตามเด็กทั้งสองไป รักษ์รู้ดีว่าไม่ควรเป็นแบบนี้มันทำให้สองแสบหงอยไปด้วย

สองแสบอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยรักษ์ก็ให้รออยู่ในห้องก่อนจะมาจัดการอาบน้ำด้วยเช่นกัน เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยกับรีบเดินไปห้องเด็กทั้งสองทันที เสียงดังได้ยินตั้งแต่อยู่หน้าห้องกันเลยไม่รู้ว่าเล่นสนุกอะไรกัน

“เล่นอะไรกันครับ” เปิดประตูเข้ามาก็ร้องถาม แต่สองแสบกลับยิ้มโชว์ฟัน วิ่งเข้าหาพร้อมกับหนังสือนิทานคนละเล่ม รักษ์รับมาก่อนจะพากันไปนอนบนเตียง รักษ์จัดการห่มผ้าให้เด็กทั้งสองที่ตั้งใจรอฟัง แต่รักษ์ก็ยังไม่เริ่มเล่าเพราะใจยังจดจ่อรออีกคนที่ดึกแล้วก็ยังไม่กลับมา

“อารักษ์เอาพี่สาวผมยาวก่อนนะครับ” เสียงของขุนจันทร์เรียกสติรักษ์ให้กลับคืนมาก รักษ์ยิ้มให้เด็กทั้งสองแล้วก้มลงหอมแก้มที่ทาแป้งจนขาวคนละทีเด็กน้อยชอบกันยกใหญ่ กว่าจะได้เริ่มเล่าเลยเสียเวลานานไปหลายนาที รักษ์ค่อยๆ เล่านิทานไปอย่างช้าๆ จบเรื่องหนึ่งก็หยิบอีกเรื่องขึ้นมาเล่าต่อแต่ยังไม่ทันได้จบสองแสบก็หลับไปเสียแล้วรักษ์เก็บหนังสือนิทานไว้บนหัวเตียง จัดท่านอนสองแสบให้ดีก่อนจะเอนตัวลงพิงหัวเตียงจ้องมองเด็กนอนที่หลับตาสนิท มือขาวลูบไล้ไปตามเรือนผมนุ่นจนตัวเองเผลอหลับตามเด็กชายไป

ลมเลที่พึ่งกลับเข้าบ้านเพราะวุ่นพาเครื่องสูบน้ำไปซ่อมในเมืองจนทำให้กลับบ้านดึก เข้าบ้านมาเห็นไฟในบ้านยังสว่างอยู่ก็คิดว่ารักษ์คงยังไม่นอน แต่เมื่อเดินดูในบ้านกลับไม่เจอพี่เลี้ยงของลูกชาย บ้านก็เงียบสนิท เลยเดินขึ้นไปดูด้านบนเพราะคิดว่าพาสองแสบเข้านอน พอเปิดประตูห้องลูกชายลมเลก็ต้องเบาเสียงลงเมื่อเห็นว่าบนเตียงนอนนั้นมีสองเด็กน้อยและหนึ่งผู้ใหญ่นอนหลับอยู่ ลมเลยกยิ้มกับภาพตรงหน้า นึกสงสารรักษ์ที่เอนตัวพิงหัวเตียงอยู่ดูแล้วน่าจะเมื่อยไม่น้อยเลยจับให้รักษ์นอนลงให้ดีๆ คนถูกก่อกวนส่งเสียงออกมาจนลมเลกลัวว่าจะตื่นแต่เมื่อเสียงเงียบไปพร้อมกับลมให้ใจที่สม่ำเสมอก็รู้สึกโล่งอกไม่ได้นึกเอ็นดูอีกคนอดไม่ได้ที่จะยกมือไปรั้งแก้มขาวๆ เบาๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหน้าตาแบบนี้จะทำให้เขาวุ่นวายใจได้ขนาดนี้ พอนึกถึงเรื่องก็พาลให้โมโหตัวเองที่แสดงออกไปแบบนั้นทั้งที่เอาจริงๆ แล้วเขาไม่ได้มีสิทธิ์อะไรที่จะไม่พอใจอีกคน รักษ์จะชอบใครมันก็สิทธิ์ของรักษ์ ถึงจะรู้อย่างนั้นแต่เขากลับทำใจไม่ได้ ยิ่งเห็นใบหน้านี้มันก็ยิ่งปวดใจเขาถึงต้องพยายามหลบหน้ารักษ์ ‘ขอเวลาให้ฉันตัดใจสักนิดแล้วฉันจะกลับไปเป็นเจ้านายอย่างที่ควรจะเป็น’

“อืม คุณลม”อยู่ๆ คนที่หลับสนิทก็เอ่ยเรียกขึ้นมาจนลมเลตกใจ แต่เมื่อมองดูก็เห็นว่าอีกคนยังหลับสนิท ลมเลเลยยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมอย่างต้องการกล่อมอีกคนให้หลับ และมันก็ได้ผลเมื่อคิ้วที่ขมวดนั้นดูคลายลง ลมเลเลยจัดท่านอนให้ดี ก่อนจะแบ่งผ้าห่มจากสองแฝดมาห่มให้รักษ์ด้วย

ลมเลเดินอ้อมมาอีกทางก้มจูบกลุ่มผมลูกชายคนละทีก่อนจะเดินอ้อมมาที่รักษ์ เขามองก่อนจะค่อยๆ ก้มลงหมายจะจูบหน้าผากมนนั้น แต่แล้วก็ต้องหยุดการกระทำลงเมื่อนึกได้ว่ามันไม่ควร รักษ์เป็นของน้องสาวเขา ฉะนั้นเขาไม่ควรทำแบบนี้

......................................................................................

ลูกคู่มาแล้วนะค้าบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 24 (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:14:31
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 24

   เช้าวันใหม่มาเยือนแต่ใจสองดวงยังคงว่าวุ่นไม่เปลี่ยนเมื่อต่างฝ่ายต่างอ้ำอึ้งใส่กันจนไม่มีใครยอมพูดอะไร สองแสบรู้สึกว่าข้าวเช้าวันนี้ไม่อร่อยเหมือนทุกวันที่ผ่านมาเลยทั้งที่รสชาติก็เหมือนเดิม คงเพราะไม่ชอบใจที่พ่อและอารักษ์ของเขาเอาแต่เงียบไม่ค่อยพูดสนุกเหมือนทุกที หลายมื้อแล้วที่เป็นแบบนี้สองแสบไม่ชอบเลยอยากให้พ่อพูดกวนเหมือนเดิม อยากให้อารักษ์ยิ้มเยอะๆ ไม่ใช่เอาแต่นั่งเหม่อเขี่ยข้าวแบบนี้ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์จ้องมองคนเป็นพ่อกับอารักษ์สลับไปมาแล้วก็ถอนหายใจจนผู้ใหญ่ที่นั่งร่วมโต๊ะทั้งสองคนต้องมอง

   “เป็นไรพวกเอ็ง” ลมเลถามลูกชายที่ถอนหายใจกันเฮือกใหญ่

   “พ่อกับอารักษ์นั้นแหละเป็นอะไรกัน” ขุนอินทร์ว่า

   “ใช่ๆ ไม่พูด เอาแต่อืมมมมมมม กัน” ขุนจันทร์พูดเสริมด้วยสีหน้าจริงจัง

พอได้ยินคำพูดของเด็กๆ ทั้งสองหันมองหน้ากันทันทีรักษ์รู้สึกกระวนวายขึ้นมาที่ทำให้สองแสบดูเป็นกังวลทั้งที่โตเป็นผู้ใหญ่แต่ไม่รู้จักจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง

               “พ่อกับอารักษ์โกรธกันเหรอ” เสียงแผ่วเบาของขุนอินทร์ดังขึ้นทำเอารักษ์และลมเลสะดุ้งทำสีหน้าไม่ถูกเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าที่ทั้งสองเป็นจะเรียกว่าโกธรกันได้ไหม

               “เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ใช่ไหมครับคุณลม”

               “อืม”

               “กินข้าวกันเถอะครับมีแต่ของชอบของพี่อินทร์ กับน้องจันทร์ทั้งนั้นเลย” รักษ์พยายามดึงบรรยากาศให้กลับมามือขาวตักอาหารให้สองแสบไม่ขาดสาย แต่เมื่อเห็นสองแสบเอาแต่มองจานกับข้าวสลับกับหน้าพ่อของตนเองก่อนจะหันมามองรักษ์ รักษ์รู้ได้ทันทีเลยว่าสองแสบข้องใจเรื่องอะไร

               “เอ่อ หมูทอดครับคุณลม” เมื่อหมูทอดชิ้นโตถูกวางลงบนจานสองแสบก็ยิ้มชอบใจ เมื่อก่อนอารักษ์ชอบตักอาหารให้เด็กทั้งสองและพ่อ แล้วพ่อก็จะยิ้ม และก็เป็นอย่างที่สองแสบหวังเมื่อลมเลค่อยๆ ระบายยิ้มขึ้นก่อนจะกลับไปหน้านิ่งอย่างเดิมทั้งที่ดีใจมากแท้ๆ ที่รักษ์ตักอาหารให้

               เหมือนบรรยากาศบนโต๊ะอาหารจะดีขึ้นถูกใจสองแสบไม่น้อยเพราะระบายยิ้มกันถึงจะไม่เหมือนที่ผ่านมาก็ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ สองแสบหมายมั่นไว้แล้วว่าพวกเขาจะต้องทำให้พ่อกับอารักษ์ดีกันให้ได้ถึงอารักษ์จะบอกว่าไม่มีอะไรก็เถอะแต่สองแสบรู้ดีว่ามันไม่เหมือนเดิม

               หลังจากมื้อเช้าลมเลก็เตรียมเข้าสวนวันนี้เขามีเรื่องหลายอย่างต้องไปทำไหนบ่ายจะต้องเข้าเมืองอีก ช่วงนี้ลมเลรู้ดีว่าตนเองไม่ค่อยมีสมาธิเสียเท่าไหร่อยากจะจัดการเคลียร์เรื่องที่ค้างคาใจให้มันจบไปแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี ถึงจะคิดแบบนั้นแต่จริงๆ แล้วลมเลก็แค่กลัวคำตอบถึงได้นิ่งเฉยไม่พูดถึงเรื่องของรักษ์กับน้องสาวของตนเสียที

   “มื้อเที่ยงครับ” รักษ์เดินมายื่นห่อข้าวให้

               “ขอบใจ” ก่อนจะยกมือหมายจะลูบผมสวยที่เคยทำอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ต้องชะงักเมื่อคิดได้ว่ามันไม่ควรมือที่ค้างอยู่กลางอากาศเลยต้องเก็บลงข้างตัว ก่อนจะขอตัวออกมา

               รักษ์จ้องมองร่างใหญ่ที่เดินจากไปอย่างเศร้าสร้อยนึกเสียดายที่มือใหญ่ไม่ได้ลูบผมอย่างเคยแม้มันจะเคยทำให้รู้สึกเขินอายจนแอบหลบหลายครั้งแต่วันนี้รักษ์ต้องการมันเหลือเกิน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าที่มันเป็นแบบนี้เพราะอะไรแต่ไม่รู้จะทำยังไงต่างหากมันถึงยังเป็นอยู่แบบนี้ รักษ์คุยกับน้ำฟ้าแล้วซึ่งเพื่อนสาวบอกว่าลมเลคงเข้าใจผิดเรื่องในครัววันนั้น ฟ้าบอกว่าให้อธิบายให้ลมเลฟังให้เข้าใจทั้งที่มันเหมือนง่ายแต่จนแล้วจนเหล่ารักษ์ก็ไม่สามารถอธิบายให้อีกคนเข้าใจได้เลย ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงอยู่ๆ จะเข้าไปบอกเลยมันก็ออกจะแปลกๆ คิดแล้วก็กลุ้มจนต้องถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่

               “อารักษ์เป็นอะไรครับ” ขุนจันทร์ร้องถามทันทีเมื่อเห็นอารักษ์หน้าเหี่ยวเฉา

               “อารักษ์ไม่ได้เป็นอะไรครับ เราไปท่องคำศัพท์กันดีกว่า” ยิ้มให้สองแสบคนละทีก่อนจะพากันไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวี สองแสบก็รู้หน้าที่ดีจัดการหยิบสมุดคำศัพท์มาท่องกันโดยที่รักษ์ไม่ต้องบอก และเมื่อได้อยู่กับตัวเองก็พาลให้คิดมากอีกแล้ว กังวลไม่เสียหมด พยายามนึกหาวิธีที่จะคุยกับลมเลแต่มันก็ว่างเปล่าเหมือนเดิม

               “อารักษ์ อารักษ์ครับ” เสียงสองแสบเรียกอยู่หลายครั้งแต่อารักษ์ของเด็กชายกลับนิ่งเฉยราวกับไม่ได้ยินเสียงเลยมือเล็กๆ จึงช่วยกันเขย่าคนที่เอาแต่นั่งเหม่อจนสะดุ้ง

               “อะ ว่าไงครับ” รักษ์สะดุ้งอย่างตกใจ

               “พี่อินทร์เรียกอารักษ์ไม่ตอบ” เด็กน้อยตอบเสียงอ่อน รักษ์นึกโมโหตัวเองที่เอาแต่เหม่อ

               “อารักษ์ขอโทษครับ ไหนมีอะไรให้อารักษ์ช่วยเอ่ย”

               “นี้ๆ พี่อินทร์อ่านไม่ออกครับ”มือเล็กยืนหนังสือให้ดูรักษ์หยิบมาก่อนจะสอนให้เด็กๆ อ่าน รักษ์สอนอ่านอยู่หลายคำเลยทำให้ไม่ต้องคิดมากอีก

               “เด็กๆ ทำอะไรกัน”

               “อาฟ้า”

               “อ้าว จะมาไม่เห็นบอกเลย” รักษ์ร้องถามเพื่อนสาวที่พึ่งเดินเข้ามา

               “เมื่อวานก็บอกเถอะ” เธอเถียง

               “เหรอ ทำไมจำไม่ได้” รักษ์บอกทั้งนึกย้อนไปถึงเมื่อวานที่คุยกัน

               “มัวแต่สนใจอย่างอื่นละสิ”

               “เปล่าสักหน่อย” รักษ์เถียง

               “จ้าๆ สองแสบทำอะไรกันเอ่ย” น้ำฟ้าตอบรับก่อนจะหันไปถามสองแสบ

               “น้องจันทร์กำลังอ่านคำศัพท์ครับ”

               “พี่อินทร์อ่านได้หลายคำแล้วน่า”

               “โอ้โห่ หลานอาฟ้าเก่งจังเลย” สองแสบพอได้รับคำชอบก็ยิ้มชอบใจใหญ่ “อาฟ้ามีขนมมาให้คนเก่งด้วยนะครับ” พอบอกว่าขนมสองแสบก็ตาโตทันที หันไปมองรักษ์อย่างต้องการข้อร้อง

               “พักทานขนมกันก่อนดีกว่านะครับ” เมื่อได้ยินรักษ์บอกแบบนนั้นก็ร้องดีใจกันยกใหญ่รีบเก็บของเข้าที่กันจ้าละหวั่นก่อนจะพากันไปล้างมือแล้วมานั่งทานกันเรียบร้อย รักษ์ดีใจที่สองแสบจำที่เขาสอนได้ดีไม่ต้องพูดบอกหรือเตือนสองแสบก็รู้ว่าต้องทำอะไรมือขาวเลยอดยกไปลูบหัวเล็กๆ ของทั้งสองไม่ได้ สนใจแต่กินขนมจนแก้มพองเลย

               “ตกลงว่าไงได้คุยกับพี่ลมหรือยัง” น้ำฟ้าถามแต่ได้รับการสายหน้ากลับมา “ทำไมแกยังไม่คุยอีก”

               “ก็ฉันไม่รู้ว่าจะต้องคุยยังไง”

               “พ่อกับอารักษ์โกธรกันๆ” อยู่ๆ ขุนอินทร์ก็พูดแทรกขึ้นมา

               “น้องจันทร์ไม่ชอบเลย พ่อกับอารักษ์ไม่ค่อยคุยกัน” เด็กน้อยพูดหน้าเศร้า

               “อารักษ์บอกแล้วไงครับว่า อารักษ์กับพ่อไม่ได้โกธรกัน” รักษ์บอกทั้งยกมือลูบหัวขุนจันทร์ที่ถือขนมค้างอยู่ในมือ แม้ใบหน้าจะเศร้าสร้อยแต่มือเล็กๆ ยังคงส่งขนมเข้าปากไม่ขาดสาย

               “แล้วทำไมไม่ค่อยคุยกันละครับ” เป็นขุนอินทร์ที่ถามขึ้น

               “เอ่อ อารักษ์กับพ่อมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยนะครับ” คำตอบที่ได้ไม่ได้ทำให้เด็กทั้งสองเข้าใจอะไรมากนัก

               “สองแสบอยากให้พ่อกับอารักษ์ดีกันไหม” อยู่ๆ น้ำฟ้าก็ถามขึ้นมา

               “อยากครับ” สองเสียงตอบกันอย่างแข็งขัน

               “งั้นไปนอนบ้านย่ากับอาฟ้า” สองแสบดูงงๆ ไปนอนบ้านย่าแล้วจะทำให้พ่อกับอารักษ์ดีกันได้ยังไง

               “จะพาพี่อินทร์กับน้องจันทร์ไปนอนนู้นทำไม” รักษ์ถามอย่าสงสัย

               “เออน่า แกไม่ต้องรู้หรอก” น้ำฟ้าบอกทั้งหันไปพูดคุยซุบซิบกับสองแสบโดยที่รักษ์ไม่มีสิทธิ์ไปรู้ด้วยเลย

               ตกเย็นทั้งสี่ก็พากันไปบ้านของพายุและญาดา รักษ์ตั้งใจจะโทรบอกลมเลแต่ก็ถูกน้ำฟ้าสั่งห้ามไม่ให้บอกเพราะบอกว่าจะเป็นคนโทรบอกเองโดยที่รักษ์ไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วน้ำฟ้านั้นไม่ได้ทำอย่างที่บอก

               ทางลมเลกลับจากในเมืองมาถึงบ้านก็ค่ำแล้วและต้องแปลกใจเมื่อพบว่าบ้านที่ควรเปิดไฟสว่างกลับมืดสนิททั้งหลัง ถ้าจะนอนกันไปแล้วก็เป็นไปไม่ได้เพราะนี้พึ่งจะสองทุ่มและต่อให้รักษ์และสองแสบนอนไปแล้วไฟหน้าบ้านก็ควรเปิดไว้ เหตุแปลกๆ นี้ทำให้ลมเลเป็นกังวลนึกเป็นห่วงทั้งสามคนขึ้นมา เดินไปดูประตูบ้านก็ถูกล็อคเรียบร้อย

               “ไปไหนกัน” ร้องถามกับตัวเองก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาพี่เลี้ยงแต่ปรากฏว่าปิดเครื่อง เลยโทรเข้าเบอร์น้องสาวตนเองแทน ระหว่างรอสายลมเลรู้สึกจิตใจว่าวุ่นมากภาวนาให้ทั้งสามอยู่บ้านของพ่อและแม่เขาอย่างที่หวังไว้

               “พี่ลม” ปลายสายรับ

               “ฟ้ารักษ์ เอ่อ สองแสบอยู่ที่นั้นไหม” รีบถามกลับไปอย่างร้อนรน

               “ใจเย็นๆ พี่ลม สองแสบกับรักษ์อยู่ที่นี้” คำตอบที่ได้ราวกับยกภูเขาออกจากอก

               “ไปบ้านนู้นแล้วทำไมไม่โทรบอกพี่ บอกสองแสบเดี๋ยวพี่ไปรับ”

               “ไม่ต้องพี่ลม คืนนี้สองแสบกับรักษ์นอนที่นี้” น้ำฟ้าตอบกลับมาเสียงร่าเริงผิดกับความรู้สึกของลมเลที่คุกรุ่น รักษ์คงอยากไปอยู่ใกล้คนที่ตนเองชอบสินะ คิดแล้วอย่างจะไปพาอีกคนกลับมาเสียเดี๋ยวนี้ แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็คงแย่เกินไปทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ารักษ์ชอบน้ำฟ้าถ้าไปขว้างทางเขาคงเป็นพี่ชายที่แย่มากๆ

               “พี่ลม พี่ลม”

               “วะ ว่าไง”

               “ฟ้าเรียกตั้งหลายรอบ เอาเป็นว่าคืนนี้พี่ก็นอนบ้านคนเดียวไปนะ ฟ้าช่วยไม่ได้พี่อยากทำให้สองแสบโกรธเอง”

               “โกรธ สองแสบโกธรอะไร” ลมเลถามอย่างงุนงง เขาไปทำอะไรให้สองแสบมันโกรธตอนไหน

               “ไม่บอก ไปคิดเอาเองเลย แล้วก็เลิกทำตัวบ้าๆ สักที มีอะไรหรือสงสัยอะไรก็หัดพูดหัดถามไม่ใช่เอาแต่คิดเองเออเองไปเสียทุกอย่าง” น้ำฟ้าว่าจะไม่พูดแล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะว่าพี่ชายซื่อบื้อ

               “ที่พูดหมายความว่าไงยายฟ้า”

               “ไม่รู้ ไม่บอกหัดคิดเอาเองสิค่ะ แค่นี้นะพี่ลม”

               “ดะ เดี๋ยว…” ไม่ทันได้พูดอะไรน้ำฟ้าก็ชิงวางไปเสียก่อน “อะไรว่ะ” ลมเลสะทบอย่างหัวเสียงงไปหมดว่าเรื่องอะไร สองแสบก็มาโกรธ แล้วยังเรื่องที่น้ำฟ้าพูดอีก คิดเองเออเอง เขาไปคิดอะไรเองตรงไหน ไม่หัดพูดหัดถาม เออก็อยากถามเหมือนกันแต่มันไม่กล้าไงคิดแล้วก็ปวดหัวพยายามนึกย้อนคำพูดของน้ำฟ้า

               “ชอบ หรือว่าเรื่องวันนั้น” พอนึกขึ้นได้ลมเลก็รีบขึ้นรถขับไปบ้านนายหัวใหญ่ของสวนสายลมทันที คุยก็คุยว่ะ เอาให้มันรู้เรื่องกันไปเลย อย่างมากก็แค่อกหักกลัวไร ลมเลคิด



...

ลูกคู่มาแล้วน่าาาา ใครคิดถึงก็มากันจ้าาาาา ช่วงนี้ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคนนนน อยู่บ้านอ่านนิยายเพื่อชาติกันจ้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 25 (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:15:56
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 25

         ลมเลใช้เวลาไม่นานก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านของนายหัวใหญ่แห่งสวนสายลม บ้านถูกปิดประตูไว้หมดแล้วหากแต่แสงไฟภายในยังส่องสว่าง พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงสองแสบพูดคุยกันเสียงดัง มีเสียงผู้ใหญ่หัวเราะดังเป็นระรอกดูแล้วมีความสุขกันเหลือต่างกับเขาที่ใจร้อนรน ไม่อยากให้เสียเวลาไม่มากกว่านี้มือหนาเลยเคาะประตูเรียกคนด้านในไปสองสามทีก่อนประตูบานใหญ่จะเปิดออกเผยให้เห็นคนทุกคนที่อยู่กันพร้อมตาพร้อมตาซึ่งขาดก็แต่เพียงเขาคนเดียว

               “พ่อมาทำไม” ขุนอินทร์กอดอกถามคนเป็นพ่อ

               “ก็มารับพวกเอ็งกลับบ้าน ไปๆ ดึกแล้ว” ลมเลเลือกที่จะไม่สนใจคำบอกของน้ำฟ้าที่ว่าสองแสบจะนอนที่นี้ เพราะมันสามารถนำเป็นขออ้างที่จะพารักษ์กลับบ้านได้

               “พี่อินทร์ไม่กลับ”

               “น้องจันทร์ก็ไม่กลับ จะนอนนี้น่า” สองแสบยืนยันหนักแน่น อาฟ้าบอกว่าอย่ายอมกลับกับพ่อ

               “ถ้าพวกเอ็งไม่กลับพ่อพาอารักษ์กลับนะ” เมื่อเห็นว่าสองแสบไม่ยอมก็เอารักษ์มาขู่

               “อารักษ์ก็ไม่กลับใช่ไหมครับ” ขุนจันทร์ถามทั้งยังกอดแขนอ้อน อาฟ้าบอกว่าอย่ายอมให้อารักษ์ไปกับพ่อ เพราะพ่อทำอารักษ์เสียใจ พ่อต้องถูกอยู่คนเดียว นิสัยไม่ดี

               “พี่อินทร์กับน้องจันทร์นอนที่ไหนอารักษ์ก็นอนที่นั้นครับ” ว่าทั้งยกมือขึ้นลูบหัวน้อยๆ

               “เย้ๆ อารักษ์อยู่กับน้องจันทร์”

               “เข้าใจแล้วนะพี่ลม อิอิ นั้นก็กลับไปได้แล้ว” น้ำฟ้าว่าทั้งนึกตลกสีหน้าของพี่ชาย

               “ใครบอกพี่จะกลับ คืนนี้พี่นอนนี้ด้วย”

               “แต่ห้องพี่ ฟ้าให้รักษ์มันนอนแล้วนะ”

               “ก็แล้วไง ห้องฉันเตียงใหญ่นอนสองคนได้” คำพูดของลมเลทำเอารักษ์ทำสีหน้าไม่ถูก แค่นึกว่าคืนนี้จะต้องนอนร่วมห้องกับลมเลก็แย่แล้ว

               “เอาๆ ตกลงกันได้แล้วก็เข้ามานั่งกันให้มันดีๆ”

               “แต่พ่อค่ะ”

               “พอแค่นี้แหละยายฟ้า ที่เหลือให้เขาจัดการกันเอง ลูกคู่มาหาปู่มา” ผู้ใหญ่บอกแบบนั้นน้ำฟ้าก็ต้องยอม ถึงจะเสียแผนก็ตาม

               “กินข้าวมาหรือยังละตาลม” ญาดาร้องถามลูกชายที่นั่งลงข้างๆ คนถูกถามก็สายหน้าเป็นการตอบ

               “เอ่อ เดี๋ยวผมไปหาอะไรให้ทานครับ” รักษ์รีบเสนอตัวเพราะนึกเป็นห่วงดึกปานี้แล้วลมเลยังไม่ได้ทานข้าวเลย

               “ไปสินั่งอยู่ทำไม น้องอุตส่าห์หาอะไรให้ แล้วมีเรื่องอะไรก็คุยกันไม่ใช่เอาแต่เงียบ” ญาดาบอกเมื่อรักษ์เดินเข้าครัวมาแล้ว

               “ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรครับแม่”

               “แต่ที่แม่รู้มาไม่ใช่แบบนั้นนะ จริงไหมยายฟ้า”

               “ใช่ค่ะแม่”

               “ยายฟ้า แกนะมาคุยกับพี่เลย” ว่าแล้วก็ลากน้องสาวออกมาคุยที่หน้าบ้าน

               “คุยในบ้านก็ได้ไหม พี่จะออกมาทำไมหน้าบ้านเนี้ย” น้ำฟ้าโวยวาย

               “เอาน่า พี่มีอะไรจะถาม”

               “ถามไรอ่ะ”

               “เอ่อ แกกับรักษ์เป็นอะไรกัน”

               “ก็เพื่อนกันไงพี่ก็ถามแปลกๆ”

               “แกแน่ใจนะ แล้วแก แกชอบรักษ์หรือเปล่า”

               “มันเพื่อนฟ้า ฟ้าก็ต้องชอบมันสิ”

               “ชอบแบบเพื่อนนะเหรอ”

               “ก็ใช่ไง จะให้ชอบแบบไหน”

               “เหรอ เออดีฉันจะได้ไม่รู้สึกผิด” ว่าจบก็เดินเข้าบ้านทิ้งให้น้ำฟ้างง ไม่รู้สึกผิดอะไร พูดอะไรไม่เคยเคลียร์

               ลมเลรู้สึกใจชื้นขึ้นอย่างน้อยก็ตัดเรื่องที่ว่าฟ้ารักกับรักษ์ไปได้แล้วทีนี้ก็เหลือแต่รักษ์ซึ่งต่อให้รักษ์จะบอกว่าชอบน้ำฟ้ามากกว่าเพื่อนลมเลก็ไม่คิดถอยเขาจะทำให้รักษ์หันมาสนใจเขาแทนให้จนได้

               “มาแล้วหรือครับ ผมกำลังจะออกไปตามพอดีเลย” รักษ์ว่า เมื่อเห็นลมเลเดินเข้ามาในครัว

               “มีอะไรกินบ้าง” ลมเลถาม ซึ่งรักษ์รู้สึกว่ารอบตัวลมเลบรรยกาศแตกต่างไปจากหลายวันที่ผ่านมาทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนเคย

               “มีต้มจืดกับน้ำพริกครับ คุณป้าได้สะตอมาด้วยเม็ดใหญ่มากเลย ผมทำไข่เจียวเพิ่มให้อีกอย่างหนึ่ง” รายเมนูอาหารให้อีกคนฟังทั้งตักข้าวใส่จานยื่นให้คนที่นั่งลงพร้อมจะกิน คงจะหิวมากรักษ์คิด จัดการตักข้าวให้เรียบร้อยรักษ์ตั้งใจจะออกไปจากครัวหากแต่

               “เดี๋ยว อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน”

               “เอ่อ ก็ได้ครับ” เห็นว่าลมเลขอให้อยู่รักษ์ก็นั่งลงตรงข้ามอีกคน นั่งมองคนตัวโตที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวไม่พูดไม่จาราวกับหิวมาก

   แค่กๆๆๆ

   “น้ำครับ” เพราะรีบกินมากเกินไปจนสำลักวุ่นให้รักษ์ต้องรีบหาน้ำมาให้

               “ขอบใจ”

               “กินช้าๆ ก็ได้ครับ” รักษ์บอกอย่างเป็นห่วง

               “พอดีหิวไปหน่อยนะ ตั้งแต่เที่ยงพึ่งได้กิน” บอกทั้งยังสาละวนกับการตักอาหาร ตอนนี้ไข่เจียวสองฟองหมดไปแล้วแต่ดูเหมือนคนตัวใหญ่ยังไม่อิ่ม รักษ์เลยลุกไปเจียวมาให้อีกสองฟอง

               “ไข่เจียวครับ”

               “ขอบใจ”

               “ทำไมไม่ยอมกินข้าวละครับ มื้อเที่ยงผมก็เตรียมไปให้แล้ว” รักษ์สงสัยเพราะก่อนลมเลจะเข้าสวนรักษ์เอากล่องข้าวให้อีกคนไปแล้ว

               “ไปทำธุระในเมืองนะเลยไม่ได้กิน ฝากให้ไอ้ทั่วจัดการแทน” บอกทั้งตักข้าวเข้าปากคำโต

               “ก็เลยหิวแบบนี้” รักษ์ว่าดุๆ จนลมเลชะงัก

               “เป็นห่วงฉันเหรอ หึหึ”

               “เอ่อ ก็ครับ” นี้ลมเลคนเดิมกลับมาแล้วใช่ไหม หายโกรธเขาแล้วใช่ไหมรักษ์นึกสงสัย ที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนไปทั้งที่เมื่อเช้ายังไม่ค่อยจะคุยด้วยอยู่เลย รู้สึกตามอารมณ์ไม่ค่อยทันหรือเพราะลมเลแก่แล้วเลยอารมณ์แปรปรวน

               “เป็นอะไรของนายดูทำหน้า” ร้องถามเมื่อเห็นคนตรงหน้าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่

               “เอ่อ เปล่าครับ” รักษ์สะดุ้งร้องบอกออกไป

               “แล้วจะคิ้วขมวดทำไมแบบนั้น มีอะไรก็บอก” ลมเลเลิกคิ้วอย่างสงสัย

               “ได้เหรอครับ” ถามอย่างไม่แน่ใจ ลมเลพยักหน้ายืนยันอีกครั้ง “ผมแค่สงสัยว่าคุณลมแก่แล้วเหรอ” รักษ์บอกไปอย่างที่สงสัย ไม่ได้ตั้งใจจะกวนอะไรแต่ทำเอาคนฟังสำลักอีกครั้ง

               แค่กๆๆๆ

               “น้ำครับๆ”

               “คิดอะไรของนายเนี้ย” ลมเลว่า อดนึกไม่ได้ว่ารักษ์กำลังกวนกันอยู่หรือเปล่าแต่สายตาใสนั้นบอกว่าอีกคนสงสัยจริงๆ บางที่ความคิดรักษ์เขาเองก็เข้าใจยากจริงๆ

               “ก็ผมเห็นคุณอารมณ์แปรปรวนแปลกๆ เอ่อ ขอโทษครับ ถะ ถ้ามันไม่ควรถาม” รักษ์ว่าอย่างรู้สึกไม่มั่นใจนึกกังวลว่าจะทำให้คนตัวโตโกรธกันอีก

               “ฉันยังไม่เลขสามเลยนะ นายจะให้ฉันรีบแก่ไปไหน หึหึ” ถึงตอนแรกจะตกใจแต่นึกไปแล้วก็ตลกดีคิดได้ไง พูดอย่างกับเขาเป็นวัยทอง

               “ขอโทษครับ”

               “ไม่เป็นไรหรอก” บอกทั้งขยี้ผมรักษ์จนยุ้ง

               “ผมไม่ใช่เด็กนะครับ”

               “หึหึ ฉันอิ่มแล้ว ขอบคุณมาก”

               “ครับ คุณลมไปอาบน้ำเถอะครับดึกแล้ว” บอกทั้งจัดการเก็บจานข้าวไปล้าง

               “ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”

               “คุยกับผม เรื่องอะไรเหรอครับ”

               “เอ่อ คือ” ลมเลรู้สึกว่ามันพูดออกมาลำบากเหลือเกินทั้งทีตอนแรกยังรู้สึกมั่นใจแท้ๆ

               “ครับ? มีอะไรเหรอครับ” รักษ์สงสัยเมื่ออีกคนเอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดเสียทีเลย

               “เอ่อ เรื่องยายฟ้านะ”

               “ครับ ฟ้าทำไมเหรอครับ”

               “ฉันเข้าใจว่าการรักใครข้างเดียวมันเจ็บปวด” ก็จริงอย่างลมเลว่า แต่ลมเลจะพูดเรื่องนี้ทำไมรักษ์คิด “ยิ่งเมื่อรู้ว่าเขาไม่มีทางตอบรับความรู้สึกของเราได้ เพราะฉะนั้นอย่าเสียใจไปเลยนะ ไม่ใช่ว่าใครจะตอบรับความรู้สึกของเราได้ทุกคน” ลมเลเข้าใจดีว่ารักษ์คงเสียใจที่ทำได้แค่รักษ์น้ำฟ้าข้างเดียว

               “เอ่อ...” รักษ์รู้สึกว่าความรู้สึกมันตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ในอกราวกับอยากจะร้องไห้ออกมา เมื่อคำพูดของลมเลนั้นเหมือนกับต้องการบอกอ้อมๆ ว่าให้เขาตัดใจ นี้เขายังไม่ทันเริ่มลมเลก็ดักมันเสียก่อนแล้ว แล้วแบบนี้รักษ์ยังจะมีหวังอะไรได้อีก แม้แต่ความคิดก่อนหน้าที่ว่าตั้งใจจะสารภาพกับคนตรงหน้าก็ต้องพังลง

               “ฉันรู้ว่านายชอบน้ำฟ้ามาก” ลมเลว่าต่อ

               “ห่ะ! ผะ ผมชอบน้ำฟ้าเหรอ” รักษ์ทวนอีกครั้งอย่างงุนงง

               “ก็ใช่ไงวันนั้นฉันได้ยินนะที่นายบอกชอบน้ำฟ้าในครัวนะ” ลมเลบอกทั้งนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นที่ยังทำให้เจ็บในอกไม่หาย

               เมื่อนึกทบทวนดูก็จำได้ว่าเป็นตอนที่น้ำฟ้าถามเรื่องลมเล อย่าบอกนะว่าลมเลเข้าใจผิดว่าเขาชอบน้ำฟ้าจริงๆ นี้เขาทำตัวดูเหมือนว่าชอบน้ำฟ้าเหรอรักษ์ได้แต่สงสัย

               “เพราะเรื่องวันนั้นคุณถึงแปลกไปเหรอครับ”

               “ก็ใช่ ตกใจนิดหน่อยนะ”

               “เอ่อ คงห่วงฟ้ามากสินะครับ”

               “ยายฟ้านะเหรอ ไม่น่าห่วงสักนิด กลัวแต่จะขึ้นคาน”

               “เอ่อ แล้วทำไม...”

               “ตกใจนะเหรอ ก็จะพูดยังไงดีละ คือนายมักจะใจดีกับใครๆ รวมถึงฉันด้วย บางครั้งการกระทำของนายก็ทำให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองว่านายก็ชอบฉันเหมือนกัน แต่เหตุการณ์วันนั้นก็ทำให้ฉันเข้าใจว่าฉันแค่คิดไปเอง นายไม่ได้ชอบฉัน”

               “....” รักษ์อยากตะโกนสวนกลับไปว่าชอบลมเลจริงๆ แต่ติดที่ไม่กล้าพอ และยังกลัวอีกด้วยว่าลมเลจะไม่ได้ชอบตน เลยเลือกที่จะเงียบฟังอีกคน

               “ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว เอ่อ ฉันก็แค่อยากบอกนายว่า ต่อให้นายจะชอบยายฟ้าฉันก็ไม่สนใจ”

               “….” ใช่ลมเลไม่จำเป็นต้องสนใจเลย ในเมื่อเขาไม่ได้มีความสำคัญอะไร รักษ์คิด

               “ฉันจะจีบนาย”

               “ห่ะ! จะ จีบผม” รักษ์ตกใจรู้สึกมึนงงกับสถานการณ์

               “ใช่ ฉะ ฉันชอบนาย”

               “ห่ะ! ชอบผม” นี้รักษ์ตกใจรอบที่เท่าไหร่กันแล้ว เริ่มสับสนกับสิ่งที่ลมเลพูดตกลงยังไง ตอนแรกก็มากล่าวหาว่าเขาชอบฟ้า ยังมาบอกว่าจะจีบเขาอีก แล้วยังบอกว่าชอบอีก รักษ์รู้สึกมึนงงไปหมด คิดตามไม่ค่อยทันเลยจริงๆ

               “ใช่ ฉันอยากบอกให้นายรู้ไว้” ว่าจบก็เดินออกมาไม่ทันได้ให้รักษ์ตอบอะไร

...

ลูกคู่มาแล้วจ้าาาาา ทำไมนายหัวลมมึนจังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 26 (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:16:51
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 26



“เสร็จแล้วหรือลูก ป้ากำลังพาลูกคู่ขึ้นนอน รักษ์อยู่คุยเล่นกับยายฟ้าก็ได้” ญาดาร้องบอกรักษ์ที่พึ่งเดินออกจากครัว ไหนๆวันนี้ลูกคู่มานอนด้วยทั้งทีเธอเลยอยากพาหลานเข้านอนเอง

“ขอบคุณครับคุณป้า”

“ไม่เป็นไรจ้ะ นานๆ ลูกคู่จะมานอนด้วย” ว่าแล้วก็พาสองแสบที่ยืนหาวอยู่ข้างๆ ขึ้นชั้นบน

“เป็นไงแก เคลียร์กันยัง” น้ำฟ้าร้องถามทันทีเมื่อญาดาพ้นสายตาไปแล้ว

“ก็คุยกัน”

“แล้วตกลงว่าไง”

“ก็ไม่ว่าไงนะ”

“อะไรแกไอ้รักษ์ ตกลงคุยกันแล้วแน่หรา”

“ก็คือแปบ ก็คุยกัน แต่ว่า”

“แต่อะไรอีก” น้ำฟ้าเริ่มปวดหัวกับเพื่อนชาย

“ก็ฉันงงอยู่ไง” ใช่รักษ์ยังรู้สึกงุนงงตามอารมณ์ลมเลไม่ทัน

“งง! งงไร นี้แกกับพี่ฉันตกลงคุยอะไรยังไงค่ะ”

“ก็แบบว่า ก็คุณลมพูดเอาๆ ไม่ให้ฉันได้มีโอกาสแทรกขึ้นมาเลย พูดเสร็จก็ไป ฉันก็เลยงงอยู่นี้ไง” รักษ์บอกไปตามใจคิด คนอะไรเอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียวไม่ฟังคนอื่นบ้างเลย แถมคิดไปเองเก่งอีก

“แล้วพี่ลมว่าไงบ้างล่ะ”

“ก็ไม่ว่าไงแค่บอกว่าฉันชอบแก”

“ห่ะ! แกชอบฉัน” น้ำฟ้าทวนขึ้นอย่างตกใจ

“ก็ใช่ไง คุณลมเข้าใจว่าฉันชื่อแก”

“เออเอาเข้าไป นี้ฉันมีพี่ชายซื่อบื้อหรือ” น้ำฟ้ารู้สึกหน่ายใจกับพี่ชายตัวเอง ดูยังไงว่ารักษ์มันชอบเธอกัน สรุปเข้าใจผิดจริงๆ

“อืมมม” รักษ์เห็นด้วยกับน้ำฟ้า คุณลมซื่อบื้อจริงๆ

“แล้วแกไม่บอกความจริงไปละ”

“จะให้ฉันบอกตอนไหน ก็บอกแล้วว่าคุณลมพูดเอาๆ อยู่คนเดียว ไม่ให้ฉันได้พูดเลย แถมยังมาบอกว่าจะจีบฉันด้วยนะ” รักษ์นึกถึงเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านมา

“จีบแก!” น้ำฟ้าตกใจอีกครั้ง

“ก็ใช่ไง”

“ให้มันได้แบบนี้สิ ฮาๆ” น้ำฟ้าว่าทั้งหัวเราะชอบใจ

“ยังจะมาหัวเราะอีก ฉันเครียดนะ”

“แกจะเครียดทำไม ก็พี่ลมชอบแกแล้วนิ จะจีบแกอีก แกรอตอบรับพี่ลมได้เลย” ว่าทั้งตบบ่าเพื่อนชาย

“ฉันไม่คุยกับแกแล้ว ไปนอนดีกว่า” ว่าแล้วก็รีบเดินขึ้นชั้นบนแต่ไม่วายได้ยินเสียงแซวจากน้ำฟ้าตามหลังมาให้รู้สึกเขินอาย ยายเพื่อนบ้า

“รีบไปนอนกับพี่ลมเหรอออออ”

รักษ์ขึ้นมาบนห้องด้วยใจที่เต้นรัว ใบหน้ายังขึ้นสีแดงระเรืองจากการเขินอายไม่หายก็ต้องแดงเพิ่มขึ้นอีกเมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วพบว่าลมเลอยู่ในชุดผ้าขนหนูผืนเดียว ท่อนบนที่เปลื่อยเปล่ามีหยดน้ำเกาะอยู่รำไรบ่งบอกได้ว่าคนตัวใหญ่พึ่งอาบน้ำเสร็จ รักษ์จ้องมองเรือนร่างใหญ่ที่อวดกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอนสวยยิ่งมีหยดน้ำที่ร่วงหล่นจากเส้นผมดำมากระทบหมัดกล้ามยิ่งขับให้น่ามอง รักษ์หลงใหลไปกับภาพเบื้องหน้าอย่างไร้สติ นึกอยากสัมผัสกล้ามเนื้อนั้น มันคงแน่นไม่น้อย

“มาแล้วเหรอ”

“คะ ครับ” เพราะเสียงของลมเลทำให้รักษ์ต้องดึงสติกลับมา

“คนอื่นๆ นอนกันหมดใช่ไหม” ลมเลร้องถามทั้งรือหาเสื้อผ้าในตู้

“ขึ้นนอนกันแล้วครับ” รักษ์บอกก่อนจะรีบเดินมาที่เตียงนอน พยายามกวาดสายตาไปทั่วห้องหากแต่สุดท้ายก็มาจบที่ร่างของลมเล รักษ์เลยเลือกที่จะมุดผ้าห่มเข้านอนเสีย

“จะนอนแล้วหรือไง” เมื่อหันมาเห็นรักษ์มุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเรียบร้อยก็อดที่จะถามไม่ได้

“คะ ครับ” รักษ์ตอบทั้งรีบหลับตา ตอนนี้ใจรักษ์เต้นแรงมาก แรงจนกลัวว่าใครอีกคนจะได้ยิน ลมเลเมื่อเห็นว่ารักษ์จะนอนแล้วก็รีบแต่งตัวแล้วขึ้นมาอยู่ข้างๆ โดยไม่ได้สนใจผมที่ยังคงเปียกอยู่

“ผมยังไม่แห้งเลยนะครับ” พอเห็นอีกคนขึ้นมาบนเตียงทั้งผมยังเปียกเลยร้องทัก

“ช่างมัน ฉันจะนอนแล้ว” ว่าแล้วก็หยิบหมอนมาจัดให้เข้าที่เข้าทาง

“ไม่ได้นะครับเดี๋ยวจะไม่สบาย” นึกเคืองคนตัวโตที่ไม่ค่อยใส่ใจดูแลตัวเอง รักษ์เลยลุกขึ้นลงจากเตียงไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่ลมเลแขวนอยู่หน้าตู้มา ลมเลมองการกระทำนั้นอย่างสงสัยแค่ไม่เช็คผมแค่นี้ไม่ทำให้เขาป่วยได้หรอกแต่สำหรับอีกคนดูแล้วจะไม่คิดอย่างลมเลก็เล่นถือผ้าเช็ดตัวทำหน้าดุอยู่ปลายเตียง

“ฉันขี้เกียจเช็ด” ลมเลร้องบอก รักษ์ถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะบอกว่า

“มาครับผมเช็ดให้” เพราะกลัวว่าคนตัวโตจะป่วยเลยช่วยเช็ดให้ในเมื่อเจ้าตัวขี้เกียจ ทางลมเลดูเหมือนจะรู้สึกแปลกใจไปนิดหนึ่งแต่แปบเดียวรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็โผล่ขึ้นมาจนรักษ์รู้สึกว่าตนเองคิดผิดหรือเปล่าที่จะช่วยอีกคน

“หึหึ เอางั้นก็ได้” ลมเลขยับมานั่งปลายเตียงให้รักษ์ยืนเช็คผมให้ ระหว่างนี้ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมามีเพียงความเงียบที่ปกคลุมหากแต่ถ้ามองไปที่ใบหน้าของคนสองคนจะเห็นรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาจากกายใหญ่และสีหน้าเขินอายจากคนตัวเล็ก

รักษ์ค่อยๆ เช็คผมอย่างเบามือเพราะกลัวว่าจะทำให้คนตัวใหญ่เจ็บ ไม่นานผมก็แห้งแม้ไม่สนิทแต่ก็ดีกว่าในตอนแรกมาก รักษ์เช็ดอยู่อีกครู่หนึ่งก็ละมือออก

“เสร็จแล้วครับ” บอกทั้งเตรียมเอาผ้าไปแขวนไว้ที่เดิม แต่เมื่อจะหันตัวออกเดินมือใหญ่ก็รั้งเอวไว้จนร่างเซไปทางลมเล ด้วยความตกใจมือเล็กเลยยกขึ้นเกาะไหล่หนาทั้งสองข้างทำให้ตอนนี้หน้าของรักษ์อยู่ใกล้ลมเลมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน รักษ์ตั้งสติแล้วจะขยับตัวออกแต่ลมเลกลับใช้สองแขนกอดรอบเอวรักษ์แน่นแถมยังรั้งให้รักษ์เข้ามาแนบชิดมากกว่าเดิมจนใบหน้าแถมจะชนกัน รักษ์รู้สึกทำตัวไม่ถูกจะออกจะอ้อมแขนก็ออกไม่ได้ พยายามหาที่วางสายตาตรงอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าของลมเล แต่ก็ทำไม่ได้สุดท้ายก็หันกลับมาสบตาคมเหมือนเดิมรักษ์เห็นแววตาขบขันในตาคมคู่นั้น ปากหนาก็เอาแต่ยิ้มจนรักษ์นึกหงุดหงิดพาลให้ใบหน้าเล็กต้องนิ่วหน้า

“อ่ะ!” รักษ์ตกใจที่อยู่ๆ ปลายจมูกคมจิ้มลงบนแก้ม หัวใจที่ทำงานหนักอยู่แล้วก็ทำงานหนักเพิ่มเข้าไปอีกรู้สึกตัวเองสติหลุดลอย และมันกลับมาอีกครั้งเมื่อปากหนาค่อยๆ ทับลงบนเรียวปากสวยของรักษ์ รักษ์รู้แค่ว่าตัวเองถลึงตาโตมากเพราะตกใจ พยายามถอยหนีแต่ก็ไม่พ้นสุดท้ายก็ถูกปากหนาครอบครองตอนนี้เหมือนความคิดของรักษ์นั้นว่างเปล่าปล่อยตัวปล่อยใจไปตามการชักจูงของลมเล จนเมื่อรักษ์รู้สึกได้ถึงลิ้นร้อนที่กำลังสอดแทรกเข้ามาจึงได้สติอีกครั้ง มือเรียวกำลังจะดันตัวออกจากอ้อมกอดแต่เหมือนลมเลจะรู้เท่าทันความคิดของรักษ์แขนใหญ่ที่รวบเอวเล็กอยู่กระฉับแน่นขึ้นจนรักษ์ไม่สามารถหลุดรอดได้

ความวูบวาบที่ได้รับดึงให้สติรักษ์หลุดลอยอีกครั้งปล่อยใจให้หลงมัวเมาไปกับรสจูบแสนนุ่มนี้จนเผลอตอบรับรสสัมผัสไปอย่างเผลอไผล ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ทั้งสองต่างมอบความหอมหวานผ่านเรียวปากแต่มันนานพอให้รักษ์รู้สึกหายใจลำบากจนต้องทุบไหล่หนาให้หยุด ลมเลก็ยอมหยุดแม้จะนึกเสียดายก็ตามแต่ไม่วายจูบหนักๆลงบนเรียวปากแดงอีกครั้งก่อนจะผลักตัวออก

รักษ์ไม่รู้เลยว่าเวลานี้ควรทำตัวอย่างไรดี เขาทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ หน้าลมเลก็แทบไม่กล้ามองเพราะรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก

“ก็บอกแล้วไงว่าจะจีบ” ลมเลพูดผ่าความเงียบขึ้น มือหนาค่อยๆยกขึ้นจับคางรักษ์ให้หันหน้ามามองกัน ตอนนี้ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรือง ปากก็บวมขึ้นเล็กน้อยซึ่งมันน่ามองมากในความคิดของลมเล

“แล้วจะ จะ จูบทำไมละครับ” พยายามรวบรววมสติถามไป ลมเลชอบทำให้รักษ์เสียสติอยู่เรื่อยจริงๆ

“จูบกับจีบก็เหมือนกันนั้นแหละ หึหึ”

“ไม่เหมือนกันสักหน่อยครับ!” ว่าแล้วก็โยนมาเช็ดไว้บนตักลมเลส่วนตัวเองก็ขึ้นเตียงรั้งผ้าห่มมาปิดจนถึงคอ รักษ์แอบได้ยินลมเลหัวเราะแยะเบา

เมื่ออีกคนหนีไปนอนแล้วลมเลก็รีบเอาผ้าเช็คไปแขวน เช็คความเรียบร้อยของห้องก่อนจะปิดไฟแล้วขึ้นเตียงนอนตามอีกคน ที่เอาแต่หันหลังให้เขา ลมเลสอดตัวนอนใต้ผ้าห่มเรียบร้อยก็รั้งคนข้างกายมานอนกอด ในตอนแรกรักษ์ก็ขัดขึนแต่สุดท้ายก็ยอมให้ลมเลนอนกอดแต่โดยดี และในคืนนั้นจากที่คิดว่าหลับไม่ลงเพราะนึกตื่นเต้นกลับหลับอย่างสบายเพราะอ้อมกอดที่อบอุ่นจากกายใหญ่

....,.....................,.....,...................................

ลูกคู่มาแล้วนะจ้าาาาา 
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 27 (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:17:31
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 27

“อารักษ์ครับ พี่อินทร์ขอหมูทอดด้วยนะครับ”

“ได้ครับ แต่ตอนนี้อารักษ์ว่าสองแสบควรไปอาบน้ำได้แล้วครับ ได้ลงมากินข้าวกัน” เพราะเช้านี้สองแสบตื่นไวเลยมาวุ่นอยู่ในครัวกับรักษ์และญาดา

“ไปลูกคู่รีบไปอาบเลยแล้วเรียกพ่อเราด้วยละ” ญาดาบอกหลานอีกทีและไม่ลืมให้ปลุกคนพ่อที่ยังไม่ตื่น ถึงจะยังแค่หกโมงกว่าก็ตามเพราะปกติปานี้ลมเลตื่นนานแล้ว

“พ่อตื่นสาย” ขุนอินทร์ร้องบอกญาดา

“วันนี้ตื่นก่อนทำมาว่าพ่อเขานะเจ้าแสบ” พายุที่พึ่งเดินเข้ามาว่าขึ้น “รักษ์ลุงขอกาแฟแก้วสิลูก”

“ได้ครับคุณลุง” รับคำเสร็จก็จัดการให้อย่างรวดเร็ว ครู่เดียวกาแฟร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมก็อยู่ในมือของพายุ

“ขอบใจมาก ไปลูกคู่ออกไปพร้อมปู่” แล้วสามคนปู่หลานก็พากันเดินออกมาจากครัว พายุแวะส่งสองแสบขึ้นบันไดรอดูจนหลานชายทั้งสองขึ้นไปจนสุดทางก็ไปนั่งจิบกาแฟ ฟังข่าวที่หน้าโทรทัศน์ ซึ่งมีลูกสาวนอนอยู่ตรงโซหาตัวยาวไม่เข้าใจว่าจะตื่นมาทำไมถ้าจะมานอนต่อบนโซฟา พอมองหน้าลูกสาวแล้วนึกถึงเพื่อนชายของลูกที่มีนิสัยผิดกับลูกสาวเขานัก

“ยายฟ้าไม่ขึ้นไปนอนบนห้องให้มันดีๆ” พายุร้องบอกลูกสาว

“ฟ้าขี้เกียจขึ้นไปค่ะพ่อ” เสียงงัวเงียตอบกลับไป น้ำฟ้าไม่ได้หลับเพียงแค่ยังรู้สึกง่วง

“ก็ลุกขึ้นไปช่วยแม่กับรักษ์ในครัวไป” ว่าแล้วก็ยกกาแฟขึ้นจิบ

“โห่! พ่อค่ะ ฟ้าพึ่งโดนไล่ให้ออกมาเองนะคะ” หญิงสาวบอก ก็ก่อนหน้านี้น้ำฟ้าเข้าไปช่วยในครัวอยู่แต่ถูกญาดาไล่ออกมาเพราะบอกว่าเกะกะ ก็เธอทำครัวไม่เก่งเลยไม่รู้ว่าจะต้องช่วยอะไรบ้างเลยกลายเป็นว่ายืนขวางทางคนทำงานเสียแทน นี้ถ้ารักษ์ไม่อยู่ด้วยน้ำฟ้าก็คงไม่คิดเข้าไปช่วยให้แม่บ่นหรอก แต่เพราะนานๆ ได้เจอเพื่อนสักทีเลยอยากทำอะไรด้วยกันหลายๆ อย่าง

“ก็เรามันไม่ได้เรื่อง ดูอย่างรักษ์เขาบ้างผู้ชายแท้ๆ ยังทำได้” พายุว่าลูกสาว

“กับรายนั้นฟ้ายอมค่ะพ่อ” ว่าทั้งลุกขึ้นนั่งตัวตรง “พี่ลมละค่ะ”

“พ่อไม่เห็นลงมาที”

“สงสัยยังไม่ตื่น”

“อืม สองแสบไปปลุกแล้ว”

ทางสองแสบพากันมาห้องของลมเลเพราะต้องปลุกคนเป็นพ่อ มือเล็กยกขึ้นเปิดประตูออกทำให้เห็นร่างใหญ่นอนอยู่บนเตียง สองสองหันมองกันก่อนจะค่อยๆ ย่องเบาๆ เข้ามาในห้องแล้วปีนขึ้นเตียงคนละฝั่งอย่างเงียบก่อนจะกระโดดทับลมเลทั้งตัวทำเอาคนที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่น รู้สึกจุกที่ท้อง

“ไอ้แสบ ทำอะไรของพวกเอ็ง” ลมเลร้องถามลูกชายทั้งสองที่นอนทับเขาอยู่

“ปลุกพ่อไง พ่อตื่นสายยยย” ขุนอินทร์รับหน้าที่ตอบ

“แล้วใครสอนให้พวกเอ็งปลุกคนอื่นแบบนี้ ทับมาได้คิดว่าตัวเบากันหรือไง” ลมเลบ่นๆ ทั้งเกาหัวเซ็งๆ มีลูกก็แสบแถมคูณสองอีกปวดหัวจริงๆ

“กลัวพ่อไม่ตื่นนน” ขุนจันทร์บอกทั้งมุดผ้าห่มเข้าไปอยู่กับลมเล ขุนอินทร์เห็นแบบนั้นก็มุดตามบ้าง ลมเลได้ทีก็แกล้งรัวมือตีลงบนสองแสบที่อยู่ในผ้าห่ม เด็กทั้งสองพยายามหลบมือใหญ่โดยมุดไปนู้นทีนี้ที หัวเราะชอบใจกันใหญ่จนตอนนี้กลายเป็นสามพ่อลูกเล่นกันเสียงดังเดือดร้อนให้คนที่อยู่ในครัวต้องขึ้นมาดุ

“หยุดเล่นกันได้แล้วครับ” รักษ์เดินขึ้นมาบอก ทั้งสามเลยพร้อมใจกันเงียบ “คุณลมพาสองแสบอาบน้ำเลยครับได้ลงไปทานข้าว”

“นายเอากระบวยมาทำไม หึหึ” ลมเลถามทั้งยิ้มขำ รักษ์เลยต้องมองมือตัวเองแล้วก็ต้องตกใจเพราะดันถือกระบวยติดมือมาด้วย ก็เมื่อกี้กำลังทำต้มจืดพอได้ยินเสียงสองแสบเล่นกันอยู่นานเลยรีบขึ้นมาดูจนเผลอถือกระบวยมาด้วย สองแสบพอเห็นก็พากันหัวเราะชอบใจ แต่ก็แอบกลัวว่าอารักษ์จะเอากระบวยมาตีพวกเขาหรือเปล่า

“ก็ผมทำกับข้าวอยู่ สองแสบไปอาบน้ำเลยครับ” รักษ์แก้ตัวทั้งความอายและไม่ลืมบบอกสองแสบให้ไปอาบน้ำแล้วรีบลงมาห้องครัว

“อารักษ์ตลก ฮาๆ” ขุนจันทร์พูดขึ้นเมื่อรักษ์เดินออกมาแล้ว

“ระวังเถอะพวกเอ็งจะโดนกระบวยทุบเอา หึหึ” ลมเลว่าทั่งยกมือเคาะหัวสองแสบคนละที

“พ่อ!” สองแสบโวยวาย

“ไปๆ ไปอาบน้ำ” ว่าแล้วก็ใช้เท้าดันสองแสบให้ลงจากเตียง แล้วพากันไปอาบน้ำพร้อมกันทั้งสามคนพ่อลูก

ในห้องน้ำขนาดกลางที่อัดแน่นไปด้วยสามหนุ่ม ลมเลส่งแปรงสีฟันให้สองแสบคนละอันจัดการแปลงฟันกันให้เรียบร้อยก่อนอาบน้ำ ระหว่างนี้ก็จัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกเพื่อที่จะอาบน้ำด้วย เมื่อเสื้อนอนตัวใหญ่ถูกถอดออกก็เผยให้เห็นกายกำยำที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ

“พ่อด๊ำดำสู้อารักษ์ก็ไม่ได้” ขุนอินทร์ร้องบอกเมื่อเห็นคนเป็นพ่อถอดเสื้อ ลมเลเห็นด้วยกับสองแสบรักษ์ผิวขาวมากจริงๆ เพราะเคยเห็นมาแล้ว

“แต่ไอ้นี้ของอารักษ์เล็กกว่าพ่ออีก” ขุนจันทร์ว่าทั้งชี้ไปที่ความเป็นชายของลมเล ทำเอาลมเลตกใจ

“พวกเอ็งรู้ได้ไง เดี๋ยวเถอะๆ”

“ก็น้องจันทร์เห็น”

“ใช่ๆ อาบน้ำกับอารักษ์สบายๆ อารักษ์สระผมให้ด้วย” คำพูดของสองแสบทำให้ลมเลรู้เลยว่ารักษ์ก็เคยอาบน้ำกับสองแสบด้วยเช่นกัน

“ต่อไปนี้จำไว้เลยนะพวกเอ็งห้ามอาบน้ำพร้อมกับอารักษ์อีกเด็ดขาด” ลมเลว่าอย่างจริงจัง สองแสบนะสองแสบบังอาจมาอาบน้ำกับรักษ์ของเขาได้

“ทำไมละพ่อ”

“ไม่ได้คือไม่ได้ ถ้ามีนะพวกเอ็งเตรียมขุดแปลงผักได้เลย” พอได้ยินแบบนั้นสองแสบหน้ายู้ทันที แค่อาบน้ำด้วยทำไมพ่อต้องห้ามทีกับพ่อยังอาบได้เลยสองแสบไม่เข้าใจจริงๆ

ลมเลรีบพาสองแสบอาบน้ำไม่นานทั้งสามก็จัดการทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อย ลมเลรื้อหาเสื้อผ้าในตู้ให้เด็กทั้งสองซึ้งเอามาทิ้งไว้ที่นี้หลายชุด เขาไม่ได้สนใจว่าเสื้อผ้าที่หยิบมาจะเข้าชุดกันหรือไม่แค่ให้เป็นเสื้อกับกางเกงก็ถือว่าโอเคได้ยินสองแสบบ่นว่าคนละชุดลมเลก็ไม่ได้สนใจยังไงก็ใส่ได้เหมือนกัน

“ใส่ๆ ไปเถอะไอ้แสบเรื่องมากจริง” ลมเลว่าเมื่อสองแสบบ่นเรื่องเสื้อผ้าไม่เข้าชุด

“มันไม่หล่อพ่อออออ” ขุนจันทร์ร้องบอกหน้ามุ้ย พ่อไม่เข้าใจวัยรุ่นเลย

“ไม่เท่เลย” ขุนอินทร์ว่า

“ไม่เท่ตรงไหนออกจะแนว พวกเอ็งไม่รู้ไรเสียแล้ว” ลมเลหาขออ้างไปเรื่อยเพราะขี้เกียจหาเสื้อผ้าชุดใหม่ให้สองแสบ ตัวแค่นี้รู้จักแต่งตัวหล่อทั้งที่ความจริงหล่อสู้พ่อมันไม่ได้เลยแท้ๆ

“ไม่เห็นแนวเลย”

“บอกว่าแนวก็แนว สาวหลงตรึมเชื่อพ่อ”

“อารักษ์หลงด้วยเปล่า” ขุนจันทร์ถามตาใส เด็กชายชอบอารักษ์มากๆ

“เสียใจอารักษ์ของพ่อโว้ย หลงพ่อคนเดียวพอ” ลมเลพูดอย่างจริงจัง

“อารักษ์แฟนพี่อินทร์”

“แฟนน้องจันทร์ต่างหาก” สองแสบเถียงกันต่างฝ่ายต่างไม่ยอม

“หยุดเลยพวกเอ็งไม่ใช่แฟนใครทั้งนั้น ก็บอกอยู่ว่าของพ่อๆ” ลมเลปรามอย่างเซ็งๆ

“ไม่ใช่!” สองเสียงประสานพร้อมกันดังจากปากของสองแสบ

“ถ้าให้อารักษ์เป็นแฟนพ่อเดี๋ยวพาเลี้ยงไอติมเลยวันนี้” ลมเลหลอกล้อลูกชายด้วยของชอบ

“…” สองแสบมองพ่อตัวเองนิ่งไอติมก็อยากกิน อารักษ์ก็ไม่อยากให้พ่อ

“เดี๋ยวซื้อหุ่นยนต์ให้ด้วยเอ้า” ลมเลเสนออีกเมื่อเห็นสองแสบเงียบ

“ขอรถบังคับด้วยได้ไหมพ่อ” ขุนอินทร์ร้องถาม

“เอาตุ๊กตาตัวใหญ่ๆด้วยได้ไหม” ขุนจันทร์ลองขอบ้าง

“ได้ อยากได้อะไรเอาเลยเต็มที แต่อารักษ์ต้องเป็นแฟนพ่อนะ” ลมเลทุ่มสุดตัวให้ขนาดนี้ถ้าสองแสบไปเอาก็แปลกแล้ว

ขุนอินทร์ ขุนจันทร์แอบจะลังเลหน่อยๆ อารักษ์ก็หวง ของเล่นก็อยากได้ จะตัดใจจากอะไรสักอย่างมันก็ดูจะทำได้อยากเหลือเกิน ขุนอินทร์สะกิดแฝดน้องก่อนจะปรึกษาหารือว่าจะเอาไงกันดี และสุดท้ายก็ได้คำตอบ

“ก็ได้ให้อารักษ์เป็นแฟนพ่อก็ได้” สองแสบยอมตกลง ให้อารักษ์เป็นแฟนพ่อแล้วเป็นแฟนสองแสบด้วยเลยแต่สองแสบไม่บอกพ่อหรอก

“เยี่ยม บ่ายเดี๋ยวพาไปซื้อเลย อ่อแต่พวกเอ็งต้องช่วยพ่อจีบอารักษ์ด้วยนะ”

สองพยักหน้างึกงักๆ ไม่ได้ตั้งใจฟังดีเพราะมัวนึกถึงแต่สิ่งของที่อยากได้ พ่อบอกให้จีบๆอารักษ์ใช่ไหม

“เอาเสร็จแล้วก็เสริมหล่อกันหน่อย” ว่าจบก็บีบแป้งฝุ่นใส่เต็มฝามือก่อนจะทาลงบนหน้าสองแสบจนหน้าของเด็กชายขาวไปทั้งหน้า

“พ่อ!” สองแสบร้องอยากตกใจ หมดหล่อกันพอดี

“ไปๆ ลงไปกินข้าว ฮาๆ” ว่าแล้วก็ดันหลังลูกชายทั้งสองที่หน้างอง้ำลงมาด้านล่าง เห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ การได้แกล้งลูกถือเป็นเรื่องสนุกอย่างหนึ่งที่ลมเลชอบทำ

สองแสบเดินจับมือหน้ายู้แถมหน้าขาวกันมาอีก เล่นเอาผู้ใหญ่ที่อยู่โต๊ะอาหารต้องยิ้มขำ

“อารักษ์ พี่อินทร์โกรธพ่อแล้ว”

“น้องจันทร์ก็ด้วย” มาถึงก็รีบฟ้องอารักษ์ทันที รักษ์ดูจะงงๆ กับอาการของเด็กทั้งสอง พอมองคนพ่อรายนั้นก็ลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ

“มีอะไรกันครับ โกรธคุณพ่อทำไม” รักษ์ถามเด็กทั้งสอง

“ก็พ่อแกล้งพี่อินทร์”

“ใช่ๆ ดูๆ หมดหล่อเลยยยยยย” ขุนจันทร์ว่าทั้งชี้หน้าตัวเองที่ขาวไปด้วยแป้ง รักษ์ถึงกับร้องอ่อ คงพราะถูกลมเลแกล้งกันมานี้เอง พอกันทั้งพ่อทั้งลูกจริงๆ

“ไหนพวกเอ็งอยากหล่อพ่อก็ทำให้แล้วไง” ลมเลร้องบอก

“พ่อไม่เข้าใจวัยรุ่นเลย” สองแสบว่าอย่างเซ็งๆ ยกมือลูบหน้าตัวเองถูแป้งออกอีกรอบแต่ก็ยังขาวมากอยู่ดี

“หลานปู่เป็นวัยรุ่นแล้วหรือเนี้ย” พายุที่นั่งอยู่หัวโต๊ะร้องขึ้น

“ตัวกระเปี๊ยกเดียวริจะเป็นวัยรุ่น หมายังสูงกว่าอยู่เลย” ลมเลว่า

“พี่อินทร์สูงกว่าพี่เบิ้มอีก”

“ใช่ๆ น้องจันทร์สูงกว่า” สองแสบเถียงเมื่อนึกถึงพี่เบิ้มสุนัขพันธุ์ไทยตัวอ้วนที่โรงเรียน

“ครับๆ อารักษ์ว่าวัยรุ่นควรกินข้าวเช้าได้แล้วครับ” รักษ์ห้ามศึกครั้งนี้เพราะดูแล้วคงจะยาวถ้าไม่รีบจบ

“ก็ได้ น้องจันทร์กินก็ได้ครับ” ว่าแล้วก็ปีนขึ้นเก้าอี้เตรียมกินข้าวเพราะหิวมากๆ แล้ว

“ทำเป็นพูดดี หิวก็บอกไอ้แสบ” ลมเลว่าลูกชาย

“นี้ก็ต่อลูกจริงๆ” ญาดาว่าทั้งตีลูกชายไปที สองแสบนี้ยิ้มชอบใจเลย

“รักษ์แกไม่ปวดหัวบ้างหรือกับสามพ่อลูกนี้” น้ำฟ้าร้องถามขึ้น เธอแค่นั่งฟังก็ปวดหัวจะแย่แล้ว

“ก็ไม่นะ น่ารักดี” รักษ์บอกทั้งตักอาหารให้สองแสบ น้ำฟ้านี้รีบหันมองสองแสบทันที อืมสองแสบก็น่ารักดี แต่พอหันมามองทางลมเลเธอต้องสายหน้า ผู้ชายตัวโตๆ นั่งเกาหัวจนผมยุ่งทั้งในมือก็ยังถือช้อนอยู่มองยังไงก็หาความน่ารักในตัวพี่ชายไม่เจอจริงๆ

“มองอะไรยายฟ้า” ลมเลร้องถามเมื่อเห็นน้องสาวมองมา

“รักษ์ ฉันว่าแกเปลี่ยนใจยังทันนะ” น้ำฟ้าไม่ตอบแต่หันมาพูดกับรักษ์ ซึ่งคงมีแต่รักษ์ที่เข้าใจว่าน้ำฟ้าหมายความว่ายังไง เลยได้แต่นึกขำถึงจะทันก็คงไม่เปลี่ยนหรอกก็ในเมื่อใจมันเลือกไปแล้ว รักษ์คิด

ตอนบ่ายของวันลมเลพาสองแสบไปกินไอศกรีมตามสัญญา

“ปากเลอะหมดแล้วครับ” รักษ์ร้องบอกทั้งเช็ดปากเล็กของขุนจันทร์

“อารักษ์อร่อยไหมครับ” ขุนจันทร์ร้องถามทั้งมองไอศกรีมหลากสีในถ้วยของรักษ์ รักษ์เลยตักป้อนให้ไปคำโตเพราะรู้ว่าเด็กน้อยอยากลองชิมไอศกรีมเรนโบว์ของเขา

“พี่อินทร์ชิมบ้างๆ” ขุนอินทร์เมื่อเห็นว่าน้องชายได้ชิมก็เลยขอบ้าง รักษ์ก็ตักป้อนให้ไปอีกคน

“ฉันชิมบ้างสิ” ลมเลพูดขึ้นทั้งนั่งเท้าคางมองรักษ์ที่อยู่ตรงหน้า รักษ์ทำตัวไม่ค่อยถูกไม่รู้ว่าลมเลพูดเล่นหรือพูดจริงแต่ในเมื่อคนตัวโตร้องขอรักษ์เลยเลื่อนถ้วยไอศกรีมให้ตรงหน้าอีกคน

“นี้ครับ” พอรักษ์บอกแบบนั้นลมเลรีบหยิบหนังสือนิตยสารที่วางอยู่ใกล้ๆ มาถือทันทีก่อนจะบอกรักษ์ออกไป

“มือไม่วาง” รักษ์ตกใจไม่คิดว่าลมเลจะใช้ไม้นี้ เลยจำยอมตักไอศกรีมคำโตป้อนให้ น้ำฟ้าที่นั่งมองอยู่ถึงกับแบะปากมองบนกับการกระทำของพี่ชายไม่คิดเลยว่าคนอย่างลมเลจะทำอะไรแบบนี้

“อร่อยดี หึหึ” ลมเลบอกทั้งมองหน้ารักษ์จนรักษ์รู้สึกเขินอายสายตาคมนั้น แต่น้ำฟ้าแทบจะสำรอกไอศกรีมที่กินเข้าไปเมื่อเห็นพี่ชายตัวเองจีบเพื่อนของเธอได้โคตรเลี่ยน

“อารักษ์จีบน่าๆ” ขุนจันทร์เอ่ยขึ้นทำเอารักษ์งุนงง

“ว่าไงครับน้องจันทร์”

“จีบอารักษ์น่า พ่อบอกให้จีบอารักษ์” ขุนจันทร์เอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อรักษ์ถาม

“เฮ้ย! ไอ้แสบ ใช่ที่ไหนกัน” ลมเลร้องขึ้นอย่างตกใจไอ้แสบเล่นเขาแล้วไหมละ

“อะ อะไรกันครับคุณลม”

“จีบอารักษ์ๆ เป็นแฟนๆ” ขุนอินทร์ร้องบอกอีกเมื่อเห็นว่าอารักษ์ดูไม่เข้าใจ

“พอเลยๆ พวกเอ็ง” ลมเลร้องห้ามลูกชายก่อนจะพากันพังไปมากกว่านี้

“อะไรพี่ลม คุยอะไรกับสองแสบเนี้ย สองแสบไหนบอกอาฟ้าสิว่าพ่อเราบอกว่าไง” น้ำฟ้าว่าลมเลก่อนจะถามกับสองแสบไม่รู้พี่ชายเธอไปพูดอะไรกับหลานชายเธอ

“พ่อบอกให้จีบอารักษ์” สองแสบบอกอีกครั้ง ทำไมอาฟ้ากับอารักษ์ไม่เข้าใจสองแสบก็บอกไปแล้วแท้ๆ

“ใช่ที่ไหนเล่า พ่อบอกว่าให้พวกเอ็งช่วยจีบโว้ยยยยย” ลมเลรีบแก้คำพูดของสองแสบแต่ดูเหมือนมันจะทำให้ยิ่งวุ่นไปกว่าเดิมหรือเปล่า ตอนนี้ทั้งรักษ์และน้ำฟ้าจ้องมองลมเลนิ่งเพราะตกใจคำพูดของลมเล

“….”

“เอ่อ…ไม่มีไร กินๆ” เมื่อนึกได้ถึงสิ่งที่เผลอพูดไปก็รีบหาทางเปลี่ยนเรื่องทันนี้นึกเคืองสองแสบทำแผนแตกหมด

“อย่ามาเบี่ยงประเด็นพี่ลม” น้ำฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม ผิดกับรักษ์ตอนนี้ที่ทำหน้าไม่ถูกถึงลมเลเคยบอกว่าจะจีบแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะออกมาแบบนี้

“ให้อารักษ์แฟนพ่อ”

“พ่อบอกให้กินติม” สองแสบจำได้พ่อบอกให้อารักษ์แฟนพ่อแล้วจะได้กินไอติมอร่อยๆ

“คุณลม!” รักษ์ร้องขึ้นอย่างเขินอาย แต่ก็แอบนึกเคืองที่ลมเลแอบติดสินบนสองแสบ สองแสบก็กะไรเห็นรักษ์มีค่าแค่ไอศกรีมเองหรือนึกแล้วมันน่าน้อยใจนัก

...........,.......................................

ลูกคู่มาแล้วจ้าาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 28 (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:18:15
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 28

        หลังจากพาสองแสบทานไอศกรีมเรียบร้อยก็ทำให้รักษ์รู้ว่าลมเลไม่ได้ติดสินบนสองแสบแค่ไอศกรีมแต่ยังมีของเล่นที่ตามใจสองแสบอีกหลายชิ้นจนรักษ์ต้องร้องห้าม ปกติลมเลไม่ค่อยตามใจสองแสบเรื่องของเล่นคงมีครั้งนี้แหละที่ดูจะยอมมากเกินไป

“ฉันขอโทษ” ตั้งแต่กลับมารักษ์ได้ยินคำนี้มาหลายรอบแล้ว

“ขอโทษผมทำไมครับ”

“ก็นายไม่ยอมคุยกับฉัน”

“แล้วตอนนี้ผมไม่ได้คุยกับคุณลมหรือครับ”

“รักษ์ ฉันขอโทษ ก็แค่อยากจีบนาย”

“แบบนี้มันจีบตรงไหนกันครับ คุณลมทำแบบนี้ลูกจะเสียนิสัยนะครับ” รักษ์อดว่าไม่ได้ถึงจะรู้ดีว่าความจริงแล้วลมเลเข้มงวดแค่ไหนกับสองแสบ แต่การกระทำวันนี้ของลมเลไม่ถูกต้องเลย

“ฉันถึงขอโทษนี้ไง”

“ครับ คุณลมไปนอนเถอะครับ” รักษ์บอกทั้งหันเดินเข้าห้องของตนเอง แต่รู้สึกถึงคนเดินตามมา “คุณลมมีอะไรอีกหรือเปล่าครับ” เพราะเห็นว่าลมเลเดินตามมาถึงหน้าห้องนอนของรักษ์

“เปล่านะ” ลมเลบอกทั้งรอยยิ้ม

“ถ้าไม่มีอะไรผมเข้าห้องก่อนนะครับ” ว่าจบก็เปิดประตูเข้าห้อง ลมเลก็ไม่รอช้ารีบแทรกตัวผ่านบานประตูมาด้วยจนรักษ์งุนงง “เอ่อ คุณลมเข้ามาทำไมห้องผม”

“ก็มานอนไง” บอกอย่างหน้าตาเฉยทั้งเดินไปที่เตียงนอนของรักษ์

“แต่นี้ห้องผมนะครับ” รักษ์ร้องค้านเมื่อเห็นว่าลมเลกำลังล้มตัวลงนอนบนเตียง

“ฉันจะนอนนี้ นายก็มานอนได้แล้วฉันง่วง” ลมเลบอกทั้งตบมือลงบนเตียงนอนที่ว่างข้างๆ

“ง่วงก็ไปนอนห้องคุณลมสิครับ”

“ฉันจะจีบนาย” ว่าทั้งยกผ้าขึ้นห่มไม่ได้สนใจรักษ์ที่ยืนงุนงงอยู่เลย

“จีบผมแล้วเกี่ยวอะไรกับมานอนด้วย” รักษ์เริ่มตามลมเลไม่ทันจะมาไม้ไหนอีก

“นอนจีบไง มาเถอะน่า หรือต้องให้ฉันไปอุ้ม หึหึ”

“ผมเดินเองได้ครับ” ดูแล้วจะให้อีกคนยอมออกไปคงจะเป็นไปได้ยากก็พ่อลูกดื้อพอกันเผลอๆ ลมเลดื้อหนักกว่าสองแสบเสียอีก ในเมื่ออีกคนไม่ยอมออกรักษ์ก็ต้องจำยอมเลยเดินไปปิดไฟในห้องเหลือไว้เพียงโคมไฟหัวเตียงก่อนจะขึ้นนอนบนเตียงโดยเว้นระยะห่างจากลมเลพอสมควรดีที่เตียงนอนใหญ่พอให้ผู้ชายสองคนนอนกันได้สบาย

“อ่ะ! คุณลม” รักษ์ร้องขึ้นเมื่อถูกมือใหญ่เกี่ยวเอวไปกอด แค่นอนข้างกันก็ตื่นเต้นมากพอแล้วนี้ลมเลยังมากอดอีกไม่ต้องสงสัยเลยว่ารักษ์จะรู้สึกยัง ถ้าหัวใจทะลุออกมาได้มันคงทะลุออกมาแล้ว

“หัวใจนายเต้นแรงจัง” ลมเลกระซิบอยู่ข้างหู

“อ่ะ!” รักษ์เผลอหลุดเสียงร้องอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงรอยจูบบนเส้นผม พยายามเบี่ยงตัวหลบแต่มือหนาก็รั้งไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้เลย

“ผมนายหอมมากเลย” ลมเลบอกทั้งสูดกลิ่นหอมอีกครั้ง ตัวรักษ์มักมีกลิ่นหอมจางๆ ติดตัวเสมอ แต่ไม่คิดว่าผมของรักษ์จะหอมขนาดนี้แถมยังนุ่มอีกว่าแล้วก็ประทับจุมพิตไปอีกที

“คุณลมปล่อยผมเถอะครับ” รักษ์บอกทั้งขืนตัวออก ลมเลจะรู้บ้างไหมว่าทำหัวใจรักษ์จะวายอยู่แล้ว

ลมเลไม่สนคำพูดของรักษ์กลับจับอีกคนให้พลิกตัวเข้าหา แอบเห็นว่าหน้ารักษ์ขึ้นสีแดงระเรืองยิ่งโดนแสงไฟจะโคมไฟยิ่งขับให้น่ามองดูแลน่ากลั่นแกล้งไม่น้อย ลมเลยิ้มเมื่อดวงตาโตเอาแต่มองไปทางอื่นไม่ยอมสบตาตน ปากเล็กนั้นก็กัดจนมันขึ้นสีแดงดูเย้ายวนเหลือเกินอดไม่ได้ที่จะประทับเรียวปากลงไปลิ้มลองความหอมหวานที่แสนยั่วยวนนั้น ในคลาแรกรักษ์ตกใจพยายามดิ้นหลบแต่ก็ไม่อาจต้านทานความละมุนนั้นได้ จากที่มันเคยแผ่วเบาก็ค่อยๆ หนักขึ้น รักษ์เผลอไผลไปกับรสสัมผัสอย่างห้ามไม่ได้รู้ตัวอีกทีปากหนาก็ซุกไซอยู่ตรงซอกคอของรักษ์แล้ว

“คะ คุณลม” รักษ์ร้องห้ามเมื่อรู้สึกว่ามันจะเลยเถิดมากเกินไป แต่ดูเหมือนลมเลจะไม่ได้ยินเสียงรักษ์แถมยังบดจูบรักษ์อีกครั้งจนรักษ์ไม่สามารถร้องห้ามได้ ลมเลชักนำให้รักษ์จมดิ่งไปกับรสจูบที่แสนหวานนี้อย่างห้ามตัวไม่ได้ ลมเลเองก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้เลยเขาอยากจะลิ้มลองรักษ์ไปทั้งตัวแต่ก็รู้ว่ามันยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้เลยขอตักตวงความหอมหวานจากปากเล็กให้หนำใจเถอะ

“อะ อืม” รักษ์ครางออกมากอย่างน่าอายเมื่อลิ้นใหญ่ไล่ต้อนเข้ามา ตอนนี้รักษ์แทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้เลยเผลอไผลไปกับลมเลราวกับดูหลอกล่อ

“แง่ แง่” อยู่ๆ เรียกร้องไห้ก็ดังขึ้นมาจากอีกห้องทำให้สองร่างที่กำลังดื่มด่ำความสุขต้องชะงักลง

“สองแสบ” รักษ์ร้องขึ้นอย่างตกใจรีบผลักลมเลออก ลมเลก็ยอมแต่โดยดีถึงจะรู้สึกเสียดายก็ตาม นึกเซ็งกับสองแสบร้อยวันพันปีไม่เห็นจะร้องไห้ตอนหลับมาร้องอะไรเอาวันนี้ ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ก็รีบตามรักษ์ไปดูสองแสบก็พบว่ารักษ์กำลังกอดปลอบขุนจันทร์ ข้างๆ มีขุนอินทร์นั่งหน้าง่วงอยู่

“โอ๋ๆ ไม่ร้องครับ ไม่มีอะไรน่า” รักษ์ปลอบทั้งลูบหัวเล็กของเด็กชาย

“ฮือ ฮือ มะ หมาจะกัดน้องจันทร์ ฮึก ฮือๆ” เสียงเล็กบอกทั้งร้องให้อย่างน่าสงสาร เด็กน้อยฝันร้ายฝันว่าหมาตัวใหญ่วิ่งไล่กัด ขุนจันทร์กลัวมากๆ ร้องไห้หาพ่อ หาอารักษ์ก็ไม่เจอหมาก็ไล่ไม่หยุดเลย

“โอ๋ๆ ไม่มีหมาที่ไหนแล้วครับ ไม่ร้องนะคนเก่งของอารักษ์” รักษ์พยายามปลอบ ขุนจันทร์ก็ยังสะอืนกอดรักษ์แน่น ง่วงก็ง่วง กลัวก็กลัว แต่ตอนนี้พ่อก็อยู่ อารักษ์ก็อยู่ เด็กน้อยเลยเบาใจพยายามเก็บเสียงสะอืนสุดท้ายทนความง่วงไม่ไหวก็เผลอหลับไปในอ้อมกอดของรักษ์

“หลับแล้วครับ” รักษ์ร้องบอกทั้งใช้มือลูบผมเด็กน้อยไม่หยุด ทางลมเลก็พึ่งพาขุนอินทร์ให้นอนหลับไป

“มาฉันพานอนเอง” ลมเลบอกทั้งแกะมือเล็กที่กอดรอบเอวรักษ์แน่น ก่อนจะค่อยๆ พาเด็กน้อยนอนลงอย่างเบามือ เป็นไงละสองแสบร้องไห้ขี้มูกโป่งเลย

“คงฝันร้ายนะครับ” รักษ์ว่าทั้งยกผ้าห่มขึ้นห่มให้เด็กนอนทั้งสอง

“คงจะร้ายน่าดูร้องไห้เสียลั่นบ้านเลย” ไม่บ่อยที่สองแสบจะฝันร้ายและสะดุ้งตื่นกลางดึก

“วันนี้เล่นมากไงครับ” พูดแล้วมองคนพ่อแรงๆ ทำเอาคนถูกมองสะดุ้ง ก็จริงอย่างรักษ์ว่าวันนี้ลมเลตามใจสองแสบเกินไปเพราะผลประโยชน์ที่หวังแท้ๆ แต่ดูแลแล้วลมเลว่าตนมีแต่เสียกับเสียมากกว่าเมื่อนึกย้อนไป

เมื่อเช็คจนมั่นใจว่าสองแสบจะไม่สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทั้งสองก็พากันออกมา รักษ์เริ่มง่วงแล้วเลยรีบเดินกลับห้องไม่ได้สนใจคนที่ตามมาด้านหลัง

“คะ คุณลม” เมื่อจะปิดประตูห้องก็ถูกอีกคนรั้งไว้ รักษ์คิดว่าลมเลจะกลับไปนอนห้องตัวเองแท้ๆ

“ลืมไปแล้หรือไงว่าคืนนี้ฉันนอนด้วย หึหึ” ว่าทั้งแทรกตัวผ่านประตูเข้ามาและปิดล๊อคประตูให้เรียบร้อย

“ตามใจครับ แต่ หะ ห้ามทำอะไรผมนะ” บอกทั้งนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้า

“ฉันไปทำอะไรนาย หึหึ”

“กะ ก็…” จะให้รักษ์พูดออกมาได้ยังไง มันออกจะน่าอายเกินไปเลยเลือกที่จะไม่พูดได้แต่กัดปากตัวเองแก้เขิน

“ปากแดงหมดแล้ว” ว่าทั้งใช้ปลายนิ้วโป้งลูบเบาๆ บนปากแดง รักษ์เขินอายจนต้องก้มหน้าหลบแอบได้ยินลมเลหัวเราะในลำคอ

“ผะ ผม จะนอนแล้ว” รวบรวมสติแล้วก้าวเดินขึ้นเตียงพยายามไม่สนใจลมเลมากนัก รักษ์ยกผ้ามาห่มก่อนจะหลับตาลงทั้งที่ใจมันเต้นจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา และต้องสะดุ้งเมื่อมือให้รวบรักษ์ไปกอดทั้งร่าง

“ขอกอดหน่อยฉันกลัวฝันร้าย หึหึ” เสียงที่ออกมานั่นช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนักแต่รักษ์คร้านที่จะท้วงติงนอนแบบนี้ก็อุ่นดีเหมือนกัน

..................,..................................

ลูกคู่มาแล้วจ้าาา   ลูกคู่รักพี่ๆ คนอ่านทุกคนนะค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 29 (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:19:21
ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 29

วันนี้เป็นวันเสาร์รักษ์ ลมเล และสองแสบมาส่งน้ำฟ้าที่คิวรถทั้งที่ความจริงจองตั๋วแล้วรอขึ้นรถหน้าทางเข้าสวนสายลมได้ แต่เพราะลมเลอยากพารักษ์และสองแสบไปเปิดหูเปิดตาบ้างเลยต้องมาส่งน้ำฟ้าที่ต่างอำเภอ

“ฉันไปก่อนนะแก แล้วจะลงมาอีก”

“ถึงแล้วอย่างลืมโทรบอกนะ แล้วก็ตั้งใจเรียนด้วย”

“รู้แล้วนะฉันตั้งใจเรียนจะตาย”

“ให้มันแน่เถอะ” รักษ์ทั้งยกมือขยี้ผมเพื่อนสาวอย่างนึกเอ็นดู ทำให้ลมเลที่อยู่ใกล้ๆ นึกไม่ชอบใจที่เห็นรักษ์ดูจะสนิทสนมกับน้องสาวขนาดนี้

“ไอ้แสบไปลาอาฟ้าไป” บอกให้ลูกชายทั้งสองไปร่ำลาอาฟ้าเขารักษ์จะได้ถอยออกมาสักทีถึงจะบอกว่าไม่สนที่รักษ์ชอบน้ำฟ้าก็ใช่ว่าลมเลจะทนเห็นทั้งสองสวีทกันได้มากนัก

“อาฟ้ากลับมาหาน้องจันทร์ไวๆน่า”

“อย่าลืมของฝากพี่อินทร์น่า” สองแสบกอดลาอาฟ้าคนสวย ทั้งยังไม่ลืมย้ำอย่าลืมของฝากทั้งที่คนเป็นพึ่งจะกลับกว่าจะมาอีกทีของเดือนหน้าสองแสบเล่นย้ำกันตั้งแต่วันนี้เลย

“ไม่ทันกลับก็ทวงของฝากเสียแล้ว” น้ำฟ้าเอ่ยแซวสองแสบ “ฉันไปก่อนนะรถไกลออกแล้ว” แซวสองแสบเรียบร้อยก็หันมาเอ่ยลาเพื่อนชายทั้งฟัดแก้มสองแสบไปคนละที่

“อืม ถึงแล้วอย่าลืมโทรบอก” รักษ์ย้ำอีกครั้ง

“จ้าๆ ย้ำหลายรอบแล้วเนี้ย งั้นโชคดีนะ อ่อ แล้วก็เลิกเล่นตัวได้แล้วนู้นมองมาอย่างกับจะกินฉัน” น้ำฟ้าว่าอย่างแผ่วเบาในตอนท้ายเพราะกลัวคนที่ยืนหน้าง้อจะได้ยิน

“ไม่ได้เล่นตัวสักหน่อย” รักษ์เถียง ก็แค่อยากให้อะไรๆ มันแน่ใจเสียก่อน

“ฟ้าไปแล้วนะพี่ลม มาส่งน้องสาวแท้ๆ แต่ดูทำหน้าเข้า” มาส่งน้องสาวกลับไปเรียนแท้ๆ แต่สีหน้านี้เหมือนกับไล่ให้รีบๆ ไป

“อืมๆ ไปได้แล้วไป” ลมเลบอกทั้งสะบัดมือไล่

“ดูๆ เชอะ! รักษ์แกอย่าไปเอาพี่ลมนะ”

“ยายฟ้า” ลมเลว่าเสียงดุ

“ก็มันจริง คนซื่อบื้ออย่างพี่ลมนะเอาทำไมกัน” น้ำฟ้าว่าแล้วก็รีบกอดสองแสบคนละทีก่อนจะขึ้นรถไปอย่างไวปล่อยให้ลมเลยืนหัวเสียไม่ช่วยแล้วยังจะมายุยงอีก

“ดูเพื่อนนาย”ลมเลชี้หน้าว่า

“ก็จริงนี้ครับ” รักษ์บอกไปอย่างเห็นด้วยก็ลมเลซื่อบื้อจริงๆ ก่อนจะพาสองแสบเดินกลับไปที่รถทางคนที่ถูกต่อว่าก็ได้แต่สงสัยว่สตัวเองซื่อบื้อตรงไหน

“เดี๋ยวพาไปกินขนมจีนเจ้าอร่อย” ลมเลพูดขึ้นเมื่อทุกคนอยู่บนรถเรียบร้อย ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้วรักษ์และสองแสบคงเริ่มหิวกันแล้วรถยนตร์คันโตเลยเคลื่อนมาจอดที่ร้านขนมจีนเจ้าดังของอำเภอนี้

“กินอะไร แกงไก่อร่อยนะแนะนำเลย” ลมเลร้องถามก่อนจะแนะนำเมนูเด็ดที่ต้องกินทุกครั้งเมื่อมาร้านนี้

“เอาแก่งไก่ก็ได้ครับ” คนตัวโตอวดอ้างขนาดนี้รักษ์ก็คงต้องลอง ส่วนทางสองแสบได้ขนมจีนราดน้ำพริกไปคนละจานและลมเลยังสักทอดมันมาให้อีกจานใหญ่ รักษ์จองมองบรรดาพืชผักต่างๆ ที่วางเรียงรายดูเต็มโต๊ะยาวก็อดทึ่งไม่ได้ เพราะรักษ์ไม่เคยกินขนนจีนที่มีบริการผักหลากหลายชนิดขนาดนี้ แถมยังมีทั้งที่เป็นผักสด ผักลวก ผักดอง มีผักที่ราดน้ำกะทิด้วยซึ่งรักษ์ค่อนข้างสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากไม่เคยกินมาก่อน

“ผักเยอะมากเลย เอ่อ นี้ผักอะไรครับ” รักษ์ถามทั้งชี้ไปที่ผักใบเขียวที่ราดไปด้วยกะทิสีขาวน่ากิน ถึงจะรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นผักชนิดนี้ก็ตามแต่ก็ไมแน่ใจนัก

“ใบเหลียงไง” ลมเลบอก รักษ์รู้สึกแปลกใจไม่ใช่ไม่เคยกิน ก็ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ทำให้ลมเลกินหลายครั้ง ตนเองเลยได้กินไปด้วยแต่นั้นมันก็แค่เอามาลวกกินกับน้ำพริกหรือเอามาผัดกับไข่ รักษ์ไม่เคยเอามาคลุกน้ำกะทิแบบนี้

“แกงไก่สอง น้ำพริกสอง ทอดมันหนึ่ง ได้แล้วค่ะ” เสียงพนักงานเสิร์ฟร้องบอกก่อนที่ขนมจีนเส้นสีขาวถูกราดด้วยน้ำแกงไก่สีเหลืองที่ส่งกลิ่นหอมชวนกินก็ถูกวางไว้ตรงหน้า

“ลองดูอร่อยมาก” คนตัวใหญ่บอกทั่งรีบยกช้อนขึ้นสับลงบนเส้นขนมจีนก่อนจะคลุกเคล้าน้ำแกงกับเส้นให้เข้ากัน รักษ์มองจานของสองแสบที่ถูกวางตรงข้ามเพราะตั้งใจจะสับเส้นขนมจีนให้แต่ทางร้านใจดีสับมาให้เรียบร้อยสองแสบก็แค่คลุกน้ำพริกขนมจีนให้ทั่วก็กินได้โดยที่รักษ์ไม่ต้องทำอะไรให้ รักษ์เลยหันมาจัดการกับจานของตนเอง

“อร่อยจริงด้วยครับน้ำแกงเข้มข้นมากเล่น” รักษ์มองเมื่อชิมคำแรกเข้าไป ต้องยอมรับเลยว่าที่ลมเลอวดอ้างนั้นคือเรื่องจริง

“ใช่ไหมละ ลองนี้กินด้วยกันอร่อยนะ” ลมเลว่าทั้งตักใบเหลียงราดกะทิใส่ในจานของรักษ์ ในเมื่อตักให้ลองขนาดนี้รักษ์ต้องลองและต้องยกนิ้วให้เลยตอนแรกรักษ์แอบกลัวว่ามันจะเลี่ยนกะทิแต่พอกินไปพร้อมกับขนมจีนที่ถูกราดด้วยน้ำแกงกลับไม่เป็นอย่างที่คิดมันหอมและมัน มีหวานแตะลิ้นหน่อยๆ ไม่ได้รู้สึกเลี่ยนเลย

“อร่อยครับ” ปากทั้งหันไปยิ้มให้แต่ลมเลกลับหัวเราะรักษ์แทนทำเอาต้องขมวดคิ้วดุแต่ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆ มือใหญ่ก็เลื่อนมาเช็ดมุมปากให้

“หึหึ กินเป็นเด็ก” ว่าทั้งยกนิ้วที่เช็ดคราบน้ำกะทิจากปากของรักษ์ลงบนทิชชู่ แอบนึกอยากเอามาแตะลิ้นชิมแบบเท่ๆ เหมือนในหนังบ้างแต่ก็กลัวว่ารักษ์จะคิดว่าเขาเป็นโรคจิต

“เอ่อ ขอบคุณครับ” รักษ์บอกทั้งรู้สึกเขินอาย ถึงจะเจอลมเลทำอะไรแปลกๆ หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยชินสักที

“อารักษ์มาๆ น้องจันทร์เช็ดให้บ้าง” สองแสบเมื่อเห็นว่าพ่อเช็ดปากให้อารักษ์สองแสบก็อยากเช็ดให้บ้าง

“กินไปเลยพวกเอ็งนะ เอาไปนี้ทอดมัน กินไม่หมดอยู่ล้างจานนะ” ลมเลว่าลูก ทั้งตักทอดมันใส่จานเด็กทั้งสองไปคนละสองสามอัน

“พี่อินทร์ไม่ล้างน่า”

“น้องจันทร์ก็ไม่ล้าง” สองแสบคัดค้าน

“ไม่ล้างก็กินให้หมด ผักนี้กินไปด้วย” ว่าแล้วก็หยิบผักสองสามอย่างใส่สองในจานสองแสบ เด็กน้อยหน้ายุ่งทันทีเมื่อมีผักมาอยู่ในจาน ไม่ใช่ว่าสองแสบไปชอบผักแต่พ่อเอาผักอะไรมาให้ก็ไม่รู้สองแสบไม่เคยกิน แล้วไอ้ลูกเล็กๆ กลมๆ นี้มันกินได้จริงๆ เหรอสองแสบสงสัย เพราะนกชอบกิน

“ลูกอะไรก็ไม่รู้จันทร์ไม่เอา” มือเล็กหยิบของที่ไม่ต้องการไปใส่ในจานแฝดพี่

“อินทร์ก็ไม่เอา จันทร์เอามาให้อินทร์ทำไม” คนพี่เถียง

“ก็ตัวเป็นพี่”

“ไม่เห็นเกี่ยว เอาไปเลย” แฝดพี่หยิบไปใส่คืนในจานแฝดน้อง ทำเอาขุนจันทร์หน้ายุ่งเพราะไม่อยากกินแต่ก็กลัวจะถูกให้ล้างจานสายตาน้อยๆ เลยส่องไปหาอารักษ์ทันที ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองที่มองสองแสบอยู่ต้องยิ้มขำ สุดท้ายหวยก็มาตกที่เขาตนได้รักษ์คิด เพราะลมเลแท้ๆ ไปแกล้งสองแสบ

“หึหึ นายก็ลองกินดูนี้เขาเรียกมะเดื่อ ของขึ้นชื่อชุมพรเลยนะ” ลมเลอวดอ้างอีกครั้งซึ่งครั้งนี้เขาก็พูดความจริงอีกถ้าไม่เชื่อไปลองหาดูมะเดื่อนี้พืชประจำจังหวัดเลยนะ

“พี่อินทร์ให้อีกน่า” พอเห็นรักษ์เอาของขุนจันทร์ ขุนอินทร์ก็เอาให้บ้างเพราะไม่อยากกิน รักษ์เลยต้องจำยอมรับผิดชอบมะเดื่อนี้แต่เพียงผู้เดียว และเมื่อได้ชิมบอกได้คำเดียวว่ามันแปลก รสชาติมันแปลกกิรแล้วฝาดลิ้นแต่เมื่อกินกับน้ำแกงก็เข้ากันดีคนไม่เรื่องมากอยากรักษ์กินได้สบายแต่ถ้าใครไม่ชอบรสฝาดคงจะไม่ถูกปากเท่าไหร่

“เป็นไง” ลมเลถามเมื่อเห็นว่ารักษ์กินไปเรียบร้อยแล้ว

“มันฝาดๆ แต่ก็กินได้ครับ”

“เย้ๆ ไม่ต้องล้างจานแล้ว” พอรักษ์บอกว่ากินได้สองแสบก็ดีใตเพราะได้คนช่วยกินแทนแล้ว

“อย่าดีใจไป ในจานนั้นกินให้หมดก่อน” ลมเลว่าดักลูกชายทำเอาสองแสบหุบยิ้มทันทีรีบหันมาจัดการกับจานขนมจีนต่อพยามกินให้หมดดีกว่าถูกล้างจาน

“ก็ไปแกล้งลูก” รักษ์ว่า

“ฉันพูดจริง จีบนายก็จีบจริงนะ”

“มะ ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย กินไปเลยครับ” ว่าแล้วก็ตักสารพัดผักใส่ลงในจานคนเจ้าเล่ห์ อยู่ไกลกันคนละเรื่องก็ยังจะดึงเข้ามาเชื่อมกันได้อีกนับถือลมเลเลยจริงๆ

กินขนมจีนกันเรียบร้อยก็เกือบบ่ายโมงแล้วลมเลอยากพาทั้งสามไปเดินเที่ยวตลาดนัดริมทะเลตอนเย็นซึ่งมันยังอีกหลายชั่วโมงลมเลเลยพาไปเที่ยวสวนที่ขื้นชื่อที่สุดในจังหวัดก่อนได้ชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร

เมื่อมาถึงรักษ์ยอมรับเลยว่าบรรยากาศค่อนข้างดีมาก สัมผัสได้ถึงความร่มรื่น เมิ่อเดินเที่ยวชมไปเรื่อยก็พบเจอกับการจัดตกแต่งสวนในสไตล์ต่างๆ มีสวนเท้าเปล่าซึ่งสามารถเดินนวดเท้าผ่อนคลายได้ มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของฝากับว่ามีครบทุดอย่างจริงๆ และที่รักษ์สนใจมากที่สุดคงเป็นส้วมแบบต่างๆ ทั้งส้วมตูดหมู ส้วมรู ส้มใต้พิภพ ส้วมทาร์ซานก็มี สองแสบดูชอบอกชอบใจมากทั้งที่เคยมาแล้วหลายครั้ง เด็กทั้งสองร้องขอให้พาเข้าส้วมนี้ออกส้วมนั้นอยู่หลายที่ ตอนแรกรักษ์ก็แอบคิดว่าเขาคงทำไว้โชว์เฉยๆ แต่ความจริงแล้วทุกส้วมสามารถใช้งานได้แถมมีป้ายบอกที่มาที่ไปอธิบายไว้ให้พร้อม บรรยากาศโดยรอบก็จัดตกแต่งให้เข้ากับประเภทของส้วมทำให้รู้สึกตื่นเต้นได้ตลอดเวลา

“ที่นี้ได้รับรางวัลสุดยอดส้วมแห่งปีเลยนะ”

“สมกับรางวัลครับ สุดยอดมากเลย” รักษ์เอ่ยชมจากใจจริง

“ไงสองแสบเล่นจนเหงื่อแตกเลย” ลมเลว่าลูกชาย

“หิวน้ำกันไหมครับ” รักษ์ถามสองแสบทั้งเอามือปาดเหงื่อกันยกใหญ่

“พี่อินทร์หิวโกโก้ปั่นแล้ว” บอกทั้งพยักหน้างึกงัก

“น้องจันทร์ก็ด้วย”

“นั้นเราพาสองแสบไปหาอะไรดื่มกันก่อนดีไหมครับ” เก็นว่าสองแสบเหนื่อยกันแล้วรักษ์เอ่ยชวน

“ก็ดีเหมือนกันเดินมาเป็นชั่วโมงเมื่อยขาแล้ว” ลมเลบอกเพราะแค่เดินชมที่ต่างๆ เผลอแแบเดียวก็ผ่านไปชั่วโมงแล้วไม่แปลกที่สองแสบจะร้องอยากกินน้ำทั้งสี่เลยพากันไปร้านกาแฟ

“ชิมหน่อยอร่อยไหม” ลมเลบอกทั้งหยิบแก้วของรักษ์ขึ้นมาดูดโดยไม่รอฟังคำอนุญาตจากเจ้าของ “หวานไป”

“ผมไม่ได้อนุญาตเลยนะครับ แล้วอีกอย่างหลอดนั้นผมใช้ไปแล้ว”

“ไม่เป็นฉันไม่ถือ หรือนายรังเกียจ”

“ปะ เปล่าครับ แต่…” รักษ์อึกอักพูดไม่ออก

“นั้นนายกินของฉันด้วยก็ได้ ได้หายกันไง หึหึ”

“มะ ไม่เอาครับ” ว่าทั้งหลบหน้าทำไมลมเลชอบแกล้งจังรักษ์คิด

..................................

ลูกคู่มาแล้วจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 30 (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:20:29
      ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 30

         ทั้งสี่พากันออกจากสวนชื่อดังก็ตะวันบ่ายคล้อยตลาดนัดริมทะเลก็คงวางขายแล้วเลยมุ่งไปที่อำเภอข้างๆ ซึ่งมีตลาดนัดขนาดใหญ่อยู่ติดกับริมทะเลและยังมีเรือจำลองขนาดใหญ่ให้เที่ยวชม

   “เดี๋ยวไปไหว้กรมหลวงชุมพรฯ มาทั้งทีไหว้สักหน่อยนะ” ลมเลบอกเมื่อทุกคนลงรถกันเรียบร้อย

   “ดีเลยครับ” รักษ์บอกทั้งวุ่นใส่หมวกให้สองแสบเพราะอากาศค่อนข้างร้อนทั้งที่เกือบจะสี่โมงแล้ว

         “อินทร์มานี้” ลมเลร้องเรียกลูกชายมาจูงมือ เมื่อเห็นอย่างนั้นรักษ์เลยจูงมือขุนจันทร์คนเดียวแต่พอจะออกเดินกันไปมือใหญ่ก็คว้ามือของรักษ์มาจับไว้

   “เอ่อ คุณลมไม่ต้องจับก็ได้ครับ” รักษ์โตพอที่จะเดินเองได้ลมเลไม่จำเป็นต้องจับเลย

   “เดี๋ยวขุนจันทร์หลง” ว่าแล้วก็เดินต่อไม่ได้สนใจสีหน้าของรักษ์เลย กลัวขุนจันทร์หลงก็จับขุนจันทร์จะมาจับรักษ์ทำไม รักษ์ได้แต่คิดไม่กล้าพูดออกไปรู้ดีว่าจริงๆ แล้วลมเลก็หาเรื่องจับมือรักษ์เท่านั้น

         “ปล่อยเถอะครับคนเยอะ” เดินมาถึงจุดที่คนพลุกพล่านรักษ์ก็ร้องขอเพราะรู้สึกเขินอายเหลือเกินเป็นผู้ชายมาเดินจับมือกันแถมยังมีเด็กชายอีกสองคน

         “จะสนทำไมกับคนเยอะ”

         “คุณลม”

         “โอเคปล่อยก็ปล่อย แต่เดินข้างๆ นะห้ามไปไหนเด็ดขาด” เห็นสายตาร้องขอแล้วลมเลก็ต้องยอมแพ้

         “ผมจะไปไหนได้ละครับ” รักษ์บอก พอดีกับเดินมาถึงเรือจำลอง

         “ขึ้นไปไหว้กรมหลวงด้านบนก่อนแล้วค่อยไปเดินตลาดนัดนะ”

         “คุณลมนำไปเลย” เพราะไม่เคยมาเลยให้เจ้าถิ่นนำน่าจะดีกว่า ลมเลไปซื้อดอกไม้ ธูปเทียนมาให้คนละชุด ซึ่งเป็นดอกกุหลาบแดง เมื่อแจกจ่ายกันเรียบร้อยก็พากันเดินขึ้นไปชั้นบนของตัวเรือซึ่งจะมีที่กราบสักการะกรมหลวงชุมพรฯ ทางด้านหน้าที่สักการะก็จะเป็นพื้นที่กว้างทอดยาวไปตามแนวเรือ หลังจากกราบไหว้ขอพรกันเรียบร้อยสองแสบก็ขอเดินเล่นชมวิวที่เห็นเป็นทะเลกว้างและแนวสนอย่างสวยงาม แม้อากาศจะยังร้อนมากแต่ก็มีลมพัดมาตลอดทำให้คลายความร้อนได้ดี

         “น้องจันทร์อย่าวิ่งครับ” รักษ์ร้องเตือนเมื่อเห็นเด็กแสบวิ่งตรงลานกว้าง

         “ไปๆ ลงไปด้านล่างได้แล้วร้อน” ลมเลร้องบอกอีกเสียง จะให้สองแสบเดินเล่นนานกว่านี้ก็กลัวจะไม่สบาย และอีกอย่างลมเลเห็นว่ารักษ์เหงื่อไหลหน้าแดงไปหมดเพราะอากาศร้อน

         “พี่อินทร์ยังอยากดูทะเลอยู่เลย” สองแสบว่ากลับเมื่อถูกขัด

         “พวกเอ็งจะอยู่ก็ตามใจพ่อพาอารักษ์ไปก่อนนะ” ว่าขู่เมื่อสองแสบไม่ยอมไปแต่โดยดี

         “ไม่เอาน้องจันทร์ไม่อยู่”

         “พี่อินทร์ไปก็ได้” พอโดนขู่ก็ยอมกันทันที สองแสบกลัวถูกทิ้งเหมือนกันนะ

               “นั้นเราไปหาอะไรกินกันดีไหมครับ” พอได้ยินว่าของกินสองแสบก็ร้องดีใจขึ้นมาทันทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็กินทั้งขนมทั้งน้ำกันมาแล้วเด็กๆ กินเก่งกันจริงๆ

               เมื่อตกลงกันได้แล้วก็พากันไปเดินตลาดนัดระหว่างเดินเห็นบ้านลมขนาดใหญ่มีเด็กเล่นอยู่หลายคนสองแสบก็อยากเล่นบ้างแต่ถูกคนเป็นพ่อห้าม อ้อนขออารักษ์ก็ไม่อนุญาตเพราะอากาศร้อน

               “แต่พี่อินทร์อยากเล่น”

               “หลายแต่จังนะวันนี้” ลมเลว่าลูกชาย

               “พ่อก็เอาแต่ห้ามๆ” แสบพี่ยังเถียงต่อ

               “แนะเถียงคำไม่ตกฟาก ข้าพ่อเอ็งนะ พวกเอ็งต้องเชื่อฟังพ่อ”

               “พ่อก็เถียง อารักษ์พ่อนิสัยไม่ดี”

               “ใครกันแน่นิสัยไม่ดี”

               “พ่อนั้นแหละ” สองคนพ่อลูกเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครจนแฝดน้องเห็นท่าจะไม่ดีเพราะคนที่เดินผ่านไปมามองอยู่หลายคน

               “”อารักษ์เราทิ้งพ่อกับอินทร์ไว้นี้เถอะครับ” ขุนจันทร์ว่าทั้งรั้งมือรักษ์ให้เดินตามปล่อยให้พ่อกับขุนอินทร์เถียงอยู่ตรงนี้แหละ

               “นั้นสิครับ ปล่อยเด็กเล็กกับเด็กโข่งตีกันอยู่นี้แหละ” พอได้ยินรักษ์ สองพ่อลูกที่เถียงกันอยู่ก็หันมองทันที

               “ฉันโตแล้ว” ลมเลบอกเมื่อถูกมองว่าเป็นเด็กโข่ง

               “พี่อินทร์ก็โตแล้ว”

               “แล้วทำไมยังเถียงกันเป็นเด็กละครับ” รักษ์พูดด้วยสีหน้าสงสัย

               “ใครเถียงไม่มี๊” บอกไม่มีแต่เสียงที่พูดมาสูงมาก

               “พี่อินทร์กับพ่อคุยกันๆ”

               “อืม คุยกันๆ” สองพ่อลูกยืนยัน ทีแบบนี้ละเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยทั้งที่มีกี้ยังเถียงไม่ยอมกันอยู่เลย แต่ในเมื่อบอกว่าไม่เถียงก็ไม่เถียงจะได้เดินตลาดกันสักที

               “อารักษ์น้องจันทร์จะกินแพนเค้ก” กลิ่นหอมของขนมลอยมาแตะจมูกทำให้สองแสบรู้สึกอยากกินขึ้นมา

               “ได้ครับ แต่เอาอันเล็กพอนะ” ก็วันนี้สองแสบกินกันเยอะแล้วเอาอันเล็กๆ ก็น่าจะพอ เพราะเชื่อว่าสองแสบไม่ได้หยุดกินเพียงแค่นี้แน่ๆ

               “คุณลุงน้องจันทร์เอารูปคุณหมีครับ” เกาะขอบร้านก็ร้องบอกสิ่งที่ต้องการทันที คุณลุงคนขายก็ชี้รูปย่ำอีกทีว่าคุณหมีนี้ใช่ไหมเด็กน้อยก็พยักหน้างึกๆ

               “พี่อินทร์เอารูปอะไรครับ” รักษ์ถามแฝดพี่ที่ยืนเลือกรูปบนกระดานข้างๆ

               “พี่อินทร์เอาคุณม่อน” เมื่อเด็กชายบอกรักษ์ก็ทำหน้าที่บอกคนขายต่ออีกที

               “ลุงมีรูปหัวใจไหม” ลมเลที่ยืนเงียบอยู่ก่อนหน้านี้ร้องถามขึ้น

               “มีๆ พ่อหนุ่ม” ลุงคนขายตอบมาด้วยร้อยยิ้ม

               “นั้นผมเอาอันหนึ่ง เอาใหญ่ๆ เลยนะ”

               “ได้ๆ” ตอบรับทั้งส่งแพนเค้กที่ทำเสร็จให้ขุนจันทร์

               “คุณลมกินด้วยหรือครับ” รักษ์ถามอย่างแปลกใจเพราะปกติลมเลไม่ค่อยชอบกินอะไรแบบนี้

               “เปล่า”

               “อ้าว แล้วสั่งทำไมละครับ” ยังไม่ทันได้คำตอบพ่อค้าก็เรียกให้รับแพนเค้กคุณม่อนของขุนอินทร์เสียก่อน รักษ์เลยไม่ได้ถามซ้ำอีกครั้ง ยืนรออีกครู่หนึ่งแพนเค้กรูปหัวใจของผู้ชายตัวโตก็เสร็จเรียบร้อย รักษ์ส่งให้ลมเลก่อนจะพากันเดินออกจากร้านแพนเค้ก

               “ของนาย” บอกทั้งยื่นแพนเค้กมาตรงหน้าของรักษ์

               “ของผม” รักษ์พูดอย่างแปลกใจ แต่มือก็ยื่นไปรับขนมจากมือใหญ่

               “รับไปแล้วห้ามคืนนะ ใจฉันนะ” เมื่อแพนเค้กรูปหัวใจไปอยู่ในมือรักษ์เรียบร้อยลมเลก็บอกขึ้นนึกอายตัวเองเหมือนกันที่ทำอะไรเด็กๆ แบบนี้

               “เอ่อ...” รักษ์รู้สึกพูดอะไรไม่ออกมันเขินอายจนหาคำพูดไม่เจอ ลมเลจีบรักษ์อีกแล้ว บัวลอยหัวใจว่าหนักแล้วคราวนี้แพนเค้กหัวใจ ทั้งที่ดูไม่น่าจะเป็นคนทำอะไรแบบนี้แท้ๆ แต่เจอแบบนี้รักษ์ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน เขินจนไม่รู้จะเอาลูกตาไปวางไว้ตรงไหนแล้ว รอยยิ้มที่พยายามห้ามมันก็ดันห้ามไม่ได้ทำให้ต้องเผยรอยยิ้มออก,k

               “พ่อจีบอารักษ์หรือ” สองแสบที่กำลังกินอย่างอร่อยถามขึ้นราวกับมันเป็นเรื่องปกติแต่คนถูกถามนี้สิดันอายขึ้นมา ถึงจะเป็นลมเลก็อายเป็นนะเกิดมาอายุเท่านี้ไม่เคยจีบใครเสียวเท่านี้มาก่อนเลย

               “เออ กินไปเลยพวกเอ็งนะ” ตอบปัดๆ ไปพยายามไม่แสดงอาการอะไรมากนัก นี้เกรงใจว่าเป็นตลาดมีผู้คนเดินการมากมายถ้าไม่มีใครลมเลคงตอบกลับไปมากกว่านี้รู้ดีจริงๆ สองแสบ

               “ขอบคุณนะครับ” รักษ์บอกเมื่อเหตุการณ์ดูเข้าที่เข้าทางแล้ว

               “ที่พูดนั้นจริงนะ” ลมเลยืนยันอีกครั้ง

               “รู้แล้วครับ” รักษ์บอกไปทั้งรอยยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไรไปมากว่านี้ถึงแม้ดูเหมือนลมเลจะคาดหวังคำตอบที่มากกว่านี้ก็ตาม เห็นสีหน้าของลมเลแล้วรักษ์อยากบอกออกไปเหลือเกินแต่ความกลัวมันก็ยังมี ขอเวลาให้รักษ์ได้แน่ใจกว่านี้สักหน่อยเมื่อวันนั้นมาถึงรักษ์จะไม่ลังเลที่จะตอบรับความรู้สึกของลมเลเลยรักษ์คิด

...

ลูกคู่มาลิ้ววววววววววววววววววววววววว รอหน่อยนะพ่อลมใกล้แล้วววววววววว อีกสักนิดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 31 (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:21:13
      ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 31

หลังจากน้ำฟ้ากลับไปตลอดหลายวันที่ผ่านมาเพื่อนสาวโทรหารักษ์แทบทุกวันและมักจะถามถึงเรื่องลมเลเสมออย่างวันนี้ก็เช่นกัน

               “เมื่อคืนพี่ลมไปนอนด้วยอีกไหม” น้ำฟ้าถามถึงพี่ชายตัวแสบที่หาเรื่องไปนอนห้องรักษ์ด้วยทุกคืน ไม่เข้าใจมุขจีบหนุ่มของพี่ชายเลยจริงๆ รุกหนักเหลือเกิน ไอ้เพื่อนเธอก็ช่างเล่นตัวเหลือเกินไม่ตอบรับพี่ชายเธอสักที

               “ก็มา” รักษ์บอกทั้งเขินอายถึงแม้จะพูดคุยเรื่องนี้กับน้ำฟ้าหลายครั้งแล้วก็ตาม

               “พี่ชายฉันรุกหนักใช่ได้ เมื่อไหร่แกจะตกลงคบกับพี่ฉันสักที” ต่างฝ่ายต่างชอบกันแทนที่จะลงเอ่ยกันเร็วๆ แต่เพื่อนตัวดีของเธอก็ไม่ยอมตอบรับพี่ชายเธอสักที

               “ก็ดูๆ อยู่” บอกไปทั้งนึกถึงใบหน้าคมของคนที่ไปเข้าสวนตั้งแต่เช้า

               “แกจะดูไปอีกนานแค่ไหนยังไม่แน่ใจอีกหรือไง” น้ำฟ้าเข้าใจดีว่ารักษ์คงกังวลไม่น้อย แต่กับความรักจะไปคิดอะไรให้เยอะแยะทำไม

               “…” รักษ์ไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปได้แต่เงียบ มีแต่คำถามเดิมๆ ที่ว่าแน่ใจแล้วหรือ

               “รักมันก็คือรัก แกอย่าไปคิดให้มาก อย่าให้ความกลัวมาทำให้แกต้องเสียสิ่งที่รักไป” น้ำฟ้าพูดถูกรักมันก็คือรัก

               “ถ้าสุดท้ายมันไม่โอเคละ”

               “ถ้ามันไม่โอเคแกก็แค่ถอยออกมา ฉันปลอบแกเอง ส่วนพี่ลมเดี๋ยวฉันจะทุบให้ตายเลย” น้ำฟ้าว่าติดตลก

               “จะบ้าเหรอ”

               “บ้าตรงไหน ถึงเป็นพี่ฉันแต่ถ้าทำแกเสียใจฉันก็ไม่ให้อภัยหรอก”

               “แต่...”

               “รักษ์ฟังฉันนะฉันรู้จักพี่ชายฉันดีแกอย่ากังวลเลยพี่ลมไม่มีทางทำให้แกเสียใจหรอก ยิ่งพี่ลมรุกจีบแกขนาดนี้แกเชื่อฉันเถอะว่าพี่ชายฉันจริงจังแน่นอน” น้ำฟ้าเชื่อแบบนั้นจริงๆ เพราะเป็นพี่น้องกันรู้ดีว่าลมเลเป็นคนแบบไหนถ้าลมเลบอกว่าใช่คือใช่

               “…”

               “ฉันไม่ได้พูดเข้าข้างพี่ชายตัวเองแต่ฉันพูดในฐานะน้องสาวที่อยากได้แกเป็นพี่สะใภ้ ฮาๆ”

               “บ้า” รักษ์ว่า แรกพูดมาเหมือนจะดีแท้ๆ เชียว

               “ฉันพูดจริงๆ นะคุณพี่สะใภ้ ฮาๆ” เมื่อมีโอกาสได้แกล้งรักษ์มีหรือน้ำฟ้าจะปล่อยไปตอนนี้รักษ์คงอายหน้าแดงมากๆ แน่ และมันก็จริงอย่างน้ำฟ้าคิดเมื่อได้ยินสองแสบถามแว่วๆ ว่าอารักษ์ทำไมหน้าแดง

               “ฉันไม่คุยกับแกแล้วไปเอาขนมให้สองแสบกินดีกว่า”

               “หนีเก่ง” พอสู้ไม่ได้ก็หนีทุกทีรักษ์นะ

               “ไม่ได้หนีสักหน่อย” รักษ์เถียง ทั้งที่จริงแล้วก็หนีจริงๆ

               “จ้าๆ จะไปไหนก็ไปเลย”

               “อืม ไว้ค่อยคุยกันใหม่”

               “อืม มีอะไรก็บอก ฉันเพื่อนแกนะ แล้วก็ทั้งรักทั้งห่วงแกมากเผื่อจะไม่รู้” น้ำฟ้าว่ากระแนะกระแหน่เพื่อนชาย

               “หึหึ ไว้มีอะไรแล้วจะบอก ฉันก็รักแกเหมือนกัน” ว่าจบก็วางสายไปก่อนจะหันมาชวนสองแสบไปหาขนมทานในครัวแต่รักษ์ต้องตกใจเมื่อเห็นลมเลยืนหน้านิ่งอยู่ รู้สึกเหมือนเหตุการณ์มันฉายซ้ำอีกครั้งจนรักษ์ตกใจ ได้แต่สงสัยว่าลมเลมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมรักษ์ถึงไม่ได้ยินเสียง

               “คุณลมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ทำไม่ผมไม่ได้ยินเลย”

               “ก็มาทันพอที่จะได้ยินนายบอกรักคนในสายละนะ” ลมเลพูดด้วยใบหน้านิ่งแต่รักษ์กลับรู้สึกบาดลึกไปในใจเพราะในน้ำเสียงเจือปนความเศร้าไปด้วย

               “เอ่อ ผมคุยกับฟ้านะครับ”

               “ดูรักกันดีจัง ไม่ว่ายังไงนายก็จะไม่หันมามองฉันเลยสินะ” ว่าทั้งทำเสียงขึ้นจมูกนึกสมเพชตัวเองที่พยายามในสิ่งที่มันไม่มีหวังแบบนี้ ที่รักษ์ไม่ยอมตอบรับเขาเสียทีคงเพราะรักน้ำฟ้ามากมากจนไม่มีที่ว่างสำหรับเขาเป็นแน่ลมเลคิด

               “เออ ไม่ใช่นะครับคุณลม” รักษ์ตกใจที่อยู่ๆ ลมเลก็พูดเรื่องน้ำฟ้าขึ้นมาอีกทำไมชอบมาได้ยินตอนที่ไม่ควรได้ยินทุกครั้งกันนะ แล้วไหนจะชอบคิดไปเองอีก

               “นายไม่ต้องพูดอะไรฉันเข้าใจดี” ว่าแล้วก็เดินเลี่ยงออกมาเห็นรักษ์ลุกเดินตามมาด้วย แสบสองก็นั่งมองพ่อทีอารักษ์ทีได้แต่สงสัยว่าพ่อกับอารักษ์คุยอะไรกัน

               “คุณลม ผมไม่ได้ชอบฟ้านะ ผมชอบคะ โอ๊ย!” ด้วยความที่รีบเดินและตะโกนบอกอีกคนทำให้รักษ์ไม่ทันได้มองทางเผลอเหยียบของเล่นของสองแสบที่เล่นกันอยู่จนลื่นล้มเสียงดัง

   “รักษ์/อารักษ์” ลมเลแสะสองแสบตกใจมากที่รักษ์ล้มลงเสียงดัง

   “เป็นยังไงบ้าง” ลมเลเข้ามาประคองทั้งถามอย่างห่วงใยแต่รักษ์ไม่ได้สนใจยังคงกังวลกับเรื่องเมื่อสักครู่

   “คุณลม เอ่อ ผมไม่ได้ชอบฟ้านะครับ” รักษ์รีบบอกลมเลทันทีไม่อยากให้ลมเลเข้าใจผิดไม่มากกว่านี้รักษ์กลัวเสียลมเลไปจริงๆ

   “เรื่องนั้นช่างก่อนเถอะ นายเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” บอกปัดไปอย่างไม่ใส่ใจเพราะตอนนี้ลมเลห่วงอาการของรักษ์มากกว่าล้มเสียเสียงดังไปทั้งบ้าน สายตาคมพยายามสังเกตหาว่ารักษ์เจ็บตรงไหนหรือเปล่า

   “มะ ไม่ครับ ผมไปอยากให้คุณลมเข้าใจผิดอีก”

   “พวกเอ็งเก็บของเล่นก่อนเลย” ลมเลไม่ได้ใส่ใจฟังที่รักษ์พูดเท่าไหร่นักเพราะมัวแต่ตรวจดูตามร่างกายของรักษ์ ก่อนหันไปบอกสองแสบให้เก็บของเล่นให้เรียบร้อยแล้วช่วยพยุงรักษ์ขึ้น

   “ผะ ผมชอบคุณ”

   “วะ ว่าไงนะ” ลมเลถามซ้ำอย่างตกใจกลัวว่าที่ได้ยินจะหูฝาดไป

   “ผมชอบคุณ โอ๊ย” เป็นจังหวะที่ขยับเท้าพอดีทำให้รู้สึกเจ็บ ไม่อยากจะเชื่อเลยสารภาพรักครั้งแรกทั้งทีจะเจ็บตัวขนาดนี้คนอะไรสารภาพรักทั้งหน้าคะมำรู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั้นแต่รักษ์ก็โล่งใจที่ได้พูดออกไป

   “นายเจ็บมากไหม เอ่อ แล้วที่บอกนะจริงหรือ” ถึงจะเป็นห่วงรักษ์มากแค่ไหนแต่ลมเลก็อดดีใจไม่ได้ยังกลัวว่าหูจะฝาดอยู่เลย

   “ปวดข้อเท้าหน่อยหนึ่งครับ” บอกทั้งก้มหน้าหลบเพราะเขินอายเกินกว่าจะสู้หน้า

   “นั่งก่อน” ลมเลประคองรักษ์ให้มานั่งที่โซฟา

   “อารักษ์เจ็บมากไหมครับ” สองแสบมายืนข้างๆ ถามอย่างห่วงใยก็อารักษ์ล้มไปแรงมากเสียงดังลั่นบ้านเลยสองแสบตกใจแทบแย่กลัวอารักษ์จะเป็นเหมือนยายอุ่น

   “ไม่ครับ ไม่เจ็บเลย โอ๊ย!” บอกเด็กน้อยไปยังไม่ทันขาดคำก็ร้องเสียงหลงเมื่อลมเลจับเท้าทำเอาสองแสบหน้าถอดสีเพราะเป็นห่วงอารักษ์

   “ข้อเท้าน่าจะพลิก พวกเอ็งไม่ต้องมายืนปากแบะเลยไปเปิดรถรออารักษ์ไป” ลมเลว่าลูกชายที่ยืนจับมือกันจะร้องไห้ที่เห็นรักษ์เจ็บ

   สองแสบรีบทำตามที่ลมเลบอกเปิดประตูรถรอรักษ์เรียบร้อยลมเลก็อุ้มรักษ์ไปขึ้นรถทั้งที่ความจริงแค่พยุงไปก็ได้แต่กลัวรักษ์จะเจ็บเลยเลือกที่จะอุ้มรักษ์แทน รักษ์ถูกพามาโรงพยาบาลในเวลารวดเร็วและผลตรวจออกมาคือข้อเท้าพลิกจริงๆ ทำให้ถูกหมอสั่งห้ามไม่ให้ใช้เท้าข้างที่เจ็บมากนักลมเลเลยคอยประคองรักษ์ไม่ห่าง

   “นั่งก่อน” ลมเลบอกเมื่อพารักษ์กลับมาจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

   “ขอบคุณครับ”

   “พวกเอ็งไปเอาน้ำมาให้อารักษ์หน่อยไป” ลมเลร้องบอกลูกชายซึ่งสองแสบก็เต็มใจทำไม่โวยวายอย่างที่ผ่านๆ มา ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงมีบ่นกันสักยกก่อน แต่วันนี้สองแสบดูเชื่อฟังเพราะอารักษ์เจ็บสองแสบเลยอยากช่วยดูแลอารักษ์

...

มาต่อกันจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา สารภาพรักธรรมดาโลกไปจำ ต้องหน้าคะมำถึงจะเท่ 5555555555555 สองสบเด็กดี อีกไม่นานก็จะจบลิ้ววววววววว
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 32 (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:21:50
   ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 32

   “สองแสบนอนแล้วหรือครับ” รักษ์ถามเมื่อลมเลเปิดประตูเข้ามา วันอดเล่านิทานให้สองแสบฟังเพราะถูกลมเลสั่งให้มานอนพักผ่อน สองแสบก็บอกให้อารักษ์นอนเยอะๆ จะได้หายเร็ว ๆ วันนี้เลยมีแค่ลมเลที่ส่งสองแสบเข้านอน

   “อืม หลับแล้วแถมไม่ฟังนิทานกันด้วย ไล่ให้ฉันรีบมาดูนาย” พูดไปก็นึกถึงลูกชายที่เข้าห้องก็จัดการเข้านอนด้วยตัวเองแถมไม่ยอมให้เล่านิทานให้ฟังอีก เหตุผลเพราะ ‘พ่อรีบไปดูอารักษ์’ คำที่สองแสบบอกทำให้ลมเลรู้ได้ทันทีว่าลูกชายทั้งสองเป็นห่วงอารักษ์มาก ๆ

   “ผมทำให้สองแสบเป็นห่วงอีกแล้ว” รักษ์รู้สึกผิดที่ทำให้สองแสบเป็นห่วง แต่อีกใจก็รู้สึกดีเพราะนั้นหมายความว่าสองแสบรักเขา

   “ที่ห่วงก็เพราะรักไม่ใช่หรือไง” ลมเลพูดขึ้นมาทำเอาคนที่นอนอยู่หายใจสะดุดไปช่วงขณะหนึ่ง “ฉันก็เป็นห่วง...เพราะรักเหมือนกัน” คำแรกว่าหายใจสะดุดแล้วคำหลังนี้ทำเอารักษ์หัวใจแทบวายถึงจะเคยโดนลมเลพูดทำนองนี้ใส่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่ชินสักครั้งยิ่งนึกถึงตอนที่ตัวเองไปบอกรักลมเลทั้งหน้าขมำนั้นแล้วก็ชวนให้นึกอายทำไมมันไม่ดูเท่เหมือนตอนลมเลบอกกันนะ

   “เอ่อ...” รักษ์อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่กลับหาคำพูดไม่เจอรู้สึกเขินจนทำตัวไม่ถูก

   “เขินหรือ” เห็นอีกคนทำท่าทางเขินอายลมเลก็อดที่จะเอ๋ยแซวไม่ได้

   “ไม่ได้เขินสักหน่อย กลับห้องคุณไปได้แล้วผมจะนอน” ว่าแล้วก็รีบยกผ้าห่มขึ้นคลุมแทบจะปิดหน้าจนหมดเพื่อจะซ่อนใบหน้าแดง ๆ ของตัวเอง พยายามทำตัวและใจให้นิ่งที่สุดแต่ไอ้เสียงหัวเราะชอบใจจากอีกคนทำให้รักษ์ใจสงบไม่ได้เลยจริง ๆ ‘คนชอบแกล้ง’ รักษ์คิด

   เมื่อหยอกล้อพอใจลมเลก็จัดการปิดไฟในห้องให้รักษ์และเตรียมเข้านอนด้วยเหมือนกัน ถึงแม้รักษ์บอกให้เขากลับไปนอนที่ห้องตัวเอง ลมเลมีหรือที่จะทำตามกลับห้องไปก็ไม่ได้นอนกอดรักษ์นะสิ กายใหญ่เลยนอนลงข้าง ๆ รักษ์ที่ทำเป็นแกล้งหลับ

   “อะไรคุณเนี้ย กลับห้องคุณไปเลย” รักษ์ร้องบอกทันทีที่ลมเลล้มตัวลงนอนข้าง ๆ

   “ไม่ ฉันจะนอนกับนาย”

   “นอนกับผมได้ไง ผมเจ็บเท้าอยู่นะ”

   “นั้นแหละยิ่งต้องนอนด้วยได้ดูแลนายไง”

   “ผมดูแลตัวเองได้ อีกอย่างถ้าคุณมาโดนเท้าผมทำไง ไม่หายกันพอดี” รักษ์พยายามหาขออ้างขึ้นมา

   “ไม่โดนหรอกน่า นายเจ็บเท้าฝั่งนู้นฉันนอนฝั่งนี้ไม่โดนแน่ ๆ” ลมเลก็ยังไม่ยอมแพ้

   “เอ่อ คุณอาจจะนอนหลับแล้วดิ้นมาโดนโดยไม่รู้ตัวก็ได้”

   “ฉันนอนไม่ดิ้นนายไม่ต้องกลัว”

   “เอ่อ เอ่อ”

   “มีข้ออ้างอะไรอีกว่ามา หึหึ” ลมเลถามเมื่อเห็นรักษ์ไม่พูดต่อซึ่งคงหาข้ออ้างอะไรไม่ได้แล้วแน่นอน

   “เอ่อ เอ่อ คุณลม...” รักษ์พยายามที่จะนึกหาข้ออ้างแต่ก็นึกไม่ออกแล้วจริง ๆ

   “ไม่มีแล้วใช่ไหม นั้นนอน” ลมเลพูดก่อนจะรั้งรักษ์เข้ามากอด

   “อ่ะ! คุณลม”

   “ชู่! นอนได้แล้ว” บอกทั้งกระชับอ้อมกอดอีกคน

   “ก็ปล่อยผมสิครับ จะ...จะกอดทำไม” รักษ์ร้องบอกเสียงอู้อี้ ในใจก็เต้นแรงจนกลัวว่าลมเลจะได้ยินเสียงหัวใจ

   “ก็อยากกอด” เป็นคำตอบที่ทำให้รักษ์ไปต่อแทบไม่ถูก แต่ก็พยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอด “ถ้ายังดิ้นฉันทำมากกว่ากอดนะ” สิ้นเสียงพูดรักษ์นิ่งทันที “ก็แค่นี้ นอนได้แล้ว จุ๊บ” ลมเลบอกทั้งจูบเบา ๆ ลงบนกลุ่มผมของรักษ์

   ตอนนี้ลมเลหลับไปแล้วแต่รักษ์ยังคงนอนไม่หลับเพราะยังตื่นเต้นกับการกระทำของลมเลแม้เวลาจะผ่านมาร่วมชั่วโมงแล้วแต่รักษ์ก็ยังทำจิตใจให้เป็นปกติไม่ได้ยิ่งลมเลยังกอดอยู่แบบนี้รักษ์ยิ่งสงบใจไม่ได้เสียที ลมเลจะรู้บ้างไหมว่าทำคนอื่นเขาทรมานขนาดไหน ถึงแม้จะคิดแบบนั้นแต่รักษ์กลับหุบยิ้มไม่ได้สักทีตั้งแต่อีกคนจูบบนกลุ่มผมนั้น จริง ๆ แล้วมันคือความสุขใช่ไหม

   เช้าวันใหม่รักษ์ตื่นมาก็พบว่าตัวเองยังอยู่ในอ้อมกอดของลมเลที่ต่างออกไปก็คงเป็นมือของรักษ์เองที่สวมกอดร่างหนาไว้ด้วย มือขาวรีบยกออกก่อนที่อีกคนจะตื่นมาเห็น รักษ์ไม่รู้ว่าตัวเองไปกอดลมเลเมื่อไหร่และไม่รู้ด้วยว่าเมื่อคืนหลับไปตอนไหน รักษ์ขยับตัวออกเพื่อลุกขึ้นแต่คงขยับผิดท่าทำให้รู้สึกปวดเท้าที่เจ็บ

   “โอ๊ย!”

   “รักษ์! เป็นอะไร” ลมเลร้องถามขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงร้องทั้งที่หลับอยู่

   “ไม่เป็นอะไรครับพอดีผมจะไปห้องน้ำ แล้วขยับผิดท่าไปหน่อย”

   “แล้วทำไมไม่เรียกฉัน เจ็บมากไหม”

   “ไม่เจ็บอะไรมากครับ คุณนอนต่อเถอะ” รักษ์บอกทั้งทำท่าขยับลงจากเตียงแต่ก็ร้องขึ้นมาอีกเพราะเจ็บ

   “มานี้ฉันช่วย”

   “ไม่เป็นไรครับผมไหว”

   “อย่าดื้อ มานี้ให้ฉันดูหน่อย” ลมเลว่าทั้งขยับไปดูเท้าเจ็บของรักษ์ “เหมือนจะบวมมากกว่าเมื่อวานเลย”

   “จริงเหรอครับ”

   “ใช่ มานี้ฉันพาไปห้องน้ำ” ว่าแล้วก็ช่วยพยุงร่างของรักษ์ขึ้น

   “เอ่อ คือผมจะอาบน้ำขอไปหยิบเสื้อผ้าก่อนได้ไหมครับ”

   “เอาสิ”

   หยิบเสื้อผ้าเรียบร้อยลมเลก็พารักษ์มาส่งที่ห้องน้ำและยังย้ำอีกว่าให้ระวังมีอะไรก็เรียกจะรออยู่ที่เตียง รักษ์จัดการอาบน้ำให้ตัวเองอย่างยากลำบากเพราะเจ็บเท้า ซึ่งใช่เวลานานพอควร

   แกร๊ก!

   เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกลมเลรีบเดินเข้าไปหารักษ์ทันที

   “เสร็จแล้วเหรอ มานี้ฉันช่วย”

   “ไม่เป็นไรครับผมพอเดินได้ คุณไม่ไปอาบน้ำเหรอ”

   “เดี๋ยวค่อยไปดูนายก่อน”

   “ผมไม่เป็นไร เดี๋ยวจะลงไปทำข้าวเช้าคุณก็ไปอาบน้ำเถอะครับ”

   “เดี๋ยวฉันพาไป”

   “ผะ...”

   “อย่าดื้อมานี้ฉันพาไป” พอได้ยินแบบนี้รักษ์ต้องจำยอม ลมเลทำไมชอบว่าเขาดื้อรักษ์เองก็ไม่เข้าใจแต่ทุกครั้งที่ได้ยินรักษ์จะต้องยอมทุกครั้งก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม

   ลมเลพารักษ์มาส่งในครัวพร้อมทั้งหยิบของที่รักษ์ต้องการมาวางไว้ให้เพื่อให้รักษ์ใช้เท้าเดินน้อยที่สุดก่อนจะพาตัวเองไปเรียกสองแสบให้ลุกขึ้นและรีบจัดการตัวเองให้ไวได้ลงไปช่วยรักษ์ ทางรักษ์ก็รู้สึกขัดใจที่เดินลำบากจะทำอะไรก็ไม่ค่อยได้ดั่งใจเท่าไหร่ดีว่าลมเลช่วยเตรียมของไว้ให้ไม่อย่างนั้นข้าวเช้ากว่าจะได้กินก็คงสาย มาถึงตรงนี้รักษ์รู้สึกว่าลมเลค่อนข้างห่วงใยและใส่ใจรักษ์มากจริง ๆ ทำให้มันรู้สึกอุ่นในหัวใจ การได้รับความใส่ใจจากคนที่เรารักมันรู้สึกมีความสุขมากจริง ๆ ตอนนี้รักษ์อยากโทรไปเล่าน้ำฟ้ามากเหลือเกินว่ารู้สึกยังไงแต่ถ้าโทรไปเช้า ๆ แบบนี้คงโดยยายเพื่อนตัวแสบด่าเสียก่อนได้เล่าแน่ ๆ ฉะนั้นก็คงต้องเก็บไว้ก่อน เรื่องที่สารภาพรักลมเลไปแล้วก็ด้วยจะให้ยายฟ้ารู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าบอกทั้งหน้าขมำยายนั้นรู้มีหวังรักษ์คงโดนล้อจนลูกบวชแน่ นึกแล้วรักษ์ก็รู้สึกสยองขึ้นมาทันที

...

ลูกคู่มาต่อแล้วน่าาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 33 (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:22:51
   ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 33

   อาหารเช้าวันนี้เสิร์ฟช้ากว่าปกติเล็กน้อยเพราะคนทำไม่ค่อยสะดวกโชคดีที่ได้ผู้ช่วยเป็นนายหัวของบ้านเลยเร็วขึ้นมาหน่อย ซึ่งหลังอาหารก็ไปเข้าสวนก่อนไปก็ไม่วายสั่งห้ามรักษ์ทำนู้นทำนี้ และยังสั่งสองแสบให้ดูแลรักษ์ให้ดีๆ อย่าดื้ออย่าซนเพราะอารักษ์เจ็บอยู่ สองแสบของตะเบ็งรับกันอย่างพร้อมเพรียงอย่างน่าเอ็นดู

   “อารักษ์หิวน้ำไหมพี่อินทร์ไปเอาให้” เสียงเล็กๆ ถามขึ้นมาขณะเล่นตัวต่ออยู่

   “เอาขนมไหมครับน้องจันทร์เอาให้” เมื่อคนพี่ถามคนน้องก็เสริมตามขึ้นมา รักษ์ยิ้มรับให้กับความหวังดีของเด็กน้อยทั้งสอง

   “ขอบคุณครับ แต่อารักษ์ยังไม่หิวเลยครับ” รักษ์บอกทั้งยกมือขึ้นลูบหัวเล็กๆ คนละทีก่อนจะเอ่ยชวนสองแสบให้ขึ้นมานั่งข้างๆ

   “อารักษ์จะทำอะไรหรืออออออ” ขุนจันทร์ถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นรักษ์ยกโทรศัพท์ขึ้นมา ขุนอินทร์ก็เที่ยวชะโงกหน้าไปมองก็เห็นใบหน้าของตัวเองอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ก็รู้ได้ทันที่ว่าอารักษ์กำลังเปิดแอพถ่ายรูป

   “พี่อินทร์หล่อๆๆ” พูดทั้งเก๊กท่าผ่านกล้องอย่างชอบใจ รักษ์ก็กดถ่ายให้ ทางขุนจันทร์พอเห็นว่าขุนอินทร์ทำอะไรก็อยากทำบ้างเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้บนหน้าจอเลยปรากฎเป็นภาพใบหน้าชายหนุ่มที่ประกบข้างด้วยเด็กชายหน้าเหมือน และมหกรรมการถ่ายภาพก็เกิดขึ้นจนในกล้องรักษ์เต็มไปด้วยภาพของตนเองกับสองแสบ

   รักษ์เลื่อนรูปถ่ายดูไปก็ยิ้มไปเพราะบางภาพมันตลกมากจริงๆ อย่างตอนสองแสบทำหน้าตลกๆ เลื่อนไปเรื่อย ๆ ก็สะดุดเข้ากับภาพที่สองแสบรุมหอมแก้มรักษ์คนละฝั่ง จำได้ว่าตอนจะถ่ายสองแสบยังยิ้มให้กล้องอยู่เลยพอกดปุ่มถ่ายสองแสบก็เปลี่ยนเป็นหอมแก้มรักษ์อย่างรวดเร็ว ร้ายกันจริงๆ รักษ์กดตั้งภาพนี้เป็นภาพพื้นหลังของโทรศัพท์ก่อนจะส่งต่อไปให้น้ำฟ้าเผื่อจะมีคนอิจฉา และเมื่อรักษ์ส่งไปเพื่อนสาวก็รีบวีดีโอคอลกลับมาทันที

   “ร้ายมากกกกกก” เสียงแรกที่เอ่ยขึ้นเมื่อรักษ์กดรับสาย รักษ์ได้แต่ยิ้มขำให้กับคนขี้อิจฉา

   “ทำไงได้ ก็เรามันที่รักของทุกคน” รักษ์ตอบกลับไปไม่วายอวดอ้างให้เพื่อนสาวหมั่นไส้เล่น

   “ที่รักของคนพ่อด้วยหรือเปล่า หึหึ” น้ำฟ้าสวนกลับมาทำเอารักษ์เขินหน้าแดง “ทำเป็นเขินนน”

   “ไม่ได้เขินสักหน่อย น้องอินทร์ น้องจันทร์มาคุยกับอาฟ้าเร็ว” บอกปัดก่อนจะชวนสองแสบให้มาคุยด้วย

   “หนีเก่งงงง”

   “ไม่ได้หนีสักหน่อย แล้วทำอะไรอยู่นะ ไม่มีเรียนหรือยังไง” รักษ์บอกก่อนจะถามออกไป

   “มีเรียนบ่าย สองแสบมาอาฟ้าจุ๊บทีหนึ่ง” ว่าทั้งทำปากจูใส่กล้อง สองแสบเห็นแล้วก็ชอบใจทำปากจูกลับไปให้

   ทั้งสี่คุยกันหลายเรื่องซึ่งสวนใหญ่ก็เป็นสองแสบที่แย้งกันโม้ให้คุณอาคนสวยที่อยู่ไกลฟัง รักษ์ได้แต่ผยักหน้าสมทบเมื่อสองแสบหันมาถามความคิดเห็นจนมาถึงเรื่องนี้รักษ์รู้สึกคิ้วกระตุกแปลกๆ เมื่อได้ยิน

   “ใช่ๆๆ อารักษ์ล้มเลยครับ” ขุนจันทร์ว่าทั้งผยักหน้ายื่นยันอีกที

   “ดังโครมเลยยย พี่อินทร์ตกใจหมดเลยครับ” ว่าทั้งเอามือทาบอก

   “แล้วพ่อก็เรียกอารักษ์ดังลั่นบ้านเลยนะอาฟ้า”

   “อารักษ์ยังบอกชอบพ่อด้วยยยย น้องจันทร์ก็อยากบอกชอบอารักษ์บ้างแต่ตอนนั้นตกใจมากไปหน่อย” ขุนจันทร์ว่าทั้งยิ้มแห้งๆ จนรักษ์อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปดึงแก้มเบาๆ

   “เพื่อนรักษ์มันเรื่องอะไรกันค่ะ ทำไมเพื่อนฟ้าไม่เห็นรู้เรื่อง” น้ำฟ้าพูดทั้งใบหน้ายิ้ม ซึ่งดูยังไงก็เป็นยิ้มมารร้าย

   “กะ...ก็ ไม่มีอะไรเจ็บข้อเท้านิดหน่อย”

   “เจ็บไม่มากก็ดี แต่ประเด็ดหลักคือ บอกไปแล้วหรือ?”

   “อืม” รักษ์ผยักหน้าเบาๆ

   “โอ้ยเพื่อนฉัน กว่าจะบอกได้ลุ้นแทบแย่ แล้วเป็นไงมาไงถึงยอมบอกออกไปละ” น้ำฟ้ายิงคำถามรัวๆ

   “ก็คุณลมเข้าใจผิด แถมยังหลบหน้าเราอีก”

   “เข้าใจผิด? เข้าใจผิดอะไร” น้ำฟ้าถามอย่างสงสัย

   “คุณคิดว่าฉัน เอ่อ ชอบแก”

   “ห่ะ! คิดว่าแกชอบฉันเนี้ยนะ พี่ชายฉันทำไมซื่อบื้อจัง คิดได้ไงว่าแกชอบฉัน”

   “ก็ใช่ไง” พูดถึงเรื่องนี้ทีไรรักษ์ก็นึกไม่ออกสักทีว่าไปทำอีท่าไหนลมเลถึงได้เข้าใจผิด

   “แล้วพี่ลมว่าไงบ้าง คบกันแล้วใช่ไหม” น้ำฟ้าถามด้วยรอบยิ้มตื่นเต้น

   “ไม่รู้สิ” รักษ์บอกออกไปอย่างไม่มั่นใจเพราะตัวเองก็ยังไม่เข้าใจในความสัมพันธ์นี้เลย ใช่ รักษ์บอกชอบไปแล้วก็จริง ลมเลก็รับรู้ แต่มันก็แค่นั้นก็ต่างฝ่ายยังไม่ได้พูดคุยถึงความสัมพันธ์กันต่อเลยว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป

   “อ้าว อะไรของแกที่ว่าไม่รู้” น้ำฟ้าละไม่เข้าใจเพื่อนและพี่ชายจริงๆ ว่าทำอะไรกันอยู่

   “ก็ไม่รู้ไง พอดีเมื่อวานมันเกิดเรื่องนิดหน่อยก็เลยไม่ได้คุยกันต่อ”

   “ก็แล้วทำไมไม่คุยให้มันจบๆ ตกลงคบ ไม่คบ” น้ำฟ้าว่าอย่างรู้สึกขัดใจ

   “ก็ไม่กล้าไง แค่รวบรวมความกล้าไปบอกชอบได้ก็ดีเท่าไหร่”

   “ไหน ๆ ก็กล้าบอกไปแล้ว ก็กล้าต่อให้มันสุดๆ สิค่ะคุณเพื่อนนนนนน”

   “ฉันก็อายเป็นนะ” รักษ์เถียง

   “โอ๊ย! จะอายทำไมอายก็อดได้ผู้พอดี”

   “ยายฟ้า” รักษ์ร้องขึ้นอย่างเขินอาย

   “ผู้คืออะไรหรืออออออ” อยู่ ๆ ขุนจันทร์ที่นั่งกินขนมอยู่เงียบๆ ก็ถามขึ้น บ่งบอกให้รู้ว่าเด็กน้อยฟังที่รักษ์กับน้ำฟ้าคุยอยู่ตลอด

   “เอ่อ อาฟ้ามีธุระพอดี แสบถามอารักษ์ก็แล้วกัน อาไปแล้วบายบายย” ว่าเสร็จก็วางสายหนีไปเลย แถมยังทิ้งระเบิดไว้ให้เขากู้คนเดียวอีก รักษ์มองสองแสบที่นั่งตาแป๋วรอคำตอบอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

   “เอ่อ อารักษ์ว่าเราไปทำข้าวเที่ยงรอคุณพ่อกันดีไหม” รักษ์เลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามของเด็กน้อย

   “แล้วผู้คืออะไรครับ กินได้ไหม” ขุนจันทร์ถามย้ำไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ ก็ขุนจันทร์สงสัยมากๆ

   “อร่อยเหมือนขนมไหมครับ” ขุนอินทร์ว่าทั้งตาเป็นประกาย

   “เอ่อ กินไม่ได้หรอกครับ แล้วก็ไม่อร่อยด้วย พี่อินทร์กับน้องจันทร์อย่าไปสนใจเลยครับ” รักษ์บอกคิดว่าสองแสบจะยอมเพียงเท่านี้แต่รักษ์คิดผิด ก็ตาใสๆ เล่นจ้องไม่ยอมหยุดจนรักษ์ต้องบอกออกไป “โอเคๆ ครับ ผู้ก็คือผู้ชายครับ”

   “อารักษ์จะเอาผู้ชายหรือครับ” ขุนอินทร์ถามอย่างสงสัย ก็อาฟ้าบอกว่าเดี๋ยวอดได้ผู้

   “เปล่าครับ อารักษ์ไม่ได้จะเอาสักหน่อย” รักษ์เริ่มปวดหัวกับคำถาม ยายฟ้านะยายฟ้าพูดอะไรไม่ดูเลยว่าหลานอยู่ด้วย รักษ์ละปวดหัวจริงๆ

   “อารักษ์ไม่อายๆ อาฟ้าบอกว่าอายเดี๋ยวจะอดผู้น่า” ขุนจันทร์ว่าทั้งลูบเข่าปลอบอารักษ์

   “ไม่ต้องอายๆ เอาพี่อินทร์ก็ได้พี่อินทร์ก็ผู้ครับ”

   “ไม่ได้ๆ ต้องน้องจันทร์ น้องจันทร์ก็ผู้ชายน่า”

   สองแสบแย่งกันไปมาแต่คนเป็นอานี้หัวจะระเบิด นึกหาวิธีที่จะลบข้อมูลนี้ออกจะสมองของเด็กแสบทั้งสอง แต่ก็นะสองแสบก็คือสองแสบยอมอะไรง่ายๆ กันที่ไหน สุดท้ายก็ต้องจบที่การต่อรองว่าจะทำเค้กอร่อยๆ ให้กินแต่สองแสบต้องไม่คุยเรื่องนี้กันอีก และด้วยเรื่องกินสำหรับสองแสบมันสำคัญมากมีหรือที่เด็กทั้งสองจะไม่ยอม และอีกอย่างเค้กของอารักษ์อร่อยที่สุด

...................................................................................

ลูกคู่มาแล้วจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนที่ 34 (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:23:28
   ลูกคู่สื่อรัก ตอนที่ 34

   ตกเย็นลมเลกลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล่าและรู้สึกเป็นห่วงอาการของรักษ์ ถึงแม้ตอนเที่ยงที่โทรมารักษ์จะบอกว่าดีขึ้นมากแล้วก็ตาม ลมเลก็อดเป็นห่วงไม่ได้ทั้งที่ตอนเที่ยงตั้งใจจะกลับมาทานข้าวพร้อมกับดูอาการของรักษ์แต่กลายเป็นว่าแผนต้องล่มเมื่อที่ไร่มีปัญหาให้ต้องไปจัดการ เมื่อกลับมาถึงลมเลก็มุ่งไปหารักษ์ทันที

   “เป็นยังไงบ้าง”

   “อุย!” อยู่ๆ ก็มีเสียงขึ้นมาทำให้รักษ์ตกใจ

   “คุณพ่อ” สองแสบร้องเรียกก่อนจะวิ่งไปเกาะขาคนพ่อคนละข้าง

   “ว่าไงไอ้แสบ” ว่าทั้งใช่มือขยี้ผมเด็กทั้งสองคนละที

   “กลับมาแล้วหรือครับ” รักษ์ร้องถาม

   “อืม แล้วทำอะไรกันอยู่ เท้าเป็นยังไงบ้าง” ตอบกลับเด็กน้อย ก่อนจะถามคุณพี่เลี้ยง

   “ข้าวเย็นครับ ก็ไม่ค่อยเจ็บแล้ว”

   “ดีแล้ว สองแสบดื้อหรือเปล่า หืม ไหนบอกพ่อสิ” ตอบรับก่อนจะก้มลงถามลูกชายทั้งสอง

   “พี่อินทร์เป็นเด็กดีครับ”

   “น้องจันทร์ก็เป็นเด็กดี ช่วยอารักษ์ทำงานด้วยครับ”

   “เก่งมาก นั้นพ่อไปอาบน้ำก่อนนะ ฉันไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวลงมาช่วยอย่าเดินมากนักละ” ก่อนไปลมเลก็ไม่ลืมที่จะเตือนรักษ์ให้ระวัง

   หลังออกจากห้องครัวลมเลก็มุ่งตรงไปห้องของตัวเองเพื่อจัดการกับเนื้อตัวให้เรียบร้อย ร่างใหญ่เข้าห้องน้ำไปก็ออกมาด้วยเนื้อตัวที่เปียกชุ่มใส่เพียงผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืน ก่อนจะก้าวยาวไปที่ตู้เสื้อผ้าหากแต่ก่อนที่จะถึงก็มีเสียงแจ้งเตือนแอพสนทนาดังขึ้นมาเลยต้องไปหยิบขึ้นมาอ่านก่อนเพราะกลัวเป็นเรื่องงานสำคัญหากแต่เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นข้อความจากน้องสาวที่ไปอยู่เมืองกรุง เห็นว่าเจ้าตัวส่งรูปภาพมาก็เลยกดเข้าช่องสนทนาและต้องตกใจก็ในภาพพบเป็นใบหน้าหวานของพี่เลี้ยงลูกชายที่กำลังยิ้มอยู่ จนคนมองต้องยิ้มตามแต่มีจุดที่ทำให้ลมเลต้องคิ้วกระตุกก็ตรงที่สองแสบเล่นหอมแก้มรักษ์กันคนละข้าง มันเป็นภาพที่สวยมาก แต่ในความรู้สึกของลมเลนั้นอิจฉาที่สองแสบทำ อิจฉาที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในภาพนั้นด้วย ถึงแม้จะรู้สึกอิจฉาแต่มือใหญ่ก็กดบันทึกภาพนั้นไว้ก่อนจะตั้งมันเป็นภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ของตนที่ใช้เป็นภาพพื้นหลังธรรมดาที่ตั้งมาตั้งแต่ซื้อ นับว่านี้เป็นการตั้งภาพพื้นหลังหน้าจอโทรศัพท์ครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ลมเลมองภาพอีกครั้งแล้วยิ้มให้กับทั้งสามคนที่เขารัก ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงที่เดิมหากแต่มีข้อความใหม่จากน้องสาวที่พึ่งแจ้งเตือนเข้ามา ‘เรามีเรื่องต้องคุยกันนะพี่ลม พี่ชายซื่อบื้อ’ เรื่องที่ต้องคุย ลมเลอ่านแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าต้องคุยเรื่องอะไรกันเลยถามกลับไปแต่น้องสาวตัวดีไม่ตอบกลับโทรเข้ามาแทน

   “ว่าไง” ลมเลเอ่ยเมื่อรับสาย

   “ไม่ต้องมาว่าไงเลยยยยย พี่นะ”

   “อะไรของแกยายฟ้า ไม่มีอะไรพี่วางนะ” เพราะลมเลตั้งใจจะรีบลงไปช่วยรักษ์

   “ก็เป็นอยู่แบบนี้ไงเลยไปก้าวหน้าสักที”

   “แกมาว่าพี่ทำไม ตกลงมีเรื่องอะไรรีบพูด พี่จะลงไปช่วยรักษ์”

   “ได้ข่าวว่าเพื่อนฟ้าเป็นพี่เลี้ยง เจ้านายอย่างพี่จะไปช่วยเนี้ยนะ” น้ำฟ้าประชดประชัดทั้งที่รู้ความจริงอยู่แล้ว

   “ก็รักษ์เจ็บอยู่”

   “แค่นี้หรือ”

   “ก็ใช่ไงแกต้องการอะไรยายฟ้า” ลมเลถามอย่างสงสัย

   “เอาตรงๆ เลยนะ พี่ชอบรักษ์มันจริงๆ ใช่ไหม”

   “ก็ใช่ไง” ลมเลตอบกลับทันทีอย่างไม่ต้องคิดก็มันคือความจริง

   “จริงจังใช่ไหมพี่ลม” น้ำฟ้าถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “แน่นอนไม่เคยรู้สึกจริงจังเท่านี้มาก่อน” ลมเลบอกด้วยความมั่นใจ

   “จริงจังแล้วชัดเจนหรือยังละ” น้ำฟ้าถามพี่ชายยังเซ็งๆ

   “ก็ชัดเจน” ลมเลบอกอย่างไม่มั่นใจ น้ำฟ้ายิงคำถามมาจนลมเลคิดไม่ทันว่าตกลงถามถึงเรื่องไหนกันแน่ แต่คาดว่าคงเป็นเรื่องเพื่อนชายอย่างรักษ์แน่นอน

   “ทำไมพี่ดูไม่มั่นใจ พี่ก็แบบนี้ทุกที บางเรื่องพี่ต้องทำให้มันจบ ให้มันชัดเจน อย่าปลอดให้มันค้างคา ทำแบบนี้ความสัมพันธ์มันไม่ก้าวหน้าหรอกนะ ฟ้าก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของพี่กับรักษ์มากนักหรอก แต่ก็เพราะว่าพี่เป็นพี่ชายฟ้า รักษ์มันก็เพื่อนฟ้า ฟ้าก็แค่อยากให้คนที่ฟ้ารักทั้งสองคนมีความสุข”

   “พี่จะไม่ทำให้รักษ์เสียใจ” ลมเลบอกอย่างหนักแน่น

   “พี่เองก็ต้องไม่เสียใจเช่นกัน” น้ำฟ้าว่ากลับมา

   “พี่รู้น่า”

   “รู้ก็ดีค่ะ แค่นี้แหละ อ่ออย่าลืมทำให้มันชัดเจนคบหรือไม่คบนะ พอกันเลยทั้งสองคนนะไม่ได้ดั่งใจจริงๆ” ก่อนวางก็ไม่วายบ่นทิ้งท้าย ลมเลได้แต่สายหน้าให้กับน้องสาวที่วางสายไปแล้ว ก็จะคิดถึงเรื่องที่น้องสาวพูด ก็จริงอย่างฟ้าพูดเขามันไม่ชัดเจน ชอบปล่อยให้เวลามันผ่านไปทั้งที่ควรทำให้มันจบ

   “เอาว่ะไอ้ลม กล้าๆ หน่อย” พูดให้กำลังใจตัวเองก่อนจะรีบแต่งตัวลงไปช่วยรักษ์ด้านล่าง

   เมื่อลงมาก็พบว่ารักษ์ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วลมเลเลยอาสายกอาหารออกมาและให้รักษ์กับสองแสบไปนั่งรอที่โต๊ะ แต่รักษ์ก็คือรักษ์ ดื้อไม่แพ้สองแสบจริงๆ บอกให้นั่งก็ยังมาช่วยเขายกอยู่ดี

   “ก็บอกว่าให้ไปนั่งรอเจ็บเท้าอยู่นะ”

   “ผมดีขึ้นแล้วครับ ยกสองคนได้เสร็จเร็วๆ ไงครับ” ลมเลได้แต่สายหน้าให้กับเด็กดื้อที่ไม่ใช่เด็ก

   หลังจบมื้อเย็นทุกคนก็มานั่งรวมกันหน้าโทรทัศน์ ถามไถเรื่องราวต่างๆ ทั่วไป สองแสบก็ยังคงมีเรื่องโม้มากมายเช่นเดิมจนได้เวลาเข้านอน รักษ์กับลมเลพาสองแสบเข้านอนก่อนจะเดินกลับห้องของตนเองหากแต่ลมเลกลับเดินตามรักษ์มาหน้าห้องด้วย

   “ผมจะเข้านอนแล้วครับ” รักษ์บอกทั้งยังไม่ค่อยกล้ามองหน้า เมื่อคิดว่าลมเลจะตามมานอนด้วยกันอีก

   “ฉันก็ง่วงแล้ว ไปนอนกันเถอะ”

   “แต่นี้ห้องผมนะ ห้องคุณอยู่ตรงนั้นครับ” รักษ์บอกทั้งชี้ไปทางห้องของลมเล

   “บ้านฉัน แสดงว่าเป็นห้องของฉันเหมือนกัน หึหึ”

   “แต่คุณยกให้ผมนอนห้องนี้นะครับ” รักษ์ยังคงเถียงไม่ยอม ถึงจะชอบลมเลแต่ก็ใช่ว่ารักษ์จะยอมให้ลมเลมานอนด้วยง่ายๆ ก็ในเมื่อเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน

   “แต่ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าห้ามตัวฉันเองมานอน”

   “ผมไม่ตลกด้วยนะครับ กลับห้องคุณไปเลย”

   “แล้วใครบอกว่าฉันตลก นี้ฉันกำลังจริงจัง’” บอกทั้งสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้รักษ์มากขึ้น ทำให้รักษ์ต้องถอยหลบแต่ก็ติดประตูเสียแล้ว เมื่อถอยหลังไม่ได้ก็เบี่ยงหลบไปด้านข้างแทนแต่แขนใหญ่กลับยกขึ้นมากั้นไว้ จะหลบไปอีกทางแขนอีกข้างก็ยกมากั้นไว้อีกทำให้ตอนนี้รักษ์ตกอยู่ในวงแขนของลมเล

   “เอ่อ หลบครับ” คนตัวใหญ่ไม่หลบกลับขยับมาใกล้มากกว่าเดิมจนรักษ์เริ่มทำตัวไม่ถูก หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นแรงแทบจะทะลุออกมา

   “ถ้าฉันไม่หลบนายจะทำไม หึหึ” ลมเลพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ยิ่งเห็นแมวน้อยในวงแขนไปไม่เป็นยิ่งชอบใจ

   “ยะ...อย่ามาแกล้งกันสิครับ”

   “ฉันไม่ได้แกล้งสักหน่อย เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันนะ” ว่าทั้งขยับหน้าเข้าไปใกล้รักษ์จนใบหน้าห่างกันเพียงแค่ลมหายใจกั้น

   “คะ เคลียร์อะไรครับ” สำหรับรักษ์นับว่ายากเหลือเกินกับการพูดออกมาแต่คำในระยะประชิดเช่นนี้

   “เรื่องของเรา ฉันจะไม่ยอมให้มันชักช้าอีกแล้ว” ว่าทั้งเชยค้างของรักษ์ให้เงยหน้าขึ้นมา รักษ์อยากจะหลบสายตาคมที่จ้องมาแต่ก็ทำไม่ได้ลมเลจะรู้บ้างหรือไม่ว่าทำรักษ์หัวใจจะวายอยู่แล้วมันทั้งเขิน ทั้งตื่นเต้น ปนกันมัวไปหมดสุดท้ายก็ทำได้แค่นิ่งเงียบรอฟังคำจากอีกคน

   “…”

   “ในเมื่อฉันชอบนาย นายก็ชอบฉัน เรามาคบกันไหม” ลมเลพูดไปด้วยความจริงใจและจริงจัง แม้เสียงที่กล่าวออกมานั้นหนักแน่นหากแต่จิตใจกลับสั่นระรัวด้วยความตื่นเต้นและความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ

   “อะ.... เอ่อ” รักษ์รู้สึกว่าหัวใจพองโตมากเมื่อได้ยินสิ่งที่ลมเลกล่าวออกมา แทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีสัมผัสนุ่มนวลที่ริมฝีปากก่อนมันจะหนักหน่วงตราตรึงลงไปในจิตใจจนเผลอตอบรับสัมผัสหอมหวานนั้นไป มือขาวค่อยๆ ยกขึ้นมาคลองคอคนตัวสูง ทั้งสองต่างบรรจงมอบรอยจูบที่หอมหวานให้แก่กันอย่างหลงมัวเมา ก่อนจะผละออกจากกันอย่างช้าๆ ลมเลจูบย้ำลงไปบนปากแดงนั้นอีกสองสามทีและจบที่ทิ้งรอยจูบเบาๆ กลางหน้าผากมน มือใหญ่ค่อยเชยค้างมนขึ้นให้มาสบตา

   “ฉันถือว่าการตอบรับสัมผัสของนายคือคำตกลงนะ ที่รักของฉัน”

...............................................................................................

มาต่อกันจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

   
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ ตอนจบ (11/07/64)
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 11-07-2021 18:24:53
   ลูกคู่สื่อรัก ตอนจบ

   วันนี้อากาศสดใส แดดกำลังดีเหมาะกับการตากผ้ารักษ์ขนพวกเครื่องนอนในห้องออกมาตากแดดไว้เนื่องจากต้องเอาเข้าจัดเก็บเพราะไม่จำเป็นต้องใช้ ถ้าถามว่าทำไมไม่ต้องใช้ก็คงต้องนึกย้อนไปเมื่อหลายวันก่อน หลังจากตกลงคบกัน ลมเลก็สั่งให้รักษ์ย้ายข้าวของไปอยู่ห้องเดียวกันห้องเก่าของรักษ์เลยต้องกลับมาว่างกลายเป็นห้องรับแขกอีกครั้ง

   “สีเขียว สีเขียว”

   “จันทร์ว่าสีฟ้า อินทร์มัว”

   “จันทร์นั้นและมั่ว สีเขียวชัดๆ”

   รักษ์เดินมาจากตากผ้าก็ได้ยินสองแสบถกเถียงกันอยู่

   “อะไรกันครับสองแสบ”

   “อารักษ์ อันนี้สีฟ้าใช่ไหมครับ” ขุนจันทร์ถือสมุดภาพมาพร้อมกับชี้ภาพให้ดู

   “สีเขียวต่างหาก ใช่ไหมครับอารักษ์” ขุนอินทร์แย้งขึ้น รักษ์มองภาพแล้วครุ่นคิดภาพสีที่มันฟ้าๆ เขียวๆ นี้มันอะไรกัน มององค์ประกอบอื่นๆ ก็พอเดาได้ว่ามันคือภาพทะเล แต่ถ้าจะให้บอกว่าเขียวหรือฟ้าเลยมันก็ยังไงอยู่เพราะในภาพมันมีทั้งจุดที่เป็นสีฟ้าและเป็นสีเขียวอยู่ทั่วไปหมด

   “อืม สีน้ำทะเลครับ”

   “น้ำทะเล?” สองแสบทวนคำตอบอย่างสงสัย ก็คุณครูไม่เคยบอกว่ามีสีน้ำทะเล

   “หึหึ ใช่ครับสีน้ำทะเล” รักษ์ย้ำอีกครั้งนึกตลกสีหน้าของเด็กทั้งสอง “ก็ในภาพเป็นภาพทะเล มันมีทั้งสีเขียวและสีฟ้าปนกัน ถ้าบอกว่าสีใดสีหนึ่งก็คงไม่ถูก ฉะนั้นให้เป็นสีน้ำทะเลนั้นแหละครับดีแล้ว” รักษ์อธิบายสองแสบ

   “พี่อินทร์เข้าใจแล้วครับ จำไว้นะจันทร์ ฟ้าๆเขียว คือน้ำทะเล” ตอบรับคนเป็นอาเสร็จก็ไปย้ำกับแฝดน้อง ก่อนจะพากันไปดูสมุดภาพต่อ แต่ก็ไม่วายมีเรื่องให้เถียงกันรักษ์ได้แต่สายหน้าอย่างเอ็นดูช่างเป็นแฝดที่คิดต่างกันจริงๆ รักษ์นั่งมองสองแสบแล้วได้แต่นึกย้อนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาจำได้เลยว่าวันแรกที่รู้ว่าต้องดูแลเด็กแฝดรักษ์ตกใจเป็นอย่างมากถ้าน้ำฟ้าไม่ขอไว้รักษ์คงไม่ทำ และคงจะไม่ได้เจอสองแสบที่แสนจะน่ารัก คงไม่ได้มาอยู่ในที่ที่มีแต่ธรรมชาติแบบนี้ และที่สำคัญรักษ์คงจะไม่ได้พบกับลมเล

   “คิดอะไรอยู่” เสียงร้องถามทำเอารักษ์สะดุ้ง

   “พ่ออออ”

   “คุณลม”

   “ว่าไงสองแสบทำอะไรกัน แล้วนายพี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่” ถามสองแสบก่อนจะดุคนรักที่ไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่

   “ขอโทดครับ ผมยังไม่ชิน” รักษ์บอก

   “รักษ์ ไม่ใช่ผม” ลมเลดุอีกครั้ง

   “ครับ พี่หิวหรือยังครับ รักษ์ทำกับข้าวไว้แล้ว” ลมเลกลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้านทุกวัน แม้ทั้งสองจะคบกันแล้วแต่อะไรๆ ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักที่ดูจะเปลี่ยนไปก็คงเป็นคำเรียก และนิสัยของลมเลนิดหน่อย

   “แค่เห็นหน้ารักษ์พี่ก็อิ่มแล้ว” บอกทั้งนั่งลงข้างๆ รักษ์ แม้หลายวันที่ผ่านมาจะโดนลมเลหยอดประจำแต่รักษ์ก็ไม่ชินสักทีต้องเขินทุกครั้ง และนี้ก็เป็นนิสัยอย่างหนึ่งของลมเลที่เปลี่ยนไป

   “แบบนี้ข้าวก็คงไม่ต้องกินแล้วสินะครับ” แม้จะรู้สึกเขินแต่ก็อยากต่อกรกับอีกคน ในเมื่อคบกันแล้วรักษ์ไม่จำเป็นต้องกลัว

   “รักษ์จะใจร้ายกับพี่ได้ลงคอเหรอ” คนตัวโตพูดอย่างออดอ้อน รักษ์นึกขันเมื่อท่าทางออดอ้อนกับตัวโตๆนั้นมันดูไม่เข้ากันเลยแต่รักษ์กลับรู้สึกชอบมัน

   “ใครบอกละครับ ไปทานข้าวกันดีกว่าครับ รักษ์ทำของโปรดพี่ไว้ด้วยนะ” รักษ์บอกก่อนจะลุกไปบอกสองแสบให้เก็บของเล่นไปทานข้าว บนโต๊ะอาหารก็เป็นอย่างเช่นทุกวันสองแสบที่กินไปก็ชอบโม้ไปทำให้บนโต๊ะอาหารไม่เงียบเหงา 

   ชีวิตแต่ละวันที่ผ่านไปนั้นเป็นอย่างเรียบง่าย ไม่ได้มีอะไรเหวอหวา ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่แต่ไร่แต่สวน อยู่กับบ้านดูแลสองแสบ มันไม่ได้มีอะไรมากมายแต่รักษ์กลับมีความสุข ทำให้นึกถึงพ่อกับแม่ ครอบครัวรักษ์เป็นเพียงครอบครัวเล็กๆที่หาเช้ากินค่ำชีวิตไม่ได้ร่ำรวย ในแต่ละวันต้องดิ้นรน กว่าจะผ่านไปแต่ละวันนั้นต้องเหน็ดเหนื่อย แต่ทุกครั้งที่กลับมากินข้าวด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกมันกลับเต็มไปด้วยความสุขแม้ในวันนั้นเราจะผ่านความเหน็ดเหนื่อยมามากมายก็ตาม

   “เป็นอะไรหรือเปล่า” ลมเลร้องถามเมื่อเห็นรักษ์นั่งเหม่อ

   “เห็นสองแสบกินกันอย่างมีความสุขแบบนี้แล้วมันทำให้รักษ์คิดถึงพ่อกับแม่นะครับ เหมือนได้เห็นตัวเองตอนกินข้าวกับพ่อแม่” รักษ์บอกทั้งรอยยิ้ม

   “ไปหาพวกท่านกันไหม” ลมเลถามอย่างจริงจัง เขาก็คิดเรื่องนี้ไว้เหมือนกันเพราะเมื่อสองวันก่อนลมเลได้บอกพ่อกับแม่เขาแล้วเรื่องที่คบกับรักษ์ดีว่าท่านทั้งสองเข้าใจด้วยเห็นว่าลมเลโตพอที่จะแยกแยะได้เอง และอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องของครอบครัวรักษ์ ก็คบกับลูกชายเขาแล้วแต่ยังไม่ได้ขอพ่อแม่เขาเลย

   “เอ๋! ได้เหรอครับ”

   “ได้สิ ขอฉันเคลียร์งานก่อนอาทิตย์หน้าเราค่อยไปกันได้พาสองแสบไปไหว้ตากับยายเขาด้วย”

   “ตะ ตากับยาย พี่ลมหมายความว่า...” รักษ์ตกใจเมื่อรู้ถึงความคิดของลมเล

   “ใช่ เราสองคนคบกันแล้วพี่อยากให้ความชัดเจนกับเรา พี่เลยตั้งใจว่าจะไปขอรักษ์จากพ่อกับแม่” ลมเลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แม้ทั้งสองจะพึ่งคบกันแต่ลมเลต้องการให้รักษ์มั่นใจในตัวของเขาว่าเขานั้นจริงจังกับรักษ์จริงๆ

   “ขอบคุณนะครับ”

   “พี่ก็ต้องขอบคุณรักษ์ที่เข้ามาในชีวิตของพี่”

   “คงต้องขอบคุณสองแสบแล้วละครับ พี่รู้ไหมตอนที่รู้ว่ารักษ์ต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กแถมยังเป็นเด็กแฝดรักษ์ตกใจมากเลยนะครับ ปฏิเสธน้ำฟ้าทันทีแต่น้ำฟ้าก็ขอไว้ เห็นว่าเป็นหลานของเพื่อนก็คิดว่าคงไม่เป็นไร แต่พอมารู้ว่าต้องมาทำงานอยู่ไกลบ้านก็ยิ่งตกใจเข้าไปอีก จะยกเลิกก็ไม่ทันเพราะน้ำฟ้าบอกกับพี่ไปแล้ว”

   “พี่ก็ตกใจที่อยู่ ๆ ยายฟ้าโทรมาถามเรื่องพี่เลี้ยงเด็ก ตอนแรกก็กังวลมากเพราะสองแสบใช่ย่อยเสียที่ไหน แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อสองแสบดูจะชอบและเชื่อฟังรักษ์มาก มันทำให้พี่ตั้งใจมองรักษ์มากขึ้นจนเผลอใจไปให้พี่เลี้ยงของลูกเสียงั้น หึหึ” ลมเลเล่าอย่างนึกตลกตัวเอง

   “ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใจให้เจ้านายตัวเองแบบนี้เหมือนกันครับ”

   “พี่รักรักษ์นะ” ลมเลเลื่อนมือมาจับรักษ์ก่อนจะพูดขึ้นทำเอารักษ์เขินอาย

   “น้องจันทร์ก็รักก”

   “พี่อินทร์ด้วย รักๆๆๆ” สองแสบที่กำลังตั้งหน้าตั้งกินก็พูดตามขึ้นมา เห็นพ่อคุยอะไรกับอารักษ์ไม่รู้ยาวๆ แถมบอกรักอารักษ์ด้วยเด็กทั้งสองกลัวจะน้อยหน้าพ่อเลยต้องบอกอารักษ์ด้วย

   “เกี่ยวไรด้วยแสบ” ลมเลว่า ลืมเสียสนิทว่าลูกชายนั่งอยู่ด้วย

   “เกี่ยวจิอารักษ์แฟนพี่อินทร์นะพ่อออ” ขุนอินทร์แย้งขึ้นมา

   “แฟนของจันทร์ต่างหากอินทร์อย่ามามั่ว”

   “ไม่ใช่ของใครทั้งนั้นแหละ ของพ่อโว้ยยยยยย” ลมเลว่าทั้งนึกเคืองลูกชาย ตัวแค่นี้ริอาจจะมีแฟน คิดแล้วก็ได้แต่สายหน้าก่อนจะหันมองรักษ์ที่เอาแต่หัวเราะ มันทำให้ลมเลยิ้มออกมารับรู้ได้ถึงความสุขโดยที่ไม่ต้องพูดมันออกมา รักษ์หันมองสองแสบที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยแต่ก็ยังเถียงกันเรื่องใครเป็นแฟนของรักษ์ไม่จบ รักษ์ก็ได้แต่ยิ้มนึกขอบคุณเด็กทั้งสองที่ทำให้รักษ์ได้มาเจอกับความสุข สองแสบเป็นเหมือนกามเทพตัวน้อยที่สื่อรักให้กับรักษ์และลมเล เพราะถ้าไม่มีสองแสบก็ไม่รู้ว่ารักษ์และลมเลจะวนเวียนมาพบกันได้อย่างไร ซึ่งการพบกันและรักกันของทั้งสองในวันนี้มันเป็นเพียงบทเริ่มต้นของชีวิตเท่านั้น



........................................................  END................................................................................

ลูกคู่สื่อรักเดินทางมาถึงตอบจบแล้วววว ระยะเวลาสามสี่ปีกับเรื่องนี้ (คือนานแท้ๆๆๆๆ) ทั้งที่มันควจจะจบไปตั้งนานแต่ตั้งโอ๋กลับหายไปทีหนึ่งหลายเดือนทำให้ล้าช้า แต่ทุกคนก็ยังคงรอและติดตามกันมาเสมอ ต้องขอบคุณทุกคนมากนะคะที่คอยติดตามกันมาตลอด ลูกคู่รักพี่ๆนักอ่านทุกโค้นนนนนน อย่าลืมมารออ่านตอนพิเศษของสองแสบกันนะคะ สุดท้ายนี้ก้ขอฝากลูกคู่ไว้ในความทรงจำของทุกคนด้วยนะคะ ฝากผลงานเรื่องต่อๆ ไปด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ จบแล้ว ... ย้ายได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 11-07-2021 21:58:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ จบแล้ว ... ย้ายได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: TuEyyy ที่ 21-07-2021 22:51:34
น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ ทั้งลูกคู่ ทั้งพ่อ ทั้งครอบครัว ทั้งพี่เลี้ยง อ่านแล้วยิ้มตามตลอดเลย มีตอนป้าล้ม เกือบร้องไห้เลยค่ะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ จบแล้ว ... ย้ายได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 22-07-2021 17:02:42
 :-[
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ จบแล้ว ... ย้ายได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 25-08-2021 23:29:15
เรื่องนี้น่ารักดีค่ะ
ชอบสองแฝดน่ารัก
หัวข้อ: Re: ❤… ลูกคู่สื่อรัก ...❤ จบแล้ว ... ย้ายได้ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 05-09-2021 11:43:46
สองแสบน่ารักมากค่ะ น่ากยิกน่าตีมาก 55555