ก่อนอื่นต้องขอโทษผู้ที่ติดตามอ่านไว้มาเยอะมาก เคยเข้าไปอ่านในเวบหนึ่งที่ไม่ใช่เล้าเป็ด เคยมีคนรอนิยายเรื่องนี้ ตลอด รู้สึกเสียใจ และต้องขอโทษนักอ่านทุกท่าน รวมถึงแอดมินในทุกๆ ห้องนะคะ
นักเขียนต้องย้ายที่ทำงาน กลับมาอยู่บ้าน และต้องสร้างหลักอาชีพให้ตัวเอง เป็นการเริ่มใหม่ทั้งหมด
ครั้งนี้เริ่มว่างแล้ว และทำให้ย้อนนึกถึงไปได้อีกครั้งว่าตัวเองเคยอยู่เล้าเป็ดแห่งนี้
มีความสุขและอบอุ่นมาก
สำหรับใครที่รอนิยายเรื่องนี้ นักเขียนขอสัญญาว่าจะเขียนให้จบและไม่หายไปไหนอีกแล้วนะคะ
ขอบคุณที่อุตส่าห์รอกันมาหลายปี ตั้งแต่ปี 2012 จนบัดนี้เกือบจะ สิบปีแล้ว
นักเขียนมีอาชีพที่มั่นคงแล้วค่ะตอนนี้ และจะกลับมาเขียนใหม่อีกครั้ง
ขอกำลังใจจากทุกท่านด้วยนะคะ
ต้นฉบับของงานเขียนยังอยุ่ที่เดิมทุกอย่าง ยังคงเก็บเอาไว้เสมอ และจะขอลงในเล้าเป็ดแห่งนี้ที่เดียวเท่านั้นนะคะ
ขอบคุณจากใจจริง ขอบคุณแอดมินทุกๆ ท่านด้วยนะคะ
ตอนที่ 12 บางสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน
เสียงร้องไห้ที่ดังอยู่ข้างๆ ทำให้ผมมีความสุข บางทีก็คิดผมอาจจะโรคจิตนิดๆ ก็ได้ ...... ไอ้ร่างกายเล็กๆ ที่สะอื้นอยู่ใต้ผ้าห่ม ตอนนี้ไม่มีแรงที่จะเดินหนีไปไหน...เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ ไอ้ตัวเล็กนี่มันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน รอยคราบเลือดที่เปื้อนผ้าห่มบางส่วนและผ้าปูที่นอนมันคือหลักฐานที่เห็นได้ชัด ....
“ร้องไห้ทำไมอ่ะครับ..... พี่สนุกมากไปหน่อยแค่นั้นเอง...อย่าร้องไห้นะ” ....ปลอบซักหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวจะตื่นกลัวไปหนักกว่านี้ ก็เมื่อคืนมันโดนฤทธิ์ยาไปเยอะขนาดนั้น ....ทั้งพลิ้ว ทั้งร่อน...ทั้งยั่ว จนผมยั้งไม่อยู่ นี่ถ้าไม่เห็นรอยเลือด แถมโดนกระตุ้นยาไปด้วยผมคงต้องคิดว่าเจ้านี่เจนสนามพอควร.....
ตอนนี้สติสัมปชัญญะ คงกลับมาครบถ้วนดีแล้ว... ตื่นเช้ามาถึงได้ทั้งร้องไห้แล้วก็โวยวาย....เจ็บตัวจนขนาดนั้น เห็นสภาพของตัวเองแล้วก็สภาพห้องคงตกใจหนักเหมือนกัน.....พอจะเดินหนีออกไป คงเจ็บส่วนที่เปราะบางที่สุดถึงได้ล้มลงไปไม่เป็นท่าจนผมต้องอุ้มขึ้นมานอนใหม่อีก.... คราวนี้ก็ร้องไห้เอา ร้องไห้เอา
“เบสต์ไปทำอะไรให้...” น้ำเสียงปนสะอื้น พูดขึ้นในผ้าห่มผืนหนา ร่างเล็กๆ ที่ผมกอดอยู่ตอนนี้ หันหลังให้รู้อยู่ว่าร้องไห้ ผมเอื้อมมือไปกอด แต่เบสต์ถอยร่นหนี
“จะหนีไปไหน...” ผมไม่ตอบคำถามเบสต์ แต่ว่ากอดกระชับให้แน่นขึ้น .. จนร่างเล็กๆ ดิ้นหนีไปไม่ได้
“....ฮึก.....ปล่อย...เบสต์จะกลับบ้าน”
“....แค่จะเดินขาก็สั่นแล้ว.. จะเอาแรงที่ไหนเดินกลับบ้านไหวล่ะครับ” พูดขึ้นยิ้มๆ เอามือเกลี่ยไล้แก้มที่เปื้อนน้ำตาอยู่.... ลูกไก่ในกำมือ..... ต่อไปจะทำอะไร จะหนีอะไรก็ไม่ได้ ไม่มีทางเด็ดขาด
“ฮัลโหลครับน้องริน” เสียงสายเข้าที่ตั้งแยกเอาไว้ต่างหาก ...ทำให้รู้ว่าใครโทรมา...ผู้หญิงคนที่ผมกำลังคบหาด้วยอยู่ตอนนี้ ผมรับสายในขณะที่อีกมือก็ยังกอดร่างที่อยู่ใต้ผ้าห่มไม่ยอมให้หนีไปไหนได้
“อืม....วันนี้พี่ปวดหัวนิดหน่อยอ่ะครับ...คงไม่ไปเรียน... คิดถึงพี่หรอจ๊ะ” ผมพูดกับผู้หญิงอีกคน แต่สายตากลับมองลงไปที่น้องเบสต์นั่นต่างหาก ....
“คิดถึงเหมือนกันเลยครับ.... อ่า... อยากหอมแก้มจัง” ตอนนี้เจ้าของเล่นชิ้นโปรดของผมกับดิ้นหนักกว่าเดิม แถมร้องไห้เสียงดังขึ้นจนกลัวว่าคนในสายจะได้ยิน ผมเอื้อมมือข้างที่กอดไว้อยู่เอาไปปิดปากให้แน่น ไม่ให้เสียงนั้นเล็ดลอดออกมา พร้อมกับก้มหน้าลงไปกดจูบแก้มนุ่มๆ ที่เปื้อนน้ำตา
“อืมม... แก้มน้องรินหอมจังเลย.... เดี๋ยวตอนเย็นพาไปทานข้าวนะ” น้ำเสียงที่แกล้งจูบเหมือนจงใจให้รู้ว่ากำลังหอมแก้มผู้หญิงในสายนั้นจริง ทำให้ได้ยินเสียงระรื่นอย่างมีความสุขของคนในสาย แต่อีกคนที่ผมนอนกอดและก็ก้มลงไปจูบจริงนั้น กลับร้องไห้หนักกว่าเดิมจนตัวโยน ผมยังคงเอามือปิดปากไว้ ไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา.....จนผมวางโทรศัพท์ไปก็ยังไม่ยอมที่จะหยุดร้องไห้
“จะร้องไห้ทำไมครับ.... ร้องไห้ไปพี่ก็ไม่สงสารหรอกน่า” ไอ้ตัวเล็กที่เอาแต่ร้องไห้ตอนนี้ ผมเอามือที่ปิดปากออกไปแล้ว ทั้งหูแล้วก็ตาแดงไปหมด จนอดไม่ได้ที่จะงับใบหูเล็กๆ นั้นเล่นเบาๆ
“ฮือๆๆๆ ปล่อย...” มันทั้งร้องทั้งดิ้น... ดิ้นหนีผมแต่ละที สีหน้าของมันไม่บอกก็รู้ว่าคงจะเจ็บแผลด้านหลังที่เกิดขึ้นจากผมเป็นคนทำ ตัวมันก็เล็กแค่นี้...แถมร่างกายก็ใช่ว่าจะสมบูรณ์เต็มร้อย ....จะหนีอย่างเดียว คนอื่นที่ผมเคยเล่นด้วยไม่เห็นเรื่องมากเท่ามัน ....
“จะหนีไปไหนนักหนา..ห๊ะ... !!! หนีไม่พ้นหรอกน่าน้องเบสต์.. แล้วก็หยุดร้องด้วย..รำคาญ” ได้ผลครับ มันหยุดร้องหันกลับมา แต่คราวนี้ไม่ใช่หันกลับมาแค่ตัวอย่างเดียว ..ฝ่ามือเล็กๆ กระทบที่ใบหน้าผมอย่างจัง... ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าผมได้ขนาดนี้... แล้วนี่มันเป็นใคร...
“เบสต์ !!!!...” เสียงผมดังจนกลายเป็นตะคอก .... ตัวเท่านี้แต่สิ่งที่มันทำถือว่ากล้ามากเกินไป.... มันคงไม่รู้จักผมดีพอ ....... ไอ้สิ่งที่ทำเมื่อคืนมันคงไม่รู้ตัว ....ถ้าทำกันแบบนี้ ตอนแรกคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าไอ้คลิปที่อยู่ในกล้องวีดีโอนั่นคงจะไม่เอามาขู่ให้มันเสียขวัญหรอก.... ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น ผมชกหน้าหงายไปแล้วที่มันมาทำแบบนี้ ... แต่นี่เห็นตัวเท่าลูกหมา ทำไปก็ช้ำในตายเปล่าๆ ..... ผมเอื้อมมือไปหยิบกล้องวิดีโอมา เสียบสายมันเข้าไปกับชุดเครื่องเล่นโฮมเธียเตอร์ของโรงแรม ...... ไหนๆ ไอ้ของเล่นชิ้นนี้ของผมมันเก่งเกินตัว..ก็ต้องให้มันรู้จักซะหน่อยว่ามันเล่นอยู่กับใคร
ผมกลับมานั่งที่เตียงอีกครั้ง แต่ไอ้ตัวเล็กมันกลับไม่มองไปที่ TV เครื่องนั้น จนผมเร่งเสียงให้ดังยิ่งขึ้น มันถึงรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป
นักแสดงสองคนที่เล่นบทบาทรักกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้เบสต์มันต้องหันกลับไปมอง...ร่างทั้งร่างนิ่ง ไม่ไหวติง จนผมต้องเอามันมากอดแล้วจับหันหน้าให้เห็นชัดๆ ว่าใครรับเป็นบทบาทอะไรในคลิปวิดิโอที่ผมเปิดอยู่ ........เสียงสะท้าน ทั้งชอบและเจ็บ ...เสียงครางระงมของร่างเล็กๆ ที่อยู่ในวิดิโอ ทำให้รู้ว่าคนที่ผมกอดอยู่นั้น เรี่ยวแรงคงจะไม่มีผมกอดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่มือที่เล็กสั่นอยู่ไม่ได้ผลักผมออกแต่อย่างใด
“.........หึหึ...คราวหลังอย่ากล้าอีกนะครับ..... ถ้าครั้งหน้าอยากจะลองดีกับพี่อีก..คราวนี้คนในกล้องมันจะเป็นทั้งน้องเบสต์เอง แล้วก็เพื่อนรักของน้องเบสต์ด้วย..... แล้วมันคงจะไม่ใช่มีแค่พี่คนเดียวที่จะจัดการกับเบสต์แล้วก็ต้อง... พี่จะให้ทั้งไอ้วัจน์... ไอ้นันต์ แล้วก็ตัวพี่เองรุมอยู่ในกล้องนั้นด้วย .......ถ้าอยากจะลองดีก็เอา”
“...ทำ....แบบนี้ทำไม....” เบสต์ไม่ได้ร้องไห้ แต่สีหน้ามันหนักกว่าร้องไห้เมื่อสักครู่นี้..น้ำเสียงที่แหบแห้งทำให้ผมไม่รู้จะตอบคำถามคนตรงหน้านี้อย่างไรเหมือนกัน
“....................” ผมยังคงเงียบ ได้แต่จ้องมองหน้าไปที่ร่างเล็กนั่น
“...เบสต์จะกลับบ้าน...จะให้กลับได้หรือยัง...”
ความรู้สึกของผม.... น้ำเสียงที่ได้ฟัง....มันไม่ได้ตอกย้ำว่าผมผิด....หรือถูก เพียงแต่มันรู้สึกว่างๆ ในความรู้สึกแค่นั้นเอง แต่ถ้ามันเกิดขึ้นมาแล้ว....ของเล่นชิ้นนี้มันก็ต้องอยู่กับผมต่อไป
“ถ้าเป็นห่วงเพื่อน รักเพื่อน ต่อไปก็หัดทำตัวว่าง่ายๆ ด้วย” .. ผมพูดจบก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ชำระล้างร่างกายของตัวเองเสร็จ ออกมาพร้อมกับบอกให้คนที่ยังนั่งเฉยอยู่บนเตียง เข้าไปจัดการตัวเองซะด้วย....แต่เพียงเดินไปได้เพียงนิดเดียว...ไอ้ตัวเล็กนั่นก็ล้มพับลงไปอีก...ผมไม่ได้ก้มลงไปอุ้ม เพียงแต่ยืนมอง จนแล้วจนรอดไอ้คนที่นั่งพับเพียบอยู่ตรงนั้นก็ไม่มีแรงที่จะพยุงตัวเองให้ยืนขึ้นได้...จนผมต้องย่อตัวลงไปเพื่อที่จะอุ้มมันเข้าห้องน้ำ
“ไม่ต้องมายุ่ง !!!” มันผลักผมออกทั้งที่ตัวเองก็แทบจะไม่มีแรง
“....อย่าดื้อน่า.. จะพาเข้าไปอาบน้ำเฉยๆ” ......น้ำเสียงของผมลดลง ทั้งเมื่อคืนแล้วก็เช้านี้ ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำร่างกายให้ไอ้ตัวเล็กข้างหน้านี่เจ็บ กับทำร้ายจิตใจมัน อย่างไหนที่หนักกว่า .....
“ปล่อย.... ไม่ต้องมายุ่ง...ฮือๆๆๆ..ฮึก..ปล่อย” มันกลับมาร้องไห้แบบเดิม... ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ร่องรอยที่ผมเป็นคนทำ ร่างขาวๆ เล็กๆ แบบนี้ จะทำอะไรซักนิดก็เป็นรอยแล้ว... ร่องรอยที่บอกได้ว่าผมคือเจ้าของ ...ผมยิ้มเพียงนิดเดียวในขณะที่มันร้องไห้.... และก็คงจะนึกว่าผมคงจะหัวเราะเยาะมันหรือไง
“................” ผมไม่ได้พูดอะไร แต่ขยับเข้าไปหามันอีกครั้ง แต่ผลมันได้แบบเดิม เบสต์มันผลักออก แถมยังเอาฝ่ามือเล็กๆ ที่ยันพื้นอยู่ฟาดมาที่แก้มผมอีกครั้งที่ซีกเดิม...
ผมโดนตบหน้าซ้ำเป็นครั้งที่สองกับคนเดิม..... เพียงแต่ครั้งนี้ผมเฉย ไม่ได้ตอบโต้กลับ...จะตบก็ตบไป......และก็คงยังไม่สะใจกับคนตรงหน้า... เบสต์ตบหน้าผมซ้ำเป็นครั้งที่สาม ..... ฝ่ามือเล็กๆ ซ้ำมาเรื่อยๆ จนแรงที่ตบออกมานั้นเริ่มลดลง
“ฮือๆ...ฮึก....ออกไป..” ฝ่ามือข้างที่ตบผมนั้นลดลงไปแล้ว และเอาไปยันที่พื้นอีกครั้ง ผมไม่พูดอะไร...แต่อุ้มไปช้อนร่างบางเอาไว้อีกครั้ง คราวนี้ถึงมันจะผลักผมออกอย่างไร แต่แรงก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก .... ก็ตบซ้ำๆ ซะขนาดนั้นจะเอาแรงที่ไหนมาเหลือ
กว่าจะเอามันเข้าห้องน้ำไปได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร... เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้แต่ดื้อชะมัด ตอนนี้ผมปล่อยให้มันนั่งแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ...ส่วนตัวผมตอนนี้มองหน้าตัวเองอยู่หน้ากระจก... รอยนิ้วมือหลายนิ้วซ้ำๆ กัน ที่ทาบอยู่บนหน้าไม่ได้เด่นชัดอะไรมาก เพราะคนตบแรงไม่ได้เยอะนัก แต่มันก็พอมองเห็นได้ว่าโดนตบอยู่ดี ผมยิ้มอยู่หน้ากระจกอยู่คนเดียว... ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ยอมให้เบสต์ทำได้ขนาดนั้น... ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนชุดใหม่ เอาชุดนักเรียนลงไปไว้ในตะกร้ารอให้แม่บ้านมาซัก ห้องพักนี้ผมมาพักบ่อยเวลาที่ต้องมาช่วยดูแลงานที่นี่ ถึงจะเป็นเพียงแค่เด็ก ม. ปลาย แต่ผมก็ถูกให้รับผิดชอบงานของที่บ้านเหมือนกัน ถึงจะเป็นเพียงงานเล็กๆ .... แต่ก็ไม่ได้งานยากอะไร และไม่เกินความสามารถของผมจนเกินไป ทั้งพ่อและแม่บอกว่าถึงผมจะเรียนแค่ ม. 6 แต่ปีหน้าก็จะต้องเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย พร้อมที่จะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ได้... เด็กม. 6 สำหรับที่บ้านผม ไม่ใช่เด็กแล้ว ครอบครัวผมกับไอ้นันต์จะคล้ายๆ กันทำให้พวกเราดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนอื่น ส่วนตัวไอ้วัจน์เอง มันก็ต้องช่วยงานทางบ้านของลุงมันเหมือนกัน สำหรับงานของครอบครัวมันนั้น มันไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ...ก็เป็นเพราะว่าปมหลังอดีตของมันเองนั้นแหละ
แค่คิดถึงไอ้เพื่อนสุดที่รักของผมสองคน ใจหนึ่งก็กระหวัดไปคิดถึง ใครคนหนึ่งที่ผมแคร์แล้วก็ห่วงใยเป็นพิเศษ จนเกินความรู้สึกของเพื่อน ....ซิว........ คนที่ผมใส่ใจให้มากที่สุด
...... ซิว คือคนที่ผมไม่กล้าที่จะทำอะไรเกินเลย ..เพราะว่าคนๆ นี้ คนเดียวที่ผมยอมทำตามทุกอย่าง
...........น้องริน ผู้หญิงที่ผมคบเอาไว้แก้เหงา
ส่วน.......... เบสต์.......... ?
เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออก รู้สึกว่าแรงของมันจะกลับมาบ้างหลังจากที่ได้อาบน้ำแล้ว เดินเซๆ ออกมาเอาผ้าขนหนูพันไว้ที่เอว ส่วนผืนใหญ่อีกผืนห่อตัวเองเอาไว้....เดินกลับออกมาไม่มองหน้าผมซักนิด ผมโยนชุดเสื้อผ้าของผมชุดใหม่ส่งไปให้มัน ถึงตัวมันใหญ่กว่าซักหน่อย แต่ก็คงจะพอใส่ได้บ้าง....... เบสต์มันไม่ได้สนใจ แต่กลับไปใส่ชุดนักเรียนที่ยับยู่ยี่ของมันตัวเดิม.. ผมไม่ได้สนใจอะไร ไม่ใส่ก็ช่างมัน.... จะใส่ชุดเก่าก็ตามใจ ก่อนจะพามันเดินออกมาข้างนอกห้อง ขึ้นรถ และขับออกจากโรงแรม
“บ้านอยู่ไหน” ....... ผมพูดขึ้นก่อนเป็นคนแรก ทำลายบรรยากาศที่เงียบๆ
“...ปล่อยเบสต์ ลงตรงทางแยกข้างหน้า...เดี๋ยวจะกลับเอง” .... มันไม่ตอบคำถามผม แต่กลับพูดไปอีกอย่าง
“จะไปส่ง...”
“ไม่ต้อง !!!”
“ตอนที่พูดในห้อง...พี่ก็พูดชัดเจนแล้วนะครับเบสต์... จะลองดีให้ได้เลยใช่เปล่า” ...... ไอ้นี่มันยั่วอารมณ์โมโหของคนได้เก่งเหมือนกัน..ไม่อยากจะขู่มันแล้ว แต่ก็อดไม่ได้.....
“เบสต์ไม่กลับบ้าน.. จะไปหาเพื่อน” เสียงมันอ่อนลง ที่คำขู่ของผมได้ผล
“ที่ไหน จะไปส่ง” .....
“หลังโรงเรียน ....ซอยแรก”
“ก็แค่นั้น........”
ไม่มีเสียงตอบกลับของมันกลับมาอีก ผมขับรถไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่มันบอกเอาไว้ตั้งแต่แรก ถึงจะไม่รู้ว่าเบสต์จะไปหาใคร เพระมันไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ถ้าจะให้เดาก็คงเป็น ..ต้อง .....บริเวณแถวนั้นมันเป็นหอพักของนักเรียนทุนในโรงเรียน หอพักกึ่งเก่ากึ่งใหม่ แต่ก็จัดได้ว่าอยู่ในสภาพดี .... เพียงแค่ไม่กี่นาที ผมก็จอดสนิทอยู่ข้างหน้า
“ลงไป....” ผมสั่งให้มันลง คล้ายๆ กับถีบหัวส่ง แต่ก่อนที่มันจะลงก็ขอเล่นอีกซักหน่อยเถอะน่า
มันดันประตูรถออก แต่ผมเอื้อมมือกระชากไปปิดไว้แบบเดิม
“เดี๋ยวก่อน... !!!”
“อะไรอีกล่ะ” มันหันหน้ามามองผม ผมไม่พูดอะไร แต่เอื้อมมืออีกข้างที่ว่าง ดันท้ายทอยมันขึ้นมา ก้มริมฝีปากลงไปแนบที่ปากบางๆ ของมันอีกครั้ง ... มันตกใจจนผงะถอยหนี แต่ก็เลยไปไกลไม่ได้ ผมดันท้ายทอยของมันกลับมาให้ชิดกว่าเดิมอีก .....รถของผมฟิล์มมัน 80 % ไม่ต้องห่วงว่าใครจะมาเห็น เล่นกับริมฝีปากมันไปเรื่อยๆ มือข้างที่ว่างเอาไปบีบคางเล็กๆ นั่น จนเจ้าของปากบางนั้นเจ็บ ต้องเผลอเปิดปากออกมา ผมได้โอกาส สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกับลิ้นเล็กๆ นั้นทันที ....... ตอนนี้ฤทธิ์ยาปลุกเซ็กส์ มันหมดไปแล้วจากตัวของเบสต์ สิ่งที่ผมทำ เบสต์ได้รับความรู้สึกนั้นตรงๆ .... จึงมีแต่แรงต่อต้าน ไม่ได้มีแรงคล้อยตามแบบเมื่อคืน... แต่จะให้ต้านผมขนาดไหน ...มันก็สู้ไม่ไหวหรอก ผมสนุกกับนของเล่นชิ้นนี้ไปซักพัก จนถอนปากออก
ทั้งหน้าจนถึงใบหูตอนนี้แดงซ่านไปหมด ....มองผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ....สนุก
มันเอื้อมมือจะตบผมอีกครั้ง ...ไอ้เจ้านี่เอะอะพอสู้ไม่ไหวก็จะตบท่าเดียว...มันไม่ทำอย่างอื่นเลยหรือไง... ผมไม่เอื้อมมือไปจับมือที่เงื้อสูงขึ้น เป้าหมายมันคงจะเป็นแก้มผม ..... แต่ผมกลับชี้หน้าไปที่มัน พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“อย่าตบพี่นะเบสต์.... ถ้าทำ ได้ถูกพี่ลากกลับไปที่โรงแรมซ้ำอีกแน่..คราวนี้จะไม่ให้ออกมาเลย...จะเอาไหมล่ะ !!!”
มันชะงัก ....แต่ยังจ้องหน้าอาฆาตผมไม่เปลี่ยน มือเล็กๆ ที่อยู่สูง วางลงช้าๆ แต่สายตายังคงแบบเดิม ผมหัวเราะอย่างได้รับชัยชนะเล็กๆ ที่แกล้งเล่นได้อย่างสนุก ....ก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินของตัวเองกลับมา ยื่นแบงค์พันให้ตรงหน้าสามใบ ตบไปที่แก้มเบาๆ เป็นการกระเซ้า
“อือ..นี่ ค่าตัว” มันปัดทั้งมือผมออกและเงินที่ผมยื่นให้มัน .....ก็รู้อยู่หรอกว่าบ้านมันรวย แต่ก็อยากจะแกล้งเล่นซักหน่อย....ไม่ได้รุนแรงอะไรมากหรอกน่า
“.....ไม่ !!!!” เสียงของมันดังขึ้น ก็คงเพราะโมโหนั้นแหละที่ผมดูถูกมันไป
“.....อือออ...อย่าเล่นตัวน่า... พี่ก็ให้แบบนี้กับทุกคนที่พี่นอนด้วยนั้นแหละครับ” น้ำเสียงกระหยิ่มอย่างมีความสุขของผม ทำให้อารมณ์ของมันคงโมโหมากกว่าเดิม...กระชากเปิดประตูรถออกไป.... ทั้งๆ ที่แรงเดินยังมีไม่เต็มที่...มันเดินวิ่งห่างออกไป จนหายลับเข้าไปในตัวตึกของหอนั้น
“ฮ่าๆๆๆ....” เสียงหัวเราะของผม ไอ้ตัวเล็กนั่นคงไม่ได้ยิน พร้อมกับผมก็ขับรถออกมา เตรียมตัวกลับไปนอนที่ห้องต่อ...แต่ต้องสะดุดกับไอ้เพื่อนรักของผม ที่มันดันเดินออกมาจากอีกด้านของหอที่ผมไปส่งเบสต์พอดี ผมขับไปเรื่อยๆ จนจอดเทียบรถของมันพอดี
“ว่าไงมึง....มาสิงอะไรอยู่ที่นี่วะ” .....ผมเรียกไอ้วัจน์ที่กำลังจะเปิดประตูรถ แต่ยังไม่ได้เข้าไป เอามือวางไว้ตรงประตูรถค้างอยู่แบบนั้น .. หันหน้ามาคุยกับผม ผมถามมัน แต่ถ้าจะให้เดาก็คงจะมาส่งเพื่อนของเบสต์นั้นแหละ
“ว่าไงมึง” หน้าตามันเฉยมากเลยครับ ไม่ตอบคำถามผมอีก ไม่สงสัยเลยว่าทำไมผมถึงขับรถมาแถวนี้ได้
“เออ...ไม่สงสัยกูเลยใช่ไหมครับเนี่ย...ไม่ถามกูซักคำ ” ไอ้นี่กวนตีน
“กูเห็นเพื่อนของต้องลงมาจากรถมึง..จะให้กูถามเพื่อ...”
“อ้าว....ไอ้นี่...แล้วก็ไม่บอกกู ....มาส่งน้องต้องหรือไงล่ะครับ....ทั้งคืนเลยหรือเปล่าวะ ฮ่ะๆๆ” ผมกระเซ้ามันไป ไอ้นี่ยังเช้าอยู่เลย ไม่รู้จะทำหน้าตาอารมณ์บูดไปทำไม
“...ว่าแต่กู มึงเหอะ... เอามันเรียบร้อยแล้วดิ่” มันไม่ตอบผม แต่เล่นถามผมซะตรงๆ
“....ฮ่าๆ ไอ้คุณวัจน์ครับ... หล่อซะเปล่า พูดไม่เพราะเล๊ยยยยยย”
“เออ....แม่ง...ง่วงชิบ...กูกลับห้องก่อน ตอนเย็นๆ แดกเหล้ากัน” มันพูดขึ้นชวนผม ...แต่เย็นนี้ผมมีนัดกับน้องรินซะแล้ว...... เอาน่า...เมื่อคืนผมก็ปลดปล่อยไปซะเยอะแล้ว...เรื่องของน้องรินเอาไว้ทีหลัง .... เดี๋ยวค่อยโทรไปแคนเซิล.....ก็ตอนนี้อารมณ์อยากมันหมดไปซะแล้ว....
“เออ...ที่เก่าเปล่ามึง...สาวเยอะดี”
“เออๆๆ ก็ได้..เดี๋ยวคุยกัน..ตอนเย็นกูโทรหา มึงโทรตามไอ้นันต์ด้วยแล้วกัน” มันพูดพร้อมกับนั่งเข้าไปในรถ เตรียมขับออกจากตรงนั้น
“เฮ้ย !!!วัจน์... ชวนซิวไปด้วยดิ่” ผมบอกกับมัน ให้ชวนญาติของมันไปด้วย ญาติของมันที่อยู่กลุ่มเดียวกับผมในโรงเรียนอย่างผิดที่ผิดทาง ไม่เจอหน้ากันวันนึง คิดถึงเหมือนกันนี่นา ตัวเล็กๆ ขาวๆ หน้าตาน่ารักๆ แค่นึกถึงหัวใจมันก็มีความสุข
หน้าตา....น้ำเสียง....ที่คล้าย...เบสต์..........
ผมจะบ้าแล้ว....เอาไอ้เด็กคนนั้น ของเล่นชั่วคราว มาเทียบกับซิวของผมได้ไง
....................... “ไม่ต้องเสือก มึงกับกูแล้วก็ไอ้นันต์พอ ซิวกูไม่ให้ไป”
อ้าว.... ไอ้นี่ ทำตัวเป็นพี่ชายหวงน้องอีกแล้ว พูดเสร็จ ขับรถหนีออกไปเลย
.....................เซ็งครับ.................กลับไปนอนต่อดีกว่า
.....................................................
ตอนที่ 20 อย่าเจอกันอีกเลย
:mew3:
..............................................
เกือบสองเดือนแล้วที่ผมกับเบสต์ต้องออกมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน แถวนี้เงียบสงบมาก สมกับเป็นวัดในต่างจังหวัด วันนี้หลวงพ่อที่รูปท่านดูแลผมสองคนอยู่ ให้มาถูโบสต์แบบเดิมตามปกติ แต่สายตาที่มองไปเห็นกลับเพิ่งมองไปที่หนังสือพิมพ์ที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้สองมือของผมถือหนังสือพิมพ์ฉบับที่วางอยู่ ภาพเล็กๆ ที่บรรยายเอาไว้ ผมเห็นภาพนั้นอย่างชัดเจน
“ลูกชายเจ้าของทายาทธุรกิจเบียร์ระดับประเทศ ขับรถซิ่งกับเพื่อนสนิทลูกชายเจ้าของโรงแรมในเครือห้าดาวหลายแห่ง บาดเจ็บสาหัสทั้งคู่
คนหนึ่งยังถูกรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU ไม่รู้สึกตัว
ส่วนอีกคนหนึ่งตอนนี้พ้นขีดอันตรายและฟื้นมาแล้ว............. แต่สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก... สูญเสียความทรงจำ
ตลอดระยะเวลาที่ผมเข้าไปอ่านเนื้อหาในหนังสือพิมพ์ ผมไม่ได้ร้องไห้.... และตอนนี้ข้างๆ กันเบสต์เข้ามานั่งใกล้ๆ และก็อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไปด้วย เราสองคนเงียบ และไม่พูดอะไรกัน เพียงแต่ต่างคนต่างอ่านข้อความนั้น
สำหรับคนที่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของธุรกิจโรงแรมห้าดาวหลายแห่งในกรุงเทพและต่างจังหวัด... ตอนนี้ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ และร่างกายหายดีขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ได้รับกระทบกระเทือนอย่างหนักจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ ความทรงจำของพี่เอกหายไปเกือบสองปี..... จากการวินิจฉัยของแพทย์ พี่เอกอาจจะเพียงแค่ความทรงจำหายเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ...........แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น...พี่เอกอาจจะความทรงจำหายไปถาวร
ส่วนพี่ธิวยังคงไม่ฟื้นและอยู่ในห้อง ICU พี่เขาทั้งสองคนไม่ได้ออกไปแข่งรถ แต่จากข่าวที่รายงานออกมา คนขับคือพี่ธิว ซึ่งรถเกิดอุบัติเหตุเพราะหลับใน เหตุเป็นเพราะว่าไม่ได้พักผ่อนหลายวัน เพื่อนคนสนิทของพี่เขาทั้งสองให้การกับตำรวจเกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุในครั้งนี้ จากชื่อที่ปรากฏอยู่ ผมพอจะคุ้นชื่อพี่เขาอยู่บ้าง .. พี่ซิว หรือ“ศศิพัชร์ วัจนสกุล” เพื่อนของพี่ธิวและพี่เอก และดูเหมือนจะเป็นญาติใกล้ชิดกับพี่ธิวด้วย บอกว่าพี่ธิวกับพี่เอกไม่ได้พักผ่อนหลายวัน เป็นเพราะว่ามัวแต่ขับรถ......คล้ายกับตามหาใครซักคน... จากการให้สัมภาษณ์ เหมือนคล้ายๆ กับว่าพี่ซิวต้องการที่จะไม่ยอมบอกกับตำรวจและนักข่าวมากกว่า ว่าพี่ธิวและพี่เอกตามหาใคร
.............คล้ายกับตามหาใครซักคน.....................
อาการของพี่ธิวไม่ได้ทุเลาลง ด้วยมีเลือดออกในกระเพาะอาหารอยู่ตลอดเวลา สาเหตอาการจากการที่ถูกกระแทกอย่างรุนแรงบริเวณช่องท้อง และหมอจำเป็นต้องให้เลือดสำรองที่มีอยู่กับพี่ธิว ทุกๆ หนึ่งวัน
เลือด.....ที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีเลือดกรุ๊ปนี้
เลือด Ab- Rh เน็กกาทีฟ
เบสต์รู้อยู่เหมือนกันว่าผมคิดอะไรอยู่ แต่เราสองคนเดินกันออกมาไกลแล้ว....
ผมไม่อยากให้เบสต์ต้องกลับไปเจอพี่เอกอีก ถึงแม้อาการของพี่เขา ความทรงจำนั้นจะหายไป และแน่นอน พี่เอกไม่มีทางที่จะจำเบสต์ได้แน่ๆ
ส่วนสำหรับพี่ธิวนั้น.... ผมไม่ได้เสียใจ.... เพราะความรักที่เคยมีให้ มันไม่เหลือแล้ว.... เราต่างคน ต่างไม่มีกันและกัน การเดินทางที่ห่างกัน... ทำให้ผมและเขาสองคน ไม่ได้มีคำว่า “เรา” อีกต่อไป และกรรมที่เคยติดค้างต่อกัน มันก็ถูกพี่เขาเอาคืนไปเกือบหมดแล้ว
.........แต่ก็ยังไม่หมดซะทีเดียว.............
เสียงเบสต์เรียกขึ้นมาเบาๆ และผมก็ได้ยินเสียงแห่งความเป็นห่วงนั้น
....... “ต้องจ๋า.... อย่ากลับไปเลยนะ....” เสียงพูดขอร้องของเบสต์ทำให้ผมไม่กล้ามองสบตา.... เบสต์ขอร้องแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นห่วงผมมากจนผมรู้สึกละอาย
เราสวมกอดให้กันอีกครั้งอย่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน.... และตอนนี้มีแต่เพียงผมและเบสต์เท่านั้นที่สามารถจะปรึกษากันได้ ...... แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่ผมหนีกันมานั้น.... ไม่มีทางหรอกที่ใครบางคนอีกคนหนึ่งจะไม่รู้เลย
“มาหนีกันอยู่ที่นี่เองนะ !!!!!”