พิมพ์หน้านี้ - (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 16 [14-07-2021]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Hazel_nut ที่ 13-10-2019 23:38:08

หัวข้อ: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 16 [14-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 13-10-2019 23:38:08
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************




พุทธชาดหยาดรัก
By Hazel_nut



บทนำ

สมรสผูกสองใจ ความรักใช่จำเป็น


 


พิธีมงคลสมรสเสร็จสิ้นลงแล้วเมื่อตอนกลางวัน อีกครึ่งชั่วโมงจะเป็นช่วงของงานเลี้ยงตอนเย็น ห้องบอลลูมใหญ่ของคฤหาสน์สิทธาพิวัฒน์ถูกตกแต่งด้วยต้นพุทธชาดซึ่งมีใบสีเขียวสดแซมด้วยดอกสีขาวบริสุทธิ์ และดอกกัลปพฤกษ์สีชมพูซึ่งถูกจัดช่อไว้อย่างสวยงาม โต๊ะอาหารมากมายถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวมุก เก้าอี้เข้าชุดก็ด้วยเช่นกัน

แสงเทียนจากเชิงเทียนทองเหลืองวางอยู่ตามมุมห้อง เป็นเพียงของประดับให้ความหรูหรา ส่วนตรงกลางห้องคือแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ เป็นของเก่าแก่ของที่นี่มาหลายสิบปีนับตั้งแต่สมัยที่คุณทวดยังหนุ่มยังแน่น แม้ว่ามันจะผ่านการใช้งานมานาน แต่มันก็ยังเป็นประกายแวววาวมอบแสงสว่างให้อย่างดีเยี่ยม

เสียงเพลงบรรเลงในงานแต่งดังขับขานจากลำโพงที่กระจายอยู่ทั่วห้อง เสริมสร้างบรรยากาศหวานละมุนให้อบอวลไปทั่วทุกหนแห่ง หลังจากบิดาและมารดาของเจ้าสาวและเจ้าบ่าวตรวจความเรียบร้อยจนเสร็จสิ้นเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว จึงโบกมือไล่บรรดาพ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลายให้ออกไปจากห้องโถง ก่อนคู่บ่าวสาวจะลงมาจากชั้นบนเพื่อเตรียมต้อนรับแขกที่จะมาร่วมงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสในค่ำคืนนี้

ร่างสูงสง่าสองร่างก้าวลงบันไดอย่างใจเย็น ทั้งสองสวมชุดสูทสีขาว คนหนึ่งยกยิ้มกว้างจนดวงตาคมเข้มสีรัตติกาลเป็นประกายระยิบระยับ ที่อกข้างซ้ายติดช่อดอกกัลปพฤกษ์เล็กๆ เอาไว้ บ่ากว้างยืดตึง เส้นผมสีเดียวกับดวงตาถูกเซตเสยขึ้น จัดแต่งทรงที่ทำให้ออร่าความเป็นอัลฟ่าอันแข็งแกร่งแผ่กระจายอย่างชัดเจนมากขึ้น ผิวสีแทนอ่อนๆ ขับให้เขายิ่งดูแกร่งกล้าน่าค้นหา

ส่วนอีกคนเพียงยกยิ้มบาง ใบหน้าขาวเนียนเชิดขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมีแววหยิ่งผยองอยู่ในนั้น แผ่นหลังตั้งตรง ที่อกเสื้อสูทข้างซ้ายติดช่อดอกพุทธชาดเอาไว้ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มปรกใบหน้าด้านขวาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และแม้ว่ารูปร่างจะผอมเพรียวกว่าคนข้างกาย แต่ความเป็นอัลฟ่ากลับเปล่งประกายไม่ต่างกัน

“กัลป์ แก้ว มานี่สิลูก อีกสักพักแขกจะมาแล้ว” ผู้เป็นมารดาของฝ่ายเจ้าบ่าวพูดขึ้น ขณะที่มารดาของฝ่ายเจ้าสาวหันไปกวักมือเรียกตากล้อง

“ถ่ายรูปด้วยกันสักรูปก่อนแขกจะมาแล้วกันนะคะ”

จัดตำแหน่งท่าทางหน้าซุ้มดอกกุหลาบสีขาวและถ่ายรูปด้วยกันอยู่หลายนาที กระทั่งแขกเหรื่อเริ่มเดินทางมาถึง กัลปพฤกษ์และพุทธชาดจึงต้องแย้มยิ้มและยกมือไหว้ กล่าวต้อนรับทุกคนด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขอันจอมปลอม จนกระทั่งได้เวลาขึ้นเวทีเพื่อกล่าวขอบคุณและเริ่มงานเลี้ยงในคืนนี้

เป็นธรรมดาที่เมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกเชิญขึ้นเวที พิธีกรต้องกล่าวถึงความรักของทั้งสองและมีวิดีโอให้ได้รับชมก่อนถามไถ่ความรู้สึกของคู่แต่งงาน ในระหว่างนั้นพุทธชาดก็พูดกับว่าที่สามีด้วยเสียงที่เบาที่สุด

“คุณจัดการเรียบร้อยดีหรือยัง”

กัลปพฤกษ์เลิกคิ้วเล็กน้อยยามเอ่ยถามกลับ “เรื่องอะไร?”

“บรรดาโอเมก้าคู่ขาของคุณไง” ชายหนุ่มต้องห้ามตัวเองเป็นอย่างมากไม่ให้เผลอถอนหายใจกลางเวที “ถ้ามีโอเมก้าที่ไหนโผล่มาแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของคุณในงานคืนนี้ล่ะก็ ผมจะเล่นงานคุณให้ถึงที่สุด”

“โหดร้ายจังเลยนะคุณภรรยา” นอกจากกัลปพฤกษ์จะไม่กลัวคำขู่แล้ว ยังเกือบหลุดเสียงหัวเราะออกมาเสียด้วยซ้ำ เป็นเหตุให้พุทธชาดนิ่วหน้าอย่างลืมตัว แต่ก็คลายหัวคิ้วที่ขมวดกันอยู่ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

เขาไม่อยากให้สีหน้า แววตา หรือท่าทางของเขากับกัลปพฤกษ์ทำให้แขกในงานตั้งข้อสงสัย แม้การแต่งงานนี้จะเกิดขึ้นเพราะคำสัญญาที่คุณปู่ของเขากับคุณปู่ของอีกฝ่ายเคยให้เอาไว้แก่กัน ไร้ซึ่งความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พุทธชาดจะไม่ยอมให้ตัวเองและวงศ์ตระกูลต้องเสียหน้า เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือตกเป็นข่าวซุบซิบในทางแม้แต่นิดเดียว

สิทธาพิวัฒน์สืบเชื้อสายส่วนหนึ่งจากหม่อมหลวงผู้สูงศักดิ์ สายเลือดของเรามีความเป็นราชนิกูลมาช้านาน แม้ปัจจุบันจะเป็นเพียงตระกูลเก่าแก่ธรรมดา แต่ความสง่างามจะไม่มีทางลดทอนหายไปตามกาลเวลาเด็ดขาด

พุทธชาดเป็นอัลฟ่า และอัลฟ่าอย่างเขาไม่ยอมเสื่อมเสียเกียรติเด็ดขาด ต่อให้ว่าที่สามีของเขาจะขยันสร้างเรื่องคาวๆ ก็ตาม นับแต่นี้ต่อไป...ชายหนุ่มจะทำให้แน่ใจว่าชีวิตคู่ของเรามั่นคงราบรื่น อย่างน้อยก็ต้องดูมีความสุขในสายตาคนอื่น

งานเลี้ยงดำเนินไปจนค่อนคืน กัลปพฤกษ์เป็นนักแสดงที่ดีพอควรเมื่อถูกถามว่าพบรักกับพุทธชาดได้อย่างไร เจ้าตัวตอบว่าเพราะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ยังเด็ก ความผูกพันทำให้เรารักใคร่ชอบพอกัน จนกระทั่งได้แต่งงานกันในวันนี้ ส่วนพุทธชาดเพียงตอบว่าเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เราได้รักกัน

โรแมนติกเสียไม่มี แม้ในใจจะรู้สึกสะอิดสะเอียนจนอยากจะอาเจียนก็ตาม

จวบจนงานเลี้ยงมงคลสมรสยุติลง ได้เวลาส่งบ่าวสาวเข้าหอ บิดามารดาของทั้งสองร่วมให้คำอวยพรส่งท้าย ก่อนแยกย้ายกันกลับ ทิ้งพวกเขาเอาไว้ในห้องหอและกำชับว่าอย่าออกจากห้องจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า

“ช่างเป็นพิธีการที่ยืดเยื้อน่ารำคาญซะไม่มี” กัลปพฤกษ์พูดขึ้น มือหนาถอดเนกไทที่คอออกโยนลงกับพื้นส่งๆ ก่อนเดินไปนั่งที่เก้าอี้นวมข้างหน้าต่าง หยิบเอาขวดไวน์แดงรินใส่แก้วทรงสูง ก่อนจิบมันพลางหันมามองผู้เป็นภรรยาของตนโดยสมบูรณ์แล้ว “ดื่มด้วยกันหน่อยไหมครับคุณแก้ว?”

“ไม่ล่ะ พรุ่งนี้ผมต้องเข้าบริษัท” พุทธชาดตอบปฏิเสธเสียงเรียบ

“อะไรกัน เราเพิ่งจะแต่งงานกันนะ ควรหยุดงานเพื่อไปฮันนีมูนก่อนสิ”

คนฟังปลดกระดุมเสื้อสูทแล้วถอดออกอย่างใจเย็นไม่เร่งรีบ พลางว่า “ผมนึกว่าคุณอยากแล่นไปหาโอเมก้าในสังกัดเสียอีก”

“ก็อยากไปอยู่หรอกนะ แต่ให้ทำยังไงได้ล่ะ เราออกจากห้องหอไม่ได้นี่”

“งั้นพรุ่งนี้เช้าที่ผมไปทำงาน คุณก็ไปหาพวกเขาสิครับ”

กัลปพฤกษ์เลิกคิ้วให้กับน้ำเสียงราบเรียบแสนเย็นชาของภรรยาอัลฟ่า ที่นับตั้งแต่พ่อแม่ออกไป อีกฝ่ายก็ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

“ก็ได้ พรุ่งนี้เราแยกกัน แต่อย่างน้อยไปฮันนีมูนกันสักครั้งก็ดีนะ พวกพ่อแม่จะได้ไม่คิดว่าเราระหองระแหงกันทั้งที่เพิ่งจะแต่งงาน”

“ได้ ผมว่างเมื่อไหร่จะกันตารางงานสำหรับฮันนีมูนสักอาทิตย์ก็แล้วกัน”

“อืม ดี” ตอบรับพลางกระดกไวน์ในแก้วจนหมด จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกบ้าง “สนใจอาบน้ำด้วยกันไหมครับ?”

พุทธชาดชะงัก ชายหนุ่มเบือนหน้ามามองสามีของตน “ไม่จำเป็นมั้งครับ”

“ผมก็แค่ชวนดูน่ะ เพราะต่อให้คุณเข้าไปอาบน้ำกับผมจริงๆ ผมก็คงไม่คิดจะทำอะไรคุณหรอก” กัลปพฤกษ์ไหวไหล่ ยกยิ้มมุมปากเป็นเชิงเจ้าเล่ห์และเย้ยหยันในตัว “ผมชอบกลิ่นกายหอมๆ ของพวกโอเมก้ามากกว่า”

“...”

“อัลฟ่าอย่างคุณไม่เร้าใจผมเลยสักนิด : )”

คนพูดเดินหายเข้าห้องน้ำไปแล้ว ทิ้งให้ภรรยาของตนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม พร้อมกับความรู้สึกในใจที่อยากจะประกาศออกไป ให้อีกฝ่ายซึ่งเพิ่งพูดจาไม่เข้าหูเขาได้รับรู้เอาไว้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ทำ...

เขาเกลียดอัลฟ่าแบบกัลปพฤกษ์ที่สุด




__________________

สั้นๆ เลยแล้วกันนะคะ #ทีมพุทธชาด ค่ะ 55555 คุณแก้วน่าสงสารเนอะ ต้องมาแต่งงานกับผู้ชายเจ้าชู้อย่างไอ้คุณกัลป์ มาเอาใจช่วยคุณแก้วกันนะคะ ว่าจะกำราบสามีได้หรือไม่ :)


หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-10-2019 06:54:42
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: m_ilk_y ที่ 14-10-2019 09:15:30
น่าติดตามๆ
รอนะคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 14-10-2019 09:37:18
คุณแก้วคือนิ่งมากอ่ะ แน่นอนเราทีมคุณแก้ว5555 รอดูวิธีกำราบคนเจ้าชู้อยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 14-10-2019 23:48:02
ชอบแก้วอ่า
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 15-10-2019 10:35:13
 :katai2-1: :katai2-1: รอค่ะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 15-10-2019 10:51:18


ทีมน้องแก้ว(ชอบชื่อนี้)

อยากรู้จัง

น้องแก้วจะกำราบสามียังไง

 :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 15-10-2019 11:25:37
เราชอบดอกกัลปพฤกษ์มาก ฮื่อ! เจ้าชู้แบบนี้น่าชื่ออุตพิดมากกว่า ช่วยรับไว้พิจารณาด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: porjj ที่ 15-10-2019 12:43:39
น่าติดตามมาก
ลงวันคุณกัลป์หลงเมียอัลฟ่า
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 15-10-2019 12:59:49
ไอ้คุณกัล ตบปาก  :angry2:

#ทีมคุณแก้ว
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 15-10-2019 18:33:04
เป็นอัลฟ่าทั้งคู่เลยใช่มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 15-10-2019 18:53:22
#ทีมคุณแก้ว ค่ะ คุณแก้วต้องจัดการคนเจ้าชู้ให้อยู่หมัดเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 15-10-2019 23:59:08
คุณแก้วเป็นอัลฟ่าจริงๆใช่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-10-2019 10:22:32
หมั่นไส้อิสามี #ทีมภรรยา
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-10-2019 23:18:08
ปากคุณกัลไม่ดี มันต้องเอาเลือดเน่า ๆ ออกบ้างนะ ให้ช่วยม่ะ  :z6:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 18-10-2019 23:57:23
รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 19-10-2019 05:49:36
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-10-2019 21:19:37
รู้ว่าเลวตั้งแต่ก่อนแต่ง แต่ก็ยังแต่ง  :เฮ้อ:  :m16:  :serius2:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 19-10-2019 22:17:37
ติมตามๆ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-10-2019 16:47:24
ความรักใช่จำเป็น แต่เวลานี้ ความซื่อสัตย์จำเป็นละค่ะ

แล้วดูทั้งกัลป์ทั้งแก้ว ไม่ยอมกันเลยจ้า
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-10-2019 23:49:50
อิอิอิอิอิอิ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: skies ที่ 21-10-2019 00:07:51
ว่าที่คนหลงเมีย  :hao7:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 21-10-2019 01:09:59
 :z6:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Byeolismes ที่ 21-10-2019 14:27:27
 ขึ้นอย่างหงส์ ลงอย่างหมาต้องมาแร้วค่ะจุดนี้
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: monalism ที่ 22-10-2019 02:05:23
เข้ามารอดูคนจะหลงเมียเหมียนหมา  :hao7:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Emmaline ที่ 23-10-2019 03:45:53
ทีมคุณแก้วจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Itra-Nee ที่ 23-10-2019 15:20:29
คุณแก้วเชิดๆ หยิ่งๆ เป็นควีนชั้นสูงมาก ส่วนพระเอกน่ะ...รอคลานเข่าเข้าหาคุณภรรยาเถอะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 23-10-2019 16:13:39
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ววววว รอคนคลานมายั้งหมาาาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: crOnOs ที่ 23-10-2019 19:57:02
#ทีมคุณแก้ว ค่ะ เราจะรอวันที่มีคนปากดีคลานเข่า ร้องห่มร้องไห้มาซบแทบเท้าคุณแก้วค่ะ   :laugh:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: bkachai ที่ 24-10-2019 15:30:56
จะรักกันยังไงหนอ?
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 25-10-2019 01:30:18
ติดตามค่าาาาา
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 25-10-2019 03:42:33
 :katai3: เริ่มต้นก็ตีกันแล้ว
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ภูริพงค์ ที่ 27-10-2019 17:39:31
 :katai2-1: รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [13-10-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-10-2019 14:41:15
มาลองตามดู
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [06-11-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 06-11-2019 00:20:30
บทที่ 1

วันแรกหลังแต่งงาน พบพานความย่ำแย่


 

ด้วยการตกลงของทั้งสองครอบครัวที่มีมาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน เรือนหอของทั้งคู่จึงอยู่ในเขตรั้วของตระกูลฝ่ายเจ้าสาว บ้านเก่าที่คุณปู่กับคุณย่าของพุทธชาดอาศัยอยู่นับตั้งแต่เกิดจนตาย นั่นเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มค่อนข้างพอใจ เพราะแค่ต้องเปลี่ยนไปใช้นามสกุลผู้เป็นสามีเขาก็กล้ำกลืนเต็มทนแล้ว หากต้องย้ายไปอยู่ในตระกูลชัยพัฒน์พิมาน พุทธชาดคงได้รู้สึกแย่เกินจะรับไหว

เช้าวันนี้พวกเขาตื่นขึ้นมาโดยที่เมื่อคืนเพียงแค่นอนข้างกันและหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน สิ่งที่ตั้งใจว่าจะทำหลังคืนแต่งงานเป็นอันต้องยกเลิกไป เนื่องจากพ่อบ้านมารอที่ห้องอาหารพร้อมตั๋วฮันนีมูนบนเกาะส่วนตัวทางตอนใต้ของประเทศ กับคำสั่งกรายๆ ให้พุทธชาดหยุดงานเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ขณะที่กัลปพฤกษ์เพียงหัวเราะขบขัน ยักไหล่เป็นเชิงบอกว่ายังไงก็ได้

สุดท้ายพุทธชาดก็จำต้องยอมหยุดงานและออกเดินทางไปฮันนีมูนกับผู้เป็นสามี ตลอดทางไปสนามบินพวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ บรรยากาศค่อนข้างเงียบเชียบและน่าอึดอัด...ในความคิดของคนขับรถ

หากให้ใครอื่นมามองก็คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งสองไม่เหมือนคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามัน บอกว่าไม่ถูกกันยังจะเข้าเค้าเสียมากกว่า แม้กระทั่งตอนที่ลงจากรถก็ทำเพียงหิ้วกระเป๋าของใครของมันไปจนถึงเครื่องบินส่วนตัว หรือตอนที่เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พุทธชาดก็เลือกที่จะเมินเฉยต่อทุกการกระทำของกัลปพฤกษ์ ไม่นำพาแม้กระทั่งเสียงสนทนานัดหมายโอเมก้าในสังกัดมาปรนนิบัติพัดวีทันทีที่ถึงเกาะส่วนตัว

ชายหนุ่มกดตามองใบหน้าด้านข้างของผู้เป็นสามีอย่างเหยียดหยามในใจ ผู้ชายเจ้าชู้ สักวันก็คงต้องตายคาอกโอเมก้าสักคนในสภาพอเน็จอนาจดูไม่ได้ และก็คงไม่พ้นกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ถูกวิจารณ์แม้กระทั่งตอนที่ตายไปแล้ว แต่ก็อย่าหวังเช่นกันว่าเขาจะยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น หากกัลปพฤกษ์ตายแบบนั้นจริงๆ พุทธชาดจะทำให้แน่ใจว่าข่าวที่หลุดออกไปคือการตายที่ไม่ทุเรศนักเวลาอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ เพราะเขาไม่อยากถูกมองว่าเป็นภรรยาของผู้ชายที่ใช้ชีวิตได้ห่วยแตกแบบนี้

เบือนสายตามองออกนอกหน้าต่างเครื่องบินพลางคิดว่าเมื่อไปถึงเกาะเขาจะทำอะไรดี ในเมื่อได้พักร้อนแม้จะแค่สัปดาห์เดียว แต่คนที่ใช้ทุกวินาทีอย่างมีค่าเสมออย่างพุทธชาดจะทำให้การพักร้อนครั้งนี้มีค่า

ลืมเรื่องฮันนีมูนให้สมกับเป็นคู่แต่งงานใหม่ไปได้เลย แค่คิดว่าต้องอี๋อ๋อกับกัลปพฤกษ์เขาก็รับไม่ได้แล้ว

“คุณจะลองทำดูบ้างก็ได้นะ”

“ครับ?” เหลือบกลับมามองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ

กัลปพฤกษ์ไหวไหล่ มุมปากเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ “นัดโอเมก้ามาคอยดูแลคุณสักสามสี่คน ผมจะได้สบายใจว่าไม่ได้ปล่อยให้คุณอยู่คนเดียว ไม่งั้นอย่างนั้นผมคงดูเป็นสามีที่แย่มาก”

“เชิญคุณมีความสุขกับโอเมก้าพวกนั้นไปเถอะ ไม่มีความจำเป็นต้องมายุ่งกับผม”

“แหม คุณนี่เย็นชาตลอดเลยนะ ผมก็แค่เป็นห่วง”

“เก็บความเป็นห่วงของคุณไปเถอะ” พุทธชาดหันหน้าหนีแล้วตบท้ายว่า “ผมไม่ต้องการ”

คนฟังเลิกคิ้ว เลิกสนใจภรรยาผู้แสนหยิ่งยโสของตัวเอง เพราะเอาเข้าจริงเขาก็ไม่ได้ใส่ใจนักหรอกว่าพุทธชาดจะทำอะไรเมื่อไปถึงเกาะ ตัวเขามีสิ่งที่อยากจะทำแล้ว และมันต้องสนุกมากแน่ๆ : )

 

เกาะส่วนตัวเป็นสมบัติของตระกูลสิทธาพิวัฒน์ นานๆ ครั้งคนในครอบครัวถึงจะมาพักผ่อนที่นี่ หากแต่พุทธชาดเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ค่อยได้มานัก เพราะเขางานยุ่งแทบจะตลอดเวลา นับตั้งแต่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเมื่อห้าปีก่อน

ทันทีที่ถึงบ้านพัก กัลปพฤกษ์ก็หิ้วกระเป๋าเดินเข้าห้องนอนใหญ่ไปในทันที พุทธชาดจึงเลือกที่จะเข้าห้องพักแขกแทน เขายอมนอนในห้องที่เล็กกว่า เนื่องจากที่นี่ไม่ใช่บ้านใหญ่หรือเรือนหอซึ่งมีผู้คนมากมายมองเห็นทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขา ลองคิดดูว่าถ้าเราแยกห้องนอนกัน...คงไม่พ้นเหล่าพ่อบ้านแม่บ้านได้เอาไปนินทาจนเข้าหูคุณพ่อกับคุณแม่ แต่กับที่นี่ซึ่งไม่มีใครอื่นนอกจากเขากับผู้เป็นสามี ดังนั้นการแยกห้องนอนจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แต่เพียงแค่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่ออกสองเม็ดบน ประตูห้องนอนของเขาก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ พร้อมเสียงทุ้มนุ่มที่ไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งก็ทำให้ชายหนุ่มรำคาญเสมอ

“ทำไมมานอนห้องนี้เสียล่ะ เมื่อคืนก็นอนกับผมแท้ๆ”

“เชิญคุณกับโอเมก้าของคุณตามสบายครับ”

“โอ๊ะโอ อย่าบอกนะว่าคุณแก้วหึงผม : )”

พุทธชาดถอนหายใจแผ่วเบา เงยหน้าจากการรื้อกระเป๋าเสื้อผ้าเพื่อมองคู่ชีวิตหมาดๆ ก่อนจะว่า “สำคัญตัวผิดไปแล้วล่ะครับ อย่างคุณกัลป์...ไม่มีอะไรให้ผมต้องหึงแม้แต่นิดเดียว”

“เย็นชาตลอดเลยแฮะ”

“หมดธุระหรือยังครับ?” ราชนิกูลหนุ่มมองไปที่ประตูเป็นเชิงขับไล่กรายๆ กัลปพฤกษ์จึงยอมเดินออกจากห้อง แต่ยังไม่ทันปิดประตู เสียงนุ่มหากแต่เรียบนิ่งก็ดังขึ้นอีกว่า “จริงสิ ครั้งหน้า...”

“..?”

“อย่าเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตอีกนะครับ มันไร้มารยาท”

ได้ยินอัลฟ่าหนุ่มผิวเข้มหัวเราะ “คุณแก้วนี่ปากร้ายเหลือทน ไม่แปลกใจที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้”

ปัง

ประตูปิดไปแล้ว แต่คำพูดทิ้งท้ายของสามีก็ทำให้คนฟังนิ่งงันไปชั่วขณะหนึ่ง พุทธชาดหวนนึกถึงบางอย่างที่ไม่อยากจำ แต่ก็รีบขับไล่มันออกไปจากสมองแล้วจัดเรียงเสื้อผ้าเข้าตู้จนเสร็จ จากนั้นเขาก็ใช้เวลาที่เหลือทั้งบ่ายไปกับการนอนพักผ่อนอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำนัก

ไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ความหิวเรียกให้ชายหนุ่มตื่นขึ้น เหลือบมองหน้าต่างก็พบว่าตอนนี้เย็นมากแล้ว แสงอาทิตย์รำไรเริ่มจางลงบ่งบอกว่าอีกไม่นานคงจะมืดลงในที่สุด

พุทธชาดไม่ได้กินข้าวกลางวัน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะหิวจัด แต่เพราะความเป็นผู้ดีในสายเลือด ชายหนุ่มเพียงพาตัวเองลุกขึ้นแล้วเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา ออกมาด้วยสภาพที่เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้วแม้ใส่เสื้อผ้าสบายๆ เช็กความเรียบร้อยทิ้งท้ายหน้ากระจกก่อนก้าวออกจากห้อง

แต่เพียงแค่เปิดประตูออกมาอัลฟ่าหนุ่มชั้นสูงก็ต้องชะงัก ดวงตามองเห็นภาพไม่น่าพิสมัยที่โถงกลางบ้าน เวลานี้โซฟาตัวยาวมีร่างกายกำยำของสามีเขานั่งอยู่ โดยที่ทั้งสองข้างขนาบด้วยชายหญิงฝั่งละสองคน

โอเมก้าสี่คนงั้นเหรอ เหอะ! ทุเรศสิ้นดี

“อ้าว คุณตื่นแล้วเหรอ”

พุทธชาดไม่ตอบ เขาแค่มองหน้าสามีหมาดๆ ด้วยแววตาเหยียดหยันเหมือนเช่นทุกครั้ง ก่อนหมุนตัวเดินไปทางห้องครัว ถึงจะมีคนทำอาหารให้กินตลอด แต่ใช่ว่าชายหนุ่มจะทำอาหารไม่เป็น การไปเรียนต่างประเทศหลายปีทำให้เขาต้องฝึกไว้บ้างเพื่อความอยู่รอด แม้จะเดินออกไปนั่งกินในร้านอาหารหรูๆ ได้ทุกมื้อแต่พุทธชาดกลับเลือกที่จะไม่ทำ

“ผมก็อยากจะเรียกคุณออกมากินข้าวอยู่หรอกนะ แต่เคาะตั้งหลายทีคุณกลับไม่ตอบ แล้วคุณก็บอกเอาไว้ว่าห้ามเข้าห้องก่อนได้รับอนุญาต ผมเลยต้องปล่อยให้คุณนอนต่อไป”

บางทีพุทธชาดก็คิดนะว่ากัลปพฤกษ์กำลังกวนประสาทเขาอยู่หรือเปล่า ผู้ชายคนนี้นอกจากเจ้าชู้กับน่ารำคาญ แล้วยังตีหน้ามึนพูดหน้าซื่อได้อีกด้วยงั้นเหรอ? ชายหนุ่มไม่อยากจะคิดเลยว่าหากต้องทนอยู่กับคนแบบนี้ไปจนแก่ตาย เขาจะรับมือไหวหรือไม่ แต่จะให้หย่าก็กลัวว่าจะเป็นที่ครหาของคนในวงสังคม

ใช่ การหย่าไม่เคยอยู่ในความคิดของพุทธชาด เพราะมันคือมลทินของชีวิตหากเขาทำแบบนั้น เขาไม่แคร์เรื่องความรักตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันก็แค่เรื่องของคำสัญญากับความสัมพันธ์ที่สองตระกูลมีให้กันมาอย่างยาวนาน ยิ่งเรื่องคู่แท้แห่งโชคชะตาเขายิ่งไม่เชื่อ ไม่ใช่เพราะมันยังไม่เกิดขึ้นกับเขา แต่เป็นเพราะเขาถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิดแล้วว่าต้องเดินไปในเส้นทางแบบไหน พุทธชาดจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องเพ้อฝันซึ่งหาได้ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์จากคนทั้งหมดบนโลกใบนี้

การหย่าหมายถึงชีวิตคู่ที่ล้มเหลว และเชื่อเถอะว่านอกจากจะทำให้สองตระกูลผิดใจกันแล้ว ยังต้องตกเป็นขี้ปากให้คนในชนชั้นสูงและแวดวงธุรกิจวิพากย์วิจารณ์ไม่จบไม่สิ้นอีกด้วย สิทธาพิวัฒน์จะเสื่อมเสียชื่อเสียงมากแค่ไหนจากการหย่าของเขากับกัลปพฤกษ์

ไม่ได้เด็ดขาด จนกระทั่งเขาตายชื่อเสียงและเกียรติยศก็จะต้องดำรงอยู่ตลอดไป เขาจะไม่มีวันหย่า ต่อให้ผู้เป็นสามีจะชั่วช้าสารเลวมากแค่ไหนก็ตาม ก็แค่ต่างคนต่างอยู่ และดูให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำเรื่องเดือดร้อนมาสู่เราทั้งสองครอบครัว นอกเหนือจากนั้นอยากจะใช้ชีวิตแบบไหนก็เชิญ เขาเองก็จะใช้ชีวิตในแบบของเขาเหมือนกัน

“ขอบคุณในความมีมารยาทนะครับ เชิญคุณกัลป์ไปมั่วสุม...อ้อ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเชิญคุณสังสรรค์กับโอเมก้าของคุณต่อไปเถอะ ผมไม่รบกวน”

“ก็ดี”

กัลปพฤกษ์ตอบรับเพียงเท่านั้นแล้วหันมาพูดคุยหยอกล้อกับเด็กๆ ข้างกายเขาต่อ เสียงหัวเราะคิกคักชวนบาดหูคนฟัง พุทธชาดนิ่วหน้าเล็กน้อย เร่งมือทำอาหารมื้อง่ายๆ อย่างข้าวผัดแล้วจากนั้นชายหนุ่มก็เดินกลับเข้าห้องนอนอีกครั้ง เขายอมเสียมารยาทอันพึงมีกินข้าวในห้องนอน ดีกว่านั่งข้างนอกแล้วทนเห็นเรื่องอุจาดตาต่อไปแม้เพียงแค่ไม่กี่นาที

หลังจัดการมื้อเย็นเสร็จอัลฟ่าหนุ่มก็หยิบเอาแท็บเล็ตซึ่งพกพามาด้วยเพื่ออ่านอีเมลและเคลียร์งานทางไกล แม้จะได้พักร้อนและพ่อของเขาเข้าทำหน้าที่แทนชั่วคราว แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่วางใจเนื่องจากบางอย่างก็เป็นสิ่งที่เขาต้องตรวจสอบด้วยตัวเอง

บริษัทของเขาเป็นเจ้าของกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะโรงแรม รีสอร์ต หรือว่าคอนโดฯ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นธุรกิจใหญ่ที่ต้องดูแลให้ดีและทั่วถึง นอกจากคุณพ่อแล้วเขาก็ไม่ไว้ใจใครให้ดูเอกสารสำคัญของบริษัททั้งนั้น เขาก็เลยต้องทำงานอย่างหนักอยู่เสมอ

ส่วนคู่ชีวิตของเขาน่ะเหรอ? ความจริงแล้วพุทธชาดไม่ค่อยอยากจะยอมรับนัก แต่ผู้ชายนิสัยแย่คนนั้นเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจคนหนึ่งของวงสังคม กิจการด้านอาหารหลากหลายประเภทเป็นไปได้ด้วยดีเสมอมา ผลประกอบการเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำนับตั้งแต่ที่อีกฝ่ายขึ้นเป็นประธานบริษัทในเวลาไล่เลี่ยกันกับเขา

เช็กงานของวันนี้จนเสร็จเรียบร้อยจึงหยิบเอาจานอาหารออกไปล้าง แต่ก็เหมือนภาพซ้ำเกิดขึ้นอีกครั้ง สองเท้าของอัลฟ่าหนุ่มราชนิกูลเป็นอันต้องชะงัก นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจดจ้องไปที่ชายหญิงห้าคนบนโซฟาบุผ้าเนื้อดี หนึ่งในโอเมก้าซึ่งเป็นผู้ชายตัวเล็กที่สุดกำลังถ่ายคลิปที่กัลปพฤกษ์นัวเนียกับโอเมก้าหญิงแสนเซ็กซี่อยู่

เร็วเท่าความคิดพุทธชาดตรงเข้าไปแย่งโทรศัพท์เครื่องนั้นมาก่อนกดลบคลิปทิ้งโดยไม่สนเสียงร้องอุทานเพราะความตกใจของเจ้าของ เขาเบือนหน้าไปสบตาผู้เป็นสามีก่อนมุ่นคิ้วรับไม่ได้กับปากของอีกฝ่ายซึ่งเปรอะเลอะไปด้วยคราบลิปสติก

ทุเรศสิ้นดี

“ผมเคยเตือนคุณไปแล้วก่อนเราจะแต่งงานกัน ว่าห้ามมีภาพหรือคลิปใดๆ ก็ตามหลุดออกไปจนถึงหูตาของนักข่าว ซึ่งคุณก็รับปากผมเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วด้วย แต่นี่มันอะไรครับ?”

“อ่า ก็แค่ถ่ายเล่นเองน่า”

ได้ฟังดังนั้นชายหนุ่มก็แทบกลั้นความกรุ่นโกรธในอกเอาไว้ไม่อยู่ แต่เพราะเขาเก็บงำความรู้สึกได้ค่อนข้างดี สิ่งที่ทำจึงมีเพียงแค่ลอบสูดหายใจเข้าลึก ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเรียบขึงยิ่งกว่าเดิม

“คุณไม่ใช่คนโง่ กัลปพฤกษ์ เพราะถ้าโง่ก็คงมีแต่แกล้งโง่เท่านั้น”

“...”

“นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย ถ้ายังมีการถ่ายรูปหรือคลิปอีก” พุทธชาดชูโทรศัพท์ในมือขึ้น ก่อนปามันออกไปกระแทกอกสามีอัลฟ่าเต็มแรง กดเสียงต่ำลงจนดูเยือกเย็นน่าขนลุก “อย่าหาว่าผมไม่เตือน”

และใช่...คนฟังได้รับสาส์นที่ผู้เป็นภรรยาต้องการจะสื่อแล้ว ชั่ววินาทีหนึ่งกัลปพฤกษ์แปลกใจมากกว่าที่ได้เห็นพุทธชาดโกรธออกอาการ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะโดนเขาปั่นหัวหรือแกล้งกี่ครั้ง อีกฝ่ายก็มีวิธีโต้ตอบเขาได้อย่างไม่ยอมพ่ายแพ้ แต่กลับครั้งนี้ดูท่าจะไม่พอใจจริงๆ ดวงตาคู่คมสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายเหมือนผู้ล่ายามจ้องตะปบเหยื่อไม่มีผิด

อัลฟ่าหนุ่มผิวแทนยกสองมือขึ้นเป็นเชิงบอกว่ายอมแพ้

“ก็ได้ๆ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับคุณภรรยาที่รัก”

“แล้วผมจะรอดู”

“แต่พูดก็พูดเถอะนะ แทนที่คุณจะเอาเวลามานั่งควบคุมความประพฤติผม สู้คุณมาร่วมสังสรรค์กับผมจะดีเสียกว่า ไหนๆ เราก็มาฮันนีมูนด้วยกันทั้งที” กัลปพฤกษ์เอ่ยปากชวน ชายหนุ่มลูบไหล่ของโอเมก้าสาวข้างกาย ขณะที่อีกมือไล้ข้างแก้มของโอเมก้าหนุ่ม หากแต่ตาจ้องไปยังคู่ชีวิตของตน

พุทธชาดไม่แสดงอารมณ์อื่นใด ชายหนุ่มเพียงเหยียดตามองเหมือนกำลังมองเหลือบไร “ผมจะทำในสิ่งที่ผมอยากทำ ส่วนคุณอยากทำอะไรก็ทำแต่อย่าให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของเราทั้งสองตระกูล”

“พูดแต่เรื่องชื่อเสียงน่ารำคาญอยู่ได้ นอกจากคุณแก้วจะไม่น่าเข้าใกล้แล้วยังน่าเบื่ออีกหรือเนี่ย”

คำพูดนั้นมีผลกับใจคนฟังมากเกินกว่าที่ใครจะรู้นอกจากตัวของพุทธชาดเอง

หากแต่ยังไม่ทันที่พุทธชาดจะได้ตอกกลับ โอเมก้าที่เขาแย่งโทรศัพท์มาก็โผเข้ามากอดแขนเขาเอาไว้ ใช้สายตายั่วยวนออดอ้อนช้อนขึ้นสบ ริมฝีปากฉ่ำแย้มยิ้มหวาน ดวงตาเป็นประกาย เหนือสิ่งอื่นใดคือกลิ่นหอมอันแสนประหลาดที่โชยมาจากตัวของโอเมก้าคนนี้

เขารู้ได้ในทันทีว่ามันคือกลิ่นฟีโรโมน แม้จะไม่มากพอให้เรียกว่าอาการฮีท แต่ก็มากพอที่จะทำให้อัลฟ่าที่ได้กลิ่นรู้สึกดี...วูบหนึ่งพุทธชาดเกือบหลงไปกับกลิ่นหอมนั้น แต่เพียงไม่นานชายหนุ่มก็ได้สติกลับมาแล้วสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม

“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”

โอเมก้าคนนั้นสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเห็นดวงตาแข็งกร้าวก็รีบถอยห่างจากเขาอย่างรวดเร็ว ขณะที่กัลปพฤกษ์ซึ่งมองอยู่ตลอดเลิกคิ้ว เอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่

“คุณทำท่าเหมือนรังเกียจโอเมก้า...”

“ผมไม่ได้รังเกียจ” พุทธชาดกล่าวปฏิเสธ “ออกจะเห็นใจพวกเขาด้วยซ้ำที่ต้องเกิดมาเป็นเพศซึ่งถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ถูกทำราวกับเป็นแค่เซ็กซ์ทอยชิ้นหนึ่งเหมือนอย่างที่คุณกำลังทำ หากจะถามว่าใครกันแน่ที่ทำให้พวกเขาตกต่ำ...”

“...”

ทั้งสองสบตากัน กัลปพฤกษ์รู้ในวินาต่อมาว่าเขาคงไม่อาจเถียงผู้เป็นภรรยาชนะ

“คำตอบก็คือคุณ” อัลฟ่าสายเลือดหม่อมหลวงเชิดใบหน้าขึ้น “คุณนั่นล่ะที่ทำให้โอเมก้าดูแย่กว่าเดิม เพราะความสำส่อนและใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือระบายความไม่รู้จักพอของตัวเอง”

คนถูกปรามาสสะบัดตัวหลุดจากมือของโอเมก้าที่นั่งมองสงครามน้ำลายระหว่างพวกเขาอยู่เงียบๆ ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับผู้เป็นภรรยา ความสูงที่ไล่เลี่ยกันทำให้ดวงตาสองคู่สบกันอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงของกัลปพฤกษ์กดต่ำไม่ต่างจากพุทธชาด

“ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม คุณไม่มีสิทธ์วิจารณ์ต่อให้คุณจะเป็นภรรยาของผมก็ตาม”

“ผม...คือภรรยาของคุณ” พุทธชาดกอดอก ไม่กลัวต่อโทนเสียงที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า “ต่อให้คุณไม่มีเกียรติมากแค่ไหน แต่สิ่งที่คุณควรมีให้ผมคือการให้เกียรติผมในฐานะภรรยา”

“เราไม่ได้แต่งกันเพราะรักตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ เรื่องพวกนี้จะแคร์ทำไม”

“ต้องแคร์สิเพราะผมจะไม่ยอมให้ความสำส่อนของคุณสร้างความเสียหายให้คำว่าชีวิตคู่ของเราสองคน”

“คุณมันก็ห่วงแต่ชื่อเสียง”

“ถูกต้อง ผมห่วงชื่อเสียง เพราะถ้าให้ผมห่วงคุณผมยอมตายจะดีกว่า” พุทธชาดตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า และไม่คิดจะใช้คำพูดถนอมน้ำใจใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อคิดได้ว่ากัลปพฤกษ์เองก็ใช้คำพูดไม่ถนอมน้ำใจเขาก่อน “อย่างที่บอก คุณอยากทำอะไรก็เชิญ แต่ต้องไม่มีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้น ข่าวฉาวของคุณต้องถูกกลบจนมิด ผมไล่กลบความเละเทะของคุณได้ แต่จะดีมากถ้าคุณให้ความร่วมมือตั้งแต่แรก”

“...”

“หมดธุระของผมแล้ว หวังว่าที่ผมพูดไปทั้งหมดจะซึมเข้าหัวของคุณบ้าง ส่วนคืนนี้ก็ช่วยเบาเสียงหน่อยแล้วกัน เพราะผมคงนอนไม่หลับแน่หากได้ยินเสียงคุณครวญครางเหมือน...สุนัข”

“คุณแก้ว!”

พุทธชาดหมุนตัวเดินหนีออกมาทันที ไม่สนใจเสียงคำรามเรียกชื่อจากผู้เป็นสามีอีกตามเคย เขาเพียงยกยิ้มหยัน พาตัวเองกลับเข้าห้องนอนและล็อกลูกบิดอย่างแน่นหน้ากันไม่ให้ใครเข้ามารบกวน แต่เมื่ออยู่ตามลำพังอัลฟ่าหนุ่มชั้นสูงก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้

เพียงคืนแรกของการฮันนีมูนก็ทำให้เขาเหนื่อยมากขนาดนี้แล้ว หากต้องอยู่จนกว่าจะครบเจ็ดคืนเขาไม่ต้องปวดหัวเพราะผู้ชายที่ชื่อกัลปพฤกษ์ทุกวันหรอกหรือ

ชายหนุ่มยังคงยืนยันคำเดิม...

เขาเกลียดกัลปพฤกษ์มากจริงๆ




______________________________

คอนเซ็ปต์พระเอกเรื่องนี้คือชั่วให้สุดแล้วหยุดที่กราบเมีย ข่อมค่า!

ช่วงนี้เรายังติดต้นฉบับอยู่ กลับมาอัปแต่ก็คงหายไปหลายวันอีก แง แต่จะพยายามมาให้ไวที่สุดนะคะ เราวางทรีตเมนต์เรื่องนี้ไปได้หน่อยหนึ่งก็รู้สึกว่าอยากจะเขียนให้ทุกคนมาร่วมเกลียดกัลปพฤกษ์ด้วยกันจริงๆ ห่างหายจากความตื่นเต้นสุดๆ ตอนเขียนนิยายมานาน ตอนนี้คิดอะไรได้ก็อยากเขียนไปหมด แง แทบจะแต่งจบในหัวแล้วค่ะ สนุกมาก จริงๆ นี่พูดเลย สนุกจัดจัด!


หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [06-11-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 06-11-2019 10:22:56
 :fire: จะรอดูวววว
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [06-11-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 06-11-2019 12:47:59
ผัวเลวแบบนี้ คุณแก้วต้องเก่งมากเลยที่ทนได้ นี่แค่วันแรกนะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [06-11-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 06-11-2019 14:00:09
ดิชั้นนี่นั่งรอดูคนไปไหนไม่รอดแทบเท้าเมียเลยค่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [06-11-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-11-2019 19:22:56
 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [06-11-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: crOnOs ที่ 06-11-2019 21:27:02
คุณแก้วสู้ๆนะคะ จะรอวันที่มีคนคลานเข่ามาร้องไห้แทบเท้าคุณแก้วค่ะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [06-11-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-11-2019 22:44:58
แจกจ้า แจก มีดยาวราว ๆ 12 นิ้ว คมฟุดๆ มีใครแถวนี้สนใจบ้างไหม  :z4:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [06-11-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-11-2019 20:26:30
เอาเลยจ้า ไปให้สุด ยังไปได้อีก อยากเห็นตอนนังหลงคุณแก้วมากๆ แล้วคุณแก้วไปปล่อยฟีโรโมนใส่โอเมก้าคนอื่น ได้หึงเลือดขึ้นหน้าแน่ 55555555555
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [06-11-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 10-11-2019 08:00:18
สงสารคุณแก้ว แทนที่จะมาฮันนีมูนหรือพักผ่อนจะกลายเป็นมาทรมานตัวเองกันน้อ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [06-11-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 10-11-2019 08:57:29
 :pig4: :pig4: สนุกมากกกกกค่ะ รออออออๆๆ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [06-11-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ภูริพงค์ ที่ 13-11-2019 22:41:16
รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 1 [06-11-2019]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-11-2019 00:34:46
 :pig4:
 :3123:
รอวันคนกราบเมีย
 :katai5:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 2 [01-05-2020]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 30-04-2020 23:56:05


บทที่ 2

ฮันนีมูนเลือดสาด วิวาทจนเจ็บตัว


 

เช้าของวันที่เจ็ดก่อนกลับไปสู่ชีวิตปกติสุขในวันพรุ่งนี้ พุทธชาดพบว่าการมาฮันนีมูนกับสามีหมาดๆ เป็นเรื่องสิ้นคิดมากกว่าสิ่งไร้สาระทั้งหมดในชีวิตที่เขาเคยประสบพบเจอมา

อันที่จริงชายหนุ่มคิดแบบนี้ในทุกวันหลังตื่นนอน ยามได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของโอเมก้าเหล่านั้นกับเสียงหัวเราะอย่างสำราญใจของผู้ชายคนนั้น หลายครั้งที่เขาอยากจะหนีไปจากตรงนี้ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเขากลัวว่า...หากละสายตาจากกัลปพฤกษ์ สามีอัลฟ่าจอมสำส่อนของเขาอาจไปสร้างเรื่องที่ทำให้เป็นข่าวหน้าหนึ่งเข้าในวันใดวันหนึ่งก็เป็นได้

เหลืออีกแค่วันเดียว

ราชนิกุลหนุ่มปลอบตัวเองในใจ หางตาเหลือบมองผู้เป็นสามีที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็นอยู่ริมสระว่ายน้ำ ซึ่งมองเห็นชายหาดสรขาวสะอาดกับท้องทะเลสวยงาม อัลฟ่าหนุ่มสูงศักดิ์ผ่อนลมหายใจเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านกัลปพฤกษ์ไป โดยไม่สนใจเสียงร้องถามที่ดังตามมา

“เฮ้ คุณแก้ว รีบไปไหนล่ะครับ มาดื่มไวน์ชมอาทิตย์ตกดินด้วยกันก่อนสิ”

พุทธชาดอยากจะกลอกตาแต่นั่นไม่ใช่นิสัยของเขา ร่างสูงสง่าก้าวเดินอย่างมั่นคงไปตามทางเดินปูด้วยหินหยาบ กระทั่งสองเท้าลงมาเหยียบที่ผืนทรายริมชายหาด

ชายหนุ่มทอดสายตามองขอบฟ้าที่ตัดกับขอบท้องทะเล แสงสีส้มอ่อนจางกำลังเคลื่อนลงต่ำเรื่อยๆ ทุกเย็นนับตั้งแต่วันที่เขาต่อว่าผู้เป็นสามีไป พุทธชาดเลือกที่จะมายืนผ่อนคลายอารมณ์ขุ่นมัวที่นี่ เขาเคยได้ยินคำว่าธรรมชาตบำบัด แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะบำบัดได้จริง กระทั่งเขาได้ประสบเองกับตัว

แสงแดดอ่อนๆ ลมทะเลพัดผ่าน หาดทรายนุ่มเท้า และวิวทิวทัศน์อันงดงาม ทั้งหมดนี้ช่วยเขาได้มากทีเดียว

หากคิดว่าคนอย่างกัลปพฤกษ์ ชัยพัฒน์พิมานจะเก็บคำของผู้เป็นภรรยาอย่างเขาไปคิดล่ะก็...ทุกคนก็คิดผิดแล้ว เพราะผู้ชายคนนั้นไม่ได้เศร้าสลดกับคำด่าของเขาเท่าไหร่นัก วันต่อมาก็ยังทำตัวยียวนกวนประสาทได้เช่นเดิม ออกจะมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ราวกับจงใจทำในสิ่งที่พุทธชาดไม่ชอบ เพื่อให้ชายหนุ่มหงุดหงิดใจเป็นการแก้แค้น

ราชนิกุลหนุ่มอาจมีขัดใจบ้างในบางครั้งกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่มากพอให้เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ การปลูกฝังตั้งแต่เด็กว่าเราคือผู้มีชาติตระกูลที่ดีงามทำให้อัลฟ่าหนุ่มเก็บงำอารมณ์ความรู้สึกเก่งกว่าที่ใครจะคาดคิด

เสียงหัวเราะหยอกล้อดังตามสายลมมาให้ได้ยินอีกครั้ง ขัดจังหวะการดื่มด่ำธรรมชาติของพุทธชาดเสียอยู่หมัด ร่างสูงสง่ามุ่นคิ้วเล็กน้อย แล้วขยับฝีเท้าก้าวเดินให้ห่างไกลออกไปจากตัวบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ สถานที่ฮันนีมูนของเขากับสามีที่ไม่ได้เรื่อง

ชายเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนปลิวไปตามแรงลม เส้นผมสีน้ำตาลเข้มปรกหน้าเล็กน้อย ทำให้เขาต้องปัดมันออก มาคิดดูแล้วพุทธชาดก็จำไม่ได้ว่าตนเองแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสบายๆ แบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ และเขารู้สึกผ่อนคลายอย่างนี้ครั้งล่าสุดมันตอนไหน และเพราะเขาจำไม่ได้ จึงได้คำตอบให้ตัวเองว่ามันนานมากแล้วจริงๆ

ดูเหมือนนี่จะเป็นข้อดีข้อเดียวของการมาฮันนีมูนจอมปลอมที่นี่

อัลฟ่าหนุ่มเดินไปเรื่อยๆ ย่ำเท้ากับผืนทราบที่แม้ไม่ได้ถอดรองเท้าแล้วสัมผัสมันตรงๆ แต่เนื้อทรายบางส่วนที่แทรกผ่านรองเท้าของเขาในยามก้าวเดิน ก็พอจะทำให้เขารับรู้ได้ว่ามันนุ่มมากแค่ไหน และนั่นทำให้ใบหน้าที่มักไม่ค่อยยิ้ม หรือมักจะยิ้มเพื่อติดต่อธุรกิจและสร้างภาพลักษณ์เท่านั้น กำลังแย้มยิ้มบางๆ อย่างพึงพอใจกับทุกสิ่งในเวลานี้

เดินมาสักพักพุทธชาดก็หลุดออกจากส่วนของชายหาดส่วนตัว แม้นี่จะเป็นเกาะที่ครอบครัวของเขาซื้อไว้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นที่อีกด้านของเกาะก็ยังเปิดให้ชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่ดั้งเดิมได้อยู่อาศัยและทำมาหากินต่อไป เพียงแต่ไม่อนุญาตให้เข้าไปที่บ้านพักตากอากาศของตระกูลก็เท่านั้น

ตั้งแต่มาเที่ยวที่นี่จนจะครบเจ็ดวัน นี่เป็นวันแรกที่พุทธชาดออกจากบ้านพักแล้วเดินมาไกลถึงที่นี่ ราชนิกุลหนุ่มไล่สายตามองชาวบ้านมากมายที่กำลังนั่งคัดแยกปลาอยู่เป็นกลุ่มๆ กลิ่นเหม็นคาวของปลาทะเลชวนให้ย่นคิ้วเล็กน้อย

เสียงซุบซิบดังขึ้นเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งหันมาเห็นเขา ก่อนจะหันไปบอกคนอื่นๆ จนตอนนี้กลายเป็นว่าชาวบ้านนับสิบกำลังมองมาที่พุทธชาด

คนถูกมองเคยชินกับสายตาที่จับจ้องแบบนี้อยู่แล้ว การทำงานที่ต้องพบเจอคนหมู่มากและออกสื่อบ่อยทำให้เขาไม่มีปัญหากับการถูกจ้องมอง ใบหน้าหล่อเหลาของอัลฟ่าผู้สูงส่งกลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันนั้นชายคนหนึ่งที่มองเขาอยู่เช่นกันก็ร้อง ‘อ๋อ’ ขึ้นมาเสียงดัง แล้วรีบเดินเข้ามาหา

“สวัสดีครับ ผมเปรมทัตครับ เป็นผู้ใหญ่บ้านของที่นี่”

“สวัสดีครับ ผมพุทธชาด พอดีผมมา...พักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศอีกฟากหนึ่งน่ะครับ” พุทธชาดทักทายกลับ โดยเลี่ยงคำว่า ‘ฮันนีมูน’ ออกไป ไม่ค่อยอยากจะพูดคำนี้ออกมาสักเท่าไหร่นัก ในเมื่อการกระทำของเขากับกัลปพฤกษ์ไม่มีอะไรให้เรียกว่าฮันนีมูนได้เลย ขณะเดียวกันเขาก็มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างประเมินโดยใช้เวลาภายในเสี้ยววินาที

“อ๋อ คุณเป็นคนจากสิทธาพิวัฒน์นี่เอง” ผู้ใหญ่บ้านที่ดูยังไงก็ยังหนุ่มจนไม่น่าจะดำรงตำแหน่งนี้ได้ แต่เมื่อสำรวจดูดีๆ แล้วก็คงไม่แปลกเท่าไหร่เมื่อกลิ่นความเป็นอัลฟ่าของอีกฝ่ายมันฟุ้งซะขนาดนี้ “เราไม่เห็นพวกคุณมาพักผ่อนที่นี่นานแล้ว เลยค่อนข้างแปลกใจน่ะครับ”

“อืม ขอโทษด้วยที่ทำให้ตกใจ”

“ไม่เป็นไรเลยครับ ว่าแต่คุณเดินมาถึงที่นี่ ต้องการอะไรหรือเปล่าครับ”

พุทธชาดเหลือบมองแสงอาทิตย์ที่เริ่มคล้อยต่ำลงไปทุกที คาดว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าท้องฟ้าที่สว่างไสวคงมืดมิดเมื่อเวลากลางคืนมาเยือน...เขาส่ายหน้าให้กับคำถามของผู้ใหญ่บ้าน

“ไม่หรอกครับ ผมแค่มาเดินเล่น”

“โอ้ ถ้าอย่างนั้น หากคุณไม่รังเกียจ ผมจะเป็นไกด์ให้คุณเอง”

“ไกด์?”

“ครับ คุณสนใจไหม?” เปรมทัตยิ้มแย้มให้เขา ท่าทีเต็มใจที่จะพาเดินเที่ยวอย่างที่ปากพูดออกมาจนเห็นได้ชัด ทำเอาพุทธชาดตัดใจปฏิเสธไม่ลง

“ครับ ดีเหมือนกัน”

กลับดึกหน่อยคงไม่เป็นไร เขาขอเพียงแค่ไม่ต้องกลับไปเจอหน้ากัลปพฤกษ์ แล้วต้องทนฟังเสียงมีความสุขของอีกฝ่ายไปอีกครึ่งคืนจนกว่าจะเช้าก็พอแล้ว

 

หมู่บ้านนี้ยังคงดำรงชีวิตแบบดั้งเดิม ซึ่งพุทธชาดไม่ค่อยแปลกใจนักเพราะที่นี่เป็นเกาะใหญ่ห่างไกลผู้คน แม้จะไม่มากแต่ก็เรียกได้ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีน้อยกว่าบนฝั่งอยู่มากโข ถึงอย่างนั้นตอนไปเจอเข้ากับกลุ่มแม่บ้านวัยกลางคนกำลังทอผ้าอยู่ ชายหนุ่มก็ประทับใจผ้าทอพวกนั้นจนเอ่ยปากขอซื้อ

คุณแม่ของเขาชอบผ้าทอมือมาก หากรู้ว่าหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัวมีช่างทอผ้ามากมาย คงไม่แคล้วได้รีบมาเยือน บางทีเขาควรเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ท่านฟัง เผื่อท่านจะช่วยส่งเสริมแม่บ้านเหล่านี้ให้มีรายได้มากขึ้น

นาฬิกาบ่งบอกเวลาว่าตอนนี้สองทุ่มกว่าแล้ว เท่ากับว่าพุทธชาดออกจากบ้านพักมาราวสามชั่วโมงเห็นจะได้ แม้จะยังไม่ดึกมากพอ แต่ชายหนุ่มก็คิดว่าเขาควรจะกลับได้แล้ว

“ผมคิดว่าผมคงต้องกลับแล้ว”

เปรมทัตก้มมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะพยักหน้า “จริงด้วย ค่ำมากแล้ว เดี๋ยวผมเอารถไปส่งนะครับ”

“รถ? ที่นี่มีรถด้วยเหรอครับ?”

ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะอย่างขบขันเล็กน้อย “มีสิครับ เราเอาไว้ใช้ขนของที่มีจำนวนมากๆ น่ะ”

“งั้นผมคงต้องรบกวนแล้วล่ะ”

การเดินทางกลับบ้านพักตากอากาศที่อีกฟากของเกาะใช้เวลาเพียงสิบห้านาที พุทธชาดกล่าวขอบคุณสารถีจำเป็น พูดคุยถึงผ้าทอที่เขาสั่งซื้อไว้และจะรอรับในวันพรุ่งนี้ก่อนกลับบ้านตอนบ่ายโมงอีกนิดหน่อย ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านเมื่อเปรมทัตขับรถจากไปแล้ว

แต่สิ่งที่อัลฟ่าราชนิกุลไม่คาดคิดว่าจะเจอในเวลานี้ก็คือ...สามีของตนเอง

“ไงคุณแก้ว ออกไปเที่ยวมาเหรอครับ”

“...” คนถูกถามไม่ตอบ เขาเดินเลี่ยงจะเข้าไปในบ้าน แต่กลับถูกร่างสูงใหญ่ของอัลฟ่าผิวแทนขวางทางเอาไว้ “ต้องการอะไร”

“ก็แค่อยากรู้ว่าหนีไปเที่ยวที่ไหนน่ะครับ ทิ้งสามีให้อยู่บ้านมันไม่ดีนะที่รัก” กัลปพฤกษ์ยิ้มกวนประสาท เขากอดอกมองภรรยาแสนเย็นชาด้วยท่วงท่าน่ารำคาญใจเหลือเกินสำหรับพุทธชาด

“ผมจะไปไหนก็เรื่องของผม กรุณาหลีกทางด้วย”

“เป็นเรื่องของคุณไม่ได้หรอก เพราะคุณ...เป็นภรรยาของผม”

คนฟังมุ่นคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก “เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือไงครับ ว่าตราบใดที่ไม่ทำให้สถานะชีวิตคู่ของเรามีปัญหา คุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ ผมจะทำอะไรก็เรื่องของผม”

“การที่คุณออกไปเที่ยวกับคนอื่นมันเหมาะสมงั้นเหรอครับ” สีหน้าของกัลปพฤกษ์เปลี่ยนไป ดวงตาคมกริบหรี่มองภรรยาซึ่งมาจากชาติตระกูลสูงส่ง แต่กลับหายไปเที่ยวกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ตั้งหลายชั่วโมง “หมายความว่าที่คุณหายไปทุกเย็นก็เพราะออกไปเที่ยวกับไอ้หมอนั่น?”

“คุณกัลป์ ผมขอเตือนว่าอย่าพูดจาดูถูกผมเด็ดขาด ถ้าคุณไม่ได้รู้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว”

“โอ้ แล้วที่คุณดูถูกผมเมื่อหลายวันก่อนนั่นล่ะ คิดว่าผมชอบใจนักหรือไง!?”

สุ้มเสียงของอัลฟ่าเจ้าสำราญกลายเป็นกรรโชก มือหนากระชากข้อมือของคนที่ตัวเพรียวบางกว่าตนเองเล็กน้อยให้เข้ามาใกล้ นั่นทำให้พุทธชาดที่ไม่ทันตั้งตัวเซไปตามแรงนั้น

“ปล่อย!” เขาบอกกับอีกฝ่ายเสียงหนัก “คุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องผมถ้าผมไม่อนุญาตนะคุณกัลป์!”

“ผมมีสิทธิ์ในญานะผัวคุณไง!”

“หยาบคาย!” พุทธชาดสะบัดแขนเต็มแรงจนหลุดออกจากการจับกุม แม้จะเริ่มกรุ่นโกรธแต่ชายหนุ่มก็ยังคงบุคลิกสุขุมเอาไว้ได้อยู่หมัด “ที่ผมต่อว่าคุณไปในวันนั้น ไม่ได้ซึมเข้าไปในสมองของคุณเลยหรือยังไง”

“คุณแก้ว!”

“เราต่างคนต่างอยู่ คุณมีอิสระในการมั่วสุมกับโอเมก้าพวกนั้นได้เต็มที่ แต่ต้องไม่มีข่าวหลุดออกไปขึ้นหน้าหนึ่ง และผมมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ตราบใดที่ผมไม่ได้ทำให้ตระกูลของเราเสื่อมเสีย ซึ่งผมมั่นใจว่าผมทำมันอยู่ตลอดเวลา”

“แต่คุณออกไปเที่ยวกับคนอื่น”

“ผมไม่ได้ออกไปเที่ยวกับเขา แต่ถึงผมจะทำแบบนั้นจริงแล้วมันทำไมหรือครับ ในเมื่อคุณยังเสวยสุขกับโอเมก้าพวกนั้นได้ทุกวัน”

คนเป็นสามียังคงไม่พอใจ ตั้งแต่โดนลูบคมเมื่อหลายวันก่อน ชายหนุ่มก็หาทางเอาคืนมาตลอด พอวันนี้เห็นผู้เป็นภรรยามีอัลฟ่าที่ไหนก็ไม่รู้มาส่ง เขาก็เห็นสมควรว่าเรื่องนี้เหมาะกับการเอามาโจมตีอีกฝ่าย

“ตัวเองก็ไม่ได้ทำตัวสูงส่งอย่างปากพูด ออกไปกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ แต่กลับต่อว่าที่ผมเอาโอเมก้ามาเที่ยวด้วย” กัลปพฤกษ์แค่นหัวเราะ “ย้อนแย้งไปหรือเปล่าครับ”

“ถ้าคุณยังพูดไม่รู้เรื่อง เราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” พุทธชาดตัดบท “สมองของคุณคงแยกแยะไม่ได้ว่าการกระทำของใครมันน่ารังเกียจมากกว่ากัน แต่ผมแยกมันได้ และผมจะบอกให้...”

“...”

“ว่าคุณนั่นล่ะที่ทำตัวน่ารังเกียจยิ่งกว่าผม!”

ราชนิกุลหนุ่มสาวเท้าก้าวเข้าบ้าน แต่ยังไม่ทันหมุนลูกบิดเปิดประตู ร่างทั้งร่างก็ถูกกระชากเต็มแรง แผ่นหลังของเขาถูกเหวี่ยงไปแนบกับผนังที่อยู่ไม่ไกล ก่อนริมฝีปากจะถูกปิดแน่นด้วยอวัยวะเดียวกัน

กัลปพฤกษ์กำลังจูบเขา

วินาทีหนึ่ง...สมองของพุทธชาดคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ เขาเบิกตากว้าง ก่อนจะรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาเมื่อเรียวปากของเขาถูกบดขยี้อย่างรุนแรงจนฟันขบเข้ากับผิวเนื้อในปาก ส่งผลให้เลือดออกเพราะเขารับรู้ได้ถึงรสชาติของมันในปากตัวเอง

ชายหนุ่มออกแรงผลักร่างสูงกว่าให้กระเด็นออกไป เพราะเป็นอัลฟ่าเหมือนกันจึงมีแรงต่างกันไม่มาก กระนั้นพุทธชาดที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าอีกฝ่ายก็ดูจะแรงน้อยกว่าอยู่ดี เมื่อสามีที่เขาจำใจต้องแต่งงานด้วยโผเข้ามาบังคับจูบเขาอีกครั้ง

“หยุดทำแบบนี้กับผมได้แล้วคุณกัลป์! คุณไม่มีสิทธิ์!”

“ผมก็บอกแล้วไงว่าผมมีสิทธิ์ในฐานะสามีคุณ!”

เพี๊ยะ!

ฝ่ามือขาวของพุทธชาดฟาดเข้าที่ข้างแก้มของอัลฟ่าจอมสำส่อน เสียงตบดังสนั่น ทำเอาคนถูกตบอย่างกัลปพฤกษ์หน้าชา เผลอผ่อนแรงที่บีบไหล่ผู้เป็นภรรยาลง นั่นทำให้พุทธชาดหลุดออกจากวงแขนอีกฝ่ายได้อีกครั้ง

“ให้เกียรติผมบ้างคุณกัลป์ เกียรติที่ภรรยาพึงจะได้!”

คนฟังยิ้มเยาะ “ผมพาโอเมก้ามากก ทั้งหมดก็ยังอยู่ในสายตาคุณ แต่คุณที่หายออกไปตั้งหลายชั่วโมงโดยที่ผมไม่รู้ว่าคุณหายไปกับใคร แบบนี้เรียกว่าคุณเองก็ไม่ให้เกียรติสามีอย่างผมหรือเปล่าครับคุณแก้ว หึ”

“ผมบอกไปแล้วว่าผมเพิ่งเจอกับเขาเพราะไปเที่ยวที่หมู่บ้านอีกฟากหนึ่งของเกาะมา หากคุณฟังไม่เข้าใจผมก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องพูดเรื่องเดิมๆ กับคนอย่างคุณ...อื้อ!”

ริมฝีปากของชายหนุ่มถูกบดขยี้อีกครั้ง และครั้งนี้กัลปพฤกษ์ก็ไม่คิดจะยอมให้ภรรยาอัลฟ่าของเขาหลุดไปได้ง่ายๆ อีก แต่ยังไม่ทันได้ล่วงล้ำมากไปกว่านั้น เพียงปลายลิ้นของเขาสอดผ่านรอยแยกของริมฝีปากคุณแก้วเข้าไป...

กึด!

“โอ๊ย!”

เลือดสีแดงไหลซึมออกมาจากลิ้นของอัลฟ่าผิวแทน เป็นผลมาจากที่ถูกพุทธชาดกัดเข้าให้ ทั้งสองจ้องตากันเขม็งอย่างไม่มีใครยอมใคร พุทธชาดแม้ไม่ชอบใช้กำลังตัดสินปัญหา แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาใช้ไม่เป็น ถึงจะทำได้แค่ตบหน้ากับกัดลิ้นอีกฝ่าย แต่เท่านี้ก็มากพอแล้ว

หากกัลปพฤกษ์กล้าทำอะไรเขาอีก จะต้องเจ็บตัวมากกว่านี้แน่

อัลฟ่าผู้สูงส่งจากตระกูลเก่าแก่เชิดใบหน้าขึ้น แม้จะเจ็บปากแต่ก็ยังมีแววตาและสีหน้าที่แน่วแน่มั่นคง เขากดตามองผู้เป็นสามีอย่างหยามเหยียด แล้วเอ่ยทิ้งท้ายว่า...

“เก็บปากน่าขยะแขยงของคุณไปจูบโอเมก้าพวกนั้นเถอะ แต่คุณคงจะจูบไม่ได้ไปอีกนานเพราะแผลนั้น”





___________________

เลือดสาด...สาดปากนังกัลป์ 55555555555 อย่ามาแหยมกับคุณแก้วย่ะนังคนสำส่อน!

เรารู้ว่าทุกคนคิดถึงคุณแก้ว พามาหาแล้วนะคะ พามาได้เพราะพิเรนทร์อยากทำชาเล้นจ์อัปนิยาย 10 เรื่องในวันเดียว ผลที่ได้คือเกือบตาย ไม่เอาแล้วค่ะ พอ เหนื่อยมาก ปวดข้อมือแล้วตอนนี้ 5555555555555 แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ เมื่อ...เมื่อเราพร้อม เอ่อ...



หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 2 [01-05-2020]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-05-2020 02:07:26
หัวร้อนๆๆ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 2 [01-05-2020]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 01-05-2020 03:00:15
จัดการเลยคุณแก้ว
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 2 [01-05-2020]
เริ่มหัวข้อโดย: Piechicofic ที่ 02-05-2020 11:11:11
ภรรยาก็แสบ สามีก็ยียวน
ไม่ชอบการทำร้ายร่างกายกันเลย
เธอใช้ความรุนแรงในครอบครัว
ฮึ่มมม

ติดตามอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนค่า สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 2 [01-05-2020]
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 02-05-2020 16:51:19
คุณแก้ว โหดได้ใจมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 3 [01-02-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 01-02-2021 22:33:26


บทที่ 3

ข่าวฉาวปิดไม่มิด คนผิดไม่สำนึก



บรรยากาศบนเครื่องบินตอนเดินทางกลับจากฮันนีมูนไม่ได้ต่างจากขาไปมากนัก ไม่สิ...ต้องบอกว่ามันย่ำแย่ยิ่งกว่าซะอีก ต้นเหตุก็มาจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จนถึงตอนนี้พุทธชาดก็ยังไม่แม้แต่จะชายตามองผู้เป็นสามี ทำเหมือนอีกฝ่ายเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น กัลปพฤกษ์เองแม้ยังคงไม่พอใจแต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจผู้เป็นภรรยาเช่นกัน

ต่างคนต่างอยู่แต่ในมุมของตัวเอง ฝ่ายหนึ่งนึกถึงบาดแผลในปากก็รู้สึกกรุ่นโกรธขึ้นมาแต่ยังคงนิ่งเฉย มีเพียงเรียวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจดจ่อกับอีเมลที่เปิดอ่าน ขณะที่อีกฝ่ายยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มระบายความหงุดหงิด ความเจ็บจี๊ดที่ลิ้นยามเครื่องดื่มรสขมฝาดเคลื่อนผ่านทำให้เขายิ่งโมโหเมื่อนึกถึงที่มาของแผลนี้

กัลปพฤกษ์หมายมั่น...เขาต้องจัดการภรรยาผู้ร้ายกาจให้เชื่องกับเขาให้ได้

เครื่องบินส่วนตัวลงจอดบนลานจอดส่วนบุคคล พวกเขาย้ายไปนั่งรถยนต์และยังคงเงียบงันไร้ซึ่งบทสนทนา ความมาคุราวกับมีไฟพร้อมจะปะทุขึ้นเผาทุกอย่างให้เป็นจุลลอยอบอวลอยู่รอบตัวแม้มองไม่เห็น เล่นเอาคนขับรถที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้อดที่จะกลืนน้ำลายอย่างหวาดหวั่นไม่ได้...ทำไมขากลับมันน่าอึดอัดกว่าขาไปกันล่ะเนี่ย

ตอนที่กลับถึงบ้านพุทธชาดตั้งใจว่าจะไปพักผ่อนที่ห้องหนังสือแทนที่จะเป็นห้องนอน เพราะไม่อยากหายใจเอาอากาศเข้าปอดร่วมกับสามีจอมสำส่อนมากไปกว่านี้แล้ว แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่ตั้งใจก็ต้องเปรับเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางให้ดูปกติที่สุด เมื่อทันทีที่อัลฟ่าหนุ่มก้าวเท้าพ้นกรอบประตูบ้าน เสียงทักทายของมารดาก็ดังขึ้น

“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ ฮันนีมูนเป็นยังไงบ้างลูกรัก” รอยยิ้มของคุณหญิงพุดน้ำบุศย์แฝงความคาดหวังเอาไว้เต็มเปี่ยม และนั่นทำให้ลูกชายที่ดีของเธอต้องรีบปั้นหน้ายิ้มเอ่ยตอบ

“สนุกมากครับแม่” พุทธชาดหันไปมองใบหน้าสามีอัลฟ่าของตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบวัน “ใช่ไหมครับคุณกัลป์”

กัลปพฤกษ์สบตาภรรยาผู้แสนเย่อหยิ่ง เขาทั้งทึ่งทั้งหงุดหงิดใจไปพร้อมๆ กัน อีกฝ่ายสามารถโกหกได้อย่างหน้าตายว่าการไปเที่ยวด้วยกันครั้งนี้เต็มไปด้วยความสนุก ทั้งที่ความจริงไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว ช่างปั้นหน้าเสแสร้งได้เก่งกาจเหลือเกิน

ถึงจะไม่พอใจอย่างไร แต่อัลฟ่าหนุ่มผิวแทนก็ยังยอมเล่นตามน้ำ แย้มยิ้มกว้างให้แม่ยาย เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง หากแต่ประโยคที่พูดออกมานั้นทำให้คนเป็นภรรยาตะลึงงัน

“สนุกมากครับคุณแม่ คุณแก้วทำให้ผมหมดแรงแทบทุกวันเลย”

“คุณ!” พุทธชาดแทบจะตะโกนใส่หน้า แต่ราชนิกูลหนุ่มก็ยั้งปากตัวเองเอาไว้ได้มัน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนขึงมองสามีนิสัยเสียโดยไม่ให้ผู้เป็นแม่ได้เห็น ขณะที่คุณหญิงแห่งบ้านสิทธาพิวัฒน์ป้องปากหัวเราะด้วยความชอบใจ

“สนุกกันก็ดีแล้วจ๊ะ นี่แม่แวะมาทักทายถามไถ่แทนคุณพ่อของลูกก็เท่านั้น กลับมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนกันเถอะ แล้วมื้อเย็นอย่าลืมไปทานข้าวเย็นที่บ้านใหญ่นะ”

“ครับคุณแม่”

“แล้วพบกันมื้อเย็นครับคุณแม่” กัลปพฤกษ์ค้อมหัวให้แม่ยายเล็กน้อย จากนั้นก็ถือวิสาสะโอบไหล่ของภรรยาอัลฟ่าเข้ามาใกล้ตัว กระชับแน่นไม่ให้พุทธชาดดิ้นหลุดไปได้ แถมยังแกล้งโน้มหน้าเข้าหาจนปลายจมูกแตะกับใบหูขาวเบาๆ “ไปกันเถอะที่รัก ผมเหนื่อยมากเลย เมื่อคืนคุณทำให้ผมแทบไม่ได้นอน ถึงเวลาที่เราต้องไปนอนชดเชยแล้วล่ะ”

“นี่คุณ! หยุดพูดจาน่ารังเกียจได้แล้ว!” พุทธชาดกระซิบเสียงเบา สองขาก้าวเดินตามแรงลากของสามีหนุ่มแต่โดยดี จนกระทั่งพ้นตาคุณแม่และคนในบ้านจนหมดแล้วนั่นล่ะ เขาถึงจะผลักอีกฝ่ายออกไป “ถอยไป!”

“อะไรกัน ก็คุณแก้วอยากให้ผมแสดงละครว่าเรารักกันหวานชื่นไม่ใช่เหรอ ที่ผมทำก็ถูกต้องแล้วนี่” อัลฟ่าหนุ่มผิวแทนกระตุกยิ้มพลางไหวไหล่

ราชนิกุลหนุ่มเหยียดตามองอีกฝ่ายด้วยสายตารังเกียจอย่างชัดเจน “เก็บความต่ำตมของคุณไว้ใช้ที่อื่น อย่าเอามาใช้ที่นี่”

“คุณแก้ว!”

กัลปพฤกษ์ดวงตาวาวโรจน์ เขากระชากแขนภรรยาจอมหยิ่งลากเข้าห้องนอน แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น พุทธชาดก็ออกแรงสะบัดแขนจนหลุดแล้วก้าวถอยห่างได้ทันเสียก่อน

“ถอยออกไปให้ห่างจากผม!”

“คุณจะทำอะไรผมได้ เป็นอัลฟ่าแท้ๆ แต่กลับมีแรงสู้ผมไม่ได้ด้วยซ้ำ” นอกจากจะไม่ถอยแล้วอัลฟ่าหนุ่มผิวแทนยังก้าวเท้าเข้ามาหาผู้เป็นภรรยาเรื่อยๆ อีกด้วย

แรกเริ่มพุทธชาดยังคงถอยเท้าหนี แต่พอคิดว่าเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแสดงความกลัวออกมา และใช่เขาไม่ได้กลัวเลยสักนิด แค่ไม่ชอบที่อีกฝ่ายแตะต้องเนื้อตัวของเขาเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงยืดปักหลักมั่น ไม่หวั่นเกรงใดๆ ทั้งสิ้น จะไม่ยอมให้สามีจอมสำส่อนได้แตะต้องตัวเขาอีกเด็ดขาด

หากกล้าทำอะไรเขาเหมือนเมื่อคืนอีกแม้แต่นิดเดียว พุทธชาดจะเอาคืนให้หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม!

ทันทีที่ฝ่ามือของกัลปพฤกษ์ยื่นมาหา ราชนิกุลหนุ่มก็ปัดออกอย่างแรงจนเกิดเสียงกระทบดังลั่นห้อง คนถูกปัดมือเบิกตากว้าง ดวงตาคมกล้าดุดัน กลิ่นอายความเป็นอัลฟ่าแผ่ออกมาจนอัลฟ่าด้วยกันอย่างพุทธชาดรับรู้ได้ แต่แล้วยังไง เขาไม่กลัวเลยสักนิด ความเป็นอัลฟ่าของเขาก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าอีกฝ่าย คิดว่าใช้มันข่มขู่เขาได้คนเดียวหรืออย่างไร

“คุณทำผมเจ็บตัวมาสองครั้งแล้วนะคุณแก้ว!”

“คุณเองก็หยาบคายไร้มารยาทกับผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกัน ถอยออกไปให้ห่างจากผมซะ!”

“ภรรยาอย่างคุณ นอกจากน่าเบื่อแล้วยังไม่ยอมเชื่อฟังสามีอีก รู้ตัวหรือเปล่าว่าบกพร่องในฐานะภรรยามากแค่ไหน” กัลปพฤกษ์ต่อว่าต่อขานอย่างไม่ไว้หน้า เขาคาดหวังว่าจะได้เห็นคนฟังจนตรอก แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้นเลย

พุทธชาดเชิดใบหน้าขึ้นอย่างไม่ยินยอม ดวงตาคมกริบของอัลฟ่าหนุ่มราชนิกุลจ้องหน้าสามีไม่คิดกลัวเกรง “คุณลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าเราเป็นอัลฟ่าเหมือนกัน ผมไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคุณเหมือนพวกโอเมก้าที่คุณเลี้ยงดูเอาไว้บำบัดความใคร่”

“...”

“อีกอย่าง...ถึงแม้ว่าผมจะแต่งให้คุณในฐานะภรรยา แต่ความคิดที่ว่าภรรยาต้องปรนนิบัติสามีและเชื่อฟังทุกอย่างน่ะ คุณลืมมันทิ้งไปได้เลย เพราะมันเป็นความคิดที่หัวเก่าและโง่เง่ามากสำหรับผม” พุทธชาดเปลี่ยนเป็นปรายตามองร่างสูงตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตาหยามเหยียดชัดเจนดั่งเช่นทุกครั้ง “แล้วก่อนที่คุณจะมาสอนว่าผมต้องเป็นภรรยาแบบไหน เอาเวลาไปสอนตัวเองเสียก่อนเถอะว่าควรทำตัวเป็นสามีที่ดียังไง”

“มันจะมากไปแล้วนะคุณแก้ว!”

“คุณเองก็ไร้มารยาทกับผมมากเกินไปเหมือนกัน” เสียงของพวกเขาเริ่มดังมากขึ้น และพุทธชาดเป็นคนแรกที่ตระหนักได้ เขาลดเสียงลง สูดหายใจเข้าลึกจากนั้นก็ก้าวผ่านร่างสูงกำยำของผู้เป็นสามีด้วยความระมัดระวัง โชคดีที่กัลปพฤกษ์ไม่ได้คว้าเขาเอาไว้ อัลฟ่าหนุ่มผู้เย่อหยิ่งจึงก้าวไปถึงประตูแล้วเอ่ยขึ้นทั้งที่ไม่ได้หันหลังไปมอง “เราต่างคนต่างอยู่ แต่มื้อเย็นคุณควรไปรับประทานอาหารที่บ้านใหญ่กับผม ตามที่คุณรับปากคุณแม่เอาไว้”

“...”

“อย่าผิดคำพูดเด็ดขาด ถ้าไม่อยากถูกผมตราหน้าว่าคุณเป็นสามีที่แย่มากแค่ไหน”

คนพูดก้าวออกจากห้องไปแล้ว แต่คนฟังยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ มองบานประตูด้วยความกรุ่นโกรธราวกับว่าจะสามารถมองทะลุออกไปเห็นร่างของภรรยาจอมกวนโมโหได้ กี่ครั้งแล้วที่กัลปพฤกษ์ลับฝีปากกับอีกฝ่าย และจบลงที่เขาพ่ายแพ้แทบจะทุกครั้ง

แล้วเราจะได้เห็นดีกันแน่คุณแก้ว!



มื้อเย็นของวันนั้นเป็นไปอย่างอบอุ่นชื่นมื่น...ในสายตาพ่อและแม่ของพุทธชาด แต่ทั้งเขาและผู้เป็นสามีต่างรู้ดีว่าทุกอย่างที่แสดงออกไปล้วนเป็นการปรุงแต่งเพื่อไม่ให้พวกท่านคลางแคลงใจหรือเป็นห่วง

ฉากหน้าทำเหมือนรักกันดี ตักอาหารใส่จานให้กันและกัน แต่แท้จริงแล้วพุทธชาดจงใจตักของที่จำได้ว่ากัลปพฤกษ์ไม่ชอบกิน ขณะที่ผู้เป็นสามีก็ทำไม่ต่างกัน การทานมื้อเย็นจึงเหมือนเป็นสงครามแห่งการกวนประสาทย่อมๆ ของพวกเขาสองคน โดยที่ไม่มีใครมองออกเลยสักคน

จบด้วยของหวานล้างปากก็นั่งพูดคุยกันในห้องนั่งเล่นเล็กน้อย แล้วในที่สุดสองอัลฟ่าคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันก็ได้กลับเรือนหอของตัวเอง ระหว่างทางทั้งคู่เดินเคียงข้างกันด้วยรอยยิ้มประดับเจือจางบนใบหน้า แต่พอขึ้นมาถึงห้องนอนพุทธชาดก็แยกตัวไปอาบน้ำโดยไม่คิดพูดคุยกับเพื่อนร่วมห้องนอน

ถึงจะเกลียดมากแค่ไหนแต่เขาก็ย้ายไปนอนห้องอื่นไม่ได้อยู่ดี

ผลัดกันอาบน้ำจนเสร็จโดยที่พุทธชาดอดจะแปลกใจไม่ได้ที่สามีจอมสำส่อนของเขาไม่พูดจากวนประสาทเลยแม้แต่ครึ่งคำ จะว่าเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อตอนกลับมาถึงบ้านก็ไม่น่าจะใช่ ราชนิกุลหนุ่มไม่รู้เลยจริงๆ ว่ากัลปพฤกษ์คิดจะทำอะไร แต่เขาจะระแวงและระวังเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน

คนอย่างกัลปพฤกษ์ ชัยพัฒน์พิมานน่ะไว้ใจไม่ได้

พุทธชาดไม่แยแสต่อร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำ เขายังคงเช็กอีเมลต่อแม้พรุ่งนี้จะได้กลับไปทำงานแล้วก็ตาม แต่แล้วอีเมลหนึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มชะงักงัน ยิ่งเมื่อกดเข้าไปดูแล้วพบว่าเป็นรูปแอบถ่ายกับคลิปวิดีโอก็ยิ่งรู้สึกโกรธจนแทบควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่

เสียงในคลิปดังออกมาทำลายความเงียบระหว่างพวกเขา สีหน้าของพุทธชาดขึงตึงมากขึ้นทุกที ในขณะที่กัลปพฤกษ์นั้นขมวดคิ้วแน่น เพราะเขารู้สึกคุ้นกับเสียงต่างๆ ในคลิปนั้นมาก แล้วคำเฉลยของความสงสัยก็ได้รับการไขในเวลาต่อมา เมื่อภรรยาอัลฟ่าของเขาหันหน้าจอแท็บเล็ตมาให้ดู

“นี่อะไรคุณกัลป์”

อัลฟ่าผิวแทนรับเอามาดูใกล้ๆ เขากดเล่นคลิปใหม่หลังจากมันจบไปแล้วก่อนเขาจะทันได้ดู ในคลิปเป็นเขากับบรรดาโอเมก้านั่งรายล้อมเอาอกเอาใจ และใช่มันคือคลิปที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนไปฮันนีมูน พอเนื้อหาอีเมลลงอีกนิดหน่อยก็เจอเข้ากับลิงก์ข่าวซุบซิบ



อัลฟ่าหนุ่มเจ้าของธุรกิจหมื่นล้าน หอบหิ้วโอเมก้าหลายคนไปฮันนีมูนกับภรรยา!



หัวข้อข่าวเรียกได้ว่าแม้ไม่เอ่ยชื่อแต่ก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าหมายถึงใคร ขายหนุ่มมุ่นคิ้วอย่างไม่พอใจนัก เพราะดูคลิปก็รู้แล้วว่าคนที่ปล่อยมันหลุดออกมาคือโอเมก้าคนหนึ่งที่เขาหิ้วไปเที่ยวเกาะด้วย ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะจัดการเขี่ยไอ้เด็กนี่ทิ้งไปซะแล้วสั่งสอนให้เข้าใจว่าอย่าคิดจะเล่นแง่กับเขา แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นสีหน้าโกรธเคืองของภรรยาจอมหยิ่ง กัลปพฤกษ์ก็รู้สึกชอบใจจนต้องเย้าแหย่

“ก็แค่ข่าวฉาวของผมเหมือนอย่างทุกทีนี่ครับ คุณแปลกใจอะไร”

“คุณกัลป์! ผมบอกแล้วไงว่าหลังจากแต่งงานต้องไม่มีเรื่องพวกนี้หลุดออกสื่ออีก” พุทธชาดย้ำเตือนด้วยน้ำเสียงกดต่ำ แม้จะไม่พอใจมากแค่ไหนแต่อัลฟ่าหนุ่มก็ยังพยายามเก็บอารมณ์ของตนเองเอาไว้ให้มิดชิด วันนี้เขาแสดงอารมณ์ออกมามากเกินไปแล้ว และใช่ว่าเขาจะมองไม่ออกยามเห็นแววตาชอบใจของอีกฝ่าย

“ก็ไหนคุณบอกว่าคุณกลบข่าวฉาวของผมได้เสมอ งั้นคุณก็แค่ทำมันอีก ไม่เห็นจะยากตรงไหน”

“ผมบอกว่าผมกลบให้คุณได้ แต่จะดีกว่าหากคุณไม่สร้างเรื่องมาให้ผมต้องกลบ!”

ร่างสูงกำยำแบมือสองข้างออกกว้างแล้วยักไหล่ ทำเหมือนไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ “ยากหน่อยนะ เพราะผมน่ะรักความสำราญ และการมีโอเมก้าตัวหอมๆ รายล้อมน่ะ ก็ทำให้ผมสำราญใจมากซะด้วย จะให้เลิกมันคงยาก”

“...”

“ยกเว้นก็แต่ว่าคุณจะหาทางทำให้ตัวเองหอมได้เหมือนโอเมก้าพวกนั้น อ้อ ต้องน่ารักนุ่มนิ่ม น่าซุกซบและทำเรื่องอย่างว่าได้เหมือนพวกเขาด้วยนะ แล้วผมจะพิจารณาไม่ยุ่งกับใครแต่มายุ่งกับคุณแทน จะได้ไม่มีข่าวฉาวของผมหลุดออกไปอีก ดีไหมล่ะครับ?”

“คุณนี่มัน...!”

พุทธชาดถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เขาได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์ หัวสมองแล่นเร็วจี๋ คิดไปด้วยว่าจะต้องสยบข่าวลือเรื่องคลิปมั่วเซ็กซ์ของผู้ชายตรงหน้านี้ยังไง

“ว่าไงล่ะครับคุณภรรยา อยากให้ผมสนใจคุณมากกว่าโอเมก้าพวกนั้นไหมล่ะ”

คนถูกถามไม่ตอบ เขามองใบหน้าหล่อเหลาหากแต่ยียวนกวนประสาทที่สุดอีกเล็กน้อย จากนั้นก็หมุนตัวเดินหนีออกจากห้อง ตรงไปยังห้องทำงานเพื่อสงบสติอารมณ์และวางแผนปิดข่าวฉาวของสามีจอมสำส่อนให้มิดก่อนมันจะกลายเป็นข่าวดังในวันรุ่งขึ้น

โชคยังดีที่ดูเหมือนว่าโอเมก้าที่ปล่อยคลิปนี้ออกมาจะส่งให้แค่สำนักข่าวออนไลน์ที่เดียวเท่านั้น เขาจึงยังต่อสายหาเลขาฯ แล้วสั่งให้ดำเนินการปิดข่าวได้ทัน แม้จะมีคนเห็นไปแล้วหลายหมื่น คนแชร์อีกหลายพัน แต่ถ้าเขาสั่งให้ปิดให้มิดมันก็ต้องมิด พรุ่งนี้จะต้องไม่มีข่าวเกี่ยวกับการมั่วเซ็กซ์ของกัลปพฤกษ์หลุดรอดออกไปแม้แต่นิดเดียว

“จัดการให้เรียบร้อยนะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่โทร. มาสั่งงานตอนนี้ อืม...พรุ่งนี้ฉันจะเข้าบริษัท”

หลังจากวางสายราชนิกุลหนุ่มก็วางมือที่กำแน่นทั้งสองข้างลงบนโต๊ะทำงาน เขามองรูปที่อยู่บนหน้าจออีกครั้ง ใบหน้าแสนรื่นเริงนั่นทำให้พุทธชาดแทบได้ยินเสียงหัวเราะอันแสนเบิกบานใจของผู้เป็นสามีดังขึ้นในห้วงความคิด เสียงหัวเราะที่เขาได้ยินมันดังลอดเข้ามาในห้องอยู่บ่อยครั้ง ตอนที่ยังพักผ่อยอยู่ที่บ้านพักตากอากาศบนเกาะส่วนตัว

จากนั้นใบหน้ายียวนก่อนหน้านี้ก็ปรากฏขึ้นมาแทนที ไหนจะน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย ไหนจะท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจ แล้วไหนจะรอยยิ้มสนุกสนานยามได้มองเขาเต้นเร่าเพราะการกระทำของอีกฝ่าย ทั้งหมดนั้นทำให้พุทธชาดโกรธจนแทบทนไม่ไหว อยากจะลงไม้ลงมือใส่อีกฝ่ายแต่นั่นไม่ใช่นิสัยของเขา

จะทำยังไงกับผู้ชายสารเลวคนนี้ดี

“หน้าเครียดเชียวนะ หาทางแก้ข่าวให้ผมไม่ได้เหรอ”

เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นที่หน้าประตูห้องทำงาน เรียกให้พุทธชาดเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงกำยำที่กอดอกยืนพิงขอบประตูอยู่ อัลฟ่าหนุ่มผู้สูงศักดิ์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงาน เหยียดตามองผู้ชายไร้มารยาทอย่างดูแคลนพลางเอ่ยขึ้น

“ผมไม่ได้เชิญคุณเข้ามา ดังนั้นกรุณาออกไปด้วย”

“อะไรกัน ผมเป็นสามีคุณนะ ไล่กันแบบนี้ได้ด้วยเหรอ” กัลปพฤกษ์นอกจากจะไม่เดินออกไปแล้ว ยังเดินเข้ามาแทนอีกต่างหาก กระทั่งมายืนเท้าแขนคร่อมโต๊ะและโน้มหน้าเข้าหาภรรยาอัลฟ่าแล้วนั่นล่ะ เขาถึงได้พูดขึ้นมาอีกว่า “ตกลงปิดข่าวผมทันไหมล่ะครับคุณภรรยา?”

“รับรองได้ว่าข่าวคาวของคุณไม่ได้ออกไปเป็นไวรัลในกระแสสังคมแน่ แต่ผมยังยืนยันคำเดิมว่าอย่าให้มีครั้งต่อไปอีก ผมไม่ชอบที่คุณหาเรื่องมาทำให้ตระกูลของเราต้องเสื่อมเสีย”

“คำก็ตระกูล สองคำก็เสื่อมเสีย คุณนี่มันน่าเบื่อจริงๆ เลยคุณแก้ว แบบนี้ใครจะอยากได้เป็นเมีย”

คำพูดไม่ถนอมน้ำใจนั้น กระแทกเข้าสู่กลางใจคนฟังอีกครั้ง พุทธชาดสูดหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออก ทำแบบนั้นอยู่หลายครั้ง พยายามปัดสิ่งที่ได้ยินออกไปจากหัว

“หยุดหยาบคายแล้วทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีได้แล้วคุณกัลป์ ไม่อย่างนั้นผมคงต้องเป็นฝ่ายเขี่ยบรรดาคู่ขาโอเมก้าของคุณออกไปให้พ้นทาง และจะทำทุกอย่างไม่ให้คุณหาใครมาบำเรอความมักมากได้อีก”

“เฮ้ คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นนะ”

“คิดว่าผมแคร์งั้นเหรอ? คุณเองยังไม่แคร์เลยว่ากำลังทำให้ผมเดือดร้อน แล้วทำไมผมจะต้องสนใจคุณด้วยล่ะ” อัลฟ่าราชนิกุลหนุ่มเหยียดยิ้มเยาะหยัน เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดีและมั่นใจในตัวเองสูง “เชื่อเถอะว่าผมทำได้ และผมจะทำแน่ถ้าครั้งหน้ายังมีคลิปประจานความสำส่อนของคุณหลุดออกมาอีก”

“...”

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญออกไปจากห้องทำงานของผมด้วย ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ”

“คุณแก้ว!”

น้ำเสียงทุ้มต่ำเยือกเย็นเรียกชื่อของผู้เป็นภรรยาอย่างไม่พอใจเหมือนเช่นทุกครั้ง ยิ่งเห็นท่าทีไม่แยแสของพุทธชาดก็ยิ่งหงุดหงิดใจ ภรรยาที่น่าเบื่อทำให้เขาขุ่นเคืองมากี่ครั้งแล้วก็แทบนับไม่หมด หากเลือกได้ชายหนุ่มจะขอหย่ากับอีกฝ่ายซะ แต่ก็รู้ดีว่าทำไม่ได้เพราะสัญญาใจของทั้งสองตระกูลนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก

กัลปพฤกษ์ยอมหมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานของผู้เป็นภรรยา เขายังคงหมายมาดเอาไว้ในใจ...สักวันเขาจะทำให้พุทธชาดเชื่องกับเขาให้ได้เหมือนโอเมก้าที่เขาเลี้ยงดูอยู่พวกนั้น!

.

.

.

มีใครรออยู่ไหมคะ 555555555 พอกลับมาเขียนเรื่องนี้หลังจากไม่ได้เขียนมานานก็รู้สึกมันมือมากเลย แบบสนุกอะ อยากเขียนอีกบ่อยๆ จัง แต่เรื่องนี้ยอมรับเลยว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเราพอควร ด้วยเพราะเราไม่เคยเขียนแนวนี้มาก่อนเลย คือไงดี ปกติพระเอกเราไม่ได้ชั่วร้ายแบบนังคุณกัลป์อะค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นเจนเทิลแมนแสนดีอะ พอต้องมาเขียนผู้ชายเฮงซวยเลยยากมากกว่าที่คิด 55555 แต่ก็นั่นล่ะ สนุกมาก จะพยายามมาอัปให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ แง แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ





หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 3 [01-02-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 05-02-2021 11:04:37
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 3 [01-02-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-02-2021 21:57:30
  :z3: โกรธอ่ะ
เขาก็ยอมให้มั่ว ยอมให้หยามต่อหน้าต่อตาแล้ว
ทำไม่ยังต้องให้มีการถ่ายคลิปอีก
ยอมรับว่าโกรธหนักมาก อ่สนไปกึดฟันกรอดๆ

ว่าแต่ เราอินไปเปล่าหว่า 55555
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 4 [20-02-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 20-02-2021 13:39:00


บทที่ 4

การกระทำเลวทราม เหยียดหยามกันถึงที่




โชคดีที่เมื่อคืนพุทธชาดทำการปิดข่าวคาวโลกีย์ของผู้เป็นสามีได้ทัน เช้าวันนี้บนโต๊ะอาหารจึงไม่ถูกบิดามารดาถามถึง เป็นสัญญาณอันดีว่าข่าวนั้นยังไม่ถูกเผยแพร่ไปเข้าหูเข้าตาพวกท่าน ชายหนุ่มต้องการให้ชีวิตคู่ของตนดูราบรื่นในสายตาของทุกคน ไม่เว้นแม้แต่กับคนในครอบครัว

ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาจะต้องเพอร์เฟ็กต์ในสายตาของคนอื่น แม้ความเป็นจริงจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ตาม

หลังมื้ออาหารยามเช้าจบลงโดยที่พุทธชาดปรายตามองผู้เป็นสามีอยู่หลายหน บิดาและมารดาของชายหนุ่มก็บอกกล่าวเรื่องที่ตัดสินใจอย่างกะทันหันกับลูกชายและลูกเขย

“คุณพ่อกับแม่ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างประเทศสักหน่อย น่าจะไปสักเดือนสองเดือน อยากให้ลูกๆ ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่ต้องมาคอยห่วงพะวงว่าต้องมาร่วมทานอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็นด้วยกัน ดังนั้นเย็นนี้พวกลูกก็ลองออกไปดินเนอร์ข้างนอกตามประสาสามีภรรยากันบ้างนะลูก อย่าเอาแต่ทำงานหรือหมกตัวอยู่แต่ในบ้านล่ะ”

“จะไปวันนี้เลยเหรอครับ?”

“ใช่ลูก ไฟล์บินบ่ายนี้แล้ว ลูกไม่ต้องไปส่งหรอกนะ พ่อกับแม่ก็ไปเที่ยวด้วยกันเหมือนอย่างทุกทีนั่นล่ะ”

“เข้าใจแล้วครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ”

พุทธชาดกล่าวอวยพรทั้งสอง เขาชะงักไปเมื่อกัลปพฤกษ์โน้มตัวมาโอบไหล่รั้งให้เขาเอนไปแนบชิดกับอีกฝ่าย ตอนแรกราชนิกูลหนุ่มตั้งใจจะผละหนี แต่นึกขึ้นได้เสียก่อนว่าตอนนี้อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ที่กำลังมองมายิ้มๆ อัลฟ่าหนุ่มจึงไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ชายหนุ่มแย้มยิ้มบางเบาไปตามหน้าที่ภรรยาที่ดีพึงกระทำ

“คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลคุณแก้วอย่างดีเลย”

กัลปพฤกษ์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงรื่นเริง คำพูดเหล่านั้นล้วนปั้นแต่งแบบที่พุทธชาดเองก็รู้ดี ว่าคนที่อีกฝ่ายจะดูแลอย่างดีน่ะ เห็นทีจะเป็นพวกโอเมก้าในสังกัดเสียมากกว่า

ปั้นหน้าทำเหมือนรักใคร่กันดีอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำงาน เพราะว่าพวกเขาเป็นผู้บริหารด้วยกันทั้งคู่ จึงแยกกันเดินทางไปทำงานโดยไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด ราชนิกูลหนุ่มก้าวขึ้นรถโดยไม่คิดเอ่ยคำร่ำลาต่อสามี เขาต้องการไปทำงานให้เร็วที่สุด เพิ่มโอกาสในการไม่ต้องทนเห็นหน้าอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด

แต่ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกจากรั้วบ้าน พุทธชาดก็สั่งให้คนขับรถจอดเทียบกับรถของกัลปพฤกษ์ก่อน อัลฟ่าหนุ่มลดหน้าต่างกระจกแล้ว เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อัลฟ่าผิวแทนปิดประตูเลือกที่จะปิดประตูรถแล้วหมุนตัวกลับมาหา โน้มหน้าลงให้พอดีกับผู้เป็นภรรยาพลางเอ่ยเย้า

“จะจูบอำลาผมก่อนไปทำงานเหรอครับคุณแก้ว”

คนฟังอยากจะกลอกตานัก แต่ก็รักษากิริยาแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “อย่าสร้างข่าวฉาวให้ผมต้องตามปิดอีก ถ้าคุณยังมีสมองก็ช่วยจดจำเอาไว้ด้วย”

พูดจบพุทธชาดก็กดปิดกระจกทันที ชายหนุ่มเบือนหน้ามองตรง จึงไม่ทันเห็นสีหน้าหงุดหงิดใจของสามีจอมเจ้าชู้ กัลปพฤกษ์มองตามรถของภรรยาปากร้ายไปจนลับตา ก่อนจะก้าวขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน ในหัวก็คิดไปถึงท่าทีหยิ่งผยองกับคำพูดคำจาราวกับกำลังออกคำสั่งกัน ก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจอย่างยิ่ง

“คนอะไรน่าเบื่อชะมัด”

ชายหนุ่มก่นด่า เคาะนิ้วกับพวงมาลัยเพื่อคิดว่าจะหาวิธีไหนมากวนประสาทพุทธชาดดี แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว ทำให้ชายหนุ่มแย้มยิ้มชอบใจ ตั้งใจว่าคืนนี้คงได้ทำให้ภรรยาผู้สูงส่งโมโหจนเลือดขึ้นหน้าได้บ้างแน่นอน แค่คิดจินตนาการถึงสีหน้าของพุทธชาด อัลฟ่าผิวแทนก็รู้สึกสุขใจขึ้นมาเสียแล้ว

เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งยามเย็นมาเยือน แต่กระนั้นพุทธชาดก็ยังคงสะสางงานของตัวเองต่อจนท้องฟ้ากลายเป็นยามราตรีนั่นล่ะเขาถึงจะยอมละมือจากเอกสารทั้งหมด แล้วตรงกลับบ้านทันทีโดยไม่คิดแวะที่ไหน เขาไม่ได้อยากกลับไปกินข้าวกับผู้เป็นสามี และก็ไม่คิดจะออกไปดินเนอร์ข้างนอกตามที่พ่อกับแม่แนะนำด้วย เวลาที่พวกท่านไม่อยู่อย่างนี้ ยิ่งเป็นโอกาสอันดีให้พวกเขาต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องปั้นหน้าว่ารักกันดีต่อหน้าผู้ใหญ่ได้อย่างสบายใจ

เวลาเกือบสองทุ่มชายหนุ่มกลับมาถึงบ้าน พุทธชาดไล่คนขับรถให้ไปพักผ่อน เขาพาดสูทตัวนอกไว้กับแขน คลายเนกไทออกจากลำคอเล็กน้อย ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน คุณแม่บ้านที่รออยู่แล้วก็รีบเข้ามาต้อนรับทันที ราชนิกูลหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ สุดท้ายก็เอ่ยถามขึ้น

“คุณกัลปพฤกษ์ล่ะ?”

“คุณกัลป์ยังไม่กลับค่ะคุณแก้ว” คุณแม่บ้านที่คุ้นเคยกันดีเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม “จะให้ดิฉันตั้งโต๊ะอาหารเย็นเลยไหมคะ หรือจะรอให้คุณกัลป์กลับมาก่อน”

“ตั้งเลย ไม่ต้องรอเขาหรอก เขาจะกลับมากินข้าวที่บ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้ รอไปก็เปล่าประโยชน์”

พุทธชาดตอบเสียงนิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น อัลฟ่าหนุ่มผู้สูงศักดิ์ขึ้นห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็กลับลงมาเพื่อทานมื้อเย็น แม้จะต้องกินคนเดียวก็ไม่ได้รู้สึกเหงาอะไร อีกทั้งเมื่อไม่มีสามีจอมสำส่อนเขาก็ยิ่งเจริญอาหารมากขึ้นกว่าเดิม

จบอาหารคาวก็ต่อด้วยผลไม้ล้างปาก หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เข้าห้องทำงานเพื่อเคลียร์งานต่อ ไม่ได้สนใจว่ากัลปพฤกษ์ผู้เป็นสามีจะกลับบ้านหรือไม่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแอบกังวลอยู่เช่นกัน ด้วยกลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะไปมั่วกิจกรรมกามอารมณ์แล้วเกิดคลิปหลุดออกมาอีก

ความคิดนั้นกวนใจเขาเป็นอย่างมาก พุทธชาดยกโทรศัพท์หวังต่อสายหาเลขาฯ เพื่อให้เช็กที่อยู่ของผู้เป็นสามีน่าชิงชัง แต่ยังไม่ทันได้กดหมายเลขปลายทางเสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้นเสียก่อน

“เข้ามา”

หลังจากเอ่ยอนุญาต แม่บ้านก็เปิดประตูเข้ามาเพื่อแจ้งให้เขาทราบว่า “คุณกัลป์กลับมาแล้วค่ะคุณแก้ว”

“อืม ก็ดีแล้ว”

“เอ่อ แต่ว่า...” สีหน้ากระอักกระอ่วน อีกทั้งน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล ไหนจะอาการลุกลนแปลกๆ ของแม่บ้านสาว ทำให้พุทธชาดต้องขมวดคิ้ว รู้สึกใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้

“เกิดอะไรขึ้น”

แม่บ้านเม้มปากไม่กล้าเอ่ยคำ แต่พอโดนสายตากดดันจากเจ้านายก็กล่าวออกมาเสียงเบา “คุณกัลป์ไม่ได้กลับมาคนเดียวน่ะค่ะ”

“แล้วเขามากับใคร” น้ำเสียงของพุทธชาดเข้มขึ้น อัลฟ่าหนุ่มสาวเท้าก้าวออกจากห้องทำงานแล้วตรงลงไปยังชั้นล่างของบ้านทันที โดยมีคุณแม่บ้านเดินตามไม่ห่าง

“ดิฉันเองก็ไม่ทราบค่ะ คุณกัลป์ดูจะดื่มหนักก่อนกลับมาด้วย”

ราชนิกูลหนุ่มได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ...ผู้ชายคนนั้นหาเรื่องให้เขาอีกแล้ว!

ทันทีที่ลงมาถึงห้องนั่งเล่นเขาก็พบเข้ากับผู้เป็นสามีที่กำลังนั่งซุกไซ้ซอกคอของหนุ่มน้อยตัวเล็กผิวขาวคนหนึ่งอยู่ เพียงได้กลิ่นฟีโรโมนที่ลอยมาตามอากาศแค่เล็กน้อย พุทธชาดก็บอกได้แล้วว่าแขกไม่ได้รับเชิญในอ้อมกอดของกัลปพฤกษ์เป็นโอเมก้า และคงจะเป็นหนึ่งในสังกัดของอีกฝ่ายนั่นล่ะ

“คุณกัลป์!”

อัลฟ่าสายเลือดเก่าแก่แทบจะตวาดเรียกออกไป ขณะที่คนถูกเรียกหันมามองแล้วก็แย้มยิ้มกว้าง ลุกขึ้นยืนโดยไม่ลืมโอบโอเมก้าตัวน้อยให้ลุกขึ้นตาม ร่างกายของทั้งสองเบียดเสียดแนบชิดกันจนแทบรวมเป็นหนึ่งได้แล้วด้วยซ้ำ ไม่ได้นำพาต่อสายตาของคนเป็นภรรยาอย่างเขาเลย

“ไงคุณแก้ว มาทักทายก่อนนอนเหรอครับ”

กัลปพฤกษ์ทักทายด้วยน้ำเสียงยานคาง กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งโชยมาแตะจมูก บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่านดื่มมามากแค่ไหน ดวงตาคู่คมหยาดเยิ้มเพราะความเมามาย หากแต่สีหน้านั้นยียวนกวนประสาทซะจนพุทธชาดอยากจะตบเรียกสติให้นัก

“คุณพาโอเมก้าเข้ามาในบ้านของผมทำไม!?” ราชนิกูลหนุ่มถามเสียงเข้มจนแทบจะเป็นการตวาดได้อยู่แล้ว

อัลฟ่าผิวแทนก้มมองโอเมก้าตัวหอมในอ้อมแขน จากนั้นก็ก้มลงหอมแก้มนุ่มต่อหน้าต่อตาภรรยาปากร้าย ตามด้วยหัวเราะร่า เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงและวาจาที่ทำให้คนฟังยิ่งกรุ่นโกรธ

“นี่ก็บ้านผมเหมือนกันนาคุณแก้ว ผมจะพาใครมาก็ได้ทั้งนั้นแหละน่า”

“ไม่ได้!” พุทธชาดตวาดดังขึ้นกว่าเดิม เขาก้าวดุ่มๆ เข้าหาทั้งสองคน จากนั้นก็กระชากเอาโอเมก้าคนนั้นออกมาจากกายสูงแกร่ง แล้วลากข้อมือพาออกไปยังหน้าประตูบ้าน “ออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้!”

ประโยคหลังเขาทั้งบอกแขกไม่ได้รับเชิญและบอกกับผู้เป็นสามี แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปถึงที่หมายก็มีแรงกระชากดึงกลับ ทำให้พุทธชาดเสียหลักจนเกือบเซล้ม ดีที่ตั้งตัวได้ทันเสียก่อน

คู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันจ้องตากันนิ่ง ในดวงตาของพวกเขาแวววาวคล้ายมีประกายไฟลุกโชนอยู่ในนั้น ราชนิกูลหนุ่มยังคงไม่ปล่อยมือจากข้อมือของโอเมก้าของผู้เป็นสามี ที่จริงเขาไม่ได้อยากจับเนื้อต้องตัวอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แต่เพราะรู้ดีว่าการพูดคุยไม่ช่วยอะไร จึงมีแต่วิธีจับอีกฝ่ายโยนออกไปจากบ้านเท่านั้นที่ทำให้ทุกอย่างรวดเร็วขึ้น

“ปล่อยมือจากคนของผมนะคุณแก้ว!”

“งั้นคุณกับเขาก็ออกไปจากบ้านซะสิ ผมไม่ต้อนรับใครทั้งนั้น!”

“คุณมีสิทธิ์อะไรมากีดกันผมไม่ให้พาคนเข้าบ้าน ในเมื่อบ้านนี้ก็ถือว่าเป็นของผมเหมือนกัน!” กัลปพฤกษ์ตวาดกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เขาดึงมือของภรรยาออกจากมือของโอเมก้าหนุ่มน้อย ก่อนจะผลักร่างสูงสง่าให้ถอยห่างออกไปเต็มแรง

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!

อัลฟ่าหนุ่มผู้สูงศักดิ์ไม่ทันตั้งตัวกับแรงผลักนั้น จึงเซล้มลงไปชนเข้ากับโต๊ะที่อยู่ด้านหลัง ศีรษะกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะ ก่อเกิดเป็นแผลแตกและมีเลือดสีสดไหลซึมออกมาทันที!

“กรี๊ด! คุณแก้วคะ!”


พุทธชาดรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หน้าผาก เขามึนงงไปชั่วขณะก่อนจะยกมือขึ้นแตะเบาๆ ตรงจุดที่กระแทกขอบโต๊ะ ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงความเปียกเหนียวเหนอะ เมื่อดึงมือกลับลงมาดูก็พบเข้ากับเลือดสีสด ชายหนุ่มหายใจสะดุดไปชั่วขณะหนึ่ง หัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรงพาให้ทั้งร่างกายสั่นเทิ้มไปด้วย

อัลฟ่าหนุ่มผู้สูงศักดิ์รีบเบือนหน้าหนีแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเลือดบนนิ้วมือตัวเอง เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นสามีที่ยามนี้กำลังยืนนิ่งงัน ดวงตาเบิกกว้างตะลึงค้างไปแล้ว ในขณะที่สีหน้าหน้าของโอเมก้าด้านหลังอีกฝ่ายเองดูจะตกใจมากเช่นกัน

แม่บ้านรีบเข้ามาพยุงชายหนุ่ม พุทธชาดลุกขึ้นอย่างช้าๆ เพราะยังคงมึนหัวไม่หาย กระนั้นชายหนุ่มก็ยังยืนหยัดได้อย่างมั่นคงและสง่างามเช่นเคย ใบหน้าขาวซีดเซียวลงเล็กน้อยเพราะตกใจกับรอยเลือดซึ่งยังคงติดตาอยู่ แม้ว่าเลือดนั้นจะเป็นของเขาเองก็ตาม

“คะ...คุณแก้วคะ ไป...ไปหาหมอกันเถอะค่ะ รถ ต้องเอารถออก...” แม่บ้านลนลานตาลีตาเหลือกจนราชนิกูลหนุ่มต้องรั้งแขนอีกฝ่ายเอาไว้เบาๆ เพื่อเรียกสติ น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นเรียบๆ หากแต่ดังชัดเจน

“โทร. ตามคุณอาหมอมาก็พอ ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาลหรอก”

“อะ...จริงด้วย คุณชายขจร!”

แม่บ้านวิ่งลิ่วไปยังโทรศัพท์เพื่อกดโทร. หาคุณอาของพุทธชาดซึ่งอยู่บ้านห่างจากเขาไปไม่ไกลนัก ชายหนุ่มฝืนความเจ็บลอบสูดหายใจเข้าลึก เขามองโอเมก้าหนุ่มน้อยที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ด้านหลังร่างสูงใหญ่ของสามีตน ใบหน้าเรียบเฉยหากแต่น้ำเสียงโอนอ่อนผ่อนปรนเป็นอย่างมากยามพูดกับแขกไม่ได้รับเชิญ

“คงต้องขอให้คุณกลับไปก่อน เดี๋ยวผมให้คนขับรถไปส่ง บอกทางกับเขาได้เลย และจะดีมากหากคุณไม่มาเหยียบบ้านของผมอีก” ราชนิกูลหนุ่มไม่คิดแม้แต่จะมองใบหน้าหล่อเหลาของกัลปพฤกษ์ เขาเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “ผมไม่ได้เกลียดคุณ หากคุณอยากจะไปทำอะไรที่ไหนกับเขาก็เรื่องของคุณ ขอแค่ไม่มาที่บ้านของผมอีกเป็นพอ ผมไม่ต้อนรับแขกที่ผมไม่ได้เชิญ หวังว่าคุณจะเข้าใจ”

โอเมก้าคนนั้นถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็พยักหน้ารับทราบ พุทธชาดไม่ได้อยากจะใช้ความเป็นอัลฟ่าของตนเองกดข่มใคร แต่ในเวลานี้เขาจำเป็นต้องแผ่กลิ่นกายความเป็นอัลฟ่าออกไป เพื่อแสดงเจตจำนงให้ทั้งสามีไม่ได้ความและเด็กในสังกัดของอีกฝ่ายได้เข้าใจ ว่าเขารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ อีกทั้งยังเป็นการย้ำว่าต้องไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง...เด็ดขาด!

ทันทีที่แม่บ้านกลับมาอีกครั้งเพื่อรายงานว่าคุณอาหมอจะรีบมา พุทธชาดก็ฝากให้เธอพาโอเมก้าคนนี้ออกไปและกำชับให้คนขับรถพาไปส่งให้ถึงบ้านของอีกฝ่ายโดยสวัสดิภาพ เสร็จสิ้นทุกอย่างนั้นก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่กัลปพฤกษ์ได้สติ หลังจากยืนนิ่งค้างมานานพักใหญ่แล้ว

อัลฟ่าผิวแทนมุ่นคิ้วเล็กน้อยขณะมองบาดแผลหัวแตกที่ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาไม่หยุด แม้จะไม่ค่อยพอใจนักที่โอเมก้าของเขาถูกพากลับไป แต่ก็รู้ดีว่าวันนี้เขาทำเกินกว่าเหตุไปมาก ใครจะไปคิดเล่าว่าแค่ผลักจะทำให้คุณแก้วผู้สูงส่งถึงกับล้มลงไปกระแทกขอบโต๊ะแบบนั้น เขาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย

ใจรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด แต่กัลปพฤกษ์ก็มีฐิทิเกินกว่าจะเอ่ยคำขอโทษออกไปโดยง่าย ร่างสูงก้าวเท้าเข้าไปหาผู้เป็นภรรยา ตั้งใจว่าจะดูแผลของอีกฝ่ายแต่เพียงแค่เขาเข้าไปหาในระยะใกล้พอที่จะเอื้อมมือถึงกัน พุทธชาดก็เหวี่ยงหมัดซัดเข้าข้างแก้มของเขาเต็มแรง!

พลั่ก!

“ว้าย!” เสียงของแม่บ้านคนเดิมที่เดินกลับเข้ามาและเห็นเหตุการณ์พอดีร้องอุทานขึ้นด้วยความตกใจ ไม่ต่างอะไรจากกัลปพฤกษ์ที่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง

ความเจ็บที่มุมปากและรสชาติของคาวเลือดเล็กๆ ทำให้อัลฟ่าผิวแทนรู้ตัวในทันทีว่าหมัดเมื่อกี้ทำให้เขาปากแตกเข้าเสียแล้ว ความกรุ่นโกรธทะยานขึ้นในจิตใจ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยวาจาใดออกไป พุทธชาดก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นแฝงความขุ่นเคืองเอาไว้ชัดเจน

“หมัดนี้สำหรับที่คุณทำผมเจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ”

“...”

“ผมรู้ว่าเราไม่ได้รักกัน ที่แต่งงานก็เพราะข้อตกลงของตระกูลและผลประโยชน์ แต่คุณจำได้ไหมว่าผมเคยพูดเอาไว้ยังไงบ้าง?” ยิ่งพูดพุทธชาดก็ยิ่งโกรธ แต่ราชนิกูลหนุ่มยังคงท่าทีสุขุมได้อย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง หากจะมีอะไรที่คุมไม่อยู่ ก็คงเป็นแววตาของเขาเท่านั้น เพราะยามนี้ชายหนุ่มกำลังมองสามีตนด้วยดวงตาที่สื่อความหมายหลากหลายอารมณ์ “คุณอยากจะไปมั่วกับโอเมก้าที่ไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ทำให้มีข่าวฉาวหลุดออกไป ผมคาดหวังการให้เกียรติจากคุณ แต่คุณไม่เคยให้มันกับผมได้เลยทั้งที่ผมให้คุณตั้งแต่แรก ผมคิดว่าคุณจะมีสำนึกบ้างแต่คุณกลับไม่มี เมื่อวานสร้างเรื่องให้ผมต้องตามปิดข่าวไม่พอ วันนี้ยังกล้าพาคนอื่นเข้ามาในบ้านของผม คุณมันไร้ยางอายเกินไปแล้วกัลปพฤกษ์”

“ผม...”

“มันทำให้ผมสงสัย” พุทธชาดไม่ให้โอกาสผู้เป็นสามีได้พูด เขากอดอกมองใบหน้าหล่อเหลานั้นด้วยดวงตาเย็นชาและชิงชัง “คุณป้าวดีกับคุณลุงพฤกษ์ก็ออกจะเป็นคนดี แต่ทำไมลูกชายของท่านถึงออกมาเลวทรามได้ขนาดนี้”

“มากเกินไปแล้วคุณแก้ว!” กัลปพฤกษ์ตวาดลั่น นี่ไม่ต่างอะไรกับการด่าว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนเขาเลยสักนิด! และดูเหมือนพุทธชาดก็รู้ว่าสามีจอมสำส่อนเข้าใจไปในทางนั้น อัลฟ่าผู้สูงศักดิ์จึงขยายความขึ้นอีก

“ผมไม่โทษพ่อแม่ของคุณหรอกนะ เพราะผมเชื่อว่าพวกท่านน่าจะสั่งสอนคุณมาดีแล้ว เพียงแต่เป็นตัวคุณเองมากกว่าที่ไม่ใช้สมองคิดวิเคราะห์ว่าสิ่งไหนควรหรือไม่ควรทำ คุณเลือกที่จะทำตามใจตัวเองโดยไม่เห็นหัวใคร ดีแต่เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคนอื่น ดีแต่เหยียดหยามผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณมันไร้จิตสำนึก!”

“คุณแก้ว!”

พุทธชาดอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่เพราะว่ารถยนต์ของคุณอาหมอมาถึงหน้าบ้านเข้าซะก่อน อัลฟ่าหนุ่มเหลือบมองผู้เป็นอาที่ก้าวลงมาจากรถพร้อมกระเป๋ายา ก่อนจะเบนสายตากลับมามองผู้เป็นสามีแล้วเอ่ยทิ้งท้ายไว้แค่ว่า...

“ถ้าคุณยังมีจิตสำนึกเหลืออยู่บ้าง ก็ช่วยไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าให้อาของผมเห็นว่าเรามีปากเสียงกัน ผมยังไม่อยากให้เรื่องนี้ไปถึงหูคุณพ่อคุณแม่ ตัวคุณเองก็คงไม่อยากให้เรื่องวันนี้ไปถึงหูคุณลุงพฤกษ์กับคุณป้าวดีเหมือนกันใช่ไหม?”

เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ กัลปพฤกษ์ได้แต่กัดฟันข่มกลั้นความหงุดหงิดใจ และเมื่อภรรยาอัลฟ่าของตนเอ่ยทักทายผู้เป็นอา ชายหนุ่มก็รีบปรับสีหน้าให้ดูเป็นสามีที่ดี หันไปทักทายญาติของพุทธชาดราวกับว่าก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้มีปากเสียงกัน

แม่บ้านทำหน้าไม่เข้าใจ แต่พอพุทธชาดส่งสัญญาณให้หลบออกไปเธอก็ยอมทำตามแต่โดยดี พวกเขาทั้งสามเดินไปยังห้องรับแขกด้วยกัน พุทธชาดนั่งนิ่งให้คุณอาหมอทำแผลให้ หลังจากประเมินเบื้องต้นพบว่าแผลของเขาไม่ได้ใหญ่มากจนถึงขั้นต้องเย็บ แม้จะปล่อยให้เลือดไหลมากไปหน่อยแต่โดยรวมก็ยังไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง

ตลอดระยะเวลาของการทำแผลนั้น กัลปพฤกษ์ไม่ได้ลุกไปไหน เขานั่งอยู่ไม่ไกลจากผู้เป็นภรรยา มองทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่พูดอะไร ความเมามายก่อนหน้านี้หายไปหลังจากที่ชายหนุ่มผลักราชนิกูลหนุ่มล้ม เขายอมรับว่าตอนนั้นเขาตกใจมาก ไม่ได้คาดคิดว่าแรงผลักของตนเองจะทำให้อีกฝ่ายได้แผล ตอนแรกก็แค่ตั้งใจจะกวนประสาทคุณแก้วเท่านั้น แต่ทุกอย่างก็บานปลายมาจนถึงขั้นนี้

แม้จะไม่อยากยอมรับแต่กัลปพฤกษ์ก็ต้องยอมรับว่าครั้งนี้เขาทำเกินกว่าเหตุไปจริงๆ ถึงอย่างนั้นความปากหนักและศักดิ์ศรีของตัวเองก็ทำให้อัลฟ่าหนุ่มผิวแทนไม่คิดที่จะเอ่ยคำขอโทษออกไปแม้แต่คำเดียวเช่นกัน คุณแก้วด่าเขามากมายถึงเพียงนั้นแล้วนี่ เขาขอโทษไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอก เหอะ!

หลังจากทำแผลเสร็จคุณอาหมอก็กำชับไม่ให้แผลโดนน้ำและจะมาทำแผลให้ใหม่ทุกวันจนกว่าจะหายสนิท แน่นอนว่าก่อนกลับก็ไม่ลืมที่จะถามหาที่มาของแผลนี้ แต่พุทธชาดก็เลือกที่จะโกหกว่าเขาสะดุดล้มหัวไปโขกโต๊ะเอง แทนที่จะบอกเรื่องจริงออกไป ด้วยไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่

หากคนในครอบครัวรู้ว่าเขากับสามีทะเลาะจนถึงขั้นบาดเจ็บ เรื่องคงไม่จบง่ายๆ แน่ และความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลก็จะมีปัญหาตามมาไปด้วย ดังนั้นพุทธชาดเลือกที่จะปิดบังต่อไป หลังจากส่งผู้เป็นอากลับบ้านไปแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะเรียกแม่บ้านมาย้ำว่าห้ามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟังเด็ดขาด และให้ออกคำสั่งนี้กับคนงานทั้งหมดของบ้านด้วย หากเรื่องนี้หลุดออกไปเข้าหูผู้ใหญ่แม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มจะหักเงินเดือนครึ่งหนึ่งเป็นเวลาหนึ่งปีทันที

เตรียมแผนปกปิดและรับมือเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พุทธชาดก็พาตัวเองกลับขึ้นห้องนอนทันที เขาไม่มีแรงเหลือจะทำงานต่อ ได้แต่ปล่อยทุกอย่างไว้ให้เป็นเรื่องของเขาในวันพรุ่งนี้จัดการ

ยังไม่ทันได้เปิดประตูก้าวเข้าห้อง อัลฟ่าราชนิกูลก็หมุนตัวกลับไปหาสามีที่เดินตามขึ้นมา ชายหนุ่มปรายตามองกัลปพฤกษ์ ก่อนจะชี้มือไปที่ประตูของห้องถัดไป

“คุณย้ายไปนอนห้องนั้นซะ ตั้งแต่วันนี้หากไม่ได้อยู่ในสายตาของคุณพ่อคุณแม่ เราสองคนก็ควรจะแยกกันนอน ข้าวของของคุณเดี๋ยวผมจะให้คนมาขนไปไว้ห้องนั้น เหลือเอาไว้นิดหน่อยในห้องนอนนี้เท่านั้น เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตจนเกินไป”

คนฟังดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง “วางแผนมาดีเลยนี่ คุณแก้วนี่เป็นจอมวางแผนมากกว่าที่ผมคิดเอาไว้ซะอีกนะ”

“ผมวางแผนเพื่อให้ชีวิตของตัวเองราบรื่น การเฉดหัวคุณไปนอนห้องอื่นก็เป็นแผนเพื่อให้ตัวผมไม่ต้องรู้สึกขยะแขยงเวลานอนเพราะมีคุณอยู่บนเตียงเดียวกัน”

“คุณแก้ว! พูดแบบนี้กับผมอีกแล้วนะ!” กัลปพฤกษ์แทบจะตวาดขึ้นมาอีกครั้ง “คุณบอกให้ผมให้เกียรติคุณ แต่คำพูดคำจาของคุณเองก็ดูจะไม่ได้ให้เกียรติอะไรผมเลย!”

พุทธชาดถอนหายใจยาว เขากดสายตามองผู้เป็นสามีอย่างเหยียดหยามอีกครั้ง “นั่นเป็นเพราะคุณไม่ให้เกียรติผมก่อน ผมพูดเรื่องนี้หลายรอบแล้วเหมือนกัน หากสมองคุณไม่ได้มีปัญหาก็น่าจะจำได้”

“คุณแก้ว!”

“พอเถียงผมไม่ได้ก็เอาแต่เรียกชื่อ ผมว่าคุณเลิกเรียกผมทุกครั้งเวลาโมโหจะดีกว่าไหม แล้วเปลี่ยนเป็นเลิกสร้างปัญหาให้ผม ให้เกียรติผมในฐานะภรรยา ถ้าคุณทำได้ผมก็จะให้เกียรติคุณบ้างเหมือนกัน”

“...” อัลฟ่าผิวแทนได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างทำอะไรไม่ได้ แม้อยากจะพูดจาว่าร้ายภรรยาแสนน่าเบื่อมากแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็สรรหาคำมาต่อว่าไม่ออก

พุทธชาดมองท่าทางนั้นอย่างพอใจ ราชนิกูลหนุ่มกล่าวย้ำอีกครั้ง “ไปนอนห้องนั้นซะ และอย่าโผล่หน้ามาที่ห้องนี้หากไม่จำเป็น อ้อ ผมหวังว่าคุณคงฉลาดพอที่จะรู้นะว่าเวลาไหนเรียกจำเป็นหรือไม่จำเป็น”

จากนั้นอัลฟ่าผู้สูงศักดิ์ก็พาตัวเองหนีเข้าห้อง ด้วยไม่อยากสนทนาใดๆ กับผู้เป็นสามีอีก เขาปิดประตูลงกลอนทันที ได้ยินเสียงหมุนลูกบิดสองสามครั้งแต่ในที่สุดกัลปพฤกษ์ก็ยอมรามือ เขาสบถด่าผ่านบานประตูอีกเล็กน้อยแล้วเสียงฝีเท้าหนักๆ จากอารมณ์อันไม่คงที่ก็ดังห่างไกลออกไปในที่สุด

พุทธชาดถอนหายในยาว ร่างสูงสง่าก้าวไปยังเตียงนอน สอดตัวเองเข้าใต้ผ้าห่ม ยกมือจับผ้าปิดแผลบนหน้าผาก ความเจ็บตุบๆ ยังคงมีอยู่ กระตุ้นให้เขาระลึกเสมอว่าแผลนี้ได้มาเพราะสามีไม่ได้ความเป็นคนทำ และเขาจะจดจำไว้ว่ากัลปพฤกษ์สามารถทำให้เขาเกลียดได้มากขึ้นกว่าเดิม

เขาเกลียดอีกฝ่ายสุดหัวใจ เกลียดแบบที่ไม่คิดว่าจะเกลียดใครได้เท่านี้อีกแล้ว

อัลฟ่าแบบนั้น...เขาเกลียดเหลือเกิน





____________________

อิคุณกัลป์สมควรตายยยยยยยยยย 55555555555555555555555555555555

มีเด็กมางอแงว่าอยากอ่าน เลยยอมทิ้งงานมาปั่นให้อ่านก่อนค่ะ 555 ช่วงนี้กำลังปั่นต้นฉบับเรื่องอื่นส่งสำนักพิมพ์อยู่ เรื่องนี้เองก็อยู่ในคิวที่ต้องปิดต้นฉบับส่งเช่นกันค่ะ ตั้งใจแล้วว่ายังไงก็ต้องเขียนให้จบในปีนี้ ทุกคนเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ แง้ แล้วเจอกันตอนหน้าค่าา

คอมเมนต์ให้เรากันหน่อยน้า อยากเห็นพระเอกโดนด่าค่ะ 55555555555555


หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 4 [20-02-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-02-2021 19:26:01
พระเอกหน้าหนาเกินไป นอกจากจะทำร้ายจิตใจแล้วยังทำร้ายร่างกายอีก แย่ๆ   :katai1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 5 [11-03-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 11-03-2021 22:05:22


บทที่ 5

จุดเริ่มความชิงชัง คำพูดฝังลงใจ




กัลปพฤกษ์เห็นภาพตัวเองตอนอายุหกขวบ เขาได้รู้จักกับพุทธชาดครั้งแรกในตอนนั้น เด็กที่อายุเท่ากับเขาแต่อ่อนเดือนกว่าไม่มากนัก ผิวขาวจัด ดวงตาเรียวรีแสนเย็นชา ใบหน้าเคร่งขรึมไม่สมกับวัย เพียงแรกพบคนที่ชอบความสดใสร่าเริงและรักการเล่นสนุกก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าอีกฝ่ายซะแล้ว

หลังจากพยายามชวนคุยอยู่สองสามครั้ง แต่ได้รับความเงียบตอบกลับมา กัลปพฤกษ์ก็เลยโมโห เขาในตอนนั้นทั้งเอาแต่ใจและไม่ชอบการถูกเมินเฉย ก็เลยต่อว่าพุทธชาดออกไป...

‘นายนี่โคตรน่าเบื่อเลย คุยด้วยก็ไม่คุย ทำแบบนี้แล้วใครเขาจะอยากเข้าใกล้!’

อัลฟ่าหนุ่มเห็นตัวเองตอนเด็กมองคุณแก้วด้วยความโกรธเคืองพลางผลักไหล่อีกฝ่ายเต็มแรง เขาเห็นสีหน้าของคุณแก้วเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำราวกับน้ำตาจำไหลลงมาได้ทุกเมื่อ แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น...พุทธชาดผลักเขากลับจนเซล้ม จากนั้นเจ้าตัวก็วิ่งหนีไป

นั่นเป็นครั้งแรกที่กัลปพฤกษ์ได้เจอกับคนหยิ่งยโสแบบนั้น และรู้สึกไม่ชอบใจในตัวอีกฝ่ายเอาเสียเลย

จากนั้นพวกเขาก็ยังได้เจอกันอีกหลายครั้งเพราะทั้งสองตระกูลเป็นเพื่อนที่คบหากันมานานหลายต่อหลายรุ่น กัลปพฤกษ์ทำตัวปกติยามอยู่กับพุทธชาดต่อหน้าผู้ใหญ่ แม้จะยังเด็กแต่เขาก็มักจะวางตัวดีเสมอ ด้วยถูกสอนมาให้ระมัดระวังการกระทำและคำพูดของตัวเอง แต่ลับหลังเขาหาเรื่องทะเลาะกับพุทธชาดตลอด ขอแค่ได้ยียวนกวนประสาทอีกฝ่าย ได้เห็นสีหน้าหงุดหงิดโมโหของคนที่ชอบทำตัวสูงส่งแล้วก็รู้สึกมีความสุขไม่น้อย

ความสัมพันธ์ของเขากับคุณแก้วเป็นแบบนั้นมาตลอด ต่อหน้าแสดงละครหลอกตาผู้คนว่าสนิทสนมกันดี เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาโดยตลอด กระทั่งพวกเขาอายุได้สิบห้าปีจึงได้รู้ว่าถูกจับให้หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เพิ่งเกิด เพราะสัญญาของคุณปู่ของพวกเขาที่ตกลงกันเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว

กัลปพฤกษ์จำได้ว่าเขาอาละวาดกับผู้เป็นพ่อและแม่อยู่นาน เขาไม่ชอบการถูกบังคับ ยิ่งกับการแต่งงานมีคู่ชีวิตสักคนยิ่งไม่เคยอยู่ในหัวของเขามาก่อน เขาปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดและจะไม่ยอมให้ใครมาบังคับเขาได้ สองตระกูลจะบาดหมางกันก็ช่างสิ นี่มันชีวิตของเขา ใครก็ห้ามมาบงการทั้งนั้น!

แต่แล้ววันหนึ่งพุทธชาดก็มาดักเจอเขาระหว่างกำลังเดินอยู่ในโรงเรียน อีกฝ่ายยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยจนน่ารำคาญเหมือนเดิม อัลฟ่าหนุ่มผิวแทนไม่อยากคุย แต่เพราะว่าอีกฝ่ายแสดงเจตจำนงว่ายังไงเรื่องนี้ก็ต้องคุยกันให้ได้ เพราะมันเกี่ยวกับการหมั้นหมายของพวกเราสองคน กัลปพฤกษ์ถึงได้ยอมคุย เพราะเขาเองก็อยากบอกออกไปให้ชัดๆ เช่นกันว่าเขาไม่อยากแต่งงานกับอีกฝ่าย แม้การแต่งงานนั้นจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ก็ตาม

‘ผมอยากให้คุณยอมหมั้นหมายและแต่งงานกับผม’

‘สมองกระทบกระเทือนมาหรือไงคุณแก้ว เหอะ! อยากแต่งงานกับผม? คุณชอบผมหรือไง?’

‘เปล่า แต่ผมอยากทำให้ความต้องการของคุณปู่เป็นจริง แล้วก็ไม่อยากให้ครอบครัวของเรามีปัญหากันด้วย’

‘ห่วงชื่อเสียงว่างั้น คุณยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเพื่อครอบครัวได้เลยเหรอเนี่ย แต่เสียใจด้วยนะที่ผมทำไม่ได้ เพราะผมไม่ชอบอัลฟ่าด้วยกัน ผมชอบพวกโอเมก้าตัวหอมๆ มากกว่า แต่คุณไม่หอม ไม่มีอะไรดึงดูดผมได้เลย แถมยังดูน่าเบื่อมากๆ อีกต่างหาก ผมไม่อยากอยู่กับคนแบบนั้นไปทั้งชีวิตหรอกนะ เหี่ยวเฉาจนตายกันพอดี’

กัลปพฤกษ์เห็นตัวเองทำหน้าเหม็นเบื่อออกมา ขณะเดียวกันคุณแก้วในวัยสิบห้าก็มองเขาด้วยดวงตาแข็งกร้าว หากแต่อีกฝ่ายเลือกที่จะเก็บอารมณ์ขุ่นเคืองของตนเองเอาไว้จนมิดชิด น้ำเสียงที่เอ่ยออกมายังคงเฉยชา

‘ผมแค่ต้องการให้เราแต่งกันบังหน้าเท่านั้น ส่วนคุณจะไปมีโอเมก้าอีกกี่คนก็ได้ แค่ไม่หย่ากันให้เป็นเรื่องด่างพร้อยต่อวงศ์ตระกูล แล้วก็ไม่ทำให้ครอบครัวของเราทั้งคู่เดือดร้อนก็พอ’

‘คุณแก้วจะบอกว่ายอมให้ผมไปหาเศษหาเลยนอกบ้านได้ทั้งที่เราแต่งงานกันแล้วงั้นเหรอ?’

‘ผมพูดชัดเจนแล้ว ถ้าคุณยังคิดตามไม่ได้ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้วเหมือนกัน’

‘ปากดี นี่คือคนที่อยากแต่งงานกับผมจนตัวสั่นเหรอครับ ถ้าคุณอยากให้ผมยอมรับข้อตกลงนี้ ก็ควรจะพูดดีๆ กับผมหน่อยนะ เหอะ’

‘ตกลงว่าคุณจะยอมรับการหมั้นหมายและแต่งงานในครั้งนี้ไหมครับ?’

‘คุณยอมให้ผมมีคนอื่นได้ตลอดชีวิต แต่จะไม่ยอมหย่าใช่ไหม?’

‘ครับ การหย่าจำทำให้เราทั้งคู่เสียชื่อเสียง ผมไม่ยอมเด็ดขาด’

อัลฟ่าผิวแทนเห็นตัวเองทำหน้าเบื่อหน่ายอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาไม่ชอบการผูกมัดนัก แต่พอคิดว่าถ้าเขาแต่งงานกับพุทธชาดแล้วไปเล่นสนุกกับโอเมก้าได้เรื่อยๆ โดยที่ไม่ต้องกลัวโดนพ่อกับแม่บังคับให้แต่งงานอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันก็น่าสนใจดีไม่น้อย เขายื่นข้อเสนอสุดหนึ่งออกไปเพราะต้องการแกล้งคนหยิ่งยโสอย่างคุณแก้ว

‘ผมแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่คุณต้องอยู่ในฐานะภรรยาของผม ตกลงไหมล่ะ?’

‘ตกลงครับ’

‘’ง่ายๆ แบบนี้เลย?’

‘การเป็นภรรยาไม่ได้แย่อะไร ยิ่งกับเราสองคนที่เป็นอัลฟ่าเหมือนกัน คุณคิดหรือว่าแค่คุณมีตำแหน่งเป็นสามีผม จะทำให้คุณกดขี่ผมยังไงก็ได้ อีกอย่างเลิกคิดว่าคนเป็นภรรยาต้องยอมให้สามีทุกอย่างได้แล้วนะครับ ปิตาธิปไตยน่ะมันเก่าไปแล้ว ไม่ว่าจะมีเพศหลักหรือเพศรองเป็นเพศไหน เราทุกคนล้วนเท่าเทียมกันครับ’

ภาพความฝันหายไปกลายเป็นเพดานห้องที่เขาคุ้นเคย กัลปพฤกษ์ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมเขาดันฝันถึงเรื่องนี้ขึ้นได้ ทั้งที่มันล่วงเลยผ่านมาตั้งสิบสองปีแล้วนับจากวันที่เขายอมรับข้อเสนอของพุทธชาด ยิ่งไปกว่านั้นคือเหตุการณ์ตอนได้เจอกันครั้งแรกนั่นก็ด้วย เรื่องนานเป็นยี่สิบกว่าปีแต่เขาก็ดันมาฝันเห็นมัน ประหลาดชะมัด

อัลฟ่าหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงขยับข้างกาย เขาหันไปมองก็พบเข้ากับโอเมก้าหนุ่มน้อยที่ยังนอนหลับสนิทแนบชิดเขา อีกฝ่ายก็คือคนที่ได้เห็นการปะทะกันทางอารมณ์ของเขากับผู้เป็นภรรยาเมื่อครึ่งเดือนก่อน

ใช่ เหตุการณ์ที่ชายหนุ่มเผลอผลักคุณแก้วจนล้มหัวฟาดขอบโต๊ะผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขากับภรรยาใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ พอแยกห้องนอนแล้วกัลปพฤกษ์ก็เลยกลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง วันไหนไม่ได้กลับเขาก็จะพาโอเมก้าสักคนสองคนมานอนกกในคอนโดฯ ที่ซื้อทิ้งไว้ตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัย

กลิ่นหอมหวานของฟีโรโมนโอเมก้าทำให้อัลฟ่าหนุ่มอดใจไม่ไหว ซุกไซ้ซอกคอขาวจนทำให้คนหลับตื่นขึ้นมาเพราะถูกรบกวน จากนั้นการนัวเนียคลอเคลียระเริงรักก็เกิดขึ้นในยามสายของวัน เสียงเสียดสีของร่างกาย เสียงลมหายใจกระเซ่าและเสียงผิวเนื้อกระทบกันดังเป็นจังหวะ ก่อนทุกอย่างจะหยุดลงเมื่อกัลปพฤกษ์พอใจแล้ว

“เด็กดี ยังไงฉันก็ยังชอบเธอมากกว่าใคร ไม่ต้องพูดมากให้เสียเวลาเธอก็ตอบสนองฉันได้เป็นอย่างดี” กัลปพฤกษ์กล่าวชมเชย สูดดมกลิ่นกายหอมหวานที่แสนชอบใจไม่หยุด อดจะนึกเปรียบเทียบไปถึงผู้เป็นภรรยาอัลฟ่าไม่ได้ “ภรรยาของฉันไม่หอมและน่าเร้าใจเท่าเธอเลยสักนิด แถมยังปากร้ายอีกต่างหาก น่าเบื่อจริงๆ”




พุทธชาดเหม่อมองท้องฟ้ากว้างผ่านกระจกของห้องทำงาน แม้เวลานี้จะดึกมากแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังจดจ่อกับการทำงานไม่เลิก เพิ่งจะได้พักสายตาก็เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เท่านั้น เขาเหนื่อยล้า...แต่ก็เป็นความเหนื่อยที่ตั้งใจน้อมรับมันโดยไม่เคยปริปากบ่น

ท้องฟ้าข้างนอกมืดมิดเหมือนหัวใจที่ปิดตายของเขา

ครึ่งเดือนมานี้อัลฟ่าหนุ่มแทบไม่ได้สนทนาพาทีกับสามีของตนเท่าไหร่นัก เจอหน้าก็แทบนับครั้งได้ พุทธชาดยอมรับว่าแรกๆ เขาค่อนข้างสบายใจที่ไม่ต้องพบหน้าแล้วทนฟังคำพูดคำจาเสียดสียียวน แต่พอเวลาผ่านไปได้หนึ่งสัปดาห์ ราชนิกูลหนุ่มกลับรู้สึกเป็นกังวล ด้วยกลัวว่ากัลปพฤกษ์จะไปก่อนเรื่องอะไรให้เกิดเป็นข่าวฉาวขึ้นมาอีก

ชายหนุ่มอยากส่งคนไปตามประกบ แต่ก็รู้ว่านั่นเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากเกินไป เขาเป็นฝ่ายร้องขอให้มีการแต่งงานระหว่างเรา เป็นคนเสนอให้อีกฝ่ายไปมีใครต่อใครที่ไหนก็ได้ ขอเพียงไม่หย่าและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เขาลืมขอไปอีกข้อ...ลืมขอให้กัลปพฤกษ์ให้เกียรติเขาบ้าง

อย่างไรซะเขาก็คือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของอีกฝ่าย ผู้ชายคนนั้นอยากจะออกไปมั่วสุมกับโอเมก้าที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น แต่ก็ไม่ควรจะทำมันต่อหน้าต่อตาเขา หรือทำมันในบ้านของเขาแบบที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง เรื่องนี้คงต้องโทษเขาในอดีตด้วยเหมือนกันที่ไม่ทันได้ฉุกใจคิด ก็ตอนทำข้อตกลงเขาเพิ่งจะอายุสิบห้าเองนี่นะ แม้จะถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะของสิทธาพิวัฒน์ แต่เขาก็ไม่ได้เก่งกาจไปเสียทุกเรื่องอยู่ดี

‘หลานอย่าทำตัวน่าเบื่อแบบนั้นสิจ้ะ เดี๋ยวตากัลป์ก็เบื่อเอาหรอกที่ต้องแต่งงานกับคนเย็นชาแบบหลาน’

‘คุณนี่น่าเบื่อจริงๆ เลยคุณแก้ว’

เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นในความนึกคิด ซ้อนทับตามมาติดๆ ด้วยเสียงทุ้มเข้มของผู้เป็นสามี พุทธชาดหลับตาลงพลางเม้มปากแน่น แต่ไหนแต่ไรเขาก็เติบโตมาแบบที่มองเห็นครอบครัวสำคัญที่สุด จนหลายๆ ครั้งก็ลืมนึกถึงความต้องการของตัวเอง โดนพูดกรอกหูอยู่หลายครั้งว่าตัวเขาที่เป็นแบบนี้นั้นน่าเบื่อ แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้จะแก้ไขมันยังไง

พุทธชาดที่ใครๆ ต่างก็มองว่าเป็นอัลฟ่าผู้เก่งกล้าสามารถ แต่หลายครั้งกลับโดนนินทาว่าเป็นคนไร้มนุษยสัมพันธ์เกินไป แต่ใครจะรู้ดีไปกว่าเขากันล่ะ ว่าเขาเองก็ไม่ได้เย็นชาจนดูไร้ชีวิตจิตใจถึงขนาดนั้น เพียงแต่เขาเลือกที่จะแสดงความเป็นกันเองกับคนที่เชื่อใจก็เท่านั้น

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกความสนใจของอัลฟ่าหนุ่มให้หันไปมอง เครื่องมือสื่อสารสั่นเบาๆ พร้อมหน้าจอที่สว่างขึ้น ปรากฏชื่อของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา

“อืม”

“ยังทักทายได้สั้นเหมือนเดิม นี่เพื่อนอุตส่าห์โทร. หาทั้งทีนะ พูดอะไรยาวกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ”

“ว่างแล้วเหรอ กลับมาไทยหรือยัง”

“ว้าว ชื่นใจจังที่แกถามได้ยาวขนาดนี้”

“ศล ฉันไม่ได้เป็นคนพูดน้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ เลิกเอาเรื่องนี้มาล้อฉันได้แล้ว”

เสียงหัวเราะร่าเริงของโกศลผู้เป็นเพื่อนทำให้พุทธชาดจุดยิ้มบางเบาบนริมฝีปาก เขาไม่ได้สนทนากับเพื่อนสนิทคนนี้มาเดือนกว่าได้แล้วล่ะมั้ง ครั้งล่าสุดที่คุยกันอีกฝ่ายบอกว่าจะไปผจญภัยที่ต่างประเทศ แล้วหลังจากนั้นก็หายเงียบไปเลย ชายหนุ่มเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาหลายครั้งแล้วจึงไม่ได้แปลกใจอะไรนัก

“ตกลงโทร. มาเพราะกลับถึงไทยแล้วใช่ไหม”

“ใช่ คิดถึงฉันล่ะสิ”

“อืม ก็นิดหน่อย”

“ได้ข่าวว่าแต่งงาน ขอโทษด้วยนะที่กลับมาไม่ทัน แถมยังไม่ได้โทร. ไปแสดงความยินดีอีก”

น้ำเสียงของคนปลายสายดูจะรู้สึกผิดมากไม่น้อย แต่นั่นกลับทำให้พุทธชาดแย้มยิ้มมากขึ้นกว่าเดิม ตรงข้ามกับดวงตาที่เฉยชาจนน่าใจหาย แต่ถ้าหากสังเกตดีๆ จะเห็นความเจ็บปวดเล็กๆ แฝงอยู่ในนั้น

“นายก็รู้นี่ว่ามันไม่ใช่การแต่งงานเพราะความรักอยู่แล้ว”

“แต่เขาก็เป็นคนที่นายเลือกจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต”

“ฉันทำเพื่อครอบครัว”

“แก้ว” น้ำเสียงของโกศลจริงจังมากขึ้นจนพุทธชาดสัมผัสได้ “ทำเพื่อตัวเองบ้างเถอะ ฉันอยากให้แกมีความสุข”

คนฟังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาเพียงถอนหายใจแผ่วเบาเท่านั้น กลับไปเหม่อมองท้องฟ้ามืดๆ ด้านนอกนั่นอีกครั้ง ปล่อยให้สมองล่องลอยไปเรื่อยๆ แล้วสายลมพัด ไม่อยากคิดอะไรอีกแล้วในตอนนี้ แม้ส่วนลึกจะคอยแต่นึกถึงกัลปพฤกษ์ก็ตาม

เงียบกันอยู่นาน กระทั่งโกศลพูดขึ้นอีกครั้ง หากแต่เปลี่ยนไปกล่าวถึงเรื่องอื่นแทน “ที่ฉันโทร. มาก็เพราะกลับมาถึงไทยแล้วนั่นล่ะ แล้วก็จะถามเรื่องงานเลี้ยงฉลองครบรอบร้อยปีของโรงเรียนเรา อืม เรียกว่างานคืนสู่เหย้าก็ได้อยู่ล่ะมั้ง นายได้รับบัตรเชิญหรือยัง?”

“ได้แล้ว กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะไปดีหรือเปล่า”

“เฮ้ ต้องไปสิ ฉันอยากเจอนายกับเพื่อนคนอื่นๆ”

“ทำอย่างกับว่าฉันมีเพื่อนเยอะงั้นล่ะ ก็มีแค่นายที่สนิทกันมาจนถึงปัจจุบัน” ราชนิกูลหนุ่มแค่นหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ก็คงต้องไปนั่นล่ะนะ สามีฉันไปแล้วฉันจะไม่ไปได้ไง”

“เขาบอกว่าไปเหรอ?”

“เปล่า เขาไม่ได้บอกกับฉันโดยตรง แต่เลขาฯ ของเขาโทร. มาบอกกับเลขาฯ ของฉันน่ะ” บอกเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่เนื้อความนั้นชวนให้รู้สึกสงสัยต่อคนปลายสายมาก

โกศลท้วงขึ้น “เดี๋ยวนะ หมายความว่าไงที่ว่าเขาให้ดลขาฯ โทร. มาบอก ไม่ใช่ว่านายกับเขาอยู่ด้วยกันหรอกเหรอ ก็แต่งงานกันแล้วนี่”

“เราทะเลาะกัน ฉันกับเขาแยกห้องกันนอน ครึ่งเดือนมานี้ไม่ค่อยได้คุยกันหรอก เจอหน้ากันก็นับครั้งได้”

“แก้ว แบบนี้...มันดีแล้วจริงๆ เหรอ?”

พุทธชาดระบายยิ้มบางอีกครั้ง แววตาวูบไหวแต่ก็กลับมามั่นคงอย่างรวดเร็ว “ฉันกำลังพยายามทำให้มันออกมาดีที่สุดอยู่ แม้มันจะยากมากก็ตาม”

“ไม่ชอบนายที่เป็นแบบนี้เลย”

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มันคือสิ่งที่ฉันต้องการเองตั้งแต่แรก เดี๋ยวฉันก็ปลงได้เอง ว่าแต่นายเถอะ...”

อัลฟ่าหนุ่มชวนเพื่อนสนิทพูดคุยเรื่องอื่นๆ ไปอีกพักใหญ่ ก่อนจะวางสายได้ในที่สุด เขาเหลือบมองเวลาซึ่งเคลื่อนเลยผ่านเที่ยงคืนมาสักพักแล้ว ก้มมองแฟ้มเอกสารอีกสองสามแฟ้มที่ยังไม่ได้อ่านเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะวางมันไว้อย่างนั้นแล้วกลับห้องเพื่อเข้านอนแทน

หากแต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าไปถึงห้องนอน ร่างสูงใหญ่ของกัลปพฤกษ์ก็ก้าวพ้นขั้นบันไดขึ้นมาพอดี เป็นเหตุให้ทั้งสองได้พบหน้ากันโดยบังเอิญ แม้จะเป็นอย่างนี้มาหลายครั้ง แต่บรรยากาศระหว่างพวกเขาก็ยังเต็มไปด้วยความอึมครึมไม่หายอยู่ดี

พุทธชาดตั้งใจเป็นฝ่ายเดินหนีมาก่อน แต่ข้อมือก็ถูกจับรั้งเอาไว้โดนผู้เป็นสามี แรงกระชากเบาๆ นั้นไม่อาจทำให้ราชนิกูลหนุ่มสะทกสะท้านได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะชอบใจเช่นกัน

“ปล่อย”

“โดนตัวนิดหน่อยก็หวงงั้นเหรอ? คุณเป็นภรรยาผมนะ ทำไมแค่จับข้อมือก็ยังไม่ได้ล่ะ?”

“ถ้าจะมาพูดจากวนประสาทกันก็ไปนอนเถอะ คุณเมามากแล้วล่ะ”

อัลฟ่าผิวแทนหัวเราะหยัน กำข้อมือภรรยาปากร้ายแน่นขึ้นจนคนถูกกระทำต้องนิ้วหน้า แต่พุทธชาดก็ไม่ได้แสดงกิริยาอาการว่าเจ็บออกมา เขากลับไปทำสีหน้าเรียบเฉยอีกครั้ง ดวงตาจ้องมองสามีจอมสำส่อนนิ่ง ไม่หวาดกลัวใดๆ ทั้งนั้น

“เอะอะก็ไล่ แค่จะคุยกับผัวมันยากนักหรือไงครับ”

“อย่ามาหยาบคายใส่ผมนะคุณกัลป์ เพราะเราไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องคุยกันต่างหาก ผมถึงไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องคุย” พุทธชาดเชิดหน้าขึ้นพลางหรี่ตาเหยียดมองร่างสูงตรงหน้าพลางพูดต่อ “อีกอย่างคุณก็รู้ตัวเองดีว่าเพราะอะไรผมถึงไม่อยากคุยกับคุณ ก็เพราะมันยากจริงๆ ที่จะคุยกับคนพูดไม่รู้ฟังอย่างคุณน่ะ”

“คุณแก้ว!”

“พอเถียงสู้ไม่ได้ก็ตะโกนเรียกชื่ออีกแล้วเห็นไหม คุณเหมือนเด็กที่ไม่ได้ดั่งใจก็โวยวายไม่มีผิด”

“ปากดีเสมอต้นเสมอปลายเลยนะครับคุณภรรยา” กัลปพฤกษ์แค่นเสียงขึ้นจมูก เขาผลักภรรยาหนุ่มไปชนผนังด้านหลังเต็มแรงจนพุทธชาดนิ่วหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ผลักเขาออกเต็มแรงแต่อัลฟ่าผิวแทนก็กดแรงสวนกลับไป กักพุทธชาดเอาไว้ไม่ให้หนีไปได้

“คุณกัลป์ ปล่อยผม!”

“ผมกลับบ้านทั้งทีก็น่าจะต้อนรับกันดีๆ หน่อยนะ อย่างเช่น...” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มร้าย “จูบต้อนรับสักทีสองที อะไรแบบนั้น”

“คุณคงเมาจนเลอะเลือนไปแล้วถึงได้คิดจะมาขอจูบจากผม ไหนคุณบอกว่าไม่ชอบอัลฟ่าแบบผมไง แต่อยากจะจูบผมเนี่ยนะ?” พุทธชาดขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองผู้เป็นสามีอย่างไม่เข้าใจนัก แต่ก็ต้องข่มกลั้นอารมณ์เอาไว้เมื่ออีกฝ่ายพูดจาไม่เข้าหูเขาอีกครั้ง

“ผมอาจจะอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ได้นี่ จูบกับภรรยาแค่ทีสองทีคงไม่ได้แย่เท่าไหร่หรอกมั้ง เพราะแค่แต่งงานกับคนน่าเบื่อแบบคุณผมยังผ่านมาได้เลย...!”

พลั่ก!

ยังไม่ทันที่กัลปพฤกษ์จะพูดจบก็ต้องทิ้งตัวลงไปคุกเข่ากับพื้น เมื่อพุทธชาดยกเข่าขึ้นกระแทกหน้าท้องอีกฝ่ายเต็มแรง ดวงตาคมกริบกดต่ำมองคนที่นั่งคุดคู้ด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน คำว่า ‘น่าเบื่อ’ ยังดังก้องอยู่ในหูของเขา ทำให้ราชนิกูลหนุ่มยิ่งรู้สึกหงุดหงิด

“คุณที่เป็นแบบนี้ก็น่าเบื่อสำหรับผม”

ใช่ พุทธชาดเองก็เบื่อที่ต้องรับมือกับสามีไม่ได้ความแบบนี้แล้วเหมือนกัน!



_________________

มาช้าแต่ว่าก็มานะ แหะๆ อย่างที่หลายคนเข้าใจค่ะ คำว่าน่าเบื่อ น่ารำคาญเนี่ย มันฝังใจคุณแก้วมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว คนแรกที่พูดกับเขาก็คือกัลปพฤกษ์ แต่ก็มีคนอื่นพูดใส่เหมือนกัน จริงๆ แล้วเป็นคุณแก้วนี่ก็ไม่ได้ดีอย่างที่ใครๆ คิด อยากกอดโอ๋คุณเขาจัง แง



หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 5 [11-03-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-03-2021 16:39:09
เฮ้อออ ใช้ชีวิตกันมายังไงนะ ถึงได้แปรปรวนกันขนาดนี้
อดีตหลอกหลอนไม่พอ ตอนนี้ยังเข้าหน้ากันไม่ติดไปอีกจ้า
ลุ้นทุกตอนเลยค่ะ ว่าจะญาติและตกบ่วงกันตอนไหน
เอาใจช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น และได้รักกันดีๆ สักทีนะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 5 [11-03-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 21-03-2021 08:05:28
สงสารคุณแก้ว แสร้งว่าตัวเองก็ไม่รู้สึกอะไร แต่ในใจคงบอบช้ำเหลือเกิน เชียร์ให้คุณแก้วเจอคนที่ดีกว่าพระเอกค่ะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 6 [21-03-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 21-03-2021 21:40:05



บทที่ 6

เหตุไม่คาดฝัน เปลี่ยนผันทุกสิ่ง




แม้จะไม่เต็มใจ แต่ยังไงพวกเขาก็ต้องไปงานคืนสู้เหย้าด้วยกัน ในฐานะศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของโรงเรียน และในฐานะสามีภรรยาที่เพิ่งจะแต่งงานกันด้วย หากพวกเขาไม่ออกงานด้วยกัน ก็อาจเกิดคำครหาต่อวงสังคมชั้นสูงได้

สองร่างในชุดสูทคล้ายกันก้าวขึ้นรถ ก่อนหน้านี้พุทธชาดคิดว่าเขาอาจต้องเสียเวลา ‘เกลี้ยกล่อม’ ผู้เป็นสามีให้ยอมนั่งรถไปด้วยกัน แทนที่อีกฝ่ายจะขับรถไปเองเหมือนอย่างที่ชอบทำ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปาก กัลปพฤกษ์กลับบอกด้วยตัวเองว่าจะนั่งรถไปด้วย

ถึงจะแปลกใจ แต่พุทธชาดกลับพอใจมากกว่าเมื่อเขาไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงทะเลาะกับอีกฝ่ายด้วยเรื่องไร้สาระเช่นนี้ อัลฟ่าทั้งสองนั่งเคียงข้างกันในรถหรูแต่ไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆ ทั้งสิ้น ฝ่ายหนึ่งมองออกไปนอกหน้าต่างรถ อีกฝ่ายเปิดอีเมลอ่าน กระทั่งมาถึงโรงเรียนซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ทั้งสองก็ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันสักคำ

กระนั้นยามเมื่อก้าวลงจากรถ รอยยิ้มก็ถูกเรียกขึ้นมาประดับบนใบหน้า สองร่างเดินข้างกันผ่านประตูโรงเรียน หลังเรียนจบได้กลับมาเยี่ยมอาจารย์ผู้สอนแค่ไม่กี่ครั้ง ผ่านไปนับสิบปีหลายอย่าง ณ ที่แห่งนี้ยังคงเหมือนเดิม แต่บางอย่างก็เปลี่ยนไปไม่น้อยทีเดียว

“เราควรจับมือกันหน่อยไหมคุณแก้ว”

“จับมืออะไรครับ”

“ก็จับมือจูงกันเดินไง คนจะได้ไม่คิดว่าเราห่างเหิน”

“ไม่จำเป็น”

พุทธชาดลอบถอนหายใจ อุตส่าห์หลงคิดว่าวันนี้คงไม่ต้องปะทะกับคำพูดคำจายียวนกวนอารมณ์ของอีกฝ่ายแล้ว แต่ที่ไหนได้...เพียงก้าวเท้าเข้างานมาได้ไม่เท่าไหร่ กัลปพฤกษ์ก็หาเรื่องให้เขาต้องปวดหัวเสียแล้ว

“เอาน่า สักหน่อยก็ดีนะ คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าผมควรทำตัวให้สมกับเป็นสามีคุณ ตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ผมควรทำแบบนั้นนะ คุณไม่คิดว่าเหมาะสมงั้นเหรอ?”

พุทธชาดหมดคำจะพูด แค่คิดว่าต้องต่อล้อต่อเถียงก็เหนื่อยแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดบทด้วยการคว้ามือของผู้เป็นสามีมากุมไว้หลวมๆ จากนั้นก็ดึงให้เร่งเท้าเดินเร็วขึ้น ข้างหน้าคือทางเข้าหอประชุมใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงที่แท้จริง

ราชนิกูลหนุ่มทำไปตามหน้าที่ โดยไม่ทันได้เห็นสีหน้าประหลาดใจของกัลปพฤกษ์

สองร่างยื่นบัตรเชิญให้กับเจ้าหน้าที่หน้าทางเข้า พอตรวจสอบเสร็จพวกเขาก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ ในหอประชุมใหญ่เปิดเพลงบรรเลงฟังสบายเอาไว้ คลอไปกับเสียงพูดคุยหัวเราะของคนมากมายที่มาถึงงานก่อนหน้านี้แล้ว เพียงปรากฏกายหลายสายตาก็หันมามองทันที

พุทธชาดยิ้มน้อยๆ ขณะที่กัลปพฤกษ์นั้นแย้มยิ้มกว้าง ฝ่ามือยังคงจับกันเอาไว้ไม่ปล่อย แน่นอนว่ามีหลายคนมองเห็นเช่นกันและถึงกับยิ้มชอบใจปนแสดงความยินดี ไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ได้ว่าคนเหล่านั้นคงกำลังพูดคุยกันถึงความรักอันแสนอ่อนหวาน ของสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันอย่างพวกเขาทั้งสองคน

“ปล่อยได้แล้วมั้งครับ”

“คุณแก้วอายงั้นเหรอ?” อัลฟ่าผิวแทนเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี “ไม่เห็นเหรอครับว่าหลายคนมองมาด้วยสายตาชื่นชม คุณชอบไม่ใช่หรือไงเวลาได้เห็นว่าการสร้างภาพของตัวเองมันทำให้คนมองคุณในแง่ดีมากแค่ไหน”

คนฟังชะงักงันไปกับคำพูดเสียดสีนั้น ราชนิกูลหนุ่มหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายของสามี หัวใจที่คิดว่าตายด้านรู้สึกปวดหนึบขึ้นมาแม้จะเพียงแค่เสี้ยวนาทีก็ตาม ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาเถียงผู้ชายคนนี้ไม่ได้ แม้สมองจะพยายามสรรหาคำมาปฏิเสธก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรไม่ออกไปแล้ว

เป็นอีกครั้งที่พุทธชาดสูดหายใจเข้าลึก ข่มความรู้สึกย่ำแย่ให้ซ่อนเร้นอยู่ในส่วนลึกดั่งเช่นทุกครั้ง อัลฟ่าผู้สง่างามเชิดใบหน้าขึ้นอีกเล็กน้อย รอยยิ้มที่เลือนหายไปชั่วคราวกลับมาอีกครั้ง เขาปั้นสีหน้าทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดึงมือที่จับกับกัลปพฤกษ์เอาไว้ออกช้าๆ ไม่ให้ดูผิดสังเกต

แต่แทนที่ชายหนุ่มจะได้ออกห่างผู้เป็นสามี ไหล่ของเขากลับถูกโอบเอาไว้แน่น ราชนิกูลหนุ่มอยากจะหันไปต่อว่า แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อมีเพื่อนเก่ากลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย และใช่...พวกเขาเป็นเพื่อนของกัลปพฤกษ์ ไม่ใช่เพื่อนของพุทธชาด แต่ไหนแต่ไรมาสามีอัลฟ่าของเขาก็มีเพื่อนเยอะอยู่แล้ว

“ไงไอ้กัลป์ ตั้งแต่งานแต่งก็ไม่ได้เจอกันเลยนะ” เพื่อนคนหนึ่งที่พุทธชาดจำหน้าได้แต่จำชื่อไม่ได้เอ่ยทักทาย “สวัสดีครับคุณแก้ว ยินดีอีกครั้งที่ได้หนุ่มฮอตอย่างไอ้กัลป์ไปเป็นสามีนะครับ”

เสียงหัวเราะฮาครืนดังขึ้นทั้งกลุ่มหลังสิ้นคำพูดของเพื่อนสามี กัลปพฤกษ์ยังคงยิ้มระรื่น โอบกระชับไหล่ของภรรยาปากร้ายเอาไว้ แต่พุทธชาดไม่ใช่หมูในอวยที่จะยืนฟังคำพูดหยอกล้อเหล่านี้เฉยๆ โดยไม่โต้ตอบ แม้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาหัวเราะเยาะเย้ย ก็แค่คำแซวธรรมดาเท่านั้น แต่ยังไงซะชายหนุ่มก็ไม่ชอบอยู่ดี

“ควรยินดีกับคุณกัลป์มากกว่านะครับที่ได้ผมเป็นภรรยา” เขาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบเรื่อย ทั้งที่ใบหน้ายังติดยิ้มจางๆ “เพราะเขาคงหาคนแสนดีที่ยอมรับพฤติกรรมไม่ดีของเขาไม่ได้อีกแล้วนอกจากผม”

“เอ่อ...”

“ขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมเจอเพื่อนน่ะ...แล้วเจอกันตอนพิธีเปิดงานเริ่มนะครับคุณกัลป์” บอกลาทิ้งท้ายจากนั้นก็ปลดแขนของอัลฟ่าผิวแทนออกจากไหล่อย่างนุ่มนวล ไม่ให้ดูเหมือนสะบัดทิ้ง สบดวงตาวาวโรจน์สีดำสนิทที่จ้องมาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย จากนั้นพุทธชาดก็ก้าวเท้าเดินหนีมาอีกทางทันที

เขายิ้มกว้างยิ่งกว่าเก่าเมื่อสายตามองเห็นโกศลยืนจิบแชมเปญอยู่ตรงหน้า ที่บอกว่าจะมาหาเพื่อนก็ไม่ได้โกหกเสียทีเดียว แต่อีกเหตุผลที่รีบแยกตัวออกมาน่ะเป็นเพราะรำคาญล้วนๆ เขารู้ได้เลยว่าการยืนอยู่ตรงนั้นคงไม่พ้นโดนแซวแล้วแซวอีก แล้วก็คงจะโดนกัลปพฤกษ์เสียดสีเข้าอีกด้วยเช่นกัน

หากเป็นไปได้พุทธชาดก็ไม่อยากปะทะอารมณ์กับสามีจอมสำส่อนแล้วจริงๆ แค่ปั้นหน้าว่ารักกันดีก็เหนื่อยมากพอแล้ว หากต้องมาปั้นหน้ายามกระซิบต่อว่าต่อขานกัน สักวันชายหนุ่มน่าจะเส้นเลือดในสมองแตกตาย

“มาถึงนานหรือยังศล”

“ก็นานพอจะเห็นสามีภรรยาชื่อดังจับมือกันเดินเข้ามาในงาน”

ราชนิกูลหนุ่มเกือบหลุดสีหน้าเอือมระอาออกมา แต่ก็ดึงหน้าได้ทันเช่นกัน กระนั้นมันก็ยังไม่ทันเท่าสายตาที่จ้องมองมาของเพื่อนสนิท หากไม่นับตัวเขาเอง โกศลคือคนที่เข้าใจในตัวตนและพฤติกรรมหลายๆ อย่างของเขามากที่สุด ดังนั้นเพียงแค่เล็กน้อยอีกฝ่ายก็เดาอารมณ์ การกระทำ หรือความคิดบางอย่างของเขาได้แล้ว

จะหาเพื่อนที่รู้ใจเราดีขนาดนี้ได้จากที่ไหน หากไม่ติดว่าอีกฝ่ายมีคู่หมั้นที่รักกันมานานหลายปี พุทธชาดก็คงอยากจะแต่งงานกับโกศลมากกว่าคนสำส่อนหลายใจอย่างกัลปพฤกษ์

“เลิกพูดเรื่องของเขาเถอะ สิ่งแรกที่นายควรทำคือการกอดฉัน”

“มาถึงก็อ้อนกันเลยนะ”

“นี่ไม่ใช่การอ้อน ศล ฉันแค่คิดถึง นายหายหน้าไปเป็นเดือนๆ” อัลฟ่าหนุ่มผู้สูงศักดิ์ผ่อนลมหายใจแผ่วเบา ได้ยินเสียงโกศลหัวเราะเล็กน้อย แล้วในที่สุดทั้งคู่ก็สวมกอดกันหลวมๆ พุทธชาดตบหลังเพื่อนสนิทเบาๆ “ดีใจที่ได้เจอนะ ฉันมีเรื่องอยากเล่ามากมายเลยล่ะ”

“เอาไว้เรานัดไปกินข้าวด้วยกันสิ ถึงตอนนั้นฉันจะฟังนายทุกเรื่องเลย”

“นายเองก็ต้องเล่าเรื่องระหว่างที่ไปต่างประเทศให้ฉันฟังด้วย คราวนี้ไปผจญภัยที่...!!!”

จังหวะที่กำลังจะผละออกจากอ้อมกอดของกันและกัน แขนของพุทธชาดก็ถูกดึงให้ออกห่างโกศลซะก่อน และคนที่ทำอย่างนั้นก็คือกัลปพฤกษ์ผู้เป็นสามี น้ำเสียงเรียบเย็นของอัลฟ่าผิวแทนดังขึ้นตามมา

“กอดกันกลมขนาดนี้ ตกลงใครเป็นสามีคุณแก้วกันแน่ครับ?”

พุทธชาดนิ่วหน้า ไม่ใช่เพราะเจ็บที่โดนบีบแขน แต่ไม่พอใจการกระทำหยาบคายของสามีมากกว่า ชายหนุ่มปรับสีหน้ากลับมาเป็นตามเดิมแล้วพยายามดึงแขนออกจากมือใหญ่ หากเป็นเวลาที่อยู่กันตามลำพังเขาคงสะบัดมันหลุดออกไปนานแล้ว แต่ตอนนี้มีสายตาของคนหมู่มากรายล้อม การสะบัดออกดูจะโจ่งแจ้งและทำให้น่าสงสัยเกินไป

สุดท้ายราชนิกูลหนุ่มก็ไม่อาจสลัดมือของกัลปพฤกษ์ออกไปได้ จึงได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายบีบแขนเขาไว้อย่างนั้น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองผู้เป็นสามีด้วยความเย็นชาไร้อารมณ์ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเรียบเย็นจนทำให้บรรยากาศรอบด้านอึดอัดไปหมด

“ถ้าคุณไม่ได้สมองเสื่อม ก็น่าจะจำโกศลได้ว่าเขาเป็นอะไรกับผม”

โกศลถึงกับกลั้นหายใจ ก็รู้หรอกว่าเพื่อนของเขาเป็นคนปากร้าย แต่ก็ไม่คิดว่าจะกล้าต่อว่าสามีตัวเองถึงขนาดนี้ สองคนนี้ไม่ได้แต่งงานกันด้วยความเต็มใจก็จริง แต่มันก็ไม่น่าจะทำให้พุทธชาดพูดจารุนแรงขนาดนี้กับอีกฝ่ายได้ ยกเว้นว่ามีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านี้แน่ๆ คนอย่างคุณชายแก้วน่ะเหรอจะต่อปากต่อคำด้วยวาจาร้ายกาจกับคนอื่น โกรธแค่ไหนยังพูดสุภาพกว่านี้เลย

ด้านกัลปพฤกษ์ถึงกับนิ่งไป เขาหันไปมองอัลฟ่าร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างภรรยาของเขา เมื่อมองดูดีๆ จึงจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ถึงจะไม่สนิทสนมกันแต่โกศลก็เป็นคนดังคนหนึ่งของโรงเรียนในสมัยนั้น เคยเห็นไปไหนมาไหนกับคุณแก้วอยู่บ้างเช่นกัน

กัลปพฤกษ์ปล่อยแขนของพุทธชาดก่อนจะผงกหัวทักทายโกศล “สวัสดีครับ ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ คุณคง ‘หึง’ ภรรยา”

คนฟังชะงักไปแต่ก็หัวเราะเบาๆ กลบเกลื่อน ขณะที่พุทธชาดหันไปหรี่ตามองเพื่อนอย่างไม่พอใจเล็กน้อยกับคำพูดไร้สาระนั่น คนอย่างกัลปพฤกษ์ที่รักอะไรไม่เป็นนอกจากรักสนุกมั่วกับโอเมก้าไม่หยุดน่ะเหรอ จะหึงภรรยาที่แต่งเพราะหน้าที่อย่างเขา ชาติหน้ายังไม่มีทางเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ

“ผมไม่ได้หึง” อัลฟ่าผิวแทนหน้าตึง รีบปฏิเสธเสียงเข้ม “ผมแค่ไม่อยากให้คนเข้าใจผิด คุณแก้วเป็นห่วงนักหนากลัวคนอื่นจะมองไม่ดี คอยย้ำผมเสมอว่าไม่ให้สร้างเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ถ้าทำเสียเองมันก็ไม่ถูกต้องไหมครับ ผมก็แค่มาเตือนเท่านั้น”

“ใครๆ ก็รู้ว่าผมกับศลเป็นเพื่อนกัน และนี่มันก็งานคืนสู่เหย้าด้วย ไม่มีใครคิดว่าผมกำลังจะมีชู้หรอกนะคุณกัลป์ ยกเว้นคนที่มีจิตใจสกปรกเหมือนกันคุณ”

“คุณแก้ว!” คนเป็นสามีกระซิบเรียกภรรยาด้วยน้ำเสียงดุดันยิ่งกว่าเดิม เขาตั้งท่าจะจับแขนของพุทธชาดไปบีบอีกครั้ง แต่อัลฟ่าราชนิกูลรู้ทัน เบี่ยงแขนหลบอย่างสงวนท่าทีไม่ให้ดูประเจิดประเจ้อมากเกินไป ก่อนจะพูดตัดบท

“ผมจะไปเข้าห้องน้ำ ส่วนคุณก็อย่าหิ้วโอเมก้าที่ไหนออกไปก่อนงานจะเลิกแล้วกัน” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของสามีไม่ได้เรื่อง “ในเมื่อมาเตือนผมไม่ให้ทำอะไรไม่ดีได้ ก็หวังว่าจะไม่ทำมันเสียเองนะครับ”

พูดจบก็หมุนตัวเดินไปอีกทางทันที ทิ้งให้โกศลละล้าละลังเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ก้าวตามหลังเพื่อนสนิทไป เหลือเพียงกัลปพฤกษ์ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ความโกรธคุกรุ่นอยู่ในอกแต่เขาทำอะไรไม่ได้ กี่ครั้งแล้วที่เขาพ่ายแพ้ให้กับเกมการทุ่มเถียงนี้ มันทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดจนอยากอาละวาดเหลือเกิน

หากวันหนึ่งภรรยาน่ารำคาญของเขาพลาดเมื่อไหร่ กัลปพฤกษ์สาบานเลยว่าจะซ้ำเติมอีกฝ่ายให้หนักยิ่งกว่าที่เขาโดน!



งานคืนสู่เหย้าดำเนินต่อไปค่อนคืน พุทธชาดเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย นี่ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว อีกไม่นานงานคงเลิก หลังจากเขาได้รับเชิญให้ขึ้นไปพูดอะไรสักเล็กน้อยในฐานะที่เคยเป็นอดีตประธานนักเรียน อัลฟ่าหนุ่มก็ได้รับการทักทายจากคนที่เคยทำงานร่วมกันในสภานักเรียนอีกพักใหญ่ กว่าเขาจะได้อยู่อย่างสงบก็เล่นเอาเหนื่อยไม่น้อย

สามีของเขาหายไปกับเหล่าเพื่อนๆ ของตนเองนานพอสมควร แต่สุดท้ายก็กลับมายืนอยู่ข้างเขา สร้างภาพลักษณ์ว่าเราทั้งคู่เป็นสามีภรรยาที่ไม่เคยอยู่ห่างกันนานเกินไป โกศลเองก็อยู่เป็นเพื่อนคุยกับพุทธชาดจนกระทั่งกัลปพฤกษ์กลับมานั่นล่ะเขาถึงได้แยกตัวไปคุยกับเพื่อนเก่าที่เคยอยู่ชมรมกีฬาด้วยกัน

“ผมเพิ่งเคยออกงานกับคุณครั้งแรก” จู่ๆ อัลฟ่าผิวแทนก็พูดขึ้น ทำให้พุทธชาดเหลือบมองด้วยความไม่เข้าใจ แต่สีหน้าของชายหนุ่มยังคงเรียบนิ่งเหมือนเดิม “คุณเก่งนะ”

“คุณหมายถึงอะไรคุณกัลป์ ต้องการจะพูดอะไรกันแน่”

คนถูกถามยักไหล่ “ก็แค่คิดว่าคุณเก่งนะที่ปั้นหน้านิ่งได้แทบจะตลอดเวลาเลย ผมเห็นแล้วเหนื่อยแทน”

“...” ยิ่งฟังพุทธชาดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าสามีของเขาต้องการจะบอกอะไรกันแน่ แต่ความสงสัยก็ได้รับการแถลงไขในเวลาต่อมา เมื่อกัลปพฤกษ์พูดขึ้นอีกว่า...

“แค่ผมทำหน้านิ่งห้านาทีก็เหนื่อยแล้ว แต่คุณดึงหน้าได้ตลอดเวลา ยิ้มกว้างๆ สักยิ้มยังไม่มีเลย จะว่าไปผมก็อดสงสัยไม่ได้นะว่าภรรยาของผมที่จริงแล้วเป็นรูปปั้นหรือเปล่า หึ”

“คุณกัลป์” ราชนิกูลหนุ่มต้องอดกลั้นไม่ให้เผลอแสดงสีหน้าไม่พอใจออกไป “เมื่อไหร่คุณจะเลิกหาเรื่องผม”

“ผมเปล่า”

“งั้นเหรอ? แล้วที่เอาแต่พูดจาถากถางผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันหมายความว่าอะไรครับ หยอกล้อภรรยาเล่น?”

“จะคิดแบบนั้นก็ได้นะ”

พุทธชาดผ่อนลมหายใจยาว “ผมอยู่ของผมเฉยๆ คุณเองก็ควรสงบปากสงบคำบ้างนะครับ ไม่หาเรื่องผมสักชั่วโมง คุณกลัวสุนัขในปากตัวเองจะเบื่อหรือยังไงครับ”

“คุณแก้ว!” เสียงของกัลปพฤกษ์แทบจะเป็นการตวาด แต่โชคดีที่มีเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือดังกระหึ่มขึ้นมากลบเสียก่อน ทำให้ไม่มีใครได้รู้ได้เห็นว่าสองสามีภรรยาที่อยู่ตรงนี้กำลังร่ำๆ จะทะเลาะกันแล้ว

“เอาล่ะครับ สำหรับค่ำคืนนี้ก็ใกล้จะได้เวลาแยกย้ายกันแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ตอบรับบัตรเชิญมาร่วมงานคืนสู่เหย้าในครั้งนี้นะครับ ในฐานะตัวแทนของผู้จัดงานก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง หวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับค่ำคืนดีๆ ครั้งนี้...”

เสียงของพิธีกรของงานกล่าวขึ้นหลังจากเสียงปรบมือจบลง พุทธชาดจ้องตากับสามีของตนเองอีกเล็กน้อย ก่อนจะเลิกสนใจอีกฝ่ายแล้วหันไปมองหน้าเวทีตามเดิม ปล่อยให้กัลปพฤกษ์กัดฟันข่มอารมณ์ ชายหนุ่มหมุนตัวเดินออกไปอีกทางโดยไม่บอกกล่าวใดๆ ทั้งสิ้นกับผู้เป็นภรรยา แต่เพราะว่าแสงไฟในห้องประชุมถูกปิดลงแล้วเปลี่ยนเป็นไฟหลากสีวิบวับเหมือนในคลับหรือบาร์แทน จึงไม่มีใครสนใจอัลฟ่าหนุ่มที่กำลังหงุดหงิดมากนัก

พุทธชาดถอนหายใจ เขาเหนื่อยจนอยากจะกลับไปนอนเต็มทนแล้ว แต่ที่เหนื่อยยิ่งกว่าก็คงเป็นใจของเขาที่ต้องมาคอยรับมือกับคำพูดยียวนกวนประสาทจากกัลปพฤกษ์ ผู้ชายคนนั้นหาเรื่องเขาได้ไม่หยุดหย่อน ระยะเวลาที่ห่างเหินไปกันไปไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเลิกปากเสียใส่เขาได้เลย

ไม่ค่อยได้เจอกันก็ยังพอมีเวลาให้ราชนิกูลหนุ่มพักหายใจหายคอได้บ้าง แต่อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเขาก็จะกลับมาแล้ว และเขากับสามีก็คงต้องกลับมานอนห้องเดียวกันอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้ สร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นคู่สมรสที่รักกันดีในทุกวัน

แค่คิดพุทธชาดก็อดที่จะท้อใจไม่ได้เสียแล้ว แต่เขาปล่อยตัวเองให้ท้ออยู่ได้ไม่นานหรอก อัลฟ่าที่มีสายเลือดของชนชั้นสูงอย่างเขา ต่อให้ต้องเจอเรื่องหนักหนาสาหัสมากกว่านี้อีกเท่าไหร่ เขาก็จะผ่านมันไปให้ได้เหมือนที่ผ่านมา ต้องไม่มีคำว่ายอมแพ้หลุดออกมาจากปากของพุทธชาด สิทธาพิวัฒน์เด็ดขาด

“ส่งท้ายกันไปด้วยปาร์ตี้มันๆ ทุกคนเต้นกันให้สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยนะครับผม! เรามาปล่อยผีกันเถอะ!”

เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานดังกระหึ่ม เสียงกรี๊ดเสียงโห่ดังขึ้นอย่างชอบใจ ทุกคนผ่อนคลายลงมากและเต้นด้วยกันเต็มที่ พุทธชาดเห็นโกศลชนแก้วส่งเสียงหัวเราะเฮฮากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ อัลฟ่าหนุ่มตัดสินใจไม่เข้าไปกวนแล้วหมุนตัวเดินออกจากหอประชุมแทน

ในเมื่องานดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ ชายหนุ่มกดโทร. หาคนขับรถเพื่อบอกให้เอารถมาจอดรอรับที่หน้าประตูโรงเรียน ระหว่างนั้นก็กวาดสายตามองหาผู้เป็นสามีไปด้วย ไม่รู้ว่าเดินหายไปไหนจนถึงตอนนี้ยังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะกลับไปก่อนแล้ว แต่คุณกัลป์ไม่ได้เอารถมา...

“คุณดพุทธชาดหรือเปล่าครับ?”

พุทธชาดลังเลใจว่าควรโทร. หาอีกฝ่ายหรือไม่ แต่แล้วเสียงเรียกของใครคนหนึ่งก็รั้งให้เขายั้งมือแล้วหันไปมอง เรียวคิ้วสวยมุ่นเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าคนเรียก ผู้ชายคนนี้ถ้าเขาจำไม่ผิดน่าจะเป็นเพื่อนของสามีเขา

“ครับ คุณเป็นเพื่อนของคุณกัลป์ใช่ไหมครับ”

“ครับ พอดีเลย ผมอยากให้คุณ เอ่อ...” อีกฝ่ายมีท่าทีอึกอักและดูร้อนรน “ผมว่าคุณตามผมมาดีกว่าครับ เรื่องนี้คงต้องให้คุณจัดการ ยังไงซะไอ้กัลป์ก็เป็นสามีของคุณ”

แม้จะไม่เข้าใจแต่พุทธชาดก็ยอมเดินตามเพื่อนของสามีไป ตลอดทางเดินไร้ผู้คน ได้ยินเสียงเพลงจากในหอประชุมเพียงลางๆ เท่านั้น อัลฟ่าหนุ่มไม่ค่อยแน่ใจนักว่าควรเดินตามต่อไปหรือไม่ เขากำลังคิดจะหันหลับเดินกลับ แต่เสียงคำรามเหมือนสัตว์กำลังขู่ขวัญศัตรูที่ดังมาให้ได้ยิน ทำให้ชายหนุ่มเกิดความสนใจจนเผลอเร่งฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว

“แม่งเอ๊ย!”

เสียงสบถดังลั่นเมื่อพุทธชาดมาถึงที่หมาย เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพของกัลปพฤกษ์ อีกฝ่ายหอบหายใจอย่างหนัก ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าดุดันและกำหมัดแน่น หยาดเหงื่อไหลซึมตามกรอบหน้า ส่งเสียงครางต่ำในลำคอสลับเสียงก่นด่าไม่หยุด เขาแผ่กลิ่นกายของอัลฟ่าออกมาอย่างเข้มข้นจนทำให้อัลฟ่าด้วยกันเองอย่างพุทธชาดรู้สึกกดดันไม่น้อย เวลาเดียวที่อัลฟ่าจะเป็นแบบนี้ก็มีแต่...

“คุณกัลป์! นี่คุณ...” ราชนิกูลหนุ่มรีบเข้าไปพยุงผู้เป็นสามีเอาไว้ แม้จะโดนสะบัดออกแต่ก็ยังเกาะไว้แน่นไม่ยอมปล่อย หากเขาเป็นโอเมก้าหรือเบต้าคงปลิวไปแล้ว แต่เพราะชายหนุ่มเองก็เป็นอัลฟ่าเหมือนกันจึงมีแรงกำลังพอสูสี “ทำไมคุณถึงรัทขึ้นมาได้”

คนที่ให้คำตอบนี้กับเขาก็คือเพื่อนของสามีหนุ่ม “มันเจอเข้ากับโอเมก้าที่กำลังฮีทน่ะครับ เกือบจะขาดสติแล้วด้วยซ้ำ แต่ผมกับเพื่อนของโอเมก้าคนนั้นมาช่วยกันจับแยกออกได้ก่อน”

“แล้วโอเมก้าคนนั้นไปไหนแล้วครับ”

“ผมให้เพื่อนเขารีบพาไปห้องพยาบาลน่ะครับ ที่นั่นเป็นที่เดียวที่มียาระงับฟีโรโมนของโอเมก้า แต่ว่ากับไอ้กัลป์ผมจะพามันตามไปด้วยก็ไม่ได้ เพราะว่าเวลาแบบนี้อัลฟ่าที่กำลังรัทกับโอเมก้าที่กำลังฮีทไม่ควรอยู่ใกล้กัน เมื่อกี้ผมตั้งใจจะไปขอให้เจ้าหน้าที่ห้องพยาบาลเอายาระงับการรัทของอัลฟ่ามาฉีดให้มัน แต่ผมเจอคุณเข้าซะก่อนก็เลยคิดว่าให้คุณมาพามันกลับไปคงดีกว่า”

พุทธชาดพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้ว ขอบคุณคุณมากนะครับ งั้นผมขอพาเขากลับก่อน”

บอกลากันลวกๆ จากนั้นอัลฟ่าราชนิกูลก็หอบหิ้วสามีที่กำลังรัทให้ออกไป โชคดีที่ระยะทางจากตรงนี้ไปถึงหน้าโรงเรียนไม่ไกลมากนัก พอออกมาถึงก็เจอรถของตนจอดรออยู่ก่อนแล้ว พุทธชาดสั่งให้คนขับรถเปิดประตูจากนั้นก็จับสามีอัลฟ่าของตนเข้าไปนั่ง

“รีบกลับบ้าน”

“ครับคุณแก้ว”

“อึก!” ท่าทางไม่ค่อยสู้ดีนักของกัลปพฤกษ์ทำให้พุทธชาดค่อนข้างกังวล อัลฟ่าที่รัทเพราะโดนฟีโรโมนของโอเมก้ากระตุ้น หากไม่ได้รับยาระงับก็จะทรมานอย่างมากและต้องได้รับการปลดปล่อยถึงจะหาย

พุทธชาดไม่มีความคิดที่จะพาอีกฝ่ายไปโรงพยาบาลเพราะแน่นอนว่ามันจะต้องกลายเป็นข่าวในหน้าสังคมแน่ แต่จะให้ไปหาโอเมก้าในสังกัดของกัลปพฤกษ์ก็ไม่ได้ เพราะมีสิทธิ์สูงมากที่สามีของเขาจะขาดสติจนทำให้โอเมก้าพวกนั้นท้องขึ้นมา ดังนั้นการกลับบ้านแล้วโทร. ให้อาหมอมาฉีดยาระงับให้ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

เขาคิดอย่างนั้น...โดยที่ไม่รู้เลยว่าอะไรบางอย่างก็มักไม่เป็นไปตามที่คิดเสมอไป



_______________

ที่มาช้า เพราะว่าตอนนี้มันจะคาบเกี่ยวไปกับตอนหน้า เราก็เลยตั้งใจเขียนตอนหน้าให้จบก่อนแล้วค่อยอัปติดกันด้วยไม่อยากให้ทุกคนค้างนานน่ะค่ะ พรุ่งนี้ทุกคนจะได้อ่านเต็มตอนนะคะ แล้วเจอกันค่าา

อ้อ ใช่ค่ะ ตอนหน้านั้น... 555555555555555



หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 6 [21-03-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: lolli_candy99 ที่ 22-03-2021 09:59:27
ตัดจบได้ลุ้นมากค่ะะะ สนุกมากเลย เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะะ ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 7 [22-03-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 22-03-2021 23:13:32

บทที่ 7

สถานการณ์บังคับ ปรับเปลี่ยนความคิด




“ตามอาหมอมา ด่วน!”

พุทธชาดออกคำสั่งเป็นอย่างแรกเมื่อมาถึงบ้าน เขาพยุงกัลปพฤกษ์ข้างหนึ่ง อีกข้างมีคนขับรถช่วย แต่สุดท้ายเจ้าตัวที่เป็นเบต้าธรรมดาก็ถูกผลักออกไป นอกจากอัลฟ่าด้วยกันก็ไม่มีใครจะจับอัลฟ่าที่กำลังรัทได้อยู่หมัดหรอก งานหนักจึงตกมาอยู่ที่พุทธชาดเข้าเต็มๆ

สามีของเขาแทบจะไร้สติโดยสิ้นเชิง มือหนาบีบหนักๆ เข้ากับหัวไหล่ของราชนิกูลหนุ่มจนคนถูกบีบนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เขาลากร่างสูงให้ก้าวขึ้นชั้นบนด้วยตัวคนเดียว ไม่ลืมออกคำสั่งกับแม่บ้านที่เพิ่งโทรศัพท์เสร็จและวิ่งตามมาช่วยเปิดประตูห้องนอนให้

“อย่าให้โอเมก้าแม้แต่คนเดียวเข้ามาในบ้านเด็ดขาด”

“ค่ะคุณแก้ว”

“อาหมอจะมาหรือยัง”

“คุณขจรออกไปธุระที่ต่างจังหวัด ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาถึงกี่โมงค่ะ แต่ดิฉันแจ้งกับท่านแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านบอกว่าจะรีบมาค่ะ”

สีหน้าของพุทธชาดเคร่งเครียดขึ้นมาทันที หากเป็นจังหวัดใกล้ๆ ก็คงสักชั่วโมงน่าจะมาถึง แต่ถ้าไกลกว่านั้นคงอีกหลายชั่วโมง แล้วเขาควรทำยังไงกับกัลปพฤกษ์ที่กำลังรัทดีล่ะ หากไม่ได้ปลดปล่อยหรือได้รับยาระงับอีกฝ่ายก็จะทรมานอยู่อย่างนี้ไปทั้งคืน ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน

ถึงจะเกลียดกัลปพฤกษ์มากแค่ไหน แต่พุทธชาดก็ไม่ใช่คนใจร้ายถึงขนาดจะปล่อยให้สามีต้องทนเจ็บปวดเพราะอาการรัท แม้ตัวเขาจะไม่เคยรัทมาก่อนแต่ก็พอจะรู้มาบ้างว่าความรู้สึกมันเป็นอย่างไร แย่หน่อยที่เขาประมาทเกินไปที่ไม่เก็บยาระงับรัทเอาไว้บ้าง ตอนนี้ก็เลยได้แต่รอให้อาหมอมาถึงไวๆ หรือไม่อีกทางหนึ่งก็มีแต่ต้องใช้ตัวเองช่วยผู้เป็นสามีเท่านั้น

ซึ่งนั่นเป็นหนทางสุดท้ายที่พุทธชาดจะใช้ ตอนนี้เขาจะรออาหมอก่อน ไม่แน่บ้านใหญ่อาจจมียาอยู่บ้าง...คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็หันไปสั่งแม่บ้านเก่าแก่อย่างเร่งรีบ

“ไปหายาระงับอาการรัทมา ถ้าบ้านนี้ไม่มีก็ลองไปดูที่บ้านใหญ่ เร็วเข้า!”

“ค่ะๆ คุณแก้ว ดิฉันจะรีบมาค่ะ”

คล้อยหลังแม่บ้านวัยกลางคนไป ราชนิกูลหนุ่มก็หันกลับมามองสภาพอันแสนย่ำแย่ของผู้เป็นสามี กัลปพฤกษ์คำรามเสียงต่ำในลำคอ อัลฟ่าหนุ่มนอนดิ้นกระสับกระส่าย จิกทึ้งผ้าปูที่นอน หมอนและผ้าห่มจนยับยู่ สุดท้ายร่างสูงก็กระชากเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ออกจนกระดุมขาดทั้งแผง พอสลัดเสื้อทิ้งไปได้ก็ตามด้วยถอดกางเกงทั้งที่มือสั่นเทา

พุทธชาดมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่อัลฟ่าหนุ่มก็ตั้งสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เขาขยับเข้าไปช่วยถอดเสื้อผ้าออกให้ ความเปลือยเปล่าที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนทำให้รู้สึกประดักประเดิดไม่น้อยเวลามอง แต่ชายหนุ่มเลือกตัดเรื่องนั้นออกไปจากใจ เวลานี้เขาควรช่วยให้กัลปพฤกษ์ได้ผ่อนคลายลงมากกว่าจะมาสนใจเรื่องหยุมหยิมพวกนี้

“บัดซบ!”

กัลปพฤกษ์สบถออกมาอีกหลายคำ กำส่วนกลางลำตัวของตนเองเอาไว้ในอุ้งมือ รูดรั้งไม่กี่ทีก็ปลดปล่อยความต้องการที่อดกลั้นเอาไว้มาพักใหญ่ออกไป แต่เท่านี้มันยังไม่พอ ชายหนุ่มหอบหายใจอย่างหนัก ดวงตาแดงก่ำเหลือบมองใบหน้าตกตะลึงของผู้เป็นภรรยา แม้สติจะไม่มั่นคงนักแต่ก็ยังรับรู้เหตุการณ์รอบตัวได้ดี และนั่นทำให้เขาอดรู้สึกสมเพชตัวเองไม่ได้ที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ต่อหน้าคุณแก้ว

“กำลังสมเพช...ฮ้า!” เขาหอบอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดต่อ “...ผมอยู่ใช่ไหมล่ะ!? เห็นผมเป็นแบบนี้คุณคงดีใจสินะ!”

“คุณกัลป์ คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง เห็นคุณทรมานแบบนี้ผมจะไปดีใจได้ยังไง” พุทธชาดอดต่อว่าไม่ได้ “ลดอคติของคุณลงแล้วพูดกันดีๆ บ้างเถอะ ตอนนี้คุณไม่พร้อมจะต่อปากต่อคำกับผมหรอก”

“เหอะ!” กัลปพฤกษ์แค่นเสียงขึ้นจมูก ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น สลับกับสบถด่าโดยที่มือยังคงกำรูดความเป็นชายของตัวเองไม่หยุด “ทำไม? อึก! คุณอยากช่วยผมมากหรือไง?”

“แน่นอนอยู่แล้ว การที่คุณรัทมันเป็นเหตุสุดวิสัย ถึงผมจะเกลียดคุณแต่ก็ไม่ได้อยากให้คุณตกอยู่ในสภาพนี้หรอกนะ” อัลฟ่าราชนิกูลถอนหายใจ พยายามจับสายตาเอาไว้ที่ใบหน้าของผู้เป็นสามีเท่านั้น “ผมตามอาหมอแล้ว แต่คุณอาจต้องรอนานหน่อยเพราะเขาไม่อยู่”

“ผมรู้! แต่มัน...ฉิบ! มันจะง่ายกว่านี้ถ้าคุณจะกรุณา อึก! หาโอเมก้ามาให้ผมสักคน!”

“ไม่ได้!” พุทธชาดปฏิเสธโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “มีโอกาสสูงมากที่คุณจะทำโอเมก้าท้อง”

“ไม่ดีหรือไง จะได้...” กัลปพฤกษ์กัดฟันข่มกลั้นความรู้สึกวูบวาบในกายอยู่พักหนึ่งแล้วจึงพูดต่อ “เอาเด็กคนนั้นมาเป็นลูกของเรา หึ!”

“ผมไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่” น้ำเสียงของพุทธชาดเด็ดขาดมั่นคง กลิ่นอายความเป็นอัลฟ่าแผ่ออกจากตัวกดดันให้อัลฟ่าอีกคนรับรู้ได้ หากแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้พูดคุยอะไรกันต่อ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเสียก่อนพร้อมเสียงเรียกของแม่บ้านที่ดังตามหลัง

“คุณแก้วคะ”

“ไม่ต้องเข้ามา!” อัลฟ่าหนุ่มตะโกนบอก เขาเดินไปเปิดประตูแล้วยืนคุยหน้าห้อง “ได้ยาไหม”

สีหน้าของแม่บ้านสลดลง “ไม่มีเลยค่ะคุณแก้ว คุณท่านทั้งสองไม่เคยมีอาการรัทจึงไม่ได้ซื้อเก็บไว้ อีกทั้งมีคุณขจรอยู่ไม่ไกลเลยคิดว่าไม่จำเป็น”

พุทธชาดอยากต่อว่าที่ทุกคนมองเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่จำเป็น ทั้งที่ควรรู้ว่าแม้ไม่เคยมีใครเกิดอาการก็ใช่ว่าจะไม่มีทางเกิดขึ้น แต่เขาก็พูดอย่างนั้นได้ไม่เต็มปาก เนื่องด้วยตั้งแต่แรกชายหนุ่มเองก็ไม่เคยรับรู้ว่าในบ้านมีหรือไม่มีอะไรบ้าง หากจะต่อว่าใครก็คงต้องเป็นตัวเขาเองคนแรกที่ไม่ตรวจสอบข้าวของเครื่องใช้ในบ้านให้ดี

ราชนิกูลหนุ่มเม้มปากตัวเองด้วยความเคร่งเครียด ปกติที่มักจะเก็บอารมณ์ไว้ได้ดีตอนนี้กลับเผยทุกความกังวลออกมาอย่างที่นานๆ ครั้งจะเป็น พุทธชาดครุ่นคิดอย่างหนักโดยมีแม่บ้านวัยกลางคนยืนรอรับคำสั่งเงียบๆ กระทั่งเสียงครวญครางสลับสบถด่าของกัลปพฤกษ์ดังขึ้นอีกครั้ง อัลฟ่าหนุ่มจึงได้สติและตัดสินใจได้ในที่สุด

“โทร. บอกอาหมอไม่ต้องรีบกลับมาแล้ว”

“คะ?”

“แล้วก็...” พุทธชาดถอนหายใจยาว ในใจรู้สึกหวั่นเกรงแต่ก็รีบสลัดมันทิ้งไป มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยผู้เป็นสามีได้ ที่สำคัญเขาเป็นภรรยาของอีกฝ่ายอยู่แล้ว ถือซะว่านี่คืออีกหนึ่งหน้าที่ของคนเป็นภรรยาก็แล้วกัน มันไม่ได้เสียหายอะไรหากเขาเต็มใจจะทำมันด้วยตัวเอง “อย่าให้ใครขึ้นมารบกวนเด็ดขาด ถ้าฉันไม่ได้เรียกก็ห้ามใครขึ้นมา ต่อให้จะเลยเวลามื้ออาหารไปแล้วก็ตาม”

คนฟังหน้าแดงก่ำ เข้าใจได้ในทันทีว่าเจ้านายผู้สูงศักดิ์ต้องการจะทำอะไร เธอรีบรับคำแล้วก้าวไวๆ จากไปทันที...คล้อยหลังแม่บ้านอาวุโส พุทธชาดกลับเข้าห้อง เขากดล็อกลูกบิดประตู หมุนตัวเดินกลับไปหาสามีที่ยังคงพยายามอดทนอดกลั้น ปรนเปรอตัวเองไปถึงฝั่งฝันเพื่อบรรเทาความต้องการในตัวแม้รู้ว่ามันไม่มีทางหายง่ายๆ เพียงแค่ชั่วตัวเองสองสามครั้งเท่านั้น

อัลฟ่าสายเลือดสูงศักดิ์ถอนหายใจอีกครั้ง เขาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนร่างกายเปลือยเปล่า กัลปพฤกษ์มองการกระทำของผู้เป็นภรรยาตาค้าง ไม่ต้องพูดออกมาก็เดาได้ว่าคุณแก้วคิดจะทำอะไร

“คุณแก้ว!”

“ครับ”

กัลปพฤกษ์ตกใจจนหยุดมือที่กำลังปลุกปั่นความร้อนผ่าวกลางกายตัวเองไปชั่วขณะ อัลฟ่าผิวแทนไม่ทันตั้งตัวในตอนที่ภรรยาปากร้ายของตนคว้าเอาเนกไทที่ปลดทิ้งไปกลับขึ้นมา ใช้มันมัดข้อมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้แน่นจนแทบขยับไม่ได้

“นี่คุณคิดจะทำอะไร?!”

พุทธชาดตอบหน้าตาย “ช่วยคุณไงครับ”

“ช่วยผม? ยังไง ด้วยการนอนกับผมงั้นสิ?!” น้ำเสียงทุ้มต่ำแทบจะกลายเป็นตวาด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหัวเราะหยามเหยียดขึ้นมาอีกครั้ง “คนที่ทระนงว่าตัวเองสูงส่งอย่างคุณแก้วน่ะเหรอจะยอมทำหน้าที่ภรรยาให้ผม นึกว่าเราแค่แต่งงานกันในนามซะอีก”

“ผมไม่ได้อยากทำ แต่ในฐานะภรรยาอย่างที่คุณพูด และในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่ยังมีความเมตตาต่อ ‘สัตว์’ เหลืออยู่” พุทธชาดเน้นคำบางคำเป็นพิเศษ มองเห็นความไม่พอใจฉายชัดในแววตาของคนฟังแต่เขาไม่ได้สนใจ ยังคงพูดต่อไปและพยายามยื้อยุดกับมือของกัลปพฤกษ์ ไม่ให้อีกฝ่ายหลุดออกจากการควบคุมของเขา “ผมจะช่วยให้คุณบรรเทาความทรมานลง แต่คุณต้องไม่แตะตัวผมโดยที่ผมไม่อนุญาต”

“มีน้ำใจเหลือเกินนะ แต่ผมไม่ต้องการ! ออกไป!” กัลปพฤกษ์ตวาดลั่น สะบัดมือของพุทธชาดออกเต็มแรง

คนเป็นภรรยาเริ่มหมดความอดทน เขาต้องใช้ความกล้าในตัดสินใจเรื่องสำคัญขนาดนี้เพื่อช่วยอีกฝ่าย แต่สามีจอมสำส่อนของเขากลับถือทิฐิชวนให้น่าโมโหเป็นไหนๆ สุดท้ายพุทธชาดก็เลือกที่จะตบหน้าเรียกสติอีกฝ่ายจนใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์นั่นหันไปตามแรง

เกิดความเงียบขึ้นหลังจากนั้น

“ผมรู้ว่าคุณไม่ต้องการร่างกายของผม ผมเป็นอัลฟ่าที่ไม่ได้มีกลิ่นฟีโรโมนหอมๆ เหมือนพวกโอเมก้าอย่างที่คุณชอบ แต่นี่มันสถานการณ์ฉุกเฉิน คุณช่วยฝืนทำมันด้วยกันหน่อย มันคงไม่ยากเกินความสามารถของคุณหรอกมั้ง” ราชนิกูลหนุ่มสบดวงตาสีดำคู่สวยที่มองมาอย่างจริงจัง “มันทรมานมากไม่ใช่เหรอ แล้วถ้าคุณไม่ทำคุณจะทนไหวไปได้อีกนานแค่ไหน แน่นอนว่าการเอาโอเมก้ามานอนด้วยน่ะคุณเลิกคิดไปได้เลย ผมไม่ยอมให้คุณทำใครท้องแล้วกลายเป็นข่าวฉาวเด็ดขาด”

“หึ คุณก็ห่วงแต่ชื่อเสียงเหมือนเดิม”

“เพราะมันคือส่วนหนึ่งของชีวิตผม ฉะนั้นถ้าคุณจะกรุณาก็ให้ความร่วมมือกับผมหน่อย”

“ทำอะไรล่ะ?” กัลปพฤกษ์แกล้งถามทั้งที่เข้าใจความหมายที่ภรรยาปากร้ายพูดทุกอย่าง ท่าทางยียวนกวนประสาททั้งที่เหงื่อไหลซึมไปทั่วร่าง ขอบตาแดงระเรื่อ อาการรัทไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

“ทำเรื่องที่สามีภรรยาเขาทำกัน” พุทธชาดตอบ หากเป็นเวลาอื่นคงต่อว่าอีกฝ่ายด้วยคำพูดเจ็บๆ ไปแล้ว แต่วันนี้เขาเหนื่อยหน่ายใจเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้ลง

เวลาผ่านไปไม่กี่นาทีแต่เหมือนนานหลายชั่วโมง พุทธชาดไม่ได้คาดหวังว่าสามีหนุ่มจะยอมรับง่ายๆ เขารู้ตัวดีว่าไม่ได้ดึงดูดใจหรือเย้ายวนคุณกัลป์มากพอ แต่ก็อย่างที่บอกว่านี่มันเหตุการณ์ฉุกเฉิน อะไรที่พอทำได้ก็ต้องทำ ถ้าหากคุณกัลป์ไม่รับข้อเสนอ ก็มีแต่ต้องรอให้อาหมอมาถึงเท่านั้น ซึ่ง...เขาให้แม่บ้านโทร. ไปบอกแล้วเสียด้วยสิว่าไม่ต้องรีบแล้ว แต่ถ้าสามีงี่เง่าของเขาอยากจะรอก็ตามใจแล้วกัน พุทธชาดถือว่าเขาพยายามโปรดสัตว์แล้ว แต่สัตว์ไม่ต้องการก็ช่วยไม่ได้

ท้ายที่สุดคำตอบที่รออยู่ก็มาถึง

“ก็ได้ แต่ผมบอกไว้ก่อนเลยนะว่ามันจะเป็นแค่เซ็กซ์เพื่อปลดปล่อยให้ผ่านไปเท่านั้น ผมไม่ได้รักใคร่หรืออยากมีอะไรกับคุณแม้แต่นิดเดียว...คุณแก้ว”



เมื่อตกลงกันได้แล้ว พุทธชาดก็หยิบเอาอุปกรณ์ที่ต้องใช้เวลามีเพศสัมพันธ์ออกมา เขาไม่เคยทำกับใครมาก่อน เรียกว่าทั้งชีวิตอัลฟ่าสายเลือดหม่อมราชวงศ์อย่างเขาไม่เห็นว่าเรื่องพวกนี้จำเป็นมากไปกว่างาน หากอยากผ่อนคลายก็แค่ช่วยตัวเองเท่านั้นโดยไม่คิดจะนอนกับใคร ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาทำไม่เป็นอย่างแน่นอน แต่ที่มีของพวกนี้ครบและรู้ขั้นตอนการทำอยู่บ้างเพราะเคยศึกษามาเหมือนอ่านหนังสือให้ความรู้ทั่วๆ ไป ท่าทางของชายหนุ่มจึงไม่ได้ดูงกๆ เงิ่นๆ แต่อย่างใด

“จะไม่ปล่อยมือผมจริงๆ เหรอครับคุณแก้ว ให้ผมช่วยน่าจะดีกว่านะ หึ” กัลปพฤกษ์ข่มความต้องการที่ยังคุกรุ่นเอาไว้ สีหน้าบิดเบี้ยวในบางครั้งเพราะอยากปลดปล่อยเต็มที

“อยู่เฉยๆ ไปเถอะ ผมบอกแล้วไงว่าห้ามคุณแตะต้องตัวผมเด็ดขาดหากผมไม่อนุญาต”

“น่าเบื่ออีกแล้ว คุณนี่มันไม่มีแรงดึงดูดทางเพศเลยจริงๆ เป็นถึงอัลฟ่าแท้ๆ นี่ถ้าเป็นเวลาอื่นผมคงไม่มีทางทำอะไรคุณได้ลงแน่ๆ ไอ้หนูของผมคงไม่แข็งขึ้นมาหากเจอกับความจืดชืดของคุณ”

พุทธชาดนิ่วหน้า อยากจะต่อว่าที่อีกฝ่ายพูดจาหยาบคายใส่เขา แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะเงียบไปแล้วทำการปลุกเร้ารวมไปถึงขยับขยายให้ตัวเองแทน

ช่องทางด้านหลังของอัลฟ่าไม่เหมือนโอเมก้ายามฮีท มันไม่มีน้ำหล่อลื่นช่วย ดังนั้นเขาจึงต้องทำมันด้วยตัวเอง จะปล่อยผู้เป็นสามีมาทำให้ก็ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก พอคิดว่านิ้วของผู้ชายตรงหน้ากำลังสอดเข้ามาในร่างกาย ชายหนุ่มก็รู้สึกรับไม่ได้แล้ว อัลฟ่าราชนิกูลเม้มปากแน่นในระหว่างที่กลั้นใจสอดปลายนิ้วชุ่มเจลหล่อลื่นเข้าไปในร่างกายตัวเอง

“อึก...”

ใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดลงเล็กน้อยเพราะความเจ็บเสียด พุทธชาดกัดฟันแน่นโดยไม่รู้ตัว พยายามขยับขยายให้ตัวเองพรั่งพร้อมพอที่จะรองรับความต้องการของสามีหน้าไม่อาย ที่เวลานี้กำลังจ้องมองทุกการกระทำของภรรยาอย่างเขาตาไม่กะพริบ

หากเป็นไปได้พุทธชาดก็ไม่อยากตกอยู่ในท่าทางน่าอายเช่นนี้ เขานั่งเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย แยกขาทั้งสองข้างออกกว้าง เปิดเผยร่างกายขาวจัดให้กัลปพฤกษ์ได้เห็นจนหมด แผ่นอกกว้าง หน้าท้องที่มีกล้ามเนื้ออ่อนๆ เรียงตัวสวย ไม่ได้หนาแน่นกำยำเหมือนกับผู้เป็นสามี แต่ก็น่ามองไปอีกแบบ

ความเป็นชายของพุทธชาดเริ่มมีปฏิกิริยาไปตามแรงอารมณ์ซึ่งถูกปลุกเร้า ใบหน้าหล่อเหลาที่มักเรียบเฉยหรือแสดงสีหน้าดูแคลนออกมาเวลาอยู่กับสามีไม่ได้เรื่อง ยามนี้กลับแฝงความเจ็บปวดเอาไว้จางๆ กัลปพฤกษ์ที่มองอยู่นานเดาได้ไม่อยากว่าอีกฝ่ายไม่ใคร่จะพอใจนักกับการที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ แน่ล่ะก็คุณแก้วผู้สูงส่งทำอย่างขอไปที เหมือนกับว่าแค่อยากให้มันจบๆ ไปเท่านั้น พออารมณ์ร่วมมันไม่เกิดมากพอก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดา

กัลปพฤกษ์อยากจะหัวเราะเย้ยหยันให้กับคนตรงหน้า คนที่ทำตัวเหมือนอยู่บนยอดพีรามิดเสมอ เวลานี้กลับกำลังเตรียมตัวเองให้พร้อมเพื่อเขา น่าตลกขบขันซะจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็รู้สึกนับถืออยู่นิดๆ ที่อีกฝ่ายยอมลงให้เขาถึงเพียงนี้ ทั้งที่ตลอดมาไม่เคยยอมพ่ายแพ้เลยด้วยซ้ำ มีแต่กัลปพฤกษ์เท่านั้นที่มักแพ้อยู่เสมอ

มันน่าอายนะที่อัลฟ่าอย่างกัลปพฤกษ์ ชัยพัฒน์พิมานผู้เก่งกาจ ดันมีคนที่ไม่อาจสู้ฝีปากได้เป็นภรรยา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าการได้เย้าแหย่คนปากร้ายอย่างคุณแก้วมันทำให้เขาสนุกไม่น้อย

ผ่านไปไม่นานพุทธชาดก็ขยับเข้ามาใกล้ผู้เป็นสามี เขามองส่วนกลางลำตัวของกัลปพฤกษ์ที่กำลังผงาดสู้สายตา ความองอาจนั้นทำให้อัลฟ่าราชนิกูลลังเลใจเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็เลือกที่จะสัมผัสมัน เพราะถ้าหากเขาอยากเป็นฝ่ายควบคุม เขาก็ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

ทันทีที่มือนุ่มอย่างคนไม่ได้ทำงานหนักแตะลงมา ร่างกายของอัลฟ่าผิวแทนก็กระตุกขึ้นมาเบาๆ ความรู้สึกหวามไหวแล่นพล่านไปทั่วร่าง ความต้องการเอ่อล้น อึดอัดจนอยากจะระบายมันออกมาเต็มทนแล้ว กัลปพฤกษ์ทนกับอาการรัทได้จนถึงขนาดนี้ก็ถือว่าเขาใช้ความอดทนหมดไปครึ่งชีวิตแล้วมั้ง

“เลิกจับเฉยๆ แล้วทำอะไรกับมันสักทีคุณแก้ว! ผมทนมามากเกินพอแล้วนะ! คุณจะช่วยผมหรือแกล้งให้ผมอยากจนตายกันแน่วะ!”

“เลิกหยาบคายแล้วพูดกับผมดีๆ ให้ได้เสียก่อน เพราะถึงผมเป็นคนเสนอตัวจะช่วยคุณเอง แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะหากทำให้คุณดิ้นพล่านได้” พุทธชาดสวนกลับอย่างรวดเร็ว เล่นเอาคนฟังกัดฟันกรอด ส่งสายตาคมดุอย่างอยากจะกินเลือดกินเนื้อมาให้

กัลปพฤกษ์กัดฟันกรอด เอ่ยเสียงรอดไรฟันออกมาว่า “ให้ผมยัดไอ้หนูเข้าไปในตัวคุณได้หรือยัง”

คำพูดคำจาหยาบโลนจนพุทธชาดหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ชายหนุ่มพยายามเก็บสีหน้า เคลื่อนกายขึ้นนั่งคร่อมตักแกร่งเอาไว้ เขาสูดหายใจเข้าลึก พยายามผ่อนอาการเกร็งตามข้อมูลที่ได้เคยศึกษามา มือขาวจับความเป็นชายของผู้เป็นสามีให้อยู่นิ่ง แล้วกอดสอดมันผ่านช่องทางคับแคบของตัวเอง

“อึก เจ็บ...” น้ำเสียงทุ้มนุ่มหลุดปากออกมาเบาๆ แต่เพราะอยู่ใกล้กันมากกัลปพฤกษ์จึงได้ยินชัดเจน

อัลฟ่าผิวแทนคำรามเบาๆ ในลำคอ ความอุ่นร้อนรัดแน่นที่กลางกายของเขาจนทำให้เจ็บไปหมด เข้าใจดีว่าผู้เป็นภรรยาไม่เคยทำแบบนี้กับใครจึงออกอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัด แม้จะไม่ได้พิศวาสแต่ถ้าอีกคนยังเจ็บอยู่ เซ็กซ์ครั้งนี้คงผ่านไปได้ยาก

กัลปพฤกษ์มีนโยบายส่วนตัวคือจะไม่ทำให้คู่นอนเจ็บโดยไม่จำเป็น กับโอเมก้าก็แค่ช่วยนิดๆ หน่อยเพราะร่างกายพร้อมรับการมีเพศสัมพันธ์มากกว่าเพศอื่นอยู่แล้ว แต่กับอัลฟ่าด้วยกันแม้ไม่เคยนอนด้วยแต่คิดว่าน่าจะต้องทำให้ผ่อนคลายกว่านี้

“คุณแก้วอย่าเกร็ง ที่คุณรัดผมมันทำให้ผมเจ็บไปด้วย”

“ไม่ต้องอธิบายขนาดนั้น อะ...ผมไม่ได้อยากฟัง” พุทธชาดรีบแย้ง แค่บอกให้เขาไม่เกร็งก็เกินพอแล้ว บีบๆ รัดๆ นั่นจะพูดออกมาทำไมกัน น่าไม่อายเลยสักนิด!

“นี่ คุณควรรู้ไว้นะว่านี่มันคำพูดปกติของคนที่กำลังมีอะไรกัน และนี่ผมก็กำลังช่วยให้คุณไม่ต้องเจ็บด้วย” พูดจบกัลปพฤกษ์ก็สบถออกมายกใหญ่เมื่อแรงบีบรัดมีแต่จะกระตุ้นให้เขาอยากกระแทกเข้าใส่อีกฝ่ายแรงๆ แต่จำต้องฝืนเอาไว้

“ผมไม่สนใจ เพราะงั้นช่วยเงียบสักทีเถอะ”

กัลปพฤกษ์หงุดหงิดซะจนอยากเอาคืน ความคิดที่จะรอให้ภรรยาปากร้ายผ่อนคลายลงมากกว่านี้ปลิวหายไปจากสมอง อัลฟ่าหนุ่มยกสะโพกกระแทกสวนขึ้นไปโดยที่พุทธชาดไม่ทันตั้งตัว ทำให้แก่นกายของเขาจากที่ฝังเข้าไปในตัวภรรยาได้เพียงครึ่งเดียว...ถูกดันเข้าไปจนหมด

“คุณกัลป์!” ใบหน้าของพุทธชาดเหยเกเพราะความเจ็บกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง เขาเจ็บ...เจ็บมาก แต่ในความเจ็บก็มีความวูบวาบเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน มันเป็นความรู้สึกที่ราชนิกูลหนุ่มไม่เคยสัมผัสมาก่อน

“เป็นอัลฟ่าแท้ๆ แต่กลับไม่เคยเอาใครมาก่อน คุณเป็นอัลฟ่าที่เสียของมากเลยรู้ไหม”

“ผมบอกให้เงียบไง!”

เสียงกึ่งตวาดนั้นสั่นพร่าจนคนฟังรู้สึกได้ กัลปพฤกษ์อยากจะแกล้งภรรยาปากร้ายอีกสักนิด แต่ตัวเขาเองก็เกินจุดที่จะทนต่อได้ไหวแล้วเหมือนกัน ท้ายที่สุดอัลฟ่าหนุ่มผิวแทนจึงสั่งให้พุทธชาดเป็นฝ่ายนอนลงไป เพื่อที่เขาจะได้เป็นคนควบคุมจังหวะสอดประสานเอง

“นอนลงไปซะ ผมจะขยับเอง”

“ไม่”

“คุณแก้ว คุณทำไม่เป็น ครั้งแรกก็คิดจะออนท็อปให้ผม คุณมั่นใจแค่ไหนว่าจะไม่ทำของผมหัก”

พุทธชาดหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง คำพูดน่าอายเหล่านี้หลุดออกมาจากปากของกัลปพฤกษ์ได้อย่างไม่ยากเย็น ผิดกับเขาลิบลับที่คงไม่มีวันพูดมันออกมาได้แน่...ชายหนุ่มเข้าใจที่สามีบอก จึงยอมเอนกายลงนอนราบไปกับเตียงโดยที่มีร่างสูงกำยำของอัลฟ่าอีกคนโน้มตัวลงตาม การปรับเปลี่ยนท่าทางนี้เป็นไปโดยที่ความร้อนผ่าวไม่ได้หลุดออกจากช่องทางคับแน่นเลยแม้แต่นิดเดียว

“จะดีมากถ้าคุณยอมให้ผมปลดไอ้เนกไทบ้าๆ นี่ออกไปด้วย มันทำให้ผมขยับไม่ถนัด”

“ไม่ ผมไม่ไว้ใจคุณ มือหนักอย่างคุณคงได้เผลอทำให้ร่างกายผมเป็นรอยช้ำ”

ได้ฟังอย่างนั้นร่างสูงก็กลอกตาใส่ทันที “ให้ตายเถอะคุณแก้ว หวงเนื้อหวงอะไรนักหนา น่ารำคาญชะมัด”

“คุณหยุดบ่นแล้วขยับสักทีเถอะ ผม...ผมอึดอัด”

แม้จะขัดใจแต่กัลปพฤกษ์จำต้องสอบสะโพกเข้าหาคนใต้ร่างทั้งที่มือยังถูกมัดอยู่อย่างนั้น เสียงผิวเนื้อกระทบกันเบาๆ ในตอนแรกค่อยๆ ทวีความดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออัลฟ่าผิวแทนจับจังหวะได้อย่างรื่นไหลแล้ว เขากระแทกกระทั้นโดยไม่ยั้งแรง ไม่สนว่าพุทธชาดจะรู้สึกยังไง เวลานี้เขาต้องการปลดปล่อยความต้องการออกมาให้ได้มากที่สุด อาการรัทครั้งแรกของชีวิตเล่นงานเขาเสียจนแทบคลั่งตาย

“อึก เบาลงหน่อย มันเจ็บ”

คำร้องขอจากภรรยาปากเก่งทำให้คนเป็นสามียอมเบาแรงให้แม้จะไม่ชอบใจก็ตาม กัลปพฤกษ์เผลอมองใบหน้าหล่อเหลาของอัลฟ่าผู้สูงส่งอย่างเผลอไผล เขาไม่เคยเห็นคุณแก้วที่กำลังทำสีหน้าแบบนี้มาก่อน มันไม่ได้ยั่วยวนเหมือนโอเมก้าที่เขาเคยนอนด้วย ไม่ได้ชวนมองและเร้าอารมณ์เท่า แต่ดวงตาที่ฉ่ำเพราะหยาดน้ำตานั่น ริมฝีปากที่กัดเม้มเพื่อกลั้นเสียงนั่น อีกทั้งร่างกายที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งอย่างอัลฟ่า กลับให้ความรู้สึกน่าตื่นเต้นต่อชายหนุ่มเสียอย่างนั้น

กัลปพฤกษ์โน้มหน้าลงหวังกดจูบที่ปากของผู้เป็นภรรยา มันน่าสนใจอย่างน่าประหลาดซะจนเขาอยากลองลิ้มรสปากของคุณแก้วขึ้นมาซะเฉยๆ แต่พุทธชาดกลับเบี่ยงหน้าหนี แม้ไม่พูดออกมาก็ทำให้คนมองเข้าใจได้ว่านี่คือการปฏิเสธ เห็นดังนั้นคนที่กำลังอยู่ในอาการรัทจึงยอมตัดใจ เปลี่ยนเป็นซุกหน้าเข้ากับซอกคอขาวแทน

ทั้งที่คิดว่าคงไม่ได้กลิ่นอะไร ก็ในเมื่ออัลฟ่าไม่ได้มีฟีโรโมนหอมๆ เหมือนพวกโอเมก้า แต่น่าแปลกอีกแล้วที่กัลปพฤกษ์กลับได้กลิ่นหอมจากตัวอีกฝ่าย มันคงเป็นกลิ่นน้ำหอมผสมกับกลิ่นของครีมอาบน้ำที่ยังหลงเหลืออยู่ก่อนออกไปงานคืนสู่เหย้า

เป็นกลิ่นหอมที่ชายหนุ่มไม่เคยได้กลิ่นที่ไหนมาก่อน เป็นความหอมเฉพาะตัวอย่างไม่ต้องสงสัย

“คุณแก้ว ที่จริงคุณก็ตัวหอมได้เหมือนโอเมก้าเลยนี่”

“ผมไม่ใช่โอเมก้า” น้ำเสียงทุ้มนุ่มพูดขึ้นเสียงแข็ง

“แต่การที่คุณนอนให้ผมสอดใส่เข้าไปก็ไม่ต่างจากโอเมก้าเท่าไหร่เลยนะ”

ดวงตาของราชนิกูลหนุ่มวาววับ ยื่นมือไปจิกทึ้งเส้นผมสีดำสนิทของผู้เป็นสามีเต็มแรงจนคนถูกดึงนิ่วหน้าและร้องออกมาด้วยความเจ็บ หากแต่ยังไม่ทันที่กัลปพฤกษ์จะได้พูดอะไร ผู้เป็นภรรยาก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ผมเป็นอัลฟ่า...อย่าเอาผมไปเทียบกับบรรดาเด็กๆ โอเมก้าของคุณ!”

“ครับๆ ยอมแล้วทูนหัว หึๆ”

สะโพกสอบกระทั้นกายหนักๆ จนทำให้คนใต้ร่างที่มัวแต่โกรธไม่ทันตั้งตัว หลุดเสียงร้องครางออกมาเบาๆ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้หัวใจของสามีหนุ่มเต้นระรัวขึ้นมาอย่างน่าแปลก พอมองดูดีๆ แล้วทั้งหมดทั้งมวลที่คุณแก้วกำลังแสดงออกให้เขาเห็นอยู่ใต้ร่างเขามันก็น่ามองดีไม่น้อย กัลปพฤกษ์เพิ่งรู้ตัวเอาในตอนนี้เองว่าภรรยาอัลฟ่าของเขา...

แท้จริงไม่ได้จืดชืดอย่างที่ชายหนุ่มเคยสบประมาทเอาไว้

.

.

.

ได้กันเพราะจำเป็น แต่มีคนถูกใจเขาเฉยเลยค่าาาา โถๆๆ ไอ้คนสำส่อน! 555555555555


หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 7 [22-03-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: lolli_candy99 ที่ 23-03-2021 00:22:17
รอดูคนปากดีค่ะ 555555555555
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 7 [22-03-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 23-03-2021 23:20:15
รอดูคนปากดีเสียฟอร์ม  เป็นฉากที่นึกไม่ถึงจริงๆ ไม่รู้จะอารมณ์ไหนดีระหว่างฟินจิกหมอน หรือฟังโต้วาที  :laugh:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 7 [22-03-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-03-2021 12:29:17
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 7 [22-03-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: PooriPong ที่ 25-03-2021 18:11:31
คุณแก้วของน้องงงงงงงง
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 8 [09-05-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 09-05-2021 09:01:40

บทที่ 8

ทำได้เพียงแค่คิด ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง




พุทธชาดตื่นขึ้นเองตามเวลาปกติ ราวกับว่าเขาฝังนาฬิกาปลุกไว้ในเซลล์ของร่างกาย แม้จะเหนื่อยล้าหรือนอนดึกมากแค่ไหน แต่อัลฟ่าหนุ่มก็มักจะตื่นขึ้นมาในเวลานี้เสมอไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุด หรือแม้แต่ตอนนี้...ที่เขาเพิ่งจะผ่านค่ำคืนอันแสนหนักหน่วงเป็นครั้งแรกมา เหตุเพราะสามีของเขาเกิดอาการรัทขึ้นอย่างกะทันหัน

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเปิดปรือขึ้น ใช้เวลาหลายนาทีอยู่เหมือนกันกว่าที่พุทธชาดจะเรียกสติของตัวเองมาได้ และสิ่งแรกที่เขาสัมผัสถึงมันได้...ก็คือท่อนแขนหนักๆ ซึ่งพาดทับอยู่บนเอวของชายหนุ่ม

ราชนิกูลหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาก้มมองสภาพของตัวเองที่ตอนนี้เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าปกปิด จากนั้นพุทธชาดก็รู้สึกได้ถึงความเปรอะเปื้อนเหนียวเหนอะบนร่างกาย เมื่อคืนเขาเป็นที่รองรับอารมณ์ให้กับกัลปพฤกษ์จนหมดสติไปตอนไหนก็จำไม่ค่อยได้นัก ชายหนุ่มจำได้เพียงว่าเขาไปถึงปลายทางของอารมณ์ตามกลไกของร่างกายอยู่สองสามครั้ง

แน่นอนว่าเขาจะไม่พูดถึงความคิดหรือความรู้สึกของตัวเองออกมาให้ใครรู้เด็ดขาด สิ่งเดียวที่เขาจะพูดออกมามีเพียงแค่...ทุกอย่างนั้นเกิดจากความจำเป็น เขาไม่ได้ต้องการมันแต่ทำเพราะโปรดสัตว์เท่านั้น

อัลฟ่าหนุ่มดึงแขนของสามีออกจากตัว เขาตั้งท่าจะลุกลงจากเตียง แต่ยังไม่ทันได้ขยับกายไปไหนก็ถูกแขนแกร่งข้างเดิมกอดรั้งเอาไว้ซะก่อน ไม่นานหลังจากนั้นเสียงทุ้มหากแต่แหบพร่าก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“จะรีบลุกไปไหนกันล่ะครับคุณแก้ว กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าเลยนะ”

“ผมจะไปอาบน้ำ” พุทธชาดเพิ่งรู้ตัวเอาตอนที่พูดออกมาว่าเสียงของเขาเองก็แหบแห้งไม่ต่างกัน เขารู้สึกหิวน้ำขึ้นมาทันที “คุณกัลป์ ปล่อยผมได้แล้ว”

“น่าๆ อย่าเพิ่งสิ มาทำกันอีกสักรอบแล้วค่อยลุกก็ยังไม่สายนะ”

เรียวคิ้วของอัลฟ่าราชนิกูลขมวดเข้าหากันยิ่งกว่าเดิม “ผมคิดว่าเราควรคุยกัน”

“เรื่อง?”

พุทธชาดไม่ได้ตอบในทันที ร่างสูงสง่าสะบัดแขนของผู้เป็นสามีออกไปอีกครั้งแล้วรีบลุกจากเตียง เขายืนอยู่ข้างเตียงพลางกอดอกมองอัลฟ่าหนุ่มผิวแทนบนเตียง ไม่นำพาต่อร่างกายที่ไร้สิ่งใดปิดบัง ปล่อยให้กัลปพฤกษ์ใช้สายตากรุ้มกริ่มมองต่อไป แม้เขาจะรู้สึกไม่ค่อยชอบใจสายตาของอีกฝ่ายเท่าไหร่ก็ตาม

“เมื่อคืนเป็นเหตุสุดวิสัย ผมไม่ได้ต้องการมีอะไรกับคุณ แต่ที่ผมยอมให้คุณทำก็เพราะผมไม่ต้องการให้คุณไปนอนกับโอเมก้าที่ไหนแล้วพลาดพลั้งทำอีกฝ่ายท้องขึ้นมา” พุทธชาดเชิดใบหน้าขึ้นอีกนิดแล้วกดดวงตาลงมองต่ำ เขาทำเหมือนอย่างทุกครั้ง...สายตาที่ใช้มองสิ่งมีชีวิตน่าสมเพชสักชนิดอยู่ “ผมถือว่าผมทำทานโปรดสัตว์”

“คุณหาว่าผมเป็นสัตว์งั้นเหรอ!?”

กัลปพฤกษ์ฟังอย่างสงบมาตลอด แต่พอโดนด่าก็ถึงกับตื่นเต็มตา เขาลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับภรรยาจอมปากร้าย เอื้อมมือไปกอบกุมต้นแขนของอีกฝ่ายแล้วบีบมันแน่นเพื่อระบายความโกรธ

คนโดนบีบไม่สะท้านสะเทือนใดๆ ทั้งสิ้น ราชนิกูลหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกพลางแกะมือข้างนั้นออกจากแขนตนเอง แน่นอนว่าสามีของเขาไม่ยอมปล่อยเช่นกัน หลังยื้อยุดกันพักใหญ่ ในที่สุดพุทธชาดก็สามารถเอาชนะได้และก้าวถอยหลังออกไปหลายก้าว

“ถอยออกไปให้ห่างจากผมนะคุณกัลป์!”

“ทำไม? เอาก็เอากันแล้ว แต่ตัวอีกนิดอีกหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

“อย่าใช้คำพูดคำจาหยาบคายกับผม!”

กัลปพฤกษ์แค่นเสียงหัวเราะขึ้นจมูก สองเท้าก้าวเข้าไปใกล้ผู้เป็นภรรยามากขึ้น ไล่ต้อนจนแผ่นหลังของพุทธชาดจนมุมชนเข้ากับผนังห้อง เห็นดังนั้นอัลฟ่าผิวแทนก็รีบคร่อมแขนทับเอาไว้ กั้นไม่ให้อีกฝ่ายได้หนีไป...ดวงตาของทั้งคู่สบกันในระยะประชิด

“ก็แค่คำว่า ‘เอา’ เองนะคุณภรรยา ทำเป็นรับฟังไม่ได้งั้นเหรอ? แล้วถ้าผมใช้คำที่มันรุนแรงกว่านี้ล่ะ คุณจะอกแตกตายหรือเปล่า?”

“กัลปพฤกษ์! ถอยออกไปให้ห่างจากผมเดี๋ยวนี้” พุทธชาดเอ่ยเสียงหนัก ย้ำคำพูดเดิมอีกครั้ง “แล้วก็กลับไปห้องของคุณได้แล้ว”

“นี่ก็ห้องผมเหมือนกัน ห้องหอของเราแท้ๆ แถมเมื่อคืนเรายังเข้าหอด้วยกันไปแล้วด้วย ทำไมคุณยังคิดจะไล่ผมไปอีก” อัลฟ่าผิวแทนยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้างดงามราวรูปสลักของภรรยาที่เขาคิดมาตลอดว่าน้ำราญ แต่แท้ที่จริงภายใต้ความน่ารำคาญนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความน่าหลงใหล ชายหนุ่มกระซิบแผ่วเบา “แค่คิดถึงเสียงครางของคุณเมื่อคืนผมก็แทบจะแข็งขึ้นมาอีกรอบแล้วสิ”

พุทธชาดทนฟังไม่ได้อีกต่อไป อัลฟ่าหนุ่มสวนหมัดซัดเข้าหน้าท้องของสามีจอมหยาบคายเต็มแรง เล่นเอาคนถูกต่อยจุกจนเซถอยหลังและกุมท้องงอตัวลง ใบหน้าหล่อเหลาของอัลฟ่าผิวแทนบิดเบี้ยวจนดูไม่ได้

“ผมเตือนแล้วนะว่าให้ถอยออกไป”

“คุณแก้ว! คุณจะเล่นตัวอะไรนักหนา อึก...” ตวาดเสียงใส่ภรรยาเสร็จก็กลับไปกลั้นหายใจหวังลดทอนความเจ็บปวดลง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยได้ผลนัก กัลปพฤกษ์ต้องหายใจเข้าออกช้าๆ อยู่ชั่วครู่กว่าจะพูดออกมาได้อีกครั้ง “เราเป็นผัวเมียกัน มีเซ็กซ์กันแล้ว เรื่องแบบนี้มันผิดตรงไหน!?”

“คุณลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าเราแต่งกันเพราะความจำเป็น ผมไม่ได้ต้องการเป็นอะไรกับคุณมากไปกว่าสามีภรรยาแค่ในนาม และต้องให้ผมย้ำอีกงั้นเหรอว่าเมื่อคืนผมเสียสละตัวเองช่วยคุณก็เพราะมันจำเป็น” พุทธชาดอธิบายอย่างใจเย็น ชายหนุ่มก้าวเท้าเร็วๆ ไปคว้าเอาชุดคลุมอาบน้ำมาใส่ มัดเชือกเสร็จก็คว้าผ้าเช็ดตัวที่ยังไม่ได้ใช้โยนไปให้ผู้เป็นสามี “สวมปิดท่อนล่างที่น่ารังเกียจของคุณซะแล้วออกไปจากห้องของผม”

“ถึงจะน่ารังเกียจแต่ก็ทำให้คุณครางจนเสียงแหบเสียงแห้งได้แล้วกัน”

พุทธชาดอยากจะขว้างปาของใส่อีกฝ่ายเป็นการระบายอารมณ์เคืองโกรธนัก แต่นั่นไม่ใช่นิสัยของเขา สุดท้ายอัลฟ่าราชนิกูลจึงทำเพียงแค่เก็บงำความรู้สึกเหมือนเช่นทักครั้ง แล้วเอ่ยย้ำอีกรอบ...

“มันจะไม่มีครั้งต่อไปแน่คุณกัลป์”

“งั้นเหรอ?” อัลฟ่าหนุ่มผิวแทนเลิกคิ้ว เหยียดยิ้มเย้ยหยัน “แล้วผมจะรอดูว่าคุณจะต่อต้านผมได้นานแค่ไหน”

“ออกไป”

พอโดนย้ำเป็นครั้งที่สาม กัลปพฤกษ์ก็ยอมล่าถอยไปได้สักที คล้อยหลังบานประตูห้องนอนที่ปิดลง พุทธชาดที่ทนยืนอยู่นานก็พาตัวเองทรุดลงนั่งบนเตียง เขาเม้มปากสะกดกลั้นความเจ็บเสียดที่ด้านหลัง ก่อนจะผ่อนลมหายใจยาวและได้แต่คิดสงสัยว่าสามีจอมสำส่อนของเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองหรืออย่างไร ถึงได้ทำเหมือนอยากจะมีอะไรกับเขาอีกครั้ง ทั้งที่เป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือไงว่าเขาจืดชืดแถมยังน่าเบื่อ หรือการได้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขามันทำให้อีกฝ่ายสนุกมากจนอยากจะทำซ้ำสอง

ถ้าเป็นอย่างที่เขาคิด...กัลปพฤกษ์ในสายตาเขาก็เป็นผู้ชายน่ารังเกียจโดยสมบูรณ์แล้ว
.
.
.
ตลอดทั้งวันพุทธชาดอยู่แต่ในห้องทำงาน แม้ไม่ได้ไปบริษัทแต่เขาก็ยังมีงานอีกมากมายให้ต้องรับผิดชอบ โชคดีที่กัลปพฤกษ์เองก็จำต้องออกไปทำงานเร่งด่วนบางอย่าง ทั้งบ้านจึงเหลือแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แน่นอนว่านี่เป็นอะไรที่ชายหนุ่มพึงพอใจอย่างมาก

เขาทำงานแทบไม่ได้พัก นิสัยบ้างานแก้เท่าไหร่ก็ไม่หายและมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ หากพ่อกับแม่กลับมาแล้วเห็นว่าเขาเป็นแบบนี้ คงได้เรียกไปว่ากล่าวตักเตือนยกใหญ่ อาจลามไปจนถึงไล่ให้เขากับกัลปพฤกษ์ไปฮันนีมูนกันอีกรอบ เหตุเพราะเห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับงานมากกว่าการเอาใจใส่ผู้เป็นสามี แค่คิดพุทธชาดก็เผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความเหนื่อยหน่ายใจเสียแล้ว

อัลฟ่าราชนิกูลทิ้งแผ่นหลังพิงพนักเก้าอี้ เพราะอยู่คนเดียวจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาเห็นท่าทางไม่สง่างามของตัวเอง หลังจากทำงานมาทั้งวันโดยที่เขาพักทานมื้อเที่ยงไปนิดเดียวเท่านั้น ไหนจะเมื่อคืนที่ใช้ร่างกายไปกับการช่วยเหลือสามีจอมสำส่อนนั่น ตอนนี้ร่างกายจึงเริ่มออกอาการประท้วงว่าเหนื่อยล้าเกินกว่าจะทนไหวแล้ว

พุทธชาดเป็นอัลฟ่า และอัลฟ่ามีความแข็งแกร่งกว่าเพศรองอื่นๆ อยู่หลายส่วน แต่ยังไงซะไม่ว่าอัลฟ่า เบต้า หรือโอเมก้าก็ล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์ เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่โหมใช้พลังงานชีวิตของตนเองมากเกินไป ก็มีสิทธิ์ที่จะป่วยได้ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม

ขมับที่ปวดตุบๆ กำลังบอกชายหนุ่มว่าเขาเข้าใกล้คำว่าไม่สบายเข้าไปทุกที และมันถึงเวลาที่อัลฟ่าหนุ่มต้องหยุดทุกอย่างเพื่อไปทานมื้อเย็น รวมไปถึงการกินยาแก้ไข้และเข้านอนก่อนเวลาปกติสักเล็กน้อย...นั่นคือแผนการทั้งหมดที่พุทธชาดคิดเอาไว้

มันคงจะเป็นไปตามนี้หากไม่ใช่เพราะผู้เป็นสามีของเขากลับมาบ้านในตอนหัวค่ำ หลังเขาจัดการมื้อเย็นและยาที่แม่บ้านจัดหามาให้เสร็จพอดี เมื่อกัลปพฤกษ์เห็นเขา อีกฝ่ายก็เอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าหล่อเหลานั้นเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม...ในแบบที่ทำให้พุทธชาดรู้สึกว่ามันน่าประหลาด

ปกติสามีของเขามักจะมีแต่รอยยิ้มยียวนกวนประสาทไม่ก็เยาะหยันให้เขามากกว่า วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย ทำไมถึงได้มีท่าทีแปลกไปอย่างนี้ล่ะ?

“ไงคุณภรรยา ทานข้าวไม่รอผมเลยนะครับ”

กัลปพฤกษ์พูดขึ้น อัลฟ่าผิวแทนก้าวเท้าไวๆ เข้ามาหา แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้พุทธชาดในระยะหนึ่งเมตรเลยด้วยซ้ำ ภรรยาจอมเย็นชาของเขาก็เดินหนีไปเสียก่อน โดยไม่แม้แต่จะกล่าวทักทายกลับมาแม้แต่คำเดียว และนั่นทำให้คนโดนเมินไม่พอใจ ถึงอย่างนั้นวันนี้ชายหนุ่มก็อารมณ์ดีเกินกว่าจะอยากหาเรื่องทะเลาะ ดังนั้นเขาจึงทำเพียงก้าวเท้าไวๆ ตามไปรั้งข้อศอกของภรรยาอัลฟ่าเอาไว้ ด้วยน้ำหนักมือที่ไม่หนักแต่ก็ไม่เบาจนเกินไป

ความอ่อนโยนเพียงเล็กน้อยที่ทำให้พุทธชาดยิ่งไม่เข้าใจและสงสัยเข้าไปใหญ่ ปกติกัลปพฤกษ์ต้องกระชากเขาแรงๆ แล้วสิ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่ายกันแน่

“คุณกัลป์ คุณเมาหรือเปล่า?”

คนถูกถามเลิกคิ้ว “ผมดูเหมือนคนเมางั้นเหรอ?”

“ไม่ แต่คุณดูไม่เหมือนทุกครั้ง”

“ยังไงครับ”

พุทธชาดลอบถอนหายใจเบาๆ กวาดสายตามองสามีหนุ่ม มองมือที่ยังจับข้อศอกของเขาเอาไว้นานกว่าเล็กน้อย ก่อนสุดท้ายจะวกกลับขึ้นมาสบดวงตาคมกริบสีดำสนิท ที่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยประกายระยับเหมือนกำลังสนุกในอะไรสักอย่างอยู่ เป็นสายตาในแบบที่พุทธชาดไม่ไว้วางใจ และรู้สึกว่าแบบนี้ต่างหากที่เรียกว่า ‘เป็นปกติ’ ของอีกฝ่าย

“วันนี้คุณไม่หาเรื่องผม”

“เพราะวันนี้ผมอารมณ์ดีล่ะมั้ง” กัลปพฤกษ์หัวเราะ เขาขยับเข้ามาใกล้ผู้เป็นภรรยามากกว่าเดิม โน้มใบหน้าลงเหมือนว่าจะจูบแก้ม แต่พุทธชาดเบี่ยงหน้าหลบพลางถอยหนีก่อนที่เขาจะทันได้แตะปลายจมูกโดนแก้มขาวด้วยซ้ำ เห็นดังนั้นอัลฟ่าผิวแทนก็เคลื่อนใบหน้าไปกระซิบข้างใบหูแทน “คืนนี้ผมนอนด้วยได้หรือเปล่าที่รัก”

คนฟังมุ่นคิ้ว เมื่อเช้าเพิ่งจะทะเลาะกันไปแถมเขายังไล่อีกฝ่ายออกจากห้องด้วย แต่ตกเย็นกลับมาขอนอนด้วย อะไรทำให้สามีจอมเจ้าชู้ของเขาอารมณ์ดีจนทำพฤติกรรมประหลาดได้ขนาดนี้

ถึงจะสงสัย แต่พุทธชาดก็ไม่ได้อยากก้าวก่ายเรื่องของกัลปพฤกษ์ เรื่องเดียวที่เขาจะคาดคั้นเอาความจากเจ้าตัว ก็คือเรื่องใดๆ ก็ตามที่อาจส่งผลต่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเท่านั้น

“ไม่ครับ”

“ไม่เอาน่า เมื่อคืนเราก็นอนด้วยกันแท้ๆ” กัลปพฤกษ์ยิ้มกรุ้มกริ่ม “นอนแบบแนบชิดสนิทกันจนเป็นหนึ่งเดียวเลยนะ คืนนี้เรามานอนแบบนั้นกันอีกดีกว่า คุณแก้วไม่อยากเหรอ”

พุทธชาดเข้าใจความหมายของคำว่านอนที่สามีอัลฟ่าของเขาพูดถึงแล้ว และนั่นปลุกเอาความขุ่นเคืองให้เกิดขึ้นในใจชายหนุ่มทันที เขาผลักร่างที่มีขนาดตัวพอๆ กับเขาให้ถอยห่างออกไป ข่มกลั้นอารมณ์ที่ปะทุเหมือนลูกไฟอยู่ในอกแล้วตอบเสียงเรียบเฉยเย็นชาเหมือนเช่นทุกครั้ง

“ถ้าคุณอยากหาคนมานอนด้วยแก้เหงา ก็ไปหาที่อื่น ผมไม่ใช่เหยื่อปลดปล่อยอารมณ์ใคร่ของคุณ”

“แต่คุณเป็นภรรยาผม และนี่ก็ถือเป็นหน้าที่ของภรรยาเหมือนกัน”

“การสำเร็จความใคร่ให้คนมักมากอย่างคุณ เห็นทีผมคงทำหน้าที่นั่นได้ไม่ดีพอหรอกครับ” ราชนิกูลหนุ่มยังคงเอ่ยปฏิเสธอย่างใจเย็น “ผมยังยืนยันคำเดิมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเพราะสถานการณ์บังคับ และมันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก”

“แล้วถ้าเกิดผมรัทขึ้นมาอีกล่ะ คุณจะให้ผมไประบายกับโอเมก้ารึไง บอกเองแท้ๆ ว่าไม่อยากให้ผมเผลอไปทำใครท้องเข้า แต่พอผมจะ ‘เอา’ คุณแทน คุณกลับปฏิเสธซะอย่างนั้น” กัลปพฤกษ์เริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว

คู่สามีภรรยายืนมองหน้ากันอยู่นาน ท่ามกลางความเงียบที่ล้อมรอบตัวของพวกเขาเอาไว้ ไม่มีใครพูดอะไรราวกับจะหยั่งเชิงกันและกัน พุทธชาดไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าสามีจอมสำส่อนของเขาเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้ทำเหมือนอยากจะนอนกับเขานัก

ที่สุดแล้วอัลฟ่าชนชั้นสูงก็พูดขึ้น “ถ้าคุณอยากนัก ทำไมไม่ไปหาโอเมก้าที่คุณเก็บๆ เอาไว้ล่ะครับ ตอนนี้คุณไม่ได้รัทแล้ว ไม่เห็นความจำเป็นที่ผมจะต้องช่วยคุณแต่อย่างใด”

“เพราะผมไม่ได้อยากเอาโอเมก้าน่ะสิ!” กัลปพฤกษ์โพล่งขึ้นเสียงดัง ดวงตาคู่คมจ้องใบหน้าขาวเนียนของภรรยาอัลฟ่าแล้วเน้นถ่อยคำต่อจากนี้ชัดๆ “ผมอยากเอากับคุณแก้วต่างหาก!”

คนฟังอยากจะเอาน้ำล้างหูเหลือเกิน จะมีสักครั้งไหมที่สามีของเขาจะไม่พูดจาหยาบคายหรือหยาบโลนแบบนี้ ทุเรศสิ้นดี ในตัวของกัลปพฤกษ์มีอะไรดีๆ บ้างไหมนอกจากหน้าตา ฐานะ และความรู้ความสามารถ พฤติกรรมย่ำแย่ เอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว มั่วซั่วสำส่อนเกินจะทนรับไหวจริงๆ

ต่อว่าต่อขานอีกฝ่ายในใจเสร็จ พุทธชาดก็กอดอกพลางถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “คุณเคยบอกว่าชอบกลิ่นหอมๆ ของพวกโอเมก้า”

“แล้วยังไง?”

“คุณเคยบอกว่าไม่มีทางนอนกับผมเพราะผมไม่ได้มีกลิ่นหอมเหมือนพวกเขา” คนเป็นภรรยายังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรในสิ่งที่พูดออกมา “คุณบอกเองว่าผมจืดชืด น่าเบื่อ น่ารำคาญ แล้วทำไมตอนนี้คุณกลับกำลังทำเหมือนอยากได้ผมนักหนา”

กัลปพฤกษ์ถึงกับนิ่งงันไปเมื่อได้ยินคำถาม เขาสบตากับภรรยาที่เคยย้ำอยู่หลายครั้งหลายหนว่าอีกฝ่ายไร้เสน่ห์ดึงดูดใจมากแค่ไหน แต่ตอนนี้...ตอนนี้เขากลับอยากได้โอกาสในการลิ้มรสชาติหอมหวานบนเตียงกับคุณแก้วอีกสักครั้ง เรื่องนี้วนเวียนอยู่ในหัวสมองของอัลฟ่าหนุ่มมาตลอดแทบทั้งวัน และเพราะเขาปรารถนามันอย่างแรงกล้า เขาถึงต้องมายืนต่อล้อต่อเถียงกับคุณแก้วอยู่แบบนี้

ชายหนุ่มเพียงนึกเสียดายขึ้นยามเมื่อคิดได้ว่าแท้จริงแล้วเขามีของดีอยู่ใกล้ตัว แม้ภรรยาของเขาจะไม่มีกลิ่นหอมของฟีโรโมนอันน่าหลงใหล แต่ก็มีกลิ่นกายที่ชวนให้ติดตรึงใจ ไหนจะท่าทางที่ไร้เดียงสาแต่กลับตอบรับเขาทุกจังหวะยามร่างกายของเราสอดประสานกัน

ความแข็งแกร่งแบบอัลฟ่าเข้ามาแทนที่ความอ่อนนุ่มของโอเมก้า ร่างกายที่มีขนาดตัวพอๆ กัน พละกำลังใกล้เคียงกัน มัน...ให้ความรู้สึกแตกต่างกันเป็นอย่างมาก หากจะให้กัลปพฤกษ์หาคำนิยามมาบอกเล่าความต้องการของชายหนุ่มในตอนนี้ เห็นทีจะมีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาอยากมีเซ็กซ์กับพุทธชาดอีก

นั่นก็เพราะมันแปลกใหม่จนอยากได้ลองอีกครั้ง หรืออย่างน้อยก็จนกว่าเขาจะเบื่อ

หากพุทธชาดได้รับรู้ความคิดของผู้เป็นสามี คงไม่พ้นด่าว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายสำส่อนน่ารังเกียจอีกแน่

“คุณกัลป์ ผมคิดว่าคุณควรกลับไปพักผ่อนแล้วคิดทบทวนการกระทำของตัวเองดีกว่านะครับ คุณน่ะเหรอจะอยากมีอะไรกับภรรยาที่ไม่ชอบหน้าอย่างผม...”

“แล้วถ้าผมบอกว่าใช่ล่ะ”

กึก

พุทธชาดที่กำลังพูดเพื่อตัดบทเป็นอันต้องชะงักงันกับคำตอบที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับ เขามองใบหน้าหล่อเหลาของอัลฟ่าหนุ่มผิวแทนนิ่ง จะอย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจสิ่งที่กัลปพฤกษ์คิดในตอนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว จากที่ทำท่าว่าไม่ชอบเขา ไม่มีทางทำอะไรเขาได้ลง แต่แค่เขาช่วยเหลือให้ผ่านอาการรัทไปเพียงคืนเดียวก็อยากจะมีอะไรกับเขาขึ้นมางั้นเหรอ?

สามีของเขาใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยการขับเคลื่อนของอารมณ์ทางเพศหรือยังไง

“สมองคุณต้องมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ คุณกัลป์”

“ผมรู้ตัวดีว่าผมต้องการอะไร สมองของผมยังปกติอยู่”

“วันนี้นอกจากคุณจะไม่ชวนผมทะเลาะ หรือพูดจาหยาบคายเหยียบย่ำความรู้สึกของผมแล้ว ยังมาพูดจาซื่อตรงจริงใจเพียงเพราะต้องการมีอะไรกับผม ไม่คิดเหรอว่าที่คุณทำอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ตัวคุณเลย” พุทธชาดยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะชี้ให้ผู้ชายตรงหน้าเห็นว่าตัวเองผิดปกติที่ตรงไหน

แต่กัลปพฤกษ์เองก็ยังยืนยันคำเดิม “ผมก็แค่อยากนอนกับคุณอีก จนกว่าผมจะเบื่อก็ได้”

คำพูดนั้นทำให้พุทธชาดนิ่งค้าง อัลฟ่าราชนิกูลผู้สูงศักดิ์สูดหายใจเข้าลึก แท้จริงแล้วสามีไม่ได้เรื่องของเขาก็แค่ต้องการแก้เบื่อด้วยของแปลกใหม่อย่างเขาก็เท่านั้น...เท่านั้นเองจริงๆ ดังนั้นถึงได้พยายามทู่ซี้ไม่เลิกอย่างนี้

แม้จะเดาได้แต่แรก แต่การได้ยินคำยืนยันชัดๆ จากปากของร่างสูง ก็ทำให้พุทธชาดไม่ชอบใจอยู่ดี

“จำเอาไว้นะครับคุณกัลป์ ว่ามันจะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับเราอีก ครั้งหน้าหากคุณรัทผมก็จะทำเพียงแค่ฉีดยาระงับอาการให้คุณ แล้วปล่อยให้คุณทุรนทุรายไปจนกว่ายาจะออกฤทธิ์ หรือจนกว่าอาการรัทของคุณจะหายไปเอง”

“นี่คุณแก้ว มันไม่เกินไปหน่อย...”

“ผมไม่ใช่ของเล่นแก้เบื่อของคุณ เพราะฉะนั้นคุณทำได้แค่คิดเท่านั้นครับ”

“...”

“คุณไม่มีสิทธิ์ได้แตะต้องผมแบบเมื่อคืนอีกแน่”

พูดจบพุทธชาดก็เดินหนีกลับขึ้นห้องนอนทันที ทิ้งให้กัลปพฤกษ์ยืนอยู่ที่เดิมนานหลายนาที กว่าที่อัลฟ่าหนุ่มผิวแทนจะได้สติกลับมา แผ่นหลังมั่นคงของผู้เป็นภรรยาก็หายลับไปเสียแล้ว ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรงอย่างหงุดหงิด เขากำมือแน่นก่อนจะหันไปทุบผนังใกล้ๆ เต็มแรงจนแทบเรียกเลือด

เขาเพิ่งค้นพบว่าเจอของดีอยู่ใกล้ตัว ของดีที่เขาปรามาสมาตลอดว่าไม่มีวันทำให้เขามีความสุขได้ แต่เมื่อคืนเขาได้พิสูจน์แล้วว่าความคิดที่ผ่านมาของเขามันผิด และเขาต้องการอีกฝ่ายมาร่วมเตียงด้วยอีกครั้ง แต่เขาไม่อาจทำได้อย่างที่ใจคิด มันไม่ง่ายดายเอาซะเลย

คุณแก้วไม่ใช่โอเมก้า อีกฝ่ายเป็นอัลฟ่าที่มีสัญชาตญาณแข็งแกร่งเหมือนกันกับเขา กัลปพฤกษ์ไม่อาจบงการเจ้าตัวได้เหมือนที่ทำกับโอเมก้าเหล่านั้น ตอนนี้ชายหนุ่มจึงได้แต่รู้สึกเสียดาย

“โธ่เว้ย!”

มีของดีใกล้ตัวแต่รู้ตัวช้าไป การจะได้มาคงไม่ง่ายดายเอาเสียเลย

แต่เขาไม่มีทางยอมแพ้หรอก...ไม่มีวัน!





_____________

ย้ำคำพูดในใจของคุณแก้วที่มีต่อสามีอีกครั้ง...

'สามีของเขาใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยการขับเคลื่อนของอารมณ์ทางเพศหรือยังไง'

55555555555555555555555555555555555555555555555555


หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 8 [09-05-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 09-05-2021 10:32:38
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 8 [09-05-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: lolli_candy99 ที่ 09-05-2021 14:49:15
คุณแก้วใจแข็งมากกกก
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 8 [09-05-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-05-2021 22:08:02
สมน้ำหน้า สบประมาทคุณแก้วเอาไว้เยอะนัก โดนตอกหน้าหงายไปเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 9 [18-05-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 18-05-2021 21:39:53

บทที่ 9

ไม่มีวันจะรักกัน ไม่มีทางเป็นอย่างนั้น




จู่ๆ คุณพ่อกับคุณแม่ก็กลับจากไปเที่ยวโดยไม่บอกล่วงหน้า ทำเอาพุทธชาดตั้งตัวไม่ทัน ดีที่พวกท่านโทร. มาบอกเขาตอนที่ลงจากเครื่องแล้ว ทำให้อัลฟ่าหนุ่มยังพอมีเวลาสั่งแม่บ้านให้ย้ายข้าวของของผู้เป็นสามี กลับมาที่ห้องนอนของเขาตามเดิม

กัลปพฤกษ์ถึงกับหัวเราะด้วยความชอบใจ เขารู้ว่ายังไงซะก็ต้องได้กลับมานอนกับผู้เป็นภรรยาไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่การได้เห็นสีหน้าไม่พอใจของคุณแก้วแล้วเขาก็อดที่จะบันเทิงใจไม่ได้ การได้เห็นคนสมบูรณ์แบบมีเรื่องที่ไม่อาจหาทางออกได้ก็เป็นอะไรที่สะใจไม่น้อย

แต่ในความสะใจก็มีความสมใจอยากอยู่ด้วย กัลปพฤกษ์ตั้งใจแล้วว่าเขาจะหาทางลากคุณภรรยาขึ้นเตียงอย่างเต็มใจให้ได้ และการนอนห้องเดียวกันก็เป็นขั้นเริ่มต้นที่ดี

“เราควรจู๋จี๋กันให้พวกท่านเห็นสักนิดสักหน่อยนะคุณแก้ว”

“ไม่จำเป็นครับ...คุณกัลป์!” พุทธชาดแทบจะตวาดออกไปเมื่อจู่ๆ ถูกดึงเข้าไปกอด พยายามดิ้นหนีก็ถูกรัดแน่นมากขึ้น

“อย่าดิ้นสิครับ พ่อแม่คุณอาจจะมาเห็นเข้าก็ได้นะ”

“อย่าฉวยโอกาสกับผมแบบนี้”

“ผมไม่ได้ทำอะไรนอกจากกอดภรรยา แบบนี้เรียกว่าฉวยโอกาสงั้นเหรอครับ?”

กัลปพฤกษ์ถามหน้าซื่อ อัลฟ่าผิวแทนโน้มใบหน้าเข้าใกล้คนในอ้อมกอดมากขึ้นจนปลายจมูกแทบแตะกัน และพุทธชาดก็พยายามเอียงใบหน้าหนีสุดกำลัง เขาหันไปมองทางอื่นแทนที่จะสบดวงตาคู่คมสีดำนั้น แต่นั่นกลับเป็นการเปิดโอกาสให้สามีจอมสำส่อนได้หอมแก้มเขา

“หอมจังครับ”

“คุณกัลป์!” เสียงทุ้มนุ่มกดต่ำ ใบหน้าขาวกระจ่างหันกลับมามองกัลปพฤกษ์ด้วยดวงตาวาววับ พุทธชาดต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการไม่กำหมัดทุบหัวผู้เป็นสามี

อีกฝ่ายยิ่งได้แกล้งภรรยาแล้วก็ยิ่งสุขใจ ชายหนุ่มล็อกลำคอของคุณแก้วเอาไว้ด้วยแรงมือไม่หนักแต่ก็ไม่เบาจนเกินไป ยื่นหน้าเข้าไปคลอเคลียใกล้ๆ พลางกระซิบเสียงเบา

“แม่คุณมาถึงแล้ว และท่านกำลังมองเราอยู่”

พุทธชาดชะงัก ชายหนุ่มเอียงหน้าไปมองทางระเบียงเล็กน้อย ด้วยเพราะตอนนี้พวกเขาอยู่ที่สวนดอกไม้ แต่เพียงแค่ได้เห็นร่างโปร่งบางของหญิงสาวผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มก็ถูกจูบโดยไม่ทันตั้งตัว

“อื้อ!”

ริมฝีปากถูกครอบครองจนแนบสนิท ความนุ่มนิ่มและเปียกชื้นเคลือบผิวปากอ่อนบางตามแรงขยับของฝ่ายชักนำ กัลปพฤกษ์ดูดดุนเรียวปากของภรรยาเบาๆ เขาบีบสะโพกของพุทธชาดและนั่นทำให้คนถูกกระทำตกใจจนเผลออ้าปากประท้วง แต่นั่นกลับเป็นการเปิดโอกาสให้ปลายลิ้นร้อนผ่าวได้แทรกผ่านเข้ามาภายใน ตวัดหยอกล้อลิ้นของเขาจนเกิดเสียงน่าอาย

“อุ้ย!”

ได้ยินเสียงอุทานของผู้เป็นมารดากระทบเข้าสู่โสตประสาท พุทธชาดออกแรงผลักแผ่นอกแกร่งจนถอยห่างออกไป เขาสูดหายใจเข้าลึก กล่อมตัวเองไม่ให้เผลอยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปากอย่างโกรธเคือง ด้วยกลัวว่าคุณแม่ที่มองมาจะรู้สึกผิดสังเกตเอาได้ แต่พอชายหนุ่มหันไปมองยังตำแหน่งระเบียงบ้านอีกครั้ง ร่างโปร่งบางของเธอก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว

เช็กจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในระยะการมองเห็นหรือได้ยินพวกเขา ราชนิกุลหนุ่มจึงหันมาต่อว่าสามีจอมฉวยโอกาสของเขาทันที

“คุณกัลป์! คืนนั้นที่ผมปฏิเสธจูบจากคุณ มันก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมไม่ต้องการจูบกับคุณ!”

“คุณไม่ได้สั่งห้ามผมทำเป็นคำพูดนี่ครับ” กัลปพฤกษ์แบสองมือออกไปข้างหน้าพลางยักไหล่

ท่าทางยียวนกระประสาทนั้นทำเอาพุทธชาดกรุ่นโกรธขึ้นมาไม่น้อย แต่ก็เหมือนทุกครั้งที่อัลฟ่าผู้สูงศักดิ์พยายามข่มกลั้นอารมณ์ เขาเชิดใบหน้าขึ้นพลางกดดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองผู้เป็นสามี กลิ่นอายความเป็นอัลฟ่าแผ่ออกมากดดันฝ่ายตรงข้าม แต่นอกจากกัลปพฤกษ์จะไม่สะทกสะท้านแล้ว ยังปล่อยกลิ่นอายอัลฟ่าของตัวเองออกมาต่อต้านอีกต่างหาก

“ผมต้องบอกคุณทุกอย่างเลยหรือไงครับ การที่ผมบอกว่าคุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องผม มันยังครอบคลุมไม่พออีกเหรอครับ? สมองของคุณประมวลผลสิ่งที่ควรหรือไม่ควรทำไม่ได้เลยสินะ”

“คุณกำลังด่าผมว่าโง่อยู่หรือเปล่า”

“ถ้าคุณจะคิดอย่างนั้น”

วินาทีแรกดวงตาของกัลปพฤกษ์วาวโรจน์ แต่เพียงไม่นานก็กลับมาเป็นประกายระยับราวกับกำลังเจอเรื่องสนุก อัลฟ่าหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ภรรยาของเขาอีกครั้ง ยื่นหน้าเข้าไปหาแต่ไม่ได้ดึงมากอดรั้งเอาไว้เหมือนที่ทำก่อนหน้านี้ กระนั้นพุทธชาดก็ยังมีท่าทีระวังระไว หากสามีที่น่ารำคาญของเขายื่นมือออกมาแม้แต่นิดเดียว เขาจะได้ถอยหนีได้อย่างทันท่วงที

“นี่ คุณภรรยาครับ ยังไงคุณก็หนีผมไม่พ้นหรอก คืนนี้คุณกับผมต้องนอนด้วยกัน จำได้มั้ย?” ร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปาก “อ้อ มีอีกอย่างที่ผมอยากบอกคุณ”

“อะไรครับ?” พุทธชาดมุ่นคิ้วด้วยความไม่ไว้วางใจ ไม่รู้ว่าเขาจะต้องทนฟังคำพูดไม่เข้าหูอะไรอีกคราวนี้

“ผมแค่อยากจะบอกว่านอกจากแก้มของคุณจะหอมแล้ว” กัลปพฤกษ์ยืดตัวกลับไปยืนตรง กล่าวทิ้งท้ายให้ใจคนฟังเต้นแรง...หากแต่เป็นการเต้นแรงเพราะความโกรธมากกว่าจะตื่นเต้น ดีใจ หรือเขินอาย “ปากของคุณยังหวานมากอีกด้วย เหมือนโอเมก้าเลยนะ”

แผ่นหลังกว้างของสามีจอมสำส่อนเดินหายลับกลับเข้าบ้านไปอีกแล้ว พุทธชาดแต่ได้กำหมัดแน่นพลางสูดหายใจเข้าลึก ข่มกลั้นความรู้สึกคุกรุ่นเอาไว้ กดมันให้ฝังลึกไม่เผยตัวออกมา ผู้ชายคนนั้นหายใจเข้าออกก็เป็นกลิ่นหอมของโอเมก้า แต่กลับบอกว่าอัลฟ่าอย่างเขาเหมือนโอเมก้างั้นเหรอ...

“คนน่ารังเกียจ”

ในหัวคิดแต่เรื่องต่ำกว่าใต้สะดือ ผู้ชายมักมากแบบนี้ควรหมดไปจากโลกได้แล้ว



บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปด้วยความปกติสุข พุทธชาดยิ้มทุกครั้งที่ถูกถามไถ่สารทุกข์สุขดิบจากผู้เป็นพ่อและแม่ แสร้งทำเหมือนว่าชีวิตรักของเขากับกัลปพฤกษ์เป็นไปได้ด้วยดี พวกเขารักกันหวานชื่นในทุกๆ วัน ไม่ได้ทะเลาะจนเลือดตกยางออกหรือแยกห้องนอนกันแต่อย่างใด ซึ่งกัลปพฤกษ์ก็ไม่ได้หักหน้าเขาด้วยการพูดความจริงออกมา อัลฟ่าผิวแทนแย้มยิ้มกว้าง สร้างเรื่องเท็จออกมาเล่าให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฟังเป็นเรื่องเป็นราวจนพุทธชาดเองแทบไม่อยากจะเชื่อ

สามีของเขาโกหกได้แนบเนียนและเก่งมากเหลือเกิน

“พวกลูกไปด้วยกันได้ดีก็ดีแล้ว ตอนแรกแม่ก็กังวลว่าจะรักกันไม่มากพอ เพราะถึงจะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แต่พวกลูกดูไม่ค่อยสนิทกันนัก ตอนแต่งงานก็เป็นการตัดสินใจที่กะทันหันมากเสียด้วย”

“ถึงจะกะทันหัน แต่ผมกับคุณกัลป์ก็รู้เรื่องข้อตกลงของทั้งสองตระกูลอยู่ก่อนแล้ว เพราะงั้นไม่ใช่เรื่องที่คุณแม่จะต้องกังวลหรอกครับ” ราชนิกุลหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ได้ยินแบบนั้นแม่ก็เบาใจ ใช่ไหมคะคุณ” หญิงวัยกลางคนหากแต่ใบหน้ายังคงงดงามหันไปขอความเห็นสามี

บิดาของพุทธชาดพยักหน้าเห็นด้วย “แค่เห็นพวกลูกรักกันพ่อก็พอใจแล้ว ส่วนเรื่องทายาทไม่ต้องคิดมากหรอกนะ ถึงไม่มีสายเลือดโดยตรงสืบทอด แต่เราก็ยังมีลูกหลานของญาติพี่น้องคนอื่นๆ มารับช่วงต่อได้”

พอเรื่องเกี่ยวกับทายาทถูกหยิบยกขึ้นมาพูด คู่แต่งงานใหม่ต่างชะงักไปพร้อมๆ กัน พวกเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องทายาทมาก่อนเลย อัลฟ่าเพศชายแต่งงานกันไม่มีทางมีบุตรได้...นั่นคือความเป็นจริง พอคิดอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกว่ามันแปลกที่ครอบครัวของพวกเขายังอยากจะให้พวกเขาแต่งงานกัน ทั้งที่สัญญาของคุณปู่ก็มีแค่ให้ทายาทรุ่นใดก็ได้แต่งงานกันสักรุ่นก็เท่านั้น และไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็นเพศอะไรด้วย

หากคุณพ่อคุณแม่ของทั้งเขาและคุณกัลป์คิดมากเรื่องทายาทสืบสกุล ก็คงขอเลื่อนการแต่งงานออกไปเป็นรุ่นถัดจากนี้ได้ แต่นี่กลับยอมทำตามข้อตกลง ทั้งที่พวกเขาเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลในรุ่นนี้...พุทธชาดเข้าใจว่าพ่อแม่ของเขาไม่เป็นห่วงเรื่องทายาท แต่กับครอบครัวของกัลปพฤกษ์นั้นไม่เหมือนกัน ราชนิกุลหนุ่มรู้มาว่าคุณลุงราชพฤกษ์กับคุณป้าราชาวดียึดถือเรื่องทายาทสายตรงมากเสียยิ่งกว่าตระกูลที่เป็นผู้ดีเก่าอย่างตระกูลของเขาด้วยซ้ำ

แต่...ทำไมถึงยอมให้ลูกชายคนเดียวมาแต่งงานกับอัลฟ่าอย่างเขากันล่ะ?

พุทธชาดไม่เคยเอะใจในเรื่องนี้เลย นั่นคือสิ่งที่เขาพลาดไป...หรือแท้จริงแล้วการแต่งงานในครั้งนี้ไม่ได้มีแค่เงื่อนไขของคำสัญญาที่ให้แก่กันเอาไว้ มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น

อัลฟ่าผู้สูงศักดิ์เงยหน้าขึ้นสบตาสามีซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เป็นอีกครั้งที่พุทธชาดชะงักไป เมื่อกัลปพฤกษ์หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปมองทางอื่น และกลบเกลื่อนด้วยการหัวเราะน้อยๆ ซึ่งฟังแล้วดูเป็นการหัวเราะที่แห้งแล้งเหลือเกิน ไหนจะการชวนพ่อแม่ของเขาเปลี่ยนเรื่องคุยนั่นอีก

แปลกเกินไป

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่พุทธชาดต้องรีบหาคำตอบ อัลฟ่าหนุ่มเข้าร่วมบทสนทนากับทุกคนอีกเล็กน้อย ก่อนเขากับสามีจะขอตัวกลับบ้าน ให้พ่อแม่ได้พักผ่อนหลังจากเดินทางไกลมาหลายชั่วโมง

ทันทีที่กลับมาถึงพุทธชาดก็สั่งให้แม่บ้านที่มารออยู่ก่อนแล้ว นำชาร้อนสักแก้วขึ้นไปให้บนห้องทำงาน ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะอาบน้ำก่อนแล้วค่อยไปเคลียร์งานที่ค้างคา ส่วนกัลปพฤกษ์...ผู้ชายคนนั้นอยากทำอะไรก็ไม่ใช่ธุระกงการที่เขาต้องใส่ใจ อยู่ในบ้านแบบนี้ผู้เป็นสามีของเขาคงไม่อาจสร้างเรื่องเสียๆ หายๆ ได้หรอก

“คุณแก้ว...คุณเคยคิดเรื่องความรักบ้างหรือเปล่า”

คำถามนั้นเรียกให้เจ้าของชื่อหยุดฝีเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นบันได พุทธชาดหันกลับมามองคนถาม ค่อนข้างแปลกใจด้วยไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามเช่นนี้ หลุดออกมาจากปากของผู้ชายที่ใช้ชีวิตมากตัณหามากกว่าจะคิดรักใครจริง ถึงอย่างนั้นราชนิกุลหนุ่มก็ยังตอบกลับไป

ไม่มีเหตุผลที่จะตั้งแง่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เล่นแง่กับเขาก่อน ในเมื่อถามมาดีๆ เขาก็จะตอบดีๆ

“ไม่เคยครับ”

“คุณเคยรักใครไหม?”

พุทธชาดนิ่งงันเมื่อเจอคำถามนี้ เขาจ้องตาสีดำสนิทคู่นั้น พยายามบังคับตัวเองไม่ให้หลบเลี่ยงมัน “ไม่เคยครับ”

“กับผมที่แต่งงานด้วยกัน คุณก็ไม่คิดว่าสักวันจะรักผมได้งั้นเหรอ?” กัลปพฤกษ์เลิกคิ้ว คำถามของเขาเป็นเชิงล้อเล่นมากกว่าจะจริงจัง

“ผมขอถามคุณกลับไปเหมือนกันว่าคุณล่ะ เคยคิดว่าจะรักผมได้ในสักวันไหม”

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขา ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเอง การแต่งงานครั้งนี้มันเริ่มมาจากคำสัญญาของคุณปู่ พวกเราไม่ได้รัก และไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าจะรักกันได้ พุทธชาดเคยบอกไว้แล้วว่าจะไม่มีการหย่าร้างกันเกิดขึ้น ต่อให้เขาจะไม่ได้รักผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าก็ตาม

แต่เขาลืมไปเสียสนิท...เขาลืมถามอีกฝ่ายว่าถ้าหากกัลปพฤกษ์ได้เจอกับคนที่เขารักได้อย่างเต็มหัวใจ เจ้าตัวจะเรียกร้องการหย่าร้างหรือไม่ เพราะใครๆ ก็ย่อมอยากอยู่กับคนที่ตัวเองรัก มากกว่าจะอยู่กับคนที่ไม่ได้เต็มใจแต่งงานด้วยตั้งแต่แรก

“ผมไม่เคยคิด” พุทธชาดเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นก่อน เรียกดวงตาคู่คมของอัลฟ่าผิวแทนให้กลับมามองใบหน้างดงามราวรูปสลักอีกครั้ง “ผมรู้ดีว่าระหว่างเราไม่มีทางรักกันได้หรอก”

“แล้วถ้าวันหนึ่งคุณมีคนที่รักขึ้นมาล่ะ?”

น่าแปลกที่นั่นเป็นคำถามที่อัลฟ่าผู้สูงศักดิ์มีต่อผู้เป็นสามีเช่นกัน

“ผมไม่คิดว่าชีวิตนี้ผมจะรักใครได้หรอก เพราะผมไม่เคยสนใจเรื่องความรักมาตั้งแต่แรกแล้ว”

“คุณอาจจะเจอคนที่ใช่ในสักวันก็ได้”

“ไม่หรอก ไม่มีทาง” พุทธชาดส่ายหน้า ที่เขามั่นใจมากขนาดนี้มันเป็นเพราะว่าเขา...ช่างมันเถอะ ความรักของเขาไม่สำคัญเท่าเรื่องของธุรกิจและชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล เขาได้เลือกเส้นทางของการถูกผูกมัดเอาไว้ตลอดชีวิตแล้ว ไม่อาจถอยหลังกลับได้อีกต่อไป “คุณเองก็เหมือนกัน ถ้าหากมีคนที่รักขึ้นมาในสักวัน คุณจะหย่ากับผมใช่หรือเปล่า”

คนถูกย้อนถามหลุดหัวเราะออกมา แต่น้ำเสียงนั้นกลับแปร่งปร่า เหมือนอีกฝ่ายต้องการหัวเราะเยาะเย้ยอะไรสักอย่าง กัลปพฤกษ์เหยียดยิ้มหยันพลางตอบ

“เรื่องความรักมันก็แค่เรื่องไร้สาระสำหรับผม คุณแก้วเถอะครับ อย่าหลงรักผมเข้าล่ะ ไม่ใช่ว่าสร้างภาพทำเหมือนว่ารักผมมาก แล้วเผลอใจรักผมเข้าให้หรอกนะ”

พุทธชาดแทบเก็บสีหน้ารังเกียจเอาไว้ไม่อยู่ สามีของเขาหลงตัวเองมากเกินไปแล้ว

“เราไม่มีทางรักกันได้ และมันจะเป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง”

“ก็ดี เพราะผมคงทำตัวไม่ถูกแน่ถ้าได้เห็นสายตารักใคร่จากคุณ” กัลปพฤกษ์ขยับเท้าก้าวเดินเข้ามาใกล้ผู้เป็นภรรยา จนระยะห่างของพวกเขาลดเหลือเพียงครึ่งช่วงแขน “แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว กับเรื่องเซ็กซ์มันเป็นคนละเรื่องกัน ถึงไม่รักก็เอากันได้”

“นี่คุณ...”

เรียวปากของพุทธชาดถูกปลายนิ้วของอัลฟ่าผิวแทนแตะไว้เบาๆ เป็นเชิงบอกไม่ให้พูด ดวงตาสีรัตติกาลเป็นประกายวาววับและเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“ร่างกายเราเข้ากันได้ดี คุณเองก็มีประสบการณ์แล้ว ไม่คิดจะสานต่อกับผมอีกสักครั้ง...หรือหลายๆ ครั้งหน่อยเหรอครับ คุณภรรยา”

“ไม่” พุทธชาดปัดมือของกัลปพฤกษ์ออกไป สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง บ่งบอกว่าเขาไม่ได้ปฏิเสธเล่นๆ แต่อย่างใด

“ไม่เอาน่า ถ้าคุณยอมนอนกับผม ผมจะไม่ไปหาโอเมก้าคนอื่นสักพัก ทีนี้คุณก็จะได้สบายใจว่าผมจะไม่ไปทำใครท้องหรือกลายเป็นข่าวฉาวลงสื่อ ไม่ดีเหรอ?”

แวบแรกพุทธชาดรู้สึกว่าข้อเสนอนี้น่าสนใจ แต่พอคิดว่าคนมักมากในกามอย่างกัลปพฤกษ์คงอยากนอนกับเขาแค่ไม่กี่ครั้ง สุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็จะกลับไปหาเด็กในสังกัดพวกนั้น และการเอาตัวเข้าไปแลกกับข้อเสนอแบบนี้ดูไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย ดังนั้นราชนิกุลหนุ่มจึงปฏิเสธอีกครั้งอย่างไร้เยื่อใย

“ไม่ ผมไม่ต้องการเป็นคู่นอนแก้ใคร่ของคุณครับ”

“โอ๊ะโอ พูดแบบนี้แล้วดูเหมือนคุณกำลังน้อยใจผมอยู่เลยแฮะ”

“คุณจินตนาการเกินจริงมากไปแล้วครับ” อัลฟ่าผู้สูงศักดิ์ถอนหายใจ “ผมขอตัว”

“เดี๋ยวสิ...”

กัลปพฤกษ์รั้งผู้เป็นภรรยาเอาไว้อีกครั้ง ชายหนุ่มคว้าแขนของอีกฝ่ายดึงเข้าหาตัว ทำให้คนที่ไม่ทันตั้งตัวเซไปตามแรงนั้น แต่ก่อนที่จะได้ทันต่อว่าต่อขานหรือขัดขืน ริมฝีปากของพุทธชาดก็โดนประกบปิดด้วยเรียวปากของผู้เป็นสามีเข้าเสียก่อน

แรงบดขยี้นั้นแตกต่างจากเมื่อตอนบ่ายโดยสิ้นเชิง ครั้งนี้กัลปพฤกษ์ทำอย่างรุนแรงและดุดันกว่ามาก ชายหนุ่มบีบแก้มขาวเนียนพอให้คนโดนกระทำเจ็บจนเผลออ้าปาก เปิดทางให้ปลายลิ้นร้อนได้สอดแทรกเข้าไปหยอกเย้าเคล้าเคลีย แต่พุทธชาดไม่ได้ตกใจจนคิดอะไรไม่ทันเหมือนครั้งก่อนแล้ว อัลฟ่าหนุ่มอาศัยทีเผลอกัดลิ้นของสามีจอมสำส่อนด้วยน้ำหนักที่พอจะทำให้เจ็บแต่ไม่เสียเลือด

เพียงแค่นั้นกัลปพฤกษ์ก็สะดุ้งจนเผลอถอยหนีแล้ว

“คุณกัดผมทำไมเนี่ย!?”

“คุณล่วงเกินผมก่อน โดนแค่นั้นยังน้อยไป”

“เจ้าคิดเจ้าแค้นมากกว่าที่ผมคิดนะครับ” อัลฟ่าผิวแทนผ่อนลมหายใจยาว เขาดุนลิ้นกับเพดานปาก รู้สึกแสบตรงที่โดนกัดเล็กน้อยแต่เพราะไม่รับรู้ถึงรสชาติของเลือดจึงไม่ได้กังวลใจอะไรนัก “เป็นหมาหรือยังไงถึงได้กัดผม”

“คุณน่ะสิเป็นหมา หมาในช่วงติดสัดเสียด้วย”

“เฮ้! คุณว่าผมเป็นหมาอีกแล้วนะ ที่เกาะนั่นก็ทีหนึ่งแล้ว”

“ก็ถ้าคุณไม่ใช่แล้วจะเดือดเนื้อร้อนใจทำไมครับ?” พุทธชาดกล่าวถามหน้าตาเฉย “คราวหน้าถ้าคุณยังกล้าฉวยโอกาสลวนลามผมอีก ผมจะทำหนักกว่านี้แน่”

พูดจบก็หมุนตัวเดินขึ้นบันไดหนีไปทันที ทิ้งสามีอัลฟ่าให้ยืนเดาะลิ้นไม่พอใจไว้ที่เดิม

คนถูกทำร้ายร่างกายสบถเบาๆ อย่างไม่สบอารมณ์ แต่เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ ยังไงก็ต้องหลอกล่อให้อีกฝ่ายตอบตกลงยอมนอนกับเขาให้ได้ เขาไม่ได้รักใคร่อะไรคุณแก้วทั้งนั้น เขาต้องการแค่ความสุขชั่วครั้งชั่วคราว ความรักเป็นเรื่องงี่เง่าและจอมปลอมที่สุด ฝันไปเถอะว่าเขาจะรักพุทธชาดได้ลง

และไม่ว่าใคร...เขาก็ไม่คิดจะมอบความรักให้ทั้งนั้น

ไม่อีกแล้ว

.

.

.

พาคุณแก้วมาเสิร์ฟแบบเต็มตอนไปเลยยย เมื่อวานขอโทษที่ขำนะคะ แต่มีคนเมนต์ใช่ปะว่าคุณแก้วเป็นลูกเมียน้อย เพราะคนเขียนไม่ยอมอัปสักที คืออยากบอกว่าไม่ใช่แค่คุณแก้วหรอกค่ะ นิยายเรื่องอื่นๆ ของเราก็เป็นลูกเมียน้อยเหมือนกันเพราะเราไม่ยอมอัปทั้งนั้น 55555555555555 แต่เราก็พยายามอยู่นะ แง อากาศมันร้อนมากจนเราไม่ค่อยมีสมาธิเขียนเลยค่ะ ไหนหน้าฝนที่กรมอุตุบอกเอาไว้ ไหนนน

แต่จะว่าไปแล้วคุณแก้วก็เป็นลูก...แค่กๆๆ มาต่อที่คุณกัลป์นะคะ มีใครอยากสาปส่งนางอีกไหม จัดไปอย่าให้เสียชื่อตัวร้ายของเรื่องที่ตอแหลว่าเป็นพระเอกค่ะ 55555 แล้วเจอกันตอนหน้านะคะทุกคนนน




หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 9 [18-05-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 19-05-2021 15:58:17
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 9 [18-05-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 19-05-2021 20:39:41
คู่นี้จะมีจุดบรรจบกันไหมนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 10 [17-06-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 17-06-2021 12:43:10


บทที่ 10

ถึงคราวป่วยไข้ จำใจดูแล




พุทธชาดทอดสายตามองสายฝนที่ตกลงมาผ่านหน้าต่าง เขาทำงานที่คั่งค้างเอาไว้จนลืมเวลาเหมือนอย่างเคย อัลฟ่าหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะปิดแฟ้มเอกสารที่เพิ่งอ่านจบไปโดยไม่ได้หยิบปากกามาเซ็น ด้วยเพราะเขาเห็นว่าบางอย่างในนั้นควรได้รับการแก้ไขเสียก่อน

พอได้พักจากงานสมองของพุทธชาดก็เปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่นแทน...นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้นั่งมองฝนพรำแบบนี้ คงตั้งแต่ที่เรียนจบแล้วเข้ามาช่วยงานในบริษัทเต็มตัว กระทั่งปัจจุบันได้ขึ้นเป็นผู้บริหารแล้ว ยิ่งเติบโตและอายุมากขึ้นก็ยิ่งมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบมากมายซะจนเขาไม่อาจทำตัวผ่อนคลายได้บ่อยๆ

เหม่อมองความมืดด้านนอก ฟังเสียงฝนที่ตกแรงขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศรอบกายเงียบสงบ หากแต่มันก็เคล้าไปด้วยความเงียบเหงาไม่ต่างกัน จู่ๆ พุทธชาดบังเกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้งว่าเวลาว่างเขาทำอะไรนอกจากงานบ้าง อันที่จริง...ควรใช้คำว่าเขา ‘เคย’ ทำอะไรตอนที่ไม่ได้ทำงานถึงจะถูก ครั้งสุดท้ายที่เขาผ่อนคลายที่สุดคงเป็นตอนที่จำใจต้องบินไปฮันนีมูนกับผู้เป็นสามีที่ทะเล ซึ่งนั่นก็ผ่านมาเป็นเดือนๆ แล้ว

บางทีพุทธชาดคิดว่าควรหาโอกาสไปเที่ยวดูอีกสักครั้ง ทำแต่งานแถมยังต้องสู้รบตบมือกับกัลปพฤกษ์แทบทุกวัน ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองค่อยๆ แก่ลงไปวันละสิบปีเห็นจะได้

พูดถึงสามีผู้ไม่ได้เรื่องแล้วพุทธชาดก็ชะงักไป นับตั้งแต่วันที่อีกฝ่ายย้ายกลับมานอนห้องเดียวกับเขา แต่แทนที่จะหาเรื่องกวนประสาทกลับสงบเสงี่ยมนิ่งเฉยอย่างไม่เคยเป็น ไม่พูดจายั่วโมโหหรือก่อร่างสร้างปัญหาให้เขาเลยแม้แต่นิดเดียว ท่าทีของกัลปพฤกษ์เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ปลุกพุทธชาดให้หลุดจากภวังค์ เขาเอ่ยอนุญาตสั้นๆ หลังจากนั้นไม่นานบานประตูก็ถูกเปิดเข้ามา ตามด้วยร่างของแม่บ้านเก่าแก่ที่ถือถาดใส่แก้วนมอุ่นมาให้ด้วย

“คุณแก้วต้องการอะไรอีกไหมคะ”

“ไม่ล่ะครับ ป้าดาไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักผมก็จะไปนอนแล้ว”

“เข้าใจแล้วค่ะ” หญิงวัยกลางคนค้อมหัวเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับ แต่แทนที่จะเดินออกไปเหมือนอย่างทุกครั้ง เธอกลับมีสีหน้าลังเลปนกังวลใจและเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางละล้าละลัง “เอ่อ คือว่าคุณกัลป์...กลับมาแล้วนะคะ เพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่นี่เองค่ะ”

“ครับ แล้วมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?” อัลฟ่าหนุ่มถามอย่างไม่เข้าใจ ปกติกัลปพฤกษ์ก็กลับบ้านดึกอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยมีใครมารายงานเขาทั้งนั้น ยกเว้นก็แต่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายเอ่ยถามเอง...การที่ป้าแม่บ้านพูดขึ้นก่อนแบบนี้ แสดงว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับผู้ชายคนนั้นแน่ๆ

“ไม่รู้คุณกัลป์ไปทำอะไรมา ปากแตกแถมยังเปียกฝนมาทั้งตัวเลยค่ะ”

“ปากแตก?” พุทธชาดทวนถาม ชายหนุ่มมุ่นคิ้วก่อนจะพยักหน้ารับ “เดี๋ยวผมจัดการเอง ไปนอนเถอะครับ”

คล้อยหลังแม่บ้านคนสนิท พุทธชาดก็ยกนมขึ้นดื่มจนหมด จากนั้นจึงกลับไปยังห้องนอนที่ตอนนี้ใครอีกคนน่าจะกำลังอาบน้ำอยู่ ราชนิกุลหนุ่มก้าวเข้าห้องพลางกวาดสายตามองโดยรอบ แต่เสียงน้ำที่ดังมาจากในห้องน้ำทำให้เขาผ่อนคลายลงได้เล็กน้อย เพราะนั่นหมายความว่าเรื่องที่เขาเดาเอาไว้นั้นถูกต้อง

พุทธชาดครุ่นคิดถึงคำบอกเล่าของแม่บ้านก่อนหน้านี้อีกครั้ง ปากแตก...ก็หมายความว่ากัลปพฤกษ์อาจจะไปมีเรื่องกับใครสักคนมา เพราะคนอย่างนั้นคงไม่โง่ถึงขนาดที่จะเอาปากไปกระแทกกับเสาไฟหรืออะไรสักอย่างจนแตกหรอก ดังนั้นความเป็นไปได้เดียวก็คือเจ้าตัวน่าจะมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นมา

คิดได้ดังนั้นคนเป็นภรรยาก็เริ่มกังวลใจขึ้นมา ไม่รู้ว่าไปมีเรื่องกับใครที่ไหน ถ้าเกิดกลายเป็นข่าวขึ้นมาอีกล่ะก็...ไม่ได้การ เขาควรถามอีกฝ่ายให้ชัดเจนแล้วรีบสั่งการให้เลขาฯ ของตนปิดข่าวให้ไวที่สุด

กำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. ออก แต่ร่างสูงกำยำที่เดินออกมาจากห้องน้ำก็ทำให้พุทธชาดชะงักมือเสียก่อน มองมุมปากที่ช้ำเล็กน้อยนั่นแล้วจึงเลื่อนขึ้นมาสบดวงตาสีรัตติกาล แล้วทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบงัน...นานเท่าไหร่ไม่แน่ใจนัก แต่ในที่สุดพุทธชาดก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

“คุณไปมีเรื่องกับใครมาครับ”

คนถูกถามเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำถามนั้น เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบ “คุณแก้วคงไม่ได้ถามเพราะเป็นห่วงผมใช่ไหมครับเนี่ย”

คำพูดกวนประสาทพวกนี้มันกลับมาแล้ว เป็นการการันตีได้ว่านิสัยแย่ๆ ของสามีจอมสำส่อนไม่ได้หายไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว ช่วงที่ดูสงบเสงี่ยมขึ้นมันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น

“ผมถามเพราะจะได้รู้ว่าต้องรีบปิดข่าวทะเลาะวิวาทของคุณหรือเปล่า”

“ชื่อเสียงอีกล่ะสิ เรื่องเดิมๆ”

พุทธชาดเลือกที่จะไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาก้าวพลางล้มตัวลงนอนหันหลังให้ผู้เป็นสามีเหมือนเช่นทุกครั้ง โดยไม่ลืมกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะพยายามข่มตาตัวเองให้หลับลง

“ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็ดีไปครับ แต่ถ้าใช่ก็แจ้งกับเลขาฯ ของผมด้วย เขาจะได้รีบปิดข่าว”

ชายหนุ่มไม่อาจรู้ได้เลยว่าสีหน้าของกัลปพฤกษ์เป็นยังไงหลังจากนั้น เพราะถ้าเขาจะหันไปมองสักนิด คงได้เห็นความโกรธเคืองและเจ็บใจเหลือแสนในดวงตาคู่นั้นแล้ว

และพุทธชาดคงต้องสงสัยไปอีกนานว่าอะไร...ที่ทำให้อีกฝ่ายมีสีหน้าแบบนั้น



ฝนตกตลอดทั้งคืน อากาศที่ควรเย็นสบายกลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อพุทธชาดสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่ผิดปกติจากผู้เป็นสามี เพราะแขนที่แนบเข้าหากันโดยไม่ตั้งใจ...อัลฟ่าหนุ่มลุกขึ้นนั่ง แม้เพิ่งตื่นนอนโดยไม่เต็มใจ แต่สีหน้าท่าทางของเขาก็ยังคงดูสง่างามไร้ที่ติเหมือนเคย

ราชนิกุลหนุ่มขมวดคิ้ว ด้วยไม่แน่ใจว่าควรจะยื่นมือไปหากัลปพฤกษ์ดีหรือไม่ แต่สุดท้ายท่าทางกระสับกระส่าย ไหนจะใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมขึ้นมาตามกรอบหน้าของสามี ก็ทำให้พุทธชาดตัดสินใจต้องยื่นมือไปวัดไข้จากอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ และความร้อนที่หลังมือก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีแล้วว่ากัลปพฤกษ์กำลังไม่สบายจริงๆ

“ทำไมไข้ขึ้นขนาดนี้” ประโยคนี้พุทธชาดถามขึ้นโดยไม่คิดจะให้อีกคนลืมตาขึ้นมาตอบ “หรือเป็นเพราะบาดเจ็บมาแถมยังตากฝน”

นั่นไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด แค่แผลปากแตกและตัวเปียกฝนไม่น่าจะทำอะไรอัลฟ่าอย่างกัลปพฤกษ์ได้เลยด้วยซ้ำ ยกเว้นก็แต่ว่าอีกฝ่ายโดนทำร้ายมามากกว่าที่เขาเห็น...คิดได้ดังนั้นพุทธชาดก็ถือวิสาสะปลดกระดุมเสื้อนอนสีเข้มออก และเพียงแค่สาบเสื้อแยกจากกันเขาก็ได้เห็นร่องรอยฟกช้ำบนตัวของสามี

สิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้นั้นถูกต้อง มันไม่ใช่แค่เรื่องชกต่อยเล็กๆ น้อยๆ นี่เรียกว่าการทำร้ายร่างกายกันได้เลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าเขาต้องเค้นคอถามอีกฝ่ายให้ได้เสียแล้วว่าไปทำอะไรมา ทำไมบาดเจ็บขนาดนี้แล้วไม่ไปหาหมอ แถมยังตากฝนกลับบ้านมาจนไข้ขึ้นสูงอีก

พุทธชาดถอนหายใจ เขาตัดสินใจปลุกคนป่วยให้ตื่นขึ้น “คุณกัลป์ คุณกัลป์ครับ”

“ฮื่อ...” คนถูกเรียกขมวดคิ้วแน่นหากแต่ยังไม่ยอมลืมตา

“คุณกัลป์ ตื่นขึ้นมาก่อนครับ”

ลองเรียกอีกสองสามครั้งแต่กัลปพฤกษ์ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา เขาดูจะทรมานเพราะไข้ที่ขึ้นสูงไม่หยุด พุทธชาดจึงผละออกแล้วก้าวเท้าไวๆ เข้าไปในห้องน้ำ นำอ่างแก้วใบเล็กออกมาใส่น้ำตามด้วยหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กใส่ลงไปสองผืน ร่างสูงสง่าถือมันออกมาวางข้างเตียง จับผู้เป็นสามีขึ้นนั่งเพื่อถอดเสื้อออกก่อนจะนำผ้าผืนหนึ่งบิดหมาดๆ แล้วพับวางพาดเอาไว้บนหน้าผากคนป่วย จากนั้นจึงค่อยใช้ผ้าอีกผืนเช็ดตัวไปตามขั้นตอนที่เคยได้เรียนมา

ที่จริงเขาจะไปเรียกแม่บ้านสักคนมาทำให้ก็ได้ แต่เวลานี้ดึกมากเกินกว่าพุทธชาดจะทำแบบนั้นได้ลง ชายหนุ่มจึงต้องทำมันด้วยตัวเอง นั่นรวมไปถึงการหาหยูกยามาให้กัลปพฤกษ์ด้วย...หลังจากเช็ดตัวให้อีกฝ่ายเสร็จ ราชนิกุลหนุ่มก็ก้าวลงจากห้องไปยังตู้ยาสามัญประจำบ้าน เขารื้อหายาแก้ปวดหัวลดไข้ รวมไปถึงยาทาแผลฟกช้ำและแผลแตก ไม่ลืมหยิบเอาปรอทวัดไข้มาด้วย

กลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้งก็พบว่าคนไม่สบายกำลังปรือตามองไปรอบๆ มือสีแทนข้างหนึ่งหยิบเอาผ้าบนหน้าผากขึ้นมามอง เห็นดังนั้นพุทธชาดก็วางของทั้งหมดที่ถือมาลงบนเตียงก่อนจะคว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้แล้วดึงผ้ากลับมาวางลงบนหน้าผากกัลปพฤกษ์ตามเดิม

“อย่าซน”

“ผมไม่สบายเหรอ...” น้ำเสียงคนป่วยแหบแห้งอย่างเห็นได้ชัด เรียวคิ้วขมวดแน่น “ปวดหัว”

“ครับ คุณบาดเจ็บมาแถมยังตากฝน ต่อให้เป็นอัลฟ่าก็ล้มได้เหมือนกัน” พุทธชาดตอบพลางหันไปหยิบปรอทวัดไข้มาทำความสะอาดก่อนยื่นใส่ปากของกัลปพฤกษ์ โดยไม่ลืมจัดตำแหน่งให้มันอยู่ในจุดที่ถูกต้อง ซึ่งก็คือใต้ลิ้นของอีกฝ่าย “อมเอาไว้นะครับ ผมจะดูว่าคุณไข้สูงแค่ไหน ถ้ามันมากเกินไปจะได้เรียกอาหมอมาดู ผมไม่อยากให้คุณตัวร้อนจนช็อกหมดสติที่นี่”

“กลัวผมตายกลายเป็นผีบนเตียงของคุณเหรอครับ”

อัลฟ่าราชนิกุลไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเวลาแบบนี้สามีของเขายังจะพูดจากวนโมโหใส่กันได้อีก เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยย้ำอีกครั้ง

“ก็บอกว่าให้อมไว้เฉยๆ ไงครับ ในสามนาทีนี้ห้ามพูดอะไรเด็ดขาด”

คราวนี้คนฟังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แม้จะมีคำถามมากมายแต่กัลปพฤกษ์ยอมที่จะรออีกสามนาทีแล้วค่อยเอ่ยถาม ดวงตาสีดำสนิทมองตามความเคลื่อนไหวของคนเป็นภรรยาไปด้วย พุทธชาดหันไปจัดเตรียมยาแก้ปวดลดไข้พร้อมน้ำเปล่า เสร็จแล้วก็หยิบเอายาทาแก้ฟกช้ำมาทาบนหน้าท้องของสามี

กัลปพฤกษ์เผลอเกร็งหน้าท้องเล็กน้อย แต่สัมผัสที่แผ่วเบาและอ่อนโยนเกลี่ยยาไปตามรอยช้ำเขียว ชายหนุ่มก็ผ่อนคลายลง อดจะชมคุณแก้วในใจไม่ได้ว่ามือเบา เขานึกว่าอีกฝ่ายจะใช้โอกาสนี้ทำให้เขาเจ็บยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ดูเหมือนคนที่คิดอะไรเป็นเด็กๆ จะกลายเป็นเขาฝ่ายเดียวไปซะแล้ว

หลังจากทายาเสร็จพุทธชาดก็ลุกไปล้างมือก่อนจะกลับมาอีกครั้ง เมื่อเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าครบเวลาสามนาทีที่ว่าแล้ว อัลฟ่าหนุ่มหยิบเอาปรอทออกมาจากปากคนป่วย

“สามสิบแปดจุดหกองศา ถือว่าไม่มาก ลองกินยาแก้ไข้กับเช็ดตัวไปก่อน ถ้าไม่ดีขึ้นพรุ่งนี้เช้าค่อยขอให้อาหมอมาดูอาการนะครับ”

“ทำไมคุณถึงไม่เรียกแม่บ้านมาดูแลผมแทนล่ะ” นี่คือคำถามแรกที่คนเป็นสามีเอ่ยถามหลังจากปากว่างแล้ว

คนถูกถามชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบ “มันดึกมากแล้ว ผมไม่อยากรบกวนป้าดาหรือใครทั้งนั้น”

“แต่คุณกลับมาคอยดูแลผมเองเนี่ยนะ? ผมนึกว่าคุณจะปล่อยให้ผมไข้ขึ้นต่อไปไม่ดูดำดูดีกันซะอีก”

“ก็อยากทำอย่างนั้นอยู่หรอกครับ แต่ผมมีน้ำใจมากพอที่จะไม่ทำ และถึงจะต้องจำใจดูแลคุณแต่ผมจะถือว่ามันคือหน้าที่ที่ผมในฐานะภรรยาพึงกระทำ...ก็เท่านั้นครับ”

“ชมตัวเองน่ะกระดากปากบ้างไหม” กัลปพฤกษ์ยังคงหาเรื่องมาเย้าแหย่ไม่เลิก เขาเห็นสีหน้าหงุดหงิดใจของผู้เป็นภรรยาแวยหนึ่ง ก่อนมันจะกลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง แต่เพียงแค่นั้นก็มากพอแล้ว อัลฟ่าผิวแทนไม่ได้เห็นคนอย่างคุณแก้วเสียอาการมาสักพักใหญ่ พอได้เห็นบ้างก็ทำให้รู้สึกสนุกดีพิกล

“ลุกขึ้นมากินยาครับ” พุทธชาดไม่ตอบคำถามนั้นแต่ออกคำสั่งแทน และกัลปพฤกษ์ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายเสียจนน่าแปลกใจ แต่ก็ดีแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาบังคับขู่เข็ญหรือยัดยากรอกน้ำใส่ปากของอีกฝ่ายให้เปลืองแรง “คุณอยากทำแผลที่ปากหรือเปล่า”

คนถูกถามยกปลายนิ้วขึ้นแตะมุมปากของตัวเองแล้วก็นิ่วหน้า มันเป็นแค่แผลแตกเล็กๆ ถึงจะเจ็บไปบ้างเวลาอ้าปากพูดหรือไปแตะโดนมันแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ถึงอย่างนั้นกัลปพฤกษ์ก็ไม่อยากให้คนเป็นภรรยาเสียน้ำใจ ชายหนุ่มพยักหน้ารับพลางว่า

“รบกวนคุณหน่อยแล้วกัน”

พุทธชาดพยักหน้ารับ เขาลงมือทำแผลให้โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไร กระทั่งการทำแผลเสร็จสิ้นพร้อมกับคำขอบคุณแผ่วเบาจากกัลปพฤกษ์ที่ดังมาเข้าหู มันทำให้ร่างสูงสง่าชะงักลงอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีรัตติกาลที่แสนมีเสน่ห์แล้วเอ่ยขึ้นอย่างจนใจ

“ผมไม่ชินกับคุณที่เป็นแบบนี้เลยคุณกัลป์”

“แบบไหนครับ?”

“พูดจาสุภาพและรู้จักขอบคุณผมจากใจจริง” ราชนิกุลหนุ่มทำมือเป็นสัญญาณว่าให้อีกฝ่ายนอนลงซะ แน่นอนว่านี่เป็นอีกครั้งที่สามีของเขาทำตัวเชื่อฟังยอมล้มตัวลงนอนทันที “ถ้าคุณหัดขอโทษอย่างจริงใจแบบนี้บ้างเวลาสร้างปัญหาให้ผมต้องตามแก้ก็คงจะดี”

“อ้าว”

“ไม่สิ ถ้าคุณเลิกสร้างเรื่องให้ผมปวดหัวถึงจะดีที่สุดต่างหาก”

“ตกลงคุณจะชมหรือด่าผมกันแน่ครับ คุณภรรยา”

กัลปพฤกษ์ทั้งขำทั้งฉิว เขาจับผ้ากลับขึ้นไปโปะหน้าผากอีกครั้ง แต่พุทธชาดแย่งมาแล้วลุกหายเข้าห้องน้ำไปพร้อมอ่างแก้วโดยไม่พูดอะไร กลับมาอีกครั้งพร้อมน้ำอ่างใหม่และผ้าที่ชุบน้ำบิดหมาดวางลงบนหน้าผากของร่างสูงอีกครั้ง ตามด้วยผ้าอีกผืนที่นำมาเช็ดแขนและลำคอให้

“แล้วแต่คุณจะคิด”

“ครับ?” คนฟังมุ่นคิ้วเมื่อจู่ๆ ภรรยาอัลฟ่าของเขาก็พูดขึ้น

พุทธชาดเช็ดมือเรียวยาวของสามีแล้วกล่าวขยายความ “ที่คุณถามก่อนหน้านี้ไงครับ ว่าผมด่าหรือชมกันแน่”

“จริงๆ แล้วคุณแก้วเป็นคนตลกหน้าตายสินะครับ”

“แล้วแต่คุณจะคิด”

“ตอบคำตอบอื่นบ้างก็ได้” กัลปพฤกษ์ถึงกับถอนหายใจ เขาปล่อยให้อัลฟ่าผู้สูงศักดิ์ติดกระดุมเสื้อนอนให้ตามเดิม รวมไปถึงยอมให้คุณแก้วจับผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขาจนถึงคอด้วย อัลฟ่าผิวแทนอดคิดไม่ได้ว่าที่จริงแล้วภรรยาของเขาก็ทำอะไรน่ารักๆ แบบนี้ได้นี่นา “ถ้าคุณทำตัวน่ารักๆ แบบนี้กับผมอีกบ่อยๆ ก็คงดี”

“ถ้าคุณไม่ก่อเรื่องให้ผมตามแก้กก็คงดีเหมือนกันครับ”

“พอทีเถอะน่า เพิ่งหลอกด่าผมไปเมื่อกี้นี้เอง ยังจะขุดขึ้นมาย้ำอีก ผมเบื่อจะฟังแล้ว”

พุทธชาดอยากจะบอกเหมือนกันว่าเขาเองก็เบื่อที่ต้องมาปวดหัวกับเรื่องของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่เขาพูดออกไปคือ “คุณไปทะเลาะกับใครมาครับ”

“...”

“ผมคิดว่าคุณควรบอกผม ผมจะได้รู้ว่าต้องจัดการยังไง”

“ไม่ต้อง” น้ำเสียงของกัลปพฤกษ์เปลี่ยนไปจากเดิม มันแข็งกระด้างมากขึ้นและนั่นรวมไปถึงดวงตาคู่คมที่เป็นประกายวาวโรจน์ราวกับกำลังโมโหใครสักคนอยู่ “ผมจัดการเองได้และจัดการไปแล้วด้วย คุณไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้”

“ผมต้องยุ่งแน่ถ้าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับชื่อเสียงของเรา”

คนเป็นสามีทำหน้าเหม็นเบื่อทันที “เลิกพูดเรื่องชื่อเสียงด้วย มันน่ารำคาญ”

“งั้นคุณก็บอกผมมาว่าไปมีเรื่องกับใครถึงขั้นต้องทำร้ายร่างกายกัน มีคนเห็นเหตุการณ์มากน้อยแค่ไหน...”

“เอาเป็นว่าผมจัดการปิดข่าวหมดแล้ว โอเคมั้ย!?” กัลปพฤกษ์แทบจะตวาดออกมา แต่เพราะน้ำเสียงของเขามันแหบแห้งเนื่องจากพิษไข้ที่กำลังรุมเร้า ไหนจะอาการปวดตุบๆ ที่ศีรษะ พอเขาโมโหขึ้นมาเลยยิ่งไปกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกแย่ลงกว่าเดิม สุดท้ายอัลฟ่าผิวแทนก็ตัดบทด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใจ “ส่วนผมทะเลาะกับใครนั่นก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ ผมรักษาชื่อเสียงให้กับตระกูลของเราแล้ว เรื่องนอกเหนือจากนั้นเป็นเรื่องของผม คนนอกไม่เกี่ยว!”

คนนอก

พุทธชาดนิ่งงัน เขามองใบหน้าหล่อเหลาหากแต่ยามนี้กลับซีดเซียวเพราะไม่สบายอีกเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้ารับแล้วยอมถอยให้ตามที่กัลปพฤกษ์เรียกร้อง

“ก็ได้ ผมจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้อีก”

“ดี”

“แต่ถ้าสุดท้ายแล้วยังมีข่าวเสียๆ หายๆ ของคุณหลุดออกไปอีกล่ะก็ ผมจะถือว่าคุณไม่มีความสามารถในการจัดการมันอย่างดีพอ และผมจะเข้าไปจัดการต่อให้เรียบร้อยเอง”

“คุณแก้ว!”

“ถึงเวลานั้นก็หวังว่าคุณจะเปิดปากคายเรื่องโสมมของคุณออกมาให้หมดล่ะครับ”

คนนอกไม่เกี่ยวสินะ

ใช่...ท่องเอาไว้สิพุทธชาดว่าตัวเองเป็นแค่คนนอก

.

.

.
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 10 [17-06-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 18-06-2021 18:08:49
คิดถึงงง อย่าหายไปนานเลยนะคะ อยากรู้จังว่าพระเอกของเราไปต่อยตีกับใครมา มีภรรยาเป็นสาเหตุไหมมม รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 11 [08-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 08-07-2021 19:46:37


บทที่ 11

อันความเชื่อใจ ลองให้สักครั้ง




ในวันหยุดของสัปดาห์ที่เก้าหลังจากพวกเขาแต่งงานกัน ทั้งสองตระกูลก็ได้นัดหมายออกไปทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันที่ภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง นับว่าเป็นการพบปะแบบเป็นทางการครั้งแรกหลังพิธีแต่งงานเสร็จสิ้นไป พุทธชาดเริ่มเคยชินกับการมีสถานะ ‘สมรสแล้ว’ พ่วงติดตัว และเขาเริ่มชินแล้วกับการใช้ชีวิตร่วมกับกัลปพฤกษ์

นับตั้งแต่วันที่อีกฝ่ายไม่สบายจวบจนเวลาผ่านมาอีกเดือนกว่า แม้จะไม่มีข่าวฉาวหลุดออกไปในหน้าสื่อว่าสามีของเขาไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใครที่ไหน ซึ่งก็นับว่าอีกฝ่ายทำตามที่รับปากกับเขาเอาไว้ได้ตามที่พูด แต่หลังจากนั้นกัลปพฤกษ์กลับทำตัวดีขึ้นอย่างน่าประหลาด...อีกแล้ว

จากที่ชอบหาเรื่องก็ไม่ค่อยทำ แต่เรื่องปากเสียพูดจาไม่รักษาน้ำใจบางครั้งยังมีอยู่ ส่วนการไปมั่วเซ็กซ์กับพวกโอเมก้าที่เลี้ยงไว้ก็ไม่มีคลิปหลุดใดๆ โผล่มาให้เห็น ไม่มีข่าวฉาวลงในสื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่อออนไลน์ แม้บางครั้งจะกลับบ้านเอาตอนดึกดื่นหรือเช้าตรู่พร้อมกลิ่นฟีโรโมนที่ติดตัวจนฉุนกึก แต่โดยรวมแล้วสามีของเขาก็ทำตัวดีขึ้นเป็นอย่างมาก

ไม่ได้ทำตัวเป็นสามีที่ดีเลิศอะไร...แต่ก็ไม่ก่อร่างสร้างปัญหาให้พุทธชาดปวดหัว นั่นนับว่าเป็นเรื่องดี

ที่จริงราชนิกุลหนุ่มรู้สึกว่ากัลปพฤกษ์มีหลายอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วด้วยซ้ำ หากลองคิดดูดีๆ ก็คงจะตั้งแต่วันที่เราคุยกันเรื่องความรัก...ซึ่งเป็นบทสนทนาที่ดูไร้สาระที่สุดในชีวิตของเขา แต่ก็เป็นบทสนทนาที่จริงจังที่สุดสำหรับเราทั้งคู่เช่นกัน

พอนึกย้อนไปถึงคำพูดในวันนั้น อัลฟ่าหนุ่มยังคงย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเขากำลังโกหก และมันจะเป็นคำโกหกที่เขาจะเก็บไว้กับตัวตลอดไปด้วย ความสัมพันธ์ของเขากับกัลปพฤกษ์ไม่ดีมาตั้งแต่แรก อีกทั้งมันคงไม่มีทางดีขึ้นไปมากกว่านี้ได้ ดังนั้นความจริงในใจของเขาจึงไม่จำเป็นต่ออีกฝ่าย

ถึงอย่างนั้นท่าทีที่เปลี่ยนไปของผู้เป็นสามีก็ยังทำให้เขากังวลใจอยู่ดี บางครั้งยามเห็นสีหน้าราวกับมีเรื่องให้คิดไม่ตกเสียที พุทธชาดก็อยากเอ่ยปากถามปัญหาของอีกฝ่าย หากเขาช่วยอะไรได้ก็อยากจะช่วย ยังไงเสียเราก็เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมาย และการแบ่งเบาภาระหรือช่วยเหลือค้ำจุนกันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา

แม้พุทธชาดอยากทำอย่างนั้น แต่เพียงแค่นึกถึงประโยคที่อีกฝ่ายบอกว่าเขาเป็นคนนอก ปากที่อ้าขึ้นเพื่อจะเอ่ยถามก็ปิดฉับลงทุกครั้งไป มุมมองของเราสองคนต่างกัน...ในขณะที่เขามองอีกฝ่ายเป็นสามีแม้ไม่ได้เต็มใจแต่ง แต่กัลปพฤกษ์มองเขาเป็นเพียงคนนอกเท่านั้น คำเรียกภรรยาที่เจ้าตัวใช้กับเขา เป็นเพียงแค่การหาเรื่องพูดจากวนประสาทกันก็เท่านั้นเอง

ไม่ใช่ไม่รู้ตัวว่าตนเองเองมีอคติกับผู้เป็นสามีไม่น้อยเลย เราต่างฝ่ายต่างทำร้ายจิตใจกันและกันเท่าที่จะทำได้เลยด้วยซ้ำ...ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันพุทธชาดก็รู้ตัวดีว่าเขานั่นแหละที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ฉากหน้าเขาอาจจะกล่าวคำต่อว่าอีกฝ่ายได้หน้าตาเฉย แต่หัวใจของเขาไม่ได้เป็นไปตามคำพูดที่เอ่ยออกไป

อัลฟ่าหนุ่มเคยได้ยินคำพูดหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว คำพูดที่ว่า...คนที่รู้สึกก่อนก็คือผู้แพ้

“แก้ว...ตาแก้ว?”

คนถูกเรียกพลันได้สติ พึงรู้ตัวว่าเผลอเหม่อลอยต่อหน้าผู้ใหญ่เข้าซะแล้ว “ขอโทษครับ ผมเสียมารยาทแล้ว”

“ไม่เป็นไรจ้ะ เห็นนิ่งไปก็เลยเรียกน่ะ” มารดาของสามีเป็นฝ่ายพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มใจดี ก่อนจะเอ่ยถามอีกประโยคด้วยน้ำเสียงห่วงใย “ว่าแต่คิดมากเรื่องอะไรจ้ะเนี่ย หรือว่าตากัลป์ทำอะไรให้เครียด...”

“อ้าว แม่ครับ ทำไมโทษผมก่อนเลยล่ะ” อัลฟ่าผิวแทนที่นั่งอยู่ข้างกันพูดขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาแสร้งกะพริบตาปริบๆ ราวกับกำลังจะบอกว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ “ผมออกจะเป็นเด็กดี”

คำพูดนั้นเรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคนบนโต๊ะอาหาร แม้แต่พุทธชาดเองยังชะงักไปเล็กน้อย เกือบหลุดยิ้มออกมาแล้วด้วยซ้ำหากแต่ก็ควบคุมสีหน้าตัวเองเอาไว้ได้ทัน...เด็กดีงั้นเหรอ? อีกฝ่ายห่างไกลจากคำๆ นั้นอยู่มากโขเลยทีเดียว

“เราน่ะเหรอเด็กดี ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก” คุณราชพฤกษ์หรือก็คือบิดาของกัลปพฤกษ์ส่ายหน้า

คนเป็นลูกชายรีบหาแนวร่วมด้วยการหันมามองหน้าภรรยาอัลฟ่าพลางแย้มยิ้ม...ในแบบที่พุทธชาดไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะมันเป็นรอยยิ้มหวานเชื่อมซะจนน่าขนลุก แต่คนได้รับก็รู้สึกใจเต้นผิดจังหวะชั่วขณะหนึ่งเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะบรรดาพ่อแม่มองอยู่ ราชนิกุลหนุ่มคงหันหน้าหนีไปแล้ว

น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามเขา “คุณแก้ว บอกพวกท่านสิครับว่าผมเป็นเด็กดีของคุณมากแค่ไหน”

ดวงตาสองคู่ต่างสีสบกันในระยะห่างเพียงครึ่งช่วงแขน สายตาของสามีอัลฟ่าเป็นประกายกรุ้มกริ่มแฝงความท้าทายเอาไว้ คงกำลังคิดว่าเขาจะตอบอย่างไร จะโกหกหรือบอกความจริงว่าที่ผ่านมาตลอดสองเดือนกว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเรา

หากเป็นก่อนหน้านี้พุทธชาดคงจะโกหกออกไปว่ากัลปพฤกษ์เป็นสามีที่ดี ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจอะไร แต่หลังจากได้รับสายตาแบบนั้น ราชนิกุลหนุ่มก็รู้แล้วว่าจะตอบพ่อสามีว่าอะไร

เขายังเลือกที่จะโกหกเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่การกล่าวชมเชยเพื่อให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายสบายใจ

“ที่จริงแล้วคุณกัลป์ดื้อมากเลยครับ”

“...!” กัลปพฤกษ์เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เขาอึ้งงันด้วยไม่คิดว่าผู้เป็นภรรยาจะตอบแบบนั้น

พุทธชาดเบือนสายตาไปมองพ่อแม่ของอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มน้อยๆ พลางว่า “เขาทำงานแล้วกลับดึกบ่อยมาก ชอบทำให้ผมเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยครับ พอผมขอให้เขาอย่าหักโหมทำงานหนักเขาก็ไม่ค่อยจะฟังกัน บางทีถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นฝ่ายพูด เขาอาจจะฟังขึ้นมาบ้างก็ได้นะครับ”

เกิดความเงียบขึ้นเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานพ่อแม่ของพุทธชาดก็หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วบอกให้สามีของลูกชายทำงานหนักให้น้อยลง พอๆ กับฝากฝังให้กัลปพฤกษ์ช่วยดูแลไม่ให้ลูกชายของตนทำงานหนักเช่นกัน แม้นั่นจะส่งผลให้พุทธชาดทำหน้าไม่ถูกไปชั่วขณะด้วยเพราะเขาเองก็เป็นคนบ้างานคนหนึ่งเหมือนกัน แต่ก็ไม่เท่าความสำราญใจเล็กๆ ยามเมื่อเขาสังเกตเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคุณลุงพฤกษ์กับคุณป้าวดี...ถึงจะเป็นเวลาแค่เสี้ยวนาทีก็ตาม

ไม่ต้องพูดออกมาราชนิกุลหนุ่มย่อมรู้ดีว่าพวกท่านเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ คนเป็นพ่อเป็นแม่ทำไมจะไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองเป็นยังไง ต่อให้ไม่ได้รับรู้ทุกเรื่องก็ตาม แต่เรื่องที่กัลปพฤกษ์ทำตัวเสเพลกับโอเมก้ามากหน้าหลายตาน่ะ...มีหรือที่พวกท่านจะไม่รู้เห็น

“ได้ยินไหมตากัลป์ ทำภรรยาเป็นห่วงน่ะใช้ไม่ได้เลย”

“ขอโทษครับแม่” กัลปพฤกษ์ตอบรับอย่างเสียงไม่ได้

พุทธชาดหันกลับมาสบตาคนเป็นสามีอีกครั้ง จ้องมองใบหน้าบึ้งตึงและสบดวงตาคาดโทษของอีกฝ่าย พอเห็นสีหน้าเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อเขาแล้ว อัลฟ่าผู้สูงศักดิ์ก็เผลอยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมในแบบที่ไม่เคยยิ้มให้ใครมาก่อน และนั่นสร้างความประหลาดใจให้กัลปพฤกษ์จนเผลอมองหน้าภรรยาตาค้าง

ปฏิกิริยาเหล่านั้นทำให้พุทธชาดได้สติ เขาหุบยิ้มลงพลางหันไปก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อ ไม่ได้สนใจต่อสายตาของคนข้างกายที่ยังมองมาไม่เลิก บรรยากาศชวนให้กระอักกระอ่วนทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเสียเฉยๆ แต่ในที่สุดมันก็หายไปเมื่อพ่อของเขาเอ่ยปากชวนพ่อของผู้เป็นสามีคุย เช่นเดียวกับบรรดาแม่ๆ ที่หันไปคุยกันเอง

พุทธชาดไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขาทำให้กัลปพฤกษ์ลืมหายใจไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว



มื้อเย็นจบลงแล้ว แต่เพราะถูกคะยั้นคะยอให้ไปเดินเที่ยวเล่นด้วยกันบ้าง เวลานี้พุทธชาดกับกัลปพฤกษ์จึงต้องเปลี่ยนจากทานข้าวในภัตตาคารหรูเป็นจิบไวน์อยู่บนดาดฟ้าของเรือล่องแม่น้ำที่พวกผู้ใหญ่เตรียมไว้ให้ สองร่างนั่งอยู่ตรงข้ามกัน บนโต๊ะมีแจกันใส่ดอกกุหลาบแดงกับแก้วไวน์แดงที่พร่องไปนิดเดียว

รอบตัวของพวกเขามีเพียงความเงียบ พนักงานที่ให้การดูแลไม่ได้เข้ามาขัดจังหวะหรือเป็นส่วนเกิน แสงไฟจากสองริมฝั่งแม่น้ำสว่างไสว มองดูทั้งสวยและยุ่งเหยิงนัยน์ตา กระนั้นลมเย็นๆ ที่พัดผ่านมาก็พอจะทำให้รู้สึกดีได้บ้าง

กัลปพฤกษ์ถอดเสื้อสูทสีเทาออก ตามด้วยเนกไท กระดุมสองเม็ดแรกและกระดุมข้อมือ จากนั้นอัลฟ่าผิวแทนก็พับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นจนถึงข้อศอก เขาผ่อนลมหายใจแต่ไม่ได้ฟังดูเหมือนเบื่อหน่ายอย่างเช่นทุกครั้ง มันดูผ่อนคลายเสียมากกว่า

“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

“ครับ?” พุทธชาดมุ่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็โพล่งขึ้นมา

อัลฟ่าผิวแทนโคลงแก้วไวน์ในมือเล่น เขาสบตาสีน้ำตาลอ่อนก่อนจะเบือนไปมองท้องฟ้าแล้วตอบ “ได้มาจิบไวน์บนเรือล่องแม่น้ำแบบนี้ไง คุณไม่คิดว่ามันก็ดีเหรอ?”

“อืม”

“อืมนี่คือ?”

พุทธชาดค่อนข้างงุนงง ทำไมกัลปพฤกษ์ถึงเป็นฝ่ายชวนเขาคุยก่อน แถมยังไม่ใส่คำพูดค่อนแขะหรือจิกกัดลงไปในประโยคด้วย ที่อัลฟ่าหนุ่มรู้สึกว่าสามีเปลี่ยนไปเขาไม่ได้คิดไปเองเลยสักนิด ถึงจะไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เถอะ แต่ก็อย่างที่เขาบอกก่อนหน้านี้...กัลปพฤกษ์ทำตัวดีขึ้นจริงๆ

“ผมก็คิดว่าดี”

“เราควรไปเที่ยวด้วยกันอีกสักครั้ง”

“ครับ?!” น้ำเสียงของราชนิกุลหนุ่มสูงขึ้นอีกระดับ ถ้าการชวนคุยประหลาดแล้ว การชวนไปเที่ยวไม่ยิ่งกว่าประหลาดหรือไงกัน “คุณป่วยหรือเปล่าคุณกัลป์ หรือเอาหัวไปกระแทกอะไรมาครับ?”

“คุณนี่ยังปากร้ายไม่เปลี่ยนเลยแฮะ” กัลปพฤกษ์บ่นเหมือนเคย แต่น้ำเสียงของเขากลับไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่พูด มันเอื่อยเฉื่อยราวกับเขาเพียงแค่บ่นเรื่องดินฟ้าอากาศ

“แต่คุณดูเปลี่ยนไป”

คำพูดนั้นเรียกให้อัลฟ่าผิวแทนหันกลับมามองคนเป็นภรรยาอีกครั้ง และนั่นทำให้ความลังเลใจที่มีมาตลอดทั้งเดือนของพุทธชาดหายไป แม้รู้ดีว่าอาจจะโดนกันออกเป็นคนนอกอีกครั้ง แต่เขาก็ทนความอยากรู้ของตนเองไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“ยังไงเหรอครับ?” กัลปพฤกษ์กล่าวถาม เขาวางแก้วไวน์ที่ไม่ได้ดื่มสักหยดลงแล้วยกแขนขึ้นกอดอก สีหน้าไร้ความรื่นรมย์โดยสิ้นเชิง

พุทธชาดลอบสูดหายใจเข้าลึกเป็นการเรียกกำลังใจให้ตัวเอง “ตั้งแต่ที่คุณไม่สบายคุณก็ดูแปลกไป เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจงั้นเหรอครับ คุณดูไม่ปกติเอาเสียเลย”

พอได้โอกาสถามเขาก็ถามซะหมดเปลือก น้ำเสียงดูร้อนรนกว่าปกติเล็กน้อยจนต้องพยายามระงับตัวเองให้มีสติและใจเย็นเอาไว้ ไม่บ่อยนักที่ชายหนุ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้หรือรู้สึกเสียศูนย์แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้

คนถูกถามไม่ตอบ ดวงตาสีดำคู่นั้นหลุบลงไม่สบตา ความเงียบกลับมาล้อมรอบกายของพวกเขาเอาไว้อีกครั้ง เป็นความเงียบที่ยาวนานซะจนราชนิกุลหนุ่มทำใจแล้วว่าเขาคงไม่ได้รับคำตอบ แต่อย่างน้อยก็ดีที่เขาไม่โดนคำพูดร้ายกาจสาดใส่เหมือนครั้งนั้น

แต่ในขณะที่เรือจอดนิ่งอยู่กลางแม่น้ำ สายลมหอบใหญ่พัดผ่านก่อนที่คำตอบจะดังขึ้นหลังเวลาผ่านไปพักใหญ่ น้ำเสียงคนพูดดูทั้งอยากและไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็ยังพูดออกมาแม้จะเป็นคำตอบที่คลุมเครือก็ตาม

“ผม...มีปัญหาบางอย่างที่ยังแก้ไขไม่ได้ แต่ผมพยายามแก้มันอยู่”

นับเป็นครั้งแรกที่กัลปพฤกษ์ยอมบอกเรื่องของตัวเองออกมา และพุทธชาดรู้สึกว่านี่คือการหันหน้าเข้าหากันในฐานะสามีภรรยาเป็นครั้งแรกเช่นกัน เขาไม่ปฏิเสธว่ามันให้ความรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อดคาดหวังไม่ได้ว่ามันจะมีครั้งต่อไปหรือไม่

“คุณไม่อยากบอกผมสินะครับว่ามันคือปัญหาอะไร”

สามีของเขาส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ท่าทางของเขาดูเหนื่อยอ่อนจนพุทธชาดเกิดความเห็นใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวอะไรสักอย่าง แต่อัลฟ่าหนุ่มไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับโอเมก้าที่อีกฝ่ายเก็บสะสมเอาไว้หรอก เพราะเขานึกภาพผู้ชายสำส่อนที่ปวดหัวเพราะควบคุมเด็กๆ พวกนั้นไม่ได้ไม่ออกเลย ในเมื่อเท่าที่ชายหนุ่มทราบมา...อีกฝ่ายพร้อมสลัดโอเมก้าที่สร้างปัญหาให้ตนเองทิ้งได้โดยไม่เหลือเยื่อใยเลยทีเดียว

“คุณไม่ต้องใส่ใจหรอก แต่ถ้าคุณห่วงเรื่องชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอะไรพวกนั้นก็หายห่วงไปได้เลย ผมไม่สร้างปัญหาให้คุณปวดหัวหรอกน่า”

“ผมก็อยากจะเชื่อใจคุณอยู่หรอกนะ แต่คุณไม่เคยทำให้ผมเชื่อใจได้เลย แทบทุกคืนคุณกลับมาพร้อมกลิ่นฟีโรโมนติดตัวเหม็นฟุ้งไปหมด วันไหนจะมีคลิปหลุดออกมาอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ แบบนี้คิดว่าผมยังไว้ใจคุณได้อีกเหรอครับ?”

ไม่ได้ตั้งใจให้บทสนทนาออกมาเป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วความกังวลใจเล็กๆ ที่เขามีต่อกัลปพฤกษ์กลับไม่เคยเลือนหายไป แม้ว่าตลอดเดือนที่ผ่านมาอีกฝ่ายจะสงบเสงี่ยมมากแค่ไหนก็ตาม

คนโดนต่อว่าหัวเราะออกมาเบาๆ แต่น้ำเสียงกลับดูแห้งเหือดไร้ชีวิตชีวาเหลือเกิน วูบหนึ่งใบหน้านั้นดูเหนื่อยล้า แต่เพียงพริบตามันก็กลับมาเรียบเฉยดังเดิม พร้อมประโยคคำพูดเอื้อยเฉื่อยไร้อารมณ์

“จี้ใจดำชะมัดเลย ผมคงขออะไรจากคุณไม่ได้มากไปกว่าขอให้อดทนกับผมหน่อยแล้วกันนะครับ คุณภรรยา”

“ช่างเถอะ”

“...” จู่ๆ ก็โดนคำว่าช่างเถอะกระแทกเข้าสู่โสตประสาทหลังจากตัวเองพูดยังไม่ทันจบดีด้วยซ้ำ กัลปพฤกษ์เลิกคิ้ว มองใบหน้าหล่อเหลาสูงส่งของคุณแก้วอย่างไม่เข้าใจ

พุทธชาดถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกว่า “ครั้งนี้ผมจะเชื่อใจคุณก็แล้วกัน”

“คุณแก้ว...”

“อย่าทำให้ผมผิดหวังนะครับ”

ดูเหมือนวันนี้เราทั้งคู่จะอ่อนข้อให้กันและกันโดยไม่ได้นัดหมาย พุทธชาดได้แต่หวังว่าสามีของตนจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานๆ และในเมื่ออีกฝ่ายขอให้เขาเชื่อใจ เขาก็หวังว่าการให้ความเชื่อใจกับอีกฝ่ายไปในครั้งนี้จะไม่เสียเปล่า เพราะถ้ามันเสียเปล่าล่ะก็...

ต่อให้รู้สึกกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังพูดคำว่าเกลียดได้เต็มปากเช่นกัน

.

.

.
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 12 [08-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 08-07-2021 19:47:53
บทที่ 12

คำพูดอันหวานหู ฟังดูไม่น่าเชื่อ



พุทธชาดไม่แน่ใจนักว่ากัลปพฤกษ์ดื่มไวน์ไปกี่แก้ว เขาจำได้แค่ว่าอีกฝ่ายดื่มไปเยอะมาก แรก ๆ ก็ทีละแก้ว แต่ตอนหลังขอให้เด็กเสิร์ฟยกขวดมาให้แทน แล้วเจ้าตัวก็ดื่มเอา ๆ อยู่คนเดียว ต่างจากชายหนุ่มที่ดื่มไปเพียงสามสี่แก้วเท่านั้น และแม้ว่าตามหน้าที่ภรรยาแล้วเขาควรห้ามไม่ให้ผู้เป็นสามีดื่มมากจนเกินไป แต่กลับกันพุทธชาดปล่อยให้อีกฝ่ายดื่มจนเมามายได้อย่างเต็มที่ แม้สุดท้ายเขาต้องเป็นคนหิ้วอีกฝ่ายกลับบ้านก็ตาม

ยังไงคืนนี้กัลปพฤกษ์ก็อยู่กับเขา ไม่ได้ไปเมาหัวราน้ำเอาหน้าซุกอกโอเมก้าที่ไหน

“เดินดี ๆ คุณกัลป์” พุทธชาดเอ่ยกับคนที่เขาพยุงอยู่

“อือ...”

กัลปพฤกษ์ไม่ถึงกับเมาจนไร้สติอย่างที่เข้าใจ เทียบกับวันนั้นที่โดนพุทธชาดกระแทกเข่าใส่ท้องแล้วเหมือนจะดูดีมากกว่าด้วยซ้ำ อัลฟ่าผิวแทนก้าวเท้าตามการนำทางของคนที่พยุงเขาเอาไว้ โซเซไปบ้างแต่โดยรวมแล้วก็ไม่ถึงกับทำให้ภรรยาต้องลำบาก

“ให้ดิฉันช่วย...”

“ไม่ต้องหรอกครับ รบกวนป้าดาเตรียมน้ำกับผ้าไว้เช็ดตัวให้เขาก็พอ สภาพแบบนี้คงอาบน้ำไม่ได้” ปรายตามองอัลฟ่าผู้เป็นสามีพลางถอนหายใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงรู้สึกหยามเหยียดคนคนนี้ไปแล้ว แต่ตอนนี้รู้ดีว่าอีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ปกติ เขาจึงปล่อยผ่านแล้วเลือกที่จะช่วยดูแลแทน “อ้อ ขอน้ำเปล่าด้วยนะครับ”

“ได้ค่ะคุณแก้ว รอสักครู่นะคะ”

ป้าแม่บ้านวิ่งนำขึ้นไปเพื่อเตรียมน้ำและผ้าให้ หลังจากจัดเตรียมของที่เจ้านายต้องการเรียบร้อยแล้วเธอก็กลับลงไปทันที ทิ้งให้คุณแก้วดูแลสามีด้วยตนเองตามที่อีกฝ่ายต้องการ...หลังจากประตูปิดลงพุทธชาดก็เริ่มจากช่วยถอดเสื้อผ้าของกัลปพฤกษ์ออก แต่เพียงแค่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตมือหนาก็คว้าข้อมือของเขาแล้วจับยึดเอาไว้

“ผม...จะอาบน้ำ”

“เดินยังไม่ตรง ถ้าเข้าไปอาบน้ำคุณคงได้ล้มหัวฟาดพื้น ผมไม่อยากหามคุณส่งโรงพยาบาลในเวลาดึกดื่นแบบนี้หรอกนะครับ” ราชนิกุลหนุ่มเอ่ยหน้าตาย เรียกเสียงหัวเราะจากอัลฟ่าผิวแทนได้ในทันที

“จะแช่งให้ผมตายหรือไงครับ”

“ผมไม่ได้พูดแบบนั้น”

“ผมไหวน่า” กัลปพฤกษ์ว่าพลางลุกขึ้นนั่งอย่างดื้อดึง

อัลฟ่าผู้ดีเก่าถอนหายใจอย่างยอมแพ้ “ตามใจครับ แต่ถ้าไม่ไหวก็เรียกแล้วกัน”

“ถ้าคุณเป็นห่วงนักก็เข้าไปอาบน้ำกับผมเลยสิ”

“ไม่ล่ะครับ” พุทธชาดปลดกระดุมแขนเสื้อออกทั้งที่ยังสบตาสามีอยู่ ท่วงท่านั้นสง่างามสมกับที่เป็นอัลฟ่าชนชั้นสูง เล่นเอาคนเมาเผลอมองค้าง แต่สีหน้าของคุณแก้วที่แสนเรียบเฉยไร้อารมณ์ยามพูดต่อมาอีกประโยคก็ทำให้กัลปพฤกษ์ถูกดึงกลับสู่ความเป็นจริง “อัลฟ่าอย่างคุณไม่เร้าใจผมมากพอ”

ประโยคนี้ฟังดูคุ้น ๆ นะ

กัลปพฤกษ์นิ่งคิด แม้จะเลือนรางแต่ในที่สุดเขาก็คิดออกว่ามันคือคำพูดเดียวกันกับที่เขาเคยพูดในคืนเข้าหอ ตอนนั้นชายหนุ่มแค่อยากจะหยอกล้อภรรยาเล่น แต่ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นคำพูดฝังใจของคุณแก้วไปซะได้...ก็ถ้าไม่ฝังใจอีกฝ่าย เจ้าตัวคงไม่หยิบยกมันมาตอกกลับเขาเอาในวันนี้หรอก

อัลฟ่าผิวแทนหัวเราะแผ่วเบา เขายกสองมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ “โอเค ผมเคยพูดแบบนั้นกับคุณแก้ว มันคงไม่แปลกที่คุณแก้วจะเอาคืนผมด้วยคำพูดเดียวกัน”

พุทธชาดไม่ได้ตอบอะไร ชายหนุ่มเพียงบอกให้ร่างสูงไปอาบน้ำเสีย เขาจะได้อาบบ้างเพราะอยากพักผ่อนเต็มทีแล้ว และกัลปพฤกษ์ก็ทำตัวว่าง่าย ไม่ออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อถูกไล่ ร่างสูงพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไป กระนั้นก็ไม่วายทิ้งประโยคหนึ่งเอาไว้ว่า...

“ผมขอถอนคำพูดได้ไหม เพราะตอนนี้คุณแก้วโคตรจะเร้าใจผมเลย”

ราชนิกุลหนุ่มขมวดคิ้วทันใด ใบหน้าหล่อเหลาฉายความระอาผสมความเหนื่อยล้าออกมาอย่างที่ไม่มีทางทำต่อหน้าคนอื่น เขาได้แต่คิดว่าผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรจากเขากันแน่ จู่ ๆ ก็พูดจาเหมือนจะ...

ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก คงหวังจะได้นอนกับเขาอีกครั้งเสียมากกว่า

คิดได้ดังนั้นก็สบายใจมากขึ้น แม้ในขณะเดียวกันจะรู้สึกหน่วงในอกเล็กน้อยก็ตาม อีกทั้งเมื่อลองมานั่งคิดดูดี ๆ แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะกัลปพฤกษ์กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนแออยู่ มีหรือจะไม่หาเรื่องยั่วอารมณ์โกรธของเขา พุทธชาดมั่นใจเลยว่าไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่หากสามีของเขาอยู่ในสภาวะปกติ

ร่างสูงสง่าผ่อนลมหายใจยาวอีกครั้ง เขาไล่คำพูดเหล่านั้นของผู้เป็นสามีออกไปจากสมอง ปลดนาฬิกาข้อมือวางลงบนโต๊ะ ตามด้วยแหวนแต่งงานที่จะหยิบมาใส่แค่ตอนออกจากบ้านหรืออยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น ถึงแม้มันจะเป็นแค่แหวนที่จำต้องใส่ แต่อัลฟ่าหนุ่มก็เก็บรักษามันไว้อย่างดีเสมอ

จ้องมองแหวนแต่งงานอยู่นานเท่าไรไม่รู้ ตกอยู่ในภวังค์ความคิดสะเปะสะปะเรื่อยเปื่อยไปไกล รู้ตัวอีกทีก็มีร่างสูงกำยำมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดข้างแก้มยามเมื่อกัลปพฤกษ์ชะโงกหน้าเข้าหา มือข้างหนึ่งจับเอวของพุทธชาดเอาไว้เบา ๆ ขณะที่อีกมือเอื้อมจับแหวนในมือของภรรยา ก่อนจะสวมมันกลับเข้าไปในนิ้วนางข้างซ้ายเหมือนเดิม

น้ำเสียงทุ้มต่ำและไร้ซึ่งอาการเมามายเอ่ยขึ้น พร้อมกันนั้นกลิ่นลมหายใจเย็น ๆ คล้ายกลิ่นมิ้นต์ก็ลอยมาแตะจมูกของราชนิกุลหนุ่ม

“แหวนแต่งงานไม่ควรถอดออกนะครับ”

“คุณเคร่งครัดเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอครับ?” พุทธชาดถามขึ้น

อัลฟ่าหนุ่มยังคงยืนนิ่งแม้ตอนนี้ตัวเองกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของสามีก็ตาม หลายครั้งที่เราสองคนต้องแนบชิดกันด้วยความจำเป็นหรือเพราะกัลปพฤกษ์จงใจหาเรื่องเขา แต่มีเพียงครั้งนี้เท่านั้นที่บรรยากาศระหว่างเราไม่ได้เต็มไปด้วยความโกรธเคืองหรืออึดอัดใจ

“ผมไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลยแฮะ ผมก็แค่ไม่เคยถอดมันออกก็เท่านั้น”

คำตอบที่ได้รับทำให้หัวใจของพุทธชาดเต้นผิดจังหวะ แต่คนที่ควบคุมตัวเองได้ดีเสมอยังคงรักษาสีหน้าเอาไว้ได้อยู่หมัด และไม่นานก็กำกับจังหวะการเต้นของสิ่งที่อยู่ในอกให้กลับมาเป็นจังหวะเดิม รวดเร็วเสียจนคนด้านหลังไม่ทันรู้ตัว

“ผมนึกว่าคุณไม่ชอบ ยังไงซะมันก็เป็นแหวนที่เราทั้งคู่ไม่ได้อยากสวมมันตั้งแต่แรก”

ราชนิกุลหนุ่มยังคงพูดต่อไปโดยที่ไม่ได้ขยับร่างกายไปไหน เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับกัลปพฤกษ์ผ่านบานกระจก มองรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ดวงตาสีรัตติกาลเป็นประกาย และมองทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ยามเมื่อสามีตัวดีโน้มหน้าลงเพื่อกดจูบที่ข้างลำคอของเขาเบา ๆ

สัมผัสที่ได้รับทำให้ร่างกายชาหนึบไปชั่วขณะ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาไม่เคยได้รับความอ่อนโยนแบบนี้จากคนเป็นสามีมาก่อน แม้แต่ในคืนนั้นที่มีอะไรกันครั้งแรกกัลปพฤกษ์จะพยายามอ่อนโยนกับเขามากแค่ไหน แต่มันก็ไม่ได้นุ่มนวลและดูอ่อนหวานเหมือนอย่างตอนนี้

พุทธชาดอดคิดไม่ได้ว่าที่อีกฝ่ายกำลังมองและสัมผัสเขาอยู่ตอนนี้ เจ้าตัวมองเห็นเขาที่เป็นเขา...หรือเห็นเขาเป็นตัวแทนของโอเมก้ากลิ่นหอมหวานที่อยากได้มาโอบกอดกันแน่

“คุณแก้ว” นอกจากจะไม่ตอบคำถามของเขาแล้ว กัลปพฤกษ์ยังเอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็น พร้อมกันนั้นอ้อมแขนแกร่งก็กอดรัดรอบเอวของพุทธชาดเอาไว้แน่นขึ้น

คนถูกกอดยังคงนิ่ง แม้ใจจะไม่นิ่งตาม ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงที่เอ่ยถามออกไปก็ยังเรียบเฉยไม่ไหวสั่น “ที่ทำแบบนี้...ต้องการอะไรจากผมครับ”

“ผมต้องการคุณ”

คำพูดตรงไปตรงมานั้นถูกฝังเข้าสู่โสตประสาทการรับรู้ของพุทธชาด แต่ในขณะเดียวกันมันก็ให้ความคลุมเครือต่อคนฟัง ต้องการงั้นเหรอ? ความต้องการของกัลปพฤกษ์เป็นแบบไหนล่ะ จะใช่ความต้องการในแบบเดียวกันกับพุทธชาดหรือเปล่า ถ้าให้เดาก็คงไม่...

“แต่ผมไม่ต้องการ”

กล่าวจบอัลฟ่าผู้สูงศักดิ์ก็ดึงแขนที่กอดตนเองอยู่ออก เขาหมุนตัวดันสามีให้ถอยห่าง ไม่สบตาแม้แต่นิดเดียวในตอนที่เดินหนีเข้าห้องน้ำ หลังจากปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกหมดแล้วจึงเพิ่งเห็นว่าอ่างอาบน้ำยังคงมีน้ำอยู่ และก่อนที่จะปล่อยให้มันไหลทิ้งไปพร้อมคำบ่นในใจที่มีต่อกัลปพฤกษ์ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน ตามด้วยเสียงของคนด้านนอก

“น้ำนั่นผมใส่ไว้ให้เอง ไม่ต้องห่วงว่ามันจะเป็นน้ำที่ผมอาบหรอกนะครับ ผมไม่ได้เป็นคนทุเรศอย่างหนักจนถึงกับจะแกล้งคุณแบบนั้น”

ราชนิกุลหนุ่มเกือบตอบโต้กลับไปแล้วว่าเขาเห็นอีกฝ่ายทุเรศได้ถึงขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกไปแม้เพียงครึ่งคำ กระนั้นมือที่จะดึงเอาที่กั้นน้ำออกก็ผละห่างมา ชายหนุ่มล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาดแล้วจึงหย่อนกายนอนแช่น้ำในอ่าง แม้ตอนแรกไม่ได้คิดที่จะทำแบบนี้ แต่ในเมื่อผู้ชายคนนั้นอุตส่าห์ทำอะไรดี ๆ ให้ พุทธชาดก็ไม่อยากหักหาญน้ำใจอีกฝ่ายนัก

มาคิดดูแล้วก็อดสมเพชตัวเองไม่ได้ กลัวสามีไม่ได้เรื่องคนนั้นเสียความรู้สึก ทั้งที่กัลปพฤกษ์ทำให้เขาเสียความรู้สึกมานับครั้งไม่ถ้วน ถึงอย่างนั้น...ต่อให้เขาจะพยายามเกลียดอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่ความรู้สึกที่ตรงข้ามกับคำว่าเกลียดก็มีอานุภาพมากพอ ๆ กัน และเขาไม่เคยเอาชนะมันได้เลย

เขาแพ้ให้กับใจตัวเอง

ชายหนุ่มถอนหายใจพลางลุกขึ้นจากอ่าง คว้าผ้ามาเช็ดตัวก่อนจะสวมเสื้อคลุมอาบน้ำและเดินทะลุไปยังห้องแต่งตัว เมื่อสวมใส่ชุดนอนเรียบร้อยก็จำต้องยืนตั้งสติอีกเล็กน้อย ครุ่นคิดว่าจะทำสีหน้ายังไงหรือควรแสดงออกยังไงเมื่อออกไป ก่อนจะตระหนักได้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น ก็แค่ทำตัวตามปกติ...เหมือนที่ผ่านมา

ก้าวออกจากห้องแล้วตรงไปยังเตียงนอนที่มีร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นสามีนอนอยู่ก่อนแล้ว พุทธชาดไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหลับไปหรือยังไง แต่เขาไม่คิดจะถาม อัลฟ่าราชนิกุลสอดตัวเองเข้าใต้ผ้าห่ม เอื้อมมือไปกดปิดสวิตช์ไฟที่อยู่ตรงหัวเตียง และทันทีที่แสงสว่างดับหายไป เรียวแขนแกร่งก็โอบกอดเขาจากทางด้านหลัง

พุทธชาดชะงัก เขาถอนหายใจให้คนด้านหลังเห็นชัด ๆ โดยไม่คิดเก็บอารมณ์เอาไว้ว่ากำลังเอือมระอามากแค่ไหน ทั้งที่เคยบอกกัลปพฤกษ์แล้วว่าห้ามแตะต้องตัวเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่อีกฝ่ายก็ยังฝืนข้อห้ามของเขาอยู่ดี

“คุณเลิกพยายามเถอะครับ ผมไม่นอนกับคุณเด็ดขาด”

“คืนนี้ผมก็ไม่ได้ต้องการจะมีเซ็กซ์กับคุณแก้วอยู่แล้ว”

เป็นอีกครั้งที่คำตอบของคนเป็นสามีทำให้ชายหนุ่มพูดไม่ออก เขาเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “แต่คุณบอกว่าต้องการ...”

“ผมแค่ต้องการกอดคุณเท่านั้น”

ไม่เข้าใจ...มีแต่เรื่องที่ทำให้ไม่เข้าใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“คุณเป็นอะไรกันแน่ คุณกัลป์?” ราชนิกุลหนุ่มถามเสียงเบา “เกิดอะไรขึ้นกับคุณ”

เสียงถอนหายใจดังขึ้น พร้อมกันนั้นพุทธชาดก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดโดนต้นคอพอดี มันให้ความรู้สึกประหลาดและขนลุกในเวลาเดียวกัน สุดท้ายชายหนุ่มก็ทนกับความเงียบอันแสนน่าอึดอัดนี้ไม่ไหว เขาขยับไปกดเปิดโคมไฟแล้วหันหน้าเข้าหากัลปพฤกษ์

ดวงตาสองคู่สบกันท่ามกลางความสว่างอันสลัวราง เนิ่นนานราวกับจะไร้ที่สิ้นสุด อัลฟ่าผิวแทนกวาดสายตามองใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลักประติมากรรมชั้นเลิศ ได้ลองจ้องมองภรรยาอย่างตั้งใจแล้วกัลปพฤกษ์ก็พบว่าอีกฝ่ายสง่างามและมีเสน่ห์ สมกับที่เป็นอัลฟ่าในตระกูลผู้ดีเก่า

ปลายนิ้วแตะที่เส้นผมข้างขมับของพุทธชาด เกี่ยวขึ้นมาเล่นก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นลูบที่รอยแผลเล็ก ๆ ที่ถ้าไม่สังเกตก็คงมองไม่เห็น และอีกไม่นานมันก็จะหายไป ไม่ต้องถามไถ่ร่างสูงก็จำได้ว่ามันคือแผลที่เกิดจากอะไร

“ตอนนั้น...ผมขอโทษคุณไปหรือยัง”

คนถูกถามกะพริบตาเร็วขึ้นเล็กน้อย หัวคิ้วเกือบมุ่นเข้าหากันแต่ก็คลายออก อัลฟ่าผู้สูงศักดิ์เอ่ยตอบ “ผมจำไม่ได้ ที่จริงก็ไม่ได้คาดหวังคำขอโทษจากคนไร้จิตสำนึกแบบคุณหรอกครับ”

“วันไหนไม่ได้ด่าผมจะนอนไม่หลับหรือเปล่า” กัลปพฤกษ์หัวเราะออกมาเบา ๆ ใบหน้าของเขาดูผ่อนคลายและจริงใจจนไม่น่าเชื่อ รอยยิ้มที่ติดอยู่มุมปากนั้นก็ดูไม่ได้ร้ายกาจหรือเย้ยหยันกันเหมือนอย่างทุกที

ทุกอย่างที่สามีของพุทธชาดแสดงออกดูไม่น่าไว้ใจ แต่ก็ชวนให้อบอุ่นใจจนเขารู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในความฝัน เป็นฝันดีที่ราชนิกุลหนุ่มไม่อยากตื่นขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ

“ผมมากกว่าที่ต้องถามคุณ ไม่หาเรื่องผมคุณมีความสุขดีหรือเปล่าครับ”

ยิ่งต่อล้อต่อเถียงกันก็ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะขบขันจากอัลฟ่าผิวแทนได้เป็นอย่างดี จนกัลปพฤกษ์เองยังสงสัยเลยว่าตัวเขานั้นหัวเราะด้วยความผ่อนคลายจริง ๆ แบบนี้ครั้งสุดท้ายคือตอนไหน เพราะที่ผ่านมานับตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้น ชายหนุ่มก็ไม่อาจมีความสุขจากใจจริงได้อีกเลย

“ผมขอโทษ”

“ครับ?” พุทธชาดเกือบจะหลุดเสียงตะโกนขึ้นมาด้วยซ้ำ สีหน้าที่มักเรียบเฉยและมองกัลปพฤกษ์ด้วยความเหยียดหยามดูงุนงงอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ว่าผมจะพูดไปแล้วหรือไม่ แต่ผมอยากบอกคุณอีกครั้ง” คนเป็นสามีลูบรอยแผลเล็ก ๆ นั้นพลางเอ่ยต่อว่า “ขอโทษที่วันนั้นผมทำให้คุณเจ็บตัว”

“ผมจะรับไว้”

คราวนี้เป็นกัลปพฤกษ์เสียเองที่แปลกใจ ด้วยไม่คิดว่าภรรยาที่แสนเย่อหยิ่งและเกลียดชังเขายิ่งกว่าอะไรจะยอมให้อภัยกันง่าย ๆ แบบนี้ เราทั้งคู่ต่างไม่ได้รักใคร่ชอบพอกันตั้งแต่แรก ออกจะชังน้ำหน้าและหาเรื่องทะเลาะกันแทบทุกครั้งที่เจอหน้าเลยด้วยซ้ำ

โอเค เป็นเขาที่ชอบแหย่คุณแก้วมากกว่า แต่ก็นั่นล่ะ...เราทั้งสองต่างฝ่ายต่างปะทะอารมณ์กันอย่างไม่มีใครยอมใคร และการขอโทษกับการให้อภัยก็ราวกับเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ กระนั้นตอนนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว

ความอบอุ่นสายหนึ่งแล่นจากหัวใจและกระจายไปทั่วร่างกาย ประหนึ่งว่ามันคือกระแสไฟฟ้าเบาบางที่เพิ่มพลังงานให้กับกัลปพฤกษ์ ไม่ใช่กระแสไฟฟ้ารุนแรงที่เผาไหม้ความรู้สึกของเขาให้มอดเป็นเถ้าถ่าน

“แต่ขอย้ำเหมือนเดิมว่าอย่าสร้างเรื่องให้ผมแก้อีกจะดีมากครับ” พุทธชาดเอ่ยสำทับอีกประโยค

“ที่จริงคุณเป็นคนย้ำคิดย้ำทำใช่ไหมคุณแก้ว”

ได้ยินคำถามแล้วคนเป็นภรรยาก็ถอนหายใจเบา ๆ ทันที เขาปัดมือของกัลปพฤกษ์ออกแล้วตั้งท่าจะพลิกตัวนอนหันหลังให้ แต่ยังไม่ทันได้ทำแบบนั้นร่างสูงกำยำก็ขยับเข้ามาแนบชิดมากขึ้นพลางซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกของภรรยาอัลฟ่า มิหนำซ้ำแขนแกร่งยังพาดทับเอวของพุทธชาดเอาไว้ด้วย

“คุณกัลป์!”

“ผมบอกแล้วไงว่าคืนนี้ขอนอนกอดหน่อย”

พุทธชาดไม่รู้จะพูดกับผู้ชายคนนี้ยังไงดี เดือนก่อนยังทำตัวไม่ดีใส่เขาอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมาขอกอด กับออดอ้อนราวเด็กตัวน้อย ๆ ที่เหงาหรือเศร้าแล้วต้องการการปลอบโยนเพราะไม่อยากอยู่คนเดียว

ออดอ้อนงั้นเหรอ?

เป็นความคิดที่โลกสวยจนน่าขำ ราชนิกุลหนุ่มถึงกับเผลอส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับความคิดไร้เดียงสาของตัวเอง สามีของเขาไม่มีทางเป็นเด็กแบบนั้นไปได้หรอก ยิ่งกับคำว่าออดอ้อนแล้วดูเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่

“คุณจะบอกผมได้หรือยังว่าคุณเป็นอะไร” อัลฟ่าหนุ่มลองหยั่งเชิงถามอีกครั้ง

คนถูกถามผ่อนลมหายใจเป็นจังหวะเนิบช้า กระซิบตอบเสียงเบาโดยที่คำพูดนั้นไม่ได้ช่วยตอบคำถามแต่อย่างใด มันดูเหมือนเป็นคำกล่าวเลื่อนลอยในเชิงบอกเล่าเสียมากกว่า แต่คำพูดเหล่านั้นกระตุกใจคนฟังจนพุทธชาดเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ

“รู้อะไรมั้ย? ตอนนี้ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเรารักกันตั้งแต่แรก” กัลปพฤกษ์หลับตาลง เขาแนบหูฟังเสียงหัวใจที่เต้นด้วยจังหวะมั่นคงเหมือนผู้เป็นเจ้าของมันที่ดูเหมือนจะไม่เคยสั่นคลอนให้กับหน้าที่ของตัวเอง “ผมคงมีความสุขไปทั้งชีวิต”

พุทธชาดห้ามเสียงหัวใจของตัวเองไม่ได้ เขาควบคุมไม่ให้มันเต้นไม่ได้เลย และชายหนุ่มได้แต่กลัวจับใจว่ากัลปพฤกษ์จะสงสัยเมื่อได้ยินเสียงของมันที่เต้นผิดจังหวะ แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ทักไม่ถามแล้ว ยังนอนแนบหูกับหน้าอกของเขาแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น

ความเจ็บปวดแล่นลิ่วอยู่ในอก น้ำเสียงทุ้มต่ำที่กล่าวถ้อยคำเหล่านั้นออกมายังดังก้องอยู่ในหัว

ถ้าหากว่าเรารักกันแต่แรกคงทำให้มีความสุขงั้นเหรอ...

คำพูดที่ฟังดูหวานหูจากอีกฝ่าย อาจทำให้เขารู้สึกดีได้ แต่ยังไงก็ไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี


.
.
.
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 12 [08-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 09-07-2021 02:28:35
แอบตามอยู่ห่างๆจนถึงตอนนี้เริ่มจะมโนเองไปแล้วว่าคุณแก้วดูน่าสงสารจัง...
คุณสามี+ครอบครัวคงมีเรื่องที่ปิดบังคุณแก้วไว้ แล้วคงเป็นเรื่องที่จะทำให้คุณแก้วต้องยิ่งน่าสงสารขึ้นไปอีกแน่ๆเลย...  :กอด1:

ปล. แอบอยากยุให้คุณแก้วขอหย่าไปเลยก็น่าจะดีนะคะ... หึหึหึ...
ปล.2 อ่านมาจนถึงตอนนี้เริ่มอยากรู้จริงจังว่า เรื่องนี้ Happy ending ใช่มัยคะ รบกวนสปอยนิดจะเป็นพระคุณมากค่ะ... - -" ...
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 13 [08-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 10-07-2021 14:15:13

บทที่ 13

คำพูดแฝงนัย ถึงใครบางคน




กัลปพฤกษ์จดจ่ออยู่กับงาน สลัดภาพอัลฟ่าเสเพลออกไปจนราวกับเป็นคนละคน เขาอ่านเอกสารเกี่ยวกับงบประมาณในไตรมาศสามอย่างตั้งใจ ถึงจะมีฝ่ายบัญชีที่ไว้ใจได้ แต่เรื่องเงินล้วนไม่เข้าใครออกใคร ดังนั้นทุก ๆ ไตรมาศอัลฟ่าหนุ่มจึงมักตรวจสอบทุกอย่างด้วยตนเอง

บอร์ดบริหารต้องไม่ชอบใจแน่ถ้ารู้ว่าเขาจับได้ซะแล้ว...ว่ามีคนแอบยักยอกเงินบริษัท ถึงจะเป็นจำนวนแค่ไม่กี่ล้านบ้านก็ตาม แต่คนอย่างกัลปพฤกษ์ ชัยพัฒน์พิมานไม่คิดจะปล่อยหนูสกปรกเอาไว้ ต่อให้ถือหุ้นมากกว่าสิบเปอร์เซนต์เขาก็ไม่เอามันไว้ให้รกหูรกตาหรอก

กระบวนการคิดของชายหนุ่มหยุดชะงักเมื่อโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เมื่อกดรับเสียงของเลขาฯ สาวหน้าห้องก็ดังมา “ท่านประธานคะ คุณราชพฤกษ์ขอเข้าพบค่ะ”

“ให้เข้ามาเลยครับ”

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างสูงใหญ่ไม่ต่างจากเขาที่ก้าวเท้าเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย สีหน้าติดรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก แต่ทันทีที่บานประตูปิดลงและพวกเขาอยู่กันตามลำพัง คนเป็นบิดาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นบึ้งตึง น้ำเสียงเองก็ห้วนสั้นแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“เดี๋ยวนี้ฉันจะเข้ามาพบลูกชายยังต้องรอการอนุญาตจากแกก่อนด้วยหรือไง”

“ผมแจ้งไว้เองแหละครับว่าใครมาหาต้องโทร. เข้ามาแจ้งผมก่อน เกิดเปิดประตูเข้ามาเจอผมกำลังฟัดกับโอเมก้าสักคนโดยใช้โต๊ะทำงานต่างเตียง แขกที่มาเยือนอาจจะหัวใจวายตายเอาก็ได้นะครับคุณพ่อ” ร่างสูงเอ่ยหน้าตาย ปิดแฟ้มที่ยังไม่ผ่านการเซ็นอนุมัติลงแล้วยืนขึ้น เขาผายมือไปทางโซฟารับแขกพลางก้าวเท้านำ ไม่นำพาต่อเสียงตวาดที่ดังตามมา

“กัลป์พฤกษ์!”

“ผมว่าคุณพ่อมานั่งลงแล้วคุยกันดีกว่านะครับ ในเมื่อคุณพ่อมาแล้วก็ดีเลย ผมจะได้ปรึกษาเรื่องบอร์ดบริหารที่ยักยอกเงิน”

คำพูดเป็นการเป็นงานนั้นทำให้อดีตประธานบริษัทถึงกับชะงักไป ดวงตาคู่คมกริบเต็มไปด้วยอำนาจไม่ต่างจากผู้เป็นลูกชายวาวโรจน์ ธุระที่คิดจะมาพูดด้วยถูกจัดให้อยู่ทีหลังทัน...คุณราชพฤกษ์นั่งลงก่อนจะเริ่มการปรึกษาหารืออย่างจริงจัง

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ได้ข้อสรุปว่ากัลปพฤกษ์จะทำการเปิดโหวตให้ปลดผู้ถือหุ้นคนนั้นออกและฟ้องศาลในคดีฉ้อโกงโดยไวที่สุด และเมื่อธุระเรื่องงานจบลงแล้ว กัลปพฤกษ์ก็ได้โอกาสกล่าวถามธุระที่ทำให้พ่อของเขาต้องถ่อมาหาถึงที่นี่

“พ่อมาหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ คงไม่ได้มาเพราะคิดถึงหรอกใช่มั้ย?”

คุณราชพฤกษ์ถอนหายใจ “ทำไมแกไม่แวะไปที่บ้านบ้าง”

“ผมงานยุ่ง” ตอบอย่างไม่ใส่ใจ อัลฟ่าผิวแทนเสมองไปทางอื่น ไม่คิดจะสบตาบิดาบังเกิดเกล้าเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดเรื่องอะไร

“อย่าใช้ข้ออ้างโง่ ๆ กับฉัน แค่เจียดเวลาไปกินข้าวเย็นกับที่บ้านบ้างสัปดาห์ละสองสามครั้ง เมียแกคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง หรือถ้าแกกลัวเมียจะต้องกินข้าวคนเดียวก็ชวนไปด้วยกันซะก็สิ้นเรื่อง”

“พ่ออย่าคิดว่าผมไม่รู้...ว่าพ่อต้องการให้ผมทำอะไร” กัลปพฤกษ์พูดขึ้นอย่างเหลืออด อัลฟ่าผิวแทนเบือนหน้ามาสบตาคู่สนทนาด้วยแววตาแข็งกร้าว “อยากให้ผมเอาภรรยาไปประกาศกลางโต๊ะกินข้าว เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้คุณอาว่าผมจะไม่แย่งเธอมาใช่ไหมล่ะ?”

“ไอ้กัลป์...”

“รู้อะไรมั้ยพ่อ? กับคนบางคนต่อให้ผมไม่อยากแย่ง แต่บางทีอีกฝ่ายอาจจะอยากมาหาผมเองก็ได้ ขนาดวันนั้นผมไม่ได้ทำอะไร เธอยังแอบมาหาผมเองเลย” ร่างสูงยกยิ้มเย้ยหยัน แต่ทั้งคำพูดและสีหน้าล้วนกระตุ้นให้คุณราชพฤกษ์ยิ่งโมโห เขาไม่วายย้ำถึงเหตุการณ์วันนั้นอีกว่า “ถึงจะได้แผลมาสามสี่แผล แต่มันก็คุ้มนะกับกอดของเธอ”

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ! เธอเป็น...”

ก่อนจะคุณราชพฤกษ์จะได้ทันพูดจนจบ เสียงโทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้นอีกครั้งเป็นการขัดจังหวะ กัลปพฤกษ์แค่นเสียงหัวเราะก่อนจะเดินไปกดรับสาย เลขาฯ ของเขาแจ้งว่ามีแขกมาพบอีกท่าน หากแต่ครั้งนี้เป็นแขกที่อัลฟ่าผิวแทนไม่คาดคิดว่าจะมาหาเขาถึงที่นี่

เพราะปกติเขาไม่เคยไปหาคุณแก้วที่บริษัทของอีกฝ่าย และอีกฝ่ายก็ไม่เคยมาหาเขาถึงที่ทำงานเหมือนกัน

“ให้เขาเข้ามาได้เลย”

ไม่นานร่างสูงสง่าในชุดสูทสีเทาเข้มก็ก้าวเข้ามา ทันทีที่พุทธชาดเห็นพ่อของสามี ชายหนุ่มก็ยกมือไหว้พลางกล่าวทักทายทันที

“สวัสดีครับคุณพ่อ ผมไม่ทราบว่าคุณพ่อก็อยู่ที่นี่ เลยไม่ได้ซื้ออะไรติดไม้ติดมือมาฝาก”

“ไม่เป็นหรอกตาแก้ว ลุงเองก็มาเพราะมีธุระน่ะ แล้วนี่มาหาตากัลป์เหรอ?”

“ครับ พอดีว่า...” พุทธชาดหันไปมองหน้าผู้เป็นสามี ที่ยามนี้ยืนกอดอกพิงสะโพกกับโต๊ะทำงานมองดูภรรยากับพ่อตนเองคุยกัน “จะชวนคุณกัลป์ไปทำธุระที่ต่างจังหวัดน่ะครับ เป็นธุระเร่งด่วนที่อยากให้เขาไปด้วยกันหน่อย”

กัลปพฤกษ์เลิกคิ้ว แปลกใจไม่น้อยที่ภรรยาผู้สูงส่งถึงกับดั้นด้นมาหาเขาและอยากให้ไปด้วยกัน ธุระที่ว่านั้นนอกจากจะเร่งด่วนมากแล้ว เขาคิดว่ามันต้องเกี่ยวกับเรื่องชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลอะไรเทือก ๆ นั่นด้วยเป็นแน่ ไม่งั้นอีกฝ่ายจะถ่อมาหาเขาทั้งที่เกลียดขี้หน้าเขาอย่างกับอะไรดีเหรอ

“ได้สิครับ ผมพร้อมไปกับคุณทุก ๆ ที่นั่นล่ะ” อัลฟ่าผิวแทนขยับเข้ามาโอบไหล่พุทธชาด หันไปยิ้มหวานให้ก่อนจะกล่าวต่อ “เอาเป็นว่าวันนี้ผมไม่ว่างแล้วนะครับพ่อ มีนัดกับภรรยาที่รักแล้วน่ะ”

“วันไหนว่างก็ไปกินข้าวที่บ้านพ่อบ้างนะตาแก้ว”

“คุณแก้วของผมคงไม่ว่างหรอกครับ เพราะลำพังแค่กินข้าวกับผมทุกวันก็มีความสุขมากพอแล้ว” ยังไม่ทันที่ราชนิกุลหนุ่มจะได้ตอบรับคำเชิญชวนของพ่อสามี คนเป็นลูกชายก็โพล่งขัดขึ้นซะก่อน ดวงตาสีรัตติกาลเป็นประกายระยับแฝงความสนุกสนานและเย้ยหยันเอาไว้เต็มเปี่ยม จนพุทธชาดที่เหลือบมองยังเข้าใจได้ แล้วมีหรือที่คุณราชพฤกษ์จะมองไม่ออก

ทะเลาะกันก่อนเขาจะมางั้นเหรอ

พุทธชาดครุ่นคิด แต่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากส่งยิ้มบางเบาให้คุณลุงพฤกษ์และทำทีเหมือนไม่เข้าใจบรรยากาศมาคุระหว่างสองพ่อลูก เขาไม่พูดอะไรและปล่อยให้ทั้งสองได้คุยกันเอง

“เอาเถอะ ว่างเมื่อไหร่ก็นึกถึงพ่อกับแม่บ้างแล้วกัน”

“ผมก็นึกถึงตลอดนะครับ อ้อ นึกถึงคุณอากับเธอด้วย” กัลปพฤกษ์ยิ้มหยันอีกครั้ง “นึกถึงทุกคืนเลยล่ะ”

หากไม่มีพุทธชาดอยู่ คุณราชพฤกษ์คงได้ตวาดลูกชายเพียงคนเดียวจนห้องทำงานแตกไปแล้ว แต่เพราะยังต้องรักษาภาพลักษณ์และไม่อยากให้ลูกสะใภ้รู้เรื่องภายในครอบครัว อัลฟ่าวัยกลางคนจึงเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วกล่าวคำอำลาก่อนกลับไป

คล้อยหลังบานประตูที่ปิดลง กัลปพฤกษ์ก็ถอนหายใจออกมาทันที เขาปล่อยมือจากไหล่ของภรรยาอัลฟ่า หันไปหยิบโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ก่อนจะเอ่ยถาม

“จะไปทำอะไรเหรอครับ ต่างจังหวัดที่ว่า”

น้ำเสียงอ่อนระโหยเหมือนคนเหนื่อยจัดของกัลปพฤกษ์ เรียกเรียวคิ้วมนให้ขมวดเข้าหากัน เขารับรู้ได้ว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับบ้านชัยพัฒน์พิมานแน่ ๆ แต่เขาก็ไม่ได้เสียมารยาทมากพอที่จะเอ่ยถาม แม้จะติดใจกับคำว่า ‘เธอ’ ที่ผู้เป็นสามีเอ่ยเสียงเข้มราวกับตั้งใจจะเน้นย้ำก็ตาม

“ไปรับเด็กน่ะครับ”

“เด็ก?”

พุทธชาดพยักหน้ารับก่อนจะตอบ “หลานของผมเอง”


“หลาน? คุณมีหลานด้วยเหรอครับ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย” กัลปพฤกษ์ชวนคุยในระหว่างที่เดินออกจากห้องทำงาน แต่แล้วเขาก็หันไปกล่าวกับเลขาฯ ของตนก่อนที่พุทธชาดจะทันได้ตอบ “ครั้งหน้าถ้าภรรยาของผมมาอีก ก็ให้เขาเข้าไปได้เลยไม่ต้องขออนุญาตผม แค่เขาคนเดียวเท่านั้นนะครับ”

“เข้าใจแล้วค่ะบอส”

“ครับ คุณเองก็กลับบ้านเถอะ ได้เวลาเลิกงานแล้ว”

ราชนิกุลหนุ่มมองผู้เป็นสามีอย่างแปลกใจอีกครั้ง ท่าทีของอีกฝ่ายต่างจากก่อนหน้านี้ราวพลิกฝ่ามือ ไหนจะคำพูดแสนอ่อนโยนกับเลขาฯ ของตัวเองนั่นอีก เขาไม่เคยเห็นกัลปพฤกษ์ในภาพลักษณ์แบบนี้มาก่อน บางทีช่วงเวลาที่เจ้าตัวทำงานอาจจะเป็นคนละแบบกับตอนที่อยู่กับเขาก็ได้ล่ะมั้ง

แล้วไหนจะการกำชับกับเลขาฯ ให้ปล่อยเขาเข้าห้องทำงานของตัวเองได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาต คิดจะตบหัวแล้วลูบหลังกันหรือยังไง ก่อนหน้านี้สร้างเรื่องไว้ให้เขาปวดหัวตั้งหลายเรื่อง มาตอนนี้กลับคิดจะทำความดีกลบเกลื่อนหรือยังไงกัน

“ผมคงไม่ได้มาหาคุณบ่อยนักหรอกครับ” พุทธชาดบอกกล่าวกับอีกฝ่าย

คนฟังกระตุกบยิ้มมุมปากพลางว่า “ผมกำลังทำให้ทุกคนรู้อยู่นะว่าคุณเป็นภรรยาที่ผมรักใคร่ขนาดไหน”

ราชนิกุลหนุ่มได้ฟังอย่างนั้นก็ไร้ซึ่งคำจะโต้เถียง เขาเลือกที่จะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้วเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “เลขาฯ ของคุณ เธอเป็นเบต้านี่ครับ”

“ก็ใช่” อัลฟ่าผิวแทนตอบรับ เขาหันมาสบตาผู้เป็นภรรยาพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าสงสัยอะไรงั้นเหรอ

“คุณไม่ได้ชอบแต่โอเมก้าหรอกเหรอ”

เพียงเท่านั้นกัลปพฤกษ์ก็เข้าใจ สีหน้าของร่างสูงตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าประมาณว่าไม่รู้จะทำอย่างไรกับคู่สนทนาดี ก่อนสุดท้ายจะกลายเป็นการหัวเราะออกมาเต็มเสียง หัวเราะในแบบที่ไม่ใช่การเย้ยหยันหรือตั้งใจกวนประสาทกันเหมือนอย่างทุกครั้ง

เสียงหัวเราะที่ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นถึงกับหันมามอง และพุทธชาดออกจะรู้สึกว่านี่มันน่าอายไปหน่อยนะ แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามสามี ปล่อยอีกฝ่ายหัวเราะไปจนกว่าจะพอใจแล้วเอ่ยถามเสียแทน

“มีอะไรให้น่าหัวเราะกันครับ”

“นี่ คุณภรรยาครับ ถึงผมจะชอบสะสมโอเมก้า แต่ผมไม่ใช่พวกกินไม่เลือกนะ ยังไงที่นี่ก็เป็นที่ทำงานของผม แม้ภาพลักษณ์ของผมจะไม่ค่อยดีนักในสายตาคุณ แต่ผมไม่เคยเอาใครมาฟัดในห้องทำงาน อีกอย่างเลขาฯ ผมก็มีครอบครัวแล้วด้วย” กัลปพฤกษ์พูดทั้งที่น้ำเสียงยังติดขำอยู่เล็กน้อย “ส่วนเรื่องที่ว่าผมชอบแต่โอเมก้า อืม...ที่จริงเมื่อก่อนก็เป็นแบบนั้นนะครับ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”

“ยังไงครับ?” พุทธชาดถามออกไปอย่างรวดเร็วตามที่ใจนึก ก่อนจะมาระลึกได้ว่าเขาไม่ควรจะไปอยากรู้เรื่องของสามีจอมกวนประสาท ถ้าไม่อยากได้รับคำตอบที่ทำให้กรุ่นโกรธกลับมา

แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันแล้ว เพราะเมื่อคำถามถูกยิงออกไป คนรับซึ่งเป็นดั่งเป้ากระดาษมีชีวิตก็ตอบกลับมาว่า...

“ตอนนี้ผมเริ่มสนใจอัลฟ่าบ้างแล้วเหมือนกัน”

“...”

“อ้อ ผมหมายถึงคุณนั่นล่ะครับ”

นิสัยเสีย

อัลฟ่าราชนิกุลได้แต่ก่นด่าในใจ เพราะทันทีที่กัลปพฤกษ์พูดจบเจ้าตัวก็เดินนำลิ่ว ๆ ไปที่รถซึ่งจอดรออยู่หน้าบริษัท อีกฝ่ายเปิดประตูก่อนจะหันมาผายมือเชิญให้เขาเข้าไปก่อน และแน่นอนว่าคนเป็นภรรยามีแต่ต้องก้าวขึ้นไปนั่ง แม้ในใจจะอยากพูดออกไปว่าเขามีมือเปิดปิดประตูรถเองได้ก็ตาม

ทันทีที่รถเคลื่อนออกสู่ท้องถนน กัลปพฤกษ์ก็หยิบคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบขึ้นมาถามอีกครั้ง “ตกลงคุณมีหลานตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

“คุณจำที่คุณพ่อคุณแม่ของผมพูดถึงไม่ได้เหรอครับ เรื่องทายาทที่มาจากบรรดาญาติๆ ของสิทธาพิวัฒน์”

“อ้อ” คนฟังชะงักไป แต่ก็กลบเกลื่อนด้วยการถามอีกว่า “คุณกำลังจะไปรับหลานคนนั้นมาเป็นลูกบุญธรรมของเราสองคนงั้นเหรอ?”

“นั่นเป็นเรื่องที่ผมอยากจะปรึกษาคุณในภายหลัง เพราะยังไงซะการรับเด็กมาเลี้ยงเราต้องตัดสินใจร่วมกันในฐานะสามีภรรยา แต่วันนี้ผมแค่ไปรับพวกแกมาดูแลชั่วคราวเท่านั้น แม่ของพวกแก...อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

แค่คำว่าอาการ กัลปพฤกษ์ก็พอจะเดาได้ว่าแม่ของเด็ก ๆ ที่ว่านั่นอาจจะกำลังป่วยหนักหรืออะไรทำนองนั้นอยู่ และไม่มีกำลังมากพอจะดูแลลูก ดังนั้นคนเป็นญาติอย่างคุณแก้วจึงต้องให้ความช่วยเหลือ

“คุณมีหลานกี่คนกันเนี่ย”

“สองครับ คนโตเป็นผู้ชายอายุแปดขวบ อีกคนเป็นผู้หญิงอายุหกขวบ”

“ว้าว แต่งกับคุณได้ไม่กี่เดือนผมก็กำลังจะมีลูกกับคุณแล้วหรือเนี่ย”

กัลปพฤกษ์แกล้งทำน้ำเสียงตื่นเต้น เรียกคิ้วมนของพุทธชาดให้ขมวดเข้าหากัน อดคิดไม่ได้ว่ายังไงซะการพูดจากวนโมโหเขาก็ยังเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายถนัดและไม่คิดเลิกทำอยู่ดีนั่นล่ะ ต่อให้เดี๋ยวนี้จะสงบเสงี่ยมไม่สร้างเรื่องให้เขาตามแก้มากขึ้นก็ตาม

ราชนิกุลหนุ่มเลือกที่จะไม่ต่อล้อต่อเถียง เขาหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าแล้วก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นเสียแทน “คุณทะเลาะกับคุณลุงพฤกษ์หรือเปล่า”

“คุณสนใจด้วยหรือไง” กัลปพฤกษ์ย้อนถาม และนั่นทำให้พุทธชาดตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรถามเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวในครอบครัวของคนเป็นสามี

“ขอโทษครับ มันเป็นเรื่องของครอบครัวคุณ ผมไม่ควรยุ่ง”

อัลฟ่าผิวแทนถอนหายใจ ชายหนุ่มทิ้งหัวลงพิงกับเบาะ ดวงตาสีรัตติกาลทอดมองออกไปเบื้องหน้า ไม่ได้โฟกัสที่จุดไหนเป็นพิเศษ ข่วงเดือนสองเดือนมานี้มีเรื่องหนักหนาสาหัสกับเขาหลายเรื่องซะจนเขาไม่มีอารมณ์จะหาเรื่องกวนโมโหภรรยาเหมือนอย่างที่ผ่าน ๆ มา

“พ่อก็แค่อยากให้ผมไปเยี่ยมบ้านบ้าง แต่ผมไม่ว่าง เพิ่งจับได้ว่ามีผู้ถือหุ้นยักยอกเงินบริษัท ไหนจะต้องใช้เวลาดูแลภรรยาในทุก ๆ วันอีก ผมจะเอาเวลาว่างที่ไหนกลับบ้านไปทานข้าวกับพวกเขา”

“เหตุผลข้อหลังเป็นข้ออ้างที่แย่มากครับ คุณน่ะเหรอดูแลผม” พุทธชาดอดไม่ได้ต้องเอ่ยค่อนแขวะ เรียกเสียงหัวเราะจากสามีอัลฟ่าให้ดังขึ้นอีกครั้ง

“ต้องบอกว่าผมเอาตัวเองมาให้คุณภรรยาดูแลมากกว่าสินะ จะว่าไปสองสามวันมานี้ต้องขอบคุณเลยนะครับเนี่ย ที่ทำให้ผมนอนหลับสนิทได้”

“คุณนอนไม่หลับงั้นเหรอ?”

น้ำเสียงของคนเป็นภรรยาแฝงความห่วงใยเอาไว้เจือจาง แต่มีหรือที่กัลปพฤกษ์จะรับรู้ไม่ได้ ความเป็นห่วงที่ได้รับจากคุณแก้วให้ความรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด หมู่นี้เขารู้สึกว่าการได้พูดคุยกับคุณแก้วก่อเกิดความสบายใจให้กับตัวเขาเป็นอย่างมาก

“เพราะมีเรื่องเครียดนิดหน่อยเท่านั้น ผมยังสบายดี คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

“ผมไม่ได้ห่วง ผมอยากให้คุณเป็นแบบนี้ไปตลอดเลยด้วยซ้ำ จะได้ไม่ออกไปสร้างเรื่องเสื่อมเสียมาให้ผมตามปิดตามแก้” พุทธชาดเอ่ยเสียงเรียบติดเย็นชาเสียด้วยซ้ำ ใบหน้าหล่อเหลางดงามดั่งรูปสลักจากจิตรกรมือหนึ่งของโลกเบือนไปมองนอกกระจกรถ

กัลปพฤกษ์โคลงศีรษะไปมาพลางยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร หากเป็นเมื่อเดือนก่อนเขาคงสรรหาคำพูดมาโต้ตอบให้อีกฝ่ายเจ็บใจเล่นไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์อยากจะทำแบบนั้นเลยสักนิด แต่แล้วก็พลันผุดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

หรือเขาควรจะทำตามที่พ่อต้องการ ไม่สิ...ตามที่ทุกคนที่บ้านของเขาต้องการต่างหาก

ชวนภรรยาไปดินเนอร์กับคุณอาและ...เธอ

เธอที่เขาทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอ เธอ...ที่เขาคิดมาตลอดว่าเกือบสิบปีผ่านไป เขาคงไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรให้อีกแล้ว แต่ยามที่ได้เจอหน้า ยามที่ได้สบตา เห็นแววอาวรณ์คิดถึงที่ส่งผ่านมาทางสายตาคู่นั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกราวกับว่าข้อมือของเขายังถูกล่ามเอาไว้ด้วยโซ่เส้นบาง ๆ

เขาดีใจที่ได้เจอเธอ แต่ในเวลาต่อมาก็โกรธเคืองจนอยากจะบดขยี้ผู้ชายคนนั้นที่แย่งเธอไปจากเขา

กัลปพฤกษ์หลับตาลง เขาผ่อนลมหายใจยาว ครุ่นคิดอีกพักใหญ่ก่อนสุดท้ายจะเอ่ยขึ้นกับคนที่นั่งอยู่ข้างกาย...

“วันไหนคุณว่างบ้างครับ ผมจะชวนไปกินข้าวที่บ้านผม”

พุทธชาดหันกลับมามองใบหน้าด้านข้างของคนที่ยกแขนขึ้นกอดอกพลางหลับตานิ่ง นึกถึงตารางงานเล็กน้อยก่อนจะให้คำตอบกับผู้เป็นสามี

“ถ้าเป็นมื้อเย็นผมสะดวกวันมะรืนนี้ครับ”

“ลงตารางงานของคุณไว้แล้วกันนะครับว่ามีดินเนอร์กับครอบครัวของผม” อัลฟ่าผิวแทนลืมตาขึ้นมาสบตาผู้เป็นภรรยา “ผมจะพาคุณไปทำความรู้จักกับคุณอาและอาสะใภ้ของผมที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก”

อยากให้เขาพาภรรยาไปประกาศตัวกลางโต๊ะกินข้าวงั้นเหรอ?

ได้...อยากให้เขาทำแบบนั้นเขาก็จะทำให้

.

.

.

เรื่องนี้จบแฮปปี้แน่นอนค่าาา


หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 13 [08-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 11-07-2021 23:00:35
2-3 วันนี้เค้านอนกันยังไงอะคะ ทำไมคุณสามีถึงหลับสนิทได้อะ... คุคุคุ...  :-[

ปล. ขอบคุณสำหรับสปอยนะคะ...  :mew1:

ปล.2 เหมือนจะไม่ได้แก้วันที่ลงตอนล่าสุดหรือป่าวคะ แบบว่าจำไม่ได้ว่าตอนที่เท่าไหร่ดูแต่วันอัฟอย่างเดียว นี่ก็เห็นชื่อคนโพสล่าสุดคุ้นๆเลยเข้ามาดูอะคะ... คิคิ...
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 14 [12-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 12-07-2021 20:30:57
บทที่ 14

ค่ำคืนแสนสุขสันต์ เคียงกันดั่งครอบครัว




‘เรื่องนี้จะหลุดออกไปให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด แก้วเข้าใจพ่อใช่ไหม?’

‘เพื่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเรา ลูกต้องเก็บมันเป็นความลับ’

“คุณแก้ว...”

พุทธชาดลืมตาขึ้นช้า ๆ ประโยคเหล่านั้นที่ดังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ถูกเสียงเรียกของกัลปพฤกษ์แทรกผ่าน ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นหลังจากเผลอหลับไป ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนปรือปรอยอย่างคนที่ยังไม่ตื่นดี แต่เมื่อได้สบดวงตาสีดำสนิทของผู้เป็นสามีที่โน้มหน้าลงมามองเขา อัลฟ่าหนุ่มก็กะพริบตาเรียกสติแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง

จำไม่ได้ว่าเขาเผลอหลับไปตอนไหน แถมยังหลับสนิทเสียจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังนอนหนุนตักสามีอยู่ น่าขายหน้า...และยังเป็นเรื่องประหลาดอีกด้วยที่กัลปพฤกษ์ให้เขานอนหนุนต่างหมอนแบบนี้ ผู้ชายคนนี้ดูไม่ใช่คนอ่อนโยนอะไรในสายตาเขา แต่พักหลังมานี้กลับแสดงความอ่อนโยนต่อภรรยาจำเป็นมากขึ้น

ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ พุทธชาดสับสนเหลือเกิน

“ผมหลับไปนานแค่ไหนครับ”

“ราว ๆ หนึ่งชั่วโมงได้ ที่ผมปลุกเพราะคนขับรถบอกว่าเรากำลังจะถึงบ้านญาติของคุณแล้ว” กัลปพฤกษ์ยื่นมือมาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าผากของภรรยาอัลฟ่า แต่คนโดนช่วยเหลือไม่ทันตั้งตัวถึงกับผงะถอยหลัง ท่าทางกระอักกระอ่วนเหล่านั้นทำให้ร่างสูงยอมถอยออกมาแล้วเอ่ยถามอีกว่า “ผมลืมถามไปเลยว่าทำไมเราต้องรีบมารับเด็ก ๆ วันนี้ด้วย กว่าจะกลับถึงบ้านคงดึกน่าดู”

“แม่ของแกถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ แล้วน่ะสิครับ ตอนนี้มีแค่แม่บ้านคอยดูแลเด็ก ๆ อยู่ ผมเป็นห่วงก็เลยไม่อยากรอนาน รีบมารับไปน่าจะดีกว่า”

“งั้นเหรอครับ”

“คุณ...เหนื่อยหรือเปล่า” พุทธชาดเป็นฝ่ายถามบ้าง หลังจากเขาจัดระเบียบร่างกายตัวเองให้กลับมาเรียบร้อยและเนี้ยบกริบทุกกระเบียดนิ้วแล้ว “ถ้าคุณไม่รีบ เราอาจจะนอนค้างที่นี่สักคืนแล้วค่อยกลับตอนเช้า”

“เป็นความคิดที่ดีนะครับ แต่เราไม่มีเสื้อผ้าติดตัวมาด้วยนี่”

“ถ้าคุณไม่ถือสามารถใส่เสื้อผ้าของพี่เขยผมได้ เขาขนาดตัวพอ ๆ กับเราสองคน”

คนฟังไหวไหล่ “ไม่มีปัญหา”

เท่ากับว่าคืนนี้พวกเขาจะค้างกันที่นี่ ดังนั้นพุทธชาดจึงโทร. บอกกับป้าดาและฝากให้แจ้งไปยังพ่อบ้านใหญ่ด้วย เพื่อที่ว่าในตอนเช้าพ่อแม่ของเขาจะได้ไม่ต้องรอทานอาหารด้วยกัน...หลังวางสายรถยนต์คันหรูก็มาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง แม้ไม่ใหญ่โตเท่าบ้านสิทธาพิวัฒน์ แต่ดูก็รู้ว่าเป็นบ้านของคนมีฐานะ

รอไม่นานรั้วบ้านก็เปิดออกให้รถของพวกเขาได้เคลื่อนผ่านเข้าไป ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว พอลงจากรถพุทธชาดก็ก้าวเท้าเดินนำเข้าไปยังส่วนรับแขกทันที ปากก็เอ่ยถามแม่บ้านที่ออกมาต้อนรับไปด้วย

“พวกเขาอยู่ที่ไหนครับ”

“ห้องรับรองแขกค่ะ รอคุณแก้วมาตั้งแต่เย็นแล้ว”

ได้ยินแบบนั้นราชนิกุลหนุ่มก็ยิ่งเร่งฝีเท้า ลืมไปชั่วขณะว่าเขามากับผู้เป็นสามี ถึงอย่างนั้นกัลปพฤกษ์ก็ไม่ได้ว่าอะไร อัลฟ่าผิวแทนเพียงเดินตามไปทีหลัง จนกระทั่งได้พบกับเด็กชายและเด็กหญิงที่นั่งอิงแอบซบกันอยู่บนโซฟา พวกเขากำลังดูการ์ตูนกันอยู่

“เด็ก ๆ ครับ” พุทธชาดเอ่ยเรียก

เด็กทั้งสองหันมามองตามเสียงเรียก ก่อนจะพากันวิ่งโผเข้าหา ทำให้อัลฟ่าผู้สูงศักดิ์ต้องรีบนั่งยอง ๆ แล้วกางแขนออกกว้างมากพอให้พวกเขาเข้ามาสวมกอดได้โดยง่าย...เด็กชายไม่ได้พูดอะไร แต่เด็กหญิงถึงกับร้องไห้ออกมาทันที

“น้าแก้วมาแล้ว ตานนึกว่าน้าแก้วจะไม่มา”

“มาสิครับ น้าบอกว่าจะมาก็ต้องมา”

กัลปพฤกษ์ได้แต่ยืนมองด้วยความแปลกใจ น้ำเสียงของคุณแก้วอ่อนโยนอย่างที่ชายหนุ่มไม่เคยได้ยินมาก่อน ปกติมักจะทำเสียงเรียบเฉยเย็นชาใส่เขา นาน ๆ ทีจะตวาดออกมาด้วยความโมโห พอได้มาเห็นมุมนี้แล้วเขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายดู...น่ารักดีล่ะมั้ง

อ่อนโยนแต่กับเด็กสินะ

หลังปลอบไม่ให้เด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้มากไปกว่านี้ได้สำเร็จ พุทธชาดก็พลันระลึกได้ว่ามีกัลปพฤกษ์มาด้วย เขาลุกขึ้นยืนแล้วจับเด็ก ๆ หันหน้าไปหาสามีหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยแนะนำให้พวกแกได้รู้จัก

“นี่คุณน้ากัลป์ เป็น...สามีของน้าเอง สวัสดีเขาสิครับ”

เด็กทั้งสองยกมือไหว้ทันที “สวัสดีครับ”

“สะ...สวัสดีค่ะคุณน้ากัลป์”

“สวัสดีครับ ชื่ออะไรกันบ้างเอ่ย แนะนำตัวกับน้าหน่อยสิครับ” อัลฟ่าผิวแทนเข้าหาเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้มใจดี ถึงจะไม่ได้คลุกคลีกับเด็กอายุราว ๆ นี้สักเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าเขาจะเข้าหาไม่เป็น...ดวงตาคู่คมเหลือบขึ้นสบกับภรรยา อีกฝ่ายมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ในดวงตาคู่นั้นฉายความประหลาดใจอย่างไม่คิดปิดบัง คงไม่คิดว่าเขาจะใจดีกับเด็กได้ล่ะมั้ง

“ผมพุดบูรพาครับ เรียกพุดเฉย ๆ ก็ได้ ส่วนนี่น้องสาวผม ชื่อพุดตาน”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะเด็ก ๆ ว่าแต่พุดตานร้องไห้ทำไมครับ ไหนขอน้าอุ้มหน่อยได้หรือเปล่า”

เพียงนั่งยอง ๆ ลงแล้วอ้าแขน เด็กหญิงพุดตานก็เดินเข้ามาสวมกอดโดยไม่คิดอิดออด ใบหน้าน่ารักเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาจนคนมองอย่างกัลปพฤกษ์ต้องเช็ดออกให้อย่างเบามือ เขาอุ้มหนูน้อยขึ้นแล้วยื่นมืออีกข้างไปลูบหัวเด็กชายวัยแปดขวบที่ดูเรียบร้อย อีกทั้งยังดูสุมขุมเยือกเย็น มองไปมองมาเหมือนได้เห็นคุณแก้วเมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่มีผิด

เด็กที่ทำตัวโตเกินวัยนึกว่าจะมีแค่ภรรยาของเขาคนเดียวเสียอีก ดูท่าว่าเชื้ออาจจะไม่ทิ้งแถวล่ะมั้ง ถึงจะเป็นน้าหลานกันแต่ก็โขลกภาพลักษณ์ออกมาราวกับก็อปปี้ประหนึ่งเป็นพ่อลูกไม่มีผิด คิดแล้วก็ตลกดี

“น้องตานคิดถึงคุณแม่”

“ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้มีน้าแก้วกับน้ากัลป์มาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว เดี๋ยวจะเล่นกับน้องตานแทนคุณแม่เองนะครับ”

พุทธชาดมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่อนลงกว่าเดิม เขาไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าจะได้เห็นกัลปพฤกษ์ที่เป็นแบบนี้ ผู้ชายร้ายกาจที่ชอบพูดจาหยาบคาย ทำตัวไม่ให้เกียรติเขาแถมยังบ้ากาม...ไม่น่าเชื่อว่าจะมีมุมที่อ่อนโยนใจดีกับเด็กได้

แต่พอมาลองคิดดูแล้ว เมื่อก่อนอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำตัวแย่จนน่ารังเกียจเหมือนอย่างทุกวันนี้ พุทธชาดจำได้ว่าช่วงเรียนมัธยมต้น...ช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสครั้งหนึ่งในชีวิตของราชนิกุลหนุ่ม เขาได้คนคนนี้ช่วยเหลือเอาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว ตอนนั้นกัลปพฤกษ์ใจดีกับเขามากจริง ๆ

“ได้เวลานอนของเด็ก ๆ หรือยังครับ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มของสามีอัลฟ่าดังแทรกความนึกคิดของพุทธชาดอีกครั้ง แม่บ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกลตอบรับด้วยการพยักหน้า เห็นอย่างนั้นชายหนุ่มก็หันมามองภรรยาพลางว่า “ถ้างั้นพาเด็ก ๆ ไปเข้านอนกันเถอะครับ เราสองคนจะได้พักผ่อนด้วย”

“คืนนี้น้องตานขอนอนกับคุณน้าได้ไหมคะ”

คำร้องขอของเด็กหญิงทำให้ฝีเท้าของผู้ใหญ่ทั้งสองชะงักไป ด้วยไม่คาดคิดว่าจะโดนขอร้องอะไรแบบนี้ ขณะที่คนเป็นพี่ชายอย่างพุดบูรพาเอ่ยปรามน้องทันใด

“อย่ารบกวนคุณน้าเลยน้องตาน คืนนี้เดี๋ยวพี่ไปนอนเป็นเพื่อนเอง”

“ไม่เป็นไรหรอก” กัลปพฤกษ์เอ่ยแทรก เขายิ้มให้เด็กทั้งสอง “นอนด้วยกันก็ได้ แต่ขอพวกน้าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะไปรับมานอนด้วยกัน ดีไหมครับ?”

“จะไม่รบกวนคุณน้าเหรอครับ” เด็กชายยังคงถามอย่างไม่แน่ใจ

“ว่าไงครับคุณแก้ว คุณโอเคหรือเปล่า?” คนเป็นสามีหันไปถามความเห็นภรรยา พุทธชาดอยากจะสวนกลับไปนักว่าตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้นแล้วยังต้องการความเห็นจากเขาอีกงั้นเหรอ แล้วเขาจะไปตอบดับความหวังเด็ก ๆ ได้ยังไงกันล่ะ

สุดท้ายอัลฟ่าราชนิกุลก็ตอบไปว่า “ตกลงครับ”

สามีของเขาทำเหมือนว่าตอนนี้เรากำลังเล่นพ่อแม่ลูกกันอย่างนั้นล่ะ


พวกเขาผลัดกันอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอน พุทธชาดที่อาบก่อนและนั่งรออยู่บนเตียงขยับลุกขึ้นยืนทันที เขามุ่นคิ้วก่อนจะเอ่ยถามผู้เป็นสามียามเมื่ออีกฝ่ายเดินออกมาจากห้องน้ำ

“ชุดใส่ได้ไหมครับ”

“สบายมาก แล้วเอาชุดพี่เขยคุณมาใส่แบบนี้ เขาจะไม่ว่าเอาเหรอ” กัลปพฤกษ์ย้อนถาม

“ไม่ว่าหรอกครับ เขาทิ้งมันไว้นานแล้ว”

“ทิ้งไว้นานแล้ว?” คนฟังเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“เขาหนีหายไปกับผู้หญิงคนใหม่ตั้งแต่เมื่อปีก่อนน่ะครับ”

อ่า...มีเมียน้อยแล้วก็ทิ้งลูกเมียไปว่างั้นเถอะ เพราะแบบนั้นเลยไม่มีคนดูแลเด็ก ๆ แถมคนเป็นแม่ยังมาป่วยอีก ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมคุณแก้วถึงได้รีบเร่งมาหา เผลอ ๆ ก่อนหน้านี้คงจะคอยติดตามอาการของญาติสาวมาโดยตลอด นั่นรวมไปถึงความเป็นไปของเด็กทั้งสองด้วย เพียงแต่ภรรยาของเขาไม่ได้เล่าให้ใครฟัง พอเกิดปัญหาขึ้นถึงได้รีบเร่งมาก่อนเป็นอย่างแรก

“ทำไมคุณถึงชวนผมมาด้วย” จู่ ๆ กัลปพฤกษ์ก็เกิดสงสัยขึ้น ดูเหมือนจะช้าไปหน่อยแต่ก็ไม่เกินกว่าที่จะถามหาเหตุผลเอาตอนนี้ และคนถูกถามก็เต็มใจตอบเป็นอย่างมาก เพราะคิดไว้แล้วว่ายังไงสามีของตนก็คงต้องถาม

“ผมก็แค่อยากให้คุณได้เจอพวกแก ก่อนที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของเรา” พุทธชาดผ่อนลมหายใจเล้กน้อยแล้วว่าต่อ “ผมคิดว่าพวกแกน่าจะอุ่นใจกว่าถ้าได้เห็นว่าคุณมารับด้วย มันเหมือน...คุณยินดีต้อนรับพวกเขา”

“...”

“บางทีผมอาจจะคิดเยอะมากเกินไปก็ได้ ขอโทษที่ไม่ได้อธิบายก่อนแล้วพาคุณมาเลยนะครับ”

“ไม่ ผมเข้าใจที่คุณต้องการทำอย่างนั้น และผมว่ามันก็เป็นความคิดที่ดี” กัลปพฤกษ์ส่ายหน้าเบา ๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด “เมื่อกี้คุณบอกว่าบ้าน...บ้านของเราเหรอ?”

คราวนี้เป็นพุทธชาดบ้างแล้วที่ไม่เข้าใจท่าทีของคนเป็นสามี “ครับ ทำไม...”

“ผมนึกขึ้นได้ว่าคุณเคยพูดเอาไว้ว่านั่นเป็นบ้านของคุณ แต่ตอนนี้คุณกลับบอกว่ามันคือบ้านของเรา” ร่างสูงยกยิ้มกว้างมากกว่าเดิม รอยยิ้มที่ดูจริงใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาอีกครั้ง ต่อหน้าต่อตาพุทธชาด “ผมชอบคำนี้นะ บ้านของเราเนี่ย”

“มันคือเรือนหอของเรา ก็ต้องเป็นบ้านของเราถูกต้องแล้วนี่ครับ” ราชนิกุลหนุ่มเสสายตาไปมองทางอื่น ก่อนจะรีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง เพราะตอนนี้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะเพราะการกระทำของกัลปพฤกษ์อีกแล้ว “ผมว่าเราไปรับเด็ก ๆ กันเถอะครับ ไม่รู้ป่านนี้หลับไปหรือยัง”

สองร่างเดินเคียงข้างกันไปที่ห้องนอนของเด็กหญิงพุดตาน จากที่คิดว่าบางทีเธออาจจะหลับไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าหนูน้อยยังคงนอนตาแป๋วอยู่บนเตียง โดยมีพี่ชายของเธอนั่งอยู่ข้างกัน...ทันทีที่เห็นพวกเขา เด็กทั้งสองก็แย้มยิ้มขึ้นมาทันใด พุดตานแทบจะวิ่งลงมาหาด้วยซ้ำ

“คุณน้า”

“ไงครับคนสวย พร้อมจะไปนอนแล้วหรือยัง” กัลปพฤกษ์เอ่ยถาม เขารับอาสาอุ้มเด็กหญิงวัยหกขวบขึ้น ในขณะที่พุดบูรพาเป็นเด็กชายที่โตเกินกว่าจะถูกอุ้มแล้ว พุทธชาดจึงทำเพียงแค่โอบไหล่เล็กเอาไว้แล้วพากันเดินกลับไปที่ห้องนอนแขก

“น้ากัลป์เล่านิทานให้น้องตานฟังได้ไหมคะ”

“เล่านิทานเหรอ อืม...” อัลฟ่าร่างสูงทำหน้าไม่ถูกไปชั่วขณะ เขาไม่เคยเล่านิทานให้ใครฟังมาก่อน ตอนเด็ก ๆ ก็ไม่เคยมีใครมาเล่านิทานให้เขาฟังก่อนนอนด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเลยไม่แน่ใจนักว่าตนเองจะทำหน้าที่นี้ได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจโยนหน้าที่นี้ให้กับน้าแท้ ๆ แทน “ให้น้าแก้วเล่าดีกว่า น้ากัลป์เล่านิทานไม่เก่งครับ”

พุทธชาดไม่รู้จะทำสีหน้าอย่างไรดี เขาเกือบจะกลอกตาแล้วด้วยซ้ำแต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มบาง ๆ แล้วพูดขึ้น “น้าเองก็เล่าไม่ค่อยเก่ง แต่น้าจะพยายามนะครับ”

สองเด็กน้อยนอนตรงกลางโดยมีพุทธชาดและกัลปพฤกษ์นอนขนาบข้างอยู่ริมเตียง เตียงหลังนี้ใหญ่พอให้อัลฟ่าตัวโต ๆ นอนด้วยกันได้อย่างไม่อึดอัด แต่พอมีเด็ก ๆ มีนอนด้วยเตียงเลยแคบลงไปถนัดตาจนต้องนอนเบียดกันเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครบ่นออกมา

ราชนิกุลหนุ่มเริ่มต้นเล่านิทานก่อนนอนตามที่เขาเคยฟังเมื่อตอนที่ยังเด็ก เป็นนิทานที่เขามักจะขอให้ใครคนหนึ่งเล่ามันซ้ำ ๆ ราวกับไม่รู้จักเบื่อหน่าย น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานยังติดอยู่ในความทรงจำของเขา เป็นไม่มีกี่อย่างที่ชายหนุ่มไม่เคยลืมเลือนไม่ว่าจะผ่านมานานกี่ปีก็ตาม

กระทั่งเล่าจบอัลฟ่าผู้สูงศักดิ์จึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสองหลับไปแล้ว มือเล็ก ๆ ของพุดตานกำที่อกเสื้อของพุดบูรพาเอาไว้หลวม ๆ ขณะที่คนเป็นพี่ชายเองก็นอนซบแก้มกับศีรษะของน้องสาว พาดแขนกอดเอวเอาไว้เช่นกัน...ท่าทางน่ารัก น่าเอ็นดูเสียจนเรียกรอยยิ้มให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของพุทธชาดทันที

“คุณเล่านิทานเก่งนะครับ”

เสียงของกัลปพฤกษ์ดึงราชนิกุลหนุ่มให้หันไปมอง และพบว่าผู้เป็นสามีกำลังมองมาที่เขานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจทราบได้ รอยยิ้มบางที่ประดับอยู่บนเรียวปากของอีกฝ่ายทำให้พุทธชาดรู้สึกแปลกประหลาดอีกครั้งแล้ว

“เพราะมีคนที่เล่านิทานเก่งมาก ๆ เคยเล่าให้ผมฟังเมื่อตอนที่ผมยังเด็กน่ะครับ”

“ผมถามได้ไหมว่าใคร ใช่คุณป้าบุศย์หรือเปล่า”

“ไม่...ไม่ใช่แม่หรอกครับ” คนเป็นภรรยาส่ายหน้า เม้มปากเล็กน้อยเหมือนไม่อยากจะพูดถึงนัก แต่สุดท้ายก็เอ่ยออกมา “คุณน้าของผมน่ะครับ เธอช่วยดูแลผมตั้งแต่ที่ผมยังเด็ก จนกระทั่งเธอจากไปเพราะป่วยหนัก”

“คุณคงรักเธอมาก” กัลปพฤกษ์พูดไปอย่างนั้น ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นสีหน้าสุขใจของพุทธชาด เขาถึงกับชะงักไปในทันที แต่แล้วรอยยิ้มอ่อนหวานก็เลือนหายไป นั่นทำให้อัลฟ่าผิวแทนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ผมถามได้ไหมว่าคุณน้าของคุณเสียไปตอนไหน”

พุทธชาดหลุบสายตาลงต่ำ เขาเอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าของพุดตานก่อนเอ่ยตอบเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน หากไม่ใช่เพราะเวลานี้พวกเขาอยู่ใกล้กันมากและทั้งห้องก็เงียบจนอาจได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มหล่น

“ประมาณหกขวบได้ล่ะมั้ง”

“งั้นตอนที่เราเจอกันครั้งแรก...”

กัลปพฤกษ์หยุดพูดไปในทันที แม้จะนานมากแล้วแต่เขายังจำสีหน้าอมทุกข์ของเด็กชายพุทธชาดได้ อีกทั้งเมื่อไม่กี่เดือนก่อนภาพความทรงจำตอนเราพบกันครั้งแรกยังปรากฏขึ้นในความฝันของเขาโดยไร้ที่มาอีกด้วย นั่นเลยทำให้อัลฟ่าผิวแทนนึกออกได้อย่างง่ายดาย

พุทธชาดเองก็เช่นกัน เพราะนั่นคือครั้งแรกที่เขาได้เจอกับคุณกัลป์ เป็นครั้งแรกที่เขาโดนพูดจาไม่ดีใส่โดยคนที่เพิ่งเคยพบหน้า ประโยคที่ว่าเขาน่าเบื่อน่ารำคาญฝังอยู่ในสมองไม่เคยลืม ยิ่งหลังจากนั้นกัลปพฤกษ์เจอหน้าเขาทีไรก็ชอบบ่นเขาด้วยคำเหล่านี้ ราชนิกุลหนุ่มก็เลยยิ่งจำได้ไม่เคยลืม

เขาบอกแล้วไงว่าบางอย่างเขาก็จำได้แม่นแม้จะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม

“ให้ตายเถอะ ตอนนั้นผม...” กัลปพฤกษ์ถึงกับลูบหน้าเรียกสติ เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรลงไป เขาเติบโตพอที่จะระลึกได้ว่าสิ่งใดในอดีตที่เขาทำแล้วมันไม่ดีบ้าง และการต่อว่าคนที่เพิ่งจะสูญเสียญาติอันเป็นที่รักไปด้วยถ้อยคำรุนแรง ก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรทำเลยจริง ๆ “ผมขอโทษที่พูดไม่ดีกับคุณในตอนนั้น”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงจะรู้สึกแย่แต่ตอนนั้นคุณยังเด็ก ผมเองก็ด้วย” พุทธชาดผ่อนลมหายใจก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ตอนที่คุณโตขึ้นมาจนอายุเกือบสามสิบ แล้วยังเอาคำพูดพวกนั้นมาพูดกับผมอยู่บ่อย ๆ นี่สิ ที่ฟังดูหยาบคายและไร้มารยาทมากกว่าตอนนั้น”

กัลปพฤกษ์โดนภรรยาต่อว่าต่อขานอีกแล้วคราวนี้ ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำแต่อย่างใด เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วกล่าวต่อ

“เสียใจด้วยนะครับ เสียดายที่ผมไม่ทันได้เจอคุณน้าของคุณ”

“...ขอบคุณ”

เกิดความเงียบขึ้นหลังจากนั้น ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง พุทธชาดนั้นกำลังคิดว่ากัลปพฤกษ์ที่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปในอดีต เป็นภาพลักษณ์ที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นอีกหนึ่งอย่างเสียแล้ว หากว่าเขาลองลิสต์การกระทำต่าง ๆ ของผู้เป็นสามีใส่กระดาษ แล้วแยกประเภทว่าอันไหนน่ารังเกียจ อันไหนดูไม่น่าเชื่อ เขาคงลิสต์ได้เป็นกระบุง

“ดึกมากแล้ว ผมคิดว่าเราควรนอนได้แล้วล่ะ”

“ผมก็คิดอย่างนั้น แต่ถ้านอนเบียดกันแบบนี้ทั้งคืนคงเมื่อยแย่” อัลฟ่าราชนิกุลลุกขึ้นนั่ง โดยพยายามระวังไม่ทำให้หลานทั้งสองคนตื่น “ผมจะไปเอาฟูกมาปูนอนที่พื้น มีสำรองอยู่ในตู้”

“ถ้างั้นผมลงไปนอนกับคุณด้วย”

“หา?” พุทธชาดชะงัก เขามุ่นคิ้วมองหน้าผู้เป็นสามีอย่างไม่เข้าใจ และนั่นทำให้กัลปพฤกษ์เลิกคิ้ว

“อะไร คุณคงไม่คิดจะให้ผมนอนเบียดกับเด็ก ๆ หรือไล่ผมไปนอนห้องอื่นหรอกใช่มั้ย?”

“เปล่าครับ แต่...” เขากำลังจะหาคำมาโต้แย้ง แต่ก็ค้นพบว่าไม่มีอะไรที่เขาจะแย้งได้เลย ดังนั้นะพุทธชาดจึงต้องพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ “เอาเถอะครับ แค่ย้ายจากเตียงไปนอนฟูก”

“คืนนี้ผมขอนอนกอดคุณอีกได้ไหม”

“ครับ?”

“ก็นอนกอดคุณแล้วผมหลับสบายนี่นา”

พุทธชาดได้แต่สงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นบ้าอะไรอีกแล้ว ทำไมถึงขยันทำให้เขารับมือไม่ถูกอยู่เรื่อย มันก็ดีที่เดี๋ยวนี้ไม่ก่อร่างสร้างปัญหาให้เขาต้องตามแก้ แต่กลับไปกวนประสาทเหมือนเดิมยังจะทำให้อัลฟ่าหนุ่มรับมือได้ง่ายกว่าเสียอีก

เป็นแบบนี้แล้วเขาจะควบคุมตัวเองไม่ให้รู้สึกดีได้ยังไงกัน


.

.

.





หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 14 [12-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 13-07-2021 01:48:00
คุณแก้วเหมือนจะโดนตกทั้งๆที่คนตกไม่ตั้งใจป่าวเอ่ย...
หรือจริงๆคิดมาแล้วว่าจะตกให้ได้... คุคุคุ...
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 14 [12-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 13-07-2021 17:05:03
พึ่งเห็นว่ามีมาลงในนี้ด้วย
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 15 [13-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 13-07-2021 20:16:29
บทที่ 15

เป็นข้อตกลง ที่เห็นตรงกัน



พวกเขาเดินทางกลับในเช้าวันถัดมา เด็ก ๆ ทั้งสองดูตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อพุทธชาดบอกว่าจะพาไปเยี่ยมคุณแม่ ตั้งแต่พี่พุดชมพู...ลูกพี่ลูกน้องทางฝั่งแม่ของเขาเข้าโรงพยาบาลเพราะอาการป่วยที่ทรุดหนัก เด็กทั้งสองกับผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้เจอหน้ากันเลยมาร่วมเดือนแล้ว

เธอเป็นคนยื่นเจตจำนงเองว่าไม่อยากให้ลูกไปเห็นเธอที่สภาพทรุดโทรม แต่เมื่อวานก่อนจะย้ายการรักษามาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ พุดชมพูโทร. หาเขาเพื่อขอให้ไปรับหลานมาดูแล และขอให้พาไปหาเธอเพราะเธอเริ่มทนไม่ไหวแล้ว เธออยากจะเจอหน้าลูกและคุยเรื่อง...สิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็กหลังจากเธอไม่อยู่แล้ว

ราชนิกุลหนุ่มเข้าใจเป็นอย่างดีแม้ญาติสาวจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ก็ตาม ชายหนุ่มลูบหัวพุดตานกับพุดบูรพา ก่อนจะหันไปสบตากัลปพฤกษ์ที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว

“เดี๋ยวผมให้คนขับรถวนรถไปส่งคุณที่บริษัทก่อนแล้วกันนะครับ”

“ไม่ต้องหรอก” อัลฟ่าผิวแทนส่ายหน้า “ผมจะไปโรงพยาบาลกับคุณด้วย”

ดวงตาสองสีมองกันและกันโดยไม่มีใครพูดอะไรอยู่พักใหญ่ จากนั้นพุทธชาดก็พยักหน้ารับว่าเข้าใจ แล้วเสียงพูดคุยของเด็กน้อยทั้งสองก็ดังขึ้น สลับกับเสียงถามไถ่ของเขากับผู้เป็นสามี ไม่ถึงสองชั่วโมงรถยนต์คันหรูก็แล่นมาถึงโรงพยาบาลที่ญาติสาวพักรักษาตัวอยู่

คู่สามีภรรยาอัลฟ่าแบ่งกันจับจูงหลาน กัลปพฤกษ์อาสาอุ้มเด็กหญิงพุดตาน ขณะที่พุทธชาดโอบไหล่พุดบูรพาแล้วก้าวเดินไปด้วยกัน ท่ามกลางสายตาของคนหลายคนที่มองมาด้วยความสนใจ แน่นอนว่าอัลฟ่าสองคนที่โดดเด่นทั้งทางหน้าตาและบุคลิก ไหนจะความเป็นอัลฟ่าที่แผ่ประกายออกมา ล้วนดึงดูดสายตาได้อย่างไม่ยากเย็น

“ผมแปลกใจอยู่นะที่เห็นคุณใส่ชุดสูทตัวเดิมได้โดยไม่ยี้”

“ทำไมผมต้องยี้ด้วยล่ะครับ?” พุทธชาดมุ่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจนัก

“ก็มันเป็นชุดของเมื่อวานนี่ครับ ผมนึกว่าคุณจะรักสะอาดจนไม่กล้าใส่เสื้อผ้าซ้ำเสียอีก” น้ำเสียงนุ่มทุ้มแฝงประกายหยอกเย้า เรียกสีหน้าเอือมระอาของผู้เป็นภรรยาได้ในทันที แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวพุทธชาดก็กลับไปทำหน้านิ่งเฉยตามเดิม เห็นดังนั้นกัลปพฤกษ์ก็หลุดขำเล็กน้อยพลางเอ่ยอีกประโยค “ยังเก็บสีหน้าได้ดีเหมือนเคยเลยนะครับคุณภรรยา”

“กลับมากวนประสาทผมได้แล้วเหรอครับ”

“คุณน้าอย่าทะเลาะกันเลยนะคะ น้องตานอยากให้รักกัน ๆ มากกว่า”

คำพูดของเด็กหญิงตัวน้อยที่เอ่ยแทรกขึ้นกลางปล้อง ทำเอาสองผู้ใหญ่ชะงัก พุดบูรพาเงยหน้ามองคุณน้าทั้งสองก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงเห็นด้วย

“นั่นสิครับ อย่าเถียงกันเลยนะครับ”

“พวกน้าแค่หยอกล้อกันเท่านั้น น้องตานกับน้องพุดไม่ต้องกลัวหรอกครับ” พุทธชาดเป็นคนเอ่ยแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ แม้ความจริงแล้วจะเรียกการโต้เถียงของเขากับสามีนิสัยเสียว่ากึ่งทะเลาะกันได้ก็ตาม

“ใช่ครับเด็ก ๆ พวกน้ารักกันมาก ไม่ทะเลาะกันหรอกครับ”

คำเน้นย้ำของกัลปพฤกษ์ทำให้ราชนิกุลหนุ่มเกือบชะงักเท้าที่ก้าวเดินไปจังหวะหนึ่ง แต่ก็กลับมาเดินตามปกติได้อย่างรวดเร็ว ในใจต่อว่าสามีอัลฟ่าอย่างอดไม่ได้ที่พูดเล่นไม่เข้าเรื่อง เรื่องพูดไม่คิดน่ะแก้ยังไงก็คงแก้ไม่หายสินะ

สอบถามห้องพักของพุดชมพูเรียบร้อยก็มุ่งหน้าไปที่นั่นทันที พุทธชาดเคาะประตูเป็นสัญญาณบอกคนด้านใน รออยู่ไม่นานบานประตูก็ถูกเปิดด้วยมือของแม่บ้านเก่าแก่ที่คอยดูแลญาติสาวของเขามาตั้งแต่เธอยังเด็ก...พุดบูรพาวิ่งเข้าไปทันที ขณะที่พุดตานดิ้นจะลงออกจากอ้อมแขนของกัลปพฤกษ์ ร้อนให้ชายหนุ่มต้องรีบวางเธอลง

ทันทีที่ไปถึงขอบเตียงเด็กทั้งสองก็ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ เด็กชายแม้จะมีน้ำตาไหลอาบแก้มแต่ก็ไม่หลุดเสียงสะอื้นแม้แต่นิดเดียว ต่างจากน้องสาวที่ปล่อยโฮออกมาเสียงดัง พุดชมพูมองลูก ๆ ของเธอด้วยรอยยิ้ม เอื้อมมือมาลูบหัวลูกชายก่อนจะเลื่อนไปลูบแก้มลูกสาว

“ร้องไห้ทำไมคะคนเก่งของแม่ ไม่เอาไม่ร้องนะ แม่อยากเห็นพวกหนูยิ้มให้แม่มากกว่านะคะ”

แค่คำพูดไม่กี่คำเด็กน้อยทั้งสองก็กลั้นเสียงสะอื้นให้แล้วยิ้มกว้างให้มารดาทันที สามแม่ลูกพูดคุยกันอยู่หลายนาที พุทธชาดมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน เขาไม่ได้เข้าไปใกล้เพราะยังไม่อยากขัดจังหวะ ส่วนกัลปพฤกษ์เองก็มองความอบอุ่นตรงหน้าโดยไม่พูดอะไร แต่เสี้ยวหนึ่งในใจเขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าครอบครัวของเขาเป็นแบบนี้บ้างก็คงดี

อบอุ่น อ่อนโยน มีรอยยิ้มอันสวยงามให้กันเสมอ

หลังจากนั้นพุดชมพูถึงได้หันมามองแขกทั้งสอง เธอขอให้แม่บ้านที่คอยดูแลเธอตั้งแต่เข้าโรงพยาบาล ช่วยพาเด็ก ๆ ไปนั่งทานขนมห่างออกไปก่อน ด้วยเพราะเธอมีเรื่องต้องพูดคุยกับญาติผู้น้องอย่างพุทธชาด...คล้อยหลังพวกเขาที่แยกไปนั่งยังอีฟากของห้องพิเศษระดับวีไอพีนี้ ราชนิกุลหนุ่มก็ขยับเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงคนป่วย โดยมีกัลปพฤกษ์ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง อัลฟ่าผิวแทนกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ ฉันเห็นคุณอยู่บ้างในข่าวสังคม แต่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก ยินดีที่ได้พบนะคะ” พุดชมพูพูดจบก็ไอออกมาเล็กน้อย พุทธชาดจึงเอื้อมไปเทน้ำมาให้เธอจิบ พอเธอโล่งคอมากขึ้นก็พูดต่ออีกว่า “ขอโทษที่ไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีในงานแต่งนะคะ ช่วงนั้นฉันเริ่มป่วยออด ๆ แอด ๆ ไปไหนไม่ค่อยไหวซะแล้ว”

“ไม่เป็นไรเลยครับ แสดงความยินดีตอนนี้ก็ไม่ได้ช้าไปหรอก”

“ถ้าอย่างนั้นคงต้องขอโทษคุณอีกเรื่องแล้วล่ะค่ะ เพราะเรื่องนี้ฉันเคยคุยกับแก้วเอาไว้แล้ว เพียงแต่เขาบอกว่าต้องถามความสมัครใจของคุณกัลป์ด้วย” พุดชมพูพูดไปก็มองสีหน้าของผู้ฟังไปด้วย ไม่รู้ว่าญาติผู้น้องของเธอบอกอะไรกับสามีไปบ้าง แต่ยังไงเธอก็ต้องเป็นฝ่ายพูดความตั้งใจของเธอเองอีกครั้งอยู่ดี “เรื่อง...สิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก ๆ ของฉัน ในฐานะพ่อแม่บุญธรรม”

กัลปพฤกษ์ไม่ได้พูดอะไรในตอนแรก เขาก้มลงเพื่อสบตากับภรรยาที่หันมามองเขาพอดี จากนั้นร่างสูงจึงตอบคำถามของหญิงสาวโดยไม่ได้ละสายตาไปจากใบหน้าหล่อเหลาของคุณแก้ว

“ผมพอจะเดาได้ คุณแก้วเองก็เคยเกริ่นเอาไว้”

“คุณยินดีที่จะรับเป็นพ่อบุญธรรมให้พวกแกไหมคะ ฉันคงอยู่ได้อีกไม่นาน อยากให้พวกเขาได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด โดยคนที่ฉันไว้ใจที่สุด” พุดชมพูไออีกครั้ง เธอหอบหายใจเล็กน้อยและได้พุทธชาดคอยลูบหลังลูบไหล่ สักพักใหญ่กว่าจะกลับมาพูดได้ “ฉันกลัวว่าวันหนึ่งถ้าพ่อไร้ความรับผิดชอบของพวกแกกลับมา มันคง...”

“ผมเข้าใจครับ และผมไม่มีปัญหา” กัลปพฤกษ์โพล่งบอกโดยไม่แม้แต่จะเสียเวลาคิดให้ถ้วน เรียกสีหน้าตกตะลึงของอัลฟ่าราชนิกุลในทันที

พุทธชาดไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบรับง่ายดายขนาดนี้ คุณกัลป์...ไม่คิดจะเก็บเอาไปไตร่ตรองเลยหรือยังไง

“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะคุณกัลป์ บอกผมสิว่าคุณไม่ได้กำลังหาเรื่องเล่นสงครามประสาทกับผมอีก การรับเป็นพ่อบุญธรรมของเด็กสองคนไม่ใช่เรื่องเล่นสนุกขำ ๆ ถ้าคุณคิดจะรับหน้าที่นี้เพราะความสนุก คุณควรหยุด...”

“เฮ้ เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย” อัลฟ่าผิวแทนรีบขัดก่อนจะโดนต่อว่าไปมากกว่านี้ “เชื่อเถอะว่าผมรู้ดีว่ากำลังทำอะไร โอเคมั้ย? ดังนั้นถ้าคุณคิดจะรับพวกแกเป็นลูกบุญธรรม ในฐานะสามีผมก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของคุณ และผมเต็มใจเสียยิ่งกว่าเต็มใจซะอีก”

“คุณชอบเด็กงั้นเหรอ?”

“ไม่รู้สิ ผมไม่เคยคลุกคลีกับเด็ก แต่ผมก็ชอบนะที่ได้เล่นกับพวกเขา” ร่างสูงไหวไหล่พลางกล่าวต่อ “อีกอย่างก็ถือว่าพวกเขาเป็นทายาทของเรา ตระกูลของเราจะได้ไม่ขาดผู้สืบทอด คุณเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าพ่อแม่ของคุณก็คิดจะรับหลานมาเป็นผู้สืบทอดกิจการน่ะ”

เกิดความเงียบขึ้นหลังจากนั้น แต่ไม่นานพุทธชาดก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอกกับหญิงสาว “ไว้ผมจะกลับไปปรึกษากันอีกที ต้องบอกพ่อกับแม่ด้วย พี่ชมพูดูแลตัวเองให้ดีนะครับ ไม่ต้องห่วงอะไร ส่วนคุณ...”

กัลปพฤกษ์เลิกคิ้ว “ครับ?”

“เรื่องนี้เราต้องคุยกันอย่างจริงจัง วันนี้คุณต้องเข้าบริษัทไหมครับ”

“ผมโทร. สั่งงานเลขาฯ ไว้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าก็ได้ เพราะงั้น...เรากลับไปคุยเรื่องนี้ที่บ้านแล้วกันครับ”

พุทธชาดพยักหน้ารับว่าเห็นด้วย


พวกเขาเลือกที่จะกลับมากันแค่สองคนแล้วปล่อยหลาน ๆ ให้ได้ใช้เวลากับผู้เป็นแม่ โดยบอกว่าจะมารับกลับในตอนเย็น...หลังจากมาถึงบ้านก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะมาเจอกันอีกครั้งที่ห้องทำงานของพุทธชาด

“ผมจะไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลานะครับ” อัลฟ่าราชนิกุลพูดขึ้นทันที ท่าทางจริงจังจนดูราวกับกำลังคุยธุรกิจ ทำเอากัลปพฤกษ์หลุดขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“คุณแก้วทำเหมือนกับว่านี่คือการติดต่อเรื่องธุรกิจงั้นล่ะ”

“ถึงไม่ใช่แต่ก็ไม่ต่างหรอกครับ” พุทธชาดถอนหายใจ “เข้าเรื่องเถอะ ทำไมคุณถึงยินดีรับเด็ก ๆ เป็นลูกบุญธรรมง่ายดายอย่างนั้น คุณไม่คิดจะไตร่ตรองดูก่อน หรือไปปรึกษาครอบครัวของคุณหน่อยเหรอครับ?”

“ไม่จำเป็น” ใบหน้าหล่อเหลาของอัลฟ่าผิวแทนแข็งกร้าวขึ้นมาทันที “ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม นั่นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผม ไม่เกี่ยวกับคนอื่น อีกอย่าง...ยังไงผมก็ไม่คิดจะให้หลานของคุณไปสืบทอดบริษัทของผมอยู่แล้วด้วย ทายาทคนต่อไปของชัยพัฒน์พิมานมีอยู่แล้ว”

คำว่า ‘คนอื่น’ ทำให้คนฟังชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง...พุทธชาดอดคิดไม่ได้ว่าสามีของเขาชอบกันทุกคนรอบตัวให้อยู่ในหมวดคนอื่นหรืออย่างไร ทั้ง ๆ ที่คนที่พวกเขากำลังพูดถึงกันอยู่นี้เป็นคนในครอบครัวของอีกฝ่ายแท้ ๆ ที่ชายหนุ่มเคยสงสัยว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นกับบ้านชัยพัฒน์พิมาน ซึ่งเกี่ยวพันกับการแต่งงานของพวกเขา...เห็นทีคงเป็นเรื่องจริง

“คุณกัลป์ คุณมีปัญหาอะไรกับครอบครัวของคุณหรือเปล่า”

ดวงตาสีรัตติกาลเบือนมาสบนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ประกายเย็นชาแผ่ซ่านออกมาพร้อมแรงกดดันของอัลฟ่า แต่ก็เพียงเจือจางก่อนมันจะค่อย ๆ สลายไป กัลปพฤกษ์เบือนหน้าไปมองทางอื่นอีกครั้งก่อนจะตอบ

“ไม่ใช่เรื่องที่คุณจำเป็นต้องรู้หรอก”

“ถ้ามันเกี่ยวข้องกับการแต่งงานของเรา ผมก็ควรจะรู้หรือเปล่าครับ” ราชนิกุลหนุ่มกล่าวสวนกลับ และนั่นทำให้ผู้เป็นสามีชะงัก เขาจึงรีบพูดต่อก่อนจะโดนบ่ายเบี่ยง “ถ้าเกิดว่าเรื่องที่คุณจงใจปกปิดผมอยู่ ส่งผลต่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเราในอนาคต ผมคิดว่าผมควรได้รับรู้เอาไว้เพื่อหาทางป้องกันก่อนจะเกิดอะไรขึ้น”

กัลปพฤกษ์ได้ฟังดังนั้นก็แค่นหัวเราะขึ้นมาทันที “ผมสงสัยนะว่าลมหายใจของคุณแก้วเนี่ย เข้าออกก็มีแต่เรื่องชื่อเสียงวงศ์ตระกูลหรือยังไง คุณเคยคิดถึงอย่างอื่นบ้างมั้ย? อย่างเช่น...ความรู้สึกของผม?”

ประหนึ่งมีเข็มนับร้อยนับพันเล่มทิ่มแทงในอก พุทธชาดเผลอกลั้นหายใจเพียงเพราะได้เห็นแววตาท้อแท้จากคนตรงหน้า ไหนจะน้ำเสียงที่ราวกับจะเย้ยหยันคนทั้งโลก ทว่าก็แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดเจือจาง ก่อนทุกอย่างจะเลือนหายไปในพริบตา คงไว้แค่สีหน้ากระด้างตามเดิม

พุทธชาดคิดว่า....ไม่ใช่เขาคนเดียวหรอกที่เก็บสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว

แต่ก่อนที่อัลฟ่าหนุ่มจะได้ตอบอะไรกลับไป บานประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะก่อนตามด้วยเสียงของป้าดา “คุณแก้วคะ คุณผู้หญิงมาขอพบค่ะ”

“ตอนนี้คุณแม่อยู่ที่ไหนครับ” ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย ด้วยไม่คิดว่าคุณแม่จะมาหาไวขนาดนี้ และเรื่องที่จะคุยกับเขาก็คงไม่พ้นเรื่องของพุดชมพูกับหลานทั้งสอง

“ห้องรับแขกค่ะ”

“ผมจะรีบลงไป” กล่าวจบร่างสูงสง่าก็ลุกขึ้นยืน แม้จะอยู่ในเสื้อผ้าสบาย ๆ แต่เขาก็ยังจัดระเบียบให้เรียบร้อยก่อนลงไปพบคุณแม่อยู่ดี ชายหนุ่มหันไปเอ่ยถามผู้เป็นสามี “คุณจะลงไปด้วยกันไหมครับ?”

“คุณลงไปก่อนเถอะ เดี๋ยวผมตามลงไป”

“เข้าใจแล้วครับ”

แม้จะยังคุยกันไม่จบ แต่ในเวลานี้เมื่อผู้เป็นมารดามาหาถึงที่บ้าน พุทธชาดก็ควรลงไปพบท่านก่อนเป็นอย่างแรก ร่างสูงสง่าเอ่ยทักทายยามเมื่อเขานั่งลงตรงข้ามหญิงสาววัยกลางคนที่แม้อายุจะเข้าเลขห้ามานานแล้ว แต่ก็ยังคงงดงามสวยสะพรั่ง เป็นอัลฟ่าที่สง่างามเหมือนเดิม

“สวัสดีครับคุณแม่”

“อืม แม่ได้ยินมาว่าเมื่อวานลูกไปบ้านยัยชมพูมา” คุณพุดน้ำบุศย์เข้าเรื่องที่ทำให้เธอต้องมาหาลูกชายถึงที่โดยไม่คิดอ้อมคอมแต่อย่างใด ใบหน้าที่มักยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน เวลานี้กลับเรียบเฉยไร้อารมณ์ ไม่สิ...มันมีอารมณ์ไม่พอใจแฝงอยู่ต่างหาก

“ครับ” อัลฟ่าราชนิกุลลอบถอนหายใจแล้วพูดต่อ “ไปรับหลาน ๆ มาอยู่ด้วยน่ะครับ”

“อาการของเธอแย่มากเลยเหรอ?”

“ก็ทรงตัวน่ะครับ ไม่ดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้แย่ลง ตอนนี้ย้ายมารักษาต่อในกรุงเทพฯ แล้ว” พุทธชาดตอบไปตามที่ผู้เป็นแม่ต้องการจะรู้ เขาลังเลเล็กน้อย...กระนั้นสุดท้ายก็ตัดสินใจบอกออกไป “ผมคิดว่าจะรับเด็กสองคนนั้นเป็นลูกบุญธรรม”

“แม่ไม่เห็นด้วย!”

เพียงเอ่ยความต้องการของตนเองออกไป พุทธชาดก็ได้รับน้ำเสียงเกรี้ยวกราดตอบกลับมาทันที เขาพอจะเดาได้ว่าปฏิกิริยาของคุณแม่ต้องเป็นแบบนี้ ถึงอย่างนั้นอัลฟ่าหนุ่มก็ยังยึดมั่นในการตัดสินใจเดิม

“ผมตัดสินใจแล้วครับคุณแม่ เพราะพี่ชมพูไว้ใจผมให้ดูแลพวกแก ผมจึงต้องทำ”

“แล้วสามีลูกยอมได้หรือยังไง ตาแก้ว!”

“เรากำลังคุยเรื่องนี้กันอยู่พอดีครับ คุณกัลป์ไม่มีปัญหาอะไร แต่ผมก็อยากให้เขาไปคิดดูดี ๆ ก่อน เพราะถ้าผมรับเลี้ยงเด็ก ๆ เขาเองก็จะมีสถานะเป็นพ่อบุญธรรมไปด้วย”

“บ้าไปกันใหญ่แล้ว! ที่พ่อกับแม่บอกว่าให้เอาลูกหลานของญาติเรามาสืบทอดกิจการของสิทธาพิวัฒน์ได้ แต่นั่นหมายถึงญาติทางฝั่งพ่อของลูกต่างหาก ไม่ใช่ญาติทางฝั่งแม่นะตาแก้ว!” คุณพุดน้ำบุศย์เริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ แต่พุทธชาดไม่ได้คิดจะห้ามปราม ไม่บ่อยนักที่เขาจะขัดใจคุณพ่อคุณแม่ พูดให้ถูกคือไม่เคยเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นการโดนตะคอกใส่ก็ถือว่าเขาสมควรได้รับมันแล้ว

“ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะให้พวกแกมาเป็นทายาทของตระกูลเรานี่ครับ ผมรู้ดีว่ายังไงประธานบริษัทของเราก็ต้องเป็นคนที่มีสายเลือดของหม่อมราชวงศ์ที่เป็นต้นตระกูลของคุณพ่อ”

“ลูกกำลังประชดแม่หรือเปล่า” น้ำเสียงของคุณหญิงพุดน้ำบุศย์เข้มขึ้น กลิ่นอายความเป็นอัลฟ่าแผ่กระจาย กดดันอัลฟ่าด้วยกันอย่างพุทธชาด หากเป็นคนอื่นชายหนุ่มคงใช้ความเป็นอัลฟ่าของตัวเองกดข่มกลับไปแล้ว แต่เธอคือมารดาของเขา ดังนั้นจึงทำได้แค่รับแรงกดดันนี้อยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น

“ผมไม่ได้ประชดครับ ผมเข้าใจถึงความต้องการของคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างดี ทายาทของสิทธาพิวัฒน์จะยังเป็นคนในตระกูลนี้เหมือนเดิม ส่วนพุดบูรพากับพุดตานจะไม่ได้แตะต้องงานในบริษัทเด็ดขาด”

“ยังไงแม่ก็ไม่เห็นด้วย ตาแก้ว เด็กสองคนนั้นเกิดจากพ่อที่มาจากชนชั้นกลางดาษดื่น เพราะยัยชมพูดันโง่ไปรักผู้ชายไม่ได้เรื่องแบบนั้น มันเกาะเอาเงินไปถลุงตั้งเท่าไหร่ แล้วเป็นไง? สุดท้ายมันก็หอบเงินก้อนโตหนีไปอยู่กับเมียน้อย!”

พุทธชาดถอนหายใจอย่างไม่คิดปิดบังแล้วคราวนี้ “พี่เขยผิดที่หนีไปก็จริง แต่ตอนที่อยู่กับพี่ชมพูจนมีลูกด้วยกันมาหลายปี ก็เพราะตอนนั้นพวกเขารักกันจริง ๆ นะครับแม่”

“แล้วความรักมันทำให้มีชื่อเสียง มีเงินทองหรือยังไง!?”

“แค่เพราะคุณแม่โดนบังคับให้แต่งงานกับคุณพ่อ แค่เพราะผมต้องแต่งงานกับคุณกัลป์ ไม่ได้หมายความว่าเราจะบงการชีวิตใครให้รักใครได้หรอกนะครับ”

“ตาแก้ว! ลูกกล้ายอกย้อนแม่งั้นเหรอ!?” คุณผู้หญิงของบ้านลุกขึ้นพร้อมเสียงตะโกนดังลั่น “ลูกไม่เคยเถียงแม่แบบนี้ ไม่เคย...ไม่เคยแข็งข้อกับแม่แบบนี้!”

พุทธชาดหลุบตาลงต่ำ แม้จะเหนื่อยทั้งใจและกาย กระนั้นอัลฟ่าหนุ่มก็ยังคงนั่งหลังตรงอย่างสง่าผ่าเผย บ่ากว้างยืดตึง ท่าทางเคารพนอบน้อมกับผู้เป็นแม่เช่นเดิม ถึงแม้คำพูดที่เอ่ยออกมาจะเป็นการโต้เถียงอย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อนก็ตาม

“ผมกำลังเลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการจากใจจริงครับคุณแม่”

“แต่ความต้องการของลูกจะทำให้ครอบครัวเราเสื่อมเสียเกียรติ การรับเด็กที่ไม่เอาไหนเหมือนพ่อเหมือนแม่มันมาเลี้ยงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลยสักนิด! นี่ไม่ใช่การเลือกที่ถูกต้อง”

“แล้วผมต้องเลือกแบบที่คุณแม่ต้องการเท่านั้นไปอีกนานแค่ไหนครับ” พุทธชาดลุกขึ้นเผชิญหน้ากับมารดา “เหมือนกับที่คุณแม่เลือกที่จะปิดบังผมเรื่องคุณน้ามาตลอด และคิดจะปิดไปตลอดทั้งชีวิตน่ะเหรอครับ?”

สีหน้าของหญิงวัยกลางคนแข็งค้าง ดวงตาเบิกกว้าง “ลูก...ลูกพูดถึงพุดพิชญาทำไม?! ลูกไปรู้อะไรมา!”

พุทธชาดหลับตาลง เขาเม้มปากแน่น สีหน้าที่แสดงออกมีแต่ความเจ็บปวดรวดร้าวโดยไม่คิดปิดบัง นี่เป็นความลับที่อยู่ในใจเขามาเนิ่นนาน ความลับที่พ่อเคยขอเขาไว้ไม่ให้บอกกับใคร ด้วยไม่อยากให้เรื่องนี้หลุดออกไปเป็นข่าว เพราะถ้ามันหลุดออกไปล่ะก็ ชื่อเสียงของสิทธาพิวัฒน์จะต้องมัวหมองแน่นอน

แต่ตอนนี้เขาคิดว่าตนเองไม่อาจทนเก็บมันไว้ได้อีกต่อไปแล้ว พุทธชาดโดนบีบให้เลือกในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ต้องการจากใจจริงมาโดยตลอด เพียงเพราะถูกปลูกฝังให้ทำทุกอย่างเพื่อชื่อเสียงของครอบครัว ครั้งนี้เขาขอได้เลือกเองบ้างเถอะ

คำพูดของกัลปพฤกษ์ดังขึ้นในห้วงความคิด...

‘คุณเคยคิดถึงอย่างอื่นบ้างมั้ย? อย่างเช่น...ความรู้สึกของผม?’

น่าตลกที่คนที่พูดประโยคนี้กับเขา ก็ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของเขาเหมือนกัน แต่คำพูดเหล่านั้นกลับปลดล็อกโซ่ที่ล่ามหัวใจของราชนิกุลหนุ่มเอาไว้ มันทำให้เขามีความกล้ามากขึ้น...อย่างที่ไม่เคยเป็น

“ผมเป็นลูกของคุณแม่ นั่นคือความจริง” ราชนิกุลหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ สบเข้ากับแววตาตื่นตระหนกของคนเป็นมารดา “แต่ผมก็รู้เช่นกันว่าคนที่อุ้มท้องผมจนคลอดออกมาได้...ก็คือคุณน้าพิช”

“...!”

“และเพราะคลอดผม เธอถึงต้องจากไป”

ไม่รู้ว่าระหว่างสองแม่ลูกเกิดความเงียบเนิ่นนานเพียงใด มันจะแค่ไม่กี่นาทีแต่ให้ความรู้สึกเหมือนนานแสนนาน คุณพุดน้ำบุศย์ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก เธอหันหลังก้าวเท้าฉับ ๆ เดินหนีออกจากเรือนหอของลูกชายไป ทิ้งพุทธชาดให้ยืนอยู่ตรงนั้น โดดเดี่ยวลำพัง

แต่เพียงไม่นานร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นสามีก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ราวกับรอจังหวะเวลานี้อยู่นานแล้ว พุทธชาดเลื่อนสายตาไปมองกัลปพฤกษ์ เขาไม่ได้ผลักไสหรือห้ามปรามยามที่อีกฝ่ายโอบร่างเขาเข้าไปกอดเอาไว้หลวม ๆ ชายหนุ่มทำเพียงเอนหน้าผากพิงกับบ่าแกร่ง ปล่อยให้ไหล่ลู่ลงเล็กน้อย แสดงความอ่อนแอออกมาทั้งที่ไม่เคยคิดจะให้ใครเห็น น้ำเสียงทุ้มหากแต่แหบพร่าเอ่ยกับผู้เป็นสามีเบา ๆ

“คุณได้ยินแล้วใช่ไหม”

“...อืม”

“เพราะแบบนี้ผมถึงต้องการให้คุณคิดให้ดีเรื่องรับเด็ก ๆ มาเป็นลูกบุญธรรมของเรา อย่างน้อยถ้าคุณอยากรับหน้าที่เป็นพ่อให้กับพวกแกจริง ๆ ผมจะได้สบายใจ” พุทธชาดยกสองแขนขึ้นมากอดแผ่นหลังแกร่งเอาไว้หลวม ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ “ว่าผมไม่ได้เลือกผิดทาง”

“ผมบอกแล้วไงว่าผมเต็มใจ และไม่ว่าคุณแก้วจะถามอีกสักกี่ครั้ง ผมก็จะตอบว่าผมยินดี”

“...”

“เชื่อเถอะว่าผมคิดมาดีแล้วจริง ๆ”

พุทธชาดถอนหายใจอีกครั้ง นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่เขาเองก็จำไม่ได้แล้ว แต่ครั้งนี้เป็นการถอนหายใจด้วยความโล่งอกเสียมากกว่าจะหนักใจ แม้กัลปพฤกษ์จะไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่นัก แต่อีกสักครั้ง...เขาอยากปล่อยตัวเองให้เชื่อใจคนที่เคยปลอบโยนเขาจากฝันร้ายเมื่อนานมาแล้วด้วยความอ่อนโยนคนนี้อีกสักครั้ง


.

.

.


หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 15 [13-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 14-07-2021 02:43:15
ตอนนี้คุณแก้วก็ยังคงน่าสงสารอยู่ดี...  :กอด1: ...
เข้าใจว่าคุณสามีก็คงมีเรื่อง(ชู้สาว?)ที่น่าเห็นใจ แต่ยังไงก็ยังยกให้คุณแก้วเป็นที่1 โอ๋ๆคุณแก้วนะคะ...  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 16 [14-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 14-07-2021 22:44:53

บทที่ 16

เมื่อเริ่มเปิดใจ จึงได้ใกล้ชิด



“ดื่มหน่อยมั้ยคุณแก้ว?”

กัลปพฤกษ์พูดขึ้น หลังจากพวกเขากลับมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง แต่ทุกอย่างกลับอยู่ในความเงียบเพราะเจ้าของห้องเอาแต่ยืนเหม่ออยู่ริมหน้าต่าง แน่นอนว่าคนที่ไม่ชอบบรรยากาศอึมครึมอย่างเขาย่อมต้องหาทางทำลายมัน และอะไรจะดีไปกว่าการได้ดื่มเวลามีเรื่องเครียดกันล่ะ

พุทธชาดหันกลับมาหาผู้เป็นสามี หากเป็นเวลาอื่นเขาคงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายกว่า ๆ ไม่ใช่เวลาที่จะดื่มแอลกอฮอล์เลยสักนิด แต่สภาพอารมณ์ที่ยังไม่ปกติดีของอัลฟ่าหนุ่ม ทำให้คำปฏิเสธเปลี่ยนเป็นการพยักหน้ารับ

“ก็ดีครับ”

กัลปพฤกษ์เป็นฝ่ายชะงักเสียเอง ด้วยไม่คิดว่าภรรยาผู้ใช้ชีวิตอยู่กับความเป็นระเบียบเสมอจะตอบรับอย่างง่ายดายแบบนี้ นับว่าน่ายินดีที่คุณแก้วไม่ได้จืดชืดเหมือนอย่างที่เขาเคยปรามาสเอาไว้เมื่อก่อน อ่า...ดูเหมือนชายหนุ่มจะมองอีกฝ่ายผิดไปหลายอย่างเลยทีเดียว

“เดี๋ยวผมมา” อัลฟ่าผิวแทนขยิบตาให้ “ขอไปรื้อคลังเหล้าของคุณก่อน”

คล้อยหลังร่างสูงกำยำที่ก้าวออกไป พุทธชาดหลุดยิ้มขึ้นมาบางเบา ความรู้สึกหม่นหมองก่อนหน้านี้ราวกับถูกลมพัดปลิวหายไปชั่วขณะ เพียงเพราะท่าทางขี้เล่นและคำพูดหยอกเย้าไม่กี่คำจากสามีของเขา เพราะกัลปพฤกษ์เองก็มีมุมแบบนี้...เมื่อก่อนอีกฝ่ายไม่ได้ร้ายกาจเหมือนตอนที่พวกเขากลับมาเจอกันอีกครั้ง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ราชนิกุลหนุ่มจะตกหลุมรัก

สิบนาทีต่อมาสามีอัลฟ่าของเขาก็กลับมาพร้อมขวดเหล้าราคาแพงในมือ อีกฝ่ายนั่งลงที่โซฟากลางห้อง วางของที่ถือมาลงบนโต๊ะตัวเล็กแล้วพยักพเยิดหน้าเรียกเจ้าของห้องให้มานั่งลงข้างกัน

“มาสิครับ ไม่ต้องกลัวจะเมาหรอกนะ ผมไม่ได้เอาตัวที่แรงที่สุดมา”

“ผมต้องขอบคุณคุณหรือเปล่าที่ไม่คิดจะมอมเหล้ากัน”

กัลปพฤกษ์หัวเราะ ใบหน้าของชายหนุ่มผ่อนคลายเป็นอย่างมาก “ผมไม่คิดจะมอมเหล้าคุณแก้วหรอกน่า ตอนเย็นยังต้องไปรับเด็ก ๆ อีก แล้วก็...”

“แล้วก็อะไรครับ?” เพราะอีกฝ่ายทิ้งช่วงคำพูดไปนาน พุทธชาดที่อดรนทนไม่ไหวจึงต้องถามย้ำ แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้เขาแสดงสีหน้าไม่ถูกเสียแทน

“ผมไม่คิดจะมีเซ็กซ์กับคุณทั้งที่คุณเมาหรอกนะ”

“ใครจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณกันครับ ผมเคยบอกแล้วนี่ว่ามันจะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก” อัลฟ่าราชนิกุลกล่าวเสียงแข็งขึ้นมาทันที อดคิดไม่ได้ว่าในหัวของผู้เป็นสามีก็ยังไม่พ้นคิดแต่เรื่องบนเตียง

“ผมก็แค่พูดไว้ เกิดคุณมีเมตตาอยากทำให้ผมอีกสักครั้ง”

ฝันไปเถอะครับ

พุทธชาดเลือกที่จะเอ่ยในใจแทน เพราะเขาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับกัลปพฤกษ์ด้วยหัวข้อนี้อีกแล้ว ชายหนุ่มมองมือเรียวยาวที่เทเครื่องดื่มสีอำพันใส่ลงในแก้ว ก่อนจะยื่นมาให้โดยที่ในมือตัวเองก็ถืออีกแก้วเอาไว้ พอเขารับมาสามีหนุ่มก็เอาแก้วตัวเองมาชนกับแก้วของเขา

“ดื่มให้กับเรื่องเฮงซวยที่แวะเวียนเข้ามาในชีวิตครับ”

พุทธชาดไม่รู้จะขำหรือเอือมระอากับคำพูดขวานผ่าซากนั้นดี เขาถอนหายใจแผ่วเบาพลางยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก ตอนแรกก็แค่จิบมันทีละเล็กละน้อย ต่างจากกัลปพฤกษ์ที่กระดกรวดเดียวหมด จนกระทั่งอีกฝ่ายดื่มไปแล้วสองแก้ว อัลฟ่าผู้สูงศักดิ์จึงดื่มของตัวเองหมดแก้วเช่นกัน

ไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา มีเพียงความเงียบและเสียงของแอลกอฮอล์ยามมันถูกรินใส่แก้วก็เท่านั้น กระทั่งมันไปครึ่งขวดโดยใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง กัลปพฤกษ์ก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น

“ผมถามได้หรือเปล่า”

“เรื่องอะไรครับ” พุทธชาดย้อนถามกลับมา ร่างสูงสง่าปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกสองเม็ดบน จนเผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียน เรียกสายตาของกัลปพฤกษ์ให้เผลอมองอยู่นาน

อัลฟ่าผิวแทนกระแอมไอเล็กน้อยก่อนจะตอบ “เรื่องที่คุณแก้วคุยกับคุณแม่”

ความเงียบเป็นสิ่งแรกที่ได้รับกลับมา สีหน้าของพุทธชาดมีความลังเลอย่างเห็นได้ชัด และกัลปพฤกษ์ก็รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากเกินกว่าจะเล่าออกมาได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ทุกครอบครัวล้วนมีปัญหา และทุกคนย่อมมีความลับด้วยกันทั้งนั้น

ตัวเขาเองก็มีความลับที่ไม่คิดอยากบอกกับคุณแก้วเช่นกัน

“ช่างเถอะ ถึงคุณไม่เล่าแต่ผมก็พอจะเดาได้” กัลปพฤกษ์โบกมือส่ง ๆ แล้วว่าต่อ “ผมไม่คิดจะยุ่งเรื่องของคุณหรอก มันเป็นเรื่องในครอบครัวของคุณ ไม่เกี่ยวอะไรกับผม”

“บางทีผมก็อยากเป็นคนที่คิดอะไรง่าย ๆ แบบคุณดูบ้างเหมือนกัน” พุทธชาดถอนหายใจ เขาเห็นว่าผู้เป็นสามีหรี่ตามองตอบกลับมา

“กำลังด่าว่าผมเป็นพวกไม่มีหัวคิดหรือเปล่าครับ”

“ผมชมต่างหากครับ”

“ไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่ที่ได้รับคำชมแบบนั้นนะครับ”

นับเป็นอีกครั้งที่ราชนิกุลหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ความลังเลใจก่อนหน้านี้หายไปเพียงเพราะได้คุยไร้สาระกับกัลปพฤกษ์ อัลฟ่าหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ไม่ทันได้เห็นประกายตาชอบใจที่กัลปพฤกษ์มองมาหลังจากได้ยินเสียงหัวเราะของเขา

พุทธชาดตัดสินใจเปิดเผยความลับที่เก็บมาเนิ่นนาน

“ผมเป็นลูกของคุณพ่อกับคุณแม่จริง ๆ ครับ แต่คนที่อุ้มท้องผมคือคุณน้าพุดพิชญา”

“คุณจะบอกว่าคุณน้าของคุณรับอุ้มบุญงั้นเหรอ?” อัลฟ่าผิวแทนเลิกคิ้ว เขาแปลกใจ...แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องนี้มันประหลาดที่ตรงไหน “เพราะแบบนั้นคุณถึงได้รักคุณน้ามาก ตอนเธอเสียไปคุณเลยอมทุกข์ใส่ทุกคน”

“ไม่หรอกครับ” พุทธชาดส่ายหน้า “ตอนคุณน้าเสียผมยังไม่รู้ความจริง ผมเพียงแต่ผูกพันกับเธอมาก คุณลองคิดดูสิ...ตั้งแต่จำความได้ก็เจอคนคนนี้คอยดูแลเอาใจใส่ ให้เวลากับเรามากกว่าพ่อแม่แท้ ๆ ที่มีงานรัดตัว เธอที่แม้จะไม่สบายบ่อย เจ็บออด ๆ แอด ๆ แต่ก็พยายามจะดูแลเราให้ดีที่สุดเสมอ”

“ผมพอจะเข้าใจนะ”

“นั่นล่ะครับ เพราะคุณน้าทำให้ผมยังมีช่วงเวลาที่สามารถผ่อนคลายได้ ผมถึงได้รักเธอมาก” ราชนิกุลหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง เขาดื่มของเหลวรสเข้มจนหมดแก้วแล้วยื่นให้กัลปพฤกษ์รินเพิ่ม และผู้เป็นสามีก็ผันตัวเองไปเป็นเด็กรินเหล้าอย่างเต็มใจ

“แล้วคุณรู้ความจริงตอนไหนครับ?” แม้จะไม่ได้อยากรู้มากมายอะไรนัก แต่พอได้ฟังแล้วกัลปพฤกษ์ก็อดที่จะสนใจไม่ได้ เขาถามโดยไม่คิดเผื่อเลยสักนิดว่าภรรยาจะไม่อยากตอบ

“ตอนมัธยมต้น” อัลฟ่าผู้สูงศักดิ์ปรายตาสบกับดวงตาสีรัตติกาลที่ยามนี้มองตรงมาที่เขา มือที่ถือแก้วเหล้าของกัลปพฤกษ์ชะงักค้าง สีหน้าของร่างสูงบ่งบอกชัดว่าเขาจำได้แล้ว

“ตอนที่ผมเจอคุณแอบไปนั่งร้องไห้อยู่ในสวนพฤกษศาสตร์ของโรงเรียน อย่าบอกนะว่าคุณร้องไห้เพราะเรื่องนี้?”

“ช่วยอย่าพูดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นจะได้ไหมครับ มันน่าอาย”

“ขอโทษที ผมแค่คิดถึงตอนที่ผมนั่งปลอบคุณ เชื่อไหมว่าตอนนั้นผมคิดว่าคุณก็น่ารักดีนะเวลาร้องไห้ มันเหมือนกับว่าผมได้เห็นคนที่ปกติมักจะเพอร์เฟ็กต์และไร้อารมณ์อยู่เสมอ ที่จริงแล้วก็มีมุมที่แสดงความรู้สึกได้เหมือนกับมนุษย์ทั่ว ๆ ไป” อัลฟ่าผิวแทนเป็นฝ่ายถอนหายใจบ้างแล้วคราวนี้ “ถ้าผมรู้ว่าตอนนั้นคุณกำลังเสียใจ ผมจะปลอบคุณให้ดีกว่านั้น เพราะถ้าผมเป็นคุณ...ผมก็คงรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมันถล่มลงมาใส่บ่าของเรา”

คำว่า ‘น่ารัก’ ดูไม่ใช่คำที่พุทธชาดคิดว่าจะมีใครใช้มันเอ่ยถึงเขาเลย แต่ในขณะเดียวกันคำพูดที่ราวกับเข้าอกเข้าใจนั้นก็ดูขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของกัลปพฤกษ์ไม่น้อย ถึงอย่างนั้นมันก็ฟังดูจริงใจซะจนพุทธชาดรู้สึกอุ่นวาบในอก


“ตอนนั้นผมไม่คิดว่าคุณจะปลอบผม ทั้งที่คุณแสดงออกว่าไม่ชอบผมมาตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ” อัลฟ่าหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ยามนึกถึงอดีต ก่อนจะดื่มจนหมดไปอีกแก้วแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟา เขาปล่อยร่างกายให้ผ่อนคลาย ถึงอย่างนั้นท่วงท่าทุกอย่างก็ยังสง่างามดูสูงส่งเหมือนเดิม “ทุกครั้งที่ผมหลบไปนั่งที่นั่น คุณมักจะปรากฏตัวมานั่งข้าง ๆ ผม หาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเล่าให้ผมฟัง”

“ผมเคยทำแบบนั้นด้วยเหรอ?”

พุทธชาดยิ้มบาง “คุณอาจจะลืม แต่ผมไม่เคยลืมเลยนะ เพราะความใจดีของคุณในตอนนั้น มันทำให้ผมกลับมาเข้มแข็งขึ้นและยังก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง”

ไม่รู้อะไรดลใจให้พูด แต่ชายหนุ่มก็พูดความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา บางทีอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่มีประสิทธิภาพในการกร่อนสติสัมปชัญญะ หรือไม่ก็เพราะจิตใจของเขาตกอยู่ในภาวะอ่อนแอเกินไป และอาจจะเป็นเพราะ...ความอ่อนโยนที่ได้รับจากผู้เป็นสามีก็ได้ล่ะมั้ง

ในเวลาเดียวกันนั้นคนฟังก็ถึงกับชะงักไป...ความรู้สึกยินดีเอ่อท้นขึ้นมาในใจ กัลปพฤกษ์ทั้งแปลกใจและชอบใจไปพร้อม ๆ กันเลยทีเดียว ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่าภรรยาอัลฟ่าผู้เย่อหยิ่งของเขาจะเอ่ยปากชมกัน ทั้งที่ปกติมักจะต่อว่าต่อขานด้วยคำพูดเจ็บแสบแท้ ๆ

“คุณต้องเมาแล้วแน่ ๆ คุณแก้ว”

“ก็คงอย่างนั้นมั้งครับ”

พุทธชาดผ่อนลมหายใจยาว อัลฟ่าหนุ่มขยับเปลี่ยนท่า จากที่นั่งก็นอนราบไปตามความยาวของโซฟาแทน แต่ยังคงหันหน้ามาทางผู้เป็นสามี พอลองคิดดูแล้วเขาไม่เคยปล่อยตัวให้อยู่ในสภาพผ่อนคลายมากขนาดนี้ต่อหน้ากัลปพฤกษ์มาก่อนเลย

“จะหลับแล้วเหรอครับ?” อัลฟ่าผิวแทนเลิกคิ้วถาม

คนเป็นภรรยาส่ายหน้าเบา ๆ แทนคำตอบ เขามองใบหน้าหล่อเหลาของสามีพลางหวนคิดไปถึงเรื่องราวในอดีตเท่าที่สมองของเขายังคงจดจำมันได้...ตอนเราเจอกันครั้งแรก กัลปพฤกษ์พูดจาใจร้ายกับเขามาก แต่นั่นก็เป็นเพราะเรายังเด็กและอีกฝ่ายก็เอาแต่ใจตัวเอง ต่างจากพุทธชาดที่เก็บอารมณ์เก่ง นั่นเพราะเราทั้งคู่ต่างถูกเลี้ยงดูสั่งสอนมาไม่เหมือนกัน

เขาอยู่กับความเข้มงวด ถูกปลูกฝังให้นึกถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูลมาเป็นอันดับหนึ่ง หากไม่มีน้าพิช ราชนิกุลหนุ่มอาจกลายเป็นคนไร้หัวใจไปแล้วก็ได้ ในขณะที่สามีอัลฟ่าของเขาได้รับอิสระมากกว่า ถูกเลี้ยงดูให้สามารถทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ แม้จะโดนคาดหวังให้เป็นประธานบริษัทของชัยพัฒน์พิมาน แต่ก็ไม่ได้ถูกเข้มงวดกวดขันเสมอเหมือนอย่างเขา

ความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนั้น...ต่อหน้าคนอื่นก็ทำเหมือนสนิทสนมกันดี แต่ความจริงกัลปพฤกษ์มักโกรธพุทธชาดอยู่เสมอ มาคิดดูแล้วก็ไม่ใช่ความผิดของอีกฝ่ายเสียทีเดียวหรอก พุทธชาดเองก็มีส่วนผิดที่ไม่รู้จักทำตัวให้เป็นมิตรมากกว่านี้

กระนั้นตอนมัธยมต้นกัลปพฤกษ์ก็เคยใจดีกับเขามากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในวันที่พุทธชาดเสียใจแทบบ้า ร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับน้ำตาไม่มีวันหมด ก็เป็นอีกฝ่ายที่มาเจอเขาโดยบังเอิญแล้วเลือกที่จะนั่งเป็นเพื่อน ปลอบโยนโดยไม่ถามสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น แวะเวียนมาหาอยู่บ่อยครั้งทั้งที่ไม่เคยนัดเจอกันเป็นกิจจะลักษณะ สวนพฤกษศาสตร์ของโรงเรียนคือหนึ่งในสถานที่แห่งความทรงจำอันดีของพุทธชาด

และเป็นสถานที่แรกที่เขาได้รู้จักกับคำว่า ‘ตกหลุมรัก’ ใครสักคน

แต่หลังจากนั้นอีกฝ่ายกลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ปีสุดท้ายของการเรียนในชั้นมัธยมปลาย กัลปพฤกษ์กลายเป็นคนเกรี้ยวกราดไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ จากที่มักจะมาพบกับเขาที่สวนก็ไม่มาอีกเลย พอได้รู้เรื่องหมั้นหมายระหว่างสองตระกูลกลับยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ ถึงกับพูดจาเหยียดหยามเขาอย่างรุนแรง ตอนนั้นเขาโกรธแต่ก็ใช้ความอดกลั้นเป็นอย่างมากในการตอบโต้อีกฝ่าย

“คุณรู้สึกยังไงในตอนที่ผมไปหาเพื่อขอให้หมั้นกัน”

จู่ ๆ ราชนิกุลหนุ่มก็เกิดความสงสัยขึ้นมา ในตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าเขาอยากทำให้พ่อกับแม่พอใจ เมื่อพวกท่านบอกว่าอยากให้เขาเป็นคนทำตามสัญญาของคุณปู่ แต่งงานกับทายาทของตระกูลชัยพัฒน์พิมาน เกี่ยวดองสองตระกูลเข้าด้วยกันแม้รู้ดีว่าทั้งเขาและกัลปพฤกษ์เป็นอัลฟ่าเพศชายทั้งคู่ก็ตาม

“ตอนนั้นเหรอ?” กัลปพฤกษ์ทวนถาม ชายหนุ่มหลุบตาลงมองน้ำสีอำพันในขวดแก้ว จากที่ตอนแรกรินมันใส่แก้วทีละนิด แต่ครั้งนี้เขากลับรินมันจนเกินครึ่งแก้วแล้วกระดกดื่มรวดเดียวหมดโดยไม่กลัวเมามายแม้แต่น้อย ดวงตาคู่คมเหลือบขึ้นสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน “ไม่รู้สิ มันนานมากแล้ว อาจจะเป็นความโกรธล่ะมั้ง”

“เหรอครับ...”

“มีหลายเรื่องเกิดขึ้นกับผมในตอนนั้น และการโดนจับหมั้นกับคุณก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมไม่พอใจ แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจรับข้อเสนอของคุณ และกลายมาเป็นสามีของคุณในตอนนี้ไง”

“ทำไมถึงยอมแต่งกับผมล่ะครับ ความจริงผมคิดว่าคุณจะถอนหมั้นหลังจากที่เราเรียนจบกลับมาจากเมืองนอกแล้วด้วยซ้ำ” พุทธชาดกลายร่างเป็นคนช่างถามไปเสียแล้ว เขาถามสิ่งที่ลึก ๆ แล้วมันติดอยู่ในใจมาโดยตลอด โดยไม่ได้คำนึงถึงคำตอบที่อาจจะทำให้รู้สึกแย่กว่าเดิม

“คุณอย่ารู้เลย เชื่อเถอะว่าคุณไม่อยากฟังหรอก”

“ไม่ลองพูดออกมาก่อนล่ะครับ”

กัลปพฤกษ์ส่ายหน้า เขาไม่มีทางพูดมันออกไปแน่ อัลฟ่าผิวแทนแน่ใจว่าหากพูดออกไป เขาต้องกลายเป็นคนใจร้ายในสายของผู้เป็นภรรยามากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ในตอนนี้ชายหนุ่มคิดไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว...การกลับมาของผู้หญิงคนนั้นทำให้เขาไขว้เขว แต่ในขณะเดียวกันคำพูดของคุณอาในคืนนั้นก็ทำให้เขาได้คิด

‘เลิกหวังที่จะได้เธอคืนกลับไปได้แล้วไอ้กัลป์! คนที่แกควรใส่ใจดูแลให้มากที่สุดในตอนนี้...ก็คือภรรยาของแกต่างหาก!’

นั่นทำให้ร่างสูงฉุกใจคิดขึ้นมาได้...ถ้าหากว่าเขาลองปรับตัวเข้าหาคุณแก้วล่ะ? ไหน ๆ ก็เลือกที่จะแต่งงานและใช้ชีวิตกับคนคนนี้แล้ว แม้จะทำไปเพราะมีเหตุผลที่บอกไม่ได้ก็ตาม และถ้าชายหนุ่มสามารถ ‘รัก’ ผู้เป็นภรรยาได้ ปัญหาที่คาราคาซังมานานระหว่างเขากับคุณอาก็จะได้จบไปสักที

ก็แค่รักเองนี่...กัลปพฤกษ์เคยรักเธอมาก แค่เปลี่ยนมารักคนที่เป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม มันไม่น่าจะยากเย็นอะไรนักหรอก และบางทีการรักคุณแก้วอาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้ เพราะคนคนนี้เป็นของเขาอย่างแท้จริงไม่ว่าจะทางกฎหมายหรือว่าร่างกายก็ตาม

อัลฟ่าผิวแทนหวังว่าเขาจะรักอีกฝ่ายได้ในสักวัน ส่วนเรื่องเซ็กซ์...ยังไม่รักก็ทำกันได้ เขาก็แค่ต้องทำให้คุณแก้วยอมอย่างเต็มใจก็เท่านั้น

“แล้วคุณล่ะ? ทำไมถึงยอมหมั้นตามความต้องการของพวกผู้ใหญ่?” ร่างสูงเป็นฝ่ายถามบ้าง

พุทธชาดแย้มยิ้มที่ผสมความเย้ยหยันเล็ก ๆ เอาไว้ออกมา เขาเหม่อมองไปเรื่อยเปื่อยในขณะตอบคำถาม “ผมก็แค่ทำตามที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการก็เท่านั้น”

“เป็นเด็กดีตลอดเวลา คุณแก้วไม่เหนื่อยบ้างเหรอครับ”

ราวกับคำถามนี้เป็นเหมือนมีดที่ปักลงกลางใจราชนิกุลหนุ่ม พุทธชาดหลุบตาลงต่ำ สีหน้ายังคงเรียบเฉยหากแต่แววตาเต็มไปด้วยประกายรวดร้าวราวกับแก้วที่ใกล้จะแตกสลาย

“ผมเลยจุดนั้นมานานแล้ว”

ไม่มีบทสนทนาใด ๆ ต่อจากนั้นอีก แต่กัลปพฤกษ์กลับลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเข้ามาหาร่างสูงสง่าก่อนจะคุกเข่าลงนั่งที่พื้นข้างโซฟาแทน ร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของผู้เป็นภรรยาเอาไว้ทั้งสองข้าง แล้วโน้มใบหน้าไปใกล้จนลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดกัน

สีหน้าของพุทธชาดยังคงเรียบเฉย น้ำเสียงทุ้มนุ่มกล่าวถาม “คิดจะทำอะไรครับคุณกัลป์”

“จูบภรรยาน่ะสิ”

“...”

“ไม่ได้เหรอ? นี่ผมอุตส่าห์นั่งฟังคุณปรับทุกข์เลยนะ”

มันเป็นข้ออ้าง แท้จริงแล้วจู่ ๆ กัลปพฤกษ์ก็แค่อยากจูบอีกฝ่ายขึ้นมาก็เท่านั้น

“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ที่ระบายความใคร่ของคุณ”

อัลฟ่าราชนิกุลหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ไม่ได้ออกแรงผลักไส เขายอมรับว่าเขาเองก็อยากได้รับสัมผัสจากผู้เป็นสามี แต่อีกใจก็รู้สึกว่ามันคงไร้ค่าไม่น้อยที่เขายอมให้อีกฝ่ายสัมผัส ทั้งที่เคยประกาศเอาไว้ว่าห้ามผู้เป็นสามีแตะต้องตัวเขาเด็ดขาดแท้ ๆ

“ตอนนี้ผมก็แค่อยากจูบคุณ”

ดวงตาสอดประสาน ลมหายใจร้อนผ่าเจือกลิ่นของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กัลปพฤกษ์ไม่ได้ทำอะไรต่อ เขาเพียงค้างอยู่ในท่านั้นนิ่ง ๆ และคอยเวลาที่เหมาะสม ซึ่งผลตอบแทนของการรอคอยก็คือ...ริมฝีปากที่เขาเคยได้สัมผัสมันอยู่สองสามครั้ง และยังตราตรึงอยู่ในใจมาโดยตลอด

พุทธชาดเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาแนบริมฝีปากเข้าหาก่อน หลังจากนั้นพวกเขาก็จูบกันเพียงแผ่วเบานุ่มนวล แต่แค่นี้กัลปพฤกษ์ก็รู้สึกดีมากเกินไปแล้ว มาก...จนไม่ทันรู้ตัวเลยว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะไปตอนไหน




หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 16 [14-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 15-07-2021 02:26:10
ยิ่งอ่านก็ยิ่งสงสารคุณแก้วค่ะ...
แอบมโนข้ามไปตอนที่ถ้าคุณแก้วรู้ความจริงทุกอย่างของคุณสามี... ¥0¥ ...
ส่วนคุณสามีคนนั้นอะ ตั้งแต่อ่านมายังไม่มีตอนไหนที่ทำให้รู้สึกอยากยกคุณแก้วให้เลยยยยยยยยยย... นึกถึงแล้วอารมณ์เสีย...  :z6: ...
หัวข้อ: Re: (Omegaverse) พุทธชาดหยาดรัก :: ตอนที่ 16 [14-07-2021]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 15-07-2021 22:12:15
แหม่ ทีเรื่องคุณแก้วถามเอาๆ แต่เรื่องของตัวเองเก็บงำไว้ซะงั้น