พิมพ์หน้านี้ - ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 14] |26-8-19 | P.2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: rinyriny ที่ 10-10-2018 21:57:53

หัวข้อ: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 14] |26-8-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 10-10-2018 21:57:53
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

...
...
...

นิยายเก่าของ rinyriny

1. นิยาย ..*ขอผมได้รัก*..
 https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57256.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57256.0)

2. นิยาย ||*...สวัสดี▪นายพล▪ คนธรรมดา...*||
 https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60981.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60981.0)

3. นิยาย +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+
 https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61787.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61787.0)

4. นิยาย  ▪▪▪อมยิ้มสื่อรัก▪▪▪
 https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.30 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.30)

5 นิยาย *...-+-...-+-เพื่อนพ่อ (อินทัช+คายัค)-+-...-+-...*-
 https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67267.0  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67267.0)

6. นิยาย*..--+--..*คนที่สาม*..--+--..*  เนม-ตูน(แม็ค)
 https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68271.0   (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68271.0)
หัวข้อ: ▪+▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪+▪ บทนำ |10-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 10-10-2018 22:08:44
บทนำ







"เราเลิกกันเถอะพี่เป๊ป"


"ทำไมล่ะ นิว"


"พี่เป๊ปดีเกินไป"



     ยามนี้ ในร้านไอศกรีมชื่อดัง ที่นั่งด้านในสุดของร้านมีหนึ่งหนุ่มนักศึกษากับหนึ่งหนุ่มนักเรียนมอปลายนั่งหน้าเครียดเพราะทั้งสองกำลังพูดถึงเรื่องของการยุติความสัมพันธ์

   

     ไอศกรีมรสวานิลลาที่สั่งมาเพื่อทาน ยามนี้จากแข็งเป็นลูกกลมๆก็ละลายดั่งสายน้ำไหล

   

     เหมือนมีค้อนใหญ่ทุบหัว เขามึนงงไปพักใหญ่ว่าเหตุผลแบบนี้ มันใช้มาเป็นข้ออ้างในการเลิกกันได้ด้วยเหรอ?

 

     เปปเปอร์พยายามเค้นคำพูดจะสนทนาต่อ ทว่ากลับจุกในคอเมื่อเขากำลังไม่เข้าใจแฟนตัวเองว่า



    ดีเกินไปก็ผิดด้วยเหรอ?...


    คนที่นั่งนึกถึงช่วงเวลาของสองเราที่ผ่านมา เท่าที่จำได้ เปปเปอร์ยังคิดไปว่าตัวเองยังไม่ดีพอด้วยซ้ำ เขายังอยากทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อนิวให้ดีกว่าเดิม ทั้งทำให้นิวพอใจในเซ็กซ์ของกันและกัน อยากพาไปเที่ยว ไปดูหนัง ฟังเพลงบ่อยกว่านี้


    แต่ 'นิว แฟนเด็กมอปลาย' กำลังบอกว่าเขาดีเกินไป


     มันใช่เหตุผลจริงๆเหรอวะ?.


"พี่ว่ามันไม่ใช่เหตุผล นิวบอกมาตรงๆดีกว่า"


"นั่นแหละคือเหตุผล ผมไม่ชอบตัวเองเวลาอยู่กับพี่"





     คำธรรมดาแต่เจ็บอยู่ไม่น้อย จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเปปเปอร์ไปทำอะไรให้ นิวถึงจ้องจะเลิกกันท่าเดียว



     จุดเริ่มต้นในการพบเจอกันของคู่รักอาจหลากหลาย แต่ถึงเวลาจะไปจากกัน มันคงมีไม่กี่เหตุผล



"นิวมีคนอื่นใช่ไหม?"
   

"ไม่มีครับ"


"พี่ไม่เชื่อ และพี่ว่ามันตลกว่ะ ถ้าจะเลิกกันเพราะคำว่าดีเกินไป หรือนิวอยากให้พี่เลวมากกว่านี้ไหม? มันจะได้สมดุล"



    ยอมรับว่าที่พูดแบบนั้น เพราะต้องการประชดประชัน เนื่องจาก เปปเปอร์ตั้งตัวไม่ทัน ว่าการนัดเจอกันครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบหน้า


     เปปเปอร์มองนิวถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ก่อนสาดคำพูดที่แฝงด้วยอารมณ์ไม่พอใจ


"พอเหอะ พี่เป๊ป ผมว่าคู่เรามาถึงทางตันแล้วว่ะ"


"พี่ไม่เลิก"


"พี่เป๊ป อย่างี่เง่าได้ไหมวะ? นิวไม่มีความสุขแล้วนะที่อยู่กับพี่"



กึก!



   นิวไม่มีความสุขแล้วนะที่อยู่กับพี่



   นิวไม่มีความสุขแล้วนะที่อยู่กับพี่



   นิวไม่มีความสุขแล้วนะที่อยู่กับพี่



     ราวกับเสียงเอคโค่ที่ก้องอยู่ในหัว


     โคตรเจ็บ...


     นี่กูเป็นตัวทำลายความสุขน้องเขาขนาดนี้เลยหรอวะ?


     คงหมดรักกันแล้วจริงๆสินะ...



    ขนาดเปปเปอร์ทุ่มทุนง้อ ยอมลดศักดิ์ศรี อ้อนวอนขอให้ความสัมพันธ์ของเราสองเดินไปต่อ แต่อีกฝ่ายยังคงยืนกรานว่าควรพอ เปปเปอร์ก็จะไม่ขอรั้งอะไรอีก เพราะนิวก็คงไม่เห็นค่าของกัน


      คนที่นั่งหน้าชา ตัวชาวาบกับประโยคที่ได้ยินเมื่อสักครู่ ตัดสินใจตอบกลับ



"เลิกก็เลิก"


      คนที่สั่งไอศกรีมก่อนหน้า ยังไม่ได้แตะมันสักแอะก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอก



"ส่วนค่าไอติม ออกเองแล้วกัน"


"ดะ...เดี๋ยวสิพี่เป๊ป พี่จะชิ่งแบบนี้ไม่ได้นะ ทำไมพี่เลวแบบนี้วะ?"




     เปปเปอร์แสยะยิ้มร้าย ก่อนโน้มตัวลงไปหา


"แล้วก่อนหน้าใครกันวะที่บอกว่าพี่ดีเกินไป?..."



     เปปเปอร์ยิ้มพลางยักคิ้วข้างหนึ่งให้นิว ก่อนจะหันหลังเดินออกจากร้านแล้วโบกมือไหวๆร่ำลา


     นับจากนาทีที่เดินออกจากร้านไอศกรีมนี้ไป นิวจะกลายเป็นแฟนเก่าอย่างถาวร







     ยามนี้ ในห้องน้ำ เปปเปอร์กำลังวักน้ำล้างหน้าล้างตาหวังไล่ความเฮงซวยออกไป ยังคงเจ็บใจ จุกอก หน่วงหนึบยังบอกไม่ถูก



     คนที่ยืนด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกเงา เขาไม่มีน้ำตาสักหยด ไม่ร้องไห้ฟูมฟาย แต่ลึกๆข้างในยอมรับว่าเจ็บปวด



"เฮ้อออออ!!"


      ถอนหายใจยาว ก่อนจะหมุนตัวไปเข้าห้องน้ำลงกลอนประตู พับฝาชักโครกแล้วนั่งลงอย่างตั้งสติ ว่าจากนี้จะไปไหนต่อดี? หากกลับห้องไป เจอ ไอ้ไทม์ ด้วยสภาพไม่สู้ดี มันคงจับได้และคาดคั้นถามไม่หยุด


   เอาไงดี...

 

   ในระหว่างรอการตัดสินใจของตัวเอง เปปเปอร์นวดขมับเบาๆ หลังจากรู้สึกปวดหัวตุ๊บๆ


    ความเงียบถูกทำลายลงโดยเสียงลูกค้าของห้างที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่



 
"โคตรเลวเลยพี่ตั้ม แม่งเป็นคนชวนผมมานะ แต่ให้ผมออกค่าไอติมเอง"


"ดีแล้วครับ น้องนิวเลิกไปเถอะคนแบบนั้น"


"นั่นดิ ผมคิดไม่ผิดเลยที่เลิกกับมันแล้วมาหาพี่"


"พี่ก็ดีใจเหมือนกัน พี่รักนิวนะ"


"ผมก็รักพี่ตั้ม จากนี้เราก็คบกันได้เปิดเผยแ...ล้..."



ปัง!



    ไม่ทันสิ้นเสียงคนพูดคุย  กำปั้นที่ทุบลงบานประตูส่งเสียงดังลั่น จนการต่อบทสนทนาเมื่อสักครู่ชะงักงัน คนที่โดนกล่าวถึงอย่างเสียๆหายๆ พอได้ยินก็เกิดอารมณ์เดือดดาล กระชากประตูเดินออกมาจากห้องเล็กแคบ

 

"สนุกปากกันมากไหม?"


   เด็กนักเรียนมอปลายยืนหน้าซีดขาวเหมือนแผ่นกระดาษเมื่อเห็นว่าเปปเปอร์อยู่ในห้องน้ำด้วย เด็กหนุ่มรีบหลบหลังชายหนุ่มในชุดทำงาน โผล่ให้เห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าหนึ่งที่ชะโงกมองมาอย่างหวาดกลัว



   เปปเปอร์มองคนอายุมากกว่าเขา สังเกตุได้จากหน้าตาและเสื้อผ้าที่สวมใส่ เหมือนพนักงานออฟฟิศ



"คุณเป็นใคร?" คนที่ยังไม่รู้ตัวว่า ที่นินทาถึงบุคคลที่สามไปก่อนหน้านั้น กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่



"ตอนนี้มันไม่สำคัญว่าผมเป็นใคร ? แต่ที่สำคัญคือพี่ต้องขอบคุณนิวว่ะ ที่ทำให้พี่ตาสว่าง"


"...."


"ตอนแรกพี่ยังค้านความคิดนิวอยู่เลย ที่บอกว่าพี่ดีเกินไป แต่ตอนนี้พี่แม่งเชื่อนิวแล้วว่ะ พี่มันดีเกินไปจริงๆ"


"พะ...พี่เป๊ป...นี่พี่ช..า...."


"เหนื่อยไหม? ที่ต้องโกหก พอเหอะ.. จากนี้ พี่ก็ขออวยพรให้นิวกับพี่เขาไปสนุกกันในนรกนะ"



"พี่เป๊ป ...มันไม่.@%++&=&%+-"/@@+%+%#/"/&"



    แม้หลังจากนี้ นิวจะชักแม่น้ำทั้งห้า หรือ หาเหตุผลมาหว่านล้อมอะไร เขาไม่เชื่อใจอีกแล้ว พอกันที ยามนี้ นายอมรินทร์เดินหูดับออกจากห้องน้ำ ด้วยรอยยิ้มโล่งใจ นึกขอบคุณทุกสิ่งอย่างที่ได้พบหนทางสว่าง และ ที่สำคัญ ขอบคุณระยะเวลาความสัมพันธ์ 'หกเดือนกับอีกสิบสามวัน' ที่ทำให้ได้เห็นธาตุแท้ของนิวก่อนที่จะต้องเสียเวลานานกว่านั้น



"ไม่เอาแม่งแล้วเด็ก"



     ไม่เข็ดกับรัก แต่เข็ดกับการคบเด็กเป็นแฟน จึงทำให้นายเปปเปอร์ลั่นวาจากับตัวเองไว้ว่า จากนี้ จะเลือกคบคนอายุมากกว่าเท่านั้น...


    เปปเปอร์ หรือ นายอมรินทร์
นักศึกษาชั้นปีที่สอง กำลังปลอบใจตัวเอง


    จงปล่อยคนชั่วพรรค์นั้นให้ออกจากชีวิตไปเถอะ จากนี้จะได้มีพื้นที่ว่างในหัวใจเตรียมรับคนใหม่ คนที่ใช่และดีเดินเข้ามาในชีวิต
 

...........................

   

น้องเปปเปอร์ของเราจะเจอสิ่งที่เกลียดอีกหรือจะเจอสิ่งที่หวังตามใจปรารถนาว่าต่อไปจะคบคนแก่ก็ต้องรอดูกันต่อไป   :mew1: :mew1: 
มาเอาใจช่วยกันด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: *...-+-...ผู้ชายในฝัน...-+-...* บทนำ / 10-10-18 | P.1 |
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 10-10-2018 22:53:02
รอลุ้นเปปเปอร์ให้เจอชายในฝัน เนื้อเรื่องสนุก ติดตาม :mew1:
หัวข้อ: Re: *...-+-...ผู้ชายในฝัน...-+-...* บทนำ / 10-10-18 | P.1 |
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 11-10-2018 00:23:30
จะเจอมั้ยน้ออ?
หัวข้อ: Re: *..▪..* 'ผู้ชายในฝัน' *..▪..* บทนำ |10-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-10-2018 09:40:02
ใครจะมาคู่เปเปอร์น๊าาา :hao3:
หัวข้อ: Re: ▪+▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪+▪ [ บทที่ 1] |21-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 21-10-2018 17:02:39
(1)
ทบทวน



'เราจะเห็นคุณค่า ก็ต่อเมื่อเราทำตัวคู่ควร'


'ถ้าอยากให้คนรักเรา เราต้องรักและเคารพตัวเองก่อน'


'ใช่ช่วงเวลาโสดให้เต็มที่ เพราะการได้อยู่คนเดียว

คือ การได้มีช่วงเวลาที่เราสามารถทำอะไรก็ได้

และได้พัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น'

 


     ไล่สายตาอ่านทวนประโยคเดิมที่เคยเขียนไว้ในสมุดไร้เส้นเล่มเล็กที่เปปเปอร์พกติดตัว หลังจาก ผ่านประสบการณ์ช้ำรักมาได้ห้าเดือน เปปเปอร์ไม่ทิ้งเวลาไปกับเรื่องเสียใจนาน พยายามปลอบประโลมจิตใจตัวเองด้วยการเปิดดูคลิปวีดิโอต่างๆจากยูทิวป์สร้างแรงบันดาลใจยามอกหัก คาดหวังว่ามันจะช่วยเยียวยาบาดแผลที่เหวอะหวะจากคนใจร้ายให้หายจนเป็นปกติ



     แค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน



    กว่าจะคิดได้ ก็ผ่านช่วงเวลาดำดิ่งความทุกข์ พารานอยด์ ซึมกระทือ นั่งบื้อเป็นสัปดาห์ เมื่อเวลาผ่านไป เปปเปอร์เริ่มเข้าใจว่า ควรขอบคุณนิวด้วยซ้ำที่นอกใจ เพราะถ้านิวไม่ทำแบบนั้น เขาคงเสียเวลาไปกับความรักอันฉาบฉวยนานกว่านี้

 



    วันสุดท้ายของการสอบมิดเทอม เปปเปอร์นั่งอยู่ในห้อง ทบทวนความรู้สึกตัวเองอยู่ตรงโต๊ะญี่ปุ่นว่าเขาทำใจจากนิวได้หรือยัง? ตอบได้อย่างมั่นใจว่า จิตใจดีขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาเยียวยาบาดแผลได้ดี ยามนี้ เขาจึงลองหยิบสมุดมาเขียนว่าต่อจากนี้ ถ้าจะมีแฟนคนต่อไป เปปเปอร์อยากได้คนแบบไหน?



   
    ก็แค่ลองเขียนดูไม่เสียหายอะไรสักหน่อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นกำลังจ้องมองหน้ากระดาษที่มีเพียงหัวข้อว่า



     ...คนที่ใช่ของเปปเปอร์...


       จรดปากกาลงทีละตัวอักษร  ฟากรูมเมทสุดแสนสนิทอย่าง 'ไทม์'  ที่กึ่งนั่ง กึ่งนอนเล่นเกมส์พลางกระดิกเท้าดิ๊กๆบนเตียงเหลือบมองคนที่นั่งขัดสมาธิเขียนอะไรบางอย่างอยู่ตรงโต๊ะญี่ปุ่น

.

.

.


"เสร็จแล้ว เฮ้ย...ไอ้เหี้ยไทม์"
เปปเปอร์พรูลมหายใจออกมา หลังจากที่ตัวเองเขียนถึงสเปกคนที่ใช่เสร็จเรียบร้อย แต่สะดุ้งโหยง เมื่อไทม์ย่องเบา เข้ามาจากด้านหลัง กระชากสมุดไปอ่านอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

"ไอ้ไทม์ เอาคืนมานะ"

 


     ไทม์กะเด้งตัวลุกจากเตียง แล้วยืนอ่านข้อความเหล่านั้น ที่ตอนนี้ มีเปปเปอร์วิ่งพัวพันรอบกายคล้ายสุนัขดีใจที่ได้เจอหน้าเจ้าของ



"มึงเขียนอะไรวะ เป้าหมายหาผู้ในอนาคตเหรอ?"

 

"อย่ายุ่ง เอามานี่"

 

"อะไรวะ? รักเดียวใจเดียว อายุมากกว่า มีเสน่ห์ การงานมั่นคง?"

 

    คนที่อ่านผ่านๆแบบไม่ได้ใส่ใจ ก็โยนสมุดลงบนเตียงที่เปปเปอร์ก็รีบตะครุบไว้ในทันที



"มึงเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยหรอวะ?"

 

"กูก็ไม่ได้เชื่อเท่าไหร่? แค่ลองเขียนดู"

 


     หรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิดก่อนยกยิ้ม

 

"ฮ่าๆๆ...จ้า ไม่เชื่อเลยจ้า รู้ตัวไหม? หน้ามึงดูมุ่งมั่นมาก"


"มึงไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่สิ่งที่กูทำ"

"ไม่ได้ลบหลู่ แค่ถาม"

 

"มึงไม่ลองเขียนดูบ้างล่ะ"

 

"ไม่ต้องเขียนหรอก เพราะตอนนี้ กูรู้สเปกของกูดี"

 

"แสดงว่ามึงมีคนที่ชอบแล้ว ใครวะ? เขารู้ไหมว่ามึงชอบ?"

 

"ซอกแซก น่ารำคาญ"

 

"โว๊ะ! ไม่ถามก็ได้ ว่าแต่เรื่องกู ห้ามบอกใครนะ"

 


        คนที่ไม่ตอบเพื่อนแต่กลับถามเรื่องอื่น ยอมรับว่า เห็นหน้าเปปเปอร์ตอนนี้มีใบหน้าที่สดใสกว่าเดิม ก็สบายใจแทน



"มึงทำใจจากนิวได้แล้ว?"


"อืม มีบ้างที่ยังเสียใจ แต่ไม่เคยเสียดาย"

 

"ดี"

 

"ไอ้ไทม์ พรุ่งนี้กูกลับบ้านนะ แล้วมึงล่ะ จะกลับบ้าน? หรืออยู่หอต่อ"


 

      อันที่จริง ระยะทางจากบ้านเปปเปอร์มามหาวิทยาลัยก็ไม่ใกล้เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ไกลขนาดต้องมาหาห้องพักอยู่อาศัย แต่การที่ตอนนี้ เปปเปอร์ได้กลายมาเป็นรูมเมทอยู่ด้วยกันกับไทม์ เพราะครั้งหนึ่ง ก่อนขึ้นปีสอง พวกเด็กปีหนึ่งทั้งชั้นปีโดนพวกรุ่นพี่พาไปเลี้ยงเฟรชชี คืนนั้น เปปเปอร์รั่วไร้สติและเมาหนัก จนเกือบโดนรุ่นพี่ผู้ชายข่มขืน แต่ไทม์และเพื่อนอีกสอง-สามคนห้ามไว้ได้ทัน วันรุ่งขึ้น ไทม์จึงเล่าให้เปปเปอร์ฟังและบอกให้เปปเปอร์มาอยู่ด้วยกัน เพราะคิดว่า การมีเปปเปอร์อยู่ในสายตาตลอดเวลาย่อมดีกว่า อีกอย่าง การที่พวกเขาเรียนสาขา ศิลปกรรม (ออกแบบนิเทศน์) นั้น ย่อมมีสังสรรค์สุรากันแทบทุกวัน ถ้าเปปเปอร์กลับบ้านดึกดื่นทุกวันคงโดนแม่เอ็ดตะโรแน่ๆ ไทม์จึงให้เพื่อนมาอยู่ด้วยโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่า แต่เปปเปอร์ไม่เอา เพราะเห็นว่า การแชร์กัน จะดีต่อความสัมพันธ์ในระยะยาวมากกว่า นั่นจึงเป็นที่มาให้ไทม์และเปปเปอร์มาอยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้



 

"มึงก็รู้ บ้านที่กรุงเทพฯ เป็นบ้านญาติกู กูไม่อยากอยู่กับเขา กูขอไปนอนบ้านมึงได้ไหมวะ?"

 

"ได้ดิ มาเลย"

 

"ถ้างั้นกูไปพรุ่งนี้เย็นเลยนะ"

 

"เอาสิ"

 

   เมื่อไทม์พยักหน้ารับ เปปเปอร์รีบยัดสมุดเข้ากระเป๋า แล้วหวนนึกถึงสิ่งที่เขียนไปก่อนหน้า




   'ดูซิว่าภายในสองเดือน กูจะได้เจอใครที่ทำให้หัวใจกูเต้นแรงบ้าง'

.

.

.

.

"เฮือกกก!"

   หลังจากกลับหอ มานอนพักที่บ้าน คนที่เมื่อคืนนอนหลับเต็มอิ่มสะดุ้งเฮือกในตอนเช้า เมื่อเปปเปอร์ดันรู้สึกจริงกับความฝัน

 

"นี่กูอินจัดขนาดเก็บไปฝันเลยหรอวะ?"

    ก่อนหน้าที่เขียนบรรยายลักษณะคนที่ใช่อย่างจริงจัง ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเอาแต่จับจดจนถึงขั้นเก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะ ใช้จินตนาการขั้นสูง หล่อหลอมผู้ชายออกมาได้เป็นตัว เป็นตน สร้างคนขึ้นมาในนิมิตได้อย่างตรงตามความต้องการ เท่านั้นยังไม่พอ คนที่ความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศยังรู้สึกเสมือนจริงตอนที่คนๆนั้นได้สัมผัส แตะเนื้อต้องตัวกัน กอดรัดกันบนเตียงจนเปปเปอร์ขนลุกซู่



    คนที่ไม่รู้ว่า จริง หรือ ฝัน สะดุ้งตื่นขึ้นมาและถอนหายใจยาว เมื่อก่อนหน้าไม่กี่วินาที เปปเปอร์กับผู้ชายคนนั้นเกือบจะได้กันอยู่แล้วเชียว

 

"เพี้ยนใหญ่แล้วกู"

   ส่ายหน้าสลัดไล่ความคิดออกไปแล้วลุกไปอาบน้ำหวังกำจัดความฟุ้งซ่านในสมองให้หมดสิ้น



.......................................
 :mew1: :mew1: :mew1:




หัวข้อ: Re: ▪+▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪+▪ [ บทที่ 1- บทที่ 2 ]..21-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 21-10-2018 17:10:43
(2)

แฟนพี่






"อย่าทำหน้าเศร้าสิ แป้ง พี่จะทำตัวไม่ถูก"

 

"ได้ค่ะ แป้งแค่รู้สึกไม่ดีที่..."
ชายหนุ่มวัยสามสิบกลางๆ ยื่นนิ้วชี้กดลงริมฝีปากสาว และก้มหน้าลงมองดวงตาของสาวผิวขาวตัวเล็ก น่ารัก

 

"พี่เต็มใจครับ อย่างอแงสิ"

 

"ก็ได้ค่ะ"



"แม่"

 


       หลังจากที่เดินเข้าบ้าน ผ่านโถงทางเดินไปยังห้องครัว แป้งเรียกแม่ที่กำลังควงตะหลิว ผัดกับข้าวอย่างมีความสุข ผู้หญิงที่มีหน้าตาอ่อนกว่าวัย แม้จะอายุปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้วก็ตาม แม่ของเธอเป็นข้าราชการเกษียณที่ผันตัวมาเป็นแม่บ้านโดยสมบูรณ์


"อ้าว...มาแล้วหรอ? ลูก" วางตะหลิว ปรับระดับไฟในเตาให้อ่อนลงและหันขวับไปหาลูก

 

"จ้ะแม่ แม่คะ? ที่แป้งโทรมาเกริ่นกับแม่ไว้น่ะ คนนี้ไงคะแม่ พี่ทิม แฟนแป้งเองค่ะ"

 

     ชายหนุ่มยืนนิ่งสุขุมพร้อมพนมมือไหว้มารดาแฟนที่ยืนยิ้มอบอุ่น

 

"แป้งบอกคุณน้าชอบทานแหนมเนือง ผมซื้อมาฝากด้วยครับ"

 

"ทีหลังไม่ต้องซื้อมาฝากหรอกจ้ะ เสียดายเงิน"



"ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ"



"แม่คะ มีแหนมเนืองแล้ว ถ้างั้น แม่ไม่ต้องทำกับข้าวแล้วก็ได้ เดี๋ยวแป้งพาพี่ทิมไปหาเปปเปอร์ก่อนนะคะ เดี๋ยวลงมาช่วย"

 

"จ้าลูก"



        ผละจากห้องครัว แป้งพาพี่ทิมทัวร์บ้าน ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปห้องน้องชาย


"น้องกับแป้งอายุห่างกันมากไหม?"
 

"สิบปีค่ะ"

 

"น้องแป้งเป็นลูกหลง?"

 

"ทำนองนั้นค่ะ ตอนมีเปปเปอร์ แม่เล่าให้ฟังว่าช่วงนั้นทะเลาะกับพ่อ ถึงขั้นจะหย่ากัน แต่ไปๆ มาๆ ทำอีท่าไหนไม่รู้ ดันมีเปปเปอร์ขึ้นมาก่อน ถึงหย่า แป้งไม่อยากให้เปปเปอร์คิดน้อยใจว่าตัวเอง เกิดมาในจังหวะที่พ่อ-แม่ระหองระแหงกัน แป้งเลยพยายามดูแลและรักน้องเท่าที่จะทำได้ค่ะ"

 

"แป้งคงรักน้องมากจริงๆ"

 

"ค่ะ น้องแป้งน่ารักนะพี่ทิม ขี้อ้อนมากๆ เวลาอยากได้อะไรก็จะชอบมาคลอเคลียแป้งตลอดจนต้องยอมใจอ่อน น้องเป็นผู้ชายที่ดูไม่เหมือนผู้ชาย แต่ก็ไม่เหมือนผู้หญิงด้วย ฮ่าๆ งงไหมคะ?...แต่ที่สำคัญหน้าตาดีไม่แพ้พี่สาวเลยหละ"



        มองหญิงสาวอวยน้องชายตัวเอง ก็อยากรู้นัก ว่าจะสมคำกล่าวอ้างหรือเปล่า?


"พี่สะดุดตรงประโยคหลัง"


"พี่ทิมอะ พูดซะแป้งเสียเซลฟ์เลย"
คนที่โดนอีกฝ่ายเย้าแหย่หน้าตาย ก็นึกอายขึ้นมาดื้อๆ


"พี่ล้อเล่น แป้งน่ารักจะตาย"
     

      ยิ้มขำเมื่อเห็นแป้งหน้ามุ่ยจนทั้งสองมาหยุดเท้าตรงด้านหน้าห้องน้องชาย เป็นจังหวะที่หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปก็พบเด็กหนุ่มนอนคว่ำเล่นโน้ตบุ้คบนเตียงหันศรีษะมาทางหน้าประตูพอดี


"เปปเปอร์ ยุ่งหรอ? พี่พาแฟนมาแนะนำ"



"พี่ทิมเป็นแฟนพี่ พี่ทิมคะ-เปปเปอร์น้องแป้งค่ะ"

 

      ยืนชะงัก ตัวแข็งทื่อราวกับโดนโบกปูน เมื่อเห็นคนที่นอนบนเตียง ค่อยๆยันร่างขึ้นนั่งในสภาพเสื้อกล้ามตัวโคร่ง เนื้อผ้าบางเบา ทิ้งตัวจนมองทะลุไปถึงไหนต่อไหน..


      ราวกับมนตร์สะกด เวลาของหนึ่งวินาทีถูกยืดให้ช้าลงกว่าทุกที คนที่เผลอเห็นยอดอกสีสดตัดกับผิวขาวผ่อง ไหนจะจังหวะที่เปปเปอร์เปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งคุกเข่าเป็นขัดสมาธิ กางเกงบอลขากว้างได้ถลกขึ้นสูงถึงหว่างขา ทิมเบือนหน้าหนี แต่หนีไม่พ้น เมื่อมีจุดนำสายตาที่น่าสนใจตอนน้องชายแป้งดึงอมยิ้มออกจากปาก แลบลิ้นเลียวนอมยิ้มช้าๆแล้วดึงดูดมันอีกครั้งราวกับไล่น้ำใสที่เกาะลูกอมจนฉ่ำ เปปเปอร์เลียริมฝีปากพร้อมส่งยิ้มอ่อนหวานมาให้

 

"เปปเปอร์ หวัดดีพี่ทิมรึยัง?"


"หวัดดีครับพี่"
 

    จดจ้องมองริมฝีปากสีสดที่ขยับทักทายกันอย่างไม่ละสายตา

 

"ทำอะไรอยู่?"


"ดูหนัง"

 

"ลงไปกินแหนมเนืองด้วยกันสิ พี่ทิมซื้อมาฝาก"

 

"แป๊ปนึงได้ไหม? หนังใกล้จบแล้ว เดี๋ยวตามลงไป"

 

"ตามใจ พี่ทิมคะ เราลงไปข้างล่างกันเถอะ"

 

"ครับ"

 


      เมื่อพี่สาวพาแฟนออกจากห้องจนได้ยินเสียงประตูปิดลง ยามนี้ เจ้าของห้องก็ขยี้ผมจนฟูฟ่องเหมือนรังนก ลูบแขนตัวเองทั้งสองข้าง

 

"ขนลุกว่ะ"

     ตั้งสติได้ กระโจนไปคว้าโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตไว้ตรงโต๊ะข้างเตียง เพื่อรีบโทรไปบอกข่าวไทม์อย่างตื่นเต้น

 

"ไอ้ไทม์...ไอ้เชี่ยเอ้ย มึงจำได้ไหม? เรื่องที่กูเขียนสเปกของคนที่ใช่อะ"



[เออจำได้] ดูน้ำเสียงเพื่อนแล้ว น่าจะตระหนกตกใจไม่น้อยเหมือนกำลังเจอเรื่องไม่คาดฝัน


"กูโคตรขนลุก แฟนพี่กูหน้าเหมือนผู้ชายที่กูฝันเลย"



       คนที่ก่อนหน้าควบคุมอาการให้เป็นปกติอยู่นาน พอรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ทนไม่ไหวรีบพรั่งพรูถ้อยคำราวกับรัวปืนกล

 

[ฮะ? ไอ้เป๊ป มึงตั้งสตินิดนึง กูงงว่ะ อะไรฝัน? อะไรตัวจริง? กูใกล้เสร็จธุระแล้ว เดี๋ยวเจอกันบ้านมึง ค่อยเล่าอีกที]

 

"เออๆก็ได้วะ"
 

      วางสายจากเพื่อนก็นั่งยกสองมือกุมข้างศรีษะ คนที่ยังตกใจและตื่นเต้นไม่หาย พยายามตั้งสติและพร่ำบอกในใจกับตัวเองว่า ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง มันไม่น่าจะใช่...กูคงสมองเบลอหรือนอนน้อยเกินไป



    ตั้งแต่เลิกกับนิว ยังไม่เคยเจอใครคนไหน? ที่ทำให้หัวใจเต้นแรงราวกับรัวกลองยาว เท่านี้มาก่อน

 
    เพิ่งเจอกัน เปปเปอร์ไม่รู้หรอกว่า ผู้ชายคนนี้ จะเป็นคนที่ใช่ของเปปเปอร์ตามที่เขียนไว้ในสมุดพกหรือเปล่า? แต่สิ่งหนึ่งที่เจอกัน และทำให้อึ้งตะลึง จนเอาแต่พร่ำบอกว่าไม่จริง ไม่จริง นั่นเป็นเพราะ


    ผู้ชายคนนั้นมีปานแดงที่คอตรงกับที่เปปเปอร์เขียนไว้ไม่ผิดเพี้ยน

 

   สับสนปนมึนงง นี่คือความมหัศจรรย์ หรือความประสาทหลอนของกูเองกันแน่...

 

......................................
 :mew1: :mew1:.
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 1- บทที่3].. | 21-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 21-10-2018 22:51:28
(3)

แต่งงาน







 "มีอะไรหรือเปล่าครับ?"



         ถามด้วยรอยยิ้มและแววตาอบอุ่นทำให้เปปเปอร์หลุบตาลง เพราะเจ้าตัวคงจับได้ว่าก่อนหน้านี้เปปเปอร์แอบจ้องอีกฝ่ายจนแทบตาถลน



         หลังจากที่เปปเปอร์ตั้งสติ นั่งทำใจให้สงบเพื่อลดความประหม่า เขาเดินลงบันไดมาจากชั้นสองเพื่อร่วมกินข้าวเย็นกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา

 

        ตอนที่เปปเปอร์ถึงโต๊ะอาหารนั้น ทุกคนช่วยจัดแจงกับข้าวอื่นๆและอาหารเวียดนามจนเสร็จ

 

"ไม่มีอะไรครับ"       

     

       เมื่อเวลาทานอาหารได้เริ่มขึ้น ทุกคนลงมือตักนู่น หยิบนี่อย่างไม่รีรอ ยกเว้นเปปเปอร์ที่ยังอ้อยอิ่ง เหลือบมองผู้ชายตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณาไล่สายตาตั้งแต่ใบหน้าไปยันเรือนร่างที่ถูกปกปิดด้วยเสื้อเชิ้ตรัดตึงแต่กลับดูดีขับให้ดูเป็นผู้ชายทรงเสน่ห์ แข็งแรงด้วยท่อนแขนมีมัดกล้ามอย่างเห็นได้ชัด จนอยากฟัด กัดแขนแข็งแกร่งนั้น

 

'หยุดดดดดคิดเดี๋ยวนี้! นี่แฟนพี่มึง จะคิดเลยเถิดเตลิดแบบนี้ไม่ได้'

 

"แม่คะ แป้งมีเรื่องจะบอก แป้งกับพี่ทิมจะแต่งงานกันค่ะ"

 

   กึก



   หยิบแผ่นแป้งมารองผักกาดหอม ใส่แหนมเนืองและเครื่องเคียงต่างๆ ก่อนจะราดน้ำจิ้ม จับห่อพร้อมยัดเข้าปากชะงักทันทีที่ได้ยินพี่แป้งมาประกาศข่าวดีอย่างเป็นทางการว่าทั้งสองกำลังจะแต่งงานกัน

 

     คงไม่ใช่แค่เปปเปอร์หรอกที่นั่งอึ้ง แม่เขาก็ดูเหวอไปเหมือนกัน หญิงสาวเห็นอย่างนั้น จึงขยายความเพิ่มเติมถึงการแต่งงานที่แม่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้



    ยามนี้ จึงไม่ต่างกับตำรวจจับผู้ต้องหามาไต่สวน พอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่แฟนธรรมดา แต่กำลังจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคต แม่ของแป้งจึงซักไซร้ถามทิมซะละเอียดยิบว่า ทำอะไร? บ้านอยู่ที่ไหน? เป็นคนนิสัยยังไง? อนาคตวางแผนไว้อย่างไร? และวางแผนไว้ว่าแต่งงานจะมีลูกกี่คน? จนแป้งต้องเป็นฝ่ายร้องทักเพื่อยุติคำถาม   



"แม่คะ ถามเยอะไปหรือเปล่า? พี่ทิมเป็นคนดีอยู่แล้วน่า"



"แม่ให้ลูกไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ จะถามไม่ได้เลยเหรอ?"



"ถามได้ครับ
" เป็นทิมที่ตอบแทนด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเช่นเคย


"ทิมอายุเท่าไหร่แล้วจ้ะ?"


"สามสิบสี่ครับ"

 


"อืมๆ..แม่หมดคำถามแล้วล่ะ ถ้าลูกรักใครแม่ก็รักด้วย แม่ฝากแป้งด้วยนะทิม"


"ได้ครับ"

 

"แต่งเสร็จก็มีลูกเลยนะ แป้ง" แม่แหย่จนแป้งหน้าแดง



    เคี้ยวไม่ทันหมดปาก เปปเปอร์ชะงักกึก มองพี่แป้ง พี่ทิมและแม่หัวเราะร่วน



 

"ไม่อร่อยเหรอเปปเปอร์ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ"


"ห้ะหา...? เปล่าอร่อยดี พี่แป้ง"



    เปปเปอร์ตอบยิ้มๆ แล้วหันไปสนใจทำแหนมเนืองต่อ ฟากแป้งเหลือบมองน้องชายแล้วยิ้มก่อนจะนึกขึ้นได้

 

"พี่ทิม รู้จักใครน่ารักๆ ก็แนะนำให้น้องแป้งได้นะ น้องแป้งโสดค่ะ"

 

     เปปเปอร์นิ่งไปนิด ขบเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ใต้ใบหน้านั้นกำลังซ่อนอาการพิรุธไว้ เพราะเรื่องของความรัก พี่แป้งยังไม่รู้ว่าเขาชอบผู้ชาย ที่สำคัญ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ผ่านมา เปปเปอร์เพิ่งอกหักจากนิวมาไม่นานนี้

"เปปเปอร์โสดอยู่เหรอครับ?"


"ครับ"


 

     มองคนหลุดยิ้ม ก็นึกสงสัย

"พี่ยิ้มทำไมครับ?"


"เปล่าครับ"




     ทำหน้าบูดใส่พี่ทิมที่เจ้าตัวก็มองมาด้วยแววตาอ่านไม่ออก เปปเปอร์จึงหันไปบอกแม่เมื่อนึกอะไรขึ้นได้



"แม่ เดี๋ยวเพื่อนเป๊ปมานอนด้วยนะ ไอ้ไทม์อะ"


"จ้ะ แล้วไทม์กินข้าวมารึยัง? ถ้ายัง แม่จะได้เตรียมไว้ให้"

 

"ไม่รู้สิแม่ กินมาแล้วมั้ง"



"อะไรกัน ไม่ใส่ใจเพื่อนเลย เจ้าลูกคนนี้"



      ฟังแม่บ่น เปปเปอร์จึงขมุบขมิบปากตามอย่างล้อเลียน แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็ยังเห็นพี่ทิมจ้องมองมาอยู่...

 

.

.

.

.





"สวัสดีครับแม่" เปปเปอร์เดินออกไปรับไทม์หน้าบ้าน พอเพื่อนเดินเข้ามาก็ยกมือไหว้ทั้งแม่และพี่สาว



      เอร็ดอร่อยไปกับอาหารมื้อเย็นที่แม้แฟนพี่แป้งจะกลับไปได้สักพักแล้ว แม่และพี่แป้งก็ยังนั่งคุยถึงเรื่องงานแต่งต่อ ไม่ถึงสิบห้านาที บ้านหลังนี้ก็มีแขกผู้มาเยือนอีกหน


จ้า ไทม์กินอะไรมารึยัง?"

 

"ยังครับ แต่ผมซื้อข้าวมาแล้วครับ
"
 ไทม์ว่าพลางชูถุงพลาสติกที่บรรจุกล่องกระดาษอยู่ข้างใน

 

"ถ้าไม่อิ่ม แม่ทำกับข้าวไว้ให้วางอยู่บนโต๊ะนะ ไทม์"

 

"ได้ครับแม่"


      ผละจากพี่สาวและมารดาเพื่อน ไทม์ก็ถูกเปปเปอร์ลากไปยังโต๊ะกินข้าว ซึ่งห่างจากตรงที่พวกผู้หญิงนั่งพอสมควร


"มึงกินข้าวแล้วเหรอ?"



"เออ...กูเพิ่งกินเสร็จไปไม่นานนี่เอง มึงกินข้าวคนเดียวไปก่อน มึงไม่ต้องเกรงใจนะ ขนม น้ำอะไรหยิบในตู้เย็นได้เลย เดี๋ยวกูขึ้นห้องแป๊ปนึง "



"เออ ขอบใจมาก"


 

    บอกจบก็ผลุบหายไปจากครัว ยามนี้ ไทม์ทำตัวประหนึ่งเป็นเจ้าของบ้าน หยิบจานชานมาใส่อาหารด้วยตัวเอง นั่งตักข้าวพร้อมหมูแดงเข้าปากก็สะดุ้งเมื่อมีคนมาสะกิดแขน ก่อนนั่งลงข้างๆ

 

    รีบเคี้ยวรีบกลืน หันไปส่งยิ้มให้ เมื่อรู้ว่าเป็นพี่สาวเพื่อน





"พี่แป้ง มีอะไรเหรอครับ?"
 

"เป็นไงบ้างไทม์ ไม่เจอกันนานเลย"

 

"สบายดีครับ พี่แป้งล่ะ?"

 

"ก็ดีจ้ะไทม์ ปิดเทอมแล้วสิ"



"ใช่ครับพี่ ผมเลยว่าจะมาขอนอนกับไอ้เป๊ปสักพักนึง พี่แป้งไม่ว่ากันนะ"



"ทำไมพี่ต้องว่าล่ะ มาสิ เปปเปอร์จะได้ไม่เหงา"



      ไทม์ยิ้มไม่ตอบ แต่หันกลับไปนั่งตักข้าวกินต่อ



"พี่ถามหน่อยสิ ช่วงนี้ เรื่องเรียนเปปเปอร์เป็นไงบ้าง?"

 

"มันก็ดูตั้งใจเรียนนะพี่ แต่มีช่วงหลังๆ..."

 

"ทำไมเหรอ?"

 

"มันอก..ห."




...

'มึงห้ามบอกให้แม่และพี่กูรู้นะว่ากูชอบผู้ชาย'

 

'ทำไมวะ?'

 

'กูไม่อยากให้เขาเสียใจ'

 

'เขาบอกหรอว่าไม่ชอบคนรักเพศเดียวกัน'



'ก็ไม่ได้พูดอะไร'



'นั่นไง มึงคิดเองเออเอง เขาอาจจะไม่เสียใจก็ได้'

 

'นั่นแหละ กูเคยได้ยินว่าแม่กูคาดหวังให้กูมีลูก แม้แม่กูจะเป็นคนใจดี แต่กูไม่อยากทำให้ท่านเสียใจว่ะ เลยอยากหลอกแม่ให้เขาตายใจไปก่อน'



'อืม มึงตัดสินใจแล้วก็เรื่องของมึง'

...

 




  เกือบหลุดพูดเรื่องส่วนตัวของเพื่อนให้แล้ว พอบทสนทนาในอดีต ผุดขึ้นเป็นฉากๆ เขาก็หุบปากฉับ



"ไทม์ว่าอะไรนะ เปปเปอร์อกหักหรอ?"

 

"พี่แป้งหูเป็นอะไรอะ ผมยังไม่ทันพูดเลย"

 

"เดี๋ยวเถอะ พี่ได้ยินจริงๆนะ ไทม์คิดจะปิดบังพี่เหรอ?"



"เปล๊าาา... ผมจะปิดบังพี่ทำไมกัน"



"แน่ใจนะ"



"แน่ซะยิ่งกว่าแน่ เฮ้อ! อิจฉาไอ้เป๊ปจัง มีพี่รักมัน ห่วงมันจนอยากได้บ้าง" คนที่กลัวโดนจับได้รีบเลี่ยงประเด็นทั้งแกล้งทำหน้าสลดที่รู้ว่าเพื่อนมีพี่สาวน่านักแบบนี้

 

"เว่อร์น่า ไทม์"

 

"ดูพี่จะเป็นห่วงมันจริงๆ พี่ไม่ต้องห่วง ถ้ามันตกต่ำ ผมจะดึงมันขึ้นมาเอง"


 

    แป้งฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ ก่อนยื่นมือไปวางบนหลังมือของไทม์


"ขอบคุณนะไทม์ พี่ฝากดูแลด้วยนะ ก็เหลือแค่เปปเปอร์นี่แหละ ที่พี่กับแม่ยังห่วงอยู่"

 

"พี่แป้งห่วงผมบ้างสิ"   เย้าแหย่ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมมองด้วยสายตาออดอ้อน

 

"สำหรับไทม์ พี่ว่าไม่มีอะไรต้องห่วง ไทม์เอาตัวรอดเก่งกว่าเปปเปอร์อยู่แล้ว พี่เชื่อ"

 

"โห! ชมหรือด่า?"

 

"ชม จริงๆนะ" มองพี่แป้งพูดแกมหยอกก็อดแกล้งทำหน้ามุ่ยไม่ได้



"อะแฮ่ม อะแฮ่ม แอบมาเต๊าะพี่สาวกูเหรอ?"

 
""พูดอะไรน่ะเปปเปอร์ พี่ไม่กวนแล้วค่า ขอบคุณนะไทม์สำหรับคำแนะนำ"


 

     พี่แป้งยิ้มให้ไทม์ก่อนเดินจากไป ปล่อยให้คนที่นั่งกินข้าวหมูแดงใกล้หมดจาน ทำหน้าเซ็ง เมื่อรู้ว่าเขาต้องมานั่งตอบคำถามกับคนช่างถามอย่างเจ้าหนูจำไมข้างกายนี่แน่ๆ





"เมื่อกี้ มึงแนะนำอะไรพี่กู"

 

"ห้ะ.? เปล่า"

 

"อย่ามาไขสือไอ้ไทม์ นี่เพื่อนเอง"

 

"เอ้าไอ้นี่ ไม่มีจริงๆ"



"สาบานก่อน"



"ไร้สาระ กูจะกินข้าว"



"โว้ะ ไม่ถามก็ได้ พี่แป้งมาบอกข่าวดีกับมึงรึยัง?"



"ข่าวดีอะไรวะ?"

 

"อ้าว นี่ไม่รู้? พี่แป้งจะแต่งงาน มึงมางานด้วยนะ"

 

.......................
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 1- บทที่ 3 ].. | 21-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: datytime ที่ 22-10-2018 13:25:06
ตามๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 1- บทที่ 3 ].. | 21-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-10-2018 19:13:32
รอติดตาม
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 1- บทที่ 3 ].. | 21-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 23-10-2018 17:32:41
จะยังไงต่อเนี่ย จะดราม่ามั้ยคะ5555 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 4 ].. | 23-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 23-10-2018 21:45:52
(4)


คนที่ใช่

 

 

 

"มึงจะเล่าอะไรให้กูฟังนะ ตอนที่โทรมา"

 


      หลังจากอิ่มแปล้ เปปเปอร์และไทม์หนีแม่และพี่สาวขึ้นมาบนห้องนอน


      ไทม์ปิดประตูลงไม่ทันไร เขาถามเพื่อนพลางถอดเสื้อผ้าทุกอย่างเหลือเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ ไม่ว่าจะอยู่บ้านตัวเองหรือบ้านเพื่อน ไทม์ชินกับการนุ่งกางเกงตัวเดียวแบบนี้เสมอ




"มึงกูใจสั่นทุกทีที่นึกถึงพี่เขาว่ะ แฟนพี่กูหน้าเหมือนคนในฝันกูเลยแถมมีปานแดงที่คอตรงกับที่กูเขียนไว้ในสมุดด้วย"


"เพ้อเจ้อ รอยดูดน่ะสิไม่ว่า"


"สัด"


"มึงหาคนใหม่เถอะ เลิกคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาคือคนที่ใช่ของมึงได้แล้ว มึงหัดมองความจริงบ้าง  เขา คือ แฟนพี่แป้งจะเป็นคนที่ใช่ของมึงได้ยังไง?"

 

"แต่...."


"อย่ามโนนะ อย่ามโน"


"กวนตีน มึงแม่งไม่เคยปลอบใจ"

 

"คนที่ใช่จะมาเจอกัน ในช่วงเวลาที่มึงไม่มีสิทธิ์ได้ยังไง? จริงไหม?"

 

     ก็พยายามเชื่อ พยายามคล้อยตามความเห็นเพื่อน แต่เพราะยังยึดมั่นในความคิดตัวเองจึงโน้มน้าวไทม์ให้ยอมเข้าข้างความเชื่อตัวเองสุดฤทธิ์



"แต่กูใจเต้นแรงมากตอนที่เจอพี่เขา"

 

"ผัวพี่มึงหล่อ"


"สัด พูดอย่างกับตาเห็น"

 
"ฮ่าๆ"


 

    ไทม์กระเถิบตัวไปใกล้ ทั้งยังตบบ่าเพื่อนสองสามที ก่อนบอก

 

"เอาน่าปล่อยวาง คืนนี้ก็นอนไวๆซะนะ พักผ่อนๆ เผื่อไม่แน่คืนนี้ มึงจะฝันถึงผู้ชายคนอื่นบ้าง"

 
"เออกูไปอาบน้ำก็ได้ รู้หรอกว่ามึงรำคาญ"

 

"ฉลาดมากสมกับเป็นเพื่อนกู"



"ครับ ไอ้รวย"

 

     ด่าก่อนเบะปากใส่ ลุกจากเตียงไปคว้าผ้าขนหนูที่แขวนไว้ตรงราวเหล็ก แต่สุดท้ายก็ไม่วายหวนคิดถึง พี่ทิมอีกครั้ง...

 

.

.

.

.



"ตื่นเต้นไหม? ที่พี่มึงจะแต่งงาน"

 
"ตื่นเต้นทำไม? กูไม่ได้แต่งเอง แล้วเมื่อไหร่มึงจะกลับบ้าน เนียนทำมาเป็นลูกบ้านนี้เลยนะมึง"


"ไล่? รำคาญขนาดนั้น?"
 

"เปล่าถามดู"

 

"น้อยใจ พรุ่งนี้กลับเลย"
  มองเพื่อนแกล้งยกมือปิดหน้า จากที่นั่งก็ทิ้งตัวลงนอนฟุบหน้าลงกับหมอนจนเปปเปอร์กลอกตาหน่ายความเล่นใหญ่ จึงต้องนอนข้างๆ วางคางลงบนแผ่นหลัง



"อย่างอนนะครับ เพื่อนรัก..."


"หายละ"



    อะไรของมันวะ....คิดจะหายก็หายกันได้ง่ายๆอย่างนี้เลย?


"เออมึง วันนี้พี่กูจะพาไปกินข้าวนอกบ้าน ไปด้วยกันดิ"

"ไม่ว่ะ กูเฝ้าบ้านให้"
 

"ทำไมวะ? มีแค่แฟนพี่กูเองแล้วก็พี่แป้ง แม่กู ไปเหอะมึง"


"อืม ก็ได้"


 

 ก๊อก ก๊อก ก๊อก...

 

   ได้ยินเสียง คนที่ลุกไปเปิดกลับไม่ใช่เจ้าของห้อง ทว่า เป็นไทม์

 

"แป้งให้พี่มาตามเปปเปอร์ครับ"


 

    ไทม์เพิ่งเจอผู้ชายคนนี้เป็นครั้งแรก จากสมองที่ประมวลผล ได้การคาดเดาว่า ผู้ชายคนนี้ น่าจะเป็นแฟนพี่แป้งชัวร์
 

"ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมบอกให้" 


 

     ผละจากประตู ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินกลับไปนอนทับกายคนที่นอนคว่ำอยู่

 

"โอ้ย...ไอ้ไทม์หนัก ลุก"
ไทม์รู้ดีว่าจุดอ่อนของไอ้เปปเปอร์อยู่ตรงไหน ทันใดนั้น คนขี้แกล้ง ก็พรูลมออกจากปากผะแผ่วตรงซอกคอจนเปปเปอร์สะดุ้งโหยง

 

"อื้อ..ไอ้ไทม์อย่า..."
ไทม์สอดมือเข้าไปข้างใต้ เขี่ยสะกิดยอดอกผ่านเนื้อผ้าบางจนคนที่ถูกทับดิ้นเร่าๆ ไทม์ใช้ริมฝีปากขบเม้มดึงดูดตรงซอกคอเพื่อนจนขึ้นสีกุหลาบ

 

"เชี่ยอย่าแกล้งกู แฮ่ก ฮะแฮ่กกก พอ...ไม่ไหวอ้ะ...อ้า"


"พี่มึงเรียกให้ลงไป"
ปล่อยมือ และพลิกตัวลงมานอนข้างๆ


"มึงเล่นอะไรวะ ห่า เป็นรอยป่าวเนี่ย?"


"เอาน่า ไม่มีใครสนหรอก"


 

     เปปเปอร์ยันกายขึ้นนั่งพลางลูบอกป้อยๆ มันรู้ว่าจุดอ่อนเขาคืออะไร? แต่มันก็ชอบแกล้งทำ ชะงักตรงประตูพลางบ่นพึมพำที่เพื่อนไม่ยอมปิดประตูให้สนิท เดินออกมาจากห้องก็ตกใจ เมื่อเห็นพี่ทิมยืนกอดอกแผ่นหลังชิดผนัง

 

"หวัดดีครับพี่ทิม"

 

    ใบหน้าหล่อหันมายิ้มให้บางเบา สบตาคนหน้าแดง หูแดงลามไปยังคอ วกสายตาเหลือบเห็นคอเปปเปอร์มีรอยจ้ำ แต่ทิมไม่ได้พูดอะไรต่อ

 

     คนอายุมากกว่าเดินนำ เปปเปอร์เดินตามและแอบมองแผ่นหลังกว้างที่มองข้างหลังยังดูดี ดูสง่าและแข็งแรงดุจชายชาตรี

   

    สองเท้าแตะถึงพื้นกระเบื้องชั้นล่าง เปปเปอร์มองแฟนพี่สาวที่เดินไปกระซิบกระซาบกับแฟนตัวเอง

 

"พี่แป้งมีอะไร?"


"พี่จะไปลองชุดแต่งงานด้วย เปปเปอร์ไปด้วยกันสิ แล้วเดี๋ยวยิงยาวไปกินข้าวเลย"


"แล้วแม่ล่ะ"


 
"แม่จะตามไปทีหลัง"


"อืม เป๊ปให้ไอ้ไทม์ไปด้วยนะ"


 

"ได้สิ"


 

.

.

.

.



เฮ้ย! ไอ้ยัคได้ข่าว ตุ๊กตาชอบมึงเหรอ?"




     ยามนี้ เปปเปอร์และไทม์ มานั่งอยู่ในร้านกาแฟของเพื่อนที่อามันเป็นเจ้าของ หลังจากที่พี่แป้งเลือกร้านตัดชุดวิวาห์ใกล้ร้านเพื่อนพอดี ด้วยเหตุประจวบเหมาะ ทั้งสองจึงได้มานั่งสนทนากับเพื่อนอยู่ตอนนี้



 

"ข่าวไวนะ" คายัค คือ เพื่อนในกลุ่มของเปปเปอร์อีกคน ซึ่งอาจไม่สนิทเท่าไทม์ แต่ก็ยอมรับว่า คายัค เป็นเพื่อนที่นิสัยดีคนหนึ่ง



     เป็นธรรมดาที่คนหน้าตาดี จะได้เปรียบ มีคนเข้าหามารุมล้อมมากมาย เช่นเดียวกับคายัค ที่มิวายมีเพื่อนสนิทมาแอบรัก แต่เรื่องความผิดหวังของตุ๊กตาที่ควรจะเก็บไว้เป็นคงามลับ ไม่รู้ถูกเผยแพร่จากปากของใครเป็นคนแรก เรื่องการแอบรักเพื่อนแล้วไม่สมหวังถึงกลายเป็นข่าวที่แพร่สะพัดไปเร็วราวกับไฟลามทุ่ง

 

"ข่าวเน็ตไอดอลจะไม่ให้ไวได้ไง"
 

"ขอร้อง อย่าแซวแบบนี้ กูไม่ค่อยชอบว่ะ"
 

"อ่าๆ แล้วมึงปฏิเสธตุ๊กตาเพราะมึงมีแฟน แล้วแฟนมึง น่ารักไหม? มีรูปปะ? อยากเห็น"



    บางทีความสนิทกันระหว่างเพื่อน ก็ใช่ว่าจะได้รู้เรื่องทุกอย่าง เพราะแม้ว่า ไทม์และเปปเปอร์จะสนิทกับคายัคที่สุด ก็ยังไม่เคยได้ล่วงรู้ว่ามันมีแฟนแล้ว

 

"ดูตัวจริงเลยดีกว่า"


"หืมมม?"



     คายิ้มยุ้มกรุ้มกริ่ม

 

"มาแล้วครับ ลาเต้สองแก้ว ส่วนของคายัค คาปูชิโนนะ"

 

"น่ารักไหมละมึง?"

 

"ห้ะ!!"
เปปเปอร์และไทม์มองหน้ากันก่อนจ้องหน้าอาของมันที่ยืนขมวดคิ้วเป็นปม

 

"พวกมึงอึ้งอะไร? อาทัชครับ นี่เพื่อนที่มหาฯลัย เปปเปอร์และไทม์"


"สวัสดีครับ"




"นี่อาทัช แฟนกู"

 

"ห้ะ!!"



      อินทัชยิ้มอบอุ่นให้เด็กทั้งสองที่ดูตาโตอย่างกับไข่ห่าน คงตกตะลึงไม่น้อย



      คู่รักที่กว่าจะฟันฝ่าอุปสรรคมาได้นั้น ก็เลยคุ้นชินกับปฏิกิริยาแบบนี้ของผู้คนบ่อยๆ เลยไม่ได้แคร์อะไรเท่าไหร่
 

"คายัค อาไปดูลูกค้าก่อนนะ"
 

"ครับผม"


 

    คนที่ถูกกล่าวถึงว่าเป็นแฟนคายัคเดินไกลออกไป แต่เพื่อนทั้งสองยังนั่งนิ่งเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกชัตดาวน์ระบบ

 

"พวกมึงรับไม่ได้?"


 

"ปะเปล่านะ...เปล่า กูแค่จับต้นชนปลายไม่ถูก"
เปปเปอร์บอกอย่างนั้น เรื่องอายุมากกว่าน่ะไม่เท่าไหร่? แต่เรื่องที่คาใจจนคันปาก คือ มึงเอาอามาเป็นแฟนเนี่ยนะ...ไอ้คายัค?



"คือ กูนึกว่าสไตล์มึงจะชอบเด็ก"
ไทม์ถาม

 

"ไม่ว่ะ กูชอบคนแก่กว่าเพราะว่า..."
คายัคยิ้ม ก่อนหันไปมองอาทัชที่ยืนยิ้มมุมปาก มองมาที่คายัคตาไม่กระพริบ



"โคตรเด็ด!!"




"พูดซะ กูอยากได้อาจารย์เกษียณ"

 

"อันนั้นก็เกินไปมึง"


 

"ฮ่าๆ แต่กูว่าแฟนมึงไม่แก่เท่าไหร่นะ ดูเหมือนพี่ชายมึงมากกว่า ยังดูดีอยู่เลย"
เป็นใครๆก็คงมองออกว่ากำลังนินทาถึงใคร ก็ทั้งสามเล่นพูดไปพลางมองหน้าอาทัชไป ถ้าให้บอกว่าคุยเรื่องดินฟ้า พยากรณ์ อากาศ ให้ตายก็คงไม่มีใครเชื่อ

 

"อืม แค่สามสิบกว่าเอง ไอ้เปอร์อย่ามองนาน กูหวง"



    หันขวับไปมองหน้าคายัค พร้อมลอบถอนหายใจ แม้ตอนนี้ เปปเปอร์จะเปลี่ยนสไตล์มาชอบคนที่อายุมากกว่าตัวเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องชอบคนแก่ทุกคนที่ขวางหน้า 


"มึงนี่ท่าจะเป็นเอามากนะไอ้ยัค มึงควักลูกตากูไปเลยไหม?"


"ถ้าทำได้ก็อยากอยู่"



    เปปเปอร์เผยอปากเล็กน้อย ไม่คิดว่า เพื่อนของเขาจะรักจะหวงแฟนมากขนาดนี้

 

"มึงคบแฟนมึงมากี่ปี"
ไทม์ถามอีกครั้ง ฟากคายัคนั่งนึกถึงอดีตที่มีขวากหนาม จนกว่าจะรักกันได้ก็เล่นเอาเหนื่อย

 

"สามปี"


 

    ทั้งสองตกใจ ไม่ใช่ระยะเวลาที่คบกันหรอก แต่เป็นการแสดงออกของทั้งคู่มากกว่าที่ยังดูรักกัน ใส่ใจกัน ราวกับคู่รักป๊อปปี้เลิฟ


"กูอยากคบนานแบบมึงว่ะ แต่แม่งคบใครไม่เกินปี บอกเลิกกูหมด"


 

"เอาน่าไอ้เปอร์ อย่าเพิ่งท้อในความรัก สักวันมึงจะเจอคนที่อยากใช้ชีวิตร่วมกันกับมึง"

 

"ก่อนจะไปถึงวันนั้น เอาตอนนี้ก่อนเหอะ มึงต้องช่วยปลอบใจไอ้เป๊ปด้วย แม่งเสือกชอบผัวพี่"

 

"สัดไทม์"



"ไม่จริงหรือไง? เห็นรอยดูดที่คอพี่เขาก็มโนไปว่าเป็นปานแดง จะเอาเขาให้ได้นะมึงน่ะ"

 

"นี่กูมานั่งให้พวกมึงรุมด่า?"

 

"ฮ่าๆ เอาน่าไอ้ไทม์ ถ้าไอ้เปอร์มโนแล้วมีความสุขก็ปล่อยให้มันมโนไปเหอะ"

 

"กูไม่ได้ชอบพี่เขาแล้ว"
เปปเปอร์ตอบหน้าบูด

 

"ให้จริง!...แววตา ไอ้เป๊ปแแววตา"

 

"ไอ้เหี้ย ก็บอกแล้วไงว่ากูไม่ได้ชอบ"


"โกหก"


"ดูปากกูนะ กู-ไม่-ได้-ชอบ"


"กู-ไม่-เชื่อ"




    เหมือนเป็นความสนุกของเพื่อนทั้งสอง เมื่อเปปเปอร์ยิ่งดิ้นเร่าๆ ออกอาการกระฟัดกระเฟียด เพื่อนๆก็ยิ่งได้ใจอยากแกล้งให้อาการมันหลุดออกมาเรื่อยๆ



"เออกูชอบ กูชอบผัวพี่ กูชอบพี่ทิม พอใจพวกมึงรึยัง?"

 

"หืม? เปปเปอร์!!"


 

      คนที่เถียงทะเลาะกันเหมือนเด็ก สะดุ้งเฮือก เมื่อพี่แป้งและพี่ทิมมายืนอยู่ด้านหลังของเปปเปอร์



..............................


มิวาย แอบดึงตัวละครจากนิยายเรื่องอื่นของเรา เอามันมาอยู่ในนี้ให้จงได้ค่ะ 555+  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 4 ].. | 23-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 23-10-2018 22:41:25
ลุ้นๆ จะเป็นยังไงต่อไป จะดราม่าไหม
พี่แป้งจำเป็นต้องแต่งงานรึเปล่า ที่คุยกันก่อนไปหาแม่

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 4 ].. | 23-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 23-10-2018 23:22:52
น้องเป๊ป  เค้าคงได้ยินกันหมดแล้วแหละลูก​ บอกไปว่าพูดเล่นนะ​ โ่ถวน้องเป๊ป​
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 4 ].. | 23-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-10-2018 10:33:03
ตายๆๆๆๆ จะแก้ตัวไงล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 4 ].. | 23-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 24-10-2018 13:37:27
ฮ่า ๆๆๆ เปอร์จะไปต่อไง
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 4 ].. | 23-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 25-10-2018 02:15:49
เวงละะะะ
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 5 ].. | 25-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 25-10-2018 19:50:47
(5)

เพ้อ





"เอาปลากระพงทอดน้ำปลา ทอดมันกุ้ง ขาหมูเยอรมัน แกงส้มชะอมทอด  ต้มยำรวมมิตร ไข่เจียวปู..."



      ณ ร้านคาราโอเกะ เรสเตอรรองค์ ยามนี้เปปเปอร์นั่งสั่งอาหารอย่างสบายใจเฉิบ เมื่อเหตุการณ์ก่อนหน้าที่หลุดพูดความรู้สึกตามแรงยั่วอารมณ์ของเพื่อนนั้น ไทม์ช่วยแก้ตัวแทนให้ว่าเป็นการแซวกันขำๆ พี่แป้งเลยไม่ติดใจอะไรพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

"เปปเปอร์ สั่งน้อยๆหน่อย จะหมดไหมนั่น?"

 

"เป๊ปแค่สั่งเผื่อไอ้ไทม์น่ะ มันแด...มันกินโคตรจุ"

 

"อ้าว...โบ้ยกูเฉย"
ไม่ใช่ลูกของครอบครัวนี้ แค่มาเกาะ อาศัยบ้านเพื่อนไปวันๆ ก็เกรงใจจะแย่ นี่มาโยนความผิดให้รู้สึกผิดหนักไปอีก

 

"ให้น้องเขาสั่งเถอะแป้ง เด็กกำลังโต"
ทิมกล่าวเสียงอบอุ่นจนเปปเปอร์นั่งยิ้มกว้างอย่างซาบซึ้งใจ ที่พี่ทิมพูดเข้าข้างเปปเปอร์มากกว่าแฟนเจ้าตัว



"ใช่ๆ พี่ทิมพูดถูก"


 

     แป้งย่นจมูกใส่แฟนตัวเอง ก่อนจะปล่อยให้คนอื่นๆสั่งส่วนเธอนั่งเงียบ เมื่อได้เมนูโปรดปราน บริกรก็เดินมาถึงโต๊ะ จดรายการอาหารก่อนจะทวนซ้ำ-ย้ำถามอีกครั้ง

 

 "รับอะไรเพิ่มไหมคะ?"


 

      เปปเปอร์ส่งสายตาหวานฉ่ำ ทั้งยังกระพริบตาปริบๆไปทางแม่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ



"พูดมาเลย จะอ้อนเอาอะไร?"
คนที่ปะทะสายตากับลูกชายก็ถามอย่างรู้แกว

 

"เป๊ปกินเบียร์นะ"


 

     แน่นอนว่าวัยนี้ มีหรือจะไม่เคยลอง เพียงแต่คราวนี้ มารดานั่งอยู่ จึงต้องขออนุญาตด้วยความละอายใจ ทั้งๆที่ลึกๆแล้ว ร่างกายกระหายแอลกอฮอลอย่างหนัก แหม! ก็แฟนพี่แป้งเลี้ยงทั้งที ก็ต้องผลาญเงินป๋าสายเปย์กันหน่อยสิครับงานนี้

 

"....."

 

"นะครับ แม่ เป๊ปอยากกินกับเพื่อน อีกอย่างถ้าเมาจะกลัวอะไร คนกันเองทั้งนั้น"


 

     เวลาเพื่อนรักอ้างถึงไทม์ทีไร เจ้าตัวรู้สึกขนลุกขนพอง นั่งก้นไม่ติดเก้าอี้ทุกครั้ง ไหนจะสายตาเย็นๆของแม่เพื่อนที่มองมา ไทม์ได้แต่ส่งยิ้มแห้ง

 

"คนละขวด"

 

"เป๊ปขอสอง"

 

"เจ้าเด็กคนนี้"

 

"คุณแม่ให้น้องเขาดื่มเถอะครับ อย่างน้อยก็อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ถ้าน้องเมา ผมดูแลเองครับ"

 


   หันขวับไปมองแฟนพี่สาวด้วยความประทับใจ เปปเปอร์ใจละลาย ใจละลาย ละลายทันที ที่เห็นสายตาพี่ทิมมองมาอย่างอบอุ่น และวันนี้ ยังพูดปกป้องเปปเปอร์ตลอด ราวกับเป็นองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิงอย่างไร อย่างนั้น



     ทำไมพี่ทิมน่ารักขนาดนี้ ตามใจอีกแล้ว ตามใจเปปเปอร์เข้าไปเถอะ ระวังจะตามไปหาโดยไม่รู้ตัวนะ...

 

"เป็นห่าอะไร ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่"
ไทม์กระทุ้งสีข้างเพื่อน เมื่อมันเปิดเมนูหน้าเครื่องดื่มค้างไว้ แต่ไม่เอื้อนเอ่ยสั่งออกไปสักทีจนบริกรยืนมองตาปริบๆ เพราะรอมันคนเดียว

 

"ฮะ? อ่า"


 

      ชักเริ่มเชื่อคำเพื่อนก็วันนี้นี่เอง ไม่มีสิทธิ์ในตัวเขา ยังจะเอาแต่พร่ำเพ้อ มโนอยู่ได้

 

"เอาเบียร์หกขวดครับ"

 

"ไหนบอกคนละสองไง เป๊ป"


 

"แหมแม่ นิดหน่อยน่า"


.

.

.

.

"กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"


 

    หลังจากที่นั่งรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยไปได้สักพัก คนที่กระดกเบียร์ราวกับน้ำเปล่า ก็เข้าห้องน้ำเป็นว่าเล่น เช่นตอนนี้ ที่เปปเปอร์กำลังลุกไปเข้าห้องน้ำเป็นรอบที่สาม



    จัดการธุระตัวเองเสร็จ เก็บอาวุธลับเข้าในกางเกง เดินออกห่างอย่างเซๆจากโถปัสสาวะ ชะงักกึก เมื่อร่างเปปเปอร์หันไปปะทะกับแผงอกแกร่ง เปปเปอร์เงยหน้ามองพี่ทิมที่สูงกว่าเขาเป็นสิบเซ็นต์

 

    ระยะประชิดตัวจนหันหลังมาชนได้แบบนี้ พี่ทิมมายืนซ้อนหลังกูตั้งแต่ตอนไหน?

 

    แม้จะเริ่มมีอาการมึนๆ แต่พอบังเอิญได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองกับคนที่ได้ยินเปปเปอร์เผยความในใจออกไปก่อนหน้า ก็ชักอาย ถ้ามันไม่ใช่ความจริง เปปเปอร์ก็คงไม่ทำตัวประหม่าขนาดนี้ ด้วยความที่เปปเปอร์ไม่อยากเสียฟอร์ม สิ่งเดียวที่ช่วยแก้สถานการณ์ได้ตามความเข้าใจของคนที่คิดไปเอง คือ...



    'อ้อ!...กูต้องแสดงออกว่าไม่สนใจ..ไม่ได้ชอบพี่เขา' 


 

"นี่ คนโรคจิต? แอบดูปิ้กาจู้ผมหรอ?"
เปปเปอร์ยืนถามเสียงแข็ง ฟากทิมชะงักกึกมองใบหน้าแดงๆที่ทำท่าจะข่ม แต่ดูอย่างไรมันก็ค่อนไปทางน่ารักเสียมากกว่า



     ทำตัวเหมือนเสือจะตะปปเหยื่อ แต่หารู้ไม่ว่า เด็กหนุ่มก็เป็นได้แค่แมวขี้อ้อนไล่จับหนูไปวันๆก็เท่านั้น



     ทิมหลุดหัวเราะจนเปปเปอร์เอียงคอมองอย่างสงสัย

 

      เพิ่งเห็นครั้งแรกเลยนะที่อีกฝ่ายหัวเราะ ช่างดูจริงใจและเป็นธรรมชาติ จนทำให้ภาพผู้ชายตรงหน้าดูมีเสน่ห์ขึ้นเป็นกอง



"ทำไมต้องแอบ? ถ้าอยากดู ขอตรงๆง่ายกว่า"



"พี่แป้ง แม่งมีผัวโรคจิต"
ปรายตามองแล้วบอก

 

"เปปเปอร์"

 

 "อะไร?"
  ขานรับตอนอยู่ตรงหน้ากระจกเงา ล้างไม้ล้างมือให้สะอาดเรียบร้อย

 

"มีเพื่อนคนเดียวเหรอ?"
เปปเปอร์เอียงคอมองอย่างสงสัย เขานึกว่าพี่ทิมจะด่าว่าให้นึกโกรธที่เป็นเด็กปากคอเลาะร้าย แต่เปล่าเลย พี่ทิมกลับโยนคำถามที่เขาเองก็คาดไม่ถึง

 

"เปล่า มีหลายคน แต่ที่สนิทมากมีไอ้ไทม์คนเดียว อยู่หอกับมัน เลยรู้ใจกันเป็นพิเศษ"

 

"รู้ใจกันเป็นพิเศษ?"


 

"ใช่ ทำไมหรอครับ?"

 

"อยู่แค่สองคน?"

 

"ใช่ครับ"
คนที่บอกเสร็จเดินออกจากห้องน้ำโดยมีแฟนพี่สาวเดินขนาบข้าง

 

"ทำไมไม่อยู่คนเดียว?"

 

"อยู่กับเพื่อนก็ช่วยกันหารค่าเช่าห้องไง ผมเรียนอยู่ ไม่มีรายได้ก็ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด อีกอย่างผมจ่ายน้อยกว่ามันมาก ไทม์มันใจดี"

 

"แล้วถ้ามีคนออกค่าห้องให้ จะอยู่คนเดียวไหม?"

 

"อืมมม"
ลูบคางครุ่นคิด ก่อนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม "ก็น่าสนนะ แต่ไม่เอาดีกว่า ผมอยากอยู่กับไทม์"

 

        เห็นพี่ทิมจะอ้าปากพูดต่อแต่ก็เม้มปากตัวเองแน่น ตอนที่ทั้งคู่ เดินมาถึงโต๊ะทานข้าว

.

.

.

.

"วันนี้พี่มึงสวยมากเลยว่ะ"

 

"จริงว่ะ โคตรหล่อ"


 

เพี้ยะ!

 

"โอ้ย ไอ้ไทม์ตบหัวกูทำไม?"
  เปปเปอร์ลูบศรีษะตัวเองทั้งทำหน้าถมึงทึงใส่ไทม์ ยามนี้ เพื่อนสนิทสองคนกำลังนั่งชื่นชมเจ้าบ่าว-เจ้าสาวที่ดูสง่างามยืนทะยอยส่งแขกเหรื่อบางส่วนกลับบ้าน หลังจากที่ผ่านพ้นพีธีช่วงเช้า อย่างพิธีตักบาตร พิธีหมั้น พิธีรดน้ำสังข์ ไปจนถึงการกล่าวความในใจของกันและกันบนเวทีเสร็จสิ้น ยามนี้จึงเป็นเวลาแห่งการกินเลี้ยงที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น มีญาติผู้ใหญ่และเพื่อนเจ้าสาว เจ้าบ่าวมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

 

     แม้การจัดงานวิวาห์จะเรียบง่าย ไม่หรูหรา แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาดูงดงามและน่าประทับใจ ด้วยความโดดเด่นอยู่ตรงที่เจ้าสาวแสนสวยดั่งเจ้าหญิงที่สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเกาะอก ตัวกระโปรงประดับลูกไม้พร้อมจับจีบได้ลุคนุ่มนวลอ่อนหวาน ส่วนชุดเจ้าบ่าวมาด้วยชุดสูทกรมให้ความรู้สึกเนี้ยบ แต่ก็ดูมีความเท่ ทันสมัยได้ในเวลาเดียวกัน



"มองพี่มึงบ้าง"
เม้มปากแน่นอย่างรู้สึกผิด ที่ยามนี้ เปปเปอร์เอาแต่จ้องมองพี่ทิมตาค้าง เขาดูหล่อเหลาเอาการมากๆ จะผิดไหม? ที่กูขอแค่มอง ผัวพี่แบบนี้ไปเรื่อยๆ



     ได้แค่มอง แค่พร่ำเพ้อก็มีความสุขแล้วจริงๆ

 

"แหม...ไอ้ไทม์มึงก็มองพี่กูมากเกินไป จ้องอย่างกับจะงาบ"

 


      พอเปปเปอร์สวนกลับ ฟากไทม์ชะงัก ก่อนเปลี่ยนเรื่อง



"แม่มึงยิ้มไม่หุบ"




      ไทม์กระซิบบอก เปปเปอร์ก็เหล่มองแม่ตัวเองที่นั่งตรงข้ามกัน


"แน่ล่ะ ความฝันของแม่กูเลย อยากเห็นพี่กูเป็นฝั่งเป็นฝา เขาบอกว่า ถ้าพี่แป้งแต่งงาน แกจะได้หมดห่วง จะได้ตายตาหลับ"



     เปปเปอร์มองไทม์ที่จู่ๆก็เงียบนิ่ง ก่อนที่ไทม์จะเอี้ยวตัวไปหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าข้างตัว แล้วยื่นมันมาให้เพื่อนสนิท



"กูว่าพี่แป้งจะเป็นลม รีบเอายาดมไปให้เขา"



"ทำไมมึงรู้? กูว่าพี่แป้งก็ดูปกติดี"




"เชื่อกู"



   เปปเปอร์ขมวดคิ้วมองเพื่อน แต่ยอมเชื่อไทม์เพราะไม่อยากเถียงกับมันให้เสียเวลา ก่อนลุกออกจากโต๊ะจะไปหาพี่แป้งที่ยืนเคียงข้างเจ้าบ่าวนั้น เปปเปอร์หันไปบอกไทม์ด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง



"มึงนี่ห่วงพี่กูยิ่งกว่าผัวเขาที่ยืนอยู่ข้างๆอีกนะ"




    ไทม์ไม่ตอบ แต่พอเปปเปอร์ผละจากเพื่อน เขาหันกลับไปเห็นพี่แป้งกำลังยืนโงนเงนคล้ายจะเป็นลม




...............................................
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 5 ].. | 25-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 25-10-2018 20:58:51
เอ๊ะๆ น้องไทม์แอบชอบพี่แป้งเหรอจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 5 ].. | 25-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-10-2018 22:07:30
เฮ้ยแต่งงานกันจริงๆด้วย
แล้วจะยังไงค่อล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 6].. | 30-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 30-10-2018 19:25:08
(6)

แอบมอง











"มีเงินซื้อเรือนหอได้ ไม่มีเงินจ้างคนทาสี? แล้วถ้ากูทาสีไม่เนียนอย่ามาว่าทีหลังนะ แล้วดูดิมึง บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ อยู่กันสองคน ไม่กลัวผีกันหรอไง?"

 

"ทำไมขี้บ่น? ถ้าเป็นเมียกู กูตบคว่ำ"


 



      เปปเปอร์บ่นขมุบขมิบอยู่ชะงักกึก ขบเม้มริมฝีปากเข้าหากันทันที ตอนนี้ทั้งสองเพิ่งก้าวลงจากรถแท็กซี่ ยืนเงยหน้ามองบ้านหลังโต แม้ไม่ถึงขั้นคฤหาสน์จนต้องร้องโอ้โห แต่ก็ยังคิดอยู่ว่ามันใหญ่โตสำหรับการอยู่สองคนอยู่ดี ในหมู่บ้านแห่งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดสรรที่ดินเปล่าแล้วปลูกบ้านทีหลัง ทำให้แต่ละบ้านจึงมีรูปแบบแปลนบ้านค่อนข้างแตกต่าง บ้านพี่ทิมก็เช่นกัน



"ทำไม? กูเป็นผัวมึงไม่ได้รึไง?"

 

"ตอนคบกับนิว ใครเป็นผัว?"
เปปเปอร์ชะงัก

 

"เอ่อแม่ง ขี้เกียจจะเถียง"



"หึหึ"




     ความจริงจากปากของพี่สาวได้กล่าวเอาไว้ว่า บ้านหลังนี้เสร็จพร้อมเข้าอยู่ได้แล้วเรียบร้อย แต่การที่ต้องมาขอความช่วยเหลือให้ทาสีใหม่ เพียงเพราะความต้องการของพี่ทิมล้วนๆบอกว่าไม่ถูกใจสีของห้องนั่งเล่นที่มันเรียบเกินไป จึงอยากได้เฉดสีที่ต่าง จากผนังสีขาวสุดแสนธรรมดา ขอเพิ่มความทันสมัยเบาๆ เอาเป็นสีเทาถ่านไม้



    แป้งออกมารับน้องชายพาเข้าบ้านถึงส่วนนั่งเล่นที่ตอนนี้ กลายเป็นพื้นที่โล่งไร้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวตั้งวาง มีแต่พวกอุปกรณ์ทาสี บันได และหนังสือพิมพ์ปูเต็มพื้นที่

 

     พี่ทิมเกริ่นขึ้นมาว่า ตัวเขาทาสีรองพื้นแล้วที่เหลือก็คือรอพวกเปปเปอร์มาช่วย ทั้งสองจึงแหงนมองรอบห้องที่มีการแปะเทปกาวตรงคิ้วบัว ฝ้าเพดานและขอบวงกบประตูกันสีเลอะเรียบร้อย



"พี่รบกวนหน่อยนะครับ"



    สีหน้าของคนที่เอ่ยปาก คงรู้สึกผิดจริงๆเพราะวันนี้ เป็นวันเสาร์ที่ทั้งสองควรนอนอุตุอยู่บ้านกลับต้องมาแหกขี้ตาตื่นเพื่อช่วยทาสีบ้านแต่เช้า และที่สำคัญ เปปเปอร์เปิดเทอมมาได้สองเดือนกว่า แน่นอนว่า อาจารย์เริ่มสั่งงานมาให้ทำแล้วเช่นกัน แต่ยังดีหน่อยที่เป็นงานที่ทั้งสองสะสางหมดเสร็จสิ้น จะเหลืองานใหญ่ๆที่ยังมีระยะเวลาให้ทำอีกหลายสัปดาห์

 

"ไม่เป็นไรครับ"
มองเพื่อนที่ตอบอย่างยิ้มๆ ทั้งนอบน้อมก็ชักหมั่นไส้



    แบ่งหน้าที่กันไป เปปเปอร์และไทม์ทาผนังคนละด้าน จังหวะที่เปปเปอร์จะเดินไปยังจุดที่ตัวเองรับผิดชอบ หางตาเห็นพี่ทิมถอดเสื้อยืดออกจนเห็นอกเปลือยเปล่า เป็นครั้งแรก



"อึ้กกอื้ม"
คนที่อยู่ดีๆก็สำลักน้ำลายตัวเอง จนรีบตบอกเบาๆ

 

"เป็นอะไร แพ้กลิ่นสีหรอ?"
ทิมหันไปถาม

 

"ฮะ? อ่าเปล่าพี่"






ผัวพี่ไอ้เป๊ป ผัวพี่...



      ราวกับท่องคาถา เพื่อตอกย้ำเข้าส่วนสมองว่า มึงอย่าคิดเลยเถิดจะเกิดบาปกรรมขึ้นมาซะเปล่าๆ



      จากนั้นทั้งสามก็เริ่มบรรจงใช้ลูกกลิ้งทาสีเป็นแถบๆ คงมีแต่เปปเปอร์ที่ได้ลูกกลิ้งแกนจับสั้น จึงต้องปีนขึ้นไปนั่งทาสีบนบันไดอะลูมิเนียม






"ทุกคนคะ แป้งทำน้ำแดงเฮลล์บลูบอยมาให้ พักดื่มกันก่อนค่ะ จะได้สดชื่น"

 


       ผ่านไปสักพักเสียงหวานแหลมร้องเรียกให้ทุกคนหยุดงาน แล้วหันมาให้ความสนใจกับเครื่องดื่มที่แป้งอุตส่าห์ตั้งใจทำให้ทุกคนได้ดื่มแก้กระหาย

     

หมับ

 

      แป้งที่ถือถาดเอียงคอมองแฟนตัวเอง ฟากเปปเปอร์ชะงักหันไปมองพี่ทิมที่จับแก้วเดียวกันกับเขา จนมือคนที่มาทีหลังวางทาบทับอยู่

 

"ใกล้มือพี่ ก็ไม่หยิบเนอะ"
บอกแล้วเหล่มองแก้วอีกใบ

 

"พี่อยากกินแก้วนี้ ขอได้ไหม?"
รอยยิ้มมุมปากที่เห็นแจ่มชัดเพราะระยะที่ใกล้กัน ทำให้เปปเปอร์มือไม้อ่อนไปโดยอัตโนมัติ หลุบตา แล้วเดินออกห่างไปยืนดื่มน้ำแดงใกล้ไทม์แทน



"พี่ทิมคะ ไม่มีขนมติดตู้เย็นเลยหรอ?"
แป้งที่ไม่ได้ช่วยทาสี แต่เธอมีหน้าที่เหมือนแม่บ้านคอยจัดหาอาหาร ก็ตรวจตราดูแล้วว่าตู้เย็นช่างว่างเปล่า ราวกับว่าบ้านหลังนี้ ร้างไร้คนอยู่อาศัย

 

"ไม่มีครับ พี่ขอโทษ"


 

"งั้นแป้งออกไปซื้อก่อนดีกว่า เด็กพวกนี้กินจุจะตาย"


 

"ผมไปด้วยนะ"
เปปเปอร์หันขวับ ถลึงตามองไทม์ที่โพล่งขึ้นอย่างดูออกว่าแม่งไม่ผ่านการไตร่ตรองสักนิด



"พูดอย่างนี้ แสดงว่ามีตัวเลือกในใจเพียบใช่ไหม? ไทม์?"

 

"แหะๆ ใช่ครับ ผมหิวอะพี่แป้ง"
ไทม์ยิ้มแห้ง พลางลูบท้องตัวเองเป็นวงกลม จนแป้งทั้งยิ้มทั้งส่ายหน้าไปพร้อมกัน



"พี่ทิมอยู่กับเปปเปอร์ก่อนได้ไหมคะ?"

 

"ได้ครับ แป้งไม่ต้องห่วงนะ"


 

"ค่ะ ถ้างั้นแป้งไม่เอารถไปนะคะ แป้งให้ไทม์ปั่นจักรยานไปนะ"


"ครับ"


 

       เมื่อเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ทิ้งกันไปดื้อๆ เปปเปอร์เม้มปากแน่น พลางยืนครุ่นคิดกับสิ่งที่พี่ทิมทำ เขาวางแก้วลงบนถาด ทันใดนั้น...



"ไม่ถอดเสื้อเหรอ?"

 

"ห๊ะ? หาา ถะ...ถอดทำไม พี่?"


 

"ไม่ร้อนเหรอ? พี่เห็นเราเหงื่อออก"


 

     ร้อนสิ ร้อนมาก ไม่รู้ว่าร้อนเพราะอากาศที่ไม่ได้เปิดแอร์ หรือร้อนเพราะหุ่นของคนแถวนี้ ถึงทำให้ดวงตาของเด็กหนุ่มที่ควรสบตาคนตรงหน้า กลับกดสายตาลงต่ำเลื่อนมองหน้าท้องที่มัดกล้ามเป็นลอนจนตาไม่กระพริบ

 

"...."

 

"เขินเหรอ?"

 

"เขินบ้าเขินบออะไร? ไม่เห็นต้องเขินเลย"


 
     อารมณ์เสียที่อีกฝ่ายปรามาส เปปเปอร์จึงถอดเสื้อออกบ้างจนเห็นผิวขาวผ่อง ผิดกับพี่ทิมที่ผิวสีแทน มีเสน่ห์ดั่งชายชาตรีในวรรณคดีไทย อกผายไหล่ผึ่ง แผ่นหลังที่กว้างกว่า น่ากอด แถมซิกซ์แพ็คก็ขึ้นเป็นลอน ไม่รู้เข้าฟิตเนสเล่นอีท่าไหน? ถึงได้วี-ไลน์ เห็นเป็นร่องชัดจนน่า...

 

"พี่ว่าเราสลับลูกกลิ้งกัน เผื่อเปปเปอร์จะทาอันนี้สะดวกกว่า"



     พี่ทิมยื่นลูกกลิ้งแกนยาวยี่สิบหกนิ้วให้เปปเปอร์และแลกลูกกลิ้งแกนสั้นไปใช้

   

     เปปเปอร์ยืนเอ๋อไปสักพัก ก่อนจะหันหลังกลับไปยังผนังที่ตนเองรับผิดชอบ



     ตอนนี้เปปเปอร์ทาสีมาได้ครึ่งผนัง คนที่มีความสูงเพียงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองเซนติเมตร ก็ตกใจเมื่อแผ่นหลังของเปปเปอร์มีคนเข้ามาประชิด



ฟึ่บ!



"อึ้กก!"




     คนที่อุทานไม่สุดคำ กลับกลืนลงไปในคอ เมื่อจู่ๆพี่ทิมมายืนซ้อนหลังจนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นรอบตัว พี่ทิมวางมือลงบนแขนของเปปเปอร์ก่อนจะเลื่อนลงไปจับมือ



"ดูท่าไม่ถนัด เดี๋ยวพี่ช่วยกำกับ เปปเปอร์เลื่อนมือตามพี่นะ"



      สภาพสองคนที่ทาสีโดยไร้เสื้อ ตัวที่ชื้นเหงื่อแนบเนื้อกันจนรู้สึกว่ามันเลื่อมลื่นอย่างบอกไม่ถูก



      เปปเปอร์ตัวสั่น เมื่อพี่ทิมยืนทาสีจากด้านบนสุดเลื่อนลงมาตามแนวดิ่ง แต่ดันมีเปปเปอร์ยืนอยู่ข้างหน้า



       เปปเปอร์กลัวคนข้างหลังจะจับได้ว่าเปปเปอร์รู้สึกอย่างไรรีบสะบัดมือจนลูกกลิ้งที่ทิมถือหลุดมือ และ...



พลั่ก!



     คนซุ่มซ่ามสะดุดถังสีจนล้ม โชคดีที่สีเหลือครึ่งถัง จึงหกออกมาเลอะพื้นที่ปูหนังสือพิมพ์และโดนตัวเปปเปอร์ไม่มาก ฟากทิมถลาไปหา สภาพเปปเปอร์ตอนนี้ราวกับผลงานศิลปะร่างกายเหมือนผ้าใบที่สาดสีกระเซ็นใส่ หยดกระเด็นราวกับผลงานแอ๊บสเแตร็ก

 

"ขอโทษ เป็นอะไรมากหรือเปล่า? ไปล้างตัวก่อน พี่พาไป"



"เคลียร์ตรงที่หกก่อนไหม? เดี๋ยวมันซึมลงพื้นนะพี่"



"พี่ลืม ได้ๆครับ"




       เก็บกวาดตรงที่สีหกบนหนังสือพิมพ์เสร็จ ก็เดินมาที่ห้องน้ำ ทิมเปิดก๊อกน้ำ วักน้ำมาล้างตัว พอเปปเปอร์จะทำเองพี่ทิมก็เสียงดุว่าเขาผิด เขาจะรับผิดชอบ จังหวะนั้น เปปเปอร์วูบวาบ ปั่นป่วนมวลท้อง เมื่อปลายนิ้วอีกฝ่ายแตะผะแผ่วไล้ลูบสีที่เลอะตัวเปปเปอร์และค่อยๆถูมันอย่างอ้อยอิ่ง



"น้ำอย่างเดียวคงไม่ออก รอพี่แป๊ปนะครับพี่จะเอาเบบี้ออยล์มาเช็ด พี่ไม่ค่อยอยากใช้ทินเนอร์เท่าไหร่"



        กลับมาพร้อมขวดเบบี้ออยล์ เปิดฝาเทลงบนตัวเปปเปอร์แล้วใช้มือลูบวนจนเปปเปอร์วาบหวิวท้องน้อย



"พี่ทิมทำไมไม่ใช่กระดาษทิชชูเช็ด"



      คนที่ชักร้อนหน้า หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอกรีบประท้วง ก่อนตัวเองจะหวั่นไหวไปมากกว่านี้ เพราะทุกครั้งที่พี่ทิมแตะตามตัว กามารมณ์ก็ประทุในอกร่ำร้องๆจวนจะระเบิด แถมแก่นกายก็คล้ายจะแข็งขืนขึ้น เมื่อมือหนาเลื่อนลงต่ำมาจนถึงขอบกางเกงบ๊อกเซอร์แล้ว



"โอเคครับ พี่ไปหยิบกระดาษก่อนนะ"
บอกนะ แต่มือของอีกฝ่ายกลับเลื่อนลงต่ำจนปลายนิ้วลากผ่านมาโดนส่วนปลายแก่นกายของเปปเปอร์ที่มันนูนพองผ่านเนื้อผ้าก่อนผละไปหยิบกระดาษทิชชู



    พี่ไม่ได้ตั้งใจหรือตั้งใจวะ?



     เปปเปอร์มองพี่ทิมที่เดินกลับมาพร้อมกระดาษทิชชู เจ้าตัวพูดด้วยประโยคที่ชวนให้เปปเปอร์ใจสั่น



"ถ้าคราวต่อไป ใช้ออยล์ทาตัวเปปเปอร์แบบนี้พี่ว่า.....มันก็ดีนะ" 




   คราวต่อไป...ที่พี่พูดมันหมายถึงเหตุการณ์แบบไหนวะ?




"ผมเช็ดเอง"




    ไม่สนอะไรแล้ว เปปเปอร์รีบคว้ากระดาษทิชชูที่อยู่ในมืออีกฝ่ายแล้ววิ่งแจ้นออกมาจากห้องน้ำ ลงไปตรงห้องนั่งเล่น ถึงเพิ่งพบว่า



      ฝนตก!!



      เหี้ยเอ้ย มาตกอะไรตอนนี้วะ ไอ้ไทม์ ช่วยเพื่อนด้วย กลับมาด่วน!! เพื่อนมึงจะหัวใจวายตายแล้ววววววว....


.

.

.

.

"โอ้ย มาตกอะไรตอนนี้? ทำไงดีไทม์ ไอติมที่ซื้อฝากพวกนั้นละลายแน่เลย"


 

     ขณะเดียวกัน นอกบ้าน ไทม์และแป้งที่ปั่นจักรยานออกไปซื้อขนม ไม่คาดคิดว่าขากลับ ระหว่างทางฝนจะตกหนักจนต้องรีบหาที่กำบังหลบฝนกันจ้าละหวั่น ทั้งสองหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แม้จะหลบเม็ดฝนได้ในปริมาณมาก แต่ก็ไม่สามารถหลบหลีกจากเม็ดฝนน้อยๆที่หยดลงผ่านระหว่างช่องว่างของใบไม้

 

แหมะ แหมะ แหมะ





"ไม่เห็นยากก็แกะกินเลยสิครับ"

 

"ยังจะมีอารมณ์กินได้อีกหรอ?"
แป้งหน้าบูดหันไปมองคนตัวสูง ด้วยสายตาทำนองที่ว่า ตัวเปียกแฉะแถมสภาพเสื้อผ้าหน้าผมที่เปียกลู่ทั้งคู่แบบนี้ มันเหมาะมายืนกินไอติมไหม?



"ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ปล่อยไว้มันละลายเสียดายเงินนะพี่แป้ง"


 

       ไทม์ล้วงเข้าไปในถุงพลาสติก หยิบไอศกรีมโคนออกมาสองแท่งเพื่อแบ่งกัน แป้งหน้ามุ่ยรับมาอย่างเสียไม่ได้ แกะกระดาษที่ห่อรอบโคน งับไอศกรีมด้วยความหนาวสั่นจากสายฝนพร้อมลมเย็นๆ

 

"ตลกดี ต้องมายืนกินไอติม ทั้งๆที่ฝนตกแถมอากาศก็เย็นจะแย่"



      แอบมองคนที่บ่นอุบก็หลุดยิ้ม ทำไมพี่แป้งบ่นแล้วดูน่ารักกว่าเปปเปอร์ก็ไม่รู้



      ชายหนุ่มที่มีความสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดเซ็นต์ก้มลงมองสาวตัวเล็กที่กะระยะสายตาคงน่าจะร้อยห้าสิบกว่าๆ เพราะตัวพี่แป้งยังไม่ถึงไหล่ไทม์ด้วยซ้ำ



      ไทม์ยิ้มมุมปากก่อนตอบ



"ผมว่าดีออก พี่แป้งจะได้จดจำเหตุการณ์วันนี้ว่าอย่างน้อยเราสองคนเคยกินไอติมท่ามกลางฝนตกด้วยกัน"



กึก


      ทำไมไทม์พูดจาแปลกๆ?




       แป้งชะงัก หลุบตาลงต่ำก่อนรีบงับไอศกรีมอย่างไวโดยไม่รู้ตัว



"รีบกินแบบนี้ไม่เสียวฟันบ้างหรอ? แล้วทำไมพี่แป้งกินเหมือนเด็กเลย เลอะหมดแล้ว"



     ริมฝีปากบางของหญิงสาวที่งับคาอยู่ตรงไอศกรีมโคนชะงักงันเมื่อไทม์ก้มหน้าลงต่ำมาอยู่ในระดับสายตาแล้วใช้ปลายนิ้วโป้งเช็ดคราบช็อคโกแลตที่เลอะมุมปากพลางยกยิ้มจนตาหยี




....................................



แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!! :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 6 ].. | 30-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 30-10-2018 20:50:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 6 ].. | 30-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 31-10-2018 07:24:40
ขอบคุณครับ +1 ให้กำลังใจคนเขียนครับ o13
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 6 ].. | 30-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 31-10-2018 14:05:46
รีบมาต่อนะค้าาา ชอบมากกกก เหมือนจะดราม่าแต่ก็ไม่ หาแนวนี้มานานนน กรี้ดมากกกก
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 6 ].. | 30-10-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 31-10-2018 15:47:43
โอ้ววววว รู้สึกว่าคู่แต่งงานหมาดๆมีลับลมคมในไงไม่รู้

ว่าแต่ทำไมเราไม่มี บวกเป็ด เล้าปรับปรุงไรใหม่เปล่าหว่า
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 7 ].. | 1-11-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 01-11-2018 20:42:49
(7)

จะคาดหวังอะไร




      ยืนขำจนไหล่สั่น มองพี่แป้งตัวแข็งราวกับถูกสตาฟไว้ ไทม์จึงดึงมือกลับขยับมายืนตัวตรงตามเดิม จากนั้น ต่างฝ่ายต่างกินไอศกรีมกันต่อท่ามกลางสายฝนที่ไม่มีทีท่าจะหยุด คนที่กินไอศกรีมหมดก่อนเหล่มองพี่แป้งเป็นระยะๆ เมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่ยืนลูบแขน ใบหน้าก็ดูซีดลงกว่าตอนแรก ไทม์เอ่ย



"ผมก็อยากเป็นสุภาพบุรษถอดเสื้อให้พี่คลุมนะ แต่ไม่รู้จะถอดทำไม เสื้อผมก็เปียกเหมือนกัน"



"แล้วจะพูดทำไม ชอบกวนประสาทนะไทม์"




"ฮ่าๆ เอิ่ม...พี่แป้ง"

 

"ว่าไง"
หญิงสาวหันไปหาไทม์ที่มองมาด้วยแววตาอ่านไม่ออก

 

"พี่อย่าโกรธผมนะ"


 

    หญิงสาวเอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจว่าไทม์ต้องการจะสื่ออะไร ทำไมอยู่ดีๆก็โพล่งขึ้นมาไม่มีต้นสายปลายเหตุ ยังไม่ทันให้คำตอบหรือถามออกไปก็ตกใจเมื่อแขนแข็งแกร่งรั้งร่างเล็กให้เข้ามาประชิดตัวและโอบไหล่

 

ฟึ่บ!.



"ผมเห็นพี่หนาว"

 

    แป้งชำเลืองมองพลางเม้มปากแน่น


    รู้ว่าที่ไทม์ทำอยู่นั้น ดูไม่เหมาะสม แต่ทำไมกัน แป้งกลับไม่คิดห้าม ไม่นึกโกรธ กลับปล่อยให้เพื่อนน้องชายโอบไหล่เธออย่างนั้น



     แต่ลึกๆก็รู้สึกผิดเล็กๆ...



"ทำแบบนี้ พี่ทิมรู้ คงโกรธ"




    มองพี่แป้งที่พูดเหมือนขู่ แต่ไทม์ไม่กลัว ไทม์คิดว่าการกระทำอาจผิด แต่ไทม์บริสุทธิ์ใจ เขาไม่ได้คิดแต๊ะอั้ง ไม่ได้คิดหาจังหวะเล่นทีเผลอ ทั้งหมด ทั้งมวลมันมาจากคำว่าเป็นห่วง  ชายหนุ่มอมยิ้มกระชับกอดแน่นขึ้นแล้วบอก





"ผมเชื่อว่าพี่ทิมไม่โกรธ เพราะคงไม่มีใครอยากให้คนที่เรารักป่วยจริงไหมครับพี่แป้ง"

 

    ไทม์มองพี่แป้งที่ยามนี้ เหมือนลูกหมาตกน้ำ ตัวเปียก ปากบางสั่นระริก รวมถึงผิวกายก็เย็นเฉียบ ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำ


"ไทม์ พี่มีแ..ฟ.."


"ไม่ต้องบอกก็รู้ ผมขอแค่ช่วงเวลาที่ฝนตก...ขอแค่ตอนนี้"





     เพียงแค่ไทม์พูดประโยคนั้นออกมา แป้งใจหวิวใจสั่นและรู้สึกแปลกประหลาดข้างในร่างกายอย่างไม่มีเหตุผล และก็ไม่รู้ทำไม่อีกเหมือนกัน ทำไมถึงน้ำตาไหล ยังดีที่ใบหน้าเปียกน้ำฝนเลยทำให้ไทม์ไม่รู้ว่าเธอกำลังปิดบังอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไป มือหนึ่งโอบไหล่ ส่วนอีกมือที่ว่างของไทม์เอื้อมไปกุมมือเรียวของพี่แป้ง จากนั้น ทั้งสองก็ยืนเงียบกริบ ไม่ปริปากพูดอะไรอีกมาสักคำ จนกระทั่งฝนซาลงกว่าเดิม

 

"ผมว่าเราน่าจะไปกันได้แล้วล่ะ"




    ชายหนุ่มเดินนำไปคว้าจักรยานที่พิงไว้ตรงต้นไม้ ก่อนจะปั่นออกไป ไทม์ถอดเสื้อตัวเองออกแล้วยื่นให้พี่แป้ง

 

"อะไร?"

 

"เสื้อพี่บาง เห็นเสื้อในหมดแล้ว"



"เด็กบ้า"


 

    หญิงสาวพูดเสียงเบาแสนเบา แต่ใบหน้าแดงก่ำ ไม่คิดว่าไทม์จะพูดตรงขนาดนั้น เธอรีบใช้เสื้อไทม์พาดไหล่มาปิดไว้ตรงช่วงหน้าอก

 



    ทั้งสองปั่นจักรยานกันกลับบ้าน โดยระหว่างการเดินทาง แป้งยังนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า กับกิริยาท่าทางของไทม์ที่มีพิรุธจนเธออยากถามออกไปเหมือนกัน แต่ ทว่า...

 

"อ้ะ"

 

"ขอโทษครับ พี่แป้ง"


 

    เนื่องจากพื้นถนนลื่นจากการเปียกแฉะของน้ำฝน ไทม์เบรกไม่ทันตอนขึ้นเนินลูกระนาดทำให้แป้งหน้าแทบคะมำ รีบจับเอวไทม์เป็นที่ยึด

 

"พี่เกือบตกรถแหนะ"
หญิงสาวบ่นอย่างตกใจ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจว่าอย่างจริงจัง ก็รู้ว่าฝนเพิ่งตกหนักไปเมื่อสักครู่ และแป้งเองก็ประมาทที่นั่งซ้อนหลัง แต่ไม่ยอมเกาะเอวคนปั่นไว้





หมับ!

 

  วินาทีนั้น ไทม์ปล่อยมือจากแฮนด์จักรยานและมาจับข้อมือของแป้งให้ไปเกาะเอวไทม์แนบแน่น

 

"ถ้างั้นพี่อย่าปล่อย เดี๋ยวตก"


 

.

.

.

.   



"เอ้ย ทำไมเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำกันทั้งคู่เลยล่ะ แล้วทำไมมึงถอดเสื้อกลับมาวะไอ้ไทม์"

 

      เปปเปอร์วิ่งไปหาเพื่อนทันทีที่เห็นทั้งคู่เปียกมะล่อกมะแล่ก ในมือถือถุงขนมอีกสองถุงใหญ่ที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝน ฟากทิมรีบไปหาแป้งจับตัวแป้งพลิกไป-มาแล้วสวมกอด จนไทม์หันไปจ้องมองอย่างไม่วางตา ก่อนจะฝืนยิ้มพลางลอบถอนหายใจ



     เพียงแค่เห็นไทม์ เปปเปอร์รีบบอกเพื่อนว่าคงทาสีต่อไม่ได้ เนื่องจากฝนตกผนังอาจชื้นหรือขึ้นรา พี่ทิมบอกคงต้องรอดูในวันถัดไปว่ายังจะทาสีต่อไปได้หรือไม่ ส่วนวันนี้ก็พัก การทาสีคงต้องหยุดลงไปก่อน



"พี่นึกว่าแป้งจะหลบฝนอยู่ที่ร้านค้า ไม่คิดว่าจะตัวเปียกขนาดนี้ ไปอาบน้ำก่อนพี่พาไปนะครับ.."




      คำบอกเล่าที่ทิมพูดกับแป้ง เปปเปอร์และไทม์ได้ยินเต็มสองหู ครู่หนึ่ง เปปเปอร์เหลือบมองเพื่อนที่ดูนิ่งเงียบไป ก็แอบเป็นห่วง ไม่รู้ว่า ช่วงที่ติดฝนกันข้างนอก พี่แป้งไปเผลอว่าอะไรให้ไทม์คิดมากหรือเปล่า? เพราะตอนกลับเข้ามาในบ้าน ทั้งไทม์และพี่แป้ง ดูเงียบใส่กันผิดปกติ

 

"เป็นอะไรวะไอ้ไทม์?"




    เมื่อพี่ทิมและพี่แป้งหนีหายเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน เปปเปอร์ไม่รีรอถามอย่างอยากรู้

 

"เปล่า แล้วทำไมมึงหน้าแดง ตัวแดงขนาดนี้วะไอ้เป๊ป"
เมื่อเพื่อนไม่ยอมตอบ แต่ดันย้อนถามกลับ ทำให้เปปเปอร์ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อหวนคิดถึงเรื่องของตัวเอง



"กูว่าพี่ทิมตั้งใจลวนลามกู"



"เฮ้อ! มึงเพ้ออีกละ"




"จริงนะเว้ย ตอนมึงกับพี่แป้งไม่อยู่ กูเผลอทำสีหก เขาพากูไปล้างตัวที่ห้องน้ำ มือพี่เขาปัดผ่านหัวปิ้กาจู้และลูบตัวกูด้วย มิหนำซ้ำยังพูดจาสองแง่สองง่ามอีกอะมึง"



"เมื่อไหร่จะเลิกหลงตัวเองวะไอ้เป๊ป เมื่อกี้ มึงไม่เห็นหรอว่าเขาดูแลกันดีแค่ไหน อีกอย่างเขาแต่งงานแล้วหลักฐานก็ชัดเจนขนาดนี้ จะคาดหวังอะไรอีกวะ?"


"แต่พี่เขาทำแบบนั้นจริงๆ สายตาก็มองกูแปลกๆ ทำไมมึงถึงคิดว่ากูโกหก ทำไมถึงคิดว่ากูหลงตัวเองวะ?"


"กูจะบอกอะไรให้นะ เขาไม่ได้ชอบมึงหรอก จำไว้ซะ พี่ทิมเองอาจดูออกว่ามึงชอบก็เลยเล่นด้วย เพราะเขาไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว ก็แค่เห็นมึงเป็นของเล่น เลิกมโน เลิกเพ้อสักทีเถอะ"



    เปปเปอร์แบะปากจะร้องไห้ ที่ไทม์ต่อว่ายาวเหยียดแถมดูน้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก เปปเปอร์เงียบเสียง แค่อัพเดทความคืบหน้าของความสัมพันธ์ของตัวเองให้เพื่อนฟังมันผิดมากเลยเหรอ? ถึงต้องขึ้นเสียงใส่กัน


"มะ...มึงรำคาญที่กูเล่าให้ฟังใช่ไหม? ต่อไปกูไม่เล่าแล้วก็ได้"
เปปเปอร์ว่าเสียงแผ่ว และก้มหน้า ฟากไทม์ชะงัก อึกๆอักๆ ก่อนบอกไม่เต็มเสียง


"ขอโทษ กูแค่เป็นห่วงมึง ไม่อยากให้มึงเจ็บเหมือนกู"



"เจ็บเหมือนมึง? หมายความว่ายังไง?"


"ถ้ากูพร้อม กูจะบอก"


   
    ไทม์มองเพื่อนที่ตัวเตี้ยกว่าหน่อย ก็ถอนหายใจที่ทำมันจะร้องไห้จึงดึงมันเข้ามากอด ตบแผ่นหลังแรงๆจนดังอั้กๆ...


     บางที คำว่า จะคาดหวังอะไร?... ไทม์อาจไม่ได้ว่าเพื่อน แต่อาจกำลังว่าตัวเองให้ตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกดูเงา และควรเจียมเนื้อเจียมตัวซะบ้างก็ได้


"รักมึง อย่างอน"


"เดี๋ยวนะ ไอ้ห่า นี่มึงปลอบใจกูเหรอ ตบหลังกูจนปอดจะทะลักออกมาอยู่แล้ว"



"ขอโทษ แต่อย่าลืมเอาคำกูไปคิด"


"....."



    เปปเปอร์ยืนให้เพื่อนกอด โดยสมองก็ตระหนึกถึงคำพูดไทม์  มุมมองของมันก็อาจมีมูลความจริง พี่ทิมคงเห็นเปปเเปอร์เป็นของเล่นอย่างที่ไทม์ว่าไว้ก็ได้ จึงเย้าแหย่ แกล้งหมาหยอกไก่ใส่ โดยไม่ได้คิดอะไรจริงๆ เปปเปอร์ควรตาสว่าง เลิกเข้าข้างตัวเอง หยุดเพ้อฝัน หัดมองความจริงว่า พี่แป้งและพี่ทิม คือ สามี-ภรรยากันและภายภาคหน้า ทั้งคู่ต้องสร้างครอบครัวและมีลูกด้วยกันอย่างแน่นอน


    ถึงเวลา ที่มึงควรเลิกฝันลมๆแล้งๆว่าจะเอาพี่ทิมมาเป็นของตัวเองสักที...เปปเปอร์




......................................................

:mew1: :mew1: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 7 ].. | 1-11-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 01-11-2018 21:18:41
ทิมกับแป้งรักกันจริงๆเหรอ
ไทม์เปปเปอร์ก็น่าสนใจ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 8].. |12-12-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 12-12-2018 22:09:50
8
ช่วย

 

 

"มึงคิดดูดิพี่แป้งบ้ารึเปล่าวะ? ให้กูย้ายออกมาอยู่คนเดียว แต่อยู่ตึกเดียวกับมึงเลย"

 

"บ่นอีกละ"

 

"ก็มันจริงนี่หว่า มันไม่ใช่เรื่องเล้ย เปลืองเงินเปล่าๆ"


"พี่แป้งคงเกรงใจกูมั้ง บางทีอยากมาหา มานอนกับมึง พอมีกูอยู่ด้วยก็คงจะเกร็งๆทำตัวไม่ถูก"
 

"มึงคิดอย่างนั้นเหรอ?"


"อืม ไม่อย่างนั้นพี่แป้งจะยอมเสียเงินทำไมล่ะ ก็ดีนี่หว่า มึงจะได้มีมุมส่วนตัวอยากทำอะไรก็ไม่ต้องอายกู"


"เออๆก็จริงเผื่อผาแฟนมาจะได้ทำอะไรสะดวกๆ"

 

"หึหึ ให้มีก่อน"


"เออมีแน่นอน เซนส์กูมันบอกเว้ย!"


"อ่าๆ เอาที่เพื่อนสบายใจเลยครับ"


"กวนตีน"

 

     บทสนทนายืดยาวนี้ เกิดขึ้น หลังจากที่ทั้งสองช่วยกันย้ายของจากห้องของไทม์ที่อยู่ชั้นต่ำขึ้นมาห้องของเปปเปอร์จนเสร็จสิ้น ส่วนแป้งกับทิมก็ออกไปซื้อของใช้เพิ่มเติมมาให้น้องชาย



      ในขณะที่ทั้งสองนอนแผ่หราอยู่บนเตียงไร้ผ้าปูที่นอนด้วยความเหนื่อยล้า ไทม์ถามเปปเปอร์

 

"แล้วนี่พี่มึงจะกลับมาเมื่อไหร่?" 
 

"ไม่รู้ว่ะ"
 

"โทรหาสิ จะได้รู้"
 

"มึงนี่เซ้าซี้เนอะ เออๆ ขอโทรหาแป๊ป"

 

    คนที่นอนพักไม่ถึงห้านาที ก็ต้องขุดตัวเองลุกขึ้นจากเตียงไปหยิบโทรศัพท์มือถือตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อกดโทรหาพี่สาว

 

[ฮัลโหลจ้า]


"พี่แป้งจะกลับเมื่อไหร่ เป๊ปย้ายของเสร็จแล้ว"

 

[พี่เพิ่งซื้อของให้เปปเปอร์เสร็จเอง]


"หิวอะ ถ้างั้นผมหาอะไรกินแถวนี้ก่อน ไม่รอแล้วนะ"

 


[เปปเปอร์จะนั่งแท็กซี่มาหาพี่ที่เซ็นทรัลไหม? ไม่ไกลจากห้องเปปเปอร์เลย จะได้มากินอะไรอร่อยๆ]

 

    เปปเปอร์ครุ่นคิด ก่อนหันไปหาเพื่อน

 

"ไทม์ ไปแดกข้าวข้างนอกไหม?"


"อืม ได้"

 

   เมื่อได้คำตอบ เปปเปอร์ก็รีบตอบพี่สาว

 

"พี่แป้ง เดี๋ยวเป๊ปออกไปเลยเจอกันที่ห้างนะ"

 

[ได้จ้า อยากกินร้านไหน พิมพ์ไลน์มาบอกนะ จะได้เจอกันหน้าร้านเลย]


"โอเค"


.

.

.

"มึงเป็นอะไรรึเปล่า? ทำไมช่วงนี้ หน้ามึงไม่รับแขกเลย แม่งเหมือนคนอกหัก"


"กูไม่ได้เป็นอะไร"

 

"แน่ใจ? หน้ามึงไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน หรือมึงอกหักจริงๆ มึงแอบชอบใครอยู่ บอกกูมานะ"

 

"เฮ้อ!...กูน่ะ..."

 

      ไทม์ยังไม่ทันจะพูด เสียงเครื่องมือสื่อสารของเพื่อนก็แผดเสียงร้องจนไทม์หุบปากฉับ ฟากเปปเปอร์รีบคว้าโทรศัพท์มารับ


"อ้อพี่แป้ง ลืมโทรบอก เป๊ปถึงห้างแล้ว"


[ขึ้นมาชั้นสามเลยจ้า]

 

"โอเคๆ"


 

     หลังจากที่เปปเปอร์วางสาย ไทม์ก็เปลี่ยนเรื่องคุยและเดินดุ่มๆไปยังร้านนัดหมาย เมื่อเปปเปอร์เห็นพี่สาวและสามีของเธอยืนรออยู่หน้าร้าน ก็ไม่เสียเวลาที่จะยกมือไหว้ และเดินเข้าไปข้างในร้านเพื่อจับจองที่นั่ง

 

     นั่งกันครบก็ไม่รีรอที่จะหยิบกระดาษขนาดเท่าฝ่ามือมาติ๊กรายการอาหารตามต้องการและยื่นให้พนักงาน ในระหว่างที่รอ เปปเปอร์เพิ่งสังเกตเห็นพี่สาวตัวเองมีใบหน้าที่ซูบลงจนต้องทัก

 

"พี่แป้งลดความอ้วนหรอ ทำไมดูผอมลง?"

 

"อืมใช่ ช่วงนี้รู้สึกตัวเองดูอ้วนๆน่ะ ดีจัง มีคนทักว่าผอมลงแล้ว"


"โห ก่อนหน้านี้พี่ก็ไม่ได้อ้วนสักหน่อย วิตกจริตแล้วพี่แป้ง"


"หรอ? แต่พี่ไม่มั่นใจเวลาใส่เสื้อผ้าเลย"

"คิดมาก"


"จริงๆนะ เปปเปอร์"


 

     ไทม์และทิมได้แต่นั่งเงียบๆ มองแป้งและเปปเปอร์เถียงกันตามประสาพี่น้อง จนกระทั่งอาหารทะยอยมาเสิร์ฟ ทั้งคู่จึงหยุดเถียงแล้วมุ่งความสนใจไปที่อาหาร แต่จังหวะนั้น โทรศัพท์ของทิมแผดเสียงดังจนเจ้าตัวขอออกไปคุยข้างนอก ปล่อยให้ทั้งสามจัดแจง คีบอาหารวางลงบนเตากันอย่างไม่ลดละ

 

"ถ้าอดอาหารมากไประวังจะป่วยเอานะครับพี่แป้ง"

 


    เปปเปอร์ที่พลิกเบคอนไปมาอย่างตั้งใจ รีบหันไปแขวะเพื่อนทันที


"ห่วงพี่กู แต่ไม่เคยห่วงกูเลยนะ"
 

"กูก็ห่วงทำไมจะไม่ห่วง แต่ห่วงมึงในฐานะเพื่อน ส่วนพี่แป้งกูห่วงในฐานะที่พิเศษขึ้นมาหน่อย"
 

"ง่อว์ ไอ้ไทม์ หยอดพี่กูแบบนี้ ถ้าพี่แป้งไม่มีแฟนนี่กูเชียร์แล้วนะเนี่ย"

 

   แป้งที่ช่วยน้องชายคีบสันคอหมูชะงัก มองหน้าไทม์ ก่อนยิ้ม

 

"ไทม์เป็นน้องชายที่น่ารักจัง เอ่อ เปปเปอร์พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"

 

"อาห้ะ"

 

   คนที่ห่วงกินจนไม่สนสิ่งรอบข้างใดๆ ก็เออออห่อหมก จนไม่ถึงนาที ไทม์หันมาตบไหล่แล้วขอไปเข้าห้องน้ำเช่นกัน

 

"อะไรวะ ทิ้งกูกันหมดเลย"

 

    ในขณะที่ด้านนอกของร้าน มีเด็กหนุ่มร่างสูงกำลังกึ่งเดิน กึ่งวิ่งเพื่อไล่ตามพี่แป้ง

 

    หมับ

 

"ไทม์ พี่ตกใจหมดเลย ทำอะไรน่ะ" แป้งหยุดเท้าและเอี้ยวตัวพลางกดสายตาลงต่ำมองข้อมือของตัวเองที่ไทม์จับไว้หลวมๆ


"พี่ไม่ได้ลดความอ้วน พี่แป้งไม่สบายใช่ไหม?"

 

    ไทม์คลายมือออกจากการกอบกุม พลางจ้องพี่แป้งที่ตอนนี้เธอมีดวงตาแดงก่ำ เปปเปอร์อาจไม่ได้สังเกตความผิดปกติ แต่สำหรับคนที่ชอบพี่แป้งมานานย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะพินิจพิจารณาอีกฝ่ายได้อย่างละเอียดลออ

 

"เปล่าสักหน่อย นี่อย่าบอกนะว่าออกมาถามพี่แค่นี้?"
 

"พี่แป้งโกหกผมหรือเปล่า?"

 

    ตอนนี้ แป้งเริ่มไม่สบอารมณ์ที่ไทม์ทั้งคาดคั้นและละลาบละล้วง จนรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว แป้งจึงตอกกลับอย่างไม่สนความรู้สึกว่าไทม์จะรู้สึกอย่างไร

 

"ไทม์ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ แล้วอีกอย่างไทม์ก็เป็นแค่เพื่อนน้องชาย ไม่ใช่คนในครอบครัวอย่ามาล้ำเส้นมากเกินไป คิดว่าไทม์คงเข้าใจพี่นะคะ"


กึก

 
    น้ำเสียงน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ทุกคำพูดที่เปล่งออกมาจากปากคนที่ชอบ ยอมรับว่าเจ็บไม่น้อย ไทม์ยืนมองพี่แป้งตาละห้อย เขารู้ดีว่าอาจยุ่งย่ามมากไป แต่ทั้งหมดทั้งมวล ก็เพราะรักและหวังดีเท่านั้นเอง

 

"มีอะไรกันหรือเปล่า แป้ง"


    ทิมที่เสร็จธุระทางโทรศัพท์ เดินผ่านมาเห็นเพื่อนเปปเปอร์กับแป้งยืนคุยกันด้วยสีหน้าดูตึงเครียด จึงต้องเดินเข้ามาแทรกกลางเพื่อถามไถ่

 

"ไม่มีค่ะพี่ทิม แป้งขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ พี่ทิมเข้าร้านไปก่อนเลยค่ะ"


"พี่รอได้"

 
"ไม่ต้องรอค่ะ อ้อ พี่ทิมช่วยพาไทม์กลับไปร้านด้วยนะคะ น้องเขาไม่ค่อยสบายค่ะ"
 

     พอหญิงสาวลับตาไป ทิมหันไปมองไทม์ที่ดูร่างกายก็ปกติดี ไม่เห็นจะมีอาการป่วยอย่างที่แป้งบอกกล่าว และจังหวะที่ทิมมองอยู่นั้น ไทม์หันมาสบตาพอดี เด็กหนุ่มจึงได้ทีถามความในใจอย่างอยากรู้ แม้ว่า ก่อนหน้า พี่แป้งจะว่าเขาทำนองสอดรู้สอดเห็น แต่ไทม์ไม่สนใจ เพราะอะไรที่ไทม์อยากรู้ เขาต้องรู้ให้ได้

 

"พี่ทิม บอกผมเถอะ พี่แป้งป่วยใช่ไหม?"


.

.

.

"อร่อยมากกกก อิ่มจนจุกเลย ขอบคุณพี่ทิมนะคราบบ"


 

   เปปเปอร์ว่าด้วยเสียงเบิกบาน หลังจากที่สามีพี่สาวขับรถมาส่งถึงห้อง และช่วยยกของจากหลังรถลงมาวางกองที่พื้น ก่อนจะกระทุ้งสีข้างเพื่อนที่ดูเหม่อลอยให้รีบยกมือไหว้ขอบคุณ

 

"ครับ"

 

"พี่ไปก่อนนะเปปเปอร์  ไทม์"
แป้งที่นั่งอยู่ในรถชะโงกหน้าออกมาโบกมือบ๊ายบายน้องชายทั้งสอง


"ครับพี่แป้ง ดูแลตัวเองด้วยนะ"
 

"จ้า ไว้จะมานอนด้วยนะ"

 

"คร้าบบ"

 

    เด็กหนุ่มสองคนยืนมองรถยนต์เคลื่อนจนลับไปจากลานสายตา เปปเปอร์ก็หันไปทำหน้าอ้อนใส่เพื่อน

 

"ไอ้ไทม์ วันนี้ กูนอนห้องมึงก่อนนะ คือ ยังไม่ได้ซักผ้าปู"


"อืม"

     เหล่มองเพื่อนที่วันนี้ทั้งวันมันดูไม่สนุกสนานเหมือนเคย ทั้งๆที่นิสัยของไทม์ออกจะกวนตีน ตลกโปกฮา ไร้สาระไปวันๆ พอเห็นเพื่อนแปลกไปก็ชักเป็นห่วง

 

"ไอ้ไทม์ มึงเป็นอะไรวะ? วันนี้ทั้งวันมึงดูไม่เฮฮาเลย"

 

"ไม่มีอะไรหรอก มาเดี๋ยวกูช่วยขนของ"


 
      เปปเปอร์หรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด สนิทกันมาระดับนึงคิดว่าเซนส์ตัวเองไม่น่าพลาด


"เรื่องเมื่อเย็นที่มึงพูดกับพี่แป้งแบบนั้น มึงชอบพี่กูจริงๆใช่ไหม?"

 

   เปปเปอร์สังเกตว่าไทม์ดูนิ่งไป ก่อนที่เพื่อนจะจ้องหน้ากลับพลางถอนหายใจ

 

"อืม"


    มือไม้อ่อนทันทีที่ได้ยินไทม์ยอมรับออกมาดื้อๆ

 

"กูว่าเราเดินไปซื้อเบียร์ที่เซเว่นกันเหอะ"

.

.

.

เป้าะ!

 

        เสียงดึงห่วงบนฝากระป๋องเบียร์ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงกระดกเบียร์อึกๆ เปปเปอร์ได้แต่นั่งมองเพื่อนที่นั่งพิงขอบเตียง สายตาเหม่อลอย นั่งดื่มเบียร์ไม่พูดไม่จา



        ความงอน ความน้อยใจมลายหายไป เมื่อเห็นไทม์เศร้ากว่าที่คิด จะตัดพ้อก็กลัวเพื่อนจะเครียดไปใหญ่ ในตอนแรกที่เปปเปอร์ยังไม่รู้ความจริง ไทม์คงพยายามฝืนเล่นละครและเก็บความลับไว้ในใจ แต่พอเปปเปอร์ได้ถามออกไป แล้วไทม์ยอมเผยความจริง ดูเหมือนความรู้สึกของไทม์ตอนนี้ จึงปลดปล่อยออกมาให้เปปเปอร์ได้เห็นทุกอย่าง



       เศร้า ซึม เสียใจ และตาแดงๆเหมือนคนจะร้องไห้

 

"มึงชอบพี่กูมานานรึยัง?"

 

"ก็เกือบปี"


 

"ทำไมไม่บอกกู"

 
"กูว่ามันทุเรศที่แอบชอบพี่เพื่อน"


"ทุเรศตรงไหน? ความรัก ความรู้สึกมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ แล้วมึงชอบอะไรในตัวพี่แป้งวะ"


"หลายอย่างๆ แต่ที่บอกได้คงเป็นใจดี ยิ้มง่าย แล้วก็น่ารักแบบธรรมชาติ"

 

    แววตาของไทม์ดูเป็นประกายขึ้นมายามที่บอกว่าชอบอะไรในตัวพี่แป้งบ้าง ทำให้เปปเปอร์รู้สึกบีบหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

 

    เปปเปอร์สงสารเพื่อนที่แพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลงสนามแข่ง  ถ้าพี่แป้งไม่มีแฟน เปปเปอร์จะเชียร์ไทม์สุดใจ แต่ความเป็นจริงมันทำไม่ได้ ยิ่งทำให้เปปเปอร์ลำบากใจและรู้สึกอึดอัดที่ในสถานการณ์นี้ เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย

 

"พี่แป้งรู้ไหมว่ามึงชอบ?"

 
"น่าจะมั้ง ถึงกูไม่ได้พูดตรงๆว่าชอบ แต่กูก็หยอดใส่พี่แป้งตลอด"

 

"เฮ้อ!...มึงชอบมาก็นาน แต่กูเพิ่งเห็นช่วงนี้มึงดูแย่ แสดงว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่มึงเสียใจมากที่สุดอะดิ"

 

"อืม มันควรจะดีขึ้น ที่รู้ว่าพี่แป้งแต่งงานแล้วกูจะได้มีเหตุผลในการทำใจ แต่แปลกยิ่งรู้กลับยิ่งทำใจไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ยังเสียใจ แต่ก็ยังอยากที่จะมองพี่มึงอยู่ไกลๆ"

 

"เชี่ยเอ้ย มึงอย่าพูดเป็นพระเอกสิวะ กูสงสารมึงนะเนี่ย มีอะไรที่กูพอช่วยมึงได้บ้างวะ"

 
"ให้กูเอาดิ"

 
"ส้นตีนเถอะ"


"ฮ่าๆ"



        เปปเปอร์ผุดรอยยิ้ม เมื่อเห็นไทม์ได้หัวเราะและเล่นมุกโต้ตอบได้บ้างแล้ว เปปเปอร์ตบบ่าตัวเองปุๆก่อนบอก



"มาๆซบลงตรงบ่าพี่มา"
 

"อยากได้บ่าพี่มึงมากกว่า"

 

"โอ้ย อุตส่าห์เปลี่ยนเรื่องมึงยังวกกลับมาให้ดราม่าไปอี้ก"

 

"เหอะ เหอะ"


 

ก้อก ก้อก ก้อก


    จังหวะที่ทั้งสองเพิ่งเริ่มคุยกันสนุกสนานก็หยุดชะงักงัน เมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตูขัดจังหวะ ไทม์และเปปเปอร์มองหน้ากันอย่างงุนงง เพราะตอนนี้ สี่ทุ่มกว่า ใครจะมาหากันดึกดื่น เจ้าของห้องลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูในสภาพกางเกงบอกเซอร์ตัวเดียว

 

   พอประตูเปิดกว้าง ไทม์เลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อเห็นคนคุ้นเคยตรงหน้า

 
"เปปเปอร์อยู่ไหม?"
ไทม์ยังไม่ทันจะทัก ทิมแทรกขึ้นในทันที

 

"อยู่ครับ"

 

"พี่ขอเข้าไปหน่อย"


        ไทม์พยักหน้า เบี่ยงตัวให้คนร่างสูงเดินเข้ามาพบร่างเล็กกว่านั่งขัดสมาธิด้วยท่อนบนเปลือยเปล่าไม่ต่างกับเจ้าของห้อง
 

"เปปเปอร์"

 

"อ้าว พี่ทิม หวัดดี แล้วนี่ทำไมมาดึกๆดื่นๆ"

 

"แป้งลืมให้คีย์การ์ดเปปเปอร์"

 

"โธ่ ค่อยเอามาให้ก็ได้ ผมไม่เดือดร้อนหรอก ไอ้ไทม์ก็อยู่ตึกเดียวกับผม เดี๋ยวผมเข้าตึกพร้อมมันก็ได้"
 

"พี่มาแล้ว เปปเปอร์ก็รับเอาไว้เถอะ"

 

"อ่า อ่า ขอบคุณนะพี่ทิม นี่มันก็ดึกแล้ว พี่จะนอนห้องผมก่อนไหม? จะได้ไม่ต้องเหนื่อยขับรถกลับ แต่เตียงไม่มีผ้าปูนะ"


"เปปเปอร์นอนด้วยหรือเปล่า?"


"เปล่าครับ ผมนอนกับเพื่อน"


"ถ้างั้น ไม่เป็นไรครับ พี่ขับรถกลับไปนอนที่บ้านดีกว่า"

 

"อ่าโอเค เดี๋ยวผมลงไปส่ง ไอ้ไทม์เดี๋ยวกูมา"



    หันไปบอกเพื่อนให้รับรู้ และเดินออกจากห้องเพื่อไปส่งพี่ทิมข้างล่าง ขณะที่ทั้งสองเดินลงมาถึงตรงประตูกระจกใส คนที่เตรียมแตะบัตรตรงจุดสแกนสะดุ้งเมื่อพี่ทิมคว้าต้นแขนไปจับ

 

"ดื่มไปกี่กระป๋อง ถึงเซขนาดนี้"


 

    เปปเปอร์ยอมรับว่ามึน แต่รู้ตัวว่าไม่ได้เดินเซแต่อย่างใด เด็กหนุ่มเงยหน้ามองพี่ทิมยกยิ้มมุมปากพร้อมแสดงสายตาอย่างเป็นห่วงเป็นใยก็ยิ่งหวั่นไหว เมื่อรู้ว่าสามีของพี่สาวช่างเป็นคนดีเหลือเกิน

 

"สามเอง"
 

"เดินดีๆ ดูแลตัวเองด้วย"

 
"รู้น่า พี่ก็ดูแลตัวเองด้วยละกัน กลับบ้านดีๆครับพี่"

 

"ครับ"


 
    เสียงตอบรับมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นก่อนเจ้าตัวจะหันหลังเดินออกจากอาคาร ทิ้งให้เปปเปอร์ยืนนิ่ง มองแผ่นหลังกว้างเดินไปไกลจนลับสายตา


     จู่ๆในหัวของเปปเปอร์ก็เกิดคิดชั่วขึ้นมา


"หรือกูจะแย่งแฟนพี่แป้ง เพื่อช่วยไอ้ไทม์ให้มันสมหวังดีวะ"



 

............................................


:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
มาช่วยเป็นกำลังใจกันน้าา

 
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่9].. |15-12-18 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 15-12-2018 18:39:50
(9)

ดูแล

 







"ฮัลโหล?"



[มึงอยู่ไหนวะไอ้ไทม์ วันนี้ ทำไมมึงไม่มาเรียน]



"มีอะไรด่วนไหมไอ้ยัค? กูต้องวางแล้ว"



[ทำไมต้องทำเสียงกระซิบกระซาบวะ บอกมามึงอยู่ไหน?]



"เออๆ คุยไม่สะดวก แค่นี้"



     ไทม์พูดขณะที่ก้มหัวลงแทรกหว่างขาตัวเองอย่างกลัวเสียงดังรบกวนผู้อื่น เขาต้องควบคุมระดับเสียงตัวเองให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะยามนี้ ไทม์อยู่ในโรงภาพยนตร์ที่คนอื่นๆกำลังตั้งอกตั้งใจดูหนังเนื่องจากถึงจุดไคล์แม็กซ์ของเรื่อง



"เป๊ปหรอ?"


     ขณะที่ไทม์วางสายแล้วผงกหัวขึ้นมานั่งพิงพนักตามเดิม



"ครับพี่แป้ง
"

     ไทม์เห็นพี่แป้งชะงักไปนิด ก่อนจะหน้าเสีย ไทม์แตะมือเล็กแล้วยิ้มมุมปาก



"ผมยังไม่ได้บอกไอ้เป๊ป พี่แป้งไม่ต้องกังวลนะ"

     ไทม์ยอมโดดเรียนเพื่อพาพี่แป้งมาดูหนัlที่เธออยากดู หลังจากที่ก่อนหน้า ไทม์เห็นพี่แป้งบ่นว่างานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว พอพี่แป้งลาออกจากการเป็นพนักงานประจำ และว่างมาได้สองวัน ไทม์ก็ชวนออกมาพักผ่อน ซึ่งการลาออกนั้นทั้งเปปเปอร์และแม่ของเธอยังไม่รู้เรื่องนี้



      แอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่แป้งใกล้ๆแล้วรู้สึกใจเต้นแรง หาไม่ได้ง่ายๆกับโอกาสแรกที่ไทม์ได้ใกล้ชิดกับพี่แป้งมากขนาดนี้ เขาจ้องมองได้สักพักก็หลุดยิ้ม เมื่อพี่แป้งคงรู้ตัวว่าโดนแอบมอง เธอเอื้อมมือมาดันหน้าไทม์ให้หันไปทางหน้าจอขนาดยักษ์ ก่อนจะกระเถิบตัวออกห่าง สงสัยพี่แป้งคงเขินจนทำตัวไม่ถูก





      เป็นเวลาสองชั่วโมงของการดูภาพยนตร์ที่มีคุณภาพจริงๆ การดำเนินเรื่องของหนังก็ไม่ยืดเยื้อ กระชับ แถมมีแง่คิดให้ได้รับกลับบ้านอีกเป็นกระบุง ที่สำคัญทำให้คนข้างกายร้องไห้ได้ แสดงว่า หนังเข้าถึงอารมณ์คนดูได้ดี ไทม์เดินออกมาจากโรงภาพยนตร์ด้วยรอยยิ้ม ผิดกับอีกคนที่เดินมาพร้อมรอยน้ำตา

"ยิ้มอะไรเล่า"
หญิงสาวหน้ามุ่ยพลางบอกติดไม่พอใจที่รอยยิ้มเต็มไปด้วยความขบขันหยอกล้อ

"พี่เซ้นซิทีฟจัง"

"ผู้หญิงเป็นเพศแห่งอารมณ์นี่นา" แป้งเถียง



"เชื่อครับเชื่อ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้ายตลอด ผมตามไม่ทัน" ไทม์ตอบ แป้งหน้ามุ่ยทันที


"ผู้ชายก็อย่างนี้ เพศที่ไม่เคยคิดจะเข้าใจผู้หญิง"


"ฮ่าๆ พูดเหมือนงอน"



"เปล๊าา!" แป้งเสียงสูงจนไทม์หลุดหัวเราะก๊ากออกมา เธอเบี่ยงหน้าหนีงอนๆ จนไทม์รีบขอโทษขอโพย แป้งที่แกล้งแหย่ไม่ได้งอนจริงจังจึงหันไปยิ้มให้ไทม์แล้วพูดต่อ


"ขอบคุณนะไทม์ ที่พามา แต่พี่เพิ่งรู้ว่าไทม์โกหกพี่เรื่องไม่มีเรียน ทีหลังห้ามโดดเรียนอีกนะ"



    ไทม์ไม่ได้ขาดเรียนบ่อย การที่เขาคิดจะหยุดเรียนนั้น ต้องรู้ก่อนว่าสิ่งที่ทำ สำคัญมากพอที่จะแลกมาหรือเปล่า เช่นวันนี้ พอรู้เรื่องส่วนตัวของพี่แป้ง ไทม์ไม่พลาดที่จะใช้โอกาสนี้ เพราะการได้อยู่กับคนที่ชอบ แค่หนึ่งวินาที มันก็มีความสุขและสำคัญสุดๆ



"ได้ครับ แล้ววันนี้ พี่ทิมจะมารับพี่กี่โมงเหรอ?"


"หกโมงเย็นค่ะ"


"นี่เพิ่งสี่โมงครึ่ง เราไปกินข้าวกันก่อนไหม?"

"อืมก็ได้นะ"




    เดินมาเรื่อยๆจนเจอร้านอาหารไทย ทั้งสองเห็นตรงกันว่าเลือกกินร้านนี้ จึงรีบโฉบเข้าร้านอาหารก่อนที่คนจะเยอะกว่านี้

"สั่งเลยครับพี่ มื้อนี้ ผมเลี้ยง" ไทม์บอกขณะที่แป้งเปิดเมนูไปเรื่อยๆ



"ไม่ต้องหรอก พี่เลี้ยงดีกว่า เมื่อกี้ไทม์ก็เลี้ยงหนังพี่แล้ว" เธอเงยหน้าขึ้นมาจากเมนูแล้วบอก


"ผมอยากเลี้ยง"


"มีเงินมากหรือไง ยังแบมือขอพ่อแม่อยู่เลย"


กึก

    แป้งหลุดปาก โดยไม่ได้มีเจตนาจะดูถูก เธอเห็นไทม์หน้าเสีย เม้มปากแน่นและก้มดูรายการอาหารของตัวเอง


"เอ่อ ไทม์คือพี่ไม่ได้ตั้งใจ"


"เลือกเมนูก่อนเถอะครับ"

   มัวแต่เถียงกันไปกันมา ในขณะที่พนักงานก็ยืนรอรับออเดอร์ แป้งเลยรีบหาเมนูโปรดและบอกชื่ออาหาร ส่วนไทม์ก็สั่งอาหารในเวลาไล่เลี่ยกัน กระทั่งพนักงานคล้อยหลังไป


"พี่ขอโทษนะไทม์ที่พูดแรงไปหน่อย พี่แค่อยากเลี้ยงคืนบ้าง"



"มันก็จริงครับ เงินที่เล่าเรียนทุกวันนี้ ผมก็ยังขอเงินพ่อแม่อยู่ แต่ผมแค่อยากเป็นคนที่พี่พึ่งพาได้บ้าง อย่างน้อยก็..."

"ช่างมันเถอะ พี่อยากเลี้ยง ขอนะมื้อนี้"



"ก็ได้ครับพี่"

     จากนั้น แป้งยิ้มและก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือ จนอาหารมาก็ต่างฝ่ายต่างกิน แต่ ทว่า เป็นการกินข้าวที่เร่งด่วน เนื่องจากพี่ทิมมาถึงที่หมายเร็วกว่าเวลาที่นัดไว้ ทำให้ทั้งสองต้องลนลาน รีบกินรีบจ่าย แต่ก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันหน้าร้าน


"ขอบคุณที่เลี้ยง ผมไปก่อนนะครับพี่แป้ง"



"ค่ะ"


     เพียงแค่เห็นแผ่นหลังบางไกลห่างออกไปเรื่อยๆ ไทม์วิ่งตามไปหาพี่แป้งพร้อมรั้งด้วยเสียง



"พี่แป้ง พรุ่งนี้ผมมีเรียนแค่ครึ่งเช้า เรามาเจอกันอีกได้ไหม?"



    แป้งนิ่งเงียบ ก่อนจะเงยหน้ามองไทม์ด้วยรอยยิ้มมุมปาก

"ก็ได้"

.

.

.

"มึงจะรีบไปไหนวะ ไอ้ไทม์?"



"กูมีธุระ"



"ธุระอะไรของมึง? ก่อนหน้านี้ มึงไม่เห็นจะมีธุระเยอะขนาดนี้เลย มึงทำตัวลึกลับนะเดี๋ยวนี้ มึงมีหญิงแล้วใช่ไหม?"


"เฮ้ย ค่อยว่ากัน กูต้องรีบไปแล้ว เจอกันมึง"


    เปปเปอร์กำลังจะวิ่งตาม คายัคก็ตะโกนแต่ไกลว่าอาจารย์เรียกให้ไปพบที่ห้องพักอาจารย์ เปปเปอร์จึงต้องปล่อยไทม์ ชวดโอกาสที่จะตามมันไปอย่างน่าเสียดาย ลึกๆก็แอบน้อยใจที่ก่อนหน้านี้ ไทม์กับเปปเปอร์ตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ ไปไหนไปกัน ไม่มีอิดออด แต่เดี๋ยวนี้ พอจะชวนกินข้าว ดูหนังด้วยกันตามประสาคนโสด ไอ้ไทม์ก็ไม่มีเวลาให้กันเหมือนก่อน

.

.

.

"เปปเปอร์รู้ไหม?"


"ไม่ครับ ไปกันเถอะ เดี๋ยวไอ้เป๊ปออกมาเห็นรถพี่ ความแตกกันพอดี"



    หญิงสาวรีบเคลื่อนรถออกจากมหาฯลัยของน้องชาย เมื่อขับไปได้สักระยะ คนที่เอาแต่แอบมองพี่แป้งอย่างไม่คิดไม่ฝันว่าพี่แป้งจะยอมมาเจอกันอีก


     ไทม์คิดว่ามันมีเส้นบางๆคั่นอยู่ระหว่างการให้ความหวัง กับ การให้โอกาส พี่แป้งไม่เคยทำทีพูดหมาหยอกไก่ว่าชอบหรือสนใจในตัวไทม์ แต่พี่แป้งแค่เปิดประตูหัวใจให้ไทม์ได้ลองเข้าไปยังพื้นที่ของเธอ ได้ลองแสดงตัวตนและพิสูจน์ว่า เราสองคนสามารถเดินไปด้วยกันบนเส้นทางของความรักที่มากกว่าน้องชายและพี่สาวได้ไหม ไทม์รู้นะว่า ช่วงนี้พี่แป้งเครียด แต่เธอก็พยายามกลบเกลื่อนทำเป็นหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องที่มันเกิดกับเธอ ไทม์ว่ามันร้ายแรงพอสมควร แต่พี่แป้งก็ยังยิ้มได้ 



"พี่แป้ง พี่เหงาไหม? เวลาพี่ทิมต้องไปทำงานแล้วพี่อยู่บ้านคนเดียว"


"ก็มีบ้างนะ"


"มาอยู่ห้องผมไหม ผมอยากดูแลพี่ใกล้ๆ"


"ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ"


"ผมไม่ทำอะไรพี่หรอก ไม่ต้องกลัว"

"ใครๆก็พูดได้ จะเอาอะไรมาเป็นหลักประกันคะ"



"เพราะผมเป็นเพื่อนน้องพี่ อีกอย่าง เราไปเที่ยวด้วยกันมาก็หลายครั้ง พี่ยังไม่รู้นิสัยผมจริงๆอีกเหรอ?"



"...คือพี่..."

"ไม่เป็นไรครับ ผู้หญิงอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง ก็คงไม่มีใครไว้ใจได้ แต่ถ้าพี่อยากหาหลักประกัน พี่ถามไอ้เป๊ปได้ว่าผมเป็นคนยังไง"



     เธอมองคนที่พูดเสียงเครียด

"ขอโทษนะไทม์ แต่พี่ยังไม่ไว้ใจไทม์จริงๆ"


    แป้งได้แต่พูดในใจด้วยความกลัวว่า ไทม์จะคิดมากกับปฏิกิริยาและความไม่เชื่อใจของเธอ


.

.

"ผมจะพาพี่แป้งมาออกกำลังกายแบบนี้ทุกวัน"


    ยามนี้ แป้งและไทม์กำลังเดินวอร์มร่างกายอยู่ในสวนสาธารณะ


"ถ้าพี่ไม่ขี้เกียจซะก่อน"

"มันดีต่อสุขภาพของพี่นะ มาเถอะมากับผม"



   เธอไม่อยากปฎิเสธในน้ำใจของไทม์ แป้งรู้ว่า ไทม์พยายามใช้โอกาสให้คุ้มค่าที่สุด แต่อย่างน้อย แป้งสัมผัสได้อย่างหนึ่ง ว่าไทม์ไม่ได้เสแสร้งทำตัวเป็นฮีโร่ ไทม์แค่เป็นไทม์ที่แสดงออกอย่างจริงใจและพยายามจะดูแลเธอเท่านั้น


    เด็กหนุ่มที่แม้อายุจะน้อยกว่าเธอหลายปี แต่ก็มีบางมุมที่ไทม์ก็มีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัว

 
    ความเอาใจใส่ ดูแล และความขี้เล่น ในบางมุมทำให้แป้งอดคิดถึง แทน ไม่ได้


  หญิงสาวรีบเบี่ยงหน้าไปทางอื่นก่อนจะยกมือซับน้ำตา
 

"ถ้าพี่แป้ง เหนื่อยบอกผมนะ" คนที่สังเกตเห็นว่าพี่แป้งกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก็โพล่งขึ้น


     ในการตั้งคำถามของไทม์ ความเหนื่อยที่ว่า ไม่ใช่เรื่องการออกกำลังกายหรอก แต่มันหมายถึงว่า เหนื่อยกับชีวิตมากกว่า


     ไหล่ของผู้ชายคนนี้ พร้อมที่จะให้พี่แป้งได้พักพิงเสมอ แม้จะไม่ได้เป็นแฟน แต่เป็นแค่คนข้างกายได้ดูแลพี่แป้งแบบนี้ในช่วงเวลาหนึ่ง ไทม์คิดว่ามันคุ้มค่าแล้ว



"จ้า ไทม์"

   จบประโยคทั้งสองเริ่มเปลี่ยนจากเดินมาวิ่งเหยาะๆ จนครบรอบ หญิงสาวก็กลับมาเดินเหมือนเดิม แต่ขณะนั้นหญิงสาวยึดต้นแขนไทม์ไว้


"พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?" ไทม์หันขวับไปจับไหล่หญิงสาว


"เปล่าหรอกแต่อยู่ดีๆ ก็มึนหัวขอพักได้ไหม?"


"ถ้างั้น เราไม่ต้องเดินแล้วล่ะ"



"อื้ม!"

    ไทม์รีบพาพี่แป้งไปนั่งพักตรงม้านั่ง พร้อมยื่นน้ำดื่มและผ้าขนหนูให้

"พักก่อนนะครับพี่"

"ค่ะ
"


    แป้งลอบมองไทม์ที่กระดกน้ำเปล่าจากขวด ตลอดการวิ่งที่ผ่านมา ไทม์เอาแต่เล่าเรื่องขำขัน ทั้งๆที่วิ่งเหยาะก็เหนื่อยแล้ว ยังสามารถพูดไปพร้อมๆกันได้ ไทม์เล่าวีรกรรมความหน้าแหกตอนสมัยเรียนมอปลายว่า เขาเคยชอบรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวยระดับต้นๆของชั้น วันจบการศึกษาของรุ่นพี่ ไทม์แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างหล่อหวังจะชนะใจ ในการไปขอเบอร์สาว ขณะที่เดินใกล้ถึงตัวผู้หญิงที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ไทม์ดันเหยียบขี้หมากองเบ้อเร่อ เขาจะไม่รู้เลย ถ้าไม่มีเสียงผู้หญิงแปลกหน้าตะโกนทักพร้อมส่งเสียงร้องอี๋ดังลั่น ซึ่งมันเป็นจังหวะเดียวกับที่รุ่นพี่ผู้หญิงคนนั้นดันหันมาพอดี

 

    ไทม์อายแทบแทรกแผ่นดินหนี จากนั้น ไทม์ก็ไม่กล้าไปขอเบอร์เธออีกเลย

      แป้งคิดแล้วก็ขำดี หากวันนั้นไทม์ไม่เผลอเหยียบอึหมาและได้เบอร์สาวคนนั้นมา ไม่แน่ ไทม์กับผู้หญิงคนนั้นอาจคบกันจนถึงป่านนี้ก็ได้ใครจะรู้

      แป้งฟังไทม์เล่าเรื่องอย่างออกรส เขาสามารถหาเรื่องมาคุยได้อีกมากมาย หนึ่งในนั้น คือ สาเหตุของการชอบเธอ

      นั่นคือวันที่แป้งดูแลเปปเปอร์และไทม์ตอนเมา

      เรื่องของเรื่อง คือ ความเบลอของเปปเปอร์ที่ไปนั่งกินร้านเหล้าใกล้มอแท้ๆ มิหนำซ้ำห้องพักไทม์ก็อยู่ใกล้ๆ แต่น้องชายเธอดันเรียกแท็กซี่แล้วบอกปลายทางให้มาส่งที่บ้าน ในตอนนั้น แป้งต้องขอให้พี่คนขับแท็กซี่ช่วยหามเด็กหนุ่มทั้งสองเข้าบ้าน อย่างทุลักทุเล และเช็ดตัวดูแลเบื้องต้นโดยที่แป้งไม่มีบ่นสักคำ รุ่งเช้าวันถัดมา แป้งยังตระเตรียมอาหาร หาเครื่องดื่มแก้แฮงค์ดูแลน้องชายทั้งสองเป็นอย่างดี เมื่อไทม์และเปปเปอร์รู้เรื่องราวก็ขอบคุณแป้งกันยกใหญ่ นั่นเองจึงเป็นความประทับใจแรกที่ไทม์มีให้พี่สาวเพื่อน


     คนทุกคนย่อมอยากเป็นที่รักของใครสักคน ดังนั้น ยามที่รู้ว่ามีคนชอบแป้งเพราะอะไร เธอก็ปลื้มใจ แป้งอมยิ้มที่เห็นไทม์นั่งใช้แขนปาดเหงื่อเขาไม่ได้ใช้ผ้าขนหนูเพราะไทม์ยกมันให้เธอ


"พี่แป้งอยากทำอะไรอีกไหม? หรืออยากจะไปเที่ยวไหนหรือเปล่า?


"ไทม์พาพี่ไปได้เหรอ?"

"ได้สิครับ บอกแล้วว่าจะดูแล"

"ทำดีกับพี่แบบนี้ ถ้าพี่ไม่รับรักกลับจะแช่งพี่ไหมเนี่ย?"

"ฮ่าๆ ไม่หรอก ผมแฟร์พอ!"



"ที่บอกว่าจะดูแล ไทม์พูดจริงหรอ?"

"จริงสิครับ ผมพูดแล้วไม่คืนคำ"



"ไทม์สูบบุหรี่หรือเปล่า?"



  ไทม์ชะงัก รู้ว่าไม่ดี แต่ก็สูบบุหรี่ได้ทุกวี่วัน เขามองคนที่ตั้งคำถามแบบนี้ขึ้นมา ไทม์ก็พอรู้ความหมาย


"ผมหยุดได้เพื่อพี่"

     จู่ๆหัวใจก็เกิดสั่นไหวกับคำพูดธรรมดา ทว่า หนักแน่นมั่นคง แป้งยิ้มน้ำตารื้น


"อาทิตย์หน้าพี่ขอไปนอนกับไทม์สักวัน สองวันนะ"


     ไทม์ยิ้มกว้างอย่างดีใจ เขารับปากแล้วว่า จะดูแลอย่างดีก็ต้องดีให้ถึงที่สุด


"ได้เลยพี่ รับรองว่าพี่จะอยู่อย่างสบาย และปลอดภัยเชื่อผม!"

"ถ้าไม่ปลอดภัย พี่แจ้งตำรวจนะ"

"เอาที่พี่สบายใจเลยครับ"



    ทั้งสองมองหน้าและส่งยิ้มให้กันโดยไม่พูดอะไรอีก..




............................

 :hao6: :hao6: :mew1: :mew1: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [ บทที่ 10].. |17-3-19 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 17-03-2019 19:43:34
(10)

สมบทบาท










"มึงกูคิดงานไม่ออกว่ะ เครียดจนปวดหัวแล้ว ออกไปข้างนอกกันเหอะ"

 

 

    เปปเปอร์บอกเพื่อนยามที่ตัวเองรู้สึกปวดตาจากการจ้องคอมพิวเตอร์นานหลายชั่วโมง ณ เวลานี้ เขาต้องการพักผ่อน เดินเล่นหรือไปเที่ยวดูอะไรที่เจริญหู เจริญตาสักหน่อย



    และถึงแม้ว่า เปปเปอร์จะมีห้องเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม แต่เปปเปอร์ยังมิวายแวะวนเวียนที่ห้องของไทม์เช่นตอนนี้ เพียงเพราะไม่คุ้นชินกับการอยู่คนเดียว เนื่องจากทุกที ไปไหนมาไหนจะมีไทม์อยู่ด้วยเสมอ ๆ

 

 

"มึงนี่หาเรื่องเสียตังค์ตลอด" ไทม์บ่นเพื่อน เพราะช่วงนี้ไทม์ต้องการประหยัดเงิน เพื่อจะได้เก็บเงินส่วนหนึ่งพาพี่แป้งไปเที่ยว

 

 

"เออกูเลี้ยงหนังมึงก็ได้ แต่มึงเลี้ยงป๊อปคอร์นกูนะ"

 
"เออตกลง"

 

 

    สำหรับเพื่อน เปปเปอร์ให้ได้เสมอ เพียงไทม์ตอบรับ เปปเปอร์ยิ้มกว้าง ก่อนจะรีบเซฟงานที่ทำในโปรแกรมกราฟิก และกดปิดเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้ค ล้างหน้า ล้างตาแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

.

.

.

.

"โห มึง ทำไมวันนี้คนเยอะจังวะ" เปปเปอร์บ่นทันทีที่เห็นฝูงชนเนืองแน่นเต็มพื้นที่หน้าลานโรงภาพยนตร์

 

"นั่นดิ"

 

     ตอนนี้ ทั้งสองกำลังเดินไปยังจุดซื้อตั๋วที่ตู้จำหน่ายตั๋วหนัง ยืนต่อแถวพลางกวาดตามองรอบ ๆ บริเวณที่มีคนยืนออกันเป็นจำนวนมาก

 

 

     กว่าจะได้ตั๋วมาก็เล่นยืนจนขาแข็ง ทันใดนั้น เปปเปอร์รีบลากเพื่อนซี้ไปซื้อป๊อปคอร์น เพื่อเพิ่มอรรถรสระหว่างดูภาพยนตร์

 

 

"ช่วงนี้ดูเหมือนว่ามึงจะสดใสขึ้น" เปปเปอร์สังเกตเพื่อนมาได้สักพัก และรู้สึกว่าหลายวันมานี้ เขาเห็นไทม์เอาแต่จ้องมองเครื่องมือสื่อสารพลางยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่เหมือนคนบ้า การกระทำไม่ต่างกับคนอยู่ในห้วงแห่งความรักอย่างไร อย่างนั้น

 

 

"จริงหรอวะ ทำไมกูมองตัวเองแล้วก็เหมือนเดิม"

 

"ไม่รู้ว่ะ กูคนนอกมองว่ามึงดูมีออร่า หน้าผ่องขึ้น ฮั่นแหนะ หรือมึงมีความรักแล้ว บอกกูมาเลย"
เปปเปอร์ถามไทม์ ขณะที่เดินมาจับจองที่นั่งตามเลขที่ระบุในตั๋ว

 



"ถ้ามี กูบอกมึงอยู่แล้ว"



"ก็ลองไม่บอกดิ กูโกรธจริงด้วย"
เปปเปอร์บอกเสียงจริงจังยามที่นั่งเอนหลังอย่างสบาย ฟากไทม์ยักไหล่ไม่สนใจ แม้ในใจลึก ๆ จะรู้สึกผิดที่เขาต้องพูดตรงข้ามกับความจริง

 

   'กูแคร์มึงนะ ไอ้เป๊ป  แต่ตอนนี้ กูก็แคร์อีกคนเหมือนกัน'

 

"เออ บอกอยู่แล้วครับ เพื่อนเป๊ป"

 



    เป็นเวลาที่คุ้มค่าจริง ๆ กับสองชั่วโมงเศษรวมเอนเครดิต ทั้งสองยังคงติดพัน เดินออกมาพูดคุยกันถึงภาพยนตร์การ์ตูน แอนิเมชั่นที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหลังความตายได้อย่างน่าสนใจ โดยเรื่องนี้แฝงทั้งความซึ้ง ความประทับใจที่ปูเรื่องของความรักระหว่างครอบครัว รวมถึงแง่คิดไว้มากมาย

 


"ตาบวมเลยนะไอ้เป๊ป"

 

"มึงก็เว่อร์ กูไม่ได้ร้องสักหน่อย"
เปปเปอร์รีบบ่ายเบี่ยง เพราะอายที่โดนเพื่อนล้อ



       ไทม์เหล่มองคนที่เบนหน้าหนีไปทางอื่น เหมือนไม่พอใจที่เขาแซวก็อมยิ้มระหว่างเดินเพื่อจะลงบันไดเลื่อน แต่ยังไม่ทันถึงมี่หมาย ไทม์เห็นคนคุ้นตาเดินอยู่ข้างหน้าไกล ๆ

 

"ไอ้เป๊ป นั้นแฟนพี่แป้งนี่หว่า หรือกูจำผิด?"

 

      หลังจากที่ไทม์บอกดังนั้น เปปเปอร์หรี่ตามอง ทั้งยังก้าวเท้าฉับ ๆ เพื่อหวังจะไล่ให้ตามทัน



"เออว่ะ ใช่จริง ๆ ด้วย แต่งงานไม่ทันไร ออกลายแล้วหรอวะ?"

 
"เฮ้ย! มึงอย่าเพิ่งเดาสุ่มสี่ สุ่มห้า อาจไม่ใช่ก็ได้"
ไทม์หันไปมองเพื่อนที่หน้าบึ้งเป็นตูดผิดกับตอนแรกที่สีหน้าระรื่น

 

"จับมือถือแขนกันขนาดนั้น มึงว่ากูคิดไปเองหรือวะ มึงรอกูอยู่ตรงนี้แหละ อย่าไปไหน"

 

"เฮ้ย ไอ้เป๊ป อย่าเพิ่ง....ไป....."

 

 

    ไทม์รั้งเรียกไม่ทัน เพื่อนสนิทก็เดินดุ่ม ๆ ไปด้วยอาการโมโหที่เห็นแฟนพี่สาวนอกใจ เปปเปอร์จะไม่ว่าเลยถ้าพี่ทิมอยู่ในสถานะเรียกว่า แฟนของพี่สาว แต่นี่สถานะ คือสามี เพราะทั้งคู่แต่งงานพร้อมลงหลักปักฐาน สร้างครอบครัวกันแล้ว ทำไมถึงคิดจะมีบ้านเล็ก บ้านน้อย

 

       คนที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนพี่สาวสุดรักเดินไปจนถึงตัวอีกฝ่าย เปปเปอร์รีบไปแตะไหล่ให้หยุด

 


"อ้าว เปปเปอร์" ทิมที่เดินขนาบข้างกับผู้หญิงตัวเล็ก หันมามองเปปเปอร์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอน้องชายของแป้งที่นี่



 

"สวัสดีครับพี่ทิม พี่มากับใครเหรอ?"

 

"อ้อ.นี่คือ..."
ทิมยังไม่ทันได้แนะนำผู้หญิงหน้าตาน่ารักให้รู้จัก สาวคนนั้นก็เป็นฝ่ายโพล่งออกมาเอง

 

"แล้วน้องเป็นใครหรอคะ?" เมื่อผู้หญิงคนนั้นถาม

 

        เปปเปอร์โมโห กำมือแน่น เมื่อผู้หญิงคนนั้นถามด้วยหน้าตายิ้มระรื่น มือของเธอก็ยังไม่ปล่อยจากการเกาะแขนสามีของพี่สาวเขา



"แฟนพี่ทิมครับ"

 

"หาาา!! แฟน? จริงเหรอคะพี่ทิม?"
ผู้หญิงข้างกายของทิม เบิกตาโพลง เหมือนไม่อยากเชื่อสายตา

 

       ฟากทิมหน้าตาเหรอหรา ไม่คิดว่าเปปเปอร์จะแนะนำตัวเองด้วยสถานะเช่นนั้น แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา ทิมถึงเข้าใจพร้อมผุดรอยยิ้มทรงเสน่ห์ หันไปกระซิบกับหญิงสาว



"ใคร ๆ ก็อ้างได้นะคะว่าแฟนพี่ทิม มีอะไรมาพิสูจน์หรอคะ" หญิงสาวถามกลับด้วยรอยยิ้มมุมปาก

 

     ประโยคนั้น ยิ่งทำให้เปปเปอร์อึ้งมีเห็นอีกฝ่ายเถียงกลับอย่างไม่ลดละ เปปเปอร์นึกเคืองที่พี่ทิมไม่มีแก้ตัวแถมยืนนิ่งงัน ทันใดนั้น เปปเปอร์กระตุกแขนพี่ทิมให้ย่อตัวและโน้มเข้ามาใหล้ ก่อนจะแอบจูบแก้มพี่ทิมไว ๆ แล้วผละ จนทิมและผู้หญิงคนนั้นเบิกตาค้าง

 

"กาเมสุมิจฉาจารา เวระมณีสิกขาปทัง สมาทิยามิ ท่องศีลข้อสามบ้างนะครับ อย่าให้ผมต้องเหนื่อยมาตามดูว่าพี่นอกใจผมไปแล้วกี่คน"






     เปปเปอร์แสร้งตีหน้าโกรธ และงัดมุกนี้มาใช้ ด้วยความเข้าใจไปเองว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่คงรับไม่ได้ หากมารู้ทีหลังว่า แฟนของเธอนั้นแอบนอกใจ แถมมีรสนิยมชายรักชาย ทำแบบนี้ ผู้หญิงคนนั้นจะได้หายจากชีวิตพี่ทิมไปในที่สุด  และในวินาทีที่ตัวเองทำสำเร็จ เมื่อเห็นผู้หญิงยืนหน้าเหวอ ใบหน้าของเปปเปอร์แต้มยิ้มเชิดหน้าขึ้นแสดงถึงชัยชนะอย่างภาคภูมิใจ

 

     คนที่ยอมเดินตามเกมส์เด็กหนุ่มก็ยิ้มมุมปาก ก่อนวาดแขนไปโอบไหล่เปปเปอร์ กระชับตัวอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ และทันใดนั้น ทิมก้มลงไปจุมพิตข้างขมับอย่างไม่แคร์สายตาผู้คนที่กำลังเดินขวักไขว่

 

"หึงพี่เหรอครับ? เปปเปอร์"

 

      เปปเปอร์ยืนใจสั่น หวั่นไหว อารามตกใจ ไฉนเหตุการณ์กลับตาลปัตรไปเสียได้ ทำไมพี่ทิมถึงไม่โกรธแต่กลับมาเล่นละครร่วมด้วย

 

     คนที่ยังยืนงงในการกระทำอีกฝ่าย ถูกขัดด้วยเสียงหัวเราะของหญิงสาวคนนั้น

 

 

"ฮ่า ๆ พี่ทิม ไม่เห็นบอกน้องเลยนะว่าแอบคบเด็กน่ะ นี่มันเลี้ยงต้อยเลยนะคะนั่น" เปปเปอร์งง เมื่อเขาเห็นทั้งสองคนคุยกันเหมือนไม่ใช่แฟน

 

 

"พี่ทิมไปเคลียร์กับเด็กพี่ก่อนก็ได้ค่ะ ทิพย์รอ"



"รอพี่นะ ทิพย์ พี่ขอไปคุยกับแฟนส่วนตัวก่อน" คนที่ยังตอบรับกลับอย่างหน้าตาเฉย หนำซ้ำยังเลื่อนมือมาจับมือเปปเปอร์ให้เดินไปด้วยกัน และพอสายตาเห็นเพื่อนของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ไกล ๆ นั้น จึงจูงมือเปปเปอร์ไปหา และไม่นาน เปปเปอร์ก็สะบัดมือ



"พี่ทำบ้าอะไร?"



"หืม ก็เดินมาส่งเปปเปอร์ไง"



"ผมเดินเองได้ ไม่ต้องมาจับมือ"





"อ้าว ก็เปปเปอร์บอกเองไม่ใช่เหรอครับ ว่าเปปเปอร์เป็นแฟนพี่"




       คนที่เดินมาส่งเปปเปอร์ตรงที่เพื่อนของเขายืนอยู่ก็เอ่ยออกมา จนไทม์ที่ยืนรอก่อนหน้าตกใจกับการได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย



       'นั่นไง  เพื่อนของเขาเล่นอะไรไม่รู้เรื่องซะแล้ว'

 



"พี่ก็รู้นี่ครับ ว่าผมแค่เล่นละคร ยังไงเรื่องนี้ ผมจะฟ้องพี่แป้งว่าพี่นอกใจพี่สาวผม"



 

"นอกใจตรงไหนกัน? คนที่เปปเปอร์เห็นนั่นน้องสาวแท้ ๆ พี่นะครับ"

 

 

      เพล้ง

 
      สิ้นคำนั้น เปปเปอร์เหมือนได้ยินเสียงอะไรสักอย่างดังก้องในหัว เปปเปอร์หน้าร้อนฉ่า เขาเก็บกวาดเศษหน้าที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ แทบไม่ทัน

 



"พี่จะไปไหนก็ไปเถอะครับ ไอ้ไทม์กลับบ้านเหอะ" คนที่อายจัดจนหน้าแดงแปร๊ดเพราะหน้าแตกรีบลากเพื่อนกลับบ้าน

 


"เดี๋ยวสิ เปปเปอร์ ให้พี่ไปส่งที่หอไหม"

 

"มะ...ไม่ต้อง"



 



   ยามนี้ เปปเปอร์เดินกึ่งวิ่ง ด้วยความอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี พอพ้นพี่ทิมมาได้ไกลแล้ว



"เป็นไงล่ะมึง"



"ไอ้ไทม์ กูอายว่ะมึง ใครจะคิดว่าเขาเป็นพี่น้องกันวะ เกาะแขนกันอย่างคู่รัก"

 

"มึงอย่าเอามาตรฐานของมึงไปวัดคนอื่นสิ แต่ละคนพื้นฐานการเลี้ยงดู สังคมอาจไม่เหมือนกันก็ได้ ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเขา มึงดูละครมากไปหรือเปล่าวะ?"



"ทำไมมึงซ้ำเติมกูล่ะ ฮืออออ กูอายอ่ามึง ฮืออออ ทีนี้ กูจะเอาหน้าไปไว้ไหนวะ"

 



"หึหึ บอกไม่ถูกเลย เอาเป็นว่าโชคดีแล้วกันมึง แต่แปลกนะที่พี่ทิมก็เล่นด้วย จูบมึงกลางห้างนี่กูว่าไม่ธรรมดาแล้วว่ะ"



 

     ไทม์ตอบอย่างยิ้ม ๆ  ปล่อยให้เปปเปอร์เดินขบเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ทั้งยังเอามือลูบรอยจูบนั้นที่ยังคงทิ้งสัมผัสจาง ๆ อยู่ข้างขมับ

.

.

.

.

"ว่าไง พี่แป้ง" เสร็จสิ้นธุระ ทั้งไทม์และเปปเปอร์ก็กลับมายังหอของตัวเอง และในขณะที่เปปเปอร์กำลังเดินขึ้นห้องพัก ก็มีเสียงเรียกเข้าของเครื่องมือสื่อสารแผดเสียงดังไม่หยุด จนเขาต้องควักออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อกดรับสาย

 

[ได้ข่าวว่ามีคนไปช่วยรักษาสิทธิ์แทนพี่เหรอ?]

 

"พี่แป้งรู้? แสดงว่าพี่ทิมเอาไปฟ้องเหรอ?"

 

[ก็ไม่ได้ฟ้องหรอก พี่ทิมแค่เล่าแบบตกใจมากกว่า ที่จู่ ๆ เปปเปอร์ก็ไปบอกว่าเป็นแฟนเขาน่ะ พี่ทิมเขาไม่ได้โกรธเลย เขาขำและบอกว่าเปปเปอร์น่ะน่ารักและตลกดี แต่พี่อยากเตือนว่าทีหลังเปปเปอร์อย่าทำอย่างนี้อีกนะ]



"ก็ใครจะไปรู้ล่ะพี่แป้ง ว่าเขาไม่ใช่แฟนกันน่ะ แล้วทำไมพี่ต้องห้ามเป๊ปล่ะ ถ้าวันนี้ที่เป๊ปเห็นไม่ใช่น้องสาวเขา แต่เป็นกิ๊กจริง ๆ พี่จะให้เป๊ปปล่อยไปเหรอ?"



 

[ใช่จ้ะ เปปเปอร์ควรปล่อยไป มันไม่ใช่เรื่องที่สมควร ถึงต่อให้คน ๆ นั้นจะเป็นคนที่พี่ทิมแอบคบจริง ๆ ก็ตามเถอะ เราก็ควรให้เกียรติเขา แล้วค่อยกลับมาคุยมาเคลียร์กันที่บ้าน]




   
"เป๊ปก็แค่หวังดี ทำไมต้องถูกด่าด้วย อีกอย่าง พี่ทิมก็เออออกับการเล่นบทเป็นแฟนกับเป๊ปนะ ทำไมพี่แป้งไม่ว่าพี่ทิมบ้างล่ะ" เปปเปอร์ยอกย้อนด้วยความน้อยใจที่พี่สาวไม่คิดเข้าข้างกัน จนแป้งเงียบครู่หนึ่ง ก่อนบอกเสียงเรียบ




[ถ้าพี่ทิมไม่ยอมเออออ เปปเปอร์ก็จะหน้าแตก ถูกไหมคะ? พี่ขอโทษนะเปปเปอร์ ถ้าเปปเปอร์เคืองที่พี่พูดแบบนี้ แต่พี่แค่เป็นห่วง พี่ไม่อยากให้คนอื่นว่าเปปเปอร์เอาได้ ที่ทำอะไรไม่รู้จักกาลเทศะ และขอบคุณที่ห่วงพี่นะจ้ะ เพราะวันนี้พี่ทิมฝากชมมาด้วย ว่าเปปเปอร์คงรักพี่น่าดู ถึงหึงหวงซะสมจริงเลย]



    เปปเปอร์ชะงัก ตอนที่พี่แป้งบอกมาเช่นนั้น มันยิ่งทำให้เขาหวนมาคิดว่า เขาแสดงสมบทบาทหรือมันคืออาการข้างในลึก ๆ ของเปปเปอร์กันแน่



[พี่รักและเป็นห่วงเปปเปอร์นะจ้ะ พี่ทิมก็เป็นห่วงเหมือนกัน โอเค พี่ไม่กวนแล้ว ค่อยว่ากันนะ]



"ครับพี่แป้ง"



 

     เมื่อเปปเปอร์เดินด้วยสภาพหน้าหงอย เซื่องซึม ไทม์หันมาถาม



"โดนพี่แป้งว่าเหรอ?"

 

"อืม พี่ทิมบอกพี่แป้งเรื่องวันนี้แล้วที่กูเล่นละครตบตา และพี่แป้งดุกูว่าทีหลังอย่าทำอีก เพราะมันไม่สมควร"

 

"ก็มึงใจร้อน กูห้ามแล้วไม่ฟัง มึงมันดื้อ"

 

"ไอ้ไทม์กูเพื่อนมึงนะ"

 

"เออเพราะมึงเพื่อนกูไงกูเลยต้องด่า ให้มึงรู้สึก ดื้อแบบนี้ กูว่ามึงควรหาแฟนแก่กว่ามึงนะเผื่อแฟนมึงจะปรามมึงได้ และมึงอาจเชื่อฟังเขาได้บ้าง"



       เปปเปอร์เงียบ ฟากไทม์เหล่มองคนขี้น้อยใจจึงล็อคคอและเขย่าตัวเพื่อนเบา ๆ



 

"เอาน่า ช่างมันเถอะมึง มันผ่านมาแล้ว คิดซะว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต ต่อไปจะทำอะไรก็คิดให้มันถี่ถ้วนหน่อย แต่เรื่องพี่ทิม ขนาดกูคนนอกยังมองว่าแปลกเลย เพราะถ้าไม่ติดว่าพี่ทิมเป็นแฟนพี่มึง กูว่าพี่เขาชอบมึงนะ"

 


        เปปเปอร์ชำเลืองมองเพื่อนที่ให้ความเห็นก็แอบใจเต้นรุนแรง มันอาจจะรู้สึกดีที่ได้ยินเช่นนั้น แต่เปปเปอร์ไม่กล้าคิดเตลิดไปไกล ในเมื่อเขาเพิ่งจะหลอกด่าพี่ทิมเรื่องศีลข้อสามไปในวันนี้นี่เอง....







.............................................


:hao7: :hao7: :hao7:น้องเป๊ปปปปปปป!!!!!!
[/b]
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 10].. |17-3-19 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-03-2019 22:27:21
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยังไง ๆ เนี่ย  ความสัมพันธ์สามีภรรยา  ทิมกับแป้ง  รู้สึกแปลก ๆ อ่ะ
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 10].. |17-3-19 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: KS.F ที่ 20-03-2019 10:05:53
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 10].. |17-3-19 | P.1
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-05-2019 19:36:10
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 11].. |12-6-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 12-06-2019 18:23:44
(11)

มีพิรุธ










"ไอ้ยัค ไอ้ไทม์โทรหามึงไหม?" เปปเปอร์ถามคายัค หลังจากเลิกเรียนวิชารวม กำลังเดินลงจากตึก แล้วไม่เห็นไทม์ แสดงว่ามัน โดดเรียนวิชานี้ แต่การโดดเรียนไม่สำคัญเท่ากับการที่มันหายหน้าหายตาไป หนำซ้ำ ยังไม่โทรหาเปปเปอร์มาหลายวันแล้ว





"ไม่ ทำไมวะ?"





"เดี๋ยวนี้ไอ้ไทม์ ทำตัวแปลก ๆ นี่มันโดดเรียนหลายวิชาแล้ว แถมพอโทรหา บอกจะแวะไปห้องก็บอกไม่สะดวก"
และนั่นคือสิ่งที่เปปเปอร์สงสัย พอรู้ว่าเพื่อนห่างหายไป จึงเป็นฝ่ายตามตื้อ ไปโทรหาก่อน แต่พอไทม์รับสายไม่ถึงนาทีก็รีบตัดบทและอ้างว่าไม่ว่างคุยตลอด





ผิดสังเกตและดูมีพิรุธจนน่าสงสัย





"แล้วทำไมมึงไม่เคาะประตูเรียกเลยวะ" คายัคถาม





"กูเคาะแล้ว ไอ้ยัค แต่แม่งไม่เปิด จนข้างห้องออกมาด่ากูแล้ว" เปปเปอร์พูดด้วยอารมณ์โมโหปนน้อยใจ เพราะเปปเปอร์ทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าใกล้ กลับกัน กลายเป็นไทม์ที่ตีตัวออกห่าง แล้วจะไม่ให้เปปเปอร์น้อยใจได้อย่างไร ในเมื่อความสนิทสนมอันแน่นแฟ้นเหมือนก่อนแลดูจืดจางลงเรื่อย ๆ





"ถ้างั้นก็ปล่อยมันเถอะมันอาจต้องการความเป็นส่วนตัว มึงก็อย่าไปจุกจิกกับมันมาก เดี๋ยวพอมันด่ากลับมาว่าวุ่นวายอะไรนักหนา มึงก็จะมานั่งน้อยใจอีก เอางี้...ถ้ามึงเหงา วันนี้ไปร้านกาแฟกูไหม?"
คายัครู้ว่าเปปเปอร์สนิทกับไทม์มากแค่ไหน เพราะตัวติดกันตลอดจึงเข้าใจหากมันจะเกิดอาการบ่นปนน้อยใจ แต่เพราะไม่อยากให้เพื่อนคิดมาก คิดไปไกล จึงพยายามหาทางออกให้เพื่อน ส่วนเปปเปอร์ที่ยังเซ็งในการถูกเพื่อนรักทิ้ง เลยหวังไปซบเพื่อนอีกคน เผื่อให้ร่างกายและหัวใจดีขึ้น





"เออ ก็ดีว่ะ กลับห้องก็ไม่รู้จะทำอะไร? เบื่อ ๆ เหมือนกัน"







"มึงนี่นะ! ทำตัวอย่างกับเป็นเมียไอ้ไทม์ มีงง มีงอนกันด้วย"
คายัคส่ายหน้าระอา มิวายแซวเพื่อน เมื่อเห็นเปปเปอร์หน้างอง้ำ ทำตัวเหมือน เมียหลวงนั่งเสียใจเมื่อจับได้ว่าผัวมีกิ๊ก





"ก็เวลามันไปไหนจะรายงานกูตลอดนี่หว่า" เปปเปอร์บอกเสียวแผ่ว ตั้งแต่เรียนและอยู่ด้วยกันมาหลายปี ยังไม่เคยเห็นไทม์ทำตัวห่างเหินขนาดนี้





           ทั้งสองไม่ได้แวะไปไหน ยังคงเดินคุยกันบนทางเท้า มุ่งตรงไปยังหน้ามหาวิทยาลัย





"หรือมันมีแฟนแล้ว?"
คายัคลองเดาจากสถานการณ์ที่เปปเปอร์เล่า ถ้าไทม์ไม่มีแฟน มันคงไม่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจนทำให้เปปเปอร์จับได้ถึงความเปลี่ยนแปลง





"ถ้ามันมีจริง มันต้องบอกกูสิวะ"
เปปเปอร์ย้ำชัด





"ก็ไม่แน่ อย่าลืมว่า เรื่องบางเรื่อง มันอาจไม่อยากบอกใคร"
คายัคตบไหล่เพื่อนเบา ๆ ก่อนจะโอบรอบคอพลางเขย่าตัวมันในขณะที่ทั้งคู่เดินถึงหน้ามหาวิทยาลัยแล้ว แม้คายัคจะพยายามช่วยให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีแค่ไหน แต่เปปเปอร์ก็ยังคิดมากถึงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลง

.

.

.

.

"สวัสดีครับ อาทัช"





"ครับ"





"ผมชื่อเปปเปอร์ครับ"
เปปเปอร์ย้ำชื่อกับตัวเอง เมื่อเห็นหน้าอาทัชดูมีคำถาม พอเอ่ยชื่อตัวเองไม่ทันไร เขาตกใจเมื่อเหลือบเห็นคายัควิ่งไปสวมกอดทั้ง ๆ ที่มีลูกค้าอยู่ในร้าน





            เปปเปอร์ยืนชะงักงัน ชักไม่แน่ใจว่า มาทำไม มาให้เป็นส่วนเกินในความรักของทั้งคู่อย่างนั้นเหรอ? เปปเปอร์มองคายัคกอดและหอมแก้มคนที่เป็นทั้งอาและแฟนของมันอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่อายสายตาลูกค้าที่นั่งอยู่สองโต๊ะ





"คายัค อาเคยบอกว่าอะไร?"





"ก็คนมันคิดถึง"





"เปปเปอร์สั่งเครื่องดื่ม อะไรไหมครับ?"
เปปเปอร์รีบละสายตาจากเพื่อนที่ทำตัวอ้อนคนรัก หันไปมองอาทัชที่ถามด้วยรอยยิ้มอบอุ่น



เวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัย คายัคจะมีบุคลิกที่ดูแข็งกร้าว มากกว่าตอนที่อยู่กับอามันเสียอีก





"ผมขอชาเขียวมัทฉะหวานน้อยครับ"





"ได้ครับ"





"อาทัช ผมพาไอ้เป๊ปขึ้นไปนั่งทำงานบนห้องก่อนนะ"





"ได้สิ เดี๋ยวอาเอาเครื่องดื่มไปให้ ส่วนคายัคเหมือนเดิมนะ"





"ครับ อาทัชยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม?"





"ยัง รอคายัคครับ"





"น่ารัก เดี๋ยวผมลงมาหา"
เปปเปอร์มองคายัคที่คุยกับอาทัช เท่าที่สัมผัสมา อาทัชดูเป็นคนใจดีและใจเย็น จึงไม่แปลกที่ คายัคทั้งรัก ทั้งหลง และหวงมากขนาดนี้





          อินทัชยิ้มรับก่อนจะหมุนตัวไปหยิบส่วนผสมทำเครื่องดื่ม ส่วนเด็กหนุ่มทั้งสองก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง คายัคพาเปปเปอร์ไปห้องนอนที่เคยเป็นห้องนอนในสมัยเด็ก แต่ปัจจุบันมันถูกเปลี่ยนเป็นห้องทำงาน และห้องไว้ดูหนังของคายัคไปแล้ว





         ถึงแม้ว่า เปปเปอร์นั้นจะเคยมาหลายครั้งแล้วก็จริง แต่ยังไม่เคยได้ขึ้นมาบนห้องนอนของคายัค เพียงเปปเปอร์เปิดประตู เขาเบิกตาโตเมื่อพบกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะระดับเทพ มีดีไซน์สวยงาม กับทรงที่ดูโมเดิร์น ทันสมัย





"เชี่ย อามึงซื้อให้เหรอ?"





คายัคยิ้มพลางยักคิ้ว





"เออ อาทัชบอกถ้าเป็นเรื่องเรียน เขาสนับสนุนกูเต็มที่"





"เจ๋งว่ะ"





"มึงจะดูหนังไหม?"
คายัคถามพลางกดปุ่มจนเสียงเปิดเครื่องดังตึ้งครู่หนึ่ง





"อืมก็ได้"




           คายัคเดินไปเลือกหาแผ่นหนังดี ๆ ที่เคยสะสมไว้ ตรงชั้นวางหนังสือ ก่อนจะเดินกลับมาวางแผ่นหนังบนโต๊ะ 2 แผ่น





"เคยดูรึยังวะ สนุกดีนะ ชอว์แชงค์ กับ กรีนไมล์"





"ชอว์แชงค์เคยดูแล้ว ขอกรีนไมล์แล้วกัน"



        เสร็จสรรพ คายัคลากเพื่อนมานั่งที่โซฟาเบด ซึ่งไม่ห่างจากโต๊ะที่วางตั้งคอมพิวเตอร์ ไม่นาน มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก และนาทีต่อมา คือ อาทัชที่นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ เปปเปอร์ยิ้มรับขอบคุณ และนั่งดูหนังต่อกันสองคน จนกระทั่ง เรื่องดำเนินมาจนถึงกลางเรื่อง คายัคก็โพล่งขึ้น



"มึงหิวข้าวรึยัง? กูจะสั่งอาหารออนไลน์"



"เริ่มหิว กูเอาก๋วยจั๊บ ถ้าไม่มี มึงก็เลือกให้เลย กูแดกได้หมด"





"ถ้างั้นกูขอลงไปข้างล่างก่อนนะ เดี๋ยวขึ้นมา"





        เปปเปอร์พยักหน้า ทำไมจะไม่รู้ว่า การที่คายัคพูดแบบนั้น คือ ต้องการลงไปหาอาทัช เปปเปอร์มองเพื่อนที่ออกจากห้องด้วยรอยยิ้มมุมปาก ดูเหมือนว่า คายัครักอาทัชมากพอสมควร...





           เห็นคนรักกันอย่างนี้ เปปเปอร์ก็ชื่นใจและดีใจไปกับมันที่ได้เจอคนรักดี ๆ แต่ในความรู้สึกเหล่านั้น กลับถูกสอดแทรกไปด้วยความเหงาอยู่ลึก ๆ แม้ว่า เปปเปอร์จะทำใจจากนิวและยอมรับความโสดได้แล้ว แต่พอเวลาผ่านไปหรือได้มีโอกาสใกล้ชิดบรรดาเพื่อน ๆ ที่มีคู่นั้น มันก็เกิดอาการอยากได้ อยากมีอย่างเขาบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ไทม์หายตัวไปแบบนี้ ยิ่งทำให้เปปเปอร์เกิดเหงาและอดไม่ได้ที่จะยังน้อยใจมันอยู่





         ทั้ง ๆ ที่หนังก็ยังคงเปิดค้างไว้ ไม่รู้เลยว่าเปปเปอร์ ผล็อยหลับไปนานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีตอนที่คายัคเดินขึ้นมา





"ไอ้เป๊ป ๆ ตื่น ข้าวมาแล้ว"





"ห้ะ หรอ?"





"เออ แฟนพี่มึงมาที่นี่ด้วย"





"จริงดิ?"





"แต่เขาไม่ได้มากับพี่มึง"





เปปเปอร์ชะงัก สงสัยคงเป็นน้องสาวอีกตามเคย เขาจึงถามเรื่องอื่น





"ทำไมเขามากินร้านนี้วะ?"





"ก็ตั้งแต่ที่พวกมึงเคยมาที่นี่คราวก่อน อาทัชบอกว่า หลังจากนั้น แฟนพี่มึงก็มาบ่อยขึ้น เคยถาม เขาบอกชอบบรรยากาศร้าน"





"อืม แล้วผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นยังไงวะ?"





"มึงลงไปดูเอง กูก็บรรยายหน้าตาไม่ถูก"







           เปปเปอร์ยันกายลุกขึ้นมานั่งอย่างมึนงง ก่อนจะกระพริบตาปริบ ๆ ตั้งสติ เมื่อหายง่วงงุน เขาตัดสินใจเดินลงไปตามคำบอกเล่าเพื่อน ใจก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะใช่คนเดิมไหม



        เมื่อเท้าถึงบันไดขั้นสุดท้าย เปปเปอร์ชะโงกหน้าพลางกวาดตาหาเป้าหมายพลันชะงักเมื่อผู้หญิงที่นั่งหันหน้ามาทางเปปเปอร์แอบมองอยู่กำลังหัวเราะเริงร่า และไม่ใช่ผู้หญิงคนก่อนที่อ้างว่าเป็นน้องสาวพี่ทิมแต่อย่างใด





         ผู้หญิงคนนี้ ผมยาวและหน้าตาสวยเลยทีเดียว อักทั้งยัง หุ่นดียามที่ใส่เดรสสายเดียวสีชมพูโอล์ดโรสเนื้อผ้าบางเบาแนบเนื้อไปตามสัดส่วนโค้งเว้า บุคลิกและลักษณะของเธอช่างดูจัดจ้านกว่าพี่สาวของเขาอยู่มากโข





         เปปเปอร์เดินปรี่ไปที่โต๊ะนั้นทันที หยุดเท้าพร้อมพนมมือไหว้ ฟากทิมเงยหน้ามาตกใจครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติ







"สวัสดีครับ พี่ทิม" เปปเปอร์ทักส่วนทิมก็ส่งยิ้ม





"ไม่คิดว่าจะเจอเปปเปอร์ที่นี่"





"ผมก็คิดเหมือนกันครับ แล้วนี่น้องสาวพี่อีกคนหรือครับ?" เปปเปอร์ประชดเพราะรู้ว่าการหัวเราะขบขันด้วยแววตาหวานฉ่ำส่งถึงกัน หากตอบว่า พี่น้องกันจริง ก็ดูน่าจะเป็นพี่น้องท้องชนกันมากกว่า





        ทิมเงียบเสียง ก่อนจะเหลือบไปมองหญิงสาวที่นั่งนิ่งรอคำตอบ เขาเอื้อมมือไปกุมมือเธอที่วางอยู่บนโต๊ะ





"ทับทิมครับ ไว้เรานัดกันใหม่นะ พอดี น้องพี่มาแล้ว พี่ต้องไปส่งเขากลับบ้าน" ทิมแต้มยิ้มอบอุ่น





"พี่ทิมทำไมไม่บอกกันก่อน ทับทิมจะชวนไปนั่งดื่มต่อสักหน่อย"
หญิงสาวส่งสายตาเสียดายพลางทำท่ากระเง้ากระงอด จนเปปเปอร์กำมือแน่น







"พี่มัวแต่คุยติดลม เลยลืมว่าวันนี้มีธุระอื่นด้วย ขอโทษนะครับ ทับทิม" ทิมเอ่ยอย่างใจเย็น ก่อนจะบีบกระชับมือขาวนั้นเบา ๆ





        แหละคนที่เห็นทุกอย่างชัดเจนเต็มสองตาก็เริ่มไม่พอใจที่อีกฝ่าย แสดงกิริยาหวานใส่ ไม่สนใจ เปปเปอร์คนที่เป็นน้องของภรรยาพี่ทิมยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้





"ผมไม่เคยมีพี่ชาย มีแต่พี่สาว ที่ชื่อพี่แป้ง เมียพี่น่ะครับ" เปปเปอร์ย้ำประโยคสุดท้ายเสียงดัง จนหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามพี่ทิมเบิกตาโพลง





"จริงหรือคะ พี่ทิม"



         ไม่ถึงวินาที ทิมลุกพรวดจูงมือผู้หญิงคนนั้น กำลังจะเดินผ่านหน้าเปปเปอร์ เขาก็เอ่ยทิ้งท้าย





"รอพี่นะครับ เปปเปอร์ พี่ไปส่งพี่ทับทิมก่อน"





       เปปเปอร์ชักสีหน้าไม่พอใจ มองพี่ทิมด้วยแววตากรุ่นโกรธ ผิดกับพี่ทิมที่แม้จะโดนด่าต่อหน้าหญิงสาว เขากลับมองมาด้วยแววตาปกติ เปปเปอร์โมโหแทนพี่สาวกับการต้องมาเห็นสามีของพี่แป้งทำตัวเจ้าชู้ไปทั่ว สองเท้าก้าวขยับเดินตามไว ๆ ไปถึงหน้าประตูกระจกใส แล้วจู่ ๆ คำพูดพี่สาวที่บอกว่าอย่าไปยุ่งเรื่องของพี่ทิมก็วกเข้ามาในหัว





           เปปเปอร์สบถในลำคอ พลางขยี้ผมจนยุ่งเหยิง ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้อง และขอโทษที่ไม่ได้กินข้าวด้วย เปปเปอร์ขอตัวอาทัชและคายัคกลับบ้าน เมื่อเดินพ้นตัวบ้าน ก้าวเท้ายาว ๆ มาถึงถนนเล็กในซอย





"จะไปไหน?" ทิมเรียกทั้งยังก้าวไว ๆ ให้ทันเด็กหนุ่มที่เดินเลยร้านกาแฟมาไกลแล้ว





"กลับห้อง" เมื่อรู้ว่าเป็นพี่ทิมที่เดินไล่ตามมาติด ๆ เปปเปอร์ก็ตอบเสียงแข็ง





"พี่ไปส่ง”





"ไม่ต้อง"





"พี่จะไปทำธุระที่นั่นเหมือนกัน"





"ไม่เป็นไรพี่ก็ไปทำธุระของพี่เลยครับ"





"อย่าดื้อครับ กลับกับพี่ ประหยัดเงินด้วย"
เปปเปอร์หันไปตบหน้าอีกฝ่ายทันที





เพี้ยะ!





"ทำไมพี่ต้องนอกใจพี่แป้งด้วย พี่เพิ่งแต่งงานกับพี่สาวผมนะ"
เปปเปอร์หมดความอดทน และรับไม่ได้ที่อีกฝ่ายหลอกลวงพี่สาว





"ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แฟน เราแค่กำลังคุย ๆ กันอยู่"
ทิมบอกความจริง ในขณะที่ซีกแก้มซ้ายของเขายังมีอาการชาดิก การเกิดเรื่องคราวนี้ ทิมก็คงไม่มีโอกาสได้สานต่อกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว





"หน้าด้าน พูดมาได้ไงวะ"
เปปเปอร์เหลืออด เขาสวนกลับที่อีกฝ่ายพูดอย่างไร้ยางอาย แต่งงานกับอีกคน แต่บอกว่ากำลังคุยอยู่กับอีกคนอย่างนั้นเหรอ?





          ยามนี้ ผู้คนที่เพิ่งเลิกงานกำลังเดินเท้าเข้ามาในซอยก็เริ่มมอง ๆ มา ทิมไม่อยากให้คนอื่นมาได้ยินและเห็นปัญหาที่ทั้งสองทะเลาะกัน จึงตัดสินใจ ลากแขนเปปเปอร์ไปที่รถ พอสอดตัวเข้ามายังห้องโดยสาร ทิมถอนหายใจยาวเพราะเหนื่อยที่กว่าจะลากเด็กหนุ่มมาได้ เจ้าตัวทั้งต่อยแขน ทั้งสะบัดจนทิมแทบหมดแรง





"ผมจะบอกพี่แป้ง ว่าคราวนี้พี่นอกใจของจริง และถ้าจะทำตัวเจ้าชู้ไม่เลิกก็อย่าคิดว่าจะมีใครรักพี่จริง คนนิสัยอย่างพี่ไม่มีวันแก่ตายหรอก และไม่ต้องไปส่งผม"
เปปเปอร์ก็ยังโวยวายพรั่งพรูออกมาไม่หยุด หันไปกดปลดล็อคจะเปิดประตูรถ ทิมบีบต้นแขนแน่นแล้วเอ่ย





"เปปเปอร์ครับ ใจเย็น"
ทิมบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบและยังบีบแขนแน่นราวกับคีมคีบเหล็กล็อกไว้มั่น



"ใจเย็น พูดมาได้ไงวะ พี่กำลังสวมเขาพี่ผมอยู่นะ แม่งโคตรเลวเลยว่ะ ขออย่าให้ได้เจอเลยคนแบ..อื้ออออ."
เปปเปอร์ยังคงอารมณ์ร้อนและไม่ฟัง เขาพยายามดิ้นให้หลุด สะบัดแขนและแรงเหวี่ยงนั้น ทำให้หลังมือไปฟาดปากอีกฝ่าย เปปเปอร์หันไป พบพี่ทิมนั่งนิ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตาอ่านไม่ออก ทันใดนั้น เปปเปอร์โดนอีกฝ่ายดึงตัวให้เข้าไปใกล้และประกบจูบ ครั้นเปปเปอร์จะอ้าปากด่ากลับกลายเป็นเข้าทางให้อีกฝ่ายสอดเรียวลิ้นอุ่นที่เจือรสกาแฟจาง ๆ เข้าชิมน้ำหวาน กวาดสำรวจทั่วโพรงปาก ร่างกายที่เคยต่อต้านก็อ่อนยวบยาบเหมือนขี้ผึ้งลนไฟ เปปเปอร์เผลอไปกับอารมณ์วาบหวาม จากมือที่ชกอกอีกฝ่ายกลายเป็นขยุ้มเสื้อเชิ้ตจนยับยู่



       หลายนาทีที่ทั้งสองยังคงจูบกัน ครั้นเปปเปอร์ตั้งสติได้ รีบผลักอกอีกฝ่ายสุดแรง และใช้หลังมือเช็ดปากลวก ๆ





"พะ...พี่ทำอะไรน่ะ?"





"พี่อยากให้เปปเปอร์เงียบ แค่นั่งเฉย ๆ จนถึงห้องก็พอ ทำได้ไหมครับ?"
ทิมว่าแล้วเอื้อมมือจะไปลูบศีรษะเด็กหนุ่ม แต่กลับโดนอีกฝ่ายปัดมือออก



"แม่ง เหี..."
เปปเปอร์กำลังจะด่ากลับว่ามันใช่วิธีในการทำให้หุบปากเหรอ? คนหน้าแดง หูแดง แถมปากสีสดที่บวมเจ่อยังคงขยับ หวังจะโวยวาย



"ถ้าเปปเปอร์ด่าหรือตบหน้าพี่อีก โดนหนักกว่านี้นะครับ ไหน ๆ เปปเปอร์ก็มองว่าพี่เลวแล้ว พี่ก็จะเลวให้ถึงที่สุด ฉะนั้น เปปเปอร์คงรู้นะว่า ตอนนี้ พี่ทำได้มากกว่าจูบ"




         เปปเปอร์ชะงักพลางกลืนคำพูดที่จะต่อว่าทั้งหมดลงไปในลำคอ แล้วเบนหน้าหนีออกไปมองนอกหน้าต่างในขณะที่มือกำหมัดแน่น





           แม่งเอ้ย แล้วเสือกรู้สึกดีกับรสจูบเขาอีก กูก็คงไม่ต่างกับผู้หญิงที่ด่าไปก่อนหน้าสินะ... ด่าคนอื่นไว้มาก สุดท้ายกูเองนี่แหละที่อาจจะเป็นคนเลวเองก็ได้





"พี่จะไปบอกความจริงกับแป้งเอง และจะไม่คุยกับผู้หญิงคนไหนอีก เปปเปอร์สบายใจได้"
ทิมบอกย้ำ





         น่าแปลกที่พอเขาบอกว่า จะไม่คุยกับผู้หญิงคนไหนอีก ทำไมเปปเปอร์กลับรู้สึกโล่งใจ เปปเปอร์เม้มปากแน่นและไม่ตอบรับคำใด ๆ ทั้งสองนั่งเงียบไม่คุยกันอีกเลย จนกระทั่ง รถยนต์แล่นมาถึงหน้าหอของเด็กหนุ่ม





"อย่าทำให้พี่ผมเสียใจอีก ถ้าผมรู้ว่าพี่ยังทำแบบนี้อีก ผมจะฟ้องแม่"





         เปปเปอร์ส่งคำขู่ทิ้งท้าย และหันไปเปิดประตูจะลงจากรถ เพียงประตูแง้มยังไม่ทันอ้าออกกว้าง เปปเปอร์โดนพี่ทิมกระชากไหล่ให้หันไปหา



"พี่จะทำอะไร? ปล่อยผมนะเว้ย"



           สิ้นคำโวยวาย ทิมสวมกอดเปปเปอร์ทันที เขากดท้ายทอยเด็กหนุ่มให้ก้มมาซบลงบนบ่า พลางลูบหลังเบา ๆ ในขณะที่สายตาของทิมทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถไม่วางตา





"พี่ดีใจแทนแป้งที่เปปเปอร์รักพี่สาวมากขนาดนี้ แต่ช่วยลดอารมณ์ร้อนลงหน่อยและฟังความเห็นคนอื่นบ้างนะครับ พี่หวังดี"





          เปปเปอร์นั่งเงียบ ปล่อยให้พี่ทิมกอดหน้าตาเฉย ไม่นาน ทิมคลายอ้อมกอด เพื่อปล่อยเด็กหนุ่มให้เป็นอิสระ





"ลงรถเถอะครับ ส่วนเรื่องนั้น พี่สัญญา มันจะไม่เกิดขึ้นอีก"






"จะไม่เกิดขึ้นอีก หรือจะไม่ให้ผมเห็นอีกครับ"





         เด็กหนุ่มบอกแล้วมองหน้าอีกฝ่าย ที่กำลังจุดรอยยิ้มมุมปาก



"ทำไมคำพูดเปปเปอร์ มันเหมือนกับว่า เราเป็นแฟนกันแล้วเปปเปอร์หึงพี่"





ปัง!





         ไม่มีคำเอื้อนเอ่ยอะไรต่อ นอกไปจากเสียงปิดประตูรถยนต์ดังลั่น และทันใดนั้น เสียงหัวเราะในลำคอของคนอายุมากกว่าก็ดังขึ้นขัดความเงียบ จากนั้น ทิมคว้าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงแสล็ค เพื่อกดโทรหาพี่สาวของคนที่ทิมเพิ่งจูบไปไม่นานนี้



[ว่าไงคะพี่ทิม..]





"แป้งครับ พี่ว่า ย้ายมาพักห้องพี่ไหม? เมื่อกี้เปปเปอร์เกือบเห็น"






[จริงหรอคะ ขอบคุณนะคะพี่ทิม แต่....]





"ให้ไทม์ไปอยู่ที่นั่นด้วยไงครับ พี่อยู่บ้านคนเดียวได้"





[พี่ทิมไม่โกรธแป้งเหรอ ที่....]





"พี่จะโกรธทำไมครับ คนเรามีสิทธิ์เริ่มต้นใหม่ได้ พี่เอาใจช่วยให้เด็กคนนั้นทำให้แป้งชอบเขาให้ได้แล้วกันนะ"



[ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ทิม....]



           ทิมตอบรับและวางสายพลางทอดถอนใจ ทิมกลัวว่าแป้งจะคิดมาก จึงยังไม่บอกเรื่องที่ทิมเพิ่งโดนน้องชายเธอตบหน้า แถมยังอคติ ตราหน้าว่า ทิมกลายเป็นคนเจ้าชู้ไปแล้ว....








..............................................


:mew3: :mew3: :mew1: :mew1: :mew1:
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 11] |12-6-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 12-06-2019 21:10:46
อะไรเนี่ย..
แล้วทิมกับแป้งแต่งงานกันทำไม  :hao4:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 11] |12-6-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-06-2019 08:57:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้าว.....ซับซ้อนไปอีก   วิวาห์อลเวงเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 11] |12-6-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 03-07-2019 03:49:34
งงเด้อ สรุปอะไรยังไง ??
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 11] |12-6-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Keawmikami ที่ 03-07-2019 10:46:24
เหตผลของการแต่งงานคืออะไรน้าาาาา อยากรุ้ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 11] |12-6-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-07-2019 20:54:07
แล้วจะแต่งงานกันทำไม ถ้าจะคบกับไทม์เราว่าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วแบบนี้ถ้ารักกับไทม์แล้วก็ต้องหย่ากับพี่ทิมให้เป็นขี้ปากคนอื่นเขาทำไมกัน ไม่เข้าใจจริง ๆ กับเหตุผลที่แต่งงานกัน
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 12] |9-7-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 09-07-2019 23:19:56
(12)

เจ้าบ่าวจำเป็น









"ดีกันนะมึง กูขอโทษ"


"มึงหายไปไหนมา กูแม่งโคตรโกรธ โคตรห่วง มึงไม่ติดต่อกูมาเลย คิดจะหายก็หาย แล้วมึงโดดเรียนบ่อยแบบนี้ มีสิทธิ์ไม่จบสี่ปีนะเว้ย!"
เปปเปอร์พูดยาวไม่หยุดพักหายใจ หลังจากนั่งเงียบปล่อยให้ไทม์ง้อมากว่าครึ่งชั่วโมง



"กูมีเรื่องนิดหน่อยต้องสะสางน่ะ"
ไทม์บอกค่อย ๆ ระบายยิ้ม แต่รอยยิ้มที่เผยยังเจือด้วยความเครียด เพราะไทม์รับรู้เรื่องสำคัญมาจากปากพี่แป้ง ความจริงที่ไทม์ไม่สามารถบอกเพื่อนได้ เนื่องจากพี่แป้งขอไว้ ทำให้คนกลางอย่างไทม์ต้องแบกความหนักใจไว้บนบ่าอย่างปฏิเสธไม่ได้

 
"...."


"อย่างอนกูเลยนะเพื่อน" ไทม์ล็อคคอและเขย่าตัวเปปเปอร์เบาๆ

 
    เปปเปอร์หน้าบึ้ง ยอมรับว่ายังมีขุ่นเคืองอยู่บ้าง ก็ไทม์เล่นหายหน้า หายตาไปเป็นสัปดาห์ แถมพอกลับมา การกระทำทุกอย่างของเพื่อนช่างมีพิรุธเสียเหลือเกิน



"ดีกันเหอะ"
สิ้นคำ เปปเปอร์เหล่มองเพื่อนที่ไม่ยอมพูดอะไร เป็นจังหวะเดียวกับโทรศัพท์มือถือของไทม์ดังขึ้นและเจ้าตัวก็ลุกพรวดไปรับสายยืนคุยแถวประตูห้อง


"เดี๋ยวกูมานะ" ไทม์คุยธุระเสร็จ ก็หันมาบอกเพื่อน


"จะไปไหน?" ไทม์ยิ้มกับสิ่งที่เปปเปอร์ถามกลับทันควัน


"แค่ข้างล่าง ห้านาที"



       ในขณะที่ไทม์เดินออกจากตัวห้องหายลับไป เปปเปอร์นั่งย้อนนึกคำพูดของคายัคบวกกับใช้ความคิดของตัวเองผสมร่วมไปด้วยก็ชักมีน้ำหนัก พฤติกรรมหลายอย่างที่เห็นตอนไทม์กลับมา ทั้ง แววตา ท่าทางก็ดูเหมือนคนมีอะไรปิดบังสักอย่าง  จากที่นั่งอยู่ปลายเตียง เปปเปอร์ผุดลุกขึ้นเดินวนไป วนมา ผ่านไปราวสิบห้านาที ไทม์ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับหอบไก่ทอดถังใหญ่พ่วงกลิ่นหอมโชยลอยมาแต่ไกล



"กูลงทุนเลี้ยงมึงเลยนะ มากินกัน" ไทม์ยิ้มกว้างพลางหย่อนก้นลงนั่งที่พื้น และเป็นฝ่ายตระเตรียมจาน ชามแก้วน้ำ และจัดการวางอาหารที่สั่งมาให้เรียบร้อย


"ไม่ใช่ผู้หญิง เวลางอนมากมันไม่น่ารักนะมึง"
ไทม์เงยหน้าบอก เมื่อเห็นเปปเปอร์ยังนั่งนิ่งบนเตียง


"สัดไทม์" เปปเปอร์ถลึงตาพร้อมด่ากลับ จะว่าไปอาการงี่เง่า ง้องแง้งแบบนี้ ก็ไม่ใช่ทางของเปปเปอร์สักเท่าไหร่ สุดท้ายเปปเปอร์จึงยอมไถลตัวลงจากเตียงมานั่งที่พื้น สายตาจ้องมองไก่ทอดกรอบที่ส่งกลิ่นหอมฉุยลอยชนมาเตะจมูก จนกระตุกความโหยของเปปเปอร์ให้เกิดเสียงท้องร้องโครกคราก เปปเปอร์เม้มปากพลางเหล่มองไทม์เพื่อดูปฏิกิริยาว่ามันแอบได้ยินเสียงของความหิวกระหายหรือเปล่า? เมื่อสถานการณ์เป็นปกติ เปปเปอร์ถือโอกาสค่อย ๆ ล้วงไปหยิบไก่ ทำเหมือนไม่หิว


      จากหนึ่งชิ้น เป็นสอง สามและสี่ชิ้นที่เปปเปอร์นั่งแทะน่องไก่จนมือและปากมันเยิ้ม...เปปเปอร์เรอออกมาเบา ๆ หลังจากวางแก้วโค้ก เขากลบความเขิน เมื่อเห็นเพื่อนนั่งมองหน้าพลันเหลือบไปซากกระดูกไก่ที่อยู่ในจานของเปปเปอร์


      ไทม์อมยิ้ม เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเปปเปอร์ที่หายงอนร้อยเปอร์เซ็นต์


"ไอ้เป๊ป ตอนนี้ พี่ทิมโสด ผู้ชายในฝันของมึง ลองจีบดูดิ" ไทม์ตัดสินใจบอกเพื่อนถึงความจริง เพราะเผื่อมันจะมีโอกาสสมหวังกับคนที่มันแอบรู้สึกดีด้วย


"กูไม่เข้าใจในสิ่งที่มึงพูด ตอนนี้พี่ทิมคือผัวพี่แป้ง แล้วอยู่ดี ๆ  มึงมาบอกพี่ทิมโสดให้กูจีบ หมายความว่าไงวะ?" เปปเปอร์ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ แต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ คือ ในสายตามันดูบ่งบอกว่า สิ่งที่พูดคือเรื่องจริง เปปเปอร์รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ของเรื่องนี้ และแทนที่เปปเปอร์จะดีใจว่าพี่ทิมโสด เขากลับไม่รู้สึกอะไรมากไปกว่าการอยากรู้ว่า ไทม์มันไปรู้มาได้อย่างไร?


 
"ก็นั่นมันเมื่อก่อนไง"


      เปปเปอร์ขมวดคิ้วจนเป็นปม



"เขาจะหย่ากันเหรอ?"


"ใช้คำว่าหย่าคงไม่ถูก พี่เขาแต่งงานกันจริง แต่เขาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ที่สำคัญเขาแยกกันอยู่มาสักพักแล้ว" 



         เปปเปอร์เบิกตาโพลง ยิ่งอยากรู้ อยากเห็นมากกว่าเดิม... เรื่องราวส่วนตัวขนาดนี้ ทำไมไทม์ถึงรู้
 


"มึงโดดเรียนไปอยู่กับพี่แป้งมาใช่ไหม มึงคบกับพี่แป้งแล้วเหรอ?"


     ไทม์หลุบตาลง ก่อนจะหยิบนักเก็ตไก่ยัดเข้าปาก เขาถามเปปเปอร์



"มึงไม่กินแล้วเหรอวะ ไม่ร้อนก็ไม่อร่อยนะ"



"ตอบกูมา ทำไมมึงรู้วะ หรือว่าช่วงนี้ มึงตีท้ายครัวพี่ทิมอยู่  จนพวกเขาระหองระแหงกันสมใจมึงแล้ว มึงถึงใช้ช่วงเวลานี้เสียบกลางเพื่อปลอบใจพี่กู"
เปปเปอร์พูดไร้แววล้อเล่น เขามั่นใจว่า การจินตนาการครั้งนี้ เปปเปอร์ไม่ได้คิดเป็นตุ เป็นตะ เพราะตั้งแต่ไทม์สารภาพว่า ชอบพี่แป้งกับเปปเปอร์ มันก็ดูเปลี่ยนไปในทางที่ดูสนิทสนมกับพี่แป้งมากขึ้น แม้เปปเปอร์ไม่เคยเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกันแต่สิ่งที่เปปเปอร์รับรู้ได้ คือ เรื่องเล่าหลายอย่างของพี่แป้งที่มาจากปากมัน ช่างดูรู้ลึก รู้ไวกว่าเปปเปอร์ ผู้ที่เป็นน้องแท้ ๆ เสียอีก


 
"มึงชักจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว แต่งเรื่องเก่งนะมึง" ไทม์ส่ายหน้า   


"เออ ไม่เป็นไร กูจะโทรถามพี่แป้งเองว่าทำไมถึงเลิกกับพี่ทิม"



      ไทม์หลุดสบถเบา ๆ เขาไม่น่าพูดออกไป แค่ตอนแรกหวังจะให้เพื่อนลองลุย ลองจีบพี่ทิม แต่พอเผยไปไม่กี่คำ มันก็สร้างเรื่องให้เป็นประเด็นขุดคุ้ยต่อไปได้



     ไทม์กัดริมฝีปากล่างจนเจ็บ เขามองเพื่อนรักที่กำลังนั่งน้อยใจ ไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ในเมื่ออีกคนไทม์ก็แอบชอบมาตลอด ส่วนอีกคนก็เป็นเพื่อนรัก ทั้งสองมีความสำคัญเท่าเทียมกัน


"เออบอกก็ได้ กูเจอพี่แป้งโดยบังเอิญ วันนั้นกูเห็นเขาร้องไห้ เลยถามจี้ ซักไซร้ไปมาจนได้คำตอบแบบที่กูบอกมึงนั่นแหละ พี่ทิมต้องกลายมาเป็นเจ้าบ่าวจำเป็นตามคำสัญญาอะไรสักอย่าง เขาสองคนไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก"
ไทม์พยายามอธิบายเพื่อให้เพื่อนหายงอน ขณะเดียวกัน ไทม์ก็เครียด เพราะสุดท้าย ความใจอ่อนของเขาได้ทำลายคำมั่นสัญญาที่มีต่อพี่แป้ง แม้ไทม์จะบอกไม่หมด แต่บัดนี้ เขาก็คงต้องรายงานพี่แป้งว่าเปปเปอร์รู้อะไรไปแล้วบ้าง


    เผลอผิดสัญญา เพียงเพราะเห็นเปปเปอร์น้ำตาคลอหน่วย



"แล้วสรุปมึงกับพี่แป้งเป็นอะไรกัน?"


     ไทม์ชะงักนิ่งไปอึดใจหนึ่ง หากถามใจเขาแน่ล่ะ การอยากได้พี่แป้งมาครอบครองในสถานะคู่รัก มันเป็นสิ่งที่เดียวที่ยึดมั่น ใฝ่ฝันมาโดยตลอด แต่ทางฝั่งพี่แป้งคงไม่คิดอย่างนั้น


"พี่-น้องว่ะ"


      เปปเปอร์ใช้ข้อนิ้วเกลี่ยน้ำตาตัวเอง พลันเหลือบมองเพื่อนตอนตอบ ดูใบหน้าเศร้าสลดอย่างเห็นได้ชัด 

   
       ถึงแม้ว่า เปปเปอร์ยังมีเรื่องคาใจกับคำบอกเล่าของไทม์ที่ดูเหมือนมีบางอย่างปิดบัง แต่พอเห็นไทม์เครียดไม่ต่างกัน เปปเปอร์จึงไม่อยากเซ้าซี้ นั่งแช่และคุยกันอีกสักพัก เปปเปอร์ไล่เพื่อนกลับห้อง และพุ่งตัวคว้าโทรศัพท์มือถือจะกดโทรหาพี่แป้งเพื่อเอาคำตอบ แต่น่าแปลกที่พี่แป้งไม่รับโทรศัพท์สักสาย ความร้อนใจกับความอยากรู้ยิ่งถมกดทับจนพอกพูน คนที่อยากคลายความคลางแคลงใจให้หมดลงวันนี้ จึงตัดสินใจกดโทรหาเบอร์ที่ไม่เคยโทรหามาก่อน แม้ว่ามันจะถูกบันทึกไว้ในเครื่องมานานนม


     นัดแนะสำเร็จ เปปเปอร์ก็พาตัวเองมานั่งรอที่ส่วนล็อบบี้ด้านล่างคอนโดของพี่ทิม



"รอนานไหมครับ?" พอได้กลับมาเห็นหน้าอีกครั้ง หลังจากไม่เจอมาเป็นสัปดาห์ ภาพพี่ทิมจูบก็หวนกลับมาจนเปปเปอร์หลุบตาลงอย่างประหม่า เขินอายที่เพียงเผลอมอง ใบหน้าหล่อยกยิ้มมุมปาก กลับมีฉากจูบกันซ้อนทับและชัดขึ้น ชัดขึ้น



"ไม่นานครับ"


"มีเรื่องด่วนอะไรถึงต้องคุยกันวันนี้ครับ"


"ขึ้นไปห้องพี่ก่อนได้ไหม แล้วผมจะบอก เรื่องมันยาว"

"หืม??"
ทิมเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะพยักหน้ารับ หมุนตัวเดินนำผู้มาใหม่ ไปยังโถงลิฟต์ รอไม่นาน เจ้ากล่องสี่เหลี่ยมทึบก็เปิดประตูออกกว้าง ทั้งคู่เดินเข้าไปด้านในและปล่อยให้ลิฟต์ทะยานขึ้นไปสู่ชั้นสูง



    ทิมค่อนข้างแปลกใจ ร้อยวันพันปี น้องชายแป้งดูเหมือนไม่อยากเข้าใกล้ แต่ไหงวันนี้ กลับเป็นฝ่ายโทรมาตามตื้อจะมาหาให้ได้ แม้ว่าเวลานี้มันจะดึกมากแล้วก็ตาม สองขายาวก้าวนำออกมาก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะเดินตามมา เปปเปอร์ที่เดินรั้งท้ายได้แต่มองแผ่นหลังคนตัวโตที่วันนี้ พี่ทิมแต่งตัวดูเป็นทางการกว่าทุกที แต่ยังคงรักษาไว้ซึ่งความดูดี หล่อ เนี๊ยบ


"พี่อยู่คนเดียวเหรอ แล้วพี่แป้งล่ะครับ?"
เปปเปอร์ทำเนียนถามตาใส


"แป้งไปนอนกับเพื่อนน่ะ พี่เลยกลับมานอนคอนโดแทน"
ทิมบอกขณะที่ถอดรองเท้าหนังหยิบวางบนชั้นแล้วหันมาสวมสลิปเปอร์เดินในบ้าน


"เปปเปอร์พักก่อนครับ พี่ขอเข้าห้องแปปนึง"


       ห้องที่ว่าก็คงจะเป็นห้องนอนที่มีแยกออกไปอยู่ห้องเดียว เปปเปอร์กวาดตามองจนทั่วห้องก็พบว่า การตกแต่งที่นี่เรียบง่ายไม่ได้หวือหวาอะไร เพียงแต่ที่น่าแปลกใจ คือ ห้องแห่งนี้ เหมือนไม่มีใครพักอาศัย เพราะห้องช่างสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยมากจริง ๆ


      เปปเปอร์นั่งรออยู่ตรงโซฟาไม่นาน เสียงประตูจากมุมหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ เปปเปอร์หันไปตามเสียงฝีเท้าก็เบิกตาโพลง เมื่อเห็นพี่ทิม เดินมาในสภาพช่วงบนเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าเช็ดตัวพาดบ่า


"เอ่อ พี่จะอาบน้ำก่อนไหม?" เปปเปอร์ไม่ใช่ผู้ชายใสซื่อ ไร้เดียงสา การได้อยู่ใกล้กับคนที่รู้สึกดีแบบนี้ด้วยแล้ว ก็ใจสั่นหวั่นไหว เกิดกระตุ้นอารมณ์หวามจนต้องรีบข่มใจพอสมควร


"ที่ว่าเรื่องมันยาว นี่พอจะบอกได้ไหมครับ? ว่าถ้าเล่านี่มันนานแค่ไหน?" ทิมว่า ทั้งๆ ที่นั่งทิ้งระยะห่างพอควร เมื่อดูกิริยาของเปปเปอร์เอาแต่นั่งตัวลีบ หวาดหวั่นแปลก ๆ



        ประหม่า กลัว แต่ยังจะมาหากัน?



"....."


"มีเรื่องคุยมากขนาดนั้นเลยหรือครับ ถึงคิดนานจังเลย"




"พี่ไม่ได้รักพี่แป้งแล้วพี่แต่งงานทำไม?"



    บทจะโพล่ง ก็โพล่งออกมา โดยไม่มีตะล่อมถามก่อน พอเปปเปอร์พุ่งตรงประเด็น ทิมแอบนั่งอึ้งครู่หนึ่ง แต่ไม่นาน รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อของคนอายุมากกว่า


"ใครบอกครับ?"



"มันจริงใช่ไหมพี่?" เปปเปอร์ถามย้ำ


"จริงครับ"


"นี่มันเรื่องอะไรกัน พี่เล่นเกมส์กันเหรอ? มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะ"


    ทิมอมยิ้ม หยัดกายขึ้นเล็กน้อยพร้อมโน้มตัวไปใกล้เปปเปอร์มากขึ้น


"ถ้าพี่ตอบคำถามต่อไป เปปเปอร์ต้องจ่ายนะครับ เพราะทุกคำตอบพี่มีราคา"



     ใบหน้าที่ใกล้กว่าเก่าจุดรอยยิ้มอันแฝงด้วยความเจ้าเล่ห์


"อะไรวะพี่ ไม่เกี่ยวสักนิด ทำไมผมต้องจ่าย นี่มันเรื่องพี่สาวผม ผมมีสิทธิ์รู้" ปากบอกออกไป แต่สายตาไม่กล้ามองหน้า



"ถ้างั้นก็กลับไปถามแป้งสิครับ"


     เปปเปอร์เงียบ ก็ถ้าพี่แป้งรับสายกันตั้งแต่แรก เปปเปอร์คงไม่ถ่อมาถึงนี้


"ผมยังเป็นแค่เด็กนักศึกษา ยังไม่ได้ทำงาน พี่ยังจะขูดรีดกับผมอีกเหรอ?"


"แล้วถ้าพี่บอกว่าไม่ต้องใช้เงินล่ะครับ"


"ไม่ใช้เงินแล้วผมจะจ่ายด้วยอะไรล่ะครับ?"



     ทิมอมยิ้มก่อนจะไล้สายตามองทั่วใบหน้าเด็กหนุ่มแล้วมาหยุดอยู่ตรงริมฝีปากสีสดจนเปปเปอร์ที่มองตามสายตาคู่นั้นอยู่นาน รีบเม้มริมฝีปากตัวเอง


"พี่ไม่ใช่คนดีนะ บอกไว้ก่อน"

"....."

"ฉะนั้น การจ่ายของพี่ก็คงเป็น...."
ทิมจุดรอยยิ้มขึ้นอีกครั้ง และจรดปลายนิ้วลงตรงกลางริมฝีปากอีกฝ่าย



     เปปเปอร์ลุกพรวดกระโดดหนีจากโซฟา


"พี่น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอครับ?" ทิมถามพร้อมลุกขึ้นยืนตาม


      เปปเปอร์ยืนมองอีกฝ่ายที่พูดเรื่องจูบดัวยสีหน้าปกติคล้ายกับถามว่าวันนี้กินข้าวหรือยัง ?


"ผมจะกลับบ้าน"


"ดึกแล้ว นอนนี่เถอะครับ ถ้าเกิดเจอโจรปล้นกลางค่ำกลางคืน พี่คงรู้สึกแย่"


"ผมไม่ไว้ใจ ถ้าเกิดพี่หน้ามืดตามัว ทำอะไรผมขึ้นมาล่ะ? ผมรู้นะว่าพี่อะ เอาได้หมด"
ตั้งแต่เห็นข้อเสนออีกฝ่าย เปปเปอร์ก็เริ่มกลัว ถึงแม้จะเป็นคนที่แอบหมายปองก็เถอะ


"หืม? แล้วทำไมพี่ต้องทำอะไรเปปเปอร์ด้วยล่ะครับ? หรือเปปเปอร์คิดแบบนั้นกับพี่ ถึงถามคำถามแบบนี้อออกมา" ทิมเอียงคอถาม แต่คนที่โดนโยนคำถามกลับไป ได้แต่ยืนหน้าแดงก่ำ อ้าปากพะงาบ ๆ พอเห็นพี่ทิมยิ้มกรุ้มกริ่ม ทั้งยังสาวเท้าเข้ามาหา เปปเปอร์รีบหมุนตัวปรี่ไปที่ประตู ก้มสวมรองเท้า


"ขอบคุณมากพี่ ผมไปล่ะ"

   
     เพียงประตู้แง้มออกนิดหนึ่ง เสียงของคนอายุมากกว่าก็ดังขัดขึ้น


"ที่พี่ต้องแต่งงาน เพราะพี่ทำตามคำสัญญาของน้องชายพี่ที่เสียไปแล้วครับ"


ขวับ

   เปปเปอร์หยุดเท้า หันหลังไปหาพี่ทิมที่มองมาหน้านิ่ง


"ทีนี้ ยังอยากกลับบ้านอยู่ไหม?"


    เปปเปอร์ส่ายหน้ารัว ถอดรองเท้าผ้าใบ และเดินกลับไปหาคนที่เผยความลับ


"พี่ทิม อาบน้ำเร็ว ๆ นะ ผมรอนี่แหละ"


       หลังจากนั้น เปปเปอร์ได้ยินเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ ที่แม้จะได้ยินไม่ค่อยถนัด แต่เสียงนั้นดูน่ากลัวแปลก ๆ


       ทิ้งประโยคชวนอยากรู้ อยากเห็นแต่กว่าจะได้ฟัง ก็เล่นกินเวลาชั่วโมงกว่า เพราะพอพี่ทิมอาบน้ำเสร็จ เปปเปอร์ก็โดนไล่ให้ไปอาบน้ำ ด้วยเหตุผลว่าจะได้สบายตัว เพราะเรื่องเล่ามันยาว

 
       เพราะไม่ได้เตรียมตัว เตรียมสื้อผ้ามาค้างคืน จึงรู้สึกแปลก ๆ ยามที่ต้องมาใส่เสื้อผ้าของคนอื่น โดยเฉพาะการใส่แต่เสื้อนอนลายตารางขาว-ดำของพี่ทิม แต่กางเกงนอนใส่ไม่ได้เพราะเอวหลวมกว่าตัว เปปเปอร์จำใจต้องใส่กางเกงบ็อกเซอร์สุดแสนจะสั้นของตัวเองซ้ำอีกวัน แถมไม่มีกางเกงในใส่ทับอีกต่างหาก ถ้าอยู่ห้องคนเดียวก็คงจะไม่ประหม่าเท่าไหร่ แต่นี่ ต้องมาเดินให้ลมโกรกและปล่อยให้น้องชายเหวี่ยงตีขาไปมาท่ามกลางคนที่ชอบก็รู้สึกเขินยังไงชอบกล  เปปเปอร์ยืนมองตาปริบ ๆ เมื่อเห็นพี่ทิมนั่งไขว่ห้างเล่นโทรศัพท์มือถือบนโซฟา เหมือนเขารู้ว่าเปปเปอร์เดินออกมาเขาถึงชำเลืองสายตาขึ้นมามอง



"มานั่งสิครับ"


       พี่ทิมว่าพร้อมทำท่าขยับตัว เปปเปอร์จึงเดินไปนั่งแต่ไม่เต็มก้นนัก


"ยิ้มแล้วมองหน้าผมแบบนั้นคืออะไร?"


       ทิมกลั้นยิ้มแล้วส่ายหน้า


"ไม่มีอะไรครับ โอเคครับ อยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมพี่ต้องแต่งงานกับแป้งตามคำสัญญาน้องชาย"


        เปปเปอร์พยักหน้า


"เขาทั้งสองเป็นคนรักกัน แต่น้องพี่จากไปก่อนด้วยโรคมะเร็ง"



       ทิมเห็นหน้าเปปเปอร์ที่ขมวดคิ้วงุนงง จากนั้นทิมจึงเริ่มเล่าเรื่องราวระหว่างแป้งกับน้องชายเขาให้ฟัง


       ย้อนกลับไปในช่วงสี่ปีก่อนหน้า แทนกับแป้งพบรักกันที่ทำงานแห่งหนึ่ง โดยจุดเริ่มต้น คือ แป้งเข้ามาเป็นน้องใหม่ในแผนกที่แทนทำงานอยู่ก่อน จากการมอบหมายงาน ประชุมงาน บ้างก็ต้องมีไปกินข้าวเย็นด้วยกัน และในช่วงเวลานั้นที่แป้งไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ใช้รถโดยสารประจำทาง แทนจึงอาสาอย่างแข็งขันทำหน้าที่เป็นสารถีให้ เพราะการได้พูดคุยอย่างถูกคอ ถูกชะตาจนเริ่มชอบพอ หยอดมุกหวานใส่กันไปมา ไม่กี่เดือนให้หลัง ทั้งคู่ก็ตกลงปลงใจเป็นแฟน โดยแทนอายุมากกว่าแป้งสามปี ในช่วงเวลาที่ทั้งสองคบกันนั้น มีทั้งโมเมนต์หวานชื่น ทะเลาะ รวมถึงความสุข สนุก คละเคล้ากันไป


        แทนเป็นผู้ชายที่ทำหน้าที่แฟนได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เขารักเดียวใจเดียว อบอุ่นและมีความเป็นผู้ใหญ่ เขาสามารถให้คำปรึกษากับแป้งได้ในทุกปัญหาที่เธอเจอ  แม้จะติดเข้มงวดอยู่บ้าง แต่บางคราวก็ยอมตามใจคนรัก กระทั่ง แทนเล็งเห็นว่าแป้ง คือ คนที่ใช่ที่สุดในชีวิต จึงตัดสินใจพาแป้งเข้าบ้านเพื่อมาทำความรู้จักกับครอบครัวตัวเอง เป็นเวลาเดียวกับที่แทนได้ลาออกจากงาน เพื่อกลับมาช่วยกิจการที่บ้าน ยิ่งทำให้แป้งเข้า-ออกบ้านพี่แทนเป็นว่าเล่น และจากจุดนั้นเอง จึงทำให้แป้งเริ่มสนิทสนมกับพี่ทิมรวมถึงพ่อแม่พี่แทนมากขึ้นเรื่อย ๆ



        ความน่ารัก นอบน้อม ผนวกกับความรักที่ค่อย ๆ บ่มเพาะจนสุกงอมได้ที่ สามปีกว่า แทนตัดสินใจวางแผนจะทำเซอร์ไพร์สคนรักหวังขอแต่งงาน ช่วงเวลานั้น แทนทำงานหนักมาก และยังต้องปลีกเวลามาวางแผนดูโรงแรม ดูที่เที่ยวอยากหาสักที่ที่โรแมนติก หวังสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน ในวันที่จะขอหญิงสาวแต่งงาน แต่แล้ววันหนึ่ง ทิมปวดท้องอย่างรุนแรงและมีอาการแน่นที่ท้อง เจ็บจนทรมานจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาล แต่ผลตรวจได้สร้างความทุกข์ใจอย่างหนัก เมื่อเขาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย



       ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ในเมื่อทุก ๆ วันที่ใช้ชีวิต เขาก็ยังปกติ มีเรี่ยวแรงเดินได้ดี โดยไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน เวลานั้น แทนหมดอาลัยตายอยาก พยายามจะสร้างกำลังใจก็ไม่ไหว หลังจากวันที่รู้ เขาเจอหน้าแป้งก็อยากร้องไห้ เมื่อได้รู้ว่าระยะเวลาชีวิตที่ต้องเดินต่อระหว่างเขากับแป้งมันไม่เท่ากันแล้ว...


        ใช้เวลาคิดลำพังอยู่นาน จนตัดสินใจยอมบอกความจริงกับเธอ แต่กว่าแป้งจะรู้ แทนก็กลายมาเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงอยู่ที่โรงพยาบาล อาการของแทนไม่ดีขึ้นเลย เขาผ่าตัดก็ไม่ได้ ให้คีโมก็ไม่ได้ หมอได้แต่ให้ยาในการรักษา ร่างกายของแทนเริ่มผ่ายผอม อ่อนแรงจนแทบเป็นคนละคน แทนปากแห้ง ตาแห้ง และมีอาการเบลอบ่อย ๆ บ้างก็เพ้อออกมา หรือไม่ก็แทบจะนอนหลับตลอดเวลา ระหว่างนั้น แทนตัดสินใจเฉลยความจริงว่า ก่อนหน้านี้ เขาวางแผนจะขอเธอแต่งงาน แต่ดันมาเกิดเรื่องนี้กับแทนขึ้นเสียก่อน



        ทันใดที่แป้งรู้เรื่อง เธอต้องฝืนยิ้มใส่คนรักและแอบมาร้องไห้คนเดียว เธอไม่อยากให้พี่แทนเห็นน้ำตา เธอกลัวว่า พี่แทนจะยิ่งท้อและหมดกำลังใจไม่สู้ต่อ อย่างไรก็ตาม แป้งมั่นใจว่า โรคร้ายนี้ แม้จะมีโอกาสตายสูง แต่โอกาสรอดก็ใช่ว่าจะไม่มี เพราะเธอเชื่อว่ายังมีปาฏิหารย์


       พี่แทนเปรยออกมาแล้วว่าจะขอเธอแต่งงาน ดังนั้น ทำไมเธอต้องรอพี่แทน ในเมื่อแป้งเองก็เป็นฝ่ายทำทุกอย่างให้มันเป็นจริงได้ 


       ช่วงเวลาที่แทนนอนรอวันว่าจะมีชีวิตอยู่ได้หรือตายนั้น แป้งก็เลือกหาร้านเช่าชุดเจ้าสาวหวังจะใส่เพื่อเซอร์ไพรส์คนรักขณะรักษาตัว แป้งประสานงานกับพี่ทิมและพ่อ แม่พี่แทนให้ทุกคนช่วยกันจัดเตรียมงานเพื่อทำฝันของเธอกับพี่แทนให้กลายเป็นจริง


       และแล้วก็ถึงวันที่แป้งได้ชุดเจ้าสาวแล้ว  เธอรีบบึ่งไปโรงพยาบาลหาพี่แทนเพื่อบอกเขาเรื่องงานแต่ง เธอกะจะจัดพิธีเล็ก ๆ เรียบง่ายในห้องพักผู้ป่วย แต่ผลปรากฎว่า พี่แทนเสียชีวิตลงอย่างสงบก่อนที่แป้งจะเดินทางไปถึงแค่สามสิบนาที



       วินาทีสุดท้าย ที่แป้งไม่ได้อยู่ข้าง ๆ พี่แทน แป้งไม่มีโอกาสได้ร่ำลาคนรักใด ๆ และประโยคสุดท้ายที่แป้งอยากบอกว่ารักพร้อมการแต่งงานตอนที่เขามีสติ เธอไม่สามารถพูดให้เขาได้ยินอีกแล้ว



       ทุกคนเสียใจกับการจากไปของแทน แต่มันจะเป็นช่วงที่อยู่ในความทรงจำของครอบครัวแทนไปชั่วชีวิต


      'ไม่ต้องห่วงผม ฝากดูแป้งด้วยและพี่ทิมช่วยเป็นตัวแทนผม จัดงานแต่งงานให้ผมด้วยนะพี่ ช่วยผมทีนะ ผมรักเธอมาก'



          ประโยคสุดท้ายที่แทนไม่ได้บอกก่อนตาย แต่เป็นประโยคสุดท้ายที่น้องชายพูดได้ยาวที่สุด และทิมจำได้ขึ้นใจ


          ทิมลำบากใจเล็กน้อย ในเมื่อแป้งและทิมไม่ใช่คนรักกัน แต่ถึงอย่างไร  ทิมต้องการทำตามคำสัญญาของน้องชายเพื่อความสบายใจทั้งตัวเขาและตัวแทนเอง จะได้ไม่มีบ่วงหรือห่วงพะวงคนทางนี้อีก


        และแล้ว การแต่งงานก็ถูกจัดขึ้นตามความต้องการของผู้ตาย ทางครอบครัวเจ้าบ่าวรับทราบทุกอย่าง กลับกันมีเพียงครอบครัวเจ้าสาวที่ไม่รู้อะไร เนื่องจากตอนที่เธอคบกับแทน ทางแม่ของเธอไม่เคยรับรู้ความสัมพันธ์ของแป้งกับทิมมาตั้งแต่แรก



       ฉากของพิธีวิวาห์ คือ การแสดงอย่างหนึ่ง การแสดงที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเล่นได้สมบทบาทประหนึ่งว่ารักกันมาเนิ่นนาน ทว่า ละครเรื่องนี้จบลงเร็วกว่าที่คาด ตอนที่แป้งเป็นลมล้มพับในพิธีงานแต่ง หลังจากเธอฟื้น เธอจับมือทิมพร้อมกับร้องไห้ตลอด เพราะเธอรู้สึกได้ว่า คนที่เป็นเจ้าบ่าวไม่ใช่พี่ทิม แต่เธอสัมผัสได้ว่า เป็นพี่แทนที่เป็นเจ้าบ่าวของเธอจริง ๆ



       คำตอบของแป้ง ยังทำให้ทิมคาใจและสงสัยมาจนทุกวันนี้ เพราะวันนั้น ทิมก็ไม่ได้มีอาการหรือรู้สึกว่าตัวเองคล้ายคนถูกผีเข้าแต่อย่างใด แต่ถ้ามันคือความสบายใจที่แป้งรู้สึกเช่นนั้น ทิมจะไม่ห้ามหรือแย้งความคิดของเธอ


"อึ้งเลยหรือ?"


"คือ...ผมไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้"
เปปเปอร์ยังคิ้วขมวดและรู้สึกใจวูบโหวงตลอดที่ได้ฟัง เขาทั้งรู้สึกดีและเศร้าในเวลาเดียวกัน เปปเปอร์ไม่เคยรู้เลยว่าพี่แป้งจะมีแฟนและพบความรักที่งดงามขนาดนี้



"พี่ทิม พี่ว่าพี่แป้งยังรักน้องพี่อยู่ไหม?"

 
      ทิมมองหน้าเปปเปอร์ที่อีกฝ่ายกลับเหม่อมองไปทิศทางไหนก็ไม่รู้



"พี่ไม่สามารถรู้ความรู้สึกของแป้งได้หรอกครับ มีอะไรหรือเปล่า?"



"....." เปปเปอร์เงียบและส่ายหน้า


"ถ้างั้นก็ไปนอนเถอะครับ"


    เปปเปอร์พยักหน้าเนือย ๆ  พอพาตัวเองมาถึงหน้าประตูห้องนอน เปปเปอร์หันไปบอก


"ขอบคุณนะครับพี่ทิมที่ยอมเล่าให้ผมฟัง"


"ครับ แต่เปปเปอร์ยังติดหนี้พี่อยู่นะครับ" 



       เปปเปอร์หน้ามุ่ยที่นึกว่าพี่ทิมจะลืมคำขู่นั้นไปเสียแล้ว



"โรคจิต"


      เสียงบ่นดังขึ้นตอนที่ปิดประตูสนิท เปปเปอร์เดินไปนอนบนเตียงพี่ทิม ที่แม้เขาควรจะตื่นเต้นตรงที่ได้มีโอกาสสำรวจห้องนอนของพี่ทิม แต่วันนี้ กลับมีเรื่องสำคัญให้ขบคิดมากกว่า เปปเปอร์ลอบถอนหายใจก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมตัว และยกมือก่ายหน้าผาก



"ถ้าพี่แป้งยังไม่ลืมคนรักเก่าที่ตายไปแล้ว แสดงว่า มึงก็ต้องผิดหวังอย่างนั้นเหรอะวะ ไอ้ไทม์?"




......................................................................
[/b]

ขอบคุณทุกคนจากใจที่ยังมีคนคอยและติดตามกันอยู่นะคะ
 :m15:
เห็นคนคอมเมนต์ชื่อ User อันคุ้นเคย (ที่เคยเมนต์เรื่องอื่นๆ มา) เราก็ได้แต่ดีใจที่ยังไม่ทิ้งกัน รู้สึกผิดเลยที่มาช้าค่ะ  :mew6:
อย่างไรก็ตามจะไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอนค่ะ
  :mew1:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 12] |9-7-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-07-2019 01:50:27
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 12] |9-7-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-07-2019 02:22:45
 :pig4: :pig4: :pig4:

โหย...น่าสงสารเจ้าไทม์อ่ะ

แต่...น่าจะมีหวังใช่ป่ะ  ความรู้สึกมันบอก  อิอิ
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 12] |9-7-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-07-2019 11:17:01
สงสารไทม์เลย แต่เอาเถอะสู้ ๆ ถึงจะลืมไม่ได้ก็ใช่ว่าจะมีรักใหม่ไม่ได้
ยังไงตอนนี้ก็ทำคะแนนเข้าไว้ล่ะไทม์
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 13] |28-7-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 28-07-2019 20:44:05

   (13)

ข่าวร้าย











     กว่าจะได้นอนก็ปาไปตีสอง เปปเปอร์มัวแต่คิดวนไปวนมาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทม์ และพี่สาวตัวเอง หลังจากได้รู้ความจริงจากปากพี่ทิมเพิ่มเติม ตอนแรกที่เคยโกรธไทม์เรื่องที่หายไปไม่บอกกล่าว แต่พอคิดไปคิดมา เปปเปอร์เริ่มสงสารเพื่อนที่ไทม์เองก็มีปัญหาหนักใจเหมือนกัน

 

 

    เปปเปอร์ยันกายลุกขึ้นจากเตียงด้วยอาการสะลึมสะลือ เขาขยี้ตาตัวเอง นั่งตั้งสติสักพักก่อนจะปีนลงจากเตียง  หลังจากแยกย้ายกัน เปปเปอร์ไม่รู้เลยว่าพี่ทิมเป็นยังไงบ้าง จะนอนหลับสบายรึเปล่า?

 

 

     คนที่ไม่ใช่เจ้าของห้อง แต่กลับได้นอนที่ที่ดีและสบายกว่าเริ่มรู้สึกผิดภายหลัง เปปเปอร์เปิดประตูห้องนอนอย่างเบามือเพื่อให้เกิดเสียงดังน้อยที่สุด พลางเดินย่องออกไปนอกห้อง จนสองเท้าหยุดอยู่ข้างหลังโซฟา เห็นพี่ทิมนอนคุ้ดคู้ขดตัวเป็นกุ้งก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิดให้หนักอึ้งกว่าเก่า เปปเปอร์เดินอ้อมไปข้างหน้าพลางย่อตัวลงนั่ง ครู่หนึ่ง หางตาเหลือบเห็นทิชชูถูกขยำกองโตวางอยู่บนโต๊ะกระจก เด็กหนุ่มขมวดคิ้วจนเป็นปมอย่างสงสัย แต่ก็ย่อตัวลงนั่งยอง ๆ มองคนที่ยังหลับใหลอยู่

 

 

     เฝ้าพิจารณา ไบ่สายตามองทุกตารางนิ้วบนร่างกายผู้ชายคนนี้ ก็เผลอวาบหวามและใจเต้นแรง ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้มีโอกาสมาอยู่ห้องเดียวกันกับพี่ทิมและใกล้ชิดกันแบบนี้

 

 

 

"ถ้าผมบอกความในใจกับพี่ ผมจะผิดหวังไหม?"
เปปเปอร์พูดในใจ หลังรู้เรื่องว่าพี่ทิมโสดและมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ พอถึงคราวที่ได้จังหวะทำความรู้จักกันเพิ่มเติม เปปเปอร์กลับป๊อดขึ้นมาเสียดื้อ ๆ

 

      ได้มองคนที่นอนหลับใหลใกล้ ๆ ก็รู้สึกดี ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันกำลังขยับเคลื่อน

 

"เฮ้อ ทำไมกูต้องนึกถึงตอนพี่ทิมจูบทุกทีเลยวะ"

 

     เสียงแผ่วเบาเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากเล็ก วินาทีนั้น เปปเปอร์เบิกตาโพลง ตกใจ เมื่ออีกฝ่ายขยับตัวเปลี่ยนท่านอน ทันใดนั้น เปปเปอร์รีบลุกพรวดเพราะกลัวพี่ทิมจะตื่นมาจับได้ว่า เขาพูดอะไรออกไป

 

 

      ยืนยังไม่ทันตั้งหลักดี พี่ทิมกระตุกแขนเปปเปอร์จนเขาหันขวับด้วยใบหน้าที่เหวอ

 

 

"พะพี่...ตื่นแล้วหรอ?"

 

 

"ครับ ตื่นนานแล้วด้วยล่ะ"

 

 

กึก

 

 

"ผมไม่ได้หมายถึงพี่นะเว้ย อย่าเข้าใจผิด อ้ะ...เอ้ย"

 

ฟึ่บ

 


    รีบแย้งแต่ไม่ทันไร เปปเปอร์โดนกระชากแขนจนร่างพลิ้วไหวไปตามแรงดึง เขาเซและล้มทับลำตัวพี่ทิมจนเสียงดังอั้ก เปปเปอร์ผละใบหน้าออกห่างและยันมือเพื่อทรงตัว แต่อีกฝ่ายไม่ยอม จับข้อแขนสองข้างกระตุกอีกครั้ง จนคราวนี้ ร่างทั้งสองแนบชิดกว่าเดิม

 



"พี่ปล่อยผม ตื่นแล้วก็ลุกสิ"

 

 

     ทิมมอง ไม่ปริปากพูด เขาโอบเอวอีกฝ่ายที่นอบทับบนตัวไว้หลวม ๆ  แต่ดูเหมือนเปปเปอร์จะไม่ให้ความร่วมมือ เพราะคงอยู่ในอาการตกใจว่ามากอดเด็กหนุ่มทำไม เจ้าหนุ่มน้อยถึงดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอด ไม่ยอมสงบลงเลยแม้แต่น้อย

 

 

      ด้วยหุ่นของเปปเปอร์เองก็ไม่ใช่คนร่างอ้อนแอ้นอรชร ยิ่งดิ้นแรงเท่าไหร่ ทิมก็เริ่มรับน้ำหนักไม่ไหวเขาคลายวงแขน เป็นจังหวะเดียวกับที่เปปเปอร์ยังไม่หยุดดิ้นจึงร่วงลงจากโซฟา หลังศรีษะไปกระแทกเข้ากับขอบกระจกโต๊ะกลางอย่างจัง

 

 

ปั่ก

 

 

"โอ้ย!"

 

 

"เปปเปอร์"
คนที่นอนคล้ายสะลึมสะลือ รีบตื่นเต็มตา เด้งตัวขึ้นถลาไปหาเปปเปอร์ที่นั่งหลังพิงโต๊ะกระจกพลางหน้ามุ่ย มือก็คอยลูบหลังศรีษะไม่หยุด

 



"เจ็บไหม?"

 

"เจ็บสิ เพราะพี่นั่นแหละ"
เปปเปอร์ว่าทั้งยังจ้องเขม็ง ผิดกับทิมที่ยังนิ่งเงียบ ไม่นาน ทิมดึงข้อมือเปปเปอร์ออกจากด้านหลังศรีษะ แล้วลองลูบดูบ้าง

 

 

"นูนไม่มาก"

 

 

     เปปเปอร์ยังไม่ทันได้เถียง ก็เห็นพี่ทิมยกมุมปากเล็กน้อย แล้วพูดต่อ

 

 

"พี่ขอโทษนะครับที่เป็นต้นเหตุ"

 

 

    ถ้าเป็นแค่ประโยคขอโทษธรรมดา เปปเปอร์คงไม่ใจเต้นแรงมากเท่าไหร่ แต่นี่เป็นประโยคขอโทษที่มาพร้อมความห่วงใย ซ้ำยังส่งสายตาอาทรอ่อนโยน ทั้งหมดทั้งมวล ทำให้เปปเปอร์หยุดคิดไกลกว่านี้ไม่ได้ เด็กหนุ่มใจเต้นแรงจนต้องรีบหลุบตากลบความสั่นไหวในดวงตาไม่ให้พี่ทิมรับรู้

 

"ไม่ตอบ นี่ยังไม่หายโกรธพี่หรือครับ?"

 

     ถ้าอีกฝ่ายแสดงอารมณ์เดียวกับเปปเปอร์ สถานการณ์วาบหวามใจแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น เปปเปอร์จะลุกหนี แต่พี่ทิมกลับใช้มือขวาประคองแก้มอิ่ม และเคลื่อนหน้าตัวเองเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จนเปปเปอร์เผลอกลั้นหายใจ ในจังหวะที่สัมผัสได้ว่าลมหายใจอุ่นร้อนลามไล้ช่วงริมฝีปาก

 

 

     ความอุ่นและความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากอีกฝ่ายประทับกับริมฝีปากของเปปเปอร์ ยังไม่ทันได้บดจูบหนัก ๆ เปปเปอร์เบือนหน้าหนี และผลักอกพี่ทิมเต็มแรง

 

 

     จูบคราวนี้ ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นจูบดูเหมือนอ้อนขอวิงวอนมากกว่า

 

 

      หากยามนี้ เปปเปอร์อายและหน้าแดง ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เปปเปอร์ยืนเต็มความสูง แล้วพยายามเบนความสนใจไปที่อื่น

 

 

"แล้วนี้พี่กินอะไรหกรึไง กระดาษทิชชูกองเต็มโต๊ะ ก็ไม่ยอมเอาไปทิ้ง"  เปปเปอร์เปลี่ยนเรื่อง

 

 

     ทิมกลั้นยิ้มและนึกเอ็นดูคนที่รวบกองกระดาษทิชชูนั้นเพื่อเอาไปทิ้งที่ถังขยะที่อยู่ตรงส่วนครัว 

 

     ทิมรีบลุกและสาวเท้าไปหาอีกฝ่าย

 

"แอบเห็นว่าหน้าแดง เขินพี่หรือครับ?"

 

"ทำไมต้องเขินพี่ ไม่เห็นมีอะไรต้องเขินเลย พี่หลงตัวเองไปรึเปล่า?"

 

    เปปเปอร์ยังปากเก่ง แต่หลบตาไปทางนู้นที ทางนี้ที จนเมื่อครู่แอบได้ยินพี่ทิมหลุดหัวเราะ

 

"ครับ พี่คงหลงตัวเองไปจริง ๆ ส่วนทิชชูพวกนั้นที่เปปเปอร์เอาไปทิ้ง พี่เอามาเช็ด....." พูดไม่จบแต่กลับกดสายตาลงต่ำ ทำให้เปปเปอร์มองตามสายตาอีกฝ่ายถึงรู้ว่าเขากำลังหมายถึงอะไร?

 

 

"เอ้ย พี่แม่ง แล้วมาบอกผมตอนที่ผมเอามันไปทิ้งหมดแล้วเนี่ยนะ! คนบ้าอะไรหักห้ามใจไม่ได้หรือไง ถึงมาช่วยตัวเองตอนที่มีคนอยู่ด้วยเนี่ย"

 

 

"พี่ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าช่วย ทำไมถึงคิดอย่างนั้น" ทิมยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะกดสายตาลงมองช้างน้อยอีกฝ่าย

 

 

"กะ ก็สายตาพี่...."

 

 

"แล้วมันแปลกตรงไหน? ถ้าพี่จะทำ ก็พี่มีอาร..."

 

 

"พอ ๆ ครับ พี่ไม่อาย ผมอายนะ" เปปเปอร์ส่ายหน้าให้รู้ว่าไม่ฟังอีกฝ่ายพูดแล้ว

 

 

"ไม่พูดแล้วก็ได้ครับ แต่ตอนนี้ พี่ว่า เปปเปอร์ไปอาบน้ำเถอะ ขืนเปปเปอร์ยืนอยู่ตรงนี้ พี่คงต้องขอความช่วยเหลือจากเปปเปอร์แน่ ๆ" ทิมเย้าอีกฝ่าย

 

 

    เปปเปอร์มองอีกฝ่ายที่พยักเพยิดสายตามาทางช่วงล่างของเขาจึงก้มมองลงบ้าง ถึงเห็นว่าของตัวเองแข็งขืนขึ้นโด่เด่นเป็นประจักษ์แก่สายตาอีกฝ่าย

 

 

     มัวแต่ทะเลาะ จนลืมไปว่าใส่แต่กางเกงบ็อกเซอร์ เปปเปอร์อายเกินกว่าจะมองหน้า รีบย่ำเท้าตึงตังเดินเข้าห้อง ก่อนจะพุ่งไปบนเตียงและตะโกนอัดหมอน

 

    แม่งเอ้ย! นอกจากจูบกันแล้ว พี่ทิมยังเห็นของเขาตื่นตัวอีก ทีนี้จะทำใจมองหน้าให้ไม่อายได้อย่างไรกัน

.

.

.

.

 "เป็นไงบ้าง สบายใจขึ้นรึยังครับ?"

 

     ทิมถามเด็กหนุ่มระหว่างเดินทาง หลังจากที่อาสาขับรถไปส่งเปปเปอร์ที่หอ และเป็นคำถามแรกที่ดังขัดความเงียบ จึงทำให้เปปเปอร์หันไปมองหน้าพี่ทิม

 

 

"สบายใจเรื่องอะไรครับ?"

 

 

"หลังจากที่ได้รู้เรื่องแล้ว"

 

 

"ก็สบายใจนิดหน่อยพี่แต่มันไม่สุด"



     เปปเปอร์พูดไม่หมด คำว่าไม่สุด ก็คงเป็นเรื่องเพื่อนที่เข้ามามีส่วนผสม ทำให้เขาเป็นกังวลและเป็นห่วงไทม์ว่า กลัวมันผิดหวัง

 

 

"เปปเปอร์"


    เสียงนุ่มนวลเรียกชื่อเขา ทำให้เจ้าของชื่อที่นั่งคิดถึงเพื่อน ดึงสติกลับมาแล้วหันหน้าไปหาพี่ทิม เปปเปอร์ยังไม่ทันถามกลับ มือหนายื่นมานาบแก้ม เผยรอยยิ้มก่อนจะชักมือกลับและวกสายตาไปมองท้องถนนข้างหน้า

 

 

"จากนี้ ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ เปปเปอร์เล่าให้พี่ฟังได้นะครับ พี่รับฟังเสมอ"

 

    อาจไม่คิดอะไร ถ้าประโยคนั้นพูดโดยปราศจากความรู้สึก แต่สิ่งที่เปปเปอร์สัมผัสได้แจ่มชัด คือประโยคนั้นพูดอย่างจริงใจ  เด็กหนุ่มเผลอกัดริมฝีปากนั้นจนเจ็บ

 

 

     พูดเพราะหวังดีแบบพี่ชาย-น้องชาย หรือพูดเพราะใต้ความหวังดีนั้นมีบางอย่างซ่อนอยู่

 

     เพราะลึก ๆ นึกกลัวในคำตอบจึงคิดเองเออเองแบบนี้สบายใจกว่า

 

 
"คบคนต่างวัย เปปเปอร์จะได้ความคิดใหม่ ๆ นะ"

 

 

      เสียงจริงจังทว่าอบอุ่นเอื้อนเอ่ยมาจนเปปเปอร์ต้องหันไปดูสีหน้าตอนเขาพูดอีกครั้ง

 

 

      จะว่าไป พักหลัง ๆ มานี้ คนที่เปปเปอร์ไว้ใจ ระบายเรื่องราวรวมถึงขอคำปรึกษาอย่างไทม์ก็หายไปแล้วหนึ่งคน  หากได้พี่ทิมเป็นหนึ่งในคนสนิทเพิ่มเข้ามาในการรับคำปรึกษา เขาว่ามันก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน

 

 

"ถ้าผมเครียด พี่จะมีเวลารับฟังผมจริง ๆ เหรอ?"

 

     ทิมส่งยิ้มจริงใจให้รู้ว่าเขาไม่หลอกลวง

 

 

"ไม่มีก็จะหามาให้"



      จู่ ๆ เปปเปอร์ก็ใจกระตุกกับคำนั้น

 

"พี่อย่าพูดแบบนั้นได้ไหม? มัน...."

 

"มันทำไมครับ?"

 

 

"มันทำให้ผมรู้สึกว่าคำพูดนั้นมันเหมือนแฟนเขาพูดกัน"

 

"แล้วชอบไหม?"

 


         สบตากันอีกครั้ง แล้วจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรเลย

 
 

"ขอบคุณนะพี่ทิม" เป็นประโยคคล้ายการบอกลา เมื่อเปปเปอร์ถึงที่หมาย

 

 

      เปปเปอร์กำลังเปิดประตูกว้าง แขนเขาก็ถูกดึงกลับไปจนเปปเปอร์สะดุ้ง ตกใจที่อีกฝ่ายโน้มตัวข้ามฝั่งมายังที่นั่งคนขับ และสวมกอด ความใกล้ชิดแนบแน่นสัมผัสถึงไออุ่นกลิ่นกายผสานน้ำหอมเคยคุ้น เปปเปอร์เผลอสูดดมไปครู่ก่อนจะเพิ่งรู้ตัวรีบทักท้วง

 

"พี่ปล่อยผมนะ มากอดผมทำไม"



    ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ พอพูดจบ วงแขนแข็งแกร่งกลับรัดแน่นกว่าเก่า

 

 

      นึกหงุดหงิดตัวเองเสมอ ๆ ที่เกิดความปั่นป่วนรุนแรง ปากต่อว่าเขาเกือบทุกครั้งที่ชอบรุ่มร่าม ถึงเนื้อถึงตัว แต่ ทว่า ภายใต้อ้อมกอดพี่ทิมนั้น เปปเปอร์กลับรู้สึกได้ถึงความปลอดภัย

 

 

       พอเปปเปอร์ไม่ห้าม ทิมก็กอดแช่อยู่สักพักถึงคลายอ้อมแขน

 


"พี่หวังว่ามันจะช่วยทำให้เปปเปอร์รู้สึกดีขึ้นนะครับ"

 

 

     เปปเปอร์ไม่ตอบ แต่ย้ำคำขอบคุณอีกครั้ง และลงจากรถ โดยมีคำถามในใจที่สงสัยแต่ไม่กล้าถาม

 

 

พี่ชอบผม หรือ พี่รู้ว่าผมชอบพี่ถึงทำแบบนี้





      จะว่าไป มันก็รู้สึกดีขึ้นจริง ๆ นั่นแหละ

.

.

.

.

.

"พี่โกรธผมใช่ไหม?" ไทม์ถาม หลังจากวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะข้างเตียง มองพี่แป้งที่พอกินยาเสร็จก็ขยับตัวไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง ยามนี้ ทั้งสองอยู่ในห้องนอนเดียวกัน ณ บ้านหลังใหญ่ของพี่ทิมที่ไทม์และเปปเปอร์เคยมาช่วยกันทาสีและไทม์เห็นพี่แป้งเงียบมาได้สักระยะ จึงไม่แน่ใจว่าเธอโกรธกันรึเปล่า หลังจากที่ไทม์สารภาพผิดแก่หญิงสาว

 

"เรื่องอะไรคะ?"
เธอถามพลางชำเลืองมองไทม์ ช่วงนี้เธอรู้สึกเคลื่อนไหวไม่ปกติ ขยับเขยื้อนแต่ละทีก็ดูเชื่องช้าและเหนื่อยง่าย หากไม่ได้ไทม์คอยดูแลและปรนนิบัติเธอคงแย่ แม้ว่าเธอลาออกจากงานไม่ได้ทำงานให้ต้องใช้แรงเหนื่อยอะไร แต่ร่างกายภายในนั้นน่ากลัว มันรู้สึกอ่อนล้า เหนื่อยง่าย และพะอืดพะอม วิงเวียนศรีษะเสมอ

 

 

"ผมขอโทษนะครับที่บอกไอ้เป๊ป" ไทม์เสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิดที่ไม่รักษาสัญญา

 

 

"พี่ไม่ได้โกรธนะคะ อีกอย่างพี่ทิมโทรมาบอกว่า เปปเปอร์บุกไปหา พี่เลยคุยกับพี่ทิมเรียบร้อยแล้วว่าให้เขาบอกความจริง"

 

"ห้ะ?! ไอ้เป๊ปแม่งอยากรู้จัดถึงกับขั้นต้องไปหาพี่ทิมเลยรึครับพี่แป้ง"

 

       แป้งยิ้มเนือย ๆ ไม่ตอบ

 

"มันรักพี่มากนะครับและตอนนี้ ผมว่ามันคงน้อยใจพี่ด้วยแหละที่พี่โกหกมัน"



 

     ไทม์เห็นเธอน้ำตาคลอ ก่อนเบนหน้าหนี ไทม์ไม่อยากให้พี่แป้งมีเรื่องกังวลใจเพิ่มจึงเปลี่ยนเรื่องคุย

     

"ผมนึกว่าพี่ทิมเป็นผู้ชายเจ้าชู้ซะอีก ไม่น่าเชื่อว่ายังโสดนะครับเนี่ย"

 

 

"พี่ทิมเป็นคนดีนะคะยอมเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อทำตามความต้องการน้องชาย" เพียงพูดถึงน้องชายพี่ทิม แป้งก็นึกถึงอดีตคนรัก

 

 

"พี่ชมพี่ทิมแบบนี้ ไม่ใช่ว่าพี่แป้งชอบพี่ทิมแล้วหรอครับ?" ไทม์ถามไม่เต็มเสียงเพราะเกิดความน้อยใจเล็ก ๆ แต่เขาไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรได้มาก ในเมื่อสถานะของเขายังไม่ถูกขยับให้ได้เป็นคนรัก

 

     เธอเหลือบมองไทม์ที่แววตาเขาซ่อนความเสียใจ

 

 

     แป้งไม่รู้ตัวว่า ลึก ๆ เธอชอบไทม์แล้วรึยัง? แต่เธอสบายใจทุกครั้งที่ไทม์มาเฝ้า มาอยู่ใกล้

 

"พี่บอกพี่ทิมไปแล้วนะ ว่าเปปเปอร์ชอบพี่ทิม" แป้งไม่ตอบแต่กลับเปลี่ยนเรื่อง

 

 

"ห้ะ? พี่รู้ด้วยหรอครับ ว่าไอ้เป๊ปชอบพี่ทิม" ไทม์ไม่อยากเซ้าซี้ที่พี่แป้งไม่ยอมตอบคำถามเขา แต่สิ่งที่น่าแปลกใจกว่าพี่แป้งรู้ด้วยหรือ ว่าน้องชายเธอรู้สึกอย่างไรกับพี่ทิม

 

 

"การกระทำของเปปเปอร์ ใครเห็นก็ดูออก"

 



"ถ้างั้น ผมเดาว่าพี่ทิมรู้และก็กำลังเล่นด้วย ใช่ไหมครับ?" ไทม์ประมวลความคิดจากการการะทำของอีกฝ่ายเท่าที่พอเห็น

 

"พี่ตอบไม่ไหวแล้วค่ะ ไทม์ พี่ขอนอนก่อนได้ไหม?"

 

"ครับ ๆ" เวลานี้ ไทม์ไม่รบเร้าอีก เขาประคองร่างบางปล่อยให้นอนราบลงกับเตียง และดึงผ้าห่มหนาหนักคลุมตัวให้เรียบร้อย

 

    จังหวะที่ไทม์กำลังคลายมือจากผ้าห่ม มือเล็กโผล่พ้นผ้านวมสีขาว มาจับปลายนิ้วของไทม์ ความเย็นเยียบของฝ่ามืออีกฝ่ายทำให้ไทม์วกสายตากลับไปมองอีกครั้ง

 

"พี่ตัดสินใจจะทำคีโมนะไทม์"

 

         ไทม์เบิกตาโพลงเล็กน้อย จากนั้นเขาถึงฉีกยิ้มกว้างกว่าที่เคย เวลานี้ ความสุขใจปรากฏขึ้นทั้งแววตาที่ประกายและมุมปากที่ยกขึ้น

 

 

"พี่แป้ง ผมขอกอดพี่ทีได้ไหม?"

 

 

        แป้งตกใจเล็กน้อยที่ไทม์กล้าขอเธอแบบนั้น เพราะถึงแม้ว่าตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน จะได้นอนด้วยกัน แต่ไทม์ไม่เคยเสียมารยาท ลวนลามหรือโดนตัวเธอถ้าไม่จำเป็น

 

         หญิงสาวนึกเขินที่ฝ่ายชายพูดจาโต้ง ๆ ออกมา แป้งแกล้งหลับตา เอียงแก้มแนบไปกับหมอนทำทีหลับ

 

"พี่ไม่ตอบ ผมกอดแล้วนะ"

 

 

       และแล้ว หญิงสาวสัมผัสถึงน้ำหนักตัวที่โถมลงมาช้า ๆ ไม่น่าเชื่อว่า การโอบอุ้มของอ้อมกอดนี้กลับอบอุ่น อ่อนโยนนี้ และรู้สึกชะโลมใจมากกว่าผ้าห่มหนาหนักที่ห่อตัวเธอก่อนหน้า....

.

.

.

.

.

"ทำไมมันไม่ยอมบอกกูเลยวะ?"

 

 

       เปปเปอร์ถามคายัค หลังจากที่รู้เรื่องว่าไทม์หยุดเรียนจากปากอาจารย์ แม้ว่า หลังจากที่เคลียร์ลงตัวกันแล้ว ไทม์พยายามติดต่อหากันตลอด แต่มันก็ไม่เคยบอกถึงการตัดสินใจเรื่องนี้ มันบอกแค่ว่า มันย้ายไปนอนบ้านคนอื่น

 

 

       เปปเปอร์ไม่ได้โกรธมากเหมือนที่หายไปครั้งแรก เพียงแต่รู้สึกแปลก ๆ ว่า มีอะไร ทำไมไทม์ถึงต้องดรอปเรียนด้วย ความค้างคาในอารมณ์ประทุขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่อาจารย์บอกมา จึงกดโทรหาเพื่อนแต่ปรากฎว่าไทม์ไม่รับสาย ตัดสินใจโทรหาพี่สาวของตัวเอง แต่ก็ไม่รับอีกเช่นกัน

 

      เรื่องนี้ดูมีลับลมคมในอย่างไรชอบกล  เปปเปอร์บอกลาคายัค แยกย้ายกลับห้อง แต่ในหัวนี่คิดแต่เรื่องไทม์ตลอดเวลา จนไม่ไหว เปปเปอร์กดโทรหาคนที่รับปากว่าถ้ามีอะไรไม่สบายใจให้บอกกัน

 



[สวัสดีครับ]

 

"พี่ทิมคุยได้ไหม....ครับ" เปปเปอร์เอ่ยเสียงเบาเหมือนเกรงใจและละอายที่สุดท้ายก็ต้องพึ่งคนพี่จริง ๆ

 

 

[ไม่ได้ครับ พี่คุยงานอยู่ เสร็จแล้วจะโทรกลับนะครับ]

 



     ปกติจะได้เสียงโทนนุ่มนวล พอเจอเสียงเด็ดขาดจริงจังเข้าไป เปปเปอร์ไม่กล้าเถียง รีบเออออ วางสาย ก่อนจะก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองเพื่อดูเวลาว่าสองทุ่มครึ่งแล้วยังคุยงานอยู่อีกเหรอ?

 

 

    พี่ทิมทำงานหนักแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ?

 

 

     เปปเปอร์เกิดความสงสัย แต่แล้วก็สลัดความคิดทิ้งไป โยนเครื่องมือสื่อสารลงบนเตียง ก่อนจะล้มตัวลงนอนตาม ปล่อยตัวตามสบาย แต่สมองไม่หยุดคิดเรื่องไทม์ นอนมองเพดานสีขาวหม่นมัวเนิ่นนาน ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะขัดความคิดให้เขาเหล่มองโทรศัพท์มือถือ และหยิบมาดูหมายเลขโทรเข้า

 

 

"มึงดรอปเรียน ทำไมไม่บอกกู" เปปเปอร์ไม่เสียเวลา ยิงประเด็นสำคัญทันที

 

[พี่มึงเป็นมะเร็ง]

 
"อะ....อะไรนะ?" ยังมีอีกหลายประโยคอยากด่า ทว่า เปปเปอร์ชะงักคล้ายปรับตัวไม่ทันที่ได้ยินประโยคนั้น ดีไม่ดี อาจเป็นเปปเปอร์เองที่ฟังไม่ได้ศัพท์

 

 

[อืม พี่มึงเป็นมะเร็งว่ะ กูขอโทษวะเป๊ปที่ไม่บอก แต่กูคิดดีแล้ว และกูต้องดูแลพี่มึง] เสียงสั่นเครือทำเปปเปอร์ใจกระตุก

 


"พะ...พี่แป้งเป็นมะเร็ง เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมพี่แป้งไม่บอกกูวะ มึงล้อเล่นใช่ไหม?" เปปเปอร์ใจไม่ดีเริ่มเสียงสั่นตาม

 

 [ไอ้เป๊ป กูก็อยากให้มันเป็นเรื่องล้อเล่นนะ แต่เขาไม่อยากให้คนในครอบครัวเป็นห่วง เลยไม่บอก]

 


"ก็เพราะคำว่าครอบครัวไม่ใช่หรอวะ ที่ยิ่งต้องบอก ควรรู้ความจริงเพื่ออยู่เคียงข้างกันทั้งสุข-ทุกข์ ไม่ใช่หรอวะ ไอ้ไทม์ แล้วพี่กูเป็นมะเร็งชนิดอะไร? ระยะไหนแล้ว? มึงอยู่กับพี่แป้งใช่ไหม? เอาพี่แป้งมาคุยซิ"

 

 

[พี่มึงหลับอยู่ รายละเอียดกูบอกมึงแน่นอนแต่ตอนนี้ยังไม่เหมาะ ไอ้เป๊ป กูรู้ว่ามึงเป็นห่วงพี่แป้ง แต่กูขอเหอะนะ มึงอย่าเพิ่งน้อยใจ โวยวายอะไร สิ่งที่พี่แป้งต้องการมากที่สุด คือกำลังใจ ถ้ากูไม่ได้มาชิดใกล้กับพี่แป้งแบบนี้ กูจะไม่รู้เลยว่าพี่แป้งเป็นคนแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากแค่ไหน เอ้ย มึงแค่นี้ก่อนนะ พี่แป้งเหมือนจะตื่น เขายังไม่รู้นะว่ากูมาบอกมึงแล้ว]


    วางสาย เปปเปอร์ใจสั่น มือชื้นเหงื่อ อารมณ์ข้างในสวิงขึ้นลงแปลก ๆ ไม่นาน กระบอกตาร้อนผ่าวและน้ำตาก็เอ่อไหลที่รับรู้ข่าวร้าย ในเวลาเดียวกันนั้น เครื่องมือสื่อสารแผดเสียงดังอีกครั้ง เปปเปอร์คว้าโทรศัพท์มือถือก็พบว่า พี่ทิมโทรกลับมา....



 

....................................................

 


 
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 13] |28-7-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-07-2019 22:21:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 13] |28-7-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-07-2019 06:49:23
พี่แป้งทำแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ แล้วถ้าเกิดรักษาไม่หายตายขึ้นมาแม่กับน้องจะรู้สึกยังไง ถ้าแคร์ความรู้สึกกันจริงต้องบอกซิ บอกเพื่อที่ให้พวกเขารับรู้แล้วจะได้สู้ไปด้วยกันไม่ใช่สู้อยู่คนเดียวแบบนี้
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 13] |28-7-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Keawmikami ที่ 22-08-2019 22:48:22
 :L2:
มาต่อนะเค้ารออยู่
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 14] |26-8-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: rinyriny ที่ 26-08-2019 22:21:10
(14)

ผมชอบพี่










"ทำไมวะพี่ทิม ทำไมฮือออ พี่แป้งไม่ยอมบอกผม ทำไมพี่แป้งต้องมาเจอโรคร้ายด้วย"
   เปปเปอร์ระบายความรู้สึกพร้อมร้องไห้ในขณะที่ทิมนั่งบีบมือปลอบใจ





        เปปเปอร์เดินทางมาถึงคอนโดของทิมได้สองชั่วโมงแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ เปปเปอร์เอาแต่นั่งเงียบเหมือนเก็บกด แต่พอทิมเอ่ยถามว่า มีอะไรไม่สบายใจบอกกันได้ เพียงเท่านั้น เด็กหนุ่มก็ปล่อยโฮตรงหน้าจนบัดนี้ก็ร่วมชั่วโมงที่น้ำตา น้ำมูกไหล ทั้งยังสะอึกสะอื้นไม่หยุด





        ทิมสงสารเปปเปอร์ที่ดูเสียใจไม่น้อย และเขาก็เข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เพราะทิมเคยเจอเหตุการณ์สูญเสียน้องชาย แม้แป้งจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ภาพจำสำหรับตัวเปปเปอร์คงเข้าใจว่าการเป็นโรคร้าย เปอร์เซ็นต์การอยู่รอดก็คงน้อยเต็มที



        ภาพตรงหน้าทำให้ทิมเศร้าใจ เด็กหนุ่มยังร้องไห้คล้ายคนขาดใจ



"พี่ทิม พี่แป้งจะตายไหม? แล้วผมต้องทำยังไงดีพี่ ผมบอกแม่ตอนนี้เลยได้ไหม? หรือให้พี่แป้งบอก โอ้ย ฮือออ พี่ทิม ผะผมผม...." เปปเปอร์ร้องไห้จนปากสั่น ตัวสั่น และคนที่เฝ้านั่งมองมาเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง ทันใดนั้น



ฟึ่บ


      ทิมดึงเปปเปอร์มากอด ตอนนี้ เปปเปอร์กำลังกังวลและคิดมากเกินไป เพราะเอาหลายเรื่องมารวมกัน  ทิมคิดว่า ยามนี้ การให้กำลังใจเปปเปอร์คือสิ่งสำคัญ เขากอดพลางลูบหลัง ลูบไหล่ปลอบประโลม


"ฮืออออ ทำไมเรื่องนี้ต้องมาเกิดขึ้นกับครอบครัวผมด้วยพี่ ผมทำอะไรผิด" เปปเปอร์ตัดพ้อโชคชะตา




"เปปเปอร์ครับ ค่อย ๆ ตั้งสติ ใจเย็น ๆ นะ"



"...ฮืออออ...."





"พี่ถามหน่อยสิ เปปเปอร์รักพี่แป้งไหม?"





"พี่ถามมาได้ไง ผมก็ต้องรักสิ พะ...พี่แป้งเป็นพี่สาวที่น่ารักและใจดีกับผมที่สุด ฮะ... ฮือออ"
เปปเปอร์ตอบพลางสะอึกสะอื้น



"เปปเปอร์ครับ พี่ไม่รู้หรอกนะว่า หลังจากนี้ แป้งจะอยู่หรือไป แต่จะดีกว่าไหม? ถ้านับตั้งแต่ตอนนี้ เปปเปอร์จะใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่าที่สุด"



     ทิมผละห่างมามองหน้าเปปเปอร์พลางใช้ข้อนิ้วเกลี่ยน้ำตาเด็กหนุ่ม ดวงตาที่เคยสดใส บัดนี้กลับช้ำและแดงก่ำ


"....."


"ใช้เวลาอยู่กับแป้ง ให้กำลังใจแป้ง เหมือนที่เปปเปอร์ก็ต้องการกำลังใจอย่างตอนนี้" ทิมพูดขณะส่งยิ้มละมุน



     
      เปปเปอร์มองหน้าพี่ทิมด้วยสภาพตาบวมตุ่ย เขาร้องไห้อย่างหนักจนลืมตาแทบไม่ขึ้น ขณะเดียวกัน เปปเปอร์ พยายามกลั้นน้ำตาให้หยุดไหล



"พะ...พี่อยู่กับผมนะ ย่ะ...อย่าหนีผมไปไหนนะ"



"พี่ก็ไม่ได้ไปไหนนี่ครับ"
ทิมตอบพร้อมวางมือลงบนศรีษะ



"วันนี้ผมขอนอนค้างที่นี่ได้ไหม พี่ทิม?"



"ได้สิ แล้วพรุ่งนี้ พี่จะพาไปหาแป้ง"





     เปปเปอร์พยักหน้าหงึกหงัก เขารู้สึกดีที่ตัดสินใจมาหาพี่ทิม และในวันที่เปปเปอร์มีเรื่องเครียด ไม่สบายใจ ยังดีที่เปปเปอร์ได้เจอคนที่พร้อมรับฟังปัญหาและไม่รำคาญ กับการที่เปปเปอร์เอาแต่นั่งระบายความทุกข์ใจอยู่คนเดียว



     การมีใครสักคนที่พร้อมเข้าใจทุกอย่าง มันช่างดีเหลือเกิน เปปเปอร์มองหน้าพี่ทิมที่ไม่มีเหนื่อยหน่ายใจตั้งแต่อยู่ด้วยกัน เขาฟังอย่างใจเย็นและไม่ได้ฟังแบบผ่าน ๆ ทุกอย่างที่พี่ทิมเป็น ทั้งความอบอุ่นบวกกับความดูแลเอาใจใส่ที่ได้รับทำให้เปปเปอร์ผ่อนคลาย สบายใจขึ้น และเพราะการกระทำทั้งหมดทั้งมวลจึงทำให้เปปเปอร์อยากมีพี่ทิมอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ไปตลอด



"ผมมารบกวนพี่แบบนี้ แฟนพี่จะว่าไหม?"




     ทิมเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างมีคำถาม ได้ยินเสียงแผ่ว ๆ ถามออกมาก็นึกขำ ทิมจะไปมีใครได้ ในเมื่อเปปเปอร์เองก็เคยแผลงฤทธิ์ใส่คนที่เขาคุยด้วยเมื่อคราวก่อน จนตอนนี้ ทิมก็ไม่อยากหาใครให้เหนื่อยใจ นอกเสียจาก...


"ก็เปปเปอร์ไม่ใช่เหรอแฟนพี่?" ทิมแหย่



"ผมไม่ขำนะ ผมพูดจริง ๆ ผมกลัวแฟนพี่จะมาอาละวาดใส่ผม" เปปเปอร์บอกเสียงแผ่ว เพราะตั้งแต่รู้ว่าพี่ทิมไม่ใช่แฟนจริง ๆ ของพี่แป้ง ก็เกิดนึกขึ้นมาได้ว่า บางที พี่ทิมอาจมีตัวจริงอยู่ในใจ โดยที่แม้แต่พี่แป้งเองอาจไม่รู้ก็ได้

            การฟังคำตอบจากปากพี่ทิมจึงทำให้เปปเปอร์มั่นใจได้มากที่สุด



"คนที่อาละวาดล่าสุดก็เปปเปอร์ไงครับ"



        เปปเปอร์ชะงักงัน ถ้อยคำนั้นมันทำให้เขาหวนนึกถึงตอนที่ตัวเองสร้างเรื่องราวอาละวาดใหญ่โตเมื่อนานมาแล้ว



"ผม คือ...ผม ขอโทษ"



      ทิมยิ้มยามที่เห็นเปปเปอร์หน้าสลด แม้จะงงเล็กน้อยว่าทำไมอยู่ดี ๆ เปปเปอร์มาถาม แต่เขาก็ตอบ



"พี่โสดครับ"



"....."



"จีบพี่ได้นะ"



กึก



     เปปเปอร์อึ้ง และใจสั่นหวั่นไหว ตอนที่อีกฝ่ายพูดประโยคนั้นออกมา เปปเปอร์ดูไม่ออกและไม่รู้ว่า เขาพูดทีเล่น ทีจริงหรือเปล่า เหลือบมองคนยิ้มกรุ้มกริ่มครู่หนึ่งก่อนหลุบตาลงเพราะเกิดเขินอาย



"ผมไปอาบน้ำก่อนนะพี่ทิม"





     เปปเปอร์เปลี่ยนเรื่องเพราะทำตัวไม่ถูกที่อีกฝ่ายรุกแรงจนไม่รู้จะไปต่ออย่างไร ขอกลับไปตั้งหลักก่อน จึงเดินดุ่ม ๆ ไปทางประตูห้องนอนด้วยอาการใจเต้นแรงไม่หาย





     กระทั่งอาบน้ำเสร็จ เปปเปอร์มานั่งบนเตียงด้วยความสบายใจจากการได้ระบายความทุกข์ใจให้ใครสักคนได้รับฟัง  แม้นความเศร้าเรื่องพี่สาวจางลงไป กลับกลายมีเรื่องใหม่มากวนใจแทนที่สร้างความกังวลจนไม่กล้าทิ้งตัวลงนอน เพราะเขินที่ต้องนอนร่วมเตียงเดียวกับพี่ทิม หลังจากเขาพูดเชิงให้ความหวังจนเปปเปอร์ก็เผลอคิดไปไหนต่อไหน  ยังคงครุ่นคิดอยู่ จนกระทั่ง พี่ทิมจัดการธุระตัวเองเสร็จเดินเข้ามาในห้องนอน เพียงเห็นหน้าพี่ทิมก็นึกเขินขึ้นมาอีกระลอกรีบหลุบตาลงโดยอัตโนมัติ




"ผมไปนอนโซฟาดีกว่า" เปปเปอร์ตอบขณะที่พี่ทิมทิ้งตัวลงนั่งริมเตียง



"ทำไมครับ กลัวพี่?"



"ไม่ใช่นะ แต่คือ ผมเกรงใจ"





"ไม่ต้องเกรงใจครับ อีกอย่าง โซฟามันเล็กด้วย ถ้าเปปเปอร์ไม่คิดอะไรกับพี่ก็นอนบนเตียงเดียวกันได้ สบายตัวกว่า"





    เปปเปอร์กัดปากแน่น อยากตอบเหลือเกินว่าก็เพราะคิดไม่ซื่อไง ถึงไม่กล้านอนด้วย แต่สุดท้าย เปปเปอร์ก็เงียบ มองซ้าย มองขวาหาตำแหน่งที่เหมาะสม  ซึ่งตำแหน่งที่ว่า ก็แทบจะตกเตียง





     เสียงร่างกายขยับตัวไปมาเสียดสีกับผ้าปูที่นอนทำให้เปปเปอร์ใจเต้นตึกตัก เมื่ออีกฝ่ายล้มตัวลงนอนจนแขนถูกัน



     

"พี่ไม่ปิดไฟเหรอครับ?"
คนที่นอนตัวแข็งเอ่ยถาม



       ทิมไม่ได้ตอบ แต่กลับยกตัวขึ้นตะแคงข้าง มือท้าวศรีษะมอง แล้วจู่ ๆ มือหนาก็ยื่นมาแตะใต้ดวงตาของเปปเปอร์



"ตาบวมเลยเรา" ทิมตอบไม่ตรงคำถาม เขากลับพูดในสิ่งที่อยากพูดด้วยความเป็นห่วง ฟากเปปเปอร์ขบริมฝีปากเข้าหากัน



     ปลายนิ้วเย็น ๆ ของทิมค้างไว้ใต้ตา ก่อนเลื่อนมาแตะพวงแก้ม ไล่มายังริมฝีปากของเปปเปอร์



"แล้วหายเครียด หายเศร้ารึยังครับ?"
ทิมถาม



"ก็หายแล้วพี่" เปปเปอร์พูดจบ



"ดีแล้วครับ พี่จะได้หายห่วง"
ทิมอมยิ้มพลันโยกศรีษะเขาเบา ๆ



       ความอบอุ่น ใจดี และเป็นห่วงอย่างจริงใจ ทำให้เปปเปอร์เงยหน้ามองอีกฝ่าย จนทั้งคู่ประสานสายตากันและไม่มีใครหลบตา จู่ ๆ เปปเปอร์ก็เผลอพูดความในใจออกมา





"ผมชอบพี่"





       ดูเหมือนทิมจะไม่มีอาการตกใจที่ได้ยิน เพราะเพียงสิ้นเสียงเด็กหนุ่มไม่ทันไร ทิมประคองใบหน้าเปปเปอร์และโน้มตัวไปจูบปาก ทั้งสองบดเบียดริมฝีปากเข้าหากันเนิ่นนาน ก่อนสอดเรียวลิ้นเข้าภายในโพรงปากเก็บกวาดความหวานผสานความต้องการอันลึกซึ้ง ทั้งคู่ใช้เวลาดื่มด่ำกับรสจูบแสนหวาน และเป็นเปปเปอร์ที่ผละออกก่อน




      คราวนี้ ไม่ใช่จูบเพื่อประชดใคร ไม่ใช่จูบเพื่อใช้อารมณ์ ทว่า เป็นจูบที่เผยความรู้สึกจากใจของทั้งสองฝ่าย



"เปปเปอร์คิดอะไรอยู่ครับ" ทิมถามกระตุ้น หลังจากที่จูบเสร็จ เขาเห็นสีหน้าเปปเปอร์ดูกังวลจนดูออก





"ไม่มีครับ นอนเถอะพี่"



"แน่ใจนะว่าถ้านอน เราจะไม่เก็บไปคิดมาก"
ทิมย้ำอีกครั้งเพราะต้องการให้เปปเปอร์พูดสิ่งที่ติดค้างในใจออกมา



"พี่จูบผมเพราะพี่เห็นว่าผมชอบพี่เลยเล่นด้วยขำ ๆ ใช่ไหม?"



"เปปเปอร์..."



"ผมกลัวพี่มองผมเป็นของเล่น"
เปปเปอร์ตอบเบาเหมือนคนไม่มั่นใจ ฟากทิมเงียบไปอย่างใช้ความคิด



"ทำไมอยู่ ๆ ก็กลัวขึ้นมา เปปเปอร์คนที่มั่นใจ อาละวาดพี่ต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นหายไปไหนนะ?" ทิมหยอกเอิน



"ก็ตอนนั้นโมโหที่พี่กล้าหลอกพี่แป้ง แล้วพี่จะแซวทำไมน่ะ?" เปปเปอร์หน้ามุ่ย



"พี่ขอโทษนะ แต่ทำไมถึงคิดว่าพี่จะต้องมองเปปเปอร์เป็นของเล่นด้วยล่ะครับ" ทิมบอก



"เพราะคนที่ผมเห็นพี่ควง ไม่มีใกล้เคียงกับผมสักนิด"  เปปเปอร์บอก และอะไรไม่รู้ดลใจทำให้เขากล้าพูด กล้าเปิดเผยความรู้สึก ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าเขินอายม้วนต้วนแทบตาย



"ผมนอนแล้วนะ" เปปเปอร์ทำเสียงตึงใส่ หลังจากพี่ทิมไม่ตอบคำถามก็คงจะจริงอย่างที่เปปเปอร์คิด



     เด็กหนุ่มพลิกตัวตะแคงข้างนอน ฟากทิมอมยิ้ม ก่อนโน้มตัวไปจูบแก้ม



"เฮ้ยพี่ทำอะไรน่ะ?" เปปเปอร์ถูแก้มตัวเองและพลิกตัวอย่างไวเพื่อไปหาคนต้นเหตุ




"จูบคนที่ชอบ"



กึก





"พะ ....พี่ทิม พี่หมายความว่าไง?"
เปปเปอร์ถามอีกครั้ง




"ความหมายก็ตรงตัวนะครับ นอนเถอะ และไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ฝันดีครับ เปปเปอร์"

.

.

.

.



      หลังจากที่เมื่อคืน เปปเปอร์ควรจะนอนหลับสนิทเมื่อได้ยินถ้อยคำดี ๆ แต่กลายเป็นว่า เปปเปอร์ดันตาสว่าง นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายเพราะตื่นเต้นและพยายามหาคำตอบกับสิ่งที่ได้ยินจากปากพี่ทิมเมื่อคืน ว่าคือ ความจริงหรือแค่หมาหยอกไก่หลอกให้ดีใจเก้อหรือเปล่า?




       การครุ่นคิดวนอยู่เรื่องเดิม จึงทำให้เปปเปอร์เพิ่งนอนไปเมื่อตอนตีสี่และยามนี้ที่นาฬิกาบอกเวลาว่าแปดโมงเช้าก็มีคนอายุมากกว่าลุกขึ้นมาคลอเคลียข้างแก้มเปปเปอร์ จนเจ้าตัวต้องพยายามเค้นเสียงออกไปทั้งที่งัวเงีย



"พี่ทิม ผมง่วง"



       ทิมมองเด็กหนุ่มขี้เซา งอแงก็แต้มยิ้ม ก่อนหยัดกายขึ้นมานั่งมองคนที่หลับใหล อยากจะฟัดแก้มให้ช้ำ แต่ยังติดเกรงใจ ไม่กล้าบุ่มบ่ามและไม่อยากกวนจึงลุกไปอาบน้ำก่อน





       และแล้วเวลาก็ผ่านไปได้ชั่วโมงกว่า เปปเปอร์ถึงตื่นเต็มตาแลซ้ายแลขวา หาพี่ทิมไม่เจอ ก็ลุกขึ้นจากเตียง เดินเปิดประตูออกนอกห้องไปหาก็ได้กลิ่นหอม ๆ จากอาหาร เดินตามกลิ่นไป เห็นแผ่นหลังกว้างยืนง่วนกับการทำอาหารเช้า เปปเปอร์ยืนเอนตัวพิงกรอบประตู





"พี่ทำอะไรน่ะ?"





"ทำอาหารเช้าครับ ไปอาบน้ำสิ พี่รอกินด้วยกัน"



       ตั้งแต่ที่เปปเปอร์บอกความในใจ ดูเหมือนว่าถ้อยคำที่พี่ทิมพูดมาแต่ละที ยิ่งทำให้เปปเปอร์คิดไปไกล



"เดี๋ยวผมรีบไปอาบน้ำนะ"



"ครับ"




       เปปเปอร์เดินกลับไปยังห้องน้ำด้วยใจเต้นแรง ไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับสิทธิพิเศษด้วยการที่พี่ทิมลุกมาทำอาหารเช้าให้ เป็นเรื่องที่มีความหมายต่อใจเปปเปอร์มาก  และนาทีนี้ เปปเปอร์รู้ตัวเองว่ากำลังถลำลึกไปมากกว่าเดิม ดังนั้น มันคงถึงเวลาที่เด็กหนุ่มต้องถามหาความจริงกับพี่ทิมเสียทีว่าเขาคิดอย่างไรกับเปปเปอร์กันแน่



      จัดการธุระตัวเองเสร็จ เปปเปอร์เดินออกมานั่งตรงโต๊ะอาหารอย่างเก้ ๆ กัง ๆ สายตาจ้องมองอาหารที่ตกแต่งสวยงาม น่ากิน จนเขาลอบกลืนน้ำลาย





"พี่ยิ้มอะไร?" เปปเปอร์เหลือบมองอีกฝ่าย ถึงเห็นว่าพี่ทิมท้าวคางมองหน้าไม่หยุด



"เปล่าครับ มากินกัน เสร็จแล้วจะได้ไปหาไทม์กับแป้ง"




      เปปเปอร์พยักหน้าพลางทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามพี่ทิม ใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกยัดเข้าปาก ทั้งสองยังคงนั่งกินไม่พูด ไม่จา และเป็นเปปเปอร์ที่หาจังหวะที่เหมาะสม เพื่อรอถาม



"พี่ทิมครับ เมื่อคืนที่พี่พูดกับผมแบบนั้น พี่พูดจริงหรือแค่ล้อเล่นครับ" เปปเปอร์ถามอย่างพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นเพราะแม้ใจจะกล้าถาม แต่ข้างในแอบกลัวในคำตอบ



     ทิมมองเปปเปอร์ที่ดูจริงจังจนแปลกใจ ไม่เคยเห็นเปปเปอร์อยู่ในมุมที่มุ่งมั่นกับการเอาคำตอบ จนไร้แววล้อเล่นขนาดนี้



"ถ้าพี่บอกว่า พี่ล้อเล่น? จะถอดใจเลยหรือครับ?"



"แล้วผมจะเดินหน้าไปทำไม ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิดหวังล่ะครับ"

 

       ทิมมองใบหน้าเศร้าสร้อยของอีกฝ่าย


"ยอมแพ้ง่ายนะเรา" ทิมแหย่



"ที่ผ่านมาผมผิดหวังตลอด ล่าสุดก็แฟนนอกใจ ผมไม่ได้มีหัวใจไว้เจ็บบ่อย ๆ นะครับพี่ทิม" เปปเปอร์ตอบเสียงจริงจัง



      เป็นครั้งแรกที่ทิมได้ยินเรื่องส่วนตัวออกมาจากปากเปปเปอร์ เขารวบมีดและส้อมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้




"ถ้างั้นพี่ขอวันนึงได้ไหมครับ? ลองจีบพี่ให้ดูหน่อย พี่อยากรู้ว่าเวลาเปปเปอร์จีบพี่จะเป็นยังไง?"



      เปปเปอร์มองพี่ทิมที่สุดท้ายก็ไม่ยอมตอบคำถาม กลับยื่นเงื่อนไขอื่นมา



"ก็ได้ครับ"

.

.

.

.

      หลังจากได้เปิดเผยความรู้สึกซึ่งกันและกัน แทนที่จะสนทนากันได้ลื่นไหล กลับกลายเป็นว่า ภายในห้องโดยสารรถยนต์กลับเงียบเชียบ เนื่องจาก เปปเปอร์ประหม่าเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นจีบอย่างไร? เพราะปกติที่ผ่านมา เปปเปอร์จีบรุ่นน้องกับรุ่นเดียวกันมาตลอด



"เป็นตัวเองแหละครับเปปเปอร์" ทิมเห็นเปปเปอร์ดูเกร็งเลยบอก



"ก็.ผม..."



"โอเคพี่ไม่กดดันเปปเปอร์แล้ว เดี๋ยวเราแวะห้าง หาซื้ออะไรให้ไทม์กับแป้งก่อนดีกว่า"
ทิมเปลี่ยนเรื่อง



"อ่าฮะ"



      ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึงที่หมาย หาที่จอดรถได้เหมาะเจาะแล้ว ทั้งคู่ก็เดินเข้าสู่ตัวอาคาร ลงบันไดเลื่อนไปยังชั้นซูเปอร์มาร์เก็ต ตั้งใจหาซื้อพวกผลไม้ไปฝาก ตลอดการเลือกซื้อดูของ เปปเปอร์ยอมรับว่าไม่คุ้นชินที่ได้ใกล้ชิดพี่ทิมในความรู้สึกที่เปลี่ยนไป เปปเปอร์พยายามกลับมาทำตัวให้เป็นธรรมชาติดังเดิม และลองเป็นฝ่ายชวนพี่ทิมคุยทั้งเรื่องทั่วไปและเรื่องส่วนตัว



        แม้ว่าจะรู้จักพี่ทิมในฐานะสามี (ตัวปลอม) พี่แป้งมานานพอสมควร แต่เปปเปอร์กลับรู้สึกว่าที่ผ่านมา เปปเปอร์ยังไม่สนิทสนมกับพี่ทิมเท่าช่วงหลังมานี้ ทั้งที่เป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้เผยความรู้สึกและหันหน้าเข้ามาคุยกันอย่างจริงจัง แต่มันกลับทำให้เปปเปอร์ได้รู้จักตัวตนพี่ทิมอย่างละเอียดกว่าแต่ก่อน



        ยิ่งได้มีโอกาสคุยก็ยิ่งหลงเสน่ห์ความคิด ความอ่าน ความอบอุ่นและความใจดี



"พี่ทิม ซื้อของเสร็จแล้ว พี่อยากกินอะไรไหม? เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง" เปปเปอร์ถามหลังจากหยุดคิดประมวลผลเรื่องนิสัยอีกฝ่าย



     แต่ทิมกลับอมยิ้ม



"นี่เริ่มจีบพี่แล้วใช่ไหม?"



"ใช่ พี่จะถามให้เสียความมั่นใจทำไมเล่า?" เปปเปอร์ตอบหน้างอ



"ฮ่า ๆ ครับ พาพี่ไปดื่มกาแฟหน่อยสิครับ เปปเปอร์" ทิมบอก เปปเปอร์พยักหน้ารับทราบ



    ทิมขำและเอ็นดูเด็กหนุ่มที่พยายามแสดงถึงความมุ่งมั่นในการจีบจนไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ แต่เอาเถอะ แบบนี้ก็ดูแปลกตาและน่ารักดีเหมือนกัน



"แต่ผมขอแวะซื้อชานมไข่มุกก่อนนะ" เปปเปอร์พูดอีกครั้ง



"ครับ"




       ตกลงกันเรียบร้อย ก็เดินหาซื้อของอีกไม่นาน ถึงไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ หลังทำธุระเสร็จแล้วก็ถึงเวลาผ่อนคลาย โดยเป้าหมายต่อไป ก็คือ ร้านชานมไข่มุก




      เปปเปอร์เดินไปต่อแถว โดยมีพี่ทิมยืนข้าง ๆ เปปเปอร์จึงชวนคุยต่อ เพื่อต้องการศึกษาดูใจพี่ทิมให้ได้มากที่สุด ขณะที่พี่ทิมเล่าเรื่องตลกของตัวเอง เปปเปอร์เผลอหัวเราะเสียงดัง จนต้องหุบปากฉับตอนที่แอบเห็นคนมองมา ขณะที่กวาดสายตาเพื่อดูว่ามีใครคนอื่นมองอีกหรือเปล่า สายตาดันเหลือบไปเห็นนิวยืนอยู่กับพวกเพื่อน ๆ ไม่ไกล เปปเปอร์เบิกตาโพลงตกใจปนเหวอที่ซวยมาเจอแฟนเก่า เขารีบถอยหลังกรูดแล้วดึงแขนพี่ทิมให้มาเป็นกำบัง



"เป็นอะไร?"



"เปล่าครับ พี่"





     ทิมหรี่ตามองการกระทำเด็กหนุ่มที่ดูมีพิรุธ  ทั้งสายตาหลุกหลิก



"พี่ทิม ผมไม่กินแล้ว ไปเถอะ" เปปเปอร์ตัดสินใจเอ่ย เพราะไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน



      ทิมเห็นว่าเหลืออีกแค่คิวเดียวก็ถึงคิวของเปปเปอร์จึงสงสัยว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เปปเปอร์ต้องยอมล่าถอย ถ้าไม่ใช่เพราะเจอคนไม่อยากเจอ



     แต่ทิมก็ไม่ขัดใจ จึงตอบรับเด็กหนุ่ม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นเปปเปอร์ยืนตัวแข็งส่งสายตามองไปอีกทางหนึ่งจึงหันตามไป  ในขณะที่เปปเปอร์เดินออกจากคิวที่ยืนต่อเขาชะงักเมื่อสบตานิวโดยบังเอิญ และเมื่อนิวเห็นจึงส่งยิ้มให้ ปลีกตัวจากเพื่อนเพื่อเดินมาหา



     ยิ่งกลัว ยิ่งเจอ



"พี่เป๊ป" นิวยิ้มกว้างพลางโบกไม้โบกมือทัก  ฟากเปปเปอร์จิ๊ปาก ไม่คิดว่านิวจะเห็นและก็ไม่คิดอีกนั่นแหละว่าคนที่นอกใจไปมีคนอื่นก่อน จะยังใจกล้า หน้าด้านมาทักคนที่ตัวเองก็เพิ่งทำร้ายหัวใจกันไป



     เปปเปอร์มองนิวที่เดินใกล้เข้ามา จึงเห็นรูปร่างชัดเจนว่านิวดูต่างจากเดิม โดยปกตินิวก็เป็นคนตัวเล็กอยู่แล้ว แต่คราวนี้ นิวผอมกระหร่อง และไม่สดใสเหมือนอย่างเคย



     เปปเปอร์เห็นท่าไม่ดีรีบสะกิดพี่ทิมแล้วกระซิบ



"พี่ทิมช่วยเล่นละครเป็นแฟมผมหน่อยนะ"



     ทิมหรี่ตามองเปปเปอร์สลับกันคนที่สวมชุดนักเรียนกำลังเดินใกล้เข้ามา


"ถ้าทำเพราะประชดคนอื่น พี่ไม่ทำนะครับ"





"โธ่พี่ทิมช่วยหน่อยนะ"




    ทิมไม่ตอบ จนคนที่สามก้าวเท้ามาหยุดตรงหน้าทั้งคู่



"พี่เป๊ปเป็นไงบ้าง สบายดีไหมครับ? นิวคิด.."




"เปปเปอร์อยากกินชาเขียวปั่นไม่ใช่หรอครับ เราไปกันเถอะ" ทิมหันไปหาเปปเปอร์พลันยิ้มละมุนพร้อมสอดประสานปลายนิ้วกระชับเข้าหากัน และจูงมือเปปเปอร์ไปที่อื่น



     นิวที่เพิ่งเดินมาทักแฟนเก่าไม่ทันไร ยืนหน้าชากรุ่นโกรธปนอับอายที่มีคนไม่รู้จักมาฉีกหน้ากันเห็น ๆ  นิวโมโหจึงตะโกนเสียงดังใส่



"ไอ้คนชั่ว นอกใจคนอื่น เลิกกันไม่ทันไร ยังมีหน้าพาคนใหม่มาเย้ยอีก"



      เปปเปอร์หยุดเท้า โมโหในสิ่งที่นิวพูดไม่เป็นความจริง ตัวนิวต่างหากที่ทำในสิ่งที่ตัวเองพูด เปปเปอร์ไม่พอใจหันหลังจะกลับไปด่าคนหน้าไม่อาย แต่พี่ทิมกระชับมือแน่นแล้วพยายามลากให้เดินไปข้างหน้า



"พี่ปล่อยผม"



"เปปเปอร์อย่าหลงกลเขาครับ ปล่อยให้เขาบ้าไป"



"พี่ทิม แต่มันว่าผม"



"เปปเปอร์ครับ อย่าไปสนคนสติไม่ดี เรามีเรื่องที่ควรสนใจมากกว่านี้ พี่สาวเปปเปอร์ไงครับ เขากำลังรอกำลังใจจากเราอยู่นะ"
คราวนี้ทิมไม่ได้พูดเพียงอย่างเดียว เขากลับเอื้อมมือไปลูบแก้มและจุดรอยยิ้มอบอุ่น



      ความหงุดหงิด โมโหบรรเทาลง เมื่อมือเย็น ๆ ลูบแก้มอย่างช้า ๆ  เปปเปอร์ใจเต้นแรงที่พี่ทิมทำต่อหน้าคนมากมายและกลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้ เปปเปอร์แพ้สัมผัสและความใจเย็นของพี่ทิม เปปเปอร์ไม่ดื้อดึงดัน เขาเงียบเสียงยอมทำตามคนอายุมากกว่าด้วยอาการที่พอจะสงบลง



       หลังจากที่ทิมพาเปปเปอร์มาถึงร้านกาแฟขนาดใหญ่ในห้าง ทิมให้เปปเปอร์ไปหาที่นั่งก่อน ส่วนเขาก็ยืนสั่งเครื่องดื่มให้ตัวเองและให้เด็กหนุ่ม จ่ายเงินเสร็จสรรพถึงกลับไปหาเด็กหนุ่มที่ยังนั่งหน้างอ




"อารมณ์ไม่ดี เพราะไม่ได้กินชานมไข่มุกใช่ไหม?" ทิมเย้า



       ฟากเปปเปอร์มองคนแซวก็อดกลอกตามองบนไม่ได้



"โธ่พี่ทิม อย่าแซวผมได้ไหม? ผมเซ็งจริง ๆ นะที่ซวยมาเจอแม่ง..."
เปปเปอร์บ่นพลางขยี้ผมอย่างหงุดหงิด



"แย่จัง คนที่จีบพี่อารมณ์เสียซะแล้ว"



"พี่ทิมอะ"
เปปเปอร์ถลึงตาใส่พี่ทิม



"คนนั้นแฟนเก่าหรือครับ?"



"ใช่ครับพี่"



"ยังเรียนมัธยมอยู่เลย"



"พี่ไม่ถามได้ไหม? ผมไม่อยากคุยเรื่องมันอีก"



"แต่คุยเรื่องของเราได้ใช่ไหม?"



      เปปเปอร์มองคนที่พูดจริงจัง หลุบตา ขณะพยักหน้า


"แล้วนึกไง รอบนี้ชอบคนแก่ล่ะครับ?" ทิมแซว





"พี่เหมือนคนในฝันของผม" เปปเปอร์ตัดสินใจพูดเรื่องจริง หากพี่ทิมจะมองว่าบ้าก็ช่างเถอะ



"หืมมม? ในฝัน? นี่เรื่องจริงหรือ?"



"จริง ถ้าผมเล่าให้ฟังพี่ก็จะหาว่าผมบ้า"



"ถ้างั้นลองเล่ามาก็ได้ครับ พี่ก็ชักอยากรู้เหมือนกันว่าแฟนในอนาคตพี่จะบ้าขั้นไหน"



"แล้วทำไมต้องอนาคตล่ะครับ เป็นตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ?"



       ฟากเปปเปอร์สวนกลับ จนทำให้คนที่ได้ยินชะงักก่อนระเบิดหัวเราะออกมา


..........................................

เรื่องนี้จะจบแล้วน้าาา ขอบคุณทุกการติดตามมากเลยค่า

คนอ่านน่ารัก จุ๊บ ๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 14] |26-8-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-08-2019 22:45:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 14] |26-8-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 27-08-2019 23:14:13
ขอให้​พี่แป้งรักษา​หายนะคะ​ น้องแป๊ปเหมาะจะคบคนโตกว่าแบบพี่ทิมมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 14] |26-8-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-10-2019 22:57:54
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 14] |26-8-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-10-2019 00:46:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▪ผมผิดไหม? ยกหัวใจให้แฟนพี่สาว▪ [บทที่ 14] |26-8-19 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 25-05-2021 16:21:05
อยากอ่านต่อจังครับบบ