3
คนแบบคุณ ทำอะไรก็ดูง่ายดายไปหมด เหมือนความเป็นไปของโลก
ไม่อาจกระทบคุณได้ ผมโชคดีขนาดไหนกัน ที่คุณรักผม
วันนี้ฝนตก บรรยากาศแบบนี้ทำให้ผมคิดถึงวันนั้น วันที่ทุกอย่างพังทะลาย เพราะน้ำมือของผม
ผมทำลายความเชื่อใจ ทำลายแม้กระทั่งชีวิตของเขา ฝนก็ตกอย่างวันนี้
สายฝนไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย หลังจากวันนั้น ผมไม่รู้ว่าควรจะวางตัวเองไว้ตรงไหน
ในเวลาแบบนี้ คุณยิ้ม...ยิ้มเหมือนที่เคยยิ้ม แล้วดึงผมมาไว้ในอ้อมกอด
....คล้ายเวทย์มนต์ปัดเป่าความหม่นเศร้าที่อยู่ในใจผม
ไม่รู้ว่าคุณรู้ได้ยังไงว่ามันช่วยได้ คุณไม่เคยเอ่ยถาม มันไม่หายไปหมดหรอก
แต่มันก็ช่วยได้มากจริงๆ ผมรู้...ว่าตัวผมเองไม่ควรได้รับมัน ผมไม่ควรได้รับความรักแบบนี้
แต่ผมก็เห็นแก่ตัว เกินกว่าที่จะปฏิเสธมันไป
"ผมไม่รักคุณ...ไม่มีวันรัก"
อ้อมกอดของคุณกระชับแน่นขึ้น เมื่อได้ยินประโยคนั้น ครู่หนึ่ง เสียงของคุณกระซิบก็มาอยู่ข้างๆหูผม
.
.
"ก็ไม่ต้องรัก ให้หน้าที่รักเป็นของผม"
.
.
…..
4
ตอนมีเขาอยู่ ผมมีชีวิตอยู่บนความหวาดกลัว กลัวเขาจะทิ้งผมไปในสักวัน ทั้งที่รู้อยู่แล้ว ว่าวันนั้นมีอยู่จริง
กลัววันที่ถูกกำหนดไว้มันจะมาถึง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าถึงอย่างไรมันจะมาถึง แต่ไม่เคยกลัวว่าเขาจะไม่รัก
เพราะรู้อยู่แล้ว ว่าถึงอย่างไรเขาก็ไม่รัก
แต่ไม่กลัวไม่ใช่ไม่หวัง
มีคนบอก ที่ผมไม่รักคุณ เพราะผมยังไม่ลืมเขา มีคนบอก ผมหวาดกลัวที่จะรัก
ผมยิ้ม ...ผมน่ะหรือกลัวที่จะรัก จนตอนนี้ผมยังรักอยู่เลย ใช่..ผมรักเขา
....
อันที่จริง วันนี้ก็เป็นวันธรรมดา คุณกับผมต่างใช้ชีวิตของตัวเอง ชีวิตของตัวเอง..แบบมีกันอยู่ในสายตา
คุณอยู่ในห้องนั่น ห้องที่เคยเป็นของเขา แต่ตอนนี้คุณเป็นเจ้าของมัน เหมือนอะไรหลายๆอย่างที่นี่
ที่เคยเป็นของเขา แล้วตอนนี้ กลายเป็นของคุณ....แต่ทั้งหมดนั่นไม่รวมผม
เวลาคุณอยู่ในห้องนั้น คุณเหมือนคนที่ผมไม่รู้จัก ไม่เหมือนหมาตัวโตที่คลอเคลียกับผมอยู่จนฟ้าสาง
ดวงตาคุณคมกริบ ยามที่คุณจ้องมอง ไปยังเจ้าของบทสนทนา แววตาที่เหมือนไม่ยี่หระในสิ่งใด
แต่หากเหยื่อผู้โชคร้ายนั้นก้าวพลาด เจ้าหมาป่าตัวนี้ ก็พร้อมขย้ำจนไม่เหลือซาก
"คุณนิว เข้ามาเอาเอกสารประชุมบ่าย ที่ห้องด้วย"
เสียงตามสาย สั่งงานจากในห้องประหาร ผมรับคำ แล้วเดินเข้าไปในห้องนั้น บรรยากาศในห้องยังเงียบสนิท
คุณไม่ได้ให้เหยื่อของคุณ ออกจากห้อง ซ้ำยังเรียกผมมา คล้ายให้ผมเป็นพยานในการประหารนี้
...คุณยิ้ม เมื่อผมปรากฏกาย ผิดกับเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ที่ได้แต่ทำตาแดงๆ ก่อนขอตัวออกไป
.
.
คุณมีวิธีจัดการปัญหาต่างกับเขา
มีวิธีการดำเนินความสัมพันธ์ ต่างจากเขา
คุณหันมาคุยกับผม ราวกับเมื่อครู่ คุณไม่ได้ขย้ำเหยื่อจนตายคาห้อง
..
ตะวันคล้อยบ่าย ท่ามกลางความวุ่นวาย ในย่านสำนักงาน มีร้านกาแฟเล็กๆซุกตัวอยู่ ทั้งคุณ และ ผม
เราต่างเว้นช่องว่าง ในความสัมพันธ์ระหว่างกันไว้ แบ่งแยกมันออกจากกันอย่างเด็ดขาด
แม้จุดเริ่มต้นมันจะมีความคาบเกี่ยวกันอยู่ก็ตาม
ผมยังชอบให้เรามีกันอยู่อย่างนี้ ยังชอบให้คุณรักผมอยู่อย่างนี้ ยังชอบให้เมื่อเวลาที่มีเพียงเราสองคน
ผมจะเป็นเพียงคนเดียว ที่เห็นคุณในแบบนั้น
เป็นไปได้ ผมอยากแยกคุณ ออกจากโลกเก่าของผม ลึกๆแล้ว ผมหมายให้คุณ เป็นสมบัติในใจของผม
นั่นเองทำให้ภาพที่ผมเห็นในร้านกาแฟกระตุกผมจนชาไปทั้งใจ ไม่ใช่เพราะรอยยิ้มเปี่ยมไมตรี
ที่คุณและเธอคนนั้นมอบให้กัน ผมไม่เคยสนใจว่าคุณจะมีใครที่ไหน ตราบใดที่เวลาของผม
ยังเป็นของผม จะใครก็ได้ ที่ไม่ใช่เธอคนนั้น เธอคนนั้นของเขา
ผู้หญิงคนเดียวที่ดีกับผม ผู้หญิงที่ผมทำร้ายอย่างเลือดเย็น....และตอนนี้เธอหันมายิ้มให้ผม
…..
Another Side ผมชอบมองคุณยามหลับใหล ชอบ ยามคุณซุกอยู่ข้างกายผม ชอบ ฟังคุณบ่นงึมงำไม่เป็นภาษา
ชอบ ตอนที่ผมได้เช็ดคราบน้ำลายที่ไหลลงมาเปรอะแก้มของคุณ ผมอยากให้คุณผ่อนคลาย
และรู้สึกปลอดภัยยามอยู่กับผม ผมตั้งความหวังว่า ผมจะเป็นคนสุดท้ายที่จะทำร้ายคุณ แต่ก็หวังว่าจะไม่มีวันนั้น
ผมชอบคุณ เวลาคุณลืมตา ดวงตาของคุณสุกสกาว แม้จะมีแววหม่นเศร้า แต่ก็ยังงดงาม
แว่นกรอบใสที่คุณใส่ ก็ไม่สามารถบดบังความงามของมันได้
ผมชอบมองคุณเคลื่อนไหว ผ่านกระจกใสในห้องทำงานของผม คุณมักนำพาความสนใจของผม
ออกมาจากสิ่งที่น่าเบื่อ...อย่างตอนนี้
ตอนที่ผมนั่งฟังคำ แก้ตัวโง่ๆ ของ คนที่ตั้งใจทำลายอาชีพตัวเองด้วยการทุจริต แม้จะเล็กน้อย
แต่มันก็ไม่ควรเกิดขึ้น ไม่มีความสำนึก มีแต่คำแก้ตัว...ช่างน่าเบื่อ เสียงน่ารำคาญนั้นเงียบลงไปหลังจากที่ผมยกหูโทรศัพท์ เพื่อฟังเสียงคุณเรียกชื่อผม
“ครับ คุณใหม่”
…..
ตะวันคล้อยบ่าย ผมมีนัดกับเพื่อนสนิทที่ร้านกาแฟเล็กๆไม่ห่างจากสำนักงาน เพื่อนสาวข้างบ้านตัวเล็กๆ
ที่แบกรับอะไรบนบ่ามากมายเหลือเกิน วันนี้เธอมีรอยยิ้มสดใส ต่างจากครั้งสุดท้ายที่ผมได้พบเธอ
เดาว่า อะไรหลายๆอย่างคงดีขึ้นแล้ว
เสียงกระดิ่งที่ประตูร้านกาแฟดังขึ้น ผมหันไปมอง และเผลอยิ้มโดยไม่ตั้งใจ
ผมเห็นคุณเดินเข้ามา
To be Continued