พิมพ์หน้านี้ - ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ofious ที่ 17-08-2018 00:16:11

หัวข้อ: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 17-08-2018 00:16:11
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 1-10 fri 17aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 17-08-2018 00:24:29
เรื่อง :
เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นแฟน
#พระเพลิงมารีน

แพลนชีวิตที่มุ่งมั่นแค่แข่งขันวงดนตรีต้องพังพินาศเมื่อได้รับมอบหมายให้ดูแลอีกหนึ่งชีวิตสุดป่วน
โน่ นักเรียนใหม่ที่มาด้วยไลฟ์สไตล์โคตรนักเลง น้ำก็ตั้งใจจะเป็นแค่ ‘เพื่อนที่ดี’ ตามคำสั่งอาจารย์
แต่ไหงดูแลกันไปได้แค่ไม่ถึงวัน เจ้าโน่ก็ตั้งปณิธานจะเปลี่ยนสถานะจาก ‘เพื่อนให้กลายเป็นแฟน’ เสียได้
จากนักเลงที่เอาแต่ต่อยตี ก็หันมาเอาดีทางด้านวอแวหัวใจ
น้ำต้องสตรองแค่ไหน ถึงสามารถหลีกเลี่ยงไม่เปลี่ยนเพื่อนให้กลายเป็นแฟนได้


ทักทายกันได้ที่ Twitter @sweeterthansw ค่ะ ^^

_________________________




   ‘คุณมารีน ชั้น ม.5/3 ขอเชิญที่ห้องปกครองด้วยครับ’
   ม.ปลาย ผมอยากหมกมุ่นแค่การแข่งขันวงดนตรีระดับประเทศ แต่ชีวิตสงบไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงสัปดาห์ที่สองของการเปิดเรียนชื่อผมก็ถูกเรียกไปห้องปกครอง
   “ว่าไงนะครับครู!!!”
   “ไปเป็นบัดดี้เด็กใหม่”
   มันจะไม่หงุดหงิดเลยครับ ถ้าไอ้คนที่ครูปกครองและครูประจำชั้นกำลังยัดเยียดให้จะไม่ใช่โคตรอันธพาลในการ์ตูนญี่ปุ่น ย้ายจากโรงเรียนเก่ามาด้วยข้อหาซ้อมเพื่อนจนเข้าโรงพยาบาล อาการโคม่าปางตาย พ่อเป็นนักการเมืองต้องการปิดข่าว เลยจับโยนมาที่นี่
   ตัวอันตรายขนาดนี้ใครจะอยากเป็นบั๊ดดี้ด้วยว่ะ
   “ทำไมต้องเป็นเราอ่ะ” ผมหันไปถามเอากับหัวหน้าห้องที่ยืนอยู่ระหว่างอาจารย์ทั้งสอง
   “ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ เขานั้นเหมาะคิดขบถอัปลักษณ์ ฤาอุบายมุ่งร้ายฉมังนัก มโนหนักมืดมัวเหมือนราตรีและดวงใจย่อมดำสกปรกราวนรกชนเช่นกล่าวมานี้ ไม่ควรใครไว้ใจในโลกนี้ เจ้าจงฟังดนตรีเถิดชื่นใจ” หัวหน้าห้องร่ายพระราชนิพนธ์แปลของรัชกาลที่ 6 ออกมาคล่องปรื๋อ ผมก็ได้เเต่ขมวดคิ้วต่อไป เพราะยังปะติดปะต่ออะไรไม่ได้
   “ขอสรุปง่ายๆ เลยได้มั้ยกีวี่”
   “น้ำเป็นหัวหน้าชมรมดนตรีสากล ร้องเพลงเก่ง เล่นกีต้าร์เพราะ ตีกลองก็ได้ เปียโนก็ดี มีเมโลดี้ในหัวใจ เราคิดว่าดนตรีจากน้ำจะช่วยสะกดมารร้ายในตัวเพื่อนใหม่ไว้ได้ยังไงละ”
   “กีวี่! เพื่อนเป็นคนนะไม่ใช่ผี” แล้วเก่งดนตรีก็ใช่ว่าจะสยบมารได้นะโว้ย ไม่ไปหาพระมาสวดละว่ะ!
   “น้ำเเกต้องช่วยห้อง ต้องช่วยโรงเรียน เเกคงไม่อยากให้โรงเรียนบันเทิงศิลป์ของเราต้องขึ้นข่าวหน้าหนึ่งใช่มั้ยว่ามีเด็กตีกัน เป็นอันธพาลชกต่อย ฮึก...ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเรารับไม่ได้”
   “กีวี่ อย่ามาบีบน้ำตา!!”
   “ครูก็เห็นด้วยหรอฮะ” ผมหันไปถามผู้ใหญ่อีกสองคน สามัคคีกันพยักหน้าเชียว
   “แกคือความหวังของโรงเรียน!!” กีวี่พูดราวกับจะมีไฟลุกเป็นแบ็คกราวด์ด้านหลัง “ไป จงไปสู้เพื่อเด็กนักเรียน 2,185 คน”
เบะปากตอนนี้ทันมั้ย หมดกันชีวิต ม.5 ที่แสนสงบสุขของผม ขอเครียดแค่เรื่องแข่งวงดนตรีอย่างเดียวได้มั้ย นี่ต้องมาแบกความหวังของคนทั้งโรงเรียนเลยหรือว่ะ
   “ตอนเเรกครูก็ว่าจะให้กีวี่ดูเเล เเต่เป็นเด็กผู้ชายด้วยกันน่าจะคุยกันง่ายกว่านะ”
   โห...จริงๆ กีวี่มันเถื่อนกว่าผมเยอะเหอะ ยกให้ไปก็ได้มั้ง
   “นะมารีน เพื่อห้อง เพื่อโรงเรียน แล้วเธอคงไม่อยากให้เพื่อนใหม่ต้องย้ายออกไปเพราะเข้ากับใครไม่ได้หรอกใช่มั้ย” ครูไอยดาครูประจำชั้นผมทำตาปริบๆ
   สาบานสิว่านั้นคือเหตุผลไม่ใช่กดดันกัน ผมถอนหายใจเบาๆ เพื่อให้รู้ว่าก็ไม่ได้เเฮปปี้นักหรอกที่ต้องมารับผิดชอบชีวิตใครอีกคน แต่...ผมก็ยังอยากให้นายคนใหม่มีความสุขกับการมาโรงเรียนเหมือนกันนะ
ยังไง ม.ปลายมันก็น่าจะเป็นช่วงชีวิตที่สนุกที่สุดอยู่แล้วไม่ใช่หรอ
“ครูให้จิตพิสัยเพิ่ม 10 คะแนนยาวไปถึงม.6 เลยลูก” โปรฯล่อใจก็มาหวะ
“ปีหน้าก็เอาเกียรติบัตรนักเรียนคุณธรรมดีเด่นไปเป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงตระกูลได้เลย”
ผมพ่นลมจมูกบาน ถามว่าที่ล่อมานั้นอยากได้มั้ย
   “เด็กใหม่มาเมื่อไหร่ครับ” ผมถามเพื่อจะได้เตรียมตัว
   “เช้าวันนี้แหละน้ำ”
   !!! ขอเครื่องหมายตกใจคูณแปดตัวเลย
   หลังจากโน้มน้าวผมสำเร็จ กีวี่ก็กระโดดโหยงเหยง เอาเเขนพาดคอผมออกมาจากห้องปกครองทันที เธอเป็นผู้หญิงที่สูงกว่าปกติคือ 171 cm ส่วนผมเป็นผู้ชายสูงมาตรฐานคือ 175 cm เพราะฉะนั้นเราจึงกอดคอกันได้สบาย
   “เราเลี้ยงข้าวน้ำเลย อยากกินไรเต็มที่”
   “ควรอ่ะ โบ้ยตัวอันตรายมาให้เราสำเร็จแล้วหนิ”  ผมตัดพ้ออย่างไม่จริงจังนัก ที่จริงผมก็ไม่ได้นึกกลัวเด็กใหม่อะไรนั่นมากหรอกครับ แต่กังวลมากกว่าว่าจะดูเเลเขาได้ดีสมกับที่ทุกคนกดดันไว้รึเปล่า
   หลังเข้าเเถวเสร็จกีวี่ก็บงการให้เพื่อนผู้ชายตัวโตจัดโต๊ะคู่ใหม่ไว้แถวหลังสุดริมหน้าต่าง ที่นั่งว่างข้างๆ ผมเป็นของเด็กใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย ผมจัดของให้เข้าที่นิดหน่อยแล้วก็นั่งใจตุ๊บๆ ต่อมๆ รอ สวดภาวนาให้มารร้ายที่สิงร่างบั๊ดดี้หมาดๆ ยังไม่กำเริบเสิบสานมากนักเถอะ เพราะต่อให้ร้องเพลงเพราะแทบตาย ถ้าอีกฝ่ายไม่คิดจะฟัง ก็เป็นอันว่าหายนะอยู่ดี
   ระหว่างรอผมก็เริ่มวางเเผนในใจไปด้วยว่าจะดูเเลเพื่อนใหม่ยังไงดีให้มีความสุขในรั้วโรงเรียนบันเทิงศิลป์ของเรา ที่ชื่อเเบบนี้ไม่ได้ตั้งกันเอาฮานะครับ เเต่เราเป็นโรงเรียนเอกชนที่เน้นการเรียนการสอนด้านศิลปะเเละงานแขนงบันเทิงต่างๆ มีสายวิทย์น้อยห้องไว้สำหรับการเข้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่ต้องเรียนคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ห้องอื่นๆ เป็นสายศิลป์ภาษา กับศิลป์คำนวน แถมมีวิชาเลือกพวกดนตรีและศิลปะมากมายเพื่อใช้ทำ Portfolio ยื่นตรงกับคณะที่ต้องการ
เราเรียนกันเเบบเน้นกิจกรรมและสร้างประสบการณ์จริง ทำให้เป็นสายอาชีพที่มีคุณภาพ การันตีได้จากพี่ๆ ม.6 หลายคนมีมหาวิทยาลัยดนตรีมาจองตัวไว้แล้ว
คุณครูที่มาสอนหลายๆ ท่านเราเชิญมาจากสาขาอาชีพจริงๆ และมีอุปกรณ์การเรียน ห้องสตูดิโอมากมายให้เลือกใช้สอย
   ผมคิดอะไรเพลินๆ ว่าควรจะแนะนำให้โน่เรียนวิชาเลือกอะไรบ้าง คุณครูไอยดาก็เดินเข้ามาในคาบโฮมรูม เสียงกีวี่บอกเพื่อนๆ ทำความเคารพดังขึ้น และไม่นานคุณครูก็เรียกเพื่อนใหม่เข้ามาเเนะนำ
   ชื่อจริง ‘พระเพลิง’ ชื่อเล่นคือ ‘โน่’
   ฟังแค่ชื่อก็เหมือนทั้งห้องที่ติดแอร์เย็นฉ่ำระอุขึ้นมาทันที
   ผมมอง ‘โน่’ อย่างพิจารณาเขาตัวสูงมากอย่างกับไม่ใช่คนไทย ต่อเเถวกันคงอยู่หลังสุดของห้อง คิ้วเข้มเป็นเส้นตรงพาดเฉียง เบ้าตาลึกลงไปคมกริบ จมูกโด่งเป็นสันสวย และริมฝีปากบางกริบ โดยรวมคือหล่อ หล่อแบบนี้ทำไมไม่เอาเบ้าหน้าไปหากินกับอาชีพดารา ทำไมถึงชอบเอาโหนกคิ้วไปรับแรงกระแทกหมัด
ผมพูดแบบนี้เพราะเห็นผ้าก็อซที่ปิดอยู่ตรงหัวคิ้ว กับรอยช้ำที่มุมปากหน่อยๆ นี่คือคนต่อยเพื่อนจนนอนหยอดน้ำเข้าโรงพยาบาล แต่แผลตัวเองกลับมีแค่นี้อ่ะนะ
   เทพเจ้าสงครามป่ะถามจริง
   “ไปนั่งข้างคุณมารีนนะคะ” เสียงคุณครูไอยดาบอก
ผมสะดุ้งโหยง เพราะดวงตาคมกริบนั้นกวาดมาประสานกับสายตาผมที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วพอดี 
“มารีนจะเป็นบั๊ดดี้คุณพระเพลิง ตลอดช่วง ม.5 และ ม.6”
   คราวนี้สะดุ้งกว่า สาธุบุญครูไอยดา ผมก็นึกว่าเเค่อาทิตย์สองอาทิตย์พอให้เข้ากับสภาพเเวดล้อมใหม่ได้ นี่ต้องตัวติดกันไปสองปีเลยหรอ!
   เขายักคิ้วข้างเดียวทักทายผม แล้วก็พาร่างสูงๆ มานั่งลงข้างๆ มีเป้ย้วยๆ ติดมาใบนึง
   “แขวนไว้ข้างโต๊ะสิ” เห็นเขากำลังจะโยนลงพื้นผมเลยชี้ให้ดูตะขอเกี่ยว และพยายามยิ้มด้วยสีหน้าพร้อมเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในโรงเรียนให้เขา
   “เราชื่อมารีน...”
   “รู้”
   โดนไปดอกเเรก ที่ภาวนาว่าให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เริ่มจะไม่ได้ผลเเล้วครับ
   “เราชื่อเล่นชื่อน้ำ”
   “เราชื่อโน่”
   “รู้” ผมยักคิ้วกลับ
   คนตรงข้ามเลิกคิ้วนิดหน่อย คงไม่คิดว่าเด็กหน้าตาใจดีอย่างผมจะอ้อนตีนเป็นเช่นกัน
   “มาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเถอะนะ”
   โน่ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ดูเป็นยิ้มที่ไม่น่ามีเจตนาดี
“ไม่อยากมีเพื่อนเพิ่มแล้ว”
อยากจะสวนกลับไปว่า ‘ต่อยกันเลยมั้ย กวนตีนแลกหมัดหรอ’ แต่เดี๋ยวไอ้น้ำ คดีที่พ่วงมากับไอ้คุณเพื่อนใหม่นั่นไม่ธรรมดา ขืนไปท้าต่อยมัน ผมนี่แหละที่จะได้ไปนอนนับดาวบนฝ้าโรงพยาบาลเป็นรายถัดไป
ยังหาบทสนทนาต่อไปไม่เจอก็ดันเจอประโยควิบากกรรมมาต่อ
   “ถ้าเป็นแฟนละก็...พอได้”
   “วะ...ว่าไงนะ”
   โน่ยักคิ้ว เขาจะทดสอบความอดทนของผมใช่รึเปล่า
ท่องไว้ในใจว่าผมต้องไม่โกรธ ผมจะไม่โกรธ ผมเป็นชนมีดนตรีกาลในใจ ผมต้องเอาความสุนทรีย์ของบทเพลงมาสยบมารร้าย
   “อยากมีแฟนเป็นผู้ชายมานานแล้ว ถ้าได้ลองกับเธอคนแรกคง...สนุกดี”
   เปรี้ยง!!
   ขอโทษคุณครูไอยดา ครูฝ่ายปกครงและกี่วี่ด้วย ผมยั้งมือไม่ทันจริงๆ
   แต่อย่าคิดว่าโน่จะได้แผลจากผู้ชายตัวกะเปี๊ยกอย่างผม หมัดผมไม่ทันได้สัมผัสใบหน้าเขา มันก็ถูกสะกัดด้วยฝ่ามืออรหันต์ เขากำรอบหมัดผมเสียแน่นแล้วออกแรงบีบจนต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บ
   “ถ้าคราวหน้าต่อยมาอีก จะคิดว่าเธอชอบมีแฟนแบบซาดิสม์นะ”
   “หนึ่งหมัด หนึ่งจูบ แลกมั้ยละ”    
   พ่องมึง!! ผมสกรีมอยู่ในอก สะบัดเอา ‘หมัดที่เกือบได้แลกจูบ’ ออกมาอย่างทุลักทุเล ผมหันกลับมามองกระดาน เลิกคิดจะทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่แล้ว โบราณว่าไว้รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่นี่ครั้งแรกที่รบกันผมก็แพ้ราบคาบแล้ว เพราะฉะนั้นขออนุญาตนั่งเฉยๆ ตั้งหลักก่อนสักหนึ่งคาบเรียน     
คาบโฮมรูมครูไอยดาไม่สอนอะไรพวกเรามากครับ นอกจากเอาพวก Portfolio ของรุ่นพี่ดีๆ มาเเจกๆ ให้ดูเป็นเเนวทาง สลับกับใครอยากนอนก็นอนได้ แน่นอนว่าบั๊ดดี้ไฟเย่อร์ของผมไหลตัวไปกับโต๊ะเรียบร้อย
   และพอจบคาบคุณครูเดินออกไป โน่ก็เดินตามไปทันที ผมคิดว่าเขาจะไปคุยกับครูประจำชั้นเเต่เปล่า
   คาบ 2 โน่ก็ยังไม่กลับมา
   คาบ 3 ไม่เห็นเงาหัว
   คาบ 4 โดดเเล้วชัวร์
   พักเที่ยงผมเลยหัวร้อนทนไม่ไหวปลีกตัวจากเพื่อนๆ ที่กำลังไปทานมื้อเที่ยง วิ่งวนหาไอ้เพื่อนใหม่ที่ส่งตรงมาจากวงการอัธพาลโลกเขายังไม่น่าจะรู้จักโรงเรียนเรามาก ตอนแรกไปดูที่หลังโรงเรียนซึ่งเป็นสวนเกษตรมีนาข้าว แปลงผัก แล้วก็ควายไทยหนึ่งตัวก็ไม่เห็น ไปดูที่โรงยิมก็ไม่มี แต่เดี๋ยวนะที่สระว่ายน้ำมีห้องล็อกเกอร์ ตามตำราการ์ตูนญี่ปุ่นว่าไว้ แก๊งมั่วสุมมันต้องไปกระจุกรวมกันในซอกๆ อะไรแบบนั้นแหละ
เเล้วก็ไม่ผิดผมได้กลิ่นบุหรี่มาจากห้องล็อกเกอร์กลิ่นมิ้นต์แบบนี้ถูกคนชัวร์ เพราะเมื่อเช้าที่คุยกันผมก็ได้กลิ่นจางๆ ออกมาจากลมหายใจของโน่
สูบในนี้เดี๋ยวก็โดนทำทัณฑ์บนหรอก ผมยกมือขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดที่ขนาดโมโหอยู่ ยังนึกเป็นห่วงไอ้เพื่อใหม่ตัวโต ที่แม่งไม่ยอมให้ความร่วมมือเป็นเพื่อนที่ดีกับผมเลย
   ผมเดินมองหาโน่ตามซอกล็อคเกอร์ที่เรียงกันเป็นซอยๆ ก็ไม่เจอ เเต่พอกำลังจะหันหลังกลับเท่านั้น ก็เห็นร่างสูงใหญ่ ที่ดึงเนคไทด์ออกให้มันหลวม ปลดกระดุมคอหลุดลุ่ย กำลังยืนล้วงกางเกงนักเรียนอยู่ตรงหน้า
   “ในนี้เงียบดีนะ ลองทำอะไรสนุกๆ กันมั้ย”
   ถามเสียนึกถึงฉาก 18+ เลยมึง แต่เดี๋ยวก่อนเราต้องใช้ความดีปัดเป่าผีในตัวโน่ให้ได้
   “ทำไมโดดเรียน”
   โน่เดินช้าๆ เข้ามาหาผมพยายามเเข็งใจจ้องตาสู้เเล้ว แต่ดวงตาเขาก็ร้ายเกินไป เหมือนหมาป่ากำลังจะขย้ำเหยื่อเลย แล้วเหยื่อที่ว่าก็เป็นแค่กระต่ายน้อยตัวจ้อยด้วยดิ
ผมถอยเท้าหลบตามสัญชาตญาณ ความดิบเถื่อนที่เขาปล่อยออกมาทำให้ขาผมเริ่มจะสั่น เราก็เด็กม.ปลายเหมือนกันแต่ทำไมเขาถึงน่ากลัวได้มากขนาดนี้นะ
เขาผลักผมติดล็อกเกอร์ มือใหญ่ยึดไหล่ผมไว้ไม่ให้ขยับ ใบหน้าคมยื่นมาจนได้กลิ่นควันบุหรี่รสเดิมในลมหายใจ    
   “เป็นแค่เพื่อนไม่เสือกดิ!”
   ผมโมโหจนอยากจะต่อยให้อีกสักเปรี้ยง แต่คำขู่ที่เขาให้ไว้ยังทรงพลัง ‘หนึ่งหมัด หนึ่งจูบ’ ใครมันจะกล้าว่ะ แถมไหล่ที่โดนอีกฝ่ายยึดไว้ก็เจ็บไปหมด ได้เเต่กัดฟันจองตาเขาไปอย่างไม่ยอมเเพ้
   “ต้องทำยังไงถึงจะยอมพูดดีๆ กับเรา”    
   เขาจ้องหน้าผม สายตายังคงดุดันไม่เปลี่ยน
   “เป็นแฟนดิ แล้วจะเป็นเด็กดีให้เลย”
   ผมรู้นะครับว่าตัวเองหน้าตาดี แต่เบ้าหน้ามึงก็ไม่ควรชักนำภัยร้ายมาสู่ตัวสิ!!
โน่ก้มลงมาจนใกล้มาก ใกล้จนผมต้องหลับตาปี๋ แล้วทุกอย่างมันก็เงียบมีเพียงเสียงลมหายใจของเขาที่ดังอยู่ริมหู กับลมอุ่นๆ ที่ปะทะแก้ม
ถ้าแหกปากร้องเพลงออกไปตอนนี้ผมจะไล่มารร้ายออกไปได้มั้ยนะ
“น่ารัก...”
   ฉ่า!
   เขาต้องกำลังแกล้งผมอยู่แน่ๆ ไม่นะไอ้ผีร้ายออกไปเดี๋ยวนี้ ผมอึ้งจนเผลอลืมตาขึ้นมาดู
   โน่ยังคงจ้องตาผม เขากัดมุมปากล่างเเล้วก็ยกยิ้มร้ายๆ ใส่
   “เหมือนหมาตัวเล็กๆ เลย เห่าดัง แต่ก็สู้อะไรใครไม่ได้”
เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วก็เอนตัวกลับไป ทิ้งให้ผมยังใจเต้นเเรง เป็นการทำความรู้จักกันวันแรกที่ใจไม่ค่อยดีเลย






   
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 1-10 fri 17aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 17-08-2018 00:28:01
Chapter 2
   
   โน่ไม่มาโรงเรียน!!
   โน่ทำผมประสาทเสียตั้งเเต่วันที่สอง
   ความหงุดหงิดของผมเเผ่ซ่านจนเพื่อนๆ ในกลุ่มไม่กล้าเข้าใกล้ ตาตี่ๆ ของผมจ้องเขม็งไปที่ประตู ราวกับว่าทำแบบนั้นแล้วจะเห็นคนตัวสูงๆ เดินเข้ามา เเต่เปล่าหลังพักสิบนาทีหลังคาบสอง โน่ก็ยังไม่ย่างกรายเข้ามาในห้อง
   “หงุดหงิดหวะ” ผมสบถออกมาแถมยังเผลอทำเสียงตึงตังดัวยการหยิบหนังสือเรียนเเรงกว่าปกติ
   “เป็นไรน้ำ” กีวี่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าผมไปอีกสองโต๊ะหันมาถาม
   “โน่ไม่มาเรียน”
เพื่อนในกลุ่มอีกสามคนหันมามองตาม 
   “ไม่มาเเล้วมั้ง” คริสตัลบอก
   “โทรตามดิ” ทอยพูดบ้าง
ผมฟังแล้วก็ถึงกับดึงทึ้งผมตัวเองอย่างหงุดหงิดอีกรอบ
   “เป็นบ้าหรอ” ชูครีมเอื้อมมือมาตบหัวผมเบาๆ
   “เราไม่มีเบอร์โน่ ลืมขอไว้” รู้สึกเป็นความผิดขั้นมหันต์เลยครับ อาชีพการเป็นบั๊ดดี้ของผมคงไม่ผ่านโปรเเล้ว
   กีวี่ยกมือถือของตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอเข้าอีเมล์แล้วคงไล่ดูชื่อคอนเทคเพื่อนๆ ในห้อง
   “มีเบอร์บ้านกับที่อยู่อ่ะ ไม่มีเบอร์มือถือ” หัวหน้าห้องบอกเสียงอ่อยๆ
   “เดี๋ยวลองโทรดู”
   ผมพิมพ์เบอร์ แล้วขออนุญาตครูสอนภาษาอังกฤษไปเข้าห้องน้ำ ที่จริงก็ไปโทรหาโน่นั่นเเหละ ตอนเเรกหงุดหงิดที่เขาเกเรไม่มาโรงเรียน แต่คิดๆ ไปอาจจะป่วยก็ได้
   ‘สวัสดีค่ะ บ้านฉัตราวรฤทธิ์’ เสียงผู้หญิงสูงวัยรับ ผมไม่เเน่ใจว่าเป็นคุณเเม่ของโน่หรือเปล่า
   “ผมเป็นเพื่อนโน่ ที่โรงเรียนบันเทิงศิลป์นะครับ ไม่ทราบว่าโน่ป่วยหรือเปล่า ทำไมไม่มาโรงเรียนครับ”
   ผมได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสาย
   “คุณโน่ไม่ได้ป่วยหรอกค่ะ เธอโดดเรียนเฉยๆ”
   ผมควันออกหูทันที ถ้าลากโน่มาเรียนไม่ได้วันนี้อย่าเรียกผมว่าน้ำ หัวหน้าชมรมดนตรี!!
   หลังวางโทรศัพท์ ผมเดินดุ่มๆ ไปห้องพักครูแล้วขออนุญาตคุณครูไอยดาไปตามนักเรียนใหม่ที่บ้าน บ้านโน่อยู่ขอบกรุงเทพฯ เลยแถบพุทธมนฑลโน่น กว่าจะนั่งแท็กซี่มาถึงก็เที่ยงพอดี อยากจะถ่ายรูปค่ามิเตอร์เกือบสี่ร้อยเอาไปให้ดูนัก
พอรถจอดตามโลเคชั่นที่ผมปักหมุดในกูเกิ้ลก็แทบหงายหลังอีกรอบ บ้านโน่กว้างมากประมาณสองสนามฟุตบอลรวมกัน ผมกดกริ่ง ไม่นานก็มีลุงยามเดินออกมาต้อนรับ
   “ผมชื่อน้ำ เป็นเพื่อนโน่ครับ”
   คุณลุงเปิดรั้วแล้วบอกให้ผมขึ้นรถกอล์ฟเพื่อจะไปส่งให้ถึงหน้าบ้าน นั่งบริกรรมคาถาก่นด่าโน่ไปในใจจนรถคันเล็กจอดสนิทที่โถงบันได
แม่บ้านเดินออกมารับผมเข้าไปนั่งรอที่ชุดโซฟาหลุยส์ตรงห้องรับเเขก จากนั้นพี่ผู้หญิวงอีกคนก็คลานเข่านำขนมชิ้นเล็กๆ น่าทานกับเครื่องดื่มสีสวยมาให้
ความอลังการของบ้านโน่เล่นเอาผมตัวลีบเหลือจึ๋งเดียวเลยครับ จากที่ตอนเเรกมาอย่างฮึกเหิม
   “เธอ..เอ่อ...น้ำ มาได้ไง!” โน่วิ่งลงบันไดวนของบ้านมา ผมมองเขาตั้งเเต่หัวจรดเท้า ยังใส่ชุดนอนลายทางอยู่เลย เหอะ!
   “ทำไมไม่ไปโรงเรียน!” ผมยืนขึ้นกอดอก รู้สึกเป็นท่าเตรียมหาเรื่องที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว สถานการณ์ในห้องล็อกเกอร์เมื่อวานยังแอบหลอนอยู่ไม่น้อย
   โน่เดินเข้ามาหยุดยืนใกล้ๆ ผมถอยโดยอัตโนมัติไปหนึ่งก้าว มึงเข้ามาอีกกูวิ่งออกไปนอกสนามอ่ะคอยดูดิ
   “นี่มาจากโรงเรียนหรอ” เขาถาม
   “ใช่สิ” แต่งตัวเต็มยศขนาดนี้ ไม่หิ้วกระเป๋ามาด้วยก็บุญเเล้ว
   “มาทำไม”
ผมนี่แทบจะเท้าเอวด่า และถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายสูงกว่ามากนะจะบิดหูให้
   “มาตามเด็กเกเรไปโรงเรียน”
   โน่หัวเราะลั่น กล้าดียังไงที่มองความหวังดีของผมเป็นเรื่องตลก
   “ตลกมากมั้ย”
   “ก็นิดนึง ไม่นึกว่าจะจริงจังกับการไปโรงเรียนมากขนาดนี้”
“เราไม่ได้จริงจังกับการไปโรงเรียน แต่เราจริงจังกับโน่ เราได้รับมอบหมายให้ดูแลโน่ให้ดี และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่โรงเรียน”
“เค้าจ้างเธอมาเท่าไหร่ เราจ่ายให้มากกว่าแล้วเลิกยุ่งกับชีวิตเราซะ”
หมัดผมสั่นอีกละ อยากจะสะบัดไปกระแทกปากแดงๆ นั้นให้แตกนัก แต่เดี๋ยวก่อนน้ำ เราเป็นคนมีดนตรีในหัวใจหาใช่อันธพาล อย่าไปใช้กำลังตามเขาสิ
“การเป็นห่วงเพื่อนสักคนไม่ต้องมีค่าจ้างหรอกนะ” ผมตอบแล้วก็ถอนหายใจ “ค่าตอบแทนของเราคือเห็นโน่มีความสุขกับการเรียน ม.5 และ ม.6 ที่โรงเรียนบันเทิงศิลป์”
เขามองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย
“แค่อยากให้เรามีความสุขอะนะ เธอเลยต้องลงทุนนั่งรถมาตามไกลขนาดนี้”
“อือ”
“หึ กว่าเราจะเเต่งตัวเสร็จ กว่าจะนั่งรถไปถึง ก็เลิกเรียนเเล้วป่าว”
   “แล้วทำไมไม่ไปตั้งเเต่เช้า”
   “ขี้เกียจ”
   “โน่!!” ผมเผลอขึ้นเสียงกับเขา ผมเกลียดคนไม่มีความรับผิดชอบ ซึ่งตอนนี้บั๊ดดี้ของผมเหมือนเป็นศูนย์รวมของความน่าหงุดหงิดทุกอย่างของผม
   “ถึงจะเลิกเรียนก็ต้องไป โรงเรียนมีเช็ควันขาดนะ โน่มาระหว่างเทอมก็ถือว่าขาดไปหลายวันเเล้ว เดี๋ยวก็ไม่มีสิทธิ์สอบหรอก” ผมพยายามพูดดีๆ กับเขา พร้อมยกเหตุผลขึ้นมาอธิบาย
   “ไม่ให้สอบก็เอาเงินบริจาคโรงเรียนดิ ไม่ก็ย้ายโรงเรียน”
   “นายพระเพลิง อย่ามาทำตัวไร้ความรับผิดชอบแบบนี้นะ!” ผมขึ้นเสียงอย่างอดไม่ได้ “มีหน้าที่เรียนก็ต้องไปโรงเรียน ถ้าเกเรเเต่เด็ก โตไปจะเป็นคนดีของสังคมได้ยังไง”
   “แค่นี้ทำไมต้องจริงจังด้วย”
   ผมทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากยืนมองหน้าคนที่ตัวสูงกว่าด้วยความโกรธที่ตีอยู่ในอก
   “โน่ เราขอร้องไปโรงเรียนเถอะ” ผมพยายามพูดดีดีกับเขาอีกครั้ง
   “เธออยากไปก็ไปดิ เราไม่อยากไป”
   “แต่โน่ต้องไปโรงเรียน!” ผมยืนยันคำเดิมโดยไม่ยอมเเพ้ ถ้าผมอ่อนให้เขาวันนี้ วันอื่นๆ เขาก็จะไม่ไปอีก แล้วเขาจะมีความสุขกับชีวิต ม.ปลายได้อย่างไรกัน
   “จะวุ่นวายกับชีวิตเราทำไม เป็นเเค่คนเรียนห้องเดียวกันนะเว้ย พ่อแม่ยังไม่วุ่นวายกับเราขนาดนี้เลย”    
   “...”
   “รึอยากเป็นมากกว่าเพื่อน...ขึ้นห้องนอนด้วยกันตอนนี้เลยก็ได้นะ”
   คำพูดของโน่ทำให้ผมกำมือแน่น ทำไมเขาถึงมองไม่เห็นความหวังดีของผมเลยนะ แถมยังพูดจาน่าไม่อายแบบนั้นออกมาได้บ่อยๆ อีก
   เอาละการรบรอบสองของผมก็ดูเหมือนจะพังไม่เป็นท่า แต่ตอนนี้ผมก็โมโหเกินกว่าที่จะสู้กับเขาต่อ
 “ขอโทษที่มารบกวน!!”
   ผมวิ่งออกไปจากบ้านโน่เร็วๆ ใครเคยเป็นเหมือนผมบ้างครับ ที่เวลาโมโหมากๆ แล้วจะร้องไห้ออกมา อาจจะเป็นเพราะผมเป็นลูกคนเดียว อารมณ์มันเลยนำเหตุผลในบางครั้ง
   แต่กระนั้นก็เถอะ ผมพยายามวิ่งอย่างช้าๆ เพื่อให้โน่ตามมาทัน ตอนร้องผมว่าผมทิ้งจังหวะให้โน่เห็นเเล้วนะว่า ‘มึงทำกูร้องไห้’ ถึงขั้นทำเพื่อนเสียน้ำตา ถ้ายังเป็นมนุษย์อยู่ก็น่าจะต้องหวั่นไหวบ้างล่ะ
   โน่วิ่งตามมา ขาเขายาวกว่าผม เลยวิ่งตามมาทันตั้งเเต่ผมยังไปไม่ถึงรั้ว
   “ร้องไห้ทำไม”
   ผมก้มหน้างุด คือทั้งเรื่องจริงทั้งแผนมันก็ปนๆ กันอ่ะครับ เลยน้ำตาไหลได้อย่างแนบเนียน
   “ร้องทำไม...” เขายังถาม แล้วพยายามจะดึงไหล่ผมให้หันไปหาเขาให้ได้ ผมขืนตัวไว้สุดเเรง เขาเลยเดินอ้อมมาก้มมองเเทน
   “เราถามว่าน้ำร้องไห้ทำไม!?” มึงจะปลอบหรือจะตะคอกกู เลือกก่อน
   ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกดุ ทั้งที่โน่คือคนผิด
“เราโมโหโน่ แต่เราทำอะไรไม่ได้”
   “ก็เลยร้องงั้นหรอ”
   “ใช่!” ผมตอบอย่างโมโห
   “เราขอโทษ” โน่ใช้น้ำเสียงที่อ่อนลง
   “ถ้าจะให้เราหยุดร้อง โน่ต้องไปโรงเรียน!” เข้าเเผนเเล้วก็เล่นตามบทต่อทันที
   ผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะ เขาจ้องหน้าผมแล้วหัวเราะต่อเนื่องนานมาก
“เฮ้อ...งอแงสมเป็นลูกหมา” 
ผมมองหน้าเขาใครว่าผมงอแง
“เราแพ้น้ำตามากๆ รู้มั้ย เราทนเห็นใครร้องไห้ไม่ได้เลย”
รู้แบบนี้กูร้องไห้อัดหน้ามึงตั้งแต่วันแรกอ่ะโน่
   “ถ้าจะให้ไปโรงเรียนก็มาช่วยเเต่งตัว”
   เป็นคุณชายหรือไง ที่ต้องมีคนใช้มาช่วยทำนู่นทำนี่ให้
   “ไวไวครับ เดี๋ยวไม่ทันเลิกเรียน”
ผมได้เเต่เลยตามเลยเดินตามเเรงฉุดที่ข้อมือของคุณเข้าของบ้านขึ้นไปยังชั้นสองของคฤหาสน์หลังโต จินตนาการภาพตามในละครช่องสามนั่นเเหละครับ ที่มีห้องหลายๆ ห้องเรียงกัน ผมก้มหัวทักทายคุณเเม่บ้านที่ยืนทำความสะอาดอยู่เป็นระยะๆ ห้องของโน่อยู่ด้านในสุด
   เปิดประตูบานไม้เข้ามาด้านในตกแต่งต่างจากส่วนอื่นของบ้านโดยสิ้นเชิง ผมยิ้มขำเขาคงไม่ชอบความเยอะของบ้านเเบบหลุยส์ เลยโมดิฟายห้องเสียมินิมอลเชียว เบาะนอนขนาดใหญ่วางอยู่บนเตียงเตี้ยๆ หน้าเตียงมีฟูกนุ่มๆ วางกองๆ กันอยู่เขาคงไว้ใช้นั่งเล่นเกม เพราะบนจอทีวีขนาดใหญ่มีหลักฐานเปิดค้างอยู่ รอบๆ
   “นั่งเล่นไปก่อน ขออาบน้ำเเป๊บนึง” พูดจบเขาก็หายเข้าไปในห้อง ส่วนผมก็ทิ้งตัวลงนั่งกับกองฟูกหน้าเตียง กลิ่นน้ำหอมผู้ชายเเบบเซ็กซี่ลอยอวลจากๆ อยู่ในห้อง คงเป็นกลิ่นที่เจ้าตัวใช้บ่อยกระมัง
   ไม่ถึงห้านาทีโน่ก็ออกมาพร้อมหัวที่เปียกโชก และผ้าเช็ดตัวมัดเอวไว้หลวมๆ ผมไม่ตั้งใจมอง เเต่ก็เห็นว่ารูปร่างเขาดีทีเดียว มีกล้ามหน่อยๆ สมเเล้วกับที่มีดัมเบลขนาดสิบกิโลวางไว้ข้างเตียง
   เขาเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อเเละกางเกงนักเรียนออกมา ผมหันหลบทันที ก็อยากให้เขาเป็นส่วนตัว ไม่รู้จะทำอะไรเลยหยิบมือถือขึ้นมาเปิดไลน์ดู ลืมรายงานเพื่อนในกลุ่มไปเลยว่าถึงบ้านโน่นานเเล้ว
   “น้ำ”
   “ว่า”
   ผมตอบโดยไม่หันไปมอง
   “ผูกไทด์ให้หน่อยดิ ไม่ถนัดเลย”
   โรงเรียนผมเป็นเอกชน ที่ท่านผู้อำนวยการรุ่นเเรกๆ มีเชื้อฝรั่งครับ ดังนั้นเป็นโรงเรียนคริสเตียน และเครื่องเเต่งกายก็ยังใกล้เคียงโรงเรียนอินเตอร์ด้วย เสื้อนักเรียนสีครีมอ่อน กางเกงขายาวลายสก็อต และเนคไทด์น้ำตาลลายเดียวกับกางเกง โน่อาจจะมาจากโรงเรียนที่ไม่ได้ผูกไทด์มาก่อน ผมเอามือหยัดตัวขึ้นจากฝูกนุ่ม แล้วเดินไปหาเขาที่หน้ากระจก โน่ปล่อยมือจากปมไทด์ที่ยุ่งเหยิง เเละรั้งขึ้นไปแทบจะรัดคออยู่เเล้ว
   “ต้องผูกแบบนี้ ดูนะ” ผมรับมันต่อจากมือโน่ แล้วคลายออกด้วยความเชี่ยวชาญ
   “ไม่ดูอ่ะ ให้น้ำมาผูกให้ทุกวันเเทนได้ป่ะ”
   “บ้านไกลขนาดนี้ใครจะมาผูกให้ฟระ!” ผมลืมตัวพูดไม่เพราะกับเขาออกไป โน่หัวเราะทันที
   “เปี๊ยกดุ”
   “ใครเปี๊ยก” ผมโวยวาย แต่มือก็ดึงเชือกสองข้างให้ได้ระยะที่พอดีไปด้วย
   “น้ำไง หมาเปี๊ยก”
   “โน่!!” ผมขึ้นเสียงใส่ แล้วก็เอาคืนด้วยการรูดสายเนคไทด์แรงๆ จนรัดคอเขา
   “โอ๊ย! ขอโทษครับ” โน่รีบโวยวาย ผมรู้สึกดีใจนิดหน่อยที่ชนะยกนี้ แต่เนคไทด์มันก็เสียรูปทรงจนต้องแกะออกมาผูกใหม่อีกรอบ
   “โน่ดู เราจะผูกใหม่ให้อีกรอบ”
   ครั้งนี้เขาไม่ต่อปากต่อคำเเล้ว และคงก้มลงมาดูจริงๆ เพราะผมรู้สึกได้ถึงลมอุ่นๆ ที่กระทบเส้นผมตรงหน้าผากจนมันขยับไหว กลิ่นกายโน่ยังหอมเหมือนเดิม ลมหายใจรสมิ้นต์ของเขาก็เช่นกัน
   “เสร็จเเล้ว” ผมบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริง เพราะรู้สึกว่าผูกสวยกว่าของตัวเองวันนี้เสียอีก จังหวะที่เงยขึ้นไปมองหน้าโน่จมูกเขาเเทบชนหน้าผากผมแหนะ จมูกโด่งชะมัด
   “ไหนดูสิว่าสวยจริงหรือเปล่า” เขาพลิกตัวผมเข้าหากระจก แล้วตัวเองก็ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง เหมือนจะยืนเทียบ เเต่โน่ซ้อนอยู่ข้างหลังทั้งตัวแล้วจะเห็นเนคไทด์ตัวเองได้ไง ผมมองตาเขาผ่านกระจก เพื่อบอกให้ขยับตัวมายืนข้างๆ กันสิจะได้เห็น เเต่เขากลับทำเป็นไม่เข้าใจ และทุกครั้งที่โดนสายตาโน่ตรึงเอาไว้ ผมก็มักจะทำอะไรไม่ค่อยถูก
   ทั้งห้องเงียบ แล้วเหมือนเสียงหัวใจผมจะดังมาก
   “รู้ตัวมั้ยว่าน่ารัก” เขาพูดออกมาเบาๆ ผมอ่านปากเขาผ่านกระจกนั้นเเหละ แล้วก็พยักหน้ารับ
   “รู้ดิ เราก็ว่าเราหน้าตาดีระดับนึง” ตอบอย่างไม่อายปากครับ เพราะพ่อผมก็หล่อ แม่ผมก็สวย หน้าผมได้ส่วนดีๆ ของทั้งสองท่านมารวมกัน ถึงจะได้ทางเเม่มามากหน่อยก็เถอะ ตาเรียวใส คิ้วตกหน่อยๆ ทำให้ผมดูเป็นคนใจดี จมูกผมได้รูปแล้วโดยไม่ต้องพึ่งหมอศัลยกรรม และปากก็เป็นกระจับเข้าบล๊อคพิมพ์นิยม ผิวขาวตามสเตอริโอไทป์คนจีนเป๊ะ การันตีความหน้าตาดีได้จากกองช็อคโกเเลตวันวาเลนไทน์
   “เราหมายถึงนิสัย” โน่บอก ผมอ้าปากจะเถียงแต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าต้องเเย้งว่าอะไร
   “ขอบคุณนะที่...เอ่อดูแลเราอย่างจริงจังดี”
   “เออ จงตอบแทนเราด้วยการไปโรงเรียนอย่างมีความสุขซะ”
   เขาหัวเราะขำ ไม่รู้ว่าโน่เข้าใจในสิ่งที่ผมบอกไปบ้างรึเปล่า ผมหันกลับไปเช็คเนคไทด์ให้เขาอีกนิดหน่อย
   “มีแฟนรึยัง” จู่ๆ โน่ก็ถาม ผมเลยเงยหน้าขึ้นไปมอง
   “ยังอ่ะ”
   “จีบนะ”
   ผมกรอกตา
   “ไปโรงเรียนให้ครบได้ทุกวันก่อนเหอะ แล้วค่อยคิดจะจีบเรา”
   “เนี่ย ไปจีบน้ำไง จะได้มีแรงจูงใจให้ไปโรงเรียน”
   เออ...เรื่องของมึงเลยคุณพระเพลิง หยอดแม่งจนเลิกเขินแล้วครับ   
   “เเต่งตัวเสร็จก็ไปโรงเรียนได้แล้ว” ผมเปลี่ยนเรื่อง เขาพยักหน้า เดินไปหยิบเป้ใบเดิมขึ้นสะพายหลังข้างหนึ่ง แล้วก็เดินนำออกไปนอกห้อง
   ผมวิ่งตามเขาลงบันไดไปขายาวแล้วไม่เข้าใจคนขาสั้นใช่มั้ย แต่จู่ๆ โน่ก็หยุดกึกที่ขั้นสุดท้าย ผมเบรกไม่ทันเลยหน้าทิ่มพรวดเข้าไปที่หลังเขาไปเต็มๆ แถมยังสะดุดขาตัวเองร่วงอีก ดีที่โน่คว้าเเขนไว้ทันพูดให้ถูกคือเขาหันมาช้อนเอวไว้นั่นเเหละครับ เมื่อยืนได้จังหวะแล้วโน่จึงค่อยปล่อยมือ ผมถอนหายใจออกอย่างโล่งใจ เเล้วพึ่งเห็นว่าสาเหตุที่โน่หยุดคือป้าแม่บ้านยืนขวางไว้
   “ทานข้าวเที่ยงก่อนไปนะคะ” เธอเอ่ยยิ้มๆ “ป้าตั้งโต๊ะให้เเล้ว” น้ำเสียงใจดีเจือความเอ็นดูนั้นผมจำได้ว่าเป็นเสียงเดียวกับที่รับโทรศัพท์
   “ผมรีบอ่ะป้าน้อย” โน่พูด ผมเลยกระทืบเท้าเขาไปเต็มเเรง ทำไมถึงนิสัยเเย่กับผู้ใหญ่ได้ขนาดนี้นะนายพระเพลิง
   “ทานครับ ผมขอฝากท้องหน่อยนะครับ”
   โน่หันมาทำตาเขียวใส่ “ไหนน้ำบอกให้โน่รีบไปโรงเรียน”
   “ไปป่านนี้ กว่าจะถึงโรงอาหารก็ปิดเเล้ว เดี๋ยวหิวแล้วคาบบ่ายเรียนไม่รู้เรื่อง”
   เขาทำหน้าจะบ่นอะไรสักอย่างใส่ผม แต่ยกนี้คิดว่าตัวเรานี่เเหละชนะเลยยักคิ้วแบบกวนๆ ใส่เขาบ้าง แล้วก็เดินกระเเทกไหล่แบบเท่ๆ ไปหาป้าน้อย
   “ไปทานข้าวกันครับ ผมหิวแล้ว” นี่อ้อนผู้ใหญ่ก็เป็นสกิลที่ดีของผมเช่นกัน ป้าน้อยยิ้มรับแล้วจูงมือผมไปห้องครัวทันที แต่ผมได้ยินนะว่ามีคนเดินงอเเงกระทืบเท้าเเรงๆ ตามมาข้างหลัง
   ป้าจัดอาหารไทยไว้เต็มโต๊ะ ซึ่งมีไข่พะโล้ที่ผมชอบด้วย เลยซัดเสียอิ่มเเปล้ครับ ตบท้ายด้วยลอดช่องน้ำกะทิ ซึ่งคุณพระเพลิงเขาไม่ชอบของหวานเลยผ่าน สบายครับผมกินสองถ้วย
ก่อนจะก้าวพ้นห้องครัวป้าน้อยแอบยกนิ้วโป้งให้ผม แล้วชี้ไปที่เจ้าตัวโตจอมเกเร เราเเอบขยิบตาอย่างรู้กัน อย่างน้อยคุณป้าก็เป็นพวกผมแล้ว วันหลังเวลามาตามนายพระเพลิงผมพกปิ่นโตมาด้วยดีกว่า
   โน่ไม่ยอมให้รถที่บ้านขับมาส่ง แต่ให้ลุงยามเรียกเเท็กซี่ให้เเทน ไม่นานเราสองคนก็ขึ้นไปอยู่บนรถเรียบร้อย แอร์เย็นๆ กินอิ่มๆ ก็หลับสิครับรออะไร
   กำลังเคลิ้มๆ คอพับๆ ผมก็ได้ยินเสียงทุ้มๆ จากคนข้างๆ
   “พิงมานี่ดิหมา”
   งัวเงียไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวหรอกครับ เเต่เหมือนมีอะไรสักอย่างดึงหัวไป แล้วผมก็หลับอีกรอบ

   “คาบบ่ายว่างนะ”
   “แล้ว…?”
   “เราจะลงไปซ้อมเพลงกับชมรมดนตรีสากล”
   “อ่าหะ”
   “โน่ต้องไปกับเรา”
   ผมต้องลากโน่มาขัดเกลาจิตให้ได้ ผมต้องข่มสัตว์ร้ายในตัวเขา
   “ขอเหตุผลดีๆหน่อย”
   “ถ้าไม่ไปกับเรา โน่จะต้องนั่งว่างเป็น 4-5 ชั่วโมง จะไปหมกตัวในห้องล็อกเกอร์เหมือนเมื่อวานแล้วสูบบุหรี่ไปตลอดจนโรงเรียนเลิกหรือไง แถมยังมีน้องม. ต้นมาใช้โรงยิมอีก เจี๊ยวจ้าวหนวกหูโน่ต้องรำคาญมากแน่ๆ เพราะฉะนั้นไปเล่นดนตรีกับเราเถอะ” ผมพ่นห่าเหวอะไรไม่รู้ออกมาเต็มไปหมด แต่มันได้ผล เขาหันกลับมา
   “รำคาญหมา”
   ปากร้ายจังวะ
   “ไหนบอกว่าจะจีบ ก็ต้องอยู่ใกล้ๆ เราดิ”
   คราวนี้ผมเห็นเขาเหมือนจะแก้มแดงหน่อยๆ
   “หึ...ไปก็ได้”
   ก็แค่เนี่ย แม่งทำเป็นเก๊ก
   “น้ำเล่นกีต้าร์หรอ” เขาถามขณะที่ผมกำลังหยิบถุงใส่กีต้าร์ไฟฟ้าจากตู้เก็บของหลังห้องเรียน
   “ใช่ แต่ชอบเล่นเปียโนแล้วก็ร้องเพลงด้วย” ผมเลือกตอบเขายาวหน่อย ความสัมพันธ์ของเราจะได้ยาวตาม
   “เก่งดี”
   “โน่ละ เล่นอะไรเป็นบ้าง”
   “ไม่มี”
   ผมย่นจมูกทันที ตอบแบบนี้ก็สิ้นสุดบทสนทนาเลยดิ
   “แล้วอยากเล่นอะไรเป็นมั้ย ที่ชมรมเรามีหลายคน เล่นได้เกือบทุกอย่าง สอนได้”
   “กีต้าร์ไฟฟ้า” โน่ตอบ ผมเลิกคิ้ว เรายังคงก้าวเอื่อยๆ ลงบันไดไปด้วย รุ่นน้องผู้หญิงหลายคนสวนมา แล้วเเอบกรี๊ดโน่กันเบาๆ เเต่ก็ยังลอยเข้าหูพวกผมอยู่ดี 
   “ได้ เดี๋ยวเราหาคนเก่งๆ มาสอนให้”  ผมตอบ ตอนนี้ในหัวก็มีใบหน้ารุ่นพี่รุ่นน้องสายกีต้าร์ลอยมาเต็ม
   “ถ้าอยากให้เล่นดนตรี ก็จะเรียนกับน้ำ” นั่นไง...เล่นผมเเล้ว
   “อยากให้เราอยู่ในโอวาทไม่ใช่หรอ”
   เออ...ใช่ เเม่งทำชีวิต ม.5 ผมรวนไปหมดแล้วเนี่ยไอ้ตัวดื้อเอ้ย!!
   “ถ้าให้เราสอนต้องห้ามดื้อนะ เราดุ”
   เขาหันมามอง ผมทำหน้าจริงจังใส่ ผมเป็นคนเเบบนี้ และถ้าโน่เกิดรับไม่ได้กลัวจะโกรธกันป่าวๆ ดีไม่ดีบันดาลโทสะ ต่อยผมตาเเตกไปอีก
   “เราไม่ดื้อ...กับแฟน”
   ผมทำหน้าฮึ่ยออกมาอย่างหงุดหงิดโดนโน่ย้อนแล้วครับ
“กับเพื่อนก็ห้ามดื้อ!!”
“ที่เคยบอกว่าอยากเป็นแฟนอ่ะ...เราไม่ได้พูดเล่นนะ”
โน่ยกนิ้วขึ้นมาสะกิดปลายจมูก ด้วยสายตาวิบวับแบบที่ถ้าเป็นสาวน้อยต้องระเบิดตัวเองตายไปเลย
เขาหัวเราะน้อยๆ แล้วก็หันหลังล้วงกระเป๋าเดินนำไป
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 1-10 fri 17aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 17-08-2018 00:32:09
Chapter 3



‘โทรปลุกตอนตีห้า’
‘เจ็ดครึ่งเจอกันที่ประตู’
‘กินข้าวด้วยกันที่โรงอาหาร’
‘เข้าเเถวพร้อมกันแปดโมง’

และนั่นเป็นคำสั่งของบั๊ดดี้เทวดาของผมตอนก่อนเเยกย้ายกลับบ้านเมื่อวานนั่นเอง

“ถ้าอยากให้โน่มาโรงเรียน น้ำต้องทำ”

คิดหรือว่าผมจะตามใจคุณชายพระเพลิง หึ

คุณคิดถูก! เพราะตอนนี้ผมมายืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนเรียบร้อย แถมเมื่อเช้าก็โทรปลุกโน่ด้วย ทั้งที่ปกติผมหนะตื่นเจ็ดโมง เพราะสามารถขึ้นรถไฟฟ้ามาโรงเรียนได้ภายใน 30 นาที แต่นี่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกตั้งเเต่ตีห้าเพื่อตื่นมาปลุกโน่ แล้วเสียงตอนพึ่งตื่นโคตรเซ็กซี่ นึกไม่ออกก็ให้ไปฟังเพลงฝรั่งที่นักร้องเสียงเเหบๆ แล้วมีเอ็มวีนัวเนียกันบนเตียงอ่ะครับ แบบนั้นเลย คิดเเล้วก็แก้มร้อน

“หวัดดี!”

สะดุ้ง! เกลียดนักมาเเบบเงียบๆ เนี่ย ผมกำลังเพลิดเพลินทางความคิดอยู่ว่าตอนโน่ตื่นหน้าเขาจะเป็นยังไง ก็มีแขนหนักๆ พาดลงมาบนไหล่


“ทำไมหมาหน้ามุ่ย”

ผมพยายามเอี้ยวตัวหลบแขนเเล้วหันไปประจันหน้ากับเขา

“เราง่วง!”    

โน่เลิกคิ้ว เขายื่นมือมาคลายหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมของผม

“น้ำต้องตื่นเช้ากว่าปกติมาปลุกโน่” ผมงอเเง และหวังว่าเขาจะสำนึกผิด

“ปกติน้ำตื่นกี่โมง”

“7”

“บ้านใกล้ขนาดนั้น ขอไปอยู่ด้วยได้ป่ะ” เดี๋ยวนายพระเพลิง จะมาเนียนแบบนี้ไม่ได้

“อุส่าต์ปลุก มีรางวัลให้เปล่า”

“ให้กระดูก 2 ชิ้น โดดงับนะ” นี่เชื่อสนิทใช่มั้ยครับว่าผมเป็นหมา ผมทำท่าจะงับไหล่เขาจนโน่ต้องเอามือมายันหน้าผากให้ถอยห่าง

“กินข้าวกัน หิวแล้ว”​ เขาเปลี่ยนเรื่อง แล้วก็จะไม่รอคำตอบหน่อยหรือไง เล่นลากผมเดินลิ่วๆ ไปเลย สงสารคนขาสั้นหน่อยมั้ยละ ผมหอบเเฮ่กลิ้นห้อยเพราะต้องก้าวเร็วๆ ตามคนขายาวให้ทัน เมื่อถึงโรงอาหารโน่ก็หยุดวางกระเป๋าจองโต๊ะไว้ทั้งที่ช่วงเช้าแบบนี้ก็ยังคนไม่เยอะนัก

“ปกติกินอะไร” โน่ถาม

“โจ๊กหมูไม่ตับ”​

“โจ๊กเด็ก?”

กวนตีนอีกแล้วมั้ย ผมหน้างอทันที นิสัยลูกคนเดียวครับอย่าถือสา

“นั่งนี่ เดี๋ยวไปซื้อให้” เขากดไหล่ผมให้ก้นเเตะเก้าอี้

“พิเศษ” นี่สั่งเเม่งเลย

“ไข่มั้ย”

“ด้วยสองฟอง สุกฟอง ดิบฟอง”

“เรื่องมากนะหมา” โน่เขกหัวผม แถมยังเรียกด้วยสรรพนามที่ดูเหมือนเขาจะชอบเป็นพิเศษ ผมค้อนลมค้อนอากาศไปเรื่อย เพราะคนตัวสูงเดินไปนานเเล้ว



วันที่สามในโรงเรียนโน่ดูประพฤติตัวดีขึ้น เลิกมองออกนอกหน้าต่าง หรือยกนาฬิกาขึ้นมาดู เขานั่งเงียบๆ และตั้งใจเรียนมากขึ้นแม้ว่าจะไม่ยังไม่ยอมจดอะไรลงไปในสมุดก็ตาม เเต่สายตาที่เขามองไปยังกระดานนั้นก็เเสดงออกถึงความตั้งใบหน้าด้านข้างของโน่หน้ามอง จมูกโด่งสวยรับกับสันกราม เขาขมวดคิ้วบ้างเป็นบางครั้งเวลาสงสัยในสิ่งที่อยู่บนกระดาน

“มองอะไร”

เขาหันมาเล่นเอาผมสะดุ้งจนทำดินสอในมือตก

“มองไม่ได้หรอ” เราจะต้องไม่เสียฟอร์มครับ ต้องไม่เขินอายที่ถูกจับได้

โน่อมยิ้ม แล้วเอามือวางบนหัวผมเพื่อจับหันกลับไปทางกระดาน

“บอกให้โน่ตั้งใจเรียน แล้วทำไมไม่ตั้งใจเสียเอง” อ่าวพูดแบบนี้ต่อยกันเลยมั้ยครับ ผมกำหมัดยกใส่โน่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี นอกจากหันกลับไปตั้งใจฟังคุณครูสอนโจทย์เลขต่อ หลังจากสั่งการบ้านเสร็จ เสียงออดพักเที่ยงก็ดังพอดี

เสียงเลื่อนเก้าอี้ครืดคราด กับเสียงจ้อกแจ๊กของเหล่านักเรียน ม.5 ไม่รู้ว่าอะไรดังกว่า

กี่วี่ คริสตัล ทอยแล้วก็ชูครีม เดินมาล้อมโต๊ะเราสองคนไว้

“กินโรงอาหารป่ะ” คริสตัลถามเสียงใส โรงเรียนเรามีร้านตามสั่งกับพวกร้านเบเกอร์รี่อยู่ด้านหน้าโรงเรียนด้วยครับ สามารถออกไปกินได้ โดยลงชื่อไว้กับลุงยาม แล้วก็ต้องเข้ากลับมาเรียนให้ทัน

“ได้ดิ” ผมตอบ แล้วหันไปสะกิดโน่ให้ลุกขึ้น เขายังไม่เปิดปากคุยกับใครเลยในห้อง ยกเว้นผมกับกีวี่ที่เป็นหัวหน้าห้อง หวังว่าข้าวเที่ยงมื้อนี่จะทำให้เขาสนิทกับคนในกลุ่มเรามากขึ้นนะ

พวกเพื่อนๆ ออกเดินไปก่อน ผมกับโน่รั้งท้าย

“โน่ชอบกินอาหารประเภทไหนหรอ” ผมชวนคุย

“อาหารคน”

ผมต่อยเเขนเขาไปทีด้วยความหมั่นไส้ มันต้องกวนตีนให้ได้สักเรื่องสิน่า

“ตัวเปี๊ยกเดียวทำไมดุ”

ผมก็ไม่เปี๊ยกมั้ย แค่เตี้ยกว่าโน่ที่สูงเกินมาตรฐานต่างหาก ผมขี้คร้านจะเถียงกับเขา

“ชูรอเราด้วย!!” เรียกเพื่อนในกลุ่ม แล้วก็เอาก้นสไลด์ราวบันไดลงไปแทนวิธีปกติเพื่อเป็นทางลัด แต่วันนี้มันเหมือนจะผิดจังหวะ เพราะยังลงไปไม่ถึงปลายสุด การทรงตัวก็หยุดชะงัก หน้าคะมำลงไปตามเเรงโน้มถ่วงทันที แล้วบันไดก็เหลืออีกตั้งห้าขั้นแหนะ ดั้งเเตกแน่นายมารีน ผมไม่ใช่สกิลอะไรพยุงตัวทั้งนั้นนอกจากยกมือปิดหน้า กลัวดั้งกระเเทกพื้นครับ แล้วเพื่อนรักอีก 4 คนที่อยู่ตรงชานพักบันไดก็ไม่คิดช่วยรับหรอก แหวกทางกระจายซ้ายขวาพร้อมให้ผมหน้าจูบพื้นทันที

“น้ำระวัง!” โชคดีที่มีพระเอกประจำตัวรั้งเสื้อด้านหลังผมไว้ได้ทัน แต่นั้นก็ยังไม่พอให้ผมทรงตัวอยู่ สุดท้ายผมโดนเเรงเหวี่ยงให้กลายเป็นหงายหลังนั่งทับโน่ที่ล้มลงไปก้นจำ้เบ้าแทน

เป็นอะไรเนี่ยทำไมช่วงนี้ตกบันไดบ่อย ตกเหมือนอยากอ่อยโน่

หลังจากทุกเหตุการณ์สงบลง และเสียงกรี๊ดของคนในบริเวณนั้นเงียบไป ผมก็เเหงนหน้ามองเพื่อนรอบข้าง เห็นยายคริสตัลปิดปากพยายามหยุดเสียงกรี๊ดอยู่กับไหล่ทอย

ส่วนชูครีมเดินเข้ามาช่วยดึงเเขนผมและโน่ขึ้น

“เจ็บมั้ย” กีวี่เข้ามาพลิกซ้ายพลิกขวาดูผม แล้วลูบผมที่ฟูฟ่องให้เข้าทรง

“เราว่าคนเจ็บน่าจะเป็นโน่” ชูครีมพูดยาวสุดในรอบหลายชั่วโมง

“เราขอจดซีนนี้ไปใส่ฟิค!” คริสตัลยังคงยืนกรี๊ด โดยมีทอยส่ายหน้าเอือมๆ

โน่ทำหน้างง ขณะปัดฝุ่นที่ก้นตัวเองไปด้วย เข้าหันมาถามผมว่า “ฟิคคืออะไร”

คริสตัลยังยืนเขินไม่เลิก เเต่มือเธอยกมือถือขึ้นมาพิมพ์เร็วมาก

“ฟิคคือนิยายที่เอาคนที่เราชอบมาแต่งใหม่ ส่วนฟิคของคริสตัลคือการที่ผู้ชายได้กันคือนิพพาน” ทอยอธิบาย คริสตัลฟาดแขนทอยป้าบๆ ด้วยความเขิน แต่มือก็ยังไม่หยุดพิมพ์ฉากกระชุ่มกระชวยเมื่อครู่   

“อย่าถือสาคริสตัลเลย มันไม่ได้น่ากลัวแต่อาจจะน่ารำคาญหน่อย” ผมกระตุกแขนเสื้อบอกโน่ กลัวเขารับเพื่อนในกลุ่มไม่ได้ โน่คงไม่ชอบให้ใครมามองว่าชอบผู้ชายด้วยกัน เพราะดูจากใบหน้าและนิสัยที่โคดห่ามของเขาอะนะ

“ซีนเรากับน้ำหรอคริสตัล” โน่หันไปถามเพื่อนสาวที่ยังหน้าเเดงก่ำ เเกจะเขินอะไรขนาดนั้นล่ะ คนที่ควรเขินคือเรานี่

“อื้อ” คริสตัลพยักหน้าหงึกๆ “ตอนนี้น้ำโน่เป็นคู่ชิปของเราเเล้ว”

โห..ชิปคืออะไรอีกว่ะ ผมเกาหัวเเกรก หันไปหาล่ามทอย

“มันจิ้นว่าแกสองคนเป็นเเฟนกันอ่ะ” ล่ามทอยก็แปลได้ตรงไปนะบางที

“โน่ไม่ชอบรึเปล่า” ผมกระตุกแขนเสื้อถามเขาเบาๆ เดี๋ยวเผลอยกหลังมือตบคริสตัลขึ้นมาละยุ่ง

“แคร์จังว่ะ” มึงก็อุตส่าได้ยินนะชู

แต่ประโยคสั้นๆ ของคนพูดน้อยก็พาเอาเงิบได้ ยกเว้นคริสตัลที่กระทืบเท้าเเรงกว่าเดิม ใจเย็นมั้ยละเพื่อน กลัวนางจะหัวใจวายตายจัง

“เนี่ยๆ ไม่ต้องชิปแล้วแม่ เค้าเป็นเเฟนกันจริงๆ” เธอหันไปตะเเง๊วๆ กับกีวี่

“อะไรของแก คริสตัล!!” ผมอดจะเสียงดังใส่เพื่อระงับสติเพื่อนไม่ได้ ไปรับยาช่องสองมั้ยละ

“อย่าดุเพื่อนสิ” พ่อพระเพลิงยกมือเป็นปางห้ามญาติขึ้นมา ผมทำหน้างงหันไปหาเค้าทันที “โน่ไม่โกรธหรอ”

“ทำไมต้องโกรธ”

“เรานึกว่าโน่จะไม่ชอบ แบบผู้ชายด้วยกันอะไรอย่างงี้ มันอาจจะแปลกๆ” ผมอธิบายยาวเหยียด

“ถ้า..เอ่อ ชิป เรียกว่าชิปใช่มั้ยคริสตัล”

“ใช่ชิปชิป”

“ชิปน้ำกับโน่ก็น่ารักดี แล้วเราต้องเรียกน้ำว่าอะไรอ่ะในฟิค” เขาหันไปขอความคิดเห็นคริสตัล เเต่รายนั้นน้ำลายฟูมปากตายไปแล้ว   

“เรียกว่า...เจ้าแฟนได้มั้ย”

โอเค น้ำลายฟูมปากตายคนที่สองคือผมเอง

   

“รุกแรงจังว่ะ” หลังจากที่เราห้าคน ผม คริสตัลที่ยังเพ้อไม่เลิก กีวี่ ชูครีม และทอยนั่งรวมกันที่โต๊ะโรงอาหารเสร็จ แต่โน่ที่อาสาไปซื้อน้ำให้ยังไม่กลับมา ทอยก็เปิดประเด็น

“ตอนพูดว่าเจ้าเเฟน นี่คือใจบางเลยอะ ฮรือ” คริสตัลยกมือขึ้นมากุมอกแล้วมองผมตาเย้ิม

“โน่มันขี้หยอกเหอะ” ผมแก้ตัวให้

“ระวัง” ทอยต่อยต้นเเขนผมเบาๆ พร้อมทำหน้าล้อ “เดี๋ยวนี้โลกหมุนเร็วมึงต้องตามให้ทัน” บางครั้งกลุ่มเราก็หลุดคำหยาบกันบ้างครับ เพื่ออรรถรส

“เราจะจับตามอง เคมีของโน่กับน้ำเราว่ามันใช่” คริสตัลเข้ากับทอยเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“อย่าล้อมากก็เเล้วกัน เรากลัวโน่อึดอัด”

“เป็นห่วงเป็นใยเหลือเกินนะ” กีวี่ทำหน้าแหมใส่ผม เอ้า ก็ใครสั่งให้ผมมาเป็นบั๊ดดี้เขาละ ก็ต้องดูเเลป่าว

“ชู เหลือเค่ชูแล้วที่ต้องเป็นพวกเรา”

ชูครีมพ่อคนเงียบของกลุ่มยักไหล่เหมือนไม่สนใจ “ไม่ทำให้มึงเสียใจกูก็โอเคอ่ะ”

อ่าว...ไหงพร้อมใจกันยกผมให้โน่ว่ะ
   


ผมพาทุกคนเปลี่ยนเรื่องสำเร็จ พอดีกับที่โน่เดินมาพร้อมกับถาดใส่เเก้วน้ำที่ทุกคนสั่ง ผมได้ชาเย็นมาก็ดูดปื้ดสบายใจ เราลงมือทานข้าวกันเงียบๆ โชคดีที่โน่ไม่ได้สร้างโมเม้นต์ใหม่ให้คริสตัลหวีดอีก เราจึงจบมื้อเที่ยงกันได้อย่างสงบสุข

ช่วงบ่ายเรียนสังคมอีกแค่ชั่วโมงเดียว ก็เป็นคาบว่าง กีวี่กับคริสตัลเเยกไปห้องคอม เพราะสองคนนั้นมาสายคอมพิวเตอร์กราฟฟิค โดยเฉพาะคริสตัลนั่งวาดวายในโรงเรียนสบายใจนัก ชูครีมเเยกไปเรียนกลองกับอาจารย์พิเศษ ทอยไปดูหนังที่ห้องสมุดเพราะจะไปสายนิเทศศาสตร์ เหลือเราสองคนน้ำกับโน่ที่ยังไม่ลงเรียนอะไรเป็นพิเศษ ผมเลยพาเขาเดินไปห้องชมรมดนตรีสากลที่อยู่ตึกตรงข้าม โรงเรียนเราเป็นตึกแฝดหันหน้าเข้าหากันครับ มีลานอิฐตัวหนอนตรงกลางไว้เข้าเเถวเคารพธงชาติ 

ห้องชมรมอยู่ชั้นล่างสุด มีรุ่นน้องบางคนมาใช้ซ้อมอยู่เเล้ว ผมเดินไปเลือกหยิบกีต้าร์โปร่งของโรงเรียนมาหนึ่งตัว จับดูสายเห็นว่ามันจูนไว้ดีเเล้วก็เดินไปหาโน่ ที่ยืนทำเป็นนิ่งหล่ออยู่กลางห้อง

เขามาดดีครับ ทำอะไรไม่ถูก เเค่ยืนนิ่งๆ ก็ดู Professional ขึ้นมาทันที

ผมลากเเขนโน่ไปนั่งลงบนโซฟาหนังสีน้ำตาลมุมหนึ่งของห้องซ้อม วันนี้ผมจะเริ่มสอนกีต้าร์โน่ เริ่มจากคอร์ทเบสิค

“คอร์ด C จับแบบนี้” ผมสาธิตให้ดูก่อน เเต่โน่ก็เหมือนจับไม่ได้สักที

จากที่ตอนเเรกอยู่บนโซฟาเสมอกัน เขาถไลตัวลงไปนั่งกับพื้น แล้วเเทรกตัวมาตรงหว่างขาผม (ทำไมมันฟังอิโรติก) ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาบุ้ยปากให้ผมจับมือเขาไปวางบนคอกีต้าร์ให้ถูกตำแหน่ง ผมก้มลงไปมองหน้าเขา ขนาดมุมเงยยังดูดี หรือควรพาโน่ไปออดิชั่นที่ค่ายเพลงแทนเรียนหนังสือ ผมหัวเราะกับความคิดตัวเอง ก่อนจะเอื้อมไปช้อนหลังมือโน่ จับนิ้วของเขาไปกดให้ตรงสาย เอาจริงๆ นิ้วโน่ทั้งยาวเเละเรียว มันดูเป็นภาพที่สวยและเท่มากเวลาเขาจับคอร์ทแล้วอีกมือก็เกากีต้าร์เบาๆ

ถึงเขาจะยังเล่นไม่เป็นก็เถอะ เเต่ท่าที่ชันขาขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อประคองกีต้าร์ แล้วอีกขาเหยียดตรงไปกับพื้น ก้มหน้าดูนิ้วให้ตรงคอร์ท มันก็ทำให้เขาดู Pro อีกแล้ว นี่กินฟิลเตอร์นายเเบบเข้าไปหรือเปล่านะ

มือโน่ร้อน ผมประคองหลังมือของเขาไว้เพื่อเปลี่ยนตำเเหน่งนิ้วให้เขา เราทำแบบนี้กันไปเรื่อยๆ เกือบสองชั่วโมงโน่ก็จำได้ไปอีกหลายคอร์ด ผมปล่อยให้เขาซ้อมสลับคอร์ทไปเรื่อยๆ ให้ชำนาญ ระหว่างเดินไปช่วยชี้เเนะเทคนิคให้น้องม.ต้น คนอื่นๆ

ที่จริงผมแอบคิดว่าโน่พรสวรรค์ดีกว่าหลายๆ คนที่เรียนดนตรีมาตั้งเเต่เด็กๆ ด้วยซ้ำ เขาจำคอร์ดกีต้าร์ได้เร็ว และมีเทคนิคที่ดี

“เจ็บนิ้วมั้ย” ผมถามเขา เมื่อเอากีต้าร์ไปเก็บเข้าที่ โน่ยกมือขึ้นมาเเบให้ดู ปลายนิ้วเขาเเดงจนน่าสงสาร แรกๆ ที่หัดเล่นผมก็เป็นเเบบนี้ครับ เเต่ตอนนี้เล่นจนนิ้วด้านเเล้ว

ผมจับมือของเขาขึ้นมาใกล้ปาก แล้วเป่าลงไปเบาๆ “หายเจ็บนะ” เหมือนหลอกเด็กมั้ยครับ

“ทำแบบนี้ให้กับทุกคนหรือเปล่า” เขาถาม ผมส่ายหน้า เเล้วเงยขึ้นมองโน่ อยากจะบรรยายว่าช้อนตาครับ แต่เดี๋ยวจะดูอ่อยเกินไป

“ทำไมหรอ” ผมถาม

“ก็อยากรู้ว่าโน่พิเศษกว่าคนอื่นหรือเปล่า”

โอเค กูตาย!


-  TBC -


ตัดจบก่อน เพราะคนที่จะตายก่อนน้องน้ำ คือไรท์เอง 55
#พระเพลิงมารีน
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 1-10 fri 17aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 17-08-2018 00:33:12
Chapter 4



หลังจากผมปล่อยมือโน่ ก็ก้าวเร็วๆ ออกมาจากห้องชมรม ผมได้ยินเสียงเท้าลากพื้นของเขาตามมาใกล้ๆ เราสองคนเป็นคู่สุดท้ายที่ใช้ห้อง เลยต้องเป็นคนล็อคประตู

พอออกมาข้างนอก ฟ้าก็หม่นเเสงลงเเล้ว ห้าโมงกว่าเเล้วนี่นา

“กลับบ้านเลยรึเปล่า” ผมหันไปถามเขาหลังจากล็อคประตูเสร็จ โน่ยืนพิงผนังข้างๆ

“เบื่อ”

เขาทำหน้าแบบเบื่อมากจริงๆ ผมยังไม่กล้าถามว่าโน่มีปัญหาอะไรกับที่บ้านหรือเปล่า เพราะเขาดูไม่ค่อยสุงสิงกับครอบครัวเท่าไหร่ ตอนไปบ้านก็ไม่เจอใครนอกจากป้าน้อยกับเเม่บ้านคนอื่นๆ พ่อกับเเม่โน่ก็ไม่เคยพูดถึง

“แล้วอยากทำอะไรละ” ผมถามเรายังยืนคุยกันอยู่ที่เดิม

“ไม่รู้ดิ”

ใช้สมองพยายามหาทางเลือกให้โน่ ไม่อย่างนั้นก็ต้องมานั่งเบื่อทุกเย็นแน่ๆ

“เล่นเกมมั้ย หรือเรียนพิเศษ”

โน่ส่ายหน้า เอาใจยากจังพ่อคุณ ผมขมวดคิ้ว

“ปกติเลิกเรียนแล้วน้ำทำอะไรบ้าง” เขาถามกลับมา แล้วยื่นมือมาคลายคิ้วให้ผมด้วย

“ไปนั่งเล่นกับคุณแช่มบ้าง วันศุกร์เรียนพิเศษภาษาอังกฤษ ที่เหลือก็เล่นดนตรีกับพวกในวงอ่ะ” นี่ยังวันพุธอยู่ โปรเเกรมปกติของผมก็ต้องกลับบ้านครับ

“เด็กดี”

“เออใครจะเลวเหมือนโน่อ่ะ” ผมแหย่เขา

คราวนี้โน่ขยับตัว เขาไม่พิงผนังเเล้ว แต่พลิกตัวมายืนบังหน้าผมเเทน ไม่ชอบท่านี้เพราะเขาสูง ผมต้องเงยหน้าคุย

“เราดูเป็นคนไม่ดีหรอ” เขาเท้ามือข้างหนึ่งลงกับผนัง มันอยู่ห่างจากใบหน้าผมไปแค่คืบเดียว รู้สึกเหมือนถูกกักไว้เลย

“โกรธหรอ” ผมแหงนหน้ามองคนที่ตัวสูงกว่า คิดว่ากำลังทำให้เขารู้สึกไม่ดี อยากจะตีปากตัวเองจัง

“ไม่ได้โกรธ แต่เเค่สงสัยว่าในสายตาน้ำเราเป็นคนยังไง”

จะให้ตอบว่ายังไงดีละ เขาคือความไม่สงบสุขในชีวิต ม.5 ของผมยังไงละ

“ก็โน่เคยมีเรื่องชกต่อยก่อนย้ายมาทีนี่”

“แล้วน้ำก็คิดว่าเรานิสัยไม่ดีใช่มั้ยละ” เขาพลิกตัวกลับไปพิงผนังเหมือนเดิม ผมหายใจคล่องขึ้น เเต่ยังรู้สึกไม่ดีขึ้นเลย ผมไม่อยากให้โน่รู้สึกว่าตัวเองเเปลกเเยก

“เราเคยแอบคิด แต่ตอนนี้ไม่คิดแล้ว” บอกไปตามความจริง

“ทำไมไม่คิดแล้ว” โน่ถาม รอบตัวเราสองคนกำลังลดเเสงสว่างลงเรื่อยๆ มันเป็นบรรยากาศยามพระอาทิตย์ใกล้ตกที่ทำให้เห็นใบหน้าโน่ไม่ชัด เพราะมีเเสงสาดเข้ามาเเค่ครึ่งเดียว เเต่กลับทำให้ยิ่งรู้สึกว่าเขาดูเหงาและเปล่าเปลี่ยวเป็นพิเศษ

“ก็โน่ตั้งใจเรียนหนังสือ แล้วก็เล่นกีต้าร์เก่งด้วย” ผมขยับตัวเข้าไป ซ้อนจับเอามือสองข้างของเขาขึ้นไปแปะแก้มโน่แล้วพยายามดันๆ ยกๆ เพื่อให้อีกฝ่ายยิ้ม

“คนที่มีความพยายามทำอะไรสักอย่าง อย่างจริงจัง เราก็คิดว่าเป็นคนดีเเล้ว”

“แล้วชอบโน่มากขึ้นหรือยัง” เขาถามกลับเสียงมันอู้อี้เพราะพูดไม่ถนัด หน้าเขายังโดนผมบีบอยู่เลย

ผมรีบปล่อยมือจากแก้มเขา บรรยากาศเป็นอันตรายจังในความรู้สึก

โน่หันกลับมามองผม แล้วสายตาที่ร้อนเเรงของโน่ก็ทำให้แก้มผมรู้สึกร้อนขึ้นมาอีก ผมเกลียดเวลาโน่จ้องตาที่สุด

“ทำไมไม่ตอบคำถาม” เขารุก โน้มหน้าเข้ามาใกล้อีก

“โน่ถามว่าตอนนี้น้ำชอบโน่บ้างหรือยัง”

โน่อย่าดุซิ น้ำกลัวจะเเย่เเล้ว หลบเเค่ตาไม่พ้น ผมต้องพลิกทั้งตัวเข้าหาผนัง ใจไม่ค่อยดีเลย

“ชอบสิ เราชอบคนดี” ผมอ้อมเเอ้มตอบ ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองเลย แต่จะไม่คิดเลยก็ไม่ได้ ทั้งที่เพื่อนๆ เเซวกันวันนี้ ทั้งการกระทำของโน่ เเต่เราพึ่งรู้จักกันได้สามวัน

“ห้ามชอบคนดี ให้ชอบเราคนเดียว” เขาหยอกผมอีกแล้ว

“ก็ถ้าโน่เป็นคนดีเราก็ชอบโน่” ผมต้องหยอกกลับ ไม่โกง!! เดี๋ยวเเพ้

“งั้นเราจะเป็นคนดีให้น้ำ”

ทำไมหัวใจเต้นเเรง! ผมหันกลับมามองหน้าโน่ เขาไม่มีเเววเขินอายเลย มีเเค่สายตาที่จริงจังเหมือนเดิม เขาดูโตเกินอายุ 17 ไปอีก ผมต้องเเก้สถาการณ์ เพราะตอนนี้รู้สึกตกเป็นรองโน่มากเกินไปแล้ว

“เก่งมากเจ้าหมาตัวโต” ผมยกมือลูบหัวเขาด้วยความทะเล้น จุดนี้ต้องเอาตลกเข้าสู้ เอาความน่าเอ็นดูสยบความร้อนเเรง

“ลามปามนะหมาเปี๊ยก” โน่จับมือผมออกจากหัวเขา ผมรีบชักมือกลับ ฝ่ามือโน่ร้อนมากกลัวว่าเหงื่อจะออกถ้าเราจับกันนานเกินไป

“หิวหวะ หาไรกินกัน ต้องกลับไปกินกับที่บ้านรึเปล่า” โน่เปลี่ยนเรื่อง เขาคงรู้ว่าบรรยากาศกำลังน่าอึดอัดเกินไป

ผมส่ายหน้าแล้วตอบโน่ “พ่อแม่เราไม่ค่อยอยู่บ้าน เรากินข้างนอกทุกวันแหละ”

“เด็กมีปัญหาป่ะเนี่ย” เขาถามหยอกๆ ผมส่ายหน้าอีกรอบ

“ไม่สิ พ่อเเม่เราเเค่ยังสนุกกับงาน แล้วเราก็สนุกกับโรงเรียน อยู่ด้วยกันได้ แค่เจอกันไม่บ่อย”

“ดูเป็นครอบครัวที่ดีจัง”

ผมว่าโน่มีปัญหาเรื่องนี้ เพราะน้ำเสียงของเขาไม่ดีเลย แต่...ผมก็ยังทำอะไรไม่ได้ นอกจากพยายามส่งต่อความร่าเริงไปถึงเขา

“ใช่ ครอบครัวเราสนุก พ่อเเม่เรานิสัยวัยรุ่นเลยเหมือนเพื่อนกัน” ผมยิ้มเต็มเเก้มเมื่อเล่าถึงพ่อเเม่ที่ทำงานอยู่ในเอเจนซี่โฆษณาทั้งคู่ อาชีพที่ต้องทันสมัยอยู่เสมอทำให้พวกเขาเข้าใจทุกอย่างบนโลก และไม่เคยคิดบังคับให้ผมเรียนอะไรที่ไม่ชอบ ผมเลยมานั่งเกากีต้าร์อยู่ในโรงเรียนบันเทิงศิลป์นี่ไง และพ่อผมก็ชอบชื่อโรงเรียนนี่มากๆ ด้วยนะ บอกว่าเเค่อ่านก็รู้สึกว่าสุขภาพจิตผมจะดี

“แล้วโน่ไม่ต้องกลับไปกินกับที่บ้านหรอ” ผมเผลอนึกถึงไข่พะโล้ป้าน้อยอีกแล้วครับ ไม่ใช่สิกำลังหลอกถามต่างหาก

คนตัวสูงกว่าผมส่ายหัว “เราว่าจะออกมาอยู่เองเเล้ว กำลังดูคอนโดใกล้ๆ โรงเรียนอยู่”

เห้ย! ไม่ได้สิ ผมยู่คิ้วทันที “แล้วจะไม่เหงาหรอ”

“ก็น้ำไง เหงาก็ลากน้ำไปนอนด้วย”

“ใครบอกเราจะไป” โน่เองก็ขี้ตู่ใช่เล่น

“ตัวเองกลับบ้านไปก็เหงาเหอะ สู้มาอยู่ด้วยกันไม่ดีกว่าหรอ”

“เหมือนโดนหลอกไปทำมิดีมิร้ายเเปลกๆ”

“ใครจะทำอะไรหมาเปี๊ยกลงคอ เลิกสงสัยแล้วไปหาอะไรกินกันเหอะ สยามมั้ย”

“ก็ได้อ่ะ” ผมรู้สึกเหมือนโดนด่า เอ๊ะหรือไม่โดน เเต่โน่เดินนำไปแล้วหมาขาสั้นอย่างผมเลยต้องรีบวิ่งตาม วันนี้ผมทิ้งกีต้าร์ไว้ที่โรงเรียน แถมกระเป๋านักเรียนก็เบาหวิวไม่ต้องแบกหนักเหมือนโรงเรียนอื่น อย่างว่าละครับ การบ้านเราก็ปั่นกันเสร็จหมดแล้วเย็นนี้เลยฟรีเว่อร์

“นี่กินข้าวเสร็จ ไปเกะกันป่ะล่ะ น้ำอยากร้องเพลง” ผมหากิจกรรมให้เด็กเบื่อบ้านทำ เเต่น้ำเสียงเผลออ้อนไปหน่อย เหมือนชินที่เวลาอ้อนขอตังค์ป๊า

“เอาดิ โน่ได้ข่าวว่าน้ำร้องเพลงเพราะ ยังไม่เคยฟังเลย”

“รับรองออกอัลบั้มได้อ่ะ” ไม่ได้โม้ครับ เเต่เรื่องจริง เดี๋ยวไม่เชื่อลองถามโน่ดู





ผมชวนโน่มากินไก่ทอดเกาหลี เพราะคิดว่าอยู่บ้านเขาคงกินอาหารไทยฝีมือป้าน้อยบ่อยแล้ว จากนั้นเราก็ขึ้นไปบนชั้นสองของโรงหนังลิโด้เพื่อเช่าห้องคาราโอเกะ แมนๆ ใจป้ำเลี้ยงโน่ด้วยการเปิดห้องไปสองชั่วโมง ร้องกันให้เสียงเเหบเสียงแห้งไปเลยครับ ผมไลน์บอกแม่กับพ่อเรียบร้อย พวกท่านรับทราบและแจ้งกลับมาว่าจะอยู่ออฟฟิสดึกเช่นกัน

เราผลัดกันเลือกเพลง มีทั้งเพลงไทย เพลงฝรั่ง และเเน่นอนว่าได้ไมค์แล้วผมไม่วางครับ

เสียงโน่ก็ดี มาเเนวทุ้มๆ ต่ำๆ จังหวะเเรปเพลงฝรั่งนี่มันส์มาก แถมสำเนียงก็ดีด้วยผมนี่ยังแอบอิจฉา อยากจะไปแนวฮิปฮอปบ้างเพราะมันดูเท่ดี เราสนิทกันมากขึ้นจากการร้องเพลงวันนี้ โน่ไม่ได้น่ากลัวเหมือนตอนเเรก ข่าวที่เขาตีกับกับคนอื่นจนต้องย้ายโรงเรียนทำให้ผมมโนภาพนักเลงไกลไปหน่อย พอรู้จักจริงๆ โน่ออกจะอ่อนโยนเกินไปด้วยซ้ำ แค่ยังกวนตีนมากไปหน่อยเท่านั้น ตอนกลับบ้านเขายังอาสามาส่งด้วย

“ซอยบ้านเปลี่ยวมากนะน้ำ วันหลังถ้าดึกก็อย่ากลับเลย”

“อ่าวเเล้วให้น้ำไปไหนอ่ะไม่นอนบ้าน” ผมไม่ได้กวนครับ ถามไปอย่างซื่อๆ ในขณะที่เรายังนั่งอยู่บนเเท็กซี่

“คอนโดโน่ไง”

ผมฉีกยิ้มล้อเขา

“ซื้อก่อนเถอะคุณชาย แล้วค่อยชวน”

“อาทิตย์หน้าเก็บเสื้อผ้าย้ายไปอยู่ได้เลย”

“พึ่งบอกเราเมื่อตอนเย็นเองนะว่าจะซื้อ ไม่เร็วไปหรอ” ผมเลิกคิ้วถามอย่างฉงน

“อยากอยู่กับน้ำเร็วๆ ไง”

ผมเลิกเซ้าซี้ต่อ คำตอบของโน่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกหยอด แถมตาโน่ก็ดูหวานมากๆ ในห้องโดยสารมืดๆ แบบนี้



- TBC -


#พระเพลิงมารีน
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 1-10 fri 17aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 17-08-2018 00:34:21
Chapter 5

หลายเย็นเเล้วที่หลังเลิกเรียน โน่ไม่ยอมกลับบ้าน ผมพาเขาไปนั่งเล่นกับหลวงเเช่มควายเลี้ยงหลังโรงเรียนบ้าง ไม่ลืมหยิบซอไปสีแบบงูๆ ปลาๆ ให้เค้าฟังด้วยนะครับ หรือไม่ก็ไปหาอะไรกินที่สยาม บางวันก็ไปดูหนังด้วยกันทั้งกลุ่ม ขนาดวันที่ผมมีเรียนพิเศษ โน่ยังสมัครตามเลย แต่ได้เรียนกันคนละคลาสเเทน เพราะโน่ดันสอบวัดระดับได้คะเเนนสูงกว่า

โน่ติดผมมาก หรือเพราะเขาไม่อยากกลับบ้านก็ไม่รู้

แล้ววันนี้ก็ปัญหาเกิด เพราะเป็นวันครบรอบแต่งงานของพ่อกับเเม่ แล้วเราสามคนต้องไปทานอาหารเย็นพร้อมกันทั้งครอบครัว พ่อจองห้องโต๊ะที่ร้านริมเเม่น้ำเจ้าพระยาไว้ล่วงหน้าหลายวันเเล้ว

ตอนนี้เราอยู่ที่ห้องชมรม ที่มันร้างผู้คนเพราะเย็นมากเเล้ว

“โน่” ผมต้องบอกเขา เเต่ทำไมมันยากจังนะ

“มีอะไร” เขานั่งเกากีต้าร์อยู่กับพื้น โดยมีผมนอนพาดอยู่บนโซฟาตัวเดิม

“เย็นนี้...” ทำไมวันนี้ถึงพูดได้แค่ทำละคำสั้นๆ ว่ะ

“อยากกินอะไร” โน่ตามใจผมอีกแล้ว แต่ไม่ใช่สิ

“เรา…”

“ว่าไงครับ” เกลียดเวลาโน่พูดครับใส่อ่ะครับ มันนุ่มเกินหน้าตาไปมากๆ

“เรา...ต้องไปกินข้าวกับที่บ้านนะ เราไปกับโน่ไม่ได้”

“อ๋อ..” เขารับคำเเล้วเงียบไป ก้มหน้าลงไปเกากีต้าร์ต่อ

‘...คนๆนึง กับใจซึมๆ ที่ยังเฝ้าคอย จะได้พบใครในสักวัน เดินคนเดียว อยู่ไปวันๆ มานานเหลือเกิน มันเหงาเสียจนเริ่มท้อใจ รอใครสักคนที่จะเข้ามา เปลี่ยนชีวิตที่มันจำเจให้ได้รู้ว่า...’

โห...ฮัมเพลงซะรู้สึกผิด เเค่ไปกินข้าวกับพ่อแม่ เเต่เหมือนผมกำลังทำให้พรมลิขิตผิดหวัง

“โน่...โกรธอ่อ” ผมไหลตัวลงมานั่งข้างเขา ตอนนี้มันเย็นมากพอที่จะไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว

“เราจะโกรธน้ำทำไม”

เคยเป็นป่ะครับ ที่คำว่าไม่ น่ันมันชัดเจนยิ่งกว่าคำว่า ‘ใช่’ เสียอีก

“ขอโทษ”​ผมก้มลงไปตะปบมือไม่ให้เขาเกาเพลงเเสนเหงานั้นต่อ

“แล้วไปยังไง ให้โน่ไปส่งมั้ย”

อย่าเเสนดี ช่วยโกรธหรือเกรี้ยวกราดหน่อยได้มั้ย

“เดี๋ยวพ่อมารับ”

“มายัง”

ติ๊ง! เเหมคุณพ่อก็รู้ดีนะครับ ไลน์มาทันเวลาพอดี

“ไปดิ เดี๋ยวเราเดินไปส่ง หน้าโรงเรียน” โน่ลุกขึ้นไปเก็บกีต้าร์เข้าตู้ ผมมองตามเขาด้วยใจที่หนักอึ้ง จะชวนไปด้วย พ่อกับแม่อาจจะกรี๊ดใส่ได้ วันนี้เขาควรได้สวีทกัน และมีเเค่ผมที่ติ่งไปเป็นตากล้อง

“โน่ เดี๋ยวคืนนี้น้ำโทรหานะ” ผมบอก

เขาเดินมาหยิบเป้ตัวเองขึ้นสะพาย พร้อมทั้งถือกระเป๋าให้ผมด้วย แล้วเดินนำออกไปเงียบๆ แต่ก็หยุดรอให้ผมล็อกกุญเเจห้องก่อน ผมรีบมือไม้สั่น เขาเลยหันมาช่วยจับมือให้สามารถส่งกุญเเจเข้าไปในรูได้ง่ายๆ

“ขอบใจ...”

โน่ปล่อยมือไปแล้ว เเต่สัมผัสเขายังอุ่นอยู่ เราเดินเคียงกันเงียบๆ มาที่หน้ารั้วโรงเรียน ที่จริงผมเดินเยื้องไปข้างหลังเขาหน่อยหนึ่ง แผ่นหลังเขาดูเหงาใต้เเสงอาทิตย์ยามใกล้ลับบขอบฟ้า แต่รถของพ่อจอดรออยู่เเล้ว ผมหันไปโบกมือลาโน่ แล้ววิ่งไปขึ้นที่รถ เเต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าควรเเนะนำเขาให้พ่อแม่รู้จัก

ผมวิ่งกลับมาลากโน่ไปใกล้รถ แม่กดกระจกลง นางเเพ้คนหล่อ เพราะชะโงกหน้าออกมาเท้ากับขอบประตูเรียบร้อย แถมยังส่งยิ้มหวานให้ด้วย

“ม๊า ป๊า นี่โน่ เพื่อนน้ำ”

“โน่ นี่พ่อเเม่เรา ป้าดอกไม้ กับลุงประภาคาร”

“ไอ้น้ำ!!” แม่ผมเรียกเสียงเขียว แถมยังยื่นมือออกมาฟาดผมอีก

“เรียกพี่สิแล้วจะให้ 5 พัน พี่ดอกไม้ค่ะ น้องโน่” เป็นไงละเเม่ผม เต๊าะเด็กล่ะไม่มีใครเกิน โน่เหวอไปเลย แต่ก็ไม่ลืมยกมือขึ้นมาสวัสดี

“มากราบตรงอกพี่เลยจ่ะหนู มีค่าเทอมยังคะ” ยัง แม่ยังไม่เลิกความคิดจะกินเด็กที่อายุเท่าลูกตัวเอง

“คุณ เดี๋ยวเพื่อนเลิกคบลูก”​ พ่อคงเห็นว่ามันจะไปกันใหญ่เลยส่งเสียงปราม แม่หัวเราะคิดคักแล้วดันตัวกลับเข้าไปในรถ โน่เลยมองลอดไปสวัสดี

“กลับยังไง ติดรถไปลงที่ไหนมั้ยโน่” พ่อผมถามอย่างใจดี

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวที่บ้านมารับครับ”

เชื่อตายล่ะ โน่ไม่เคยให้ที่บ้านมารับสักหน่อย

ผมมองหน้าเขา ที่ยกมือขึ้นมาโบกไล่เป็นเชิงว่าไปเถอะ ผมอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ แต่มีรถอีกคันมาจอดต่อท้ายรถพ่อแล้ว เลยต้องรีบไปเปิดประตูหลังเเล้วเอาตัวขึ้นไปนั่ง แต่ยังไม่วายยกมือทำท่าโทรศัพท์ที่ข้างหู เพื่อให้โน่รู้ว่าคืนนี้จะโทรหา

“หล่อเด้อคนนี้ ตาถึง” คุณดอกไม้เริ่มเเซว

“เพื่อนหรือเเฟน ทำไมดูอาลัยอาวรณ์” แม่ถามต่อ

“เพื่อนดิ เเม่อ่ะคิดมาก”

“อ่ะถ้าเเค่เพื่อนเเม่ก็จีบได้ดิ”

“หนูอ่ะมีสามีแล้ว ใจเย็นๆ เด้อ” พ่อผมละมือข้างหนึ่งจากพวกมาลัยมาเคาะหน้าผากคุณดอกไม้ ผมขำก๊าก ส่วนแม่ก็หน้างอ แล้วหันไปงุ้งงิ้งกับพ่อตามระเบียบ บอกเเล้วว่าถึงแม้จะขึ้นเลขสี่กันเเล้ว แต่ก็ยังวัยรุ่นไม่เปลี่ยนครับ
   


ฝ่ารถติดกันกันมาเกือบชั่วโมง เราสองสามคนก็มาถึงร้านอาหารริมแม่น้ำที่มีวิววัดอรุณฯ เเสนโรเเมนติกเป็นแบคกราวด์​ พ่อผมจองโต๊ะที่ดีที่สุดไว้ พ่อกับเเม่นั่งข้างกัน ส่วนผมนั่งอีกฝั่ง แล้วเป็นอะไรไม่รู้ครับ มือมันชอบหยิบโทรศัพท์มาพิมพ์ไลน์รายงานโน่อยู่เรื่อย

‘ถึงร้านเเล้ว วิวสวยมาก’
‘sent picture’


โน่ไม่ตอบ จริงๆ เขาไม่ตอบผมมาตั้งเเต่ที่ผมพิมพ์หาเขาในรถเเล้ว ไม่เปิดอ่านด้วยซ้ำ แต่ผมรู้ว่าไลน์โน่เด้งขึ้นที่หน้าจอ ถ้าเขาอยู่ไม่ห่างโทรศัพท์ก็ต้องเห็นข้อความผม

‘วันหลังพาโน่ไปบ้าง’

กรี๊ด!! แทบหันโทรศัพท์ไปอวดเเม่ โน่ตอบกลับมาแล้วครับ สงสัยดูรูปไม่เห็นละสิ เลยต้องกดเข้าแอปมาดู ฮี่ฮี่ อารมณ์ดียิ้มจมูกบานให้พ่อกับเเม่ไปคนละที แล้วก็หันไปสั่งเมนูสิ้นคิดอย่างสปาเกตตี้เบค่อนพริกเเห้งมากิน พวกจานกลางก็ไม่ต้องสั่งเองครับ เเม่กับพ่อเป็นพวกกินดุ เขาจัดการกันเรียบร้อยเเล้ว

ผมก้มลงพิมพ์ตอบโน่ทันที

‘อื้อ ไว้มาด้วยกันนะ’

เขาส่งรูปหมีบราวน์โอเคมา เท่านั้นผมก็นั่งตีขาผึบผับรออาหาร

พ่อกับเเม่เรียกให้ไปถ่ายรูปคู่กับวิวให้ ทั้งคู่โอบกันบ้าง หอมเเก้มบ้าง ยกนิ้วขึ้นมาทำเป็นเลข 20 สัญลักษณ์การครบรอบบ้าง พวกท่านรักกันมาก ผมเห็นภาพแบบนั้นเเล้วก็พลอยมีความสุขไปด้วย ถ่ายกันจนเหนื่อย อาหารก็มาพอดี พวกเราจึงยกโขยงมานั่งกันที่โต๊ะตามเดิม

สปาเกตตี้ของผมน่ากินชะมัด และไม่ลืมว่าต้องถ่ายรูปไปอวดอีกคน

‘น่ากินเปล่า’
‘sent picture’

ไม่นานหน้าจอไลน์ก็ขึ้นคำว่า typing ผมรอจนกว่าโน่จะตอบกลับมา

‘sent picture’
‘เรากินนี่’
   

เขาส่งรูปมาม่าคัพต้มยำกุ้งมาให้ ผมมุ่นคิ้วทันที

‘ป้าน้อยไม่อยู่หรอ’
‘อยู่ แต่ไม่อยากลงไปกินข้างล่าง’

ผมขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีกตามนิสัย

“มัวเเต่เล่นโทรศัพท์ ส่งรูปรายงานเเฟนหรอจ๊ะ” คุณดอกไม้เเซวอีกแล้ว ผมส่ายหน้า แล้วรีบพิมพ์ตอบกลับโน่

‘พรุ่งนี้ไปกินอะไรมีประโยชน์กัน’
‘รอเลย’

แม่ง! โน่โคตรหยอด และผมก็โคตรจะรู้สึกดี จนอดยิ้มไม่ได้

‘คืนนี้โทรหา อย่ารีบนอน’
‘โน่รอน้ำ รอนอนพร้อมกัน’    

โอ้ย! อยากเเคปแล้วปารัวๆ ไปให้คริสตัล นางต้องเพ้อไปสามบ้านเเปดบ้าน แต่ตอนนี้สิ่งเเรกที่ต้องทำคือสงบหัวใจที่เต้นเเรงของตัวเองก่อน    

“ลูกเรามีความรักป่าวว่ะ” แม่หันไปสะกิดพ่อ ผมเงยหน้าแล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง เริ่มจับช้อนกับซ้อมเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยจนเกินไป

“ถึงเป็นผู้ชายด้วยกัน ก็ต้องป้องกันรู้เปล่า” พ่อพูดนิ่งๆ “มีลายรีลัคคูมะอยู่นะ เผื่อชอบอะไรคิขุ”

ขออนุญาตลาออกจากครอบครัวนี้ แล้วกระโดดลงไปเป็นอาหารปลาสวาย!
   


พอพ่อขับรถเข้าจอดที่โรงรถหน้าบ้านเรียบร้อย ผมช่วยเเม่ขนขนมลงมาจากรถ เอาพวกเค้กไปใส่ตู้เย็นเสร็จ ก็วิ่งขึ้นบันไดตึงๆ ไปห้องนอนตัวเองทันที

‘ถึงบ้านเเล้ว’ ผมไลน์บอกโน่
‘อาบน้ำแปป’

‘เปิดกล้องเลยมั้ยละ’ ดูไอ้บ้าตัวสูงมันตอบมาสิครับ
‘โน่เลว!’
‘อาบสะอาดๆ โน่รอได้ ไม่อยากคุยกับหมาเหม็นๆ’

ขออนุญาตเกลียดอีกรอบครับ ผมทำปากเเบะใส่หน้าจอโทรศัพท์ แล้วก็รีบวิ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากใส่ชุดนอนลายทางที่คุณแม่ซื้อให้เสร็จ ก็เทคตัวลงบนเตียงทันที เอาตุ๊กตาหมีตัวใหญ่มารองหลังเเล้วกดเปิดกล้องหาโน่ทันที

สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่เเค่โทรออกว่ะ

รอไม่นานโน่ก็เปิดกล้องกลับมา จังหวะเเรกเห็นเเค่ตรงช่วงปากลงไปถึงหน้าอก แหนะ! ไม่ต้องคิดอกุศลครับ ยังไม่ใช่ตอนนี้! โน่ใส่เสื้อยืดสีขาวนอนนี่เเหละ แล้วเขาก็ปรับมุมมือถือให้เห็นหน้า เขาเหมือนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ผมเห็นเขาถือกีต้าร์โปร่งพาดตักไว้ด้วย

“เล่นกีต้าร์หรอ”   

“ถือไว้เท่ๆ เผื่อน้ำกรี๊ด”

ผมหัวเราะคิกคัก “โน่อยู่เฉยๆ ก็เท่เเล้ว ไม่ต้องทำอะไรเลย” หยอดมา หยอดกลับไม่โกง ไม่ยอมเเพ้หรอกครับบอกเลย

ได้ผล โน่ยกมือขึ้นเกาเเก้มหน่อยๆ เหมือนเขาเขิน ผมเลยยิ้มร่า

“หมาเอ้ย!” เขาคงหมั่นเขี้ยวผมมากอ่ะ ผมกดใส่หูหมาเเล้วแลบลิ้นเลียหน้าจอ โน่หัวเราะใหญ่

“เข้ามากๆ”​

ผมเห็นเขายิ้มได้ ก็กดเปลี่ยน Face detection ไปเรื่อยๆ เป็นหน้าตาน่ารักๆ สลับกับน่าเกลียดไปเรื่อยๆ แล้วเราก็หาเรื่องเรื่อยเปื่อยมาคุยกัน

“ง่วงแล้วก็ไปนอน”

ผมหาวอีกหวอดใหญ่

“โน่ง่วงยัง”

“ก็...ง่วง”

“งั้นนอนกัน”

“อื้ม”

“ฝันดีนะ” ผมพูดเสร็จก็ต้องเอาหน้าออกนอกกล้องไปกรี๊ดอัดหมี แล้วค่อยกลับมาใหม่ ประสบการณ์ใหม่หวะ บอกฝันดีผู้ชาย

“ฝันดีครับน้ำ” พูดได้นุ่มมากๆ จนผมเเก้มร้อนไปหมด สายตาโน่ยังจริงจังเเละร้อนเเรงทะลุจอออกมา ไม่เเพ้เวลาเจอตัวจริงเลย

“วางดิโน่” ผมบอกเขา เมื่อเห็นว่าเรายังคงจ้องตากันอยู่ผ่านกล้อง

“น้ำวางก่อน”

“ไม่เอา..”

“งั้นวางพร้อมกัน” โน่บอก

“ได้ นับ 1 2 3 แล้ววางนะ โน่นับ”

“ครับ.. 1 2 3”​


!!


“ทำไมน้ำไม่วาง”

“แล้วทำไมโน่ไม่วาง”

ฮ้าว~ / ฮ้าว~ ผลัดกันหาว จนน้ำตาเล็ด

“ก็อยาก /อยากคุยต่อ”

อืม พูดพร้อมกันไปอีก

“ฮะ ฮ่า /ฮาฮ่า”

อ่ะ ขำแห้งก็มา

“ง่วงก็ไปนอน” โน่บอก เขาทำท่าเหมือนอยากจะยื่นมือมาดีดหน้าผาก ผมทำปากงุ้ย

“รีบนอนพรุ่งนี้จะได้เจอกันเร็วๆ” งื้อ~ โน่พูดแบบนี้ก็ใจบางสิครับรออะไร

“กะ ก็ได้ งั้นโน่นับใหม่นะ”

“1-2-3”

เรากดวางพร้อมกัน กล้องดับไป ข้อความเเสดงเวลาที่เราคุยกันเด้งขึ้นมาเเทน

Call
03.43

ผมดีดขากับที่นอนปัดๆ ไอ้น้ำเอ้ย!! ตีสอง แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นตีห้ามาปลุกโน่อีก!!



- TBC -

#พระเพลิงมารีน
เขินกันมั้ยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 1-10 fri 17aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 17-08-2018 00:35:20
Chapter 6
   
ช่วงชีวิต ม.ปลาย ย่อมต้องคู่กับกีฬาสี และปีนี้มันก็วนมาถึงอีกแล้วครับ หน้าที่รับผิดชอบการเป็นหัวหน้าสีต่างๆ เป็นของ ม.5 อย่างช่วยไม่ได้ และก็มีน้อง ม.4 เป็นรองประธานสีอีกที

ผมกับโน่อยู่สีเดียวกัน อภิสิทธิ์ชนอย่างนายพระเพลิงได้รับการล็อกโดยชนกนาถ หรือกีวี่หัวหน้าห้องนั่นเอง เธอกลัวว่าโน่จะไม่สนิทกับใครในสีแล้วจะพาลไม่อยากมาโรงเรียนอีก เราสองคนโคตรสปอยโน่ เพราะที่อยู่ในรั้วโรงเรียนเดียวกันมาสองเดือนกว่าๆ นี้ สังคมโน่ก็มีแค่ผมและอีก 4 ชีวิตในกลุ่มผมเท่านั้น

ผมรับหน้าที่ดูแลขบวนพาเรดร่วมกับคริสตัล หลักๆ คือดูวงดุริยางค์นั่นเเหละครับ เเล้วสาววายของเราก็ดูเรื่องงานครีเอทีฟอื่นๆ สมกับมาทางสายศิลปะ ส่วนโน่หรือครับผมก็หนีบไว้ข้างๆ ตัว แล้วก็ปล่อยให้ไปเป็นตัวเเทนแข่งวิ่ง บาส แล้วก็ว่ายน้ำบ้างตามที่ประธานฝ่ายกีฬาที่เป็นเพื่อนห้องอื่นมากราบกราน

โน่ตัวสูงเพราะเด็กๆ เขาว่ายน้ำ แล้วทำไมตอนเด็กไม่วาร์ปมาบอกกันฟระ ผมจะได้สูงบ้างไม่ใช่หมาเปี๊ยกที่คอยเห่าเเง่งๆ แบบนี้ และพอสูงบาสก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาอีกต่อไป

กีวี่อยู่สีเเดงเหมือนพวกเรา เธอดูเเลสแตนเชียร์ ส่วนทอยกับชูครีมอยู่สีอื่น

กีฬาสีของโรงเรียนเรามีระยะเวลาไม่นานคือ เตรียมซ้อมเชียร์ และทำอุปกรณ์สำหรับพาเรด 2 อาทิตย์ แข่งกีฬาในร่มคือบาสและว่ายน้ำ 1 อาทิตย์ ส่วนวันจริงๆ นั่นจะเป็นการประกวดขบวนพาเรด เเสตนเชียร์ เชียร์ลีดเดอร์ แล้วก็เเข่งวิ่งครับ และวงดุริยางค์ของเเต่ละสีจะต้องเเสดงพิธีเปิดร่วมกัน บอกเลยว่าเป็นความปวดหัวที่สุดในการเเปรแพทเทิร์น เพราะ 4 สีก็สีี่ความคิด แต่โชคดีหน่อยที่ปีนี้คนคุมอีกสามสีมาจากชมรมดนตรีสากลเหมือนกัน และเป็นเพื่อนๆ ที่เล่นวงด้วยกัน

นางฟ้า มือคีบอร์ด ดูสีฟ้า (ปกติปีก่อนๆ เธอเป็นคฑากรครับ เพราะสูง และหน้าตาเเบบลูกครึ่งละตินตาโตผิวขาว)

ขิง ปกติเล่นเบส ดูสีเขียว (หน้าตาดีมาดเจ้าชาย)

ชูครีม เพื่อกลุ่มผม และมือกลองของวง ดูสีเหลือง สุดท้ายเราก็มาเจอกันวันประชุมคิดเเพทเทิร์นโชว์เปิด



ช่วงอาทิตย์แรกคริสตัลคิดอุปกรณ์ตกแต่งขบวนพาเรดมาเเล้ว ก็มาเเบ่งงานกันทำ ปีนี้เธอมาเล่นใหญ่มาก เพราะมากใน The Dragon Spirit สมกับเป็นสีเเดงเเรงฤทธิ์ ทำขบวนมังกรจากลังกระดาษ ถามว่าตัดเกล็ดกันเมื่อยมือมั้ย!

แล้วคริสตัลก็สถาปนาตัวเองเป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่ง ต้องปลีกตัวไปซ้อมน้อง ม.4 กับ ม.3 รวมทั้งหมดอีก 6 คน ถามว่าภาระการตัดเกล็ดมังกรจะตกเป็นของใคร

น้ำเเละน้ำเเละน้ำ ไงครับ

“โน่ช่วยไง”

เฮ้ย! ผมว่าผมบ่นในใจเเล้วนะ ทำไมมีคนได้ยิน พ่อคนตัวสูงทรุดนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบกระดาษเอสี่ ที่คริสตัลปริ้นท์ทิ้งไว้ให้ นางขึ้นเเบบมังกรในคอมพิวเตอร์มาเป็นเเบบ 3D ครับ แกะชิ้นส่วนและคำนวนสัดส่วนมาให้เสร็จสรรพ ซึ่งงานขั้นเเรกก็เป็นพี่ๆ ม.5 อย่างเรานี่เเหละตัดแบบก่อน แล้วค่อยกระจายให้น้องๆ ช่วยทาสี แล้วประกอบตามแบบ โน่ช่วยได้มาก แล้วเราก็ทำกันจนเกือบค่ำค่อยเเยกย้ายกลับ พี่ ม.5 กลับหลังสุดตามระเบียบ

ไปต้องห่วงโน่นะครับ ว่าต้องนั่งรถกลับบ้านไกล เพราะเมื่อสองวันก่อนเขาพึ่งบอกผมว่า ‘โน่ย้ายมาอยู่คอนโดเเล้วนะ’



และผมจะไม่ให้ผู้อ่านต้องรอนานเกินไป วันนี้ผมก็เตรียมเสื้อผ้าไปอยู่ห้องผู้ชายสมพรปากท่านผู้อ่านครับ ห้องของโน่เป็นแบบ Duplex คือด้านล่างเป็นโถงกว้างๆ เพดานสูง แล้วมีบันไดเชื่อมไปชั้นสองที่เป็นห้องนอน ทำเลที่ตั้งก็ใกล้สยามติดแนวรถไฟฟ้า ผมรู้สึกดีมากกับคอนโดเเห่งนี้ เพราะไม่ต้องตื่นมาโทรปลุกเขาตอนตีห้าอีกแล้ว เย่!!

โน่ไม่ได้ซื้อแค่คอนโด เขาขอพ่อซื้อบิ๊กไบค์ด้วย วันนี้ผมก็เปิดซิงน้องวันเเรกเช่นกัน ซ้อนกันสบายบรื๋อ ส่วนพ่อเเม่ผมนี่แทบยกตัวน้องน้ำใส่พานให้น้องโน่ทันทีที่อีกฝ่ายมาขออนุญาตให้ผมไปค้างที่คอนโดในวันที่เลิกกิจกรรมกีฬาสีดึก นกรู้นัก!!   

“โน่เราติดหมอนข้าง” ผมบอก เมื่อเราสองคนขึ้นมาอยู่บนเตียงเรียบร้อยเเล้ว กลิ่นห้องใหม่ ที่เเม่บ้านพึ่งมาทำความสะอาดหอมสดชื่นเว่อร์!

“ไม่บอกก่อน เรายังไม่ได้ซื้อมาดิ”​ โน่ทำหน้ารู้สึกผิดมากจนผมต้องดึงเอาหมอนที่หนุนอยู่มากอดแทน

“เรากอดหมอนนี่ก่อนก็ได้”​ พูดจบผมก็พลิกตัวหันไปด้านตรงข้ามกับเขา ยกแขนขาก่ายหมอนนุ่มนิ่มของเตียงโน่ทันที แต่ทว่าเพราะหมอนมันสั้นกว่าช่วงตัว ถ้าจะให้ทั้งเเขนและขากอดได้ผมต้องขดตัวเป็นวงกลมเท่านั้นเอง

“นอนไม่หนุนหมอนเดี๋ยวก็เมื่อยหรอก” เขาชะโงกหน้ามาคุยกับผม

 สบายดีหรอก ผมชอบนอนเเบบนี้

“ขยับมานอนบนหมอนโน่” คุณพ่อผมสั่งอีกแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ขยับเพราะนอนได้ที่เเล้ว

“เร็วๆ ครับน้ำ” เสียงที่ติดจะดุเล็กน้อยนั้นทำเอาผมหน้ามุ่ย ยอมขยับตัวก็ได้ ผมยกหัวนิดนึงให้เขาเลื่อนหมอนตัวเองเข้ามารองใต้ศีรษะ ตัวโน่เองก็ขยับเข้ามาชิดมากขึ้น ไอร้อนจากตัวของโน่ปะทะแผ่นหลังผมพอดิบพอดี นอกจากสายตาเขาที่ร้อนเเรงเกินใครๆ แล้ว อุณหภูมิของตัวคุณพระเพลิงก็ดูจะร้อนกว่าคนอื่นอยู่องศาหนึ่ง

“นอนแบบนี้โน่ไม่อึดอัดหรอ” ผมถามโดยไม่หันหน้ามองเขา ตอนนี้ผู้ชายตัวโตๆ เบียดอยู่บนหมอนใบเดียวกันอ่ะครับ ความร้อนของโน่เเผ่มารอบตัวจนผมต้องหันไปบอกให้เขาเร่งเเอร์ด้วย

“จริงๆ โน่ก็ติดนอนกอดอะไรสักอย่างเหมือนกัน”​

ไม่ต้องเดาครับ แขนโน่วางเข้าตรงช่องเอวผมพอดี ขาก็ก่ายมาตรงช่วงขาอ่อน ตัวโน่ร้อนสมกับชื่อพระเพลิงของเขาล่ะ

“คืนนี้กอดหมาเปี๊ยก”

“ติดเห็บหมาเเน่โน่!” ผมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน นอนใกล้กันก็อึดอัดจะเเย่เเล้วเว้ย นี่ยังโดนรัดด้วยเเรงควายๆ ของโน่อีก ผมเลิกยุกยิกเพราะยิ่งดิ้น เจ้าของห้องเขาก็ยิ่งรัดแรงขึ้น เเล้วคนตัวน้อยเดียวอย่างผมจะสู้พ่อกล้ามหนาสูงร้อยเเปดสิบกว่าๆ ได้ไงจริงมั้ยครับ

“ฝันดีครับน้ำ”

เกลียด! เกลียดทุกครั้งที่โน่พูดครับ ด้วยโทนเสียงนุ่มนุ่ม

“ฝันดีแน่ถ้านอนหลับ โดนกอดแบบนี้ไม่ชินเลยอ่ะ”​ ผมต้องเเข็งใจเเค่ไหน ในการต่อสู้กับความอ่อนโยนนั้น แล้วบอกไปตามความรู้สึก เหมือนได้ยินเสียงโน่หัวเราะเบาๆ อยู่ตรงหลังคอ

หัวเราะยังละมุนเลยพ่อคุณเอ้ย!

“โน่กอดทุกวัน เดี๋ยวน้ำก็ชิน”

ต่อมสำนึกของโน่อยู่ตรงไหนครับ แทนที่จะตอบว่าพรุ่งนี้ไปซื้อหมอนข้าง!

ปากเก่งไปเท่านั้น เพราะในใจนี่ระทวยไปหมดแล้วครับ ยอมนอนนิ่งใเป็นหมาเปี๊ยกให้เขากอดเลย    

แต่นอกจากแขนกับขาที่วางอยู่บนตัว ผมยังรู้สึกเหมือนจมูกโด่งๆ ของมันมาซุกๆ อยู่ที่ท้ายทอยผมด้วย เคยรู้สึกป่ะครับว่าถ้ามีลมร้อนๆ มาเป่าอยู่ที่หลังคอจะนอนไม่หลับ

“โน่”

“ว่าไง”

“ถอยหน้าออกไปหน่อยได้ป่ะ น้ำร้อน”

“ก็น้ำหอม”

“เราก็ใช้สบู่ขวดเดียวกับโน่อ่ะ” บางทีผมก็เหนื่อยจะเถียงกับเขา เหนื่อยที่ตัวเราใจเต้นเเรงนี่เเหละโว้ย!

“แต่อยู่บนตัวน้ำแล้วหอมกว่า ไม่เชื่อมาลองดมตัวโน่ดู”

“เลิกเถียง! นอนเเล้ว”   

เขาหัวเราะอีกแล้ว อารมณ์ดีมากมั้ยอ่ะ พาล!!

“ฝันดีครับน้ำ”

ผมหลับตาปี๋ เพราะที่โน่พูดประโยคสุดท้านนั้นมันอยู่โคตรใกล้ ใกล้จนผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรที่อุ่นกว่าลมหายใจแตะลงมาตรงหลังคอ
   


“หมาตื่น” ผมได้ยินเสียงเรียกตรงหู แต่ยังง่วงอยู่เลยยกผ้านวมขึ้นมาคลุมโปงแล้วหันหนีไปอีกทาง นานๆ ทีจะไม่ต้องตื่นตีห้า ขอหลับต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอ

“ตื่นเร็ว โน่หิวแล้ว” เสียงงอแงจากคนตัวโตๆ ไม่ได้น่ารักเลย ถ้าไม่ตื่นผมก็คงโดนก่อกวนอยู่ดี เลยหน้างอออกมาจากผ้านวม คุณเจ้าของห้องใส่ชุดนักเรียนเรียบร้อยเเล้ว ยืนเท้าเอวอยู่ข้างเตียง แต่ผมชื้นๆ ปรกหน้าหล่อๆ นั้นไปซีกหนึ่ง รับรองว่าถ้าพวกสาวๆ ที่โรงเรียนได้มาเห็นโน่ในสภาพนี้ต้องลมจับ

“ไปอาบน้ำเร็วๆ จะได้ไปกินข้าว”

โน่เป็นคนติดข้าวเช้าครับ เราสองคนเหมือนกันตรงนี้ และตอนนี้ท้องผมก็เริ่มร้องเเล้ว ห้องโน่ใหม่มาก เลยยังไม่มีเสบียงอะไรเลยแม้แต่นมกล่อง ผมวิ่งผ่านฝักบัวเเล้วก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาหาเสื้อผ้าที่เเขวนไว้ในตู้

โน่ยืนเซตผมอยู่หน้ากระจก ผมเอาสะโพกกระเเทกเขาให้พ้นทาง แต่อีกฝ่ายกลับไม่หลบ แล้วคิ้วขมวดจ้องตัวจ้องหน้าผมเเทน

“น้ำ…คราวหลังอย่าถอดเสื้อผ้าให้โน่เห็นอีกนะ”

“ทำไมอ่ะ” สงสัยเจอผิวขาวโอโม่ผมเข้าไปแล้วเเสบตา แต่ที่จริงนี่ก็เเก้ผ้าเดินโทงๆ ในบ้านบ่อยไป

“บอกว่าอย่าก็อย่า”

“ถ้าไม่ให้โน่เห็น แล้วให้คนอื่นเห็นได้ป่ะ” ผมกวนประสาทเขา เบื่อพวกชอบดุ

“จะตี!” คนตัวสูงกว่ายกมือขู่

ผมทำท่าจะอ้าปากงับเหมือนลูกหมา แต่โน่ก็ตาโตเสียก่อนเเล้วยื่นมือมาไล้ตรงใต้ไหปลาร้า

“สักด้วยหรอ”

ใช่ผมสักคำว่า Bliss ที่เเปลว่าความสุขตัวเล็กๆ เอาไว้ ถ้าไม่สังเกตหรืออยู่ใกล้คงมองไม่เห็น พ่อผมไปสักสัญลักษณ์ดอกไม้แทนตัวเเม่ที่ท้องเเขน ส่วนเเม่ก็ไปสักลายเซ็นต์พ่อตรงข้อเท้า กระผมลูกชายนั่งว่างและโคตรจะมีความสุขกับชีวิตตัวเอง เลยไปสะกิดพี่ช่างให้สลักคำนี้ลงบนตัวให้หน่อย ผมคิดอะไรเพลิน และโน่ก็ยังคงลูบอยู่

“คิดค่าจับนะโว้ย” ผมเบี่ยงตัวหลบมือโน่ เอาจริงรู้สึกสยิวกิ้วนิดหน่อย ตอนพี่ช่างสักจับทำไมไม่รู้สึกแบบนี้ว่ะ อาจจะเป็นเพราะดวงตาที่พราวระยับของโน่ก็ได้ ตาโน่สวยมากผมเคยบอกหรือยัง มันเหมือนมีดาวสักพันดวงอยู่ในนั้น และมันก็ระยิบระยับเต็มไปหมด เวลาที่เขาจ้องมาที่ผม มันทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบ สมเเล้วที่ชื่อจริงว่าเพลิง ตาโน่หนะเผาไหม้หรือหลอมละลายคนอื่นได้จริงๆ นะ

“เด็กไม่ดีเลย” เขาจุ๊ปาก แต่เหมือนโน่จะถูกใจที่เห็นรอยสักผมมากกว่าจะตำหนิ

“เราก็สัก” เขาพูดเหมือนอวด โน่ปลดกระดุมเสื้อออก

กำเดาจะพุ่งกับกล้ามอกและซิกแพคพี่เขา เห็นทีตอนเเข่งว่ายน้ำผมคงต้องไปนั่งเฝ้าเสียเเล้ว

โน่แหวกให้ดูตรงเอว ที่ใครมองเห็นได้ยาก รอยสักของโน่มันเป็นรูปนาฬิกาทราย ที่ดูเเล้ว...รู้สึกเหงา   

“ทำไมเป็นรูปนี้” ผมเผลอไปจับตัวเขาบ้าง

“เราอยากย้อนเวลามั้ง”

ผมขมวดคิ้ว “ย้อนทำไม มีเรื่องเสียใจในอดีตหรอ” ผมเผลอปากอีกแล้ว พูดจบก็เงยหน้าดูอาการโน่ เขาพยักหน้าให้แต่ไม่ได้ทำหน้าเศร้าอย่างที่ผมกังวัล

“ตอนนี้ไม่ค่อยรู้สึกแล้ว”

“ดีแล้ว เราไม่ชอบให้โน่ทำหน้าเศร้า”

“ถ้าน้ำอยู่ใกล้โน่ โน่จะยิ้มตลอดเลย”

“อ้อนเก่ง” ผมบีบจมูกเขา มันอดไม่ได้จริงๆ ครับ หมั้นเขี้ยว คนตัวโตๆ มาพูดอะไรเหมือนเด็กๆ แบบนั้น

โน่ยิ้ม ยิ้มแบบยิ้มกว้าง ผมก็ยิ้มเหมือนกัน รู้สึกดีที่เจอคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน เราอาจจะเป็นอาร์ตติสกันทั้งคู่ก็ได้ เลยชอบอะไรแบบนี้ เหมือนเราสองคนเจอพวกแล้วก็ปลดล็อกความสนิทให้มากขึ้นกว่าเดิมอีก

“จบ ม.ปลายเเล้วคงไปเติมอีก” ผมบอกสิ่งที่คิด ตอนนี้ยังเกรงใจความบันเทิงศิลป์อยู่หน่อยๆ

“เอาสิ โน่มีช่างที่สนิท จะพาไป”

“แปลว่าเราจะเป็นเพื่อนกันไปอีกนานใช่ป่ะ” ผมพูดไปเรื่อย เเต่โน่ไม่ เขามองตาผมอีกเเล้ว

“น้ำอยากเป็นเเค่เพื่อนหรอ”

ผมเอียงคอ ยากมากที่จะต้องสู้ตาโน่

“แล้วถ้าโน่ไม่ให้น้ำเป็นเพื่อน โน่จะให้น้ำเป็นอะไร” ผมถาม ล่อเป้ามั้ยครับ!

โน่ยิ้ม ตาเขาเป็นประกายมาก แล้วมันก็ทำให้ผมเขิน เราสองคนเบือนหน้าหนีจากกัน ปล่อยเวลาให้มันเงียบงันก่อนจะหันกลับมาประสานสายตากันอีกครั้ง

“หมาเปี๊ยกไง เป็นหมาเปี๊ยกของโน่”

ผมงับมือเขาไปเต็มเขี้ยว หมั่นไส้จริงเว้ย ว่ากันอยู่ได้

ดีแล้วครับที่โน่ไม่กดดันผมไปมากกว่านี้






- TBC -

น้องโน่ยังคงรุกแรงเสมอ ส่วนน้องน้ำก็ได้แต่มึนไม่รู้เรื่องต่อไป  :ling1:
#พระเพลิงมารีน
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 1-10 fri 17aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 17-08-2018 00:36:06
Chapter 7


 กีฬาสีดำเนินมาถึงช่วงสัปดาห์ที่สอง ที่เริ่มเเข่งกีฬาในร่ม โน่ไม่ได้มาช่วยผมทำอุปกรณ์พาเรดเเล้ว เพราะต้องไปเเข่งบาสบ้าง แข่งว่ายน้ำบ้าง พวกน้องๆ ม.ต้นถูกเกณฑ์ไปเชียร์ตามสนาม และเเน่นอนว่ามีเชียร์หลีดเดอร์ ไปซ้อมนำเชียร์ด้วย

‘มาดูโน่เเข่งว่ายน้ำป่าว’

เขาพิมพ์มาขณะที่มือผมกำลังเลอะกาวจากการประกอบมังกรยักษ์ของคริสตัล

“พิมพ์ให้หน่อย” ผมหันไปสั่งเพื่อนสาวเจ้าของจินตนาการอันบรรเจิด ที่วันนี้ไม่มีซ้อมดรัมเมเยอร์

“พิมพ์ว่า” เธอหยิบมือถือผมไปกดรหัสปลดล็อก

“ไม่ไป ติดทำพาเรด”

“โหยไม่ฟินเลยอ่ะ” คริสตัลงอแง สรุปโน่ชวนใครว่ะเนี่ย

“หรือจะไม่ต้องทำ มันจะทันมั้ยละ” ผมคำนวนเวลาในใจ กับมองปริมาณที่กองอยู่ น้อง ม.ต้น หลายคนก็ทิ้งไปเชียร์กีฬากันหมดแล้วด้วย

“ซื้อเงาะไปให้”

“คืออะไรว่ะ” ผมทำหน้าอิหยังว่ะแบบมีมในทวิตเตอร์​

“ก็เงาะเเช่เย็นคว้านเม็ด แรร์ไอเท่มของลุงผลไม้หน้าโรงเรียนไง แข่งเหนื่อยๆ ได้กินนะ รับรองรักตาย” คริสตัลพูดจบก็ยกมือตัวเองขึ้นมาปิิดหน้า แล้วก็กรี๊ดๆ ดิ้นๆ อยู่คนเดียว

“แกจิ้นอีกแล้วใช่ป่ะ”

“อื้อ!! ฟินอ่ะ”

ผมเหนื่อยกับเพื่อนจังครับสังคม แต่ก็รีบเร่งมือทำงานให้ได้มากที่สุด ถึงไม่ได้ไปดูเเข่ง แต่ไปหาตอนจบก็ยังดี

“เอ้ย พิมพ์บอกโน่ให้หน่อยว่าจะไปหาตอนเเข่งเสร็จ”

“แม่พิมพ์ให้แล้วค่ะ คุณลูก” คริสตัลใส่ฟิลเตอร์ผู้ปกครองให้ผมทันที

“พิมพ์ไปว่าไร”

“สู้ๆ นะคะผัว”

“ไอ้คริสตัล!!” ถึงกับต้องหยาบคายใส่ผู้หญิง “เป็นสาวเป็นนางทำไมพิมพ์แบบนั้นได้”

“ก็เครื่องน้ำอ่ะ เชื่อเเม่ค่ะลูก เจอเรียกว่า ‘ผัว’ ไปแบบนั้น รับรองโน่ได้เหรียญทองทุกรายการอ่ะ”

“คริสตัล!!” ผมอยากจะเอากาวลาเเท็กซ์สาดใส่นัก

“ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

“แล้วนอนด้วยกันตั้งหลายคืน ไม่ได้กันบ้างหรอ”

“คริสตัล!! ทำไมพูดเรื่องแบบนี้ได้โดยไม่อาย เป็นผู้หญิงนะ”

“เราอ่าน NC ในฟิคมา” พูดจบก็หันไปกรี๊ดอัดมือตัวเองอีกแล้ว ผมว่าในหัวคริสตัลคงเป็นภาพที่อัศจรรย์น่าดู

“ไซส์เเกกับโน่โคตรได้อ่ะ ร่างสูง ร่างบาง ตัวโต ตัวเล็ก กอดทีนะจมอก”

ช่วยผมหาน้ำมนต์มาสาดคริสตัลที ช่วยเอาผีวายออกจากเพื่อนผมด้วยเถอะครับ เลอะเทอะไปใหญ่เเล้ว

“รีบทำเหอะ ถ้าช้าแกจะไม่ได้เห็นฉากเราเอาเงาะให้โน่”

“โอ๊เค!! เเม่จะต้องช่วยลูกพายเรือ คริสตัลคนนี้จะเป็นกัปตันเองค่ะ” นางยกมือมาตะเบ๊ะแล้วก็พูดอะไรที่ชวนปวดหัวเต็มไปหมด ผมเลิกสนใจ แล้วก้มหน้าก้มตาทำต่อ


เกือบสองทุ่มกว่าผมกับคริสตัลจะเก็บของเสร็จ เราวิ่งไปหน้าโรงเรียนทันที โชคไม่ดีที่เงาะคว้านเมล็ดเหลือเเค่ถุงเดียว เพราะตอนเเรกตั้งใจจะซื้อ 3 ถุง ของผม คริสตัล แล้วก็โน่

“แกเอาไปเหอะคริสตัล” ผมเป็นผู้ชายเเสนดีมั้ยครับ

“ไม่เราซื้อเเตงโมเเล้วไง ถุงนี้ต้องเป็นของโน่ แล้วแกค่อยไปอ้อนๆ ขอให้โน่ป้อนอีกที”

ผมส่ายหน้า ปล่อยคริสตัลคิดซีนบรรเจิดในหัวต่อไป เราสองคนเดินไปที่สระว่ายน้ำโซนโรงยิม เด็กๆ กองเชียร์เดินสวนออกมาประปราย แปลว่าการเเข่งขันน่าจะเลิกสักพักแล้ว

“โน่อยู่ไหน”

“น้องคะ เห็นพี่โน่ ม.5 มั้ย สีเเดง” คริสตัลคว้ามือเด็กผู้ชาย ม.ต้นไว้คนนึงเเล้วถาม โอ้โห น้องเค้านี้หน้าเเดงหูเเดง อ้อมเเอ้มตอบมาว่าอยู่หน้าเเสตนสีเเดงนั่นเเหละ คริสตัลลากผมไปทันที
   


ผมเห็นโน่เเล้ว เขาโดดเด่นเสมอ แม้ว่าลุงยามจะทยอยปิดไฟรอบสระเเล้วก็ตาม เห็นลางๆ ยังรู้เลยว่าหุ่นดี และตาผมก็ดีขนาดที่เห็นว่าเขาใส่ชุดว่ายน้ำเเบบขาสั้นถึงเข่า เเต่เปิดอก!! ในมือเขามีหมวกกันน้ำกับเเว่นตา แล้วมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยื่นผ้าเช็ดผมสีขาวไปให้

“หึงป่าว” คริสตัลกระทุ้งศอกเข้าที่ตัวผม

“หึงอะไรว่ะ”

“ก็นั่นน้องหลีดสีเเดง ฮอตนัมเบอร์ทูรองจากเรา” ผมหันไปมองคริสตัล นี่ก็มาสายสวยแต่ตลกนะเราอ่ะ

“จีบโน่ชัวร์ ดูดิไม่มีหลีดเหลือสักคนแล้ว มีเเต่พวกสวัสดิการรอดูเเลนักกีฬา”

“เราจะหาผ้าขนหนูผืนใหญ่ๆ ได้จากที่ไหน” ผมหันไปถามคริสตัล

“รอเเม่แป๊บ” คริสตัลคงมีฟิลเตอร์บุพการีประทับร่างอีกแล้วครับ เธอวิ่งหายไปในห้องภารโรง แล้วออกมาพร้อมผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัวผืนใหญ่ที่ปกติมีไว้ให้เราใช้ตอนเรียนวิชาว่ายน้ำ แต่เวลาเเบบนี้ภารโรงต้องล็อกตู้ไปแล้วดิ

“ขอบคุณพ่อเเม่ที่ให้หนูหน้าตาสวยและมีเสน่ห์นะคะ” คริสตัลพึมพำกับตัวเอง แล้วตบอกแปะๆ สองสามที ไม่ต้องเล่าก็รู้ว่าไปอ้อนมาอีก

ผมคลี่ผ้าที่พับไว้ออกมาพาดบ่า คว้าข้อมือคริสตัลเดินดุ่มๆ อ้อมสระไปหาโน่

น้องหลีดกำลังชวนโน่คุยด้วยจริตโคตรน่าทะนุถนอม และในมือเธอมีเงาะคว้านเมล็ดจากร้านเดียวกันถุงใหญ่ หยามมาก!! แล้วโน่มี่ผมคิดว่ามนุษย์สัมพันธ์ต่ำแบบติดลบเพราะมีเพื่อนเเค่ 5 คนถ้วน ตอนนี้กำลังต่อบทสนทนาอย่างรื่นเริงเชียว

หัวร้อนโว้ย! ทำไมคนใจเย็นอย่างผมต้องมาหงุดหงิดขนาดนี้

“โน่หนาวป่าว เราเอาผ้าเช็ดตัวมาให้”

ผมกางผ้าออกแล้วห่อตัวให้เขาจากทานด้านหลัง ถ้าคิดภาพตามไม่ออกก็ประมาณ Back Hug อ่ะครับ ได้ยินเสียงคริสตัลกรี๊ดแบบกระมิดกระเมี้ยนอยู่ข้างๆ สงสารเขานะครับคงอยากกรี๊ดดังๆ แต่ก็ต้องเอามือปิดปากรักษาภาพลักษณ์​

โน่ยกมือขึ้นมารับผ้าจากผม ไม่สิ เขาวางมือทับหลังมือผมที่ยังขยุ้มผ้าเช็ดตัวอยู่ แล้วจับมันขึ้นซับหน้าซับตัวเเทน กลายเป็นว่าผมโดนรั้งเสียจนหน้าอกติดแผ่นหลังเขาเลย

“โน่ เดี๋ยวน้ำเปียก” ผมบ่นอุบ เเต่ก็พูดไม่ถนัด เพราะปากนี้จมลงไปกับหัวไหล่กว้างๆ นั้นเรียบร้อย

“กรี๊ดดดด ต้องจด!!”

โน่ต้องปล่อยมือผมเดี๋ยวนี้อ่ะ ไม่งั้นคริสตัลอาจหัวใจวายตายได้

“เอ่อ..พี่โน่คะ อันนี้เงาะคว้านเมล็ดที่หนูบอก”​ โอ๊ะ! เกือบลืมว่ายังมีใครอีกคนยืนอยู่ตรงนี้ด้วย

“โน่เราก็ซื้อมาให้ เงาะอ่ะ” ผมพูดด้วยใบหน้าที่จิ้มๆ อยู่กับหลังโน่

“เพื่อนพี่ซื้อมาให้แล้วครับ เราเอากลับไปกินเถอะ” ผมงี้แทบจะงับหัวไหล่โน่ ทำไมพูดกับคนอื่นถึงใช้น้ำเสียงใจดีแบบนั้นอ่ะ ทีกับผมนี่คำก็หมาเปี๊ยก สองคำก็หมาเปี๊ยก

“ถ้าน้องไม่กิน พี่กินนะ จะฝากพี่ก็ได้” คริสตัลที่คุมสติได้แล้ว ก้าวไปแบมือตรงหน้าน้อง แน่นอนว่าเธอก็ยื่นให้แต่โดยดี

“เอ่อ พี่โน่งั้นไว้เจอกันวันหลังนะคะ หนูไปก่อน”

“ครับ”

“เอ่อ..พี่...ไม่ถามหรือคะว่าหนูกลับยังไง”

“กลับยังไงครับ”

“พ่อมารับค่ะ”

“งั้นก็กลับบ้านดีๆ นะครับ”​

น้องหลีดเหมือนจะกัดปากด้วยความไม่พอใจ เเต่เธอก็ฉลาดพอที่จะถอยทัพออกไป น้องม.3 อาจจะกลัวรัศมี ม.5 อยู่หน่อยๆ

“ปล่อยได้ยัง!” ผมโวยวาย

“หายหงุดหงิดยังละ”​โน่ถามแล้วหันหน้ามา ปากเขาเฉียดหน้าผากผมไปนิดเดียวเหอะ ผมนี่ก้มหน้างุด รู้สึกร้อนไปทั้งตัวอีกแล้ว พระเพลิงเป็นคนไม่ดีเลย เเกล้งอยู่นั่นเเหละ

โน่หัวเราะในลำคอ หึหึ แล้วก็ลากผมให้ออกมายืนประจันหน้าด้วย

“ขอบคุณสำหรับผ้าเช็ดตัวครับ”

“คริสตัลเป็นคนไปเอามาหรอก” ผมอุบอิบ

“ไม่เลยโน่ เราไม่ได้ทำไรเล๊ยยยย” หญิงสาวเพียงคนเดียวในที่นี้เสียงสูงทันที

“ที่คุยกับน้องเมื่อกี้เป็นการลงโทษที่น้ำไม่มาเชียร์โน่” เขายิ้มจนเเก้มดันตาให้เป็นสระอิ “แต่...เจอคนขี้หวงเมื่อกี้แล้วก็ยกโทษให้”

ผมต่อยไหล่โน่ไปเเรงๆ หนึ่งที ไม่รู้ว่าหมั่นไส้ที่เขาหลงตัวเอง หรือหงุดหงิดที่เขารู้ทันกันเเน่!



การเเข่งกีฬาของโน่ทำให้ผู้ชายชื่อพระเพลิงขึ้นอันดับหนุ่มป๊อบของโรงเรียนทันที เบียดอันดับ คุณชายขิง มือเบสวงผมตกไปอยู่อันดับสองเลย ส่วนชูครีมที่หล่อแบบมึนๆ ก็ตกไปอยู่เป็นอันดับสาม

“วันนี้มีคนมาขอไลน์อีกแล้ว” โน่บอก ขณะที่เราสองคนเตรียมเข้านอน ใช่ครับคืนนี้ผมนอนคอนโดโน่อีกแล้ว ก็พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปงานกีฬาสีนี่นา

“แล้วบอกน้ำทำไม” ผมตอบโดยที่ยังคงไถมือถือดูไอจีไปเรื่อยๆ

โน่ขยับเข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงเเรงยวบของที่นอนข้างตัว

“ในโทรศัพท์มีอะไรน่าสนใจหรอ”

“ดูลายสักอยู่นี่ไง” ผมยื่นไอจีร้านสักให้โน่ดู มันเป็นเรื่องที่เราสนใจเหมือนกันเขาจะได้ไม่งอน

“จะไปสักแล้วหรอ”

“ยัง รอจบ ม.6 ก่อนไง”

“งั้นค่อยดู” เขาดึงมือถือออกไปจากมือผม แล้วเอื้อมไปวางที่โต๊ะหัวเตียง “นอนเถอะ โน่ง่วงเเล้ว”

“เรายังไม่ง่วงสักหน่อย” ผมบ่น

“แล้วถ้าน้ำไม่นอน โน่จะกอดอะไรอ่ะ”

ใช่ครับ จนถึงวันที่ย้ายมาอยู่คอนโดได้เป็นเดือนเเล้ว โน่ก็ยังไม่ซื้อหมอนข้าง

“ไปห้างครั้งหน้าต้องซื้อ ห้ามบ่ายเบี่ยง” ผมคาดโทษเจ้าหมาตัวโต

“เกี่ยวก้อยสัญญาเลย” ยกนิ้วไปตรงหน้าเขา แล้วเขาก็ล่มสัญญาผมด้วยการกดมือผมลงไปบนหมอน ก่อนจะพลิกตัวเองออกไปด้านที่ไม่มีผม อ่าว งอนเฉย!   

ผมถอนหายใจ นักเลงคนโหดที่ครูประจำชั้นเอย ครูฝ่ายปกครองเอยกลัวหายไปไหนแล้วนะ มีเเต่เด็กโข่งเอาแต่ใจเท่านั้นอ่ะที่ผมรู้จัก ผมเอื้อมมือไปหยิบรีโมทควบคุมไฟในห้องมาทำให้พื้นที่นอนของเรามืดสนิท ก่อนจะขยับไปหนุนหมอนเดียวกับโน่ แล้วสวมกอดเขาเบาๆ

เอาหน้าถูหลังเขาไปมาเหมือนลูกหมา กลิ่นน้ำยาซักผ้าของเเม่บ้านยังหอมเหมือนเดิม แต่ที่ผมชอบมากกว่าคือกลิ่นกายเซ็กซี่ๆ ของโน่

“ขี้อ้อน” เขากุมมือผมที่เอื้อมพาดเอวสอบไป

“ขี้งอน” ผมพูดอู้อี้ เพราะหน้ายังฝังอยู่กับหลังกว้างๆ

โน่เเพ้ เขาหันกลับมากอดเอวผมเหมือนที่เรานอนด้วยกันทุกครั้ง

“สรุปได้ให้ไลน์ใครไปรึเปล่า” ผมถามเขา ขนะที่เอาหัวซุกเข้าไปตรงหน้าอก

“น้ำไม่ชอบ โน่ไม่ได้ให้ใครหรอก”

“เก่งมากครับตัวโต”

“เก่งแบบนี้ได้รางวัลป่าว”

ผมส่ายหน้า ยิ้มเล็กๆ กับความขี้อ้อน และสกินชิพที่เราสองคนเหมือนจะเสพติดกันเเละกันอย่างไม่รู้ตัว

“ฝันดีหมายักษ์” ผมพูดเเค่นั้นเเล้วหลับตา

“ฝันดีครับหมาเปี๊ยก” โน่ก็พูดเเค่นั้น แล้วก็วางปากไว้ตรงใกล้ๆ หน้าผากผม



 - TBC -
ไรต์คือคริสตัลเอง ฮรือๆ 
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 1-10 fri 17aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 17-08-2018 00:37:12
Chapter 8

นาฬิกาปลุกของผมกับโน่ดังต่อๆ กันทุก 5 นาทีตั้งแต่ตีห้า แต่กว่าเราสองคนจะลุกจริงๆ ก็ตีห้าครึ่ง ผมโงนเงนขึ้นมานั่งบนเตียง ส่วนโน่นั้นลุกไปยืนบนพื้นเเล้ว

“น้ำลุกเร็ว เดี๋ยวไปตั้งขบวนไม่ทัน คริสตัลบ่นหูชานะ”    

“โน่กลัวก็ไปก่อนเลย” ผมงอแง แล้วทำท่าจะล้มตัวลงไปหาพี่ผ้านวมที่กวักมือเรียกยิกๆ แอร์เย็นฉ่ำแบบนี้ ผ้านวมที่เป็น Silk 100% ก็ห่มสบายเว่อร์ ใครจะทำใจทิ้งไปได้ลงคอกัน

“ไม่ลุกโน่จะอุ้มเเล้วนะ” เจ้าของห้องขู่ จนผมเผลอทำหน้ายุ่งใส่ ลุกก็ได้ๆ ผมกลิ้งตัวลงมาจากเตียง

“เดี๋ยวไปนอนต่อในรถ วันนี้โน่ขับแรบบิทครีมไป” เขาบอก ผมพยักหน้าหงึกๆ โน่เอารถที่บ้านมาใช้อีกคันครับเป็น Camry สีขาว ผมเลยตั้งชื่อให้มันเพราะรูปลักษณ์คล้ายซาลาเปาในเซเว่น

โน่ลงไปใช้ห้องน้ำข้างล่าง เขายกห้องข้างบนที่กว้างกว่าให้ผม เราเเต่งตัวไม่นาน โน่ใส่ชุดนักกีฬา ส่วนผมสวมชุดสต๊าฟคุมแถว ซึ่งก็คือเสื้อสีเเดงและกางเกงพละขายาวของโรงเรียน ไลน์กลุ่มของเราดังอย่างวินาศสะนตะโร เพราะกีวี่ก่นด่าทุกอย่างที่ไม่ได้ดั่งใจ แต่ด่าใครไม่ได้นอกจากระบายใส่ไลน์ ส่วนคริสตัลก็ส่งรูปแต่งหน้า และสวมชุดดรัมเมเยอร์สุดสวยมารัวๆ ชูครีมนิ่งๆ ตามระเบียบ ทอยที่คุมกีฬาก็บ่นนิดหน่อยเรื่องสวัสดิการ ผมกับโน่สงบสุดแล้ว

เราสองคนรับหน้าที่ไปรับมงกุฏดอกไม้สดให้พวกน้องดรัมเมเยอร์ของสี และหลีด มาใช้ตกแต่งผม นั่นคือเหตุผลที่ต้องตื่นเช้า โน่ขับรถไปร้านที่คริสตัลสั่งไว้ ลงไปขนขึ้นมาวางเรียงบนเบาะหลัง เขาปล่อยให้ผมนอนหลับอยู่บนรถ ซึ่งผมก็ไม่หลับหรอก แต่แอบถ่ายหน้าตาจริงจังของผู้ชายลุคเเบดๆ กับพวกดอกไม้สีหวานเต็มไม้เต็มมือส่งลงไปในกลุ่มแทน

‘นอนด้วยกันอีกแล้วอ่อ ถึงมาพร้อมกันขนาดนี้’ แน่นอนว่ากีวี่เปิดก่อนคนเเรก

‘ไม่มีอะไรให้ชิปแล้วเเม่ เขาเป็นเเฟนกัน’ คริสตัลส่งสติ๊กเกอร์หวีดมารัวๆ

‘อย่าเเซวมาก โน่เสียหาย’ ทอย ไอ้เพื่อนทรยศ

โน่กลับมานั่งประจำที่คนขับอีกครั้ง เขาหยิบโทรศัพท์ที่เเจ้งโนติรัวๆ ขึ้นมาดู

“วันหลังโน่แอบถ่ายตอนน้ำนอนน้ำลายยืดส่งไปบ้างดีกว่า”

“อย่านะ!!”


“ถ้าโน่ทำน้ำจะโกรธ​แล้วไม่ไปนอนด้วยแล้ว”​

ปากยื่นปากแบะ สมเป็นลูกคนเดียวครับบอกเลย

“โอ๋ ไม่เเกล้งแล้วครับ หน้าเหมือนหมามากเลยครับตอนนี้” เขาวางมือเเปะๆ บนหัวผม แล้วยื่นอะไรบางอย่างมาตรงหน้า

“ให้”

ผมหันไปมอง มันเป็นดอกไม้ช่อจิ๋วๆ โน่คงถือไว้อีกมือที่ผมมองไม่เห็น

“ที่ร้านเเถมหรอ”

โน่อมยิ้ม ไม่ตอบ เเล้วก็เข้าเกียร์เอารถออก

ผมก้มมองช่อดอกไม้ มันเป็นดอกเล็กๆ สีขาวคล้ายระฆังคว่ำ แปลกตาดีจัง

“ดอกอะไรอ่ะ น่ารักดี”

“Lily of the Valley” โน่ออกเสียงภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงที่โครตคม

“มีความหมายป่ะ ไม่เคยได้ดอกแบบนี้เลย”

“ความอ่อนหวานของคุณช่วยเติมชีวิตฉันให้สมบูรณ์”


สาบานสิโน่ว่าไม่ได้จีบ สาบานออกมาเดี๋ยวนี้! ผมได้เเต่ก้มมองช่อดอกไม้ในมือโดยไม่ปริปากสงสัยอะไรอีก



เรามาถึงสนามกีฬาของมหาวิทยาลัย ที่ทางโรงเรียนขอเช่ายืมพื้นที่เพื่อเเข่งกีฬาสีวันนี้ประมาณ 7 โมง ผมกับโน่ช่วยกันหอบลังใส่มงกุฎดอกไม้ของสาวๆ ไปที่ห้องเเต่งตัว ส่วนดอกไม้ของตัวเองโน่อนุญาตให้วางไว้ในรถได้ ผมยังไม่พูดอะไรกับโน่ เพราะรู้สึกว่าทั้งตัวยังสะบัดร้อนสะบัดหนาว นี่เป็นไข้หรือเขิน!

คริสตัลสวยมาก และสาวๆ ก็กรี๊ดมากที่เราสองคนเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวเเน่นอนว่าโน่หล่อ และผมก็เป็นคนดังประมานนึงเพราะเป็นนักร้องนำวงดังของโรงเรียน น้องๆ หลายคนขอเข้ามาถ่ายรูปกับโน่ และเเน่นอนว่าในทุกรูปเขาจะลากผมเข้าไปยืนประกบด้วย เพื่อ!

หลังจากจบมหกรรมพบปะประชาชน โน่ก็ไปห้องเก็บตัวนักกีฬา ส่วนผมก็ไปดูขบวนพาเรดที่น้องๆ เริ่มมาตั้งเเถวกันแล้ว เราจะออกเดินกัน 9 โมง เดินเเค่รอบสนามนั้นเเหละครับ แล้วก็เเสดงเปิด จากนั้นช่วงเช้าก็เเข่งกรีฑาประเภทต่างๆ บ่ายเเข่งแสตนเชียร์​และเชียร์ลีดเดอร์ จากนั้นประกาศผล และปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ตจากวงในโรงเรียน แน่นอนว่าผมขึ้นร้องด้วย อิอิ เตรียมร้องตามกันได้เลยนะครับ

ช่วงกลางวันไม่มีอะไรให้กรี๊ดมากนัก เพราะหลังพาเรดเสร็จ ผมก็ขึ้นไปช่วยกีวี่ดูเเสตนเชียร์ ไปช่วยน้องๆ ร้องเพลง ส่วนคุณชายพระเพลิง ก็ลงวิ่งคว้าเหรียญทองให้สีไปอีกหลายรายการ

“หล่ออ่ะ”

“แกว่าพี่เค้าจะมีแฟนยัง”

“สนิทกับพี่น้ำป่ะ ตัวติดกันตลอด”

“วันก่อนพี่นิ้มหลีด เอาขนมไปให้ที่สระว่ายน้ำ เกือบโดนพี่คริสตัลตบ”

“เค้าเป็นเเฟนกันหรอ”

“ก็กลุ่มเดียวกันอ่ะ เลยไม่รู้ว่าใช่มั้ย”

และอีกสารพัด ที่อยากเดินไปบอกพวกน้องๆ เหลือเกินว่าโน่ยังโสดโว้ย และเลิกส่งเพื่อนๆ มาขอไลน์ได้เเล้ว รำคาญ!! ไม่ได้รำคาญน้องนำครับ รำคาญโน่นั้นเเหละ ขี้อวด ฮอตมากก็ไปเปลี่ยนชื่อจากพระเพลิงเป็นน้ำเเข็งมั้ยละ
   


ผลการเเข่งขันออกมาเเล้วครับ รวมเหรียญกีฬาสีเเดงได้อันดับหนึ่ง หน้าบานกันไป

พาเรดผมได้ที่สอง เเพ้สีชูครีมครับ คริสตัลนี่แทบกระโดดกัดหูเพื่อน

แสตนเชียร์เรากูหน้ามาได้ ด้วยการคว้าที่หนึ่งไป

หลังจากรับถ้วยกันเรียบร้อย สต๊าฟ Light & Sound ก็เข้าไปเซตเวทีเตี้ยๆ กลางสนามบอล เพื่อให้พวกเราขึ้นคอนเสิร์ตครับ

วงน้อง ม.4 จัดเพลงร๊อคโดดๆ กันไปวงละ 5 เพลง เล่นเอาทั้งเเสตนเชียร์หอบเเฮก วงผมเป็นวงปิด

“ร้องเพลงไรบ้างอ่ะ” โน่ได้อภิสิทธิ์เข้ามาในห้องพักนักดนตรี เพราะเริ่มคนในวงรู้ดีว่าเป็นบั๊ดดี้ผมซึ่งเป็นหัวหน้าชมรม

“ไม่บอกหรอก”​ผมส่ายหน้า มือยังลูบคลำน้องสายฟ้า ชื่อกีต้าร์ผมเองครับลูกชายคนเก่งไปด้วย

“มีเพลงพิเศษให้โน่ป่ะ”

“ทำไมต้องมีอ่ะ” ผมหยุดมือแล้วหันไปถาม

“ก็...โน่เเข่งกีฬาชนะตั้งหลายอย่าง น้ำยังไม่ได้ให้รางวัลเลย”

“นี่ทำหวังผลหรอ”

“ก็หวังจากน้ำคนเดียว ทำทุกอย่างก็ให้น้ำเเหละ”​

ผมขมวดคิ้ว    

“ฮะเเฮ่ม มดขึ้นเว่ย” เพื่อนในวงเริ่มเเซว ผมเลยเอามือต่อยไหล่โน่ไปที

“เป็นคนดีสุดๆ แล้ว น้ำยังไม่อ่อนโยนด้วยเลยอ่ะ” เกลียดเวลาโน่อ้อนจังครับ ตัวก็โต แต่ชอบมาทำหน้าน่าสงสารใส่อยู่ได้

“เป็นคนดีก็ต้องดีจริงๆ สิ ไม่ใช่ดีเพื่อมาหวังรางวัลจากน้ำ” ผมดุ

โน่เอื้อมมือมาคลายคิ้วที่ขมวดให้ผมอีกแล้ว และเป็นจังหวะที่น้อง ม.4 ที่ดูคิวบนเวทีมาตามให้พวกเราออกไปสเเตนบายด์

พวกเรา 4 คนลุกขึ้น เสียงกรี๊ดกระหึ่มทันทีที่พิธีกรประกาศชื่อวง เพราะสมาชิกในวงผมค่อนข้างจะมีแฟนคลับเยอะ

ขิง มือเบส จะลุคเจ้าชายหน่อย ตาโต ผิวขาวอมชมพู เเต่งตัวเนี้ยบๆ

ชูครีม มือกลอง  ลุคตี๋แบบสตรีต มีความดาร์คพอให้สาวกรี๊ด บวกกับนิสัยไม่ค่อยพูดยิ่งน่าค้นหา

นางฟ้า คีย์บอร์ด ก็นางฟ้าสมชื่อครับ สวย หุ่นดี หน้าออกแนวลูกครึ่งฝั่งละตินหน่อยๆ ถ้าไม่เล่นดนตรีผมว่าเธอคงไปเป็นนางเเบบวิคตอเรียซีเครทได้เลย

ส่วนผม กีต้าร์ และร้องนำ เคยบอกไปแล้วยังว่าผมหนะหน้าตาใจดี เป็นมิตรกับทุกอย่าง แบบที่โน่ชอบบอกว่าเหมือนลูกหมาซนๆ
   

“หวงได้ป่ะ” โน่ยังคงตามมางอเเง ขณะเราเดินลงสนาม

“ไปตั้งใจฟังเพลง ถ้าไม่ตั้งใจฟังน้ำจะโกรธ”

“ตั้งใจแล้วจะได้อะไรอ่ะ”

ผมอยากจะดึงหูเขาจัง

“อยากฟังเพลงพิเศษไม่ใช่เอ่าะ”

“รอเลย” โน่เลิกวอเเวแล้ว กีวี่กับคริสตัลมารับช่วงต่อมาพาเจ้าเด็กโข่งไปนั่งบนอัฒจรรย์สีเเดง และเมื่อวงเราประจำที่เสียงกรี๊ดก็ซาลง พลังพวกเอ็งเยอะกันจังว่ะน้องๆ

ผมหลับตาซึมซับเเสงสอร์ตไลท์ที่สาดลงมาจากด้านซ้ายขวาของสนาม โชคดีที่วันนี้เวทีไม่จัดไฟแบบส่องหน้า ทำให้ผมสามารถมองภาพผู้ชมได้ชัด ผมชอบร้องเพลง ผมชอบเล่นดนตรี และมีความตั้งใจจะไปแข่งขันบนเวทีระดับประเทศ ไม่สิ...ผมมีหนึ่งรายการที่ตั้งใจว่าจะลงเเข่งให้ได้คือ High School Asian Music Awards ที่เป็นการเฟ้นหาวงดนตรีระดับมัธยมของเเต่ละประเทศ มาเเข่งกัน ทั้งวงเรามีความฝันเดียวกัน และเทอม 2 ของ ม.5 คือช่วงเวลาของการเเข่งขัน

“พี่ขิง หล่อจังเลยค่ะ!!”

“พี่ชู หนูอยากเป็นแฟนพี่”

“พี่น้ำ เท่จังเล้ยยยยยยยย!!!”

“นางฟ้าครับ พี่ชอบหนู!!!!!”​

และสารพัดเสียงกรี๊ดที่ส่งตรงจากแสตนด์มาถึงเวที ผมอมยิ้ม คว้าขาไมค์แล้วตะโกนทักทาย

“สวัสดีครับ!!” เสียงนุ่มๆ เย็นๆ ของผมสะท้อนไปทั่วสนาม

“มาเต็มที่กับ Forever and The One ไปด้วยกันนะครับ!!”

จบคำชูก็เหยียบเบสดรัมเป็นจังหวะหนักๆ ทันที เพลงเปิดตัวของเรากำลังเริ่มต้นขึ้นเเล้วครับ
   

   ‘ฉันก็รู้ตัวว่าเธอไม่ค่อยจะมั่นใจ เเต่อย่าเพิ่งคิดว่าอะไรไม่ดี ตรงที่เรายืนมันยังไม่สวยสักเท่าไร
จะพยายามให้ยิ่งใหญ่กว่านี้ ไม่มีเวทย์มนต์จะเสกอะไร ให้ดีสักอย่าง แต่ขอแค่เธอยังอยู่ข้างๆ คือสิ่งสำคัญ
จะทำให้รัก เราเป็นตำนาน จะทำให้รัก เราเป็นดั่งฝัน’

   จบเพลงหนึ่ง ผมก็ต่อเพลงสองเลย ไม่พูดมาก...วันนี้วงเราอยากมอบพลังให้ทุกคน ได้ทำตามความฝัน และประสบความสำเร็จกับมัน เส้นทางการเป็นศิลปิน หรืออาชีพที่โรงเรียนบันเทิงศิลป์สนับสนุนมันไม่ง่ายเลย หากสังคมรอบข้างไม่เข้าใจจริงๆ อาจมองว่าพวกเราบ้า ใครๆ ก็อยากให้ลูกเรียนหมอ เรียนวิศวะ หรือคณะใดๆ ที่จบมาเเล้วมีอาชีพการันตีแน่นอน พอๆ กับสามารถเอาไปคุยโอ้อวดกับบ้านข้างๆ ได้ แต่อาจจะลืมไปว่า...เด็กแต่ละคนมีความสามารถไม่เหมือนกัน และดอกไม้ที่สวยงามไม่จำเป็นต้องบานพร้อมกันเสมอไป ... ทุกดอกมีเวลาที่จะงดงามของตัวมันเอง เพียงเเค่ใครจะพยายามพอ...แล้วรอให้ถึงวันนั้น

   ‘คนเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน เวลามีเหลือกันเท่าไหร่ คนเราจะมีลมหายใจอีกกี่ครั้ง ใครจะรู้
คนเรายังมีสมองที่แตกต่างกัน ยังมีความฝันได้มากมาย .....วันนี้ ชีวิตจะเป็นแบบไหน คงต้องเลือกเอา ก็ตัวของเราก็ใจของใครของมันชีวิตที่เป็นแบบนี้ คงไม่ว่ากัน ก็ชีวิตมันเป็นของเรา'

   เบรกเพลงจังหวะหนัก ด้วยเพลงสากลความหมายดีๆ กันสักหนึ่งเพลงครับ

   ‘I don't know why I don't see happiness in this town Everyone I meet seems uptight, wearing their frown What good's living where dreams come true if nobody smiles? Everyone's chasing the latest star, the latest style You take me to another space in time You take me to a higher place So I, I'm about to get out of the race I don't mind You ought to know that everything's nothing if I don't have you
Ooh, ooh’

   และปิดท้ายด้วย เพลง ‘เพลงพิเศษ’ ที่ผมตั้งใจมอบให้ทุกคนที่...รู้ว่าการได้ดูแลใครสักคน ทำให้ชีวิต มีความหมายมากขึ้น

   ‘ในการเดินทาง คงไม่มีนักเดินทางคนไหน ที่รู้ว่าวันใดคือวันที่สุดท้าย เรามีเวลาที่ยังเหลือสักเท่าไร ที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันได้อยู่กับคนที่เรารัก’
 
   ‘และเธอคนที่ทำให้นักเดินทางอย่างฉันพบว่า จุดหมายในชีวิตคืออะไร'
   
   'ด้วยดินแดนที่เธอสร้างไว้ ที่มีชื่อว่าความรักเมื่อชีวิตของคนเรามันสั้นนัก  สิ่งที่ฉันพอจะทำ  ในช่วงเวลาที่ยังหายใจ  คือการดูแลเธอให้ดีจากนี้ไป   เพื่อตอบแทนเรื่องราวดีดีก่อน ที่เวลาของเราจะหมดลงปมด้อยใดใดที่ตัวฉันนั้นเคยมีอยู่ แต่แล้วเมื่อพบเธอ เธอทำให้ฉันกับมองข้ามไปจากคนเดิมๆที่ไม่มีค่าอะไร สุดท้ายเธอก็เปลี่ยนให้ฉันกลับกลายเป็นคนสำคัญ'

   ‘เธอทำให้ฉันได้รู้ว่าฉันมีค่ามากกว่า ที่ฉันเคยมองเห็นในตัวเอง และวันนี้ฉันมีสิ่งนี้ ที่มอบไว้แทนความรัก’


“ใช้ชีวิตอย่างมีความฝัน แล้วทำมันให้สำเร็จไปด้วยกันนะครับ Forever and The One ครับ ขอบคุณครับ!!”

ผมพูดจบเวทีอย่างเท่ พร้อมไฟสนามที่ดับลง น้องฝ่ายกิจกรรมเล่นใหญ่ชิบหาย เเล้วเสียง Encore “Forever and The One!!” ก็ดังลั่นไปทั้งสนาม พวกเรา 4 คนเดินมากอดคอกันในความมืด ชีวิตมีความสุขทุกครั้งครับที่ได้ขึ้นเวที ได้ทำให้ทุกคนมีพลังไปด้วยกัน

“Forever and The One!! สเตจหน้าราชมังฯ นะ” ไอ้ขิงพูดปลุกใจขึ้นมาถึงพื้นที่จัดคอนเสิร์ตที่จุคนได้มากที่สุดในประเทศไทย

“เพ้อเจ้อแล้วมึง ไปฮอล์ไบเทคฮอลล์ให้ได้ก่อน”

“ไอน้ำจะไปโตเกียวโดมไม่ใช่หรอ"   

“เออไปด้วยกันทั้งหมดนี่เเหละมึง” ผมพูดขึ้นมา เราสี่คนประสานมือกันแล้วเฮ้ เหมือนนักกีฬาลงสนาม แต่มันก็จริงครับ มันคือสนามที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตผมแล้ว


“น้ำเท่มาก” โน่เดินเข้ามาพร้อมแก้วชาเย็นของโปรดผม แล้วรับกีต้าร์ในมือไปถือไว้เอง

“มาเป็นเมียสิ” ผมหยอกไปด้วยความคะนองปาก

โน่ไม่ตอบ เขาขยี้หัวผม “ขอบคุณนะที่ร้องเพลงพิเศษให้”

“รู้หรอว่าเพลงอะไร”

โน่ไม่ตอบ เขาเเค่ยังยิ้มอยู่เเบบนั้น
   

‘และเธอคนที่ทำให้นักเดินทางอย่างฉันพบว่า จุดหมายในชีวิตคืออะไร'
‘เธอทำให้ฉันได้รู้ว่าฉันมีค่ามากกว่า ที่ฉันเคยมองเห็นในตัวเอง และวันนี้ฉันมีสิ่งนี้ ที่มอบไว้แทนความรัก’


- TBC -

หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 1-10 fri 17aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 17-08-2018 00:37:59
Chapter 9

พอจบกีฬาสีได้ไม่นานช่วงสอบกลางภาคก็มาเยือน ถึงจะบันเทิงเเละศิลปะกันขนาดไหนเเต่วิชาสามัญตามกระทรวงเราก็ต้องเรียนนะครับ ไม่งั้นโรงเรียนจะโดนกระทรวงสั่งปิดเอาเด้อ

เรามีเวลาว่างๆ อ่านหนังสือกันประมาณหนึ่งอาทิตย์ พวกเรายังมาโรงเรียนทุกวัน แต่กระจายตัวกันอ่านหนังสือ กลุ่มผมยึดพื้นที่ห้องสมุดแบบเหมือนทุกๆ ครั้งที่สอบ นั่งอ่านด้วยกัน

กีวี่เป็นตัวตั้งตัวตีในการติว เพราะเวลาสอบก็ได้ท็อปเกือบทุกวิชา ทุกครั้งที่สรุปชีทมาก็ตรงกับข้อสอบเกือบทั้งหมด

 โน่ยอมมานั่งด้วยเเต่โดยดี พฤติกรรมโน่เรียกได้ว่าเหมือนเด็กเรียนกว่าผมอีก เขาชีทที่กีวี่ให้มานั่งอ่านแล้วก็ไฮไลท์ส่วนสำคัญๆ ด้วย เห็นเเล้วอดภูมิใจไม่ได้

“เก่งมากเจ้าหมายักษ์” ผมพูดเบาๆ ให้ได้ยินกับเขาเเค่สองคน เรานั่งอยู่ข้างกันในห้องสมุดที่เย็นเฉียบ ครูบรรณารักษ์เปิดเเอร์เเรงเหมือนกลัวพวกเราจะเน่า นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ผมเผลอเบียดตัวเข้าหาโน่ เหมือนเวลาเรานอนด้วยกันที่คอนโด แล้วโน่เปิดเเอร์เย็นจัดๆ

โน่ตัวอุ่น แล้วก็มือร้อนกว่าคนอื่นๆ

เขาวางมือจับลงบนหน้าขาผม โชคดีที่มันอยู่ใต้โต๊ะแล้วไม่มีใครสังเกตุเห็น ผมหันไปจะดุทันที แต่โน่ก็หงายมือขึ้นซะก่อน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง

ผมค่อยๆ ลดมือซ้ายข้างที่ไม่ถนัดของตัวเองลง แล้ววางฝ่ามือไปบนฝ่ามือโน่ นิ้วเราประสานเข้ากันลงล็อกพอดี ตัวนี่อุ่นวาบเหมือนห่มด้วยเสื้อหนาวขนเป็ดเลยครับ ผมเหลือบตาขึ้นจากชีิท ทุกคนยังก้มหน้าดูหนังสือกันอย่างเคร่งเครียด ผมเลยหันไปมองคนข้างๆ ช้าๆ เขาก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับหนังสือเหมือนกัน ริมฝีปากสองข้างของผมยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ได้แต่บังคับให้มันค่อยๆ หุบลงมาไม่งั้นเเก้มจะเเตกเสียก่อน

แล้วอยู่ๆ คริสตัลก็กระทืบเท้า เธอเอามืออุดปากไว้จนหน้าเเดงก่ำ ทอยที่นั่งใกล้สุดลูบหลังให้เบาๆ เป็นเชิงว่าใจเย็นก่อน

“คริสตัลเป็นไร!?”​ กีวี่ถาม แล้วทุกคนก็ก้มพรึบลงไปใต้โต๊ะ ตามที่นางชี้

ชิบหาย ปล่อยมือไม่ทัน หรือพูดง่ายๆ คือไอ้ฝ่ามือข้างใต้มันไม่ยอมให้ผมเอามือออก

“ก็น้ำหนาว” เสียงคุณพระเพลิงพูดคลี่คลายข้อข้องใจให้เพื่อน ชูครีมกับกับทอยพยักหน้าหงึก แล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อ ส่วนคริสตัลยังหายใจหายคอไม่ทัน กีวี่ก็เลยต้องช่วยดูแลอยู่

“ปล่อย” ผมหันไปอุบอิบกับโน่ เขายิ้ม แล้วเอาปากกาเคาะหัวผม จนต้องหน้ามุ่ย

“เมื่อเช้าใครดื้อไม่ยอมเอาเสื้อหนาวมา”

“หมาโน่” ผมโบ้ย

“หมาน้ำตางหาก”

“แล้วเกี่ยวไรกับไม่ปล่อยมือ”
“หนาวจนสั่นกึกๆ อ่านหนังสือรู้เรื่องหรอ”


“รู้!”

“ดื้อ!"   

“เดี๋ยวคริสตัลเป็นลม” ผมพยักเพยิดไปที่ฝั่งตรงข้าม

“ไม่เป็นไรเราโอเค เราพกยาดมมา” เธอชูโป๊ยเซียนในมือ

“โว้ย” ผมสบถอย่างหัวเสีย

“อ่านเถอะ เดี๋ยวก็จะพักเที่ยงเเล้ว โน่จะเเว้บกลับไปเอาผ้าห่มกับเสื้อให้”

ผมรีบส่ายหน้า

“ตอนบ่ายย้ายไปนั่งอ่านที่สวนหลังโรงเรียนก็ได้ ร่มเเล้ว”

“แน่ใจนะ”

ผมพยักหน้า เราก้มลงอ่านหนังสือต่อ
   

   วันสอบกลางภาค

“เสร็จสักที”​ ผมเปรยเบาๆ เมื่อออกมาจากห้องแล้วมาสบทบกับเพื่อนๆ ที่เก้าอี้ตรงระเบียงหน้าห้อง โน่ออกมาก่อนเเล้ว เขานั่งแยกออกมาจากทุกคน เพราะทอย คริสตัล กีวี่ และชูครีม กลุ่มที่สนิทยังไม่มีใครออกมา

ผมเดินไปนั่งลงใกล้ๆ โน่

“ทำได้มั้ยน้ำ”​เขาถามแล้วทำหน้าเหมือนอยากจะโอบผมให้นั่งลงไปบนตักด้วยซ้ำ แต่ที่นี่โรงเรียน ยังไงผมก็ยังรักษาระยะห่างกับโน่

“มีไม่ได้บางข้อ”​ผมตอบกลับไป “โน่ทำได้ใช่มั้ยเห็นออกคนเเรกเลย”

เขาไม่ตอบอะไร แต่รอยยิ้มสบายๆ นั้นก็เหมือนจะบอกให้ผมรู้ว่าไม่มีอะไรต้องกังวล พอรู้จักกันมากขึ้นผมก็เริ่มรู้ว่าโน่เก่งทั้งคำนวนและภาษา เวลามีควิซในห้องเขาก็ทำได้คะเเนนดี เบียดๆ กับกีวี่อยู่เสมอ ช่วงเเรกผมจะห่วงเขาจนโอเว่อร์ทำไมเนี่ย แต่ถึงจะสนิทกันมากเเค่ไหน จนมาถึงป่านนี้ผมก็ยังไม่เคยถามเหตุผลที่โน่ชกต่อยตอนก่อนย้ายโรงเรียนมา

แต่อย่างน้อยผมก็สบายใจอยู่อย่างหนึ่งนั้นคือ โน่กำลังรักษาสัญญาที่จะเป็น ‘คนดี’ ให้ผม
   

เมื่อเพื่อนในกลุ่มที่เหลือเพื่อนในกลุ่มที่เหลือเดินออกมา คริสตัลก็ชวนไปพักผ่อนสมองด้วยการป้อนหญ้าให้หลวงเเช่มที่สวนเกษตรหลังโรงเรียน กีวี่รักหลวงเเช่มมากถึงขั้นเเวะซื้อแตงโมมาให้มันด้วย เปรมปรีดิ์สิครับ ป้อนเเตงโมไป เม้าท์มอยเรื่องข้อสอบกันไป สักพักชูครีมกับทอยก็โดนเพื่อนในห้องคนอื่นตามไปเล่นบาสกับเตะบอล แต่ผมไม่ชอบให้เหงื่อออกจึงนั่งเล่นอยู่บนเเคร่ใกล้ๆ คอกหลวงเเช่มต่อไป

เเล้วพอสองคนนั้นไปไม่นาน กีวี่กับคริสตัลก็สะกิดกันโบกมือลาพวกเรา

“โรงเรียนเรานี่ดีเนาะ” ผมชวนคุยเมื่อโน่วางมือจากการป้อนหญ้า แล้วมานั่งเท้าเเขนเอนหลังอยู่ข้างๆ

“โน่ชอบที่นี่ป่ะ”

“ชอบ”   

“ชอบอะไรในโรงเรียนที่สุด”

“ชอบน้ำ”

“น้ำไหน ในสระว่ายน้ำเกลือนะหรอ” โรงเรียนผมไฮโซเบอร์ที่มีสระน้ำเกลือให้ว่ายอะครับ

“ชอบน้ำ มารีนเนี่ยเเหละ โง่ดี”

“ไม่โง่สักหน่อยปีที่เเล้วเราก็เกรดติดท็อป 10 ของห้องนะ”​ ผมยู่ปาก ก่อนจะหันใบหน้าไปหาโน่ “แล้วทำไมชอบเราอ่ะ”​

โน่หันมามองหน้าผม แล้วก็เอนหน้าเข้ามาหาอีกแล้ว ผมเกลียดท่านี้ของโน่ที่สุดอ่ะ ตาเขาเหมือนสะกดผมให้ไม่กล้าขยับไปไหน แล้วจมูกโด่งๆ ก็ใกล้เเก้มผมมากขึ้นทุกที วิธีหนีอย่างเดียวของผมคือหลับตา หลับเเบบหลับปี๋อะครับ เเค่นี้เจ้าพระเพลิงตัวร้ายก็ไม่สามารถทำอะไรผมได้เเล้ว

“ก็...น้ำเป็นคนจริงจังดี จริงจังที่จะดูเเลเราดี”

โน่ตอบ ผมรับรู้ได้ว่าเขาถอยห่างออกไปแล้ว เพราะเสียงมันดังไกลออกไป

“นะ โน่ชอบให้เราดูเเลหรอ”

“อื้ม ก็รู้สึก...รู้สึกดี ที่มีคนใส่ใจขนาดนี้” เขาตอบโดยไม่มองหน้า

“อย่าดื้อ อย่าซน แล้วเราจะดูเเลโน่เอง” ผมตบไหล่โน่เบาๆ เเสงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าทำให้แผ่นหลังตรงหน้าผมดูเหงาอีกแล้ว เราปล่อยเวลาให้ไหลไปอย่างช้าๆ โดยไม่พูดอะไรกันต่อ จนฟ้าเกือบมืดโน่ก็หันมา

“ขอบคุณนะน้ำ ที่เป็นเหตุผลให้เราอยากมาโรงเรียน” เขายิ้ม ยิ้มแบบที่ทำให้ใจผมกระตุก

“อื้อ...ทะ ทำไมวันนี้มาซึ้ง” ผมรู้สึกเหมือนลิ้นในปากมันพันกันไปหมด

“ไม่ได้ซึ้ง เราเเค่พูดเรื่องจริง” โน่ยังมีรอยยิ้มบางๆ อยู่บนหน้า ผมที่เซ็ตให้เสยไปด้านหลังทั้งหมด เปิดหน้าผาก เปิดโครงหน้านั้นให้ดูหล่อละมุนอยู่ท่ามกลางแสงสุดท้ายของวัน 

“น้ำ…” เขาเรียกช่ื่อผมเเผ่วเบา ผมเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงของโน่ และถูกตรึงไว้ด้วยสายตาคู่นั้น เขาขยับใบหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม และครั้งนี้มันใกล้จนปลายจมูกเราแตะกัน เหลือเพียงแค่ริมฝีปากเท่านั้น

ผมส่ายหน้า ผมว่าโน่เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังจะสื่อ เขาพยักหน้า “รอได้...ไม่รีบ”

“วันนี้กลับบ้าน หรือนอนกับโน่”

“กลับบ้านได้มั้ย” ขอกลับไปพักใจหน่อยเถอะครับ โดนรุกแรงขนาดนี้ขืนไปนอนด้วยกันกลัวเผลอใจไปปล้ำโน่ก่อน ฮรือ

“ได้ดิ เดี๋ยวไปส่ง”

โน่เดินนำไปก่อนโดยไม่ลืมจะหยิบกระเป๋าของผมไปด้วย ผมลุกขึ้นโบกมือลาหลวงเเช่ม ทั้งที่หัวใจยังเต้นเเรงมาก เเรงจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอก



“ทำไมกลับบ้านได้ละวันนี้” พ่อทักเมื่อเปิดประตูเข้ามา แล้วเห็นผมนั่งเอกเขนกดูรายการเพลงอยู่ ส่วนคุณนายดอกไม้ก็โอเว่อร์ขนาดเอามือทาบอก

“ทะเลาะกับน้องโน่หรอ” เเม่เข้ามานั่งลงข้างๆ แล้วถามหน้าตาตื่น

ผมส่ายหน้า นึกตลกกับท่าทางของเเม่ตัวเอง

“เฮ้อ...นึกว่าเเกทำน้องโน่เสียใจ ห้ามเลยนะเจ้าน้ำ”

อ่าว สรุปเป็นห่วงผู้ชายมากกว่าลูกอีกแล้ว

“เเม่เหนื่อยมั้ย”

“งานหรอ ก็เรื่อยๆ นะเเค่ช่วงนี้ด่วนหน่อยเลยกลับดึก”

“เรื่องงานอ่ะผมไม่ห่วงหรอก ห่วงเหนื่อยมโน ของเเม่นี่เเหละ”

“อ่าวไอ้ลูกผี!” คุณนายฟาดขาผมอย่างไม่เเรงนัก แล้วขอตัวขึ้นไปอาบน้ำด้านบน พ่อเลยมานั่งเเทนที่ เราไม่ค่อยได้คุยกันสักพักแล้ว ผมเลยทำตัวอ้อนพ่อด้วยการทิ้งตัวลงหนุนตก

“เอ่า แทนที่จะนวดให้พ่อ ทำพ่อเมื่อยกว่าเดิมอีก”

“แหะ”

“เรื่องที่ชวนไปอยู่ด้วยกันอ่ะ คิดบ้างเเล้วหรือยัง”

มือใหญ่วางลงบนหัวผม ลูบเบาๆ เหมือนตอนเด็ก เเต่ประโยคที่พ่อถามกลับทำให้ผมสบายใจได้ไม่ 100% ถึงขั้นเด้งตัวขึ้นมานั่งตรงๆ เพื่อจะคุยกับพ่อได้สะดวก

“มีเวลา ค่อยๆ คิด กว่าจะไปก็น้ำจบ ม.5 พอดีเเหละ”

ผมเผลอถอนหายใจ

“ห่วงเรื่องอะไร ที่เคยบอกว่าจะประกวดวงดนตรีรึเปล่า พ่อว่าน้ำน่าจะทันเเข่งก่อนไปนะ”

ผมยังปากอูฐ

“ห่วงแฟน? คบกันแล้วหรอ”

ผมส่ายหน้า

“เห็นหอบผ้า หอบผ่อนไปนอนกับเค้าตั้งหลายคืน พ่อนึกว่าคบกันเเล้วซะอีก”

“นี่พ่อก็มโนเก่งตามเเม่ไปอีกคนเเล้วหรอ” ผมโวยวาย “เพื่อนกัน พ่ออย่าเเซวได้มั้ย”

“แน่ใจนะว่าคิดเเค่เพื่อน”

“แค่เพื่อน!” เพราะเเรงเขินเลบเผลอตะคอกพ่อไปอีก บาปกรรมจริงๆ

“แล้วฝั่งนู่นเขาคิดกับเราเเค่เพื่อนรึเปล่า”​

“พ่อ..”

“ถ้าไม่ไปกับพ่อกับแม่ แล้วอยู่เมืองไทยมีคนดูเเลพ่อก็ไม่ว่าหรอกนะ รู้ใช่มั้ยว่าพ่อเเค่เป็นห่วง”

“รู้ครับ”

“ถ้ากังวลก็ไปคุยกับโน่ให้รู้เรื่องซะ จะคบจะไม่คบ ถ้าไม่คบเเล้วเค้าจะยังดูเเลลูกพ่อมั้ยยังอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า พ่อไม่อยากให้เราอยู่บ้านคนเดียว หรือไปเช่าหออยู่ก็เถอะ เกิดเจ็บป่วยฉุกเฉินใครจะมาดูเเล หรือน้ำคิดยังไง”

ผมเข้าใจสิ่งที่พ่อห่วง พ่อให้ทางเลือกในชีวิตผมเสมอ ไม่เคยบังคับ เเค่ชี้เเจงเหตุผล

“น้ำแค่...รู้สึกว่ายังไม่รู้จักตัวตนจริงๆ ของโน่เลย”

คราวนี้กลายเป็นพ่อที่ขมวดคิ้วบ้าง

“ผมอาจจะคิดมากไป เเต่ตอนนี้โน่ดีแบบเเบนๆ อ่ะพ่อเข้าใจป่ะ มีมิติเดียว อยากรู้ว่ามิติที่เเท้จริงของเค้าเป็นยังไง”

“เค้าเกรงใจน้ำหรือเปล่า เลยไม่เป็นตัวของตัวเอง”

ผมพยักหน้า “คิดว่างั้น เพราะผมดันเคยบอกเค้าว่าชอบคนดี”

“อย่าพึ่งคิดมาก ค่อยๆ ตะล่อมถามไปก็ได้ หรือไม่ก็บอกให้เค้าเเสดงด้านไม่ดีออกมาบ้างก็ได้ ถ้าคิดจะคบกันจริงๆ ไม่วันใดก็วันหนึ่งเราก็จะต้องเผลอเเสดงด้านไม่ดีออกมา รีบเเสดงออกมากเท่าไหร่ ก็จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังว่าปรับตัวเข้าหากันไม่ได้แล้ว”

ผมพยักหน้าหงึกๆ เเต่เอ๊ะ! นี่ผมจะคบกับโน่เเล้วหรอ

“สองพ่อลูกคุยอะไรกัน” แม่ตะโกนถามตั้งเเต่ลงมายังไม่ถึงบันไดขั้นสุดท้าย ขัดจังหวะสิ่งที่ผมกำลังทบทวนอยู่ในหัว  เธอใส่ชุดนอนน่ารักแบบสาวเกาหลีมาเชียว ไม่เกรงใจรอยตีนกาบนหน้าเวลาลบรองพื้นเลย

“ลูกโตจนจะย้ายออกไปอยู่กับคนอื่นเเล้วอ่ะเเม่ เราหาลูกใหม่มาเลี้ยงกันมั้ย”

เเม่ทำตาโต เหมือนจะเขินอาย แต่ทำไมพยักหน้า แถมยังกวักมือชวนอีก

“พ่อต้องไปทำภารกิจปั๊มน้องให้น้ำแล้วนะลูก มีอะไรไว้คุยกันในไลน์” แล้วพ่อก็ก้าวพรวดเดียวไปช้อนเเม่ท่าเจ้าสาวเดินขึ้นบันไดไป แล้วยังไง คืนนี้ผมต้องนอนข้างล่างมั้ย ห้องก็ไม่ได้เก็บเสียงขนาดนั้นเด้อ​
   

 - TBC -

#พระเพลิงมารีน 

หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 1-10 fri 17aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 17-08-2018 00:38:59
Chapter 10

หลังสอบกลางภาค เราก็มีอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญคือสัปดาห์วิชาการครับ และเเน่นอนว่าบันเทิงศิลป์ของเราคงไม่เเข่งอะไรกันมากไปกว่า Live Band วาดภาพสีน้ำ Drawing ภาพเหมือน และคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ใครอยากมาเรียนที่นี่กับผมบ้างครับ ^^

เนื่องจากมันเป็นงานขำๆ ครั้งนี้ผมเลยขอเพื่อนร่วมวง ให้โน่ลงเล่นกีต้าร์เเทนผม โดยผมจะร้องอย่างเดียว ซึ่งทุกคนก็ไม่ขัดอะไร

ผมเคยเล่าไปรึยังว่า วงของเราค่อนข้างจะมีลุคไอดอลนิดนึงครับ เพราะทุกคนหน้าตาดี

ขิงจะลุคเจ้าชายหน่อย ตาโต ผิวขาวอมชมพู เเต่งตัวเนี้ยบๆ แต่ที่จริงเป็นคนปาปจัดคนหนึ่ง อย่าได้พยายามสนิทจะดีที่สุด

ชูครีม ลุคตี๋แบบสตรีต แนว Swag มีความดาร์คพอให้สาวกรี๊ด บวกกับนิสัยไม่ค่อยพูดยิ่งทำให้น้องๆ ตื่นเต้นเป็นพิเศษเวลาเห็นพี่เขาขยับปาก

นางฟ้า ก็นางฟ้าสมชื่อครับ สวย หุ่นดี หน้าออกแนวลูกครึ่งฝั่งละตินหน่อยๆ ถ้าไม่เล่นดนตรีผมว่าเธอคงไปเป็นนางเเบบวิคตอเรียซีเครทได้เลย

ส่วนผม เคยบอกไปแล้วว่าหน้าตาใจดี เป็นมิตรกับทุกอย่าง แบบที่โน่ชอบบอกว่าเหมือนลูกหมาซนๆ

แล้วก็สมาชิกล่าสุด โน่ ผู้ชายสีเเดง หล่อแบบแบดบอยสมชื่อพระเพลิงเขาล่ะ


สำหรับการเเข่งขัน กองประกวดจะกำหนดเพลงบังคับมาให้ 1 เพลง (เเต่เราสามารถดีไซน์ดนตรีหรือวิธีการร้องได้ใหม่) จับฉลากเลือก 1 เพลง แล้วก็มีเพลงอิสระอีก 1 เพลง

   - เพลงบังคับ : ยิ่งไม่รู้ ยิ่งต้องทำ - ป๊อบ ปองกูล
   - จับฉลากได้ : หวานเย็น - Mild
   - โน่เลือก : อาจจะเป็นเธอ - Klear


“เลี่ยนไม่เลี่ยน!” ขิงโวยวายทันทีที่ได้โจทย์

“นึกว่าเพลงงานเเต่งนางฟ้ากับชูครีมอ่ะ” ผมเเซวอย่่างนึกสนุก คู่นี้เป็นคู่จิ้นในวงครับ ขำๆ เเซวกันเอาสนุกเพราะไม่งั้นชูมันจะเงียบมาก

“งั้น Theme ชุดงานเเต่งเลยมั้ยละ” สาวคนเดียวในวงเอ่ยขึ้นมาอย่างสนุก นางฟ้าก็เล่นกับพวกเราด้วยครับ 

“ชูมึงมีตังค์ไปขอนางฟ้ารึยังอ่ะ” โน่เเซวบ้าง เขาเริ่มสนิทกับทุกคนเเล้ว ซึ่งผมก็ดีใจที่ได้ใช้ดนตรีสยบมารร้ายในตัวโน่ได้สำเร็จ ตามที่ครูไอยดาฝากความหวังไว้ แต่ที่จริงโน่เขาก็เป็นคนดีของผมอยู่แล้วอะนะ  ^^
   


วันเสาร์เรานัดซ้อมกันที่ห้องซ้อมประจำ

“น้ำ ขิงมันหงุดหงิดนะ”​ ชูครีมเดินมาพูดกับผมระหว่างที่โน่ออกไปห้องน้ำ และมือเบสของวงออกไปโทรศัพท์กับที่บ้าน เหมือนขิงต้องเลื่อนนัด เพราะเรายังซ้อมกันไม่เสร็จ

“เรื่องที่โน่ยังเล่นไม่ได้หรอ”

ชูพยักหน้า

“เลิกซ้อมเลยก็ได้ เดี๋ยวเราไปสอนที่บ้านเอง”

“มันต้องเข้าท่อนกับเบส”

“เราก็เล่นเบสได้” ผมบอกอุบอิบ จริงๆ ก็เล่นได้แค่นิดหน่อย ชูครีมถอนหายใจ “โอ๋มันจังอ่ะ”

“แล้วให้กูทำไง ครูฝากมาให้ดู ก็ต้องดูให้สุดป่ะว่ะ”

“แค่นั้นหรอ” ชูครีมถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“เออดิ” ผมเขินนิดหน่อยเเต่ก็เเสร้งทำเป็นไม่มีอะไร

“ก็ดีแล้ว มึงจะได้ไม่ลำเอียง เกิดขิงมันทะเลาะกับโน่ มึงก็ห้ามดีๆ ล่ะ”

“งานวิชาการเอง ขิงมันขำๆ ไม่ได้หรือว่ะ” ผมบ่นอุบ เพื่อนคนนี้นอกจากลุคเจ้าชายเเล้วมันยังบ้า Perfect ด้วย ทุกอย่างต้องดีเสมอ ข้อดีคือวงพวกเราก็เก่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็กดดันชิบหายเหมือนกันนะครับ    

“เดี๋ยวเราไปขอโทษขิงก่อน”

ชูครีมพยักหน้า ผมเลยเดินไปเคลียร์กับคนที่พึ่งวางโทรศัพท์เข้ามาในห้อง ผมทำหน้าตาน่าสงสารเข้าไปหาขิงทันที กอดแขนอ้อนๆ เอาแก้มแนบไหล่มันทุกครั้งเหมือนเวลาที่ทำอะไรผิด

“จะอ้อนอะไรอีกอ่ะ” ขิงรู้ทัน

“ไม่โกรธใช่ป่าว”

“แค่หงุดหงิดอ่ะ ถ้าเป็นมึงเล่นเหมือนเดิมมันก็ซ้อมแป๊บเดียวไง แต่นี้ต้องซ้อมต่อตอนบ่ายอีก ที่จริงกูมีนัดทานข้าวกับคุณเเม่”

“อูย” ผมทำหน้าเจื่อน ทำคิ้วตก แล้วก็เบะปาก แค่นั้นขิงก็ผลักหัวผมเบาๆ แล้วยิ้มได้

“พี่ขิงจะเห็นเเก่น้องน้ำนะครับ ไม่หงุดหงิดก็ได้”

“เย่ๆ พี่ขิงน่ารักที่สุด” ผมกำสองมือชูขึ้นเหนือศีรษะ ไม่ลืมไถหัวอ้อนเจ้าขิงคนดุอีกหนึ่งที ผมนั่งเบียดกับขิงอยู่บนโซฟา หยิบกีต้าร์ไฟฟ้าที่โน่วางพักไว้มาไล้คอร์ทกับมือเบส แน่นอนว่าเล่นกันมานานแป๊บเดียวก็เข้าจังหวะกันได้

“เปลี่ยนใจมั้ยน้ำ” ขิงถาม

ผมส่ายหน้า “ไหนพี่ขิงสัญญากับน้องน้ำแล้วไงว่าจะไม่หงุดหงิด” แล้วใช้น้ำเสียงอ้อนเหมือนเดิม มันส่ายหน้าถอนหายใจ แล้วบีบจมูกผมส่ายไปมา

“อ้อนเก่งนัก”

“คุยอะไรกันอยู่หรอ” โน่เดินเข้ามาทัก ผมดีดตัวออกจากขิงเพราะอะไรไม่รู้ รู้เเค่ว่าตกใจ และไม่อยากให้เขารู้สึกไม่พอใจที่เข้าใกล้คนอื่นเกินไป ถึงผมจะไม่ได้คิดอะไรกับขิงก็เหอะ

“ซ้อมต่อเลย” ผมบอกโน่ แล้วลุกขึ้นไปจับไมค์ ไม่นานทั้งวงก็ประจำที่ เราซ้อมต่อกันอีก 3 ชั่วโมง และโน่กับขิงก็เข้ากันได้ดีขึ้นกว่าเมื่อเช้า

   


พวกเราทั้งวงเเยกย้ายกันกลับ มีโน่คนเดียวแหละที่ต้องซ้อมหนัก ที่เหลือก็รู้มือกันอยู่เเล้ว อีกอย่างเพลงที่พวกเราได้โจทย์มันก็ไม่ได้ยากมากด้วย พวกเรา 5 คนเดินมาหน้าโรงเรียนด้วยกัน ขิง นางฟ้า และชูครีมมีรถที่บ้านมารับ ส่วนโน่เอาแรบบิทครีมมา เขากดเปิดล็อค แล้วเปิดประตูหลังเอาเจ้าสายฟ้าลูกชายผมวางไว้ที่เบาะหลังก่อน ที่พวกเราจะขึ้นนั่งด้านหน้า

“หิวยัง” โน่ถามก่อนที่จะออกรถ

“กินเลยก็ได้ เย็นแล้วนิ”

“อยากกินไรเป็นพิเศษป่าว” โน่ตามใจผมอีกแล้ว

“โน่อยากกินไรป่าว”​ เขาส่ายหน้าเป็นคำตอบตามเดิม แปลว่าผมได้สิทธิ์เลือก เราเลยไปกินร้านข้าวต้มเจ้าอร่อยแถวๆ คอนโดโน่กัน และคืนนี้ผมก็นอนกับเขาอีกเเล้ว นอนบ่อยจัง แต่ถ้าคืนไหนไม่นอน ผมก็จะรู้สึกเหงาแปลกๆ ผมดันชินที่ต้องมีโน่กอด แล้วอุณหภูมิการนอนมันก็จะสบายกำลังดี


หลังกินเสร็จเรากลับมาที่คอนโด ผมไล่โน่ไปอาบน้ำ แล้วจัดการเสียบกีต้าร์กับตู้แอมป์กลางห้องนั่งเล่น ปรับเสียงให้เบาสุด เพราะถึงห้องโน่จะเก็บเสียง แต่ก็กลัวว่าเจ้าสายฟ้าลูกรักจะไปรบกวนคนอื่น ผมเซตอุปกรณ์เสร็จ โน่ก็ลงมาจากข้างบนพอดี เขาสวมชุดนอนเเล้ว

“น้ำทำอะไร”

“ลองเล่นเพลงที่จะเเข่งดู เผื่อมีเทคนิคอะไรดีๆ ใส่ให้โน่ได้”

“ซ้อมทั้งวันยังไม่เหนื่อยหรอ”

ผมส่ายหน้า ผมไม่กล้าบอกหรอกว่าอยากให้โน่เก่งจนขิงเลิกมีข้ออ้างในการเอาเขาออกจากวง

โน่เดินไปนั่งลงที่โซฟา ผมวางลูกไว้บนขาตั้งเเล้วไปนั่งข้างๆ

“โน่เหนื่อยหรอ”​ผมถามเขา

“ปกติสนิทกับขิงหรอ” แต่นั้นคือสิ่งที่เขาตอบกลับมา ผมเอียงคอย่นคิ้ว แล้วก็นึกถึงตอนเที่ยงที่ไปอ้อนให้มือเบสของวงไม่หงุดหงิดโน่

“อ๋อ ไม่ชอบใช่มั้ย เราขอโทษนะที่ให้ขิงจับจมูก แถมยังเอาแก้มไปแนบไหล่ขิงด้วย” ผมสารภาพไปจนหมด ทั้งที่จริงไม่ต้องบอกก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนตัวเองรู้สึกผิดขึ้นมาเฉยๆ

“โน่มาทีหลัง โน่มีสิทธิ์อะไรไม่ชอบล่ะ นั่นเพื่อนน้ำ”​

“โน่ เราขอโทษ” ผมไม่ได้รู้สึกว่าโน่ประชด เเต่พอเขาพูดเหมือนเข้าใจผมยิ่งรู้สึกผิดไปอีก

“เหนื่อยกับโน่หรือเปล่า”

“เหนื่อยอะไร”

“เหนื่อยที่ต้องดูเเล แล้วโน่ก็ไม่ค่อยได้เรื่อง”

ผมส่ายหน้าผึบผับ แล้วนึกถึงคำพูดของพ่อขึ้นมา “โน่...โน่ไม่ต้องเก่งทุกเรื่อง หรือไม่ต้องเป็นคนสีขาว 100% ก็ได้นะ”

เขาเอียงคอมองอย่างพยายามจะทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผมพูด

“เราหมายถึง ถ้ามันไม่ใช่ตัวตนของโน่ แล้วทำให้อึดอัด โน่ก็...เป็นอย่างที่โน่เป็นได้นะ เรามาค่อยๆ เรียนรู้ข้อเสียของกันและกัน แล้วปรับตัวไปด้วยกันก็ได้”   

อยู่ๆ เขาก็หัวเราะ ผมพูดอะไรเเปลกหรอ “น้ำพูดเหมือนจะขอเราคบเลยอะ”

ได้ยินเเบบนั้นผมเลยรีบยกมือขึ้นโบกพัลวัล “คือ..คือเพื่อนกันก็เหี้ยใส่กันได้ไง เข้าใจป่ะ เราเเค่กลัวโน่พยายามเป็นคนดีให้เราเเล้วอึดอัด”​

“แล้วถ้าโน่ไม่ดีมากๆ น้ำจะรับได้หรอ”

ผมทำปากยื่น ไม่ส่ายหน้า แล้วก็ไม่พยักหน้า แต่ขยับขึ้นนั่งคุกเข่าหันหน้าเข้าหาโน่เเล้วเลื่อนมือไปประคองสองเเก้มของเขาเเทน “เป็นเเบบที่โน่สบายใจ แล้วเราค่อยปรับตัวเข้าหากัน”

เขายกมือมาวางซ้อนทับหลังมือผม หยิบเอามือข้างขวาออกจากแก้ม แล้วเลื่อนไปให้ริมฝีปากประทับตรงข้อมือ เลือดผมสูบฉีดขึ้นหน้าเร็วมากจนจะเป็นลม

“รู้ใช่มั้ยว่าโน่ชอบ”​ ปากเขายังคลอเคลียอยู่กับข้อมือผม สายตาเขาก็ร้อนเเรงเหมือนพระเพลิงตามชื่อ เมย์เดย์ผมขอถังอ๊อกซิเจนด่วน ไม่คิดไม่ฝันว่าสิ่งที่ตัวเองพูดจะทำให้โน่ลากเข้าเรื่องนี้ได้

“ตอนเเรกโน่ก็ว่าโน่ทนได้ แต่น้ำน่ารักเกินไป เกินไปมากจริงๆ”​

เลือกไม่ถูกเลยว่าระหว่างภูมิใจกับเขินอายผมต้องรู้สึกยังไงก่อน

“จะถามอีกครั้ง ว่าชอบโน่เพิ่มขึ้นบ้างหรือยัง”

ผมกัดปาก ถ้าไม่ชอบจะยอมมาให้จับไม้จับมืออยู่แบบนี้มั้ยละไอ้บ้า ผมกลอกตาหลุกหลิกพยายามหาตัวช่วย

“น้ำครับ...” มาอีกแล้วเสียงนุ่มๆ แบบนั้น

งื้อ พยักหน้าก็ได้

“เนี่ยน่ารัก น่ารัก น่ารักเป็นอินฟินิตี้เลย” เขารั้งเอวผมเข้าไปรัดเเน่น จมูกโด่งๆ ซุกไซร้อยู่ตรงหน้าท้องจนผมจั๊กจี้

“ขอเเข่ง High School Asian Music Awards เสร็จก่อนได้ป่ะแล้วค่อยเป็นแฟน”​ ผมพูด ที่กล้าพูดเพราะโน่ซุกอยู่ตรงพุงครับ ไม่เห็นหน้าพี่เค้าเลยไม่เขินเท่าไหร่

เเต่คราวนี้เจ้ามายักษ์หูตั้งพรึ่บ

“น้ำ โน่จะเป็นลม”

“เว่อร์จริง”

“ดีใจ”

“เหอะรู้หรอว่าเเข่งเสร็จเมื่อไหร่ อีกสิบปีนู่น”

“รอได้”

“นี่ก็เว่อร์” ผมบีบจมูกเขา เราสองคนหัวเราะใส่กัน เหมือนมันมีกระเเสธารอุ่นๆ ค่อยไหลรินเข้ามาในอก โน่ดึงผมเข้าไปกอดอีกรอบ คราวนี้ผมเลยยอมนั่งลงดีๆ แล้วเอนหลังพิงอยู่บนตัวเขา ที่รัดผมเเน่นมาก โน่เหมือนดีใจมากๆ และหัวใจผมก็พองฟูไม่เเพ้กัน

“ว่าเเต่ High School Asian Music Awards คืออะไร” เขาถามขึ้นเบาๆ

ผมเสิร์ซ Google แล้วยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู โน่รับไปไถอ่านเร็วๆ “โห ชนะแล้วได้ออกอัลบั้มกับประเทศต้นสังกัด ไปโปรโมตที่ญี่ปุ่น ได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ดังๆ”

ผมยักคิ้วสองจึ้ก “ความฝันของน้ำ”

“เก่งจังเจ้าหมาเปี๊ยก” โน่ลูบหัวผม ผมย่นจมูก

“ใจเย็นโน่ เเค่รอบประเทศไทย ก็ไม่รู้จะผ่านรึเปล่า 55” มันไม่ง่ายเด้อ ถึงวงผมจะเทพก็เถอะ เอ้าอวยตัวเองเข้าไปอีก

“โน่แข่งด้วยได้รึเปล่า” ผมขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าจะได้ยินเขาพูดประโยคนี้ ยืดตัวออกจากอกแล้วหันไปมองหน้าโน่

“โน่อยากเป็นหนึ่งในความฝันของน้ำ อยากยืนอยู่ข้างๆ น้ำตอนรับรางวัล”

โอ้โห ผมรู้สึกโรเเมนติคขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็น แต่เดี๋ยวก่อนไอ้หนุ่ม เอาแค่งานโรงเรียนเเล้วไอ้เพื่อนขิงไม่ทุ่มตู้แอมป์ใส่หัวโน่ผมก็รู้สึกขอบคุณพระเจ้ามากเเล้ว

“เดี๋ยวเราไปคุยกับเพื่อนในวงให้ แต่งานวิชาการนี้โน่ต้องเเสดงฝีมือให้เต็มที่นะ” 

เขาพยักหน้า ตาเป็นประกาย เห็นเเล้วอยากยื่นปากไปจุ๊บให้กำลังใจจัง งื้อ แต่ก็ไม่ได้ แถมยังเพิ่มเรื่องปวดหัวให้ตัวเองอีก ถ้าผมพาโน่เข้าวงไม่สำเร็จ เขาต้องผิดหวังเเน่ๆ เลย และผมก็ต้องเฟลตัวเองมากๆ ถ้าทำให้โน่มีความสุขไม่สำเร็จ




วันแข่งถึงไวเหมือนโกหก และโชคดีที่เราคว้าอันดับ 1 มาได้อย่างไร้้้ข้อกังขา ขอบคุณดาวเรือง 99 พวงที่พ่อผมช่วยไปบนพระพิฆเณศหน้าออฟฟิสให้ด้วย พวกเรากอดกันกลมหลังรับรางวัลกับ ผอ. ทุกคนกำลังดีใจที่ได้รางวัล แต่ผมนี่ถึงกับน้ำตาไหลที่มีข้ออ้างไปคุยกับเจ้าขิงแล้ว แต่เอาไว้ก่อนรอจังหวะก่อน





- TBC -
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 1-10 fri 17aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 17-08-2018 00:41:48
Chapter 11

“น้ำ!!” ขิงข้ึนเสียงดัง จนคนทั้งร้านกาแฟแทบหันมามองพวกเราเป็นตาเดียว นางฟ้ารีบรั้งให้ไอ้หน้าเจ้าชายนั่งลงให้ก้นติดเก้าอี้ ชูครีมกอดอกหันไปอีกทางแบบไม่มีความคิดเห็น

“ครั้งก่อนกูยอมเพราะมันเป็นงานโรงเรียนขำๆ แต่ครั้งนี้คือความฝันของ กู มึง ไอ้ชู แล้วก็นางฟ้านะเว่ย”

ขิงสาธยายเสียผมรู้สึกกดดัน

“ฝีมือโน่ก็ไม่เเย่ป่าววะ”

“ไม่เเย่ แต่ก็ไม่ได้เทพ มึงก็รู้ เราทุกคนเล่นดนตรีมา”

“แต่...โน่ก็เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับได้ดีนะ” นางฟ้าพยายามช่วยผม

“หึ ดีแต่หน้าหล่อๆ อ่ะมันใช้ได้หรอ”

ผมทำปากยื่น แล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันที

“ร้องไห้เลยหรอว่ะ” ขิงเสียงอ่อนลง มีมือใครสักคนแตะลงมาบนไหล่ผม “มึงก็รู้ว่ากูแพ้น้ำตามึงอ่ะน้องน้ำ”​

ผมเงยหน้าขึ้นมาเบะปากให้ขิง แล้วหันไปเกาะเเขนชูครีมให้มาเป็นพวก ขิงชะโงกตัวข้ามโตะมาตีหลังมือผมเเปะๆ เพื่อให้ปล่อยมือออก

ผมยังปากยื่นอยู่

“อ้อนขนาดนี้ มาเป็นเมียกูเลยม่ะ”

“พี่ขิงไม่อ่อนโยน น้องน้ำไม่เป็นเมียหรอก” ผมกอดอก แล้วเชิดหน้า จริตมารยาสุด

“น้องน้ำครับ” ขิงทำเสียงหล่อใส่

“กูไม่ใจอ่อน จนกว่ามึงจะให้โน่เข้าวง”

“น้ำ โว้ย สรุปนี่กูง้อมึง หรือกูง้อมึงเนี่ย ไม่มีตัวเลือกให้กูเลยอ่ะ!!”

“พี่ขิงคิดเอาเองครับ น้องน้ำว่าน้องน้ำชัดเจนเเล้ว” ผมยกชาเย็นขึ้นมาดูด

เสียงขิงถอนหายใจยาว มันหันออกไปนอกร้าน ส่วนชูครีมหันมาหาผมเเทน

“เหตุผล?” พูดสั้นแบบนี้เอาบทพระเอกไปเลยมั้ย

“ก็...เรายังให้ในความฝันเรามีโน่อยู่ด้วย”

“โรแมนติกสัส” ขิงเเขวะ นางฟ้ายกมือขึ้นทำท่าจะตีปากที่พูดไม่เพราะ

“แค่ชอบ? หรือเป็นเเฟนแล้ว” ชูครีมถามอีก

ผมถอนหายใจบ้าง “ยังไม่คบแต่ก็ไม่ห่างจากคำว่าแฟนเท่าไหร่หรอก”

“เนี่ยอ่ะน้องน้ำ พี่ขิงนี่คอยตามใจมาเเต่อ้อนเเต่ออก อยู่ๆ ก็โดนไอ้หนุ่มต่างโรงเรียนมาคาบไปแดก”

“โดนเเดกแล้วด้วย!?”

ผมแทบสำลักกับสิ่งที่ชูพูด

“ยังโว้ย ใสใสวัยมัธยมมั้ยพวกมึง”

“มึงลองถามโน่ดูดิ ว่าใสใสเหมือนมึงป่าว” ขิงว่า แล้วก็ถอนหายใจอีก “น้องน้ำมึงทำพี่ขิงลำบากใจเนี่ย”

“กูซ้อมให้โน่เอง ไม่ให้เป็นภาระมึงหรอกขิง”

“แล้วกูเลือกอะไรได้อ่ะ นั้นแฟนมึง กูมันคนที่เเพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง”

“ชูมั้ยมึง เหมือนจะยังว่าง” ผมหันไปทำหน้าทะเล้นใส่คนหน้าตี๋ ที่มีนิสัยไม่ค่อยสุงสิง มันหลบตาแล้วหยิบอเมริกาโน่ไม่ใส่น้ำเชื่อมขึ้นมาดูด เข้มมากมั้ง

“ถ้าจบเรื่องแล้วก็ไปก่อนนะ”​

“ไปไหน” ผมถามด้วยความใส่ใจ

“สอนพิเศษเด็ก ข้างบนนี่เเหละ” มันชี้ขึ้นไปที่ห้องซ้อมให้เช่าที่เป็นเจ้าของเดียวกับคาเฟ่ด้านล่าง

“สอนอะไรอ่ะวันนี้” ยังเสือกไม่เลิกก็คือผมเอง    

“กลอง แต่น้องตัวกระเปี๊ยกเดียวว่าจะโน้มน้าวให้เรียนคีย์บอร์ดละ”

ผมพยักหน้าหงึกๆ ชูมันเทพครับ เล่นดนตรีได้หลายอย่าง เเล้วก็ไม่ได้อยากเอาดีทางด้านออกอัลบั้มอะไรนะครับ อยากเป็นโปรดิวเซอร์ทำเพลงมากกว่า มันเลยฟังเพลงหลายๆ แนวแล้วพยายามเล่นให้เป็นหลายๆ อย่าง

“แล้วมึงอ่ะขิงไปไหนต่อ”

“เดท”

“อ่าว แล้วทำเป็นซึมที่กูมีโน่”

“หือ เต็มปากเต็มคำ ยังไม่ทัน 18 ก็เเรดซะเเล้ว” ดูปากคุณชายมันสิครับ

“ก็กูอกหักจากมึง กูก็ต้องหาคนที่เด็ดกว่าป่ะ”

“ใครอีกอ่ะ”

“พี่ดาริณ”

ผมตาโต เดือนคณะที่เป็นเนตไอดอลเลยนี่หว่า ไม่ต้องเครียดไปพี่ขิงเขาชัดเจนกับรสนิยมมาสักพักแล้วครับ

“เด็ดกว่ามึงมั้ย ตอบ” ได้ทีข่มผมอี๊ก

“มึงไม่เคยลอง มึงไม่รู้หรอกว่ากูก็แซ่บ”

“หืออีน้องน้ำ พี่ขิงอยากตีปาก แรดนักเดี๋ยวนี้”


ผมหัวเราะเเล้วก็โบกมือไล่มันออกไป กลายเป็นว่าเหลือแค่นางฟ้าแล้วที่ยังไม่มีแพลน ผมเลยไปเดินเล่นชอปปิ้งเป็นเพื่อนเธอ แล้วก็ลากผมมาไกลถึงจตุจักร ยอมใจสาวนักชอป

และสิ่งที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดก็ปรากฎอยู่ในร้านเสื้อผ้าตรงหน้า นางฟ้าเข้าไปลองกระโปรง ผมเดินเตร็ดเตร่อยู่ระหว่างราวเสื้อ และคนที่ตัวสูงมากก็อยู่ฝั่งตรงข้าม วันนี้โน่บอกมีธุระกับที่บ้าน เราเลยแยกย้ายเพราะผมก็สบโอกาสมาคุยกับพวกขิง

ผมแอบเเหวกราวเสื้อดูว่าโน่มากับใคร เขาถือถุงชอปปิ้งไว้ในมือหนึ่ง เเล้วข้างๆ คือผู้หญิงหน้าตาสวยแบบเป็นนางเอกช่อง 3 ได้ ยืนเลือกของอยู่ข้างๆ อุตส่าห์มีหยิบมาทาบตัวเเล้วถามให้โน่เลือกอีก โว้ย เห็นเเล้วอยากถล่มราวเสื้อ อีกฝ่ายใส่ชุดนักศึกษา กระโปรงสอบ นี่ไอ้หมายักษ์ของผมเล่นรุ่นพี่เลยหรอ

ผมควันออกหูแล้วเดินกระเเทกเท้าออกไปรอที่มุมหลบๆ นอกร้าน

‘ฟ้า เรารออยู่ร้านชานม’

เป็นที่รู้กันว่าร้านไหน ผมสั่งชานมไข่มุกหวาน 150% มาดับความหงุดหงิดที่มันคันยุบยับในหัวใจ ผมไม่รู้ว่านี่มันเรียกหึงหรือเปล่า หรือผมเเค่รู้สึกเสียใจที่ไม่เคยรู้จักโน่เลย ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด

   


คืนนั้นโน่ VDO Call มาเหมือนปกติที่เราทำเวลาไม่ได้นอนด้วยกัน แต่ผมก็เลือกที่จะนั่งเกากีต้าร์อยู่ตรงโต๊ะทำการบ้าน โดยไม่สนใจเจ้ามือถือที่สั่นครืดคราด ผมยังปรับอารมณ์ไม่ให้เผลอแสดงอาการงี่เง่าออกมาไม่ได้ เลยได้แต่หวังให้ดนตรีช่วยดับความหัวร้อน และพรุ่งนี้ถ้าเจอกันที่โรงเรียนผมต้องทำหน้ายังไง

เที่ยงคืนกว่าผมหยุดเล่น เข้าไปอาบน้ำ เตรียมนอน พอขึ้นเตียงก็เปิดไลน์ดู

‘หลับแล้วหรอ’
‘เป็นอะไรรึเปล่า’
‘โน่โทรหาไม่รับเลย’
‘ไปหาได้มั้ย’
‘อยู่หน้าบ้าน ถ้าเห็นข้อความแล้วตอบกลับหน่อย ไม่กล้าเรียกกลัวพ่อแม่ตกใจ’

ชิบหาย ผมดูเวลาที่เขาส่งข้อความนี้มาคือ 23.18 แล้วตอนนี้คือ 01.23 ผมถลันลงจากเตียงไปแหวกม่านดู ชัดเลยแรบบิทครีมจอดหลบมุมมืดอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้าน เหมือนมาซุ่มสังเกตการณ์เตรียมปล้น

โทรศัพท์ผมสั่นอีกรอบ เลยวิ่งกลับมาดู โน่โทรมา เขาคงเห็นว่าผมกด Read แล้ว ผมรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล ผมไม่ได้กดรับ รอจนมันตัดไป แล้วเปลี่ยนหน้าเเชทไปยังกลุ่มครอบครัวเเทน

‘แม่ พ่อ นอนยัง’

ไม่นานก็ขึ้น Read

‘ฝันร้ายหรอเด็กม.ปลาย’ แม่ผมกวนตีนมา แล้วทำไมป้าแกยังไม่นอน

‘คืนนี้ให้โน่มานอนบ้านได้เปล่า’ ยังไงผมก็ต้องให้ความเคารพท่านนิดนึงครับ บ้านท่านจะอยู่ๆ ลากผู้ชายมานอนด้วยก็กระไร

‘เป็นอะไรป่ะเนี่ย’ แม่ถาม

‘ได้นะ’ ผมทึกทัก

‘นอนไม่หลับเลยเนี่ย กลัวลูกเสียตัว’ โว้ย ผมจริงจังอะไรกับครอบครัวนี้ได้มั้ยเนี่ย เเต่ข้อความนั้นก็สามารถทำให้ผมยิ้มกว้าง แล้วรีบเปิดประตูวิ่งตึงตังลงไปด้านล่าง มือนี่ลนลานไขกุญเเจ แล้วก็ลากอีเเตะ ออกไปหน้าประตูรั้ว บ้านผมเป็นบ้านเดี่ยวในหมู่บ้าน ขนาดไม่ใหญ่มาก รั้วจึงไม่ไกลประตู แล้วเหมือนคนในรถคงเห็นเขาเปิดประตูลงมาพอดี

เราสองคนจ้องหน้ากันในความมืด ไม่มีอะไรจะพูดใส่กัน เพราะความรู้สึกน้อยใจ ไม่พอใจทั้งหมดทั้งมวลมันเหมือนหายไปตั้งเเต่เห็นรถเขามาจอดหน้าบ้านเเล้ว โน่เเคร์ผมมากขนาดนี้เเล้วผมยังต้องสงสัยอะไรอีก

“โน่ใจไม่ดีเลย นึกว่าน้ำเป็นอะไร ไลน์ไปถามเพื่อนๆ ในวงก็บอกว่าเเยกกันกลับตั้งเเต่เย็นๆ” เขาพูด ผมถอนหายใจ ผมเกลียดความตามใจจนโอเว่อร์นี้ แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มไม่ได้ แถมยังกระโดดพุ่งตัวเข้ากอดเขา

โน่เหวอหน่อยๆ ที่เจอผมโอบรอบคอ เเต่เขาก็ยื่นมืออกมาโอบรอบเอวผมหลวมๆ ก่อนจะรัดมันจนเเน่น แล้ววางหน้าซบลงมาบนไหล่

“ขอโทษ” ผมบอกอุบอิบ ผมรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงของเขา ผมรู้เพราะถ้าพ่อแม่ไม่กลับบ้านวันไหน แล้วไม่ได้ไลน์บอก หรือโทรหาไม่รับ ผมก็กระวนกระวายจนต้องโทรตามกับออฟฟิสเหมือนกัน

“กรี๊ด!!! ใจเเม่” เสียงกรีดร้อง หวีดปาก ทำเอาผมผละตัวออกมาเเทบไม่ทัน พอหันกลับเข้าตัวบ้านก็เห็นว่าที่ระเบียงชั้นสองมีคนสองคนยืนโบกไม้โบกมืออยู่

“ในความมืดยังหล่อ น้องคนนั้นมีเเฟนยังคะ!”

เหนื่อยใจกับครอบครัวตัวเองจริงครับ ผมยกมือขึ้นโบกไล่พ่อเเม่ไปนอน ส่วนโน่ก็สวัสดีอย่างมีมารยาท

“สบายใจละ โน่กลับก่อนนะ” เขาหันกลับมาพูดกับผมยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่สองคนหายไปแล้ว

“บ้านตั้งไกล” ผมพูดเบาๆ

“นอนคอนโดไง ไม่ไกลเท่าไหร่”

“ไม่อยากนอนที่นี่หรอ”​ พูดไปแล้วก็อยากตบปากตัวเอง ทำไมรู้สึกเขิน ก็ชวนผู้ชายขึ้นห้องครั้งเเรกนี่เนาะ ผมก้มหน้าก้มตา แต่ก็ได้ยินว่าลมหายใจโน่สะดุด เชี่ย! แค่นอนคิดอะไรมากมายขนาดนั้น เราก็นอนด้วยกันบ่อยๆ

“ได้หรอ” เขาก้มลงมาถามผม ที่กำลังมุดหน้าหลบ  “พ่อเเม่ไม่ว่าใช่มั้ย ที่ชวนผู้ชายขึ้นห้อง คึคึ”​

หัวเราะบ้าอะไรเล่า


“เเม่เราชอบโน่”​

“เรารู้” เขายิ้มแล้วหัวเราะในคอต่อไป 

“เข้าบ้าน” ผมคว้าข้อมือ


“รีบหรอ”

“ยุงกัด”

โน่ล้วงกางเกง ไปกดล็อกกุญเเจรถ แล้วเราสองคนก็เดินตามกันเข้าบ้าน

“ขออนุญาตนะครับ” โน่พูดในจังหวะที่จะเดินเข้าประตู ผมหัวเราะ แล้วชี้ให้เขาวางรองเท้าผ้าใบคู่โปรดที่ชั้นวาง จากนั้นก็พาขึ้นไปชั้นสอง

“หิวมั้ย กินอะไรป่าว”

โน่ส่ายหน้า เราเลยเดินต่อ และจังหวะที่เดินผ่านห้องพ่อกับเเม่ ในหัวผมก็แวบความคิดขึ้นมาว่า ต้องเเวะขอยืมถุงยางจากพ่อรึเปล่า คิดแล้วก็แก้มร้อน ผมทะเลาะกับตัวเองด้วยการตบแก้มไปมาเบาๆ

“น้ำเป็นอะไร” โน่รั้งข้อมือผม งื้อ ยิ่งเขิน ผมรีบส่ายหน้า แล้วเดินพาเค้าไปส่วนห้องนอนขอวตัวเอง โน่ดูตื่นตะลึง เขาเดินเข้ามาช้าๆ แล้วไม่รู้จะวางตัวเองไว้ตรงไหน ผมพยักเพยิดให้ไปนั่งบนเตียง

ติ้ง!

ไลน์ใครดึกขนาดนี้ ผมหยิบมือถือที่ทิ้งไว้บนห้องมาดู ‘เราจับตามองคุณอยู่ ห้องไม่เก็บเสียง ระวัง’

โว้ย พ่อแม่ เอาเวลากวนประสาทผมไปทำน้องมั้ย ผมส่งสติ๊กเกอร์หมีโกรธไปให้แล้วกดปิดเสียง เดินไปคุยตู้เสื้อผ้า เพื่อหาเสื้อยืดตัวใหญ่ๆ กับกางขาสั้นผ้ายืดให้โน่ ผมมีพวก Travel kit จากโรงแรมเก็บไว้บ้าง ก็เอาแปรงสีฟันใหม่มาให้โน่ใช้ ผมเดินกลับมาที่เตียงยื่นของทั้งหมดให้ โน่ยังนั่งหันมองไปรอบๆ ห้องผมไม่อะไรมากหรอกครับ เป็นบ้านตกแต่งแบบ Japannese Minimal เน้นสีอ่อน แบบตามที่โครการโปรโมทนั่นเเหละครับ แล้วก็รกไปด้วยเเท่นวางกีต้าร์ และหนังสือการ์ตูน

“อุ่นดี” โน่พึมพำ

“โทนสีหรอ” ผมถาม “หรือแอร์ไม่เย็น”

“ใจ”

ตายมั้ย!! นึกว่าตัวเองอยู่ในการ์ตูนตาหวาน

“ไปอาบน้ำ ง่วงแล้ว”​ ผมโวยแก้เขิน

“อือ แต่พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปเอาชุดนักเนียนก่อน”

จริงด้วยผมเกือบลืม เพราะจะให้โน่ใส่เสื้อที่ปักชื่อผมก็จะกระไรเนาะ

“โน่ตื่นเอง น้ำนอนไปแบบปกติแหละ พ่อกับแม่ตื่นกี่โมงหรอ โน่ออกจากบ้านไปเองได้หรือเปล่า”

“ปลุกเราเถอะ รอพ่อกับเเม่ โน่อาจจะต้องปีนรั้วอ่ะ” คู่นั้นเขาเข้างานสายได้ครับ แล้วก็เลิกเลทเอาแทน

“แน่ใจนะว่าตื่นเช้าได้”​

ผมนี่แทบพ่นไฟ แล้วเมื่อก่อนใครกันบังคับให้ผมโทรปลุกตั้งเเต่ตีห้า โน่หัวเราะเมื่อเห็นหน้ายุ่งของผม เขาหยีบชุดนอนเเละผ้าขนหนู เดินเข้าห้องน้ำไป ผมนอนเล่นโซเชียลไปเรื่อยเปื่อยรอ ไม่นานเขาก็ออกมา

“ปิดไฟด้วย อยู่ตรงประตูทางเข้า” ผมบอก ไม่ขยับแล้วครับ เพราะอยู่ในผ้านวมมูจิเรียบร้อยแล้ว โน่เดินคลำทางมาด้วยไฟฉาย แล้วก็ทิ้งตัวลงข้างๆ ผมเปิดผ้านวมให้เขาซุกเข้ามา โน่ลากเอวผมไปกอดตามปกติ แล้วเขาก็กอดแน่นมากเหมือนเมื่อสักครุ่ทีหน้าบ้านยังกอดไม่หนำใจ

“คิดถึง”

สองพยางค์ที่ทำให้ใจผมอ่อนยวบ ไม่เจอกันเสาร์อาทิตย์นี่เนาะ

“น้ำก็คิดถึง”​

ผมสารภาพ

“นอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ง่วงในห้อง” เขากู๊ดไนท์ที่หน้าผากตามความเคยชิน ผมพลิกนอนตะเเคงอีกข้างตามปกติ ไม่ลืมที่จะขยับให้แผ่หลังติดกับอกโน่

ทั้งที่สบายตัวเเล้ว และควรจะหลับ แต่ใจผมก็ยังกังวล จนสุดท้ายก็ต้องเรียกเขาอีกครั้ง

“โน่..”​    
“ครับ”
“วันนี้”
“หืม..”

เกลียดตัวเองที่พูดได้แค่เป็นคำๆ พอเรื่องโน่ผมก็เป็นกังวลไปหมด ผมกลัวคำตอบ
“ไม่มีอะไร”
“ถามมา ตอบได้หมดแหละ น้ำอยากรู้อะไร”
“วันนี้”
“สองรอบแล้ว”

“เดี๋ยวสิ!” ผมตีเข้าที่มือโน่ที่กอดเอวผมอยู่ จากที่ไม่ค่อยกล้ากลายเป็นโมโหเเทน เขาซุกหน้าฟัดๆ คอผม หมั่นเขี้ยวมากมั้ยอ่ะ

“วันนี้ อย่าพึ่งขัด!!” โน่หัวเราะใหญ่ “เราเห็นโน่ที่เจเจ”

คราวนี้เขาหยุดขำ แล้วก็ปล็ดแขนจากเอวผม เเค่ปฏิกริยาแบบนั้นกลับทำให้ผมใจหาย ผมไม่กล้าหันกลับไปมองด้วยซ้ำว่าเขามีสีหน้ายังไง แต่ก็กลั้นใจพูดต่อ

“กับผู้หญิง”
“…”
“ใครหรอ”

ผมกลั้นใจรอฟังคำตอบ รู้สึกเหมือนเตียงยวบยาบเพราะอีกคนขยับตัว เสียงโน่ถอนหายใจมันดังชัดมากในยามที่ห้องเงียบสนิทเเบบนีิ้

โน่เดินอ้อมเตียงมานั่งลงฝั่งที่ผมหันอยู่ เขายื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ

“ไม่สบายใจหรอ”

ผมพยักหน้า แต่โดยดี ไม่มีเหตุผลจะเก็บมาคิดน้อยใจคนเดียวแล้วครับ

“ดีใจนะที่น้ำรู้สึกกับเราขนาดนี้” ผมเอียงคอหลบสัมผัสจากโน่ ทำคนอื่นไม่สบายใจแล้วยังจะกล้าพูดอีก

โน่เงียบไป เหมือนกำลังหาคำพูดอยู่

“เค้าเป็นคนที่เรารัก” ผมรู้สึกเหมือนโดนอะไรทุบเข้าที่หัวใจ ลำคอมันตื้อจนพูดไม่ออก คำว่า ‘รัก’ ที่จะมอบให้ผมยังไม่เคยออกมาจากปากโน่เลย แล้วผู้หญิงคนนั้นต้องพิเศษขนาดไหนกันนะ

“แต่ว่า...รักไม่ได้แล้ว”

โน่ถอนหายใจยาว เขาเหม่อมองไปบนผนัง ที่ผมรู้ดีว่าตรงนั้นไม่มีอะไร

“วันนี้มันจำเป็นต้องไปด้วย ที่จริงก็ไม่ค่อยอยากเจอหรอก”

“ที่บอกว่ารักไม่ได้เพราะอะไรหรอ” ผมอดถามไม่ได้ ไม่มีใครชอบเเฟนเก่า ไม่สิคนเก่าของ.ฟะ แฟน.... ที่จริงผมก็ยังไม่ได้เป็นแฟนคนปัจจุบันของโน่นี่นา

“เค้าเลือกพ่อโน่เเทน”

ผมคิดตามประโยคนั้นแล้วก็ตาโต ดีดตัวขึ้นนั่งทันที ขยับตัวเข้าไปจ้องหน้า เสียดายที่ห้องมันมืดเกินกว่าจะเห็นเเววตาเขา เเต่บรรยากาศรอบข้างที่แผ่ออกมา

“ขอโทษ” ผมขยับเข้าไปกอดซ้อนหลังโน่เอาไว้ ผมไม่น่าอยากรู้อะไรที่มันเจ็บปวดขนาดนั้น แล้วนี่คือเหตุผลที่เขากบฎทุกอย่างบนโลกก่อนมาเจอผม?

“เค้าเป็นครูสอนพิเศษโน่ สอนมาตั้งเเต่ม.ต้น ช่วงหลังๆ มาสอนที่บ้านบ่อย แล้ว...โน่ก็ไม่รู้ว่าไปสนิทกับพ่อโน่ตอนไหน..”

ผมยกมือปิดปากโน่ “ไม่ต้องเล่าเเล้ว ถ้ามันเจ็บปวดก็ลืมไปเถอะนะโน่” เขายอมหยุด แล้วดึงผมที่อยู่ข้างหลังให้ไปนั่งที่ตักแทน ผมไม่ขัดขืน

“ขอโทษที่สงสัย”

“ไม่เป็นไร บอกแล้วเราดีใจที่น้ำหึง”

ผมทำหน้าง้ำ ทำให้คนอื่นวุ่นวายหัวใจเก่งนัก

“ดึกแล้วนอนกันเถอะ” ผมชวนจากที่นั่งรวบขาไปฝั่งเดียวกัน ก็เปลี่ยนมาคร่อมตักแล้วเอาสองมือคล้องคอโน่เเทน ผมอยากเห็นหน้าเค้าชัดๆ (ไม่ได้อ่อยจริงๆ สาบาน) ดวงตาที่เคยร้อนเเรงของโน่บัดนี้มันดูเหนื่อยล้า ความทรงจำที่พึ่งหลุดพ้นริมฝีปากเขาออกมามันโหดร้ายเกินไป สิ่งเหล่านั้นยิ่งตอกย้ำให้ปณิธานในใจผมเด่นชัดขึ้น

นอกจากได้แชมป์จากการเเข่งวงดนตรีเเล้ว ‘ความสุขของโน่’ นี่เเหละคือสิ่งที่ผมต้องทำให้ได้    

จุ๊บ!!

ผมเอียงหน้าแล้วแตะปากลงไปบนปากเขา โน่ดูเหมือนตกใจ ผมเลยจุ๊บมันลงไปซ้ำๆ อีกที “ยาแก้จำ”

“คืออะไร” โน่เลิกคิ้ว พร้อมรอยยิ้ม

“ก็อะไรที่ไม่ควรจำ น้ำจะดูดออกมาให้เอง ยาแก้จำยี่ห้อน้ำ”

“น้ำ!” โน่เรียกผมเสียงดัง “น่ารักอีกแล้ว รู้ตัวมั้ย”

“แค่จุ๊บหรอก”

“รอเป็นเเฟนเมื่อไหร โน่บอกเลยว่าจะฟัดให้จมเขี้ยว จะฟัดจนลุกไปโรงเรียนไม่ไหว คนอะไรน่ารักเก่งขนาดนี้”

ผมบิดแขนเขา ดูสิยังไม่ทันเป็นอะไรกัน ก็คิดเรื่องสัปดนออกมาแล้ว

“ไม่พูดด้วยเเล้วนอนดีกว่า”

“ขอ Good Night Kiss ด้วยได้มั้ย”

“ให้คืนนี้คืนเดียวนะ”

จุ๊บ! ผมกดปากลงไปบนปากเขาอีกครั้ง ความร้อนวูบวาบพุ่งวนไปทั้งร่าง มันเป็นสัมผัสเเปลกใหม่สำหรับผมมากๆ ทั้งที่หอมแก้มพ่อเเม่ออกจะบ่อย แต่ทำไมเเค่เปลี่ยนตำแหน่งนิดเดียวความรู้สึกมันต่างกันประมาณระยะทางจากดวงอาทิตย์ถึงดาวเสาร์เลยว่ะ

“แทบทนไม่ไหว” โน่พึมพำ เขายังกอดเอวผมไว้หลวมๆ แล้วเอาจมูกมาซุกไซร้ตรงซอกคอ

ผมรีบยันหน้าเขาออก เป็นผู้ชายด้วยกันทำไมจะไม่รู้ครับ ยิ่งวัยนี้ความต้องการเรื่องอย่างว่ามันจุดติดง่ายมาก       

“นอน ถ้าไม่นอนก็ไปห้องน้ำ” ผมดุ โน่หัวเราะเสียงดัง เขาเอนตัวลงกับเตียง พร้อมรั้งเอวผมลงมาด้วย

“ไม่ข้ามขั้นตอนหรอก สัญญา”

เขากอดผมไว้เหมือนเดิม จะต่างตรงที่วันนี้ผมนอนหันหน้าเข้าหาโน่ แล้วโอบกอดเขาไว้


- TBC -

เเวะมาอ้อนขอคอมเม้นต์กันสักนิดนึงจ้า

เอ็นดูน้องโน่ น้องน้ำกันมั้ยคะ ส่วนไรต์ชอบพี่ขิง อิอิ

ฝาก #พระเพลิงมารีน ค่ะ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 1-10 fri 17aug]
เริ่มหัวข้อโดย: เปลว แว๊บแว๊บ ที่ 17-08-2018 01:55:40
น้องโน่จริงจังกับน้องน้ำใช่ไหม แต่ที่รู้ๆคือน้องน้ำน่ารักมากกกกกกก ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 12 Sun 19aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 19-08-2018 20:04:53
Chapter 12





ตึงๆ ๆ ๆ! ฉ่า! ผ่าง!!

คนอื่นโมโหแล้วฟาดงวงฟาดงา แต่ตอนนี้ผมกำลังฟาด สแนร์ ฉาบ ไฮแฮท ซึ่งเป็นส่วนประกอบทั้งหมดของกลองชุดจนเสียงลั่นห้องซ้อม โดยมีชูครีมยืนมองอยู่ข้างๆ และขิงที่วางเบสลงกับโซฟาแล้วเดินตรงมารวบไม้กลองผมไปถือไว้เอง

ถูกริบไม้กลองไปแล้ว แต่เท้าผมก็ยังไม่หยุดเหยียบกระเดื่องให้เสียงมันดังปังๆ ๆ ๆ หลอนประสาททุกคนอยู่แบบนั้น ขิงมันคงรำคาญมากจึงทิ้งตัวลงนั่งทับหน้าขาผมไว้ไม่ให้ขยับได้อีก

“เป็นอะไร ไหนเล่าหมอพี่ขิงสิคะ”

ผมซัดหน้ามุ่ยใส่ทันที

“อาการเเบบนี้คือหึง หรือหวง หรือหงุดหงิด หรือยังไง”

“ไม่รู้”

“เอ้า” ขิงหนีบเเก้มผมเข้าให้ทีนึง

“แค่เค้าไปถ่ายแบบโปรโมทโรงเรียน กับน้องหรีดสีเเดงตัวท็อป ต้องงุ่นง่านนี้มั้ยอ่ะน้องน้ำ”

ผมปากยื่น ที่จริงมันก็เเค่นั้นเเหละครับ เเต่เรื่องเมื่อคืนที่โน่พึ่งสารภาพว่ามีคนรักเก่าด้วย ทำให้ผมรู้สึกคันยิบๆ อยู่ในหัวใจเหมือนมีมดกัดต่อยตลอดเวลา เพราะคำถามของผมคือ...เขารักอีกฝ่ายน้อยลงหรือยัง

“แล้วนี่รอกลับบ้านพร้อมไอ้โน่หรอ” ชูครีมที่ยืนเงียบมานานถาม

ผมเลยส่ายหน้า “ไม่อ่ะ เห็นว่าน่าจะถ่ายเสร็จดึกๆ เลย”

“มึงก็เอาข้าวเอาน้ำไปส่ง ไปนั่งเฝ้าทำหน้าที่เมียสิ” ขิงสอนหึ พี่ดาริณคงทำกับมันบ่อย

“ใครจะทำ? เดี๋ยวไอ้พวกชมรมโฟโต้ล้อตาย”

“แหม ไม่ปฏิเสธนะยะหล่อน” คุณชายขิงจีบปากจีบคอพูดได้อย่างน่าหมั่นไส้มาก

“แล้วใจจริงอยากเฝ้าหรือไม่” นางฟ้าที่นั่งทำการบ้านอยู่ข้างคีย์บอร์ดของตัวเองถามขึ้นมาบ้าง

“ฮรือ” ผมครางหงิงเป็นลูกหมา

“ร้องแบบนี้คืออยาก?” ขิงถาม

ผมพยักหน้า

“แรดนัก! เอาก้านมะยมมาฟาดน่อง” ไอ้คุณชายทำท่าเงื้อมือ ผมหน้างอใส่มันทันที

“ไม่รักพี่ขิงแล้ว พี่ขิงใจร้าย”

“มึงก็ไม่เคยรักกูอยู่แล้วอิน้องน้ำ”

“ถ้ามึงอยากอยู่ พวกกูอยู่เป็นเพื่อนก็ได้” ชูครีมห้ามทัพ

นางฟ้าเดินมาสมทบแล้วพยักหน้า “มีร้านปิงซูเปิดใหม่แถวหน้าโรงเรียนเเหละ เราไปกินข้าว กินขนม แล้วค่อยซื้อมาฝากโน่กันดีมั้ย”

“นี่ไงเพื่อนเเท้ ส่วนพี่ขิงไม่อ่อนโยน น้องน้ำไม่สนใจแล้ว”

“เรื่องของมึงค่ะ อิน้องน้ำ งั้นมื้อเย็นพี่ขิงเลี้ยงเเค่ไอ้ชูกับนางฟ้านะ”

“อ่าว” ผมทำหน้าหมาทันที รีบกระโดดไปเลียเเข้งเลียขาเสี่ยใหญ่ของกลุ่ม

“รักพี่ขิงที่สุด พี่ขิงคนดีของน้องน้ำ”

“เปลี่ยนสีเร็วนัก!”

พวกเราพากันเก็บของแล้วก็ทำตามเเพลนทันที



พอได้กินของอร่อยก็เม้าท์กันจนตะวันตกดิน ขิงจ่ายค่าขนมให้เเล้วก็เเยกตัวไปหาพี่ดาริณที่เลิกเรียนเเล้ว ส่วนผมชูครีมและนางฟ้าเดินข้ามถนนกลับมาฝั่งโรงเรียนเพื่อไปยังห้องสตู ที่มีการถ่ายเเบบชุดนักเรียนกันอยู่ เพื่อเอาไปเป็นโปสเตอร์เรียกเด็กๆ ให้มาสมัครเรียนโรงเรียนเราเพิ่มในปีการศึกษาหน้า

ตอนเเรกเขาจะถ่ายโน่กับคริสตัล แต่เพื่อนคนสวยของผมดันติดไปแคสติ้งนักเเสดงให้ค่ายโมเดลลิ่ง จะให้นางฟ้าถ่ายก็เป็นประเภทเขินกล้อง ตำเเหน่งนางเเบบเลยตกไปที่น้องนิ้ม ที่เคยมีคดีเอาเงาะไปให้โน่ที่สระว่ายน้ำเเทน

เราสามคนเดินเข้าไปในสตู โดยชูครีมเป็นคนโทรบอกพวกชมรมโฟโต้ไว้ก่อน เพื่อนๆ รุ่นเดียวกันนี่เเหละครับเลยไม่ได้ไปกวนอะไร แถมนางฟ้าก็หิ้วขนมจากเงินพี่ขิงมาฝากอีก พวกเราเลยได้รับการต้อนรับที่ดี และตอนที่ผมเข้าไปก็เป็นการถ่ายภาพเซ็ตสุดท้ายเเล้ว ฉากเป็นเฟรมวาดรูปเพื่อบอกว่าโรงเรียนเราสอนอะไรบ้าง

โน่โพสต์แบบดึงเนคไทด์หลวม ดึงแขนเสื้อขึ้น ทำทำหน้าตึงแล้วขมวดคิ้วหน่อยๆ คาบพู่กันไว้ในปาก แบบคนกำลังตั้งใจลงสี เห็นเเล้วอยากได้ยามดม รู้สึกหน้าร้อนเว่อร์ อิน้องนิ้มก็เขินจนหน้าเเดงหูเเดงถ่ายต่อไม่ได้

“โน่มันหล่อขนาดนี้เลยหรอ” นางฟ้าเข้ามาสะกิดถาม จนผมทำตาขวางใส่ทันที

ชูครีมหัวเราะอยู่ข้างๆ ต้องรั้งคอไว้ด้วยซ้ำกลัวผมกระโดดขย้ำเพื่อนในวง

“คิดดูดิ เราต้องทนอยู่กับคนออร่าหล่อเบอร์นี้วันละเกือบ 24 ชั่วโมงอ่ะ”

“อยากจะตีมึงเเทนไอขิง” ชูครีมเคาะหน้าผากผม ก็คนพูดจริงนี่นา ผมกุมหัวป้อย แล้วส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่หน้ากล้อง โน่ถึงขั้นเดินไปบอกให้น้องนิ้มโพสต์ไวไว และไม่เกิน 15 นาทีก็เลิกกอง

โน่เดินออกมาจากไฟ แล้วเดินเข้ามาหากลุ่มผม

“เหนื่อยป่าว” ผมยื่นทิชชูให้โน่ซับหน้า แต่เขาไม่ยอมเอามือรับ แต่กลับยื่นเเก้มให้ผมแทน เบะจนปากคว่ำหมั่นไส้นัก แต่ก็ต้องยอมซับให้อยู่ดี แถมไม่ลืมเหลือบตาไปมองน้องนิ้มด้วย หึ! เป็นไงครับเก่งมั้ยครับเเกล้งเด็กผู้หญิง





เราสี่คนเดินออกมาตึกด้วยกัน แล้วอยู่ๆ โน่ก็ชะงักเท้าเมื่อเห็นว่ามีรถคันนึงจอดอยู่ตรงหน้าตึกพวกเราต้องผ่านตรงน้ันไปยังลานจอดรถ

กระจกข้างกดลง แล้วก็เป็นผู้หญิงหน้าตาสวยที่ผมเจอที่เจเจ

เธอกำลังร้องไห้ แล้วโน่ก็วิ่งเข้าไปหาทันที

ผมหยุดเดิน นางฟ้ากับชูครีมหันมาเลิกคิ้ว ผมไม่ชอบอะไรน้ำเน่าเเบบนี้เลยเดินดุ่มๆ เข้าไปหาโน่เเล้วสะกิดอีกฝ่าย

“เอากุญเเจรถมา เดี๋ยวนำ้ไปรอที่คอนโด”

ผู้หญิงคนนั้นยังสะอื้นเเล้วเอามือขวาโน่ไปรองเเก้มอีก บอกเลยว่ารู้สึกหัวร้อนมาก!

“ขับดีๆ เดี๋ยวโน่ตามกลับไป” เขายื่นกุญเเจให้ แล้วก็เลิกสนใจผม โน่เปลี่ยนไปขับรถให้ผู้หญิงคนนั้น แล้ว BMW คันสวยก็ออกจากโรงเรียนไปแบบทันที

น้องนิ้มผมไม่กลัว แต่สำหรับรักเก่าของโน่ ที่ผมไม่รู้ว่าเขาตัดใจได้หรือยัง ยอมรับเลยว่ากลัวมาก ผมเหมือนเเพ้ตั้งเเต่ยังไม่เริ่มเเข่ง

“ถ้าไอ้ขิงรู้ ไอ้โน่โดนเก็บเเน่”

ชูครีมวางมือลงบนบ่า

“ทำไมหรอ”

“โน่ทำน้ำร้องไห้ไง” นางฟ้าพูด ฮะ... ผมพึ่งรู้ตัวว่าน้ำตาไหล

สรุปว่าพวกเราไม่ได้แยกย้ายกันกลับบ้านหรอกครับ กลายเป็นว่าไปกองกันอยู่ในรถชูครีมแล้วก็ขับรถไปเดินเล่นที่ห้างเเก้เซ็งเเทน

‘จะถึงห้องแล้วบอกหน่อย น้ำมาเดินเล่นกับเพื่อน ไม่อยากกลับไปอยู่ห้องคนเดียว’ ผมส่งข้อความไปกดดันว่าที่เเฟนตัวเอง โน่ยังไม่กดอ่านเลย โมโหนัก ผมระบายความหงุดหงิดด้วยการกินไอติมเป็นก้อนที่สี่เเล้ว

ขิงกับรุ่นพี่ตัวผอมที่สูงไล่เลี่ยกันเดินเข้ามาสมทบ พวกเราบังเอิญอยู่ในร้านเดียวกัน และพอขิงรู้ก็บอกจะตามมาเจอ

“ดาว นี่เพื่อนขิง น้ำ นางฟ้า ชูครีม”

“สวัสดีครับ” พี่ดารินส่งยิ้มเทพบุตรมาให้ผม หน้าตาที่น่ารักอยู่เเล้วนั้นยิ่งทำเอาพวกเราตาลอยๆ

“เป็นไงอิน้องน้ำ โดนผู้หักอกมา” ขิงปากร้ายใส่ผมทันที ผมเห็นพี่ดารินปรามเเฟนตัวเอง

“ไม่ได้หักอกโว้ย เค้าเรียกช่วงลองใจ”

“จะอ้างอะไรก็อ้างไปเหอะ ดาวสอนเพื่อนขิงหน่อยว่าต้องทำไง”

พี่ดารินขำคิก หันไปมองหน้าขิงตาหวาน สลับกับมองหน้าผม มองครั้งเเรกพี่เขาออกแนวน่ารัก แต่ดูตอนนี้เหมือนออกเเนวเซ็กซี่ ยั่วๆ ไอ้ขิงอยู่หน่อยนึง

“ถ้าผู้ชายเขารักเราก็กลับมาเองเเหละ ไม่ต้องไปพยายามหรอก แต่ถ้าเขาไม่กลับมาเเปลว่าเขาไม่รัก เราก็หาใหม่ง่ายจะตาย น้องน้ำหน้าตาดีขนาดนี้ ไม่ยากหรอก” โหพี่ดาริน โนเเคร์ที่เเท้ทรูสมเเล้วที่เอาไอ้ขิงจอมเจ้าชู้อยู่หมัด

“นี่ถ้าเราทำผิด ดาวจะไม่รั้งเลยใช่ป่ะ”

“อื้อ...ถ้าไม่รักเเล้วก็เเยกกัน จะรั้งไว้ทำไมเสียเวลาชีวิต”

“ดาวครับ” ขิงอ้อน แล้วรวบคนเอวบางกอดไว้ ให้มันเหม็นเลี่ยนความรักไปอีก ผมเลยกินไอติมลูกที่สี่ไม่หมดเอาดื้อๆ

“คืนนี้มึงไม่กลับคอนโดมั้ยน้องน้ำ เอาให้ไอ้โน่อกแตกตาย”

ผมย่นจมูก ไถหน้าไปกับโต๊ะ “เดี๋ยวโน่ก็ไปตามที่บ้าน”

“ร้ายนักตามกันถึงบ้าน” ขิงดีดหน้าผากผมอีกแล้ว งือ “ไปนอนบ้านกู คอกหมาว่าง มันตามไม่ถูกหรอก”

ขิงโดนผมกับพี่ดารินฟาดไปพร้อมกันคนละที



สุดท้ายสี่ทุ่มโน่ก็ยังไม่อ่านข้อความ และผมก็กลับไปคอนโดของโน่อยู่ดี ผมเซ็งๆ เลยอาบน้ำเเล้วเข้านอนไปก่อน รู้สึกปวดหัวนิดๆ ไม่รู้ว่าเพราะเครียดหรือเปล่า เลยจัดพาราเซตามอลไปหลับสบายเลยตื่นอีกทีตอนเช้า

โน่ไม่กลับห้อง มันทำให้ผมต้องทิ้งตัวลงนอนลืมตามองเพดานอีกรอบ ก่อนจะไล่เรียงความรู้สึกที่ทะลักล้นอยู่ในใจตอนนี้ ข้อเเรกโกรธ ข้อที่สองน้อยใจ ข้อที่สามผิดหวัง ผมคว้ามือถือมาดูว่ามีสัญญาณอะไรจากอีกฝ่ายมั้ย ก็ไม่ข้อความสุดท้ายที่ผมส่งว่าถึงคอนโดเเล้วเท่านั้นที่เขากดอ่าน ผมไม่ชอบสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เลย

ผมพิมพ์ข้อความไปหาโน่ กะว่าสายกว่านี้ถ้าเขาไม่โทรมาค่อยโทรหา

‘จะไม่กลับทำไมไม่บอก’

‘อยู่ที่ไหน’

ผมพิมพ์ทิ้งไว้ แล้วก็กดเข้า apple music เพื่อเปิดเพลงสนุกปลุกใจที่ขุ่นมัวให้มันร่าเริงขึ้น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ติดมือไปเข้าห้องน้ำด้วย



คาบสองเเล้วโน่ยังไม่โผล่หัวมาโรงเรียนผมเลยตัดสินใจโทรหาเขาตอนพัก

โน่ไม่รับโทรศัพท์ แต่ตอบไลน์กลับมาเเทนว่า

‘อยู่หัวหิน’

ผมหงุดหงิดจนจะร้องไห้อีกรอบ เหมือนกำลังโดนโน่ทดสอบความเข้มเเข็งของจิตใจเลย

‘กลับเมื่อไหร่’

‘ไม่รู้’

ผมปรอทเเตกทันที ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นความรักของโน่หรืออะไรผมไม่สนใจ แต่มาทำโน่โดดเรียนเเบบนี้ผมยอมไม่ได้ ครั้งก่อนก็ทำโน่เสียใจจนไปชกต่อยกับคนอื่นเเล้วนี่อะไร ทำโน่ไม่มาโรงเรียนอีก ผมเดินกลับเข้าห้องด้วยรังสีทะมึน จนคริสตัลขยับตัวมาหา

“ทะเลาะกับโน่หรอ”

ชูครีมคงเล่าให้เพื่อนกลุ่มในห้องฟังเเล้ว

“ไม่เชิงอ่ะ เเค่เเฟนเก่ากลับมาแล้วก็ทำโน่โดดเรียนเราเลยหงุดหงิด”

“ใจเย็นๆ ก่อน ทางนู่นเขาอาจจะเซ้าซี้ จนโน่ปลีกตัวมาไม่ได้” คริสตัลให้เหตุผลในมุมมองผู้หญิง “น้ำอยู่นิ่งๆ แล้วส่งกำลังใจไปให้โน่ รับบทแฟนใหม่ที่เข้าใจโลกซะ”

ผมโยนโทรศัพท์ให้คริสตัลเอาไปพิมพ์

‘รีบกลับมานะ น้ำเหงา’

“คริสตัล!!” ผมอยากบิดเพื่อนให้เนื้อเขียว ทำไมพิมพ์อะไรที่ดูเเรดไปขนาดนั้น

“ระหว่างโมโหกับห่วง น้ำรู้สึกอะไรมากกว่า”

“โมโหสิ...แต่จริงๆ ก็ห่วงอ่ะ เมื่อคนหายไปเลย กลัวไปรถคว่ำตายอยู่ที่ไหน” พูดเองก็ต้องยกมือขึ้นมาตบปาก

‘ดูเเลตัวเองด้วยนะ น้ำเป็นห่วง’

ผมรับมือถือจากคริสตัลมาดู เเล้วเงยหน้ามองคริสตัล ศิราณีที่ดูจากนิสัยเเล้วไม่น่าจะเข้าใจโลกขนาดนั้น

‘ขอโทษ โน่จะรีบกลับ เย็นนี้เลย’

ผมอดยิ้มไม่ได้แล้วก้มลงไปพิมพ์ต่อว่า ‘ขับรถดีๆ ไม่ต้องรีบหรอก น้ำรอได้’

‘คิดถึงโน่นะ ไม่ได้นอนกอดคืนนึงนอนไม่หลับเลย’

ผมตอเเหลไปด้วยอาการร้อนผ่าวที่หน้า คริสตัลชะโงกมาดูแล้วก็ค้อนปากคว่ำ มันมุบมิบด่า

‘โน่ก็คิดถึง’

อ่า...ผมสบายใจแล้ว ส่วนเรื่องพี่เมย์อะไรนั่นเราต้องเคลียร์กันเเบบจริงๆ จังๆ สักที โดยผมถึงกับต้องเรียกระดมพลทั้งเพื่อนในกลุ่ม เเละเพื่อนในวงมาช่วยกันออกความเห็น



















TBC กลับมาอพต่อเเล้วจ้า

ขอเสียงหน่อยค่ะ มีคนเเวะมาบ้างป่ะน๊า
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 12 Sun 19aug]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 22-08-2018 05:07:55
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 12 Sun 19aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 10-09-2018 22:25:56
Chapter 13





เย็นนั้นผมกลับถึงคอนโด ก็เห็นโน่ยืนอยู่ในครัวก่อนเเล้ว คนตัวโตเดินตรงเข้ามากอดเอว แล้วเอาคางวางบนไหล่ทันที

“ขอโทษ โกรธมากมั้ย”

เจอเสียงอ้อนๆ ของเจ้าหมายักษ์เข้าไปใครจะไปโกรธลง พูดให้ดูดีไปอย่างนั้นเเหละ จริงๆ ก็โกรธ โกรธมาด้วย แต่เพื่อนขิงยืนยันมาว่า เราควรเเสดงแง่ห่วงใยไปแทน ผู้ชายจะรู้สึกผิดมากกว่า

“ไม่ได้โกรธ น้ำแค่เป็นห่วงตามที่พิมพ์ไปนั้นเเหละ เห็นโน่เงียบไปเลย”

“น้ำน่ารัก หมาเปี๊ยกของโน่น่ารักที่สุด”

“อื้อ!!” ผมโดนหมาโน่ฟัดเเก้มจนน้ำลายเปรอะต้องทำหน้าสยองใส่ เจ้าตัวโตหัวเราะอารมณ์ดี ไม่มีสักนิดล่ะที่จะสำนึกผิด

“นี่สั่งของชอบน้ำมาเต็มเลย ไปอาบน้ำสิเเล้วมากินกัน” ผมชะโงกหน้าไปดูของที่อยู่บนเคาร์เตอร์ กุ้งเผา ปูนึ่ง ข้าวผัด โอ้โห สวรรค์ นี่คือของง้อเขาสินะครับ ถือว่าทำได้ดี ผมยิ้มเต็มเเก้มเดินกึ่งวิ่งไปล้างตัวทันที เเล้วไม่นานก็มานั่งเรียบร้อยให้โน่เเกะกุ้งให้กิน เปรมเด้อ!

ระหว่างกิน ปากผมก็เริ่มอยู่ไม่สุก

“แล้ว...พี่เมย์มีเรื่องอะไรหรอ”

“นึกว่าจะไม่ถามแล้ว”

เกลียดนัก!! ไอ้ตาเล็กตาน้อยที่วิบวับเหมือนล้อเราอยู่

“ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า”

“โอ๋หมาเปี๊ยกไม่งอนนะ” โน่ทำท่าจะยื่นมือมาลูบหัวผม แต่ถ้าเอ็งจะไม่ลืม มือเลอะมันกุ้งอยู่นะโว้ย

โน่นั่งลงไป แล้วเริ่มเล่า

“เขาท้อง..”

ผมถึงกับอ้าปากค้าง

“แล้วก็ทะเลาะกับพ่อเเหละ เพราะพ่อก็...ไปมีคนใหม่อีกแล้ว”

“อ้าว...”

“ก็เป็นนิสัยเค้าอ่ะ มีพร้อมกันทีละหลายๆ คนไง เมย์เเค่ไม่ชิน แล้วก็รับไม่ได้เอง”

“แล้วทำไงอ่ะ”

“โน่ก็ปลอบ แล้วบอกว่าถ้าทนไม่ได้ก็ถอยมา เพราะยังไงพ่อโน่ก็ไม่มีทางหยุดที่เมย์อยู่เเล้ว”

“แล้วลูกล่ะ”

“ถ้าเมย์จะเลิก พ่อก็คงให้เงินมากพอที่จะเลี้ยงเด็กได้”

“แล้วพี่เมย์เค้าจะหยุดมั้ย”

คราวนี้คนตัวสูงถอนหายใจ

“เค้าก็ขอคืนดีกับโน่”

“เห้ย!! ได้หรอว่ะ”

ผมขอตั้งให้พี่เมย์เป็นศัตรูเบอร์ 1 ของผมทันที โน่หย่อนระเบิดไว้แค่นั้นเเล้วก็เเกล้งดูดหัวกุ้งไม่พูดต่อ ผมมองหน้าเขาแล้วฮึ่ย!! ไม่อยากเเพ้ กินข้าวผัดก็ได้ว่ะ เราเล่นสงครามเงียบกัน ดูสิว่าใครจะทนได้นานกว่า

และเป็นผมที่เเพ้

“ไม่เล่าต่อละ”

โน่ยิ้มได้น่าหมั้นไส้ จนผมต้องเตะขาเขาที่ใต้โต๊ะ

“ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คงกลับไป แต่..”

ยัง ยังจะหยุดชะงักให้ใจเต้นเเรง

“รอเป็นเเฟนน้ำแล้ว ก็เลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องกลับ”

ผมเเสร้งตักข้าวเข้าปากเเก้เขิน เคี้ยวกลืนลงคอไป แต่ก็ไม่อยากให้มีเรื่องคาใจอยู่ เลยกลั้นใจถามออกไป

“แล้วยังรักเค้ามั้ย”

“ก็ยังเป็นห่วงอยู่ แต่ก็รู้ว่าควรรักษาใจคนทางนี้มากกว่า” โน่มองตาผม “ถ้าโน่เผลอทำให้ไม่สบายใจก็ตองบอกนะ บางทีโน่ไม่รู้ตัว”

ผมพยักหน้า และพยายามเข้าใจอย่างที่เพื่อนๆ ได้กรอกหูมาก่อนเเล้ว อย่างน้อยเขาก็แสดงออกว่เเคร์ผม

“เห้ย...อย่าคิดมากดิ แมนๆ คุยกัน น้ำไม่งี่เง่าหรอก”

“ดีใจที่เป็นน้ำนะ” โน่ยังคงอมยิ้ม “เราไม่ชอบคนงี่เง่า แล้วน้ำก็ไม่งี่เง่า”

ผมหัวเราะเสียงดังแข่งกับเขา ไม่งี่เง่าบ้าอะไรละ ผมนี่โคตรจะน้อยใจเลยเถอะ แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ไม่กวนน้ำให้ขุ่นดีกว่า พวกเราเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วจัดการมื้อเย็นด้วยกัน จากนั้นก็ย้ายมานั่งดูหนังด้วยกันที่โซฟา ดูไปได้สักครึ่งเรื่องผมก็เริ่มปวดหัวหน่อยๆ อีกแล้ว เอ๊ะหรือยังไม่หายเครียดเรื่องโน่ ผมทนดูต่อไปอีกหน่อยกะว่าจะเข้านอนแล้วค่อยไปกินยาเเก้ปวด



“มีไข้หรอ” โน่เดินเข้ามาทัก เขาคงเห็นผมเเกะซองยาอยู่ ปากว่ามือถึงทันทีครับเขาเอาหลังมือเเตะหน้าผาก “ตัวไม่ร้อน”

ใช่ดิ ผมเเค่ปวดหัว

ผมกลืนยาลงคอแล้วก็ดันตัวโน่ให้กลับไปทางห้องนอน เขาปีนขึ้นเตียงเเล้วลากเอวผมเข้าไปนอนกอดเหมือนเดิม เรากลับมาอยู่ในท่าคุ้นเคยแล้วผมก็รู้สึกอบอุ่นใจที่เป็นเเบบนี้











‘High School Asian Music Awards ประกวดวงดนตรีนานาชาติระดับ ม.ปลาย’

ในที่สุดประกาศรับสมัครก็มาถึง ผมยืนอ่านรายละเอียดประกาศหน้าห้องพักครู มันเป็นโครงการของประเทศญี่ปุ่นที่จัดขึ้นเมื่อประมาณสามปีก่อน ตอนเเรกก็แข่งเฉพาะในประเทศ แล้วเริ่มลามมาประเทศข้างเคียงอย่างเกาหลี และไต้หวัน แล้วปีที่ 3 ก็มาถึงไทย

ระยะเวลาการส่งเดโม่สมัคร มันเป็นช่วงอาทิตย์สุดท้ายก่อนสอบปลายภาค เรามีเวลาซ้อมช่วงปิดเทอม จากนั้นก็เเข่งะดับประเทศก่อน ถ้าติด 1-3 ก็มีสิทธิ์ไปแข่งต่อที่ยี่ปุ่น

“เปิดรับสมัครแล้วหรอ” เสียงทุ้มดังที่ข้างหูผม พร้อมสัมผัสอุ่นๆ บนบ่า ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ที่ต้องใช้คำว่า ‘เงย’ เพราะโน่สูงกว่าผมเกือบ 15 เซ็นแหนะ

“อื้อ”

“ตอนเเนะนำตัวบนเวทีคงโคตรเท่อ่ะ ขิงเบส นางฟ้าคีย์บอร์ด ชูครีมกลอง โน่กีต้าร์ และน้ำแฟนโน่”

ป้าบ! ผมอดเอามือฟาดโน่ไปแรงๆ ไม่ได้ “แม่งมั่วตลอด”

“เอ๋า ใครๆ เค้าก็นึกว่าเราเป็นเเฟนกัน” โน่มันยังไม่สำนึกครับ แถมยังล็อกคอผมเข้าไปซุกอกมันนั่นอะเเล้วก็เดินลากไปตามทาง ให้บรรดารุ่นน้องสาววายกรี๊ดเล่น

“แฟนอะไร!” ผมโวยวายฮึดฮัด เรายังไม่ได้อยู่ในสถานะนั้นสักหน่อยเพราะผมรอเเข่งรายการนี้จบก่อน ค่อยยอมตกลง เพราะฉะนั้นโน่จึงจริงจังกับการเเข่งมาก และเพื่อนๆ ในวงก็เริ่มยอมรับแล้วว่าหน้าตาของโน่มีผลต่อฐานเเฟนคลับ ในกรณีที่เปิดโหวตขึ้นมา โน่คืออิทธิพลของวงเราจริง

โน่เดินล็อกคอผมไปถึงห้องชมรม ผมพยายามเเล้วแต่ก็ดิ้นไม่หลุด

“คู่นี้ที่โรงเรียนก็ไม่เว้นน๊า ขยันสร้างข่าวเหลือเกิน” นางฟ้าสาวสวยคนเดียวในวงเเซว

“โน่เล่นไม่รู้เรื่อง” ผมโวยวายฮึดฮัด เเต่โน่มันคงเห็นผมเป็นเเค่หมาตัวกะเปี๊ยกที่เห่าเเง๊วๆ เลยไม่สนใจ

หลังๆ ผมกับโน่สนิทกันมาก และคริสตัลเพื่อนสาววายในกลุ่มก็เห้นว่ามันเป็นประโยชน์ต่อการสร้างฐานเเฟนคลับ เธอเอาตำรานี้มาขากคู่ชิปศิลปินเกาหลีครับ จนถึงขั้นมีภาพโมเม้นท์ผมกับโน่ตอนเล่นดนตรีด้วยกันเต็มไปหมดในเพจวง แต่ขอโทษนะครับ คู่ผมหนะเรียล อิอิไม่ได้ชิปกันเล่นๆ

“เค้าประกาศรับสมัคร High School Asian Music Awards แล้วนะ” โน่พูด ขณะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาในห้องซ้อม แน่นอนว่าเขาตบที่นั่งข้างๆ ให้ผมไปหย่อนก้นลงด้วย ตัวผมพอดีมือโน่อ่ะ เพราะชอบกอดชอบรัดเหลือเกิน นี่ก็โอบเอวอีกละ

ขิงหันมาเห็นก็ค้อนตาคว่ำ เมื่อก่อนเรายังไม่ได้ออกอาการมาก แต่หลังจากที่ทะเลาะกันเรื่องพี่เมย์แฟนเก่าโน่ ผมเลยรู้สึกว่าควรเเสดงออกกับโน่บ้าง

“กูเห็นโปสเตอร์เเว้บๆ ตอนไปส่งการบ้านเลข” ชูครีมที่นั่งควงไม้กลองอยู่พูดบ้าง แล้วก็หันไปมองขิง

“งั้นเราเขียนใบสมัครกันเลยดีมั้ย ใกล้สอบเเล้วเดี๋ยวมัวเเต่ยุ่งๆ จะลืมกัน” นางฟ้าพูด เธอรวบกระโปรงนั่งลงหน้าโซฟา เพื่อเข้าเว็บไซต์การประกวดในมือถือ

“ชูครีมเอาแมคมาป่ะ พิมพ์ในคอมน่าจะง่ายกว่า” เพื่อนหน้าตี๋เจ้าของชื่อเดินไปล้วงเป้ที่กองไว้ข้างห้องมายื่นให้

“Password Handsome Choocream”

“เกลียดอ่ะชู” นางฟ้าโวย แต่ก็พิมพ์ตาม

“ไอ้ขิงตั้ง ทุเรศตัวเองทุกครั้งที่พิมพ์เหมือนกัน”

ผมหัวเราะเบาๆ จริงๆ ชูมันก็หล่อนะครับ หล่อแบบตี๋ๆ เงียบๆ หันไปมองขิงอันนั้นหล่อเนี้ยบเเบบคุณชาย แล้วก็หันมาที่คุณพระเพลิงข้างตัว อันนี้หล่อร้ายร้อนเเรง แต่อยู่ด้วยเเล้วกลับอบอุ่น

ผมรู้สึกใจเต้นเเรงอีกแล้ว โน่หันมาพอดี เราสบตากัน แล้วเขาก็ไม่เกรงใจใครเลยก้มลงมาจะหอมเเก้มให้ได้ จนผมต้องรีบผลักอกออก

“โรงเรียน!!”

“ถ้างั้นที่บ้านก็ได้ใช่มั้ยหมาเปี๊ยก”

ผมเบื่อโน่เเล้ว เลยลุกจากโซฟา แล้วไปทรุดนั่งลงข้างนางฟ้า

ผมยื่นหน้าเข้าไปจนชิดหน้าจอเพื่ออ่านตัวหนังสือ หลังๆ ผมรู้สึกว่ามองตัวอักษรเเล้วมันเบลๆ ไปหมด ตอนเรียนก็ต้องขยับไปนั่งช่วงกลางๆ ห้องเเล้ว คงต้องไปตัดเเว่นสักที

ไม่นานเราทุกคนก็ส่งใบสมัครเสร็จ มีแนบคลิปผลงานตัวอย่างสำหรับการคัดเลือกรอบเเรกไปด้วย รออีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็จะประกาศผลผู้เข้ารอบ

หลังจากนั้นวง Forever and the One ก็เเยกย้ายกันกลับ ผมเดินตามโน่ไปที่ลานจอดรถ รับหมวกกันน็อกมาใส่เหมือนทุกวัน เเล้วก็วาดขาขึ้นคร่อมลูกชายสุดที่รักที่สูงชิบหายเหมือนพ่อมัน บิ๊กไบค์ของโน่ผมตั้งชื่อว่าเจ้าเเรพเตอร์ ก็มันวิ่งเร็วและดูดุเหมือนไดโนเสาร์กินเนื้อพวกนั้นนี่นา แถมยังคล้องจองกับแรบบิทครีมที่เป็นรถ Camry ด้วย ตระกูลเเรบเหมือนกัน

“อยากกินไร” เขาถามเมื่อเราขึ้นมาอยู่บนเเรพเตอร์คันโตเรียบร้อย

“แล้วแต่โน่”

“กินที่คอนโดเเล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลาอ่านหนังสือ น้ำสั่งไลน์แมนเลย จะได้ถึงพอดี”

ผมยู่ปาก ยกมือถือขึ้นมากด “ไก่ทอด?”

“ดีล”

เมนูเดิมๆ ของเราสองคนครับ

ผมสั่งไก่เสร็จก็เก็บมือถือ โน่จะสตาร์ทรถ ผมยกมือขึ้นเกาะไหล่อีกฝ่าย

“กอดดีๆ ดิ” โน่ดุ

“รุ่นน้องอยู่” ผมตอบความจริง จะให้กอดเหมือนทุกวันท่ามกลางดงสาววายเดี๋ยวก็กรี๊ดแสบหูกันอีกอ่ะ

“โน่ทำน้ำขายไม่ออก” ผมบ่นต่อ ในขณะที่โน่คงรำคาญความหวงตัวของผมอ่ะครับ เลยดึงเอามือท้องสองข้างของผมไปวางแปะที่หน้าท้องเขา “อายรุ่นน้องกับตกลงไปคอหักเลือกอะไร”

“คอหัก”

“เดี๋ยวจะโดนตี”

“โน่ดุเรา”

“ก็น้ำดื้อ”

“ก็กอดอยู่นี่ไง”

“ก็ต้องให้ดุก่อน”

“น้ำจะร้องเเล้วเนี่ย” ผมเเกล้งเเหย่

“ร้องจะด่าซ้ำ”

“โน่ไม่อ่อนโยน” ผมเบะปาก ไอ้เพื่อนตัวสูงมันก็ไม่คิดโอ๋หรอกครับ บิดเครื่องพุ่งกระฉูด ไม่นานก็ลัดเลาะมาถึงคอนโดของโน่ พร้อมๆ กับพี่ไลน์เเมนมาส่งไก่

เราใช้เวลาไม่นานจัดการมื้อเย็น แล้วก็เเยกย้ายกันอาบน้ำ ก่อนจะมานั่งกองกันที่โต๊ะหน้าโซฟา เพื่อติวคณิต โน่เก่งเลขกว่าผม เขาเลยติวให้

“เป็นอะไร” ผมขยี้ตาหลายรอบ จนโน่ต้องคว้ามือไว้ “ตาเเดงหมดแล้ว”

“มันเบลอๆ อ่ะ”

โน่เงยหน้ามองไฟ “หรือมันไม่สว่าง”

“เมื่อก่อนมันก็สว่างเท่านี้ป่ะ” ผมเเย้ง

“นั่นสิ”

“เราว่าคงตาสั้นอ่ะ เดี๋ยวเสาร์นี้ไปตัดเเว่นดีกว่า”

“อือ”





สอบปลายภาคเสร็จ เราก็ได้รับข่าวอันน่ายินดีคือเข้ารอบ 30 วงของประเทศไทยที่จะคัดเลือกให้เหลือ 3 วงเพื่อไปเเข่งต่อระดับเอเชีย เราจัดตารางซ้อมกันทันที ซ้อมกัน 5 วันพัก 2 วันเหมือนไปโรงเรียนเลยครับ และเพราะเป็นเเบบนั้นผมจึงกลับไปบ้านพ่อบ้านเเม่สักหน่อย ไม่กลับนานจนคุณนายดอกไม้จำหน้าไม่ได้เเล้ว

โน่เป็นคนขับรถมาส่ง แล้วก็มาฝากท้องมื้อเย็นด้วย

อย่าคิดว่าเเม่ผมจะเป็นเเม่บ้านทำอาหารเต็มโต๊ะ พี่ไลน์เเมนพึ่งสวนออกไปตะกี้นี่เอง

“แม่สั่งเจ้าอร่อยมา ทานให้อิ่ม”

ผมเข้าไปช่วยเเม่เเกะอาหารใส่จาน ส่วนโน่ก็ลำเลียงของขึ้นโต๊ะ

“ถ้าโน่กางเกงน้ำเงิน นะเเม่จะฟินกว่านี้”

ยัง! แม่ยังเต๊าะว่าที่เเฟนลูกไม่เลิก คุณนายเเกบ้าเด็กม.ปลายครับ สงสัยดูซีรี่ย์บ่อย ไม่นานพ่อที่ออกไปรดน้ำต้นไม้ก็เข้ามาสมทบ พวกเราทานอาหารด้วยกัน พ่อเเม่ผมไม่ได้ว่าอะไรเรื่องโน่อยู่เเล้ว เราจึงคุยกันไปได้เรื่อยเปื่อย พอค่ำหน่อยโน่ก็กลับบ้านตัวเองบ้าง





ผมอาบน้ำเสร็จเเล้วก็ลงมานั่งดูทีวีกับพ่อ

“แว่นอันใหม่อีกแล้วหรือน้ำ” คุณประภาคารช่างสังเกตไม่มีใครเกิน

“อื้ม อันเก่ามันเบลออีกแล้ว”

“อาทิตย์สองอาทิตย์เองรึเปล่า ที่พ่อเห็นอันเก่า”

ผมพยักหน้า พ่อขมวดคิ้ว เอ๊ะหรือผมใช่เงินเปลืองเกินไป

“มีอาการอื่นอีกมั้ย เเบบปวดหัวหรืออ้วก”

ผมตาโต จำได้ว่ามีปวดหัวอยู่บ้างแต่ไม่หนักหนา ส่วนอ้วกนั้นมีไปครั้งหนึ่งช่วงสอบคณิต อาจจะเป็นเพราะเครียดหรือไม่ก็ตาลายกับข้อสอบนั้นเเหละ

“พ่อว่าไปตรวจหน่อยดีกว่า มันเเปลกๆ ไว้นัดหมอที่สนิทให้ อย่าเบี้ยวล่ะเจ้าตัวดี”

“ครับ” ผมพยักหน้า ตอนเเรกผมไม่คิดอะไร แต่พอพ่อทักขึ้นมาก็อดกังวลไม่ได้



เริ่มอาทิตย์เเรกของการซ้อมเป็นผมที่จัดการเรื่องสกิลกีต้าร์ของโน่ก่อน ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ก็พักผ่อนกับครอบครัวหรือไม่ก็ซ้อมเองที่บ้าน เราจองห้องซ้อมแถวสามย่าน ซึ่งไม่ไกลจากคอนโดโน่มากนักแล้วก็หมกตัวอยู่ในนั้นด้วยกัน หิวก็เดินลงมาหาอะไรกิน แล้วก็ซ้อมต่อ

“หมดแรงแล้ว ขอกำลังใจหน่อย” โน่โอดครวญ

ผมหมั่นไส้ ตัวก็ชุ่มเหงื่อจะให้ทำอะไรอีก

“เอาอะไร”

โน่ยื่นปากจู๋มาให้ อยากฟาดนัก

“จุ๊บๆ หน่อยครับ”

ฮื้อ ไม่ดีต่อใจเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยื่นปากไปแตะ 1 ที

“ยอมเป็นเเฟนก่อนกำหนดได้มั้ย” โน่รั้งมือผมไว้เเล้วอ้อน ผมส่ายหน้า

“ถ้าน้ำง่าย โน่ก็ไม่รักษาสิ”

“โห น้ำ เเค่นี้ก็จะตายอยู่เเล้วเหอะ รู้ว่าเค้าเป็นของเราเเต่ก็ทำอะไรไม่ได้สักที”

“นี่คิดแต่เรื่องลามกกับน้ำใช่มั้ย”

“เปล่าสักหน่อย เเต่ก็แบบอยากได้สถานะที่ชัดเจน เกิดตอนไปแข่งมีใครมาชอบน้ำ โน่จะได้หวงได้”

ผมกลั้นยิ้มไม่ไก้เลยบ้าจริง โน่ของผมทั้งหล่อ ทั้งขี้อ้อนขนาดนี้ผมจะไปแพ้ทางใครได้อีก

“ชนะสิ แล้วน้ำจะเป็นเเฟน”

“ชนะที่ไหน ไทยหรือ ญี่ปุ่น”

ผมทำท่าคิดแล้วก็ยิ้มออกมา “ญี่ปุ่นดีกว่า โน่จะได้ขยันซ้อม”

“น้ำ!!”

“ซ้อมต่อได้แล้วเจ้าหมายักษ์”

โน่ทำหน้างอเเงแต่ก็ยอมลุกขึ้นมาหยิบกีต้าร์





สัปดาห์ต่อมาเราย้ายห้องซ้อมไปที่ค่ายเพลง พ่อของขิงเป็นคนในวงการ จึงจ้างให้ Producer ค่ายชั้นนำมาช่วยดูพวกเราซ้อมได้บ้างเป็นบางวัน สลับกับศิลปินที่มีคิวว่าง ที่จริงศิลปินหลายๆ คนก็เป็นรุ่นพี่จากโรงเรียนเรานั้นเเหละ

โน่ยังคงอ่อนกว่าเพื่อนๆ แต่ก็มีคะเเนนความขยัน ขิงเลยยังไม่ทุ่มเเอมป์ใส่ พี่ๆ ที่มีประสบการณ์มากกว่าก็มาช่วยสอนเทคนิคให้ วงเราจึงดูค่อนข้างมีความหวัง



TBC 

ขอบคุณที่เเวะมาอ่านค่า ขอคอมเม้นหน่อยนะคะ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 12 Sun 19aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 10-09-2018 22:26:50
Chapter 14



ประมาณสัปดาห์ที่สามหลังจากปิดเทอม เเละผมคุยกับพ่อเรื่องหาหมอ เราก็ได้วันนัดจากอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลรัฐชื่อดังมา พ่อเคยทำงานโฆษณาให้กับโรงพยาบาล จึงเเอบได้รับการช่วยเหลือที่ดี

ผมมุ่นคิ้วเมื่อเห็นว่าเป็นหมอทางด้านสมอง

“ผมนึกว่าพ่อจะนัดหมอตาเสียอีก” ผมเปลี่ยนเเว่นอีกอันแล้วครับ

“จากที่พ่อเคยหาข้อมูลตอนทำเเคมเปญให้โรงพยาบาลหนะ น้ำน่าจะเหมาะกับอาจารย์ท่านนี้” ผมคิดว่าพ่อรู้อะไรมากกว่านี้แต่ไม่ยอมบอกผม มือผมเย็นเฉียบ เเละใจก็โหวงมาก หวังว่าโรคมันจะไม่ร้ายเเรงนะ แล้วอาทิตย์หน้าวงเราก็จะเเข่งขันรอบชิงแชมป์ประเทศไทยเเล้ว

“ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ไปพร้อมกัน” พ่อบอก

ผมพยักหน้า พ่ออุตส่าห์ลางานที่ยุ่งมากทั้งที ผมเลยไม่กล้าขัด และผมก็โทรไปบอกขิงไว้ก่อนเเล้วว่ามีธุระกับที่บ้าน ส่วนโน่ผมก็บอกแบบนั้น ไม่กล้าบอกความจริงว่ากำลังป่วย สัญชาตญาณกำลังบอกว่ามันไม่ใช่เเค่ไข้หวัด หรือโรคเบาๆ

นอกเหนือจากตาเบลอ ปวดหัวแล้ว บางครั้งผมรู้สึกว่าเเขนก็อ่อนเเรงเอาเสียดื้อๆ โชคดีที่ไม่ได้เล่นกีต้าร์แล้ว และไมค์ก็มีขาตั้ง เพื่อนในวงจึงไม่สังเกตเห็น





ผมตื่นเช้าไปโรงพยาบาลกับพ่อ เเม่กอดให้กำลังใจผมก่อนออกจากบ้าน เราฝ่ารถติดกันมาสักพัก ก็เข้าทำบัตรและยื่นใบนัดรอเรียกกันตามปกติ แม้จะเป็นคลินิกพรีเมี่ยมของโรงพยาบาลรัฐ แต่ด้วยปริมาณคนไข้เราก็ต้องรอเกือบสองชั่วโมงอยู่ดี ผมเห็นพ่อรับโทรศัพท์คุยงานอยู่หลายสายเห็นเเล้วรู้สึกเกรงใจ แต่เป็นพ่อที่หันมาขอโทษผมตลอด ที่ให้เวลาผมได้ไม่เต็มที และนี่เป็นข้อดีของครอบครัวเราที่เข้าอกเข้าใจกันเสมอ และไม่ละเลยความรู้สึกของกันเเละกัน

ระหว่างคิดอะไรเรื่อยเปื่อย พยาบาลก็มาเรียกผมเข้าไปพบคุณหมอที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อ

“สวัสดีครับ”

“อาการเป็นไงบ้าง”

ผมเล่าให้หมอฟัง เขาตรวจนิดหน่อยแล้วก็ให้ไปทำนัด MRI สมอง พ่อผมเเม่นมากมั้ย

หมอสันนิษฐานเหมือนที่พ่อบอกน่าจะมีความผิดปกติบางอย่างอยู่ข้างใน แต่เเสกนออกมาให้เห็นชัดเจนน่าจะช่วยประกอบการวินิจฉัยได้ดีกว่า ผมขอบคุณคุณหมอ แล้วออกไปทำเรื่องโชคดีที่เราได้คิวเย็นนั้นเลย ผมกับพ่อเลยพากันไปทานมื้อเที่ยงในร้านอาหารโรงพยาบาล

พ่อบีบมือผมเบาๆ มือพ่อก็เย็นไม่เเพ้มือผมนั่นเเหละ

“ดูเหมือนจะไม่เป็นหนักเลย แต่ก็น่าจะหนัก” ผมเอ่ยขำๆ

“อือ...ขอให้ไม่เป็นอะไรนะน้ำ พ่อมีเราคนเดียว” ผู้ชายที่เลี้ยงผมมา 17 ปีพูด ปกติพ่ออารมณ์ดี และขำขันกับชีวิตมาก แต่วันนี้กลับมาโหมดซีเรียส

“ถึงเป็นหนักก็จะหาย สัญญา” ผมยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับพ่อ





ตอนเย็นผมมาเเสดงตัวที่โซนเอ็กซเรย์ของโรงพยาบาล มันไม่พลุกพล่านเหมือนห้องตรวจ มีเจ้าหน้าที่มาบอกให้เตรียมตัว โดยให้พ่อและผมช่วยกันกรอกแบบสอบถามเรื่องสุขภาพเช่นมีโลหะในร่างกายมั้ย เคยผ่าตัดใหญ่รึเปล่า และอีกหลายๆ ข้อ กรอกเสร็จก็เซ็นต์ใบยินยอม รวมถึงไปจ่ายเงินก่อน แล้วเอาใบเสร็จมายื่น ส่วนผมก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเอาใส่ล็อกเกอร์รอ ไม่นานก็ได้เข้าไปในห้องที่เป็นอุโมงค์ MRI ผมปีนขึ้นไปนอน กำตัวกดกริ่งเรียกกรณีมีเหตุฉุกเฉิน และใส่ที่อุดหู

เจ้าหน้าที่ยิ้มให้กำลังใจผมแล้วเธอก็ออกไป พออยู่คนเดียวผมก็ปลุกปลอบใจตัวเองโดยการฮัมเพลงในหัวไปเรื่อยๆ

แล้วเพลงท่อนหนึ่งก็ลอยเข้ามา

‘และเธอคนที่ทำให้นักเดินทางอย่างฉันพบว่า จุดหมายในชีวิตคืออะไร’

เพลงที่ผมเคยร้องให้โน่ตอนงานปิดกีฬาสี ผมถอนหายใจกับตัวเอง ใจที่มัวเเต่คิดเรื่องอื่นถึงกับไม่ได้ยินเสียงเครื่อง MRI ทำงานด้วยซ้ำ

นอกจากพ่อแม่ ก็มีโน่นี่เเหละที่ผมเป็นห่วง ถ้าผมเกิดเป็นอะไรไปจริงๆ เขาจะอยู่ยังไงนะ และเพราะผมมัวเเต่คิดเรื่องอื่นไปเรื่อย เวลา 15 นาทีที่อยู่ในอุโมงค์จึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว

พี่เจ้าหน้าที่เลื่อนประตูบานใหญ่เข้ามา บอกให้ผมออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ และอีกสองวันให้มาพบคุณหมอเพื่อฟังผลวินิจฉัยอีกครั้ง

คืนนั้นผมกลับบ้านไปแล้วนอนห้องพ่อกับเเม่เหมือนสมัยเด็กๆ ไม่รู้สิผมคงกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดท่านแบบนี้อีกมั้ง คุณนายดอกไม้ลูบหัวผมไปเรื่อยๆ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นจนหลับไป





ผมกับพ่อไปพบหมอตามนัด เมื่อเข้าไปในห้องตรวจ เเพทย์เจ้าของไข้เปิดไฟล์ MRI ในคอมพิวเตอร์รอไว้แล้ว คุณอาหมอหันจอมาทางผมกับพ่อทันทีและชี้จุดต้นเหตุให้ดู

“เนื้องอก ขนาดประมาณลูกมะนาว” เสียงเรียบๆ ของคุณหมอทำผมมือเย็นเฉียบ พ่อสอดมือเข้ามาจับให้กำลังใจทันที

“ผ่าเอาออกนะ เเละถ้ามันไม่ใช่มะเร็งก็ครั้งเดียวน่าจะหายได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันอยู่ใกล้เส้นเลือด ซึ่งด้วยน้ำหนักของก้อนเนื้อเส้นเลือดอาจจะเปราะ มีสิทธิ์เส้นเลือดเเตกได้ตอนเลาะเนื้อออก”

ผมรุ้สึกผะอืดผะอมทันทีที่หมอบอกวิธีการรักษา

“แต่...เรายังเด็ก ร่างกายเเข็งเเรง แล้วก็ Recover ง่าย หมอหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายเเรงขณะเอาเจ้านี่ออก เพราะฉะนั้นไม่นานก็หาย”

“ผ่าเมื่อไหร่ครับหมอ”

“ฉุกเฉินประมาณนึง เเต่ยังไม่ต้องเดี๋ยวนี้” คุณหมอหยิบปฏิทินมาดู อาทิตย์หน้าเป็นไง หมอว่างวันที่ 2 พย.”

ผมหันไปมองหน้าพ่อ แล้วส่ายหน้า

“วันที่ 3 หรือ 4 ได้มั้ยครับ วันที่ 2 ผมมีเเข่งดนตรี” บอกหมอเสร็จ ก็หันมามองหน้าพ่ออีกรอบ รายนั้นกุมขมับไปเเล้ว

“ช้าไปวันนึงผมคงยังไม่ตายใช่มั้ยครับ”

“ก็อย่าเครียดมากก็แล้วกัน เส้นเลือดที่ก้อนเนื้อไปทับมาเปราะกว่าปกติ อาจมีเคสเส้นเลือดเเตกได้นะ” คุณหมอเตือน เเล้วผมไปเเข่งร้องเพลงระดับประเทศนะครับ เรื่องความเครียดนี้มันห้ามกันได้มั้ยละ

พ่อไม่ได้เซ้าซี้ผมต่อ เขาเข้าใจผมเสมอ เราลาคุณหมอแล้วออกมาทำนัด

“เหลืออีก 5 วันรวมวันเเข่ง ใช้ชีวิตให้คุ้มแล้วกันน้ำ”

“พ่อ หมอบอกว่าจะหายไง” ผมว่าผู้ให้กำเนิดเบาๆ

“เออ หายสิหาย” พ่อดึงผมเข้าไปกอดแน่น เราปลอบใจกันเองทั้งที่รู้ว่าโอกาสหายปกติคือ 50% แต่ภาวะข้างเคียงย่อมมีอีก 50% ผมอาจมีสิทธิ์เอ๋อ ความจำเสื่อม หูพิการ กล้ามเนื้อหน้าเบี้ยว ควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้ หรืออะไรอีกมากมาย กรณีที่เนื้องอกมันไปกวนเนื้อสมองหรือเส้นประสาท ดีไม่ดีเส้นเลือดเเตก แล้วกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปเลยก็ได้ พอคิดไปเรื่อยก็ยิ้มไม่ออก เอาเป็นว่าห้าวันที่เหลือผมต้องวางเเผนให้ดีเสียเเล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง



เช้าวันต่อมาผมก็ไปซ้อมปกติ รอบชิงที่เราจะไปเเข่ง โจทย์คือมีเวลาให้ 10 นาที เป็นมินิคอนเสิร์ตที่ให้ดีไซน์เองว่าจะโชว์เพลงอะไรบ้าง วงเราจึงจัดร็อคโชว์พลังกัน 2 เพลง เพลงที่เน้นเทคนิคการร้องโชว์เสียงสูง 1 เพลง แล้วก็ Rearrange ดนตรีเพลงความหมายดีอีก 1 เพลง ให้จบแบบอุ่นๆ ยิ้มๆ เหมือนเป็นช่วงอ้อนขอคะเเนนจากเเฟนคลับ เพลง 1-2 เราซ้อมกันไปแล้วหลายครั้ง วันนี้มีพี่อดัมนักร้องชายเสียงดีที่เป็นไอดอลของผมมาช่วยดูเรื่องเทคนิคการร้องของเพลงที่ 3 ให้ พี่เขาว่างพอดี พ่อขิงเลยจองตัวไว้

พวกเราเล่นวอร์มร่างกายกันสองสามรอบ แล้วค่อยซ้อมเพลงที่จะใช้เเข่งให้พี่เขาฟัง มันเป็นเพลงที่ค่อนข้างต้องโชว์พลังเสียง เเละผมก็เหมือนร้องเพี้ยนไปหลายรอบจนต้องเริ่มใหม่

โชคดีที่เป็นผม ขิงเลยไม่ยกตู้เเอป์มาทุ่มใส่หัว ขืนลองเป็นโน่ผิดมากขนาดนี้สิ มีต่อยกันเลือดอาบ

รอบหลังๆ พี่อดัมลงมาเเจมด้วย เราร้องไปด้วยกัน แต่ผมก็...

“น้องน้ำเหมือนไม่ค่อยมีสมาธิ” พี่อดัมทัก ผมหันไปก้มหัวขอโทษ แล้วขอให้ทั้งวงเล่นใหม่ ก่อนจะร้องเพลงที่เป็นการโหนเสียงสูงกับพี่เขาอีกรอบ จบเพลงก็ฟังคอมเม้นต์นิดหน่อยก็หมดชั่วโมงของนักร้องดังเเล้ว พี่เขาจะทิ้งเบอร์ไว้ให้เผื่อโทรไปปรึกษา

พวกเราทวนเพลงกันสามสี่รอบก็เเยกย้ายกลับเพราะต้องออมพลังไว้บ้าง และโดยรวมแล้ว Performance อยู่เหนือระดับที่โค้ชขิงตั้งไว้ จะมีเเค่วันนี้เเหละที่ผมพลาดเยอะ เเต่หลายๆ คนก็เข้าใจว่าเหนื่อยมาหลายวัน

“น้ำ โอเคมั้ย” โน่เข้ามาทักขณะที่ผมกำลังเก็บของใส่กระเป๋า

“โอดิ”

“หน้าซีดๆ”

“ปวดหัวนิดหน่อย สงสัยไฮโน๊ตมากไป” ผมปด จริงๆ ผมว่าไอ้อาการตุบๆ ในหัวนี่ชักจะหนักขึ้น จนยาแก้ปวดจะเอาไม่อยู่เเล้ว

“งั้นบ่ายนี้ไปนอนพักห้องโน่ก่อนละกัน เย็นโน่ค่อยไปส่งบ้าน”

ผมบอกโน่ไว้ว่าช่วงนี้ขออยู่บ้านกับพ่อเเม่ เนื่องจากตอนเปิดเทอมก็อยู่คอนโดเสียส่วนใหญ่

“อื้อ”

เราสองคนเเยกตัวจากเพื่อนๆ ในวงที่ไปดูหนังกันต่อ โน่พาผมขึ้นรถมากินอาหารเบาๆ ที่ร้่านเเถวคอนโดก่อนจะขึ้นห้อง

ผมก้าวเข้ามาตามหลังโน่ หยุดยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่นแล้วรู้สึกร้อนผ่าวที่กระบอกตา ใจวูบโหวงไปกว่า 80% แม้คิดว่าอย่างไรก็ต้องหาย แต่กลับกลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้กลับมาเหยียบที่นี่อีก

ห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำของผมกับโน่ถึงเราจะยังไม่ได้คบกัน และเป็นเวลาไม่นานเลยที่ได้รู้จักแต่การที่เราอยู่ด้วยกันแทบทุกวันก็อดจะผูกพันมากๆ ไม่ได้อยู่ดี

โซฟาที่เคยนั่ง หมอนอิงนุ่มที่ผมชอบ ขาตั้งกีต้าร์ แผ่นเสียงที่เราเลือกซื้อมาด้วยกัน ผมมองมันด้วยความอาวรณ์ ขาค่อยๆ ก้าวเข้าไปในส่วนของห้องนอน เตียงกว้างที่เรานอนกอดกัน ตู้เสื้อผ้าที่เเบ่งเป็น 2 ฝั่งมีชุดของผมกับโน่ บางครั้งก็ไหลมารวมๆ กันบ้างเพราะเราเป็นเด็กผู้ชายที่ยังมีความขี้เกียจปนอยู่ โต๊ะทำการบ้าน ลายสักที่เราชอบถูกปริ้นมาเเปะไว้บนฝาผนัง รอวันเรียนจบแล้วไปเติมมันด้วยกัน

“น้ำ…” ผมคงหยุดนิ่งนานไปหน่อย เจ้าของห้องจึงสืบเท้าเข้ามาหา

“เป็นอะไร” โน่ก้มลงมาถาม

ผมส่ายหน้า แล้วเบี่ยงหลบ พยายามซับน้ำตาซึ่งรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางเนียน

“เครียดเรื่องเเข่งหรอ” โน่ถามอย่างนุ่มนวล

ผมพยักหน้าปล่อยเขาเข้าใจไปแบบนั้นก็ดี โน่ดึงผมเข้าไปกอด คางผมเกยไหล่เขา มันอุ่นสบายเหมือนทุกที

“ปวดหัวไม่ใช่หรอ กินยาเเล้วนอนดีกว่า ยิ่งร้อง เดี๋ยวยิ่งปวด” เสียงนุ่มๆ ของโน่ทำให้ผมใจสงบลงอีกหน่อย เขาจูงผมไปนั่งที่เตียง หยิบเสื้อผ้าที่สบายตัวกว่ายีนส์เข่าขาดที่ใส่อยู่ให้

“ต้องให้โน่ช่วยเปลี่ยนมั้ยครับ” น้ำเสียงทะลึ่งทะเล่น และย่อตัวลงมาตรงหน้าผมแล้วทำท่าจะปลดกระดุมกางเกงให้ ทำให้เผลอฟาดคนขี้เเกล้งไปทีนึง

“น้ำทำเองได้”

โน่หัวเราะชอบใจ

“ยิ้มได้ก็ดีเเล้วคนเก่ง” เขาจุ๊บหน้าผากผมเบาๆ แล้วเดินออกไปคงไปหายาให้

ชีวิต ม.5 ของผมกำลังดีมาก ดำเนินไปตามแผนที่ตั้งไว้ ได้ทุ่มเทกับสิ่งที่รัก กำลังลงเเข่งในเวทีที่เรามั่นใจว่าจะชนะ มีเพื่อนที่เเสนดีเต็มไปหมด มีพ่อเเม่ที่เข้าใจ แถมยังเพิ่ม ‘คนที่ผมรัก’ เข้ามาในชีวิตด้วย

แต่...นั่นเเหละ เพราะชีิวิตดีเกินไป พระเจ้าเลยประทานโรคร้ายมาให้ผมได้บาลานซ์ชีวิตสินะ

โน่กลับมาพร้อมถ้วยใส่ยาเเละน้ำอุ่น ผมขอบคุณเเล้วรับมาทาน ก่อนจะหยิบเอากางเกงผ้าเนื้อนุ่มไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ตอนออกมาโน่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเเล้วเช่นกัน

“เดี๋ยวนอนเป็นเพื่อน” เขาบอก และผมก็ชอบให้มันเป็นเเบบนั้น

อุณหภูมิตัวโน่อุ่นสบาย วันนี้ผมซุกตัวเขาหาเขาราวลูกแมวขี้อ้อน โน่ลูบเเผ่นหลังผมเบาๆ เป็นจังหวะ และกลายเป็นว่าคนที่มานอนเป็นเพื่อนหลับไปก่อนผมอีก

ผมเงยหน้าขึ้น จ้องมองรูปหน้าของอีกฝ่ายเนิ่นนานราวกับจะเก็บทุกรายละเอียดไว้ให้ได้ดีที่สุด








TBC




หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 12 Sun 19aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 10-09-2018 22:29:19
Chapter 15



“ขิง มารับที่บ้านหน่อยได้ป่ะ มีเรื่องอยากคุยด้วย” ผมโทรหาไอ้คุณชายตั้งเเต่เช้า เรามีนัดซ้อมกันสายๆ ผมคิดว่าอยากบอกเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นให้คนที่เป็นเสมือนหัวหน้าวงรู้ไว้ก่อน

“ทะเลาะกับไอ้หล่อหรอ” ขิงยอมรับว่าโน่หล่อกว่าตัวเองเเล้ว ดีใจจัง

“เปล่าหรอก แต่เรามีเรื่องอยากให้ขิงช่วยหน่อย”

“เนี่ยเห็นความสำคัญกันก็ตอนจะใช้งานนี่แหละอิน้องน้ำ”

“มึงสำคัญนะขิง ไม่งั้นเรื่องนี้คงไม่ขอให้มึงช่วย”

“เออ เเต่งตัวรอเลย 15 นาทีถึง” อีกฝ่ายคงจับน้ำเสียงผมได้เลยพูดเเบบนั้น



ไม่นานรถสปอร์ตของคุณชายก็มาจอดกึกที่หน้าบ้าน ขิงเเวะเข้ามาสวัสดีพ่อแม่ แล้วก็รับผมไปนั่งคุยกันที่ร้านกาเเฟแถวห้องซ้อม

“ว่ามา”

“มึง กูเป็นเนื้องอกในสมอง”

“…”

ขิงเงียบไป เเล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูปฏิทิน

“ไม่ใช่ April’ s fool day”

“อืม มันคือเรื่องจริง” ผมยิ้มบางๆ แล้วจิบชาเย็นในแก้ว ก่อนจะกลับมาเท้าคางลงกับโต๊ะเหมือนเดิม

“ไม่น่ากลัวหรอกมึงเเค่ผ่ากะโหลก แล้วก็ตัดเนื้อออก”

“ง่ายเหมือนต้มมาม่าเลยสัส” ขิงประชด ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาบัดนี้ดูเคร่งเครียด ผมรู้ว่ามันเป็นห่วง มือขิงเอื้อมมาลูบผมผมเบาๆ

“แล้วไอ้โน่รู้มั้ย”

ผมส่ายหน้า

“โหรู้สึกพราว”

“ก็พี่ขิงสำคัญกับน้องน้ำ” ผมยิ้มทะเล้นให้มัน แต่ครั้งนี้คนตัวสูงดูไม่ค่อยเล่นด้วย

“แล้วต้องไปรักษาเมื่อไหร่”

“หลังวันแข่งรอบชิงที่ไทย”

“แปลว่า...ถ้าเราเข้ารอบ มึงจะไม่ได้ไปญี่ปุ่นด้วย”

ผมพยักหน้า

“งั้นกูยอมเเพ้อ่ะ จะได้อยู่เฝ้าไข้มึง”

ผมกระทืบเท้าใส่รองเท้าผ้าใบเเบรนด์เนมของขิงด้วยความโกรธ

“ถ้ามึงไม่เต็มที่นะอิพี่ขิง กูจะมาหักคอมึง”

“น้ำอย่างพูดเป็นลาง มึงต้องหายสิ”

“หมอบอก 50 50 อ่ะ แบบที่จะปกติเลยนะ เพราะว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้มันเป็นจุดที่บอบบาง”

ขิงเดินอ้อมโต๊ะมานั่งลงข้างผม

“แล้วเมื่อไหร่จะบอกโน่”

“ว่าจะไม่บอก”

“เอ้า...”

“ถ้าบอก...โน่ไม่ยอมให้กูเเข่งหรอก แล้วก็โน่ก็คงไม่ยอมไปแข่งต่อด้วย มึงก็รู้ว่ารายการนี้คือความฝันของพวกเราทุกคน ฝันกูสุดเเค่ประเทศไทย แต่ฝันพวกมึงสุดที่เอเชียนะ”

“แล้วคิดว่ามันจะไม่โกรธ”

“โน่เป็นตัวเเทนกูไปทำความฝันกูให้สำเร็จไง”

“หึ ปากดี” ขิงผลักหัวผม แล้วทำท่าตกใจจนโอเว่อร์ สงสัยพึ่งนึกขึ้นได้ว่าในหัวกลมๆ ลูกนี้กำลังมีสิ่งแปลกปลอมซ่อนอยู่ด้วย

“แล้วจะบอกมันว่าไง คิดว่าทำใจได้”

ผมถอนหายใจ “ไม่ได้อ่ะ กูจะบอกว่าต้องย้ายไปดูไบกับพ่อเเม่ด่วน”

“ดูละครมากไปป่ะ”

“พ่อเเม่กูจะย้ายๆ จริงๆ บริษัทเค้าเปิดสาขาใหม่ แล้วอยากให้ไปช่วยดูให้ ตอนเเรกกูก็จะไม่ไปไง อยู่กับโน่อยู่กับพิขิง” ขิงบิดปากผมไปที มันทำให้ผมยิ้มได้

“แต่ตอนนี้ก็เลยเอามาใช้เป็นข้ออ้างได้พอดี ถ้าหายก็ไม่ไปไง ทำเป็นกลับมาเเล้ว แต่ไม่รู้ว่าหลังผ่าเสร็จกูจะปกติมั้ย หรือต้องอยู่ในโรงพยาบาลยาวๆ แล้วพวกมึงคงกำลังเเข่งหรือไม่ก็เรียนเทอม 2 อยู่ กูไม่อยากให้ต้องมาวุ่นวายดูเเล”

“คิดว่าทำเเบบนี้เเล้วโน่จะมีกำลังใจแข่ง?”

“หึ กูบอกให้โน่ไปเอาที่หนึ่งกลับมาให้ ถ้าไม่ได้กูจะไม่ยอมเป็นแฟนด้วย”

“เห้อ...จะเป็นเเฟนมึงได้นี่ลำบากเหลือเกินนะน้องน้ำ”

ผมยักไหล่ด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้

“แล้วใครจะมาร้องเพลงเเทนน้องน้ำเนี่ย”

“โน่ร้องได้นะ เคยไปร้องเกะด้วยกัน เสียงดีอยู่ ถ้าเข้ารอบเรามีโค้ชมาสอนไม่ใช่หรอ โน่หัวไวออกน่าจะทำได้”

“อวยหลัวอะไรขนาดนั้น”

ผมต่อยขิงไปด้วยความหมั้นไส้ที่มันพูดอะไรน่าเกลียดออกมา ก่อนจะกลับมาสู่โหมดซีเรียสอีกครั้ง

เราคุยเเผนต่างๆ กันอีกนิดหน่อยกรณีที่โน่จะงอเเง ขิงต้องเล่นบทโหดในฐานะหัวหน้าวง ส่วนผมก็เล่นเป็นนางซินน้อยเจ้าน้ำตาร่ำร้องให้โน่ไปเเข่งให้ได้ ตกลงกันมั่นเหมาะก็เป็นช่วงที่คนอื่นๆ ในวงทยอยมาพอดี

วันนี้เป็นการซ้อมครั้งสุดท้ายเเล้ว เราจะได้มีเวลาพักผ่อนกันเต็มที่ก่อนเเข่ง เเละเมื่อได้เคลียร์เรื่องหนักใจกับคุณชายขิง การซ้อมวันนี้ผมจึงค่อนข้างมีกำลังใจเต็มที่





คืนก่อนเเข่งผมไปนอนกับโน่ เป็นผมฝ่ายเดียวที่รู้ว่าเรากำลังต้องห่างกันไกล ให้ความรู้สึกเหมือนก่อนเปิดเทอมที่จะนอนไม่ค่อยหลับ ซักซ้อมบทพูดมากมายในใจ พร้อมทั้งยังคงตาเเป๋วอยู่ในความมืด โน่ที่หลับตาไปก่อนก็คงรู้เขาลูบหลังผมเบาๆ เหมือนกล่อม

“ตื่นเต้นหรอน้ำ” เขาเหมือนหยุดความพยายามหลับ แล้วชวนผมคุยเเทน

“อื้อ” ผมใส่ร้ายให้การเเข่งขัน

“หรือมีเรื่องไม่สบายใจ หื้ม... วันสุดท้ายที่เราซ้อมกันน้ำดูมั่นใจแล้วนะ โน่ว่าไม่น่าจะใช่เพราะตื่นเต้น”

ผมหัวใจเต้นเเรงขึ้นมาทันที กลัวเขาจับพิรุธได้ แต่กระนั้นก็ดีใจที่โน่เเยกอารมณ์ผมออก

“ตื่นเต้นสิ...เวทีตั้งใหญ่ แล้วก็มีโอกาสครั้งเดียว” ผมพูดอุบอิบ แล้วก็เอาหน้าซุกอกอุ่นๆ ของโน่ ช่วงนี้เขาเล่นเวท และคาร์ดิโอร่างกายเพราะจะได้เพิ่มพลังตอนขึ้นเวที กล้ามเนื้อเลยเเน่นขึ้นจนตัวน่าเบียดไปหมด

โน่ก้มลงมาสบตาผม เขาจุ๊บหน้าผากตรงรอยต่อระหว่างคิ้วย่นๆ แล้วคลอเคลียมันเเบบนั้น ผมรู้สึกจั๊กจี้จนต้องเอียงหน้าหลบ

โน่ยังตามมารังเเกแก้มผม เขาคงไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้หายเครียดจึงดึงความคิดผมออกจากหัว ด้วยการกระทำขี้เเกล้งทางร่างกาย เป็นช่วงเวลาอื่นผมคงถีบโน่กระเด็นตกเตียงที่ลามปามมากไป แต่วันนี้ผมกลับหลับตาพร้ิมรับสัมผัสทุกอย่าง แล้วริมฝีปากเราก็เเตะเข้าหากัน มันเป็นสัมผัสเบาๆ เเต่ก็รู้สึกถึงกระเเสไฟฟ้าที่เเล่นปราดไปถึงท้องน้อย

ร่างกายผมวูบไหวขึ้นมาทันที

โน่ผละออก เหมือนรู้ว่ามันมากไป เขารัดเอวผมเเน่นขึ้นเเล้วนอนนิ่งๆ แทน

ผมลูบหลังเขาเบาๆ ให้รู้ว่าไม่ได้โกรธ แล้วยังเงยหน้าจุ๊บเขาต่ออีกสองสามที

“น้ำไม่ซน” โน่ปราม ผมถึงกับหลุดยิ้ม

“ทำไม”

“จะทนไม่ไหวอยู่เเล้ว”

“ทนหน่อยนะ ชนะที่ญี่ปุ่น เเล้วเราจะให้โน่หมดเลย”

เราเกี่ยวก้อยสัญญากันในความมืด ประกายตาของโน่ทั้งอ่อนหวานเเละอ่อนโยน ผมชอบดวงตาเขา เเม้ครั้งเเรกที่เจอกันจะเเสนกลัว แต่บัดนี้มันกลับเคลือบความนุ่มนวลที่เป็นของผมคนเดียวไว้

ผมอยากรักษาสัญญากับโน่ และหวังว่า...เพราะเจ้าจะให้โอกาสผมกลับมาทำตามสัญญา









เมื่อคืนผมไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน รู้สึกตัวอีกทีก็เพราะนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ที่โน่ตั้งไว้ คนตัวใหญ่กว่า ขยับเอาตัวออกไปอย่างเเผ่วเบา เขากดปิดเสียงที่จะกวนการนอนของผม แล้วก็ได้ยินเสียงเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ผมนอนงัวเงียอยู่อีกหน่อย กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงที่ให้สัมผัสเย็นสบาย ไม่นานผมเปียกๆ ของโน่ก็จั๊กจี้เข้ามาทีคอ พร้อมทั้งจมูกโด่งที่เเตะเข้ากับเเอ่งชีพจร โน่งับเบาๆ เหมือนหมาตัวใหญ่ปลุกเจ้าของ ผมผลักหัวเขาออก เราสบตากันครู่หนึ่งแล้วเขาก็ก้มลงมาจุ๊บเเก้ม

“เหม็นน้ำลายไปอาบน้ำเร็ว” โน่ว่า ผมย่นจมูกใส่เขา แล้วอ้าเเขนเป็นเชิงให้อุ้ม โน่ตัวโตจนช้อนผมทั้งตัวไปไว้ในวงเเขนเขาได้สบายๆ

“ให้อาบให้ด้วยเลยมั้ย” เขาถามขณะวางผมลงบนพื้นห้องน้ำ ผมส่ายหน้า เเล้วผลักแผ่นหลังกว้างออกไปข้างนอก

“หยิบชุดนักเรียนให้ด้วย” ผมสั่งเขาเพราะรู้ว่าเขาจะทำให้ โน่ปิดประตูห้องน้ำให้ด้วย ผมหยิบเเปรงสีฟันที่เป็นลายคู่กับโน่ออกมาถือ เเล้วพาลรู้สึกหดหู่อีกครั้ง เเปรงครั้งนี้เสร็จผมควรทิ้งมันลงถังหรือไม่ โน่จะยุ่งจนไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือจะเหงาเเทบขาดใจ ถ้าเย็นวันนี้ผมไม่ได้เดินกลับเข้าห้องพร้อมกัน





ผมนั่งแรบบิทครีมมาถึงฮอล์ที่ใช้แข่งขัน มันอยู่ในห้างสรรพสินค้าเเต่เป็นฮอล์ปิด มีเเฟนคลับของวงต่างๆ มานั่งรออยู่ก่อนเเล้ว เเละเมื่อวงผมเดินเข้ามาพร้อมกัน ศักยภาพเบ้าหน้าของโน่ ขิง ชูครีมก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ผมกวาดตามองเห็นนะโว้ยว่าเด็กๆ เอามือปิดปากกลั้นยิ้มกันให้ควัก แถมเเก้มก็จะเเดงอะไรขนาดนั้น

ไอ้ขิงยิ้มกราด ส่วนชูครีมหน้านิ่งหน้าตายเหมือนกินปูนปลาสเตอร์เข้าไป โน่ก็สนใจเเต่ผมเพราะฉะนั้นคงไม่ได้สบตาสาวๆ คนไหนหรอก นางฟ้าเองก็ฮอตไม้เเพ้กัน มีหนุ่มๆ เข้ามายื่นขนมให้เพียบ ส่วนผมนะหรอ... มันก็ก้ำกึ่งระหว่างแฟนบอยกับเเฟนเกิร์ลเอ็นดูตัวเองจังครับ จุดนี้เลือกไม่ได้จริงๆ ว่าจะหล่อหรือจะน่ารัก โน่รั้งคอผมให้ไม่หยุดคุยกับใครนาน เขาลากกุกๆ เข้าไปถึงห้องเก็บตัวหลังเวที

ขิงไปจัดการลงทะเบียนเรียบร้อย แล้วก็จับฉลากลำดับการเเสดงมา วงสุดท้าย ซึ่งกว่าจะเเข่งก็บ่ายสามนู่น มีเวลาให้ออกไปเดินเล่นหรืออะไรได้อีกมากมาย แต่ไหนๆ ก็มาเเข่งผมก็อยากดู Performance ของวงอื่นๆ ด้วย เลยกลายเป็นว่าก็นั่งดูด้วยกันหมด มีลุกไปหาอะไรกินบ้างเป็นคู่ๆ





‘พ่อมาเเล้วนะ เตรียมขโมยลูกไปโรงพยาบาล’ ไลน์ครอบครัวผมดังขึ้นช่วงก่อนเเข่ง อดขำไม่ได้กับคุณประภาคาร ทีมงานมี reserved seat สำหรับผู้ปกครองไว้ให้วงละนิดหน่อย ผมเลยจองไว้ให้พ่อ แล้วก็มีพี่ดาริณแฟนของขิง กับเเม่ของนางฟ้าที่มาดู พี่ดาริณเป็นคนช่วยดูเเลให้ ในขณะที่พวกเราเดินเข้ามาเตรียมตัวที่หลังเวที

‘สู้ๆ นะคนเก่ง ต้องได้ที่หนึ่ง!’ ผมยิ้มให้ข้อความของพ่ออีกครั้งก่อนจะกดสติ๊กเกอร์ส่งกลับไป โน่ชะโงกมาดูเล่นเอาต้องรีบกดปิดวูบ

“คุยกับใคร ยิ้มใหญ่” เสียงเข้มถาม

“พ่อสิ” ผมตอบโน่

“อิจฉาจัง”

“แล้วตัวเองไม่บอกพ่อกับแม่เองอ่ะ” ผมบีบจมูกหมายักษ์ของผม

“พ่อไม่ว่างหรอก แม่ก็อยู่เมกานู่น จะมาได้ไง”

พ่อเเม่โน่เเยกทางกันนานเเล้วครับ แล้วเเม่ของโน่ก็ไปเเต่งงานใหม่กับนักธุรกิจต่างชาติ ส่วนโน่อยู่กับพ่อที่เมืองไทย โน่ไม่ถูกกับพ่ออยู่เเล้ว ยิ่งมาเจอเรื่องพี่เมย์แฟนเก่าเลยยิ่งแอนตี้เข้าไปใหญ่ ผมได้เเต่หวังว่าการเเข่งขันครั้งนี้จะช่วยเบี่ยงความสนใจทุกอย่างให้โน่ได้ แล้วเขาจะได้มีเป้าหมายสนุกๆ ในชีวิต

คิดเเบบนั้นเเล้วก็ได้เเต่ปลุกปลอบใจตัวเองให้ทำเต็มที่ ผมต้องส่งโน่ไปเเข่งที่ญี่ปุ่นให้ได้ เพราะถ้าเข้ารอบ เราต้องซ้อมกับโค้ชไทยประมาณ 2 อาทิตย์ แล้วก็ไปเก็บตัวเเข่งขันทำรายการ Reality ที่ญี่ปุ่นอีก 1 เดือนก่อนขึ้นเวที สาธุขอให้ผมหายทันไปรับโน่ และเพื่อนๆ ในวงที่สนามบินเถอะ





“Forever and The One!! พร้อมนะครับ” พี่ Back Stage ชุดดำขานคิวกับพวกผม พวกเราพยักหน้า แล้วกอดคอล้อมกันเป็นวงกลมเพื่อทำสมาธิครั้งสุดท้าย

“เวทีหน้าโตเกียวโดมเว้ย!” ขิงปลุกใจ มันเอามือวางกลางวง ทุกคนวางตาม ไม้กลองของชูครีมเเทบทิ่มหน้า แต่พวกเราก็ยังยิ้มเเย้มแล้วส่งเสียดังปลุกปลอบใจตัวเอง

“เฮ้!”

ผมชอบช่วงเวลานี้ที่สุด นัยน์ตาทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน ทุกคนมีความมุ่งมั่นว่าเราจะคว้าชัยได้ และเเน่นอนว่าเราต้องทำได้

ทุกคนผละออกจากกัน แล้วต่อเเถวเตรียมขึ้นเวที ผมยืนหลังโน่ สะกิดเเขนเบาๆ แล้วเขย่งขึ้นจุ๊บปาก! เขินพี่ Back Stage เหมือนกัน โน่ก็เหมือนเครื่องช็อตไปเลย

“เต็มที่นะโน่”

“กำลังใจดีแบบนี้ สู้ตายเลยอ่ะ”

เราหัวเราะให้กัน โน่ก้มลงมาชนหน้าผากกับผมเราต่อยมือกันนิดหน่อย เเล้วผมก็ลูบเจ้าสายฟ้า กีต้าร์ที่รักเหมือนลูกชายเบาๆ ผมให้โน่ไว้ขึ้นเเข่ง เอาล่ะ.... ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว เมื่อพิธีกรบนเวทีขานชื่อพวกเรา เสียงเฮจากคนดูก็ดังลั่น

พวกเราวิ่งขึ้นไปต่อสายกันอย่างรวดเร็ว ทีมเสตจที่เป็นมืออาชีพมาก ช่วยให้การเปลี่ยนเครื่องดนตรีของวงกินเวลาไม่นาน แล้วไฟฮอล์ก์ดิมลงอีกครั้ง

และเมื่อไฟสาดเเสงเข้ามาเสียงเพลงของพวกเราก็ดังขึ้นทันที!!

มันเป็น 10 นาทีที่คุ้มค่าที่สุดชีวิต เราได้ปลดปล่อยพลัง เราได้สบตาคนในทีม และเห็น React คนดูด้านล่าง เสียงร้องตอบยามที่ผมส่งไมค์ออกไปข้างหน้า

‘ในการเดินทาง คงไม่มีนักเดินทางคนไหน ที่รู้ว่าวันใดคือวันที่สุดท้าย เรามีเวลาที่ยังเหลือสักเท่าไร ที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันได้อยู่กับคนที่เรารัก’

‘และเธอคนที่ทำให้นักเดินทางอย่างฉันพบว่า จุดหมายในชีวิตคืออะไร’

ทั้งคนดูที่สนุกไปกับพวกเรา ทั้งเพื่อนในวงที่สบตาอย่างรู้กัน และกับเขา โน่... ผมได้ร้องเพลงนี้เคียงคู่กับเขาบนเวที รางวัลที่โน่จะมอบให้ผมคือเเชมป์จากการเเข่งขัน ส่วนสิ่งที่ผมจะมอบให้เขาคือ...ร่างกายที่เเข็งเเรงเเละพร้อมกลับมามีความสุขเคียงข้างกันเหมือนเดิม

Forever and the One!!

มินิโชว์ของพวกเราจบลงเเล้ว เเฟนส่งเสียงเรียกชื่อวงดังจนแอบคิดว่าหม่าม๊าไอ้ขิงไปแอบจ้างเด็กมากรี๊ดรึเปล่า เเถมหลังห้องมีป้ายไฟเชียร์ด้วย พวกเราเดินมาจับมือกัน 5 คนเเล้วก็โค้งขอบคุณ ไอ้ตอนเเสดงอ่ะอย่างเท่ แต่อิตอนมาจับมือกันนี่รู้เลยนะครับว่าโคตรตื่นเต้น เย็นเฉียบทุกคน

พวกเราปลดสายอุปกรณ์เเล้วเดินลงไปหลังเวที

ระหว่างรอตัดสินก็เป็นคิวของศิลปินดังระดับประเทศ มาเล่นคอนเสิร์ตโชว์ต่อ เป็นวงที่มาจากการเเข่งขันเหมือนกัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้รุ่นน้องได้ดูว่า ถ้าวันนึงที่ความพยายามเรามากพอ ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็จะไม่ทำให้เราเสียใจเลย





ผ่านไป 50 นาทีกับคอนเสิร์ตบนเวที จากนั้นก็ถึงคิวประกาศรางวัล ไล่จากที่ 3 เสียงเฮดังลั่นมากเมื่อพิธีกรอ่านชื่อวงดนตรีจากโรงเรียนหญิงล้วน พวกเราปรบมือให้เพื่อนต่างสถาบันอย่างยินดี ตอนดูวงนี้เเสดง ผมก้คิดอยู่ว่านะจะติดหนึ่งในสาม พวกเธอเดินต่อเเถวกันขึ้นรับรางวัล 4 ใน 5 คนร้องไห้ใหญ่เลย

“พี่ขิงอยากขึ้นไปกอดปลอบ” ไอ้หน้าหล่อข้างผมไม่วายออกลายเจ้าชู้อีกแล้ว

“กูจะฟ้องพี่ดาริน”

เราหยอกกันไปเเก้อาการตื่นเต้นครับ เพราะพอประกาศรางวัลที่สองหัวใจก็เหมือนเเล่นตกลงไปที่ตาตุ่ม ไม่ใช่ชื่อวงเรา เพราะฉะนั้นโอกาสสุดท้ายเท่านั้นที่เหลืออยู่ พวกเราขยับตัวเข้ามาใกล้กัน มือซ้ายผมจับมือขิง มือขวาผมจับมือโน่ โน่เขย่าเบาเบาเหมือนให้กำลังใจ

“กูให้พ่อซื้อถ้วยรางวัลทันมั้ยว่ะ”

ผมอดกระทืบเท้าไอ้หัวหน้าวงจอมขี้เว่อร์ไม่ได้ พ่อขิงรวยและตามใจมากก็จริง แต่ฝีมือขิงก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นสองรองใคร มันอาจจะโชคดีที่ได้เจอกับครูเก่งๆ บ่อยแต่ถ้าไม่พยายามและมีวินัยก็คงไม่สามารถเล่นได้ขนาดนี้หรอก

“และรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่....”

เกลี๊ยดดดด!! พิธีกรที่เว้นจังหวะหายใจนาน เกลียดซาวน์เอฟเฟคที่บีบเร้าหัวใจชิบหาย พวกเราบีบมือกันเเน่นกว่าหัวใจที่บีบรัดอีก แล้วทั้งฮอลล์ก็เงียบมากเหมือนกลั้นหายใจพร้อมกันพันชีวิตโดยไม่ได้นัดหมาย

“ได้แก่.....”

“อิเหี้ย!!!” พี่ขิงแหกปากขึ้นมา จนผมกระทืบหลังเท้ามันรอบที่สอง

“Forever and The One!!”

“ต้องยอมเค้าจริงๆ ครับวงนี้” พิธีกรพูดอะไรต่อ พวกเราไม่ได้ยินเเล้วครับหูดับ กระโดดกอดคอกัน เเหกปากเฮลั่น ไม่เหลือมาดวงคนคูลๆ ที่เก็บไว้ตั้งเเต่เเรกเลย ชูครีมดันขิงให้เดินนำหน้าไปรับรางวัล นางฟ้าเดินตาม ต่อด้วยมือกลอง แล้วก็ผมกับโน่รั้งท้าย นิ้วชี้ผมอยู่ในกำมือโน่หลวมๆ มันเป็นสัมผัสที่ให้รู้ว่าเราทำสำเร็จเเล้ว โน่ได้ยืนบนเวทีเดียวกับผมตอนรับรางวัล ... ผมน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อายเลย ผมร้องหนักกว่าวงผู้หญิงที่ได้ที่สามอีก

พิธีกรเเซวผมออกไมค์ จนทั้งฮอล์ช่วยโอ๋ เราผลัดกันถือถ้วย เเล้วปล่อยให้ขิงกล่าวขอบคุณเเฟนๆ รวมถึงผู้ให้การสนับสนุนทุกคน

“ขอบคุณบันเทิงศิลป์ ที่สนับสนุนให้พวกเราทำตามความฝัน ให้รู้ว่าประสบการณ์ก็สำคัญไม่เเพ้บทเรียนในหนังสือ ขอบคุณครอบครัวที่เข้าใจและอยู่เคียงข้าง ขอบคุณเพื่อนในวงทุกคนที่ตั้งใจและส่งพลังให้กันเเละกันเสมอ สุดท้าย...ขอบคุณความรักทุกรูปแบบที่ทำให้วงเราเดินทางมาถึงรางวัลที่ยิ่งใหญ่นี้ครับ เเละเพื่อตอบเเทนทุกความรัก Forever and The One!! จะกลับมาพร้อมแชมป์ระดับเอเชีย!!”

หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 12 Sun 19aug]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 10-09-2018 22:29:50

เฮ!!!!

ขิงควรไปลงเล่นการเมืองอ่ะผมว่า พูดซะนึกว่ากำลังหาเสียง พวกเราลงมาหลังเวที ความตื่นเต้นดีใจยังอบอวลอยู่ไม่จางหาย แต่สิ่งหนึ่งที่ค้างอยู่ในร่างกายก็ทำให้ผมดีใจได้อย่างไม่สุด

ใช่...ผมต้องลาเเล้ว

พี่ดาริณ พาพ่อผม กับเเม่ของนางฟ้ามาเเสดงความยินดีหลังเวทีเเล้ว

แน่นอนว่าพ่อก็ต้องเล่นละครไปกับผมเเละขิงด้วย

“โน่ น้ำมีเรื่องอยากคุยด้วย”

“ว่าไงน้ำ”

ผมชอบรอยยิ้มโน่จัง ยิ้มที่เต็มใบหน้า ทั้งปากและตา ผมรับรู้ได้ว่าเขากำลังมีความสุข และผมไม่อยากทำให้รอยยิ้มนั้นหายไปเลย

“น้ำ…” ผมพูดไม่ออกจน ขิงต้องเป็นฝ่ายช่วย

“โน่ มึงต้องไปเเข่งต่อนะ ต้องไปเอาถ้วยจากญี่ปุ่นกลับมาให้น้ำ”

โน่เลิกคิ้วเเล้วหันมาจ้องหน้าผม ผมพูดไม่ออก ได้เเต่สะกิดพ่อที่มีสกิลขายงานลูกค้าเป็นเลิศ

“โน่... ขอโทษด้วยที่มันกระทันหัน พ่อกับเเม่ต้องย้ายไปดูสาขาใหม่ของบริษัทที่ดูไบ เเละพ่ออยากให้น้ำไปด้วยกัน”

“นานเเค่ไหน” โน่ถามออกมาเสียงไม่เเข็งแต่ก้รู้ว่าไม่ได้ยินดี

“ปะ..ปีกว่ามั้ง แบบกลับมาตอนมหาลัย” ผมอุบอิบ

“กลับมาจริงๆ ใช่มั้ยน้ำ”

ผมจะร้องไห้ ไม่สิผมน้ำตาไหลอีกเเล้ว ผมอยากกลับมา ผมจะกลับมาให้ได้!

“กลับ น้ำจะกลับมา”

โน่ยื่นมือมาวางบนศีรษะผมแล้วขยี้เบาๆ

“เเค่นี้เองร้องไห้ทำไม”

ฮึก.. ผมไหล่สั่น จับมือโน่มาเเนบไว้ตรงเเก้ม มือโน่อุ่นสบาย ผมคลอเคลียมันเหมือนลูกเเมว ที่ไม่อยากพรากจากของรัก

“ตะ เเต่น้ำต้องไปเลย น้ำบะบินคืนนี้”

โน่ถอนหายใจยาว ผมรู้ว่าเขากำลังสะกัดกลั้นอารมณ์

“โน่ อะอย่าโกรธน้ำนะ”

“…”

ฮึก..ฮึก ผมยืนร้องไห้ จนพ่อกับขิงเบือนหน้าหนี ชูครีมกับนางฟ้าเดินเข้ามาคุยกับขิงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

ผมร้องไห้หนักขั้นเมื่อโน่ไม่ตอบ แต่ครู่หนึ่งก็ได้รับสัมผัสจากอ้อมกอดที่คุ้นเคย เขาดึงผมเข้าไปกอด แล้วลูบหัวเหมือนปลอบ

“ไม่ร้องนะ”

ผมพยายามหยุดน้ำตา แต่มันยากเหลือเกิน

“โน่อยากรับรางวัลบนเวทีกับน้ำอีกสักครั้ง แต่...ถ้าน้ำจำเป็นต้องไป โน่ก็จะไปเอารางวัลมาให้น้ำเอง”

ผมพยักหน้ากับอกโน่

“แล้วก็...อย่าลืมสัญญานะ”

“มะไม่ลืม ถ้าโน่ชนะกลับมา น้ำจะให้โน่ทุกอย่างเลย”

ผมผละตัวออกมาเเล้ว ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะยื่น ‘ของเเทนใจ’ ที่สั่งทำพิเศษไว้ให้กับโน่

มันเป็นปิ๊กกีต้าร์ที่สลักตัวอักษร NN

“เสี่ยวอ่ะ” คนตัวสูงว่า ผมฟาดเผียะเข้าให้

“เอาไปใช้ ก็เหมือนน้ำอยู่บนเวทีด้วย” ผมบอดเจ้าตัวโต

“บางๆ เรียบๆ ไม่น่าบีบน่ากอด จะเหมือนน้ำได้ไง”

“โน่!!” ผมว่าเขา

เรากอดล่ำลากันได้อีกครู่เดียวเท่านั้น ทีมงานก็เข้ามาบอกว่ามีนักข่าวรอสัมภาษณ์ทีมที่ได้รางวัล ผมกับพ่อเลี่ยงออกมาในจังหวะนั้น โน่มองผมด้วยสายตาเป็นห่วง เขาขยับปากที่อ่านได้ว่า ‘หยุดร้อง’ ผมยิ้ม... ในเวลาแบบนี้ก็ยังอุตส่าห์จะเป็นห่วงกันอีก ยอมใจเขาเลย





ผมกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน แล้วก็ไปเตรียมตัวที่โรงพยาบาลเลย พ่อสลับกันลางานกับเเม่ ช่วงนี้พ่อใช้วันลาก่อนไปดูไบดูเเลผมก่อน ส่วนเเมรจะมารับไม้ต่อหากผมต้องอยู่ยาว เเล้วค่อยบินตามไปทีหลัง ผมรักพ่อกับเเม่จัง และรู้สึกผิดมากที่ต้องทำให้ลำบากกันขนาดนี้

วันผ่าไม่มีอะไรน่ากังวลมากหรอกครับ เพราะสลบไปเลยสัมผัสสุดท้ายคือพ่อบีบมือเบาๆ แล้วก็ลืมตาตื่นอีกทีในห้องสีขาว...ห้องพิเศษเดี่ยวในโรงพยาบาลนั้นเเหละ

ผมไม่ได้ฝันร้ายเหมือนในนิยายที่เคยอ่าน เพียงแค่พอลืมตามขึ้นมาเเล้ว ร่างกายเหมือนยังหนักอยู่ กระดิกแขนขาไม่ได้เลย แต่ผมก็ไม่ตกใจ เพราะคิดว่าผ่าตัดสมองทั้งที ร่างกายมันก็คงเออเร่อไปบ้าง แค่ลืมตาขึ้นมาได้นี่ก็ขอบคุณท้องฟ้ามากเเล้ว แต่อยากรู้จังว่าวันนี้วันอะไร เเละผมหลับไปกี่วัน

“น้ำ!!” เป็นเเม่ที่ส่งเสียงเเหลมเข้ามาก่อน คุณนายวางของกินในมือลงกับโต๊ะเเล้วรีบมากดเรียกพยาบาล ผมเพิ่งเห็นว่าปลายนิ้วเสียบที่วัดชีพจรค้างอยู่ และพึ่งรู้ว่ามีสายอะไรสักอย่างต่ออยู่ที่จมูก

แม่เดินเข้ามาจับมือข้างที่ว่างบีบเบาๆ คุณนายน้ำตาคลอ ผมอยากพูดกับเเม่แต่กลายเป็นว่าสำลัก ไอโขลก ทรมานจนน้ำตาไหลเอง

“ต่อท่ออยู่อิน้อง พูดไม่ได้ค่ะ” แม่ไขปริศนาธรรม แล้วไม่ไขให้ไวกว่านี้อ่ะเเม่!!

พยาบาลเข้ามาดูอาการ พร้อมคุณหมอเจ้าของไข้ ผมไม่ได้ยินอะไรมากนัก เหมือนมันจะง่วงเเละหลับไปอีกรอบโดยไม่ทันได้ตั้งตัว



ตื่นมาอีกทีรู้สึกโล่งจมูกกว่าเดิม ผมกรอกตาดู เเม่น่ังเล่นมือถืออยู่ข้างๆ คราวนี้ไม่กล้าเรียกละ เเต่พยายามขยับเเขนไปหาเเม่เเทน

“น้ำ” เเม่เรียก ปิดเกมออนไลน์ แล้วเดินเข้ามาดู

“ไม่เสียเเรงแม่บนไข่ต้มไปหลายลูก ฟื้นสักที”

ปกติผมคงมีเเรงต่อปากต่อคำ นี่กริบเพราะยังไม่กล้าพูด

“เค้าเอาท่ออาหารออกไปแล้ว พูดได้ คอเเห้งมั้ย จิบน้ำก่อน” แม่รินน้ำอุ่นใส่เเก้ว เสียบหลอดมาให้ ผมดูดทีละนิดจนหมดเเก้ว

“แม่..” ผมเรียกเสียงเเหบเบา คุณนายยิ้มกว้าง ลูบผมเบาๆ

“กลับมาเเล้วนะ”

“ไปนานหรอ” ผมถาม ทำไมเเม่ดูดีใจเว่อร์

“สามเดือนค่ะอิลูก ถ้าเข้าเดือนที่สี่ก็คุยกับพ่อเค้าอยู่ว่าจะจองศาลาเลยมั้ย”

น่ะ...ยังตลก ผมนี่หน้างอใส่เเม่เลย ไม่คิดว่าจะหลับไปยาวขนาดนั้น ตอนเเรกนึกว่าสองสามคืน

“แล้วพ่อละ”

“ได้เมียใหม่ที่ดูไบไปแล้วมั้ง” แม่ตอบติดตลก แต่มือก็หยิบโทรศัพท์มาเปิดกล้องโทรข้ามเเดนทันที ไม่นานพ่อที่เหมือนนั่งอยู่ในออฟฟิสก็โบกมือกลับมา

ผมยังตะโกนไม่ได้ แม้จะดีใจสุดๆ ก็เหอะ เเค่อ้าปากเรียกเท่านั้น พ่อทำหน้าเหมือนได้เมียใหม่จริงๆ ด้วย เราส่งจุ๊บกันผ่านหน้าจอหลายทีเเล้วก็วางไป

“แม่โดนไล่ออกหรือยัง” ถ้านอนไปสามเดือนขนาดนั้น

“เกือบค่ะ แต่โชคดีแม่ใช้ข้ออ้างว่าขอพักงานเตรียมไปอยู่ดูไบ แล้วที่นู่นก็ยังออฟฟิสไม่เรียบร้อยดี เป็นบุญไปเด้อ”

“แล้วแม่จะไปเมื่อไหร่”

“ก็รอน้ำขยับเเขนขา ใช้ชีวิตได้ปกติก่อน นี่พึ่งฟื้นเราต้องไปกายภาพอีกนะ”

“อ่าครับ”

“อย่าพึ่งพูดเยอะเลย เดี๋ยวเเม่ไปเรียกพยาบาลมาดูอีกรอบดีกว่า”

“แม่..”

“มือถือผมละ”

“อ่อ... ไม่ได้เปิดเลย ตั้งเเต่วันที่น้ำเข้าไปดมยา พ่อเค้าปิดไว้”

ผมพยักหน้า

“ไม่รู้พ่อเค้าเอาไว้บ้านรึเปล่า เดี๋ยวเเม่ไปดูให้นะ”

“ครับ ขอยืมของเเม่ดูก่อนได้ป่ะ ถ้างั้น”

“แหนะ ดูอะไร ดูหรอมมม?”

“แม่อย่ามาพูดแบบวัยรุ่นได้ป่ะ อายุไม่น้อยเเล้วนะ”

แม่เบ้หน้าใส่ เเต่นางก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ก่อนนวยนาดออกไปจากห้อง ดูก็รู้ว่าเเม่กำลังเบิกบานขนาดประมาณลาเวนเดอร์สิบเเปลง

ผมเสิร์ซกูเกิ้ลทันที รายการที่พวกเราเเข่งมันยิ่งใหญ่ประมาณนึงเพราะฉะนั้นถ้าประกาศผลแล้ว คงมีภาพข่าว หรือคลิปลงบ้าง

ผมกดเลือกดูคลิปในยูทูป แล้วก็เข้าไปดูวันที่ประกาศผลเลย

ลุ้นเหมือนขึ้นเวทีเอง ระหว่างรอโหลด เสียงในคลิปเป็นญี่ปุ่น แต่ผมอ่านซับไทยเอา

‘รองชนะเลิศอันดับหนึ่งได้แก่...Forever and The One!!’

อ่า...เราได้ที่สอง เเพ้วงจากประเทศเจ้าภาพไป แต่ผมก็ไม่เสียดายหรอก เห็นเเค่หน้าคนในวงก็รู้แล้วว่าพวกเเม่งดีใจกันเเค่ไหน กอดกันกลมเชียว และผมก็ไม่เสียดายอีกที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น เพราะวันนี้ผมก็ชนะเเล้วเหมือนกัน ผมกลับมาเเล้ว กายภาพอีกนิดหน่อยก็กลับไปให้รางวัลโน่ได้ เย่!!

ท้ายคลิปมีสัมภาษณ์อีกนิดหน่อย ดูต่อทันที พี่ขิงตอบดีแบบนักการเมืองเหมือนเดิม แล้วก็เหมือนจะมีเรื่องเเซวกัน แบบคู่จิ้นในวง นางฟ้ากับโน่

ผมขมวดคิ้วทันที...ยังไงนะ ตอนเเรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อพิธีกรถามว่า ‘เเล้วที่ตกลงคบกันจริงหรือไม่ครับ’

นางฟ้าดูเขิน เเต่โน่กลับพยักหน้าแล้วตอบว่า ‘ใช่ครับ ผมกับนางฟ้าคบกันอยู่’

หรือเป็นเเผนเรียกเเฟนคลับจากขิง แต่ไม่มีทางแม้หัวหน้าวงผมจะเจ้าเเผนการณ์ขนาดไหน แต่มันก็รู้เรื่องของผมกับโน่าดีที่สุด จึงไม่มีทางเลยที่จะประกาศให้โลกรู้ขนาดนั้น แล้วรายการยังเอาภาพกระเเสของทั้งคู่มาลงต่ออีก มันเป็นภาพช่วง เทป Reality ที่วงต้องไปซ้อมกับโค้ชจากรายการ โน่กับนางฟ้าดูสนิทกัน เหมือนเป็นคู่รักกันจริงๆ

ผมไล่อ่านคอมเม้นท์ใต้คลิป

‘สมกันเว่อร์’

‘อ่าว นึกว่าโน่น้ำซะอีก เห็นอยู่ที่โรงเรียนตัวติดกันเชียว’

‘หรือเพราะแบบน้ำเลยไม่ไปเเข่ง’

‘ยังไงก็เชียร์เสมอครับ’

‘ทวงคืนนางฟ้าจากโน่’

‘อยากได้พี่โน่ แต่เห็นเบ้าหน้าพี่นางฟ้าเเล้วก็ได้แต่ถอดใจ’

อย่าว่าเเต่แฟนคลับที่งง ผมก็งง คืออะไรว่ะ... ก่อนผมจะจากกับโน่เรายังรักกันดีไม่ใช่หรอ โน่รอเอารางวัลมาให้ผมแลกกับสถานะแฟน แล้วนี่...เกิดอะไรขึ้น

ผมอยากโทรหาขิง แต่มือก็อ่อนเเรงเกินกว่าจะประคองโทรศัพท์ไหว ในใจวูบโหวงจนตาลายไปหมด

พยาบาลเข้ามาวัดความดันพอดี แล้วผลคือสูงมาก ใช่สิผมกำลังสับสน ผิดหวัง และปฏิเสธไม่ได้ว่าโกรธมากกับคนที่ไม่รักษาสัญญา โน่อาจจะเล่นๆ กับผม? แฟนเก่าโน่ก็เป็นผู้หญิงหนิ...เออ...ผมมันคนโง่ที่ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับโน่เลย แล้วก็หลงว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ โน่อาจจะเป็นเเค่คนหวั่นไหวง่ายก็ได้ ตอนอยู่ใกล้กันก็บอกว่าชอบผม แล้วนี่ไปอยู่ญี่ปุ่นเป็นเดือน...คงใกล้นางฟ้าจนไปเผลอชอบเขาอีกแล้วมั้ง

พยาบาลรออีกสิบนาทีเพื่อวัดความดันที่พุ่งขึ้นไปสูงอีกรอบ เธอพยายามปลอบให้ผมไม่คิดมากเรื่องต่างๆ คงนึกว่าผมกังวล หรือรับสภาพร่างกายอ่อนเปลี้ยที่พึ่งฟื้นไม่ได้ ผมต้องให้ความร่วมมือเธอ โดยการสวดมนต์หลายๆ บทในใจเพื่อให้สมองอันบอบบางไม่ว่อกแว่กไปคิดเรื่องอื่น



ตอนเย็นเเม่เอาโทรศัพท์มาให้ ผมเปิดดูไลน์ เห็นข้อความค้างอ่านเกือบหลักหมื่น แต่มีคนเดียวที่ผมกดเข้าไปหาคือ ‘ขิง’

Marine : มึง

คุณชายขิง : เห้ย ผีหลอกกูป่ะ

Marine : กูมาทวงซองมั้ง กูฟื้นแล้วโว้ยไม่ตาย

คุณชายขิง : น้องน้ำ น้ำตาพี่ขิงจะไหล

Marine : ได้ไหลแน่ ตกลงโน่กับนางฟ้าจริงหรือไม่

คุณชายขิง : เรื่อง?

Marine : ขิง…

คุณชายขิง : เออจริง เหตุเกิดตอนเก็บตัวนั่นเเหละ

ผมแทบทำมือถือหลุดมือ เมื่อได้รับการยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ผมจะต้องรู้สึกยังไง

คุณชายขิง : เเล้วนี่จะออกจาก รพ. เมื่อไหร่

Marine : ก็มีรอดูอาการสองสามวัน ทำกายภาพ กูนอนไปนานเลยต้องหัดเดินให้กล้ามเนื้อมีเเรงก่อน

คุณชายขิง : เเล้วมึงจะมาเรียนมั้ย

Marine : กูควรไปเรียนมั้ยละ ทั้งเพื่อนในวง ทั้งคนที่กูคิดว่าจะคบเป็นแฟน ไปได้กันเองแล้วแบบนั้น

คุณชายขิง : มึง อย่าโกรธโน่มันเลย สถานการณ์มันพาไป

Marine : กูไม่โกรธหรอก เค้ามีความสุขกูก็ยินดีอ่ะ อะไรที่ทำให้โน่ไปโรงเรียนได้ ตั้งใจเรียน ตั้งใจสอบ ใช้ชีวิต ม.ปลายอย่างมีความสุขกูก้ว่าดีหมด ถือว่าหน้าที่บั๊ดดี้ของกูเสร็จสิ้นเเล้ว แล้วก็กูจะไปดูไบกับแม่กับพ่อ เลิกเล่น Social ด้วยไม่ต้องตามนะ

คุณชายขิง : ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ว่ะ กูไม่ชอบเลย เราควรได้ยินดีด้วยกันมีความสุขกัน กลับมาเล่นดนตรีด้วยกันแบบครบ ๆ

Marine : กูใจเเคบอ่ะ กูรับไม่ได้บอกตรงๆ แล้วก็กูโกรธมึงนิดหน่อยที่ไม่ห้าม เพราะฉะนั้นมึงก็มีความผิดผิดอยู่พี่ขิง อย่ามาวอเเว ทำใจได้เมื่อไหร่กูค่อยกลับมา บาย

คุณชายขิง : น้ำ!

ปิดเครื่อง!





ผมควรรักตัวเองที่สุดแล้วก็ใช้เวลากับครอบครัว ผมตัดสินใจไปอยู่ดูไบกับพ่อเเม่


TBC

ตอนนี้ยาวมาก ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ะ พูดคุยกันได้นะว่าเนื้อเรื่องเป็นยังไง ชอบไม่ชอบตรงไหน ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 15_10 sep]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 13-09-2018 18:15:09
น้องนำ้ อย่าเพิ่งไป มาฟังโน่อธิบายก่อน
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 15_10 sep]
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-09-2018 23:45:19
ก็เป็นแค่ คนรู้ใจ ใช่คนรัก
ก็เป็นแค่ คนรู้จัก ซักคนไหม
ก็เป็นแค่ เพื่อนกัน ไม่ทันไร
เขาเปลี่ยนไป ไม่ต้องบอก ออกไปเอง

คำสัญญา มันเป็นเพียง แค่ลมปาก
ไปยึดถือ ก็ลำบาก ยากข่มเหง
ไม่เหมือนกับ ปล่อยสำเนียง ตามเนื้อเพลง
ร้องนำเก่ง เคร่งจังหวะ ชนะไป

แต่ก็ยัง สงสัย ในใจหนึ่ง
ถึงกับอึึ้ง ตะลึงงัน พลันสงสัย
ที่แล้วมา เรารักกัน หรือยังไง
เพราะอะไร ทำไมเปลี่ยน เนียนเหลือเกิน

คนไม่รักษาคำพูด ไม่ยึดมั่นในสัญญา
ถึงจะเคยทำดีให้กันแค่ไหน แต่มาถึงตอนนี้...ไม่ปลื้มโว้ยยยยยย

ไปไกลๆเลยโน่ อย่าได้กลับมาให้เห็นหน้า
คนใจง่าย เปลี่ยนไปไวเหลือเกิน วุ้ยยยยย

#มาลงในเล้าแล้ว น้ำโน่ หุหุ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 15_10 sep]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 29-09-2018 13:36:45
Chapter 16



เสียงกลองสันดังอยู่ทั่วลานรอบสนามบอลของมหาวิทยาลัย แต่ละคณะยึดพื้นที่ล้อมวงตั้งเเสตนต้อนรับรุ่นน้องเฟรชชี่กันให้คึกคัก กิจกรรมรับน้องวันเเรกเริ่มต้นขึ้นเเล้ว น้ำเองก็เป็นหนึ่งในคนที่นั่งอยู่กลางวงล้อมของรุ่นพี่ และด้านหน้าเป็นทีมสันทนาการที่กำลังโชว์เต้นเพลงเเจวเรือ เเม้จะจดจ่ออยู่กับความสนุกตรงหน้า แต่ตาตี่ๆ ก็อดเหลือบมองรอบข้างไม่ได้ เด็กปีหนึ่งกำลังทยอยมานั่ง แต่ผมก็ยังไม่เห็นเขาสักที...

ใช่ผมมองหานายพระเพลิง หรือโน่

ผมกลับมาจากดูไบเเล้ว เพราะพ่อกับเเม่มีกำหนดการณ์เเค่ปีเดียว ไปอยู่ต่างถิ่น เรียนม.ปลายปีสุดท้ายที่นู่น มีเรื่องราวปะหลาดๆ มากมายให้เรียนรู้มากมาย แถมวัฒนธรรมและอาหารยังไม่คุ้นชินสุดๆ ผมน่าจะมีเรื่องให้สนใจได้เป็นร้อยเรื่องต่อวัน แต่ปะหลาด ทุกวันผมยังคิดถึงโน่อยู่เลย

และเมื่อต้องย้ายกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยที่ไทย ผมเลยไม่ลังเลเลยที่จะยื่นโควต้าตรงกับคณะศิลปกรรม ที่มีสาขาวิชาดุริยางคศิลป์ตะวันออก มันเป็นคณะและมหาวิทยาลัยที่ผมกับโน่เคยคุยกันเล่นๆ ว่าจะมาเรียนด้วยกัน ผมเเค่อยากวัดใจครั้งสุดท้ายว่า...ที่จริงเเล้วผมกับโน่เรามีสิทธิ์ที่จะได้คู่กันจริงหรือเปล่า และโน่...ยังจำเรื่องของเราได้บ้างมั้ย

ด้วยผลงานที่ผ่านมา กับพอร์ตฝีมือทางด้านดนตรีของผมทำให้สามารถเข้าโควต้ารับตรงได้อย่างสบาย

จนบ่ายคล้อยที่ทุกคนทยอยกลับ โน่ก็ไม่ได้มารายงานตัว ผมอดผิดหวังลึกไม่ได้ว่าเขาไม่รักษาสัญญา แต่มันจะโทษเขา 100% ก็ไม่ได้เพราะเราแค่พูดกันเล่นๆ ในช่วงที่นั่งว่างๆ ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะตอนนั้นผมไม่รู้เลยนี่นาว่าเรามีวันที่ต้องเเยกกัน

เพื่อนใหม่ที่นั่งใกล้ๆ กันเริ่มเกาะกลุ่มชวนกันไปหาอะไรกิน ผมก็เออออตามเจ้าถิ่นที่เคยเรียนม.ปลายเเถวๆ มหาวิทยาลัยนี้ไปกินด้วย ตกเย็นก็กลับบ้าน ใช้ชีวิตเดิมๆ แต่ทำไมมันน่าเบื่อกว่าเดิมมากก็ไม่รู้

ผมไม่ได้บอกเพื่อนในกลุ่มว่ากลับมาไทยเเล้ว เพื่อนในวงก็ไม่ได้ติดต่อไปด้วยซ้ำ กะว่ารอให้อารมณ์เสถียรกว่านี้แล้วค่อยทักทายไปก็เเล้วกัน





ย่างเข้าอาทิตย์ที่สองของการเรียน ผมได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าชั้นปี อาจจะเป็นเพราะบุคลิคนิ่งๆ และยิ้มอย่างใจเย็นที่ผมมักแสดงออกมากระมัง

“น้ำ ครูเมธีเรียกไปพบ” เพื่อนร่วมคณะคนหนึ่งเดินมาสะกิด ขณะที่ผมนั่งดูดน้ำป่ันอยู่ใต้ตึก เจ้าของชื่อนั้นเป็นเหมือนอาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้นปีหนึ่ง ผมลุกขึ้นไปทันที

หลังจากเคาะประตู แล้วเข้าไปนั่งสงบอยู่ตรงหน้าผู้ชายวัยกลางคนท่าทางใจดี เขาก็เอ่ยปาก

“มีเพื่อนใหม่กำลังจะมาเรียน จะฝากน้ำช่วยดูเเล แล้วก็ช่วยตามเรื่องวิชาเรียนให้ด้วย”

ผมทำหน้างงใส่อาจารย์ทันที “แล้วเค้าลงทะเบียนเรียนทันหรือครับ”

“ทันสิ ลงไว้แล้วเเหละ เเต่พอดีเค้าเป็นศิลปินน่ะ ช่วงก่อนหน้านี้ติดสัญญากับค่ายอยู่เลยไปออกงานที่ต่างประเทศ ตอนนี้กลับมาเรียนได้แล้ว”

ผมพยักหน้าเข้าใจ คณะเราก็เป็นเเบบนี้แหละครับ รุ่นพี่บางคนก็เรียนไปถ่ายละครไป ออกทัวร์คอนเสิร์ตไปบันเทิงดี สิ่งที่ต้องทำให้ได้คือบริหารเวลา มาเรียนมาสอบให้ครบเท่านั้น

“แล้วเค้าจะมาวันไหนครับอาจารย์”

“พรุ่งนี้ อาจารย์ให้เบอร์น้ำกับเค้าไปเเล้วนะ พรุ่งนี้สักสิบโมงก็มารอเค้าหน้าตึกแล้วกัน”

“ครับ”

เหตุการณ์คุ้นมาก เเต่หวังว่าคงจะไม่ใช่...โน่หรอกนะ





คืนนั้นผมนอนไม่หลับ ยอมรับก็ได้ว่าแอบหวังนิดๆ ให้เป็นโน่ ใบรายชื่อเดิมที่เคยเห็นก็ไม่มีชื่อของบุคคลปริศนานั้น สงสัยต้องรอใบอัพเดท สรุปว่าจากที่อาจารย์นัดให้ไปสิบโมง ผมก็ไปนั่งดูดชาเย็นอยู่ที่หน้าตึกคณะตั้งเเต่เก้าโมง

รถผู้ปกครองหลายคันขับมาแวะดรอปนักศึกษาแล้วก็ขับไป ผมมองไปเรื่อยๆ จนสะดุดตากับคันหนึ่งมินิคูเปอร์สีเขียวมิ้นท์ที่จอดหน้าตึกเป๊ะๆ เเล้วก็มีผู้ชายร่างสูงใหญ่เดินลงมาจากฝั่งคนขับ ประตูด้านข้างเปิดออกเป็นสาวสวยในชุดนักศึกษากระโปรงพลีท ตอนเดินสวนกันที่หน้ารถเพื่อเปลี่ยนคนขับผู้หญิงเงยหน้าขึ้นเอาจมูกแตะเเก้มฝ่ายชายเล็กน้อย ก่อนจะขึ้นรถเเล้วขับจากไป ผู้ชายที่เหมือนยืนรอให้อีกฝ่ายออกรถ ค่อยๆ หันกลับมา

ผมกำแก้วชาเย็นในมือเเน่น ชัดขนาดนั้นแล้วยังจะหวังอะไรอีก

ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ในมือขึ้นมากด แล้วโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมก็สั่น ผมปล่อยให้มันสั่นนานมากเพื่อทบทวนเรื่องราวในหัว ว่าควรจะรับมือกับบุคคลตรงหน้าอย่างไรดี ควรจะทักทายไปโดยไม่รู้สึกอะไรในฐานะเพื่อนเก่า?

หรือ...

ผมเลือกที่จะเเกล้งจำโน่ไม่ได้ก็เเล้วกัน ถือว่าเป็นผลพวงจากการผ่าตัด อย่างน้อบถ้าผมบอกเขาเเบบนั้น และพยายามให้เป็นเเบบนั้น หัวใจที่รออย่างมีความหวังมันจะได้เจ็บน้อยลงบ้าง

“ฮัลโหล” ผมกดรับสาย

“เอ่อ.. น้ำใช่มั้ย เราโน่ อาจารย์เมธีบอกให้มาเจอน้ำที่หน้าตึก”

“อือ เรายืนอยู่ตรงโต๊ะไม้หน้าคณะอ่ะ โน่หันมาดิ”

เขาหันมา เราสบตากัน เหมือนทุกอย่างบนโลกหยุดหมุนไปทันที แล้วโน่ที่ตัวหนาขึ้นก็วิ่งตรงมากอดผมจนหน้าจมหายเข้าไปในอกเขา น้ำหอมกลิ่นเดิม อุณภูมิเดิมๆ เเรงรัดของอ้อมเเขนที่ผมโหยหา มันทำเอาขอบตาร้อนผ่าว แต่ผมก็ต้องเเข็งใจผลักเขาออก

“ทำอะไร!”

“โน่คิดถึง!!” เขาทำหน้าตาเหมือนหมาโกลเด้นท์ตัวใหญ่ที่เห็นเจ้าของบ้าน พยายามจะเข้ามากอดอีกรอบจนผมต้องยกมือห้ามไว้

“ขอโทษนะเราว่า เราไม่เคยรู้จักโน่มาก่อน”

“น้ำ... ล้อเล่นอะไรเนี่ย”

“ขอโทษจริงๆ นะ เเม่บอกว่าเราผ่าตัดเนื้องอกในสมองตอน ม.5 อ่ะ ความทรงจำเราหายไปบางส่วน ถ้าโน่รู้จักเราตอนนั้นก็ขอโทษจริงๆ เราจำอะไรช่วงนั้นไม่ได้เลย”

“ไม่ล้อเล่นสิน้ำ”

“เราไม่ได้ล้อเล่น”

“แล้วน้ำจำ..เอ่อ ไอ้ขิงได้มั้ย”

ผมพยักหน้า “ขิงเป็นเพื่อนมาตั้งเเต่ ม.ต้น เล่นวงที่ชมรมด้วยกัน”

“งั้นน้ำก็จำวงได้”

ผมพยักหน้า

“กีวี่ ชูครีม คริสตัล จำได้มั้ย”

“ได้ดิ อยู่กลุ่มเดียวกัน”

“แล้วเด็กใหม่ที่เข้ามากลางเทอม ม.5 ย้ายมาเพราะเรื่องชกต่อย”

ผมขมวดคิ้ว แล้วยกมือกุมหัว จำมาจากซีรีย์เกาหลีเเบบเป๊ะๆ ครับ

“อย่าให้เราพยายามนึกได้มั้ย เราปวดหัว” ผมหน้าปวดมากเหมือนจะร้อง โน่เลยลนลานเข้ามาจับ ผมสะบัดมือเขาออก เขาก็ผละไปเหมือนจะพยายามเข้าใจสถานการณ์อยู่

“เอ่อ...งั้นไม่เป็นไร เราค่อยๆ ทำความรู้จักกันใหม่ก็ได้” โน่พูดในที่สุด ผมเลยพยักหน้าเบาๆ เรานั่งลงที่เก้าอี้ และผมก็เริ่มเเนะนำเรื่องวิชาเรียนที่เขาต้องตามทำงานให้ครบ ในช่วงที่หายไป

“น้ำ”

“ว่า…”

“ตั้งหลายวิชา ช่วยเราทำงานหน่อยได้มั้ย”

ทำไมต้องมาเป็นหัวหน้าชั้นปีด้วยว่ะเนี่ย ผมอยากยกมือขึ้นมาขยี้หัวให้หายหงุดหงิด

“ไม่คิดจะมีเพื่อนคนใหม่เลยหรือไง”

เขาส่ายหน้า แล้วยิ้มเหมือนหมาตัวใหญ่ ขัดกับลุคแบดบอยบนใบหน้าโดยสิ้นเชิง แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไง

“งั้นช่วงนี้ก็มานั่งกับกลุ่มเราก่อนแล้วกัน แล้วถ้าโน่เจอเพื่อนใหม่ที่สนิทกว่าก็ค่อยเเยกไป”

“ไม่ไล่ได้มั้ย แค่จำไม่ได้ก็เจ็บหัวใจจะเเย่”

ดูเจ้าตัวโตทำหน้าน่าสงสารใส่ผมสิ เป็นผมหรือเปล่าที่ควรจะงอเเง ผมไม่ต่อความยาวสาวความยืดกับโน่ พยักเพยิดเพื่อให้เขาไปเข้าเรียนวิชาเเรก





แค่เดินนำหน้าโน่เข้าห้องสโลปเรียนรวมเสียงฮรือ... ก็ดังลั่นไปทั่ว ผมรีบเดินตัวปลิวเข้าไปนั่งข้างกลุ่มเพื่อนที่จองเก้าอี้ไว้ให้ แล้วก็กวักมือเรียกโน่.. อ่าไม่ทันละ โดนกองทัพเเฟนคลับมาขอถ่ายรูปด้วยเรียบร้อย

“แฟนหรอน้ำ”

คำเเรกที่เพื่อนทัก ทำเอาน้ำตาเกือบพุ่ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงพยักหน้ารับได้อย่างแป้นเเล้น ตัดกลับมาปัจจุบัน เขาไปคู่กับนางฟ้าเสียเเล้วครับ

“เพื่อนใหม่ เรียนคณะเดียวกับพวกเรานี่เเหละเเต่ไปโปรโมทเพลงที่ต่างประเทศมา อาจารย์เมธีเลยฝากช่วยดู” ผมอธิบายยาวยืดให้เพื่อนๆ เข้าใจ

“อ๋อออออออ” เธอลากเสียง ไม่นานโน่ก็กลับมานั่งลงข้างผม

อาจารย์เข้าและเเจกชีท

“น้ำมีปากกาเหลือสักแท่งป่ะ”

ผมหันไปมองโน่ มาเเต่ตัวจริงๆ พร้อมเรียนสุด ผมคุ้ยกระเป๋าเเล้วโยนดินสอให้เขาเเท่งหนึ่ง จากนั้นก็ทำเป็นไม่สนใจท่าทางเกาะเเกะของอีกฝ่าย



เลิกเรียนคาบเช้าก็พาโน่ไปกินข้าวเที่ยง เขาอาสาไปซื้อให้ แล้วก็ทำอะไรที่มันขุดความทรงจำเก่าๆ ให้พร่างพรู โน่ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย เเต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่พูดถึงคือคำสัญญาของเรา...สิ่งที่เขาเคยขอจากผมถ้าได้รางวัลกลับมาจากญี่ปุ่น และสเตตัสของนางฟ้า











เมื่อเริ่มปรับตัวจากการเรียนมหาวิทยาลัยได้ โน่ก็นัดขิงมาเจอผมเพื่อยืนยันเรื่องความจำเสื่อม ผมไม่ได้เจออิพี่ขิงมานานก็อดคิดถึงไม่ได้ เราพุ่งเข้ากอดกันทันที มันตาเเดงน้ำตาคลอๆ จนหน้าขำ

“ในที่สุดก็ปลอดภัย” ขิงพึมพำ

“แต่กูจำบางอย่างไม่ได้” ผมบอกขิง ในสิ่งที่...เราเตี๊ยมกันเเล้วทางโทรศัพท์ ผมบอกขิงว่ารับไม่ได้หรือกเรื่องโน่กับนางฟ้า เพราะฉะนั้นจึงกุเรื่องความจำเสื่อมขึ้นมาเพื่อรักษาระยะห่างจากโน่ ขิงเข้าใจ และต้องเข้าร่วมแผนการณ์อย่างเสียไม่ได้

“จำไม่ได้บ้างก็ยังดีกว่าจำไม่ได้เลย” ขิงลูบหัวผม เหมือนสมัยที่เราเรียนอยู่ม.ปลาย จริงๆ ผมกับขิงค่อนข้างสนิทกัน จะมามีห่างไปบ้างก็ช่วงที่โน่เข้ามานี่เเหละ

“ขิงก็รู้หรอว่าน้ำไปผ่าตัด” โน่ทักขึ้นกลางบทสนทนา ขิงพนักหน้า โน่มองหน้าผมแล้วสลับกับขิง แล้วก็ยิ้มออกมาจางๆ

“เป็นอะไรทำไมไม่บอก โน่ไม่ใช่คนสำคัญสำหรับน้ำใช่ป่าว มีแต่โน่ที่คิดไปเองคนเดียวว่าน้ำอ่ะสำคัญกับโน่”

ผมเอียงคอทำหน้าเเบ๊วใส่ทันที

“เราสนิทกันขนาดนั้นหรือไง สมัยก่อน” ผมถามโน่แล้วหันไปมองหน้าขิง แล้วก็กลับมามองหน้าคนที่เบือนสายตาไปยังฟุตบาทด้านนอก

“อืม...ขอโทษที่คิดไปเอง”

โน่ตัดพ้อเสียจนใจผมกระตุก

“มึง นำ้มันความจำป้ำเป๋อมั้ยละ เดี๋ยวถ้ามันหายดี ก็จำได้เองเเหละ”

ขิงช่วยไกล่เกลี่ย

“ก็หมายถึงตอนโน้น ทำไมกูเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย” โน่หันมากดดันขิงเเทน ผมกระเเทกตีนมันไปใต้โต๊ะ ให้ขุดละครบทเก่าออกมาเล่น

“แล้วถ้าพวกกูบอกว่าน้ำมันต้องผ่าตัด มึงจะยอมไปแข่งที่ญี่ปุ่นหรอว่ะ น้ำมันอยากให้มึงได้ถ้วยกลับมาให้มันไง” ขิงร่าย “แล้วมึงอ่ะโน่ จำได้มั้ยว่าทำไมต้องได้ถ้วย”

คราวนี้ผมถีบไอ้พี่ขิงเเรงขึ้นที่พูดไปเกินเบอร์ ก็โน่มีนางฟ้าเเล้ว ยังจะต้องบอกมั้ยว่าทำไมถึงอยากได้ถ้วย

โทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะสั่นเเล้วปรากฏชื่อบวกภาพของสายเรียกเข้าพอดี

‘นางฟ้า’

ผมกรอกตา โน่ไม่ได้รับในทันที แต่ทางนู่นก็ยังโทรมาซ้ำๆ

“ไม่รับหรอ” ผมถาม

“ค่อย”

ทั้งโต๊ะเงียบ บรรยากาศมาคุจนโน่คงรู้สึกได้ เขาเลยหันไปบอกขิงว่าฝากส่งผมกลับบ้านด้วย นางฟ้าคงโทรตามให้ไปรับ เเล้วเขาก็คว้ามือถือเดินออกไป ผมมองตามโน่ที่ไม่นานก็หายลับไปกับผู้คน ก่อนจะไปเบะปากกับขิง

“ฮึบไว้อิน้องน้ำ อย่าร้องออกมากลางสยามนะโว้ย”

“แม่ง พระเจ้าโหดร้ายกับกุมากอ่ะขิง นางฟ้าเเม่งเล่นดนตรีกับกูมากี่ปีอ่ะ แล้วก็รู้กันหมดป่ะว่ากูกับโน่เป็นยังไง ยังจะมาเเย่งไปอีก โน่ก็เหมือนกัน...แม่งโกหกกู ถ้าเลือกเค้าเเล้วจะมาวอเเวกับกูอีกทำไมอ่ะ”

“แหม... ก็เพื่อนกันทั้งหมด มันก็อยากสนิทกับมึงเหมือนเดิมเเหละน้ำ”

“โน่ใจร้ายอ่ะ”

“บอกแล้วให้ชอบกูเเต่เเรกไม่เชื่อ เล่นตัวดีนักสม” ขิงบิดเเก้มผมเสียเจ็บจนลืมร้องไห้

“ไปดูหนังดีกว่า กูเลี้ยง วันนี้ป๋าขิงเปย์เองนะคะหนูน้ำ”

“งือ...กูจะเเย่งมึงจากพี่ดาริณแล้วแม่ง”

“โอ๊ยใจเย็นอิน้อง อย่าอินน์เกิน”

ขิงพยายามทำให้ผมยิ้มได้ ผมเลยต้องเเกล้งยิ้มให้มันสบายใจ แล้วเราก็ไปเดทปลอมๆ กันต่อ









ยิ่งพยายามถอยห่างจากโน่มากเท่าไหร่ ผมก็ดันมีเรื่องให้กับเขาอยู่เรื่อย เเม้วงจะหยุดโปรโมทเเล้ว แต่ก็ยังมีงานไปโชว์คอนเสิร์ตหรือไปออกรายการทีวีอยู่บ่อยครั้ง เและทุกครั้งโน่ก็จะมาบอกตารางงานผมและชวนให้ไปด้วยกัน ตำเเหน่งของโน่เคยเป็นของผมมาก่อนทั้งมือกีต้าร์ และร้องนำ ถ้าไม่เป็นเพราะโรคปะหลาดที่เข้ามาเยือนโดยไม่บอกกล่าว ผมคงได้ขึ้นคอนเสิร์ตเเละออกรายการทีวีกับโน่เป็นว่าเล่น ผมเสียดายนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเสียใจอะไรนัก ผมชอบเล่นดนตรี ผมสนุกกับการทำวงกับเพื่อนๆ และผมก็เคยพาตัวเองคว้าเเชมป์ระดับประเทศมาเเล้ว ดังนั้นถือว่าบรรลุเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้หมดแล้ว การที่ไม่ได้รับการโปรโมทเป็นศิลปินร่วมกับคนอื่นๆ จึงไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไร (เพราะที่จริงพวกในวงก็ไม่ได้ชื่นชอบการเป็นศิลปินหรอกครับ มันวุ่นวายจะตาย) แต่สิ่งที่เป็นความลำบากของผมเมื่อโน่ต้องขาดเรียนไปทำภารกิจคือ ผมต้องคอยตามงานให้เข้าไง และมันก็ช่วยเพิ่มโอกาสให้เราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น

จนมันผ่านมาหนึ่งเทอมแล้ว ที่เราเหมือนจะกลับมาตัวติดกันอีกรอบเวลาอยู่ในมหาวิทยาลัย และอะไรหลายๆ อย่างโน่ก็พยายามใช้คำพูดเหมือนเดิม สกินชิพเหมือนเดิม เหมือนจนผมหงุดหงิดอยากจะทุ่มอะไรสักอย่างใส่เขา

‘ก็เราอยากให้น้ำจำเราได้เหมือนเดิม’

เขาพูดแบบนั้นทุกครั้งที่ผมทำท่ารำคาญใส่ และผมก็ได้เเต่ค้านในใจว่า จำไปทำไมว่ะ ในเมื่อตอนนี้มันไม่ใช่มีเเค่เรา เเต่มันเป็นโน่กับนางฟ้า ทุกวันนี้ผมยังเห็นเขารักกันดีอยู่เลย แล้วเมื่อกี้นางฟ้าก็พึ่งมารับโน่ที่คณะ แล้วก็คุยกับผมได้ปกติเหมือนไม่รับรู้ว่ากำลังทำผมเสียใจ หรืออาจจะเป็นผมเองที่เเกล้งจำเรื่องตอน ม.5 ไม่ได้ นางฟ้าเลยไม่ตะขิดตะขวงใจอีก

“น้องน้ำ ชมรมโฟโต้ขาดคนไปทริปอีกสองคน”

ผมเงยหน้าจากเรื่องขุ่นมัวในใจ แล้วมองหน้าพี่ประธานชมรมปีสาม คณะพวกเราคนน้อยเลยสนิทกันดี

“ครับ ผมยังทำหน้างง พี่ผู้ชายท่าทางเซอร์ติดสามคนเลยนั่งลงฝั่งตรงข้าม แล้วยื่นกระดาษเอสี่ที่เป็นโปสเตอร์ทริปมาให้

“ทริปดูดาวล้อมวงกินเหล้ารอบกองไฟ” ผมทวนคำโปรย โคตรล่อใจเด็กมหา’ ลัยอ่ะเอาจริง แล้วสถานที่ก็เป็นเส้นเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ไปปลายๆ เดือนพฤศจิกายน มีไฮไลท์เป็นนอนเต้นท์กันที่ดอยอ่างขาง ชมทะเลหมอกที่ปางอุ๋ง แวะเที่ยวปาย แล้วก็มาดูดาวที่ห้วยน้ำดัง ก่อนจะลงมาในตัวเมืองเชียงใหม่

“ขาดอีกสองคนเท่านั้น เราก็จะครบยอดสามารถจองทุกอย่างได้” พี่ประธานมาชักชวนหรือมากดดันครับ

“ถ้าน้องน้ำไป ก็เหลืออีกคนเดียว เราพอจะมีเพื่อนสนิทที่อยากให้ไปด้วยมั้ยครับ”

“เอ่อ...” ใครจะไปคิดทันเเม่ชื่อโน่จะผุดขึ้นมาในทันทีก็เหอะ

“น้องอะไรนะ ที่มันหล่อๆ อ่ะ” พี่คนหนึ่งพูดขึ้นมา

“พี่เห็นอยู่กับน้องน้ำบ่อยๆ ชวนไปสิ”

“โน่เค้ายุ่ง ไม่ว่างไปหรอกพี่”

ขืนถ้าโน่ไปในทริปด้วย ผมก็โคม่าเลยดิ ทริปชมรมโฟโต้ เค้าว่าทุกปีถ้าคนโสดไปต้องได้เเฟนกลับมาเป็นการการันตีความลำบากเอ้ย ความโรเเมนติกได้เป็นอย่างดี

“กูกดโทรออกแล้วมึงคุย”

ผมอ้าปากค้าง พี่ประธานชมรมดันมีเบอร์โน่ไปอีก

“น้องโน่ครับ พี่เเซมประธานชมรมโฟโต้ ปีสามนะครับ น้องน้ำให้มาชวนน้องโน่ไปทริปเหนือด้วยกันอ่ะครับ ถ้าน้องโน่ไป น้องน้ำก็จะไป”

ถ้าผมด่ารุ่นพี่ไป จะโดนซ้อมมั้ยครับ!?

“น้องโน่ตกลงเเล้ว โอนมาได้เลยนะครับ คนละ 2,700 บาท บัญชีชมรม ไม่ก็พร้อมเพย์เบอร์พี่”

ทั้งสามจากไปเหมือนลมหอบ ผมนั่งมองตาปริบ นี่ถูกไถเงินหรอหรือยังไง ผมก้มลงมองโปสเตอร์ในมืออีกครั้งแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ไลน์โน่เด้งมาพอดี

‘น้ำรู้รายละเอียดทริปป่าว’

ผมถ่ายรูปโปสเตอร์ส่งไปให้

‘โรเเมนติกเลยอะดิ หนาวๆ ก่อกองไฟ ร้องเพลง ดูดาว’ โน่ส่งข้อความกลับมา

อื้อ ผมพยักหน้ากับตัวเอง จินตนาการว่าได้เบียดตัวซุกโน่แล้วก็โคตรฟิน เห้อ... ผมโหยหาสัมผัสเขาจัง ผมอยากกอดโน่อีก อยากนอนกับโน่ อยากจับมือหรือเเม้กระทั่งหอมเเก้มเขาได้เหมือนก่อน ผมต้องทำยังไงดี

TBC 



ลงยาว อ้อนขอคอมเม้นท์ มี #พระเพลิงมารีน  ไปสกรีมในทวิต หรือชวนเพื่อนมาอ่านกันได้นะฮะ 




หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 16_29 sep]
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 29-09-2018 21:08:16
 :L2:
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 16_29 sep]
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 01-10-2018 19:40:46
อ่านจนถึงตอนล่าสุดแล้ว
แรกๆก็ฟีลกู๊ดนะ แต่หลังๆทำไมเป็นงี้อ่ะ
ทั้งโน่ ทั้งนางฟ้าเลยเด้อ ถ้าน้ำไม่แกล้งความจำเสื่อมนี่จะเป็นไง อยากรู้ หาผัวใหม่เลยน้ำ

ไม่เอาโน่แล้วเด้อ คิดว่าน้ำจะเจ็บปวดขนาดไหน

มาต่อเด้อไรท์เตอร์ รอเด้อ 55555
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 17_5 oct]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 05-10-2018 21:07:11
ผมพยายามไม่ตื่นเต้นกับทริปที่ว่า เเต่เเม่งโอนเงินอย่างไว แถมยังเก็บกระเป๋าล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ ซึ่งจริงๆ วันทริปมันเป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยหยุดยาว 1 อาทิตยต์ เพราะมีการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัย บางคนก็อยู่เชียร์เพื่อนเเต่คณะผมลาละครับ

ไม่นานวันที่รอคอยก็มาถึง พ่อมาส่งผมที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ส่วนโน่นั่งเเท็กซี่มาเอง เรานัดเจอกันด้านหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปเช็คชื่อกับรุ่นพี่ด้วยกัน ผมกับโน่เเบกเป้คนละใบ แล้วก็อุ้มถุงนอนที่ม้วนกลมอยู่ในถุงผ้ากันคนละลูก ในขณะที่สมาชิกคนอื่นๆ มาพร้อมกีต้าร์ ขาตั้งกล้อง กระเป๋ากล้องและเลนส์ตัวเขื่อง

ผมกับโน่มองหน้ากัน แล้วก็หลุดขำเบาๆ พวกเราดูเด๋อและตื่นเต้นกับสถานที่ที่คนพลุกพล่านเเห่งนี้มาก แถมเราสองคนยังเเตกต่างจากพวกชมรมโฟโต้ที่ทุกคนเล่นกล้องโดยสิ้นเชิง

จะว่าไปผมก็ไม่เคยนั่งรถไฟข้ามจังหวัดมาก่อน เคยนั่งแต่ MRT และ BTS ผมว่าโน่ก็ไม่ต่างหรอก

ผมมองหาเก้าอี้ว่างเเล้วกระตุกแขนเสื้อโน่ให้ไปนั่งรอคนมาครบด้วยกัน เขาเดินตามมาเเต่โดยดี ผมเเก้ว่างด้วยการหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ส่วนโน่ผมไม่รู้ ไม่ได้หันไปมอง

ไม่นานสต๊าฟจากชมรมโฟโต้ก็มาต้อนคนในทริปประมาณ 40 คนไปขึ้นรถไฟ ผมพึ่งรู้ว่ามันเป็นชั้นสามเเบบเบาะหลังตรงแล้วก็รับลมธรรมชาติ เเต่ก็ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร เพราะความตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสประสบการณ์นั่งรถไฟครั้งเเรกมันมีมากกว่า

โน่รับเอาเป้จากหลังผมไปเก็บบนชั้นวางข้างบนให้ ส่วนถุงนอนที่ม้วนเป็นลูกก็เอาไว้เป็นหมอนสำหรับนอนบนรถไฟ เก้าอี้ที่หันหน้าเข้าหากันและนั่งได้สี่คน ถูกจับจองเเค่สองคนคือผมกับโน่ ชมรมได้เหมาทั้งตู้ไว้เเล้ว ดังนั้นเราจึงสามารถนั่งกันได้แบบหลวมๆ

พอรถไฟเริ่มออก สมาชิกชมรมที่คลั่งไคล้การถ่ายรูปก็ยกกล้อง DSLR รัวกันให้ขวัก ในขณะที่ผมกับโน่ที่เป็นตัวเเถมให้ทริปมันเต็ม เเก้เก้อด้วยการยกกล้องมือถือมาเก็บภาพชานชาลากันคนละเเชะ

“น้ำถ่ายคู่กันเร็ว”

โน่กวักมือเรียก เเละมันก็เป็นการเริ่มทริปดีๆ ที่ทำให้รู้สึกว่าหลังจากนี้จะไม่อึดอัด ผมพยักหน้ารับคำชวนเเล้วย้ายตัวไปนั่งฝั่งเขา ชูสองนิ้วขึ้นมา ภาพเราคู่กันถูกบันทึกไว้ในโทรศัพท์โน่เเล้ว

นั่งดูความเป็นไปของตึกรามบ้านช่องข้างทางไปได้สักพัก ทีมงานก็เดินตีกระป๋องฉลากก๊องเเก๊งเรียกความสนใจมาเเต่ไกล เขาบอกว่่าเป็นการจับบั๊ดดี้ให้เทคเเคร์กันตลอดทริป แล้วไปเฉลยวันกลับ ผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที อะไรที่เป็นความลับเเบบนี้ผมว่ามันต้องสนุกมากเเน่ๆ เลย

ผมได้เป็นพี่ปราง รุ่นพี่นาฏยศิลป์ไทยปีสอง เธอน่าจะชอบอะไรน่ารักๆ หรือไม่ก็ขนมอร่อยๆ ส่วนโน่ได้พี่ต้นข้าวปี 4 ดุริยางคศิลป์สากลเหมือนกัน พี่เขาเป็นผู้ชายดุๆ ก็เหมาะกับโน่ดี ชักเริ่มสงสัยเเล้วสิว่าใครจะมาเป็นบัดดี้ผมน๊า









จากที่ช่วงเเรกทุกคนต่างคึกคักตื่นเต้น แถมยังมีเสียงเล่นกีต้าร์ เคาะจังหวะกันระงมสร้างความรำคาญให้กับชาวบ้านตู้อื่น พอลมตีหน้ามากเข้าหน่อย เสียงเพลงก็เบาลง แล้วกลายเป็นเสียงกรนดังขึ้นเเทน ผมชะโงกหน้าไปดู คอพับกันหมดเเล้ว พอหันกลับมาโน่ที่นั่งดูวิวตอนเเรกก็มองมาที่ผม

“ง่วงรึเปล่า” เสียงเขายังอ่อนโยนเหมือนเดิม

ผมจะส่ายหน้าเเต่ดันหาว กลั้นก็ไม่ทัน

เขาเปลี่ยนฝั่งมานั่งข้างผมทันที

“นอนมา” โน่เรียกให้พิงไหล่

ผมส่ายหน้า แล้วเลือกเอาม้วนถุงนอนมารองศีรษะฝั่งที่ติดกับผนังหน้าต่างรถไฟ โน่ถอนหายใจ เขาลุกไปดึงหน้าต่างลงให้เพื่อให้ลมไม่เเรงนัก แล้วก็กลับมานั่งลงข้างผมเหมือนเดิม

ผมหลับตาลง จังหวะที่เคลิ้มๆ ก็รู้สึกเหมือนโน่เอาเสื้อหนาวมาห่มหน้าอกให้

และช่วงจังหวะที่เคลิ้มๆ ก็รู้สึกเหมือนหัวโดนลากมาวางบนอะไรที่มันอุ่นๆ ในมุมที่พอดี

หลับๆ ตื่นๆ ไปหลายรอบจนฟ้ามืด กลิ่นหอมของไก่ทอดก็ลอยมาตรงหน้า ผมฟุดฟิดจมูก ก็ได้ยินเสียงนุ่มๆ ข้างหู

“ตื่นมากินเร็วหมาเปี๊ยก”

โน่เรียกผมเหมือนสมัยก่อน ผมเเสร้งทำเป็นงัวเงียไม่ได้ยิน

“น้ำ พี่เค้าเเจกข้าว” โน่เรียกแบบปกติแล้ว ผมเลยยอมลืมตา งัวเงียนิดหน่อย อ่า...อะไรนิ่มๆ และองศาที่พอดีกับหัวผมก็คือไหล่โน่นั้นเอง ผมเเงะหัวตัวเองออกมาจากตัวโน่ ก้มลองมองดูว่ามีน้ำเปียกๆ อยู่บนเสื้อเขาหรือเปล่า โน่หัวเราะหึในคอ จนผมเริ่มไม่มั่นใจ

“เราเช็ดให้เเล้ว ไหลตั้งหลายรอบ”

ผมเกลียดโน่เเล้ว ไม่รู้เผลอทำหน้างอใส่ไปรึเปล่า เเต่ก็ไม่อยากสนใจหันไปตื่นเต้นกับข้าวเหนียวไก่ทอดหอมฉุยที่แบอยู่ตรงหน้าดีกว่า โน่เเกะห่อเเล้วก็เทน้ำจิ้มให้เรียบร้อย จากที่เคืองผมก็เผลอหันไปยิ้มให้เขาเเบบที่เคยทำ

อาการที่โน่เคยบอกว่าเหมือนลูกหมาขี้อ้อน เล่นเอาโน่ชะงักไปและผมก็รู้ตัวว่าไม่ควรเลย เลยเเก้สถานการณ์ด้วยการรับห่ออาหารจากโน่มานั่งกินเงียบๆ

โน่เองก็กินเเล้วเเบ่งเนื้อไก่มาให้ผม ผมเลยบิข้าวเหนียวคืนไปให้เขาเเทน ผมได้ยินโน่หัวเราะในลำคออีกแล้ว ตลกมากมั้ยอ่ะ ก็ไก่อร่อย ไหนๆ แบ่งมาเเล้วก็ไม่อยากเซ้าซี้คืนให้แบบคนดี เเต่ข้าวเหนียวอ่ะดูยังไงก็กินไม่หมด แบ่งให้ไอ้ตัวโตๆ ข้างๆ ไปก็ถูกแล้วหนิ

ผมเลิกสนใจโน่ พี่ไก่หนังกรอบน่าเอ็นดูกว่าเห็นๆ ผมฟาดเรียบเเล้ว ดูดนิ้วแจ๊บๆ โน่หันมารวบกระดาษห่อไก่ในมือผมไปทิ้งให้ ยื่นทิชชูเปียกมาให้เสร็จสรรพ บริการดีกว่าพ่อกับเเม่ผมรวมกันอีก

หลังจากมือสะอาดปราศจากเเบคทีเรียเเล้ว ผมก็ปีนไปหยิบเเปรงกับยาสีฟันที่อยู่ในเป้บนชั้นวางของข้างบน

“ลงมา เดี๋ยวโน่หยิบให้”

พ่อจำเป็นดุอีกแล้วครับ ใช่สิผมมันคนเตี้ย 2000-2018 หยิบจับอะไรก็ไม่ถนัดเหมือนคนสูงเป็นยีราฟอย่างโน่หนิ อยากทำให้ก็เชิญเลย ผมปีนลงมาจากเก้าอี้รถไฟ แล้วก็นั่งไขว้ห้าง กระดิกเท้ารอ

โน่ยื่นเป้มาให้ตรงหน้า ผมหยิบของแล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำ รถไฟโยกกระฉึกกระฉักไปตลอดทาง แถมห้องน้ำก็เเคบมาก ต้องใช้สกิลพลังลมปราณเอาเท้าเกาะยึดกันน่าดู

หลังจากล้างหน้าสดชื่นพร้อมนอน ผมก็กลับมาที่เก้าอี้ตัวเอง โน่รับของทั้งหมดไปเก็บให้ในช่องที่ถูกต้อง ช่างสังเกตนัก เอาไปสิบคะเเนน เมื่อเก็บเรียบร้อยโน่ก็เดินไปห้องน้ำบ้าง

ผมยิ้มตามเเผ่นหลังเขา ถึงจะทำเป็นเมินไม่สนใจ แต่ลึกๆ แล้วผมรู้สึกดีที่โน่ยังดูเเลผมเหมือนเดิม

แต่มันก็เจ็บจังว่ะ...เเบบเจ็บๆ ปนมีความสุข ซาดิสม์ดี

ไม่นานโน่ก็กลับมานั่งลงข้างๆ ด้านนอกมืดจนมองอะไรไม่เห็นเเล้ว และผมก็เริ่มหาวอีกครั้ง ไฟในห้องโดยสารเริ่มสลัวเป็นสัญญาณว่าอย่าถ่างตาอีกเลย

แอบได้ยินเสียงพวกพี่ปีสี่ตั้งวงไพ่เล็กๆ แต่ผมก็ไม่ได้เป็นพวกพลังเยอะ ที่จะเข้าไปแจมไม่หลับไม่นอน ดังนั้นการพักผ่อนจึงเป็นทางเลือกที่ดี

ผมยกถุงนอนที่ม้วนกลมเป็นหมอนอยู่ในถุงผ้า ขึ้นมาพิงผนังรถไฟ แต่ด้วยความที่รถส่ายไปมาและวิ่งไม่ละมุนตูดเลยทำเอาคอตกไปหลายรอบจนหงุดหงิด

“นอนลงมา” เสียงเเผ่วเบากระซิบ ผมปรือตาหันไปมองโน่ในความมืด เขาดึงไหล่ผมให้นอนลงไปบนตัก ผมขืนตัวในตอนเเรก แต่ตาดุๆ ที่เเวววาวนั้นทำให้ต้องเผลอบึนปากใส่ และรู้ว่าปฏิเสธไปก็เท่านั้น โน่หนะดื้อกว่าผมเป็นร้อยเท่า

ผมทิ้งตัวลงนอนบนต้นขาเขา เนื้อเเน่นเว่อไม่เสียเเรงจ่ายค่ารายเดือนเเละเทรนเนอร์ฟิตเนส ผมพลิกตัวเข้าหาพุงโน่ เพราะถ้าหันหน้าออกจะหวาดเสียวกลัวตกเก้าอี้ไม่เป็นอันหลับอันนอน ขาที่ยาวเกินก็ต้องคุดคู้ให้ได้ท่าที่สบาย แล้วค่อยหลับตาลงได้ ผมสัมผัสได้ว่ามีเสื้อหนาวคลุมลงมาบนตัว แล้วก็มีมืออุ่นๆ ลูบหัวเบาๆ เหมือนจะกล่อม

“ฝันดีนะน้ำ” หมอนใบนี้มันสบายจนผมเผลอหลับไปในที่สุด





ตื่นอีกทีก็เข้าสู่เขตเชียงใหม่เเล้วครับ โน่ยื่นผ้าเย็นมาให้เช็ดหน้า ผมเปิดหน้าต่างรถไฟ กลิ่นอากาศยามเช้าและไอหมอกที่เห็นลิบๆ ทำให้อารมณ์สดชื่นขึ้นทันที ผมหันหน้าไปหาโน่ กวักมือเรียกเขามาดู พระอาทิตย์ที่กำลังแผ่เเสงสีชมพูอ่อนจับขอบเมฆ เรายืนเคียงข้างกันดูวิวทิวเขาที่เเปลกตารวมถึงบ้านเรือนรายทาง

ไม่นานรถก็ชะลอความเร็วเพื่อเทียบสู่ชานชาลา เราช่วยกันเอากระเป๋าลงมาจากชั้นด้านบน แล้วก็ทยอยลงจากรถไฟ นับเป็นการเดินทางสิบกว่าชั่วโมงที่ประทับใจ ไม่ได้เหนื่อยอย่างที่คิด แต่ใต้ตาโน่ดูคล้ำๆ ไปนะ ไม่รู้จะได้นอนบ้างรึเปล่า อิอิ

ผมไม่เคยมาเชียงใหม่เเละถ้ามากับครอบครัวคงไม่เลือกรถไฟ ทริปนี้จึงเหมือนเป็นเรื่องราวใหม่ๆ ในชีวิตทั้งหมด และประสบการณ์ที่สองคือการนั่งรถเเดง สัญลักษณ์ประจำเมืองเชียงใหม่

พวกพี่ๆ ที่เคยมาเล่าว่าชมรมดีลรถเเดง ที่หน้าตาคล้ายๆ คลึงกับรถกระบะสองเเถวแต่ทาสีเเดงทั้งคัน มาใช้เป็นพาหนะตลอดทริป

และเมื่อพาหานะท้องถิ่นมาถึง เราถูกพาไปทานมื้อเช้าและใช้ห้องอาบน้ำในโรงยิมผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้ากันที่มหาวิทยาลัยท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อว่ามีเเต่คนหน้าตาดี ทั้งผู้หญิงผู้ชายในทริปนี่ระริกระรี้กันใหญ่ อยากจะสร้างพันธมิตรต่างมหาวิทยาลัยเสียเหลือเกิน

ในทริปนี้ปีหนึ่งคนอื่นๆ มาเป็นกลุ่มใหญ่อยู่เเล้ว เว้นเเต่ผมกับโน่ที่ไม่ได้สังกัดกลุ่มนั้นๆ เพราะเป็นตัวเเถมมาทำให้ทริปคนครบ ทำให้ผมกับโน่ต้องไปไหนมาไหนด้วยกันไปโดยปริยาย แต่เมื่อตอนที่เเบ่งรถเเดงกันนั่ง เพื่อนปีหนึ่งกลุ่มนั้นก็เรียกเราสองคนมาด้วย พอได้มานั่งด้วยกันเราก็พูดคุยกันสนุกดี เราเริ่มทริปด้วยการไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพฯ เพื่อเป็นสิริมงคล จากนั้นก็ตีรถยาวไปขึ้นดอยอ่างขาง สภาพค่อนข้างสะบักสะบอมเพราะกว่าพันโค้งที่ขึ้นดอย เหมือนเราได้เล่น Roller Coaster กันไปตลอดทาง

ดีนะครับว่าชมรมเเจกมะขามป้อมที่มีรสชาติเปรี้ยวให้เเทะๆ กันไปแก้อาการผะอืดผะอมจากการเมาโค้ง ไม่อย่างนั้นผมว่าคงมีคนอ้วกมากกว่านี้ แถมตอนนี้ยังมีตัวตั้งตัวตีเปิดวงไพ่เล่นเเก้เบื่อไประหว่างทาง

เเค่ทางโค้งยังชาเลนจ์เราไม่พอนะครับ

“เมารถมั้ย”

โน่ถามเนิบๆ ขึ้นมาเป็นระยะ ผมส่ายหน้า

“โน่อ่ะ”

เขาก็ส่ายหน้า

ในมือเราสองคนยังถือไพ่คู่สองใบเพราะกำลังหาป๊อกแปดป๊อกเก้ากันอยู่ เเต่โน่ก็ไม่ละเลยที่จะประคองตัวผมเวลารถเทโค้งเเรงๆ เลย บางครั้งผมก็เหมือนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเขา โดยมีสายตาวิบวับของเพื่อนๆ ร่วมคันรถให้ได้รู้สึกร้อนๆ ที่เเก้ม

“ถอยไปหน่อย” ผมหันไปบ่นอุบใส่เขา

“รถมันเหวี่ยงโน่หลบ เดี๋ยวน้ำก็เซกลับมาหาอยู่ดี”

“มันเบียด อึดอัด”

“เบียดก็ดีเเล้ว จะได้ไม่เซเเรงไง”

ผมทำเสียงขึ้นจมูกอย่างเหนื่อยใจ เถียงโน่ไม่เคยชนะ ผมเลยหันกลับมาสนใจการพนันตาละหนึ่งบาทของตัวเองต่อดีกว่า

กว่าจะมาถึงจุดกางเต้นท์ก็ตกเย็นแล้ว อากาศบนนี้เย็นชื้น เพราะเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ สูงชนิดที่ต้องแหงนคอตั้งบ่า เจ้าหน้าที่อุทยานกางเต้นท์ไว้ให้พวกเราเเล้ว มันเป็นไซส์ใหญ่ขนาดนอนได้สิบคนต่อหนึ่งหลัง ชมรมจัดการเเยกเต้นท์ชายหญิง และเเบ่งชั้นปีให้เรียบร้อย เมื่อวางสัมภาระเสร็จ พวกเราก็ผลัดกันไปทำธุระต่างๆ อากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ จนฟันเริ่มจะกระทบกันจนไม่อยากอาบน้ำแล้วครับ แต่...ก็นั่นเเหละนั่งรถเเดงขึ้นดอยมาทั้งวันมันก็สกปรกอยู่ดีอาบก็ได้ อาบตอนเย็นน่าจะหนาวน้อยกว่าอาบพรุ่งนี้เช้านะครับ

หลังวิ่งผ่านน้ำเเละสระผมในอุณภูมิเลขตัวเดียวเรียบร้อย ผมก็สามารถอยู่ได้ด้วยเสื้อยืดตัวเดียวกับกางเกงวอร์มเหมือนร่างกายมันบรรลุวิทยายุทธ สามารถทนความหนาวได้ไปอีกหนึ่งระดับ

ไม่นานก็ถึงเวลาอาหาร เจ้าหน้าที่อุทยานจัดกับข้าวไว้ให้เป็นโต๊ะๆ เหมือนโต๊ะจีน อาหารก็เป็นผักพื้นเมืองมาผัด ไข่เจียว ไก่ทอด แล้วก็ต้มยำ ง่ายๆ แต่อร่อยมากครับไม่รู้ทำไม

ทานเสร็จก็จะเป็นช่วงพักผ่อนตามอัธยาศัยก่อนนอน ใครที่ยังไม่อิ่มก็มีทริปเล็กๆ เอารถเเดงเเวะลงไปในหมู่บ้านที่อยู่ต่ำลงไปจากจุดกางเต้นท์ เส้นทางคดเคี้ยวตามสไตล์ แต่ก็ไม่ได้ไกลมาก ยังไม่ทันเมารถ

ตรงจุดมีร้านค้าเล็กๆ ขายขนมเเละของใช้พื้นเมือง ตอนเเรกพวกปีหนึ่งก็เฮกันมาเป็นกลุ่มใหญ่ เดินไปได้ร้านสองร้านก็เริ่มหายกันไปเรื่อยๆ สุดท้ายเหลือผมกับโน่ที่ไม่ได้้เเวะที่ไหนเดินเล่นกันอยู่สองคน เราเเวะซื้อมันเผากันมากินอุ่นๆ แก้หนาว

ผมกำลังเเกะ แต่ทุกลักทุเลเหลือเกิน ทั้งร้อนทั้งเลอะ โน่คงรำคาญเขารับมันที่ยังเต็มไปด้วยเปลือกจากมือผมไป บิเป้นสองชิ้นเเล้วเเกะเปลือกให้ ฐานด้านล่งก็ห่อทิชชูหนาให้จับกินได้โดยไม่ร้อน

“อ่ะ” เขายื่นมาให้

“ขอบคุณ”

ตอนรับมา ‘ปลายนิ้ว’ เราสัมผัสกัน

“เป่าก่อนนะมันร้อน”

“อะ อื้อ”

ผมทำตามโน่บอก พ่นลมปากจู๋ ใช้ลิ้นเเตะๆ แล้วค่อยงับเข้าปาก มันอุ่นๆ กับอากาศหนาวจัดฟินเว่อร์ เคี้ยวไปเเก้มตุ่ยเลย

“โน่กินสิ อร่อยนะ” ผมยื่นมันไปตรงหน้าเขา

“น่ารัก” เขาก้มลงกัดมัน แต่ตามองมาที่ผม

ผมเลิกคิ้ว เหมือนหูฟาด

“ว่าไงนะ”

“เเก้มเเดงหมดเเล้ว” โน่ตอบกลับมาเเบบนี้

“หนาว”

“โน่รู้ แก้มเเดงแบบนี้น่ารักดีนะ”

โน่ไม่รอให้ผมว่าอะไร หันหลังเดินนำไปก่อน ปล่อยผมให้ยืนงงต่อไป เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าที่เเก้มเเดงนั้นเพราะอากาศหรือเพราะ...บรรยากาศระหว่างเราสองคนกันเเน่

ผมเดินตามไปเงียบๆ สุดท้ายก็ขึ้นรถกลับไปนอนเต๊นท์โดยไม่ได้พูดอะไรกันอีก

เราเข้านอนไวเพื่อเตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้นพรุ่งนี้

ผมนอนริมสุดของเต้นท์ ถัดไปเป็นโน่ แล้วก็เพื่อนปีหนึ่งที่เหลือ

ตอนเริ่มนอนไม่หนาวมาก เเต่พอตกดึกน้ำค้างก็ลงเเรงจนได้ยินเสียงเปาะเเปะเหนือเต้น ผมเริ่มจะตัวสั่น ซุกมือเข้าไปอยู่ระหว่างขา ขนาดใส่ทั้งเสื้อหนาว และห่มด้วยผ้านวมถุงนอน ก็ยังไม่อุ่นขึ้นเลย

“นำ้” โน่เรียกเบาๆ ในความมืด สงสัยผมขยับบ่อยจนทำเขาตื่น

“หนาวหรอ” เสียงทุ้มต่ำขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น

ผมพยักหน้าไม่รู้เค้าเห็นหรือเปล่า แต่สัมผัสได้ถึงแขนของอีกฝ่ายที่สอดเข้ามาตรงช่วงเอวใต้ถุงนอน เเล้วเขาก็ขยับมาจนอกชิดแผ่นหลัง มือโน่เอื้อมมากุมหลังมือที่เย็นเฉียบของผมเบาๆ ผมนี่ตัวเเข็งทื่อ

“อุ่นขึ้นมั้ย”

ผมพยักหน้าอีก มันหนาวจริงๆ นะสังคม ผมไม่ได้ใจอ่อนอะไรเลยฮือ ผมหลับตาปี๋พยายามไม่คิดอะไร มันสบายพอที่จะทำให้ผมหลับไปได้อีกรอบเพราะอุณหภูมิรอบตัวที่สูงขึ้นอีกนิด

ประมาณตีสี่กว่าๆ เสียงนาฬิกาปลุกของใครสักคนก็ดังขึ้น เเล้วมันก็ดังต่อกันไปเป็นทอดๆ เพราะเรานัดกันตีห้าเป็นเวลาล้อรถหมุน เพื่อไปยังจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่อยู่สูงกว่าลานกางเต้นท์นี้ ชมรมไม่ได้บังคับนะครับ ใครที่ยังง่วงจะนอนต่อก็ได้ แต่มาทั้งทีผมก็ไม่ยอมพลาดหรอก โน่พึ่งปล่อยมือเเละถอยออกห่างไปเมื่อกี๊เมื่อเพื่อนเริ่มตื่น ผมลุกขึ้นนั่งท่าทางงัวเงีย แล้วก็ต้องขำคนข้างตัวที่สูงจนศีรษะเบียดหลังคาเต้นท์ เราสองคนหยิบเเปรงสีฟันแล้วรูดซิปเต้นท์ออกมา สวมถุงเท้าเเละคีบเเตะไปแปรงฟัน (ใส่รองเท้าผ้าใบไม่ได้จริงๆ ครับใบหญ้าที่พื้นชื้นเเฉะจนกลัวลูกไนกี้และอดิดาสจะจากไปก่อนวัยอันควร จัดลูกช้างดาวไปดีที่สุด)

ผมสวมเสื้อยืด ทับด้วยเสื้อหนาว แถมผ้าพันคออีกผืนยังสั่นหงึกๆ โน่ใส่แค่ฮู้ดดี้ตัวเดียวไม่ยักกะสะทกสะท้านพระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย พอออกมายืนสูดอากาศข้างนอก ในบรรยากาศที่มืดมิดเหมือนหนังผี มีเพียงไฟฉายเป็นดวงๆ ของคนที่ทยอยออกจากเต้นท์เท่านั้น ผมก็เเอบป๊อดบ้างเหมือนกัน หันไปมองโน่ เขาเอาไฟฉายกระบอกเล็กมาด้วย แล้วก็จัดการครอบหมวกบีนนี่ใส่หัวผม

“น้ำค้างยังเเรง เดี๋ยวป่วย”

แถมยังจับมือมาถูๆ แล้วกุมไว้ด้วย

ง่า... ผมเชื่อเเล้วว่าทริปนี้มันเป็นทริปหาเเฟนที่เเท้จริง





เราขึ้นไปยังจุดชมพระอาทิตย์ทั้งที่ฟ้ายังไม่สาง เเต่ก็มีชาวบ้านหรือชาวเขามาตั้งโต๊ะขายโจ๊กเห็ดหอมและไข่ลวกกันอยู่สี่ห้าเจ้า บรรดารุ่นพี่ที่เคยมาปีก่อนๆ กระซิปให้พวกเราลองชิมอากาศแบบนี้แล้วได้ซดโจ๊กนะฟินสุด แน่นอนว่าผมลากโน่ไปนั่งทันที มีเพื่อนรุ่นเดียวกันมาเเจมด้วย พวกเราก็พูดคุยกันสนุกระหว่างตักโจ๊กอุ่นๆ เข้าปาก

ผมได้กระดูกหมูมาเพิ่มอีกสามชิ้นจากถ้วยของโน่

ตักใส่มาได้ไงกัน เพื่อนที่เห็นก็สะกิดกันไปดิ ผมอุบอิบขอบคุณ โน่ยิ้มหล่อตามสไตล์ที่ใครเห็นก็ต้องเขิน

“หมาเปี๊ยกชอบเเทะกระดูก” เขายิ้มใส่ตาให้อีกทีพร้อมประโยคนั้น ผมก็ยิ้ม แต่ก้มลงไปยิ้มกับโจ๊กในถ้วยนะ

โอ้โห...ดอยอ่างขางนี่อบอุ่นขึ้นมาเชียว

พระอาทิตย์ขึ้นสวยมาก แต่ซีนนี้ก็ไม่ได้โรเเมนติกอะไร เพราะทุกคนพยายามมากในการถ่ายท้องฟ้าให้มันสวย เสียงลุ่นชัตเตอร์จากกล้องโปรดังลั่นไปหมด ส่วนผมกับโน่ที่ถือเเค่โทรศัพท์ก็โดนสาวๆ เรียกให้ไปถ่ายรูปกับฉากพระอาทิตย์ขึ้นให้เสียมือเป็นระวิงจนแทบไม่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศเท่าไหร่ จนเเสงจะสว่างเต็มฟ้าแล้วนั่นเเหละครับโน่ค่อยมาสะกิดให้เรา selfie กันอีกรอบมันไม่สวยหรอกครับ เเต่พอดูออกว่าเป็นเราสองคนกับฉากพระอาทิตย์

“ทำไมเรียกเราว่าหมาเปี๊ยก” ผมถามโน่ขณะเราเดินลงจากลานชมฉากเเสงเเรกของวันไปขึ้นรถ อ่า...ผมยังอยู่ในภาวะความจำเสื่อม และโน่ก็พยายามพูดทุกอย่างเหมือนช่วงที่ผมพยายามทำเป็นลืมเลือนไป

“ก็...สมัยก่อนน้ำชอบดุเรา ดุมาก แต่ไม่ได้น่ากลัวเลย เหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ ที่เห่าเเง๊วๆ”

“ร้ายกาจ”

“น่าเอ็นดู เห็นเเล้วอยากอุ้มอยากโอ๋”

ทายกันสิครับว่าผมเดินหนีเค้ามั้ย





ประมาณ 7 โมงเช้าเราก็ลงมาที่เต้นท์อีกรอบ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งน้อยคนละครับที่จะอาบ แล้วก็ไปทานโจ๊กที่เจ้าหน้าที่อุทยานเตรียมให้ ก่อนจะไปเที่ยวสวนเกษตรกัน

เมื่อรถจอดทุกคนก็มุ่งตรงลงไปหามุมถ่ายรูป ส่วนผมกับโน่นั้นเดินรั้งท้าย เเวะซื้อกาเเฟจากร้านค้าข้างทาง ซึ่งอากาศตอนนี้ก็ยังหนาวมาก เเต่เพราะเป็นคนไทยครับ เราสองคนก็ยังซื้อกาเเฟแบบเย็นเเล้วถือดูดกันไป

บรรยากาศมันดีมากแสงเเดดอ่อนๆ กับสวนสวยๆ มันทำให้ผมอยากจับมือโน่ แตะหลังมือกันสักนิดหรือกำเเค่นิ้วชี้ของอีกฝ่ายก็ยังดี ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงทำได้ทันทีโดยไม่ต้องคิดมาก เเต่ตอนนี้ผมกลับไม่สมควรทำเลย

เราเดินไปตรงจุดที่เป็นสระบัวห่างไกลออกมาจากคนอื่นๆ นั่งอยู่บนขอบสะพานเเล้วก็ทอดตามองความสวยงามรอบตัว ผมวางมือไว้ข้างลำตัวแล้วโน่ก็วางทับลงมา

ผมหันไปมองหน้าเขา โน่ยังคงมองตรงไปที่กอบัวสักกอหรือเเมลงปอสักตัวที่บินมาเกาะ ในเมื่อเขาทำมึนขนาดนั้นผมก็ได้เเต่ปล่อยไป



เราเที่ยวกันอีกสองสามวันก็มาถึงปาย เมืองเล็กๆ ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทริปโรแมนติกของเราให้นอนวัดครับคืนนี้ (ไม่แปลกใจเลยที่มากันเป็นอาทิตย์ แล้วคิดเงินแค่ 2,700 บาท) พวกเราจับจองที่ในศาลาวัดกันเรียบร้อย ก็เดินเข้าเมืองไปพักผ่อนตามอัธยาศัยเพราะเป็นวันฟรีไทม์พร้อมกับเเจกแผ่นพับนำเที่ยวฉบับดูง่ายมาให้เป็นไกด์

รุ่นพี่แนะนำให้เช่ามอเตอร์ไซต์ขี่ขึ้นไปดูน้ำตก หรือไม่ก็ไปกินขาหมูยูนนานที่หมู่บ้านนอกเมือง หรือใครอยากผจญภัยก็มีพวก ATV ให้เช่า หรือใครอยากจะสโลว์ไลฟ์ในตัวเมืองปายก็มีร้านกาเเฟน่าสนใจหลายร้าน

เมื่อก่อนโน่ขับบิ๊กไบค์ผมเลยเดาว่าเขาคงอยากขี่รถมอเตอร์ไซค์ เราสบตากันไม่ทันต้องพูดด้วยซ้ำโน่ก็ยื่นบัตรประชาชนให้เขาไปถ่ายเอกสาร แล้วได้ฮอนด้าเวฟมาหนึ่งคัน

โถ แรพเตอร์ เวอร์ชั่นปาย (บิ๊กไบค์ของโน่ ผมเคยตั้งชื่อให้ว่าเเรพเตอร์ครับ)

เราเช่าหมวกกันน็อกมาด้วยสองใบ โน่สวมให้ผมเหมือนที่เคยทำสมัยก่อน นี่ก็โตขึ้นเเล้วมั้ยใส่เองก็เป็นหรอก ผมยืนเเก้มร้อนอยู่หน้าร้านเช่ารถ ส่วนโน่ก็พระอิฐพระปูนปรับสายรัดให้กระชับอยู่นั่นอ่ะ

เขาวาดขาขึ้นคร่อมรถด้วยท่างทางโครตเท่ ผมก็ขึ้นซ้อนท้าย คันนี้ค่อยขึ้นง่ายกว่าลูกชายตัวจริงของโน่หน่อย

“ทำไมไม่เกาะโน่” เสียงดุๆ ดังออกมา เมื่อเขาสตาร์ทรถเเละไม่มีที่ท่าว่าจะเคลื่อนตัวออกไป

“เกาะที่จับด้านหลังเเล้ว”

“น้ำ” โน่กดเสียงต่ำ ผมหน้างอ แล้วก็ยอมเกาะไหล่เขาก็ได้

“น้ำ โน่เคยบอกไม่ใช่หรอว่าเวลาซ้อนมอเตอร์ไซค์โน่ให้เกาะยังไง”

“จำไม่ได้!” ผมเผลอขึ้นเสียง ชอบดุอ่ะ คนไปผ่าสมองมานะโว้ย เล่นบทความจำเสื่อมอยู่!!

เขาถอนหายใจ “โน่ขอโทษ โน่ลืมว่าน้ำความจำเสื่อม”

มือใหญ่ที่คอยทำให้มือผมอุ่นอยู่ตลอดทริป เลื่อนมาจับมือผมไปวางตรงหน้าท้องเขา หือ...เเน่น เดี๋ยวไม่ใช่ประเด็น

“กอดเเน่นๆ นะ โน่ไม่ชินทาง เผื่อ..เอ่อ...ยังไงดี...เผื่อรถล้ม”

ผมว่าโน่ก็ประหม่าเเหละ นานเเล้วที่ผมไม่ได้สัมผัสตัวเขาแบบเเนบชิดเเละตั้งใจขนาดนี้

“อือ จะกอดเเน่นๆ เลย” ผมรับคำ แล้วกระชับเเขนเเทนคำตอบ เสนอหน้าไปอยู่ข้างไหล่เขาด้วย แต่เบาะมันต่ำจนไม่สามารถเอาคางเกยไหล่ได้แบบเจ้าเเรพเตอร์ แต่เเค่นี้ผมก็มีความสุขเเล้ว

ทริปโรแมนติกสมคำร่ำลือจริงๆ ฮรือ!!

หน่วงจังอ่ะครับ จะฟินก็ไม่สุด จะสวีทก็ไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์เราก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น



เราขับรถตระเวณชมวิวไปทั่วตามเเผนที่ที่ชมรมให้มา รวมทั้งร้านแวะร้านอาหารน่าทาน พวกเราไปกินขาหมูยูนนาน ซึ่งก็เจอเด็กคณะเราครองโต๊ะไปเกือบครึ่งร้านนั้นเเหละ ทักทายพูดคุยกันสักพักก็เลี่ยงมานั่งกับโน่สองคน ตกบ่ายเราก็ไปนั่งดื่มกาเเฟกันที่ริมแม่น้ำปาย โน่สั่งอเมริกาโน่ร้อน มันทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกเสต็ป ส่วนผมสั่งชาเย็น

“ยังกินเหมือนเดิม” โน่พูดลอยๆ ผมพยักหน้า แต่ไม่ได้ต่อบทสนทนา เราปล่อยให้เวลาไหลไปเรื่อยๆ อย่างไม่เสียดาย พอตกเย็นก็เอารถไปคืน แล้วเดินเล่นดูถนนคนเดิน

มีของกินพื้นเมืองมากมายมาเรียกความสนใจผมได้ดี แล้วก็มีเสื้อผ้ารูปแบบต่างๆ วางเต็มไปตลอดถนน แต่ที่ฮิตที่สุดหนีไม่พ้นเสื้อคู่ โน่พยายามสะกิดผมเข้าไปดูหลายร้าน

“ซื้อไปฝากนางฟ้าหรอ” ผมอดปากไม่ได้ที่จะเเซว โน่ยิ้มเเล้วก็ส่ายหน้า เขาเลยเดินออกไปจากร้านนั้นเสีย เราเดินต่ออีกนิดหน่อยผมก็ชวนโน่กลับ จริงๆ บรรยากาศมันเริ่มเเย่ตั้งเเต่ที่ผมพูดชื่อใครอีกคนออกไปนั่นเเหละ

เพราะเหนื่อยจากการเดินทางมาหลายวัน หลายๆ คนจึงเข้านอนเร็ววันนี้ แต่ก็มีพวกพี่ปีสูงออกไปนั่งตามบาร์เล็กๆ ในเมือง

รุ่นพี่ชวนผมเหมือนกัน แต่ผมเลือกที่จะอาบน้ำและเตรียมเข้านอนมากกว่า ส่วนโน่ออกไปคุยโทรศัพท์นานเเล้วยังไม่เข้ามา ผมพึ่งนึกได้ว่าตั้งเเต่มาทริปด้วยกัน นอกจากถ่ายรูปแล้วโน่แทบจะไม่เล่นโทรศัพท์หรือคุยโทรศัพท์เลย ผมเองก็เช่นกัน เเต่ผมมันคนโสดจะให้มีใครคุยด้วยนักหนาเล่า
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 17_05 oct]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 05-10-2018 21:08:34

คิดเเล้วก็พาล นอนเเม่งไม่รอโน่ล่ะ

หลอก... ผมนอนตาค้างอยู่อีกเกือบชั่วโมง จนโน่มานอนลงข้างนั้นเเหละ ผมถึงวางใจยอมหลับตา เขาสอดเเขนเข้ามาตรงช่วงเอวอีกแล้ว และก็ขยับตัวเข้ามาใกล้

“โน่...วัด” ผมดุเสียงเบา เพราะกลัวเพื่อนที่นอนเรียกกันเป็นตับจะได้ยินด้วย

“เราเป็นคริสต์”

ผมยอมใจเขาเลย

“คืนนี้เราไม่หนาวเเล้ว” ผมยังคงเถียง ใช่ครับเมืองปายมันไม่ได้สูงเท่าพวกยอดดอยต่างๆ อุณหภูมิก็หลักนำหน้าด้วยเลขสองตามปกติ

“แต่โน่หนาว” เสียงโน่อ้อนมาก

“อย่าใจร้ายกับโน่เลยนะ”

ผมถอนหายใจแล้วพยายามข่มตาให้มันหลับๆ ไป เพราะเถียงยังไงก็ไม่มีทางชนะ



หลังจากปายเรากำลังจะลงกลับไปที่เชียงใหม่ และอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ตามโฆษณาของชมรมคือ ห้วยน้ำดัง เป็นผาหน้าตัดที่กว้างพอจะกางเต้นท์ ก่อกองไฟนั่งล้อมวงเล่นกีต้าร์แล้วก็ดูดาวยามค่ำคืน ตื่นเช้ามาชมทะเลหมอก

ที่ห้วยน้ำดังภูมิอากาศจะเป็นลักษณะหนาวเเห้งครับเหมือนนอนเปิดเเอร์ มันเลยจะไม่ทรมานเท่าพวกดอยที่มีต้นไม้ใหญ่อย่างอ่างขางที่เราไปนอนกันคืนเเรก

เต้นท์ที่นี่เป็นเเบบหลังเล็กผสมหลังใหญ่ และก็มีเเจ๊กพอต เหลือเศษคู่ผมกับโน่...ได้นอนเต้นท์เล็กขนาดสองคน 1 คู่ถ้วน พอเป็นผู้ชายและยิ่งเป็นเพื่อนที่ดูสนิทกันด้วย จะปฏิเสธให้ทั้งทริปด่าว่าลำไยก็ใช่ที่

หันไปดูหน้าอิคุณชายโน่ตอนที่พี่หัวหน้าชมรมเดินมาบอกว่าให้นอนเต้นท์เล็กคู่ผม แล้วก็รู้เลยนะครับว่าพึงพอใจมาก

พวกเราเอาสัมภาระลงวางไว้หน้าเต้นท์ แล้วก็ไปเช่าแผ่นโฟมรองพื้นเพิ่มจากเจ้าหน้าที่ เพราะรุ่นพี่ปีสูงอีกแล้วมากระซิบว่ามันทำให้ไม่เจ็บหลัง และช่วยให้ความหนาวจากพื้นไม่ซึมเข้ามา เช่าเเค่ผืนละ 20 บาทเอง โน่ก็จ่ายไป

หลังจากปูพื้นเสร็จก็เอาของเข้ามาเก็บ แล้วเตรียมออกไปอาบน้ำ กินมื้อเย็น

ฟ้ามืดลง เปลวเพลิงสีเเดงฉานก็ส่องสว่างขึ้น เด็กคณะศิลปกรรมประมาณ 40 ชีวิตนั่งล้อมวงเป็นรูปตัวยู เปิดทางให้มองเห็นวิวหน้าผา และหมู่ดาวที่เกลื่อนกลาดเต็มท้องฟ้า ที่นี่ไม่หนาวเยือกทรมานแบบอ่างขาง แต่ลมพัดมาทีก็สั่นกันเป็นลูกนกเหมือนกัน ผมนั่งชันขากอดเข่า โน่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ เขาเอาเสื้อหนาวตัวโคร่งคลุมด้านหน้าของตัวผมไว้ และมันก็ใหญ่พอจะคลุมไปถึงตักเราด้วย มือโน่สอดเข้ามาให้ความอบอุ่นมือผมทันที

ร้ายนัก!

ผมหันไปส่งตาดุใส่ เขาก็ผิวปากตามจังหวะกีต้าร์ที่พี่ประธานชมรมดีดอย่างไม่รู้ไม่ชี้

ผมคร้านจะทะเลาะ เลยสนใจนั่งร้องเพลงตามรุ่นพี่ดีกว่า แล้วสต๊าฟจากชมรมโฟโต้ก็เอาถังใส่น้ำแบบหูหิ้วอันเล็กมาเเจกประมาณ 5-6 ถัง ปักหลอดมาหลายๆ อัน ดูดเข้าไปคำเดียวก็ร้อนวาบไปทั่วหน้าท้อง ไม่ต้องบอกนะครับว่าผสมอะไรกันมาบ้าง

ถังสีเเดงผมว่าเบียร์

ถังเขียวนี่น่าจะเหล้าขาวสไปรท์มะนาว

ถังฟ้าคงเป็นเหล้าสีผสมกระทิงเเดง

ถังเหลืองเป็นผสมโค้ก

ฮือ....ถังชมพูออนเดอะร็อคมาเลยครับ

เราไม่จำเป็นต้องชิมทุกถังก็ได้ แต่ผมก็เผลอดูดทุกครั้งที่โน่ยื่นมาให้ และพอแอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดกันพอประมาณ ความบันเทิงต่างๆ ก็เริ่มมา พวกปีสูงๆ ที่มองตากันมานานก็เริ่มสารภาพรักกันบ้างให้น้องๆ ได้โห่กันกริ้บกริ้ววว

ส่วนที่ยังจีบๆ กัน ก็มีขอเพลงรักกันรัวๆ แบบคนเล่นกีต้าร์ต้องร้องขอชีวิต

“โน่มึงไม่เล่นบ้างอ่ะ” เพื่อนปีหนึ่งด้วยกันหันมาสะกิด เพราะรู้ว่าโน่นั้นมีฝีมือทั้งร้องทั้งเล่น คนข้างตัวผมส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ก็นั้นเเหละหนีไม่พ้นหรอก เพราะจู่ๆ ก็มีต้นเสียงตะโกนขึ้นมาว่า

“น้องโน่ น้องโน่ น้องโน่!!”

เขาหันมามองหน้าผมเหมือนขออนุญาต ผมพยักเพยิดให้ไอ้หล่อออกไปโชว์ เขาลุกขึ้นผมนี้เซวูบ พึ่งรู้ว่าเอนพิงโน่ไว้ทั้งตัว ทั้งที่คิดว่าไม่ได้เมามาก แถมยังหนาวมือขึ้นมากโข

โน่รับกีต้าร์จากรุ่นพี่ แล้วเกาเบาๆ ก่อนจะจับเป็นท่วงทำนองเพลงที่ผมคุ้นหู

‘ในการเดินทาง คงไม่มีนักเดินทางคนไหน ที่รู้ว่าวันใดคือวันที่สุดท้าย เรามีเวลาที่ยังเหลือสักเท่าไร ที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันได้อยู่กับคนที่เรารัก’

‘และเธอคนที่ทำให้นักเดินทางอย่างฉันพบว่า จุดหมายในชีวิตคืออะไร’

เขาร้องเเล้วก็เงยหน้าขึ้นสบตาผม ...อ่าเพลงที่ครั้งหนึ่งผมเคยร้องให้โน่ ผมหลบสายตา เเสร้งหันไปมองตามเสียงกรี๊ดที่ดังมาจากพวกรุ่นพี่ เนื้อเพลงนี่เหมาะกับตัวโน่นั้นเเหละผู้ชายลุคแบดๆ ที่คิดจะหยุดที่คนคนเดียว

“มีค่าเทอมหรือยังค่าาาาา”

“เจ๊อยากเปย์!!”

คำเเซวเรียกความขำขันได้ดี เพราะพี่ๆ ตัวฮาเล่นเดินเอาเเบงค์พันไปยัดกระเป๋าเสื้อโน่ด้วย ผมมองภาพเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มบางๆ โน่ถูกขอให้เล่นเพลงอื่นต่อ ระหว่างนั้นถังน้ำเมาก็วนมาถึงผมเรื่อยๆ ผมดูดไปโดยไม่ได้ยั้งใจเท่าไหร่ บรรยากาศมันดีเกินกว่าจะคิดอะไรมากมาย

ตกดึกน้ำค้างเริ่มลงเเรงขึ้น เเละอากาศก็หนาวเกินจะนั่งต่อไปไหว ชาวทริปค่อยๆ ลุกออกไปทีละกลุ่ม สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร ผมกับโน่ก็เช่นกัน เรากลับเข้าเต้นท์

“น้ำเมา” เขาดุผมที่ทิ้งตัวลงกับพื้น ก็ใช่สิหัวมันหนักนี่นา

“ทิ้งให้นั่งคนเดียวไม่ได้เลย” โน่ดุอีก ผมเม้มปากมองหน้าโน่

“ได้ฟังหรือเปล่าว่าโน่ร้องเพลงอะไร”

ผมส่ายหน้า

“ตัวดื้อ” เขาว่าผม

“ร้องให้ฟังใหม่สิ” ผมบอก

“ร้องด้วยกัน” โน่ต่อรอง

‘ในการเดินทาง คงไม่มีนักเดินทางคนไหน ที่รู้ว่าวันใดคือวันที่สุดท้าย เรามีเวลาที่ยังเหลือสักเท่าไร ที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันได้อยู่กับคนที่เรารัก’

‘และเธอคนที่ทำให้นักเดินทางอย่างฉันพบว่า จุดหมายในชีวิตคืออะไร’

จบเพลง

ผมเมา เเละเราเผลอเคลื่อนหน้าเข้าหากัน

เเม้มันจะเป็นเพียงแค่ปากแตะปาก

แต่หัวใจผมกลับเต้นเเรงราวกับมันจะกำลังหลุดออกมาจากอก

“น้ำเคยร้องเพลงนี้ให้โน่ ตอนวันกีฬาสี”

ผมทำทีเป็นเมาจนนั่งต่อไปไม่ไหว ต้องหาที่ซุกตัวหลับ

เขาทิ้งตัวลงนอนซ้อนหลัง ดึงตัวผมเข้ามาใกล้แบบเช่นทุกคืน

“จริงๆ ตอนนั้นก็ดีนะ อยากให้ตอนนี้ดีเหมือนกับตอนนั้น”

โน่กระซิบเเผ่วเบา แต่ผมกลับได้ยินชัดเจนทุกคำ ผมก็คิดเหมือนเขา ‘อยากให้ตอนนี้ดีเหมือนกับตอนนั้น’

ผมพลิกตัวขยับเข้าซุกหาโน่ เเสร้งทำเป็นเมา แสร้งทำเป็นหลับไม่รู้เรื่องราว แต่จริงๆ แล้วผมอยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมคิดถึงอดีตของเรา คิดถึงสุดหัวใจ





TBC 

ร้องไห้มั้ยตอบ #พระเพลิงมารีน 

ทำไมโน่คบนางฟ้าเป็นปริศนาฟ้าเเลบไปสักพักนะคะ ตามติดชีวิตน้องโน่กันต่อตอนหน้า สงสารน้ำมั้ยแบบ 

เพลง room39 ต้องมา... 

มันจึงเป็นความรัก ที่ไม่ถึงกับสุข

เป็นความทุกข์ ที่ไม่ถึงกับเศร้า



คอมเม้นกันได้นะคะ ชอบอ่านคอมเม้นยาวๆ ได้เลยน๊า เเล้วจะเเวะมาไว ตามจำนวนคอมเม้นจ้า อิอิ 
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 17_05 oct]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 20-10-2018 13:22:35
Chapter 18

หลังกลับมาจากทริปได้ไม่กี่วัน อาจารย์ฝ่ายกิจกรรมคณะ ก็เรียกหัวหน้า 4 ชั้นปีไปประชุม เพื่อเเจ้งว่ามหาวิทยาลัยจะจัดงาน Open House ปีสี่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะเป็นปีที่เดือดกับ final project อยู่เเล้ว อาจจะมีเชิญแค่รุ่นพี่บางคนที่มีชื่อเสียงมาเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องหลักสูตรเท่านั้น งานหนักตกอยู่ที่ปี 3 ที่ต้องคิดคอนเซปต์งานภาพรวมทั้งหมด จัดซุ้มให้ความรู้ของภาควิชาต่างๆ รวมถึงเปิดห้อง Studio โชว์ผลงาน ปีสองรับหน้าที่ประสานงานทั่วไปกับส่วนกลางของมหาวิทยาลัยจัดคนไปซัพพอร์ตส่วนงานที่เขาขอให้ช่วย ผมปีหนึ่งรับหน้าที่ดูเเลการเเสดงที่เวทีของคณะ และอาจารย์ทุกท่านก็ลงมติกันเเล้วว่าให้เชิญวงของโน่มาเรียกแขก

ผมหนีเขาไม่พ้นจริงๆ

“น้ำจบมาจากบันเทิงศิลป์ไม่ใช่หรอ น่าจะสนิทกับทุกคนในวงอยู่เเล้วใช่มั้ย”

“ครับ” ไม่ใช่เเค่สนิท ยังเล่นวงมาก่อนโน่ด้วย แต่ผมไม่ได้บอกอาจารย์ไปหรอกครับ

หลังประชุมจนได้ข้อสรุปต่างๆ ผมก็เดินสโลสเลออกมาจากห้องพักอาจารย์ กะว่าจะไปหาอะไรกินหน่อย เพื่อเตรียมตัวเรียนคาบบ่าย

เจ้าโน่หมายักษ์นั่งรออยู่หน้าตึกเหมือนเดิม จากที่เราไปทริปด้วยกันทำให้ผมยิ่งรู้สึกกับโน่มากกว่าเดิม ผมไม่ชอบเลย และอยากถอยห่างออกมาจากเขา

“น้ำ!!” โน่โบกมือเป็นลิงเลย ผมจะถอยหลังก็ไม่ทันเลยเดินเนือยๆ เข้าไปหาเขา

“กินข้าวกัน รออยู่”

เกลียดโน่อีกแล้ว เราสองคนเดินไปโรงอาหารคณะด้วยกัน พอนั่งลงทานได้สักพักเสียงโทรศัพท์โน่ก็ดังขึ้น

‘นางฟ้า’ ผมทำเป็นไม่เห็นเเต่ไม่นานเจ้าตัวก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าสวยงามและหุ่นที่ไม่ต่างจากนางแบบเรียกสายตาคนทั้งโรงอาหารได้ดี เธอใส่ชุดนักศึกษาต่างมหาวิทยาลัย เดินถือเเก้วน้ำป่ันแบรนด์ดังเข้ามา

“อ้าว น้ำ ไม่รู้ว่าอยู่ด้วย” เสียงใสทัก ผมยิ้มให้ เมื่อก่อนเราสนิทกันครับ นางฟ้ายังอยู่เป็นเพื่อนผมเวลาไปเฝ้าโน่อยู่เลย แต่มาวันนี้ผมกลายเป็นคนนอกไปแล้ว

“วันนี้ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง เราเลยเเวะเอามาให้โน่” เธอยื่นชาเขียวปั่นให้คนร่างสูงตรงข้าม

“กินข้าวมารึยัง” โน่ถามขณะรับเเก้วมาวาง

นางฟ้ายิ้ม แล้วพยักหน้า “ไปก่อนนะหนุ่มๆ มีเรียนบ่าย เดี๋ยวสาย”

กลิ่นของน้ำหอมเเบรนด์ดังจางไปพร้อมร่างที่หายลับไปกลางเเสงเเดด เธอจอดรถมินิคันสวยปิ๊ปปอปไฟไว้หน้าคณะ อุตส่าห์เเวะเอาของกินมาให้ จะว่าไปก็น่ารักดีนะครับ

โน่ดูดชาเขียว แล้ววางลง ผมมองตามแล้วอดถามไม่ได้

“ชอบหรอ”

เขาขมวดคิ้วเหมือนทำท่าครุ่นคิด

“อืม...ก็กินตามนางฟ้านั่นเเหละ”

อ่า...ผมรู้สึกเจ็บอีกแล้ว ทำไมเมื่อก่อนผมไม่เคยสังเกตเลยนะว่าโน่ชอบกินอะไรเป็นพิเศษ หรือเขาก็เหมาะสมกันดีแล้ว

“แล้วเมื่อกี้ไปคุยกับอาจารย์เรื่องอะไรหรอ”

“อ๋อ…Open house อ่ะ”

“แล้วน้ำทำอะไร”

“ดูเเลเวทีคณะ อาจารย์ให้เอาวงโน่มาขึ้นด้วย”

“จริงดิ เมื่อไหร่”

ผมบอกรายละเอียดไป โน่รับปากจะไปชวนเพื่อนๆ ให้ ส่วนผมคงต้องไปร่างเเผนงานนิดหน่อย ว่าจะตกแต่งเวทียังไง และกำหนดการณ์บนเวทีว่าจะมีการเเสดงอะไรบ้าง แล้วเอาทั้งหมดไปคุยกับปีสองและปีสามอีกที





ช่วงเตรียมงาน Open house พวกเราแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยทีเดียว กลางวันก็เรียนหนังสือ ตกเย็นไปถึงดึกก็เตรียมงาน เพราะงานทั้งหมดนักศึกษาพยายามทำกันเองโดยไม่ได้จ้างผู้รับเหมามาทำให้ ผมที่รับผิดชอบเวทีก็ต้องไปเกณฑ์เพื่อนปีหนึ่งที่เรียนภาควิชาจิตรกรรมมาช่วยออกเเบบและทำฉาก แล้วเด็กสายศิลป์ทั้งหลายก็คำนวนกันผิดๆ ถูกๆ เลื่อยไม้ผิดไปบ้าง ทำให้พอเอาไปต่อฉากก็โย้ไปเย้มาจนอาจารย์ยังขำ แต่ก็สนุกดี แถมใต้ถุนคณะคลุ้งไปด้วยกลิ่นสีและทินเนอร์ รวมไปทั้งเศษโฟมที่บางทีเราก็คิดเสียว่ามันเป็นหิมะเกาหลี

ทีมที่ทำซุ้มกิจกรรมปีสามก็ทุลักทุเลไม่เเพ้กัน ปีสองเองก็เปิดครัวกันตรงนี้ ตั้งเตาเเก๊สผัดข้าวให้กินกันสดๆ อลหม่านดี พี่ปีสี่บางคนก็นึกสนุกมาช่วยดูเเลน้องๆ ตั้งวงร้องเพลงเล่นกีต้าร์ให้บรรยากาศมันคึกคักเข้าไว้จะได้ไม่ง่วง ใครเหนื่อยพี่ก็จะมานวดให้อบอุ่นดี

ยิ่งสามวันสามคืนสุดท้ายนี่เเทบจะย้ายมานอนที่คณะกันหมด งาน Open House ก็เป็นเหมือนงานที่ขายหน้าตาของคณะครับ เราจะตกเด็กรุ่นน้องเข้ามาได้มากหรือน้อย วันนี้ก็มีส่วนสำคัญ เพราะฉะนั้นพวกเราจึงทำเต็มที่ ไม่ให้น้อยหน้าคณะไหนๆ ครับ

ส่วนโน่ก็มีมาช่วยบ้างประปราย แต่ส่วนใหญ่เขาถูกไล่ให้ไปซ้อมวงมากกว่า



และเเล้ววันงานก็มาถึง ผมกลับมาอาบน้ำที่บ้านตอนตีห้า หลังจากตรวจทานดูเเน่ใจแล้วว่าเตรียมของครบ ใต้ตานี่คล้ำจนนึกว่าตัวเองคอสเพลย์เป็นหมีเเพนด้า ท่าทางเหมือนซอมบี้ จนพ่อสงสารต้องขับรถมาส่งที่คณะตอนเจ็ดโมง

มาถึงฝ่ายสวัสดิการก็เรียกไปกินข้าว เเละอัดกาเเฟขมปื้ดให้อย่างไว

“กระทิงเเดงแช่ไว้เต็มถัง หยิบได้ตามอัธยาศัย” เขาโฆษณมาอย่างนั้น เเต่ผมไม่ค่อยอยากแตะเท่าไหร่ กลัวใจสั่นเกิน

หน้าที่ของผมวันนี้คือรันคิวงานให้ราบรื่นครับ ช่วงเช้าก็ยกเวทีให้ทีมสันทนาการ เอาไปเลยสามชั่วโมง เต้นกันไปให้ม้ามหลุดออกมา เด็กๆ ม.ปลายที่มาลงทะเบียนเเล้ว จะถูกจัดให้เดินเยี่ยมชมภาควิชาต่างๆ รวมถึงสตูดิโอจัดเเสดงผลงานเป็นรอบๆ เพราะฉะนั้นคนที่ยังไม่ถึงคิว ก้จะมานั่งกองกันหน้าเวที ร้องเพลงเต้นบูชายันไปกับทีมสันทนาการนี่เเหละ และบางช่วงก็มีตอบคำถามชิงรางวัลบ้าง เนื่องจากรุ่นพี่ศิษย์เก่าสนับสนุนของรางวัลมา

ช่วงเที่ยงเราก็มีอาหารและขนมเเจกน้องๆ ส่วนตอนบ่ายก็เริ่มคิวบนเวทีต่อ ผมเริ่มจัดให้รุ่นพี่ที่จบไปแล้วมีชื่อเสียงมาพูดสร้าง inspiration ให้น้องๆ คนละ 15 นาที ลักษณะคล้าย Ted Talk ของฝรั่ง จากนั้นก็คั่นด้วยวงดนตรีของภาควิชาดุริยางคศิลป์ มีทั้งวงดนตรีไทย และวงดนตรีสากล และที่เป็นไฮไลท์คือเราแบทเทิล เครื่องดนตรีจากสองฝั่งโลกกันได้อย่างเมามันส์ เด็กๆ หลายคนค่อนข้างอึ้งครับ ไม่คิดว่าดนตรีไทยก็จะสนุกได้ขนาดนี้

แล้วก็ต่อด้วยเพื่อนๆ จากภาควิชานาฏยศิลป์ไทยและสากล มาโชว์บนเวที

ช่วงบ่ายครึกครื้นไม่เเพ้ช่วงเช้า เพราะโชว์ที่จัดขึ้นนั้นไม่ได้หาดูได้ทั่วไป และเพื่อนๆ ในคณะก็จัดเต็มกันมาทุกโชว์ ตกเย็นที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ เราก็เนรมิตลานใต้ถุนคณะเป็น Floor Party ซุ้มกิจกรรม และห้องสตูดิโอปิดหมดแล้ว เปลี่ยนมาตั้งโต๊ะขายอาหารประเภทกับเเกล้ม กับม็อคเทลรสชาติสดชื่นเเทน (งานนี้มีเยาวชนเราเลยไม่ขายเเอลกอฮอล์ครับ)

เเสงสีบนเวทีเราจัดเต็ม เพราะได้รับความอนุเคราะห์จากรุ่นพี่ที่เปิดบริษัท Light & Sound สำหรับคอนเสิร์ต แล้ววงไฮไลท์ของงานอย่าง Forever and the one ก็ขึ้นเวที

ขิงยังหล่อเหมือนเดิม ผมเเอบไปเม้าท์มอยที่หลังเวทีมาเเล้ว ชูครีมดูหล่อขึ้นเเต่ก็ยังเงียบเหมือนเดิม นางฟ้าสวยกว่าปกติ เพราะเธอเเต่งหน้าทำให้ดูโตขึ้น ส่วนโน่เขาเซตผมเปิดหน้าผากฮอตจนทุกคนกรีดร้องเหมือนโดนนำ้กรดสาด ผมหมั่นไส้เขาจัง ทีเมื่อก่อนไม่เห็นตกเป็นเป้าสายตาขนาดนี้เลย

วงเล่นเพลงไปเรื่อยๆ ทั้งเพลงของตัวเอง และเอาเพลงดังๆ ที่เป็นเพลงเเดนซ์มาเรียกเหงื่อให้คนดูด้านล่าง บรรยากาศเมานัวเหมือนอยู่ในผับ ทั้งที่ไม่มีใครได้จิบแอลกอฮอล์สักนิด อาจารย์และหัวหน้าชั้นปีทั้งสี่ขยับมายืนรวมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เเล้วก็เอ่ยปากชมงานกันเองอย่างปลาบปลื้ม ฟีดเเบคจากน้องๆ ม.ปลายดูชอบคณะเรามาก หัวเรี่ยวหัวเเรงจัดงานก็ได้แต่ยิ้มหน้าบานกันไปครับ

หลังวงเล่นจบ พิธีกรก็ขึ้นไปสัมภาษณ์ แล้วก็ให้โน่ที่เป็นตัวเเทนคณะนี้พูดถึงเเรงบันดาลใจ หรือเหตุผลในการเลือกเรียนคณะนี้ รวมไปถึงการทำให้ชีวิตตัวเองประสบความสำเร็จ ตอนเเรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไร จน...พี่ปีสองที่ยืนข้างๆ สะกิด เมื่อได้ยินชื่อผมในคำตอบ

“ตอน ม.ปลาย ผมก็เป็นเด็กเกเร โกรธโลก โทษสังคมทั่วไปครับ ไม่ชอบไปโรงเรียน ไม่มีเป้าหมายในชีวิต บอกตัวเองไม่ได้ว่าทำไมต้องเรียนหนังสือ แถมยังมีเรื่องชกต่อยจนต้องย้ายโรงเรียน แต่...เมื่อผมย้ายไปเรียนที่บันเทิงศิลป์ โรงเรียนนั้นเป็นเหมือนโลกใหม่ ผมเจอเเต่เพื่อนๆ ที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ทุกคนมี Passion และมุ่งมั่นทำสิ่งที่ชอบให้ดีที่สุด อย่างเช่นทุกคนในวงผมตอนนี้ ชู ขิง นางฟ้า รู้ว่าตัวเองอยากเป็นเเชมป์วงดนตรี ม.ปลายระดับเอเชีย ตอนเเรกที่ได้ฟังผมก็ขำ เห้ย...เด็กไทยตัวเล็กๆ จะทำได้ไงว่ะ เเต่พอผมได้ลองเล่นดนตรีกับพวกเขา...ก็รู้ว่าพวกเขาไม่เบาเลย ทุกคนเก่งเพราะตั้งใจซ้อม ตั้งใจพัฒนาฝีมือ และโชคดีที่มีคนรอบข้างซัพพอร์ต แต่...คนที่ไม่มีพ่อเเม่ซัพพอร์ตอย่างผมก็เก่งได้ครับ เพราะผมมีเพื่อนในวงที่พร้อมจะเชื่อใจและอยู่เคียงข้างผมเสมอ...”

ฟังมาถึงตรงนี้ผมก็อดขำไม่ได้ โน่คงไม่เคยเห็นสีหน้าขิงเวลาจะยกตู้เเอมป์ทุ่มใส่หัวเขาเวลาเล่นผิด แล้วต้องทำวงเล่นใหม่

“…ทุกคนอาจจะไม่รู้ว่า...จริงๆ แล้ว Forever and the one มีสมาชิกอีกคน สมาชิกที่สำคัญมากที่ช่วยผลักดันให้ผมได้มายื่นอยู่ตรงจุดนี้ ทำให้ผมมีโอกาสแข่งวงดนตรีระดับประเทศ และไปคว้าอันดับสองระดับเอเชีย..."

เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที กูมุดหนีไปทันมั้ยนะ!?

“และคนคนนั้นก็อยู่ในคณะศิลปกรรมเเห่งนี้ด้วย คนที่สร้างแรงบันดาลใจทุกอย่างให้ผม และทำให้ใช้ชีวิต ม.ปลายอย่างคุ้มค่าที่สุด...วันนี้ผมอยากจะเขิญเขาขึ้นมาบนเวที แล้วร้องเพลงไปกับ Forever and the one อีกครั้ง”

เสียงกร๊ีดดังระงม กรี๊ดทำไมครับ!!!

“ขอเสียงปรบมือต้อนรับ....”

ชูครีมตีกลองจังหวะเร้าใจประกอบ ฉ่า!!!

“น้ำ มารีน ศิลปกรรมศาสตร์ ภาควิชาดุริยางคศิลป์!!!”

ผมทำท่าหันหลังหนี แต่โดนพี่ปีสองปีสามล็อกเเขนขึ้นไปส่งจนถึงบันไดขั้นสุดท้ายของเวที

“ไม่ได้ซ้อม” ผมอุบอิบบอกขิงที่ยืนใกล้ตัวที่สุด อิหัวหน้าวงสุดหล่อเอามือขยี้หัวผมทันที อ่า...เเค่นี้ก็เรียกเสียงกรี๊ดจากสาววายได้ทั้งลาน

“น้องน้ำเก่ง ดนตรีมาก็ร้องได้เลย”

“อ่า...ถ้าให้เราร้อง เราขอร้องเเบบไม่มีโน่ได้มั้ย คือถ้าไม่ได้เล่นกีต้าร์ไปด้วยเราไม่ชิน”

ผมบอกเบาๆ ให้ได้ยินกันเเค่คนบนเวที โน่ยิ้มแล้วพยักหน้า เขาดึงกีต้าร์ไฟฟ้าออกจากตัวเเล้วยื่นให้ผม ผมตาโต... รอยอุ่นที่คอมันยังอยู่ ผิด...นี่มันน้องสายฟ้า กีต้าร์ลูกรักที่ผมให้โน่นิ แล้วไหนจะปิ๊กที่เขายื่นให้

สีขาวสลักตัวอักษร NN

น้ำตาจะไหล...

ทำไมโน่ต้องทำเหมือนทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทั้งที่มัน...ไม่เหมือนเดิมเเล้ว

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วทำตัวร่าเริง เพราะไม่อยากให้เดดเเอร์บนเวทีนานเกินไป พอได้กลับมายืนนะจุดจุดเดิมอีกครั้ง เลือดลมมันก็สูบฉีดเเรง พลังจากไหนไม่รู้มาเต็มเปี่ยม ผมหันไปยักคิ้วให้กับเพื่อนในวงเเล้วก็กระซิบว่าขอเซตเพลงที่เราเคยประกวดกันรอบชิงเเชมป์ประเทศไทย มันเป็น 10 นาทีที่มีค่าที่สุดในชีวิตผม

และคงเป็นช่วงชุลมุน จนทุกคนไม่นึกเอะใจว่าทำไมผมที่ไม่มีความทรงจำตอน ม.5 เล่นเเละร้องมันได้อย่างคล่องเเคล่ว

แต่ถ้ามีคนจำได้ ผมค่อยบอกว่า...เปิดคลิปเก่าขึ้นมาดู

กลายเป็นว่าผมเป็นวงปิดงานไปเฉย ประมาณสองทุ่มกว่าๆ นั้นเเหละพิธีกรก็เชิญคณะบดีขึ้นมากล่าวปิดงานแบบสบายๆ ไม่มีพิธีรีตรองอะไร นัยยะสำคัญคือการขอบคุณนักศึกษาทุกคนที่ช่วยกันทำงานให้ออกมาได้ดีในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แถมยังทำให้หลายๆ ภาควิชาที่เเยกกันเรียนก็มาสนิทกันได้

เมื่อน้องๆ ทยอยกลับก็เป็นหน้าที่ในการเก็บเคลียร์ทุกอย่าง ให้ใต้ถุนคณะพร้อมใช้งานในวันถัดไป ส่วนวงของโน่อาจารย์เชิญไปเลี้ยงขอบคุณที่ร้านอาหารหลังมหาวิทยาลัย

ขิงเดินมาชวนผม แต่ผมบอกให้ไปก่อน เพราะน่าจะเคลียร์อีกยาว

“โน่อยู่ช่วย” ไอ้ตัวสูงอีกคนเดินมาวอเเว ผมรีบส่ายหน้า

“อาจารย์ทั้งคณะรออยู่นะโน่” ผมดุเขา

“สัญญาว่าน้ำจะตามมานะ น้ำก็รู้ว่า Forever and the one ที่สมบูรณ์ต้องมีน้ำด้วย”

ผมพยักหน้า อย่ามาพูดให้ซึ้งได้มั้ย ผมจัดการรุนหลังสองคนหล่อออกไปจากใต้ตึก มีสาวๆ ในคณะเข้ามาขอไลน์อิพี่ขิงกันใหญ่ หารู้ไม่ว่าทุกวันนี้มันมีหวานใจตัวจริงอยู่เเล้ว แถมยังรักกันปานจะกลืนกิน ส่วนโน่พอเป็นเพื่อนในคณะ ระดับความน่ากินก็จะลดลงไปหน่อย



ผมกับเพื่อนๆ ทีมฉาก และพี่ๆ ปีสามที่ดูซุ้มกิจกรรม ช่วยกันรื้อถอนโครงสร้างไม้ มีเเม่บ้านเข้ามาช่วยเก็บกวาดซากเพื่อเตรียมเอาไปใส่รถขยะด้วย กราบพี่ปีสามที่คิดได้ว่ากว่าจะจบงานพวกเราคงเหลือเเต่ร่างไร้วิญญาณ ถ้าจะให้เก็บทั้งหมดเองอีก อาจจะมีคนตายก่อนได้ใบปริญญา

แม้จะมีแม่บ้านมาช่วย แต่เราก็ต้องอยู่ดูเองด้วย กว่าจะเรียบร้อยดีก็เกือบเที่ยงคืน ทุกคนเเยกย้ายกันกลับเพราะคิดว่าผมจะไปสังสรรค์กับวงต่อ แต่เปล่าครับผมรวบเอากระเป๋ามาถือไว้ และกะจะเดินออกไรเเท็กซี่ที่หน้ามหาวิทยาลัย

บรรยากาศรอบข้างมืดไปหมดแล้ว เเค่ชั่วพริบตาเดียวจากแสงสีเเสนบันเทิงก็กลายเป็นความเงียบสงัดอากาศอ้าวลงอย่างรู้สึกได้ ผมเร่งฝีเท้าจากหน้าคณะไปถนนใหญ่ก็ค่อนข้างไกลพอสมควร แถมประตูเล็กที่ใกล้คณะก็ล็อกแล้ว จะให้ปีนรั้วออกก็กลัวโดนเหล็กเสียบ เลยต้องเดินอ้อมไปประตูใหญ่อีก

ติ๊ง! เสียงข้อความดัง

‘น้องน้ำ มายัง’ ขิงส่งมา

‘น้ำยังไม่เสร็จหรอ เราเห็นพวกปีสามเดินมานั่งในร้านเเล้วนะ’ ข้อความโน่ แล้วก็นกรู้อีกเเล้ว ผมเห็นเเบบนั้นก็ยิ่งก้าวเท้าให้ไวขึ้น กะว่าขึ้นเเท็กซี่เเล้วค่อยส่งข้อความไปบอก

เอาจริง โน่มันไม่รู้หรือว่ะ ว่าผมโคตรจะทำใจไม่ได้ที่เห็นโน่อยู่กับนางฟ้า

คนเคยรักนะเว้ย คนที่ดีใจชิบหายตอนฟื้น เพื่อจะได้กลับมาทำตามสัญญาว่าจะยอมเป็นเเฟนกับโน่

คิดเเล้วผมยิ่งหงุดหงิด ทำไมอ่ะ...ชีวิตผมก็ดีอยู่เเล้ว มีความสุขอยู่เเล้ว โน่เข้ามาทำไม มาทำให้ผมรัก แล้วก็ทำให้ผมอกหักแบบนี้หรอ ผมควรจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ ไม่ควรจะใจดี ไม่ควรจะเผลอตัวเผลอใจอีก

ทริปเหนือที่เราไปด้วยกันมันโคตรดี

‘ตอนนั้นก็ดีนะ อยากให้ตอนนี้ดีเหมือนกับตอนนั้น’

คำพูดของโน่ในเต้นท์ที่เรากอดกันยังดังชัดเหมือนเขาพูดอยู่ริมหู...ทำเอาน้ำตาผมไหลลงมาอีกครั้ง ตอนไหนๆ ก็ดีทั้งนั้นยกเว้นปัจจุบัน ปัจจุบันที่ผมไม่สามารถครอบครองโน่ได้อีกแล้ว

ปัจจุบันที่เขานั่งอยู่ข้างนางฟ้า และมีสถานะเป็นเเฟนกัน!

ซ่า!!

ฝนห่าใหญ่ตกลงมาราวกับฉากที่เซตไว้ ชุดนักศึกษาของผมเปียกซกทันที แล้วลมก็พัดเเรงขึ้นจนใบไม้ปลิวเฉียดเนื้อตัวผมไป มันเเสบคงเเรงขนาดที่บาดเนื้อเป็นเเผล ผมไม่ได้วิ่งหาที่หลบ อาจจะเป็นเพราะร่างกายเหนื่อยเกินไป และหัวใจผมก็อ่อนล้า ผมไม่รู้ต้องทนอยู่ใกล้ชิดโน่โดยพยายามกดข่มความรู้สึกลึกๆ ได้อีกเมื่อไหร่ ผมเลยปล่อยให้น้ำฝนตกลงมาชะใบหน้า ผมจะได้ร้องไห้ได้อย่างเต็มที่โดยไม่รู้สึกผิดมากนัก ผมร้องหนักเหมือนกำลังจะตาย

“น้ำ!!” เเสงไฟ และเสียงบางอย่างฉุดผมให้กลับมามีสติ เเรงรั้งจากด้านหลังที่ทำให้เสียหลังล้มลงแต่ไม่เจ็บเพราะทับลงไปบนตัวอีกคน เเล้วก็ตามด้วยเสียงกิ่งไม้ขาดใหญ่ร่วงฟาดลงบนพื้นถนนในมหาวิทยาลัย ผมยังมึนงงเเละมองเห็นไม่ชัดนัก

แต่อ้อมกอดที่สัมผัสอยู่มันอุ่นจัง ผมล้มบ่อยและทุกครั้งก็เป็นโน่มารับไว้ ครั้งนี้ก็...เช่นกัน

“น้ำ!! เป็นบ้าหรอ เดินเข้าไปใต้กิ่งไม้กำลังหล่น!!” เสียงดุตวาดผมดังกว่าเสียงฝนที่กระทบพื้น

ผมดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมทันที

“ยังจะดิ้นอีก!!”

ดุอีกแล้ว จะดุอะไรนักหนา แค่นี้ยังใจร้ายกับผมไม่พอหรือไง ผมหันไปยันตัวเขาออก แต่โน่กลับยิ่งรัดแน่น

“ไหนบอกจะตามไปกินด้วยกัน นี่ก็เค้านั่งรออยู่เต็มโต๊ะ!”

ดุให้พอใจเลย ผมหันกลับมาก้มหน้านิ่ง เรานั่งตากฝนกันกลางถนน ที่มีเเสงไฟหน้ารถสาดส่องให้เห็นว่าบริเวณนั้นมีอะไรบ้าง

“แล้วจะไปไหน หนีกลับบ้านใช่มั้ย” โน่ถาม ผมไม่ตอบ ผมได้ยินเขาถอนหายใจเบาๆ

“เปียกขนาดนี้ไปไม่ได้แล้วล่ะ” คราวนี้ผมพยักหน้า

“งั้นขึ้นรถ เราไปส่งบ้าน” ผมทำท่าจะขืนตัวอีก แต่ลืมไปว่าถ้าผมไม่ลุก เขาก็ไปไหนไม่ได้เช่นกัน เลยรีบเด้งตัวออก แล้วก็เดินแบบไม่ค่อยเต็มใจนักตามแรงจูงที่ข้อมือไปขึ้น แรบบิทครีม

ขนาดเห็นรถผมยังน้ำตาจะไหลเลย

เรานั่งนิ่งเงียบกันไปตลอดทาง ร่างกายที่เปียกน้ำของผมหนาวเมื่อเจอเเอร์รถ ที่เเม้จะเปิดเบาจนสุดแล้วตัวก็ยังสั่น โน่เอื้อมไปหยิบเสื้อหนาวตัวหนามาคลุมให้ ผมรู้ว่าเขาก็หนาวเเต่ก็เสียสละให้ผม

หันไปมองใบหน้าเเละเรือมผมที่ชุมน้ำแล้วก็รู้สึกผิด เสื้อนักศึกษาสีขาวของโน่เเนบไปไปกับเเผ่นอกกว้าง ที่ผมดันรู้สึกแก้มร้อนที่ได้เห็น แล้วก็บ้าชิบ! โน่หันมาทางผมพอดี

“หนาวจัง” เขาพึมพำ ผมทำท่าจะยกเสื้อหนาวคืนให้ เขายิ้มมุมปาก แล้วลูบศีรษะผมเหมือนที่ขิงชอบทำ แต่เวลาโน่ลูบหัวใจผมจะเต้นเเรงไปด้วย

“แค่มือก็พอ” เขาพูดเเค่นั้น แล้วก็แบมือวางไว้บนหน้าขาตัวเอง โน่ร้ายกาจต่อหัวใจผมเสมอ เขาจะทำแบบนี้ทั้งที่เราเป็นเเค่เพื่อนกันไม่ได้นะ

“ถ้ามีนางฟ้าอยู่เเล้ว ก็อย่ามาล้อเล่นกับน้ำ”

ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มือข้างนั้นที่รอผมก็ถูกชักกลับไปกำรอบพวงมาลัย

ผมปิดตาเพราะกลัวว่าน้ำตาจะไหลให้ใครเห็นอีกรอบ ไม่นานรถก็มาจอดลงตรงหน้าบ้านหลังเก่าของผม โน่รอให้ผมไขกุญเเจรั้วเข้าไปภายในได้ ก็ออกรถจากไป

คืนนั้นผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็นอนร้องไห้ทั้งคืน



TBC 

มาให้กำลังใจน้องน้ำกันเถิด 

#พระเพลิงมารีน
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 18_20oct]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 20-10-2018 22:05:48
มาเฉลยเรื่องที่โน่กะนางฟ้าคบกันได้ละจ้าาาา
สงสารน้องน้ำบ้างอะไรบ้างงงงงง :sad4:
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 18_20oct]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-10-2018 22:16:35
 :hao5: :hao5:
ขอพระเอกใหม่ให้น้ำ เอาใหโน่แม่งอกแตกตายไปเลย มีนังฟ้าอยู่แล้วก็อย่ามาให้ความหวังน้ำ
คือแบบอยาก :z6: :z6: โน่อ่ะ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 18_20oct]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 06-11-2018 17:52:06
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 18_20oct]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 07-11-2018 13:26:15
Chapter 19



เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นหลายรอบ ผมสลึมสลือกดเลื่อนไปเรื่อยๆ เพราะหัวหนักเกินจะลุกขึ้นไหว ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ามีควิซบ่าย เป็นวิชานอกคณะ เเต่ร่างกายที่อ่อนล้าเเละตัวที่รุมๆ จากพิษไข้ ทำให้ร่างกายปฏิเสธคำสั่งจากสมองโดยสิ้นเชิง มือผมเผลอกดปิด Snooze ไปตอนไหนไม่รู้แต่ข้อดีของมันคือหลับยาว



อ่า...เย็นสบายจัง ผมเอื้อมมือไปสัมผัสอะไรนุ่มๆ หยุ่นๆ ที่เเปะอยู่บนหน้าผาก แล้วก็ลืมตาดูรอบข้าง ห้องนอนผมไม่ได้มืดทึบ เพราะม่านถูกเปิดออกเล็กน้อยทำให้ห้องดูสดใสขึ้น ผมมุ่นคิ้วหรือพ่อกับเเม่กลับมาจากทำงานเเล้วรู้ว่าผมไข้ขึ้น แกล้งตายดีกว่าไม่งั้นโดนดุเเหง

“น้ำ” เสียงพ่ออ่อนโยนจังวันนี้ อ่อนขนาดนี้คงดุผมไม่ลง ผมสัมผัสได้ถึงมืออุ่นๆ ที่แตะลงมาบนเเก้มและซอกคอ ผมเอียงหน้ารับ แล้วไถอ้อนเหมือนลูกแมว แถมยังจับมือไว้ไม่ให้ขยับไปไหนด้วย

แต่..เดี๋ยว มือพ่อควรจะเหี่ยวกว่านี้ และนิ้วด้านๆ แบบนี้!!!

ผมเบิกตาโพลง โยนมือโน่ออกเหมือนจับของร้อน ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างเตียงถึงกับเหวอ

“เข้ามาได้ไง แค่กๆ!!” ผมเผลอตะโกนถามเสียงดัง และก็ส่งผลให้ไอโขลกจนน้ำตาไหล

โน่ยื่นเเก้วน้ำอุ่นมาให้จิบ

“โน่ก็ไขกุญเเจเข้ามาปกตินี่เเหละ กุญเเจบ้านน้ำซ่อนอยู่ใต้กระถางต้นกระเพรา โน่จำได้”

ผมยู่ปาก เกลียดที่เขาจำได้ทุกอย่างเลยพลิกตัวหนี โน่รั้งไว้แล้วจับไม่ให้เเผ่นลดไข้หล่น เขาล็อกไหล่ให้ผมนอนหงาย หยิบเเผ่นเก่าออกไป เปลี่ยนเเผ่นคูลเจลใหม่ แล้วใช้มือเเตะซอกคอดู

“ไข้ลดลงเเล้ว ก่อนหน้านี้ตัวร้อนมาก ต้องเช็ดตัวตั้งสองสามรอบ”

ตอนเเรกก็ไม่คิดอะไร แต่พอเห็นตายิ้มๆ ของโน่ ผมก็รู้สึกเหมือนมีไข้กลับ

“โน่เช็ดตัวหรอ” คนถูกถามอมยิ้ม พยักหน้า เเล้วผมก็ต้องยกผ้านวมขึ้นมาคลุมโปง เห็นใช่มั้ยอ่ะ ฮรือออ

“ไม่เห็นอะไรหรอก ไม่ได้ถอดกางเกงใน”

โน่เลว ฮรือ ผมยังไม่ยอมลดผ้านวมลงหรอกครับ

“นี่ตื่นเเล้วก็กินข้าวต้มหน่อย จะได้กินยาลดไข้” เขาจับไหล่ ผมปัดออก

“น้ำ!!” ดุอีกแล้ว ผมหันมาทำตาขวางพร้อมบึนปากอย่างเด็กเอาเเต่ใจ

“น้ำครับ ทานข้าวหน่อยนะ หรืออยากให้โน่ป้อน”

ผมเชอะหน้าไปอีกทาง โน่ถอนหายใจอย่างอ่อนอก แล้วเขาก็ประคองให้ผมนั่ง เอาหมอนซ้อนๆ ให้ที่หลัง เเล้วประคองถ้วยข้าวมาถือให้ผมตักกิน

“ไปเเปรงฟันก่อน” ผมอุบอิบ แล้วเขาก็ตามใจ

“ยืนไหวมั้ย”

“ไม่ได้เป็นง่อย”

“คนเป็นไข้ เข้าปากเก่งแบบนี้ทุกคนมั้ยนะ” โน่บิดจมูกผม ผมเลยเผลอจะงับมือเขาเเบบที่เคยทำประจำ

“ดุจริงนะหมาเปี๊ยก”

ฮึ่ย!! ผมไม่อยากคุยกันเขาเเล้ว เลยประคองตัวเองที่โลกมึนๆ เดินไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับลงมานั่งที่เตียง พึ่งเห็นว่านาฬิกาเดินไปที่สามโมงเเล้ว

“ควิซ!!” พึ่งนึกได้ครับ มันควิซกันไปตั้งกะบ่ายโมงแล้วมั้ย

“ใช่วันนี้มีควิซโน่เห็นน้ำไม่ไปเรียน โทรมาก็เหมือนปิดเครื่องเลยเเวะมาดู”

“อย่าบอกนะว่าโน่ก็โดดควิซ”

เขาพยักหน้า

“ตั้ง 20 คะเเนน เดี๋ยวก็ไม่มีสิทธิ์ได้เกรดเอหรอก” ผมดุเขา

“ก็ได้บีเป็นเพื่อนน้ำ”

ผมไม่เถียงเค้าเเล้ว กินข้าวดีกว่า

“เดี๋ยวไปหาหมอหน่อย อย่างน้อยมีใบรับรองเเพทย์จะได้ไปบอกอาจารย์ได้”

“แบบนั้นน้ำก็รอดคนเดียวสิ แล้วโน่ล่ะ” อดห่วงเขาไม่ได้อีก

“ก็ทำให้โน่ติดไข้ด้วยสิ”

ผมย่นคิ้วไม่เข้าใจ โน่หัวเราะในลำคอพร้อมใบหน้าชั่วร้าย

“แล้วไข้มันติดกันทางไหนได้บ้างล่ะ” โน่ถามผม พอคิดตามก็เเก้มร้อนผ่าว ร้ายกาจนัก! ผมเอามือฟาดโน่เต็มเเรง เขาก็ยังหัวเราะอยู่แล้วจับข้อมือผมไว้แทน

โน่สบตาผม ดวงตาโน่ตรึงผมไว้ไม่ให้ขัดขืน เขายกเเขนของผมไปใกล้ริมฝีปาก หงายข้อมือผมขึ้นแล้วกดจูบลงแผ่วเบาทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างนุ่มละมุนเเละสายตาเขาไม่ละออกจากใบหน้าผมเลย เส้นเลือดตรงนั้นมันส่งตรงมาถึงหัวใจหรอ ทำไมถึงเต้นเเรงนัก แรงขนาดที่ว่ากลัวโน่จะได้ยินถึงความหวั่นไหวในใจผม

บ้านที่ไม่มีคนอยู่ ห้องนอนที่มีเพียงเเสงสลัว ผมนั่งห้อยขาอยู่บนเตียง และโน่ก็นั่งขัดสมาธิอยู่แนบชิดปลายเท้า แค่ผมก้มหน้าลงไป เราก็จะสัมผัสกันได้มากกว่านี้

“…”

“กินข้าวนะ” โน่เเก้สถานการณ์โดยการวางมือคืนที่ตักผม เขาหันไปหยิบถ้วยข้าวต้มมาถือให้ แล้วให้ผมตักกินเอง กินไปได้ 4-5 คำผมก็วางช้อน คอมันเฝื่อนจนไม่อยากกลืนอะไรลงไปด้วยซ้ำ

“จะไปหาหมอเลย หรือจะกินยาแล้วนอนอีกสักตื่น”

“เอ่อ... ไปเลยก็ได้” ผมไม่อยากกวนเขาให้เสียเวลามากไปกว่านี้

“หน้ายังง่วงอยู่เลย นอนได้ โน่รออยู่ที่นี่เเหละ ไม่ไปไหนหรอก” เขาลูบหัวผมอีกแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกอ่อนโยนสักที ผมคงทำหน้างอแงมากมั้ง เขาเลยยื่นนิ้วมาคีบปากเป็ดๆ ไปหนึ่งที ก่อนจะยื่นยาแก้ไข้กับน้ำอุ่นมาให้ ผมรับไปกิน แล้วก็นั่งหลังตรง รอให้อาหารไหลลงสู่กะเพาะก่อน ค่อยลงนอน โน่เดินไปหยิบกีต้าร์โปร่งมาดีดเบาๆ

“กล่อมหรอ” ผมถาม

“อือ” เขาตอบเเล้วก็เล่นเพลงหนูมาลีมีลูกเเมวเหมียว นี่มันเพลงเด็กชัดๆ ผมทำหน้างอใส่เขาทันที โน่หัวเราะเเล้วก็ยังเล่นวนไปจนตาผมชักปรือ ค่อยๆ ไถตัวลงกับที่นอน โน่วางกีต้าร์เดินมาห่มผ้าให้ถึงคอ แล้วก็จูบเเผ่วๆ ที่หน้าผาก

“หายไวไวนะคนเก่ง”

“อือ..” ผมครางรับเบาๆ แล้วหลับไป



หมดฤทธิ์ยาผมรู้สึกตัวอีกรอบ เห็นกลุ่มผมดำๆ ฟุบอยู่ข้างเตียงแล้วก็ต้องอมยิ้ม ผมนึกสนุกวางมือลงไปบนกลุ่มผมของโน่ แล้วก็แทรกนิ้วลงไปในความนิ่ม มันลื่นมือจนจั๊กจี้ แต่ผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเจ้าของเขาตะปบมือผมไว้ แล้วจับเเน่นดิ้นหนีก็ไม่หลุด

“ซน!” เขาดุผมจนต้องทำหน้ายู่ใส่

“แบบนี้ต้องจับกิน” โน่ว่า แล้วทำท่าจะกัดฝ่ามือ ผมแหกปากลั่นเผลอเล่นเป็นเด็กเลย แต่เจ้าตัวโตไม่กินผมหรอก เขาเเค่เอาฝ่ามือดึงเจ้าไปฟัดกับจมูกเท่านั้น

“หอม”

“ก็ผมโน่” ผมจั๊กจี๋ฝ่ามือจัง

“มือน้ำ” เสียงทุ้มว่าแล้วจุ๊บเบาๆ

“จับจู๋มายังไม่ได้ล้างเลย” ผมเเกล้งเขา

“หึหึ ยิ่งชอบดมใหญ่เลย”

ผมหน้าร้อนผ่าว ไอ้โน่บ้า ลามกที่สุด ผมยกมือจะฟาดก็ไม่ได้ เพราะเขายืดมือไว้เเน่น จะใช้อีกมือก็โดนยึด ดิ้นหนักขึ้น ไอ้หมาตัวใหญ่ก็ปีนขึ้นมาคร่อมไว้ทั้งตัว

มือผมถูกรวมไว้เหนือศีรษะ โน่เเทรกตัวเข้ามากลางหว่างขา แล้วผมก็ทำอะไรเขาไม่ได้นอกจากเอาขาเกี่ยวล็อกสะโพกเขาไว้ ไม่ให้ดิ้นหลุด ผมขู่เจ้าหมายักษ์ด้วยสายตา เพราะเห็นแล้วว่ามันเล็งจะงับจมูกผม ใบหน้าหล่อร้ายก้มลงมาเรื่อยๆ ใกล้จนภาพเบลอมองไม่เห็นรายละเอียดอะไรอีกนอกจากสันจมูก

ผัวะ!!

“โอ๊ะโอ NC 18+” เสียงคุณนายดอกไม้นั่นเอง โน่ดีดตัวออก แต่ด้วยสะโพกเขายังโดนผมล็อกไว้ เลยจังหวะไม่ดี กลิ้งหล่นจากเตียงโครมคราม พ่อวิ่งขึ้นมาสมทบพอดี คงเบรกไม่ทัน เลยชนเเม่เข้ามาในห้องด้วย

“โน่!” พ่อเรียก

คนตัวโตที่ก้นจั้มเบ้า หันไปสวัสดีทั้งที่ยังนั่งอยู่กับพื้น พ่อกับเเม่ขำพรืด แล้วทำท่าจะลีฟซีน

“ขอโทษที่ขัดจังหวะจ้า เห็นบ้านล็อกจากข้างใน เลยจะมาดูเด็กโดดเรียนหน่อย” แม่หมายถึงผม

“ไม่คิดว่าลูกชายกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา”

โอ๊ย หวงลูกหน่อยได้มั้ยละ ผมได้แต่บ่นในใจครับ เพราะยังตกอยู่ในอาการเขินอายจนมือสั่น ใจเต้นรัว

“น้ำป่วยครับ ไม่ได้ไปควิซผมเลยเเวะมาดู” โน่รีบอธิบาย เพราะพลังมโนนั้นพ่อเเม่ผมไม่เป็นสองรองใคร

“แล้วท่าเมื่อกี้คือวัดไข้กันหรือจ๊ะ แหม...เเม่นี่อยากป่วยบ้าง”

เดี๋ยวนะ เเม้โน่จะอัพอายุขึ้นมาเเล้วบ้าง แต่ก็เเก่ไม่ทันเเม่หรอก

“อะแฮ่ม!!” ผมกระเเอม ช่วยสนใจคนป่วยคอเเห้งก่อนได้มั้ย

“เอ่อ..เดี๋ยวผมขออนุญาตพาน้ำไปหาหมอนะครับ” โน่พูดอย่างสุภาพ

“จ้า...จะฉีดยงฉีดยาก็เอากันซะให้เรียบร้อย น้ำก็ไม่ต้องเเหกปากดังมากนะลูกนะ น่าจะเจ็บคออยู่”

แม่ครับ ทำไมถึงเรท 18+ กับลูกได้ขนาดนี้ คู่สามีภรรยาปิดประตูออกไป ทิ้งลูกชายไว้กับไอ้หนุ่มใจโฉดทันที โน่เดินยิ้มกริ่มเข้ามาหา ผมนี่ถดตัวหนีเเทบไม่ทัน

“หมอขอฉีดยาหน่อยได้มั้ยครับ ไหนๆ เเม่ก็อนุญาตเเล้ว” ผมปาหมอนใส่หน้าโน่ทันที ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงยอมง่ายอยู่หรอก แต่ตอนนี้แม่ง...ตัวเองก็มีเเฟนอยู่เเล้ว ยังมาสร้างความหวังให้คนอื่นอยู่เรื่อย ผมเกลียดโน่ ผมเกลียดโน่!!





โน่คงเห็นหน้าบอกบุญไม่รับของผม เลยเลิกเเกล้ง ปล่อยให้ผมเดินไปแต่งตัวเสียให้เรียบร้อยกว่าเดิมเพื่อไปหาหมอ เราแวะโรงพยาบาลเอกชนใกล้ๆ บ้าน ได้ยาแก้อักเสบเพราะคอบวมมาชุดใหญ่ แล้วที่เหลือก็เป็นยาตามอาการคือพวกลดน้ำมูก แก้ไอ แก้ไข้ หลักๆ ถ้าทำตัวให้อบอุ่น แล้วพักผ่อนเพียงพอสองวันก็น่าจะหายดี

รถคันสีขาวขับกลับมาส่งผมที่หน้าบ้าน ตอนเเรกโน่จะไม่ลงจากรถ เเต่พ่อกับเเม่ก็มาเกาะประตูรั้วหน้าสลอน อะไรอีกตายายคู่นี้

“น้องโน่” แม่เรียก เขาเดินลงมายิ้มให้ผู้ใหญ่อย่างสุภาพ

“คืนนี้ดึกๆ พ่อกับเเม่มีไปเอ้าท์ติ้งของบริษัทที่ฝรั่งเศส 1 อาทิตย์ จะไม่มีใครอยู่เฝ้าเข้าน้ำที่ป่วย แม่กับพ่อฝากหน่อยได้มั้ย”

ผมตาโต เดี๋ยวนะ อยู่ๆ จะไปกันง่ายๆ แบบนี้เลยหรอ

“พ่อบอกแกไปตั้งนานเเล้ว ยังชวนไปด้วยกันเลย”

จริงด้วยหวะ แต่ผมติดเรียนไง จะขาดได้ไงเป็นอาทิตย์

“ได้ครับ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาดูโน่ให้เเต่เช้า”

“เก็บผ้าเก็บผ่อน ย้ายมาอยู่นี้ซะนะลูก หรือจะนอนตั้งเเต่คืนนี้เลย เสื้อผ้าโน่ก็มีอยู่หนิ ในตู้น้ำ”

อ่าเเม่ครับ...หวงลูกชายหน่อยก็ได้มั้ง

เจ้าตัวดีพยักหน้า แล้วก็เอารถจอดข้างถนนฝั่งตรงข้ามบ้านเสร็จสรรพ เดินตามพ่อกับเเม่ต้อยๆ เข้าบ้านไป ทิ้งผมลูกชายตัวจริงยืนเอ๋ออยู่หน้าบ้านอีก ผมเม้มปากอย่างไม่พอใจ ยิ่งพยายามหนีก็เหมือนฟ้าจะพยายามส่งโน่ให้มาใกล้จนหงุดหงิด ผมฟึดฟัดเข้าบ้าน ยิ่งเห็นเเม่คุยเล่นหัวเราะอยู่กับโน่ยิ่งอยากจะสาปให้พายุมาพัดม้วนเอาโน่ออกไปเลย

“หน้างอเป็นตูด” พ่อเดินเข้ามาทัก ผมเลยต้องรีบคลายสีหน้า “พ่อวางเงินไว้ให้ในลิ้นชักนะ เอาไว้สั่งอะไรมากินกัน ไม่ต้องพยายามทำกับข้าวสวีทกันเหมือนในนิยายนะ ครัวบ้านเราไม่ได้ใช้มานาน กลัวจะระเบิด ของในตู้เย็นก็ไม่น่ามีอะไรที่กินได้จริง”

ผมกรอกตา เเล้วก็กอดลาพ่อ เดี๋ยวสักสี่ทุ่มเขาคงออกไปขึ้นเครื่องกัน ผมป่วยเลยน่าจะอยู่ส่งไม่ไหว แม่เห็นผมกอดพ่อก็ทนอิจฉาไม่ไหวเดินมาอ้อนๆ ให้ผมกอดมั่ง ครอบครัวผมน่ารักแบบนี้แหละ ผมโอบเอวเเม่เเล้วหอมเเก้มซ้ายขวา

“อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ยเรา”

ผมส่ายหน้า ไม่รู้จะฝากซื้ออะไรดี

“แล้วโน่ล่ะ อยากได้อะไรมั้ย”

โน่มันตอบว่าอยากได้นาฬิกาเรือนละล้านไป พ่อเเม่จะซื้อมาให้มันมั้ยละครับ ผมแขวะในใจ ทำไมพาลบ่อยจัง

“อยากได้...ใจคนเเถวนี้อ่ะครับแม่”

“หยอดเก่ง” เเม่ฟาดด้วยจริตโคตรเขิน

“สินสอดเเพงนะเว้ยไอ้หนู” พ่อผมผลักไหล่โน่เเล้วหัวเราะร่วน

มีเเต่ผมหน้าบูดเป็นตูดคนเดียว เลยกลายเป็นว่าเเยกจากทุกคนมาเเบบนั้น ไม่นานโน่ก็ตามเข้ามาในห้อง เขาถือวิสาสะเปิดตู้ ทำเหมือนคุ้นเคยกับห้องผมเสียเต็มประดา เเล้วก็หยิบเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มของตัวเองออกมา

“ไม่สงสัยบ้างรึไง ว่าทำไมมีเสื้อผ้าคนอื่นอยู่ในตู้ตัวเอง” โน่ถามผม ผมยักไหล่

“จำไม่ได้จริงๆ หรือน้ำ” เขาถามผมอีกประโยคด้วยเสียงที่เเผ่วเบาลง ผมชี้ไปที่ห้องน้ำเพื่อให้เขารู้ตัวว่าต้องทำอะไร



ผมปีนขึ้นไปห่มผ้าเตรียมนอนโดยไม่รอโน่ วิ่งออกไปใช้ห้องน้ำชั้นล่างเรียบร้อย ไม่ได้ซกมกนะเออ แถมยังเปลี่ยนไฟห้องที่สว่างให้สลัวลงเตรียมหลับ เสียงปล็ดล็อคประตูห้องน้ำทำผมสะดุ้ง แล้วทำไมต้องใจเต้นเพราะลุ้นว่าโน่จะนอนตรงไหนด้วยว่ะ

“หลับเเล้วหรอ” เขาถามอากาศข้องตัว

“กินยาเเล้วยังเจ้าตัวดื้อ”

ไม่ตอบโว้ย กูหลับเเล้ว!!

“ถ้าหลับ...ก็เเปลว่าหอมเเก้มได้”

เตียงยวบ

ฟึ่บ!

เฮือก!!

ผมยันหน้าไอ้คนที่เเปลงร่างเป็นผีอำทับผมทั้งตัวไว้ทัน ตาโนพราวระยับ แล้วก็ยิ้มจนเเก้มยกให้ตายิบหยี ผมฟาดไหล่เขาด้วยความหมั่นไส้ แกล้งเก่งนัก

“อ่าว นึกว่าหลับเเล้ว” ยัง...ยังเเสดงละครเก่งอีก ทำหน้ารู้สึกผิดเสียหน้าถีบเชียว ผมดันตัวโน่ให้นอนลงข้างๆ แล้วยกหมอนข้างมากั้นกลางระหว่างเราไว้

“โน่จำได้นะว่าน้ำติดกอดอะไรสักอย่างตอนนอน เเล้วถ้าเอาหมอนข้างมาให้โน่แล้วน้ำจะกอดอะไร”

กอดตัวเองนี่เเหละ เจ็บเเล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควายเว้ย!! ไม่ทนอีกแล้วฮรือ!!

“เอาหมอนข้างไปกอดเถอะ เราเสียสละ” โน่บอกแล้วคว้าเจ้าก้อนนิ่มยาวๆ โยนมาให้ฝั่งที่ผมตะเเคงหน้าหา

ผมหันไปหน้างอใส่เขา

“ทำหน้าเหมือนอยากกอดโน่”

ถีบเเม่ง! รำคาญนักผมเลยยกเท้าเตะหน้าขาเขาไปใต้ผ้านวมนั้นเเหละ

“ดุจังอะ ทีบนดอยแล้วซุกเอาๆ”

นี่เป็นคนแบบนี้หรอฟระ!?

“เราก็มีค่าเเค่เเก้หนาวสินะ” ดูพ่อคุณเขาตัดพ่อ ฟังเเล้วอยากยันให้ตกเตียง

ผมบิดพุงโน่ด้วยความหมั่นไส้

“โอ้ย เจ็บ โอ้ย น้ำเบาหน่อยครับ น้ำ เดี๋ยวพ่อกับเเม่ได้ยินนะ ชู่ว!”

ติ๊ง!

เร็วกว่าหน่อยข่าวกรองก็พ่อแม่ตูนี่เเหละ ข้อความมาทันที

‘เฮ้ย เบาหน่อยวัยรุ่น’ โอดโอยซะจนผู้ใหญ่คิดไปไหนถึงไหน ผมทุบโน่ไปอีกหนึ่งทีแล้วหันหน้าหนี ได้ใจไอ้หมายักษ์ มันขยับเข้ามาใกล้ทันที แล้วก็เอามือเเทรกๆ เข้ามาตรงซอกคอผม รำค๊าญญญ! จนต้องยกหัวขึ้นเเล้วนอนลงใหม่ มืออีกข้างก็พาดเอว แล้วกระชับอกตัวเองเข้ามาใกล้หลังคนอื่นเค้า อึดอัดจะตาย ไม่รู้หรือไงว่าคนเป็นไข้ต้องระบายเหงื่อออกอ่ะ

ฟืด!

เสียงสูดจมูกเหมือนตัวโรคจิตเลย ขนลุกเกรียวไปหมด เอาจมูกมาไถหลังคอคนอื่นอยู่ได้

“น้ำอย่าดิ้น!” ดุเก่ง!!

“ยิ่งดิ้นยิ่งกอดเเน่นนะบอกไว้ก่อน” เออ...ขู่ก็เก่ง

ผมเลิกท้าทายโน่นอนนิ่งๆ ข่มตาหลับ แล้วท่องพุธโธในใจ หวังเอาธรรมมะเข้าสยบมาร แต่น้ำลืมไปว่าเจ้ามารโน่มันไม่ได้ยินนี่นา

ฟอด!!

เออ...เก่งไปหมดทุกอย่าง หอมก็เก่ง!!

“ฝันดีนะครับ คนเก่งของโน่”

โชคดีนะครับที่ผมใจเเข็งเก่ง ไม่งั้นหันไปจุ๊บๆ กู๊ดไนท์แล้วฮรือ... เกลียดเเม่งที่ชอบอ่อนโยนใส่





พ่อเเม่จากไปไม่ลาสักคำ มีเพียงข้อความในไลน์บอกว่าขึ้นเครื่องเเล้ว ผมนั่งอ่านอยู่บนเตียงที่บัดนี้ไร้วี่เเววเจ้ายักษ์ตัวโตที่กอดให้ความอบอุ่นผมทั้งคืน อาการมึนศีรษะ และไข้ของผมเเทบจะไม่เหลือเเล้ว และคิดว่าคงไปมหาวิทยาลัยได้แล้ว ผมเดินเข้าไปอาบน้ำอุ่น แล้วก็ใส่ชุดนักศึกษาลงมาด้านล่าง ผมเห็นแผ่นหลังในชุดเตรียมไปเรียนของใครอีกคนก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าเตา มึงไม่ได้ฟังที่พ่อกูห้ามใช่มั้ยโน่ ผมถลาเข้าอย่างเร็ว กลัวจะมีอะไรระเบิด แต่สิ่งที่เห็นคือโน่เเค่เทโจ๊กใส่ถ้วย แล้วจะไปเทตรงเตาให้หัวใจผมตกไปที่ตาตุ่มเพื่อ

จัดการเก็บหัวใจมาคืนอก แล้วก็เท้าเอวหาเรื่องเขา เจ้าหมาโง่หันหน้ามายิ้มเเฉ่งใส่ แล้วยกถ้วยโจ๊กวางลงบนโต๊ะ สองชาม

“มียาเเก้อักเสบหนิ กินก่อนอาหารเช้า”

ตกลงจะเป็นนักดนตรี หรือจะเป็นหมอ รู้ดีนัก ผมวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องเพื่อไปหยิบยา แล้วก็ลงมากินข้าวเช้า แต่สงสับวิ่งไวเกิน ตอนลงบันได้มาทำท่าจะวูบ โน่รีบมาคว้าไว้ หน้าตาเขาดูตกใจมาก แล้วก็ทำตาดุตามระเบียบ

“ไม่สบายอยู่ ทำอะไรช้าหน่อยสิ โน่รับไม่ทันตกบันไดทำไง!?”

“แล้วทำไมโน่ไม่ไปหยิบให้ตั้งเเต่เเรก!” ผมดื้อกลับเสียงสะบัด เป็นไงดุเก่งนัก

“ขอโทษครับ”

อ่ะ แล้วก็ทำให้ผมเเพ้ด้วยการเป็นฝ่ายยอมสินะ เขาประคองผมไปนั่งลงกับโต๊ะอาหาร แล้วเทน้ำอุ่นๆ มาให้ ผมรับมากินยา แล้วก็ตักโจ๊กเข้าปาก

“รู้หรอว่าเราชอบกระดูกหมู”

“น้ำเคยใช้ให้เราไปซื้อตอนรู้จักกันใหม่ๆ”

จำเก่ง เอาไปสิบคะเเนน

“แล้วมานอนกับเราเเบบนี้ นางฟ้าไม่ว่าหรอ”

“ก็ไม่จำเป็นต้องให้รู้หนิ”

เออ...กูเป็นชู้เค้าสินะ ผมอยากจะฟาดงวงฟาดงาใส่ สงสัยเพราะป่วยครับอาการงอเเงมันเลยมาเต็มสตรีม

“แล้วจะปิดได้ครบอาทิตย์หรือไง”

คราวนี้เขายิ้ม

“แปลว่าอยากในโน่มานอนด้วยทุกคืนใช่มั้ย”

“ขี้ตู่” ผมว่าเขา

“มาได้ นางฟ้าไม่รู้หรอก เราก็แค่บอกว่าเรากลับคอนโดเเล้ว”

“ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอ” ผมคาบช้อนตาโต

โน่ส่ายหน้า ผมก้มลงตักโจ๊ก แอบยิ้ม อย่างน้อยก็ชนะนางฟ้านิดนึง อิอิ...แต่เดี๋ยวสิอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง โน่ให้เกียรติแบบนั้นก็ถูกแล้วหนิ หงึ อยากจะฟึดฟัดขึ้นมาอีกแล้ว ผมจ้วงกินโจ๊กอย่างหงุดหงิด กินเสร็จก็ไม่ล้างด้วย เพราะปล่อยให้โน่บริการไป ผมมันคนป่วยจะเอาเเต่ใจเเค่ไหนก็ได้

หลังจากเก็บกวาดทุกอย่างเสร็จ เราก็เตรียมไปมหาวิทยาลัย ผมใส่ร้องเท้าผ้าใบทั้งที่ยืนอยู่ เเต่พอออกเดิน ก็พึ่งเห็นว่าเชือกหลุด ผมจะก้มลงไปผูก แต่ก็โดนโน่รั้งไหล่ไว้

“ไข้อยู่ อย่าก้มเลย เดี๋ยวเวียนหัว” เขานั่งลงไปผูกเชือกด้านที่หลุดให้ แล้วยังหันไปเช็กด้านที่ไม่หลุดว่ามันเเน่นดีหรือเปล่าด้วย

ผมอึ้ง ไม่คิดว่าโน่จะทำให้ถึงขนาดนี้

“ขอบคุณ” พึมพำเบาๆ แล้วก็เดินไปขึ้นแรบบิทครีม ที่จอดอยู่นอกรั้วบ้าน เป็นโน่อีกที่ล็อกบ้านล็อกรั้วให้อย่างรู้งาน

ในรถโน่เปิดเพลงที่เราเคยชอบฟังด้วยกันเบาๆ เขาฮัมบางท่อนอย่างอารมณ์ดี เขาเเวะจอดข้างทางก่อนถึงมหาวิทยาลัย มันเป็นหน้าร้านดอกไม้ สมัยที่เราเคยมาซื้อตอนกีฬาสีโรงเรียน...เออ ผมก็จำได้ทุกดีเทลเนาะ

โน่กลับมาขึ้นรถพร้อมดอกไม้สีขาวช่อจิ๋ว

“เยี่ยมคนป่วย” เขายื่นให้ผม ตลกมากมั้ย ผมรับมาถือไว้ แล้วก็ไพล่คิดไปถึงตอนนู่น

‘ดอกอะไรหรอ’

‘Lily of the Valley’

‘มีความหมายป่ะ’

‘ความอ่อนหวานของคุณช่วยเติมชีวิตฉันให้สมบูรณ์’

“ความหมายเหมือนจีบ ไม่ได้บอกให้หายป่วย” ผมพูดกับเขา แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ในลำคอ

“รู้ด้วยหรอว่าเเปลว่าอะไร”

“อือ ฉลาด” ผมแอบกัดลิ้นตัวเองเบาๆ มึงความจำเสื่อมอยู่น้ำ อย่าเสร่อทำความเเตก

“ทีเมื่อก่อนไม่เห็นรู้”

“เมื่อก่อนโน่ก็เคยให้เราหรอดอกแบบนี้” แหลเก่งมั้ยครับ

“อื้ม”

“แล้วตอนนั้นให้เพราะอะไรหรอ”

“จีบ”

อิเหี้ย!!! ขออนุญาตอุทานคำหยาบ แล้วหันไปยิ้มกับกระจกข้างอย่างเเนบเนียน ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ เข้าปอด แล้วหันกลับมาทำหน้าเรียบตึงเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรอีกครั้ง

“แล้วตอนนี้ล่ะให้เพราะอะไร”

“จีบ...เหมือนตอนนั้น”

เป็นลมตายไปเลย!!

“เเก้มเเดงๆ นะ ไข้ขึ้นหรอ” โน่ยื่นมือมาเเตะหน้าผากผม คนอะไรชั่วร้ายกับหัวใจคนอื่นได้ขนาดนี้







TBC 


ขอบคุณที่รักน้องน้ำค่ะ อิอิ ^^
#พระเพลิงมารีน  สำหรับใครเล่นทวิตนะคะ ไรต์ไถทั้งวัน คุยกันได้นะฮะ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 18_20oct]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 07-11-2018 13:27:18
Chapter 20



และเพราะผมป่วยขาดควิซ ส่วนโน่ก็โม้ไปว่าตามไปช่วยพาผมไปโรงพยาบาลเเบบฉุกเฉิน พวกเราทั้งคู่จึงได้รับโอกาสให้ทำรายงานส่งเพื่อเอา 20 คะเเนนเเทนควิซ ยังพอมีทางได้เอผมก็สบายใจขึ้นหน่อย โน่ชวนผมไปทำที่คอนโดช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ผมก็ไม่ขัดอะไร เพราะก่อนหน้านี้เขาก็มาขลุกอยู่บ้านผมตลอดช่วงที่พ่อเเม่ไม่อยู่เเล้ว

คอนโดเดิมที่ห่างหายไปนาน ผมเองก็อดผูกพันกับมันไม่ได้ ได้กลับมาก็หวนคิดถึงวันเก่าๆ โน่เดินนำผมเข้ามาด้านในห้อง ความทรงจำทุกอย่างพุ่งปะทะราวลมก้อนใหญ่ ผมยืนนิ่ง

ทุกอย่างยังเหมือนเดิม โซฟาที่เคยนั่ง หมอนอิงนุ่มที่ผมชอบ ขาตั้งกีต้าร์ แผ่นเสียงที่เราเลือกซื้อมาด้วยกัน ผมถือวิสาสะเดินนำหน้าโน่เข้าไปในส่วนของห้องนอน เตียงกว้างที่เรานอนกอดกัน ตู้เสื้อผ้าที่เเบ่งเป็น 2 ฝั่ง เสื้อผ้าที่ไม่ได้ไปเอากลับของผมก็ยังอยู่ที่เดิม โต๊ะทำการบ้าน ลายสักที่เราชอบถูกปริ้นมาเเปะไว้บนฝาผนัง เรามีเรื่องที่อยากทำด้วยกันตั้งเยอะเเยะ ที่ยังรอวันจะได้ทำมันด้วยกัน

โน่เดินเข้ามาชิดด้านหลัง ผมหันไป แล้วก็ถูกกักไว้ด้วยอ้อมกอดหลวมๆ

ปิ๊กกีต้าร์สลัก NN ที่ให้โน่ไว้ก่อนจากกัน เขาห้อยไว้กับสร้อยคอ ผมยกมือลูบคลำมันอีกครั้ง หลังจากที่ได้สัมผัสเมื่อวันเล่นคอนเสิร์ตที่มหาวิทยาลัย

“จำได้บ้างหรือยัง จำเรื่องของเราได้บ้างมั้ย” โน่ถาม เสียงอ้อน

“จำได้มั้ย จำคนที่ต้องนั่งรถไปไกลๆ เพื่อไปลากมาโรงเรียน”

“จำคนที่ต้องพาเข้าวงเพื่อให้เขาไม่เบื่อโรงเรียน”

“จำคำสัญญา ที่ทำให้โน่ต้องแข่งชนะ”

“จำได้บ้างมั้ยว่าเคยรักโน่”

“แล้วโน่จำได้มั้ยว่าขอสัญญาอะไรไว้กับน้ำ” ผมเริ่มร้องไห้

“โน่จะให้น้ำจำได้ทุกอย่างไปทำไม ในเมื่อตอนนี้น้ำให้อะไรโน่ไม่ได้แล้ว”

ฮึก...ผมสะอื้นตัวสั่น

“โน่มีคนอื่นเเล้ว ฮึก”

“โน่..ฮึก”

เขาไม่ปล่อยให้ผมตัดพ้อต่อ แต่ก้มลงมาปิดปากผมทั้งน้ำตา ผมตั้งใจจะผลักโน่ออกแต่ที่ทำได้คือเเค่รั้งเสื้อไว้ไม่ให้เขาปล่อยปากไปเร็วนัก

ลิ้นอุ่นๆ เเทรกเเนวริมฝีปากเข้ามา และผมก็เปิดรับมันอย่างเต็มใจ เราเเลกจูบกันอย่างอ่อนโยน เเผ่วเบา และเชื่องช้า ราวกับอยากจะหยุดช่วงเวลานี้ไว้ให้นานที่สุด เวลาที่มีเพียงเราสองคนและไม่ต้องเเคร์ความถูกต้องใดใด

เราละใบหน้าออกจากกัน ยามที่ลมหายใจถูกสูบไปจนสิ้น โน่ก้มลงมาเอาหน้าผากคลอเคลียร์หน้าผากผมไว้

“ทำไมเรียนที่นี่”

“ทำตามสัญญา เราพยายามหาน้ำแล้วไม่เจอเลย เฟสบุ๊คก็ปิด ทำไมใจร้าย ทำไมอยู่ๆ ก็หายไปไม่ติดต่อ”

“น้ำขอโทษ”

“รู้มั้ยตอนนั้นใจเราพังแค่ไหน โน่คิดถึงน้ำแทบขาดใจ อยู่ที่ญี่ปุ่นมัน...เหงามาก”

หรอ...หรือนี่คือเหตุผลที่เขาคบกับนางฟ้า

“ถามได้ป่ะ”

“ถามมาตั้งหลายอย่างเเล้วหนิ”

ฮึ่ย! ผมทุบเขาตัดอารมณ์เศร้า

“ทำไมถึงเป็นเเฟนกับนางฟ้าหรอ”

“ถามทำไม...อยากให้เลิก?”

ผมสูดลมหายใจลึก กวนตีนนัก ถามย้อนมาได้

“แล้วถ้าบอกว่าอยากละ จะทำให้มั้ย”

โน่จุ๊บปากผมดังจ๊วบลั่นห้อง

“จะพยายาม”

“อื้อ”

“บอกรักโน่สักคำได้มั้ย บอกให้โน่ชื่นใจหน่อย”

“เราบอกรักคนมีเจ้าของไม่ได้หรอกนะ เลิกกับเขาก่อน แล้วค่อยมาเอาคำว่า ‘รัก’ จากน้ำ”

“รอนะน้ำ”

ผมพยักหน้า ไม่รู้ทำไมในอกถึงได้อุ่นเเปลกๆ เขาเเคร์ผมใช่มั้ย โน่ยังรักผมใช่มั้ย แต่ผมก็กำลังทำร้ายเพื่อนอีกคน ผมควรทำยังไงดี













ใดใดในโลกล้วนขิงเพื่อนรัก ทำอะไรไม่ถูกก็เรียกหาขิง ผมมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่คาเฟ่กลางสยาม กับอิคนหล่อแห่งพระนคร

“เรียกกูมานั่งดูมึงถอนหายใจหรอมมมอิน้องน้ำ?”

“อื้อ เป็นบุญนะที่คนน่ารักอย่างกูยอมให้มึงได้ดูอ่ะอิพิขิง”

“เสียเวลาวอเเวเมียของกูสัส”

ใช่ครับ ผมลากมันออกมาจากการกกกอดพี่ดาริณคนเซ็กซี่ ผู้ชายตัวขาวจัดตาโครตยั่วเหมือนลูกแมว และพร้อมจะฝังเขี้ยวลงบนอกได้ตลอดเวลา คิดภาพพี่เเกแล้วก็ ฮึ่ย อยากบีบ!

“อิน้องน้ำ คิดไม่ซื่ออะไรกับเเฟนกูอยู่รึป่ะ”

“นิดนึง”

ขิงตบหัวผมหน้าเเทบทิ่มหลอด

“สาระ ทำไมต้องมาเล่นตลกห้าบาทสิบบาทกันอยู่เนี่ย”

ผมหัวเราะเเหะ ก่อนจะเอ่ยปากบอกสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจ

“แล้วโน่มันว่าไง”

“โน่ไม่ตอบว่าทำไมเป็นเเฟนกัน แต่บอกว่าจะไปเลิกให้”

“เห้อ...งั้นมึงก็รอ”

“แต่แบบ นางฟ้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิดใช่มั้ย แล้วเราก็รู้ว่านิสัยนางฟ้าก็เเมนๆ อยู่แบบได้ได้เป็นผู้หญิงง้องแง้งที่จะหาเหตุผลมารำคาญได้ ยังนึกไม่ออกเลยว่าโน่จะเลิกกับเขาได้ยังไง”

“นึกไม่ออกก็เก็บความโสดไว้ชิงโชคเถอะอิน้องน้ำ”

“พิขิงใจร้ายกับหนูอีกแล้ว!!”

“ร้ายกาจ!!! อย่าเอาคำว่าหนูมาหลอกล่อให้กูอ่อนใจ”

“กูควรทำไงอ่ะ เหมือนเเบบก็ทำให้เค้าเเตกเเยกอ่ะ”

“ทำใจ เชื่อกู ยังไงโน่ก็รักมึง คนรักกันยังไงสุดท้ายก็ต้องมาลงเอยด้วยกันได้อยู่ดี ยกเว้นเเต่มึงจะรักเค้าข้างเดียว”

“เออ นั่นดิโน่มันรักกูป่ะวะ” ผมพึมพำกับตัวเอง “ถามเเป๊บ”

ผมพิมพ์ไลน์ส่งไปหาโน่

‘โน่รักเราป่ะ’

ติ๊ง! ไม่นานข้อความก็ส่งกลับมา

‘น้ำ นี่เเฟนเพื่อน ไม่วอเเวดิ’

ผมยื่นข้อความให้ขิงดู เรามองหน้ากันเเล้วขยับปากเป็นคำว่า

‘นางฟ้าหรอ’

‘เราเอง มีอะไรกับโน่รึเปล่า โน่อาบน้ำ’

‘ไม่มีไร บายๆ’

ผมโยนมือถือลงกับโต๊ะอย่างหมดเเรง นี่โน่กำลังโกหกผมอยู่รึเปล่า สรุปว่าเรื่องของเรามีทางเป็นจริงได้ใช่มั้ย









ขิง Part

ผมเเยกจากน้ำเเล้วก็เดินมาที่ห้างสรรพสินค้าที่ดาริณหรือพี่ดาวเเฟนผมช็อปปิ้งอยู่ เขารู้ว่าน้ำน่าจะมีเรื่องกลุ้มใจ เขาจึงไม่ได้ไปที่คอฟฟี่ช็อปด้วย แต่เลือกมาเดินเล่นรอแทน คนตัวเล็กตาเเมวนัดผมไปเจอที่ซูเปอร์มาเก็ต เขาเป็นคนทะลึ่งเลยบอกว่าเดินเล่นอยู่ที่โซนถุงยาง

ไปถึงผมก็เห็นเขานั่งยองๆ ดูโปรดักต์ในมือ ผมเดินไปนั่งลงใกล้ๆ เขาจำกลิ่นน้ำหอมผมได้เลยไม่ตกใจ แล้วยื่นของสองกล่องมาให้ดู เหมือนจะให้ช่วยเลือก ผมรับทั้งสองกล่องใส่ลงไปในตะกร้า เขาหน้ามุ่ยเหมือนไม่ได้ดั่งใจ

“ไม่ได้จะเอาไปใช้กับขิงสักหน่อย”

ดู๊ดูพูด อยากตีปากด้วยปาก เรากวาดกันมาอีกหลายกล่องเเล้วก็เดินโอบเอวดาริณไปคิดเงิน พออยู่กับคนข้างๆ ผมก็ยิ่งเพลียในใจ เรื่องของน้ำ โน่ และนางฟ้า เหมือนมีผมเป็นผู้รู้ผู้เห็นทั้งหมด แต่พูดไม่ได้น้ำท่วมปาก

น้ำป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลด่วน ทำให้ไม่สามารถไปเเข่งขันวงดนตรีรอบชิงชนะเลิศระดับเอเชียกับพวกผมได้ โดยที่โน่ไม่รู้ คิดว่าน้ำย้ายไปอยู่กับพ่อเเม่ที่ดูไบ ตอนไปถึงญี่ปุ่นโน่ดูเหงาและหงุดหงิดมากที่ติดต่อน้ำไม่ได้เลย เเน่ซิเพื่อนกูผ่าสมองอยู่จะเอาปัญญาที่ไหนมารับโทรศัพท์มึง แถมการเเข่งขันก็โคตรกดดัน เพราะได้โค้ชจากนานาชาติมาช่วยฝึกสอน เราต้องทำโจทย์เก็บคะเเนนกันทุกสัปดาห์ ทีมเราที่ว่าเเน่จากประเทศไทย เจอเกาหลี ญี่ปุ่นเข้าไปนี่คะเเนนรั้งท้ายตลอด เด็กๆ ประเทศที่ได้รับการสนับสนุนเรื่อง Art & Entertainment ของเขาเด็ดจริง แล้วเหมือนสกิลเขาก็เเน่นกว่าเราด้วย

พวกเราคุยกันทุกวันร้องไห้ด้วยกัน สนิทกันมากขึ้นกว่าอยู่ที่ไทยอีก แล้วโน่ที่เหมือนไม่มีใครเลย ทั้งพ่อเเม่เเละเพื่อนสนิทมีเเต่น้ำก็เริ่มจะเคว้ง

นางฟ้า เป็นนางฟ้าของกลุ่มสมชื่อคอยดูเเลโน่ให้ เพราะผมมีพี่ดาริณอยู่เเล้ว เราโทรคุยกันบ่อยๆ แถมดาริณยังบินมาฝึกงานที่ญี่ปุ่นพอดีด้วย โดยพักอยู่ใกล้ๆ ที่ที่พวกเราเก็บตัว ชูครีมเป็นคนพูดน้อย เลยไม่รู้จะสื่อความกับโน่ยังไง สุดท้ายโน่กับนางฟ้าก็สนิทกันแบบเพื่อนนี่แหละ

แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิด วีคที่เราทำคะเเนนได้ดี ทีมงานที่ตามมาจากไทยจึงชวนกันไปเลี้ยงฉลองที่หอพักด้านนอก พวกเราดื่มกันเเบบปลดปล่อยเต็มที่เพราะเครียดมานาน

คืนนั้นผมเเยกไปนอนกับดาริณ ชูครีมเมาพับไปก่อน โน่กับนางฟ้าก็คงเมาไม่เเพ้กัน แต่สุดท้ายตอนเช้าก็พบว่า...โน่กับนางฟ้านอนอยู่บนเตียงเดียวกัน โดยมีร่องรอยเหมือน...เฮ้อ

นางฟ้าร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง เธอคงตกใจที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเด็กที่รักนวลสงวนตัวอย่างเธอ ตอนเเรกเธอไม่มีกระจิตกระใจจะเเข่งต่อแล้ว แต่โน่ก็สุภาพบุรุษพอที่จะบอกว่าจะรับผิดชอบ โดยการดูเเลนางฟ้าเหมือนเเฟน ผมรีบให้ดาริณไปหายาคุมฉุกเฉินมาให้ พวกเราก็ลุ้นกันหลายเดือนให้ไม่มีอะไรที่น่ากลัวเกิดขึ้น ตอนนี้ผ่านมาเป็นปีแล้วนางฟ้าก็ไม่ท้อง

ตอนเเรกผมนึกว่าถ้ายืนยันได้ว่าไม่ท้อง นางฟ้าจะยอมเลิกกับโน่...แต่ทุกวันนี้เเม้น้ำจะกลับมาเเล้ว พวกเขายังคบกันอยู่ โน่เองก็คงเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่บอกเลิกก่อน ปัญหารักสามเส้าเราสามคนมันจึงดำเนินมาด้วยประการฉะนี้

“คิ้วขมวดเชียวเจ้าเด็ก เป็นอะไร” ดาวทัก เขายื่นนิ้วมานวดหน้าผากให้ผม

“เรื่องน้ำหนะ” พอเอ่ยชื่อนี้ดาริณก็เบะปากคว่ำ ผมโอ๋น้ำมากไปหน่อยจนบางครั้งคุณเเฟนเขาก็หมั่นไส้ เขาจับได้ว่าผมเคยรู้สึกเกินคำว่าเพื่อนกับน้ำ แต่มันก็นานมาเเล้ว ผมช้าเอง น้ำเลยโดนไอ้โน่คาบไป

“น้ำอกหักอยู่ใช่มั้ย เราก็เข้าไปเสียบสิ” ดาริณงอเเง ผมโอบเอวเขาเบาๆ ถึงจะเป็นรุ่นพี่เเต่คงไม่ค่อยกินนมส่วนสูงเลยมาได้เเค่ไหล่ผมเท่านั้นอ่ะ หันไปจุ๊บทีก็พอดีเหม่ง

“มาช่วยขิงคิดดีกว่าว่าจะทำยังไงให้นางฟ้ายอมบอกเลิกโน่ ในเวลาแบบนี้ดาวไม่ควรยุให้ขิงเข้าไปทำให้เรื่องมันยุ่งกว่าเดิม”

“หึ ดาวก็นึกว่ารอเสียบอยู่ เห็นปล่อยมาตั้งนานไม่ยอมทำอะไรสักที”

“เอ้า” ผมโดนด่าเฉย ดาริณหัวเราะคิกคัก จูงมือผมมาเเกว่งไปมาเบาๆ

“โน่เคยบอกนางฟ้าหรือเปล่าว่าเขาชอบน้ำ”

“เอาจริงๆ ใครๆ ก็ดูออกป่ะ ตัวติดกันขนาดนั้นอ่ะ”

“ก็ไม่ได้พูดชัดๆ นางฟ้าอาจจะไม่รู้ตัว เเถมเป็นผู้หญิงด้วย คบกันมาตั้งนานมันก็ต้องมีผูกพันกันบ้างเถอะ โน่เค้าก็ดูเเลดีไม่ใช่หรอ”

ผมพยักหน้า พอรู้มาว่าโน่ถือคติจะไม่ทำให้ผู้หญิงร้องไห้ เพราะไม่ชอบพ่อตัวเองที่เคยทำให้แม่เสียใจ รวมทั้งให้เเฟนเก่าโน่ร้องไห้ด้วย

“ซับซ้อนจังครับดาว”

ดาริณบิดจมูกผม ผมอ้อนเขาด้วยการงุ้ยๆ หน้าลงไปบนไหล่เล็กๆ

“ดีนะเนี่ย ที่เป็นเเฟนกับดาวชีวิตบันเทิงดีทุกวัน ไม่มีดราม่าเลย”

“หรือจะลอง” ผมเลยโดนคนตัวเล็กบิดหูเข้าให้ครับ

เราสองคนขับรถไปหานางฟ้าที่บ้าน ผมกะว่าจะให้ดาริณช่วยพูด เนื่องจากเป็นคนกลางที่สุด เพราะถ้าผมพูดเองน้ำก็เพื่อน นางฟ้าก็เพื่อน ย่อมต้องใจอ่อนให้กับทั้งคู่อยู่เเล้ว





เพื่อนสาวของผมดูตกใจเมื่อเราสองคนมาเยี่ยมโดยไม่บอกกล่าว โชคดีที่เธออยู่คนเดียว พ่อกับเเม่ออกไปธุระด้วยกัน และโน่ที่มาช่วยทำการบ้านเมื่อช่วงเช้าก็กลับออกไปแล้วพร้อมกับบุพการีของนางฟ้า เจ้าเพื่อนมือกีต้าร์ของวงยังคงความสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว

แม่บ้านยกขนมมาให้พวกเราที่ศาลาริมบ่อบัว พวกเรานั่งคุยกันตรงนั้น เพื่อกันใครได้ยิน ดาริณเป็นคนเกริ่นนำเข้าเรื่อง และนางฟ้าก็หน้าเปลี่ยนทันที

“ถ้าไม่ท้องแน่ๆ แล้วก็ปล่อยโน่ไปเถอะ”

ประโยคนั้นทำนางฟ้าร้องไห้ ผมเองก็ตกใจหันไปมองหน้าดาริณเราจับมือให้กำลังใจกันอยู่ใต้โต๊ะ

“ฮึก ตอนนี้เรารักโน่เเล้ว จะให้ปล่อยไปได้ไง”

ผมฟังเเล้วปวดหัวกว่าเดิม ดาริณก็ถอนหายใจยาว

“แต่โน่ไม่ได้รัก จะอยู่กันไปแบบนี้หรอนางฟ้า” ผมพยายามตะล่อม ไม่อยากให้มีคนเสียใจไปมากกว่านี้ ใบหน้าหวานช้ำน้ำตาเงยขึ้นมามองผม

ก็..คบกันมาเรื่อยๆ เรายังรักโน่ได้เลย ทำไมโน่จะไม่รักเราล่ะ”

“นางฟ้า...” ดาริณใช้เสียงอ่อนนุ่มปลอบคุณเป็นน้อง

“ได้เคยถามโน่หรือยัง ที่โน่เขาไม่เเสดงออกอะไร และทำให้ทุกอย่างมันดูสวยงาม ในใจเขาอาจจะกำลังเจ็บมากก็ไดนะ”

“พี่ดาว...พี่ก็รู้ไม่ใช่หรอคะว่าตอนคบขิงอ่ะ ขิงก็ยังรักน้ำ พี่ยังรอได้เลย” ดาริณโดนย้อนก็ถึงกับชะงัก ผมนี่ยิ่งร้อนตัวใหญ่ ต้องรีบช่วยพูด ก่อนที่บ้านตัวเองนี่เเหละจะลุกเป็นไฟ

“มันคนละเเบบกันนะนางฟ้า ตอนนั้นเราพร้อมจะตัดใจจากน้ำ เลยมาคุยกับดาว แต่เรื่องเเกกับโน่มันคือความบังเอิญ โน่มันเป็นสุภาพบุรุษ เเกไม่ควรใช้ความดีของมันมาทำให้มันมีทุกข์”

“น้ำจำไม่ได้ไม่ใช่หรอ แล้วขิงกับพี่ดาว จะทำให้เรื่องมันวุ่นกว่าเดิมไปทำไม!” นางฟ้าขึ้นเสียงบ้าง คราวนี้ผมหน้าชาครับ เหมือนโดนด่าว่าเสือกเรื่องชาวบ้าน

“นางฟ้าเเกฟังนะ น้ำมันไม่ได้ความจำเสื่อมอะไรทั้งนั้นอ่ะ มันรักโน่ เเต่เพราะได้ข่าวว่าเเกสองคนคบกันอยู่มันก็หลีกทางไง มันไม่รู้ความจริงอะไรทั้งนั้น และโน่มันก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่พูดให้เเกเสียหาย เเต่ถ้าเเกยังรั้นต่อไปแล้วมันจะได้อะไร แกจะโกหกตัวเองไปทุกวันหรือไงว่าโน่รักแก”

“ขิงกับพี่ดาวกลับไปเถอะ นี่มันเป็นเรื่องของเรากับโน่”

ผมกำหมัดด้วยความหงุดหงิด ไม่ชอบเลยที่เพื่อนเป็นเเบบนี้ เเล้วยังเป็นเพื่อนที่สนิทมากๆ ทั้งสองคนด้วย เราเล่นดนตรีด้วยกันมานาน ผมที่ชอบน้ำมากๆ ยังไม่กล้าที่จะก้าวข้ามความเป็นเพื่อนเพราะกลัวเรื่องบบนี้ไง กลัวว่าถ้าคำว่าเพื่อนมันสั่นคลอนเเล้วเราจะมองหน้ากันไม่ติดอีกต่อไป

ไม่ใช่หรอก...ผมไม่ได้หงุดหงิด เเต่...ผมกำลังเสียใจที่เรื่องทั้งหมดมันเป็นเเบบนี้





ผมเงียบมาตลอดทางที่ขับรถกลับคอนโดดาริณ ผมย้ายมาอยู่กับเขา เพราะคนตัวเล็กติดที่

เราเดินขึ้นห้อง แล้วนั่งลงบนโซฟากลางห้องเเล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ดาวกับผมหันมามองหน้าแล้วยิ้มออกมาครั้งเเรก รุ่นพี่ตัวเล็กอ้าเเขน เหมือนเรียกให้ผมเข้าไปอ้อน ผมนอนลงบนตักปล่อยให้เขาลูบไล้ศีรษะเบาๆ

“สักยกมั้ยละจะได้หายเครียด” ดาวถาม ดาริณเป็นคนประเภทนี้ครับ หื่นจัดกว่าผมเยอะ

ผมส่ายหน้ากับตักเขา “แค่นอนตักดาวขิงก็สบายใจเเล้ว”

“จะไปดามใจให้น้ำมั้ยละ” ดาวถามเรื่อยๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผมรู้สึกผิดกับเขาเสมอ...ผมใช้ดาวเป็นเครื่องมือเพื่อลืมน้ำ และเขาก็รู้มาตลอด

“ดาว ขิงรักดาว ไม่ได้รักน้ำเข้าใจตรงกันนะ”

ดาริณก้มลงมาจุ๊บหน้าผากผม

“ดาวหยอกเล่น ไปจริงซิ สับจู๋ให้เป็ดกินเเน่”

“ดาวโหดอีกแล้ว” ผมฟัดพุงคนเป็นพี่อย่างหมั่นเขี้ยว รู้สึกโชคดีขึ้นมาเลยที่ความรักของเราเรียบง่ายเเละมีความสุขเเบบนี้



TBC

พิขิงมีเรื่องของตัวเองนะคะ  #ดาวอย่ายั่ว อยู่ในบอร์ดนิยายจบแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 18_20oct]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 07-11-2018 13:28:36


น้ำ Part

หมดเรื่องงานมหาวิทยาลัย ก็มีกิจกรรมใหม่เข้ามาให้สาขาดุริยางคศิลป์วุ่นวายอีกเเล้ว ‘ประกวดวงดนตรีมหาวิทยาลัยระดับประเทศ ชิงถ้วยพระราชทาน...’ วงของมหาวิทยาลัยเราชิงที่หนึ่งที่สองทุกปี ซึ่งมันเป็นเหมือนการเเข่งขันเเห่งศักดิ์ศรี ถ้ามหาวิทยาลัยอื่นเขามีงานบอลกัน มหาวิทยาลัยเรากับมหาวิทยาลัยเพื่อนซี้ก็งานดนตรีนี่เเหละ

ผมมองโปสเตอร์เเล้วทำหน้าเหม็นเบื่อรู้สึกได้ตะหงิดๆ ถึงความซวยที่จะมาเยือน ที่เเน่ๆ ผมไม่ลงเเข่งหรอก เพราะหลังจากเข้าผ่าตัดครั้งนั้นร่างกายผมก็ไม่ได้กลับมาครบ 100%เหมือนเดิม รู้สึกได้ว่าบางครั้งสมองตัวเองก็ช้าไปบ้าง หรือกล้ามเนื้อมือก็ขยับไม่ได้ดังใจนัก ผมเลยเลือกเรียนประพันธ์เพลงแทนที่จะไปสายนักดนตรี

“น้ำ” อาจารย์เมธีเรียก เเค่เห็นหน้าก็รู้เเล้วว่าหายนะมา

“เห็นโปสเตอร์เเล้วใช่มั้ย”

ผมรับคำ

“วงคณะเราที่จะลงเเข่งอ่ะ ขาดมือกีต้าร์ที่ร้องนำได้”

“อาจารย์มีในใจสองคน น้ำกับโน่”

ผมอธิบายเรื่องข้อจำกัดให้อาจารย์นทีฟัง แล้วปฏิเสธอาจารย์ไปว่าไม่สามารถลงเเข่งขันได้จริงๆ อาจารย์จึงไหว้วานให้ไปช่วยคุยกับโน่ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายยังมีงานกับต้นสังกัดอยู่บ้างอาจจะไม่ว่างมากนัก

“ม.โน่นเขาก็คงให้คนในวงเดียวกับโน่ลงเหมือนกันนะอาจารย์ว่า ชื่อ..อะไรนะ ขิงรึเปล่าที่เล่นเบส เราก็อยากให้มันสมน้ำสมเนื้อ เอามือระดับประเทศมาเเข่งกัน แล้วถ้าน้ำลงเเข่งไม่ได้ อาจารย์ก็อยากให้เป็นผู้จัดการวงให้นะ คอยดูเเล คอยดูซ้อมจะได้เเน่นๆ หน่อย”

อาจารย์เมธียื่นรายละเอียดการเเข่งขันมาให้ คณะจะเปิดออดิชั่นวีคหน้าเพื่อหาผู้เข้าร่วมวง ส่วนโน่นั้นก็ต้องออดิชั่นเหมือนกัน เเต่เเกมั่นใจว่าโน่น่าจะได้เข้าเเน่ๆ เลยมาบอกผมไว้ก่อน

พยักหน้ารับคำอาจารย์ไป แล้วก็ต้องเหนื่อยใจอีกรอบแบบนี้ก็ต้องใกล้ชิดโน่อีกเเล้วสิ หนีไม่พ้นจริงโว้ย

ติ้ง!

‘น้องน้ำพี่รออยู่ใต้ถุนนะ’

ผมอ่านข้อความจากพี่เคน รุ่นพี่ปีสามภาควิชาเดียวกันที่จับฉลากได้ผมเป็นบัดดี้ตอนไปภาคเหนือ เราเเลกไลน์กันตอนก่อนจะเฉลยเพื่อจะได้ตามตัวกันถูก กลับมาจากทริปหลายอาทิตย์แล้วพี่เขาก็ยังติดต่อมาเพื่อเอาขนมมาให้ผมบ่อยๆ

‘วันนี้ที่ร้านทำเค้กแบบใหม่ เลยเอามาให้น้องน้ำชิม’

ผมชิมจนจะเป็นหมูเเล้ว เท่าที่รู้คือพี่ชายของพี่เคนเปิดร้านอาหาร Pub & Resturant นี่เเหละ เเต่มีโซนขายเบเกอรี่พึ่งเปิดใหม่ เขาเลยหาคนช่วยชิมอยู่ตอนนี้และผมก็ตกเป็นเหยื่อ

“หวัดดีครับพี่เคน” ผมยกมือไหว้ตามเเบฉบับรุ่นน้องที่ดี แล้วก็ต้องตาโต เพราะเค้กที่พี่เคนเอามาให้ชิมไม่ใช่ชิ้นเดียวแต่เป็นขนาดสองปอนด์อ่ะ ตกเเต่งมาเสียสวยเหมือนจะเอาไปเซอร์ไพรส์วันเกิดใครได้เลย

“น้ำมีเรียนบ่ายไม่ใช่หรอ เอาไปแบ่งเพื่อนด้วย เเล้วอย่าลืมจดฟีดเเบคมาให้พี่” ผมเงยหน้า ยกมือโอเคให้ พี่เคนตัวสูงกว่าผมเยอะครับ ตัวเเน่น ผิวคล้ำเเดดเหมือนคนชอบเล่นกีฬาเอ้าดอร์ เเล้วก็คงออกทริปถ่ายรูปบ่อยเพราะดูใช้กล้องโปรดี

“แล้วเมื่อกี้ไปคุยอะไรกับอาจารย์เมธี” พี่เขารู้เพราะผมไลน์บอกว่าจะลงมาเจอช้าหน่อย

“เรื่องงานเเข่งดนตรีมหาวิทยาลัยนั้นเเหละ เขาจะให้ไปเป็นผู้จัดการวง วีคหน้าก็มีออดิชั่นนะ พี่สนป่าว”

“น้องน้ำอยากให้ลงหรอ” พี่เคนดูสนใจขึ้นมาทันที ผมยิ้มแล้วพยักหน้า พี่เเกดูเป็นคนรับผิดชอบดี แล้วฝีมือก็โอเคเลย จากที่เห็นตอนล้อมวงฟังเพลงกันที่บนดอย

“คู่เเข่งเยอะมั้ยเนี่ย”

“โห ฝีมือพี่เคนก็ดีเหอะ จะเล่นอะไรอ่ะ”

“น่าจะกีต้าร์อ่ะ เดี๋ยวชวนเพื่อนที่เล่นเบสไปจะได้เข้าคู่กัน”

ผมพยักหน้า “แล้วเจอกันนะพี่เคน”

“ครับ” คนเป็นพี่ขยี้ผมเบาๆ ก่อนเดินจากไป ผมเดินไปขึ้นห้องเรียน ยังไม่ทันจะถึงไหนก็มีมือหนักๆ พาดลงมาตรงไหล่ แล้วเเย่งของในมือผมไปถือให้

“ซื้อมาจากไหน น่ากินจัง” โน่นั่นเอง

“พี่เคนให้มา”

โน่ขมวดคิ้ว “พี่เค้าให้ขนมน้ำบ่อยเนอะ”

“อือ หาคนช่วยชิมอ่ะ “

โน่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เราสองคนเดินไปเรียนด้วยกัน ผมบอกเขาเรื่องที่อาจารย์เมธีให้มาขอความช่วยเหลือ โน่โอเคถ้าผมรับว่าจะเป็นผู้จัดการวง หนีกันไม่พ้นจริงโว้ย



ผลออดิชั่นออกมาเป็นเอกฉันท์ โน่ได้ร้องนำไป แต่ตำเเหน่งกีต้าร์ตกเป็นของพี่เคน มีพี่เเฟรงค์เพื่อนสนิทพี่เคนเล่นเบส อะตอมรุ่นเดียวกับผมเล่นคีย์บอร์ด แล้วก็มีพี่ก็อตจิปี4ตีกลอง พอมีพี่ปีสูงในวงเยอะๆ ก็แอบเกร็งไม่ได้

แต่โชคดีที่วันที่เราเข้าเวิร์คชอปละลายพฤติกรรมกันก่อนซ้อม พี่ๆ ก็ให้ความร่วมมือดี อีกอย่างพอคุยกันเรื่องดนตรี เราก็ว่ากันที่ฝีมือ ไม่ค่อยเอาเรื่องอายุมาเป็นตัวกำหนดความสามารถ ผมเอาตารางเรียนของพี่ๆ มาดู เพื่อหาเวลาว่างให้ตรงกันเเล้วจัดตารางซ้อมทันที

โน่ยังไม่เลิกกับนางฟ้าและดูเหมือนช่วงนี้เธอจะมาหาโน่ที่คณะบ่อยๆ เหมือนจะประกาศศักดาความเป็นแฟนเลยอ้ะ นี่ก็มาดูตอนพวกเราซ้อมด้วย นางฟ้านิสัยสนุกสนานเป็นทุนเดิมอยู่เเล้วแถมยังเป็นผู้หญิงเล่นดนตรีด้วยจึงเข้ากับคนอื่นๆ ในวงได้ภายในเวลาไม่นาน จะมานั่งดูซ้อมก็ไม่ขัดเขินอะไร เป็นผมเสียอีกที่รู้สึกเป็นส่วนเกิน

เวลาพักซ้อม ผมเตรียมน้ำเเดงใส่ขวดไว้ให้ทุกคน บางครั้งผมก็อยากเดินเอาไปให้โน่เเต่เป็นนางฟ้าที่เร็วกว่าหยิบไปให้ก่อน หรือไม่เธอก็ซื้อเครื่องดื่มพิเศษเตรียมไว้ให้โน่เเล้ว ผมเลยดูเเลคนอื่นแทน คิดในเเง่ดีก็คือเหนื่อยน้อยลง

“ทำไมน้ำเเดงพี่หวานน้อยกว่าของไอ้เคนอ่ะ” พี่เเฟรงค์โวยวายตอนเรานั่งพัก ผมขมวดคิ้วทันทีก็ว่าตวงเท่ากันทุกคนนี่หว่า

“มึงมันคนไม่มีความรักไงไอ้เเฟรงค์ แดกน้ำตาลก้อนเข้าไปก็ยังรู้สึกจืดเล้ยยยย” พี่ก็อตจิช่วยตอบ ไอ้อะตอมตบมือชอบใจ พี่เคนเอาน้ำเเข็งปาใส่รุ่นน้องเเละก็เพื่อนตัวเอง ส่วนพี่ก็อตจินั้นยังเคารพอยู่

“แล้วของพี่ก็อตจิกับอะตอมหวานป่ะ น้ำว่าน้ำตวงเท่ากันนะ” พี่ปีสูงหัวเราะ หันไปยักคิ้วกับพี่เเฟรงค์

“แม่งตามไม่ทันหวะ”

“ค่อยๆ หยอดไปพี่เดี๋ยวมันก็ซึมๆ ไป”

ไอ้อะตอมหัวเราะคิกคัก ผมยิ่งงงคุยอะไรกันว่ะเนี่ย เเม้เเต่พี่เคนก็ยิ้มบางๆ ผสมโรงไปกับเค้าด้วย

ไม่นานวงคณะก็ซ้อมต่อ ผมเน้นวันซ้อมน้อยเเต่ใช้เวลาในแต่ละครั้งให้มากหน่อยเหมือนกับคืนนี้ที่เราเลิกกันใกล้เที่ยงคืน อะตอมมีอาการท้องร้องโครกครากเรียกร้องความเห็นใจมาตั้งเเต่ครึ่งชั่วโมงที่เเล้วละ

“กินข้าวต้มกันมึงกูเลี้ยงเอง” พี่ก็อตจิเก็บไม้กลองใส่กระเป๋าเเล้วพูดเสียงดัง ไอ้อะตอมกับพี่เเฟรงค์ไปเกาะเเข้งเกาะขาบีบนวดป๋าทันที

ผมหันไปสบตาโน่เป็นเชิงถาม เเล้วก็มองนางฟ้าที่พึ่งงัวเงียลุกจากโซฟา

“นางฟ้าไปกินข้าวต้มด้วยกันมั้ย” พี่เเฟรงค์หันมาถาม

เธอส่ายหน้าหาวหวอด ก่อนจะตอบไปด้วยท่าทางน่ารักว่า “สาวๆ เค้าไม่กินดึกกันหรอกค่ะ”

“แหม...หล่อนก็ผอมมากเเล้วนะยะ” พี่แฟรงค์จีบปากจีบคอพูดเอาฮา

“โน่ ไปส่งเราเลยนะ” นางฟ้าหัวเราะให้พี่เเฟรงค์เเล้วก็ไปเกาะเเขนอ้อนโน่ เขาพยักหน้าแล้วหันมาสบตากับผมขยับปากพูดว่า ‘ไลน์’

โน่ออกไปแล้ว เเละผมก็เดินไปขึ้นรถพี่เคน ส่วนพี่แฟรงค์ลากคนที่เหลือไปขึ้น CRV ของตัวเอง

ผมเปิดไลน์อ่าน โน่พิมพ์มาว่า ‘สั่งกลับไปที่คอนโดด้วย หิว’

ผมย่นจมูกใส่เขาทันที พูดแบบนี้หมายความว่าให้เอาไปส่งให้หรือไง เเล้วบ้านนางฟ้านะก็ไม่ใช่ว่าจะใกล้ๆ ผมว่ามี 1ชั่วโมงอ่ะ

‘กินถ่วงๆ หน่อย เดี๋ยววนไปรับ’

ผมคว่ำหน้าจอลงกับต้นขาตัวเอง เพื่อไม่ให้เเสงสว่างไปกวนพี่เคนที่ขับรถ เเละก็พยายามเกร็งหน้ามากไม่ให้ปลายปากต้องยกขึ้น เพราะดีใจที่โน่จะกลับมาหา

โคตรชู้แต่ดูเร้าใจพิลึก

พี่เคนเปิดเพลงฝรั่งทำนองโรเเมตติคขึ้นมา เเล้วก็ฮัมเบาๆ เสียงเขาก็ดีไม่ใช่เล่นนะ

ไม่นานเราก็มาถึงร้านข้าวต้มข้างมหาวิทยาลัย สั่งของกินมาเต็มโต๊ะ

‘โน่เอาไรบ้าง’ ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ไลน์หาเขา

‘รู้ไม่ใช่หรอว่าชอบอะไร’

ผมเบ้ปากใส่หน้าจอ แล้วหยิบกระดาษบนโต๊ะมาจดให้พนักงาน บอกว่าคิดเงินเเยกเพื่อกลับบ้าน

“สั่งเพิ่มหรือน้ำ” พี่เคนที่นั่งติดกับผมถาม

“สั่งกลับบ้านครับ”

เขาไม่ได้ถามอะไรต่อ เรานั่งกินเเล้วก็พูดคุยเรื่องเกมออนไลน์สลับกับวงดนตรีที่ชอบกันไปเรื่อยเปื่อย พนักงานเอาของที่สั่งกลับบ้านมาวางไว้ข้างๆ ตอนที่เรียกเก็บเงิน พี่ก็อตจิเลี้ยง พวกเราทยอยไปกราบอกป๋ากันเสียงดังเฮฮา แล้วก็ลุกแยกออกมา พี่เเฟรงค์จะขับไปส่งอะตอมกับพี่ก็อตจิที่ลานจอดรถคณะ

“น้ำให้พี่ไปส่งนะ” พี่เคนอาสา

“น้ำลับเองได้ครับพี่เคน”

“อันตรายนะดึกแล้ว” ผมไม่รู้จะบอกยังไงว่าโน่มารอรับอยู่เเล้ว เพราะนางฟ้าประกาศให้ทุกคนรู้โดยทั่วกันว่าเป็นเเฟนโน่

เสียงเรียกเข้าดังขึ้น เป็นเบอร์โน่ เขาโทรมาบอกว่ากำลังจะเลื่อนรถมาหน้าร้านเพราะเห็นผมเเล้ว

“เอ่อ...พี่เคนเดี๋ยวน้ำกลับกับโน่มันลืมงานไว้กับผม” โกหกไปคำโต คนเป็นพี่เห็นรถอีกคันเคลื่อนมาจอดเทียบก็พยักหน้า ยอมโบกมือลาเเต่โดยดี

ผมขึ้นไปบนเเรบบิทครีม เเล้วเอี้ยวเอาถุงกับข้าวไปไว้เบาะหลัง

“สั่งอะไรให้บ้าง” โน่ถาม

“เป็ดพะโล้ หมูกรอบ ยำกุนเชียง ข้าวต้ม” ผมร่ายไป

“เก่ง” เขาดึงมือข้างขาผมไปจับเเล้ววางไว้ตรงหน้าขาตัวเอง มันอุ่นมือก็จริงแต่ในใจกลับรู้สึกขัดเเย้งไม่เบา ก่อนหน้านี้นางฟ้ายังนั่งตรงนี้อยู่เลย

โน่เปิดเพลงในรถมันเป็นจังหวะสนุกที่เขาก็จับมือผมโยกไปมาด้วย เรายิ้มให้กันบ้างในบางจังหวะที่รถติด เขาก้มลงมาหอมเเก้มผมในบางครั้งที่มีเวลาละสายตาจากถนนนานหน่อย ผมเอียงหน้าซบลงไปบนไหล่โน่เเล้วเขาก็โอบผมไว้

เราเดินขึ้นห้องที่คอนโดโน่ไปด้วยกัน สถานที่เเห่งความทรงจำที่ผมไม่เเน่ใจว่านางฟ้าเคยเข้ามาบ้างมั้ย มันจะยังพอมีพื้นที่ตรงไหนที่ยังเป็นของผมคนเดียวอยู่บ้างหรือเปล่า ผมเจ็บลึกๆ กับสถานะตอนนี้ เหมือนผมกำลังทำให้โน่นอกใจนางฟ้า

“เป็นอะไรรึเปล่า ดูเงียบๆ ไป”

โน่ทัก ผมส่ายหน้า รับเอาถุงกับข้าวไปแกะใส่จานให้โน่แล้ววางมันลงตรงโต๊ะอาหาร ผมทำท่าจะไปอาบน้ำแล้วโน่รั้งข้อมือไว้

“นั่งกินเป็นเพื่อนหน่อยสิ”

“จะไปอาบน้ำ จะได้ไม่เเย่งโน่อาบตอนกินเสร็จไง” ผมปฏิเสธเขา

“กินเสร็จเเล้วค่อยอาบด้วยกันก็ได้” โน่ว่า

“ใครจะอาบกับโน่” ผมว่าเขา แต่ยอมนั่งทานเป็นเพื่อนเจ้าตัวโตที่ทำหน้างอเเงเป็นเด็ก แค่คอยคีบกับข้าวลงถ้วยให้เขาก็ยิ้มร่าเริงเเล้ว โน่กินไม่นาน เขาไล่ผมไปอาบน้ำระหว่างที่เขาเก็บล้าง

ผมรีบอาบเเล้วก็ปีนขึ้นไปนั่งเล่นโซเชียลรอบนเตียงไม่นานโน่ก็เดินตัวเย็นขึ้นมารวบตัวผมเข้าไปกอด ผมผลักเขาออกแต่ก็เเพ้เเรงเจ้ามนุษย์ยักษ์โดนฟัดเเก้มจนเบลอไปหมด

“นอนได้เเล้ว” ผมดุเขา โน่หยิบรีโมทมาหรี่ไฟห้องนอนให้เหลือเสียงเพียงนิดเดียว ยังไม่มืดสนิท เขามองหน้าผมเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลายเป็นค่อยๆ เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้เเทน

“โน่..” ผมเรียกเขา มือก็ยันไว้ที่ไหล่สองข้าง

“จำสัญญาก่อนที่โน่จะไปแข่งได้มั้ย”

ผมไม่รู้ว่าโน่หมายถึงเรื่องไหน...เเต่ผมเคยบอกว่า ‘ถ้าชนะกลับมาจะให้ทุกอย่าง’

การทวงถามนั้นทำให้ผมหลับตาเเละไม่ออกเเรงผลักโน่อีก

โน่กดจูบลงมาที่มุมปากเเผ่วเบาเเต่เนิ่นนาน ผมรู้ว่าเขากำลังข่มความรู้สึก

“ขอโทษที่เอาเเต่ใจ แต่น้ำทำให้เราควบคุมตัวเองได้ยาก” โน่พึมพำทั้งที่หน้าผากเรายังแนบชิดกันอยู่ เขาดึงผมให้นอนลงหยิบผ้านวมขึ้นมาห่มให้ ก่อนจะลุกออกไป

“ไปไหน” ผมถามขณะที่สายตายังจับอยู่ที่ใบหน้าเขา

“ห้องน้ำ นอนไปก่อนเลย”

ผมพยักหน้า แต่ความรู้สึกชั่วร้ายในหัวก็สั่งให้ผมรั้งโน่ไว้

“โน่…”

“ครับ"

“น้ำให้...ให้ตามสัญญา”

โน่เดินกลับมาที่เตียง เขาก้มลงมาจุมพิตหน้าผากผมอ่อนโยนเเผ่วเบา

“ไม่เป็นไร...โน่รู้ว่ามันยังไม่ควร”

เขาผละถอยไป แล้วปิดประตูห้องน้ำ ผมกัดปาก นึกอยากหยิกตัวเองให้เขียว โน่เขายังรู้ความเลย แล้วมึงเป็นอะไรมากมั้ยว่ะน้ำ เอาตัวไปให้เขาทำไม แค่ให้ใจไปยังเจ็บไม่พอใช่มั้ย

ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกเจ็บไปหมด เจ็บในอกเหมือนมันอยากจะร้องไห้

โน่หายไปนานเเละผมก็หลับไม่ลง พอได้ยินเสียงเปิดประตูก็ต้องเเสร้งเป็นนอนตะเเคงหลับไปแล้ว เตียงด้านหลังยวบลง เขายกศีรษะผมขึ้นเเล้วสอดเเขนเข้ามารองใต้คอ ใช้เเขนอีกฝั่งกอดรอบเอวไว้ ตัวโน่อุ่นเเล้วผมพยายามเก็บสัมผัสนั้นไว้ให้มากที่สุด

เเปลก...เพียงเขากลับมาผมก็หลับได้อย่างสบาย

สายๆ ผมรู้สึกตัวเพราะเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของโน่ งัวเงียชะโงกไปดูก็เห็นเป็นชื่อนางฟ้า เธอโทรมาหลายสาย ผมมองหาโน่ สงสัยคงอาบน้ำ

เขาเดินออกมาด้วยการนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว พร้อมผ้าขนหนูอีกผืนที่หัว

“นางฟ้าโทรมา” ผมรายงาน

“ขอโทษลืมปิดเสียง ตื่นเลยสิขี้เซา” โน่ร่ายยาวเเล้วเดินมานั่งลงที่ข้างเตียง พับขาข้างนึงไว้บนที่นอน ส่วนอีกข้างยันไว้กับพื้น ผมไถตัวไปหนุนต้นขาเขาเเล้วหันหน้าใช้เเขนโอบรอบเอวโน่ไว้

“อ้อนอะไรแต่เช้า” โน่ก้มลงไปจุ๊บขาผมที่งอขึ้นมาบ้าง แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็เเผดร้องขึ้นมาทำลายช่วงเวลาดีๆ ของเราไปเสียหมด

โน่รับสาย ผมได้ยินเสียงนางฟ้าร้องห่มร้องไห้เเว่วมา

‘เดี๋ยวโน่รีบไปหา’

เขาวางโทรศัพท์แล้วก้มลงมามองผม

“หมานางฟ้าโดนรถชน ไม่มีคนพาไปคลินิก” ผมนึกถึงเจ้าหมอปอมตัวเปี๊ยกที่ชอบเห่าเสียงดัง ไปซนอีท่าไหนอีกละเนี่ย ผมยกหัวออกจากตักเขาเป็นสัญญาณให้โน่รีบไปดู เขาก้มลงมาจุ๊บปากของผมหนึ่งที แล้วเดินไปแต่งตัว

“เจอกันที่มหา’ ลัยนะหมาเปี๊ยก”

“อือ”

ผมพยักหน้า แล้วทิ้งตัวนอนลงเหมือนเดิม จากที่เเพลนว่าจะชวนโน่ไปนั่งกินอะไรด้วยกันที่ร้านสเต็กแถวหลังมหา’ ลัยก่อนเรียนเป็นอันต้องพับเก็บไป

Ring Ring

เสียงเรียกเข้าจากเครื่องผม เบอร์พี่เคน ผมนึกว่ามีเรื่องด่วนอะไรเกี่ยวกับวงเลยรีบกดรับ

“น้องน้ำ เที่ยงนี่ว่างรึเปล่า”

“ว่างครับ วันนี้เรียนบ่ายสอง”

“พี่จะชวนมาทานอาหารที่ร้าน”

“มีเมนูใหม่อีกแล้วหรอครับ” เออเซ็งๆ เรื่องโน่อยู่ไปกินฟรีก็จะดีนะ

“ครับ เป็นสเต็ก สั่งเนื้อตัวใหม่เข้ามา อยากลองมั้ย”

“ฟรีป่ะพี่เคน ถ้าฟรีก็ไปหมดอ่ะ ฮะฮ่า” ผมมันคนจริงอยู่ละ

“ฟรีสิครับ เเล้วนี่ตื่นรึยัง อีกครึ่งชั่วโมงพี่ไปรับนะ ส่ง Locationมาเลย”

“ร้านพี่เคนผมรู้จัก เดี๋ยวนั่งเเท็กซี่ไปเองไม่ต้องวนมาหรอกครับ”

“ไปรับได้”

“อ้อม เชื่อผม”

“งั้นกินเสร็จพี่ไปส่งที่มหา’ ลัย ห้ามปฏิเสธ”

“ก็ได้ครับ ตอนอิ่มผมคงเดินไปไหนไม่ไหวแล้ว”

“ฮะฮ่า น่ารัก พี่รอนะ รีบมา”

วางโทรศัพท์แล้วก็ดีดตัวเข้าห้องน้ำไปเลยครับ เดี๋ยวของฟรีจะบินหนีไป เนื้อจ๋ารอพี่น้ำเเป๊บ



หลังกินอิ่มแปล้ พี่เคนก็ขับรถมาส่งที่หน้าคณะ

“เจอกันที่ห้องซ้อมนะน้องน้ำ”

ผมโบกมือลาพี่เขาเเล้วเดินเข้าตึก แขนหนักๆ ตามมาพาดอีกแล้ว

“น้องพูห์เป็นไงบ้าง”

โน่ส่ายหน้า ผมใจหายเห็นมาตั้งเเต่ตัวเล็กๆ ที่นางฟ้าเเอบเอามาเล่นที่โรงเรียน พอรู้ข่าวว่ามันตายผมก็อดสงสารเจ้าของไม่ได้ คงเสียใจน่าดู

“ทำไมมากับพี่เคนละ” โน่ถามบ้าง

“พี่เขาชวนไปกินเสต็กที่ร้าน ก็เลยวนมาส่ง”

“หรอ”

“อิจฉาอะดิ กินฟรีด้วยนะ เนื้อนุ๊มนุ่ม อยากกินสเต็กมาหลายวันละ โดนจานนี้ไปฟินตัวลอยอ่ะ” ผมเม้าท์เพลิน เพราะเนื้อวากิวเอ 5เมื่อสักครู่มันนิพพานจริงๆ

“อยากกินสเต็กทำไมไม่เห็นบอกโน่เลย”

โน่สะกิดจุดสะเทือนใจผมอีกแล้ว “ก็เห็นโน่ยุ่งๆ เลยไม่ได้บอก”

“คราวหลังอยากกินอะไรก็บอกโน่ กับพี่เคนก็ไม่ต้องไปรับขนมเขาบ่อยๆ เป็นอะไรกันหรอถึงต้องไปเอาของเค้าเเบบนั้น”

ผมหยุดเดิน เเล้วหยิบเเขนโน่ออกจากคอ

“แล้วโน่เป็นอะไรกับเราหรอ ถึงมาสั่งให้เราทำนู่นทำนี่”

“น้ำ!”

โน่ขึ้นเสียง แต่ผมรีบวิ่งเข้าห้องเรียนไปก่อน เเล้วก็เลือกไปนั่งที่ว่างที่เดียวที่มีเพื่อนหลายคนกั้นด้วย





TBC 

 #พระเพลิงมารีน  เราส่องอยู่ตามทวิตเตอร์นะคะ ใครเล่นก็เเวะทักกันได้ @sweeterthansw ไปคุยกัยเราเร็วเราเหงา 555


หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 19/20/21_07Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 08-11-2018 14:33:41
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 19/20/21_07Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-11-2018 17:00:01
+1 ค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 19/20/21_07Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 09-11-2018 13:51:22
ตอนแรกก็ฟินๆ แต่ตอนนี้น้ำตาท่วม :hao5:
ตอนไปญี่ปุน ยัยนางมารคงไม่ได้จัดฉากเหมือนในละครหรอกนะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 19/20/21_07Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 11-11-2018 21:30:21
Chapter 23



เรียนเสร็จห้าโมง นักศึกษาทยอยออกจากห้อง วันนี้มีนัดซ้อมวงอีกแล้ว ผมเดินออกมาจากห้องก็เห็นโน่ยืนรออยู่ที่ประตู ผมปรับอารมณ์ตัวเองได้พอสมควรเเล้วหลังจากฟังเพลงคลาสสิคในวิชาเรียนไปเพลง

“น้ำ โน่ขอโทษ”

ผมยิ้มๆ ไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็ชวนโน่เดินไปห้องซ้อมที่อยู่อีกตึกด้วยกัน ผมเเวะซื้อน้ำ ขนมและน้ำเเข็งก้อนที่โรงอาหาร โน่รอจะช่วยแต่โทรศัพท์ก็ดังเเทรกเข้ามาเป็นนางฟ้าอีกนั่นเเหละ เขาเเยกตัวออกไปคุย ผมถอนหายใจเบอร์เเรงใส่เเม่ค้าร้านน้ำโดยไม่ตั้งใจ กำลังจะยื่นมือไปรับของทั้งหมด แต่ก็มีผู้ชายสองคนมาตัดหน้า พี่เเฟรงค์กับพี่เคน

เขาคว้ากระติกน้ำใบกลางที่ใส่น้ำแข็งเต็มไปถือ พร้อมด้วยพวกเยลลี่ที่ให้น้ำตาล แล้วก็ขวดน้ำเปล่ากับน้ำเเดง

“กะเเล้วว่าต้องเจอน้องน้ำที่นี่” พี่เเฟรงค์พูดอย่างอารมณ์ดี

“ตัวกะเปี๊ยกจะยกไหวได้ไง พวกพี่เลยมาช่วย” พี่เเฟรงค์พูดต่อ วันนี้สองคนนี้คงไม่มีเรียนเลยใส่ชุดไปรเวท เป็นเสื้อยืดลายเท่กับกางเกงยีนส์ขาด

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มรับ ที่จริงผมก็ชอบคุยกับพี่เเฟรงค์นะตลกดีเหมือนคนเมาตลอดเวลา ในขณะที่พี่เคนจะดูใจดีแล้วก็สุภาพกว่า

“น้ำ มาเดี๋ยวโน่ช่วย” คนที่วุ่นวายอยู่กับโทรศัพท์ไม่เงยหน้ามาดูสถานการณ์เลย

“พวกพี่เป็นองครักษ์พิทักษ์น้องน้ำ ถือให้เเล้วจ้า”

โน่ยกมือไหว้รุ่นพี่ทั้งสองเก้อๆ แล้วเราก็เลยเดินไปห้องซ้อมด้วยกัน อะตอมกับพี่ก็อตจิยืนรออยู่เเล้ว

อะตอมรีบพุ่งตัวมาช่วยพี่เเฟรงค์ถือ ส่วนผมก็ไปไขกุญเเจห้อง พวกนักดนตรีเริ่มวอร์มร่างกายตามเเบบฉบับของตัวเอง ส่วนผมก็ไปเปิดตู้เอาถาดมารองน้ำหก จัดการเทน้ำเปล่าออกจากขวด 500 ml ส่วนหนึ่งแล้วก็เทน้ำเเดงเติมลงไปเขย่าๆ จัดการเเช่ไว้ในกระติกน้ำแข็งให้เย็นชื่นใจเพื่อรอพวกที่หิวโหยจากการซ้อมมาสวาปาม

ผมใช้เมจิกเขียนชื่อไว้ครบทุกขวด แล้วก็มองหาว่าวันนี้นางฟ้าจะเอาอะไรเป็นพิเศษมาให้โน่ไหม

ซ้อมกันไปสักพักพี่ก็อตจิเป็นคนโวยวายขอพัก เพราะพี่เเกเล่นตีกลองเสียเหงื่อสะบัดชุ่มโชกไปทั้งตัว ผมหยิบน้ำเเดงไปส่งให้ผู้อาวุโสสุดคนเเรก ต่อด้วยอะตม แล้วก็สองขวดสุดท้ายเป็นพี่เคนกับพี่แฟรงค์ พี่แฟรงค์เล่นมุขน้ำไม่หวานกับผมอีกแล้ว พวกเรายืนรวมกลุ่มคุยกันสักพักจนโน่มาสะกิด

“ของโน่อ่ะ”

ผมเเลบลิ้น มัวเเต่ชินว่าเดี๋ยวนางฟ้าก็ซื้อพวกน้ำปั่นสตาร์บัคมาให้โน่ ผมเลยไม่ได้เตรียมขวดของเขาไว้ให้

“นางฟ้าไม่มาหรอวันนี้”

“พาพูห์ไปเผาที่วัด” ผมพยักหน้า รีบวิ่งกลับไปที่กระติกน้ำ ซึ่งมีขวดน้ำแดงของตัวเองที่ดูค้างไว้วางอยู่ ผมเขียนชื่อไว้ด้วยโน่เห็น

“กินขวดเดียวกับน้ำก็ได้”

เขาคงหิวมาก ผมเปิดฝาเเล้วยื่นหลอดอีกอันให้รับไปเสียบ เเต่โน่ก็หยิบหลอดเดียวกับผมไปดูด ... ทำไมรู้สึกร้อนวูบที่ปากขึ้นมานะ ผมพาลคิดไปถึงจูบเเผ่วเบาของเขาเมื่อคืน

“โน่เหงื่อจะเข้าตา” ผมเสตาไปเห็นหยดเหงื่อที่หน้าผากหล่นลงมาพอดี เลยหยิบทิชชูยื่นให้เขา โน่บุ้ยปากบอกว่าถือขวดน้ำอยู่ ผมเลยซับให้เอง เขาก้มลงมาให้ผมไม่ต้องเอือมมือไกล

“โน่ นางฟ้าซื้อน้ำมาให้” ผมผละออกมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงมาเเต่ไกล

โน่หันขวับไปมอง “ไหนบอกว่าไปวัด”

“เสร็จเเล้ว ไม่คิดว่าจะเร็ว เลยเเวะมาดูโน่ซ้อม”

“แล้วนี้ทำอะไร เหงื่อออกหรอ เดี๋ยวเราเช็ดให้” นางฟ้าหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อเเล้วซับให้โน่ ทิชชูซอง 5บาทผมดูตลาดล่างไปเลย

“แล้วนี่น้ำอะไร โอ้ยไหนบอกว่าไม่อร่อย เอ้านี่เราซื้อชาเขียวมาให้” นางฟ้าเอาขวดน้ำเเดงออกมาจากมือโน่ แล้วยื่นคืนมาให้ผม

อ่า...โอเค เสร่อเองอีกละ ผมเดินกลับไปรวมกลุ่มกับพวกพี่เเฟรงค์ เห็นพี่เคนใช้เเขนเสื้อซับปาดหน้าตัวเองอยู่ ก็ยื่นทิชชูไปเช็ดให้บ้าง คนที่เขารอให้ผมดูเเลก็มีอีกเยอะเเยะเนาะ

พี่เคนขอบคุณผมเบาๆ หันไปเห็นพี่ก็อตจิเหงื่อชุ่มเกินเยียวยาก็เลยไปหยิบผ้าขนหนูผื่นเล็กในตู้มาชุบน้ำเย็นบิดหมาดๆ ยื่นให้ ไอ้ตอมหยิบทิชชูไปเช็ดเอง ส่วนพี่เเฟรงค์ก็ทำเสียงอ้อนจนน่าตบ ผมเลยเช็ดหน้าไปเเรงๆ ให้เศษทิชชูมาเลอะเทอะ

ผมยืนหัวเราะกับผลงานตัวเอง แล้วก็สัมผัสได้ถึงผ้านุ่มๆ ที่ซับลงมาตรงหน้าผากบ้าง

“เราก็เหงื่อออกอ่ะ ดูเเลแต่คนอื่น ทำไมไม่ดูเเลตัวเองบ้าง” พี่เคนก้มลงมาซับหน้าให้ผม

“ขะขอบคุณพี่เคน”

“ซ้อมต่อเหอะ รำคาญคนจีบกัน” พี่เเฟรงค์โวยวายออกมา

“พี่เเฟรงค์อย่าเเซว” นางฟ้าตะโกนใส่ พี่เเฟรงค์หัวเราะดังมาคราวนี้

“โอ้ย เธอเป็นเเฟนกันเเล้วมันเลยคำว่าจีบ พี่หมายถึงสองคนนี้โว้ย”

รุ่นพี่ปีสามชี้มาทางผม พี่เคนเดินไปตบหัวพี่เเฟรงค์หนึ่งทีเเล้วลากคอไปซ้อมต่อ วงเมาท์เราเลยสลายตัว ผมเดินไปเก็บขวดที่พร่องกันไปเกือบหมดมาเเช่กระติกเหมือนเดิม ส่วนนางฟ้านั่งดูอยู่ที่โซฟา ผมยิ้มให้เธอนิดหน่อยเเล้วก็พยายามทำงานของตัวเองต่อ

วันนี้ตารางเลิกเร็ว เพราะ 3ทุ่มป๋าก็อตจิมีไปเล่นวงที่ร้านเหล้า แน่นอนว่าตัวฮาอย่างพี่เเฟรงค์ไม่ลืมลากพวกเราไปด้วย และใช้บัตรผ่านนักดนตรี เด็กที่อายุไม่ถึง 20อย่างผมเเละอะตอมก็เลยได้ที่นั่งตรงโต๊ะเดียวกับพวกเพื่อนๆ ของคนในวง

ส่วนโน่ก็วนไปส่งนางฟ้าตามหน้าที่เเฟน เขาไลน์มาหาถามว่าอยู่ร้านไหน สั่งเยอะเเยะว่าอย่าเมานู่นนี่ ผมนึกเบื่อความคาราคาซังที่เหมือนโรคไบโพล่าร์ ผมจะมีความสุขตอนอยู่กับเขาสองคน แล้วหัวใจผมก็จะฟีบตอนนางฟ้าโผล่มา โน่บอกจะไปเลิกกับเธอ แต่ทุกวันนี้ยังไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าเลย

ผมเลยปิดมือถือ เพราะไม่อยากสนใจข้อความของโน่อีก

พี่นักร้องประจำวงรู้จากพี่ก็อตจิว่าผมเคยร้องเพลงมาก่อน เลยเชิญขึ้นไปโชว์ฝีมือ ตอนเเรกก็ว่าจะไม่ แต่พอดึกเข้าหน่อย อะตอมมันชงเหล้าให้ไม่เลิกก็กรึ่มๆ เดินขึ้นไปคว้าไมค์มาร้อง

“ฟ้า...ฟ้าไม่ส่งมาให้เธอมีใจ...บอกกันซักคำเป็นไร...ว่าเหตุใดต้องมาทำร้ายกัน จากนี้เรื่องราวที่มีก็ให้ลืมมันไป อย่าจำว่าเคยเป็นใคร...ว่ามีใครที่เคยทำร้ายคนอย่างฉัน.....” เซตเพลงอกหักมา!!

“ให้เธอได้กับเขา...และจงโชคดี...อย่ามีอะไรต้องเสียใจ...ส่วนตัวฉันจะลืมว่าเคยร้องไห้...ลืมว่าเคยต้องเป็นใครที่เธอ....”

“...ไม่เอา!!!” อ่ะอินเนอร์โดนทิ้งมาเต็มทั้งร้าน ไม่ได้ร้องเพลงมานานก็ชักมันครับ ยิ่งเวทีเล็กๆ คนดูร้องตามแบบนี้

“สองรัก!! ฉันรับไม่ไหว เธอมีหนึ่งใจแต่ให้ไปสองรักทั้งเค้าเเหละฉันฝันไปหรือเธอ.... มีใครยอมทนบ้างไหม...สองหัวจิตหัวใจเเบบนี้เลือกสักทีเถอะเอาสักทาง!!”

“เอ้าชน!!” ใครไม่รู้ต้นเสียง แต่เเก้วเหล้าก็มาถึงผมด้วย จับยกซดหมดเเก้ว ดีนะไม่หกไมค์ช็อตปากไปอีก

“...ฉันเดินหลงทางอยู่กลางผู้คน สับสนวุ่นวาย หันไปหาเธอไม่เจอผู้ใด เมื่อเธอมาจากฉันไป ยืนมองท้องฟ้า

ไม่เป็นเช่นเคยฤดูร้อนไม่มีเธอ เหมือนก่อนเหมือนเก่า ขาดเธอ...ฮึก” ผมสำลักอาการสะอื้นของตัวเองจึงรีบส่งไมค์ให้พี่นักร้องประจำวง พี่เคนวิ่งมารับผมลงเวที แล้วพากลับมานั่งที่โต๊ะ

“ขอให้ความรักดียิ่งกว่าที่ฝัน ขอให้คนนั้นดีกว่าฉันทุกอย่างให้เขาคอยรัก คอยดูแล คอยอยู่เคียงข้าง แบบที่ฉันเองไม่เคยทำให้เธอ ขอให้คาดหวังแล้วไม่ต้องผิดพลั้ง ไม่เหมือนความหลังที่เธอเคยพบเจอ ขอให้คราวนี้ได้อย่างใจเธออยู่เสมอ”

ขยี้เข้าไปอีก เพลงที่นักร้องบนเวทีร้องต่อทำให้ผมน้ำตาแตกหนักกว่าเดิม เเล้วคว้าเอาขวดน้ำเมาที่เปิดวางอยู่บนโต๊ะกระดกเข้าปากอย่างแค้นใจ ทำไมต้องโง่รอว่ะ... ทั้งที่เค้าก็เลือกนางฟ้าทุกอย่าง ปฏิเสธไม่ได้สักอย่าง โทรเรียกหาก็ไป ให้ไปส่งก็ไม่เกี่ยงงอน เเล้วเป็นผมหรอที่ต้องรอทุกครั้งไป

“น้ำๆ พอก่อน” พี่เคนเข้ามาดึงขวดเหล้าจากมือผม เเรงยื้อยุดมันทำให้เหล้าหกเลอะไปทั่วตัว

ผมยิ้มทั้งน้ำตา แล้วทำท่าจะขย้อนของเก่าออกมา พี่เขาเลยรีบพาไปห้องน้ำ ผมเเหวะเอาทุกอย่างออกมาทันทีที่โก่งคอที่โถส้วม รสชาติเเละความรู้สึกเเย่ไปหมด น้ำตาก็ไหล เจ็บจนจุกไปทั่วกะเพาะ พี่เคนยังลูบหลังให้เบาๆ

“อ้วกออกมาให้หมดน้ำ อ้วกออกมา” เสียงปลอบดังอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงพี่เเฟรงค์เดินตามเข้ามา เหมือนจะเอาน้ำมาให้ ผมรับมาจิบ แล้วแทบจะนั่งลงกับพื้นเพราะหมดเเรง แต่พี่เคนก็ห้ามไว้ เขาประคองผมที่อ่อนแรงเต็มทีแล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตาให้

“เป็นอะไร ทำไม่ร้องไห้ ทำไมต้องเมาขนาดนี้” เขาไม่ได้ดุ เเต่ถามเหมือนว่ากำลังห่วงมากๆ ผมส่ายหน้าไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี แต่เรื่องหนึ่งที่ผมรู้คือผมไม่ชอบตัวเองที่เป็นเเบบนี้ ต้องมาเมา อ้วก ทรมานเพราะ...อกหักหรอ ผมเองยังไม่รู้เลยว่าสเตตัสตอนนี้คืออะไร

“มือถือผมอ่ะ” หันไปถามเอากับพี่เเฟรงค์ ไอ้พี่ที่ปกติทะลึ่งทะเล้นก็ทำหน้าเป็นห่วงจริงจัง เขาล้วงเครื่องมือสื่อสารมายื่นให้ ผมเปิดเครื่อง ข้อความของโน่อันสุดท้ายคือ

‘คืนนี้ไม่กลับนะ นางฟ้านอนไม่หลับ คิดถึงพูห์’

อ่านเเล้วรู้สึกเหมือนสติเเตก ผมกดโทรออกหาโน่ทันที

“กลับ!”

“นางฟ้ายังร้องไห้อยู่เลย”

“กลับ!”

“น้ำอยู่ไหน ไม่งอเเงดิ”

“กลับ!!”

“น้ำ เมาป่ะเนี่ย ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง”

“ฮึก...ถ้าไม่กลับตอนนี้...ก็ไม่ต้องกลับมาเเล้ว...ฮึกน้ำไม่รอเเล้ว”

ผมกดปิดโทรศัพท์เเล้วทรุดตัวลง หัวใจผมฉีกหมดแล้วอ่ะ ผมว่าผมไม่ไหวเเล้ว ผมไม่เหลือใจไว้ให้ผิดหวังเรื่องโน่อีกแล้ว

“น้ำ พี่ว่าพี่ไปส่งบ้านดีกว่า” พี่เคนพยุงให้ผมลุกขึ้น ผมส่ายหน้า ผมไม่อยากกลับไปที่ไหนก็ตามที่เคยมีเขาอยู่ โน่อยู่ในทุกที่ที่ผมเดินผ่าน เเต่ตรงหน้าผมกลับไม่มีเขายืนอยู่

“ฮือ…" ผมปล่อยโฮออกมาอีก ผมว่าผมคงกดมันไว้นานเกินไป พยายามไม่รู้สึกแล้วมันก็ทำไม่ได้จริงๆ

พี่เคนกับพี่เเฟรงค์ช่วยกันพาผมไปที่รถ อะตอมวิ่งเอากระเป๋าออกมาให้ ผมนั่งซบหน้ากับกระจกหน้าต่าง พี่เคนถามทางไปบ้านก็ไม่ยอมตอบ

“ไม่อยากกลับบ้าน” ผมบอกเขาเเค่นั้น

“งั้นไปนอนบ้านพี่?”

ผมพยักหน้า นึกขอบคุณพี่เคนไม่รำคาญเเล้วปล่อยให้ผมโวยวายอยู่หน้าร้านเหล้า

ถึงพี่เคนจะพูดว่าบ้านเเต่ที่จริงมันคือคอนโดในตัวเมืองที่เขาอยู่กับพี่ชาย เเต่คืนนี้พี่ชายพี่เคนกลับบ้าน ห้องเลยว่าง

“ล้างตัวไหวมั้ย หรือให้พี่เช็ดตัวให้” เขาถามเมื่อเรามายืนด้วยกันในห้องนอน กลิ่นผมคงเกินทน ผมยิ้มอายๆ แล้วก็พยักหน้า อ้วกออกไปเยอะเลยรู้สึกโลกไม่ค่อยเอียงเท่าไหร่เเล้ว

พี่เคนหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนมาให้ ผมรับไปแล้วเข้าไปอาบน้ำ สงสัยเสื้อกับกางนี่ต้องทิ้งเลยมั้ง เเสงโสมหอมรัญจวนใจเหลือเกิน

ผมพับชุดเน่าวางไว้ในห้องน้ำ เเล้วเดินออกมาพร้อมชุดนอน กะว่าจะมาขอถุงจากพี่เคนไว้ใส่ซากอารยธรรมไปทิ้ง เเต่คนตัวสูงกว่าก็มาหยิบชุดเปียกๆ ไปโยนลงเครื่องซักผ้า ผมมองตามอย่างเกรงใจ

“ไปเป่าผมไป๊ หรือต้องให้พี่เป่าให้เหมือนพระเอกในละคร” ผมยู่หน้าเเล้วทำตามที่พี่เขาบอก โต๊ะเครื่องเเป้งของพี่เคนดูเรียบร้อย ขัดกับความเป็นนักดนตรีของเขา

พี่เคนรอให้ผมปิดไดร์ เเล้วก็คุยด้วย

“เมื่อกี้โน่โทรมา”

ผมนิ่งรอฟังพี่เขาพูดต่อ

“พี่บอกว่าน้ำเมามาก เลยพากลับมานอนเเล้ว เขาบอกจะมารับ”

“ผมไม่กลับนะ!”

พี่เคนยิ้ม เดินมาขยี้ผมเบาๆ “พี่รู้เเล้ว บอกว่าถ้าจะมาหาก็ค่อยมาตอนเช้าเถอะ น้ำหลับไปเเล้ว”

“ขอบคุณครับ”

“นอนเถอะ จะตีสามเเล้ว”

“ขอโทษที่รบกวนนะพี่เคน ชีวิตวุ่นวายน่าดู”

“วัยรุ่นก็งี้เเหละ สมัยรับน้องไอ้เเฟรงค์เมาเป็นหมากว่านี้อีก ต้องเเบกมันกลับทุกวันอ่ะ”

ผมยิ้ม เเล้วเริ่มมองหาที่นอนตัวเอง

“นอนนี่เเหละ เดี๋ยวพี่ไปนอนห้องพี่ชาย”

“กวนพี่เคนอีกแล้ว”

“อย่าคิดมาก นอนๆ อ้อ...ดื่มอะไรอุ่นๆ หน่อยมั้ย อ้วกไปหมดแล้วน่าจะหิว พี่อุ่นนมให้ดีกว่า”

ผมน้ำตาจะไหล เเละคงเพราะพี่ชายพี่เคนเป็นเจ้าของร้านอาหาร ในครัวจึงดูยิ่งใหญ่กว่าคอนโดทั่วไป มีโหลคุกกี้วางอยู่เต็มเลย

“หยิบกินได้นะ พี่โค้กเค้าทำเอง”

ผมพยักหน้า แล้วหยิบอันนึงที่ดูเป็นรสช็อกโกเเลตมากิน

“อร่อย!”

“อร่อยก็กินอีก วันหลังพี่เอาไปฝาก”

“ผมอ้วนเเย่ถ้าอยู่กับพี่เคน”

“อ้วนก็ดีสิ เราหนะผอมไปพี่ว่า”

ผมรับแก้วมัคมาจากพี่เคน เเล้วยกมันขึ้นจิบเบาๆ นมอุ่นกำลังดีใส่น้ำผึ้งนิดหน่อยให้รสชาติเหมือนย้อนไปตอนเด็กๆ เลย

พี่เคนยืนรอผมดื่มนมโดยหยิบเอาคุ้กกี้มากินเล่นรอไปด้วย ผมเลยไม่รู้สึกกดดันมาก พอดื่มหมดจะไปล้างพี่เขาก็รับไปเอง แล้วสั่งด้วยเสียงคุณพ่อว่า “ไปนอนครับ”

“ถ้าพี่เข้าไปดูแล้วยังไม่หลับนะ จะตี”

“ดุจัง”

“ถ้าเป็นเด็กดีพี่จะไม่ดุ”

ผมพยักหน้าหงึกแล้ววิ่งเข้าห้องนอนไป พี่เคนเปิดประตูห้องนอนโผล่หน้ามา Good Night แล้วก็ปิดไฟให้ อาจจะเป็นเพราะนมอุ่นๆ ผมเลยหลับไปอย่างรวดเร็ว



TBC 



 :mew1:. ดีใจที่มีคอมเม้นเรื่องนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้ชาเลนจ์เรามากจริง แล้วแบบยิ่งลงเเรกไม่มีคนอ่านใจยิ่งฟ่อว์ ขอบคุณนะคะที่ชอบกัน (คิดเช้าข้างตัวเองว่าชอบ อิอิ)

 :katai4:. ตอนเเต่งตอนนี้ร้องไห้หนักมาก หนักแบบ เหมือนอกหักมา ปล. ขอบคุณเพลงดีๆ ที่เนื้อเพลงแบบเจ็บทุกตัวอักษร 

Credit 

ฟ้า - Tattoo Color https://www.youtube.com/watch?v=m-dK4NbT7L4

ใจนักเลง - คุณพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง https://www.youtube.com/watch?v=sSGzUthHGt8

สองรัก - Zeal https://www.youtube.com/watch?v=Y9nSm9WaEdc

ฤดูร้อน - Paradox https://www.youtube.com/watch?v=baIoWHETFbc

คำยินดี - Klear https://www.youtube.com/watch?v=cEeUFE6tRmQ



ตอนนี้รู้สึกยังไง ก็มาเเชร์กันได้นะคะ รออ่านน๊า #พระเพลิงมารีน 
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 22 _ 11Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 11-11-2018 21:32:00

Chapter 23.1



พี่เคนเดินเข้ามาดูผมในห้อง ซึ่งผมกำลังงัวเงียพึ่งตื่นพอดี เขาบอกโน่มาหาจะมารับกลับ ผมขมวดคิ้ว รับกลับไปไหนอ่ะ ผมตั้งป้อมป้องกันตัวกับโน่ทันที

“ให้เค้าเข้ามาหามั้ย หรือจะให้พี่ไปบอกว่ายังไม่ตื่น”

ผมถอนหายใจ บอกว่าขอล้างหน้าล้างตาเเป๊บเดียว เดี๋ยวออกไป พี่เคนรับทราบ เขาเอาชุดเมื่อคืนที่ปั่นเเห้งเเละรีดเรียบร้อยเเล้วมาเเขวนไว้หน้าตู้ มันมีชั้นในด้วย ผมรู้สึกอายเจ้าของห้องหน่อยๆ

หลังจากอาบน้ำเเละเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ผมเดินออกมาจากห้องนอน เห็นโน่นั่งอยู่ตรงโซฟารับเเขก

“น้ำเป็นบ้าอะไรเมื่อคืน” โน่ลุกขึ้นมาประชิดตัวผมทันที เเค่ประโยคเเรกที่เขาถามผมก็ไม่นึกอยากกลับบ้านด้วยเเล้ว พี่เคนมองอย่างเป็นห่วงมาจากในครัว

“มารับกลับบ้านใช่มั้ย ถ้าใช่ก็กลับกันเถอะ เกรงใจพี่เคน” ผมข่มใจพูดออกไป เพราะไม่อยากรบกวนเจ้าของห้องมากกว่านี้ โน่เหมือนพึ่งได้สติเขาพยักหน้า แล้วก็หันไปยกมือไหว้ลาเจ้าของห้อง

รุ่นพี่ที่คณะเดินไปส่งผมกับโน่ถึงชั้นหนึ่ง เราเเยกย้ายกัน แล้วผมก็ขึ้นไปนั่งบนรถคันเดิม

“ไปส่งที่บ้านน้ำ” ผมออกตัว

โน่นิ่งไม่ออกรถ เขาหายใจรุนเเรง ผมรับรู้ได้ว่ากำลังหงุดหงิดและพยายามไม่ระเบิดออกมา ผมก็เลยนั่งเฉยรอเวลา

“ไหนบอกว่าจะรอ” โน่เอ่ยถามในความเงียบ

ผมนิ่งไม่ตอบ

“โน่ยังรอน้ำได้ตั้งนาน ทำไมรอโน่แค่นี้ไม่ได้”

“เเต่โน่ก็ไม่ทำตามสัญญาไง ทำไมน้ำต้องทำตามสัญญาด้วยอ่ะ!”

“น้ำกลัวเเค่ไหน น้ำสิ้นหวังเเค่ไหนรู้มั้ยตอนที่รู้ว่าตัวเองเป็นเนื้องอก แต่น้ำก็คิดว่าน้ำต้องรอด น้ำต้องหาย ถ้าไม่มีน้ำโน่จะอยู่กับใคร แล้วน้ำก็ฟื้นมาเพื่อที่จะรู้ว่า อ๋อ..โน่เป็นเเฟนกับคนอื่นไปแล้ว!”

“ทั้งที่น้ำมาก่อนนางฟ้า แล้วตอนนี้น้ำเป็นอะไร เป็นชู้หรอ ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ พอนางฟ้ามา โน่ก็ไม่หันมาคุยกับน้ำเลยด้วยซ้ำ น้ำต้องไร้ตัวตนอีกนานเเค่ไหนอ่ะ”

“โน่ เเม่งเห็นเเก่ตัว!”

มันยากมากที่จะข่มน้ำตาไม่ให้ไหล ผมร้องไห้และกัดปากตัวเองไว้ไม่ให้เสียงหลุดรอดออกมา

“น้ำฟังก่อน เราคุยกันรู้เรื่องเเล้วไม่ใช่หรอ โน่รักน้ำนะ”

“ไม่อยากได้คำว่ารักโว้ย อยากได้การกระทำ อยากได้ทั้งตัวโน่อ่ะ ไม่ชอบเเบ่งกับใคร แล้วก็ถ้าทำให้ไม่ได้ก็ปล่อยน้ำไปเหอะ น้ำโคตรไม่ชอบตัวเองที่เป็นอยู่ตอนนี้เลย”

ผมบอกเขาไปตรงๆ ใครจะชอบที่ตัวเองต้องมางี่เง่าตามหวงไร้สาระว่ะ โน่ทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลย

“ขอเวลาหน่อยไม่ได้หรอ น้ำไม่รักโน่เเล้วหรอ” เขาทอดเสียงอ่อนลง เขารู้ว่าพูดเเบบไหนแล้วผมจะใจอ่อน

“แล้วทำไมยังต้องเป็นเเฟนกับนางฟ้าอ่ะ เหตุผลคืออะไร”

“โน่เผลอนอนกับนางฟ้าตอนไปญี่ปุ่น โน่อยากรับผิดชอบ เพราะไม่อยากทำให้ผู้หญิงร้องไห้”

หัวใจผมบีบรัดรุนเเรง ผมดีใจที่โน่เป็นคนดี แต่มันเป็นความดีที่โน่ไม่สามารถมีผมในชีวิตได้อีก

“โน่ทำถูกแล้ว ถ้าโน่ไม่อยากให้เค้าร้องไห้ก็ดูเเลเค้าต่อไปเหอะ น้ำดูเเลตัวเองได้ น้ำเป็นผู้ชาย น้ำเข้มเเข็ง”

“น้ำไม่ประชดดิ” โน่เสียงอ่อนลงอีกเอื้อมมือมากอบกุมมือผมไว้

“น้ำไม่ได้ประชด!! แต่ถ้าเราไม่ได้สำคัญขนาดที่ปล่อยให้เราร้องไห้ได้ แต่เค้าร้องไม่ได้ โน่ก็ไม่ควรเอาคำว่ารักมารั้งเราไว้ ไม่ควรเอาอดีตหรือคำสัญญาที่มันเป็นเรื่องของเด็กๆ มาเป็นข้ออ้างเเล้วอ่ะ เริ่มใหม่เหอะ ไปเริ่มกับนางฟ้า เราก็...จะไปเริ่มกับคนอื่น…” ผมพยายามพูดให้เสียงไม่สั่นที่สุด

“พูดแบบนี้คือมีคนอื่นเเล้วใช่มั้ย”

“อือ…” ผมพยักหน้า

“งั้นก็ตามนั้น”

โน่ปล่อยมือ เขาปล่อยมือผมแล้วจริงๆ

ผมกัดฟันตัวเองแน่นแล้วเปิดประตูลงจากรถ เดินเร็วเข้าไปหลบในล็อบบี้คอนโด โน่คงคิดว่าผมมีพี่เคนมั้ง เเต่ก็ดีเเล้วที่มันเป็นเเบบนั้น บางครั้งการยื้อก็ไม่ใช่วิธีเยียวยารักษาทุกอย่าง ผมมองรถสีขาวที่เลี้ยวออกจากคอนโดอย่างรุนเเรง เสียงล้อบดถนนมันทำให้คนเเถวนั้นตกใจ แต่ผมกลับร้องไห้ ผมนั่งร้องไห้หนักมากราวกับจะเอาน้ำตาทั้งชีวิตมาใช้ให้หมดไปในตอนนี้



หลังจากทะเลาะกันวันนั้นผมไม่ได้กลับบ้านเพราะกลัวห่อเหี่ยวจนพ่อเเม่ไม่สบายใจ เอาร่างกายตัวเองไปแปะแหมะไว้ที่คอนโดของพี่ขิงเพื่อนรัก แล้วก็ไล่เจ้าของห้องไปอยู่ห้องพี่ดาริณเเฟนมันเเทน รอจนตาหายบวมผมถึงกลับไปอยู่บ้านตัวเองได้

ผมเจอโน่อีกครั้งตอนซ้อมวง ระหว่างวันเขาก็เว้นระยะห่างไม่มาเกาะเเกะผมเหมือนสมัยก่อน โน่ไม่ค่อยสนิทกับใครในรุ่นเดียวกัน แต่ก็สามารถนั่งเรียนกับเพื่อนๆ คนอื่นได้ เป็นผมอีกที่เเอบมองเขาเป็นระยะ

ห่างก็ไม่ชอบ ใกล้ก็ไม่สบายใจ ผมคงเป็นบ้าไปแล้ว

ตอนซ้อมผมก็อึดอัดมาก ยิ่งเห็นโน่ยังคุยเล่นกับนางฟ้าที่มาเฝ้าได้เป็นปกติ ผมก็ยิ่งเจ็บในใจ เป็นผมที่โง่เองที่ไปรักเขาเสียมากขนาดนั้น

ช่วงพักซ้อมผมหิ้วตะกร้าขวดน้ำไปให้พี่เคน อะตอม พี่เเฟรงค์เเล้วก็พี่ก็อตจิ พวกรุ่นพี่ยังคงเล่นมุขฮากันเหมือนเดิม ผมเลยฝืนหัวเราะได้บ้าง มันเป็นช่วงเดียวเเหละที่ผมละสายตาจากโน่

“น้ำเคยเล่นกีต้าร์ไม่ใช่หรอ ท่อนที่พี่เล่นเมื่อกี้มันเเปลกๆ มั้ย น้ำว่าไง”

ผมไม่ค่อยได้ฟังหรอกครับ เเต่พอรู้ว่าเขาเล่นเพลงอะไรกัน ก็เดินไปหยิบกีต้าร์พี่เคนมาดีดดู

“เทพโคตร!!” พี่เเฟรงค์อุทาน ส่วนพี่เคนเดินมายีหัว

“เก่งจริงตัวเเค่นี้”

ผมเงยหน้ายิ้มให้พี่เคน

“สงสัยพี่ต้องให้น้ำซ้อมให้บ่อยๆ ล่ะ”

ผมย่นจมูก พี่เคนก็เก่งเถอะ เเต่อาจจะเพราะเครียดไปมากกว่าเลยมีติดขัดบ้างเป็นบางช่วง

“ผมไม่ได้เก่งขนาดสอนใครได้หรอกครับ”

พี่เคนหยิบมือผมไปพลิกดู เล่นกีต้าร์ก็รู้กันครับว่าผมฝึกหนักมาเเค่ไหน

“เห้ย...อย่ามาเเต๊ะอั๋งกันในห้องนะเหวย” พี่เเฟรงค์เเซวขึ้นมาทันที พี่เคนหันไปเขกกะโหลกเพื่อน

“นี่ น้ำกับเคนคืนนี้ว่างป่ะ ไปเล่นเเทนเพื่อนที่ร้านหน่อยดิ พึ่งไลน์มาเลยว่ามอเตอร์ไซต์เฉี่ยวแขนหัก” พี่ก็อตจิที่ง่วนกับมือถืออยู่พักนึงแล้วเงยหน้าบอก

“ได้ค่าขนมด้วยนะเว้ย”

แหม...ผมไปตั้งเเต่ไม่ต้องเอาค่าตัวมาล่อเเล้ว ไปอยู่ในบรรยากาศคึกคักแบบนั้นก็ดีเหมือนกันครับจะได้ไม่ต้องนั่งเหงาอยู่ที่บ้าน ผมไลน์บอกเเม่ทันทีว่าคืนนี้ไปเล่นดนตรีกลับดึก

ซ้อมเสร็จ ผมอยู่เก็บกระติกและเเก้วน้ำล้างนิดหน่อย ทุกคนอยู่รอเพราะจะเเห่ไปร้านเหล้าด้วยกัน ยกเว้นโน่ที่ไปส่งนางฟ้าก่อนเเล้ว ผมเห็นเขาเดินควงคู่กันออกไปก็รู้สึกแหละครับ แต่ในเมื่อเลือกถอยออกมาเเล้วก็ต้องอยู่ให้ได้



เราไปถึงร้านตอนใกล้ถึงช่วงวงดนตรีสดพอดี ผมขึ้นไปซาวด์เช็คนิดหน่อยเพราะไม่ใช่กีต้าร์ตัวที่คุ้นมือ จากนั้นก็ทำความรู้จักกับนักดนตรีคนอื่นๆ ในวงเเล้วก็เริ่มเล่น โดยครึ่งเเรกผมเล่นก่อน เพลงที่ใช้ส่วนใหญ่ก็เพลงตลาดทั่วไป ผมก็เล่นไปชิวๆ ไม่ได้ยากอะไร คนในร้านยังสนุกเหมือนเดิม แล้วด้วยหน้าตาที่น่าเอ็นดูของผมละมั้ง รุ่นพี่สาวๆ เอาเหล้ามาชนเต็มเลย ผมเลยดื่มๆ ไปแบบไม่ค่อยระวังตัวเท่าไหร่ ลงจากเวทีด้วยอาการกำลังร่าเริง ผมเลยไปเซิ้งอยู่ที่โต๊ะกับพวกพี่เเฟรงค์เเลอะตอมต่อ

“เมาขนาดนี้กลับบ้านพ่อเเม่จะว่ามั้ย” พี่เคนถามเมื่อร้านใกล้ปิด

ผมส่ายหน้าอ้อแอ้ ไม่ได้เมาหนักเท่าวันก่อน ยังพอรู้เรื่องอยู่เเต่ดูเวลาเเล้วก็ดึกมากเกาะเเขนขอไปนอนห้องพี่เคนเหมือนเดิม

ไม่นานพี่เคนก็ประคองผมขึ้นมาถึงห้อง จัดการหาชุดนอนให้เปลี่ยนเสร็จสรรพ

“น้ำ...มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่า” เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เเต่ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร พี่เเค่อยากบอกว่าพี่พร้อมรับฟังนะ”

ผมยิ้มขอบคุณ แล้วรับเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ตอนเดินออกมาพี่เคนยังนั่งรออยู่ที่เตียง

“มีอะไรรึเปล่าพี่เคน” พี่ชายใจดียังยิ้มกว้างเหมือนเดิม

“รอส่งเด็กน้อยเข้านอน”

ผมย่นจมูกไม่ได้เป็นเด็กน้อยสักหน่อยอายุเยอะเเล้วเถอะ เขาขยี้หัวผมบอกกู๊ดไนท์ รอผมนอนแล้วก็ยกผ้านวมมาห่มให้ถึงคอ พี่เคนมองหน้าผมเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง อาการอึกอักดูไม่มั่นใจไม่สมกับเป็นเขาเลย

“พี่เคน...ผมว่าพี่น่าจะมีอะไรมากกว่าอยากส่งผมเข้านอน”

ร่างสูงตรงหน้าถอนใจรุนแรง ผมเลยพยักหน้าเหมือนเป็นสัญญาณว่าพี่พูดเถอะผมพร้อมฟัง

“น้ำ...ที่จริงตอนจับฉลาดบั๊ดดี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”

“ครับ”

“พี่ตั้งใจได้ชื่อเรา”

“ผมพอจะเข้าใจแล้วครับ”

“พี่ไม่แน่ใจว่าน้ำกับโน่มันมีอะไรเกินคำว่าเพื่อนหรือเปล่า พี่เลยไม่กล้า...”

ชื่อของ ‘เพื่อน’ ที่หลุดออกมาจากปากพี่เคนทำให้ผมต้องแหงนหน้าสูงขึ้น เพราะกลัวบางอย่างมันจะไหลออกจากตา

“ถ้าผมแน่ใจว่าเขาเป็นแค่เพื่อนเมื่อไหร่แล้ว ผมจะบอกพี่นะครับ”

“ขอบคุณนะน้ำ”

“ผมมากกว่าที่ต้องขอบคุณที่รู้สึกดีๆ กับผม”

“นอนเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว” พี่เคนยิ้มให้อีกครั้งก่อนเดินไปปิดไฟให้แล้วก็ออกไปจากห้อง

ผมมองเพดานห้องในความมืด ความรู้สึกของพี่เคน ผมรับรู้มาได้สักพักแล้วล่ะ แต่ก่อนหน้านี้ผมยังมั่นใจว่ายังมี

โอกาสลงเอยกับโน่ได้ แต่เหมือนนับวันความสัมพันธ์ของเราจะกลายเป็นเส้นขนานขึ้นทุกที ผมควรลืมเขามั้ย ควรพอแล้วเริ่มต้นใหม่สักที





TBC 

เจ็บอย่างถาโถม เอาให้ตาบวมกันไปข้างนึง จริงๆ ตอนนี้มันยาวมาก เราเลยตัดช่วงเศร้ามาให้ก่อน ตอนหน้าจะดีกว่านี้นะสัญญา เพราะถ้าตอนหน้าเศร้าอีก คนเเต่งอาจจะโดนดักตบได้ 555  (ในเลข 5 มีน้ำตาซ่อนอยู่)

ตอนเเต่งเรื่องนี้ ใส่ theme ตรงหัวเรื่องว่าความรักของวัยรุ่น ที่เเบบ รักกันจะเป็นจะตาย รักกันเเทบบ้า เเต่สุดท้ายเราก็ไปด้วยกันไม่ได้ แต่ไม่ bad end นะ เราสุขนิยม 555

เจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 22 _ 11Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-11-2018 11:14:35
โน่ถ้าไม่อยากทำให้น้ำต้องร้องไห้มากไปกว่านี้ โน่ต้องเด็ดขาดถ้าไม่รักนางฟ้าก็ต้องบอกเลิกให้ได้
ก่อนที่จะต้องเสียน้ำไปจริง ๆ นะ รับผิดชอบนางฟ้าแค่นี้เราก็ว่ามันมากพอแล้ว เปิดอกไปเลยคุยกันให้รู้เรื่องกับนางฟ้าไป
เพราะยิ่งทำแบบนี้นางฟ้าจะยิ่งคิดเข้าข้างตัวเองว่าโน่รักนางฟ้านะ ในเมื่อโน่ไม่เคยบอกนางฟ้าเลยว่ายังรักน้ำอยู่
และที่ทำแบบนี้ก็แค่จะรับผิดชอบนางฟ้าเท่านั้น มันเหมือนจะเห็นแก่ตัวนะแต่เอาเข้าจริง ๆ ตัวนางฟ้าเองก็น่าจะรู้ว่าเรื่องคืนนั้น
มันก็แค่ความพลาดพลั้งและไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเพราะต่างก็เมาด้วยกันทั้งคู่แล้วจะให้โน่รับผิดชอบคนเดียวแบบนี้เหรอ
นางฟ้าก็น่าจะทำใจได้แล้วนะ แฟร์ ๆ กับโน่มันหน่อยซินางฟ้า
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 22 _ 11Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 12-11-2018 11:44:04
เลือกพี่เคนไปเลยน้องน้ำ ความรู้สึกของเราต้องเป็นที่หนึ่งสิ อย่าไปเป็นตัวสำรองของใครเพราะเราเองก็มีดีอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 22 _ 11Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 23-11-2018 23:46:17
chapter 23.2



ไม่กี่วันต่อมานางฟ้าโทรมาหาผมหลังจากที่เราไม่ได้คุยกันนานพอสมควร

“เราอยากเซอร์ไพรส์วันเกิดโน่ตอนซ้อม เราจะส่งซิกให้น้ำไปปิดไฟ แล้วเราจะเอาเค้กเข้ามาในห้อง”

ผมตอบรับความช่วยเหลือไปได้โดยง่าย วันเกิดโน่หรอ แล้วผมต้องเตรียมอะไรให้เค้าด้วยมั้ยนะ ในฐานะเพื่อน อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมตัดสินใจไปซื้อการ์ดใบเล็กๆ มาเขียนอวยพรเขา ถ้ามีโอกาสเหมาะคงให้ แต่ถ้า...โน่ตัวติดกับนางฟ้าตลอด ผมก็คงไม่ให้

และเเล้ววันนั้นก็มาถึง เราซ้อมดนตรีกันตามปกติ และประมาณเกือยสองทุ่ม นางฟ้าก็ไลน์มาบอกว่าเธอจุดเทียนอยู่หน้าห้องเเล้ว

ผมเดินไปปิดไฟโดยไม่บอกไม่กล่าวใคร ทุกคนในวงตะโกนโหวกเหวกด่าว่าอย่างไม่จริงจัง เพราะเหมือนเข้าใจได้ด้วยตัวเองว่าน่าจะมีอะไรเซอร์ไพรส์ตามมา ผมเปิดประตูออกไปแล้วนางฟ้าก็เดินเข้ามาพร้อมเค้กวันเกิดที่จุดเทียนเรียบร้อย

พี่เเฟรงค์กรี๊ดเเซวเป็นสาวเลยแล้วช่วยๆ กันดันเจ้าของวันเกิดถูกดันให้เข้าไปยืนใกล้ๆ เค้ก

“น้ำถ่ายรูปให้หน่อยสิ” นางฟ้ายื่นโทรศัพท์ให้ผม ผมรับมาโดยไม่ได้สนใจความรู้สึกตัวเองมากนัก เขาสองคนขยับตัวเข้าชิดกัน โดยมีเเสงเทียนล้อมกรอบหน้าสวยน่ามองและอีกคนก็หล่อดูดี โน่ก้มลงมาเล็กน้อยให้ใบหน้าอยู่ใกล้นางฟ้ามากขึ้น เห็นเเล้วโคตรเจ็บปวด ผมกดถ่ายไปสองเเช๊ะ

นางฟ้ายังไม่รับคืนเพราะจะให้ถ่ายช็อตอธิฐานเเละเป่าเทียนก่อน โดยทุกรูปมีเพียงสองคนในเฟรม

ผมกดถ่ายรัวๆ และเมื่อโน่เป่าเทียนเสร็จ ผมก็ส่งโทรศัพท์คืน แล้วเดินออกมานอกห้องเลย อีกไม่กี่วินาทีต้องมีคนโวยวายแน่ เพราะรูปที่ผมถ่ายเขาสองคนเป็น ‘รูปครึ่งตัวล่าง’ ทั้งหมดเลยหนะสิ!

ก็ตอนมองผ่านกล้องผมไม่ชอบที่เขาสองคนอยู่ด้วยกันนี่นา

ผมกะจะหลบไปอยู่คนเดียวที่สุดระเบียงตึกเรียน รอซ้อมเสร็จเเล้วค่อยเข้าไปดีกว่า ไม่อยากเข้าไปทำให้บรรยากาศวันเกิดโน่เเย่ไปกว่านี้

แต่เท้ายังไม่ทันก้าวไปถึงไหน ข้อมือก็ถูกกระชากไว้ด้วยใครบางคน

โน่!?

“เราไม่กลับเข้าไปนะ”

“งั้นก็ไปที่อื่นกัน”

โน่ไม่อธิบายอะไรให้เข้าใจทั้งนั้น เขาจูงไม่สิ ลากผมไปด้วยเเรงที่ต้านไม่ไหว ไม่นานก็ขึ้นมานั่งอยู่บนเเรบบิทครีมที่จอดอยู่หน้าตึก

โน่ออกรถทันที เขาเเวะจอดที่ร้านเค้กเจ้าดังหลังมหาวิทยาลัย เห็นซื้อเค้กมาก้อนใหญ่จากนั้นก็ขับกลับคอนโด

“ไปไหน” ผมพึ่งได้มีโอกาสถามเขา

“คอนโด”

“อยากเป่าเค้กกับน้ำ”

“อะไรว่ะโน่..” ผมงง เขาเอื้อมมือมาขยี้หัว แล้ววางมันค้างไว้แบบนั้น ผมหุบปากฉับเหมือนโดนปิดสวิทซ์



ห้องที่ผมไม่ได้เหยียบมาสักพัก เเต่ผมกลับรู้สึกสนิทใจเหมือนได้เดินกลับเข้าบ้าน เจ้าของห้องวางเค้กลงบนเคาเตอร์ครัวเเล้วดันหลังผมเข้าไปในห้องนอนเชิงว่าให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว

“แล้วโน่...”

“ทำมื้อเย็น” เขาตอบแล้วยิ้มกริ่ม ผมเลิกคิ้ว

“ลองดู คิดว่าทำได้”

เอาเถอะอยากทำอะไรก็เชิญ ผมหันไปทางอื่นเสียแต่แล้วก็ได้ยินเสียงสั่นครืดคราดโทรศัพท์ที่มันรัวมาหลายรอบตั้งเเต่บนรถอีกครั้ง ก่อนหน้าโน่ปิดแค่เสียงแต่คราวนี้เขาปิดเครื่องไปเลย

“ไม่รับล่ะ เดี๋ยวนางฟ้าเป็นห่วงหรอก”

โน่ส่ายหน้า เขาเดินเข้ามาใกล้ผมที่ยังยืนค้างอยู่แล้วก็อ้อนเสียงอ่อน

“วันเกิดโน่ โน่อยากฉลองกับน้ำแค่สองคน ตามใจโน่นะ”

ผมได้แต่ถอนหายใจถ้าเขาเอาวันเกิดมาอ้างผมก็ไม่ควรทำวันพิเศษของโน่ให้พัง ส่วนใจผมพังไปอีกนิดคงยังไม่เจ็บเท่าไหร่ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็เดินเข้าห้องนอนไปอาบน้ำตามที่เจ้าของห้องเขาต้องการดีกว่า

เมื่อเดินเข้ามาหัวใจมันก็เจ็บหนึบๆ เกลียดที่ตัวเองรู้จักทุกอย่างในห้องนี้ เสื้อผ้าผมที่ซักสะอาดเเล้วโดนเเขวนไว้ในตำเเหน่งเหมือนทุกที แม้กระทั่งชุดนักเรียนม.ปลาย ก็ยังค้างอยู่ที่นี่ตั้งสองชุด มันทำให้พาลคิดไปถึงช่วงเวลานั้นอีกครั้ง ถึงมันจะสั้นมากๆ แต่ตอนนั้นของเราสองคนมันดีจริงๆ นะ

ผมใช้เวลาในห้องน้ำไม่นานก็สวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นสบายๆ ออกมา จัดการผมให้เเห้งเเล้วก็เดินออกไปดูในครัว บนโต๊ะมีไข่พะโล้หอมฉุย แล้วก็กับข้าวไทยๆ ที่คุ้นตามาก

“ขี้โกงหนิ” ผมรู้ทันโน่เเล้ว นี่มันกับข้าวจากแม่บ้านที่บ้านใหญ่ของโน่ชัดๆ มีของโปรดเขาด้วย

“โน่เอาไปอุ่นในเวฟเหอะ” เขาขี้ตู่ได้น่ารักมากในสายตาผม ผมอยากตีหัวใจตัวเองจัง ทำไมถึงหลงกลเขาอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่รู้

“เตรียมไว้ให้ใครหรอ” ผมไม่คิดว่าเขาจะฉลองกับผมตั้งแต่แรก

“ก็ใครชอบกินไข่พะโล้ป้าน้อย ก็เตรียมไว้ให้คนนั้น”

ผมถอนหายใจ เลิกคุยแล้ว หิวด้วย กินดีกว่า เรานั่งกินมื้อเย็นด้วยกันเงียบๆ ทั้งที่วันก่อนผมโกรธเขาเเทบบ้า เเต่วันนี้เขากลับทำให้ผมใจอ่อนได้อีกครั้ง โน่ไม่เลือกนางฟ้า เขาเลือกทิ้งแฟนตัวเองมานั่งกินข้าวเงียบๆ ในที่ของเราในวันเกิดของเขา

“ยังไม่ได้คบกับพี่เคนใช่มั้ย” อยู่ๆ โน่ก็ถาม ทำเอาไข่พะโล้แทบติดคอ

“ยัง”

“ทำไมไม่คบละ”

“อยากให้คบหรอ”

“ถ้าโน่บอกว่าไม่ น้ำจะยังฟังอยู่มั้ย”

“บอกในฐานะอะไรหรอโน่”

“...”

ผมยิ้ม มันเป็นบทสนทนาที่น่าอึดอัดและโน่ก็ระบุสถานะระหว่างเราไม่ได้เต็มปาก

“กินของหวานเถอะ มีลอดช่องใช่มั้ย” ผมพูดเพื่อแก้สถานการณ์ที่อึมครึมเหมือนฝนกำลังอั้นไม่ยอมตก

โน่ลุกไปตักลอดช่องเขียวใส่น้ำแข็งบดมายื่นให้ อานิสงค์ของป้าน้อยแม่ครัวมือเทพของบ้านโน่อีกหนึ่งอย่างครับ ผมชอบกิน...แล้วถ้าเขาตั้งใจจะฉลองกับผมจริงก็ถือว่าทำได้น่ารัก

โน่ไม่กินด้วย เขาเพียงนั่งเงียบๆ มองผม

เมื่อผมวางช้อนขนมไทยลงก็ถึงช่วงไฮไลท์ โน่หยิบเค้กขนาดสองปอนด์ที่วิ่งลงจากรถไปซื้อและสั่งให้พนักงานเขียนข้อความแฮปปี้เบิร์ดเดย์ตัวเองมาวางตรงกลางระหว่างเรา เขาบรรจงปักเทียนลงไปเท่าจำนวนอายุ ส่วนผมก็นั่งเท้าคางดูสีหน้าตั้งอกตั้งใจของเขา

โน่หยิบไฟเช็คขึ้นมาจุดเทียน อ่ะ...ผมช่วยวิ่งไปปิดไฟห้องให้ก็ได้ เขากวักมือเรียกให้ผมไปยืนอยู่ด้านเดียวกัน แล้วก็ล้วงมือถือออกมาจะถ่าย แต่ด้วยที่ปิดเครื่องไปแล้วทำให้โหลดนาน ผมเลยหยิบมือถือตัวเองขึ้นมายื่นให้เขา โน่กอดคอผมแล้วเราก็เซลฟี่กัน

มันเป็นรูปเค้กวันเกิดที่มีหน้าของเราสองคนร่วมเพลง ผมวิ่งเข้าไปในห้องนอนโน่แล้วหยิบกีต้าร์โปร่งออกมา ดีดเป็นทำนองเพลง...อยากจะเกิด ชิงหมาเกิด...เขายกมะเหงกเตรียมเคาะ ผมเลยเปลี่ยนทำนองเป็นเพลงสุขสันต์วันเกิดก็ได้

เราร้องเพลงด้วยกันจนจบสองรอบ โน่ก็หลับตาลงพนมมืออธิฐาน ผมเก็บภาพช่วงนี้ไว้ให้เขาด้วย เขาเป่าเทียนรวดเดียวหมด แล้วผมก็ไปเปิดไฟ กลิ่นควันเทียนยังลอยอยู่จางๆ ในอากาศ

และเพราะเราอยู่กันสองคนจึงไม่มีพิธีรีตองอะไร ไม่ต้องตัดเค้กเป็นชิ้นด้วยซ้ำ ใช้ช้อนสองคันจ้วงเค้กเข้าปาก

“อร่อย"

“ชอบกินของหวานตั้งเเต่เมื่อไหร่”

โน่กินได้ครับ แต่ก็ไม่ใช่สายชอบกินเหมือนผมกับเพื่อนๆ คนอื่น

“ก็กินกับน้ำ กินอะไรก็อร่อย”

“เมื่อไหร่จะเลิกหยอด” ผมเบ้ปาก

“ไม่เลิกหรอก”

ผมเปลี่ยนบทสนทนาด้วยการล้วงเอาการ์ดใบเท่านามบัตรในกระเป๋าตังค์ยื่นให้โน่

“สุขสันต์วันเกิดจากเรา”

เขาไม่ยอมรับ แล้วทำหน้าน่าสงสารใส่ “แทนตัวเองว่าน้ำเหมือนเดิมได้ป่ะ ขอร้อง”

“สุขสันต์วันเกิดจากน้ำ”

คราวนี้ยอมรับเเล้ว เเถมยังยิ้มดีใจเหมือนหมาตัวใหญ่เลย เขาขยับตัวมานั่งเบียดผมทันที ไม่สิผลักผมออกจากเก้าอี้แล้วจัดการรวบตัวผมไปนั่งบนตักแบบหันหน้าเข้าหากันเเทน

“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่อยู่กับโน่” เสียงทุ้มเอ่ยซุกหน้าลงกับไหล่

ผมห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มไม่ได้ ผมชอบช่วงเวลานี้จัง ช่วงที่เขาอยู่กับผมแค่สองคน ผมพลิกตัวไปหาโน่แล้วแทรกนิ้วไปตามเส้นผมเขาเบาๆ

“โตขึ้นอีกปีเเล้วนะ”

“ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันนะ” โน่บอก

ผมพยักหน้าลูบผมเขาไปเรื่อยๆ อย่างเพลินมือ

“อยากฉลองวันเกิดกับน้ำทุกปี”

“น้ำไม่ไปซื้อเค้กน่ารักๆ มาให้หรอกนะ” เค้กจากนางฟ้าน่ารักมากครับ ปั้นเป็นรูปคนเล่นกีต้าร์

“ไม่เป็นไรซื้อเองได้ รู้ด้วยว่าตัวเองอยากกินรสอะไร”

ผมขำกับสิ่งที่โน่ตอบ เขาใช้จมูกซุกไซร้ไปตามซอกคอผมกับเเก้มเหมือนหมา

“อยากให้ทุกช่วงชีวิตมีน้ำอยู่ในนั้น”

ผมชะงักมือ หัวใจมันเริ่มประท้วงเตือนอีกรอบว่าไม่ได้

“จะอยู่ได้ไง โน่เป็นแฟนนางฟ้านะ เรามันเเค่ตัวประกอบในเรื่อง”

“ไม่งอนดิ” โน่ทำเสียงอ้อน

“ไม่ได้งอน แต่เราจะอยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้นะโน่ น้ำคือคนมาทีหลัง และน้ำไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้อง แต่ในความเป็นจริงน้ำโกรธนางฟ้าแทบบ้า น้ำเจ็บมากนะ ที่ต้องเห็นโน่อยู่กับเค้าตลอดเวลา”

“ขอโทษ”

“คำขอโทษไม่ได้ช่วยให้หายเจ็บ”

“โน่ขอโทษ”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะประคองใบหน้าหล่อๆ นั้นให้เงยขึ้นมาสบตา

“ยังจะเลิกกับเค้าให้น้ำใช่มั้ย”

“โน่ปิดเครื่องใส่ แล้วก็แสดงออกชัดมากแล้วนะว่าอยากอยู่กับน้ำมากกว่าเค้า”

“รักนางฟ้ารึเปล่า”

เขาส่ายหน้า “รักน้ำ”

ภูมิคุ้มกันไม่เเรงพอ หัวใจผมเต้นดังมากจนกลัวว่าโน่จะได้ยิน เล่นสารภาพเเบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้าเลย

“แล้วคบทำไม”

“ก็เค้าเป็นผู้หญิง เค้าเสียหาย อย่างที่บอกว่าโน่ไม่อยากทำผู้หญิงร้องไห้ เหมือนที่พ่อทำ น้ำก็รู้ว่าโน่ไม่ชอบพ่อแล้ว...โน่ก็ไม่อยากทำเหมือนที่พ่อเคยทำ”

ผมถอนหายใจยาว ชีวิตย้อนเเย้งดีจัง

“แล้วทำไมน้ำไม่ไปเเสดงความเป็นเจ้าของหน่อยละ ทำไมไม่ไปทวงโน่คืน”

“ดูละครมากไปป่ะโน่” ผมบี้แก้มเขา ตัวเองไม่ยอมทำแล้วจะให้คนอื่นเขากลายเป็นคนร้ายเสียได้

“กว่าจะรู้ว่าหึง ใจเเป้วหมดแล้วเหอะ นึกว่าไม่รักกันเเล้ว” โน่ตัดพ้อ

“ใครหึง” ผมถาม

“เห็นรูปที่น้ำถ่ายไปยี่สิบกว่ารูปก็รู้เลย ทำไมเเสบ”

“หมั่นไส้เหอะ เหม็นความรัก รำคาญ อิจฉา พอใจยัง” ผมบ่นออกไป แต่ไม่ได้รู้สึกโกรธรุนเเรงเท่าตอนนั้น

“นั้นเเหละ เเสดงออกเถอะ โน่จะได้รู้ว่าที่จริงเรายังรักกัน รักกันมากๆ”

“ขี้ตู่จัง”

โน่ไม่เถียงต่อ แต่ก้มลงปิดปากผมด้วยปากของเขาเเทน ตอนแรกผมตกใจเเทบผลักเขาออก เเต่ความโหยหาไม่เคยปราณี จากที่ยันไหล่เขาไว้กลายเป็นใช้สองเเขนโอบรอบบ่าดึงรั้งให้บดเบียดแนบชิด ให้เราได้จูบกันถนัดขึ้น โน่เเทรกลิ้นเข้ามาแผ่วเบาแต่กลับรุนแรงจนหัวใจผมโหมกระหนุ่ม ความร้อน ความพลุ่งพล่านต่างประดังประเดเข้าสู่ร่างกายอย่างไม่ขาดสาย โน่จูบหนักขึ้น เสียงลมหายใจเราสองคนหนักตาม มันเป็นสัญญาณอันตรายแต่ร่างกายผมก็ไม่ปฏิเสธเขาเลย โน่เลื่อนมือเข้าไปใต้ชายเสื้อผม เขาสัมผัสช่วงเอวเเผ่วเบาจากนั้นก็ลูบไล้เส้นข้างลำตัว ผมรู้สึกสบายเเละเบาหวิวจากสัมผัสนั้น ไม่นานนิ้วสากๆ ก็สัมผัสโดนส่วนหน้าอกที่ให้ความรู้สึกอ่อนไหว ผมเผลอหลุดเสียงปะหลาดออกไป โน่ยิ้มขำ เขาละมือออกเเล้วจุ๊บปากปิดท้ายเบาๆ ก่อนจะผละหน้าออก ผมมองเขาอย่างงุนงง

“พอก่อน เดี๋ยวห้ามตัวเองไม่ไหว”

ผมที่ยังหายใจในจังหวะไม่ปกติส่ายหน้า

โน่เลิกคิ้ว

“ไม่ต้องห้ามหรอก วันนี้วันเกิดโน่ น้ำตามใจ”

พูดเสร็จก็หน้าร้อนผ่าว จนต้องหลบสายตาอันรุนเเรงของเขา โน่กอดเอวผมเเน่นขึ้นเหมือนไม่รู้ตัวเเล้วผมก็ไม่คิดจะต่อต้าน ปล่อยให้เขาชักนำไปจนสุดทาง

โน่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ โดยมีผมเกี่ยวเอวไปด้วยเหมือนลูกลิง รู้ตัวอีกทีเเผ่นหลังก็เเนบชิดกับเตียงนอนหนานุ่ม ร่างสูงใหญ่ตามมาทาบทับโดยเร็ว ผมยกมือยันหน้าผากโน่ที่กำลังจะก้มลงมาซุกไซร้

“ตะเตียงนี้เคยมีคนอื่นมานอนรึเปล่า”

โน่มองผม เขาจับฝ่ามือผมไปกดจูบเสียงดังลั่น

“ไม่เคย ห้องนี้เป็นของเราสองคน เตียงนี้ก็เก็บไว้ให้น้ำนอนคนเดียว”

สายตาเขาร้อนแรง มันรุนแรงกว่าวันแรกที่เจอกันมาก

“แล้วปกติพาคนอื่นไปนอนที่ไหน”

โน่หัวเราะ บรรยากาศที่ระอุร้อนเมื่อครู่หายไปทันที ร่างสูงใหญ่ถึงขั้นทิ้งตัวลงมานอนเท้าศีรษะอยู่ข้างๆ ผม

“ขำอะไรเล่า”

“หึงหรอคะ”

ผมบิดพุงเขาด้วยความหมั่นไส้

“ก็อยากรู้ เป็นโรครึเปล่าเถอะ”

โน่ยิ้มอีก ยิ้มจนตายิบหยี ผมเกลียดรอยยิ้มเหมือนเด็กเจอของถูกใจของเขา

“ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็น นอกจากนางฟ้าครั้งที่เมา โน่ก็ไม่ได้มีอะไรกับใครอีกเลย...จะว่าไปกับนางฟ้าโน่ก็ไม่เเน่ใจหรอกว่าได้มีอะไรกันรึเปล่า คืนนั้นเมามากเถอะ”

ได้ยินชื่อคนอื่นจากปากโน่เเล้วอารมณ์หวานๆ มันก็พังทะลาย คิ้วผมเผลอขมวดเข้าหากันทันที

“เเล้วตอนนี้เมารึเปล่า ตื่นมาจะจำได้มั้ยว่านอนกับใคร”

“ผมจะเรียกชื่อคุณทั้งคืนเลยครับคืนนี้ คุณน้ำ มารีน”

ผมบิดพุงโน่อีกรอบ ขยันทำให้คนอื่นเขินเก่งนัก โน่คว้ามือผมออกจากพุงเขาเเล้วเอามันไปวางบนบ่าเเทน เขาพลิกตัวมากักขังผมไว้ตรงกลางระหว่างเเขนเเกร่งทั้งสองข้าง

เราสบตากันอีกครั้ง เขาลดหน้าลงมาคงหมายปากผมไว้ แต่โดนสกัดด้วยนิ้วชี้

“ปิดไฟหน่อย”

โน่ยิ้มตาหนีอีกเเล้ว เกลียดจังอ่ะ เเต่เขาก็ยอมเอื้อมมือไปหยิบรีโมทควบคุมไฟของทั้งห้องมากด

“เอาสลัวๆ ได้มั้ย อยากเห็นหน้าน้ำตอนทำ”

โน่ไม่ยอมให้ผมตอบ ริมฝีปากร้อนปรนเปรอจูบให้ลงมาอีกรอบ ก่อนจะใช้จมูกซุกไซร้ไปทั่วลำคอ บางครั้งก็จั๊กจี้ บางครั้งก็วาบหวาม ยอดอกถูกครอบครอง ความรู้สึกเสียววูบวาบเข้ามาทักทายทันที ผมไม่เคย ผมไม่รู้ว่ามันจะพลุ่งพล่านได้มากขนาดนี้ เพียงแค่ลิ้นของผู้ชายคนนึงจะแตะโดนจุดกลมๆ ที่หน้าอกของเรา

โน่ค่อยๆ ถอดเสื้อออกจากตัวผม ตามด้วยกางเกงขายาว เเละชั้นในตัวจิ๋ว เขาจูบลงไปบนส่วนอ่อนไหว ที่ทำให้ผมหน้าเเดงซ่าน จากนั้นเขาก็จูบไล่ไปตรงเนื้ออ่อนๆ ที่ต้นขาด้านใน ผมบิดตัวจะเป็นจะตาย ยกมือขึ้นมาปิดหน้า บางครั้งก็ต้องเอามาปิดปาก เพราะอยู่ๆ เสียงปะหลาดก็หลุดรอดจากลำคอ

ทั้งเขินทั้งรู้สึกวาบหวาม...เกินไป

ฝ่ามือที่ทั้งใหญ่และร้อนวางลงตรงหัวเข่า บีบคลึงแล้วก็ดันให้เเยกออก ผมไม่กล้าสบตาโน่อีกต่อไป ได้ยินเพียงเสียงเขาถอดกางเกงแล้วก็...

“Shit!”

เสียงสบถทำให้ผมลืมตาอีกครั้ง เห็นหน้าโน่เหมือนหงุดหงิดอะไรขึ้นมาสักอย่าง

“เป็นอะไร น้ำไม่โอเคหรอ” ผมถาม ทำเอาเสียความมั่นใจไปนิด

เขาก้มลงมาจุ๊บปาก ใบหน้าดุดันเมื่อครู่คลายลงคงกลัวผมเสียใจ

“ไม่มีคอนด้อม ไม่คิดว่าจะได้ฟีทเจอริ่งกับใครช่วงนี้”

ผมพยักหน้านึกขำกับผู้ชายตัวใหญ่ๆ ที่ตอนนี้ทำหน้างอเเงเหมือนเด็ก ยกมือข้างหนึ่งขึ้นไปลูบไหล่เขาเบาๆ เพื่อปลอบ

“ในกระเป๋าตังค์เรามี ไปเอาดิ”

“น้ำ!!” โน่ขึ้นเสียงดังใส่ผมแล้วก้มลงมาฟัดซอกคออย่างไม่เบาเลย แถมยังงับแก้มงับหูเสียจนจั๊กจี้ไปหมด “พกไว้ใช้กับใครห๊ะ!?”

“ก็ Safe Sex มั้ยละ”

โน่ก้มลงมาจุ๊บปากผมเสียงดังๆ อีกที ก่อนจะผละตัวไปหยิบอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในกระเป๋าตังค์ผม ไม่นานเขาก็เดินกลับมาที่เตียงด้วยซองสี่เหลี่ยมลายหมีสีน้ำตาลดูคิกขุไม่เข้ากับใบหน้า

“ไซส์น้ำ โน่จะใส่ได้มั้ย”

“ไหนดูสิใหญ่แค่ไหนกันเชียว” โน่นั่งอยู่ตรงช่วงขาผมพอดี เลยนึกซนยกนิ้วเท้าไปลูบเป้าเช็กไซส์ของคนขี้อวด

“ได้หมาน้ำได้ จะเอาให้ร้องขอชีวิต”

เขาหยิบข้อเท้าผมออกจากตรงนั้น แล้วลากมันให้ไปวางอยู่อีกด้านของตัวเขา โน่คุกเข่าดึงกางกางของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว แล้วบางอย่างในกางเกงในมันก็ตุงเสียจนผมหน้าร้อนผ่าว โน่เกี่ยวปราการชั้นสุดท้ายลงอย่างเชื่องช้า แต่จังหวะที่มันไหลผ่านสะโพก เจ้าตัวขี้โอ่ก็ดีดเด้งออกมาราวกับมีชีวิต

ผมกลืนน้ำลายเอื้อกลงคอ หรือต้องร้องขอชีวิตตั้งแต่มันยังไม่สอดใส่เข้าไป

“เล็กขนาดนี้ใส่เข้าไปแล้วมันจะหลุดออกมาเองป่ะ” ถึงใจจะกลัว แต่ปากก็ยังแกว่งหาประสบการณ์เสียว

“น้ำครับ” เขาดุเสียงต่ำ ผมยิ้มอย่างได้ใจ

“อย่ารัดโน่จนไม่ปล่อยก็เเล้วกัน” ดูเจ้าตัวโตสิทำไมขี้อวดจัง

ผมฟาดฝ่ามือลงไปบนหน้าอกเขาที่พูดเรื่องน่าอายออกมาได้หน้าตาเฉย

“มันจะเข้าได้จริงๆ ใช่มั้ยโน่” กลับมาที่ความเป็นจริงผมก็กลัวแหละ

“ไว้ใจโน่สิ จะทำให้เจ็บน้อยที่สุด” โน่เอื้อมตัวไปเปิดลิ้นชักเขาหยิบขวดเจลออกมาเทใส่ฝ่ามือ ผมเห็นแล้วต้องย่นคิ้ว

มองอย่างสงสัย

“อันนี้ซื้อไว้นานแล้ว ซื้อมาจากญี่ปุ่นนั้นแหละ”

“นิสัย” นี่กะเผด็จศึกใครกัน

“ซื้อมาไว้ใช้กับน้ำนั้นแหละ นึกว่าจะหมดอายุก่อนได้ใช้แล้วเนี่ย”

“นิสัยหื่น”

โน่ยิ้ม เขาก้มลงมาหอมแก้มผมแล้วจากนั้นก็ไถตัวลงไปตรงหว่างขา รั้งสะโพกของผมขึ้นให้วางบนตักเขา มันเป็นท่าที่รู้สึกอายจนต้องคว้าหมอนหนุนอีกใบมาปิดหน้า

“น้ำ เดี๋ยวหายใจไม่ออก ไฟก็มืดแล้วไง”

“รีบทำเหอะน่า” ผมเกรี้ยวกราดแต่แล้วก็ต้องรีบกัดปากกลั้นเสียงบางอย่าง

โน่จูบผมจนเบลอ จนลืมไปว่ากำลังถูกรุกราน เราใช้เวลาครู่หนึ่งในการปรับสภาพให้ของสองสิ่งที่ไม่เคยเเตะต้องกันมาก่อนอยู่ร่วมกันได้

ผมอึดอัดไม่น้อย ส่วนโน่ก็กัดฟันเเน่นจนเห็นสันกรามคมชวนบาดมือ เราพยายามยิ้มให้กำลังใจกัน เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้มันต้องดีงามไม่น้อย (ไม่งั้นคนทั่วโลกจะชอบกันหรอ)

“พร้อมนะน้ำ”

ไอ้โน่บ้า จะขยับก็ทำสิ จะมาถามกันเพื่อ ผมเบือนหน้าไปอีกทางเพื่อเเก้เขิน แต่โน่ไม่ปล่อย มือใหญ่ล็อคคางผมให้กลับมาสบตาเขาเหมือนเดิม

“อยากเห็นหน้าตลอดเวลา อย่าหลบกัน โอเค๊?”

ใครจะหน้าด้านหน้าทนขนาดนั้นกันเล่า

โน่เริ่มขยับ จากที่คับเเน่นมากๆ ในตอนเเรกมันก็เริ่มโอเคขึ้น ผมรู้สึกหวิวทุกครั้งเมื่อเขาเคลื่อนตัว เเล้วไหนจะส่วนตรงนั้นที่โน่เอาไปรูดเค้นให้ด้วย ฮือ...รู้สึกดีเเบบจะตายเอา

“อ่าห์~น้ำ” โน่ปล่อยเสียงหนักๆ ออกมา มันทำให้ผมใจเต้น ใบหน้าเขาเหมือนจะเกร็ง เส้นเลือดที่เเขนก็ขึ้นเต็มเลย ผมอมยิ้มนึกสนุก เลยผงกหัวขึ้นจุ๊บๆ ที่หน้าอกเขาบ้าง โน่คงหมั่นเขี้ยว เลยเปลี่ยนท่าเป็นนั่งแล้วให้ผมอยู่คร่อมบนตักเขา

“ซนนัก ขยับเองเลย”

“โน่ใจร้าย ครั้งเเรกของเรานะ”

คำว่าครั้งเเรกคงทำให้เขาฮึกเหิมอะ ผมรู้สึกได้ถึงไอ้เจ้าหนอนยักษ์ที่เต้นระริกอยู่ภายใน ผมตามใจเขาก็ได้ กอดคอเขาไว้แล้วออกเเรงขยับสะโพกตามที่เคยดูในหนัง เรื่องแบบนี้เราก็ต้องศึกษากันมาล่วงหน้าบ้างอะเนาะ เด็กผู้ชายยุคที่เข้าถึงอินเตอร์เนตทุกวันอย่างเราๆ จะมาเขินอายมุดผ้าห่มหนีกันเป็นหนังอินเดียก็ใช่ที่

“เก่งจัง” โน่ชม ผมได้ใจขยับใหญ่เลย เขาหัวเราะเเล้วเอามือมาประคองสะโพกผมไว้ ช่วยกำกับจังหวะให้บ้างในบางที

เราสนุกด้วยกันอีกพักใหญ่ ร่างกายก็เริ่มส่งสัญญาณว่าจะทนไม่ไหว ไม่ใช่เหนื่อยครับ แต่มวลเมฆอัดแน่นใกล้กลั่นตัวเป็นฝนแล้ว

โน่ผลักร่างผมให้นอนหงายลงกับพื้นเตียง ดึงขาข้างหนึ่งไปพาดไว้กับลำตัว ก่อนจะกอดรัดมันไว้เเน่นเป็นหลักยึด เพื่อให้ย้ำตัวเองลึกลงมาในตัวผมมากขึ้น แล้วขยับเอวช้าๆ แต่ทว่ากดย้ำลงได้ตรงจุด

“โน่~น้ำเสียว เสียวไป”

“เเล้วดีรึเปล่า”

ผมกัดริมฝีปากเขินๆ ก่อนจะพยักหน้า

โน่ยิ้ม เขาขยับเอวให้เเรงขึ้นจนผมหายใจเเทบไม่ทัน สองมือกำเเน่นกับผ้าปูที่นอน จังหวะการเคลื่อนตัวที่ทั้งเร็วเเละเเรงทำให้ช่องทางด้านหลังร้อนผ่าวราวกับเป็นเพลิงกัลป์ที่จะเผาผลาญเราสองคนให้ตายไปในกองไฟเเห่งความสุขสม

เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง สอดผสานไปกับเสียงกรีดร้องที่บางครั้งผมก็ห้ามตัวเองไม่ไหว โน่ครางต่ำๆ เป็นระยะ หน้าท้องเราสองคนหดเกร็งไม่ต่างกัน

“น้ำ..” เขาเรียก ผมรู้ว่าอะไรกำลังจะมา

“อื้อ..”

โน่ขยับตัวช่วงสุดท้ายอีกครั้ง แล้วความรู้สึกทั้งหมดก็ทะลักทลายออกมาเป็นหลักฐานว่า...โน่ร้อนเเรงสมชื่อพระเพลิงจริงๆ

“ปล่อยโน่ได้ยัง” เขาก้มลงมาถามที่ข้างแก้ม ทั้งที่เราสองคนยังหายใจหอบแรงๆ ไม่หาย

“ก็ออกไปสิ” ผมว่าเขา

“น้ำเเน่นมากจริงๆ รัดโน่ไม่ปล่อยเลย”

“ปากร้ายกาจ”

เสียงจูบหยาบโลนดังแทนที่บทสนทนาของเรา โน่ยังไม่ถอนตัวออกไป และผมเริ่มรู้สึกได้ว่าเขาพร้อมทำศึกอีกรอบแล้ว

“รอบสอง ไหวมั้ยครับ”

ไอ้โน่คนเลว ผมทำหน้ามู่ทู่ใส่แล้วย้ายสะโพกหนีจากเจ้าสิ่งใหญ่โตที่เข้ายึดพื้นที่ของคนอื่นอย่างน่าไม่อาย แต่พอสิ่งที่เคยคับแน่นหายไป เจ้าปากทางไม่รักดีก็เหมือนจะขยับมุบมิบโหยหาให้มาเติมเต็มอีกรอบ

ผมเลยนอนคว่ำรอ

“ได้น้ำได้ ท่านี้เขาว่าลึกกว่าเดิมนะ”

ผมอยากหันไปด่า เเต่อย่างว่าละนะเด็กผู้ชายวัยคะนองก็ต้องอยากรู้อยากลองเป็นธรรมดา ผมเลยตั้งเข่าขึ้น แนบใบหน้าไปกับหมอนเเล้วหันไปยักคิ้วใส่ตากับโน่อย่างท้าทาย เจ้าหมายักษ์โผเข้ามาสนอง เขารัดตัวผมเเน่นจนเเผ่นหลังเเนบอกกว้าง หัวใจเราสองคนยังเต้นเร็วอยู่เลย ผมหันหน้าไปจูบโน่ ไม่รู้ทำไมต้องทำให้มันลำบาก แต่ก็อยากลองท่าที่เขาว่าลึกและรู้สึกรุนเเรงเหมือนที่โน่บอกนั้นเเหละ เจ้าหนอนยักษ์มุดๆ เข้ามาในตัวผมง่ายกว่าครั้งเเรก

เราบรรเลงท่วงทำนองเเสนหวานร่วมกันอีกครั้ง...จะว่าไปมันก็เป็นบทเพลงที่ไพเราะดีนะ



วันรุ่งขึ้นผมเเละโน่ขาดเรียน ผมไม่ได้มีไข้หรือบาดเจ็บอะไรเหมือนที่เขาเป็นๆ กันหรอก เพราะเมื่อคืนโน่ก็ห้ามใจไว้เเค่สองรอบเท่านั้น เขารอให้ร่างกายผมชินก่อน เเล้วถ้าจะผาดโผนกันมากกว่านี้ก็ค่อยลอง เเต่ด้วยความรู้สึกหวานๆ ที่มันโอบล้อมรอบตัวอยู่ ทำให้เราสองคนไม่อยากลุกขึ้นจากเตียงไปยอมรับสภาพความเป็นจริงเท่าไหร่

โน่เปิดโทรศัพท์อีกครั้ง และก็เห็นข้อความเเจ้งเตือนสายจากนางฟ้านับสิบข้อความเขาถอนหายใจ เเล้วเอาภาพเค้กวันเกิดจากกล้องผมไปลงโซเชียลแทน

‘จากคนพิเศษ’

โน่เขียนเเคปชั่นเเบบนั้น ผมนี่อยากจะไปเขียนเเฉว่าเดินลงจากรถไปซื้อเองชัดๆ แต่พอมานึกดูอีกที ถ้าผมเป็นนางฟ้าคงหน้าชาอ่ะ เพราะเค้กที่โน่ลงมันหน้าตาไม่เหมือนที่เธอสั่งทำมาพิเศษเลย

“สงสารนางฟ้า” ผมเปรยเบาๆ

“ก็เเค่อยากลงไว้เป็นความทรงจำว่าปีนี้เราอยู่ด้วยกัน”

ผมย่นจมูก “ไม่เอารูปคู่เราลงไปเลยล่ะ”

“หือ นิสัยเเย่กว่าโน่อีกนะน้ำอ่ะ”

ได้ทีว่าผมใหญ่ ผมเบี่ยงตัวหลบออกจากเจ้าตัวโต แต่เขาก็มาคว้าเอวผมไปคลอเคลียไว้กับตัวเหมือนเดิม ร่างกายของเราเปลือยเปล่า แล้วก็เกี่ยวก่ายกันอยู่ใต้ผ้านวมที่นุ่มหนา มันสบายไปหมด จนลืมเรื่องน่าหงุดหงิดใจไปชั่วครู่

นางฟ้าโทรมาอีกแล้ว

บางทีผมก็ยอมรับในความตื้อเก่งของผู้หญิงนะครับ

โน่ไม่รับ และปิดโทรศัพท์เหมือนเดิม

“เดี๋ยวก็ตามไปถึงบ้านหรอก”

“โน่ไม่เคยพาไปบ้าน แล้วก็ไม่เคยพามาที่นี่ จะไปตามที่ไหน”

“เค้าอาจเป็นห่วงส่งข้อความไปบอกก็ยังดี”

“เอามือถือมา”

“อย่ามานิสัยไม่ดีนะโน่”

ขืนเอาโทรศัพท์ผมไปตอบ มีหวังนางฟ้าได้เกลียดผมพอดี

แล้วพูดไม่ทันขาดคำเบอร์นางฟ้าก็โชว์หราบนเครื่องผม รับดีหรือไม่ โทรศัพท์กลายเป็นของร้อนไปเลยสำหรับเราสองคนตอนนี้

“รับสิ” โน่เอาจมูกดุนมือผม

“แล้วเปิดสปีกเกอร์ เดี๋ยวโน่ตอบด้วย”

กดรับก็ได้

“โน่อยู่กับน้ำหรือเปล่า”

“นางฟ้านี่โน่นะ”

“อ๋อ เราเเค่เป็นห่วง ถ้าอยู่กับน้ำก็ไม่เป็นไร แค่นี้นะ”

วางไปเลย งงมั้ยละ

“เดี๋ยวโน่คงไปคุยต่อหน้าอ่ะ เเต่วันนี้ขอฟัดน้ำให้หนำใจก่อนดีกว่า”

“เลยวันเกิดเเล้วเหอะ ไม่ตามใจ” ผมยันหน้าไอ้หมาตัวใหญ่ออกห่างลำตัว

“กอดเฉยๆ ก็ได้” โน่ต่อรอง

“หิวเเล้ว ไปหาข้าวมาให้กินเลย” ผมต่อรอง โน่พยักหน้าทันที เขาลงจากเตียงไปโดยไม่ใส่เสื้อผ้า อุจาดตาจัง เเถมยังมีหน้าหันมายักคิ้วใส่อีก ผมปาหมอนใส่โน่อย่างหมั่นไส้ เขาถึงยอมเดินไปหยิบกางเกงวอร์มมาใส่ รอไม่นานก็มีข้าวต้มหอมกรุ่นมาเสิร์ฟถึงเตียง โน่เอาโต๊ะญี่ปุ่นมากางให้บนเตียงนั้นเเหละ

ไม่ต้องคิดนะครับว่าโน่จะหล่อแล้วก็ทำอาหารเป็นอีก คนที่ไหนมันจะ full option ขนาดนั้น

“ป้าน้อยทำมาให้หรอ”

ร่างสูงพยักหน้ารับ

“แล้วโน่ไม่กินหรอ”

“กินด้วยกันได้มั้ย”

“ไปเอาช้อนมาอีกคันสิ”

“น้ำป้อน กินกับน้ำ”

งอเเงไปแล้วเจ้าตัวโต ผมทำหน้าดุ แล้วชี้ไปที่ครัว โน่ยอมล่าถอยไปแต่โดยดี เพราะไม่อยากโดนผมฟาดใส่ เราทำตัวไร้สาระกันไปจนถึงบ่าย จึงค่อยออกมาซื้อของใช้ด้วยกันที่ซุปเปอร์มาเก็ต ไม่ต้องบอกนะครับว่าเจ้าโน่ซื้ออะไร



- TBC -





แฮ่!!! 

เชื่อว่ามีเเม่ๆ หลายคนกำก้านมะยมเเน่น น้องน้ำยื่่นน่องออกมาให้เเม่ฟาดเดี๋ยวนี้ 

ตอนนี้รู้สึกยังไง แชร์กันมาได้เลยนะคะ รู้สึกยังไงกับโน่กับน้ำบ้าง แบบคิดว่าน้องทำถูกมั้ย หรือไม่ยังไงคุยกันได้เลยค่า 

#พระเพลิงมารีน 

ไปเล่นเเท็กเร็ว 
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 23.2 _ 23Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-11-2018 09:08:36
น่าจะรอให้เคลียร์เรื่องฟ้าก่อน แต่เอาเถอะหวังว่าฟ้าจะเข้าใจโน่ เพราะโน่ก็แสดงออกชัดเจนแล้วที่การกระทำเหลือแต่คำพูดเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าโน่จะกล้าที่จะพูดเมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 24 _ 24Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 24-11-2018 23:47:36
Chapter 24



ตั้งเเต่วันเกิดโน่ นางฟ้าก็ไม่ได้มาดูตอนวงคณะซ้อมอีก แถมช่วงนี้ก็เป็นโค้งสุดท้ายแล้วก่อนวันเเข่งขันจริง ขนาดผมไม่ได้เป็นคนขึ้นเวทียังตื่นเต้นเลย

โน่กับผมคุยกันมากขึ้นตอนซ้อมเเต่เราก็ไม่ได้เเสดงท่าทีประเจิดประเจ้ออะไรมากให้คนอื่นรู้ถึงความสัมพันธ์ลับๆ เพราะผมยังไม่ได้ตกลงเป็นเเฟนกับโน่

“ถ้าชนะครั้งนี้เป็นแฟนกันนะ โน่ชนะมาทุกเวทีแล้ว ยกเว้นแต่ใจน้ำนี้เเหละที่เอาชนะไม่ได้สักที”

เจ้าตัวโตพูดกับผมในวันที่เราอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสอง ผมยิ้มรับ บอกให้เขาสู้ๆ เอาเถอะ รอให้เขาชนะเเล้วผมค่อยตอบตกลงก็ไม่สาย



ในที่สุดวันเเข่งขันก็มาถึง มีวงจากมหาวิทยาลัยอื่นมาร่วมด้วยมากมาย ห้องพักศิลปินเเบ่งเป็นเต้นท์ๆ หลังเวทีกลางเเจ้ง แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ร้อนอะไร เพราะอยู่ใต้ร่มไม้ และมีพัดลมไอน้ำช่วยระบายอากาศ ผมเดินไปทักทายขิงอดีตเพื่อนร่วมวงซึ่งเป็นตัวเเทนจากมหาวิทยาลัยอื่นมาแข่ง พวกเราเดินไปซื้อขนมและน้ำปั่นเจ้าอร่อยกันที่โรงอาหาร แล้วก็นึกได้ว่าช่วงนี้โน่ชอบกินชาเขียวปั่น (ถึงมันจะไม่ได้ต่อเสียงเพราะเย็นจัดก็เถอะ) แต่มีเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะเเข่ง ซื้อไปฝากคงไม่เป็นไร

“พี่ดาริณมาป่ะ”

ขิงส่ายหน้า “ปั่นงาน”

“มึงไม่งอนหรอ”

เพื่อนส่ายหน้าอีก “เลยคำนั้นไปเเล้ว โตๆ กันเเล้วอ่ะ รู้เเค่ว่าเขาให้กำลังใจอยู่ก็โอเค”

“หล่อสัส”

“สมเป็นกู”

“เออสมเป็นมึงขิง”

พวกเราเดินคุยกันมาเรื่อยเปื่อย เมื่อถึงเต้นท์หลังเวทีเราก็แยกกัน ผมเดินไปเต้นท์ที่พักของวง แต่ยังไม่ทันเดินเข้าไปทักทายสมาชิกทั้งห้า สายตาก็เหลือบไปเห็นคนสองคนที่ยืนอยู่ในมุมอับเสียก่อน

โน่กับนางฟ้าที่ในมือถือเเก้วชาเขียวปั่นจากร้านดัง

อ่ะ...ช้าตลอด เเก้วในมือผมเลยก้มลงดูเองเเก้ความหงุดหงิด

แล้วที่พีคกว่า โน่ก้มลงจูบนางฟ้าที่หลับตาพริ้มมันเป็นการเเตะปากการเร็วๆ เเล้วก็เเยกออก แต่ก็เข้าใจได้ว่านั้นเรียกว่าจูบ แล้วสองร่างก็โผเข้ากอดกันเเน่นๆ อีกรอบ ผมตัวเเข็งทื่อ ใจวูบดิ่งเหมือนลิฟต์ที่กำลังวิ่งขึ้นตึกสูงเเล้วอยู่ๆ ก็สายสลิงขาด

คืนวันเกิดที่ผ่านมาผมฝันไปหรอ

คำพร่ำบอกรัก คำสัญญาในคืนนั้นหรือเป็นผมเองที่ละเมอไปคนเดียว

ขาไม่รักดีก้าวถอยออกมาอย่างยากลำบาก ผมเดินออกไปนั่งอยู่ไกลๆ จากพื้นที่แข่งขัน ใช้โรงอาหารคณะตัวเองเป็นที่หลบภัย กะว่าใกล้ๆ ขึ้นคอนเสิร์ตแล้วค่อยไปให้กำลังใจพวกพี่เคนทีเดียว

โน่ไลน์มาหาหลายครั้ง ผมตอบไปแค่ว่าแวะไปช่วยงานด่วนอาจารย์เมธีที่คณะ

พอถึงช่วงเเข่งขัน ผมค่อยเดินไปที่เต้นท์ด้านหลังเวที ทักทายทุกคนแล้วก็ชวนกันบูมเพิ่มพลัง ทุกคนไล่กอดให้กำลังใจกัน แล้วก็วนมาถึงผมกับโน่ ผมไม่อยากกอดเขาเลยให้ตาย

“รอดูโน่ด้วยนะ จะเอาที่หนึ่ง มาให้ได้เลยคอยดู น้ำอย่าลืมสัญญานะ”

ผมพยักหน้าด้วยใจที่หนักอึ้ง แล้วตบไหล่เขาเบาๆ ก่อนจะหันหลังออกมา ผมเลี่ยงไปยืนโซนหลังคนดูทั้งหมดเพราะยังไม่มีอารมณ์จะคุยหรือเจอใครตอนนี้

การเเสดงของแต่ละมหาวิทยาลัยเป็นไปอย่างสูสี แล้วคนที่มาเชียร์ก็ดูสนุกกันมากเพราะทุกเพลงจากบนเวทีล้วนเป็นเพลงยอดนิยมที่เล่นกันจนพรุนมาทุกผับบาร์เเละร้านเหล้า พอทุกคนร้องตามได้มันก็กลายเป็นคอนเสิร์ตที่น่าประทับใจอันหนึ่ง

วงจากมหาวิทยาลัยเจ้าภาพขึ้นเป็นวงสุดท้าย โน่โดดเด่ดท่ามกลางเเสงไฟ เขาเจิดจรัสเเบบนี้มาตั้งเเต่มัธยม เป็นเป้าสายตา และก็สร้างความสนใจให้ทุกคนได้เสมอ สมกับเป็นเปลวเพลิงที่จะล่อลวงเเมงเม่าทุกตัวเข้าไปติดกับ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมสนใจโน่เพราะเขาทำตัวโดดเดี่ยวจนน่าหมั่นไส้ ขวางโลกเสียจนกลัวว่าจะไม่มีเพื่อน เเต่พอคราวอ่อนเเอก็อยากจะโอบกอดเขาไว้แล้วบอกเขาซ้ำๆ ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลก

ผมเริ่มไม่รู้เเล้วว่าที่ผ่านมาทั้งหมดมันคือสถานการณ์ที่โน่สร้างมาให้ผมนึกสงสารหรือเปล่า ล่อลวงให้ผมเข้าไปติดอยู่ในกับดักหัวใจ หลงรักจนยอมเชื่อคำพูดเขาทั้งหมดแล้วมอบให้เขาทุกอย่าง

คิดมาถึงตรงนี้หัวใจผมก็ดิ่งลงเหวอีกครั้ง รอบตัวผมเงียบสงัด ไม่ได้ยินเเม้เเต่เสียงเพลงที่โน่ขับร้องออกมา รวมถึงสายตาที่พล่าเบลอ

น้ำตากำลังไหล ผมเสียใจที่ตัวเองหลงเชื่อไปกับคำของโน่ซ้ำๆ เขาบอกว่าจะเลิกกับนางฟ้าให้ผมมาสามครั้งเเล้ว เขาบอกเขาเลือกผม แต่ที่จริงมันไม่ใช่เลย ผมคิดไปเอง ผมคิดไปเอง...

ขอบคุณตัวเองที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้จนจบ ผมรอฟังพิธีกรประกาศรางวัล มหาวิทยาลัยขิงได้ที่ 3ที่สองเป็นของใครผมไม่ได้ฟัง และที่หนึ่งตกเป็นของ...โน่

อ่า...ผมยังต้องทำตามสัญญามั้ย

บนเวทีพิธีกรกำลังสัมภาษณ์วงที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ

“เพราะว่ามีนางฟ้ามาให้กำลังใจรึเปล่าครับน้องโน่ การเเสดงวันนี้เลยสุดยอดไปเลย” พิธีกรเอ่ยเเซว โน่ยิ้มๆ ไม่ได้ตอบอะไร

“และผมก็ทราบมานะครับ ว่าทั้งคู่เป็นเเฟนกันตั้งเเต่ตอนเเข่งขันที่ญี่ปุ่น ยังไงก็ขอเชิญน้องนางฟ้าขึ้นมาบนเวที เพื่อกล่าวอะไรกับน้องโน่สักหน่อยครับ”

เสียงโห่เเซวดังลั่น เพราะเเฟนคลับของทั้งคู่ก็มีไม่น้อย บอกเเล้วว่านางฟ้าเป็นคนน่ารัก ตอนคบกับโน่ก็มีเเต่ภาพลักษณ์ดีๆ เเสดงออกไป เลยไม่มีใครแอนตี้การเป็นเเฟนของทั้งคู่

ผมเห็นเเบบนั้น ก็หันหลังกลับ โชคดีที่ลานกิจกรรมอยู่ใกล้ประตูมหาวิทยาลัย วิ่งไม่เท่าไหร่ก็ไม่ได้ยินเสียงบนเวทีเเล้ว ผมขึ้นรถเเท็กซี่แล้วตรงกลับบ้านให้ไวที่สุด



เเละเพราะน้ำจากไปโดยไม่รอฟัง สิ่งที่นางฟ้ากำลังจะพูดบนเวทีคือ...

“น้องนางฟ้ามีเทคนิคให้กำลังใจน้องโน่ยังไงครับ” พิธีกรชงมาได้จังหวะ

นางฟ้าเล่าว่าก่อนขึ้นคอนเสิร์ตเธอเอาน้ำปั่นที่โน่ชอบมาให้กินตามปกติเหมือนทุกวัน เเต่สิ่งนั้นไม่ใช่กำลังใจที่ดีที่สุดที่เธอมอบให้โน่หรอก

กำลังใจที่ดีที่สุดคือการ ‘คืนอิสระให้โน่’ ภายใต้เงื่อนไขต้องชนะการเเข่งขันครั้งนี้เท่านั้น!!

“คืนอิสระคืออะไรครับ” ทั้งพิธีกรกับคนด้านล่างคุยกันอื้ออึง

“นางฟ้าพึ่งมารู้ตัวไม่นานนี้เองค่ะ ว่าเราเป็นเพื่อนกันดีที่สุด ไม่ควรเป็นคนรัก เพราะคนที่อยู่ในใจโน่มาตลอดคือน้ำ..เค้าเป็นเพื่อนอีกคนในวงเราค่ะ เคยเล่นดนตรีมาด้วยกันแต่ต้องหยุดเล่นไปด้วยปัญหาสุขภาพ”

“อ่า ครับ” เสียงถกเถียงกันเริ่มดังเป็นระลอก เด็กๆ ที่เคยอยู่โรงเรียนบันเทิงศิลป์ยิ่งคุยกันออกรส เพราะคู่น้ำโน่ก็เคยชิปกันอยู่สมัยมัธยม

“นางฟ้าได้คบกับโน่ เพราะเกิดอุยัติเหตุระหว่างการแข่งขันที่ญี่ปุ่นนิดหน่อย โน่เขาเป็นสุภาพบุรุษมากๆ เลยให้สถานะแฟนมาค่ะ”

“ครับ”

“ซึ่งจริงๆ ตอนนี้คนที่ควรขึ้นมากล่าวเเสดงความยินดีกับโน่น่าจะเป็นน้ำมากกว่านะคะ ไม่ใช่หนู”

พิธีกรอ้าปากค้าง เเต่ก็ต้องรีบกลับมาเเก้สถานการณ์

“น้องโน่ สรุปน้องน้ำนี่เป็นใครครับ”

“คนที่ทำให้ผมรู้ว่าปลายทางในชีวิตคืออะไร”

แช่! เสียงเคาะสแนร์จากก็อตจิดังลั่นเวที

“น้ำเป็นคนที่ผมรัก และอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเขาในทุกๆ วันครับ”

“ทุกคนอยากเห็นหน้าน้องน้ำปลายทางของน้องโน่มั้ยครับ ... ผมจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังครับ ขอเชิญน้องน้ำบนเวทีครับ”

ปึง ปัง แช่! ซาวน์เอฟเฟ็คที่คนทั้งวงพร้อมใจกันเล่น

แต่...ผ่านไปสักพักน้ำก็ยังไม่เเสดงตัว โน่เองก็ชะโงกมองหา ทั้งด้านหน้าเวที และด้านข้างเผื่อว่าน้ำจะหลบอยู่ในเต้นท์

พิธีกรเห็นท่าไม่ดี เลยยตัดเข้าคิวอื่นไปก่อน “อ่า...สงสัยจะเขินนะครับ งั้นเราเข้าสู่ช่วงต่อไปเลยดีกว่า...”

บนเวทีมีพิธีการมอบรางวัลและถ่ายรูปรวมอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงที่โน่ค่อนข้างร้อนรนเนื่องจากเขาไม่รู้ว่าน้ำไปไหน แถมพอลงมาล่างเวทีอาจารย์เมธีเจ้าของโปรเจคต์นี้กับคณะบดีและอาจารย์ประจำคณะอีกหลายท่านก็ลากไปเลี้ยงฉลองอีก โน่ปลีกตัวมาไม่ได้ โทรหาน้ำก็ปิดเครื่อง ไลน์ไปก็ไม่ตอบ

ฝ่ายขิงที่เห็นทุกอย่างมาตั้งเเต่ต้น เขาอัดคลิปตอนที่นางฟ้าคืนอิสระให้โน่ แล้วส่งไปให้น้ำดูทางไลน์เพื่อจะได้สบายใจ แต่อนิจจา...ทุกช่องทางการสื่อสารของน้ำถูกปิด



- TBC -

ตอนหน้าจบแล้วนะคะ เจ้าโน่จะไปตามเคลียร์ยังไง โปรดติดตาม

หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 24 _ 24Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 25-11-2018 16:14:25
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 24 _ 24Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 27-11-2018 23:48:09
Chapter 25
   
   ตั้งเเต่วันเกิดโน่ นางฟ้าก็ไม่ได้มาดูตอนวงคณะซ้อมอีก ช่วงนี้ก็เป็นโค้งสุดท้ายแล้วก่อนวันเเข่งขันจริง ได้ข่าวว่าจะมีเพื่อนๆ ในวงเก่าผมมาเเข่งด้วย ก็เริ่มตื่นเต้นนิดหน่อย

   โน่กับผมคุยกันมากขึ้นตอนซ้อมเเต่เราก็ไม่ได้เเสดงท่าทีประเจิดประเจ้ออะไรมากให้คนอื่นรู้ถึงความสัมพันธ์ลับๆ เพราะผมยังไม่ได้ตกลงเป็นเเฟนกับโน่

   “ถ้าชนะครั้งนี้เป็นแฟนกันนะ โน่ชนะมาทุกเวทีแล้ว ยกเว้นแต่ใจน้ำนี้เเหละที่เอาชนะไม่ได้สักที”

   เจ้าตัวโตพูดกับผมในวันที่เราอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสอง ผมยิ้มรับ บอกให้เขาสู้ๆ เอาเถอะ รอให้เขาชนะเเล้วผมค่อยตอบตกลงก็ไม่สาย

   ในที่สุดวันเเข่งขันก็มาถึง มีวงจากมหาวิทยาลับอื่นมาร่วมด้วยมากมาย ห้องพักศิลปินเเบ่งเป็นเต้นท์ๆ หลังเวทีกลางเเจ้ง แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ร้อนอะไร เพราะอยู่ใต้ร่มไม้ และมีพัดลมไอน้ำช่วยระบายอากาศ ผมเดินไปทักทายขิงซึ่งเป็นตัวเเทนจากมหาวิทยาลัยอื่น พวกเราเดินไปซื้อขนมและน้ำปั่นเจ้าอร่อยกันที่โรงอาหาร แล้วก็นึกได้ว่าช่วงนี้โน่ชอบกินชาเขียวปั่น (ถึงมันจะไม่ได้ต่อเสียงเพราะเย็นจัดก็เถอะ) แต่มีเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะเเข่ง ซื้อไปฝากคงไม่เป็นไร

   “พี่ดาริณมาป่ะ”
   ขิงส่ายหน้า “ปั่นโปรเจคต์”
   “มึงไม่งอนหรอ”
   เพื่อนส่ายหน้าอีก “เลยคำนั้นไปเเล้ว โตๆ กันเเล้วอ่ะ รู้เเค่ว่าเขาให้กำลังใจอยู่ก็โอเค”
   “หล่อสัส”
   “แน่นอน”

   พวกเราเดินคุยกันมาเรื่อยเปื่อย เมื่อถึงเต้นท์หลังเวที ขิงก็เเยกไปที่ส่วนของตัวเอง ส่วนผมเดินไปเต้นท์ของวงมหาวิทยาลัยตัวเองบ้าง ยังไม่ทันเดินเข้าไปทักทาย สายตาก็เหลือบไปเห็นคนสองคนที่หลังเต้นทื

   โน่กับนางฟ้า ในมือถือเเก้วชาเขียวป่ันจากร้านดัง

   อ่ะ...ช้าตลอด เเก้วในมือผมเลยก้มลงดูเองเเก้ความหงุดหงิด

   แล้วที่พีคกว่า โน่ก้มลงจูบนางฟ้าที่หลับตาพร้ิมมันเป็นการเเตะปากการเร็วๆ เเล้วก็เเยกออกจากกัน แต่ก็เข้าใจได้ว่านั้นเรียกว่าจูบ แล้วสองร่างก็โผเข้ากอดกันเเน่นๆ อีกรอบ ผมตัวเเข็งทื่อ ใจวูบดิ่งเหมือนลิฟต์ที่กำลังวิ่งขึ้นตึกสูงเเล้วอยู่ๆ ก็สายสลิงขาด

   คืนวันเกิดที่ผ่านมาผมฝันไปหรอ
   คำพร่ำบอกรัก คำสัญญาในคืนนั้นหรือเป็นผมเองที่ละเมอไปคนเดียว
   ขาไม่รักดีก้าวถอยออกมาอย่างยากลำบาก ผมเดินออกไปนั่งอยู่ไกลๆ ที่โรงอาหารคณะตัวเอง วันเเบบนี้ทุกคนก็ไปกองกันอยู่ที่โซนลานกิจกรรมทั้งหมด ตรงนี้เลยกลายเป็นที่หลบภัยชั้นดี กะว่าใกล้ๆ ขึ้นคอนเสิร์ตแล้วค่อยไปให้กำลังใจพวกพี่เคนทีเดียว


   ผมทำตามที่คิด เพราะพอถึงช่วงเเข่งขัน ผมก็ไปชวนทุกคนบูมก่อนส่งขึ้นเวที ทุกคนไล่กอดให้กำลังใจกัน แล้วก็วนมาถึงผมกับโน่ ผมไม่อยากกอดเขาเลยให้ตาย

   “รอดูโน่ด้วยนะ จะเอาที่ 1 มาให้ได้เลยคอยดู น้ำอย่าลืมสัญญานะ”

   ผมพยักหน้าด้วยใจที่หนักอึ้ง แล้วตบไหล่เขาเบาๆ ก่อนจะหันหลังออกมา ผมเลี่ยงไปยืนโซนหลังๆ เพราะยังไม่มีอารมณ์จะคุยหรือเจอใครตอนนี้

   การเเสดงของแต่ละมหาวิทยาลัยเป็นไปอย่างสูสี แล้วคนที่มาเชียร์ก็ดูสนุกกันมาก เพราะทุกเพลงที่เปล่งเสียงออกมาจากบนเวทีล้วนเป็นเพลงยอดนิยม ที่เล่นกันจนพรุนมาทุกผับบาร์เเละร้านเหล้า พอทุกคนร้องตามได้มันก็กลายเป็นคอนเสิร์ตที่น่าประทับใจอันหนึ่ง มหาวิทยาลัยเจ้าภาพขึ้นเป็นวงสุดท้าย โน่โดดเด่ดท่ามกลางเเสงไฟ เขาเจิดจรัสเเบบนี้มาตั้งเเต่มัธยม เป็นเป้าสายตา และก็สร้างความสนใจให้ทุกคนได้เสมอ สมกับเป็นเปลวเพลิงที่จะล่อลวงเเมงเม่าทุกตัวเข้าไปติดกับ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมสนใจโน่เพราะเขาทำตัวโดดเดี่ยวจนน่าหมั่นไส้ ขวางโลกเสียจนกลัวว่าจะไม่มีเพื่อน เเต่พอคราวอ่อนเเอก็อยากจะโอบกอดเขาไว้ แล้วบอกเขาซ้ำๆ ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลก

   ผมเริ่มไม่รู้เเล้วว่าที่ผ่านมาทั้งหมดมันคือสถานการณ์ที่โน่สร้างมาให้ผมนึกสงสารหรือเปล่า ล่อลวงให้ผมเข้าไปติดอยู่ในกับดักหัวใจ หลงรักจนยอมเชื่อคำพูดเขาทั้งหมด แล้วมอบให้เขาทุกอย่าง

   คิดมาถึงตรงนี้หัวใจผมก็ดิ่งลงเหวอีกครั้ง รอบตัวผมเงียบสงัด ไม่ได้ยินเเม้เเต่เสียงเพลงที่โน่ขับร้องออกมา รวมถึงสายตาที่พล่าเบลอ

   ผมไม่ได้กำลังจะเป็นลมแต่ผมกลับกำลังน้ำตาไหล ผมเสียใจที่ตัวเองหลงเชื่อไปกับคำของโน่ซ้ำๆ เขาบอกว่าจะเลิกกับนางฟ้าให้ผมมาสามครั้งเเล้ว เขาบอกเขาเลือกผม แต่ที่จริงมันไม่ใช่เลย ผมคิดไปเอง ผมคิดไปเอง...

   ขอบคุณตัวเองที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้จนจบ ผมรอฟังพิธีกรประกาศรางวัล มหาวิทยาลัยขิงได้ที่ 3 ที่สองเป็นของใครผมไม่ได้ฟัง และที่หนึ่งตกเป็นของ...โน่

   อ่า...ผมยังต้องทำตามสัญญามั้ย
   
   “…”

   “เพราะว่ามีนางฟ้ามาให้กำลังใจรึเปล่าครับน้องโน่ การเเสดงวันนี้เลยสุดยอดไปเลย” พิธีกรเอ่ยเเซว โน่ยิ้มๆ ไม่ได้ตอบอะไร

   “และผมก็ทราบมานะครับ ว่าทั้งคู่เป็นเเฟนกันตั้งเเต่ตอนเเข่งที่ญี่ปุ่น ยังไงก็ขอเชิญน้องนางฟ้าขึ้นมาบนเวที เพื่อกล่าวอะไรกับน้องโน่สักหน่อยครับ”

   เสียงโห่เเซวดังลั่น เพราะเเฟนคลับของทั้งคู่ก็มีไม่น้อย บอกเเล้วว่านางฟ้าเป็นคนน่ารัก ตอนคบกับโน่ก็มีเเต่ภาพลักษณ์ดีๆ เเสดงออกไป เลยไม่มีใครแอนตี้การเป็นเเฟนของทั้งคู่

   ผมเห็นเเบบนั้น ก็หันหลังกลับ โชคดีที่ลานกิจกรรมอยู่ใกล้ประตูมหาวิทยาลัย วิ่งไม่เท่าไหร่ก็ไม่ได้ยินเสียงบนเวทีเเล้ว ผมขึ้นรถเเท็กซี่ บอกให้ไปส่งที่คอนโดขิง ตั้งเเต่ครั้งนั้นที่หนีไปนอนร้องไห้ ผมก็ยังไม่ได้คืนคีย์การ์ดให้เจ้าของตัวจริงเลยคิดว่ามันน่าจะเป็นที่กบดาลได้ดีที่สุด


   เเละเพราะน้ำจากไปโดยไม่รอฟัง สิ่งที่นางฟ้ากำลังจะพูดบนเวทีคือ...

   “น้องนางฟ้ามีเทคนิคให้กำลังใจน้องโน่ยังไงครับ” โชคดีที่พิธีกรชงมาได้จังหวะ

   นางฟ้าเล่าว่าก่อนขึ้นคอนเสิร์ต เธอเอาน้ำปั่นที่โน่ชอบมาให้กินตามปกติ เเต่สิ่งนั้นไม่ใช่กำลังใจที่ดีที่สุดหรอก เพราะตั้งใจจะเอาของที่โน่อยากได้มากที่สุดมาเเสดงความยินดี นั้นคือ ‘คืนอิสระให้โน่’ แต่โน่ต้องชนะการเเข่งขันครั้งนี้นะ!

   “คืนอิสระคืออะไรครับ” ทั้งพิธีกรกับคนด้านล่างคุยกันอื้ออึง

   “นางฟ้าพึ่งมารู้ตัวไม่นานนี้เองค่ะ ว่าเราเป็นเพื่อนกันดีที่สุด และคนที่อยู่ในใจโน่จริงๆ คือน้ำ เพื่อนอีกคนในวง ที่เคยเล่นดนตรีด้วยกัน แล้วต้องหยุดเล่นไปด้วยปัญหาสุขภาพ ซึ่งจริงๆ ตอนนี้คนที่ควรขึ้นมากล่าวเเสดงความยินดีน่าจะเป็นน้ำมากกว่าค่ะ”

   พิธีกรอ้าปากค้าง เเต่ก็ต้องรีบกลับมาเเก้สถานการณ์

   “น้องโน่ สรุปน้องน้ำนี่เป็นใครครับ”

   “คนที่ทำให้ผมรู้ว่าปลายทางในชีวิตคืออะไร”

   ฮิ้วววว!!!

   หล่อมากครับ!!

   คำตอบหล่อสัส!!!   

   อยากเป็นปลายทางของเค้าจังโว้ยยยย!!!

   “น้ำเป็นคนที่ผมรัก และอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเขาในทุกๆ วันครับ”

   “ทุกคนอยากเห็นหน้าน้องน้ำปลายทางของน้องโน่มั้ยครับ ... ผมจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังครับ ขอเชิญน้องน้ำบนเวทีครับ”

   ผ่านไปสักพักยังไม่เเสดงตัว โน่เองก็ชะโงกมองหา ทั้งด้านหน้าเวที และด้านข้างเผื่อว่าน้ำจะหลบอยู่ในเต้นท์

   “อ่า...สงสัยจะเขินนะครับ งั้นเราเข้าสู่ช่วงต่อไปเลยดีกว่า...”   

   บนเวทีมีพิธีการมอบรางวัล และถ่ายรูปรวมอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงที่โน่ค่อนข้างร้อนรน เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าน้ำไปไหน แถมพอลงมาล่างเวทีอาจารย์เมธีเจ้าของโปรเจคต์นี้ กับคณะบดีและอาจารย์ประจำคณะอีกหลายท่านก็ลากไปเลี้ยงฉลองอีก โน่ปลีกตัวมาไม่ได้ โทรหาน้ำก็ปิดเครื่อง ไลน์ไปก็ไม่ตอบ

   แต่ขิงที่เห็นทุกอย่างมาตั้งเเต่ต้น เขาอัดคลิปตอนที่นางฟ้าคืนอิสระให้โน่ แล้วส่งไปให้น้ำดูทางไลน์เพื่อจะได้สบายใจ แต่อนิจจา...ทุกช่องทางการสื่อสารของน้ำถูกปิด
   
   
   ผมกลับถึงบ้านด้วยความอ่อนเเรงเดินเข้าไปเคาะห้องพ่อกับเเม่เเล้วงอเเงให้พาไปทะเลหน่อย

   “อกหักหรอวัยรุ่น” คุณพ่อถาม กวักมือเรียกลูกชายไปนั่งบนเตียง คุณนายดอกไม้ขยับตัวเข้ามานั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ เช่นกัน

   “ประมาณนั้นครับ”

   คุณพ่อที่เข้าใจลูกเสมอยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกชาย ยกนาฬิกาข้อมือดูมันพึ่งจะสี่ทุ่ม

   “จะไปคืนนี้เลยมั้ย ออกป่านนี้รถไม่ติด

   ผมหันไปมองพ่ออย่างรู้สึกผิด ตั้งเเต่ไปผ่าตัดสมองมา ผมยังไม่มั่นใจในการขับรถยนต์ทางไกลเท่าไหร่ และไม่มั่นใจขนาดที่จะพาครอบครัวไปเสี่ยง คงต้องรบกวนพ่ออีก

   “งั้นไปนอนสักสองคืนเป็นไง จะว่าไปบ้านเราก็ไม่ได้ไปทะเลด้วยกันนานเเล้วเนาะ” แม่ช่วยสนับสนุน แล้วก็กระโดดลงจากเตียงไปเก็บเสื้อผ้าอย่างร่าเริงตามสไตล์สาวเเอคทีฟ

   “โน่หรอ” เมื่อคุณเเม่หันไปสนใจเสื้อเเล้ว พ่อก็หันมาถาม ผมพยักหน้ารับหงอยๆ พ่อทำหน้าเหมือนจะเข้าใจ แล้วก็ดันไหล่ให้ไปเก็บของบ้าง

   ไม่นานครอบครัวชาวเอเจนซี่โฆษณาก็มากองรวมกันอยู่ในรถคันประจำของครอบครัว ระหว่างที่พ่อถอยรถออกจากบ้าน เเม่ก็นั่งหาที่พักไปด้วยผ่านเเอพลิเคชั่นในมือถือ คุณนายกดจองโดยไม่ถามความสมัครใจอะไรทั้งนั้น เนื่องจากคนที่ถือครองทุกบัตรเครดิตในบ้านก็คือเเม่ผมเอง

   คุณพ่อเหยียบคันเร่งเร็วจนไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เราถึงที่พักกันตอนตีหนึ่งพอดี มันเป็นพูลวิลล่า ที่สามารถมองออกไปเห็นทะเลได้ เเต่เพราะเรามามืดแบบนี้จึงเห็นเพียงเเต่ไฟเรือประมงอยู่ไกลๆ เท่านั้น พ่อกับเเม่นอนห้องใหญ่ ส่วนผมก็นอนห้องเล็ก โชคดีที่เป็นเตียง 3.5 ฟุต จึงไม่รู้สึกว่ากว้างเกินไปที่จะนอนคนเดียว

   “เอาฮอร์โมนเมลาโทนินหน่อยมั้ย” แม่หมายถึงฮอร์โมนที่ช่วยทำให้ง่วงง่าย คงกลัวว่าผมจะนอนไม่หลับ

   ผมพยักหน้า ไม่นานก็ได้แคปซูลมาเม็ดหนึ่ง มันดีกว่ายานอนหลับ ผมทานขนมปังรองท้องไปนิดหน่อย แล้วก็กินฮอร์โมนตามลงไป ก่อนจะไปจัดการอาบน้ำชำระร่างกายแล้วนอน

   รุ่งขึ้นผมตื่นตอนสายๆ แล้ว เห็นพ่อกับเเม่ทิ้งโน๊ตเเปะไว้ให้ที่หัวเตียงว่าลงไปวิ่งออกกำลังกายกันที่ชายหาดตั้งเเต่เช้า

   ‘หิวก็สั่ง Room Service นะ ไม่ก็เดินไปที่ร้านอาหารเอง’ แม่พิมพ์ทิ้งไว้อีกข้อความ บ้านผมก็เป็นเเบบนี้แหละ เราเป็นห่วงกัน แต่ทุกคนก็ต้องเข้มเเข็งเเละดูเเลตัวเองได้ ไม่ใช่จะมานั่งโอ๋กันตลอดเวลา

   ผมลงจากเตียง หันไปมองไอโฟนที่กลายเป็นเพียงก้อนทับกระดาษ ผมยังไม่เปิดโทรศัพท์เลยตั้งเเต่เมื่อคืน และอยู่ห่างไกลโลกโซเชี่ยลเเบบสุดโต่งเพราะไม่อยากรับรู้เรื่องราวอะไรทั้งนั้น ไหนๆ มาทะเลเเล้วก็ขอพักใจหน่อยเเล้วกัน

   ม่านกันเเสงถูกผมเปิดออก เเสงแดดด้านนอกยังไม่เเรงนัก มองเห็นสันคลื่นเป็นประกายระยิบระยับอยู่ไกลๆ ผมเดินออกไปที่ระเบียง ลมร้อนหน่อยๆ เเต่ก็ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง กลิ่นทะเล... ผ่อนคลาย

   หลังจากชื่นชมความงามของธรรมชาติได้พักใหญ่ก็กลับเข้ามาในห้อง ท้องเริ่มร้องเพราะเลยเวลาทานอาหารเช้าไปมากแล้ว ผมเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาแล้วเขียนโน๊ตเเปะไว้ที่หน้านอนพ่อกับเเม่ว่าออกไปทานข้าวที่ร้านอาหารของโรงเเรม

   มันเป็นโซนติดทะเล มีทางเดินหินทอดไปสู่เรือนกระจกสีขาวสะอาดตา ประดับด้วยของตกแต่งเเนว Nautica สีฟ้า น้ำเงิน ขาว ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสงบ ผมเข้าไปนั่งที่โต๊ะริมกระจกที่สามารถมองเห็นชายหาดได้ชัดเจน พนักงานเข้ามายื่นเมนูให้ มันมีอาหารฝรั่งฟิวชั่น และอาหารไทย รวมไปถึงเบเกอรี่ และเครื่องดื่มรับวันดีๆ อีกมากมาย

   ผมสั่ง Egg Benedict มาทานคู่กับกาแฟดำ ดูฝรั่งมากครับ แต่สายๆ แบบนี้ยังไม่นึกอยากกินอาหารทะเลที่มีน้ำจิ้มรสเผ็ด และคิดเอาเองว่าคุณนายคงชวนออกไปกินร้านเเบบ Local ที่เเถวเขาตะเกียบอยู่ดี มื้อนี้เลยกินอะไรที่ให้เกียรติโรงเเรมหน่อย

   นั่งละเลียดไป ตาก็มองม้าควบกุบกับผ่านไปบนชายหาด เห็นคู่รักเดินมาด้วยกันก็นึกถึงโน่ขึ้นมาอีก ผมส่ายหน้ากับตัวเองบอกให้เลิกคิด และหลังจากใจเเข็งเเรงกว่านี้อีกหน่อย ผมคงค่อยเข้าไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่าความสัมพันธ์ผิดๆ ของเราควรจะจบลง

   ทั้งที่...ตอนนั้นมันก็ดีนะ...เป็นช่วงชีวิตม.ปลายที่มีความสุขมากจริงๆ ได้ทำตามความฝัน มีเพื่อนที่ดี และมีความรักที่อบอุ่นหัวใจ เราไม่ได้รักกันอย่างรุนเเรงบ้าคล่ัง เเต่เหมือนเป็นความผูกพันที่ค่อยๆ ก่อขึ้นจากความหวังดี มันเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับการไล่ตามความฝันของเราทั้งสองคน

   บางครั้งก็อดเผลอคิดไม่ได้ว่าความสุขจะอยู่กับเราไปชั่วนิรันดร์กาล

   แต่ตอนนี้อย่าไปหวังถึง Forever เลย แค่ Always เรายังมีให้กันไม่ได้เลย

   อาหารถูกยกมาเสิร์ฟขัดช่วงจังหวะเหม่อลอยของผม น้ำตาไม่ได้ไหลซึมออกมาเฉกเช่นเมื่อคืน เพราะเมื่อคิดดูให้ดี ผมก็ไม่มีอะไรที่ต้องโกรธโน่อีก ปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินไปตามที่ควรจะเป็น
   
โน่กับผมก็รักกันเพราะความผูกพัน

   แล้วที่เขาคบกับนางฟ้ามาได้เกือบสองปี น่าจะมีเวลาให้ผูกพันกันมากกว่าผมอีกกระมัง

   ไข่แดงในจานถูกจิ้มให้เเตก จนมันไหลเยิ้มลงมาย้อมขนมปังจนชุ่ม ผมหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแล้วส่งเข้าปาก สลับกับการจิบกาเเฟดำเพื่อเเก้เลี่ยน ผมใช้เวลาช่วงสายไปอย่างเรื่อยเปื่อยไม่เร่งรีบ เดินกลับมาที่ห้องก็เที่ยงพอดี และเห็นว่าพ่อเเม่เเต่งตัวเรียบร้อยเตรียมออก

   “ไปไหนครับ”

   “มื้อเที่ยงไง”

   ผมทำหน้าเหมือนกินยาขมทันที คุณนายหัวเราะเเล้วบอกให้ไปเเต่งตัว ครอบครัวเราออกไปร้านประจำ จากนั้นก็ไปนั่งคาเฟ่ พูดคุยเรื่องไร้สาระกันบ้าง สลับกับการเล่นโซเชี่ยล ส่วนผมที่ไม่อยากเปิดโทรศัพท์ก็ไปหาหนังสือการ์ตูนในร้านมาอ่าน

   รอจนเเดดร่มลมตก เราก็เคลื่อนพลกลับโรงเเรมเพื่อไปทำกิจกรรมทะเล๊ทะเลกันสักที

   ผมกับพ่อหิ้วชุดของเล่นก่อปราสาททรายลงไปที่ชายหาด พ่อพาผมไปเลือกตำแหน่งทรายชื้นๆ เพื่อปักหลักเล่นทรายเหมือนที่เราทำทุกครั้งเวลามาทะเลด้วยกัน ส่วนเเม่ก็สวมบิกินี พร้อมเสื้อคลุมเเบบแฟชั่นโชว์หุ่นยังเป๊ะลงไปเล่นน้ำอยู่ใกล้ๆ

   ตอนเป็นเด็กที่ไม่ต้องคิดอะไรนี่ดีจังเลยน๊า

   พ่อวิ่งไปตักน้ำทะเลมาเตรียมไว้เพื่ออัดให้ทรายเเน่นๆ ด้วย ระหว่างที่ผมขุดทรายมาใส่บล๊อกแล้ววางโปะลงไป ผมกับพ่อค่อยๆ ก่อไปด้วยกัน เริ่มจากฐานราก ใส่ประตูหน้าต่าง ป้อมปราการและรั้ว จนมันกลายเป็นปราสาทสวยงามหลังใหญ่ ผมเก็บเปลือกหอยเเถวนั้นมาตกเเต่ง พ่อเดินไกลออกไป เพื่อหาอะไรมาประดับให้เพิ่ม
   
แต่ที่จริงผมว่าตอนนี้มันก็สวยมากเเล้วนะ

   เสียดายที่ไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือลงมาที่หาดด้วย แต่พ่อวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ เสร็จโจร ผมยืนขึ้นเพื่อถ่าย top view

   ทว่ายังไม่ทันได้ลั่นชัตเตอร์ คลื่นไม่เล็กไม่ใหญ่ก็ซัดเข้ามา

   ปราสาททรายที่ผมสร้างมาเกือบสองชั่วโมงพังไม่มีชิ้นดี ผมยิ้ม ยืนมองดูคลื่นที่ซัดเข้ามาอีกระลอก มันชะล้างร่องรอบการมีอยู่ของปราสาททรายไปเสียหมด    

   อ่า...น้ำตาผมไหล
   ผมว่า...ผมไม่ได้เสียใจกับสิ่งก่อสร้างเล็กๆ นี่หรอก
   ผมกำลังมองว่ามันคือ ‘ความรัก’
   ปราสาททรายหลังนี้ ไม่ต่างจาก ‘ความรักที่ผมมีให้โน่’

   ผมค่อยๆ สร้างมันขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ก่อปราสาทขึ้นมาได้อย่างยิ่งใหญ่งดงาม แล้วจู่ๆ มันก็พังครืนไม่เป็นท่า ไม่ต่างกันเลย เราไม่รู้ว่าจะมีคลื่นซัดมาตอนไหน และเมื่อความรักของเราไม่หนักเเน่นมันคงพอ ต่อให้ภายนอกมันจะดูสวยงามน่าหลงใหล มันก็จากเราไปได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยให้สัมผัส มีเพียงภาพในความทรงจำ ที่รอให้ลางเลือนไปตามกาลเวลา

   ผมร้องไห้หนักขึ้นอีก ทรุดนั่งลงจนกางเกงเปียกน้ำเเต่ผมไม่ได้สนใจ
   สองมือยกขึ้นปิดหน้า
   ทั้งที่คิดว่าทำใจได้เเล้ว
   เเต่ความรักไม่เป็นมิตรกับผมเลย

   “ฮึก…"
   “น้ำ…” เสียงเรียกพร้อมสัมผัสที่หลังทอทำให้ผมสะดุ้ง อีกฝ่ายพยายามเเกะมือผมออก
   โน่...เขาปรากฏตัวอยู่หน้าผม
   มองไม่ชัดหรอก แต่จำได้หมดแหละ ทั้งเสียง รูปร่าง กลิ่นน้ำหอมเย็นๆ แม้กระทั่งอุณหภูมิมือที่สัมผัสกัน เขาร้อนกว่าคนอื่น
   “น้ำ...ที่บอกว่าจะเอาที่หนึ่งมาเเลกคำว่าเเฟนอ่ะ โน่ทำได้แล้วนะ”
   “โน่ชนะมาทุกเวทีแล้ว โน่ขอชนะใจน้ำบ้าง...”
   “ได้มั้ย?”
   “ฮึก...พังหมดแล้ว”
   “ใจน้ำพังหมดแล้ว” ผมส่ายหน้า
   “ปล่อยน้ำไปเถอะนะ อย่าทำให้น้ำเจ็บไปมากกว่านี้อีกเลย”
   “น้ำพูดอะไร”​
   “ถ้าไม่รัก ก็ถือว่าเมตตาในฐานะเพื่อนก็ได้ อย่า..ฮึก...อย่าให้เราหวังไปมากกว่านี้อีกเลย”
   “เราเจ็บ...เจ็บจนจะตายอยู่เเล้วโน่”
   เขาดึงตัวผมไปกอดเเน่น มันทำให้น้ำตายิ่งไหล ผมปล่อยโฮออกมา ร้องไห้หนักกว่าทุกครั้งในชีวิต
   “เป็นอะไร!! รู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา”
   “ยังไม่เลิกกับเค้า หรือจริงๆ ไม่อยากเลิกกันเเน่!!!”
   “น้ำ ตั้งสติ!” โน่ขึ้นเสียง ผมเลยยิ่งดิ้น
   “รู้อะไรกับเค้าบ้างมั้ย หมาเปี๊ยกขี้โวยวาย แล้วก็โง่ด้วย”
   ผมทุบโน่
   “เลิกเเล้ว ประกาศลั่นมหาวิทยาลัยไปหมด ว่าคนที่โน่รักจริงๆ คือน้ำ คนที่โน่จะคบด้วยก็คือน้ำ”
   “โกหก!! เราเห็นโน่ยังจูบกับนางฟ้าอยู่เลย”
   “ตอนไหน”
   “ในเต้นท์ก่อนขึ้นร้องเพลง”
   “จูบลามั้ยอ่ะ นางฟ้าเเค่อยากพิสูจน์ว่าไม่ได้คิดอะไรกับโน่เเล้ว”
   “แล้วถ้าเค้ายังคิด”
   “ก็ไม่เอาเเล้ว ไม่ให้ไปไหนแล้ว ติดต่อไม่ได้เเล้วใจจะขาดรู้บ้างมั้ย”
   “เป็นห่วงจนเเทบจะบ้า รู้ตัวบ้างมั้ย”
   “ตอนที่หายไปครั้งโน่น ตอนที่บอกว่าไปดูไบ แต่ติดต่อไม่ได้เลย โน่เคว้งมากเลยนะน้ำ”
   “ไม่ไปไหนแล้วได้มั้ย รักกันได้มั้ย รักกันเหมือนที่มันเป็นมาตลอดเถอะนะ”
   “โน่…เราจะเชื่อได้เเค่ไหน”
   “สัญญา...เราจะไม่เเคร์ใครมากกว่าน้ำอีกแล้ว”
   “ต่อให้คนทั้งโลกนี้ต้องร้องไห้ น้ำจะเป็นคนเดียวที่โน่ไม่ยอมให้เสียน้ำตาอีกแล้ว”
   “ฮึก...เรายังร้องอยู่เลยตอนนี้”
   “โน่จะปลอบจนกว่าจะหยุด”
   “ความรักมันก็เหมือนปราสาททราย เห็นมั้ยเเค่คลื่นซัดมาก็พัง”
   “โน่จะช่วยสร้างใหม่ จะสร้างอีกกี่หลังก็ได้ พังอีกแค่ไหนก็จะช่วยสร้างขึ้นมาใหม่”
   “มันก็ไม่เหมือนเดิม”
   “ความรักไม่ใช่ปราสาททราย ใจโน่ไม่ได้อ่อนเเอขนาดนั้น มันจะเข้มเเข็งเเละเเข็งเเรงเพื่อน้ำ”
   “…”
   “ได้มั้ย ไม่ต้องเป็นเเฟนก็ได้ แต่ขอโอกาส อย่าใจร้ายกับโน่ไปมากกว่านี้เลย”
   “…นะครับ”
   ผมสะอื้น
   “เราขอโทษที่ทิ้งโน่ไป ฮึก ขอโทษที่...ไม่เคยบอกอะไรโน่เลย”
   “ไม่เป็นไร เริ่มกันใหม่นะน้ำ”
   “ให้เราเป็นปลายทางของกันเเละกัน ได้ใช้ชีวิตร่วมกันในทุกๆ วันนะ”
   “โน่ไม่หลอกเราใช่มั้ย”
   “ได้เปิดโทรศัพท์บ้างรึยัง”
   “ยัง”
   “ดูคลิปที่ขิงส่งให้บ้างรึยัง”
   “ยัง”
   “ก็เลยงอแงอยู่เเบบนี้ไง” โน่ยีหัวผม หมั่นเขี้ยวมากมั้ยอ่ะ   
   “คลิปอะไร” ผมหน้างอ เงยหน้าออกจากอกเขาเเล้วถาม
   โน่หยิบโทรศัพท์ เข้าไปในห้องเเชทที่ เอ๊ะ...นั่นมันชื่อพ่อกับเเม่ผมหนิ

   คลิปสั้นๆ แต่ผมกลับน้ำตารื้นอีกครั้ง

   “โน่ไปคุยกับนางฟ้าเเล้ว และยืนยันหนักแน่นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความผูกพันไม่ใช่ความรัก และเมื่อลองห่างกันดู ใจเราก็ไม่ได้โหยหากันขนาดนั้น นางฟ้าเลยยอมคืนอิสระให้โน่” เขาอธิบายเพิ่ม

   “สงสารนางฟ้า”
   “โน่ก็คิดแบบนั้น...เเต่โน่ก็ยอมให้น้ำร้องไห้อีกไม่ได้แล้ว”​
   “น้ำขอโทษ” ผมรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุเรื่องวุ่นวายทั้งหมด แล้วก็ต้องมุ่นคิ้ว
   “ตามมาได้ยังไง”
   “ก็...” โน่อมยิ้มจนตาหยี “มีเด็กอกหักอยากมาทะเลหรอ”
   “คุยกับพ่อน้ำหรอ” ผมปากบู้บี้ใส่
   โน่พยักหน้า “ก็ติดต่อน้ำไม่ได้เลย เป็นห่วงจนต้องขอเบอร์คุณพ่อมาจากอาจารย์เมธี
   ผมย่นจมูกใส่
   “พ่อดุกว่าปกตินะ เพราะมีคนไปฟ้องว่าโน่ทำเค้าอกหัก”
   “ก็มันจริงนี่นา ใครจะไปรู้ล่ะว่า...นางฟ้าจะขึ้นไปบอกเลิก”
   “เนี่ย...น่ารัก”
   “เเก้มเเดง”
   “โมโหนะ ไม่ใช่เขิน!” ผมขึ้นเสียง
   “โมโหก็น่ารัก อยากฟัดใจจะขาดเเล้ว”​
   “โน่หื่น”

   ผมทุบๆๆๆ จนพอใจ เเละเขาก็ไม่ว่าอะไรเลย
   เเล้วผมก็ลืมไปเลยครับว่าบุพการีอยู่เเถวนี้
   “เป็นวัยรุ่นนี่ดีจังเลยน๊า” เสียงคุณเเม่ครับ
   “ดีกันเเล้วพ่อเเม่ก็หมดความหมายสิ” พ่อผสมโรง
   “ถ้ายังไงคืนนี้ก็ขอค้างด้วยนะครับ รีบมาเลยยังไม่ได้จองโรงเเรมเลย” เจ้าหมาโน่!!
   “ถามคนนู่นเถอะว่าจะให้นอนตรงไหน”​ คุณนายชงมาให้ผม
   แก้มร้อนๆ นะฮะ แต่ก็เเบบ... “ให้โน่นอนในห้องน้ำได้มั้ย”    
   “เตียงเเคบไม่ใช่หรอ” พ่อล้อผมง่ะ!
   “นอนเบียดๆ กันได้ แอร์เย็น” ผมอุบอิบ

   ผู้ใหญ่สองคนไม่ได้ว่าอะไร นอกจากเดินเข้ามาอ้าเเขนกอดผมเเละโน่ไว้ เรากอดกันสี่คน ผมรู้สึกเหมือนน้ำตาจะรื่นๆ อีกแล้ว หันไปมองโน่ก็ตาแดงๆ ไม่เเพ้กัน

   “รักกันดีๆ รักกันนานๆ นะลูก” เเม่เริ่มก่อน

   “จะรักกันได้นานก็ต้องเข้าใจกัน คุยกันมากๆ สื่อสารกันให้เข้าใจ อย่าคิดไปเองคนเดียว ถ้าน้ำฟังโน่สักนิด ก็ไม่ต้องมานั่งร้องไห้เปล่าๆ อยู่ตั้งหลายรอบถูกมั้ย”

   “ครับ” ผมพยักหน้าตอบคุณประภาคาร

   “แล้วก็นะ...ทะเลาะกันบ้างก็ได้ ไม่พอใจอะไรก็บอกกัน ถ้าเราเอาเเต่เก็บปัญหาสะสมไว้มากๆ พอระเบิดออกมามันก็จะตามเเก้ไม่ทัน...ที่โบราณว่าไว้ว่าทะเลาะกันเเล้วลูกดกหนะ นำมาปรับใช้ได้จริงนะ เพราะทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน มันทำให้เราเรียนรู้มุมมองที่ไม่ได้ปั้นเเต่งของอีกฝ่ายมากขึ้น อารมณ์โกรธจะช่วยผลักดันตัวตนที่เเท้จริงออกมา และถ้าเรารับกันได้ ช่วยกันเเก้ปัญหา ความรักมันก็จะยืนยาว” แม่สอนบ้าง นานๆ จะเเสดงด้านสาระออกมาเเต่ผมว่าสิ่งที่คุณนายพูดนั้นคือประสบการณ์จริงที่ใช้ประคับประคองความสัมพันธ์

   “รักกันให้สนุก อยู่ด้วยกันให้มีความสุข”
   “ครับ ขอบคุณที่คุณพ่อคุณเเม่ยอมให้ผมดูเเลน้ำ”

   พ่อยิ้ม ดึงโน่ไปกอดเเน่นๆ ก่อนจะพูดออกมาให้ได้ยินโดยทั่วกัน “พ่อก็เป็นพ่อของทั้งน้ำเเละโน่ แม่เค้าก็เหมือนกัน นับจากวันนี้ไปเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันนะ”

   ผมมองภาพนั้นอย่างมีความสุข
   ใช่....ครอบครัวเดียวกัน
   ปลายทางของผมก็คือ...โน่
   และระหว่างทางคือการประคับประคองความสัมพันธ์ของเราให้มั่นคง
   ในที่สุด...จากเพื่อนก็กลายมาเป็นแฟนกันจนได้

   
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 24 _ 24Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 27-11-2018 23:49:11

บทส่งท้าย
   
   หลังจากผมตกลงเป็นเเฟนกับโน่ เราก็มีช่วงสอบปลายภาคของปีหนึ่งมาให้วุ่นวาย เเลพอปิดเทอมได้จึงเป็นช่วงเวลาของการอัพเดทชีวิตกันเเละกัน ไม่ได้หมายถึงเเค่ผมกับโน่ แต่เป็นกลุ่มเพื่อนสนิทตอนม.ปลายของผม

   กีวี่ คริสตัล ทอย ชูครีม และพ่วงพี่ขิงที่แม้ไม่ได้เป็นเพื่อนในกลุ่มห้องเรียนเดียวกัน แต่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่อยู่ในทุกช่วงชีวิตของผมมาด้วย เรานัดกันที่โรงเรียนบันเทิงศิลป์ แม้ว่าน้องๆ จะสอบเสร็จไปแล้วก็ตาม แต่กีวี่บอกว่าอาจารย์ยังเข้ามาทำคะเเนนอยู่ เราจึงแบ่งหน้าที่กันซื้อขนมเจ้าอร่อยๆ ในละเเวกบ้านตัวเองมาฝากคุณครูกัน

   แรบบิทครีมเลี้ยวเข้าลานจอดรถพร้อมๆ กับรถของคุณชายขิง ชูครีมเเวะรับกีวี่ คริสตัลและทอยมาด้วยกัน ทุกคนดูโตขึ้นตามวัย และเเม้ว่าผมจะไม่ได้เจอหน้ากีวี่ คริสตัลและทอยมานานเเล้ว แต่ความรู้สึกสนิทยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือโดนด่าเรื่องไปผ่าตัดแล้วไม่บอก ทุกคนอยากไปเยี่ยม อยากคอยให้กำลังใจในยามที่ผมไม่สบาย

   “พวกเธอเป็นใคร ขนาดโน่ตัวติดกับมันอยู่ทุกวัน ยังไม่รู้เลย ต้องนี่พี่ขิงสามีตัวจริงของน้องน้ำ รู้ลึกรู้จริงเกาะติดทุกสถานการณ์” ขิงหันไปอวดเพื่อทั้งสามของผม โดยไม่ได้เกรงกลัวสายตาอาฆาตของโน่เลย ผมลูบเเขนเจ้าตัวยักษ์ของผมเบาๆ โน่จับมือผมอยู่ข้างหนึ่งด้วยตอนนี้

   “คนหรือเห็บหมาว่ะ” โน่ด่าขิงขำๆ สองคนนี้สนิทกันมากขึ้นตอนไปเก็บตัวที่ญี่ปุ่นจึงเเซวกันเเรงๆ ได้แล้ว
   คริสตัลอมยิ้ม ผมเห็นเธอหน้าเเดงมาสักพักแล้ว ผมหันกลับมามองโน่ก็เห็นว่าสายตาคมกริบนั้นมองอยู่ที่ใบหน้าน่ารักน้ันอยู่เเล้วเช่นกัน...เดี๋ยวนะโน่!

   “คริสตัลไม่ต้องชิปแล้วนะ โน่ทำสำเร็จเเล้ว ตอนนี้เป็นคนรักตัวจริงของน้ำแล้ว ส่วนขิงก็ได้เเต่ฝันลมๆ เเล้งๆ” แฟนผมก็ไม่ยอมเเพ้เหมือนกันนะเออ

   คริสตัลยกมืออุดปากตามสไตล์ เธอกำลังกรี๊ดอัดฝ่ามือตัวเอง หน้าเเดงจนเปลี่ยนเป็นม่วง แล้วค่อยปล่อยมือออกมาหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ๆ

   “กัปตันทำดีมากค่ะ ฮือ...ใจเเม่ เหมือนเห็นลูกออกเรือนมีผัวเป็นตัวเป็นตน”

   ผมตีคริสตัลเหมือนสมัยเด็กๆ ไม่มีผิด “เป็นสาวเป็นนางทำไมพูดไม่เพราะ”
   “เมื่อก่อนก็เขินอายที่จะพูด แต่พอชิปเข้าทุกวัน คำว่า ‘ผัว’ ก็ให้ความรู้สึกน่าเอ็นดู”

   ผมได้เเต่ส่ายหน้ากับสาวๆ สมัยนี้ เอาล่ะ เราทักทายกันพอประมาณเเล้วก็เคลื่อนตัวไปยังห้องพักครูสักที
   ขิงเดินเข้ามาใกล้ผมกับโน่ เเหวกกลางเราสองคนด้วยครับ ผมเห็นประกายสายฟ้าในอากาศ แต่เจ้าคุณชายก็ไม่สะทกสะท้าน แต่ทำหน้าเหมือนอยากเม้าท์อะไรสักอย่าง

   “ว่ามา” เป็นโน่...เอ๊ะทำไมความคิดเราตรงกัน
   “นางฟ้าจะไปเรียนต่อที่เมกานะ”
   “อ้าว” ผมตกใจไม่น้อยกับข่าวนั้น
   “ทำไมอ่ะ”
   “หือ อิน้องน้ำการมีผัวไม่ได้ช่วยให้ฉลาดขึ้นเลยนะ”
   “ทำไมพิขิงเป็นคนปากร้ายเเบบนี้”
   “น้ำรีบเดินไปดีกว่า เรื่องของคนอื่นไม่ต้องอยากรู้หรอก”

   “เรื่องของเพื่อนน้ำเถอะ” ผมเเย้งโน่ ถึงก่อนหน้านี้ผมจะไม่พอใจอยู่บ้างที่นางฟ้าคบกับโน่ เเต่พอมาคิดๆ ดูเเล้วสถานการณ์ที่บังคับในตอนนั้น และทุกคนก็ยังเด็กอยู่มาก วิธีการรับผิดชอบด้วยการคบกันเป็นเเฟน คงช่วยปลอบจิตใจเปราะบางของนางฟ้าได้ และเขาควรภูมิใจที่คนรักของเขาเป็นคนดี

   ขิงกับโน่มองหน้าเหมือนรู้กัน แล้วก็ไม่ยอมบอกผม เหมือนกลายเป็นหมาปอมตัวเล็กๆ ที่ลาบลาดอร์และไซบีเรียนฮัสกี้ไม่เล่นด้วย ผมเลยทิ้งไอ้ตัวยักษ์ทั้งคู่ไปรวมกลุ่มกับคริสตัลที่เดินนำไปก่อน ปล่อยขิงกับโน่ไว้รั้งท้าย

   คนแรกที่พวกเราเเวะไปหาคือครูไอยดาครูประจำชั้น เธอยังน่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเหล่ตามองผม

   “แหนะ เปลี่ยนสเตตัสเเล้วหรอจ๊ะน้ำ”

   เพื่อนๆ ก็โห่เเซวเป็นลูกคู่ โน่นี่รีบพรีเซนต์ไปทันทีว่าคบกันเเล้ว เเล้วก็เล่านู่นเล่านี่ให้ครูฟัง พอหายเขินผมก็มองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มเเทน นึกไปถึงวันที่เขามาโรงเรียนครั้งเเรก ใครๆ ก็กลัวโน่ แล้วโน่เองก็สร้างคาเเรคเตอร์ให้ทุกคนกลัวนั้นเเหละ เมื่ออยู่กันไปนานๆ มันกลับไม่ใช่เลย โน่อ่อนโยนกว่าใครๆ

   หลังจากคุยกับครูประจำชั้นจบ พวกเราก็ทยอยเอาขนมไปฝากคุณครูประจำวิชาอื่นๆ แล้วค่อยเเห่ไปนั่งเล่นกันที่สวนเกษตรหลังโรงเรียน ตรงเเครไม้ไผ่ข้างคอกหลวงเเช่ม ความที่ผู้อำนวยการซื้อมาไว้ให้ช่วยผ่อนคลายเด็กๆ คริสตัลซื้อเเตงโมมาให้ญาติผู้ใหญ่ของเราตามเคย เธอเเบ่งให้พวกเราไปป้อน แล้วก็กลับมานั่งรับลมชมวิวกัน

   มันเป็นช่วงชีวิตที่ดีจังเลยนะ

   ผมนึกถึงสมุดบันทึกที่ผมจดเอาไว้ตอนจะขึ้นม.5
   ถึงคุณ...สมุดบันทึก
   ก่อนเปิดเทอม ม.5 เลยเเวะมาเขียน To do list นิดหน่อย
   1. ชนะการเเข่งขันประกวดวงดนตรีนานาชาติระดับ ม.ปลาย และได้ไปชิงเเชมป์ที่ญี่ปุ่น - ผมไม่ได้ไปแต่ก็ไม่เสียดาย เพราะโน่เป็นตัวเเทนทำตามความฝันให้ผมเเล้ว
   2. ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเพื่อนๆ - แน่นอนอยู่เเล้ว
   3. เตรียมตัวหาข้อมูลมหาวิทยาลัย - ใช่ และตอนนี้ผมก็ได้เรียนกับโน่เหมือนที่เคยสัญญากันไว้
   4. อ้อนพ่อกับเเม่น้อยลง - อันนี้ยากแหะ เพราะพ่อกับเเม่ผมน่ารักขึ้นทุกวัน
   5. ความรักหรอ...ยังไม่ต้องมีก็ได้ - ไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้มันจะโผล่มาไม่ทันให้เราตั้งตัว จากบั๊ดดี้ที่กลัวเเทบตาย สุดท้ายก็กลายมาเป็นปลายทางของหัวใจ ความรักทำให้ผมโตขึ้นมาก และเรียนรู้ที่จะพยายามทำให้อีกฝ่ายมีความสุข มันเหมือนเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายหนึ่งที่ทำให้รู้ว่า...เรามีชีวิตทุกวันนี้ไปทำไม และความฝันหลายๆ อย่างของผมกับโน่ก็สำเร็จได้เพราะเรามีความรักช่วยผลักดัน
   จะว่าไปชีวิตของมารีนนี่ดีจังเลยน๊า

   - จบบริบูรณ์ -

จบแล้ว ก็ฝากทิ้งข้อความให้คิดถึงกันสักนิดนึงค่ะ. ^^
#พระเพลิงมารีน
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 28-11-2018 02:45:47
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-11-2018 15:46:40
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุก ๆ นะคะ ลุ้นตลอดว่าโน่จะบอกเลิกนางฟ้าเมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 21-12-2018 11:49:45
สงสารน้ำก็สงสารนะ ความเอ๋อความน่ารักของน้อง แบบลูกเอ้ยยย อยากหอบไปเล่นที่บ้าน

ส่วนโน่ก็ใจดีเกินไป แต่ก็เข้าใจได้ที่มีเหตุผลของความใจดี แต่ต้องเลือกนะโน่


เพิ่งเห็นเรื่องนี้ ถ้ารู้ก่อนว่าดราม่าก็คงไม่อ่าน

แต่ไม่รู้ก็อ่านแล้วจนจบเลย ถ้าไม่อ่านคงเสียดายแย่

เขียนดีมากขนาดนี้ รออ่านเรื่องต่อไปจะได้มั้ยคะ

เป็นกำลังใจให้เขียนต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆ นี้นะคะ  :ped149: :ped149: :ped149:

 :3123: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: ofious ที่ 22-12-2018 11:43:28
สงสารน้ำก็สงสารนะ ความเอ๋อความน่ารักของน้อง แบบลูกเอ้ยยย อยากหอบไปเล่นที่บ้าน

ส่วนโน่ก็ใจดีเกินไป แต่ก็เข้าใจได้ที่มีเหตุผลของความใจดี แต่ต้องเลือกนะโน่


เพิ่งเห็นเรื่องนี้ ถ้ารู้ก่อนว่าดราม่าก็คงไม่อ่าน

แต่ไม่รู้ก็อ่านแล้วจนจบเลย ถ้าไม่อ่านคงเสียดายแย่

เขียนดีมากขนาดนี้ รออ่านเรื่องต่อไปจะได้มั้ยคะ

เป็นกำลังใจให้เขียนต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆ นี้นะคะ  :ped149: :ped149: :ped149:

 :3123: :L2: :pig4:


ขอบคุณมากค่ะ เห็นคอมเม้นต์แล้วน้ำตาจะไหล
ขอโทษที่ดราม่านะคะ แต่มันต้องดราม่าจริงๆ แง้ เราก็ร้องไห้หนักมากตอนเเต่ง

ปล. เราลงเล้าไว้อีกสองเรื่องนะคะ ไม่ดราม่า อิอิ ไปอ่านแก้เศร้าได้ #ทฤษฎีอ่อยเธอ #ดาวอย่ายั่วค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งค่า
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 22-12-2018 13:17:46
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุก ๆ มาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 22-12-2018 13:39:30
ขอบคุณคนเขียนมาก น่ารักทุกคนเลยเสียดายก็ความไม่อธิบายของโน่นี่แหละ ขอให้ฟ้าโชคดีนะไปเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆอาจเจอคนใหม่ๆที่ดีกว่าคนที่ไม่รักเรา สงสารมากจริงๆนะเรื่องนี้ น้ำรอคอยอย่างไม่ได้มีความผิดอะไรแล้วโน่ก็เข้ามาทำตัวเหมือนเดิมทั้งที่ไม่เคลียร์นั่นยิ่งเหมือนพ่อที่เกลียดไม่ใช่เหรอ ย้อนแย้งไป พ่อแม่น้ำดีมากเลยเข้าใจลูกเสมอ มีความคิดอยากให้พี่เคนเป็นพระเอกเหมือนกันนะดูแลดี แต่ทำไงได้นายเอกเรารักโน่5555
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-12-2018 13:47:42
เรื่องน้ำไม่แนวเหมือนพี่ดาวเลย. มันหน่วงๆๆๆจนจะจบ  :เฮ้อ: :pig4:
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 23-12-2018 21:22:15
เรื่องของน้ำไม่ค่อยสนุกเท่าเรื่องของดาวค่ะ
เรื่องดาวกับขิงชอบมากเลย อันนั้นครบทุกรสจริงๆสนุกมาก
ส่วนเรื่องนี้ไม่ชอบโน่เลย คือทำไรไม่ชัดเจน
ทั้งที่บอกชอบน้ำแต่กลับไปแคร์นางฟ้ามากกว่า อ่านแล้วมันไม่อิน
แล้วน้ำก็ยอมเกินไปด้วยทั้งที่โน่ยังไม่เลิกกับนางฟ้าเลย ส่วนนางฟ้าก็เห็นแก่ตัว
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 14:11:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: Sriwanan ที่ 18-04-2020 18:44:14
ชอบจังเลยครับ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: Sriwanan ที่ 20-04-2020 19:35:28
อ่านเรื่องไหนก็อินกะเขาทุกเรื่อง น้ำตาหยดแหม่เขขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 21-04-2020 16:37:14
นึกว่าจะแบบมัธยมใสๆที่ไหนได้หน่วงสุดๆ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 22-04-2020 15:44:26
แอบลุ้นโน่กับน้ำ  เฮ้อกว่าจะแฮปปี้ แอบมีน้ำตาเหมือนกัน ขอบคุณนิยายดีๆน่ารักๆเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 23-04-2020 11:56:21
ดีงามมากแม่
แต่ขิงกะดารินนี่คุ้นมากๆ
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [End _ 27Nov]
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 24-04-2020 00:00:12
ขอบคุณครับ สนุกมาก หน่วงได้ใจ อ่านอยู่6ชม.จบ ไม่ทำไรเลย555
หัวข้อ: Re: ---> เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นเเฟน #พระเพลิงมารีน <--- [Chap 1-10 fri 17aug]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 03-09-2020 21:10:38

   หลังวางโทรศัพท์ ผมเดินดุ่มๆ ไปห้องพักครูแล้วขออนุญาตคุณครูไอยดาไปตามนักเรียนใหม่ที่บ้าน บ้านโน่อยู่ขอบกรุงเทพฯ เลยแถบพุทธมนฑลโน่น กว่าจะนั่งแท็กซี่มาถึงก็เที่ยงพอดี อยากจะถ่ายรูปค่ามิเตอร์เกือบสี่ร้อยเอาไปให้ดูนัก
 

ใช่เหรอ หน้าที่ของนักเรียนจริงๆเหรอ