***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
*****************************************************************************************
เรื่องกุ๊กกิ๊กที่ผ่านมา by สรรพล้วยควัน
(เรื่องสั้น) เมธัสชอบกินน้ำตาล (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56311.0)
(เรื่องสั้น) minibus love story (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54938.0)
{เรื่องสั้น} on your command, my lord #ปรนนิบัติวัตถาก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70424.0)
(เรื่องยาว) ☀︎ ԃαყ 9X ☁︎ วันที่ 'ลืม' ต้นใหม่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67803.0)
TW acc @kinkysmoke (https://www.twitter.com/kinkysmoke)
18+ TW acc @VIPkinkysmoke (https://www.twitter.com/VIPkinkysmoke)
I love you; words I never say
friends make fun but I tell you every day
'พี่รักเรานะ' คำที่พี่ไม่เคยพูดมาก่อน
ถึงพวกเพื่อนชอบล้อกันแต่พี่ก็บอกเราอยู่ทุกวัน
And everyone is jealous of my ride
because you sitting in the passenger side
และคนอื่นก็อิจฉาพี่ที่ได้ขับรถให้เรานั่ง
Michael Carreon - The simple things (https://www.youtube.com/watch?v=YC8R2qpsfMU)
(https://i.pinimg.com/564x/4c/08/03/4c0803a0ad6a8899ed03163c741a2e98.jpg)
สวัสดีครับ ผมชื่อก้อง เป็นนักศึกษาชั้นปีที่สอง ในคณะที่ชาวทวิตเตี้ยนพากันแอนตี้และยี้สุด ๆ หากได้เป็นพระเอกนิยาย คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธาหรือ civil engineer ครับ
เมื่อตอนปีหนึ่งผมได้มีประสบการณ์ความรักครั้งแรกและเขาเป็นผู้ชาย แต่ผมเป็นผู้ชายแท้นะครับแค่ชอบผู้ชายคนนั้นคนเดียวเฉย ๆ
ถุ้ยย
เอาเป็นว่าผมจะไม่เริ่มต้นเรื่องราวชีวิตผมหลังจากนี้ด้วยคำโกหกอีกก็แล้วกันนะครับ
อาจจะมีคนที่ไม่ได้กลายเป็นไบเซ็กชวล เกย์ หรือเพศที่สาม เพราะมนุษย์ก็แค่ตกหลุมรักเท่านั้น
…..จากที่ผมเห็นในทวิตเตอร์มาน่ะนะ
แต่ผมเป็นประชากรชายที่มีรสนิยมทางเพศคือชื่นชอบผู้ชาย และรู้ตัวมาตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มตอนสิบสองสิบสามแล้วครับ แต่ช่วงวัยนั้นผมยังไม่ได้ข้ามมาในโลกของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ในเชิงชู้สาวนัก อาจจะเพราะตอนนั้นชีวิตโฟกัสไปที่เพื่อน สิ่งที่เพื่อนทำ แล้วก็เรื่องเรียนวนไปวนมาอยู่แค่นั้นเอง
ผมไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากจะเป็นผู้หญิงในด้านสรีระร่างกาย ชีวิตวัยเด็กถึงมัธยมของผมแต่ละวันก็เหมือนเด็กทั่วไป ตื่นมาเรียน นั่งรถ ติดไฟแดงนิดหน่อย ไปเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียน แอบโดดบ้าง นัดกันไปเที่ยวหลังเรียน เจอกันบ้างเสาร์อาทิตย์ กิจกรรมที่ทำก็ไม่ได้แตกต่างอะไรหรอกครับ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม เล่นกีฬาบ้างวน ๆ กันไป
แต่ในความปกติเหล่านี้ผมก็มีสิ่งที่แตกต่างจากเพื่อนคนอื่นในกลุ่ม คือผมรู้สึกว่าสรีระและความเป็นผู้ชายมันน่ามอง นาน ๆ เข้าก็รู้สึกว่ามันเซ็กซี่ แน่นอนว่ากับเพื่อนตัวเองผมอาจจะรู้สึกว่าร่างกายมันน่ามองแต่ไม่ได้ให้อารมณ์ทางเพศครับ เพราะผมมองมันเป็นเพื่อนไปแล้ว ในสายตาผมเพื่อนไม่มีเพศครับ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นชาย หญิง ชายแต่งเป็นหญิง หญิงแต่งเป็นชาย ถ้าพวกเขามีสถานะเป็นเพื่อนผมเท่ากับว่าผมจำกัดพวกเขาไว้ในตำแหน่งพิเศษนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
หลังจากผ่านพ้นช่วงความเครียดและกดดันในอายุสิบแปดย่างสิบเก้ามาได้ ชีวิตผมก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ผมตื่นเต้นกับมันอยู่พอสมควร นั่นก็คือชีวิตในรั้วมหาลัยครับ
แต่พอได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งเข้า ผมกลับพบว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ผมเคยมอบตำแหน่งให้มันนั้นถูกโค่นอย่างง่ายดายในพริบตา เพราะเขาเข้ามาทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วผมขาดประสบการณ์ในโลกความรักมากแค่ไหน
“เราชื่อน้ำตาล นายชื่อ.. ...?”
มันจะเป็นไปได้เหรอครับที่เราจะสามารถรู้สึกใจสั่นจนต้องกำหมัดไว้แน่นเพราะกลัวเขารู้ว่าเราตื่นเต้นแค่ไหนที่คนที่เราแอบสนใจและเฝ้ามองแต่เขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า จนเขารู้ตัวแล้วทักทายตามมารยาทในที่สุด
“กูชื่อก้อง พูดแบบนี้ก็ได้มึง จะได้สนิทกันเร็ว ๆ ”
เขาดูไม่ค่อยพูดและชอบหลบสายตาผู้คนใต้แว่นกรอบหนาที่ปิดหน้าไปเสียครึ่งได้ แถมส่วนสูงและขนาดตัวที่ไม่เล็กเท่าผู้หญิงยิ่งดูตุ้ยนุ้ยเข้าไปใหญ่ในชุดนักศึกษาตัวโคร่ง แต่ดูก็รู้ว่ารีดมาอย่างเรียบกริบพร้อมกับกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ได้กลิ่นแล้วผ่อนคลายอย่างไม่น่าเป็นไปได้ มือที่มีเนื้อมีหนังซุกเข้าไปในกางเกงนักศึกษาตัวยาวสะอาดสอ้าน ผมได้ยินเสียงกรอบแกรบเล็ก ๆ ดังมาจากในนั้น เดาว่าคนน่ารักตุ้ยนุ้ยคนนี้คงตุนสเบียงมาไม่ขาดเลยทีเดียว
ไม่ต้องให้ใครบอกผมก็รู้ว่าตอนนั้นตัวเองเกร็งมาก ถึงจะเก็บสีหน้าและท่าทางได้ดีกว่าน้ำตาลที่ดูเป็น introvert สุด ๆ ก็เถอะ
โชคดีที่หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามาทำความรู้จักและเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ จนกลายเป็นกลุ่มสี่คน มีทั้งว่าที่เดือนคณะแล้วก็คนประหลาด ๆ อีกหนึ่งคนชื่อไอ้แคน สุดท้ายผมก็ตีสนิทกับน้ำตาลได้อย่างแนบเนียน
...และมาตายตรงสถานะเพื่อนนี้ด้วยเช่นกัน
อย่าว่ากันเลยครับ ก็คนมันไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนี่หว่า นี่ก็พยายามเนียนสุด ๆ แล้วนะ แต่พอได้จับนิด แอบแตะหน่อย สติก็หลุดลอยไปหมด มักน้อยจนนกในที่สุด
“เปล่า… ไม่ได้เป็นเพื่อนกับมัน เป็นแฟน”
แล้ววันดีคืนดีก็มีไอ้หน้า(โคตร)หล่อที่ไหนก็ไม่รู้มาประกาศกร้าวกลางวงข้าวคณะวิศวะทั้งที่มันเป็นเด็กนิติว่ามันได้ฉกน้ำตาลที่ผมแอบตอดมาตลอดเทอมไปเป็นของมันเรียบร้อยแล้ว โดยที่น้ำตาลก็ไม่ปฏิเสธแถมยังหน้าแดงแปร๊ดแม้จะพยายามก้มหน้าซ่อนขนาดไหนก็ตาม
ความพยายามของผมที่ลักลอบทำมาโดยตลอด และถึงแม้ว่าไอ้แคนกับไอ้เดือนคณะมันจะรู้เรื่องที่ผมเป็นเกย์และวางแผนจะช่วยให้ผมได้เล่นเพื่อนแต่นั่นก็ไม่ช่วยให้น้ำตาลจับสังเกตอะไรได้อยู่ดี
คนน่ารักมักโง่เหรอครับ
ด่าได้ครับ ผมไม่ได้พูดเกินจริง แถมด่าใส่หน้ามันไปตั้งหลายครั้ง เพราะกลัวว่าถ้าพูดดี ๆ ไปผมจะเคลิ้มจนเผลอหลุดว่าชอบและอยากได้มันขนาดไหน เอาจริง ๆ น้ำตาลไม่มีวี่แววอะไรเลยว่าจะชอบมนุษย์คนไหน วัน ๆ มันก็หมกอยู่กับกองหนังสือ ไม่ก็ดูหนังฮีโร่
แต่ผมคงย่ามใจไปจริง ๆ นั่นแหละครับ
รักแรกใคร ๆ ก็ไม่สมหวังกันทั้งนั้นแหละใช่มั้ย ผมรู้ ทวีตคอนเทนต์แนวนี้แหละที่คนรีเป็นหมื่นซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในยอดรีนั้นเหมือนกัน
ยอมรับเลยว่าเซมากกับความสัมพันธ์ของการแอบรักครั้งแรกนี้ ผลการเรียนในเทอมสองตกฮวบตั้งแต่มิดเทอม จนต้องชิงไปดรอปไว้ก่อนจะเอฟ นั่นทำให้ผมต้องมาเรียนซัมเมอร์เพื่อเก็บวิชากิ๊กก๊อกให้จบ ๆ เพื่อไปสู้(อีกรอบ)ในเทอมถัดไปโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกินหน่วยกิต
อนิจจา.. เพื่อนในกลุ่มที่ดูไม่เอาถ่านไม่ต่างจากผม(ยกเว้นน้ำตาลเพราะมันไม่ใช่มนุษย์) เกรดของพวกมันดันไปรอดกันหมด ไม่มีใครต้องเรียนซัมเมอร์แบบผมเลยสักคน แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับรู้สึกสบายใจเพราะจะได้ไม่ต้องคอยแอ๊บว่ากูปกติดี ไม่เฮิร์ท กูยังเล่นหัวไอ้น้ำตาลได้เหมือนเดิม ทั้งที่ความจริงแค่มองหน้ามันก็วืบในท้องแล้ว โคตรเจ็บ
เทอมซัมเมอร์นี้ก็ยอมรับแหละครับว่ามันเหงา ๆ เปลี่ยว ๆ หน่อยเพราะปกติก็โหวกเหวกคุยกันลั่น ไม่ก็รุมแกล้งน้ำตาลกันบ่อย ๆ แต่ทุกบ่ายที่บิดเวฟร้อยผ่านโรงเรียนสาธิตในมอก็คลายความเงียบเหงาในใจได้อยู่นิดหน่อย เพราะเด็กในนั้นดูมีชีวิตชีวากันเสียจริง ๆ เห็นแล้วมันก็อดยิ้มตามพลางคิดถึงเพื่อนสมัยมัธยมไม่ได้
ความจริงแล้วซัมเมอร์ตามชื่อมันแปลว่าหน้าร้อนไม่ใช่เหรอครับ แต่พอเข้าช่วงค่อนเทอมไปจนปลายเทอมผมกลับต้องกลับเข้าห้องด้วยตัวเปียก ๆ ไม่ก็ชื้นฝนเกือบทุกบ่ายเลย พอวันไหนเตรียมเสื้อกันฝนไปก็ดันไม่ตก แถมวันไหนใส่เสื้อหนา ๆ ไปเพราะกลัวอากาศเย็นแล้วไปนั่งตากแอร์จะป่วยเอา ดันกลายเป็นว่าแดดจ้าสาดกลางหัวตั้งแต่ขี่เข้ามอยันขี่ออกเสียอย่างนั้น
แกล้งกันเก่งจริงนะ
เผลอไปแปบเดียวก็สอบปลายภาคแล้ว.. ซัมเมอร์ในหนึ่งเดือนนี่รวดเร็วทันใจมากครับ ผมยังไม่ทันได้ย่อยสารเลยว่าเรียนอะไรไปบ้างก็จะสอบเสียแล้ว แต่ก็ยังดีที่มันเรียนแค่ไม่กี่วิชา ถือว่าซอฟท์กว่าเทอมปกติเยอะเลยทีเดียว
“ไปข้างนอกเหรอลูก”
“ครับป้า”
“ไม่เอาร่มไปด้วยล่ะ ครึ้ม ๆ เหมือนฝนจะลงนะ”
ป้ายามในหอร้องทักยามเย็นที่ผมจะออกไปหาอะไรกินเป็นมื้อแรก ใช่แล้วครับ มื้อแรก ผมสอบเสร็จหมดแล้ว วันที่เหลือก่อนจะเปิดเทอมปีสองก็เลยพักผ่อนให้หนำปอดเสียหน่อย
ผมเดินกลับเข้าลิฟท์ไปเอาร่มในห้องตามที่ป้ายามแนะนำ คนที่นี่ดูใจดีแล้วก็อัธยาศัยดีมากครับ ป้ายามที่นี่แทบจะจำชื่อกับหน้าเด็กที่มาพักได้ทุกคน อ้อ ผมลืมบอกใช่มั้ยว่าผมไม่ได้อยู่หอในนะ มันก็ไม่ได้ไกลจากตัวมอมากมายอะไรนัก แต่ถ้าเดินก็น่าจะหอบเหมือนกัน
หลังจากได้ร่มสีโปร่งใสอยู่ในมือและยิ้มทักทายป้ายามรอบที่สองแล้วผมก็เดินมาควบเวฟร้อยท่าทางไม่น่าไว้ใจพร้อมเสียบกุญแจ สตาร์ทออกจากโรงรถ ยิ้มชื่นมื่นเพราะกำลังจะได้กินข้าวผัดหมูกรอบที่แพลนไว้ตั้งแต่ตื่นแล้ว
ชิท… ล้อส่าย
เวฟร้อยคันสีดำออกน้ำเงินหน่อย ๆ เซแถ่ด ๆ ควบคุมไม่อยู่ ผมรีบเบี่ยงล้อไปริมฝั่งซ้ายทันที โชคดีที่ไม่มีคนจีนเดินร่อนจองเต็มถนน ไม่งั้นน่าจะได้กันสักคนละแผลแน่ ๆ
ผมดับเครื่อง ค้ำขารถลงแล้วชะโงกหน้าลงไปดูที่ล้อข้างหน้าแล้วก็พบว่า.. ยางรถแบน
อีกแล้วเหรอวะมึง
ไอ้แคนกับไอ้เดือนคณะเคยล้อผมอยู่เนือง ๆ ว่าที่น้ำตาลไม่เอาผมเพราะสไตล์สถุน ๆ ของผมที่กลบเอาหน้าตาพอไปวัดไปวา(แต่ผมว่าหล่อเลยนะ)เสียหมด เริ่มจากการปล่อยเนื้อปล่อยตัว ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่รู้จักตัด จัดทรง ยิ่งเวลาปั่นงานแล้วรำคาญผมตัวเองก็หยิบเอาที่คาดผมมาเสยไปเก็บไว้ด้านหลัง โชว์หน้าผากอย่างไม่สะท้านอาย
ก็ไม่ได้สนหรอกนะเวลาพวกผู้หญิงบอกว่าทุเรศ ไอ้น้ำตาลมันยังไม่เห็นว่าไงเลย ทำไมต้องสนคนอื่นด้วยวะ
อย่างที่สองคือเรื่องรถเวฟของผมเนี่ยแหละ ที่จริงแล้วมันเป็นรถมือสองที่ผมซื้อมาจากร้านแถวนี้เพราะมันถูกดี ไหน ๆ ผมก็จะเรียนที่นี่แค่สี่ปี(ถ้าไม่เปอร์) ยังไงก็ไม่มีปัญญาเอารถกลับไปบ้านอยู่แล้ว ไกลขนาดนั้นจะขนไปยังไงวะ ผมก็เลยขอที่บ้านซื้อรถกาก ๆ สักคัน พอจะใช้ขี่ไป-กลับในมอแค่นี้พอ เวลาจะไปเที่ยวไอ้เดือนคณะมันมีบีเอ็มอยู่แล้ว
และยังมีสไตล์ที่พวกมันเรียกว่าสถุลอีกหลายประการครับ แต่พล่ามไปหรือแก้ไขไปก็เท่านั้นอะ สุดท้ายแล้วน้ำตาลมันก็แฮปปี้ดีกับไอ้เมธัสแฟนนิติมันอยู่ทุกวัน ไม่มีวี่แววจะเลิกกันอยู่ดี
หายเศร้านิด ๆ แล้วนะ แต่อดตัดพ้อไม่ได้อะ ดราม่าแอดดิก
“พี่ครับ มาเปลี่ยนยางในครับ”
“เอ้า ยางแตกอีกแล้วเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผมยิ้มแกน ๆ ให้ลุงร้านปะยางซอยทางเข้าหอ ไอ้เวฟร้อยคันนี้มันทำพิษใส่ผมหลายครั้งมากแล้วครับ นี่ก็เริ่มคิดได้แล้วว่ากูซื้อมาซ่อมใช่มั้ยวะ เอาค่าซ่อมไปรวมซื้อมือหนึ่งนี่ไม่ดีกว่าเหรอ เออ พ่อแม่เตือนก็ไม่ฟัง งกผิดเรื่องจริงกู
“เดี๋ยวผมมาเอานะพี่”
ลุงแกพยักหน้าหงึกหงักรับ ดูจากจำนวนรถที่จอดรอซ่อมแล้วคิดว่าอีกนานทีเดียวกว่าจะเสร็จ ผมกลัวว่าตัวเองจะเป็นลมเพราะขาดสารอาหารไปเสียก่อนเลยขอทิ้งรถไว้ที่ร้านละกัน
ผมเดินเลาะมาตามถนนไปเรื่อย ๆ เพราะประเทศนี้ไม่มีทางเท้า ได้ของแถมเป็นแตรรถอีกถ้าเดินหลบหลุมอะไรหน่อยแล้วแฉลบเข้าถนนไปขวางทางพี่มอไซค์เขาเข้า
“ฝนตกอีกแล้วโว้ย”
ป้าแผงร้านน้ำปั่นบ่นขึ้นแกมหัวเสียนิด ๆ ส่วนผมที่ยืนรอข้าวอยู่ก็กระชับร่มพลางขยับตัวเข้าไปใต้ผืนผ้าใบของร้านข้าวเพื่อไม่ให้ตัวเปียก
ตอนนี้เวลาห้าโมงเย็นได้ ผมยังเห็นเด็กสาธิตเดินป้วนเปี้ยนแถวหลังมอเต็มไปหมด แผงลอยแถบนี้กลายเป็นสถานที่ฝากท้องให้เด็ก ๆ มัธยมแทน เพราะขณะนี้เป็นช่วงปิดเทอมของนักศึกษา ถึงแม้จะมีเทอมซัมเมอร์แต่จำนวนคนก็ลดลงอยู่ดี
ไม่ทันที่ผมจะได้จ่ายค่าข้าวฝนก็กระหน่ำเม็ดรัวลงมาอย่างไม่เกรงใจคนบนพื้นดิน ผมรีบกางร่มก่อนจะเอื้อมมือจ่ายเงินให้ป้า ผ้าใบกับเตนท์เล็กมีพื้นที่ไม่พอให้หลบฝนเสียแล้ว ผมเร่งเดินเบียดเสียดเด็ก ๆ รวมถึงผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่มาหาอะไรกินช่วงเย็นแต่กลายเป็นว่าต้องมาหาที่หลบฝนแทนเสียได้
หลายคนตัวเปียกโชกเพราะไม่มีร่มหรือเสื้อกันฝนติดตัวมาเลย ชายคาที่ยื่นออกมาน้อย ๆ ตามร้านต่าง ๆ ก็ไม่เพียงพอจะหลบฝนที่เอียงศาทั้งยังกระหน่ำความเร่งตามใจตัวเอง
สุดท้ายผมก็ยอมแพ้เพราะร่มใสที่กางอยู่ท่าจะสู้แรงลมไม่ไหว เหมือนจะเบี้ยวนิดหน่อยด้วยมั้ง หางตากวาดไปที่เซเว่นใกล้ ๆ ผมรีบซอยเท้าไปหยุดอยู่ใต้ชายคาสถาปัตยกรรมที่ดูมั่นคงและหลบฝนกับลมได้แน่นอนกว่าร่มอันอ่อนแอที่ผมฉกมาจากบ้านที่กรุงเทพ
มีคนและไม่ใช่คน(หมา)มาอาศัยหลบฝนที่หน้าเซเว่นไม่น้อยทีเดียว บรรยากาศดูอึมครึมไม่ต่างจากสภาพอากาศ แต่ละคนก็ดูไม่มีอะไรทำ จะเล่นมือถือก็กลัวฟ้าผ่า ผมมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยรอฝนซา ไม่ได้มีความคิดจะเข้าไปในร้านเพราะแค่นี้ก็หนาวพออยู่แล้ว
ซ่า… ซ่า..
เสียงฝนก้องรัวอยู่ในประสาตหู ผมยืนมองน้ำกระทบกับพื้นตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินแปลก ๆ รองเท้าคู่แล้วคู่เล่ากระทบน้ำฝนจนกระจาย บ้างก็แวะที่เดียวกันนี้ บ้างก็เร่งฝีเท้าผ่านไป จนมาหยุดที่เท้าคู่หนึ่ง…
ผ้าใบสีดำ ยี่ห้อแมส ๆ ถุงเท้าพับข้อชุ่มน้ำ และขา… ขาวมาก
ผมถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อเด็กมัธยมกางเกงน้ำเงินสั้นเลยเข่าไปเยอะจนใจหวิวทำทีเหมือนจะเข้ามาหลบฝนข้างในด้วย
อื้อหือ ยืนตำแหน่งพอเหมาะพอเจาะจริงโว้ย
น้องยืนกอดกระเป๋าสะพายใบใหญ่ที่น่าอาจจะโตกว่าความกว้างของไหล่น้องด้วยซ้ำ เสื้อและกางเกงนักเรียนยังอยู่ในสภาพถูกระเบียบถูกกระเบียดนิ้ว แต่ตอนนี้มันเปียกชุ่มจนเห็นว่าน้องไม่ได้ใส่เสื้อกล้ามทับข้างใน แถมกางเกงยังสั้นและเล็กจนมองเห็นขอบกางเกงในลาง ๆ
ขอโทษได้มั้ยเล่า! ก็น้องยืนอยู่ข้างหน้าอะ มันเห็นเอง!
ผมเบนสายตาออกห่างกางเกงน้องเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นภัยต่อชีวิตน้อง แต่จากจะเลื่อนสายตาหนีกางเกงกลายเป็นว่าดันมาหยุดอยู่ที่ขาเรียวได้รูปแถมขาวจั๊วะเสียได้
หยดน้ำฝนเกาะพราวตามขาน้องเหมือนจะยิ่งช่วยเสริมให้มันดูโดดเด่นแถมน่าลูบไล้เพิ่มไปอีก ให้อารมณ์คล้าย..ผิวที่เคลือบด้วยน้ำมันนวด เต่งตึง เปียกชุ่ม ไหลลื่น..
ฮืดฮาดดีจังโว้ย
ยามน้องโก้งโค้งแอ่นก้นนิด ๆ เพื่อค้นคุ้ยเช็คสภาพของในกระเป๋าที่น่าจะเป็นหนังสือดูว่ามันเปียกน้ำมั้ย สัดส่วนของน้องยิ่งลอยเด่นเต็มหน้าเกย์แต่กำเนิดอย่างผมจนต้องเบี่ยงถุงข้าวกับร่มมากุมไว้ด้านหน้าแทน
น่ารัก น่าฟัดมาก ...แต่เมื่อยหลังฉิบ โค้งตัวงอจนจะเป็นคนหลังค่อมอยู่แล้วน้องค้าบ
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมยืนแอบมองแอบเบี่ยงสายตาออกบ้างอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเด็กเกงส้ันถอยหลังหลบฝนที่สาดมาจนก้นชนแขนผมเต็ม ๆ
“ขอโทษครับ..พี่”
ผมโบกไม้โบกมืออย่างไม่ถือสาพลางขยับถอยให้น้องมายืนข้าง ๆ กันได้ ความนิ่มของก้นเมื่อกี้ยังทุ้มอยู่ในเส้นเลือดที่แขนผมอยู่เลย
น้องสะพายกระเป๋ากลับไปไว้ที่หลังเหมือนเดิมทำให้ผมเห็นชื่อที่ปักด้วยด้ายสีแดงบนเนินอก แต่จุกเล็ก ๆ ใต้ชื่อดันดึงความสนใจไปก่อน แล้วผมจึงค่อยย้อนกลับมาอ่านอีกรอบ
‘วรัณย์ เกียรติภากุล’
อักษรสีแดงปักไว้อย่างนั้น แม้จะมีสีสดกว่าตุ่มนูน ๆ ใต้ชื่อแต่กลับมีความน่าสนใจน้อยกว่ามาก
ข้อมือเล็กยกขึ้นบังทัศนภาพที่เกย์หนุ่มท่าทางเจี๋ยมเจี้ยมมือประสานกุมไว้ด้านหน้า ตัวโค้งงอหน่อย ๆ กำลังจ้องอยู่ คนมีชนักติดหนังมองซ้ายมองขวาอย่างร้อนรน แต่เด็กมัธยมเพียงแค่ยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาเรือนงามเท่านั้น
หนุ่มน้อยเปียกน้ำทำหน้ามุ่ย ยิ่งคนรอบข้างเริ่มทยอยฝ่าฝนที่เริ่มซาลงเดินออกไปกันแล้วน้องก็ยิ่งขยับตัวยุกยิกอย่างร้อนรน
ผมชั่งใจอยู่พักหนึ่งจนผู้คนหน้าเซเว่นออกไปกันจนเหลือแค่สามคนรวมผมกับน้องแต่ไม่รวมเจ้าตูบสองตัวที่นอนเกยกันหน้าประตู แน่นอนว่าผมไม่ยืนตัวงอแล้วครับ สถานการณ์คลี่คลายเรียบร้อยแล้ว
มือข้างที่ถือร่มจัดการกดปุ่มกางร่มออก เตรียมพร้อมแสดงละครว่ากำลังจะออกไปเป็นคนถัดไป
“เอ่อ น้องไม่รีบกลับบ้านเหรอครับ ฝนมันกำลังซานะ ถ้านานกว่านี้อาจจะตกแรงกว่าเดิม” แสร้งหันไปถามปนยิ้มนิด ๆ ด้วยโทนเสียงเป็นมิตร
“....ผมกลัวหนังสือการ์ตูนเปียกอะ” น้องยิ้มตอบพลางยื่นมือไปกุมกระเป๋าด้านหลังที่น่าจะมีมังงะ(?)ยัดอยู่หลายเล่ม
“บ้านอยู่ไกลเลยเหรอ”
“ผมเช่าหออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเนี่ย”
ผมทิ้งช่องว่างไว้ครู่หนึ่งพร้อมกับทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มให้น้องและเชื้อชวนอย่างสุภาพชน
“อยู่ซอยไหนอะครับ ถ้ายังไงติดร่มไปกับพี่ก็ได้นะ”
รู้เลยว่าน้องเกรงใจมาก
เราสองคนเดินฝ่าฝนเม็ดเล็ก ๆ ใต้ร่มคันไม่ใหญ่พอสำหรับคนสองคน ไหล่น้องโดนมุมร่มเทกระจาดน้ำฝนใส่หลายรอบแล้วเพราะน้องไม่กล้าจะยื่นตัวเข้ามาในร่มมากนัก ผมเอนร่มไปทางน้องทีแต่กลายเป็นว่าแอ่งน้ำฝนดันไหลโชกรดไหล่น้องเสียอย่างนั้น
“ซอยข้างหน้านี้” น้องใช้ปลายนิ้วสะกิดให้ผมชิดซ้ายตรงแยกข้างหน้า
แต่เอ่อ.. ที่น้องสะกิดเมื่อกี้ห่างจากหัวนมพี่เซนเดียวเลยนะ
“ส่งตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวผมวิ่งไป”
น้องหยุดยืนอยู่ใต้ร่มและเงยหน้าขึ้นมายิ้มขอบคุณให้ผม แต่จะเป็นคนดีก็ต้องดีให้สุดสิครับ ผมดันไหล่น้องให้เดินเข้าซอยไปโดยมีผมกางร่มให้อยู่ติดกัน ดันไปดันมาจากไหล่เลื่อนลงไปถึงเอวเหนือสะโพกมานิดได้ไงก็ไม่รู้สิ เฮ้อ
“หอนี้แหละพี่ ขอบคุณมาก ๆ น้า--”
น้องมันหยุดฝีเท้าที่หน้าหอแล้วหันมาขอบคุณผม แต่ด้วยความที่เราอยู่ใต้ร่มคันเดียวกันแถมยังแคบมาก ๆ สำหรับสองคน จังหวะที่หันกลับมามันเลยซีรีส์เกาหลีอยู่หน่อย ๆ ด้วยส่วนสูงน้องก็ยิ่งทำให้หนุ่มน้อยเปียกน้ำตรงหน้านี้กลายเป็นน้องตัวเล็ก ๆ
น้อนตัวเร้ก ๆ ~
แต่มันก็เกาหลีได้แค่สองวิแหละครับ ใครมันจะมายืนน้วยกันกลางฟ้ากลางฝนแบบนี้ น้องหัวเราะแห้ง ๆ นิดหน่อยก่อนจะไหว้ขอบคุณแล้วเดินออกจากร่มไป
เด็กมันยืนอยู่ไม่นิ่งเล็กน้อย มือทั้งสองข้างก็บิดสายกระเป๋าไปมา ผมยิ้ม ตัวยังไม่ขยับไปไหนจนน้องยกมือขึ้นมาบายบายให้นั่นแหละ
..ก็เลยแอ๊วเด็กมันไปหน่อย
“ฝนตกคราวหน้าให้พี่มาส่งอีกนะเจ้าวรัณย์” ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปก็คิดว่าน้องมันเขินอยู่มาก
ผมก็เขิน นี่รีบซอยเท้าเดินห่างตึกเลยเนี่ย
“พี่!”
หืม?
“พี่ครับ! พี่ชื่ออะไร”
“ก้องครับ!”
ผมตะโกนกลับไปเพราะเดินห่างออกมาพอสมควรแล้ว แถมฝนยังค่อย ๆ ลงเม็ดแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“พี่ก้องครับอยู่ปีอะไร!”
“ปีสองครับ!”
น้องมันขยับมาขอบตึกเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ออกมาตากฝน ส่วนผมก็ยืนกางร่มเท่ ๆ อยู่ตรงนั้นที่เดิม
“รหัสอะไร!”
“XXXXXX79”
“อยู่คณะอะไร!”
“วิศวะครับ!”
น้องยังคงกุมสายกระเป๋าอยู่ตรงนั้น เท้าเขี่ยอะไรไปเรื่อย ก้มหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเอ่ยออกมาด้วยหน้าแดง ๆ แม้ผมเห็นไกล ๆ
“...มีแฟนยังอะ”
“....................”
คราวนี้ผมยิ้มกว้าง เร่งก้าวเท้ากลับไปทางเดิมที่เดินมาก่อนจะไปหยุดอยู่ข้างเด็กที่เอาแต่ตะโกนถามอยู่เมื่อกี้ ให้ตาย ตัวน้องยังเปียกอยู่เลย
“เราชื่ออะไรครับ”
“..ชื่อน้องปลาวาฬ”
“อยู่มออะไรแล้วครับปลาวาฬ”
“อยู่มอสี่”
“รหัสอะไรครับ”
“รหัสXXX42”
“สายอะไรครับ”
“เรียนสายศิลป์-เยอรมัน”
“...........................”
“...........................”
ผมยิ้มอีกแล้ว น้องหน้าแดงคอแดงไปหมด เหมือนจะเห็นว่ามือสั่นนิด ๆ ด้วย น่าเอ็นดูมาก น่าเลี้ยงดู น่า ๆ ๆ ๆ น่าทุกอย่าง
“จะถามน้องปลาวาฬอีกมั้ย” น้องเงยหน้าจ้องได้วิครึ่งแล้วก็กลับไปก้มอีกรอบ
“ถามครับ”
น้องหันหน้ามาทางผมเหมือนรอตอบคำถาม ดูท่าทางแล้วเป็นจอมดื้อพอสมควรเลยอะ ผมล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แกะกระเป๋ากันน้ำวันสงกรานต์ลายอุบาทว์ ๆ ออกแล้วยื่นให้ปลาวาฬเอวเอสที่ยืนเปียกจนชุ่มไปหมดแล้ว
“ขอ Ask.fm หน่อย มีเรื่องอยากถามเยอะไปหมดเลยครับ”
น้องเผลอเงยหน้าขึ้นมาจ้องด้วยตาโต ๆ (เท่าที่น้องพอจะโตได้) แล้วเอื้อมมือสั่น ๆ มารับโทรศัพท์ผมที่ปลดล็อคให้แล้วเอาไปพิมพ์ยุกยิก ปากซีด ๆ แต่อวบอิ่มเอ่ยขึ้นมาบางเบา
“หนาว..เนอะ” โอเค ที่มือสั่นเพราะหนาวแหละ ไม่ได้เขินหรอกครับ พี่เชื่อนะ
น้องคืนโทรศัพท์ให้ก่อนเราสองคนจะยืนเงียบท่ามกลางบรรยากาศแปลก ๆ จนน้องพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า
“พี่ชอบกินของหวานเหรอ เห็นหน้าจอเป็นรูปน้ำตาล”
ผมวืดไปครู่หนึ่งก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า เตรียมร่ม แล้วเดินออกจากตึกไปพลางตอบน้องว่า
“พี่ว่าจะเลิกกินน้ำตาลละหันมากินเนื้อปลาวาฬแทนแล้วครับ (: ”
TW @kinkysmoke (https://www.twitter.com/kinkysmoke)
(https://pbs.twimg.com/media/Dj2_5PBUcAAdYDw.jpg)
ผมโดนโกรธ(งอน)เรียบร้อยแล้วจากคนที่แม้แต่แขนยังไม่เคยได้จับ
น้องปลาวาฬเนื้อ(ท่าจะ)นุ่ม เมินไลน์ เมินเมสเซนเจอร์ เมินเมสเซจไอจี เมินแม้กระทั่งนัดตอนสี่โมงครึ่งหน้าป้ายรอรถสาธิตของเราในทุกเย็นวันจันทร์ถึงศุกร์ เลยเป็นอีกวันที่ผมต้องสตาร์ทเวฟร้อยออกจากป้ายเดิมด้วยเบาะท้ายว่างโล่ง ขาดสก๊อยเกงน้ำเงินซ้อนท้ายอย่างทุกที ขี่ผ่านไปก็มองตามรั้วโรงเรียนน้องไปจนสุดทางแต่ก็ไร้วี่แววคนงามผิวหยวกกางเกงคืบครึ่ง
ถ้าหากถามถึงสาเหตุ ผมเองก็ไม่ค่อยอยากเล่าสักเท่าไหร่ ใครจะอยากโชว์ความโง่และสันดานเสีย ๆ ของตัวเองบ้างล่ะครับ โธ่
ครืดด~
แรงสั่นสะเทือนจากในกระเป๋ากางเกงยืนเข้ารูปที่รู้สึกได้ภายในเสี้ยววิเพราะมันสั่นขึ้นมายันไข่ ผมกดไฟเลี้ยวซ้ายหักคอรถเพื่อจอดแล้วคว้าเอาโทรศัพท์มาเช็คทันที
จะใช่ตุ๊กตาหลังรถที่ยอมใจอ่อนตอบแชทแล้วรึเปล่าน้า
คริ~ คริ~
แต่ทันทีที่หยิบออกมากดดูแล้วเห็นว่าเป็นแชทรัว ๆ จากพวกแก๊งมดแดงแฝงพวงมะม่วง(ไอ้เดือนคณะเป็นคนตั้ง) ผมแทบจะปาโทรศัพท์รุ่นห้าเอสที่ตกยุคไปนานแล้วลงพื้นคอนกรีต
ก็ไอ้พวกนี้แหละที่เป็นต้นตอการงอนมาราธอนของละอ่อนน้อยของผม (ละอ่อน=เด็ก)
เริ่มต้นจากวันเปิดเทอมปีสองวันแรก ผมเป็นคนจองที่นั่งที่ทำเลดีที่สุด(สำหรับการพักสายตา)ให้เดอะแก๊ง โดยปกติแล้วจะเป็นน้ำตาลที่มาเช้าที่สุด จริง ๆ คือมาก่อนเวลาสิบห้านาทีตามอารยะของปัญญาชน แต่วันนั้นกลายเป็นว่าทุกคนช็อคมากที่เห็นผมโผล่หน้ามาเซย์ไฮตั้งแต่แอร์ยังไม่เปิด
แน่นอนว่าผมโดนซักและขยี้จนพรุนยิ่งกว่าผ้าเปื้อนฝันเปียก ซึ่งผมก็ตอบไปตามความจริงว่าช่วงนี้มีหน้าที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง นอกจากเวลาราชการจะเป็นนักศึกษาแล้ว เวลานอกราชการก็ยังเป็นแกร็บวาฬอีกด้วย
ผมเทียวรับเทียวส่งน้องหน้ามลคนกางเกงน้ำเงินจนเพื่อนเริ่มตะหงิดแล้วว่าไม่ใช่กิจธุระธรรมดา สายเสือกอย่างพวกมันไม่พลาดงานแบบนี้อยู่แล้ว(ยกเว้นน้ำตาล) หลังจากจับสังเกตได้เกือบอาทิตย์พวกมันก็พยายามจะขอดูโทรศัพท์ผม พอบ่ายเบี่ยงไปมาภายในเวลาสองนาทีเศษพวกมันก็บิดเอาห้าเอสจากมือผมไปจนได้ หลังจากทาบปุ่มแสกนลายนิ้วมือผมเรียบร้อยเสร็จสรรพพวกมันก็กดเข้าแอพยอดฮิตสีเขียวอย่างไม่รีรอ
‘ไอ้เหี้ยยยย เด็กไปมั้ยวะ’ ไอ้แคนที่จับนิ้วโป้งผมไปแสกนตาเหลือกปากค้างใส่หน้าจอคนเป็นคนแรก
‘ไหนเอามาดูดิ๊— เหยดเหม็ม คุกคุกคุก เพื่อนก้อง’ ส่วนไอ้เดือนคณะก็หลุดภาษาถิ่นตามมา
ผมชะโงกตามไปดูนิดหน่อยก็เห็นว่าพวกมันกดเข้าไปดูโปรไฟล์ในไลน์น้อง รูปก็ช่างล่อเสือล่อตะเข้ แต่ยังไงก็ยังมองออกว่ายังดูเด็กมากอยู่ดี
ตอนผมเห็นรูปดิสไลน์น้อง(ที่ขอผ่านเฟซซึ่งขอมาจากAsk.fmอีกที) ผมเองก็ตกใจอยู่เหมือนกัน ถึงเจ้าตัวจะเคยบอกว่าไลน์ของเครื่องนี้ไม่ได้แอดป๊ากับมี้ไว้ก็เถอะ แต่ผมว่าจะใช้คุยกับใครก็ยังดูล่อแหลมไปอยู่ดีอะ
หรือน้องจะสมัครมาเพื่อการนี้?
เอาเป็นว่าประโยคท้ายสุดนี่อย่าไปบอกน้องเลยนะครับ ผมแก้ไขปัญหาได้ทีละอย่าง ยังไม่อยากหาบ่วงมาคล้องคอเพิ่ม ช่วย ๆ กันหน่อยเหอะ
เดอะแก๊งต่างสาปแช่งปนขู่ผมด้วยกฎหมายมั่ว ๆ ที่พวกมันพอจะนึกออกใส่ผมอย่างไม่ยั้งปาก แน่นอนว่ายกเว้นน้ำตาลที่กำลังนั่งอ่านเนื้อหาซึ่งอาจารย์จะมาสอนในคาบที่จะถึง ส่วนผมก็พยายามบ่ายเบี่ยงไปว่าเอ็นดูน้องมันเฉย ๆ ไม่ได้คิดชั่วร้ายอะไร พวกมันไม่เชื่อและไม่มีทางเชื่อเพราะก็รู้กันอยู่แล้วว่าผมชอบผู้ชาย โดยที่เรื่องนี้ก็ยังคงมีแค่น้ำตาลที่ไม่รู้อะไรเลยเหมือนเดิม(เลิกเจ็บกับมันแล้วครับ อยู่ดี ๆ ก็หายเฉยเลยแต่ยังเอ็นดูน้ำตาลว่าน่ารักน่ามันเขี้ยวไม่เปลี่ยนนะ)
ความจริงแล้วประเด็นนี้มันน่าจะจบไปตั้งแต่วันนั้น ชั่วโมงนั้น และโมเมนต์นั้นแล้วใช่ไหมครับ ถ้าเป็นอย่างที่ว่าปัญหาคงจะไม่เกิดแน่ แต่ไอ้พวกชอบแหย่มันดันลามไปคุยขุดคุ้ยประเด็นชีวิตแกร็บวาฬของผมในไลน์กลุ่มกันอีกไม่หยุดหย่อน ผมก็คอยพิมพ์ปฏิเสธไปบ้าง บางทีก็ปล่อย ๆ ไปเพราะรำคาญประโยคล้อเดิม ๆ ไม่สร้างสรรค์
XXX: กินเด็กเป็นอมตะ แต่อาจได้ไปใช้ชีวิตอมตะในคุก
แคนไม่บวย: สัด555555555555555555
แคนไม่บวย: อันนี้เหี้ยจริง
KINGkong: *อิโมจินิ้วกลาง*
--- read by ตาล ---
บางทีก็เป็นประโยคคำถามโลกแตกไม่แพ้ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน
แคนไม่บวย: มีเมียเด็กมึงคุยกันรู้เรื่องเหรอวะ
แคนไม่บวย: กูคุยรุ่นเดียวกันบางทียังไม่รู้เรื่องเลย
XXX: ก็มึงนั่งคุยอะ
แคนไม่บวย: ห๊ะ?
XXX: เป็นแฟนกันใครเขานั่งคุยล่ะเว้ย เขานอนคุยกันเดะะะะ
KINGkong: คxย55555555555555
KINGkong: เด็กน้อยมั้ยล่ะ กูไม่เอาหรอก
KINGkong: เอ็นดูน้องมันเฉย ๆ
--- read by ตาล ---
อ่านแชทจบแล้วหัวร้อนไหมครับ? อาจจะมีคนที่ทั้งโกรธแล้วก็เฉย ๆ แต่ตอนน้องปลาวาฬเห็นแชทนี้เป็นตอนที่ผมกำลังแชทกับเพื่อนค้างไว้แล้วดันมีรถมาเฉี่ยวป้ายทะเบียนเวฟร้อยร่วงลงพื้นดังแป๊ง~ ผมรีบไปดูรถเลยวางโทรศัพท์ไว้ทั้งที่ไม่กดล็อค น้องคงจะเห็นในแชทเพราะพวกมันยังรัวข้อความมาเรื่อย ๆ ตอนผมกลับไปหาน้องทั้งไม่โกรธโวยวายแล้วก็ไม่เฉยเมยอะไร น้องนั่งกินข้าวที่แม่ค้าเอามาเสิร์ฟจนหมด เสร็จจากนั้นผมก็ไปส่งน้องที่หอปกติ แต่หลังจากนาทีที่น้องลงรถไปน้องก็ไม่หันกลับมาอีกเลย
ไม่ตอบแชท ไม่รับสาย ไม่รอให้ไปรับที่โรงเรียน
หายแบบ หาย
ให้อารมณ์เหมือนผมโคตรไม่มีตัวตน ถ้าน้องโกรธอย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าน้องยังแคร์เราที่ทำอะไรแย่ ๆ แบบนั้นลงไปและโกรธสามารถเยียวยาด้วยการทำให้หายโกรธคือง้อกับขอโทษ ถ้าน้องเฉยก็อาจจะแปลบที่ใจนิด ๆ เพราะหมายความว่าน้องก็ไม่ได้อยากได้ผมเหมือนกันแต่ก็อยู่ในสถานะที่พัฒนากันต่อไปได้อยู่ แต่น้องดันไม่เป็นทั้งสองชอยส์นี้น่ะสิ…
คิดว่าปัญหานี้ไม่ใช่ผมคนเดียวที่มองเห็น พวกเพื่อนในแก๊งก็เริ่มเยบ ๆ ถามบ้างว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าเพราะผมคิดดูเครียดมาก ผมกังวลเรื่องน้องจริง ๆ คิดตลอดเวลา ไม่อยากให้เรามาพังกันแบบนี้ ถึงครั้งแรกที่เจอกันจะแค่ประทับใจมุมหนึ่งของน้องที่เห็นในวันนั้น แต่นานวันเข้าก็เริ่มจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นจนกลายเป็นทุกวัน กลายเป็นมือว่างไม่ได้จะต้องกดเข้าไลน์ พอมาหายไปแบบนี้มันก็แย่น่ะสิครับ
พอทรมานตัวเองจนเรียนรู้อะไรบางอย่างได้แล้วผมก็เลือกที่จะก้าวเข้าหาโลกความรักแบบเต็มตัวจริง ๆ สักที
เริ่มต้นจากกลับเข้าไปอยู่ในวงจรของน้องให้ได้ก่อน แผนแรกคือบุกเข้าไปในโรงเรียนแต่ทำไม่ได้เพราะอาจโดนจับตั้งแต่ยังไม่ทันได้ล่อลวงเยาวชน แผนที่สองคือบุกเข้าไปในหอน้องแต่คิดว่าน่าจะโดนข้อหารุนแรงกว่าแผนแรก เพราะฉะนั้นตัดทิ้งไป จนมาถึงแผนที่คิดว่าเจ๋งที่สุดในตอนนี้คือบุกเข้าไปหาน้องในร้านกาแฟที่น้องมาติวหนังสือกับเด็กในมอ อันนี้ไม่น่าโดนจับ อาจจะโดนกาแฟสาดหน้ามั้งแต่ยอมรับได้ถ้าไม่ร้อน
‘...จากค่าที่โจทย์ให้มา เราลองมองดี ๆ นะ มันจะเข้ากับสูตรของ--’ ผมเดินเข้าไปหาน้องที่นั่งหันหลังให้และกำลังฟังที่ติวเตอร์กำลังอธิบายโจทย์เลขอยู่
‘ปลาวาฬครับ พี่--’
‘ใช้สูตรอะไรนะครับพี่’ โดนเมินแบบที่มองจากร้อยเมตรยังรู้อะครับ
แต่อย่างน้อยน้องก็ไม่ได้ลุกหนีหรือสาดน้ำอะไรสักอย่างที่อยู่บนโต๊ะใส่หน้าผมก็เลยนั่งโต๊ะข้าง ๆ รอน้องเรียนไปนั่งสัปหงกไป จนพนักงานมาจี้ให้ซื้อน้ำก็สั่งชาเขียวมาผลาญเงินเล่น ๆ หนึ่งแก้ว จะสั่งกาแฟก็กินไม่ได้น่ะครับ มือสั่น ยังคิดอยู่เลยว่าช่วงโหมงานกับไฟนอลหนัก ๆ จะทำไงให้รอด
ผมรอน้องมาเรื่อยจนวันนี้เข้าอาทิตย์ที่สามแล้ว กลายเป็นคนขยันเรียนเพิ่มในแก๊งขึ้นมาเพราะหอบเอางานและหนังสือมาอ่านร้านกาแฟแทบทุกเย็นโดยเฉพาะเสาร์อาทิตย์ พนักงานหน้าเดิมไม่เดินเข้ามาบังคับสั่งเมนูอย่างทุกทีเพราะวันนี้ผมเดินไปสั่งเองแถมยังลองซื้อกาแฟมากินเป็นวันแรกในรอบหลายปีอีกด้วย
เริ่มเบื่อชาเขียวแล้วครับ กลับไปเข้าห้องน้ำคืออึเขียวไปหมด กลัวตัวเองแล้ว
เจ้าปลาวาฬมานั่งเรียนอย่างปกติ นั่งที่เดิมหันหลังให้ผมแต่ผมก็สามารถนั่งเยื้อง ๆ ตัวแอบมองด้านข้างน้องจนได้นั่นแหละ
อย่าเรียกว่าสตอล์กเกอร์เลยครับ เรียกว่ามาง้อว่าที่แฟน(อีกสองปีข้างหน้า)จะดีกว่า
วันนี้ปลาวาฬขยับตัวยุกยิกมากกว่าทุกวันไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน อาจจะเพราะเรียนมาจากที่โรงเรียนจนล้าแล้วก็เป็นได้ ผมยังรู้สึกเหนื่อย ๆ เลยเรียนแค่ไม่กี่ตัวเองแถมวันนี้ยังเลิกเรียนเร็วกว่าน้องอีกต่างหาก
ปัง!
เจ้าปลาวาฬทุบโต๊ะตรงหน้าตัวเองไม่เบาไปแต่ก็ไม่ดังลั่นร้าน น้องลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหมุนตัวเดินมาทาง-- โต๊ะผมด้วยสีหน้าบึ้งตึงปนโมโห ดูไปก็คล้ายปลาโลมาด้วยเหมือนกัน เจ้าตัวดีมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผมทั้งยังย่นคิ้วปากก็ยู่น้อย ๆ
‘ใครให้กินกาแฟ ทิ้งไปเลย!’ น้องดุด้วยระดับเสียงปกติ โต๊ะรอบ ๆ อาจได้ยินบ้างถ้าไม่ใส่หูฟัง
‘พี่กินแค่แก้ว--’
‘อยากช็อคตายเหรอ! เอามานี่เลย’ ว่าที่แฟนฉวยแก้วกาแฟพลาสติกไปโยนใส่ถังขยะอย่างไม่ใยดี
เจ้าเด็กเดินไปคุยอะไรก็ไม่รู้กับติวเตอร์ตัวเองก่อนจะเก็บข้าวของใส่กระเป๋าแล้วเดินกลับมาหยุดที่โต๊ะผมอีกรอบ คนดื้อที่ยืนเขาหัวผมอยู่ไม่พูดจาอะไรอีกนอกจากทำท่าทางเป็นสัญญาณให้เก็บของออกไปจากร้าน
ยังไงก็ตามนะ… ขอบคุณอเมริกาโน่เย็นแก้วนั้นจริง ๆ เสี่ยงหัวใจวายหน่อยแต่ก็โอเคเพราะผมแอคติ้งเก่งมาก ดูดแล้วคายใส่แก้วน้ำเปล่าเท่านั้นคือคำตอบ
เย็นวันนั้นผมไปส่งน้องที่หออย่างที่เคยส่งก่อนหน้าปกติ แต่เพราะว่าเราต่างรู้ดีว่าความสัมพันธ์มันร่อแร่เต็มทนเจ้าของห้องเลยตัดสินใจชวนผมเข้าไปคุยกันให้รู้เรื่องข้างบน
ปลาวาฬโยนข้าวของลงบนเตียงแบบขอไปที ดึงชายเสื้อออก ถอดเข็มขัดแต่ไม่ถอดถุงเท้าทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงเดี่ยวของตัวเองพร้อมกับกดดันให้แขกพูดธุระให้จบ ๆ ไปเสียที
‘ปลาวาฬ...เห็นไลน์กลุ่มเพื่อนพี่ใช่มั้ยครับ’ น้องพยักหน้าทั้งยังกอดอกอยู่
‘พี่ขอโทษที่พิมพ์ไปแบบนั้น แต่ตอนนี้พี่รู้แล้วว่าพี่อยากเป็นมากกว่าพี่น้องกับปลาวาฬจริง ๆ ’
‘…’
‘แล้วที่พี่พิมพ์ไปแบบนั้นส่วนหนึ่งก็เพราะพี่รู้สึกผิดถ้าจะคบกับเรา ปลาวาฬยังเป็นเยาวชนอยู่รู้ตัวใช่เปล่า’
‘...’
เมื่อเห็นว่าน้องไม่ได้มีท่าทีห่างเหินเหมือนก่อนหน้าแล้วผมจึงเดินเข้าไปนั่งข้างเจ้าเด็ก น้องไม่ได้มองหน้าผมแต่เหมือนกำลังล่องลอยอยู่กับความคิดของตัวเอง
‘ขอบคุณที่ขอโทษ’
สุดท้ายน้องก็เปล่งเสียงเครือออกมาพร้อมกับตาแดงเคล้าน้ำสีใสอยู่เต็มหน่วย ผมเผลอปลอบน้องด้วยการถึงเนื้อถึงตัวจนได้ แม้จะรู้สึกผิดแต่ก็ยังกอดปลอบเจ้าเด็กอยู่อย่างนั้นจนน้องหลุดพูดออกมาอีกประโยค
‘ไม่ชอบที่พวกพี่ทำเหมือนน้องปลาวาฬเป็นตัวน่ารังเกียจ’
โธ่….
น้องคงคิดไปว่าการที่ไอ้พวกนั้นมันแซวล้อเลียนแนวสิบแปดบวกเป็นการดูถูกตัวน้องสินะ ..หรือจริง ๆ แล้วมันก็แสดงให้เห็นถึงสิ่งนั้นด้วยเหมือนกัน
‘จะไม่ทำอีก’ ผมกระซิบชิดใบหูคนที่กำลังร้องไห้พร้อมกับลูบปลอบ
เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปแก้ไขอดีต แต่วันนั้นผมได้เรียนรู้เพิ่มอีกหลายอย่างเกี่ยวกับโลกความรักที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ไม่ตรงตามความรู้สึกข้างในทั้งหมด มันซับซ้อน ไม่ได้มีแต่ความสุขแต่ก็ไม่ได้เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความทุกข์
ง่าย ๆ ก็คือผมตกหลุมรักอีกครั้งแล้ว..สินะ
หน้าฝนวนมาอีกรอบแล้ว ผมอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่และกลับมาหาพ่อกับแม่ที่กรุงเทพแต่ก็ยังคิดถึงคนเหนืออยู่เสมอ
ปลาวาฬเพิ่งเปิดเทอมม.ห้าไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนผมกำลังสอบไฟนอลน้องก็กลับน่านไปหาป๊ากับมี้บ้างเหมือนกันซึ่งเป็นสิ่งที่ดีต่อชีวิตเกรดของผม ถ้าน้องยังอยู่ผมคงไม่มีสมาธิพอจะจดจ่อกับหนังสือ
หนึ่งปีที่ผ่านมามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง ที่สำคัญที่สุดอย่างแรกก็คือสถานะของพวกเรา ผมไม่ใช่แกร็บวาฬอย่างเดียวแล้วแต่ยังเป็นว่าที่แฟนอีกด้วย เจ้าเด็กอายุสิบแปดเมื่อไหร่ผมคิดว่าคงได้ใช้สิทธิ์ขอเลื่อนขั้นทันที!
เหล็กดัดฟันในปากของปลาวาฬก็กำลังจะเปลี่ยนไปเป็นรีเทนเนอร์เช่นเดียวกัน ตอนเพิ่งรู้จักกันใหม่ ๆ ผมเคยถามเรื่องนี้และได้คำตอบเชิงว่าดัดเพราะจะได้น่ารักขึ้นเหมือนเพื่อนคนนู้นคนนี้ที่ดัด ได้ยินอย่างนั้นผมก็อยากตีเจ้าเด็กสักทีแต่ติดที่ไม่ใช่ธุรกงการของผมแถมยังไม่ใช่ตังค์ผมอีก
พูดถึงเรื่องความน่ารัก เมื่อตอนปลายเทอมม.สี่ของปลาวาฬผมมีโอกาสได้ขึ้นไปบนห้องน้องบ่อยขึ้นก็เลยบังเอิญเห็นเครื่องสำอางของเจ้าเด็กหลายอย่างอยู่เหมือนกัน
เท่าที่หยิบมาดูก็...
แป้งฝุ่นตลับ
ลิปสติก
รองพื้น
ดินสอเขียนคิ้ว
บลัชออน
...ที่ทึ่งที่สุดคงจะเป็น ครีมกำจัดขน
เครื่องสำอางพวกนั้นผมยืนอ่านฉลากไล่ทีละอย่างได้สบาย ๆ เวลาน้องอาบน้ำเพราะนานมาก สำหรับผมก่อนแต่งกับหลังแต่งปลาวาฬก็เหมือนเดิมนะไม่ได้เปลี่ยนไปอะไร แต่ก็ตกใจที่น้องต้องใช้ของเยอะขนาดนี้เหมือนกัน ส่วนเรื่องกำจัดขนนั่น..
ทำมาแล้วเนียนลูบลื่นมือดี ไม่ว่ากัน วิน-วินทั้งคู่
ผมคิดว่าปลาวาฬไม่รู้เรื่องที่ผมซอกแซกกับเครื่องสำอางเขาเท่าไหร่จนวันหนึ่งน้องบังเอิญเจอเพื่อนผู้ชายแต่งกายสาวตอนที่เราไปถนนคนเดินกัน น้องแนะนำเพื่อนให้ผมรู้จักอย่างปกติ เพื่อน ๆ วี้ดว้ายเสียงดังหน่อยแต่ก็น่ารักตามประสาเด็กไม่มีอะไรน่าห่วง แต่หลังจากวันนั้นมาน้องกลับเริ่มซ่อนเครื่องสำอางที่ผมเคยเห็นตามลิ้นชักจนผมไม่เห็นพวกมันอีก
ปลาวาฬเปลี่ยนจากเดิมที่น้องจะไปนั่งคุยกับเพื่อนรอผมมารับที่โรงเรียนเป็นมานั่งรอผมที่ป้ายหน้าถนนแทน
ผมก็คิดจะลองพูดกับน้องเรื่องนี้แต่ก็ไม่มีโอกาสได้พูดสักทีเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรจนวันหนึ่งที่น้องมีงานเลี้ยงหลังสอบเสร็จตามประสาเด็กมัธยม วันนั้นน้องใส่เสื้อแขนยาวพื้น ๆ กับกางเกงไม่สั้นไม่ยาวให้ผมไปส่งที่หน้าบ้านเพื่อนไม่ไกลจากโรงเรียนนัก ผมก็เตือนให้น้องดูแลตัวเองปกติไม่ได้เข้มงวดอะไรเพราะรู้ว่าคงมีนอกลู่นอกทางบ้างแต่อย่างน้อยก็เป็นในบ้านแถมยังมีผู้ใหญ่อยู่ ผมส่งเจ้าเด็กเสร็จก็กะว่าจะกลับไปปั่นงานต่อเพราะเป็นช่วงใกล้จะไฟนอล งานมันสุมเยอะไปหมด แต่ผมดันลืมโทรศัพท์ไว้กับน้องก็เลยต้องขี่เวฟร้อยกลับไปเอาอีกรอบ
ผมกดกริ่งแล้วยืนรออยู่ไม่นานนักก็มีแก๊งเด็กผู้หญิงออกมาเปิดประตูให้
‘มาสายนะพวกมึงงง--’ น้องผู้หญิงที่ว่าเสียงทุ้มไปหน่อยแต่แต่งหน้าสวยสุดเปิดประตูให้ผมพร้อมกับทักทายเพราะน่าจะคิดว่าเป็นเพื่อนที่จะมาแจมด้วย
‘พี่...’
‘เวรแล้วอีปลา’ น้องอีกคนพูดเสียงค่อยหน่อยเพราะดนตรีในบ้านกลบไปเกือบหมดแต่ผมก็พอได้ยิน
ส่วนน้องผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวที่ยืนอยู่หลังสุดไม่ยอมพูดอะไร ไม่สิ นั่นปลาวาฬนี่ ผมยิ้มให้เจ้าเด็กที่หน้าซีดไปถนัดตาทั้งที่แต่งหน้าสวยกว่าทุกวัน ผมลอนโค้งหวานๆ แบบนี้เหมาะกับจอมดื้ออย่างน่าประหลาด
‘น-น้องปลาวาฬแค่..’
‘พี่มาเอาโทรศัพท์ ไม่ได้มาพากลับ เดี๋ยวตามเวลาจะมารับไง’ ผมชิงพูดทันทีที่เห็นว่าน้องทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา
ปลาวาฬยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นจนผมเดินเข้าไปแบมือรอรับโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าคนที่ใส่ส้นสูงแล้วก็ยังสูงไม่เท่าผมอยู่ดี
น้องเดินกลับเข้าไปเอาโทรศัพท์มาให้ผม ส่วนเพื่อนสาวคนอื่น ๆ หน้าเจื่อนกันไปหมดแล้ว ผมพูดเชิงให้ทุกคนกลับเข้าไปสนุกกันต่อ น้อง ๆ เลยโบกมือลาอย่างเหนียมอายแต่ก็ยอมเข้าไปแต่โดยดี
ปลาวาฬกลับมาพร้อมโทรศัพท์ในมือ น้องยื่นให้ผมแล้วค่อยพูดอย่างตะกุกตะกักต่อหน้าผม ‘นี่ ค-คือว่า.. ปลาวาฬแค่..’
‘เข้าไปสนุกกับเพื่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน’ ผมวางมือบนหัวคนสวยพลางโยกไปด้วย หวังว่าน้องจะเข้าใจได้ว่าผมไม่ได้รู้สึกไม่ดีแค่ไม่อยากอยู่ทำลายบรรยากาศเด็ก ๆ เท่านั้น
หลังจากที่ผมไปรับน้องกลับมาส่งที่ห้องเราก็นั่งอยู่บนเตียงเดียวกันท่ามกลางความเงียบมาได้สักพักแล้ว ผมไม่รู้ว่าควรจะเริ่มยังไงดี
จนในที่สุดน้องก็เป็นคนเปิดปากก่อน ‘ฟังนะ ปลาวาฬแค่แต่งเล่น ๆ กับเพื่อน มันเป็นเอ่อ-- ธีมงานอะ’ พูดจบน้องก็ยังนั่งกุมมืออยู่อย่างนั้น
‘งั้นฟังพี่บ้าง’ ผมสูดหายใจเข้าแล้วผ่อนออก จับตัวน้องหันหน้าเข้าหาผมก่อนจะเริ่มพูด ‘พี่รู้ทั้งหมดเรื่องที่ปลาวาฬชอบใช้เครื่องสำอาง ชอบแต่งหน้า แล้วก็ใช้ครีมกำจัดขน’ น้องหลบสายตาต่ำลงกว่าเดิมเมื่อพูดถึงครีมกำจัดขน ‘พี่รู้มาตั้งนานแล้ว’
น้องเหมือนจะมุดลงไปใต้เตียงให้รู้แล้วรู้รอด ผมเอ็นดูท่าทางนั้นมากจนต้องช้อนแก้มน้องขึ้นมามองกันชัด ๆ
‘ต่อไปนี้ไม่ต้องซ่อนเครื่องสำอางแล้วเข้าใจมั้ยครับ’ เจ้าเด็กหลบตาไปมาแต่สุดท้ายก็พยักหน้า
‘ต-แต่ว่า ปกติน้องปลาวาฬก็ไม่แต่งหน้าเยอะแบบนี้ไง’ น้องพยายามจะซุกใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางชัดเจนหนีจากมือผม ‘ปกติไม่ใส่วิก ไม่ส้นสูงนะ นี่แค่ธีม!’
‘แล้วถ้าโตขึ้นกว่านี้จะแต่งแบบนี้ตลอดมั้ย จะมี…’ ผมเคลื่อนมือลงไปที่ยอดอกสองข้างของน้องที่มีเสื้อบาง ๆ สไตล์ผู้หญิงคลุมอยู่ ‘..มีตรงนี้ด้วยมั้ย’
‘ไม่!’ เจ้าเด็กส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรุนแรง ‘ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงนะ น้องปลาวาฬแค่แต่งเล่น!’
ผมพยักหน้าเข้าใจ นิ้วโป้งสองข้างปาดเขี่ยที่ยอดอกพร้อมกันพลางบอก ‘รองพื้นมันเลอะตรงนี้น่ะ’
เจ้าเด็กตัวกระตุกหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าจนจะชิดอกได้
ไม่นานหลังจากสติเริ่มกลับมาผมก็ไล่น้องไปเปลี่ยนชุดอาบน้ำนอนอต่น้องก็เห็นว่าดึกมากแล้วเลยชวนนอนที่นี่ คืนนั้นก็เลยกลายเป็นคืนที่ผมนอนไม่หลับอีกคืน..
กลับมาที่ปลาวาฬเวอร์ชั่นม.ห้าท่ามกลางสายฝนอีกครั้ง เจ้าเด็กไม่อายเวลาประทินโฉมตัวเองอีกแล้ว แถมยังละเลงครีมบำรุงบนหน้าผมบ่อย ๆ ยามไม่มีอะไรทำ
ผมกลับมาเริ่มต้นเทอมหนึ่งปีสามด้วยหน้าฝนอย่างทุกปี วันแรกที่เปิดเทอมก็ประเดิมด้วยฝนห่าใหญ่ตั้งแต่เช้าที่ไปส่งเจ้าเด็ก ปลาวาฬต้องกลับไปตั้งหลักที่หอใหม่อีกรอบแล้วออกมาด้วยชุดพร้อมรบก็คือสวมเสื้อคลุมกันฝนแน่นหนา อีกมือก็ถือร่มคันใหญ่ ส่วนผมยังอยู่ในชุดนอนเปื่อย ๆ เพราะมีเรียนเก้าโมงครึ่งโน่น
อาทิตย์แรกผ่านไปได้อย่างทุลักทุเลพอควร อาทิตย์ต่อมาเริ่มมีภูมิคุ้มกันจากวันแรกแล้วก็ผ่านไปด้วยดีไม่ลำบากมาก จนมาวันที่ฝนไม่ตกแต่เมื่อวานตกหนักจนน้ำขังเต็มถนน สก๊อยกางเกงน้ำเงินโดนรถยนต์ปาดน้ำขังใส่จนเปียกไปทั้งตัว ตอนแรกก็ขำอยู่หรอกแต่ก็ทั้งหงุดหงิดปนโกรธแถมยังสงสารน้องอีก กลายเป็นว่าวันนั้นน้องต้องหยุดเรียนเพราะชุดที่มีเป็นตัวสุดท้ายแล้ว ตัวอื่นตากแดดไม่แห้งเพราะมันไม่มีแดด
ผมเลิกเรียนกลับมาถึงห้องประมาณบ่ายสามก็เห็นน้องนั่งซักเสื้อผ้าที่แช่ไว้แต่เช้าอยู่ในห้องน้ำ(ให้น้องมาอยู่ที่ห้องวันนี้เพราะที่ห้องน้องไม่มีที่ตากผ้าแล้ว ราวเต็ม) เจ้าเด็กยังดูซึม ๆ อยู่ในที คาดว่าคงจะหงุดหงิดหลาย ๆ อย่างรวมกัน
วันต่อมาเหมือนเป็นวันเหี้ย ๆ อีกวันที่ผมคงจะลืมไม่ลง เริ่มจากการที่ผมกับน้องเตรียมตัวอย่างดีในตอนเช้ากลัวว่าฝนจะตกแต่มันไม่ตก ก็โล่งใจไปช่วงเช้าไม่มีการผจญภัยอะไรขึ้นแม้จะเหนื่อยเตรียมการแต่เช้าก็เถอะ พอตอนเย็นที่ไปรับน้องกลับบ้าน เห็นว่าแดดแรงขนาดนั้นฝนคงไม่ตกแน่ พอสก๊อยเกงน้ำเงินขึ้นคร่อมได้สักพักฝนเม็ดใหญ่สาดลงมาไม่ยั้งจนแสบหน้าไปหมด ที่เหี้ยไปกว่านั้นก็คือเวฟร้อยดันมาส่งเสียงแค่ก ๆ ท่ามกลางสายฝน ผมพยายามประคองมันไปจอดข้างทางแล้วเช็คดูทั้งที่ฝนยังตกอยู่อย่างนั้น แต่ไล่ให้เจ้าเด็กไปหลบใต้ป้ายรอรถใกล้ ๆ ตั้งแต่จอดแล้ว เจ้าเด็กกลับดื้อด้านไม่ยอมไป
‘ปลาวาฬ ไปหลบฝน!’
‘ตัวเองก็ไปด้วยสิ’
‘ไป! หลบ! ฝน!’
‘ซ่อมไปมันก็ไม่ติดหรอก’
‘ปลาวาฬ!’
‘แล้วตัวเองตากฝนจะไม่เป็นไข้บ้างหรือไงล่ะ!!!’
‘อย่ามาขึ้นเสียงใส่พี่นะ!’
หลังจากประโยคนั้นเจ้าเด็กก็หันหลังแล้ววิ่งเข้าไปหลบฝนตรงป้ายด้วยน้ำตานองหน้าที่อาจจะแยกออกยากหน่อยเพราะน้ำฝน
คนที่อยู่ใต้ชายคานั้นมองเราทั้งคู่กันเป็นตาเดียว
สุดท้ายแล้วไอ้เวฟร้อยเพื่อนยากของผมมันก็ไม่ติด ผมจูงมันไปใกล้ ๆ กับป้ายรถ เดินไปหลบฝนข้างปลาวาฬที่ยังคงสอื้นอยู่ ไม่กล้าปลอบเพราะน้องเมินผมอีกแล้ว ทำเหมือนไม่เห็นกันเลยด้วยซ้ำ
จนขึ้นมาบนห้องของน้อง เจ้าเด็กก็ยังไม่หายโกรธ เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงทั้งที่ยังตัวเปียกโชก
‘ปลาวาฬ ลุกไปอาบน้ำก่อน’
‘…’
‘ปลาวาฬ โกรธพี่ได้นะ แต่อย่าไม่รักตัวเองแบบนี้ ไปอาบน้ำครับ’
เจ้าเด็กลุกขึ้นยืนพรวดพราดแล้วเดินตึงตังเข้าห้องน้ำไป คาดว่าห้องข้างล่างก็น่าจะได้ยินเสียงเท้าเจ้าเด็กดื้อ
ผมเร่งถอดเสื้อออกมาบิดแล้วเอาไปตากไว้ข้างนอก กางเกงยีนส์หนักสุด ๆ ตอนนี้ มองเห็นผ้าขนหนูน้องพาดอยู่แถวตู้เลยหยิบมาพันเอวถอดกางเกงไปบิดตากไว้ก่อนตัวเองจะเป็นปอดบวม
เจ้าเด็กออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ผมตัวเริ่มแห้งแล้ว ตาน้องยังแดงอยู่บ้างจมูกก็แดงปากก็แดงไปหมด เวลาร้องไห้ปลาวาฬจะชอบกัดปากตัวเองไปด้วยไม่รู้ทำไม
จนผมอาบน้ำเสร็แล้วผมน้องก็ยังไม่แห้ง ปลาวาฬนั่งหันหลังให้ห้องน้ำก้มหน้ากดโทรศัพท์อยู่อย่างนั้นจนผมที่แต่งแตัวด้วยชุดที่เอาทิ้งไว้ที่นี่บ้างหยิบไดร์มาเป่าให้
ดีที่ไม่ขยับหนี
‘พี่ขอโทษที่พูดแบบนั้นนะ’ ผมก้มลงจูบหลังคอน้องหลังจากเป่าผมให้จนแห้ง
ผมรู้สึกได้ว่าตัวน้องสั่นน้อย ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงสอื้นตามมา
‘น-น้อง ฮึก ปลาวาฬ ก็ขอโทษ ฮืออออ ม-ไม่อยากให้พี่ อึก- ก้องป่วย น้องปลาวาฬกลัว ฮึก-’ ผมนั่งลงบนเตียงซ้อนแผ่นหลังคนงอนแล้วเงียบ คอยกอดปลอบให้เจ้าเด็กหายสะอึก ให้เลิกร้อง แถมยังต้องคอยดูไม่ให้ขบปากตัวเองอีก
แต่ปลาวาฬเวลาเปียกน้ำแบบนี้ดูดีจริง ๆ นะ ถึงจะเป็นน้ำตาไม่ใช่น้ำทะเลก็ยังดูดี
คืนนั้นปลาวาฬนอนกลิ้งมาซุกที่สีข้างใกล้รักแร้ผมเล็กน้อย ตอนนั้นในหัวผมยังขบคิดเรื่องหนึ่งวนไปวนมาอยู่เลยไม่ได้กระทำการอนาจารอะไร ผมหยิบโทรศัพท์มากด ๆ วาง ๆ อยู่อย่างนั้น เข้าแอพธนาคาร ออกแอพเครื่องคิดเลข ไปแอพซาฟารี จนตีสามกว่าถึงตัดสินใจได้หลังจากที่ติดค้างในใจมาเป็นอาทิตย์
‘งานหนักเหรอวันนี้’ ปลาวาฬทักขึ้นหลังจากผมขับรถออกจากหน้าโรงเรียนได้ไม่นาน ความหมายของประโยคนี้คือ ไปทำไรมา ทำไมมารับช้าจัง
‘เปล่า พี่ไปทำธุระมาครับ’ เจ้าเด็กพยักหน้าหงึกหงัก เคาะนิ้วลงบนกระเป๋าแบรนด์ดังไปมาอย่างชินมือพลางสอดส่องสายตาไปทั่วรถ
‘วันนี้ยืมรถพี่แคนมาเหรอ’ น้องพูดขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก ‘หรือรถของคนนั้น’
คนนั้นที่น้องว่าก็คือน้ำตาล คิดว่าน้องคงปะติดปะต่อเรื่องได้เองจากที่เห็นล็อคสกรีนผมตอนนั้น แถมพักหลังมาปลาวาฬเริ่มสนิทกับในแก๊งมากขึ้นด้วย คงมีการเล่าสู่กันฟังบ้าง
ว่าที่สกิลเมียขี้หึงเลเวลเก้าเก้า เหมือนแค่รออายุสิบแปดเท่านั้น
‘แคนมันขี่เบนซ์’ ผมตอบ ‘น้ำตาลนั่งรถแฟน’
‘...’
‘รถคันนี้ของพี่’ ผมว่าด้วยท่าทางสบาย ๆ ถอยรถเข้าจอดในที่จอดรถหอแล้วหันไปยีหัวเจ้าเด็กด้วยความมันเขี้ยว
‘แล้วคันนั้นอะ’ น้องคงหมายถึงเวฟร้อย
‘นั่นก็ใช่’ ผมยิ้มแล้วเกี่ยวตัวน้องมาชิดกับอกไว้ขณะเดินขึ้นหอ ‘รถที่ซื้อมามันอาจจะธรรมดาไปหน่อย ถูกไปหน่อย--’
‘หยุดพูดแบบนี้’ เจ้าเด็กเอามือน้อย ๆ เรียว ๆ มาปิดปากผมไว้ น้องขยับไปไขกุญแจเข้าห้องแล้วก็ดึงประตูปิด ‘ปลาวาฬชอบมากครับ ขอบคุณครับ พี่ก้อง’
จุ๊บขอบคุณฟีลลิ่งพี่น้องธรรมดาไม่มีอนาจารอะไรทั้งนั้น